Professional Documents
Culture Documents
รัสเตเชียน
PREVALENCE PARASITES FOUND IN
ORNAMENTAL AQUATIC ANIMALS
CUSTACEAN
ณัฐนันท์ นาภูมิ
NATTHANAN NAPOOM
สหกิจศึกษานี้เป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร
ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาเทคโนโลยีทางทะเล
คณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
ปี การศึกษา 2566
ลิขสิทธิ์เป็ นของมหาวิทยาลัยบูรพา
1
บทที่ 1
บทนำ
ความเป็ นมาและความสำคัญของปั ญหา
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามเป็ นธุรกิจที่มีความสำคัญทาง
เศรษฐกิจและมีแนวโน้มเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้น เนื่องจาก
มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีมูลค่าการส่ง
ออกสัตว์สวยงามอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.0-10.0 ต่อปี (สุ
ชัญญา, 2554) ซึ่งทำสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรจำนวนมาก จึงควร
ให้ความสำคัญกับแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามต่างๆ ใน
ประเทศไทย อ้างอิงจากข้อมูลรายงานเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
พบว่าในปี 2564 มีจำนวนฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามใน
ประเทศทั้งสิ้น 4,660 ฟาร์ม ภาคกลางมีจำนวนมากที่สุด คิดเป็ น
ร้อยละ 29.61 (กรมประมง, 2564) โดยธุรกิจสัตว์น้ำสวยงามนี้มี
อัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นทุกปี มีประเภทของสัตว์น้ำสวยงาม
มากมาย และมีสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนเป็ นกลุ่มสัตว์น้ำที่ได้
รับความนิยมในการเพาะเลี้ยง เนื่องจากมีความสวยงามและหลาก
หลายชนิด เช่น กุ้งสวยงาม ปูสวยงาม เป็ นต้น แต่ในการเพาะเลี้ยง
ก็ถือว่าเป็ นปั ญหาสำคัญ เนื่องจากการดูแลจัดการฟาร์มที่ไม่ดีนัก
ทำให้สัตว์น้ำอาจติดโรคจากปรสิตภายนอกได้ เช่น ซูโอแทมเนียม
ไซฟิ เดีย เป็ นต้น
ในช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูฝนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว หรือ
ช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี หลายพื้นที่ของประเทศไทยมี
2
ปั ญหาปรสิตภายนอกที่พบในการเพาะลี้ยงสัตว์น้ำเกิดจาก
อัตราการขยายตัวของฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีจำนวนมากขึ้น
เพื่อต้องการเพิ่มการส่งออกให้มีมูลค่าสูง ส่งผลให้เกิดการเลี้ยงสัตว์
น้ำแบบหนาแน่นเกินไป จึงไม่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมและ
การป้ องกันโรคที่ดีแก่สัตว์น้ำได้ ทำให้เกิดการติดปรสิตภายนอกได้
ง่าย ซึ่งโดยปกติแล้วแม้แต่สัตว์น้ำแข็งแรงที่อาศัยในแหล่งน้ำ
