You are on page 1of 44

1

บทที่1

บทนำ
ความเป็ นมาและความสำคัญ

พื้นที่อำเภอเนินมะปรางเดิมเป็ นป่ าดงดิบที่เต็มไปด้วยต้นไม้และ


สัตว์ป่ า ห่างไกลจากผู้คน แต่จะมีเพียงผู้มีอาชีพพรานที่เข้ามาล่าสัตว์
และหาของป่ า มาสร้างกกปางและอาศัยพักแรมชั่วคราวเท่านั้น ต่อมา
มีกลุ่มคนจากนครไทย ด่านซ้าย และหล่มสัก อพยพย้ายถิ่นฐานเดิม
เข้ามาตั้งรกรากบริเวณบ้านชมพู บ้านมุง วังโพรง ไทรย้อย จากนั้นก็
ขยับขยายที่ทำกินไปที่วังยาง บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก และเนินมะปราง ใน
ที่สุด โดยตัวอำเภอเนินมะปรางเดิมเป็ นหมู่บ้านเก่าแก่ตั้งมาประมาณ
42 ปี ชื่อบ้านเนินมะปราง ขึ้นกับตำบลบ้านมุง อำเภอวังทอง ลักษณะ
ภูมิประเทศประมาณร้อยละ 45 เป็ นภูเขาหินปูนอายุกว่า 300 ล้านปี
มีถ้ำอยู่มากมาย จึงเป็ นแหล่งซ่องสุมกำลังของผู้ก่อการร้าย
คอมมิวนิสต์ มีการปลุกระดมมวลชน แทรกซึม บ่อนทำลายความ
มั่นคง และซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่รวมทั้งสถานที่ราชการอยู่เนือง ๆ ทาง
ราชการจึงได้แยกพื้นที่บางส่วนของอำเภอวังทองตั้งเป็ น กิ่งอำเภอ
เนินมะปราง ขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2519 มีปลัดอำเภอหัวหน้า
กิ่งอำเภอคนแรกชื่อ นายประยูร อินทรทัศน์ และได้รับการยกฐานะ
เป็ น อำเภอเนินมะปราง เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2526 มีร้อยตรี
สมชาย นวาวัฒน์ ดำรงตำแหน่งนายอำเภอคนแรก จัดเป็ นอำเภอชั้น
2

3 และนับเป็ นอำเภอที่ 9 ของจังหวัดพิษณุโลก ปั จจุบันมีถ้ำมากมาย


ให้ทุกท่านได้รับชม เช่น ซากดึกดำบรรพ์ อักษรญี่ปุ่นโบราณ ฯลฯ

ในปั จจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวกันอย่างต่อเนื่อง
และสถานที่ท่องเที่ยวในเนินมะปรางก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งใน
นั้นคือสถานที่ในตำบลบ้านมุง เนื่องจากมีภูเขาหินปูนเป็ นจำนวนมาก
และมีค้างคาวบินออกมาในช่วงเย็นทำให้เป็ นที่ดึงดูดสำหรับนักท่ออง
เที่ยวเป็ นอย่างมาก นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงเข้ามาเพื่อพักผ่อนชม
ธรรมชาติ และทางตำบลบ้านมุงเร่งพัฒนาสถานที่ที่เป็ นแลนมาร์คขึ้น
มาอีกมากมายเช่น แคมป์ หมาบ้าใจดี จุดชมวิวค้างคาวเป็ นต้น

ทางคณะผู้จัดทำจึงต้องการที่จะสำรวจความพึงพอใจของนัก
ท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัด
พิษณุโลก เพื่อนำไปพัฒนาสถานที่และอื่นๆต่อไป
3

วัตถุประสงค์ของการศึกษา

1. เพื่อสำรวจความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

2. เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว

สมมติฐาน

1. นักท่องเที่ยวมีความพอใจในระดับปานกลาง-มากที่สุด

2. พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้ดีขึ้น

ขอบเขตของการศึกษา

1. ขอบเขตด้านประชากร
นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวใน ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง
จ.พิษณุโลก จำนวน 500 คนต่อวัน
2. ขอบเขตด้านกลุ่มตัวอย่าง

ตัวอย่างนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวใน ต.บ้านมุง
อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก

3. ขอบเขตด้านเนื้อหา สำรวจเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่อง
เที่ยว ต.บ้านมึง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก

ตัวแปรที่ศึกษา

1.ตัวแปรอิสระ
4

1.1 เพศ

1.2 อายุ

1.3 ระดับการศึกษา

1.4 อาชีพ

2.ตัวแปรตาม

ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อการมาท่องเที่ยวใน ตำบล
บ้านมุง อำเภอ เนินมะปราง จังหวัด พิษณุโลก

นิยามศัพท์เฉพาะ

1.อำเภอเนินมะปราง

ตำบลบ้านมุงเป็ นส่วนหนึ่งของอำเภอเนินมะปรางและ
เนินมะปรางเป็ นอำเภอหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ห่างจากตัว
จังหวัดประมาณ 68 กิโลเมตร เดิมเป็ นหมู่บ้านเก่าแก่ตั้งมาประมาณ
42 ปี ลักษณะภูมิประเทศประมาณร้อยละ 45 เป็ นภูเขาหินปูนอายุ
กว่า 300 ล้านปี มีถ้ำอยู่มากมาย แบ่งจุดท่องเที่ยวออกเป็ น 2 จุด
ใหญ่ ๆ คือ บ้านมุง และ บ้านรักไทย

2. ตำบลบ้านมุง
5

ตำบลหนึ่งในอำเภอเนินมะปราง มีภูเขาหินหลายแห่ง และมี


ถ้ำมากมายให้สำรวจเช่น ถ้ำอักษรญี่ปุ่น ถ้ำเดือน ถ้ำดาว เป็ นต้น ซึ่ง
ในตอนนี้กำลังพัฒนาเป็ นสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. ด้านสถานที่ท่องเที่ยว อ.เนินมะปราง มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่ม


เป็ นจำนวนมากจากการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวโดยคำติเตียนจาก
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว

