Professional Documents
Culture Documents
พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 881 - 1000
พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 881 - 1000
ยืนสํ านึกผิด
“ชมทิวทัศน์เหรอ!” พ่อครัวหัวเราะเบา ๆ “งั้นก็ค่อย ๆ ชมไปนะ”
ยืนคนเดียวรู ้สึกเบื่อมาก เหมียวอี้หนั กลับมาบอกว่า “พ่อครัว ไม่เจอกันนานแล้ว อย่าเพิ่งรี บไป เรามา
คุยกันสักหน่อยสิ ”
พ่อครัวโบกมือพลางเดินออกไป “ไม่รบกวนหรอก”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก เหลียวซ้ายแลขวาอยูพ่ กั หนึ่ง ยืนอยูท่ ี่นี่สามวันมันทรมานไปนะ!
ผ่านไปครู่ เดียว เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กม็ าแล้ว ทั้งสองยกนํ้าชาเดินเข้ามา “นายท่าน!”
เสวีย่ เอ๋ อร์ประคองถาด ส่ วนเชียนเอ๋ อร์กใ็ ช่สองมือประคองถ้วยนํ้าชายืน่ ให้ เหมียวอี้รับมาอย่างไม่ใส่
ใจ พอดื่มไปอึกหนึ่ง ก็ถ่ายทอดเสี ยงบอกทั้งสามว่า “ห้ามเอ่ยเรื่ องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้คนนอกรู ้ เข้า
ใจมั้ย?”
ทั้งสองเข้าใจความหมายของเขา เขาไม่อยากให้คนอื่นรู ้วา่ โดนฮูหยินไล่ออกมายืนสํานึกผิด กลัวจะ
เสี ยหน้า ทั้งสองแอบกลั้นขําพลางตอบพร้อมกัน “เข้าใจเจ้าค่ะ”
เมื่อดอกไม้พดู ได้คนู่ ้ ีมาหา เหมียวอี้รู้สึกหายทรมานทันที ยิม้ พร้อมบอกว่า “เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ นึก
ย้อนไปถึงตอนที่เจอพวกเจ้าครั้งแรก ตอนนั้นพวกเจ้ายังกระดากอาย ผ่านไปชัว่ พริ บตาเดียว ผ่านไป
หลายปี ขนาดนี้แล้ว พวกเราไม่ได้คุยเล่นกันมานานมากแล้วนะ เรามาคุยเล่นกันสักหน่อยมั้ย”
เขาอยากจะคุยกับทั้งสองเพือ่ แก้เซ็ง แต่ใครจะคิดว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะตอบว่า “นายท่าน! ถ้าท่านกระหายนํ้า
ก็ดื่มเยอะ ๆ เถอะเจ้าค่ะ ก่อนไปฮูหยินกําชับไว้แล้ว บอกว่ายืนสํานึกผิดก็ตอ้ งทําท่าให้เหมือนยืน
สํานึกผิด นางอนุญาตให้พวกเรานํานํ้าชามาให้แค่วนั ละครั้งเท่านั้น ไม่ให้อยูค่ ุยเล่นด้วย ไม่อย่างนั้นถ้า
ฮูหยินกลับมา พวกเราคงจะแย่แน่เจ้าค่ะ”
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที “ไม่ดื่มแล้ว กินลมอิ่มแล้ว!”
ทั้งสองคํานับแล้วถอยหลังออกไปช้า ๆ เรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าเห็นอกเห็นใจ และปวดใจด้วยเช่นกัน แต่
จนใจที่ไร้ทางเลือก ถ้าไม่อยากให้นายท่านโชคร้ายไปมากกว่านี้ ก็ตอ้ งให้ความร่ วมมือกับฮูหยินแต่
โดยดี
บนตึกริ มหน้าผาที่อยูไ่ กล ๆ หยางชิ่งที่จดั การกิจธุระไปบ้างแล้วกําลังเอามือไขว้หลังเดินนําชิงเหมย
และชิงจวีอ๋ อกมาตากลม ชื่นชมทิวทัศน์อนั งดงามของที่นี่ นี่คือความเคยชินของหยางชิ่ง ชอบครุ่ นคิด
เรื่ องราวขณะทอดสายตามองทิวเขา
ชิงจวีท๋ ี่อยูข่ า้ ง ๆ พลันโบกมือชี้ไป “นายท่าน คนที่ยนื อยูน่ อกตําหนักเหมือนจะเป็ นประมุขปราสาท
นะ”
หยางชิ่งกับชิงเหมยมองไปทางตําหนักทันที ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง เห็นเหมียวอี้ยนื เอามือไขว้หลังอยู่
ตรงนั้นคนเดียวจริ ง ๆ ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไร
ทั้งสามมองไปตามทิศทางที่เหมียวอี้มอง แต่กไ็ ม่เห็นอะไร หลังจากทั้งสองรออยูค่ รึ่ งชัว่ ยาม แล้วไม่
เห็นเหมียวอี้ออกไป ชิงเหมยก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายท่าน ประมุขปราสาทกําลังดูอะไรเจ้าคะ?”
หยางชิ่งส่ ายหน้า “ไม่รู้สิ” ความคิดของเหมียวอี้ เขาไม่กล้าเดาซี้ซ้ วั จริ ง ๆ
“นายท่าน หลายปี มานี้ประมุขปราสาทไปไหนมาหรื อเจ้าคะ?” ชิงจวีถ๋ าม
หยางชิ่งส่ ายหน้าต่อไป แล้วร่ างก็พลันหายไปจากที่เดิม เหาะออกไปเหยียบลงนอกตําหนักแล้ว
จากนั้นก็กา้ วขึ้นไปกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “ประมุขปราสาท มาครุ่ นคิดอะไรอยูต่ รงนี้ขอรับ?”
เหมียวอี้โบหมือ “กําลังคิดเรื่ องอะไรบางอย่าง ให้ขา้ อยูค่ นเดียวเงียบ ๆ เถอะ”
เดิมทีคิดจะดึงตัวหยางชิ่งให้อยูค่ ุยกันก่อน แต่พอนึกถึงคําพูดของเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ หากให้อวิน๋ จือ
ชิวรู ้เรื่ องนี้ แล้วหาเรื่ องทะเลาะอีก เขาก็เสี ยหน้าแบบนี้ไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ ดังนั้นจึงพูดบอกปั ดให้หยาง
ชิ่งออกไป
เมื่อได้ยนิ ดังนั้น หยางชิ่งทําได้เพียงกุมหมัดคารวะ ไม่รบกวนแล้ว ถลันตัวเหาะกลับไปแล้ว
ผ่านไปไม่นาน เหยียนซิวกับหยางเจาชิงก็ปรากฏตัวอยูบ่ นกําปพงตําหนัก พอมองเห็นเหมียวอี้ยนื อยู่
ข้างนอก ทั้งสองก็สบตากันแวบหนึ่ง
เหยียนซิวถอนหายใจ แล้วถ่ายทอดเสี ยงคุย “นายท่านมุ่งแสวงหาความก้าวหน้าอย่างห้าวหาญเฉี ยบคม
มาตลอด ถึงได้มีความสําเร็ จในวันนี้ได้ แต่ช่วยไม่ได้ที่มาเจอดาวข่มอย่างฮูหยิน เหล็กที่ผา่ นการหลอม
มาร้อยครั้งก็กลายเป็ นของอ่อนนุ่มได้เหมือนกัน!”
เขานับว่าเป็ นลูกน้องที่ติดตามเหมียวอี้มานานที่สุด ติดตามมาตั้งแต่ตอนเหมียวอี้มีตาํ แหน่งเล็ก ๆ ช่วง
นี้ได้ติดต่อใกล้ชิดกับอวิน๋ จือชิวอยูเ่ สมอ ต่อให้ก่อนหน้านี้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จะไม่ได้บอก แต่เขาก็
พอจะเดาได้วา่ ทําไมเหมียวอี้มายืนอยูต่ รงนี้
“นายท่านไม่ใช่คนขี้ขลาด ขนาดนภาอู๋เลี่ยงยังกล้ามีเรื่ องด้วย ยอมหมอบราบคาบแก้วต่อฮูหยินขนาด
นี้ ท่านว่านายท่านทําเรื่ องอะไรแล้วรู ้สึกผิดมารึ เปล่า?” หยางเจาชิงถ่ายทอดเสี ยง
“นี่คือสิ่ งที่พวกเราควรพูดเหรอ? พวกเราได้แค่คิดไปในทางที่นี่เท่านั้น เพราะในใจของนายท่านมีฮู
หยิน ถึงได้ยอมศิโรราบขนาดนี้…สรุ ปว่านี่เป็ นเรื่ องระหว่างสามีภรรยา พวกเราอย่าเดามัว่ เลย ไปกัน
เถอะ เดี๋ยวนายท่านหันมาเห็นแล้วจะลําบากใจ พวกเราแกล้งทําเป็ นไม่รู้กพ็ อ” เหยียนซิ วบอก ทั้งสอง
ปรากฏตัวเงียบ ๆ แล้วก็ออกไปเงียบ ๆ
ยืนอยูแ่ บบนี้ค่อนข้างเบื่อเซ็ง เหมียวอี้นึกถึงวิธีการผ่านความทรมานสามวันนี้ออกแล้ว นํายาแก่น
เซียนเม็ดหนึ่งตบเข้าปากอย่างแนบเนียน เริ่ มหลับตาฝึ กฝน ถ้าทําแบบนี้ เวลาสามวันก็จะผ่านไปอย่าง
รวดเร็ วมาก
วันต่อมา ท้องฟ้ ามีเมฆครึ้ มก่อตัว เหมียวอี้มองไปบนฟ้ าอย่างกังวล มารดาเจ้าเถอะ ฝนคงไม่ตกใช่ม้ ยั
ถ้าฝนตกแล้วยังยืนอยูต่ รงนี้ ตนก็จะดูไม่ดีแล้ว
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เดินมาอีก ยังคงยกนํ้าชามาให้ เหมียวอี้กระดกดื่มไปไม่กี่ถว้ ย แล้วแอบเตือนทั้ง
สอง บอกทั้งสองว่าต่อไปไม่ตอ้ งนํานํ้าชามาให้แล้ว เขากลัวว่าคนอื่นจะสงสัย
ทั้งสองเพิง่ จะออกไปได้ไม่นาน บัณฑิตกับพ่อครัวก็มาด้วยกัน ในมือถือถาดอาหารและเครื่ องดื่มมา
ด้วย กลิ่นสัตว์ป่าย่างกรอบนอกนุ่มใน ทั้งยังมีผลไม้ป่าที่ลา้ งและหัน่ เรี ยบร้อยแล้ว สี สนั และรสชาติ
ครบครัน ถือประคองอยูใ่ นมือ กินไปพลางเดินไปพลาง
ทั้งสองต่างคนต่างยืนข้างกายเหมียวอี้ เหมียวอี้เหลือบซ้ายเหลือบขวาแวบหนึ่ง แล้วก็หลับตา
เหมือนเดิม
พ่อครัวเคี้ยวอาหารเสี ยงดัง พลางถามเหมือนแปลกใจว่า “เมื่อวานนายท่านยังชมทิวทัศน์ไม่พออีก
เหรอ? วันนี้ออกมาชมทิวทัศน์อีกแล้ว?”
เหมียวอี้หลับตาพลางกล่าวเสี ยงเรี ยบ “ประมุขตําหนักผูน้ ้ ีกาํ ลังคิดเรื่ องบางอย่าง พวกเจ้าสองคนให้ขา้
อยูเ่ งียบ ๆ ได้ม้ ยั ?”
บัณฑิตตอบว่า “นายท่าน ดูทอ้ งฟ้ าสิ คาดว่าฝนคงใกล้จะตกแล้ว ฮูหยินไม่อยู่ ไม่มีใครมารบกวนท่าน
ด้วย”
“ประมุขตําหนักผูน้ ้ ีกาํ ลังคิดเรื่ องสําคัญ อย่ามารวบกวนความคิดของข้า!” เหมียวอี้กล่าวด้วยนํ้าเสี ยง
จริ งจัง
บัณฑิตกับพ่อครัวแทบจะพ่นของที่กินอยูใ่ นปากออกมา กลั้นขําไม่หยุด พวกเขาติดตามรับใช้เถ้าแก่
เนี้ยมาไม่ใช่แค่ปีสองปี วิธีการทําโทษของเถ้าแก่เนี้ย พวกเขาคุน้ เคยดีที่สุดแล้ว เปลี่ยนเรื่ องตลกจริ ง ๆ
ที่พวกเขามาเสแสร้งแกล้งไม่รู้ต่อหน้าเหมียวอี้
“อ้าว! ฝนตกแล้วจริ ง ๆ !” พ่อครัวพลันยืน่ มืออกไปรับนํ้าฝน
พอเหมียวอี้ลืมตามอง ก็พบว่าท้องฟ้ ามีละอองฝนโปรยลงมาจริ ง ๆ เขามองซ้ายมองขวา พบว่าเจ้าสอง
คนที่น่ารําคาญเดินออกไปแล้ว
พ่อครัวที่เดินเข้ามาในตําหนักส่ ายหน้าทันที “เถ้าแก่เนี้ยไม่เกรงใจสามีตวั เองเลย แต่งงานกับเถ้าแก่เนี้ย
แล้ว เจ้าบ้าหนิวเอ้อร์นนั่ ได้ทรมานไปทั้งชีวติ แน่”
บัณฑิตส่ายหน้าพลางเดาะลิ้น “น่าเสี ยดายที่ช่างไม้กบั ช่างหิ นไปหามเกี้ยว ไม่รู้วา่ กลับมาแล้วจะมี
โอกาสได้เห็นหรื อเปล่า”
“เดี๋ยวกลับมาค่อยบอกพวกเขาสองคนก็สิ้นเรื่ องแล้ว” พ่อครัวกล่าว
ฝนตกแรงขึ้นเรื่ อย ๆ นักพรตที่เฝ้ าประตูตาํ หนักไม่รู้วา่ นายท่านประมุขปราสาทยืนคิดเรื่ องอะไรอยู่
ตรงนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะตากฝนไม่ยอมไปไหน แต่กช็ ่วยไม่ได้ ถ้าไม่ถูกเรี ยกก็ไม่กล้าไปรบกวนง่าย ๆ
ถึงแม้ฝนจะตกหนัก แต่สาํ หรับเหมียวอี้แล้ว สิ่ งนี้ยอ่ มไม่ส่งผลกระทบอะไร ก็แค่ฝนที่ตกหนัก มีหรื อ
ที่จะเข้าใกล้ร่างกายของเขาได้
ท่ามกลางฝนตก อินทรี เทพตัวหนึ่งบินฝ่ าเข้ามา เกาะอยูบ่ นชั้นตึกของกลุ่มสิ่ งปลูกสร้างบนยอดหน้าผา
ไกล ๆ
ชิงจวีน๋ าํ แผ่นหยกออกมา แล้วส่ งต่อให้หยางชิ่งอ่าน แต่ชิงเหมยที่อยูข่ า้ ง ๆ กลับไปยืนตรงหน้าต่างที่
ขมุกขมัว แล้วหันกลับมาบอกว่า “นายท่าน ฝนตกหนักขนาดนี้ ประมุขปราสาทยังอยูน่ อกตําหนักอยู่
เลย ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู”่
หยางชิ่งได้ยนิ แล้วอึ้งทันที รี บหย่อนเท้าลงจากเตียงแล้วเดินไปตรงหน้าต่าง ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง
ไปยังยอดเขาสูงสุ ดที่มีหมู่ขนุ เขาล้อมพิทกั ษ์ เห็นเหมียวอี้ยงั ยืนอยูท่ ่ามกลางสายฝนจริ ง ๆ เขาขมวดคิว้
อย่างอดไม่ได้ ดวงตาตาฉายแววครุ่ นคิดอะไรบางอย่าง และไม่นานก็คลายคิ้วที่ขมวดมุ่น อดไม่ได้ที่
จะส่ ายหน้าหัวเราะเบา ๆ แล้วสัง่ ว่า “ปิ ดหน้าต่างไว้ เดี๋ยวประมุขปราสาทมาเห็นเข้าจะเก้อเขิน”
ชิงเหมยได้ยนิ แล้วปิ ดหน้าต่าง จากนั้นก็หนั มาถามว่า “บ่าวไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ งของนายท่าน
เจ้าค่ะ”
หยางชิ่งถือแผ่นหยกเดินอ้อมมานัง่ หลังโต๊ะยาว แล้วพูดกลั้วหัวเราะ “ฮูหยินไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย
ๆ ประมุขปราสาทเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นานก็หนีไปข้างนอกแล้ว ไปรอบนี้ใช้เวลาหลายร้อยปี ถ้าฮู
หยินไม่จดั การประมุขปราสาทสักหน่อย ก็จะดูเป็ นเรื่ องแปลกด้วยซํ้า เรื่ องนี้พวกเจ้าแค่รู้ไว้กพ็ อ ถ้า
ข่าวแพร่ ออกไปจะทําลายศักดิ์ศรี หน้าตาของประมุขปราสาท ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ประมุขปราสาทที่
จะอับอายจนโมโห ฮูหยินเองก็ไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ พวกเราดูเอาสนุกก็พอ ไม่ตอ้ งปล่อยข่าวซี้ซ้ วั ”
ชิงจวีถ๋ ามอย่างตกตะลึง “นายท่านหมายความว่า ประมุขปราสาทกําลังโดนฮูหยินสัง่ ให้ยนื สํานึกผิด
เหรอ?”
“เจ้าคิดว่าประมุขปราสาทกําลังชมทิวทัศน์จริ งเหรอ? มีใครเขายืนอยูท่ ี่เดิมทั้งวันโดยไม่เบื่อบ้าง?
มิหนําซํ้า ฝนตกหนักขนาดนี้จะมองเห็นอะไรชัด?” หยางชิ่งพูดหยอกล้อ
ชิงจวีถ๋ ามอีกว่า “ฮูหยินทําแบบนี้เกินไปหน่อยรึ เปล่า ถึงอย่างไรประมุขปราสาทก็เป็ นเจ้านายของ
ปราสาทนี้ จะทําลายความสัมพันธ์ของสามีภรรยาหรื อเปล่าเจ้าคะ?”
หยางชิ่งส่ ายหน้า “จะทําลายความสัมพันธ์อะไรได้? ประมุขปราสาทกลับมาแล้ว ถ้าฮูหยินทําเหมือน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นัน่ ก็แสดงว่าทั้งสองมีปัญหากันแล้วจริ ง ๆ คนหนึ่งอยากทําโทษ อีกคนยอมโดนทํา
โทษ ก็แสดงว่าทั้งสองไม่มีเรื่ องอะไรแล้ว ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก ไม่อย่างนั้นด้วยนิสยั
อย่างประมุขปราสาท มีหรื อที่จะยอมให้คนมาเห็นภาพนี้”
ชิงเหมยที่ไม่ค่อยหัวเราะ ตอนนี้หวั เราะออกมาแล้ว “นายท่านกําลังบอกว่า นึกไม่ถึงว่าคนนิสยั ชอบ
ก่อเรื่ องอย่างประมุขปราสาทจะเจอกับดาวข่มเข้าแล้ว”
หยางชิ่งถอนหายใจ “นี่เป็ นเรื่ องดีนะ! ประมุขปราสาทชอบก่อเรื่ อง ส่ วนฮูหยินก็เป็ นคนแก้ปัญหาเก่ง
ฮูหยินควบคุมประมุขปราสาทได้ ประมุขปราสาทจะได้ก่อเรื่ องน้อย ๆ ลงหน่อย เป็ นผลดีกบั ทุกคน
ดีกว่าให้ประมุขปราสาทก่อเรื่ องจนทุกคนหวาดระแวงเช้ายันคํ่าหรอกน่า ยิง่ ไปกว่านั้น ฮูหยินก็ดูแลข้า
ดีมาก นางสามารถให้เคล็ดวิชาฝึ กตนที่ดีขนาดนั้นกับเวยเวยได้ ข้าหยางชิ่งก็นบั ว่าติดหนี้น้ าํ ใจฮูหยินอ
ย่างใหญ่หลวงแล้ว”
ชิงเหมย ชิงจวีก๋ ม้ หน้าฟังเงียบ ๆ ที่ฮูหยินให้เคล็ดวิชาฝึ กตนกับฉิ นเวยเวย ชัดเจนว่าเห็นแก่หน้าหยาง
ชิ่ง…
จู่ ๆ พายุฝนก็ซาลง แต่พอตกกลางคืน ฝนพรําก็กระหนํ่าแรงอีกครั้ง เช้าวันต่อมาฝนถึงหยุด พอตอน
เย็นฝนก็เดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด เป็ นอย่างนี้ซ้ าํ ไปซํ้ามา
เหมียวอี้คิดในใจว่าดีแล้ว ทางที่ดีให้ฝนตกจนกว่าอวิน๋ จือชิวจะกลับมา ให้นางได้รู้วา่ ตัวเองทําเกินไป
ขนาดไหน
ใครจะไปคิดว่าฟ้ าฝนจะไม่เป็ นใจ เหมือนเป็ นผลกรรมตามสนองใครบางคนที่ทาํ เรื่ องไม่ดีเอาไว้ ทน
มาจนถึงวันสุ ดท้ายแล้ว แต่ฝนเจ้ากรรมดันหยุดเสี ยได้ บนฟ้ าไร้เมฆครึ้ ม ฟ้ าสดใสราวกับโดนชะล้าง
พระอาทิตยขึ้นแล้ว เหมียวอี้สูดหายใจลึกหนึ่งที ทําสี หน้าเคียดแค้น!
พอใกล้จะถึงตอนเที่ยง เกี้ยวหลังหนึ่งก็เหาะลงมาจากฟ้ า เหมียวอี้หนั กลับไปมอง พบว่านอกจากช่าง
ไม้กบั ช่างหิ นที่หามเกี้ยว ยังมีอีกคนหนึ่งตามมาด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นฉิ นเวยเวย
เหมียวอี้ตกตะลึงอยูบ่ า้ ง ทั้งยังประหลาดใจนิดหน่อย เวลาสั้น ๆ เพียงสามร้อยปี ไม่น่าเชื่อว่าฉิ นเวย
เวยจะบรรลุระดับบงกชแดงแล้ว?
ผ่านไปประเดี๋ยวเดียว ฉินเวยเวยที่สวมชุดกระโปรงสี ขาวราวหิ มะก็เดินออกมาจากตําหนัก พอเห็น
เหมียวอี้ที่หนั ตัวมายิม้ ให้ ดวงตานางก็ฉายแววสับสน ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร พอได้เห็นเขา ก็มกั จะนึก
ถึงภาพที่เขากระอักเลือดใส่ หน้านาง ภาพตอนที่อุม้ นางขี่อาชามังกรหนีเอาชีวติ รอดทุกที
นางใจลอยเพียงครู่ เดียว จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาคํานับ “ข้าน้อยคํานับประมุขปราสาท”
ทั้งสองคุยกันได้สองสามคํา เชียนเอ๋ อร์กเ็ หาะออกจากตําหนักมาแล้ว “นายท่าน ฮูหยินเชิญเข้าพบเจ้า
ค่ะ!”
เหมียวอี้บอกลาฉินเวยเวยแล้วเดินสาวเท้าออกไป ทิ้งฉินเวยเวยที่สวมชุดกระโปรงสี ขาวดุจหิ มะไว้คน
เดียว นางมองตามหลังเขาไป มองจนกระทัง่ หายลับ ตัวเองถึงได้หนั หน้ากลับมาช้า ๆ แล้วออกไปจาก
ตรงนั้น
พอกลับมาถึงตําหนักหลัง แล้วไม่เห็นเงาของอวิน๋ จือชิว เหมียวอี้กท็ าํ หน้าบึ้งทันที “ฮูหยินล่ะ?”
“ฮูหยินเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ไปปอาบนํ้าแล้วเจ้าค่ะ” เชียนเอ๋ อร์ตอบ
เหมียวอี้ไม่พดู พรํ่าทําเพล มุ่งตรงไปที่หอ้ งอาบนํ้าทันที แต่ปรากฏว่าเสวีย่ เอ๋ อร์ที่เฝ้ าอยูห่ น้าประตูขวาง
ไว้ “นายท่านเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ ตอนฮูหยินอาบนํ้าจะไม่ให้ใครรบกวน”
“ตลกแล้ว! ข้าเป็ นผูช้ ายของนาง เป็ นสามีที่เคยคํานับฟ้ าดินและเข้าห้องหอกับนางแล้ว ตอนนาง
อาบนํ้าก็ใช่วา่ ข้าจะไม่เคยเห็น ทั้งโลกนี้ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไป ยกเว้นข้า หลีกไป!” เหมียวอี้กล่าวอย่าง
หงุดหงิด พลางผลักเสวีย่ เอ๋ อร์ให้หลีกทาง แล้วบุกเข้าไปด้วยสี หน้าบึ้งตึง
ตอนที่ 882
ฮูหยินระเบิดอารมณ์
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์สบตากันอย่างพูดไม่ออก จะขวางก็ขวางไม่อยูแ่ ล้ว! ปกติเวลาฮูหยินอาบนํ้า ทั้ง
สองจะเข้าไปปรนนิบตั ิเสมอ วันนี้จู่ ๆ ก็ให้พวกนางเฝ้ าด้านนอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็ นเรื่ องดีหรื อเรื่ อง
ไม่ดี หวังว่านายท่านจะไม่โชคร้ายหรอกนะ
ในห้องอาบนํ้าเป็ นสี ทองเรื องรอง ทุกที่ลว้ นฝังเลี่ยมไปด้วยทองคําและหยกขาว หรู หราไร้ที่เปรี ยบ
ปลาหลี่สองตัวที่สูงเท่าคนหนึ่งคนกําลังเงยหน้ากระดกหางราวกับมีชีวติ ชีวา กําลังอ้าปากพ่นนํ้าใส่
อ่างหยกขาวที่ใสแจ๋ วจนมองเห็นก้นอ่าง รอบอ่างนํ้าฝังเลี่ยมด้วยทองคํา สร้างเป็ นรู ปเกล็ดปลา เหยียบ
บนนั้นไม่มีทางลื่นล้ม
ในห้องอบอวลไปด้วยไอนํ้า อุณหภูมิกส็ ูงกว่าด้านนอกเช่นกัน เหมียวอี้ที่กา้ วยาวบุกเข้ามากวาดตาม
องรอบหนึ่ง มองไม่ใครอยูใ่ นอ่างอาบนํ้า สายตาจึงไปหยุดอยูข่ า้ ง ๆ
บนเตียงหยกที่สลักรู ปหงส์และมังกร อวิน๋ จือชิวกําลังนัง่ อยูบ่ นบนนั้น ยกแขนสองข้างดึงปิ่ นปั กผมลง
มา ถอดเครื่ องประดับศีรษะออก พอเห็นเหมียวอี้กห็ วั เราะคิกคัก “ทําไมท่านสามีถึงมาที่นี่ล่ะคะ? หรื อ
อยากจะมาแอบดูหม่อมฉันอาบนํ้า?”
