You are on page 1of 166

ปริมาณสารสั มพันธ์

Stoichiometry
จำนวนโมลกับ จำนวนโมลกับ ปริมาตรต่ อโมล
อนุภาคของสาร มวลของสาร ของแก๊ ส

โมล
มวลอะตอม มวลโมเลกุล
มวลเป็ นร้ อยละจากสู ตร การเตรียมสารละลาย
ปริมาณสั มพันธ์
การคำนวณเกีย่ ว สารละลาย
สมการเคมีและความ
กับสู ตรเคมี สั มพันธ์ ระหว่ างปริมาณ
สารในปฏิกริ ิยาเคมี ความเข้ มข้ นของ สมบัติของ
สารกำหนดปริมาณ สารละลาย สารละลาย
สู ตรเอมพิริคลั และ
การคำนวณปริมาณสารในปฏิกริ ิยาเคมี ปริมาตรของแก๊ส
สู ตรโมเลกุล มวลของสาร
จำนวนอนุภาคของสาร ผลได้ ร้อยละ
Stoichiometry มาจากคำผสมกรีกสองคำ
Stoichion แปลว่ า ธาตุ
metron แปลว่ า การวัด
ใช้ รปริะบุมาณสารสั
ความสัมพัมนพัธ์นหมายถึ
ธ์ เชิงงปริ มาณขององค์
เรื่ องราวของวิ ประกอบ
ชาเคมี(ธาตุ ) ที่
เกี่ยวข้องกับปริ มาณของสารตั้งต้น และสารผลิตภัณฑ์ ตลอดจนปริ มาณ
ของสารและปฏิ ก ร
ิ ิ ย าเคมี ท
ของพลังงานของสารที่เปลี่ยนแปลงไปในปฏิกิริยาเคมี

่ ี กี
ย ่ วข้ อ ง
ความสำคัญและประโยชน์
1. สามารถใช้ คาดคะเนปริมาณของสารทีจ่ ะต้ องใช้
เป็ นสารตั้งต้ น เพือ่ ทีจ่ ะได้ ผลิตผลทีม่ ปี ริมาณ
ตามต้ องการ
2. สามารถนำไปตีความหรืออธิบายผลจากเคมี
วิเคราะห์
3. สามารถนำไปใช้ ประกอบการเลือกปฏิกริ ิยาที่
ประหยัดทีส่ ุ ดในทางอุตสาหกรรมและทางการค้ า
4. สามารถบอกได้ ว่าตัวทำปฏิกริ ิยาใดทำปฏิกริ ิยา
จนหมดหรือตัวทำปฏิกริ ิยาใดจะเหลือ เป็ นต้ น
1.1 อะตอม
โมเลกลุ
ไอออน
และสูตรเคมี
อะตอม (atom)
อนุภาคทีเ่ ล็กทีส่ ุ ดของธาตุไม่ สามารถชั่งหามวลได้
โดยตรง
การหามวลอะตอมจึงใช้ วธิ ีการเปรียบเทียบกับ
มวลของธาตุทกี่ ำหนดเป็ นมาตรฐาน
• พบว่ามวลของธาตุ 1 อะตอมมีค่าน้อยมาก ไม่สะดวกในการนำไป
คำนวณหาปริ มาณสาร จึงกำหนดมวลที่ใช้เปรี ยบเทียบค่า
มาตรฐาน
เริ่ มต้นใช้มวลของธาตุ H ซึ่งเป็ นธาตุที่เบาที่สุด
ใช้ มวล 1/16 ของมวลออกซิเจน
ตกลงใช้มวล 1/12 ของมวลธาตุคาร์บอน-12 เป็ นค่า
มาตรฐาน ใช้เปรี ยบเทียบหามวลอะตอม
มวลอะตอม (atomic mass) คือ ตัวเลขที่ได้จากการเปรี ยบเทียบมวล
จริ งของธาตุ 1 อะตอมกับมวลมาตรฐานคือ มวล 1/12 ของมวล C-12
1 อะตอม หรื อ 1.66 x 10-24 g

มวลอะตอมของธาตุ = มวลของธาตุ 1 อะตอม (g)


1.66 x 10-24 g
= มวลของธาตุ 1 อะตอม
1 amu
ธาตุ C-12 1 อะตอม มีมวลเท่ากับ 12 หน่วยมวลมาตรฐาน (amu) atomic
mass unit
ดังนั้น 12 amu = มวลของ C-12 1 อะตอม
1 amu = 1/12 มวลของ C-12 1 อะตอม
= 1.66 x 10-24 g
ตัวอย่างโจทย์
• ธาตุ X 3 อะตอมมีมวลเป็ น 2 เท่าของธาตุ C 5 อะตอม จงหามวลอะตอมของ X
และมวลของ X 1 อะตอม ถ้า C มีมวลอะตอม = 12
ธาตุ C 1 อะตอมมีมวล = 12 amu
ธาตุ C 5 อะตอมมีมวล = 5 x 12 = 60 amu
แล้วธาตุ X 3 อะตอม มีมวลเป็ น 2 เท่าของ C = 2 x 60 = 120 amu
ดังนั้น X 1 อะตอมมีมวล = 120/3 = 40 amu
ธาตุ X มีมวลอะตอม = 40
ดังนั้น ธาตุ X 1 อะตอม มีมวล = 40 x 1.66 x 10-24 g
= 6.64 x 10-23 g
มวลอะตอมเฉลี่ย
ธาตุส่วนใหญ่ในธรรมชาติมีหลายไอโซโทป แต่ละไอโซโทปมีปริ มาณ
มากน้อยต่างกัน ดังนั้นค่ามวลอะตอมของธาตุใดๆในตารางธาตุจึงเป็ นค่า
มวลอะตอมเฉลี่ย ซึ่ งขึ้นอยูก่ บั ค่ามวลอะตอมและปริ มาณของแต่ละ
ไอโซโทปที่พบอยูใ่ นธรรมชาติ
นักวิทยาศาสตร์จึงหามวลอะตอมและปริ มาณของไอโซโทปของแต่ละ
ธาตุ โดยใช้เครื่ องมือเรี ยกว่า “แมสสเปกโตรมิเตอร์” ทำให้ได้ค่าที่มีความถูก
ต้องแน่นอนสู ง
มวลอะตอมเฉลี่ย = ( มวลอะตอมของธาตุ x %ไอโซโทปในธรรมชาติ)
100
โมเลกลุ (molecule)
หน่ วยโครงสร้ างทีเ่ ล็กทีส่ ุ ดของธาตุหรือสารประกอบ
ทีส่ ามารถอยู่ได้ โดยอิสระและยังคงมีสมบัตขิ องธาตุ
หรือสารประกอบนั้น ๆ โดยสมบูรณ์
โมเลกุ
โมเลกลุ อะตอมเดีย่ ว (monoatomic molecule)
เช่ น ก๊าซมีตระกลู หรือก๊าซเฉื่อย (noble or
inert gas) ได้ แก่ He, Ne, Kr, Xe และ Rn
โมเลกลุ อะตอมคู่ (diatomic molecule)
 homonuclear molecule เช่ น H2 , O2 และ N2
 heteronuclear molecule เช่ น HCl และ CO
โมเลก
โมเลกุลุ ทีม่ มี ากกว่ าสองอะตอม
(polyatomic molecule)
 homonuclear molecule เช่ น P4 และ S8
 heteronuclear molecule เช่ น H2O และ
C6H12O6
มวลโมเลกุล
• เมื่อธาตุต่างกันอย่างน้อย 2 ชนิดมารวมกันจะได้สารประกอบ(สู ตรเคมี)
เราสามารถคำนวณมวลของสารประกอบได้ เรี ยกว่า “มวลโมเลกุล”

• การคำนวณหามวลโมเลกุลหาจาก ผลรวมของมวลอะตอม x จำนวน


อะตอม(หรื อ ผลรวมของมวลอะตอมของแต่ละธาตุในสารประกอบ)
เช่น CO2 1 โมเลกุล ประกอบด้วย C 1อะตอม O 2 อะตอม
H2SO4 1 โมเลกุล ประกอบด้วย H 2 อะตอม S 1อะตอม O 4อะตอม
• มวลโมเลกุลของเกลือผลึก เกลือผลึกจะมีน ้ำเกาะติดกับเกลือ
ผลึก(สารประกอบไอออนิก) สูตรทัว่ ไปของเกลือผลึก M.nH2O

การคำนวณมวลโมเลกุล M.nH2O
= มวลโมเลกุล M + n(มวลโมเลกุลของH2O)
คำถามทิง้ ท้ าย

สารประกอบชนิดหนึ่ง 100 โมเลกุล หนัก X กรัม และ C-12 10 อะตอม


หนัก Y กรัม จงหามวลโมเลกุลของสารประกอบนี้

ถ้ามวลสูตร KMnO4 = 158 จงคำนวณหามวลอะตอมของ Mn


ไอออน (ion)
อะตอมหรือกลุ่มอะตอมทีม่ ปี ระจุไฟฟ้ า เกิดจาก
โครงสร้ างภายในของอะตอมหรือกลุ่มอะตอมมีจำนวน
อิเล็กตรอนมากหรือน้ อยกว่ าจำนวนโปรตอน
 ไอออนลบ (negative ion หรือ anion)
เช่ น F Cl O
- - 2-

 ไอออนบวก (positive ion หรือ cation)


เช่ น Na+ Ca2+
เนื่องจากไอออนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอิเล็กตรอนในอะตอมหรื อ
กลุ่มอะตอม ซึ่งอิเล็กตรอนเป็ นอนุภาคที่มีมวลน้อยมาก ไม่มีผลต่อ
มวลของอะตอมที่เป็ นองค์ประกอบ ดังนั้นมวลของไอออนจึง
คำนวณจากมวลอะตอมของธาตุองค์ประกอบในไอออนนั้นๆ
NH4+ มีมวลไอออน = 14 + (4x1) = 18
CO32- มีมวลไอออน = 12 + (3x16) = 60
Br มีมวลอะตอม= 80 Br- มีมวลไอออน = 80
K+ มีมวล 1 ไอออนเท่าไร 39 x 1.66 x 10-24 g

ตัวอย่ าง KNO3 1.01 g จะประกอบด้วย K+ และ NO3- อย่าง


ละกี่กรัม
มวลโมเลกุลของ KNO3 = 101
มวล K+ ไอออน = มวลอะตอม K = 39
มวล NO3- ไอออน = 62
ดังนั้น KNO3 101 กรัม ประกอบด้วย K+ ไอออน 39 กรัม
+
KNO3 101 กรัม ประกอบด้วย NO3- 62 กรัม
ถ้า 1.01 กรัม ประกอบด้วย NO3- 0.62 กรัม
สสูู ตรเคมี (chemical formula)

