Professional Documents
Culture Documents
ทฤษฎีและผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
ระบบการวัด หมายถึง สิ่ งที่รวบรวมอุปกรณ์วดั คุมหรื อเกจวัด มาตรฐานการปฎิบตั ิงาน วิธีการ
อุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงาน ซอฟแวร์ บุคลากร สิ่งแวดล้อมและข้อสมมุติฐานต่างๆ ที่ใช้ในการกาหนดปริ มาณ
หน่ วยที่ทาการวัดหรื อประเมินคุณลักษณะที่ไ ด้รับการวัด หรื อโดยสรุ ป คือ กระบวนการอย่างสมบูรณ์
ในการกาหนดและออกแบบระบบการวัดที่ดีน้ นั จะเป็ นหน้าที่โดยตรงของฝ่ ายบริ หารซึ่ งโดยทัว่ ไปแล้ว
ระบบการวัดที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติข้นั มูลฐานดังนี้ คือ
2.1 องค์ประกอบของความผันแปรของระบบการวัด
การวิเคราะห์ระบบการวัดนี้ มีจุดประสงค์สาคัญในการวิเคราะห์ถึงแหล่งของความคลาดเคลื่อน
ในระบบการวัด ด้วยการจาแนกสาเหตุออกดังตัวอย่างในรู ปที่ 2.1 การจาแนกความคลาดเคลื่อนจากการ
วัดออกเป็ นแหล่งต่างๆ และเนื่องจากความคลาดเคลื่อนของค่าวัดมีท้งั ปริ มาณที่สามารถกาจัดได้และกาจัด
9
ไม่ได้ จึงมีความจาเป็ นต้องดาเนิ นการกาจัดปริ มาณที่สามารถควบคุ มได้ก่อน ได้แก่ ความคลาดเคลื่อ น
จากความผิดพลาด ทั้งนี้ดว้ ยการดาเนินการทาให้ระบบการวัดเป็ นมาตรฐาน
ค่าความคลาดเคลื่อนเชิงระบบ
ความคลาดเคลื่อนจากเครื่ องมือ
ความคลาดเคลื่อนจากพนักงาน
ค่าจริ ง วัด ความคลาดเคลื่อนอื่นๆ
ค่าที่ได้รับการวัด
10
ทั้ง นี้ การวิ เคราะห์ ร ะบบการวัด นี้ จะอยู่ภ ายใต้ค่ า ที่ ไ ด้ จ ากการประเมิ น ผลระบบการวัด
(Measurement System Evaluation; MSE) เมื่ อ มี ก ารวิ เ คราะห์ ถึ ง ความ ผั น แปรจากระบบการวั ด
(Measurement System Variation- MSV) จะท าการประเมิ น เที ย บกับ ข้อ ก าหนดเฉพาะ (Specification)
หรื อ ความผัน แปรจากกระบวนการผลิ ต (Measurement Process Variation-MPV) ซึ่ งโดยทั่ว ไปแล้ ว
ต้อ งพยายามท าให้ ค วามผัน แปรจากระบบการวัด มี ค่ าต่ า กว่าข้อ ก าหนดเฉพาะและความผัน แปร
จากกระบวนการผลิตเสมอ ซึ่งองค์ประกอบของความผันแปรของระบบการวัดประกอบด้วยปั จจัยดังรู ปที่
2.2 องค์ประกอบความผันแปรของระบบการวัด
11
1. ความผันแปรของตาแหน่ ง (Location variation)
ความผันแปรของตาแหน่ง หมายถึง คุณสมบัตกิ ารเข้าใกล้ของค่าเฉลี่ยจากผลการวัดหลายๆครั้ง
เมื่อเปรี ยบเทียบกับค่าอ้างอิง จะถูกกาหนดด้วยความผันแปร 3 ประการ ดังนี้
12
รู ปที่ 2.4 คุณสมบัติด้านความเสถียร
(ที่มา: กิตติศกั ดิ์ พลอยเจริ ญ.การวิเคราะห์ระบบการวัด (ประมวลผลด้วย Minitab), 2543)
14
รู ปที่ 2.7 คุณสมบัติด้านรีโปรดิวซิบิลืตขี้ องระบบการวัด
(ที่มา: http://www.cqeacademy.com/wp-content/uploads/2013/04/reproducibility.jpg, 2558)
15
1.1 ทาการคัดเลือกผูม้ ีความสามารถเป็ นพิเศษในการแยกแยะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีและเสีย
