You are on page 1of 32

finance1.

doc
1
ดอกเบี้ ย
การค ำนวณดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว
ในโลกเราทุ ก วัน นี้ แทบจะกล่ า วได้ว ่ า ไม่ ม ี ผ ู ้ใ ดไม่ รู ้ จ ัก ค ำว่ า “ดอกเบี้ ย” ทั้ ง นี้ เพราะในการด ำรงชี ว ิ ต ปั จ จุ บ ัน ของคนเรามัก เกี ่ ย วข้อ ง
กับ เงิ น เป็ นส่ ว นใหญ่ ทั้ ง ในเรื ่ องการนำเงิ น ไปลงทุ น หรื อให้ ผ ู ้อ ื ่ น กู ้ย ื ม ไปใช้ ป ระโยชน์ ก ็ ต าม ซึ่ งแน่ น อนว่ า ผู ้ล งทุ น หรื อผู ้ใ ห้ ก ู ้ย ่ อ มต้อ งการผล
ตอบแทนจากการลงทุ น หรื อการให้ ก ู ้น ้ั น ผลตอบแทนดัง กล่ า วนี้ เองที ่ เ ราเรี ย กว่ า “ดอกเบี้ ย”
ดอกเบี้ ยสามารถแบ่ ง ออกเป็ น 2 ประเภท คื อ
1) ดอกเบี้ ยเชิ งเดี ยว (Simple Interest)
2) ดอกเบี้ ยทบต้น (Compound Interest)
ซึ่ งการค ำนวณดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย วจะกล่ า วหั ว ข้อ นี้ ส่ ว นการค ำนวณดอกเบี้ ยทบต้น จะได้ก ล่ า วต่ อ ไป
ดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว หมายถึ ง ดอกเบี้ ยที ่ ค ิ ด จากเงิ น ต้น เริ ่ มแรก ซึ่ งจำนวนดอกเบี้ ยดัง กล่ า ว จะคงที ่ เ ท่ า กัน ทุ ก ปี
.
ในการหาสู ต รดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว จึ ง สมมติ ใ ห้ นาย ก กู ้เ งิ น เพื ่ อ นมา 100 1
บาท เป็ นเวลา ปี โดยที ่ เ พื ่ อ นคิ ด อัต ราดอกเบี ้ ย 15
% ต่ อปี
ดัง นั้ น จำนวนดอกเบี้ ยที ่ ต ้อ งจ่ า ย = เงิ น ต้น อัต ราดอกเบี้ ย ระยะเวลาในการกู ้เ งิ น
15
= 100  100  1
= 15 บาทต่ อ ปี
นั ่น คื อ เมื ่ อ สิ ้ น ปี ที ่ 1 นาย ก . จะต้อ งใช้ ห นี้ เพื ่ อ นเป็ นเงิ น เท่ า กั บ 100+15 หรื อ 115 บาท จึ ง จะหมดหนี้ สิ น ต่ อ กัน
ถ้า กำหนดให้
I คื อ จำนวนดอกเบี้ ย
P คื อ เงิ น ต้น
r คื อ อัต ราดอกเบี้ ย
t คื อ ระยะเวลา
ก็ จ ะได้สู ต รทั ่ ว ไปในการค ำนวณหาดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว ดัง นี้
I = P r  t
และจะได้สู ต รในการค ำนวณหาเงิ น รวมซึ่ งประกอบไปด้ว ยเงิ น ต้น และอัต ราดอกเบี ้ ย ดัง นี้
S = P+ I
โดยที ่ S คื อ เงิ น รวมหรื อเงิ น ที ่ ล ู ก หนี้ จะต้องชำระคื น แก่ เ จ้า หนี้ ทั้ งเงิ น ต้น และดอกเบี้ ย

หมายเหตุ : ในการค ำนวณดอกเบี้ ยเชิ งเดี ย วนี้ มี ข ้อสั งเกตที ่ ค วรทราบดังนี้


(1) ค่ า r เป็ นอัต ราดอกเบี้ ยร้ อยละ ดังนั้ น การแทนค่ าในสู ต รจะต้องหารด้วย 100 เสมอ เช่ น ถ้า ก ำหนดว่า อัต ราดอกเบี้ ยคื อ 1
15
5% ในสู ต ร ก็ จะต้อ งแทนค่ า เป็ น 100 หรื อ 0.15
(2) ค่ า r และ t จะต้องสั ม พัน ธ์ ก ัน เช่ น ถ้า r คื อ อัต ราดอกเบี้ ยต่ อเดื อน ค่ า t ต้อ งท ำให้ มี ห น่ วยเป็ นเดื อ นด้วย ถ้า r คื อ อัต รา
ดอกเบี้ ยต่ อ ปี ค่ า t ก็ จ ะต้อ งทำให้ ม ี ห น่ ว ยเป็ นปี ด้ว ย

ตัว อย่ า ง นายไพฑู ร ย์ก ู ้เ งิ น เพื ่ อ นมา 100 บาท เป็ นเวลา 3 ปี มาแล้ว โดยที ่ เ พื ่ อนคิ ด ดอกเบี้ ยเชิ งเดี ย วในอัต รา 15% อยากทราบว่า
.
ก นายไพฑู ร ย์จ ะต้อ งจ่ า ยดอกเบี้ ยให้ เ พื ่ อ นเป็ นเงิ น เท่ า ไร
ข . นายไพฑู ร ย์จ ะต้อ งใช้ห นี ้ เพื ่ อ นทั้ ง เงิ น ต้น และดอกเบี้ ยรวมเป็ นเงิ น เท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
.
ก สู ต ร I = Prt
จากโจทย์ P = 100 บาท t = 3 ปี r = 15%
15
แทนค่ า t = 100  3  100
finance1.doc
2

ดอกเบี้ ย = 45 บาท
.
ข สู ต ร S =P+I
จากโจทย์ P = 100 บาท
แทนค่ า S = 100 + 45
เงิ น รวม = 145 บาท
วิ ธี ท ำให้ ร ะยะเวลาในการกู ้ย ื ม เงิ น มี ห น่ ว ยเป็ นปี
เนื ่ อ งจากในทางปฏิ บ ัต ิ ค ่ า r มัก จะถู ก ก ำหนดเป็ นอัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ ปี อยู ่ แ ล้ว เป็ นส่ ว นใหญ่ ดัง นั้ นในการค ำนวณดอกเบี้ ยโดยเลื อ ก
วิ ธี ท ำให้ ค ่ า r และ t มี ห น่ วยเป็ นต่ อ ปี จึ งเป็ นที ่ นิ ย มมากกว่ า ซึ่ งวิ ธี ท ำให้ค ่ า t หรื อระยะเวลาในการกู ้ย ืม เงิ น ให้ มี ห น่ ว ยเป็ นปี สามารถท ำได้
ดัง นี้
(1) ถ้า t มี ห น่ วยเป็ นเดื อน สามารถท ำให้ มี ห น่ วยเป็ นปี โดยจำนวนเดื อ นใน 1 ปี มาหาร ดังนี้
¨ Ó¹ ǹ à´ ×͹
t = 12
(2) ถ้า t มี ห น่ วยเป็ นวัน สามารถท ำให้ม ี ห น่ วยเป็ นปี โดยนำจำนวนวัน ใน 1 ปี มาหารดังนี้

¨ Ó¹ ǹ à´ ×
͹
t = ¨ Ó¹ ǹ Çѹ ã¹1» Õ

โดยที ่ “จำนวนวัน ใน 1 ปี ” ซึ่ งเป็ นตัวส่ วนในสู ต รอาจก ำหนดได้ 2 วิ ธี คื อ


ก . การคิ ด ดอกเบี ้ ยแบบธรรมดา (Ordinary Interest) วิ ธี นี้ จะสมมติ ใ ห้ จ ำนวนว ัน ใน 1 ปี มี 360 วัน
ข . การคิ ด ดอกเบี ้ ยแบบแท้จ ริ ง (Exact Interest) วิ ธี นี้ จะใช้จ ำนวนว ัน ใน 1 ปี ตามที ่ เ ป็ นจริ ง คื อ 1 ปี มี 365
วัน หรื อ 366 วัน ในบางปี ( ปี อธิ ก สุ ร ทิ น )
ส่ ว น “จำนวนวัน ” ซึ่ งเป็ นตัว เศษในสู ต ร สามารถนับ ได้ 2 วิ ธี ด ้ว ยกัน คื อ
ก . การนับ ว ัน แบบแท้จ ริ ง (Exact Time) ซึ่ งหมายถึ ง การนับ จ ำนวนว ัน ตามที ่ เ ป็ นจริ ง โดยรวมว ัน แรกหรื อ ว ัน
สุ ด ท้า ยวัน ใดวัน หนึ่ ง ในที ่ นี ้ จะใช้ว ิ ธี น ับ วัน สุ ด ท้า ย ตัว อย่ า งเช่ น นับ จำนวนว ัน ที ่ แ ท้จ ริ ง ของการฝากเงิ น ระหว่ า งวัน ที ่ 20 เมษายนถึ ง วัน ที ่ 2
4 มิ ถ ุ น ายน ได้ด ังนี้
เมษายน 10 วัน ( วัน ที ่ 20 ถึ ง วัน ที ่ 30)
พฤษภาคม 31 วัน
มิ ถ ุ น ายน 24 วัน
รวม 65 วัน
ข . การนับ จำนวนแบบกะประมาณ (Approximate Time) ซึ่ งหมายถึ ง การนับ จ ำนวนวัน โดยการประมาณ
ว่ า 1 เดื อ นมี 30 วัน เท่ า กัน ทุ ก เดื อ น ดัง นั้ น จากตัว อย่ า งเดิ ม ถ้า ให้ น ับ จ ำนวนแบบกะประมาณ จากว ัน ที ่ 20 เมษายน ถึ ง วัน ที ่ 24 มิ ถ ุ น ายน
สามารถทำได้ 2 วิ ธี ดัง นี้
เมษายน 10 วัน ( วัน ที ่ 20 ถึ ง วัน ที ่ 30) วัน ที ่ 20 เมษายนถึ ง 20 มิ ถ ุ น ายน
พฤษภาคม 30 วัน คื อ 2 เดื อ น = 60 วัน
มิ ถ ุ น ายน 24 วัน วัน ที ่ 20 ถึ ง 24 มิ ถ ุ น ายน = 4 วัน
รวม 64 วัน รวม = 64 วัน
สรุ ป ได้ว ่ า ในการค ำนวณดอกเบี้ ย โดยกำหนดให้ ค ่ า t มี ห น่ ว ยเป็ นวัน สามารถท ำได้ 4 แบบด้ว ยก ัน คื อ
แบบที ่ 1 คิ ด ดอกเบี้ ยแบบธรรมดาและนั บ ว ัน แบบแท้จ ริ ง ซึ่ งจะได้สู ต ร ดัง นี ้
t = จำนวนวัน ที ่ แ ท้จ ริ ง /360
finance1.doc
3

แบบที ่ 2 คิ ด ดอกเบี้ ยแบบธรรมดาและนั บ ว ัน แบบกะประมาณ ซึ่ งจะได้สู ต ร ดัง นี ้


t = จำนวนวัน ที ่ ป ระมาณ /360
แบบที ่ 3 คิ ด ดอกเบี้ ยแบบแท้จ ริ งและนับ วัน แบบแท้จ ริ ง ซึ่ งจะได้สู ต รดัง นี ้

t = จำนวนวัน ที ่ แ ท้จริ ง /365 หรื อ 366

แบบที ่ 4 คิ ด ดอกเบี้ ยแบบแท้จ ริ ง และนั บ ว ัน แบบกะประมาณ ซึ่ งจะได้สู ต รดัง นี ้

t = จำนวนวัน ที ่ ก ะประมาณ /365 หรื อ 366


อนึ่ ง การคิ ด ดอกเบี้ ยในแบบที ่ 1 เป็ นแบบที ่ ใ ห้ ป ระโยชน์ แ ก่ ผ ู ้เ ป็ นเจ้า หนี้ มากที ่ สุ ด เพราะระยะเวลาในการคิ ด ดอกเบี ้ ยมากกว่ า กะ
ประมาณ อี ก ทั้ ง ตัว หารก็ น ้อ ยกว่ า แบบการคิ ด ดอกเบี ้ ยแบบแท้จ ริ ง ดัง นั้ น
ตัว อย่ า ง นายบุ ญ ตระกู ล ฝากเงิ น จ ำนวน 100,000 บาท กับ ธนาคารแห่ ง หนึ่ งเป็ นเวลา 6 เดื อ น โดยธนาคารคิ ด ดอกเบี ้ ย 8% ต่ อ ปี อยาก
ทราบว่ า
.
ก นายบุ ญ ตระกู ล ได้ร ั บ ดอกเบี ้ ยจำนวนเท่ า ไร
ข . เมื ่ อ ครบ 6 เดื อ น นายบุ ญ ตระกู ล จะมี เ งิ น ในบัญ ชี เ ท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
วิ ธี ท ี ่ 1
ก . สู ต ร I = Prt
6 1 8
จากโจทย์ P = 100,000 บาท t= 12 หรื อ
2
r= 100
หรื อ 0.08
I = 100,000  2  0.08
1
แทนค่ า

ดอกเบี้ ย = 4,000 บาท


ข . สู ต ร S = P+I
จากโจทย์ P = 100,000 บาท I = 4,000 บาท
แทนค่ า S = 100,000 + 4,000
เงิ น รวม = 104,000 บาท
วิ ธี ท ี ่ 2
r และ t เป็ นต่ อ เดื อน ซึ่ งมี วิ ธี ท ำ ดังนี้
สามารถทำได้โ ดย ทำให้ ค ่ า
0.08 8
จากโจทย์ P = 100,000 บาท t = 6 เดื อ น r = หรื อ
12 12  100
8
I = 100,000 6  12  100
แทนค่ า

ดอกเบี้ ย = 4,000 บาท


เงิ น รวม = 100,000 + 4,000
= 104,000 บาท
ข้อ สั ง เกต : จะเห็ น ได้ว ่ า ไม่ ว ่ า จะเป็ นวิ ธี ท ี ่ 1 หรื อวิ ธ ี ท ี ่ 2 ก็ จ ะให้ ผ ลลัพ ธ์ ท ี ่ เ ท่ า กัน เสมอ
finance1.doc
4

20,000 บาท จากนางประไพเพื ่ อน ำไปลงทุ น ค้าขาย เมื ่ อ วัน ที ่ 13 ตุ ล าคม 2531 โดยสั ญ ญาว่ าจะใช้คื น ใน
ตัว อย่ า ง นายอรุ ณ ขอยื ม เงิ น
วัน ที ่ 15 กุ ม ภาพัน ธ์ 2532 และนางประไพคิ ด ดอกเบี ้ ยจากอรุ ณ แบบเชิ ง เดี ย วในอัต รา 10% ต่ อ ปี จงค ำนวณหาจ ำนวนดอกเบี้ ยซึ่ งคิ ด โดย
วิ ธี
(1) คิ ด ดอกเบี้ ยแบบธรรมดาและนั บ ว ัน แบบแท้จ ริ ง
(2) คิ ด ดอกเบี้ ยแบบธรรมดาและนั บ ว ัน แบบกะประมาณ
(3) คิ ด ดอกเบี้ ยแบบแท้จ ริ งและนับ วัน แบบแท้จ ริ ง
(4) คิ ด ดอกเบี้ ยแบบแท้จ ริ งและนับ วัน แบบกะประมาณ
วิ ธี ท ำ
จำนวนวัน ที ่ แ ท้จ ริ ง จำนวนวัน ที ่ ก ะประมาณ
ตุ ล าคม 18 วัน ( วัน ที ่ 13 ถึ งวัน ที ่ 31) 17 วัน ( วัน ที ่ 13 ถึ งวัน ที ่ 30)
พฤศจิ ก ายน 30 วัน 30 วัน
ธัน วาคม 31 วัน 30 วัน
มกราคม 31 วัน 30 วัน
กุ ม ภาพัน ธ์ 15 วัน 15 วัน
รวม 125 วัน รวม 122 วัน
10 125
ดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว แบบที ่ 1. = 20,000   = 694.44 บาท
100 360
10 122
ดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว แบบที ่ 2. = 20,000  100  360 = 677.78 บาท
10 125
ดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว แบบที ่ 3. = 20,000  100  365 = 684.93 บาท
10 122
ดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว แบบที ่ 4. = 20,000  100  365 = 668.49 บาท
การค ำนวณหาค่ า ต่ า ง ๆจากสู ต รการค ำนวณหาดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว
สู ต ร 1 = Prt (
นั้ น นอกจากจะใช้ค ำนวณหาดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว ในกรณี ท ราบค่ า ของเงิ น ต้น อัต ราดอกเบี ้ ยและระยะ
)
เวลา ยัง สามารถจะนำมาหาค่ า ต่ า ง ๆ ไม่ ว ่ า จะเป็ นเงิ น ต้น อัต ราดอกเบี ้ ยหรื อระยะเวลาได้ โดยที ่ ผ ู ้ค ำนวณจะต้อ งทราบค่ า ของจำนวนดอกเบี้ ย
เชิ ง เดี ย วและค่ า อื ่ น ๆ ที ่ เ หลื อ อี ก 2 ค่ า ดัง กล่ า ว ตัว อย่ า งเช่ น ถ้า ต้อ งการค ำนวณหาอัต ราดอกเบี ้ ย ก็ ต ้อ งทราบค่ า ของจำนวนดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว
เงิ น ต้น และระยะเวลาเป็ นต้น