ธรรมชาติก็ยังสามารถพบปรสิตได้ด้วยเช่นกัน ปรสิตภายนอกจะดูด
กินเลือดและเนื้อเยื่อของสัตว์น้ำ ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
อักเสบ สูญเสียน้ำหนัก ชะลอการเจริญเติบโต จนถึงแก่ความตายได้
นอกจากนี้ปรสิตภายนอกยังสามารถเป็ นพาหะนำโรคอื่น ๆ เช่น
โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ที่จะส่งผลให้เกิดความเสีย
หายมากกว่าการเกิดโรคจากปรสิต
ดังนั้นการศึกษาความชุกของปรสิตภายนอกที่พบในสัตว์น้ำ
สวยงามกลุ่มครัสเตเชียนในฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ภาค
กลางประเทศไทย ช่วงฤดูหนาว จึงเป็ นสิ่งสำคัญเพื่อที่จะได้ทราบถึง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของปรสิตภายนอก และหาแนวทางใน
การแก้ไขปั ญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อศึกษาความชุกของปรสิตภายนอกในสัตว์น้ำสวยงามก
ลุ่มครัสเตเชียนในพื้นที่ภาคกลาง ช่วงฤดูหนาว
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากงานวิจัย
1.เพื่อเป็ นข้อมูลในการเฝ้ าระวังโรคจากปรสิตในช่วงฤดู
หนาว
2.เพื่อช่วยแก้ปั ญหาการเกิดโรคปรสิตและสามารถเพิ่ม
อัตราการส่งออกที่มากขึ้น
ขอบเขตการวิจัย
ทำการตรวจหาปรสิตในสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนที่
ส่งเข้ามาตรวจ ณ ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์โรคสัตว์น้ำ กอง
วิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำกรมประมง จากฟาร์มสัตว์น้ำ
สวยงามในเขตพื้นที่ภาคกลางมีตัวอย่างสัตว์น้ำทั้งหมด 6 ชนิด
ได้แก่ กุ้งก้ามกาม กุ้งเครย์ฟิ ช กุ้งแรด กุ้งแคระ กุ้งเชอร์รี่ ปูแมงมุม
โดยจะทำการสุ่มตัวอย่างสัตว์น้ำแต่ละชนิดมาชนิดละ 60 ตัว/ฟาร์ม
ทำการส่องกล้องจุลทรรศน์แบบสเตอริโอและบันทึกผล ในระหว่าง
เดือน ธันวาคม 2566 ถึง กุมภาพันธ์ 2567
4
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.1 ชีววิทยาของสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนที่นิยม
เพาะเลี้ยง
ประเทศไทยส่งออกสัตว์น้ำสวยงามไปสู่ประเทศต่าง ๆ
มากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ไทยมีปริมาณการส่งออกอยู่อันดับต้น
ๆ และสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ
ที่กำลังเป็ นที่นิยมในการเพาะลี้ยงเพื่อความสวยงาม มีดังนี้
1.กุ้งก้ามกราม
1.1 ข้อมูลทั่วไปของกุ้งก้ามกราม
Family Palaemonidae
Genus Macrobrachium
รูปที่ 1 กุ้งก้ามกาม
ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki
5
2.กุ้งเครย์ฟิ ช
2.1 ข้อมูลทั่วไปของกุ้งเครย์ฟิ ช
Family Cambaridae
Genus Procambarus
6
รูปที่ 2 กุ้งเครย์ฟิ ช
ที่มา:
https://www.fishi-pedia.com/crustacea/procambarus-
clarkii
