You are on page 1of 18

การใช้ภาษาในการโต้แย้ง

เสนอ อาจารย์พนมศั กดิ์ มนูญปรัชญาภรณ์


(อาจารย์นม)
จัดทำโดย :
๑. ภูมิ อิงคามระธร (แอลเบิรท ์ )
๒. ณัฐภัทร ลีลาวัฒนานันท์ (บู)
๓. ภูทัศน์ พลพานิช (ภู)
๔. ปุณณวิชญ์ ภักดีนุกูล (ปุน)
๕. พงศ์ พรหม แซ่ เบ๊ (ฟลุ๊ค)
๖. ณัฐลดา เสริมศี ลธรรม (เอิรน์ )
๗.วลัยพรรณ สิ รธิ นั ยกานต์ (เจนนี่)
๘. วิภาดา ทิพย์อารักษ์วงศ์ (เบ้นซ์ )
นิยาม ตัวอย่าง เกริ่นนา
นิยาม ตัวอย่าง เกริน่ นา

● นานาจิตตัง - มนุษย์ไม่จาเป็นต้องมีความคิดเหมือนกันแต่ความแตกต่างทางความคิดเป็น
เรอื่ งธรรมดาที่บุคคลควรยอมรับ แต่ไม่หมายความว่าจะไม่มีการโต้แย้งกันเกิดขึ้น
● เกิดได้ทุกเรอื่ ง เช่น เศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม
● แสดงทรรศนะที่แตกต่างกันตามประสบการณ์ ความรู้ ทัศนคติ ค่านิยม รสนิยม
● เกิดขึ้นเพราะบุคคลแต่ละคนมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน
● การโต้แย้ง คือ การแสดงทรรศนะที่ต่างการระหว่างบุคคล ๒ ฝ่าย
หัวข้อและเนื้อหาของการโต้แย้งเกีย่ วกันอย่างไร

1. เกิดขึ้นได้ในทุกระดับของสังคม โดยหัวข้อและเนื้อหาจะไม่จากัดขอบเขต
2. โดยสิ่งแรกที่ต้องคิดคานึงก็คือ ในการโต้แย้งทุกครั้ง จะต้องกาหนดขอบเขตให้ชด ั ว่า หัวข้ออะไร และมีประเด็นที่สาคัญอะไรบ้าง
3. การโต้แย้งที่ตรงประเด็นตามหัวข้อที่กาหนด จะทาให้ลดความสับสนได้ หร ือทาให้การโต้แย้งนั้นไม่มีทส ี่ ิ้นสุดก็ได้
4. เนื้อหาในการโต้แย้ง จะต้องคล้อยตามหัวข้อ ตัวอย่างเช่น หัวข้อคือ การเลี้ยงสัตว์ในสวนสัตว์ และเนื้อหาก็คือ เราทาผิดศีลธรรมไหม ใน
การนาสัตว์มาเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์
5. ข้อที่ควรนึกถึงไว้เสมอคือ ผู้เป็นฝ่ายเรมิ่ จะต้องกล่าวหร ือเสนอสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงผลของการโต้แย้ง ส่วนฝ่ายค้าน ก็กล่าวถึง
ข้อบกพร่องและข้อเสีย หร ือชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มป ี ระโยชน์ หร ือมีข้อเสียเยอะ
การตั้งประเด็นในการโต้แย้ง
การตั้งประเด็นในการโต้แย้ง

การโต้แย้งเกีย
่ วกับนโยบายหรือ
การโต้เเย้งเกีย
่ วกับข้อเท็จจริง
ข้อเสนอเพื่ อเปลีย
่ นแปลงสภาพเดิม

การโต้แย้งเกีย
่ วกับนโยบายหรือ
ข้อเสนอเพื่ อเปลีย
่ นแปลงสภาพเดิม
การโต้แย้งเกี่ยวกับนโยบายหรือข้อเสนอ
เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพเดิม
เริม
่ ต้นขึ้นเมือ
่ มีผู้ใดผู้หนึ่งเสนอทรรศนะของตนเพื่ อให้บุคคลอืน
่ พิ จารณายอมรับ

ประเด็นที่ 1 สภาพเดิมทีเ่ ป็นอยู่น้น


ั มีข้อบกพร่องหรือไม่ อย่างใด

ประเด็นที่ 2 ข้อเสนอเพื่ อการเปลีย


่ นแปลงจะแก้ไขข้อบกพร่องได้หรือไม่ เพี ยงใด

ประเด็นที่ 3 ผลดีทเี่ กิดจากข้อเสนอนั้นมีอย่างไร เพี ยงใด


การโต้เเย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริง
การโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริง มีประเด็นสาคัญ คือ