การค ำนวณหาอัต ราดอกเบี้ ย


ตัว อย่ า ง นายสุ ร พลกู ้เ งิ น จากสหกรณ์ แ ห่ ง หนึ่ งเป็ นจำนวนเงิ น 260,000 บาท เป็ นเวลา 3 เดื อ น พอครบก ำหนดเวลานายสุ ร พลต้อ งจ่ า ย
ดอกเบี้ ยไปเป็ นจ ำนวนเงิ น 5,200 บาท อยากทราบว่า สหกรณ์ แ ห่ งนั้ นคิ ด อัต ราดอกเบี้ ยเงิ น กู ้นี้ เท่ าไร
วิ ธี ท ำ
สู ต ร I = Prt
3 1
จากโจทย์ P = 260,000 บาท I = 5,200 บาท t = = ปี
12 4
1
แทนค่ า 5,200 = 260,000 r  4
5,200 = 65,000 r
5,200
r = 65,000
อัต ราดอกเบี ้ ย = 0.08 หรื อ 8% ต่ อ ปี
finance1.doc
5
การค ำนวณหาระยะเวลา
ตัว อย่ า ง นายเจนณรงค์ก ู ้เ งิ น ธนาคารเป็ นจำนวนเงิ น 480,000 บาทโดยธนาคารคิ ด ดอกเบี้ ย 7.5% ต่ อปี เมื ่ อเวลาผ่ านไประยะหนึ่ งนายเจน
ณรงค์ไ ปตรวจสอบดู ท ี ่ ธ นาคาร ปรากฎว่ า ธนาคารแจ้ง ว่ า นายเจนณรงค์เ ป็ นหนี้ ธนาคารเป็ นจำนวนเงิ น ทั้ ง สิ ้ น 498,000 บาท อยากทราบว่ า
นายเจนณรงค์ไ ด้ก ู ้เ งิ น จากธนาคารเป็ นเวลานานเท่ า ใด
วิ ธี ท ำ
สู ต ร S =P+I
7.5
จากโจทย์ P = 480,000 บาท S = 498,000 บาท r = 100 = 0.075
แทนค่ า 498,000 = 480,000 + I
I = 498,000 - 480,000
= 18,000 บาท
สู ต ร I = Prt
แทนค่ า 18,000 = 480,000 0.075  t
18,000
t = 65,000
1
= 2
ปี
1
ระยะเวลาในการกู ้ = 2
ปี
การค ำนวณหาเงิ น ต้น
ตัว อย่ า ง จงค ำนวณหาเงิ น ต้น ที ่ ก ู ้ม า เมื ่ อ จ ำนวนดอกเบี้ ยจ่ า ยคื อ 18,000 บาท โดยเจ้าหนี้ คิ ด อัต ราดอกเบี้ ย 12% ต่ อ ปี และระยะเวลาในการ
กู ้ค ื อ 2 เดื อน
วิ ธี ท ำ
สู ต ร I = Prt
12 2 1
จากโจทย์ I = 18,000 บาท r = 100
= 0.12 t = 12
= 6
ปี
1
แทนค่ า 18,000 = P 0.12  6
18,000
P = 0.12 
1
6
เงิ น ต้น ที ่ ก ู ้ม า = 900,000 บาท
การค ำนวณดอกเบี้ ยทบต้น
ดอกเบี้ ยทบต้น หมายถึ ง ดอกเบี ้ ยที ่ ค ิ ด จากเงิ น ต้น เริ ่ มแรกบวกกั บ ดอกเบี้ ยที ่ ไ ด้ร ั บ ในแต่ ล ะงวดที ่ ผ ่ า นมาโดยมี แ นวคิ ด ว่ า ได้ม ี ก ารนำ
จำนวนดอกเบี้ ยที ่ ไ ด้ร ั บ ในงวดก่ อ น ๆ นั้ นไปลงทุ น ต่ อ อัน จะมี ผ ลให้ ด อกเบี ้ ยที ่ ค ำนวณได้เ พิ ่ ม ขึ้ นทุ ก ปี ตามเงิ น ต้น ที ่ เ พิ ่ ม ขึ้ นนั้ น
การค ำนวณดอกเบี้ ยทบต้น จะยุ ่ ง ยากกว่ า การค ำนวณดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว เพราะเงิ น ต้น ที ่ น ำมาคิ ด ดอกเบี้ ยในแต่ ล ะปี จะไม่ เ ท่ า กัน และ
นอกจากนี้ ในวงการธุ ร กิ จ ประเภทต่ า งๆ ก็ ย ัง นิ ย มคิ ด ดอกเบี้ ยทบต้น ต่ อ ช่ ว งเวลาที ่ แ ตกต่ า งกัน อี ก ด้ว ย เช่ น อาจจะคิ ด ดอกเบี ้ ยทบต้น ต่ อ ปี ต่ อ
ครึ่ งปี ต่ อ เดื อ นจนไปถึ ง ต่ อ ว ัน ก็ ไ ด้ อี ก ทั้ ง ในการลงทุ น บางอย่ า ง ผลตอบแทนกว่ า จะได้ร ั บ ใช้เ วลาหลายปี มาก ดัง นั้ น จึ ง มี ก ารคิ ด สู ต รทั ่ ว ไปใน
การหาดอกเบี้ ยทบต้น ดัง นี้
ถ้า กำหนดให้
P = เงิ น ต้น
I = อัต ราดอกเบี้ ยต่ อ งวด
n = จำนวนงวดทั้ ง หมด
S n = เงิ น รวมปลายงวดที ่ n
การค ำนวณหาเงิ น รวม สามารถท ำได้ ดัง นี้
finance1.doc
6

ปลายงวดที ่ (n) เงิ น ต้น (p) (I)


ดอกเบี้ ย (S n )
เงิ น รวม
(1) (2) (3) = (2)x1 (4) = (2)+(S)
1 P Pi P+Pi=P(1+i)
2 P(1+i) P(1+i)i P(1+i)+1(1+i)i=P(1+i) 2
3 P(1+i) 2 P(1+i) 2 i P(1+i) 2 +P(1+i) 2 = P(1+i) 3
ซึ่ งจะสั ง เกตได้ว ่ า ในคอลัม น์ สุ ด ท้า ยนั้ นจะเป็ นดัง นี้
เงิ น รวมในปี ที ่ 1 S = P(1+i) 1
เงิ น รวมในปี ที ่ 2 S = P(1+i)
2

เงิ น รวมในปี ที ่ 3 S = P(1+i)


3

ดัง นั้ น จึ ง สามารถสรุ ป เป็ นสู ต รทั ่ว ไปในการค ำนวณหาเงิ น รวมในปี ที ่ n หรื อมู ล ค่ า ของเงิ น ต้น จ ำนวนหนึ่ งที ่ ฝ ากเมื ่ อ ต้น ปี ที ่ 1
เป็ นเวลา n ปี อัต ราดอกเบี้ ย i% ต่ อ ปี โดยที ่ ผ ู ฝ้ ากจะไม่ ม ี ก ารรั บ ดอกเบี้ ยไปใช้ ก ่ อ นถึ ง กำหนดเวลา ดัง นี้

S n = P(1+i) n
และสู ต รทั ่ ว ไปที ่ ใ ช้ ค ำนวณหาดอกเบี้ ยทบต้น ได้ด ัง นี้

I = S n -P

โดยที ่ I คื อ จำนวนดอกเบี้ ยทบต้น ที ่ ต ้อ งการหา


:
หมายเหตุ ในการค ำนวณหาเงิ น รวมและดอกเบี ้ ยทบต้น มี ข ้อ สั ง เกตที ่ ค วรทราบ คื อ
ค่ า i และ n จะต้อ งสั ม พัน ธ์ ก ัน เช่ น ถ้า i คื อ อัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ เดื อ น n ก็ ต ้อ งนับ เป็ นจ ำนวนเดื อ นด้ว ย หรื อ ถ้า i คื อ อัต รา
ดอกเบี้ ยต่ อ 6 เดื อน n ก็ ต ้องนับ จำนวนงวดโดยที ่ 1 งวด คื อ 6 เดื อนด้วย
แต่ เ นื ่ อ งจากค่ า i มัก นิ ย มคิ ด เป็ นต่ อ ปี ดัง นั้ น เพื ่ อ ให้ ส อดคล้อ งก ับ ค่ า n จึ ง ใช้สู ต ร ดัง นี้

อัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ งวด (i) = อัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ ปี ที ่ ก ำหนด


จำนวนครั้ งที ่ ค ิ ด ดอกเบี้ ยใน 1 ปี

ส่ ว นค่ า n ก็ ส ามารถท ำได้ ดังนี้

จำนวนงวดทั้ ง หมด (n) = จำนวนครั้ งที ่ ค ิ ด ดอกเบี้ ยใน 1 ปี x จำนวนปี ที ่ ก ู ้ย ืม

ตัว อย่ า ง นายบุ ญ ตระกู ล ฝากเงิ น ไว้ท ี ่ ธ นาคารแห่ ง หนึ่ งเป็ นจำนวนเงิ น 100,000 บาท อัต ราดอกเบี้ ย 7% ต่ อ ปี โดยธนาคารจะคิ ด ดอกเบี ้ ย
แบบทบต้น ให้ ท ุ ก ๆ 6 เดื อน ถ้า นายบุ ญ ตระกู ล ฝากเงิ น ไว้เ ป็ นเวลา 5 ปี แล้วโดยที ่ ไม่ ไ ด้ถ อนเงิ น เลย อยากทราบว่า
.
ก นายบุ ญ ตระกู ล จะมี เ งิ น ในบัญ ชี เ ท่ า ไร
ข . นายบุ ญ ตระกู ล ได้ร ั บ ดอกเบี ้ ยจำนวนเท่ า ไร

วิ ธี ท ำ
finance1.doc
7

.
ก สู ต ร S n = P 1  i n
P = 100,000 บาท i = 2 = 0.035n = 5  2 = 10 งวด
0.07
จากโจทย์

แทนค่ า S n = 100,000(1+0.035) 10
= 100,000(1.4106)
เงิ น ในบัญ ชี = 141,060 บาท
ข . สู ต ร I = Sn - P
จากโจทย์ P = 100,000 บาท S n = 141,060 บาท
แทนค่ า I = 141,060 - 100,000
ได้ร ั บ ดอกเบี้ ยจำนวน = 41,060 บาท

การค ำนวณหาเงิ น รวมและจ ำนวนดอกเบี้ ยทบต้น โดยใช้ต าราง


ในการค ำนวณหาเงิ น รวมและดอกเบี ้ ยทบต้น นี้ ถึ ง แม้จ ะมี สู ต รทั ่ว ไปมาช่ ว ยให้ ก ารค ำนวณง่ า ยขึ้ นแล้ว ก็ ต าม แต่ จ ะเห็ น ว่ า ถ้า
จำนวนงวดมาก ๆ เช่ น 20 งวด 30 งวด ผู ้ค ำนวณจะเสี ยเวลาในการกดเครื ่ อ งคิ ด เลขอยู ่ ดี ดังนั้ น จึ ง มี ผ ู ้คิ ด ตารางสำเร็ จรู ป ขึ้ นมาช่ วยให้ก าร
ค ำนวณยิ ่ ง สะดวกรวดเร็ ว ขึ้ นไปอี ก ตารางที ่ ว ่ า นี้ คื อ ตารางแสดงมู ล ค่ า ทบต้น ของเงิ น 1 บาท (Compound - value Interest Fac
tors for One Baht) หรื อเรี ยกย่ อ ๆ ว่า CVIF( ตาราง 1 ในภาคผนวก )
วิ ธี ใ ช้ ต าราง เพื ่ อ ให้ เ ข้า ใจมากขึ้ นจึ ง ขอยกตาราง CVIF บางส่ ว นมาประกอบการอธิ บ าย ดัง นี ้
ตาราง 1 Compound - value Interest Factors for One Baht, CVIF

n 4% 4.5% 5%
1 1.00400 1.0450 1.0500
2 1.0816 1.0920 1.1025
3 1.1249* 1.1412 1.1576

ในการใช้ ต าราง ผู ้ใ ช้จ ะต้อ งทราบค่ า ของ n และ i เสี ย ก่ อ น เช่ น ถ้า ต้อ งการหาเงิ น รวมของเงิ น ต้น 1 บาทที ่ ฝ ากไว้ก ั บ
ธนาคารที ่ ใ ห้ อ ัต ราดอกเบี ้ ย 5% ต่ อปี ระยะเวลาในการฝากเงิ น 3 ปี ก็ จะได้ค ่ า ในตารางเป็ น 1.1576 ซึ่ งก็ ห มายความว่ า เงิ น ต้น 1 บาท
นั้ น จะกลายเป็ นเงิ น 1.1576 บาท
นั ่น คื อ ค่ า ในตารางดัง กล่ า วจะเป็ นค่ า ของ (1+i) ในสู ต ร ดัง นั้ น ถ้า ต้อ งการหาเงิ น (S n ) ก็ น ำเงิ น ต้น (P) คู ณ ด้ว ยค่ า ใน
n

ตารางก็ จ ะได้ค ำตอบที ่ ต ้อ งการ


ตัว อย่ า ง นายวัน ชัย ฝากเงิ น 10,000 บาทไว้ก ับ ธนาคารแห่ ง หนึ่ งซึ่ งธนาคารแห่ ง นั้ นให้ ด อกเบี้ ยในอัต รา 12% ต่ อปี โดยคิ ด
3
ดอกเบี้ ยปี ละ ครั้ งแบบทบต้น ถ้า นายวัน ชัย ฝากเงิ น ไว้ค รบ 5 ปี เขาจะได้รั บ เงิ น คื น จ ำนวนเท่ าใด และจำนวนดอกเบี้ ยที ่ เ ขาได้รั บ นั้ นเป็ นเงิ น
เท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
สู ต ร Sn = P(1 + i) n
10,000 บาท i = 3 = 0.04 n = 5  3=15 งวด
0.12
จากโจทย์ P =
แทนค่ า Sn = 10,000(1 + 0.04) 15
= 10,000 (CVIF ที ่ i = 4% n = 15 งวด )
= 10,000 (1.8009)
เงิ น รวมที ่ ไ ด้ร ั บ = 18,009 บาท
finance1.doc
8