กล่มุ สั ญลักษณ์ ของธาตุหรือสารประกอบ


เช่ น H2O2 เป็ นสูตรเคมีของสารประกอบ
ซึ่ง 1 โมเลกุลประกอบด้ วย H และ O อย่ างละ
2 อะตอม
สูตรเคมีจำแนกออกเป็ น 3 ประเภท
 สูตรอย่ างง่ าย (empirical formula)
 สู ตรโมเลกุล (molecular formula)
 สูตรโครงสร้ าง (structural formula)
สูตรอย่ างง่ าย (empirical formula)
สูตรทีบ่ อกถึงอัตราส่ วนของอะตอมของธาตุต่าง ๆ
ในสูตร
เช่ น NaCl, H2O และ Na2CO3
สูตรอย่ างง่ ายหาได้ จากการทดลอง
สูตรโมเลกลุ (molecular formula)
บอกถึงจำนวนอะตอมทีแ่ ท้ จริงในโมเลกลุ นั้น

เช่ น H2O เป็ นสูตรโมเลกลุ


เพราะน้ำ 1 โมเลกุล ประกอบด้ วย
H 2 อะตอม และ O 1 อะตอม
สูตรโครงสร้ าง (structural formula)
สูตรซึ่งบอกรายละเอียดว่ าอะตอมต่ าง ๆ ในโมเลกลุ
จับกันอย่ างไรหรือเกิดพันธะอย่ างไร เช่ น CH4
H
H C H
H
การคำนวณหา
สูตรเอมพิริกลั
และสูตรโมเลกลุ
การคำนวณหาสูตรเอมพิริกลั
ต้ องทราบว่ าสารประกอบนั้นประกอบด้ วยธาตุ
อะไรบ้ าง อัตราส่ วนโดยน้ำหนักของธาตุท้งั หมดที่
มีอยู่เป็ นอย่ างไรและน้ำหนักอะตอมของแต่ ละธาตุ
ด้ วย
การหาสูตรเอมพิริกลั
1. ต้ องรู้ มวลของธาตุทรี่ วมพอดีกนั
2. หาอัตราส่ วนโดยโมลอะตอมของธาตุทรี่ วมพอดีกนั โดยนำมวลอะตอม
ไปหารรวมมวลธาตุ
3. ทำให้ เป็ นอัตราส่ วนต่ำสุ ดและจำนวนเต็ม
= อัตราส่ วนโดยโมลทีธ่ าตุรวมพอดี
กัน
= อัตราส่ วนโดยจำนวนอะตอม
4. เขียนสั ญลักษณ์ ของแต่ ละธาตุ แล้วนำจำนวนอะตอมในข้ อ 3 มาใส่ ทมี่ ุม
ขวาล่ างของสั ญลักษณ์ จะได้ สูตรอย่ างง่ าย
การคำนวณหาสูตรเอมพิริกลั
เมือ่ ได้ สูตรเอมพิริกลั แล้วจะคำนวณหาสูตรโมเลกลุ
ได้ เมือ่ ทราบน้ำหนักโมเลกลุ ของสารประกอบนั้น ๆ

มวลโมเลกลุ = (มวลสูตรเอมพิริกลั )n
โดย n = 1, 2, 3,…
การคำนวณหาสูตรเอมพิริกลั
Ex จากการวิเคราะห์ สารประกอบชนิดหนึ่ง พบว่ า
ประกอบด้ วยกำมะถันและออกซิเจนมีร้อยละโดยน้ำ
หนักของกำมะถันเป็ น 50.05 และออกซิเจน 49.95
ถ้ าน้ำหนักโมเลกลุ ของสารประกอบนีเ้ ท่ ากับ 64 จง
คำนวณหาสูตรเอมพิริกลั และสูตรโมเลกลุ
( S = 32, O = 16 )
วิธีทำ อัตราส่ วนโดยน้ำหนักของ
S : O = 50.05 : 49.95
อัตราส่ วนโดยจำนวนของอะตอม
S:O 50.05
= : 49.95
32 16
= 1.56 : 3.12
ทำให้ เป็ นอัตราส่ วนทีเ่ ป็ นเลขน้ อย ๆ
โดยการหารตลอดด้ วย 1.56 = 1.56 : 3.12
1.56 1.56
S:O = 1 : 2
การคำนวณหาสูตรเอมพิริกลั
สู ตรเอมพิริกลั คือ SO2
สูตรโมเลกลุ เป็ น (SO2) n
(SO2) n = 64
(32 + 16 x 2) n = 64
n = 1
ดังนั้นสู ตรโมเลกุล คือ SO2
โมล (mole)
เป็ นหน่ วยบอกจำนวนอนุภาค/ปริมาณของสาร
ซึ่งหมายถึง อะตอมของคาร์ บอน-12 ทีม่ มี วล 12 กรัม
ปริมาณของสารทีม่ จี ำนวนอนุภาคเท่ ากับจำนวนโดย
1 โมล มีค่าเท่ ากับ 6.02 x 1023 อนุภาค เลขจำนวนนี้
เรียกว่ าเลข อาโวกาโดร (Avogadro’s number)
โมล
สาร 1 โมล คือ ปริมาณสารทีม่ จี ำนวนอนุภาค
เท่ ากับจำนวนอะตอมของ C-12 ทีม่ มี วล 12 กรัม
อนุภาคนีไ้ ด้ แก่ อะตอม โมเลกลุ ไอออน เป็ นต้ น
หรือ มวลของสารทีม่ จี ำนวนอนุภาคเท่ ากับ
6.02 x 1023 อนุภาค คือ เลขอาโวกาโดร
ใช้ สัญลักษณ์ เป็ น “mol”
C-12 หนัก 12 x 1.66 x 10-24 กรัม จะมีจ ำนวนอะตอม 1 อะตอม
C-12 หนัก 12 กรัม จะมีจ ำนวนอะตอม = 12 x 1/(12 x 1.66 x 10-24)
ดังนั้น C-12 12 กรัม จะมี C-12 จำนวน = 1/1.66 x 10-24
= 6.02 x 1023 อะตอม
การนำโมลไปใช้
ถ้าอนุภาค คือ โมเลกุล เรี ยกว่า โมลโมเลกุล
ถ้าอนุภาค คือ อะตอม เรี ยกว่า โมลอะตอม
ถ้าอนุภาค คือ ไอออน เรี ยกว่า โมลไอออน
ถ้าอนุภาค คือ อิเล็กตรอน เรี ยกว่า โมลอิเล็กตรอน
เช่น Zn 1 โมลอะตอมมีจ ำนวนอะตอม = 6.02 x 1023 อะตอม
H2 1 โมลโมเลกุล มีจ ำนวนโมเลกุล = 6.02 x 1023 โมเลกุล
สาร 2 โมล มี 6.02 x 1023 x 2 อนุภาค
สาร 0.5 โมล มี 6.02 x 1023 x 0.5 อนุภาค
ก๊าซออกซิเจน(O2) 1 โมล หมายถึง 1 โมลโมเลกุล มีออกซิเจน
6.02 x 1023 โมเลกุล
โซเดียม(Na) 1 โมล หมายถึง 1 โมลอะตอม มีโซเดียม
6.02 x 1023 อะตอม
จำนวนโมลกับมวลของสาร
• สารใดๆ 1 โมล(อะตอม) มีมวลเท่ากับ มวลอะตอม (กรัม)
• สารใดๆ 1 โมล(โมเลกุล) มีมวลเท่ากับ มวลโมเลกุล(กรัม)
• ธาตุ Na มีมวลอะตอม 23
ดังนั้น จำนวนโมลของ Na 1 โมล(อะตอม) มีมวล = 23 g
• ก๊าซ O2 มีมวลโมเลกุลเท่ากับ 16 x 2 = 32
ดังนั้นจำนวนโมลของ O2 1 โมล(โมเลกุล) มีมวล = 32 g
• ซัลเฟตไอออน(SO42-) 1 โมล มีมวล = 32 + (16x4) = 96 g
มีจ ำนวนอะตอม = 6.02 x 1023 อะตอม
1 โมลอะตอม

ถ้านำไปชัง่ จะหนัก = มวลอะตอม (หน่วยกรัม)


Ex. Al 40.5 กรัม จะมีกี่โมล และมีกี่อะตอม(Al=27)
หาจำนวนโมลของ Al 40.5 g จาก Al = 27
แสดงว่า Al มวล 27 g คิดเป็ น 1 โมล
ถ้า Al มวล 40.5 g = 40.5 x 1 = 1.5 โมล
27
จำนวนโมล Al = มวลของ Al กรัม
มวลอะตอมของ Al
ดังนั้น จำนวนโมล = มวลของธาตุ(กรัม)
มวลอะตอม
หาจำนวนอะตอมของ Al มี Al = 1.5 โมลอะตอม
Al 1 โมลอะตอมมี = 6.02 x 1023 อะตอม
ถ้า Al 1.5 โมลอะตอมมี = 1.5x 6.02 x 1023

= 9.03x1023 อะตอม

จำนวนอะตอม = จำนวนโมลอะตอม x 6.02 x 1023 อะตอม


คำถามชวนคิด
1. ธาตุ S จำนวน 1.2 x 1024 อะตอม จะมีกี่โมล และมีมวลเท่าไร (S=32)
2. ต้องชัง่ Fe มากี่กรัม จึงจะมีจ ำนวนอะตอมเท่ากับ C 45 กรัม (Fe=56,C=12)
3. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) 5 โมล จะมีมวลกี่กรัม
4. จงคำนวณหาจำนวนโมลของสารต่อไปนี้
ก. ธาตุโพแทสเซี ยม(K) จำนวน 7.77 x 1022 อะตอม
ข. ไอโอดีนโมเลกุล(I2) จำนวน 5.34 x 1025 โมเลกุล
ค. โพแทสเซี ยมไอโอไดด์(KI) จำนวน 1.25 x 1021 โมเลกุล
จำนวนโมล (mol) = น้ำหนักของสาร (กรัม)

