Professional Documents
Culture Documents
รายวิชาเพิ่มเติม
คณิตศาสตร์
ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๔ เล่ม ๒
ตามผลการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
จัดทาโดย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คานา
(นางพรพรรณ
ไวทยางกูร)
ผู้อานวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คาชี้แจง
สถาบั นส่ง เสริม การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ จั ด ทาตั วชี้วัดและ
สาระการเรีย นรู้แกนกลาง กลุ่ ม สาระการเรีย นรู้คณิ ต ศาสตร์ (ฉบั บ ปรับ ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐ )
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมีจุดเน้นเพื่อต้องการ
พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถที่ทัดเทียมกับนานาชาติ ได้เรียนรู้ คณิตศาสตร์ที่เชื่อมโยง
ความรู้กับกระบวนการ ใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และแก้ปัญหาที่หลากหลาย มีการทา
กิ จ กรรมด้ ว ยการลงมื อ ปฏิ บั ติ เ พื่ อ ให้ ผู้ เ รี ย นได้ ใ ช้ ทั ก ษะและกระบวนการทางคณิ ต ศาสตร์
และทั ก ษะแห่ ง ศตวรรษที่ ๒๑ สสวท. จึ ง ได้ จั ด ท าคู่ มื อ ครู ป ระกอบการใช้ หนั ง สื อเรี ย น
รายวิ ชาเพิ่ มเติ มคณิ ตศาสตร์ ชั้ นมั ธยมศึ กษาปี ที่ ๔ เล่ ม ๒ ที่ เป็ นไปตามมาตรฐานหลั กสู ตร
เพื่อเป็นแนวทางให้โรงเรียนนาไปจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เล่ม ๒ นี้ ประกอบด้วยเนื้อหา
สาระ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน การวัดผลประเมินผล
ระหว่ างเรียน การวิ เคราะห์ ความสอดคล้องของแบบฝึกหั ดท้ายบทกับจุ ดมุ่งหมายประจาบท
ความรู้เพิ่ มเติ มส าหรับ ครูซึ่ ง เป็ นความรู้ที่ ครูควรทราบนอกเหนื อจากเนื้ อหาในหนั งสื อ เรี ย น
ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบทพร้อมเฉลย รวมทั้งเฉลยแบบฝึกหัด ซึ่งครูผู้สอนสามารถนาไปใช้
เป็นแนวทางในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ให้บรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยสามารถนาไปจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสมและความพร้อมของโรงเรียน ในการจัดทาคู่มือครูเล่มนี้
ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ นักวิชาการอิสระ รวมทั้งครูผู้สอน
นักวิชาการ จากสถาบัน และสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
สสวท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์
แก่ ผู้ ส อน และผู้ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งทุ ก ฝ่ า ย ที่ จ ะช่ ว ยให้ จั ด การศึ ก ษาด้ า นคณิ ต ศาสตร์ ได้ อ ย่ า งมี
ประสิทธิภาพ หากมีข้อเสนอแนะใดที่จะทาให้ คู่มือครูเล่มนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โปรดแจ้ง
สสวท. ทราบด้วย จะขอบคุณยิ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
แนะนาการใช้คู่มือครู
ในหนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 3 บทตามหนังสือเรียนหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 โดยแต่ละบทจะมีส่วนประกอบ ดังนี้
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละ
ระดับชั้น ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็น
รูปธรรม นาไปใช้ในการกาหนดเนื้อหา จัดทาหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน
และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับการวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน
จุดมุ่งหมาย
เป้าหมายที่นักเรียนควรไปถึงหลังจากเรียนจบบทนี้
ความรู้ก่อนหน้า
ความรู้ที่นักเรียนจาเป็นต้องมีก่อนที่จะเรียนบทนี้
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ประเด็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่ครูควรเน้นย้ากับนักเรียน ประเด็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่ครูควร
ระมัดระวัง จุดประสงค์ของตัวอย่างที่นาเสนอในหนังสือเรียน เนื้อหาที่ควรทบทวน
ก่อนสอนเนื้อหาใหม่ และประเด็นเกี่ยวกับการสอนที่ครูพึงระลึก
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ประเด็นที่นักเรียนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเนื้อหา
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
กิจกรรมในคู่มือครู
กิจกรรมที่คู่มือครูเล่มนี้เสนอแนะไว้ให้ครูนาไปใช้ในชั้นเรียน ซึ่งมีทั้งกิจกรรมนาเข้า
บทเรียน ที่ใช้เพื่อตรวจสอบความรู้ก่อนหน้าที่จาเป็นสาหรับเนื้อหาใหม่ที่ครูจ ะสอน
และกิจกรรมที่ใช้สาหรับสร้างความคิดรวบยอดในเนื้อหา โดยหลังจากทากิจกรรม
แล้ว ครูควรเชื่อมโยงความคิดรวบยอดที่ต้องการเน้นกับผลที่ได้จากการทากิจกรรม
กิจกรรมเหล่านี้ครูควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
กิจกรรมในหนังสือเรียน
กิจกรรมที่นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง เพื่อช่วยพัฒนาทักษะการ
เรียนรู้และนวัตกรรม (learning and innovation skills) ที่จาเป็นสาหรับศตวรรษที่ 21
อัน ได้แก่ การคิดสร้ างสรรค์และนวัตกรรม (creative and innovation) การคิด
แบบมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา (critical thinking and problem solving)
การสื่อสาร (communication) และการร่วมมือ (collaboration)
เฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน
เฉลยคาตอบหรือตัวอย่างคาตอบของกิจกรรมในหนังสือเรียน
แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
1 1.1 เนื้อหาสาระ
1.2 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
1.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
1.4 การวัดผลประเมินผลระหว่างเรียน
2
14
19
1.5 การวิเคราะห์แบบฝึกหัดท้ายบท 20
1.6 ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบทและ 31
ความสัมพันธ์ เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
และฟังก์ชัน 1.7 เฉลยแบบฝึกหัด 58
d
2 ฟังก์ชันลอการิทึม
2.1 เนื้อหาสาระ
2.2 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
109
114
3 3.1 เนื้อหาสาระ
3.2 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
3.3 การวัดผลประเมินผลระหว่างเรียน
187
193
202
เฉลยแบบฝึกหัดและวิธีทาโดยละเอียด 310
บทที่ 1 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน 310
บทที่ 2 ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและ 453
ฟังก์ชันลอการิทึม
บทที่ 3 เรขาคณิตวิเคราะห์ 533
1 แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม 784
1 บรรณานุกรม 785
คณะผู้จัดทา 786
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 1
บทที่ 1
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ฟังก์ชันเป็นเรื่องสาคัญเรื่องหนึ่งในคณิตศาสตร์ เพราะฟังก์ชันมีบทบาทในการศึกษาคณิตศาสตร์
ในระดับสูง เช่น แคลคูลัส พีชคณิตนามธรรม นอกจากนี้ความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันยังเป็นประโยชน์
ในการแก้ โ จทย์ ปั ญ หาต่ า ง ๆ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ตั ว แปร เนื้ อ หาเรื่ อ งความสั ม พั น ธ์ แ ละฟั ง ก์ ชั น
ที่นาเสนอในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 นี้ มีเป้าหมาย
เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันเพื่อเป็นรากฐานสาหรับการเรียนคณิตศาสตร์ในหัวข้อต่อไป
โดยเริ่มจากความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน การใช้ฟังก์ชันในชีวิตจริง กราฟของฟังก์ชัน การดาเนินการ
ของฟังก์ชัน และฟังก์ชันผกผัน ในบทเรียนนี้มุ่งให้นักเรียนบรรลุตัวชี้วัด /ผลการเรียนรู้ตามสาระ
การเรียนรู้แกนกลาง/สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม และบรรลุจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้
ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม
หาผลลัพธ์ของการบวก การลบ การคูณ การบวก การลบ การคูณ การหารฟังก์ชัน
การหารฟังก์ชัน หาฟังก์ชันประกอบ ฟังก์ชันประกอบ
และฟังก์ชันผกผัน ฟังก์ชันผกผัน
ใช้สมบัติของฟังก์ชันในการแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
จุดมุ่งหมาย
ความรู้ก่อนหน้า
ความรู้เกี่ยวกับสมการและกราฟในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เซต
จานวนจริง
goo.gl/Hu9Stk
1.1 เนื้อหาสาระ
1. ผลคูณคาร์ทีเซียนของเซต A และเซต คือ เซตของคู่อันดับ a , b ทั้งหมด
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 3
4. ให้ r เป็นความสัมพันธ์จาก A ไป B
ไม่เป็นฟังก์ชัน
7. ในกรณีที่ความสัมพันธ์ f เป็นฟังก์ชัน จะเขียน แทน x, y f และเรียก
y f x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ถ้า x1 x2 แล้ว f x f x
1 2
ถ้า แล้ว f x f x
x1 x2 1 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 5
ซึ่งกาหนดโดย
f g x = f x g x
f g x = f x g x
fg x = f x g x
f f x
x = เมื่อ g x 0
g g x
โดเมนของ f
g
คือ
D f Dg x Dg g x 0
19. ให้ f และ g เป็นฟังก์ชัน และ R f Dg
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
1.2 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
ความสัมพันธ์
ครูอาจนาเข้าสู่บทเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ โดเมนและเรนจ์ของ
ความสัมพันธ์ โดยใช้กิจกรรมสัตว์เลี้ยงแสนรัก (1) ดังนี้
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 5 คน แล้วให้นักเรียนเลือกชนิดสัตว์เลี้ยงกี่ชนิดก็ได้จากที่กาหนดให้ต่อไปนี้
สุนัข แมว กระต่าย ปลา
2. ครูกาหนดเซตขึ้นมาสองเซต คือ เซตของชื่อนักเรียน และเซตของชนิดสัตว์เลี้ยงที่นักเรียน
เลือก จากนั้นเขียนแสดงชนิดสัตว์เลี้ยงที่นักเรียนเลือกโดยใช้แผนภาพ ตัวอย่างเช่น
ตะวัน สุนัข
ข้าวปั้น แมว
ภูผา กระต่าย
ทิวา ปลา
ต้นกล้า
3. ครูให้นักเรียนเขียนคู่อันดับแสดงการจับคู่ชื่อนักเรียนกับชนิดสัตว์เลี้ยงที่นักเรียนเลือก โดยให้
สมาชิกตัวหน้าของคู่อันดับเป็นชื่อนักเรียน และสมาชิกตัวหลังของคู่อันดับเป็นชนิดสัตว์เลี้ยงที่
นักเรียนเลือก ซึ่งจากตัวอย่างในข้อ 2 จะได้คู่อันดับทั้งหมดคือ (ตะวัน, สุนัข) (ตะวัน, แมว)
(ข้าวปั้น, กระต่าย) (ภูผา, ปลา) (ทิวา, สุนัข) (ต้นกล้า, แมว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 7
4. จากคู่อันดับทั้งหมดที่ได้ในข้อ 3 ครูชี้แนะให้นักเรียนเห็นว่า
สมาชิกตัวหน้าและสมาชิกตัวหลังในคู่อันดับดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกันบางประการ
โดยในสถานการณ์นี้เมื่อกาหนดชื่อของนักเรียน จะทราบว่านักเรียนคนนั้นเลือกสัตว์เลี้ยง
ชนิดใด จะเรียกเซตของคู่อันดับที่สมาชิกตัวหน้าและสมาชิกตัวหลังมีความเกี่ยวข้องกัน
บางประการว่าความสัมพันธ์
สาหรับความสัมพันธ์ที่ได้ในกิจกรรมนี้ โดเมนของความสัมพันธ์ซึ่งเป็นเซตของสมาชิก
ตัวหน้าของคู่อันดับทั้งหมดในความสัมพันธ์ คือ {ตะวัน, ข้าวปั้น, ภูผา, ทิวา, ต้นกล้า}
และเรนจ์ ข องความสั มพั น ธ์ ซึ่งเป็น เซตของสมาชิกตั ว หลั ง ของคู่อั นดั บทั้ง หมดใน
ความสัมพันธ์ คือ {สุนัข, แมว, กระต่าย, ปลา}
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ในการหาโดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์อาจไม่จาเป็นต้องเขียนแจกแจงสมาชิกของ
ผลคูณคาร์ทีเซียน เช่น การเขียนสมาชิกใน A A ในตัวอย่างที่ 2 อาจเกิดความยุ่งยาก
เนื่องจากมีสมาชิกทั้งหมด 49 คู่อันดับ แต่สามารถพิจารณาสมาชิกในความสัมพันธ์ r
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.1
7. จงหาโดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ต่อไปนี้
3) n x, y y x 2
6) s x, y y x2
ความสัมพันธ์ในแบบฝึกหัดทั้งสองข้อนี้เป็นความสัมพันธ์บนเซตที่ไม่ใช่เซตของจานวนจริง แต่เป็น
ความสัมพันธ์บนเซตของจานวนเต็ม จะได้ว่าโดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ดังกล่าวต้องอยู่
บนเซตของจานวนเต็มด้วย
ฟังก์ชัน
ครูอาจนาเข้าสู่บทเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับฟังก์ชัน โดเมนและเรนจ์ของฟังก์ชัน
โดยใช้กิจกรรมสัตว์เลี้ยงแสนรัก (2) ดังนี้
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 5 คน แล้วให้นักเรียนเลือกชนิดสัตว์เลี้ยง 1 ชนิดเท่านั้นจากที่กาหนดให้
ต่อไปนี้
สุนัข แมว กระต่าย ปลา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 9
ตะวัน สุนัข
ข้าวปั้น แมว
ภูผา กระต่าย
ทิวา ปลา
ต้นกล้า
3. ครูให้นักเรียนเขียนคู่อันดับแสดงการจับคู่ชื่อนักเรียนกับชนิดสัตว์เลี้ยงที่นักเรียนเลือก โดยให้
สมาชิกตัวหน้าของคู่อันดับเป็นชื่อนักเรียน และสมาชิกตัวหลังของคู่อันดับเป็นชนิดสัตว์เลี้ยงที่
นักเรียนเลือก ซึ่งจากตัวอย่างในข้อ 2 จะได้คู่อันดับทั้งหมดคือ (ตะวัน, สุนัข) (ข้าวปั้น,
กระต่าย) (ภูผา, ปลา) (ทิวา, สุนัข) (ต้นกล้า, แมว)
4. จากคู่อันดับทั้งหมดที่ได้ในข้อ 3 ครูชี้แนะให้นักเรียนเห็นว่า
เซตของคู่อันดับทั้งหมดที่ได้ในข้อ 3 เป็นความสัมพันธ์ที่สมาชิกแต่ละตัวในโดเมนมี
ความสัมพันธ์กับสมาชิกในเรนจ์เพียงตัวเดียว หรือกล่าวได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ซึ่งสอง
คู่อันดับใด ๆ ของความสัมพันธ์นั้น ถ้ามีสมาชิกตัวหน้าเหมือนกันแล้ว สมาชิกตัวหลัง
ต้องเหมือนกัน จะเรียกความสัมพันธ์ที่มีสมบัติดังกล่าวว่าฟังก์ชัน
สาหรับฟังก์ชันที่ได้ในกิจกรรมนี้ โดเมนของฟังก์ชันซึ่งเป็นเซตของสมาชิก ตัวหน้าของ
คู่อันดับทั้งหมดในฟังก์ชัน คือ {ตะวัน, ข้าวปั้น, ภูผา, ทิวา, ต้นกล้า} และเรนจ์ของ
ฟังก์ชันซึ่งเป็นเซตของสมาชิกตัวหลังของคู่อันดับทั้งหมดในฟังก์ชัน คือ {สุนัข, แมว,
กระต่าย, ปลา}
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
บทนิยามของฟังก์ชัน
ในการสอนเกี่ ย วกั บ ฟั ง ก์ ชั น ครู ค วรยกตั ว อย่ า งแผนภาพแสดงฟั ง ก์ ชั น เพิ่ ม เติ ม จาก
ตัวอย่างที่ 7 และตัวอย่างที่ 8 ในหนังสือเรียน เช่น แผนภาพแสดงฟังก์ชันที่ไม่เป็นฟังก์ชัน
หนึ่งต่อหนึ่ง แผนภาพแสดงฟังก์ชันที่ไม่เป็นฟังก์ชันทั่วถึง เมื่อนักเรียนมีความเข้าใจเป็น
อย่างดีเกี่ยวกับฟังก์ชันแล้ว ครูอาจยกตัวอย่างกราฟของความสัมพันธ์ โดยให้นักเรียน
ร่ ว มกัน พิจ ารณาจากกราฟว่าความสั มพัน ธ์ที่กาหนดให้ เป็นฟัง ก์ชัน หรือไม่ พร้อมให้
เหตุผลประกอบ
การพิจารณาการเป็นฟังก์ชันจากกราฟ
ตัวอย่างที่ 9
ให้ r x, y y2 x จงพิจารณาว่า r เป็นฟังก์ชันหรือไม่
ตัวอย่างนี้มีไว้เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพิจ ารณาการเป็นฟังก์ชันโดยลากเส้ น
ขนานกับแกน Y แล้วพิจารณาว่ามีเส้นขนานกับแกน Y ตัดกับกราฟมากกว่าหนึ่งจุด
หรือไม่ โดยในการสอนตัวอย่างนี้ ครูควรให้นักเรียนเชื่อมโยงกับบทนิยามของฟังก์ชัน
ด้วย ซึ่งในตัวอย่างนี้ เมื่อลากเส้นตรง x 1 จะตัดกราฟที่จุด 1, 1 และ 1, 1 ซึ่งจะ
เห็นว่ามีสมาชิกในโดเมนหนึ่งตัว คือ 1 ที่จับคู่กับสมาชิกในเรนจ์มากกว่าหนึ่งตัว ดังนั้น r
ไม่เป็นฟังก์ชัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 11
ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ในการพิจารณาการเป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งของฟังก์ชันใด ๆ โดยลากเส้นขนานกับแกน X
ฟังก์ชันทั่วถึง
ตัวอย่างที่ 16
กาหนด f x x 2
1 จงพิจารณาว่า f เป็นฟังก์ชันจาก ไปทั่วถึง หรือไม่
การแสดงว่าฟังก์ชันจาก A ไป B ไม่เป็นฟังก์ชันทั่วถึง อาจทาได้โดยวิธียกตัวอย่างค้าน
นั่นคือต้องหาสมาชิกของ B ที่ไม่เป็นสมาชิกของเรนจ์ของฟังก์ชัน ซึ่งในตัวอย่างนี้จะเห็นว่า
มี 0 ซึ่งเป็นสมาชิกของ แต่ไม่เป็นสมาชิกของเรนจ์ของฟังก์ชัน เนื่องจาก x2 0 จึง
ได้ว่า x2 1 1 นั่นคือ f x 1
การดาเนินการของฟังก์ชัน
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ในการยกตัวอย่างเรื่องการดาเนินการของฟังก์ชัน ครูต้องใช้ความสัมพันธ์ที่เป็นฟังก์ชันเท่านั้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ในกรณี ที่ก าหนดฟัง ก์ชั น f และ g ในรู ป เซตแบบแจกแจงสมาชิ ก เช่ น ตัว อย่ างที่ 36
ฟังก์ชันประกอบ
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ตัวอย่างที่ 38
กาหนด f x x 1 และ g x
2
x จะมี g f และ f g หรือไม่
เพราะเหตุใด ถ้ามี จงหา g f และ f g พร้อมทั้งโดเมน
ตัวอย่างนี้มีไว้เพื่อสร้างความเข้าใจว่าในการหา g f จะต้องตรวจสอบว่ า R f Dg
เสมอ ซึ่งในกรณีที่ R f Dg จะไม่มี g f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 13
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.5
7. จงหาฟังก์ชัน f และ g ซึ่ง f gh เมื่อกาหนดฟังก์ชัน h ในแต่ละข้อต่อไปนี้
1) 1, 3, 5, 7, 9
2) ..., 2, 1, 0, 1, 2, ...
3) 1, 4, 9, 16, 25, 36, ...
4) 10, 20, 30, ...
และ g ของนักเรียนอาจไม่ตรงกับที่ครูคิดไว้
ฟังก์ชันผกผัน
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
1.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
กิจกรรม : ชั่งน้าหนัก
อุปกรณ์
1. เครื่องชั่งน้าหนัก
2. แผ่นไม้ที่มีความยาวไม่น้อยกว่า 4 ฟุต และสามารถรับน้าหนักคนที่ขึ้นไปยืนได้
3. ไม้บรรทัดและดินสอ
4. กองกระดาษที่มีความสูงเท่าเครื่องชั่งน้าหนัก
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. เตรียมแผ่นไม้โดยวัดระยะสาหรับยืนบนแผ่นไม้ ให้แต่ละตาแหน่งห่างกันครึ่งฟุต แล้วทา
สัญลักษณ์และกาหนดหมายเลขแต่ละตาแหน่งให้เห็นอย่างชัดเจน ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 15
ตาแหน่งที่ยืน 0 1 2 3 4 5 6
น้าหนักของนักเรียนคนที่ 1
น้าหนักของนักเรียนคนที่ 2
น้าหนักของนักเรียนคนที่ 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
เฉลยกิจกรรม : ชั่งน้าหนัก
1. –
2. –
3.
ตาแหน่งที่ยืน 0 1 2 3 4 5 6
น้าหนักของนักเรียนคนที่ 3 96 82 72 50 33 16 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 17
ระยะห่างจากตาแหน่งที่ยืนถึงจุดหมุนลดลง
จุดหมุน
แรงที่อ่านได้ น้าหนักจริง
จากเครื่องชั่ง
น้าหนัก
5.2 ไม่ ว่ า นั ก เรี ย นจะมี น้ าหนั ก เท่ า ใดก็ ต าม เมื่ อ นั ก เรี ย นยื น ที่ ต าแหน่ ง หมายเลข 6
แนวทางการจัดกิจกรรม : ชั่งน้าหนัก
เวลาในการจัดกิจกรรม 50 นาที
กิ จ กรรมนี้ เ สนอไว้ ใ ห้ นั ก เรี ย นเชื่ อ มโยงและใช้ ค วามรู้ เรื่ อ ง ความสั ม พั น ธ์ แ ละฟั ง ก์ ชั น
เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์เกี่ยวกับ โมเมนต์ของแรง โดยกิจกรรมนี้มีสื่อ/แหล่งการเรียนรู้
และขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
ใบกิจกรรม “ชั่งน้าหนัก”
ขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม
1. ก่อนเริ่มกิจกรรมครูควรจัดเตรียมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องดังที่ระบุไว้ในใบกิจกรรม และทบทวน
ความรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความชัน และความรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โมเมนต์ของแรงเมื่อวัตถุ
อยู่ในสภาพสมดุลต่อการหมุน ที่นักเรียนได้เรียนมาแล้วในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
2. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แบบคละความสามารถ โดยให้นักเรียนทั้งสามคน
มีน้าหนักแตกต่างกันอย่างชัดเจน จากนั้นแจกใบกิจกรรม “ชั่งน้าหนัก” ให้กับนักเรียนทุกคน
แล้วชี้แจงแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 1 – 3 ในใบกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใจ
3. ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมข้อ 1 – 3 ในใบกิจกรรม โดยในระหว่างที่นักเรียนทากิจกรรมครู
ควรเดินดูนักเรียนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม และคอยชี้แนะเมื่อนักเรียนพบปัญหา
4. ในการตอบคาถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 4 ในใบกิจกรรม ครูควรแนะนา
ให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีช่วยในการเขียนกราฟ โดยครูอาจใช้การซักถามหรือชี้แนะให้
นักเรียนสังเกตในประเด็นต่อไปนี้
คู่อันดับในกราฟแสดงอะไร และแนวโน้มของคู่อันดับในกราฟของนักเรียนแต่ละคน
เป็นอย่างไร
กราฟทั้งสามมีลักษณะร่วมกันหรือต่างกันอย่างไร เช่น ความชัน จุดตัดแกน X หรือ
จุดตัดแกน Y โดยอาจให้นักเรียนเปรียบเทียบลักษณะเหล่านั้นที่ได้จากกราฟทั้งสาม
5. ครูสรุปคาตอบพร้อมแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 19
1.4 การวัดผลประเมินผลระหว่างเรียน
การวัดผลระหว่างเรียนเป็นการวัดผลการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนักเรียนแต่ละคนว่ามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ครูสอนมากน้อยเพียงใด การให้
นักเรี ยนทาแบบฝึกหัดเป็นแนวทางหนึ่ งที่ครูอาจใช้เพื่อประเมินผลด้านความรู้ระหว่างเรียนของ
นักเรียน ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ได้นาเสนอ
แบบฝึกหัดที่ครอบคลุมเนื้อหาที่สาคัญของแต่ละบทไว้ สาหรับในบทที่ 1 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ครูอาจใช้แบบฝึกหัดเพื่อวัดผลประเมินผลความรู้ในแต่ละเนื้อหาได้ดังนี้
เนื้อหา แบบฝึกหัด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
เนื้อหา แบบฝึกหัด
1.5 การวิเคราะห์แบบฝึกหัดท้ายบท
หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 มีจุดมุ่งหมายว่าเมื่อนักเรียน
ได้เรียนจบบทที่ 1 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน แล้วนักเรียนสามารถ
1. หาโดเมน เรนจ์ และตัวผกผัน และเขียนกราฟของความสัมพันธ์
2. จาแนกความสัมพันธ์ที่เป็นฟังก์ชันและไม่เป็นฟังก์ชัน
3. หาโดเมนและเรนจ์ และเขียนกราฟของฟังก์ชัน
4. ตรวจสอบฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง ฟังก์ชันทั่วถึง ฟังก์ชันเพิ่ม และฟังก์ชันลด
5. หาผลลัพธ์ของการบวก การลบ การคูณ และการหารของฟังก์ชัน
6. หาฟังก์ชันประกอบ
7. หาฟังก์ชันผกผัน
8. ใช้ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์และฟังก์ชันในการแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 21
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
1. โจทย์ฝึกทักษะ
2. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
7)
8)
3. 1)
2)
3)
4)
4. 1)
2)
3)
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
5.
6. 1)
2)
3)
4)
7. 1)
2)
3)
4)
5)
8.
9. 1)
2)
3)
4)
5)
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
10. 1)
2)
3)
4)
11. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
7)
8)
12. 1)
2)
3)
4)
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
13. 1)
2)
3)
14. 1)
2)
15. 1)
2)
3)
4)
16. 1)
2)
3)
4)
17. 1) โจทย์ฝึกทักษะ
2) โจทย์ฝึกทักษะ
3) โจทย์ฝึกทักษะ
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
4) โจทย์ฝึกทักษะ
5) โจทย์ฝึกทักษะ
6) โจทย์ฝึกทักษะ
18. 1)
2)
3)
4)
19. 1)
2)
3)
4)
5)
20. 1)
2)
3)
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
4)
5)
6)
7)
8)
9)
21. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
22.
23.
24. 1)
2)
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
3)
4)
5)
25. 1)
2)
3)
4)
26. ก.
ข.
ค.
ง.
27. 1)
2)
28.
29.
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
30. 1)
2)
3)
31.
32. 1)
2)
3)
33.
34.
35.
36.
37. 1)
2)
3)
4)
5)
จุดมุ่งหมาย
ตรวจสอบ
หาโดเมน เรนจ์ หาผลลัพธ์ของ ใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ข้อ จาแนกความสัมพันธ์ หาโดเมนและเรนจ์ ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ข้อ และตัวผกผัน การบวก การลบ ความสัมพันธ์
ย่อย ทีเ่ ป็นฟังก์ชันและ และเขียนกราฟ ฟังก์ชันทั่วถึง หาฟังก์ชันประกอบ หาฟังก์ชันผกผัน
และเขียนกราฟ การคูณ และการหาร และฟังก์ชัน
ไม่เป็นฟังก์ชัน ของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเพิ่ม
ของความสัมพันธ์ ของฟังก์ชัน ในการแก้ปัญหา
และฟังก์ชันลด
38. 1)
2)
3)
4)
5)
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 31
1.6 ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบทและเฉลยตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
ในส่ ว นนี้ จ ะน าเสนอตั ว อย่ างแบบทดสอบประจาบทที่ 1 ความสั มพั นธ์แ ละฟั งก์ชั น ส าหรั บ
รายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ซึ่งครูสามารถเลือกนาไปใช้ได้ตาม
จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัดผลประเมินผล
ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
1. กาหนดให้ A 2, 0, 2 และ B 0, 1, 2, 3 พิจารณาความสัมพันธ์ r
3) จงหาเรนจ์ของ r
1) จงเขียน r1 แบบแจกแจงสมาชิก
2) จงเขียน r2 แบบแจกแจงสมาชิก
3) จงพิจารณาว่า r2 เป็นตัวผกผันของ r1 หรือไม่
4) จงพิจารณาว่า r1 เป็นตัวผกผันของ r2 หรือไม่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
3. จงหาโดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ต่อไปนี้
1) r1 5, 2 , 3, 0 , 0, 2 , 1, 1 , 3, 2
2) r2 x, y x y 1
3) r3 x, y xy 1
4) r4 x, y x y x y x 2
y2
5) r5 x, y y x2 9
6) r x, y y
6 x2 9
2) r x, y y x 5 2
3) r x, y y 2 x 1
5. ความสัมพันธ์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้เป็นฟังก์ชันหรือไม่เป็นฟังก์ชัน พร้อมให้เหตุผลประกอบ
1) r1 0, 1 , 1, 1 , 2, 1 , 3, 0
2) r2 x, y xy 1
3) r3 x, y xy 0
4) r4 x, y y x
2
5) r5 x, y y x
6. กาหนดให้ S 2, 1, 0, 1, 2
พิจารณาความสัมพันธ์ r x, y S S 5x 2
y2 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 33
7. จงหาโดเมนและเรนจ์ ของฟังก์ชันต่อไปนี้
1) f x x2 3
2) f x x 1
1
3) f x
x2
8. กาหนดฟังก์ชัน f x x x 4 x 8
จงหาค่าของ f 1 f 2 f 3 f 4 f 5 f 6 f 7 f 8
9. กาหนดฟังก์ชัน
x 1 , x 0
f x 2
x , x0
1) จงเขียนกราฟของฟังก์ชัน f
2) จงหาเรนจ์ของฟังก์ชัน f
3) จงพิจารณาว่า f เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งหรือไม่
10. กาหนดฟังก์ชัน f จาก โดย f x x
ไป 2
3x
1) f เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งหรือไม่
2) f เป็นฟังก์ชันทั่วถึงบน หรือไม่
11. กาหนดให้ f เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B จงพิจารณาว่าข้อความต่อไปนี้เป็นจริงเสมอ
หรือไม่ พร้อมให้เหตุผลประกอบ
1) โดเมนของ f คือ A
2) เรนจ์ของ f คือ B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
12. จงพิจารณาว่าฟังก์ชันต่อไปนี้เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือเป็นฟังก์ชันลดบนเซตที่กาหนดให้
1) f x x บน 4, 2
2) f x x 1 บน 5, 2
3) f x 1 2x2 บน 0,
4) f x
1
บน 1, 3
x2
5) f x 3x2 8x 10 บน 1, 7
13. พิจารณาฟังก์ชัน f 1, 0 , 2, 1 , 3, 0 , 4, 1 และ g 2, 0 , 3, 1 , 4, 2 , 5, 3
f g
1) จงเขียน f g , f g , fg , และ แบบแจกแจงสมาชิก
g f
f g
2) จงพิจารณาว่าฟังก์ชัน f g , f g , fg , และ มีฟังก์ชันใดบ้างเป็น
g f
ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
14. กาหนดให้ f x x และ g x 1 x จงหา
1) โดเมนของ f และโดเมนของ g
2) โดเมนของ f g และฟังก์ชัน f g
f f
3) โดเมนของ และฟังก์ชัน
g g
15. กาหนดให้
0 , x0
f x
x 1, x 0
และ g x x 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 35
f
1) จงหาโดเมนของ
g
g
2) จงหาโดเมนของ
f
16. จงหาโดเมนของฟังก์ชันต่อไปนี้
4
1) f x 2
x
1 1
2) f x
x x 1
1
3) f x
x 1
4) f x x 5 x 7
17. จงหาโดเมนของ f g ต่อไปนี้
1) f x 2x และ g x x 1
2) f x
1
และ g x x 2
x 1
3) f x x และ g x 1 x 2
1) f g 3 และ g f 3
f
4) f g 1 และ 1
g
19. กาหนดให้ f x 9 x จงหาโดเมนและเรนจ์ของ f f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
20. จงหาฟังก์ชันผกผันของ f
x 1
1) f x
x 1
2) f x 4 3x 2 เมื่อ x0
3) f x 2 3 x 1
1
4) f x
1 x3
21. จงตอบคาถามต่อไปนี้
1) กาหนดให้ f x x 1 จงหา f 0 1
3) กาหนดให้ f x 6 จงหา f 1 2
2x 1
4) กาหนดให้ f x 1 3
x2 จงหา f 1 3
22. พิจารณาความสัมพันธ์ต่อไปนี้
r1 x, y | xy 2 x r2 x, y | y 2 และ x 0
1
s1 x, y | x 2 y 1 s2 x, y | y 2
x
1) บุปผากล่าวว่า r1 r2 โดยให้เหตุผลว่า เมื่อ xy 2 x แล้วสามารถหารด้วย x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 37
ในทางกลับกัน ถ้า y
1
เมื่อ x2 0 แล้วคูณ x2 ทั้งสองข้างของสมการ
x2
จะได้ x2 y 1 ดังนั้น ความสัมพันธ์ x, y | x 2
y 1 จึงเป็นความสัมพันธ์เดียวกับ
ความสัมพันธ์ x, y | y 1
2
x
การให้เหตุผลและข้อสรุปของผกาถูกต้องหรือไม่ จงอภิปราย
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
1. 1) คู่อันดับ x, y A B จะเป็นสมาชิกของ r ก็ต่อเมื่อ x0 หรือ y0
ดังนั้น จะสามารถเขียน r แบบแจกแจงสมาชิกได้เป็น
r 2, 0 , 0, 0 , 0, 1 , 0, 2 , 0, 3 , 2, 0
2) จากข้อ 1) จะได้ Dr 2, 0, 2
4) r ไม่เป็นความสัมพันธ์บนเซต A เนื่องจาก r A A
5) r ไม่เป็นความสัมพันธ์บนเซต B เนื่องจาก r B B
เนื่องจาก 2, 0 เป็นสมาชิกของ r แต่ 2 B นั่นคือ 2, 0 B B
6) r เป็นความสัมพันธ์บน A B
เนื่องจาก A A B และ B A B
และ r A B
ดังนั้น r A B A B
2. 1) r1 3, 2 , 6, 1
2) r2 1, 6 , 2, 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
3) จาก r1 3, 2 , 6, 1
ดังนั้น r2 เป็นตัวผกผันของ r1
จะได้ r2 1 3, 2 , 6, 1 r1
ดังนั้น r1 เป็นตัวผกผันของ r2
3) จาก xy 1 จัดรูปใหม่ได้เป็น y
1
x
จะเห็นว่า x 1 หรือ x 1 จึงจะทาให้ y นั่นคือ x 1, 1
1
และจาก xy 1 จัดรูปใหม่ได้เป็น x
y
4) เนื่องจาก x y x y x 2
y2 เป็นจริงทุกจานวนจริง x และ y
5) จาก y x2 9
เนื่องจาก x2 9 0 เสมอ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 39
6) จาก y x2 9
เนื่องจาก x2 9 0 เสมอ
ดังนั้น x2 9 0 เป็นอสมการที่มีเซตคาตอบ คือ x x 3 x 3
นั่นคือ x , 3 3,
เนื่องจาก x2 9 ไม่เป็นจานวนลบ
และเมื่อแทน x ด้วย 3 หรือ 3 จะได้ค่าน้อยที่สุดเป็น 0
นั่นคือ y 0,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
2)
3)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 41
5. 1) r1 เป็นฟังก์ชัน
เพราะไม่มสี มาชิกใดในโดเมนของ r1 จับคู่กับสมาชิกในเรนจ์ของ r1 มากกว่า 1 ตัว
2) r2 เป็นฟังก์ชัน
เพราะถ้า x, y r และ x, y r แล้ว
1 2 2 2
1
จะได้ xy1 1 และ xy2 1 ซึง่ y1 y2 เมื่อ x0
x
3) r3 ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะ 0, 1 และ 0, 2 เป็นสมาชิกของ r3
เมื่อ x0
6. 1) r 0, 2 , 0, 1 , 0, 0 , 0, 1 , 0, 2 และ
r 1 2, 0 , 1, 0 , 0, 0 , 1, 0 , 2, 0
2) r ไม่เป็นฟังก์ชัน
เนื่องจาก 0, 2 r และ 0, 1 r แต่ 2 1
3) r 1 เป็นฟังก์ชัน
เพราะไม่มีสมาชิกใดในโดเมนของ r 1 จับคู่กับสมาชิกในเรนจ์ของ r 1 มากกว่า 1 ตัว
7. 1) ฟังก์ชัน f นิยามที่ทุก x
ดังนั้น Df
เนื่องจาก x2 0 ดังนั้น x2 3 3
จะได้ว่า R f 3,
นั้นคือ x 1
ดังนั้น D f 1,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ให้ y f ( x) x 1 เมื่อ x 1
ดังนั้น y 2 1 1
นั่นคือ y2 0
ดังนั้น R f [0, )
ดังนั้น Df 2
1
เนื่องจาก 0 สาหรับทุกจานวนจริง x 2
x2
ดังนั้น R f (0, )
8. จาก f x x x 4 x 8 จะได้
f 1 11 41 8 1 3 7 21
f 2 2 2 4 2 8 2 2 6 24
f 3 3 3 4 3 8 3 1 5 15
f 4 4 4 4 4 8 4 0 4 0
f 5 5 5 4 5 8 5 1 3 15
f 6 6 6 4 6 8 6 2 2 24
f 7 7 7 4 7 8 7 3 1 21
f 8 8 8 48 8 8 4 0 0
ดังนั้น f 1 f 2 f (3) f 8 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 43
9. 1)
ดังนั้น R f 0,
3) f ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนี่ง
เนื่องจาก f 5 5 1 4 และ f 2 2 2
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
2
3 9 9
แต่สาหรับทุกจานวนจริง x จะได้ว่า f x x 3x x
2
2 4 4
9 9
นั่นคือ R f , ซึง่ 4 ,
4
ดังนั้น Rf
จะได้ f x1 f x2
จะได้ x1 1 x2 1
จะได้ x1 1 0 และ x2 1 0
ดังนั้น x1 1 x2 1
นั่นคือ f x1 f x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 45
จะได้ x12 x2 2
2x12 2x2 2
1 2x12 1 2x2 2
นั่นคือ f x1 f x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 0,
4) สาหรับ f x
1
บนช่วง 1, 3
x2
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ บนช่วง 1, 3 ซึง่ x1 x2
จะได้ x1 2 x2 2
1 1
x1 2 x2 2
นั่นคือ f x1 f x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
วิธีที่ 2 (สาหรับกรณีที่นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับพาราโบลามาแล้ว)
จาก f x = 3x2 8x 10
4 14
จะได้กราฟของ f เป็นพาราโบลาหงายที่มีจุดยอดอยู่ที่ ,
3 3
4 4 14
นั่นคือ f เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 1, และเป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง ,
3 3 3
ดังนั้น f ไม่เป็นทั้งฟังก์ชันเพิ่มและฟังก์ชันลดบนช่วง 1, 7
13. 1) เนื่องจากโดเมนของ f คือ 1, 2, 3, 4 และโดเมนของ g คือ 2, 3, 4, 5
จะได้โดเมนของ f g, f g และ fg คือ D f Dg 2, 3, 4
D f Dg x Dg | g x 0 3, 4
f
โดเมนของ คือ
g
D f Dg x D f | f x 0 2, 4
g
และได้โดเมนของ คือ
f
จะได้ f g 2 f 2 g 2 1 0 1
f g 3 f 3 g 3 0 1 1
f g 4 f 4 g 4 1 2 3
ดังนั้น f g 2, 1 , 3, 1 , 4, 3
จะได้ f g 2 f 2 g 2 1 0 1
f g 3 f 3 g 3 0 1 1
f g 4 f 4 g 4 1 2 1
ดังนั้น f g 2, 1 , 3, 1 , 4, 1
จะได้ fg 2 f 2 g 2 1 0 0
fg 3 f 3 g 3 01 0
fg 4 f 4 g 4 1 2 2
ดังนั้น fg 2, 0 , 3, 0 , 4, 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 47
f f 3 0
จะได้ 3 0
g g 3 1
f f 4 1
4
g g 4 2
f 1
ดังนั้น 3, 0 , 4,
g 2
g g 2 0
จะได้ 2 0
f f 2 1
g g 4 2
4 2
f f 4 1
2, 0 , 4, 2
g
ดังนั้น
f
2) พิจารณา f g
ดังนั้น f g ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
พิจารณา f g
ดังนั้น f g ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
พิจารณา fg
ดังนั้น fg ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
f
พิจารณา
g
f
จะเห็นว่าไม่มีคู่อันดับใดใน ที่มีสมาชิกตัวหลังเหมือนกัน
g
f
ดังนั้น เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
g
g
พิจารณา
f
g
จะเห็นว่าไม่มีคู่อันดับใดใน ที่มีสมาชิกตัวหลังเหมือนกัน
f
g
ดังนั้น เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
f
ดังนั้น D f 0,
ดังนั้น Dg , 1
จะได้ f g x f x g x x 1 x
สาหรับแต่ละ x 0, 1
f f x x x
จะได้ x
g g x 1 x 1 x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 49
โดเมนของ g คือ Dg
D f Dg x Dg | g x 0
f
ดังนั้น โดเมนของ คือ 1
g
พิจารณา 2
4
0
x
2x 4
จะได้ 0
x
x2
0
x
นั่นคือ x0 หรือ x2
ดังนั้น D f , 0 2,
ดังนั้น Df 0, 1
ดังนั้น D f 1,
จะได้ว่า D f 5,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
จะได้ Df , Dg และ Rg
จาก Df g = x D g | g x Df
= x | x 1
=
ดังนั้น โดเมนของ f g คือ
จาก และ g x x2
1
2) f x
x 1
จะได้ Df 1 , Dg และ Rg
เนื่องจาก Rg D f
1 ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี f g
จาก Df g = x D | g x D
g f
= x | x 1 2
= 1, 1
3) จาก f x x และ g x 1 x2
จะได้ Df
0 , Dg และ Rg , 1
จาก Df g = x D | g x D
g f
= x |1 x 0 2
= 1, 1
ดังนั้น โดเมนของ f g คือ 1, 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 51
เนื่องจาก g 1 3
และ f 3 4 ดังนั้น f g 1 4
เนื่องจาก g 3 5
และ f 5 8 ดังนั้น f g 3 8
เนื่องจาก g 4 8 แต่ 8 D ดังนั้น 4 D f f g
1 2
3
2 3
4
3 4
5
4 5
8
5 8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
เขียนแสดง f g ด้วยแผนภาพได้ดังนี้
1 3
4
2 4
5
3 5
8
4 8
จะได้ Df , Rf , D และ g Rg
0
เนื่องจาก Rg D f
0 ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี f g
เนื่องจาก Rg Dg
0 ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี g g
1) f g 3 f 32 f 9 2 9 1 19
g f 3 g 2 3 1 g 7 72 49
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 53
g g 2 g g 2 g 22 g 4 42 16
19. จาก f x 9 x
จาก Df f = x D f | f x Df
= x , 9 9 x , 9
= x , 9 0 9 x 9
พิจารณา 0 9 x 9 จะได้ 0 9 x 81 นั่นคือ 72 x 9
จาก f f x = f f x
= f 9 x
= 9 9 x
จะเห็นว่า f f x มีค่าต่าสุด คือ 0 เมื่อ x 72 และมีค่าสูงสุด คือ 3 เมื่อ x9
จะได้ Rf f 0, 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
x 1
20. 1) จาก f x, y | y
x 1
ให้ x1 , x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง f x f x 1 2
x1 1 x2 1
จะได้ว่า =
x1 1 x2 1
x1 1 x2 1 = x2 1 x1 1
x1 x2 x1 x2 1 = x1 x2 x2 x1 1
2x1 = 2x2
นั่นคือ x1 = x2
จะได้ y x 1 = x 1
xy y = x 1
xy x = 1 y
x y 1 = 1 y
y 1
x =
y 1
x 1
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
x 1
x 1
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x
x 1
2) จาก f x, y | y 4 3x 2 , x 0
นั่นคือ x1 = x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 55
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ว่า 2 3 x1 1 = 2 3 x2 1
3 x1 1 = 3 x2 1
x1 1 = x2 1
นั่นคือ x1 = x2
จะได้ 3
x 1 = y2
x 1 = y 23
x = y 23 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
1
4) จาก f x, y | y
1 x3
ให้ x1 , x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง f x f x 1 2
1 1
จะได้ว่า =
1 x13 1 x23
1 x13 = 1 x23
นั่นคือ x1 = x2
จะได้ y 1 x3 = 1
y x3 y = 1
x3 y = 1 y
1 y
x3 =
y
1 y
x = 3
y
1 x
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y 3
x
1 x
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x 3
x
21. 1) ให้ a f 1 0
จะได้ว่า f a f f 1 0 0
จาก f x x 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 57
ดังนั้น f 1 0 1
2) ให้ b f 1 5
จาก f x x 1 เมื่อ x 0
2
ดังนั้น f 1 5 2
3) ให้ c f 1 2
จะได้ว่า f c f f 2 2
1
จาก f x
6
2x 1
จะได้ว่า f c
6
2 นั่นคือ c 1
2c 1
ดังนั้น f 1 2 1
4) ให้ d f 1 3
จะได้ว่า f d f f 1 3 3
จาก f x 1 3 x 2
จะได้ว่า f d 1 3 d 2 3 นั่นคือ d 62
ดังนั้น f 1 3 62
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
22. 1) ข้อสรุปของบุปผาไม่ถูกต้อง
แนวคิดที่ 1 เนื่องจาก มี 0, 0 ซึง่ 0, 0 r แต่ 0, 0 r 1 2
แนวคิดที่ 2 จาก xy = 2x
จะได้ xy 2 x = 0
x y 2 = 0
นั่นคือ x0 หรือ y2
ดังนั้น r1 x, y y 2 หรือ x 0
จะเห็นว่า r1 r2 ซึ่งขัดแย้งกับข้อสรุปของบุปผา
2) การให้เหตุผลและข้อสรุปของผกาถูกต้อง
จากสมการ x2 y 1 ผกาตรวจสอบแล้วว่า x2 0
จึงได้ว่าการหารสมการดังกล่าวด้วย x2 จึงไม่ทาให้สมการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น จาก x2 y 1 จึงสามารถสรุปได้ว่า y
1
x2
1.7 เฉลยแบบฝึกหัด
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 แบ่งการเฉลยแบบฝึกหัดเป็น
2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เฉลยคาตอบ และส่วนที่ 2 เฉลยคาตอบพร้อมวิธีทาอย่างละเอียด ซึ่งเฉลย
แบบฝึกหัดที่อยู่ในส่วนนี้เป็นการเฉลยคาตอบของแบบฝึกหัด โดยไม่ได้นาเสนอวิธีทา อย่างไรก็ตาม
ครูสามารถศึกษาวิธีทาโดยละเอียดของแบบฝึกหัดได้ในส่วนท้ายของคู่มือครูเล่มนี้
แบบฝึกหัด 1.1
B A 3, 1 , 3, 2 , 6, 1 , 6, 2 , 7, 1 , 7, 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 59
2) A B a, e , a, f , b, e , b, f , c, e , c, f
B A e, a , e, b , e, c , f , a , f , b , f , c
3) A B 3,1 , 3, 2 , 3,3 , 2,1 , 2, 2 , 2,3 , 1,1 , 1, 2 , 1,3
2. 1) จานวนสมาชิกของ A B คือ n m mn
จานวนสมาชิกของ B A คือ m n mn
จานวนสมาชิกของ A A คือ n n n2
จานวนสมาชิกของ B B คือ m m m2
5. 1) r 2, 0 , 2, 1 , 4, 0 , 4, 1 , 4, 2
2) r x, y A B x y
6. r1 1, 5 , 2, 4 , 3, 3 , 4, 2 , 5, 1
D r 1 1, 2, 3, 4, 5 S
Rr 1 1, 2, 3, 4, 5 S
r2 3, 3 , 4, 3 , 5, 3
D r 2 3, 4, 5
Rr 2 3
r3
D r3
Rr 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
7. 1) D r 3, 2, 1, 0, 1, 2, 3 2) D m 2, 1, 0, 1, 2
R r 0, 1, 4, 9 จ
R m 0, 1, 2
3) Dn , 2, 1, 0, 1, 2, 4) Dp
Rn จ Rp 2
5) Dq 6) Ds
R q 1, จ Rs 0 จ
7) Dt 8) D v 1, 1
R t 2, จ R v 0, 1 จ
9) Dw 2
Rw 0 จ
8. 1) r 1 2, 1 , 3, 4 , 2, 2 , 1, 2 , 1, 3
Dr 1 1, 2, 3
Rr 1 1, 2, 3, 4 จ
2) r 1 , 4, 5 , 2, 3 , 0, 1 , 2, 1 , 4, 3 , 6, 5 ,
Dr 1 0, 2, 4, 6,
Rr 1 , 5, 3, 1, 1, 3, 5, จ
2 x
3) r 1 x, y y
3
D r 1
R r 1 จ
4) r 1 x, y xy 1
D r 1 0
R r 1 0 จ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 61
9. 1)
2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
3)
แบบฝึกหัด 1.2ก
1. 1) เป็นฟังก์ชัน 2) เป็นฟังก์ชัน
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน 4) เป็นฟังก์ชัน
2. 1) เป็นฟังก์ชัน 2) เป็นฟังก์ชัน
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน 4) เป็นฟังก์ชัน
5) เป็นฟังก์ชัน 6) ไม่เป็นฟังก์ชัน
7) เป็นฟังก์ชัน 8) ไม่เป็นฟังก์ชัน
3. 1) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะมีคู่อันดับที่มีสมาชิกตัวหน้าเหมือนกัน แต่สมาชิกตัวหลังต่างกัน
คือ 3,b และ 3,c
2) เป็นฟังก์ชัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 63
3) เป็นฟังก์ชัน
4) เป็นฟังก์ชัน
5) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะจาก x, y x2 y 2 4 พบว่า 0 ซึ่งอยู่ในโดเมนจับคู่กับ 2
และ 2 ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
6) เป็นฟังก์ชัน
7) เป็นฟังก์ชัน
8) เป็นฟังก์ชัน
9) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะจาก x, y x y 3 พบว่า 0 ซึ่งอยู่ในโดเมน
จับคู่กับ 3 และ 3 ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
4. 1) เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B 2) ไม่เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B
3) เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B 4) เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B
5. 1) f a 2 2) f a 1
f b 4 f b 4
f c 3 f c 1
f d 1 f d 3
6. 1) f 2, 4 , 1, 1 , 0, 0 , 1, 1 , 2, 4
4 4
2) f 2, , 1, 1 , 0, 0 , 1, 1 , 2,
5 5
3) f 2, 0 , 1, 1 , 0, 2 , 1, 3 , 2, 2
4) f 2, 1 , 1, 0 , 0, 1 , 1, 2 , 2, 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
7. f 2 1
f 0 1
f 1 1
1
f 1
2
f 3 3
f 9 2
f 3 h f 3 2 3 1 เมื่อ h0
8. 1) f 3 2 ไม่เท่ากับ f 3 f 2
2) f 3 2 ไม่เท่ากับ f 3 f 2
9. 1) Df 0, 1, 2 และ R f 0, 2, 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 65
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
4) D f 0, 3, 4, 5 และ R f 0, 3, 4, 5
1
10. 1) Df และ Rf
2
2) D f 2, และ R f 0,
3) Df และ R f 1,
4) Df และ R f 0,
5) ไม่เป็นฟังก์ชัน
11. R h y 6 y 10
5) f4 และ f6 6) f2 และ f5
7) f7 8) f7
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 67
13. 1) f ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
2) g เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
3) h ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
แบบฝึกหัด 1.2ข
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบฝึกหัด 1.3ก
1. 1) ข 2) ก 3) ค
2. 1) f x 2.54 x เป็นฟังก์ชันของความยาวที่มีหน่วยเป็นเซนติเมตร
เมื่อ x เป็นความยาวที่มีหน่วยเป็นนิ้ว ก
(เซนติเมตร)
(นิ้ว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 69
(กิโลกรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
(บาท)
แบบฝึกหัด 1.3ข
1. 1) ฌ 2) ญ
3) ซ 4) ช
5) ฉ 6) ข
7) จ 8) ค
9) ง 10) ก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 71
2. 1)
Df และ R f 9,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
Df และ R f , 1
Df และ R f , 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 73
4)
Df และ R f 1,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบฝึกหัด 1.4ก
1. 1) Df และ Rf
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 75
2) Df และ R f 1,
เมื่อ
เมื่อ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
4) Df และ R f 0,
0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 77
(บาท)
(กิโลกรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
(บาท)
(กรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 79
แบบฝึกหัด 1.4ข
1. 1)