เหมียวอี้พน่ เสี ยงทางจมูก แล้วเดินก้าวยาวเข้ามา นัง่ ลงข้างเตียงหยก แล้วบอกว่า “ใช่วา่ ข้าจะไม่เคย
เห็นเสี ยหน่อย มีส่วนไหนบนร่ างกายเจ้าที่ขา้ ไม่เคยเห็นบ้าง จําเป็ นต้องแอบดูดว้ ยเหรอ? ถ้าจะดูกต็ อ้ ง
ดูอย่างเปิ ดเผยไปเลย”
ผมนนุ่มดําขลับประลงบ่าและสยายไปด้านหลังราวกับนํ้าตก อวิน๋ จือชิววางมงกุฎหงส์ลง แล้วพยัก
หน้าบอกว่า “ท่านสามีพดู จามีเหตุผล หม่อมฉันก็ไม่ได้ไล่ท่านออกไปใช่ม้ ยั ล่ะคะ ตราบใดที่ท่านสามี
ชอบ หม่อมฉันจะไม่ยอมให้ท่านสามีดูเรื อนร่ างของหม่อมฉันได้อย่างไร? กลัวก็แต่เมื่อเวลาผ่านไป
นานเข้า ท่านสามีอาจจะเบื่อหน่าย ถึงตอนนั้นเมื่อขอให้ท่านสามีดู เกรงว่าท่านสามีคงจะไม่สนใจ”
เหมียวอี้ทาํ หน้านิ่ง พูดเน้นยํ้าทีละคําว่า “สามวันที่ผา่ นมา สองวันแรกฝนตก เจ้ารู ้รึเปล่า?”
อวิน๋ จือชิวเอามือป้ องปากหัวเราะทันที นางรู ้สถานการณ์แล้ว ไม่อย่างนั้นจะนัง่ พูดอยูต่ รงนี้ดว้ ยกันดี
ๆ ได้อย่างไร จึงรี บเข้าไปนัง่ กอดแขนเขาเอาไว้ “อย่าทําหน้าบึ้งสิ คะ ล้วนเป็ นความผิดหม่อมฉัน
หม่อมฉันปวดใจแทบตาย ท่านเองก็จริ ง ๆ เลยนะ ฝนตกแล้วไม่รู้จกั หาที่หลบ”
เหมียวอี้ดึงแขนนางออก แล้วพูดอย่างหงุดหงิด “ข้าจะกล้าเหรอ? เถ้าแก่เนี้ยมีอาํ นาจบารมีขนาดไหน
ต่างอะไรกับหญิงปากร้ายล่ะ? เวลาทะเลาะกันขึ้นมาเจ้าก็ไม่อายเลย แต่ขา้ ยังอายนะ!”
อวิน๋ จือชิวติดหนึบเหมือนขนมคอเป็ ด เข้ามากอดแขนเขาอีก นางยิม้ อย่างสดใสราวดอกไม้ “ท่านสามี
อย่าโมโหสิ โปรดระงับโทสะ ทั้งหมดล้วนเป็ นความผิดของหม่อฉัน หม่อมฉันเป็ นหญิงปากร้าย อย่า
ถือสาผูห้ ญิงปากร้ายอย่างหม่อมฉันได้ม้ ยั คะ?”
เหมียวอี้จอ้ งนาง ทําเสี ยงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “เจ้าเองก็รู้ตวั เหรอว่าเป็ นผูห้ ญิงปากร้าย? ข้าจะบอกเจ้าให้
นะ ถ้าครั้งหน้าเป็ นแบบนี้อีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
อวิน๋ จือชิวเอียงศีรษะไปซบไหล่ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ อ่อนโยน “หม่อมฉันรู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ ว่าในใจของ
ท่านสามีมีหม่อมฉัน ถึงได้ยอมรับความไม่ยตุ ิธรรมแบบนี้ ท่านสามีเป็ นชายชาตรี ผสู ้ ง่าผ่าเผยไม่กลัว
ตาย จะมากลัวหม่อมฉันได้อย่างไร ท่านตั้งใจจะยอมอ่อนข้อให้หม่อมฉันต่างหากล่ะ หม่อมฉันรู ้สึกดี
มากเลย รับรองว่าต่อให้อยูใ่ นฝันก็ยงั ยิม้ ได้ มีสามีแบบนี้ นับว่าหม่อมฉันไม่เสี ยชาติเกิดแล้ว แต่สิ่งนี้ก็
ทําให้หม่อมฉันเข้าใจหลักการบางอย่างเช่นกัน หากวันใดท่านสามีไม่ยอมทนรับความอยุติธรรมนี้เพือ่
หม่อมฉันแล้ว ก็แสดงว่าในใจท่านสามีไม่มีหม่อมฉันอีกต่อไป ในภายหลังหากมีโอกาส หม่อมฉันจะ
ใช้วธิ ีการนี้ทดสอบท่านสามีอีก”
เหมียวอี้ถลึงตาสองข้าง “อะไรนะ? เจ้ายังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะจนไหล่สนั่ “ท่านไม่ตอ้ งกังวลหรอก ระหว่างเราสองสามีภรรยาเท่าเทียมกันมาก
ต่อไปหากหม่อมฉันทําอะไรผิด ขอเพียงท่านสามีเอ่ยมาคําเดียว รับรองว่าหม่อมฉันไม่เรื่ องมากเสนอ
เงื่อนไขเหมือนท่านสามีแน่นอน อย่าว่าแต่ยนื สํานึกผิดเลย ถ้าท่านสามีให้ไปคุกเข่าหม่อมฉันก็จะไป
รับรองว่าจะไม่บ่นสักคํา”
เหมียวอี้พลันยืนขึ้น กล่าวด้วยสี หน้าครํ่าเครี ยดว่า “ข้าไม่ได้มีนิสยั ชอบสัง่ ให้คนอื่นคุกเข่า ข้าไม่ให้เจ้า
คุกเข่าหรอก เจ้าเองก็อย่าสัง่ ให้ขา้ คุกเข่าเหมือนกัน ข้าเป็ นผูช้ าย ไม่ทาํ ตัวเหมือนผูห้ ญิงอย่างพวกเจ้า
หรอก!” มารดาเจ้าสิ เขาสงสัยว่าการไปยืนตากฝนข้างนอกในครั้งนี้ อาจจะมีคนเดาออกว่าเกิดอะไร
ขึ้น ถ้ามีครั้งหน้าอีกคนจะไม่หวั เราะเยาะแย่หรอกเหรอ
“เป็ นผูช้ ายแล้วยังไงล่ะ? อย่ามาใช้มุกนี้! ใช้มุกนี้กบั ข้าไม่ได้ผลหรอก!” อวิน๋ จือชิวหุบยิม้ ผมงามห้อย
ลงมาประหลัง เหล่ตามองพร้อมถามว่า “หนิวเอ้อร์! ฟังจากที่เจ้าพูดแล้ว ครั้งหน้าเตรี ยมตัวจะไปโดย
ไม่บอกกล่าวอีกใช่ม้ ยั ?”
“ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเสี่ ยงอันตรายกับข้า เจ้ายังมีเหตุผลอยูม่ ้ ยั ไม่มีเหตุผลเลยจริ ง ๆ !” เหมียวอี้พดู ทิ้ง
ท้าย แล้วหันตัวเดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” อวิน๋ จือชิวพลันตวาดเสี ยงแหลม “เจ้าว่าใครไม่มีเหตุผล? หนิวเอ้อร์ ถ้าเจ้ากล้าก็ลอง
พูดอีกรอบสิ !” นางยกมือเช็ดตรงหว่างคิ้ว เช็ดโคลนซ่อนจิตออก เผยภาพมายาดอกบัวสี ทองบานหนึ่ง
กลีบ ทําท่าเหมือนจะใช้กาํ ลังข่มขู่
เหมียวอี้ที่หยุดฝี เท้าและหันตัวกลับมาตกตะลึงทันที จากนั้นก็เผยสี หน้าตื่นเต้นดีใจ รี บเดินเข้าไปใกล้
แล้วถามอย่างปลื้มใจมาก “เจ้าบรรลุระดับบงกชทองแล้วเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวกัดริ มฝี ปาก ยกเท้าเตะหน้าแข็งเขาเพื่อระบายอารมณ์ แล้วกล่าวด้วยสี หน้าเย็นเยียบ “ข้ายัง
ไม่ทนั ได้คิดบัญชีกบั เจ้า แต่เจ้าก็มาขึ้นอารมณ์ใส่ ขา้ แล้วเหรอ บอกมาเสี ยดี ๆ ระหว่างเจ้ากับพี่นอ้ งฝา
แฝดคู่น้ นั มันเป็ นยังไงกันแน่?”
เหมียวอี้ที่กาํ ลังลูบขาหัวใจกระตุกวูบ แสร้งถามอย่างงุนงงว่า “พี่นอ้ งฝาแฝดอะไร?”
“หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่ามาใช้มุกนี้กบั ข้า! ลูกสาวฝาแฝดของโอวหยางกวงท่านทูตสายชวด ลูกสาวของอัน
หรู อวี้แห่งแดนโพ้นสวรรค์ ชื่อโอวหยางหลางกับโอวหยางหวน เจ้ากล้าบอกมั้ยว่าเจ้าไม่รู้จกั ?” อวิ๋
นจือชิวยืนขึ้นตะคอกแล้ว
เหมียวอี้ตอบอย่างกินปูนร้อนท้องว่า “อ๋ อ! เจ้าหมายถึงพวกนางเหรอ รู ้จกั สิ รู้จกั แต่ไม่สนิทหรอก มี
เรื่ องอะไรเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ มุ่น “ไม่สนิทจริ งเหรอ? แต่ขา้ ได้ยนิ มาว่าเจ้านอนกับพวกนางมาแล้วนะ? ได้ยนิ ว่า
เจ้ายอมรับออกมาเองตอนงานนิทรรศการของวิเศษที่แดนอู๋เลี่ยง ข้าก็สงสัยอยู่ ว่าทําไมตอนนั้นถึง
ทําท่าจะสูต้ ายกับเจ้า สงสัยจะเป็ นเพราะท่านบุรุษเหมียวไปนอนกับลูกสาวของเขา” พูดจบก็เดินมา
ตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วใช้นิ้วแหลมจิ้มที่หน้าอกเหมียวอี้ “หนิวเอ้อร์! เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยนะ! ข้าดูไม่
ออกเลย! ยังจะมาเล่นลูกไม้อีก ที่แท้เจ้าก็มีรสนิยมแบบนี้ ฝาแฝดคู่น้ นั รสชาติไม่เลวเลยใช่ม้ ยั ล่ะ?”
เหมียวอี้แทบจะเหงื่อท่วมหัว โดนนางจิ้มจนเดินถอยหลัง แต่กลับแสร้งทําสี หน้าโมโห “ไอ้เลวที่ไหน
มันพูดจาไร้สาระ เจ้าบอกมาซิ ใครจะมันสร้างข่าวลือ ข้าจจะไปคิดบัญชีกบั มัน!”
อวิน๋ จือชิวคว้าคอเสื้ อเขาเอาไว้ แล้วพูดเน้นทีละคําว่า “คิดบัญชีเหรอ? ได้! หนิวเอ้อร์ เจ้าฟังให้ดีนะ
ปราชญ์เซี ยนมู่ฝานจวิน นางบอกข้าเองกับปาก ทั้งยังบอกด้วยว่าพวกผูช้ ายเจ้าชูห้ ลายใจ ให้ขา้ จับตาดู
เจ้าไว้ให้ดี! ข่าวสารของนางใช้สิ่งที่คนทัว่ ไปจะเทียบติดรึ ไงล่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าต้องมีมูลเหตุ!”
“…” เหมียวอี้ทาํ สี หน้าไม่ถกู มู่ฝานจวินกินยาผิดมาเหรอ? ไม่น่าเชื่อว่าจะมายุง่ เรื่ องในครอบครัวของ
ข้า! จึงถามอย่างสงสัยว่า “พูดจริ งรึ เปล่า? นางพูดเรื่ องด้วยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวดึงหูของเขา ออกแรงบิดพร้อมบอกว่า “นอกจากนางแล้ว ที่แดนเซี ยนยังมีใครกล้าพูดข่าว
เสี ยหายของคุณชายรองแห่งแดนโพ้นสวรรค์อีกล่ะ! ไอ้เวรนี่ เจ้าคิดจะปิ ดบังข้าไม่จนถึงเมื่อไร!”
“ฮูหยิน เบาหน่อย ๆ เจ็บ!” เหมียวอี้เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน เขาเขย่งเท้าเพราะโดนนางดึงหูยกขึ้นสู ง
มาก เมื่อโดนจับจุดอ่อนเพราะเป็ นฝ่ ายทําเรื่ องผิดแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าตอบโต้ ทําได้เพียงร้องออกมา
“ให้ขา้ พูดบ้างไม่ได้เหรอ! นัน่ เป็ นความผิดพลาดแท้ ๆ เลย แม่งเอ๊ย ข้าต่างหากที่เป็ นคนที่โชคร้าย
ที่สุด เรื่ องนี้ตอ้ งเล่าตั้งแต่ตอนที่ขา้ ไปโรงเตี๊ยมเมฆาวายุครั้งแรก”
พออวิน๋ จือชิวปล่อยมือจากเขา เท้าที่อยูใ่ ต้กระโปรงก็บินออกมา เตะที่หน้าแข้งเขาอย่างแรง แล้วกล่าว
อย่างดุดนั ว่า “บอกมา! ทําไมมาเกี่ยวข้องกับโรงเตี๊ยมของข้าได้? เจ้าบ้านี่ พวกเจ้าคงไม่ได้มาแอบทํา
เรื่ องหน้าไม่อายกันในโรงเตี๊ยมหรอกมั้ย?”
ถ้าเป็ นแบบนั้นจริ ง ๆ นางคงโมโหตายแน่ ๆ เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะเหมียวอี้นอนกับนางที่
โรงเตี๊ยมเมฆาวายุ ถ้ายังแอบนอนกับคนอื่นในโรงเตี๊ยมของนางอีก จะให้นางทนความรู ้สึกได้
อย่างไร!
เหมียวอี้เอามือลูบหูลูบขาอีกครั้ง เจ็บทั้งข้างบนข้างล่าง ทั้งยังต้องหาโอกาสโบกไม้โบกมืออีก “เปล่า
นะ เปล่าเลย ไม่เคยทําเรื่ องผิดต่อเจ้าที่โรงเตี๊ยมแน่นอน เจ้าเองก็รู้มูลเหตุก่อนหน้า ครั้งแรกที่ขา้ ไป
โรงเตี๊ยมเมฆาวายุกเ็ พราะได้รับคําสัง่ ให้ไปหาเรื อมังกรอเวจีที่ทะเลทรายม่านเมฆา…”
เขาไม่รู้วา่ มู่ฝานจวินรู ้เรื่ องนี้มากแค่ไหนกันแน่ และไม่รู้วา่ นางบอกเมียตัวเองไปมากแค่ไหน ถ้าหาก
พูดไม่ตรงกัน เขากังวลว่าผูห้ ญิงคนนี้จะสู ก้ บั ตนอย่างสุ ดชีวติ แน่นอน ทําได้เพียงเล่าต้นสายปลายเหตุ
อย่างละเอียด
เริ่ มตั้งแต่ไปปฏิบตั ิภารกิจลับที่ทะเลทรายม่านเมฆา ตอนหลังโดนลอบสังหารระหว่างที่ตามหาเรื อ
มังกรอเวจี อันเจิ้งเฟิ งจึงส่ งโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนที่ปลอมตัวเป็ นผูช้ ายมาปกป้ องตน
อยากจะล่อมือสังหารออกมา แต่พอเจอเรื อมังกรอเวจีแล้ว ฝาแฝดคู่น้ นั ก็โดนพิษราคะที่อยูใ่ นเจ็ด
อารมณ์หกปรารถนา จากนั้นเขาก็เล่าเหตุการณ์ที่ตวั เอง ‘ประสบเคราะห์’ ด้วยสี หน้าขื่นขม
สิ่ งที่เล่าออกมาล้วนเป็ นความโศกเศร้า พอเล่าจบก็พดู เสริ มอีกว่า “ข้าต่างหากล่ะที่เป็ นเหยือ่ ! หลังจาก
นั้นมาข้าก็ไม่เคยแตะต้องพวกนางอีกเลยจริ ง ๆ อยากจะหลบยังหลบไม่ทนั เลย!”
เหตุการณ์ในระหว่างนั้น อวิน๋ จือชิวรู ้แล้ว รวมทั้งเห็นภาพที่เหมียวอี้โดนลอบสังหารในทะเลทรายกับ
ตาตัวเอง ได้เห็นความห้าวหาญดุร้ายของเหมียวอี้กบั ตาตัวเองมาแล้ว ตอนนั้นเขามีวรยุทธ์บงกชเขียว
แต่กาํ จัดนักพรตบงกชแดงไปได้สองคน
อันที่จริ ง ตั้งแต่เจอเหมียวอี้ที่วดั เมี่ยวฝ่ าครั้งแรก จนกระทัง่ เหมียวอี้โดนลอบสังหารโดยนักพรตบงกช
แดงสองคนที่ทะเลทรายม่านเมฆา ทั้งยังสู ต้ ายกับเฟิ งเสวียนเพื่อแย่งชิงตน สิ่ งเหล่านั้นทําให้นางได้
รับรู ้ถึงด้านที่กล้าหาญของผูช้ ายคนนี้อย่างลึกซึ้งแล้ว ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวแน่นอน
ถึงแม้จะเป็ นเช่นนี้ แต่หลังจากได้ฟังความจริ ง อวิน๋ จือชิวก็ยงั โกรธจนหน้าเขียวอยูด่ ี ตอนแรกที่ได้ฟัง
นางค่อนข้างรับไม่ไหวจริ ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าผูช้ ายของตนจะโดนผูห้ ญิงสองคนขืนใจ! เรี ยกได้วา่ โมโห
จนตัวสัน่ จู่ ๆ ก็ทาํ ตัวเหมือนคนบ้า “นางตัวดีสองคนนั้น ข้าจะฆ่าทิ้งซะ!”
พอหันตัวมาก็เห็นนางผมสยายพุง่ ไปข้างนอก เหมียวอี้ตกใจจนหน้าถอดสี ถลันตัวเข้าไปขวางนางไว้
กอดนางแน่น พร้อมพูดขอร้องว่า “ไม่ใช่แล้วมั้ง! เจ้าคงไม่คิดจะทําเรื่ องแบบนี้ให้ใหญ่โตขึ้นหรอก
ใช่ม้ ยั ? เรื่ องนี้พวกนางก็ไม่ได้ต้ งั ใจเหมือนกัน ท่านย่าขอรับ ท่านไว้หน้าข้าสักหน่อยดีม้ ยั !”
ใครจะคิดว่าอวิน๋ จือชิวจะดึงมวยผมของเขาเอาไว้ แล้วกดลงไปกับพื้นโดยตรง จากนั้นก็ลงหมัดลงเท้า
ซ้อมราวกับพายุคลัง่ ซ้อมไปพลางด่าไปพลาง “เจ้ายังเป็ นผูช้ ายอยูร่ ึ เปล่า! ไอ้คนไร้ประโยชน์ ถ้าเจ้าไป
ขืนใจพวกนาง ข้ายังจะนับถือว่าเจ้ากล้าหาญอยูห่ รอก โอ้แม่เจ้า! ชายหนุ่มผูส้ ง่าผ่าเผยโดนผูห้ ญิงสอง
คนขืนใจ เจ้าไม่รู้จกั ขัดขืนเลยเหรอ? ถ้าเรื่ องนี้แพร่ ออกไปข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไอ้เวรเอ๊ย ทําไม
เจ้าไม่ไปตายซะล่ะ! โดนผูห้ ญิงขืนใจแล้วยังกล้ามาขึ้นเตียงกับข้าอีก เจ้ามันไร้ยางอาย!”
เหมียวอี้โดนซ้อมจนมุดไปอยูท่ ี่มุมกําแพง หดตัวอยูท่ ี่มุมกําแพง เอามือกุมศีรษะร้องโอดครวญ “แม่ง
เอ๊ย! ตอนนั้นข้าวรยุทธ์เท่าไรล่ะ ข้าวรยุทธ์บงกชเขียวนะ พวกนางสองคนวรยุทธ์บงกชม่วง แค่กระดิก
นิ้วทีเดียวข้าก็ขยับตัวไม่ได้แล้ว มิหนําซํ้าพวกนางยังมีกนั สองคน เจ้าจะให้ขา้ ขัดขืนอย่างไรล่ะ?”
“แล้วเจ้ายังมีหน้าอยูม่ าจนวันนี้ได้ยงั ไง ทําไมไม่กดั ลิ้นตัวเองตายไปซะ?”
“กัดลิ้นตัวเองตายเหรอ? ถุยสิ เจ้าคิดได้เนอะ เจ้ายังมีเหตุผลอยูร่ ึ เปล่า!”
“ข้าไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ!” อวิน๋ จือชิวคําราม แล้วซ้อมเขาอย่างโมโหบ้าคลัง่
เป็ นเพราะเสี ยงซ้อมคนดังเกินไป เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ งนอกจําต้องวิง่ เข้ามาดูความเคลื่อนไหว
พอเห็นภาพนี้ ทั้งสองก็ตกตะลึงพรึ งเพริ ด นึกไม่ถึงว่าเวลาฮูหยินระเบิดอารมณ์แล้วจะซ้อมนายท่าน
แบบนี้! จึงรี บเข้ามาดึงแขนอวิน๋ จือชิวเอาไว้พร้อมกัน “ฮูหยินโปรดระงับโทสะ! ท่านทําแบบนี้นาย
ท่านอาจจะตายได้นะเจ้าคะ!”
ตอนที่ 883
ทางหนีทไี ล่ สุดท้ าย
เหมียวอี้กลับไม่ถือสา เขาเองก็ถือว่าคบหาเป็ นเพื่อนกับฉินเวยเวยมาหลายปี เพียงยิม้ บาง ๆ แล้ว
สุ ดท้ายก็เดินเข้ามานัง่ ชี้ไปยังทั้งสอง แล้วถามต่อว่า “พวกเจ้าสองคนนี่ยงั ไงกัน?”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์รินสุ ราให้ท้ งั สาม ฉินเวยเวยกล่าวขอบคุณ
อวิน๋ จือชิวรู ้วา่ เขาอยากจะถามอะไร จึงเล่าสถานการณ์ให้ฟัง บอกว่านางกับฉิ นเวยเวยถูกชะตาเหมือน
รู ้จกั กันมานาน ตอนที่เหมียวอี้ไม่อยู่ อวิน๋ จือชิวมักจะเรี ยกนางมาคุยเล่นในตําหนัก เมื่อเวลาผ่านไป
นาน ๆ ทั้งสองก็กลายเป็ นพี่นอ้ งกันแล้ว ตอนที่ไม่มีคนนอกอยูด่ ว้ ย อวิน๋ จือชิวก็จะเรี ยกฉิ นเวยเวยว่า
น้องสาว ส่ วนฉินเวยเวยก็จะนับถืออวิน๋ จือชิวเป็ นพี่สาว
แน่นอนว่าในช่วงแรกฉินเวยเวยเอ่ยปากลําบากมาก เพราะทั้งสองฝ่ ายมีฐานะแต่งต่างกัน แต่ภายใต้
การริ เริ่ มของอวิน๋ จือชิว ทําแบบนี้ไม่กี่ร้อยปี ก็ชินแล้ว เวลาไม่มีคนนอกก็จะเรี ยกอวิน๋ จือชิวว่าพี่สาว
ถึงอย่างไรเหมียวอี้กไ็ ม่อยู่ บางครั้งฉินเวยเวยถึงกับโดนรั้งให้อยูค่ า้ งคืนกับอวิน๋ จือชิวด้วยซํ้า การที่ท้ งั
สองนอนร่ วมเตียงและพูดคุยเรื่ องสัพเพเหระกันก็เป็ นเรื่ องปกติ ตอนนี้เหมียวอี้กลับมาแล้ว นางย่อม
ไม่สะดวกจะอยูค่ า้ งคืนด้วยอีก
“ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้” เหมียวอี้เข้าใจในทันที เขาเหลือบมองอวิน๋ จือชิวหลายครั้ง พอจะเข้าใจวิธีการของ
นางอยูบ่ า้ ง นางออกจากทะเลทรายม่านเมฆามาอยูท่ ี่แดนเซี ยน ประกอบกับที่เหมียวอี้เพิง่ เลื่อนขั้นจาก
ประมุขสองตําหนักเป็ นประมุขปราสาทดําเนินสุ ริยนั แม้แต่พวกเหยียนซิ วก็ยงั ไม่รู้สถานการณ์ของ
ที่นี่ชดั เจน ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงอวิน๋ จือชิวเลย ยิง่ ไปกว่านั้น ถึงอย่างไรนางก็เป็ นฮูหยินของประมุข
ปราสาท ยังต่างกับประมุขปราสาทตัวจริ ง สานสัมพันธ์กบั ฉิ นเวยเวยเอาไว้เพื่อผูกมัดให้หยางชิ่งคุม
กําลังพลเบื้องล่างให้มนั่ คง ก็คือเรื่ องที่จาํ เป็ นมาก
ครั้งแรกที่ไปถํ้าคล้อยบูรพา เขาก็โดนคนกลัน่ แกล้ง ตอนเลื่อนขั้นเป็ นประมุขเขาเจิ้นไห่กโ็ ดนคนกลัน่
แกล้ง พอเลื่อนขั้นเป็ นประมุขจวนเมฆธาราก็โดนคนกลัน่ แกล้งอีก ตอนเลื่อนขั้นเป็ นประมุขสอง
ตําหนักก้ยงั มีคนมาท้าทาย พอมาที่นี่…คนส่ วนใหญ่ของที่นี่ลว้ นเป็ นกําลังพลเก่าของเฉิ งอ้าวฟาง เฉิ ง
อ้าวฟางโดนแย่งอาณาเขตไปหนึ่งปราสาท ในใจนางจะต้องไม่ปลื้มแน่นอน ถ้าไม่มีใครก่อกวนก็
แปลกแล้ว
ไม่ตอ้ งถามก็รู้วา่ ผูห้ ญิงคนนี้ใช้พลังความคิดไปมากเท่าไรเพื่อคุมปราสาทดําเนินสุ ริยนั ตอนที่เขาไม่อยู่
ยิง่ อาณาเขตใหญ่โต ปัญหาก็ยงิ่ เยอะ สามารถอาศัยตําแหน่งฮูหยินนัง่ ออกคําสัง่ อยูบ่ นบัลลังก์ประมุข
ปราสาทนั้นไม่ง่ายเลย ไม่ได้อยูใ่ นตําแหน่งที่เป็ นทางการ จึงพูดอะไรไม่สะดวก ต้องรับแรงกดดันทั้ง
ข้างบนทั้งข้างล่าง จะเห็นได้ช่วงแรกลําบากขนาดไหน
พอนึกถึงจุดนี้ เขาก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ตอนที่เขานําเครื่ องประดับไปมอบให้ป้ ี เยว่ฮูหยิน ใครจะไปคิด
ว่าจะโดนปี ศาจโลหิ ตขังไว้สามร้อยกว่าปี …เขาหันกลับมามองฉิ นเวยเวย แล้วถามพร้อมรอยยิม้ “เวลา
สั้น ๆ เพียงสามร้อยปี จู่ ๆ ก็บรรลุระดับบงกชแดงแล้วเหรอ เป็ นเรื่ องน่ายินดีจริ ง ๆ ”
“เป็ นบุญคุณของฮูหยิน ที่มอบเคล็ดวิชาฝึ กตนดี ๆ ให้ขา้ ” ฉินเวยเวยกล่าวอย่างเก้อเขินเล็กน้อย
“นี่!” อวิน๋ จือชิวเอานิ้วจิ้มหน้าผากที่เกลี้ยงเกลาของฉิ นเวยเวย พลางยิม้ อย่างสดใสราวกับดอกไม้
“บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ได้อยูต่ ่อหน้าคนนอกห้ามเรี ยกฮูหยิน ดื่มสุ ราทําโทษ!”
