Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 1
บทนำ
ทีม่ าและความสำคัญ
กวางคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีลกั ษณะขนยาวหยาบสี น ้ำตาลที่กินใบไม้อ่อนและหญ้าอ่อนซึ่ งมีอยู ่
54 ชนิดและแต่ละชนิดก็มีประโยชน์คล้ายๆกันแต่มีวิธีการเลี้ยงดูที่ต่างกันบางชนิดเลี้ยงง่ายบางชนิดเลี้ยงยาก
ดังนั้นจึงทำให้แต่ละประเทศจึงนิยมเลี้ยงกวางต่างชนิดกันไปส่ งผลให้ผจู ้ ดั ทำเกิดความสนใจอยากที่จะทราบ
ว่าสายพันธุ์กวางเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยว่ามีจ ำนวนกี่สายพันธุ์ จึงทำการศึกษาสายพันธุ์กวางใน
จำนวน 54 สายพันธุ์และนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์หาสายพันธุ์กวางเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย
ว่ามีจ ำนวนเท่าใดและนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเว็บไซต์และซี ดีรอมเผยแพร่ แก่ผทู ้ ี่สนใจต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อทำการศึกษาสายพันธุ์กวางในประเทศไทยจำนวน 54 สายพันธุ์
2. เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์หาสายพันธุ์กวางเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยว่ามี
จำนวนเท่าใด
3. เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเว็บไซต์และซี ดีรอมเผยแพร่ แก่ผทู ้ ี่สนใจ
ขอบเขตการศึกษาค้นคว้ า
ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นและลักษณะนิสยั ที่อยูอ่ าศัยของกวางจากอินเทอร์เน็ต
บทที่ 2
เอกสารและทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง
https://th.wikipedia.org.(2566:1 - 3).ได้กล่าวถึงข้อมูลเบื้องต้นของกวางไว้ดงั นี้
กวาง เป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กีบคู่ (อันดับย่อยสัตว์เคี้ยวเอื้อง)
2
ตัวเมียสู ง 160 - 210 ซม. หนัก 120 - 170 กก. จากหลักฐานทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นว่ากวางแดง (Cervus
elaphus) แต่เดิมน่าจะเป็ นกลุ่มชนิดมากกว่าจะเป็ นชนิดเดี่ยว แม้วา่ ยังเหลือข้อโต้แย้งที่วา่ เป็ นกวางกี่ชนิดที่
รวมกลุ่มกัน บรรพบุรุษของกวางแดงน่าจะมีถิ่นกำเนิดในเอเชียกลางและอาจจะเป็ นบรรพบุรุษเดียวกับกวาง
ซี กา้ แม้วา่ บางครั้งกวางแดงอาจจะหายากในบางพื้นที่ แต่มนั ก็ยงั ห่างไกลจากคำว่าสู ญพันธุ์ การนำเข้าไปยัง
พื้นที่อื่นและผลจากการอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสหราชอาณาจักรทำให้จ ำนวนประชากรของกวางแดง
เพิ่มขึ้น ขณะที่ในพื้นที่อื่น เช่น แอฟริ กาเหนือประชากรกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
Cervus canadensis (กวางเอลก์) เป็ นกวางขนาดใหญ่ หัวยาว คอและหางสั้น ขายาว เป็ นสัตว์เคี้ยว
เอื้อง มีเขาเฉพาะตัวผู้ กวางเอลก์โตเต็มที่เขาจะมีแขนงข้างละประมาณ 10 - 12 กิ่ง ขนลำตัวหยาบสี น ้ำตาล
หางสั้น ลำตัวจากปลายปากถึงโคนหางยาวประมาณ 2.5 เมตร หางยาวประมาณ 20 เซนติเมตร สู งช่วงไหล่
ประมาณ 1.5 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 250 - 450 กิโลกรัม มีนิสยั ชอบอยูร่ วมกันเป็ นฝูง หากินอพยพไป
