Professional Documents
Culture Documents
ิ ารเพาะพันธุ์ปลา
ชือ
่ บทเรียน
1.1 รูค
้ วามหมายและความสาคัญของการเพาะพันธุ์ปลา
1.2 เข้าใจประวัตก
ิ ารเพาะพันธุ์ปลา
จุดประสงค์การสอน
1.1 รูค
้ วามหมายและความสาคัญของการเพาะพันธุ์ปลา
1.1.1 บอกความหมายของการเพาะพันธุ์ปลา
1.1.2 อธิบายความสาคัญของการเพาะพันธุ์ปลา
1.1.3 บอกประโยชน์ของการเพาะพันธุ์ปลา
1.2 เข้าใจประวัตก
ิ ารเพาะพันธุ์ปลา
1.2.1 อธิบายการเพาะพันธุ์ปลาในต่างประเทศ
1.2.2 อธิบายการเพาะพันธุ์ปลาในประเทศไทย
1. ความความหมายและความสาคัญของการเพาะพันธุ์ปลา
1.1 ความหมายและความสาคัญของการเพาะพันธุ์ปลา
1.1.1 ความหมายของการเพาะพันธุ์ปลา
การดาเนินการใด ๆ เพือ
่ ให้ปลาผสมพันธุ์วางไข่
พัฒนาจนเป็ นตัวอ่อนและอนุบาลดูแลลูกปลาวัยอ่อน จนมีขนาดทีต ่ ามต้องการ
ตลอดถึงการปรับปรุงพันธุ์ปลาให้มีความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของตลาด
1.1.2 สาเหตุของการเพาะพันธุ์ปลา
1.1.3 ประโยชน์ของการเพาะพันธุ์ปลา
1) สามารถผลิตลูกปลาได้เป็ นจานวนมากต่อการเพาะพันธุ์ใน
แต่ละครัง้ เช่น ปลาตะเพียนขาว ปลาดุก ปลายีส ่ กเทศ
ปลาเฉา ปลาสวาย เป็ นต้น
2) ได้ลูกปลาทีม
่ ีขนาดสม่าเสมอ
3) สามารถผสมข้ามพันธุ์ เพือ
่ ให้ได้พน ั ธุ์ใหม่ เช่น
การผสมข้ามพันธุ์ระหว่างปลาดุกอุยกับปลาดุกเทศ
หรือปลาดุกรัสเซีย ได้ปลาดุกลูกผสม ทีเ่ รียกว่า ”บิก ๊ อุย”
4) สามารถเพาะพันธุ์ปลาทีไ่ ม่ผสมพันธุ์กน ั เองในบ่อเลี้ยงได้
เช่น ปลาสวาย ปลาเทพา ปลาเฉา ปลาลิน ่ ปลายีส ่ กเทศ
เป็ นต้น
5) ได้ลูกปลาทีแ่ ข็งแรงปราศจากโรค
6) ประหยัดพ่อแม่พน ั ธุ์ หรือใช้พอ่ แม่พนั ธุ์จานวนน้อย
7) ประหยัดเวลาและค่าใช้จา่ ยมากกว่าการเพาะพันธุ์ปลาโดยวิ
ธีอน
ื่ เช่น การเพาะพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติเสียเวลามาก
ได้ลูกปลาไม่แน่ นอน
8) สามารถเพาะพันธุ์ปลาทีใ่ กล้จะสูญพันธุ์ให้มีปริมาณเพิม ้
่ ขึน
เช่น ปลาตะพัด ปลาม้า ปลาบึก เป็ นต้น
การเพาะเลี้ยงปลาของยุโรปและอเมริกา
ในทวีปยุโรปคาดว่าเริม ่ มีการเลี้ยงปลาตัง้ แต่สมัยโรมัน
โดยผูท ้ ม
ี่ ีฐานะดีเท่านัน ้ จะทาการเลี้ยงปลา เพือ ่ บริโภคเป็ นอาหารโดยตรง
และยังไม่มีการเลี้ยงปลาอย่างจริงจังมากนัก บ่อปลาทีป ่ รากฏในสมัยกลาง
มักจะอยูใ่ นบริเวณวัดเป็ นส่วนใหญ่
โดยจะมีบอ ่ ขนาดเล็กและมีจานวนน้อยเมือ ่ เปรียบเทียบกับจานวนพระทีอ ่ ยูใ่ นวั
ด ซึง่ เป็ นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าบ่อเหล่านัน ้ จะใช้ฟก ั ปลาเพือ ่ บริโภคเท่านัน ้
