Professional Documents
Culture Documents
อุตสาหกรรมปุ๋ย
อุตสาหกรรมปุ๋ย
แต่เนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์ต้องใช้ปริมาณ
มาก จึงมีการคิดค้นปุ๋ยชนิดใหม่ที่ให้
อาหารพืชเยอะ+ ใช้ปริมาณน้อย
“ปุ๋ยเคมี/ ปุ๋ยวิทยาศาสตร์”
❑
K Cu พืชต้องการมาก+มักมีไม่
Mo Cl เพียงพอในดิน
❑
H B พืชต้องการในปริมาณ
Fe มาก แต่มักจะมีเพียงพอ
Mn Zn ในดิน
C ❑
N พืชต้องการปริมาณน้อย
O Ca P มักจะมีเพียงพออยู่ในดิน
S Mg แล้ว
❖ ปุ๋ยที่ได้จากการเน่าเปื่อยผุพังของซาก
สิ่งมีชีวิต มักมีชื่อตามกรรมวิธีการผลิต
❖ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยอินทรีย์
ชีวภาพ
❖ ข้อดี = ซากสิ่งมีชีวิตจะค่อยๆสลายตัว+
ปล่อยธาตุอาหารออกมาให้พืช + ทาให้ดิน
ร่วนซุย + มีธาตุอาหารครบ
❖ ข้อเสีย = มีธาตุอาหารน้อย ปริมาณและ
สัดส่วนไม่แน่นอน ต้องใช้ในปริมาณมาก
❖ ปุ๋ยที่ได้จากการผลิต/สังเคราะห์จากแร่ธาตุ
ต่างๆ มีธาตุอาหารหลักที่จาเป็นของพืช
❖ ข้อดี = มีธาตุอาหารหลักของพืชมาก+ใช้
ปรับปรุงธาตุอาหารในดินให้เพียงพอต่อ
ความต้องการของพืช
❖ ข้อเสีย = ไม่มีธาตุอาหารรอง+ ธาตุอาหาร
เสริมครบทุกธาตุ
❖ เป็นปุ๋ยที่ได้จาก
❖ เป็นสารประกอบที่มีธาตุอาหารกของ
การนาปุ๋ยเดี่ยว
พืช 1-2 ธาตุเป็นองค์ประกอบ
แต่ละชนิดมา
ผสมกัน เพื่อให้
ได้ปุ๋ยที่มีสัดส่วน
ของ N, P, K
ตามต้องการ
ยูเรีย 46-0-0 แอมโมเนียมซัลเฟต 20-0-0
16 – 16 - 8
❖ ไนโตรเจน (N) 16% แสดงในรูป N
❖ ฟอสฟอรัส (P) 16% แสดงในรูป P2O5
❖ โพแทสเซียม (K) 8% แสดงในรูป K2O
16
❖ ช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ทุกส่วนของพืช
❖ ขาด = พืชจะเหลืองซีด โดยเริ่มจากใบล่างขึ้นไป
การเจริญเติบโตลดลง/ไม่เติบโต ผลผลิตต่า
❖ มากเกิน = เขียวเข้ม อวบอ้วน อ่อนแอ
❖ ปกติ N ในดินน้อยมาก ส่วนใหญ่อยู่ในอากาศ
(พืชส่วนใหญ่เอาไปใช้ไม่ได้) **ยกเว้นพืชตระกูล
ถั่ว** ต้องเปลี่ยนให้อยู่ในรูปสารประกอบก่อน
เช่น NH3 NO3-
❖ มี N 82% ❖ ปุ๋ยไอโซบิวทิลิดีนไดยูเรีย
❖ เก็บในถังแก๊ส เพราะเป็นแก๊ส/ ❖ ปุย๋ ยูเรียเคลือบกามะถัน
ของเหลวระเหยง่าย
❖ ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการใส่ปุ๋ย
❖ ใช้ร่วมกับการให้น้าชลประทาน
แบบไหลไปตามผิวดินได้
❖ เมื่อสัมผัสกับความชื้นในดินก็จะเปลีย่ นเป็นแอมโมเนีย แล้วจะ
เปลี่ยนเป็นไนเตรตภายใน 7-14 วัน
❖ ข้อควรระวัง
❖ ไม่ควรให้น้ามากเกินไปขณะใส่ปุ๋ยยูเรีย
(CO(NH2)2) + H2O 2NH3 + CO2
❖ ไม่ควรใส่ในดินมี่เป็นเบสเพราะอาจเกิดการสูญเสียปุย๋ ไปกับดิน
❖ ใช้เป็นปุ๋ยทางใบกับพืชหลายชนิด เช่น ข้าว มันเทศ ไม้ผล
❖ เป็นผลึกสีขาว มีไนโตรเจนร้อยละ 33 อยู่ในรูปแอมโมเนีย(NH3) และไนเตรต
(NO3-) อย่าละครึ่ง
❖ ข้อควรระวัง ** สามารถระเบิดได้**
❖ ใช้กับหญ้า ถั่วลิสง
❖ ใส่ในน้าชลประทานพร้อมกับน้า