ฉิ นเวยเวยทําตามเพื่อแสดงความเคารพ ทําได้เพียงดื่มรวดเดียวหมดจอก
ตอนแรกนางยังสํารวมอยูบ่ า้ ง ตอนหลังพอเห็นเหมียวอี้ยงั คงทําตัวสบาย ๆ บนใบหน้าก็ค่อย ๆ เผย
รอยยิม้ ค่อย ๆ ปลดปล่อยออกมา พูดคุยกับอวิน๋ จือชิวอย่างเบิกบานใจ ทั้งสองเรี ยกขานกันว่าพี่นอ้ ง
พูดคุยไปหัวเราะไป มองออกเลยว่ายามปกติคบหาจนสนิทสนมกันจริ ง ๆ
ในทางตรงกันข้าม เหมียวอี้ที่รู้จกั ฉินเวยเวยมาหลายปี แทบจะไม่เคยเห็นฉิ นเวยเวยพูดคุยอย่างเบิก
บานใจแบบนี้เลย ภาพฉิ นเวยเวยที่อยูใ่ นภาพความทรงจําของเขามาตลอด ก็คือผูห้ ญิงสวยที่เย็นชา
เหมือนภูเขานํ้าแข็ง ครั้งแรกที่เจอฉินเวยเวย นางก็ทาํ สี หน้าเย็นชาแล้ว น้อยครั้งที่จะเห็นใบหน้ายิม้
แย้ม
ครั้งนี้ได้เห็นฉิ นเวยเวยที่อยูภ่ ายใต้แสงไฟยิม้ ด้วยท่าทางพราวเสน่ห์ ยิม้ เห็นฟันขาวและเผยดวงตาอัน
สดใส ช่างน่าประทับใจ!
ทั้งสามกินดื่มและคุยเล่นกัน อาหารมื้อนี้สุขสันต์มาก ตอนที่กาํ ลังจะแยกย้าย อวิน๋ จือชิวก็เป็ นฝ่ ายเชิญ
อีก “เมื่อก่อนพวกเจ้าสองคนเล่นหมากล้อมด้วยกันบ่อยไม่ใช่เหรอ? หนิวเอ้อร์เพิง่ จะกลับมา น้องสาว
เล่นกับเขาให้หายอยากสักหน่อยสิ ”
เมื่อพูดถึงเรื่ องเล่นหมากล้อม เหมียวอี้กเ็ หมือนโดนยัว่ ให้หิว เพราะไม่ได้แตะต้องมาหลายปี แล้ว เขาถู
ไม้ถูมือทันที “เวยเวย เรามาประลองกันสักหน่อยมั้ย?”
ฉินเวยเวยหันไปมองสี ของท้องฟ้ าด้านนอก แล้วตอบอย่างลังเล “ดูจากสี ของท้องฟ้ า เวลาน่าจะใกล้ค่าํ
แล้ว พี่สาวอยูเ่ ล่นกับนายท่านดีกว่าค่ะ”
อวิน๋ จือชิวยักไหล่สองข้าง “ข้าก็อยากจะเล่นกับเขานะ แต่ขา้ เล่นหมากล้อมไม่เป็ นน่ะสิ !”
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ เหมียวอี้กถ็ ามอย่างฉงนใจนิดหน่อย “ถ้าข้าจําไม่ผดิ ตอนแรกที่เจ้าเห็นพวกเราเล่น
หมากล้อมกัน เจ้ายังบอกว่าวันหลังจะเล่นแข่งกับข้าอยูเ่ ลยนะ”
อวิน๋ จือชิวพูดเหน็บแนมว่า “ตอนนั้นข้าล้อเจ้าเล่น ถ้าข้าเล่นเป็ นคงเล่นกับเจ้าไปนานแล้ว เจ้าเห็นข้า
เคยเล่นหมากล้อมกับเจ้ามั้ยล่ะ?”
เหมียวอี้ลองคิดไปคิดมา ก็พบว่าไม่เคยเล่นด้วยกันจริ ง ๆ จึงส่ ายหน้าทันที “งั้นเจ้าก็ขาดความบันเทิง
ไปแล้วหนึ่งอย่าง เวยเวย เรามาประลองกันสักหน่อยเถอะ ให้นางคอยดูไป”
ในเมื่อประมุขปราสาทเอ่ยปากแล้ว ฉิ นเวยเวยก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธ ทีแรกก็อยากปฏิเสธอยูห่ รอก แต่
พอได้ยนิ ว่าอวิน๋ จือชิวเล่นหมากล้อมไม่เป็ น นางจึงมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วก็พยักหน้าโดยไม่พดู
อะไร
อวิน๋ จือชิวจูงมือนางไว้อีกครั้ง “ไปกัน ๆ อยูท่ ี่นี่ไม่ตอ้ งเกรงใจ ไม่อย่างนั้นพี่สาวจะโกรธแล้วนะ”
จูงมือเดินไปตลอดทาง ไม่ได้พาไปที่ไหน แต่พาฉิ นเวยเวยเข้ามาในห้องนอนของนางกับเหมียวอี้ แล้ว
ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จดั โต๊ะเล่นหมากล้อมให้เรี ยบร้อย ถึงอย่างไรในห้องก็มีพ้นื ที่วา่ งเยอะ
ฉิ นเวยเวยค่อนข้างอึดอัดกับสิ่ งนี้ เพราะนี่คือสถานที่หลับนอนของสามีภรรยา จึงถามอย่างกังวลว่า
“พี่สาว ไปเล่นหมาล้อมข้างนอกกันดีม้ ยั คะ?”
เหมียวอี้ที่เดินตามหลังมาก็พดู ไม่ออกเหมือนกัน คิดในใจว่า โถ่ ฮูหยิน นี่มนั สถานที่ส่วนตัวของเรา
สองคนนะ ทําไมเจ้าพาคนอื่นมาในห้องนอนของพวกเราล่ะ
“เกรงใจอะไร ใช่วา่ เจ้าจะไม่เคยมาเสี ยหน่อย กลัวข้าจะจับเจ้ากินรึ ไง เล่นที่นี่แหละ” อวิน๋ จือชิว
ตัดสิ นใจเอง กดนางให้นงั่ ลงไป
ในเมื่ออวิน๋ จือชิวยังไม่ถือสา เหมียวอี้กไ็ ม่วา่ อะไรแล้ว เมื่อเห็นกระดานหมอกล้อมก็ตาลุกวาว หย่อน
ก้นนัง่ ลง แล้วกวักมือบอก “เริ่ มเลย ๆ ”
ฉิ นเวยเวยทําได้เพียงปฏิบตั ิตาม เริ่ มลงหมากแข่งกับเหมียวอี้ทีละตัว
อวิน๋ จือชิวทําท่าเหมือนไม่รู้อะไรเลย นัง่ ดูเอาสนุกอยูข่ า้ ง ๆ หลายครั้งที่ขอคําชี้แนะวิธีการลงหมาก
เมื่อเห็นว่านางไม่รู้จริ ง ๆ ว่าควรจะลงหมากยังไง ฉิ นเวยเวยก็แอบโล่งใจ ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่รู้จริ ง ๆ
ว่าควรจะลงหมากต่อไปยังไง
กลับเป็ นเหมียวอี้ที่คอยพูดแนะนําอยูเ่ รื่ อย ๆ ตอนหลังรําคาญที่อวิน๋ จือชิวโง่ในด้านนี้มากเกินไป
ประกอบกับเวลาที่สมาธิจมดิ่งอยูก่ บั การ ‘โจมตี’ เจ้าบ้านี่กเ็ หมือนเปลี่ยนเป็ นคนละคน จ้องแต่จะ
เอาชนะอย่างเดียว ราวกับว่าถ้าแพ้แล้วจะร่ วงหล่นลงสู่เหวลึก! ดังนั้นจึงทนรําคาญไม่ไหว บอกให้อวิ๋
นจือชิวหุบปากเสี ยเลย!
อวิน๋ จือชิวก็เลยไปนัง่ อยูข่ า้ ง ๆ นัง่ เอามือเท้าคางพลางมองดูท้ งั สองคนเล่นกัน ทั้งยังให้คนที่เล่นหมาก
ล้อมเป็ นอย่างเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ถอยออกไปด้วย
แต่เมื่อไรที่เห็นฉินเวยเวยพยายามใช้ความคิดเล่นเพื่อให้เหมียวอี้ชนะ อวิน๋ จือชิวก็จะตาเป็ นประกาย
เสมอ นางย้ายสายตาออกจากกระดานหมอกล้อมอย่างแนบเนียน คอยสังเกตปฏิกิริยาของฉินเวยเวยอ
ย่างเงียบ ๆ เมื่อไรที่เห็นฉินเวยเวยสื่ ออารมณ์ที่แท้จริ งออกมาทางสายตา มองเหมียวอี้อย่างอ่อนโยน
อวิน๋ จือชิวก็จะแอบมองเหมียวอี้ที่กม้ หน้าเล่นหมากล้อมอย่างดื้อดึง
เมื่อเล่นได้ครึ่ งทาง เห็นว่านํ้าชาหมดกาแล้ว อวิน๋ จือชิวก็หาข้ออ้างถือกานํ้าชาออกไป
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ งนอกรี บเข้ามารับกานํ้าชาเปล่าไปเติมแล้วจะถือเข้าไป แต่กลับโดนอวิ๋
นจือชิวโบกมือห้ามไว้ “พวกเขากําลังเล่นกันสนุก ๆ อย่าไปรบกวนเลย พวกเราออกไปเดินเล่นกัน
เถอะ”
เมื่ออยูท่ ี่ตาํ หนักหลัง คําพูดของนางมีผลมากกว่าคําพูดของเหมียวอี้ ยิง่ ไปกว่านั้น เดิมทีนางก็เป็ นใหญ่
ที่สุดในตําหนักหลังแห่งนี้อยูแ่ ล้ว ประกอบกับที่นางกล้าซ้อมประมุขปราสาท แม้แต่ประมุขปราสาท
ยังโดนนางซ้อมจนขดตัวที่มุมผนัง หญิงรับใช้ท้ งั สองย่อมไม่กล้าขัดคําสัง่
ทั้งสองนําผ้าคลุมกันหนาวมาคลุมไหล่ให้อวิน๋ จือชิว แล้วเดินตามนางไปที่นอกประตูตาํ หนักใหญ่ ทํา
ให้นางในสองคนที่เฝ้ าเวรยามจุดตะเกียงทันที
อวิน๋ จือชิวโบกมือให้พวกนางถอยไป แล้วพาเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เดินเล่นช้า ๆ อยูใ่ นตําหนักหลัง
เดินชมแสงจันทร์สีเงิน เดินมาถึงหน้าศาลาในสวนดอกไม้ รอบข้างเงียบสงัด นางเงยหน้ามอง
พระจันทร์นานมาก
เมื่อเห็นนางไม่ขยับไปไหนเสี ยที เชียนเอ๋ อร์กถ็ ามหยัง่ เชิงว่า “ฮูหยินกําลังคิดอะไรอยูเ่ จ้าคะ?”
อวิน๋ จือชิวที่เงยหน้ามองพระจันทร์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกว่า “นายท่านยังยืนหยัดตั้งมัน่ ที่พิภพเล็ก
ไม่ได้ คนที่สามารถเล่นงานให้เขาถึงตายได้มีเยอะเกินไป อนาคตไม่แน่นอน จะดีจะร้ายก็ยากจะคาด
เดา ในฐานะภรรยาที่จะอยูเ่ คียงข้างกันไปตลอดชีวติ ข้าจะทําเป็ นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร…”
หญิงรับใช้ท้ งั สองสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้วา่ ทําไมจู่ ๆ นางถึงทอดถอนใจแบบนี้
พวกนางยืนนิ่ง ๆ อยูน่ อกศาลานานมาก แล้วก็เดินเล่นที่ตาํ หนักหลังอีกพักหนึ่ง ถือโอกาสตรวจดูที่พกั
ของเหล่านางในไปด้วย พอดึกมากแล้ว นางถึงได้ถือกานํ้าชากลับมา ริ นเติมนํ้าชาใส่ ถว้ ยให้ท้ งั สองที่
กําลังเล่นหมากล้อม แล้วนัง่ เท้าคางมองดูอยูข่ า้ ง ๆ ต่อไป
จนกระทัง่ ฉิ นเวยเวยรู ้สึกว่าดึกเกินไปแล้ว ไม่สะดวกจะอยูต่ ่อ การแข่งหมากล้อมจึงจบลง หลังจากส่ ง
ฉินเวยเวยกลับไป อวิน๋ จือชิวก็หวั เราะคิกคักเดินกลับเข้ามา “หนิวเอ้อร์ วันนี้เล่นหมากล้อมเต็มอิ่มมั้ย
ล่ะ?”
เหมียวอี้มองไปที่กระดานหมากล้อมอย่างอิ่มใจทันที นัง่ ลงข้างโต๊ะ ยังคงหวนคิดถึงความสนุก
หัวเราะเสี ยงดังแล้วบอกว่า “เจ้าอย่าพูดเลย เล่นหมากล้อมกับฉิ นเวยเวยถึงอกถึงใจที่สุดแล้ว”
“เต็มอิ่มก็ดีแล้ว! ผ่านไปหลายร้อยปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาได้ ถ้าวันนี้ให้ท่านสามีฝึกตนอีก ก็จะฟัง
ดูไร้เหตุผลไปหน่อย รี บพักผ่อนเถอะค่ะ!” อวิน๋ จือชิวกล่าวพร้อมรอยยิม้ จูงเขาไปข้างเตียง ปรนนิบตั ิ
ถอดเสื้ อผ้าให้เขา นําเสื้ อผ้าไปแขวนไว้บนไม้แขวนเสื้ อข้าง ๆ แล้วก็เดินกลับมานัง่ ยอง ๆ ข้างเตียง ยก
เท้าของเขาไว้บนหัวเข่าตัวเอง ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้เขา แล้วยกขาสองข้างของเขาวางไว้บนเตียง
จากนั้นก็ถอดเสื้ อผ้าตัวเอง แล้วสวมเสื้ อกล้ามชั้นในเดินกลับมา แต่กลับพบว่าเหมียวอี้กาํ ลังเอามือ
หนุนศีรษะพลางหรี่ ตามองดูเรื อนร่ างวับ ๆ แวม ๆ ของนาง นางก็หน้าแดงทันที ทําเสี ยงฮึดฮัดอย่าง
เขินอาย แล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเขา “มองอะไรของเจ้า! วันนี้เจ้ารังแกข้าพอแล้ว ห้ามคิดอะไรเหลวไหล
อีก ไปนอนไป!”
“ใครว่ารังแกพอแล้วล่ะ!” เหมียวอี้พลันยืนขึ้น โน้มตัวนางกดลงบนเตียง ทําให้มีเสี ยงร้องอุทานอยูพ่ กั
หนึ่ง และไม่นานก็ถอดเสื้ อผ้านางออกจนหมด
แต่ครั้งนี้ค่อย ๆ ลิ้มรสชาติอย่างพิถีพิถนั แบบนี้ได้รสชาติไปอีกแบบ แล้วค่อย ๆ พัฒนากลายเป็ น
ความดุเดือดราวกับพายุฝนคลัง่ …
หลังจากนอนกอดกันเงียบ ๆ อวิน๋ จือชิวก็พลันหัวเราะคิกคัก “หนิวเอ้อร์ ตอนที่เจ้าไม่อยู่ ฉิ นเวยเวยก็
เคยนอนบนเตียงนี้เหมือนกันนะ เจ้ามีความคิดอะไรบ้างรึ เปล่า?”
อยากจะทดสอบข้าเหรอ! เหมียวอี้ถามอย่างหงุดหงิดว่า “ความคิดอะไร?”
อวิน๋ จือชิวรู ้จกั อ่านสถานการณ์ จึงไม่พดู เรื่ องนี้ต่อ เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ตอนนี้เจ้าคิดจะเตรี ยม
พิภพใหญ่ไว้เป็ นทางหนีทีไล่รึเปล่า หลังจากปั กหลักที่พิภพใหญ่ได้แล้ว ก็ค่อยให้พิภพเล็กเป็ นทางหนี
ทีไล่สุดท้ายเหรอ?”
เหมียวอี้ไถลมือไปตรงหน้าอกของนาง “มีแค่ฮูหยินที่รู้ใจข้า!”
“งั้นหลังจากที่พวกเราไปพิภพใหญ่แล้ว พิภพเล็กก็ตอ้ งมีคนคอยดูแลจัดการให้สิ? เจ้าคิดว่าให้ฉินเวย
เวยช่วยคุมให้เจ้าดีม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวถาม
เหมียวอี้หยุดขยับมือทันที “เจ้าเอาแต่คิดเรื่ องพิภพใหญ่ทาํ ไม? ที่นนั่ อันตรายกว่าที่นี่อีก ถ้าเจ้าไปด้วย
ข้าไม่วางใจ!”
อวิน๋ จือชิวปัดมือเขาออก เอามือยันร่ างกายท่อนบนที่ทาํ ให้เลือดลมสู บฉีด แล้วจ้องเขาพร้อมถามว่า
“แล้วถ้าเจ้าไปคนเดียวข้าจะวางใจได้เหรอ? หรื อเจ้าจะทิ้งเมียไว้แล้วหนีไปอีก? ข้าจะบอกเอาไว้ก่อน
นะ ถ้าเจ้ากล้าทําแบบนั้นอีก ข้าจะสู ้กบั เจ้าสุ ดชีวติ เลย อย่าคิดว่าข้าล้อเล่นนะ!”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก ไม่คุยเรื่ องนี้แล้ว กลับสู่ประเด็นสนทนาก่อนหน้านี้ดีกว่า “ให้ฉินเวยเวยคุมคงไม่
เหมาะมั้ง? ไม่วา่ จะเป็ นวรยุทธ์หรื อความสามารถก็ไม่ไหวเลย อย่าเห็นแก่ความเป็ นพี่นอ้ งของพวกเจ้า
แล้ว…ไม่เหมาะ ๆ ไม่เหมาะจริ ง ๆ เรื่ องนี้ขา้ ไม่รับปาก!”
อวิน๋ จือชิวนอนหมอบบนหน้าอกเขาเสี ยเลย จ้องหน้าพร้อมบอกว่า “ใช้เวลาด้วยกันมาหลายปี ข้า
พบว่าหยางชิ่งเป็ นคนมีความสามารถแบบที่หาได้ยากจริ ง ๆ เจ้ารู ้รึเปล่าว่าตอนที่เจ้าเพิ่งไปแล้วข้า
ติดต่อเจ้าไม่ได้ ที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั มีสถานการณ์เป็ นอย่างไร เฉิ งอ้าวฟางมีเส้นสายที่ยอดเขาหยก
นครหลวงดีมาก ที่นี่มีแต่ลูกน้องเก่าของนาง เป็ นไปไม่ได้ที่พวกเราจะฆ่าคนในอาณาเขตตัวเองตาย
หมด สรุ ปก็คือเฉิงอ้าวฟางไม่ได้มาปะทะตรง ๆ แค่เล่นสกปรกเฉย ๆ อยากจะกดดันให้พวกเรา
ออกไปและทวงอาณาเขตนี้คืน ตอนนั้นข้าไม่คุน้ เคยกับสถานการณ์ของที่นี่ ไม่รู้จะเริ่ มลงมือจาก
ตรงไหน แล้วข้าก็เป็ นฮูหยินของประมุขปราสาท ไม่สามารถระดมกําลังพลของปราสาทดําเนินสุ ริยนั
ได้อย่างเต็มที่ เป็ นหยางชิ่งที่ไปงัดข้อกับเฉิ งอ้าวฟาง จัดการจนเฉิ งอ้าวฟางทําอะไรไม่ได้ วิธีการ
ขั้นตอนของเขาทําให้ขา้ ทึ่งมากจริ ง ๆ ถ้ามีเขาคอยช่วยฉิ นเวยเวย แล้วเหลือผูช้ ่วยไว้อีกคน ตราบใดที่
ไม่เกิดเรื่ องราวใหญ่โตอะไร อาศัยความสามารถอย่างหยางชิ่ง พวกเขาสามารถรับมือได้แน่นอน ขอ
แค่หยางชิ่งสามารถประคับประคองไว้จนกว่าพวกเราจะมีความสามารถเพียงพอให้กลับมาเผชิญ
สถานการณ์ที่พิภพเล็ก ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกลับมาคุมพิภพเล็กก็ได้ ถึงตอนนั้นพิภพเล็กถึงจะ
นับว่าเป็ นทางหนีทีไล่ของเราได้อย่างแท้จริ ง ๆ ดังนั้นพวกเราต้องรักษาอาณาเขตในปั จจุบนั นี้ไว้ ถ้า
ไม่จนใจจริ ง ๆ ก็จะทิ้งไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยถ้าอยูท่ ี่พิภพใหญ่ต่อไปไม่ได้ พวกเราก็ยงั กลับมาอยู่
ที่นี่ต่อได้ อย่าไปปักหลักที่ทะเลดาวนักษัตร ข้าไม่ค่อยวางใจปี ศาจเฒ่าสี่ คนนั้นเท่าไร ต้องควบคุมไว้
บ้าง ส่ วนเรื่ องที่สาํ คัญรองลงมา ก็คือต้องซื้ อใจคนอย่างหยางชิ่งไว้ดว้ ย ในภายหลังถ้าพาไปพิภพใหญ่
ด้วยจะต้องใช้งานเขาได้แน่นอน”
เหมียวอี้ถอนหายใจ แล้วบอกว่า “ข้าเข้าใจที่เจ้าพูดทุกอย่าง! แต่คนเรายิง่ ฉลาดก็ยงิ่ ควบคุมยาก พวกเรา
กําลังใช้ประโยชน์หยางชิ่ง หยางชิ่งก็กาํ ลังใช้ประโยชน์พวกเราเหมือนกัน ถ้าอยากจะผูกเขาไว้กบั
พวกเราโดยสิ้ นเชิง ก็ไม่น่าจะเป็ นไปได้ ขอแค่มีโอกาส เขาจะต้องเตรี ยมแผนไว้สาํ หรับตัวเองแน่นอน
คงไม่เอาชีวติ ไปทิ้งเพื่อคนอื่นหรอก ดังนั้นถ้าอยากรับมือกับหยางชิ่ง ก็ตอ้ งทําให้เขามึนงงมืดแปด
ด้าน ถ้าเขาจับต้นสายปลายเหตุได้ข้ ึนมา สมองเจ้านัน่ ไม่ใช่เล่น ๆ ถ้าเจ้าจะให้เขาช่วยฉินเวยเวย ไม่สู้
ให้เขารักษาการณ์โดยตรงไปเลยล่ะ เจ้าคิดว่าตัวเองเรี ยกฉินเวยเวยว่าน้องสาวแล้วจะคุมหยางชิ่งได้
เหรอ?”
อวิน๋ จือชิวตบหน้าอกเขา แล้วยิม้ อย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านสามีวางใจเถอะ ข้ามีวธิ ีการทําให้หยางชิ่งหมอบ
ราบคาบแก้วอยูแ่ ล้ว!”
ตอนที่ 886
เห็นแก่ ตวั
“วิธีการอะไร?” เหมียวอี้สงสัยใคร่ รู้
แต่ช่วยไม่ได้ที่อวิน๋ จือชิวทําท่าทางเหมือนเก็บความลับสุ ดยอด ไม่ยอมบอกกล่าว พลิกตัวนอนหนุน
แขนเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มทั้งสองคน กอดที่หน้าอดของเขา แล้วบอกเพียงว่า “ดึกมากแล้ว นอน
เถอะ!”
การได้กอดผูช้ ายของตัวเองแล้วนอนหลับอย่างอุ่นใจ คือสิ่ งที่นางโปรดปรานที่สุด เมื่อตัวเขาอยูใ่ น
อ้อมกอดตัวเองจริ ง ๆ ถึงจะรู ้สึกอุ่นใจ หัวใจที่กงั วลมาหลายร้อยปี ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว ในที่สุด
ก็ได้ได้พกั ผ่อนอย่างไร้กงั วล ไม่อย่างนั้นก็มกั จะโดนฝันร้ายพัวพันเสมอ บางครั้งถึงขนาดเหงื่อกาฬ
ออกทัว่ ตัวยามที่ฝึกตนด้วยซํ้า
“อย่าทําแบบนี้สิ! บอกข้ามาว่าเรื่ องเยียนเป่ ยหงเป็ นยังไงกันแน่ ถ้าเจ้าไม่พดู ให้ชดั เจน ในใจข้าก็จะ
กังวลเรื่ องนี้อยูต่ ลอด” เหมียวอี้พดู พร้อมผลักหัวนางเบา ๆ
“เยียนเป่ ยหง…” อวิน๋ จือชิวเหลือบตาขึ้นมองเขา แล้วถอนหายใจ “หนิวเอ้อร์ ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ารู ้
ความลับบนตัวเยียนเป่ ยหงมากแค่ไหนกันแน่?”
เหมียวอี้ตะลึงงันทันที เงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วบอกว่า “ทุกคนล้วนมีความลับ เรื่ องบางเรื่ องข้าก็ไม่
สะดวกจะไปเสาะหารากเหง้า แต่บนตัวเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริ ง ๆ …”
เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่เยียนเป่ ยหงฝึ กตนได้เร็ วมาก จากนั้นก็ยากจะผ่านด่านทัณฑ์มารไปได้ ตนจึงช่วยไป
คลี่คลายสถานการณ์ เล่าให้นางฟังอย่างคร่ าว ๆ
“ใช่แล้ว ความลับที่เขาไม่ยอมบอกเจ้า ถูกตาเฒ่าเฉียวจับได้แล้ว เจารู ้รึเปล่าว่าเยียนเป่ ยหงฝึ กเคล็ดวิชา
อะไร?”
