You are on page 1of 151

ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร

Chinese for Communication

วารุณี สุวรรณจ่าง

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
2561
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร
Chinese for Communication

วารุณี สุวรรณจ่าง
MTCSOL (การสอนภาษาจีนแก่ชาวต่างชาติ)

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
2561
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)
ผู้เขียนและเรียบเรียง นางสาววารุณี สุวรรณจ่าง
ภาพหน้าปกถ่ายโดย นางสาววารุณี สุวรรณจ่าง
พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2561
จานวนเล่มที่พิมพ์ 400 เล่ม
พิมพ์ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา 160 หมู่ 4 ถนนกาญจนวนิช
ตาบลเขารูปช้าง อาเภอเมือง
จังหวัดสงขลา 90000
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

คํานํา
ตําราภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication) เล่มนี้ผู้เขียนได้เรียบเรียงขึ้น
เพื่อให้ผู้สนใจศึกษาวิชาภาษาจีนเพื่อการสื่อสารได้นําไปศึกษาเรียนรู้ ผู้เขียนได้ใช้ประสบการณ์ในการ
สอนวิชาภาษาจีนเพื่อการสื่อสารมาปรับปรุงเนื้อหาเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยยึดแนวทางจาก
จุดประสงค์รายวิชาและคําอธิบายรายวิชามากําหนดเป็นขอบข่ายวิชาและเนื้อหา ผู้เขียนได้ศึกษา
ค้นคว้าและเรียบเรียงจากแหล่งความรู้หลายแหล่ง เช่น จากตําราที่ผู้เชี่ยวชาญได้แต่งไว้ รวมทั้งแหล่ง
ความรู้จากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ทําให้ครอบคลุมเนื้อหามากขึ้น เนื้อหาในตําราเล่มนี้ประกอบด้วย
สัทอักษรจีน การทักทาย การแนะนําตัว ครอบครัว สัญชาติ สถานที่ อาหารจีน การซื้อของ วัน เดือน
ปี และเวลา โดยแต่ละบทจะแบ่งหัว ข้อ สํา คัญ คือ คํา ศัพ ท์ คู่ส นทนา บทเรีย น คํา ศัพ ท์เ พิ่ม เติม
บทเรียนเพิ่มเติม คําอธิบาย หลักภาษา วัฒนธรรมจีน และแบบฝึกหัด
ผู้เขียนขอขอบพระคุณคณาจารย์ทุกท่านที่ได้เขียนตําราและหนังสือต่าง ๆ ที่ผู้เขียนได้ใช้เป็น
แหล่งค้นคว้าและอ้างอิงในการเขียนตําราเล่มนี้ โดยผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตําราเล่มนี้จะทําให้
ผู้อ่านเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาจีนเพื่อการสื่อสารได้เป็นอย่างดี

วารุณี สุวรรณจ่าง
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
2561
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

สารบัญ
หน้า
คํานํา ก
สารบัญ ข
สารบัญตาราง ฌ
บทที่ 1 ภาษาจีนกลาง 1
สัทอักษรจีน 1
พยัญชนะ 1
พยัญชนะพิเศษ 2
สระเดี่ยว 2
สระเดี่ยวพิเศษ 2
สระผสม 3
การออกเสียงพินอิน 4
วรรณยุกต์ 5
หลักการใส่เครือ่ งหมายวรรณยุกต์ 5
อักษรจีน 5
เส้นขีดตัวอักษรจีน 6
ชื่อเรียกเส้นขีดตัวอักษรจีน 7
รูปแบบพื้นฐานโครงสร้างอักษรจีน 8
รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 10
ระเบียบกฎเกณฑ์การเขียนตัวอักษรจีน 12
ระเบียบการเขียนลําดับขีดเพิ่มเติม 13
ชื่อย่อจีวิภาค 14
ตัวเลข 15
วัฒนธรรมจีน 16
แบบฝึกหัด 18
สรุป 20

สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 2 การทักทาย 23
คําศัพท์ใหม่ 23
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

คู่สนทนา 24
บทเรียน 24
คําศัพท์เพิ่มเติม 25
บทเรียนเพิ่มเติม 25
คําอธิบาย 26
หลักภาษา 28
วัฒนธรรมจีน 30
แบบฝึกหัด 31
สรุป 34
บทที่ 3 การแนะนําตัว 37
คําศัพท์ใหม่ 37
คู่สนทนา 38
บทเรียน 38
คําศัพท์เพิ่มเติม 38
บทเรียนเพิ่มเติม 39
คําอธิบาย 39
หลักภาษา 41
วัฒนธรรมจีน 43
แบบฝึกหัด 44
สรุป 46
บทที่ 4 ครอบครัว 49
คําศัพท์ใหม่ 49
คู่สนทนา 50
บทเรียน 50
คําศัพท์เพิ่มเติม 51
บทเรียนเพิ่มเติม 51
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
คําอธิบาย 51
หลักภาษา 53
วัฒนธรรมจีน 54
แบบฝึกหัด 55
สรุป 57
บทที่ 5 สัญชาติ 59
คําศัพท์ใหม่ 59


ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

คู่สนทนา 60
บทเรียน 60
คําศัพท์เพิ่มเติม 60
บทเรียนเพิ่มเติม 61
คําอธิบาย 61
หลักภาษา 63
วัฒนธรรมจีน 66
แบบฝึกหัด 67
สรุป 69
บทที่ 6 สถานที่ 71
คําศัพท์ใหม่ 71
คู่สนทนา 72
บทเรียน 72
คําศัพท์เพิ่มเติม 72
บทเรียนเพิ่มเติม 73
คําอธิบาย 73
หลักภาษา 75
วัฒนธรรมจีน 77
แบบฝึกหัด 78
สรุป 80

สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 7 อาหารจีน 83
คําศัพท์ใหม่ 83
คู่สนทนา 84
บทเรียน 84
คําศัพท์เพิ่มเติม 85
บทเรียนเพิ่มเติม 85
คําอธิบาย 86
หลักภาษา 87
วัฒนธรรมจีน 90
แบบฝึกหัด 91
สรุป 93
บทที่ 8 การซื้อของ 95


ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

คําศัพท์ใหม่ 95
คู่สนทนา 96
บทเรียน 96
คําศัพท์เพิ่มเติม 96
บทเรียนเพิ่มเติม 97
คําอธิบาย 98
หลักภาษา 99
วัฒนธรรมจีน 100
แบบฝึกหัด 101
สรุป 104
บทที่ 9 วัน เดือน ปี 107
คําศัพท์ใหม่ 107
คู่สนทนา 108
บทเรียน 108
คําศัพท์เพิ่มเติม 109
บทเรียนเพิ่มเติม 109
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
คําอธิบาย 110
หลักภาษา 112
วัฒนธรรมจีน 113
แบบฝึกหัด 114
สรุป 117
บทที่ 10 เวลา 119
คําศัพท์ใหม่ 119
คู่สนทนา 120
บทเรียน 120
คําศัพท์เพิ่มเติม 121
บทเรียนเพิ่มเติม 121
คําอธิบาย 122
หลักภาษา 123
วัฒนธรรมจีน 125
แบบฝึกหัด 126
สรุป 129


ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บรรณานุกรม 131
ประวัติผเู้ ขียน 133


ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
1.1 พยัญชนะภาษาจีน 21 เสียง 1
1.2 พยัญชนะพิเศษ 2 เสียง 2
1.3 สระเดี่ยว 6 เสียง 2
1.4 สระเดี่ยวพิเศษ 3 เสียง 2
1.5 สระผสม 29 เสียง 3
1.6 การออกเสียงพินอิน 4
1.7 วรรณยุกต์ 4 รูป 5 เสียง 5
1.8 หลักการใส่เครือ่ งหมายวรรณยุกต์ในภาษาจีน 5
1.9 ชื่อเรียกเส้นขีดตัวอักษรจีน 7
1.10 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 1 10
1.11 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 2 11
1.12 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 3 11
1.13 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 4 12
1.14 ระเบียบกฎเกณฑ์การเขียนตัวอักษรจีน 12
1.15 ตัวเลข 15
9.1 การเทียบเคียงวัน 110
9.2 การเทียบเคียงเดือน 111
10.1 การบอกเวลาในภาษาจีน 125
10.2 การบอกช่วงเวลาในภาษาจีน 126
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 1
Dì yī kè

第一课
ภาษาจีนกลาง
Pǔ tōng huà

普通 话
ภาษาจีนกลางเป็นภาษาหนึ่งซึ่งมีความสาคัญต่อโลกในยุคปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นประเทศ
ที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ ประเทศจีนเป็นประเทศมหาอานาจทางเศรษฐกิจ
ของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการที่ประเทศจีนมีประชากรมากที่สุดในโลก ทาให้
ภาษาจีนเป็นภาษาที่คนทั่วโลกใช้กันมากรองลงมาจากภาษาอังกฤษ
ภาษาจี น กลาง เรี ย กอีกอย่างว่า “แมนดาริ น ” ประกอบด้ว ย สั ทอักษรจีน และอักษรจี น
สัทอักษรจีนเป็นเครื่องมือในการออกเสียง ส่วนอักษรจีนเป็นเครื่องมือในการเขียน การเรียนภาษาจีน
กลางให้เข้าใจควรเริ่มจากการออกเสียงสัทอักษรจีนก่อน หลังจากนั้นค่อยฝึกเขียนเส้นขีดอักษรจีน
Pīn yīn

สัทอักษรจีน (拼音)
สัทอักษรจีน เรียกอีกอย่างว่า “pinyin” (พินอิน) เป็นระบบการถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐาน
ด้วยตัวอักษรโรมัน บางตัวอ่านออกสี ยงคล้ายคลึ งกับภาษาไทย แต่บางตัวก็อ่านออกเสียงต่างกับ
ภาษาไทยโดยสิ้นเชิง สัทอักษรจีนประกอบด้วย พยัญชนะภาษาจีน 21 เสียง พยัญชนะพิเศษ 2 เสียง
สระเดี่ยว 6 เสียง สระเดี่ยวพิเศษ 3 เสียง สระผสม 29 เสียงและวรรณยุกต์ 4 รูป 5 เสียง
Shēng mǔ
พยัญชนะ ( 声 母)
ตารางที่ 1.1 พยัญชนะภาษาจีน 21 เสียง ประกอบด้วย
วิธีการออกเสียง พยัญชนะ (เทียบเสียงภาษาไทย)
1.เสียงริมฝีปาก b (ปอ) p (พอ) m (มอ) f (ฟอ)
2.เสียงปลายลิ้น d (เตอ) t (เทอ) n (เนอ) l (เลอ)
3.เสียงเพดานอ่อน g (เกอ) k (เคอ) h (เฮอ)
4.เสียงเพดานแข็ง j (จี) q (ชี) x (ซี)
5.เสียงด้านหน้าปลายลิ้น z (จือ) c (ชือ) s (ซือ)
6.เสียงปลายลิ้น zh (จรือ) ch (ชรือ) sh (ซรือ) r
(ยรือ)
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Tè shū shēng mǔ
พยัญชนะพิเศษ (特殊 声 母)
ตารางที่ 1.2 พยัญชนะพิเศษ 2 เสียง ประกอบด้วย
พยัญชนะพิเศษ เทียบเสียงภาษาไทย
y อี
w อู
Dān yùn mǔ

สระเดี่ยว (单韵母)
ตารางที่ 1.3 สระเดี่ยว 6 เสียง ประกอบด้วย
สระเดี่ยว เทียบเสียงภาษาไทย
a อา
o ออ
e เออ
i อี
u อู
ü อวี
Tè shū dān yùn mǔ
สระเดี่ยวพิเศษ (特殊单韵母)
ตารางที่ 1.4 สระเดี่ยวพิเศษ 3 เสียง ประกอบด้วย
สระเดี่ยวพิเศษ เทียบเสียงภาษาไทย
er เออร์
ê เอ
-i อือ

Fù yùn mǔ
สระผสม (复韵母)
ตารางที่ 1.5 สระผสม 29 เสียง ประกอบด้วย

2
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

สระเดี่ยว สระผสม (เทียบเสียงภาษาไทย)


a (อา) ai (อาย) ao (อาว) an (อาน) ang (อาง)
o (ออ) ou (โอว) ong (อง)
e (เออ) ei (เอย) en (เอิน) eng (เอิง)
i (อี) ia (อียา) iao (เอียว) ian (เอียน) iang (เอียง)
ie (เอีย) iu (อิว) in (อิน) ing (อิง) iong (อิ
ยง)
u (อู) ua (อวา) uo (อัว) uan (อวาน) uang (อวาง)
uai (อวาย) ui (อุย) un (อุน) ueng (เวิง)
ü (อวี) üe (เว) ün (อวิน) üan (เวียน)

จากตารางการออกเสียงพยัญชนะและสระภาษาจีน จะเห็นได้ว่า พยัญชนะและสระภาษาจีน


จะมีลักษณะการออกเสียงที่แตกต่างจากภาษาอังกฤษ เช่น พยัญชนะ “b” ไม่ได้อออกเสียง “บี”
แต่ออกเสียง “ปอ” หรือ สระ “a” ไม่ได้ออกเสียง “เอ” แต่อออกเสียง “อา” เป็นต้น

3
4
การออกเสียงพินอิน
ตารางที่ 1.6 การออกเสียงพินอิน ประกอบด้วย
韵母
a o e ê ‐ i ei ai ei ao ou an en a ng e ng ong i ia ia o ie iu ia n in ia n g in g io n g u ua uo ua i ui ua n un ua ng ü üe üa n ün
声母

b ba bo bai bei bao ban ben bang beng bi biao bie bian bin bing bu

p pa po pai pei pao pou pan pen pang peng pi piao pie pian pin ping pu

m ma mo me mai mei mao mou man men mang meng mi miao mie miu mian min ming mu

f fa fo fei fou fan fen fang feng fu

d da de dai dei dao dou dan den dang deng dong di diao die diu dian ding du duo dui duan dun

t ta te tai tao tou tan tang teng tong ti tiao tie tian ting tu tuo tui tuan tun

n na ne nai nei nao nou nan nen nang neng nong ni niao nie niu nian nin niang ning nu nuo nuan nü nüe

l ja le lai lei lao lou lan lang leng long li lia liao lie liu lian lin liang ling lu luo luan lun lü lüe

z za ze zi zai zei zao zou zan zen zang zeng zong zu zuo zui zuan zun

c ca ce ci c ai c ao c ou c an c en c ang c eng c ong cu c uo c ui c uan c un

s sa se si sai sao sou san sen sang seng song su suo sui suan sun
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

zh zha zhe zhi zhai zhei zhao zhou zhan zhen zhang zheng zhong zhu zhua zhuo zhuai zhui zhuan zhun zhuang

ch c ha c he c hi c hai c hao c hou c han c hen c hangc hengc hong c hu c hua c huo c huai c hui c huan c hunc huang

sh sha she shi shai shei shao shou shan shen shang sheng shu shua shuo shuai shui shuan shun shuang

r re ri rao rou ran ren rang reng rong ru rua ruo rui ruan run

j ji jia jiao jie jiu jian jin jiang jing jiong ju jue juan jun

q qi qia qiao qie qiu qian qin qiang qing qiong qu que quan qun

x xi xia xiao xie xiu xian xin xiang xing xiong xu xue xuan xun

g ga ge gai gei gao gou gan gen gang geng gong gu gua guo guai gui guan gun guang

k ka ke kai kei kao kou kan ken kang keng kong ku kua kuo kuai kui kuan kun kuang

h ha he hai hei hao hou han hen hang heng hong hu hua huo huai hui huan hun huang

y ya ye yao you yan yang yong yi yin ying yu yue yuan yun

w wa wo w ai w ei w an w en w ang w eng wu
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shēngdiào
วรรณยุกต์ ( 声 调)
ตารางที่ 1.7 วรรณยุกต์ 4 รูป 5 เสียง ประกอบด้วย
วรรณยุกต์ รูปวรรณยุกต์ วิธีเขียน เทียบเสียงภาษาไทย
เสียงที่ 1 ˉ ซ้าย-ขวา สามัญ
เสียงที่ 2 ˊ ล่าง-บน (ขวา) จัตวา
เสียงที่ 3 ˇ บน-ล่าง-บน เอก
เสียงที่ 4 ˋ บน-ลาง (ขวา) โท
เสียงที่ 5 ไม่มี ไม่มี เสียงเบา
หลักการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ในภาษาจีน
1. ใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์บนสระเดี่ยว 6 ตัว โดยเรียงตามลาดับ a o e i u ü และ
เครื่องหมายวรรณยุกต์ต้องอยู่ตาแหน่งตรงกลาง
2. การใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์บนสระ i ให้เอาจุดด้านบนออก
3. การใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์บนสระผสม iu ให้วางเครื่องหมายวรรณยุกต์บนสระ u
เท่านั้น
ตารางที่ 1.8 หลักการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ในภาษาจีน ประกอบด้วย
สระเดี่ยว สามัญ จัตวา เอก โท
a ā á ǎ à
o ō ó ǒ ò
e ē é ě è
i ī í Ǐ ì
u ū ú ǔ ù
ü ǖ ǘ ǚ ǜ

Hàn zì

อักษรจีน (汉字)
อักษรจีนคือ อักษรภาพ เป็นอักษรที่เกิดจากภาพวาดและวิวัฒนาการมาเป็นตัวอักษรจีนที่
นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยแต่ละเส้นไม่สามารถนามาผสมแล้วอ่านออกเสียงเป็นภาษาจีนได้ แต่ต้องใช้
ความจาเป็นตัวอักษร ซึ่งตัวอักษรหนึ่งอาจจะเกิดจากเส้นขีดหลาย ๆ เส้นประกอบกัน

5
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

fán tǐ zì
อักษรจีนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ อักษรจีนแบบตัวเต็ม “繁体字” และอักษรจีนแบบ
jiǎn tǐ zì
ตัวย่อ “简体字” ปัจจุบันคนจีนแผ่นดินใหญ่ใช้อักษรจีนแบบตัวย่อ เนื่องจากจานวนเส้นน้อยลง
สามารถจาได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่ใช้อักษรจีนแบบตัวเต็ม เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เป็นต้น
ฝ่ายวิชาการสานักพิมพ์แมนดารินเอดูเคชั่น (2556, หน้า 40) ได้ให้ความหมายของตัวอักษรจีนว่า
ตัวอักษรจีน ก็คือตัวอักษรที่ได้วิวัฒนาการจากอักษรรูปภาพอันเก่าแก่ที่ได้พบเจอระหว่างการเรียนภาษาจีน
การเรียนตัวอักษรจีนนับเป็นการเริ่มต้นของผู้เรียนที่จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมจีนอย่างแท้จริง ซึ่งตัวอักษรจีน
เป็นหนึ่งในตัวอักษรที่มีประวัติยาวนานที่สุดของโลก มีวิวัฒนาการมา 5,000 กว่าปี โดยมีจานวนผู้ใช้ภาษาจีน
ถึงหนึ่งในสี่ของโลก ตัวอักษรจีนนับว่ามีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อวัฒนธรรมจีน
หลายพันปีที่ผ่านมา ตัวอักษรจีนมีวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาหลายครั้งและค่อย ๆ
เปลี่ยนจนมาเป็นตัวหนังสือจีนมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสามารถแบ่งช่วงวิวัฒนาการของ
ตัวอักษรจีนเป็นช่วงใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
1. ภาษาที่แกะสลักบนกระดองเต่า (สมัยยิน สมัยชาง) 甲骨文(殷代,商
代)
2. ภาษาจารึกบนเครื่องทองเหลือง (ซีโจว ชุนชิว) 金文 (西周,春秋)
3. ตัวอักษรจ้วน (จั้นกว๋อ ต้าจ้วน – ฉิน เสี่ยวจ้วน) 篆书(战国 大篆 – 秦
小篆)
4. ตัวอักษรลี่ (ราชวงศ์ฮั่น) 隶书 (汉朝)
5. ตัวอักษรข่าย (ตัวเต็ม) 楷书(繁体)
6. ตัวอักษรข่าย (ตัวย่อ) 楷书(简体)
Hàn zì bǐ huà

เส้นขีดตัวอักษรจีน (汉字笔画)
อักษรจีนประกอบด้วยเส้นขีดตั้งแต่ 1-64 ขีด เส้นขีดแต่ละเส้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
ในพจนานุกรมจะเรียงอักษรตามหมวดและจานวนขีด อักษรจีนบางตัวมีจานวนเส้นขีดมากและเขียน
ยาก ดั งนั้ น การเขีย นอักษรจี น ต้อ งเขีย นตามล าดับเส้ นขีดให้ ถูกต้ องและเว้นระยะห่ า งเท่า ๆ กั น
นอกจากนี้ยังต้องรู้ความหมายและการออกเสียงตัวอักษรจีนแต่ละตัว ซึ่งอาจต้องใช้ความจามากกว่า
ภาษาอื่น ทาให้คนส่วนใหญ่คิดว่า ภาษาจีนเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่ง

6
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Hàn zì bǐ huà míng chēng biǎo


ชื่อเรียกเส้นขีดตัวอักษรจีน (汉字笔画 名 称 表)
ตารางที่ 1.9 ชื่อเรียกเส้นขีดตัวอักษรจีน

ลาดับ เส้นขีด ชื่อเรียก ตัวอย่าง


序号 笔画 名称 例子
1 横 héng 三
2 竖 shù 中
3 撇 piě 力
4 点 diǎn 六
5 捺 nà 文
6 提 tí 红
7 横折 héng zhé 马
8 横撇 héng piě 水
9 横钩 héng gōu 买
10 横折钩 héng zhé gōu 刀
11 横折提 héng zhé tí 说
12 横折弯 héng zhé wān 朵
13 横折折 héng zhé zhé 凹
14 横折斜钩 héng zhé xié gōu 飞
15 横折弯钩 héng zhé wān gōu 九
16 横撇弯钩 héng piě wān gōu 那
17 横折折撇 héng zhé zhé piě 及
18 横折折折 héng zhé zhé zhé 凸

7
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ลาดับ เส้นขีด ชื่อเรียก ตัวอย่าง


序号 笔画 名称 例子
19 横折折折钩 héng zhé zhé gōu 奶
20 竖提 shù tí 很
21 竖折 shù zhé 山
22 竖钩 shù gōu 小
23 竖弯 shù wān 四
24 竖弯钩 shù wān gōu 儿
25 竖折撇 shù zhé piě 专
26 竖折折 shù zhé zhé 鼎
27 竖折折钩 shù zhé zhé gōu 鸟
28 撇点 piě diǎn 女
29 撇折 piě zhé 云
30 斜钩 xié gōu 我
31 弯钩 wān gōu 了
32 卧钩 wò gōu 心
Hàn zì jié gòu jī běn lèi xíng
รูปแบบพื้นฐานโครงสร้างอักษรจีน (汉字结构基本类型)
ตัวอักษรจีนส่วนใหญ่มีส่วนประกอบ 2 ส่วนหรือ 2 ส่วนขึ้น ไป มีโครงสร้างหลัก 4 โครงสร้าง
ดังต่อไปนี้
zuǒ yòu jié gòu
1. โครงสร้างซ้ายขวา(左 右结构)
เขียนจากด้านซ้ายก่อนเขียนด้านขวา เช่น

8
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

shàng xià jié gòu


2. โครงสร้างบนล่าง( 上 下结构)
เขียนจากด้านบนก่อนเขียนลงมาด้านล่าง เช่น

nèi wài jié gòu


3. โครงสร้างนอกใน(内 外结构)
เขียนจากด้านนอกก่อนเขียนเข้าด้านใน เช่น

แต่ก็มีข้อยกเว้นพิเศษสาหรับตัวอักษรจีนบางตัว ที่ต้องเขียนจากด้านในก่อนเขียนด้านนอก เช่น

zōng hé jié gòu


4. โครงสร้างผสม( 综 合结构)

9
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

การเขียนยึดตามกฎเกณฑ์เดิมด้านบนคือ เขียนจากด้านซ้ายก่อนเขียนด้านขวา เขียนจาก


ด้านบนก่อนเขียนลงมาด้านล่าง เขียนจากด้านนอกก่อนเขียนด้านใน เพียงแต่โ ครงสร้างดังกล่าว
ถูกผสมผสานอยู่ในอักษรจีนตัวเดียวกัน เช่น

Hàn zì jiān jià jié gòu zǒng biǎo

รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน (汉字间架结构 总 表)
ตารางที่ 1.10 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 1

รูปแบบโครงสร้าง ตัวอย่าง สัดส่วนโครงสร้าง


结构类型 例字 间架比例
แบบเดี่ยว สี่เหลี่ยมจัตุรัส
木水
独体 方正
ซ้าย–ขวาเท่ากัน
群朋
左右相等
โครงสร้างซ้าย–ขวา ซ้ายแคบ–ขวากว้าง
伟提
左右结构 左窄右宽
ซ้ายกว้าง–ขวาแคบ
刚数
左宽右窄

ตารางที่ 1.11 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 2

10
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

รูปแบบโครงสร้าง ตัวอย่าง สัดส่วนโครงสร้าง


结构类型 例字 间架比例
ซ้าย-กลาง–ขวาเท่ากัน
哪 街
โครงสร้างซ้าย–กลาง–ขวา 左中右相等
左中右结构 ซ้าย-กลาง–ขวาไม่เท่ากัน
谢翻
左中右不等
บน–ล่างเท่ากัน
思架
左右相等
โครงสร้างบน–ล่าง บนเล็ก-ล่างใหญ่
丽笔
上下结构 左窄右宽
บนใหญ่-ล่างเล็ก
您点
左宽右窄

ตารางที่ 1.12 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 3

รูปแบบโครงสร้าง ตัวอย่าง สัดส่วนโครงสร้าง


结构类型 例字 间架比例
บน-กลาง–ล่างเท่ากัน
累意
โครงสร้างบน–กลาง–ล่าง 上中下相等
上中下结构 ซ้าย-กลาง–ขวาไม่เท่ากัน
赛曼
上中下不相等
โครงสร้างล้อมรอบ ล้อมรอบ
图因
全包围结构 全包
ซ้ายบนล้อมขวาล่าง
床康
โครงสร้างล้อมครึ่งเดียว 左上包右下
半包围结构 ซ้ายล่างล้อมขวาบน
送建
左下包右上

11
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ตารางที่ 1.13 รูปแบบสัดส่วนโครงสร้างอักษรจีน 4

รูปแบบโครงสร้าง ตัวอย่าง สัดส่วนโครงสร้าง


结构类型 例字 间架比例
ซ้ายล้อมขวา
匡医
左包右
ขวาบนล้อมซ้ายล่าง
包句
โครงสร้างล้อมครึ่งเดียว 右上包左下
半包围结构 บนล้อมล่าง
问同
上包下
ซ้ายล่างขวาล้อมส่วนบน

左下右包上
โครงสร้างสมส่วนกัน สมส่วนกัน
坐爽
对称结构 对称
โครงสร้างแบบตัว 品 เฉลี่ย 3 ส่วนเท่ากัน
晶磊
品字形结构 三匀

Hàn zì bǐ shùn guī zé biǎo

ระเบียบกฎเกณฑ์การเขียนตัวอักษรจีน (汉字笔 顺 规则表)


ตารางที่ 1.14 ระเบียบกฎเกณฑ์การเขียนตัวอักษรจีน

ระเบียบการเขียน อักษรตัวอย่าง ลาดับขีด


规则 例字 笔顺

เขียนเส้นขวางก่อนเส้นตั้ง 十
先横后竖

เขียนเส้นซ้ายก่อนเส้นขวา 八

12
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ระเบียบการเขียน อักษรตัวอย่าง ลาดับขีด


规则 例字 笔顺
先撇后捺 天

เขียนเส้นบนก่อนเส้นล่าง 三
从上到下

เขียนด้านซ้ายก่อนเขียนด้านขวา 地
从左到右

เขียนด้านนอกก่อนเขียนเข้าด้านใน 月
从外到内

เขียนด้านนอกเข้าหาด้านในเสร็จแล้วจึงปิด 日
先里边后封口

ส่วนกลางก่อนสองข้าง 小
先中间后两边

Bǔ chōng guī zé
ระเบียบการเขียนลาดับขีดเพิ่มเติม (补 充 规则)
1. ระเบียบการเขียน “ ”คือ การเขียนเป็นขีดแรกเมื่อ “ ”อยู่ตาแหน่งตรงกลางหรือ
guǎng tóu
ด้านซ้ายของส่วนบนตัวอักษร เช่น 广 และ 头

13
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

และจะเขียนเป็นขีดสุดท้ายเมื่อ “ ”อยู่ตาแหน่งขวาบนหรือด้านในของตัวอักษร เช่น


wǒ shū wǎ chā
我 书 และ 瓦 叉
2. อักษรโครงสร้าง “ซ้ายบนล้อมขวาล่าง”ซ้ายบนล้อมรอบกาหนดให้เขียนส่วนบนและด้าน
yuán chuáng yī
ในก่อน ค่อยเขียนส่วนซ้ายและส่วนล่างทีหลัง เช่น 原 床 และ 医
3. อักษรโครงสร้าง “ขวาบนล้อมซ้ายล่าง”กาหนดให้เขียนส่วนบนและส่วนขวาก่อน ค่อย
sī jù yún
เขียนส่วนในทีหลัง เช่น 司 句 และ 匀
4. อักษรโครงสร้าง “ซ้ายล่างขวาล้อมส่วนบน”กาหนดให้เขียนส่วนบน (ตรงกลาง) ก่อน
huà xiōng yōu
ค่อยเขียนส่วนซ้าย – ล่าง แล้วก็ขวาต่อทีหลัง เช่น 画 凶 และ 幽
5. อักษรที่มีโครงสร้างลักษณะส่วนซ้าย – ล่างทาหน้าที่เป็นส่วนโอบล้อมส่วนอื่น ระเบียบ
การเขียนจะแบ่งเป็น 2 กรณี
5.1 กาหนดให้เขียนส่วนบนและขวาก่อน ค่อยเขียนส่วนซ้ายและส่วนล่าง หากส่วนซ้าย -
zhè yuǎn jìn jiàn yán
ล่าง เป็นหมวดคา “ ”หรือ “ ”เช่น 这 远 近 建 และ 延
5.2 กาหนดให้เขียนส่วนซ้ายและล่างก่อน ค่อยเขียนส่วนบนและขวาทีหลัง ในกรณีส่วน
gǎn zhào tí shì
ซ้าย - ล่าง เป็นหมวดคาอื่น ๆ เช่น 赶 赵 题 และ 匙
Cí lèi jiǎn chēng biǎo
ชื่อย่อจีวิภาค (词类 简 称 表)
名词 (名) míngcí คานาม
专有名词 (专名) zhuányǒumíngcí ชื่อเฉพาะ
代词 (代) dàicí คาสรรพนาม
疑问代词 (疑代) yíwèndàicí ปฤจฉาสรรพ
นาม
指示代词 (指代) zhǐshìdàicí นิ ย ม ส ร ร พ
นาม