เรื่ อย ๆ ชอบอยูใ่ นทุ่งโล่ง ๆ ตัวผูจ้ ะดุเมื่อเขาแก่ขวิดแย่งตัวเมีย ว่ายน้ำเก่ง
สกุลย่อย Przewalskium
Cervus albirostris
สกุลย่อย Sika
Cervus nippon (กวางซีกา้ กวางซิกะหรื อกวางญี่ปุ่น) เป็ นกวางที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออก
และถูกนำเข้าไปเป็ นสัตว์เลี้ยงในหลายพื้นที่บนโลก อดีตพบในตอนใต้ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม
ไปจนถึงทางเหนือของรัสเซียตะวันออกไกล ปั จจุบนั เกือบจะสู ญพันธุ์แล้วในทุกพื้นที่ยกเว้นในประเทศ
ญี่ปนที ุ่ ่มีประชากรหนาแน่น กวางซีกาเป็ นกวางขนาดกลางมีความสู งจรดหัวไหล่ 50-95 เซนติเมตรหนัก 30-
70 กิโลกรัมเพศผูม้ ีขนาดใหญ่กว่าเพศเมียมีขนตามลำตัวสี น ้ำตาลส้มมีจุดสี ขาวกระจายอยูท่ วั่ ไปหางสั้นมีสี
น้ำตาลอ่อนก้นมีสีขาวสี ขนบริ เวณด้านบนและด้านข้างลำตัวอาจมีสีที่เข้มกว่าสี ขนบริ เวณท้องและด้านใน
ของขา มีเขาเฉพาะเพศผู้ เขามีกิ่งก้านแผ่ออกมาเพียงข้างละ 4 ก้านมักอาศัยอยูร่ วมกันเป็ นฝูงใหญ่ในป่ า
เบญจพรรณหรื อทุ่งหญ้าในฝูงมักประกอบไปด้วยเพศเมียเป็ นส่ วนใหญ่กวางเพศผูม้ ีการผลัดเขาทิ้งทุกปี
กวางซี กา เป็ นสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็ นสัตว์ที่รับใช้เทพเจ้าในจังหวัดนะระโดยเฉพาะใกล้ๆวัดโทไดกวางซี
กาที่อาศัยอยูท่ ี่นี่ใช้ชีวิตอย่างเสรี โดยปะปนกับผูค้ นทัว่ ไปโดยไม่มีผใู ้ ดทำอันตราย
สกุลย่อย Rucervus
Cervus duvaucelii (กวางบึง) เป็ นกวางที่พบในตอนเหนือและตอนกลางของประเทศอินเดียและ
ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเนปาล อดีตพบในประเทศปากีสถานและบังกลาเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ต้ งั
ตามชื่อนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส อาลเฟรด ดูโวเซล (Alfred Duvaucel)
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของกวางบึงคือเป็ นกวางที่มีกิ่งบนเขา 10 ถึง 14 กิ่งในกวางตัวผูท้ ี่โตเต็มวัย บางตัว
มีถึง 20 กิ่ง ชื่อมาจากลักษณะซึ่ งแปลว่า "เขา 12 กิ่ง" ในภาษาฮินดี ในภาษาอัสสัมเรี ยก
ว่า dolhorina; dol แปลว่าบึง ในอินเดียตอนกลางเรี ยกว่า goinjak (ตัวผู)้ หรื อ gaoni (ตัวเมีย)
Cervus eldii (ละองละมัง่ ) เป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กีบคู่ชนิดหนึ่ง เป็ นกวางขนาด
กลาง ขนตามลำตัวสี น ้ำตาลแดง แต่สีขนจะอ่อนลงเมื่อเข้าสู่ ฤดูร้อน ขนหยาบและยาว ในฤดูหนาวขนจะยาว
มาก แต่จะร่ วงหล่นจนดูส้ นั ลงมากในช่วงฤดูร้อน
ในตัวผูจ้ ะเรี ยกว่า ละอง ตัวเมียซึ่ งไม่มีเขาจะเรี ยกว่า ละมัง่ แต่จะนิยมเรี ยกคู่กนั สันนิษฐานว่าเพี้ยน
มาจากภาษาเขมรคำว่า "ลำเมียง" ละองตัวที่ยงั โตไม่เต็มวัยจะมีขนแผงคอที่ยาว ลูกแรกเกิดจะมีจุดสี ขาว
กระจายอยูร่ อบตัว และจุดนี้จะจางหายเมื่ออายุมากขึ้น ขอบตาและริ มฝี ปากล่างมีสีขาว มีความยาวลำตัวและ
5
หัว 150 – 170 เซนติเมตร ความยาวหาง 220 – 250 เซนติเมตร น้ำหนัก 95 – 150 กิโลกรัม ละองละมัง่ ที่พบ
ในประเทศไทยเป็ นชนิดย่อยละองละมัง่ พันธุ์ไทย (Cervus eldii thamin) และละองละมัง่ พันธุ์พม่า Cervus