ฝ่ายเสนอ ฝ่ายโต้แย้ง
ประเด็นที่ ๑ ประเด็นที่ ๑
ข้อเท็จจริงที่อ้างถึง มีหรือเป็นเช่นนั้น แย้งว่าเรื่องนั้นไม่มีอยู่จริง
จริงหรือไม่ อยู่ที่ไหน
ประเด็นที่ ๒
ประเด็นที่ ๒
แย้งว่าได้ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่
การตรวจสอบสิ่ งทีอ้างถึงนั้นทาได้ ปรากฏว่ามี
หรือไม่ด้วยวิธีใด
การโต้เเย้งเกี่ยวกับคุณค่า

มักจะขึ้นอยู่กับความรูส้ ึ กส่ วนตัวไม่อาจจะกาหนด


ประเด็นนีแ
้ น่นอนลงไปได้

การโต้แย้งประเภทนี้จะมีความรูส
้ ึ กส่ วนตัวแทรกอยู่
ด้วย
กระบวนการโต้แย้ง
มีอะไรบ้าง
่ คาสาคัญทีอ่ ยู่ในประเด็นของการโต้แย้ง
การนิยามคาหรือกลุม
การกาหนดความหมายของคาให้ชัดเจนว่า ผู้นิยามต้องจากัดขอบเขตความหมายของคาให้ครอบคลุมถึงเรื่องอะไรบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้
เกิดการโต้แย้งที่ไปคนละทิศคนละทาง หรือเกิดการเชื่ อมโยงไปยังเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการโต้แย้ง

วิธีการนิ ยามแบ่งเป็น 2 วิธี

การเปรียบเทียบ การยกตัวอย่าง

ตัวอย่างเช่ น กางเกงขาสั้ นสี เทา ตัวอย่างเช่ น กิจกรรมเสริมหลักสูตร

‘กางเกงขาสั้ นทรงเดิม แต่มีสีเทาทหาร ‘กิจกรรมที่ช่วยเสริมการเรียนตาม


อากาศ’ หลักสูตร เช่ น การทัศนศึ กษา การจัดนิทรรศการ การ
ประกวดต่างๆ’
การค้นหาและเรียบเรียงข้อสนับสนุนทรรศนะของตน
การเรียบเรียงข้อสนับสนุนนั้น จาเป็นต้องทาให้ผู้ฟังที่ไม่เกีย่ วข้องกับ การมีข้อสนั บสนุน เช่ น ข้อเท็จจริง สถิติ หลักฐานต่างๆ ที่เพียงพอ
การโต้แย้งเข้าใจ และจะต้องดึงดูดความสนใจให้ผู้ฟังติดตาม จะช่ วยให้ทรรศนะมีความน่ าเชื่ อถือมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ สามารถ
สาระสาคัญของทรรศนะ ค้นคว้าได้จากการอ่าน ฟัง สั มภาษณ์ และอื่นๆ
เมื่อเริม่ การโต้แย้งผู้เสนอต้องชี้ ให้ผู้ฟังเห็นถึงประเด็น
หลักแต่ละข้ออย่างชั ดเจน และควรเสนอข้อมูลและข้อสนั บสนุนต่างๆ หากผู้เสนอทรรศนะค้นคว้าหาข้อมูลมาไม่เพียงพอ หรือมี
ให้เหมาะสม ข้อมูลสถิติ และรายละเอียดต่างๆที่จากัด จะทาให้ทรรศนะนั้ นไม่มี
การเสนอมากเกินไปจะทาให้ฟ่ ันเฟือง แต่หากเสนอ ความน่ าเชื่ อถือ เมื่อมีการโต้แย้ง ข้อเสนอนี้ จะตกไปอย่างง่ายดาย
น้ อยเกินไปก็จะทาให้ขาดความหนั กแน่ น

การกล่าวอ้างที่มาของข้อมูล และข้อเท็จจริง
จะต้องกล่าวตามความจริงเสมอ
ห้ามกล่าวอ้างเลื่อนลอย หรือบิดเบือนความ
จริง เพราะอาจทาให้หมดความน่ าเชื่ อถือ
การชี้ ให้เห็นจุดอ่อนและความผิดพลาดของทรรศนะของฝ่ายตรงกันข้าม
การโต ้แย ้งนั้นมุ่งให ้ทรรศนะของตนเองได ้ร ับการยอมร ับ โดยชีให
้ ้เห็นจุดเด่นของทรรศนะของตนและจุดอ่อนของทรรศนะฝ่ ายตรงข ้าม ซึงจุ
่ ดอ่อนของทรรศนะ
ของบุคคลจะอยู่ที่

