Professional Documents
Culture Documents
รายงานไฟน้อย2 3
รายงานไฟน้อย2 3
ปฏิบัติการที่ 2
การวิเคราะ ว์ งจรไฟฟ้า 1
1. วัตถุประ งค์
1) เพื่อใ ้เกิดทัก ะและค ามคุ้นเคยกับ งจรไฟฟ้าแบบต่าง ๆ
2) เพื่อใ ไ้ ด้ทด อบทฤ ฎีที่เกี่ย ข้อง เ ริมค ามเข้าใจ
3) เพื่อใ น้ ำค ามรู้จากเครื่องมือ ัดพื้นฐานมาประยุกต์ใช้
2. การค้นคว้าเพิ่มเติมทฤ ฎีที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง
ในการ ิเคราะ ์ งจรทางไฟฟ้านั้น ามารถใช้ ลักการพื้นฐานมาช่ ยเพื่อใ ้การ ิเคราะ ์ งจรไฟฟ้า ดังนั้นจึง
จำเป็นที่จะต้องอธิบาย ลักการ ิเคราะ ์ งจรไฟฟ้าพื้นฐานต่าง ๆ ได้ดังนี้
1) ลักการพื้นฐานของการ ิเคราะ ์ งจรไฟฟ้า: กฏของเคอร์ชอฟท์ (KVL และ KCL) และ ลักการแบ่ง
แรงดันและแบ่งกระแ
2) ลักการ ิเคราะ ์ งจรไฟฟ้าด้ ย ิธีแรงดันโนด (Nodal analysis) และ ิธีกระแ ลูป (Loop/Mesh
analysis)
กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ (Kirchoff’s current Law)
กล่าวว่า “ กระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าจุดใดจุดหนึ่งในวงจรไฟฟ้าจะเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากจุดนั้น”
Itotal =
I , + I2 Ii Izt I} =
Itotal
T
"
* I
,
52 Itotnl
I. • •
Iz %
กฎกระแสของเคอร์ชอฟฟ์ (KCL)
EI กระแสไหล เ า =
EI กระแส ไหล ออก
+ V± 1 -
+ V.↑ 2 -
v. -
④ 4
จากนิยามกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์จะได้ว่า
-V1 + Vr1 + V2 = 0 สมการที่ 1
-V2 + Vr2 = 0 สมการที่ 2
จากสมการสรุปกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ผลรวมของแรงดัน -ไฟฟ้าทั้งหมดในวงจรไฟฟ้าปิดใด ๆ จะเท่ากับศูนย์”
เราสามารถเขียนสมการแรงดันได้ในรูปสมการ KVL
EE =
0 เ อ กระแส เ น ครบ ง Loop
การเขียนสมการแรงดันไฟฟ้าโดยใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์
1. ให้สมมติกระแสไฟฟ้าที่ไม่ทราบค่าพร้อมทิศทาง
2. กำหนดขั้วแรงดันไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์ในวงจรทุกตัว ตามทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจร โดยกำหนดให้ด้านที่กระแสไฟฟ้าไหล
เข้ามีศักย์ไฟฟ้าเป็นบวกและด้านที่กระแสไฟฟ้าไหลออกจากอุปกรณ์มีศักย์ไฟฟ้าเป็นลบ
3. เขียนสมการแรงดันไฟฟ้าตามกฎของเคอร์ชอฟฟ์ในวงจรต่างๆที่เป็นไปได้และใส่เครื่องหมายหน้าแรงดันไฟฟ้าให้ถูกต้อง
หลักการแบ่ง แรงดันและแบ่งกระแส
วงจรแบ่งแรงดัน (Voltage Divider หรือ Potential Divider) เป็นวงจรเชิงเส้นที่ใช้แบ่งแรงดันขาออก (Output) ให้มีขนาดต่างไปจาก
แรงดันที่รับเข้ามา (Input)
2 A
• U บ
1 13
วงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า
วงจรแบ่งกระแสไฟฟ้าเป็นการประยุกต์กฎของโอห์มมาใช้ โดยการลดขั้นตอนในการคำนวณหาค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านความ
มากกระแสจะไหลได้น้อย ความต้านทานน้อยกระแสจะไหลได้มากนั่นเอง
_
× Itotal
R + 12 20 R รวบ
,
ญ กษ ของ กราว
1. กำหนดโนดอ้างอิง
อุปกรณ์ในรูปของตัวแปรแรงดันโนด (โดยปกติจะกำหนดให้กระแสที่ไหลออกจากโนดมีค่าเป็นบวกส่วนกระแสที่ไหลเข้าโนดมีค่า
#
Ris 52 Ri-31 "
Iz
☐
I.