“เคล็ดวิชาอะไร?”
“เขาฝึ กตนโดยไม่อาศัยลูกแก้วพลังปรารถนา ไม่อาศัยพวกยาแก่นเซี ยน วิชาที่เขาฝึ กเป็ นวิชามารที่
แปลกประหลาดมาก ยึดวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นมาเป็ นของตัวเองโดยตรง หรื อพูดได้อีกอย่างว่า เขา
ดูดกลืนวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นมาเป็ นของตัวเอง วิธีการฝึ กตนแบบนี้น่ากลัวเกินไปจริ ง ๆ !”
“ดูดกลืนวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นเหรอ?” เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง ในวินาทีน้ ีเหมือน
เขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เขานึกย้อนไปถึงตอนการปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ภาพที่เยียนเป่
ยหงทําอะไรบางอย่างกับศิษย์สาํ นักศรี เมฆาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ รวมทั้งเรื่ องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน
ภายหลัง
“ใช่แล้ว! ตาเฒ่าเฉี ยวจับกุมตัวเขาทันที บังคับให้เขามอบเคล็ดวิชาฝึ กตน แต่เยียนเป่ ยหงยอมตาย
แทนที่จะทําตาม ถึงได้ถูกจับขังที่นภาจอมมาร ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเจ้ากับเขามีความสัมพันธ์กนั ระดับ
นั้น เขาคงไม่มีชีวติ รอดหรอก! หลังจากข้าไปขอร้องให้ท่านปู่ ปล่อยเขา และได้ทราบเรื่ องแล้ว ตาเฒ่า
เฉี ยวก็โน้มน้าวข้าว่าอย่าคิดมากอีก เยียนเป่ ยหงมีวธิ ีการฝึ กตนที่น่ากลัวขนาดนี้ ท่านปู่ ไม่มีทางปล่อย
ไปแน่นอน ที่ไม่ฆ่าเขาทิ้งก็เพราะกลัวข้าลําบากใจตอนอยูต่ ่อหน้าเจ้า ใครขอร้องก็ไม่มีประโยชน์!”
เหมียวอี้กลับพูดต่ออย่างแน่วแน่วา่ “ข้าจะต้องคิดหาทางช่วยเขาออกมาให้ได้!”
อวิน๋ จือชิวทําสี หน้าลําบากใจทันที “ตอนนี้เจ้าไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับท่านปู่ ข้า เรื่ องนี้ขา้ ช่วย
เจ้าไม่ได้จริ ง ๆ ”
“พี่ใหญ่เยียนเคยช่วยชีวติ ข้า ต่อให้ไม่พดู ถึงเรื่ องช่วยชีวติ ขอเพียงข้ามีปัญหา ขอแค่ขา้ เอ่ยปาก พี่ใหญ่
เยียนก็ไม่เคยพูดพรํ่าทําเพลง ต้องช่วยแน่นอน พุง่ เป้ ามาที่จุดนี้อย่างเดียวก็พอ ตอนนี้เขาประสบปั ญหา
แล้ว ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?” เหมียวอี้พลิกตัว กดนางให้นอนอยูใ่ ต้ร่าง ง้างริ มฝี ปากนางออกแล้ว
จูบชิมรสอย่างลึกซึ้ง หลังจากถอนจูบ เขาก็จอ้ งมองดวงตางามของนางพร้อมบอกว่า “ไม่ตอ้ งให้เจ้า
ช่วยหรอก แค่หาโอกาสเหมาะ ๆ แล้วเจ้าก็ไปนภาจอมมารเป็ นเพื่อนข้าสักรอบ ช่วยข้าขอพบปู่ เจ้าสัก
หน่อย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าข้าจะพบเขาไม่ได้ ข้าจะคุยกับปู่ เจ้าต่อหน้า จะต้องได้คุยกันดี ๆ แน่นอน ไม่
ว่าจะสําเร็ จหรื อไม่สาํ เร็ จ ข้าก็จะลองพยายามอย่างสุ ดความสามารถ”
แขนงามสองข้างยืนออกมาจากผ้าห่ม นางคล้องคอเขาเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยแววตาเปี่ ยมรัก “ท่านสามีมี
คําสัง่ หม่อมฉันจะกล้าฝ่ าฝื นได้อย่างไร!” นางเป็ นฝ้ ายยืน่ หน้าขึ้นไปจูบบนริ มฝี ปากเขา จากนั้นก็โน้ม
เขาลงมาอยูใ่ นอ้อมอกของตัวเองด้วยความรู ้สึกที่ลึกซึ้ ง “ท่านสามี ข้าอยากคลอดลูกให้ท่านค่ะ…”
บรรยากาศถูกทําลายทันที! เหมียวอี้เหงื่อแตก รี บแยกออกจากตัวนาง แล้วเตือนว่า “เถ้าแก่เนี้ย เจ้าอย่า
ทําซี้ซ้ วั นะ สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ไม่เหมาะจะมีลูกหรอก”
ไม่เครี ยดคงไม่ได้ คนในแดนฝึ กตนมีพลังอิทธิฤทธิ์อยูใ่ นตัว การมีพลังอิทธิฤทธิ์น้ ีกม็ ีขอ้ ดีเหมือนกัน
ไม่สร้างปัญหาความยุง่ ยากได้ง่าย ๆ เหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่กม็ ีขอ้ เสี ยเหมือนกัน หลังจากมีอะไร
กันแล้ว จะตั้งท้องหรื อไม่ต้งั ท้อง อํานาจตัดสิ นใจก็อยูใ่ นมือฝ่ ายหญิง ถ้าผูห้ ญิงไม่อยากตั้งท้อง แค่ร่าย
อิทธิฤทธิ์จดั การนิดหน่อยก็ได้แล้ว แต่ถา้ อยากจะตั้งท้อง นัน่ ก็เป็ นเรื่ องที่ง่ายมาก
พอเห็นเขาทําท่าตกใจ อวิน๋ จือชิวก็หลุดขํา นางหัวเราะจนตัวสัน่ นางเองก็รู้วา่ ตอนนี้ไม่เหมาะจะมีลูก
แต่เมื่อครู่ น้ ีนางเพิ่งเกิดอารมณ์ซาบซึ้งใจ แค่พดู ออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยูก่ เ็ ท่านั้น หลังจากได้
สติกลับมาก็รู้วา่ ไม่เหมาะที่จะมีลูกตอนนี้ ถึงแม้นางจะอยากมีลูกกับเหมียวอี้สกั คนหนึ่งมากก็ตาม
เมื่อเห็นนางทําเหมือนล้อเล่น เหมียวอี้ที่ไม่ได้เตรี ยมใจกับเรื่ องนี้กโ็ ล่งอก “เถ้าแก่เนี้ย ข้าถามอะไรเจ้า
เรื่ องหนึ่งสิ เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่เจ้าฝึ ก เป็ นเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์รึเปล่า?”
“เคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์เหรอ? จะเป็ นไปได้อย่างไร! ข้าเพียงฝึ กเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานมาไม่
ครบก็เท่านั้นเอง เพราะข้าออกจากนภาจอมมารมานานมากแล้ว ข้าฝึ กแค่หนึ่งในสามของเคล็ดวิชา
จอมมารไร้เทียมทานที่ท่านปู่ ถ่ายทอดให้ ส่ วนพวกผูใ้ หญ่นตระกูลข้าก็ฝึกสองในสามส่ วน อย่างมาก
ไม่เกินสามในสี่ ส่วน คนที่ฝึกได้ท้ งั หมดมีเพียงท่านปู่ ของข้า จะว่าไปแล้วก็ตอ้ งขอบคุณท่านสามีที่
เก่งกาจ ถ้าไม่เพราะท่านสามีหาผลไม้เซียนมาได้เยอะขนาดนั้น ข้าจะไปบรรลุวรยุทธ์ถึงระดับบงกช
ทองเร็ วขนาดนี้ได้อย่างไร”
“เจ้าเข้าใจความหมายผิดแล้ว ความหมายที่ขา้ จะสื่ อก็คือ เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ท่านปู่ ของ
เจ้าฝึ กไม่สมบูรณ์หรื อเปล่า ตอนหลังยังมีระดับที่สูงกว่านี้อีกหรื อเปล่า?”
“ระดับที่สูงกว่านี้เหรอ? ไม่เคยได้ยนิ ท่านปู่ พูดถึงนะ” อวิน๋ จือชิวถามอย่างระแวง “ทําไมจู่ ๆ เจ้าถาม
เรื่ องนี้ล่ะ?”
เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน “เจ้าไม่รู้น่ะสิ ที่รอบนี้ขา้ โดนขังอยูท่ ี่พิภพใหญ่สามร้อยกว่าปี เป็ นไปได้สูงว่าจะ
เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ตระกูลอวิน๋ ของเจ้าฝึ ก”
“มันเรื่ องอะไรกัน?” อวิน๋ จือชิวเอามือยันเรื อนร่ างท่อนบนที่เย้ายวนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเบิกตากว้างมอง
เขา
“พอไปถึงพิภพใหญ่ ถ้าก็เจอคนคนหนึ่งโดนฝูงมารปี ศาจไล่สงั หาร…” เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่ตวั เองโชค
ร้ายเจอจงหลีค่วยแล้วพลอยลําบากไปด้วยให้นางฟัง เล่าว่าตอนหลังถึงได้รู้วา่ จงหลีค่วยโดนไล่สงั หาร
เพราะไปแย่งแผนที่ซ่อนสมบัติมา แผนที่ซ่อนสมบัติน้ นั เกี่ยวข้องกับภาคดินที่อยูใ่ นสามภาคของเคล็ด
วิชาจอมมารไร้เทียมทาน อันได้แก่ภาพฟ้ า ภาคคน ภาคดิน
หลังจากฟังจบ อวิน๋ จือชิวก็เรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าระแวงสงสัย หลังจากครุ่ นคิดพักใหญ่ สุ ดท้ายก็เอนกาย
ลงในอ้อมอกเหมียวอี้อย่างช้า ๆ “หนิวเอ้อร์ เกรงว่าเจ้าคงจะพูดถูกแล้ว สามารถกลายเป็ นหกเคล็ดวิชา
พิเศษของพิภพใหญ่ได้ ก็คงจะไม่ธรรมดาขนาดนั้น ดีไม่ดีสิ่งที่ท่านปู่ ของข้าฝึ กอาจจะเป็ นแค่ภาคคน
ของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานเท่านั้น ท่านปู่ อยากจะขึ้นเรื อมังกรอเวจีมาตลอด คงจะเป็ นเพราะ
อยากตามหาเคล็ดวิชาต่อจากนั้น นี่อาจจะเป็ นความลับที่อยูใ่ นใจของหกปราชญ์แต่ละคน”
พอพูดถึงตรงนี้นางก็ตกใจ ลุกขึ้นนัง่ อีกครั้ง ไม่สนใจเลยว่าเรื อนร่ างงดงามยัว่ ยวนใจจะเปิ ดเผยออกมา
หมด นางจ้องเหมียวอี้พร้อมถามว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าคงไม่คิดจะนําความลับนี้ไปแลกกับตัวเยียนเป่ ยหง
หรอกใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้มีความคิดแบบนี้จริ ง ๆ พยักหน้ายอมรับ
“ไม่ได้!” อวิน๋ จือชิวยืน่ คําขาด “ถ้าเจ้าจะช่วยเยียนเป่ ยหง ข้าก็จะไม่คดั ค้าน เจ้าอยากจะให้ขา้ ช่วยเจ้า
อย่างไร ข้าก็จะพยายามอย่างสุ ดความสามารถ แต่จะให้ทางนภาจอมมารรู ้เรื่ องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ที่พิภพ
เล็กมีเจ้ากับข้าสองคนเท่านั้นที่รู้ความลับเรื่ องนี้ได้ ห้ามให้มีบุคคลที่สามเด็ดขาด!”
เหมียวอี้งงมาก นึกไม่ถึงว่านางจะมีปฏิกิริยารุ นแรงแบบนี้ เขาลุกขึ้นตรงหน้านางแล้วเช่นกัน “เถ้าแก่
เนี้ย ทําไมข้ารู ้สึกว่าเจากําลังป้ องกันฝั่งนภาจอมมารล่ะ? ต่อให้นภาจอมมารจะได้เคล็ดวิชาจอมมารไร้
เทียมทานที่ครบสมบูรณ์ไป แต่กน็ ่าจะไม่ปฏิบตั ิกบั เจ้าอย่างทารุ ณนะ? ข้ารู ้สึกว่าที่จริ งแล้วปู่ ของเจ้ารัก
เจ้ามาก”
“เรื่ องนี้ไม่เกี่ยวว่าจะรักหรื อไม่รักข้า ตอนท่านอาหญิงสามนําสิ นเดิมเจ้าสาวมามอบให้ เจ้าลืมไปแล้ว
เหรอว่านางพูดว่าอะไร? ข้าเป็ นลูกสาวของตระกูลอวิน๋ นั้นไม่ผดิ หรอก แต่ขา้ เป็ นลูกสาวของ
ตระกูลอวิน๋ ที่แต่งงานออกมาแล้วเช่นกัน ไม่มีทางที่พวกเขาจะนําทรัพยากรของตระกูลอวิน๋ มามอบให้
ข้าอีก บนศีรษะข้าสวมแซ่ของสามีเอาไว้ ใคร ๆ ก็รู้วา่ ข้าคือเหมียวฮูหยิน! หากตระกูลอวิน๋ มีขา้ เป็ นลูก
สาวคนเดียว แบบนั้นอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้น แต่ตระกูลอวิน๋ คือหนึ่งวงศ์ตระกูล เมื่อเผชิญหน้ากับ
ผลประโยชน์ของทั้งตระกูล ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วอย่างข้าไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย เรื่ องในตระกูล
ใหญ่แบบนี้ เจ้าอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน แต่ขา้ กลับมาจากในตระกูลนั้น เข้าใจถึงความสัมพันธ์อนั ร้าย
กาจที่อยูใ่ นนั้นดีกว่าเจ้า ตั้งแต่วนั ที่ขา้ แต่งงานกับเจ้า ข้าก็วาสนากับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน
ระดับที่สูงกว่านี้ของตระกูลอวิน๋ แล้ว ตระกูลอวิน๋ ไม่อาจเปิ ดเผยเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานให้
ภายนอกรู ้ได้ ถ้าสามารถหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในระดับที่สูงขึ้นพบ ก็ตอ้ งควบคุมไว้ในมือ
ข้าเท่านั้น จะนําสิ่ งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับอะไร อํานาจการตัดสิ นใจก็ควรจะอยูใ่ นมือข้า หนิวเอ้อร์ เจ้า
อย่าคิดนะว่าข้าเห็นแก่ตวั ความเห็นแก่ตวั บางอย่างจําเป็ นต้องมีไว้บา้ ง อย่าบอกนะว่าถ้ามีคนจะมา
นอนกับเมียเจ้า เจ้าก็จะให้? ตระกูลอวิน๋ คือตระกูลพ่อแม่ขา้ การที่พวกเขาจะดูแลข้า ก็เป็ นเรื่ องที่อยูใ่ น
ทํานองคลองธรรมอยูแ่ ล้ว และการที่ขา้ จะดูแลตระกูลพ่อแม่ของตัวเอง ก็เป็ นเรื่ องที่อยูใ่ นทํานอง
คลองธรรมเช่นกัน ตราบใดที่ขา้ สามารถทําได้ ข้าจะต้องทุ่มกําลังดูแลตระกูลอวิน๋ แน่นอน
ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีอะไรให้ตาํ หนิ หนิวเอ้อร์ ถ้าเจ้ากล้าทําผิดต่อตระกูลพ่อแม่ขา้ ข้าจะเป็ นคน
แรกที่ไม่ปล่อยเจ้าไป แต่การทําแบบนี้กม็ ีระดับของมัน ต่อให้พวกเขาดูแลข้า แต่ขา้ ก็ไม่อาจจะให้ลูก
ของข้าในอนาคตไปเหยียบอยูบ่ นหัวของตระกูลอวิน๋ ได้ และข้าก็ทนไม่ไหวที่จะให้ลูกของข้าถูก
ตระกูลอวิน๋ ควบคุม! ถ้าหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในระดับที่สูงกว่านี้ไม่เจอก็ไม่เป็ นไร ถ้าหา
พบจะต้องกุมไว้ในมือข้าเท่านั้น ข้าจะเป็ นคนตัดสิ นใจว่าควรจะใช้อย่างไร คนที่จะดูแลตระกูลอวิน๋
ได้มีเพียงข้าเท่านั้น!”
ขณะที่พดู อวิน๋ จือชิวก็ดึงหูเหมียวอี้ “เจ้ายังมีหน้าจะให้ตระกูลอวิน๋ ดูแลพวกเราไปตลอดเหรอ? เจ้าไม่
ละอายใจเหรอถ้าจะอาศัยบารมีของตระกูลอวิน๋ ไปตลอด? ให้ตระกูลอวิน๋ ได้พ่ งึ บารมีเจ้าหน่อยไม่ได้รึ
ไง? เจ้าให้ขา้ มีหน้ามีตาสักหน่อยไม่ได้เชียวเหรอ? ทุกคนล้วนได้ผลประโยชน์ ก็แค่เปลี่ยนลําดับ
ความสําคัญก็เท่านั้น ข้าเองก็ทาํ ไปเพื่อเจ้า เข้าใจหรื อยัง? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ถ้าเจ้ากล้านํา
ความลับเรื่ องเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานไปแลกกับเยียนเป่ ยหง ข้าจะให้ทางนภาจอมมารฆ่าเยียน
เป่ ยหงก่อนเลย!”
“เจ้าใช้วธิ ีการนี้อีกแล้ว!” เหมียวอี้รู้สึกไม่ชอบที่นางเอาแต่บิดหูตวั เอง จึงเอามือดึงออก ก่อนจะนอน
ลงแล้วพูดด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิด “ถ้าเจ้าไม่วา่ อะไร ข้ายังมีอะไรจะพูดอีกล่ะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้ฝึก
เอง ข้าแค่รู้สึกว่าคนตระกูลเดียวกันสู ก้ นั ไปสู ก้ นั มาแบบนี้…เจ้าไม่เหนื่อยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวห่มผ้าพลางยกขาขึ้นมานัง่ คร่ อมบนเอวเขาเสี ยเลย นางเอาผ้าห่มห่อตัวไว้แน่น แล้วมองลง
มาพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เหนื่อย ข้าเต็มใจมาก เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งกังวล ข้าจะปิ ดตาข้างเดียวเพื่อดูเจ้าทํา
ตัวไร้ความรับผิดชอบต่อไปแล้วกัน ถ้าข้าเข้าข้างตระกูล เจ้าที่ถูกขนาบอยูต่ รงกลางก็ลาํ บากใจ ให้ขา้
ออกหน้าจัดการให้จะเหมาะสมที่สุด เจ้าเป็ นลูกเขยที่ดีไปเถอะ แค่จาํ ไว้วา่ ต้องเชื่อฟังเมียอย่างว่านอน
สอนง่ายก็พอแล้ว…เจ้าหมายความว่ายังไง? กลอกตาทําไม? หรื อรู ้สึกว่าข้าพูดผิดตรงไหน?” มือข้าง
หนึ่งยืน่ ออกมาจากผ้าห่ม บีบจมูกเหมียวอี้เอาไว้ “แกล้งตายทําไม! ข้าออกจะสวยงามเหมือนดอกไม้
ทั้งยังถอดเสื้ อผ้าหมดแล้วด้วย คนมากมายอยากจะมองให้เป็ นบุญตาแต่กไ็ ม่มีโอกาส ลืมตาขึ้นมามอง
ข้า!”
เหมียวอี้พดู ไม่ออกมาก เริ่ มตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกที่วดั เมี่ยวฝ่ า ผูห้ ญิงคนนี้กป็ ั่ นหัวตนแล้ว ตอนหลัง
มาอยูท่ ี่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุนางก็แกล้งเขาไม่หยุด ตอนนี้ขนาดแต่งงานกันแล้ว นางก็ยงั ไม่แก้นิสยั นี้อีก
การอบรมของนภาจอมมารมีปัญหาชัด ๆ ! ตั้งแต่อวิน๋ เฟยหยางไปจนถึง…เขาเองก็ข้ ีเกียจจะนับ แต่ละ
คนดุเหมือนเสื อกันทั้งนั้น
ดังนั้นการมาเถียงเรื่ องนี้กบั นางจึงไม่มีความหมายใด ๆ รี บเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “เถ้าแก่เนี้ย
ข้าได้ของดีมาจากพิภพใหญ่ เจ้าอยากจะดูหน่อยมั้ย?”
ตอนที่ 887
ข้ ายินดีตายเพือ่ เจ้ า
อวิน๋ จือชิวก็ตอ้ งอยากดูอยูแ่ ล้ว แต่ปากก็ยงั พูดแสดงความร้ายอาจ “คงไม่ได้พาผูห้ ญิงมาให้ขา้ ดูหรอก
นะ?”
สุ ดจะทนกับผูห้ ญิงคนนี้! เหมียวอี้สงสัยนิดหน่อยว่านางมองเบาะแสอะไรออกจากปฏิกิริยาของตนรึ
เปล่า ถึงได้จงใจใช้คาํ พูดทิ่มแทงตนแบบนี้
ยิง่ คิดก็ยงิ่ ใจฝ่ อ แต่กไ็ ด้บทเรี ยนมาแล้ว ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ ทั้งยังแสร้งพูดอย่างโมโห “เจ้า
ยังไม่รู้จกั จบใช่ม้ ยั ? ลงไปเลย!” เขาใช้มือผลักนางไปไว้ขา้ ง ๆ แล้วเก็บชุดชั้นในขึ้นมาใส่
อวิน๋ จือชิวที่โดนผลักไม่ยอมอ่อนข้อให้ เตะที่กน้ ของเหมียวอี้ที่ทาํ ท่าจะนัง่ ลงข้างเตียง เตะทีเดียวจน
เหมียวอี้แทบจะล้มคะมํา เหยียบขากางเกงจนโซเซ ทั้ง ๆ ที่ใส่ กางเกงไปได้ครึ่ งเดียว สภาพดูไม่ได้ อวิ๋
นจือชิวนอนขํากลิ้งอยูบ่ นเตียงทันที
แต่จากนั้นก็หยิบเสื้ อกล้ามชั้นในขึ้นมาใส่ ให้เรี ยบร้อย แล้วลงจากเตียงเดินไปหยิบเสื้ อคลุมที่อยูบ่ นไม้
แขวนมาใส่ ให้เหมียวอี้ หยิบร้องเท้าถุงเท้าของเหมียวอี้เข้ามา แล้วนัง่ ยอง ๆ ช่วยสวมให้เหมียวอี้
จากนั้นก็ค่อยจัดการใส่ ของตัวเอง มีเพียงแค่เวลานี้เท่านั้น ที่สามารถมองเห็นเงาของภรรยาที่มี
คุณธรรมจากตัวนางได้
จากนั้นตัวเองกับเหมียวอี้กเ็ ดินมาข้างโต๊ะที่อยูใ่ นห้อง กระดานหมากล้อมที่วางอยูบ่ นโต๊ะก่อนหน้านี้
ยังไม่ได้ถูกเก็บ อวิน๋ จือชิวย้ายเก้าอี้กลมมาวางข้างหลังเหมียวอี้ หลังจากอีกฝ่ ายนัง่ ลงแล้ว อวิน๋ จือชิ
วถึงย้ายเก้าอี้มานัง่ ลงข้างกายเขา เอามือลูบผมยาวข้างหลังตัวเอง แล้วก็ช่วยเหมียวอี้ลูบผมที่ยงุ่ สยายให้
เรี ยบโดยจิตใต้สาํ นึก เสร็ จแล้วถึงได้ถามอย่างแปลกใจว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้านําของดีอะไรกลับมาด้วย?”
เหมียวอี้หยิบกําไลเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมายืน่ ให้นางอย่างภาคภูมิใจ “ดูสิ!”
พออวิน๋ จือชิวหยิบมาดู ริ มฝี ปากแดงก็เผยอเล็กน้อย เห็นได้ชดั ว่าค่อนข้างตกตะลึง พบว่าข้างในมีแต่
ยาแก่นเซียน ถามว่า “เท่าไรเนี่ย?”
“สิ บล้านเม็ด!” เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ
“เยอะขนาดนี้เชียวเหรอ?” อวิน๋ จือชิวตกใจไม่เบา “เอามาจากไหน”
“ธุรกิจของร้านขายของชําซื่ อตรงกําลังไปได้สวย…” เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ของร้านขายของชําว่าทํา
รายได้เท่าไรในแต่ละปี ให้นางฟัง
อวิน๋ จือชิวตาเป็ นประกาย เหมือนจะใฝ่ ฝันนิดหน่อย ยัดกําไลเก็บสมบัติเข้าไปในมือเขา “ในเมื่อมี
ทรัพยากรฝึ กตนแล้ว ข้าอนุญาตให้เจ้าพักได้สามวัน หลังจากสามวันนี้ไปเจ้าต้องเริ่ มฝึ กฝนอย่าง
ซื่อสัตย์ เพิ่มวรยุทธ์ให้ถึงระดับบงกชทองก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้ากล้าทําซี้ ซ้ วั อีกก็อย่าหาว่าข้าไม่
เกรงใจ!”