จำนวนดอกเบี้ ยที ่ ไ ด้ร ั บ = 18,009 - 10,000


= 8,009 บาท
การค ำนวณหาค่ า ต่ า ง ๆ จากสู ต รการค ำนวณหาดอกเบี้ ยทบต้น
สู ต ร n S = P(1 + i) n และ I = S n - P นั้ น นอกจากจะใช้ค ำนวณหาเงิ น รวมและจ ำนวนดอกเบี้ ยทบต้น แล้ว
ยัง สามารถนำมาหาเงิ น ต้น อัต ราดอกเบี ้ ย และระยะเวลาได้เ ช่ น กัน ดัง นี้
การค ำนวณหาเงิ น ต้น หรื อ ค่ า ปั จ จุ บ ัน
ตัว อย่ า ง จงหาจำนวนเงิ น ที ่ จ ะต้อ งฝากธนาคารในปั จ จุ บ ัน ถ้า ต้อ งการได้ร ั บ เงิ น จ ำนวน 100,000 บาทในเวลา 8 ปี ข้า งหน้า ถ้า อัต ราดอกเบี้ ย
10%
ที ่ ไ ด้ร ั บ เป็ น ต่ อ ปี โดยคิ ด ดอกเบี ้ ยปี ละ 2 ครั้ งแบบทบต้น
วิ ธี ท ำ
สู ต ร Sn = P(1 + i) n
S
P = 1 ni  n
= 0.05 n = 8  2 = 16 งวด
0.10
จากโจทย์ Sn = 100,000 บาท i= 2
100,000
แทนค่ า P = (CVIF · èÕi = 5% n = 16 §Ç´ )
100,000
= 2.1829
= 45,810.62 บาท
อนึ่ ง ในการค ำนวณหาเงิ น ต้น หรื อค่ า ปั จ จุ บ ัน นี้ ได้ม ี ก ารท ำตารางสำเร็ จ รู ป ไว้ช ่ ว ยในการค ำนวณเช่ น กัน ตารางที ่ ว ่ า นี้ มี ช ื ่ อ เรี ย กว่ า
ตารางแสดงมู ล ค่ า ปั จ จุ บ ัน ของเงิ น 1 บาท (Present - value Interest Factors for One Baht) หรื อเรี ยกย่ อ ๆ ว่า PVIF
1
( ตาราง 2 ในภาคผนวก ) ซึ่ งค่ าในตารางดัง กล่ า วนี้ จะเป็ นค่ าของ 1  i  n ในสู ต ร
ดัง นั้ น ถ้า ต้อ งการหาค่ า ปั จ จุ บ ัน หรื อเงิ น ต้น ก็ เ อา S n คู ณ กั บ ค่ า ในตาราง PVIF โดยเปิ ดที ่ i และ n ที ่ ก ำหนดมาให้ ก็ จะได้ค ่ า
ปั จ จุ บ ัน ตามต้อ งการ
ดัง นั้ น จากตัว อย่ า งจึ ง สามารถท ำได้อ ี ก วิ ธ ี ห นึ่ ง ดัง นี ้
P = 100,000(PVIF ที ่ i= 5% n = 5
= 100,000 (0.4581)
จำนวนเงิ น ที ่ ต ้อ งฝาก = 45,810 บาท
การค ำนวณหาอัต ราดอกเบี้ ย
ตัว อย่ า ง คุ ณ ปุ๋ ยนำเงิ น ไปฝากธนาคารไว้จ ำนวน 5,000 เมื ่ อ 5 ปี ที ่ แ ล้ว ปั จจุ บ ัน คุ ณปุ๋ ยไปเช็ ค ดู เ งิ น ในบัญ ชี ป รากฏว ่า เงิ น ในบัญ ชี ด ังกล่ าว
กลายเป็ น 7,346.50 บาท อยากทราบว่า ธนาคารคิ ด ดอกเบี้ ยเงิ น ฝากให้ค ุ ณปุ๋ ยในอัต ราร้ อยละเท่ า ใด
วิ ธี ท ำ
สู ต ร S n = P(1 + i) n
จากโจทย์ S n = 7,346.50 P = 5,000 n = 5
แทนค่ า 7,346.50 = 5,000 (1 + i) 5
7 ,346.50
(1 + i) 5 = 5,000
(1 + i) 5 = 1.4693
เปิ ดตาราง 1 CVIF ที ่ n = 5 และค่ า ในตารางเป็ น 1.4639 จะตรงกับ ค่ า i = 8%
ธนาคารคิ ด ดอกเบี้ ยเงิ น ฝากให้ ค ุ ณ ปู๋ ยในอัต ราร้ อ ยละ 8 ต่ อ ปี

การค ำนวณหาระยะเวลา
finance1.doc
9
1
ตัว อย่ า ง เพื ่ อ นของคุ ณ สมชายต้อ งการจะขอยื ม เงิ น จ ำนวน 2,000 บาท และจะให้ ด อกเบี ้ ยแบบทบต้น ในอัต ราร้ อ ยละ 7 2 ต่ อ ปี ถ้า คุ ณ

สมชายต้อ งการเงิ น คื น มาทั้ ง หมด 3,318 บาท คุ ณสมชายจะต้อ งให้ เ พื ่ อ นยืม เงิ น กี ่ ปี
วิ ธี ท ำ
สู ต ร S n = P(1 + i) 5
จากโจทย์ S n = 3,318 P = 2,000 i = 0.075
แทนค่ า 3,318 = 2,000(1+0.075) n
3,318
(1+0.075) n = 2,000
(1+0.075) n = 1.659
1
เปิ ดตาราง CVF ที ่ i = 7 % และค่ า ในตารางเป็ น 1.659 จะตรงกั บ ค่ า n=7
2

คุ ณ สมชายจะต้อ งให้ เ พื ่ อ นขอยื ม เงิ น เป็ นเวลา 7 ปี


ความหมายของค่ า รายปี
(Annuity)
ค่ า รายปี หมายถึ ง กระแสเงิ น สดที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อ จ่ า ยออกไปเป็ นงวดๆ โดยที ่ แ ต่ ล ะงวดมี จ ำนวนเท่ า กัน ระยะเวลาที ่ ไ ด้
รั บ หรื อ จ่ า ยเงิ น แต่ ล ะงวดก็ ม ี เ วลาห่ า งเท่ า กัน ซึ่ งแสดงไว้ด ัง ตัว อย่ า งต่ อ ไปนี้
นาย ก ต้อ งการสะสมเงิ น จึ ง เปิ ดบัญ ชี เ งิ น ฝากประจ ำไว้ก ั บ ธนาคารแห่ ง หนึ่ ง โดยนาย ก จะต้อ งส่ ง ฝากทุ ก สิ ้ น
เดื อ นๆละ 1,000 บาท ระยะเวลาครบก ำหนด 5 ปี ซึ่ งสามารถแสดงได้ด ังภาพ 7.2-1 ดังนี้
เดื อ นที ่ 1 2 3 4 . . . 60

. . .
จำนวนเงิ น 1,000 1,000 1,000 1,000 1,000 บาท
ภาพแสดงค่ า รายปี ที ่ ฝ ากส่ ง กั บ ธนาคาร

นาย ข กู ้เ งิ น จากธนาคารแห่ ง หนึ่ งเพื ่ อ มาซื ้ อบ้า น โดยสั ญ ญาว่ า จะผ่ อ นชำระทุ ก ๆ 6 เดื อน เป็ นจำนวนเงิ น 50,000 บาท ต่ อ งวด
เป็ นเวลา 10 ปี ซึ่ งสามารถแสดงได้ด ังภาพ 7.2-1 ดังนี้
ปี ที ่ 1 2 3 . . . 10

. . .
จำนวนเงิ น 50,000 ... 50,000 50,000 บาท
ภาพแสดงค่ า รายปี ที ่ ต ้อ งผ่ อ นชำระกับ ธนาคาร

นาย ค ลงทุ น ในธุ ร กิ จ โครงการหนึ่ ง โดยเขาคาดว่ า จะได้ร ั บ ก ำไรสุ ท ธิ ปี ละ 100,000 บาท ตลอดอายุ ข องโครงการ 25 ปี ซึ่ ง
สามารถแสดงได้ด ัง ภาพ 7.2-3 ดังนี้
เดื อ นที ่ 1 2 3 . . . 25

. . .
จำนวนเงิ น 100,000 100,000 100,000 100,000 บาท
ภาพแสดงค่ า รายปี ของก ำไรสุ ท ธิ ท ี ่ ไ ด้ร ั บ

อนึ่ งค่ า รายปี สามารถจ ำแนกออกได้เ ป็ น 2 ประเภทคื อ


finance1.doc
10

(1) ค่ ารายปี ประเภทแน่ น อน (Certain Annuity) หมายถึ ง ค่ ารายปี ที ่ ท ราบระยะเวลาการรั บ หรื อจ่ า ยเงิ น ที ่ แ น่ น อนว่า จะ
ใช้เ วลากี ่ ง วด ตัว อย่ า งเช่ น การฝากเงิ น ในบัญ ชี เ งิ น ฝากประจ ำ การผ่ อ นชำระเงิ น จากการเช่ า ซื ้ อบ้า น รถยนต์ หรื อ ผลตอบแทนจากโครงการ
ลงทุ น ที ่ ม ี ก ำหนดเวลาของโครงการแน่ น อนเป็ นต้น
(2) ค่ า รายปี ประเภทไม่ แ น่ น อน (Contingent Annuity) หมายถึ ง ค่ า รายปี ที ่ ไ ม่ อ าจทราบระยะเวลาการรั บ หรื อจ่ า ยเงิ น
ที ่ แ น่ น อนได้ ตัว อย่ า งเช่ น ข้า ราชการที ่ ป ลดเกษี ย ณและเลื อ กรั บ เงิ น บ ำนาญ เงิ น บำนาญดัง กล่ า วนั้ นจะมี จ ำนวนเท่ า ๆ กัน ทุ ก เดื อ น แต่ ร ะยะเวลา
ของการรั บ เงิ น บ ำนาญนั้ นขึ้ นอยู ่ ก ับ การมี ช ี ว ิ ต อยู ่ ข องผู ้ร ั บ บำนาญ ดัง นั้ นจึ ง ไม่ อ าจทราบได้ว ่ า การรั บ บ ำนาญดัง กล่ า วจะสิ ้ น สุ ด ลงเมื ่ อ ใด หรื อ
(
อี ก ตัว อย่ า งหนึ่ งก็ ค ื อ กรณี ข องคนที ่ ท ำประกัน ชี ว ิ ต ไว้ ที ่ ต ้อ งส่ ง เบี้ ยประกัน ชี ว ิ ต อยู ่ ข องผู ้เ อาประก ัน ชี ว ิ ต เช่ น กัน ถึ ง แม้ว ่ า ในกรมธรรม์ป ระกัน
ชี ว ิ ต จก ำหนดระยะเวลาในการส่ ง เบี้ ยประกัน ไว้เ ช่ น ให้ ห ยุ ด ส่ ง เมื ่ อ อายุ 55 ปี หรื อ 60 ปี ก็ ต าม )

:
หมายเหตุ ในการค ำนวณค่ า รายปี มี ข ้อ สั ง เกตที ่ ค วรทราบดัง นี ้
1. เป็ นค่ ารายปี ประเภทแน่ น อน กล่ าวคื อ สามารถทราบระยะเวลาในการรั บ หรื อ จ่ า ยเงิ น ได้แ น่ น อน
2. ระยะเวลาของการรั บ หรื อจ่ า ยเงิ น จะเท่ ากับ ระยะเวลาของการคิ ด ดอกเบี้ ยทบต้น เช่ น ถ้า มี ก ารรั บ หรื อจ่ ายเงิ น ทุ ก ปี ก็ ใ ห้ คิ ด
ดอกเบี้ ยทบต้น ทุ ก ปี หรื อถ้า มี ก ารจ่ า ยเงิ น ทุ ก เดื อ นก็ ใ ห้ ค ิ ด ดอกเบี ้ ยทบต้น ทุ ก เดื อ น
3. อัต ราดอกเบี ้ ยทบต้น ที ่ น ำมาคิ ด ค ำนวณจะเป็ นอัต ราเดี ย วก ัน ตลอด เช่ น ฝากเงิ น จำนวนหนึ่ งเป็ นเวลา 10 ปี ธนาคารให้ อ ัต รา
ดอกเบี้ ยทบต้น 10% ต่ อปี ก็ ห มายความว่ าไม่ ว ่ าจะเป็ นปี ที ่ 2, 3, ... จนถึ งปี ที ่ 10 เงิ นฝากนั้ นก็ จะได้ด อกเบี้ ยทบต้น ในอัต รา 10% ต่ อ
ปี ตลอด ( ยกเว้น จะได้ก ำหนดเงื ่ อ นไขไว้เ ป็ นอย่ า งอื ่ น )
4. การรั บ หรื อจ่ ายเงิ น จะกระท ำทุ ก ๆ สิ ้ นระยะเวลาของแต่ ล ะงวด เช่ น ฝากเงิ น ทุ ก ๆ สิ ้ นเดื อนหรื อ ทุ ก ๆ สิ ้ น ปี เป็ นต้น
finance1.doc
11
การค ำนวณเงิ น รวมและค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี

1) การค ำนวณเงิ น รวมของค่ า รายปี


เงิ น รวมของค่ า รายปี หมายถึ ง จำนวนเงิ น ต้น ทั้ ง หมดทุ ก งวดที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อจ่ า ยออกไป งวดละเท่ า ๆ กัน รวมกับ ดอกเบี้ ยทบต้น
ทั้ ง หมดระยะเวลาที ่ ต กลงก ัน
วิ ธี ก ารค ำนวณหาเงิ น รวมของค่ า รายปี จึ ง คล้า ยก ัน กับ การค ำนวณหาเงิ น รวมของเงิ น จ ำนวนเดี ย วที ่ ฝ ากไว้เ มื ่ อ สิ ้ น งวดใดงวดหนึ่ ง ที ่
ได้อ ธิ บ ายไปแล้ว จะต่ า งกัน ก็ เ พี ย งว่ า มี ห ลายจ ำนวนกว่ า และเงิ น แต่ ล ะงวดที ่ ฝ ากไว้ก ็ เ ป็ นจำนวนที ่ เ ท่ า ๆ กัน ด้ว ย ดัง นั้ น ในการค ำนวณหาเงิ น
รวมของค่ า รายปี จึ ง ต้อ งค ำนวณหาเงิ น รวมของเงิ น แต่ ล ะจำนวนที ่ ฝ ากไว้แ ล้ว น ำมารวมกัน เข้า เป็ นเงิ น รวมทั้ ง หมดอี ก ที
สมมติ ว ่ า มี ก ารนำเงิ น ไปฝากธนาคารเป็ นประจ ำทุ ก ๆ สิ ้ น ปี ปี ละ 100 บาท เป็ นเวลา 3 ปี อยากทราบว่า เมื ่ อ สิ ้ น ปี ที ่ 3 จะได้เ งิ น
รวมทั้ ง สิ ้ น เท่ า ไร ถ้า ธนาคารคิ ด ดอกเบี ้ ยให้ แ บบทบต้น ในอัต ราร้ อ ยละ 8 ต่ อปี
ถ้า ใช้ก ารค ำนวณหาเงิ น รวมโดยสู ต ร S n =P(1+i) n
สามารถทำได้ ดัง นี้
0 1 2 3 ปี

100 100 100 = 100(1+0.8) 0


n=1 108 = 100(1+0.8) 1
n=2 116.64 = 100(1+0.8) 2
3 3 t

เงิ น รวมเมื ่ อ สิ ้ น ปี ที ่ 3 = 324.64 = 100 1 + 0.8


t 1

ถ้า กำหนดให้ A = เงิ น ที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อ จ่ า ยออกไปในแต่ ล ะงวดที ่ ม ี จ ำนวนเท่ า กัน ทุ ก งวด ซึ่ งเรี ย กได้อ ี ก อย่ า งหนึ่ งว่ า เงิ น งวด
n = จำนวนงวดที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อจ่ า ยเงิ น ทั้ ง หมด
I = อัต ราดอกเบี้ ยหรื อ อัต ราผลตอบแทนต่ อ งวด
Sn = เงิ น รวมของค่ า รายปี
สู ต รทั ่ว ไปในการหาเงิ น รวมเมื ่ อ สิ ้ น งวดที ่ n ของเงิ น ต้น ที ่ ไ ด้รั บ หรื อจ่ ายออกไป n งวด ๆ ละ A บาท โดยมี อ ัต ราดอกเบี้ ยทบต้น I
% ต่ องวด ได้คื อ
n nt

S n  A  1  i 
t 1

จากสู ต รนี้ สามารถนำไปค ำนวณโดยใช้ ต ารางสำเร็ จ รู ป ได้เ ช่ น กัน ตารางที ่ ว ่ า นี้ ก็ ค ื อ ตารางแสดงมู ล ค่ า ทบต้น ของเงิ น งวด 1 บาท (C
ompound-Value Interest Factors a One Baht Annuity) หรื อ CVIFA ( ตาราง 3 ในภาคผนวก ) ซึ่ งค่ าในตาราง
n nt
ดัง กล่ า วนี้ จะเป็ นค่ า ของ  1  i 
t 1

ดัง นั้ น จากตัว อย่ า งเดิ ม ข้า งต้น ถ้า เราใช้ว ิ ธี เ ปิ ดตาราง CVIFA จะสามารถท ำได้ ดังนี้
n nt

จากสู ต ร S n  A  1  i 
t 1

แทนค่ า S n = 100(CVIFA ที ่ I = 8% n = 3)
= 100 (3.2464)
จะได้เ งิ น รวมทั้ ง สิ ้ น = 324.64 บาท
ตัว อย่ า ง ถ้า นางสาวอภิ ร ดาฝากเงิ น ทุ ก ๆ สิ ้ น ปี ปี ละ 10,000 บาท เป็ นเวลา 15 ปี โดยผู ร้ ั บ ฝากให้ ด อกเบี ้ ยแบบทบต้น ในอัต รา 7% ต่ อ ปี
อยากทราบว่ า เมื ่ อ สิ ้ น ปี ที ่ 15 นางสาวอภิ ร ดาจะมี เ งิ น ทั้ ง สิ ้ น เท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
finance1.doc
12
n nt