น้ำหนักอะตอมหรือน้ำหนักโมเลกุล
• คำว่าโมลอาจใช้ได้กบั สารหลายๆ อย่างแล้วแต่ส่ิ งที่อา้ งถึง เป็ นต้นว่า อะตอม
และโมเลกุล หรื อไอออน อิเล็กตรอน ## ต้ องระวังเป็ นพิเศษที่จะต้ องบอกถึง
สิ่ งที่อ้างถึง
• เช่น ออกซิเจน 1 โมลอะตอมจะมี 6.02 x 1023 อะตอม และมีน ้ำหนัก 16 g
ส่ วนออกซิเจน 1 โมลโมเลกุล จะมี 6.02 x 1023 โมเลกุล และมีน ้ำหนัก 32 g
• สารประกอบไอออนิก 1 โมล มีปริ มาณเท่ากับ 6.02 x 1023 หน่วย เช่น CaCl2 1
โมล จะมี CaCl2 จำนวน 6.02 x 1023 หน่วย ซึ่งความจริ งประกอบด้วย Ca2+
6.02 x 1023 ไอออน (Ca 2+ 1 โมล)และ Cl- 2(6.02 x 1023) ไอออน(Cl- 2 โมล)
Ex ถ้ ามีก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2) หนัก 9.24 g
จงคำนวณหา
ก.    จำนวนโมล CO2
ข.    จำนวนโมเลกุล CO2
ค.    จำนวนโมลของแต่ ละธาตุใน
คาร์ บอนไดออกไซด์ จำนวนนี้
ง.    จำนวนอะตอมของแต่ ละธาตุ
วิธีทำ
a. น้ำหนักโมเลกลุ ของ CO2
= 12.0 + ( 2 x 16.0 )
= 44.0
จำนวนโมลของ CO2 = 9.24
44.00
= 0.210 mol
ข.   CO2 1 mol มี 6.02 x 1023 โมเลกุล
CO2 0.210 mol มี 0.210 x 6.02 x 1023 โมเลกลุ
= 1.26 x 10 โมเลกุล
23
ค.      ใน 1 โมเลกุลของ CO2 มี
C 1 อะตอม และ O 2 อะตอม ดังนั้น
CO2 1 mol จึงประกอบด้ วย
C 1 mol และ O 2 mol
CO2 0.210 mol จึงประกอบด้ วย
C 0.210 x 1 = 0.210 mol
d. CO2 1 โมเลกุล ประกอบด้ วย C 1 อะตอม
ถ้ า CO2 1.26 x 1023 โมเลกุลจะมี C =1 x 1.26 x 1023 อะตอม
CO2 1 โมเลกุล ประกอบด้ วย O 2 อะตอม
ถ้ า CO2 1.26 x 1023 โมเลกุล จะมี O = 2 x 1.26 x 1023
= 2.52 x 1023 อะตอม
โมลไอออน เช่น Ca2+ 1โมลไอออน โมลโมเลกุล เช่น H2 1โมลโมเลกุล
มีจ ำนวนไอออน = 6.02 x 1023
มีจ ำนวนโมเลกุล = 6.02 x 1023
โมล

โมลอะตอม เช่น Na 1โมลอะตอม


มีจ ำนวนอะตอม = 6.02 x 1023
สาร จำนวนโมล มวลอะตอม/ จำนวนอนุภาค
มวลโมเลกุล
N2 1 28 6.02x1023โมเลกุล

H2SO4 2 98 2 x 6.02x1023โมเลกุล

Mg 3 24.3 3 x 6.02x1023 อะตอม

NH4+ 0.1 18 0.1 x 6.02x1023ไอออน

HCO3- 1.5 61 1.5x 6.02x1023 ไอออน


จำนวน6.02x1023โมเลกุล
1โมลโมเลกุล
มวลของสาร = มวลโมเลกุลมีหน่วยเป็ นกรัม
(1mol)

ปริ มาตรของก๊าซ 22.4 dm3 ที่ STP


การคำนวณเกี่ยวกับโมล
การคำนวณโมล – กรัม
จำนวนโมล = น้ำหนักสาร (กรัม)
น้ำหนักอะตอมหรือน้ำหนักโมเลกุล
การคำนวณโมลของแก๊ ส
จำนวนโมลของแก๊ ส = ปริมาตรแก๊ สที่ STP
22.4 ลิตร (dm3)
(STP = ความดัน 1 atm อุณหภูมิ 273.15 K)
Ex. มวลโมเลกุล SO2=64, CCl4=154, NaOH=40
SO2 1 โมล มี 6.02x1023 โมเลกุลมีมวล 64 g มีปริ มาตร 22.4 dm3 ที่ STP

CCl4 1 โมล มี 6.02x1023 โมเลกุลมีมวล 154 g ปริ มาตรไม่ สามารถระบุได้


(มีสถานะเป็ นของเหลว)

NaOH 1 โมล มี 6.02x1023 โมเลกุลมีมวล 40 g ปริ มาตรไม่ สามารถระบุได้


(มีสถานะเป็ นของแข็ง)
จงคำนวณน้ำตาลกลูโคส 3x10 โมเลกุล มีกี่โมล
24

น้ำตาลกลูโคส 6.02x1023 โมเลกุล คิดเป็ น = 1 โมล


ถ้า ”------------” 3.01x1024 โมเลกุล ”-----” = 1x 3.01x1024
6.02x1023
ดังนั้นน้ำตาลกลูโคส 3.01x1024 โมเลกุล = 5 โมล

ดังนั้น จำนวนโมล = จำนวนโมเลกุล


6.02x1023
H2SO4 มวล 196 g มีกี่โมล (H=1,S=32,O=16)

หามวลโมเลกุล H2SO4 = (1x2 + 32 +16x4) = 98


H2SO4 98 g คิดเป็ น 1 mol
H2SO4 196 g ” = 1x196 = 2 mol
98
ดังนั้น จำนวนโมล = มวลของสารเป็ นกรัม
มวลโมเลกุล
ก๊าซออกซิเจน ปริ มาตร 38 dm3 ที่ 0oC ความดัน 1 atm
มีจ ำนวนโมลเท่าไร

ก๊าซ O2 22.4 dm 3
คิดเป็ น 1 mol

38 dm 3
”---------” = 1x38
22.4
= 1.7 mol
ดังนั้น จำนวนโมล = ปริ มาตรที่ STP
22.4 dm3
การคำนวณโมลของแก๊ ส
ตัวอย่ าง จงหามวลของแก๊ ส cyclopropane (C3H6) ปริมาตร
1.00 L ที่ STP
(น้ำหนักอะตอม : C = 12.0, H = 1.0)
จำนวนโมลของ C3H6 = ปริมาตรแก๊ สที่ STP
22.4 L.mol-1
= 1.00 L 22.4 L.mol-1
= 0.045 mol
การคำนวณโมลของแก๊ ส

จำนวนโมลของแก๊ ส = น้ำหนักแก๊ ส (g)


น้ำหนักโมเลกุล
น้ำหนักแก๊ ส (g) = โมลของแก๊ ส  น้ำหนักโมเลกุล
= 0.045  [(12 3) + (1 6)]
= 1.89 g
ตัวอย่ าง จงหาจำนวนโมลของแก๊สโอโซน(O3) ปริ มาตร 10
ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP
O3 22.4 dm3 คิดเป็ น 1 mol
ถ้า O3 10 dm3 คิดเป็ น 1 x 10 = 0.45 mol
22.4
ดังนั้นจำนวนโมลของแก๊สโอโซน 10 dm3 เท่ากับ 0.45 โมล
ไอน้ำ 2.25 โมล มีปริ มาตรกี่ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่STP
50.4 dm3
ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมล มวล อนุภาค และ
ปริ มาตรที่ STP ของแก๊ส สามารถสรุ ปได้ดงั นี้
• ธาตุในสภาพอะตอม
จำนวนโมล = มวล(g) = จำนวนอะตอม
มวลอะตอม 6.02x1023
• ธาตุหรื อสารประกอบในสภาพโมเลกุล
จำนวนโมล = มวล(g) = จำนวนโมเลกุล = ปริ มาตรแก๊สSTP
มวลโมเลกุล 6.02x1023 22.4 dm3
• เขียนแทนด้วยสูตร n = m = N = VSTP
M 6.02 x 10 23 22.4
โจทย์ทา้ ทายความ
คิด
• ก๊าซชนิดหนึ่งมีสูตรโมเลกุล C3H8 ถ้าก๊าซนี้หนัก 2 กรัม จะมี
ปริ มาตรเท่าใดที่ STP (C=12, H=1)
• ก๊าซชนิดหนึ่งเราใช้เครื่ องมือตรวจนับจำนวนโมเลกุลได้ เท่ากับ
9.03 x 1023 โมเลกุล อยากทราบว่ามีปริ มาตรกี่ลิตรที่ STP
• สารประกอบหนึ่งประกอบด้วย H 1 อะตอม N 1 อะตอม O
3 อะตอมสารนี้หนัก 31.5 กรัม จะมีกี่โมเลกุล
• เพนนิซิลินมีสูตรเคมีเป็ น C16H18O4N2S 100 กรัม มีกี่โมเลกุล
(C=12, H=1,O=16, N=14, S=32)
โจทย์ทา้ ทายความ
คิด
• ก๊าซอาร์กอน 1500 cm3 ที่STP หนักกี่กรัม (Ar = 39.95)
• ก๊าซออกซิ เจน 71.45 g จะมีปริ มาตรกี่ dm3 ที่ STP
• ก๊าซชนิดหนึ่งมีปริ มาณ 448 cm3 ที่STP มีมวล 0.60 กรัม ก๊าซนี้
น่าจะได้แก่ ก. NH3 ข.CH4 ค.C2H6 ง.CO2
• แก๊ส X 67.2 ลิตร ที่ STP มีกี่อะตอม ถ้าแก๊ส X 1 โมเลกุล มี 3
อะตอม
• Fe4[Fe(CN)6]3 1.2 x10-6 โมล มี Fe กี่อะตอม
โจทย์ทา้ ทายความ
คิด
• S8 กี่กรัมจึงจะมีจ ำนวนโมเลกุลเท่ากับ SO2 6.4 กรัม
• แก๊สอีเทน (C2H6) ในข้อใดมีจ ำนวนโมเลกุลมากที่สุด
ก.อีเทน 6 กรัม ข. อีเทน 0.4 โมล
ค. อีเทน 1.83 x 1023 โมเลกุล ง. อีเทน 112 ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP
• จงหาจำนวนโมลของออกซิ เจนในโซดาซักผ้าที่มีสูตร Na2CO3.10H2O
จำนวน 0.1 โมล
• สาร X 5 mol มีมวล 100 g สาร X มีมวลโมเลกุล เท่าใด
• ก๊าซ G 2.5 dm3 ที่ STP มีกี่โมเลกุล
• CaHPO4 13.6 g มีออกซิเจนอยูก่ ี่อะตอม (Ca=40, H=1, P=31, O=16)
• ก๊าซ NO2 5.6 dm3 ที่ STP มีออกซิเจนประกอบอยูก่ ี่กรัม
• ก๊าซ B มีความหนาแน่นที่ STP = 0.75 g/dm3 จำนวน 2.408 x 1023
โมเลกุล จะมีมวลเท่าใด
• ก๊าซ A มีความหนาแน่นที่ STP = 0.45 g/dm3 จำนวน 3 g มีกี่โมล
• ก๊าซ X ปริ มาตร 224 cm3 ที่STP มีมวล 0.08 g จงหามวลโมเลกุลของ
ก๊าซ X
สมการเคมี
สมการเคมีเป็ นสิ่ งทีเ่ ขียนแทนปฏิกริ ิยาเคมี
บอกให้ ทราบชนิดของสารทีเ่ ข้ าทำปฏิกริ ิยากัน
(reactants) และชนิดของสารทีเ่ ป็ นผลผลิตของ
ปฏิกริ ิยา (products) โดยเขียนสารทีเ่ ข้ าทำปฏิกริ ิยา
กันไว้ ทางซ้ ายมือและสารทีเ่ ป็ นผลิตผลไว้ ทางขวามือ
ของลูกศรทีม่ ที ศิ ทางชี้ไปทางสารทีเ่ กิดขึน้ จาก
ปฏิกริ ิยา
สมการเคมี
สมการเคมีเขียนได้ 2 แบบ คือ
a. สมการแบบโมเลกุล แสดงปฏิกริ ิยาระหว่ าง
โมเลกุลของสาร สมการโมเลกุลทีด่ ุลแล้ วจะต้ อง
มีจำนวนอะตอมของแต่ ละธาตุท้งั สองข้ างลูกศร
เท่ ากัน
CH4 (g) +2O2 (g)  CO2 (g) + 2H2O(g)
ข. สมการไอออนิก
นิยมใช้ สำหรับปฏิกริ ิยาทีม่ สี ารประกอบไอออนิก
เข้ ามาเกีย่ วข้ อง จะเขียนเฉพาะไอออนและโมเลกลุ ที่
จำเป็ นและเกิดปฏิกริ ิยาเท่ านั้น
เช่ น สมการแบบโมเลกลุ
NaCrO2 + NaClO +NaOH Na2CrO4 + NaCl + H2O

