Professional Documents
Culture Documents
๕
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
คณิตศาสตร์
ตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ดั
กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
คูมือครู
รายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร
ชั้น
มัธยมศึกษาปที่ ๕
ตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด
กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คํานํา
สถาบั น ส งเสริ มการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) มีห นาที่ในการ
พัฒนาหลักสูตร วิธีการเรียนรู การประเมินผล การจัดทําหนังสือเรียน คูมือครู แบบฝก
ทั ก ษะ กิ จ กรรม และสื่ อ การเรี ย นรู เ พื่ อใช ป ระกอบการเรีย นรู ใ นกลุม สาระการเรีย นรู
วิทยาศาสตรและคณิตศาสตรของระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๕ นี้ จัดทําตามมาตรฐาน
การเรียนรูและตัวชี้วัด กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตาม
หลั ก สู ต รแกนกลางการศึ ก ษาขั้ น พื้ น ฐาน พุ ท ธศั ก ราช ๒๕๕๑ โดยมี เ นื้ อ หาสาระ
ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน การวัดผลประเมินผล
ระหวางเรียน การวิเคราะหความสอดคลองของแบบฝกหัดทายบทกับจุดมุงหมายประจําบท
ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู ซึ่งเปนความรูที่ครูควรทราบนอกเหนือจากเนื้อหาในหนังสือเรียน
ตั ว อย างแบบทดสอบประจํ า บทพร อ มเฉลย รวมทั้ งเฉลยแบบฝ กหั ด ซึ่ง สอดคล องกั บ
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๕ ที่ตองใชควบคูกัน
สสวท. หวังเปนอยางยิ่งวา คูมือครูเลมนี้จะเปนประโยชนตอการจัดการเรียนรู
และเป นสว นสําคัญในการพัฒ นาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษากลุมสาระการเรียนรู
คณิตศาสตร ขอขอบคุณผูทรงคุณวุฒิ บุคลากรทางการศึกษา และหนวยงานตาง ๆ ที่มีสวน
เกี่ยวของในการจัดทําไว ณ โอกาสนี้
(ศาสตราจารยชูกิจ ลิมปจํานงค)
ผูอํานวยการสถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คําชี้แจง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ไดจัดทําตัวชี้วัดและ
สาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมีจุดเนนเพื่อตองการ
พัฒนาผูเรียนใหมีความรูความสามารถทางคณิตศาสตรที่ทัดเทียมกับนานาชาติ ดวยการ
ลงมื อ ปฏิ บั ติ ทํ า กิ จ กรรมและแก ป ญ หาที่ ห ลากหลายเพื่ อ ให ผู เ รี ย นเกิ ด ทั ก ษะและ
กระบวนการทางคณิตศาสตร รวมทั้งมีทักษะแหงศตวรรษที่ ๒๑ สสวท. จึงไดจัดทําคูมือครู
ประกอบการใชหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๕ ที่เปนไปตาม
มาตรฐานหลักสูตร เพื่อเปนแนวทางใหโรงเรียนนําไปจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๕ นี้ ประกอบดวย เนื้อหา
สาระ ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน การวัดผล
ประเมินผลระหวางเรียน การวิเคราะหความสอดคลองของแบบฝกหัดทายบทกับจุดมุงหมาย
ประจําบท ความรูเพิ่มเติมสําหรับครูซึ่งเปนความรูที่ครูควรทราบนอกเหนือจากเนื้อหาใน
หนั งสื อเรี ย น ตั ว อย า งแบบทดสอบประจํ า บทพร อมเฉลย รวมทั้งเฉลยแบบฝกหั ด ซึ่ ง
ครูผูสอนสามารถนําไปใชเปนแนวทางในการวางแผนการจัดการเรียนรูใหบรรลุจุดประสงค
ที่ตั้งไว โดยสามารถนําไปจัดกิจกรรมการเรียนรูไดตามความเหมาะสมและความพรอมของ
โรงเรียน ในการจั ดทํ าคู มือครู เล มนี้ ได รั บความรวมมือเปนอยางดียิ่งจากผูทรงคุณวุ ฒิ
คณาจารย นั กวิ ชาการอิ สระ รวมทั้ งครูผู สอน นักวิชาการ จากสถาบัน และสถานศึกษา
ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
สสวท. หวังเปนอยางยิ่งวา คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๕
เล มนี้ จะเปนประโยชนแกผูสอนและผูที่เกี่ยวของทุกฝาย ที่จะชวยใหจัดการศึกษาดาน
คณิตศาสตรไดอยางมีประสิทธิภาพ หากมีขอเสนอแนะใดที่จะทําใหคูมือครูเลมนี้มีความ
สมบูรณยิ่งขึ้น โปรดแจง สสวท. ทราบดวย จะขอบคุณยิ่ง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
แนะนําการใชคูมือครู
ในหนังสือเลมนี้แบงเปน 3 บท ตามหนังสือเรียนหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 โดยแตละบทจะมีสวนประกอบ ดังนี้
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรูและปฏิบัติได รวมทั้งคุณลักษณะของผูเรียนในแตละ
ระดับชั้น ซึ่งสะทอนถึงมาตรฐานการเรียนรู มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเปน
รูปธรรม นําไปใชในการกําหนดเนื้อหา จัดทําหนวยการเรียนรู จัดการเรียนการสอน
และเปนเกณฑสําคัญสําหรับการวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผูเรียน
จุดมุงหมาย
เปาหมายที่นักเรียนควรไปถึงหลังจากเรียนจบบทนี้
ความรูกอนหนา
ความรูที่นักเรียนจําเปนตองมีกอนที่จะเรียนบทนี้
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ประเด็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่ครูควรเนนย้ํากับนักเรียน ประเด็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่ครูควร
ระมัดระวัง จุดประสงคของตัวอยางที่นําเสนอในหนังสือเรียน เนื้อหาที่ควรทบทวน
กอนสอนเนื้อหาใหม และประเด็นที่ครูควรตระหนักในการสอน
ความเขาใจคลาดเคลื่อน
ประเด็นที่นักเรียนมักเขาใจผิดเกี่ยวกับเนื้อหา
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
ประเด็ น ที่ ค รู ค วรทราบเกี่ ย วกั บ แบบฝ ก หัด เช น จุด มุ งหมายของแบบฝ ก หั ด
เนื้อหาที่ควรทบทวนกอนทําแบบฝกหัด และเรื่องที่ครูควรใหความสําคัญในการ
ทําแบบฝกหัดของนักเรียน
กิจกรรมในคูมือครู
กิจกรรมที่คูมือครูเลมนี้เสนอแนะไวใหครูนําไปใชในชั้นเรียน ประกอบดวยกิจกรรม
นําเขาสูบทเรียน ที่ใชเพื่อตรวจสอบความรูกอนหนาที่นักเรียนควรทราบกอนเรียน
เนื้อหาใหม และกิจกรรมที่ใชสําหรับสรางความคิดรวบยอดในเนื้อหา โดยหลังจาก
ทํากิจกรรมแลว ครูควรเชื่อมโยงผลที่ไดจากการทํากิจกรรมกับความคิดรวบยอดที่
ตองการเนน ทั้งนี้ ครูควรสงเสริมใหนักเรียนไดลงมือปฏิบัติกิจกรรมเหลานี้ดวย
ตนเอง
กิจกรรมในหนังสือเรียน
กิจกรรมที่นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมไดดวยตนเอง เพื่อชวยพัฒนาทักษะการ
เรียนรูและนวัตกรรม (learning and innovation skills) ที่จําเปนสําหรับศตวรรษที่ 21
อันไดแก การคิดสรางสรรคและนวัตกรรม (creative and innovation) การคิด
แบบมีวิจารณญาณและการแกปญหา (critical thinking and problem solving)
การสื่อสาร (communication) และการรวมมือ (collaboration)
เฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน
เฉลยคําตอบหรือตัวอยางคําตอบของกิจกรรมในหนังสือเรียน
แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
1 1.1 เนื้อหาสาระ
1.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
1.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
3
7
16
1.4 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน 21
1.5 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท 22
1.6 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู 24
เลขยกกําลัง 1.7 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท 31
และเฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
d
บทที่ 2 ฟงกชัน 35
2 2.1 เนื้อหาสาระ
2.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
2.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
37
39
50
2.4 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน 62
2.5 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท 63
2.6 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู 66
และเฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
สารบัญ บทที่ 3
บทที่ เนื้อหา หนา
บทที่ 3 ลําดับและอนุกรม 82
3 3.1 เนื้อหาสาระ
3.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
3.3 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน
84
88
95
3.4 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท 96
3.5 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู 99
3.6 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท 102
ลําดับและอนุกรม และเฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
d
เฉลยแบบฝกหัดและวิธีทําโดยละเอียด 116
บทที่ 1 เลขยกกําลัง 116
บทที่ 2 ฟงกชัน 149
บทที่ 3 ลําดับและอนุกรม 214
1 แหลงเรียนรูเพิ่มเติม 295
1 บรรณานุกรม 296
คณะผูจัดทํา 297
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 1
บทที่ 1
เลขยกกําลัง
ในบทเรียนนี้มุงเนนใหนักเรียนบรรลุตัวชี้วัดตามสาระการเรียนรูแกนกลาง และบรรลุจุดมุงหมาย
ดังตอไปนี้
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง
ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง
• เขาใจความหมายและใชสมบัติเกี่ยวกับ • รากที่ n ของจํานวนจริง เมื่อ n เปน
การบวก การคูณ การเทากัน และการ จํานวนนับที่มากกวา 1
ไมเทากันของจํานวนจริงในรูปกรณฑ • เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวน
และจํานวนจริงในรูปเลขยกกําลังที่มี ตรรกยะ
เลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ • ดอกเบี้ย
• เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับดอกเบี้ย
และมูลคาของเงินในการแกปญหา
จุดมุงหมาย
1. หารากที่ n ของจํานวนจริง เมื่อ n เปนจํานวนนับที่มากกวา 1
2. ใชความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑในการแกปญหา
3. ใชความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะในการแกปญหา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
2 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
ความรูกอนหนา
• ความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังและกรณฑที่สองในระดับ
มัธยมศึกษาตอนตน
ipst.me/8446
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 3
1.1 เนื้อหาสาระ
1. บทนิยาม 1
ให a เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มบวก “a ยกกําลัง n” หรือ “ a กําลัง n”
เขียนแทนดวย a n มีความหมายดังนี้
an = a × a × a × × a
n ตัว
a0 = 1 เมื่อ a≠0
1
a−n = เมื่อ a≠0
an
เรียก a n วาเลขยกกําลัง
เรียก a วาฐานของเลขยกกําลัง และ
เรียก n วาเลขชี้กําลัง
2. ทฤษฎีบท 1
ให a , b เปนจํานวนจริงที่ไมเปนศูนย และ m, n เปนจํานวนเต็ม จะไดวา
1) a ×a
m n
= a m+n
2) (a )
m n
= a mn
(a × b) a n × bn
n
3) =
n
a an
4) =
b bn
am
5) = a m−n
an
3. บทนิยาม 2
ให x และ y เปนจํานวนจริง
y เปนรากที่สองของ x ก็ตอเมื่อ y = x 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
4 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
6. ทฤษฎีบท 2
ให x ≥ 0 และ y≥0 จะได x⋅ y =xy
7. ทฤษฎีบท 3
x x
ให x≥0 และ y>0 จะได =
y y
8. บทนิยาม 3
ให x และ y เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1
y เปนรากที่ n ของ x ก็ตอเมื่อ y = x n
หมายเหตุ
ถา n เปนจํานวนคี่แลว รากที่ n ของ x ที่เปนจํานวนจริง จะมีรากเดียว
และถา n เปนจํานวนคูแลว เมื่อ x > 0 รากที่ n ของ x ที่เปนจํานวนจริง จะมีสองราก
9. บทนิยาม 4
ให x, y เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1
y เปนคาหลักของรากที่ n ของ x ก็ตอเมื่อ
1) y เปนรากที่ n ของ x และ
2) xy ≥ 0
แทนคาหลักของรากที่ n ของ x ดวย x อานวา กรณฑที่ n ของ x หรือ คาหลัก
n
ของรากที่ n ของ x
หมายเหตุ
1) การระบุกรณฑที่ n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 ทําไดโดยการเขียน n ทาง
ดานซายของเครื่องหมายกรณฑ ดังนี้ n และจะเรียก n วาเปน อัน ดับที่ หรือ
ดัชนี ของกรณฑ แตถา n = 2 นิยมเขียน แทน 2
2) จากบทนิยาม 4 จะไดวา ถา y เปนคาหลักของรากที่ n ของ x แลว x และ y เปน
จํานวนจริงบวกทั้งคู หรือเปนจํานวนจริงลบทั้งคู หรือเปนศูนยทั้งคู
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 5
10. ทฤษฎีบท 4
ให x, y เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 โดยที่ x และ y มีรากที่ n
จะได x ⋅ y = n
xy n n
11. ทฤษฎีบท 5
ให x, y เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 โดยที่ x และ y มีรากที่ n
n
x x
และ y≠0 จะได = n
n
y y
หมายเหตุ
1) ถ า x < 0 หรื อ y < 0 แล ว จะใช ท ฤษฎี บ ท 4 และ 5 ได เมื่ อ n เป น จํ า นวนคี่ บ วก
เทานั้น
2) ถา x เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนคี่บวกแลว − x =− x n n
1
แตถา a < 0 แลวจะหา a ไดเฉพาะกรณีที่ n เปนจํานวนคี่
n
14. บทนิยาม 6
p
ให a เปนจํานวนจริง โดยที่ a ≠ 0 และ r เปนจํานวนตรรกยะที่ r= โดย p และ
q
q เปนจํานวนเต็ม ซึ่ง q>0 และ ห.ร.ม. ของ p และ q เปน 1
p
1 p
1q
ถา aq เปนจํานวนจริง แลว a=
r
a=
q
a
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
6 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
หมายเหตุ
1) เลขยกกําลังที่มีเ ลขชี้กําลังเปนจํา นวนตรรกยะจะนิ ย ามเมื่อเลขชี้กํา ลังเขียนอยูในรู ป
1
เศษสวนอยางต่ําเทานั้นและ a ตองเปนจํานวนจริง
q
15. ทฤษฎีบท 6
ให a, b เปนจํานวนจริงที่ไมเปนศูนย และ m, n เปนจํานวนตรรกยะ โดยที่ a m
, an และ
b เปนจํานวนจริง จะไดวา
n
1) am ⋅ an = a m+n
2) (a )m n
= a mn
( ab )
n
3) = a nbn
n
a an
4) =
b bn
am
5) = a m−n
an
16. การคิดดอกเบี้ยทบตนเปนกลไกที่นําดอกเบี้ยที่ไดรับทบเขาไปกับเงินตน ทําใหเงินตนใหมมี
ยอดสูงขึ้น ดังนั้น เมื่อคิดดอกเบี้ยรอบใหม ดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้น และเมื่อทบเขาไปกับเงินตน
ใหมจะทําใหมีมูลคาเงินสูงขึ้นเรื่อย ๆ
17. ทฤษฎีบท 7
ถาเริ่มฝากเงินดวยเงินตน P บาท ไดรับอัตราดอกเบี้ย i % ตอป โดยคิดดอกเบี้ยแบบทบตน
ทุกป (ปละครั้ง) แลวเมื่อสิ้นปที่ n จะได เงินรวม P (1 + r )n บาท เมื่อ r = i
100
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 7
1.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
ในการนําเขาสูบทเรียนนี้ ครูอาจกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยการยกตัวอยางการนํา
เลขยกกําลังไปใชในชีวิตจริง เชน การระบาดของโรคไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกเมื่อ
พ.ศ. 2557 ซึ่งเปนการเกริ่นนําที่นําเสนอไวในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้น
มัธยมศึกษาปที่ 5 โดยความรูดังกลาวอาจนําเลขยกกําลังมาชวยในการอธิบายการเพิ่มจํานวน
ของผูติดเชื้อ กลาวคือ จํานวนผูติดเชื้อเพิ่มขึ้นเปนสองเทา ทุก ๆ 24.3 วัน ถากลางเดือน
กรกฎาคม พ.ศ. 2557 มีผูติดเชื้อประมาณ 1,000 คน เมื่อเวลาผานไปทุก 24.3 วัน จะมี
จํานวนผูติดเชื้อประมาณ
1000, 2 (1000 ) , 4 (1000 ) , 8 (1000 ) , 16 (1000 ) , 32 (1000 ) , 64 (1000 ) ,
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
นักเรียนไดเรียนรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มมาแลวในระดับมัธยมศึกษา
ตอนตน เนื้อหาสวนนี้ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 มีไวเพื่อ
ทบทวนเรื่องดังกลาว และเพื่อเชื่อมโยงไปสูเรื่องเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ
ซึ่งเปนเนื้อหาสําคัญในบทนี้
กิจกรรม : จับคูเลขยกกําลัง
จุดมุงหมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใชเพื่อทบทวนหรือตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มี
เลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
แนวทางการดําเนินกิจกรรม
1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ จากนั้นครูเขียนเลขยกกําลัง
ที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มตอไปนี้บนกระดาน
2 × ( 25 × 2 2 )
−4 3
1 6
3
2 23
1
26 × 2−3 42
2−5
212 32 26
16 × 4
28 2 8
215 128 299
210 8 296
128 82 1024
24 6
2 2× 4 43
2× 4×8 25 210
23 4 × 8 × 2−4 32
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 9
2. ครูใหนักเรียนในกลุมจับคูเลขยกกําลังที่เปนจํานวนเดียวกัน
3. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับการจับคูเลขยกกําลังที่ไดในขอ 2 ทั้งนี้ ในการ
อภิปรายครูควรใชคําถามถึงวิธีการที่นักเรียนใชในการจับคูเลขยกกําลัง ซึ่งนักเรียนอาจทํา
เลขยกกําลังที่กําหนดใหอยูในรูปอยางงาย
หมายเหตุ
• ครูอาจเปลี่ยนเลขยกกําลังที่เขียนบนกระดานเปนเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
อื่น ๆ และสามารถเพิ่มหรือลดจํานวนเลขยกกําลังที่เขียนบนกระดาน
• ครูอาจปรับกิจกรรมนี้โดยใชเทคโนโลยี เชน Kahoot เปนเครื่องมือชวยในการทํากิจกรรม
ซึ่งจะชวยใหสามารถตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับเลขยกกําลังของนักเรียนไดเปนรายบุคคล
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
• การเขียนเลขยกกําลังใหอยู ในรูปอยางงายในหนังสือเรี ยนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 เปนการเขียนใหเลขยกกําลังทุกจํานวนมี ห.ร.ม. ของฐานเปน 1 โดย
ไมตองคํานวณผลลัพธ เชน
3
6
o ตัวอยางที่ 2 เขียน × 10
5
ใหอยูในรูปอยางงายและเลขยกกําลังทุกจํานวนมี
5
เลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มบวกไดเปน 3 × 2 × 5
3 8 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
−2
1
(x −3
y z )
−2 0 −2
= 3 2
x y
(( x y ) )
−2
3 2 −1
=
= (x y )
3 2 2
= (x ) ( y )
3 2 2 2
= x6 y 4
ทั้งนี้ ครูควรเปดโอกาสใหนักเรียนใหเหตุผลประกอบการแสดงวิธีทําในแตละขั้น
รากที่ n ของจํานวนจริง
นักเรียนไดเรียนรูเกี่ยวกับรากที่สองและกรณฑที่สองของจํานวนจริงบวก และการดําเนินการของ
จํานวนที่อยูในรูปกรณฑที่สองมาแลวในระดับมัธยมศึกษาตอนตน เนื้อหาเรื่องดังกลาวในหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 มีไวเพื่อเปนการทบทวน และเชื่อมโยงไปสู
เรื่อง รากที่ n ของจํานวนจริง
กิจกรรม : บิงโก
จุดมุงหมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใชเพื่อทบทวนหรือตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับรากที่สองของ
จํานวนจริงบวก กรณฑที่สองของจํานวนจริงบวก และการดําเนินการของจํานวนที่อยูในรูป
กรณฑที่สอง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 11
แนวทางการดําเนินกิจกรรม
1. ครูทําบัตรขอความจํานวน 20 ใบ แตละบัตรมีขอความเกี่ยวกับรากที่สองและกรณฑที่สอง
ของจํานวนเต็มบวก บัตรละ 1 ขอความที่ไมซ้ํากัน ดังนี้
รากที่สองที่เปนจํานวนจริงลบของ 25 รากที่สองของ 16
รากที่สองที่เปนจํานวนจริงบวกของ 144 รากที่สองที่เปนจํานวนจริงลบของ 64
รากที่สองของ 81 รากที่สองที่เปนจํานวนจริงบวกของ 49
รากที่สองของ 121 กรณฑที่สองของ 1
กรณฑที่สองของ 100 รากที่สองที่เปนจํานวนจริงลบของ 4
รากที่สองของ 9 3( 3 + 3)
32 × 2 (
2 6 3 6 − 2 24 )
27 8
3 − 48 2
4 − 169 − 100
− 49 ( −11)
2
2. ครูใหนักเรียนแตละคนสรางตารางบิงโกเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 4× 4 ดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
4. ครูเลือกนักเรียนเพื่อบอกคําตอบและใหเหตุผลประกอบคําตอบ โดยใหนักเรียนทุกคนใน
ชั้นเรียนรวมกันตรวจสอบคําตอบ ในขั้นตอนนี้ครูสามารถทราบความรูพื้นฐานที่นักเรียนมี
เกี่ยวกับรากที่สองและกรณฑที่สองของจํานวนเต็มบวก และการดําเนินการของจํานวนที่
อยูในรูปกรณฑที่สองได
5. ถาตารางบิงโกของนักเรีย นมีจํานวนที่เ ปน คําตอบ ใหนักเรียนทําเครื่องหมายกากบาท
จํานวนนั้น
6. ครูและนักเรียนทําซ้ําขั้นตอนที่ 3 – 5 จนกระทั่งมีนักเรียนบิงโก
หมายเหตุ
• ครูอาจแนะนํากติกาของบิงโกใหนักเรียนเขาใจกอนเริ่มทํากิจกรรมนี้ เชน การบิงโก คือ
นักเรียนมีเครื่องหมายกากบาทเรียงกันทุกชองในแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวทแยง ของ
ตารางบิงโก
• ครูอาจใหนักเรียนทํากิจกรรมนี้หลายรอบไดตามความเหมาะสม
• ครูอาจเปลี่ยนบัตรขอความหรือจํานวนที่ใหนักเรียนเติมลงในตารางบิงโก โดยจํานวนที่ให
นักเรียนเติมตองสอดคลองกับบัตรขอความ
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 13
เปนจํานวนจริงมีรากเดียว คือ −3
o กรณีที่ n เปนจํานวนคู
เมื่อ x > 0 จะสามารถหารากที่ n ของ x ที่เปนจํานวนจริงไดสองราก นั่นคือ ถา
y เปนรากที่ n ของ x แลว จะได x = y n = ( − y ) ดังนั้น รากที่ n ของ x ที่
n
คาหลักของรากที่ n
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
x, x ≥ 0
2) n
xn = เมื่อ n เปนจํานวนคู
− x, x < 0
x, x ≥ 0
ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมวา “ n xn = เมื่อ n เปนจํานวนคู” สามารถเขียนได
− x, x < 0
เปน “ n
xn = x เมื่อ n เปนจํานวนคู”
ความเขาใจคลาดเคลื่อน
เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
1
• ในการสอนบทนิยาม 5 ครูควรเนนย้ําวา ถา a≥0 แลวหา an ไดเสมอ แตถา a<0 แลว
1
จะหา a ที่เปนจํานวนจริงไดเฉพาะกรณีที่ n เปนจํานวนคี่ นอกจากนี้ครูควรระมัดระวัง
n
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 15
• เลขยกกําลังที่อยูในรูป a q
ตามบทนิยาม 6 มีเงื่อนไขสําคัญคือ ห.ร.ม. ของ p และ q
1
14
กอนเสมอ เชน เมื่อพิจารณา ( −8) จะเห็นวา ห.ร.ม. ของ 14 และ 6 ไมเปน 1 จึงตองทํา
6
1
14
ใหเปนเศษสวนอยางต่ํากอน ไดเปน 7 ซึ่ง ( −8) เปนจํานวนจริง ทําใหไดวา
3
6 3
7
14 7
1
( −8) =( −8) = ( −8 ) 3 =( −2 ) =−128
7
6 3
6
6
แตเมื่อพิจารณา ( −9 ) จะเห็นวา ห.ร.ม. ของ 6 และ 4 ไมเปน 1 จึงตองทํา
4 ใหเปน
4
1 6
3
เศษสวนอยางต่ํากอน ไดเปน ซึ่ง ( −9 ) ไมเปนจํานวนจริง ดังนั้น จึงไมนิยาม ( −9 )
2 4
2
• ในการแกโจทยปญหาในหัวขอนี้ ครูควรเปดโอกาสใหนักเรียนใชเทคโนโลยีเปนเครื่องมือ
ชวยในการคํานวณ
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
16 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
1.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
กิจกรรม : ปญหาพระราชา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 17
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. เติมจํานวนเมล็ดขาวลงในตารางใหสมบูรณ
2. ใชขอมูลจากตารางในขอ 1 เขียนแสดงจํานวนเมล็ดขาวสําหรับกระดานหมากรุกชองที่ n
ในรูปเลขยกกําลัง
3. พระราชาต องหาเมล็ ดขา วจํา นวนเท าใดสําหรับ ชองกระดานชองสุดทายของกระดาน
หมากรุก
4. ใชขอมูลจากตารางในขอ 1 เขียนแสดงจํานวนเมล็ดขาวสะสมชองที่ 1 จนถึงชองที่ n ในรูป
เลขยกกําลัง
5. จํานวนเมล็ดขาวที่ Sissa จะไดรับทั้งหมดเปนเทาใด
6. ถาเมล็ดขาว 1 เมล็ด หนัก 0.000008 กิโลกรัมโดยประมาณแลว จงหาน้ําหนักรวมของ
เมล็ดขาวทั้งหมดที่ Sissa ขอจากพระราชา
7. ถาในแตละปมีผลผลิตขาวในโลกรวมทั้งหมดประมาณ 580 ลานตัน แลวจะตองใชเวลา
อยางนอยกี่ป จึงจะมีจํานวนเมล็ดขาวครบตามที่ Sissa ขอจากพระราชา (1 ตัน เทากับ
1,000 กิโลกรัม)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
18 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
เฉลยกิจกรรม : ปญหาพระราชา
1.