สู ต ร S n  A  1  i 
t 1

จากโจทย์ A = 10,000 บาท n = 15 ปี I = 7%


15 15 t

แทนค่ า S n  10,000 1  0.07


t 1

= 10,000 (CVIFA ที ่ I = 7% n = 15)


= 10,000 (25.1290)
จะได้เ งิ น รวมทั้ ง สิ ้ น = 251,290 บาท
ตัว อย่ า ง จากตัว อย่ า ง 7.2.1 ถ้า นางสาวอภิ ร ดาเปลี ่ ย นเป็ นฝากเงิ น ทุ ก 6 เดื อ น เป็ นจำนวนเงิ น ครั้ งละ 5,000 บาท อยากทราบว่ า เมื ่ อ สิ ้ น ปี
ที ่ 15 นางสาวอภิ ร ดาจะมี เ งิ น ทั้ ง สิ ้ น เท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
n nt

สู ต ร S n  A  1  i 
t 1

จากโจทย์ A = 5,000 บาท n = 30 งวด I =0.035% ต่ อ งวด


30 30 t

แทนค่ า S n  5,000 1  i 
t 1

= 5,000(CVIFA ที ่ I = 3.5% n = 30)


= 5,000(51.6627)
จะได้เ งิ น รวมทั้ ง สิ ้ น = 258,113.50 บาท

2) การค ำนวณค่ า ปั จจุ บ ัน รวมของค่ า รายปี


ค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี หมายถึ ง มู ล ค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของเงิ น ที ่ จ ะได้ร ั บ หรื อ จ่ า ยออกไป งวดละ เท่ า ๆ กัน ในอนาคต หรื อ กล่ า ว
อี ก นัย หนึ่ งก็ ค ื อ ผลบวกของค่ า ปั จ จุ บ ัน ของเงิ น ที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อ จ่ า ยออกไปในแต่ ล ะงวดในอนาคต นั ่น เอง
วิ ธี ก ารค ำนวณหาค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี จะคล้า ยกัน กับ การค ำนวณหาค่ า ปั จ จุ บ ัน ของเงิ น จ ำนวนเดี ย วที ่ จ ะด้ร ั บ เมื ่ อ สิ ้ น งวดใด
งวดหนึ่ งในอนาคตที ่ ไ ด้อ ธิ บ ายไปแล้ว จะต่ า งกัน ก็ เ พี ย งว่ า มี ห ลายจ ำนวนกว่ า และเงิ น แต่ ล ะงวดที ่ ไ ด้ร ั บ ก็ เ ป็ นจำนวนที ่ เ ท่ า ๆ กัน ด้ว ย ดัง นั้ นใน
การ หาค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี จึ ง ต้อ งค ำนวณหาค่ า ปั จ จุ บ ัน ของเงิ น แต่ ล ะจำนวนที ่ จ ะได้ร ั บ ในแต่ ล ะงวด แล้ว นำมารวมกั น เข้า เป็ น
ค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมทั้ ง หมด
สมมติ ใ ห้ น ายธนาธิ ป ซื ้ อพัด ลมเครื ่ อ งหนึ่ งก ับ ร้ า นขายเครื ่ อ งไฟฟ้ าแห่ ง หนึ่ ง โดยร้ า นค้า แห่ ง นี้ ยอมให้ น ายธนาธิ ป ผ่ อ นชำระทุ ก สิ ้ น ปี
ปี ละ 100 บาท เป็ นเวลา 3 ปี ถ้า ขายคิ ด ดอกเบี้ ยแบบทต้น ในอัต รา 8% ต่ อ ปี จงหาราคาเงิ น สดของพัด ลมเครื ่ องนี้
Sn
ในการค ำนวณหาค่ า ปั จ จุ บ ัน โดยใช้สู ต ร
1 i  n สามารถท ำได้ ดัง นี้

0 1 2 3 ปี
100 100 100
100
1  0.8 1 = 92.59 n = 1
100
1  0.8 2 = 85.73 n=2
100
1  0.8 3 = 79.38 n=3
3
100
 1  0.8 1 = 257.70
t 1
finance1.doc
13
ฉะนั้ น จะสามารถเขี ย นสู ต รทั ่ ว ไปในการหาค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของจ ำนวนเงิ น ที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อจ่ า ยออกไปในจ ำนวนเท่ า ๆ กัน เป็ นระยะ
เวลา n งวด โดยมี อ ัต ราดอกเบี้ ยหรื อในที ่ นี้ เรี ยกได้อี ก อย่ างหนึ่ งว่า อัต ราส่ วนลด (Discounted Rate)i% ต่ องวดได้ ดังนี้
n
1
P = A
t 1 1  i  t

P
โดยที ่ คื อ ค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี
n
1
จากสู ต รนี้ เราสามารถหาค่ า  1  i  t ได้จ ากตาราง 4 ในภาคผนวก ที ่ มี ชื ่ อว่า ตารางแสดงมู ล ค่ าปั จ จุ บ ัน รวมของเงิ น งวด 1
t 1

บาท ( Present-Value Interest Factors for a One Baht Annuity) หรื อเรี ยกย่อ ๆ ว่า PVIFA
ดัง นั้ น จากตัว อย่ า งเดิ ม ข้า งต้น ถ้า เราใช้ ว ิ ธี เ ปิ ดตาราง PVIFA จะสามารถท ำได้ ดัง นี้
n
1
สู ต ร P = A
t 1 1  i  t
แทนค่ า P = 100 (PVIFA ที ่ I=8% n = 30)
= 100 ( 2.5771)
ราคาเงิ น สดของพัด ลมเครื ่ อ งนี ้ = 257.71 บาท

ตัว อย่ า ง จงค ำนวณหาค่ า ปั จ จุ บ ัน ของเงิ น ที ่ จ ะได้ร ั บ ทุ ก ๆ สิ ้ น ปี ปี ละ 10,000 บาท เป็ นระยะเวลา 7 ปี ถ้าอัต ราดอกเบี้ ยคื อ 6% ต่ อปี
( แบบทบต้น )
วิ ธี ท ำ
n
1
สู ต ร P = A
t 1 1  i  t
จากโจทย์ A = 10,000 บาท n = 7 ปี I = 0.06
n
1
แทนค่ า p = 10,000  1  0.6 t
t 1

= 10,000 (PVIFA ที ่ I = 6% n = 7)
= 10,000 (5.5824)
ค่ า ปั จ จุ บ ัน = 55,824 บาท

ตัว อย่ า ง จงค ำนวณหาค่ า ปั จ จุ บ ัน ของเงิ น ที ่ จ ะได้ร ั บ ทุ ก ๆ สิ ้ น 4 เดื อน งวดละ 2,500 บาท เป็ นระยะเวลา 7 ปี ถ้า อัต ราดอกเบี้ ยคื อ 12%
(
ต่ อ ปี แบบทบต้น )
วิ ธี ท ำ
n
1
สู ต ร P = A
t 1 1  i  t
0.12
จากโจทย์ A = 2,500 บาท n = 21 งวด I = 3
=0.04
n
1
P = 2,500  
1  0.04
t
t 1

= 2,500 (PVIFA ที ่ I = 4% n = 21)


= 2,500 (14.0292)
finance1.doc
14

ค่ า ปั จ จุ บ ัน = 35,073 บาท
ตัว อย่ า ง นายไพบู ล ย์ซื ้ อที ่ ด ิ น 50 ตารางวา โดยจ่ า ยเงิ น สดงวดแรกไป 50,000 บาท ที ่ เ หลื อ ผ่ อ นส่ ง ทุ ก สิ ้ น เดื อ น เดื อ นละ 10,000 บาท
1
เป็ นระยะเวลา 2 ปี ผู ้ข ายคิ ด ดอกเบี ้ ยแบบทบต้น ในอัต รา 12% ต่ อ ปี จงหาราคาที ่ ด ิ น เป็ นเงิ น สด
2
วิ ธี ท ำ
n
1
สู ต ร P = A
t 1 1  i  t
จากโจทย์ A = 10,000 บาท n = 30 งวด I = 0.01
แทนค่ า P = 10,000 (PVIFA ที ่ I = 1% n = 30)
= 10,000 (25.8077)
เงิ น ที ่ ผ ่ อ นคิ ด เป็ นค่ า ปั จ จุ บ ัน ได้ = 258,077 บาท
ราคาเงิ น สดของที ่ ด ิ น = 50,000 + 258,077
= 308,077 บาท

20,000 บาทในปั จจุ บ ัน และคาดว่า โครงการดัง กล่ า วจะ


ตัว อย่ า ง นายธนาธิ ป ก ำลัง พิ จ ารณาโครงการลงทุ น โครงการหนึ่ ง ที ่ ต ้อ งใช้เ งิ น ลงทุ น
ให้ ผ ลตอบแทนเป็ นเงิ น สดรั บ สุ ท ธิ ปี ละ 10,000 บาท เป็ นเวลา 3 ปี ติ ด ต่ อ กัน ถ้า อัต ราผลตอบแทนที ่ ต ้อ งการคื อ 8% ต่ อ ปี อยากทราบว่ า
นายธนาธิ ป ควรลงทุ น ในโครงการนี ้ หรื อ ไม่
วิ ธี ท ำ
n
1
สู ต ร P = A
t 1 1  i  t
จากโจทย์ A = 10,000 บาท n = 3 I = 0.08
n
1
แทนค่ า P = 10,000  
1  0.08
t
t 1

= 10,000 (PVIFA ที ่ I = 8% n = 3)
= 10,000 (2.5771)
โครงการนี้ จะให้ ผ ลตอบแทน = 25,771 บาท
ดัง นั้ น นายธนาธิ ป จึ ง ควรตัด สิ น ใจลงทุ น ในโครงการนี ้ เพราะผลตอบแทนที ่ ไ ด้ร ั บ 25,771 บาท มากกว่ า เงิ น ลงทุ น ที ่ จ ่ า ย
ไป 20,000 บาท อยู ่ 25.771 - 20,000 = 5,771 บาท

การค ำนวณอัต ราดอกเบี ้ ยและระยะเวลาของค่ า รายปี


1. การค ำนวณอัต ราดอกเบี้ ย
ในบางกรณี ก ารค ำนวณหาอัต ราดอกเบี้ ยหรื อ อัต ราผลตอบแทนเป็ นสิ ่ ง สำคัญ ตัว อย่ า งเช่ น ในการซื ้ อบ้า นหรื อ รถยนต์เ ป็ นเงิ น ผ่ อ น
เราจะทราบจำนวนเงิ น ที ่ ต ้อ งผ่ อ นต่ อ งวด ระยะเวลาในการผ่ อ นตลอดจนราคาเงิ น สดของบ้า นหรื อรถยนต์แ ต่ ม ัก ไม่ ท ราบอัต ราดอกเบี้ ยที ่ แ ท้จ ริ ง
ที ่ ผ ู ้ข ายคิ ด กั บ เรา ดัง นั้ น การทราบวิ ธี ค ำนวณหาอัต ราดอกเบี ้ ยทบต้น ดัง กล่ า วจึ ง เป็ นสิ ่ ง จำเป็ นยิ ่ ง
ในการค ำนวณหาอัต ราดอกเบี้ ยทบต้น ที ่ สู ต รที ่ จ ะนำมาใช้ไ ด้ 2 สู ต รด้ว ยกัน คื อ สู ต รหาเงิ น รวมและสู ต รหาค่ า ปั จ จุ บ ัน ที ่ ไ ด้ก ล่ า ว
ไปแล้ว ในดัง นี้
n

Sn = A  1  i 
nt

t 1

สำหรั บ สู ต รหาเงิ น รวมนี้ จะใช้ไ ด้ใ นกรณี ท ี ่ ท ราบค่ า ของเงิ น รวมของค่ า รายปี (S n ) เงิ น งวด (A) ตลอดจนจ ำนวนงวดหรื อระยะ
เวลาที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อ จ่ า ยเงิ น ทั้ ง หมด (n)
finance1.doc
15
n 1
P = A t1 
1  i
t

สำหรั บ สู ต รหาค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมนี้ จะใช้ไ ด้ใ นกรณี ท ี ่ ท ราบเงิ น ต้น หรื อ ค่ า ปั จ จุ บ ัน ของค่ า รายปี (P) เงิ น งวด (A) ตลอดจนจำนวน
งวดหรื อระยะเวลาที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อ จ่ า ยเงิ น ทั้ ง หมด (n)
1,000 บาททุ ก เดื อน โดยมี ระยะเวลาครบ
ตัว อย่ า ง นายสั ม พัน ธ์ เ ปิ ดบัญ ชี เ งิ น ฝากสะสมทรั พ ย์ก ับ ธนาคารแห่ ง หนึ่ ง ซึ่ งต้อ งส่ ง ฝากเงิ น เดื อ นละ
กำหนด 2 ปี อยากทราบว่ า ธนาคาร แห่ ง นั้ นให้ ด อกเบี้ ยในอัต ราเท่ า ไรต่ อ ปี ถ้า เงิ น ในบัญ ชี ข องนายสั ม พัน ธ์ เ มื ่ อ ครบก ำหนดเป็ น 34,784
1
2

.90 บาท
วิ ธี ท ำ
n

Sn = A  1  i 
nt
สู ต ร
t 1

จากโจทย์ A
= 1,000 n = 30 งวด S n = 34,784.90 บาท
แทนค่ า 34,784.90 = 1,000(CVIFA ที ่ n = 30 i = ?)
34 ,784.90
(CVIFA ที ่ n = 30 i = ?) = 1,000

= 34.7849
เปิ ดตาราง CVIFA ที ่ n = 30 เพื ่ อ หาค่ า ในตารางให้ เ ท่ า กับ 34.7849
เปิ ดตาราง CVIFA ที ่ n = 30 เพื ่ อ หาค่ า ในตารางให้ เ ท่ า กั บ 34.7849 ว่ า ตรงกั บ i = ? ซึ่ งจะเห็ น ได้ว ่ า ตรงกั บ ค่ า i = 1
%
ธนาคารคิ ด ดอกเบี้ ยให้ 1% ต่ อเดื อ นหรื อ 12% ต่ อปี
ตัว อย่ ง จงหาอัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ งวดของการส่ ง ฝากเงิ น 8,000 บาท ทุ ก ๆ 6 เดื อ น เพื ่ อ ให้ ไ ด้เ งิ น รวม 100,000 บาท ในเวลา 5 ปี
วิ ธี ท ำ
n

Sn = A  1  i 
nt
สู ต ร
t 1

จากโจทย์ A = 8,000 n = 10 งวด S n = 100,000


แทนค่ า 100,000 = 8,000 (CVIFA ที ่ n = 10 i = ?)
100,000
(CVIFA ที ่ n = 10 i = ?) = 8,000
เปิ ดตาราง CVIFA ที ่ n = 10 เพื ่ อ หาค่ า ในตารางที ่ เ ท่ า กั บ 12.5 ปรากฏว่ า ไม่ ม ี ค ่ า ใดตรงพอดี ม ี แ ต่ ใ กล้เ คี ย ง ดัง นี้
12.2882 4.5%
12.5000 ? ค่ า ในตาราง 12.2882 ตรงกั บ ค่ า i = 4.5%
12.5779 5% ค่ า ในตาราง 12.5779 ตรงกับ ค่ า i = 5 %
นั ่น คื อ ค่ า ในตารางเพิ ่ ม ขึ้ น (12.5779 - 12.2882) = 0.2897
ค่ า i จะเพิ ่ ม ขึ้ น = 0.5%
ถ้า ค่ า ในตารางเพิ ่ ม ขึ้ น (12.5 - 12.2882) = 0.2118
0.5  0.2118
ค่ า i จะเพิ ่ ม ขึ้ น = 0.2897 =0.37%
อัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ งวด (6 เดื อ น ) = 4.5 + 0.37 =4.87%
ตัว อย่ า ง นายพิ สิ ษ ฐ์ ก ำลัง พิ จ ารณจะซื ้ อรถยนต์ ค ัน หนึ่ งซึ่ งผู ้ข ายเสนอเงื ่ อ นไข ดัง นี ้
ก ถ้า เงิ น สด ราคารถยนต์ค ัน นี ้ คื อ 500,000
finance1.doc
16