กุ้งเครย์ฟิ ช (ชื่อวิทยาศาสตร์: Procambarus
clarkii, อังกฤษ: Crayfish)
กุ้งเครย์ฟิ ชน้ำจืด (freshwater crayfish) ร่างกายแบ่งเป็ น ส่วนหัว-
ลำตัว (cephalothorax) มีเปลือกคลุม (carapace) และส่วนท้อง
(abdomen) มีระบบการสัมผัส ได้แก่ หนวดขนาดใหญ่ 1 คู่ เรียก
ว่า antennae และหนวดขนาดเล็ก 2 คู่ที่เรียกว่า antennule ใช้
เพื่อการสัมผัส รับรสชาติและตรวจสอบคุณภาพน้ำ เช่น อุณหภูมิ
ความเค็ม กุ้งเครย์ฟิ ชน้ำจืด มีขา 5 คู่ ขาคู่ที่ 1 เป็ นก้ามขนาดใหญ่
(chelipeds) ขาคู่ 2-4 ทำหน้าที่เดินและจับอาหาร (periopods)
และส่วนอกมี 6 ปล้อง ซึ่งสามารถขยับได้ ปล้องคู่ที่ 2 ถึง 5 มีแผ่น
ว่ายน้ำ (pleopods) ตัวเมียมีขนเล็ก ๆ (setae) ปล้องคู่ที่ 6 มี
ขนาดใหญ่ ( uropods) หางเป็ นแผ่นแบน (telson) ซึ่งสามารถ
ทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วและสามารถโค้งงอในระหว่างการฟั กไข่
7
3.กุ้งแรด
3.1 ข้อมูลทั่วไปของกุ้งแรด
Family Atyidae
Genus Atyopsis
รูปที่ 3 กุ้งแรด
ที่มา: https://www.fishi-pedia.com/crustacea/atyopsis-
moluccensis
กุ้งแรด หรือ กุ้งไม้ไผ่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Atyopsis
moluccensis, อังกฤษ: Bamboo shrimp) กุ้งน้ำจืดสกุลหนึ่งจาก
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกพบในปี 1983 โดย Chace Jr. พบได้
บนเกาะภูเขาไฟ เป็ นสัตว์น้ำจืดขนาดเล็กที่มีสีสันสวยงาม กุ้งแรด
กำลังได้รับความนิยมเป็ นสัตว์เลี้ยงในตู้ปลา ด้วยความน่ารัก
8
4.กุ้งแคระ
4.1 ข้อมูลทั่วไปของกุ้งแคระ
family Atyidae
genus Caridina
5.กุ้งเชอร์รี่
5.1 ข้อมูลทั่วไปของกุ้งเชอร์รี่
Family Atyidae
Genus Neocaridina
รูปที่ 5 กุ้งเชอร์รี่
ที่มา:
https://www.shutterstock.com/th/search/neocaridina-
davidi
กุ้งเชอร์รี่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Neocaridina
davidi, อังกฤษ: cherry shrimp) Neocaridina davidi หรือที่
รู้จักกันในชื่อ กุ้งแคระเชอร์รี่ หรือ กุ้งเรดเชอร์รี่ เป็ นสัตว์น้ำจืด
ขนาดเล็กที่มีสีสันสดใส กำลังได้รับความนิยมเป็ นสัตว์เลี้ยงในตู้ปลา
ด้วยความน่ารัก สวยงาม เลี้ยงง่าย และช่วยรักษาความสะอาดของ
ตู้ปลา กุ้งเชอร์รี่มีลำตัวใส สีแดง มีจุดสีดำบนหลัง ขาสีแดง หนวดสี
แดง ตาสีดำ เพศเมียมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้ โดยทั่วไปจะโตเต็มที่
ประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และมีอายุขัย 1-2 ปี พบได้ในน้ำจืด
ชอบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีตะไคร่น้ำ พบได้ทั่วไปในเอเชียตะวัน
11
6.ปูแมงมุมแคระ
6.1 ข้อมูลทั่วไปของปูแมงมุม
Family Hymenosomatidae
ที่มา: http://siamensis.org/node/5876#!