ปริมาณและความถูกต้องของข้อมูล “ข้อสรุปทรรศนะนั้นต้องอนุมาน
“นิยามดีต้องรัดกุมและแจ่มแจ้ง” ด้วยวิธีนิรนัยที่สืบเนื่องมาจาก
สมมุติฐานหรือหลักทั่วไปทีเ่ ป็นที่
จุดอ่อนของนิยามที่ไม่รดั กุมหรือไม่ ยอมรับเสียก่อน”
แจ่มแจ้งก็คือ วกวน ใช้คาที่เข้าใจได้ “ทรรศนะใดก็ตามเมื่อตั้งอยู่ บน
ยาก และ มีความเป็นอคติ หรือเจตนา ฐานข้อมูลผิดพลาด หรือข้อมูลที่มี
อันสร้าง น้อยเกินไป ทรรศนะนั้นก็จะไม่มี
ประโยชน์แก่ฝ่ายตนเองเท่านั้น ความหนักแน่นน่าเชื่อถือ”

ถ้าจับจุดอ่อนของการนิยามได้ก็ต้องชี้ ยกตัวอย่างทรรศนะที่มีจุดอ่อนใน
ให้ชัดเจนว่านิยามของผูโ้ ต้แย้งมีจุด ความถูกต้องของข้อมูล เช่น
อ่อนอย่างไรและควรนิยามอย่างไรจึง ‘เราควรยุบสถานทีอ ่ า
่ นหนังสือประจา
เป็นการมีเหตุผลและตรงต่อความจริง หมู่บ้านเพราะมีผู้ใช้บริการน้อยมาก’

การนิยามคาสาคัญ สมมุติฐานและวิธีการอนุมาน
ผู้ตัดสินใช้ดุลพินิจของตนโดยอาศัยความรู้
ผู้ตัดสินวางตัวเป็นกลาง มักใช้กับการโต้วาที และประสบการณ์ในการช่วยตัดสิน มี
ทรรศนะของตน
ตัวอย่าง: การตัดสินของผู้พิพากษาในคดี
ต่างๆ ตัวอย่าง: การตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง
การตัดสินเพื่อลงมติในที่ประชุม

พิจารณาเฉพาะ
เนื้อหาสาระที่แต่ละ
การวินิจฉัยเพื่อตัดสิ น ว ินิจฉัยโดยใช้
ดุลพินิจของตน
ฝ่ายนามาโต้แย้งกัน พร้อมกับพิจารณาคา
ไม่พิจารณา
นอกเหนือไปจากนั้น
ข้อโต้แย้งกระทาได้ โต้แย้งของทั้งสอง
ฝ่ายโดยละเอียด

อย่างไร
ข้อควรสั งเกตในการโต้แย้ง
1 2 3

การโต้แย้ง ไม่ใช่ การโต้เถียง


บุคคลมีโอกาสพิจารณาแง่มุม กระบวนการโต้แย้งอาจใช้
การโต้แย้งเป็นกระบวนการใช้
ของเรอื่ งต่างๆ กว้างขวาง เวลานานแค่ไหนก็ได้ ทาได้ทั้ง
ความคิดและว ิจารณญาณที่อาศัย
รอบคอบขึ้น เขียนหร ือพูด ระหว่าง 2 คน เหตุผล หลักฐานและประจักษ์พยาน
หร ือหลายคน หร ือโต้แย้งในนาม เป็นสาคัญ มีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยน
อาจมองเห็นทั้งผลดีและผลเสีย สภาพที่ไม่พึงประสงค์ให้พึงประสงค์
ของกลุ่มหร ือสถาบัน
มองเห็นสิ่งที่มองข้ามไปหร ือไม่ ส่วนการโต้เถียงจะเน้นการใช้อารมณ์
เคยสนใจมาก่อน หวังเพื่อเอาชนะกันเป็นสาคัญ
ข้อควรระวังในการโต้แย้ง
● ผู้โต้เเย้งควรหลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ ทาตัวให้เป็นกลางโดยใช้เเหตุผลเเละข้อเท็จจร ิงเป็นหลัก
● ผู้โต้เเย้งควรมีมารยาทในการใช้ภาษาทั้งภาษาพูดเเละภาษาท่าทาง
● ผู้โต้เเย้งควรเลือกประเด็นโต้เเย้งที่สร้างสรรค์

ประเด็นโต้เเย้งที่ไม่สร้างสรรค์มีดั่งนี้
1. ประเด็นโต้เเย้งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
2. ประเด็นโต้เเย้งที่ไม่มีทางโต้เเย้งกันได้
3. ประเด็นโต้เเย้งที่เป็นเรอื่ งอ่อนไหว
ขอบคุณค่ะ/ครับ

You might also like