2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
3)
4)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 81
5)
6)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
y x 3 2
2
2. 1)
y x 5 1
3
2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 83
1
3) y x 2
2
4) y x 1 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบฝึกหัด 1.5
f g x x2 x – 2
f g x x2 x 2
fg x x3 2 x2
f x2
x
g x–2
2) โดเมนของ f คือ 3,3 และโดเมนของ g คือ , 2 2 ,
โดเมนของ f
g
คือ 3, 2
2, 3
f g x 9 x2 x2 2
f g x 9 x2 x2 2
fg x x4 11x2 18
f 9 x2
x
g x2 2
3) โดเมนของ f คือ และโดเมนของ g คือ
โดเมนของ f g, f g และ fg คือ
f
โดเมนของ คือ
g
f g x x3 7 x2 1
f g x x3 x2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 85
fg x 3x5 12 x4 x3 4 x2
f x3 4 x 2
x
g 3x 2 1
4) โดเมนของ f คือ 0 และโดเมนของ g คือ 2
2, 0
f
โดเมนของ คือ
g
4 2x
f g x
x2 2 x
6x 4
f g x 2
x 2x
8
fg x 2
x 2x
f x 2
x
g 2x
f g x x2 1 1 x
f g x x2 1 1 x
fg x x3 x 2 x 1
f x2 1
x
g 1 x
2, 0, 1
f
โดเมนของ คือ
g
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
x 2 3x 1
f g x
x2 x 2
x2 x 1
f g x
x2 x 2
x
fg x 2
x x2
f x 1
x 2
g x 2x
2. 1) โดเมนของ f คือ 0, 2
2) โดเมนของ f คือ 2,0 0,
3) โดเมนของ f คือ 4,
4) โดเมนของ f คือ 5,1 1,
3. 1) f g 0 2 และ g f 0 24
2) f f 4 16 และ g g 1 1
3) f g –2 14 และ g f –2 120
4) f f –1 29 และ g g 2 8
4. 1) f g 3, 3 , 2, 6 2) f g 3, 1 , 2, 6
3) g f 3, 1 , 2, 6 4) fg 3, 2 , 2, 0
f 1
3, , 2, 0 3, 2
g
5) 6)
g 2 f
7) f g 3, 0 , 1, 0 8) g f 3, 2
9) f h 1, 4 10) h f 3, 0
5. 1) f g x 12 x 1 โดยที่ D f g
g f x 12 x 7 โดยที่ Dg f
f f x 9x 8 โดยที่ D f f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 87
g g x 16 x 5 โดยที่ Dg g
2) f g x x2 10 x 25 โดยที่ D f g
g f x x2 5 โดยที่ Dg f
f f x x4 โดยที่ D f f
g g x x 10 โดยที่ Dg g
1 3
3) f g x โดยที่ D f
2x 3
g
2
2
g f x 3 โดยที่ D g f 0
x
f f x x โดยที่ D f f 0
g g x 4x 9 โดยที่ Dg g
4) f g x 2x 5 โดยที่ D f g
g f x 2 x 5 โดยที่ Dg f
f f x x โดยที่ D f f
g g x 4 x 15 โดยที่ Dg g
2x 2 3
5) f g x โดยที่ D f
2x 3
g
2
2 x
g f x โดยที่ D g f 0
x
2x 1
f f x โดยที่ D f 1, 0
x 1
f
g g x 4x 9 โดยที่ Dg g
6) f g x 6 x โดยที่ Df g 0,
g f x 6 x โดยที่ Dg f 0,
f f x 9 x โดยที่ D f f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
g g x 4 x โดยที่ Dg g 0,
0,
4
6. f g h x x 5 4 โดยที่ D f g h
h x x 5 0,
4
f g 4 โดยที่ D f g h
7. 1) f x x8 และ g x x 9 2) f x x 5 และ g x x
x
3) f x และ g x x2 4) f x
1
และ g x x 10
x2 x
5) f x 1 x และ g x x5 6) f x 2 x และ g x x
8. f ( x) x 2 6
แบบฝึกหัด 1.6
1. 1) f 1 10 3 2) f (4) 3
3) f 1 (18) 10 4) f (3) 4
5
5) f 1 (10) 6) f 1 (12) 2
2
x5
2. 1) f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x
2
2) f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x
1
x
3) f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x x 4, x 4
4) f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x
1
3
x
มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x x 1 , x 1
2
5) f
3. 1) f 1 x 5 x
2) f 1 x 5 x
5 x
3) f 1 x เมื่อ x
2
3x 2 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 89
4) f 1 x 5 x เมื่อ x5
5) f 1 x x 2 2 x โดยที่ D f 1 1,
x6
4. (ก) f 1 x
3
(ข) f 1 x 3 x 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
(ค) f 1 x 9 x
(ง) f 1 x x 2 3 โดยที่ D f 1 0,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 91
5. f มีฟังก์ชันผกผัน และ f 1 x 3 x
6. f ไม่มีฟังก์ชันผกผัน
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. r ไม่เป็นความสัมพันธ์บนเซต E ด
2. 1) D r 0, และ Rr
2) Dr และ Rr
3) D r 0, และ R r , 0
4) Dr และ R r 0,
5) Dr , 1 1, และ R r 0,
6) Dr 1 และ R r 0,
7) Dr 5 และ Rr 3
D r 3, 3 1
8) และ Rr ,
3
3. 1) r 1 2, 2 , 3, 2 , 4, 1 , 2, 3 , 3, 3
D r 1 2, 3, 4 และ R r 1 1, 2, 3
1 x
2) r 1 x, y y
2
Dr 1 และ Rr 1
3) r 1 x, y x 0 และ y x2
D r 1 0, และ R r 1 0,
4) r 1 x, y yx
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
Dr 1 และ Rr 1
4. 1)
2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 93
3)
6. 1) เป็นฟังก์ชัน 2) เป็นฟังก์ชัน
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน 4) ไม่เป็นฟังก์ชัน
7. 1) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะพบว่า 4 ซึ่งอยู่ในโดเมนจับคู่กับ d และ e ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
2) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะพบว่า 1 อยู่ในโดเมนจับคู่กับ 1, 2 และ 3 ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะพบว่า 3 ซึ่งอยู่ในโดเมน จับคู่กับสมาชิกทุกตัวในเรนจ์
4) เป็นฟังก์ชัน
5) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะจะมี 0 ซึ่งอยู่ในโดเมนจับคู่กับ 1 และ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
8. f 0 5
f 1 7
f 3 13
f a a 2 3a 5
f x h f x
2x h 3
h
9. 1) Df และ Rf 2) D f 2, และ R f 0,
5) Df และ R f 0,
10. 1) Df และ Rf
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 95
2) Df และ Rf
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
4) Df และ R f 7,
3) f2 4) f3 และ f6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 97
15. 1) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 1, 2
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 3, 1 และ 2, 4
2) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 3, 2 , 1, 1 , 1, 2 และ 3, 4
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 2, 1 และ 2, 3
3) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 3, 1 , 1, 0 และ 2, 4
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 0, 2
4) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 3, 0 และ 1, 3
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 0, 1
16. 1) f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 12 , 2) f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง , 0
3) f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบน 4) f เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 1, 1
17. 1) ฉ 2) ก
3) ง 4) ข
5) จ 6) ค
18. 1) โดเมนของ f g, f g และ fg คือ
f
โดเมนของ คือ 1,1
g
f g x 1 2x
f g x 2 x2 2 x 1
fg x x 4 2 x3 x 2 2 x
f x2 2 x
x
g 1 x2
2) โดเมนของ f g, f g และ fg คือ , 2 2, 3
f
โดเมนของ คือ , 2 2, 3
g
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
f g x x2 4 3 x
f g x x2 4 3 x
fg x x2 4 3 x
f x2 4
x
g 3 x
3) โดเมนของ f g, f g และ fg คือ 1, 1
f
โดเมนของ คือ 1, 1
g
1
f g x x3 1
x 1
2
1
f g x x3 1
x 1
2
x2 x 1
fg x เมื่อ x 1
x 1
f 1
x
g x 2
1 x3 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 99
3) f g 1 2 2 2 4) f f 1 3
g f 2 3 g g 3 3
5) f f x x 1 2 3
g g x g 9 x2
20. 1) f g 1, 1 , 1, 9 2) g h 1, 2 , 2, 2
g 4 f 5
3) 1, 0 , 1, 4) 1,
f 5 h 2
5) hg 1, 8 , 2, 1 6) f h 0, 4 , 2, 1
7) h f 1, 2 8) h g 1, 0 , 2, 2
9) g h 1, 1 , 2, 0
5x
21. 1) f g x 6 โดยที่ Df g
3
5x
g f x 2 โดยที่ Dg f
3
f f x 25x 36 โดยที่ Df f
x
g g x โดยที่ Dg g
9
2) f g x x3 6 x2 12 x 9 โดยที่ Df g
g f x x3 3 โดยที่ Dg f
f f x x 9 3x 6 3x 3 2 โดยที่ Df f
g g x x 4 โดยที่ Dg g
3) f g x x 5 โดยที่ Df g 5,
g f x x2 5 โดยที่ Dg f
f f x x4 โดยที่ Df f
g g x x5 5 โดยที่ Dg g 5,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
4) f g x x 4 4 โดยที่ Df g
g f x x โดยที่ Dg f
f f x x 8 โดยที่ Df f
g g x x 4 4 โดยที่ Dg g
1
5) f g x โดยที่ Df g , 4 0,
x 4x
2
0,
1 4
g f x โดยที่ Dg f
x x
f f x 4 x โดยที่ Df f 0,
g g x x4 8x3 20 x2 16 x โดยที่ Dg g
2x
6) f g x โดยที่ Df 0, 2
x2 g
g f x 1 x โดยที่ Dg f 0
f f x x โดยที่ Df f 0
x2
g g x โดยที่ Dg 0, 2
2 x g
3
1
22. f g h x 1
x 12 1
โดยที่ D f g h
3
1
f g h x 1
x 12 1
โดยที่ Df g h
23. g x x x 1
2
x7 1
25. 1) f 1 x 2) f 1 x 2, x 0
5 x
f 1 x x 5 f 1 x 6 x , x 0
3
3) 4)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 101
x3
26. ก. f 1 x โดยที่ D f 1 3,
5
5 x
ข. f 1 x โดยที่ D f 1 , 5
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ค) f 1 x x 1 2 โดยที่ D f 1 1,
2
ง) f 1 x 3 2 x โดยที่ D f 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 103
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
(บาท)
(ชั่วโมง)
A A A x 1.05 x เป็นฟังก์ชันแสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบกาหนด 3 ปี
3
A A A A x 1.054 x เป็นฟังก์ชันแสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบกาหนด 4 ปี
และฟังก์ชันประกอบของฟังก์ชัน A จานวน n ฟังก์ชัน คือ 1.05n x ซึ่งเป็นฟังก์ชัน
แสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบกาหนด n ปี เมื่อ n แทนจานวนนับ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 105
9
37. 1) f x x 32
5
5 x 32
2) g x
9
3) f และ g เป็นฟังก์ชันผกผันของกันและกัน
4) ประมาณ 47.22 C
5) 86 F
38. 1) V x 10 2 x 15 2 x x
2) DV 0,5
3) กล่องจะมีปริมาตรมากที่สุดเมื่อ x เป็น 2 และกล่องมีปริมาตร 132 ลูกบาศก์นิ้ว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 1 | ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
4)
(ลูกบาศก์นิ้ว)
(นิ้ว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 107
บทที่ 2
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
การศึกษาเรื่องฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม เป็นการศึกษาฟังก์ชันที่อยู่ในรูป
เลขยกกาลัง ซึ่งนักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มมาแล้วใน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เนื้อหาเรื่องฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ที่นาเสนอ
ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 นี้ มีเป้าหมายเพื่อให้
นักเรียนนาความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ไปใช้ในการแก้ปัญหา
โดยบทนี้จ ะเริ่ มด้ว ยการทบทวนความรู้เรื่ องเลขยกกาลั งที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็ม และ
เพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับ รากที่ n ในระบบจานวนจริงและจานวนจริงในรูปกรณฑ์ เลขยกกาลังที่
มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะ ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล สมการและอสมการเอกซ์โพเนนเชียล
ฟังก์ชันลอการิทึม สมการและอสมการลอการิทึม รวมถึงการประยุกต์ของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
และฟังก์ชันลอการิทึม ซึ่งจะทาให้นักเรียนมองเห็นประโยชน์ในการศึกษาเรื่องเหล่านี้ และเชื่อมโยง
กับสถานการณ์ที่สอดคล้องกับชีวิตจริง ในบทเรียนนี้มุ่งให้นักเรียนบรรลุตัวชี้วัด /ผลการเรียนรู้
ตามสาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม และบรรลุจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม
เข้าใจลักษณะกราฟของฟังก์ชัน ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
เอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ฟังก์ชันลอการิทึม
และนาไปใช้ในการแก้ปัญหา สมการเอกซ์โพเนนเชียลและสมการ
แก้สมการเอกซ์โพเนนเชียลและสมการ ลอการิทึม
ลอการิทึม และนาไปใช้ในการแก้ปัญหา
จุดมุ่งหมาย
1. ใช้สมบัติของจานวนจริงในรูปกรณฑ์และจานวนจริงในรูปเลขยกกาลังในการแก้ปัญหา
2. บอกความสัมพันธ์ระหว่างฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3. อธิบายลักษณะกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
4. แก้สมการและอสมการเอกซ์โพเนนเชียล
5. แก้สมการและอสมการลอการิทึม
6. ใช้ความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึมในการแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 109
ความรู้ก่อนหน้า
ความรู้เกี่ยวกับเลขยกกาลังในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
goo.gl/oiG5fp
2.1 เนื้อหาสาระ
1. ให้ a เป็นจานวนจริง และ n เป็นจานวนเต็มบวก
an a a a a
n ตัว
a0 = 1 เมื่อ a0
1
an = เมื่อ a0
an
เรียก an ว่าเลขยกกาลัง
เรียก a ว่าฐานของเลขยกกาลัง และ เรียก n ว่าเลขชี้กาลัง
2. ให้ a, b เป็นจานวนจริงที่ไม่เป็นศูนย์ และ m, n เป็นจานวนเต็ม
1) am an = a
m n
2) a
m n
= a mn
ab
n
3) = a nbn
n
a an
4) b =
bn
am
5) = a mn
an
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
x x
7. ให้ x0 และ y0 จะได้
y y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 111
หมายเหตุ
ถ้า x0 หรือ y0 แล้ว เนื้อหาสาระข้อ 10 และ 11 จะเป็นจริง ก็ต่อเมื่อ
n เป็นจานวนคี่บวกเท่านั้น
ถ้า n เป็นจานวนคี่บวกแล้ว n
x n x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
p
13. ให้ a เป็นจานวนจริง โดยที่ a0 และ r เป็นจานวนตรรกยะ เขียน r
q
ถ้า a q
เป็นจานวนจริง แล้ว a a aq
r q
ทั้งนี้ เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะจะนิยามเมื่อเลขชี้กาลังเขียนอยู่ในรูป
1
เศษส่วนอย่างต่าเท่านั้นและ aq ต้องเป็นจานวนจริง
ในกรณีที่ a0 และ r เป็นจานวนตรรกยะบวก สามารถนิยาม 0r 0
ab
n
3) = a nbn
n
a an
4) b =
bn
am
5) = a mn
an
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 113
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
2.2 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็ม
ครูอาจทบทวนเกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มโดยใช้กิจกรรมการจับกลุ่ม ดังนี้
กิจกรรม : จับกลุ่ม
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูแจกบัตรข้อความให้นักเรียนแต่ละคน คนละ 1 ใบ โดยในบัตรข้อความแต่ละใบแสดง
เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็ม ตัวอย่างเช่น
76 77 78 712 76
6 7
284 75 10
7
2 35
14 5 14 5
1122
28 5
6
14 2
6 6
3432 49
493
20 3 2
6
35
3
1 1
75 1 49 4
5
7 7
9
7
7 2
3 9 9
1 1
2 7
5
7 1 49 4
7 7
9
7
1 7 2 73 72 3433
77 7 2 7 5 49
1 49 1
493 7 79 76
2. ครูให้นักเรียนจับกลุ่มกับเพื่อนที่มีบัตรคาแสดงจานวนเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 115
3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มพิจารณาจานวนในบัตรคาของสมาชิกในกลุ่มเพื่อพิจารณาตรวจสอบ
ความถูกต้อง
4. เมื่อ นั ก เรี ย นทุ กคนจั บ กลุ่ มกั น เรี ย บร้ อ ยแล้ ว ครูและนั กเรียนทุก คนร่ว มกัน ตรวจสอบ
ความถูกต้องของการจับกลุ่ม
หมายเหตุ
ครู อ าจเปลี่ ย นจ านวนในบั ต รค าเป็ น จ านวนอื่ น ๆ โดยสามารถเพิ่ ม จ านวนบั ต รค าให้
เพียงพอกับจานวนนักเรียน
กิจกรรมนี้มีไว้เพื่อทบทวนเกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็ม ซึ่งนักเรียนได้
ศึกษามาแล้วในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น และใช้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน
เกี่ยวกับหัวข้อนี้ได้ด้วย ซึ่งในกรณีที่ครูพบว่านักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับ เลขยกกาลังที่มี
เลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มเป็นอย่างดีแล้ว ครูสามารถสอนเนื้อหาเกี่ยวกับรากที่สองใน
ระบบจานวนจริงซึ่งอยู่ในหัวข้อถัดไปได้โดยไม่ต้องสอนเรื่องนี้อีก
รากที่สองในระบบจานวนจริง
ครูอาจทบทวนเกี่ยวกับ รากที่สองและกรณฑ์ที่สองของจานวนเต็มบวกและการดาเนินการของ
จานวนที่อยู่ในรูปกรณฑ์ที่สองโดยใช้กิจกรรมบิงโก ดังนี้
กิจกรรม : บิงโก
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูเตรียมบัตรข้อความเกี่ยวกับรากที่สองและกรณฑ์ที่สองของจานวนเต็มบวก และ
การดาเนินการของจานวนที่อยู่ในรูปกรณฑ์ที่สอง ตัวอย่างเช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
รากที่สองที่เป็นจานวนลบของ 25 รากที่สองของ 16
รากที่สองที่เป็นจานวนบวกของ 144 รากที่สองที่เป็นจานวนลบของ 64
รากที่สองของ 81 รากที่สองที่เป็นจานวนบวกของ 49
รากที่สองของ 0 กรณฑ์ที่สองของ 1
กรณฑ์ที่สองของ 100 รากที่สองที่เป็นจานวนลบของ 4
รากที่สองของ 9 3 3 3
32 2
2 6 3 6 2 24
27 8
3 48 2
4 169 100
49 11
2
2. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสร้างตารางบิงโกเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 4 4 ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 117
4. ครูเลือกนักเรียนเพื่อเฉลยคาตอบและให้เหตุผลประกอบคาตอบที่ได้ โดยให้นักเรียนทุกคน
ในชั้น เรี ย นร่ วมกันตรวจสอบคาตอบ ในขั้นตอนนี้ครูส ามารถสังเกตความรู้พื้นฐานที่
นักเรียนมีเกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มได้
5. ถ้าตารางบิงโกของนักเรียนมีจานวนที่เป็นคาตอบ ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาทบน
จานวนนั้น
6. ครูและนักเรียนทาซ้าขั้นตอนที่ 3 – 5 จนกระทั่งบัตรข้อความหมด
หมายเหตุ
ครูอาจเปลี่ยนบัตรข้อความหรือจานวนที่ให้นักเรียนเติมลงในตารางบิงโกเป็นแบบอื่น โดย
จานวนที่ให้นักเรียนเติมต้องสอดคล้องกับบัตรข้อความ
กิจกรรมนี้มีไว้เพื่อทบทวนเกี่ยวกับรากที่สองของจานวนจริง ซึ่งนักเรียนได้ศึกษามาแล้วใน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และใช้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับหัวข้อนี้ได้ด้วย
ซึ่งในกรณีทคี่ รูพบว่านักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับรากที่สองของจานวนจริงเป็นอย่างดีแล้ว
ครูสามารถสอนเนื้อหาเกี่ยวกับรากที่ n และค่าหลักของรากที่ n ซึ่งอยู่ในหัวข้อถัดไปได้
โดยไม่ต้องสอนเรื่องนี้อีก
ค่าหลักของรากที่ n
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน
นักเรียนมักเข้าใจผิดว่ารากที่สองของ x มีความหมายเช่นเดียวกับกรณฑ์ที่สองของ x
นักเรียนมักเข้าใจผิดว่ารากที่สองของ x เขียนแทนด้วย x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
สมบัติของรากที่ n
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
หมายเหตุข้อ 3 ท้ายทฤษฎีบท 5
ถ้า x เป็นจานวนจริง และ n เป็นจานวนเต็มที่มากกว่า 1 แล้วจะได้ว่า
1)
n
xn x เมื่อ n เป็นจานวนคู่
2) n
xn x เมื่อ n เป็นจานวนคี่
ทั้งสองข้อนี้มีความสาคัญมาก ครูควรเน้นย้าให้นักเรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อเป็นพื้นฐาน
ในการศึกษาหัวข้อต่อไป
เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะ
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ครู ค วรระมั ด ระวั ง การยกตั ว อย่ า งเลขยกก าลั ง ที่ มี เ ลขชี้ ก าลั ง เป็ น จ านวนตรรกยะตาม
บทนิยาม 5 ในกรณีที่ a0 ซึ่งจะนิยามเฉพาะกรณีที่ n เป็นจานวนคี่เท่านั้น
บทนิ ย ามเกี่ ย วกั บ เลขยกก าลั ง ที่ มี เ ลขชี้ ก าลั ง เป็ น จ านวนตรรกยะตามบทนิ ย าม 6 นั้ น
มีเงื่อนไขสาคัญคือ ห.ร.ม. ของ p และ q เป็น 1 ดังนั้น ครูควรระมัดระวังการยกตัวอย่าง
p
a q
ที่มี ห.ร.ม. ของ p และ q ไม่เป็น 1 หรือต้องเน้นย้ากับนักเรียนให้พิจารณา ห.ร.ม. ของ
p
p และ q และทา ให้เป็นเศษส่วนอย่างต่าก่อนเสมอ
q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 119
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ตัวอย่างที่ 20
จงหาเซตคาตอบของสมการ 2x 3 x
ตัวอย่างที่ 21
จงหาเซตคาตอบของสมการ x 7 8 2x 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.1ข
7. จงทาให้อยู่ในรูปอย่างง่ายและหาค่าประมาณของจานวนต่อไปนี้
แบบฝึกหัดนี้ควรให้นักเรียนจัดรูปจานวนให้อยู่ในรูปที่ตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์ ก่อน แล้วจึงแทน
ค่าประมาณที่กาหนดให้ ซึ่งจะทาให้ได้คาตอบที่ใกล้เคียงกับจานวนที่กาหนดให้ หากแทน
ค่าประมาณของจานวนตามที่โจทย์กาหนดให้ก่อนที่จะจัดรูปจานวนให้อยู่ในรูปที่ตัวส่วนไม่ติด
กรณฑ์ จะทาให้เกิดค่าคลาดเคลื่อนที่มากกว่า ทั้งนี้ครูควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการหา
คาตอบของโจทย์ลักษณะนี้ได้ หากครูนาโจทย์ลักษณะนี้ไปใช้ในการวัดผลประเมินผล ควรเน้น
ที่กระบวนการหาคาตอบมากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย หรืออนุญาตให้นักเรียนเขียนคาตอบโดย
ติดอยู่ในรูปค่าประมาณที่กาหนดให้ โดยไม่ต้องคานวณ
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
บทนาของหัวข้อนี้มีไว้เพื่อขยายขอบเขตความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับเลขยกกาลัง จาก
เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะซึ่งนักเรียนได้เรียนในหัวข้อก่อนหน้านี้ เพื่อ
นาไปสู่เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนจริง ซึ่งจะเชื่อมโยงไปสู่บทนิยามของฟังก์ชัน
เอกซ์โพเนนเชียล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 121
ครูอาจเสริมความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล f x a x เมื่อ
a 1 ได้ โดยให้นักเรียนทากิจกรรมสารวจกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล (1) ดังนี้
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูจับคู่นักเรียนแบบคละความสามารถ จากนั้นให้นักเรียนเปิดเว็บไซต์ ipst.me/9046
2) คลิกลากปุ่มบนสไลเดอร์ x
แล้วพิจารณาว่า
เมื่อ x เปลี่ยนจากน้อยไปมาก ค่าของ f x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อ x เป็นจานวนจริงบวกและเพิ่มขึ้น ค่าของ f x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อ x เป็นจานวนจริงลบและลดลง ค่าของ f x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
3. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่สารวจกราฟของฟังก์ชัน f x a เมื่อ a เป็นค่าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ 2 โดย
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ครูอาจเสริมความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล f x a x เมื่อ
0 a 1 ได้ โดยให้นักเรียนทากิจกรรมสารวจกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล (2) ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 123
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูจับคู่นักเรียนแบบคละความสามารถ จากนัน้ ให้นักเรียนเปิดเว็บไซต์ ipst.me/9046
x
แล้วพิจารณาว่า
เมื่อ x เปลี่ยนจากน้อยไปมาก ค่าของ g x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อ x เป็นจานวนจริงบวกและเพิ่มขึ้น ค่าของ g x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อ x เป็นจานวนจริงลบและลดลง ค่าของ g x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
5. ครู ให้ นั กเรี ยนแต่ ล ะคู่ ป รั บสไลเดอร์ a จากน้ อยไปมาก เพื่ อส ารวจกราฟของฟั งก์ ชั น
g x bx เมื่อ b 1 แล้วพิจารณาว่า
a
เมื่อ a เพิ่มขึ้นหรือ b ลดลง ลักษณะของกราฟ g x a x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
กราฟตัดแกน Y หรือไม่ ถ้าตัด จงหาจุดที่กราฟตัดแกน Y
กราฟตัดแกน X หรือไม่ ถ้าตัด จงหาจุดที่กราฟตัดแกน X ถ้าไม่ตัด จงหาเส้นกากับ
แนวนอน
6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับข้อสังเกตที่ได้ในข้อ 5 เพื่อให้ได้ข้อสรุปสาหรับกราฟ
ของฟังก์ชัน g x b เมื่อ 0 b 1 ดังนี้
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 125
กิจกรรม : สารวจการเลื่อนกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูจับคู่นักเรียนแบบคละความสามารถ จากนั้นให้นักเรียนเปิดเว็บไซต์ ipst.me/9047
เทียบกับกราฟของ f x 2x
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับข้อสังเกตที่ได้ในข้อ 2 เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า
เมื่อ c0 กราฟของ g x 2x c เกิดจากการเลื่อนกราฟของ f x 2x ขึ้น
เมื่อ c 0 กราฟของ g x 2x c เกิดจากการเลื่อนกราฟของ f x 2x ลง
4. ครูให้นักเรียนกาหนดสไลเดอร์ c เป็นค่าใดค่าหนึ่ง จากนั้นปรับสไลเดอร์ x พร้อมสังเกต
ผลต่างของ f x กับ g x เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อเทียบกับกราฟของ f x 2x
โดยให้นักเรียนบันทึกลงในตารางต่อไปนี้
c x ค่าของ g x ค่าของ f x ผลต่างของ f x กับ g x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ทางซ้าย c หน่วย
เมื่ อ c0 กราฟของ h x 2xc เกิ ด จากการเลื่ อ นกราฟของ f x 2x ไป
ทางขวา c หน่วย
สมการและอสมการเอกซ์โพเนนเชียล
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ครูควรทบทวนเรื่องฟังก์ชัน 1 1 เนื่องจากเป็นพื้นฐานสาคัญที่นาไปใช้ในการแก้สมการ
เอกซ์โพเนนเชียลตามตัวอย่างที่ 26 – 27 และ 30
ครูควรทบทวนเรื่องฟังก์ชันเพิ่มและฟังก์ชันลด เนื่องจากเป็นพื้นฐานสาคัญที่นาไปใช้ในการ
แก้อสมการเอกซ์โพเนนเชียลตามตัวอย่างที่ 28 – 29
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 127
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.2
4. จงจับคู่ฟังก์ชันในแต่ละข้อต่อไปนี้กับกราฟในข้อ (ก) – (จ)
แบบฝึกหัดนี้ไม่ได้เน้นเกี่ยวกับการเขียนกราฟแต่มีไว้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน
เกี่ยวกับเชื่อมโยงกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลกับการเลื่อนกราฟ ซึ่งนักเรียนมีพื้นฐาน
เกี่ยวกับการเลื่อนกราฟมาแล้วจากที่ได้ศึกษาในเรื่องเทคนิคการเขียนกราฟโดยการเลื่อนกราฟ
ในหนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม คณิ ต ศาสตร์ ชั้ น มั ธ ยมศึ ก ษาปี ที่ 4 เล่ ม 2 บทที่ 1
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ฟังก์ชันลอการิทึม
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
สมการและอสมการลอการิทึม
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 129
การประยุกต์ของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
2.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
กิจกรรม : ปัญหาพระราชา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 131
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. เติมจานวนเมล็ดข้าวลงในตารางให้สมบูรณ์
กระดานหมากรุกช่องที่ จานวนเมล็ดข้าว จานวนเมล็ดข้าวสะสม
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
2. ใช้ข้อมูลจากตารางในข้อ 1 เขียนฟังก์ชันแสดงจานวนเมล็ดข้าวสาหรับกระดานหมากรุกช่องที่ n
3. พระราชาต้องหาเมล็ดข้าวจานวนเท่าใดสาหรับช่องกระดานช่องสุดท้ายของกระดานหมากรุก
4. ใช้ข้อมูลจากตารางในข้อ 1 เขียนฟังก์ชันแสดงจานวนเมล็ดข้าวสะสมช่องที่ 1 จนถึงช่องที่ n
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
เฉลยกิจกรรม : ปัญหาพระราชา
1.
กระดานหมากรุกช่องที่ จานวนเมล็ดข้าว จานวนเมล็ดข้าวสะสม
1 1 1
2 2 3
3 4 7
4 8 15
5 16 31
6 32 63
7 64 127
8 128 255
9 256 511
10 512 1023
7. 254.4 ปี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 133
แนวทางการจัดกิจกรรม : ปัญหาพระราชา
เวลาในการจัดกิจกรรม 50 นาที
กิจ กรรมนี้ เสนอไว้ให้ นักเรี ย นใช้ความรู้ เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โ พเนนเชียล เพื่อแก้ปัญหาใน
สถานการณ์ที่ กาหนดให้ โดยกิจ กรรมนี้ มี สื่ อ /แหล่ งการเรี ยนรู้ และขั้ นตอนการดาเนิ น
กิจกรรม ดังนี้
สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรม “ปัญหาพระราชา”
2. เครื่องคานวณ
ขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ กลุ่มละ 3 – 4 คน
2. ครูแจกใบกิจกรรมปัญหาพระราชาให้กับนักเรียนทุกคนแล้วให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์
ปัญหา จากนั้นครูนาอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาเพื่อให้นักเรียนทุกคนเข้าใจตรงกัน
3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตอบคาถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 1 – 7
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
กิจกรรม : ซอมบี้บุก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 135
5. เขียนฟังก์ชันแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและจานวนซอมบี้
6. สมมติประเทศไทยมีจานวนประชากร 69,000,000 คน คนทั้งประเทศจะกลายเป็นซอมบี้
ภายในเวลาเท่าใด
7. สมมติจานวนประชากรโลกมีทั้งหมด 7,570,000,000 คน คนทั้งโลกจะกลายเป็นซอมบี้
ภายในเวลาเท่าใด
8. ถ้าตอนเริ่มต้นมีซอมบี้ 12 ตัว และซอมบี้เคลื่อนที่เร็ว ทาให้ซอมบี้แต่ละตัวสามารถแพร่เชื้อ
ให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับเชื้อจานวน 5 คนต่อวัน คนทั้งโลกจะกลายเป็นซอมบี้ภายในเวลาเท่าใด
9. ถ้าให้นักเรียนเลือกระหว่างสถานการณ์ที่มีจานวนซอมบี้เริ่มต้นมาก ๆ โดยซอมบี้แต่ละตัว
เคลื่อนที่ช้า ทาให้ แต่ล ะวันแพร่ เชื้ อได้จานวนไม่มาก กับสถานการณ์ที่มีจานวนซอมบี้
เริ่มต้นน้อย แต่ซอมบี้แต่ละตัวเคลื่อนที่เร็ว ทาให้แต่ละวันแพร่เชื้อได้ จานวนมาก นักเรียน
จะเลือกสถานการณ์ใด เพราะเหตุใด
10. สมมติ ว่ า สามารถกั ก บริ เ วณท าให้ ซ อมบี้ ห ยุ ด การแพร่ เ ชื้ อ ได้ ในขณะที่ ซอมบี้มีจ านวน
7,500,000,000 ตัว และมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์คิดค้นสารที่ทาให้ซอมบี้กลับมาเป็นคนได้เมื่อ
พ่ นสารลงไปบนตั วซอมบี้ โดยสารนี้ ได้ ผ ล 20% นั่ นคื อ ซอมบี้ ที่ ได้ รั บ สารนี้ 100 ตั ว
จะกลับมาเป็นคนได้ 20 คน ถ้าพ่นสารให้ซอมบี้หนึ่งครั้งต่อวัน ในเวลา 10 วัน จะมีซอมบี้
เหลือเท่าใด ให้นักเรียนเติมตารางด้านล่างให้สมบูรณ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 137
เฉลยกิจกรรม : ซอมบี้บุก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 139
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 141
แนวทางการจัดกิจกรรม : ซอมบี้บุก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าวันนี้เป็นวันแรกที่พบซอมบี้ติดเชื้อ ดังนั้นจึงกาหนดให้วันนี้เป็นวันที่ 0
ซึ่งมีซอมบี้จานวน 5 ตัว
4. ครูให้สัญญาณว่าเป็นวันที่ 1 และให้นักเรียนที่เป็นซอมบี้นาหนังยางไปใส่ไว้ที่ข้อมือของ
เพื่อนตามเงื่อนไขในสถานการณ์
5. ครูถามนักเรียนว่าในขณะนี้มีซอมบี้ในห้องทั้งหมดกี่ตัว จากนั้นครูให้นักเรียนเติมจานวน
ซอมบี้ของวันที่ 1 ลงในตารางที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 2
6. ครูและนักเรียนทาซ้าข้อ 4 และ 5 จนกระทั่งถึงวันที่ 2 หรือ 3 ขึ้นกับจานวนนักเรียนในห้อง
7. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นเติ ม ข้ อ มู ล ลงในตารางที่ ป รากฏในขั้ น ตอนการปฏิ บั ติ กิ จ กรรมข้ อ 2
ให้สมบูรณ์ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบคาตอบ
8. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ กลุ่มละ 3 – 4 คน และให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม
ร่วมกันตอบคาถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 3 – 15 ในใบกิจกรรม โดยให้
นักเรียนแต่ละกลุ่มตอบคาถามและร่วมกันตรวจสอบคาตอบทีละข้อ โดยครูต้องคานึงถึง
ประเด็นสาคัญต่อไปนี้
ในการตอบคาถามข้อ 5 ที่ปรากฏในใบกิจกรรม ครูควรส่งเสริมให้นักเรียนเขียนข้อมูล
ในตารางที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 2 เป็นแบบรูป เช่น
วันที่ จานวนซอมบี้ (ตัว)
0 5
1 5 5 2 5 3
2 15 15 2 5 32
3 45 45 2 5 33
ซึ่งจะทาให้นักเรียนเข้าใจว่าคาตอบที่ได้คือ y 5 3x เชื่อมโยงกับสถานการณ์
ที่กาหนดให้อย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 143
กิจกรรม : สารวจการลดอุณหภูมิของน้าร้อน
อุปกรณ์
1. แก้วบรรจุน้าร้อนปริมาตรประมาณ 20 มิลลิลิตร
2. เทอร์มอมิเตอร์
3. นาฬิกาจับเวลา (หน่วยเป็นวินาที)
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. บันทึกอุณหภูมิห้องที่อ่านได้จากเทอร์มอมิเตอร์
2. นาเทอร์มอมิเตอร์จุ่มลงในแก้วบรรจุน้าร้อนที่มีอุณหภูมิไม่ต่ากว่า 60 องศาเซลเซียส
3. เมื่อระดับของเหลวของเทอร์มอมิเตอร์หยุดนิ่ง ให้เริ่มจับเวลา และอ่านอุณหภูมิ
4. บันทึกอุณหภูมิที่อ่านได้จากเทอร์มอมิเตอร์ทุก ๆ 30 วินาที
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
วินาทีที่
0 30 60 90 120 150 180 210 240 270 300
x
อุณหภูมิ
y
วินาทีที่
330 360 390 420 450 480 510 540 570 600 630
x
อุณหภูมิ
y
วินาทีที่
660 690 720 750 780 810 840 870 900 930 960
x
อุณหภูมิ
y
วินาทีที่
990 1,020 1,050 1,080 1,110 1,140 1,170 1,200
x
อุณหภูมิ
y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 145
6. จากกราฟที่ได้ในข้อ 5
6.1 เมื่อเวลาผ่านไป อุณหภูมิของน้ามีค่าเข้าใกล้ค่าใด เพราะเหตุใด
6.2 ความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและอุณหภูมิของน้ามีกราฟเป็นลักษณะใด เพราะเหตุใด
7. จากข้ อ 6 สมมติ ว่ า สมการแสดงความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งเวลาและอุ ณ หภู มิ ข องน้ า คื อ
y k ab x โดยที่ k แทนอุณหภูมิห้อง และ a, b เป็นค่าคงตัว ซึ่งหาได้โดยการทาตาม
ขั้นตอนต่อไปนี้
7.1 เขียนกราฟของความสัมพันธ์ระหว่างเวลา x และ log y k
7.2 กราฟที่ได้ในข้อ 7.1 ใกล้เคียงกับกราฟเชิงเส้น เพราะเหตุใด หาสมการแสดงความสัมพันธ์นี้
7.3 จากสมการแสดงความสัมพันธ์ที่ได้ในข้อ 7.2 หาค่า a และ b และหาสมการแสดง
ความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและอุณหภูมิของน้า
7.4 เขียนกราฟของสมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและอุณหภูมิของน้าที่ได้ในข้อ
7.3 ลงในกราฟข้อ 5 เพื่อเปรียบเทียบว่ากราฟของสมการแสดงความสัมพันธ์ ระหว่าง
เวลาและอุณหภูมิของน้าที่ได้ใกล้เคียงกับข้อมูลที่ได้จากการทดลองหรือไม่
เฉลยกิจกรรม : สารวจการลดอุณหภูมิของน้าร้อน
1. อุณหภูมิห้องที่บันทึกได้คือ 29 องศาเซลเซียส
หมายเหตุ คาตอบขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องในขณะที่ผู้เรียนทาการทดลอง
2. –
3. –
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
4.
วินาทีที่
0 30 60 90 120 150 180 210 240 270 300
x
อุณหภูมิ
60 58.5 57.2 56 54.9 53.5 52.5 51.5 50.5 50 49
y
วินาทีที่
330 360 390 420 450 480 510 540 570 600 630
x
อุณหภูมิ
48.2 47.5 46.9 46 45.5 45 44.4 44 43.3 43 42.3
y
วินาทีที่
660 690 720 750 780 810 840 870 900 930 960
x
อุณหภูมิ
42 41.3 41 40.8 40.2 40 39.5 39.1 38.9 38.5 38.2
y
วินาทีที่
990 1,020 1,050 1,080 1,110 1,140 1,170 1,200
x
อุณหภูมิ
38 37.8 37.5 37.2 36.9 36.6 36.3 36
y
หมายเหตุ คาตอบขึ้นอยู่กับการทดลองของนักเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 147
5.
(อุณหภูมิ: องศาเซลเซียส)
(เวลา: วินาที)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
7. 7.1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 149
จะได้ log a 1.4642 และ log b 0.0005 นั่นคือ a 101.4642 ซึ่ งมีค่าประมาณ
29. 1206 และ b 100.0005 ซึ่ ง มี ค่ า ประมาณ 0.9988 และจากข้ อ 1 บั น ทึ ก
อุณหภูมิห้องได้เป็น 29 องศาเซลเซียส ดังนั้น สมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลา
และอุณหภูมิของน้าคือ y 29 29.1206(0.9988) x
แนวทางการจัดกิจกรรม : สารวจการลดอุณหภูมิของน้าร้อน
เวลาในการจัดกิจกรรม 50 นาที
กิจ กรรมนี้ เสนอไว้ให้นั กเรีย นเชื่อมโยงและใช้ความรู้ เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โ พเนนเชียลและ
ฟังก์ชันลอการิทึม เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน โดยกิจกรรมนี้
มีสื่อ/แหล่งการเรียนรู้ และขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรม “สารวจการลดอุณหภูมิของน้าร้อน”
2. ใบความรู้เรื่องการถ่ายโอนความร้อน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ขั้นตอนการดาเนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถกลุ่มละ 3 – 4 คน
2. ครูแจกใบกิจกรรม “สารวจการลดอุณหภูมิของน้าร้อน” ให้กับนักเรียนทุกคน แล้วให้นักเรียน
ศึกษาขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 1 – 4 ในใบกิจกรรม
3. ครูให้นักเรียนลงมือทากิจกรรมตามขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 1 – 4 ในใบกิจกรรม โดย
ในระหว่างที่นักเรียนทากิจกรรมครูควรเดินดูนักเรียนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม และคอยชี้แนะเมื่อ
นักเรียนพบปัญหา
4. เมื่อนักเรียนทุกกลุ่มปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 1 – 4 ในใบกิจกรรมเรียบร้อย
แล้ว ครูให้นักเรียนลงมือเขียนกราฟตามขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 5 ในใบกิจกรรม
โดยครูควรส่งเสริมให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีในการเขียนกราฟ ทั้งนี้ผลการทดลองของนักเรียน
แต่ละกลุ่มอาจแตกต่างกัน แต่แนวโน้มของกราฟควรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
5. ในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 6 ในใบกิจกรรม ครูควรให้นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง
การถ่ายโอนความร้อนจากใบความรู้ จากนั้นจึงให้นักเรียนตอบคาถามที่ปรากฏในขั้นตอน
การปฏิบัติข้อ 6 ในใบกิจกรรม
6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาตอบของคาถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติ
กิจกรรมข้อ 6 ในใบกิจกรรม โดยมีประเด็นสาคัญดังนี้
ในการตอบคาถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 6.1 ในใบกิจกรรม นักเรียนควร
เชื่อมโยงคาตอบที่ได้กับข้อเท็จจริงของการถ่ายโอนความร้อน
ในการตอบคาถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมข้อ 6.2 ในใบกิจกรรม นักเรียน
ควรตั้งข้อสังเกตได้ว่าแนวโน้มของข้อมูลนั้นแสดงได้โดยใช้ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลที่
เป็นฟังก์ชันลด ครูควรสนับสนุนให้นักเรียนให้เหตุผลประกอบคาตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 151
2.4 การวัดผลประเมินผลระหว่างเรียน
การวัดผลระหว่างเรียนเป็นการวัดผลการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนักเรียนแต่ละคนว่ามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ครูสอนมากน้อยเพียงใด การให้
นักเรียนทาแบบฝึกหัดเป็นแนวทางหนึ่งที่ครูอาจใช้เพื่อประเมินผลด้านความรู้ระหว่างเรียนของ
นักเรียน ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ได้นาเสนอ
แบบฝึกหัดที่ครอบคลุมเนื้อหาที่สาคัญของแต่ละบทไว้ สาหรับในบทที่ 2 ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
และฟังก์ชันลอการิทึม ครูอาจใช้แบบฝึกหัดเพื่อวัดผลประเมินผลความรู้ในแต่ละเนื้อหาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
เนื้อหา แบบฝึกหัด
เลขยกก าลั งที่ มีเ ลขชี้ก าลั งเป็ น จ านวนเต็ม และทฤษฎี บ ท 2.1กก ข้อ 1, 2
เกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็ม
รากที่สองของจานวนจริง รากที่ n ของจานวนจริง สมบัติ 2.1กก ข้อ 3 – 5
ของรากที่ n ของจานวนจริง และการหาผลบวกและผลต่าง
ของจานวนจริงในรูปกรณฑ์
เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะ และทฤษฎีบท 2.1ข ข้อ 1, 2
เกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะ
การบวก ลบ คู ณ และหารเลขยกกาลั งที่มี เลขชี้กาลั งเป็ น 2.1ข ข้อ 3 – 7
จานวนตรรกยะ
การแก้สมการที่มีเครื่องหมายกรณฑ์ 2.1ข ข้อ 8, 9
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล 2.2 ข้อ 1 – 4
ค่าของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล 2.2 ข้อ 5
สมการและอสมการเอกซ์โพเนนเชียล 2.2 ข้อ 6 – 9
ฟังก์ชันลอการิทึมและกราฟของฟังก์ชันลอการิทึม 2.3 ข้อ 1, 2, 4, 5
ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลอการิทึม 2.3 ข้อ 3, 6
การหาค่าลอการิทึม 2.4 ข้อ 1
แอนติลอการิทึม 2.4 ข้อ 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 153
เนื้อหา แบบฝึกหัด
2.5 การวิเคราะห์แบบฝึกหัดท้ายบท
หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธ ยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 มีจุดมุ่งหมายว่าเมื่อ
นักเรียนได้เรียนจบบทที่ 2 ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม แล้วนักเรียนสามารถ
1. ใช้สมบัติของจานวนจริงในรูปกรณฑ์และจานวนจริงในรูปเลขยกกาลังในการแก้ปัญหา
2. บอกความสัมพันธ์ระหว่างฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3. อธิบายลักษณะของกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
4. แก้สมการและอสมการเอกซ์โพเนนเชียล
5. แก้สมการและอสมการลอการิทึม
6. ใช้ความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึมในการแก้ปัญหา
ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ได้นาเสนอแบบฝึกหัด
ท้ายบทที่ประกอบด้วยโจทย์เพื่อตรวจสอบความรู้หลังเรียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความรู้ความ
เข้าใจของนักเรียนตามจุดมุ่งหมาย นอกจากนี้ประกอบด้วยโจทย์ฝึกทักษะที่มีความน่าสนใจและ
โจทย์ท้าทาย ครูอาจเลือกใช้แบบฝึกหัดท้ายบทวัดความรู้ความเข้าใจของนักเรียนตามจุดมุ่งหมาย
ของบทเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีความสามารถตามจุดมุ่งหมายเมื่อเรียนจบบทเรียนหรือไม่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ใช้สมบัติของ ใช้ความรู้
บอก อธิบาย
จานวนจริง เกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ ลักษณะของ
ข้อ ในรูปกรณฑ์ ฟังก์ชัน
ข้อ ระหว่าง กราฟของ แก้สมการ แก้สมการ
ย่อย และจานวนจริง
ฟังก์ชัน ฟังก์ชัน และอสมการ และอสมการ เอกซ์โพเนนเชียล
ในรูป
เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล ลอการิทึม และฟังก์ชัน
เลขยกกาลัง
และฟังก์ชัน และฟังก์ชัน ลอการิทมึ ใน
ในการ
ลอการิทึม ลอการิทึม
แก้ปัญหา การแก้ปัญหา
1. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
7)
8)
9)
10)
11)
12)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 155
จุดมุ่งหมาย
ใช้สมบัติของ ใช้ความรู้
บอก อธิบาย
จานวนจริง เกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ ลักษณะของ
ข้อ ในรูปกรณฑ์ ฟังก์ชัน
ข้อ ระหว่าง กราฟของ แก้สมการ แก้สมการ
ย่อย และจานวนจริง
ฟังก์ชัน ฟังก์ชัน และอสมการ และอสมการ เอกซ์โพเนนเชียล
ในรูป
เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล ลอการิทึม และฟังก์ชัน
เลขยกกาลัง
และฟังก์ชัน และฟังก์ชัน ลอการิทมึ ใน
ในการ
ลอการิทึม ลอการิทึม
แก้ปัญหา การแก้ปัญหา
13)
14)
2. 1)
2)
3)
4)
3.
4. 1)
2)
3)
5. 1)
2)
3)
6. ก
ข
ค
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
จุดมุ่งหมาย
ใช้สมบัติของ ใช้ความรู้
บอก อธิบาย
จานวนจริง เกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ ลักษณะของ
ข้อ ในรูปกรณฑ์ ฟังก์ชัน
ข้อ ระหว่าง กราฟของ แก้สมการ แก้สมการ
ย่อย และจานวนจริง
ฟังก์ชัน ฟังก์ชัน และอสมการ และอสมการ เอกซ์โพเนนเชียล
ในรูป
เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล ลอการิทึม และฟังก์ชัน
เลขยกกาลัง
และฟังก์ชัน และฟังก์ชัน ลอการิทมึ ใน
ในการ
ลอการิทึม ลอการิทึม
แก้ปัญหา การแก้ปัญหา
ง
จ
ฉ
7. 1)
2)
3)
4)
8. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
7)
8)
9)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 157
จุดมุ่งหมาย
ใช้สมบัติของ ใช้ความรู้
บอก อธิบาย
จานวนจริง เกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ ลักษณะของ
ข้อ ในรูปกรณฑ์ ฟังก์ชัน
ข้อ ระหว่าง กราฟของ แก้สมการ แก้สมการ
ย่อย และจานวนจริง
ฟังก์ชัน ฟังก์ชัน และอสมการ และอสมการ เอกซ์โพเนนเชียล
ในรูป
เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล เอกซ์โพเนนเชียล ลอการิทึม และฟังก์ชัน
เลขยกกาลัง
และฟังก์ชัน และฟังก์ชัน ลอการิทมึ ใน
ในการ
ลอการิทึม ลอการิทึม
แก้ปัญหา การแก้ปัญหา
10)
9.
10.
11.
12. 1)
2)
13.
14. 1)
2)
15.