2.2 ปรสิตภายนอกที่พบในสัตว์น้ำ
ปรสิตภายนอกที่พบในสัตว์น้ำมีทั้งหมด 5 กลุ่ม คือ
Protozoa, Crustacean, Trematode, Nematode,
Acanthocephalan
โดยปรสิตภายนอกที่พบได้บ่อยในสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัส
เตเชียน คือโปรโตซัว (Protozoas) เป็ นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเซลล์
เดียว ต้องมองผ่านกล้องจุลทรรศน์จึงสามารถมองเห็นได้ พบการ
ดำรงชีวิตที่เป็ นอิสระ (Free living) และที่เป็ นปรสิต โปรโตซัว
สามารถแบ่งออกเป็ น 3 กลุ่มตามลักษณะโครงสร้างในการเคลื่อนที่
คือ กลุ่มที่มีขนเล็ก ๆ (Ciliates) กลุ่มที่มีแส้ (Flagellates) และ
กลุ่มที่มีเซลล์เป็ นสปอร์ (Sporozoa) โดยชนิดของปรสิตโปรโตซัวที่
พบ มีดังนี้
2.2.1 ปรสิตกลุ่มโปรโตซัว (Protozoa)
1. ซูโอแทมเนียม
ซูโอแทมเนียม (Zoothamnium sp.) โปรโตซัวในสกุล
Zoothamnium อยู่ในกลุ่ม Ciliated protozoa พบได้ทั้งในน้ำจืด
น้ำกร่อยและน้ำเค็ม เป็ นปรสิตภายนอกที่พบเกาะอยู่บริเวณอวัยวะ
ภายนอก ได้แก่ เหงือก รยางค์ เปลือก และลำตัวของกุ้ง ปู ปลา
และหอย บางครั้งพบลอยเป็ นกลุ่มในน้ำหรือในบ่อคอนกรีตที่เลี้ยง
แพลงก์ตอน กุ้งที่ป่ วยมีรยางค์กุดกร่อน กุ้งตัวไม่สะอาด มีเศษซาก
ตะกอนติดอยู่ตามรยางค์ เหงือกเป็ นสีน้ำตาลหรือดำ ทำให้กุ้งลอก
คราบไม่ออกและตายได้ ซูโอแทมเนียมมีคุณลักษณะเด่น คือ มี
เซลล์ที่เรียกว่า zooid อยู่รวมกันเป็ นช่อ ๆ เรียกว่า colony ด้วย
14
(ก) (ข)
(ที่มา: Fernandez-Leborans et al., 2009)
รูปที่ 7 ลักษณะของซูโอแทมเนียม (Zoothamnium sp.); (ก):
ลักษณะการแตกช่อของซูโอแทมเนียม และ (ข): ส่วนประกอบก้าน
ช่อของซูโอแทมเนียม (mi: micronucleus, ma: macronucleus,
s: stalk และ my: myoneme)
15
รูปที่ 9 Scyphidia
ที่มา : https://www.naturamediterraneo.com
2.2.3 กลุ่ม Crustacean
ที่มา: https://www4.fisheries.go.th
17
2.3 การสุ่มเก็บตัวอย่างและการคำนวณหาค่าความชุก
2. การสุ่มเก็บตัวอย่าง
การสุ่มเก็บตัวอย่างสามารถพิจารณาจำนวนในการสุ่ม
ตัวอย่างได้จากตารางการสุ่มตัวอย่างในตารางที่ 1 โดยที่จำนวน
ตัวอย่างที่สุ่มจะขึ้นอยู่กับความชุกของโรค (Disease prevalence)
ชนิดนั้น ๆ หากมีความชุกของโรคสูง จำนวนตัวอย่างที่เก็บก็จะใช้
จำนวนน้อยเนื่องจากมีโอกาสที่จะตรวจพบโรคชนิดนั้นสูง แต่ถ้า
หากความชุกของโรคต่ำ จำนวนตัวอย่างที่เก็บก็จะต้องมีจำนวนเพิ่ม
มากขึ้นด้วย เพื่อทำให้เพิ่มความเป็ นไปได้ของการตรวจพบโรค สัตว์
น้ำกลุ่มครัสเตเชียนมีเปอร์เซ็นต์ความชุกของโรคเท่ากับ 5.0
เปอร์เซ็นต์ จะเก็บจำนวนสัตว์น้ำที่ 60 ตัว ดังตารางที่1 (เจนจิตต์
คงกำเนิด, 2562)
ตารางที่ 1 แสดงจำนวนของตัวอย่างที่ต้องเก็บตามเปอร์เซ็นต์ความ
ชุกของโรค (% prevalence) และจำนวนประชากร (Ossiander
and Wedermeyer, 1973)
Population Prevalence (%)
size 0.5 1.0 2.0 3.0 4.0 5.0 10.0
18
50 46 46 46 37 37 29 30
100 93 93 76 61 50 43 23
250 192 156 110 76 62 49 25
500 314 223 127 88 67 54 26
1000 448 256 136 92 69 55 27
2500 512 279 142 95 71 56 27
5000 562 288 145 96 72 57 27
10000 579 292 146 96 72 57 27
100000 594 296 147 96 72 57 27
1000000 596 297 147 97 72 57 27
>1000000 600 300 150 100 75 60 30
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
วรกฤต วรนันทกิจ (2566) ทำการศึกษาปรสิตภายนอกใน
ตัวอย่างปลานิลแดงทั้งหมด 180 ตัว ที่เลี้ยงในกระชังในคลองและ
กระชังในบ่อดิน บริเวณคลอง 13 อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี
ระหว่างเดือนธันวาคม 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เป็ นระยะ
เวลา 3 เดือน พบปรสิตทั้งหมด 4 ไฟลัม (Mastigophora,
Myxozoa, Ciliophora และ Platyhelminthes) 7 สกุล
(Oodinium, Myxobolus, Apiosoma, Trichodina,
Cichlidogyrus, Scutogyrus และ Gyrodactylus) 12 ชนิด
(Oodinium sp., Myxobolus sp., Apiosoma sp., Trichodina
heterodentata, T. centrostrigeata, T.compacta,
cichlidogyrus tilapiae, C. halli, C. sclerosus, C.