❖ มีผลตกค้างเป็นกรด และได้ผลน้อยที่สุดเมื่อใช้ในนาน้าขัง
แอมโมเนีย (NH3) กรดซัลฟิวริก(H2SO4) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์(CO2)
กระบวนการฮาเบอร์
(Haber Process)
สารละลายโอเลียม
❖ ปุ๋ยไนโตรเจนที่ใสลงในดินไร่ จะถูกพืชนาไปใช้ร้อยละ 35-60 ที่เหลืออาจถูกเปลี่ยนไปอยู่
ในรูปของสารอินทรีย์/ ดินดูดยึดไว้/ น้าชะละลายลงไปในดิน/ เปลี่ยนไปเป็นแก๊ส
❖ หลีกเลี่ยงใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปของไนเตรตลงในดินทรายเพราะปุ๋ยจะถูกน้าชะลงไปได้ง่าย
❖ หลีกเลี่ยงในดินน้าขังเพราะจะเกิดการสูญเสียในรูปของแก๊ส
❖ หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยในรูปของแอมโมเนียมในดินด่าง(เบส)เพราะเบสทาปฏิกิริยากับ
แอมโมเนียมได้แก๊สแอมโมเนีย
NH4+ + OH- NH3 + H2O
ต่อไปนี้ข้อใดที่ไม่นามาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต
ก. กามะถัน ข. อากาศ ค. มีเทน ง. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
จงพิจารณาว่าข้อความที่เกี่ยวข้องกับการผลิตปุ๋ยไนโตรเจนข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. สารตั้งต้นในการผลิตปุ๋ยยูเรียคือ อากาศและแก๊สธรรมชาติ
ข. สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต คืออากาศแก๊สธรรมชาติ และกามะถัน
ค. ถ้านา H2S2O7,H2OและNH3มาทาปฏิกิริยากันจะได้ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต
ง. ปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ถ้าใช้ในปริมาณมากจะทาให้ดินมีสมบัติเป็นกรด
ปุ๋ยใดให้ร้อยละโดยมวลของไนโตรเจนมากที่สุด
ก.ปุ๋ยยูเรีย ข.ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ค.ปุ๋ยโซเดียมไนเตรต ง. ปุ๋ยแอมโมเนียมฟอสเฟต
ในการผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (NH4)2SO4 และยูเรีย CO(NH2)2มีสารเคมีที่เกี่ยวข้องใน
กระบวนการผลิตอยู่หลายชนิด จงพิจารณาว่าสารชนิดใดต่อไปนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
ปฏิกิริยาระหว่างแก๊สมีเทนกับแก๊สออกซิเจน
ก. CO และ CO2 ข. NH3 และ H2 ค. H2 และ CO ง. H2 และ CO2
ข้อใดเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์
ก.ฮิวมัส ข.ปุ๋ยคอก ค.ปุ๋ยยูเรีย ง. ปุ๋ยพืชสด
การใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์มากเกินไปจะทาให้ดินเสียหรือเรียกว่าดินเปรี้ยว ปุ๋ยประเภทนี้คือข้อใด
ก.ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต ข.ปุ๋ยโพแทส
ค.ปุ๋ยยูเรีย ง. ปุ๋ยแอมโมเนีย
ในอากาศมีแก๊สอะไรมากที่สุด
ก. N2 ข. O2 ค. CO ง. CO2
ข้อใดไม่ใช่สมบัติของปุ๋ยเคมี
ก.ใช้ปรับปรุงธาตุอาหารในดินได้โดยตรง ข.ผสมสูตรปุ๋ยตามความต้องการได้
ค.ช่วยทาให้ดินร่วนซุย ง. มีธาตุอาหารไม่ครบทุกธาตุ