16. 1) โจทย์ท้าทาย
2) โจทย์ท้าทาย
17. โจทย์ท้าทาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
2.6 ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบทและเฉลยตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
ในส่วนนี้จะนาเสนอตัวอย่างแบบทดสอบประจาบทที่ 2 ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชัน
ลอการิทึม สาหรับรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ซึ่งครูสามารถ
เลือกนาไปใช้ได้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการวัดผลประเมินผล
ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
1. จงหาเซตคาตอบของสมการต่อไปนี้
1) 4x 2x 1 2x1 2) 4.5x 1.5x 0.5x1
3) 2x 2 x 2
2. จงหาเซตคาตอบของสมการต่อไปนี้
1) log6 x log6 x 5 2 2) log3 2 x2 3
3) log x x 2 2
3. จงหาเซตคาตอบของอสมการต่อไปนี้
1) 6x 1 3x 2x 2) 22 x 1 2x1
3) 22 x 3x
4. จงหาเซตคาตอบของอสมการต่อไปนี้
1) ln x 1 ln x 1 2) log x 1 log x 1
5. จงเขียนจานวนจริงต่อไปนี้ให้อยู่ในรูปอย่างง่าย
1 5 2
1) 2) 3
16 3 4 1
1 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 159
6. จงทาให้เป็นผลสาเร็จ
233
3
1) 3
2 1 3
2 1 2) 3
34 4
7. กาหนดให้ a9 และ b 7 จงหาค่าของ 5
ab4 10 a3b2
a 2a 2
1
8. กาหนดให้ a 1 2 3
จงเขียน ให้อยู่ในรูป m 2n โดยที่ m
a4
และ n เป็นจานวนเต็ม
9. ให้ x และ y เป็นจานวนจริงบวกที่สอดคล้องสมการ 128x 243y 12x 8x 24 y 3x y
x
จงหาค่าของ
y
เมื่อ n t แทนจานวนประชากรเมื่อเวลาผ่านไป t ปี
n0 แทนจานวนประชากรเมื่อเวลาเริ่มต้น
และ r แทนอัตราการเพิ่มขึ้นของจานวนประชากรต่อปี
ถ้าใน พ.ศ. 2547 ประเทศไทยมีประชากร 65 ล้านคน และประชากรได้เพิ่มขึ้นเป็น
69 ล้านคน ใน พ.ศ. 2560
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
1) จงหาอัตราการเพิ่มขึ้นของจานวนประชากรต่อปี
2) สมมติว่าจานวนประชากรเพิ่มขึ้นด้วยอัตราคงที่ ประเทศไทยจะมีประชากร
75 ล้านคน ใน พ.ศ. ใด
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
1. 1) จาก 4x 2x 1 = 2 x1
2x
2 x 2
2x 1 =
2
2
x 2
2
2 1
3 x
= 0
x 1 x
2 2 2 = 0
2
1
เนื่องจาก 2 x 0 ดังนั้น 2 x 0
2
จะได้ 2x 2 = 0
2x = 2
x = 1
ตรวจสอบค่า x ที่ได้ว่าสอดคล้องกับสมการที่กาหนดหรือไม่
แทน x ด้วย 1 ใน 4x 2x 1 2x1
จะได้ 41 21 1 = 211
4 2 1 = 20
1 = 1 เป็นจริง
จะได้ว่า 1 สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 161
0.5
x
2 4.5 1.5
x x x x
= 2
0.5
9 3x x
= 2
3 x 2
3x 2 = 0
3x
2 3x 1 = 0
เนื่องจาก 3x 0 ดังนั้น 3x 2 0
จะได้ 3x 1 = 0
3x = 1
x = 0
ตรวจสอบค่า x ที่ได้ว่าสอดคล้องกับสมการที่กาหนดหรือไม่
แทน x ด้วย 0 ใน 4.5x 1.5x 0.5x1
4.5 1.5 0.5
0 1
จะได้ 0 0
=
1
1
11 =
2
2 = 2 เป็นจริง
จะได้ว่า 0 สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ 0
3) จาก 2 x 2 x = 2
2 x 2 x 2 x = 2x 2
22 x 1 = 2 2x
2
x 2
2 2x 1 = 0
2 1
x 2
= 0
2x 1 = 0
2x = 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
x = 0
ตรวจสอบค่า x ที่ได้ว่าสอดคล้องกับสมการที่กาหนดหรือไม่
แทน x ด้วย 0 ใน 2x 2 x 2
จะได้ 20 20 = 2
11 = 2
2 = 2 เป็นจริง
จะได้ว่า 0 สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ 0
2. 1) จาก log6 x log6 x 5 = 2
log6 x x 5 = 2
x x 5 = 62
x2 5x 36 = 0
x 4 x 9 = 0
จะได้ x 4 หรือ x9
ตรวจสอบค่า x ที่ได้ว่าสอดคล้องกับสมการที่กาหนดหรือไม่
แทน x ด้วย 4 ใน log 6 x
จะได้ว่า x 4 ไม่สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
แทน x ด้วย 9 ใน log6 x log6 x 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 163
2) จาก log3 2 x 2 = 3
2 x2 = 33
x2 25 = 0
x 5 x 5 = 0
จะได้ x5 หรือ x 5
ตรวจสอบค่า x ที่ได้ว่าสอดคล้องกับสมการที่กาหนดหรือไม่
แทน x ด้วย 5 ใน log3 2 x2 3
จะได้ log3 2 52 = 3
log3 27 = 3
log3 33 = 3
3log3 3 = 3
3 = 3 เป็นจริง
จะได้ว่า 5 สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
แทน x ด้วย 5 ใน log3 2 x2 3
= 3
log3 27 = 3
3
log3 3 = 3
3log3 3 = 3
3 = 3 เป็นจริง
จะได้ว่า 5 สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ 5, 5
3) จาก log x x 2 = 2
x2 = x2
x2 x 2 = 0
x 1 x 2 = 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ตรวจสอบค่า x ที่ได้ว่าสอดคล้องกับสมการที่กาหนดหรือไม่
แทน x ด้วย 1 ใน log x x 2
จะได้ว่า 1 ไม่สอดคล้องกับสมการที่กาหนดให้
แทน x ใน log x x 2 2 ด้วย 2
จะได้ log 2 2 2 = 2
log 2 4 = 2
2 = 2 เป็นจริง
จะได้ว่า 2 สอดคล้องกับสมการที่กาหนด
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ 2
3. 1) จาก 6x 1 < 3x 2 x
3x 2 x 1 < 3x 2 x
3x 2x 3x 2x 1 < 0
3 2 3 2 1
x x x x
< 0
3 2 1 2 1
x x x
< 0
3 1 2 1
x x
< 0
วิธีที่ 1 พิจารณากรณีต่อไปนี้
กรณีที่ 1
3x 1 0 และ 2x 1 0
3x 1 และ 2x 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 165
กรณีที่ 2
3x 1 0 และ 2x 1 0
3x 1 และ 2x 1
2) จาก 22 x 1 2 x1
2
x 2
1 2 2x
2 x 2
2 2x 1 0
2 1
2
x
0
เนื่องจาก 2 1 0 เสมอ
x 2
จะได้ 2x = 1
นั่นคือ x = 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3) จาก 22 x 3x
4x 3x
4x
1
3x
x
4
1
3
x 0
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการคือ , 0
4. 1) จาก ln x 1 ln x < 1
x 1
ln < 1
x
x 1
< e1
x
x 1
< e
x x
1
< e 1
x
1
เนื่องจาก เป็นฟังก์ชันลด และ x0 จะได้ว่า
x
1
x >
e 1
1
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ ,
e 1
2) จาก log x 1 log x 1
x 1
log 1
x
x 1
101
x
x 1
10
x x
1
10 1
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 167
1
9
x
1
เนื่องจาก เป็นฟังก์ชันลด และ x0 จะได้ว่า
x
1
x
9
1
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ 0,
9
1 5 2 1 5 2 1 2
5. 1) =
1 2 1 2 1 2
1 4 2 10
=
1 2
9 4 2
=
1
= 94 2
= 92 8
2
= 8 1
= 8 1
= 8 1
2) 3
16 3 4 1 = 2 3 2 3 22 1
2
2
= 3
2 3 2 1
2
= 3
2 1
= 3
2 1
= 3
2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3
6. 1) 3
2 1 3
2 1 = 3
2 1 2 3 3 22 3 3 2 1
= 3 2 1 1
3 3
22 3 2
= 3 3
2 2 3 22 1 3 22 3 2
= 3 1
= 3
2 3 3
233
2) =
3
34 4 3
3 4 22
233
= 3
3 2
233
=
233
= 1
1 1
7. 5
ab4 10 a3b2 = ab a b
4 5 3 2 10
1 1
= a b a b
2 8 10 3 2 10
1
= a b 2 8
a3b2 10
1
= a b 5 10 10
1
= a 2b
1
เนื่องจาก a ด้วย 9 และ b ด้วย 7 ลงใน a 2b จะได้
12
9 7 = 3 7
= 21
a 2a 2
a 2a 2 a 2
8. จาก = 2
a4 a4 a
a3 2
=
a6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 169
a3 2
ใน
1
แทน a 1 2 3
a6
3
1
1 2 2
3
a 2a 2
จะได้ =
1 6
a4
1 2 3
=
1 2 2
1 2
2
1
=
1 2 2 2
1
=
3 2 2
1 32 2
=
3 2 2 3 2 2
3 2 2
=
98
= 3 2 2
2 3 2 3 2 2 3 3 3
7 x 5 y 2 x 3 x 3 y x y
=
27 x 35 y = 22 x 3 x 3 y 3x y x y
27 x 35 y = 25 x 3 y 32 x 2 y
22 x 3 y = 32 x 3 y
22 x 3 y
= 1
32 x 3 y
2 x 3 y 0
2 2
=
3 3
จะได้ 2x 3 y = 0
2x = 3y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
x 3
ดังนั้น =
y 2
ยกกาลังสองทั้งสองข้าง จะได้
10 10 x
x 2
= 102
H3O = 102.3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 171
1 r = 10 13
r = 10 13
1
r 0.0046
ดังนั้น อัตราการเพิ่มขึ้นของจานวนประชากรประมาณ 0.46% ต่อปี
จาก n t n0 1 r
t
2)
จะได้ 69 1 0.0046
t
75 =
75
1.0046
t
=
69
log75 log69 = t log 1.0046
log 75 log 69
t =
log 1.0046
t 18.17
ดังนั้น ประเทศไทยจะมีจานวนประชากร 75 ล้านคน นับจาก พ.ศ. 2560
ไปอีกประมาณ 18 ปี หรือประมาณ พ.ศ. 2578
2.7 เฉลยแบบฝึกหัด
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 แบ่งการเฉลยแบบฝึกหัดเป็น
2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เฉลยคาตอบ และส่วนที่ 2 เฉลยคาตอบพร้อมวิธีทาอย่างละเอียด ซึ่งเฉลย
แบบฝึกหัดที่อยู่ในส่วนนี้เป็นการเฉลยคาตอบของแบบฝึกหัด โดยไม่ได้นาเสนอวิธีทา อย่างไรก็ตาม
ครูสามารถศึกษาวิธีทาโดยละเอียดของแบบฝึกหัดได้ในส่วนท้ายของคู่มือครูเล่มนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
แบบฝึกหัด 2.1ก
1
1. 1) 2) 16x10
8
4 1
3) 4)
b2 a7
2 16x12
5) 6)
ab5 y8
9a 4 1
7) 8)
b6 x y103
2. 1) เป็นจริง
2) เป็นเท็จ เช่น x 2, m 3 และ n2
5) เป็นจริง
1
6) เป็นเท็จ เช่น x และ m2
2
3. 1) 4 2) 4
1
3) 1 4)
2
5) 2 2 x 6) 2x 2
10 15
4. 1) 2)
2 10
35
3) 4) 2
5
3
6 18
5) 6)
4 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 173
5. 1) 11 2 3 5 2) 15 2 30
3) 74 3 4) 12 5 5
5) 5 6) 2
แบบฝึกหัด 2.1ข
1
1. 1) 9 2)
2
1
3) 0.125 4)
25
1
5) 6) 9
5
27 1
7) 8)
64 4
9x 2 1
2. 1) 2)
y4 2x 2 y 3
13 1 2
3) x2 4) x2 y3
3. 1) 63 4 2) 43 3
3) 5 2 4) x x x3 4 x 2
4. 1)
2 2 3
2)
4 9 5 5 7
5 23
153 5 30
3) 4) 8 42 p q
91
5. 1) 4 2)
6 5 3 2
3) 1
6. 1)
2 p p2 q2 2)
2 p p2 q2
3) 6 x 11 4 2 x2 5x 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
7. 1) 0.30323 2) 4.23607
3) 0.6077
8. 1) 64 2) 3
3) 4) 9
5) 6)
7) 8)
9) 10) 7
11) 6 12) 2
9. 1) ระยะทางเฉลี่ยจากดาวเนปจูนไปยังดวงอาทิตย์ประมาณ 30.0831 AU
2) ดาวศุกร์จะมีเวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 0.6109 ปี
แบบฝึกหัด 2.2
1. แสดงการเป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลดและเขียนกราฟของฟังก์ชันได้ดังตารางต่อไปนี้
ฟังก์ชัน
ฟังก์ชันเพิ่ม ฟังก์ชันลด กราฟของฟังก์ชัน
ที่กาหนดให้
1) y 5x –
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 175
ฟังก์ชัน
ฟังก์ชันเพิ่ม ฟังก์ชันลด กราฟของฟังก์ชัน
ที่กาหนดให้
x
1
2) y –
4
3) y 42 x –
2x
1
4) y
3 –
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
ฟังก์ชัน
ฟังก์ชันเพิ่ม ฟังก์ชันลด กราฟของฟังก์ชัน
ที่กาหนดให้
5) y 3 x –
6) y 22 x –
x
4
7) y –
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 177
x
3
8) y –
4
2. 1) y 3x 2) y 5x
x x
1 1
3) y 4) y
4 2
3. 1) 2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
3) 4)
5)
4. 1) ค 2) ก
3) จ 4) ข
5) ง
1
5. 1) 2) 27
4
1295
3) 2 4)
16
3 1
5) 6)
2 72
1
7) 8) 3
8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 179
6. 1) 2 2) 3
1
3) 4) 4
2
5) 3 6) 3
7) , 3 8) , 4
3
9) , 10) 3, 0
2
7. 1) 1, 1 2) 2, 1
3) 1, 2
8. จานวนเริ่มต้นของแบคทีเรีย เท่ากับ 2,000 เซลล์
จานวนของแบคทีเรียเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที ประมาณ 2,401 เซลล์
จานวนของแบคทีเรียเมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที ประมาณ 3,464 เซลล์
จานวนของแบคทีเรียเมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง เท่ากับ 6,000 เซลล์
1
9. k
1600
แบบฝึกหัด 2.3
2
1. 1) 2 2)
3
3) 2 4) 4
5) 4 6) 3
3
7) 2 8)
2
2. 1) 102 100 2) 2 32
5
1
3) 50 1 4) 43
64
2
5) 103 0.001 6) 33 3 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
1
3. 1) 2) 2
3
3) 2 4) 1
5) 24 6) 2
7) 2 8) 4
4. 1) 2)
3) 4)
5) 6)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 181
5. 1) 32 2) 100
3) 10 4) 2
5) 36
แบบฝึกหัด 2.4
1. 1) log37100 4.5694 2) log0.00371 2.4306
2. 1) 2.56 2) 2560
3) 0.256
แบบฝึกหัด 2.5
1. log36 5 0.4491
2. log64 46 0.9206
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
แบบฝึกหัด 2.6
1. 1) e10 2) 0.01
95
3) 500 4)
3
5) 100,000
998
2. 1) 2)
999
3) 10 4) 5
13
5) 6) 6
12
5
7) 3 16
8)
5
3. 1) 2 log3 4 2) จานวนจริงทุกจานวน
1 log 2 2log 3
3) 4)
log 4 5 1 log 3 3log 2
4
4. 1) x0 หรือ x 2) x0 หรือ x ln 2
3
ln 3
3) x
2
5. 1) 0.8154 2) 1.0124
3) 13.5917
ln11
6. 1) 3log5 3, 2) ,
2
1 104.5 1
3) 10 3.5
, 4) ,
7
7
5) 1,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 183
แบบฝึกหัด 2.7
1. 1) ใน พ.ศ. 2569 จะมีจานวนประชากรประมาณ 165,787 คน
2) จังหวัดนี้จะมีจานวนประชากร 200,000 คน ใน พ.ศ. 2574
2. 1) จานวนเงินฝากในบัญชีเมื่อสิ้นปีที่ 10 ประมาณ 53,879 บาท
2) จะต้องฝากเงินต้นไว้ประมาณ 139,201 บาท
3) ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 93 ปี จึงจะมีเงินในบัญชี 200,000 บาท
3. เงิน 20,000 บาท ที่มีในปัจจุบัน จะมีมูลค่าประมาณ 16,375 บาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า
4. 1) เมื่อเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง จะมีจานวนแบคทีเรียประมาณ 1,928 เซลล์
2) จะใช้เวลานานประมาณ 7 ชั่วโมง จึงจะมีจานวนแบคทีเรีย 10,000 เซลล์
5. 1) เมื่อเวลาผ่านไป 80 ปี จะมีปริมาณของธาตุ–137 เหลืออยู่ประมาณ 1.5749 กรัม
25426.2441
2) จะใช้เวลาอย่างน้อย 69.6610 หรือ 70 ปี จึงจะมีธาตุซีเซียม–137
365
เหลืออยู่ 2 กรัม
6. ครึ่งชีวิตของสารนี้ประมาณ 6.2134 วัน
7. ความเข้มเสียงของรถไฟฟ้าขบวนนี้เท่ากับ 102.2 วัตต์ต่อตารางเมตร
8. นมชนิดนี้มีความเข้มข้นของไฮโดรเจนไอออนอยู่ 106.5 โมลต่อลิตร
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. 1) 2) z3
6x 7 y 5
x7 y 6
1 2
3) 4)
34 xy x2 y
1 1
5) 6)
4 x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
1
7) 7 2 10 2 8) 3
1 1
9) 33 2 2
10) 7 3 2
11) 0.09 12) 4
2
5 3 x3 1
13) x y 14) 2
3
x3 1
2. 1) 5 2) 5 2 3 5
5 5 7
3) 4) 3 2 4 34
2
3. 4
4. 1) a 1 2) b 2
3) D f 1 R f 1,
5. 1) โดเมนของ f คือ , 2 2) D f 1 R f 0, 4
15
3) b
4
6. (ก) q (ข) p
(ค) h (ง) f
(จ) r (ฉ) s
x 1 f 1 x 1 log 2 x
7. 1) f 1 x log3 2)
2
5x 1 1 x 5
3) f 1 x 4) f 1 x e
2 3
8. 1) 1 1 2) log22 242
26
3) 3 4)
25
5) 6) 2
7) 3, 2 8) 1, 2
1
9) 16 , 10) , 1
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 185
9. 2log2 5 x 3
10. ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีจานวนประชากรในเมืองนี้ประมาณ 13,000 คน
11. จะใช้เวลาฝากเงินอย่างน้อย 38 ปี
12. 1) เมื่อเวลาเริ่มต้น มีแบคทีเรียชนิด A จานวน 500 เซลล์ และมีแบคทีเรีย B จานวน
400 เซลล์
2) เป็นไปได้ที่จะมีจานวนแบคทีเรียชนิด B มากกว่าจานวนแบคทีเรียชนิด A
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4.4629 ชั่วโมง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
บทที่ 3
เรขาคณิตวิเคราะห
เรขาคณิตวิเคราะหเปนเรื่องสําคัญเรื่องหนึ่งในคณิตศาสตร เพราะเรขาคณิตวิเคราะหเปนวิชาที่
เชื่อมโยงความรูพีชคณิตและเรขาคณิตเขาดวยกัน โดยเรขาคณิตวิเคราะหคือวิชาที่ใชพีชคณิตมา
ชวยศึ กษาเรขาคณิ ต เนื้อหาเรื่องเรขาคณิตวิเคราะห ที่นําเสนอในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 มีเปาหมายเพื่อใหนักเรียนนําความรูเกี่ยวกับเรขาคณิต
วิเคราะหไปใชในการแกปญหา โดยแบงเปนสองหัวขอใหญ คือ ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับเรขาคณิต
วิเคราะห และภาคตัดกรวย ในบทเรียนนี้มุงใหนักเรียนบรรลุผลการเรียนรูตามสาระการเรียนรู
เพิ่มเติม และบรรลุจุดมุงหมายดังตอไปนี้
ผลการเรียนรูและสาระการเรียนรูเพิ่มเติม
ผลการเรียนรู สาระการเรียนรูเพิ่มเติม
• เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับเรขาคณิต • จุดและเสนตรง
วิเคราะหในการแกปญหา • วงกลม
• พาราโบลา
• ไฮเพอรโบลา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 187
จุดมุงหมาย
1. หาระยะทางระหวางจุดสองจุด และหาจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง
2. หาความชันของเสนตรง และใชความชันในการอธิบายเกี่ยวกับเสนขนานและเสนตั้งฉาก
3. เขียนกราฟและหาสมการเสนตรง
4. หาระยะหางระหวางเสนตรงกับจุดและเสนคูขนาน
5. เขียนกราฟและหาสมการวงกลม วงรี พาราโบลา และไฮเพอรโบลา
6. ใชความรูเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะหและภาคตัดกรวยในการแกปญหา
ความรูกอนหนา
3.1 เนื้อหาสาระ
1. ให P1 ( x1 , y1 ) และ P2 ( x2 , y2 ) เปนจุดในระนาบ
P1 P2 = ( x1 − x2 ) + ( y1 − y2 )
2 2
x1 + x2 y1 + y2
x= และ y=
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
4. เส น ตรงสองเส น ที่ ไม ข นานกั บ แกน Y จะขนานกัน ก็ ตอเมื่อ ความชั น ของเส น ตรง
ทั้งสองเทากัน
5. ถาเสนตรงสองเสนมีความชันเทากันและมีจุดรวมกัน แลวเสนตรงทั้งสองจะเปนเสนตรงเดียวกัน
6. เส น ตรงสองเส น ที่ ไ ม ขนานกั บ แกน Y จะตั้ง ฉากกัน ก็ ตอ เมื่อ ผลคู ณ ของความชั น
ของเสนตรงทั้งสองเทากับ −1
เมื่อ b เปนคาคงตัว
8. ความสั มพั น ธ ซึ่ ง มี ก ราฟเป น เส น ตรงที่ ข นานกั บ แกน Y คื อ {( x, y ) ∈ y × y | x =
a}
เมื่อ a เปนคาคงตัว
9. ความสั ม พั น ธ ซึ่ ง มี ก ราฟเป น เส น ตรงที่ มี ค วามชั น m และผ า นจุ ด ( x , y ) คื อ
1 1
{( x, y ) ∈ y × y | y − y= m ( x − x )}
1 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 189
c
เมื่อ=c a 2 − b2 นั่นคือ e= โดยที่ 0 < e <1
a
ถา e มีคาใกล 1 หรือ c มีคาเกือบจะเทากับ a แลววงรีมีความรีมาก (มีรูปรางเรียวยาว)
แตถา e มีคาใกล 0 แลววงรีมีความรีนอย (รูปรางใกลเคียงกับวงกลม)
19. พาราโบลา คื อ เซตของจุ ด ทั้ งหมดในระนาบซึ่ งหางจากจุดที่ตรึง อยูกับ ที่จุ ดหนึ่งและ
เสนตรงที่ตรึงอยูกับที่เสนหนึ่งเปนระยะทางเทากัน จุดที่ตรึงอยูกับที่นี้ เรียกวา “โฟกัส
ของพาราโบลา” และเสนตรงที่ตรึงอยูกับที่นี้ เรียกวา “เสนบังคับ” หรือ “ไดเรกตริกซ
ของพาราโบลา”
20. เลตั ส เรกตั ม คื อ คอร ดที่ ตั้งฉากกั บ แกนของพาราโบลาและผานโฟกัส ของพาราโบลา
(สวนของเสนตรงที่มีจุดปลายอยูที่พาราโบลา เรียกวา “คอรดของพาราโบลา”)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
วงกลม
สมการ ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จุดศูนยกลาง ( h, k )
รัศมียาว r หนวย
วงรี
สมการ ( x − h ) (y − k)
2 2
+ 1 , a>b>0
=
a2 b2
แกนเอกอยูในแนวนอน
จุดศูนยกลาง ( h, k )
จุดยอด ( h − a, k ) , ( h + a, k )
โฟกัส ( h − c, k ) , ( h + c, k ) ; c 2 =
a 2 − b2
แกนเอกยาว 2a หนวย
แกนโทยาว 2b หนวย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 191
สมการรูปแบบมาตรฐาน
ภาคตัดกรวย
และรายละเอียดที่ควรทราบ
สมการ ( x − h ) (y − k)
2 2
+ 1 , a>b>0
=
b2 a2
แกนเอกอยูในแนวตั้ง
จุดศูนยกลาง ( h, k )
จุดยอด ( h, k − a ) , ( h, k + a )
โฟกัส ( h, k − c ) , ( h, k + c ) ; c 2 =−
a 2 b2
แกนเอกยาว 2a หนวย
แกนโทยาว 2b หนวย
พาราโบลา
สมการ ( x − h )2= 4 p ( y − k )
แกนสมมาตรอยูในแนวตั้ง
จุดยอด ( h, k )
โฟกัส ( h, k + p )
ไดเรกตริกซ y= k − p
p > 0 เสนโคงหงายขึ้น
p < 0 เสนโคงคว่ําลง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
สมการรูปแบบมาตรฐาน
ภาคตัดกรวย
และรายละเอียดที่ควรทราบ
สมการ ( y − k )2 = 4 p ( x − h )
แกนสมมาตรอยูในแนวนอน
จุดยอด ( h, k )
โฟกัส ( h + p, k )
ไดเรกตริกซ x= h − p
p > 0 เสนโคงเปดไปทางขวา
p < 0 เสนโคงเปดไปทางซาย
ไฮเพอรโบลา
สมการ ( x − h ) (y − k)
2 2
− = 1, ( a > 0, b > 0 )
a2 b2
แกนตามขวางอยูในแนวนอน
จุดศูนยกลาง ( h, k )
จุดยอด ( h − a, k ) , ( h + a, k )
โฟกัส ( h − c, k ) , ( h + c, k ) ; c 2 =
a 2 + b2
แกนตามขวางยาว 2a หนวย
แกนสังยุคยาว 2b หนวย
b
สมการเสนกํากับ คือ y − k =± ( x − h)
a
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 193
สมการรูปแบบมาตรฐาน
ภาคตัดกรวย
และรายละเอียดที่ควรทราบ
สมการ ( y − k ) ( x − h)
2 2
− = 1, ( a > 0, b > 0 )
a2 b2
แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง
จุดศูนยกลาง ( h, k )
จุดยอด ( h, k − a ) , ( h, k + a )
โฟกัส ( h, k − c ) , ( h, k + c ) ; c 2 =+
a 2 b2
แกนตามขวางยาว 2a หนวย
แกนสังยุคยาว 2b หนวย
a
สมการเสนกํากับ คือ y − k =± ( x − h)
b
3.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ในบทนีค้ รูควรสงเสริมใหนักเรียนใชกราฟเพื่อชวยในการแกปญหา
ระยะทางระหวางจุดสองจุด
ครูอาจนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนทํากิจกรรมเที่ยวสวนสนุก ดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
กิจกรรม : เที่ยวสวนสนุก
เดือนและดาวไปเที่ยวสวนสนุกแหงหนึ่ง และไดรับแจกแผนผังแสดงตําแหนงเครื่องเลนตาง ๆ
เนื่ องจากเดื อนและดาววางแผนไปเล น ม า หมุน ชิงชาสวรรค และรถไฟเหาะ ในสวนสนุก
จึงเขียนแผนผังแสดงที่ตั้งเครื่องเลนทั้งสามชนิดในแกนพิกัดฉากเดียวกัน ดังนี้
มาหมุน
รถไฟเหาะ ชิงชาสวรรค
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ และใหนักเรียนแตละกลุม
อานสถานการณที่กําหนด
2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันหาวา
2.1 มาหมุนอยูหางจากชิงชาสวรรคกี่หนวย
2.2 ชิงชาสวรรคอยูหางจากรถไฟเหาะกี่หนวย
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชระยะหางระหวางมาหมุนกับชิงชาสวรรค ระยะหางระหวาง
ชิงชาสวรรคกับรถไฟเหาะ และทฤษฎีบทของพีทาโกรัส ในการหาระยะหางระหวางมาหมุน
กับรถไฟเหาะ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 195
4. จากข อ 3 ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น สรุ ป เกี่ ย วกั บ ระยะห า งระหว า งจุ ด P1 ( x1 , y1 ) และ
P2 ( x2 , y2 ) ซึ่งเปนจุดในระนาบวาคือ P1 P2 = ( x1 − x2 ) + ( y1 − y2 )
2 2
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
• ในการสอนเกี่ยวกับระยะทางระหวางจุดสองจุด ครูควรเริ่มจากการหาระยะของจุดสองจุดที่
นั ก เรี ย นสามารถใช ค วามรู ที่ เ คยเรี ย นมาแล ว ในการหาได เช น การหาระยะระหว า ง
จุดสองจุดที่อยูในแนวเสนตรงที่ขนานกับแกน X หรือจุดสองจุดที่อยูในแนวเสนตรงขนาน
แกน Y (ในลักษณะเดียวกับตัวอยางที่ 1) แลวจึงเชื่อมโยงไปสูการหาระยะระหวางจุดสอง
จุดใด ๆ (ในลักษณะเดียวกับตัวอยางที่ 2 และ 3)
จุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง
ครูอาจนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนทํากิจกรรมตามหาสมบัติ ดังนี้
กิจกรรม : ตามหาสมบัติ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
ตนวาสนา
ตนมะมวง ตนมะยม
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ครูแบงกลุมนักเรียนกลุมละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ และใหนักเรียนแตละกลุม
อานสถานการณที่กําหนด
2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันหาวา
2.1 เมื่ อกํ าหนดให ตํา แหน งของต น วาสนาและตน มะยมในแกนพิกัดฉากเปนดังภาพที่
กําหนดให สมบัติชิ้นที่ 1 จะซอนอยูที่ตําแหนงใดในแกนพิกัดฉาก
2.2 เมื่ อกํ าหนดให ตํา แหน งของต นมะยมและตน มะมวงในแกนพิกัดฉากเปนดังภาพที่
กําหนดให สมบัติชิ้นที่ 2 จะซอนอยูที่ตําแหนงใดในแกนพิกัดฉาก
3. ครู ใ ห นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ มใช ตํ าแหน งของสมบั ติ ชิ้นที่ 1 หรื อตําแหน งของสมบั ติ ชิ้ นที่ 2
ในแกนพิ กัดฉาก และความรู เรื่ องรู ปสามเหลี่ ยมคล าย หาว าสมบั ติชิ้ นที่ 3 จะซ อนอยู ที่
ตําแหนงใดในแกนพิกัดฉาก
4. จากขอ 3 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับจุด P ( x, y ) ซึ่งเปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง
ที่ลากเชื่อมระหวางจุด P1 ( x1 , y1 ) และ P2 ( x2 , y2 ) วาคือ x = x1 + x2 และ y = y1 + y2
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 197
ความชันของเสนตรง
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
หรื อ อาจกล า วได ว า การเปรี ย บเที ย บความชั น กรณี ที่ เ ส น ตรงทํ า มุ ม ป า นกั บ แกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 199
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
แบบฝกหัด 3.1.3
6. กําหนดให A ( −6, − 2 ) , B ( 2, − 2 ) , C และ D เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
มีดาน AB เปนฐานที่ยาวเปน 2 เทาของดานคูขนาน DC มีมุม A เปนมุมฉากและ
มีพื้นที่ 24 ตารางหนวย จงหาความชันที่เปนไปไดทั้งหมดของดาน BC
เสนขนาน
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
เสนตั้งฉาก
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ความสัมพันธซึ่งมีกราฟเปนเสนตรง
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
แบบฝกหัด 3.1.6
11. ให ( 0,0 ) , ( 4,0 ) และ ( x, y ) เปนจุดยอดของรูปสามเหลี่ยมที่มีพื้นที่ 4 ตารางหนวย
จงหาวา ( x, y ) เปนคูอันดับใดไดบาง
สถานการณในแบบฝกหัดขอนี้อาจเปนได 2 กรณี คือ กรณีที่จุด ( x, y ) ที่ตองการหาอยูเหนือ
แกน X และกรณีที่จุด ( x, y ) ที่ตองการหาอยูใตแกน X ซึ่งทําใหคําตอบที่เปนไปไดมี 2 คําตอบ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 201
ภาคตัดกรวย
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
• ครูควรเปดโอกาสใหนักเรียนเขียนสมการภาคตัดกรวยซึ่งเปนคําตอบของโจทยปญหาใน
รูปแบบมาตรฐานหรือรูปแบบทั่วไปก็ได ทั้งนี้ขึ้นอยูกับบริบทของโจทย
• สมการรูปแบบมาตรฐานของภาคตัดกรวยชวยใหหารายละเอียดที่สําคัญของภาคตัดกรวย
เชน จุดศูนยกลาง โฟกัส ไดงายขึ้น
• ครูไมควรใหนักเรียนทองจําสมการรูปทั่วไปของภาคตัดกรวย แตตองใหนักเรียนสามารถจัด
สมการรูปทั่วไปใหอยูในรูปมาตรฐานได
วงกลม
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
วงรี
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ในการสอนเกี่ยวกับความเยื้องศูนยกลางของวงรี ครูอาจเขียนความเยื้องศูนยกลางของวงรีให
c a 2 − b2 b2
อยูในรูป =
e = = 1− ซึ่งจะทําใหเห็นวาเมื่อ a และ b มีคาใกลเคียงกัน
a a a2
จะทําให e มีคาใกล 0 นั่นคือวงรีมีความรีนอย ซึ่งจะมีรูปรางใกลเคียงวงกลม
ไฮเพอรโบลา
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
แบบฝกหัด 3.2.4
3. จงหาสมการไฮเพอรโบลาที่สอดคลองกับเงื่อนไขตอไปนี้
9) เสนกํากับ คือ
และไฮเพอรโบลาผานจุด ( 5, 3)
y= ±x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 203
การเลื่อนกราฟ
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
แบบฝกหัด 3.2.5
6. จงพิจารณาวาสมการที่กําหนดใหมีกราฟเปนวงรี พาราโบลา หรือไฮเพอรโบลา หรือ
ภาคตัดกรวยลดรูป ถาเปนกราฟวงรี จงหาจุดศูนยกลาง จุดยอด โฟกัส ความยาว
ของแกนเอก และความยาวของแกนโท ถากราฟเปนพาราโบลา จงหาจุดยอด โฟกัส
และไดเรกตริกซ ถากราฟเปนไฮเพอรโบลา จงหาจุดศูนยกลาง จุดยอด โฟกัส และ
เสนกํากับ แลวเขียนกราฟของสมการ ถาสมการไมมีกราฟในระนาบจํานวนจริง
จงบอกเหตุผล
11) 3 x 2 + 4 y 2 − 6 x − 24 y + 39 =
0
12) x 2 + 4 y 2 + 20 x − 40 y + 300 =
0
3.3 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน
การวัดผลระหวางเรียนเปนการวัดผลการเรียนรูเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนั ก เรี ย นแต ล ะคนว า มี ค วามรู ค วามเข า ใจในเรื่ อ งที่ ค รู ส อนมากน อ ยเพี ย งใด
การให นั ก เรี ย นทํ า แบบฝ ก หั ด เป น แนวทางหนึ่ ง ที่ ค รู อ าจใช เ พื่ อ ประเมิ น ผลด า นความรู
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 205
3.4 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท
หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 มีจุดมุงหมายวาเมื่อนักเรียน
ไดเรียนจบบทที่ 3 เรขาคณิตวิเคราะห แลวนักเรียนสามารถ
1. หาระยะทางระหวางจุดสองจุด และหาจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง
2. หาความชันของเสนตรง และใชความชันในการอธิบายเกี่ยวกับเสนขนานและเสนตั้งฉาก
3. เขียนกราฟและหาสมการเสนตรง
4. หาระยะหางระหวางเสนตรงกับจุดและเสนคูขนาน
5. เขียนกราฟและหาสมการวงกลม วงรี พาราโบลา และไฮเพอรโบลา
6. ใชความรูเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะหและภาคตัดกรวยในการแกปญหา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
จุดมุงหมาย
หาความชัน ใชความรู
หาระยะทาง
ของเสนตรง เขียนกราฟ เกี่ยวกับ
ระหวาง หาระยะหาง
ขอ และใช และหาสมการ เรขาคณิต
ขอ จุดสองจุด เขียนกราฟ ระหวาง
ยอย ความชัน วงกลม วงรี
และหา และหาสมการ เสนตรงกับจุด วิเคราะหและ
ในการอธิบาย พาราโบลา
จุดกึ่งกลาง เสนตรง และ ภาคตัดกรวย
เกี่ยวกับ และ
ของสวนของ เสนคูขนาน ในการ
เสนขนานและ ไฮเพอรโบลา
เสนตรง
เสนตัง้ ฉาก แกปญหา
1.
2.
3.
4.
5.
6. 1)
2)
7.
8.
9. 1)
2) โจทยทาทาย
3) โจทยทาทาย
10. 1)
2)
3)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 207
จุดมุงหมาย
หาความชัน ใชความรู
หาระยะทาง
ของเสนตรง เขียนกราฟ เกี่ยวกับ
ระหวาง หาระยะหาง
ขอ และใช และหาสมการ เรขาคณิต
ขอ จุดสองจุด เขียนกราฟ ระหวาง
ยอย ความชัน วงกลม วงรี
และหา และหาสมการ เสนตรงกับจุด วิเคราะหและ
ในการอธิบาย พาราโบลา
จุดกึ่งกลาง เสนตรง และ ภาคตัดกรวย
เกี่ยวกับ และ
ของสวนของ เสนคูขนาน ในการ
เสนขนานและ ไฮเพอรโบลา
เสนตรง
เสนตัง้ ฉาก แกปญหา
4)
11. 1)
2)
3)
4)
12. 1)
2)
3)
4)
13. 1)
2)
3)
4)
14. 1)
2)
3)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
จุดมุงหมาย
หาความชัน ใชความรู
หาระยะทาง
ของเสนตรง เขียนกราฟ เกี่ยวกับ
ระหวาง หาระยะหาง
ขอ และใช และหาสมการ เรขาคณิต
ขอ จุดสองจุด เขียนกราฟ ระหวาง
ยอย ความชัน วงกลม วงรี
และหา และหาสมการ เสนตรงกับจุด วิเคราะหและ
ในการอธิบาย พาราโบลา
จุดกึ่งกลาง เสนตรง และ ภาคตัดกรวย
เกี่ยวกับ และ
ของสวนของ เสนคูขนาน ในการ
เสนขนานและ ไฮเพอรโบลา
เสนตรง
เสนตัง้ ฉาก แกปญหา
4)
5)
6)
7)
8)
9)
10)
15. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
7)
8)
9)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 209
จุดมุงหมาย
หาความชัน ใชความรู
หาระยะทาง
ของเสนตรง เขียนกราฟ เกี่ยวกับ
ระหวาง หาระยะหาง
ขอ และใช และหาสมการ เรขาคณิต
ขอ จุดสองจุด เขียนกราฟ ระหวาง
ยอย ความชัน วงกลม วงรี
และหา และหาสมการ เสนตรงกับจุด วิเคราะหและ
ในการอธิบาย พาราโบลา
จุดกึ่งกลาง เสนตรง และ ภาคตัดกรวย
เกี่ยวกับ และ
ของสวนของ เสนคูขนาน ในการ
เสนขนานและ ไฮเพอรโบลา
เสนตรง
เสนตัง้ ฉาก แกปญหา
10)
16. 1)
2)
3)
4)
5)
6)
7)
8)
17. 1)
2)
3)
4)
18. 1)
2)
3)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
จุดมุงหมาย
หาความชัน ใชความรู
หาระยะทาง
ของเสนตรง เขียนกราฟ เกี่ยวกับ
ระหวาง หาระยะหาง
ขอ และใช และหาสมการ เรขาคณิต
ขอ จุดสองจุด เขียนกราฟ ระหวาง
ยอย ความชัน วงกลม วงรี
และหา และหาสมการ เสนตรงกับจุด วิเคราะหและ
ในการอธิบาย พาราโบลา
จุดกึ่งกลาง เสนตรง และ ภาคตัดกรวย
เกี่ยวกับ และ
ของสวนของ เสนคูขนาน ในการ
เสนขนานและ ไฮเพอรโบลา
เสนตรง
เสนตัง้ ฉาก แกปญหา
4)
19. 1)
2) โจทยทาทาย
20.
21. โจทยทาทาย
22.
23.
24.
25.
26. 1)
2)
3)
4)
27. 1)
2)
3)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 211
จุดมุงหมาย
หาความชัน ใชความรู
หาระยะทาง
ของเสนตรง เขียนกราฟ เกี่ยวกับ
ระหวาง หาระยะหาง
ขอ และใช และหาสมการ เรขาคณิต
ขอ จุดสองจุด เขียนกราฟ ระหวาง
ยอย ความชัน วงกลม วงรี
และหา และหาสมการ เสนตรงกับจุด วิเคราะหและ
ในการอธิบาย พาราโบลา
จุดกึ่งกลาง เสนตรง และ ภาคตัดกรวย
เกี่ยวกับ และ
ของสวนของ เสนคูขนาน ในการ
เสนขนานและ ไฮเพอรโบลา
เสนตรง
เสนตัง้ ฉาก แกปญหา
4)
5)
6)
28.
29.
30.
31. 1)
2)
32.
33. โจทยทาทาย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห
3.5 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู
• สมบัติการคลายกันของวงกลม สมบัติการคลายกันของพาราโบลา และความรูเพิ่มเติม
เกี่ ยวกับ ค าความเยื้ องศูน ย กลาง สามารถศึกษาไดจ ากหนังสือเรียนรูเพิ่มเติมเพื่อเสริม
ศักยภาพคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 – 6 เรื่องเรขาคณิตวิเคราะห หนา 48 – 50
• สมบั ติ ก ารสะท อนของแสงบนวงรี แ ละพาราโบลา สามารถศึก ษาไดจ ากหนั งสือ เรี ย นรู
เพิ่มเติมเพื่อเสริมศักยภาพคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 – 6 เรื่องเรขาคณิตวิเคราะห
หนา 76 – 80
• การพิสูจนสมบัติของโฟกัสของภาคตัดกรวย สามารถศึกษาไดจากหนังสือเรียนรูเพิ่มเติมเพื่อ
เสริมศักยภาพคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 – 6 เรื่องเรขาคณิตวิเคราะห หนา 83 – 86
• รูปแบบทั่วไปของสมการของภาคตัดกรวย 0 เมื่อ A, B
Ax 2 + Bxy + Cy 2 + Dx + Ey + F =
3.6 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทและเฉลยแบบทดสอบประจําบท
ในสวนนี้จะนําเสนอตัวอยางแบบทดสอบประจําบทที่ 3 เรขาคณิตวิเคราะห สําหรับรายวิชา
เพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 ซึ่งครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงค
การเรียนรูที่ตองการวัดผลประเมินผล
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
ตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 213
และ C)
13. จงแสดงว่ า ในรู ป สามเหลี่ ย มใด ๆ เส้ น ตรงที่ ล ากผ่ า นจุ ด ยอดของรู ป สามเหลี่ ย มและ
ตั้งฉากกับด้านตรงข้าม จะพบกันที่จุด ๆ เดียว
14. จงหาสมการเส้นตรงที่มีความชันเท่ากับ 4 ซึ่งพื้นที่ที่ปิดล้อมด้วยเส้นตรงนี้กับแกน x และ
แกน y เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีพื้นที่ 8 ตารางหน่วย
15. จงหาเส้นตรงที่อยู่กึ่งกลางเส้นคู่ขนาน 3x y 0 และ 3x y 6 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบประจาบท
a 1 2a 3
2 2
= 13
a2 2a 1 4a2 12a 9 = 13
5a 14a 3
2
= 0
5a 1 a 3 = 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 215
1
ดังนั้น a หรือ a 3
5
1 2
ถ้า a จะได้ b
5 5
ถ้า a 3 จะได้ b 6
1 2
ดังนั้น จุดทั้งหมดคือ , และ 3, 6
5 5
180 2 180 y 2 30 y 229 y 2 30 y 229 = y 2 6 y 73
5 y 2 30 y 229 = 2 y 28
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 217
ต้องการหาพิกัดของ จุด E
3 1 6 5
ดังนั้น จุด F มีพิกัด , 1, 5.5
2 2
เนื่องจากจุด D เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างจุด A และ F
3 ( 1) 6 5.5
ดังนั้น จุด D มีพิกัด , 2, 5.75
2 2
เนื่องจากจุด E เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างจุด D และ F
2 ( 1) 5.75 5.5
ดังนั้น จุด E มีพิกัด , 1.5, 5.625
2 2
5. ให้ จุดยอดทั้งสามมีพิกัดเป็น a, b , c, d และ e, f
โดยที่ 3.5, 8.5 เป็นจุดกึ่งกลางของส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมระหว่าง a, b และ c, d
2, 5 เป็นจุดกึ่งกลางของส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมระหว่าง c, d และ e, f
1.5, 5.5 เป็นจุดกึ่งกลางของส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมระหว่าง e, f และ a, b
ac bd
จะได้ , = 3.5, 8.5
2 2
ce d f
, = 2, 5
2 2
ea f b
, = 1.5, 5.5
2 2
นั่นคือ a c, b d = 7, 17 ------------ ( 1 )
c e, d f = 4, 10 ------------ ( 2 )
e a, f b = 3, 11 ------------ ( 3 )
จาก 1 , 2 และ 3 จะได้
2a 2c 2e, 2b 2d 2 f = 14, 38
a c e, b d f = 7, 19 ------------ ( 4 )
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 219
หรือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
b2 a2
=
a2 b4
b2 6b 8 = a2 4
เนื่องจาก ab
จะได้ว่า b2 6b 8 = (b2 4)
b2 6b 8 = 4 b2
2b2 6b 4 = 0
b 3b 2
2
= 0
b 1 b 2 = 0
ดังนั้น b 1 หรือ b 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 221
จุดกึ่งกลางของส่วนของเส้นตรง BC คือ 3, 3
และความชันของส่วนของเส้นตรง BC คือ 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
5 5
จาก ( 1 ) และ ( 2 ) จะหาพิกัดของจุดตัด D ได้เป็น ,
3 3
จะเห็นว่า
2 2
5 5 50
DA 0 0
3 3 3
2 2
5 5 50
DB 4 2
3 3 3
2 2
5 5 50
DC 2 4
3 3 3
นั่นคือ DA DB DC
13. ให้ ABC เป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่ง A , B และ C มีพิกัดเป็น (a, 0), (b, 0) และ ( p, q)
ตามลาดับ เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 223
q
เนื่องจาก BC มีความชัน ดังนั้น เส้นตรงที่ผ่านจุด A และตั้งฉากกับ BC
p b
b p b p x p b a
มีความชัน คือ y
q q q
q
เนื่องจาก AC มีความชัน ดังนั้น เส้นตรงที่ผ่านจุด B และตั้งฉากกับ AC
pa
a p a p x p ab
มีความชัน คือ y
q q q
b p x p b a
ให้ L1 , L2 และ L3 เป็นเส้นตรง x p, y และ
q q
a p x p ab
y ตามลาดับ
q q
b p p p b a
จะได้ว่าเส้นตรง L1 และ L2 ตัดกันที่จุด p,
q q
b p p p b a bp ap ab p 2
โดยที่ p, p,
q q q
a p p p a b
และจะได้ว่าเส้นตรง L1 และ L3 ตัดกันที่จุด p,
q q
a p p p ab ap bp ab p 2
โดยที่ p,
p ,
q q q
ดังนั้น เส้นตรงที่ลากผ่านจุดยอดของรูปสามเหลี่ยมและตั้งฉากกับด้านตรงข้าม
จะพบกันที่จุด ๆ เดียว
14. เนื่องจากเส้นตรงมีความชันเท่ากับ 4 จึงได้สมการเส้นตรงเป็น y 4x c
c
จะได้ว่าเส้นตรงนี้ตัดแกน X ที่ , 0 และตัดแกน Y ที่ 0, c
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
เป็นระยะทางเท่ากัน
c0 c6
จะได้ =
32 1 32 1
2 2
c = c6
c 6
2
c2 =
c2 = c2 12c 36
12c = 36
c = 3
ดังนั้น เส้นตรงที่ต้องการคือ 3x y 3 0
และ x2 y 2 2 x 2 y 0 ----------- 2
จะได้ y 2 y2
2
= 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 225
y 2
4 y 4 y 2 = 4
2 y2 4 y = 0
y y 2 = 0
นั่นคือ y0 หรือ y2
เนื่องจากวงกลมผ่านจุด 1, 2 จะได้ 1 2
22 a 1 b 2 c 0
เนื่องจากวงกลมผ่านจุด 3, 3 จะได้ 32 32 a 3 b 3 c 0
7 11
จาก (1), (2) และ (3) จะได้ a , b= และ c0
3 3
7 11
ดังนั้น สมการวงกลมคือ x2 y 2 x y 0 หรือ 3x2 3 y 2 7 x 11y 0
3 3
18. ให้จุดศูนย์กลางของวงกลมมีพิกัดเป็น h, k
เนื่องจาก x y0 และ x y0 เป็นเส้นสัมผัสวงกลม
และวงกลมมีรัศมี 4 หน่วย
ดังนั้น h, k อยู่ห่างจาก x y0 และ x y0 เป็นระยะทาง 4 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
hk hk
นั่นคือ 4 และ 4
12 1 12 12
2
ดังนั้น สมการวงกลมทีม่ ีรัศมียาว 4 หน่วย และมี x y0 และ x y0 เป็นเส้นสัมผัส คือ
2
x2 y 4 2 16
x y 4 2
2
2
16
x 4 2 y
2
2
16
x 4 2 y
2
2
16
x2 y 2
19. ให้วงรีมีสมการเป็น 1 มีจุดโฟกัสที่ c, 0 เมื่อ c 2 a 2 b2
a 2 b2
เนื่องจากเส้นตรง L ผ่านจุด c, 0 และขนานแกนโทของวงรี (แกน Y) พิกัด x ของ
จุดตัด L กับ E คือ c
c2 y 2
ดังนั้น = 1
a 2 b2
c2
y2 = b 2 1 2
a
a2 c2
y2 = b2 2
a
b2
y 2
= b2 2
a
b4
y2 =
a2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 227
b2 b2
นั่นคือ y หรือ y
a a
b2 b2
จะได้ จุด A และ B มีพิกัด c, และ c , ตามลาดับ
a a
2
b2 b2 2b 2
จะได้ ส่วนของเส้นตรง ยาว c c หน่วย
2
AB
a a a
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
นั่นคือ k 1, p 4
ดังนั้น b c a 8 4 48
2 2 2 2 2
y k x h
2 2
เพราะว่าสมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางขนานแกน Y คือ 1
a2 b2
y 3 x 2
2 2
x 1 y 1 1 x 1 y 1
2 2 2 2
=
2
1
2
x 1
2
y 1
2
= x 1 y 1
2 2
x 1 y 1 1 2 x 1 y 1 x 1 y 1
2 2 2 2 2 2
=
1 2 x 1 y 1 x2 2 x 1 y 2 2 y 1
2 2
x2 2 x 1 y 2 2 y 1 =
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 229
2 x 1 y 1 4x 4 y 1
2 2
=
2
2 x 1
2
y 1
2
= 4 x 4 y 1
2
4 x 1 y 1 16 x2 16 y 2 1 32 xy 8x 8 y
2 2
=
4 x2 8x 4 4 y 2 8 y 4 = 16 x2 16 y 2 1 32 xy 8x 8 y
12 x2 12 y 2 32 xy 7 = 0
ดังนั้น เซตของจุดทั้งหมดในระนาบซึ่งผลต่างระยะทางจากจุดใด ๆ ไป ยังจุดตรึง 1, 1 กับ
1, 1 มีค่าคงตัว 1 หน่วยคือ x, y |12x2 12 y 2 32 xy 7 0
24. สมมติให้ปลายสะพานมีพิกัดเป็น 50, 0 และ 50, 0
และให้จุดสูงสุดของสะพานอยู่ที่ 0, 50
เขียนกราฟแสดงได้ดังนี้
เนื่องจากสะพานโค้งเป็นรูปพาราโบลาคว่า
ดังนั้น สมการมาตรฐานอยู่ในรูป x h 2
4p y k
เนื่องจากจุดสูงสุดของสะพานอยู่ที่ 0, 50
ดังนั้น h, k 0, 50
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
นั่นคือ x2 4 p y 50
2500 = 4 p 50
4p = 50
ดังนั้น สมการพาราโบลานี้ คือ x 50 y 50
2
3.7 เฉลยแบบฝึกหัด
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 แบ่งการเฉลยแบบฝึกหัดเป็น
2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เฉลยคาตอบ และส่วนที่ 2 เฉลยคาตอบพร้อมวิธีทาอย่างละเอียด ซึ่งเฉลย
แบบฝึกหัดที่อยู่ในส่วนนี้เป็นการเฉลยคาตอบของแบบฝึกหัด โดยไม่ได้นาเสนอวิธีทา อย่างไรก็ตาม
ครูสามารถศึกษาวิธีทาโดยละเอียดของแบบฝึกหัดได้ในส่วนท้ายของคู่มือครูเล่มนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 231
แบบฝึกหัด 3.1.1
1. 1) 3 หน่วย 2) 13 หน่วย
3) 7 หน่วย 4) 29 หน่วย
5) 2 2 หน่วย 6) 10 หน่วย
7) 2 5 หน่วย 8) s2 t 2 หน่วย
9) s2 t 2 หน่วย 10) 2 st หน่วย
2. 1) (7,4) 2) 5 หน่วย
3) 12,0
4. 4 2 2 13 2 41 หน่วย
5. 2
29
6. 0,
24
7. รูปสามเหลี่ยมนี้ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
เนื่องจากไม่มีสองด้านใดเลยของรูปสามเหลี่ยมนี้ที่มีความยาวเท่ากัน
8. 88 ตารางหน่วย
9. ให้ A(0,0), B(8,18) และ C (12,27)
1 2 P2 P3 PP
10. PP 1 3 หรือ PP 1 2 หรือ
1 3 P2 P3 PP 1 2 PP
PP 1 3 P2 P3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
แบบฝึกหัด 3.1.2
7 1 23
1. 1) , 2) 0,
4 2 4
3
3) 2,0 4) 2,
2
2. 1) 1,0 2) 5,16
4. 2 x1 ,2 y1
5. 17 หน่วย
3 11
6. ,
2 2
373
7. หน่วย
2
8. 4 13 2 37 หน่วย
13 25
9. ,
4 4
แบบฝึกหัด 3.1.3
1. 1) 3 2) 3
4 4
3) 4)
7 3
15 3
5) 6) เมื่อ t 1
8 1 t
9
2. 1) 6 2)
2
3) 5 4) x คือ จานวนจริงทุกจานวนยกเว้น 5
1
5) 1 6)
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 233
ab
3. โดยที่ a 0, b 0 และ ab
ab
4. ด้าน AB ยาว 3 2 หน่วย และมีความชัน 1
แบบฝึกหัด 3.1.4
2. 0
4. ให้ A 1,2 , B 6,7 และ 3,4
แบบฝึกหัด 3.1.5
4
1.
3
m
2. เมื่อ k 0
k
2
3.