เนื่องจากเป็ นสารประกอบไอออนิก เมือ่ อยู่ในน้ำ


จะแตกตัวให้ ไอออน
       2  
Na  CrO  Na  ClO  Na  OH  2 Na  CrO  Na  CI  H 2 O
2 4
Na+ ปรากฏอยู่ท้งั ซ้ ายมือและขวามือของสมการแสดงว่ า
ไม่ ได้ เข้ าร่ วมในการทำปฏิกริ ิยา ดังนั้น สมการไอออนิก
ทีเ่ ขียนจึงไม่ จำเป็ นต้ องเขียน Na+ ไว้ ด้วย ดังนี้
   2 
CrO  ClO  OH
2 CrO  Cl  H 2 O
4
   2 
2 CrO  3 ClO  2 OH
2 2 CrO  3 Cl  H 2 O
4
การดุลสมการเคมี
การดุลสมการอย่ างง่ าย
1. เริ่มจากโมเลกุลใหญ่ สุด หรือโมเลกุลที่ประกอบด้ วย
ธาตุมากสุด
2. ดุลโลหะ
3. ดุลอโลหะ (ยกเว้ น H และ O)
4. ดุล H และ O
5. ตรวจจำนวนทุกธาตุในสมการ
6. ถ้ ายังไม่ ดุลทำซ้ำข้ อ 2-5 อีกครั ง้ หนึ่ง
การดุลสมการเคมี
ตัวอย่ าง
Na2O2 + H2O  NaOH + O2
ข้ อ 1,2 Na2O2 + H2O  2 NaOH + O2
ข้ อ 3 ไม่ ต้องใช้
ข้ อ 4 Na2O2 + 2H2O  2 NaOH + O2
ข้ อ 5 H ไม่ ดุล
ข้ อ 6 2Na2O2 + 2H2O  4 NaOH + O2
จงดุลสมการต่ อไปนี ้
1. H3PO4 + CaO  Ca3(PO4)2 + H2O
2. NH4NO3  N2 + H2O + O2
หลักในการเขียนสมการเคมี
• ต้องเขียนสู ตรเคมีของสารตั้งต้นแต่ละชนิดได้
• ต้องทราบว่าในปฏิกิริยาเคมีหนึ่งเกิดสารผลิตภัณฑ์ใดขึ้นบ้าง และเขียน
สูตรเคมีของสารผลิตภัณฑ์ได้
• เมื่อเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาแล้วให้ท ำสมการเคมีให้สมดุลด้วย คือ
ทำให้จ ำนวนอะตอมของธาตุทุกชนิดทางซ้ายเท่ากับทางขวา โดยการ
เติมตัวเลขข้างหน้าสู ตรเคมีของสารนั้นๆ เช่น
N2 + H2 NH3 ยังไม่ได้ดุล
N2 + 3H2 2NH3 สมการดุลแล้ว
• ในการเขียนสมการเคมี ถ้าให้สมบูรณ์ยิง่ ขึ้น ควรบอกสถานะของสาร
แต่ละชนิดด้วย คือ ก๊าซ(gas) , เป็ นสารละลายในน้ำ(aqueous) ,เป็ น
ของแข็ง(solid) , เป็ นของเหลว(liquid)
เช่น CaC2(s) +2H2O(g) Ca(OH)2(aq) + C2H2(g)
• การเขียนสมการเคมีบางครั้งจะแสดงพลังงานของปฏิกิริยาเคมีดว้ ย เช่น
2NH3(g) + 93kJ N2(g) + 3H2(g)
CH4(g) + 2O2(g) CO2(g) + 2H2O(l) + 889.5 kJ
สมการเคมีที่ควรทราบ

1. โลหะ + กรด เกลือ + แก๊สไฮโดรเจน เช่น


Zn + 2HCl ZnCl2 + H2
Fe + HCl FeCl2 + H2
** โลหะส่ วนหนึ่งที่ท ำกับปฏิกิริยากับกรดแล้วให้ก๊าซ H2 เช่น Li, Fe, K, Na,
Sr, Ca, Mg, Zn, Cr, Ni ฯลฯ
## โลหะบางชนิดไม่ท ำปฏิกิริยากับกรดไม่ให้แก๊ส H2 แต่ให้สารอื่น เช่น
Cu + HNO3(เข้มข้น) Cu(NO3)2 + 2H2O + 2NO2
2. กรด + สารประกอบคาร์บอเนต เกลือ + น้ำ + CO2
เช่น 2HCl + Na2CO3 2NaCl + H2O + CO2
3. กรด + สารประกอบซัลไฟด์ เกลือ + แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์
เช่น 2HCl + FeS FeCl2 + H2S
4. สารประกอบคาร์บอเนต สารประกอบออกไซด์ + แก๊ส CO2
เช่น CaCO3(s) CaO(s) + CO2
การคำนวณทีเ่ กีย่ วข้ องกับสมการเคมี
สมการเคมีบอกถึงสารทีเ่ กีย่ วข้ องในปฏิกริ ิยาเคมี
ความสั มพันธ์ เชิงปริมาณของสารต่ างๆ ที่
เกีย่ วข้ องในปฏิกริ ิยาและสามารถคำนวณปริมาณ
ของผลิตผลทีไ่ ด้ จากปฏิกริ ิยาเคมี
• ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณสารในสมการเคมี
2H2(g) + O2(g) 2H2O(g)

บอกอัตราส่ วนจำนวนโมล
บอกจำนวนโมเลกุล
จำนวนปริ มาตร (เป็ นแก๊ส)
ปริมาณสารสัมพันธ์
สมการที่ดุลแล้ ว บอกให้ ทราบ  ความสัมพันธ์ เชิงปริมาณ
ของสารที่เกี่ยวข้ องในปฏิกริ ิยา
SiCl4(s) + 2H2O(l)  SiO2(s) + 4HCl(g)
โมเลกุล 1 2 1 4
โมล 1 2 1 4
จำนวนโมเลกุล 6.021023 2(6.021023) 6.021023 4(6.021023)
ลิตรที่ STP - - - 4(22.4)
 ใช้ หาปริมาณผลิตภัณฑ์ ท่ เี กิดขึน้
CaC2(s) + 2H2O(l) Ca(OH)2(aq) + C2H2(g) ……. 1
1 2 1 1 โมเลกุล
1 2 1 1 โมล
6.02 x 1023 2(6.02 x 1023) 6.02 x 1023 6.02 x 1023 โมเลกุล
64.1 2(18.0) 74.1 26.0 กรัม
22.4   
ลิตร(dm3) ที่ STP
2.5 สมการเคมี
Ex จากสมการ (1) ถ้ าใช้ CaC2 2.5 mol
ทำปฏิกริ ิยากับน้ำทีม่ ปี ริมาณมากเกินพอ
ก.      ได้ C2H2(g) เกิดขึน้ กีโ่ มล
ข.      ได้ C2H2(g) เกิดขึน้ กีก่ รัม
ค.      ได้ C2H2(g) เกิดขึน้ กีล่ ติ ร ที่ STP
ง.       น้ำทำปฏิกริ ิยาไปกีโ่ มลและกีก่ รัม
2.5 สมการเคมี
วิธีทำ
ก.      จากสมการ 1 จะเห็นว่ า
CaC2 1 mol ให้ C2H2 1 mol
CaC2 2.5 mol ให้ C2H2 2.5 mol ด้ วย
ข. น้ำหนักโมเลกลุ ของ C2H2 = 26.0
หมายความว่ า C2H2 1 mol หนัก 26.0 g
 C2H2 2.5 mol หนัก
= ( 2.5 mol) (26.0 g)
(1 mol)
= 65.0 g
ค.   C2H2(g) 1 mol มีปริมาตร 22.4 l ที่ STP
 C2H2(g) 2.5 mol มีปริมาตร
= (2.5 mol) (22.4 l) ที่ STP
(1 mol)
= 56.0 l ที่ STP
ง. จากสมการ
CaC2 1 mol ทำปฏิกริ ิยาพอดีกบั H2O 2 mol
CaC2 2.5 mol ทำปฏิกริ ิยากับ H2O (2 x 2.5) mol
= 5.0 mol
H2O 1 mol มีน้ำหนัก = 18.0 g
 H2O 5.0 mol มีน้ำหนัก = (18.0) (5.0)
= 90 g
การคำนวณเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณของสารในสมการเคมี

• เทียบบัญญัติไตรยางศ์
- ดุลสมการ
- แสดงจำนวนโมลโมเลกุลของสารที่เกี่ยวข้องกับในการคำนวณ
- เปลี่ยนจากโมลโมเลกุลเป็ นเทอมหรื อปริ มาณอื่นที่ตอ้ งการทราบหรื อเกี่ยวข้องใน
การคำนวณ
- เทียบบัญญัติไตรยางศ์หาปริ มาณสารที่ตอ้ งการ
• ใช้สูตรเทียบอัตราส่ วนโมล
aA + bB cC + dD
nA = a nB = b เมื่อ nA,nB,nC คือจำนวนโมลของสาร
nB b nC c
• การคำนวณโดยใช้สูตรมีวธิ ีการดังนี้
- ดุลสมการ
- ใช้สูตรเทียบอัตราส่ วนโมล
- เปลี่ยนเทอมของโมลเป็ นเทอมอื่นหรื อปริ มาณอื่นโดยใช้สูตร
n = g หรื อ n = N หรื อ n = Vที่STP
M 6.02 x 1023 22.4 dm3
- จะใช้สูตรไหนขึ้นอยูก่ บั การถามของโจทย์ แล้วคำนวณหาสิ่ งนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณสารต่างๆ ในสมการเคมี

สมการเคมีสามารถบอกถึงปริ มาณการใช้สารตั้งต้น และปริ มาณสารผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น