14
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

动词 (动) dòngcí คากริยา


助动词 (助动) zhùdòngcí คากริยาช่วย
形容词 (形) xíngróngcí คาคุณศัพท์
数词 (数) shùcí คาบอกจานวน
量词 (量) liàngcí ลักษณนาม
副词 (副) fùcí คากริยาวิเศษณ์
介词 (介) jiècí คาบุพบท
连词 (连) liáncí คาสันธาน
助词 (助) zhùcí คาเสริม
疑问助词 (疑助) yíwènzhùcí ปฤจฉาคา
เสริม
语气助词 (语助) yǔqìzhùcí ค า เ ส ริ ม
น้าเสียง
叹词 (叹) tàncí คาอุทาน
象声词 (象声) xiàngshēngcí คาเลียนเสียง
词头 (头) cítóu อุปสรรค
词尾 (尾) cíwěi ปัจจัย

Shù zì

ตัวเลข (数字)
ตารางที่ 1.15 ตัวเลข
ภาษาไทย ภาษาจีน
泰语 汉语
líng
ศูนย์ 零

15
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ภาษาไทย ภาษาจีน
泰语 汉语

หนึ่ง 一
èr
สอง 二
sān
สาม 三

สี่ 四

ห้า 五
liù
หก 六

เจ็ด 七

แปด 八
jiǔ
เก้า 九
shí
สิบ 十
bǎi
ร้อย 百
qiān
พัน 千
wàn
หมื่น 万

ร้อยล้าน 亿

16
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

èr shí wàn
* “แสน” ในภาษาจีนเท่ากับ “สิบหมื่น” เช่น สองแสน ภาษาจีนพูดว่า “二十 万 ”
wǔ bǎi wàn
“ล้าน” ในภาษาจีนเท่ากับ “ร้อยหมื่น” เช่น ห้าล้าน ภาษาจีนพูดว่า “五 百 万 ”
bā qiān wàn
“สิบล้าน” ในภาษาจีนเท่ากับ “พันหมื่น” เช่น แปดสิบล้าน ภาษาจีนพูดว่า “八 千 万 ”

Zhōng guó wén huà

วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
ความหมายแฝงในตัวเลข
ตัวเลขในภาษาจีนบางตัวมีการออกเสียงคล้ายคลึงกัน ทาให้เกิดความสับสนในการออก
yī qī liù jiǔ sì shí
เสียง เช่น เลข 1 “一” และ 7 “七” เลข 6 “六” และ 9 “九” เลข 4 “四” และ 10 “十”
ดังนั้นการออกเสียงตัวเลขในภาษาจีนควรออกเสียงให้ถูกต้องและชัดเจน
นอกจากการออกเสียงที่คล้ายคลึงกันแล้ว ตัวเลขภาษาจีนบางตัวยังมีความหมายแฝงอีกด้วย
liú
ตัว เลขบางตัว เป็น เลขที่มีความหมายดี เป็นสิ ริมงคล เช่น เลข 6 ออกเสียงคล้ ายกับคาว่า “流”
fā fā cái
แปลว่า “ราบรื่น” เลข 8 ออกเสียงใกล้เคียงกับ คาว่า “发” (ย่อมาจากคาว่า “发才”) แปลว่า
“ความร่ารวย” ดังนั้นคนจีนนิยมใช้เลข 8 เป็นหมายเลขโทรศัพท์ ทะเบียนรถ ทะเบียนบ้าน เป็นต้น

ตั ว เลขบางตั ว เป็ น เลขที่ มี ค วามหมายไม่ ดี ไม่ เ ป็ น สิ ริ ม งคล เช่ น ส่ ว นเลข 5 “五”
wú sì sǐ
ออกเสียงคล้ายกับคาว่า “无” แปลว่า “ไม่มี” เลข 4 “四” ออกเสียงคล้ายกับคาว่า “死”
แปลว่า “ตาย” เลข 14 เพราะเลข 1 ในภาษาจีนสามารถออกเสียง 2 เสียงคือ (yī) และ (yāo) เลข 14
yào sǐ
ออกเสียงคล้ายกับคาว่า “要死” แปลว่า “อยากตาย” หรือ “ไปตายซะ” ดังนั้น ในงานแต่งงาน
หรืองานมงคลจึงไม่นิยมใช้เลข 4 หรือ เลข 14
ในวัฒนธรรมจีน มีความเชื่อว่าตัวเลขบางตัวเป็นตัวเลขแห่งความโชคดีหรือเป็นเลขมงคล
(auspicious; 吉利) และมีบ างตั ว เลขเป็น เลขแห่ ง ความโชคร้ า ยหรื อ เป็ น เลขอวมงคล
(inauspicious; 不利) ตามคาในภาษาจีนที่ตัวเลขนั้นมีการออกเสียงคล้ายคลึง โดยเชื่อว่าเลข 0, 6,
8 และ 9 ล้วนเป็นเลขมงคลเนื่องจากเป็นคาพ้องเสียงกับคาที่มีความหมายในเชิงบวก

17
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

เลข 0 (零 หรือ 柠, พินอิน: líng or níng) มีความหมายว่าทั้งหมด (all) และยังทาให้


เลขจานวนเงินที่ลงท้ายด้วยเลขนี้มีค่ามากขึ้น
เลข 2 (二 หรือ 两, พินอิน: èr or liăng) เป็นตัวเลขที่มักได้รับการยอมรับว่าเป็น
เลขที่ดีในวัฒนธรรมจีน โดยมีคากล่าวที่ว่า: “สิ่งที่ดีมักมาเป็นคู่” และมักพบว่ามีการซ้าตัวอักษรในชื่อ
สินค้า เช่น ความสุข ซึ่งมีตัวอักษรว่า 囍 (ความสุขเป็นคู่ หรือสองเท่า) ซึ่งมาจากตัวอักษร 喜
(ความสุข) สองตัวรวมกัน
เลข 3 (三, พินอิน: sān) มีเสียงคล้ายกับตัวอักษรคาว่า "เกิด" ในภาษาจีน (生, พินอิน:
shēng) และถือเป็นเลขนาโชค

เลข 5 (五, พินอิน: wŭ) มีความสัมพันธ์กับธาตุทั้งห้า (五行) ซึ่งประกอบด้วยน้า ไฟ


ดิน ไม้ และโลหะ ในหลัก ปรัช ญาจีน นอกจากนี้ยัง สัม พัน ธ์กับ ประวัติศ าสตร์ที่เ กี่ย วข้อ งกับ
สมเด็จพระจักรพรรดิจีนอีกด้วย อาทิ ประตู จัตุรัสเทียนอันเหมินที่เป็นเส้นทางหลักเข้าสู่ พระราชวัง
ต้องห้ามประกอบด้วยช่องโค้ง (arches) 5 ช่อง เป็นต้น
เลข 6 เป็นตัวแทนของความร่ารวยในภาษาจีนกวางตุ้งเนื่องจากมีการออกเสียงคล้ายกับ
ตัวอักษร 祿 (Lok) ซึ่งหมายถึงเงินเดือน เลข 6 (六, พินอิน: liù) ในภาษาจีนกลางก็อ่านออกเสียง
เหมือนกับตัวอักษร “溜 (strong current)” (พินอิน: liù) และคล้ายกับตัวอักษร “流 (flow)”
(พินอิน: liú) จึงถือเป็นเลขที่ดีสาหรับธุรกิจ
เลข 7 (七, พินอิน: qī) เป็นเลขมงคลสาหรับความสัมพันธ์ เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของ
“การร่วมกัน” นอกจากนี้ยังเป็นเลขนาโชคที่ดีที่สุดในโลกตะวันตกด้วย ซึ่งมักจะหาได้ยากสาหรับ
เลขที่มีความหมายที่ดีทั้งในวัฒนธรรมจีนและในวัฒนธรรมตะวันตกพร้อม ๆ กัน โดยเลขนี้มีเสียง
คล้ายกับอักษรจีนคาว่า 起 (พินอิน: qǐ) ซึ่งมีความหมายว่า เกิดขึ้น และอักษร 气 (พินอิน: qì) ที่มี
ความหมายว่า สาระสาคัญของชีวิต
เลข 49 ซึ่งเป็นเลขที่มาจากเลขยกกาลังของเลข 7 มักพบในนิทานพื้นบ้านของจีน และ
พิธีกรรมทางศาสนาทั้งเต๋าและพุทธในวัฒนธรรมจีน ตัวอย่างเช่น มีความเชื่อที่ว่าวิญญาณของผู้เสียชีวิต
จะยังคงวนเวียนอยู่บนโลก 49 วัน ดังนั้นพิธีบังสุกุลครั้งที่สองจึงมักจัดขึ้นในวันครบรอบ 49 วันนี้
นอกจากนี้ ยังมีบางพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเลข 49 ที่ใช้ชื่อเรียกที่มาจากเลข 7 ว่า “7-7-49”
(七四十九) โดยไม่ใช้เลข “49” โดยตรง (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2558)

18
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Liàn xí
แบบฝึกหัด (练习)

Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)

èr wǔ liù jiǔ
二 五 六 九

shí sì sì shí shí bā qī shí


十四 四十 十八 七十 2.
Fān yì hàn yǔ
2. จงแปลภาษาไทยเป็นภาษาจีน (翻 译汉语)

2.1 ยี่สิบเก้า

___________________________________________

2.2 เจ็ดสิบหก
___________________________________________

2.3 หนึ่งร้อยสามสิบ
___________________________________________

2.4 ห้าร้อยสี่สิบแปด
___________________________________________

2.5 สามพันหกร้อยเก้าสิบสอง
___________________________________________
Fān yì tài yǔ
3. จงแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทย (翻 译泰语)

Shí qī
3.1 十七

19
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

___________________________________________
Sān shí wǔ
3.2 三 十五
___________________________________________
Jiǔ shí jiǔ
3.3 九十九
___________________________________________
Yì bǎi liù shí bā
3.4 一百六十八
___________________________________________

Liǎng bǎi sì shí ' èr


3.5 两 百四 十二
___________________________________________
Xiě yì xiě
4. จงเขียนพยัญชนะภาษาจีน (写一写)
4.1 _________________________________________

4.2 _________________________________________

4.3 _________________________________________

4.4 _________________________________________

4.5 _________________________________________
Xiě yì xiě
5. จงเขียนสระภาษาจีน (写一写)
5.1 _________________________________________

5.2 _________________________________________

20
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

5.3 _________________________________________

5.4 _________________________________________

5.5 _________________________________________

สรุป
ภาษาจีน กลางเป็น ภาษาหนึ่งซึ่งมีความสาคัญ ต่อ โลกในยุคปัจจุบัน เพราะประเทศ จีนมี
ประชากรมากที่สุดในโลก ทาให้ภาษาจีนเป็นภาษาที่คนทั่วโลกใช้กันมากรองลงมาจากภาษาอังกฤษ
ภาษาจี น กลาง เรี ย กอีกอย่างว่า “แมนดาริ น ” ประกอบด้ว ย สั ทอักษรจีนและอักษรจี น
การเรียนภาษาจีนกลางให้เข้าใจควรเริ่มจากการออกเสียงสัทอักษรจีนก่อน หลังจากนั้นค่อยฝึกเขียน
เส้นขีดอักษรจีน
สัทอักษรจีนเป็นเครื่องมือในการออกเสียงเรียกอีกอย่างว่า “pinyin” (พินอิน) บางตัวอ่านออกสียง
คล้ า ยคลึ ง กั บ ภาษาไทย แต่ บ างตั ว ก็ อ่ า นออกเสี ย งต่ า งกั บ ภาษาไทย สั ท อั ก ษรจี น ประกอบด้ ว ย
พยั ญชนะภาษาจี น 21 เสีย ง พยัญชนะพิเศษ 2 เสี ยง สระเดี่ยว 6 เสี ยง สระเดี่ยวพิเศษ 3 เสี ยง
สระผสม 29 เสียง และวรรณยุกต์ 4 รูป 5 เสียง
อักษรจีนเป็นเครื่องมือในการเขียน อักษรจีนคือ อักษรภาพ เป็นอักษรที่เกิดจากภาพวาดและ
วิวัฒนาการมาเป็นตัวอักษรจีนที่นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยแต่ละเส้นไม่สามารถนามาผสมแล้วอ่านออก
เสียงเป็นภาษาจีนได้ แต่ต้องใช้ความจาเป็นตัวอักษร ซึ่งตัวอักษรหนึ่งอาจจะเกิดจากเส้นขีดหลาย ๆ
เส้นประกอบกัน ตั้งแต่ 1 - 64 ขีด เส้นขีดแต่ละเส้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ในพจนานุกรมจะ
เรียงอักษรตามหมวดและจานวนขีด อักษรจีนบางตัวมีจานวนเส้นขีดมากและเขียนยาก ดังนั้นการเขียน
อักษรจีนต้องเขียนตามลาดับเส้นขีดให้ถูกต้องและเว้นระยะห่างเท่า ๆ กัน
fán tǐ zì
อักษรจีนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ อักษรจีนแบบตัวเต็ม “繁体字” และอักษรจีนแบบ
jiǎn tǐ zì
ตัวย่อ “简体字” ปัจจุบันคนจีนแผ่นดินใหญ่ใช้อักษรจีนแบบตัวย่อ เนื่องจากจานวนเส้นน้อยลง
สามารถจาได้ง่ายขึน้ แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่ใช้อักษรจีนแบบตัวเต็ม เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เป็นต้น
ตัวเลขในภาษาจีนบางตัวมีการออกเสียงคล้ายคลึงกัน ทาให้เกิดความสับสนในการออกเสียง
yī qī liù jiǔ sì shí
เช่น เลข 1 “一” และ 7 “七” เลข 6 “六” และ 9 “九” เลข 4 “四” และ 10 “十” ดังนั้น
การออกเสียงตัวเลขในภาษาจีนควรออกเสียงให้ถูกต้องและชัดเจน

21
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

นอกจากการออกเสียงที่คล้ายคลึงกันแล้ว ตัวเลขภาษาจีนบางตัวยังมีความหมายแฝงอีกด้วย
liú
ตัว เลขบางตัว เป็น เลขที่มีความหมายดี เป็ นสิ ริมงคล เช่น เลข 6 ออกเสียงคล้ ายกับคาว่า “流”
fā fā cái
แปลว่า “ราบรื่น” เลข 8 ออกเสียงใกล้เคียงกับคาว่า “发” (ย่อมาจากคาว่า “发才”) แปลว่า
“ความร่ารวย” ดังนั้นคนจีนนิยมใช้เลข 8 เป็นหมายเลขโทรศัพท์ ทะเบียนรถ ทะเบียนบ้าน เป็นต้น

ตัวเลขบางตัวเป็นเลขที่มีความหมายไม่ดี ไม่เป็นสิริมงคล เช่น ส่วนเลข 5 “五” ออกเสียง
wú sì sǐ
คล้ายกับคาว่า “无” แปลว่า “ไม่มี” เลข 4 “四” ออกเสียงคล้ายกับคาว่า “死” แปลว่า “ตาย”
เลข 14 เพราะเลข 1 ในภาษาจีนสามารถออกเสียง 2 เสียงคือ (yī) และ (yāo) เลข 14 ออกเสียง
yào sǐ
คล้ายกับคาว่า “要死” แปลว่า “อยากตาย” หรือ “ไปตายซะ” ดังนั้นในงานแต่งงานหรืองานมงคล
จึงไม่นิยมใช้เลข 4 หรือ เลข 14

22
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 2
Dì èr kè

第二课
การทักทาย
Dǎ zhāo hu

打招呼
บทนี้เกี่ยวกับการทักทายทั่วไป การถามสารทุกข์สุขดิบ โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น คาศัพท์ใหม่
บทสนทนา ค าศัพ ท์เ พิ ่ม เติม บทสนทนาเพิ ่ม เติม ค าอธิบ าย หลัก ภาษา วัฒ นธรรมจีน และ
แบบฝึกหัด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในเนื้อหา ผู้เขียนอธิบายคาศัพท์ก่อนอธิบายเนื้อหาในบทสนทนา
เนื้อหาในบทสนทนาเป็นการสนทนาเกี่ยวกับการทักทายตามช่วงเวลา การถามสารทุกข์สุขดิบ การแสดง
ความห่ว งใย การให้กาลัง ใจกัน การกล่า วขอบคุณ และการกล่า วอาลา เนื้อ หาในบทสนทนา
เพิ่มเติมเป็นการสนทนาเกี่ยวกับ การทักทายตามช่วงเวลา การถามสถานการณ์ตอนนี้ กล่าวขอโทษ
เมื่อไม่ส ะดวกสนทนาด้ว ย และกล่าวอาลา เนื้อ หาในคาอธิบ ายและหลัก ภาษาเป็น การอธิบ าย
เกี่ย วกับ หลักการใช้ภ าษาจีน ที่ถูกต้องพร้อ มทั้ง ยกตัว อย่า ง เพื่อ ให้ผู้อ่านเข้า ใจง่ายขึ้น เนื้อหาใน
วัฒ นธรรมจีน อธิบ ายเกี่ย วกับ มารยาทการทัก ทายของคนจีน เนื้อ หาในแบบฝึก หัด ท้า ยบทเป็น
แบบฝึกหัดที่หลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí

คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 你 (代) nǐ คุณ เธอ
2. 好 (形) hǎo ดี
3. 吗 (助) ma ไหม
4. 我 (代) wǒ ฉัน
5. 很 (副) hěn มาก
6. 呢 (助) ne ล่ะ
7. 也 (副) yě ก็
8. 学习 (动) xuéxí เรียน
9. 怎么样 (代) zěnme yàng เป็นอย่างไร
10.不 (副) bù ไม่
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

11.太 (副) tài มาก


12.加油 jiāyóu สู้ๆ
13.谢谢 (动) xièxie ขอบคุณ
14.不客气 búkèqi ไม่เป็นไร
15.再见 (动) zàijiàn ลาก่อน
Shuō huà rén

คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1. 陈明 Chén Míng ชื่อหมิง แซ่เฉิน
2. 苏美 Sū Měi ชื่อเหม่ย แซ่ซู

Kè wén

บทเรียน (课文)
Chén Míng Sū Měi
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 陈 明 ” กับ “苏 美” โดยทั้งสอง
ฝ่ายสนทนาโต้ตอบทักทายทั่วไป ถามสารทุกข์สุขดิบ แสดงความห่วงใย ให้กาลังใจ กล่าวขอบคุณ
และกล่าวอาลา
Chén Míng Nǐ hǎo
陈 明 : 你好!
Sū Měi Nǐ hǎo
苏美 : 你好!
Chén Míng Nǐ hǎo ma
陈 明 : 你好 吗?
Sū Měi Wǒ hěn hǎo Nǐ ne
苏美 : 我 很 好,你呢?
Chén Míng Wǒ yě hěn hǎo Nǐ xué xí zěn me yàng
陈 明 : 我也很 好。你学习怎么 样 ?
Sū Měi Bú tài hǎo
苏美 : 不太 好。
Chén Míng Jiā yóu Jiā yóu
陈 明 : 加 油!加 油!

24
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Sū Měi Xiè xie


苏美 : 谢谢!
Chén Míng Bú kè qi Zài jiàn
陈 明 : 不客气!再 见!
Sū Měi Zài jiàn
苏美 : 再 见!
Bǔ chōng cí yǔ

คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 早上 (名) zǎo shàng ตอนเช้า
2. 最近 (名) zuìjìn ช่วงนี้
3. 忙 (形) máng ยุ่ง
4. 有点儿 yǒu diǎnr นิดหน่อย
5. 对不起 duì bù qǐ ขอโทษ
6. 现在 (名) xiànzài ตอนนี้
7. 有 (动) yǒu มี
8. 先 (副) xiān ก่อน
9. 去 (动) qù ไป
10.上课 (动) shàng kè เข้าเรียน
11.没关系 méi guān xi ไม่เป็นไร
Bǔ chōng kè wén
บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Sū Měi Chén Míng
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติม นี้เป็นการสนทนาระหว่าง “苏 美” กับ “ 陈 明 ”
สนทนาทักทายกันในตอนเช้า ถามสถานการณ์ตอนนี้ กล่ าวขอโทษเมื่อไม่สะดวกสนทนาด้วย และ
กล่าวอาลา
Sū Měi Zǎo shàng hǎo
苏美 : 早 上 好!

25
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Chén Míng Zǎo shàng hǎo


陈 明 : 早 上 好!
Sū Měi Nǐ zuì jìn máng ma
苏美 : 你最近 忙 吗?
Chén Míng Yǒu diǎnr máng Duì bu qǐ Xiàn zài wǒ yǒu kè
陈 明 : 有 点 儿 忙 。对 不起! 现 在 我 有 课,
Wǒ xiān qù shàng kè le
我 先 去 上 课了 。
Sū Měi Méi guān xi
苏美 : 没 关 系!
Chén Míng Zài jiàn
陈 明 : 再 见!
Sū Měi Zài jiàn
苏美 : 再 见!
Zhù shì

คาอธิบาย (注释)
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการผันเสียงวรรณยุกต์ที่ 3 การผันเสียง
Bù Ne
“不” และการใช้ “呢” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
1. การผันเสียงวรรณยุกต์ที่ 3
การผันเสียงวรรณยุกต์ที่ 3 หรือเสียงเอก ในภาษาจีน
กรณีพยางค์เสียงวรรณยุ กต์ที่ 3 มี 2 พยางค์ติดกัน ให้เปลี่ ยนพยางค์แรกเป็น เสี ยง
วรรณยุกต์ที่ 2 หรือเสียงจัตวา เสียง 3 (ˇ) + เสียง 3 (ˇ) เสียง 2 (ˊ ) + เสียง 3 (ˇ)
กรณีพยางค์เสียงวรรณยุกต์ที่ 3 มี 3 พยางค์ติดกัน สามารถเปลี่ยนได้ 2 วิธีคือ
1.1 เปลี่ยนพยางค์ที่ 2 เป็นเสียงวรรณยุกต์ที่ 2 หรือเสียงจัตวา
เสียง 3 (ˇ) + เสียง 3 (ˇ) + เสียง 3 (ˇ) เสียง 3 (ˇ) + เสียง 2 (ˊ ) + เสียง 3 (ˇ)
1.2 เปลี่ยนพยางค์ที่ 1 และ 2 เป็นเสียงวรรณยุกต์ที่ 2 หรือเสียงจัตวา
เสียง 3 (ˇ) + เสียง 3 (ˇ) + เสียง 3 (ˇ) เสียง 2 (ˊ ) + เสียง 2 (ˊ ) + เสียง 3 (ˇ)

ตัวอย่าง
Nǐ hǎo Ní hǎo
1) 你 好 อ่านว่า 你好

26
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Hěn gāo Hén gāo


2) 很 高 อ่านว่า 很高
Hǎo duǎn Háo duǎn
3) 好 短 อ่านว่า 好 短
Wǒ hěn hǎo Wǒ hén hǎo
4) 我 很 好 อ่านว่า 我很好
Wǒ hěn hǎo Wó hén hǎo
5) 我 很 好 อ่านว่า 我很好

2. การผันเสียง “不”

“不” แปลว่า “ไม่” เมื่ออยู่หน้าพยางค์ที่มีวรรณยุกต์เสียงที่ 1 (ˉ) เสียงที่ 2 (ˊ ) และ

เสียงที่ 3 (ˇ) “不” อ่านออกเสียงว่า “ปู้” หรืออ่านเสียงเดิม แต่ เมื่ออยู่หน้าพยางค์ที่มีวรรณยุกต์

เสียงที่ 4 (ˋ ) “不” ต้องผันเป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 2 (ˊ ) อ่านออกเสียงว่า “ปู”๋

ตัวอย่าง
Bù hē
1) 不喝
Bù nán
2) 不难
Bù hǎo
3) 不好
Bú rè
4) 不热
Bú pàng
5) 不 胖
Ne
3. การใช้ “呢”
Ne
คนจีนนิยมใช้คาว่า “呢” วางท้ายประโยคคาถามหรือประโยคบอกเล่า ซึ่งมี ความหมาย
ภาษาไทยว่า “ล่ะ” , “นะ” , “น่ะ” , “นี่นา” เป็นต้น

27
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Ne
เหยิน จิ่งเหวิน (2558, หน้า 218 - 219) ได้ให้ความหมายของ “呢” ว่า
3.1 ใช้ในประโยคคาถาม ใช้คู่กับคาปฤจฉาสรรพนาม แปลว่า “ล่ะ”
3.2 ใช้ในประโยคย้อนถามที่ไม่มีคาปฤจฉาสรรพนาม แปลว่า “ล่ะ”
3.3 ใช้ในประโยคคาถามที่ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือให้เลือกระหว่างคายืนยันกับ
คาปฏิเสธ แปลว่า “ล่ะ”
3.4 ใช้ในประโยคย้อนถาม แปลว่า “ล่ะ”
3.5 ใช้ในประโยคบอกเล่า ยืนยันความเป็นจริง แสดงน้าเสียงจงใจพูดให้เกินความจริงนิด
หน่อย แปลว่า “นะ ล่ะ นี่นา”
3.6 ใช้หยุดพักเสียงในประโยคบอกเล่าเพื่อยกตัวอย่าง แปลว่า “น่ะ”

ตัวอย่าง
Wǒ yǒu yí gè nǐ ne
1) 我 有一个,你呢?
Dì di qù guò le tā ne
2) 弟弟去过了,她呢?
Zuó wǎn tā hái méi huí jiā ne
3) 昨 晚 他 还 没 回 家呢。
Jīn tiān lǎo shī bù lái shàng kè ne
4) 今天 老师不来 上 课呢。
Wǒ mā ma hěn hǎo nǐ mā ma ne
5) 我 妈妈 很 好,你妈妈呢?
Yǔ fǎ
หลักภาษา (语法)
Yě Yǒu diǎnr
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับ หลักการใช้ “也” , “有 点 儿” และ “
Xiān
先 ” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น

1. 也
เป็นคากริยาวิเศษณ์ที่ใช้บ่อยมาก มีความหมายว่า “ก็...เหมือนกัน” , “ก็...เช่นกัน” ใช้ใน

สถานการณ์ที่มีความสอดคล้องกันระหว่างประโยคแรกและประโยคที่ตามมา โดยจะวาง “也”
ไว้หน้าส่วนที่ต้องการขยาย

28
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)


เหยิน จิ่งเหวิน (2558, หน้า 151) ได้ให้ความหมายของ “也” ว่า “ก็....เหมือนกัน”
1.1 ถ้าทั้งสองกรณีเหมือนกันหรืออยู่ในฐานะคู่ขนาน
1.2 กรณีที่ต้องการแสดงความหมายว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะเกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่ง

1.3 กรณีที่ต้องการแสดงความหมายว่า “ถึงแม้ว่า.....แต่.....” ให้ใช้ “也” ข้างหน้ามักจะมี
Suī rán Jí shǐ
“虽然....., 即使.....。”

เมชฌ สอดส่องกฤษ (2560, หน้า 36) ได้ให้ความหมายของ “也” ว่า “ก็ , อีกทั้งยัง”

สถานการณ์ดารงอยู่พร้อม ๆ กัน (อยู่ด้วยกัน) ข้อความหน้าและหลัง “也” มีน้าหนักเท่าเทียมกัน ไม่มี
ส่วนใดสาคัญกว่าอีกส่วนหนึ่ง ประธานของทั้ง 2 ข้อความอาจเป็นสิ่งเดียวกันหรือคนละอย่างก็ได้

ตัวอย่าง
Nǐ bù lái wǒ yě bù lái
1) 你不来,我也不来。
Bà ba mǎi le mā ma yě mǎi le
2) 爸爸买了,妈妈也买了。
Zuótiān xià yǔ jīn tiān yě xià yǔ
3) 昨 天下雨,今天也下雨。
Nǐ chī wǔ fàn wǒ yě chī wǔ fàn
4) 你吃 午饭,我也吃 午饭。
Péngyou hē pí jiǔ wǒ yě hē pí jiǔ
5) 朋 友喝啤酒,我也喝啤酒。
Yǒu diǎn Yǒu diǎnr
2. 有 点 หรือ 有 点 儿
ภาษาไทยมีความหมายว่า “นิดหน่อย” “…..ไปนิดนึง” , “…..ไปหน่อย” เป็นคากริยา
วิเศษณ์ วางไว้หน้าคาคุณศัพท์ ทาหน้าที่ขยายคากริยาหรือคาคุณศัพท์เป็นหลัก ส่วนใหญ่มักใช้กับคาที่
มีความหมายในด้านลบ แสดงความรู้สึกไม่พอใจหรือไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ

ตัวอย่าง
Zhè jiàn yī fu yǒu diǎnr guì
1) 这 件衣服有 点 儿贵。

29
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nà běn cí diǎn yǒu diǎnr dà


2) 那 本词 典 有 点 儿大。
Tā de qián bāo yǒu diǎnr jiù
3) 他的 钱 包 有 点 儿旧。
Hàn yǔ yǔ fǎ yǒu diǎnr fù zá
4) 汉 语 语法 有 点 儿复杂。
Zhōngguó lǎo shī de pí fū yǒu diǎnr bái
5) 中 国 老师的皮肤有 点 儿白。
Xiān
3. 先
Xiān
ภาษาไทยมีความหมายว่า “...ก่อน” มักวางไว้หน้าคากริยา กรณีที่มีสองประโยค “ 先 ”
zài rán hòu
จะวางไว้ประโยคแรก ส่วนประโยคหลัง มักมีคาเชื่อม “再” หรือ “然后” วางไว้หน้าประโยค
เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ยิ่งขึน้

ตัวอย่าง
Wǒ xiān zǒu le
1) 我 先 走了。
Nǐ xiān chī fàn zài hē shuǐ
2) 你 先 吃 饭,再喝 水 。
Mā ma xiān xǐ shǒu zài zuò cài
3) 妈妈 先 洗 手 ,再 做菜。
Tóngxué men xiān dú kè wén rán hòu fān yì
4) 同 学 们 先 读 课 文 ,然后 翻译。
Nǐ xiān jìn qù wǒ zài wài miàn zuò yí huìr
5) 你 先 进去,我 在 外 面 坐一 会 儿。
Zhōng guó wén huà
วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
มารยาทการทักทายของคนจีน

30
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ hǎo
การทักทายทั่ว ไปของคนจีน มักใช้คาว่า “你好!” ในภาษาไทยมีความหมายว่า
“สวัสดี” อาจเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันหรือเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกก็ได้ คานี้ใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย
Nǐ hǎo
ทุกโอกาส ทุกสถานที่ เมื่อฝ่ายตรงข้ามทักทายด้วยคาว่า “你好!” อีกฝ่ายก็ตอบกลับด้วยคาว่า “
Nǐ hǎo
你好!” เช่นเดียวกัน
เมื่ อ ต้ อ งการแสดงความเคารพหรื อ ให้ เ กี ย รติ ผู้ อ าวุ โ สกว่ า เช่ น ญาติ ผู้ ใ หญ่ หั ว หน้ า
Nín hǎo
เจ้านาย ลูกค้า เป็นต้น ควรใช้คาว่า “您 好!” ซึง่ มีความหมายว่า “สวัสดี”
Nǐ qù
นอกจากนี้ยังสามารถทักทายด้วยประโยคทั่วไปเหมือนคนไทย เช่น คุณไปไหน “你去
nǎr Nǐ chī fàn le ma
哪儿?” หรือ คุณกินข้าวแล้วยัง “你吃 饭了吗?” ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ประวิทย์ เจริญประวัติ (2556, หน้า 33) ได้ให้ความหมายของการทักทายของคนจีน
คนจีนทักทายคนคุ้นเคยเหมือนคนไทย ส่วนใหญ่ถามโดยไม่ได้ต้องการรู้จริง ๆ เช่น คู่สนทนากาลังทา
อะไรอยู่หรือจะไปไหน เป็นเพียงการถามเพื่อสร้างความรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ดูห่างเหินเหมือน
การทักทายเพียงคาว่า “สวัสดี” ดังนั้นหากมีคนถามเราด้วยประโยคข้างต้นนี้ เราก็ไม่จาเป็นต้องตอบ
อย่างละเอียด สามารถตอบอย่างง่าย ๆ ตามสถานการณ์ที่ต่างกันไป
Liàn xí

แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
lèi shòu nán pàng
累 瘦 难 胖
gōngzuò gǎnmào kuài lè xià kè
工作 感冒 快乐 下课
Tiánkòng
2. จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 填 空 )
2.1
Nǐ hǎo
A :你好!
B :____________!