3
4. เส้นตรงที่ผ่านจุด 4,3 และ 3, 5 ไม่ตั้งฉากกับเส้นตรงผ่านจุด 2, 3 และ 8,2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
แบบฝึกหัด 3.1.6
1. 1) 1,0 ไม่เป็นสมาชิกของความสัมพันธ์ t
2) 8,6 ไม่เป็นสมาชิกของความสัมพันธ์ t
3) 0, 2 เป็นสมาชิกของความสัมพันธ์ t
4) 2, 1 เป็นสมาชิกของความสัมพันธ์ t
5) 6 2, 2 ไม่เป็นสมาชิกของความสัมพันธ์ t
3
2. 1) x, y y
7
2
2) x, y x
3
3) x, y y 7 และ x, y y 1
4) x, y x 3 และ x, y x 7
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 235
2 7 7
1) 2 x 3 y 7
3 2 3
5 2 1
2) 5x 4 y 2 0
4 5 2
1 5
3) x 4y 5 0 5
4 4
3 7 7
4) 3x 2 y 7 0
2 3 2
11
5) 5x y 11 0 5 11
5
3 4 9
6) x y 24 32 18
4 3 16
7) x y0 1 0 0
3
8) 2 y 3 0 0 ไม่ตัดแกน X
2
9) x4 ไม่นิยาม 4 ไม่ตัดแกน Y
10) 3 y 1 2 x 2
2 7 7
3 2 3
6. x 2 y 17 0
7. 2 x 3 y 12 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
จุดตัดของกราฟทั้งสองคือ 1,1
9. 1) x, y x 2 y 1 0
2) x, y x 5 y 21 0
3) x, y x 4
10. 7 x y 27 0
11. x, 2 หรือ x, 2 เมื่อ x เป็นจานวนจริงใด ๆ
แบบฝึกหัด 3.1.7
1. 1) 4 หน่วย 2) 2 หน่วย
3) 13 หน่วย 4) 0 หน่วย
5) 0 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 237
2. 1) 2 หน่วย 2) 3 หน่วย
3 8 2
3) หน่วย 4) หน่วย
2 3
6 10
5) หน่วย
5
3. 3x 4 y 10 0 และ 3x 4 y 0
4. 4x 3 y 2 0 และ 4 x 3 y 18 0
5. 12 x 5 y 41 0 และ 12x 5 y 37 0
6. 12 x 5 y 62 0 และ 12x 5 y 42 0
แบบฝึกหัด 3.2.1
1. 2 26 หน่วย
2. 4, 0
3. วงกลมนี้มรี ัศมียาว 5 หน่วย
จุด 0, 0 อยู่บนวงกลมนี้
4. วงกลมนี้มรี ัศมียาว 5 หน่วย
สมการวงกลมนี้ คือ x 42 y 7 2 25
5. สมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 12 y 32 82 กราฟของสมการดังกล่าวเกิดจาก
การเลื่อนขนานกราฟของ x2 y 2 64 ไปทางซ้าย 1 หน่วย และเลื่อนขึ้นบน 3 หน่วย
6. ต้นข้าวเข้าใจผิด เนื่องจากวงกลมที่กาหนดให้มีรัศมียาว 10 หน่วย
7. 1) x2 y 2 9
2) x 42 y 32 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
2) สมการวงกลมนี้ คือ x2 y 2 65
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 239
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 241
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
4
3) วงกลมนี้มีจุดศูนย์กลางที่จุด 0, 4 และมีรัศมียาว หน่วย
5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 243
แบบฝึกหัด 3.2.2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
แกนโทมีความยาว 6 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 245
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 247
6 6
7) จุดยอดคือ 0, 3 และ 0, 3 โฟกัสของวงรีคือ 0,
2
และ 0,
2
2
ความเยื้องศูนย์กลางคือ แกนเอกมีความยาว 2 3 หน่วย
2
แกนโทมีความยาว 6 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 249
3 3
9) จุดยอดคือ 1, 0 และ 1, 0 โฟกัสของวงรีคือ , 0 และ , 0
2 2
3
ความเยื้องศูนย์กลางคือ แกนเอกมีความยาว 2 หน่วย
2
แกนโทมีความยาว 1 หน่วย
5 5
10) จุดยอดคือ 0, 1 และ 1
0, โฟกัสของวงรีคือ 0, และ 0,
2 2 6 6
5
ความเยื้องศูนย์กลางคือ แกนเอกมีความยาว 1 หน่วย
3
แกนโทมีความยาว 2
หน่วย
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
6 6
11) จุดยอดคือ 0, 2 และ 0, 2 โฟกัสของวงรีคือ 0,
2
และ 0,
2
3
ความเยื้องศูนย์กลางคือ แกนเอกมีความยาว 2 2 หน่วย
2
แกนโทมีความยาว 2 หน่วย และเขียนวงรีได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 251
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
2 2
13) จุดยอดคือ 0, 1 และ 0, 1 โฟกัสของวงรีคือ 0, และ 0,
2 2
2
ความเยื้องศูนย์กลางคือ แกนเอกมีความยาว 2 หน่วย
2
แกนโทมีความยาว 2 หน่วย และเขียนวงรีได้ดังนี้
5 5
14) จุดยอดคือ 0, และ 0, โฟกัสของวงรีคือ 0, 1 และ 0, 1
2 2
2 5
ความเยื้องศูนย์กลางคือ แกนเอกมีความยาว 5 หน่วย
5
แกนโทมีความยาว 1 หน่วย และเขียนวงรีได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 253
x2 y 2 x2 y 2
2. 1) 1 2) 1
25 16 7 16
x2 y 2 x2 y2
3) 1 4) 1
4 8 256 48
x2 y 2 x2 y 2
3. 1) 1 2) 1
25 9 16 25
y2 x2 y 2
3) x 2 1 4) 1
4 9 4
x2 y 2 x2 y 2
5) 1 6) 1
9 13 36 11
x2 y2 x2 y 2
7) 1 8) 1
100 91 25 9
x2 y 2 x2 y2
9) 1 10) 1
25 5 320 324
64 x 2 64 y 2 y2
11) 1 12) x 2 1
225 81 4
x2 y2
4. 1
2.25 1016 2.2491 1016
5. 5.16 1.29 109 6.45 109 กิโลเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
แบบฝึกหัด 3.2.3
1 1
1. 1) โฟกัสของพาราโบลาคือ 0, ไดเรกตริกซ์คือ y
16 16
1
เลตัสเรกตัมยาว หน่วย
4
1 1
2) โฟกัสของพาราโบลาคือ , 0 ไดเรกตริกซ์คือ x
4 4
เลตัสเรกตัมยาว 1 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 255
9 9
3) โฟกัสของพาราโบลาคือ 0, ไดเรกตริกซ์คือ y
4 4
เลตัสเรกตัมยาว 9 หน่วย
1 1
4) โฟกัสของพาราโบลาคือ , 0 ไดเรกตริกซ์คือ x
2 2
เลตัสเรกตัมยาว 2 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
เลตัสเรกตัมยาว 8 หน่วย
1 1
6) โฟกัสของพาราโบลาคือ , 0 ไดเรกตริกซ์คือ x
2 2
เลตัสเรกตัมยาว 2 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 257
7) โฟกัสของพาราโบลาคือ 1 , 0 ไดเรกตริกซ์คือ x
1
24 24
1
เลตัสเรกตัมยาว หน่วย
6
7 7
8) โฟกัสของพาราโบลาคือ 0, ไดเรกตริกซ์คือ y
4 4
เลตัสเรกตัมยาว 7 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
3 3
9) โฟกัสของพาราโบลาคือ 0, ไดเรกตริกซ์คือ y
20 20
เลตัสเรกตัมยาว 3
หน่วย
5
1 1
10) โฟกัสของพาราโบลาคือ , 0 ไดเรกตริกซ์คือ x
6 6
2
เลตัสเรกตัมยาว หน่วย
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 259
2. 1) y 2 8x 2) y2 2x
3) x2 32 y 4) x 2 20 y
5) x2 8 y 6) y 2 24 x
7) y 2 40 x 8) x2 2 y
9) y2 4x 10) x2 24 y
11) x 2 32 y 12) x 2 8 y
3. 1) x2 12 y 2) y 2 8x
3) y 2 8x 4) x2 4 y
5) y 2 8x 6) x2 16 y
4. 1) x 2 15 y
แบบฝึกหัด 3.2.4
1. 1) จุดยอดอยู่ที่จุด 0, 1 และ 0, 1 โฟกัสอยู่ที่จุด 0, 2 และ 0, 2
เส้นกากับ คือ เส้นตรง y x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 261
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 263
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
8) จุดยอดอยู่ที่จุด 2 และ 2 2, 0
2, 0
9) จุดยอดอยู่ที่จุด 0, 3 และ 0, 3
3 2 3 2
โฟกัสอยู่ที่จุด 0, และ 0,
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 265
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 267
1 1 5 5
15) จุดยอดอยู่ที่จุด 0, และ 0, โฟกัสอยู่ที่จุด 0, และ 0,
3 3 12 12
4
เส้นกากับ คือ เส้นตรง y
3
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
5 5
16) จุดยอดอยู่ที่จุด 1 , 0 และ 1
, 0 โฟกัสอยู่ที่จุด , 0 และ , 0
2 2 2 2
เส้นกากับ คือ เส้นตรง y 2x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 269
x2 y 2 y 2 x2
2. 1) 1 2) 1
4 12 144 25
y 2 x2 x2 y 2
3) 1 4) 1
16 16 12 48
x2 4 y 2 y2
5) 1 6) x2 1
9 9 9
y 2 x2 x2 y 2
3. 1) 1 2) 1
9 16 64 36
y2 y 2 x2
3) x2 1 4) 1
3 4 32
y2 y 2 x2
5) x2 1 6) 1
25 36 324
5 y 2 5x2 y 2 x2
7) 1 8) 1
64 256 36 20
x2 y 2 x2
9) 1 10) y2 1
16 16 8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
x2 y 2 4 x2
11) 1 12) 4 y 2 1
9 16 3
2 x2 2 y 2
5. 2 1
c2 c
y2
6. ตัวอย่างคาตอบ x2 1 เป็นสมการไฮเพอร์โบลา ซึ่ง a 1 และ b5
25
นั่นคือ ab
13 13
9. 2 1.2 เมตร
6 3
x2 y2
10. 1
625 1875
x2 y2
11. 1) 1
0.49 8.51
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 271
2)
แบบฝึกหัด 3.2.5
1. 1) จุดศูนย์กลาง คือ 1, 2 โฟกัส คือ 1, 2 5
จุดยอด คือ 1, 1 และ 1, 5 แกนเอกยาว 6 หน่วย
แกนโทยาว 4 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 273
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
1
2) จุดยอด คือ 2, 5 โฟกัส คือ , 5
2
7
ไดเรกตริกซ์ คือ x
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 275
1 1 1
3) จุดยอด คือ , 0 โฟกัส คือ ,
2 2 16
1
ไดเรกตริกซ์ คือ y
16
1 7
4) จุดยอด คือ , 0 โฟกัส คือ , 0
2 2
9
ไดเรกตริกซ์ คือ x
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 277
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
1
4. 1) x2 y 4 หรือ 4 x2 y c 0
4
2) y 2 24 x 6 หรือ y 2 24 x 144
3)
x 5 2 y 2 1 4)
x 2 2 y 3 2 1
25 16 4 9
x 4 2 3 y 2
5) y 1 2
x 1
2
6) 1
4 16
5. 1) จุดศูนย์กลางของวงรีนี้ คือ 1, 1
ความยาวของแกนเอก 8 หน่วย และความยาวของแกนโท 4 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 279
x2 y 2
2) ต้องเลื่อนขนานกราฟ 1 ไปทางซ้าย 1 หน่วย
16 4
และเลื่อนลงข้างล่าง 1 หน่วย
3)
x 12 y 12 1
16 4
6. 1) สมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 0, 2 จุดยอด คือ 3, 2 และ 3, 2
โฟกัส คือ 5, 2 และ 5, 2 แกนเอกยาว 6 หน่วย
แกนโทยาว 4 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
2) สมการนี้เป็นสมการพาราโบลาที่เส้นโค้งหงายขึ้น
จุดยอด คือ 4, 4 โฟกัส คือ 4, 3
ไดเรกตริกซ์ คือ y 5
3) สมการไฮเพอร์โบลา ที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 2, 1 จุดยอด คือ 2, 1 5 และ 2, 1 5
โฟกัส คือ 2, 3 และ 7
2, เส้นกากับ คือ y 1 2 x 2
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 281
4) สมการพาราโบลาที่เส้นโค้งหงายขึ้น
จุดยอด คือ 3, 0 โฟกัส คือ 3, 3
ไดเรกตริกซ์ คือ y 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
5) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 3, 5 จุดยอด คือ 2, 5 และ 8, 5
โฟกัส คือ 3 21, 5 และ 3 21, 5
แกนเอกยาว 10 หน่วย แกนโทยาว 4 หน่วย
6) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 1, 0 จุดยอด คือ 1 2, 0 และ 1 2, 0
โฟกัส คือ 0, 0 และ 2, 0 แกนเอกยาว 2 2 หน่วย
แกนโทยาว 2 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 283
7) สมการไฮเพอร์โบลา ที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 3, 0 จุดยอด คือ 3, 4 และ 3, 4
4
โฟกัส คือ 3, 5 และ 3, 5 เส้นกากับ คือ y x 3
3
8) สมการพาราโบลาทีเ่ ส้นโค้งเปิดไปทางด้านขวา
1 3 1
จุดยอด คือ 1, โฟกัส คือ ,
2 2 2
1
ไดเรกตริกซ์ คือ x
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
9) สมการไฮเพอร์โบลา ที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 5, 5 จุดยอด คือ 4, 5 และ 6, 5
โฟกัส คือ 5 2, 5 และ 5 2, 5 เส้นกากับ คือ y 5 x 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 285
12) สมการนี้ไม่มีกราฟในระนาบจานวนจริง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
7. 1)
2)
3)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 287
4)
8. 1) F 17 2) F 17
3) F 17
2
399
x y2
9. 8
1
2
401 25
8
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. y 1.8x 32
2. 34 ตารางหน่วย
3. x 2 2 y 5 2 4
4. x 52 y 12 26
2
11 34
2 2 2 2
1 1 11 17
5. x y หรือ x y
2 2 2 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
6. 1)
2)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 289
7. เขียนกราฟของอาณาบริเวณที่สอดคล้องกับอสมการที่กาหนดให้ได้ดังนี้
9
พืน้ ที่ที่ต้องการ คือ ตารางหน่วย
4
3 13
8. y x
2 2
9. 1) x 3
2) y x 3 2 และ y x 3 2
3) y x3 2
10. 3
11. 1) จุดศูนย์กลาง คือ 0, 0 จุดยอด คือ 4, 0 และ 4, 0
โฟกัส คือ 2 3, 0 และ 2 3, 0 แกนเอกยาว 8 หน่วย
แกนโทยาว 4 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 291
แกนโทยาว 4 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
1
2) จุดยอด คือ 0, 0 โฟกัส คือ , 0
2
1
ไดเรกตริกซ์ คือ x
2
7
3) จุดยอด คือ 2, 2 โฟกัส คือ , 2
4
9
ไดเรกตริกซ์ คือ x
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 293
3 11 3 69
4) จุดยอด คือ , โฟกัส คือ ,
2 10 2 40
19
ไดเรกตริกซ์ คือ y
40
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
1
เส้นกากับ คือ เส้นตรง y 1 x 3
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 295
14. 1) สมการพาราโบลาที่เส้นโค้งเปิดไปทางด้านซ้าย
จุดยอด คือ 1, 0 โฟกัส คือ 2, 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
2) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
1
จุดศูนย์กลาง คือ 0, จุดยอด คือ 3,
1
และ 1
3,
2 2 2
11 1 11 1
โฟกัส คือ , และ ,
2 2 2 2
3) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 0, 0 จุดยอด คือ 0, 12 และ 0, 12
โฟกัส คือ 0, 12 2 และ 0, 12 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 297
4) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 3, 0 จุดยอด คือ 6, 0 และ 0, 0
โฟกัส คือ 3 10, 0 และ 3 10, 0
5) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 1, 4 จุดยอด คือ 1, 4 2 5 และ 1, 4 2 5
โฟกัส คือ 1, 4 15 และ 1, 4 15
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
6) สมการพาราโบลาที่เส้นโค้งหงายขึ้น
13 5
จุดยอด คือ 1, โฟกัส คือ 1,
6 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 299
7) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 1, 0 จุดยอด คือ 1, 2 และ 1, 2
โฟกัส คือ 1, 3 และ 1, 3 1, 3
8) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 3, 3 จุดยอด คือ 3, 4 และ 3, 2
2 2
โฟกัส คือ 3, 3 และ 3, 3
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
9) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวนอน
1
จุดศูนย์กลาง คือ , 1 จุดยอด คือ 1 , 1 และ 3
, 1
2 2 2
โฟกัส คือ 1
10, 1 และ 1
10, 1
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 301
10) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 2, 0 จุดยอด คือ 2 2 3, 0 และ 2 2 3, 0
โฟกัส คือ 1, 0 และ 5, 0
15. 1) สมการวงกลม
จุดศูนย์กลาง คือ 3, 2 รัศมียาว 2 หน่วย
2) สมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
จุดศูนย์กลาง คือ 3, 2 แกนเอกยาว 4 หน่วย
แกนโทยาว 2 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
3) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวนอน
1
จุดศูนย์กลาง คือ , 0 จุดยอด คือ 1 , 0 และ 3
, 0
2 2 2
โฟกัส คือ 1
5, 0 และ 1
5, 0
2 2
4) สมการพาราโบลาที่มีเส้นโค้งเปิดไปทางด้านขวา
จุดยอด คือ 1, 2 โฟกัส คือ 0, 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 303
ไดเรกตริกซ์ คือ x 2
5) สมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
2 3
จุดศูนย์กลาง คือ 1, 4 แกนเอกยาว หน่วย
3
แกนโทยาว 1 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
6) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
1 1 1
จุดศูนย์กลาง คือ 2, จุดยอด คือ 2, 2 และ 2, 2
2 2 2
7) สมการพาราโบลาที่เส้นโค้งหงายขึ้น
1 3 1 7
จุดยอด คือ , โฟกัส คือ ,
5 5 5 5
13
ไดเรกตริกซ์ คือ y
5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 305
8) สมการวงกลม
1
จุดศูนย์กลาง คือ 0, 2 รัศมียาว หน่วย
2
9) สมการไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
จุดศูนย์กลาง คือ 1, 3 จุดยอด คือ 1, 6 และ 1, 0
5 3 5
โฟกัส คือ 1, 3 3 และ 1, 3 2
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
10) สมการวงกลม
จุดศูนย์กลาง คือ 2, 3 รัศมียาว 2 3 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 307
x2 y 4
2
16. 1) x 4y
2
2) 1
9 25
3)
y 2 x2
1 4)
y 4 2 x 2 2 1
4 16 4 5
5)
x 12
y 2 2 1 6) y 52 20 x 5
3 4
4 x 7 y 2
2 2
7) 1 8) y 2 4 x 1
225 100
x 3 2 y 5 2
17. 1) x2 y 2 14 x 4 y 28 0 2) 1
16 25
x 5 2 y 5 2
3) x 2 4 y 3
2
4) 1
16 9
18. 1) x, y x2 4 y ความสัมพันธ์นี้เป็นฟังก์ชัน
2) x, y x 9 2 y 4 2 5 ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นฟังก์ชัน
y 6 2 x 12
3) x, y 1 ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นฟังก์ชัน
4 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
x 52 y 12
4) x, y 1 ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นฟังก์ชัน
169 133
19. 1) x 52 y 32 25
2) 12 พิกัด
x 12 y 2 2 1
20.
41 16
3 9 9
21. ตารางหน่วย เมื่อ 0m4
2 m 4
22. y 2 3x
23. 25 2 หน่วย
2
24. y x 1
3
2
31 64 y 2
25. 64 x 1
8 3
26. 1) วงกลม มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ 1, 3 และรัศมียาว 1 หน่วย
1 3 2
2) วงกลม มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ , 2 และรัศมียาว หน่วย
2 2
3) ไม่มีกราฟในระนาบจานวนจริง
4) จุดหนึ่งจุด
27. 1) พาราโบลา 2) ไฮเพอร์โบลา
3) เส้นตรงสองเส้นตัดกัน 4) วงรี
5) วงกลม 6) ไม่มีกราฟในระนาบจานวนจริง
28. ไฮเพอร์โบลา
5
29. x 2 y
2
30. x2 26200 y 6550 เมื่อ x0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เรขาคณิตวิเคราะห์
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 309
x2 y2
31. 1) 1 2) 4 เมตร
2.52 1.52
y 2 x2
32. 1
25 4
33. 0.36, 0.76 และ 0.36, 0.76
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
310 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัดและวิธีทาโดยละเอียด
บทที่ 1 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบฝึกหัด 1.1
1. 1) A B 1, 3 , 1, 6 , 1, 7 , 2, 3 , 2, 6 , 2, 7
B A 3, 1 , 3, 2 , 6, 1 , 6, 2 , 7, 1 , 7, 2
2) A B a, e , a, f , b, e , b, f , c, e , c, f
B A e, a , e, b , e, c , f , a , f , b , f , c
3) A B 3,1 , 3, 2 , 3,3 , 2,1 , 2, 2 , 2,3 , 1,1 , 1, 2 , 1,3
B A 1, 3 , 1, 2 , 1, 1 , 2, 3 , 2, 2 , 2, 1 , 3, 3 , 3, 2 , 3, 1
2. จานวนสมาชิกของ A B คือ n m mn
จานวนสมาชิกของ B A คือ m n mn
จานวนสมาชิกของ A A คือ n n n2
จานวนสมาชิกของ B B คือ m m m2
ดังนั้น M N M P 1, 2 , 1, 3 , 1, 4 , 1, 5, 2, 2 , 2, 3, 2, 4 , 2, 5
2) เนื่องจาก M 1, 2
และ N P 2, 3, 4, 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 311
3) เนื่องจาก M 1, 2
และ N P
ดังนั้น M N P
ดังนั้น M N M P
4. จะได้ E E 1, 1 , 1, 2 , 1, 3 , 2, 1, 2, 2 , 2, 3, 3, 1, 3, 2 , 3, 3
จะเห็นว่า r EE
ดังนั้น เป็นความสัมพันธ์บนเซต E
r
5. 1) r 2, 0 , 2, 1 , 4, 0 , 4, 1 , 4, 2
2) r x, y A B x y
6. r1 1, 5 , 2, 4 , 3, 3 , 4, 2 , 5, 1
D r 1 1, 2, 3, 4, 5 S
Rr 1 1, 2, 3, 4, 5 S
r2 3, 3 , 4, 3 , 5, 3
D r 2 3, 4, 5
Rr 2 3
r3
D r3
Rr 3
ดังนั้น D r 3, 2, 1, 0, 1, 2, 3
R r 0, 1, 4, 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
312 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
R m 0, 1, 2
3) ให้ n x, y y x2
, 2, 4 , 1, 3 , 0, 2 , 1, 1 , 2, 0 ,
ดังนั้น Dn , 2, 1, 0, 1, 2,
Rn
4) ให้ p x, y y 2
ดังนั้น Dp
Rp 2
5) ให้ q x, y y x2 1
ดังนั้น Dq
R q 1,
6) ให้ s x, y y x2
ดังนั้น Ds
Rs 0
7) ให้ t x, y y x2 2
ดังนั้น Dt
R t 2,
8) ให้ v x, y y 1 x2
ดังนั้น D v 1, 1
R v 0, 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 313
1
9) ให้ w x, y y
x2
ดังนั้น Dw 2
Rw 0
8. 1) r 1 2, 1 , 3, 4 , 2, 2 , 1, 2 , 1, 3
Dr 1 1, 2, 3
Rr 1 1, 2, 3, 4
2) r 1 , 4, 5 , 2, 3 , 0, 1 , 2, 1 , 4, 3 , 6, 5 ,
Dr 1 0, 2, 4, 6,
Rr 1 , 5, 3, 1, 1, 3, 5,
2 x
3) r 1 x, y y
3
D r 1
R r 1
4) r 1 x, y xy 1
D r 1 0
R r 1 0
9. 1) จาก r x, y A A y x 1 เมื่อ A 1, 2, 3, 4
ดังนั้น r 1 2, 1 , 3, 1 , 4, 1 , 3, 2 , 4, 2 , 4, 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
314 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก r x, y y2 x
จะได้ r 1 x, y yx
2
เขียนกราฟของ r และ r 1
ได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 315
3) จาก r x, y y x 1
แบบฝึกหัด 1.2ก
1. 1) เป็นฟังก์ชัน 2) เป็นฟังก์ชัน
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน 4) เป็นฟังก์ชัน
2. 1) เป็นฟังก์ชัน 2) เป็นฟังก์ชัน
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน 4) เป็นฟังก์ชัน
5) เป็นฟังก์ชัน 6) ไม่เป็นฟังก์ชัน
7) เป็นฟังก์ชัน 8) ไม่เป็นฟังก์ชัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
316 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 317
6) เป็นฟังก์ชัน
7) เป็นฟังก์ชัน
8) เป็นฟังก์ชัน
9) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะจาก x, y x y 3 พบว่า 0 ซึ่งอยู่ในโดเมน
จับคู่กับ 3 และ 3 ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
4. 1) เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B 2) ไม่เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B
3) เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B 4) ไม่เป็นฟังก์ชันจาก A ไป B
5. 1) f a 2 2) f a 1
f b 4 f b 4
f c 3 f c 1
f d 1 f d 3
f 2 2 4 f 1 12 1
2
6. 1)
f 1 1 1 f 2 22 4
2
f 0 02 0
จะได้ว่า f 2, 4 , 1, 1 , 0, 0 , 1, 1 , 2, 4
2 2 4 2 1
2) f 2 f 1 1
2 1 1
2 2
5 1
2 1 2 2 4
f 1 1 f 2
1 1 2
2 2
1 5
2 0
f 0 0
0 1
2
4 4
จะได้ว่า f 2, , 1, 1 , 0, 0 , 1, 1 , 2,
5 5
3) f 2 2 2 0 f 1 1 2 3
f 1 1 2 1 f 2 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
318 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
f 0 0 2 2
จะได้ว่า f 2, 0 , 1, 1 , 0, 2 , 1, 3 , 2, 2
4) f 2 2 1 1 f 1 1 1 2
f 1 1 1 0 f 2 2 1 3
f 0 0 1 1
จะได้ว่า f 2, 1 , 1, 0 , 0, 1 , 1, 2 , 2, 3
7. f 2 1
f 0 1
f 1 1
1
f 1
2
f 3 3
f 9 2
f 3 h f 3 2 3 1 เมื่อ h0
f 3 2 3 2 4 3 2 3 142
3
8. 1)
f 3 33 4 3 3 36
f 2 23 4 2 3 13
นั่นคือ f 3 f 2 36 13 49
ดังนั้น f 3 2 ไม่เท่ากับ f 3 f 2
f 3 2 3 2 4 3 2 3 237
3
2)
f 3 33 4 3 3 36
f 2 23 4 2 3 13
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 319
9. 1) จาก f x 2x
จะได้ f 0, 0 , 1, 2 , 2, 4
นั่นคือ D f 0, 1, 2 และ R f 0, 2, 4
เขียนกราฟได้ดังนี้
2) จาก f x 2x 3
จะได้ f 2, 1 , 3, 3 , 4, 5
นั่นคือ D f 2, 3, 4 และ R f 1, 3, 5
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
320 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3) จาก f x 2 x2
จะได้ f 0, 0 , 1, 2
นั่นคือ D f 0, 1 และ R f 0, 2
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 321
4) จาก f x, y x y 25
2 2
จะได้ f 0, 5 , 3, 4 , 4, 3 , 5, 0
นั่นคือ D f 0, 3, 4, 5 และ R f 0, 3, 4, 5
เขียนกราฟได้ดังนี้
1
10. 1) Df และ Rf
2
2) D f 2, และ R f 0,
3) Df และ R f 1,
4) Df และ R f 0,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
322 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จากกราฟ จะได้ Rh y 6 y 10
4) ไม่มีฟังก์ชันจาก B ไปทั่วถึง B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 323
x12 x22 x1 x2 0
x1 x2 x1 x2 1 0
นั่นคือ x1 x2 0 หรือ x1 x2 1 0
x1 x2 หรือ x1 1 x2
จะเห็นว่ามีกรณีที่ x1 x2แต่ f x1 f x2
เช่น x1 0 จะได้ f x1 0 และ x2 1 จะได้ f x2 0
ดังนั้น f ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
วิธีที่ 2 จาก f x x2 x
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
324 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ที่ตัดกราฟของ f x x2 x สองจุด
ดังนั้น f ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
2) วิธีที่ 1 จาก g x 2x 5
ให้ x1 และ x 2 เป็นจานวนจริงใด ๆ
สมมติ
g x1 g x2
จะได้ 2 x1 5 2 x2 5
2x1 2x2
ดังนั้น x1 x2
ดังนั้น g เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
วิธีที่ 2 จาก g x 2x 5
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 325
จะได้ 2 x1 –1 2 x 2 –1
2x –1 2x –1
2 2
1 2 0
2 x1 –1 2 x 2 –1 2 x –1 2 x –1 0
1 2
2x 2x 2x 2x 2
1 2 1 2 0
4 x x x x 1
1 2 1 2 0
นั่นคือ x1 x2 0 หรือ x1 x2 1 0
ดังนั้น x1 x2 หรือ x1 1 x2
จะเห็นว่ามีกรณีที่ แต่ h x1 h x 2
x1 x 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
326 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ที่ตัดกราฟของ h x 2x –1 สองจุด
ดังนั้น h ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
แบบฝึกหัด 1.2ข
1. 1) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 1, 1 และ 2, 4
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 1, 2
2) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 0, 1
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 2, 0 และ 1, 4
3) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 2, 1 และ 1, 2
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 3, 2, 1, 1 และ 2, 4
4) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 1, 1
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 3, 1 และ 1, 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 327
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
328 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
x12 x22
x12 5 x22 5
f x1 f x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง ,0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 329
3) สาหรับ f x x บนช่วง 2, 6
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ บนช่วง 2, 6 ซึง่ x1 x2
จะได้ x1 x2
f x1 f x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 2, 6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
330 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) สาหรับ f x x บนช่วง 0, 5
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ บนช่วง 0, 5 ซึง่ x1 x2
จะได้ x1 x2
x1 x2
f x1 f x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 0, 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 331
แบบฝึกหัด 1.3ก
1. 1) ข 2) ก
3) ค
2. 1) f x 2.54 x เป็นฟังก์ชันของความยาวที่มีหน่วยเป็นเซนติเมตร
เมื่อ x เป็นความยาวที่มีหน่วยเป็นนิ้ว
(เซนติเมตร)
(นิ้ว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
332 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
(กิโลกรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 333
(บาท)
12,000 1,200x
ดังนั้น ฟังก์ชันแสดงยอดขายสินค้าเมื่อเวลาผ่านไป x ปี คือ f x 12,000 1,200x
2) f 5 12,000 1,200 5
18,000
ดังนั้น อีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทนี้ควรจะมียอดขายสินค้า 18,000 ชิ้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
334 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แบบฝึกหัด 1.3ข
1. y x 4 3
2
1)
เมื่อเทียบกับ y a x h k
2
จะได้ a 1, h 4 และ k 3
จะได้ a 1, h 4 และ k 3
จะได้ a 1, h 4 และ k 3
จะได้ a 1, h 4 และ k 3
จะได้ a 2, h 2 และ k 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 335
y x 3 4
2
6)
เมื่อเทียบกับ y a x h k
2
จะได้ a 1, h 3 และ k 4
จะได้ a 1 , h 1
2
และ k 3
x 1 2
2
เมื่อเทียบกับ y a x h k
2
2 x2 2 x 1 3
2 x 1 3
2
เมื่อเทียบกับ y a x h k
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
336 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ a 2, h 1 และ k 3
เขียนให้อยู่ในรูป a x h 2
k ได้ดังนี้
f x x2 4 x 4 9
x 2 2 9
จะได้ a 1, h 2 และ k 9
และจาก f x x 4x 5 x 5 x 1
2
จะได้ Df และ R f 9,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 337
2) ให้ y f x x2 6x 8
เขียนให้อยู่ในรูป a x h 2
k ได้ดังนี้
f x x2 6 x 8
x2 6 x 9 8 9
x 3 1
2
จะได้ a 1, h 3 และ k 1
จะได้ Df และ R f , 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
338 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3) ให้ y f x x2 2x
เขียนให้อยู่ในรูป a x h 2 k ได้ดังนี้
f x x2 2 x
x 2 2 x 1 1
x 12 1
จะได้ a 1, h 1 และ k 1
จะได้ Df และ R f , 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 339
4) ให้ y f x x2 6x 8
เขียนให้อยู่ในรูป a x h 2
k ได้ดังนี้
f x x2 6 x 9 1
x 3 1
2
จะได้ a 1, h 3 และ k 1
และจาก f x x 6x 8 x 2 x 4
2
จะได้ Df และ R f 1,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
340 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
100 x 0.1x2
ดังนั้น สมการแสดงรายได้จากการขายสินค้า x ชิ้น คือ y 100 x 0.1x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 341
0 x2 60 x 275
0 x 55 x 5
จะได้ x5 หรือ x 55
จะมีจุดวกกลับ คือ b , f b
2a
2a
12,000
นั่นคือ จะมีจุดวกกลับเมื่อ x
2 200
30
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
342 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
5. ให้ x เป็นจานวนนับจานวนที่หนึ่ง
y เป็นจานวนนับอีกจานวนหนึ่ง
เนื่องจากจานวนนับสองจานวนมีผลบวกเป็น 45
จะได้ว่า x y 45
ดังนั้น y 45 x
เนื่องจากผลคูณของจานวนทั้งสองจานวนนี้เป็น 164
จะได้ว่า xy 164
x 45 x 164
45x x2 164
x2 45x 164 0
x 4 x 41 0
นั่นคือ x มีค่ามากที่สุดเป็น 41
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 343
เนื่องจาก f 3 6 3 3 9
2
x2 6 x 32 32
x 3 9
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
344 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แบบฝึกหัด 1.4ก
1. 1) ให้ y f x x3 1
x –2 –1 0 1 2
y –7 0 1 2 9
จะได้ Df และ Rf
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 345
x 3 , x 1
2) ให้ y f x 2
x 1 , x 1
x –3 –2 –1 0 1 2 3 4
y 8 3 0 –1 4 5 6 7
เมื่อ
เมื่อ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
346 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3) ให้ y f x 1
x2
x 12 3 1 0 1 2 8
y 0.1 1 1 0.5 0.3 0.25 0.1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 347
4) ให้ y f x x 2
x –3 –2 –1 0 1 2 3
y 1 0 1 2 3 4 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
348 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
(บาท)
(กิโลกรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 349
(บาท)
(กรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
350 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แบบฝึกหัด 1.4ข
1. 1) f x x2 3
ดังรูป
g x x 2 3
2
2)
เริ่มจากกราฟของ y x2 เลื่อนไปทางซ้าย 2 หน่วย จะได้กราฟของ y x 2
2
แล้วเลื่อนกราฟของ y x 2
2
ลง 3 หน่วย จะได้กราฟของ y x 2 3
2
ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 351
3) h x x 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
352 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) k x x 1 3
ดังรูป
5) r x x 2 5
เริ่มจากกราฟของ y x เลื่อนไปทางขวา 2 หน่วย จะได้กราฟของ y x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 353
6) s x x 3 5
เริ่มจากกราฟของ y x เลื่อนไปทางซ้าย 3 หน่วย จะได้กราฟของ y x3
ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
354 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) สมการของกราฟที่ได้ในขั้นสุดท้าย คือ y x 5 1
3
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 355
1
3) สมการของกราฟที่ได้ในขั้นสุดท้าย คือ y x 2 เขียนกราฟได้ดังนี้
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
356 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แบบฝึกหัด 1.5
1. 1) โดเมนของ f คือ และโดเมนของ g คือ
โดเมนของ f g, f g และ fg คือ D f Dg
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ 2
g
f g x f x g x x2 x – 2
f g x f x g x x2 x – 2 x2 x 2
fg x f x g x x2 x – 2 x3 2 x 2
f f x x2
x
g g x x–2
2) โดเมนของ f คือ 3,3 และโดเมนของ g คือ , 2 2 ,
โดเมนของ f
g
คือ D f Dg x Dg | g x 0 3, 2 2, 3
f g x f x g x 9 x2 x2 2
f g x f x g x 9 x2 x2 2
fg x f x g x 9 x2 x2 2 x 4 11x2 18
f f x 9 x2 9 x2
x
g g x x2 2 x2 2
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ
g
f g x f x g x x 3
4 x 2 3x 2 1 x 7 x 1
3 2
f g x f x g x x 3
4x2 3x 2
1 x3 x 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 357
fg x f x g x x 3
4 x 2 3x 2 1 3x5 12 x4 x3 4 x2
f f x x3 4 x 2
x
g g x 3x 2 1
4) โดเมนของ f คือ 0 และโดเมนของ g คือ 2
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ 2, 0
g
2 4 4 2x
f g x f x g x 2
x x2 x 2x
2 4 6x 4
f g x f x g x 2
x x2 x 2x
2 4 8
fg x f x g x 2
x x2 x 2x
2
f f x x 2
x
x
g g x 4 2x
x2
5) โดเมนของ f คือ และโดเมนของ g คือ ,1
โดเมนของ f g, f g และ fg คือ D f Dg ,1
D f Dg x Dg | g x 0 ,1
f
โดเมนของ คือ
g
f g x f x g x x2 1 1 x
f g x f x g x x2 1 1 x
fg x f x g x x2 1 1 x x3 x 2 x 1
f f x x2 1 x2 1
x
g g x 1 x 1 x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
358 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ 2, 0, 1
g
1 x x 2 3x 1
f g x f x g x
x 2 x 1 x2 x 2
1 x x2 x 1
f g x f x g x 2
x 2 x 1 x x2
1 x x
fg x f x g x
x 2 x 1 x x2
2
1
f f x x 1
x
x 2
g g x x x 2x
2
x 1
2. 1) ให้ g x x และ h x 2 x ดังนั้น f x g x h x
โดเมนของ g คือ 0, และโดเมนของ h คือ , 2
ดังนั้น โดเมนของ f คือ D g D h 0, 2
และ h x x 1 ดังนั้น f x
g x
4) ให้ g x x 5
h x
โดเมนของ g คือ 5, และโดเมนของ h คือ
ดังนั้น โดเมนของ f คือ x x D g Dh และ h x 0 5,1 1,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 359
f 0 3 0 – 5 5 , g 5 1 – 5 24
2
4. เนื่องจาก D f 3, 0, 2 , D g 3, 1, 2 และ D h 1, 2
1) โดเมนของ f g คือ D f Dg 3, 2
2) โดเมนของ f g คือ D f Dg 3, 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
360 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
f g 2 f 2 g 2 06 6 จะได้ 2, 6 f g
ดังนั้น f g 3, 1 , 2, 6
3) โดเมนของ g f คือ Dg D f 3, 2
4) โดเมนของ fg คือ D f Dg 3, 2
D f Dg x Dg | g x 0 3, 2
f
5) โดเมนของ คือ
g
f f 3 1 1 f
3 จะได้ 3,
g g 3 2 2 g
f f 2 0
2 0 จะได้ 2, 0 f
g g 2 6 g
f 1
ดังนั้น 3, , 2, 0
g 2
D f Dg x Dg | g x 0 3
g
6) โดเมนของ คือ
f
g g 3 2
3 2 จะได้ 3, 2 g
f f 3 1 f
3, 2
g
ดังนั้น
f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 361
7) D f 3, 0, 2 , Dg 3, 1, 2 และ Rg 2, 6
จะได้ Rg D f 2 ซึ่งไม่ใช่เซตว่าง จึงมี f g
ดังนั้น 2 ไม่อยู่ในโดเมนของ f g
จะได้ f g 3, 0 , 1, 0
8) Dg 3, 1, 2 , D f 3, 0, 2 และ R f 0, 1, 4
ดังนั้น 0 ไม่อยู่ในโดเมนของ g f
เนื่องจาก f 2 0 แต่ 0 ไม่อยู่ในโดเมนของ g
ดังนั้น 2 ไม่อยู่ในโดเมนของ g f
จะได้ g f 3, 2
9) D f 3, 0, 2 , Dh 1, 2 และ Rh 0, 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
362 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ดังนั้น 2 ไม่อยู่ในโดเมนของ f h
จะได้ f h 1, 4
10) Dh 1, 2 , D f 3, 0, 2 และ R f 0, 1, 4
ดังนั้น 0 ไม่อยู่ในโดเมนของ h f
เนื่องจาก f 2 0 แต่ 0 ไม่อยู่ในโดเมนของ h
ดังนั้น 2 ไม่อยู่ในโดเมนของ h f
จะได้ h f 3, 0
11) Dh 1, 2 , Dg 3, 1, 2 และ Rg 2, 6
จะได้ Rg Dh 2 ซึ่งไม่ใช่เซตว่าง จึงมี h g
ดังนั้น 2 ไม่อยู่ในโดเมนของ h g
จะได้ h g 3, 4 , 1, 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 363
12) Dg 3, 1, 2 , Dh 1, 2 และ Rh 0, 4
จะได้ Rh Dg
ดังนั้น ไม่มี g h
f 4 x –1
3 4 x –1 2
12 x 1
ดังนั้น f g x 12 x 1 โดยที่ Df g
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
364 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
f 3x 2
3 3x 2 2
9x 8
ดังนั้น f f x 9x 8 โดยที่ Df f
g 4 x 1
4 4 x 1 1
16 x 5
ดังนั้น g g x 16 x 5 โดยที่ Dg g
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 365
f x 5
x 5 2
x2 10 x 25
ดังนั้น f g x x2 10 x 25 โดยที่ Df g
g x2
x2 5
ดังนั้น g f x x2 5 โดยที่ Dg f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
366 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
f f x f f x
f x2
x
2 2
x4
ดังนั้น f f x x4 โดยที่ Df f
3
2
สาหรับ x Df g จะได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 367
f g x f g x
f 2 x 3
1
2x 3
g x
1 3
ดังนั้น f โดยที่ Df
2x 3 g
2
เนื่องจาก R f Dg 0 ซึ่งไม่ใช่เซตว่าง จึงมี g f โดยที่
Dg f xD f f x Dg
1
x 0
x
0
สาหรับ x Dg f จะได้
g f x g f x
1
g
x
1
2 3
x
2
3
x
2
ดังนั้น g f x 3 โดยที่ Dg f 0
x
เนื่องจาก Rf Df 0 ซึ่งไม่ใช่เซตว่าง จึงมี f f โดยที่
Df f xD f f x Df
1
x 0 0
x
0
สาหรับ x Df f จะได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
368 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
f f x f f x
1
f
x
1
1
x
x
ดังนั้น f f x x โดยที่ Df f 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 369
f g x f g x
f 2 x 5
2x 5
ดังนั้น f g x 2x 5 โดยที่ Df g
f x
x
x
ดังนั้น f f x x โดยที่ Df f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
370 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3
2
สาหรับ x Df g จะได้
f g x f g x
f 2 x 3
2 x 3 1
2x 3
2x 2
2x 3
2x 2 3
ดังนั้น f g x โดยที่ Df
2x 3 g
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 371
x 1
g
x
x 1
2 3
x
2 x
x
2 x
ดังนั้น g f x โดยที่ Dg f 0
x
เนื่องจาก Rf Df 0, 1 ซึ่งไม่ใช่เซตว่าง จึงมี f f โดยที่
Df f xD f f x Df
x 1
x 0 0
x
1, 0
สาหรับ x Df f จะได้
f f x f f x
x 1
f
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
372 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
x 1
1
x
x 1
x
2x 1
x 1
2x 1
ดังนั้น f f x โดยที่ Df 1, 0
x 1
f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 373
f g x f g x
f x
3
x
6
x
ดังนั้น f g x 6
x โดยที่ Df g 0,
3
x
6
x
ดังนั้น g f x 6
x โดยที่ Dg f 0,
f x3
3 3
x
9
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
374 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ดังนั้น f f x 9
x โดยที่ Df f
Dg g xD g g x Dg
x 0, x 0,
0,
สาหรับ x Dg g จะได้
g g x g g x
g x
x
4
x
ดังนั้น g g x 4 x โดยที่ Dg g 0,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 375
x 0, x
0,
สาหรับ x D f g h จะได้
f g h x f g h x
f g x
x 5 4
4
ดังนั้น f โดยที่ 0,
4
g h x x 5 4 D f g h
x 0, x
0,
สาหรับ x Dg h จะได้
g h x g h x
g x
x 5
ดังนั้น g h x x 5 โดยที่ Dg h 0, และ Rg h 5,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
376 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
สาหรับ x D f g h จะได้
f g h x f g h x
f x 5
4
x 5 4
ดังนั้น โดยที่ D f g h 0,
4
f g h x x 5 4
7. 1) จาก h x x – 98
ให้ f x x8 และ g x x 9
จะได้ f g x f g x
f x 9
x 98
h x
2) จาก h x x 5
ให้ f x x 5 และ g x x
จะได้ f g x f g x
f x
x 5
h x
x2
3) จาก h x
x2 2
x
ให้ f x x 2 และ g x x2
จะได้ f g x f g x
f x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 377
x2
x2 2
h x
4) จาก h x 1
x 10
ให้ f x 1 และ g x x 10
x
จะได้ f g x f g x
f x 10
1
x 10
h x
5) จาก h x 1 x5
ให้ f x 1 x และ g x x5
จะได้ f g x f g x
f x5
1 x5
h x
6) จาก h x 2 x
ให้ f x 2 x และ g x x
จะได้ f g x f g x
f x
2 x
h x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
378 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จาก h x 4x 4x 7
2
8.