ข ถ้า ซื ้ อเงิ น ผ่ อ น ต้อ งวางเงิ น ดาวน์ ง วดแรก 50,000


และที ่ เ หลื อ จ่ า ยเดื อ นละ 29,514 บาททุ ก ๆ เดื อน
เป็ นเวลา 24 เดื อน จงหาอัต ราดอกเบี ้ ยต่ อ ปี ที ่ น ายพิ สิ ษ ฐ์
จะต้อ งเสี ย ถ้า ซื ้ อรถยนต์ด ้ว ยเงิ น ผ่ อ น

วิ ธี ท ำ
n 1
สู ต ร P = A t1   t
1 i
จากโจทย์ P = 450,000 A = 29,514 n = 24
แทนค่ า 45,000 = 29,514 (PVIFA ที ่ n = 24 i = ?)
450,000
(PVIFA ที ่ n = 24 i = ?)= 29,514
= 15.2470
เปิ ดตาราง PVIFA ที ่ n = 24 และค่ า ในตารางเท่ า กับ 15.2470 จะได้ว ่ า i = 4% จึ ง สรุ ป ได้ว ่ า ถ้า ซื ้ อเงิ น ผ่ อ นนายพิ
สิ ษ ฐ์ จ ะเสี ย ดอกเบี้ ย 4% ต่ อ เดื อ นหรื อ 48% ต่ อ ปี

.
ตัว อย่ า ง นางสาว ก กำลัง ซื ้ อจัก รเย็บ ผ้า ซึ่ งผู ้ข ายเสนอเงื ่ อ นไขว่ า ถ้า ซื ้ อเงิ น สดราคา 20,000 บาท แต่ ถ ้า จะผ่ อนก็ ต ้อ งผ่ อนเดื อนละ 1,10
0 บาท เป็ นเวลา 2 ปี ( ไม่ มี เ งิ น ดาวน์ ) จงหาอัต ราดอกเบี้ ยต่ อ ปี ที ่ น างสาว ก . จะต้องเสี ยถ้าซื้ อเงิ น ผ่ อน
วิ ธี ท ำ
n 1
สู ต ร P = A t 1
1  i t
จากโจทย์ P = 20,000 A = 1,100 n = 24
แทนค่ า 20,000 = 1,100 (PVIFA ที ่ n = 24 i = ?)
20,000
(PVIFA ที ่ n = 24 i = ?)= 1,100
= 18.1818
เปิ ดตาราง PVIFA ที ่ n = 24 เพื ่ อ หาค่ า ในตารางที ่ เ ท่ า 18.1818 ปรากฏว่ า ไม่ ม ี ค ่ า ใดตรงพอดี ม ี แ ต่ ใ กล้เ คี ย ง ดัง นี้
18.9139 2%
18.1818 ? ค่ า ในตาราง 18.9139 ตรงกั บ ค่ า i = 2%
ค่ า ในตาราง 17.8849 ตรงกั บ ค่ า i = 2.5%
17.8849 2.5%
นั ่น คื อ ค่ า ในตารางลดลง (18.9139-17.8849) = 1.0290
ค่ า i จะเพิ ่ ม ขึ้ น = 0.5%
ถ้า ค่ า ในตารางลดลง (18.9139-18.1818) = 0.7321
0.5  0.7321
ค่ า i จะเพิ ่ ม ขึ้ น = = 0.36%
1.0290
ถ้า ซื ้ อเงิ น ผ่ อ นก็ จ ะเสี ย ดอกเบี้ ย = 2 + 0.36 = 2.36% ต่ อเดื อ น
= 2.36  12 = 28.32% ต่ อ ปี
finance1.doc
17

2. การค ำนวณระยะเวลา
ในการค ำนวณหาระยะเวลาหรื อ จ ำนวนงวดที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อจ่ า ยนั้ น มี ว ิ ธี ห าโดยอาศัย สู ต รหาเงิ น รวมและสู ต รหาค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมได้เ ช่ น
กัน ซึ่ งนัก ศึ ก ษาพึ ง สั ง เกตให้ ด ี ก ว่ า จะใช้สู ต รใด ดัง นี้
เมื ่ อ ทราบค่ า ของเงิ น รวมของค่ า รายปี (S n ) เงิ น งวด (A) และอัต ราดอกเบี ้ ยทบต้น ต่ อ งวด (i)
n

Sn = A  1  i 
nt
สู ต รที ่ ใ ช้ค ื อ
t 1

เมื ่ อ ทราบค่ า ของเงิ น ต้น หรื อค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี (P) เงิ น งวด (A) และอัต ราดอกเบี้ ยทบต้น ต่ อ งวด (i)
n 1
สู ต รที ่ ใ ช้ คื อ P = A t1   t
1 i

ตัว อย่ า ง นางอิ ศ รางค์ฝ ากเงิ น ก ับ ธนาคารทุ ก เดื อ น ๆ ละ 2,000 บาท อัต ราดอกเบี้ ยทบต้น 6% ต่ อปี เมื ่ อ เวลาผ่านไประยะหนึ่ ง นางอิ ศ รางค์
ไปตรวจบัญ ชี ด ู พ บว่ า มี เ งิ น อยู ่ 64,560 บาท อยากทราบว่ า นางอิ ศ รางค์ฝ ากเงิ น นานเท่ าไร
วิ ธี ท ำ
n

Sn = A  1  i 
nt
สู ต ร
t 1
6 1
จากโจทย์ Sn = 64,560 A= 2,000 i= 12 = 2 % ต่ อ เดื อน
1
แทนค่ า 64,560 = 2,000 (CVIFA ที ่ i = 2 % n= ?)
1 64 ,560
(CVIFA ที ่ i= 2 % n=?) = 2,000
= 32.28
1
เปิ ดตาราง CVIFA ที ่ i= % และค่ า ในตารางเท่ า กับ 32.28 จะพบว่า ตรงกับ ค่ า n = 30 จึ งสรุ ป ได้ว ่านางอิ ศ รางค์
2
1
ฝากเงิ น กับ ธนาคารเป็ นเวลา 30 เดื อ น หรื อ 2 ปี
2

ตัว อย่ า ง นายกอบชัย กู ้เ งิ น จากเพื ่ อ นคนหนึ่ งเป็ นจ ำนวนเงิ น 10,000 บาท โดยเพื ่ อนคิ ด ดอกเบี้ ยทบต้น ในอัต รา 12% ต่ อปี และนายกอบชัย
จะต้อ งส่ ง เงิ น งวดให้ เ พื ่ อ นทุ ก เดื อ น เดื อ นละ 1,725.50 อยากทราบว่ า นายกอบชัย ต้อ งส่ งเป็ นเวลากี ่ ปี หนี้ สิ น ดังกล่ า วถึ ง จะหมด
วิ ธี ท ำ
n 1
สู ต ร P = At 1
1  i t
12
จากโจทย์ P = 10,000 A= 1,725.50 i= 12 = 1%
แทนค่ า 10,000 = 1,725.50 (PVIFA ที ่ i = 1% n= ?)
10,000
(PVIFA ที ่ i = 1% n = ?) = 1,725.50
= 5.7954
เปิ ดตาราง PVIFA ที ่ i= 1% และค่ า ในตารางเท่ า กับ 5.7954 จะพบว่ า ค่ า n= 6 จึ ง สรุ ป ได้ว ่ า
1
นายกอบชัย จะต้อ งส่ ง เงิ น ให้ เ พื ่ อ นเพื ่ อ ใช้ ห นี ้ เป็ นเวลา 6 เดื อ นหรื อ ปี
2
finance1.doc
18
การค ำนวณเงิ น งวด
ในทางปฏิ บ ัต ิ เ ราอาจอยากทราบจ ำนวนเงิ น ที ่ จ ะสะสมเป็ นงวด ๆ งวดละเท่ า ๆ กัน เพื ่ อ ให้ ไ ด้เ งิ น จ ำนวนหนึ่ งที ่ ต ้อ งการในอนาคต
เพื ่ อ นำไปใช้จ ่ า ยเป็ นทุ น การศึ ก ษาบุ ต ร หรื อเพื ่ อ น ำไปซื ้ อทรั พ ย์สิ น ต่ า งๆ ที ่ ต ้อ งการในขณะเดี ย วก ัน บางครั้ งเราก็ อ ยากทราบจ ำนวนเงิ น ที ่ ต ้อ ง
ผ่ อ นชำระคื น เงิ น ต้น และดอกเบี ้ ยให้ แ ก่ เ จ้า หนี้ โดยจะชำระคื น เป็ นงวด ๆ ละเท่ า ๆ กัน ตามระยะเวลา และอัต ราดอกเบี ้ ยที ่ ต กลงก ัน ไว้เ ช่ น กัน
ซึ่ งการที ่ จ ะหาจ ำนวนเงิ น ที ่ จ ะสะสมเป็ นงวด ๆ และหาจ ำนวนเงิ น ที ่ ผ ่ อ นชำระคื น เงิ น กู ้เ ป็ นงวดๆ นี้ ต้อ งอาศัย วิ ธี ก ารค ำนวณหาเงิ น งวดที ่ จ ะ
กล่ า วถึ ง ต่ อ ไปนี้
ในการค ำนวณหาเงิ น งวดนี้ ก็ ม ี ว ิ ธี ห าโดยสู ต รหาเงิ น รวมและสู ต รหาค่ า ปั จ จุ บ ัน รวม เช่ น เดี ย วก ัน กับ การค ำนวณหาอัต ราดอกเบี้ ยและ
ระยะเวลา ที ่ ก ล่ า วไปแล้ว
โดยที ่ เมื ่ อ ทราบเงิ น รวมของค่ า รายปี (S n ) อัต ราดอกเบี้ ย (i) และจำนวนงวดหรื อ ระยะเวลาที ่ ได้รั บ หรื อ จ่ า ยเงิ น (n) สู ต รที ่ ใ ช้
คื อ
n

Sn = A  1  i 
nt

t 1

และเมื ่ อ ทราบเงิ น ต้น หรื อค่ า ปั จ จุ บ ัน รวมของค่ า รายปี (P) อัต ราดอกเบี้ ย (i) และจำนวนงวดหรื อระยะเวลาที ่ ไ ด้ร ั บ หรื อจ่ า ยเงิ น
(n) สู ต รที ่ ใ ช้ คื อ
n 1
P = A t1   t
1 i
ตัว อย่ า ง นายบุ ญ เกี ย รติ ม ี โ ครงการจะสร้ า งบ้า นราคา 1,000,000 บาทในอี ก 5 ปี ข้า งหน้า ดัง นั้ น นายบุ ญ เกี ย รติ จ ึ ง เริ ่ มสะสมเงิ น โดยคิ ด ไว้
ว่ า จะนำเงิ น ที ่ ส ะสมนั้ นฝากกับ ธนาคารพาณิ ช ย์แ ห่ ง หนึ่ งที ่ ใ ห้ ด อกเบี้ ยเงิ น ฝากแบบทบต้น ในอัต รา 7% ต่ อ ปี อยากทราบว่ า นายบุ ญ เกี ย รติ จ ะ
ต้อ งฝากเงิ น ปี ละเท่ า ใด จึ ง จะได้ค รบ 1,000,000 บาท เมื ่ อ สิ ้ น ปี ที ่ 5 นับ จากนี้
วิ ธี ท ำ
n

Sn = A  1  i 
nt
สู ต ร
t 1

จากโจทย์ Sn = 1,000,000 n= 5 i = 7%
แทนค่ า 1,000,000 = A(CVIFA ที ่ n = 5 i = 7%)
1,000,000 = A(5.7507)
1,000,000
A = 5.7507

บุ ญ เกี ย รติ ต ้อ งส่ ง ฝากธนาคารปี ละ 173,891.87 บาท


ตัว อย่ า ง ถ้า ต้อ งการเงิ น 125,779 บาท สำหรั บ ไว้ใ ช้ช ำระหนี้ ให้ ก ับ เจ้า หนี้ ในสิ ้ น ปี ที ่ 5 อยากทราบว่ า จะต้อ งสะสมเงิ น งวดละเท่ า ใด ถ้า
งวดดัง กล่ า วคื อ 6 เดื อ น โดยที ่ ธ นาคารคิ ด ดอกเบี ้ ยทบต้น ให้ ร ้ อ ยละ 10 ต่ อ ปี
วิ ธี ท ำ
n

Sn = A  1  i 
nt
สู ต ร
t 1

จากโจทย์ S n = 125,779 n = 10 i = 5%
แทนค่ า 125,779 = A(CVIFA ที ่ n = 10 i = 5%)
125,779 = A(12.5779)
A = 10,000 บาท
ต้อ งส่ ง ฝากธนาคารงวดละ 10,000 บาท
ตัว อย่ า ง นางสำอางค์ต ้อ งการซื ้ อบ้า นหลัง หนึ่ ง ซึ่ งมี ร าคาในขณะนี ้ คื อ 700,000 บาท โดยจะต้อ งจ่ า ยเงิ น ดาวน์ 30% ในวัน ที ่ ต กลงซื ้ อ
ส่ ว นที ่ เ หลื อ ก็ จ ะผ่ อ นกับ เจ้า หนี้ ทุ ก สิ ้ น ปี เป็ นเวลา 4 ปี เจ้า หนี้ คิ ด ดอกเบี้ ยทบต้น ในอัต ราร้ อ ยละ 8 ต่ อ ปี อยากทราบว่ า นางสำอางค์จ ะต้อ ง
ผ่ อ นชำระค่ า บ้า นที ่ เ หลื อ ทุ ก สิ ้ น ปี ปี ละเท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
finance1.doc
19
n 1
สู ต ร P = A t1 
1  i
t

จากโจทย์ ราคาเงิ น สดของบ้า นหลัง นี ้ = 700,000 บาท


จ่ า ยเงิ น ดาวน์ ไ ป 30% = 210,000 บาท
จำนวนเงิ น ที ่ ต ้อ งผ่ อ นส่ ง = 490,000 บาท
นั ่น คื อ P = 490,000 n = 4 i = 8%
แทนค่ า 490,000 = A(PVIFA ที ่ n = 4 i = 8%)
490,000 = A(3.3121)
A = 147,942.39 บาท
จะต้อ งผ่ อ นชำระค่ า บ้า นปี ละ 147,942.39 บาท
ตัว อย่ า ง นายธนาต้อ งการจะซื ้ อรถยนต์ค ัน หนึ่ ง ซึ่ งมี ร าคาเงิ น สด 800,000 บาท โดยบริ ษ ัท ผู ้ข ายให้ ว างเงิ น ดาวน์ 200,000 บาท ที ่ เ หลื อ
ผ่ อ นชำระทุ ก สิ ้ น เดื อ น เป็ นระยะเวลา 2 ปี ถ้า ผู ้ข ายคิ ด ดอกเบี ้ ยทบต้น ในอัต ราร้ อ ยละ 12 ต่ อ ปี อยากทราบว่ า นายธนาจะต้อ งผ่ อ นชำระเดื อ น
ละเท่ า ใด
วิ ธี ท ำ
n 1
สู ต ร P = A t1  t
1  i
= 800,000-200,000
จากโจทย์ จ ำนวนเงิ น ที ่ ต ้อ งผ่ อ นส่ ง
= 600,000 บาท
นั ่น คื อ P = 600,000 n = 24 งวด i = 1%
แทนค่ า 600,000 = A(PVIFA ที ่ n = 24 i = 1%)
600,000 = A(21.2433)
A = 600000/21.2433
= 28,244.20 บาท
จะต้อ งผ่ อ นชำระเดื อ นละ 28,244.20 บาท
ตัว อย่ า ง นายชาตรี ไ ด้ร ั บ มรดกมา 100,000 บาท เขาต้อ งการใช้เ งิ น จ ำนวนนี้ เพื ่ อ การศึ ก ษาในขั้ น อุ ด มศึ ก ษา 4 ปี ถ้า หากเขาฝากเงิ น จ ำนวน
นี้ ไว้ก ับ ธนาคารที ่ ใ ห้ ด อกเบี้ ยในอัต รา
1
7 2 % ต่ อ ปี และถ้าเขาต้อ งการจะถอนเงิ น จ ำนวนนี้ ออกมาเป็ นรายปี ครั้ งละเท่ าๆ กัน 4 ปี ติ ด ต่ อ กัน อยากทราบว่ า เขาจะถอนเงิ น ได้ปี ละ
เท่ า ใดจึ ง จะถอนได้ห มดบัญ ชี พ อดี
วิ ธี ท ำ
n 1
สู ต ร P = At 1
1  i t
1
จากโจทย์ P = 100,000 n = 4 i = 7 2 %
1
แทนค่ า 100,000 = A(PVIFA ที ่ n = 4 i = 7 2 % )
100,000 = A(3.3493)
100,000
A = 3.3493
= 29,856.99
นายชาตรี จะถอนเงิ น ได้ปี ละ 29,856.99 บาท
finance1.doc
20

