You are on page 1of 22

อารยธรรมโรมัน

ความเป็ น มา
อารยธรรมโรมัน เป็ นอารยธรรมที่สืบเนือ่ งมาจากอารยธรรมกรีก โดยชาวอิทรัสกันที่ยา้ ยถิ่นฐาน
มายังบริเวณคาบสมุทรอิตาลี โดยนาเอาความเชือ่ และศิลปวัฒนธรรมของกรีกเข้ามาด้วย
ต่อมาชาวละตินที่ถือเป็ นบรรพบุรษุ ของชาว
โรมันได้ขบั ไล่กษัตริยอ์ ิทรัสกันออกไป แล้วเกิดการ
รวมตัวกันในบริเวณที่เรียกว่า "ฟอรัม" ซึ่งถือเป็ น
ศูนย์กลางของเมืองและเป็ นจุดเริ่มต้นของกรุงโรม
ในเวลาต่อมา ชาวโรมันจึงได้รับเอาอารยธรมของ
ชาวกรีกมาเป็ นต้นแบบอารยธรรมของตนด้วย
ที่ ตั้ ง ทางภู มิ ศ าสตร์
อารยธรรมโรมันมีแหล่งกาเนิดจากบริเวณคาบสมุทรอิตาลี โดยมีลกั ษณะเป็ นแหลมยื่นลง
ไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ลักษณะภูมปิ ระเทศส่วนใหญ่จะเป็ นเทือกเขาและเนินเขา เช่น เทือกเขาแอลป์ และเทือกเขา
อเพนไนน์ ส่วนบริเวณที่ราบที่สาคัญ เช่น ที่ราบชายฝัง่ ทะเลติรเ์ รเนียน และที่ราบลุม่ ไทเบอร์
ภูมปิ ระเทศตอนกลางเป็ นคาบสมุทรเล็กๆ
ทาให้มกี ารตัง้ ถิ่นฐานกระจัดกระจาย พื้นที่
เกษตรมีไม่มาก เมือ่ ประชากรเพิ่มมากขึน้ ทาให้
ทาการเกษตรไม่เพียงพอ จึงเป็ นปั จจัยที่ทาให้
ชาวโรมันต้องขยายอาณาเขตไปยังดินแดนอื่นๆ
ที่ ตั้ ง ทางภู มิ ศ าสตร์
คาบสมุทรอิตาลีมภี มู อิ ากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน สภาพอากาศอบอุ่น มีฝนตกในฤดูหนาว
และอากาศแห้งแล้งในฤดูแล้ง
ดินแดนในคาบสมุทรอิตาลีมที รัพยากรแร่ธาตุอดุ ม
สมบูรณ์ นอกจากนัน้ ยังมีทรัพยากรป่ าไม้ แต่เนือ่ งจาก
ลักษณะของภูมปิ ระเทศทาให้มพี ื้นที่ไม่เพียงพอต่อการ
ตัง้ ถิ่นฐาน จึงต้องแย่งชิงกับชนกลุม่ อื่นๆ ขณะเดียวกัน
ยังสามารถเดินเรือค้าขายในทะเลเมิดเิ ตอร์เรเนียนได้
อย่างสะดวก
พั ฒ นาการของอารยธรรม
สมัยสาธารณรัฐ
ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ (Imperium) มีสภาซีเนตหรือสภาขุนนางเป็ นที่ปรึกษา โดยจะ
มีสมาชิกเป็ นชนชัน้ พาทรีเชียน
พาทรีเชียนเชือ้ สายละตินได้ขบั ไล่กษัตริยอ์ อก และตัง้ ระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ
ต่อมาราษฎรหรือพวกเพลเบียนได้พยายามเข้ามามีบทบาทในการปกครอง และได้มสี ิทธิ
เลือกผูน้ าของตัวเอง เรียกว่า "คณะทรีบนู "
450 ปี ก่อนคริสตกาล เกิดความขัดแย้งระหว่างชนชัน้ โดยพวกเพลเบียนเป็ นฝ่ ายได้รับ
ชัย ทาให้พวกพาทรีเชียนต้องออกกฎหมายเป็ นลายลักษณ์อกั ษร เรียกว่า
"กฎหมายสิบสองโต๊ะ"
พั ฒ นาการของอารยธรรม
สมัยสาธารณรัฐ
264 - 146 ปี ก่อนคริสตกาล กองทัพโรมันได้กอ่ สงครามฟิ นีเชียหรือสงครามพิวนิคกับ