eldii siamensis
สกุลย่อย Rusa
Cervus unicolor (กวางป่ า หรื อ กวางม้า) นับเป็ นกวางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบได้ในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉี ยงใต้ มีความยาวลำตัวและหัว 180 - 200 เซนติเมตร ความยาวหาง 25 - 28 เซนติเมตร และหนัก
ได้ถึง 185 - 220 กิโลกรัม โดยทัว่ ไปเพศผูจ้ ะมีขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย มีขนสั้นหยาบสี น ้ำตาลแกมเหลือง บาง
ตัวน้ำตาลแกมแดง พบตามป่ าดงดิบทุกภาค ทั้งในป่ าระดับต่ำ ป่ าสู ง ชอบหากินตามทุ่งโล่ง ชายป่ า ในตอน
เช้าตรู่ และพลบค่ำ กลางวันจะหลับนอนตามพุม่ ไม้ใกล้ชายป่ า จะกินพืช ทั้งใบ ยอด และต้องการดินโป่ ง ใน
ธรรมชาติชอบอยูต่ วั เดียวหรื ออยูเ่ ป็ นกลุ่มเล็กๆ พร้อมลูก ๆ ฤดูผสมพันธุ์ส่วนใหญ่เป็ นฤดูหนาว
ลักษณะที่บ่งบอกถึงสุ ขภาพกวางที่สมบูรณ์ สังเกตได้จากขนตามลำตัวมันเงา ดวงตาแจ่มใส จมูก
ชื้น มูลเป็ นเม็ด ไม่มีกลิ่น ปัสสาวะใส ไม่แยกตัวออกจากฝูง ร่ างกายไม่ผอมผิดปกติ ส่ วนการระวังภัยของ
กวางป่ า เมื่อได้ยนิ หรื อเห็นสิ่ งผิดปกติ จะชูคอหันหน้า ใบหูท้ งั 2 ข้างหันไปยังทิศทางที่ได้ยนิ หรื อเห็น หาง
จะชี้ข้ นึ ยืนนิ่งเงียบ จากนั้นจะส่ งเสี ยงร้องแหลมดังขึ้น ถ้าอยูก่ นั หลายตัวจะไปยืนรวมกัน เมื่อมีตวั ใดตัวหนึ่ง
ตื่นและวิง่ จะทำให้ตวั อื่นทั้งหมดวิง่ ตามได้ การโกรธ ทำร้าย และการต่อสู ้ มีพฤติกรรมกัดฟันเสี ยงดังกรอด
ๆ ร่ องใต้ตาทั้งสองข้างเบิกลึกกว้างพร้อมกับเดินส่ ายหัวเข้าหาศัตรู อย่างช้า ๆ แล้วก้มหัวลงเพื่อให้ปลายเขาชี้
เข้าหาศัตรู กวางป่ าที่พบในประเทศไทยเป็ นชนิดย่อย Cervus unicolor equinus
Cervus timorensis (กวางรู ซ่า) เป็ นสกุลของกวางในสกุล Rusa พบกระจายพันธฺุ์ในทางตอนใต้ของ
ทวีปเอเชีย มักจะได้รับการจัดให้อยูใ่ นสกุล Cervus แต่จากการศึกษาทางพันธุกรรมพบว่าสมควรจัดให้อยู่
ในสกุลนี้
แบ่งออกได้เป็ น 4 ชนิด โดย 3 ชนิดมีการกระจายค่อนข้างแคบในฟิ ลิปปิ นส์และอินโดนีเซี ย แต่จะมี
จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นทางด้านอินเดียตะวันออกและทางตอนใต้ของจีนและทิศใต้ของหมู่เกาะซุน
ดา ทั้งหมดกำลังถูกคุกคามจากการสูญเสี ยถิ่นที่อยูอ่ าศัยและการล่าสัตว์
Cervus mariannus
Cervus alfredi
สกุล Axis
สกุลย่อย Axis
Axis axis (กวางดาว) กวางดาวมีขนสี น ้ำตาลแกมเหลืองออกสี ชมพูมีจุดสี ขาวส่ วนท้องมีสีขาวเขามี
สามกิ่งโค้งคล้ายพิณมีการผลัดเขาทุกปี ยาวได้ถึง 75 ซม. (2.5 ฟุต) เมื่อเทียบกับเนื้อทรายซึ่ งเป็ นญาติใกล้ชิด
แล้ว กวางดาวถูกสร้างมาให้เหมาะสำหรับการวิง่ มากกว่าและมีสณ ั ฐานที่พฒั นาสู งกว่าคือปลายเขาสั้นตาม
ส่ วน และกล่องหู มีขนาดเล็กกว่ามีโพรงจมูกขนาดใหญ่ตวั ผูม้ ีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียสู งประมาณ 90 ซม. (35
นิ้ว) จรดไหล่ หัวถึงลำตัวยาว 170 ซม. (67 นิ้ว) หางยาว 20 ซม. (7.9 นิ้ว) หนัก 30 ถึง 75 กก. (66 ถึง 170
ปอนด์) ตัวเมียหนัก 25 ถึง 45 กก. (55 ถึง 99 ปอนด์) ตัวผูท้ ี่มีขนาดใหญ่มากๆหนักได้ถึง 98 ถึง 110 กก.