31
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ hǎo ma
A :你好 吗?
Wǒ hěn hǎo
B :我 很 好,_________?
Wǒ hěn hǎo Nǐ zěn me yàng
A :我__________很 好。你________怎么 样 ?
B :_____________。
Jiā yóu Jiā yóu
A :加 油!加 油!
B :_____________!
Bú kè qi Zài jiàn
A :不客气!再 见!
B :_____________!
2.2
Zǎoshàng hǎo
A :早 上 好!
B :_________!
Nǐ zuì jìn ma
A :你最近_________吗?
Yǒudiǎnr Duì bu qǐ Xiàn zài wǒ
B :有 点 儿________。对不起! 现 在我______,
Wǒ xiān qù le
我 先 去 _______了。
Méi guān xi
A :没 关 系!
Zài jiàn
B :再 见!
A :________!
Fān yì hàn yǔ
3. จงแปลภาษาไทยเป็นภาษาจีนให้ถูกต้อง (翻 译汉语)
3.1 สวัสดีตอนบ่าย

32
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

__________________________________________
3.2 ฉันก็สบายดี
__________________________________________
3.3 คุณเป็นอย่างไร
__________________________________________
3.4 ตอนนี้ฉันมีเรียน
__________________________________________
3.5 ช่วงนี้ฉันยุ่งนิดหน่อย
__________________________________________
Zào jù
4. จงแต่งประโยคให้สมบูรณ์ (造 句)

4.1 也 = ____________________________________

4.2 不 = ____________________________________
Xiān
4.3 先 = ____________________________________
Xiàn zài
4.4 现 在 = ____________________________________
Yǒu diǎnr
4.5 有 点 儿 = ________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)
Nǐ hǎo ma
5.1 你好 吗?
_____________________________________________________________ 。
Nǐ zuì jìn máng ma
5.2 你最近 忙 吗?
_____________________________________________________________ 。

33
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ zuì jìn zěn me yàng


5.3 你最近怎么 样 ?
_____________________________________________________________ 。
Nǐ xué xí zěn me yàng
5.4 你学习怎么 样 ?
_____________________________________________________________ 。
Nǐ xiàn zài yǒu kè ma
5.5 你 现 在有课吗?
_____________________________________________________________ 。

สรุป
Nǐ hǎo
1. การทักทายเป็นภาษาจีน โดยทั่วไปสามารถพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ เป็นภาษาจีนว่า “你好”
ในภาษาไทยมีความหมายว่า “สวัสดี”
2. เมื่อต้องการแสดงความเคารพหรือ ให้เกียรติผู้อาวุโสกว่า เช่น ญาติผู้ใหญ่ หัวหน้า ลูกค้า
Nín hǎo
เป็นต้น ควรทักทายโดยใช้คาว่า “您 好!” ในภาษาไทยมีความหมายว่า “สวัสดี”
Nǐ hǎo ma
3. หากต้องการถามสารทุกข์สุขดิบ สามารถพูดเป็นประโยคภาษาจีนว่า “你好 吗”
ซึง่ ภาษาไทยมีความหมายว่า “คุณสบายดีไหม”
Xiè xie
4. โดยมารยาทของคนจีน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวคาว่า “谢谢” แปลว่า “ขอบคุณ”
Bú kè qi
อีกฝ่ายต้องกล่าวคาว่า “ไม่เป็นไร” ซึ่งภาษาจีนพูดว่า “不客气”
Zǎo shàng hǎo
5. การทักทายเป็นภาษาจีน สามารถทักทายตามช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ เช่น “早 上 好”
ในภาษาไทยแปลว่า“สวัสดีตอนเช้า”
Duì bu qǐ
6. โดยมารยาทของคนจีน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวคาว่า “对 不起” ในภาษาไทย
Méi guān xi
แปลว่า “ขอโทษ” อีกฝ่ายต้องกล่าวคาว่า “ไม่เป็นไร” ภาษาจีนพูดว่า “没 关 系”
7. การผั น เสี ย งวรรณยุ ก ต์ที่ 3 หรื อ เสี ยงเอก กรณี ที่มี เสี ยงวรรณยุก ต์ส องพยางค์ติ ดกั น
ให้เปลี่ยนพยางค์แรกเป็นเสียงวรรณยุกต์ที่ 2 หรือเสียงจัตวา

34
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Bù Bù
8. การใช้“不” กรณีที่พยางค์หลัง “不” เป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 1 (ˉ) เสียงที่ 2 (ˊ)

และเสียงที่ 3 (ˇ) คาว่า “不” จะไม่เปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ จะยังคงอ่านว่า “ปู”้
Bù Bù
แต่กรณีที่พยางค์หลัง “不” เป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 4 (ˋ) คาว่า “不” จะเปลี่ยนเป็น
เสียงวรรณยุกต์ที่ 2 หรือเสียงจัตวาทันที จะออกเสียงเป็นเสียง “ปู”๋
Ne
9. การใช้ “呢” มักวางไว้ท้ายประโยคคาถามหรือประโยคบอกเล่า มีความหมายภาษาไทยว่า
“ล่ะ”, “นะ”, “น่ะ”, “นี่นา” เป็นต้น

10. การใช้ “也” เป็นคากริยาวิเศษณ์ที่ใช้บ่อยมาก มีความหมายว่า “ก็.....เหมือนกัน”,
“ก็.....เช่นกัน” ใช้ในสถานการณ์ที่มีความสอดคล้องกันระหว่างประโยคแรกและประโยคที่ตามมา

โดยจะวาง “也” ไว้หน้าส่วนที่ต้องการขยาย
Yǒu diǎnr ér Yǒu diǎn
11. การใช้ “有 点 儿” หรือ“有 点 ” ภาษาไทยมีความหมายว่า “นิดหน่อย”
“…..ไปนิดนึง”, “…..ไปหน่อย” เป็นคากริยาวิเศษณ์ วางไว้หน้าคาคุณศัพท์ ทาหน้าที่ขยายคากริยา
หรือคาคุณศัพท์เป็ นหลัก ส่ วนใหญ่มักใช้กับคาที่มีความหมายในด้านลบ แสดงความรู้สึ กไม่พอใจ
หรือไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ
Xiān
12. การใช้ “ 先 ” ภาษาไทยมีความหมายว่า “…..ก่อน ” มักวางไว้หน้าคากริยา กรณีที่มี
Xiān zài rán hòu
สองประโยค “ 先 ” จะวางไว้ประโยคแรก ส่วนประโยคหลัง มักมีคาเชื่อม “再” หรือ “然后”
วางไว้หน้าประโยค เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
Nǐ hǎo
13. คนจี น ทั่ ว ไปทั ก ทายว่ า “你好!” มี ค วามหมายว่ า “สวั ส ดี ” และฝ่ า ยตรงข้ า ม
Nǐ hǎo
ทักทายกลับด้วยคาว่า “你好!” เช่นเดียวกัน หากทักทายญาติผู้ใหญ่หรือหัวหน้า ควรใช้คาว่า “
Nín hǎo Nǐ qù nǎr
您 好!” ซึ่งมีความหมายว่า “สวัสดี” นอกจากนี้ยังสามารถทักทายว่า “你去哪儿?” มี
Nǐ chī fàn le ma
ความหมายว่า “คุณไปไหน” หรือ “你吃 饭了吗?” มีความหมายว่า “คุณกินข้าวแล้วยัง”
ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

35
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

36
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 3
Dì sān kè

第三课
การแนะนาตัว
Zì wǒ jiè shào

自我介 绍
บทนี้เนื้อหาเกี่ยวกับการทักทายทั่วไป การทักทายเมื่อไม่ได้เจอกันนาน การถามสารทุกข์สุขดิบ
การถามแซ่ การถามชื่อ การแนะนาตนเอง การแนะนาผู้อื่นให้ฝ่ายตรงข้ามรู้จักและการแสดงความดีใจ
ที่ได้รู้จักกัน โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น คาศัพท์ใหม่ บทสนทนา คาศัพท์เพิ่มเติม บทสนทนาเพิ่มเติม
คาอธิบาย หลักภาษา วัฒ นธรรมจีน และแบบฝึกหัด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในเนื้อหา ผู้เขียนอธิบาย
คาศัพท์ก่อนอธิบายเนื้อหาในบทสนทนา ส่ว นเนื้อหาในคาอธิบายและหลักภาษาเป็นการอธิบ าย
เกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาจีนที่ถูกต้องพร้อมทั้งยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ส่วนเนื้อหาใน
วั ฒ นธรรมจี น อธิ บ ายเกี่ ย วกั บ ชื่ อ แซ่ ค นจี น ส่ ว นเนื้ อ หาในแบบฝึ ก หั ด ท้ า ยบทเป็ น แบบฝึ ก หั ด ที่
หลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí
คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1.请问 (动) qǐng wèn ขอถาม
2.您 (代) nín คุณ ท่าน
3.贵 (形) guì แพง ล้าค่า
4.姓 (名) xìng แซ่
5.叫 (动) jiào ชื่อ เรียกว่า
6.什么 (代) shénme อะไร
7.名字 (名) míngzi ชื่อ
8.认识 (动) rènshi รู้จัก
9.高兴 (形) gāoxìng ดีใจ
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shuō huà rén


คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1.刘英 Liú Yīng ชื่ออิง แซ่หลิว
2.罗阳 Luó Yáng ชื่อหยาง แซ่หลัว
3.王老师 Wáng lǎoshī อาจารย์หวาง
Kè wén
บทเรียน (课文)
Liú Yīng Luó Yáng
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “刘 英 ” กับ “罗 阳 ” โดยทั้งสอง
ฝ่ายสนทนาโต้ตอบทักทายทั่วไป ถามแซ่ ถามชื่อ การแนะนาตัวและแสดงความดีใจที่ได้รู้จักกัน
Liú Yīng Nǐ hǎo
刘 英 : 你好!
Luó Yáng Nǐ hǎo
罗 阳 : 你好!
Liú Yīng Qǐng wèn Nín guì xìng
刘 英 : 请 问 ,您 贵 姓 ?
Luó Yáng Wǒ xìng Luó

罗 阳 : 我 姓 罗。
Liú Yīng Nǐ jiào shén me míng zi
刘 英 : 你 叫 什 么 名 字?
Luó Yáng Wǒ jiào Luó Yáng
罗 阳 : 我叫罗 阳。
Liú Yīng Rèn shi nǐ wǒ hěn gāoxìng
刘 英 : 认 识你我 很 高 兴 。
Luó Yáng Rèn shi nǐ wǒ yě hěn gāoxìng
罗 阳 : 认 识你我也很 高 兴 。
Bǔ chōng cí yǔ

คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 好久 (名) hǎo jiǔ นานมาก
2. 见 (动) jiàn พบ เจอ

38
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

3. 了 (助) le แล้ว
4. 还 (副) hái ยัง
5. 可以 (形) kěyǐ ได้ สามารถ
6. 来 (动) lái มา
7. 介绍 (动) jièshào แนะนา
8. 一下儿 (数量) yíxiàr สักหน่อย
9. 这 (代) zhè นี่
10.位 (量) wèi ท่าน
11.是 (动) shì เป็น ใช่ คือ
Bǔ chōng kè wén
บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Luó Yáng Liú Yīng
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติมนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “罗 阳 ”, “刘 英 ” และ
Wáng lǎo shī
“ 王 老师” สนทนาทักทายกันเมื่อไม่ได้เจอกันนาน ถามสารทุกข์สุขดิบ แนะนาผู้อื่น ให้ฝ่าย
ตรงข้ามรู้จักและแสดงความดีใจที่ได้รู้จักกัน
Luó Yáng Liú Yīng Hǎo jiǔ bú jiàn le Nǐ zuì jìn zěn me yàng
罗 阳 : 刘 英 !好 久不 见了,你最近怎么 样 ?
Liú Yīng Hái kě yǐ Wǒ lái jiè shào yí xiàr Zhè wèi shì
刘 英 : 还 可以。我 来 介 绍 一 下 儿,这 位 是
Wáng lǎo shī
王 老师。
Luó Yáng Wáng lǎo shī Nín hǎo
罗 阳 : 王 老师,您 好!
Wáng lǎo shī Nǐ hǎo Qǐng wèn Nǐ jiào shén me míng zi
王 老师 : 你好! 请 问 ,你 叫 什 么 名 字?
Luó Yáng Wǒ jiào Luó Yáng Rèn shi nín wǒ hěn gāoxìng
罗 阳 : 我 叫 罗 阳 。认 识您我 很 高 兴 。

39
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Wáng lǎo shī Wǒ yě shì


王 老师 : 我也是。
Zhù shì
คาอธิบาย (注释)
Qǐng Hǎo jiǔ bú jiàn
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ “ 请 ” และ “好 久不 见”
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Qǐng
1. การใช้ “ 请 ”
qǐng
เมื่อต้องการให้ผู้อื่นทาในสิ่งที่ตนปรารถนา มักจะขึ้นต้นด้วยคาว่า “ 请 ” มีความหมาย
ในภาษาไทยว่า “เชิญ” , “กรุณา” , “ขอร้อง” มักวางไว้หนคากริยา เพื่อแสดงถึงความมีมารยาท
บางครั้งจะใช้ เป็นประโยคกล่าวนาในการทักทายหรือใช้เป็น คาขึ้นต้นเมื่อต้องการถามข้อมูล จะมี
ความหมายว่า “ขอโทษค่ะ/ครับ ขอถามหน่อย.....” จะทาให้น้าเสียงอ่อนลง น่าฟังยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง
Qǐng nín shàng chē
1) 请 您 上 车。
Qǐng wèn nín guì xìng
2) 请 问 ,您 贵 姓 ?
Qǐng zuò děng yí huìr
3) 请 坐, 等 一 会 儿。
Qǐng wèn yī yuàn zài nǎr
4) 请 问 ,医 院 在 哪儿?
Qǐng nín gào sù wǒ nín de shǒu jī hào mǎ
5) 请 您 告诉我,您的 手 机号码。
Hǎo jiǔ bú jiàn
2. การใช้ “好 久不 见”
Hǎo jiǔ
เป็นวลีทักทายเมื่อไม่ได้เจอกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง คาว่า “好 ” แปลว่า “ดี” “久”
bú jiàn
แปลว่า “นาน” “不” แปลว่า “ไม่” “见” แปลว่า “พบเจอ” ทั้งสี่คารวมกันในภาษาไทยมี
ความหมายว่า “ไม่ได้เจอมานาน” เป็นการทักทายเพื่อแสดงความสนิทสนมกันระหว่างคู่สนทนา

40
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ตัวอย่าง
Dà jiā hǎo jiǔ bú jiàn
1) 大家好久不 见 。
Hǎo jiǔ bú jiàn nǐ hǎo ma
2) 好 久不 见 ,你好 吗?
Hǎo jiǔ bú jiàn nǐ zuì jìn zěn me yàng
3) 好 久不 见,你最近怎么 样 ?
Dà wèi hǎo jiǔ bú jiàn nǐ máng ma
4) 大卫!好久不 见,你 忙 吗?
Hǎo jiǔ bú jiàn nǐ bà ba mā ma shēn tǐ hǎo ma
5) 好 久不 见,你爸爸 妈妈 身 体好 吗?

Yǔ fǎ
หลักภาษา (语法)
Yí xiàr Shén me
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ “一下儿” และ “ 什 么” เพื่อให้ผู้อ่าน
เข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Yí xiàr
1. การใช้ “一下儿”
มีความหมายว่า “.....สักหน่อย” , “.....นิดหน่อย” , “.....สักครู่ ” แสดงถึงเหตุการณ์ที่
Yí xiàr ér
เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ สามารถใช้เป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้โดยลาพัง “一下儿” สามารถละ “儿”
Yí xiàr
ได้ “一下儿” เป็นลักษณนามของคากริยา มักจะวางไว้หลังคากริยา เพื่อทาหน้าที่เป็นบทเสริม บท
กริยา ช่วยให้น้าเสียงอ่อนลง ฟังแล้วนุ่มนวลขึ้น มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
Yí xiàr
รูปแบบ คากริยา + 一下 儿

Yí xiàr
สานักพิมพ์แมนดารินเอดูเคชั่น (2557, หน้า 95) ได้ให้ความหมายของ “一下儿” ว่า
บางครั้งก็ยังสื่อความหมายเชิง “ทดลอง” อีกด้วย ซึ่งถ้าเป็นกรณีใช้ลาพังสามารถเทียบกับภาษาไทย
Yí xiàr
“สักหน่อย” หรือ “สักครู่” ได้ และกรณีใช้ในรูป “V. + 一下儿” จะตรงกับภาษาไทย “V. + สักหน่อย”
หรือ “V. + แป๊บนึง”

41
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Yí xiàr
เหยิน จิ่งเหวิน (2551, หน้า 106) ได้ให้ความหมายของ “一下儿” ดังต่อไปนี้
Yí xiàr
1.1 ถ้ามีบทกรรมแล้วบทกรรมเป็นคานาม (นามวลี) ธรรมดา ต้องตามหลัง “一下儿”
1.2 ถ้าบทกรรมเป็น คานามที่เกี่ยวกับคนหรือเป็นชื่อคน พอจะอนุโ ลมให้ อยู่ข้างหน้า
Yí xiàr
“一下儿” ได้
Yí xiàr
1.3 ถ้าบทกรรมเป็นบุรุษสรรพนามต้องอยู่ข้างหน้า “一下儿”

ตัวอย่าง
Děng yí xiàr
1) 等 一下儿。
Zài zhè lǐ zuò yí xiàr
2) 在 这里坐一下儿。
Qǐng nín shuō yí xiàr
3) 请 您 说 一下儿。
Wǒ lái jiè shào yí xiàr
4) 我来介 绍 一下儿。
Yī shēng jiǎn chá yí xiàr
5) 医 生 检查一下儿。

Shén me
2. การใช้ “ 什 么”
เป็นคาปฤจฉาสรรพนามที่ใช้เพื่อแสดงคาถาม สามารถวางไว้หลังคากริยาหรือวางไว้หน้า
คานามหรือวางไว้หน้า คาคุณศัพท์ หากวางอยู่หลังคากริยาจะเป็นการขยายกริยาตัวนั้น หากวางอยู่
หน้าคานามหรือคาคุณศัพท์จะเป็นการขยายนามหรือคาคุณศัพท์ตัวนั้น มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้

รูปแบบ คากริยา + Shén me


什么

รูปแบบ Shén me
+ คาคุณศัพท์/คานาม
什么
ตัวอย่าง

42
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ chī shén me
1) 你吃 什 么?
Zhè shì shén me shū
2) 这 是 什 么 书?
Nà shì shén me cí diǎn
3) 那是 什 么词 典 ?
Mā ma zuò shén me cài
4) 妈妈 做 什 么 菜?
Lǎo s h ī x ǐ huan h ē shén m e yǐn liào
5) 老师 喜 欢 喝 什 么 饮料?

Zhōng guó wén huà

วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
ชื่อแซ่คนจีน
คนจีนเรียกสกุลว่า “แซ่” ชื่อ-สกุลของคนจีนแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ชื่อและแซ่ แซ่จะ
อยู่นาหน้า ส่วนชื่อจะอยู่พยางค์หลัง แซ่ของคนจีนสมัยก่อนมีหนึ่งพยางค์หรือสองพยางค์ แต่ปัจจุบัน
แซ่มีแค่หนึ่งพยางค์ แซ่ที่พบมากที่สุดได้แก่ แซ่หลี่ แซ่หวาง แซ่จาง แซ่หลิวและแซ่เฉิน ส่วนชื่อมีหนึ่ง
พยางค์หรือสองพยางค์ เวลาเขียนชื่อแซ่ด้วยสัทอักษรพินอิน พยัญชนะตัวแรกของแซ่และชื่อจะต้อง
เขียนด้วยตัวพิมพ์ ใหญ่ และต้องเว้นวรรคระหว่างแซ่และชื่อ คนจีนส่วนใหญ่ตั้งชื่อให้บุตร โดยการ
เลือกความหมายที่ตนเองชื่นชอบหรือตั้งชื่อให้คล้องจองกับคนในครอบครัว เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์
ของคนในครอบครัว
เมื่อต้องการถามแซ่ โดยมารยาทคนจีนจะแสดงการให้เกียรติหรือยกย่องฝ่ายตรงข้ามด้วย
Nín guì xìng Nín Guì
การถามว่า “您 贵 姓 ?” คาว่า “您” แปลว่า “คุณ” หรือ “ท่าน” คาว่า “贵” แปลว่า “มี
Xìng
ค่า” คาว่า “ 姓 ” แปลว่า “แซ่” มีความหมายในภาษาไทยว่า “แซ่อันสูงส่งของท่านคืออะไร” หรือ
Wǒ guì xìng
“คุณแซ่อะไร” เมื่อต้องการตอบจะไม่ตอบว่า “我 贵 姓 .....” เพราะจะดูเป็นการยกย่องตัวเอง
Wǒ xìng
จึงให้ตอบแบบทั่ว ๆ ไปว่า “我 姓 .....” แปลว่า “ฉันแซ่.....” ถ้าต้องการถามชื่อแซ่คนที่อายุ
Nǐ jiào shén me míng zi Nǐ de míng zi jiào shén
เท่ากันหรือน้อยกว่าจะถามว่า “你 叫 什 么 名 字?”, “你的 名 字叫 什
me
么?”

43
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

คนจีนมีแซ่หรือนามสกุลมากว่า 5,000 ปีแล้ว หนังสือ “百家姓 ป่ายเจยาซิ่ง” (ร้อยแซ่)


ซึ่งแพร่หลายในสมัยโบราณเขียนขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ. 960) หนังสือเล่มนี้รวบรวมแซ่
พยางค์เดียวไว้ 408 แซ่ แซ่หลายพยางค์ 30 แซ่ รวมทั้งหมดเป็น 438 แซ่ ต่อมามีแซ่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
รวมทั้งหมด ประมาณ 4,000 - 6,000 แซ่ แต่แซ่ที่ใช้จริงนั้นมีเพียงประมาณ 1,000 แซ่ชื่อ - สกุลของ
คนจีนแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ชื่อและแซ่ โดยจะเรียกแซ่นาหน้าแล้วตามด้วยชื่อ เวลาเขียนชื่อแซ่
ด้วย สัทอักษรพินอินจะต้องเว้นวรรคระหว่างแซ่และชื่อ ตัวสะกดตัวแรกของแซ่และชื่อจะต้องเขียน
ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ แซ่ของคนจีนมี 2 แบบ ได้แก่ แซ่พยางค์เดียวและแซ่หลายพยางค์ โดยแซ่พยางค์
เดียวมีมากกว่า ปัจจุบันแซ่พยางค์เดียวที่พบมากที่สุดได้แก่ แซ่หลี่ หวาง จาง หลิวและเฉิน ส่วนแซ่
หลายพยางค์ซึ่งประกอบด้วยตัว อักษรสองตัวหรือสองตัวขึ้นไปนั้นมีน้อยมาก ที่พบมากที่สุดได้แก่
แซ่จูเก๋อ โอวหยาง ซือหม่า ตวนมู่ กงซุน เป็นต้น ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว คนจีนจะถือแซ่ตามบิดา
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถือแซ่ตามมารดา ผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้ว ก็ยังคงใช้แซ่เดิมของตน ไม่ต้อง
เปลี่ยนแซ่ตามสามีส่วนชื่อของคนจีนนั้นมีทั้งชื่อพยางค์เดียวและชื่อสองพยางค์ ตัวอักษรตัวที่ สอง
(หรือสาม) ในชื่อสามพยางค์ของคนจีนจานวนมากมักเป็นตัวอักษรที่บ่งถึงรุ่นในตระกูล (กล่าวคือชื่อ
ของคนในตระกูลที่เกิดรุ่นเดียวกัน จะใช้ตัวอักษรตัวที่สอง (หรือสาม) ของชื่อเป็นตัวเดียวกัน) หรือมี
ความหมายพิเศษอื่น ๆ (ขนิษฐา โสรส, 2558)
Liàn xí

แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
zhāng huáng lǐ lín
张 黄 李 林
zì jǐ xuéshēng tóngxué xìng fú
自己 学生 同学 幸福
Xuǎn cí tián kòng
2. จงเลือกคาเติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 选 词填 空 )
jiè shào hěn shì jiàn zuì jìn
介绍 / 很 / 是 / 见 / 最近

Hǎo jiǔ bú le
2.1 好 久不______了。
Nǐ zěn me yàng
2.2 你______怎么 样 ?
Wǒ lái yí xiàr
2.3 我 来 ______一 下 儿。

44
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Zhè wèi Luó lǎo shī


2.4 这 位 ______罗 老师。
Rèn shi nǐ wǒ gāoxìng
2.5 认 识你我______高 兴 。
Fān yì tài yǔ
3. จงแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยให้ถูกต้อง (翻 译泰语)
Wǒ jiào Liú Yīng
3.1 我 叫 刘 英 。
__________________________________________
Zhè wèi shì Luó lǎo shī
3.2 这 位 是 罗 老 师 。
__________________________________________
Wǒ lái jiè shào yí xiàr
3.3 我 来 介 绍 一 下 儿。
__________________________________________
Rèn shi nǐ wǒ hěn gāoxìng
3.4 认 识你我 很 高 兴 。
__________________________________________
Hǎo jiǔ bú jiàn le Nǐ zuì jìn zěn me yàng
3.5 好 久不 见了,你最近怎么 样 ?
__________________________________________
Zào jù
4. จงแต่งประโยคให้สมบูรณ์ (造 句)
Qǐngwèn
4.1 请 问 = __________________________________
Rèn shi
4.2 认 识 = __________________________________
Zuì jìn
4.3 最近 = __________________________________
Gāoxìng
4.4 高 兴 = __________________________________

45
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Zěn me yàng
4.5 怎 么 样 = ________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)
Nín guì xìng
5.1 您 贵 姓 ?
__________________________________________________________。
Nǐ jiào shén me míng zi
5.2 你 叫 什 么 名 字?
__________________________________________________________。
Zhè wèi shì shuí
5.3 这 位 是 谁 ?
__________________________________________________________。
Nǐ lǎo shī guì xìng
5.4 你老师贵 姓 ?
__________________________________________________________。
Nǐ lǎo shī jiào shén me míng zi
5.5 你老师 叫 什 么 名 字?
__________________________________________________________。

สรุป
1. ชื่อสกุลของคนจีนต่างกับคนไทย คนไทย “ชื่อ” วางอยู่ข้างหน้า “สกุล” วางอยู่ข้างหลัง
แต่คนจีน “สกุล” วางอยู่ข้างหน้า “ชื่อ” วางอยู่ข้างหลัง คนจีนจะเรียกสกุลว่า “แซ่”
2. เมื่อต้องการถามแซ่ของฝ่ายตรงข้าม คนจีนจะให้เกียรติและยกย่องฝ่ายตรงด้วยการถาม
Nín guì xìng Guì
ว่า “您 贵 姓 ” ในประโยคจะใช้คาว่า “贵” แปลว่า “มีค่า”มีความหมายภาษาไทยว่า “แซ่อัน
สูงส่งของท่านคืออะไร” หรือ “คุณแซ่อะไร”
Hǎo jiǔ bú jiàn le Nǐ zuì jìn zěn me
3. เมื่อไม่ได้เจอกันนาน ถามสารทุกข์สุขดิบ “好 久不 见了,你最近怎么
yàng
样 ?” ภาษาไทยมีความหมายว่า “นานแล้วไม่ได้เจอกัน ช่วงนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

46
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Wǒ lái jiè shào yí xiàr


4. แนะนาผู้อื่นให้ฝ่ายตรงข้ามรู้จัก “我来介 绍 一下儿” ภาษาไทยมีความหมาย
ว่า “ฉันขอแนะนาสักหน่อย”
Rèn shi nǐ wǒ hěn gāoxìng
5. แสดงความยินดีที่ได้รู้จัก “认 识你我 很 高 兴 ” ภาษาไทยมีความหมายว่า
“รู้จักคุณ ฉันดีใจมาก”
qǐng qǐng
6. การใช้ “ 请 ” เมื่อต้องการให้ผู้อื่นทาในสิ่งที่ตนปรารถนา มักจะขึ้นต้นด้วยคาว่า “请 ”
มีความหมายในภาษาไทยว่า “เชิญ”, “กรุณา”, “ขอร้อง” มักวางไว้หนคากริยา เพื่อแสดงถึงความมี
มารยาท บางครั้งจะใช้เป็นประโยคกล่าวนาในการทักทายหรือใช้เป็นคาขึ้นต้นเมื่อต้องการถามข้อมูล
จะทาให้น้าเสียงอ่อนลง น่าฟังยิ่งขึ้น
Qǐng wèn
7. โดยมารยาทของคนจีน เมื่อต้องการถามข้อมูล มักจะขึ้นต้นด้วยคาว่า “ 请 问 ” ซึ่งมี
ความหมายในภาษาไทยว่า “ขอถามหน่อย”
Yí xiàr Yí xià
8. การใช้ “一下儿” หรือ “一下” มีความหมายว่า “....สักหน่อย”, “....นิดหน่อย”,
“....สักครู่” เป็นลักษณนามของคากริยา มักจะวางไว้หลังคากริยา แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลา
สั้น ๆ ทาหน้าที่เป็นบทเสริมบทกริยา ช่วยให้น้าเสียงอ่อนลง ฟังแล้วนุ่มนวลขึ้น มีรูปแบบโครงสร้างคือ
Yí xiàr
คากริยา + 一下儿
Shén me
9. การใช้ “ 什 么” เป็นคาปฤจฉาสรรพนามที่ใช้เพื่อ แสดงคาถาม สามารถวางไว้ หลัง
คากริยาหรือวางไว้หน้าคานามหรือวางไว้หน้าคาคุณศัพท์ หากวางอยู่หลังคากริยาจะเป็นการขยาย
Shén me
กริยาตัวนั้น มีรูปแบบโครงสร้างคือ คากริยา + 什 么 หากวางอยู่หน้าคานามหรือคาคุณศัพท์จะ
Shén me
เป็นการขยายนามหรือคาคุณศัพท์ตัวนั้น มีรูปแบบโครงสร้างคือ 什 么 + คาคุณศัพท์/คานาม
10. การถามชื่อ แซ่ค นจีน แซ่จ ะอยู่นาหน้า ส่ว นชื่อ จะอยู่ข้า งหลัง เมื่อ ต้อ งการถามแซ่
Nín guì
โดยมารยาทคนจีนจะแสดงการให้เกียรติ หรือยกย่องฝ่ายตรงข้ามด้วยการถามว่า “您 贵
xìng Wǒ xìng
姓 ?” มีความหมายว่า “คุณแซ่อะไร” และจะตอบกลับว่า “我 姓 .....” แปลว่า “ฉันแซ่.....”