กระดานหมากรุกชองที่ จํานวนเมล็ดขาว จํานวนเมล็ดขาวสะสม
1 1 1
2 2 3
3 4 7
4 8 15
5 16 31
6 32 63
7 64 127
8 128 255
9 256 511
10 512 1023
ชองกระดานชองสุดทายของกระดานหมากรุก
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 19
จํานวนเมล็ดขาวสะสมสําหรับกระดานหมากรุกชองที่ คือ 2 − 1 เมล็ด
n n
18,446,744,073,709,551,615 เมล็ด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
20 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
แนวทางการจัดกิจกรรม : ปญหาพระราชา
เวลาในการจัดกิจกรรม 30 นาที
กิจกรรมนี้ เสนอไวใหนักเรียนใชความรู เรื่อง เลขยกกําลัง เพื่อแกปญหาในสถานการณที่
กําหนดให โดยกิจกรรมนี้มีสื่อ/แหลงการเรียนรู และขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/แหลงการเรียนรู
1. ใบกิจกรรม “ปญหาพระราชา”
2. เครื่องคํานวณ
ขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม
1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ
2. ครู แจกใบกิ จกรรมป ญหาพระราชาให กั บนั กเรี ยนทุ กคนแล วให นั กเรี ยนศึ กษาข อมู ลในใบ
กิจกรรมกอนนําอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณปญหาเพื่อใหนักเรียนทุกคนเขาใจตรงกัน
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันตอบคําถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมขอ 1 – 7
ในใบกิจกรรม โดยใหนักเรียนใชเครื่องคํานวณตามความเหมาะสม ในระหวางที่นักเรียนทํา
กิจกรรมครูควรเดินดูนักเรียนใหทั่วถึงทุกกลุมและคอยชี้แนะ
4. ครูสุมเลือกกลุมนักเรียนเพื่อตอบคําถาม และใหนักเรียนกลุมอื่น ๆ รวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
คําตอบ รวมทั้งกระตุนใหนักเรียนใหเหตุผลประกอบคําตอบ
5. ครูนํานักเรียนอภิปรายเพื่อนําไปสูขอสรุปของกิจกรรมนี้เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นอยางทวีคูณ
ของเลขยกกําลัง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 21
1.4 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน
การวัดผลระหวางเรียนมีเปาหมายเพื่อปรับปรุงการเรียนรูและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนักเรียนแตละคนวามีความรูความเขาใจในเรื่องที่ครูสอนมากนอยเพียงใด การใหนักเรียน
ทําแบบฝกหัดเปนแนวทางหนึ่งที่ครูอาจใชเพื่อประเมินผลดานความรูระหวางเรียนของนักเรียน
ซึ่งหนั งสือเรีย นรายวิ ช าพื้ นฐานคณิตศาสตร ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอแบบฝกหัดที่
ครอบคลุมเนื้อหาที่สําคัญของแตละบทไว สําหรับในบทที่ 1 เลขยกกําลัง ครูอาจใชแบบฝกหัดเพื่อ
วัดผลประเมินผลความรูในแตละเนื้อหาไดดังนี้
เนื้อหา แบบฝกหัด
เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม 1.1 ขอ 1 – 3
รากที่ n ของจํานวนจริง และคาหลักของรากที่ n 1.2 ขอ 1
จํานวนจริงในรูปกรณฑ สมบัติของจํานวนจริงในรูปกรณฑ 1.2 ขอ 2 – 5
และการหาผลบวกและผลตางของจํานวนจริงในรูปกรณฑ
เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ ทฤษฎีบทเกี่ยวกับ
เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ และการบวก 1.3 ขอ 1 – 5
ลบ คูณ และหารเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ
การประยุกตของเลขยกกําลัง 1.3 ขอ 6 – 11
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
22 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
1.5 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 มีจุดมุงหมายวา เมื่อนักเรียนได
เรียนจบบทที่ 1 เลขยกกําลัง แลวนักเรียนสามารถ
1. หารากที่ n ของจํานวนจริง เมื่อ n เปนจํานวนนับที่มากกวา 1
2. ใชความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑในการแกปญหา
3. ใชความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะในการแกปญหา
ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอแบบฝกหัดทายบท
ที่ประกอบดวยโจทยเพื่อตรวจสอบความรูหลังเรียน ซึ่งมีวัตถุประสงคเพื่อวัดความรูความเขาใจ
ของนักเรียนตามจุดมุงหมาย นอกจากนี้มีโจทยฝกทักษะที่นาสนใจและโจทยทาทาย ครูอาจเลือกใช
แบบฝกหัดทายบทวัดความรูความเขาใจของนักเรียนตามจุดมุงหมายของบทเพื่อตรวจสอบวา
นักเรียนมีความสามารถตามจุดมุงหมายเมื่อเรียนจบบทเรียนหรือไม
ทั้งนี้แบบฝกหัดทายบทแตละขอในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
บทที่ 1 เลขยกกําลัง สอดคลองกับจุดมุงหมายของบทเรียน ดังนี้
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
1. หารากที่ n ของจํานวนจริง เมื่อ n เปนจํานวนนับที่มากกวา 1 3 1) – 4)
2. ใชความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑในการแกปญหา 5 1) – 13)
6 1) – 2)
7 1) – 4)
8 1) – 2), 7)*
3. ใชความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ 1 1) – 4)
ในการแกปญหา 2 1) – 6)
4 1) – 12)
5 14)
6 3) – 6)
8 3) – 6), 7)*
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 23
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
3. ใชความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ 9
ในการแกปญหา (ตอ) 10
11
12
13
14 1) – 2)
15
16 1) – 2)
หมายเหตุ
แบบฝกหัดทายบทขอ 8. 7) สอดคลองกับจุดมุงหมายของบทเรียนมากกวา 1 จุดมุงหมาย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
24 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
1.6 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู
• ทฤษฎีบทเกี่ยวกับเรื่องเลขยกกําลัง ที่ไมไดแสดงการพิสูจนในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 บทที่ 1 เลขยกกําลัง แสดงการพิสูจนไดดังนี้
ทฤษฎีบท 1
ให a, b เปนจํานวนจริงที่ไมเปนศูนย และ m, n เปนจํานวนเต็ม จะไดวา
1) am × an =a m+n
2) (a )m n
= a mn
(a × b) = a n × bn
n
3)
n
a an
4) =
b bn
am
5) = a m−n
an
พิสูจน
1) ให a, b เปนจํานวนจริงที่ไมเปนศูนย และ m, n เปนจํานวนเต็ม
จะได a × a = ( a × a × a ×× a ) ( a × a × a ×× a )
m n
m ตัว n ตัว
= a × a × a × × a
m + n ตัว
= a m+n
ดังนั้น am × an =a m+n
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 25
m ตัว
= ( a × a × a × × a )( a × a × a × × a )( a × a × a × × a )
m ตัว
n วงเล็บ
= a × a × a × × a × a × a × a × × a
mn ตัว
= a mn
ดังนั้น ( a m ) = a mn
n
n วงเล็บ
= a × a × a ×× a × b × b × b ×× b
= ( a × a × a ×× a ) × (b × b × b ×× b )
n ตัว n ตัว
= a n × bn
ดังนั้น ( a × b ) n
= a n × bn
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
26 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
n วงเล็บ
1 1 1
= a × a × a ×
b b b
1 1 1 1
= a × a × a × × a × × × × ×
b b b b
1 1 1 1
= ( a × a × a × × a ) × × × × ×
b b b b
n ตัว n ตัว
( a × a × a × × a ) ×
1
=
b × b × b × × b
n ตัว n ตัว
1
= an ×
bn
an
=
bn
n
a an
ดังนั้น =
b bn
5) ให a เปนจํานวนจริงที่ไมเปนศูนย และ m, n เปนจํานวนเต็ม
แบงการพิสูจนออกเปน 3 กรณี ดังนี้
กรณี m = n
จะได a = a m n
am
ดังนั้น n
= 1
a
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 27
กรณี m>n
m ตัว
am a × a × a × × a
จะได =
an a × a × a × × a
n ตัว
= a × a × a × × a โดยที่ m − n เปนจํานวนเต็ม
m–n ตัว
= a m−n
กรณี m<n
m ตัว
am a × a × a × × a
จะได =
an a × a × a × × a
n ตัว
1
= โดยที่ n−m เปนจํานวนเต็ม
a × a × a × × a
n–m ตัว
1
= n−m
a
จากทั้งสามกรณีขางตนสรุปไดวา
1 ; m=n
am
= a m − n ; m>n
an 1
n−m ; m<n
a
จากบทนิยาม 1
a0 = 1 เมื่อ a≠0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
28 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
1
และ a−n = เมื่อ a≠0
an
a 0 ; m−n=0
am
จะไดวา = a m − n ; m−n>0
an 1
−( m − n ) ; m−n<0
a
a m − n ; m−n=0
= a m − n ; m−n>0
m−n
a ; m−n<0
am
ดังนั้น = a m−n
an
ทฤษฎีบท 2
ให x ≥ 0 และ y≥0 จะได
x⋅ y =xy
พิสูจน
ให x, y เปนจํานวนจริง โดยที่ x ≥ 0 และ y ≥ 0
จะได x และ y เปนจํานวนจริง
ให a เปนจํานวนจริง ซึ่ง a = x นั่นคือ a 2 = x
และ b เปนจํานวนจริง ซึ่ง b = y นั่นคือ b2 = y
จะได xy = a b 2 2
( ab )
2
=
นั่นคือ ab = xy
ดังนั้น x⋅ y = xy
ทฤษฎีบท 3
ให x ≥ 0 และ y>0 จะได
x x
=
y y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 29
พิสูจน
ให x, y เปนจํานวนจริง โดยที่ x ≥ 0 และ y > 0
จะได x และ y เปนจํานวนจริง
ให a เปนจํานวนจริง ซึ่ง a = x นั่นคือ a 2 = x
และ b เปนจํานวนจริง ซึ่ง b = y นั่นคือ= b 2 y, y ≠ 0
x a2
จะได =
y b2
2
a
=
b
a x
นั่นคือ =
b y
x x
ดังนั้น =
y y
ทฤษฎีบท 4
ให x, y เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 โดยที่ x และ y มีราก
ที่ n จะได
n
x⋅n y =
n xy
พิสูจน
ให x, y เปนจํานวนจริง โดยที่ x และ y มีรากที่ n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1
ให a เปนจํานวนจริง และเปนรากที่ n ของ x
นั่นคือ a = n x ดังนั้น a = x
n
จะได = xy a= b ( ab )
n n n
ดังนั้น ab = xyn
สรุปไดวา x ⋅ y =
n n n xy
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
30 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
ทฤษฎีบท 5
ให x, y เปนจํานวนจริง และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 โดยที่ x และ y มีราก
ที่ n และ y ≠ 0 จะได
n
x x
= n
n y y
พิสูจน
ให x, y เปนจํานวนจริง โดยที่ x และ y มีรากที่ n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1
ให a เปนจํานวนจริง และเปนรากที่ n ของ x
นั่นคือ a = n x ดังนั้น a = x n
ทฤษฎีบท 6
ให a, b เปนจํานวนจริงที่ไมเปนศูนย และ m, n เปนจํานวนตรรกยะ โดยที่ am , an
และ b เปนจํานวนจริง จะไดวา
n
1) am ⋅ an = a m+n
2) (a ) m n
= a mn
( ab )
n
3) = a nbn
n
a an
4) =
b bn
am
5) = a m−n
an
พิสูจน
การพิสูจนเปนไปในทํานองเดียวกับทฤษฎีบท 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 31
1.7 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทและเฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
ในสวนนี้จะนําเสนอตัวอยางแบบทดสอบประจําบทที่ 1 เลขยกกําลัง สําหรับรายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ซึ่งครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงคการเรียนรูที่
ตองการวัดผลประเมินผล
ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
1. จงเขียนจํานวนตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงายและเลขยกกําลังทุกจํานวนมีเลขชี้กําลังเปน
จํานวนเต็มบวก
32
1) 52 × 5−3 2)
3−2
2. จงเขียนจํานวนตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
( )
3
6 −
1) 3
25 × 2 2) 16 2
5
−
1 7
3) 4) 50 + 32 − 18
128
1
3. จงพิจารณาวา 16 2 , 42 , 24 และ 16 จํานวนใดเปนจํานวนเดียวกัน
4. จงหาคาหลักของรากที่สองของ 5 + 24
5. กําหนดรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ABC ซึ่งมีดานตรงขามมุมฉากยาว 10 หนวย และดานประกอบ
มุมฉากยาว 75 และ a หนวย จงหา a
6. ตองการขุดบอน้ําใหเปนทรงกระบอกที่สามารถจุน้ําได 2,200 ลูกบาศกเมตร จงหาความยาว
ที่เปนไปไดของรัศมีของกนบอน้ําและความลึกของบอน้ํา เมื่อกําหนดให π ≈ 22
7
7. อางเก็บน้ําแหงหนึ่งเปนทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีความจุ 8.64 × 10 ลูกบาศกเมตร และวัด
6
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
32 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
1
1. 1) 52 × 5−3 = 52 + ( −3) = 52 − 3 = 5−1 =
5
32
2) = 32 −( −2) = 32 + 2 = 34 = 81
3−2
6
13
( )
1
6
2. 1) 3
25 × 2 = 25 × 2 2
6 6
= 25 3 × 2 2
= 252 × 23
= 625 × 8
= 5,000
−3
−
3
12
2) 16 2
= 16
−3
= 4
1
=
43
1
=
64
5
−
1
5
7
3) = 128 7
128
5
1
= 128 7
5
= 2
= 32
4) 50 + 32 − 18 = 2 × 5× 5 + 2 × 4 × 4 − 2 × 3× 3
= 5 2 + 4 2 −3 2
= ( 5 + 4 − 3) 2
= 6 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 33
1
3. เนื่องจาก =
16 2
=
16 4
=
4 2
=
16 4
24 = 16
และ 16 = 4
1
จะเห็นวา 16
= 2
=
42 =
16 4
1
ดังนั้น 16 2
, 42 และ 16 เปนจํานวนเดียวกัน
4. จาก 5 + 24 = 5 + 2 6
= 3+ 2+ 2 ( 3 )( 2 )
( 3 ) + 2 ( 3 )( 2 ) + ( 2 )
2 2
=
( 3 + 2)
2
จะได 5 + 24 =
100 = 75 + a 2
a 2 = 100 − 75
a 2 = 25
นั่นคือ a = −5 หรือ a = 5
เนื่องจาก a เปนความยาวของดานประกอบมุมฉากของรูปสามเหลี่ยม จะไดวา a > 0
ดังนั้น a = 5
6. ใหบอน้ํานี้มีความยาวของรัศมีของกนบอน้ําเปน r เมตร และมีความลึกเปน h เมตร
เนื่องจาก ตองการใหบอน้ํานี้จุน้ําได 2,200 ลูกบาศกเมตร
และปริมาตรของทรงกระบอกที่มีรัศมียาว r เมตร และสูง h เมตร คือ π r h ลูกบาศก 2
เมตร
จะได π r h = 2, 200
2
22 2
r h ≈ 2, 200
7
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เลขยกกําลัง
34 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
2, 200 × 7
r 2h ≈
22
r 2h ≈ 700
จะไดวามีจํานวนจริงหลายคูที่สอดคลองกับ r h ≈ 700 เชน 2
8.64 × 106
h =
4.8 × 106
h = 1.8
ดังนั้น ความลึกของอางเก็บน้ํานี้ คือ 1.8 เมตร
8. พิจารณาการฝากเงินของยุพา ซึ่งฝากเงิน 10,000 บาท โดยไมมีการถอนเงิน เปนเวลา 10 ป
และไดรับดอกเบี้ยจากธนาคาร 1% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยทบตนเปนรายป
1
นั=
่นคือ P 10000,
= n 10 และ= r = 0.01
100
จะได จํานวนเงินฝากเมื่อสิ้นปที่ 10 คือ 10,000 (1 + 0.01)10 ≈ 11,046.22 บาท
นั่นคือ ดอกเบี้ยที่ยุพาไดรับจากธนาคาร คือ 11,046.22 − 10,000 = 1,046.22 บาท
พิจารณาการฝากเงินของยุพิน ซึ่งฝากเงิน 20,000 บาท โดยไมมีการถอนเงิน เปนเวลา 5 ป
และไดรับดอกเบี้ยจากธนาคาร 1% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยทบตนเปนรายป
1
นั=่นคือ P 20000,
= n 5 และ= r = 0.01
100
จะได จํานวนเงินฝากเมื่อสิ้นปที่ 5 คือ 20,000 (1 + 0.01) ≈ 21,020.20
บาท
5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 35
บทที่ 2
ฟงกชัน
ฟงกชันเปนเรื่องที่มีความเกี่ยวของในชีวิตจริง เนื่องจากในชีวิตจริงจะพบความสัมพันธของ
ขอมูลสองกลุมคอนขางมาก เชน เมื่อนํารถยนตไปเติมน้ํามันเมื่อเติมน้ํามันรถยนต จํานวนเงินที่
ตองชําระขึ้นอยูกับปริมาณน้ํามันที่เติม คาโดยสารรถไฟขึ้นอยูกับระยะทางที่เดินทาง คาสงพัสดุ
ไปรษณียขึ้นอยูกับน้ําหนักของพัสดุ กําไรที่ไดจากการขายสินคาขึ้นอยูกับจํานวนสินคาที่ขายได
ขอมูลสองชุดที่มีความสัมพันธกันนี้ อาจเรียกขอมูลชุดแรกวา ขอมูลเขา และเรียกขอมูลชุดที่
สองวา ขอมูลออก จากตัวอยางที่ยกมานี้จะเห็นวาขอมูลเขาสัมพันธกับขอมูลออกเพียงหนึ่งตัว
ในทางคณิตศาสตรจะเรียกความสัมพันธระหวางเซตของขอมูลสองชุด โดยที่ขอมูลเขาหนึ่งตัวให
ขอมูลออกเพียงหนึ่งตัวในลักษณะนี้วาฟงกชัน โดยในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 บทที่ 2 ฟงกชัน ไดนําเสนอบทนิยามเกี่ยวกับฟงกชัน ฟงกชันจากสับเซต
ของจํานวนจริงไปยังเซตของจํานวนจริง ฟงกชันเชิงเสน ฟงกชันกําลังสอง ฟงกชันขั้นบันได
และฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
ในบทเรียนนี้มุงใหนักเรียนบรรลุตัวชี้วัดตามสาระการเรียนรูแกนกลาง และบรรลุจุดมุงหมาย
ดังตอไปนี้
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง
ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง
• ใชฟงกชันและกราฟของฟงกชันอธิบาย • ฟงกชันและกราฟของฟงกชัน (ฟงกชัน
สถานการณที่กําหนด เชิงเสน ฟงกชันกําลังสอง ฟงกชัน
ขั้นบันได ฟงกชันเอกซโพเนนเชียล)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
36 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จุดมุงหมาย
1. หาโดเมนและเรนจ และเขียนกราฟของฟงกชัน
2. ใชความรูเกี่ยวกับฟงกชันในการแกปญหา
ความรูกอนหนา
• ความรูเกี่ยวกับสมการและกราฟในระดับมัธยมศึกษาตอนตน
• เซต
ipst.me/8457
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 37
2.1 เนื้อหาสาระ
1. บทนิยาม 1
ฟงกชัน คือ เซตของคูอันดับ ซึ่งคูอันดับสองคูอันดับใด ๆ ถามีสมาชิกตัวหนาเหมือนกัน
แลวสมาชิกตัวหลังตองเหมือนกัน
เซตของสมาชิกตัวหนาของคูอันดับทั้งหมด เรียกวา โดเมนของฟงกชัน
เซตของสมาชิกตัวหลังของคูอันดับทั้งหมด เรียกวา เรนจของฟงกชัน
ถา f เปนฟงกชัน โดเมนของ f เขียนแทนดวย D f และเรนจของ f เขียนแทนดวย R f
2. ถา f เปนฟงกชันซึ่งมีโดเมนเปนเซต A และมีเรนจเปนสับเซตของเซต B จะกลาววา
f เปน ฟงกชันจาก A ไป B
3. ในกรณีที่โดเมนและเรนจของฟงกชันเปนสับเซตของเซตของจํานวนจริง ในการกําหนดฟงกชัน
มักใชวิธีบอกเงื่อนไขในรูปสมการที่แสดงความสัมพันธระหวางตัวแปรตน x กับตัวแปรตาม y
แทนการกําหนดในรูปเซตของคูอันดับ ในกรณีนี้ จะเขียน y = f ( x ) แทน ( x, y ) ∈ f
และเรียก y วาเปนคาของฟงกชัน f ที่ x ใชสัญลักษณ f ( x )
4. ฟงกชันเชิงเสน คือ ฟงกชันที่อยูในรูป f ( x=) ax + b เมื่อ a และ b เปนจํานวนจริง
โดยกราฟของฟงกชันเชิงเสนจะเปนเสนตรง
5. ฟงกชัน f ( x=) ax + b เมื่อ a = 0 จะได ฟงกชัน f ( x ) = b มีชื่อเรียกวา ฟงกชันคงตัว
6. สําหรับฟงกชันเชิงเสน
1) ในกรณีที่ สั มประสิท ธิ์ ของ x เป นจํ านวนจริง บวก เมื่อสัม ประสิท ธิ์ของ x มากขึ้ น
กราฟจะเบนเขาหาแกน Y และเมื่อสัมประสิทธิ์ของ x นอยลง กราฟจะเบนเขาหา
แกน X
2) ในกรณี ที่ สั ม ประสิ ท ธิ์ ข อง x เป น จํ า นวนจริ ง ลบ เมื่ อสั ม ประสิ ท ธิ์ ข อง x มากขึ้ น
กราฟจะเบนเขาหาแกน X และเมื่อสัมประสิทธิ์ของ x นอยลง กราฟจะเบนเขาหา
แกน Y
7. ฟงกชันกําลังสอง คือ ฟงกชันที่อยูในรูป f ( x ) = ax 2 + bx + c เมื่อ a, b และ c เปน
จํานวนจริงใด ๆ และ a ≠ 0 ลักษณะของกราฟของฟงกชันกําลังสองขึ้นอยูกับ a, b และ c
โดยเมื่อ a เปนจํานวนจริงบวกหรือจํานวนจริงลบ จะทําใหไดกราฟเปนเสนโคงหงายขึ้น
หรือคว่ําลง ตามลําดับ ดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
38 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
กราฟของฟงกชันกําลังสองมีชื่อเรียกวา พาราโบลา
จุดยอดของพาราโบลา คือ จุดสูงสุดหรือจุดต่ําสุดของพาราโบลา
ในกรณีที่ฟงกชันกําลังสองเขียนอยูในรูป f ( x ) = ax 2 + bx + c เมื่อ a ≠ 0 การหาจุดสูงสุด
หรือจุดต่ําสุดของกราฟทําไดโดยจัดรูปสมการใหอยูในรูปของ f ( x ) = a ( x − h )2 + k โดย
อาศัยการจัดบางสวนของสมการใหอยูในรูปกําลังสองสมบูรณ เพื่อใหหาจุดยอดของกราฟ
หรือจุด ( h, k ) ไดงายขึ้น
8. ฟงกชันที่มีโดเมนเปนสับเซตของเซตของจํานวนจริง และโดเมนถูกแบงออกเปนชวงยอย
มากกว าหนึ่ งช ว ง โดยค า ของฟ ง ก ชั น ในแต ล ะช ว งยอ ยเป น คา คงตั ว เรี ย กว า ฟ งกชั น
ขั้นบันได กราฟของฟงกชันจะมีลักษณะคลายขั้นบันได
9. ฟงกชันที่อยูในรูป f ( x ) = a x เมื่อ a > 0 และ a ≠ 1 เรียกวา ฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
10. สําหรับฟงกชันเอกซโพเนนเชียล f ( x ) = a x เมื่อ a > 0 และ a ≠ 1
1) กราฟของฟงกชันจะผานจุด ( 0, 1) เสมอ ทั้งนี้เพราะ a = 1 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 39
2.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน
ฟงกชัน
กิจกรรม : สัตวเลี้ยงแสนรัก
จุดมุงหมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใชเพื่อนําเขาสูบทเรียน เรื่อง ฟงกชัน
แนวทางการดําเนินกิจกรรม
1. ครู สุมเลื อกนั กเรี ยน 5 คน แล วให นักเรี ยนเลือกสั ตว 1 ชนิ ด จากชนิ ดสั ตว เลี้ยงที่ กําหนดให
ตอไปนี้
สุนัข แมว กระตาย ปลา
2. ครูกําหนดเซตขึ้นมาสองเซต คือ เซตของชื่อนักเรียน และเซตของชนิดสัตวเลี้ยง จากนั้นเขียน
แผนภาพแสดงการจั บ คู ร ะหว า งชื่ อ นั ก เรี ย นกั บ ชนิ ด สั ต ว เ ลี้ ย งที่ นั ก เรี ย นคนนั้ น เลื อ ก
ตัวอยางเชน
ชื่อนักเรียน ชนิดสัตวเลี้ยง
ตะวัน สุนัข
จันทรา แมว
ดารา กระตาย
เมฆา ปลา
เวหา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
40 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
4. จากนั้ นครู ให นั กเรี ยนเขี ยนเซตของคู อันดั บแสดงการจับคู ชื่อนักเรียนกับชนิ ดสั ตว เลี้ ยงที่
นักเรียนคนนั้นเลือก โดยใหสมาชิกตัวหนาของคูอันดับเปนชื่อนักเรียน และสมาชิกตัวหลัง
ของคูอันดับเปนชนิดสัตวเลี้ยง
แนวคําตอบ
{(ตะวัน, สุนัข), (จันทรา, กระตาย), (ดารา, ปลา), (เมฆา, สุนัข), (เวหา, แมว)}
5. ครูอธิบายเกี่ยวกับบทนิยามของฟงกชัน จะไดวาการจับคูในขอ 4 เปนฟงกชัน เนื่องจาก
สมาชิกตัวหนาแตละตัวจับคูกับสมาชิกตัวหลังเพียงตัวเดียว ซึ่งมี {ตะวัน, จันทรา, ดารา,
เมฆา, เวหา} เปนโดเมนของฟงกชัน และ {สุนัข, แมว, กระตาย, ปลา} เปนเรนจของ
ฟงกชัน
หมายเหตุ
• ในแนวทางการดําเนินกิจกรรมขอ 1 ครูอาจเปลี่ยนสิ่งที่ใหนักเรียนเลือกเปนสิ่งอื่น เชน
ความสูงของนักเรียน ขนาดของรองเทาของนักเรียน
• หลังจากแนวทางการดําเนินกิจกรรมขอ 5 แลวครูอาจใหนักเรียนพิจารณาเพิ่มเติมวา ถา
กําหนดใหนักเรียน 1 คน เลือกชนิดสัตวเลี้ยงไดมากกวา 1 ชนิด เซตของคูอันดับที่ไดจะ
เปนฟงกชันหรือไม
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
• ความรูเกี่ยวกับความสัมพันธระหวางระยะเวลาในการคั่วกาแฟกับอุณหภูมิของเมล็ดกาแฟ
ซึ่งเปนฟงกชั น ที่นําเสนอไวในเกริ่นนําของบทที่ 2 ฟงกชัน ของหนังสือเรียนรายวิช า
พื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 มีไวเพื่อเชื่อมโยงความรูเกี่ยวกับฟงกชันกับชีวิตจริง
ครูอาจใหนักเรียนศึกษาขอมูลเพิ่มเติมจากคลิปวีดิทัศนใน https://youtu.be/F2zA8YB2B_M
เพื่ อ ให นั ก เรี ย นเห็ น ความสํ า คั ญ ของฟ ง ก ชั น ในชี วิ ต จริ ง ซึ่ ง ในคลิ ป วี ดิ ทั ศ น ก ล า วถึ ง
ความสัมพันธที่มีการใหความรอนในการคั่วเมล็ดกาแฟเปนตัวแปรตน และระยะเวลาใน
การคั่วเมล็ดกาแฟเปนตัวแปรตาม ซึ่งเมื่อพิจารณากราฟของความสัมพันธดังกลาวแลวจะ
เห็นวาความสัมพันธดังกลาวเปนฟงกชัน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 41
• ในกรณีที่โดเมนและเรนจของฟงกชันเปนสับเซตของเซตของจํานวนจริง การกําหนดฟงกชัน
มักใชวิธีบอกเงื่อนไขในรูปสมการที่แสดงความสัมพันธระหวางตัวแปรตน x กับตัวแปรตาม y
แทนการกําหนดในรูปเซตของคูอันดับ กรณีนี้ จะเขียน y = f ( x ) แทน ( x, y ) ∈ f และ
เรีย ก y ว าเป นค าของฟงก ชัน f ที่ x ใชสัญ ลักษณ f ( x ) เชน การกําหนดฟงกชัน
f {( x, y ) =
= y 3 x + 2} เพื่อความสะดวกจะเขียนเพียง = y 3 x + 2 หรือ f ( x=
) 3x + 2
• การตรวจสอบการเปนฟงกชันของ f ที่เขียนอยูในรูปเซตแบบบอกเงื่อนไข นักเรียนอาจ
ทําไดโดยการพิจารณาจากกราฟของสมการที่เปนเงื่อนไข ซึ่งเมื่อลากเสนขนานกับแกน Y
ถาไมมีเสนขนานกับแกน Y เสนใดตัดกราฟของสมการที่กําหนดใหมากกวา 1 จุด แลวเซต
นั้นจะเปนฟงกชัน (ดังแสดงในตัวอยางที่ 8) แตถามีเสนขนานกับแกน Y อยางนอย 1 เสน
ตัดกราฟของสมการที่กําหนดใหมากกวา 1 จุด แลวเซตนั้นจะไมเปนฟงกชัน (ดังแสดงใน
ตัวอยางที่ 9) อยางไรก็ตาม นอกจากวิธีดังกลาวแลว ยังสามารถตรวจสอบการเปนฟงกชัน
โดยใชบทนิยาม 1 ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติมในหัวขอความรูเพิ่มเติมสําหรับครู ของคูมือครู
รายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
• ในการสอนเกี่ยวกับกราฟของฟงกชัน ครูควรเปดโอกาสใหนักเรียนไดลงมือเขียนกราฟดวย
ตนเองพรอมทั้งสรุปวิธีเขียนกราฟ และเมื่อนักเรียนมีความเขาใจเกี่ยวกับกราฟของฟงกชัน
ดีแลว ครูอาจใหนักเรียนใชเทคโนโลยีเปนเครื่องมือชวยในการเขียนกราฟ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
42 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
ความเขาใจคลาดเคลื่อน
• นักเรียนมักเขาใจผิดวา f ( x)
เปนสัญลักษณแทนฟงกชัน ทั้งนี้ ครูควรเนนย้ําวา f ( x )
เปนสัญลักษณซึ่งใชแทนคาของฟงกชัน f ที่ x เชน f ( 2 ) เปนสัญลักษณซึ่งใชแทนคา
ของฟงกชัน f เมื่อ x = 2 นอกจากนี้ f ( x ) ยังใชแทนการเขียนฟงกชันแบบบอกเงื่อนไข
เชน f ( x=) 2 x + 1
ฟงกชันเชิงเสน
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
• เนื้อหาเกี่ยวกับกราฟของฟงกชันเชิงเสนในบทนี้ ไมไดมุงเนนใหนักเรียนเขียนกราฟของฟงกชัน
เชิงเสนที่กําหนดใหเพียงอยางเดียว แตครูควรสนับสนุนใหนักเรียนใชกราฟของฟงกชันเชิงเสน
ในการแกปญหา เชน ตัวอยางที่ 15 ครูควรใชเทคโนโลยีเปนเครื่องมือชวยในการเขียนกราฟ ซึ่ง
ไดเปนดังนี้
เนื่องจากฟงกชันแสดงกําไร (ขาดทุน) ของรานถายเอกสาร เมื่อ x เปนจํานวนแผนที่
ถายเอกสารใน 1 วัน คือ f= ( x ) 0.23x − 450
เขียนกราฟของฟงกชันแสดงกําไร (ขาดทุน) ของรานถายเอกสาร ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 43
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับแบบฝกหัด
กิจกรรม : สํารวจกราฟของฟงกชันเชิงเสน
จุดมุงหมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใชเพื่อเสริมความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับกราฟของฟงกชันเชิงเสน
แนวทางการดําเนินกิจกรรม
1. ครูจับคูนักเรียนแบบคละความสามารถ จากนั้นเปดเว็บไซต ipst.me/10303
2. ครู ให นั กเรี ยนแต ละคู คลิ กลากปุ มบนสไลเดอร a และ b เพื่ อสํ ารวจกราฟของฟ งก ชั น
y ax + b เมื่อ a และ b เปนจํานวนจริง วาการเปลี่ยนแปลงของ a และ b มีผลอยางไร
=
ตอการเปลี่ยนแปลงลักษณะของกราฟในกรณีตาง ๆ ดังนี้
• กรณี a > 0 และ a มากขึ้น เมื่อ b คงที่
แนวคําตอบ กราฟจะเบนเขาหาแกน Y
• กรณี a > 0 และ a นอยลง เมื่อ b คงที่
แนวคําตอบ กราฟจะเบนเขาหาแกน X
• กรณี a < 0 และ a มากขึ้น เมื่อ b คงที่
แนวคําตอบ กราฟจะเบนเขาหาแกน X
• กรณี a < 0 และ a นอยลง เมื่อ b คงที่
แนวคําตอบ กราฟจะเบนเขาหาแกน Y
• กรณี a คงที่ เมื่อ b มากขึ้น
แนวคําตอบ กราฟจะเลื่อนขึ้นตามแนวแกน Y
• กรณี a คงที่ เมื่อ b นอยลง
แนวคําตอบ กราฟจะเลื่อนลงตามแนวแกน Y
3. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลที่ไดจากการสํารวจในขอ 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
44 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
หมายเหตุ
• เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมนี้แลว ครูควรเชื่อมโยงกับแบบฝกหัด 2.2 ขอ 1 และนําไปใชในการ
พิจารณากราฟของฟงกชันเชิงเสนตาง ๆ
• กิจกรรมนี้มีไวเพื่อใหนักเรียนเขาใจกราฟของฟงกชันเชิงเสนดีขึ้น ทั้งนี้ ครูไมควรวัดผล
ประเมินผลการเรียนรูที่เนนใหนักเรียนจดจําแตละกรณี
ฟงกชันกําลังสอง
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 45
กิจกรรม : สํารวจกราฟของฟงกชันกําลังสอง
จุดมุงหมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใชเพื่อเสริมความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับกราฟของฟงกชันกําลังสอง
แนวทางการดําเนินกิจกรรม
1. ครูจับคูนักเรียนแบบคละความสามารถ จากนั้นเปดเว็บไซต ipst.me/10304
2. ครูใหนั กเรียนแตละคูคลิกลากปุมบนสไลเดอร a, h และ k เพื่อสํารวจกราฟของฟงกชั น
y = a ( x − h ) + k เมื่อ a, h และ k เปนจํานวนจริง วาการเปลี่ยนแปลงของ a, h และ
2
k มีผลอยางไรตอการเปลี่ยนแปลงลักษณะของกราฟในกรณีตาง ๆ ดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
46 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 47
หมายเหตุ
• ผลที่ไดในขอ 2 ที่เกี่ยวกับการกวางขึ้นหรือแคบลงของกราฟนั้น เปนการพิจารณาที่สเกล
เดียวกัน
• เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมนี้แลว ครูควรเชื่อมโยงกับแบบฝกหัด 2.3 ขอ 1 และนําไปใชในการ
พิจารณากราฟของฟงกชันกําลังสองตาง ๆ
• กิจกรรมนี้มีไวเพื่อใหนักเรียนเขาใจกราฟของฟงกชันกําลังสองดีขึ้น ทั้งนี้ ครูไมควรวัดผล
ประเมินผลการเรียนรูที่เนนใหนักเรียนจดจําแตละกรณี
ฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับการสอน
x
1
• ในกรณีที่มีนักเรียนถามวาฟงกชัน เชน 5( 2) , y =
y=
x
32 x + 4 , y =
5 x + 2, y =
− + 4
5
เปนฟงกชันเอกซโพเนนเชียลหรือไม ครูควรอธิบายวาเมื่อพิจารณาตามบทนิยามในหนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 จะไดวา ฟงกชันเหลานี้ไมเปนฟงกชัน
เอกซโพเนนเชียล แตเมื่อศึกษาจากตําราอื่น ๆ ที่นิยามแตกตางไป อาจเรียกฟงกชันเหลานี้
วาเปนฟงกชันเอกซโพเนนเชียล นอกจากนี้การพิจารณาวาเปนฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
หรือไม ไมใชจุดเนนของบทนี้
• เนื่องจากเรนจของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล คือ ดังนั้น กราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
+
อยูเหนือแกน X เสมอ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
48 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
กิจกรรม : สํารวจกราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
จุดมุงหมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใชเพื่อเสริมความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับกราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล
แนวทางการดําเนินกิจกรรม
1. ครูจับคูนักเรียนแบบคละความสามารถ จากนั้นใหนักเรียนเปดเว็บไซต ipst.me/9046
2. ครูใหนักเรียนแตละคูสํารวจกราฟของฟงกชัน f ( x ) = 2 โดย x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 49
แนวคําตอบ
• เมื่อ x เปลี่ยนจากนอยไปมาก คาของ f ( x ) จะเพิ่มขึ้น
• เมื่อ x เปนจํานวนจริงบวกและเพิ่มขึ้น คาของ f ( x ) จะเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วและ
ไมมีที่สิ้นสุด
• เมื่อ x เปนจํานวนจริงลบและลดลง คาของ f ( x ) จะคอย ๆ ลดลงจนเขาใกลศูนย
แตไมเทากับศูนย
4. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับขอสังเกตที่ไดในขอ 2 และ 3
5. ครู ให นั กเรี ย นแต ละคู ปรั บสไลเดอร a จากน อยไปมาก เพื่ อสํ ารวจกราฟของฟ งก ชั น
f ( x ) = a แลวพิจารณาวา
x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
50 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2.3 แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน
กิจกรรม : ซอมบี้บุก
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 51
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
52 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
เฉลยกิจกรรม : ซอมบี้บุก
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 53
3.