(220 ถึง 240 ปอนด์) มีช่วงชีวิต 8 – 14 ปี
กวางดาวมีการวิวฒั ต่อมกลิ่นบริ เวณดวงตาสู ง ซึ่ งมีขนแข็งที่คล้ายกิ่งไม้เล็กๆ รวมทั้งต่อมกลิ่นที่
หลังขา ตัวผูม้ ีต่อมกลิ่นบริ เวณดวงตาใหญ่กว่าตัวเมียและเปิ ดออกบ่อยครั้งเมื่อตอบสนองสิ่ งเร้า
สกุลย่อย Hyelaphus
6
Dama mesopotamica
Megaloceros giganteus
วงศ์ ย่อย Hydropotinae
สกุล Hydropotes
Hydropotes inermis (กวางน้ำจีน)
วงศ์ ย่อย Odocoileinae/ Capreolinae
สกุล Odocoileus
Odocoileus virginianus (กวางหางขาว)
Odocoileus hemionus (กวางหางดำ)
สกุล Blastocerus
Blastocerus dichotomus
สกุล Ozotoceros
Ozotoceros bezoarticus (กวางปัมปั ส)
สกุล Mazama
Mazama americana
Mazama bricenii
Mazama chunyi
Mazama gouazoubira
Mazama nana
Mazama pandora
Mazama rufina
สกุล Pudu
Pudu mephistophiles (ปูดูเหนือ; เป็ นกวางเล็กที่สุดในโลก)
Pudu pudu (ปูดูใต้)
สกุล Hippocamelus
Hippocamelus antisensis (กวางกูเอมาลเปรู )
Hippocamelus bisulcus (กวางกูเอมาลชิลี)
สกุล Capreolus
Capreolus capreolus (กวางโรตะวันตก)
Capreolus pygargus (กวางโรตะวันออก)
8
สกุล Rangifer
Rangifer tarandus (กวางเรนเดียร์ หรื อ กวางแคริ บู) เป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่
จำพวกกวาง จัดเป็ นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยูใ่ นสกุล Rangifer มีนิสยั ดุร้าย มีลกั ษณะคล้ายคลึงกับกวางเอ
ลก์ จัดเป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดของแคนาเดียนทุนดรา ตัวเมียมีน ้ำหนักประมาณ 60 – 170
กิโลกรัม ส่ วนสูงประมาณ 162 – 205 เซนติเมตร ตัวผูม้ ีขนาดใหญ่กว่า มีน ้ำหนักประมาณ 100 – 318
กิโลกรัม ส่ วนสูงประมาณ 180 – 214 เซนติเมตร หางยาวประมาณ 14 – 20 เซนติเมตร ตัวผูท้ ี่มีอายุมากจะผลิ
เขาในเดือนธันวาคม ตัวผูท้ ี่อายุนอ้ ยจะผลิเขาในฤดูใบไม้ผลิ ส่ วนตัวเมียจะผลิเขาในฤดูร้อน เขาแบ่งออกเป็ น
2 กลุ่ม คือ เขาที่อยูส่ ูงกว่า และเขาที่อยูต่ ่ำกว่า เขากวางเรนเดียร์ตวั ผู ้ มีขนาดใหญ่เป็ นอันดับ 2 รองจากกวา
งมูส คือ กว้างประมาณ 100 เซนติเมตร ยาวประมาณ 135 เซนติเมตร ถือเป็ นกวางที่มีขนาดเขาใหญ่ที่สุดใน
โลก ขนตามลำตัวยามปกติจะมีสีน ้ำตาล แต่เมื่อเข้าสู่ ฤดูหนาว ขนจะเปลี่ยนไปเป็ นสี อ่อนขึ้น หรื อสี ขาว
กวางเรนเดียร์ มีกีบเท้าที่แยกออกเป็ น 2 ง่ามชัดเจน ใช้สำหรับว่ายน้ำ โดยว่ายได้เร็ วถึง 10
กิโลเมตร/ชัว่ โมง และเมื่อเดินกระดูกตรงข้อเท้าและเส้นเอ็นจะทำให้เกิดเสี ยงไปตลอด สันนิษฐานว่ามีไว้
เพื่อติดต่อกับระหว่างฝูงในยามที่อยูใ่ นที่ ๆ ภาวะวิสยั มองเห็นไม่ชดั เช่น ยามเมื่อหิ มะตกหนัก
เป็ นต้น นอกจากนี้แล้วยังเป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวในโลกที่สามารถมองเห็นรังสี
อัลตราไวโอเลตได้
พบกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางตั้งแต่กรี นแลนด์, อเมริ กาเหนือแถบแคนาดาและอลาสกา, สแกน