การค ำนวณส่ ว นลดเงิ น สด


วงการธุ ร กิ จ ปั จ จุ บ ัน เต็ ม ไปด้ว ยการแข่ ง ข ัน จึ ง นิ ย มขายสิ น ค้า เป็ นเงิ น เชื ่ อ ก ัน เป็ นส่ ว นใหญ่ ทั้ ง นี้ เพื ่ อ เป็ นการเปิ ดโอกาสให้ ก ั บ ผู ้ซื ้ อ
ที ่ ห มุ น เงิ น สดไม่ ท ัน แต่ ม ี เ ครดิ ต ดี จ ะได้ส ามารถซื ้ อสิ น ค้า ได้ และนอกจากนี ้ ในแง่ ข องผู ้ข ายเองก็ เ พื ่ อ เป็ นการดึ ง ดู ด ใจลู ก ค้า ให้ ม าซื ้ อสิ น ค้า ก ับ
ตนด้ว ย
อย่ า งไรก็ ด ี เมื ่ อ มี ก ารขายสิ น ค้า เป็ นเงิ น เชื ่ อ สิ ่ ง ที ่ ต ามมาก็ ค ื อ ค่ า ใช้ จ ่ า ยเกี ่ ย วกับ การเรี ย กเก็ บ หนี้ สภาพคล่ อ งของธุ ร กิ จ ผู ้ข ายที ่ ล ดลง
ตลอดจนค่ า สู ญ เสี ย โอกาสในการท ำกำไรของธุ ร กิ จ ผู ้ข ายอาจเนื ่ อ งจากการที ่ ไ ม่ ส ามารถนำเงิ น ที ่ ผ ู ก พัน อยู ่ ก ับ ลู ก หนี้ ไปลงทุ น ได้ ดัง นั้ น ธุ ร กิ จ ผู ้
ขายจึ ง คิ ด วิ ธี ท ี ่ จ ะช่ ว ยย่ น ระยะเวลาการช ำระเงิ น จากลู ก หนี้ ให้ เ ร็ ว ขึ้ น ซึ่ งวิ ธี ห นึ่ งก็ ค ื อ การให้ ส่ ว นลดเงิ น สดกั บ ลู ก หนี้ ที ่ ช ำระเงิ น ค่ า สิ น ค้า
ภายในระยะเวลาที ่ ก ำหนดให้ เช่ น ผู ้ข ายอาจจะก ำหนดเงื ่ อ นไขว่ า ถ้า ผู ้ซื ้ อชำระเงิ น ภายใน 10 วัน นับ จากว ัน ที ่ รั บ สิ น ค้าไป ผู ้ข ายจะให้ส ่ วนลด
2% แต่ ถ ้าหลังจาก 10 วัน ไปแล้ว ผู ้ซื้ อจะต้อ งจ่ า ยเงิ น เต็ ม จ ำนวนค่ าสิ น ค้า ตามที ่ ระบุ ไ ว้ใ นใบก ำกับ สิ น ค้า ภายใน 30 วัน นับ จากวัน ที ่ รั บ
สิ น ค้า ไป
กล่ า วโดยสรุ ป ส่ ว นลดเงิ น สด (Cash Discount) ก็ ค ื อ จำนวนเงิ น ที ่ ผ ู ้ข ายสิ น ค้า จะลดราคาให้ ก ั บ ผู ้ซื ้ อสิ น ค้า อัน เนื ่ อ งมาจาก
การที ่ ผ ู ้ซื ้ อสิ น ค้า นำเงิ น มาช ำระค่ า สิ น ค้า ดัง กล่ า วภายในช่ ว งเวลาที ่ ก ำหนดให้ ซึ่ งโดยทั ่ว ไปนิ ย มก ำหนดเป็ นเปอร์ เ ซ็ น ต์ ต ่ อ ราคาสุ ท ธิ
อนึ่ ง เนื ่ อ งจากในทางปฏิ บ ัต ิ ไ ด้ม ี ก ารก ำหนดเงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น กัน หลายแบบ ดัง นั้ น ในการค ำนวณหาสวนลดเงิ น สด ผู ้ค ำนวณ
ควรที ่ จ ะต้อ งรู ้ จ ัก เงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น เสี ย ก่ อ น ดัง นี้
เงื ่ อ นไขการชำระเงิ น (Credit Term) จะประกอบไปด้วย
1. อัต ราส่ วนลดเงิ น สด (Cash discount) หมายถึ ง อัต ราส่ วนลดเงิ น สดที ่ ผ ู ้ข ายจะลดให้ก ับ ผู ้ซื้ อ ถ้าผู ้ซื้ อจ่ ายค่ าสิ น ค้า ใน
ช่ ว งกำหนดเวลาที ่ ไ ด้ร ั บ ส่ ว นลด เช่ น อัต ราส่ ว นลดเป็ น 2% หมายความว่ า ถ้า ผู ้ซื ้ อซื ้ อสิ น ค้า ในราคา 100 บาท ผู ้ซื ้ อจะได้ร ั บ ส่ ว นลด 2 บาท
โดยจะจ่ า ยเงิ น เป็ นค่ า สิ น ค้า เพี ย ง 98 บาท โดยที ่ ผ ู ้ซื ้ อจะต้อ งชำระเงิ น ภายในก ำหนดเวลาที ่ จ ะได้ร ั บ ส่ ว นลดการค้า ด้ว ย
2. กำหนดระยะเวลาที ่ จ ะได้รั บ ส่ วนลด (Cash discount period) หมายถึ งช่ วงเวลาที ่ ผ ู ้ซื้ อจะได้รั บ ส่ วนลดถ้าจ่ า ย
ชำระค่ า สิ น ค้า ในก ำหนดเวลานี้ เช่ น เงื ่ อ นไขก ำหนดว่ า ถ้า จ่ า ยเงิ น ภายใน 10 วัน จะได้ร ั บ ส่ ว นลด 2% สามารถเขี ย นได้อ ย่ า งย่ อ ๆ ว่ า 2/10,1
/20 ก็ จะหมายความว่ า ผู ้ซื้ อจะได้ส่ วนลด 2% ถ้าชำระหนี้ ภายใน 10 วัน หรื อจะได้รั บ ส่ วนลด 1% ถ้าชำระหนี้ เกิ น กว่ า 10 วัน แต่ อ ยู่
ภายใน 20 วัน
3. กำหนดระยะเวลาช ำระหนี้ (Credit period) หมายถึ งระยะเวลาตั้ ง แต่ เ ริ ่ มเป็ นหนี้ จนถึ ง วัน ที ผ ู ้ซื้ อต้อ งจ่ า ยชำระหนี้ เต็ม
จำนวนที ่ ร ะบุ ไ ว้ ซึ่ งในทางปฏิ บ ัต ิ นิ ย มใช้ส ั ญ ลัก ษณ์ net หรื อ n และตามด้ว ยตัว เลขที ่ แ สดงภึ ง จ ำนวนว ัน ที ่ ผ ู ้ข ายอนุ ญ าตให้ ผ ู ้ซื ้ อค้า งชำระได้
เช่ น net 30 หรื อ n/30 ก็ จ ะหมายความว่ า ผู ้ซื ้ อจะต้อ งช ำระหนี้ ที ่ ร ะบุ ไ ว้ใ นใบก ำกับ สิ น ค้า ภายใน 30 วัน ดัง นั้ น ถ้า ต้อ งการเขี ย นเงื ่ อ นไข
การชำระเงิ น ที ่ ว ่ า ผู ้ข ายจะให้ ส ่ ว นลดแก่ ผ ู ้ซื ้ อ 2% ถ้า ชำระหนี้ ภายใน 10 วัน แต่ ถ ้า เกิ น กว่ า 10 วัน ไปแล้ว ผู ซ้ ื ้ อจะต้อ งจ่ า ยชำระหนี้ เต็ ม
จำนวนตามที ่ ร ะบุ ไ ว้ใ นใบก ำกับ สิ น ค้า ภายใน 30 วัน โดยใช้ส ั ญ ลัก ษณ์ จ ะเขี ย นได้ว ่ า 2/10 ,net 30
4. วัน เริ ่ มต้น กำหนดเวลาชำระหนี้ (The beginning of the credit period) หมายถึ ง วัน ที ่ จะใช้เ ริ ่ มนับ ก ำหนด
ระยะเวลาช ำระหนี้ ซึ่ งสามารถก ำหนดวัน เริ ่ มนับ ได้ห ลายแบบ ดัง นี้
4.1 ใช้ว ัน ที ่ ป รากฏในใบก ำกั บ สิ น ค้า ( The date of the invoice) ซึ่ งถื อ เป็ นแบบปกติ ธ รรมดาที ่ ว งการ
ค้า ขายนิ ย มก ัน มากที ่ สุ ด ดัง นั้ น ถ้า เงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น ใด ที ่ ไ ม่ ไ ด้ ระบะวัน เริ ่ มต้น นับ ก ำหนดเวลาช ำระหนี้ ไว้ก ็ ใ ห้ ถ ื อ ว่ า ใช้ว ัน ที ่ ป รากฎในใบ
2/10,n/30 ก็ ห มายความว่า ผู ้ซื้ อจะได้รั บ ส่ วนลด 2% ถ้าชำระหนี้ ภายใน 10 วัน นับ จากวัน ที ่ ป รากฎ
กำกับ สิ น ค้า เป็ นวัน เริ ่ มต้น นับ เช่ น
ในใบก ำกับ สิ น ค้า แต่ ถ ้า เกิ น กว่ า 10 วัน ไปแล้ว ผู ้ซื ้ อจะต้อ งจ่ า ยชำระหนี้ เต็ ม จำนวนตามที ่ ร ะบุ ไ ว้ใ นใบก ำกับ สิ น ค้า ภายใน 30 วัน นับ จาก
วัน ที ่ ป รากฏในใบก ำกับ สิ น ค้า เป็ นต้น
4.2 ใช้ว ัน สิ ้ น เดื อ น (The end of the moth/EOM) การกำหนดว ัน เริ ่ มต้น นับ ตามแบบนี้ หมายความว่ า
ในการกำหนดระยะเวลาการก ำหนดระะยเวลาการช ำระหนี้ ของการซื ้ อสิ น ค้า ภายในเดื อ นใดเดื อ นหนึ่ งจะเริ ่ มต้น นับ ตั้ ง แต่ ว ัน ที ่ 1 ของเดื อนถัด
ไป เช่ น 2/10 ,EOM,net 30 ก็ จ ะหมายความว่ า ผู ้ซื ้ อจะได้ร ั บ ส่ ว นลด 2% ถ้า ชำระหนี้ ภายใน 10 วัน นับ ตั้ ง แต่ ว ัน ที ่ 1 ของเดื อ นถัด
ไป แต่ ถ ้า เกิ น กว่ า 10 วัน ดัง กล่ า วไปแล้ว ผู ้ซื ้ อจะต้อ งจ่ า ยชำระหนี้ เต็ ม จำนวนตามที ่ ร ะบุ ไ ว้ใ นใบก ำกั บ สิ น ค้า ภายใน 30 วัน นับ จากวัน ที ่ ไ ด้ร ั บ
สิ น ค้า เป็ นต้น
ในการค ำนวณหาเงิ น ส่ ว นลดเงิ น สด สามารถท ำได้โ ดยใช้สู ต รต่ อ ไปนี้
finance1.doc
21

เงิ น ส่ ว นลดเงิ น สด = อัต ราส่ ว นลดเงิ น สด  ราคาสุ ทธิ


หรื อ
Dc = d c  Pt
โดยที ่ Dc = ( )
เงิ น ส่ ว นลดเงิ น สด บาท
dc = อัต ราส่ ว นลดเงิ น สด (%)
Pt = ราคาสุ ท ธิ
และเมื ่ อ ทราบค่ า ของเงิ น ส่ ว นลดเงิ น สดแล้ว จะสามารถหาราคาที ่ ผ ู ้ซื ้ อจะจ่ า ยให้ ก ั บ ผู ้ข ายได้โ ดยนำเอาส่ ว นลดเงิ น สดที ่ ห าได้นี้ ไป
หั ก ออกจากราคาสุ ท ธิ ข องสิ น ค้า ซึ่ งค่ า ที ่ ห าได้นี้ โดยปกติ ม ัก นิ ย มเรี ย กว่ า ราคาเงิ น สด (Cash price)
ราคาเงิ น สด = ราคาสุ ท ธิ - เงิ น ส่ วนลดเงิ น สด
หรื อ
Pc = Pc  D c
โดยที ่ Pc = ราคาเงิ น สด
ตัว อย่ า ง ถ้า ในใบก ำกับ สิ น ค้า ของสิ น ค้า ชนิ ด หนึ่ งลงวัน ที ่ 12 มิ ถ ุ น ายน จงหาว ัน สุ ด ท้ายที ่ ผ ู ้ซื ้ อที ่ น ำเงิ น มาช ำระหนี้ ค่ าสิ น ค้าจะได้รั บ ส่ วนลด
ถ้า เงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น เป็ น
ก . 2/15, net 45
ข . 2/15, EOM, net 45
ค . 2/15, ROG, net 45 และวัน ที ่ ผ ู ้ซื ้ อได้ร ั บ สิ น ค้า คื อ วัน ที ่ 18 มิ ถ ุ น ายน
วิ ธี ท ำ
จะใช้ ว ิ ธี น ับ แบบแท้จ ริ ง นั ่น คื อ
.
ก นับ จากว ัน ที ่ 12 มิ ถ ุ น ายนไปอี ก 15 วัน ก็ จะได้แ ก่ ว ัน ที ่ 27 มิ ถ ุ น ายน
ข. นับ จากว ัน สิ ้ น เดื อ นมิ ถ ุ น ายนไป 15 วัน หรื อ นั บ ตั้ ง แต่ ว ัน ที ่ 1 ของเดื อ นกรกฎาคมไป 14 วัน ( เพราะนับ รวมว ัน ที ่ 1
กรกฎาคมด้ว ย ) ก็ จ ะได้แ ก่ ว ัน ที ่ 15 กรกฎาคม
ค . นับ จากว ัน ที ่ ไ ด้ร ั บ สิ น ค้า คื อ วัน ที ่ 18 มิ ถ ุ น ายนไป 15 วัน ซึ่ งทำได้ด ัง นี้
มิ ถ ุ น ายน = 12 ( วัน ที ่ 18 ถึ ง วัน ที ่ 30)
กรกฎาคม = 3
 วัน สุ ด ท้า ยที ่ จ ะได้รั บ ส่ ว นลดคื อ วัน ที ่ 3 กรกฎาคม
ตัว อย่ า ง ถ้า ในใบก ำกับ สิ น ค้า ของสิ น ค้า ชนิ ด หนึ่ งลงวัน ที ่ 28 เมษายน และเงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น เป็ น 3/15, 2/20, EOM, n/30 จงหา
ว่ า
.
ก ถ้า ผู ้ซื ้ อจ่ า ยเงิ น ในวัน ที ่ 15 พฤษภาคม เขาจะได้รั บ ส่ วนลดกี ่ เ ปอร์ เ ซ็ น ต์
ข . ถ้า ผู ้ซื ้ อจ่ า ยเงิ น ในวัน ที ่ 17 พฤษภาคม เขาจะได้ร ั บ ส่ ว นลดกี ่ เ ปอร์ เ ซ็ น ต์
ค . วัน สุ ด ท้า ยที ่ ผ ู ้ซื ้ อจะได้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด
วิ ธี ท ำ
เนื ่ อ งจากเงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น เป็ น 3/15, 2/20, EOM, n/30 ซึ่ งมี ค ำว่า EOM ด้วย ดังนั้ นในการนับ ก ำหนดระยะเวลา
ที ่ ไ ด้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด และก ำหนดระยะเวลาช ำระหนี้ จึ ง ต้อ งเริ ่ มตั้ ง แต่ ว ัน ที ่ 1 ของเดื อ นถัด ไป ซึ่ งก็ ค ื อ วัน ที ่ 1 พฤษภาคม
ดัง นั้ นระยะเวลาที ่ ไ ด้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด 3% จึ ง นับ ตั้ ง แต่ ว ัน ที ่ 1 พฤษภาคมไปอี ก 14 วัน ก็ จ ะได้ว ่ า ว ัน สุ ด ท้า ยที ่ ผ ู ้ซื ้ อจะได้ร ั บ
ส่ ว นลด 3% คื อ ว ัน ที ่ 15 พฤษภาคม
วัน สุ ด ท้า ยที ่ ผ ู ้ซื ้ อจะได้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด 2% ก็ ค ื อ วัน ที ่ 20 พฤษภาคมและว ัน สุ ด ท้า ยที ่ ผ ู ้ซื ้ อจะค้า งชำระแก่ ผ ู ้ข ายได้ก ็ ค ื อ ว ัน ที ่
30 พฤษภาคม นั ่น คื อ
ก . ผู ซ้ ื ้ อจะได้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด 3%
finance1.doc
22