“…” ถ้ารู ้แต่แรกก็คงไม่เอาออกมาหรอก เหมียวอี้อยูค่ นเดียวมาหลายปี จนชินแล้ว รับไม่ไหวกับการ
โดนคนอื่นควบคุมทุกอย่างแบบนี้ ยังไม่เข้าสู่ สภาวะการมีครอบครัว โดยเฉพาะวิธีการที่ควบคุมแม้แต่
อิสระของคนอื่นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับนาง รู ้วา่ เถียงไปก็ไม่ชนะ ที่สาํ คัญคือต่อให้ใช้
เหตุผลไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราเสี ยงไม่ดงั เท่านาง ถ้าเจ้าเสี ยงดังกว่านางเมื่อไร นางก็จะหาเรื่ องเจ้า
โดยไร้เหตุผล สรุ ปว่าถึงอย่างไรเจ้าก็แพ้ จึงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าคิดแบบนี้นะ แบ่งให้พวกช่าง
ไม้สิ ข้าเตรี ยมจะแบ่งให้พวกเขาคนละหนึ่งล้านเม็ด”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ “ไม่ใช่วา่ ข้าเสี ยดายที่จะให้พวกเขาหรอกนะ แต่นี่คือสิ่ งที่เจ้าต้องใช้เพื่อบรรลุ
ระดับบงกชทอง รอให้เจ้าบรรลุระดับบงกชทองให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเจ้าต้องใช้จาํ นวนมาก
เพื่อให้ผา่ นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่พอใช้แล้ว…”
เหมียวอี้จึงตอบว่า “ก่อนที่ขา้ จะแต่งงานกับเจ้า วรยุทธ์ขา้ มีจาํ กัด มีเรื่ องมากมายที่อยากทําแต่ไร้
ความสามารถ ข้าเคยฝากฝังพวกเขาสี่ คน ว่าให้พวกเขาสี่ คนดูแลปกป้ องเจ้าดี ๆ บอกไว้แล้วว่าวันหลัง
จะขอบคุณพวกเขาอย่างดี ผ่านไปหลายปี ขนาดนี้แล้ว ควรจะแสดงความขอบคุณได้แล้วล่ะ มิหนําซํ้า
พวกเขาสี่ คนก็เป็ นลูกน้องคนสนิทของเจ้า นับว่าเป็ นหน่วยพิทกั ษ์ที่อยูใ่ กล้ตวั เจ้าที่สุด ถ้าวรยุทธ์ของ
พวกเขาสู งขึ้นอีกหน่อย ข้าจะได้วางใจลงบ้าง”
เมื่อเหมียวอี้พดู แบบนี้ แววตาของอวิน๋ จือชิวก็ดูอาลัยอาวรณ์นิดหน่อย ดวงตางามมีน้ าํ ตาคลอ นางมอง
เขาอย่างซาบซึ้ งใจ กัดริ มฝี ปากตัวเอง หัวใจหวานชื่นราวกับดื่มนํ้าผึ้งมา นางกอดแขนเขาเอาไว้ แล้ว
ซบบ่าเขา “ท่านสามีรักข้าอย่างแท้จริ ง ข้าเข้าใจหัวใจของเจ้าแล้ว แต่ขา้ ก็อยากแนะนําให้เจ้าบรรลุ
ระดับบงกชทองก่อน ถ้ามีเหลือแล้วค่อยให้พวกเขาก็ยงั ไม่สาย พวกเขาอยูก่ บั ข้ามาหลายปี ข้าเข้าใจ
พวกเขาดี พวกเขาไม่วา่ อะไรเพียงเพราะเจ้ายังไม่ทาํ ตามสัญญาหรอก”
“ข้าบรรลุระดับบงกชทอง คงไม่ตอ้ งใช้เยอะขนาดนี้หรอกมั้ง? นี่มนั สิ บล้านเม็ดเชียวนะ! ไม่ใช่แค่น้ ี ที่
ตัวข้ายังมีอีกเกือบล้านเม็ดที่ขอเบิกมาจากร้านขายของชําล่วงหน้า ถ้าให้พวกเขาคนละหนึ่งล้านเม็ด ที่
เหลืออยูก่ เ็ พียงพอให้ขา้ ใช้แล้ว”
“งั้นก็จดั การตามที่ท่านสามีเห็นสมควรแล้วกัน จะให้กใ็ ห้เถอะ”
เหมียวอี้พยักหน้า แต่ยงั ถามอย่างกังวลนิดหน่อยว่า “สิ่ งเดียวที่ขา้ กังวลในตอนนี้กค็ ือ ถ้าให้ของพวกนี้
กับพวกเขาแล้ว พวกเขาคงไม่เปิ ดเผยให้ใครรู ้หรอกใช่ม้ ยั ?”
“เรื่ องนี้เจ้าวางใจได้ เดี๋ยวข้าบอกพวกเขานิดหน่อย พวกเขาก็จะเข้าใจแล้วว่าต้องทํายังไง เดี๋ยวข้าจะ
เตรี ยมพาพวกเขาไปพิภพใหญ่ดว้ ย ถ้าแม้แต่เรื่ องพวกนี้ยงั ไม่มนั่ ใจ แล้วข้าจะกล้าพาพวกเขาไปด้วยได้
ยังไงล่ะ”
“…” เหมียวอี้พดู ไม่ออกอีกรอบ ผูห้ ญิงคนนี้เอาแต่คิดเรื่ องจะไปพิภพใหญ่ ครุ่ นคิดแม้กระทัง่ จะนํา
กําลังสําคัญไปด้วย แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าข้างกายผูห้ ญิงคนนี้ไม่มีใครอยูป่ กป้ องเลย เขาก็วางใจไม่ได้จริ ง
ๆ เพียงแต่พวกช่างไม้วรยุทธ์ต่าํ เกินไปหน่อย ถ้าไปพิภพใหญ่แล้วคงช่วยอะไรไม่ได้!
จากนั้นก็แบ่งยาแก่นเซียนออกมาสี่ ลา้ นเม็ด แบ่งใส่ ไว้ในแหวนเก็บสมบัติสี่วง แล้วผลักไปตรงหน้า
นาง “เดี๋ยวเจ้าช่วยเอาไปให้พวกเขาแทนข้าหน่อย”
“เจ้าโง่รึเปล่า! ของแบบนี้เจ้าต้องให้ดว้ ยตัวเองสิ ความหมายที่อยูใ่ นนั้นคงไม่ตอ้ งให้ขา้ พูดเยอะหรอก
นะ?” อวิน๋ จือชิวจิ้มหน้าผากเขาหนึ่งที
เหมียวอี้หวั สัน่ โคลงเคลง ถอนหายใจแล้วบ่นว่า “อวิน๋ จือชิว เจ้าอย่าเอาแต่ลงไม้ลงมือกับข้าได้ม้ ยั ข้า
ไม่ชอบที่เจ้าเป็ นแบบนี้เลย เจ้าสนใจฐานะของข้าบ้างได้ม้ ยั ?”
“เฮอะ! ฐานะของเจ้าเหรอ? นอกจากเก่งเรื่ องถอดเสื้ อผ้าข้าแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะมีฐานะอะไรเลย!” อวิ๋
นจือชิวหัวเราะเย้ย แล้วใส่ เท้าเพิ่มอีกที เตะที่น่องของเขาอย่างแรง
ประมุขปราสาทเหมียวพ่ายแพ้ต่อนางโดยสิ้ นเชิงแล้ว เขาเก็บสิ่ งของที่อยูบ่ นโต๊ะด้วยสี หน้าจนใจ
จากนั้นก็หยิบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมาแกว่งโอ้อวด “เจ้าไม่เคยเห็นของสิ่ งนี้แน่นอน”
“อะไรนะ?” อวิน๋ จือชิวแปลกใจอยูบ่ า้ ง
พอเหมียวอี้โบกมือ ยาเจี๋ยตันสี ทองอร่ ามเจ็ดเม็ดก็วางปูอยูบ่ นโต๊ะ
อวิน๋ จือชิวใจเย็นไม่ไหวแล้ว ลุกพรวดขึ้นทันที เบิกตากว้างมองดู เอามือปิ ดปากพลางถามอย่างรู ้สึก
เหลือเชื่อว่า “อย่าบอกนะว่าเป็ นยาเจี๋ยตันขั้นห้า?”
เหมียวอี้ไม่พดู อะไร ให้นางไปพิสูจน์ดว้ ยตัวเอง หลังจากอวิน๋ จือชิวหยิบขึ้นมาร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู ก็
ตาลุกวาวพร้อมกล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็ นยาเจี๋ยตันขั้นห้าจริ ง ๆ ด้วย ต้องสังหารนักพรตระดับบงกชรุ ้ง
ในตํานานถึงจะได้มา หนึ่ง สอง สาม…เจ็ดสิ บเม็ด โอ้สวรรค์! เจ้าหามาได้อย่างไร?”
“ผีดิบเลือดในค่ายกลมารโลหิ ต…” เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ตอนโดนขังอยูใ่ นค่ายกลให้ฟังคร่ าว ๆ
อวิน๋ จือชิวฟังที่มาที่ไปของมันจนอกสัน่ ขวัญแขวน แววตาที่มองเหมียวอี้เรี ยกได้วา่ ทั้งรักทั้งแค้นทั้ง
เป็ นห่วง ไม่แสดงความดีใจกับยาเจี๋ยตันพวกนี้แล้ว เพราะมันคือของที่สามีนอ้ งแลกมาด้วยชีวติ ! นาง
กัดริ มฝี ปากถามว่า “บัวโลหิ ตที่เจ้าบอกล่ะ?”
“สิ่ งนั้นเอาออกมาดูไม่ได้หรอก ปราณปี ศาจโลหิ ตดุร้ายเกินไป ถ้าเอาออกมาต้นไม้ใบหญ้าแถวนี้คง
เฉาตายหมด แล้วนางในพวกนั้นก็วรยุทธ์ต่าํ เกินไป คงจะได้รับผลกระทบกันหมด เดี๋ยวข้าค่อยไปหา
สถานที่ลบั อย่างถํ้าในเกาะร้างแล้วศึกษามันสักหน่อย” ขณะที่พดู เหมียวอี้กน็ าํ แหวนเก็บสมบัติวง
หนึ่งออกมายืน่ ให้นาง “ให้เจ้าได้เปิ ดหูเปิ ดตาสักหน่อย ร่ ายอิทธิฤทธิ์ดูนิดหน่อยก็พอแล้ว อย่านํา
ออกมา”
อวิน๋ จือชิวรับมาดูในมือ เห็นเพียงในแหวนเก็บสมบัติเต็มไปด้วยปราณปี ศาจโลหิ ตที่เข้มข้น ในนั้นมี
บัวขนาดใหญ่ตน้ หนึ่งนอนอยูเ่ งียบ ๆ บนฝักบัวมีเม็ดบัวที่กะพริ บแสงสี เลือดเก้าเม็ด สิ่ งที่ดึงดูดความ
สนใจที่สุดก็คือ รากบัวขาวหมดจดที่อยูต่ รงก้านราก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเปล่งแสงสว่างด้วย
ทั้งต้นบัวโลหิ ตสวยงามมาก เพียงแต่ปราณปี ศาจโลหิ ตทําให้คนรู ้สึกหวาดกลัว ไม่สะดวกจะนํา
ออกมาจริ ง ๆ
“เฮ้อ!” อวิน๋ จือชิวถอนหายใจเบา ๆ แล้วคืนให้เหมียวอี้ นางนัง่ ลงอีกครั้ง ถือยาเจี๋ยตันขั้นห้าขยับเล่น
ในมือพร้อมบอกว่า “ข้าไม่กล้าหยิบยาเจี๋ยตันขั้นห้าออกมาดูตอนอยูพ่ ิภพเล็กเลย ต่อให้หลอมสร้าง
เป็ นเกราะวิเศษแล้ว ถ้านําออกมาต้องสร้างปั ญหาแน่นอน ต่อให้มอบให้เยารั่วเซี ยนหลอมสร้าง ถึง
ตอนนั้นถ้าเยารั่วเซี ยนเห็นแล้วก็ไม่มีทางอธิบายที่มาที่ไปได้อยูด่ ี”
เหมียวอี้จึงบอกว่า “ยาเจี๋ยตันพวกนี้เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ อย่าลืมเหลือไว้ให้เฮยทัน่ บ้างล่ะ ข้าอยากจะ
เห็นว่าหลังจากเฮยทัน่ ย่อยยาเจี๋ยตันขั้นห้าแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร มีที่ให้ใช่ปะรโยชน์ต้ งั เยอะ ข้า
ตั้งใจนําเครื่ องมือค่ายกลป้ องกันมาให้เจ้าด้วยชุดหนึ่ง”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ พอสะบัดมือหนึ่งที เครื่ องมือชุดหนึ่งที่มีแปดสิ บแปดชิ้นก็ยงิ ออกมา
และลอยอยูก่ ลางอากาศ เขาเรี ยกมาชิ้นหนึ่ง เครื่ องมือรู ปหัวปี ศาจลอยเข้ามาตกอยูใ่ นมือ เหมียวอี้ถอด
ยาเจี๋ยตันขั้นสามที่แฝงอยูใ่ นเขี้ยวออกมาเม็ดหนึ่ง แล้วนํายาเจี๋ยตันขั้นห้าเม็ดหนึ่งใส่ ไว้ในนั้นแทน
แล้วเปลี่ยนยาเจี๋ยตันขั้นห้าใส่ ไว้ในเครื่ องมืออีกสี่ ชิ้น
อวิน๋ จือชิวดูอยูข่ า้ ง ๆ เขาด้วยสี หน้าสงสัยใคร่ รู้ เหมียวอี้ช้ ีเครื่ องมือที่ลอยอยูก่ ลางอากาศพร้อมอธิบาย
ว่า “เครื่ องมือนี้ชื่อว่า ‘ค่ายกลแปดทิศ’ ราคาเท่ากับลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าหนึ่งล้านล้านลูก
หรื อเท่ากับหนึ่งล้านล้านผลึกแดง เป็ นของวิเศษระดับสู งที่ใช้ป้องกันตัว เมื่อครู่ น้ ีเจ้าก็เห็นข้าเปลี่ยน
ใส่ ยาเจี๋ยตันไว้ในเครื่ องมือแล้ว ยิง่ ยาเจี๋ยตันยิง่ มีข้นั สูง พลังป้ องกันก็ยงิ่ สู ง…”
เหมียวอี้เริ่ มอธิบายวิธีการควบคุมให้นางฟัง อวิน๋ จือชิวฟังอย่างเอาใจใส่ และจดจําไว้ เมื่อไม่เข้าใจ
ตรงไหนก็เอ่ยถาม เมื่ออยูก่ บั เขาก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจ
หลังจากเข้าใจทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อรู ้วา่ ผูช้ ายคนนี้เต็มใจควักจ่ายไปมากมายเพื่อปกป้ องนาง ไม่
ว่าจะไปไหนก็จะคิดเรื่ องความปลอดภัยของนางก่อน อวิน๋ จือชิวยากที่จะอธิบายความรู ้สึกของตัวเอง
ออกมาได้ นางพลันดึงแขนเขามากัดแรง ๆ หนึ่งที
“โอ๊ย…” ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเค้าลางบอกเหตุ เหมียวอี้สูดหายใจอย่างตื่นตระหนก ผลักศีรษะ
นางทันที “ผูห้ ญิงบ้า เจ้าทําอะไร ปล่อยนะ!”
เครื่ องมือแปดสิ บแปดชิ้นขาดพลังอิทธิฤทธิ์สนับสนุน ตกลงพื้นเสี ยงดังแกร๊ ง ๆ ทันที
หลังจากพยายามดึงผูห้ ญิงบ้าออกไป เหมียวอี้ถึงได้พบว่าตัวเองโดนกัดจนเลือดออก จึงตะคอกอย่าง
เดือดดาลทันที “เจ้าเป็ นบ้าไปแล้วเหรอ!”
อวิน๋ จือชิวที่ปากเปื้ อนเลือดแลบลิ้นเลียเลือดสดบนริ มฝี ปาก นางดึงแขนเสื้ อเผยแขนขาวดุจหยก แล้ว
ยืน่ ไปตรงปากเขาอย่างแน่วแน่ “เจ้าก็กดั ของข้าสักคําสิ ให้เจ้าชิมว่าเลือดข้ารสชาติเป็ นยังไง!”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าเหรอ!” เหมียวอี้ดึงแขนนางมากัดหนึ่งที ผลก็คือพบว่าผูห้ ญิงคนนี้ไม่ร่ายอิทธิฤทธิ์
ป้ องกันเลยแม้แต่นอ้ ย พอกัดไปได้ครึ่ งหนึ่งก็สะบัดแขนนางออก แล้วถามอย่างโมโหว่า “เจ้าทําตัว
เหมือนคนปกติหน่อยได้ม้ ยั ?”
อวิน๋ จือชิวมองดูรอยฟันบนแขนตัวเอง มีแค่รอยจาง ๆ เท่านั้น สุ ดท้ายผูช้ ายคนนี้กท็ าํ ใจกัดให้นางเจ็บ
ไม่ลง รอยยิม้ บนใบหน้านางสดใสกว่าปกติ ดวงตาหยาดเยิม้ ราวกับจะมีน้ าํ ไหลออกมา จ้องมองเขา
อย่างไม่ละสายตา ขณะที่หวั เราะคิกคัก จู่ ๆ นางก็บอกว่า “ข้ายินดีจะตายเพื่อเจ้า!”
“…” เหมียวอี้ชะงักทันที ไฟโกรธที่สุมอยูใ่ นอกพลันดับวูบ เขาเพียงสะบัดแขนเสื้ อพลางทําเสี ยง
ฮึดฮัด “เหมือนหมาบ้า!”
“พอแล้ว! ชายชาตรี อย่างเจ้าจะถือสาผูห้ ญิงอย่างข้าไปทําไม!” อวิน๋ จือชิวหัวเราะคิกคักพลางหยิบ
สมุนไพรเซี ยนซิ งหัวออกมา ยกขึ้นจ่อที่แขนของเขา แล้วเป่ าหมอกประกายดาวใส่ บาดแผล ทําให้
บาดแผลสมานตัวอย่างรวดเร็ วจนมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า
จากนั้นก็เก็บยาเจี๋ยตันขั้นห้าและเครื่ องมือที่ตกอยูบ่ นพื้น จูงเหมียวอี้ที่ทาํ ท่าเหมือนยังไม่หายโกรธเข้า
ไปในห้องอาบนํ้านํ้า แล้วถอดเสื้ อผ้าให้เขา หลังจากทั้งสองลงไปแช่ในนํ้าแล้ว นางก็หยิบผ้าขนหนูมา
ปรนนิบตั ิให้เขาราวกับปรนนิบตั ิเจ้านาย อ่อนโยนไร้ที่เปรี ยบ
เหมียวอี้อดใจไม่ไหวกับหญิงงามช่างยัว่ คนนี้ มือไม้อยูไ่ ม่สุข มือไม้ซุกซนอย่างหน้าไม่อาย นางเองก็
กัดริ มฝี ปากแดงไว้แน่น เพียงอดทนไหว ทําตัวว่านอนสอนง่ายแบบนี้กลับทําให้เหมียวอี้หายโกรธ
ตอนที่ 888
หนึ่งเดียวไม่ มสี อง
หลังจากออกจากห้องอาบนํ้า เมื่อมองดูสีของท้องฟ้ า อวิน๋ จือชิวก็ยมิ้ พร้อมบอกว่า “ฟ้ าสว่างแล้ว ไม่
ต้องนอนแล้วล่ะ แต่งตัวสักหน่อย เดี๋ยวข้าจะไปทดลองใช้เครื่ องมือชุดนั้น”
ก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง ก็ถือโอกาสเรี ยกให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เข้ามาแต่งตัวให้ แต่เรื่ องจัดแต่ง
ทรงผมให้เหมียวอี้ กลับไม่ได้ยมื มือของพวกนางสองคน อวิน๋ จือชิวดึงเหมียวอี้มานัง่ ลงตรงหน้ากระ
โต๊ะเครื่ องแป้ งด้วยตัวเอง ผมนางยังยาวปร่ าบ่าลงมา แต่กลับช่วยจัดแต่งทรงผมให้เหมียวอี้อย่างเอาใจ
ใส่ อากัปกิริยาสงบเยือกเย็น บนใบหน้ามีระลอกคลื่นแห่งความสุ ข
การที่สตรี ผวู ้ างมาดเถ้าแก่เนี้ยมาตลอดสามารถใช้มาดของหญิงผูต้ ่าํ ต้อยมาปรนนิบตั ิตนได้ เหมียวอี้
เสพสุ ขกับสิ่ งนี้มาก ถึงแม้จะปรนนิบตั ิได้ไม่คล่องมือเท่าเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ แต่ความพึงพอใจแบบ
นี้เป็ นสิ่ งที่หาไม่ได้จากตัวของเชียนเอ๋ อร์และเสวีย่ เอ๋ อร์
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่เก็บที่นอนอดไม่ได้ที่จะสบตากันแวบหนึ่ง บนเตียงที่ยบั เยินไร้ระเบียบได้
พิสูจน์ถึงความบ้าระหํ่าของกิจกรรมเมื่อคืนแล้ว ในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็ยอ่ มรู ้วา่
เคยเกิดเรื่ องอะไรขึ้น ทั้งสองหน้าแดงเล็กน้อย รี บม้วนผ้าปูออกมา ถ้าไม่ซกั ให้สะอาดก็คงใช่ต่อไม่ได้
อวิน๋ จือชิวที่เหลือบมองผ่านกระจกแวบหนึ่งหัวเราะคิกคัก “พวกเจ้าสองคนจะเขินอายอะไรกัน
นักหนา? อย่าบอกนะว่าไม่เคยมีประสบการณ์ ข้าจะอนุญาตให้นายท่านผ่อนคลายสามวัน ในสาม
วันนี้ถา้ นายท่านอยากจะให้พวกเจ้าปรนนบัติ ข้าก็จะไม่วา่ อะไร หนิวเอ้อร์ เจ้าจัดการตามเห็นสมควร
เถอะ!”
หญิงรับใช้ท้ งั สองหน้าแดงกํ่าทันที ก้มหน้าก้มตาจัดเก็บที่นอนของตัวเองต่อไป
เหมียวอี้แสร้งทําสี หน้าจริ งจัง แต่สายตากลับชําเลืองมองสองสาวผ่านกระจกหลายครั้ง ในใจรุ่ มร้อน
ทันที สามวันเหรอ! จะปล่อยทิ้งให้เสี ยเปล่าไม่ได้…
เมื่อช่วยจัดแต่งทรงผมให้เขาเสร็ จแล้ว อวิน๋ จือชิวก็นงั่ ลงหน้าโต๊ะเครื่ องแป้ งอีก ครั้งนี้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่
เอ๋ อร์เข้ามาจัดแต่งทรงผมให้นาง แต่งหน้ทาปากย่อมไม่ตอ้ งพูดถึง หวีเกล้ามวยผมขึ้นอย่างเรี ยบร้อย
วางมงกุฎหงส์ลงบนศีรษะ แล้วปักปิ่ นให้ไว้ให้มนั่ คง จากนั้นก็สวมชุดคลุมยาวที่ดูมีพลังอํานาจ เผย
ความน่าเกรงขามของมารดาแห่งใต้หล้าอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
เหมียวอี้ที่ยนื เอามือไขว้หลังยืนดูอยูข่ า้ ง ๆ รู ้สึกเลี่ยนนิดหน่อย รู ้สึกว่าอาศัยพลังอํานาจแค่น้ ีกข็ ่มตนได้
แล้ว จึงพูดอย่างไม่สบายใจว่า “ทําไมต้องแต่งตัวแบบนี้ดว้ ย ไม่เหนื่อยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวมองดูผชู ้ ายในกระจกพลางยิม้ บาง ๆ “เครื่ องแต่งกายพวกนี้ มู่ฝานจวินประทานให้ขา้ ทั้งนั้น
ตอนที่เจ้าไม่อยู่ ในฐานะที่ขา้ เป็ นฮูหยินของประมุขปราสาท จึงออกคําสัง่ ต่อกําลังพลของปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั ได้ไม่สะดวกราบรื่ น มีหนังเสื อที่มู่ฝานจวินประทานให้แบบนี้กด็ ูเข้าท่าเหมือนกัน ใส่
แล้วมีขอ้ ดี แบบนี้ ทําไมข้าจะใส่ ไม่ได้ล่ะ?”
“นางจะประทานเสื้ อผ้าพวกนี้ให้เจ้าทําไม?” เหมียวอี้ขมวดคิ้วถาม
“ขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงอย่างไรทุกครั้งที่ไปแดนโพ้นสวรรค์ นางก็จะคุยกับข้าเป็ นการส่ วนตัวทุกรอบ
หลังจากอาบนํ้าเสร็ จแล้ว ก็จะชี้สงั่ ให้ขา้ ไปหวีผมให้ตลอด คงมีความคิดลําพองใจว่าแม้แต่หลานสาว
ของอวิน๋ อ้าวเทียนก็ยงั ต้องปรนนบัตินางกระมัง อาจจะอยากฉวยโอกาสกูห้ น้ากลับมาสักนิดสักหน่อย
แต่ทุกครั้งหลังจากทําแบบนั้น นางก็จะประทานเครื่ องแต่งกายพวกนี้ให้ขา้ เสมอ ล้วนเป็ นของที่
คุณภาพดีที่สุด ไม่ได้ปฏิบตั ิต่อข้าอย่างขาดความยุติธรรม” อวิน๋ จือชิวตอบ
“เป็ นบ้าละมั้ง! ในอนาคตถ้ามีโอกาส ข้าจะจับนางมาหวีผมให้เจ้าบ้าง” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่พอใจ
อวิน๋ จือชิวได้ยนิ แล้วหัวเราะคิกคัก “ดี! ข้าจะรอให้วนั นั้นมาถึง!” นางเหลือบตาขึ้นมองผูช้ ายที่อยูใ่ น
กระจก “แต่วา่ หนิวเอ้อร์ มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่ขา้ อยากจะถามเจ้า น้องสาวเจ้าคนนั้นเป็ นอย่างไรกันแน่? ทุก
ครั้งที่ขา้ ไปแดนโพ้นสวรรค์ นอกจากจะไม่เรี ยกข้าว่าพี่สะใภ้ ยังเอาแต่อารมณ์เสี ยใส่ ขา้ โดยไร้เหตุผล
ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นคงโดนข้าตบไปแล้ว ข้าเองก็ไม่เคยทําอะไรให้นางเคืองใจ มีสิทธิ์อะไรมาทํากับ
ข้าแบบนี้?”