ดิเนเวีย จนถึงเอเชียตอนบน เช่น จีน, ไซบีเรี ย และมองโกเลียใน สันนิษฐานว่ากวางเรนเดียร์ที่กระจายพันธุ์
ในจีนอพยพมาจากไซบีเรี ยเมื่อราว 2,000 ปี มาแล้ว จากการศึกษาพบว่าประชากรของกวางเรนเดียร์ในจีนลด
ลงถึงร้อยละ 28 จาก ปี ค.ศ. 1970 เนื่องจากถูกแยกออกเป็ นฝูงเล็ก ๆ ทำให้มีตวั เลือกน้อยในการผสมพันธุ์
และแพร่ ขยายพันธุ์ ในปี ค.ศ. 2012 พบกวางเรนเดียร์ในจีนเหลืออยูเ่ พียง 33 ฝูงเท่านั้นโดยจำนวนประชากร
กวางเรนเดียร์ที่พบในธรรมชาติมากที่สุดในโลกพบที่ คาบสมุทรไครเมียในรัสเซี ย และจำนวนที่เหลืออยู่
ประมาณ 600,000 ตัว โดยลดฮวบจากในอดีตอย่างมาก สาเหตุหลักเกิดจากอุณหภูมิที่ถิ่นที่อยูอ่ าศัยร้อนขึ้น
1.5 องศาเซลเซียส, การคุกคามจากมนุษย์, ไฟป่ า รวมถึงโรคระบาดจากยุง
สกุล Alces
Alces alces (กวางมูส; เป็ นกวางใหญ่ที่สุดในโลก)
9
https://www.matichon.co.th.(2560:1).ได้กล่าวถึงข้อมูลเบื้องต้นของกวางเศรษฐกิจไว้ดงั นี้
“กวางพันธุ์รูซ่า” เป็ นกวางที่ถูกนำไปเลี้ยงและแพร่ ขยายพันธุ์เชิงพาณิ ชย์ สายพันธุน์ ้ ี ถูกเลี้ยงฟาร์ม
ขนาดใหญ่ สามารถจำหน่ายได้ทุกส่ วน โดยเฉพาะ เขาอ่อน มีการผลิตเป็ นยาบำรุ งร่ างกาย เขากวางขาย
สดๆกิโลกรัมละ 6,000 บาท หรื อ บดเป็ นแคปซูล ที่โรงงานอยูท่ ี่ จ ราชบุรี จำหน่ายกิโลกรัมละ 12,000 บาท
ส่ วนหนังกวางสามารถขายผืนละหมื่นบาท นำไปแปรรู ปเป็ นกระเป๋ า ร้องเท้า
สำหรับการเลี้ยงกวาง มีเป้ าหมาย 2 ทางเลือก คือ 1. เขาอ่อน และ 2. เนื้อ เมื่อกวางอายุ 3 ปี ขึ้นไป
คนเลี้ยงจะทราบแล้วว่า กวางตัวใด มีไว้เอาเขากวางหรื อเลี้ยงขุนไว้เอาเนื้ อ กวางเป็ นสัตว์เคี้ยวเอื้อง จึงกินพืช
ล้วนๆเป็ นสารอาหารธรรมชาติ ไม่มีการเร่ งเนื้อแดง อาหารหลักๆ คือ หญ้า ใบไม้แห้ง หญ้ารู ซี่ อาหารเม็ด
เสริ ม ต้นทุนการเลี้ยง 3,500 บาทต่อปี ต่อตัว หากเทียบจากกวาง 1 ตัวกินอาหารเพียง 10 % ของน้ำหนัก ราคา
หญ้ากิโลกรัมละ 1 บาท ดังนั้นระยะ 2 - 3 ปี ลงทุนประมาณ 7,000 พันบาท สามารถให้ผลผลิต 20,000 -
30,000 บาทต่อตัว
http://region9.dld.go.th.(2554:1- 4).ได้กล่าวถึงข้อมูลเบื้องต้นของกวางเศรษฐกิจไว้ดงั นี้
การเลี้ยงกวาง ในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการนำกวางพันธุ์รูซ่า (Cervus timorensis) จากประเทศ
นิวคาลิโดเนีย ซึ่ งเป็ นกวางที่ไม่ได้อยูใ่ นบัญชีอนุสญ
ั ญาการค้าระหว่างประเทศเพื่อคุม้ ครองสัตว์ป่าที่หายาก
The Convention on International Trade in Endangered Species (CITES) หรื อในพระราชบัญญัติสงวนและ
คุม้ ครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดยสหกรณ์กวางแห่งประเทศไทย จำนวนกว่า 1,500 ตัว ให้กบั เกษตรกรสมาชิก
240 ราย ปั จจุบนั คาดว่า (2538 - 2544) มีกวางรู ซ่าเลี้ยงขยายพันธุ์อยูท่ วั่ ประเทศประมาณ 5,000 ตัว ขณะที่
สถิติจ ำนวนกวางในประเทศไทยแสดงตามภาคต่างๆ ระหว่างปี 2541 - 2542 มีกวางจำนวน 2,000 ตัว
สถิติจ ำนวนกวางในประเทศไทยแสดงตามภาคต่างๆ ระหว่างปี 2541 - 2542