(store pond)
ปลาจะถูกนามาบริโภคส่วนใหญ่ในช่วงฤดูหนาวในขณะทีอ ่ าหารประเภทเนื้อช
นิดอืน ่ ๆ ขาดแคลน และเชือ ่ ได้วา่ ในสมัยกลางนัน ้ ปลาจะมีราคาแพง
โดยเฉพาะปลาทีม ่ ีความสด
เนื่องจากความต้องการบริโภคปลาของประชาชนมีมากแต่ปริมาณปลาทีห ่ าได้
มีน้อย ทาให้มีราคาแพง สาเหตุทห ี่ าปลาได้น้อย
เนื่องจากยังไม่มีการพัฒนาเครือ ่ งมือประมงจับปลา ทาให้จบ ั ปลาได้ยาก
และอีกทัง้ การขนส่งลาเลียงปลาก็มีความยากลาบากทาให้ปลามีราคาแพง
ฉะนัน ้ มีผลทาให้มีการจับปลากันอย่างมาก
โดยเฉพาะฤดูใบไม้รว่ งและฤดูหนาวเพือ ่ การบริโภค (Hickling, 1971)
การเลี้ยงปลาสมัยใหม่ของยุโรป
คาดว่าเริม ่ เป็ นครัง้ แรกในประเทศอังกฤษในช่วงคริสต์ศกั ราช 1400 – 1500
โดยชาวอังกฤษนาปลาตระกูลปลาจีนมาเลี้ยงโดยมีการสร้างบ่อเพาะพันธุ์
(breeding pond) และบ่ออนุบาล (rearing pond)
ขนาดเล็กขึน ้ มาหลังจากการสังเกตพบว่าในฤดูใบไม้ผลิ
ปลาจะผสมพันธุ์วางไข่ในบ่อ
จึงมีผลทาให้มีการสร้างบ่อเพาะพันธุ์ปลาในเวลาต่อมาและการเลี้ยงปลาของปร
ะเทศอังกฤษจึงเริม ่ รูจ้ กั แพร่หลายมากขึน ้ ตามลาดับ (Hickling, 1971)
ในคริสต์ศกั ราชที่ 14 พระชาวฝรั่งเศส ชือ่ Dom Pichon
สามารถผสมเทียมปลาเทร้า แล้วนาไปฟักในลาธาร
แต่ปรากฏว่าไข่ปลาไม่ฟก ั ออกเป็ นตัว สาเหตุทม ี่ ีสว่ นทีท ่ าให้เขาผสมเทียมปลา
ก็เนื่องจากว่าในบริเวณวัดมีบอ ่ ปลา และในสมัยนัน ้
พระไม่สามารถกินเนื้อสัตว์บกในวันศุกร์จงึ กินเนื้อปลาแทน
และก็เกิดความคิดในการเพาะพันธุ์ปลา
ในคริสต์ศกั ราชที่ 17 ทหารบกชาวออสเตรเลีย ชือ ่ Stephen
Ludwig Jacobi สามารถผสมเทียมปลาเทร้าจนฟักเป็ นตัวได้สาเร็จในปี
ค.ศ. 1757 และได้เขียนลง Hannoverschen magazine ในปี ค.ศ.1763
ในคริสต์ศกั ราชที่ 18
ประสบผลสาเร็จในการผสมเทียมปลาหลายชนิดมากขึน ้
เนื่องจากการเลี้ยงปลาแพร่หลายประกอบกับความรูใ้ หม่ ๆ มีมากขึน ้
โดยชนิดปลาและปี ทีป ่ ระสบผลสาเร็จ เช่น ปลาแซลมอน (1835)
ปราบรุคเทร้า (1851) ปลาแอตแลนติคแซลมอน (1864) ปลาคอด (1865)
และปลาสเตอเจียน (1868) เป็ นต้น
ในคริสต์ศกั ราชที่ 19
จัดได้วา่ เป็ นทศวรรษของความรุง่ เรืองของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ามีการพัฒนาเ
ทคนิคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าเป็ นลาดับ โดยในปี ค.ศ. 1930 ชาวอาร์เจนตินา
ชือ
่ B.A. Houssay
ริเริม
่ นาต่อใต้สมองมาใช้ในการฉี ดกระตุน ้ ปลาให้ผสมพันธุ์วางไข่เป็ นครัง้ แร
ก แต่ยงั ไม่ประสบผลสาเร็จ และ ค.ศ. 1934 ชาวบราซิล ชือ ่ R. Von.