.
ข ผู ซ้ ื ้ อจะได้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด 2% เพราะวัน ที ่ 17 พฤษภาคม เป็ นวัน ที ่ อ ยู ่ระหว่ างวัน ที ่ 15 พฤษภาคม และวัน ที ่
20 พฤษภาคม
.
ค วัน ที ่ 20 พฤษภาคม เพราะถ้าเกิ น จากว ัน ที ่ 20 พฤษภาคมไปผู ้ซื้ อจะต้อ งช ำระค่ าสิ น ค้าเต็ม จำนวนแต่ ท ้ั งนี้ ทั้ งนั้ น
ก็ จ ะชำระเกิ น วัน ที ่30 พฤษภาคมไปไม่ ไ ด้
ตัว อย่ า ง ในวัน ที ่ 1 มิ ถ ุ น ายน บริ ษ ัท ขายส่ ง แห่ ง หนึ่ งได้จ ่ า ยค่ า สิ น ค้า ตามใบก ำกับ สิ น ค้า ไป 2 ใบ ใบแรกลงวัน ที ่ 15 พฤษภาคม ระบุ ร าคา
สิ น ค้า ไว้ 250 บาท ส่ ว นใบที ่ ส องว ัน ที ่ 23 พฤษภาคม ระบุ ร าคาสิ น ค้า ไว้ 325 บาท ถ้า เงื ่ อ นไขการช ำระเงิ น ทั้ ง 2 ใบคื อ 2/10,n/30
จงค ำนวณหาส่ ว นลดเงิ น สดและราคาเงิ น สดที ่ บ ริ ษ ัท นี ้ จ่ า ยไป
วิ ธี ท ำ
ใบก ำกับ สิ น ค้า ใบแรก จำนวนวัน ระหว่ า งว ัน ที ่ ร ะบุ ไ ว้ใ นใบก ำกั บ สิ น ค้า ถึ ง ว ัน ที ่ บ ริ ษัท จ่ า ยเงิ น ไปคิ ด ได้ด ัง นี้
พฤษภาคม = 16 วัน ( วัน ที ่ 15 ถึ งวัน ที ่ 31)
มิ ถ ุ น ายน = 1 วัน
รวม = 17 วัน
การชำระหนี้ ค่ า สิ น ค้า ตามใบก ำกับ สิ น ค้า ใบแรกจะไม่ ไ ด้ร ั บ ส่ ว นลดเพราะเกิ น กว่ า ที ่ เ งื ่ อ นไขระบุ ไ ว้ค ื อ 10 วัน บริ ษ ัท ขายส่ งแห่ งนี้
จึ ง ต้อ งจ่ า ยเงิ น ค่ า สิ น ค้า ไปเต็ ม จำนวนคื อ 250 บาท
ใบก ำกับ สิ น ค้า ใบที ่ ส อง จ ำนวนวัน ระหว่ า งวัน ที ่ 23 พฤษภาคม ถึ ง วัน ที ่ 1 มิ ถ ุ น ายนคื อ 9 วัน ดัง นั้ น บริ ษ ัท ขายส่ ง นี้ จึ ง ได้ร ั บ
ส่ ว นลด 2% ตามเงื ่ อ นไขซึ่ งสามารถค ำนวณได้ด ังนี้
สู ต ร Dc = d c  Pt
จากโจทย์ dc = 2% Pt = 325
แทนค่ า Dc = 0.02  325
ส่ ว นลดเงิ น สด = 6.50 บาท
สู ต ร Pc = Pt  Dc

จากโจทย์ Dc = 6.50 Pt =325


แทนค่ า Pc = 325 - 6.50
ราคาเงิ น สดที ่ บ ริ ษัท จ่ า ยไป 318.50 บาท
850 บาท มี เ งื ่ อนไขการช ำระเงิ น เป็ น 2/10, 1/30, EOM,net 60 ลู ก ค้าคนหนึ่ งซื้ อสิ น ค้านั้ นในวัน ที ่ 7
ตัว อย่ า ง สิ น ค้า ชิ ้ น หนึ่ งราคา
พฤษภาคม แต่ จ ่ า ยชำระเงิ น ในวัน ที ่ 20 มิ ถ ุ น ายน จงหาว่ า ลู ก ค้า คนนั้ นจะจ่ า ยชำระหนี้ ค่ า สิ น ค้า เท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
1 ถึ ง 20 มิ ถ ุ น ายน คื อ 20 วัน ดังนั้ นผู ้ข ายจะคิ ด ส่ วนลดให้ ล ู ก ค้าคนนี้ 1% ซึ่ งหาได้ด ังนี้
เนื ่ อ งจากจ ำนวนว ัน ตั้ ง แต่ ว ัน ที ่
สู ต ร Dc = d c  Pt
จากโจทย์ dc = 1% Pt = 850
แทนค่ า Dc = 0.01  850
ส่ ว นลดเงิ น สด = 8.50 บาท
สู ต ร Pc = Pt  Dc

จากโจทย์ Dc = 8.50 Pt =850


แทนค่ า Pc = 850 - 8.50
ลู ก หนี้ จะจ่ า ยชำระหนี้ ค่ า สิ น ค้า 841.50 บาท
finance1.doc
23

ตัว อย่ า ง ร้ า นค้า ปลี ก แห่ ง หนึ่ งเป็ นหนี้ ค่ า สิ น ค้า กั บ ร้ า นขายส่ ง แห่ ง หนึ่ งอยู ่ 3,200 บาท ถ้า ในใบก ำกับ สิ น ค้า ลงว ัน ที ่ 22 พฤศจิ ก ายน และ
เงื ่ อ นไขการชำระเงิ น คื อ 4/20, 2/30, net 60 อยากทราบว่ า ร้ านค้า ปลี ก แห่ งนี้ จ่ ายเงิ น ค่ าสิ น ค้าไปเท่ าไร ถ้า ในวัน ที ่ 12 ธัน วาคม ร้ าน
ค้า ปลี ก จ่ า ยค่ า สิ น ค้า ไปครึ่ งหนึ่ ง ส่ ว นอี ก ครึ่ งหนึ่ งจ่ า ยไปในว ัน ที ่ 20 ธัน วาคม
วิ ธี ท ำ
การค ำนวณหาเงิ น งวดแรก จ ำนวนวัน ระหว่ า งว ัน ที ่ 22 พฤศจิ ก ายน ถึ ง วัน ที ่ 12 ธัน วาคม คื อ (30 -222) + 12
= 20 วัน ดังนั้ น ร้ านค้า ปลี ก จะได้รั บ ส่ วนลดเงิ น สด 4% ของเงิ น ค่ าสิ น ค้า ที ่ จ่ ายไปครึ่ งแรก ซึ่ งหาได้ด ังนี้
สู ต ร Dc = d c  Pt
3,200
จากโจทย์ dc = 4% Pt = 2 = 1,600
แทนค่ า Dc = 0.04  1,600
ส่ ว นลดเงิ น สด = 64 บาท
สู ต ร Pc = Pt  Dc

จากโจทย์ Dc = 64 Pt =1,600
แทนค่ า Pc = 1,600 - 64
เงิ น งวดแรกที ่ จ ่ า ยไป 1,536 บาท
การค ำนวณหาเงิ น งวดที ่ ส อง จ ำนวนวัน ระหว่ า งวัน ที ่ 22 พฤศจิ ก ายน ถึ ง วัน ที ่ 20 ธัน วาคม คื อ (30-22)+20 = 28 วัน
ดัง นั้ น ร้ า นค้า ปลี ก จะได้ร ั บ ส่ ว นลดเงิ น สด 2% ของเงิ น ค่ า สิ น ค้า ที ่ ย ัง คงค้า งช ำระซึ่ งหาได้ด ัง นี้
สู ต ร Dc = d c  Pt
จากโจทย์ dc = 2% Pt = 3,200-1,600=1,600
แทนค่ า Dc = 0.02  1,600
ส่ ว นลดเงิ น สด = 32 บาท
สู ต ร Pc = Pt  Dc

จากโจทย์ Dc = 32 Pt =1,600
แทนค่ า Pc = 1,600 - 32
เงิ น งวดที ่ ส องที ่ จ ่ า ยไป 1,568 บาท
สรุ ป ได้ว ่ า ร้ า นค้า ปลี ก แห่ ง นี้ ชำระหนี้ ค่ า สิ น ค้า ไป
= 1,536 + 1,568
= 3,104 บาท
ตัว อย่ า ง ใบกำกั บ สิ น ค้า ใบหนึ่ งมี ข ้อ มู ล ของราคาขายปลี ก ของโทรทัศ น์ เ ครื ่ องละ 5,500 บาท ส่ ว นลดการค้า เป็ น 20/10 และเงื ่ อ นไขการ
ชำระเงิ น เป็ น 2/10 n/30 ถ้า ผู ้ซื ้ อโทรทัศ น์ เ ครื ่ อ งนี้ จ่ า ยเงิ น ภายในระยะเวลาที ่ ก ำหนดจนทำให้ ไ ด้ร ั บ ทั้ ง ส่ ว นลดเงิ น สดและส่ ว นลดการค้า
อยากทราบว่ า ผู ซ้ ื ้ อโทรทัศ น์ จ ่ า ยเงิ น ค่ า โทรทัศ น์ ไ ปเท่ า ไร
วิ ธี ท ำ
ในกรณี ท ี ่ ม ี ท ั้ ง ส่ ว นลดการค้า และส่ ว นลดเงิ น สด จะต้อ งหาส่ ว นลดการค้า ก่ อ น แล้ว จึ ง หาสวนลดเงิ น สดที ห ลัง ดัง นี ้
สู ต ร Pt = L(1- d t1 )(1 - d t2 )
= 5,500(1-0.20)(1-0.10)
= 5,500(0.80)(0.90)
ราคาสุ ท ธิ = 3,960 บาท
สู ต ร Dc = d c  Pt
= 0.02  3,960
finance1.doc
24

= 79.20 บาท
สู ต ร Pc = Pt  Dc

= 3,960-79.20
ค่ า โทรทัศ น์ เ ครื ่ อ งนี้ = 3,880.80 บาท
การค ำนวณส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น

ในการขายสิ น ค้า เป็ นเงิ น เชื ่ อ ผู ้ข ายจะเป็ นผู ้ร ั บ ความเสี ่ ย งต ่ อ หนี้ สู ญ ที ่ ผ ู ้ซื ้ อสิ น ค้า อาจบิ ด พลิ ้ ว ไม่ ย อมมาจ่ า ยชำระหนี้ ค่ า สิ น ค้า ดัง
นั้ น เพื ่ อ ความไม่ ป ระมาทผู ้ข ายสิ น ค้า จึ ง นิ ย มที ่ จ ะให้ ผ ู ้ซื ้ อออกเอกสารหรื อลงนามในเอกสารเพื ่ อ แสดงความเป็ นหนี ้ ไว้ก ับ ตน ซึ่ งเอกสารดัง
กล่ า วนี้ ในวงการธุ ร กิ จ รู ้ จ ัก ก ัน ดี ใ นชื ่ อ ของตั ๋ว เงิ น
ตั ๋ว เงิ น หรื อเอกสารเครดิ ต ที ่ ใ ช้แ ทนเงิ น วงการธุ ร กิ จ ทั ่ว ไป แบ่ ง ได้เ ป็ น 3 ประเภทคื อ
1. ตั ๋วสั ญ ญาใช้เ งิ น (Promissory note)
2. ตั ๋วแลกเงิ น (Bill of exchange)
3. เช็ ค (Check)

1. ตั ๋วสั ญ ญาใช้เ งิ น
ตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น คื อ หนัง สื อ ตราสารที ่ บ ุ ค คลผู ้ห นึ่ งซึ่ งเรี ย กว ่ า ผู ้อ อกตั ๋ ว ให้ ค ำมั ่น สั ญ ญาว่ า จะใช้เ งิ น จำนวนหนึ่ งให้ แ ก่ บ ุ ค คลอี ก
บุ ค คลหนึ่ ง หรื อ ให้ ใ ช้ ต ามค ำสั ่ ง ของบุ ค คลอี ก ผู ้ห นึ่ งซึ่ งเรี ย กว่ า ผู ้ร ั บ เงิ น
ตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น จะต้อ งมี ข ้อ ความดัง ต่ อ ไปนี้
1. ค ำที ่ ระบุ ว ่า ตราสารนี้ เป็ นตั ๋วสั ญญาใช้เ งิ น
2. ค ำมั ่น สั ญญาโดยปราศจากเงื ่ อนไขว่า จะใช้เ งิ น เป็ นจ ำนวนแน่ น อน
3. วัน ถึ งก ำหนดใช้เ งิ น
4. สถานที ่ ใ ช้เ งิ น
5. ชื ่ อหรื อยี ่ห ้อ ผู ้รั บ เงิ น
6. วัน และสถานที ่ ที ่ อ อกตั ๋วสั ญญาใช้เ งิ น
7. ลายมื อ ชื ่ อผู ้อ อกตั ๋ว
finance1.doc
25

ตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น
PROMISSORY NOTE
เลขที ่ _ __________ วัน ที ่ _ _______________
NO. DATE
ข้า พเจ้า ________________________________________________
NAME
ที ่ อ ยู ่ _ _________________________________________________
OF
สั ญ ญาจะใช้เ งิ น จ ำนวน ______________ บาท (___________________)
PROMISE TO PAY THE SUM OF BAHT
ให้ แ ก่ _ _______________________________________ หรื อ ตามค ำสั ่ ง
TO OR ORDER
ในวัน ที ่ _ ______________ ณ ธนาคาร ____________ สาขา __________
ON AT BRANCH
ใช้ไ ด้เ ป็ นอาว ัล
GOOD AS AVAL

______________________________________________ _____________
____________
วัน ที ่ ผู ้อ อกตั ๋ว
DATE MAKER SIGNATURE

5/29-50
ภาพ แสดงตัว อย่ า งของตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น
finance1.doc
26

2.ตั ๋วแลกเงิ น
ตั ๋ว แลกเงิ น คื อ หนัง สื อ ตราสารที ่ บ ุ ค คลผู ้ห นึ่ งซึ่ งเรี ย กว ่ ผู ้ส ั ่ ง จ่ า ย สั ่ ง บุ ค คลอี ก ผู ้ห นึ่ งซึ่ งเรี ย กว่ า ผู ้จ ่ า ยให้ ใ ช้เ งิ น แก่ บ ุ ค คลหนึ่ ง
หรื อให้ ใ ช้ต ามค ำสั ่ ง ของบุ ค คลหนึ่ งซึ่ งเรี ย กว่ า ผู ้ร ั บ เงิ น
ตั ๋ว เงิ น จะต้อ งมี ข ้อ ความดัง ต่ อ ไปนี้
1. ค ำที ่ ร ะบุ ว ่ า ตราสารนี้ เป็ นตั ๋ ว แลกเงิ น
2. ค ำสั ่ ง อัน ปราศจากเงื ่ อ นไขให้ ใ ช้เ งิ น จ ำนวนแน่ น อน
3. ชื ่ อ หรื อ ยี ่ ห ้ อ ผู ้จ ่ า ย
4. วัน ถึ ง กำหนดใช้เ งิ น
5. สถานที ่ ใ ช้เ งิ น
6. ชื ่ อ หรื อ ยี ่ ห ้ อ ผู ้ร ั บ เงิ น หรื อ ค ำจดแจ้ง ว่ า ให้ ใ ช้เ งิ น แก่ ผ ู ้ถ ื อ
7. วัน และสถานที ่ อ อกตั ๋ ว
8. ลายมื อ ชื ่ อ ผู ้ส ั ่ ง จ่ า ย

รั บ รองจ่ า ย ตั ๋ ว แลกเงิ น
เล่ ม ที ่ 145 BILL OF EXCHANGE เลขที ่ 7202
ชื ่ อ ผู ้ส ั ่ ง จ่ า ย _______________________ วัน ที ่ อ อกตั ๋ ว _______________
Drawer Date
ที ่ อ ยู ่ _ _________________________________________________
finance1.doc
27

Address
ถึ ง ผู ้จ ่ า ย ________________________________________________
Drawee
ที ่ อ ยู ่ _ _________________________________________________
Address
จ่ า ยเงิ น จำนวน ____________________________________________
Pay the sum of
ให้ ก ับ _________________________________________________
to the order of
ในวัน ที ่ _ ____________________
On
ณ _________________________
At
___________________________ _____________________
ผู ส้ ั ่ ง จ่ า ย Drawer