จะได้ h x 4x 2
4x 1 6
2 x 12 6
g x
2
6
ให้ f x x2 6
จะได้ f g x f g x g x 2
6 h x
ดังนั้น f x x2 6
แบบฝึกหัด 1.6
1. 1) f 1 10 f 1 f 3 3
2) f 4 f f 1 3 3
3) f 1 18 f 1 f 10 10
4) f 3 f f 1 4 4
5) วิธีที่ 1 จาก f x 5 2x
y 5
ให้ y f x จะได้ y 5 2x ดังนั้น x
2
x5
สลับ x กับ y จะได้ y
2
x5
จะได้ f 1 x
2
10 5 5
ดังนั้น f 1 10
2 2
วิธีที่ 2 จาก f x 5 2x
หา x ที่ทาให้ f x 10
5 2x 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 379
5
จะได้ x =
2
5
นั่นคือ f = 10
2
5 5
ดังนั้น f 1 10 f 1 f
2 2
6) จาก f x x2 4x เมื่อ x 2
หา x ที่ทาให้ f x 12
x 2 4 x 12
x2 4 x 12 0
x 2 x 6 0
ดังนั้น x2 หรือ x 6
นั่นคือ f 2 12
ดังนั้น f 1 12 f 1 f 2 2
2. 1) จาก f x 2x 5
จะได้ว่า 2 x1 5 2 x2 5
ทาให้ x1 x2
จะได้ 2x y 5
y 5
x
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
380 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
x5
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
2
x 5
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x
2
1
2) จาก f x
x
ให้ x1 , x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง f x f x
1 2
1 1
จะได้ว่า
x1 x2
ทาให้ x1 x2
1
จะได้ x
y
1
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
x
1
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x
x
3) จาก f x x2 4 , x 0
ให้ x , x เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง x , x
1 2 1 2 0 และ f x f x
1 2
ทาให้ x1 x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 381
จะได้ x2 y 4
x y4
4) จาก f x 1
x3
ให้ x1 , x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง f x f x
1 2
1 1
จะได้ว่า
x1 3 x2 3
ทาให้ x1 x2
1
จะได้ x 3
y
1
x 3
y
1
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y 3
x
1
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน คือ f 1 x 3
x
5) จาก f x x 1
จะได้ว่า x1 1 x2 1
ทาให้ x1 x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
382 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ y 1 x
y 1
2
x
3. 1) จาก y f x 5 x
หา x ในพจน์ของ y จะได้ x 5 y
ดังนั้น f 1 x 5 x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 383
x
2) จาก y f x
5
หา x ในพจน์ของ y จะได้ x 5y
ดังนั้น f 1 x 5 x
5 2x
3) จาก y f x
1 3x
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ y 1 3x 5 2x
y 3xy 5 2x
3xy 2 x 5 y
x 3 y 2 5 y
5 y 2
x เมื่อ y
3y 2 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
384 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
5 x 2
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y เมื่อ x
3x 2 3
5 x 2
ดังนั้น f 1 x เมื่อ x
3x 2 3
เขียนกราฟของ f และ f 1 ได้ดังนี้
4) จาก y f x 5 x2 , x 0
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ x2 5 y
x 5 y เมื่อ y5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 385
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ y 1 x 1
y 12 x 1
x y 12 1
x y2 2 y
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y
จะได้ y x2 2x
ดังนั้น f 1 x x 2 2 x โดยที่ D f 1 1,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
386 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ให้ y 3x 6
หา x ในพจน์ของ y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 387
จะได้ 3x y 6
y6
x
3
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y
x6
จะได้ y
3
x6
ดังนั้น f 1 x
3
ข. เขียนกราฟของ f และ f 1 ได้ดังนี้
ให้ y x3 2
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ x3 y2
x 3 y2
ดังนั้น f 1 x 3
x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
388 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ให้ y 9 x2 , x 0
หา x ในพจน์ของ y จะได้
x2 9 y
เนื่องจาก x0 ดังนั้น x 9 y
ดังนั้น f 1 x 9 x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 389
ให้ y x3
หา x ในพจน์ของ y
จะได้ y2 x 3
x y2 3
เปลี่ยน y เป็น 8 และเปลี่ยน 8 เป็น y จะได้ y x2 3
ดังนั้น f 1 x x 2 3 โดยที่ D f 1 0,
5. วิธีที่ 1 จาก f x x3
ใช้บทนิยาม โดยเขียน f ให้อยู่ในรูปเซต จะได้ f x, y y x3
จะได้ f –1 x, y x y3 x, y y3 x
ให้ x, y และ z เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง x, y f 1 และ x, z f 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
390 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ว่า y 3
x และ z3x
ดังนั้น yz
นั่นคือ f 1 เป็นฟังก์ชัน
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน และ f –1 x 3
x
วิธีที่ 2 จาก f x x3
ใช้ทฤษฎีบท โดยแสดงว่า f เป็นฟังก์ชัน 1 1 ดังนี้
ให้ x 1 และ x 2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง f x1 f x 2
จะได้ว่า x13 x23 ทาให้ x1 x 2
นั่นคือ f เป็นฟังก์ชัน 1 1
ดังนั้น f มีฟังก์ชันผกผัน และ f –1 x 3
x
6. วิธีที่ 1 จาก f x x 4
จะได้ f 1 x, y x y 4 x, y y x4
จะเห็นว่า f 1ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะ 5, 1 f 1 และ 5, 1 f 1
ดังนั้น f ไม่มีฟังก์ชันผกผัน
วิธีที่ 2 จาก f x x 4
ใช้ทฤษฎีบท เนื่องจาก 1, 5 f และ 1, 5 f
ดังนั้น f ไม่เป็นฟังก์ชัน 1 1
จะได้ f ไม่มีฟังก์ชันผกผัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 391
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. จาก
E x x 2 25 และ r 4, 2 , 3, 1 , 2, 3 , 5, 4
จะได้ E 1, 2, 3, 4
ดังนั้น r ไม่เป็นความสัมพันธ์บนเซต E
2. 1) D r 0, และ Rr
2) Dr และ Rr
3) D r 0, และ R r , 0
4) Dr และ R r 0,
5) Dr , 1 1, และ R r 0,
6) Dr 1 และ R r 0,
1
8) Dr 3, 3 และ Rr ,
3
3. 1) r 1 2, 2 , 3, 2 , 4, 1 , 2, 3 , 3, 3
D r 1 2, 3, 4
R r 1 1, 2, 3
1 x
2) r 1 x, y y
2
Dr 1
Rr 1
3) r 1 x, y x 0 และ y x2
D r 1 0,
R r 1 0,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
392 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) r 1 x, y yx
Dr 1
Rr 1
4. 1) จาก r x, y A A y x 2 เมื่อ A 3, 2, 1, 0, 1, 2, 3
2) จาก r x, y y 2 x
x
จะได้ r 1 x, y y เขียนกราฟของ r และ r 1 ได้ดังนี้
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 393
3) จาก r x, y y 1 2 x
1 x
จะได้ r 1 x, y y เขียนกราฟของ r และ r 1 ได้ดังนี้
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
394 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ Dr Rs 1, 3 และ Rr Ds 2, 4
โดยที่ r 1 2, 1 , 3, 4 s
6. 1) เป็นฟังก์ชัน 2) เป็นฟังก์ชัน
3) ไม่เป็นฟังก์ชัน 4) ไม่เป็นฟังก์ชัน
7. 1) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะพบว่า 4 ซึ่งอยู่ในโดเมนจับคู่กับ d และ e ซึ่งเป็นสมาชิก
ในเรนจ์
2) ไม่เป็นฟังก์ชัน เพราะจาก x, y A A y x เมื่อ A 1, 2, 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 395
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
396 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
5) วิธีที่ 1 ไม่เป็นฟังก์ชัน
เพราะจาก x, y y 1 เมื่อ x 0 และ y 1 เมื่อ x 0
จะมี 0 ซึ่งอยู่ในโดเมนจับคู่กับ 1 และ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกในเรนจ์
วิธีที่ 2 ไม่เป็นฟังก์ชัน
เพราะจาก x, y y 1 เมื่อ x0 และ y 1 เมื่อ x 0
เขียนกราฟได้ดังนี้
f 3 3 2 3 3 5 13
f a a 2 3 a 5 a 2 3a 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 397
f x h f x
x 2
2hx h 2 3x 3h 5 x 2 3x 5
h h
2hx h 3h2
h
2x h 3
9. 1) Df และ Rf
2) D f 2, และ R f 0,
3) Df และ R f 0,
4) Df และ R f 0,
5) Df และ R f 0,
จะได้ Df และ Rf
2) จาก f x x3 5 เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
398 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ Df และ Rf
3) จาก f x x2 6x 10 เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 399
จะได้ Df และ R f , 1
4) จาก f x 3x 5 7 เขียนกราฟได้ดังนี้
จะได้ Df และ R f 7,
2) ไม่มีฟังก์ชันจาก B ไป A
3) ฟังก์ชันจาก A ไป A ได้แก่ f2
5) ไม่มีฟังก์ชัน 1 1 จาก B ไป B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
400 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
6) ไม่มีฟังก์ชันจาก A ไปทั่วถึง A
7) ไม่มีฟังก์ชันจาก B ไปทั่วถึง A
8) ไม่มีฟังก์ชันจาก B ไปทั่วถึง B
, x 1
12. 1) วิธีที่ 1 จาก f x x
3 , x 1
จะเห็นว่ามีกรณีที่ แต่ f x1 f x2
x1 x2
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 401
2) วิธีที่ 1 จาก h x 3x 2
ให้ x1 และ x 2 เป็นจานวนจริงใด ๆ
สมมติ
h x1 h x2
จะได้ 3 x1 2 3x 2 2
2 2
3 x1 2 3x 2 2
3x 3x 2 2
2 2
1 2
3x 2 3x 2
2 2
1 2 0
3x1 2 3x2 2 3x1 2 3x2 2 0
3x1 3x2 3x1 3x2 4 0
x1 x2 3x1 3x2 4 0
จะได้ x1 x2 0 หรือ 3x1 3x2 4 0
3x2 4
นั่นคือ x1 x2 หรือ x1
3
3x2 4
จาก x1
3
จะเห็นว่ามีกรณีที่ x1 x 2 แต่ h x1 h x 2
เช่น x1
4
จะได้ h x1 2 และ x2 0 จะได้ h x 2 2
3
ดังนั้น h ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
วิธีที่ 2 จาก h x 3x 2
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
402 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ดังนั้น h ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
3) วิธีที่ 1 จาก g x x 1
ให้ x1 และ x 2 เป็นจานวนจริงใด ๆ
สมมติ
g x1 g x2
จะได้ x1 1 x2 1
2 2
x1 1 x2 1
x1 1 x2 1
ดังนั้น x1 x2
ดังนั้น g เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 403
วิธีที่ 2 จาก g x x 1
เขียนกราฟได้ดังนี้
เพียงจุดเดียว
ดังนั้น g เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
4) วิธีที่ 1 จาก r x x2 x 2
ให้ x1 และ x 2 เป็นจานวนจริงใด ๆ
สมมติ
r x1 r x2
จะได้ x12 x1 2 x 22 x 2 2
x12 x1 x 22 x 2
x
2
1 x22 x1 x2 0
x1 x2 x1 x2 x1 x2 0
x1 x2 x1 x2 1 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
404 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ x1 x2 0 หรือ x1 x2 1 0
นั่นคือ x1 x2 หรือ x1 1 x2
จาก x1 1 x2
จะเห็นว่ามีกรณีที่ แต่ r x1 r x 2
x1 x 2
ที่ตัดกราฟของ r x x2 x 2 สองจุด
ดังนั้น r ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 405
13. 1) จาก f x x 2
จะได้ว่า D f และ R f 0,
2) จาก h x x2 1
จะได้ว่า D h และ R h 1,
เนื่องจาก 0 0, แต่ 0 Rh
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
406 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3) จาก g x x2 4x 4 x 22
จะได้ว่า Dg และ R g 0,
14. 1) จาก f x 1 x
จะแสดงว่า f เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ
สมมติ
f x1 f x2
จะได้ 1 x1 1 x2
x1 x2
x1 x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 407
2) จาก h x x2 4x 2
วิธีที่ 1 จะแสดงว่า h ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ
สมมติ
h x1 h x2
x12 4 x1 x22 4 x2 0
x12 x22 4 x1 4 x2 0
x1 x2 x1 x2 4 x1 x2 0
x1 x2 x1 x2 4 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
408 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
นั่นคือ x1 x2 0 หรือ x1 x2 4 0
x1 x2 หรือ x1 4 x2
จาก x1 4 x2
จะเห็นว่ามีกรณีที่ แต่ h x1 h x 2
x1 x 2
ดังนั้น h ไม่เป็นฟังก์ชันทั่วถึง
จะได้ว่า h ไม่เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งจาก ไปทั่วถึง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 409
15. 1) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 1, 2
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 3, 1 และ 2, 4
2) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 3, 2 , 1, 1 , 1, 2 และ 3, 4
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 2, 1 และ 2, 3
3) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 3, 1 , 1, 0 และ 2, 4
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 0, 2
4) เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 3, 0 และ 1, 3
เป็นฟังก์ชันลดบนช่วง 0, 1
1
16. 1) สาหรับ f x 2x 1 บนช่วง 2 ,
1
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ บนช่วง 2 , ซึง่ x1 x2
จะได้ 2x1 2x2
2 x1 1 2 x2 1
1
เนื่องจาก x1 , x2 , ดังนั้น 2 x1 1 0 และ 2 x2 1 0
2
จะได้ 2 x1 1 2 x2 1
f x1 f x2
1
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง 2 ,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
410 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) สาหรับ f x x2 4 บนช่วง , 0
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ บนช่วง , 0 ซึง่ x1 x2
x12 x22
x12 4 x22 4
f x1 f x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง , 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 411
3) สาหรับ f x x3 2 บน
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง x1 x2
x13 2 x23 2
f x1 f x2
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่มบน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
412 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ x1 1 x2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 413
17. 1) ฉ 2) ก
3) ง 4) ข
5) จ 6) ค
18. 1) โดเมนของ f คือ และโดเมนของ g คือ
โดเมนของ f g, f g และ fg คือ D f Dg
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ 1,1
g
f g x f x g x x 2
2x 1 x2 1 2x
f g x f x g x x 2
2 x 1 x
2
2 x2 2 x 1
fg x f x g x x 2
2 x 1 x
2
x 4 2 x3 x 2 2 x
f f x x2 2 x
x
g g x 1 x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
414 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
D f Dg x Dg | g x 0 , 2 2, 3
f
โดเมนของ คือ
g
f g x f x g x x2 4 3 x
f g x f x g x x2 4 3 x
fg x f x g x x2 4 3 x
f f x x2 4
x
g g x 3 x
3) โดเมนของ f คือ 1, 1 และโดเมนของ g คือ
โดเมนของ f g, f g และ fg คือ D f Dg 1, 1
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ 1, 1
g
1
f g x f x g x x3 1
x 1 2
f g x f x g x
1
2 x3 1
x 1
1
2 x3 1
x 1
2 x3 1
1
fg x f x g x
x 1
x x 1 2
เมื่อ x 1
x 1
1
f f x
x3 1
2
x
g g x x 1
1
x 2
1 x3 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 415
D f Dg x Dg | g x 0
f
โดเมนของ คือ 1, 3
g
x 1
f g x f x g x
x 3 x 1
x 1
f g x f x g x
x 3 x 1
x 1
fg x f x g x x
x 3 x 1 x 3 x 1
x
f f x x x 1
x x3
g g x 1 x3
x 1
19. จาก f x x 1 3 และ g x 9 x2
R f Dg 3, 3 ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี g f
ดังนั้น
f g 1 f g 1 f 2 2 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
416 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
เนื่องจาก f 2 0 และ g 0 3
ดังนั้น g f 2 g f 2 g 0 3
4) เนื่องจาก f 1 1 และ f 1 3
ดังนั้น f f 1 f f 1 f 1 3
เนื่องจาก g 3 0 และ g 0 3
ดังนั้น g g 2 g g 3 g 0 3
5) เนื่องจาก f x x 1 3 และ f x 1 3 x 1 3 1 3
ดังนั้น f f x f f x f x 1 3 x 1 2 3
เนื่องจาก g x 9 x2 และ g
9 x2 9 9 x2 2
x
ดังนั้น g g x g g x g
9 x2 x
จะได้ 1, 1 f g
f g 1 f 1 g 1 54 9
จะได้ 1, 9 f g
ดังนั้น f g 1, 1 , 1, 9
2) โดเมนของ g h คือ Dg Dh 1, 2
จะได้ 1, 2 g h
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 417
g h 2 g 2 h 2 1 1 2
จะได้ 2, 2 g h
ดังนั้น g h 1, 2 , 2, 2
3) โดเมนของ g
คือ x x D g Dh และ f x 0 1, 1
f
g g 1 0
1 0
f f 1 1
จะได้ 1, 0 g
f
g g 1 4
1
f f 1 5
4 g
จะได้ 1,
5 f
g 4
ดังนั้น 1, 0 , 1,
f 5
f
4) โดเมนของ คือ x x D f Dh และ h x 0 1
h
f f 1 5
1
h h 1 2
5 f
จะได้ 1,
2 h
f 5
ดังนั้น 1,
h 2
จะได้ 1, 8 hg
hg 2 h 2 g 2 1 1 1
จะได้ 2, 1 hg
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
418 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ดังนั้น 1 ไม่อยู่ในโดเมนของ f h
ดังนั้น 0 ไม่อยู่ในโดเมนของ h f
เนื่องจาก f 1 5 แต่ 5 ไม่อยู่ในโดเมนของ h
ดังนั้น 1 ไม่อยู่ในโดเมนของ h f
จะได้ h f 1, 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 419
ดังนั้น 1 ไม่อยู่ในโดเมนของ h g
เนื่องจาก g 2 1 และ h 1 2
ดังนั้น h g 2 h g 2 h 1 2
จะได้ h g 1, 0 , 2, 2
ดังนั้น 0 ไม่อยู่ในโดเมนของ g h
เนื่องจาก h 1 2 และ g 2 1 ดังนั้น g h 1 g h 1 g 2 1
จะได้ g h 1, 1 , 2, 0
f g x f g x
x
f
3
x
5 6
3
5x
6
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
420 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
Df g x D g g x Df
x
x
3
5x
ดังนั้น f g x 6 โดยที่ Df g
3
เนื่องจาก R f Dg ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี g f
g f x g f x
g 5x 6
5x 6
3
5x
2
3
Dg f x D f f x Dg
x 5x 6
5x
ดังนั้น g f x 2 โดยที่ Dg f
3
เนื่องจาก Rf Df ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี f f
f f x f f x
f 5x 6
5 5x 6 6
25x 36
Df f x D f f x Df
x 5x 6
ดังนั้น f f x 25x 36 โดยที่ Df f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 421
g g x g g x
x
g
3
x
3
3
x
9
Dg g x D g g x Dg
x
x
3
x
ดังนั้น g g x โดยที่ Dg g
9
2) จาก f x x 1 จะได้ D และ R
3
f f
f g x f g x
f x 2
x 2 1
3
x 6 x 12 x 9
3 2
Df g x D g g x Df
x x 2
ดังนั้น f g x x 6 x 12 x 9
3 2
โดยที่ Df g
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
422 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
g f x g f x
g x3 1
x 3
1 2
x3 3
Dg f x D f f x Dg
x x 3 1
ดังนั้น g f x x 3
3
โดยที่ Dg f
f f x f f x
f x3 1
x 1 1
3
3
x 9 3x 6 3x 3 2
Df f x D f f x Df
x x 3 1
ดังนั้น f f x x 3x 3x 2
9 6 3
โดยที่ Df f
g g x g g x
g x 2
x 2 2
x4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 423
Dg g x D g g x Dg
x x 2
ดังนั้น g g x x 4 โดยที่ Dg g
f g x f g x
f x5
2
x5
x5
Df g x D g g x Df
x 5, x5
5,
ดังนั้น f g x x 5 โดยที่ Df g 5,
g f x g f x
g x2
x2 5
Dg f x D f f x Dg
x x 2 5,
ดังนั้น g f x x2 5 โดยที่ Dg f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
424 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
f f x f f x
f x2
x 2 2
x4
Df f x D f f x Df
x x2
ดังนั้น f f x x 4
โดยที่ Df f
g g x g g x
g x5
x5 5
Dg g x D g x D
g g
x 5, x 5 5,
5,
ดังนั้น g g x x5 5 โดยที่ Dg g 5,
f g x f g x
f x4
x4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 425
Df g x D g
g x Df
x x4
ดังนั้น f g x x 4 4 โดยที่ Df g
g f x g f x
g x 4
x 4 4
x
Dg f x D f f x Dg
x x 4
ดังนั้น g f x x โดยที่ Dg f
f f x f f x
f x 4
x 4 4
x 8
Df f x D f f x Df
x x 4
ดังนั้น f f x x 8 โดยที่ Df f
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
426 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
g g x g g x
g x 4
x4 4
Dg g x D g g x Dg
x x4
ดังนั้น g g x x 4 4 โดยที่ Dg g
1
5) จาก f x จะได้ D f 0, และ R f 0,
x
จาก g x x 4x จะได้ D และ R 4,
2
g g
f g x f g x
f x2 4 x
1
x 4x
2
Df g x D g g x Df
x
x 2 4 x 0,
, 4 0,
1
ดังนั้น f g x โดยที่ Df g , 4 0,
x 4x
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 427
g f x g f x
1
g
x
2
1 1
4
x x
1 4
x x
Dg f x D f f x Dg
1
x 0,
x
0,
1 4
ดังนั้น g f x โดยที่ Dg f 0,
x x
เนื่องจาก R f D f 0, ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี f f
f f x f f x
1
f
x
1
1
x
4
x
Df f x D f f x Df
1
x 0, 0,
x
0,
ดังนั้น f f x 4
x โดยที่ Df f 0,
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
428 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
g g x g g x
g x2 4 x
x 4 x 4 x2 4 x
2
2
x4 8x3 20 x2 16 x
Dg g x D g
g x Dg
x x2 4x
ดังนั้น g g x x 8x 20 x 16 x
4 3 2
โดยที่ Dg g
f g x f g x
x2
f
x
2
x2
x
2x
x2
Df g x D g g x Df
x2
x 0 0
x
0, 2
2x
ดังนั้น f g x โดยที่ Df 0, 2
x2
g
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 429
g f x g f x
2
g
x
2
2
x
2
x
1 x
Dg f x D f f x Dg
2
x 0 0
x
0
ดังนั้น g f x 1 x โดยที่ Dg f 0
f f x f f x
2
f
x
2
2
x
x
Df f x D f f x Df
2
x 0 0
x
0
ดังนั้น f f x x โดยที่ Df f 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
430 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
g g x g g x
x2
g
x
x2
2
x
x2
x
x2
2 x
Dg g x D g g x Dg
x2
x 0 0
x
0, 2
x2
ดังนั้น g g x โดยที่ Dg 0, 2
2 x
g
22. จาก f x x 3
1 จะได้ D f และ Rf
1
จาก g x จะได้ Dg 1 และ Rg 0
x 1
จาก h x x 1 จะได้ Dh และ Rh 0,
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 431
f g x f g x
1
f
x 1
3
1
1
x 1
3
1
ดังนั้น f g x 1 โดยที่ Df 1
x 1
g
x x 1
2
1
สาหรับ x D f g h
จะได้
f g h x f g h x
f
g x 1
2
3
1
1
x 1 1
2
3
1
ดังนั้น f g h x 1
x 1 1
2
โดยที่ D f g h
เนื่องจาก Rh Dg 0, ซึ่งไม่เป็นเซตว่าง จึงมี g h โดยที่
Dg h x D h x D
h g
x x 1
2
1
สาหรับ x Dg h จะได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
432 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
g h x g h x
g x 1 2
1
x 1 1
2
1
ดังนั้น g h x โดยที่ Dg และ Rg 0, 1
x 1
h h
1
2
จะได้ f g x h x
3x 2 3x 2
และ f g x f g x
3 g x 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 433
ดังนั้น 3 g x 5 3x 2 3x 2
3 g x 3x 2 3 x 2 5
3x 2 3x 3
g x
3
x x 1
2
ดังนั้น g x x 2
x 1 ที่ทาให้ f gh ซึง่ f x 3x 5 และ h x 3x 2
3x 2
1
24. 1) จาก f x 3 x, g x x
3
ให้ y f x จะได้ y 3x หา x ในพจน์ของ y
y
จะได้ x
3
x
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
3
x
นั่นคือ f 1 x g x
3
ดังนั้น f และ g เป็นฟังก์ชันผกผันของกันและกัน
2) จาก f x 3 x , g x 3 5x
5
3 x
ให้ y f x จะได้ y หา x ในพจน์ของ y
5
จะได้ 3 x 5y
x 3 5y
นั่นคือ f 1 x 3 5x g x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
434 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ x 5
y
นั่นคือ f 1 x 5
x g x
จะได้ x 3 y 3
นั่นคือ f 1 x 4 x 2 , 0 x 2 ซึ่ง f 1 x g x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 435
x7
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
5
x7
ดังนั้น f 1 x
5
1
2) จาก f x จะแสดงว่า f เป็นฟังก์ชัน 1 1
x2
ให้ x1 และ x2 เป็นจานวนจริงใด ๆ ซึ่ง f x1 f x2
1 1
จะได้ว่า ทาให้ x1 x2
x1 2 x2 2
y 5 3
x
จะได้ x y 5
3
ดังนั้น f 1 x x 5
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
436 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ x 6 y
ดังนั้น f 1 x 6 x , x 0
จาก f x 5x 3 , x 0
นั่นคือ f x 5x 3 , x 0
จะได้ R f 3, ซึ่งเป็นโดเมนของ f 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 437
จาก f x 5 2x2 , x 0
จะได้ R f , 5 ซึ่งเป็นโดเมนของ f 1
จะได้ 2x 2 5 y
5 y
x2
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
438 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
5 y
เนื่องจาก x0 ดังนั้น x
2
5 x
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
2
5 x
ดังนั้น f 1 x โดยที่ D f 1 , 5
2
ค. เขียนกราฟของ f x x 2 1 และเขียนกราฟของ f 1 x จาก f x
ได้ดังนี้
จาก f x x 2 1
จะได้ R f 1, ซึ่งเป็นโดเมนของ f 1
จะได้ x2 y 1
x2 y 12
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 439
x y 12 2
เปลี่ยน เป็น และเปลี่ยน เป็น จะได้ y x 1 2
2
y x x y
ดังนั้น f 1 x x 1 2 โดยที่ D f 1 1,
2
จาก f x x3 2
จะได้ Rf ซึ่งเป็นโดเมนของ f 1
จะได้ x3 2 y
x 3 2 y
ดังนั้น f 1 x 3 2 x โดยที่ D f 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
440 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ดังนั้น f IA f และ IB f f
2) ให้ f 1 เป็นฟังก์ชัน
สาหรับทุก x A โดยที่ A Df จะได้ว่า
f 1 f x f 1 f x x IDf x
จะได้
h g 1 x h g 1 x
f g g 1 x
f gg 1
x
f x
ดังนั้น f h g 1
29. เนื่องจาก f ( x) ax b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 441
28,000 1,500m b 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
442 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
b 34,000 24,000
10,000
ดังนั้น บริษัทจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะให้กับนาย ก และนาย ข เป็นเงิน
คนละ 10,000 บาท
3) ฟังก์ชันแสดงรายได้ที่พนักงานได้รับในแต่ละเดือน คือ P x 12 x 10,000
100
เมื่อ x คือยอดขายที่พนักงานทาได้
31. ให้ f x แทนรายได้ของบริษัทท่องเที่ยวแห่งนี้
เมื่อ x คือจานวนนักท่องเที่ยว
จะได้ f x 475 5 x 75 x
475 5x 375 x
5x2 850 x
b 4ac b2
เนื่องจาก กราฟของ y ax2 bx c เมื่อ a0 จะมีจุดวกกลับที่จุด 2a , 4a
จะได้ว่า กราฟของ f x 5x 2
850 x มีจุดวกกลับที่ x 850 85
2 5
พื้นที่
คลอง
ทำกำรเกษตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 443
ให้ x แทนความกว้างของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
m แทนความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
y แทนพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เนื่องจากรั้วทั้งหมดยาว 120 เมตร
จะได้ 120 x x m
2x m
m 120 2x
ความสัมพันธ์ของพื้นที่กับความกว้างของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปนี้ คือ
y xm
x 120 2 x
2 x2 120 x
ดังนั้น ความสัมพันธ์ของพื้นที่กับความกว้างของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปนี้ คือ
y 2 x2 120 x
2) เนื่องจาก y แทนพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แสดงว่า y0 เสมอ
จาก y f x 2 x2 120 x
จะได้ 2 x2 120 x 0
2 x x 60 0
2 x x 60 0
นั่นคือ 0 x 60
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
444 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4
3 x x
2
3
2 3 2
2 2
4
3 x 2 x
3 3 3
2
2 4
3 x
3 3
2
พิจารณา f x 3 x 2 4
3 3
เมื่อเทียบกับ a x h 2
k
f x
มีค่ามากที่สุด
4
ดังนั้น ค่ามากที่สุดของ xy คือ 3
เมื่อ 6x 2 y 8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 445
0 ; 0 x 3
30 ; 3 x4
60 ; 4 x5
90 ; 5 x6
120 ; 6x7
f x
150 ; 7 x8
200 ; 8 x9
250 ; 9 x 10
300 ; 10 x 11
(บำท)
(ชั่วโมง)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
446 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
A 1.05x
1.05 1.05x
1.052 x
ดังนั้น A A x 1.05 x เป็นฟังก์ชันแสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบกาหนด 2 ปี
2
A A A x
A A A x
A A 1.05x
A 1.05 x
2
1.05 1.05 x
2
1.053 x
ดังนั้น A A x 1.05 x เป็นฟังก์ชันแสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบกาหนด 3 ปี
3
A
A A A A x
A A A A x
A A A 1.05x
A A 1.05 x
2
A 1.05 x
3
1.05 1.05 x
3
1.054 x
ดังนั้น A A A A x 1.05 x เป็นฟังก์ชันแสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบ
4
กาหนด 4 ปี
และฟังก์ชันประกอบของฟังก์ชัน A จานวน n ฟังก์ชัน คือ 1.05n x ซึ่งเป็นฟังก์ชัน
แสดงจานวนเงินรวมที่จะได้เมื่อครบกาหนด n ปี เมื่อ n แทนจานวนนับ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 447
ดังนั้น f x ax 32
จากจุดเดือดของน้าบริสุทธิ์คือ 100 C หรือ 212 F จะได้ f 100 212
จะได้ว่า f x 9 x 32
5
ดังนั้น ฟังก์ชันแสดงอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์ เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มี
9
หน่วยเป็นองศาเซลเซียส คือ f x x 32
5
2) วิธีที่ 1 ให้ g x ซึ่งแสดงอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์
เนื่องจาก g x เป็นฟังก์ชันเชิงเส้น จะได้ g x ax b
เมื่อ a และ b เป็นค่าคงตัว
จากจุดเยือกแข็งของน้าบริสุทธิ์คือ 0 C หรือ 32 F จะได้ g 32 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
448 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แทน x ด้วย 32 ใน g x ax b
จะได้ g 32 a 32 b 32a b
เนื่องจาก g 32 0 จะได้ 32a
ดังนั้น g x ax 32a a x 32
จะได้ว่า g x
5 x 32
9
ดังนั้น ฟังก์ชันแสดงอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส
5 x 32
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์ คือ g x
9
วิธีที่ 2 ให้ g x ซึ่งแสดงอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์
เนื่องจาก f x เป็นฟังก์ชันแสดงอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส
จะได้ว่า g x f 1 x
9
จาก f x x 32
5
9
ให้ y f x จะได้ y x 32 หา x ในพจน์ของ y
5
5 y 32
จะได้ x =
9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 449
5 x 32
เปลี่ยน y เป็น x และเปลี่ยน x เป็น y จะได้ y
9
5 x 32
นั่นคือ f 1 x
9
เนื่องจาก g x f 1
x
5 x 32
จะได้ g x
9
ดังนั้น ฟังก์ชันแสดงอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส
5 x 32
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์ คือ g x
9
จาก f x 9 x 32 และ g x
5 x 32
3) เขียนกราฟได้ดังนี้
5 9
ของกันและกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
450 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
47.22
ดังนั้น ถ้าอุณหภูมิของน้าบริสุทธิ์วัดได้ 117 F จะประมาณ 47.22 C
86
ดังนั้น ถ้าอุณหภูมิของน้าบริสุทธิ์วัดได้ 30 C จะเป็น 86 F
จะได้ 0 x5
ดังนั้น DV 0, 5
V 4 10 2 4 15 2 4 4 56
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 451
4) เขียนกราฟของฟังก์ชัน V ( x) ได้ดังนี้
(ลูกบาศก์นิ้ว)
(นิ้ว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
452 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
(ลูกบาศก์นิ้ว)
(นิ้ว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 453
บทที่ 2 ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
แบบฝึกหัด 2.1ก
23 35
1. 1) = 230 35 5
35 20
= 23 30
1
=
23
1
=
8
x9 2 x
4
x 9 24 x 4
2) =
x3 x3
= 16x9 43
= 16x10
1
b4 b2 12b 8
12 4 2 8
3) = b
3 3
= 4b 2
4
=
b2
4) a 5 7
b a 2 7 0
b c = a5 2b7 7 c0
= a 7 b0 c0
1
=
a7
5) 2ab ab
1 2 2
= 2ab a
1 2
b4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
454 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4 4
1 3 2 1 3 4 2 4
6) x y = x y
2 2
= 24 x12 y 8
16x12
=
y8
1
2 2
1
7) 2 3 =
3a b 32 a 2 2b 3 2
1
=
3 a 4b6
2
32 a 4
=
b6
9a 4
=
b6
8)
x y xy
2 3 4 3
=
x y x
2 3 1 3
y 4 3
2 2
x y x y
=
x y x
2 3 3
y 12
x2 y
= x2 32 y3 121
= x 3 y 10
1
=
x y10
3
2. 1) เป็นจริง
2) เป็นเท็จ
เช่น ให้ x 2, m 3 และ n2
จะได้ xm
n
23
2
8
8 4 32 แต่ xmn 232 2
x 2 1
4
xm
ซึ่งจะเห็นว่า x mn
xn
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 455
3) เป็นเท็จ
เช่น ให้ x 2, m 3 และ n2
1 1 1 1 1 1 1
จะได้ m
n 3 2 แต่ xmn 232 21 2
x x 2 2 8 4 32
1 1
ซึ่งจะเห็นว่า m
n xmn
x x
4) เป็นเท็จ
เช่น ให้ x 2, m 3 และ n2
ซึ่งจะเห็นว่า xm xn xm n
5) เป็นจริง
6) เป็นเท็จ
1
เช่น ให้ x และ m2
2
2
1 1
จะได้ xm
2 4
ซึ่งจะเห็นว่า xm 1
3. 1) 3
64 = 3
4 4 4
= 4
2) 4
256 = 4
4 4 4 4
= 4
3 3
3) =
3
27 3
3 3 3
3
=
3
= 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
456 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
6
1 1
4) 6 = 6
64 64
1
= 6
2 2 2 2 2 2
1
=
2
5) 8x 2 = 8 x2
= 2 2 x
6) 4
16x8 = 2 4 x8
= 2x 2
5 5
4. 1) =
2 2
5 2
=
2 2
5 2
=
2
5 2
=
2
10
=
2
3 3
2) =
20 20
3 20
=
20 20
3 20
=
20
3 2 2 5
=
20
2 15
=
20
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 457
15
=
10
21 73
3) =
15 5 3
7 3
=
5 3
7
=
5
7 5
=
5 5
7 5
=
5
75
=
5
35
=
5
96 1 96
4) =
2 12 2 12
1 96
=
2 12
1
= 8
2
1
= 2 2
2
= 2
3 8 3 8
5) =
4 12 4 12
3 8
=
4 12
3 2
=
4 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
458 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3 2
=
4 3
3 2 3
=
4 3 3
3 2 3
=
12
3 23
=
12
6
=
4
3 3 3
9 9 2
6) 3
= 3
3
4 4 2
3
18
=
2
5. 1)
72 3 5 3 20 50 = 6 2 3 5 6 5 5 2
= 11 2 3 5
2) 3 5 10 2 5 = 3 5 10 3 5 2 5
= 15 2 30
2 3 2 2 2 3 3
2 2 2
3) =
= 74 3
4)
5 2 2 5 1 = 5 2 5 5 4 5 2
= 12 5 5
2 2 3 7
2 2
5) 3 7 2 3 7 =
= 12 7
= 5
6) วิธีที่ 1 3
3 1 3
9 3 3 1 = 3 9 3 3 3 9
3 3 3 3 3 3 3
3 1
= 3 9 3 9 3 1
3 3 3 3
= 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 459
วิธีที่ 2 3 1 3 3 3 1
2
3
3 1 3
9 3 3 1 = 3 3
3 1
3
3 3
=
= 3 1
= 2
แบบฝึกหัด 2.1ข
2
3
2
3 3
1. 1) 27 3
=
2
3
= 3 3
= 32
= 9
1
1
2) 16
4
= 1 4
16
1
1 4 4
=
2
1
4
= 1 4
2
1
=
2
3
0.5 2 2
3
3) 0.25 2 =
3
0.5
2
= 2
0.5
3
=
= 0.125
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
460 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2
1 3 3
2
1 3
4) =
125 5
2
3
1 3
=
5
2
1
=
5
1
=
25
1
1
1 3
125
5) 3 =
125
1
1 3 3
=
5
1
3
1 3
=
5
1
=
5
2 2
6) 27 3 = 33 3
2
3
3
= 3
= 32
= 9
3
3 2 2
3
9 2
7) =
16 4
3
2
= 3 2
4
3
3
=
4
27
=
64
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 461
2 2
8) 1 3 = 2 3 3
8
3
2
3
= 2
= 22
1
=
22
1
=
4
2 2 2
3
27x3 3 27 3 x 3
2. 1) 6 = 2
y y
6
3
32 x 2
=
y4
9x 2
=
y4
1 1
x 4 2 1 2
2) 6 = 4 6
4y 4x y
1
= 1 1 1
4 6
2 2 2
4 x y
1
=
2x 2 y 3
3
2 2 3
3
x3 x3 2
3) 3 =
x 2
3
13
= x 6
13
= x2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
462 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2
12 13 2
x y 12 14 13
4)
1
= x y
x
4
2
14 13
= x y
1 2
= x2 y3
3. 1) 5 3 4 2 3 32 3 108 = 53 4 4 3 4 33 4
= 63 4
2) 3
81 3 375 3 192 = 33 3 53 3 43 3
= 43 3
3) 3 2 32 4 64 = 3 2 4 2 24 4
= 3 2 4 2 2 2
= 5 2
4) 4 x3 16 x5 x9 = 2 x x 4 x2 x x4 x
= x x 2 4 x x3
= x x x3 4 x 2
1 1 2 2 3
4. 1) =
2 2 3 2 2 3 2 2 3
2 2 3
=
2 2 3 2 2 3
2 2 3
=
2 2 3
2 2
2 2 3
=
83
2 2 3
=
5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 463
40 40 9 5 5 7
2) =
9 5 5 7 9 5 5 7 9 5 5 7
=
40 9 5 5 7
9
5 5 7 9 5 5 7
=
40 9 5 5 7
9 5 5 7
2 2
=
40 9 5 5 7
405 175
=
40 9 5 5 7
230
=
4 9 5 5 7
23
7 6 3 5 7 6 3 5 4 6 5
3) =
4 6 5 4 6 5 4 6 5
=
7 6 3 5 4 6 5
4 6 5 4 6 5
7 6 4 6 7 6 5 3 5 4 6 3 5 5
=
4 6 5
2 2
168 7 30 12 30 15
=
96 5
153 5 30
=
91
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
464 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
10 6 2 7 10 6 2 7 3 6 2 7
4) =
3 62 7 3 62 7 3 6 2 7
=
10 6 2 7 3 6 2 7
3 6 2 7 3 6 2 7
=
10 6 3 6 10 6 2 7 2 7 3 6 2 7 2 7
3 6 2 7
2 2
=
180 20 42 6 42 28
54 28
208 26 42
=
26
= 8 42
5. 1)
3 1
3 1
=
3 1 3 1 3 1
3 1
3 1 3 1 3 1 3 1
=
3 2 3 1 3 2 3 1
3 1
8
=
2
= 4
2)
18
12
=
18 3 2 12 3 2
3 2 3 2 3 2 3 2
=
18 3 18 2 12 3 12 2
3 2
30 3 6 2
=
1
= 30 3 6 2
=
6 5 3 2
4 3 1 2 3
4 3 1
3 1 2 3 2 3
3) =
3 1 2 3 3 1 3 1 2 3 2 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 465
2 3
2 2
4 3 1
=
3 1 3 1 2 3 2 3
4 3 1 2 3
2 2
=
3 1 43
3 1 2 3
2 2
= 2
= 2 3 2 3 1 4 4 3 3
= 8 4 3 7 4 3
= 1
2 2 2
6. 1) pq pq = pq 2 pq pq pq
= p q 2 p q p q p q
= 2 p 2 p2 q2
=
2 p p2 q2
3 2 3 2
2 2 2
2) 3 a 2 b2 2 a 2 b2 = a 2 b2 a 2 b2 a 2 b2 2 a 2 b2
= 9 a 2 b2 12 a 2 b2 a 2 b2 4 a 2 b2
= 13a 2 5b2 12 a 2
b2 a 2 b2
= 13a 2 5b2 12 a 4 b4
2 2 2
3) 2x 1 2 x 3 = 2x 1 2 2x 1 2 x 3 2 x 3
= 2 x 1 4 2 x 1 x 3 4 x 3
= 6 x 11 4 2 x 1 x 3
= 6 x 11 4 2 x2 5x 3
3 1 3 1 2 1
7. 1) =
2 1 2 1 2 1
3 1 2 1
=
2 1 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
466 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
6 3 2 1
=
2 1
2.44949 1.73205 1.41421 1
2 1
= 0.30323
5 2 52 94 5
2) =
94 5 94 5 94 5
=
5 29 4 5
9 4 5 9 4 5
9 5 20 18 8 5
=
81 80
= 52
2.23607 2
= 4.23607
52 3 52 3 74 3
3) =
74 3 74 3 74 3
=
5 2 3 7 4 3
7 4 3 7 4 3
35 20 3 14 3 24
=
49 48
= 11 6 3
11 6 1.73205
= 0.6077
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 467
8. 1) จาก m 8 = 0
m = 8
m 8
2 2
=
จะได้ m = 64
5x 1 = 4
4
2 2
5x 1 =
5x 1 = 16
5x = 15
จะได้ x = 3
2
r2 5 = r2
r2 5 = r2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
468 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ 5 = 0 เป็นเท็จ
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ
4) จาก x7 = x 5
x 5
2 2
x7 =
x7 = x2 10 x 25
x2 11x 18 = 0
x 2 x 9 = 0
จะได้ x2 หรือ x9
2
x7
2
= 3x 1
x7 = 3x 1
2x = 8
จะได้ x = 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 469
6) จาก x 1 x = 2
x 1 = 2 x
2 x
2 2
x 1 =
x 1 = 44 x x
4 x = 3
3
x =
4
เนื่องจาก x 0 เสมอ
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ
7) จาก x 3 = x 3
2 2
x 3 = x 3
x 3 = x6 x 9
6 x = 12
x = 2
x 2
2 2
=
จะได้ x = 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
470 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1 = 1 เป็นเท็จ
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ
8) จาก x 12 x = 2
x 12 = 2 x
2 x
2 2
x 12 =
x 12 = 44 x x
4 x = 8
x = 2
เนื่องจาก x 0 เสมอ
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ
9) จาก x 2 21 = x3
2
x 2 21 x 3
2
=
x2 21 = x2 6 x 9
6x = 12
จะได้ x = 2
4 21 = 5
25 = 5
5 = 5 เป็นเท็จ
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ
10) จาก 3x 4 3 x 5 = 9
3x 4 = 9 3x 5
9
2 2
3x 4 = 3x 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 471
3x 4 = 81 18 3x 5 3x 5
18 3x 5 = 72
3x 5 = 4
2
3x 5 = 42
3x 5 = 16
3x = 21
จะได้ x = 7
2 2
4x 1 x 2 = x3
4 x 1 2 4x 1 x 2 x 2 = x3
2 4 x 1 x 2 = 4x 4
2 4 x2 7 x 2 = 4x 4
4 x2 7 x 2 = 2x 2
2 x 2
2 2
4 x2 7 x 2 =
4 x2 7 x 2 = 4 x2 8x 4
จะได้ x = 6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
472 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2 2
x7 x2 = 6 x 13
x 7 2 x 7 x 2 x 2 = 6 x 13
2 x 7 x 2 = 4x 4
x2 9 x 14 = 2x 2
2
x 2 9 x 14 2x 2
2
=
x2 9 x 14 = 4 x2 8x 4
3x2 x 10 = 0
3x 5 x 2 = 0
5
จะได้ x หรือ x2
3
5
ตรวจคาตอบ แทน x ในสมการ x7 x2 = 6 x 13 ด้วย จะได้
3
5 5 5
7 2 = 6 13
3 3 3
16 1
= 3
3 3
4 3 3
= 3
3 3
5 3
= 3 เป็นเท็จ
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 473
a = 165 3
a 30.0831
ดังนั้น ระยะทางเฉลี่ยจากดาวเนปจูนไปยังดวงอาทิตย์ประมาณ 30.0831 AU
2) เนื่องจาก ดาวศุกร์มีระยะทางเฉลี่ยไปยังดวงอาทิตย์เป็น 0.72 AU
2
จะได้ 0.72 = p3
3
23 2 3
p = 0.72 2
3
p = 0.72 2
p 0.6109
ดังนั้น ดาวศุกร์จะมีเวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 0.6109 ปี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
474 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
แบบฝกหัด 2.2
1. แสดงการเปนฟงกชันเพิ่มหรือฟงกชันลดและเขียนกราฟของฟงกชันไดดังตารางตอไปนี้
ฟงกชัน
ฟงกชันเพิ่ม ฟงกชันลด กราฟของฟงกชัน
ที่กําหนดให
1) y = 5x –
x
1
2) y = –
4
3) y = 42 x –
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 475
ฟงกชัน
ฟงกชันเพิ่ม ฟงกชันลด กราฟของฟงกชัน
ที่กําหนดให
2x
1
4) y=
3 –
5) y = 3− x –
6) y = 2−2 x –
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
476 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ฟงกชัน
ฟงกชันเพิ่ม ฟงกชันลด กราฟของฟงกชัน
ที่กําหนดให
x
4
7) y = –
3
x
3
8) y = –
4
2. 1) เนื่องจากกราฟผานจุด ( 2, 9 )
ดังนั้น แทน x และ y ในสมการ y = ax ดวย 2 และ 9 ตามลําดับ
จะไดวา 9 = a2
เนื่องจาก a>0
ดังนั้น กราฟที่กําหนดใหเปนกราฟของฟงกชัน y = 3x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 477
1
2) เนื่องจากกราฟผานจุด −1,
5
1
ดังนั้น แทน x และ y ในสมการ y = ax ดวย −1 และ ตามลําดับ
5
1
จะไดวา = a −1
5
นั่นคือ a = 5
ดังนั้น กราฟที่กําหนดใหเปนกราฟของฟงกชัน y = 5x
1
3) เนื่องจากกราฟผานจุด 2,
16
1
ดังนั้น แทน x และ y ในสมการ y = ax ดวย 2 และ ตามลําดับ
16
1
จะไดวา = a2
16
1 1
นั่นคือ a= − หรือ a=
4 4
เนื่องจาก a>0
x
1
ดังนั้น กราฟที่กําหนดใหเปนกราฟของฟงกชัน y=
4
4) เนื่องจากกราฟผานจุด ( −3, 8)
ดังนั้น แทน x และ y ในสมการ y = ax ดวย −3 และ 8 ตามลําดับ
จะไดวา 8 = a −3
1
a3 =
8
1
นั่นคือ a =
2
x
1
ดังนั้น กราฟที่กําหนดใหเปนกราฟของฟงกชัน y=
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
478 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
3. 1) 2)
3) 4)
5)
4. 1) ค 2) ก
3) จ 4) ข
5) ง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 479
2
1 1
5. 1) f ( 2) = 2−2 = =
2 4
2) g ( 3) = 33 = 27
3) f ( 0) = 2 −0
= 20 = 1
g ( 0) = 3 0
= 1
ดังนั้น f ( 0) + g ( 0) = 1+1 = 2
4) g ( 4) = 34 = 81
4
1 1
f ( 4) = 2 −4
= =
2 16
1 1295
ดังนั้น g ( 4) − f ( 4) = 81 − =
16 16
1
5) f (1) = 2−1 =
2
g (1) = 31 = 3
1 3
ดังนั้น f (1) ⋅ g (1) = ⋅3 =
2 2
3
1 1
6) f ( 3) = 2−3 = =
2 8
g ( 2) = 32 = 9
1
f ( 3) 1
ดังนั้น = 8 =
g ( 2) 9 72
f ( g (1) ) = f ( 31 )
1
7) ( f g )(1) = = f ( 3) = 2−3 =
8
1
g ( f (1) ) =
1
8) ( g f )(1) = g ( 2−1 ) = g = 32 = 3
2
6. 1) จาก 10 x = 100
10 x = 102
เนื่องจาก f ( x ) = 10 x เปนฟงกชัน 1–1
จะได x = 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
480 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
จะได x = −3
จะได 2x = 1
1
นั่นคือ x =
2
ดังนั้น เซตคําตอบของสมการ คือ 1
2
x
1
4) จาก = 16
2
x −4
1 1
=
2 2
x
1
เนื่องจาก f ( x) = เปนฟงกชัน 1–1
2
จะได x = −4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 481
1
5) จาก 4− x =
64
x 3
1 1
=
4 4
x
1
เนื่องจาก f ( x) = เปนฟงกชัน 1 – 1
4
จะได x = 3
นั่นคือ x = −3
5x ≤ 53
เนื่องจาก f ( x ) = 5x เปนฟงกชันเพิ่ม
จะได x ≤ 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
482 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
x
2
เนื่องจาก f ( x) = เปนฟงกชันลด
3
จะได x ≤ −4
2 x ( x 2 − 1) = 0
2 x ( x − 1)( x + 1) = 0
เนื่องจาก ไมมีจํานวนจริงที่ทําให 2x = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 483
จะได x −1 = 0 หรือ x +1 = 0
นั่นคือ x = 1 หรือ x = −1
22 ⋅ 22 x − 9 ( 2 x ) + 2 = 0
4 ( 2x ) − 9 ( 2x ) + 2
2
= 0
(4 ⋅ 2 x
− 1)( 2 x − 2 ) = 0
จะได 4 ⋅ 2x − 1 = 0 หรือ 2x − 2 = 0
1
2x = หรือ 2x = 2
4
นั่นคือ x = −2 หรือ x = 1
3 ( 3x ) − 28 ( 3x ) + 9
2
= 0
(3 ⋅ 3 x
− 1)( 3x − 9 ) = 0
จะได 3 ⋅ 3x − 1 = 0 หรือ 3x − 9 = 0
1
3x = หรือ 3x = 9
3
นั่นคือ x = −1 หรือ x = 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
484 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
1 1
เมื่อ t= จะได 2 36 ≈ 2 (1.20093) =
q = 2.40186
6
1 1
เมื่อ t= จะได 2 3 2 ≈ 2 (1.73205 ) =
q = 3.46410
2
เมื่อ t =1 จะได =q ( 31 )
2= ( 3) 6
2=
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 485
แบบฝกหัด 2.3
2
1. 1) log 4 16 = 2 2) log 27 9 =
3
3) 1 = 2 4) = −4
log 1 log10 0.0001
2 4
5) = −4 6) 27 = −3
log 1 16 log 2
2 3 8
3
7) log 1 10000 = −2 8) log 4 0.125 = −
100 2
2. 1) 102 = 100 2) 25 = 32
1
3) 50 = 1 4) 4−3 =
64
2
5) 10−3 = 0.001 6) 33 = 3
9
1
3. 1) log 2 3 2 = log 2 2 3
1
= log 2 2
3
1
=
3
2) log 1 9 = log 3−1 32
3
2
= log 3 3
−1
= −2
3) log10 100 = log10 102
= 2log10 10
= 2
4) log10 0.1 = log10 10−1
= −1 log10 10
= −1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
486 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
12
= log 3 3
1
2
= 24
6) log 1 16 = log 4−1 42
4
2
= log 4 4
−1
= −2
7) log12 9 + log12 16 = log12 ( 9 × 16 )
= log12 144
= log12 122
= 2log12 12
= 2
112
8) log 2 112 − log 2 7 = log 2
7
= log 2 16
= log 2 24
= 4log 2 2
= 4
4. 1) 2)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 487
3) 4)
5) 6)
5. 1) จาก log 2 x = 5
จะได x = 25
ดังนั้น x = 32
2) จาก log10 x = 2
จะได x = 102
ดังนั้น x = 100
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
488 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
จะได 1000 = x3
103 = x3
ดังนั้น x = 10
4) จาก log x 16 = 4
จะได 16 = x4
24 = x4
ดังนั้น x = 2 (เนื่องจาก x > 0 )
1
5) จาก log x 6 =
2
1
จะได 6 = x2
2
2 12
6 = x
ดังนั้น x = 36
6. log 5 45 = log 5 ( 5 × 9 )
= log 5 5 + log 5 9
= 1 + log 5 32
= 1 + 2log 5 3
≈ 1 + 2 ( 0.6826 )
= 2.3652
log 25 15 = log 52 ( 5 × 3)
1
= ( log5 5 + log5 3)
2
1
≈ (1 + 0.6826 )
2
= 0.8413
ดังนั้น log 5 45 ≈ 2.3652 และ log 25 15 ≈ 0.8413
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 489
แบบฝกหัด 2.4
1. 1) log 37100 = log ( 3.71 × 104 )
= log 3.71 + log104
≈ 0.5694 + 4
= 4.5694
ดังนั้น log 37100 ≈ 4.5694
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
490 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
แบบฝกหัด 2.5
1. log 36 5 = log 62 5
1
= log 6 5
2
1
≈ × 0.8982
2
= 0.4491
2. log 64 46 = log 43 46
1
= log 4 46
3
1
≈ × 2.7617
3
= 0.9206
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 491
log 423
3. ln 423 =
log e
log ( 4.23 × 102 )
=
log e
log 4.23 + log102
=
log e
0.6263 + 2
≈
0.4343
2.6263
=
0.4343
≈ 6.0472
log 0.163
ln 0.163 =
log e
log (1.63 × 10−1 )
=
log e
log1.63 + log10−1
=
log e
0.2122 − 1
≈
0.4343
0.7878
= −
0.4343
≈ −1.8140
4. 1) 2.5237 2) 3.4829
3) 0.4930 4) 6.5903
5) 4.7362 6) 4.5951
7) 4.6728 8) −4.3901
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
492 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
แบบฝกหัด 2.6
1. 1) จาก ln x = 10
จะได x = e10
2) จาก log x = −2
จะได x = 10−2
ดังนั้น x = 0.01
3) จาก log 2x = 3
จะได 2x = 103
1000
x =
2
ดังนั้น x = 500
4) จาก log ( 3 x + 5 ) = 2
จะได 3x + 5 = 102
100 − 5
x =
3
95
ดังนั้น x =
3
5) จาก log 2x = log 2 + 5
2x
log = 5
2
log x = 5
x = 105
ดังนั้น x = 100,000
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 493
log ( 2 x + 1) − log ( 3 x + 5 ) = 3
2x + 1
log = 3
3x + 5
2x + 1
= 103
3x + 5
2x + 1 = 1000 ( 3 x + 5 )
2x + 1 = 3000 x + 5000
2998x = −4999
4999
จะได x = −
2998
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
4999
แทน x ดวย − ใน log ( 3 x + 5 )
2998
4999 7
จะได log 3 − + 5 = log −
2998 2998
4999
แทน x ดวย − ใน log ( 2 x + 1)
2998
4999 7000
จะได log 2 − + 1 = log −
2998 2998
เนื่องจากไมนิยาม y = log a x เมื่อ x ไมเปนจํานวนจริงบวก
จะไดวา ไมมี x ที่สอดคลองกับสมการที่กําหนด
ดังนั้น เซตคําตอบของสมการ คือ ∅
x+2
log = 3
x +1
x+2
= 10 3
x +1
x+2 = 1000 ( x + 1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
494 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
log x + log ( x − 9 ) = 1
log x ( x − 9 ) = 1
x ( x − 9) = 10
x 2 − 9 x − 10 = 0
( x + 1)( x − 10 ) = 0
จะได x +1 = 0 หรือ x − 10 = 0
นั่นคือ x = −1 หรือ x = 10
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 495
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
แทน x ดวย 5 ใน log 2 3 + log 2 x = log 2 5 + log 2 ( x − 2 ) จะได
log 2 3 + log 2 5 = log 2 5 + log 2 ( 5 − 2 )
log 2 3 = log 2 3 เปนจริง
นั่นคือ x=5 สอดคลองกับสมการที่กําหนด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
496 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
x +1
log 5 = 2
x −1
x +1
= 52
x −1
x +1 = 25 ( x − 1)
x +1 = 25 x − 25
24x = 26
13
จะได x =
12
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
13
แทน x ดวย ใน log 5 ( x + 1) − log 5 ( x − 1) = 2 จะได
12
13 13
log 5 + 1 − log 5 − 1 = 2
12 12
25 1
log 5 − log 5 = 2
12 12
25
log 5 12 = 2
1
12
log 5 25 = 2
2 = 2 เปนจริง
13
นั่นคือ x= สอดคลองกับสมการที่กําหนด
12
ดังนั้น เซตคําตอบของสมการ คือ 13
12
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 497
log 9 ( x − 5 )( x + 3) = 1
( x − 5)( x + 3) = 91
x 2 − 2 x − 24 = 0
( x + 4 )( x − 6 ) = 0
จะได x+4 = 0 หรือ x−6 = 0
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
กรณี x = −4 แทน x ดวย −4 ใน log 9 ( x − 5 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
498 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
log 3 x = 24
x = 316