.
V 10 V
=
V2 = 6 V
.. .
. .. .
.
3. อุปกรณ์ใช้ในการทดลอง
1) แ ล่งจ่ายไฟฟ้ากระแ ตรง จำน น 1 ชุด
2) มัลติมิเตอร์ จำน น 1 ตั
3) ตั ต้านทาน ขนาด 3 k จำน น 1 ตั
4) ตั ต้านทาน ขนาด 5 k จำน น 1 ตั
5) ตั ต้านทาน ขนาด 10 k จำน น 1 ตั
6) แผงทดลอง
7) ายต่อ งจร
4. การทดลอง
4.1 กฎแรงดันของเคอร์ชอฟฟ์
ขั้นตอนการทดลอง:
1) ต่อ งจรตามรูปที่ 2.1 ลงในบอร์ดทดลอง
+ VR1 − + VR2 −
A
I R1 = 3 k R2 = 5 k
+
+ VR3
Vi = 12V − R3 = 10 k
−
(แ ดง ิธีการคำน ณ) จาก
ตร Vn = Vi
Rt
Vi =
12 V
ไ Vm
Vn Rm
%
→ = 31 จะ =
12 = 2 V
×
V122 → R 122 =
5th
Vk 3 → RR 3 = 102 V12 2s × 12 =
3.333 V
Rt =
3+5+10 =
182
ฐ
V12 3 = | ✗ 12 =
6.667 V
| 3.333-3.3431
VR 2 ง ✗ 1°° =
0.3 %
3,333
VR 3 ;
1 6. แ 7- " "
lxioo =
0.04 %
6. 667
Vµ = 2 V จะ ไ Vis 2 +
3.333+6.667
V12 2 =
3.333 V Vi =
12 V
V12 3 =
6.667 V
จะ ไ Vi =
2+3.343+6.67
Vi =
12.013 V
/ 12 -12.013 |
า จาก การ ทดลอง คลาดเค อน จาก า การ นอน ; 12
✗ 100=0.1 %
R2= 5 k R3= 10 k
รูปที่ 2.2 งจรการทดลองกฎกระแ ของเคอร์ชอฟฟ์
ตร
=
Rn + Rni
Rt =
% +1
⇐ =
☐
3
r
R
1% 12.7
I2 3 7) 1.85 mA
Ii
=
=
#
=
_
I, Ii 2.77 V
=
=
Rz +123
I3 = R 2 Ii s E- 12.7 7) = 0.92 mA
R 2+123 5 +10
12.77-2.781
% ความ คลาดเค อนของ การ ทดลอง
✗ 1°0 =
0.36 %
I, ; 2.77
11.85 -
1.861
✗ 100 = 0.54 %
I2 =
1.8g
/ 0.92-0.931
[3 = ✗ 1° 0 = 1.09 %
0.92
6) ผลจากการคำน ณค่ากระแ I2 และ I3 ที่ไ ลผ่านตั ต้านทานทาน R2 และ R3 ในข้อที่ 5) จงแ ดง ิธีการ
คำน ณเพื่อพิ ูจน์ใ ้เ ็นจริงของกฎกระแ ของเคอร์ชอฟฟ์ (KCL) ตาม มการต่อไปนี้
(ใ ้แ ดง ิธีการคำน ณ) จาก
ตร CI in =
{ Iout
Iio 2.77 =
1.85+0.92
•
c
Iz % 2.77 = 2.77
( ผลจาก การทดลอง ) ; Ii I + I3
2
2.78 s I. 86+0.93
2.79 =
2.79
4) จากผลการ ัดในตารางที่ 2.3 จงพิ ูจน์ค ามถูกต้องโดยแ ดง ิธีการคำน ณด้ ยการ ิเคราะ ์ งจรไฟฟ้าด้ ย
ิธีการโ นด (Nodal analysis) เพื่อ าค่าแรงดันตกคร่อมตั ต้านทานแต่ละตั (VR1, VR2, VR3)
(แ ดง ิธีการคำน ณ)
VN II. VB I V122
VA 3.