1.2 กาหนดลอตมาตรฐานสาหรับใช้ในการประเมิ นโดยให้พนักงานทดสอบทาการตรวจสอบ
ผลิตภัณฑ์ตวั อย่างที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ดี ข้อบกพร่ อง และคุณภาพก้ ากึ่ง (Marginal) ด้วยปริ มาณ
อย่างละใกล้เคียงกัน คือ 1 ใน 3
1.3 เลื อ กพนั ก งานวัด มา 2-4 คนโดยพนั ก งานที่ เลื อ กมาได้ผ่ านการฝึ กอบรมและผ่า นการ
ประเมินผลแล้ว
1.4 ทาการกาหนดจานวนชิ้นตัวอย่างงาน และจานวนครั้งในการทดสอบซ้ าตามตารางที่ 2.1
16
1.8 ดาเนินการตัดสินใจ ตามเกณฑ์ดงั นี้
1. หากร้อยละรี พิททะบิลิต้ ีของพนักงานตรวจสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่กาหนดให้ทาการอบรม
พนักงานใหม่
2. หากร้อยละความไม่ไบอัสของพนักงานตรวบจสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่กาหนดให้ปรับปรุ ง
วิธีการตรวจสอบใหม่ หรื อกาหนดให้ชิ้นงานได้รับการตรวจสอบโดยผูเ้ ชี่ยวชาญเท่านั้น
3. หากร้อยละประสิ ทธิผลด้านรี พิททะบิลิต้ ีของการตรวจสอบ และร้อยละความไม่ไบอัส
ของการตรวจสอบไม่ผา่ นเกณฑ์ที่กาหนด ให้คน้ หาสาเหตุและทาการแก้ไขให้ถูกต้อง
17
ตารางที่ 2.2 แสดงผลการประเมินความมีประสิ ทธิผลของระบบการตรวจสอบ
(ที่มา: กิตติศกั ดิ์ พลอยเจริ ญ.การวิเคราะห์ระบบการวัด (ประมวลผลด้วย Minitab), 2543)
พนักงานตรวจได้ เหมือนกัน พนักงานตรวจได้ เหมือนกัน
สิ่ งตัวอย่ างงาน คุณภาพที่แท้ จริง
ทุกครั้งและทุกคน อย่ างถูกต้ องทุกคน
1 G N N
2 G Y Y
3 NG Y Y
4 NG Y Y
5 G N N
6 G N N
7 G Y Y
8 NG Y Y
9 NG Y Y
10 G N N
11 NG Y Y
12 NG N N
13 G Y Y
14 G Y Y
15 G N N
16 G N N
17 G Y N
18 G N N
19 NG Y Y
20 NG N N
จานวนครั้งที่ตรวจได้เหมือนกัน 11 10
= 55%
18
= 50%
เมื่อ Po = ผลรวมของค่าสัดส่วนของค่าสังเกตแนวทแยงมุม
Pe = ผลรวมค่าสัดส่วนคาดหมายในแนวทแยงมุม
ตัวอย่างการคานวนค่าสัมประสิทธิ์ Kappa แสดงตามตารางที่ 2.3
พนักงาน B
การไขว้ผลการทดสอบของ A และ B ผลรวม
NG G
NG 18 6 24
พนักงาน A
G 3 13 16
ผลรวม 21 19 40
19
จากตารางที่ 2.3 การไขว้ผลการทดสอบของ A และ B จะได้ ค่าสัมประสิทธิ์ Kappa ตามสมการ
ด้านล่าง
= = 0.545
ซึ่งเกณฑ์ในการตัดสินใจในผลการวิเคราะห์ความสามารถของพนักงานทดสอบแสดงตามตาราง
ที่ 2.4
20
ตัวอย่างผลการทดสอบเพือ่ วิเคราะห์ความสามารถของพนักงาน A, B และ C แสดงตามตารางที่ 2.5
21
1. ความมีประสิทธิผล (OE) พบว่า พนักงาน C มีประสิทธิผลการยอมรับแบบก้ ากึ่ง ส่วนพนักงาน A
และ B ไม่สามารถให้การยอมรับได้
2. การปฎิเสธที่ผดิ พลาด (IFA) พบว่า ไม่สามารถยอมรับพนักงานทั้ง 3 ท่านได้
3. อัตราการยอมรับที่ผดิ พลาด (IMiss) พบว่าไม่สามารถให้การยอมรับพนักงาน A และ B ได้สาหรับ
การยอมรับที่ผดิ พลาด
22
1. การวิเคราะห์ ความผันแปรของตาแหน่ ง (Location Variation)