ปี พ.ศ. ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ รวมทั้งประเทศ
2541 2,082 65 6 20 2,173
2542 1,766 179 6 53 2,004
ที่มา : กองแผนงาน กรมปศุสตั ว์
10
วางที่มีขนาดใหญ่ สี น้ำตาลเข้ม
เนื้อทราย มีถิ่นกำเนิดในเอเชีย พบได้ใน พม่า กัมพูชา ลาว
เวียดนาม และไทย มีขนาดเล็ก-กลาง
กลางดาว เป็ นกวางที่มีขนาดเล็ก เลี้ยงอยูใ่ นประเทศไทยมา
นานกว่า 50 ปี อุปนิสยั ค่อนข้างเชื่องกว่าพันธุ์อื่นๆ
กวางรู ซ่า มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซี ยและมาเลเซี ย
ขนาดกลาง สี ขนเทาจนถึงน้ำตาลเหลือง
กวางซี กา้ มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น จีน เวียดนาม เป็ นก
วางที่มีขนาดกลาง ขนสี เหลืองอมน้ำตาล นิยม
เลี้ยงเพื่อตัดเขากวางอ่อน
กวางฟอลโล มีถิ่นกำเนิดในยุโรป ลำตัวสี เทา-น้ำตาล มีจุดสี ขาว
หางยาว
กวางแดง มีถิ่นกำเนิดในยุโรป ขนสี น ้ำตาลแดง มีขนาดใหญ่
พันธุ์กวาง ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ประเภทสัตว์
กวางป่ า, กวางม้า Sambar deer Cervus uniculor สัตว์เศรษฐกิจ
เนื้อทราย Hog deer Cervus porcinus สัตว์เศรษฐกิจ
กวางดาว Chital deer Axis axis สัตว์เศรษฐกิจ
กวางรู ซ่า Rusa deer Cervus timorensis สัตว์เศรษฐกิจ
กวางซี กา้ Sika deer Cervus nippon สัตว์เศรษฐกิจ
กวางแดง Red deer Cervus elaphus บัญชีไซเตรส
กวางฟอลโล Fallow deer Dama dama บัญชีไซเตรส
ที่มา : Grzimek (1984)
ข้อมูลจำเพาะของกวางพันธุ์ต่างๆ
พันธุ์กวาง น้ำหนัก (กก.) ส่ วนสู ง (ซ.ม.) ความยาว (ซ.ม.) ระยะอุม้ ท้อง (วัน)
13
ถิ่นอาศัย พบตั้งแต่ศรี ลงั กา อินเดีย เนปาล พม่า ไทย อินโดจีนตอนใต้ มาเลเซี ย สุ มาตรา ชวา
บอร์เนียว เซลีเบส ไต้หวัน ไหหลำ ฟิ ลิปปิ นส์ อัสสัม สำหรับประเทศไทย พบตามป่ าดงดิบ ทัว่ ไปทุกภาคทั้ง
ป่ าสู งและป่ าต่ำ
อาหาร ชอบกินใบไม้ และยอดอ่อนของพืชมากกว่าหญ้า อาหารในธรรมชาติของกวางได้แก่
เถาวัลย์อ่อน ๆ ยอดอ่อนของไม้พมุ่ เตี้ย ๆ ใบไม้หญ้าระบัด ใบไผ่ ชอบกินดินโป่ งมาก
การสืบพันธุ์ ฤดูผสมพันธุ์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมตั้งท้องนาน ประมาณ 8 เดือน
ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ในช่วงต้นฤดูฝน ลูกกวางจะเริ่ มแยกจากแม่ไปหากินตามลำพัง เมื่ออายุราว 1 ปี หรื อ 1
ปี กว่า และโตพร้อมผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 18 เดือน อายุยนื ประมาณ 15 - 20 ปี
สถานภาพปัจจุบัน สัตว์ป่าคุม้ ครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุม้ ครองสัตว์ป่า พุทธศักราช
2535
http://breeding.dld.go.th.(2560:1) ได้กล่าวถึงกวางรู ซ่าไว้ดงั น้ ี
กวางรู ซ่า
ลักษณะ โดยทัว่ ไป เป็ นกวางขนาดกลาง ลำตัวมีสีน ้ำตาลเหลือง-น้ำตาลเทา เพศเมียจะมีสีอ่อนกว่า
เพศผู ้ สายพันธุ์ชวารู ซ่า น้ำหนักโตเต็มที่ เพศผู ้ 120 - 160 กก. เพศเมีย 65 - 90 กก. สายพันธุ์โมลัคกันรู ซ่า
น้ำหนักโตเต็มที่ เพศผู ้ 80 - 100 กก. เพศเมีย 50 - 60 กก.