ได้ ซึ่งหมายถึงปริ มาณโมล จำนวนอะตอม น้ำหนัก หรื อปริ มาตรแก๊สที่ STP เช่น
CH4 + 2O2 CO2 + 2H2O
จากสมการได้ความสัมพันธ์ดงั นี้
- CH4 1 โมล รวมกับ O2 2 โมล จะได้ผลิตภัณฑ์ CO2 1 โมล และ H2O
2โมล
- CH4 1 x 6.02 x 1023โมลโมเลกุล รวมกับ O2 2 x 6.02 x 1023โมลโมเลกุล จะได้
ผลิตภัณฑ์ CO2 1 x 6.02 x 1023โมลโมเลกุล และ H2O 2 x 6.02 x 1023โมลโมเลกุล
• CH4 5โมลอะตอม รวมกับ O2 4โมลอะตอม จะได้ผลิตภัณฑ์ CO2 3โมล
อะตอม และ H2O 6 โมลอะตอม
• CH4 5 x 6.02 x 1023 อะตอม รวมกับ O2 4 x 6.02 x 1023 อะตอม จะได้
ผลิตภัณฑ์ CO2 3 x 6.02 x 1023 อะตอม และ H2O 6 x 6.02 x
1023อะตอม
• CH4 16 กรัม รวมกับ O2 2 x 32 กรัม จะได้ผลิตภัณฑ์ CO2 44 กรัม
และ H2O 2 x 18 กรัม
การคำนวณมวลร้อยละของธาตุจากสู ตรเคมี

ถ้าทราบสู ตรโมเลกุลของสารประกอบ และมวลอะตอมสามารถ


คำนวณหามวลร้อยละของธาตุจากสูตรเคมีได้ ซึ่ งมวลร้อยละของธาตุใน
สารประกอบแต่ละชนิดเป็ นค่าคงที่
ร้อยละของธาตุ A ในสารประกอบ = มวลของธาตุ A x 100
มวลของสารประกอบ

มวลร้อยละของธาตุ = จำนวนอะตอม x มวลอะตอม x 100


มวลสูตรของสารประกอบ
• จงหามวลร้อยละของ C และ H ใน C3H8
C3H8 มีมวลโมเลกุล = 44
มวลร้อยละของ C ใน C3H8 = 3 x 12 x 100
44
= 81.81
มวลร้อยละของ H ใน C3H8 = 8 x 1 x 100
44
= 18.18
การนำค่ามวลร้อยละไปใช้ประโยชน์

• ใช้หาปริ มาตรของธาตุในสารประกอบเพื่อเปรี ยบเทียบว่าสารประกอบ


ชนิดใดมีธาตุใดเป็ นองค์ประกอบมากกกว่าหรื อน้อยกว่า
ตัวอย่ าง สารประกอบใดมีธาตุออกซิเจนเป็ นองค์ประกอบมากที่สุด
H2O2 H2SO4 Na2B4O7 SO2
(H=1, O=16, S=32, Na=23, B=11)

H2O2
แบบทดสอบครั้งที่ 2 เรื่องโมล
• กรดซัลฟิ วริ ก 49 กรัม มี H, S และ O อย่างละกี่อะตอม
• สารใดมีจ ำนวนโมลมากที่สุด
ก. He 6.02 x 1023 อะตอม
ข. O2 25.5 g (O=16)
ค. H2 45.6 dm3 ที่ STP
ง. Cl2 7.1 g (Cl = 35.5)
• ปริ มาตรของก๊าซ He ที่ STP จะทำให้เกิด He เหลวปริ มาตร 1.00 dm3 จะเท่ากับกี่
dm3 ความหนาแน่นของ He เหลว = 0.122 g/cm3 (He =4)
• A4B6 จำนวน 6.02x1023 อะตอม จะมีปริ มาตรเท่าใด (ตอบในหน่ วย cm3)
ระบบกับการเปลีย่ นแปลง
ระบบ (system) คือ สิ่ งต่างๆ ที่อยูร่ อบตัวเราและเป็ นสิ่ งที่เราสนใจศึกษา
หรื อสิ่ งต่างๆ ที่อยูใ่ นขอบเขตของเราที่ตอ้ งการจะศึกษา

สิ่งแวดล้ อม (surrounding) คือ สิ่ งต่างๆ ที่อยูน่ อกตัวเราที่ไม่ตอ้ งการศึกษา


หรื อสิ่ งที่อยูน่ อกขอบเขตที่ตอ้ งการศึกษา
ระบบที่ศึกษาทัว่ ไปแบ่งตามการเปลี่ยนแปลงมวลของสารในระบบได้ 2 ประเภท คือ

ระบบปิ ด (close system) หมายถึง ระบบที่มีการถ่ายเทพลังงานระหว่าง


ระบบกับระบบ และระบบกับสิ่ งแวดล้อมได้ แต่ไม่มีการถ่ายเทมวลสาร มวลระบบคงที่
ระบบเปิ ด (open system) คือ ระบบที่สามารถถ่ายเทมวลสารและพลังงาน
ให้กบั สิ่ งแวดล้อมได้

ระบบอิสระ (Isolated system) คือ ระบบที่ไม่มีการถ่ายเทหรื อแลกเปลี่ยน


มวลของสารและพลังงาน เช่น กระติกน้ำร้อนที่มีฉนวนหุม้ อย่างดีบรรจุน ้ำร้อน
กฎทรงมวล (Law of conservation of Mass)

• กฎทรงมวล “ ในปฏิกิริยาเคมีใดๆ มวลของสารทั้งหมดก่อนทำปฏิกิริยา


เท่ากับมวลของสารทั้งหมดหลังทำปฏิกิริยา” เช่น
เมื่อให้ก๊าซ H2 4 g ทำปฏิกิริยากับ O2 32 g เกิดน้ำ 36 g
2 H2 (g) + O2(g) 2H2O (l)
36 g 36 g
(มวลของสารก่อนเกิดปฏิกิริยา) (มวลของสารหลังเกิดปฏิกิริยา)
กฎสัดส่ วนคงที่ (Law of constant proportion)
“เป็ นกฎที่กล่าวถึงอัตราส่ วนโดยมวลของธาตุที่มารวมกันเป็ นสารประกอบ”

ผูท้ ี่ต้ งั กฎนี้คือ โจเซฟ เพราสต์


กล่าวว่า “สารประกอบชนิดเดียวกันย่ อมประกอบด้ วยธาตุต่างๆ มารวม
ตัวกัน โดยมีอัตราส่ วนโดยมวลของธาตุต่างๆ ในสารประกอบหนึ่งๆ จะ
มีค่าคงทีเ่ สมอ ไม่ ว่าสารประกอบนั้นจะเตรียมขึน้ มาด้ วยวิธีการใดก็ตาม”

“อัตราส่ วนโดยมวลของธาตุทมี่ ารวมตัวกันเป็ นสารประกอบหนึ่งๆ


จะมีค่าคงที”่
การทดลอง มวลสารที่ท ำปฏิกิริยาพอดีกนั
ที่ มวลของ Cu มวลของ S
จากการทดลอง ทราบว่า
1 1.0 0.5 อัตราส่ วนโดยมวลที่
2 1.9 1.0 ทองแดง และกำมะถันทำ
ปฏิกิริยาพอดีกนั = 2:1
3 2.9 1.5
4 4.0 2.0
5 4.9 2.5
ข้อสังเกต กฎสัดส่ วนคงที่ มีหลักการง่ายๆ ดังนี้

• โจทย์จะกำหนดการทดลองมาอย่างน้อย 2 ครั้ง
• หาอัตราส่ วนโดยมวลของธาตุที่เป็ นองค์ประกอบ ของทั้งสองการ
ทดลอง
- ถ้าอัตราส่ วนโดยมวลของทั้ง 2 การทดลองเท่ากัน แสดงว่าเป็ นไปตาม
กฎสัดส่ วนคงที่
- ถ้าอัตราส่ วนโดยมวลของทั้ง 2 การทดลองไม่เท่ากัน แสดงว่าไม่เป็ น
ไปตามกฎสัดส่ วนคงที่
ตัวอย่างการคำนวณ

• นำทองแดงมา 0.35 g มาละลายในกรดไนตริ ก แล้วทำให้แห้ง จากนั้นจึง


นำไปเผาอย่างรุ นแรงจะได้คอปเปอร์ออกไซด์หนัก 0.438 g ในการ
ทดลองอีกวิธีหนึ่งโดยการนำคอปเปอร์คาร์บอเนตจำนวนหนึ่งมาเผาจน
สลายตัวหมดได้คอปเปอร์ออกไซด์หนัก 1.62 g แล้วนำคอปเปอร์
ออกไซด์ไปเผาให้ร้อนจัดในบรรยากาศแก๊สไฮโดรเจนจะได้ทองแดง
1.29 g จะแสดงว่าองค์ประกอบของคอปเปอร์ออกไซด์เป็ นจริ งตามกฎ
สัดส่ วนคงที่
• นำโลหะ Na มา 1.021 g ไปละลายในกรดไนตริ ก จะได้โซเดียมไนเตรด
แล้วนำ NaNO3 ไปเผาจนสลายตัวได้ NaO หนัก 1.1 g ในการทดลองอีก
วิธีหนึ่ง โดยการนำ NaO มา 5 g ไปเผาในบรรยากาศแก๊สไฮโดรเจนที่
มากเกินพอ จะได้โลหะ Na หนัก 4.64 g ข้อมูลนี้เป็ นไปตามกฎสัดส่ วน
คงที่หรื อไม่
• ธาตุ A ทำปฏิกิริยากับธาตุ B ด้วยอัตราส่ วนโดยมวลเป็ น 1:16 ได้สาร C
เพียงอย่างเดียว ถ้ามีธาตุ A และ B อย่างละ 8 g เมื่อทำปฏิกิริยากันแล้วจะ
ได้สาร C มีมวลกี่กรัม
• การวิเคราะห์อะลูมิเนียมคาร์ไบด์ ซึ่งเป็ นสารประกอบระหว่าง
อะลูมิเนียมกับคาร์บอน ให้ผลดังนี้
ครั้งที่ 1 ใช้อะลูมิเนียมคาร์ไบด์ 1.44 g พบว่ามี
อะลูมิเนียม 1.08 g
ครั้งที่ 2 ใช้อะลูมิเนียมคาร์ไบด์ 3.6 g พบว่ามีคาร์บอน
0.9g อยากทราบว่าผลการวิเคราะห์น้ ี เชื่อถือได้หรื อไม่
เพราะเหตุใด
• ก๊าซแอมโมเนีย(NH3) ประกอบด้วยธาตุไนโตรเจนร้อยละ 82.4
และธาตุไฮโดรเจนร้อยละ 17.6 โดยมวล ถ้าใช้ธาตุไนโตรเจน
10 g ทำปฏิกิริยากับธาตุไฮโดรเจน 3 g จะได้ก๊าซแอมโมเนียกี่
กรัม
ปริมาตรของแก๊ สในปฏิกริ ิยาเคมี