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
แทน x ดวย 316 ใน log 2 ( log 3 x ) = 4 จะได
2
1
8) จาก 2 log5 x
=
16
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 499
5
เนื่องจาก log 5 x = log 5
5
= log 5 5 − log 5 5
1
= −1
2
1
= −
2
2
2 1
−
จะไดวา 2 log5 x
= 2 2
= 2−4
1
=
16
นั่นคือ x=
5
สอดคลองกับสมการที่กําหนด
5
5
ดังนั้น เซตคําตอบของสมการ คือ
5
3. 1) จาก 3x = 36
log 3 3x = log 3 36
x log 3 3 = log 3 ( 3 × 3 × 4 )
x = log 3 3 + log 3 3 + log 3 4
จะได x = 2 + log 3 4
2) จาก 9x = 32 x
(3 )
x
2
= 32 x
32 x = 32 x
นั่นคือ 2x = 2x
ดังนั้น จํานวนจริงทุกจํานวนสอดคลองกับสมการที่กําหนด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
500 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
3) จาก 5x = 4 x+1
4. 1) จาก 4 x 3e −3 x − 3 x 4 e −3 x = 0
x 3e −3 x ( 4 − 3 x ) = 0
จะได x 3e −3 x = 0 หรือ 4 − 3x = 0
กรณี x 3e −3 x = 0
เนื่องจาก e −3 x ≠ 0
จะได x3 = 0
นั่นคือ x = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 501
กรณี 4 − 3x =
0
4
จะได x =
3
4
ดังนั้น x=0 หรือ x=
3
2) จาก e 2 x − 3e x + 2 = 0
(e x
− 1)( e x − 2 ) = 0
จะได ex − 1 = 0 หรือ ex − 2 = 0
กรณี ex − 1 =0
จะได ex = 1
x = 0
กรณี ex − 2 =0
จะได ex = 2
x = ln 2
ดังนั้น x=0 หรือ x = ln 2
3) จาก e 4 x + 4e 2 x − 21 = 0
(e 2x
− 3)( e 2 x + 7 ) = 0
จะได e2 x − 3 = 0 หรือ e2 x + 7 = 0
กรณี e2 x − 3 =0
จะได e2 x = 3
2x = ln 3
ln 3
x =
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
502 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
กรณี e2 x + 7 =0
จะได e2 x = −7 ไมมีคําตอบ
เพราะวา e2 x > 0 สําหรับทุกจํานวนจริง x
ln 3
ดังนั้น x =
2
5. 1) จาก 122 −5 x 8 x + 3 = 16
(2 × 3) (2 )
2 −5 x 3 x +3
2
= 24
22( 2 −5 x ) 32 −5 x 23( x + 3)
= 1
24
22( 2 −5 x ) + 3( x + 3) − 4 32 −5 x = 1
9−7 x 2 −5 x
2 3 = 1
log ( 29 − 7 x 32 −5 x ) = log1
log 29 − 7 x + log 32 −5 x = 0
( 9 − 7 x ) log 2 + ( 2 − 5 x ) log 3 = 0
( 9log 2 − 7 x log 2 ) + ( 2log 3 − 5 x log 3) = 0
7 x log 2 + 5 x log 3 = 9log 2 + 2log 3
x ( 7 log 2 + 5log 3) = 9log 2 + 2log 3
9log 2 + 2log 3
x =
7 log 2 + 5log 3
9 ( 0.3010 ) + 2 ( 0.4771)
x ≈
7 ( 0.3010 ) + 5 ( 0.4771)
3.6632
x ≈
4.4925
ดังนั้น x ≈ 0.8154
2) จาก 22 x +1 32 x + 2 = 54 x
log ( 22 x +1 32 x + 2 ) = log 54 x
log 22 x +1 + log 32 x + 2 = log 54 x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 503
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
504 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4log 2 + 7 log 3
x =
3log 3 + 3log 2 − 2
4 ( 0.3010 ) + 7 ( 0.4771)
x ≈
3 ( 0.4771) + 3 ( 0.3010 ) − 2
4.5437
x ≈
0.3343
ดังนั้น x ≈ 13.5917
6. 1) จาก 5x ≥ 27
2) จาก e −e > 4x 2x
110
e 4 x − e 2 x − 110 > 0
(e 2x
+ 10 )( e − 11)
2x
> 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 505
เนื่องจาก f ( x ) = ln x เปนฟงกชันเพิ่ม
จะได ln e 2 x > ln11
2 x ln e > ln11
ln11
x >
2
ดังนั้น เซตคําตอบของอสมการ คือ ln11
, ∞
2
log ( 7 x + 1) ≤ 4.5log10
log ( 7 x + 1) ≤ log104.5
1 104.5 − 1
นั่นคือ − < x ≤
7 7
1 104.5 − 1
ดังนั้น เซตคําตอบของอสมการ คือ − ,
7 7
x+2
log 0.5 < 2
x +1
x+2
log 1 < 2
2 x +1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
506 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
x+2
log 2−1 < 2
x +1
x+2
− log 2 < 2log 2 2
x +1
x +1
log 2 < log 2 22
x+2
เนื่องจาก f ( x ) = log 2 x เปนฟงกชันเพิ่ม
x +1
< 4
x+2
x +1
−4 < 0
x+2
( x + 1) − 4 ( x + 2 ) < 0
x+2
−3x − 7
< 0
x+2
3x + 7
> 0
x+2
7
จะได x<− หรือ x > −2
3
เนื่องจาก อสมการที่กําหนดใหมีพจน log 0.5 ( x + 2 ) และ log 0.5 ( x + 1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 507
แบบฝกหัด 2.7
จาก n (t ) n0 (1 + r )
t
1. 1) =
4
ในที่นี้ =
n
0 112,000 ,=r = 0.04 และ t = 10
100
จะได n (10 ) 112000 (1 + 0.04 )
10
=
≈ 165787.3499
ดังนั้น ใน พ.ศ. 2569 จะมีจํานวนประชากรประมาณ 165,787 คน
จาก n (t ) n0 (1 + r )
t
2) =
4
ในที่นี้ =
n
0 112,000 ,=r = 0.04 และ n ( t ) = 200,000
100
จะได 112000 (1 + 0.04 )
t
200000 =
25
(1.04 )
t
=
14
25
ln (1.04 )
t
= ln
14
25
t ln1.04 = ln
14
25
ln
t = 14
ln1.04
t ≈ 14.7835
นั่นคือ จังหวัดนี้จะมีจํานวนประชากร 200,000 คน ในอีกประมาณ 15 ปขางหนา
ดังนั้น จังหวัดนี้จะมีจํานวนประชากร 200,000 คน ใน พ.ศ. 2574
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
508 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
จาก B (n) B0 (1 + r )
n
2. 1) =
0.75
ในที่นี้ =
B 0 50,000 =
, r = 0.0075 และ n = 10
100
จะได B (10 ) 50000 (1 + 0.0075 )
10
=
≈ 53879.1273
ดังนั้น จํานวนเงินฝากในบัญชีเมื่อสิ้นปที่ 10 ประมาณ 53,879 บาท
จาก B (n) B0 (1 + r )
n
2) =
0.75
= , B (15 ) 150,000
ในที่นี้ n 15= และ=r = 0.0075
100
จะได B0 (1 + 0.0075 )
10
150000 =
150000
B0 =
(1 + 0.0075)
10
นั่นคือ B0 ≈ 139200.473
(1.0075)
n
= 2
ln (1.0075 )
n
= ln 2
n ln (1.0075 ) = ln 2
ln 2
n =
ln (1.0075 )
นั่นคือ n ≈ 92.7658
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 509
3. จาก V (t ) = V0 e − rt
4
ในที่นี้ =
V0 20,000 ,=r = 0.04 และ t =5
100
จะได V ( 5) = 20000e −( 0.04 × 5)
≈ 16374.6151
ดังนั้น เงิน 20,000 บาท ที่มีในปจจุบัน จะมีมูลคาประมาณ 16,375 บาท ในอีก 5 ปขางหนา
4. 1) จาก n (t ) = n0 e rt
45
ในที่นี้ =
n0 500 ,=r = 0.45 และ t =3
100
จะได n ( 3) = 500e( 0.45× 3)
≈ 1928.7128
ดังนั้น เมื่อเวลาผานไป 3 ชั่วโมง จะมีจํานวนแบคทีเรียประมาณ 1,928 เซลล
2) จาก n (t ) = n0 e rt
45
ในที่นี้ =
n0 500 ,=r = 0.45 และ n ( t ) = 10,000
100
จะได 10000 = 500e0.45t
e0.45t = 20
0.45 t
ln e = ln 20
( 0.45t ) ln e = ln 20
0.45t = ln 20
ln 20
t =
0.45
นั่นคือ t ≈ 6.6572
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
510 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ln 2
5. 1) จาก m (t ) = m0 e − rt เมื่อ r=
h
ในที่นี้ t= 10 และ =
80 × 365 , m0 = h 30 × 365
ln 2
− ( 80 × 365 )
จะได m ( 80 × 365 ) = 10e 30 × 365
≈ 10e −1.8484
≈ 1.5749
ดังนั้น เมื่อเวลาผานไป 80 ป จะมีปริมาณของธาตุ–137 เหลืออยูประมาณ 1.5749 กรัม
ln 2
2) จาก m (t ) = m0 e − rt เมื่อ r=
h
ในที่นี้ m=
0 10 , =
h 30 × 365 และ m (t ) = 2
ln 2
− t
จะได 2 = 10e 30 × 365
ln 2
− t
30 × 365
e = 0.2
ln 2
− t
30 × 365
ln e = ln 0.2
ln 2
− t ln e = ln 0.2
30 × 365
ln 2
− t = ln 0.2
30 × 365
ln 0.2
t =
ln 2
−
30 × 365
−1.6094
t ≈
0.6931
−
30 × 365
นั่นคือ t ≈ 25426.2441
25426.2441
ดังนั้น จะใชเวลาอยางนอย ≈ 69.6610 หรือ 70 ป จึงจะมี
365
ธาตุซีเซียม–137 เหลืออยู 2 กรัม
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 511
ln 2
6. จาก m (t ) = m0 e − rt เมื่อ r=
h
48
ในที่นี้ =
m0 250 , =
t = 2 และ m ( 2 ) = 200
24
ln 2
− ( 2 )
จะได 200 = 250e h
ln 2
− ( 2 )
h
e = 0.8
ln 2
− ( 2 )
h
ln e = ln 0.8
2ln 2
− ln e = ln 0.8
h
2ln 2
− = ln 0.8
h
2ln 2
h = −
ln 0.8
2 × 0.6931
h ≈ −
( −0.2231)
นั่นคือ h ≈ 6.2134
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
512 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
11
log I = −
5
I = 10−2.2
ในที่นี้ pH = 6.5
log H 3O + = −6.5
H 3O + = 10−6.5
แบบฝกหัดทายบท
1 12 2 + 5 4 +1
1. 1) (12 x 2
y 4 ) x5 y = x y
2 2
= 6x 7 y 5
−1
x −1 yz −2
(x )
−1
−1− ( −8 )
2) −5 −8 = y1−( −5) z −2 −1
y zx
(x y 6 z −3 )
7 −1
=
−1
x7 y 6
= 3
z
z3
=
x7 y 6
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 513
2 2
− 12 1− 23 − 12
3) xy = x y
3 9
9x
2
2
− 12 − 12
= x y
9
x −1 y −1
=
34
= 1
34 xy
1 1
−8y −2 3 ( −2 )3 y −2 −1 3
4) 6 =
x y x6
1
( −2 )3 y −3 3
=
x6
−2 y −1
=
x2
2
= −
x2 y
5
1 1
5) 5 − = 5
−
1024 4
1
= −
4
2 2
6) =
3
−8x 6
3
( −2x ) 2 3
2
= −
2x 2
1
= − 2
x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
514 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
( )
2
7) 2+ 5 = 2+ 2 2⋅ 5 +5
= 7 + 2 10
1
= 7 + 2 ⋅ 10 2
13 32 1
8) ( 3
2 +1 )( 3
4 − 3 2 +1 ) =
2 + 1
2 − 2 3
+ 1
13 23 1 1 1
32 1
= 2 2 − 2 3 3
2 + 2 3
+
2 − 2 3
+ 1
2 1
23 1
= 2 − 2 3
+ 2 3
+
2 − 2 3
+ 1
= 3
243 3 3 5
9) ( 4
64 + 32 5)
32
− −64
= ( 4
2
5
)
2 + 2 5 − 3 ( −4 )
6 3
= (2 3
2 + 4 2 + 4
2
)
11
= 6 2×
2
= 33 2
1
= 33 ⋅ 2 2
= 7 3
1
= 7 ⋅ 32
2 2
( 0.3)
2
=
= 0.09
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 515
2
−
1
2
( −8) 3
3
12) − =
8
2
1
= ( −8 ) 3
( −2 )
2
=
= 4
1 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
516 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
2. 1) 75 = 5 3
4
9 3
= 5
10 10 2 5 +3 2
2) = ⋅
2 5 −3 2 2 5 −3 2 2 5 +3 2
=
(
10 2 5 + 3 2 )
(2 )(
5 −3 2 2 5 +3 2 )
10 2 + 6 5
=
20 − 18
= 5 2 +3 5
3 2 3 5+ 7 2 5− 7
3) + = ⋅ + ⋅
5− 7 5+ 7 5− 7 5+ 7 5+ 7 5 − 7
=
3 ( ) (
5+ 7 +2 5− 7 )
5−7
5 5+ 7
= −
2
6
−
2 1+ 3 ( ) 6
3 + 2 2 1+ 3 1+ 3 ( )
3 − 2 ⋅ − ⋅
4) =
3− 2 1− 3 3 + 2 1− 3 1+ 3
=
3 2 + 2 3 2 1+ 2 3 + 3
+
( )
3− 2 3 −1
= 3 2+4 3+4
3. กําหนดให x=
1
และ y=
1
3− 2 3+ 2
2
1
จะได x2 =
3− 2
2
1 3+ 2
= ⋅
3− 2 3+ 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 517
2
3+ 2
=
3− 2
= 3+ 2 6 + 2
= 5+2 6
1 1
6xy = 6
3 − 2 3 + 2
6
=
3− 2
= 6
2
1
=
2
y
3+ 2
2
1 3− 2
= ⋅
3+ 2 3− 2
2
3− 2
=
3− 2
= 3− 2 6 + 2
= 5−2 6
ดังนั้น x 2 + 6 xy + y 2 = (5 + 2 6 ) + 6 + (5 − 2 6 )
= 16
= 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
518 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4. 1) a = −1
2) จาก f ( x=
) 5x − 1 และ f ( b ) = 24
จะได 5b − 1 = 24
5b = 25
ดังนั้น b = 2
3) จากกราฟ จะไดวา D f −1 = R f =( − 1, ∞ )
5. 1) โดเมนของ คือ ( − ∞ , 2 ]
f
2) จากกราฟ จะไดวา D= R= [ 0, 4 ) f −1 f
3) เนื่องจาก f −1 ( b ) = −2
ดังนั้น f ( −2 ) = b
จะได f ( −2 ) = 4 − 2−2
1
= 4−
4
15
=
4
15
ดังนั้น b =
4
6. (ก) q (ข) p
(ค) h (ง) f
(จ) r (ฉ) s
7. 1) จาก f ( x ) =2 ⋅ 3 x
+1 ให y = f ( x)
จะได y = 2 ⋅ 3x + 1
หา x ในพจนของ y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 519
y −1
จะได 3x =
2
y −1
log 3 3x = log 3
2
y −1
x log 3 3 = log 3
2
y −1
x = log 3
2
x −1
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y จะได y = log 3
2
x −1
ดังนั้น f −1 ( x ) = log 3
2
2) จาก f ( x ) = 2 1− x
ให y = f ( x)
จะได y = 21− x
หา x ในพจนของ y
(1 − x ) log 2 2 = log 2 y
1− x = log 2 y
x = 1 − log 2 y
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y จะได y = 1 − log 2 x
ดังนั้น f −1 ( x ) = 1 − log 2 x
3) f ( x)
จาก= log 5 ( 2 x + 1) ให y = f ( x)
จะได y = log 5 ( 2 x + 1)
หา x ในพจนของ y
จะได 5y = 2x + 1
5y − 1
x =
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
520 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
5x − 1
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y จะได y=
2
5x − 1
ดังนั้น f −1 ( x ) =
2
4) f ( x)
จาก = ln ( 3 x ) − 5 ให y = f ( x)
จะได y = ln ( 3 x ) − 5
หา x ในพจนของ y
จะได ln ( 3x ) = y+5
3x = e y +5
1 y +5
x = e
3
1
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y จะได y = e x +5
3
1 x +5
ดังนั้น f −1 ( x ) = e
3
8. 1) จาก 32 x+1 = 1 − 2 ⋅ 3x
3 ⋅ 32 x + 2 ⋅ 3x − 1 = 0
(3 ⋅ 3 x
− 1)( 3x + 1) = 0
จะได 3 ⋅ 3x − 1 = 0 หรือ 3x + 1 = 0
ถา 3 ⋅ 3x − 1 =0
1
จะได 3x =
3
x = −1
ถา 3x + 1 =0
จะได 3x = −1 ไมมีคําตอบ
เพราะวา 3x > 0 สําหรับทุกจํานวนจริง x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 521
112 2x
=
11x 2
2 x ⋅ 11x = 242
22 x = 242
x = log 22 242
ดังนั้น เซตคําตอบของสมการ คือ { log 22 242 }
log 5 ( x − 1) = −2
x −1 = 5−2
1
x = +1
25
26
จะได x =
25
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
522 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
26
แทน x ดวย ใน log 5 ( x − 1) + 2
25
26 1
จะได log 5 − 1 + 2 =log 5 + 2 =− 2 + 2 =0
25 25
26
จะไดวา x= สอดคลองกับสมการที่กําหนด
25
26
ดังนั้น เซตคําตอบของสมการ คือ
25
5) จาก log 1 ( x + 2 ) − log 1 ( x + 1) = 3
3 3
x+2
log 1 = 3
3 x +1
3
x+2 1
=
x +1 3
x+2 1
=
x +1 27
27 ( x + 2 ) = x +1
27 x + 54 = x +1
53
จะได x = −
26
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
53
แทน x ดวย − ใน log 1 ( x + 2 )
26 3
53 1 1
จะได log 1 − + 2 = log 1 − ซึ่ง − <0
3 26 3 26 26
53
แทน x ดวย − ใน log 1 ( x + 1)
26 3
53 27 27
จะได log 1 − + 1= log 1 − ซึ่ง − <0
3 26 3 26 26
53
จะไดวา x= − ไมสอดคลองกับสมการที่กําหนด
26
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 523
( log 2 x ) − 2log 2 x + 1
2
= 0
( log 2 x − 1)
2
= 0
log 2 x = 1
จะได x = 2
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
แทน x ดวย 2 ใน log 2 x + log x 2
2 ⋅ 22 x − 12 ⋅ 2 x + 16 < 0
(2 ⋅ 2 x
− 4 )( 2 x − 4 ) < 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
524 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
2 ( 2 x − 2 )( 2 x − 4 ) < 0
(2 x
− 2 )( 2 x − 4 ) < 0
21 < 2 x < 22
เนื่องจาก f ( x ) = 2x เปนฟงกชันเพิ่ม
จะได 1< x < 2
1
log 1 x < 16log 1
3 3 3
16
1
log 1 x < log 1
3 3 3
16
1
จะได x >
3
1
นั่นคือ x >
316
1
ดังนั้น เซตคําตอบของอสมการ คือ 16 , ∞
3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 525
(
log 2 2 x 2 − 2 x − 4 ) 1
log 2 ( −3 x − 3)
1
10) จาก ≤
2 2
x
1
เนื่องจาก f ( x) = เปนฟงกชันลด
2
จะได log 2 ( 2 x 2 − 2 x − 4 ) ≥ log 2 ( −3 x − 3)
2 ( x + 1)( x − 2 ) ≥ −3 ( x + 1)
2 ( x + 1)( x − 2 ) + 3 ( x + 1) ≥ 0
( x + 1) 2 ( x − 2 ) + 3 ≥ 0
( x + 1)( 2 x − 1) ≥ 0
1
นั่นคือ x ≤ −1 หรือ x≥
2
เนื่องจาก 2 x2 − 2 x − 4 > 0 และ −3 x − 3 > 0
ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมการที่กําหนดหรือไม
แทน x ใน log 2 ( 23− 2 x ) = 6 + log 2 ( 8 ⋅ 2 x ) ดวย −2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
526 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ในที่นี้ x = 10
10
จะได f (10 ) = 10000 (1.3)10
= 10000 (1.3)
= 13,000
ดังนั้น ในอีก 10 ปขางหนา จะมีจํานวนประชากรในเมืองนี้ประมาณ 13,000 คน
11. การฝากเงินที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยทบตนตอป หาไดจาก
B (n) B0 (1 + r )
n
=
3
ในที่น=
ี้ r = 0.03 และ B ( n ) = 3B0
100
จะได B0 (1 + 0.03)
n
3B0 =
(1 + 0.03)
n
= 3
log1.03 (1.03)
n
= log1.03 3
n log1.03 1.03 = log1.03 3
n ≈ 37.1670
ดังนั้น จะใชเวลาฝากเงินอยางนอย 38 ป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 527
จะได nA ( 0 ) = 500e0.45( 0)
= 500
และ nB ( 0 ) = 400e0.5( 0)
= 400
ดังนั้น เมื่อเวลาเริ่มตน มีแบคทีเรียชนิด A จํานวน 500 เซลล และมีแบคทีเรีย B
e0.5t 5
>
e0.45t 4
5
e0.05t >
4
เนื่องจาก f ( x ) = ln x เปนฟงกชันเพิ่ม
5
จะได ln e0.05t > ln
4
5
( 0.05t ) ln e > ln
4
5
t > 20ln
4
t > 4.4629
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
528 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
1 2
ln t 1
e 2 3
=
3
1 2
ln t
2 3 1
ln e = ln
3
1 2 1
ln t = ln
2 3 3
1
2ln
t = 3
2
ln
3
t ≈ 5.4190
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 529
1) มัมมี่ของชาวอียิปตโบราณมีปริมาณคารบอน–14 เหลืออยูสามในหาของปริมาณ
3
คารบอน–14 ในคนปกติ นั่นคือ m (t ) = m0
5
ln 2
3 −
จะได
t
5730×365
m0 = m0 e
5
ln 2
− t 3
5730×365
e =
5
ln 2
− t 3
5730×365
ln e = ln
5
ln 2 3
− t ln e = ln
5730 × 365 5
ln 2 3
− t = ln
5730 × 365 5
5
5730 × 365 × ln
t = 3
ln 2
t ≈ 4222.8129
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
530 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ln 2
9 −
จะได
t
5730×365
m0 = m0 e
20
ln 2
− t 9
5730×365
e =
20
ln 2
− t 9
5730×365
ln e = ln
20
ln 2 9
− t ln e = ln
5730 × 365 20
ln 2 9
− t = ln
5730 × 365 20
20
5730 × 365 × ln
t = 9
ln 2
t ≈ 6600.9777
( 0.8)
t
< 10−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 531
=
2
3
( log 5.6 + log1027 ) − 10.7
2
= ( log 5.6 + 27 log10 ) − 10.7
3
2
≈ ( 0.7482 + 27 ) − 10.7
3
= 7.7988
ดังนั้น แผนดินไหวที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอรเนีย ใน ค.ศ. 1906 มีขนาด
แผนดินไหวประมาณ 7.8 ตามมาตราขนาดโมเมนตแผนดินไหว
2) แผนดินไหวที่ฝงตะวันตกของเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย ใน ค.ศ. 2004
มีขนาดแผนดินไหว 9.1 ตามมาตราขนาดโมเมนตแผนดินไหว
นั่นคือ M W = 9.1
2
จะได 9.1 = log M 0 − 10.7
3
2
log M 0 = 9.1 + 10.7
3
3
log M 0 = 19.8 ×
2
log M 0 = 29.7
M0 = 1029.7
ดังนั้น โมเมนตแผนดินไหวของการเกิดแผนดินไหวที่ฝงตะวันตกของเกาะ
สุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย ใน ค.ศ. 2004 คือ 1029.7
ในที=
่นี้ TE T ( t ) 21
14 ,= = , T0 37 และ Z = 0.1
จะได 21 = 14 + ( 37 − 14 ) e −0.1t
23e −0.1t = 7
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
532 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
7
e −0.1t =
23
7
ln e −0.1t = ln
23
7
−0.1t ln e = ln
23
7
ln
t = − 23
0.1
t ≈ 11.8958
ดังนั้น ผูตายเสียชีวิตมาแลวอยางนอยประมาณ 12 ชั่วโมง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 533
บทที่ 3 เรขาคณิตวิเคราะห
แบบฝกหัด 3.1.1
1. 1) ระยะทางระหวางจุด ( 0,0 ) และ ( 3,0 ) คือ 0 − 3 = 3 หนวย
2) ระยะทางระหวางจุด ( −6, 4 ) และ ( −6,17 ) คือ 4 −17 = 13 หนวย
3) ระยะทางระหวางจุด ( 2,5) และ ( 9,5) คือ 2−9 = 7 หนวย
4) ระยะทางระหวางจุด ( 0,0 ) และ ( −2,5) คือ ( 0 − ( −2 ) ) + ( 0 − 5) 2 2
= 29 หนวย
5) ระยะทางระหวางจุด ( 3, − 2 ) และ ( 5,0 ) คือ (3 − 5) + (−2 − 0) 2 2
= 2 2 หนวย
6) ระยะทางระหวางจุด ( −4,7 ) และ ( 6,7 ) คือ −4 − 6 = 10 หนวย
7) ระยะทางระหวางจุด ( −1, − 2 ) และ ( 3, − 4 ) คือ (−1 − 3) 2 + (−2 − (−4)) 2 = 2 5 หนวย
จาก ( x1 − x2 ) + ( y1 − y2 )
2 2
8) P1 P2 =
(0 − s) + (0 − t )
2 2
=
( −s ) + ( −t )
2 2
=
= s2 + t 2
( 0 − t ) + ( s − 0)
2 2
=
( −t ) + s2
2
=
= s2 + t 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
534 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
จาก ( x1 − x2 ) + ( y1 − y2 )
2 2
10) P1 P2 =
(0 − ( s + t )) + (( s + t ) − 0)
2 2
=
( − ( s + t )) + ( s + t )
2 2
=
2( s + t )
2
=
= 2 s+t
ดังนั้น ระยะทางระหวางจุด ( 0 , s + t ) และ ( s + t , 0 ) คือ 2 s+t หนวย
2. 1) ให C มีพิกัดเปน ( c, 4 )
จากรูป BC ขนานกับแกน X
จะได BC = c − ( −1)
8 = c +1
c = −9 หรือ c = 7
= (−3) 2 + (−4) 2
= 5
ดังนั้น AB ยาว 5 หนวย
3) ให Dมีพิกัดเปน ( d ,0 )
ความสูงของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู คือ ความยาวของสวนของเสนตรงที่ลากจากจุด B
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 535
1
จะได 48 = × ( BC + AD ) × 4
2
1
= × ( 8 + AD ) × 4
2
= 2 × ( 8 + AD )
AD = 16
และจากรูป AD ขนานกับแกน X
จะได AD = d − ( −4 )
16 = d +4
d = −20 หรือ d = 12
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
536 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
(1 − ( −1) ) + (1 − ( −1) ) =
2 2
AB= 8
( −1 − ( −4 ) ) + ( −1 − 2 )
2
BC = =
2
18
(1 − ( −4 ) ) + (1 − 2 ) =
2
AC=
2
26
( 18 ) + ( 8 ) ( )
2 2 2
จะเห็นวา AB 2 + BC 2 = = 18 + 8 = 26 = 26 = AC 2
นั่นคือ AB 2 + BC 2 =
AC 2
( 7 − ( −1) ) + (8 − ( −2 ) )
2 2
BC = = 64 + 100 = 2 41
( 3 − ( −1) ) + ( 4 − ( −2 ) ) =
2 2
AC = 16 + 36 = 2 13
81 + ( y − 2 )
2
=
และ ( 4 − 13) + ( y − ( −6 ) )
2 2
PP2 =
81 + ( y + 6 )
2
=
ดังนั้น 81 + ( y − 2 ) 81 + ( y + 6 )
2 2
=
81 + ( y − 2 ) 81 + ( y + 6 )
2 2
=
( y − 2) ( y + 6)
2 2
=
y2 − 4 y + 4 = y 2 + 12 y + 36
16 y = −32
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 537
จะได y = −2
จะได ( 0 − 2) + ( y − 5) ( 0 − 3) + ( y − ( −7 ) )
2 2 2 2
=
( −2 ) + ( y − 5) ( −3) + ( y + 7)
2 2 2 2
=
y 2 − 10 y + 29 = y 2 + 14 y + 58
y 2 − 10 y + 29 = y 2 + 14 y + 58
24 y = −29
29
y = −
24
ดังนั้น จุดซึ่งอยูบนแกน Y และอยูหางจากจุด ( 2, 5) และ ( 3, − 7 ) เปนระยะเทากัน
29
คือ จุด 0, −
24
7. ให A(6,8), B (4,6) และ C (−2, −2)
จะได ( 6 − 4) + (8 − 6 ) 4+4 = 2 2
2 2
AB = =
( 4 − ( −2 ) ) + ( 6 − ( −2 ) )
2 2
BC = = 36 + 64 = 10
( 6 − ( −2 ) ) + (8 − ( −2 ) )
2 2
AC = = 64 + 100 = 2 41
เนื่องจาก AB ≠ BC ≠ AC
นั่นคือ ไมมีสองดานใดเลยของรูปสามเหลี่ยมนี้ที่มีความยาวเทากัน
ดังนั้น รูปสามเหลี่ยมนี้ไมเปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
538 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
และเขียนกราฟไดดังนี้
จะได ( 0 − 8) + ( 0 − 18 ) 64 + 324
2 2
AB = = = 2 97
(8 − 12 ) + (18 − 27 ) 16 + 81
2 2
BC = = = 97
( 0 − 12 ) + ( 0 − 27 ) 144 + 729 =
2 2
AC = = 3 97
เนื่องจาก AB + BC = 2 97 + 97 = 3 97= AC
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 539
11. แสดงสถานการณที่กําหนดใหไดดังนี้
(ทิศเหนือ)
(ทิศตะวันออก)
= 11664t 2 + 2025t 2
= 13689t 2
x = 117t
ดังนั้น เมื่อเวลาผานไป t ชั่วโมง รถทั้งสองคันจะมีระยะทางหางกัน 117t กิโลเมตร
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
540 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 541
(ทิศเหนือ)
(ทิศตะวันออก)
เนื่องจาก OP = PP2
จะไดวา (3 2 t )
2
= OP 2 + OP 2
18t 2 = 2OP 2
9t 2 = OP 2
OP = 3t
จะไดวา พิกัดของกลาเปน P2 ( −3t , − 3t ) ซึ่งแสดงไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
542 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
(ทิศเหนือ)
(ทิศตะวันออก)
จากรูปจะได (3 ) ( 3t ) + ( 3 + 3t ) + 3 t
2 2 2
29 =
9t 2 + ( 3 + 6t )
2
261 =
t 2 + (1 + 2t )
2
29 =
29 = t 2 + (1 + 4t + 4t 2 )
5t 2 + 4t − 28 = 0
( 5t + 14 )( t − 2 ) = 0
14
นั่นคือ t= − หรือ t=2
5
เนื่องจาก t≥0 จะไดวา t=2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 543
แบบฝกหัด 3.1.2
1. 1) ให P ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางที่ตองการ
1
+3
2 7
x = =
2 4
2 + (−1) 1
y = =
2 2
1 7 1
ดังนั้น จุดกึ่งกลางระหวางจุด ,2 และ ( 3, −1) คือ ,
2 4 2
2) ให P ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางที่ตองการ
3 + (−3)
x = = 0
2
5
− + ( −9 )
2 = −
23
y =
2 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
544 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
3
ดังนั้น จุดกึ่งกลางระหวางจุด ( −3, − 2 ) และ ( −1, 1) คือ −2, −
2
2. 1) ให ( x, y ) เปนพิกัดของจุด P
เนื่องจาก M (1, 2 ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง PQ
x+3 y+4
ดังนั้น 1 = และ 2 =
2 2
จะได x = −1 และ y=0
2) ให ( x, y ) เปนพิกัดของจุด P
เนื่องจาก M ( 5,6 ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง PQ
x + 15 y + ( −4 )
ดังนั้น 5 = และ 6 =
2 2
จะได x = −5 และ y = 16
2 + 9 1+ 3 11
จุด P จะมีพิกัด , = ,2
2 2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 545
7 + 4 1+ 3 11
และ จุด Q จะมีพิกัด , = ,2
2 2 2
ซึ่งจุด P และจุด Q มีพิกัดเดียวกัน
ดังนั้น จุดกึ่งกลางของเสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมนี้เปนจุดเดียวกัน
4. ให P ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางที่ตองการ
x1 + 3 x1
จะได =x = 2 x1
2
y1 + 3 y1
=y = 2 y1
2
5. ให M ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางของ PQ
2+6 1+ 5
จะได
= x = 4 และ
= y = 3
2 2
นั่นคือ ( 4,3) เปนพิกัดของจุด M
จะได (8 − 4 ) + ( 2 − 3) = 16 + 1
2 2
MA = = 17
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
546 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4 + (−1) 3 9+2 11
จะได =x = และ
= y =
2 2 2 2
3 11
นั่นคือ , เปนพิกัดของจุด R
2 2
7 17
ดังนั้น พิกัดของจุดปลายของเสนมัธยฐานที่มี AB เปนฐานคือ ,
2 2
พิกัดของจุดปลายของเสนมัธยฐานที่มี BC เปนฐานคือ (1,5)
3 11
และพิกัดของจุดปลายของเสนมัธยฐานที่มี AC เปนฐานคือ ,
2 2
7. ให P ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง RT
−7 + 6 1
จะได x= = −
2 2
−5 + 1
และ y= = −2
2
1
จะได พิกัดของจุด P คือ − ,− 2
2
ให SP เปนความยาวของเสนมัธยฐานจากจุด S ไปยังดาน RT จะได
2
−1
3 − + ( 7 − ( −2 ) ) =
2 49 373
SP = + 81 =
2 4 2
373
ดังนั้น เสนมัธยฐานจากจุด S ไปยังดาน RT ยาว หนวย
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 547
ให P ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง AB
−4 + 4 3+5
จะได =x = 0 และ
= y = 4
2 2
นั่นคือ ( 0, 4 ) เปนพิกัดของจุด P
ให Q ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง BC
4+8 5 + 11
จะได =x = 6 และ
= y = 8
2 2
นั่นคือ ( 6,8) เปนพิกัดของจุด Q
ให R ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง CD
8 + (−8) 11 + 7
จะได =x = 0 และ
= y = 9
2 2
นั่นคือ ( 0,9 ) เปนพิกัดของจุด R
ให S ( x, y ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง DA
(−8) + ( −4 ) 7+3
จะได x = = −6 และ
= y = 5
2 2
นั่นคือ ( −6,5) เปนพิกัดของจุด S
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
548 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
( 0 − 6) + ( 4 − 8) 36 + 16
2 2
PQ = = = 2 13
( 6 − 0) + (8 − 9 ) 36 + 1
2 2
QR = = = 37
( 0 − ( −6 ) ) + ( 9 − 5) 36 + 16
2 2
RS = = = 2 13
( −6 − 0 ) + (5 − 4) 36 + 1
2 2
SP = = = 37
จะไดวา PQ + QR + RS + SP =
2 13 + 37 + 2 13 + 37 = 4 13 + 2 37
2 + ( −5 ) 3 7+6 13
จะได x1 = = − และ
= y1 =
2 2 2 2
3 13
นั่นคือ จุด P มีพิกัดเปน − 2, 2
ให Q ( x , y ) เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง
2 2 PB
3 13
−5 + − +6
จะได x2 = 2 = −
13
และ y =
= 2 25
2 4 2 4
13 25
นั่นคือ จุด P มีพิกัดเปน − 4 , 4
3
เนื่องจาก จุด Q อยูหางจากจุด A เปนระยะ ของระยะทางระหวางจุด A และ B
4
3
ดังนั้น พิกัดของจุดบนสวนของเสนตรง AB ซึ่งอยูหางจากจุด A เปนระยะทาง ของ
4
13 25
ระยะทางระหวาง A และ B คือ − 4 , 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 549
10. แสดงสถานการณที่โจทยกําหนดไดดังนี้
พิจารณารูปสามเหลี่ยม ABC
เนื่องจาก AD = BE
2
a + c
2 2 2
b = a b
0 − + 0 − c − + 0 −
2 2 2 2
a+c b 2c − a b
2 2 2 2
+ = +
2 2 2 2
a 2 + 2ac + c 2 = 4c 2 − 4ac + a 2
6ac − 3c 2 = 0
c ( c − 2a ) = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
550 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
c = 2a หรือ c= 0
จะได AC = (0 − a) + (0 − b) = a 2 + b2
2 2
BC = (c − a) + (0 − b) = ( 2a − a ) + (0 − b) = a 2 + b2
2 2 2 2
นั่นคือ AC = BC
11. แสดงรูปสามเหลี่ยมมุมฉากไดดังนี้
x+0 x 0+ y y
จะได
= x1 = และ
= y1 =
2 2 2 2
x y
นั่นคือ , เปนพิกัดของจุด P
2 2
2 2
x y x2 y 2 1 2
จะได AP = 0 − + 0 − = + = x + y2
2 2 4 4 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 551
2 2
x y x2 y 2 1 2
BP = x − + 0 − = + = x + y2
2 2 4 4 2
2 2
x y x2 y 2 1 2
CP = 0 − + y − = + = x + y2
2 2 4 4 2
จะไดวา = BP
AP = CP
ดังนั้น ระยะทางระหวางจุดกึ่งกลางของดานตรงขามมุมฉากของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
กับจุดยอดทั้งสามเทากัน
แบบฝกหัด 3.1.3
y1 − y2 0 − 6
ความชันของเสนตรง เทากับ = = 3
x1 − x2 0 − 2
y1 − y2 0−6
ความชันของเสนตรง เทากับ = = −3
x1 − x2 0 − (−2)
y1 − y2 3−7 4
ความชันของเสนตรง เทากับ = =
x1 − x2 5 − 12 7
4
ดังนั้น ความชันของเสนตรงที่ผานจุด ( 5,3) และ (12,7 ) คือ
7
4) ให ( x , y ) = ( 0,0 ) และ ( x , y ) = ( −3, −4 )
1 1 2 2
y1 − y2 0 − (−4) 4
ความชันของเสนตรง เทากับ = =
x1 − x2 0 − (−3) 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
552 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4
ดังนั้น ความชันของเสนตรงที่ผานจุด ( 0,0 ) และ ( −3, −4 ) คือ
3
5) ให ( x , y =
1 ) ( 3, −8) และ ( x , y ) = ( −5,7 )
1 2 2
y1 − y2 (−8) − 7 15
ความชันของเสนตรง เทากับ = = −
x1 − x2 3 − (−5) 8
15
ดังนั้น ความชันของเสนตรงที่ผานจุด ( 3, −8) และ ( −5,7 ) คือ −
8
6) ให ( x , y )= ( t + 1 , s ) และ ( x =
1 1 , y ) ( 2t , s − 3)
2 2
บ y1 − y2
ความชันของเสนตรง เทากั= s − ( s − 3)
=
3
เมื่อ t ≠1
x1 − x2 (t + 1) − (2t ) 1 − t
3
ดังนั้น ความชันของเสนตรงที่ผานจุด ( t + 1 , s ) และ ( 2t , s − 3) คือ เมื่อ t ≠1
1− t
y1 − y2
2. 1) จาก m =
x1 − x2
= 2−6
จะได 4
5− x
4 = −4
5− x
4(5 − x) = −4
20 − 4x = −4
24 = 4x
x = 6
ดังนั้น คาของ x คือ 6
y1 − y2
2) จาก m =
x1 − x2
1 = x −1
จะได
2 4 − (−3)
1 = x −1
2 7
7 = 2x − 2
2x = 9
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 553
x = 9
2
9
ดังนั้น คาของ x คือ
2
y1 − y2
3) จาก m =
x1 − x2
2 = −3 − x
จะได −
3 6−9
2 = x+3
−
3 3
3x + 9 = −6
3x = −15
x = −5
ดังนั้น คาของ x คือ −5
y1 − y2
4) จาก m =
x1 − x2
= 12 − 12
จะได 0
x−5
0
0 =
x−5
0( x − 5) = 0
0 = 0
ดังนั้น คาของ x คือ จํานวนจริงทุกจํานวนยกเวน 5
y1 − y2
5) จาก m =
x1 − x2
4 = x−3
จะได
3 1− 4
4 = 3− x
3 3
9 − 3x = 12
3x = −3
x = −1
ดังนั้น คาของ x คือ −1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
554 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
y1 − y2
6) จาก m =
x1 − x2
1− 2
จะได 3 =
x − 2x
−1
3 =
−x
−3x = −1
1
x =
3
1
ดังนั้น คาของ x คือ
3
a b
3. ให ( x , y )
1 1 = a, และ ( x , y ) 2 2 = b,
b a
a b a −b
2 2
−
y1 − y2 b a ab a + b
ความชันของเสนตรง เทากับ = = =
x1 − x2 a−b a−b ab
a b a+b
ดังนั้น ความชันของเสนตรงที่ผานจุด a, และ b, คือ
b a ab
โดยที่ a ≠ 0, b ≠ 0 และ a≠b
4. หาความชันและความยาวของดานของรูปสามเหลี่ยม
ให mAB แทนความชันของสวนของเสนตรง AB
10 − 7
จะได mAB = = −1
2−5
ให mBC แทนความชันของสวนของเสนตรง BC
7−4
จะได mBC = = 1
5−2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 555
เนื่องจาก AC ขนานกับแกน Y
(5 − 2) + ( 7 − 4) 32 + 32
2 2
BC = = = 3 2
( 2 − 2) + (10 − 4 ) 02 + 62
2 2
AC = = = 6
ออกเปนรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีพื้นที่เทากัน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
556 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4 − ( −1) 5
จะได mQS = =
1 − ( −8 ) 9
4 − ( −1)
จะได mPR = = −1
( −6 ) − ( −1)
ดังนั้น ความชันของสวนของเสนตรงซึ่งแบงรูปสี่เหลี่ยม PQRS ออกเปนรูปสามเหลี่ยม
5
สองรูปที่มีพื้นที่เทากันคือ และ −1
9
6. ให A ( −6, −2 ) , B ( 2, −2 ) , C และ D เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD
ซึ่งแสดงไดดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 557
หรือ
จะได ( 2 − ( −6 ) ) + ( ( −2 ) − ( −2 ) )
2 2
AB = = 64 + 0 = 8
1 8
และ DC = AB = = 4
2 2
1
จาก พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู = × ผลบวกของความยาวดานของคูขนาน × สูง
2
1
จะได 24 = × ( AB + DC ) × AD
2
1
= × ( 8 + 4 ) × AD
2
AD = 4
เนื่องจาก AD ขนานกับแกน Y และกําหนดให D มีพิกัดเปน ( −6, y )
จะได AD = −2 − y
4 = −2 − y
( y + 2)
2
= 16
( y + 6 )( y − 2 ) = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
558 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
y = −6 หรือ y=2
แบบฝกหัด 3.1.4
−4 − 3 7
1. ความชันของเสนตรงที่ผานจุด ( −2, −4 ) และ ( 3,3) เทากับ =
−2 − 3 5
−2 − 5 7
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด (1, −2 ) และ ( 6,5) เทากับ =
1− 6 5
เนื่องจากเสนตรงทั้งสองเสนขนานกัน จะไดวาเสนตรงทั้งสองมีความชันเทากัน
9
นั่นคือ = 3
k +3
3k + 9 = 9
k = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 559
ดังนั้น พิกัดที่กําหนดใหเปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน
4. ให A มีพิกัดเปน (1, 2 )
B มีพิกัดเปน ( 6,7 )
C มีพิกัดเปน ( −3, 4 )
2−7
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด A และ B เทากับ =1
1− 6
7−4 1
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด B และ C เทากับ =
6 − ( −3) 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
560 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ผานจุด B และ C
ดังนั้น จุดที่กําหนดใหไมอยูบนเสนตรงเดียวกัน
5. ให A มีพิกัดเปน ( b,6 )
B มีพิกัดเปน ( −1, 4 )
C มีพิกัดเปน ( −4, 2 )
6−4 2
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด A และ B เทากับ =
b − ( −1) b + 1
4−2 2
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด B และ C เทากับ =
−1 − ( −4 ) 3
เนื่องจาก จุดทั้งสามอยูบนเสนตรงเดียวกัน
จะไดวา ความชันของเสนตรงที่ผานจุด A และ B เทากับ ความชันของเสนตรงที่
ผานจุด B และ C
2 2
นั่นคือ =
b +1 3
2b + 2 =6
b=2
6. ให A มีพิกัดเปน ( p, q + r )
B มีพิกัดเปน ( q, r + p )
C มีพิกัดเปน ( r , p + q )
เทากับ ( ) (
q + r − r + p) q − p
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด A และ B = = −1
p−q p−q
เทากับ ( ) (
r + p − p + q) r−q
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด B และ C = = −1
q−r q−r
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 561
ผานจุด B และ C
ดังนั้น จุดที่กําหนดใหอยูบนเสนตรงเดียวกัน
7. ให A ( −6,6 ) , B ( 6,6 ) , C (12,0 ) และ D ( 6, −6 ) เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD
ซึ่งแสดงไดดังรูป
6−6
ความชันของดาน AB เทากับ =0
−6 − 6
6−0
ความชันของดาน BC เทากับ = −1
6 − 12
0 − ( −6 )
ความชันของดาน CD เทากับ =1
12 − 6
−6 − ( −6 )
ความชันของดาน AD เทากับ = −1
( −6 ) − 6
จะไดวา ความชันของดาน BC เทากับความชันของดาน AD
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
562 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
−3 + 1 2 + 6
ให A เปนจุดกึ่งกลางของดาน PQ และมีพิกัดเปน , = ( −1, 4 )
2 2
1+ 5 6 + 4
B เปนจุดกึ่งกลางของดาน QR และมีพิกัดเปน , = ( 3,5 )
2 2
5+3 4+0
C เปนจุดกึ่งกลางของดาน RS และมีพิกัดเปน , = ( 4, 2 )
2 2
3 + ( −3) 0 + 2
D เปนจุดกึ่งกลางของดาน SP และมีพิกัดเปน , = ( 0,1)
2 2
4−5 1
ความชันของดาน AB เทากับ =
−1 − 3 4
5−2
ความชันของดาน BC เทากับ = −3
3− 4
2 −1 1
ความชันของดาน CD เทากับ =
4−0 4
1− 4
ความชันของดาน DA เทากับ = −3
0 − ( −1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 563
ดังนั้น จุดกึ่งกลางของดานทั้งสี่ของรูปสี่เหลี่ยมที่กําหนดเปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน
9. ให A ( 0,0 ) , B ( a,0 ) , C ( b, c ) และ D ( d , c ) เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD
ซึ่งแสดงไดดังรูป
0+d 0+c d c
ให E เปนจุดกึ่งกลางของดาน AD และมีพิกัดเปน , = ,
2 2 2 2
a+b 0+c a+b c
F เปนจุดกึ่งกลางของดาน BC และมีพิกัดเปน , = ,
2 2 2 2
0−0
ความชันของดาน AB เทากับ =0
0−a
c c
−
ความชันของดาน EF เทากับ 2 2
d a+b
=0
−
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
564 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
c−c
ความชันของดาน CD เทากับ =0
b−d
จะไดวา ความชันของดาน AB เทากับความชันดาน EF และเทากับความชันของดาน CD
ดังนั้น สวนของเสนตรงที่เชื่อมจุดกึ่งกลางของดานที่ไมใชดานคูขนานของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
จะขนานกับดานคูขนาน
10. ให A ( 0,0 ) , B ( a,0 ) , C ( b, c ) และ D ( d , e ) เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยม ABCD
ซึ่งแสดงไดดังรูป
0+a 0+0 a
ให E เปนจุดกึ่งกลางของดาน AB และมีพิกัดเปน , = ,0
2 2 2
a+b 0+c a+b c
F เปนจุดกึ่งกลางของดาน BC และมีพิกัดเปน , = ,
2 2 2 2
b+d c+e
G เปนจุดกึ่งกลางของดาน CD และมีพิกัดเปน ,
2 2
d +0 e+0 d e
H เปนจุดกึ่งกลางของดาน DA และมีพิกัดเปน , = ,
2 2 2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 565
c
0−
c
ความชันของดาน EF เทากับ 2 =
a a+b b
−
2 2
c c+e
−
2 2 e
ความชันของดาน FG เทากับ =
a+b b+d d −a
−
2 2
c+e e
−
ความชันของดาน เทากับ 2 2 =c
GH
b+d d b
−
2 2
e
−0
e
ความชันของดาน HE เทากับ 2 =
d a d −a
−
2 2
จะไดวา ความชันของดาน EF เทากับความชันของดาน GH
แบบฝกหัด 3.1.5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
566 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
0−b b
จะได=m1 = เมื่อ a≠0
0−a a
และให m2 แทนความชันของสวนของเสนตรง OQ
0−a a
จะได m2 = = − เมื่อ b≠0
0 − ( −b ) b
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 567
b a
เนื่องจาก m1m2 = × − =− 1 เมื่อ a≠0 และ b≠0
a b
ดังนั้น สวนของเสนตรง OP ตั้งฉากกับสวนของเสนตรง OQ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
568 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
9
นั่นคือ ×3 = −1
k +3
k +3 = −27
k = −30
5−9
จะได ความชันของเสนทแยงมุม AC คือ =1
2−6
9−5
ความชันของเสนทแยงมุม BD คือ = −1
2−6
จะเห็นวา ผลคูณของความชันของเสนทแยงมุม AC และเสนทแยงมุม BD เทากับ −1
ดังนั้น เสนทแยงมุมทั้งสองของรูปสี่เหลี่ยมตั้งฉากซึ่งกันและกัน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 569
ดาน BC ตั้งฉากกับดาน CD
ดาน CD ตั้งฉากกับดาน DA
และ AB= ( 2 − 6) + (1 − 4 ) = 16 + 9 = 5
2 2
BC = ( 6 − 3) + ( 4 − 8) = 9 + 16 = 5
2 2
( 3 − ( −1) ) + (8 − 5)
2
CD = = 16 + 9 = 5
2
DA = ( −1 − 2 ) + ( 5 − 1) = 9 + 16 = 5
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
570 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ซึ่งแสดงไดดังรูป
AB = ( −5 − 4 ) + ( 4 − 9) = 81 + 25 =
2 2
1) 106
BC = ( 4 − 9) + (9 − 0) = 25 + 81 =
2 2
106
(9 − 0) + ( 0 − ( −5 ) )=
2
= 81 + 25=
2
CD 106
( 0 − ( −5) ) + ( −5 − 4 )=
2
= 25 + 81=
2
DA 106
นั่นคือ = BC
AB = CD
= DA
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 571
4−9 5
2) ความชันของดาน AB คือ =
−5 − 4 9
9−0 9
ความชันของดาน BC คือ = −
4−9 5
0 − ( −5 ) 5
ความชันของดาน CD คือ =
9−0 9
−5 − 4 9
ความชันของดาน DA คือ = −
0 − ( −5 ) 5
ดาน BC ตั้งฉากกับดาน CD
ดาน CD ตั้งฉากกับดาน DA
ซึ่งแสดงไดดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
572 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
8−4
1) ความชันของดาน AB คือ =4
6−5
4−6
ความชันของดาน BC คือ = −1
5−3
6 − 10
ความชันของดาน CD คือ =4
3− 4
10 − 8
ความชันของดาน DA คือ = −1
4−6
จะไดวา ความชันของดาน AB เทากับความชันของดาน CD
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 573
ซึ่งแสดงไดดังรูป
ดังนั้น เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งฉากซึ่งกันและกัน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
574 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
แบบฝกหัด 3.1.6
1. 1) (1,0 ) ไมเปนสมาชิกของความสัมพันธ t
2) ( −8,6 ) ไมเปนสมาชิกของความสัมพันธ t
3) ( 0, −2 ) เปนสมาชิกของความสัมพันธ t
4) ( 2, −1) เปนสมาชิกของความสัมพันธ t
5) (6 2, 2 ) ไมเปนสมาชิกของความสัมพันธ t
เนื่องจาก เมื่อแทน x ดวย 6 2 และ y ดวย 2 ใน 4 แลวเปนเท็จ
x − 2y =
2. 1) ความสัมพันธซึ่งมีกราฟเปนเสนตรงที่ขนานกับแกน X และอยูเหนือแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 575
{( x, y ) ∈ y × y x =− 7}
3. ความชัน ระยะตัดแกน X และระยะตัดแกน Y ของกราฟของสมการที่กําหนดให
เปนดังนี้
สมการ ความชัน ระยะตัดแกน X ระยะตัดแกน Y
2 7 7
1) 2 x − 3 y =
7 −
3 2 3
5 2 1
2) 5 x + 4 y − 2 =0 −
4 5 2
1 5
3) x − 4y + 5 =0 −5
4 4
3 7 7
4) 3 x + 2 y + 7 =0 − − −
2 3 2
11
5) 5 x − y − 11 =0 5 −11
5
3 4 9
6) x− y=
24 32 −18
4 3 16
7) x− y=
0 1 0 0
3
8) 2 y + 3 =0 0 ไมตัดแกน X −
2
9) x=4 ไมนิยาม 4 ไมตัดแกน Y
2 7 7
10) 3 ( y − 1) =−2 ( x − 2 ) −
3 2 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
576 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
2
4. เขียน 3=
y 2x − 6 ใหอยูในรูป =
y mx + c ไดเปน =y x−2
3
2
ดังนั้น ความชันของเสนตรงนี้ คือ
3
2
จะเห็นวามีความชันเทากับความชันของเสนตรง =y x +1
3
2
ดังนั้น เสนตรง 3=
y 2x − 6 ขนานกับ เสนตรง =y x +1
3
5. เขียน 2x + y =
8 ใหอยูในรูป =
y mx + c ไดเปน y=−2 x + 8
คือ x + 2 y − 17 =
0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 577
3
7. เขียน 0 ใหอยูในรูป =
3 x − 2 y + 12 = y mx + c ไดเปน =y x+6
2
3
ดังนั้น ความชันของเสนตรงนี้ คือ
2
2
จะไดวา เสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนตรง 3x − 2 y + 12 =
0 จะมีความชันเทากับ −
3
ให y − y1= m ( x − x1 ) เปนสมการเสนตรงที่ผานจุด ( 3, 2 ) และตั้งฉากกับเสนตรง
3 x − 2 y + 12 =
0
2
นั่นคือ y − 2 =− ( x − 3) ซึ่งเขียนใหอยูในรูป 0 ไดเปน 2 x + 3 y − 12 =
Ax + By + C = 0
3
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ผานจุด ( 3, 2 ) และตั้งฉากกับเสนตรง 0 คือ
3 x − 2 y + 12 =
2 x + 3 y − 12 =
0
1 1
8. เสนตรง 2x − 3y + 1 =0 ตัดแกน X ที่จุด − , 0 และตัดแกน Y ที่จุด 0 ,
2 3
เสนตรง x+ y−2=0 ที่จุด ( 2 , 0 ) และตัดแกน Y ที่จุด ( 0 , 2 )
ตัดแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
578 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
หาจุดตัดของกราฟทั้งสอง ดังนี้
จาก x+ y−2=0 เขียนใหมไดเปน y= 2 − x
นั่นคือ 2 x − 3( 2 − x ) + 1 =0
จะได x =1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 579
( x − 6) + y2 ( x − 2) + y2
2 2
=
( x − 6) − ( x − 2)
2 2
= 0
( x − 6 ) − ( x − 2 ) ( x − 6 ) + ( x − 2 ) = 0
−8 ( x − 4 ) = 0
นั่นคือ x = 4
ดังนั้น ความสัมพันธซึ่งมีกราฟเปนเสนตรงที่จุดทุกจุดบนเสนตรงอยูหางจากจุด
( 6,0 ) และ ( 2,0 ) เปนระยะเทากันคือ {( x, y ) ∈ y × y x =
4}
1 11
10. เขียน 0 ใหอยูในรูป =
x − 7 y − 11 = y mx + c ไดเปน =y x−
7 7
1
ดังนั้น ความชันของเสนตรงนี้ คือ
7
จะไดวา เสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนตรง 0 จะมีความชันเทากับ −7
x − 7 y − 11 =
หาจุดตัดของกราฟเสนตรง 0 และ 3 x + 5 y − 7 =
x − 7 y − 11 = 0 ดังนี้
จาก 0 เขียนใหมไดเปน =
x − 7 y − 11 = x 7 y + 11
นั่นคือ 3 ( 7 y + 11) + 5 y − 7 =0
จะได y = −1
แทน y ดวย −1 ใน =x 7 y + 11 จะได x=4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
580 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
หรือ
1
เนื่องจาก พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม เทากับ × ฐาน × สูง
2
1
จะได 4 = × 4 × สูง
2
นั่นคือ ความสูงเทากับ 2 หนวย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 581
เสนตรง 3x + 5 y − 6 =0 ขนานกับเสนตรง 3x + 5 y + 4 =0
เสนตรง 0 ตั้งฉากกับเสนตรง 3 x + 5 y − 6 =
5 x − 3 y + 17 = 0
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมที่เกิดจากการตัดกันของกราฟดังกลาวเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
a d
13. เขียน ax + by =
d1 ใหอยูในรูป =
y mx + c ไดเปน y=
− x+ 1 เมื่อ b≠0
b b
a
ดังนั้น ความชันของเสนตรงนี้ คือ − เมื่อ b≠0
b
a d
และเขียน d 2 ใหอยูในรูป =
ax + by = y mx + c ไดเปน y=
− x+ 2 เมื่อ b≠0
b b
a
ดังนั้น ความชันของเสนตรงนี้ คือ − เมื่อ b≠0
b
เนื่องจากความชันของเสนตรงทั้งสองเทากัน
ดังนั้น เสนตรงทั้งสองขนานกัน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
582 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
แบบฝกหัด 3.1.7
Ax1 + By1 + C
1. 1) จาก d =
A2 + B 2
ในที่นี้ A = 6, B = − 8, C = 4, x1 = 2 และ y1 = − 3
( 6 )( 2 ) + ( −8)( −3) + 4 12 + 24 + 4
โดยการแทนค
= า จะได d = = 4
( 6 ) + ( −8)
2 2
36 + 64
( 4 )( 0 ) + ( 3)( 6 ) + ( −8) 0 + 18 − 8
โดยการแทนค=
า จะได d = = 2
( 4 ) + ( 3)
2 2
16 + 9
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 583
ดังนั้น ระยะหางระหวางเสนตรง y − 4=
7
( x − 3) กับจุด (8,11) เปน 0 หนวย
5
5) เขียน y =1 ใหอยูในรูป 0 ไดเปน y − 1 =
Ax + By + C = 0
Ax1 + By1 + C
จาก d =
A2 + B 2
ในที่นี้ A = 0, B = 1, C = − 1, x1 = − 1 และ y1 = 1
2. 1) เสนตรง 3x + 4 y − 7 =0 มีความชันเทากับเสนตรง 3x + 4 y + 3 =0
นั่นคือ เสนตรงทั้งสองขนานกัน
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
( −7 ) − 3 10
จะได d= = = 2
( 3) + ( 4 ) 5
2 2
เทากับ 2 หนวย
2) เนื่องจากเสนตรง 3x − 4 y − 7 =0 จัดรูปใหมไดเปน 6 x − 8 y − 14 =
0
และมีความชันเทากับเสนตรง 6 x − 8 y + 16 =
0
นั่นคือ เสนตรงทั้งสองขนานกัน
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
584 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
( −14 ) − 16 30
จะได d= = = 3
( 6 ) + (8) 10
2 2
เทากับ 3 หนวย
3) เนื่องจาก เสนตรง 0 จัดรูปใหมไดเปน 10 x + 24 y − 30 =
5 x + 12 y − 15 = 0
และมีความชันเทากับเสนตรง 10 x + 24 y + 9 =0
นั่นคือ เสนตรงทั้งสองขนานกัน
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
( −30 ) − 9 39 3
จะได=
d = =
(10 ) + ( 24 ) 676 2
2 2
และมีความชันเทากับเสนตรง 3x − 3 y + 7 =0
นั่นคือ เสนตรงทั้งสองขนานกัน
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
( −9 ) − 7 16 8 2
จะได=
d = =
( 3) + ( −3) 3
2 2
18
8 2
เทากับ หนวย
3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 585
5) เนื่องจากเสนตรง 0 จัดรูปใหมไดเปน 3 x + y − 7 =
7 − 3x − y = 0
และมีความชันเทากับเสนตรง 3x + y + 5 =0
นั่นคือ เสนตรงทั้งสองขนานกัน
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
( −7 ) − 5 12 6 10
จะได=
d = =
( 3) + (1) 5
2 2
10
6 10
เทากับ หนวย
5
3
3. เสนตรง 3x − 4 y − 5 =0 มีความชันเทากับ
4
3
จะไดวา เสนตรงที่ขนานกับเสนตรง 3x − 4 y − 5 =0 จะมีความชันเทากับ
4
ใหเสนตรงดังกลาวมีสมการอยูในรูป 0 เมื่อ C2
3 x − 4 y + C2 = เปนจํานวนจริงใด ๆ
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
ในที่นี้ A = 3, B = − 4, C1 = − 5 และ d =1
( −5) − C2
โดยการแทนคา จะได 1 =
32 + ( −4 )
2
( −5) − C2
1 =
5
( −5) − C2 = 5
นั่นคือ −5 − C2 =5 หรือ 5 + C2 =5
จะได C2 = − 10 หรือ C2 = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
586 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
( 4 )(8) + ( −3)(8) + C2
โดยการแทนคา จะได 2 =
42 + ( −3)
2
32 − 24 + C2
2 =
5
8 + C2 = 10
นั่นคือ 8 + C2 =10 หรือ − (8 + C2 ) =10
จะได C2 = 2 หรือ C2 = − 18
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 587
− 2 + C2
3 =
13
C2 − 2 =39
จะได C2 = 41 หรือ C2 = − 37
ใหสมการ 12 x − 5 y + C2 =
0 เมื่อ C2 เปนจํานวนจริงใด ๆ เปนเสนตรงที่ขนานกับ
เสนตรงที่โจทยกําหนด และอยูหางจากเสนตรงนี้เปนระยะ 4 หนวย
C1 − C2
จาก d =
A2 + B 2
ในที่นี้ A = 12, B = − 5, C1 = − 10 และ d =4
( −10 ) − C2
โดยการแทนคา จะได 4 =
(12 ) + ( −5)
2 2
− 10 − C2
4 =
13
− 10 − C2 =52
จะได C2 = − 62 หรือ C2 = 42
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
588 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ขนานกันและมีเสนตรง 12 x − 5 y − 10 =
0 อยูกึ่งกลางและมี
แบบฝกหัด 3.2.1
1. วิธีที่ 1 จากรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม
( x − h )2 + ( y − k )2 = r2
( x + 3)2 + ( y − 2 )2 = r2
เนื่องจากวงกลมผานจุด ( 7, 4 )
นั่นคือแทน x และ y ดวย 7 และ 4 ตามลําดับ
จะได ( 7 + 3)2 + ( 4 − 2 )2 = r2
102 + 22 = r2
r2 = 100 + 4
r2 = 104
r = 2 26
ดังนั้น วงกลมนี้มีรัศมียาว 2 26 หนวย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 589
r = 3
จากรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม
( x − h )2 + ( y − k )2 = r2
( x − 4 )2 + ( y + 3)2 = 9
จะได ( x − 4 )2 + ( 0 + 3)2 = 9
( x − 4 )2 + 9 = 9
( x − 4 )2 = 0