19
ภาคกลาง จากผลการตรวจตัวอย่างปลาน้ำจืดที่ส่งมาทดสอบโรค
และตรวจวินิจฉัยชันสูตรโรคที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ระหว่าง
ปี 2554-2556 จำนวนทั้งสิ้น 534 ตัว เพื่อตรวจหาปรสิตภายนอก
โดยวิธี Gill biopsy จากเหงือก และวิธี Skin scraping จาก
ผิวหนัง พบว่า ตัวอย่างปลาน้ำจืดมีการติดปรสิตภายนอกจำนวน
200 ตัว คิดเป็ น 37.45% ปลาที่เลี้ยงในจังหวัดกรุงเทพฯ และ
สุพรรณบุรี พบอัตราการติดปรสิตภายนอกสูงกว่าจังหวัดอื่น
(46.51% และ 45.10%, ตามลำดับ) โดยเหงือกเป็ นตำแหน่งที่
ตรวจพบปรสิตภายนอกมากกว่าผิวหนัง (35.02% และ 7.68%,
ตามลำดับ) และสามารถพบการติดปรสิตภายนอกร่วมกันมากกว่า
1 ชนิด ปรสิตภายนอกที่ตรวจพบจากการศึกษาในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 4
กลุ่ม 8 ชนิด ปรสิตที่พบได้มากได้แก่ โปรโตซัว Trichodina spp.
(19.29%) พยาธิใบไม้ใน family Heterophyidae (10.11%) และ
ปลิงใส Dactylogyrus spp. (8.43%) ประโยชน์ที่ได้จากการศึกษา
ปรสิตภายนอกในปลาน้ำจืดในครั้งนี้ เกษตรกรสามารถนำข้อมูลไป
ใช้ในการวางแนวทางสำหรับการรักษา ควบคุม และป้ องกันโรคใน
ฟาร์มปลาน้ำจืดต่อไป
บทที่ 3
วิธีดำเนินการวิจัย
2.สารเคมี
2.1 แอลกอฮอล์ 70% (70% Ethanol)
3.2 การสุ่มเก็บตัวอย่าง
3.3 การเตรียมตัวอย่าง
23
บทที่4
ผลการวิจัย
จากการศึกษาค่าความชุกของปรสิตในสัตว์น้ำกลุ่มครัสเตเชีย
นที่ส่งเข้ามาตรวจ ณ ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์โรคสัตว์น้ำ กอง
วิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำกรมประมง ช่วงเดือน ธันวาคม
2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็ นช่วงฤดูหนาวในพื้นที่ภาคกลาง
จากทั้งหมดจำนวน 46 ฟาร์ม ตัวอย่างทั้งหมด 2520 ตัวอย่าง พบ
ว่ามีการติดปรสิตภายนอกเพียงกลุ่มเดียว คือกลุ่ม โปรโตซัว
มีจำนวน 102 ตัวอย่าง คิดเป็ นเปอร์เซ็นต์ความชุกอยู่ที่ 4.048 ดัง
ตารางที่ 1
24
ตารางที่ 1 จำนวนปรสิตที่ตรวจพบในพื้นที่ภาคกลาง
ตัวอย่างสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนที่มีปรสิตภายนอก
จากทั้งหมด 102 ตัวอย่าง จำแนกเป็ นสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเต
เชียนที่มีการตรวจพบปรสิตภายนอก Zoothamnium เพียง 1