47
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ jiào shén me míng zi


ถ้าต้องการถามชื่อแซ่คนที่อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าจะถามว่า “你 叫 什 么 名 字?”,
Nǐ de míng zi jiào shén me
“你的 名 字叫 什 么?”

48
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 4
Dì sì kè

第四课
ครอบครัว
Jiā tíng

家庭
บทนี้เนื้อหาเกี่ยวกับการถามสมาชิกในครอบครัวและถามอายุสมาชิกในครอบครัว โดยเนื้อหา
จะแบ่ง ออกเป็น ค าศัพ ท์ใ หม่ บทสนทนา ค าศัพ ท์เ พิ ่ม เติม บทสนทนาเพิ ่ม เติม ค าอธิบ าย
หลัก ภาษา วัฒ นธรรมจีน และแบบฝึกหัด เพื่อ ให้ผู้อ่า นเข้า ใจในเนื้อ หา ผู้เ ขีย นอธิบ ายคาศัพ ท์
ก่อนอธิบายเนื้อหาในบทสนทนา ส่ว นเนื้อหาในคาอธิบายและหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับ
หลักการใช้ภาษาจีนที่ถูกต้องพร้อมทั้งยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ส่วนเนื้อหาในวัฒนธรรมจีน
อธิบ ายเกี่ย วกับ ครอบครัว คนจีน ส่ว นเนื้อ หาในแบบฝึก หัด ท้ายบทเป็นแบบฝึกหัด ที่ห ลากหลาย
เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí
คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 家 (名) jiā บ้าน ครอบครัว
2. 几 (代) jǐ กี่
3. 口 (量) kǒu คน (ลักษณนาม)
4. 人 (名) rén คน
5. 爷爷 (名) yéye ปู่
6. 奶奶 (名) nǎinai ย่า
7. 外公 (名) wàigōng ตา
8. 外婆 (名) wàipó ยาย
9. 爸爸 (名) bàba พ่อ
10.妈妈 (名) māma แม่
11.哥哥 (名) gēge พี่ชาย
12.弟弟 (名) dìdi น้องชาย
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

13.姐姐 (名) jiějie พี่สาว


14.妹妹 (名) mèimei น้องสาว
15.和 (连) hé และ
16.他 (代) tā เขา (ผู้ชาย)
17.们 men พวก (หลายคน)
18.身体 (名) shēntǐ ร่างกาย สุขภาพ
19.都 (副) dōu ล้วน ทั้งหมด
Shuō huà rén
คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1.李芳 Lǐ Fāng ชื่อฟาง แซ่หลี่
2.王勇 Wáng Yǒng ชื่อหย่ง แซ่หวาง
Kè wén

บทเรียน (课文)
Lǐ Fāng Wáng Yǒng
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “李 芳 ”กับ “ 王 勇 ” โดยทั้งสอง
ฝ่ายสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวมีกี่คน มีใครบ้าง และพวกเขาสบายดีไหม
Lǐ Fāng Nǐ jiā yǒu jǐ kǒu rén
李芳 :你家有几口 人?
Wáng Yǒng Wǒ jiā yǒu shí yì kǒu rén
王 勇 :我家有十一口 人。
Lǐ Fāng Nǐ jiā yǒu shén me rén
李芳 :你家有 什 么 人?
Wáng Yǒng Wǒ jiā yǒu yé ye nǎi nai wài gōng wài pó bà ba
王 勇 :我家有爷爷、奶奶、外 公 、外婆、爸爸、
mā ma gē ge dì di jiě jie mèimei hé wǒ
妈妈、哥哥、弟弟、姐姐、妹妹 和我。
Lǐ Fāng Tā men shēn tǐ hǎo ma
李芳 :他 们 身 体好 吗?

50
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Wáng Yǒng Tā men shēn tǐ dōu hěn hǎo


王 勇 :他 们 身 体都 很 好。

Bǔ chōng cí yǔ
คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 兄弟姐妹 (名) xiōngdìjiěmèi พี่น้อง

2. 没有 (动) méiyǒu ไม่มี


3. 多 (形) duō เยอะ มาก
4. 大 (形) dà ใหญ่
5. 今年 (名) jīnnián ปีนี้
6. 岁 (量) suì ปี ขวบ
7. 她 (代) tā เขา (ผู้หญิง)
Bǔ chōng kè wén
บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Wáng Yǒng Lǐ Fāng
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 王 勇 ” กับ “李 芳 ” โดยทั้งสองฝ่าย
สนทนาโต้ตอบถามสมาชิกในครอบครัวและถามอายุสมาชิก ในครอบครัว
Wáng Yǒng Nǐ jiā yǒu méi yǒu xiōng dì jiě mèi
王 勇 :你家有 没 有 兄 弟姐妹?
Lǐ Fāng Yǒu Wǒ jiā yǒu jiě jie hé mèimei
李芳 :有 。我家有 姐姐和妹妹。
Wáng Yǒng Nǐ jiě jie duō dà le
王 勇 :你姐姐多大了?
Lǐ Fāng Wǒ jiě jie jīn nián èr shí èr suì le
李芳 :我姐姐今 年 二十二岁了。
Wáng Yǒng Nǐ mèimei ne
王 勇 :你妹妹呢?
Lǐ Fāng Tā jīn nián shí bā suì le
李芳 :她今 年 十八岁了。

51
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Zhù shì
คาอธิบาย (注释)

เนื้อหาในคาอธิบ ายเป็ นการอธิบ ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ “几” และการถามอายุ
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น

1. การใช้ “几”
Duōshǎo
แปลว่า “กี่” , “เท่าไหร่” มีความหมายเหมือนกับ คาว่า “多 少 ” ใช้ในประโยค

คาถามหรื อบอกเล่ า “几” หากใช้ในประโยคคาถาม มักวางไว้ห น้าคานามที่ต้องการถาม จะใช้
สอบถามจานวนที่ค่อนข้างน้อย ปกติจ ะไม่เกินสิบ หากใช้ในประโยคบอกเล่า จะมีความหมายว่า
“2 - 3” มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
รูปแบบ จานวน + คานาม ?

พรรณาภา สิริ มงคลสกุล (2554, หน้า 137) ได้ให้ความหมายของ “几” ว่า
Jǐ Jǐ
เมื่อนาเอา “几” มาใช้กับการถามวัน เดือน ปี จะมีการนาเอา “几” มาใช้ดังนี้
Jǐ hào Jǐ tiān
- ถามเกี่ยวกับวัน เช่น 几号?几天?
Xīng qī jǐ jǐ ge xīng qī
- ถามเกี่ยวกับสัปดาห์ เช่น 星 期几?几个 星 期?
Jǐ yuè Jǐ ge yuè
- ถามเกี่ยวกับเดือน เช่น 几月?几个月?
Jǐ nián
- ถามเกี่ยวกับปี เช่น 几 年 ?

ตัวอย่าง
Tā yào jǐ ge píngguǒ
1) 他要几个 苹 果。
Jīn tiān lái le jǐ ge xuéshēng
2) 今天来了几个 学 生 。

52
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shàng cì nǐ mǎi jǐ běn cí diǎn


3) 上 次你买几本词 典 ?
Nǐ men de gōng sī yǒu jǐ ge rén
4) 你 们 的 公 司有几个 人?
Zhè ge xué xí lǎo shī yǒu jǐ mén kè
5) 这 个 学习老师 有几 门 课?

2. การถามอายุ
การถามอายุในภาษาจีน จะแบ่งตามสถานะและวัยของผู้ที่ถูกถาม ถ้าผู้ถามมีอายุน้อยกว่า
Nín duō dà le Duō
ผู้ถูกถาม ควรให้เกียรติผู้ถูกถามอย่างสุภาพว่า “您 多大了?” คาว่า “多 ” แปลว่า “มาก”
Dà Nǐ jǐ suì
ส่วนคาว่า “大” แปลว่า “ใหญ่” ถ้าผู้ถามมีอายุมากกว่าผู้ถูกถาม มักจะถามว่า “你几岁?
Jǐ suì
”คาว่า “几” แปลว่า “กี่” ส่วนคาว่า “岁” แปลว่า “ขวบ ” , “ ปี”
Yǔ fǎ

หลักภาษา (语法)
Dōu
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ “都 ” และ “การบอกจานวน”
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Dōu
1. การใช้ “都 ”
Dōu
แปลว่า “ทั้งหมด” , “ล้วน” เป็นคาวิเศษณ์ คาว่า “都 ” มักวางไว้หลังประธานและวางไว้
Dū Shǒu dū
หน้าคากริยาหรือคาคุณศัพท์ บางครั้งสามารถออกเสียงว่า “都” เช่น คาว่า “ 首 都 ” แปลว่า
“เมืองหลวง” มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้

ประธาน +
Dōu
+ คากริยา/คาคุณศัพท์

53
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Dōu
พรรณาภา สิริมงคลสกุล (2554, หน้า 115 - 116) ได้ให้ความหมายของ “都 ” ว่า

นอกจากนี้ ยังสามารถทาเป็นรูปปฏิเสธได้ โดยการนาคาว่า “不” มาใช้ร่วมด้วย โดยมีวิธีการวาง

“不” ดังนี้
Bù Dōu
1.1 หากวาง “不” ไว้หลัง “都 ” จะมีความหมายว่า “ทั้งหมดไม่.....”
Bù Dōu
1.2 หากวาง “不” ไว้หน้า “都 ” จะมีความหมายว่า “ไม่ทั้งหมดที่.....”
ตัวอย่าง
Dà jiā dōu lái le
1) 大家都来了。
Wǒ men dōu ài shàng nǐ
2) 我 们 都爱 上 你。
Tā men dōu piàoliang le
3) 他 们 都 漂 亮 了。
Tóngxuémen dōu bù rèn zhēn xué xí
4) 同 学 们 都 不 认 真 学习。
Lǎo shī men bù dōu shì zhōngguó rén
5) 老师 们 不 都 是 中 国 人。
2. การบอกจานวนในภาษาจีน
การบอกจานวนในภาษาจีนเป็นหนึ่งในโครงสร้างประโยคของหลักภาษาที่พบบ่อยในบทสนทนา
มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
จ+านวน + +
ลักษณะนาม + คานาม

ตัวอย่าง
Mā ma mǎi le wǔ ge píngguǒ
1) 妈妈 买了五个 苹 果。
Bà ba diǎn le sì fèn jī yóu fàn
2) 爸爸 点 了四 份 鸡油饭。

54
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Dì di yào chī liǎng kuài dàngāo


3) 弟弟 要 吃 两 块 蛋 糕。
Zǎoshang wǒ hē le yì bēi niú nǎi
4) 早 上 我 喝了一 杯 牛奶。
Lǎo shī yǒu sān běn hàn yǔ cí diǎn
5) 老师 有 三 本 汉语 词 典 。
Zhōng guó wén huà
วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
ครอบครัวคนจีน
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีจานวนประชากรมากที่สุดในโลก ทาให้ครอบครัวคนจีนเป็น
ครอบครัวใหญ่ เมื่อแต่งงานมีครอบครัว สามี ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวและมีอานาจการปกครองใน
ครอบครัว ครอบครัวคนจีนให้ความสาคัญกับบุตรชายมากกว่าบุตรหญิง เพราะบุตรชายเป็นผู้สืบสกุล
ส่วนบุตรสาวได้ค่าใช้จ่ายบางส่วน หลังจากแต่งงานบุตรสาวจะถือว่าเป็นคนในครอบครัวสามี ถึงแม้
ไม่ได้เปลี่ยนแซ่ก็ตาม บุตรสาวจะไม่มีความเกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจของครอบครัวเดิมอีก แต่ยัง คงมีการ
ไปมาหาสู่ กั น เพราะคนจี น ให้ ค วามส าคั ญ กั บ ความกตั ญ ญู ก ตเวที ต่ อ บุ พ การี นอกจากนี้ ยั ง ให้
ความสาคัญกับญาติพี่น้อง การนับญาติของคนจีนจะคล้ายกับคนไทยคือ มีการแบ่งเป็นญาติฝ่ายพ่อ
ญาติฝ่ายแม่โยงใยกันมากมาย แต่หลังจากศตวรรษที่ 20 ครอบครัวของคนจีนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
โดยมีแนวโน้มค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นครอบครัวขนาดเล็กหรือครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น
Liàn xí
แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
xiǎo zuì nán nǚ
小 最 男 女
ā yí shūshu gū mā bó bo
阿姨 叔叔 姑妈 伯伯
Xuǎn cí tiánkòng
2. จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 选 词填 空 )

jīn nián wǔ shēn tǐ hé dì di


今年 / 五 / 身体 / 和 / 弟弟

55
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Wǒ jiā yǒu kǒu rén yǒu bà ba mā ma gē ge


我 家 有 _________ 口 人。有; 爸爸、妈妈、哥哥、
dì di wǒ wǒ gē ge èr shí sān suì wǒ
弟弟 _________ 我。我 哥哥 _________ 二十 三 岁。我
jīn nián shí bā suì Tā men dōu hěn hǎo
_________ 今 年 十八 岁。他 们 _________ 都 很 好。
Fān yì hàn yǔ
3. จงแปลภาษาไทยเป็นภาษาจีนให้ถูกต้อง (翻 译汉语)
3.1 พ่อแม่ฉันสุขภาพดี
_____________________________________________________________
3.2 คุณย่าสุขภาพดีไหม
_____________________________________________________________

3.3 คุณปู่ของฉันอายุ 79 ปี
_____________________________________________________________
3.4 ครอบครัวคุณมีพี่ชายและน้องชายไหม
_____________________________________________________________
3.5 คุณตาและคุณยายของคุณปีนี้อายุเท่าไหร่
_____________________________________________________________
Zào jù
4. จงแต่งประโยคให้สมบูรณ์ (造 句)
Shēn tǐ
4.1 身 体 = ___________________________________________________
Méi yǒu
4.2 没 有 = ___________________________________________________
Shén me
4.3 什 么 = ___________________________________________________
Duō dà
4.4 多 大 = ___________________________________________________
Jīn nián
4.5 今 年 = ___________________________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)
Nǐ jiā yǒu jǐ kǒu rén
5.1 你家有几口 人?

56
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

__________________________________________________________。
Nǐ jiā yǒu shén me rén
5.2 你家有 什 么 人?
__________________________________________________________。
Tā men shēn tǐ hǎo ma
5.3 他 们 身 体好 吗?
__________________________________________________________。
Nǐ jiā yǒu méi yǒu xiōng dì jiě mèi
5.4 你家有 没 有 兄 弟姐妹?
__________________________________________________________。

Tā men jīn nián duō dà le


5.5 他 们 今 年 多大了?
__________________________________________________________。

สรุป
Xiōng dì jiě mèi
1. คาว่า “ 兄 弟姐妹” มีความหมายภาษาไทยว่า “พี่น้อง”
2. ส่วนใหญ่คาศัพท์ที่ใช้เรียกคนในครอบครัว มักมีสองพยางค์ พยางค์หลังจะอ่านเสียงเบา
Bà ba Mā ma
เช่น “爸爸” แปลว่า “พ่อ” “妈妈” แปลว่า “แม่”

3. การใช้ “几” แปลว่า “กี่” , “เท่าไหร่” หากใช้ในประโยคคาถาม มักวางไว้ หน้าคานาม
จะใช้ถามจานวนที่ค่อนข้างน้อย แต่ไม่เกินสิบ หากใช้ในประโยคบอกเล่า จะมีความหมายว่า “2 - 3”
มีรูปแบบโครงสร้างคือ จานวน + คานาม ?
4. การถามอายุ จะแบ่งตามสถานะและวัยของผู้ที่ถูกถาม ถ้าผู้ถามมีอายุน้อยกว่าผู้ถูกถาม
Nín duō dà le
ควรให้เกียรติผู้ถูกถามอย่างสุภาพว่า “您 多大了?” ถ้าผู้ถามมีอายุมากกว่าผู้ถูกถาม มักจะ
Nǐ jǐ suì
ถามว่า “你几岁?” สองประโยคนี้แปลว่า “คุณอายุเท่าไหร่”

57
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Dōu
5. การใช้ “都 ” แปลว่า “ทั้งหมด” “ล้วน” เป็นคาวิเศษณ์ มักวางไว้หลังประธานและวาง

ไว้หน้าคากริยาหรือคาคุณศัพท์ มีรูปแบบโครงสร้างคือ ประธาน + 都 + คากริยา/คาคุณศัพท์
6. การบอกจานวน เป็นหนึ่งในโครงสร้างประโยคของหลักภาษาจีนที่พบบ่อยในบทสนทนา
มีรูปแบบโครงสร้างคือ จานวน + ลักษณนาม + คานาม
7. ครอบครัวคนจีนเป็นครอบครัวใหญ่ สามีเป็นหัวหน้าครอบครัวและมีอานาจการปกครอง
ในครอบครัว ครอบครัวคนจีนให้ความสาคัญกับบุตรชายมากกว่าบุตรหญิง หลังจากแต่งงานบุตรสาว
จะถือว่าเป็นคนในครอบครัวสามี ถึงแม้ไม่ได้เปลี่ยนแซ่ก็ต าม ส่วนญาติพี่น้องจะมีการแบ่งเป็นญาติ
ฝ่ายพ่อ ญาติฝ่ายแม่โยงใยกันมากมาย แต่หลังจากศตวรรษที่ 20 ครอบครัวคนจีนเปลี่ยนแปลงไป
เรื่อย ๆ โดยมีแนวโน้มค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นครอบครัวขนาดเล็กหรือครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น

58
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 5
Dì wǔ kè

第五课
สัญชาติ
Guó jí

国籍
บทนี้เนื้อหาเกี่ยวกับการถามสัญชาติ โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น คาศัพท์ใหม่ บทสนทนา
คาศัพท์เพิ่มเติม บทสนทนาเพิ่มเติม คาอธิบาย หลักภาษา วัฒ นธรรมจีนและแบบฝึกหัด เพื่อให้
ผู้อ่า นเข้า ใจในเนื้อ หา ผู้เ ขีย นอธิบ ายคาศัพ ท์ก่อ นอธิบ ายเนื้อ หาในบทสนทนา ส่ว น เนื้อ หาใน
ค าอธิบ ายและหลัก ภาษาเป็น การอธิบ ายเกี ่ย วกับ หลัก การใช้ภ าษาจีน ที ่ถ ูก ต้อ ง พร้อ มทั ้ง
ยกตัว อย่า ง เพื่อ ให้ผู้อ่า นเข้า ใจง่า ยขึ้น เนื้อ หาในวัฒ นธรรมจีน จะอธิบ ายเกี่ย วกับ ชนชาติจีน
เนื้อ หาในแบบฝึก หัด ท้า ยบทเป็น แบบฝึก หัดที่ห ลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจ
ของผู้อ่าน
Shēng cí
คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 哪 (代) nǎ อันไหน
2. 国 (名) guó ประเทศ
3. 泰国 (名) Tài guó ประเทศไทย
4. 在 (介) zài อยู่ ที่
5. 哪儿/哪里 (代) nǎr/nǎ lǐ ที่ไหน
6. 宋卡 (名) Sòngkǎ สงขลา
7. 朋友 (名) péngyǒu เพื่อน
8. 日本人 (名) Rìběnrén คนญี่ปุ่น
9. 中国 (名) Zhōng guó ประเทศจีน
10.做 (动) zuò ทา
11.旅游 (动) lǚyóu ท่องเที่ยว
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shuō huà rén

คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1. 赵风 Zhào Fēng ชื่อเฟิง แซ่จ้าว
2. 林星 Lín Xīng ชื่อซิง แซ่หลิน
Kè wén
บทเรียน (课文)
Zhào Fēng Lín Xīng
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 赵 风 ” กับ “林 星 ” โดยทั้งสอง
ฝ่ายสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับสัญชาติ ภูมิลาเนา และจุดประสงค์ในการมาประเทศจีน
Zhào Fēng Qǐng wèn Nǐ shì nǎ guó rén
赵 风 : 请 问 ,你是 哪 国 人?
Lín Xīng Wǒ shì Tài guó rén
林星 :我 是 泰 国 人。
Zhào Fēng Nǐ jiā zài nǎr nǎ lǐ
赵 风 :你 家 在 哪儿/哪里?
Lín Xīng Wǒ jiā zài Sòng kǎ Wǒ shì Sòng kǎ rén
林星 :我 家 在 宋 卡,我 是 宋 卡 人。
Zhào Fēng Nǐ péngyou shì nǎ guó rén
赵 风 :你 朋 友是 哪 国 人?
Lín Xīng Tā shì rì běn rén
林星 :她是日本 人。
Zhào Fēng Nǐ men lái Zhōng guó zuò shén me
赵 风 :你 们 来 中 国 做 什 么?
Lín Xīng Lǚ yóu
林星 :旅游。
Bǔ chōng cí yǔ

คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 不好意思 bù hǎo yì si ขอโทษ
2. 从...来 cóng...lái มาจาก

60
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

3. 读书 dúshū เรียนหนังสือ
4. 云南大学 (名) Yúnnán dàxué มหาวิทยาลัยยูนนาน
5. 留学生 (名) liúxuéshēng นักเรียนต่างชาติ
6. 真 (副) zhēn จริง
7. 厉害 (形) lìhài เก่งมาก ร้ายแรง
Bǔ chōng kè wén

บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Lín Xīng Zhào Fēng
เนื้อหาในบทเรีย นเพิ่มเติม นี้เป็นการสนทนาระหว่าง “林 星 ” กับ “ 赵 风 ”
สนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับ การถามสัญชาติ ภูมิลาเนา การกล่าวขอโทษ การกล่าวขอบคุณ และการ
แสดงมารยาทในการถามของคนจีน
Zhào Fēng Bù hǎo yì si Nǐ shì bú shì Zhōng guó rén
赵 风 :不 好意思!你 是 不是 中 国 人。
Lín Xīng Bú shì
林星 :不是。
Zhào Fēng Nǐ cóng nǎr nǎ lǐ lái
赵 风 :你 从 哪儿/哪里来?
Lín Xīng Wǒ cóng Tài guó lái
林星 :我 从 泰 国 来。
Zhào Fēng Nǐ lái Zhōngguó zuò shén me
赵 风 :你 来 中 国 做 什 么 ?
Lín Xīng Dú shū Wǒ xiàn zài shì Yúnnán dà xué de liú xuéshēng
林星 :读书。我 现 在 是 云 南大学 的 留学 生 。
Zhào Fēng Zhēn de ma nǐ hěn lì hài
赵 风 : 真 的吗?你很厉害!
Zhù shì
คาอธิบาย (注释)
Nǎr Nǎ lǐ
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลัก การใช้ “哪儿/哪里” และ “
Bù hǎo yì si
不好意思! ” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น

61
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǎr Nǎ lǐ
1. การใช้ “哪儿/哪里”
Nǎr Nǎ lǐ
“哪儿” หรือ “哪里” มีความหมายเหมือนกัน แปลว่า “ที่ไหน” มักใช้ในประโยค
คาถามเกี่ยวกับสถานที่
Nǎ lǐ
นอกจากนี้ คาว่า “哪里” สามารถใช้เป็นคาตอบรับคาชมเมื่อฝ่ายตรงข้ามกล่าวคาชม
Nǎ lǐ nǎ lǐ
พูดสั้น ๆ ว่า “哪里哪里” มีความหมายในภาษาไทยว่า “ที่ไหนกันล่ะ” เพื่อเป็นการแสดง
มารยาทการถ่อมตน
Nǎr Nǎ lǐ
ประวิทย์ เจริญประวัติ (2556, หน้า 147 - 148) ได้ให้ความหมายของ “哪儿/哪里”
Zhèr Zhè lǐ
และ“ 这 儿/这 里” ว่า เสียงม้วนลิ้น “เอ๋อร์” เป็นลักษณะพิเศษของบางท้องถิ่นในประเทศ
จีน มักใช้ในภาษาพูดส่วนมากมักพบในภาษาพื้นถิ่นทางภาคเหนือเช่นเมืองปักกิ่ง แต่ท้องถิ่นอื่นก็มีเสียง
ม้วนลิ้นเช่นกัน เช่น ภาษาอู๋ (พื้นที่แถบเมืองซูโจว เซี่ยงไฮ้) เสียงม้วนลิ้นเป็นเรื่องละเอียดซับซ้อนมาก
และยากมากสาหรับผู้เริ่มต้นเรียนภาษาจีน กระทั่งคนจีนอย่างคนปักกิ่งรุ่นใหม่เองก็ยังไม่ เข้าใจเสียง
ม้วนลิ้นเสียทั้งหมด
เสี ย งม้ ว นลิ้ น ของภาษาพื้ น ถิ่ น บางเสี ย งได้ เ ข้ า มาปะปนอยู่ ใ นภาษาจี น กลางด้ ว ย
แต่ภ าษาจี น กลางปั จ จุ บั น พยายามลดเสี ย งม้ว นลิ้ นลง โดยเฉพาะในภาษาจีนกลางที่เป็นทางการ
มักหลีกเลี่ยงการใช้เสียงม้วนลิ้น ดังนั้นสาหรับคนต่างชาติที่เรียนภาษาจีน ไม่จาเป็นต้องพูดเสียงม้วน
ลิ้นก็สามารถสื่อสารกับคนจีนได้
Nǎr Nǎ lǐ
“哪儿” (อ่าน หน่า แล้วม้วนลิ้นทันที) กับ “哪里” (อ่าน หนาหลี่ ไม่ม้วนลิ้น)
Nǎ ér
สองคานี้แปลเหมือนกันว่า “ไหน” หรือ “ที่ไหน” ทางภาคเหนือของจีนนิยมพูดม้วนลิ้นเป็น 哪+儿
กลายเป็นเสียง หน่าร์ คือ อ่าน “หน่า” เสร็จแล้วก็ม้วนลิ้นขึ้นทันที (คาว่า ér เวลาออกเสียงจะตัดเสียง
é ทิ้งไปเหลือแต่ตัว r ซึ่งเป็นการม้วนลิ้น)
Zhèr Zhè lǐ
“ 这 儿” ( อ่าน เจ้อ แล้ว ม้วนลิ้น ทันที) กับ “这 里” (อ่าน เจ้อหลี่ ไม่ ม้วนลิ้น )
สองคานี้แปลเหมือนกันว่า “นี่” หรือ “ที่นี่” ก็จัดอยู่ในลักษณะเดียวกัน

ตัวอย่าง
Nǐ zài nǎ lǐ
1) 你 在 哪里?

62
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Tā zài nǎr xué xí


2) 他 在 哪儿学习?
Xiàn zài lǎo shī zài nǎr
3) 现 在 老师 在 哪儿?
Bà ba zài nǎ li chī wǔ fàn
4) 爸爸 在 哪里吃 午饭?
Nǐ mā ma zài nǎr gōngzuò
5) 你妈妈 在 哪儿 工 作?
Bù hǎo yì si
2. การใช้ “不好意思! ”
ใช้เมื่อต้องการกล่าวคาขอโทษฝ่ายตรงข้ามหรือ แสดงความเกรงใจที่จะขอความช่วยเหลือ
จากให้ฝ่ายตรงข้ามในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มีความหมายในภาษาไทยว่า “ขอโทษ” หรือ “เกรงใจ”

ตัวอย่าง
Bù hǎo yì si wǒ ràng yí xiàr
1) 不 好意思!我 让 一下儿?
Bù hǎo yì si ràng nín jiǔ děng le
2) 不 好意思! 让 您久 等 了?
Bù hǎo yì si gěi nín tiān má fan le
3) 不 好意思!给 您 添 麻烦了?
Xiàn zài hái děng zhe wǒ Zhēn b ù hǎo yì si
4) 现 在 还 等 着 我, 真 不 好意思!
Jīn tiān ràng nǐ zuò de hěn lèi Zhēn b ù hǎo yì si
5) 今天 让 你 做 得 很累, 真 不 好意思!