• •
14 = 51
g
Iz Ri 32
V1 = 10 V R =
101 V123 V2 = 6 V
}
Node VA ; VA s
10 V
Node Vc ; Vcs 6 V
I, = I 2 4 53
Node VB j Ii 52 + I3
VA -
V13 = VB Vc
-
VB V0-
,
5h 3h 10h
6 VA -
6 VB =
NVB -10 Vc + 3 VA -
3101
19 VB = 6 VA +10 Vc
V13 = 6.32 V
Vµ =
VA V13 -
= 10-6.32 =
3.68 V
V1{ 2 =
VB Vc - = 6.32-6 =
0.32 V
V
V123 = V13- V6 s
6.32-0 = 6.32
| 3.68-3.6731
% ค วาด คลาดเค อน ของ การ ทดลอง VR , ; 3.68
" °° = ๚%
/ 0.312 -
0.321
2.56 y
✗ 100 =
V12 2 i 0.312
16.32 -
6.29 |
✗ 1° °
=
0.47 %
V123 ง 6.32
A A
R1 = 5 k R2 = 3 k
I1 A I2
V1 = 10 V −+ I3 + V2 = 6 V
−
R3 = 10 k
4) จากผลการ ัดในตารางที่ 2.4 จงพิ ูจน์ค ามถูกต้องโดยแ ดง ิธีการคำน ณด้ ยการ ิเคราะ ์ งจรไฟฟ้าด้ ย
ิธีการเมช (Mesh analysis) เพื่อ าค่าแรงดันตกคร่อมตั ต้านทานแต่ละตั (I1, I2, I3)
(แ ดง ิธีการคำน ณ)
A A
!
ะ ะ
"" "
Iz
☐
I.
"
V 10 V
=
V2 = 6 V
K 3=102
15 I , -10 I. = 10 -
13 Iz -10 [ s -6 -
②
,
① ②
'
I
"
|
, ; 15 -10 10
_
-10 13
_
% - -
15 -10
ˢ
% 10 ✗ 1- 10 ) ] + 15 ✗ 1 } = 95
-
10 13
10 -10
13 "
[, = = = 0.74 mA
๑5
15 10
Node Vz ; EI in =
EI out
I, =
I 2+ I 3
I} =
0.74 -0.11
[3 = 0.63 mA
10.74-0.751
% ค วาด คลาดเค อน ของ การ ทดลอง I, ; อ า4
.
× 1 °° =
1.35 %
10.11 -
0.101×100 = 9.09 %
I2 ง
0.11
I.si 0 %
1.85mA 0.92mA ตามลำดับ ซึ่งค่าการทดลอง I I I คลาดเคลื่อนจากค่าการคำนวณอยู่ 0.36 %0.54 %1.09 % ตามลำดับ และเมื่อคำนวณจาก
1 2 3
วิธีเมช ได้ค่า I I I เท่ากับ 0.74mA 0.11mA 0.63 mA ตามลำดับ ซึ่งค่าจากการทดลอง I I I คลาดเคลื่อนอยู่ 1.35 t9.09 %0 % ตามลำดับ
1 2 3 1 2 3