ปริ ม าณความเอนเอี ย งหรื อ ไบอัส (Bias) คื อ ความแตกต่ า งระหว่ างค่ าจริ ง (หรื อ ค่ า อ้างอิ ง )
กับค่าเฉลี่ยของของค่าวัดที่วดั ได้บนคุณลักษณะและชิ้นงานวัดเดียวกัน โดยคุณสมบัติดา้ นไบอัสนี้จะเป็ น
ตัววัด ความคลาดเคลื่ อนเชิ งระบบของระบบวัด มี สาเหตุม าจากสิ่ งต่างๆ เช่ น อุ ปกรณ์ วดั เกจวัด หรื อ
อุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงานมีความสึกหรอ มีความคลาดเคลื่อนหรื อสึกหรอกับชิ้นงานมาตรฐานหรื อมาสเตอร์
มีการสอบเทียบอุปกรณ์วดั หรื อเกจวัดอย่างไม่ถูกต้อง เช่น จากการศึกษาของ ชัชวาล พรพัฒน์กุล (2544)
ทาการวิเราะห์ระบบการวัดของเครื่ อ งชั่งน้ าหนัก เครื่ อ งวัดอุ ณ หภูมิ เตาอบแม่ พิมพ์ เครื่ อ งวัดอุ ณ หภู มิ
เตาหล่ อ เครื่ อ งวัด ความดัน และกระบองไซค์ ในโรงงานผลิ ต เครื่ อ งเพชรพลอยและเครื่ อ งประดับ
เมื่ อ ท าการวิเคราะห์ ค วามผัน แปรของต าแหน่ ง พบว่า ความผัน แปรนั้ น เกิ ด จากอายุก ารใช้งานนาน
ขาดการบารุ งรักษาและขาดการสอบเทียบจากเครื่ องมือมาตรฐาน จึงได้ดาเนินการปรับเทียบจากเครื่ องมือ
มาตรฐาน ในอีกกรณี หนึ่งที่ความแปรปรวนเกิดจากอุปกรณ์วดั ได้รับการออกแบบอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึง
การใช้อุ ปกรณ์ การวัดไม่ ถูกวิธี มี วิธีการวัดที่แตกต่างกัน เช่ น การเตรี ยมการ การใส่ ชิ้นงาน การจับยึด
ชิ้ นงาน เช่ น งานวิจยั ของ ผจงกิ จ โสธนะยงกุล (2544) ทาการวิเคราะห์ ความถู กต้อ งของระบบการวัด
พบว่า การใช้อุปกรณ์จบั ยึดชิ้นงานเพื่อการวัดที่ไม่ได้มาตรฐานเป็ นปั จจัยทาให้การวัดมีการคลาดเคลื่อน
จึงทาการแก้ไข โดยจัดทาเป็ นมาตรฐานการวัดชิ้นงาน และทาการฝึ กอบรมพนักงานให้เกิดความชานาญ
ในมาตรฐานการวัด นั้น ระบบการวัดที่ มี ความถู กต้อ งนั้น เป็ นระบบที่ มี ความเสถี ยร (Stability) ไม่ มี
ความเอนเอี ย งหรื อ ไบอัส (Bias) ซึ่ งหมายถึ งผลการวัด ที่ มี ค วามเสถี ยรจะมาจากอุ ป กรณ์ ก ารวัด ที่ มี
ความเสถี ยร และขั้น ตอนการท างานหรื อ ขั้น ตอนการวัด ที่ ถู ก ต้อ ง ปั จจัยทางสิ่ งแวดล้อ มก็ ส่ งผลต่ อ
ความผันแปรของระบบการวัดได้เช่นกัน ไม่วา่ จะเป็ นอุณหภูมิ ความชื้น ความสะอาด
23
ช่วงเวลาในการสอบเทียบยาวเกินไป การเสื่ อ มสภาพของอุปกรณ์วดั และอุปกรณ์ จบั ยึด การบารุ งรักษา
ที่ไม่ดี
คุ ณ สมบัติ ด้า นเชิ ง เส้ น ตรง (Linearity) คื อ การวิเคราะห์ ค วามแตกต่ า งของค่ า ไบอั ส เมื่ อ มี
การเปลี่ยนย่านการวัดไป สาเหตุของการขาดคุณสมบัติเชิงเส้นตรง อาจเกิดจาก ช่วงเวลาสอบเทียบที่นาน
เกินไป มี การสอบเทียบไม่ถูกต้อง คือ ไม่ครอบคลุมตลอดช่วงการใช้งานของระบบวัด ตัวอย่างงานวิจยั
ของของ ชินวุธ สถิรวุฒิพงศ์ (2543) ศึกษาชนิดและขนาดของความผันแปรในระบบการวัด ภายใต้สภาวะ