ในการศึกษาปริ มาณสัมพันธ์ของสารในสถานะแก๊สในปฏิกิริยาเคมีต่างๆ
ไม่สะดวกที่จะวัดมวลของแก๊สเหมือนกับของแข็งและของเหลว “จึงใช้ วิธี
วัดปริมาตรแทน”
ในปฏิกิริยาเคมีของสารที่มีสถานะเป็ นแก๊สปริ มาตรรวมของแก๊สที่เข้าทำ
ปฏิกิริยากันและปริ มาตรรวมของแก๊สที่เกิดจากปฏิกิริยาจะเท่ากันหรื อไม่เท่า
กันก็ได้ (ต่ างกับมวลซึ่งเป็ นไปตามกฎทรงมวล)
กฎของเกย์-ลูสแซก (Law of Gay-Lussac)
• ได้ท ำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาตรของแก๊สที่ท ำปฏิกิริยาพอดี
กัน และปริ มาตรของแก๊สที่เกิดจากปฏิกิริยา โดยทำการทดลองวัด
ปริ มาตรของแก๊สที่ท ำปฏิกิริยาพอดีกนั และที่เกิดจากปฏิกิริยาที่อุณหภูมิ
และความดันเดียวกัน เขาได้ท ำการทดลองซ้ำหลายครั้ง จนสรุ ปเป็ นกฎ
เรี ยกว่า “กฎการรวมปริมาตรของแก๊ส”

“อัตราส่ วนระหว่ างปริมาตรของแก๊สทีท่ ำปฏิกริ ิยาพอดีกนั และปริ มาตร


ของแก๊ สทีไ่ ด้ จากปฏิกริ ิยาซึ่งวัดทีอ่ ณ
ุ หภูมิและความดันเดียวกันจะเป็ น
เลขจำนวนเต็มลงตัวน้ อยๆ”
• เช่น
ไฮโดรเจน + คลอรี น ไฮโดรเจนคลอไรด์
ไฮโดรเจน + ออกซิเจน ไอน้ำ
ไนโตรเจน + ไฮโดรเจน แอมโนเนีย

ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาตรของแก๊สที่ท ำปฏิกิริยากัน และที่ได้จาก


ปฏิกิริยาดังกล่าวเป็ นดังนี้
แก๊สและปริ มาตรของแก๊สที่ท ำปฏิกิริยากัน แก๊สและปริ มาตรของแก๊ส อัตราส่ วนโดย
ที่ได้จากปฏิกิริยา ปริ มาตรของ
แก๊ส
แก๊ส ปริ มาตร แก๊ส ปริ มาต แก๊ส ปริ มาตร
cm3 ร cm3 cm3

ไฮโดรเจน 10 คลอรี นCl 10 ไฮโดรเจน 20 1:1:2


H2 2 คลอไรด์HCl

ไฮโดรเจน 20 ออกซิเจน 10 ไอน้ำ H2O 20 2:1:2


H2 O2
กฎของอาโวกาโดร
• ได้ศึกษากฎของเกย์-ลูสแซก และได้ให้เหตุผลว่า การที่อตั ราส่ วน
ระหว่างปริ มาตรของแก๊สที่ท ำปฏิกิริยากัน(สารตั้งต้น) และของแก๊สที่
ได้จากปฏิกิริยา(สารผลิตภัณฑ์) เป็ นเลขจำนวนเต็มลงตัวน้อยๆ นั้นคง
เป็ นเพราะปริ มาตรของแก๊สมีความสัมพันธ์กบั จำนวนอนุภาคที่รวมกัน
เป็ นสารประกอบ
อาโวกาโดรจึงตั้งสมมติฐานขึ้นว่า “แก๊สซึ่งมีปริ มาตรเท่ ากันที่
อณุ หภูมิและความดันเดียวกันจะมีจำนวนอนุภาคเท่ ากัน”
เช่น แก๊สไฮโดรเจน + แก๊สคลอรี น แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์
1 cm3 1 cm3 2 cm3
สมมติให้แก๊ส 1 cm3 มีจ ำนวนอนุภาค เท่ากับ n อนุภาค และถ้าอนุภาคนี้
คือ อะตอมจะเขียนแสดงได้ดงั นี้
แก๊สไฮโดรเจน + แก๊สคลอรี น แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์
n อนุภาค n อนุภาค 2n อนุภาค
n อะตอม n อะตอม 2n อะตอม
ใช้ n หารตลอด
1 อะตอม 1 อะตอม 2 อะตอม
• ถ้าเป็ นจริ งตามนี้ แสดงว่าอะตอมของแก๊สไฮโดรเจน และอะตอมของ
แก๊สคลอรี นแบ่งแยกได้ซ่ ึ งค้านกับทฤษฎีอะตอมของดอลตันที่วา่ อะตอม
แบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้นจึงเสนอให้เรี ยกอนุภาคดังกล่าวว่า โมเลกลุ ทำให้
สมมติฐานของอาโวกาโดรไม่ เป็ นทีย่ อมรับ

ปี ค.ศ.1860 สตานิสลาฟ คันนีซซาโร(Stanislav Cannizzaro) ได้


ศึกษาเกี่ยวกับปริ มาตรของแก๊สที่ท ำปฏิกิริยาพอดีกนั และที่ได้จาก
ปฏิกิริยาเพิ่มเติม ได้เสนอว่า ธาตุที่เป็ นแก๊สจะอยูเ่ ป็ นโมเลกุล และ 1
โมเลกุลของธาตุที่เป็ นแก๊สส่ วนใหญ่ประกอบด้วย 2 อะตอม จากข้อ
เสนอคันนีซซาโร ทำให้สมมติฐานของอาโวกาโดรเปลี่ยนใหม่
“แก๊ สทีป่ ริ มาตรเท่ ากันวัดทีอ่ ณ
ุ ภูมิและความดันเดียวกันจะมีจำนวนโมเลกลุ เท่ า
กัน” จึงเป็ นที่ยอมรับทัว่ ไป
แก๊สไฮโดรเจน + แก๊สคลอรี น แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์
ผลทดลอง 1 cm3 1 cm3 2 cm3
กฎอาโวกาโดร n โมเลกุล n โมเลกุล 2n โมเลกุล
nหารตลอด 1 โมเลกุล 1 โมเลกุล 2 โมเลกุล
ตามคันนีซซาโร 2 อะตอม 2 อะตอม 2 โมเลกุล
1 อะตอม 1 อะตอม 1 โมเลกุล (HCl)
การคำนวณหาปริมาตรของแก๊สโดยใช้ กฎของเกย์ -ลูซแซก
และกฎของอาโวกาโดร
ตัวอย่ าง แก๊สไฮโดรเจน 120 cm3 รวมพอดีกบั แก๊สออกซิเจน 180 cm3 ได้
ผลิตภัณฑ์ที่เป็ นแก๊สปริ มาตร 120 cm3 จงหาสูตรโมเลกุลของแก๊สที่เกิดขึ้น
เขียนสมการ N2(g) + O2(g) NxOy (g)
ปริ มาตรของแก๊สที่รวมพอดีกนั 120 180 120 cm3
อัตราส่ วนโดยปริ มาตร(เกย์-ลูซแซก) 2 3 2 cm3
อัตราส่ วนโดยโมเลกุล(อาโวกาโดร) 2n 3n 2n โมเลกุล
นำตัวเลขไปใส่ สมการ 2N2(g) + 3O2(g) 2 NxOy
ดุลจำนวนอะตอมเพื่อให้ทุกธาตุเท่ากัน 2N2(g) + 3O2(g) 2 N2O3(g)
สารกำหนดปริมาณ
เนื่องจากสารเข้ าทำปฏิกริ ิยาเคมีกนั ในอัตราส่ วน
โมลต่ อโมลทีแ่ น่ นอน สารทีม่ ปี ริมาณน้ อยกว่ าจึง
เป็ นตัวกำหนดว่ าปฏิกริ ิยาสามารถเกิดผลผลิตได้
อย่ างมากทีส่ ุ ดเท่ าใด เราเรียกสารทีม่ ปี ริมาณน้ อยนี้
ว่ า สารกำหนดปริมาณ (Limiting reactant)
• การคำนวณเกี่ยวกับสมการเคมีที่มีสารกำหนดปริ มาณมีข้นั ตอน
ดังนี้
1. คำนวณหาสารกำหนดปริ มาณ โดยหาจำนวนโมลของสารตั้ง
ต้นที่นอ้ ยที่สุดเป็ นสารกำหนดปริ มาณ
2. นำสารตั้งต้นที่ถูกใช้หมดไป คำนวณหาสิ่ งที่ตอ้ งการ เช่น
คำนวณหาปริ มาณสารผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น คำนวณหาปริ มาณสาร
ตั้งต้นชนิดอื่นที่ถูกใช้ไป และที่เหลือ เป็ นต้น
Ex จงคำนวณว่ าจะเตรียมลิเทียมออกไซด์ ได้ กโี่ มล
จากลิเทียม 1.0 g และออกซิเจน 1.5 g สารใดเป็ น
สารกำหนดปริมาณ สารใดเหลือและเหลือกีก่ รัม
4Li + O2 2Li2O
(Li = 6.9, O = 16)
วิธีทำ
ลิเทียม 1.0 g = 1.0 g
6.9g/mol
= 0.144 mol
ออกซิเจน 1.5 g = 1.5 g
32 g/mol
= 0.0469 mol
พิจารณาจากสมการ จะเห็นว่ าลิเทียม 4 mol ทำ
ปฏิกริ ิยาพอดีกบั ออกซิเจน 1 mol
ดังนั้น ลิเทียม 0.144 mol ทำปฏิกริ ิยาพอดีกบั
ออกซิเจน = 0.144 mol
4
= 0.036 mol
แต่ มอี อกซิเจนอยู่ถงึ 0.0469 mol ดังนั้น ออกซิเจน
จะมีอยู่มากเกินพอ และจะมีออกซิเจนทีเ่ หลือจาก
ปฏิกริ ิยา
0.0469 – 0.036 = 0.0109 mol
ส่ วนลิเทียมเป็ นสารกำหนดปริมาณ
ผลผลิตตามทฤษฎีและผลผลิตร้ อยละ

ผลผลิตร้ อยละ = ผลผลิตจริง x 100


ผลผลิตตามทฤษฎี

ผลผลิตตามทฤษฎี (theoretical yield)