ธาตุอาหารชนิดใดที่ไม่ใช่ธาตุอาหารหลักของพืช
ก.กามะถัน ข.ไนโตรเจน ค.โพแทสเซียม ง. ฟอสฟอรัส
ถ้าต้องการผลิตแอมโมเนีย ควรผสมแก๊สไนโตรเจนและแก๊สไฮโดรเจนด้วยอัตราส่วนเท่าใด
โดยปริมาตร
ก. 1:2 ข. 1:3 ค. 2:1 ง. 3:1
ก. ปุ๋ ุุ ยคอก
ข. ปุ๋ ยหมัก
เมื่อนาซัลเฟอร์เหลวมาผสมกั
ค. ปุ๋ บยพื
ุ แก๊ชสสดออกซิเจนจะเกิดแก๊สอะไรขึ้น
ก. H2SO3 ข. SOง.2 ปุ๋ ยเคมี ค. SO3 ง. H2SO4
ปุ๋ยชนิดใด เร่งการเจริญเติบโตของพืชได้เร็วที่สุด
ก.ปุ๋ยคอก ข.ปุ๋ยหมัก ค.ปุ๋ยพืชสด ง. ปุ๋ยเคมี
31
❖ ฟอสฟอรั สเป็น
ส่วนประกอบของ RNA
DNA ของพืช
❖ เจริญเติบโตและความ
ฟอสฟอรั สช่ วยเร่ ง การ
แข็งแรงของพืช ทั้งส่วน
ราก ลาต้น ใบ และการ
ออกดอกออกผล
ฟอสฟอรัสในดินเกิดจากการ
สลายตัวของแร่บางชนิด+การ
สลายตัวของอินทรียวัตถุในดิน
ในรูปของฟอสเฟต(ละลายน้า
ยาก พืชจึงเอามาใช้ได้น้อย)
❖ ปุ๋ยฟอสเฟตเป็นปุ๋ยเคมีที่ให้
ธาตุฟอสฟอรัสในรูปของ
สารประกอบฟอสเฟต
❖ การผลิตปุ๋ยฟอสเฟตใน
ปัจจุบันใช้หินฟอสเฟต
(CaF2•3Ca3(PO4)2)
❖ หินฟอสเฟตมี P2O5 อยู่ 20-40% จึงมีการนาหินฟอสเฟต
ที่บดละเอียดใส่ลงในดินเพื่อใช้เป็นปุ๋ยโดยตรง
❖ ปัญหาที่พบคือหินฟอสเฟตละลายน้าได้น้อยมาก พืชจึงนา
ฟอสฟอรัสไปใช้ได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของ P2O5 ที่มีอยู่ จึง
ต้องใช้หินฟอสเฟตจานวนมาก ไม่คุ้มค่าจึงมีการนาหิน
ฟอสเฟตมาทาเป็นปุ๋ยฟอสเฟต
Ca(PO3)2
Ca(PO3)2
จะได้
CaSO4
กาจัด HF
กาจัด HF
ปุ๋ยฟอสเฟตละลายน้าได้ง่าย ถ้าใส่ลงใน
ในดินกรด pH 6.5
ดินจะทาปฏิกิริยากับดินเกิดเป็น
สารประกอบฟอสเฟตที่ละลายน้าได้ยาก
ทาให้พืชใช้ประโยชน์ได้น้อยลง
(เกิดการตรึงฟอสฟอรัสขึ้น)
**จึงควรหยอดปุ๋ยเป็นจุด หรือเป็นแถบยาวๆใกล้
กับราก เพื่อลดผิวสัมผัส+โอกาสที่ปุ๋ยจะทา ในดินเบส pH 7.4
ปฏิกิริยากับดิน
• •
(KCl)
(K2SO4)
(KNO3)
(KSO4+MgSO4)
(KCl)
***เกษตรกรนิยมใช้
ร่วมกันกับปุ๋ย
โพแทสเซียมคลอไรด์
(KNO3)
ทาสารละลายให้
มีความเข้มข้น
มากขึ้นโดย
เติมน้าเกลืออิ่มตัว/ NaCl ระเหยน้าออกจน
กรองแยกโคลน
อิ่มตัวลงไป แล้วปล่อยให้ KCl ตกผลึก
และตะกอนออก
ละลายน้าที่อุณหภูมิ 90 C สารละลายเย็นตัวลง
แยก NaCl นาสารละลายที่
ทิ้งน้าทะเลให้ตากแดด อาศัย
NaCl จะตกผลึก เหลือมาระเหย
ความร้อนจากแสงอาทิตย์
ออกมาก่อน น้าออก
ระเหยน้าออกไป
ได้ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์
แร่แลงบีไนต์/ ใช้หลักการละลายของ KCl ที่สูงขึ้นมากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
K2SO4•2MgSO4)
ละลายน้าที่อุณหภูมิ 50 C
NaCl ละลายน้าได้น้อยกว่า นาสารละลายที่เหลือมาระเหยให้แห้ง
นาKCl กับ NaNO3 มาทาปฏิกิริยากัน
KNO3 จึงสามารถกรองแยก จะได้ผลึกของ KNO3
NaCl ออกไปได้
** ปุ๋ยโพแทสเซียมไนเตรตเป็นปุ๋ยผสม เพราะมีธาตุอาหารหลักทั้ง K และ N**
61