แวดล้อมที่เป็ นอยูแ่ ละทาการลดและควบคุมความผันแปรเพือ่ ปรับปรุ งระบบการวัด ในส่วนการวิเคราะห์
ความถู กต้อ งพบว่าเครื่ องมื อ วัดทั้งหมดไม่ สามารถใช้งานได้ตลอดย่านวัดที่ระบุบนเครื่ อ งมื อ จึงได้ทา
การแก้ไ ขโดยก าหนดเป็ นมาตรฐานการใช้งานและการประเมิ น ความมี เสถี ยรภาพโดยใช้วิธี แผนภู มิ
ควบคุมเป็ นการทดลองเพือ่ หาระยะเวลาที่เครื่ องมือเสื่อมสภาพ จาเป็ นต้องได้รับการสอบเทียบใหม่
25
ในกระบวนการวัดเดียวกัน ความแปรผันระหว่างการวัดอาจมาจากการตั้งศูนย์ของเครื่ องมือวัด การจับยึด
ชิ้น งาน และโดยเฉพาะอย่างยิง่ หากการฝึ กอบรมไม่ มีประสิ ทธิ ผลก็จะเป็ นตัวแปรที่สาคัญ ต่อ การเกิ ด
ความผัน แปรในด้ า นความสามารถในการวัด เหมื อ น เช่ น งานวิ จ ัย ของ วิ นิ ตา เพชรรุ่ ง (2546)
ทาการปรับปรุ งระบบการวัดในสายการผลิตซี ลของการผลิตวงจรรวม และพบว่าเกิดจากพนักงานผูว้ ดั
มีความรู ้และทักษะไม่เพียงพอ จึงการเพิ่มความแม่นยาของเครื่ องมือวัด โดยส่ งเสริ มการเพิ่มความรู ้และ
ทักษะให้กบั พนักงานผูว้ ดั เพื่อขจัดความแปรปรวนของระบบการวัดแบบข้อมูลวัด แต่สาหรับการศึกษา
ระบบการวัดแบบข้อมูลนับพบว่าความแปรปรวนของระบบการวัดไม่เป็ นนัยสาคัญ ผูว้ ิจยั ได้จดั ทาคู่มื อ
สาหรับการปฏิบตั ิงานขึ้นมาเพื่อให้พนักงานใช้อา้ งอิง หลังจากที่ดาเนิ นการปรับปรุ งตามบทสรุ ปข้างต้น
แล้ว พบว่าค่า % GR&R ของระบบการวัดมีค่าลดลง ในอี กงานวิจยั หนึ่ งที่ทาการกาหนดวิธีการควบคุ ม
การแปรผั น ของระบบการวั ด ด้ ว ยเทคนิ ค GR&R ขอ งโรงงาน ผลิ ต อุ ป กรณ์ อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์
เป็ นการวิ เคราะห์ ก ารวัด โดยใช้ เทคนิ คที่ เรี ย กว่ า Gage Repeatability and Reproducibility (GR&R)
ซึ่งเครื่ องมือวัดประเภทที่แสดงผลแบบตัวเลข การแปรผันส่ วนใหญ่จะเกิดขึ้นเนื่ องจากเครื่ องมือวัดจึงได้
ทาการปรับปรุ งโดยการสอบเทียบเครื่ องมือวัดและวิธีการวัดอย่างถูกต้อง ส่วนเครื่ องมือวัดประเภทเชิงกล
การแปรผันส่ วนใหญ่จะขึ้นอยูก่ บั พนักงานวัด จึงได้ทาการปรับปรุ งวิธีการทางาน วิธีการวัดอย่างถูกวิธี
จากการปรับปรุ งด้วยหลักการดังกล่าวทาให้การแปรผันของระบบการวัดในแต่ละเครื่ องมือวัด มีค่าลดลง
อย่างต่อเนื่องและอยูใ่ นเกณฑ์การยอมรับของทฤษฎี GR&R
26
1. ลักษณะด้านความเอนเอียง (%Bias) คานวนจาก
3. ประสิทธิผลของระบบตรวจสอบของพนักงานทุกคนด้านความเอนเอียง (%Bias
Effectiveness)
งานวิจยั นี้ พ บว่าจานวนครั้งที่พ นักงานทุ กคนได้ผ ลการทดสอบเหมื อ นกัน โดยไม่ จาเป็ นต้อ ง
ถูกต้องตามคุณภาพที่ทจ้ ริ ง และจานวนครั้งที่พนักงานทุกคนได้ผลการตรวจสอบเหมือนกันและถูกต้อง
ตามคุณภาพที่แท้จริ งมีค่าเท่ากันและมีค่าค่อนข้างน้อย ดังนั้นพนักงานมีแนวโน้มที่จะ ปฎิเสธชิ้นงานหรื อ
ระบุให้ชิ้นงานนั้นไม่ผา่ นการตรวจสอบทั้งที่ชิ้นงานนั้นมีคุณภาพดี
27