4. กราฟที่ไดมีลักษณะใกลเคียงกับกราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล ที่มีโดเมนของฟงกชันเปน
} ∪ {0} เนื่องจากเมื่อ x เพิ่มขึ้น y จะเปนสามเทาของจํานวนกอนหนา
5. y = 5 ( 3 ) โดยที่ x แทนเวลา (วัน) และ y แทนจํานวนซอมบี้ (ตัว)
x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
54 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 55
แนวทางการจัดกิจกรรม : ซอมบี้บุก
เวลาในการจัดกิจกรรม 50 นาที
กิ จ กรรมนี้ เ สนอไว ใ ห นั กเรี ย นใช ความรูเ รื่อ งฟ งกชั น เพื่ อแกป ญ หาในสถานการณ ที่
กําหนดให โดยกิจกรรมนี้มีสื่อ/แหลงการเรียนรู และขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/แหลงการเรียนรู
1. ใบกิจกรรม “ซอมบี้บุก”
2. ยางวงขนาดเสนผานศูนยกลาง 2 – 3 นิ้ว จํานวนเทากับจํานวนนักเรียนในหอง
ขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม
1. ครูแจกใบกิจกรรม “ซอมบี้บุก” จากนั้นใหนักเรียนอานสถานการณที่กําหนดในใบกิจกรรม
ใหเขาใจ แลวใหนักเรียนตอบคําถามที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติขอ 1 โดยไมคํานึงถึง
ความถูกตองของคําตอบ
2. ครูขออาสาสมัครจํานวน 5 คน และกําหนดใหนักเรียนกลุมนี้เปนซอมบี้ตามสถานการณ
เริ่มตน โดยนักเรียนกลุมนี้จะมียางวงใสไวที่ขอมือคนละ 1 เสน ซึ่งสมมติใหยางวงเปน
สัญลักษณแสดงการเปนซอมบี้
3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวาวันนี้เปนวันแรกที่พบซอมบี้ติดเชื้อ ดังนั้นจึงกําหนดใหวันนี้เปนวันที่ 0
ซึ่งมีซอมบี้จํานวน 5 ตัว
4. ครูใหสัญญาณวาเปนวันที่ 1 และจะเริ่มแพรเชื้อซอมบี้ จากนั้นครูแจกยางวงอีก 2 เสนให
นักเรียนแตละคนที่เปนซอมบี้ แลวใหนักเรียนที่เปนซอมบี้นํายางวงที่ไดรับเพิ่มไปใสไวที่
ขอมือของเพื่อนตามเงื่อนไขในสถานการณที่กําหนด
5. ครูถามนักเรียนวาในขณะนี้มีซอมบี้ในหองทั้งหมดกี่ตัว จากนั้นครูใหนักเรียนเติมจํานวน
ซอมบี้ของวันที่ 1 ลงในตารางที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติขอ 2
6. ครูใหนักเรียนทําซ้ําขอ 4 และ 5 สําหรับวันที่ 2 และวันอื่น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยูกับจํานวนนักเรียน
ในหอง
7. ครูใหนักเรียนเติมขอมูลลงในตารางที่ปรากฏในขั้นตอนการปฏิบัติขอ 2 ใหสมบูรณ จากนั้น
ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบคําตอบ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
56 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1 5 + 5( 2) =
5 ( 3)
2 5 ( 32 )
15 + 15 ( 2 ) =
3 5 ( 33 )
45 + 45 ( 2 ) =
ซึ่งจะทําใหนักเรียนเขาใจวาคําตอบที่ไดคือ y = 5 ( 3 ) เชื่อมโยงกับสถานการณที่
x
กําหนดใหอยางไร
• ในการหาฟงกชันที่ใชเพื่อตอบคําถามขอ 8 ที่ปรากฏในใบกิจกรรม ใหนักเรียนใชแนวคิด
เดียวกับการตอบคําถามขอ 5 ที่ปรากฏในใบกิจกรรม
• ในการตอบคําถามขอ 9 ที่ปรากฏในใบกิจกรรม ครูควรพิจารณาความสมเหตุสมผล
ของคําตอบ เชน นักเรียนที่ตองการใหจํานวนซอมบี้เพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว ควรเลือก
สถานการณที่มีจํานวนซอมบี้เริ่มตนนอย แตซอมบี้แตละตัวเคลื่อนที่เร็ว ทําใหแตละ
วันแพรเชื้อไดจํานวนมาก
หมายเหตุ
ครู ควรส งเสริ มให นักเรี ยนใชเ ทคโนโลยีเ ปนเครื่องมือชวยในการเขีย นกราฟและการ
คํานวณ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 57
กิจกรรม : สืบจากกราฟ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
58 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. จั บ คู คํ า อธิ บ ายกั บ กราฟทั้ ง หก พร อ มทั้ ง กํ า หนดว า แกน X และแกน Y แทนอะไร
ใหสอดคลองกับคําอธิบายกราฟ ในตารางดานลาง
กราฟ คําอธิบาย แกน X และแกน Y
2. เขี ยนสถานการณ ที่ อธิ บายการหายตั วไปของขจร ให สอดคล องกั บกราฟและคํ าอธิ บาย
ในตาราง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 59
เฉลยกิจกรรม : สืบจากกราฟ
1. ตัวอยางคําตอบ
กราฟ คําอธิบาย แกน X และแกน Y
ขจรคิ ดสู ตรอาหารสุ ขภาพและ
ทํ า อาหารขายเป น งานอดิ เ รก แกน X แทน เวลาที่ผานไป
โดยใชเวลากับงานอดิเรกมากขึ้น แกน Y แทน เวลาที่ใชกับงานอดิเรก
เรื่อย ๆ
ขจรไม ค อ ยมี เ วลาออกไปพบ
แกน X แทน เวลาที่ผานไป
เพื่ อน ทํา ให เพื่อนสนิทนอยลง
แกน Y แทน จํานวนเพื่อนสนิท
เรื่อย ๆ
ขจรใช เวลากั บครอบครั วอย าง
แกน X แทน เวลาที่ผานไป
สม่ํ าเสมอและได แรงสนั บสนุ น
แกน Y แทน เวลาที่ใชกับครอบครัว
จากครอบครัวอยางสม่ําเสมอ
ขจรมี น้ํ า หนั ก ตั ว มากขึ้ น เมื่ อ
หมอแนะนําใหลดน้ําหนัก เขาจึง
แกน X แทน เวลาที่ผานไป
เริ่ มออกกํ า ลั งกายและคิ ดสู ตร
แกน Y แทน น้ําหนักตัว
อาหารเพื่อสุขภาพ ทําใหน้ําหนัก
ตัวลดลง
ขจรมี ค วามพอใจในงานที่ ทํ า
แกน X แทน เวลาที่ผานไป
ลดลงเรื่อย ๆ และรูสึกอิ่มตัวกับ
แกน Y แทน ความพอใจในงานที่ทํา
การเขียนโปรแกรม
เกมที่ ขจรเขี ยนโปรแกรมได รั บ
ความนิ ยมสู ง ทํ าให รายไดขจร แกน X แทน เวลาที่ผานไป
เพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว และเงินใน แกน Y แทน เงินในบัญชี
บัญชีเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว
หมายเหตุ
กราฟที่กําหนดใหในกิจกรรมนี้อาจเปนกราฟเสนแนวโนมของฟงกชันที่ไมตอเนื่อง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
60 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2. ตัวอยางคําตอบ
ขจรเปนนักเขียนโปรแกรม ใชเวลาสวนใหญนั่งทํางานหนาจอคอมพิวเตอร ทําใหขจรมี
น้ําหนักตัวมากขึ้น หลายปกอนหมอแนะนําใหขจรลดน้ําหนัก ขจรจึงเริ่มออกกําลังกาย
และคิดสูตรอาหารเพื่อสุขภาพและทําอาหารขายเปนงานอดิเรก โดยมีครอบครัวชวยชิม
อาหารที่ทําและใหความเห็นเพื่อปรับปรุงสูตรอาหาร ขจรไมคอยมีเวลาออกไปพบเพื่อน
ทําใหเพื่อนสนิทนอยลงเรื่อย ๆ ปที่แลวเกมที่ขจรเขียนโปรแกรมไดรับความนิยมสูง ทําให
รายไดขจรเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว ขจรรูสึกอิ่มตัวกับการเขียนโปรแกรมจึงตัดสินใจขายลิขสิทธิ์
เกมใหกับบริษัทใหญแหงหนึ่ง และไดเงินมากอนหนึ่ง เมื่อเพื่อนไดขาววาขจรร่ํารวยมาก ก็เริ่ม
ติดตอมาเพื่อหวังจะขอเงิน ดวยแรงสนับสนุนจากครอบครัวอยางสม่ําเสมอมาโดยตลอด
ทําใหขจรมั่นใจในสูต รอาหารเพื่อสุขภาพของตนเอง ขจรจึงตัดสินใจชวนครอบครัวไป
ตางประเทศอยางเงียบ ๆ และนําเงินกอนที่ไดไปเปดรานอาหารเพื่อสุขภาพที่นั่น
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 61
แนวทางการจัดกิจกรรม : สืบจากกราฟ
เวลาในการจัดกิจกรรม 30 นาที
กิจกรรมนี้เสนอไวใหนักเรียนใชความรูเรื่องฟงกชัน เพื่อแกปญหาในสถานการณที่กําหนดให
โดยกิจกรรมนี้มีสื่อ/แหลงการเรียนรู และขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/แหลงการเรียนรู
ใบกิจกรรม “สืบจากกราฟ”
ขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม
1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ
2. ครูแจกใบกิจกรรม “สืบจากกราฟ” จากนั้นใหนักเรียนอานสถานการณที่กําหนดในใบกิจกรรม
ใหเขาใจ ทั้งนี้ ครูควรชี้แจงเพิ่มเติมวากราฟที่กําหนดใหในกิจกรรมนี้อาจเปนกราฟเสนแนวโนม
ของฟงกชันที่ไมตอเนื่อง เชน เมื่อแกน X เปนเวลาที่ผานไป และแกน Y เปนจํานวนเพื่อน
สนิท ซึ่งจํานวนเพื่อนสนิทเปนจํานวนเต็มบวก จะไดวากราฟที่ไดจะมีลักษณะเปนจุด
3. ครูเลือกตัวแทนนักเรียนเพื่อการจับคูคําอธิบายกับกราฟประมาณ 1 – 2 ตัวอยาง
4. เมื่ อนั กเรี ยนเข าใจการจั บคู คํ าอธิ บายกั บกราฟแล ว ครู ให นั กเรี ยนตอบคํ าถามที่ ปรากฏใน
ขั้นตอนการปฏิบัติขอ 1 โดยคําตอบมีไดหลากหลาย ซึ่งครูควรคํานึงถึงความถูกตองตาม
ลักษณะของกราฟในแตละฟงกชัน
5. จากคําตอบที่ไดในขั้นตอนการปฏิบัติขอ 1 ครูใหนักเรียนตอบคําถามที่ปรากฏในขั้นตอนการ
ปฏิบัติขอ 2
6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอคําตอบที่ไดจากขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมขอ 1 และ 2
โดยเนนย้ําใหเชื่อมโยงกับกราฟที่เลือก แลวใหนักเรียนกลุมอื่น ๆ รวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
ความสมเหตุสมผลของคําตอบที่นําเสนอ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
62 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2.4 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน
การวัดผลระหวางเรียนมีเปาหมายเพื่อปรับปรุงการเรียนรูและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนักเรียนแตละคนวามีความรูความเขาใจในเรื่องที่ครูสอนมากนอยเพียงใด การใหนักเรียน
ทําแบบฝกหัดเปนแนวทางหนึ่งที่ครูอาจใชเพื่อประเมินผลดานความรูระหวางเรียนของนักเรียน
ซึ่งหนั งสือเรีย นรายวิ ช าพื้ นฐานคณิ ตศาสตร ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอแบบฝกหัดที่
ครอบคลุมเนื้อหาที่สําคัญของแตละบทไว สําหรับในบทที่ 2 ฟงกชัน ครูอาจใชแบบฝกหัดเพื่อ
วัดผลประเมินผลความรูในแตละเนื้อหาไดดังนี้
เนื้อหา แบบฝกหัด
ฟงกชัน คาของฟงกชัน โดเมนและเรนจของฟงกชัน 2.1 ขอ 1 – 7
ฟงกชันเชิงเสนและกราฟของฟงกชันเชิงเสน 2.2 ขอ 1 – 2
การใชฟงกชันเชิงเสนและกราฟของฟงกชันเชิงเสนในการแกปญหา 2.2 ขอ 3 – 8
ฟงกชันกําลังสองและกราฟของฟงกชันกําลังสอง 2.3 ขอ 1 – 2
การใชฟงกชันกําลังสองและกราฟของฟงกชันกําลังสอง 2.3 ขอ 3 – 5
ในการแกปญหา
ฟงกชันขั้นบันไดและกราฟของฟงกชันขั้นบันได 2.4 ขอ 1
การใชฟงกชันขั้นบันไดและกราฟของฟงกชันขั้นบันได 2.4 ขอ 2 – 4
ในการแกปญหา
ฟงกชันเอกซโพเนนเชียลและกราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล 2.5 ขอ 1
การใชฟงกชันเอกซโพเนนเชียลและกราฟของฟงกชัน 2.5 ขอ 2 – 3
เอกซโพเนนเชียลในการแกปญหา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 63
2.5 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 มีจุดมุงหมายวา เมื่อนักเรียนได
เรียนจบบทที่ 2 ฟงกชัน แลวนักเรียนสามารถ
1. หาโดเมนและเรนจ และเขียนกราฟของฟงกชัน
2. ใชความรูเกี่ยวกับฟงกชันในการแกปญหา
ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอแบบฝกหัดทายบท
ที่ประกอบดวยโจทยเพื่อตรวจสอบความรูหลังเรียน โดยมีวัตถุประสงคเพื่อวัดความรูความเขาใจ
ของนักเรียนตามจุดมุงหมาย ซึ่งประกอบดวยโจทยฝกทักษะที่มีความนาสนใจและโจทยทาทาย
ครูอาจเลือกใชแบบฝกหัดทายบทวัดความรูความเขาใจของนักเรียนตามจุดมุงหมายของบทเพื่อ
ตรวจสอบวานักเรียนมีความสามารถตามจุดมุงหมายเมื่อเรียนจบบทเรียนหรือไม
ทั้งนี้ แบบฝกหัดทายบทแตละขอในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
บทที่ 2 ฟงกชัน สอดคลองกับจุดมุงหมายของบทเรียน ดังนี้
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
1. หาโดเมนและเรนจ และเขียนกราฟของฟงกชัน 4 1) – 4)
5 1) – 6)
6 1) – 6)
11 1)*
15 3)
16 2), 4)
17*
18*
22 2)
23 1)
24 1)
25 1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
64 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
1. หาโดเมนและเรนจ และเขียนกราฟของฟงกชัน (ตอ) 26 1)
28 1)
2. ใชความรูเกี่ยวกับฟงกชันในการแกปญหา 7
8 1) – 3)
10 1) – 3)
11 1)* – 2)
12 1) – 4)
13 1) – 2)
15 1) – 2), 4) – 5)
16 1), 3), 5)
17*
18*
19
20
21
22 1), 3) – 6)
23 2) – 4)
24 2) – 5)
25 2) – 5)
26 2) – 5)
27 1) – 5)
28 2) – 4)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 65
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
โจทยฝกทักษะ 1 1) – 4)
2 1) – 3)
โจทยทาทาย 14
หมายเหตุ
แบบฝกหัดทายบทขอ 11. 1), 17 และ 18 สอดคลองกับจุดมุงหมายของบทเรียนมากกวา 1
จุดมุงหมาย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
66 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2.6 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู
• หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 นําเสนอการตรวจสอบการ
เป น ฟ งก ชั น โดยการพิ จ ารณาจากกราฟ อย างไรก็ตาม ยังสามารถตรวจสอบการเป น
ฟงกชันไดโดยใชบทนิยามของฟงกชัน (บทนิยาม 1) โดยให x1 , x2 , y1 และ y2 เปน
จํานวนจริงใด ๆ ซึ่ง ( x , y ) ∈ r และ ( x , y ) ∈ r จะตองแสดงวา ถา x1 = x2 แลว
1 1 2 2
y1 = y2 เชน ในการตรวจสอบว
= า r =
( x, y ) y
1
เปนฟงกชันหรือไม สามารถทํา
x + 1
1
ไดดังนี้
ให x1 , x2 , y1 และ y2 เปนจํานวนจริงใด ๆ ซึ่ง ( x , y ) ∈ r , ( x , y ) ∈ r และ
1 1 1 2 2 1 x1 = x2
1
จาก y =
x +1
1
จะได y1 =
x1 + 1
1
x1 + 1 =
y1
1
x1 = −1
y1
1
และ y2 =
x2 + 1
1
x2 + 1 =
y2
1
x2 = −1
y2
เนื่องจาก x1 = x2
1 1
จะได −1 = −1
y1 y2
1 1
=
y1 y2
นั่นคือ y1 = y2
ดังนั้น r1 เปนฟงกชัน
และการตรวจสอบวา r=2 {( x, y ) =x y 2 − 2} เปนฟงกชันหรือไม สามารถทําไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 67
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
68 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 69
รูปที่ 1
รูปที่ 2
และเมื่อ กราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียลจะเปนกราฟแสดงการเพิ่มแบบชี้กําลัง
b >1
(exponential growth) ดังรูปที่ 3 แตเมื่อ 0 < b < 1 กราฟจะแสดงการลดแบบชี้กําลัง
(exponential decay) ดังรูปที่ 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
70 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
รูปที่ 3
รูปที่ 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 71
รูปที่ 5
จากรูปที่ 5 จะเห็นวา เมื่อคุกกี้มีราคา 10 บาทตอกลอง จะมีผูยินดีซื้อคุกกี้
x= 65 − 3 (10 ) =
35 กลอง
ถาเพิ่มราคาของคุกกี้เปนกลองละ 14 บาท จะมีผูยินดีซื้อคุกกี้ลดลงเหลือ
x= 65 − 3 (14 ) =
23 กลอง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
72 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
รูปที่ 6
จากรูปที่ 6 จะเห็นวา เมื่อคุกกี้มีราคา 10 บาทตอกลอง ผูขายยินดีขายคุกกี้
x 2 (10 ) + 15
= = 35 กลอง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 73
รูปที่ 7
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
74 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
รูปที่ 8
หมายเหตุ
กราฟของฟงกชันอุปสงคและกราฟของฟงกชันอุปทานไมจําเปน ตองเปน เสนตรง
อาจเปนเสนโคงอื่น ๆ ก็ได ขึ้นอยูกับฟงกชันอุปสงคและฟงกชันอุปทานนั้น ๆ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 75
2.7 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทและเฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
ในส ว นนี้ จ ะนํ า เสนอตั ว อย า งแบบทดสอบประจํ าบทที่ 2 ฟ ง กชั น สํ าหรั บ รายวิ ช าพื้ น ฐาน
คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ซึ่งครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงคการเรียนรูที่
ตองการวัดผลประเมินผล
ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
1. จงตรวจสอบเซตของคูอันดับที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้เปนฟงกชันหรือไม
1) P = {( a, 1) , ( b, 2 ) , ( c, 3) , ( a, 4 )}
2) Q = {(1, − 1) , ( 2, − 2 ) , ( 3, − 3) , ( 4, − 4 )}
3) R= {( )( )(
2, 2 , 2, − 2 , 3, 3 , 3, − 3 )( )}
4) {(1, 1) , (1, − 1) , ( 2, 2 ) , ( 2, − 2 )}
S=
2. จงพิจารณาวาขอความ “ y= 25 − x เปนฟงกชัน เมื่อ 0 ≤ x ≤ 5 ” เปนจริงหรือเท็จ
2 2
1) โดเมนและเรนจของ f 2) จุดยอดของกราฟของ f
3) จุดที่กราฟตัดแกน X 4) คาสูงสุดหรือคาต่ําสุดของ f
5. มานี เ ป ด ร า นขายอาหาร โดยได กํา ไรจากการขายอาหารในแตล ะวัน หลังหักค าวัตถุดิ บ
คาจางพนักงาน และคาสาธารณูปโภค หาไดจาก f ( x ) = −3 x + 720 x − 37,800 เมื่อ x
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
76 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
x
3
6. จงเขียนกราฟของ f เมื่อ f ( x) = พรอมทั้งหา
4
1) โดเมนและเรนจของ f 2) จุดที่กราฟตัดแกน X
3) จุดที่กราฟตัดแกน Y
7. หนูนิดผลิตและจําหนายอาหารเสริม ซึ่งตนทุนแบงเปน 2 สวน คือ คาบรรจุภัณฑกระปองละ
50 บาท ในการสั่งซื้อตองสั่งซื้อเปนรายเดือน เดือนละ 500 กระปอง และคาวัตถุดิบโดย
เฉลี่ย 100 กรัม ราคา 52.50 บาท โดยหนึ่งกระปองจะมีน้ําหนักสุทธิ 1 กิโลกรัม ถาหนูนิด
ตั้งราคาจําหนายอาหารเสริมนี้ไวกระปองละ 800 บาท หนูนิดจะตองจําหนายอาหารเสริม
อยางนอยเดือนละกี่กระปองจึงจะไมขาดทุน
8. เชิดศักดิ์ลงทุนทําธุรกิจใหม โดยตองใชเงินลงทุนทั้งหมดใน 3 เดือนแรกของการทําธุรกิจ ซึ่ง
เดือนแรกเขาจะตองใชเงิน 20% ของเงินลงทุนทั้งหมด ในเดือนที่สองเขาจะตองใชเงิน 30%
ของเงินลงทุนทั้งหมด และในเดือนที่สามเขาจะตองใชเงินอีก 20,000 บาท ทั้งนี้ ในเดือนที่สี่
เขาจะไดเงินคืนมาซึ่งนอยกวา 25% ของเงินที่เขาลงทุนไปอยู 9,000 บาท
1) จงเขี ย นฟ ง ก ชั น แสดงจํ า นวนเงิ น ที่ เ ชิ ด ศั ก ดิ์ ข าดทุ น เมื่ อ เวลาผ า นไปสี่ เ ดื อ น เมื่ อ
กําหนดให f แทนฟงกชันแสดงจํานวนเงินที่เชิดศักดิ์ขาดทุนเมื่อเวลาผานไปสี่เดือน
และ x แทนจํานวนเงินที่เชิดศักดิ์ใชในการลงทุนทําธุรกิจนี้
2) เชิดศักดิ์ลงทุนทําธุรกิจนี้เปนจํานวนเงินทั้งหมดเทาใด
เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
1. 1) P ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาเหมือนกันแตสมาชิกตัวหลังตางกัน
คือ ( a, 1) และ ( a, 4 )
2) Q เปนฟงกชัน เพราะสมาชิกตัวหนาของคูอันดับใน Q ไมมีตัวใดซ้ํากันเลย
3) R ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาเหมือนกันแตสมาชิกตัวหลังตางกัน
เชน ( 2, 2 ) และ ( 2, − 2 )
4) S ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาเหมือนกันแตสมาชิกตัวหลังตางกัน
เชน (1, 1) และ (1, −1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 77
2. เขียนกราฟของ y=
2
25 − x 2 ไดดังนี้
3. 1) จาก f ( x ) = −3 x + 4 2
จะได f ( − x ) = −3 ( − x ) + 4
2
= −3 x 2 + 4
= f ( x)
ดังนั้น f เปนฟงกชันคู
2) จาก f ( x) = 3x3 + 4 x
จะได f (−x) 3( − x ) + 4 ( − x )
3
=
= −3 x 3 − 4 x
= − ( 3x3 + 4 x )
= − f ( x)
ดังนั้น f เปนฟงกชันคี่
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
78 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3) จาก f ( x) = −3 x + 1
จะได f (−x) = −3 − x + 1
= −3 x + 1
= f ( x)
ดังนั้น f เปนฟงกชันคู
4) จาก f ( x) = 3 x −1
จะได f (−x) = 3 −x −1
= 3 x −1
= f ( x)
ดังนั้น f เปนฟงกชันคู
4. เขียน f ( x ) =8 + 2 x − x ใหอยูในรูป f ( x ) = a ( x − h )
2 2
+k ไดดังนี้
f ( x) = 8 + 2x − x 2
= − ( x2 − 2 x − 8)
= − ( x 2 − 2 x + 1) + 9
− ( x − 1) + 9
2
=
จะได a = −1, h =1 และ k = 9
เนื่องจาก a < 0 ดังนั้น กราฟของ f จะคว่ําลงและมีจุดยอดที่จุด (1, 9 )
หาจุดตัดแกน X โดยกําหนดให f ( x ) = 0
นั่นคือ 8 + 2x − x = 0 2
x2 − 2 x − 8 = 0
( x − 4 )( x + 2 ) = 0
x=4 หรือ x = −2
ดังนั้น กราฟตัดแกน X ที่จุด ( 4, 0 ) และ ( −2, 0 )
เขียนกราฟของ f ( x ) =8 + 2 x − x ไดดังนี้ 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 79
2) กราฟมีจุดยอดที่ (1, 9 )
3) กราฟตัดแกน X ที่ ( −2, 0 ) และ ( 4, 0 )
4) จุดยอดของกราฟเปนจุดที่ f มีคาสูงสุด และคาสูงสุด คือ 9
5. กําหนดให f เปนฟงกชันของกําไรจากการขายอาหารในแตละวันของมานี
โดยที่ f ( x ) =
−3 x + 720 x − 37,800 เมื่อ x แทนจํานวนลูกคาในแตละวัน
2
−3 ( x − 120 ) + 5, 400
2
=
นั่นคือ กราฟของ f เปนพาราโบลาคว่ําที่มีจุดยอดที่ (120, 5400 )
ดังนั้น มานีจะไดกําไรสูงสุดเมื่อมีลูกคา 120 คน และไดกําไรสูงสุด 5,400 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
80 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
x
3
6. เขียนกราฟของ f ( x) = ไดดังนี้
4
จากกราฟ จะได
1) D = และ R =
f f
+
2) กราฟไมตัดแกน X
3) จุดที่กราฟตัดแกน Y คือ ( 0, 1)
7. ให C แทนฟงกชันตนทุนในการผลิตอาหารเสริม x กระปอง
เนื่องจากตนทุนในการผลิตอาหารเสริมแบงเปน 2 สวน คือ
คาบรรจุภัณฑกระปองละ 50 บาท เดือนละ 500 กระปอง เปนเงิน 25,000 บาท
และคาวัตถุดิบโดยเฉลี่ย 100 กรัม ราคา 52.50 บาท โดยหนึ่งกระปองจะมีน้ําหนักสุทธิ 1 กิโลกรัม
เปนเงินกระปองละ 525 บาท
ดังนั้น C= ( x ) 525 x + 25,000
ให R แทนฟงกชันรายไดจากการจําหนายอาหารเสริม x กระปอง
เนื่องจากหนูนิดตั้งราคาขายอาหารเสริมนี้ไวกระปองละ 800 บาท
ดังนั้น R ( x ) = 800 x
เนื่องจากจุดคุมทุน คือ จุดที่รายไดเทากับตนทุน นั่นคือ R ( x ) = C ( x )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 2 | ฟงกชัน
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 81
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
82 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
บทที่ 3
ลําดับและอนุกรม
การศึกษาเกี่ยวกับลําดับและอนุกรมเปนพื้นฐานสําคัญที่นําไปใชในการแกปญหาตาง ๆ ในชีวิตจริง
เชน การเพิ่มของประชากร การออมเงิน การผอนคาสินคา ซึ่งในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอเนื้อหาเรื่องลําดับเลขคณิต ลําดับเรขาคณิต อนุกรม
เลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต และการประยุกตของลําดับและอนุกรม โดยเฉพาะอยางยิ่งการประยุกต
ของลําดับและอนุกรมในการแกปญหาเกี่ยวกับดอกเบี้ยและมูลคาของเงิน ซึ่งเปนเรื่องสําคัญใน
ชีวิต ประจํ าวั น และเป น เนื้ อหาสํ า คั ญ ที่ มีในหลั กสูตรกลุ มสาระการเรีย นรูคณิตศาสตร (ฉบั บ
ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ในบทเรียนนี้มุงเนนใหนักเรียนบรรลุตัวชี้วัดตามสาระการเรียนรูแกนกลาง และบรรลุจุดมุงหมาย
ดังตอไปนี้
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง
ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง
• เขาใจและนําความรูเกี่ยวกับลําดับและ • ลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต
อนุกรมไปใช • อนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต
• เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับดอกเบี้ย • ดอกเบี้ย
และมูลคาของเงินในการแกปญหา • มูลคาของเงิน
• คารายงวด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 83
จุดมุงหมาย
1. หาพจนตาง ๆ ของลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต
2. หาผลบวก n พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต
3. ใชความรูเกี่ยวกับลําดับและอนุกรมในการแกปญหา
4. ใชความรูเกี่ยวกับดอกเบี้ยและมูลคาของเงินในการแกปญหา
ความรูกอนหนา
• เลขยกกําลัง
• ฟงกชัน
ipst.me/8455
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
84 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3.1 เนื้อหาสาระ
1. บทนิยาม 1
ลําดับ คือ ฟงกชันที่มีโดเมนเปนเซต {1, 2, 3, ..., n} หรือมีโดเมนเปนเซตของจํานวนเต็มบวก
2. สําหรับหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 จะกลาวถึงเฉพาะ
ลําดับซึ่งแตละพจนเปนจํานวนจริงเทานั้น และเรียกวา ลําดับของจํานวนจริง
3. ลําดับจํากัด คือ ลําดับที่มีโดเมนเปนเซต {1, 2, 3, ..., n}
ลําดับอนันต คือ ลําดับที่มีโดเมนเปนเซตของจํานวนเต็มบวก
กรณี a เปนลําดับจํากัด เขียนแสดงลําดับดวย a1 , a2 , a3 , , an
กรณี a เปนลําดับอนันต เขียนแสดงลําดับดวย a1 , a2 , a3 , , an ,
4. บทนิยาม 2
ลําดับเลขคณิต คือ ลําดับซึ่งมีผลตางที่ไดจากการนําพจนที่ n + 1 ลบดวยพจนที่ n เปน
ค า คงตั ว ที่ เ ท า กั น สํ า หรั บ ทุ กจํ า นวนเต็ มบวก n และเรีย กค า คงตัว ที่ เป น ผลตา งนี้ ว า
ผลตางรวม
ลํ า ดั บ a1 , a2 , a3 , , an , จะเป น ลํ า ดั บ เลขคณิ ต ก็ ต อ เมื่ อ มี ค า คงตั ว d ที่
an +1 − an = d สําหรับทุกจํานวนเต็มบวก n
5. พจนที่ n ของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d เมื่อ a1 เปนพจนแรก และ d เปน
ผลตางรวมของลําดับเลขคณิต
6. บทนิยาม 3
ลําดับเรขาคณิต คือ ลําดับซึ่งมีอัตราสวนของพจนที่ n + 1 ตอพจนที่ n เปนคาคงตัวที่
เทากัน สําหรับทุกจํานวนเต็มบวก n และเรียกคาคงตัวที่เปนอัตราสวนนี้วา อัตราสวนรวม
ลํ าดั บ a1 , a2 , a3 , , an , จะเป นลํ าดั บเรขาคณิ ต ก็ ตอเมื่ อ มี คาคงตั ว r ที่
a n +1
= r สําหรับทุกจํานวนเต็มบวก n
an
7. พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n−1 เมื่อ a1 เปนพจนแรก และ r เปนอัตราสวน
รวมของลําดับเรขาคณิต
8. ถา a , a , a ,..., a เปนลําดับจํากัดที่มี n พจน จะเรียกการเขียนแสดงการบวกของ
1 2 3 n
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 85
a1 (1 − r n )
ผลบวก n พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิต คือ Sn = เมื่อ r ≠1
1− r
14. ทฤษฎีบท 1
ถาเริ่มฝากเงินดวยเงินตน P บาท ไดรับอัตราดอกเบี้ย i % ตอป โดยคิดดอกเบี้ยแบบทบตน
kn
r i
ปละ k ครั้ง แลวเมื่อฝากเงินครบ n ป จะได เงินรวม P 1 + บาท เมื่อ r=
k 100
15. ถาลงทุน P บาท โดยไดรับอัตราดอกเบี้ย i % ตอป โดยคิดดอกเบี้ยแบบทบตนปละ k ครั้ง
เปนเวลา n ป กําหนดให r = i แลวเมื่อครบ n ป เงินรวมที่ได คือ
100
kn
r
=
S P 1 +
k
เรียก S วามูลคาอนาคตของเงินตน P
ในทางกลับกัน จะเรียก P วามูลคาปจจุบันของเงินรวม S โดย
− kn
r
=
P S 1 +
k
16. การรับหรือจายคางวด มีลักษณะ 3 ประการ ดังนี้
1) รับหรือจายเทากันทุกงวด
2) รับหรือจายติดตอกันทุกงวด
3) รับหรือจายตอนตนงวดหรือสิ้นงวด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
86 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
17. คางวดที่รับหรือจายตอนตนงวด
พิจารณาการรับหรือจายเงินแตละงวด โดยที่แตละงวดเปนเงิน R บาท ซึ่งเริ่มรับหรือ
จายเงินตอนตนงวด รวมทั้งหมด n งวด และอัตราดอกเบี้ยตองวดเปน i %
ให r = i
100
จะได แผนภาพแสดงคางวดแตละงวด ดังนี้
(
R (1 + r ) (1 + r ) − 1
n
)
r
18. คางวดที่รับหรือจายตอนสิ้นงวด
พิจารณาการรับหรือจายเงินแตละงวด โดยที่แตละงวดเปนเงิน R บาท ซึ่งเริ่มรับหรือ
จายเงินตอนสิ้นงวด รวมทั้งหมด n งวด และอัตราดอกเบี้ยตองวดเปน i %
ให r = i
100
จะได แผนภาพแสดงคางวดแตละงวด ดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 87
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
88 คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5
3.2 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกำรสอน
ลำดับ
กิจกรรม : โดเมนของลำดับ
จุดมุ่งหมำยของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใช้เพื่อนาเข้าสู่บทเรียน เรื่อง ลาดับ โดยให้นักเรียนทากิจกรรมนี้ก่อนการสอน
เกี่ยวกับความหมายของลาดับและการเขียนแสดงลาดับ
แนวทำงกำรดำเนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนพิจารณาแบบรูปต่อไปนี้ โดยสังเกตจานวนจุดในแต่ละรูป
แบบรูปชุดที่ 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5 89
2. จากแบบรูปที่กาหนดให้ในข้อ 1 ครูให้นักเรียนเขียนเซตของคู่อันดับจากแบบรูปชุดที่ 1
และ 2 โดยให้สมาชิกตัวหน้าของคู่อันดับคือรูปที่ และสมาชิกตัวหลังของคู่อันดับคือจานวน
จุดในแต่ละรูป
แนวคำตอบ
เซตของคู่อันดับจากแบบรูปชุดที่ 1 คือ 1, 1 , 2, 3 , 3, 6 , 4, 10 , 5, 15