บทที่2

เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
6

การศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ต.บ้านมุง
อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษาค้นคว้าเอกสาร
แนวคิดทฤษฎีตลอดจนผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็ นแนวทางในการ
ศึกษาการดำเนินการวิจัยดังนี้

1. แนวความคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ

2. แนวความคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

3. ตำบล บ้านมุง อำเภอ เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก

4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

แนวความคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ

ความหมายของความพึงพอใจ

ความพึงพอใจ ได้มีผู้ให้ความหมายของความพึงพอใจไว้หลาย
ความหมาย ดังนีพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน (2542) ได้ให้ความ
หมายของความพึงพอใจไว้ว่า พึงพอใจ หมายถึง รัก ชอบใจ และพึงใจ
หมายถึง พอใจ ชอบใจ

ดิเรก (2528) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ทัศนคติทาง


บวกของบุคคลที่มีต่อสิ่ง
สิ่งหนึ่ง เป็ นความรู้สึกหรือทัศนคติที่ดีต่องานที่ทำของบุคคลที่มีต่องาน
ในทางบวก ความสุขของบุคคลอันเกิดจากการปฏิบัติงานและได้รับผล
7

เป็ นที่พึงพอใจ ทำให้บุคคลเกิดความกระตือรือร้น มีความสุข ความมุ่ง


มั่นที่จะทำงาน มีขวัญและมีกำลังใจ มีความผูกพันกับหน่วยงาน มี
ความภาคภูมิใจในความสำเร็จของงานที่ทำ และสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อ
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานส่งผลต่อถึงความก้าวหน้า
และความสำเร็จขององค์การอีกด้วย

วิรุฬ (2542) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็ นความรู้สึกภายในจิตใจ


ของมนุษย์ที่ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะมีความคาดหมาย
กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างไร ถ้าคาดหวังหรือมีความตั้งใจมากและได้รับการ
ตอบสนองด้วยดีจะมีความพึงพอใจมากแต่ในทางตรงกันข้ามอาจผิด
หวังหรือไม่พึงพอใจเป็ นอย่างยิ่ง เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองตามที่คาด
หวังไว้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่าจะมีมากหรือน้อยสอดคล้องกับฉัตร
ชัย (2535) กล่าวว่า ความพึงพอใจหมายถึงความรู้สึกหรือทัศนคติ
ของบุคคลที่มีต่อสิ่งหนึ่งหรือปั จจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ความรู้สึกพอใจจะ
เกิดขึ้นเมื่อความต้องการของบุคคลได้รับการตอบสนองหรือบรรลุจุด
มุ่งหมายในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดังกล่าวจะลดลงหรือไม่เกิดขึ้น หาก
ความต้องการหรือจุดมุ่งหมายนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง

กิตติมา (2529) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกชอบ


หรือพอใจที่มีต่อองค์ประกอบและสิ่งจูงใจในด้านต่างๆเมื่อได้รับการ
ตอบสนอง
8

กาญจนา (2546) กล่าวว่า ความพึงพอใจของมนุษย์เป็ นการ


แสดงออกทางพฤติกรรมที่เป็ นนามธรรม ไม่สามารถมองเห็นเป็ นรูป
ร่างได้ การที่เราจะทราบว่าบุคคลมีความพึงพอใจหรือไม่ สามารถ
สังเกตโดยการแสดงออกที่ค่อนข้างสลับซับซ้อนและต้องมีสิ่งเร้าที่ตรง
ต่อความต้องการของบุคคล จึงจะทำให้บุคคลเกิดความพึงพอใจ ดังนั้น
การสิ่งเร้าจึงเป็ นแรงจูงใจของบุคคลนั้นให้เกิดความพึงพอใจในงานนั้น

นภารัตน์ (2544) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็ นความรู้สึกทางบวก


ความรู้สึกทางลบและความสุขที่มีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน โดย
ความพึงพอใจจะเกิดขึ้นเมื่อความรู้สึกทางบวกมากกว่าทางลบ

เทพพนม และสวิง (2540) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็ นภาวะของ


ความพึงใจหรือภาวะที่มีอารมณ์ในทางบวกที่เกิดขึ้น เนื่องจากการ
ประเมินประสบการณ์ของคนๆหนึ่ง สิ่งที่ขาดหายไประหว่างการเสนอ
ให้กับสิ่งที่ได้รับจะเป็ นรากฐานของการพอใจและไม่พอใจได้

สง่า (2540) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น


เมื่อได้รับผลสำเร็จตามความมุ่งหมายหรือเป็ นความรู้สึกขั้นสุดท้ายที่
ได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์

จากการตรวจเอกสารข้างต้นสรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถึง


ความรู้สึกที่ดีหรือทัศนคติที่ดีของบุคคล ซึ่งมักเกิดจากการได้รับการ
ตอบสนองตามที่ตนต้องการ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสิ่งนั้น ตรงกัน
9

ข้ามหากความต้องการของตนไม่ได้รับการตอบสนองความไม่พึงพอใจ
ก็จะเกิดขึ้น

องค์ประกอบของความพึงพอใจ

อเดย์และแอนเดอร์เชน (Aday & Andersen, 1978) กล่าวถึง


ทฤษฎีพื้นฐาน 6 ประเภท ที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจของผู้มาใช้
บริการและความรู้สึกที่ผู้ใช้บริการได้รับจากบริการเป็ นสิ่ง สำคัญที่จะ
ช่วยประเมินระบบบริการว่าได้มีการเข้าถึงผู้ใช้บริการ ความพึงพอใจ
6 ประเภทนั้น คือ

1. ความพึงพอใจต่อความสะดวกที่ได้รับจากบริการ (Convenience)
ซึ่งแยกออกเป็ น

1.1 การใช้เวลารอคอยในสถานที่บริการ Ooffice Waiting


Time)

1.2 การได้รับการดูแลเมื่อมีความต้องการ
(Availability of Care When Needs)

1.3 ความสะดวกสบายที่ได้รับในสถานบริการ (Base


of Getting to Care)

2. ความพึงพอใจต่อการประสานงานของการบริการ (Co-ordination)
ซึ่งแยกออกเป็ น
10

2.1 การได้รับบริการทุกประเภทในสถานที่หนึ่ง คือ ผู้ใช้


บริการสามารถขอรับบริการ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ
(Getting all needs met at one place)