x = 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
590 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ดังนั้น จุดสัมผัสของวงกลมนี้อยูที่ ( 4, 0 )
วิธีที่ 2 วาดรูปแสดงวงกลมที่มีจุดศูนยกลางอยูที่จุด ( 4, −3) และมีแกน X เปน
เสนสัมผัสไดดังนี้
จากรูป จะไดวาจุดสัมผัสของวงกลมนี้อยูที่ ( 4, 0 )
3. เนื่องจาก วงกลมวงนี้มีจุดศูนยกลางอยูที่จุด ( 3, 4 ) และผานจุด ( 6,8)
จะไดวา ความยาวของรัศมีของวงกลมนี้หาไดจาก
( 6 − 3) + ( 8 − 4 )
2 2
r =
= 25
= 5
ดังนั้น วงกลมนี้มีรัศมียาว 5 หนวย
จะได สมการของวงกลมนี้ คือ ( x − 3)2 + ( y − 4 )2 =
25
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 591
( −3)2 + ( −4 )2 = 25
9 + 16 = 25
25 = 25 ซึ่งเปนจริง
ดังนั้น จุด ( 0, 0 ) อยูบนวงกลมนี้
4. ให ( h, k ) เปนจุดศูนยกลางของวงกลมนี้
เนื่องจากจุดปลายของเสนผานศูนยกลางของวงกลมเปน (1, 3) และ ( 7, 11)
จะได ( h, k ) เปนจุดกึ่งกลางระหวาง (1, 3) และ ( 7, 11)
1+ 7
นั่นคื=
อh = 4
2
3 + 11
และ
= k = 7
2
ดังนั้น จุดศูนยกลางของวงกลมนี้คือ ( 4, 7 )
การหาความยาวรัศมีของวงกลมนี้ สามารถทําไดหลายวิธี เชน
วิธีที่ 1 หาระยะหางระหวางจุดปลายของเสนผานศูนยกลางของวงกลมนี้
เนื่องจากจุดปลายของเสนผานศูนยกลางคือ (1, 3) และ ( 7, 11)
จะได เสนผานศูนยกลางยาว
(1 − 7 )2 + ( 3 − 11)2 = 36 + 64= 100= 10 หนวย
ดังนั้น วงกลมนี้มีรัศมียาว 5 หนวย
วิธีที่ 2 แทนพิกัดของจุดปลายของเสนผานศูนยกลางจุดใดจุดหนึ่งลงใน
( x − 4 )2 + ( y − 7 )2 = r2
( −3)2 + ( −4 )2 = r2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
592 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
r2 = 9 + 16
r2 = 25
r = 5
ดังนั้น วงกลมนี้มีรัศมียาว 5 หนวย
จะไดวา สมการวงกลมนี้ คือ ( x − 4 )2 + ( y − 7 )2 =
25
5. จาก x 2 + y 2 + 2 x − 6 y − 54 = 0
จะได x2 + y 2 + 2 x − 6 y = 54
(x 2
) (
+ 2x + 1 + y2 − 6 y + 9 ) = 64
( x + 1)2 + ( y − 3)2 = 82
และมีรัศมียาว 8 หนวย
จะไดวา วงกลมที่มีรัศมียาวเทากับวงกลมนี้ และมีจุดศูนยกลางอยูที่จุดกําเนิด
มีสมการเปน x2 + y 2 =
64
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 593
6. จาก x2 + ( y − 5)
2
= 10
จะได ( x − 0 )2 + ( y − 5 )2 = ( )
2
10
เมื่อเทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได= h 0, = k 5 และ r = 10
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
594 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
8. 1) จากรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม
( x − h )2 + ( y − k )2 = r2
( x − 2 )2 + ( y + 1)2 = 9
และเขียนวงกลมไดดังนี้
2) จากกราฟ จะไดวาวงกลมมีจุดศูนยกลางอยูที่จุด ( −4, − 3) และมีรัศมียาว 3 หนวย
2) จากรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม
( x − h )2 + ( y − k )2 = r2
ตามลําดับ
จะได ( x − 0 )2 + ( y − 0 )2 = r2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 595
จะได ( 7 − 0 )2 + ( 4 − 0 )2 = r2
7 2 + 42 = r2
r2 = 49 + 16
r2 = 65
ดังนั้น สมการวงกลมนี้ คือ 65 และเขียนวงกลมไดดังนี้
x2 + y 2 =
3) จากรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม
( x − h )2 + ( y − k )2 = r2
ตามลําดับ
จะได ( x − ( −1) ) + ( y − 5) = 5
2 2
( x + 1)2 + ( y − 5)2 = 5
เนื่องจากวงกลมผานจุด ( −4, − 6 ) นั่นคือแทน x และ y ดวย −4 และ −6 ตามลําดับ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
596 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
จะได ( ( −4 ) + 1) + ( ( −6 ) − 5 ) = −5
2 2
( −3)2 + ( −11)2 = −5
−5 = 9 + 121
−5 = 130
ดังนั้น สมการวงกลมนี้ คือ ( x + 1) + ( y − 5)2 =
130 หรือ
2
x 2 + y 2 + 2 x − 10 y − 104 =
0
และเขียนวงกลมไดดังนี้
4) ให ( h, k ) เปนจุดศูนยกลางของวงกลมนี้
เนื่องจากจุดปลายของเสนผานศูนยกลางของวงกลมเปน ( −1, 3) และ ( 7, − 5)
จะได ( h, k ) เปนจุดกึ่งกลางระหวาง ( −1, 3) และ ( 7, − 5)
อ h (=
นั่นคื= −1) + 7
3
2
3 + ( −5 )
k = = −1
2
ดังนั้น จุดศูนยกลางของวงกลมนี้คือ ( 3, − 1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 597
แทนพิกัดของจุดปลายของเสนผานศูนยกลางจุดใดจุดหนึ่งใน
( x − 3)2 + ( y + 1)2 = r2
( −4 )2 + 42 = r2
r2 = 16 + 16
r2 = 32
ดังนั้น สมการวงกลมนี้ คือ ( x − 3)2 + ( y + 1)2 =
32 หรือ x 2 + y 2 − 6 x + 2 y − 22 =
0
และเขียนวงกลมไดดังนี้
r = 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
598 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
และเขียนวงกลมไดดังนี้
6) ให ( h, k ) เปนจุดศูนยกลางของวงกลมนี้
เนื่องจากวงกลมนี้สัมผัสแกน X และแกน Y และมีรัศมียาว 5 หนวย
จะไดวา ระยะหางระหวางจุดศูนยกลางกับแกน X และระยะหางระหวาง
จุดศูนยกลางกับแกน Y เทากับ 5 หนวย
พิจารณาระยะหางระหวางจุดศูนยกลางกับแกน X (เสนตรง y = 0 )
0 ( h ) + 1( k ) + 0
จะได = 5
02 + 12
k = 5
เนื่องจากวงกลมอยูในจตุภาคที่ 1
จะได k = 5
พิจารณาระยะหางระหวางจุดศูนยกลางกับแกน Y (เสนตรง x = 0 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 599
1( h ) + 0 ( k ) + 0
จะได = 5
12 + 02
h = 5
เนื่องจากวงกลมอยูในจตุภาคที่ 1
จะได h = 5
นั่นคือ จุดศูนยกลางของวงกลมนี้อยูที่จุด ( 5, 5)
ดังนั้น สมการวงกลมนี้ คือ ( x − 5)2 + ( y − 5)2 = 25 หรือ x 2 + y 2 − 10 x − 10 y + 25 =
0
และเขียนวงกลมไดดังนี้
9. 1) จาก ( x − 2 )2 + ( y − 4 )2 = 9
จะได ( x − 2 )2 + ( y − 4 )2 = 32
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได=h 2, =k 4 และ r = 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
600 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
2) จาก ( x − 2 )2 + y 2 = 49
จะได ( x − 2 )2 + y 2 = 72
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได=h 2, = k 0 และ r = 7
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 601
3) จาก x2 + ( y − 4)
2
=
16
25
2
4
จะได ( x − 0) + ( y − 4)
2 2
=
5
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
4
จะได=
h =
0, k 4 และ r=
5
ดังนั้น วงกลมนี้มีจุดศูนยกลางที่จุด ( 0, 4 ) และมีรัศมียาว 4
หนวย
5
เขียนวงกลมไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
602 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
( x − 2 )2 + y +
5
4) จาก = 10
2
2
5
จะได ( x − 2) = ( )
2 2
+ y − − 10
2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได h = 2, k = −
5
และ r = 10
2
เขียนวงกลมไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 603
10. 1) จาก x2 + y 2 + 4 x − 2 y + 1 = 0
จะได x2 + 4 x + y 2 − 2 y = −1
(x 2
) (
+ 4 x + 22 + y 2 − 2 y + 12 ) = −1 + 22 + 12
( x + 2 )2 + ( y − 1)2 = 4
( x + 2 )2 + ( y − 1)2 = 22
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได h = 1 และ r = 2
− 2, k =
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
604 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
2) จาก x2 + y 2 + y = 0
2
1
2
1
จะได x2 + y 2 + y +
= 0+
2 2
2 2
( x − 0 )2 + y +
1
= 1
2 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
1
จะได h = 0, k = −
1
และ r=
2 2
ดังนั้น 1
x2 + y 2 + y =0 เปนสมการวงกลม ที่มีจุดศูนยกลางที่จุด 0, −
2
1
และมีรัศมียาว หนวย
2
3) จาก x 2 + y 2 + 10 x − 4 y + 13 = 0
จะได x 2 + 10 x + y 2 − 4 y = −13
(x 2
) (
+ 10 x + 52 + y 2 − 4 y + 22 ) = −13 + 52 + 22
( x + 5 )2 + ( y − 2 )2 = 16
( x + 5 )2 + ( y − 2 )2 = 42
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได h = 2 และ r = 4
− 5, k =
ดังนั้น 0 เปนสมการวงกลม
x 2 + y 2 + 10 x − 4 y + 13 = ที่มีจุดศูนยกลางที่จุด ( −5, 2 )
และมีรัศมียาว 4 หนวย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 605
4) จาก x2 + y 2 + x + 2 y + 1 = 0
จะได x2 + x + y 2 + 2 y = −1
2 1
2 2
(
x + x + + y 2 + 2 y + 12 ) = −1 + 1 + 12
2 2
2
1
2
1
x + + ( y + 1)
2
=
2 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
1
จะได h=
1
− 1 และ r =
− ,k =
2 2
จะได x2 + 6x + y 2 = −2
(x 2
)
+ 6 x + 32 + y 2 = −2 + 32
( x + 3)2 + ( y − 0 )2 = 7
( 7)
2
( x + 3)2 + ( y − 0 )2 =
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได h = 0 และ r = 7
− 3, k =
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
606 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
6) จาก x2 + y 2 −
1 1
x+ y−
1
= 0
2 2 8
จะได x2 −
1 1
x + y2 + y =
1
2 2 8
2 1 1
2
1
2 2 2
1
x − x + + y2 + y + = 1 + 1 + 1
2 4 2 4 8 4 4
2 2
1 1
=
1 1 1
x− + y+ + +
4 4 8 16 16
2
1
2
1
2
1
x− + y+ =
4 4 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
1
จะได h=
1
,k = −
1
และ r=
4 4 2
ดังนั้น x2 + y 2 −
1 1 1
x+ y− =0 เปนสมการวงกลม ที่มีจุดศูนยกลางที่จุด
2 2 8
1 1
และมีรัศมียาว 1
หนวย
,−
4 4 2
11. เนื่องจากวงกลมมีจุดศูนยกลางอยูที่จุด ( −1, 1) และสัมผัสกับเสนตรง 3x − 2 y + 18 =
0
นั่นคือ r =
( 3)( −1) + ( −2 )(1) + 18
32 + ( −2 )
2
r = 13
12. จาก x +y 2 2
= 4
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได=h 0, = k 0 และ r = 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 607
นั่นคือ 4 เปนสมการวงกลมที่มีจุดศูนยกลางที่จุด ( 0, 0 )
x2 + y 2 = และมีรัศมียาว 2 หนวย
จาก x 2 + y 2 − 4 y − 12 = 0
จะได (
x 2 + y 2 − 4 y + 22 ) = 12 + 22
x2 + ( y − 2) = 16
2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงกลม ( x − h )2 + ( y − k )2 =
r2
จะได=h 0, = k 2 และ r = 4
นั่นคือ 0 เปนสมการวงกลมที่มีจุดศูนยกลางที่จุด ( 0, 2 )
x 2 + y 2 − 4 y − 12 = และมีรัศมี
ยาว 4 หนวย
เขียนวงกลมทั้งสองไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
608 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
13. จาก x 2 + y 2 − 10 x = 0
จะได (x 2
)− 10 x + y 2 = 0
( x − 10 x + 25) + y
2 2
= 25
( x − 5 )2 + y 2 = 52
นั่นคือ 0 เปนสมการวงกลมมีจุดศูนยกลางอยูที่จุด ( 5, 0 )
x 2 + y 2 − 10 x =
และมีรัศมียาว 5 หนวย
พิจารณาเสนตรง 4x + 3y = 20
เขียนกราฟไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 609
จะเห็นวา เสนตรง 4x + 3y =
20 ผานจุด ( 5, 0 ) ซึ่งเปนจุดศูนยกลางของวงกลม
ดังนั้น เสนสัมผัสทั้งสองของวงกลมนี้ ณ จุดที่วงกลมตัดเสนตรง 4 x + 3 y = 20
จะตั้งฉากกับเสนตรงนี้
จาก 4x + 3y = 20
จะได y = − 4 x + 20
3 3
15 + 4c
= 5
5
15 + 4c = 25
15 + 4c = 25
3 5 3
คือ =y x+ และ =y x − 10
4 2 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
610 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 611
15. จากรูป
ตามลําดับ ดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
612 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
และวงกลม ( x − 6 )2 + y 2 =
49
แทน y ดวย − 2 ใน ( x − 6 )2 + y 2 =
49
จะได ( x − 6 )2 + ( −2 )2 = 49
x 2 − 12 x + 36 + 4 = 49
x 2 − 12 x − 9 = 0
− ( −12 ) ± ( −12 )2 − 4 (1)( −9 )
x =
2 (1)
x = 12 ± 180
2
x = 6±3 5
นั่นคือ จุดตัดระหวางเสนตรง y = −2 และวงกลม ( x − 6 )2 + y 2 =
49
คือ ( 6 ± 3 5, − 2 )
เนื่องจาก ปูนปนอยูใกลจุด ( 6 − 3 5, − 2 ) มากกวาจุด ( 6 + 3 5, − 2 )
ดังนั้น ปูนปนจะตองเดินไปทางทิศตะวันออกเปนระยะทางอยางนอย
6 − 3 5 − ( −2 ) = 8 − 3 5 กิโลเมตร หรือประมาณ 1.29 กิโลเมตร จึงจะมี
สัญญาณโทรศัพท
2) พิจารณาเสาสัญญาณโทรศัพทตนที่หนึ่ง
จะไดระยะทางระหวางจุด ( −4, 6 ) และ ( −2, − 2 ) คือ ( −4 + 2 )2 + ( 6 + 2 )2 = 68
นั่นคือ ระยะทางที่สั้นที่สุดที่ปูนปนจะเดินไปยังตําแหนงที่มีสัญญาณโทรศัพทจาก
เสาตนที่หนึ่ง คือ 68 − 7 กิโลเมตร
พิจารณาเสาสัญญาณโทรศัพทตนที่สอง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 613
แบบฝกหัด 3.2.2
x2 y 2 x2 y 2
1. 1) จาก + 1 เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี 2 + 2 =
= 1
9 25 b a
จะไดว=
า a 2 =
25, b2 9 นั่นคือ=
a 5,=
b 3
เนื่องจากพจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
614 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
x2 y 2 x2 y 2
2) จาก + 1 เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี 2 + 2 =
= 1
25 9 a b
จะไดว=
า a 2 =
25, b2 9 นั่นคือ=
a 5,=
b 3
เนื่องจากพจน a2 เปนตัวสวนของพจน x2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 615
9 x2 4 y 2 36
จะได + =
36 36 36
x2 y 2
+ = 1
4 9
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
จะไดวา=
a2 9,=
b2 4 นั่นคือ=
a 3,=
b 2
เนื่องจากพจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
จะไดวา c 2 = a 2 − b2 = 9 − 4 = 5 นั่นคือ c = 5
ดังนั้น จุดยอดคือ ( 0, − 3) และ ( 0, 3) โฟกัสของวงรีคือ ( 0, − 5 ) และ ( 0, 5 )
ความเยื้องศูนยกลางคือ 5
แกนเอกมีความยาว 6 หนวย
3
แกนโทมีความยาว 4 หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
616 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4) จาก 4 x 2 + 25 y 2 = 100
4 x 2 25 y 2 100
จะได + =
100 100 100
x2 y 2
+ = 1
25 4
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
a 2 b2
จะไดว=
า a 2 =
25, b2 4 นั่นคือ=
a 5,=
b 2
เนื่องจากพจน a2 เปนตัวสวนของพจน −4
จะไดวาแกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
จะไดวา c 2 = a 2 − b2 = 25 − 4 = 21 นั่นคือ c = 21
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 617
5) จาก x2 + 4 y 2 = 16
x2 4 y 2 16
จะได + =
16 16 16
x2 y 2
+ = 1
16 4
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
a 2 b2
จะไดวา=
a2 =
16, b2 4 นั่นคือ=
a 4,=
b 2
เนื่องจากพจน a2 เปนตัวสวนของพจน −3
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
618 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
6) จาก 4x 2 + y 2 = 16
4 x2 y 2 16
จะได + =
16 16 16
x2 y 2
+ = 1
4 16
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
จะไดวา=
a2 =
16, b2 4 นั่นคือ=
a 4,=
b 2
เนื่องจากพจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
จะไดวา c 2 = a 2 − b2 = 16 − 4 = 12 นั่นคือ c = 12
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 619
7) จาก 2x 2 + y 2 = 3
2 x2 y 2 3
จะได + =
3 3 3
x2 y 2
+ = 1
3 3
2
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
3
จะไดวา=
a2 3,=
b2 นั่นคือ=
a 3,=
b
3
=
6
2 2 2
เนื่องจาก พจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
3 3
จะไดวา c2 = a 2 − b2 =3 − = นั่นคือ=
c
3
=
6
2 2 2 2
ดังนั้น จุดยอดคือ ( 0, − 3 ) และ ( 0, 3 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
620 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
6 6
โฟกัสของวงรีคือ 0, − และ 0,
2 2
ความเยื้องศูนยกลางคือ 2
แกนเอกมีความยาว 2 3 หนวย
2
แกนโทมีความยาว 6 หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
8) จาก 5x2 + 6 y 2 = 30
5x2 6 y 2 30
จะได + =
30 30 30
x2 y 2
+ = 1
6 5
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
a 2 b2
จะไดวา=
a2 6,=
b2 5 นั่นคื=
อa =
6, b 5
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 621
จะไดวา c2 = a 2 − b2 = 6 − 5 = 1 นั่นคือ c =1
9) จาก x2 + 4 y 2 = 1
x2 y 2
จะได +
1
= 1
1
4
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
a 2 b2
1 1
จะไดวา =
a2 1,=
b2 นั่นคือ=
a 1,=
b
4 2
เนื่องจาก พจน a2 เปนตัวสวนของพจน x2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
622 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
1 3
จะไดวา c 2 =a 2 − b 2 =1 − = นั่นคือ=
c
3
=
3
4 4 4 2
ดังนั้น จุดยอดคือ ( −1, 0 ) และ (1, 0 )
3 3
โฟกัสของวงรีคือ − , 0 และ , 0
2 2
ความเยื้องศูนยกลางคือ 3
แกนเอกมีความยาว 2 หนวย
2
แกนโทมีความยาว 1 หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
10) จาก 9 x2 + 4 y 2 = 1
จะได x2 y 2
+ = 1
1 1
9 4
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
1 2 1 1 1
จะไดวา=
a2 = ,b นั่นคือ=a = ,b
4 9 2 3
เนื่องจาก พจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 623
ความเยื้องศูนยกลางคือ 5
แกนเอกมีความยาว 1 หนวย
3
2
แกนโทมีความยาว หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
3
1 2 1 2 1
11) จาก x + y =
2 8 4
1 1
จะได = 4
1
4 x2 + 4 y 2
2 8 4
1 2
2 x2 + y = 1
2
x2 y 2
+ = 1
1 2
2
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
624 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
1
จะไดวา=
a2 2,=
b2 นั่นคือ=
a =
2, b
1
=
2
2 2 2
เนื่องจาก พจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
1 3
จะไดวา c2 = a 2 − b2 = 2 − = นั่นคือ=
c
3
=
6
2 2 2 2
ดังนั้น จุดยอดคือ ( 0, − 2 ) และ ( 0, 2 )
6 6
โฟกัสของวงรีคือ 0, − 2
และ 0, 2
ความเยื้องศูนยกลางคือ 3
แกนเอกมีความยาว 2 2 หนวย
2
แกนโทมีความยาว 2 หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 625
12) จาก x2 = 4 − 2 y2
จะได x2 + 2 y 2 = 4
x2 2 y 2 4
+ =
4 4 4
x2 y 2
+ = 1
4 2
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
a 2 b2
จะไดวา=
a2 4,=
b2 2 นั่นคือ=
a 2,=
b 2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
626 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
13) จาก y2 = 1 − 2x 2
จะได 2x 2 + y 2 = 1
x2 y 2
+ = 1
1 1
2
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
1 1 2
จะไดวา =
a2 1,=
b2 นั่นคือ=
a 1,=
b =
2 2 2
เนื่องจาก พจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
ความเยื้องศูนยกลางคือ 2
แกนเอกมีความยาว 2 หนวย
2
แกนโทมีความยาว 2 หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 627
14) จาก 20 x 2 + 4 y 2 = 5
20 x 2 4 y 2 5
จะได + =
5 5 5
4 y2
4 x2 + = 1
5
x2 y 2
+ = 1
1 5
4 4
x2 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการวงรี + =
1
b2 a 2
5 2 1 5 1
จะไดวา=
a2 = ,b นั่น=
คือ a = ,b
4 4 2 2
เนื่องจาก พจน a2 เปนตัวสวนของพจน y2
จะไดวา แกนเอกจึงอยูบนแกน Y
ถาใหโฟกัสของวงรี คือ ( 0, − c ) และ ( 0, c ) เมื่อ c>0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
628 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
5 1
จะไดวา c2 = a 2 − b2 = − =1 นั่นคือ c =1
4 4
โฟกัสของวงรีคือ ( 0, − 1) และ ( 0, 1)
ความเยื้องศูนยกลางคือ 2 5
แกนเอกมีความยาว 5 หนวย
5
แกนโทมีความยาว 1 หนวย และเขียนวงรีไดดังนี้
x2 y 2
นั่นคือ วงรีนี้มีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
โดยที่ a=5 และ b=4
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
25 16
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 629
x2 y 2
นั่นคือ วงรีนี้มีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
โดยที่ a=4 และ c=3
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได b 2 = a 2 − c 2 = 42 − 32 = 16 − 9 = 7
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
7 16
3) จากกราฟที่กําหนดให จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
x2 y 2
นั่นคือ วงรีนี้มีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
โดยที่ b=2 และ c=2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได a 2 = c 2 + b 2 = 22 + 22 = 4 + 4 = 8
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
4 8
4) จากกราฟที่กําหนดให จะไดวา แกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
x2 y 2
นั่นคือ วงรีนี้มีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
โดยที่ a = 16 และมีจุด ( 8, 6 ) อยูบนกราฟ
แทน x และ y ดวย 8 และ 6 ตามลําดับ
82 62
จะได + = 1
162 b 2
64 36
+ 2 = 1
256 b
1 36
+ = 1
4 b2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
630 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
36 1
= 1−
b2 4
36 3
=
b2 4
36 × 4
b2 =
3
b2 = 48
2 2
x y
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
256 48
3. 1) จากโฟกัส ( − 4, 0 ) , ( 4, 0 ) และจุดยอด ( − 5, 0 ) , ( 5, 0 )
จะได=
a 5,= c 4 และแกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
x2 y 2
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได b 2 = a 2 − c 2 = 52 − 42 = 25 − 16 = 9
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
25 9
2) จากโฟกัส ( 0, − 3 ) , ( 0, 3 ) และจุดยอด ( 0, − 5 ) , ( 0, 5 )
จะได=
a 5,=
c 3 และแกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
x2 y 2
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได b 2 = a 2 − c 2 = 52 − 32 = 25 − 9 = 16
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
16 25
3) จากแกนเอกยาว 4 หนวย แกนโทยาว 2 หนวย และโฟกัสอยูบนแกน Y
x2 y 2
จะได=
2a 4,=
2b 2 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 631
y2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ x2 + =
1
4
4) จากแกนเอกยาว 6 หนวย แกนโทยาว 4 หนวย และโฟกัสอยูบนแกน X
x2 y 2
จะได=
2a 6,=
2b 4 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
นั่นคือ a=3 และ b=2
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
9 4
5) จากโฟกัส คือ ( 0, − 2 ) , ( 0, 2 ) และแกนโทยาว 6 หนวย
จะได
= c 2,= 2b 6 และแกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
x2 y 2
นั่นคือ b=3 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได a 2 = c 2 + b 2 = 22 + 32 = 4 + 9 = 13
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
9 13
6) จากโฟกัส คือ ( − 5, 0 ) , ( 5, 0 ) และแกนเอกยาว 12 หนวย
จะได
= c 5,=
2a 12 และแกนเอกของวงรีอยูบนแกน X
x2 y 2
นั่นคือ a=6 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได b 2 = a 2 − c 2 = 62 − 52 = 36 − 25 = 11
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
36 11
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
632 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
x2 y 2
นั่นคือ c=3 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
x2 y 2
นั่นคือ c=4 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได a 2 = c 2 + b 2 = 42 + 32 = 16 + 9 = 25
x2 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
25 9
9) จากแกนเอกยาว 10 หนวย โฟกัสอยูบนแกน X และวงรีผานจุด ( 5, 2 )
x2 y 2
จะได 2a = 10 และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
a 2 b2
x2 y 2
แทน a, x และ y ดวย 5, 5 และ 2 ตามลําดับ ใน + =
1
a 2 b2
( 5)
2
22
จะได 2
+ = 1
5 b2
5 4
+ 2 = 1
25 b
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 633
4 1
= 1−
b2 5
4 4
=
b2 5
4×5
b2 =
4
b2 = 5
2 2
x y
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
25 5
10) จากความเยื้องศูนยกลางเทากับ 1
และโฟกัส คือ ( 0, − 2 ) , ( 0, 2 )
9
จะได c=2 และแกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
x2 y 2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
1
ให e= และจาก c=2
9
c
จะได 1
=
2
(ความเยื้องศูนยกลาง e = )
9 a a
a = 18
เนื่องจาก c= a − b
2 2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
634 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
15
8 c
จะได = 10 (ความเยื้องศูนยกลาง e = )
10 a a
15 10
a = ×
10 8
15
a =
8
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
2 2
15 3 225 9 81
จะได b2 = a 2 − c2 = − = − =
8 2 64 4 64
64 x 2 64 y 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ + =
1
225 81
12) จากความเยื้องศูนยกลางเทากับ 3
โฟกัสอยูบนแกน Y และแกนเอกยาว 4 หนวย
2
c 3
จะได =
2a 4,= นั่นคือ=
a 2,=
c 3 และแกนเอกของวงรีอยูบนแกน Y
a 2
x2 y 2
นั่นคือ มีสมการรูปแบบมาตรฐานเปน + =
1
b2 a 2
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได 2
b 2 = a 2 − c 2 = 22 − 3 = 4 − 3 = 1
y2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ x2 + =
1
4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 635
4. จากโจทย จะไดวา
perihelion aphelion
เนื่องจากผลรวมของระยะทางจากจุดที่อยูใกลโฟกัสจุดหนึ่งมากที่สุด (perihelion)
และจุดที่อยูไกลโฟกัสจุดนั้นมากที่สุด (aphelion) คือ ความยาวแกนเอกของวงรี ( 2a )
จะได 2a = (1.47 + 1.53) × 108
a = 1.5 × 108
เนื่องจาก จุดกําเนิดอยูที่จุดศูนยกลางของวงโคจร
จะได c = (1.5 − 1.47 ) × 108
c = 0.03 × 108
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได b2 = a 2 − c2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
636 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
= 2.2491 × 1016
x2 y2
ดังนั้น สมการของวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย คือ + =
1
2.25 × 1016
2.2491 × 1016
5. เนื่องจาก ดาวพลูโตโคจรรอบดวงอาทิตยเปนวงรีที่มีความเยื้องศูนยกลางมากที่สุดประมาณ 0.25
c
จะไดวา = 0.25 นั่นคือ c = 0.25a
a
เนื่องจากแกนโทของวงโคจรยาวประมาณ 1× 1010 กิโลเมตร
จะไดวา 2b = 1 × 1010 นั่นคือ b= 5 × 109
เนื่องจาก c=
2
a 2 − b2
จะได a2 = b2 + c2
a2 = ( 5 ×10 )
9 2
+ ( 0.25a )
2
a 2 = 25 × 1018 + 0.0625a 2
0.9375a 2 = 25 × 1018
25 × 1018
a2 =
0.9375
a 2 ≈ 26.67 × 1018
a ≈ 5.16 × 109
นั่นคือ ( )
c ≈ 0.25 5.16 × 109 = 1.29 × 109
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 637
แบบฝกหัด 3.2.3
1. 1) จาก y = 4x 2
1
จะได x2 = y
4
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x 2 = 4 py
1 1
จะไดวา 4p= หรือ p=
4 16
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 1
0,
16
1
ไดเรกตริกซคือ y= −
16
1
เลตัสเรกตัมยาว หนวย
4
เนื่องจาก p>0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงหงายขึ้น
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
638 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
2) จาก x = y2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y 2 = 4 px
1
จะไดวา 4p= 1 หรือ p=
4
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 1
, 0
4
1
ไดเรกตริกซคือ x= −
4
เลตัสเรกตัมยาว 1 หนวย
เนื่องจาก p>0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงเปดไปทางดานขวา
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 639
3) จาก x2 = 9 y
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x 2 = 4 py
9
จะไดวา 4p= 9 หรือ p=
4
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 9
0,
4
9
ไดเรกตริกซคือ y= −
4
เลตัสเรกตัมยาว 9 หนวย
เนื่องจาก p>0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงหงายขึ้น
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
640 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
4) จาก y 2 = −2x
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y 2 = 4 px
1
จะไดวา 4p= − 2 หรือ p= −
2
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 1
− , 0
2
1
ไดเรกตริกซคือ x=
2
เลตัสเรกตัมยาว 2 หนวย
เนื่องจาก p<0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงเปดไปทางดานซาย
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 641
5) จาก x 2 = −8y
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x 2 = 4 py
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ ( 0, − 2 )
ไดเรกตริกซคือ y = 2
เลตัสเรกตัมยาว 8 หนวย
เนื่องจาก p<0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงคว่ําลง
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
1 2
6) จาก x = y
2
จะได y 2 = 2x
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y 2 = 4 px
1
จะไดวา 4p= 2 หรือ p=
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
642 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 1
, 0
2
1
ไดเรกตริกซคือ x= −
2
เลตัสเรกตัมยาว 2 หนวย
เนื่องจาก p>0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงเปดไปทางดานขวา
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
7) จาก x + 6 y2 = 0
จะได 6 y2 = −x
1
y2 = − x
6
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y 2 = 4 px
1 1
จะไดวา 4p= − หรือ p= −
6 24
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 643
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 1
− , 0
24
1
ไดเรกตริกซคือ x=
24
1
เลตัสเรกตัมยาว หนวย
6
เนื่องจาก p<0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงเปดไปทางดานซาย
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
8) จาก x2 − 7 y = 0
จะได x2 = 7 y
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x 2 = 4 py
7
จะไดวา 4p= 7 หรือ p=
4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
644 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 7
0,
4
7
ไดเรกตริกซคือ y= −
4
เลตัสเรกตัมยาว 7 หนวย
เนื่องจาก p>0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงหงายขึ้น
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้ n∈} }
9) จาก 5x2 + 3 y = 0
จะได 5x 2 = −3y
3
x2 = − y
5
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x 2 = 4 py
3 3
จะไดวา 4p= − หรือ p= −
5 20
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 645
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 3
0, −
20
3
ไดเรกตริกซคือ y=
20
3
เลตัสเรกตัมยาว หนวย
5
เนื่องจาก p<0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงคว่ําลง
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
10) จาก 8 x + 12 y 2 = 0
จะได 12 y 2 = −8x
2
y2 = − x
3
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y 2 = 4 px
2 1
จะไดวา 4p= − หรือ p= −
3 6
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
646 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
ดังนั้น โฟกัสของพาราโบลาคือ 1
− , 0
6
1
ไดเรกตริกซคือ x=
6
2
เลตัสเรกตัมยาว หนวย
3
เนื่องจาก p<0 ดังนั้น พาราโบลาเปนเสนโคงเปดไปทางดานซาย
และเขียนพาราโบลาไดดังนี้
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน y 2 = 4 px และ p=2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 647
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py และ p = −8
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py และ p=5
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py และ p = −2
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน y 2 = 4 px และ p = −6
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน y 2 = 4 px และ p = 10
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
648 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
1
8) จากไดเรกตริกซ คือ y= − จะไดวา ไดเรกตริกซขนานแกน X
2
และจากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
1
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py และ p=
2
ดังนั้น สมการของพาราโบลา คือ x2 = 2 y
9) จากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
และจากโฟกัสอยูบนแกน X ดานบวก หางจากไดเรกตริกซ 2 หนวย
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน y 2 = 4 px
2
และมีระยะหางระหวางจุดยอดและโฟกัสเทากับ =1 หนวย นัน่ คือ p =1
2
ดังนั้น สมการของพาราโบลา คือ y2 = 4x
10) จากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
และไดเรกตริกซมีระยะตัดแกน Y (y-intercept) เปน 6
11) จากจุดยอดอยูที่จุดกําเนิด
และพาราโบลาเปนเสนโคงหงายขึ้น มีโฟกัสหางจากจุดยอด 8 หนวย
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py และ p =8
p = 2
p = ±2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2 649
3. 1) จากกราฟที่กําหนดใหซึ่งเปนพาราโบลาทีเ่ สนโคงคว่ําลง
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py
2) จากกราฟที่กําหนดใหซึ่งเปนพาราโบลาที่เสนโคงเปดไปทางดานขวา
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน y 2 = 4 px
3) จากกราฟที่กําหนดใหซึ่งเปนพาราโบลาทีเ่ สนโคงเปดไปทางดานซาย
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน y 2 = 4 px
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
650 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 2
6) จากกราฟที่กําหนดใหซึ่งเปนพาราโบลาทีเ่ สนโคงคว่ําลง
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py
4. 1) พิจารณาภาคตัดขวางที่ผานแกนสมมาตรของจานรับสัญญาณดาวเทียมที่เปนพาราโบลา
จากโจทยกําหนดให จุดกําเนิดอยูที่จุดยอด และแกน Y ซอนกับแกนของพาราโบลา
จะไดวา สมการรูปแบบมาตรฐานเปน x 2 = 4 py
5
และจากจานรับสัญญาณดาวเทียมกวาง 10 ฟุต และลึก ฟุต
3
5
จะไดวา พาราโบลาผานจุด 5,
3
5
แทน x และ y ดวย 5 และ ตามลําดับ ใน x 2 = 4 py
3
5
จะได 52 = 4 p
3
15
นั่นคือ p =
4
ดังนั้น สมการของพาราโบลานี้ คือ x 2 = 15 y
15
2) ควรติดตั้งอุปกรณรวมสัญญาณไวที่โฟกัส คือ 0, ซึ่งหางจากจุดยอด
4
15
ไปทางดานบน หนวย
4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 651
แบบฝึกหัด 3.2.4
1. 1) จาก y 2 x2 1
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 1 และ b2 1 นั่นคือ a 1, b 1
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
y2
2) จาก x2 1
9
x2 y 2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
652 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
y2
3) จาก x2
25
1
x2 y 2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 1 และ b2 25 นั่นคือ a 1, b 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 653
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
y2
4) จาก 2
x2 1
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 2 และ b2 1 นั่นคือ a 2, b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
654 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
y2
5) จาก 4
x2 1
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 4 และ b2 1 นั่นคือ a 2, b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 655
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
x2 y 2
6) จาก
9 16
1
x2 y 2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 9 และ b2 16 นั่นคือ a 3, b 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
656 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
y 2 x2
7) จาก 1
4 16
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 4 และ b2 16 นั่นคือ a 2, b 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 657
8) จาก x2 4 y 2 8 0
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
x2 4 y 2 8
x2 4 2 8
y
8 8 8
x2 y 2
1
8 2
x2 y 2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 8 และ b2 2 นั่นคือ a 2 2, b 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
658 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
9) จาก y 2 2x2 3
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
1 2 2 2 3
y x
3 3 3
y 2 2 x2
1
3 3
y 2 x2
1
3 3
2
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
3 3
จะได้ว่า a2 3 และ b2
2
นั่นคือ a 3, b
2
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง จุดยอดและโฟกัสอยู่บนแกน Y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 659
3 9 3 3 2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 3 นั่นคือ c
2 2 2 2
ดังนั้น จุดยอดอยู่ที่จุด 0, 3 และ 0, 3
3 2 3 2
โฟกัสอยู่ที่จุด 0, และ 0,
2 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
16 2 1 2 144
x y
144 144 144
x2 y 2
1
9 144
x2 y 2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
660 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
11) จาก y 2 x2 4 0
เขียนสมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานได้ดังนี้
y 2 x2 4
y 2 x2 4
4 4 4
y 2 x2
1
4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 661
y 2 x2
เมื่อเปรียบเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 4 และ b2 4 นั่นคือ a 2, b 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
12) จาก 9 y 2 4 x 2 36
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
9 2 4 2 36
y x
36 36 36
y 2 x2
1
4 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
662 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 4 และ b2 9 นั่นคือ a 2, b 3
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
25 2 9 2 225
y x
225 225 225
y 2 x2
1
9 25
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a2 9 และ b2 25 นั่นคือ a 3, b 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 663
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
9 2 25 2 225
y x
225 225 225
y 2 x2
1
25 9
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
จะได้ว่า a 2 25 และ b2 9 นั่นคือ a 5, b 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
664 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
15) จาก 9 y 2 16 x2 1
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานดังนี้
y 2 x2
= 1
1 1
9 16
y 2 x2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
1 1 1 1
จะได้ว่า a2
9
และ b2
16
นั่นคือ a ,b
3 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 665
16) จาก y 2 4 x2 1 0
จะได้ สมการไฮเพอร์โบลาในรูปมาตรฐานได้ดังนี้
x2 y 2
1
1 1
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
666 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
x2 y 2
เมื่อเทียบกับสมการ 1
a 2 b2
1 1
จะได้ว่า a2 และ b2 1 นั่นคือ a , b 1
4 2
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน จุดยอดและโฟกัสอยู่บนแกน X
1 5
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 1 นั่นคือ c
5
4 4 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 667
2. 1) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
โดยที่ จุดยอดอยู่ที่จุด 2, 0 , 2, 0 และโฟกัสอยู่ที่จุด 4, 0 , 4, 0
นั่นคือ a2 และ c4
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 c2 a2 42 22 16 4 12
x2 y 2
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
4 12
2) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาทีม่ ีแกนตามขวางในแนวตั้ง
y 2 x2
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
โดยที่ จุดยอดอยู่ที่จุด 0, 12 , 0, 12 และโฟกัสอยู่ที่จุด 0, 13 , 0, 13
นั่นคือ a 12 และ c 13
y 2 x2
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
144 25
3) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาทีม่ ีแกนตามขวางในแนวตั้ง
y 2 x2
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
โดยที่ จุดยอดอยู่ที่จุด 0, 4 , 0, 4 นั่นคือ a4
และกราฟผ่านจุด 3, 5
y 2 x2
แทน a, x และ y ด้วย 4, 3 และ 5 ตามลาดับ ใน 1
a 2 b2
52 32
จะได้ 1
42 b2
25 9
1
16 b 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
668 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
9 9
b2 16
9 16
b2
9
b2 16
y 2 x2
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
16 16
4) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาทีม่ ีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
โดยที่ จุดยอดอยู่ที่จุด 2
3, 0 , 2 3, 0 นั่นคือ a 2 3
และกราฟผ่านจุด 4, 4
x2 y 2
แทน a, x และ y ด้วย 2 3, 4 และ 4 ตามลาดับ ใน 1
a 2 b2
42 42
จะได้ 1
2 3
2
b2
16 16
1
12 b 2
16 4
b2 12
16 12
b2
4
b2 48
2 2
x y
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
12 48
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 669
5) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาทีม่ ีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
โดยที่ จุดยอดอยู่ที่จุด 3, 0 , 3, 0 นั่นคือ a3
1 b
และเส้นกากับ คือ เส้นตรง y x เมื่อเทียบกับ y x
2 a
b 1
จะได้
a 2
เนื่องจาก a3
b 1
นั่นคือ
3 2
3
b
2
x2 4 y 2
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
9 9
6) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาทีม่ ีแกนตามขวางในแนวตั้ง
y 2 x2
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
โดยที่ จุดยอดอยู่ที่จุด 0, 3 , 0, 3 นั่นคือ a3
a
และเส้นกากับ คือ เส้นตรง y 3x เมื่อเทียบกับ y x
b
a
จะได้ 3
b
เนื่องจาก a3
3
นั่นคือ 3
b
b 1
y2
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ x2 1
9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
670 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 c2 a2 102 82 100 64 36
x2 y 2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
64 36
3) จากโฟกัส คือ จุด 2, 0 , 2, 0 และจุด 1, 0 , 1, 0 เป็นจุดยอด
จะได้ a 1, c 2 และจุดยอดอยู่บนแกน X
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 c2 a2 22 12 4 1 3
y2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ x2 1
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 671
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
b
และจากเส้นกากับ คือ y 5x เมื่อเทียบกับ y x
a
b
จะได้ 5
a
เนื่องจาก a 1
b
นั่นคือ 5
1
b 5
y2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ x2 1
25
6) จากจุดยอด คือ จุด 0, 6 , 0, 6 จะได้ a6 และจุดยอดอยู่บนแกน Y
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง
y 2 x2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
1 a
และจากเส้นกากับ คือ y x เมื่อเทียบกับ y x
3 b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
672 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
a 1
จะได้
b 3
เนื่องจาก a6
6 1
นั่นคือ
b 3
b 18
y2 x2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
36 324
7) จากโฟกัส คือ จุด 0, 8 , 0, 8 จะได้ c8 และจุดยอดอยู่บนแกน Y
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง
y 2 x2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
1 a
และจากเส้นกากับ คือ y x เมื่อเทียบกับ y x
2 b
a 1
นั่นคือ
b 2
b
a
2
จาก c 2 a 2 b2
2
b
จะได้ 82 b2
2
2
b
64 b2
2
b2
64 b2
4
5 2
64 b
4
64 4
b2
5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 673
256
b2
5
256 256 64
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ a 2 c 2 b2 82 64
5 5 5
5 y 2 5x2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
64 256
8) จากจุดยอด คือ จุด 0, 6 , 0, 6 และไฮเพอร์โบลาผ่านจุด 5, 9
จะได้จุดยอดอยู่บนแกน Y
y 2 x2
และแทน a, x และ y ด้วย 6, 5 และ 9 ตามลาดับ ใน 1
a 2 b2
92 5
2
จะได้ 1
62 b2
81 25 1
36 b 2
25 45
b2 36
25 36
b2
45
b2 20
y 2 x2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
36 20
9) จากเส้นกากับ คือ และไฮเพอร์โบลาผ่านจุด 5, 3
y x
กรณีที่ 1 ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง
y 2 x2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
a
และจากเส้นกากับ คือ y x เมื่อเทียบกับ y x
b
a
จะได้ 1
b
นั่นคือ a b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
674 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
เนื่องจากไฮเพอร์โบลาผ่านจุด 5, 3 จะได้ x 5, y 3
y 2 x2
แทน a, x และ y ด้วย b, 5 และ 3 ตามลาดับ ใน 1
a 2 b2
32 52
จะได้ 1
b2 b2
9 25 1
b2 b2
b2 9 25
b2 16 ซึ่งเป็นไปไม่ได้
กรณีที่ 2 ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน
x2 y 2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
b
และจากเส้นกากับ คือ y x เมื่อเทียบกับ y x
a
b
จะได้ 1
a
นั่นคือ b a
เนื่องจากไฮเพอร์โบลาผ่านจุด 5, 3 จะได้ x 5, y 3
x2 y 2
แทน b, x และ y ด้วย a, 5 และ 3 ตามลาดับ ใน 1
a 2 b2
52 32
จะได้ 1
a2 a2
25 9
1
a2 a2
a2 25 9
a2 16
นั่นคือ a 2 b2 16
x2 y 2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
16 16
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 675
16b2 a 2 a 2b 2 1
จาก c 2 a 2 b2
จะได้ a 2 b2 32
a2 9 b2
แทน a2 ด้วย 9 b2 ใน 1
จะได้ 16b2 9 b2 9 b b
2 2
16b2 9 b2 9b2 b4
b4 8b2 9 0
b 2
9 b2 1 0
นั่นคือ b2 1
จะได้ a2 9 1
a2 8
2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ x
y2 1
8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
676 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
x2 y 2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
9 16
4 x2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 4y
2
1
3
x2 y 2
4. จาก x2 y 2 4 จะได้ 1
4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 677
2 x2 2 y 2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลานี้ คือ 2 1 ด
c2 c
x2 y 2
6. จากข้อความ ถ้า 1 เป็นสมการไฮเพอร์โบลา แล้ว ab
a 2 b2
ยกตัวอย่างค้านได้ดังนี้
y2
x2 1 เป็นสมการไฮเพอร์โบลา ซึ่ง a 1 และ b5 นั่นคือ ab
25
y2
7. จากกราฟ x2 1
k2
จะเห็นว่า สัมประสิทธิ์ของ x2 เป็นจานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลานี้มแี กนตามขวางอยู่ในแนวนอน
x2 y 2
นั่นคือมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a 2 b2
จะได้ a2 1 และ b2 k 2 นั่นคือ a 1 และ bk
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
678 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
เนื่องจากดวงอาทิตย์อยู่ที่โฟกัสจุดหนึ่งของไฮเพอร์โบลา ขณะที่ดาวหางโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากสุด
นั่นคือ ดาวหางต้องอยู่ที่จุดยอดของไฮเพอร์โบลา
เนื่องจากดาวหางอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 2 109 ไมล์
จะได้ ca 2 109
a 2 a 2 109
a 2 1 2 109
a 4.83 109
นั่นคือ b 4.83 109
x2 y2
หรือ 1
23.33 1018 23.33 1018
x2 y2
9. จาก 1
1 / 2 2 32
เทียบกับสมการไฮเพอร์โบลา ที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวนอน
x2 y 2 1
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1 จะได้ว่า a และ b3
a 2 b2 2
เนื่องจากความกว้าง ณ ส่วนที่แคบที่สุดของเสา คือความยาวของแกนตามขวางซึ่งเท่ากับ 2a
1
ดังนั้น ณ ส่วนที่แคบที่สุดของเสามีความกว้างเป็น 2 1 เมตร
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 679
เนื่องจากส่วนบนของเสาตัดแกน Y ที่จุด 0, 2
x2 y2
แทน y ด้วย 2 ใน 2
1
1 32
2
x2 22
จะได้ 2
2 1
1 3
2
4
4x2 1
9
13
4x 2
9
13
x2
36
13
x
36
13
x
6
13 13
ดังนั้น ส่วนบนของเสามีความกว้างเป็น 2 1.2 เมตร
6 3
10. จากบทนิยามของไฮเพอร์โบลา จะได้ว่า 2a 50
x2 y2
ดังนั้น สมการของไฮเพอร์โบลาซึ่งแสดงตาแหน่งทั้งหมดของเรือที่เป็นไปได้ คือ 1
625 1875
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
680 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
s 1.4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 681
แสดงว่าผลต่างของระยะทางจากกลุ่มลักลอบล่าสัตว์ไปยังหน่วยย่อยทั้งสองหน่วย
เป็น 1.4 กิโลเมตร
นั่นคือ 2a 1.4
a 0.7
จาก c a b
2 2 2
จะได้ b c a 32 0.72 9 0.49 8.51
2 2 2
2) เขียนกราฟของตาแหน่งที่เป็นไปได้ทั้งหมดของกลุ่มลักลอบล่าสัตว์ได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
682 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แบบฝึกหัด 3.2.5
1. 1) จาก x 12 y 2 2 1
4 9
จะเห็นว่าตัวหารของ y 2 มากกว่าตัวหารของ x 1
2 2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
b a
จะได้ว่า h 1, k 2, a 2 9 และ b2 4 นั่นคือ a3 และ b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 683
จาก x 3 2
2) y 3 2 1
16
จะเห็นว่าตัวหารของ x 3 มากกว่าตัวหารของ y 3
2 2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวนอน
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
a b
จะได้ว่า h 3, k 3, a 2 16 และ b2 1 นั่นคือ a4 และ b 1
y 2 x 5
2
3) จาก 1
9 25
จะเห็นว่าตัวหารของ x 5 มากกว่าตัวหารของ
2
y2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวนอน
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
a b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
684 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) จาก x2
y 2 2 1
4
จะเห็นว่าตัวหารของ y 2 มากกว่าตัวหารของ
2
x2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
b a