เซตของคู่อันดับจากแบบรูปชุดที่ 2 คือ 1, 4 , 2, 9 , 3, 16 , 4, 25 ,
3. จากคาตอบที่ได้ในข้อ 2 ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าเซตของคู่อันดับที่ได้ในข้อ 2 ตามแบบรูป
ชุดที่ 1 และ 2 เป็นฟังก์ชันหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวคำตอบ
เซตของคู่อันดับที่ได้ในข้อ 2 ตามแบบรูปชุดที่ 1 และ 2 เป็นฟังก์ชัน เนื่องจากสมาชิก
ตัวหน้าของแต่ละคู่อันดับจับคู่กับสมาชิกตัวหลังเพียงตัวเดียวเท่านั้น
4. จากคาตอบที่ได้ในข้อ 3 ครูให้นักเรียนหาโดเมนและเรนจ์ของฟังก์ชันที่ได้จากแบบรูป ชุดที่
1 และ 2
แนวคำตอบ
ฟังก์ชันที่ได้จากแบบรูปชุดที่ 1 มีโดเมน คือ 1, 2, 3, 4, 5 และเรนจ์ คือ 1, 3, 6, 10, 15
ฟังก์ชันที่ได้จากแบบรูปชุดที่ 2 มีโดเมน คือ 1, 2, 3, และเรนจ์ คือ 4, 9, 16,
5. จากคาตอบที่ได้ในข้อ 4 ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าโดเมนของฟังก์ชันที่ได้จากแบบรูป แต่ละ
ชุด เป็นเซตจากัดหรือเซตอนันต์
แนวคำตอบ
โดเมนของฟังก์ชันที่ได้จากแบบรูปชุดที่ 1 เป็นเซตจากัด
โดเมนของฟังก์ชันที่ได้จากแบบรูปชุดที่ 2 เป็นเซตอนันต์
6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาตอบที่ได้ในข้อ 2 – 5
หมำยเหตุ
เมื่อนักเรียนทากิจกรรมนี้แล้ว ครูควรสอนนักเรียนเกี่ยวกับบทนิยามของลาดับและการ
เขียนแสดงลาดับ โดยครูสามารถใช้ลาดับจากกิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างของลาดับได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
90 คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5
กิจกรรม : ลำดับเลขคณิตและลำดับเรขำคณิต
จุดมุ่งหมำยของกิจกรรม
กิจกรรมนี้ใช้เพื่อนาเข้าสู่บทเรียน เรื่อง ลาดับเลขคณิตและลาดับเรขาคณิต
แนวทำงกำรดำเนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนพิจารณาลาดับต่อไปนี้
1) 1, 3, 7, , 2n 1, 2) 6, 10, 14, 18, , 4 n 1 6,
2 4 8
3) 1, 4, 16, 64, , 4n1 , 4) 0, , , 2, ,
3 3 3
1 1 1 1
5) 1, 2, 3, 6, 12, 6) 1, , , ,
2 8 64 1024
1 1 1 1
7) 1, , , , 8) 10, 6, 2, 2, 6
2 4 8 16
9) 1, 1, 1, 1, 10) 2, 3, 5, 10, 20,
2. จากแต่ละลาดับที่กาหนดให้ในข้อ 1 ครูให้นักเรียนดาเนินการดังนี้
หาผลต่างของพจน์ที่อยู่ติดกัน โดยนาพจน์ที่อยู่หลังลบด้วยพจน์ที่อยู่ก่อนหน้า เพื่อ
พิจารณาว่า มีลาดับในข้อใดบ้างที่ผลต่างของพจน์ที่อยู่ติดกันเป็นค่าคงตัวที่เท่ากัน
แนวคำตอบ
ลาดับในข้อ 2), 4) และ 8) ซึ่งมีผลต่างของพจน์ที่อยู่ติดกันเป็น 4, 2 และ 4
3
ตามลาดับ
หาอัตราส่วนของพจน์ที่อยู่ติดกัน โดยนาพจน์ที่อยู่หลังหารด้วยพจน์ที่อยู่ก่อนหน้า เพื่อ
พิจารณาว่า มีลาดับในข้อใดบ้างที่อัตราส่วนของพจน์ที่อยู่ติดกันเป็นค่าคงตัวที่เท่ากัน
แนวคำตอบ
ลาดับในข้อ 3), 7) และ 9) ซึ่งมีอัตราส่วนของพจน์ที่อยู่ติดกันเป็น 4, 1 และ
2
1 ตามลาดับ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5 91
3. จากข้อ 2 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าลาดับที่กาหนดให้ในข้อ 1 มี
ลาดับที่ผลต่างของพจน์ที่อยู่ติดกันเป็นค่าคงตัว และลาดับที่อัตราส่วนของพจน์ที่อยู่ติดกัน
เป็นค่าคงตัว
หมำยเหตุ
เมื่อนักเรียนทากิจกรรมนี้แล้ว ครูควรสอนนักเรียนเกี่ยวกับบทนิยามของลาดับเลขคณิต
และลาดับเรขาคณิต โดยครูสามารถใช้ลาดับจากกิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างของลาดับได้
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหำและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับกำรสอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
92 คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
จานวนจริงบวกและจานวนจริงลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5 93
อนุกรม
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหำและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับกำรสอน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลำดับและอนุกรม
94 คู่มือครูรำยวิชำพื้นฐำนคณิตศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 5
กำรประยุกต์ของลำดับและอนุกรม
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหำและสิ่งที่ควรตระหนักเกี่ยวกับกำรสอน
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับแบบฝึกหัด
เนื่ อ งจากนั ก เรี ย นไม่ ไ ด้ เ รี ย นเกี่ ย วกั บ การใช้ ส มบั ติ ข องลอการิ ทึ ม ในการแก้ ส มการ
เอกซ์โพเนนเชียล ดังนั้น การแก้สมการ 1.04n 3 ในแบบฝึกหัด 3.3 ข้อ 1 2) ให้ใช้การ
หาค่ า ประมาณของเลขยกก าลั ง ที่ มี เ ลขชี้ ก าลั ง เป็ น จ านวนเต็ ม ซึ่ ง จะสั ง เกตได้ ว่ า
1.04 2.9987 และ 1.04 3.1187 แต่เนื่องจาก n แทนจานวนปีที่น้อยที่สุดที่
28 29
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 95
3.3 การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน
การวัดผลระหวางเรียนมีจุดมุงหมายเพื่อปรับปรุงการเรียนรูและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนักเรียนแตละคนวามีความรูความเขาใจในเรื่องที่ครูสอนมากนอยเพียงใด การใหนักเรียน
ทําแบบฝกหัดเปนแนวทางหนึ่งที่ครูอาจใชเพื่อประเมินผลดานความรูระหวางเรียนของนักเรียน
ซึ่งหนังสือเรี ยนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอแบบฝกหัดที่
ครอบคลุมเนื้อหาที่สําคัญของแตละบทไว สําหรับในบทที่ 3 ลําดับและอนุกรม ครูอาจใชแบบฝกหัด
เพื่อวัดผลประเมินผลความรูในแตละเนื้อหาไดดังนี้
เนื้อหา แบบฝกหัด
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
96 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3.4 การวิเคราะหแบบฝกหัดทายบท
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 มีจุดมุงหมายวาเมื่อนักเรียนได
เรียนจบบทที่ 3 ลําดับและอนุกรม แลวนักเรียนสามารถ
1. หาพจนตาง ๆ ของลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต
2. หาผลบวก n พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต
3. ใชความรูเกี่ยวกับลําดับและอนุกรมในการแกปญหา
4. ใชความรูเกี่ยวกับดอกเบี้ยและมูลคาของเงินในการแกปญหา
ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ไดนําเสนอแบบฝกหัดทายบท
ที่ประกอบดวยโจทยเพื่อตรวจสอบความรูหลังเรียน โดยมีวัตถุประสงคเพื่อวัดความรูความเขาใจ
ของนักเรียนตามจุดมุงหมาย ซึ่งประกอบดวยโจทยฝกทักษะที่มีความนาสนใจและโจทยทาทาย
ครูอาจเลือกใชแบบฝกหัดทายบทวัดความรูความเขาใจของนักเรียนตามจุดมุงหมายของบทเพื่อ
ตรวจสอบวานักเรียนมีความสามารถตามจุดมุงหมายเมื่อเรียนจบบทเรียนหรือไม
ทั้งนี้ แบบฝกหัดทายบทแตละขอในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
บทที่ 3 ลําดับและอนุกรม สอดคลองกับจุดมุงหมายของบทเรียน ดังนี้
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
1. หาพจนตาง ๆ ของลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต 1 1) – 4)
2 1) – 6)
9 1) – 6)
10
11
12
13
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 97
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
1. หาพจนตาง ๆ ของลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต (ตอ) 18
19
20
2. หาผลบวก n พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต 22
23 1) – 3)
24
25
26
31
32 1) – 3)
33
34 1)
40 1) – 6)
3. ใชความรูเกี่ยวกับลําดับและอนุกรมในการแกปญหา 6
12
14 1) – 2)
15
16
17
21 1) – 2)
27
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
98 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จุดมุงหมาย แบบฝกหัดทายบทขอที่
3. ใชความรูเกี่ยวกับลําดับและอนุกรมในการแกปญหา (ตอ) 28 1) – 2)
29 1) – 6)
30
34 2)
35
36
37 1) – 3)
38 1) – 4)
4. ใชความรูเกี่ยวกับดอกเบี้ยและมูลคาของเงินในการแกปญหา 41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
52
53
โจทยทาทาย 39 1) – 3)
51
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 99
3.5 ความรูเพิ่มเติมสําหรับครู
• นอกจากลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต ซึ่งไดกลาวถึงในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 แลว ยังมีลําดับอื่น ๆ ซึ่งมีชื่อเฉพาะโดยตั้งตามชื่อนัก
คณิตศาสตรที่เปนผูคนพบลําดับนั้น หรือมีชื่อตามลักษณะของลําดับ
ตัวอยางลําดับที่มีชื่อเฉพาะ
1) ลําดั บฮาร โมนิก (Harmonic sequence) คือ ลําดับของจํ านวนจริงที่มี สวนกลับของ
จํานวนจริงเหลานั้นเปนลําดับเลขคณิต เชน 1, 1 , 1 , , 1 , เปนลําดับฮารโมนิก
2 3 n
เพราะวา 1, 2, 3, , n, เปนลําดับเลขคณิต
2) ลํ า ดั บ ฟ โ บนั ก ชี (Fibonacci sequence) คื อ ลํ า ดั บ F ซึ่ ง=n F 1 และ
F 0,= 0 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
100 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
( −1) ,
n
1 1
−1, , − , ,
2 3 n
ขอสังเกต ลําดับสลับเปนกรณีหนึ่งของลําดับแกวงกวัด
• นอกจากอนุก รมเลขคณิต และอนุ กรมเรขาคณิต ซึ่ งไดก ลาวถึง ในหนั งสือเรียนรายวิช า
พื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 แลว ยังมีอนุกรมจํากัดอื่น ๆ อีก เชน
1) อนุกรมโทรทรรศน (Telescopic series)
สมมติวาตองการหาผลบวก
S n = a1 + a2 + a3 + + an −1 + an
ถาสามารถเขียน ai ใหอยูในรูป = ai bi +1 − bi สําหรับทุก i ∈ {1, 2, 3, , n}
เมื่อ bi เปนลําดับใด ๆ จะไดวา
S n = ( b2 − b1 ) + ( b3 − b2 ) + ( b4 − b3 ) + + ( bn − bn −1 ) + ( bn +1 − bn )
= bn +1 − b1
อนุกรมที่มีสมบัตินี้เรียกวา อนุกรมโทรทรรศน เชน
3 + 5 + 7 + + ( 2n + 1)
ให ai = 2i + 1 = i 2 + 2i + 1 − i 2 = ( i + 1)2 − i 2 และ bi = i 2
จะได 3 + 5 + 7 + + ( 2n + 1) = ( 22 − 12 ) + ( 32 − 22 ) + ( 42 − 32 ) + + ( n + 1)2 − n2
( n + 1) −1
2
=
= bn +1 − b1
ดังนั้น 3 + 5 + 7 + + ( 2n + 1) เปนอนุกรมโทรทรรศน
2) อนุกรมเลขคณิต–เรขาคณิต (Arithmetic–Geometric Series)
อนุกรมเลขคณิต–เรขาคณิตจํากัด คือ อนุกรมในรูป
a1 + a2 r + a3 r 2 + + an r n −1
เมื่อ a1 , a2 , , an เปนลําดับเลขคณิต และ 1, r , r 2 , , r n−1 เปนลําดับเรขาคณิต
ตัวอยางอนุกรมเลขคณิต–เรขาคณิตจํากัด เชน
1 3 5 2n − 1
+ + ++
2 2 2 23 2n
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 101
1 3 1 5 1 2n − 1 1
จะเห็นวา ลําดับดังกลาวเขียนไดในรูป ⋅1 + ⋅ + ⋅ 2 + + ⋅ n −1
2 2 2 2 2 2 2
1 3 5 2n − 1
โดยมี , , ,, เปนลําดับเลขคณิต
2 2 2 2
และ 1, 1 , 12 , , 1n−1 เปนลําดับเรขาคณิต
2 2 2
ดังนั้น + 2 + 3 + + 2n n− 1 เปนอนุกรมเลขคณิต–เรขาคณิตจํากัด
1 3 5
2 2 2 2
• นอกจากอนุ ก รมจํ า กั ด ซึ่ ง ได ก ล า วไว ใ นหนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าพื้ น ฐานคณิ ต ศาสตร ชั้ น
มัธยมศึกษาปที่ 5 ยังมีอนุกรมอนันต (infinite series) ซึ่งนิยามไดดังนี้
ให a1 , a2 , a3 , , an , เปนลําดับอนันต
เรียกการเขียนแสดงการบวก a1 + a2 + a3 + + an + วาอนุกรมอนันต
• คางวดที่กลาวถึงในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ตรงกับ
คําศัพทภาษาอังกฤษทางการเงินวา annuity และ installment อยางไรก็ตามทั้งสองคํานี้มี
ความหมายแตกตางกัน
สําหรับ annuity นั้น เปนคางวดที่ชําระเปนจํานวนเงินที่เทากันในระยะเวลาที่เทากัน
ซึ่งมักใชในกรณีของการออมเงิน เงินสะสมจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผานไป และ
จะมีการคิดดอกเบี้ยในชวงระยะเวลาที่มีการฝากเงินดวย เชน การฝากเงินเขาบัญชีเงิน
ฝากของธนาคารทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท เปนเวลา 6 เดือน โดยใหดอกเบี้ยในอัตรา
6% ตอปนั้น เงินสะสมในบัญชีจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ เดือนซึ่งเปนกําหนดชําระคางวด จนกระทั่ง
ครบ 6 เดือน ซึ่งเปนระยะเวลาชําระคางวดทั้งหมดที่กําหนดไว
สวน installment นั้น มีความหมายใกลเคียงกับ annuity แตเปนคางวดที่ชําระเปน
จํานวนเงินที่เทากันในระยะเวลาที่เทากัน ซึ่งมักใชในกรณีของการชําระหนี้ คาสินคา หรือ
บริการ โดยกอนที่จะมีการชําระคางวดสําหรับงวดแรก ผูชําระคางวดจะมียอดเงินรวมที่
ตองชําระคืน ซึ่งอาจมาจากผลรวมของราคาสินคาและดอกเบี้ย แตยอดเงินรวมที่ตอง
ชําระคื น จะลดลงเรื่ อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผานไป เชน การชําระเงินเพื่อจายหนี้ซึ่งมี
ยอดเงินรวมที่ตองชําระคืน 10,000 บาท โดยชําระคืนทุกเดือน เดือนละ 2,000 บาท เปน
เวลา 5 เดือนนั้น จะเห็นวากอนที่จะเริ่มชําระเงินงวดแรก ผูชําระเงินจะมียอดหนี้รวม
ทั้งหมด 10,000 บาท แตเมื่อเริ่มชําระเงินงวดที่ 1 ยอดหนี้จะลดลง และจะลดลงเรื่อย ๆ
ในทุก ๆ เดือนซึ่งเปนกําหนดชําระคางวด จนกระทั่งครบ 5 เดือน ซึ่งเปนระยะเวลาชําระ
คางวดทั้งหมดที่กําหนดไว
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
102 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3.6 ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทและเฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
ในสวนนี้จะนําเสนอตัวอยางแบบทดสอบประจําบทที่ 3 ลําดับและอนุกรม สําหรับรายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร ชั้ นมัธยมศึกษาปที่ 5 ซึ่งครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงคการเรียนรู ที่
ตองการวัดผลประเมินผล
ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 103
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
104 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 105
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
106 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 107
นั่นคือ n − 1 = 11
จะได n = 12
1
ดังนั้น เปนพจนที่ 12 ของลําดับเรขาคณิตนี้
8
6. วิธีที่ 1 จาก an = a1r n −1
จะได สามพจนแรกของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ a1 , a1r และ a1r 2
เนื่องจาก ลําดับเรขาคณิตนี้มีผลคูณของสามพจนแรกเปน 27
จะได 27 = a ( a r ) ( a r )
1 1 1
2
27 = a13 r 3
( a1r )
3
27 =
a1r = 3
3
นั่นคือ a1 = ----- (1)
r
เนื่องจาก ลําดับเรขาคณิตนี้มีผลบวกของสามพจนแรกเปน 9
จะได 9 = a1 + a1r + a1r 2
9 = a1 (1 + r + r 2 )
9
นั่นคือ a1 = ----- (2)
1+ r + r2
จาก (1) และ (2) จะได a1 = 3 และ r = 1
ดังนั้น อัตราสวนรวมของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 1
วิธีที่ 2 ใหสามพจนแรกของลําดับเรขาคณิต คือ a , a และ ar
r
เมื่อ r เปนอัตราสวนรวมของลําดับเรขาคณิตนี้
เนื่องจาก ผลคูณของสามพจนแรก คือ 27
a
จะได 27 = × a × ar
r
a3 = 27
a = 3
นั่นคือ พจนที่ 2 ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 3
3
จะได สามพจนแรกของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ ,3 และ 3r
r
เนื่องจาก ผลบวกของสามพจนแรก คือ 9
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
108 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3
จะได 9 = + 3 + 3r
r
3
0 = 3r − 6 +
r
0 = r − 2r + 1
2
( r − 1)
2
= 0
นั่นคือ r = 1
ดังนั้น อัตราสวนรวมของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 1
7. จํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 3 ลงตัว ไดแก 300, 303, 306, , 498
นั่นคือ ลําดับเลขคณิตของจํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 3 ลงตัว คือ
300, 303, 306, , 498 จะได = =
a1 300, an 498 และ d = 303 − 300 = 3
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 498 = 300 + ( n − 1)( 3)
นั่นคือ n = 67
ดังนั้น มีจํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 3 ลงตัว ทั้งหมด 67 จํานวน
จํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 9 ลงตัว ไดแก 306, 315, 324, , 495
นั่นคือ ลําดับเลขคณิตของจํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 9 ลงตัว คือ
306, 315, 324, , 495 จะได = =
b1 306, bn 495 และ d = 315 − 306 = 9
จาก bn = b1 + ( n − 1) d
จะได 495 = 306 + ( n − 1)( 9 )
นั่นคือ n = 22
ดังนั้น มีจํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 9 ลงตัว ทั้งหมด 22 จํานวน
นั่นคือ มีจํานวนเต็มบวกตั้งแต 300 ถึง 500 ที่หารดวย 3 ลงตัว แตหารดวย 9 ไมลงตัว ทั้งหมด
67 − 22 = 45 จํานวน
8. จาก an = a1 + ( n − 1) d
เนื่องจาก พจนที่ 10 ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 95
จะได 95 = a1 + (10 − 1) d
95 = a1 + 9d ----- (1)
n
จาก Sn = ( a1 + an )
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 109
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
110 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะได 100 =
5
2
( 2a1 + ( 5 − 1) d )
5
100 = ( 2a1 + 4d )
2
40 = 2a1 + 4d ----- (1)
และ 500 =
10
2
( 2a1 + (10 − 1) d )
500 = 5 ( 2a1 + 9d )
100 = 2a1 + 9d ----- (2)
จาก (1) และ (2) จะได a1 = −4 และ d = 12
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได a50 = −4 + ( 50 − 1)(12 )
= 584
11. จํานวนเต็มบวกตั้งแต 199 ถึง 399 ที่หารดวย 3 ลงตัว ไดแก 201, 204, 207, , 399
นั่นคือ ลําดับเลขคณิตของจํานวนเต็มบวกตั้งแต 199 ถึง 399 ที่หารดวย 3 ลงตัว คือ
201, 204, 207, , 399 จะได
= =
a1 201, an 399 และ d = 204 − 201 = 3
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 399 = 201 + ( n − 1)( 3)
นั่นคือ n = 67
n
จาก Sn = (a + a ) 1 n
2
67
จะได S67 = ( 201 + 399 )
2
= 20,100
ดังนั้น ผลบวกของจํานวนเต็มตั้งแต 199 ถึง 399 ที่หารดวย 3 ลงตัว คือ 20,100
a1 (1 − r n )
12. จาก Sn =
1− r
เนื่องจากลําดับที่กําหนดใหมี a1 = 4 และ r =3
4 (1 − 37 )
จะได S7 =
1− 3
4 ( −2186 )
=
−2
= 4,372
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 111
จะได S10 =
10
2
( 2 (8) + (10 − 1)( 2 ) )
= 170
ดังนั้น โรงละครนี้จุผูชมได 170 ที่นั่ง
14. กรซื้อรถยนตมาราคา 549,000 บาท
เมื่อครบ 1 ป รถยนตของกรราคา 549,000 85 บาท
100
2
85
เมื่อครบ 2 ป รถยนตของกรราคา 549,000 บาท
100
3
85
เมื่อครบ 3 ป รถยนตของกรราคา 549,000 บาท
100
85
จะเห็นวาราคารถของกรเปนลําดับเรขาคณิตที่มี a1 = 549,000 และ r=
100
ดังนั้น ราคารถยนตของกรเมื่อครบ 7 ป คือ a8
แทน n ดวย 8 ใน an = a1r n−1
8 −1 7
85 85
จะได a8 549,000
= = 549,000 ≈ 175,997
100 100
ดังนั้น กรจะขายรถคันนี้ไดในราคาประมาณ 175,997 บาท
15. เนื่องจาก กอยเริ่มออมเงินในเดือนมกราคม 2562 เปนเงิน 250 บาท และจะออมเงินเพิ่มขึ้น
ทุกเดือน เดือนละ 50 บาท
นั่นคือ เดือนที่ 1 (มกราคม) กอยออมเงิน 250 บาท
เดือนที่ 2 (กุมภาพันธ) กอยออมเงิน 250 + 50 บาท
เดือนที่ 3 (มีนาคม) กอยออมเงิน ( 250 + 50 ) + 50 = 250 + 2 ( 50 ) บาท
เดือนที่ 4 (เมษายน) กอยออมเงิน ( 250 + 2 ( 50 ) ) + 50 = 250 + 3 ( 50 ) บาท
จะเห็นวาเงินที่กอยออมในแตละเดือนเปนลําดับเลขคณิตที่มี a1 = 250 และ d = 50
ดังนั้น กอยจะมีเงินออมรวมเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2562 เปนเงิน S12
แทน n ดวย 12 ใน S= n ( 2a + ( n − 1) d )
n 1
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
112 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะได=
S 12
12
2
( 2 ( 250 ) + (12 −=
1) 50 ) 6,300
จะเห็นวาเงินที่นางออมในแตละเดือนเปนลําดับเรขาคณิตที่มี a1 = 20 และ r = 2
ดังนั้น นางจะมีเงินออมรวมเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2562 เปนเงิน S10
a1 (1 − r n )
แทน n ดวย 10 ใน Sn =
1− r
20 (1 − 2 )
10
จะได S10
= = 20, 460
1− 2
ดังนั้น นางจะมีเงินออมรวมเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2562 เปนเงิน 20,460 บาท
นั่นคือ กอยและนางจะมีเงินออมรวมกันเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 6,300 + 20, 460 =
26,760 บาท
16. วิธีที่ 1 พิจารณาในชวง 5 ปแรกที่กิ่งแกวฝากเงิน (ปที่ 1 – 5)
ใหกิ่งแกวเริ่มฝากเงินดวยเงินตน P1 บาท
1
ในที่นี้ =
P P1 = , k 1,=n 5 และ= r = 0.01
100
5
0.01
จากทฤษฎีบท 1 จํานวนเงินรวม คือ P1 1 + หรือ P1 (1.01)5 บาท
1
พิจารณาในชวง 5 ปหลังที่กิ่งแกวฝากเงิน (ปที่ 6 – 10)
เงินตนในชวง 5 ปหลัง คือ P1 (1.01)5 บาท
2
P P (1.01) =
ในที่นี้ = , k 1,= n 5 และ=
5
1 r = 0.02
100
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 113
= 45,286.54049
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
114 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
R R R R R R R R R R
1 − (1.01)
−1
1 − (1.01)
−1
=
(
12,000 1 − (1.01) ) −1
(1 − (1.01) )
R
(1.01)
−1 −10
R ≈ 1,266.98
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | ลําดับและอนุกรม
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 115
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
116 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
เฉลยแบบฝกหัดและวิธีทําโดยละเอียด
บทที่ 1 เลขยกกําลัง
แบบฝกหัด 1.1
1. 1) 1100 = 1
2) ( −1) 2019
= −1
3) ( −8.43)
0
= 1
−4
1
4) = 54 = 625
5
(3 ) 3( )( ) × 15( )( )
−2 0 −2 0
× 158
8 0
2. 1) =
= 30 × 150
= 1
(( ) )
−1
( ) ( )
−1 −2 −2
2) 23 × 4−2 × 32−2 × 8 = 23 × 2 2 × 25 × 23
−4 −3
= 2 ×2 ×2 ×2
3 10
2 ( ) ( )
3+ −4 +10 + −3
=
= 26
22 × ( 5 × 2 )
3
22 × 103
3) =
5 4 × 25 5 4 × 25
22 × 53 × 23
=
5 4 × 25
= 22+3−5 × 53− 4
= 20 × 5−1
1
=
5
2−3 × 3−5 −5 −( −5 )
4) = 2−3−0 × 3
3−5 × 20
= 2−3 × 30
1
=
23
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 117
3. 1) ( x y )( x
3 −2 −5 3
y ) = x ( ) y −2+3
3+ −5
= x −2 y
y
=
x2
−2
x4 x −8 3 3 6
2) −2 ( 2 xy ) 2 3
= −2 4 2 x y ( )
2y 2 y
2 ( ) x −8+3 y 6− 4
3− −2
=
= 25 x −5 y 2
25 y 2
=
x5
1
3) y 4 y 2 12 y −8
3
( ) = 4y
4 + 2 + ( −8 )
= 22 y −2
22
=
y2
4) (x −5 7
y )( x −2
y −7 z 0 ) = x
−5 + ( −2 )
y ( ) (1)
7 + −7
= x −7 y 0
1
=
x7
−4
1 −3 2 1 12 −8
5) x y = x y
2 2−4
24 x12
=
y8
6)
( x y )( xy )
2 3 4 −3
=
( x y )( x
2 3 −3 −12
y )
2 2
x y x y
x ( ) y ( )
2 + −3 − 2 3+ −12 −1
=
= x −3 y −10
1
= 3 10
x y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
118 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
แบบฝกหัด 1.2
1. 1) เนื่องจาก 82 = 64 และ ( −8)2 = 64
ดังนั้น รากที่ 2 ของ 64 คือ 8 และ − 8
เนื่องจาก ( 5 ) = 5 และ ( − 5 ) =
2 2
2) 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 119
21 7×3
2) =
15 5×3
7× 3
=
5× 3
7
=
5
7 5
= ⋅
5 5
35
=
5
3 3
3) =
20 20
3 20
= ⋅
20 20
60
=
20
2 15
=
20
15
=
10
96 8 × 12
4) =
2 12 2 12
8 × 12
=
2 12
8
=
2
2 2
=
2
= 2
3 8 3× 2 2
5) =
4 12 4× 2 3
3 2
=
4 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
120 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3 8 3 2 3
= ⋅
4 12 4 3 3
3 6
=
12
6
=
4
3 3
9 9
6) =
3
4 3
2× 2
3
9 32
= ⋅
3
2× 2 3 2
3
18
=
2
4. 1) 45 ⋅ 20 = 3× 3× 5 × 2 × 2 × 5
= 2 × 2 × 3× 3× 5× 5
= 2 × 3× 5
= 30
2) (7 ) (
5 −3 5 + 3 2 + 2 ) = ( 7 − 3) 5 + ( 3 + 1) 2
= 4 5+4 2
= 4 ( 5+ 2 )
3) (2 )(
3+ 7 2 3− 7 ) = (2 3+ 7 )2 (
3− 2 3+ 7 ) 7
= 12 + 2 21 − 2 21 − 7
= 5
(2 + 3) ( 2 + 3 )( 2 + 3 )
2
4) =
= ( 2 + 3 ) ( 2) + ( 2 + 3 )( 3 )
= 4+2 3+2 3+3
= 7+4 3
5) 3 8 − 4 18 + 7 2 = 6 2 − 12 2 + 7 2
= ( 6 − 12 + 7 ) 2
= 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 121
8 8
6) 2 5 + 125 − = 2 5 +5 5 −
20 2 5
8 5
= 2 5 + 5 5 − ⋅
2 5 5
8 5
= 2 5 +5 5 −
10
4 5
= 2 5 +5 5 −
5
4
= 2+5− 5
5
31 5
=
5
5. 1) เนื่องจาก ( −7 )2 = 49 = 7
จะได ( −7 )2 > −7
2) เนื่องจาก 5 −32 = 5
( −2 )5 =
−2 และ − 5 32 =
− 5 25 =
−2
จะได 5 −32 = − 5 32
3
108 3 108
3) เนื่องจาก =3
= =
3
27 3 และ 3
9 3 24 = 3 9 × 24 = 3 216 = 6
4 4
3
108 3 3
ดังนั้น 3
< 9 24
4
12 12 6 6 2 6
4) เนื่องจาก = = = ⋅ = 2 =3 2
8 2 2 2 2 2 2
และ 18 = 3 2
12
ดังนั้น = 18
8
6 6 32
5) เนื่องจาก 3
= ⋅ = 33 2
4 34 32
และ 3 18 3 6= 3 18 × 6= 3
22 × 33= 3 3 4
จะได 3 3 2 < 3 3 4
ดังนั้น 36 < 3 18 3 6
4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
122 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
แบบฝกหัด 1.3
2
( )
2
3 3
27 3 3
1. 1) 2
=
3 32
32
=
32
= 1
3
( )
3
2) ( 0.25) 2 = 0.52 2
= ( 0.5) 3
2
2
1 3 1 3 3
3) =
125 5
2
1
=
5
1
=
52
( )
2 2
4) ( −27 ) 3 = ( −3) 3 3
= ( −3)2
= 32
2 2 2 2
+
5) 33 × 33 = 33 3
4
= 33
7
4 2 14
6) 7 3 = 73
(( −10) )
4
3 −3
4
7) ( −1000 ) −
3 =
= ( −10 )−4
1
=
( −10 )4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 123
4
1
( −1000 )− 3 =
104
2 4 2 4
+
8) 53 × 53 = 53 3
6
= 53
= 52
5 4 5 4
− + −
9) 83 ×8 3 = 8 3 3
1
= 83
1
= (2 ) 3 3
= 2
7 3 7 3
− + −
10) 0.5 2 × 0.5 2 = 0.5 2 2
4
= 0.5 2
= 0.52
5 8 5 8
− + −
11) 10 3 × 10 3 = 10 3 3
3
−
= 10 3
= 10−1
1
=
10
1 5
1 5
22 × 22 + −1
12) = 22 2
2
= 22
3
( )
3
2 3
× 82 23 × 23 2
13) = 1
8
(2 ) 3 2
9
23 × 2 2
= 3
22
9 3
3+ −
= 2 2 2
= 26
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
124 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
(2 ) + 7
1
3 3
83 +7
14) 1
= 1
27 3 (3 ) 3 3
2+7
=
3
= 3
2 2
88 3 88 3
15) =
11
2
113
2
= 83
2
= ( )
23 3
= 22
2 2
( )
2 2
23 × 12 3 2 3 × 22 × 3 3
16) 1
= 1
18 3 ( 2 × 32 3 )
2 4 2
2 3 × 2 3 × 33
= 1 2
2 3 × 33
2 4 1 2 2
+ − −
= 23 3 3 × 33 3
5
= 2 3 × 30
5
= 23
2 2
30 3 30 3
17) 2 2
= 2
33 × 53 ( 3 × 5) 3
2
30 3
=
15
2
= 23
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 125
5 2 5 2
8 × 33 × 63 2 3
× 33 × ( 2 × 3) 3
18) 3 5
= 3 5
22 − 22 22 − 22
5 2 2
23 × 3 3 × 2 3 × 3 3
= 3 5
22 − 22
5 2 2
23 × 3 3 × 2 3 × 3 3
= 3 3
+1
22 − 22
5 2 2
23 × 3 3 × 2 3 × 3 3
= 3
3
22 − 22 × 2
5 2 2
23 × 3 3 × 2 3 × 3 3
= 3
2 2 (1 − 2 )
5 2 2
23 × 3 3 × 2 3 × 3 3
= − 3
22
2 3 5 2
3+ − +
= −2 3 2 × 33 3
13 7
= −2 6 × 3 3
1
x −4 2 x −2
2. 1) 6 =
4y 2 y3
1
=
2x 2 y 3
3
2 2 − − 3
3
x3 x3 2
2) −3 =
x 2
3
13
= x 6
13
= x2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
126 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3 3 1 1
1 − −
3) 9x 2 ( 3x ) −
2 = 3 × 2
x2 ×3 2 ×x 2
1 3 1
2+ − + −
= 3 2
×x 2 2
3
= 32 x
2 2
− −
3 3 6 3
27x 3 ×x
6
4) 3 = 3
y2 y2
3−2 × x −4
=
y −1
y
= 2 4
3 x
3
1
( 10 )
3
3. 1) 3
= 10 3
= 10
(( −12) )
1
( −12 )
3 3 3 3
2) =
= −12
3) 14 56 = ( 2×7 )( 2× 2× 2×7 )
= 2× 2× 2× 2×7×7
= 2× 2×7
= 28
4) 3
6 × 3 36 = 3
6 × 3 6×6
= 3
6×6×6
= 6
5) 50 + 32 − 18 = 52 × 2 + 42 × 2 − 32 × 2