อุปนิสัย ชอบอยูเ่ ป็ นฝูง นิสยั ค่อนข้างตื่นตกใจง่าย โดยเฉพาะพ่อ - แม่พนั ธุ์ที่น ำเข้ามาจากต่าง
ประเทศ เมื่อตกใจจะวิ่งหนีและสามารถกระโดดได้สูงมาก ประมาณ 2 เมตร กวางเพศผูใ้ นช่วงที่เขาแข็งจะ
แสดงอาการดุร้าย หวงตัวเมีย จะไม่ให้ตวั ผูต้ วั อื่นเข้าใกล้ และจะแย่งชิงตัวเมียโดยไล่ขวิดกันจนกว่าอีกตัว
หนึ่งจะยอมแพ้และวิ่งหนีไปเอง ซึ่ งบางครั้งจะขวิดกันจนขาหัก อาจถึงตายได้ กวางที่จบั แยกจากแม่มาเลี้ยง
ตั้งแต่เล็กอายุไม่เกิน 2 เดือน
ค่อนข้างเชื่องและคุน้ เคยกับคนเลี้ยงทั้งเพศผูแ้ ละเพศเมียสามารถปล่อยออกมา เดินเล่นกับคนได้ เมื่อถึง
ระยะที่เขาแข็งกวางเพศผูท้ ี่คนุ ้ เคยกับคนจะดุมาก จะแสดงอาการ เดินเข้าหาแบบช้า ๆ ขนที่คอจะตั้งชัน ร่ อง
ที่ใต้ตาจะเปิ ดออก ทำริ มฝี ปากม้วน ฉี่เป็ นวงใส่ ตวั เอง กระทืบเท้าและทุ่มตัวเข้าใส่ พร้อมที่จะขวิดเมื่อคนเข้า
ใกล้
15
บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการดำเนินงาน
วัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ ในการศึกษา
1. ปากกา
2. ยางลบ
3. ดินสอ
4. ไม้บรรทัด
5. กระดาษ
6. อินเทอร์เน็ต
7. ฟิ วเจอร์บอร์ด
8. กรรไกร
9. คอมพิวเตอร์
16
10. กาว
11. ซีดีรอม
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. ผูศ้ ึกษาเสนอหัวข้อโครงงานต่อคุณครู ที่ปรึ กษาเพื่อขอคำแนะนำและกำหนดขอบเขตในการทำโครงงาน
2. ผูศ้ ึกษาร่ วมกันประชุมวางแผนวิเคราะห์ตามหัวข้อวัตถุประสงค์ของโครงงาน
3. ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลเป็ นขั้นตอนของการเก็บรวบรวมที่เกี่ยวข้องกับโครงงานเพื่อมาวิเคราะห์และ
สรุ ปเนื้อหาที่สำคัญที่จะนำมาจัดทำโครงงาน
4. นำเสนอผลงานต่อคุณครู ที่ปรึ กษาเพื่อรายงานผลการดำเนินงาน
5. จัดทำคู่มือเพื่อใช้สำหรับศึกษาและรายงานต่อคุณครู ที่ปรึ กษา
บทที่ 4
ผลการศึกษาค้ นคว้ า
จากการศึกษาค้นคว้าในบทที่ 2 ผูจ้ ดั ทำพบว่า สายพันธุ์กวางเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย มี
7 สายพันธุ์จากจำนวน 54 สายพันธุ์มีรายนามดังต่อไปนี้
1. กวางป่ า หรือกวางม้ า Sambar deer Cervusuniculor สัตว์เศรษฐกิจมีถิ่นกำเนิดในประเทศ
มาเลเซี ย เกาะสุ มาตรา อินเดีย จีน ไต้หวัน กัมพูชา ลาว และไทย เป็ นกวางที่มีขนาดใหญ่ สี น้ำตาลเข้ม เป็ นก
วางขนาดใหญ่ ขนยาวหยาบมีสีน ้ำตาลเข้ม ขนบริ เวณคอจะยาวขึ้นหนาแน่น กว่าที่อื่น ๆ ลูกกวางป่ าเกิดใหม่
จะไม่มีจุดขาว ๆ ตามตัวเช่นในลูกเนื้อทรายหรื อกวางดาว หางค่อนข้าง สั้น มีเขาเฉพาะตัวผู ้ เขามีขา้ งละ 3
กิ่ง เขาที่ข้ ึนครั้งแรกมีกิ่งเดียว เมื่อเขาแรกหลุดเขาที่ข้ ึนใหม่ มี 2 กิ่ง เมื่อเขา 2 กิ่งหลุด เขาที่ข้ ึนใหม่มี 3 กิ่ง ปี
ต่อไปเมื่อผลัดเขาใหม่จะมีเพียง 3 กิ่งเท่านั้น ไม่เพิ่มมากกว่านี้ ผลัดเขาทุกปี ในช่วงเดือนมีนาคม หรื อ เดือน
เมษายน เขาแก่ในเดือนพฤศจิกายน มีแอ่งน้ำตาที่หวั ตาทั้ง 2 ข้าง ขนาดใหญ่มากยืน่ ออกมาให้เห็นชัดเจน ยิง่
ในฤดูผสมพันธุ์แอ่งนี้จะยิง่ มีขนาดใหญ่ข้ ึนอีกและขับสารที่มีกลิ่นแรงมากออกมาเป็ นประโยชน์ในการดม