2.2 ผู้ให้บริการให้ความสนใจผู้ใช้บริการ

2.3 ได้มีการติดตามผลงาน (Follow-up)

3. ความพึงพอใจต่อข้อมูลที่ได้รับจากบริการ (Information)

4. ความพึงพอใจต่ออัธยาศัย ความสนใจของผู้ให้บริการ (Courtesy)


ได้แก่ การแสดง อัธยาศัยท่าทางที่ดี เป็ นกันเองของผู้ให้บริการ และ
ความสนใจ ห่วงใยต่อผู้ใช้บริการ

5. ความพึงพอใจต่อคุณภาพของบริการ (Quality of Care) ได้แก่


คุณภาพของการบริการ ต่อผู้ใช้บริการ

6. ความพึงพอใจต่อค่าใช้จ่ายเมื่อใช้บริการ (Output-off-pocket
cost) ได้แก่ ค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของผู้ใช้บริการ

ความสำคัญของความพึงพอใจ
11

ความสำคัญของความพึงพอใจ นักวิชาการหลายท่านกล่าวถึง
ความสำคัญของ ความพึงพอใจไว้ดังนี้ จิตตินันท์ เดชะคุปต์(2543,
หน้า 21) ได้กล่าวว่า ความสำคัญสามารถแบ่งออกเป็ น

1. ความสำคัญต่อผู้ให้บริการที่องค์กรต้องคำนึงถึงความพึงพอใจต่อ
การบริการต่อไปนี้

1.1 ความพึงพอใจของลูกค้าเป็ นตัวกำหนดคุณลักษณะของการ


บริการ ผู้บริหาร การบริการ และผู้ปฏิบัติงานบริการ จําเป็ นต้อง
สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า เกี่ยวกับการบริการ และลักษณะของ
การนำเสนอบริการที่ลูกค้าชื่นชอบ เพราะข้อมูลดังกล่าวจะบ่งบอกถึง
การประเมิน ความรู้สึกและความคิดเห็นของลูกค้าต่อคุณสมบัติของ
การบริการที่ลูกค้าต้องการและวิธี การตอบสนองความต้องการแต่ละ
อย่าง ในลักษณะที่ลูกค้าปรารถนา ซึ่งเป็ นผลดีต่อผู้ให้บริการ ในอันที่
ตระหนักถึงความคาดหวังของผู้รับบริการ และสามารถตอบสนอง
บริการที่ตรงกับลักษณะ และรูปแบบที่ผู้รับบริการคาดหวังไว้ได้จริง

1.2 ความพึงพอใจของลูกค้าเป็ นตัวแปรสำคัญ ในการประเมิน


คุณภาพของการ บริการที่ดีจะต้องมีคุณภาพตรงกับความต้องการ
ความคาดหวัง และมีแนวโน้มจะใช้บริการซ้ำอีกต่อๆไป คุณภาพของ
การบริการที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจขึ้นอยู่กับลักษณะการบริการที่
ปรากฏให้ เห็น เช่น สถานที่อุปกรณ์เครื่องใช้บุคลิกลักษณะของ
12

พนักงานบริการ เป็ นต้น ความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจของการบริการความ


เต็มใจที่จะให้บริการ ตลอดจนความรู้ความสามารถในการบริหาร ด้วย
ความเชื่อมั่นและความเข้าใจต่อผู้อื่น

1.3 ความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานบริการ เป็ นตัวชี้คุณภาพ


และความสำเร็จของงาน บริการที่ให้ความสำคัญกับความต้องการและ
ความคาดหวังของผู้ปฏิบัติงานบริการเป็ นเรื่องจำเป็ น ไม่ยิ่งหย่อนไป
กว่าการให้ความสำคัญกับลูกค้า การสร้างความพึงพอใจในงานให้กับผู้
ปฏิบัติงาน บริการย่อมทำให้พนักงานมีความรู้สึกที่ดีต่องานที่ได้รับ
มอบหมาย และตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็ม ความสามารถ อันนำมาซึ่ง
คุณภาพของการบริการที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และส่งผล
ให้กิจการบริการประสบผลสำเร็จ

2. ความสำคัญต่อผู้รับบริการแบ่งออกเป็ น 2 ประเด็น ดังนี้

2.1 ความพึงพอใจของลูกค้า เป็ นตัวผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดีเมื่อ


องค์กรตระหนักถึง ความสำคัญของความพึงพอใจของลูกค้าก็จะ
พยายามค้นหาปั จจัยที่กำหนดความพึงพอใจของลูกค้า สำหรับนำ
เสนอบริการที่เหมาะสม เพื่อการแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของ
ธุรกิจบริการ ผู้รับบริการย่อมได้รับการบริการที่มีคุณภาพและสามารถ
ตอบสนองความต้องการที่ตนคาดหวังไว้ การดำเนินที่ต้องพึ่งพาการ
บริการในหลาย ๆ สถานการณ์เพราะการบริการในหลาย ๆ ด้าน ช่วย
13

อำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระการตอบสนองความต้องการ
ของบุคคลด้วยตนเอง

2.2 ความพึงพอใจของการปฏิบัติงานบริการ ช่วยพัฒนาคุณภาพ


ชีวิตของงานบริการ และอาชีพบริการงานเป็ นสิ่งสิ่งสำคัญต่อชีวิตของ
คนเรา เพื่อได้มาซึ่งรายได้ในการดำรงชีวิตและ การแสดงออกถึงความ
สามารถในการทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเป็ นที่ยอมรับว่าความพึง
พอใจ ในงานมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของงานในแต่ละองค์กรเมื่อ
องค์กรให้ความสำคัญกับการสร้าง ความพึงพอใจในงานให้กับผู้ปฏิบัติ
งานบริการ ทั้งในด้านสภาพแวดล้อมในงาน ค่าตอบแทน สวัสดิการ
และความก้าวหน้าในชีวิตการงาน เพื่อเป็ นการเพิ่มคุณภาพมาตรฐาน
ของงานบริการให้ ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ในการตอบสนองความ
ต้องการของลูกค้าและการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับ ลูกค้าให้ใช้บริการ
ต่อ ๆ ไป

แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

2.2.1 ความหมายของการท่องเที่ยว

ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านการท่องเที่ยวต่างให้
ความหมายของการท่องเที่ยวไป ตามทัศนคติที่หลากหลาย ดังนี้ การ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (2545)ไดก้ล่าวว่าการท่องเที่ยว (Tourism)
เป็ นคำที่มี ความหมายกว้างขวางครอบคลุมการเดินทางเพื่อการพัก
14

ผ่อนหย่อนใจการเล่นกีฬาการติดต่อธุรกิจ ตลอดจนการเยี่ยมเยือน
ญาติพี่น้อง สหพันธ์องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
(International Union of Official Travel Organization หรือ
IUOTO) ได้ให้ความหมายของการท่องเที่ยวว่า จะต้องเป็ นการ ท่อง
เที่ยวที่มีเงื่อนไขตามหลักสากลดังต่อไปนี้คือ

1. ต้องเป็ นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่น
เป็ นการชั่วคราว

2. ต้องเป็ นการเดินทางด้วยความสมัครใจ

3. ต้องเป็ นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตามที่


มิใช่เพื่อประกอบอาชีพหรือ หารายได้ในการเดินทางนั้น

สมชาติ อู่น้อย (2552) ได้ให้ความหมายของการท่องเที่ยว


ไว้ว่าการท่องเที่ยว หมายถึง การเคลื่อนย้ายของผู้คนจากแห่งหนึ่งไปสู่
อีกแหล่งหนึ่ง ซึ่งรวมไปถึงการเดินทางภายในประเทศ และการเดิน
ทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้การเดินทางเพื่อการประชุมสัมมนา
เพื่อศึกษาหาความรู้ เพื่อการกีฬา เพื่อการติดต่อธุรกิจ ตลอดจนการ
เยี่ยมญาติพี่น้องก็นับ เป็ นการท่องเที่ยวทั้งสิ้น โดยใน หลักเกณฑ์ความ
หมายกำหนดได้โดยเงื่อนไข 3 ประการ ดังนี้

1. เดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังสถานที่อื่นเป็ นการ
ชั่วคราว
15

2. เดินทางด้วยความสมัครใจ

3. เดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใด ๆ ที่มิใช่เพื่อการประกอบ
อาชีพหรือหารายได้

องค์การท่องเที่ยวโลกได้กำหนดความหมายของ การท่องเที่ยว ไว้ใน


ปี พ.ศ. 2506 ว่าคือการเดินทางที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขดังนี้คือการเดินทาง
จากสถานที่อยู่อาศัยประจำไปยังสถานที่อื่นๆด้วยความสมัครใจ คือ
การเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่การประกอบอาชีพหรือหารายได้
การท่องเที่ยว มีลักษณะสําคัญ 4 ประการดังนี้

1. การเคลื่อนที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของมนุษย์สู่ที่หมาย
ต่างๆ รวมทั้งการหยุดพัก ณ ที่เหล่านั้น

2. องค์ประกอบของการท่องเที่ยวมี2 ส่วนคือ การเดิน


ทางสู่จุดหมาย และ การหยุดพักประกอบกิจกรรม ณ จุดหมายนั้น

3. การเดินทางและการหยุดพักเกิดขึ้นนอกภูมิลำเนาและ
ที่ทํางาน ดังนั้น การท่องเที่ยวจึงเป็ นปั จจัยให้เกิดกิจกรรม ซึ่งแตกต่าง
จากกิจวัตรของถิ่นที่นักท่องเที่ยวเดินทางผ่านและแวะพัก

4.การเดินทางสู่จุดหมายนั้นเป็ นการเดินทางชั่วคราวซึ่งระ
ยะสั้นๆ โดยมีความตั้งใจว่าจะกลับภายใน 2-3 วัน 2-3 สัปดาห์ หรือ
2-3 เดือน ความตั้งใจในการเยือนจุดหมาย ปลายทางมิได้เป็ นไป เพื่อ
16

หลักแหล่ง หรือประกอบอาชีพ การท่องเที่ยวจึงเป็ นการเดินทาง ตาม


เงื่อนไขสากล 3 ประการคือ

4.1 เป็ นการเดินทางชั่วคราว

4.2 เป็ นการเดินทางโดยสมัครใจ

4.3 ไม่เป็ นการเดินทางเพื่อประกอบอาชีพสำนักงาน


พัฒนาการท่องเที่ยว (2546)อธิบายว่าการท่องเที่ยว เป็ นเรื่องที่มีความ
เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง
กัน ทั้งเป็ นการเดินทางเพื่อพักผ่อนประกอบกิจกรรมตามความสนใจ
หรือเพื่อประกอบธุรกิจที่เป็ นส่วนหนึ่งของการทา งาน แต่ไม่ได้
เป็ นการเดินทางเพื่อไปทา งานหรือประกอบอาชีพเป็ นหลัก

นิศา ชัชกุล (2550) กล่าวว่าการท่องเที่ยว (Tourism) เป็ น


กิจกรรมการเดินทางจากจุด หนึ่งไปยังจุดหนึงซึ่งนับตั้งแต่จุดเริ่มต้น
จนถึงปลายทางจะต้องประกอบด้วยปั จจัยสามประการ คือ การเดิน
ทางการค้างแรม และการกินอาหารนอกบ้าน จากค่านิยามต่าง ๆ ดังที่
ได้รวบรวมมาในข้างต้น นี้สามารถสรุปได้ว่าการท่องเที่ยว คือการเดิน
ทางออกจากสภาพแวดล้อมปกติเช่นบ้าน ที่ทำงาน ไปยังถานที่ต่างๆ
เป็ นการชั่วคราว ทั้งภายในและระหว่างประเทศ ด้วยความสมัครใจ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ การศึกษาธุรกิจ ประชุม
17