= 5 2 + 4 2 −3 2
= ( 5 + 4 − 3) 2
= 6 2
6) 5 4 + 2 32 − 108
3 3 3
= 5 3 4 + 2 3 23 × 4 − 3 33 × 4
= 5 3 4 + 4 3 4 − 33 4
= ( 5 + 4 − 3) 3 4
= 63 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 127
7) 3
81 + 3 375 − 3 192 = 3
33 × 3 + 3 53 × 3 − 3 43 × 3
= 33 3 + 5 3 3 − 4 3 3
= (3 + 5 − 4) 3 3
= 43 3
8) 3 2 + 32 − 4 64 = 3 2 + 42 × 2 − 4 24 × 22
= 3 2 + 4 2 − 2 4 22
1
= 3 2 + 4 2 − 2 22 ( ) 4
1
= 3 2 + 4 2 − 2 22
= 3 2 +4 2 −2 2
= (3 + 4 − 2) 2
= 5 2
9) (
5 2 3−2 5 ) = 2 15 − 10
= −10 + 2 15
( ) ( )( 7 + 4 5 )
2
10) 7 +4 5 = 7 +4 5
= ( 7 +4 5 )( 7 ) + ( 7 + 4 5 )( 4 5 )
= 7 + 4 35 + 4 35 + 80
= 87 + 8 35
1
11) เนื่องจาก
4
81
=
(3 ) 4 4
(2 )
4
8 3 4
1
3 24
= 1
× 1
( ) 23 4 24
1
3× 24
=
2
3 4
1
=
2
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
128 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1
8
1024 = (2 ) 10 8
10
= 28
5
= 24
1
= 2 24
1
และ
8
324
=
( 22 × 34 ) 8
( )
4
9
32 4
1 1
2 4 × 32
= 1
32
1
= 24
3 4 4
4 8 1 1 1
81 8 324
ดังนั้น − 1024 + = 2 − 2 2 + 24
4
8 4
9 2
1
3 4
= − 2 + 1 2
2
1 4
1
= 2
2
1
−1
= 24
3
−
= 2 4
1
= 3
24
1
= 4
8
1
( )
1
12) เนื่องจาก 4 (9) 6 = 4 32 6
1
= 4 ( 3) 3
1
( )
1
3 ( 24 ) 3 = 3 23 × 3 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 129
1 1
3 ( 24 ) 3 = 6 ( 3) 3
2
2 48 3 2
และ
=
(
2 2 ×3 ) 4 3
1 1
144 6 (2 × 3 )
4 2 6
8 2
2 × 23 ×3 3
= 2 1
23 × 33
8 2 2 1
1+ − −
= 2 3 3 ×3 3
3
1
= 23 ( 3 ) 3
1
= 8 ( 3) 3
2
2 48 3
−
1 1 1 1 1
ดังนั้น 4 ( 9 ) 6 + 3 ( 24 ) 3 1
= 4 ( 3) 3 + 6 ( 3) 3 − 8 ( 3) 3
144 6
1
= 2 ( 3) 3
4. 1) 72x3 = 62 × 2x3
= 6x 2x
2) 54xy 4 = 32 × 6xy 4
= 3y2 6x
32x 4 42 × 2x 4
3) =
y2 y2
4 2x 2
=
y
4) 4
( 3x )
2 4
= 3x 2
5) x 2 4 x3 − 2 x x5 + 9 x 7 = 2 x3 x − 2 x3 x + 3x3 x
= 3x3 x
6) ( 12x y ) (
3
27 xy ) = ( 2x )(
3 xy 3 3 xy )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
130 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
( 12x y ) ( 3
27 xy ) = 6 x ( 3 xy )
= 18x 2 y
2 2
5. 1) เนื่องจาก 27=
3
( 3 )=
3 3
3=
2
9
3 3
และ 9=
2
( 3 )= 2 2
3=
3
27
2 3
ดังนั้น 27 3 < 9 2
1 1
1 1 2 1 1
2) เนื่องจาก 2 18 2 =2 2 × 32 ( ) 2 =6 2 2
และ= ( )
3 4 4 3=
2 4 3 2 2
1
1
ดังนั้น 2 18 2 > 3 4 4
2 2 2
เนื่องจาก 18 312 3 =(18 × 12 ) 3 =( 63 ) 3 =62
2
3)
3 1 3 1 4
+
และ 6 2 6=
2 62 =2 6=
2 62
2 2 3 1
ดังนั้น 18 312 3 = 6 2 6 2
1 1 16 1 1 1
( )
3+
4) เนื่องจาก 7=
3 5
7 7=5 =
7 5 , 4910 7 2=
10 75
16 1
และ >
5 5
1 1
ดังนั้น 737 5 > 4910
3
(2 ) =
3
2
3
2 2
42 23
5) เนื่องจาก 4 2 = 4= 2 , −=
3 6
= 29
(2 )3 −2 −6
82 2
และ 6<9
3
2
3 42
ดังนั้น 4 2 < −2
8
6. จาก d = 3.57 h และ h = 49
จะได d = 3.57 49
= ( 3.57 )( 7 )
= 24.99
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 131
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
132 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
≈ 134,095.88
ดังนั้น ถาตองการใหมีเงินในบัญชีเมื่อสิ้นปที่ 15 เปนจํานวนเงิน 150,000 บาท
แลวตองฝากเงินอยางนอยประมาณ 134,096 บาท
10. ในที่นี้ P = 20,000 และ n = 5 เงินรวมเมื่อสิ้นปที่ 5 เทากับ 22,081.62 บาท
ใหอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกําหนดคือ i % ตอป และ r = i จากทฤษฎีบท 7 จะได
100
20,000 (1 + r )
5
= 22,081.62
22,081.62
(1 + r )5 =
20,000
(1 + r )5 ≈ 1.1041
1
1+ r ≈ (1.1041) 5
1+ r ≈ 1.02
r ≈ 0.02
นั่นคือ i ≈ 2
ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกําหนดสําหรับเงินฝากนี้ประมาณ 2%
11. จากโจทย สามารถใชแนวคิดเดียวกับการคิดดอกเบี้ยแบบทบตน โดยใช P แทน
เงินเดือนเริ่มตนสําหรับพนักงานวุฒิปริญญาตรี i แทนรอยละของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นตอป
และ r = i จะได P = 18,000 และ=r = 7
0.07
100 100
1) ในที่นี้ n = 30 − 24 = 6
จากทฤษฎีบท 7 จะไดวา เมื่อสายธารมีอายุ 30 ป สายธารจะไดรับเงินเดือน
ประมาณ 18,000 (1 + 0.07 )6 ≈ 27,013.15 บาท
2) จากโจทย ตองการไดเงินเดือนเกิน 50,000 บาท
จากทฤษฎีบท 7 จะได
18,000 (1 + 0.07 )
n
= 50,000
50,000
(1.07 )n =
18,000
≈ 2.7778
เนื่องจาก (1.07 )15 ≈ 2.7590 และ (1.07 )16 ≈ 2.9522
จะได 18,000 (1.07 )15 ≈ 49,662.57 และ 18,000 (1.07 )16 ≈ 53,138.95
นั่นคือ สายธารตองทํางาน 16 ป จึงจะไดรับเงินเดือนเกิน 50,000 บาท
3) จากโจทย เงินเดือนสูงสุดของพนักงานที่มีวุฒิปริญญาตรีจะไดรับ คือ 80,000 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 133
จากทฤษฎีบท 7 จะได
18,000 (1 + 0.07 )
n
= 80,000
80,000
(1.07 )n =
18,000
≈ 4.4444
เนื่องจาก (1.07 )22 ≈ 4.4304 และ (1.07 )23 ≈ 4.7405
จะได 18,000 (1.07 )22 ≈ 79,747.23 และ 18,000 (1.07 )23 ≈ 85,329.54
นั่นคือ เมื่อสายธารทํางานไปแลว 22 ป เงินเดือนจะยังไมถึง 80,000 บาท
แตเมื่อสายธารทํางานไปแลว 23 ป จะไดรับเงินเดือนในอัตราสูงสุด 80,000 บาท
ดังนั้น สายธารจะไดรับเงินเดือนในอัตราสูงสุดเมื่ออายุ 24 + 23 = 47 ป
แบบฝกหัดทายบท
2 × 50 × 3−3 2 × 50 × 3−3
1. 1) =
3−3 × 8 3−3 × 23
21−3 × 50 × 3 ( )
−3− −3
=
= 2−2 × 50 × 30
1
=
22
2 × ( 2 × 3) × 33
−2
2 × 6−2 × 33
2) =
9−3 × 8 (3 )
2 −3
× 23
2 × 2−2 × 3−2 × 33
=
3−6 × 23
2 ( ) ×3
1+ −2 −3 −2 + 3−( −6 )
=
= 2−4 × 37
37
=
24
(3 − 3 ) (183)0
0
3) 2
+ 33 − 34 + 35 =
= 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
134 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
(2 )
× 3 × ( 2 × 5) × ( 2 × 3 × 5)
−1
2 3 2
123 × 10−1 × 302
4) =
42 × 152 × 6−2 (2 )2 2
× ( 3 × 5 ) × ( 2 × 3)
2 −2
=
(2 6
) (
× 33 × 2−1 × 5−1 × 22 × 32 × 52) ( )
2 × (3
4 2
× 5 ) × (2 × 3 )
2 −2 −2
2 ( )
6 + −1 + 2 − 4 −( −2 ) 3+ 2 − 2 −( −2 )
= ×3 × 5−1+ 2− 2
= 25 × 35 × 5−1
=
( 2 × 3 )5
5
65
=
5
x 2 y −3
2. 1) = x 2− 4 y −3− 2
x4 y 2
= x −2 y −5
1
= 2 5
x y
2)
x9 ( 2 x )
4
=
(
x9 24 x 4 )
3 3
x x
4 9 + 4 −3
= 2 x
= 24 x10
(6x y z ) ( )
2
2 −5
62 x 4 y −10 z 2
3) =
2 ( x yz ) 2( x −6 3 3
)
−2 3
y z
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 135
4) ( 2xy )( xy )
−1 2 −2
= ( 2xy )( x
−1 −2
y −4 )
2x ( ) y ( )
1+ −2 −1+ −4
=
= 2x −1 y −5
2
=
xy 5
−2
1 1
5) 2 −3 =
3x y 3 x −4 y 6
−2
32 x 4
=
y6
−1
x −1 yz −2 xy −1 z 2
6) −5 −8 =
y zx y 5 z −1 x8
x1−8 y −1−5 z ( )
2 − −1
=
= x −7 y −6 z 3
z3
=
x7 y 6
3. 1) เนื่องจาก 112 = 121 และ ( −11)2 = 121
ดังนั้น รากที่ 2 ของ 121 คือ 11 และ −11
เนื่องจาก ( 3 396 ) = 396
3
2)
4. 1) ( 0.027 ) 3 =
3 3
= ( 0.3)2
= 0.09
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
136 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3
3
9 2 3 2 2
2) =
16 4
3
3
=
4
27
=
64
1 1
(2 )
−
4 4 −4
3) 16 =
= 2−1
1
=
2
( )
1
3 −3
1
4) ( −125) −
3 = ( −5)
= ( −5)−1
1
= −
5
2
2 −
1
−
3 1 3 3
5) − = −
8 2
−2
1
= −
2
= 4
3 3 3
6) 0.5 2 × 82 = ( 0.5 × 8) 2
3
= 42
3
= ( ) 22 2
= 23
= 8
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 137
7
5 5 7
7) 4 2 = 42
7
= (2 ) 2 2
= 27
= 128
2
( )
2
12 3 22 × 3 3
8) 1
= 1
18 3 (2 × 3 ) 2 3
4 2
2 3 × 33
= 1 2
2 3 × 33
4 1 2 2
− −
= 2 3 3 × 33 3
= 21 × 30
= 2
5 5 5
9)
53 × 2 3
=
(5 × 2)3
2 2
10 3 10 3
5
10 3
= 2
10 3
5 2
−
= 10 3 3
= 10
2 2
( )
2 2
53 × 32 3 53 × 2 5 3
10) 1
= 1
50 3 (2 × 5 ) 2 3
2 10
53 ×23
= 1 2
23 ×5 3
10 1 2 2
− −
= 23 3 × 53 3
= 23 × 50
= 8
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
138 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2 2 2 2
23 × 10 3 23 × ( 2 × 5) 3
11) 1 1
= 1 1
53 × 23 53 × 2 3
2 2 2
23 × 23 × 53
= 1 1
53 × 2 3
2 2 1 2 1
+ − −
= 23 3 3 × 53 3
1
= 21 × 5 3
1
= 2 53
3 3
−
2 × ( 2 × 3)
−
2×6 2 ×3 2 ×3
12) 3 3
= 3 3
( ) ( )
− −
9 2 × 82 32 2 × 23 2
3 3
− −
2× 2 2 ×3 2 ×3
= 9
3−3 × 2 2
3 9 3
1+ − − − +1−( −3)
= 2 2 2
×3 2
5
= 2−5 × 3 2
5
32
=
25
5. 1) 3
32 × 42 × 6 = 3 32 × 42 × ( 2 × 3)
( ) × ( 2 × 3)
2
= 3 32 × 22
= 3
33 × 25
= 63 4
2) 3
81 − 3 24 + 3 375 = 33 3 − 2 3 3 + 5 3 3
= ( 3 − 2 + 5) 3 3
= 63 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 139
3) 20 − 45 + 2 5 = 2 5 −3 5 + 2 5
= ( 2 − 3 + 2) 5
= 5
4) วิธีที่ 1 (5 )(
2 +1 5 2 −1 ) = (5 )( ) (
2 + 1 5 2 − 5 2 + 1 (1) )
= 50 + 5 2 − 5 2 − 1
= 49
วิธีที่ 2 (5 )( ) (5 2 )
2
2 +1 5 2 −1 = − 12
= 50 − 1
= 49
วิธีที่ 1 ( ) ( )( 6 − 3 )
2
5) 6− 3 = 6− 3
= ( 6− 3 )( 6 ) − ( 6 − 3 )( 3 )
= 6 − 18 − 18 + 3
= 9 − 2 18
= 9−6 2
วิธีที่ 2 ( ) ( 6) ( 6 )( 3 ) + ( 3 )
2 2 2
6− 3 = −2
= 6 − 2 18 + 3
= 9 − 2 18
= 9−6 2
6) 3 5 ( 10 + 2 5 ) = (3 5 )( 10 ) + (3 5 )( 2 5 )
= 15 2 + 30
7) ( )(
5 − 2 2 5 −1 ) = ( 5−2 2 5 − )( ) ( )
5 − 2 (1)
= 10 − 4 5 − 5 + 2
= 12 − 5 5
8) วิธีที่ 1 ( 3
3 −1 )( 3
9 + 3 3 +1 ) = ( 3
3 −1 )( 9 ) + (
3 3
)( 3 ) + (
3 −1 3 3
)
3 − 1 (1)
= 3 − 3 9 + 3 9 − 3 3 + 3 3 −1
= 3 −1
= 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
140 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
( 3) −1
3
3 3
=
= 3 −1
= 2
9) (2 3+ 7 )( 3 −3 7 ) = (2 3+ 7 )( 3 ) − ( 2 )(
3+ 7 3 7 )
= 6 + 21 − 6 21 − 21
= −15 − 5 21
10) ( 98 − 18 )( 8 + 50 ) = ( 7 2 − 3 2 )( 2 2 +5 2 )
= ( 4 2 )( 7 2 )
= 56
3
54 54
11) 3
= 3
5 5
= 3
54−1
3
= 53
= 5
1 867 32 1 17 3 4 2
12) 1296 + − 4 = 36 + −
2 3 4 2 3 2
1
= ( 36 + 17 − 4 )
2
49
=
2
49 2
= ⋅
2 2
49 2
=
2
15 15 15 15 15 15
13) 3
−6 +9 = 3
−3 +3
135 25 125 3 5 5 5
5
= 3
5
3
5 52
= 3
⋅
3
5 52
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 141
15 15 15 5 3 25
3
−6 +9 =
135 25 125 5
3
= 25
1
1
14) เนื่องจาก
2 108 3 =
(
2 22 × 33 ) 3
2
= 2 23 × 3
5
= 3 23
3 3
1
= 1
432 3 ( 24 × 33 ) 3
3
= 4
23 ×3
1
= 4
23
1
(2 × 3 )
1
5 2 3
288 3
และ 2
= 2
24 3 ( 2 × 3)
3 3
5 2
2 3 × 33
= 2
22 × 3 3
5
−2
= 23
1
−
= 2 3
1
= 1
23
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
142 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1
5
1 1 1
3 288 3
3 23 − 1 − 1
ดังนั้น 23 2 108 −
3
1
− 2
= 23
4 1
432 3 24 3
2 3 23
1+5 1−4 1 1
−
= 3 23 3 − 23 3 − 23 3
= ( )
3 22 − 2−1 − 20
1
= 12 − −1
2
21
=
2
6. 1) 3 4 x5 − 5 x 36 x3 = ( )
3 2 x2 x − 5x 6 x x ( )
= 6 x 2 x − 30 x 2 x
= (6x 2
− 30 x 2 ) x
= −24x 2 x
( ) ( )
3
675 x 6 3 x 2 3 25
2) x 3 8 x − 4 3 27 x 4 + = x 2 3 x − 4 3x 3 x +
3 3
25 x 2 25 x 2
3x 2
= 2 x 3 x − 12 x 3 x +
3
x2
3x 2 3 x
2 x 3 x − 12 x 3 x + ×
3 2 3 x
=
x
23
3x x
= 2 x 3 x − 12 x 3 x +
x
= 2 x x − 12 x x + 3x x
3 3 3
= ( 2 − 12 + 3) x 3 x
= −7x 3 x
2 2
27x3 3 33 × x3 3
3) 6 = 6
y y
32 × x 2
=
y4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 143
2
27x3 3 32 x 2
6 =
y y4
1 1
125 x3 y 4 3 53 × x3−( −6 ) y 4−1 3
4) −6 =
27 x y 33
1
53 × x9 y 3 3
=
33
3
5x y
=
3
−2 2
1 1
5) 6 x 2 y 3 xy 2
= (6 −2
)(
x −1 y −2 32 x 2 y )
9 −1+ 2 −2+1
= x y
36
1 −1
= xy
4
x
= 2
2 y
2 2
− −
−2 − 3 3 −2−1 − 3 − 1 3
x y 2 x y 2 2
6) 1 =
27 xy 2 33
2
−
x −3 y −2 3
= 3
3
4
x2 y 3
=
3−2
4
= 32 x 2 y 3
432a 3b5 432a 3b5
7. 1) =
144ab 2 144ab 2
= 3a 3−1b5− 2
= 3a 2b3
= ab 3b
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
144 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
5a 3 5a 3 b 2
2) 3 = 3 ×
27b 27b b 2
5a 3 b 2
= 3
33 b3
a 3 2
= 5b
3b
3)
40 x 2 y 5
=
(2 2
)
× 10 x 2 y 5
3a 2b5 2 5
3a b
2
2 xy 10 y
=
ab 2 3b
2 xy 2 10 y 3b
= ×
ab 2 3b 3b
2 xy 2 30by
=
3ab3
11a 3b 22 x 2 y 11a 3b 22 x 2 y
4) = 3
2 xy 3 25ab 2 xy 25ab
121 3−1 1−1 2−1 1−3
= a b x y
25
121 2 0 −2
= a b xy
25
121a 2 x
=
25 y 2
11a
= x
5y
8. 1) เนื่องจาก 2 2 < 3
ดังนั้น 2 2 5 < 3 5
2) เนื่องจาก ( 3 −56 )( 3 −49 ) =3 ( −56 )( −49 ) =3 ( 56 )( 49 ) =3 23 × 73 =14
และ ( 3 48 )( 3 36 ) = 3 ( 48)( 36 ) = 3 26 × 33 = 12
ดังนั้น ( 3 −56 )( 3 −49 ) > ( 3 48 )( 3 36 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 145
2
2
1
1
3) เนื่องจาก ( −8) 3 =
( −8 ) 3 ( −2 )2 =
= 4 และ ( −64 ) 3 =
−4
2 1
ดังนั้น ( −8) 3 > ( −64 ) 3
2
( 3 × 2 ) ( 2 × 3)
1 3 1 1 1
3 4 3 1 1 1 1
4 4 4 + + −
3 2 4 2 4 34
4
7) เนื่องจาก 54 6 = 1
= 1
=34 4 × 24 4 2 =3
(2 )
6
8 3 6
22
3 2 4
54 4 6
ดังนั้น 313 2 3 3 > 6
8
จาก= n n0 (1 + r )
t
9.
1.13
ในที่นี้ =n0 7.4,= r = 0.0113 และ t = 27
100
จะได 7.4 (1 + 0.0113)
27
n =
= 7.4 (1.0113)
27
≈ 10.02
ดังนั้น ใน พ.ศ. 2586 โลกจะมีจํานวนประชากรประมาณ 10.02 พันลานคน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
146 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
t
10. จาก n = 10000 (1.3)10 และ t = 10
10
จะได n = 10000 (1.3)10
= 10000 (1.3)
= 13000
ดังนั้น ในอีก 10 ปขางหนา จะมีจํานวนประชากรในเมืองนี้ 13,000 คน
11. จาก S = ( 0.1091)( wh )0.5
ในที่นี้ w = 180 และ h = 64
จะได S = ( 0.1091)(180 × 64 )
0.5
1
= ( 0.1091)(180 × 64 ) 2
≈ 11.71
ดังนั้น คนที่สูง 5 ฟุต 4 นิ้ว และหนัก 180 ปอนด จะมีพื้นที่ผิวหนังประมาณ 11.71 ตารางฟุต
12. จาก A = 10 ( 0.8)t และ A = 1
จะได 1 = 10 ( 0.8 )
t
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 147
4
2) ในที่นี้ n = 30,=r = 0.04
100
และเงินรวมในบัญชีเมื่อสิ้นปที่ 30 เทากับ 10,000,000 บาท
ให P คือ เงินตน จากทฤษฎีบท 7 จะได
P (1 + 0.04 )
30
= 10,000,000
P = 10,000,000 (1.04 )
−30
≈ 3,083,186.68
จะไดวา ถาตองการใหมีเงินในบัญชีเมื่อสิ้นปที่ 30 เปนจํานวนเงิน 10,000,000 บาท
แลวจะตองฝากเงินตนอยางนอย 3,083,187 บาท
15. ในที่นี้ P = 50,000 และ n = 10 เงินรวมเมื่อสิ้นปที่ 10 เทากับ 67,195.82 บาท
ใหอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกําหนด คือ i% ตอป และ r = i จากทฤษฎีบท 7 จะได
100
50,000 (1 + r )
10
= 67,195.82
67,195.82
(1 + r )10 =
50,000
(1 + r )10 = 1.3439164
1
1+ r = (1.3439164 )10
1 + r ≈ 1.03
r ≈ 0.03
นั่นคือ i ≈ 3
ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกําหนดสําหรับเงินฝากนี้ประมาณ 3%
16. จากโจทย สามารถใชแนวคิดเดียวกับการคิดดอกเบี้ยแบบทบตน โดยใช P แทน
เงินเดือนเริ่มตน i แทนรอยละของเงินเดือนของแพทยที่เพิ่มขึ้นตอป และ r = i
100
6
จะได=r = 0.06
100
1) พิจารณาเงินเดือนของนายแพทยศุภกุล
ในที่นี้ P = 17,920 และ n = 30 − 24 =6
จากทฤษฎีบท 7 จะไดวา เมื่อนายแพทยศุภกุลมีอายุ 30 ป จะไดรับเงินเดือน
ประมาณ 17,920 (1 + 0.06 )6 ≈ 25, 419.86 บาท
พิจารณาเงินเดือนของแพทยหญิงวัฒนา
ในที่นี้ P = 20,000 และ n = 30 − 27 =3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
148 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะได 20,000 (1.06 )23 ≈ 76,394.99 และ 20,000 (1.06 )24 ≈ 80,978.69
นั่นคือ เมื่อแพทยหญิงวัฒนาทํางานไปแลว 23 ป เงินเดือนจะยังไมถึง 76,800 บาท
แตเมื่อแพทยหญิงวัฒนาทํางานไปแลว 24 ป จึงจะไดรับเงินเดือนสูงสุดของแพทย คือ
76,800 บาท
จะไดวา แพทยหญิงวัฒนาจะไดรับเงินเดือนสูงสุดเมื่ออายุ 27 + 24 = 51 ป
ดังนั้น นายแพทยศุภกุลจะไดรับเงินเดือนสูงสุดเมื่ออายุ 49 ป และแพทยหญิงวัฒนา
จะไดรับเงินเดือนสูงสุดเมื่ออายุ 51 ป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 149
บทที่ 2 ฟงกชัน
แบบฝกหัด 2.1
1. 1) เนื่องจาก สมาชิกตัวหนาของคูอันดับใน A ไมมีตัวใดซ้ํากันเลย
ดังนั้น A เปนฟงกชัน
2) เนื่องจาก มีคูอันดับใน B ที่มีสมาชิกตัวหนาเหมือนกัน แตสมาชิกตัวหลังตางกัน
คือ ( p, 1) และ ( p, 3)
ดังนั้น B ไมเปนฟงกชัน
3) วิธีที่ 1 เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ {( x, y ) =x y 2 + 7} ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
150 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
4) เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ {( x, y ) = } ไดดังนี้
y x2 + 7
f ( −1) =( −1) =1
2
f ( 0=
) 0=2 0
f (1=
) 1=2 1
f ( 2=
) 2=2 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 151
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
152 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 153
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
154 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
และเมื่อพิจารณา =y x − 7
เนื่องจาก x − 7 ≥ 0 จะได y ≥ 0
ดังนั้น R f = { y ∈ y y ≥ 0}
3) เนื่องจากในระบบจํานวนจริงไมนิยามเศษสวนที่ตัวสวนเปนศูนย
ดังนั้น 2 x − 3 ≠ 0
นั่นคือ x ≠ 3
2
3
ดังนั้น โดเมนของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริงที่ไมเทากับ
2
3
หรือ Df =
x ∈ x ≠
2
และเมื่อพิจารณา y = 1
2x − 3
1
จะไดวา 2 x − 3 =
y
แสดงวา y เปนจํานวนจริงที่ไมเทากับ 0
ดังนั้น R f = { y ∈ y y ≠ 0}
4) เนื่องจากในระบบจํานวนจริง จํานวนที่อยูในเครื่องหมายกรณฑที่สองตองไมเปน
จํานวนลบ
ดังนั้น x ≥ 0
จะไดวา โดเมนของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริงที่มากกวาหรือเทากับ 0 หรือ
{x x ≥ 0}
D f =∈
และเมื่อพิจารณา y = − x
เนื่องจาก x ≥ 0 จะได − x ≤ 0 นั่นคือ y≤0
ดังนั้น R f ={ y ∈ y y ≤ 0}
7. เนื่องจาก − 4 < x < 3
จะได 0 ≤ x 2 < 16 นั่นคือ −6 ≤ x 2 − 6 < 10
ดังนั้น −6 ≤ f ( x ) < 10
จะไดวา R f = { y ∈ y − 6 ≤ y < 10}
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 155
แบบฝกหัด 2.2
1. 1) จ
2) ข
3) ง
4) ค
5) ก
2
2. 1) ให f ( =
x) x +1
7
2 13
หาคาของฟงกชัน f ที่ 3 จะได f (=
3) ( 3) +=1
7 7
จะได จุด 13 อยูบนกราฟของ f
3,
7
2
ดังนั้น จุด ( 3, 5) ไมอยูบนกราฟ =y x +1
7
2) ให f ( x ) = −2 x − 7
หาคาของฟงกชัน f ที่ −4 จะได f ( −4 ) =−2 ( −4 ) − 7 =1
จะได จุด ( −4, 1) อยูบนกราฟของ f
ดังนั้น จุด ( −4, − 5) ไมอยูบนกราฟ 2 x + y =−7
3) เนื่องจาก y = −1 เปนกราฟเสนตรงขนานแกน X ผานจุด ( 0, − 1)
ดังนั้น จุด ( 4, − 5) ไมอยูบนกราฟ y = −1
4) เนื่องจาก x = 2 เปนกราฟเสนตรงขนานแกน Y ผานจุด ( 2, 0 )
ดังนั้น จุด ( 2, 0 ) อยูบนกราฟ x = 2
5) ให f ( x ) = − x
หาคาของฟงกชัน f ที่ 1 จะได f (1) = −1
ดังนั้น จุด (1, − 1) อยูบนกราฟ x + y = 0
3. 1) ให A ( x ) เปนฟงกชันของความยาวที่มีหนวยเปนเซนติเมตร เมื่อ x เปนความยาวที่มี
หนวยเปนนิ้ว
เนื่องจาก ความยาวที่มีหนวยเปนนิ้ว เทากับ 2.54 เทาของความยาวที่มีหนวยเปนเซนติเมตร
ดังนั้น A ( x ) = 2.54 x เมื่อ x ≥ 0 และเขียนกราฟแสดงไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
156 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 157
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
158 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 159
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
160 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 161
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
162 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 163
8. 1) เขียนกราฟของฟงกชันอุปสงคและฟงกชันอุปทาน ดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
164 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
แบบฝกหัด 2.3
y =( x − 4 ) − 3
2
1. 1)
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได= a 1,=h 4 และ k = −3
นั่นคือ กราฟหงายขึ้น มีจุดยอดที่จุด ( 4, − 3) และคูกับกราฟ (ง)
− ( x − 4) + 3
2
2) y=
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได a = −1, h =4 และ k = 3
นั่นคือ กราฟคว่ําลง มีจุดยอดที่จุด ( 4, 3) และคูกับกราฟ (ช)
y =( x + 4 ) − 3
2
3)
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได a = 1, h = − 4 และ k = −3
นั่นคือ กราฟหงายขึ้น มีจุดยอดที่จุด ( − 4, − 3) และคูกับกราฟ (ญ)
− ( x + 4) + 3
2
4) y=
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได a = −1, h =− 4 และ k = 3
นั่นคือ กราฟคว่ําลง มีจุดยอดที่จุด ( − 4, 3) และคูกับกราฟ (ก)
y 2 ( x − 2)
2
5) =
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได= a 2,=h 2 และ k = 0
นั่นคือ กราฟหงายขึ้น มีจุดยอดที่จุด ( 2, 0 ) และคูกับกราฟ (ฌ)
y =( x + 3) − 4
2
6)
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได a = 1, h = −3 และ k = − 4
นั่นคือ กราฟหงายขึ้น มีจุดยอดที่จุด ( −3, − 4 ) และคูกับกราฟ (ข)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 165
1
− ( x + 1) − 3
2
7) y=
2
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
1
จะได a= −1 และ k = − 3
− ,h=
2
นั่นคือ กราฟคว่ําลง มีจุดยอดที่จุด ( −1, − 3) และคูกับกราฟ (ค)
−2 ( x + 3) + 2
2
8) y=
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได a = −2, h =−3 และ k = 2
นั่นคือ กราฟคว่ําลง มีจุดยอดที่จุด ( −3, 2 ) และคูกับกราฟ (ฉ)
9) y = x2 − 2 x + 3
= (x 2
− 2x + 1 + 2 )
= ( x − 1) 2
+2
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได= a 1,=h 1 และ k = 2
นั่นคือ กราฟหงายขึ้น มีจุดยอดที่จุด (1, 2 ) และคูกับกราฟ (ซ)
10) y = 2 x 2 − 4 x + 5
(
= 2 x2 − 2 x + 1 + 3 )
= 2 ( x − 1) + 3
2
เมื่อเทียบกับ y =( x − h )2 + k
จะได= a 2,= h 1 และ k = 3
นั่นคือ กราฟหงายขึ้น มีจุดยอดที่จุด (1, 3) และคูกับกราฟ (จ)
2. 1) เขียน f ( x ) = x 2 − 4 x − 5 ใหอยูในรูป f ( x ) =( x − h )2 + k ไดดังนี้
f ( x) = (x 2
)
− 4x + 4 − 9
= ( x − 2 )2 − 9
จะได = a 1,=h 2 และ k = −9
เนื่องจาก a > 0
ดังนั้น กราฟของฟงกชัน f หงายขึ้น และมีจุดยอดที่จุด ( 2, − 9 ) และมีคาต่ําสุด คือ −9
หาจุดที่กราฟตัดแกน X โดยกําหนดให f ( x ) = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
166 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
นั่นคือ x2 − 4 x − 5 = 0
( x − 5)( x + 1) = 0
จะได x = 5 หรือ x = −1
ดังนั้น กราฟตัดแกน X ที่จุด ( −1, 0 ) และ ( 5, 0 )
เขียนกราฟของ f ( x ) = x 2 − 4 x − 5 ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 167
( )
− x2 − 6 x + 8 = 0
− ( x − 4 )( x − 2 ) = 0
จะได x = 4 หรือ x = 2
ดังนั้น กราฟตัดแกน X ที่จุด ( 2, 0 ) และ ( 4, 0 )
เขียนกราฟของ f ( x ) =− x 2 + 6 x − 8 ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
168 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
− x ( x + 2) = 0
จะได x = 0 หรือ x = − 2
ดังนั้น กราฟตัดแกน X ที่จุด ( −2, 0 ) และ ( 0, 0 )
เขียนกราฟของ f ( x ) =− x 2 − 2 x ไดดังนี้
-5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 169
เขียนกราฟของ f ( x ) = x 2 − 6 x + 8 ไดดังนี้
เขียนใหอยูในรูป a ( x − h )2 + k ไดดังนี้
(
y = −0.1 x 2 − 1,000 x )
−0.1( x )
− 1,000 x + 5002 + ( 0.1)( 500 )
2 2
=
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
170 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
4. 1) ให f ( x ) แทนรายไดตอเดือนของเจาของหอพักแหงนี้
เมื่อ x คือ จํานวนหองวาง
จะได f ( x ) = ( 80 − x )( 4,000 + 200 x )
= 320,000 + 16,000 x − 4,000 x − 200 x 2
= −200 x 2 + 12,000 x + 320,000
ดังนั้น สมการแสดงรายไดของเจาของหอพักแหงนี้ คือ f ( x ) =
−200 x 2 + 12,000 x + 320,000
2) จาก f ( x ) = −200 x 2 + 12,000 x + 320,000
ถาตองการใหมีรายไดเดือนละ 375,000 บาท
นั่นคือ 375,000 = −200 x 2 + 12,000 x + 320,000
200 x 2 − 12,000 x + 55,000 = 0
x − 60 x + 275 = 0
2
( x − 55)( x − 5) = 0
จะได x = 5 หรือ x = 55
ถา x = 5 เจาของหอพักตองคิดคาเชาหองละ 4,000 + 200 ( 5) = 5,000 บาท
ถา x = 55 เจาของหอพักตองคิดคาเชาหองละ 4,000 + 200 ( 55) =15,000 บาท
ดังนั้น ถาตองการใหมีรายไดเดือนละ 375,000 บาท เจาของหอพักตองคิดคาเชา
หองละ 5,000 บาท หรือ 15,000 บาท
3) จาก f ( x ) = −200 x 2 + 12,000 x + 320,000
เขียนใหอยูในรูป a ( x − h )2 + k ไดดังนี้
( )
f ( x ) = −200 x 2 − 60 x + 900 + 500,000
= −200 ( x − 30 ) + 500,000
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 171
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
172 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
ให h ( x ) แทนความสัมพันธระหวางความยาวดานของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและผลตาง
ของพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมทั้งสอง จะไดวา h ( x ) = x
แบบฝกหัด 2.4
1. ให f ( x ) แทนอัตราคาบริการในการสงพัสดุของบริษัทแหงหนึ่งมีหนวยเปนบาท
เมื่อ x แทนน้ําหนักของพัสดุมีหนวยเปนกิโลกรัม จะเขียนฟงกชันของ f ( x ) ไดดังนี้
20.00 ; 0 < x ≤1
35.00 ;1 < x ≤ 2
50.00 ;2< x≤3
f ( x) =
65.00 ;3< x ≤ 4
80.00 ;4< x≤5
95.00 ;5 < x ≤ 6
เขียนกราฟของฟงกชัน f ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 173
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
174 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3. ให f ( x ) แทนคาโดยสารของรถโดยสารประเภทหนึ่งมีหนวยเปนบาท
เมื่อ x แทนระยะทางหนวยเปนกิโลเมตร จะเขียนฟงกชันของ f ( x ) ไดดังนี้
20 ;0 < x ≤ 2
23 ;2 < x ≤ 2.3
26 ;2.3 < x ≤ 2.6
29 ;2.6 < x ≤ 2.9
32 ;2.9 < x ≤ 3.2
=f ( x ) 35 ;3.2 < x ≤ 3.5
38 ;3.5 < x ≤ 3.8
41 ;3.8 < x ≤ 4.1
44 ;4.1 < x ≤ 4.4
47 ;4.4 < x ≤ 4.7
50 ;4.7 < x ≤ 5.0
เขียนกราฟของฟงกชัน f ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 175
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
176 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3 ;0 < t ≤ 2
3.5 ;2 < t ≤ 3
4 ;3 < t ≤ 4
4.5 ;4 < t ≤ 5
5 ;5 < t ≤ 6
จะได g (t ) =
5.5 ;6 < t ≤ 7
6 ;7 < t ≤ 8
6.5 ;8 < t ≤ 9
7 ;9 < t ≤ 10
เขียนกราฟของ f และ g ไดดังนี้
2 4 6 8 10
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 177
แบบฝกหัด 2.5