“เอ่อคือ…” เหมียวอี้ค่อนข้างพูดไม่ออกพูดไม่ออก ในใจพอจะรู ้วา่ เป็ นเพราะอะไร แต่กลับไม่มีทาง
พูดออกมาได้ เพียงยิม้ เจื่อนพร้อมบอกว่า “เจ้าอย่าไปถือสาคนไม่รู้ประสาอย่างนางเลย เจ้ารองกับเจ้า
สามลําบากกับข้ามาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของพวกเขารับเลี้ยงข้าไว้ ข้าคงไม่มีชีวติ รอดจนถึง
ทุกวันนี้ เจ้าช่วยทนเอาหน่อยเพื่อเห็นแก่หน้าข้า”
“ทน? ก็เพราะเห็นแก่หน้าเจ้านี่แหละ ข้าถึงทนมาตลอด หนิวเอ้อร์ ข้าจะพูดสิ่ งที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อน
เลยนะ ถ้านางทําเกินไปเมื่อไร ข้าก็ตอ้ งวางมาดน่าเกรงขามของ ‘พี่สะใภ้ใหญ่เสมือนมารดา’ บ้างสัก
หน่อยเหมือนกัน!” อวิน๋ จือชิวกล่าวเตือน
“เฮ้อ! เดี๋ยวครั้งหน้าถ้ามีโอกาสได้เจอนาง ข้าจะต้องตําหนินางสักหน่อยแล้ว!” เหมียวอี้กล่าวอย่างจน
ใจมาก
หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่ องเรี ยบร้อย อวิน๋ จือชิวก็เดินลากชายกระโปรงออกไปนอกตําหนักพร้อมกับ
เหมียวอี้ ตอนนี้ทอ้ งฟ้ าเปลี่ยนสี แล้ว
ตอนที่ท้ งั สองเดินเคียงคู่กนั ขึ้นดาดฟ้ าสังเกตการณ์ เหมียวอี้กแ็ อบมองนางหลายครั้งอย่างอดไม่ได้
ผูห้ ญิงคนนี้แต่งตัวองอาจผึ่งผาย ตัวเองยืนอยูข่ า้ งกายแล้วทําไมรู ้สึกเหมือนขับให้นางเด่นขึ้น เสี ยง
พึมพําในใจเหล่านี้ มีแค่ตวั เองเท่านั้นที่รู้ ถึงอย่างไรก็คงไม่ดีที่จะพูดออกไป ถ้าให้อวิน๋ จือชิวรู ้ เขา
จะต้องได้สน้ เท้ากลับมาแน่นอน
ทั้งสองยืนสู งโดดเด่นอยูบ่ นดาดฟ้ าสังเกตการณ์ ก้มมองสิ่ งปลูกสร้างตรงแนวเทือกเขารอบ ๆ ของทั้ง
ปราสาทดําเนินสุ ริยนั เมื่อเลือกขอบเขตในการวางค่ายกลได้แล้ว อวิน๋ จือชิวก็สะบัดมือยิงลําแสงสี แดง
ออกมาสิ บสาย แบ่งปั กไปบริ เวณรอบ ๆ ตําหนักหลัง เจาะทะลวงเข้าไปใต้ดินโดยตรง
ธงอิทธิฤทธิ์สามอันตกอยูใ่ นมือของอวิน๋ จือชิว เมื่อโบกธงอันหนึ่ง ค่ายกลแปดทิศก็เริ่ มทํางาน แท่นดู
ดาวโคลงเคลงทันที ทั้งตําหนักหลังสัน่ สะเทือนเล็กน้อย มีเสี ยงดันครั่นครื นอยูพ่ กั หนึ่ง ราวกับมีมงั กร
ขยับพลิกตัวอยูใ่ ต้ดิน
เหมียวอี้พยักหน้าเบา ๆ ตอนวางค่ายกลด้วยยาเจี๋ยตันขั้นห้า มีการเคลื่อนไหวรุ นแรงกว่าใช้ยาเจี๋ยตัน
ขั้นสามเยอะมาก
ความเคลื่อนไหวนี้ทาํ ให้คนใต้ตาํ หนักตระหนกและมองมาพร้อมกันทันที สะเทือนจนคนในตึกราม
บ้านช่องตรงแนวเขารอบ ๆ มองมาเช่นกัน มีบางคนถึงขั้นเหาะขึ้นฟ้ าเพื่อดูวา่ เกิดอะไรกันแน่ รวมทั้ง
พวกหยางชิ่งด้วย
“ถอยไปให้หมด! ใครเข้ามาสอดแนมโดยพลการ ประหาร!” เสี ยงเตือนที่เย็นเยียบของอวิน๋ จือชิวดัง
ก้องไปทัว่ บริ เวณ
เหมียวอี้ที่ยนื เอามือไขว้หลังมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง คนที่เหาะเข้ามาดูแยกย้ายกัน
ไปทันที ทุกคนหดหัวกลับเข้าไปแล้ว
สองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็เหาะขึ้นฟ้ าพร้อมกัน ปรากฏว่าพอเหาะสูงถึงระดับร้อย
เมตร ก็โดนพลังไร้รูปร่ างกลุ่มหนึ่งผนึกไว้ทนั ที ไม่วา่ จะทําอย่างไรก็ฝ่าออกไปไม่ได้ อวิน๋ จือชิวถึงขั้น
ใช้วรยุทธ์ท้ งั หมดฟาดออกไปหนึ่งฝ่ ามือ แต่กไ็ ม่สามารถทําให้ค่ายกลสะเทือนเลยแม้แต่นอ้ ย ไม่น่า
เชื่อว่าพลังอันแข็งแกร่ งของฝ่ ามือจะถูกการไหลเชี่ยวของพลังประหลาดพิศวงกลุ่มนี้ดูดกลืนไป
ทั้งสองเหยียบลงพื้นพร้อมกัน อวิน๋ จือชิวกล่าวอย่างตื่นเต้นประหลาดใจมาก “พอจะมีหนทางจริ ง ๆ
ด้วย”
“เจ้าคิดว่าของที่สามีหามาเพือ่ ปกป้ องเจ้าจะเป็ นของกระจอก ๆ รึ ไงล่ะ?” เหมียวอี้พดู หยอกล้อ แล้ว
ทําท่าจะจูงมือนาง
ปรากฏว่าโดนอวิน๋ จือชิวโบกมือห้าม แล้วแอบถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “หนิวเอ้อร์ ข้าขอเตือนเจ้านะ เมื่อ
อยูก่ นั สองคนเจ้าจะรังแกข้าอย่างไรก็ได้ ต่อไปนี้ยามอยูท่ ่ามกลางสายตาประชาชี เจ้าต้องทําตัว
เรี ยบร้อยซื่อสัตย์หน่อย ระมัดระวังฐานะของตัวเอง มีลกู ชายมากมายมองอยูน่ ะ!”
ตอนนี้เขาไม่รู้จกั ฐานะของตัวเองงั้นเหรอ? เหมียวอี้หนั มามองผูห้ ญิงคนนี้ พบว่าเมื่ออยูข่ า้ งนอกก็
เปลี่ยนเป็ นคนละคนจริ ง ๆ ด้วย ภูมิฐานสง่าผ่าเผย ต่างกับผูห้ ญิงปากร้ายก่อนหน้านี้ราวกับเป็ นคนละ
คน ทําให้เขาพูดไม่ออกมาก
หลังจากทั้งสองเดินลงจากดาดฟ้ าสังเกตการณ์ ก็เดินมาที่หน้าประตูใหญ่ของตําหนักหลังอีก
บัณฑิตที่นอนหลับตาถือหนังสื ออยูบ่ นเก้าอี้พลันลืมตา แล้วรี บยืนขึ้นกุมหมัดคาระว่า “นายท่าน ฮู
หยิน”
อวิน๋ จือชิวนําธงอิทธิฤทธิ์อนั หนึ่งมอบให้ แล้วสอนวิธีใช้งานให้บณ
ั ฑิต ต่อไปนี้ประตูน้ ีกค็ ือประตูที่มี
ชีวติ โดยมีบณ
ั ฑิตเป็ นคนเฝ้ า หากไม่ใช่คนที่ได้รับอนุญาต และบัณฑิตไม่เปิ ดทางเข้าออก คนนอกก็
เข้ามาไม่ได้ คนในก็ออกไม่ได้เช่นกัน ค่ายกลแปดทิศเรี ยกได้วา่ พิทกั ษ์ท้ งั ตําหนักหลังได้อย่างเต็มที่
แล้ว
“ไปเรี ยกพวกพ่อครัวมา พวกเจ้าสี่ คนมาหาข้าสักเที่ยว” อวิน๋ จือชิวพูดทิ้งท้าย แล้วเดินกลับไปพร้อม
กับเหมียวอี้
ผ่านไปไม่นาน พวกพ่อครัวทั้งสี่ กม็ าอยูใ่ นตําหนักหลังแล้ว อวิน๋ จือชิวนัง่ สง่าอยูต่ รงหัวโต๊ะต่อไป แต่
เหมียวอี้กลับยืนขึ้น นําแหวนเก็บสมบัติสี่วงมามอบให้ท้ งั สี่ แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ในปี นั้นที่ขา้ ฝาก
ฝังให้พวกเจ้าปกป้ องเถ้าแก่เนี้ย ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าหลังจากเรื่ องราวเรี ยบร้อยจะขอบคุณอย่างดี ก่อน
หน้านี้ติดธุระกลับมาไม่ได้ ให้รางวัลขอบคุณพวกนี้ชา้ ไปหน่อย วันนี้นบั ว่าทําตามสัญญาแล้ว!”
ของอะไร? พอทั้งสี่ ร่ายอิทธิฤทธิ์ดูของในแหวนเก็บสมบัติ ก็พากันตะลึงงันทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ น
ยาแก่นเซี ยน พอร่ ายอิทธิฤทธิ์กวาดมองอย่างหยาบ ๆ เพื่อนับจํานวน ก็เกรงว่าจะมีเกือบล้านเม็ด! ทั้งสี่
สู ดหายใจอย่างตกตะลึง แล้วมองไปที่อวิน๋ จือชิวพร้อมกันโดยจิตใต้สาํ นึก ช่างไม้เอ่ยถามว่า “เถ้าแก่
เนี้ย ตบรางวัลหนักไปหน่อบรึ เปล่า?”
เมื่อไม่มีคนนอก พวกเขาก็กลับมาเรี ยกขานด้วยสรรพนามเดิม นี่คือสิ่ งที่อวิน๋ จือชิวอนุญาต ชัดเจนว่า
ไม่ได้เห็นพวกเขาเป็ นคนนอก
“บนตัวหนิวเอ้อร์กม็ ีอยูไ่ ม่เยอะเช่นกัน ล้วนเป็ นสิ่ งที่เขาทุ่มกําลังความคิดและเกือบเอาชีวติ ไปทิ้งเพื่อ
แลกมา ข้าเองก็เคยเกลี้ยล่อมให้เขาเก็บไว้ใช้เอง…ไม่ปิดบังพวกเจ้าหรอกนะ เขากําลังอยูใ่ นช่วงหัว
เลี้ยวหัวต่อของการบรรลุระดับบงชทอง มันมีประโยชน์ให้เขาใช้งานจริ ง ๆ แต่เขาแน่วแน่ที่จะรักษา
สัญญา ในเมื่อเป็ นนํ้าใจของเขา ทั้งยังมอบให้พวกเจ้าสี่ คนด้วย ไม่ถือว่าเป็ นคนนอก ข้าก็เลยไม่วา่
อะไร พวกเจ้าเก็บไว้เถอะ ระหว่างพวกเราไม่ตอ้ งมาพูดจาเกรงใจกันหรอก ก็อย่างที่ขา้ เคยบอก ตราบ
ใดที่พวกเราสองสามีภรรยามีขา้ วกิน ก็จะไม่ปฏิบตั ิกบั พวกเจ้าอย่างขาดความยุติธรรมแน่นอน เก็บไป
ไว้เถอะ!” อวิน๋ จือชิวกล่าว
ทั้งสี่ หวั เราะเบา ๆ ด้วยสี หน้าทะเล้น พ่อครัวถือแหวนเก็บสมบัติโบกไปมาตรงหน้าเหมียวอี้ “หนิว
เอ้อร์ งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”
พออวิน๋ จือชิวโบกมือ พวกเขาทั้งสี่ กเ็ ดินออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน เหมียวอี้กางแขนสองข้างบิดขี้
เกียจ แล้วบอกว่า “ฮูหยิน ข้าไม่ได้กลับมานานแล้ว จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย จะไปหาพวกเยารั่ว
เซียนด้วย”
“เป็ นอะไรไป? อยูข่ า้ ง ๆ ข้าไม่ไหวแล้วเหรอ?” อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองแวบหนึ่ง
“ข้าว่านะเถ้าแก่เนี้ย เจ้าเลิกวางมาดนี้สกั หน่อยได้ม้ ยั ?” นํ้าเสี ยงเหมียวอี้เจือด้วยความไม่พอใจ
“งั้นเจ้าไปต้องไปหาเยารั่วเซียนแล้ว พวกเขากําลังหลอมสร้างของวิเศษอยูช่ ิ้นหนึ่ง กําลังอยูใ่ นขั้นตอน
สําคัญแล้ว ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน”
“หลอมสร้างของวิเศษอะไร?”
“ของวิเศษที่จะเอาไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตร! เพื่อสิ่ งนี้ ข้าทุ่มเททรัพยากรไปไม่นอ้ ยเลย”
“อ้อ!” เหมียวอี้ลูบคาง อยากจะสัมผัสสักหน่อยว่าเยารั่วเซียนทําของวิเศษอะไรเพื่อล้างความอัปยศที่
สํานักงามวิจิตร
อวิน๋ จือชิวบอกอีกว่า “เขียนหนังสื อสอบถามกิจวัตรส่ งไปให้แต่ละตําหนักเถอะ”
“เรื่ องนี้เจ้าจัดการตามเห็นสมควรเถอะ ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย!” เหมียวอี้โบกมือแล้วทําท่าจะ
เดินออกไป ตราบใดที่มีคนที่วางใจได้ทาํ ให้ เขาก็ไม่เคยไปกังวลเรื่ องนั้นเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่มี
ตําแหน่งผูก้ ารใหญ่อย่างหยางชิ่งโผล่ออกมาหรอก
“เจ้าก็ลองออกไปดูสิ! เจ้าไม่กลับมาที่นี่หลายร้อยปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาได้ อย่างน้อยเจ้าก็ตอ้ ง
พิสูจน์ให้ลูกน้อง้ห็นว่าตัวเองยังมีตวั ตนไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นพวกลูกน้องคงนึกว่าฮูหยินคนนี้
วางแผนปล้นอํานาจสามีตวั เอง! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ใช่วา่ เบื้องล่างจะไม่มีข่าวลือนี้ ให้เจ้าเขียน
หนังสื อสอบถามกิจวัตรสักฉบับ จะทําให้เจ้าเสี ยเวลาสักเท่าไรเชียว?”
“ไม่ตอ้ งพูดแล้ว ข้าจะเขียนก็ได้ จบมั้ย?” เหมียวอี้นงั่ ลงบนเก้าอี้ตวั หนึ่งอย่างไม่ใส่ ใจ หยิบแผ่นหยก
ออกมาเขียนทีละแผ่น
อวิน๋ จือชิวลุกขึ้นและเดินเข้ามา หยิบแผ่นหยกที่เขาเขียนขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด แต่พออ่านแล้วกลับ
คิ้วขมวดขึ้นมา
หลังจากเหมียวอี้เขียนเสร็ จแล้ว ก็สงั เกตเห็นว่าสี หน้าของนางดไม่ชอบมาพากล จึงถามว่า “ทําไมล่ะ?
หรื อว่าที่ขา้ เขียนมีปัญหาอะไร”
อวิน๋ จือชิวสัง่ ให้เสวีย่ เอ๋ อร์มานําแผ่นหยกไปส่ งให้ตาํ หนักต่าง ๆ จากนั้นก็ดึงเหมียวอี้ให้ลุกขึ้นจาก
เก้าอี้ พาไปที่หอ้ งหนังสื อ และให้เชียนเอ๋ อร์เตรี ยมเครื่ องเขียนเอาไว้ เหมียวอี้ถ่มอย่างแปลกใจว่า “ทํา
อะไร?”
“เขียนตัวอักษรให้ขา้ ดูสกั สองสามตัว” อวิน๋ จือชิวกล่าว
การ…เขียนตัวอักษรคือจุดอ่อนของเหมียวอี้จริ ง ๆ เขาไม่เคยได้เรี ยนหนังสื อมาตั้งแต่เด็ก ยิง่ ไม่ตอ้ ง
พูดถึงการเขียนตัวอักษรเลย เขากล่าวอย่างเขินอายทันที “อยูด่ ี ๆ จะให้เขียนตัวอักษรทําไม”
“ให้เจ้าเขียนตัวอักษรแค่ไม่กี่ตวั ก็ทาํ ให้เจ้าลําบากแล้วเหรอ?” อวิน๋ จือชิวถาม
คําพูดของนางทําให้เหมียวอี้พดู ไม่ออก เพียงหยิบพูก่ นั ขึ้นมาอย่างไม่รู้วา่ ควรจะลงมือเขียนอย่างไร
แล้วถามอย่างตะกุกตะกัก “เจ้าอยากจะให้ขา้ เขียนตัวอักษรอะไรล่ะ?”
อวิน๋ จือชิวดึงพูก่ นั จากมือเขามาไว้ในมือตัวเอง จากนั้นจุ่มนํ้าหมึก แล้วยกแขนเสื้ อขึ้นพลางเขียน
ตัวอักษรตัวใหญ่ที่งดงามทรงพลังไว้บนกระดาษว่า : หนึ่งไม่มีสอง![1]
จากนั้นก็ให้เหมียวอี้เขียนตาม เขียนแค่อกั ษรสี่ ตวั นี้
เมื่อมองพูก่ นั ที่ถูกยัดกลับเข้ามาในมือ แล้วมองตัวอักษรงดงามตัวใหญ่บนกระดาษ เหมียวอี้กร็ ู ้สึก
เหงื่อแตก จุ่มพูก่ นั คานํ้าหมึก ชักช้าไม่กล้าลงมือเขียนสักที
“ทําไมให้เขียนตัวอักษรแค่ไม่กี่คาํ ยังลําบากยิง่ กว่าฆ่าเจ้าทิ้งเสี ยอีก? เจ้าจะเขียนหรื อไม่เขียน จะกดดัน
ให้ขา้ โมโหให้ได้เลยใช่ม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวพูดเร่ งเร้า
เหมียวอี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่สนใจอะไรแล้ว ต่อให้อบั อายขายหน้าก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรตรงนี้ก็
ไม่มีคนนอก เขาให้กาํ ลังใจตัวเองเพื่อสร้างความฮึกเหิ ม
หลังจากเขียนตัวอักษรสี่ ตวั แล้ว เหมียวอี้กเ็ รี ยกได้วา่ ทําสี หน้าเก้อเขิน
อวิน๋ จือชิวจ้องตัวอักษรบนกระดาษ เบิกตากว้างยิง่ กว่าเมื่อครู่ น้ ี ทําท่าเหมือนตกตะลึง จ้องอยูน่ านมาก
ยากที่จะละสายตาออกไปได้
เหมียวอี้เองก็หน้าแดงเพราะความอับอายเช่นกัน เขาไม่ได้หน้าแดงแบบนี้มาหลายปี แล้ว เป็ นเพราะ
เมื่อนําตัวอักษรที่ตวั เองเขียนมาเทียบกับตัวอักษรต้นฉบับ ก็บรรยายความแตกต่างออกมาเป็ นคําพูดได้
ยากจริ ง ๆ ขนาดตัวเองเห็นแล้วยังอาย คงไม่ตอ้ งบอกว่าขี้เหร่ ขนาดไหน ถ้าใช้ความพยายามก็พอจะ
อ่านออกอยูบ่ า้ ง ถ้าร่ ายอิทธิฤทธิ์อ่านตัวอักษรบนแผ่นหยก ก็ยอ่ มอ่านออกได้ง่ายกว่าเดิมอยูแ่ ล้ว เมื่อ
ใช้พลังอิทธิฤทธิ์กจ็ ะควบคุมสิ่ งต่าง ๆ ได้ง่ายตามอําเภอใจ
เชียนเอ๋ อร์ที่ยนื อยูข่ า้ ง ๆ พอเหลือบไปเห็นตัวอักษรที่น่าเวทนาสี่ ตวั นั้น ก็ยงั ต้องเบี่ยงหน้าหันไปมอง
ทางอื่น ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนายท่านไม่เคยใช้งานห้องหนังสื อเลย มีสาเหตุจริ ง ๆ ด้วย
แอบร้องในใจว่า : นายท่านแย่แล้ว!
เหมียวอี้หน้าแดง แต่อวิน๋ จือชิวกลับหน้าเขียว หันกลับมามองเขาอย่างช้า ๆ แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อย
ชัดคว่า “เขียนได้ไม่เลวนี่ ตัวอักษรของท่านสามีคู่ควรกับสี่ คาํ นี้จริ ง ๆ ด้วย หนึ่งเดียวไม่มีสอง! ถ้าให้
ท่านปู่ ข้าเห็นล่ะก็ รับรองว่าตีเจ้าตายคามือแน่!”
“อวิน๋ จือชิว เจ้าอย่าพูดเกินไปนักเลย อย่างมากต่อไปนี้ขา้ ก็จะยกห้องหนังสื อให้เจ้าใช้ ข้าแค่ไม่เข้ามาก็
สิ้ นเรื่ องแล้ว!” เหมียวอี้พดู ทิ้งท้ายพร้อมทิ้งพูก่ นั แล้วหันหน้าเดินออกไป ไม่มีหน้าจะอยูท่ ี่นี่ต่อแล้ว
จริ ง ๆ
อวิน๋ จือชิวกลับดึงมือเขาไว้ พยายามเจียดรอยยิม้ ทั้ง ๆ ที่โมโห “หม่อมฉันพูดผิดเองค่ะ ท่านสามีอย่า
โมโหเลยนะ ที่จริ งการเขียนตัวอักษรก็ไม่ใช่เรื่ องใหญ่อะไรหรอก ฝึ กเขียนเยอะ ๆ ก็พอแล้ว มาสิ คะ!
หม่อมฉันจะอยูเ่ ล่นด้วยเอง!” พูดจบก็ยดั พูก่ นั กลับเข้าไปในมือเขา แล้วใช้มือตัวเองจับประคองมือเขา
ให้นาํ พูก่ นั ไปจุ่มนํ้าหมึก จากนั้นก็วาดตัวอักษรสี่ ตวั นั้นลงบนกระดาษทีละขีดอย่างใกล้ชิดและเอาใจ
ใส่
เมื่อมีนางคอยประคับประคองช่วยเหลือ ตัวอักษรสี่ ตวั ที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่กม็ ีสภาพเป็ นผูเ้ ป็ นคน
ขึ้นมาหน่อย อวิน๋ จือชิวให้กาํ ลังใจเขาเหมือนปะเหลาะเด็กน้อยทันที “ท่านสามีมีพรสวรรค์จริ ง ๆ ด้วย
ใช้เวลาประเดี๋ยวเดียวก็กา้ วหน้าได้เยอะขนาดนี้!”
เชียนเอ๋ อร์รีบเข้ามายืนฝนหมึกข้าง ๆ หวังว่านายท่านจะสามารถคงอารมณ์อนั สุ นทรี น้ ีต่อไป
แต่ประเด็นสําคัญก็คือ นายท่านเหมียวไม่ได้มีอารมณ์อนั สุ นทรี กบั ด้านนี้เลย เขียนไปได้แค่สิบกว่าตัว
ก็ดึงมืออวิน๋ จือชิวออกแล้ว เขาวางพูก่ นั ลง แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “มีฮูหยินอยูแ่ ล้ว ต่อไปให้ฮูหยินช่วย
ทําเรื่ องนี้แทนก็ได้”
อวิน๋ จือชิวดึงเขากลับมาอีกครั้ง ยังคงพูดออดอ้อนเขา “ท่านสามีอยูเ่ ล่นกับข้าอีกสักหน่อยสิ พวกเรา
เขียนต่ออีกหน่อยดีม้ ยั ? ไม่เยอะหรอกค่ะ เขียนอีกร้อยตัวเอง!”
ร้อยตัวไม่เยอะตรงไหน? เหมียวอี้หวั เราะบางบอกว่า “เขียนหนังสื อมีอะไรน่าสนุก ไปเถอะ! ข้าจะ
สอนเจ้าเล่นหมากล้อม!”
ตอนยังไม่พดู ถึงหมากล้อมก็ยงั ดี ๆ อยู่ คนที่เล่นหมากล้อมด้วยนิสยั แย่ ๆ อย่างเขา ยังจะมีหน้ามาสอน
คนอื่นอีกเหรอ? อวิน๋ จือชิวทําหน้าเข้มทันที บวกกับนิสยั เจ้าอารมณ์ของนาง ทําให้แสร้งตีสีหน้ายิม้
แย้มต่อไปไม่ไหวแล้ว นางถามอย่างเย็นเยียบว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าจะเขียนหรื อไม่เขียน?”
“ไม่เขียนแล้ว! กะอีแค่ไม่จบั พูก่ นั เขียนหนังสื อ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะเป็ นประมุขปราสาทต่อไป
ไม่ได้ ตอนนี้ขา้ ยังใช้ชีวติ ได้อย่างสบาย ๆ เหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ!” เหมียวอี้กล่าวอย่างทนรําคาญไม่
ไหว
“ถ้าเจ้าจะหดหัวเป็ นประมุขปราสาทอยูท่ ี่นี่ไปทั้งชาติ ข้าก็ไม่วา่ อะไรหรอก แต่เจ้าเคยคิดบ้างรึ เปล่า
ตอนที่เจ้าเป็ นประมุขถํ้า คนที่ได้เห็นตัวอักษรของเจ้าแล้วหัวเราะเยาะเจ้าก็มีแค่กาํ ลังคนของหนึ่งถํ้า
ตอนที่เจ้าเป็ นประมุขขุนเขา จํานวนคนที่หวั เราะเยาะเจ้าก็มีแค่หนึ่งขุนเขา ประมุขจวน ประมุข
ตําหนัก ประมุขปราสาท เจ้าเดินขึ้นตําแหน่งสู งไปเรื่ อย ๆ ยิง่ ลูกน้องเจ้ามีเยอะเท่าไร คนที่หวั เราะเยาะ
เจ้าก็ยงิ่ เยอะเท่านั้น สิ่ งที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมก็คือบารมีชื่อเสี ยงของเจ้า หนิวเอ้อร์ ตอนนี้ขา้ จะ
ถามเจ้าคําเดียว เจ้าคิดจะหยุดความก้าวหน้าไว้แค่น้ ีใช่ม้ ยั เจ้าจะหดหัวอยูท่ ี่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไปทั้ง
ชาติหรื อเปล่า ถ้าใช่ ข้าก็จะไม่วา่ อะไรแล้ว แต่งกับไก่กต็ ามไก่ แต่งกับสุ นขั ก็ตามสุ นขั [2] ข้าจะหดหัว
อยูก่ บั เจ้าที่นี่ไปทั้งชาติกแ็ ล้วกัน จะไม่พรํ่าบ่นอะไรทั้งนั้น!” อวิน๋ จือชิวกดดัน “ตอบมาว่าใช่หรื อ
ไม่ใช่!”
“พูดเรื่ องไร้ประโยชน์แบบนี้ทาํ ไม ใช่วา่ เจ้าจะไม่รู้วา่ ตอนนี้ขา้ กําลังทําอะไรอยู!่ ” เหมียวอี้กล่าวอย่าง
ปวดประสาท
“ในเมื่อเป็ นแบบนี้ เจ้าก็เขียนให้ขา้ ดูสิ!” อวิน๋ จือชิวคว้ามือเขาเอาไว้ หนังสื อเล่มหนึ่งที่จดั วางไว้บน
โต๊ะก็ลอยขึ้นมา นางพลิกเปิ ดแล้ววางไว้ขา้ ง ๆ เขา จากนั้นก็ช้ ีที่ตวั อักษรบนนั้นพร้อมบอกว่า “ตั้งแต่
วันนี้เป็ นต้นไป เมื่อไรที่เจ้าว่าง ก็ตอ้ งเจียดเวลาทุกวันเพื่อเขียนอักษรตามข้าหนึ่งร้อยตัว ข้าจะมาตรวจ
ทุกวัน! ไม่ได้ขอให้เจ้าฝึ กจนเก่งขนาดนั้นหรอก ขอแค่พอดูได้กพ็ อแล้ว แบบนี้ไม่ถือว่าทําให้เจ้า
ลําบากหรอกใช่ม้ ยั ?”