สัมมนา หรืออื่นใด แต่ต้องไม่เป็ นการได้มาซึ่งรายได้จากสถานที่ที่ไปถึง


นั้นๆ

ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก

ตำบลบ้านมุงเป็ นส่วนหนึ่งของอำเภอเนินมะปรางและ
เนินมะปรางเป็ นอำเภอหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ห่างจากตัว
จังหวัดประมาณ 68 กิโลเมตร เดิมเป็ นหมู่บ้านเก่าแก่ตั้งมาประมาณ
42 ปี ลักษณะภูมิประเทศประมาณร้อยละ 45 เป็ นภูเขาหินปูนอายุ
กว่า 300 ล้านปี มีถ้ำอยู่มากมาย แบ่งจุดท่องเที่ยวออกเป็ น 2 จุด
ใหญ่ ๆ คือ บ้านมุงซึ่งตั้งอยู่ในตัวอำเภอ มีแหล่งท่องเที่ยว อย่างเช่น
ภูเขาหินปูนสัญลักษณ์ของเนินมะปราง ถ้ำค้างค้าว ถ้ำผาท่าพล มี
โฮมสเตย์ให้เลือกพักหลายแห่ง ทำให้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 เริ่มจัดทำ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆขึ้นมา ทำให้นักท่องเที่ยวต่างเรียกกันว่า กุ้ย
หลินเมืองไทย เนื่องจากมีภูเขาหินและธรรมชาติที่สวยงามเหมาะกับ
การมาพักผ่อน ทำให้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามา และ
เริ่มเป็ นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในช่วงปี พ.ศ.2562

ลักษณะภูมิประเทศ

สภาพทั่วไปเป็ นพื้นที่ราบชายเขา ไม่มีแหล่งต้นน้ำลำธาร ซึ่งในฤดูแล้ง


มักจะเกิดการขาดแคลน้ำในการอุปโภคบริโภค เป็ นพื้นที่ราบชายเขา
ร้อยละ ๕๕.๒๓ และเป็ นพื้นที่ภูเขา ร้อยละ ๔๔.๗๗ ตารางกิโลเมตร
18

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

งานวิจัยในต่างประเทศ

อีไล (Ealine. 1984: 30-40) ได้ศึกษาเกี่ยวกับความพึงพอใจของ


นักท่องเที่ยวที่มีต่อนันทนาการ และสวนสาธารณะของเอกชนใน
นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการสำรวจประชาชนที่มาท่อง
เที่ยว จำนวน 980 คน โดยใช้แบบสอบถามเพื่อทราบดวามพึงพอใจใน
การบริการ การนันทนาการและสภาพสวนสาธารณะ พบว่าประชาชน
ที่เป็ นผู้หญิงมีดวามพึงพอใจอยู่ในระดับมาก คิดเป็ นร้อยละ 68. 82
ความพึงพอใจในด้านการจัดโปรแกรมกิจกรรมนันทนาการอยู่ในระดับ
มากทั้งเพศหญิงและเพศชาย ใกล้เคียงกันคิดเป็ นร้อยละ 50 สำหรับ
อาชีพส่วนใหญ่เป็ นนักธุรกิจมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ทั้งทางดัน
สภาพพื้นที่และการนันทนาการ รองลงมาข้าราชการ นักเรียน
นักศึกษาสำหรับความคิดเห็นทั่ว ๆ ไป มีดวามเห็นว่าควรปรับปรุง
พัฒนาในด้านผู้ให้บริการการรักษาความปลอดภัย และเครื่องอำนวย
ความสะดวกให้ทันสมัยมากกว่าที่เป็ นอยู่
19

เฮนดี และคณะ (Hendee & Others. 1984: 60-64) ศึกษา


วิจัยเรื่อง ความคิดเห็นของนักท่องเที่ยว จำนวน 140 คน ที่ไปท่อง
เที่ยวในพื้นที่แถบตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา 3 แห่ง โดย
การสอบถามและสัมภาษณ์พบว่านักท่องเที่ยวร้อยละ 40 เห็นด้วยกับ
การจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าไปท่องเที่ยวป่ า เพื่อจะได้มีเงินใช้ใน
การพัฒนา บำรุงรักษาแต่เรื่องการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และการ
ส่งเสริมให้เอกชนมาลงทุนเพื่อพัฒนา มีความเห็นด้วยน้อยประมาณ
ร้อยละ 10 เท่านั้นและเห็นด้วยกับการลดผลกระทบในพื้นที่ โดยวิธี
การกระจายกลุ่มนักท่องเที่ยวมากกว่า

วัตสัน (Watsom. 1997: 3251) ศึกษาเรื่องผลกระทบของ


ทัศนคติและแรงจูงใจของการใช้เวลาว่างที่มีต่อการเข้าร่วมกิจกรรม
นันทนาการ การออกกำลังกายของนักศึกษาใน วิทยาลัย ผลวิจัยพบว่า
นักศึกษาส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาว่างวันละ 23 ชั่วโมง ในการดูโทรทัศน์
หรือทำกิจกรรมที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งเขาสรุปได้ว่า นักศึกษามีเวลา
ว่าง แต่ไม่ได้ใช้เวลาว่างในการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ การออก
กำลังกายขาดทัศนติที่ดี ขาดแรงจูงใจตลอดจนไม่เห็นความสำคัญของ
กิจกรรมนันทนาการการออกกำลังกาย เพื่อนันทนาการ

ปาร์คเกอร์ (Parker. 1999: 1118-1119-A) ทำการศึกษาเรื่อง


พฤติกรรมการท่องเที่ยวของเยาวชนในเมืองยองเกอร์ (Younger)
มลรัฐนิวยอร์กที่มีต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในสถานที่ท่องเที่ยว โดย
20

ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็ นเยาวชน อายุระหว่าง 12-20 ปี


จำนวน 480 รายวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบียง
เบนมาตรฐาน 12-20 ปี และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว โดย
พิจารณาที่เกณฑ์ความเชื่อมั่น 95 เปอร์เซ็นต์ ผลการสำรวจ พบว่า
กลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับสูง
มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่มีต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในสถานที่
ท่องเที่ยวถูกต้องมากที่สุดจากการทดสอบทางสถิติ พบว่าความรู้เกี่ยว
กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่มี
ต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในสถานที่ท่องเที่ยวแตกต่างกันมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ 0.05