❖ นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
❖ นาแม่ปุ๋ยและส่วนผสมต่างๆมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน/ นาแม่ปุ๋ยที่เม็ดขนาดใกล้เคียง
กันมาผสมสูตรที่ต้องการ
❖ ข้อดี : มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงงานต่อต้นทุนการผลิตต่า +ได้สูตรปุ๋ยที่
หลากหลายตรงตามความต้องการของตลาด
❖ ข้อเสีย
❖ ปุ๋ยแต่ละเม็ดอาจมีธาตุอาหารที่แตกต่างกัน
❖ อาจจะมีการแยกจากกันในระหว่างบรรจุกระสอบ+ขนส่ง โดยเฉพาะเมื่อแม่
ปุ๋ยแต่ละชนิดมีขนาด ความหนาแน่นต่างกันมากๆ
❖ ไม่เหมาะกับการผสมปุ๋ยปริมาณน้อยๆ
❖ ยากต่อการกาหนดสูตรปุ๋ยที่แน่นอน
❖ ไม่เหมาะกับแม่ปุ๋ยที่ทาปฏิกิริยากันทาให้จานวนแม่ปุ๋ยที่สามารถผสมกันได้มี
จานวนจากัด
แม่ปุ๋ยที่เหมาะสาหรับใช้ทาเป็นปุ๋ยผสม ควรมีปริมมาณของธาตุมาก + ราคาไม่แพง
❖ นาวัตถุดิบที่ใช้ในการทาแม่ปุ๋ยมาผสม+ทาปฏิกิริยากันโดย
ผ่านกรรมวิธีทางเคมี
❖ ข้อดี : มีธาตุอาหารหลักอย่างน้อย 2 ธาตุขึ้นไป + มีความ
สม่าเสมอของธาตุอาหารในเนื้อปุ๋ยมากกว่าปุ๋ยเชิงผสม
❖ ข้อเสีย
❖ ราคาแพง
❖ ส่งผลต่อระบบนิเวศ ทาให้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้าตาย
เพราะปริมาณออกซิเจนในน้าลดลง
❖ ทาให้สาหร่ายเจริญเติบโตในน้ามากเกินไป
❖ สตรีมีครรภ์ได้รับสารไนเตรตที่ปนเปื้อนในแหล่งน้า
จานวนมาก ก็จะทาให้ทารกที่เกิดมามีตัวสีฟ้า
เนื่องจากขาดฮีโมโกลบินที่ขนส่งออกซิเจน ***ทา
ให้เสียชีวิตได้***
Eutrophication
❖ ทาให้สาหร่ายเจริญเติบโตในน้า
มากเกินไป
❖ อาจทาให้เกิดการปนเปื้อน/
สะสมของโลหะหนักในดิน
เนื่องจากมียูเรเนียมในแร่
ฟอสเฟตที่นามาผลิตปุ๋ย เช่นการ
ปนเปื้อนของแคดเมียมในดินจาก
การใช้ปุ๋ยในประเทศนิวซีแลนด์
ปุ๋ยฟอสเฟตให้ธาตุอาหารใดแก่พืช
ก. ไนโตรเจน ข. ฟอสฟอรัส ค. โพแทสเซียม ง. ฟอสเฟต
ข้อใดต่อไปนี้จาเป็นต่อการผลิตปุ๋ยฟอสเฟต
ก. หินฟอสเฟต ข. กรดซัลฟิวริกเข้มข้น ค. ก๊าซแอมโมเนีย ง. ข้อ ก และ ข
ผลพลอยได้ที่เกิดจากกระบวนการผลิตปุ๋ยฟอสเฟตคืออะไร
ก.ยาฆ่าแมลง ข.ไนโตรเจนเหลว ค. น้าแข็งแห้ง ง. ก๊าซคลอรีน
ปุ๋ยยูเรียให้ธาตุอาหารใดแก่พืช
ก. P ข. N ค. K ง. O
โรงงานผลิตปุ๋ยยูเรียควรตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานในข้อใดต่อไปนี้
ก. โรงกลั่นน้ามัน ข. โรงงานทอผ้า
ค. โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ง. โรงงานแยกก๊าซธรรมชาติ
ข้อใดต่อไปนี้เป็นปุ๋ยผสม
ก. ปุ๋ยยูเรีย ข.ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์
ค. ปุ๋ยโพแทสเซียมไนเตรต ง. ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต
ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป
ก.เกิด Eutrophication ข. เกิดการปนเปื้อนแคดเมียมในดิน
ค. เกิดการปนเปื้อนไนเตรตในน้า ง. เกิดการปนเปื้อนไนโตรเจนในอากาศ