อาณาจักรคาร์เทจ และสามารถทาลายอารยธรรมของพวกคาร์เทจได้ สาธารณะรัฐโรมัน
จึงขยายอานาจเข้าครอบครองดินแดนต่างๆ ทาการผูกขาดการค้าในทะเลเมดิเตอร์เร
เนียน รวมทัง้ รับแนวคิด ขนบธรรมเนียมประเพณีของกรีกในอดีตและสมัยเฮเลนิสติกเข้า
มาไว้
พั ฒ นาการของอารยธรรม
สมัยจักรวรรดิ
133 - 30 ปี ก่อนคริสตกาล มีการแย่งชิงอานาจระหว่างชนชัน้ ปกครองกับทหาร รัฐบาล
พยายามปฏิรปู การปกครองและสังคมแต่ไม่สาเร็จ
31 ปี ก่อนคริสตกาล ออคตาเวียน หลานชายและบุตรบุญธรรมของจูเลียส ซีซ่าร์ ได้ขนึ้ มา
เป็ นผูม้ อี านาจสูงสุดในโรม
27 ปี ก่อนคริสตกาล โรมเปลี่ยนการปกครองเป็ นระบอบจักรวรรดิ โรมันเจริญสูงสุดและ
มีอิทธิพลไปทัว่ ยุโรป ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกลายเป็ นของโรมัน มีการสร้างถนนไปทัว่
จักรวรรดิเพื่อลาเลียงสินค้าและทหาร ทาให้อารยธรรมโรมันแพร่ไปทัว่ ทั้ง 3 ทวีป ได้แก่
ยุโรป แอฟริกา และเอเชีย
พั ฒ นาการของอารยธรรม
สมัยจักรวรรดิ
ค.ศ. 96 - 180 เป็ นยุคแห่งความเจริญและสันติภาพ โด้รับการขนานนามว่า
"สันติภาพแห่งโรม"
ต่อมาจักรวรรดิโรมันประสบปั ญหามากมายรวมทัง้ เกิดการแย่งชิงอานาจระหว่างทหาร
และราชวงศ์ มีการก่อม็อบ และอื่นๆ
ค.ศ.312 ศาสนาคริสต์ถกู ยอมรับเป็ นศาสนาประจาจักรวรรดิ และได้ขยายอิทธิพลไปทัว่
ยุโรป มีการสร้างกรุงคอนสแตนติโนเปิ ลทางตะวันออกของจักรวรรดิ เพื่อเป็ นเมืองหลวง
อีกแห่ง ต่อมาถูกเรียกว่าจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine)
พั ฒ นาการของอารยธรรม
สมัยจักรวรรดิ
ค.ศ. 476 จักรวรรดิโรมันตะวันตกถูกปล้น และจักรพรรดิถกู ขับออกจากบัลลังก์ ซึ่งถือ
เป็ นการสิ้นสุดจักรวรรดิตะวันตก
ค.ศ. 1453 จักรวรรดิไบแซนไทน์ ถูกพวกเติรก์ เข้ายึดครองและถูกรวมเข้าเป็ นส่วนหนึง่
ของจักรวรรดิออตโตมัน
มรดกทางวั ฒ นธรรม
ศิลปวัฒนธรรมโรมันมีรากฐานมาจากกรีก โดยมีการดัดแปลงและสร้างนวัตกรรมให้
สอดคล้องกับความต้องการของพวกเขา และชาวโรมันยังประสบความสาเร็จในการจัดระบบ
การเมืองเมืองการปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สดุ ในโลก
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นสถาปั ต ยกรรม
สถาปั ตยกรรมส่วนใหญ่ของอารยธรรมโรมันจะเน้นความใหญ่โต แข็งแรง ทนทาน และ
สร้างอาคารต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการของรัฐและสาธาณชน
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นสถาปั ต ยกรรม
โคลอสเซียม
เป็ นสนามกีฬาการสูก้ นั ระหว่างกลาดิเอเตอร์ หรือ
กลาดิเอเตอร์กบั สัตว์รา้ ย