งานวิจัยในประเทศ

ชลิตร รัดนะ (2538: บทคัดย่อ ) ได้ทำการวิจัยเรื่องการศึกษา


ความต้องการกิจกรรมนันทนาการของบุคลากรในมหาวิทยาลัยสงขลา
นดรินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อเปรียบเทียบอันดับดวามต้องการโดย
แยกตามเพศ อายุ สถานภาพบุคคลและรายได้ กลุ่มตัวอย่างได้แก่
ข้าราชการในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จำนวน
350 ปรากฎผลดังนี้ บุคลากรชายที่มีอายุ30 ปี ลงมา สถานภาพโสด มี
รายได้ต่ำกว่า 7,300 บาท และมีรายได้ตั้งแต่ 13.680 บาทขึ้นไป มี
ความต้องการกิจกรรมนันทนาการประเกทเกม กีฬา และกรีฑาสูงสุด
กิจกรรมที่ต้องการน้อยที่สุดคือ กิจกรรมประเภทวรรณกรรม (อ่าน
21

พูด เขียน ) ส่วนบุดลากรหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 31-40 ปี มีสถานภาพ


สมรส และมีรายได้ระหว่าง 7,300-13,040 บาท มีความต้องการ
กิจกรรมนันทนาการประเภทท่องเที่ยวทัศนะศึกษาสูงสุติจกรรมที่
ต้องการน้อยที่สุดคืประเกทวรรณกรรมอ่าน พูด เขียน)

ศติธร จั่นลา (2544: บทตัดย่อ) ทำการศึกษาวิจัยเรื่องแนวทาง


การจัดการสวนสัตวํในเขตเมืองในทัศนะของผู้ใช้บริการ : กรณีศึกษา
สวนสัตว์ดุสิต พบว่าการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะส่วนบุด
ดลได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา ลักษณะทางเศรษฐกิจ/สังคม
ได้แก่ รายได้อาชีพและการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร
และสิ่งแวดล้อม / การรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิต กับความคิด
เห็นต่อแนวทางการจัดการสวนสัตว์ดุสิต พบว่า อายุ รายได้ อาชีพ
และการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
(การรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิตของประชาชนมีความสัมพันธ์
กับความคิดเห็นต่อแนวทางการจัดการสวนสัตว์ดุสิตที่ระดับนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ 0.05
22

บทที่3

วิธีการดำเนินงาน

ในบทนี้จะกล่าวถึง แนวทางในการศึกษา และการรวบรวมข้อมูล


เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจ ของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวใน
ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก จะอธิบายถึงการ
กำหนดประชากร การเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
การวิเคราะห์ ข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้

1. วิธีการศึกษา

2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา

3. การวิเคราะห์ข้อมูล

4. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

วิธีการศึกษา

การศึกษาครั้งนี้เป็ นการศึกษาเชิงสํารวจ เพื่อศึกษาถึงความพึง


พอใจของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในตำบลบ้านมุง อำเภอ
เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก โดยศึกษาถึงความพึงพอใจ ของนักท่อง
เที่ยว ซึ่งมีรายละเอียดการศึกษาดังต่อไปนี้
23

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

กลุ่มประชากร (Population) ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นัก


ท่องเที่ยว ที่มาท่องเที่ยวในตำบลบ้านมุง ซึ่งไม่สามารถระบุจํานวนที่
แน่ชัดได้

ตัวอยางที่ใช้ในการวิเคราะห์ครั้งนี้ ได้ข้อมูลมาจากการเก็บ
รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ เดือนกันยายน พ.ศ.2564 ถึง เดือนตุลาคม
พ.ศ.2564 โดยให้ผู้เข้ารับบริการทุกท่าน ตอบแบบสอบถามหลังจากที่
ท่องเที่ยวในแต่ละสถานที่ ซึ่งสามารถรวบรวมได้ทั้งสิ้น 110 คน จากผู้
ที่มาท่องเที่ยวในตำบลบ้านมุง โดย
24

นํามาตรวจสอบความสมบูรณ์และความถูกต้องครบถ้วนของ
ข้อมูลในแบบสอบถามทุกฉบับพบวา แบบสอบถามฉบับที่สมบูรณ์มี
จํานวน 110 ชุด เช่นกัน

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา

การศึกษาครั้งนี้ เป็ นการศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว


จึงใช้แบบสอบถาม ซึ่งแบบสอบถามแบ่งเป็ น 2 ส่วนดังนี้ ส่วนที่1
แบบสอบถามในเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ประเมินแบบสอบถาม ซึ่ง
ประกอบไป ด้วยคําถามเกี่ยวกับ 1. อาชีพ 2. เพศ 3. อายุ 4.ระดับ
การศึกษา ส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักท่อง
เที่ยวที่มาเที่ยวตำบลบ้านมุง รวมทั้งสิ้น 8 ข้อ

แบ่งข้อทดสอบออกเป็ น 8 ประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่1 ความพึงพอใจด้านความอัธยาศัยดีของคนพื้นเมือง

ประเด็นที่2 ความพึงพอใจด้านความสวยงามของสถานที่ท่อง
เที่ยว

ประเด็นที่3 ความพึงพอใจด้านความสะอาดของสถานที่ท่อง
เที่ยว

ประเด็นที่4 ความพึงพอใจด้านความสะอาดของห้องน้ำ

ประเด็นที่5 ความสะดวกสบายในการเดินทาง
25

ประเด็นที่6 ความคุ้มค่าในการท่องเที่ยว

ประเด็นที่7 การใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยว

ประเด็นที่8 สภาพแวดล้อมในสถานที่ท่องเที่ยว

แบ่งเป็ น 3 ระดับ คือ มาก ปานกลาง น้อย โดยทุกข้อเป็ นข้อความที่มี


ลักษณะเป็ นบวก (Positive) ตามลําดับ โดยที่

มาก = 3 คะแนน

ปานกลาง = 2 คะแนน

น้อย = 1 คะแนน

ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ

ผู้ศึกษาได้ดําเนินการสร้างเครื่องมือตามลําดับ ดังนี้

1. ศึกษาเอกสารบทความ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความพึง
พอใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวตำบลบ้านมุง เพื่อให้ได้ตัวแปรที่จะ
ศึกษาและใช้เป็ นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม

2. นําข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมมาสร้างแบบสอบถาม

3. นําแบบสอบถามฉบับร่างเสนอต่อคุณครูที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบ
และเสนอแนะเพื่อทําการ

