Professional Documents
Culture Documents
2. สนามไฟฟ้า
แรงทางไฟฟ้ าได้รับการพัฒนาโดย Michael Faraday โดยสนามไฟฟ้ าจะมีอยูบ่ ริ เวณรอบๆ
วัตถุทีมีประจุ เมือมีวตั ถุมีประจุอืนเคลือนทีเข้ามาในสนามไฟฟ้ านี3 จะเกิดแรงกระทําทาง
ไฟฟ้ ากระทําต่อมัน ตัวอย่างเช่นรู ปที 1 แสดงประจุทดสอบขนาดเล็กทีเป็ นบวก q0 วางอยู่
ใกล้วตั ถุทีมีประจุบวกจํานวนมากกว่า Q
Q นิ ยามความเข้มของสนามไฟฟ้ า E ทีตาํ แหน่ ง
q0 ของประจุทดสอบ q0ว่าเป็ นสนามไฟฟ้ าทีกระทํา
ต่อประจุหนึงหน่วย หรื อ
E
สนามไฟฟ้ า E ทีตาํ แหน่งใดใน space นิ ยามว่า
เป็ นแรงทางไฟฟ้ า F ทีกระทําต่อประจุทดสอบที
รู ป ประจุ ท ดสอบที เ ป็ นบวก เป็ นบวก q0 ที อยู่ทีตาํ แหน่ งนั3นหารด้วยขนาด
ปริ มาณน้อยวางอยูใ่ กล้กบั วัตถุทีมี ของประจุทดสอบ v
ประจุ บ วกจํา นวนมากกว่า Q v FE
E=
สนามไฟฟ้ า E มีทิศทางเดี ยวกับ q0
แรง F ทีกระทํากับประจุบวกซึ ง
สนามไฟฟ้ ามีหน่วยเป็ น นิวตันต่อคูลอมบ์ (N/C)
อยูใ่ นสนามไฟฟ้ า 1
1
10/01/53
v 1 qi qi
E=
4 πε 0
∑ ri2
r̂i = k E ∑ 2 r̂i
i i ri
2
10/01/53
−6
q2 9 5 ×10
E2 = k E = (9 ×10 ) = 1.8x105 N/C
2
r2 2
(0.5)
3
10/01/53
v 5
E1 มีเฉพาะองค์ประกอบในแนวแกน y เป็ น E1y = 3.9 ×10 N/C
v 3 5
E 2 มีองค์ประกอบในแนวแกน x เป็ น E 2x = E 2 cosθ = 5 E 2 = 1.1x10 N/C
4
และมีองค์ประกอบในแกน –y เป็ น E 2y = −E 2 sin θ = − E 2 = −1.4 x105 N/C
5
ดังนั3นเขียนในรู ปเวกเตอร์ได้ ดังนี3
v v
E1 = (3.9 ×105 ) ˆj E 2 = (1.1×105 ) î − (1.4 ×105 ) ĵ
4
10/01/53
v v v q q
E = E1 + E 2 เมือ E1 = E 2 = k E = kE 2
r 2
y + a2
2qa
= kE
(y + a 2 )3/2
2
5
10/01/53
v ∆q
สนามไฟฟ้ าทีจุด P เนืองมาจากประจุ ∆q คือ ∆ E = k E 2 r̂
r
เมือ r คือระยะห่างระหว่างประจุ ∆q และจุด P
r̂ คือเวกเตอร์ หน่วยมีทิศจากกลุ่มประจุ ∆q ไปยังจุด P
สนามไฟฟ้ ารวมทีจุด P ทีเกิดจากทุกๆ องค์ประกอบย่อยของประจุคือ
v ∆q
E ≈ k E ∑ 2 i ˆri เมือ i แสดงถึงกลุ่มประจุที i
i ri
เนืองจากประมาณการกระจายของประจุเป็ นแบบต่อเนือง
สนามไฟฟ้ ารวมทีจุด P ในช่วง ∆ q i → 0 คือ
v ∆q i dq
E ≈ k E lim
∆q → 0
i
∑ ri2
r̂ = k E ∫ r 2 r̂
i
โดยทําการอินทิเกรท ตลอดช่วงของการกระจายของประจุ 12
6
10/01/53
7
10/01/53
k x k x k x
Ex = ∫ 2 E 2 3 / 2 dq = 2 E 2 3/ 2 ∫ dq = 2 E 2 3 / 2 Q
(x + a ) (x + a ) (x + a )
ผลแสดงให้เห็นว่าสนามไฟฟ้ าเป็ นศูนย์ที x = 0 15
8
10/01/53
รู ปเส้นสนามไฟฟ้ าสําหรับจุดประจุ
(a) สําหรับจุดประจุบวกเส้นสนามมีทิศทางพุง่ ออกตามแนวรัศมี
(b) สําหรับจุดประจุลบเส้นสนามมีทิศทางพุง่ เข้าตามแนวรัศมี
(c) ส่ วนทีเป็ นสี ดาํ คือชิ3นของเข็มเล็กๆ ทีลอยอยูใ่ นนํ3ามันเรี ยงตัวตามสนามไฟฟ้ าทีเกิดจาก
จุดประจุทีอยูต่ รงกลาง 17
9
10/01/53
10
10/01/53