1. 1) แทน x ใน f ( x ) = 3x ดวย −3, − 2, − 1, 0, 1, 2 และ 3 จะได
x −3 −2 −1 0 1 2 3
1 1 1
f ( x) 1 3 9 27
27 9 3
1 1 1
( x, f ( x ) ) −3,
27
−2,
9
−1,
3
( 0, 1) (1, 3) ( 2, 9 ) ( 3, 27 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
178 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
x
1
2) แทน x ใน f ( x ) = ดวย −3, − 2, − 1, 0, 1, 2 และ 3 จะได
3
x −3 −2 −1 0 1 2 3
1 1 1
f ( x) 27 9 3 1
3 9 27
1 1 1
( x, f ( x ) ) ( −3, 27 ) ( −2, 9 ) ( −1, 3) ( 0, 1) 1,
3
2,
9
3,
27
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 179
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
180 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 181
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
182 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3. 1) เมื่อครบ 3 ป ชายคนนี้จะตองชําระเงินคืนใหธนาคารทั้งหมด
f ( 3) = 850,000 (1.08 )
3
= 1,070,755.2 บาท
โดยคิดเปนดอกเบี้ย 1,070,755.2 − 850,000 = 220,755.2 บาท
2) แทน n ใน f ( n ) = 850,000 (1.08) ดวย 1, 2, 3, 4 และ 5 จะได คูอันดับดังตาราง
n
n f (n)
1 918,000
2 991,440
3 1,070,755.2
4 1,156,415.62
5 1,248,928.87
จากตาราง เขียนกราฟไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 183
แบบฝกหัดทายบท
1. 1) เปนฟงกชัน
2) เปนฟงกชัน
3) ไมเปนฟงกชัน
4) ไมเปนฟงกชัน
2. 1) ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอับดับที่มีสมาชิกตัวหนาเหมือนกัน แตตัวหลังตางกัน
คือ ( 4, d ) และ ( 4, e )
2) ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาเหมือนกัน แตตัวหลังตางกัน
เชน ( 3, 0 ) และ ( 3, 1)
3) เปนฟงกชัน
3. จาก f ( x ) = x 2 + 3x − 5
จะได f ( 0) = ( 0 )2 + 3 ( 0 ) − 5 = −5
f ( −1) = ( −1)2 + 3 ( −1) − 5 = −7
f ( 3) = ( 3)2 + 3 ( 3) − 5 = 13
f ( a ) = a 2 + 3a − 5
4. 1) พิจารณา f ( x ) = −3 x − 4
จะเห็นวา ไมวาแทน x ดวยจํานวนจริงใดก็จะสามารถหา f ( x ) ไดเสมอ
ดังนั้น โดเมนของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริง หรือ D f =
หาเรนจของฟงกชัน f โดยให y = −3 x − 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
184 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2) เนื่องจากในระบบจํานวนจริง จํานวนในเครื่องหมายกรณฑที่สองตองไมเปนจํานวนจริงลบ
ดังนั้น x − 2 ≥ 0 นั่นคือ x ≥ 2
ดังนั้น โดเมนของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริงที่มากกวาหรือเทากับ 2
ให =y x − 2
เนื่องจาก x − 2 ≥ 0 จะได y ≥ 0
ดังนั้น เรนจของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริงที่มากกวาหรือเทากับ 0
2
3) พิจารณา f ( x ) = x จะเห็นวา ไมวาแทน x ดวยจํานวนจริงใดก็จะสามารถหา
2
f ( x) ไดเสมอ
ดังนั้น โดเมนของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริง
2
x
และพิจารณา y=
2
เนื่องจาก x 2 ≥ 0 จะได y ≥ 0
ดังนั้น เรนจของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริงที่มากกวาหรือเทากับ 0
4) พิจารณา f ( x ) = 2 x 2 จะเห็นวา ไมวาแทน x ดวยจํานวนจริงใดก็จะสามารถหา
f ( x ) ไดเสมอ
ดังนั้น โดเมนของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริง
และพิจารณา y = 2 x 2
เนื่องจาก x 2 ≥ 0 จะได y ≥ 0
ดังนั้น เรนจของฟงกชัน f คือ เซตของจํานวนจริงที่มากกวาหรือเทากับ 0
5. 1) ให f ( x ) = −5 x + 2
เมื่อแทน x ดวย 0 จะได f ( 0 ) = 2 นั่นคือ จุดที่กราฟของ f ตัดแกน Y คือจุด ( 0, 2 )
ถา f ( x ) = 0 จะได x=
2
นั่นคือ จุดที่กราฟของ f ตัดแกน X คือจุด 2 , 0
5 5
เขียนกราฟของ f ( x ) =−5 x + 2 ไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 185
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
186 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 187
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
188 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
x
1
เขียนกราฟของ f ( x ) =−1 − ไดดังนี้
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 189
( x, f ( x ) ) (
−3, − 7 ) ( −2, − 3) ( −1, − 1) ( 0, 0 ) 1 3 7
1, 2, 3,
2 4 8
x
1
เขียนกราฟของ f ( x ) = 1− ไดดังนี้
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
190 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 191
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
192 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 193
2) ในที่นี้ t = 5 จะได
s ( 5) = 50 ( 5 )
= 250
ดังนั้น ระยะทางจากสถานีรถไฟหัวลําโพงถึงสถานีนครสวรรค เทากับ 250 กิโลเมตร
12. 1) ให y เปนจํานวนชิ้นของขนมที่ขายได เมื่อ x เปนราคาขนม ( x > 35)
นั่นคือ ราคาขนมเพิ่มขึ้น x − 35 บาท จะทําใหขายขนมไดลดลง 2 ( x − 35) ชิ้น
จะได y = 100 − 2 ( x − 35)
= 100 − 2 x + 70
= 170 − 2x
ดังนั้น สมการแสดงความสัมพันธของจํานวนชิ้นที่ขายไดกับราคาขนม คือ=y 170 − 2 x
เมื่อ y เปนจํานวนชิ้นของขนมที่ขายได และ x เปนราคาขนม
2) ให f ( x ) แทนฟงกชันแสดงจํานวนเงินที่ขายไดทั้งหมด เมื่อ x เปนราคาขนม
จะได f ( x ) = (170 − 2x ) x
= 170 x − 2 x 2
( x)
ดังนั้น ฟงกชันแสดงจํานวนเงินที่ขายไดทั้งหมด คือ f = 170 x − 2 x 2
เมื่อ x เปนราคาขนม
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
194 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 195
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
196 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
200
2
ให f ( x ) = 2, 400 x −
+ 400
x
200
จะได f ( x) มีคาต่ําสุด เมื่อ x− =
0
x
นั่นคือ x = 200 และ y = 240
ดังนั้น จะตองลอมรั้วใหมีความกวาง 200 เมตร และยาว 240 เมตร จึงจะเสีย
คาใชจายนอยที่สุดและคาใชจายนอยที่สุดเปน 960,000 บาท
15. 1) ให f ( x ) แทนฟงกชันแสดงอุณหภูมิที่มีหนวยเปนองศาฟาเรนไฮต
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหนวยเปนองศาเซลเซียส
เนื่องจาก f ( x ) เปนฟงกชันเชิงเสน จะได f ( x=) ax + b เมื่อ a และ b เปนคาคงตัว
จากจุดเยือกแข็งของน้ําบริสุทธิ์ คือ 0°C หรือ 32°F จะได f ( 0 ) = 32
แทน x ดวย 0 ใน f ( x=) ax + b จะได
f ( 0) = a ( 0) + b = b
เนื่องจาก f ( 0 ) = 32 จะได b = 32
ดังนั้น f ( x=) ax + 32
จากจุดเดือดของน้ําบริสุทธิ์ คือ 100°C หรือ 212°F จะได f (100 ) = 212
แทน x ดวย 100 ใน f ( x=) ax + 32 จะได
จะได f (100 ) = a (100 ) + 32 = 100a + 32
9
เนื่องจาก f (100 ) = 212 จะได 100a + 32 =
212 นั่นคือ a=
5
9
จะไดวา f (=
x) x + 32
5
ดังนั้น ฟงกชันแสดงอุณหภูมิที่มีหนวยเปนองศาฟาเรนไฮต เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่
9
มีหนวยเปนองศาเซลเซียส คือ f ( = x) x + 32
5
2) ให g ( x ) แทนฟงกชันแสดงอุณหภูมิที่หนวยเปนองศาเซลเซียส
เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่มีหนวยเปนองศาฟาเรนไฮต
เนื่องจาก g ( x ) เปนฟงกชันเชิงเสน จะได g ( x=) ax + b เมื่อ a และ b เปนคาคงตัว
จากจุดเยือกแข็งของน้ําบริสุทธิ์ คือ 0°C หรือ 32°F จะได g ( 32 ) = 0
แทน x ดวย 32 ใน g ( x=) ax + b จะได
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 197
g ( 32 ) = 32a + b
เนื่องจาก g ( 32 ) = 0 จะได=0 32a + b นั่นคือ b = −32a
ดังนั้น g ( x ) =ax − 32a =a ( x − 32 )
จากจุดเดือดของน้ําบริสุทธิ์ คือ 100°C หรือ 212°F จะได g ( 212 ) = 100
แทน x ดวย 212 ใน g (= x ) a ( x − 32 ) จะได
g ( 212 ) = a ( 212 − 32 ) = 180a
5
เนื่องจาก g ( 212 ) = 100 จะได 180a = 100 นั่นคือ a=
9
5
จะไดวา g (=
x) ( x − 32 )
9
ดังนั้น ฟงกชันแสดงอุณหภูมิที่มีหนวยเปนองศาเซลเซียส เมื่อ x แทนอุณหภูมิที่
5
มีหนวยเปนองศาฟาเรนไฮต คือ g (= x) ( x − 32 )
9
9 5
3) จาก f (=
x) x + 32 และ g (=
x) ( x − 32 )
5 9
เขียนกราฟไดดังนี้
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
198 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 199
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
200 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 201
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
202 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 203
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
204 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะไดวาความสัมพันธระหวางเวลาและระยะทางที่เครื่องบินลํานี้บินไดมีกราฟเปน
เสนตรง เพราะเครื่องบินลํานี้บินดวยอัตราเร็วคงที่
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 205
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
206 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะไดวา ความสัมพันธระหวางเวลาและความสูงของระดับน้ําในบอเปนกราฟเสนตรง
เพราะ ภานุเปดน้ําใสบอดวยอัตราเร็วคงที่
2) ในการหาความสูงของระดับน้ําในบอ เมื่อเปดน้ําดวยอัตราเร็วคงที่ 7 นาที
สามารถทําไดโดย เขียนเสนตรง x = 7 ลงในกราฟขอ 1) จะไดจุดตัดดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 207
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
208 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะไดวา ความสัมพันธระหวางเวลาที่ผานไปและน้ําหนักที่เพิ่มขึ้นมีกราฟใกลเคียง
กับกราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล การเพิ่มขึ้นในชวงแรกน้ําหนักที่เพิ่มขึ้นมี
อัตราการเพิ่มขึ้นอยางชา ๆ แตเมื่อเวลาผานไปน้ําหนักที่เพิ่มขึ้นมีอัตราการเพิ่มขึ้น
อยางรวดเร็ว
2) ในการหาน้ําหนักที่เพิ่มขึ้น เมื่อเวลาผานไป 5 เดือน
สามารถทําไดโดย เขียนเสนตรง x = 5 ลงในกราฟขอ 1) จะไดจุดตัดดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 209
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
210 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะไดวา ความสัมพันธระหวางเวลาที่ผานไปและราคารถยนตมีกราฟใกลเคียงกับ
กราฟของฟงกชันเอกซโพเนนเชียล เพราะ ในชวงแรกราคารถยนตลดลงอยาง
รวดเร็ว แตเมื่อเวลาผานไปราคารถยนตลดลงดวยอัตราที่ลดลง
2) ในการหาเวลาที่ผานไป เมื่อราคาของรถยนตเหลือนอยกวาครึ่งหนึ่งของราคาที่ซื้อมา
สามารถทําไดโดย เขียนเสนตรง y = 500,000 ลงในกราฟขอ 1) จะไดจุดตัดดังรูป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 211
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
212 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 213
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
214 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
บทที่ 3 ลําดับและอนุกรม
แบบฝกหัด 3.1.1
1. 1) แทน n ใน a=
n 2n + 5 ดวย 1, 2, 3 และ 4 จะได สี่พจนแรกของลําดับดังนี้
a1 = 2 (1) + 5 = 7
a2 = 2 ( 2 ) + 5 = 9
a3 = 2 ( 3) + 5 = 11
a4 = 2 ( 4 ) + 5 = 13
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับนี้ คือ 7, 9, 11 และ 13
n
1
2) แทน n ใน an = ดวย 1, 2, 3 และ 4 จะได สี่พจนแรกของลําดับดังนี้
2
1
1 1
a1 = =
2 2
2
1 1
a2 = =
2 4
3
1 1
a3 = =
2 8
4
1 1
a4 = =
2 16
a1 = ( −2 )1 = −2
a2 = ( −2 )2 = 4
a3 = ( −2 )3 = −8
a4 = ( −2 )4 = 16
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับนี้ คือ −2, 4, − 8 และ 16
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 215
n +1
4) แทน n ใน an = ดวย 1, 2, 3 และ 4 จะได สี่พจนแรกของลําดับดังนี้
n
1+1
a1 = = 2
1
2 +1 3
a2 = =
2 2
3 +1 4
a3 = =
3 3
4 +1 5
a4 = =
4 4
3 4 5
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับนี้ คือ 2, , และ
2 3 4
1 + ( −1)
n
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
216 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2 4 8 16
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับนี้ คือ , , และ
3 9 27 81
7) แทน n ใน an =( n − 1)( n + 1) ดวย 1, 2, 3 และ 4 จะได สี่พจนแรกของลําดับดังนี้
a1 = (1 − 1)(1 + 1) = 0 ( 2) = 0
a2 = ( 2 − 1)( 2 + 1) = 1( 3) = 3
a3 = ( 3 − 1)( 3 + 1) = 2 ( 4) = 8
a4 = ( 4 − 1)( 4 + 1) = 3( 5) = 15
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับนี้ คือ 0, 3, 8 และ 15
8) แทน n ใน an = n ( n − 1)( n − 2 ) ดวย 1, 2, 3 และ 4 จะได สี่พจนแรกของลําดับดังนี้
a1 = 1(1 − 1)(1 − 2 ) = 1( 0 )( −1) = 0
a2 = 2 ( 2 − 1)( 2 − 2 ) = 2 (1)( 0 ) = 0
a3 = 3 ( 3 − 1)( 3 − 2 ) = 3 ( 2 )(1) = 6
a4 = 4 ( 4 − 1)( 4 − 2 ) = 4 ( 3)( 2 ) = 24
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับนี้ คือ 0, 0, 6 และ 24
2. เนื่องจากจํานวนเต็มบวกที่หารดวย 2 และ 7 ลงตัว คือ จํานวนเต็มบวกที่หารดวย 14 ลงตัว
ซึ่งเขียนเปนลําดับไดดังนี้ an = 14n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก
ดังนั้น เจ็ดพจนแรกของลําดับของจํานวนเต็มบวกที่หารดวย 2 และ 7 ลงตัว โดยเรียงจาก
นอยไปมาก คือ 14, 28, 42, 56, 70, 84 และ 98
แบบฝกหัด 3.1.2
1. 1) จาก a1 = 2 และ d = 4 จะได
a2 = a1 + d = 2 + 4 = 6
a3 = a2 + d = 6 + 4 = 10
a4 = a3 + d = 10 + 4 = 14
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 2, 6, 10 และ 14
2) จาก a1 = 3 และ d = 5 จะได
a2 = a1 + d = 3+5 = 8
a3 = a2 + d = 8+5 = 13
a4 = a3 + d = 13 + 5 = 18
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 3, 8, 13 และ 18
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 217
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
218 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
5 3
8) จาก a1 = และ d= − จะได
2 2
5 3
a2 = a1 + d = +− = 1
2 2
3 1
a3 = a2 + d = 1+ − = −
2 2
1 3
a4 = a3 + d = − + − = −2
2 2
ดังนั้น สี่พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 5 , 1, − 1 และ −2
2 2
2. 1) จาก a1 = 4, d = 3 และ an = a1 + ( n − 1) d จะได
a3 = 4 + ( 3 − 1)( 3)
= 4 + ( 2 )( 3)
= 10
ดังนั้น a3 = 10
2) จาก a1 = 7, d = −3 และ an = a1 + ( n − 1) d จะได
a12 = 7 + (12 − 1)( −3)
= 7 + (11)( −3)
= −26
ดังนั้น a12 = −26
3) จาก a1 = 4 , d = −1 และ an = a1 + ( n − 1) d จะได
5
4
a20 = + ( 20 − 1)( −1)
5
4
= + (19 )( −1)
5
91
= −
5
91
ดังนั้น a20 = −
5
4) จาก a1 = 4, d = 1 และ an = a1 + ( n − 1) d จะได
2
1
a11 = 4 + (11 − 1)
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 219
1
a11 = 4 + (10 )
2
= 9
ดังนั้น a11 = 9
3. 1) จากลําดับเลขคณิต 11, 13, 15, 17, 19,
จะได d = 13 − 11 = 2
และ a1 = 11
พจนที่ n ของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = 11 + ( n − 1)( 2 )
= 11 + 2n − 2
= 9 + 2n
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 9 + 2n หรือ an= 9 + 2n
2) จากลําดับเลขคณิต 7, 10, 13, 16, 19,
จะได d = 10 − 7 = 3
และ a1 = 7
พจนที่ n ของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = 7 + ( n − 1)( 3)
= 7 + 3n − 3
= 4 + 3n
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 4 + 3n หรือ an= 4 + 3n
3) จากลําดับเลขคณิต 2, − 1, − 4, − 7, − 10,
จะได d =−1 − 2 =−3
และ a1 = 2
พจนที่ n ของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = 2 + ( n − 1)( −3)
= 2 − 3n + 3
= 5 − 3n
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 5 − 3n หรือ an = 5 − 3n
4) จากลําดับเลขคณิต 4, 2, 0, − 2, − 4,
จะได d =2 − 4 =−2
และ a1 = 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
220 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
5) จากลําดับเลขคณิต 0, 1 , 1, 3 , 2,
2 2
1 1
จะได d = −0=
2 2
และ a1 = 0
พจนที่ n ของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
1
จะได an = 0 + ( n − 1)
2
1 1
= 0+ n−
2 2
1 1
= − + n
2 2
1 1 1 1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ − + n หรือ an =− + n
2 2 2 2
3 5 7
6) จากลําดับเลขคณิต , 2, , 3, ,
2 2 2
3 1
จะได d = 2 − =
2 2
3
และ a1 =
2
พจนที่ n ของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
3 1
จะได an = + ( n − 1)
2 2
3 1 1
= + n−
2 2 2
1
= 1+ n
2
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 1 + 1 n หรือ 1
an = 1 + n
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 221
4. 1) จาก a1 = 13 และ a2 = 25
จะได d = 25 − 13 = 12
นั่นคือ a3 = a2 + d = 25 + 12 = 37
a4 = a3 + d = 37 + 12 = 49
a5 = a4 + d = 49 + 12 = 61
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ 37, 49 และ 61 ตามลําดับ
2) จาก a1 = 18, a3 = 11 และ an = a1 + ( n − 1) d
จะได 11 = 18 + ( 3 − 1) d
7
d = −
2
7 29
นั่นคือ a2 = a1 + d =18 + − =
2 2
7 15
a4 = a3 + d = 11 + − =
2 2
15 7
a5 = a4 + d = +− = 4
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
222 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
a5 = a4 + d = 114 + 14 = 128
a7 = a6 + d = 142 + 14 = 156
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ 72, 86, 114, 128 และ 156 ตามลําดับ
5. จากลําดับเลขคณิต 3, 8, 13, 18, 23,
จะได d = 8 − 3 = 5
และ a1 = 3
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได a15 = 3 + (15 − 1)( 5)
= 3 + (14 )( 5 )
= 73
ดังนั้น พจนที่ 15 ของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 73
6. จากพจนที่ n คือ an =−n − 3
จะได a20 = −20 − 3 = −23
และ a50 = −50 − 3 = −53
ดังนั้น พจนที่ 20 คือ −23 และพจนที่ 50 คือ −53
7. จาก an = a1 + ( n − 1) d จะได
12 = a1 + ( 6 − 1) d ---------- (1)
16 = a1 + (10 − 1) d ---------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได d = 1 และ a1 = 7
ดังนั้น พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 7
8. จาก an = a1 + ( n − 1) d จะได
20 = a1 + ( 3 − 1) d ---------- (1)
32 = a1 + ( 7 − 1) d ---------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได d = 3 และ a1 = 14
นั่นคือ a25 = 14 + ( 25 − 1)( 3)
= 14 + ( 24 )( 3)
= 86
ดังนั้น พจนที่ 25 คือ 86
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 223
9. จาก an = a1 + ( n − 1) d จะได
16 = a1 + ( 2 − 1) d ---------- (1)
116 = a1 + (12 − 1) d ---------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได d = 10 และ a1 = 6
นั่นคือ an = 6 + ( n − 1)(10 )
= 6 + 10n − 10
= −4 + 10n
ดังนั้น an =−4 + 10n และ d = 10
10. ลําดับเลขคณิตที่กําหนดใหมี a1 = −1 และ d =−6 − ( −1) =−5
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได −176 = −1 + ( n − 1)( −5)
n = 36
ดังนั้น −176 เปนพจนที่ 36 ของลําดับเลขคณิตนี้
11. ให a เปนพจนที่อยูระหวาง 39 และ 51 จะได 39, a, 51 เปนลําดับเลขคณิต
นั่นคือ a − 39 = 51 − a
2a = 90
a = 45
ดังนั้น พจนที่อยูระหวาง 39 และ 51 คือ 45
12. จํานวนนับที่นอยที่สุดที่มากกวา 100 ซึ่งหารดวย 13 ลงตัว คือ 104
เนื่องจาก 1,000 หารดวย 13 ไดผลหาร 76 เหลือเศษ 12
ดังนั้น จํานวนนับที่มากที่สุดที่นอยกวา 1,000 ซึ่งหารดวย 13 ลงตัว คือ 1,000 − 12 =
988
จะไดวา ลําดับของจํานวนนับที่อยูระหวาง 100 ถึง 1,000 ซึ่งหารดวย 13 ลงตัว เปนลําดับ
เลขคณิตที่มีพจนแรกเปน 104 ผลตางรวมเปน 13 และพจนที่ n เปน 988
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 988 = 104 + ( n − 1)(13)
988 = 91 + 13n
13n = 897
n = 69
ดังนั้น จํานวนนับที่อยูระหวาง 100 ถึง 1,000 มีจํานวนที่หารดวย 13 ลงตัว ทั้งหมด 69 จํานวน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
224 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 225
แบบฝกหัด 3.1.3
4
1. 1) อัตราสวนรวม r= = 2
2
6 1
2) อัตราสวนรวม =
r =
18 3
15 1
3) อัตราสวนรวม =
r =
75 5
−0.8 1
4) อัตราสวนรวม=
r =
−8 10
1
5) อัตราสวนรวม r = = −1
−1
4
6) อัตราสวนรวม r= 3= 2
2
3
1
2 1
7) อัตราสวนรวม =
r x=
1
เมื่อ x ≠ 0
x
x
5a
a
8) อัตราสวนรวม =
r 2
= เมื่อ a ≠ 0
5 2
2. 1) จากลําดับเรขาคณิต 1, 7, 49, 343,
จะได a1 = 1 และ r= 7= 7
1
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n−1
จะได a5 = a1r 5−1 = 1 × 7 4 = 7 4
a6 = a1r 6−1 = 1 × 75 = 75
a7 = a1r 7 −1 = 1 × 76 = 76
ดังนั้น สามพจนถัดไปของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 7 4 , 75 และ 76
2) จากลําดับเรขาคณิต −1, 2, − 4, 8,
จะได a1 = −1 และ r = 2 = −2
−1
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n −1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
226 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2 × ( 2)
9 −1
จะได a9 =
= 2 × 28
= 29
= 512
ดังนั้น พจนที่ 9 ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 512
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 227
2 × ( −5 )
11−1
จะได a11 =
= 2 × ( −5 )
10
( )
= 2 510
= 3n−1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 3n−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
228 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2) จากลําดับเรขาคณิต 25, 5, 1,
จะได a1 = 25 และ =r 5= 1
25 5
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ
an = a1r n −1
n−1
1
= 25
5
= 5 × 51− n
2
= 53− n
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 53− n
3) จากลําดับเรขาคณิต 1, − 1, 1, − 1,
จะได a1 = 1 และ r = −1 = −1
1
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ
an = a1r n −1
= 1( −1)
n−1
= ( −1)n−1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ ( −1)n−1
4) จากลําดับเรขาคณิต −2, 4, − 8,
จะได a1 = −2 และ r = 4 = −2
−2
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ
an = a1r n −1
= ( −2 )( −2 )n−1
= ( −2 )n
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ ( −2 )n
5) จากลําดับเรขาคณิต 1 , 12 , 13 , เมื่อ x ≠ 0
x x x
1
1 2 1
จะได a1 = และ=
r x=
1
x x
x
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 229
= ( 0.3)n−1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ ( 0.3)n−1
7) จากลําดับเรขาคณิต −8, − 0.8, − 0.08, − 0.008,
จะได a1 = −8 และ=r −= 0.8 1
−8 10
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ
an = a1r n −1
n−1
1
= ( −8 )
10
n
1
= −80
10
n
1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ −80
10
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
230 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
8) จากลําดับเรขาคณิต 2, 2 3, 6,
2 3
จะได a1 = 2 และ=r = 3
2
พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ
an = a1r n −1
( 3)
n−1
= 2
( 3)
n−1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 2
7. จาก an = a1r n −1
32
ให a=
5 = 16 และ r = 2 จะได
2
= a1 ( 2 )
5 −1
16
= a1 ( 2 )
4
16
a1 = 1
ดังนั้น พจนแรกของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 1
8. จาก a3 = 12 และ a6 = 96
จะได 12 = a1r 3−1 --------- (1)
96 = a1r 6 −1
--------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได r = 8 นั่นคือ r = 2 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 231
1
10. 1) จาก a1 = 4 และ a2 = 1 จะได r=
4
1 1
นั่นคือ a3 = a2 r = 1 =
4 4
11 1
a4 = a3 r = =
4 4 16
1 1 1
a5 = a4 r = =
16 4 64
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
232 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1
r4 =
49
1 1
นั่นคือ r= หรือ r= −
7 7
3 1 3 3 1 3
จะได a=
2 a=
1r =
หรือ a2 =
a1r = − = −
7 7 7 7 7 7 7 7
3 1 3 3 1 3
=
a3 a=
2r = หรือ a3 =
a2 r =
− − =
7 7 7 49 7 7 7 49
3 1 3 3 1 3
=
a4 a=
3r = หรือ a4 =
a3 r =− = −
49 7 49 7 49 7 49 7
3 1 3 3 1 3
=
a6 a= 5r = หรือ a6 = a5 r = − =
−
343 7 343 7 343 7 343 7
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 233
9 3 2 4 16
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ , , , และ ตามลําดับ
4 2 3 9 81
11. 1) ให a เปนพจนที่อยูระหวาง 5 และ 20 จะได 5, a, 20 เปนลําดับเรขาคณิต
a 20
นั่นคือ =
5 a
2
a = 100
จะได a = 10 หรือ a = −10
ดังนั้น พจนที่อยูระหวาง 5 และ 20 คือ 10 หรือ −10
2) ให a เปนพจนที่อยูระหวาง 8 และ 12 จะได 8, a, 12 เปนลําดับเรขาคณิต
a 12
นั่นคือ =
8 a
2
a = 96
จะได a = 4 6 หรือ a = −4 6
ดังนั้น พจนที่อยูระหวาง 8 และ 12 คือ 4 6 หรือ −4 6
12. จากสามพจนแรกของลําดับเรขาคณิต คือ a + 3, a + 20, a + 105 จะไดวา
a + 20 a + 105
=
a+3 a + 20
( a + 20 )( a + 20 ) = ( a + 3)( a + 105)
a 2 + 40a + 400 = a 2 + 108a + 315
68a = 85
5
a =
4
จะไดสามพจนแรกของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 17 , 85 และ 425
4 4 4
85
นั่นคือ a1 = 17 และ=r 17 =4 5
4
4
จะได พจนทั่วไป คือ
an = a1r n −1
17 n−1
= ( 5)
4
5 17 n −1
ดังนั้น a= และ พจนทั่วไป คือ an = ( 5)
4 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
234 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
≈ 80,752
ดังนั้น สูตรทั่วไปของจํานวนประชากรในแตละป คือ 60,000 (1.02 )n−1 และจํานวน
ประชากรใน พ.ศ. 2565 มีประมาณ 80,752 คน
14. ถาเริ่มตนลูกบอลสูงจากพื้น 2 เมตร
เมื่อลูกบอลกระทบพื้นครั้งที่ 1 แลว
จะกระดอนขึ้นไปสูง = 2 − 2 ( 0.08) =2 (1 − 0.08) =2 ( 0.92 ) เมตร
เมื่อลูกบอลกระทบพื้นครั้งที่ 2 แลว
จะกระดอนขึ้นไปสูง 2 ( 0.92 ) − 2 ( 0.92 )( 0.08)
= 2 ( 0.92 )(1 − 0.08 )
= 2 ( 0.92 ) เมตร
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 235
= 2 ( 0.92 )
n
แบบฝกหัด 3.2.1
1. 1) จาก Sn =
n
2
( 2a1 + ( n − 1) d )
S 4 = ( 2 ( 3) + ( 4 − 1)( 2 ) )
4
จะได
2
= 24
ดังนั้น ผลบวก 4 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 24
2) จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S7 =
7
2
( 2 ( 5) + ( 7 − 1)( 4 ) )
= 119
ดังนั้น ผลบวก 7 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 119
3) จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S9 =
9
2
( 2 ( −3) + ( 9 − 1)( 5) )
= 153
ดังนั้น ผลบวก 9 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 153
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
236 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
4) จาก Sn =
n
2
( 2a1 + ( n − 1) d )
จะได S11 =
11
2
( 2 ( −7 ) + (11 − 1)( 3) )