Ihering
จัดได้วา่ เป็ นคนแรกประสบผลสาเร็จในการกระตุน ้ ปลาให้ผสมพันธุ์วางไข่ดว้ ย
การใช้ตอ ่ มใต้สมอง ปัจจุบน ั นี้อาจกล่าวได้วา่ การพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยง
การอนุบาล และการเลี้ยงสัตว์น้าหลายชนิดของยุโรป
และอเมริกามีการพัฒนาค่อนข้างมาก
มีเทคโนโลยีชน ้ ั สูงมาพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าหลายอย่าง เช่น
การตัดต่อยีนส์ เพือ
่ ผลิตพันธุ์ปลาทีต
่ อ
้ งการ
การผลิตลูกปลาทีโ่ ตเร็วมีความทนทานโรงสูงขึน ้ เป็ นต้น
1.2.2 การเพาะพันธุ์ปลาในประเทศไทย
การเพาะเลี้ยงปลาของไทย
การพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าของไทย ได้เริม ่ ในสมัยรัชการที่ 5
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยในปี พ.ศ.2445
ได้มีประกาศพระราชบัญญัตอ ิ ากรค่าน้า
ทาให้การใช้แหล่งน้าจับปลาต้องเสียเงิน ฉะนัน ้ การบริหารการประมงในช่วง
พ.ศ. 2444 – 2464 จึงมุง่ เน้นเก็บภาษี อากรมากกว่าการบารุงพันธุ์สตั ว์น้า
ทาให้ปริมาณสัตว์น้าในธรรมชาติมีจานวนลดลงจนปริมาณปลาทีจ่ บ ั ได้ไม่เพีย
งพอ และปลาก็มีขนาดเล็กลง
พ.ศ.2464 ได้เริม ้
่ มีการบารุงพันธุ์สตั ว์น้าขึน
โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห ่ วั
ได้ทรงมีประกาศกระแสพระบรมราชโองการจัดปันหน้าทีร่ าชการในเรือ ่ งการเ
พาะพันธุ์สตั ว์น้า เมือ
่ 22 กันยายน 2464
โดยกาหนดให้กระทรวงเกษตราธิการมีหน้าทีเ่ กีย่ วกับเพาะเลี้ยงสัตว์น้า
การดูแลรักษาสัตว์น้า การกาหนดฤดูกาลงดจับสัตว์น้า
รวมทัง้ การกาหนดเครือ ่ งมือจับสัตว์น้า
ซึง่ นับไว้เป็ นการเริม่ ต้นการอนุ รกั ษ์ สตั ว์น้าของประเทศและในช่วงนี้เจ้าพระย
าพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) ซึ่งเป็ นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
ได้มีดาริให้มีหน่ วยงานเพาะพันธุ์ปลาหรือเรียกอีกชือ ่ หนึ่งว่า
หน่ วยงานบารุงรักษาพันธุ์สตั ว์น้า
รัฐบาลจึงได้ตด ิ ต่อไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาขอให้ชว่ ยหาผู้ชานาญการเรือ ่ ง
ปลามาช่วยวางแผนพัฒนาการประมงของประเทศสยาม และได้ ดร.ฮิว
แมคคอร์มคิ สมิท (H.M. Smith)
มาเป็ นทีป ่ รึกษาแผนกสัตว์น้าของรัฐบาลสยามในปี พ.ศ. 2466
เพือ่ ทาการสารวจชนิดและปริมาณสัตว์น้า ว่ามีมากน้อยเพียงไร
รวมทัง้ วิธีการเพาะพันธุ์สตั ว์น้า เพือ ่ ไม่ให้สตั ว์น้ามีปริมารณลดน้อยลงไป
ดร.สมิท
ได้สารวจพันธุ์สตั ว์น้าทัง้ ในน้าจืดและน้าเค็มเกือบทั่วราชอาณาจักร
และได้รายงานการสารวจพืชพันธุ์สตั ว์น้า และการอุตสาหกรรมสัตว์น้า
รวมทัง้ ข้อแนะนาในการบังคับบัญชา การอนุรกั ษ์ และการพัฒนา เช่น
มาตรการป้ องกันจานวนปลา ไม่ให้มีจานวนลดลง
โดยการห้ามจับสัตว์น้าในบางช่วง และกาหนดขนาดเครือ ่ งมือทีจ่ บั สัตว์น้า