กลิ่นตามหากัน หู ตา จมูกไวมาก ชอบอยูต่ ามลำพังตัวเดียว นอกจากฤดูผสมพันธุ์ ออกหากินตั้งแต่ตอนเย็น
ถึงเช้าตรู่ ส่ วนกลางวันจะนอนในที่รกทึบ ชอบอาศัยอยูต่ ามป่ าทัว่ ไปรวมทั้งป่ าทึบ ชอบออกมาหากินอยูต่ าม
ริ มทาง ลำธาร และทุ่งโล่ง ชอบนอนแช่ปลักโคลนเหมือนกระบือเพื่อป้ องกันแมลง ในฤดูผสมพันธุ์ตวั ผูจ้ ะ
ดุร้ายและหวงตัวเมียมาก ช่วงนี้ตวั ผูจ้ ะต่อสู้กนั อย่างดุร้ายเพื่อแย่งตัวเมีย ว่ายน้ำเก่งและปราดเปรี ยว มันไม่
17
บทที่ 5
อภิปรายผลสรุปผลการศึกษาค้ นคว้ า
อภิปรายผล
จากการที่ผจู้ ดั ทำได้รวบรวมข้อมูลในบทที่ 2 เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นของกวาง
จำนวน 54 สายพันธุ์ มีดงั นี้ 1. กวางป่ า หรื อกวางม้า Sambar deer Cervusuniculor สัตว์เศรษฐกิจมีถิ่นกำเนิด
ในประเทศมาเลเซีย เกาะสุ มาตรา อินเดีย จีน ไต้หวัน กัมพูชา ลาว และไทย เป็ นกวางที่มีขนาดใหญ่ สี
น้ำตาลเข้ม 2. เนื้อทราย Hog deer Cervusporcinus สัตว์เศรษฐกิจมีถิ่นกำเนิดในเอเชีย พบได้ใน พม่า
กัมพูชา ลาว เวียดนาม และไทย มีขนาดเล็ก-กลาง 3. กวางดาว Chital deer Axis axis สัตว์เศรษฐกิจเป็ นกวาง
ที่มีขนาดเล็ก เลี้ยงอยูใ่ นประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี อุปนิสยั ค่อนข้างเชื่องกว่าพันธุ์อื่นๆ 4. กวางรู ซ่า Rusa
deer Cervustimorensis สัตว์เศรษฐกิจมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซี ยและมาเลเซี ย ขนาดกลาง สี ขนเทา
จนถึงน้ำตาลเหลือง 5. กวางซีกา้ Sika deer Cervusnippon สัตว์เศรษฐกิจมีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น จีน
เวียดนาม เป็ นกวางที่มีขนาดกลาง ขนสี เหลืองอมน้ำตาล นิยมเลี้ยงเพื่อตัดเขากวางอ่อน 6. กวาง
ฟอลโล Fallow deer Damadama บัญชีไซเตรสมีถิ่นกำเนิดในยุโรป ลำตัวสี เทา-น้ำตาล มีจุดสี ขาวหางยาว
7. กวางแดง Red deer Cervuselaphus บัญชีไซเตรสมีถิ่นกำเนิดในยุโรป ขนสี น ้ำตาลแดง มีขนาดใหญ่
จากการทำงานครั้งนี้ผจู้ ดั ทำได้ประสบปัญหาและอุปสรรคคือเนื่องจากข้อมูลมาจากแหล่งที่มาแตกต่างกัน
ทำให้ขอ้ มูลไม่ตรงกันเกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลยากต่อการรวบรวมอีกทั้งยังมีปัญหาความเข้าใจการ
แปลผลที่ไม่ถูกต้องทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการทำงานขึ้น
สรุ ปผลการศึกษาค้นคว้ า
ผูจ้ ดั ทำได้รับความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นและลักษณะเกี่ยวกับกวางทั้ง 54 สายพันธุ์และสามารถ
บอกได้วา่ สายพันธ์เศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมีท้ งั หมด 7 สายพันธุ์ ได้แก่
23
เอกสารอ้ างอิง
ภาคผนวก
26
Muntiacus reevesi
Muntiacus crinifrons
Muntiacus gongshanensis
Muntiacus putaoensis
Cervus wallichi
Cervus albirostris
Cervus mariannus
32
Cervus alfredi
Dama mesopotamica
34
Megaloceros giganteus
Blastocerus dichotomus
Mazama americana
Mazama bricenii
36
Mazama chunyi
Mazama gouazoubira
Mazama nana
Mazama pandora
37
Mazama rufina
Hippocamelus bisulcus
Capreolus capreolus
Rangifer tarandus
Alces alces