= 88
ดังนั้น ผลบวก 11 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 88
5) จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S14 =
14
2
( 2 ( −5) + (14 − 1)( −2 ) )
= −252
ดังนั้น ผลบวก 14 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ −252
2. 1) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 5 และ d = 2
จาก Sn =
n
( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S50 =
50
2
( 2 ( 5) + ( 50 − 1)( 2 ) )
= 2,700
ดังนั้น ผลบวก 50 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 2,700
2) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 0 และ d = 2
จาก Sn =
n
( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S30 =
30
2
( 2 ( 0 ) + ( 30 − 1)( 2 ) )
= 870
ดังนั้น ผลบวก 30 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 870
3) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = −2 และ d = 5
จาก Sn =
n
( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S60 =
60
2
( 2 ( −2 ) + ( 60 − 1)( 5) )
= 8,730
ดังนั้น ผลบวก 60 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 8,730
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 237
4) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 5 และ d = −3
จาก Sn =
n
2
( 2a1 + ( n − 1) d )
จะได S75 =
75
2
( 2 ( 5) + ( 75 − 1)( −3) )
= −7,950
ดังนั้น ผลบวก 75 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ −7,950
5) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 1 และ d = 1
2 2
จาก Sn =
n
2
( 2a1 + ( n − 1) d )
50 1 1
จะได S50 = 2 + ( 50 − 1)
2 2 2
1, 275
=
2
1, 275
ดังนั้น ผลบวก 50 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ
2
3. 1) จาก an = a1 + ( n − 1) d
อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 6, d = 3 และ an = 99
จะได 99 = 6 + ( n − 1)( 3)
99 = 6 + 3n − 3
n = 32
n
จาก S n = ( a1 + an )
2
32
จะได S32 = ( 6 + 99 )
2
= 1,680
ดังนั้น ผลบวกทั้ง 32 พจนของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 1,680
2) จาก an = a1 + ( n − 1) d
อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = −7, d = −3 และ an = −109
จะได −109 = −7 + ( n − 1)( −3)
−109 = −7 − 3n + 3
n = 35
n
จาก S n = ( a1 + an )
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
238 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะได S35 =
35
2
( −7 + ( −109 ) )
= −2,030
ดังนั้น ผลบวกทั้ง 35 พจนของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ −2,030
3) จาก an = a1 + ( n − 1) d
อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = −7, d = 3 และ an = 131
จะได 131 = −7 + ( n − 1)( 3)
131 = −7 + 3n − 3
n = 47
n
จาก S n = ( a1 + an )
2
47
จะได S 47 = ( −7 + 131)
2
= 2,914
ดังนั้น ผลบวกทั้ง 47 พจนของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 2,914
4. ให a1 = 6, d = 4 และ an = 26
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 26 = 6 + ( n − 1)( 4 )
26 = 6 + 4n − 4
n = 6
n
จาก S n = ( a1 + an )
2
6
จะได S6 = ( 6 + 26 )
2
= 96
ดังนั้น ผลบวกทั้ง 6 พจนของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 96
5. ลําดับของจํานวนคี่บวก 100 จํานวนแรก คือ ลําดับเลขคณิต 1, 3, 5, 7, ที่มี
a1 = 1, d = 2 และ n = 100
ให S100 แทนผลบวกของจํานวนคี่บวก 100 จํานวนแรก
S n = ( 2a1 + ( n − 1) d )
n
จาก
2
จะได S100 =
100
2
( 2 (1) + (100 − 1)( 2 ) )
= 10,000
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 239
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
240 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 241
แบบฝกหัด 3.2.2
1. 1) จาก Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S4 =
3 1 − 24 ( )
1− 2
=
3 24 − 1 ( )
2 −1
= 45
ดังนั้น ผลบวก 4 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 45
2) จาก Sn =
(
a1 1 − r n
)
1− r
จะได S7 =
(
5 1 − 47 )
1− 4
=
(
5 47 − 1 )
4 −1
=
5 7
3
(
4 −1 )
ดังนั้น ผลบวก 7 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 5 ( 47 − 1)
3
3) จาก Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
( −3) (1 − 59 )
จะได S9 =
1− 5
=
(
( −3) 59 − 1 )
5 −1
=
3 9
− 5 −1
4
( )
ดังนั้น ผลบวก 9 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ −
4
(
3 9
5 −1 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
242 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
4) จาก Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
( −7 ) (1 − 311 )
จะได S11 =
1− 3
=
(
( −7 ) 311 − 1 )
3 −1
= −
7 11
2
(
3 −1 )
ดังนั้น ผลบวก 11 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ −
2
(
7 11
)
3 −1
5) จาก Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
( −5) (1 − ( −2 )14 )
จะได S14 =
1 − ( −2 )
=
5 14
3
(
2 −1 )
ดังนั้น ผลบวก 14 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 5 ( 214 − 1)
3
2. 1) อนุกรมเรขาคณิตที่กําหนดใหมี a1 = 2 และ r = 3
แทน n ดวย 9 ใน Sn =
(
a1 1 − r n ) จะได
1− r
S9 =
(
2 1 − 39 )
1− 3
=
(
2 39 − 1 )
3 −1
= 3 −1 9
แทน n ดวย 8 ใน Sn =
(
a1 1 − r n
) จะได
1− r
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 243
4 8
9 1 −
3
S8 =
4
1−
3
4 8
9 − 1
3
=
4
−1
3
4 8
9 − 1
3
=
1
3
4 8
= 27 − 1
3
4 8
ดังนั้น ผลบวก 8 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 27 − 1
3
2 2
3) อนุกรมเรขาคณิตที่กําหนดใหมี a1 = และ r=
3 3
แทน n ดวย 10 ใน Sn =
(
a1 1 − r n ) จะได
1− r
2 2
10
1 −
3 3
S10 =
2
1−
3
2 10
= 2 1 −
3
2 10
ดังนั้น ผลบวก 10 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 2 1 −
3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
244 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
แทน n ดวย 5 ใน Sn =
(
a1 1 − r n ) จะได
1− r
S5 =
(
9 1− 3 5
)
1− 3
=
(
9 35 − 1 )
3 −1
9
= ( 243 − 1)
2
= 1,089
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 1,089
2) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 4, r = 1 และ an = 1
2 512
จาก an = a1r n −1
n−1
1 1
จะได = 4
512 2
n−1
1 1
=
2
11
2
11 n−1
1 1
=
2 2
นั่นคือ n − 1 = 11
n = 12
แทน n ดวย 12 ใน Sn =
a1 1 − r n ( ) จะได
1− r
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 245
1 12
4 1 −
2
S12 =
1
1−
2
1 12
= 8 1 −
2
1 12
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 8 1 −
2
3) อนุกรมที่กําหนดใหมี a1 = 1, r = −2 และ an = 256
จาก an = a1r n−1
จะได 256 = 1( −2 )n−1
( −2 )8 = ( −2 )n−1
นั่นคือ n −1 = 8
n = 9
แทน n ดวย 9 ใน Sn =
(
a1 1 − r n ) จะได
1− r
S9 =
(
1 1 − ( −2 )
9
)
1 − ( −2 )
1
= (1 + 512 )
3
= 171
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คือ 171
4. จํานวนเงินที่มังกรตั้งใจจะออมในแตละวัน เขียนเปนลําดับเรขาคณิต ดังนี้ 1, 2, 4, 8,
จากลําดับเรขาคณิตที่ไดมี a1 = 1 และ r = 2
หาจํานวนเงินทั้งหมดที่มังกรออมไว 15 วัน ได โดยแทน n ดวย 15 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S15 =
(
1 1− 2 15
)
1− 2
=
(
1 215 − 1 )
2 −1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
246 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
S15 = 215 − 1
= 32,767
ดังนั้น เมื่อครบ 15 วัน มังกรจะมีเงินออมทั้งหมด 32,767 บาท
5. เมื่อครบไตรมาสที่ 2 เขาจะทํายอดขายได 300,000 + 300,000 ( 0.03)
= 300,000 (1 + 0.03)
= 300,000 (1.03) บาท
เมื่อครบไตรมาสที่ 3 เขาจะทํายอดขายได 300,000 (1.03) + 300,000 (1.03)( 0.03)
= 300,000 (1.03)(1 + 0.03)
= 300,000 (1.03)
บาท 2
= 300,000 (1.03)
n−1
an = 300,000 (1.03)
n −1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ
1) ในที่นี้ n = 9 จะได
a9 = 300,000 (1.03)
8
≈ 380,031.02
ดังนั้น ไตรมาสแรกของปที่ 3 เขาควรจะทํายอดขายไดประมาณ 380,031.02 บาท
2) หาจํานวนยอดขายรวมเมื่อครบสองป โดยการแทน n ดวย 8 ใน
Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S8 =
(
300000 1 − 1.038 )
1 − 1.03
=
(
300000 1.038 − 1 )
1.03 − 1
≈ 2,667,700.81
ดังนั้น เมื่อครบสองป เขาควรจะทํายอดขายรวมจากวันที่เขาวางแผนไดประมาณ
2,667,700.81 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 247
( 5,832 )
2
= ลิตร
3
2 2
( 5,832 ) − ( 5,832 )
2 1 2
เมื่อครบวันที่ 3 จะเหลือน้ําในถัง
3 3 3
2
( 5,832 )
2 1
= 1 −
3 3
3
2
= ( 5,832 ) ลิตร
3
2 3
2 2 2
พิจารณาลําดับ 5832 , 5832 , 5832 , พบวา ลําดับดังกลาว
3 3 3
เปนลําดับเรขาคณิตที่มี a1 = 5,832 2 และ r = 2
3 3
แทน n ดวย 6 ใน an = a1r n −1
6 −1
2 2
จะได a6 = 5,832
3 3
6
2
= 5,832
3
= 512
ดังนั้น เมื่อครบ 6 วัน จะมีน้ําเหลืออยูในถัง 512 ลิตร
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
248 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
2
วิธีที่ 2 พิจารณาลําดับ 1 ( 5832 ) , 1 ( 5832 ) 2 , 1 ( 5832 ) 2 ซึ่งแทนน้ําที่ใชไป
3 3 3 3 3
เมื่อครบวันที่ 1, 2 และ 3 ตามลําดับ ลําดับดังกลาวเปนลําดับเรขาคณิตที่มี
1 2
a1 = ( 5,832 ) และ r =
3 3
แทน n ดวย 6 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
1 2 6
( 5,832 ) 1 −
จะได S6 =
3 3 = 5,320
2
1−
3
นั่นคือ เมื่อครบ 6 วัน ใชน้ําไปทั้งหมด 5,320 ลิตร
ดังนั้น เมื่อครบ 6 วัน จะมีน้ําเหลืออยูในถัง 5,832 − 5,320 =
512 ลิตร
20
7. เมื่อครบ 1 ป รถยนตคันนี้จะมีมูลคาลดลง (1,000,000 ) = 200,000 บาท
100
นั่นคือ มูลคารถยนตจะเหลือ 800,000 บาท
เมื่อครบ 2 ป รถยนตคันนี้จะมีมูลคาลดลง 20 (800,000 ) = 160,000 บาท
100
นั่นคือ มูลคารถยนตจะเหลือ 640,000 บาท
เมื่อครบ 3 ป รถยนตคันนี้จะมีมูลคาลดลง 20 ( 640,000 ) = 128,000 บาท
100
นั่นคือ มูลคารถยนตจะเหลือ 512,000 บาท
จะเห็นวา มูลคารถยนตที่ลดลงในปที่ 1, 2, 3, เปนลําดับเรขาคณิตที่มี a1 = 200,000
และ r = 4
5
นั่นคือ มูลคารถยนตที่ลดลงเมื่อเวลาผานไป 5 ป คือ S5
แทน n ดวย 5 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
4 5
200,000 1 −
5
จะได S5 = = 672,320
4
1−
5
ดังนั้น เมื่อครบหาปรถยนตคันนี้จะมีมูลคา 327,680 บาท
1,000,000 − 672,320 =
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 249
แบบฝกหัด 3.3
1. 1) ในที่นี้ =
P 100000,= k 1,= n 10 และ r = 0.04
จะไดจํานวนเงินรวม คือ 100,000 (1 + 0.04 )10 หรือประมาณ 148,024.43 บาท
ดังนั้น เมื่อฝากเงินครบ 10 ป จะมีเงินรวมประมาณ 148,024.43 บาท
2) ใหจํานวนเงินรวมเพิ่มขึ้นเปนสามเทาของเงินตน จะได
300,000 = 100,000 (1 + 0.04 )
n
(1.04 )n = 3
เนื่องจาก (1.04 )28 ≈ 2.9987 และ (1.04 )29 ≈ 3.1187
จะไดวา ตองฝากครบ 29 ป จะทําใหมีเงินเพิ่มขึ้นเปนอยางนอยสามเทาของเงินตน
2. 1) ถาธนาคารคิดดอกเบี้ยใหครั้งสุดทายครั้งเดียว
จะได จํานวนเงินในบัญชี เมื่อครบปที่ n คือ
3
100,000 + (100,000 ) n = 100,000 + 3,000n บาท
100
2) ถาธนาคารนําดอกเบี้ยเขาบัญชีเงินฝากทุก ๆ ป
จะได จํานวนเงินบัญชีเมื่อครบปที่ n คือ 100,000 (1 + 0.03)n =
100,000 (1.03) บาท
n
r ≈ 0.035
ดังนั้น ธนาคารแหงนี้ใหอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.5% ตอป
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
250 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
5.
0 1 2
เมื่อฝากเงินครบ 15 ป
เงินฝากในครั้งแรกจะมีมูลคาในอนาคตเทากับ 100,000 (1.03)15 บาท
เงินฝากในครั้งที่สองจะมีมูลคาในอนาคตเทากับ 100,000 (1.03)14 บาท
เงินฝากในครั้งที่สามจะมีมูลคาในอนาคตเทากับ 100,000 (1.03)13 บาท
และเงินฝากในครั้งสุดทาย จะมีมูลคาในอนาคตเทากับ 100,000 (1.03) บาท
ดังนั้น เมื่อสิ้นปที่ 15 จะไดรับเงินรวม
100,000 (1.03) + 100,000 (1.03) + 100,000 (1.03) + + 100,000 (1.03) หรือ
15 14 13
= 456,386.95 บาท
ดังนั้น ราตรีตองฝากเงินตนไวอยางนอย 456,386.95 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 251
2) ให P เปนเงินฝาก
เมื่อครบ 1 ป จะมีเงินรวม P + P ( 0.04 ) =
P (1.04 ) บาท
และฝากเงินเพิ่มอีก 2,000 บาท นั่นคือ จะมีเงินรวม 2,000 + P (1.04 ) บาท
เมื่อครบ 2 ป จะมีเงินรวม 2,000 + P (1.04 ) + ( 2,000 + P (1.04 ) ) ( 0.04 )
= 2,000 (1.04 ) + P (1.04 )
2
และฝากเงินเพิ่มอีก 2,000 บาท นั่นคือ จะมีเงินรวม 2,000 + 2,000 (1.04 ) + P (1.04 ) บาท
2
เมื่อครบ 3 ป จะมีเงินรวม
(
2,000 + 2,000 (1.04 ) + P (1.04 ) + 2,000 + 2,000 (1.04 ) + P (1.04 )
2 2
) ( 0.04)
= 2,000 (1.04 ) + 2,000 (1.04 ) + P (1.04 ) บาท
2 3
จะได 1,000,000 =
(
2,000 (1.04 ) 1 − (1.04 )
19
) + P (1.04) 20
1 − 1.04
P = 430,119.07 บาท
ดังนั้น ราตรีตองฝากเงินตนไวอยางนอย 430,119.07 บาท
7. เนื่องจากอนันตมีกําหนดชําระหนี้ 2 งวด ดังนั้น จะตองหามูลคาปจจุบันของเงินแตละงวด
แลวจึงนํามารวมกัน
งวดที่ 1 ในที่น=
ี้ S 12682.42,= k 4,= n 3 และ r = 0.08
จะได มูลคาปจจุบันของเงิน 12,682.42 บาท คือ
−12
0.08
12,682.42 1 + หรือประมาณ 10,000 บาท
4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
252 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
งวดที่ 2 ในที่นี้ =
S 26115.36,= k 4,= n 7 และ r = 0.08
จะได มูลคาปจจุบันของเงิน 26,115.36 บาท คือ
−28
0.08
26,115.36 1 + หรือประมาณ 15,000 บาท
4
ดังนั้น อนันตกูเงินจากวิเชียรประมาณ 10,000 + 15,000 =
25,000 บาท
8.
0 1 …
สุดาฝากเงินตอนตนงวดทุกเดือนเปนเวลา 5 ป
3 0.25
ในที่นี้ =
R 2000,=i = 0.25, = n 60 และ = r = 0.0025
12 100
ดังนั้น เมื่อสิ้นปที่ 5 เงินรวมของสุดา คือ
2,000 (1.0025 ) + 2,000 (1.0025 ) + + 2,000 (1.0025 )
2 60
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 253
9.
0 1 …
ทอแสงฝากเงินตอนสิ้นงวดทุกเดือนเปนเวลา 4 ป
ในที่นี้ R= 3000, =i 6= 1.5, n= 16 และ=r 1.5= 0.015
4 100
ดังนั้น เมื่อสิ้นปที่ 4 เงินรวมของทอแสง คือ
3,000 + 3,000 (1.015 ) + 3,000 (1.015 ) + + 3,000 (1.015 )
2 15
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
254 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
10.
0 1 2 3 … 59 60
ให R แทนคางวดที่ใบเตยตองผอนชําระทุกสิ้นเดือน
ในที่นี้ =i 3= 0.25 และ=r 0.25 = 0.0025
12 100
เนื่องจากใบเตยจายเงินดาวน 200,000 บาท
ทําใหเหลือเงินที่ตองชําระอีก 500,000 บาท
โดยใบเตยจะผอนชําระทุกเดือนเปนเวลา 60 เดือน จะตองหามูลคาปจจุบันของเงินผอน
แตละงวด แลวจึงนํามารวมกัน
เนื่องจาก มูลคาปจจุบันของเงินผอนงวดที่ 1, 2, …, 60 คือ
R (1.0025 ) , R (1.0025 ) , , R (1.0025 )
−1 −2 −60
ผลรวมของมูลคาปจจุบันของเงินผอนแตละงวด คือ
R (1.0025 ) + R (1.0025 ) + + R (1.0025 )
−1 −2 −60
1 − (1.0025 )
−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 255
500,000 =
R (1.0025 )
−1
(1 − (1.0025) ) −60
1 − (1.0025 )
−1
( )
500,000 1 − (1.0025 )
−1
(1.0025) (1 − (1.0025) )
R = −1 −60
≈ 8,984.35
ดังนั้น ใบเตยจะตองผอนชําระเดือนละประมาณ 8,984.35 บาท
11. วัชระฝากเงินตอนตนงวดทุกเดือนเปนเวลา 4 ป
3.6 0.3
ในที่นี้ =
R 10000,= i = 0.3,= n 48 และ= r = 0.003
12 100
ดังนั้น เมื่อสิ้นปที่ 4 เงินรวมของวัชระ คือ
10,000 (1.003) + 10,000 (1.003) + + 10,000 (1.003)
2 48
แบบฝกหัดทายบท
1. 1) จาก a1 = −4 และ d = −5
จะได a8 = − 4 + ( 8 − 1)( −5 )
= − 4 − 35
= −39
2) จาก a1 = −5 และ d = 2
จะได a9 = −5 + ( 9 − 1)( 2 )
= −5 + 16
= 11
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
256 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1
3) จาก a1 = − และ d = −2
2
1
จะได a15 = − + (15 − 1)( −2 )
2
1
= − − 28
2
57
= −
2
4) จาก a1 = และ d = 1
4
3 3
จะได a15 = 4 + (15 − 1) 1
3 3
4 14
= +
3 3
= 6
2. 1) จากลําดับ −2, 4, 10,
จะได d = 4 − ( −2 ) = 6 และ a1 = −2
เนื่องจากพจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = −2 + ( n − 1)( 6 )
= −2 + 6n − 6
= 6n − 8
ดังนั้น พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 6n − 8
2) จากลําดับ − 1 , 1 , 1 ,
6 6 2
1 1 2 1 1
จะได d = −− = = และ a1 = −
6 6 6 3 6
เนื่องจากพจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
1 1
จะได an = − + ( n − 1)
6 3
1 1 1
= − + n−
6 3 3
1 1
= n−
3 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 257
1 1
ดังนั้น พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิตนี้ คือ n−
3 2
27
3) จากลําดับ 11, , 16,
2
27 5
จะได d= − 11 = และ a1 = 11
2 2
เนื่องจากพจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
5
จะได an = 11 + ( n − 1)
2
5 5
= 11 + n −
2 2
5 17
= n+
2 2
5 17
ดังนั้น พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิตนี้ คือ n+
2 2
4) จากลําดับ 19.74, 22.54, 25.34,
จะได d = 22.54 − 19.74 = 2.8 และ a1 = 19.74
เนื่องจากพจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = 19.74 + ( n − 1)( 2.8 )
= 19.74 + 2.8n − 2.8
= 2.8n + 16.94
ดังนั้น พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 2.8n + 16.94
5) จากลําดับ x, x + 2, x + 4,
จะได d = ( x + 2 ) − x = 2 และ a1 = x
เนื่องจากพจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = x + ( n − 1)( 2 )
= x + 2n − 2
= 2n + x − 2
ดังนั้น พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 2n + x − 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
258 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 259
( 64 − 3( 4 ) d + 3( 4) d
2 2
) ( ( )
− d 3 + 43 + 64 + 3 42 d + 3 ( 4 ) d 2 + d 3 ) = 408
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
260 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะได (a − d ) + a + (a + d ) = 12
3a = 12
a = 4
และ ( a − d )3 + a3 + ( a + d )3 = 408
นั่นคือ ( 4 − d )3 + 43 + ( 4 + d )3 = 408
( 64 − 3( 4 ) d + 3( 4) d
2 2
) ( ( )
− d 3 + 43 + 64 + 3 42 d + 3 ( 4 ) d 2 + d 3 ) = 408
จะได a1 = −3 และ=r −= 6
2
−3
จากพจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n −1 จะได
an = −3 ( 2 )
n−1
= −
2
( )
3 n
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 261
2) จากลําดับเรขาคณิต 10, − 5, 5 ,
2
−5 1
จะได a1 = 10 และ r= = −
10 2
n−1
1
จากพจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n −1 จะได an = 10 −
2
n−1
1
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 10 −
2
1 5 25
3) จากลําดับเรขาคณิต , , ,
4 4 4
5
1
จะได a1 = และ r 4= 5
=
1
4
4
จากพจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n −1 จะได an =
4
5( )
1 n−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
262 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
n−1
2 3
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ − −
9 8
6) จากลําดับเรขาคณิต ab3 , a 2b 2 , a 3b, เมื่อ a≠0 และ b≠0
2 2
ab a
จะได a1 = ab3 และ
= r = 3
ab b
n −1
a
จากพจนที่ n ของลําดับเรขาคณิต คือ an = a1r n −1
จะได an = ab3 = a nb 4− n
b
ดังนั้น พจนที่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ a nb 4− n
10. จาก an = a1r n−1
จากลําดับเรขาคณิต −162, 54, − 18, 6,
จะได a1 = −162 และ r = 54 = − 1
−162 3
12 −1
1
จะได a12 = −162 −
3
11
1
= −162 −
3
2
=
2,187
2
ดังนั้น พจนที่ 12 ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ
2,187
11. จาก an = a1r n −1
2
a3
จากลําดับเรขาคณิต 1, a , a , , เมื่อ a≠0
2 4 8
a
a
จะได a1 = 1 และ =r 2=
1 2
10 −1
a
จะได a10 = 1
2
9
a
=
2
a9
=
512
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 263
a9
ดังนั้น พจนที่ 10 ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ
512
8
12. วิธีที่ 1 จาก a2 =
3
8
จะได = a1r 2−1 -------- (1)
3
64
และจาก a5 =
81
64
จะได = a1r 5−1 -------- ( 2 )
81
จาก (1) และ ( 2 ) จะได
8
= r3
27
2
r =
3
2
ดังนั้น อัตราสวนรวมของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ
3
วิธีที่ 2 จาก a5 = a1r 4
= ( a1r ) r 3
= a2 r 3
64 8
จะได = r3
81 3
8
นั่นคือ r3 =
27
2
r =
3
2
ดังนั้น อัตราสวนรวมของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ
3
13. จากลําดับเรขาคณิต 7, − 21, 63, − 189,
− 21
จะได a1 = 7 และ r= = −3
7
จาก an = a1r n −1 จะได
= 7 ( −3)
n−1
5,103
729 = ( −3)n−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
264 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
( −3)6 = ( −3)n−1
นั่นคือ n −1 = 6
n = 7
ดังนั้น 5,103 เปนพจนที่ 7 ของลําดับเรขาคณิตนี้
14. 1) จาก an = a1r n −1
จะได −1, 215 = −15r 5−1
r4 = 81
นั่นคือ r = 3 และ r = −3
ดังนั้น เมื่ออัตราสวนรวมเปน 3 จะได a, b และ c คือ −45, − 135 และ −405 ตามลําดับ
และเมื่ออัตราสวนรวมเปน −3 จะได a, b และ c คือ 45, − 135 และ 405 ตามลําดับ
2) จาก an = a1r n−1
27 4 5−1
จะได = r
64 3
81
r4 =
256
3 3
นั่นคือ r = และ r = −
4 4
3 3
ดังนั้น เมื่ออัตราสวนรวมเปน จะได a, b และ c คือ 1, และ 9 ตามลําดับ
4 4 16
3 3 9
และเมื่ออัตราสวนรวมเปน − จะได a, b และ c คือ −1, และ − ตามลําดับ
4 4 16
15. ให a เปนจํานวนที่ตองการ
จะได 5 + a, 22 + a และ 107 + a เปนลําดับเรขาคณิต
22 + a 107 + a
นั่นคือ =
5+a 22 + a
( 22 + a )( 22 + a ) = (107 + a )( 5 + a )
484 + 44a + a 2 = 535 + 112a + a 2
68a = −51
51
a = −
68
51
ดังนั้น จํานวนที่ตองการ คือ −
68
16. วิธีที่ 1 ให a1 , a1r และ a1r 2 เปนสามพจนแรกของลําดับเรขาคณิต
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 265
= − ( −2 )
n−1
a
วิธีที่ 2 ให , a, ar เปนสามพจนแรกของลําดับเรขาคณิต
r
จะไดวา a + a + ar = −3 -------- (1)
r
และ a ( a )( ar ) = 8 --------- ( 2 )
r
จาก ( 2 ) จะได a3 = 8
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
266 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
นั่นคือ a = 2
แทน a ดวย 2 ใน (1) จะได
2
+ 2 + 2r = −3
r
2 + 2r + 2r 2 = −3r
2 r 2 + 5r + 2 = 0
( 2r + 1)( r + 2 ) = 0
1
นั่นคือ r= − หรือ r = −2
2
1 a 2
ถา r= − จะได a1 = = = −4 และพจนทั่วไปของลําดับนี้ คือ
2 r −1
2
n−1
1
an = −4 −
2
−2 n −1
1 1
= − − −
2 2
n−3
1
= − −
2
a 2
ถา r = −2 จะได a1 = = = −1 และพจนทั่วไปของลําดับนี้ คือ
r −2
an = −1( −2 )
n−1
= − ( −2 )
n−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 267
และ r = 95
100
จาก an = a1r n−1
ให an แทนจํานวนถุงพลาสติกที่ใชในปที่ n
n−1
(100,000 )
95 95
จะได an =
100 100
n
(100,000 )
95
=
100
10
95
และ a10 = (100,000 ) หรือประมาณ 59,873.69
100
n
95
ดังนั้น สูตรการคํานวณจํานวนถุงพลาสติกที่ใชแลวในแตละป คือ an = (100,000 )
100
และจํานวนถุงพลาสติกที่ใชแลวในปที่ 10 มีประมาณ 59,874 ถุง
18. 1) เปนลําดับเลขคณิต ที่มีผลตางรวมเปน 2
2) เปนลําดับเรขาคณิต ที่มีอัตราสวนรวมเปน −1
3) เปนลําดับเลขคณิต ที่มีผลตางรวมเปน −2
1
4) เปนลําดับเรขาคณิต ที่มีอัตราสวนรวมเปน
3
5) ไมเปนทั้งลําดับเลขคณิตและลําดับเรขาคณิต
19. 1) เนื่องจาก d = 27 − 11 = 16 − 27 = 5
2 2 2
5
ดังนั้น ลําดับนี้เปนลําดับเลขคณิต ที่มี a1 = 11 และ d=
2
5 37
จะได a4 = a3 + d = 16 +
=
2 2
37 5
a5 = a4 + d = + = 21
2 2
5 47
a6 = a5 + d = 21 + =
2 2
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ 37 , 21 และ 47
ตามลําดับ
2 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
268 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
27
2 = 27 16 32
เนื่องจาก และ = ซึ่ง 27 32
≠
11 22 27 27 22 27
2
ดังนั้น ลําดับนี้ไมเปนลําดับเรขาคณิต
2) เนื่องจาก 11 − 7 = 72
7 11 77
265
ถาลําดับนี้เปนลําดับเลขคณิต จะตองไดวา a4 =
77
จาก an = a1 + ( n − 1) d
7 72
จะไดวา a4 = + ( 4 − 1)
11 77
7 216
= +
11 77
265
=
77
7
ดังนั้น ลําดับนี้เปนลําดับเลขคณิต ที่มี และ d = 72
a1 =
11 77
11 72 193
จะได a3 = a2 + d = + =
7 77 77
265 72 337
a5 = a4 + d = + =
77 77 77
337 72 409
a6 = a5 + d = + =
77 77 77
193 337
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ , และ 409 ตามลําดับ
77 77 77
11
7 121 265
ถาลําดับนี้เปนลําดับเรขาคณิต จะตองไดวา=r =
7 49
และ a4 =
77
11
จาก an = a1r n −1
4 −1
7 121
จะไดวา a4 =
11 49
6
7 11
a4 =
11 7
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 269
5
11
=
7
265
นั่นคือ a4 ≠
77
ดังนั้น ลําดับนี้ไมเปนลําดับเรขาคณิต
8
4 3 2
3) เนื่องจาก r= = =
6 4 3
2
ดังนั้น ลําดับนี้เปนลําดับเรขาคณิต ที่มี a1 = 6 และ r=
3
8 2 16
จะได a4 = a3 r
= =
3 3 9
16 2 32
a5 = a4 r = =
9 3 27
32 2 64
a6 = a5 r = =
27 3 81
6
20
ถาลําดับนี้เปนลําดับเรขาคณิต จะตองไดวา a4 = −
3
จาก an = a1r n−1
5
จะไดวา a4 = ( −2 )4−1
6
5
= ( −8)
6
20
a4 = −
3
5
ดังนั้น ลําดับนี้เปนลําดับเรขาคณิต ที่มี a1 = และ r = −2
6
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
270 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
5 10
จะได a3 = ( −2 ) =
a2 r = −
3 3
20 40
a5 = a4 r = − ( −2 ) =
3 3
40 80
a6 = a5 r = ( −2 ) = −
3 3
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ 10 , 40 และ − 80 ตามลําดับ
3 3 3
ถาลําดับนี้เปนลําดับเลขคณิต จะตองไดวา d =− 5 − 5 =− 5
3 6 2
5 5 25
และไดวา a3 =a2 + d =− − =−
3 2 6
25 5 20
a4 = a3 + d = − − = −
6 2 3
20 5 55
a5 = a4 + d = − − = −
3 2 6
55 5 35
a6 = a5 + d = − − = −
6 2 3
ดังนั้น พจนที่ขาดหายไป คือ − , − และ − 35 ตามลําดับ
25 55
6 6 3
20. ใหสามพจนแรกของลําดับเลขคณิตเปน 10, 10 + d และ 10 + 2d
และสามพจนแรกของลําดับเรขาคณิตเปน 10, 10r และ 10r 2
เนื่องจากสองลําดับนี้มีพจนที่สองเทากัน จะไดวา
10 + d = 10r
d = 10r − 10 -------- (1)
และเนื่องจากพจนที่สามของลําดับเรขาคณิตมากกวาพจนที่สามของลําดับเลขคณิตอยู 2.5
จะไดวา 10r 2 − (10 + 2d ) = 2.5
จาก (1) จะไดวา
10r 2 − (10 + 2 (10r − 10 ) ) = 2.5
10r 2 − (10 + 20r − 20 ) = 2.5
10r 2 − 20r + 10 = 2.5
15
10r 2 − 20r + = 0
2