ข้อวิจารณ์ เหล่านี้ได้เขียนลงในหนังสือ “A Review of the Aquatic
Resources and Fisheries of Siam, with Plans and
Recommendations for their Administration, Conservation and
Development”
พ.ศ. 2473 ดร.สมิท
ได้แนะนารัฐบาลสยามในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
และเสนอให้กาหนดเขตบึงบอระเพ็ด
เป็ นทีร่ กั ษาพืชพันธุ์สตั ว์น้าและสร้างสถานีประมงบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์
เป็ นสถานีประมงแห่งแรกของประเทศไทย
พ.ศ. 2484 มีการสร้างสถานีประมงกว๊านพะเยา จ.เชียงราย
เป็ นสถานีประมงแห่งทีส ่ องของประเทศ
นอกจากนี้รฐั บาลก็ยงั สร้างเขือ่ นระบายน้าทีห ่ นองหาน จ.สกลนคร
เพือ ่ เก็บกักน้า และเป็ นทีร่ กั ษาพืชพันธุ์ในปี พ.ศ. 2484
แต่การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2496
อันเนื่องมากจากมหาสงครามเอเชียบูรพาทาให้การก่อสร้างล่าช้า
พ.ศ. 2485 มีการสร้างสถานีประมงหนองหาน จ.สกลนคร
เป็ นสถานีแห่งทีส ่ ามของประเทศ หลังจากการบูรณะปรับปรุงบึงบอระเพ็ด
กว๊านพะเยา และหนองหานเป็ นทีร่ กั ษาพืชพันธุ์สตั ว์น้าในภาคกลาง
ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ ตามลาดับ
งานบูรณะแหล่งน้าก็ลดน้อยลง
ทาให้งานส่วนใหญ่มุง่ เน้นการเพาะพันธุ์สตั ว์น้า
การกาหนดเขตรักษาพืชพันธุ์สตั ว์น้า ฤดูกาลจับสัตว์น้า
และชนิดเครือ ่ งมือประมง เพือ ่ รักษาสัตว์น้าให้มีตลอดไป
ในช่วงทีก ่ ระทรวงเกษตราธิการเริม ่ งานบารุงรักษาสัตว์น้านัน ้
กรมรักษาสัตว์น้าได้จดั ส่งข้าราชการไปศึกษาวิชาการเพาะพันธุ์ปลาทีส ่ หรัฐอเ
มริกา ตัง้ แต่ พ.ศ. 2473 โดยมีผไู้ ด้รบ ั คัดเลือกรับทุนมหิดล 3 ท่าน ได้แก่
หลวงจุลชีพพิชชาธร นายบุญ อินทรัมพรรย์ และนายโชติ สุวตั ถิ
และท่านเหล่านี้ก็ได้นาวิชาความรูด ้ า้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดา้ นการเพา
ะเลี้ยงสัตว์น้ามาพัฒนาการประมงของประเทศ
ในเวลาต่อมาโดยอาศัยความรูท ้ างด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาประยุกต์
เพือ ่ ผลิตลูกปลา จนประสบผลสาเร็จเป็ นครัง้ แรกในการผลิตลูกปลาไน ในปี
พ.ศ. 2486 โดยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติ
พ.ศ. 2493
กรมประมงได้รบ ั ความช่วยเหลือจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชา
ชาติ (FAO) ได้สง่ ดร.เชา เวน ลิง (Dr. Shao Wen Ling)
ผูเ้ ชีย่ วชายการเพาะพันธุ์ปลามาช่วยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าของไทย
ซึง่ ก็ยงั ช่วยหาทุนให้นกั วิชาการประมงไทยไปอบรมหลักสูตรการเพาะเลี้ยงปล
าทีอ ่ นิ โดนีเซียและนักวิชาการไทย
ก็นาเทคนิคการเพาะพันธุ์ปลาหมอเทศของอินโดนีเซียมาผลิตลูกปลาหมอเทศ