“ทุกวัน?” เหมียวอี้ถามอย่างหงุดหงิดทันที “อวิน๋ จือชิว นี่เจ้าจะหาเรื่ องข้าไม่เลิกเลยใช่ม้ ยั ? ถ้าทําแบบ
นี้ซ้ าํ ทุกปี เจ้ารู ้ม้ ยั ว่าเสี ยเวลาฝึ กตนข้าขนาดไหน?”
“เขียนวันละสองร้อยตัวให้ขา้ ตรวจทุกวัน ถ้าขาดไปแม้แต่ตวั เดียว เจ้าก็คอยดูแล้วกัน!” อวิน๋ จือชิวเกิด
มีน้ าํ โห เพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าแล้ว
พอเสวีย่ เอ๋ อร์ที่เพิ่งกลับมาเห็นภาพนี้ ก็มายืนอยูข่ า้ งเชียนเอ๋ อร์เงียบ ๆ ทั้งสองแอบเดาะลิ้นในใจ คนที่
กล้าท้าชนกับนายท่านแบบนี้ ในปราสาทดําเนินสุ ริยนั คงมีแค่ฮูหยินคนเดียวแล้ว
“ไม่เขียน! ข้าทนมามากพอแล้ว!” เหมียวอี้คาํ ราม แล้วหันหน้าเดินจากไป
อวิน๋ จือชิวถลันตัวเข้าไป ใช้มือข้างหนึ่งกระชากมวยผมของเหมียวอี้ แล้วดึงเขากลับมา
เหมียวอี้เจ็บจนบิดตัว พลางตวาดอย่างโมโห “เมียปากร้าย! เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือตอบโต้นะ!”
ถ้าอวิน๋ จือชิวกลัวเขาก็แปลกแล้ว นางจับไว้ไม่ยอมปล่อย พลางแสยะยิม้ ใส่ เขา “เจ้ากล้าตอบโต้อยู่
แล้ว! เจ้าก็เก่งแต่รังแกเมียตัวเองนัน่ แหละ ถ้ามีความสามารถนัก แล้วทําไมไม่เอาไปใช้กบั ฝาแฝดคู่น้ นั
ล่ะ? มาวางมาดวีรบุรุษต่อหน้าข้าจะถือว่าเก่งกาจอะไร!”
“…” เหมียวอี้พดู ไม่ออกทันที เผชิญหน้ากับนางด้วยความเงียบ
ฝาแฝดอะไรกัน? เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์มองหน้ากันเลิกลัก่ นึกอะไรไม่ออกเหมือนมีหมอกลงในสมอง
“หนิวเอ้อร์ จะให้ขา้ พูดเรื่ องของเจ้ากับฝาแฝดคู่น้ นั ให้พวกลูกน้องฟังหน่อยมั้ยล่ะ?”
“ตามใจเจ้าเถอะ! เจ้าจะได้เพิ่มสง่าราศีให้ตวั เองไง!” เหมียวอี้ตอบนางอย่างไร้ความมัน่ ใจ
“เจ้าก็คอยดูแล้วกันว่าข้ากล้ามั้ย ข้าเป็ นรองเท้าขาด[3]ที่มาจากทะเลทรายม่านเมฆา ถึงอย่างไรชื่อเสี ยง
ก็ฉาวโฉ่มาตั้งนานแล้ว!” อวิน๋ จือชิวปล่อยมือทันที ขี้คร้านจะเปลืองคําพูดกับเขาแล้ว หันตัวแล้วเดิน
ก้าวยาวออกไปข้างนอกเสี ยเลย
เหมียวอี้ที่กาํ ลังเอามือลูบมวยผมทําท่าเหมือนโดนตะคริ วกินใบหน้า เอ๋ อแดกนิดหน่อย จู่ ๆ ก็ถลันตัว
ออกจากห้องหนังสื อไป และไม่นานก็ดึงตัวอวิน๋ จือชิวกลับมาได้ เขาชี้หน้าอวิน๋ จือชิวพลางตะคอกด่า
เสี ยงดัง “ขนาดความตายข้ายังไม่กลัว จะกลัวอะไรกับอีแค่เขียนตัวอักษรเส็งเคร็ งพวกนี้ เขียนก็เขียน
โว้ย คิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ ไง!”
อวิน๋ จือชิวเลิกคิ้ว ไม่ต่อต้านเขาอย่างรุ นแรงอีก นางหันไปมองเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ พร้อมสัง่ ว่า
“ตั้งแต่วนั นี้เป็ นต้นไป ใช้เวลาวันละหนึ่งชัว่ ยาม หากนายท่านมีเวลาว่าง พวกเจ้าก็ผลัดกันมาเฝ้ านาย
ท่านฝึ กคัดอักษร ถ้านายท่านคัดไม่ครบสองร้อยตัว ข้าจะลงโทษพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยลงโทษนาย
ท่าน! ถ้ากล้าช่วยเขาโกง ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะได้เสี ยใจไปทั้งชาติ!”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ท้ งั สองเอ่ยรับด้วยนํ้าเสี ยงอ่อนปวกเปี ยก
“อีกสามวันค่อยเริ่ ม เจ้าบอกแล้วว่าสามวันนี้จะให้ขา้ พักผ่อน เจ้าอย่ากลับคําพูดสิ !” เหมียวอี้เหมือน
รู ้สึกยอมไม่ได้
“ข้ากลับคําแล้ว! ข้าพูดจาไม่เป็ นคําพูดแล้วจะทําไม ถ้าเจ้าเก่งนักก็ฆ่าข้าสิ !” อวิน๋ จือชิวพลันตบวางมีด
สั้นลงบนโต๊ะ ชี้ไปที่มีดพร้อมบอกว่า “เจ้าเองก็เคยเห็น ท่านปู่ มอบให้ขา้ ไว้ ตอนที่เฟิ งอวิน๋ จะมารับตัว
ข้าเป็ นเจ้าสาว ข้าก็เตรี ยมตัวเอาไว้แล้ว ว่าถ้าสุ ดท้ายเจ้าไม่ปรากฏตัว ข้าก็จะใช้มีดสั้นเล่มนี้ฆ่าตัวตาย
ข้าเตรี ยมตัวตายเพื่อเจ้าแล้ว ข้าจะไม่โต้ตอบหรอก ถ้าเจ้ากล้านักก็ใช้มีดเล่มนี้สงั หารข้าเลย!”
เหมียวอี้ยนื เหม่อจ้องมีดสั้นครู่ หนึ่ง ในใจรู ้สึกเศร้าสลด สุ ดท้ายก็หนั ตัวอย่างช้า ๆ จับพูก่ นั ขึ้นมาแต่
โดยดี…
…………………………
[1] หนึ่งเดียวไม่มีสอง หมายถึง 举世无双 มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ไม่มีใครเทียบได้
[2] แต่งกับไก่กต็ ามไก่ แต่งกับสุ นขั ก็ตามสุ นขั 嫁鸡随鸡,嫁狗随狗 หมายความว่า สตรี
เมื่อแต่งงานแล้วไม่วา่ จะเกิดอะไรขึ้น ก็ตอ้ งรู ้จกั ปรับตัวอยูก่ บั สามีและครอบครัวสามีให้ได้
บัวโลหิต
ในห้องหนังสื อเงียบเชียบไร้เสี ยง บนเก้าอี้ตวั หนึ่งที่อยูต่ ิดริ มหน้าต่าง อวิน๋ จือชิวนัง่ ไขว่หา้ งหันข้างอยู่
ตรงนั้น วางข้อศอกบนโต๊ะนํ้าชา ถือม้วนหนังสื อไว้ในมือพลางเปิ ดอ่านอย่างช้า ๆ บางครั้งที่ยกถ้วย
นํ้าชาขึ้นมาจิบ นางก็จะสังเกตมองเหมียวอี้ที่กาํ ลังมีสมาธิเขียนหนังสื ออย่างเงียบ ๆ มุมปากเผยรอยยิม้
บาง ๆ เป็ นระยะ แต่ไม่ได้กา้ วเข้ามารบกวนแต่อย่างใด
เมื่อเขียนครบสองร้อยตัว เหมียวอี้กถ็ อนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ ง ๆ รี บเข้ามารับพูก่ นั
จากมือเขา
เหมียวอี้คว้ากระดาษที่ผา่ นการคัดอักษรขึ้นมาอย่างลวก ๆ แล้วเดินไปตบวางลงข้าง ๆ โต๊ะนํ้าชา
จากนั้นก็นงั่ ลงตรงข้ามกับอวิน๋ จือชิว แล้วก้มหน้าเงียบ ๆ ด้วยความเบื่อเซ็ง
ตัวอักษรไม่ขาดไปสักตัว ทั้งยังคัดเพิม่ มาหลายตัวด้วย เพราะเป็ นการคัดลอกบทความช่วงหนึ่งจบ
พอดี อวิน๋ จือชิวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ “ท่านสามีมีพรสวรรค์จริ ง ๆ ด้วย
เรี ยกได้วา่ ก้าวหน้ารวดเร็ วมาก ใช้เวลาสักระยะหนึ่งจะต้องเขียนสวยแน่นอน!”
พอเอียงหน้ามามอง ก็พบว่าเหมียวอี้กาํ ลังก้มหน้าอย่างเบื่อเซ็ง ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชดั ว่า
โดนนางควบคุมจนเหี่ ยวเฉาแล้ว
สิ่ งนี้ทาํ ให้อวิน๋ จือชิวปวดใจนิดหน่อย พอจะเข้าใจอดีตที่ผา่ นมาของเหมียวอี้อยูบ่ า้ ง รู ้วา่ เขาน่าสงสาร
มาตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะทํางานหาเลี้ยงชีพ เขาไม่มีโอกาสได้เรี ยนหนังสื อเลย เมื่อก้าวเข้าสู่ แดนฝึ กตนก็
ต้องพยายามเอาชีวติ รอด ไม่มีเวลาใช้สมองคิดเรื่ องนี้เลย บางสิ่ งบางอย่างที่ก่อตัวเป็ นรู ปเป็ นร่ างแล้ว
นางกลับไปบังคับให้เขาเปลี่ยนแปลง ถือว่าทําให้เขาลําบากจริ ง ๆ
นางขึ้นลุกขึ้น แล้วเอามือลูบกระโปรงนัง่ ลงบนตักเหมียวอี้โดยตรง นางใช้มือข้างหนึ่งช้อนคอเขา
แล้วใช้มืออีกข้างรับนํ้าชามาจากเชียนเอ๋ อร์ พอตัวเองเป่ าเสร็ จ ก็จ่อป้ อนที่ปากเหมียวอี้ พลางหัวเราะ
คิกคัก “ท่านสามีลาํ บากแล้ว ดื่มชาหน่อยสิ คะ แล้วค่อยออกไปเดินเล่น เดี๋ยวกลับมาจะให้เชียนเอ๋ อร์
เสวีย่ เอ๋ อร์ปรนนิบตั ิอย่างดีเลย”
นางหันหน้ามาบอกเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์วา่ “คืนนี้ให้นายท่านไปค้างคืนกับพวกเจ้า พวกเจ้าต้อง
ปรนนิบตั ินายท่านดี ๆ นะ ถ้าทําให้นายท่านผ่อนคลายไม่ได้ ข้าจะเอาผิดกับพวกเจ้า!”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ท้ งั สองที่หน้าแดงเรื่ อเอ่ยรับเสี ยงเบา
คําพูดนี้ทาํ ให้เหมียวอี้ท้ งั โมโหทั้งอยากขํา เขาเงยหน้ามองบนใส่ อวิน๋ จือชิวแวบหนึ่ง แล้วกระดกถ้วย
ชาที่จ่ออยูต่ รงปาก เพี้ยะ! เขาตบก้นอวิน๋ จือชิวแรง ๆ หนึ่งฉาด ทําให้นางร้องอุทานตกใจและลุกพรวด
ทันที สุ ดท้ายก็เอามือลูบก้นพลางมองบนใส่ เขา
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เห็นแล้วเม้มปากกลั้นขํา
“นุ่มมือดีจงั !” เหมียวอี้กล่าวอย่างลําพองใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเอามือไขว้หลังออกไป พอเดินออกมา
นอกตําหนักก็บิดขี้เกียจ มองเฮยทัน่ ที่นอนกรนเสี ยงดังอยูใ่ ต้ชายคาแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปอย่าง
ผ่อนคลาย พอเดินมาถึงประตูใหญ่ของตําหนักหลัง กลับโดนบัณฑิตขวางไว้ “นายท่าน ฮูหยินอนุญาต
ให้ออกไปข้างนอกรึ ยงั ?”
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที “หมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าข้าโดนจํากัดแม้แต่การเข้าออกประตูบา้ น?”
บัณฑิตหันกลับไปมองที่ตาํ หนักแวบหนึ่ง พอเห็นเชียนเอ๋ อร์ที่อยูไ่ ม่ไกลพยักหน้า บัณฑิตถึงได้โบก
มือ เปิ ดประตูเข้าออกของค่ายกลแปดทิศ ปล่อยเหมียวอี้ออกไปแล้ว
เหมียวอี้เดินวนไปทัว่ ปราสาท ไปคุยกับเหยียนซิ วและหยางเจาชิงครู่ หนึ่ง จากนั้นก็ไปคุยกับหยางชิ่งที่
จวนผูก้ ารใหญ่ สุ ดท้ายถึงได้ออกไปที่เขตต้องห้าม เขาเจอตงกัวหลี่กบั ลูกศิษย์ พอทราบว่าเยารั่วเซียน
กําลังหลอมของวิเศษและไม่ให้ใครรบกวน ก็หนั ตัวเดินออกมา ก่อนจะหายตัวไปเพียงลําพังในป่ าลึก
เขาออกจากปราสาทดําเนินสุ ริยนั พอเจอหน้าผาสู งที่อยูใ่ นป่ าภูเขาลึกรกร้าง ก็เหาะลงไปเพียงลําพัง
ลงมือขุดถํ้าลึกในหุบเหวด้วยตัวเอง จากนั้นก็เดินลาดตระเวนรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีมีคน
ถึงได้กลับมาในถํ้านั้น
ในถํ้าหิ นที่มืดมิด แสงสี แดงเลือดพลันเปล่งประกายออกมา บัวโลหิ ตต้นนั้นถูกเหมียวอี้นาํ ออกมาอีก
ครั้ง ปราณปี ศาจโลหิ ตพุง่ ออกจากฝักบัวในชัว่ พริ บตาเดียว ขณะเดียวกันส่ วนปลายรากก็ส่องแสง
สว่างอยูใ่ นถํ้า ทําให้ในถํ้าเกิดแสงสี แพรวพราว
หลังจากเหมียวอี้สงั เกตอย่างละเอียด ก็พบว่าปราณปี ศาจโลหิ ตไม่ได้มาจากต้นบัวโลหิ ตทั้งต้น แต่มา
จากเม็ดบัวเก้าเม็ดนั้นต่างหาก
เขายืน่ มือไปลูบคลําฝักบัวที่งดงามราวกับทับทิมแกะสลัก ให้ความรู ้สึกเหมือนกําลังลูบไล้ผวิ นํ้าแข็ง
เย็นมือมาก แต่มนั กลับมีความทนทานสูง ยากที่เขาจะแหวกให้ขาดได้ ตอนที่มือสัมผัสโดนเม็ดบัว
ปราณปี ศาจโลหิ ตที่พงุ่ ขึ้นมาก็โจมตีเกราะพลังอิทธิฤทธิ์และรุ กลํ้าเข้าในร่ างกายของเขาโดยตรง ทําให้
จิตใจของเขาสัน่ สะท้าน เกิดความตระหนกในใจ หลังจากร่ ายวิชาอัคนีดาราต้านทาน ถึงได้ควบคุม
สภาพจิตใจให้มนั่ คงได้
“ช่างเป็ นปราณปี ศาจโลหิ ตที่รุนแรงจริ ง ๆ !” เหมียวอี้อุทานในใจ แล้วก็ไม่รู้วา่ นึกอะไรขึ้นได้ พลิกฝ่ า
มือนํากระจกหยินดําออกมา ครุ่ นคิดว่าถ้าหากนําปราณปี ศาจโลหิ ตนี้มาหลอมสร้างเป็ นของวิเศษได้
จะได้ผลแหมือนกระจกหยินดําหรื อเปล่า
อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ปราณหยินที่อยูใ่ นกระจกหยินดําไม่อาจก่อภัยคุกคามต่อเขาได้อีก แต่
ปราณปี ศาจโลหิ ตนี้กลับส่ งผลกระทบต่อจิตใจคนโดยตรง เหมือนจะเอาไว้ใช้ต่อสูก้ บั นักพรต
ระดับสูง
เมื่อเก็บกระจกหยินดํา เขาก็ใช้มือกอบฝักบัวขึ้นมาเพ่งมองอย่างละเอียดอีกรอบ ลองแกะเม็ดบัวที่อยู่
ในฝักบัว ใช้ความพยายามไปเยอะมากกว่าจะแกะเม็ดบัวขนาดเท่าไข่ไก่ออกมาได้ แต่ละเม็ดเป็ นสี แดง
ใสราวกับหยก กะพริ บแสงสี แดงจ้าตา ปราณปี ศาจโลหิ ตที่เกาะกลุ่มวนเวียนเข้มข้นถึงขั้นไม่สลายตัว
ไป น่าตระหนกตกใจมาก!
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองฝึ กวิชาอัคนีดารา คาดว่าคงไม่มีทางทนรับการพุง่ โจมตีของปราณปี ศาจโลหิ ตที่
เข้มข้นนี้ได้เลย ส่ วนเม็ดบัวเก้าเม็ดนี้กค็ งจะเป็ นยาเม็ดโลหิ ต!
สิ่ งที่ทาํ ให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากเด็ดเม็ดบัวเก้าเม็ดนั้นมาแล้ว บนตัวต้นบัวโลหิ ตต้นนั้นก็ไม่มี
ปราณปี ศาจโลหิ ตใด ๆ อีก รวมทั้งรากบัวก้อนนั้นด้วย
ขณะมองดูรากบัวสี ขาวหมดจดที่เปล่งประกาย เหมียวอี้กน็ ึกถึงตอนที่ตวั เองอยูท่ ี่สาํ นักลมปราณ นึก
ถึงตํานานที่หมิงจ้าวบอก ว่ากันว่าปรมาจารย์มารโลหิ ตเคยได้สมุนไพรจิตวิญญาณมาต้นหนึ่ง ขอเพียง
สามวิญญาณเจ็ดดวงจิตไม่ดบั สลาย สมุนไพรจิตวิญญาณต้นนั้นก็สามารถทําให้คนตายฟื้ นชีพได้ ฟื้ น
ชีพกลับมามีสภาพเหมือนเดิม
เหมียวอี้ไม่รู้วา่ สมุนไพรจิตวิญญาณต้นที่มารโลหิ ตบอกมีหน้าตาเป็ นอย่างไรกันแน่ แต่เขาค่อนข้าง
สงสัยว่าบัวโลหิ ตที่อยูต่ รงหน้าใช่สมุนไพรจิตวิญญาณต้นนั้นหรื อไม่ สาเหตุที่ทาํ ให้เขาคิดแบบนี้กไ็ ม่
ซับซ้อนเลย นํ้าเต้าโลหิ ตคือของที่มารโลหิ ตทิ้งเอาไว้ ส่วนบัวโลหิ ตต้นนี้กค็ งไม่ได้เติบโตได้ภายใน
เวลาสั้นเช่นกัน ในใจเขาเรี ยกได้วา่ แฝงไปด้วยอารมณ์เฝ้ าคอย หวังว่าสิ่ งที่ตวั เองได้มาจะเป็ นสมบัติล้ าํ
ค่าหายาก
ทว่าเมื่อนําบัวโลหิตทั้งต้นมาพลิกดูไปมา ก็ยงั มองไม่ออกว่าบัวโลหิ ตเทพตรงไหน ต่อให้ร่าย
อิทธิฤทธิ์ตรวจดูกย็ งั ไม่เจอผลลัพธ์อะไร ทําได้เพียงข่มความสงสัยในใจตัวเองไว้ กะว่าถ้ามีโอกาส
ค่อยหาคนที่สามารถไขปริ ศนานี้ได้ เก็บของเอาไว้ก่อนแล้วกัน
ในถํ้าพลันมืดลง จากนั้นแสงสี แดงเลือดก็ปรากฏขึ้นอีก เหมียวอี้นาํ เม็ดบัวโลหิ ตเม็ดหนึ่งออกมาพลิก
ดูอีก ปี ศาจโลหิ ตต้องอาศัยสิ่ งนี้เพื่อฝึ กตน แล้วใช้ส่ิ งนี้ฝึกตนยังไงกันแน่ล่ะ?
หลังจากร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูให้ลึกซึ้ง เหมียวอี้กต็ กใจทันที พลังจิตวิญญาณ! ไม่น่าเชื่อว่ายาเม็ดโลหิ ต
นี้จะเกิดจากการก่อตัวของพลังจิตวิญญาณกับปราณปี ศาจโลหิ ต ไม่เพียงแค่ก่อตัวเป็ นรู ปเป็ นร่ าง ทั้ง
ยังแข็งแรงทนทานไร้ที่เปรี ยบ! ร่ ายอิทธิฤทธิ์บ้ ีอย่างไรก็ไม่แตกได้ง่าย ๆ ใครจะไปรู ้วา่ ในนี้มีพลังจิต
วิญญาณกับปราณปี ศาจโลหิ ตอยูม่ ากเท่าไร ถึงได้ทาํ ให้ยาเม็ดโลหิ ตแข็งแรงทนทานได้ถึงขั้นนี้!
ในชัว่ พริ บตานี้เขามัน่ ใจแล้ว ปี ศาจโลหิ ตคงอาศัยดูดซับพลังจิตวิญญาณที่อยูใ่ นนี้โดยตรงเพื่อฝึ กตน
ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนธรรมดาคงทําไม่ได้ ปราณปี ศาจโลหิ ตที่อยูข่ า้ งในเพียงพอที่จะทําให้คนตายได้ และ
ปี ศาจโลหิ ตก็ยอ่ มไม่กลัวปราณปี ศาจโลหิ ตที่อยูใ่ นนั้นอยูแ่ ล้ว ดีไม่ดีอาจจะช่วยเสริ มพลังด้วย!
เหมียวอี้พลันหัวเราะเบา ๆ ยังมีมนุษย์ที่ไม่กลัวปราณปี ศาจโลหิ ตอยู่ คนคนนั้นก็คือเขาเอง!
เหมียวอี้พลิกฝ่ ามือนํายาเม็ดโลหิ ตออกมาอีกเม็ด นัง่ ขัดสมาธิ ใช้สองมือกําไว้ขา้ งละเม็ด พอร่ ายวิชา
อัคนีดารา เปลวเพลิงไร้รูปร่ างสองกลุ่มก็ห่อหุม้ ยาเม็ดโลหิ ตสองเม็ดที่อยูใ่ นมือ ผนึกไม่ให้ปราณปี ศาจ
โลหิ ตซึมออกมาข้างนอก รี บร่ ายเคล็ดวิชาอัคนีดารากลัน่ กรองปราณปี ศาจโลหิ ตที่อยูใ่ นยาเม็ดโลหิ ต
อย่างรวดเร็ ว
ผ่านไปไม่นาน หมอกสองกลุ่มก็ซึมออกมาจากฝ่ ามือที่เขากําอยู่ จากนั้นก็เลื้อยวนอยูบ่ นข้อมือเขาราว
กับมังกรบินสองตัว ทะลวงเข้าไปในแขนเสื้ อของเขาโดยตรง ภายใต้อากาศที่อยูใ่ นนั้นจํานวนมาก ทํา
ให้ในเสื้ อผ้าของเขาเริ่ มพองตัวขึ้นมาทีละนิด ตรงคอเสื้ อที่พองออกมีหมอกลอยวนเวียน แล้ว
กลายเป็ นควันสามสายสูดเข้าจมูกของเขา แม้แต่รูขมุ ขนบนร่ างกายก็ดูดซับพลังจิตวิญญาณกลุ่มนั้น
อย่างเต็มอิ่มเช่นกัน
บนใบหน้าเหมียวอี้เผยรอยยิม้ เป็ นอย่างที่เขาคาดไว้ เป็ นอย่างนี้จริ ง ๆ ด้วย พลังจิตวิญญาณที่แฝงอยู่
ในยาเม็ดโลหิ ตน่าทึ่งจริ ง ๆ ราวกับใช้อย่างไรก็ไม่มีวนั หมดไป พอกลัน่ กรองออกมาก็ปรากฏรู ปร่ าง
เดิมที่เหมือนหมอกทันที ปกติยามใช้ลูกแก้วพลังปรารถนาเพื่อรวมรวมพลังจิตวิญญาณแห่งฟ้ าดินมา
ดูดซับ ก็จะไม่เห็นภาพอะไรแบบนี้ ประสิ ทธิภาพไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าการใช้ของประเภทยาแก่นเซียน
เลย
ไม่รู้วา่ เวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว เหมียวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดกลัน่ กรองยาเม็ดโลหิ ตสองเม็ดที่กาํ อยูใ่ น
มือ เสื้ อผ้าที่โป่ งพองก็ค่อย ๆ แบนลีบลงเช่นกัน เมื่อหมอกกลุ่มสุ ดท้ายถูกเขาอ้าปากสูบเข้าท้อง เขาก็
ลืมตาขึ้นแล้ว
เขากุมยาเม็ดโลหิ ตสองเม็ดไว้ในมือข้างเดียวกัน ในมืออีกข้างถือระฆังดารา มันกําลังมีเสี ยงดัง อวิน๋ จือ
ชิวส่ งข่าวมาว่า : ฟ้ ามืดแล้ว เจ้าไปอยูไ่ หน? คงไม่ได้ทรยศทิ้งข้าไปอีกใช่ม้ ยั ?
เหมียวอี้พดู ไม่ออก เขาทั้งรักทั้งเกลียดผูห้ ญิงคนนี้ เมื่อมีผหู ้ ญิงคนนี้อยู่ เขาก็ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องในบ้าน
เลย นางเตรี ยมการทุกอย่างได้ดีมาก เจ้าสามารถทําตัวเป็ นเจ้านายได้เลย ประกอบกับเสน่ห์ดึงดูดทาง
เพศที่อยูใ่ นตัวของผูห้ ญิงคนนี้ รสชาติของเรื่ องบนเตียงทําให้เขาถึงอกถึงใจจริ ง ๆ แต่ถา้ ทําอะไรไม่
ถูกใจนาง นางก็จะทําให้เจ้าโมโหเดือดดาลมาก
ทําให้ไม่วา่ เขาจะทําอะไรก็ตอ้ งประนีประนอมกับอวิน๋ จือชิวทุกเรื่ อง ทําให้เขากลายเป็ นผูช้ ายที่กลัว
เมีย เขารู ้สึกไม่ยอมจริ ง ๆ แบบนั้นเสี ยหน้ามากเกินไป แต่พอทะเลาะกันทีไรก็มกั จะโดนอวิน๋ จือชิว
บีบจุดอ่อนเสมอ เมียที่อุตส่ าห์เสี่ ยงชีวติ หามา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นแม่เสื อตัวหนึ่ง มันทรมานเหมือนกัน
นะ!