ปรับปรุงแก้ไข
26

4. ปรับปรุงแบบสอบถามตามข้อแนะนํา เสนอต่อคุณครูที่ปรึกษาเพื่อ
พิจารณาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้สมบูรณ์ก่อนการนําไปสำรวจ

วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล

การศึกษาครั้งนี้จะทําการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 2
ประเภท คือ

1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล


จากแบบสอบถาม ตัวอย่างที่ใช้ ในการวิเคราะห์ครั้งนี้ ได้ข้อมูลมาจาก
การเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ เดือนกันยายน พ.ศ.2564 ถึง เดือน
ตุลาคม พ.ศ.2564 โดยให้นักท่องเที่ยวทุกท่าน ตอบแบบสอบถามหลัง
จากที่มาท่องเที่ยวที่ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัด
พิษณุโลก ซึ่งสามารถรวบรวมได้ทั้งสิ้น 110 คน โดยนํามาตรวจสอบ
ความสมบูรณ์และความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลในแบบสอบถามทุก
ฉบับ พบว่า แบบสอบถามฉบับที่ สมบูรณ์มี จํานวน 110 ชุด เช่นกัน
2. ข้อมูลทุติยภูมิ(Secondary Data) ได้จากการศึกษาค้นคว้า
ข้อมูลจากเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือ ตํารา การศึกษาค้นคว้าอิสระ
และวิทยานิพนธ์เพื่อให้เนื้อหาที่ศึกษามีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

3. การวิเคราะห์ข้อมูล หลังจากรวบรวมแบบสอบถามกลับคืนมา
แล้ว จึงได้ตรวจสอบแบบสอบถามมาวิเคราะห์ข้อมูลตามขั้นตอนต่อไป
นี้และทำการวิเคราะห์ค่าสถิติต่างๆ ดังนี้
27

ส่วนที่ 1 ในการวิเคราะห์ปั จจัยส่วนบุคคล ใช้สถิติเชิง


พรรณนา (DescriptiveStatistics) ได้แก่ การค่าร้อยละ
(percentage) แล้วนําเสนอในรูปตาราง

ส่วนที่ 2 การวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มา
ท่องเที่ยวในตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก การ
หาค่าร้อยละ(Percentage) แล้วนาเสนอในรูปตาราง วิเคราะห์โดยหา
ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation)
โดยกำหนดค่าเฉลี่ยระดับคะแนนความพึงพอใจในงานเป็ น 3 ระดับ
โดยคํานวณแล้วนํามาจัดช่วงคะแนนดังนี้

ช่วงระดับคะแนน = คะแนนสูงสุด – คะแนนตํ่าสุด

จํานวนระดับ

= 3-1

= 0.7

ระดับความคิดเห็นตามขนาดของช่วงระดับคะแนน เป็ นดังนี้

ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.50-3.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยูใน


ระดับมาก
28

ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1.80-2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยูใน


ระดับปานกลาง

ค่าเฉลี่ยอยูระหว่าง 1.00-1.70 หมายถึง มีความพึงพอใจอยูใน


ระดับน้อย

ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของ
ปั จจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อความพึงพอใจ ของนักท่องเที่ยว ที่มาท่อง
เที่ยว ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก โดยใช้สถิติ
เชิงอนุมาน (Inferential Statistics) หรือสถิติเชิงทดสอบสมมติฐาน
โดยใช้สถิติt-test ใช้ ทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของกลุ่ม
ตัวอย่างที่มีปั จจัย ส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา แตก
ต่างกัน เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการท่องเที่ยวที่ตำบลบ้านมุง
อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
29

บทที่ 4

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

การประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวใน
ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง
จ.พิษณุโลก โดยผ่านการใช้สื่อออนไลน์ google form โดยเก็บ
รวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2564 ถึง เดือนตุลาคม
พ.ศ.2564 กลุ่มความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวใน ต.บ้านมุง
อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจ
ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวใน ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก
โดยให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวแสกนคิวอาร์โค้ดแบบสอบถาม เพื่อสำรวจความ
พึงพอใจของสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งสามารถรวบรวมได้ทั้งสิ้น 110 คน
กลุ่มผู้ประเมินขอนำเสนอผลการประเมินตามผลการประเมิน ดังนี้
ผลการประเมินความพงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวใน
ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ผ่าน google form มี 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 ข้อมูลของผู้ประเมิน

ส่วนที่ 2 ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

ส่วนที่ 1 ข้อมูลของผู้ประเมิน
30

การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้สํารวจระดับความพึงพอใจของนักท่อง
เที่ยวที่มาเที่ยวในตำบลบ้านมุง จํานวนทั้งสิ้น 110 คน จําแนกตาม
ลักษณะทั่วไป ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ และระดับการศึกษา
31

ตารางที่1 ส่วนของผู้ประเมิน

ข้อมูลผู้ประเมิน จำนวน ร้อยละ


นักเรียน 83 75.45
ธุรกิจส่วนตัว 10 9.09
งานบริการ 5 4.54
อาชีพ ข้าราชการ 5 4.54
รับจ้าง 4 3.63
นักศึกษา 2 1.82
แม่บ้าน 1 0.93
รวม 110 100
เพศ หญิง 70 63.00
ชาย 40 37.00
รวม 110 100
14 2 1.81
15 3 2.72
16 25 22.72
17 41 37.27
18 11 10.00
19 2 1.81
อายุ 20 5 4.54
23 3 2.72
32

24 2 1.81
25 4 3.63
26 7 6.37
27 3 2.72
49 1 0.94
50 1 0.94
รวม 110 100
ประถม 1 0.94
มัธยม 87 79.09
ก า ร ปริญญาตรี 20 18.28
ศึกษา ปริญญาโท 1 0.94
ปริญญาเอก 1 0.94
รวม 110 100

จากตารางที่ 1 สามารถอธิบายข้อมูลทั่วไปของผู้ประเมินได้ดังนี้

อาชีพ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ น นักเรียน มีจำนวน 83


คน คิดเป็ นร้อยละ 75.45 รองลงมาคือ อาชีพธุรกิจส่วนตัว จำนวน 10
คน คิดเป็ นร้อยละ 9.09
33