Yǔ fǎ

หลักภาษา (语法)
De Cóng lái
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ “的” และ “ 从 .....来” เพื่อให้
ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
De
1. การใช้ “的”
คานี้ที่ใช้บ่อยในภาษาจีน สามารถใช้ได้หลายรูปแบบและมีความหมายว่า “ที่”, “ของ”,
“บ้าง”, “ก็”

63
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

De
1.1 เมื่อคาสรรพนามหรือคานาม ทาหน้าที่ขยายนามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ “的”
มีความหมายว่า “ของ” วางไว้หลังส่วนขยายและวางไว้หน้าคานาม ใช้เชื่อมระหว่างคาที่ขยายกับคาที่
ถูกขยาย ซึ่งคานามที่อยู่ ด้านหลั งจะเป็ นคาหลั ก ส่ ว นคาที่อยู่ด้านหน้าเป็นส่ว นขยายคานามที่อยู่
ด้านหลัง เวลาแปลเป็นภาษาไทยต้องแปลจากข้างหลังไปข้างหน้า มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้

คาสรรพนาม/คานาม + de + คานาม

De De
1.2 ใช้เชื่อมส่วนขยายคานามที่อยู่ข้างหน้า “的” กับส่วนหลักที่อยู่ข้างหลัง “的”
ซึ่งคาที่ทาหน้าที่เป็นส่วนขยายคานามได้คือ คานาม คากริยาหรือคาคุณศัพท์ ส่วนคาที่ทาหน้าที่เป็น
ส่วนหลักคือ คานาม มีความหมายว่า “ซึง่ ” “ที”่ มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
คานาม/คากริยา/คาคุณศัพท์ de คานาม
+ 的 +
De
พรรณนาภา สิริมงคลสกุล (2556, หน้า 172) ได้ให้ความหมายของการใช้ “的”
“ของ” ว่า ในกรณีที่บุรุษสรรพนามเป็นเอกพจน์ทาหน้าที่ขยายคานามที่เกี่ยวกับเครือญาติหรือ
De De De
ความสั ม พั น ธ์ สามารถละ “的” ได้ กรณี ว ลี นั้ น มี “的” อยู่ ม ากกว่ า 1 ให้ ตั ด “的” ทิ้ ง
De
เหลือเพียงแค่ “的” ตัวเดียว
De
เหยิน จิ่งเหวิน (2555, หน้า 55 - 56) ได้ให้ความหมายของ “的” ว่า กรณีคาสรรพนาม
De
หรื อ ค านามท าหน้ า ที่ เ ป็ น บทขยายนามเพื่ อ แสดงความเป็ น เจ้ า ของ ตามปกติ จ ะใช้ “的”
เชื่อมระหว่างคาที่ขยายกับคาที่ถูกขยาย
1) ในกรณีบุรุษสรรพนามที่เป็นเอกพจน์ทาหน้าที่ขยายคานามซึ่งเป็นชื่อที่
De
เกี่ยวกับเครือญาติ จะใช้หรือไม่ใช้ “的” ก็ได้ และในภาษาพูดมักจะละ
ไว้ (แต่ใช้ก็ถูกต้องเช่นกัน)

64
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

2) ในกรณีบุรุษสรรพนาม (ไม่ว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์) ทาหน้าที่ขยาย


De
คานามบางส่วนที่เกี่ยวกับคน สามารถละ “的” ได้ ในกรณีเป็นวลีสั้น ๆ
De
ปกติจะไม่ใช้ “的” ซ้าสองคา

ตัวอย่าง
Mā ma de qiánbāo
1) 妈妈 的 钱 包。
Lǎo shī de gāng bǐ
2) 老师 的 钢 笔。
Gānjìng de bàngōng shì
3) 干 净 的 办 公 室。
Tā gěi wǒ mǎi piàoliang de yī fu
4) 他 给 我 买 漂 亮 的衣服。
Wǒ nánpéngyǒu xǐ huan chàng hǎotīng de gē
5) 我 男 朋 友喜 欢 唱 好听 的 歌。
Cóng lái
2. การใช้ “ 从 .....来”
Cóng Lái Cóng lái
คาว่า “ 从 ” แปลว่า “จาก” “来” แปลว่า “มา” สองคานี้รวมกัน “ 从 .....来” มี
ความหมายว่า “มาจาก.....” มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
Cóng สถานที่ Lái
从 + + 来

ตัวอย่าง
Nǐ cóng nǎr lái
1) 你 从 哪儿来?
Wǒ cóng Sòng kǎ lái
2) 我 从 宋 卡来。

65
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ lǎo shī cóng nǎ lǐ lái


3) 你 老师 从 哪里来?
Wǒ péngyou cóng Rì běn lái
4) 我 朋 友 从 日本来。
Tā men dōu cóng Zhōngguó lái
5) 他 们 都 从 中 国来。

Zhōng guó wén huà


วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
ชนชาติจีน
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีชนชาติเป็นจานวนมาก มีทั้งหมด 56 ชนชาติ หนึ่งในนั้นเป็น
Hàn zú
“ชนชาติฮั่น ” เรียกอีกอย่างว่า “汉 族” จานวนมากที่สุ ดถึงร้อยละ 91.59 ของจานวนประชากร
ทั้งหมด ชนชาติฮั่นมีภาษาและตัวอักษรเป็นของตนเองหรือที่เรียกกันว่า “ภาษาจีนกลาง” ซึ่งเป็นภาษาที่
ใช้สื่อสารกันในปัจจุบัน ชนชาติที่เหลือของจีนอีก 55 ชนชาติเรียกรวมกันว่า “ชนกลุ่มน้อย” หรือเรียก
Shǎoshù mín zú
อีกอย่างว่า “ 少 数 民族” ซึ่งมีจานวนประชากรร้อยละ 8.41 ของจานวนประชากรทั้งหมด
Měng gǔ zú Huí zú Zàng zú
ประกอบด้วยชนชาติมองโกล ( 蒙 古族) ชนชาติหุย (回族) ชนชาติทิเบต ( 藏 族) ชนชาติอุยกูร์
Wéi wú ěr Miáo zú Yì zú Zhuàng zú Bù yī zú
(维吾尔) ชนชาติม้ง ( 苗 族) ชนชาติอี๋ (异族) ชนชาติจ้วง ( 壮 族) ชนชาติปู้อี (布依族)
Cháoxiǎn zú Mǎn zú Dòng zú Yáo zú
ชนชาติเกาหลี ( 朝 鲜 族) ชนชาติแมนจู (满 族) ชนชาติต้ง ( 侗 族) ชนชาติเย้า (瑶 族) ชน
Bái zú Tǔ jiā zú Hā ní zú Hā sà kè
ชาติไป๋ (白族) ชนชาติถู่เจีย (土家族) ชนชาติฮาหนี (哈尼族) ชนชาติคาร์ซัค (哈萨克
zú Dǎi zú Lí zú Lì sù zú Wǎ zú
族) ชนชาติไต (傣族) ชนชาติหลี (黎族) ชนชาติลี่ซวู่ (傈僳族) ชนชาติว้า (佤族) ชนชาติ
Shē zú Gāoshān zú Lā hù zú Shuǐ zú
เซอ (畲 族) ชนชาติเกาซาน (高 山 族) ชนชาติล่าฮู่ (拉祜族) ชนชาติสุ่ย ( 水 族) ชนชาติ

66
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Dōngxiāng zú Nà xī zú Jǐng pō zú
ตงเซียง ( 东 乡 族) ชนชาติน่าซี (纳西族) ชนชาติจิ่งปัว ( 景 颇族) ชนชาติเคอร์กิช (
Kē ěr kè zī zú Tǔ zú Dá hàn ér zú Mù lǎo zú
柯尔克孜族) ชนชาติถู่ (土族) ชนชาติต๋าโว่ร์ (达翰儿族) ชนชาติมู่เหลา (仫佬族)
Qiāng zú Bù lǎng zú Sā lā zú
ชนชาติเชียง ( 羌 族) ชนชาติปู้หลาง (布 朗 族) ชนชาติซาลา (撒拉族) ชนชาติเหมาหนัน (
Máonán zú Gē lǎo zú Xī bó zú ā chāng zú
毛 南族) ชนชาติเกอเหล่า (仡佬族) ชนชาติสีป๋อ (锡伯族) ชนชาติอาชาง (阿 昌 族)
Pǔ mǐ zú Tǎ jí kè zú Nù zú
ชนชาติผูห มี่ (普 米 族 ) ชนชาติท าจิก (塔 吉 克 族 ) ชนชาตินู่ (怒 族 ) ชนชาติอุช เบก
Wū zī bié kè zú é luó sī zú è wēn kè zú
(乌 孜 别 克 族 ) ชนชาติรัสเซีย (俄罗斯族) ชนชาติเอ้อเวินเค่อ (鄂 温 克族) ชนชาติ
Dé áng zú Bǎo ān zú Yù gù zú Jīng zú
เต๋ออั๋ง (德昂 族) ชนชาติเป่าอัน (保 安族) ชนชาติอวี้กู้ (裕固族) ชนชาติจิง (京 族)
Tǎ tǎ ěr zú Dú lóng zú è lún chūn zú
ชนชาติทาทาร์ (塔塔尔族) ชนชาติตู่หลง (独 龙 族) ชนชาติเอ้อหลุนชุน (鄂伦 春 族) ชน
Hè zhé zú Mén bā zú Luò bā zú
ชาติเฮ่อเจ๋อ (赫哲族) ชนชาติเหมินปา ( 门 巴族) ชนชาติลั่วปา (珞巴族) ชนชาติจีนัว (
Jī nuò zú
基诺族)
ซึ่งแต่ละชนชาติมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตนเอง แต่ละปีจะมี
เทศกาลของชนชาติต่าง ๆ รวมกว่า 1,000 เทศกาล ส่วนใหญ่เทศกาลสาคัญมักจะอยู่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ
ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ชนชาติกลุ่มน้อยแต่ละชนชาติต่างก็มีภาษาเป็นของตนเอง มีเพียงสองชน
Huí zú Mǎn zú
ชาติคือ ชนชาติหุย (回族) และชนชาติแมนจู ( 满 族) ที่ใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสาร

Liàn xí
แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)

67
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Lǎo wō Miǎndiàn Yuènán Yīngguó


老挝 缅甸 越南 英国
Měiguó Hánguó Xīn jiā pō Mǎ lái xī yà
美国 韩国 新加坡 马来西亚
Tiánkòng
2. จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 填 空 )
Qǐng wèn Nǐ shì guó rén
A : 请 问 ,你是 ________ 国 人?
Wǒ shì guó rén
B :我 是 ________ 国 人。
Nǐ jiā zài
A :你 家 在 ________ ?
Wǒ jiā zài Wǒ shì
B :我 家 在 ________ ,我 是 ________ 。
Nǐ shì nǎ guó rén
A :你 ________ 是 哪 国 人?
Tā shì běn rén
B :她是 ________ 本 人。
Nǐ men lái zuò shén me
A :你 们 来 ________ 做 什 么?
B :______________________________。
Fān yì tài yǔ
3. จงแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยให้ถูกต้อง (翻 译泰语)
Wǒ shì liú xué shēng
3.1 我 是留学 生 。
___________________________________________
Tā bú shì Tài guó rén
3.2 他不是 泰国 人。
___________________________________________
Nǐ jiā zài Sòng kǎ ma
3.3 你家 在 宋 卡吗?
___________________________________________

68
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Rì běn rén lái Tài guó lǚ yóu


3.4 日本 人来泰国旅游。
___________________________________________
Wǒ péngyou lái Zhōngguó dú shū
3.5 我 朋 友来 中 国读书。
___________________________________________
Pái jù
4. จงเรียงประโยคให้ถูกต้อง (排句)
lái wǒ Tài guó cóng
4.1 来 / 我 / 泰 国 / 从
___________________________________________
shì xiàn zài liú xué shēng tā
4.2 是 / 现 在 / 留学 生 / 他
___________________________________________

nǎ lǐ cóng nǐ bà ba lái
4.3 哪里 / 从 / 你 / 爸爸 / 来
___________________________________________
ma nǐ Zhōng guó rén shì
4.4 吗 / 你 / 中 国 / 人 / 是
___________________________________________
zuò lái lǎo shī shén me zhè lǐ
4.5 做 / 来 / 老 师 / 什 么 / 这里
___________________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)
Nǐ shì nǎ guó rén
5.1 你是 哪 国 人?
___________________________________________
Nǐ jiā zài nǎr nǎ lǐ
5.2 你 家 在 哪儿/哪里?

69
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

___________________________________________
Nǐ cóng nǎr nǎ lǐ lái
5.3 你 从 哪儿/哪里来?
___________________________________________
Nǐ shì bú shì Zhōng guó rén
5.4 你 是 不是 中 国 人?
___________________________________________
Nǐ lái Zhōngguó zuò shén me
5.5 你 来 中 国 做 什 么 ?
___________________________________________

สรุป
Nǐ shì nǎ guó rén
1. การถามสัญชาติของฝ่ายตรงข้าม “你是 哪 国 人?” ภาษาไทยมีความหมาย
ว่า “คุณเป็นคนสัญชาติไหน”
Dú shū
2. คาว่า “读书” ในภาษาจีนไม่ได้หมายความว่า “อ่านหนังสือ” แต่จะมีความหมายว่า
Kàn shū
“เรียนหนังสือ”ส่วนคาว่า “อ่านหนังสือ” ในภาษาจีนมักจะใช้คาว่า “看 书”
Zhēn de ma
3. “ 真 的吗?” เป็นประโยคคาถาม แปลว่า “จริงไหม” แต่บางครั้งเป็นการแสดง
ความประหลาดใจ เป็นการอุทาน ไม่ได้เป็นประโยคคาถามที่ต้องการคาตอบจริง ๆ
nǐ hěn lì hài
4. ประโยค “你很厉害!” เป็นคาชมฝ่ายตรงข้าม มีความหมายว่า “คุณเก่งมาก”
nǎr nǎ lǐ
5. การใช้ “哪儿/哪里” แปลว่า “ที่ไหน” มักใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับสถานที่
“เอ๋อร์” เป็นลักษณะเสียงม้วนลิ้นของภาษาพื้นถิ่นบางเสียงได้เข้ามาปะปนอยู่ในภาษาจีนกลางด้วย
Nǎ lǐ
6. คาว่า “哪里” สามารถใช้เป็นคาตอบรับคาชมเมื่อฝ่ายตรงข้ามกล่าวคาชม โดยการซ้า
Nǎ lǐ nǎ lǐ
สองคา “哪里哪里” มีความหมายว่า “ที่ไหนกันล่ะ”

70
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Bù hǎo yì si
7. “不 好意思” มีความหมายว่า “ขอโทษ” หรือ “เกรงใจ” ใช้เมื่อต้องการกล่าวคา
ขอโทษฝ่ายตรงข้ามหรือแสดงความเกรงใจที่จะขอความช่วยเหลือ
Cóng lái Cóng Lái
8. คาว่า “ 从 .....来”คาว่า “ 从 ” แปลว่า “จาก” “来” แปลว่า “มา” สองคานี้
Cóng lái Cóng lái
รวมกัน “ 从 ...来” มีความหมายว่า “มาจาก...” มีรูปแบบโครงสร้างคือ 从 + สถานที่ +来
Hàn zú
9. ชนชาติจีนในประเทศจีนมีทั้งหมด 56 ชนชาติ “ชนชาติฮั่น” เรียกอีกอย่างว่า “汉 族”
เป็นชนชาติที่มีประชากรมากที่สุด ใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสาร ที่เหลือของจีนอีก 55 ชนชาติ
Shǎo shù mín zú
เรี ย กรวมกั น ว่ า “ชนกลุ่ ม น้ อ ย” หรื อ เรี ย กอี ก อย่ า งว่ า “ 少 数 民 族 ” ซึ่ ง แต่ ล ะชนชาติ
มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตนเอง แต่ละปีจะมีเทศกาลของชนชาติต่าง ๆ
รวมกว่า 1,000 เทศกาล ชนชาติกลุ่มน้อยแต่ละชนชาติต่างก็มีภาษาเป็นของตนเอง มีเพียงสองชนชาติคือ
Huí zú Mǎn zú
ชนชาติหุย (回族)และชนชาติแมนจู ( 满 族) ที่ใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสาร

71
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 6
Dì liù kè

第六课
สถานที่
Dì diǎn

地点
บทนี้เนื้อหาสนทนาเกี่ยวกับการถามทาง การบอกทาง การบอกทาง การบอกจุดประสงค์
ในการไปสถานที่นั้น โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น คาศัพท์ใหม่ บทสนทนา คาศัพท์เพิ่มเติม บทสนทนา
เพิ่ม เติม คาอธิบ าย หลัก ภาษา วัฒ นธรรมจีน และแบบฝึก หัด เพื ่อ ให้ผู ้อ่า นเข้า ใจในเนื ้อ หา
ผู้เขีย นอธิบ ายคาศัพท์ก่อ นอธิบ ายเนื้อหาในบทสนทนา ส่ว นเนื้อ หาในคาอธิบายและหลักภาษา
เป็นการอธิบ ายเกี่ย วกับ หลักการใช้ภ าษาจีนที่ถูกต้องพร้อมทั้ง ยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย
ขึ้น ส่วนเนื้อหาในวัฒนธรรมจีนอธิบายเกี่ยวกับ กาแพงเมืองจีน ส่วนเนื้อหาในแบบฝึกหัดท้ายบทเป็น
แบบฝึกหัดที่หลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí

คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 医院 (名) yīyuàn โรงพยาบาล
2. 邮局 (名) yóujú ที่ทาการไปรษณีย์
3. 的 (名) de ของ
4. 对面 (名) duì miàn ตรงข้าม
5. 舒服 (形) shūfu สบาย
6. 要 (副) yào อยาก ต้องการ
7. 看病 (动) kàn bìng หาหมอ
8. 怎么 (代) zěn me ยังไง อย่างไร
9. 走 (动) zǒu เดิน ไป
10.路 (名) lù ทาง ถนน
11.咱们 (代) zánmen พวกเรา
12.一起 (副) yì qǐ ด้วยกัน
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

13.吧 (助) ba เถอะ

Shuō huà rén

คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1. 宋平 Sòng Píng ชื่อผิง แซ่ซง่
2. 张龙 Zhāng Lóng ชื่อหลง แซ่จาง
Kè wén

บทเรียน (课文)
Sòng Píng Zhāng Lóng
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 宋 平 ” กับ “ 张 龙 ” โดยทั้ง
สองฝ่า ยสนทนาโต้ต อบเกี่ย วกับ การถามทาง การบอกทาง การบอกอาการไม่ส บาย การบอก
สถานที่ที่ต้องการไป การบอกจุดประสงค์ในการไปสถานที่นั้น
Sòng Píng Qǐng wèn yī yuàn zài nǎr nǎ lǐ
宋 平 : 请 问 ,医 院 在 哪儿/哪里?
Zhāng Lóng Zài yóu jú de duì miàn Nǐ zěn me le
张 龙 :在 邮局 的 对 面 。你 怎 么了!
Sòng Píng Wǒ bú tài shū fu Wǒ yào qù yī yuàn kànbìng
宋 平 :我 不太 舒服,我 要去医 院 看 病 。
Zhāng Lóng Nǐ zěn me zǒu
张 龙 :你怎么 走?
Sòng Píng Wǒ zǒu lù
宋 平 :我 走路。
Zhāng Lóng Zánmen yì qǐ zǒu ba
张 龙 :咱 们 一起 走 吧!
Bǔ chōng cí yǔ

คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 银行 (名) yínháng ธนาคาร
2. 取 (动) qŭ ถอน
3. 钱 (名) qián เงิน
4. 知道 (动) zhīdào รู้ ทราบ

72
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

5. 就 (副) jiù ก็
6. 邮局 (名) yóujú ไปรษณี
7. 旁边 (代) páng biān ด้านข้าง
8. 要 (副) yào อยาก ต้องการ
9. 长城 (名) Chángchéng กาแพงเมืองจีน
Bǔ chōng kè wén

บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Zhāng Lóng Sòng Píng
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติมนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 张 龙 ” กับ “ 宋 平 ”
สนทนาเกี่ย วกับ การถามทาง การบอกทาง การบอกสถานที่ที่ต้อ งการไปและบอกจุด ประสงค์
ในการไปสถานที่นั้น
Zhāng Lóng Sòng Píng Wǒ xiǎng qù yín háng qǔ qián Nǐ zhī dào
张 龙 : 宋 平 !我 想 去 银 行 取 钱 ,你 知 道
yín háng zài nǎr nǎ lǐ ma
银 行 在 哪儿/哪里吗 ?
Sòng Píng Zhī dào jiù zài yóu jú de pángbiān
宋 平 :知道。就 在 邮局 的 旁 边 。
Zhāng Lóng Nǐ men qù nǎr
张 龙 :你 们 去哪儿?
Sòng Píng Wǒ men yào qù Chángchéng
宋 平 :我 们 要去 长 城 。
Zhāng Lóng Zài jiàn
张 龙 :再 见!
Sòng Píng Zài jiàn
宋 平 :再 见!
Zhù shì
คาอธิบาย (注释)
Kànbìng Zǒu lù
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ “看 病 ” , “走 路”,
Ba Zánmen
“吧” และ “咱 们 ” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าในหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น

73
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Kànbìng
1. การใช้ “看 病 ”
Kàn bìng
คาว่า “看 ” แปลว่า “ดู” “病 ” แปลว่า “โรค” สองคานี้รวมกันมีความหมายใน
ภาษาไทยว่า “หาหมอ”
Zǒu lù
2. การใช้ “走 路”
Zǒu lù
คาว่า “走 ” แปลว่า “เดิน” “路” แปลว่า “ทาง” สองคานี้รวมกันมีความหมายใน
ภาษาไทยว่า “เดินทางด้วยเท้า” หรือ “เดินไป”
Ba
3. การใช้ “吧”
มีความหมายในภาษาไทยว่า “เถอะ สิ นะ แล้วกัน ” เป็นคาช่วยเสริมน้าเสียง มักวางไว้
ท้ายประโยค เพื่อให้ประโยคน่าฟังมากยิ่งขึ้นสามารถแสดงความหมายหลายอย่าง เช่น ขอร้อง ชักชวน
คาดเดา เป็นต้น
Ba
เหยิน จิ่งเหวิน (2551, หน้า 227 - 228) ได้ให้ความหมายของการใช้ “吧” ว่า
3.1 ใช้ในประโยคบอกเล่า แสดงน้าเสียงเกลี้ยกล่ อม ตกลง ขอร้อง ยกตัวอย่าง ฯลฯ
แปลว่า “เถอะ ก็แล้วกัน เลย”
3.2 แสดงน้าเสียงคาดเดา แปลว่า “มั้ง กระมั้ง”
3.3 แสดงน้าเสียงลาบากใจกับทางเลือกทั้งสองอย่าง ต้องใช้ซ้า

ตัวอย่าง
Zánmen zǒu ba
1) 咱 们 走 吧!
Kuài shàng chē ba
2) 快 上 车 吧!
Zhè ge wèn tí tài nán le ba
3) 这 个 问 题太 难了吧。
Wǒ men zài zhèr chī fàn ba
4) 我 们 在 这 儿吃 饭 吧。
Wáng lǎo shī hái méi huí jiā ba
5) 王 老师 还 没 回 家吧。
Zánmen
4. การใช้ “咱 们 ”

74
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

แปลว่า “พวกเรา” เป็นภาษาพูด ซึ่งหมายถึงรวมคู่สนทนาทั้ง 2 ฝ่าย คานี้นิยมใช้ในทาง


ตอนเหนือของจีน

ตัวอย่าง
Zánmen zǒu ba
1) 咱 们 走 吧!
Zánmen yí kuài qù ba
2) 咱 们 一 块 去 吧。
Zánmen yì qǐ chī fàn ba
3) 咱 们 一起吃 饭 吧。
Zánmen dōu shì zì jǐ rén nǐ bié kè qi lā
4) 咱 们 都 是 自己人,你 别 客气啦。
Zánmen dōu shì hǎo péngyou méi yǒu bù néng shuō de mì mì
5) 咱 们 都 是 好 朋 友,没 有 不 能 说 的 秘密。

Yǔ fǎ

หลักภาษา (语法)
Xiǎng Zěn me Yì qǐ
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ “ 想 ” , “怎 么” และ “一起”
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Xiǎng
1. การใช้ “ 想 ”
เป็นคากริยาและคากริยาวิเศษณ์ มีความหมายในภาษาไทยว่า “อยากจะ”, “คิดว่า”,
“คิดถึง” มีรูปแบบโครงสร้างการใช้ดังต่อไปนี้
Xiǎng
1.1 “ 想 ” ในความหมายว่า “อยากจะ”
Xiǎng คากริยา
รูปแบบ 想 +
Xiǎng
1.2 “ 想 ” ในความหมายว่า “คิดว่า”
Xiǎng วลีหรือประโยค
รูปแบบ 想 +

75
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Xiǎng
1.3 “ 想 ” ในความหมายว่า “คิดถึง”

รูปแบบ
Xiǎng
+ คานาม / คาสรรพนาม

ตัวอย่าง
Wǒ xiǎng nǐ
1) 我 想 你。
Mèimèi xiǎng jiā
2) 妹妹 想 家。
Xiǎo Lì xiǎng mǎi xiāngjiāo
3) 小 丽 想 买 香 蕉。
Tā men xiǎng qù zhōngguó liú xué
4) 他 们 想 去 中 国留学。
Fù mǔ xiǎng hái zi bì yè hòu néng zhǎo dào hǎo gōngzuò
5) 父母 想 孩子毕业后, 能 找 到 好 工 作。
Zěn me
2. การใช้ “怎 么”
เป็นคาปุจฉาสรรพนามที่ใช้บ่อยในภาษาจีน มีความหมายภาษาไทยว่า “อย่างไร” ,
Zěn me
“ทาไม” บางครั้งการใช้ “怎 么” ในประโยคคาถามไม่ได้เจตนาถามเพื่อต้องการคาตอบ แต่อาจ
เป็นการแสดงความประหลาดใจต่อสถานการณ์นั้น ๆ
Zěn me
2.1 “怎 么” ในความหมายว่า “อย่างไร” ใช้ขยายคากริยาหรือคาคุณศัพท์
Zěn me
2.2 “怎 么” ในความหมายว่า “ทาไม”
Zěn me
2.3 “怎 么 ” ในความหมายว่า “เป็นอะไรไป” ทาหน้า ที่เ ป็น บทกริย าได้ต่อ เมื่อ
Le Lā
ใช้คู่กับ “了 ” หรื อ “啦 ”

ตัวอย่าง
Nǐ zěn me le
1) 你 怎么了。

76
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ zěn me huí shì


2) 你 怎么 回 事?
Zhè ge xī guā zěn me mài
3) 这 个西瓜 怎么 卖?
Tā zěn me méi lái shàng kè
4) 他 怎么 没 来 上 课?
Nǐ péngyou zěn me bù chī wǎn fàn
5) 你 朋 友 怎么 不吃 晚 饭?
Yì qǐ
3. การใช้ “一起”
มีความหมายภาษาไทยว่า “ด้วยกัน” มักวางไว้หน้าคากริยา โดยมีรูปแบบโครงสร้าง
ดังต่อไปนี้
Yì qǐ
ประธาน คากริยา
รูปแบบ + 一起 +

ตัวอย่าง
Zánmen yì qǐ zǒu ba
1) 咱 们 一起 走 吧!
Wǒ men yì qǐ shàng kè ba
2) 我 们 一起 上 课 吧。
Nǐ men yì qǐ dú yí biàn kè wén
3) 你 们 一起 读 一 遍 课 文 。
Wǒ gēn mā ma yì qǐ qù mǎi cài
4) 我 跟 妈妈 一起 去 买 菜。
Nǐ gēn wǒ yì qǐ qù Shàng hǎi hǎo ma
5) 你 跟 我一起 去 上 海 好 吗?

Zhōng guó wén huà

วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
กาแพงเมืองจีน

77
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Chángchéng Cháng
กาแพงเมืองจีน “ 长 城 ” ซึ่งมาจากคาว่า “ 长 ” แปลว่า “ยาว” คาว่า
chéng Wàn lǐ chángchéng
“ 城 ” แปลว่า “กาแพง” หรื อเรี ยกอีกอย่างว่า กาแพงหมื่นลี้ “ 万 里 长 城 ”
เป็นกาแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ สร้างเมื่อ 2,500 ปีกว่า ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรก
ในประวัติศาสตร์จีน กาแพงเมืองจีนสร้างขึ้น เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาวฮั่นหรือซฺยงหนูที่เข้ามา
รุกรานจีนตามแนวชายแดนทางเหนือ กาแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัย ราชวงศ์ฉิน
สมัยนั้นได้สั่งให้สร้างกาแพงหมื่นลี้ตามชายแดน เพื่อป้องกันพวกซยงหนูและพวกเติร์กจากทางเหนือ
เข้ามารุกราน หลังจากนั้นยังมีการสร้างกาแพงต่อ อีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจาก
มองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากาแพงเมืองจีนได้สาเร็จ
Chángchéng Wàn lǐ chángchéng
กาแพงเมืองจีน “ 长 城 ” หรือกาแพงหมื่นลี้ “ 万 里 长 城 ” สานักงาน
มรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน ประกาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ว่านักโบราณคดีได้ตรวจวัด
ความยาวของสิ่งก่อสร้างจากน้ามือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ "กาแพงเมืองจีน" อย่างเป็นทางการ
นานร่วม 5 ปี ตั้งแต่ 2008-2012 และพบว่ายาวกว่า ที่บันทึกไว้เดิมกว่า 2 เท่า หรือ 21,196.18
กิโลเมตร จากเดิม 8,850 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ และนับเป็น 1 ใน 7 สิ่ง
มหัศจรรย์ของโลก
Liàn xí

แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
sì miào gōngyuán shūdiàn jiǔ diàn
寺庙 公园 书店 酒店
jǐngchá jú dòng wù yuán tú shūguǎn diànyǐngyuàn
警察局 动物园 图书 馆 电影 院
Tiánkòng
2. จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 填 空 )
2.1
Qǐng wèn zài nǎr nǎ lǐ
A : 请 问 ,_______ 在 哪儿/哪里?
Zài yóu jú de
B : 在 _______ 邮局 的 _______。
Wǒ xiǎng qù
A : 我 想 去_______。

78
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ zǒu
B : 你_______ 走?
Wǒ xiǎng zuò qù
A : 我 想 坐 _______ 去。
Wǒ nǐ qù ba
B : 我_______ 你去吧!
A : __________!
B : __________!