เซอร์คสั แม็กซิมสั
เป็ นสนามแข่งม้า ผูช้ นะการแข่งขันจะได้รับการยกย่องเป็ น
วีรบุรษุ ของการกีฬา
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นสถาปั ต ยกรรม
เธอเม
เป็ นสถานที่อาบนา้ สาธารณะ ถูกสร้างมาเพื่อให้ผใู้ ช้บริการ
สามารถมาออกกาลังกาย อ่านหนังสือ และพักผ่อน

สะพานส่งน้า
ถูกสร้างมาเพื่อส่งนา้ วันละประมาณ 8,505 ล้านลิตร
เพื่อส่งให้ชาวเมืองใช้
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นสถาปั ต ยกรรม

ถนน
ใช้ในการคมนาคมขนส่งและเคลื่อนทัพ

วิหารแพนธีออน
อาคารประตูโค้ง ที่มหี ลังคาทรงโดม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 43 เมตร นับเป็ นความสาเร็จเชิงวิศวกรรมอย่างยิ่ง
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นจิ ต รกรรม
และประติ ม ากรรม
จิตรกรรมของชาวโรมันถูกค้นพบจากซากเมืองปอมเปอี สตาบิเอ และ เฮอร์คิวเลนุม ซึ่งถูก
ถล่มทับด้วยลาวาจากภูเขาไฟวิสเุ วียส โดยงานจิตรกรรมที่พบจะเป็ นจิตรกรรมผาฝนัง
ประติมากรรมของโรมันรับอิทธิพลมากจากชาวอีทรัสกันและกรีกยุคเฮเลนิสติก แสดงถึง
ลักษณะที่ถกู ต้องทางกายภาพ เป็ นแบบอุดมคติที่เรียบง่าย แต่ดเู ข้มแข็งมาก
ศิลปิ นโรมันได้สร้างปะติมากรรมที่มคี วามสมจริงตามธรรมชาติ และประสบความสาเร็จใน
การสลักรูปเหมือนที่สะท้อนบุคลิกภาพและอารมณ์ความรูส้ ึกของมนุษย์
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นจิ ต รกรรม
และประติ ม ากรรม
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นภาษา
และวรรณกรรม
ชาวโรมันพัฒนาภาษาละตินจากตัวพยัญชนะในภาษากรีกที่พวกอีทรัสกันนามาใช้
วรรณกรรมระยะแรกเป็ นบันทึกพงศาวดาร กฎหมาย ตาราการทหาร และการเกษตร
ต่อมาจึงมีการแต่งงานประพันธ์เป็ นของตนเอง

อิเนียด
รูปสลักของซิเซโร
มรดกทางวั ฒ นธรรม ด้ า นกฎหมาย
ระยะแรกโรมันไม่ได้เขียนเป็ นลายลักษณ์อกั ษรและไม่เป็ นระบบ แต่มลี กั ษณะกลมกลืนไป
กับศาสนา ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็ นกฎหมายบ้านเมือง จนในที่สดุ ก็ได้มกี ารตรากฎหมายสิบสองโต๊ะ
ซึ่งประมวลกฏหมายโรมันนีเ้ ป็ นรากฐานประมวลกฎหมายของประเทศต่างๆ ถือเป็ นมรดกลา้
ค่าของโลกตะวันตก
บุ ค คลสาคั ญ ของโรมั น

จูเรียส ซีซาร์
เป็ นผูน้ าของชาวโรมันในสมัยสาธารณรัฐ เป็ นผูน้ าทาง
หารทหาร ถือว่าเป็ นวีรบุรษุ คนสาคัญของโรมันในด้านการบ
และทาให้ดนิ แดนโรมันขยายกว้างขวาง
บุ ค คลสาคั ญ ของโรมั น

อิมแปราตอร์ ไกซาร์ ดีวี ฟีลิอ ุส เอาก ุสต ุส


หลังจากสาธารณรัฐโรมันได้พฒ ั นาจนกลายเป็ นจักรวรรดิ
โรมัน พระองค์ทรงขึน้ เป็ นเป็ นจักรพรรดิคนแรก และปกครอง
จักรวรรดิโรมันในช่วง 27 ปี ก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็ นช่วงยุคทอง
ของโรมัน
รู้ ห รื อ ไม่ ?
ปฏิทินที่เราใช้กนั ทัว่ โลกอยูใ่ นทุกวันนีเ้ ริ่มต้นมาจาก 'ปฏิทินโรมัน' ซึ่งปฏิทินนีม้ กี าร
เปลี่ยนแปลงหลายครั้งในระหว่างช่วงก่อตัง้ กรุงโรม จนถึงยุคอาณาจักรโรมันล่มสลาย เดิม
ปฏิทินโรมันเป็ นปฏิทินจันทรคติ
ปฏิทินจันทรคติในหนึง่ เดือนจะนับตามการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์คือประมาณ 29.5
วัน ดังนัน้ จึงมีการกาหนดเดือนเป็ น 2 แบบ คือ เดือนขาด มี 29 วัน และ เดือนเต็ม มี 30 วัน

You might also like