4 r 2 − 8r + 3 = 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 271
( 2r − 3)( 2r − 1) = 0
3 1
จะไดวา r= และ r=
2 2
3
ถา r= จะได d =5
2
พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ 10 + ( n − 1)( 5) หรือ 5n + 5
n−1
3
พจนทั่วไปของลําดับเรขาคณิต คือ 10
2
1
ถา r= จะได d = −5
2
พจนทั่วไปของลําดับเลขคณิต คือ 10 + ( n − 1)( −5) หรือ −5n + 15
n−1
1
พจนทั่วไปของลําดับเรขาคณิต คือ 10
2
21. 1) พิจารณาบริษัท A
เนื่องจากบริษัท A ใหเงินเดือนเริ่มตน 20,000 บาท และแตละปจะขึ้นเงินเดือน
ให 1,500 บาท จะไดลําดับของเงินเดือน คือ 20000, 21500, 23000, ซึ่งเปนลําดับ
เลขคณิต ที่มี a1 = 20,000 และ d = 1,500
จาก an = a1 + ( n − 1) d จะได
an = 20,000 + ( n − 1)(1,500 )
= 1,500n + 18,500
พิจารณาบริษัท B
เนื่องจากบริษัท B ใหเงินเดือนเริ่มตน 20,000 บาท และแตละปจะขึ้นเงินเดือน
ให 5% จะไดลําดับของเงินเดือน คือ 20000, 21000, 22050, ซึ่งเปนลําดับ
เรขาคณิตที่มี a1 = 20,000 และ r = 1.05
จาก an = a1r n−1
จะได an = 20,000 (1.05)n−1
ดังนั้น ลําดับแทนเงินเดือนตําแหนงเจาหนาที่ฝายทรัพยากรบุคคลของบริษัท A
และบริษัท B คือ 1,500n + 18,500 และ 20,000 (1.05)n−1 ตามลําดับ
2) เงินเดือนในปที่ 10 คือพจนที่ 10 ของลําดับ
ในบริษัท A จะได a10 = 1,500 (10 ) + 18,500
= 33,500
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
272 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
≈ 31,026
ดังนั้น ผลตางของเงินเดือนในปที่ 10 ของเจาหนาที่ฝายทรัพยากรบุคคลของทั้ง
สองบริษัท ประมาณ 33,500 − 31,026 = 2, 474 บาท
22. จากอนุกรมเลขคณิต 19 + 23 + 27 + + 999
จะได= =
a1 19, d 4 และ an = 999
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 999 = 19 + ( n − 1)( 4 )
999 = 19 + 4n − 4
n = 246
n
จาก S n = ( a1 + an )
2
246
นั่นคือ S 246 = (19 + 999 )
2
= 125,214
ดังนั้น 19 + 23 + 27 + + 999 = 125,214
23. 1) จากลําดับเลขคณิต 2, 6, 10, 14,
จะได a1 = 2 และ d = 4
จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S 40 =
40
2
( 2 ( 2 ) + ( 40 − 1)( 4 ) )
= 3,200
ดังนั้น ผลบวก 40 พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ 3,200
2) จากลําดับเลขคณิต 20, 17, 14, 11,
จะได a1 = 20 และ d = −3
จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S70 =
70
2
( 2 ( 20 ) + ( 70 − 1)( −3) )
= −5,845
ดังนั้น ผลบวก 70 พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ −5,845
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 273
1 1 5
3) จากลําดับเลขคณิต − , , 1, ,
3 3 3
1 2
จะได a1 = − และ d =
3 3
จาก S=n
n
2
( 2a1 + ( n − 1) d )
100 1 2
จะได S100 = 2 − + (100 − 1)
2 3 3
9,800
=
3
9,800
ดังนั้น ผลบวก 100 พจนแรกของลําดับเลขคณิตนี้ คือ
3
24. ลําดับของจํานวนที่หารดวย 7 ลงตัว ตั้งแต 9 ถึง 357 คือ 14, 21, 28, , 357 ซึ่งเปนลําดับ
เลขคณิต ที่ม=
ี a1 14,
= d 7 และ an = 357
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 357 = 14 + ( n − 1)( 7 )
357 = 14 + 7 n − 7
n = 50
n
จาก =Sn ( a1 + an )
2
จะได S50 = 50 (14 + 357 )
2
= 9,275
ดังนั้น ผลบวกของจํานวนที่ 7 หารลงตัว ตั้งแต 9 ถึง 357 คือ 9,275
25. จาก a4 = 11 และ a9 = − 4
จะได 11 = a1 + ( 4 − 1) d -------- (1)
− 4 = a1 + ( 9 − 1) d -------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได d = −3 และ a1 = 20
จาก a12 + a13 + + a25 = S25 − S11
และ S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S 25 =
25
2
( 2 ( 20 ) + ( 25 − 1)( −3) )
= − 400
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
274 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
และ S11 =
11
2
( 2 ( 20 ) + (11 − 1)( −3) )
= 55
นั่นคือ S25 − S11 =
− 400 − 55 = − 455
ดังนั้น ผลบวกของพจนที่ 12 ถึงพจนที่ 25 คือ − 455
26. จาก a4 = 20 และ a9 = 10
จะได 20 = a1 + ( 4 − 1) d -------- (1)
10 = a1 + ( 9 − 1) d -------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได d = −2 และ a1 = 26
จาก a7 + a8 + + a17 = S17 − S6
จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S17 =
17
2
( 2 ( 26 ) + (17 − 1)( −2 ) )
= 170
และ S6 =
6
2
( 2 ( 26 ) + ( 6 − 1)( −2 ) )
= 126
นั่นคือ S17 − S6 = 170 − 126 = 44
ดังนั้น ผลบวกของพจนที่ 7 ถึงพจนที่ 17 คือ 44
27. ลําดับของเงินเดือนของยงยุทธในแตละป คือ ลําดับเลขคณิต 17500, 18700, 19900,
=ที่มี a1 17500,
= d 1200
ดังนั้น เงินเดือนของยงยุทธใน พ.ศ. 2590 คือ a31
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได a31 = 17,500 + ( 31 − 1)(1, 200 )
= 53,500
และเงินรวมทั้งหมดที่เขาไดรับ คือ 12 ( S31 )
n
จาก =
Sn ( a1 + an )
2
31
จะได 12 ( S31 ) = 12 (17,500 + 53,500 )
2
= 13,206,000
ดังนั้น เงินเดือนของยงยุทธใน พ.ศ. 2590 คือ 53,500 บาท และเงินรวมทั้งหมดที่เขา
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 275
S n = ( 2a1 + ( n − 1) d )
n
จาก
2
จะได S19 =
19
2
( 2 (12 ) + (19 − 1)( 2 ) )
= 570
นั่นคือ ตองเพิ่มเกาอี้ในแถวสุดถายอีก 30 ตัว จึงจะมีเกาอี้ครบ 600 ตัว
ดังนั้น จะตองจัดเกาอี้ทั้งหมด 20 แถว และในแถวสุดทายมีเกาอี้ 30 ตัว
29. 1) ระยะหางในการนําลูกปงปองจากจุดวางตะกราไปใสในชามใบที่ 1 เทากับ 5 เมตร
2) ระยะหางในการนําลูกปงปองจากจุดวางตะกราไปใสในชามใบที่ 2 เทากับ 5 + 3 =8 เมตร
3) ระยะหางในการนําลูกปงปองจากจุดวางตะกราไปใสในชามใบที่ 3 เทากับ
5+3+3= 11 เมตร
4) เนื่องจากระยะหางในการนําลูกปงปองจากจุดวางตะกราไปใสในชามใบที่ 1, 2, 3, …
เปนลําดับเลขคณิตที่มี a1 = 5 และ d = 3
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได an = 5 + ( n − 1)( 3)
an = 5 + 3n − 3
= 3n + 2
ดังนั้น ระยะหางในการนําลูกปงปองจากจุดวางตะกราไปใสในชามใบที่ n เทากับ
3n + 2 เมตร
5) ใหการแขงขันนี้มีชาม n ใบ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
276 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จากขอ 4) จะไดวา 23 = 3n + 2
n = 7
ดังนั้น จํานวนชามทั้งหมด เทากับ 7 ใบ
6) 6.1) ถาผูเขาแขงขันไมทําลูกปงปองตกเลย
จะไดระยะทางจากจุดเริ่มตนจนสิ้นสุดการแขงขัน คือ 2S7
จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S7 =
7
2
( 2 ( 5) + ( 7 − 1)( 3) )
= 98
ดังนั้น ถาผูเขาแขงขันไมทําลูกปงปองตกเลย จะได ระยะทางจาก
จุดเริ่มตนจนสิ้นสุดการแขงขัน คือ 2 ( 98) = 196 เมตร
6.2) ถาผูเขาแขงขันทําลูกปงปองตกระหวางที่นําลูกปงปองไปใสในชามใบที่ 4 โดย
ทําตกหางจากตะกรา 3 เมตร จะไดวา ระยะทางที่เพิ่มขึ้นเปน 3 + 3 =6 เมตร
ดังนั้น ถาผูเขาแขงขันทําลูกปงปองตกระหวางที่นําลูกปงปองไปใสใน
ชามใบที่ 4 โดยทําตกหางจากตะกรา 3 เมตร จะไดระยะทางทั้งหมด คือ
196 + 6 = 202 เมตร
30. ปริมาตรของอิฐชั้นลางสุดที่มีความสูงเทากับบันไดขั้นที่ 1 คือ
1 × 0.25 × ( 0.35 × 15 ) = 1.3125 ลูกบาศกเมตร
ปริมาตรของอิฐชั้นที่สองที่มีความสูงเทากับบันไดขั้นที่ 2 คือ
1 × 0.25 × ( 0.35 × 14 ) = 1.225 ลูกบาศกเมตร
ปริมาตรของอิฐชั้นที่สามที่มีความสูงเทากับบันไดขั้นที่ 3 คือ
1 × 0.25 × ( 0.35 × 13) = 1.1375 ลูกบาศกเมตร
จะเห็นวา ลําดับของปริมาตรอิฐที่ใชสรางบันไดนี้ คือ ลําดับเลขคณิต
1.3125, 1.225, 1.1375, , 0.0875 ที่มี a1 = 1.3125, d = −0.0875 และ n = 15
นั่นคือ ปริมาตรของอิฐที่ใชสรางบันไดนี้ คือ S15
จาก S=n n ( 2a1 + ( n − 1) d )
2
จะได S15
15
2
=( 2 (1.3125) + (15 − 1)( −0.0875) )
= 10.5
ดังนั้น ปริมาตรของอิฐที่ใชสรางบันไดแหงนี้ คือ 10.5 ลูกบาศกเมตร
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 277
243 = ( 3)n−1
35 = ( 3)n−1
นั่นคือ n −1 = 5
จะได n = 6
แทน n ดวย 6 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S6 =
(
6 1 − 36 )
1− 3
=
(
6 36 − 1 )
3 −1
= 2,184
ดังนั้น 6 + 18 + 54 + + 1, 458 =
2,184
32. 1) จากลําดับเรขาคณิต 1, 4, 16, 64,
จะได a1 = 1 และ r = 4
แทน n ดวย 30 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S30 =
(
1 1 − 430 )
1− 4
=
(
1 430 − 1 )
4 −1
1 30
3
4 −1
= ( )
3 3 3 3
2) จากลําดับเรขาคณิต − , , − , ,
32 16 8 4
3
จะได a1 = − และ r = −2
32
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
278 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
แทน n ดวย 43 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S 43 =
−
3
32
(
1 − ( −2 )
43
)
1 − ( −2 )
=
( −2 )43 − 1
32
27 9 3 1
3) จากลําดับเรขาคณิต , , , ,
32 16 8 4
จะได a1 = และ r = 2
27
32 3
แทน n ดวย 28 ใน Sn =
a1 1 − r n ( )
1− r
27 2
28
1 −
32 3
จะได S 28 =
2
1−
3
81 2
28
= 1 −
32 3
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 279
85
ดังนั้น ผลบวกของพจนที่ 2 ถึงพจนที่ 9 คือ
4
34. จาก 6 = a1r 3−1 --------- (1)
และ 24 = a1r 7−1 --------- ( 2 )
จาก (1) และ ( 2 ) จะได r = 2 หรือ r = − 2 และ a1 = 3
1) เนื่องจาก a7 + a8 + + a17 = S17 − S6
3 1 − 2( ) 3
( 2) − 1
17 17
ถา r= 2 จะได S17 = =
1− 2 2 −1
3 1 − 2 ( ) 3
( 2) − 1
6 6
และ S6 = =
1− 2 2 −1
3 ( 2) − 1 3 ( 2) − 1
17 6
จะได S17 − S6 = −
2 −1 2 −1
3 ( 2) − 1 − ( 8 − 1)
17
=
2 −1
3 ( 2) − 8
17
=
2 −1
( ) 31 + ( 2 )
3 1 − − 2
17 17
ถา r= − 2 จะได S17 = =
( )
1− − 2 1+ 2
3 1 − ( − 2 ) 3 1 − ( 2 )
6 6
และ S6 = =
1− (− 2 ) 1+ 2
3 1 + ( 2 ) 3 1 − ( 2 )
17 6
จะได S17 − S6 = −
1+ 2 1+ 2
3 1 + ( 2) − (1 − 8 )
17
S17 − S6 =
1+ 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
280 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
3 ( 2) + 8
17
=
1+ 2
3 ( 2) − 8
17
= a (r
1
24
)
2 + 3++ 25
24 ( 2+ 25)
= a124 r 2
= a124 r 324 ( )
ถา r= 2 จะได
( ) ( 2)
324
a124 r 324 = 324
= 2162324
ถา r= − 2 จะได
( ) ( )
324
a124 r 324 = 324 − 2
( 2)
324
= 324 ( −1)
324
= 2162324
ดังนั้น ผลคูณของพจนที่ 3 ถึง พจนที่ 26 คือ 2162324
35. วิธีที่ 1
1 2
วันแรก วิทยาจะเหลือเงิน 6,561 − ( 6,561) =
6,561 บาท
3 3
2
2 1 2 2
วันที่สอง วิทยาจะเหลือเงิน 6,561 − 6,561 = 6,561 บาท
3 3 3 3
2 1 2
2 2 3
2
วันที่สาม วิทยาจะเหลือเงิน 6,561 − 6,561 = 6,561 บาท
3 3 3 3
จะเห็นวา ลําดับของจํานวนเงินที่เหลือในแตละวัน คือ ลําดับเรขาคณิต
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 281
2 3
2 2 2 2 2
6561 , 6561 , 6561 , , a8 ที่มี a1 = 6,561 และ r=
3 3 3 3 3
นั่นคือ จํานวนเงินที่เหลือในวันที่ 8 คือ a8
จาก an = a1r n −1
8 −1
2 2
จะได a8 = 6,561 = 256
3 3
ดังนั้น เมื่อครบ 8 วัน วิทยาจะเหลือเงิน 256 บาท
วิธีที่ 2
ลําดับของจํานวนเงินที่วิทยาใชไปในแตละวัน คือ ลําดับเรขาคณิต
2 1 2
2
1
( 6,561) , ( 6,561) , ( 6,561) ,
1 1 2
ที่มี a1 = ( 6,561) และ r=
3 3 3 3 3 3 3
จาก Sn =
(
a1 1 − r n
)
1− r
1 2 8
( 6,561) 1 −
จะได S8 =
3 3 = 6,305
2
1−
3
นั่นคือ วิทยาใชเงินไป 6,305 บาท
ดังนั้น เมื่อครบ 8 วัน วิทยาจะมีเงินเหลือ 6,561 − 6,305 = 256 บาท
36. เงินเดือนของวิบูลยในแตละป คือ 21000, ( 21000 )(1.09 ) , ( 21000 )(1.09 )2 , , a6
เปนลําดับเรขาคณิตที่มี a1 = 21000 และ r = 1.09
นั่นคือ เงินเดือนของวิบูลย เมื่อขึ้นปที่ 6 คือ a6
จาก an = a1r n−1
จะได a6 = 21,000 (1.09 )6−1 ≈ 32,311.10
และ เงินรวมที่วิบูลยไดรับ เมื่อทํางานครบ 15 ป คือ 12 × S15
จาก Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S15 =
(
21,000 1 − (1.09 )
15
)
1 − 1.09
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
282 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
=
(
21,000 (1.09 ) − 1
15
)
1.09 − 1
≈ 616,579.24
นั่นคือ เมื่อทํางานครบ 15 ป วิบูลยไดรับเงินรวม 12 × 616,579.24 = 7,398, 950.88 บาท
ดังนั้น เมื่อขึ้นปที่ 6 วิบูลยไดรับเงินเดือน 32,311.10 บาท และเมื่อทํางานครบ 15 ป
เงินรวมที่วิบูลยไดรับประมาณ 7,398,950.88 บาท
37. 1) ลําดับของจํานวนคูในการแขงขันแตละรอบ คือ ลําดับเรขาคณิต 16, 8, 4, , an
ที่มี a1 = 16 และ r = 1
2
n −1 n
1 1
จะได
= an =
16 32
2 2
n
1
ดังนั้น ในรอบที่ n มีผูเขาแขงขัน 32 คู
2
2) เนื่องจากรอบสุดทายที่จะไดผูชนะ จะมีการแขงขันเพียง 1 คู
นั่นคือ หา n ที่ทําให an = 1
n
1
จะไดวา 1 = 32
2
n
1 1
=
32 2
5 n
1 1
=
2 2
นั่นคือ n = 5
ดังนั้น รายการลูกทุงเสียงทองมีการแขงขันทั้งหมด 5 รอบ
3) จํานวนคูในการแขงขันทั้งหมด คือ S5
จาก Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
1 5
16 1 −
2
จะได S5 = = 31
1
1−
2
ดังนั้น รายการลูกทุงเสียงทองมีการแขงขันทั้งหมด 31 คู
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 283
จาก Sn =
(
a1 1 − r n
)
1− r
17 83
7
6,000 1 −
100 100
จะได S7 =
83
≈ 4,372 ตัว
1−
100
ดังนั้น จํานวนแมลงสาบทั้งหมดที่ถูกกําจัดหลังจากดําเนินโครงการไปแลว 7 วัน
ประมาณ 4,372 ตัว
4) วิธีที่ 1 จากขอ 3) จํานวนแมลงสาบที่เหลืออยูหลังจากดําเนินโครงการไปแลว
7 วัน ประมาณ 6,000 − 4,372 = 1,628 ตัว
วิธีที่ 2 ลําดับของจํานวนแมลงสาบที่เหลืออยู คือ ลําดับเรขาคณิต
2 3
83 83 83 83
6000 , 6000 , 6000 , ที่มี a1 = 6000
100 100 100 100
และ r = 83
100
นั่นคือ จํานวนแมลงสาบที่เหลืออยูหลังจากดําเนินโครงการไปแลว 7 วัน คือ a7
จาก an = a1r n−1
7 −1
83 83
จะได a7 = 6,000
100 100
≈ 1,628
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
284 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
จะได S 25 =
(
5 1 − 225 )
1− 2
=
(
5 225 − 1 )
2 −1
= 167,772,155
นั่นคือ ตองเสียเงิน 167,772,155 สตางคหรือ 1,677,721.55 บาท
จะเห็นวา ถาจํานวนวันมากกวา 25 วัน คาใชจา ยแบบที่ 2 จะมากกวาแบบที่ 1 เสมอ
ดังนั้น เศรษฐีควรเลือกจายคาตอบแทนแบบที่ 1 จึงจะประหยัดเงินที่สุด
2) ถาใชเวลาปฏิบัติภารกิจ 30 วัน
แบบที่ 1 จะเสียคาตอบแทน 30 × 50,000 = 1,500,000 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 285
3) พิจารณาจํานวนวันในการปฏิบัติภารกิจ 24 วัน
แบบที่ 1 จะเสียคาตอบแทน 24 × 50,000 = 1, 200,000 บาท
แบบที่ 2 จะเสียคาตอบแทน S 24 =
(
5 1 − 224 ) =
(
5 224 − 1 ) หรือเทากับ
1− 2 2 −1
83,886,075 สตางค หรือ 838,860.75 บาท
ดังนั้น ถาใชเวลาปฏิบัติภารกิจไมถึง 25 วัน การจายคาตอบแทนแบบที่ 1 จะไมประหยัด
กวาแบบที่ 2
40. 1) 2 + 8 + 32 + + 8,192 เปนอนุกรมเรขาคณิต ที่มี = r 4 และ an = 8,192
a1 2,=
จาก an = a1r n −1
จะได 8,192 = 2 ( 4 )n−1
4,096 = 4n−1
46 = 4n−1
นั่นคือ n −1 = 6
n = 7
แทน n ดวย 7 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
จะได S7 =
(
2 1 − 47 )
1− 4
=
(
2 47 − 1 )
4 −1
= 10,922
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ 10,922
2) 7 + 14 + 21 + + 98 เปนอนุกรมเลขคณิต ที่มี =
a1 7,=
d 7 และ an = 98
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 98 = 7 + ( n − 1)( 7 )
98 = 7 + 7n − 7
n = 14
n
แทน n ดวย 14 ใน = Sn ( a1 + an )
2
14
จะได S14 = ( 7 + 98) = 735
2
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ 735
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
286 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1 3 1 1
3) + 1 + + + 30 เปนอนุกรมเลขคณิต ที่ม=
ี a1 =,d และ an = 30
2 2 2 2
จาก an = a1 + ( n − 1) d
1 1
จะได 30 =+ ( n − 1)
2 2
1 1 1
30 = + n−
2 2 2
n = 60
n
แทน n ดวย 60 ใน =Sn ( a1 + an )
2
60 1
จะได S60 = + 30
2 2
= 915
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ 915
1 1 1
4) 16 + 8 + 4 + + เปนอนุกรมเรขาคณิต ที่ม=
ี a1 =
16, r และ an =
32 2 32
จาก an = a1r n −1
n−1
1 1
จะได = 16
32 2
n−1
1 1
=
512 2
9 n−1
1 1
=
2 2
นั่นคือ n −1 = 9
n = 10
แทน n ดวย 10 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
1 10
16 1 −
2
จะได S10 =
1
1−
2
1,023
=
32
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 287
1,023
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ
32
5) ( −1) + 3 + ( −9 ) + + ( −729 ) เปนอนุกรมเรขาคณิต ที่มี a1 = −3 และ an = −729
−1, r =
จาก an = a1r n −1
จะได −729 = ( −1)( −3)n−1
729 = ( −3)n−1
( −3)6 = ( −3)n−1
นั่นคือ n −1 = 6
n = 7
แทน n ดวย 7 ใน Sn =
(
a1 1 − r n )
1− r
( −1) (1 − ( −3)7 )
จะได S7 = = −547
1 − ( −3)
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ −547
6) −10 − 6 − 2 + + 90 เปนอนุกรมเลขคณิต ที่มี a1 = 4 และ an = 90
−10, d =
จาก an = a1 + ( n − 1) d
จะได 90 = −10 + ( n − 1)( 4 )
90 = −10 + 4n − 4
n = 26
n
แทน n ดวย 26 ใน = Sn ( a1 + an )
2
26
จะได S 26 = ( −10 + 90 ) = 1,040
2
ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมนี้ คือ 1,040
1.5
41. ในที่นี้ =
P 5000,= k 4,= n 3 และ= r = 0.015
100
12
0.015
จะไดจํานวนเงินรวม คือ 5,000 1 + หรือประมาณ 5,229.70 บาท
4
ดังนั้น เมื่อฝากเงินครบ 3 ป จะมีเงินในบัญชี 5,229.70 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
288 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
4
42. ในที่นี้ =
P 18600,=
k 2,=
n 15 และ=r = 0.04
100
30
0.04
จะไดจํานวนเงินรวม คือ 18,600 1 + หรือประมาณ 33,691.33 บาท
2
ดังนั้น เมื่อฝากเงินครบ 15 ป จะมีเงินในบัญชีประมาณ 33,691.33 บาท
43. พิจารณา ธนาคาร A
12
ในที่น=ี้ P 10000000, = k 12,= n 10 และ= r = 0.12
100
120
0.12
จะไดจํานวนเงินรวม คือ 10,000,000 1 + หรือประมาณ 33,003,868.95 บาท
12
พิจารณา ธนาคาร B
12.5
ในที่นี้ =
P 10000000,=
k 1,=
n 10 และ=r = 0.125
100
จะไดจํานวนเงินรวม คือ 10,000,000 (1 + 0.125)10 หรือประมาณ 32,473,210.25 บาท
ดังนั้น แมของสุทัศนควรเลือกฝากเงินกับธนาคาร A จึงจะไดเงินรวมมากที่สุด
และเมื่อสิ้นปที่ 10 จะไดเงินรวมประมาณ 33,003,868.95 บาท
44. ในที่นี้ P 100000,
= = k 2 และ n = 10 จะได
20
r
148,595 = 100,000 1 +
2
20
r
1.48595 = 1 +
2
r
นั่นคือ 1+ = 20 1.48595
2
(
r = 2 20 1.48595 − 1 )
r ≈ 0.04
ดังนั้น ธนาคารแหงนี้กําหนดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 4% ตอป
45. ตนตระการจะตองชําระดอกเบี้ยใหวิทวัสเปนเงิน 5,000 × 52 × 2 = 520,000 บาท
นั่นคือ เมื่อครบ 2 ป ตนตระการจะตองจายเงินใหวิทวัสทั้งหมด 720,000 บาท
ในที่นี้ P 200000,
= = k 52 และ n = 2 จะได
104
r
720,000 = 200,000 1 +
52
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 289
104
r
3.6 = 1 +
52
r
นั่นคือ 1+ = 104 3.6
52
(
r = 52 104 36 − 1 )
r ≈ 1.82
ดังนั้น ดอกเบี้ยที่วิทวัสเรียกเก็บสามารถคิดเปนอัตราดอกเบี้ยรอยละ 182 ซึ่งอัตราดอกเบี้ย
ดังกลาวไมเปนไปตามที่กฎหมายกําหนด
5
46. ในที่นี้ =
S 250000,= k 1,= n 10 และ= r = 0.05
100
จะได มูลคาปจจุบันของเงินรวม 250,000 บาท คือ
P = 250,000 (1 + 0.05 )
−10
≈ 153,478.31 บาท
ดังนั้น วิชัยตองฝากเงินตนไวอยางนอย 153,479 บาท
2
47. ในที่นี้ =
S 122079.42,= k 4,= n 10 และ= r = 0.02
100
จะได มูลคาปจจุบันของเงินรวม 122,079.42 บาท คือ
−40
0.02
P = 122,079.42 1 + ≈ 100,000 บาท
4
ดังนั้น ธีระตองฝากเงินไวประมาณ 100,000 บาท
48. ฝากเงินตอนตนงวดทุกเดือนเปนเงิน 1,000 บาท
2.4 0.2
ในที่นี้ =R 1000,= i = 0.2 และ = r = 0.002
12 100
ดังนั้น เงินรวมหลังจากการฝากครั้งที่ n คือ 1,000 (1.002 ) + 1,000 (1.002 )2 + + 1,000 (1.002 )n
ซึ่งเปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี n พจน พจนแรกคือ 1,000 (1.002 ) และอัตราสวนรวม คือ 1.002
(
1,000 (1.002 ) 1 − (1.002 )) หรือ 501,000 (1.002) − 1 บาท
n
จะไดเงินรวม คือ
1 − 1.002
( ) n
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
290 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
0 1 … 24
0 1 … 24
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 291
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
292 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
1 − (1.015 )
−1
1 − (1.015 )
−1
(
30,000 1 − (1.015 )
−1
)
(1 − (1.015) )
R =
(1.015) −1 −6
R ≈ 5,265.76
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 293
1 − (1.005 )
−1
1 − (1.005 )
−1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
294 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5
(
510,000 1 − (1.005 ) )
−1
(1 − (1.005) )
R =
(1.005)−1 −48
R ≈ 11,977.36
นั่นคือ อนงคจะตองผอนชําระเดือนละประมาณ 11,977.36 บาท
จะไดวา อนงคจะผอนชําระทั้ง 48 งวด เปนเงิน 574,913.28 บาท
นั่นคือ อนงคเสียดอกเบี้ยทั้งหมด 574,913.28 − 510,000 = 64,913.28 บาท
ดังนั้น อนงคจะตองผอนชําระเดือนละประมาณ 11,977.36 บาท และเสียดอกเบี้ยทั้งหมด
64,913.28 บาท
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 295
แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม
forvo.com เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมการออกเสียงคาในภาษาต่าง ๆ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2008
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการสื่อสารทางการพูด ผ่านการแลกเปลี่ยนการออกเสียงคาในภาษา
ต่าง ๆ ทั้งจากบุคคลที่เป็นเจ้าของภาษาและบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา forvo.com ได้รับคัดเลือก
จากนิตยสาร Times ให้เป็น 50 เว็บไซต์ที่ดีที่สุดใน ค.ศ. 2013 (50 best websites of 2013) ปัจจุบัน
เว็บไซต์นี้เป็นฐานข้อมูลที่ รวบรวมการออกเสียงที่ใหญ่ ที่สุด มีคลิปเสียงที่แสดงการออกเสียง
คาศัพท์ประมาณสี่ล้านคาในภาษาต่าง ๆ มากกว่า 330 ภาษา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
296 คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
บรรณานุกรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2524). คู่มือครูวชิ าคณิตศาสตร์ ค 012 ตาม
หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พุทธศักราช 2524 ของกระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2558). คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์
เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2558). คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์
เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์
เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2561). หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 1 ตามผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). หนังสือเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริม
ศักยภาพคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ระบบจานวนจริง. กรุงเทพฯ: พัฒนา
คุณภาพวิชาการ.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทย.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 297
คณะผู้จัดทา
คณะทีป่ รึกษา
ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจานงค์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.ศรเทพ วรรณรัตน์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.วนิดา ธนประโยชน์ศักดิ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้จัดทาคู่มือครู
นางสาวปฐมาภรณ์ อวชัย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวอัมริสา จันทนะศิริ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายพัฒนชัย รวิวรรณ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวภิญญดา กลับแก้ว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.ศศิวรรณ เมลืองนนท์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.สุธารส นิลรอด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.จิณณวัตร เจตน์จรุงกิจ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายทศธรรม เมขลา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายเชิดศักดิ์ ภักดีวิโรจน์ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
จังหวัดนครปฐม
ดร.บุญยงค์ ศรีพลแผ้ว มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี
นางสาวปรารถนา วิริยธรรมเจริญ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม
นายสุบรรณ ตั้งศรีเสรี โรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม กรุงเทพฯ
คณะผู้พิจารณาคู่มือครู
นายประสาท สอ้านวงศ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รศ. ดร.สมพร สูตินันท์โอภาส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวจินตนา อารยะรังสฤษฏ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวจาเริญ เจียวหวาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายสุเทพ กิตติพิทักษ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.สุพัตรา ผาติวิสันติ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.อลงกรณ์ ตั้งสงวนธรรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
298 คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
บรรณาธิการ
รศ. ดร.สิริพร ทิพย์คง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะทางานฝ่ายเสริมวิชาการ
นางสาวขวัญใจ ภาสพันธุ์ โรงเรียนราชวินิตบางเขน กรุงเทพฯ
นายณรงค์ฤทธิ์ ฉายา โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา กรุงเทพฯ
นายถนอมเกียรติ งานสกุล โรงเรียนสตรีภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
นางนงนุช ผลทวี โรงเรียนทับปุดวิทยา จังหวัดพังงา
นางมยุรี สาลีวงศ์ โรงเรียนสตรีสริ ิเกศ จังหวัดศรีสะเกษ
นางสาวศราญลักษณ์ บุตรรัตน์ โรงเรียนบางละมุง จังหวัดชลบุรี
นายศรัณย์ แสงนิลาวิวัฒน์ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
ว่าที่ร้อยตรีสามารถ วนาธรัตน์ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จังหวัดพิษณุโลก
นางศุภรา ทวรรณกุล ข้าราชการบานาญ
นายสุกิจ สมงาม ข้าราชการบานาญ
นางสุปราณี พ่วงพี ข้าราชการบานาญ
นายชัยรัตน์ สุนทรประพี นักวิชาการอิสระ
ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวปิยาภรณ์ ทองมาก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน
๕
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
สถาบันส�งเสริมการสอนวิทยาศาสตร�และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คณิตศาสตร์
ตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ดั
กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
คูม
� อ
ื ครูรายวิชาพืน
้ ฐานคณิตศาสตร� | ชัน
้ มัธยมศึกษาป�ท่ี ๕