และทาให้ปลานิลมีการเลี้ยงอย่างแพร่หลาย
พ.ศ. 2509
สามารถเพาะปลาสวายด้วยวิธีการผสมเทียมสาเร็จเป็ นครัง้ แรก
และการเพาะพันธุ์ปลาสวายด้วยวิธีการผสมเทียมครัง้ นี้เป็ นจุดเริม ่ ต้นการพัฒน
าการเพาะพันธุ์ปลาชนิดอืน ่ ๆ
ทีไ่ ม่วางไข่ในบ่อให้วางไข่ได้ในช่วงเวลาต่อมาร (ตารางที่ 1.1)
เทคนิคการเพาะเลี้ยงปลาน้าจืดจึงได้คอ ่ ย ๆ
ประยุกต์ขน ึ้ มาเพาะพันธุ์ปลาน้ากร่อย ปลาทะเลรวมทัง้ สัตว์น้าชนิดอืน
่ ๆ
ให้ประสบผลสาเร็จจนกระทั่งปัจจุบน ั เช่น
ประสบความสาเร็จในการเพาะฟักกุง้ แชบ๊วย
ซึง่ จัดว่าเป็ นกุง้ ทะเลชนิดแรกทีส ่ ามารถเพาะพันธุ์ได้ในปี พ.ศ.2514
และในช่วงต่อมาก็สามารถประสบผลสาเร็จในการเพาะฟัก
และอนุบาลกุง้ กุลาลาย กุง้ กุลาดา หอยแครง หอยนางนม หอยแมลงภู่
รวมทัง้ สัตว์น้าทีม ่ ีคณ
ุ ค่าทางเศรษฐกิจอีกหลายชนิด
ก็เนื่องมาจากการประยุกต์ใช้ความรูท ้ างด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีมาพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า
ชนิดของป ปี ทีป
่ ระสบ วิธีการเพาะพันธุ์ ผูว้ จิ ยั
ลา ความสาเร็
จ
ไน 2486 เลียนแบบธรรมช แผนกการทดลองและเพาะเ
าติ ลี้ยง
ดุกด้าน 2500 เลียนแบบธรรมช ปราโมทย์ วานิชการ
าติ
ตะเพียนขา 2503 เลียนแบบธรรมช อารีย์ สิทธิมงั ค์ และคณะ
ว าติ
ดุกอุย 2503 ฉี ดฮอร์โมน สนิท ทองสง่า
สวาย 2509 ฉี ดฮอร์โมน อารีย์ สิทธิมงั ค์ และคณะ
เล่ง 2509 ฉี ดฮอร์โมน มนู โพธารส และวนิช
วารีกุล
เฉา 2510 ฉี ดฮอร์โมน มนู โพธารส และคณะ
ซ่ง 2510 ฉี ดฮอร์โมน คณะประมง
ชนิดของปลา ปี ทีป
่ ระสบ วิธีการเพาะพันธุ์ ผูว้ จิ ยั
ความสาเร็จ
ทรงเครือ
่ ง 2512 ฉี ดฮอร์โมน เมฆ บุญพราหมณ์
และคณะ
ยีส
่ กเทศ 2514 ฉี ดฮอร์โมน ประสิทธิ ์ เกษสัญชัย
และวิโรจน์สุขสุชีพ
ยีส
่ ก 2517 ฉี ดฮอร์โมน ชนินทร ศรีทองสุข
และเทียนทอง
อยูเ่ วชวัฒนา
กระโห้ 2517 ฉี ดฮอร์โมน ลิขต ิ นุกูลรักษ์ และมานพ
ตัง้ ตรงไพโรจน์
เนื้ออ่อน 2520 ฉี ดฮอร์โมน กิจจา ใจเย็น และคณะ
บูท
่ ราย 2521 ฉี ดฮอร์โมน ชัยศริริ ศริรก ิ ุล และอมร
บัวผัน
กาดา 2523 ฉี ดฮอร์โมน กาพล อุดมคณานาท
และอานวย แท่นทอง
กดเหลือง 2525 ฉี ดฮอร์โมน อานวย แท่นทอง
และวสันต์ ศรีวฒ ั นะ
ตะพาก 2525 ฉี ดฮอร์โมน อานวย แท่นทอง
และวสันต์ ศรีวฒ ั นะ
บึก 2526 ฉี ดฮอร์โมน เสน่ ห์ ผลประสิทธิ ์
คางเบือน 2526 ฉี ดฮอร์โมน อานวย แท่นทอง
และคณะ
สร้อยขาว 2528 ฉี ดฮอร์โมน ครรชิต วัฒนดิลกกุล
ทีม
่ า วีรพงศ์ 2536
วิธีสอนและกิจกรร บรรยาย
ม นักศึกษาแยกกลุม ่ ค้นคว้าข้อมูลอภิปรายถึงความสาคั
ญ และประโยชน์ของการเพาะพันธุ์ปลา
21, 29
หนังสืออ้างอิง
เอกสารประกอ 1
สือ
่ การสอน
บ
แผ่นโปร่งใส
วัสดุโสตทัศน์
เครือ
่ งฉายแผ่นโปร่งใส
งานทีม
่ อบหมาย
การถามตอบในชัน
้ เรียน
สอบกลางภาค
การวัดผล
หมายเหตุ :