สนามไฟฟ้ าระหว่างแผนขนานทีมีประจุตรงข้ามกันถือว่ามีค่าสมําเสมอดังรู ป
สมมติวา่ อิเลกตรอนประจุ –e เคลือนทีในแนวราบเข้าไปในสนามด้วยความเร็ วเริ มต้น vi î
เพราะว่าสนามไฟฟ้ า E ในรู ปมีทิศตามแกนบวก y ความเร่ งของอิเลกตรอนมีทิศในแนวแกน
ลบ y นัน คือ av = − eE ĵ เพราะว่าความเร่ งมีค่าคงทีเราสามารถประยุกต์ใช้
m
สมการจลน์ศาสตร์ในสองมิติได้
เมือ vxi= vi และ vyi= 0
หลังจากอิเลกตรอนเข้าไปใสนามไฟฟ้ าเป็ นเวลา t
องค์ประกอบความเร็ วของอิเลกตรอนคือ
ตําแหน่งของอิเลกตรอน หลังเวลาผ่านไป t คือ
1 1 eE 2
x = vi t y= a yt2 = − t
2 2 m
รู ปอิเลกตรอนเคลือนทีในแนวราบเข้า แทนค่า t = x /vi จะพบว่า y เป็ นสัดส่ วนตรง
ไปในสนามไฟฟ้ าสมําเสมอที เกิ ดจาก กับ x2 ดังนั3นเส้นทางการเคลือนทีเป็ นแบบ
แผ่นขนานทีมีประจุ โดยอิเล็กตรอนถูก
เร่ งในทิ ศลง (ตรงข้ามกับทิศของ E) พาราโบลา หลังจากอิเลกตรอนหลุดออกจาก
ก า ร เ ค ลื อ น ที ข อ ง มั น เ ป็ น แ บ บ สนามมันจะเคลือนทีต่อไปแบบเส้นตรงในทิศ
parabolic ขณะทีมนั อยูร่ ะหว่างเพลท ของ v ดังรู ป 22
11
10/01/53
2 2
ถ้าระยะห่างระหว่างเพลทน้อยกว่านี3 อิเลกตรอนจะชนกับเพลททีเป็ นบวก
แบบฝึ กหัด จงหาความเร็ วของอิเลกตรอนขณะทีมนั หลุดออกจากเพลท 23
12
10/01/53
สนามไฟฟ้ าเนืองจากจุดประจุ q q
E = kE
r2
สนามไฟฟ้ าตัวนําทรงกลมกลวงรัศมี a
E =0 (ภายในทรงกลม r < a)
q
E = kE
r
(ภายนอกทรงกลม r >= a)
เมือ r คือระยะวัดจากจุดศูนย์กลางทรงกลม
25
แบบฝึ กหัด
http://www.physics.sci.rit.ac.th/charud/oldnews/48/magnetic/OnlineTest_V4/index.asp
26
13
10/01/53
เอกสารประกอบการค้ นคว้ า
ภาควิชาฟิ สิ กส์. เอกสารประกอบการสอนฟิ สิ กส์เบื3องต้น, คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ภาควิชาฟิ สิ กส์. ฟิ สิ กส์2, คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
D.C. Giancoli. Physics Principles with Applications, 3rded., Prentic-Hall,
ISBN: 0-13-666769-4, 1991.
D. Halliday, R.Resnick and K.S. Krane. Volume Two extended Version Physics, 4th ed.,
John Wiley & Sons, 1992.
R.A.Serway, Physics for Scientists & Engineers with Modern Physics, 4th ed., 1996.
http://www.physics.sci.rit.ac.th/charud/howstuffwork/electro-mag/electro-magthai1.htm
http://www.skn.ac.th/skl/skn422/file/field.htm
http://www.physics.uoguelph.ca/tutorials/tutorials.html
http://www.thinkquest.org/library/site_sum.html?tname=10796&url=10796/index.html
http://www.launc.tased.edu.au/online/sciences/physics/tutes1.html
http://www.colorado.edu/physics/2000/index.pl
http://www.dctech.com/physics/tutorials.php
http://www.physics.sci.rit.ac.th
http://www.physics.sci.rit.ac.th/charud/oldnews/48/magnetic/OnlineTest_V4/index.asp 27
14