2.2
Wǒ xiǎng qù Nǐ zhī dào zài nǎr nǎ lǐ ma

A : 我 想 去____,你知 道 ____在哪儿/哪里吗 ?
Zhī dào jiù zài de Wǒ yě xiǎng qù
B :知道。就在_____的_____,我也 想 去______。
Nǐ yào
A :你要_____________?
Wǒ yào
B :我 要____________ 。
Zánmen qù hǎo ma
A :咱 们 ________去 好 吗?
B :____________。
Zào jù
3. จงแต่งประโยคสมบูรณ์ (造 句)

3.1 去 = ____________________________________
Zài
3.2 在 = ____________________________________
De
3.3 的 = ____________________________________
Yì qǐ
3.4 一起 = ____________________________________

79
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǎr
3.5 哪儿 = ____________________________________
Pái jù
4. จงเรียงประโยคให้ถูกต้อง (排句)
yī yuàn duì miàn yóu jú de zài
4.1 医 院 / 对 面 / 邮局 / 的 / 在
___________________________________________
yī yuàn qù kàn bìng xiǎng tā
4.2 医 院 / 去 / 看 / 病 / 想 /他
___________________________________________
qián yín háng qù qǔ xiǎng dì di
4.3 钱 / 银 行 / 去 / 取 / 想 / 弟弟
___________________________________________
de yóu jú zài yín háng jiù pángbiān
4.4 的 / 邮局 / 在 / 银 行 / 就 / 旁 边
___________________________________________
hǎo yì qǐ Zánmen ma yī yuàn qù
4.5 好 / 一起 / 咱 们 / 吗 / 医院 / 去
___________________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)
Nǐ xuéxiào zài nǎr nǎ lǐ
5.1 你学 校 在 哪儿/哪里?
___________________________________________
Nǐ zěn me zǒu
5.2 你怎么 走?
___________________________________________
Nǐ xiǎng zuò chū zū chē qù ma
5.3 你 想 坐 出租车去吗?
___________________________________________

80
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ yào qù yín háng zuò shén me


5.4 你要去银 行 做 什 么?
___________________________________________
Nǐ yào huàn shén me qián
5.5 你要 换 什 么 钱 ?
___________________________________________

สรุป
Kànbìng
1. 看 病 มีความหมายในภาษาไทยว่า “หาหมอ”
Zǒu lù
2. 走 路 มีความหมายในภาษาไทยว่า “เดินทางด้วยเท้า” หรือ “เดินไป”
Xiǎng
3. การใช้ “ 想 ” แปลว่า “อยากจะ”, “คิดว่า”, “คิดถึง” เป็นคากริยาและคากริยาวิเศษณ์
Xiǎng
3.1 ในความหมายว่า “อยากจะ” รูปแบบโครงสร้างคือ 想 + คากริยา
Xiǎng
3.3 ในความหมายว่า “คิดว่า” รูปแบบโครงสร้างคือ 想 + วลีหรือประโยค
Xiǎng
3.3 ในความหมายว่า “คิดถึง” รูปแบบโครงสร้างคือ 想 + คานาม/คาสรรพนาม
Ba
4. คาว่า “吧” มีความหมายว่า “เถอะ สิ นะ แล้วกัน” เป็นคาช่วยเสริมน้าเสียง มักวางไว้
ท้ายประโยค แสดงถึงการขอร้อง ชักชวน คาดเดา เป็นต้น
Zán men
5. คาว่า “咱 们 ” แปลว่า “พวกเรา” เป็นภาษาพูด ซึ่งหมายถึงรวมคู่สนทนาทั้ง 2 ฝ่าย
คานี้นิยมใช้ในทางตอนเหนือของจีน
Zěn me
6. การใช้ “怎 么” เป็นคาปุจฉาสรรพนามที่ใช้บ่อยในภาษาจีน มีความหมายว่า
“อย่างไร”, “ทาไม”
Zěn me
6.1 “怎 么” ในความหมายว่า “อย่างไร” ใช้ขยายคากริยาหรือคาคุณศัพท์
Zěn me
6.2 “怎 么” ในความหมายว่า “ทาไม”

81
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Zěn me
6.3 “怎 么 ” ในความหมายว่า “เป็นอะไรไป” ทาหน้า ที่เ ป็น บทกริย าได้ต่อ เมื่อ
Le Lā
ใช้คู่กับ “了 ” หรื อ “啦 ”
Yì qǐ
7. การใช้ “一起” มีความหมายว่า “ด้วยกัน” มักวางไว้หน้าคากริยา มีรูปแบบโครงสร้าง
Yì qǐ
คือ ประธาน + 一起 + คากริยา
Chángchéng Wàn lǐ chángchéng
8. กาแพงเมืองจีน “ 长 城 ” หรือเรียกอีกอย่างว่า กาแพงหมื่นลี้ “ 万 里 长 城 ” เป็น
กาแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ สร้างเมื่อ 2,500 ปีกว่า ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกใน
ประวัติศาสตร์ จีน กาแพงเมืองจีน สร้ างขึ้น เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาวฮั่น หรือซฺยงหนู ที่เข้ามา
รุกรานจีนตามแนวชายแดนทางเหนือ สานักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน ประกาศเมื่อวันที่ 6
มิถุนายน พ.ศ. 2555 ว่านักโบราณคดีได้ตรวจวัดความยาวของสิ่งก่อสร้างจากน้ามือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุด
ในโลกหรือ "กาแพงเมืองจีน" และนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

82
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 7
Dì qī kè

第七课
อาหารจีน
Zhōng guó cài

中 国菜
บทนี้เนื้อหาเกี่ยวกับการเชิญลูกค้า การสั่งอาหาร การสั่งเครื่องดื่ม การบอกความต้องการ
ในการสั่งอาหารเพิ่มและมารยาทการสนทนากับลูกค้า โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น คาศัพท์ใหม่ บทสนทนา
คาศัพท์เพิ่มเติม บทสนทนาเพิ่มเติม คาอธิบาย หลักภาษา วัฒนธรรมจีนและแบบฝึกหัด เพื่อให้ผู้อ่าน
เข้าใจในเนื้อหา ผู้เขียนอธิบายคาศัพท์ก่อนอธิบายเนื้อหาในบทสนทนา ส่ วนเนื้อหาในคาอธิบายและ
หลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาจีนที่ถูกต้องพร้อมทั้งยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่าน
เข้าใจง่ายขึ้น ส่วนเนื้อหาในวัฒนธรรมจีนอธิบายเกี่ยวกับเป็ดปักกิ่ง ส่วนเนื้อหาในแบบฝึกหัดท้ายบท
เป็นแบบฝึกหัดที่หลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí

คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 欢迎 (动) huányìng ยินดีต้องรับ
2. 光临 (名) guāng lín มาเยือน
3. 点 (动) diǎn สั่ง (อาหาร)
4. 菜 (名) cài อาหาร
5. 份 (量) fèn ชุด
6. 宫保鸡丁 (名) Gōngbǎo jīdīng ไก่ผัดถั่วลิสง
7. 麻婆豆腐 (名) Mápó dòufu เต้าหูผัดสไตล์เสฉวน
8. 蛋花汤 (名) Dànhuātāng ไข่น้า
9. 碗 (量) wǎn ถ้วย (ลักษณะนาม)
10.米饭 (名) mǐfàn ข้าวสวย
11.饮料 (名) yǐnliào เครื่องดื่ม
12.瓶 (量) píng ขวด (ลักษณะนาม)
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

13.可乐 (名) kělè โค้ก


14.杯 (量) bēi แก้ว (ลักษณะนาม)
15.冰块 (名) bīngkuài น้าแข็ง
16.别的 (代) bie de อย่างอื่น
17.稍等 shāo děng รอสักครู่
Shuō huà rén

คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1.服务员 Fú wù yuán พนักงานบริการ
2.顾客 Gù kè ลูกค้า
Kè wén

บทเรียน (课文)
Fú wù yuán Gù kè
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “服务 员 ” พนักงานบริการกับ “顾客” ลูกค้า
สนทนาเกี่ยวกับการเชิญลูกค้า การสั่งอาหาร การสั่งเครื่องดื่ม และมารยาทการสนทนากับลูกค้า
Fú wù yuán Huānyíng guāng lín Qǐng wèn Nín jǐ wèi
服务 员 : 欢 迎 光 临! 请 问 ,您几位?
Gù kè Sān wèi
顾客 : 三 位。
Fú wù yuán Nín yào diǎn shén me cài
服务 员 : 您 要 点 什 么 菜?
Gù kè Wǒ yào yí fèn gōngbǎo jī dīng yí fèn má pó
顾客 : 我 要 一份 宫 保 鸡 丁 、一 份 麻婆
dòu fu yì wǎn dàn huā tāng dà wǎn mǐ fàn
豆腐、一 碗 蛋 花 汤 、大 碗 米饭。
Fú wù yuán Nín yào diǎn shén me yǐn liào
服务 员 : 您 要 点 什 么 饮 料?
Gù kè Wǒ yào dà píng kě lè sān bēi bīngkuài
顾客 : 我 要 大 瓶 可乐、三 杯 冰 块 。
Fú wù yuán Nín hái yào bié de ma
服务 员 : 您 还 要 别的吗?

84
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Gù kè Wǒ bú yào le
顾客 : 我 不要了。
Fú wù yuán Hǎo de Qǐng shāo děng
服务 员 : 好 的。 请 稍 等 。
Bǔ chōng cí yǔ

คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 两 (量) liǎng สอง
2. 给 (动) gěi ให้
3. 菜单 (名) cài dān เมนูอาหาร
4. 点菜 (动) diǎn cài สั่งอาหาร
5. 啊 (叹) ā เป็นคาอุทาน
6. 北京烤鸭 (名) Běijīng kǎoyā เป็ดปักกิ่ง

7. 喝 (动) hē ดืม่
8. 点儿 (量) diǎnr จานวนหนึ่ง
9. 壶 (量) hú เหยือก (ลักษณะนาม)
10.花茶 (名) huā chá ชาดอกไม้
11.干煸豆角 (名) gānbiāndòujiǎo ถั่วฝักยาวผัดพริก
Bǔ chōng kè wén
บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Fú wù yuán
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติมนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “服务 员 ” พนักงานบริการกับ
Gù kè
“顾客” ลูกค้า สนทนาเกี่ย วกับ การเชิญลูกค้า การสั่งอาหาร การสั่ง เครื่องดื่ม การบอกความ
ต้องการในการสั่งอาหารเพิ่มและมารยาทการสนทนากับลูกค้า
Fú wù yuán Huānyíng guāng lín Qǐng wèn Nín jǐ wèi
服务 员 : 欢 迎 光 临! 请 问 ,您几位?
Gù kè Liǎng wèi Qǐng gěi wǒ cài dān
顾客 : 两 位。 请 给 我 菜单。

85
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Fú wù yuán Zhè shì cài dān Nín xiàn zài yào diǎn cài ma
服务 员 :这 是菜 单。您 现 在 要 点 菜 吗?
Gù kè Shì ā Wǒ yào yí fèn Běi jīng kǎo yā
顾客 :是啊。我 要一份北京 烤鸭。
Fú wù yuán Nín hē diǎnr shén me
服务 员 :您喝 点 儿 什 么?
Gù kè Wǒ yào yì hú huā chá
顾客 :我 要一壶 花 茶。
Fú wù yuán Nín hái yào shén me ma
服务 员 :您 还 要 什 么 吗?
Gù kè Hái yào yí fèn Gān biān dòujiǎo
顾客 :还 要一份 干 煸 豆角。
Fú wù yuán Qǐng shāo děng
服务 员 : 请 稍 等 。
Zhù shì

คาอธิบาย (注释)
Huānyíng guāng lín
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ “ 欢 迎 光 临”, การ
Yī Qǐng shāo děng
ผันเสียง “一” และการใช้ “ 请 稍 等 ” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Huānyíng guāng lín
1. การใช้ “ 欢 迎 光 临”
Huānyíng
เป็นคาที่พนักงานบริการนิยมใช้กล่าวต้อนรับเมื่อลูกค้ากาลังเข้าร้าน คาว่า “ 欢 迎 ”
Guāng lín
แปลว่า “ยินดีต้อนรับ” คาว่า “ 光 临” แปลว่า “มาเยือน” สองคานี้รวมกันมีความหมายใน
ภาษาไทยว่า “ยินดีต้อนรับที่มาเยือน” หรือหมายถึง “ยินดีต้อนรับ”

2. การผันเสียง “一”

แปลว่า “หนึ่ง” เสียงเดิมเป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 1 เมื่อ “一” เป็นการนับจานวนหรืออ่าน
Yī Yī
หมายเลข “一” ยังคงออกเสียงวรรณยุกต์เดิม แต่เมื่อ “一” มีพยางค์ตามหลัง จะมีการผันเสียง
วรรณยุกต์ดังต่อไปนี้

86
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Yī Yī
กรณี “一” มีพยางค์วรรณยุกต์เสียงที่ 1 เสียงที่ 2 หรือเสียงที่ 3 ตามหลัง “一” ต้องผัน
เป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 4
Yī Yī
กรณี “一” มีพยางค์วรรณยุกต์เสียงที่ 4 ตามหลัง “一” ต้องผันเป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 2

ตัวอย่าง
Yì zhī bǐ
1) 一 支 笔。
Yì píng pí jiǔ
2) 一 瓶 啤酒。
Yì běn hàn yǔ shū
3) 一 本 汉语 书。
Yí fèn jī ròu chǎo fàn
4) 一 份 鸡肉 炒 饭。
Yí kuài qiǎo kè lì dàngāo
5) 一 块 巧 克力蛋 糕。
Qǐng shāo děng
3. การใช้ “ 请 稍 等 ”
เป็นคาที่พนักงานบริการนิยมใช้กล่าวกับลูกค้า อย่างสุภาพ เมื่อต้องการให้ลูกค้ารอ คาว่า
Qǐng Shāo Děng
“ 请 ” แปลว่า “กรุณา” คาว่า “ 稍 ” แปลว่า “สักครู่” คาว่า “ 等 ” แปลว่า “รอ” สามคานี้
รวมกันมีความหมายว่า “กรุณารอสักครู่”
yǔ fǎ
หลักภาษา (语法)
ā Gěi
เนื้ อหาในหลั กภาษาเป็ นการอธิบายเกี่ยวกับการใช้ “啊” และ “给” เพื่อให้ ผู้ อ่านเข้าใจ
หลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
ā
1. การใช้ “啊”

87
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

เป็นคาอุทานที่ใช้บ่อย สามารถแสดงอารมณ์หลายอย่าง เช่น ตกใจ ดีใจ ขอร้อง ยืนยัน


เป็นต้น เพื่อบอกระดับความเข้มข้น หรือเพื่อช่วยให้น้าเสียงนุ่มนวลน่าฟังมากยิ่งขึ้น มักวางไว้ท้าย
ประโยค มีความหมายว่า “น่ะ นา นี่นา” แต่บางครั้งไม่สามารถแปลเป็นภาษาไทยได้
ā
เหยิน จิ่งเหวิน (2558, หน้า 220 - 222) ได้ให้ความหมายของ “啊” ว่า
1.1 ใช้ในประโยคบอกเล่า แสดงน้าเสียงยืนยันหรืออธิบาย ฯลฯ แปลว่า “นา นี่นา”
1.2 ใช้ในประโยคบอกเล่าหรือประโยคย้อนถาม แสดงน้าเสียงที่ราคาญ แปลว่า “วะ นา
นี่นา นี่หวา”
1.3 ใช้ในประโยคคาสั่ง แสดงน้าเสียงขอร้อง เร่งรัด สั่งการ ตักเตือน ฯลฯ แปลว่า “น่ะ
นา น่า น้า เถอะน่า”
1.4 แสดงน้าเสียงอุทานหรือเป็นหางเสียงในการทักทาย
1.5 ใช้ในประโยคคาถามที่ใช้ปฤจฉาสรรพนาม ประโยคคาถามแบบให้เลือกหรือประโยค
ย้อนถาม เพื่อช่วยให้น้าเสียงนุ่มนวล แปลว่า “คะ หรือคะ ครับ หรือครับ”
1.6 ใช้ในประโยคคาถาม เพื่อขอคายืนยันจากอีกฝ่ายหนึ่ง แปลว่า “หรือ หรือคะ หรือ
ครับ”
1.7 ใช้ในการหยุดพักเสียง เพื่อเรียกร้องความสนใจ แปลว่า “เนี่ย”
1.8 ใช้ในการยกตัวอย่าง แปลว่า “เอย”
1.9 ใช้ตามหลังคากริยาพยางค์เดี่ยวที่ใช้ซ้า แสดงความหมายว่า กินเวลานาน
ā ā
ถ้าตัวสะกดของพยางค์ที่อยู่ข้างหน้า “啊” เป็น –n “啊” (a) จะผันเสียงเป็น na

เขียนเป็น “哪” ก็ได้
ā ā
ถ้าสระสุดท้ายของพยางค์ที่อยู่ข้างหน้า “啊” เป็น u , ao หรือ ou “啊”(a) จะผัน

เสียงเป็น wa เขียนเป็น “哇” ก็ได้
ā ā
ถ้าสระสุดท้ายของพยางค์ที่อยู่ข้างหน้า “啊” เป็น a , e , i , o หรือ ü “啊”(a) จะผัน
Ya
เสียงเป็น ya เขียนเป็น “呀” ก็ได้
ā Nǎ Wā Ya
ในทั้งสามกรณีดังกล่าว ถึงแม้ “啊” เกิดการผันเสียง แต่จะเขียนเป็น “哪、哇、呀”
ā
ก็ได้ หรือจะเขียนเป็น “啊” เหมือนเดิมก็ได้

88
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ฝ่ายวิชาการสานักพิมพ์แมนดารินเอดูเคชั่น (2560, หน้า 144 - 145) ได้ให้ความหมาย


ประโยคอุ ท านว่ า เป็ น ประโยคที่ แ สดงด้ ว ยน้ าเสี ย งเข้ ม ข้ น ของอารมณ์ ต่ า ง ๆ จบประโยคด้ ว ย
เครื่องหมาย “!” เสมอ มักจะใช้ในการแสดงอารมณ์อันเข้มแข็งรุนแรงอย่างตกใจ อุทาน ดีใจ มีความสุข
เป็นทุกข์ โศกเศร้า โมโห ฯลฯ
การแบ่งประเภทตามวิธีในการแสดงออกที่ต่างกัน สามารถแบ่งประโยคอุทานได้เป็น 2
ประเภท ดังนี้
1) ประโยคอุทานที่ใช้ประเภทคา เช่น คาอุทาน คาเสริมน้าเสียง และคากริยาวิเศษณ์
บอกระดับความเข้มข้นซึ่งในการแสดงอารมณ์อันเข้มข้นรุนแรง คาอุทานและคาเสริมน้าเสียงที่ใช้บ่อย
ā Ya ò Zhēn Tài
มี “啊、呀、哦” ฯลฯ คากริยาวิเศษณ์บอกระดับความเข้มแข็งที่ใช้บ่อยมี “ 真 、太...
le Duō me Jí le
了、多 (么)、极了” ฯลฯ
2) ประโยคอุทานที่ใช้เฉพาะน้าเสียงเพียงอย่างเดียว เพื่อแสดงถึงการเน้นอารมณ์
ซึ่งน้าเสียงของประโยคอุทานประเภทนี้มีลักษณะเด่นคือมีการเปลี่ยนน้าเสียงสูงต่า

ตัวอย่าง
Wǒ bù zhī dào ā
1) 我 不 知道 啊!
Nǐ hěn niánqīng ā
2) 你 很 年 轻 啊!
Jīn tiān hǎo liángkuài ā
3) 今天 好 凉 快 啊!
Zhè ge dōng xī shì tā de ā
4) 这 个 东 西是他的啊!
Tā shì wǒ de hàn yǔ lǎo shī ā
5) 她 是 我 的 汉语 老师啊!
Gěi
2. การใช้ “给”
เป็นคาบุพบท แปลว่า “ ให้ ให้แก่” มักวางอยู่หน้าคากริยาหรือภาคแสดง ทาหน้าที่ขยาย
ภาคแสดง มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
ประธาน 1 Gěi ประธาน 2 คานาม/คากริยา
+ 给 + +

89
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Gěi
เหยิน จิ่งเหวิน (2558, หน้า 168) ได้ให้ความหมายของ “给” ว่า “ ให้ ให้แก่” ตามปกติ
Gěi
คาบุพบท “给” จะนาบทกรรมของตนไว้ข้างหน้าคากริยาเพื่อขยายคากริยา
Gěi
แต่ในกรณีที่คากริยามีความหมายเกี่ยวกับส่งมอบ ส่งให้ ส่งต่อ ยื่นให้ “给” กับบทกรรม
ของตนต้องตามหลังคากริยา
Gěi
ถ้าคากริยามีบทกรรม “给” สามารถนาบทกรรมของตน ไว้ข้างหลังคากริยาหรือข้างหลัง
บทกรรมก็ได้ ซึ่งในกรณีแรก บทกรรมของคากริยาส่วนใหญ่จะมีโครงสร้าง “คาบอกจานวน + ลักษณนาม +
คานาม”
และถ้าต้องการวางคาบุพบทกับบทกรรมของคาบุพบทไว้ข้างหน้าคากริยา ต้องปรับและ
เพิ่มบทเสริมบทกริยาประเภทแสดงทิศทางการเคลื่อนไหวของการกระทาหรือแสดงผลให้กับคากริยา
Lái Qù Shàng Xià
ดังกล่าว เช่น 来、去、 上 、下ฯลฯ (กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในกรณีคากริยามีบทเสริม
Gěi
“给” กับบทกรรมของตนต้องอยู่ข้างหน้าคากริยา) และบทกรรมในทีนี้ปกติต้องมีคาบอกจานวนและ
ลักษณนามขยายด้วย

ตัวอย่าง
Wǒ gěi tā dǎ diànhuà
1) 我 给他打 电 话。
Dǎoyóu gěi yóu kè fān yì
2) 导 游 给 游客翻译。
Mā ma gěi wǒ yì bǎi kuài
3) 妈妈 给 我一百 块 。
Qǐng gěi tā men shàng kè
4) 请 给 他 们 上 课。
Bà ba gěi jiě jie mǎi le yí jiàn yī fu
5) 爸爸 给 姐姐买了一件衣服。

Zhōng guó wén huà

วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
เป็ดปักกิ่ง

90
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Běi jīng kǎo yā Běi jīng kǎo yā


เป็ดปักกิ่ง เรียกอีกอย่างว่า “北京 烤鸭” คาว่า “北京”แปลว่า “ปักกิ่ง” “烤鸭”
แปลว่า “เป็ดย่าง” เป็ดปักกิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในครัวหลวงของเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ก่อนที่จะ
ถูกถ่ายทอดมายังกรุงปักกิ่งในยุคราชวงศ์หมิง ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15
เป็ดปักกิ่งเป็นอาหารจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมนูประจาชาติจีน
เสิร์ฟพร้อมกับแผ่นแป้งบางสาหรับห่อ ตามด้วยซอสหวานและเครื่องเคียงอย่าง ต้นหอม โดยจะใช้
เฉพาะส่วนหัวที่เป็นสีขาวนามาซอยเป็นเส้น รับประทานคู่กับแตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นแท่ง เป็ดที่
นามาทาเป็ดปักกิ่งจะถูก ขุนจนตัวอ้วนพี แล้วนามาผ่าท้อง ควักเอาเครื่องในออกและล้างให้สะอาด
ก่อนอัดอากาศเข้าไปข้างใน เพื่อให้ส่วนที่เป็นหนังแยกออก จากนั้นนาน้าเดือดมาราดบริเวณหนังให้
ทั่วตัว เพื่อให้ผิวหนังตึง ตามด้วยการทาผิวด้านนอกด้วยน้าเชื่อม ตัวเป็ดจะกลายเป็นสีแดงคล้ายย้อมสี
หลังจากนั้นเทน้าเดือดเข้าไปในท้องเป็ดอีกรอบ ก่อนนาขึ้น แขวนตะขอผึ่งลมจนแห้ง การแล่หนังเป็ด
จะต้องแล่ออกเป็นแผ่นบางตอนร้อน ๆ ยิ่งหากลงจากเตาใหม่ ๆ จะช่วยให้แล่ง่ายยิ่งขึ้น เป็ดหนึ่งตัว
จะต้องแล่ให้ได้หนังและเนื้อรวมกัน 108 ชิ้น โดยที่ชิ้นแรก ๆ จะแล่เฉพาะหนังกรอบ ชิ้นต่อ ๆ ไปจะแล่
เป็นชิ้นบางติดทั้งเนื้อและหนัง การแล่จะต้องเสร็จสิ้นก่อนที่ตัวเป็ดจะเย็น มิฉะนั้นอาจทาให้เสียรสชาติ
ได้ สูตรต้นตารับของปักกิ่งจะแล่หนังติดเนื้อมาด้วย ส่วนเนื้อเป็ดนาไปปรุงรสตามชอบ เช่น ผัดกระเทียม
เมี่ยงเป็ด เนื้อเป็ดผัดถั่วงอก เป็นต้น
การรับประทานเป็ดปักกิ่งมีความพิถีพิถัน ทาให้เป็ดปักกิ่งไม่เพียงแต่เป็นอาหารจานโปรด
ของชาวจีน แต่ยังเป็นอาหารยอดนิยมของชาวต่างชาติที่เดินทางไปท่องเที่ยวในกรุงปักกิ่งอีกด้วย
Liàn xí

แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
miàn tiáo jiǎo zi bāo zi miàn bāo
面 条 饺子 包子 面 包
chǎo fàn jī yóu fàn hàn bǎo bāo sān míng zhì
炒 饭 鸡油 饭 汉堡包 三 明 治
Tiánkòng
2. จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 填 空 )
Fú wù yuán Huānyíng guāng lín Qǐng wèn Nín wèi
服务 员 : 欢 迎 光 临! 请 问 ,您_____位?
Gù kè wèi
顾客 :_____位。
Fú wù yuán Nín yào diǎn cài
服务 员 :您 要 点 _________菜?

91
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Gù kè Wǒ yào yí
顾客 :我 要 一______叉烧饭。
Fú wù yuán Nín yào diǎn shén me
服务 员 :您 要 点 什 么_______?
Gù kè Wǒ yào dà kě lè bēi bīngkuài
顾客 :我 要 大 _____可乐、_____杯 冰 块 。
Fú wù yuán Nín hái yào ma
服务 员 :您 还 要 _______吗?
Gù kè Wǒ bú yào le
顾客 :我 不要了。
Fú wù yuán Qǐng shāo děng
服务 员 :_________。 请 稍 等 。
Fān yì hàn yǔ
3. จงแปลภาษาไทยเป็นภาษาจีนให้ถูกต้อง (翻 译汉语)

3.1 ฉันต้องการสั่งอาหารตอนนี้
___________________________________________
3.2 คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรค่ะ/ครับ
___________________________________________
3.3 คุณต้องการสั่งอาหารไหมค่ะ/ครับ
___________________________________________
3.4 คุณต้องการอะไรเพิ่มไหมค่ะ/ครับ
___________________________________________
3.5 ฉันต้องการข้าวสวยเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย
___________________________________________
Zào jù
4. จงแต่งประโยคให้สมบูรณ์ (造 句)
Qǐngwèn
4.1 请 问 = ___________________________________
Shén me
4.2 什 么= ____________________________________

92
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Cài dān
4.3 菜单= ____________________________________
Diǎn cài
4.4 点 菜= ____________________________________
Shāoděng
4.5 稍 等 = __________________________________
Yǐn liào
4.6 饮料= ____________________________________
Hái yào
4.7 还要= ____________________________________
Mànzǒu
4.8 慢 走= ____________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)

Qǐng wèn Nín jǐ wèi


5.1 请 问 ,您几位?
_________________________________________________________。
Nín xiàn zài yào diǎn cài ma
5.2 您 现 在 要 点 菜 吗?
_________________________________________________________。
Nín yào diǎn shén me cài
5.3 您 要 点 什 么 菜?
_________________________________________________________。
Nín yào diǎn shén me yǐn liào
5.4 您 要 点 什 么 饮料?
_________________________________________________________。
Nín hái yào bié de ma
5.5 您 还 要 别的吗?
_________________________________________________________。

สรุป

93
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Huānyíng guāng lín


1. “ 欢 迎 光 临” เป็นคาที่พนักงานบริการนิยมใช้กล่าวต้อนรับเมื่อลูกค้ากาลังเข้า
Huānyíng
ร้าน คาว่า “ 欢 迎 ” แปลว่า “ยินดีต้อนรับ”
Nín jǐ wèi
2. เมื่อลูกค้าเข้าร้าน พนักงานจะถามลูกค้าอย่างสุภาพว่า “您几位?” มีความหมายว่า
“กี่ท่านค่ะ/ครับ”
Yī Yī
3. การเปลี่ยนเสียงของคาว่า “一” แปลว่า “หนึ่ง” เมื่อ “一” เป็นการนับจานวนหรือ

อ่านหมายเลข “一” ยังคงออกเสียงวรรณยุกต์เดิม เมื่อมีพยางค์วรรณยุกต์เสียงที่ 1 เสียงที่ 2 หรือ

เสียงที่ 3 ตามหลัง “一” ต้องผันเป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 4 เมื่อมีพยางค์วรรณยุกต์เสียงที่ 4 ตามหลัง

“一” ต้องผันเป็นวรรณยุกต์เสียงที่ 2
Nín yào diǎn shén me
4. เมื่อต้องการถามว่า “คุณต้องการเครื่องดื่มอะไร” พนักงานพูดว่า “您 要 点 什 么
yǐn liào
饮料?”
Hái yào bié de ma
5. เมื่อต้องการถามว่า “ต้องการอย่างอื่นอีกไหม” พนักงานพูดว่า “还 要 别的吗?”
Qǐng shāo děng
6. เมื่อลูกค้าสั่งอาหารเสร็จ พนักงานพูดกับลูกค้าอย่างสุภาพว่า “ 请 稍 等”
มีความหมายว่า “กรุณารอสักครู่”
Hǎo de
7. “好 的” ใช้ตอบรับอย่างสุภาพ มีความหมายว่า “ได้ค่ะ/ครับ”, “ตกลงค่ะ/ครับ”
ā
8. คาว่า “啊”เป็ นคาอุทานที่ใช้บ่อย สามารถแสดงอารมณ์ ห ลายอย่าง เช่น ตกใจ ดีใจ
ขอร้อง ยืนยัน เป็นต้น มักวางไว้ท้ายประโยค มีความหมายว่า “น่ะ นา นี่นา” เพื่อบอกระดับความเข้มข้น
หรือเพื่อช่วยให้น้าเสียงนุ่มนวลน่าฟังมากยิ่งขึ้น
Gěi
9. การใช้ “给” เป็นคาบุพบท แปลว่า “ ให้ ให้แก่” มักวางอยู่หน้าคากริยาหรือภาคแสดง
Gěi
ทาหน้าที่ขยายภาคแสดง มีรูปแบบโครงสร้างคือ ประธาน 1 + 给 + ประธาน 2 + คานาม/คากริยา

94
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Běi jīng kǎo yā


10. เป็ดปักกิ่ง เรียกอีกอย่างว่า “北京 烤鸭” เป็นหนึ่งในเมนูประจาชาติจีน เสิร์ฟพร้อม
กับแผ่นแป้งบางสาหรับห่อ ตามด้วยซอสหวานและเครื่องเคียงอย่าง ต้นหอม โดยจะใช้เฉพาะส่วนหัวที่
เป็นสีขาวนามาซอยเป็นเส้น รับประทานคู่กับแตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นแท่ง สูตรต้นตารับ ของปักกิ่ง
จะแล่ห นังติดเนื้อมาด้วย ส่ว นเนื้อเป็ดนาไปปรุงรสตามชอบ เช่น ผัดกระเทียม เมี่ยงเป็ด เนื้อเป็ด
ผัดถั่วงอก เป็นต้น

95
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 8
Dì bā kè

第八课
การซือ้ ของ
Mǎi dōng xī

买东西
บทนี้เกี่ยวกับ การซื้อ ของ การสอบถามราคาสิน ค้า การบอกปริม าณความต้อ งการของ
สินค้า การขอทดลองสินค้า การบอกความต้องการของขนาดสินค้า การต่อรองราคา การโฆษณา
สินค้า การบอกจานวนเงิน การทอนเงินและมารยาทการสนทนากับลูกค้า โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น
คาศัพท์ใหม่ บทสนทนา คาศัพท์เพิ่มเติม บทสนทนาเพิ่มเติม คาอธิบาย หลักภาษา วัฒ นธรรมจีน
และแบบฝึกหัด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในเนื้อหา ผู้เขียนอธิบายคาศัพท์ก่อนอธิบายเนื้อหาในบทสนทนา
ส่ว นเนื้อ หาในคาอธิบ ายและหลัก ภาษาเป็น การอธิบ ายเกี่ย วกับ หลัก การใช้ภ าษาจีน ที่ถูก ต้อ ง
พร้อมทั้งยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ส่ว นเนื้อหาในวัฒ นธรรมจีนอธิบายเกี่ยวกับสกุล
เงิน จีน ส่ว นเนื้อหาในแบบฝึกหัด ท้ายบทเป็นแบบฝึกหัดที่ห ลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้
ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí

คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 买 (动) mǎi ซือ้
2. 芒果 (名) mángguǒ มะม่วง
3. 公斤 (量) gōngjīn กิโลกรัม
4. 多少 (代) duōshǎo เท่าไหร่
5. 元(块) (量) yuán (kuài) หยวน
6. 其他 (代) qítā อื่นๆ
7. 橘子 (名) júzi ส้ม
8. 一共 (副) yí gòng ทั้งหมด
9. 找 (动) zhǎo ทอน
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shuō huà rén


คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1. 售货员 Shòuhuòyuán พนักงานขายของ
2. 顾客 Gùkè ลูกค้า
Kè wén
บทเรียน (课文)
Shòuhuòyuán
เนื้อ หาในบทเรีย นนี้เ ป็น การสนทนาระหว่า ง “ 售 货 员 ” พนัก งานขายของกับ “
Gù kè
顾客” ลูกค้า โดยทั้งสองฝ่ายสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับการซื้อของ การสอบถามราคาสินค้า การบอก
ปริมาณความต้องการของสินค้า การบอกจานวนเงินและการทอนเงิน
Shòuhuòyuán Qǐng wèn Nín yào mǎi shén me
售货员 : 请 问 ,您 要 买 什 么?
Gù kè Wǒ yào mǎi mángguǒ Yì gōng jīn duōshǎo qián
顾客 :我 要 买 芒 果,一 公 斤多 少 钱 ?
Shòuhuòyuán Qī kuài wǔ Nín yào jǐ gōng jīn
售货员 :七 块 五。您 要几 公 斤?
Gù kè Wǒ yào Yì gōng jīn
顾客 :我 要 一 公 斤。
Shòuhuòyuán Hái yào qí tā de ma
售货员 :还 要其他的吗?
Gù kè Hái yào yì gōng jīn jú zi Yí gòng duōshǎo qián
顾客 :还 要一 公 斤橘子,一 共 多 少 钱 ?
Shòuhuòyuán Yí gòng shí liù kuài
售货员 :一 共 十六 快 。
Gù kè Gěi nǐ èr shí kuài
顾客 :给你二十 块 。
Shòuhuòyuán Zhǎo nín sì kuài Xiè xie
售货员 : 找 您 四 块 。谢谢!
Bǔ chōng cí yǔ
คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)

96
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

1. 件 (量) jiàn ตัว (ลักษณะนาม)


2. 旗袍 (名) qípáo ชุดกี่เพ้า
3. 百 (数) bǎi ร้อย
4. 试试 (动) shìshi ลอง
5. 当然 (副) dāngrán แน่นอน
6. 穿 (动) chuān สวม ใส่
7. 号 (名) hào ไซส์ หมายเลข
8. 中号 (名) zhōng hào ไซส์ M
9. 便宜 (形) piányi ถูก
10.新款 (名) xīn kuǎn สินค้าใหม่
11.刚好 (副) gāng hǎo พอดี
12.慢走 màn zǒu เดินทางปลอดภัย
Bǔ chōng kè wén

บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Shòuhuòyuán
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติมนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 售 货 员 ” พนักงานขายของ
Gù kè
กับ “顾客” ลูกค้า สนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับการซื้อของ การสอบถามราคาสินค้า การขอทดลอง
สินค้า การบอกความต้องการของขนาดสินค้า การต่อรองราคา การโฆษณาสินค้า การบอกจานวนเงิน
การทอนเงินและมารยาทการสนทนากับลูกค้า
Gù kè Zhè jiàn qí páo duōshǎo qián
顾客 :这 件 旗袍 多 少 钱 ?
Shòuhuòyuán Zhè jiàn liǎng bǎi bā shí kuài
售货员 :这 件 两 百 八十 块 。
Gù kè Wǒ kě yǐ shì shi ma
顾客 :我 可以试试吗?
Shòuhuòyuán Dāng rán kě yǐ Nín chuān shén me hào de
售货员 : 当 然可以。您 穿 什 么 号的?