ชนิด, พบปรสิตภายนอก Scyphidia เพียง 1 ชนิด และ พบร่วมกัน
2 ชนิด มีจำ นวน 54, 27 และ 21 ตัวอย่าง คิดเป็ น 20.59%,
52.94% และ 26.47% ตามลำดับ
จากตัวอย่างสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนจำนวน 2520
ตัวอย่าง จะมีสัตว์น้ำทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่ กุ้งก้ามกราม 450
ตัวอย่าง, กุ้งเครย์ฟิ ช 240 ตัวอย่าง, กุ้งแรด 390 ตัวอย่าง, กุ้งเรดบี
390 ตัวอย่าง, กุ้งเชอร์รี่ 390 ตัวอย่าง และ ปูแมงมุมแคระ 420
ตัวอย่าง ซึ่งแต่ละชนิดพบปรสิตภายนอก 16, 0, 31, 1, 46 และ 8
ตัวอย่าง คิดเปอร์เซ็นต์ความชุกจากจำนวนของสัตว์น้ำแต่ละชนิด
จะได้ 3.56%, 0.00%, 7.95%, 0.56%, 5.11% และ 2.22% ตาม
ลำดับ
25
ตารางที่ 2 จำนวนปรสิตที่พบในสัตว์แต่ละชนิด
sp.
กุ้งแคระ 1. 0 0 0
Zoothamnium
sp. 180
2. Scyphidia 1 179 0.56
sp.
กุ้งเชอร์รี่ 1. 20 880 2.22
Zoothamnium
sp. 900
2. Scyphidia 39 861 4.33
sp.
ปูแมงมุม 1. 8 412 2.22
แคระ Zoothamnium
sp. 420
2. Scyphidia 8 412 2.22
sp.
รวม 2520 102 2418 4.048
สำหรับตัวอย่างสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัสเตเชียนที่ตรวจพบการติด
ปรสิตภายนอกมากที่สุด คือ กุ้งแรด รองลงมา ได้แก่ กุ้งก้ามกาม
27
บทที่5
วิจารณ์ผลการทดลอง
จากผลการศึกษาค่าความชุกของปรสิตในสัตว์น้ำกลุ่มครัสเตเชีย
นที่ส่งเข้ามาตรวจ ณ ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์โรคสัตว์น้ำ กอง
วิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำกรมประมง ช่วงเดือน ธันวาคม
2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็ นช่วงฤดูหนาวในพื้นที่ภาคกลาง
จากทั้งหมดจำนวน 46 ฟาร์ม ตัวอย่างทั้งหมด 2520 ตัวอย่าง พบ
ว่ามีการติดปรสิตภายนอกเพียงกลุ่มเดียว คือกลุ่ม โปรโตซัว มี
จำนวน 102 ตัวอย่าง คิดเป็ นเปอร์เซ็นต์ความชุกอยู่ที่ 4.048 แสดง
ให้เห็นว่า ปรสิตภายนอกเป็ นปั ญหาที่สามารถพบได้บ่อยในสัตว์น้ำ
ซึ่งฟาร์มส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางที่เลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามกลุ่มครัส
เตเชียนเป็ นฟาร์มที่ผ่านการขึ้นทะเบียนสถานนประกอบการส่งออก
สัตว์น้ำ จึงมีการจัดการฟาร์มอยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
แต่ก็ยังตรวจพบปรสิตภายนอกได้