จะได้ว่า h 0, k 2, a 2 4 และ b2 1 นั่นคือ a2 และ b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 685
2. 1) จาก x 3 2 8 y 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x h 2 4 p y k
จะได้ว่า h 3, k 2, 4 p 8 นั่นคือ p 2
ดังนั้น จุดยอด คือ 3, 2 โฟกัส คือ 3, 0
ไดเรกตริกซ์ คือ y 4 และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
686 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก y 5 2 6 x 12
จะได้ y 5 2 6 x 2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y k 2 4 p x h
3
จะได้ว่า h 2, k 5, 4 p 6 นั่นคือ p
2
1
ดังนั้น จุดยอด คือ 2, 5 โฟกัส คือ , 5
2
7
ไดเรกตริกซ์ คือ x และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
2
2
1
3) จาก 4 x y
2
2
1 1
x y
2 4
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x h 2 4 p y k
1 1 1
จะได้ว่า h , k 0, 4 p นั่นคือ p
2 4 16
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 687
1 1 1
ดังนั้น จุดยอด คือ , 0 โฟกัส คือ ,
2 2 16
1
ไดเรกตริกซ์ คือ y และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
16
4) จาก y2 16 x 8
1
จะได้ y2 16 x
2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y k 2 4 p x h
1
จะได้ว่า h , k 0, 4 p 16 นั่นคือ p4
2
1 7
ดังนั้น จุดยอด คือ , 0 โฟกัส คือ , 0
2 2
9
ไดเรกตริกซ์ คือ x และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
688 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
เทียบรูปแบบมาตรฐานของสมการไฮเพอร์โบลา x h y k
2
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 1, k 3, a 2 9, b2 16 นั่นคือ a3 และ b4
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน
จุดยอดและโฟกัสอยู่บนเส้นตรง y 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 689
2) จาก x 8 2 y 6 2 1
เทียบรูปแบบมาตรฐานของสมการไฮเพอร์โบลา x h y k
2
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 8, k 6, a 2 1, b2 1 นั่นคือ a 1 และ b 1
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวนอน
จุดยอดและโฟกัสอยู่บนเส้นตรง y6
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
690 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3) จาก y2
x 12 1
4
1
a b
จะได้ว่า h 1, k 0, a 2 1, b2 4 นั่นคือ a 1 และ b2
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวตัง้
จุดยอดและโฟกัสอยู่บนเส้นตรง x 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 691
y 12
4) จาก x 3 2 1
25
เทียบรูปแบบมาตรฐานของสมการไฮเพอร์โบลา y k x h
2
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 3, k 1, a 2 25, b2 1 นั่นคือ a5 และ b 1
ดังนั้น ไฮเพอร์โบลามีแกนตามขวางในแนวตัง้
จุดยอดและโฟกัสอยู่บนเส้นตรง x3
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
692 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4. 1) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นพาราโบลาทีเ่ ส้นโค้งคว่าลง
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k
โดยที่ จุดยอดคือ 0, 4 และกราฟผ่านจุด 1, 0
แทน h, k , x และ y ด้วย 0, 4, 1 และ 0 ตามลาดับ ใน x h 2 4 p y k
จะได้ 1 02 4 p 0 4
1 16 p
1
p
16
1
ดังนั้น สมการพาราโบลานี้ คือ x2 y 4 หรือ 4 x2 y c 0
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 693
2) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นพาราโบลาที่เส้นโค้งเปิดไปทางด้านขวา
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
โดยที่ จุดยอดคือ 6, 0 นั่นคือ h 6, k 0 และไดเรกตริกซ์ คือ x 12
จะได้ 12 6 p
p 6
ดังนั้น สมการพาราโบลานี้ คือ y 2 24 x 6 หรือ y 2 24 x 144
3) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h
2
y k
2
1
2 2
a b
โดยที่ จุดศูนย์กลาง คือ 5, 0 แกนเอกยาว 10 หน่วย และแกนโทยาว 8 หน่วย
นั่นคือ h 5, k 0, 2a 10 และ 2b 8 จะได้ a 5 และ b 4
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ x 5 y
2 2
1
25 16
4) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
จะได้ว่า สมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h
2
y k
2
1
2 2
b a
โดยที่ จุดศูนย์กลาง คือ 2, 3 แกนเอกยาว 6 หน่วย และแกนโทยาว 4 หน่วย
นั่นคือ h 2, k 3, 2a 6 และ 2b 4 จะได้ a 3 และ b 2
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ x 2
2
y 3
2
1
4 9
5) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวตั้ง
1
a b
โดยที่ จุดศูนย์กลางคือ 0, 1 แกนตามขวางยาว 2 หน่วย
นั่นคือ h 0, k 1, a 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
694 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
a
จากสมการเส้นกากับ คือ yk x h
b
1
จะได้ y 1 x 0
b
1
y x 1
b
1
จากรูป สมการเส้นกากับ คือ y x 1 จะได้ 1 นั่นคือ b 1
b
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ y 12 x2 1
6) จากกราฟที่กาหนดให้ซึ่งเป็นไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ในแนวนอน
1
a b
โดยที่ จุดศูนย์กลางคือ 4, 0 แกนตามขวางยาว 4 หน่วย
และกราฟผ่านจุด 8, 4
นั่นคือ h 4, k 0, a 2, x 8 และ y4
จะได้ 8 4 2 4 0 2
2 2
1
2 b
16 16
1
4 b2
16 16
1
b2 4
16
3
b2
16
b2
3
3y2
1
4 16
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 695
5. 1) จากกราฟวงรี A ที่กาหนดให้
จะได้ว่า จุดศูนย์กลางของวงรีนี้ คือ 1, 1
ความยาวของแกนเอก 8 หน่วย และความยาวของแกนโท 4 หน่วย
x2 y 2
2) จากข้อ 1) จะได้ว่า ต้องเลื่อนขนานกราฟ 1 ไปทางซ้าย 1 หน่วย
16 4
และเลื่อนลงข้างล่าง 1 หน่วย จึงจะได้วงรี A
3) จากกราฟวงรี A ที่กาหนดให้ซึ่งเป็นวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
1
a b
y 1
2
1
16 4
6. 1) จาก 9 y 2 36 y 4 x 2 0
9 y 2 4 y 4x2 0
9 y 4 y 4 4x
2 2
0 36
9 y 2 4 x2 36
2
9 y 2
2
4 x2 36
36 36 36
y 2 2 x 2 1
4 9
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x2 และ y2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
ดังนั้น สมการนี้เป็นสมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y 2k
2 2
1
a b
จะได้ว่า h 0, k 2, a 2 9 และ b2 4 นั่นคือ a3 และ b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
696 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก x2 4 y 2x
x 2 4 y 8x
x2 8x 4 y
x2 8x 16 4 y 16
x 4 2 4 y 4
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการพาราโบลาที่เส้นโค้งหงายขึ้น
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k
จะได้ว่า h 4, k 4, 4 p 4 นั่นคือ p 1
ดังนั้น จุดยอด คือ 4, 4 โฟกัส คือ 4, 3
ไดเรกตริกซ์ คือ y 5 และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 697
3) จาก y 2 4 x 2 2 y 16 x 20
y 2
2 y 4 x2 4x 20
y 2 y 1 4 x 4x 4
2 2
20 1 16
y 12 4 x 22 5
y 12 4 x 2 2 1
5 5
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 2 และ y 1 มีเครื่องหมายต่างกัน
2 2
1
a b
5 5
จะได้ว่า h 2, k 1, a 2 5 และ b2 นั่นคือ a 5 และ b
4 2
5 25 5
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 5 นั่นคือ c
4 4 2
ดังนั้น จุดศูนย์กลาง คือ 2, 1 จุดยอด คือ 2, 1 5 และ 2, 1 5
โฟกัส คือ 2, 3 และ 7
2,
2 2
เส้นกากับ คือ y 1 2 x 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
698 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
4) จาก x2 6 x 12 y 9 0
x 2 6 x 12 y 9
x2 6 x 9 12 y 9 9
x 3 2 12y
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการพาราโบลาที่เส้นโค้งหงายขึ้น
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k
จะได้ว่า h 3, k 0, 4 p 12 นั่นคือ p 3
ดังนั้น จุดยอด คือ 3, 0 โฟกัส คือ 3, 3
ไดเรกตริกซ์ คือ y 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 699
และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
4 x 2 6 x 25 y 2 10 y 0 561
4 x 6 x 9 25 y 10 y 25
2 2
561 36 625
4 x 3 25 y 5 100
2 2
4 x 3 25 y 5
2 2
100
100 100 100
x 3 2
y 5 2 1
25 4
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 32 และ y 5 มีเครื่องหมายเหมือนกัน 2
ดังนั้นสมการนี้เป็นสมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y 2k
2 2
1
a b
จะได้ว่า h 3, k 5, a 2 25 และ b2 4 นั่นคือ a5 และ b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
700 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
6) จาก 2y 2 x 2 2x 1
2 y 2 x2 2 x 1
2 y2 x 2 x 1
2
11
2 y 2 x 1 2
2
2 y 2 x 1
2
2
2 2 2
x 12 y 2 1
2
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 12 และ y 2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
ดังนั้น สมการนี้เป็นสมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 701
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h
2
y k
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 1, k 0, a 2 2 และ b2 1 นั่นคือ a 2 และ b 1
7) จาก 16 x2 9 y 2 96 x 288 0
16 x 2 6 x 9 y 2 288
16 x 6 x 9 9 y
2 2
288 144
16 x 3 9 y 2 144
2
16 x 3
2
9 y2 144
144 144 144
x 3 2 y 2 1
9 16
y 2 x 3
2
1
16 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
702 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1
a b
จะได้ว่า h 3, k 0, a 2 16 และ b2 9 นั่นคือ a4 และ b3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 703
8) จาก 4 y 2 4 y 8x 9 0
4 y2 4 y 8x 9
4 y2 y 8x 9
1
4 y2 y 8x 9 1
4
2
1
4 y 8 x 1
2
2
1
y 2 x 1
2
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการพาราโบลาทีเ่ ส้นโค้งเปิดไปทางด้านขวา
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
1 1
จะได้ว่า h 1, k , 4p 2 นั่นคือ p
2 2
1 3 1
ดังนั้น จุดยอด คือ 1, โฟกัส คือ ,
2 2 2
1
ไดเรกตริกซ์ คือ x และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
704 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
9) จาก x2 y 2 10 x y 1
x2 y 2 10 x 10 y 1
x2 y 2 10 x 10 y 1
x 2
10 x 25 y 2 10 y 25 1 25 25
x 5 2 y 5 2 1
y k
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 5, k 5, a 2 1 และ b2 1 นั่นคือ a 1 และ b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 705
10) จาก
x 2 16 4 y 2 2 x
x 2 16 4 y 2 8 x
x2 16 4 y 2 8x 0
x 2
8x 16 4 y 2 0
x 4 2 4 y 2 0 1
x 4 2y หรือ x 4 2y
1 1
ดังนั้น y x2 หรือ y x2
2 2
เขียนกราฟของเส้นตรงสองเส้นตัดกัน ได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
706 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
3x 6x 4 y 24 y 39
2 2
0
3 x 2 x 4 y 6 y 39
2 2
0
3 x 2 x 1 4 y 6 y 9
2 2
0
3 x 1 4 y 3 0
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 707
x 2
20 x 4 y 2 10 y 300
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
708 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก 4 x 2 9 y 2 36 y 0
เขียนกราฟได้ดังนี้
3) จาก 9 y 2 36 x2 36 y 6 x
เขียนกราฟได้ดังนี้
4) จาก x2 4 y 2 4x 8 y 0
เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 709
8. จาก 4 x2 y 2 4 x 2 y F 0
4 x2 y 2 4 x 8 y F 0
4x 2
4x y2 8 y F 0
1
4 x 2 x y 2 8 y 16 F
4
0 1 16
2
1
4 x y 4 F 17
2
2
2
1
4 x y 4
2
17 F
2
2
1
ถ้ากราฟของสมการ 4 x y 4 17 F เป็นสมการวงรี
2
1)
2
แล้ว 17 F 0 นั่นคือ F 17
2
1
ถ้ากราฟของสมการ 4 x y 4 17 F เป็นจุดจุดเดียว
2
2)
2
แล้ว 17 F 0 นั่นคือ F 17
2
1
ถ้ากราฟของสมการ 4 x y 4 17 F เป็นเซตว่าง
2
3)
2
แล้ว 17 F 0 นั่นคือ F 17
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
710 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
9. จาก y2 x 100
y2 x 100
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y k 2 4 p x h
1
ที่มีแกนสมมาตรอยู่ในแนวนอน จะได้ว่า h 100, k 0, 4 p 1 นั่นคือ p
4
399
ดังนั้น จุดยอดของพาราโบลา คือ 100, 0 และโฟกัสของพาราโบลา คือ , 0
4
เนื่องจากวงรีมีจุดยอดและโฟกัสจุดหนึ่งร่วมกับพาราโบลา y 2 x 100 และโฟกัสอีกจุด
หนึ่งอยู่ที่จุดกาเนิด
จะได้ จุดยอดหนึ่งของวงรี คือ 100, 0
399
โฟกัสหนึ่งของวงรี คือ , 0 และโฟกัสอีกจุดหนึ่งของวงรี คือ 0, 0
4
นั่นคือ 2c
399
จะได้ c
399
4 8
399
4 0 00 399
และจุดศูนย์กลาง คือ , หรือ , 0
2 2 8
399 401
จะได้ a 100
8 8
2 2
จาก จะได้ 401 399 1600
c 2 a 2 b2 b2 a 2 c 2 25
8 8 64
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 711
แบบฝึกหัดท้ายบท
จะได้ 32 m 0 b
b 32
แทน x, y และ b ด้วย 100, 212 และ 32 ตามลาดับ ใน y mx b
m 1.8
ดังนั้น สมการของเส้นตรงที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างองศาเซลเซียสและองศาฟาเรนไฮต์
คือ y 1.8x 32 ด
2. เขียนสมการเส้นตรง 1 : 4 y x 17 0 ให้อยู่ในรูป y mx b
1 17
จะได้ y x 1
4 4
1
นั่นคือ ความชันของเส้นตรง 1 คือ
4
เนื่องจากเส้นตรง 2 เป็นเส้นตรงที่ผ่านจุดกาเนิด และตั้งฉากกับเส้นตรง 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
712 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1 17
จะได้ 0 x
4 4
x 17
ดังนั้น เส้นตรง 1 ตัดแกน X ที่จุด 17, 0
หาจุดตัดระหว่างเส้นตรง 1 กับเส้นตรง 2
1 17
จะได้ x 4x
4 4
1
x 4 x 17
4 4
17 17
x
4 4
x 1
แทน x ด้วย 1 ใน 2
จะได้ y 4 1
y 4
ดังนั้น เส้นตรง 1 ตัดเส้นตรง 2 ที่จุด 1, 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 713
x 2 2 y 5 2 4
r2 26
ดังนั้น สมการวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ 5, 1 และผ่านจุดกาเนิด
คือ x 52 y 12 26
5. เนื่องจากจุดปลายของเส้นผ่านศูนย์กลางวงกลม คือ P 2, 3 และ Q 1, 8
หาจุดศูนย์กลางของวงกลม
2 1 1 3 8 11
จะได้ h และ k
2 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
714 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1 11
นั่นคือ จุดศูนย์กลางของวงกลมนี้ คือ ,
2 2
6. 1) จาก x, y x2 y 2 4
เนื่องจาก x2 y 2 4 เป็นสมการวงกลมทีม่ ีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุด 0, 0
และมีรัศมียาว 2 หน่วย
เขียนกราฟของ x2 y 2 4 ได้ดังนี้
จ
2) จาก x, y x2 y 2 9
เนื่องจาก x2 y 2 9 เป็นสมการวงกลมทีม่ ีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุด 0, 0
และมีรัศมียาว 3 หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 715
เขียนกราฟของ x2 y 2 9 ได้ดังนี้
7. เนื่องจาก x2 y 2 9 เป็นสมการวงกลมมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุด 0, 0
และมีรัศมียาว 3 หน่วย
และเนื่องจาก x2 y 2 9 และ y x เขียนกราฟได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
716 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ พื้นที่ที่ต้องการเป็น 1
ของพื้นที่ของวงกลม
4
2 0 2
จะได้ ความชันของส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุด 0, 0 และ 3, 2 คือ
3 0 3
เนื่องจาก เส้นสัมผัสวงกลม x2 y 2 13 ที่จุด 3, 2 จะตั้งฉากกับส่วนของเส้นตรง
ที่เชื่อมจุด 0, 0 และ 3, 2
3
จะได้ว่า ความชันของเส้นสัมผัสวงกลม x2 y 2 13 ที่จุด 3, 2 คือ
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 717
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
718 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ว่า เส้นสัมผัสนี้จะตั้งฉากกับรัศมีของวงกลมที่มีความชันเป็น 1
นั่นคือ จุดปลายของรัศมีนี้จะอยู่บนเส้นตรง yx ซึง่ ตัดวงกลม x2 y 2 9
3 2 3 2 3 2 3 2
ที่จุด , และ ,
2 2 2 2
3 2 3 2
แทน x และ y ด้วย และ ตามลาดับ ใน 1
2 2
3 2 3 2
จะได้ = c
2 2
c = 3 2
3 2 3 2
แทน x และ y ด้วย และ ตามลาดับ ใน 1
2 2
3 2 3 2
จะได้ = c
2 2
c = 3 2
ดังนั้น สมการเส้นสัมผัสวงกลม x y2 9
2
ที่มีความชันเป็น 1 คือ
y x 3 2 และ y x 3 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 719
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
720 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จากโจทย์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 721
11. 1) จาก x2 4 y 2 16
x2 4 2 16
จะได้ y
16 16 16
x2 y 2
1
16 4
จะเห็นว่าตัวหารของ x2 มากกว่าตัวหารของ y2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวนอน
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x h
2
y k
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 0, k 0, a 2 16 และ b2 4 นั่นคือ a4 และ b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
722 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก 9 x2 4 y 2 1
x2 y 2
จะได้ 1
1
1
9 4
จะเห็นว่าตัวหารของ y2 มากกว่าตัวหารของ x2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
b a
จะได้ว่า h 0, k 0, a 2
1
และ b2
1
นั่นคือ a
1
และ b
1
4 9 2 3
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2
1 1
5
นั่นคือ c
5
4 9 36 6
ดังนั้น จุดศูนย์กลาง คือ 0, 0
จุดยอด คือ 0, 1 และ 1
0,
2 2
แกนเอกยาว 1 หน่วย
2
แกนโทยาว หน่วย
3
และเขียนวงรีได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 723
3) จาก 4 x2 9 y 2 36y
จะได้ 4 x 2 9 y 2 36 y 0
4 x2 9 y 2 4 y 0
4 x2 9 y 4 y 4
2
0 36
4 x2 9 y 2 36
2
4 2 9 36
x y 2
2
36 36 36
x2 y 2
2
1
9 4
จะเห็นว่าตัวหารของ มากกว่าตัวหารของ y 2
x2
2
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวนอน
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
a b
จะได้ว่า h 0, k 2, a 2 9 และ b2 4 นั่นคือ a3 และ b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
724 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) จาก 2x 2 y 2 2 4 x y
จะได้ 2x 2 y 2 2 4x 4 y
2 x2 y 2 4x 4 y 2
2 x2 2 x y 2 4 y 2
2 x 2 x 1 y 4 y 4
2 2
224
2 x 1 y 2 8
2 2
2 1 8
x 12 y 2 2
8 8 8
x 12 y 2 2 1
4 8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 725
ดังนั้น แกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐาน คือ x 2h y 2 k 1
2 2
b a
จะได้ว่า h 1, k 2, a 2 8 และ b2 4 นั่นคือ a 82 2 และ b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
726 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
12. 1) จาก x2 8 y 0
จะได้ x 2 8y
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x h 2 4 p y k
จะได้ว่า h 0, k 0, 4 p 8 นั่นคือ p 2
ดังนั้น จุดยอด คือ 0, 0 โฟกัส คือ 0, 2
ไดเรกตริกซ์ คือ y 2 และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
2) จาก 2x y 2 0
จะได้ y2 2x
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y k 2 4 p x h
1
จะได้ว่า h 0, k 0, 4 p 2 นั่นคือ p
2
1
ดังนั้น จุดยอด คือ 0, 0 โฟกัส คือ , 0
2
1
ไดเรกตริกซ์ คือ x และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 727
3) จาก x y2 4 y 2 0
จะได้ y2 4 y x2
y2 4 y 4 x 2 4
y 2 2 x2
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา y k 2 4 p x h
1
จะได้ว่า h 2, k 2, 4 p 1 นั่นคือ p
4
7
ดังนั้น จุดยอด คือ 2, 2 โฟกัส คือ , 2
4
9
ไดเรกตริกซ์ คือ x และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
728 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) จาก 2 x2 6 x 5 y 10 0
จะได้ 2 x2 6 x 5 y 10
3
2
9
2 x 2 3x 5 y 10
2 2
2
3 11
2 x 5 y
2 2
2
3 11
2 x 5 y
2 10
2
3 5 11
x y
2 2 10
เทียบกับรูปแบบมาตรฐานของสมการพาราโบลา x h 2
4 p y k
3 11 5 5
จะได้ว่า h , k , 4p นั่นคือ p
2 10 2 8
3 11 3 69
ดังนั้น จุดยอด คือ , โฟกัส คือ ,
2 10 2 40
19
ไดเรกตริกซ์ คือ y และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
40
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 729
13. 1) จาก x2 2 y 2 16
x2 2 2 16
จะได้ y
16 16 16
x2 y 2
1
16 8
1
a b
จะได้ว่า h 0, k 0, a 2 16, b2 8 นั่นคือ a4 และ b 8 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
730 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก x2 4 y 2 16
x2 4 16
จะได้ y2
16 16 16
y 2 x2
1
4 16
เทียบรูปแบบมาตรฐานของสมการไฮเพอร์โบลา y k
2
x h
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 0, k 0, a 2 4, b2 16 นั่นคือ a2 และ b4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 731
3) จาก 9 y 2 18 y x2 6 x 18
จะได้
9 y2 2 y x 2
6x 9 9
9 y 2 y 1
2
x 2
6x 9 9 9
9 y 1 x 32 18
2
9 y 1 x 3
2 2
18
9 1
y 12 x 32
18
18 18 18
y 12 x 32
1
2 18
1
a b
จะได้ว่า h 3, k 1, a 2 2, b2 18 นั่นคือ a 2 และ b 18 3 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
732 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1
เส้นกากับ คือ เส้นตรง y 1 x 3
3
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
4) จาก y2 x2 6 y
จะได้
y 2 x2 6 y 0
y
2
6 y x2 0
y 6 y 9 x
2 2
09
y 3 2 x 2 9
y 3 2 x 2 9
9 9 9
y 3 2
x2
1
9 9
1
a b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 733
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
y2
14.ด1) จาก x 1
12
y2
จะได้ x 1
12
y2 12 x 1
จะเห็นว่า สมการนี้เป็นสมการพาราโบลา
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
จะได้ว่า h 1, k 0, 4 p 12 นั่นคือ p 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
734 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
y 2 x2 y
2) จาก
12 144 12
y 2 x2 y
จะได้ 0
12 144 12
y 2 y x2
0
12 12 144
1 2
12
y y
x2
144
0
1 2 1 x2 1
y y 0
12 4 144 48
2
1 1 x2 1
y
12 2 144 48
2
48 1 48 2 48
y x
12 2 144 48
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 735
2
1
y x2
2
1
1 3
4
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x2 และ y2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
ดังนั้น สมการนี้เป็นสมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y 2k
2 2
1
a b
จะได้ว่า h 0, k
1 2
,a 3 และ b2
1
นั่นคือ a 3 และ b
1
2 4 2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 3
1 11
นั่นคือ c
11
4 4 2
3) จาก x2 y 2 144 0
จะได้ x2 y 2 0 144
x2 y2 144
144 144 144
y2 x2
1
144 144
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
736 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1
a b
จะได้ว่า h 0, k 0, a 2 144 และ b2 144 นั่นคือ a 12 และ b 12
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 737
4) จาก x2 6 x 9 y 2
จะได้ x2 6 x 9 9 y 2 9
x 3 2 9 y2 9
x 3 2 9 y 2 9
x 3 2 y 2
1
9
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 3 และ y 2 มีเครื่องหมายต่างกัน
2
y k
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 3, k 0, a 2 9 และ b2 1 นั่นคือ a3 และ b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
738 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
5) จาก 4x 2 y 2 8 x y
จะได้ 4x 2 y 2 8x 8 y
4 x2 y 2 8x 8 y 0
4 x2 2 x y 2 8 y 0
4 x 2 x 1 y 8 y 16
2 2
0 4 16
4 x 1 y 4
2 2
20
4 1
x 12 y 42 20
20 20 20
x 12 y 42
1
5 20
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x2 และ y2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
ดังนั้น สมการนี้เป็นสมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y 2k
2 2
1
b a
จะได้ว่า h 1, k 4, a 2 20 และ b2 5 นั่นคือ a 20 2 5 และ b 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 739
6) จาก 3x2 6 x y 10
จะได้ 3x 2 6 x 6 y 10
3 x2 2 x 6 y 10
3 x 2 x 1
2
6 y 10 3
3 x 1
2
6 y 13
x 12
13
2y
3
13
x 12 2 y
6
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการพาราโบลา
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k
13 1
จะได้ว่า h 1, k , 4p 2 นั่นคือ p
6 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
740 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
13 5
ดังนั้น จุดยอด คือ 1, โฟกัส คือ 1,
6 3
และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
7) จาก 2 x 2 4 4x y 2
จะได้ 2 x2 4 x y 2 4
2 x2 2 x 1 y 2 4 2
2 x 1 y 2 2
2
2 1 2 2
x 12 y
2 2 2
y2
x 1
2
1
2
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 1 และ y 2 มีเครื่องหมายต่างกัน
2
1
a b
จะได้ว่า h 1, k 0, a 2 2 และ b2 1 นั่นคือ a 2 และ b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 741
8) จาก 2 x2 12 x y 2 6 y 26 0
จะได้
2 x2 6 x 9 y 2 6 y 9 26 18 9
2 x 3 y 3
2 2
1
x 3 2
1
y 3 2 1
2
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 32 และ y 3 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
2
1
a2 b2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
742 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ว่า h 3, k 3, a 2 1 และ b2
1
นั่นคือ a 1 และ b
1
2
2 2 2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 1
1 1
นั่นคือ c
1
2
2 2 2 2
และเขียนวงรีได้ดังนี้
9) จาก 36 x2 4 y 2 36 x 8 y 31
36 x x 4 y
2 2
2y 31
1
36 x 2 x 4 y 2 2 y 1
4
31 9 4
2
1
36 x 4 y 1 36
2
2
2
36 1 4 36
x y 1
2
36 2 36 36
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 743
1 y 1
2 2
x 1
2 9
2
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ 1
และ y 1 มีเครื่องหมายต่างกัน
x
2
2
1
a b
จะได้ว่า h
1
, k 1, a 2 1 และ b2 9 นั่นคือ a 1 และ b3
2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c 2 1 9 10 นั่นคือ c 10
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
744 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
10) จาก x2 4 y 2 4x 8
จะได้ x2 4 y 2 4 x 8
x 2
4x 4 4 y2 84
x 2 2 4 y 2 12
x 2 2 4 2
y
12
12 12 12
x 2 2 y 2 1
12 3
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 2 2 และ y 2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
ดังนั้น สมการนี้เป็นสมการวงรี ที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y k
2 2
1
a b2
จะได้ว่า h 2, k 0, a 2 12 และ b2 3
นั่นคือ a 12 2 3 และ b 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 745
15. 1) จาก x2 y 2 6 x 4 y 9 0
จะได้ x 2
6x y2 4 y 9
x 6x 9 y 4 y 4
2 2
9 9 4
x 3 2 y 2 2 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
746 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2) จาก x2 4 y 2 6 x 16 y 21 0
จะได้ x
2
6x 4 y2 4 y 21
x 6x 9 4 y 4 y 4
2 2
21 9 16
x 3 2 4 y 2 2 4
x 3 2 4 4
y 2 2
4 4 4
x 3 2
y 2
2
1
4
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 32 และ y 2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน 2
และมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y k
2 2
1
a b2
จะได้ว่า h 3, k 2, a 2 4 และ b2 1 นั่นคือ a2 และ b 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 747
3) จาก 4 x2 y 2 4 x 3 0
จะได้
4 x2 x y 2 3
2 1 2
2
4 x x y 3 1
2
2
1
4 x y2 4
2
2
4 1 1 2 4
x y
4 2 4 4
2
1 y2
x 1
2 4
2
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ 1
และ มีเครื่องหมายต่างกัน
x y2
2
y k
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h
1
, k 0, a 2 1 และ b2 4 นั่นคือ a 1 และ b2
2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 1 4 5 นั่นคือ c 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
748 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
4) จาก y2 4 y 4x 0
จะได้ y
2
4y 4x
y 4 y 4
2
4x 4
y 2 2 4 x 1
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการพาราโบลา
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
จะได้ว่า h 1, k 2, 4 p 4 นั่นคือ p 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 749
5) จาก 4 x2 3 y 2 8x 24 y 51 0
จะได้ 4x 8x 3 y 24 y
2 2
51
4 x 2 x 3 y 8 y
2 2
51
4 x 2 x 1 3 y 8 y 16
2 2
51 4 48
4 x 1 3 y 4 1
2 2
x 12 y 4 2
1
1 1
4 3
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x 12 และ y 4 มีเครื่องหมายเหมือนกัน 2
1
b a
จะได้ว่า h 1, k 4, a 2
1
และ b2
1
นั่นคือ a
1
3
และ b
1
3 4 3 3 2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2
1 1
1
นั่นคือ c
1
3
3 4 12 12 6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
750 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2 3
ดังนั้น จุดศูนย์กลาง คือ 1, 4 แกนเอกยาว หน่วย
3
แกนโทยาว 1 หน่วย และเขียนวงรีได้ดังนี้
6) จาก 4 y 2 2 x2 4 y 8x 15 0
จะได้ 4 y 4 y 2x
2 2
8x 15
4 y y 2 x
2 2
4x 15
1
4 y 2 y 2 x2 4x 4
4
15 1 8
2
1
4 y 2 x 2 8
2
2
2
1
4 y 2 x 2 8
2
2
2
4 1 2 8
y x 2
2
8 2 8 8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 751
2
1
y x 2 2
2
1
2 4
2
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ 1
และ x 2 มีเครื่องหมายต่างกัน
y
2
2
x h
2
1
2 2
a b
จะได้ว่า h 2, k
1 2
,a 2 และ b2 4 นั่นคือ a 2 และ b2
2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 2 4 6 นั่นคือ c 6
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
752 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2 2 1
2
25 x x 200 y 119 1
5 5
2
1
25 x 200 y 120
5
2
1 24
x 8y
5 5
2
1 3
x 8 y
5 5
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการพาราโบลา
ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k
1 3
จะได้ว่า h , k , 4p 8 นั่นคือ p2
5 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 753
1 3 1 7
ดังนั้น จุดยอด คือ , โฟกัส คือ ,
5 5 5 5
13
ไดเรกตริกซ์ คือ y และเขียนพาราโบลาได้ดังนี้
5
8) จาก 4 x2 4 y 2 16 y 15 0
จะได้
4 x2 4 y 2 4 y 15
4 x2 4 y 4 y 4
2
15 16
4 x2 4 y 2 1
2
1
x2 y 2
2
4
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ x2 และ y 2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน
2
1
จะได้ว่า h 0, k 2 และ r2 นั่นคือ r
1
4 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
754 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1
ดังนั้น จุดศูนย์กลาง คือ 0, 2 รัศมียาว หน่วย
2
และเขียนวงกลมได้ดังนี้
9) จาก 4 x2 y 2 8x 6 y 4 0
จะได้ 4 x 8x y 6 y
2 2
4
4 x 2x y 6 y
2 2
4
4 x 2 x 1 y 6 y 9
2 2
4 4 9
4 x 1 y 3 9
2 2
4 1 9
x 12 y 3 2
9
9 9
y 32 x 12
1
9 9
4
จะเห็นว่าสัมประสิทธิ์ของ y 3 และ x 1 มีเครื่องหมายต่างกัน
2 2
1
a b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 755
จะได้ว่า h 1, k 3, a 2 9 และ b2
9
นั่นคือ a3 และ b
3
4 2
3 5
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ c2 9
9 45
นั่นคือ c
4 4 2
ดังนั้น จุดศูนย์กลาง คือ 1, 3 จุดยอด คือ 1, 6 และ 1, 0
3 5 3 5
โฟกัส คือ 1, 3 และ 1, 3
2 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
10) จาก 2 x2 2 y 2 8x 12 y 2 0
จะได้ 2x 8x 2 y 12 y
2 2
2
2 x 4x 2 y 6 y
2 2
2
2 x 4x 4 2 y 6 y 9
2 2
2 8 18
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
756 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2 x 2 2 y 3 24
2 2
x 2 2 y 3 2 12
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 757
และแกนเอกยาว 10 หน่วย
แสดงว่าแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x 2h y 2k
2 2
1
b a
จุดศูนย์กลาง คือ h, k โฟกัสอยู่ที่จุด h, k c และแกนเอกยาว 2a หน่วย
นั่นคือ h 0, k 4, k c 0, k c 8 และ 2a 10
จาก c 2 a 2 b2
y k
2
1
h, k , a 2 2
b a
x 0 2 y 4 2
จะได้ 2 2
1
3 5
x2 y 4
2
1
9 25
x2 y 4
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
758 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
y k 2 x h 2
มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
a2 b2
a 1
นั่นคือ h 0, k 0, k a 2, k a 2, จะได้ a 2, b 4
b 2
y 0 2 x 0 2
จะได้ 1
22 42
y 2 x2
1
4 16
y 2 x2
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
4 16
4) จากไฮเพอร์โบลาที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ C 2, 4 โฟกัส คือ F1 2, 1 และ F2 2, 7
จะได้ c 3, a 2
จะได้ y 4 2 x 2 2 1
22
5
2
y 4 2 x 2 2 1
4 5
1
4 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 759
1
b a
นั่นคือ h 1, k 2, k c 1, k c 3, k a 0 จะได้ c 1 และ a2
จะได้ x 12 y 2 2 1
3
2
22
x 12 y 2 2 1
3 4
1
3 4
6) จากพาราโบลาที่มีจุดยอดอยู่ที่จุด V 5, 5 และแกน Y เป็นไดเรกตริกซ์
แสดงว่าแกนสมมาตรอยู่ในแนวนอน มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
นั่นคือ h 5, k 5, h p 0 จะได้ p5
y 5 2 20 x 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
760 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
1
b a
นั่นคือ h 7, k a 8, k a 12, x 1 และ y 8 จะได้ k 2 และ a 10
1 7 2 8 2 2
จะได้ 1
b2 102
36 36
1
b 2 100
36 36
1
b2 100
36 64
b2 100
36 100
b2
64
225
b2
4
ใน x 2h y 2k
2 2
225
แทน h, k , a และ b2 ด้วย 7, 2, 10 และ 1
4 b a
x 7 2 y 2 2
จะได้ 1
225 102
4
4 x 7 y 2 2
2
1
225 100
1
225 100
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 761
แสดงว่ามีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
นั่นคือ h 1, k 0, x 0 และ y2
4 4p
p 1
y2 4 x 1
x2 y 2 14 x 4 y 28 0
ดังนั้น สมการแสดงตาแหน่งที่เป็นไปได้ของจุด P x, y ซึ่งสอดคล้อง
กับเงื่อนไข คือ x2 y2 14x 4 y 28 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
762 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 a 2 c2 52 32 25 9 16
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 763
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 c2 a2 52 42 25 16 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
764 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะเห็นว่า ความสัมพันธ์นี้เป็นฟังก์ชัน
2) จากเงื่อนไขของโจทย์ที่ว่า จุดทั้งหมดที่อยู่บนวงกลมที่มีส่วนของเส้นตรงที่เชื่อม
จุด 7, 5 และ 11, 3 เป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง
7 11 5 3
จะได้ว่า จุดศูนย์กลางของวงกลมนี้ คือ , หรือ 9, 4
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 765
จะเห็นว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นฟังก์ชัน
3) จากเงื่อนไขของโจทย์ที่ว่า จุดทั้งหมดที่มผี ลต่างของระยะห่างจากจุด 1, 3
และ 1, 9 เป็น 4 หน่วย
จะได้ว่า ภาคตัดกรวยที่กาหนดให้เป็นไฮเพอร์โบลาที่มีแกนตามขวางอยู่ใน
แนวตั้ง มีโฟกัสอยู่ที่จุด 1, 3 และ 1, 9 และแกนตามขวางยาว 4 หน่วย
จะได้ h 1, k c 3, k c 9 และ 2a 4 นั่นคือ k 6, c 3 และ a 2
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 c 2 a 2 32 22 9 4 5
y 6 2 x 12
ดังนั้น สมการไฮเพอร์โบลานี้ คือ 1
4 5
นั่นคือ เซตของจุดทั้งหมดที่มีผลต่างของระยะห่างจากจุด 1, 3 และ 1, 9 เป็น
หน่วย คือ x, y y 6 x 1
2 2
และเขียนไฮเพอร์โบลาได้ดังนี้
4 1
4 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
766 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะเห็นว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นฟังก์ชัน
4) จากเงื่อนไขของโจทย์ที่ว่า จุดทั้งหมดที่มีผลรวมของระยะห่างจากจุด 1, 1
และ 11, 1 เป็น 26 หน่วย
จะได้ว่า ภาคตัดกรวยที่กาหนดให้เป็นวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน มีโฟกัสอยู่
ที่จุด 1, 1 และ 11, 1 และแกนเอกยาว 26 หน่วย
จะได้ h c 1, h c 11, k 1 และ 2a 26
นั่นคือ h 5, c 6 และ a 13
x 52 y 12
ดังนั้น สมการวงรีนี้ คือ 1
169 133
นั่นคือ จุดทั้งหมดที่มีผลรวมของระยะห่างจากจุด 1, 1 และ 11, 1
หน่วย คือ x, y x 5 y 1
2 2
เป็น 26 1 และเขียนวงรีได้ดังนี้
169 133
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 767
จะเห็นว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นฟังก์ชัน
19. 1) จากวงกลม C มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุด 5, 3 รัศมียาว 5 หน่วย
จะได้ว่า สมการของวงกลม C คือ x 52 y 32 25
2) จาก x 5 2 y 3 2 25
กรณีที่ 2 x 5 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
768 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
กรณีที่ 3 x 5 2
กรณีที่ 5 x 5 4
กรณีที่ 6 x 5 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 769
และมีจุดยอด คือ 1
41, 2 , 1 41, 2
แสดงว่าเป็นวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน ซึ่งมีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น
x h 2 y k 2 1
a2 b2
จะได้ h a 1 41, h a 1 41, k 2, h c 4, h c 6
นั่นคือ h 1, a 41, c 5
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ b2 a 2 c2 41 25 16
x 12 y 2 2
ดังนั้น สมการของวงรีนี้ คือ 41 16
1
21. จาก 4 x2 4 x my 2 8
จะได้
4 x 2 x my 2 8
1
4 x 2 x my 2 8 1
4
2
1
4 x my 2 9
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
770 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
2
1
x y2
2
1
9 9
4 m
กรณีที่ m0 จะทาให้ 4 x2 4 x my 2 8 เป็นสมการไฮเพอร์โบลา
กรณีที่ m4 จะทาให้ 4 x2 4 x my 2 8 เป็นสมการวงกลม
กรณีที่ m4 จะทาให้ 4 x2 4 x my 2 8 เป็นสมการวงรีที่มีแกนเอกอยู่ในแนวนอน
นั่นคือ โฟกัสทั้งสองอยู่บนแกน X
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 771
3 9 9
ดังนั้น พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม F1F2 A เท่ากับ ตารางหน่วย เมื่อ 0m4
2 m 4
22. จากเส้นตรง y x และวงกลม x 32 y 2 9
แทน y ด้วย x ใน x 32 y 2 9
จะได้ x 3 2 x 2 9
x2 6 x 9 x2 9
2 x2 6 x 0
2 x x 3 0
x 0 หรือ x 3
y 0
แทน x ด้วย 3 ใน x 32 y 2 9
จะได้ 3 3 2 y 2 9
y 3 หรือ y 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
772 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
9 12 p
3
p
4
ดังนั้น สมการพาราโบลานี้ คือ y 2 3x
x 3 2 y 4 2
23. จาก 1
49 576
จะได้ h 3, k 4, a 2 49, b2 576
x y 18 0
x y 32 0
18 32 50
ดังนั้น ระยะห่างระหว่างเส้นตรงทั้งสองเส้น คือ 25 2 หน่วย
1 1
2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 773
24. จาก x 2 6 x 6 2y y 2
จะได้ x 2
6x y2 2 y 6
x 6x 9 y 2 y 1
2 2
6 9 1
x 32 y 12 16
ซึ่งเป็นสมการวงกลม ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ 3, 1
จาก y 2 8x 4
จะได้ y 2 8x 4
1
y2 8 x
2
3
ซึ่งเป็นสมการพาราโบลา ที่มีโฟกัสอยู่ที่ , 0
2
3
หาสมการเส้นตรงที่ผ่านจุด 3, 1 และ , 0
2
จากสมการรูปแบบมาตรฐานของเส้นตรงคือ y y1 m x x1
3
จะได้ 0 1 m 3
2
3
1 m
2
2
m
3
2
หาเส้นตรงที่ m และผ่านจุด 3, 1
3
2
จะได้ y 1 x 3
3
2
y 1 x 2
3
2
y x 1
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
774 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ 2y 2 x 4
1
y2 x 4
2
นั่นคือพาราโบลา ที่มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น y k 2 4 p x h
1 1
จะได้ h 4, k 0, 4 p นั่นคือ p
2 8
31
ดังนั้น พาราโบลานี้มีจุดยอดอยู่ที่ 4, 0 โฟกัสอยู่ที่ , 0
8
เนื่องจากเลตัสเรกตัมคือคอร์ดที่ตั้งฉากกับแกนของพาราโบลาและผ่านโฟกัสของพาราโบลา
31
แทน x ด้วย ใน 2 y2 x 4 เพื่อหาจุดปลายของเลตัสเรกตัม
8
31
จะได้ 2 y2 4
8
31
2 y2 4
8
1
2 y2
8
1
y2
16
1
y
4
31 1 31 1
ดังนั้น จุดปลายของเลตัสเรกตัมของพาราโบลานี้ คือ , และ ,
8 4 8 4
เนื่องจากวงรีผ่านจุดยอดของพาราโบลานี้ และมีโฟกัสเป็นจุดปลายของเลตัสเรกตัม
ของพาราโบลานี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 775
31 1 31 1
นั่นคือ วงรีผ่านจุด 4, 0 และมีโฟกัสอยู่ที่ , และ ,
8 4 8 4
x h 2 y k 2
จะได้ว่า วงรีนี้มีแกนเอกอยู่ในแนวตั้ง ที่มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น 1
b2 a2
31 1 1 1
และ h , k c , k c นั่นคือ k 0, c
8 4 4 4
31 x h 2 y k 2
แทน h, k , x และ y ด้วย , 0, 4 และ 0 ตามลาดับ ใน 1
8 b2 a2
2
31
4 8 0 0 2
จะได้ 1
b2 a2
2
31
4
8
1
b2
2
31
b 2 4
8
1
b2
64
1 1 3
จาก c 2 a 2 b2 จะได้ a 2 c 2 b2
16 64 64
ดังนั้น สมการวงรีที่ผ่านจุดยอดของพาราโบลานี้ และมีโฟกัสเป็นจุดปลายของ
2
31 64 y 2
เลตัสเรกตัมของพาราโบลานี้ คือ 64 x 1
8 3
26. 1) จาก x2 y 2 2 x 6 y 9 0
จะได้ x 2
2x y2 6 y 09
x 2x 1 y 6 y 9
2 2
9 1 9
x 12 y 32 1
เทียบกับสมการรูปแบบมาตรฐานของวงกลม x h 2 y k 2 r 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
776 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
จะได้ h 1, k 3 และ r 1
จะได้ x 2
x y2 4 y
1
4
2 1
x x y 4y 4
4
2
1 1
4
4 4
2
1
x y 2
2 9
2 2
เทียบกับสมการรูปแบบมาตรฐานของวงกลม x h 2 y k 2 r 2
1 3 2
จะได้ h , k 2 และ r
2 2
1
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นวงกลม มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ , 2
2
3 2
และรัศมียาว หน่วย
2
3) จาก x2 y 2 72 12x
จะได้ x 2
12 x y 2 72
x 12x 36 y
2 2
72 36
x 6 2 y 2 36
จะได้ x 2
6 x y 2 10 y 0 34
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 777
x 2
6 x 9 y 2 10 y 25 34 9 25
x 3 2 y 5 2 0
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นจุดหนึ่งจุด
27. 1) จาก 3x 2 y 2 0
จะได้ 3x 2 y 2
1
x2 y 2
3
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นพาราโบลา
2) จาก 2 x2 4 y 2 4 x 16 y 1 0
จะได้ 2x
2
4 x 4 y 2 16 y 0 1
2 x 2 x 1 4 y
2 2
4 y 4 1 2 16
2 x 1 4 y 2 15
2 2
4 y 2 2 x 1
2 2
1
15 15
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นไฮเพอร์โบลา
3) จาก 2 x2 3 y 2 0
จะได้ 3y 2 2x 2
2 2
y2 x
3
2
y x
3
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นเส้นตรงสองเส้นตัดกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
778 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
4) จาก 3x 2 2 y 2 4 y 0
จะได้
3x 2 2 y 2 2 y 0
3x 2 2 y 2 y 1
2
2
3x 2 2 y 1 2
2
3x 2
y 1 1
2
2
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นวงรี
5) จาก x2 5x y 2 4 y 3 0
จะได้ x 2
5x y 2 4 y 03
2 5
2 2
2
x 5x y 2 4 y 4 5
3 4
2
2
5
x y 2
2 29
2 4
ดังนั้น สมการนี้มีกราฟเป็นวงกลม
6) จาก 9 x2 8 y 2 15x 8 y 27
15
จะได้ 9 x2 x 8 y 2 y
9
27
15 15
2
1
2
15
2
1
2
9 x 2 x 8 y 2 y 27 9 8
9 18 2 18 2
2 2
15 1 75
9 x 8 y
18 2 4
จะเห็นว่าสมการนี้เป็นสมการที่ไม่มีคาตอบ เนื่องจากผลบวกของกาลังสองของ
จานวนจริงใด ๆ เป็นจานวนจริงลบไม่ได้
ดังนั้น สมการนี้ไม่มีกราฟในระนาบจานวนจริง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 779
28. ขอบของแสงไฟที่ฉายบนพื้นถนนมีลักษณะเป็นไฮเพอร์โบลา
29. จากเส้นทางของน้าพุ ทาให้เกิดพาราโบลาดังรูป
จะเห็นว่า พาราโบลานี้มีแกนสมมาตรอยู่ในแนวตั้ง
ที่มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k มีจุดยอดอยู่ที่ 0, 0
และผ่านจุด 5, 10
แทน h, k , x และ y ด้วย 0, 0, 5 และ 10 ตามลาดับ ใน x h 2 4 p y k
จะได้ 5 02 4 p 10 0
25 40 p
5
p
8
5
ดังนั้น สมการแสดงเส้นทางของน้าพุ คือ x2 y
2
30. เนื่องจาก เส้นทางของยานอวกาศเป็นเส้นโค้งพาราโบลาที่มีแกนสมมาตรอยู่ในแนวตั้ง
นั่นคือ มีสมการรูปแบบมาตรฐานเป็น x h 2 4 p y k
เนื่องจาก โฟกัสของพาราโบลาอยู่ที่ 0, 0 ระยะห่างระหว่างโฟกัสกับจุดยอดของ
พาราโบลา คือ 6,400 150 6,550 กิโลเมตร และเป็นเส้นโค้งคว่าลง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
780 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
30. เนื่องจากเส้นทางของยานอวกาศเป็นเส้นโค้งพาราโบลาที่มีแกนสมมาตรอยู่ในแนวตั้ง
31. จากรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 781
พิจารณากรณีที่บ้านของเพื่อนทั้งสองของป่านคือโฟกัสของไฮเพอร์โบลา
เนื่องจากบ้านของเพื่อนทั้งสองของป่านอยู่ห่างกัน 6.4 กิโลเมตร
จะได้ 2c 6.4 นั่นคือ c 3.2
เนื่องจาก เพื่อนของป่านที่มีบ้านอยู่ทางทิศตะวันออกได้ยินเสียงหม้อแปลงระเบิดก่อนเพื่อน
ของป่านที่มีบ้านอยู่ทางทิศตะวันตก เป็นระยะเวลา 86 2 วินาที
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
782 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
s 0.7
แสดงว่าผลต่างของระยะทางจากหม้อแปลงไฟฟ้าที่ระเบิดไปยังบ้านของเพื่อนทั้งสองของ
ป่านเป็น 0.7 กิโลเมตร
นั่นคือ 2a 0.7
a = 0.35
จาก c a b
2 2 2
จะได้ b c a 3.22 0.352 10.24 0.1225 10.1175
2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 783
s 2.1
แสดงว่าผลต่างของระยะทางจากหม้อแปลงไฟฟ้าที่ระเบิดไปยังบ้านของป่านและบ้านของ
เพื่อนของป่านที่อยู่ทางทิศตะวันออก เป็น 2.1 กิโลเมตร
นั่นคือ 2a 2.1
a 1.05
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
784 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
784 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม
forvo.com เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมการออกเสียงคาในภาษาต่าง ๆ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2008
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการสื่อสารทางการพูด ผ่านการแลกเปลี่ยนการออกเสียงคาในภาษา
ต่าง ๆ ทั้งจากบุคคลที่เป็นเจ้าของภาษาและบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา forvo.com ได้รับคัดเลือก
จากนิตยสาร Times ให้เป็น 50 เว็บไซต์ที่ดีที่สุดใน ค.ศ. 2013 (50 best websites of 2013) ปัจจุบัน
เว็บไซต์นี้เป็นฐานข้อมูลที่รวบรวมการออกเสียงที่ใหญ่ที่สุด มีคลิปเสียงที่แสดงการออกเสี ยง
คาศัพท์ประมาณสี่ล้านคาในภาษาต่าง ๆ มากกว่า 330 ภาษา
บรรณานุกรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552). คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์
เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2553). คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์
เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552). คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์
เล่ม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). หนังสือเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริม
ศักยภาพคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เรขาคณิตวิเคราะห์. กรุงเทพฯ: พัฒนา
คุณภาพวิชาการ.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
786 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2
คณะผู้จัดทา
คณะที่ปรึกษา
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รศ. ดร.สัญญา มิตรเอม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.สุพัตรา ผาติวิสันติ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้จัดทาคู่มือครู
นางสาวปฐมาภรณ์ อวชัย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวอัมริสา จันทนะศิริ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายพัฒนชัย รวิวรรณ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวภิญญดา กลับแก้ว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.ศศิวรรณ เมลืองนนท์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.สุธารส นิลรอด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายภควุฒิ จิรดิลก นักวิชาการอิสระ
นายวิจิต ยังจิตร นักวิชาการอิสระ
นายอัฐวิช นริศยาพร นักวิชาการอิสระ
คณะผู้พิจารณาคู่มือครู
นายประสาท สอ้านวงศ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รศ. ดร.สมพร สูตินันท์โอภาส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวจินตนา อารยะรังสฤษฏ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวจาเริญ เจียวหวาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายสุเทพ กิตติพิทักษ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.อลงกรณ์ ตั้งสงวนธรรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวปฐมาภรณ์ อวชัย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 787
คณะบรรณาธิการ
รศ.ดร.สิริพร ทิพย์คง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะทางานฝ่ายเสริมวิชาการ
นางสาวขวัญใจ ภาสพันธุ์ โรงเรียนราชวินิตบางเขน
ดร.เชิดศักดิ์ ภักดีวิโรจน์ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
นายณรงค์ฤทธิ์ ฉายา โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา
นายถนอมเกียรติ งานสกุล โรงเรียนสตรีภูเก็ต
นางสาวปรารถนา วิริยธรรมเจริญ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
นายวิฑิตพงค์ พะวงษา โรงเรียนสภาราชินี
นางสาวศราญลักษณ์ บุตรรัตน์ โรงเรียนบางละมุง
นายศรัณย์ แสงนิลาวิวัฒน์ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เพชรบุรี
ว่าที่ร้อยตรีสามารถ วนาธรัตน์ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี
นางสุธิดา นานช้า โรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์
นายสุรชัย บุญเรือง โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
788 คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2