97
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Gù kè Wǒ chuān zhōnghào de kě yǐ pián yi yì diǎnr ma


顾客 :我 穿 中 号的。可以 便 宜一 点 儿吗?
Shòuhuòyuán Zhè jiàn shì xīn kuǎn de Gěi nǐ liǎng bǎi wǔ shí kuài
售货员 :这 件是新 款 的。给你 两 百 五十 块 。
Gù kè Gānghǎo liǎng bǎi wǔ shí kuài
顾客 : 刚 好 两 百 五十 块 。
Shòuhuòyuán Xiè xie Mànzǒu
售货员 :谢谢! 慢 走!
Zhù shì

คาอธิบาย (注释)
Liǎng Mànzǒu
เนื้อหาในส่วนนี้เป็นการอธิบายเกี่ยวกับการใช้ “ 两 ” และ “ 慢 走” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ
หลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Liǎng
1. การใช้ “ 两 ”
èr èr
มีความหมายเหมือนกับคาว่า “二” แปลว่า “สอง” “二” ใช้กับจานวนในหลักหน่วย
Liǎng
ถึงหลักสิบ หลักแสน หลักสิบล้าน การเรียงลาดับ การบอกเลขทศนิยมหรือพูดลอย ๆ แต่ “ 两 ” ใช้
ในการบอกจานวนหรือจานวนนับในหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น และหลักร้อยล้าน มักวางหน้า คา
ลักษณนามหรือวางหน้าหน่วยมาตราตวงวัดสากล

ตัวอย่าง
Wǒ yǒu liǎng bǎi kuài
1) 我 有 两 百 块 。
Tā hē liǎng bēi kā fēi
2) 他 喝 两 杯 咖啡。
Zhè lǐ yǒu liǎng wàn ge rén
3) 这 里有 两 万 个 人。
Nǎi nai mǎi liǎng gōng jīn xiāngjiāo
4) 奶奶 买 两 公 斤 香 蕉。
Wǒ péngyou huí jiā liǎng ge xīng qī
5) 我 朋 友 回家 两 个 星 期。

98
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Mànzǒu
2. การใช้ “ 慢 走”
Màn zǒu
คาว่า “慢 ” แปลว่า “ช้า” “走” แปลว่า “เดิน” สองคานี้รวมกันไม่ได้มีความหมายว่า
“เดินช้า ๆ” แต่มีความหมายว่า “เดินดี ๆ” หรือ “เดินทางปลอดภัย” นิยมใช้เมื่อต้องการส่งแขก
แสดงถึงความเป็นห่วงและปรารถนาดี
Yǔ fǎ

หลักภาษา (语法)
Shì shì Yì diǎnr
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ “试试” และ “一 点 儿” เพื่อให้
ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Shì shì
1. การใช้ “试试”
Shì shi
คาว่า “试试” เป็ นการซ้ากริยาที่มีพยางค์เดี่ยวติ ดกันสองคา แสดงถึงเหตุการณ์นั้น
เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หรือเป็นการทดลองทากริยานั้น ๆ มีความหมายว่า “ลอง”, “ลอง...ดู”
ในภาษาพูดมีคากริยาจานวนไม่น้อยที่สามารถซ้าคาได้ พยางค์ที่สองมัก อ่านเสียงเบา ทาให้น้าเสียง
นุ่มนวลลง น่าฟังมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง
Nǐ shì shi kàn
1) 你试试 看!
Nín kě yǐ shì shi
2) 您 可以试试。
Wǒ yào shì shi zhè jiàn
3) 我 要 试试 这 件。
Nǐ yào shì shi nǎ yì jiàn
4) 你 要 试试 哪 一 件?
Wǒ xiàn zài kě yǐ shì shi ma
5) 我 现 在 可以试试 吗?
Yì diǎnr
2. การใช้ “一 点 儿”

99
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Yì diǎnr ér Yì diǎn
“一 点 儿” สามารถละ “儿” ได้ อ่านว่า “一 点 ” หากวางไว้หลังคาคุณศัพท์ ทา
หน้าที่ขยายคาคุณศัพท์ มีความหมายว่า “.....กว่า นี้ (หน่อย)” บางครั้งมีความหมายในด้านลบ
หากวางไว้หน้าคานาม ทาหน้าที่ขยายคานาม มีความหมายว่า “…..นิดหน่อย” มีรูปแบบโครงสร้าง
ดังต่อไปนี้
รูปแบบ 1
ประธาน คาคุณศัพท์ Yì diǎnr
+ + 一 点 (儿)
รูปแบบ 2

ประธาน + คากริยา +กรรม


Yì diǎnr
+ 一 点 (儿)

Yì diǎnr
เหยิน จิ่งเหวิน (2555, หน้า 128) ได้ให้ความหมายของ “一 点 儿” ว่า เป็นคาที่มี
โครงสร้างแบบ “คาบอกจานวน + ลักษณนาม” แสดงจานวนน้อยที่นับไม่ได้ แปลว่า นิดหน่อย
ในกรณีทาหน้าที่ขยายนาม ต้องวางอยู่หน้าคานาม
Yì diǎnr yī
ในกรณี “一 点 儿 ” ทาหน้าที่ขยายนาม และข้างหน้ามีคากริยา สามารถละ “一” ได้
ถ้าบริบทชัดเจน ยังสามารถละคานามที่ถูกขยาย และเป็นบทกรรมตามลาพังได้

ตัวอย่าง
Yé ye chī yì diǎnr dōng xi
1) 爷爷吃一 点 儿 东 西。
Tā de hàn yǔ shū duō yì diǎnr
2) 他的汉语书 多一 点 儿。
Sūn Lín de yǎnjīng dà yì diǎnr
3) 孙 琳 的 眼睛 大一 点 儿。
Wǒ gē ge mǎi yì diǎnr yǐn liào
4) 我 哥哥 买 一 点 儿 饮料。
Zhè tiáo kù zi yǒu méiyǒu xiǎo yì diǎnr
5) 这 条 裤子有 没有 小 一 点 儿?

100
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Zhōng guó wén huà


วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
สกุลเงินจีน
Rénmín bì
สกุลเงินของสาธารณรัฐ ประชาชนจีนเรียกว่า “人 民 币” ซึ่งแปลว่าเงินประชาชน
Rénmín bì Yuán
คาว่า “人 民” แปลว่า “ประชาชน” คาว่า “币” แปลว่า “เงิน” มีหน่วยใหญ่ที่สุดคือ “ 元 ”
Kuài Yuán Kuài
หรือ “ 块 ” คาว่า “ 元 ” เป็นภาษาเขียน ส่วน “ 块 ” เป็นภาษาพูด เปรียบเทียบกับเงินไทยคือ
“บาท” ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 หยวน เท่ากับประมาณ 5 บาท และยังมีหน่วยเงินย่อยเล็กลง
Jiǎo Máo Jiǎo Máo
มาคือ “角 ” หรือ “ 毛 ”คาว่า “角 ” เป็นภาษาเขียน ส่วน “ 毛 ” เป็นภาษาพูด เปรียบเทียบกับ
Fēn
เงินไทยคือ “สตางค์” และมีหน่วยเล็กที่สุดคือ “分 ” ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมใช้ โดยมีอัตราการเปรียบเทียบ
ดังต่อไปนี้
Fēn Jiǎo
10 分 = 1角
Jiǎo Yuán
10 角 = 1 元
Fēn Yuán
100 分 = 1 元
Liàn xí

แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. อ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)

kù zi qún zi shuì yī wài tào


裤子 裙子 睡衣 外套

xī guā liú lián píngguǒ cǎoméi


西瓜 榴莲 苹果 草莓

101
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

lóngyǎn lì zhī hóngmáodān bō luó mì


龙眼 荔枝 红 毛丹 菠萝蜜 2.
Fān yì hàn yǔ
แปลไทยเป็นจีน (翻 译汉语)

2.1 ฉันต้องการซื้อองุ่นหนึ่งกิโลกรัม
___________________________________________
2.2 ทับทิมหนึ่งกิโลกรัมราคาเท่าไหร่
___________________________________________
2.3 กระโปรงตัวนี้ราคาหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน
___________________________________________
2.4 ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยหยวน
___________________________________________
2.5 ทอนคุณสี่สิบหยวน
___________________________________________
Xuǎn cí tián kòng
3. เลือกคาเติมลงในช่องว่าง ( 选 词填 空 )

píngguǒ zhōnghào yī fu shì shi xīn kuǎn


苹果 / 中 号 / 衣服 / 试试 / 新 款

Wǒ chuān de
3.1 我 穿 ________ 的。
Zhè jiàn shì de
3.2 这 件是 ________ 的。
Wǒ kě yǐ ma
3.3 我 可以 ________吗?
Wǒ yào sān gōng jīn
3.4 我 要 三 公 斤________。
Zhè jiàn duōshǎo qián
3.5 这 件 ________ 多 少 钱 ?
Pái jù
4. เรียงประโยค (排句)

102
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

de Hái ma qí tā yào
4.1 的 / 还 / 吗 / 其他 / 要
___________________________________________
cǎoméi wǒ gōng jīn liǎng yào
4.2 草莓 / 我 / 公 斤 / 两 / 要
___________________________________________
pián yi ma yì diǎnr kě yǐ
4.3 便 宜 / 吗 / 一 点 儿 / 可以
___________________________________________
dà hào Wǒ chuān de bà ba
4.4 大号 / 我 / 穿 / 的 / 爸爸
___________________________________________
kuài Yì èr shí wǔ gōng jīn liú lián
4.5 块 / 一 / 二十五 / 公 斤 / 榴莲
___________________________________________
Huí dá wèn tí
5. ตอบคาถาม (回答 问 题)

Nín yào mǎi shén me


5.1 您 要 买 什 么?
__________________________________________________________。
Yì gōng jīn mángguǒ duōshǎo qián
5.2 一 公 斤 芒 果 多 少 钱 ?
__________________________________________________________。
Nín yào jǐ gōng jīn
5.3 您 要几 公 斤?
__________________________________________________________。
Hái yào qí tā de ma
5.4 还 要其他的吗?
__________________________________________________________。

103
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Yí gòng duōshǎo qián


5.5 一 共 多 少 钱 ?
__________________________________________________________。
Zhè jiàn qí páo duōshǎo qián
5.6 这 件 旗袍 多 少 钱 ?
__________________________________________________________。
Wǒ kě yǐ shì shi ma
5.7 我 可以试试吗?
__________________________________________________________。
Zhè jiàn shì xīn kuǎn ma
5.8 这 件 是 新 款 吗?
__________________________________________________________。
Nín chuān shén me hào de
5.9 您 穿 什 么 号的?
__________________________________________________________。
Kě yǐ pián yi yì diǎnr ma
5.10 可以 便 宜一 点 儿吗?
__________________________________________________________。

สรุป
Hái yào qí tā de ma
1. เมื่อต้องการถามว่า “ยังต้องการอย่างอื่นอีกไหม” ภาษาจีนพูดว่า “还 要其他的吗?”
Zhǎo
2. คาว่า “ 找 ” ในภาษาจีนมีสองความหมายคือ “หา” หรือ “ทอน”
Liǎng
3. การใช้ “ 两 ” แปลว่า “สอง” ใช้ในการบอกจานวนหรือจานวนนับในหลักร้อย หลักพัน
หลักหมื่นและหลักร้อยล้าน มักวางหน้าคาลักษณนามคานามหรือวางหน้าหน่วยมาตราตวงวัดสากล
Mànzǒu
4. คาว่า “ 慢 走” มีความหมายว่า “เดินทางปลอดภัย” นิยมใช้เมื่อต้องการส่งแขก แสดง
ถึงความเป็นห่วงและปรารถนาดี

104
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shì shì
5. “试试” เป็นการซ้ากริยาที่มีพยางค์เดี่ยวติดกันสองคา แสดงถึงเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หรือเป็นการทดลองทากริยานั้น ๆ มีความหมายว่า “ลอง” , “ลอง.....ดู”
Yì diǎnr Yì diǎnr ér Yì diǎn
6. การใช้ “一 点 儿” “一 点 儿” สามารถละ “儿” ได้ อ่านว่า “一 点 ” หาก
วางไว้หลังคาคุณศัพท์ ทาหน้าที่ขยายคาคุณศัพท์ มีความหมายว่า “.....กว่านี้ (หน่อย)” หากวางไว้
หน้าคานาม ทาหน้าที่ขยายคานาม มีความหมายว่า “…..นิดหน่อย” มีรูปแบบโครงสร้างคือ
Yì diǎnr
6.1 รูปแบบ 1 ประธาน + คาคุณศัพท์ + 一 点 儿
Yì diǎnr
6.2 รูปแบบ 2 ประธาน + คากริยา + 一 点 儿 + กรรม
Nín chuān shén me hào de
7. เมื่อต้องการถามว่า “คุณใสไซส์อะไร” พนักงานพูดว่า “您 穿 什 么 号的?”
kě yǐ pián yi yì diǎnr ma
8. เมื่อต้องการต่อรองราคา ภาษาจีนพูดว่า “可以 便 宜一 点 儿吗?”
Rénmín bì
9. สกุ ล เงิ น ของสาธารณรั ฐ ประชาชนจี น เรี ย กว่ า “人 民币” มี ห น่ ว ยใหญ่ ที่ สุ ด คื อ
Yuán Kuài Yuán Kuài
“ 元 ” หรือ “ 块 ” คาว่า “ 元 ” เป็นภาษาเขียน ส่วน “ 块 ” เป็นภาษาพูด และยังมีหน่วยเงินย่อย
Jiǎo Máo Jiǎo Máo
เล็กลงมาคือ “角 ” หรือ “ 毛 ”คาว่า “角 ” เป็นภาษาเขียน ส่วน “ 毛 ” เป็นภาษาพูด และมี
Fēn
หน่วยเล็กที่สุดคือ “分 ” ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมใช้

105
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 9
Dì jiǔ kè

第九课
วัน เดือน ปี
Nián yuè rì

年 月日
บทนี้เนื้อหาเกี่ยวกับการถามวัน วันที่ เดือน การถามระยะเวลา การถามเทศกาลสาคัญ
การถามแผนในอนาคต โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น คาศัพท์ใหม่ บทสนทนา คาศัพท์เพิ่มเติม บทสนทนา
เพิ่ม เติม คาอธิบ าย หลัก ภาษา วัฒ นธรรมจีน และแบบฝึก หัด เพื ่อ ให้ผู ้อ่า นเข้า ใจในเนื ้อ หา
ผู้เขีย นอธิบ ายคาศัพท์ก่อ นอธิบ ายเนื้อหาในบทสนทนา ส่ว นเนื้อ หาในคาอธิบายและหลักภาษา
เป็น การอธิบ ายเกี่ย วกับ หลัก การใช้ภ าษาจีน ที่ถูก ต้อ งพร้อ มทั้ง ยกตัว อย่า ง เพื่อ ให้ผู้อ่า นเข้า ใจ
ง่ายขึ้น ส่วนเนื้อหาในวัฒ นธรรมจีนอธิบายเกี่ยวกับวันชาติจีน ส่ว นเนื้อหาในแบบฝึกหัด ท้ายบท
เป็นแบบฝึกหัดที่ หลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí
คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 今天 (名) jīntiān วันนี้
2. 星期 (名) xīngqī วัน สัปดาห์
3. 星期一 (名) xīngqī yī วันจันทร์
4. 是 (动) shì เป็น ใช่ คือ
5. 月 (名) yuè เดือน
6. 号 (名) hào วันที่
7. 十月 (名) shí yuè เดือนตุลาคม
8. 一号 (名) yī hào วันที่ 1
9. 节日 (名) jiérì เทศกาล
10.国庆节 (名) Guóqìngjié วันชาติจีน
11.什么时候 shénme shíhòu เมื่อไหร่
12.回 (动) huí กลับ
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

13.国 (名) guó บ้าน


14.个 (量) gè คน (ลักษณะนาม)
15.月底 (名) yuè dǐ ปลายเดือน
Shuō huà rén

คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1. 孙玲 Sūn Líng ชื่อหลิง แซ่ซนุ
2. 黄迎 Huáng Yíng ชื่อหยิง แซ่ฮว๋าง
Kè wén

บทเรียน (课文)
Sūn Líng Huáng Yíng
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “孙 玲 ” กับ “ 黄 迎 ” โดยทั้งสอง
ฝ่ายสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับการถามวัน วันที่ เดือน การถามเวลา การถามเทศกาลสาคัญ การถาม
แผนการในอนาคต
Sūn Líng Jīn tiān xīng qī jǐ
孙 玲 :今天 星 期几?
Huáng Yíng Jīn tiān xīng qī yī

黄 迎 :今天 星 期一。
Sūn Líng Jīn tiān shì jǐ yuè jǐ hào

孙 玲 :今天 是几月几号?
Huáng Yíng Jīn tiān shì shí yuè yī hào
黄 迎 :今天 是 十 月 一号。
Sūn Líng Jīn tiān shì shén me jié rì
孙 玲 :今天 是 什 么节日?
Huáng Yíng Jīn tiān shì Guóqìng jié
黄 迎 :今天 是 国 庆 节。
Sūn Líng Nǐ shén me shí hòu huí guó
孙 玲 :你 什 么时候 回 国?
Huáng Yíng Zhè ge yuè dǐ
黄 迎 :这 个 月底。

108
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Sūn Líng Nǐ jǐ ge rén qù


孙 玲 :你几个 人去?
Huáng Yíng Wǒ yí ge rén qù
黄 迎 :我一个 人去。
Bǔ chōng cí yǔ
คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 明天 (名) míngtiān พรุ่งนี้
2. 月 (名) yuè เดือน
3. 号 (名) hào วันที่
4. 毕业 (动) bìyè จบการศึกษา
5. 六月份 (名) liù yuè fèn เดือนมิถุนายน
6. 后 (名) hòu หลัง
7. 工作 (名) gōngzuò ทางาน
8. 学校 (名) xuéxiào โรงเรียน
9. 当 (动) dāng เป็น (อาชีพ)
10.教 (动) jiāo สอน
11.汉语课 (名) hànyǔ kè วิชาภาษาจีน

Bǔ chōng kè wén
บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Huáng Yíng Sūn Líng
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติมนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 黄 迎 ” กับ “孙 玲 ”
สนทนาเกี่ยวกับการถามวัน วันที่ เดือน การถามเวลาของจบการศึกษา การวางแผนในอนาคต
Huáng Yíng Míngtiān xīng qī jǐ
黄 迎 : 明 天 星 期几?
Sūn Líng Míngtiān xīng qī èr
孙 玲 : 明 天 星 期二。
Huáng Yíng Míngtiān shì jǐ yuè jǐ hào
黄 迎 : 明 天是几月几号?

109
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Sūn Líng Míngtiān shì èr yuè shí bā hào


孙 玲 : 明 天是二月十八号。
Huáng Yíng Nǐ shén me shí hòu bì yè
黄 迎 :你 什 么时候毕业?
Sūn Líng Jīn nián liù yuè fèn
孙 玲 :今 年 六月 份。
HuángYíng Bì yè yǐ hòu Nǐ xiǎng zuò shén me gōngzuò
黄 迎 :毕业以后,你 想 做 什 么 工 作?
Sūn Líng Wǒ xiǎng zài xuéxiào dāng lǎo shī
孙 玲 :我 想 在 学 校 当 老师。
HuángYíng Nǐ xiǎng jiāo shén me kè
黄 迎 :你 想 教 什 么课?
Sūn Líng Wǒ xiǎng jiāo hàn yǔ kè
孙 玲 :我 想 教 汉语课。
Zhù shì
คาอธิบาย (注释)
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ วันและเดือน เพื่อให้ผู้อ่าน
เข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
1. วัน
Tiān Rì Tiān
คาว่า “วัน” ในภาษาจีนสามารถอ่านได้สองคาคือ “ 天 ” และ “日” คาว่า “ 天 ”

เป็นภาษาพูด ส่วนคาว่า “日” เป็นภาษาเขียน
Xīng qī
การอ่านวันทั้ง 7 ในภาษาจีนจะมีตัวเลขวางไว้ ข้างหลังคาว่า “ 星 期” แปลว่า “วัน”
Tiān Rì
หรือ “สัปดาห์” ยกเว้นวันอาทิตย์จะใช้คาว่า “ 天 ” หรือ “日” แทนตัวเลข โดยนับวันจันทร์เป็น
วันแรก
ตารางที่ 9.1 การเทียบเคียงวัน

ภาษาจีน ภาษาไทย

110
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ภาษาจีน ภาษาไทย
xīng qī yī
星 期一 วันจันทร์
xīng qī èr
星 期二 วันอังคาร
xīng qī sān
星 期三 วันพุธ
xīng qī sì
星 期四 วันพฤหัสบดี
xīng qī wǔ
星 期五 วันศุกร์
xīng qī liù
星 期六 วันเสาร์
xīng qī tiān rì
星 期天/日 วันอาทิตย์

2. เดือน
Yuè
คาว่า “เดือน” ในภาษาจีนสามารถอ่านได้สองคาคือ “月 ” การอ่านเดือนทั้ง 12 ใน
Yuè
ภาษาจีน จะมีตัวเลขวางไว้ข้างหน้า แล้วตามด้วยคาว่า “月 ” โดยนับเดือนมกราคมเป็นเดือนแรก
ตารางที่ 9.2 การเทียบเคียงเดือน

ภาษาจีน ภาษาไทย
yī yuè
一月 เดือนมกราคม
èr yuè
二月 เดือนกุมภาพันธ์
sānyuè
三月 เดือนมีนาคม
sì yuè
四月 เดือนเมษายน

111
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ภาษาจีน ภาษาไทย
wǔ yuè
五月 เดือนพฤษภาคม
liù yuè
六月 เดือนมิถุนายน
qī yuè
七月 เดือนกรกฎาคม
bā yuè
八月 เดือนสิงหาคม
jiǔ yuè
九月 เดือนกันยายน
shí yuè
十月 เดือนตุลาคม
shí yī yuè
十一月 เดือนพฤศจิกายน
shí' èr yuè
十二月 เดือนธันวาคม

Yǔ fǎ

หลักภาษา (语法)
Yǐ hòu Shén me shí hòu
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลั กการใช้ “以后” และ “ 什 么时候”
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Yǐ hòu
1. การใช้ “以后”
Yǐ hòu
หาก “以后…..” วางไว้หน้าประโยคจะมีความหมายว่า “วันหลัง.....”, “ต่อไป.....”
Yǐ hòu
หาก“.....以后” วางไว้หลังประโยคจะมี ความหมายว่า “หลังจาก.....” มีรูปแบบโครงสร้าง
ดังต่อไปนี้
รูปแบบ 1
Yǐ hòu ประธาน คากริยา กรรม
以后 + + +

112
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

รูปแบบ 2
ประธาน คากริยา กรรม Yǐ hòu
+ + + 以后

ตัวอย่าง
Yǐ hòu wǒ yào xué rì yǔ
1) 以后 我 要 学日语。
Xuéshēng bì yè le yǐ hòu
2) 学 生 毕业了以后。
Yǐ hòu tā qù Měiguó gōngzuò
3) 以后他去 美 国 工 作。
Shūshu xià bān le yǐ hòu jiù kāi chē huí jiā
4) 叔 叔 下班了以后,就开车 回家。
Mā ma huí lái le yǐ hòu zánmen jiù qù chī fàn ba
5) 妈妈 回来了以后,咱 们 就去吃饭 吧。
Shén me shí hòu
2. การใช้ “ 什 么时候”
Shén me Shí hòu
คาว่า “ 什 么” แปลว่า “อะไร” คาว่า “时候” แปลว่า “เวลา” สองคานี้รวมกัน
ไม่ได้มีความหมายว่า “เวลาอะไร” แต่มีความหมายว่า “เมื่อไหร่” ใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับเวลา
สามารถแสดงเวลาทั้งในระยะยาวและระยะสั้น

ตัวอย่าง
Nǐ shén me shí hòu huí jiā
1) 你 什 么时候 回 家?
Bà ba shén me shí hòu xià bān
2) 爸爸 什 么时候 下 班?
Nǐ hái zi shén me shí hòu qù Běi jīng
3) 你 孩子 什 么时候去 北京?
Lǎo shī shén me shí hòu kāi shǐ shàng kè
4) 老师 什 么时候 开始 上 课?

113
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ mèimèi shén me shí hòu kàn diànyǐng


5) 你妹妹 什 么时候 看 电 影 ?

Zhōng guó wén huà

วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
วันชาติจีน
Guó qìng jié
วันชาติจีน หรือที่คนจีนเรียกอีกอย่างว่า “国 庆 节” สาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้ง
ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 รัฐบาลจึงประกาศว่าวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันชาติ
เป็นวันหยุดเฉลิมฉลอง โดยมีการจัดงานเฉลิมฉลองในวันชาติยิ่งใหญ่รองจากเทศกาลตรุษจีนและจัดขึ้น
ในสถานที่สาธารณะ เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน ณ กรุงปักกิ่ง มีการจัดตกแต่งสถานที่ อย่างสวยงาม
มีการเฉลิมฉลองขึ้นทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก๊า โดยมีการแสดงพลุดอกไม้ไฟและคอนเสิร์ต
ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 ตุลาคมถือเป็นวันหยุดตามกฎหมาย เป็นช่วงวันหยุดยาว 7 วัน ชาวจีน
จะใช้โอกาสช่วงวันหยุดยาวนี้พักผ่อน ท่องเที่ยว ส่วนคนที่ทางานต่างจังหวัดจะเดินทางกลับบ้านเกิด
เพื่อกลับ ไปอยู่พร้ อมหน้ าพร้ อมตากับครอบครัว และมีนักเรียนนักศึกษาจานวนไม่น้อยถือโอกาส
ทางานพิเศษในช่วงวันหยุดนี้
Liàn xí
แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
zuó tiān měi tiān tiān tiān cháng cháng
昨天 每天 天天 常 常
yī shēng hù shi jǐng chá gōng chéng shī
医生 护士 警察 工 程师
yīng yǔ kè shù xué kè kē xué kè huà huà kè
英 语课 数 学课 科学课 画 画课
Tiánkòng
2. จงเติมคาลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ( 填 空 )
2.1
Jīn tiān xīng qī
A : 今天 星 期_______?
Jīn tiān xīng qī
B : 今天 星 期_______。

114
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Jīn tiān shì yuè hào


A : 今天是_______月_______号?
Jīn tiān shì yuè hào
B : 今天是_______月_______号。
Nǐ shén me shí hòu qù
A : 你 什 么时候 去 __________?
B : _________________________。
Nǐ dǎ suàn zài nà biān wánr tiān
A : 你 打 算 在 那 边 玩 儿_______天?
tiān
B : _______天。
Nǐ gè rén qù
A : 你_______个 人去?
Wǒ gè rén qù
B : 我_______个 人去。
2.2
Míngtiān xīng qī
A : 明 天 星 期_______?
Míngtiān xīng qī
B : 明 天 星 期_______。
Míngtiān shì yuè hào
A : 明 天是_______月_______号?
Míngtiān shì yuè hào
B : 明 天是_______月_______号。
Nǐ shén me shí hòu

A : 你 什 么时候_______?
B : __________________。
Bì yè yǐ hòu Nǐ xiǎng zuò gōngzuò
A : 毕业以后,你 想 做 _______ 工 作?
Wǒ xiǎng zài dāng
B : 我 想 在 _______ 当 _______。
Nǐ xiǎng jiāo kè
A : 你 想 教 _______课?

115
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Wǒ xiǎng jiāo kè
B : 我 想 教 _______课。
Zào jù
3. จงแต่งประโยคให้สมบูรณ์ (造 句)
Wánr
3.1 玩 儿= ________________________________________
Jīn tiān
3.2 今天 = ________________________________________
Bì yè
3.3 毕业 = ________________________________________
Nà biān
3.4 那 边 = ________________________________________
Dǎ suàn
3.5 打 算 = ________________________________________
Fān yì tài yǔ
4. จงแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยให้ถูกต้อง (翻 译泰语)
Míngtiān xīng qī tiān
4.1 明 天 星 期天。
_____________________________________________________________
Wǒ yí ge rén qù yín háng
4.2 我一个 人去银 行 。
_____________________________________________________________
Nà wèi lǎo shī jiāo tài yǔ kè
4.3 那 位 老师 教 泰语课。
_____________________________________________________________
Jīn tiān shì shí yī yuè èr shí bā hào
4.4 今天是十一月二十八号。
_____________________________________________________________
Xià kè yǐ hòu wǒ xiǎng qù hé ài
4.5 下课以后,我 想 去合艾。
_____________________________________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)

116
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Jīn tiān xīng qī jǐ


5.1 今天 星 期几?
__________________________________________________________。
Míngtiān xīng qī jǐ
5.2 明 天 星 期几?
__________________________________________________________。
Jīn tiān shì jǐ yuè jǐ hào

5.3 今天是几月几号?
__________________________________________________________。
Míngtiān shì èr yuè shí bā hào
5.4 明 天是二月十八号。
__________________________________________________________。
Nǐ shén me shí hòu qù Zhōngguó
5.5 你 什 么时候 去 中 国?
__________________________________________________________。
Nǐ dǎ suàn zài nà biān wánr ér jǐ tiān
5.6 你 打 算 在 那 边 玩 儿几天?
__________________________________________________________。
Nǐ jǐ ge rén qù
5.7 你几个 人去?
__________________________________________________________。
Nǐ shén me shí hòu bì yè
5.8 你 什 么时候毕业?
__________________________________________________________。
Nǐ xiǎng zuò shén me gōngzuò
5.9 你 想 做 什 么 工 作?
__________________________________________________________。
Nǐ xiǎng zài nǎr nǎ lǐ zuò gōngzuò
5.10 你 想 在 哪儿/哪里做 工 作?