รั บ รองจ่ า ย Accepted

วัน ที ่ Date____________________________

ภาพ แสดงตัว อย่ า งตั ๋ ว แลกเงิ น

3.เช็ ค
เช็ ค คื อ หนัง สื อ ตราสารซึ่ งบุ ค คลหนึ่ งซึ่ งเรี ย กว ่ า ผู ้ส ั ่ ง จ่ า ย สั ่ ง ธนาคารให้ ใ ช้เ งิ น จ ำนวนหนึ่ งเมื ่ อ ทวงถามให้ แ ก่ บ ุ ค คลหนึ่ ง หรื อให้ ใ ช้
310 301320 1( )
ตามค ำสั ่ ง ของบุ ค คลอี ก คนหนึ่ งซึ่ งเรี ย กว่ า ผู ร้ ั บ เงิครุ
นฑ 25-310-02
เช็ ค จะต้อ งมี ข ้อ ความดัง ต่ อ ไปนี้ นครสวรรค์
1. ค ำที ่ ระบุ ว ่ าตราสารนี้ เป็ นเช็ ค วัน ที ่ . ...........................
2. ค ำสั ่ ง อัน ปราศจากเงื ่ อนไขให้ใ ช้เ งิ น จ ำนวนแน่ น อน Date
จ่ า ย .......................................................................................................................... หรื อผู ้ถ ื อ
Pay 3. ชื ่ อ หรื อ ยี ่ ห ้ อ ผู ้ร ั บ เงิ น หรื อ ค ำจดแจ้ง ว่ า ให้ ใ ช้ or bearer
จำนวนเงิ4. น ...........................................................................................................................
ชื ่ อ หรื อ ยี ่ ห ้ อ และสำนั ก งานของธนาคาร
The sum5.of สถานที ่ ใ ช้เ งิ น
บาท
6. วัน และสถานที ่ อ อกเช็ ค
...........................................................................................Baht
7. ลายมื ธนาคารกรุ
อ ชื ่ อ ผูง เทพ
้ส ั ่ ง จ่ าจำกั
ย ด
Bangkok Bank Limited
สาขาตาคลี 1068 อ . ตาคลี จ . นครสวรรค์
├ เช็ ค เลขที ่ Chg.No.┤ ├ สาขาเลขที ่ Branch No.┤
" ▀ 0251860" ▀ 02"310:
4kr7 ภาพภภาภาพ
finance1.doc
28

1.

ภาพ แสดงตัว อย่ า งของเช็ ต

2 ลัก ษณะ คื อ
อนึ่ ง ตั ๋ว เงิ น ดัง กล่ า วนี้ ยัง วสามารถจำแนกได้เ ป็ น
(1) ตั ๋วเงิ น ชนิ ด เปลี ่ ยนมื อ ไม่ ไ ด้ (Non-negotiable) ซึ่ งหมายถึ ง ตั ๋วเงิ น ที ่ ไม่ ส ามารถโอนเปลี ่ ยนชื ่ อผู ้รั บ เงิ น ได้ ดังนั้ น
ผู ร้ ั บ เงิ น จะต้อ งเป็ นผู ้ท ี ่ ม ี ช ื ่ อ ระบุ อ ยู ่ ใ นตั ๋ว เงิ น เท่ า นั้ น
(2) ตั ๋ว เงิ น ชนิ ด เปลี ่ ย นมื อ ได้ (Negotiable)
ซึ่ งหมายถึ ง ตั ๋ว เงิ น ที ่ ส ามารถโอนเปลี ่ ย นชื ่ อ ผู ้ร ั บ เงิ น ได้ ดัง นั้ นในกรณี ท ี ่ ผ ู ้ถ ื อ
ตั ๋ว หรื อผู ้ท รงตั ๋ว เกิ ด มี ค วามจ ำเป็ นหรื อ ต้อ งการจะใช้เ งิ น ขึ ้ นมา เขาก็ อ าจนำตั ๋ว เงิ น นี้ ไปขายให้ ก ั บ บุ ค คลอี ก บุ ค คลหนึ่ งได้ ซึ่ งโดยมากมัก จะ
ขายให้ แ ก่ ธ นาคารพาณิ ช ย์
สำหรั บ วิ ธี ก ารโอนเปลี ่ ย นมื อ สามารถท ำโดย ให้ ผ ู ้ท ี ่ ม ี ช ื ่ อ ระบุ ไ ว้ว ่ า เป็ นผู ้ร ั บ เงิ น ลงลายมื อ ชื ่ อ ของตนไว้ด ้า นหลัง ตั ๋ว เงิ น นั้ น ซึ่ ง
เรี ย กวิ ธี ก ารนี้ ว่ า “การสลัก หลัง ” แล้ว มอบตั ๋ว เงิ น ดัง กล่ า วให้ ก ับ ผู ้ร ั บ โอน หรื อผู ้ซื ้ อตั ๋ ว เงิ น นั้ น โดยผู ้ซื ้ อหรื อ ธนาคารจะหั ก เงิ น จ ำนวนหนึ่ งที ่
เรี ย กว่ า เงิ น ส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น ออกจากมู ล ค่ า ของตั ๋ ว เงิ น ในวัน ครบก ำหนด โดยที ่ ธ นาคารจะคิ ด เสมื อ นว่ า ให้ ก ู ้ย ื ม เงิ น จ ำนวนหนึ่ งที ่ ม ี จ ำนวนเท่ า กับ
มู ล ค่ า ของตั ๋ว เงิ น ในวัน ครบก ำหนด เป็ นระยะเวลาที ่ น ั บ จากวัน ที ่ ผ ู ้ข ายน ำตั ๋ว เงิ น มาขาย จนถึ ง ว ัน ที ่ ก ำหนดจ่ า ยเงิ น ที ่ ร ะบุ ไ ว้ห น้ า ตั ๋ว ด้ว ยอัต รา
ดอกเบี้ ยที ่ ธ นาคารก ำหนด ซึ่ งเรี ย กว่ า อัต ราส่ ว นลด

ดัง นั้ น จึ ง สรุ ป เป็ นสู ต รทั ่ว ไป สำหรั บ หาเงิ น ส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น ได้ด ัง นี้

เงิ น ส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น = เงิ น ถึ ง ก ำหนด  อัต ราส่ วนลดตั ๋วเงิ น  ระยะเวลา

หรื อ = Db S  db  t
โดยที ่ = Db เงิ น ส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น ( บาท )
S = เงิ น ถึ ง ก ำหนด หรื อ ราคาหรื อ มู ล ค่ า ของตั ๋ ว เงิ น ใน
วัน ครบก ำหนด (maturity value)
db = อัต ราส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น ( เปอร์ เ ซ็ น ต์ )
t = ระยะเวลาที ่ ค ิ ด ลด จะนับ จากว ัน ที ่ ผ ู ้ข ายน ำตั ๋ว เงิ น
มาขายนำตั ๋ ว เงิ น มาขายจนถึ ง วัน ถึ ง ก ำหนด ที ่ ร ะบุ ไว้ห น้ า ตั ๋ว
finance1.doc
29
และเมื ่ อ ทราบค่ า ของส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น แล้ว จะสามารถหาราคาหรื อ มู ล ค่ า ของตั ๋ ว เงิ น ที ่ ผ ู ้ข ายจะได้ร ั บ เมื ่ อ มี ก ารขายตั ๋ว เงิ น ก่ อ นครบ
กำหนดได้ด ัง นี้
มู ล ค่ า ตั ๋ ว เงิ น ณ วัน ที ่ ข ายลด = เงิ น ถึ ง ก ำหนด - เงิ น ส่ วนลดตั ๋วเงิ น
หรื อ
Pb = S - Db
โดยที ่ Pb = มู ล ค่ า หรื อ ราคาตั ๋ ว เงิ น ณ วัน ที ่ ข ายลด

ตัว อย่ า ง นายบุ ญ ตระกู ล ได้ร ั บ เช็ ค มาใบหนึ่ งจากลู ก ค้า ที ่ ซื ้ อสิ น ค้า ไป 210,000 บาท เช็ ค ใบนี้ มี ว ัน ถึ ง ก ำหนดเบิ ก ได้ใ นอี ก 6 เดื อ นข้า ง
2 เดื อน ธุ รกิ จของนายบุ ญตระกู ล เกิ ด ขาดแคลนเงิ น สดหมุ น เวี ยน นายบุ ญ ตระกูล จึ งตัด สิ น ใจน ำเช็ ค ใบนั้ นไปขายลด
หน้า และเมื ่ อ เวลาผ่ า นไป
กับ ธนาคาร ถ้า ธนาคารคิ ด อัต ราส่ ว นลด 12.5% ต่ อ ปี อยากทราบว่ า นายบุ ญ ตระกู ล จะได้ร ั บ เงิ น จากการขายลดเช็ ค ใบนั้ นเท่ า ไร

วิ ธี ท ำ 6 เดื อน
210,000 210,000
วัน ที ่ อ อกเช็ ค วัน ขายลดเช็ ค วัน ถึ ง ก ำหนด

ระยะเวลาคิ ด ลด
2 เดื อน 4 เดื อน

สู ต ร Db = S d b  t
4
จากโจทย์ S = 210,000 d b = 12.5% ต่ อ ปี t = 12

210,000  0.125  12
4
แทนค่ า Db =
เงิ น ส่ ว นลดตั ๋ว เงิ น = 8,750 บาท
สู ต ร Pb = S- Db
จากโจทย์ Db = 8,750 S = 210,000
แทนค่ า Pb = 210,000-8,750
= 201,250
นายบุ ญ ตระกู ล จะได้ร ั บ เงิ น จากการขายลดเช็ ค 201,250 บาท

15,000 บาท ลงวัน ที ่ 1 มิ ถ ุ น ายน 2531 จากนางสาวศรั ญ ญา


ตัว อย่ า ง นายฐานวุ ฒ ิ ไ ด้ร ั บ ตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น ฉบับ หนึ่ งมี จ ำนวนเงิ น หน้า ตั ๋ว
ซึ่ งเป็ นลู ก หนี้ และตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น ดัง กล่ า วมี ร ะยะเวลาครบก ำหนดชำระอี ก 90 วัน ข้า งหน้ า ต่ อ มาวัน ที ่ 15 กรกฎาคม 2531 นายฐานวุ ฒ ิ
ต้อ งการใช้เ งิ น จึ ง นำตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น ไปขายลดก ับ ธนาคาร ถ้า ธนาคารคิ ด อัต ราส่ ว นลด 12% ต่ อ ปี อยากทราบว่ า ธนาคารคิ ด เงิ น ส่ ว นลด
เท่ า ไร และนายฐานวุ ฒ ิ จ ะได้ร ั บ เงิ น จากการขายลดตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น นั้ นเท่ า ไร ( คิ ด แบบกฎของนายธนาคาร )
วิ ธี ท ำ
1
ตั ๋ว เงิ น ออกว ัน ที ่ มิ ถ ุ น ายน 2531
ครบกำหนดชำระใน 90 วัน ดังนั้ นวัน ถึ งก ำหนดคื อ วัน ที ่ 30 สิ งหาคม 2531
และระยะเวลาหรื อจ ำนวนว ัน ที ่ น ำมาคิ ด ลด คื อ
กรกฎาคม = 16 วัน ( วัน ที ่ 15 ถึ งวัน ที ่ 31)
สิ ง หาคม = 30 วัน
finance1.doc
30

รวม 46 วัน

90 วัน
15,000 15,000

วัน ออกตั ๋ ว วัน ที ่ ข ายลด วัน ถึ ง ก ำหนด


1/6/31 15/7/31 30/8/31

44 วัน 46 วัน
สู ต ร Db = sd
b
 t
46
จากโจทย์ S = 15,000 d b = 12% ต่ อ ปี t = 360
ปี

= 15,000  0.12  360


46
แทนค่ Db
ธนาคารคิ ด เงิ น ส่ ว นลด = 230 บาท
สู ต ร Pb = S- Db
จากโจทย์ Pb = 15,000 Db = 230
แทนค่ า Pb = 15,000-230
นายฐานวุ ฒ ิ จ ะได้ร ั บ เงิ น = 14,770 บาท

7.3-14 ร้ านขายส่ งของเล่ น แห่ งหนึ่ งได้รั บ ตั ๋วสั ญ ญาให้เ งิ น จากลู ก ค้า ลงวัน ที ่ 6 พฤศจิ ก ายน 2531 เพื ่ อเป็ นค่ าสิ น ค้า เป็ น
ตัว อย่ า ง
จำนวนเงิ น 50 ม 000 บาท อัต ราดอกเบี้ ย 8% ต่ อ ปี และวัน ถึ ง ก ำหนดคื อ 14 กุ ม ภาพัน ธ์ 2532 ถ้า ในวัน ที ่ 5 มกราคม 2532
ร้ า นขายส่ ง นำตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น ฉบับ นี้ ไปขายลดกั บ ธนาคารที ่ ค ิ ด อัต ราส่ ว นลด 10% ต่ อ ปี จงหา
ก . เงิ น ถึ ง ก ำหนดหรื อมู ล ค่ า ของตั ๋ว เงิ น ในวัน ครบก ำหนด
ข . เงิ น ส่ ว นลดที ่ ธ นาคารคิ ด ก ับ ร้ า นค้า ส่ ง แห่ ง นี้
ค . เงิ น ที ่ ร ้ า นขายส่ ง จะได้ร ั บ จากการขายลดตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น

.
ก การหาเงิ น ถึ ง ก ำหนดของตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น ที ่ ม ี ก ารคิ ด ดอกเบี ้ ยให้ ก ั บ ผู ้ถ ื อ ตั ๋ว ทำได้ด ัง นี้
วิ ธี ท ำ
เนื ่ อ งจากตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น มัก มี ร ะยะเวลาครบก ำหนดไม่ เ กิ น 1 ปี ดัง นั้ นการหาค่ า ของเงิ น เมื ่ อ ถึ ง ก ำหนดของตั ๋ส ั ญ ญาใช้เ งิ น
จึ ง ใช้ ว ิ ธี ก ารค ำนวณดอกเบี้ ยเชิ ง เดี ย ว ในเรื ่ องที ่8.1.1 มาหาได้ด ังนี้
สู ต ร I = Prt
t
หาค่ า ที ่ จ ะแทนในสู ต ร
พฤศจิ ก ายน = 24 ( วัน ที ่ 6 ถึ ง วัน ที ่ 30)
ธัน วาคม = 31
มกราคม = 31
กุ ม ภาพัน ธ์ = 14
รวม = 100
finance1.doc
31
100
จากโจทย์ P = 50,000 r = 8% t = 360
= 50,000  0.08  360
100
แทนค่ า I
= 1,111.11
จำนวนดอกเบี้ ยของตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น 1,111.11 บาท
สู ต ร S = P+I
จากโจทย์ P = 50,000 I = 1,111.11
แทนค่ า S = 50,000 + 1,111.11
= 51,111.11
เงิ น ถึ ง ก ำหนดของตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น 51,111.11 บาท
ข . หาเงิ น ส่ ว นลดตั ๋ว สั ญ ญาใช้เ งิ น
วิ ธี ท ำ
หาจำนวนว ัน ที ่ น ำมาคิ ด ลด ดัง นี้
มกราคม = 26( วัน ที ่ 5 ถึ งวัน ที ่ 31)
กุ ม ภาพัน ธ์ = 14
รวม = 40

100 วัน
50,000 51,111.11

วัน ออกตั ๋ ว วัน ที ่ ข ายลด วัน ถึ ง ก ำหนด


6/11/31 5/1/32 14/2/32

60 วัน 40 วัน
สู ต ร Db = S d b  t
40
จากโจทย์ S = 51,111.11 d b = 10% ต่ อ ปี t = 360

51,111.11  0.10  360


40
แทนค่ า Db =
= 567.90
เงิ น ส่ ว นลดที ่ ธ นาคารคิ ด มี ค ่ า 567.90 บาท
.
ค หามู ล ค่ า ตั ๋ว เงิ น ณ วัน ที ่ ข าย
วิ ธี ท ำ
สู ต ร pb = S- Db
จากโจทย์ S = 51,111.11 Db = 567.90
แทนค่ า pb = 51,111.11-567.90
= 50,543.21
finance1.doc
32

ร้ า นค้า ส่ ง จะได้ร ั บ เงิ น จากการขายลดตั ๋ ว สั ญ ญาใช้เ งิ น นี้ 50,543.21 บาท

You might also like