ปริมาณของผลผลิตทีอ่ าจเกิดขึน้ ได้ มากทีส่ ุ ด
ซึ่งคำนวณได้ จากสมการเคมีทดี่ ุล
ผลผลิตแท้ จริง (actual yield)
ปริมาณของผลผลิตทีเ่ กิดขึน้ จริง ซึ่งวัดหรือชั่ง
ได้ จากการทดลองจะน้ อยกว่ าผลผลิตตามทฤษฎี
เกือบเสมอไป
(น้ อยครั้งมากทีจ่ ะเท่ ากัน แต่ มมี ากกว่ าไม่ ได้ )
Ex เมือ่ นำ C2H4 1.93 กรัม มาเผาไหม้ กบั
ออกซิเจนทีม่ ากเกินพอ พบ CO2 เกิดขึน้
เพียง 3.44 กรัม เท่ านั้น
จงคำนวณผลผลิตร้ อยละของ CO2 นี้
( C = 12.0 , H = 1.0 , O = 16.0 )
วิธีทำ สมการทีด่ ุลของปฏิกริ ิยานีค้ อื
C2H4 + 3O2 2CO2 + 2H2O
1 mol 2 mol
28.0 g 88.0 g
C2H4 28.0 g เกิด CO2 88.0 g
 C2H4 1.93 g เกิด CO2 X g
X = (88.0 g) (1.93g)
(28.0g)
CO2 6.07 g นี้ คือ ผลผลิตตามทฤษฎี
แต่ การทดลองพบ CO2 เกิดเพียง 3.48 g
คือ ผลผลิตแท้ จริง
 ผลผลิตร้ อยละของ CO2
= 3.48 x 100
6.07
ความเข้มข้นของ
สารละลาย
1. ร้ อยละของตัวถูกละลาย (%)
2. โมลาริตี (Molarity)
3. โมแลลิตี (Molality)
4. ฟอร์ มาลิตี (Formality)
5. นอร์ มาลิตี (Normality)
6. เศษส่ วนโมล (Mole Fraction)
1. ร้ อยละของตัวถถููกละลาย
1.1 ร้ อยละโดยน้ำหนัก (weight/weight)
% (w/w) = น้ำหนักของตัวถูกละลายเป็ นกรัม x 100%
น้ำหนักสารละลายเป็ นกรัม
1.2 ร้ อยละโดยปริมาตร (volume/volume)
% (v/v) = ปริมาตรตัวถูกละลายเป็ น cm3 x 100%
ปริมาตรสารละลายเป็ น cm3
1.3 ร้ อยละมวลต่ อปริมาตร (weight/volume)
% (w/v) = น้ำหนักของตัวถูกละลายเป็ นกรัม x 100%
ปริมาตรสารละลายเป็ น cm3
วิธ ถ้ท
Ex ี าต้ำองการเตรี
BaCl2 เข้ มข้น 12% BaCl
ยมสารละลาย โดยน้ำหน
2 เข้ ม ข้ น ัก
12 %หมายถึ
โดยน้ำหนั ง ก ปริมาณ
50 g จากเกลืสารละลายหน ัก 100 g สมีุ ทธิBaCl
อ BaCl2.2H2O และน้ำบริ 2 ละลายอยู
์   จะเตรี ยม ได้ อย่ างไร่ 12 g  
สารละลายหน ัก 50 g มี BaCl2 ละลายอยู่ =
50 g x 12 g = 6 g      
100 g                 
ถ้าต้องการ   BaCl2    208.3 g    ต้องใช ้
   BaCl2 . 2H2O      244.3 g
ด ังนน ั้    เมือ่ ต้องการ  BaCl2    6 g    ต้องใช   ้ BaCl2 . 2H2O   
= 6 g x 244.3
208.3 g
=     7.04 g ด ัง
นน ั้     ต้องใช ้ BaCl2 . 2H2O   หน ัก 7.04 g     ละลายในน้ำ
2. โมลาริตี (Molarity, M)
จำนวนโมลของตัวถูกละลายทีล่ ะลายอยู่ในสารละลายปริมาตร
1 dm3 (1 L, 1000 cm3)
mol = MV = จำนวนสาร (กรัม)
1000 มวลโมเลกุล
เมือ่ M = ความเข้ มข้ น หน่ วย mol/dm3
V = ปริมาตรสารละลาย หน่ วย cm3
3. โมแลลลิตี (Molality, m)
ใช้ บอกจำนวนโมลของตัวถูกละลายในตัวทำละลาย 1 กิโลกรัม
m = W(ตัวถูกละลาย) x 1000
M.W. x W(ตัวทำละลาย)
เมือ่ m = ความเข้ มข้ น (โมลต่ อกิโลกรัม)
Wตัวถูกละลาย = น้ำหนักตัวถูกละลาย (กรัม)
Wตัวทำละลาย = น้ำหนักตัวทำละลาย (กรัม)
Ex น้ำตาลซึ่งมีสูตร  C12H22O11  หนัก 10 g ละลายน้ำ 125 g จะมี
ความเข้ มข้ นกีโ่ มแลล
น้ำ    125 g     มีน้ำตาลละลายอยู่   10 g
น้ำ   1000 g    มีน้ำตาลละลายอยู่ 10 g x 1000 g =   0.23    
342 x 125 g

ดังนั้น     สารละลายเข้ มข้ น    0.23 โมแลล


4. ฟอร์ มาลิตี (Formality, F)
จำนวนกร ัมสูตรของต ัวถูกละลายที่
ละลายอยูใ่ นสารละลาย 1 dm หน่วย
3

เป็น ฟอร์มาล (Farmal, F)


Ex ถ้ าต้ องการเตรียมสารละลาย Pb(NO3)2 เข้ มข้ น 0.1 F 1 dm3
จะต้ องใช้ Pb(NO3)2 หนักเท่ าใด

สารละลาย    Pb(NO3)2      เข้ มข้ น  0.1 F


หมายถึง   สารละลาย   Pb(NO3)2  1 dm3 มี Pb(NO3)2   ละลายอยู่ 0.1 กรัมสู ตร
ซึ่งคิดเป็ นน้ำหนัก    =    0.1  x  331.2     =     33.12 g
5. นอร์ มาลิตี (Normality)
จำนวนกร ัมสมมูลของต ัวถูกละลายที่
ละลายอยูใ่ นสารละลาย 1 dm3 หน่วย
เป็น นอร์มาล (Normal, N)

จำนวนกรัมสมมูล = น้ำหนัก (g)