117
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

__________________________________________________________。

สรุป
Tiān Rì Tiān
1. “วัน” ในภาษาจีนสามารถอ่านได้สองคาคือ “天 ” และ “日” คาว่า “天 ” เป็นภาษา

พูด ส่วนคาว่า “日” เป็นภาษาเขียน
Xīng qī
การอ่านวันทั้ง 7 ในภาษาจีนจะมีตัวเลขวางไว้ข้างหลังคาว่า “ 星 期” โดยนับวันจันทร์
Tiān Rì
เป็นวันแรก ยกเว้นวันอาทิตย์จะใช้คาว่า “ 天 ” หรือ “日” แทนตัวเลข
Yuè
2. คาว่า “เดือน” ในภาษาจีนสามารถอ่านได้สองคาคือ “月 ” การอ่านเดือนทั้ง 12 ในภาษาจีน
Yuè
จะมีตัวเลขวางไว้ข้างหน้า แล้วตามด้วยคาว่า “月 ” โดยนับเดือนมกราคมเป็นเดือนแรก
Yuè dǐ
3. คาว่า “ปลายเดือน” ภาษาจีนพูดว่า “月 底”
liù yuè fèn
4. “六月份” มีความหมายว่า “เดือนมิถุนายน”
Yǐ hòu Yǐ hòu
5. การใช้ “以后” หาก “以后…..” วางไว้หน้าประโยคจะมีความหมายว่า “วันหลัง.....”,
Yǐ hòu
“ต่อไป.....” หาก“.....以后” วางไว้หลังประโยคจะมีความหมายว่า “หลังจาก.....” โดยมีรูปแบบ
โครงสร้างคือ
Yǐ hòu
5.1 รูปแบบ 1 以后 + ประธาน + คากริยา + กรรม
Yǐ hòu
5.2 รูปแบบ 2 ประธาน + คากริยา + กรรม + 以后
Shén me shí hòu
6. “ 什 么时候” แปลว่า “เมื่อไหร่” ใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับเวลา สามารถแสดง
เวลาทั้งในระยะยาวและระยะสั้น
Guó qìng jié
7. วันชาติจีน “国 庆 节” สาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.
2492 รัฐบาลจึงประกาศว่าวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันชาติ มีการจัดงานเฉลิมฉลองในวันชาติ

118
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ยิ่งใหญ่รองจากเทศกาลตรุษจีนและจัดขึ้นในสถานที่สาธารณะ เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน ณ กรุงปักกิ่ง


ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 ตุลาคมถือเป็นวันหยุดตามกฎหมาย เป็นช่วงวันหยุดยาว 7 วัน ชาวจีนจะใช้โอกาส
ช่วงวันหยุดยาวนี้พักผ่อน ท่องเที่ยว กลับบ้านต่างจังหวัดหรือทางานพิเศษ

119
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บทที่ 10
Dì shí kè

第十课
เวลา
Shí jiān

时间
บทนี้ เ นื้ อหาเกี่ ย วกั บ การถามเวลา และระยะเวลาการบอกความต้อ งการ การนัด พบ
และการเลี้ย งอาหารแขก โดยเนื้อหาจะแบ่ง ออกเป็น คาศัพ ท์ใหม่ บทสนทนา คาศัพ ท์เ พิ่มเติม
บทสนทนาเพิ่มเติม คาอธิบ าย หลัก ภาษา วัฒ นธรรมจีน และแบบฝึกหัด เพื่อ ให้ผู้อ่า นเข้า ใจใน
เนื้อหา ผู้เขียนอธิบายคาศัพท์ก่อนอธิบายเนื้อหาในบทสนทนา ส่ว นเนื้อหาในคาอธิบายและหลัก
ภาษาเป็น การอธิบ ายเกี่ย วกับ หลัก การใช้ภ าษาจีน ที่ถูก ต้อ งพร้อ มทั้ง ยกตัว อย่า ง เพื่อ ให้ผู้อ่า น
เข้า ใจง่า ยขึ ้น ส่ว นเนื ้อ หาในวัฒ นธรรมจีน อธิบ าย เกี ่ย วกับ การบอกเวลา ส่ว นเนื ้อ หาใน
แบบฝึกหัดท้ายบทเป็ นแบบฝึ กหั ดที่หลากหลายเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้อ่าน
Shēng cí

คาศัพท์ใหม่ ( 生 词)
1. 点 (名) diǎn โมง นาฬิกา
2. 上午 (名) shàng wŭ ตอนสาย
3. 钟 (名) zhōng ตรง (ชั่วโมง)
4. 看 (动) kàn ดู ชม
5. 京剧 (名) jīngjù งิ้ว
6. 下午 (名) xiàwŭ ตอนบ่าย
7. 分 (名) fēn นาที
8. 出发 (动) chūfā ออกเดินทาง
9. 开始 (动) kāishi เริ่ม เริ่มต้น
10.晚上 (名) wǎn shàng ตอนเย็น
11.半 (名) bàn ครึ่งชั่วโมง
12.演 (动) yǎn แสดง
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

13.多长时间 duō cháng shíjiān นานเท่าไหร่


14.大概 (副) dàgài ประมาณ
15.小时 (名) xiǎoshí ชั่วโมง
16.回来 (动) huí lái กลับมา
17.完 (副) wán เสร็จ
15.以后 (名) yǐhòu หลังจาก
16.马上 (副) mǎ shàng ทันทีทันใด
Shuō huà rén

คูส่ นทนา ( 说 话 人)
1. 吴海 Wú Hǎi ชื่อห่าย แซ่อู๋
2. 郑兰 Zhèng Lán ชื่อหลาน แซ่เจิ้ง

Kè wén

บทเรียน (课文)
Wú Hǎi Zhèng Lán
เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “吴 海” กับ “ 郑 兰” โดยทั้งสอง
ฝ่ายสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับการถามเวลา และระยะเวลา
Wú Hǎi Xiàn zài jǐ diǎn le
吴海 : 现 在几 点 了?
Zhèng Lán Xiàn zài shàng wǔ jiǔ diǎn zhōng
郑 兰 : 现 在 上 午九 点 钟 。
Wú Hǎi Nǐ jǐ diǎn qù kàn jīng jù
吴海 :你几 点 去 看 京剧?
Zhèng Lán Xià wǔ sì diǎn èr shí fēn chū fā
郑 兰 :下午 四 点 二十 分 出发。
Wú Hǎi Jīng jù jǐ diǎn kāi shǐ
吴海 :京 剧几 点 开始?
Zhèng Lán Wǎnshàng wǔ diǎn bàn kāi shǐ
郑 兰 : 晚 上 五 点 半 开始 。

120
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Wú Hǎi Tā men yǎn duōcháng shí jiān


吴海 :他 们 演 多 长 时间?
Zhèng Lán Dà gài liǎng ge xiǎo shí
郑 兰 :大概 两 个 小 时。
Wú Hǎi Nǐ shén me shí hòu huí lái
吴海 :你 什 么时候 回来?
Zhèng Lán Kàn wán le yǐ hòu mǎ shàng jiù huí lái
郑 兰 :看 完 了以后,马 上 就回来。
Bǔ chōng cí yǔ
คาศัพท์เพิ่มเติม (补 充 词语)
1. 空 (名) kòng เวลาว่าง
2. 事 (名) shì ธุระ
3. 让 (动) ràng ให้
4. 陪 (动) péi เป็นเพื่อน
5. 机场 (名) jī chǎng สนามบิน
6. 接 (动) jiē รับ
7. 什么时间 shénme shíjiān เมื่อไหร่
8. 差 (动) chà ขาด
9. 到 (动) dào ถึง
10.然后 (名) ránhòu หลังจากนั้น
11.带 (动) dài นา พา
12.午饭 (名) wŭfàn อาหารเที่ยง
13.请客 (动) qǐngkè เลี้ยง
14.太好了 tài hǎo le ดีมาก
15.见面 (动) jiànmiàn พบ เจอ
16.差不多 (副) chà bù duō ประมาณ

121
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Bǔ chōng kè wén
บทเรียนเพิ่มเติม (补 充 课文)
Zhèng Lán Wú Hǎi
เนื้อหาในบทเรียนเพิ่มเติมนี้เป็นการสนทนาระหว่าง “ 郑 兰” กับ “吴 海” สนทนา
เกี่ยวกับการถามเวลา การถามระยะเวลา การบอกความต้องการ การนัดพบ และการเลี้ยงอาหารแขก
Zhèng Lán Nǐ míngtiān yǒu kōng ma
郑 兰 :你 明 天 有 空 吗?
Wú Hǎi Yǒu Nǐ yǒu shén me shì ma
吴海 :有 。你有 什 么 事 吗?
Zhèng Lán wǒ yào ràng nǐ péi wǒ qù jī chǎng jiē péngyou
郑 兰 :我 要 让 你 陪 我 去 机 场 接 朋 友?
Wú Hǎi Nǐ péngyou shén me shí jiān lái
吴海 :你 朋 友 什 么时间 来?
Zhèng Lán Tā míngtiān zhōng wǔ chà shí fēn shí èr diǎn dào jī chǎng
郑 兰 :他 明 天 中 午 差 十 分 十二 点 到 机 场
Ránhòu wǒ dài nǐ men qù chī wǔ fàn Wǒ qǐng kè
然 后 我 带 你 们 去 吃 午饭,我 请 客!
Wú Hǎi Tài hǎo le Míngtiān wǒ men zài nǎr jiàn miàn
吴海 :太 好了! 明 天 我 们 在 哪儿见 面 ?
Zhèng Lán Míngtiān chà bú duō shí yī diǎn dào nǐ jiā hǎo ma
郑 兰 : 明 天 差 不多 十一 点 到你家好 吗?
Wú Hǎi Hǎo Míngtiān jiàn
吴海 :好 。 明 天 见!
Zhèng Lán Míngtiān jiàn
郑 兰 : 明 天 见!
Zhù shì

คาอธิบาย (注释)
Mǎ shàng Chà bú duō
เนื้อหาในคาอธิบายเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ “马 上 ” และ “差 不多”
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Mǎ shàng
1. การใช้ “马 上 ”
นิยมใช้เป็นภาษาพูด แปลว่า “ทันทีทันใด” เป็นคากริยาวิเศษณ์ มักวางไว้หน้าคากริยา
แสดงถึงเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้

122
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ประธาน Mǎ shàng กริยา กรรม


+ 马 上 + +

ตัวอย่าง
Wǒ mǎ shàng qù
1) 我 马 上 去。
Wǒ men mǎ shàng shàng kè
2) 我 们 马 上 上 课。
Zhāng jīng lǐ mǎ shàng xià chē le
3) 张 经理 马 上 下车了。
Jiù jiù de péngyou mǎ shàng huí guó le
4) 舅舅的 朋 友 马 上 回 国了。
Lǎo shī mǎ shàng gěi xiàozhǎng dǎ dià huà
5) 老师 马 上 给 校 长 打 电话。
Chà bú duō
2. การใช้ “差 不多”
เป็นคากริยาวิเศษณ์ มีความหมายว่า “ประมาณ”, “พอ ๆ กัน” มักวางไว้หน้าจานวน
ปริมาณ ผลการเปรียบเทียบหรือกริยาวลี มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้

ประธาน Chà bú duō กริยาวลี


+ 差 不多 +

ตัวอย่าง
Wǒ xué xí hàn yǔ chà bú duō liǎng nián
1) 我 学习汉语差不多 两 年 。
Jīn tiān yī shēng chà bú duō shí diǎn lái
2) 今天医 生 差不多 十 点 来。
Xiǎo hái zǎoshang chà bú duō qī diǎn qǐ chuáng
3) 小 孩 早 上 差不多七 点 起 床 。
Zhè ge bān chà bú duō yǒu sān shí ge xuéshēng
4) 这 个 班 差不多 有 三十 个 学 生 。

123
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Cóng zhè lǐ dào xuéxiào chà bú duō yào yí ge xiǎo shí


5) 从 这里到 学 校 差不多 要一个 小 时。

Yǔ fǎ
หลักภาษา (语法)
Duōcháng shí jiān Shén me
เนื้อหาในหลักภาษาเป็นการอธิบายเกี่ยวกับหลักการใช้ “多 长 时间” และ “ 什 么
shí jiān
时间” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการใช้ภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
Duōcháng shí jiān
1. การใช้ “多 长 时间”
Duō Cháng Shí jiān
คาว่า “多 ” แปลว่า “เยอะ มาก” คาว่า “ 长 ” แปลว่า “ยาว”คาว่า “时间”
แปลว่า “เวลา” สามคานี้รวมกันมีความหมายว่า “นานเท่าไหร่” มักใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับ
เวลา มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
ประธาน กริยา Duōcháng shí jiān
+ + 多 长 时间

ตัวอย่าง
Nǐ yào xué xí duōcháng shí jiān
1) 你 要 学习多 长 时间?
Nǐ péngyou lái duōcháng shí jiān
2) 你 朋 友 来 多 长 时间?
Tā zhù zài yīngguó duōcháng shí jiān
3) 她 住 在 英 国 多 长 时间?
Lǎo shī de qī zi bìng le duōcháng shí jiān
4) 老师 的 妻子 病 了多 长 时间?
Měitiān nǐ yào gōngzuò duōcháng shí jiān
5) 每天你 要 工 作 多 长 时间?
Shén me shí jiān
2. การใช้ “ 什 么时间”

124
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Shén me Shí jiān


คาว่า “ 什 么” แปลว่า “อะไร” คาว่า “时间” แปลว่า “เวลา” สองคานี้รวมกัน
แปลว่า “เมื่อไหร่” มักใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับเวลา ส่วนใหญ่ใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ หรือบ่งบอก
ระยะเวลาชัดเจน มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ มีรูปแบบโครงสร้างดังต่อไปนี้
ประธาน Shén me shí jiān กริยา กรรม
+ 什 么时间 + +

ตัวอย่าง
Nǐ shén me shí jiān huí lái
1) 你 什 么时间 回来?
Tā shén me shí jiān chàng gē
2) 他 什 么时间 唱 歌?
Gù kè shén me shí jiān tuì fáng
3) 顾客 什 么时间 退 房 ?
Nǐ men shén me shí jiān qù kàn diànyǐng
4) 你 们 什 么时间 去 看 电 影 ?
Nǐ nánpéngyǒu shén me shí jiān chī wǔ fàn
5) 你男 朋 友 什 么时间 吃 午饭?
Zhōng guó wén huà

วัฒนธรรมจีน ( 中 国 文化)
การบอกเวลาในภาษาจีน
การบอกเวลาในภาษาจีนต่างกับภาษาไทย แต่คล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษ คาศัพท์ที่ใช้ใน
diǎn zhōng fēn yí kè bàn chà
การบอกเวลาคือ 点 ( 钟 ) ชั่วโมง (ตรง) , 分 นาที , 一刻15 นาที , 半 ครึ่งชั่วโมง , 差(
ขาดหรือเหลือ ใช้ในกรณีที่ขาดหรือเหลือไม่กี่นาที จะนับเป็นชั่วโมงถัดไป)
ตารางที่ 10.1 การบอกเวลาในภาษาจีน

เวลา ภาษาจีน
bā diǎn zhōng
08:00น. 八点( 钟 )

125
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

bā diǎn líng wǔ fēn


08:05น. 八点 零 五 分
bā diǎn shí wǔ fēn bā diǎn yí kè
08:15น. 八 点 十五 分 / 八 点 一刻
bā diǎn sān shí fēn bā diǎn bàn
08:30น. 八 点 三 十分 / 八 点 半
bā diǎn sì shí wǔ fēn chà shí wǔ fēn jiǔ diǎn
08.45น. 八 点 四十五分 / 差十五 分九 点

เวลาของประเทศจีน กับประเทศไทยแตกต่างกัน เวลาในประเทศจีนเร็วกว่าประเทศไทย 1


ชั่วโมง และหลังจาก 12.00น. นับเป็น 01.00น.ไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเวลาในภาษาอังกฤษ เพื่อไม่ให้
เกิดความสับสนในการบอกเวลา ควรระบุคาบอกช่วงเวลาให้ชัดเจนและคาบอกช่วงเวลามักวางไว้หน้า
เวลา ในรอบหนึ่งวัน ภาษาจีนแบ่งช่วงเวลาคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้

ตารางที่ 10.2 การบอกช่วงเวลาในภาษาจีน

ช่วงเวลา คาบอกช่วงเวลา
língchén
24:00น. - 05:00น. 凌晨
zǎoshang
05:00น. - 08:00น. 早上
shàng wǔ
08:00น. - 12:00น. 上午
zhōng wǔ
12:00น. 中午
xià wǔ
12:00น. - 19:00น. 下午
wǎnshang
19:00น. - 24:00น. 晚 上

ตัวอย่าง

126
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Zǎoshang bā diǎn
1. 08.00น. ภาษาจีนพูดว่า “早 上 八 点 ”
Wǎnshang bā diǎn
2. 20.00น. ภาษาจีนพูดว่า “ 晚 上 八 点 ”
Liàn xí

แบบฝึกหัด (练习)
Rèn dú shēng cí
1. ฝึกอ่านและเรียนรู้คาศัพท์ (认 读 生 词)
jīng cǎi jié shù yǎn yuán jī piào
精彩 结束 演 员 机票
xíng lǐ tuō yùn dānchéng piào wǎng fǎn piào
行李 托运 单 程 票 往 返票
dēng jī pái tóu děng cāng shāng wù cāng jīng jì cāng
登 机牌 头等 舱 商 务 舱 经济 舱

Pái jù
2. จงเรียงประโยคให้ถูกต้อง (排句)
xià wǔ zhōng sāndiǎn xiàn zài
2.1 下午 / 钟 / 三 点 / 现 在
___________________________________________
sì shí wǔ fēn wǎnshang chū fā qī diǎn
2.2 四十五 分 / 晚 上 / 出发 / 七 点
___________________________________________
mā ma qù yào nǐ jī chǎng wǒ ràng péi
2.3 妈妈 / 去 / 要 / 你 / 机 场 / 我 / 让 / 陪
___________________________________________
dào míngtiān shí yī diǎn nǐ zhōng wǔ chà bú duō jiā
2.4 到 / 明 天 / 十一 点 / 你 / 中 午 / 差 不多 / 家
___________________________________________
mǎ shàng kàn huí lái le wǒ yǐ hòu jiù wán
2.5 马 上 / 看 / 回来 / 了 / 我 / 以后 / 就 / 完

127
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

___________________________________________
Zào jù
3. จงแต่งประโยคให้สมบูรณ์ (造 句)
Dà gài
3.1大概 = ____________________________________
Jiànmiàn
3.2 见 面 = ___________________________________
Kāi shǐ
3.3 开始 =____________________________________
Mǎ shàng
3.4 马 上 = ___________________________________
Chà bú duō
3.5 差 不多= _________________________________
Fān yì hàn yǔ
4. จงแปลภาษาไทยเป็นภาษาจีน (翻 译汉语)
4.1 ตอนนี้ฉันมีเวลาว่าง
___________________________________________

4.2 พรุ่งนี้ตอนเช้าพวกเขาไปดูงิ้ว
___________________________________________
4.3 ประมาณ 3 ชั่วโมงถึงบ้านเธอ
___________________________________________
4.4 เพื่อนคนจีนกลับมาตอน 5 โมงเย็น
___________________________________________
4.5 กินข้าวเสร็จ พวกเราก็ไปสนามบินเลย
___________________________________________
Huí dá wèn tí
5. จงตอบคาถามให้ถูกต้อง (回答 问 题)
Xiàn zài jǐ diǎn le
5.1 现 在几 点 了?
__________________________________________________________。

128
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

Nǐ jǐ diǎn qù kàn jīng jù


5.2 你几 点 去 看 京剧?
__________________________________________________________。
Jīng jù jǐ diǎn kāi shǐ
5.3 京 剧几 点 开始?
__________________________________________________________。
Tā men yǎn duōcháng shí jiān
5.4 他 们 演 多 长 时间?
__________________________________________________________。
Nǐ shén me shí hòu huí lái
5.5 你 什 么时候 回来?
__________________________________________________________。
Nǐ míngtiān yǒu kōng ma
5.6 你 明 天 有 空 吗?
__________________________________________________________。
Nǐ yǒu shén me shì ma
5.7 你有 什 么 事 吗?
__________________________________________________________。
Nǐ péngyou shén me shí jiān lái
5.8 你 朋 友 什 么时间 来?
__________________________________________________________。
Míngtiān wǒ men zài nǎr jiàn miàn
5.9 明 天 我 们 在 哪儿见 面 ?
__________________________________________________________。
Míngtiān wǒ men zài nǐ jiā jiànmiàn hǎo ma
5.10 明 天 我 们 在 你家 见 面 好 吗?
__________________________________________________________。

สรุป
qǐng kè
1. คาว่า “请 客” มีความหมายว่า “เลี้ยงข้าว”

129
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

2. การบอกเวลาในภาษาจีน มักมีคาบอกช่วงเวลาวางไว้ข้างหน้าเวลา
Mǎ shàng
3. การใช้ “马 上 ” นิยมใช้เป็นภาษาพูด แปลว่า “ทันทีทันใด” เป็นคากริยาวิเศษณ์
มักวางไว้หน้าคากริยา แสดงถึงเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรูปแบบโครงสร้างคือ ประธาน +
Mǎ shàng
马 上 + กริยา + กรรม
Chà bú duō
4. การใช้ “差 不多” เป็นคากริยาวิเศษณ์ มีความหมายว่า “ประมาณ”, “พอ ๆ กัน”
มักวางไว้หน้าจานวน ปริมาณ ผลการเปรียบเทียบหรือกริยาวลี มีรูปแบบโครงสร้างคือ ประธาน +
Chà bú duō
差 不多 + กริยาวลี
Duōcháng shí jiān Duō Cháng
5. การใช้ “多 长 时间” คาว่า “多 ” แปลว่า “เยอะ มาก” คาว่า “ 长 ”
Shí jiān
แปลว่า “ยาว”คาว่า “时间” แปลว่า “เวลา” สามคานี้รวมกันมีความหมายว่า “นานเท่าไหร่”
Duōcháng shí jiān
มักใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับเวลา มีรูปแบบโครงสร้างคือ ประธาน + กริยา + 多 长 时间
Shén me shí jiān Shén me Shí jiān
6. การใช้ “ 什 么时间” คาว่า “ 什 么” แปลว่า “อะไร” คาว่า “时间” แปลว่า
“เวลา” สองคานี้รวมกันแปลว่า “เมื่อไหร่” มักใช้ในประโยคคาถามเกี่ยวกับเวลา ส่วนใหญ่ใช้ใน
ระยะเวลาสั้น ๆ หรือบ่งบอกระยะเวลาชัดเจน มีจุด เริ่มต้น และจุดจบ มีรูปแบบโครงสร้างคือ
Shén me shí jiān
ประธาน + 什 么时间 + กริยา + กรรม
7. การบอกเวลาในภาษาจีนต่างกับภาษาไทย แต่คล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษ เวลาในประเทศจีน
เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง และหลังจาก 12.00น. นับเป็น 01.00น.ไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
ในการบอกเวลา ควรระบุคาบอกช่วงเวลาให้ชัดเจนและคาบอกช่วงเวลามักวางไว้หน้าเวลา

130
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

บรรณานุกรม
ขนิ ษ ฐา โสรส. (2558). วั ฒ นธรรมจี น [เว็ บ บล็ อ ก]. สื บ ค๎ น 30 มี น าคม 2561, จาก
http://khanitthathanyarat.blogspot.com/2015/10/blog-post_43.html
จางจิ้ง เฉินเสี่ยวหนิง เผิงป๋อ. (2554). 101 บทสนทนาจีน พร้อมใช้สาหรับนักท่องเที่ยว.
กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๏คส์.
เฉิน ซินจื้อ. (2552). เรียนลัดหัดจีนกลางเบื้องต้น – การสนทนาเพื่อการทักทายทั่วไป. กรุงเทพฯ:
เพทาย.
นริศ วศินานนท์. (2552). ศาสตร์ศิลป์วัฒนธรรมจีน. กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ.
นานํา. (2558). Survivor plus จีน. (พิมพ์ครั้งที่ 17). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
ประวิทย์ เจริญประวัติ. (2556). ห้องเรียนสนทนาภาษาจีนกลาง. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง
แอนด์พับลิชชิ่ง.
ฝ่ายวิชาการสานักพิมพ์แมนดารินเอดูเคชั่น. (2556). คูม่ ือการเรียนการสอน ภาษาจีน. กรุงเทพฯ:
แมนดาริน.
ฝ่ายวิชาการสานักพิมพ์แมนดารินเอดูเคชั่น. (2557). สนทนาภาษาจีน ในต่างแดน. กรุงเทพฯ: แมน
ดาริน.
ฝ่ายวิชาการสานักพิมพ์แมนดารินเอดูเคชั่น. (2560). พิชิตไวยากรณ์ภาษาจีน ระดับต้น. กรุงเทพฯ:
แมนดาริน.
พรรณนาภา สิริมงคลสกุล. (2554). ฟัง พูด อ่าน เขียน เรียนจีนกลางฉบับสมบูรณ์ เล่ม 1. (พิมพ์
ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: เอ็มไอเอส.
พรรณนาภา สิริมงคลสกุล. (2556). เรียนภาษาจีนกลาง (ตัวย่อ) เบื้องต้น. กรุงเทพฯ: เอ็มไอเอส.
พรรณิกา ชวนาทนุสรณ์. (2559). ภาษาจีน 360 องศา. กรุงเทพฯ: อินส์พัล.
ม.อึ้งอรุณ. (2553). หัดพูดภาษาจีนกลาง. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: ไพลิน.
เมชฌ สอดสํองกฤษ. (2558). ไวยากรณ์จีนระดับต้น. กรุงเทพฯ: สมาคมสํงเสริมเทคโนโลยี (ไทย –
ญี่ปุ่น).
เมชฌ สอดสํองกฤษ. (2560). ไวยากรณ์จีนระดับกลาง. กรุงเทพฯ: สมาคมสํงเสริมเทคโนโลยี (ไทย
– ญี่ปุ่น).
เรืองรอง รุํงรัศมี, มารพิณ. (2554). คูม่ ือสนทนาภาษาจีน ฉบับจิ้ม ชี้ เที่ยว. นนทบุรี: บุ๏ค คาเฟ่.
ลุย ยานฮุย. (2559). คัมภีร์สนทนาจีนธุรกิจฉบับมืออาชีพ 商贸汉语宝典. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ด
ยูเคชั่น.
วลัยพร หงส์วิเศษชัย. (2558). Mind Map Chinese พูดจีนจากจินตภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 1).
กรุงเทพฯ: พราว.
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี . (2558). ตัวเลขในวัฒนธรรมจีน . สืบค๎น 30 มีนาคม 2561, จาก
https://th.wikipedia.org/wiki
วิมลรัตน์ วศินนิติวงศ์. (2560). Chinese 4 daily เก่งจีนรอบด้าน. กรุงเทพฯ: คาร์เปเดียมเมอร์.
สุภาณี ปิยพสุนทรา. (2549). เจาะลึก คากริยาจีนกลาง. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ทฤษฎี.
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

สุํย หลิน. (2554). Mind Map ศัพท์จีนแบบเน้นๆ. กรุงเทพฯ: ไลฟ์บาลานซ์.


หนูเหมย. (2554). พูดจีนจากจินตภาพ Mind Map chinese. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: พราว.
เหยิน จิ่งเหวิน. (2545). ภาษาจีนระดับต้น 2. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
เหยิน จิ่งเหวิน. (2551). ไวยากรณ์ภาษาจีน ฉบับเปรียบเทียบ. กรุงเทพฯ: อมรินทร์.
เหยิน จิ่งเหวิน. (2555). ภาษาจีนระดับต้น 1 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
เหยิน จิ่งเหวิน. (2558). สุดยอดคัมภีร์ไวยากรณ์ภาษาจีน ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
โหวคุน. (2554). 101 บทสนทนาจีน พร้อมใช้ในร้านอาหาร. กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๏คส์.
อาศรมสยาม-จีนวิทยา. (2552). เรียนอย่างเข้าใจ ไวยากรณ์จีน. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ทฤษฎี.
อาศรมสยาม-จีนวิทยา. (2554). คาจีนใช้สนุก. กรุงเทพฯ: ทฤษฎี.
อาศรมสยาม-จีนวิทยา. (2555). พูดจีนให้ได้ดั่งใจ. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ตถาตา.
翟汛等. (2007). 阶梯汉语. 北京:华语教学出版社
康玉华, 来四平. (2013). 汉语会话 301 句. 北京:北京语言大学
出版社
李晓琪. (2004). 博雅汉语—初级. 北京:北京大学出版社
刘珣. (2002). 新实用汉语课本. (第一册). 北京:北京语言大
学出版社
刘珣. (2009). 新实用汉语课本. (第二册). 北京:北京语言大
学出版社
刘珣. (2009). 新实用汉语课本教师手册. 北京:北京语言大学
出版社
吕必松. (2011). 中国全景—初级汉语. 北京:语文出版社
徐霄鹰, 周小兵. (2006). 泰国人学汉语. 北京:北京大学出版社
杨寄洲. (2010). 汉语教程. 北京:北京语言大学出版社

132
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร (Chinese for Communication)

ประวัติผู้เขียน
ชื่อ - สกุล นางสาววารุณี สุวรรณจ่าง
ตาแหน่งปัจจุบัน อาจารย์สาขาวิชาภาษาจีน ประจาโปรแกรมวิชาภาษาต่างประเทศ
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
สถานที่ทางาน โปรแกรมวิชาภาษาต่างประเทศ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ตาบลเขารูปช้าง อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา
ประวัติการศึกษา - MTCSOL สาขาการสอนภาษาจีนแก่ชาวต่างชาติ คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยยูนนาน เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน
- ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาภาษาจีน(นานาชาติ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และสาขาภาษาและวรรณคดีจีน
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยยูนนาน เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน
- มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
- มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนหาดใหญ่อานวยวิทย์ จังหวัดสงขลา
ประวัติการทางาน - ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจาสาขาวิชาภาษาจีน โปรแกรมวิชาภาษาต่างประเทศ
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

You might also like