เพศ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ นเพศ หญิง มีจำนวน 70


คน คิดเป็ นร้อยละ 63.00 รองลงมา คือเพศชาย มีจำนวน 40 คน คิด
เป็ นร้อยละ 37.00

อายุ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ อายุ17 ปี มีจำนวน 41 คน


คิดเป็ นร้อยละ 37.27

รองลงมา คืออายุ 16 ปี มีจำนวน 25 คน คิดเป็ นร้อยละ 22.72

การศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่การศึกษาระดับมัธยม


มีจำนวน 87 คน คิดเป็ นร้อยละ 79.09 รองลงมาคือ การศึกษาระดับ
ปริญญาตรี มีจำนวน 20 คน คิดเป็ นร้อยละ 18.28

ตารางที่ 2 ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

ระดับความพึง
34

ความพึงพอใจของ พอใจ N ค่า ร้อ S. เกณ


นักท่องเที่ยวต่อ 3 2 1 เฉลี่ย ย D. ฑ์
ต.บ้านมุง ละ การ
อ.เนินมะปราง ประเ
จ.พิษณุโลก มิน
1.อั ธ ย า ศั ย ข อ ง ค น 69 40 1 11 2.61 87. 7. มาก
พื้นเมือง 0 27 57
2.ความสวยงามของ 98 12 0 11 2.89 96. 9. มาก
สถานที่ท่องเที่ยว 0 36 14
3.ความสะอาดของ 87 20 3 11 2.76 92. 8. มาก
สถานที่ท่องเที่ยว 0 12 45
4.ความสะอาดของ 54 52 4 11 1.87 81. 6. ปาน
ห้องน้ำ 0 81 55 กลาง
5.ความสะดวกสบาย 71 37 2 11 2.62 87. 7. มาก
ในการเดินทาง 0 57 64
6.ความคุ้มค่าในการ 88 22 0 11 2.80 93. 8. มาก
มาท่องเที่ยว 0 33 61
7.การใช้จ่ายเงินใน 77 33 0 11 2.70 90. 8. มาก
การท่องเที่ยว 0 00 03
8.สภาพแวดล้อมใน 10 7 0 11 2.94 97. 9. มาก
สถานที่ท่องเที่ยว 3 0 87 43
รวม 47 22 10 88 2.65 90. 8. มาก
35

5 3 0 79 18

ระดับความคิดเห็นตามขนาดของช่วงระดับคะแนน เป็ นดังนี้


ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.50-3.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู
ในระดับมาก
ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1.80-2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู
ในระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ยอยูระหว่าง 1.00-1.70 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู
ในระดับน้อย
จากตารางที่ 2 สามารถอธิบายส่วนของความพึงพอใจของนัก
ท่องเที่ยว ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ได้ดังนี้
ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 2.65 ความพึงพอใจในรายด้านอันดับที่ 1 คือ สภาพแวดล้อม
ในสถานที่ท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยระดับ 2.94 รองลงมาคือ ความสวยงาม
ของสถานที่ท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยระดับ 2.89
36
37

บทที่ 5

สรุปผลการศึกษา และ ข้อเสนอแนะ

สรุปผลการศึกษา

การศึกษาเรื่อง “สำรวจความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มา
เที่ยว ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก” มี
วัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวเพื่อนำข้อมูล
กลับมาพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้ระยะเวลาการเก็บ
ข้อมูลตั้งแต่เดือน กันยายน พ.ศ.2564 ถึงเดือน ตุลาคม พ.ศ.2564
โดยให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำแบบสอบถามจากคิวอาร์โค้ดตามจุด
ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งสามารถรวบรวมได้ทั้งสิ้น 110 คน โดยนำมาตรวจ
สอบข้อมูลและความสมบูรณ์ พบว่าแบบสอบถามที่สมบูรณ์มีทั้งสิ้น
110 ชุด เช่นกัน จากการศึกษาพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ น
เพศหญิง คิดเป็ นร้อยละ 63.00 รองลงมาเป็ นเพศชาย คิดเป็ นร้อยละ
37.00 ส่วนใหญ่มีอายุ 17 ปี คิดเป็ นร้อยละ 37.27 รองลงมาคืออายุ
16 ปี คิดเป็ นร้อยละ 22.72 มีสถานะเป็ นนักเรียนมากที่สุด คิดเป็ น
ร้อยละ 75.45 รองลงมา อาชีพธุรกิจส่วนตัว คิดเป็ นร้อยละ 9.09 และ
ระดับการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับมัธยม คิดเป็ นร้อยละ 79.09 รอง
ลงมาคือ ระดับปริญญาตรี คิดเป็ นร้อยละ 18.28
38

การสำรวจความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในตำบล
บ้านมุงพบว่านักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 2.65 ความพึงพอใจในรายด้านอันดับที่ 1 คือ สภาพแวดล้อม
ในสถานที่ท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยระดับ 2.94 รองลงมาคือ ความสวยงาม
ของสถานที่ท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยระดับ 2.89
ข้อเสนอแนะ

1.นำข้อเสนอแนะของผู้ประเมินไปปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวให้
ดีมากยิ่งขึ้น

2.ปรับปรุงสถานที่ที่ใช้ส่วนรวมเช่นห้องน้ำ ให้สะอาดมากยิ่งขึ้น

3.สามารถนำไปศึกษากับกลุ่มเป้ าหมายอื่นต่อได้

บรรณานุกรม

ดารารัตน์ น้อยพันธ์. (2562) ข้อมูลเทศบาลตำบลบ้านมุง อำเภอ


เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลกเทศบาลตำบลบ้านมุง สืบค้น
จาก https://www.banmung.go.th/home

prasert rk.(2555) แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ สืบค้น


จาก https://www.gotoknow.org/posts/492000
39

ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ข้อมูลการท่องเที่ยวแห่ง


ประเทศไทย 2015-08-04 สืบค้นจาก
www.thailandtouristmaps.com Archived
40

ภาคผนวก
41

แบบสอบถาม (ส่วนที่1)
42
43

แบบสอ
บถาม(ส่
วนที่2)
44

You might also like