น้ำหนักกรัมสมมูล 
จงคำนวณหานอร์ มาลิตขี องสารละลายต่ อไปนี้
       ก.) HNO3  7.88 g ในสารละลาย 1 dm3
             น้ำหนักสู ตรของ     HNO3    =     63.0 g
น้ำหนักสมมูลของ  HNO3    = 63 / 1 =     63.0 g
ดังนั้น สารละลาย 1 dm3 มี HNO3 ละลายอยู่  = 7.88
63.0
= 0.1251 กรัมสมมูล
ดังนั้น นอร์ มาลิตขี องสารละลาย  HNO3 = 0.1251 N
จงคำนวณหานอร์ มาลิตขี องสารละลายต่ อไปนี้
ข.) Na2CO3  26.5 g ในสารละลาย 1 dm3
              น้ำหนักสู ตรของ       Na2CO3       =    106.0 g  
น้ำหนักสมมูลของ     Na2CO3      = 106 / 2 =      53.0 g 
 ดังนั้นสารละลาย 1 dm3  มี  Na2CO3  ละลายอยู่    = 26.5
53.0
=   0.5 กรัมสมมูล
ดังนั้น นอร์ มาลิตขี องสารละลาย   Na2CO3 = 0.5 N
6. เศษส่ วนโมล (Mole Fraction) 
คือ จำนวนโมล ของสารองค์ ประกอบนั้นหารด้ วยจำนวน
โมลของสารองค์ ประกอบทั้งหมดในสารละลาย เช่ น ถ้ าสารละลาย
ประกอบด้ วยองค์ ประกอบ 2 ชนิด เศษส่ วนโมล ของแต่ ละสารองค์
ประกอบเขียนได้ ดงั นี้
X1 = n1 X2 = n2
n1 + n2 n1 + n2
เมือ่ X1 และ X2 เป็ นเศษส่ วนโมลของสารองค์ ประกอบที่ 1 และ 2
ในสารละลายตามลำดับ n1 และ n2 เป็ นจำนวนโมลของสารองค์
ประกอบที่ 1 และ 2 ในสารละลายตามลำดับผลบวกของเศษส่ วน
โมลของสารองค์ ประกอบทั้งหมดเท่ ากับ 1 เสมอนั่นคือ X1 + X2
+ X3 + ... = 1
Ex สารละลายประกอบด้ วยน้ำ 36 g และกลีเซอรีน (C3H5(OH)3)
46 g จงคำนวณหาเศษส่ วนโมลของน้ำและกลีเซอรีน
จำนวนโมลของของน้ำ         = 36 / 18 = 2.0 mol
จำนวนโมลของกลีเซอรีน      = 46 / 92 = 0.5 mol
ดังนั้นจำนวนโมลทั้งหมด              = 2.0 + 0.5 = 2.5 mol
ดังนั้นเศษส่ วนโมลของน้ำ               = 2.0 / 2.5 = 0.8
ดังนั้นเศษส่ วนโมลของกลีเซอรีน     = 0.5 / 2.5 = 0.2
ประเภทของปฏิกริ ิยาเคมี
1. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลข oxidation ของสารในปฏิกิริยา เช่น
ปฏิกิริยากรด - เบส
NaOH(aq) + HCl(aq) -----------> NaCl(aq) + H2O(aq)
2. มีการเปลี่ยนแปลงเลข oxidation ได้แก่ ปฏิกิริยา oxidation- reduction หรื อ
ปฏิกิริยา redox
• มีการเพิม่ เลข oxidation -----------> oxidation reaction
• มีการลดเลข oxidation -----------> reduction reaction
FeCl3 + H2S -----------> FeCl2 + HCl + S
• Fe 3+ เปลี่ยนเป็ น Fe 2+ เกิดปฏิกิริยา reduction
• S2- เปลี่ยนเป็ น S0 เกิดปฏิกิริยา oxidation
ปฏิกริ ิยารีดอกซ์
2Ca(s) + O2(g)  2CaO(s)
Ca(s) + 2H+(aq)  Ca2+(aq) + H2(g)
Oxidation Reaction
• สารที่เกิด oxidation reaction อะตอมมีเลข oxidation เพิ่มขึ้น
• ตัวรี ดิวซ์ (reducing agent) : สารให้อิเล็กตรอน
Reduction Reaction
• สารที่เกิด reduction reaction อะตอมมีเลข oxidation ลดลง
• ตัวออกซิ ไดส์ (oxidizing agent) : สารรับอิเล็กตรอน
เลขออกซิเดชัน (Oxidation number)
เลขออกซิเดชัน: จำนวนประจุบนอะตอมในโมเลกุล
(สมมติวา่ มีการถ่ายโอนอิเล็กตรอนอย่างสมบูรณ์)
หลักการกำหนดเลขออกซิเดชัน
1. ธาตุอิสระ มีเลขออกซิ เดชันเป็ น 0
2. ไอออนที่มีอะตอมเดียวเลขออกซิเดชัน เท่ากับประจุบนไอออนนั้น
• Li+ เลขออกซิเดชัน เป็ น +1
• Ba2+ เลขออกซิเดชัน เป็ น +2
• O2- เลขออกซิเดชัน เป็ น -2
เลขออกซิเดชัน (Oxidation number)
3. โลหะหมู่ IA มีเลขออกซิเดชัน เป็ น +1
โลหะหมู่ IIA มีเลขออกซิเดชัน เป็ น +2
4. เลขออกซิเดชัน ของoxygen ในสารประกอบเป็ น -2
• H2O
• MgO
• ยกเว้น peroxide เป็ น -1 เช่น H2O2
5. เลขออกซิเดชันของ H เป็ น +1 แต่ถา้ เกิดพันธะกับโลหะ
อัลคาไลน์จะมีค่าเป็ น -1
• LiH
• NaH
เลขออกซิเดชัน (Oxidation number)
6. ธาตุหมู่ VII A มีเลขออกซิเดชันเป็ น -1 ยกเว้นมื่อรวมกับ oxygen
• HClO เป็ น +1
7. โมเลกุลที่เป็ นกลาง ผลบวกของเลขออกซิเดชันของอะตอมทั้งหมดมีค่า
เป็ นศูนย์ เช่น
• HCl H เลขออกซิเดชัน +1 Cl เลขออกซิ เดชัน -1
8. ไอออนที่มีหลายอะตอม ผลบวกของเลขออกซิเดชันของอะตอม
ทั้งหมดมีค่าเท่ากับประจุสุทธิของไอออน
• SO32- ClO-
9. ธาตุทรานสิ ชนั มักมีเลขออกซิเดชันหลายค่า
• FeCl2 FeCl3
การดุลสมการเคมีอย่ างง่ าย
1. เริ่ มจากโมเลกุลใหญ่สุด หรื อโมเลกุลที่ประกอบด้วยธาตุมากสุ ด
2. ดุลโลหะ
3. ดุลอโลหะ (ยกเว้น H และ O)
4. ดุล H และ O
5. ตรวจจำนวนทุกธาตุในสมการ
6. ถ้ายังไม่ดุลทำซ้ำข้อ 2 - 5 อีกครั้งหนึ่ง
ตัวอย่ าง
Na2O2 + H2O  NaOH + O2
ข้อ 1,2 Na2O2 + H2O  2 NaOH + O2
ข้อ 3 ไม่ตอ้ งใช้
ข้อ 4 Na2O2 + 2H2O  2 NaOH + O2
ข้อ 5 H ไม่ดุล
ข้อ 6 2Na2O2 + 2H2O  4 NaOH + O2
การดุลสมการรีดอกซ์
• ดุลแบบเลขออกซิเดชัน
• ดุลแบบครึ่งปฏิกริ ิยา
ในสารละลายกรด
ในสารละลายเบส
ดุลแบบเลขออกซิเดชัน
• หาเลขออกซิเดชัน
• ดุลเฉพาะอะตอมที่มีการเปลี่ยนเลขออกซิเดชัน
• หาอัตราส่ วนอย่างต่ำของการเพิ่มและการลดของเลขออกซิเดชัน
• คูณไขว้อตั ราส่ วนที่หาได้
• ดุลประจุรวมของสมการทั้งสองข้างให้เท่ากัน
• ตรวจดูวา่ จำนวนอะตอมแต่ละธาตุในสมการเท่ากันหรื อไม่
• ถ้าสัมประสิ ทธิ์ ที่ดุลแล้วยังไม่เป็ นสัดส่ วนอย่างต่ำให้ทอนเป็ นสัดส่ วนอย่างต่ำ
ด้วย
ตัวอย่ างการดุลแบบเลขออกซิเดชัน
CrO42- + SO32- + H2O -------- Cr(OH)4- + SO42- + OH-
ดุลแบบครึ่งปฏิกริ ิยา
• พิจารณาเลขออกซิเดชัน
• แยกสมการเป็ น 2 ปฏิกิริยา (รี ดกั ชันและออกซิเดชันพร้อมดู
อิเล็กตรอน)
• ดุล O ด้วย H2O
• ดุล H ด้วย H+
• ดุล H+ ด้วย OH- (ในสารละลายเบสเท่านั้น)
• ดุลอิเล็กตรอนให้เท่ากันทั้ง 2 ปฏิกิริยา
• รวมครึ่ งสมการเข้าด้วยกัน
ตัวอย่ างการดุลแบบครึ่งปฏิกริ ิยา
ในสารละลายกรด Zn + NO3- ----------- Zn2+ + NH4+
ตัวอย่ างการดุลแบบครึ่งปฏิกริ ิยา
ในสารละลายเบสAl + NO3- ------------- Al(OH)4- + NH3
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
จงคำนวณจำนวนโมลของ Sn 17.5 g
วิธีทำ ใช้ สูตร โมล = น้ำหนักเป็ นกรัม
น้ำหนักอะตอม
Sn 17.5 g = 17.5 g
118.7 g/mol
= 0.147 mol
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
จงคำนวณมวลเป็ นกรัมของเมทิลแอลกอฮอล์
(CH3OH) 0.20 mol
วิธีทำ
CH3OH 0.20 mol = (0.20 mol) (32 g/mol)
= 6.40 g
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
เบนซีน (C6H6) 6.0 g มีจำนวนโมเลกลุ เท่ าใด
วิธีทำ
C6H6 6.0 g = (6.0 g) (6.02 x 10 molecule/mol)
23

(78 g/mol)
= 4.62 x 1022 molecule
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
ออกไซด์ หนึ่งมีไนโตรเจน 30.4 % เป็ นองค์ ประกอบ
จงหาสู ตรเอมพิริกลั ของสารนี้ วิธีทำ มี N 30.4 %
 มี 0 = 100 - 30.4 = 69.6 %
อัตราส่ วนโดยน้ำหนัก N : O = 30.4 : 69.6
อัตราส่ วนโดยโมลของ N : O = 30.4 : 69.6
14 16
= 2.17 : 4.35 = 1 : 2
 สู ตรเอมพิริกลั หรือสู ตรอย่ างง่ ายของสารนีค้ อื NO2
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์ (N2O5) 25.0 g มี
ไนโตรเจนอะตอมกีโ่ มลและกีก่ รัม
วิธีทำ N2O5 25.0 g = 25.0 g = 0.231 mol
108 g/mol
N2O5 1 mol มี N อยู่ 2 mol
N2O5 0.231 mol มี N อยู่ = (2 mol)(0.231 mol) = 0.462 mol
(1 mol)
= (0.462 mol) (14.0 g/mol)
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
เอทิลนี โบรไมด์ (C2H4Br2) ทำปฏิกริ ิยาเผาไหม้ กบั ตะกัว่ (Pb)
ดังสมการ ถ้ าใช้ C2H4Br2 0.80 mol ทำปฏิกริ ิยากับ Pb 145.0 g
และมีออกซิเจนอย่ างเหลือเฟื อ
C2H4Br2 + Pb + O2 --------> PbBr4 + CO2 + H2O
ก. สารใดเป็ นสารกำหนดปริมาณ
ข. มีสารใดเหลือและเหลือกีก่ รัม
ค. O2 ถูกใช้ ไปกีโ่ มล
ง. มี CO2 เกิดขึน้ กีล่ ติ ร STP
จ. ถ้ า PbBr4 ทีร่ วบรวมได้ จากการทดลองมีเพียง
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
ได้ สมการทีด่ ุลแล้ วดังนี้
2C2H4Br2 + Pb + 6O2 -----> PbBr4 + 4CO2 + 4H2O
ก. Pb 145.0 g = 145.0 g
207.2 g/mol
= 0.700 mol
จากสมการทีด่ ุล C2H4Br2 ทำปฏิกริ ิยากับ Pb
ในอัตราส่ วน mol : mol = 2:1
จะเห็นได้ ว่า C2H4Br2 เป็ นสารกำหนดปริมาณ
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
ข. C2H4Br2 2 mol ทำปฏิกริ ิยากับ Pb 207.2 g
C2H4Br2 0.80 mol ทำปฏิกริ ิยากับ Pb (207.2 g)(0.80 mol)
2 mol
= 82.88 g
 Pb เหลือ = 145.0 - 82.88
= 62.1 g
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
ค. O2 ใช้ ไป = (0.80 mol) (6)
2
= 2.4 mol
ง. CO2 เกิดขึน้ = (0.80 mol) (4)
2
= 1.60 mol
= (1.60 mol)(22.4 l/mol ที่ STP)
= 35.84 l ที่ STP
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
จ. จากสมการทีด่ ุลได้ PbBr4 = (0.80 mol)(1) = 0.40 mol
2
= (0.40 mol)(527.2 g/mol)
= 210.9 g
= ผลผลิตตามทฤษฎี
ผลผลิตร้ อยละ = ผลผลิตจริง x 100
ผลผลิตตามทฤษฎี
= (190.0 g)(100)
210.9 g
แบบฝึ กหัดท้ ายบท
จากการทดลองเตรียม C6H5Br จากปฏิกริ ิยาของ C6H6 และ Br2 เกิดขึน้ ตามสมการ
C6H6 (l) + Br2 (g) C6H5Br (l) + HBr (g)
การทดลองนีม้ ผี ลผลิตจากปฏิกริ ิยาข้ างเคียงเกิดขึน้ ด้ วยคือ C6H4Br2 จงหา
a. เมือ่ ใช้ C6H6 15.0 g จงคำนวณหาผลผลิตตามทฤษฎีของ C6H5Br
b. ถ้ าการทดลองนีม้ ี C6H4Br2 เกิดขึน้ 2.50 g จงคำนวณหาน้ำหนักของ C6H6 ทีไ่ ม่
เปลีย่ นเป็ น C6H5Br
c. จงคำนวณหาผลผลิตจริงของ C6H5Br
d. จงคำนวณหาผลผลิตร้ อยละของ C6H5Br
แบบฝึ กหัด : การดุลสมการเคมี
• B2O3(s) + H2O(l)  H3BO3(aq)
• Cu(s) + AgNO3(aq)  Ag(s) + Cu(NO3)2(aq)
• NH3(g) + O2(g)  NO(g) + H2O(l)
• C3H6O(l) + O2(g)  CO2(g) + H2O(l)
• NH3(g) + O2(g)  NO(g) + H2O(g)
• C12H22O11(s) + O2(g)  CO2(g) + H2O(l)
• CH3CH2OH(g) + Cr2O72-(aq) + H+(aq)  CH3CO2H(aq) + Cr3+(aq)
+ H2O(l)
หนังสื ออ้ างอิง
1. เคมีเล่ ม 1 (ทบวงมหาวิทยาลัย), พิมพ์ครั้งที่ 9,
สำนักพิมพ์อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด. กรุ งเทพฯ, 2539.
2. ชัยวัฒน์ เจนวาณิชย์ , หลักเคมี1 (ฉบับปรับปรุง),
พิมพ์ครั้งที่ 3, สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ , กรุงเทพฯ, 2539.
3. Glencoe, Chemistry Concepts and Applications,
Ohio:McGraw-Hill,1997.

You might also like