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์เขย่าระฆังดาราเพื่อบอกให้รู้วา่ ไม่ได้ไปไหนไกล กําลังศึกษาบัวโลหิ ต จะ
กลับไปเดี๋ยวนี้
เมื่อเก็บระฆังดาราแล้ว เขาก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แต่พอมองยาเม็ดโลหิ ตในมือก็รู้สึกฮึกเหิ มขึ้นมาอีก
ใช้เวลากลัน่ กรองอีกเกือบครึ่ งวัน ยาเม็ดโลหิ ตนี้ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีปฏิกิริยาอะไร สิ่ งนี้พิสูจน์แล้วว่า
พลังจิตวิญญาณที่แฝงอยูใ่ นนั้นมีมากเพียงพอ
พอเก็บยาเม็ดโลหิ ตแล้ว เขาก็เหาะออกมาจากเส้นทางคดเคี้ยวในถํ้า พอลอยขึ้นกลางอากาศ ก็พบว่า
ท้องฟ้ าเปลี่ยนเป็ นสี ดาํ แล้ว เขาจึงรี บกางแขนเหาะกลับไป
เมื่อเหยียบลงตรงประตูตาํ หนักหลัง บัณฑิตก็รีบปล่อยเขาเข้าไปโดยที่เขาไม่ตอ้ งบอกอะไร แต่อีกฝ่ าย
ก็ไม่ลืมที่จะเตือนว่า “เมื่อครู่ น้ ีฮูหยินตามหาท่านไปทัว่ ”
ในลานนอกตําหนัก อวิน๋ จือชิวที่วางมาดมารดาแห่งใต้หล้ากําลังลากกระโปรงยาวเดินไปเดินมาอยูใ่ น
นั้น ค่อนข้างกังวลว่าตัวเองกดดันเหมียวอี้โหดไปหรื อเปล่า กลัวว่าจะกดดันจนเหมียวอี้หาข้ออ้างหนี
ไปอีก
เมื่อเห็นเหมียวอี้กลับมา นางก็โล่งใจเหมือนยกก้อนหิ นออกจากอก รี บก้าวเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้า
ยิม้ แย้ม เมื่ออยูต่ ่อหน้ากลุ่มนางใน นางยังโค้งกายคํานับเขาอย่างเรี ยบร้อยอีกด้วย “นายท่านกลับ
มาแล้วหรื อคะ!”
กลุ่มนางในคํานับตามทันที “คํานับนายท่านเจ้าค่ะ!”
เหมียวอี้ตอบ ‘อืม’ คําเดียว วางมาดเต็มที่เช่นกัน เดินก้าวยาวไปข้างหน้าต่อโดยไม่เหล่ตามองแม้แต่
น้อย
อวิน๋ จือชิวรี บเดินตามทันที พร้อมทั้งกําชับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์วา่ ให้จดั โต๊ะอาหารได้แล้ว
ตอนที่ 890
เวยเวยร่ วมเดินทาง
ที่หอ้ งรับประทานอาหารในตําหนักด้านข้าง อวิน๋ จือชิวไม่ได้ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ งานหนัก นาง
เป็ นฝ่ ายจัดวางอุปกรณ์พวกชามกับตะเกียบให้เหมียวอี้ดว้ ยตัวเอง เหมียวอี้มองซ้ายมองขวา แล้วกล่าว
อย่างรู ้สึกขําขัน “ข้าว่านะ ตรงนี้ไม่มีคนนอก ฮูหยินไม่ตอ้ งแสดงละครหรอก?”
“แสดงละคร?” อวิน๋ จือชิวงุนงงไปชัว่ ขณะ จากนั้นก็เข้าใจทันที ยังคงเติมนํ้าแกงใส่ ชามวางตรงหน้า
เขาต่อไป พลางกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิดว่า “ข้าปรนนิบตั ิเจ้าด้วยเจตนาดี แต่กลายเป็ นแสดงละครใน
สายตาเจ้าเสี ยแล้ว เจ้ามีมโนธรรมสักหน่อยได้ม้ ยั ? ขอเพียงเจ้าไม่ทาํ อะไรซี้ซ้ วั ข้าก็ปรนนบัติเจ้าด้วย
ความเต็มใจอยูแ่ ล้ว”
“จริ งหรื อล้อเล่น? เอ่อคือ…” เหมียวอี้ช้ ีไปบนไหล่ของตัวเอง “นวดไหล่ให้ขา้ ก่อนสิ !”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์รีบเข้ามาทําแทนทันที แต่เหมียวอี้โบกมือห้ามทั้งสอง “พวกเจ้าสองคนไม่ตอ้ งทํา
หรอก พวกเจ้านัง่ กินก็พอ ข้าอยากให้นางปรนนิบตั ิขา้ !”
อวิน๋ จือชิวกลอกตามองเขาอย่างสวยหยาดเยิม้ รู ้วา่ ในใจของเจ้าบ้านี่ยงั ไม่หายโกรธ แต่นางก็ไม่ได้พดู
อะไรมาก เดินไปข้างหลังเขาจริ ง ๆ นางกดมืออันงดงามอ่อนนุ่มลงบนหัวไหล่เขา แล้วเริ่ มบีบนวด
ด้วยนํ้าหนักแรงที่พอเหมาะพอดี ยังถามอีกว่า “นํ้าหนักมือเป็ นอย่างไรบ้าง?”
“ก็พอได้!” เหมียวอี้พิงเก้าอี้พร้อมทําสี หน้าผ่อนคลาย แล้วก็ช้ ีไปยังเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่กาํ ลังมอง
ตัวเองอยู่ “พวกเจ้านัง่ ลงสิ นัง่ ลงเถอะ ตรงนี้ไม่มีคนนอก นัง่ ลงกินก่อนเลย”
สองสาวสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเชียนเอ๋ อร์กล็ องพูดเตือนว่า “นายท่านเจ้าคะ อาหารทั้งโต๊ะนี้ ฮูหยิน
เป็ นคนลงมือทําให้ท่านด้วยตัวเอง วัตถุดิบต่าง ๆ ฮูหยินก็เลือกสรรเองอย่างเอาใจใส่ ถ้าปล่อยให้เย็น
จะไม่อร่ อยนะเจ้าคะ”
เหมียวอี้ตะลึงไปชัว่ ขณะ ก่อนจะกวาดสายตามองอาหารชั้นดีที่วางอยูเ่ ต็มโต๊ะ เป็ นครั้งแรกที่ผหู ้ ญิง
คนนี้ลงมือทําอาหารให้เขากิน ในใจรู ้สึกซาบซึ้งนิดหน่อย
อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังนวดไหล่ให้เขากล่าวอย่างรู ้สึกขําขัน “พอแล้ว! พวกเจ้ากินก่อนได้เลย เจ้าบ้านี่ยงั ไม่
หายโกรธ กําลังจงใจทรมานข้า ถ้าไม่ให้เขาระบายอารมณ์สกั หน่อย ก็ไม่รู้วา่ ต่อไปในใจจะแค้นเคือง
ข้าอย่างไร อาจจะด่าจนข้าตายด้วยซํ้า เฮ้อ! ใครใช้ให้ขา้ วาสนาดีได้มาแต่งงานกับเขาล่ะ สวรรค์ลิขิต
ให้ขา้ ต้องโดนเขาทรมานไปทั้งชาติ หนิวเอ้อร์ เจ้าว่าใช่รึเปล่า?”
“แค่ก ๆ !” เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ สองที “ไม่ได้ทรมานเจ้า…พวกนางสองคนก็พดู มีเหตุผล ถ้าเย็นแล้วจะ
ไม่อร่ อย ไปกินก่อนเถอะ กินเสร็ จแล้วค่อยนวดให้ขา้ ก็ยงั ไม่สาย”
ตอนนี้อวิน๋ จือชิวถึงได้หยุดมือ แต่ไม่ได้รีบเข้ามานัง่ นางถกแขนเสื้ อขึ้น แล้วจับตะเกียบคีบอาหารแต่
ละอย่างวางใส่ จานให้ตรงหน้าเหมียวอี้ “นายท่านลองชิมดูนะเจ้าคะ ดูวา่ อาหารจานไหนถูกปาก ถ้าถูก
ปากก็บอกกันสักหน่อย ถ้ามีโอกาสข้าจะแสดงละครแบบนี้ให้ดูอีก”
เมื่อคีบอาหารเสร็ จแล้วก็นงั่ ลงข้างกายเขา แล้วหันมองเขาชิมอาหารทีละอย่าง ทุกเขาครั้งเขากิน นางก็
จะลองถามว่ารสชาติเป็ นอย่างไรบ้าง
หลังจากเหมียวอี้ชิมแล้ว ก็เลือกอาหารที่ตวั เองชอบที่สุด แล้วพูดเสริ มอย่างรู ้สึกเกรงใจอีกว่า “เจ้าก็กิน
ด้วยสิ ! ขอแค่เป็ นอาหารที่ฮูหยินทําเอง ข้าก็ชอบหมด”
“ปากก็พดู จาน่าฟัง แต่ในใจอาจจะด่าว่าไม่อร่ อยก็ได้!” อวิน๋ จือชิวกลอกตามองเขา แต่รอยยิม้ บน
ใบหน้านั้นยากจะปิ ดบัง ตอนนี้ใบหน้าของนางดูกระปรี้ กระเปร่ ามาก นางพูดเสริ มอีกว่า “ขอแค่เจ้าไม่
รังเกียจที่จะกิน ต่อไปถ้าอยูใ่ นบ้านข้าจะทําอาหารให้เจ้ากินเอง”
เหมียวอี้หวั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก วิธีการ ‘ฟาดหนึ่งกระบอง ป้ อนพุทราเชื่อมหนึ่งผล[1]’ แบบนี้
ช่างเหมือนตกนรกทั้งเป็ นจริ ง ๆ !
แต่ไม่วา่ จะยังไง เหมียวอี้กย็ งั ไว้หน้านาง เพื่อที่จะแสดงออกว่านางทําอาหารอร่ อย เขายัดอาหารลง
ท้องอย่างดุดนั กินจนอวิน๋ จือชิวทําสี หน้าเบิกบานแจ่มใส ลุกขึ้นคีบอาหารให้เขาอีก นางใช้เวลาส่ วน
ใหญ่มองดูเขากิน ในแววตาเต็มไปด้วยความละมุนละไม
เหมียวอี้ซ้ ึงในนํ้าใจของนางแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยชินกับวิถีชีวติ สามีภรรยาแบบนี้ รู ้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
ขนาดเวลากินยังเหนื่อยเลย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขายังไม่คุน้ ชินกับวิถีชีวติ ที่มีคนมานัง่ กินข้าวกับเขา
อย่างใกล้ชิดสนิทสนม ถึงแม้ท้ งั สองจะเป็ นสามีภรรยากันมาแล้วหลายร้อยปี แต่เวลาที่ได้ใช้ชีวติ
ร่ วมกันจริ ง ๆ ยังไม่เยอะ ทั้งสองยังต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวเข้าหากัน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ นิสยั เดิมของอวิน๋ จือชิวก็กาํ เริ บอีกแล้ว นางเคยชินกับการอาบนํ้าวัน
ละสองครั้ง ขอเพียงไม่มีกิจธุระจําเป็ น นางก็จะบังคับเหมียวอี้ดว้ ย ให้เขารี บไปอาบนํ้า
เห็นแก่ที่นางทําอาหารดี ๆ ไว้เต็มโต๊ะ เหมียวอี้จึงไม่เถียงอะไรมาก ตอนกําลังจะเดินไปที่หอ้ งอาบนํ้า
แต่กลับโดนอวิน๋ จือชิหา้ มไว้ “ไปอาบกับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์แล้วกัน คืนนี้กน็ อนกับพวกนาง ข้าจะ
ฝึ กตน ไม่วา่ งมาปรนนิบตั ิเจ้า!”
หญิงรับใช้ท้ งั สองหน้าแดงทันที ก้มหน้าจะจัดเก็บโต๊ะอาหาร แต่อวิน๋ จือชิวบอกว่า “พวกเจ้าไม่ตอ้ ง
เก็บหรอก ไปกับนายท่านเถอะ เดี๋ยวตรงนี้มีคนทําให้” พูดจบก็เรี ยกนางในสองคนเข้ามา
ดังนั้นคืนนี้ประมุขปราสาทเหมียวจึงสําราญบานใจมาก เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งทําตามที่เขาต้องการ
แน่นอน และไม่กล้าควบคุมเขาด้วย กอปรกับการที่ท้ งั สองถูกอบรมสัง่ สอนเรื่ องปรนนิบตั ิผชู ้ ายมา
ตั้งแต่เด็ก ย่อมปรนนิบตั ิประมุขปราสาทเหมียวได้ถึงอกถึงใจอยูแ่ ล้ว…
เพียงแต่วนั ต่อมา เหมียวอี้กย็ งั ต้องไปที่หอ้ งหนังสื อแต่โดยดี ไปคัดตัวอักษรสองร้อยตัวนั้น ส่ วนอวิ๋
นจือชิวก็นาํ นํ้าแกงที่เคี่ยวใส่ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาให้ชามหนึ่ง ให้เขาดื่มก่อนแล้วค่อยเขียน แน่นอน
ว่านางไม่ลืมที่จะพูดหยอกล้อ บอกว่าช่วงนี้ร่างกายของนายท่านคงจะขาดสารอาหารอย่างหนัก ต้อง
บํารุ งมาก ๆ หน่อย
ถึงอย่างไรก็เป็ นเรื่ องส่ วนตัว อวิน๋ จือชิวมีพ้นื เพมาจากนภาจอมมาร เรี ยกได้วา่ อยากพูดอะไรก็พดู
ออกมาหมด
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ ง ๆ ย่อมหน้าแดงเหมือนก้นลิง เหมียวอี้กลับไม่เป็ นอะไร ผูช้ ายก็เป็ นแบบ
นี้เหมือนกันทั้งโลก ขอแค่ไม่ไปทําซี้ซ้ วั ข้างนอก การหาความสุ ขในบ้านก็เป็ นเรื่ องที่สมเหตุสมผล
เดิมทีเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กเ็ ป็ นผูห้ ญิงของเขาอยูแ่ ล้ว ไม่มีอะไรน่าเขินอาย
ค่านิยมของสังคมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผูช้ ายเท่านั้น ส่ งผลกระทบต่อผูห้ ญิงด้วยเหมือนกัน ภายใต้
ค่านิยมอันสมเหตุสมผลที่ฝังรากลึก สําหรับสิ่ งนี้ อวิน๋ จือชิวไม่คิดว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง นางคิดว่าการที่
เหมียวอี้ไปนอนกับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์คือเรื่ องที่สมควรเหมือนกัน
เป็ นอย่างที่อวิน๋ จือชิวบอก ช่วงสองสามวันนี้ร่างกายของประมุขปราสาทเหมียวขาดสารอาหารอย่าง
รุ นแรงจริ ง ๆ แต่เขาไปนอนกับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์แค่คืนนั้น สองคืนต่อมายังคงนอนในห้องหลัก
ทุ่มเทพลังไปกับร่ างกายของอวิน๋ จือชิว เป็ นเพราะผลจากค่านิยมในสังคมเช่นเดียวกัน เหมียวอี้เองก็
ไม่ใช่ขอ้ ยกเว้น ต้องสร้างความสมดุลให้ความสัมพันธ์ในบ้าน เวลาไหนที่ควรจะทุ่มเทพลังกายกับ
ภรรยาเอก เขาก็ตอ้ งทุ่มเทพลังกายกับนาง ไม่อย่างนั้นก็เป็ นไปได้วา่ เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จะโดน
ภรรยาเอกกําจัดทิ้ง ถ้ายัว่ ให้อวิน๋ จือชิวโมโหขึ้นมา เหมียวอี้กเ็ ชื่อว่านางทําแบบนั้นได้
สิ่ งที่เรี ยกว่าผ่อนคลายสามวัน จู่ ๆ เหมียวอี้กพ็ บว่าวันคืนแบบนี้กไ็ ม่ได้แย่ อวิน๋ จือชิวปรนนิบตั ิเขาได้
อย่างเหมาะสม วันไหนที่ไม่ได้ฝึกตน นางก็จะลงมือทําอาหารให้เขาสามมื้อด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นสามวัน อวิน๋ จือชิวก็บงั คับให้เหมียวอี้ไปฝึ กตน แต่เหมียวอี้กม็ ีเหตุผลมาอ้างอีกแล้ว บอก
ว่าตัวเองไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปี ต้องไปเยีย่ มเยียนสหายเก่าบ้าง จากนั้นก็จะไปที่นภาจอมมารด้วย
พอเขาอ้างเหตุผลนี้ข้ ึนมา อวิน๋ จือชิวก็ลงั เลเล็กน้อย แต่กไ็ ม่ได้คดั ค้าน เพียงเสนอเงื่อนไขขึ้นมา นัน่ ก็
คือต้องพานางไปด้วย พร้อมทั้งต้องพาฉิ นเวยเวยไปด้วย
เหมียวอี้ยอ่ มแปลกใจ เพราะพานางไปคนเดียวก็พอแล้ว จึงถามว่า “พาฉินเวยเวยไปด้วยทําไม?”
“เรื่ องระหว่างผูห้ ญิง เจ้าไม่เข้าใจหรอก ไม่เกะกะธุระของเจ้าหรอกน่า เชื่อฟังข้าน่ะถูกต้องแล้ว อย่าง
น้อยระหว่างทางก็มีคนคอยเล่นหมากล้อมกับเจ้า ไม่ดีเหรอ?”
ดังนั้น เกี้ยวหลังหนึ่งจึงเหาะออกจากปราสาท ช่างไม้และช่างหิ นยังคงหามเกี้ยวเหมือนเดิม อวิน๋ จือชิว
ยังคงนอนอยูใ่ นมุง้ เหมียวอี้นงั่ ด้านนอกเกี้ยว ทุกคนรู ้สึกว่าภาพนี้ดูคุน้ ตาเหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน…
ประมุขปราสาทและฮูหยินมาหาด้วยตัวเอง ฉินเวยเวยย่อมรู ้สึกตกตะลึง หลังจากรู ้วา่ ต้องการจะพา
นางไปเยีย่ มเยียนแขกด้วยกัน นางก็ตกตะลึงยิง่ กว่าเดิม แต่ในเมื่อฮูหยินเอ่ยปากแล้ว นางก็ไม่มีทาง
ปฏิเสธได้ ทําได้เพียงร่ วมทางไปด้วยกัน
เกี้ยวหลังงามเหาะอยูบ่ นฟ้ า เหมียวอี้กบั ฉินเวยเวยแข่งหมากล้อมกัน ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็นงั่ หันหลังพิง
เหมียวอี้ ปากขยับพึมพําร้องเพลงเบา ๆ ปล่อยให้ผา้ มุง้ บางปลิวปะทะหน้า
พวกเขาไปไปเยีย่ มเยียนซื อคงอู๋เว่ยกับเถาชิงหลีที่อยูใ่ กล้ก่อน จากนั้นก็ไปหาจ้าวเฟยกับอูเมิ่งหลัน
ส่ วนทางด้านกู่ซานเจิ้ง ถานเล่า เย่ซิน พวกเขาก็ไปเยีย่ มเยียนเช่นกัน จากนั้นก็ไปเยีย่ มพี่ใหญ่ร่วม
สาบานทั้งสี่ ที่ทะเลดาวนักษัตร
พวกเขามาค้างที่ทะเลดาวนักษัตรหลายวัน เหมียวอี้คุยกับปี ศาจเฒ่าทั้งสี่ นานมาก เมื่ออยูก่ บั ประมุขถิ่น
สี่ ทิศจะคุยเรื่ องอะไรได้ล่ะ ทั้งสี่ ยอ่ มสนใจพิภพใหญ่อยูแ่ ล้ว ถามเขาว่าหลายร้อยปี มานี้ไปพิภพใหญ่มา
ใช่ม้ ยั
เหมียวอี้บอกทั้งสี่ วา่ เขาไปพิภพใหญ่มาแล้วจริ ง ๆ แต่เกือบจะเอาชีวติ ไม่รอด เพราะโดนขังที่ค่ายกล
มารโลหิ ตหลายร้อยปี โชคดีที่ได้เจอคนของปราสาทดําเนินนภา อีกฝ่ ายสามารถสูก้ บั ปี ศาจโลหิ ต ตน
ถึงได้หนีรอดชีวติ กลับมาได้ หลังจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่พิภพใหญ่โดนปล้น ข่าวสารก็ยงั น่ากังวลมาก มี
การสื บค้นตรวจสอบอยูท่ วั่ ทุกที่ เขาเองก็ยงั ไม่กล้าไปเหมือนกัน ให้ท้ งั สี่ ลม้ เลิกความคิดที่จะไปพิภพ
ใหญ่เอาไว้ชวั่ คราว
จากนั้นปี ศาจเฒ่าทั้งสี่ กพ็ าเหมียวอี้ไปยังตําหนักประมุขถิ่นกลาง ตําหนักนี้สร้างได้งดงามหรู หราจริ ง
ๆ ปี ศาจเฒ่าใช้ความคิดไปมากจริ ง ๆ ทั้งยังขอความเห็นจากอวิน๋ จือซํ้าแล้วซํ้าอีก ตําหนักนี้ต้ งั อยูบ่ น
ยอดภูเขาหิ มะสู ง ใหญ่โตโอ่อ่า ให้ความรู ้สึกเหมือนกําลังพุง่ ขึ้นฟ้ า
ที่ยอดเยีย่ มที่สุดก็คือ ด้านหลังของตําหนักประมุขถิ่นกลางเป็ นภูเขาสูงและทะเลสาบ ที่นนั่ เป็ นฤดู
ใบไม้ผลิท้ งั ปี เป็ นทิวทัศน์ที่งดงามไร้ที่สิ้นสุ ดอย่างแท้จริ ง ราวกับอยูใ่ นผ้าแพรลายดอกไม้ เพียงแต่
สองสามีภรรยายังไม่ได้เข้ามาอาศัยอยูท่ ี่นี่ ตําหนักประมุขถิ่นกลางว่างมาตลอด มีปีศาจกลุ่มหนึ่งคอย
รับผิดชอบเฝ้ าดูแลและงานทําความสะอาดประจําวัน
ตอนที่เดินมาถึงริ มทะเลสาบพร้อมกับอวิน๋ จือชิวและฉินเวยเวย เหมียวอี้กถ็ อนหายใจแล้วบอกว่า
“เป็ นสถานที่ที่ดีจริ ง ๆ ถ้ามีปัจจัยพร้อมก็นาํ ค่ายกลแปดทิศมาใช้ที่นี่ ล้อมรัศมีของที่นี่ไว้สกั สิ บลี้ แล้ว
ส่ งคนมาคอยเฝ้ าดูแล เวลาที่อยากมาอยูก่ ค็ ่อยมาอยู”่
อวิน๋ จือชิวกําลังเดินคู่อยูก่ บั ฉิ นเวยเวย นางเหลือบมองเหมียวอี้ที่เดินเอามือไขว้หลังอยูข่ า้ งหน้าแวบ
หนึ่ง แล้วพูดหยอกล้อว่า “ถ้าเลี้ยงอนุภรรยาไว้อีกสักสองสามคนก็ดีกว่าใช่ม้ ยั ล่ะ?”
เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ แล้วเตือนว่า “ปากไม่มีหูรูด เดี๋ยวเวยเวยได้ยนิ เรื่ องน่าหัวเราะเยาะหรอก”
อวิน๋ จือชิวพ่นเสี ยงทางจมูก แล้วบอกว่า “เจ้าอย่าพูดไปเลย ถ้าเจ้าแต่งคนอื่นมาเป็ นอนุภรรยา ข้าก็ไม่
ยอมรับหรอก แต่ถา้ เจ้าแต่งกับเวยเวยน้องสาวข้า ข้าก็จะสนับสนุนแน่นอน!”
ฉิ นเวยเวยหน้าแดงเรื่ อทันที เรี ยกได้วา่ เขินอายมากจริ ง ๆ นางแอบมองปฏิกิริยาของเหมียวอี้โดยจิตใต้
สํานึก
“แค่ก ๆ !” เหมียวอี้กาํ หมัดไอแห้ง ๆ แล้วเตือนว่า “ฮูหยิน ถ้าพูดจาเหลวไหลอีก ระวังจะมีเรื่ องกับผู ้
การใหญ่หยางนะ!”
“ข้าไม่ได้พดู ขาเหลวไหลนะ ขอแค่เวยเวยตอบตกลง ข้าก็จะจัดงานให้พวกเจ้าสองคนทันที นิสยั อย่าง
เจ้าน่ะ ถ้าเวยเวยชอบก็แปลกแล้ว” อวิน๋ จือชิวพูดดูถูกเขา แล้วหันมาถามฉินเวยเวยว่า “น้องสาว เจ้าคิด
เหมือนกันมั้ย?”
ฉินเวยเวยหน้าแดงกํ่า อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
ส่ วนเหมียวอี้กส็ ่ ายหน้า รับมือกับผูห้ ญิงบ้าคนนี้ไม่ไหว นางกล้าพูดทุกอย่างที่คิดจริ ง ๆ
หลังจากออกจาตําหนักประมุขถิ่นกลาง เหมียวอี้รู้สึกกังวลใจอยูบ่ า้ ง ไม่มีอารมณ์เล่นหมากล้อมกับฉิ น
เวยเวยแล้ว ตอนนี้ตอ้ งไปนภาจอมมารแล้ว ต้องไปเข้าพบปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ท่านนั้นคือยอด
ฝี มืออันดับหนึ่งแห่งพิภพเล็ก ไม่รู้วา่ จะมีบุคลิกท่าทางอย่างไร ไม่รู้ดว้ ยว่าจะมองหลานเขยคนนี้
อย่างไร!
ตอนที่ 891
เยือนนภาจอมมารครั้งแรก
ถ้าจะให้พดู จริ ง ๆ เหมียวอี้กร็ ู ้ชดั อยูแ่ ก่ใจ ว่าถ้าตัวเองไม่ได้แต่งงานกับอวิน๋ จือชิว ถ้าอาศัยแค่ตวั เขาเอง
ในตอนนี้ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเป็ นแขกของนภาจอมมารได้เลย ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าจะได้พบหน้า
ปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน
แต่อวิน๋ จือชิวกลับยังคงพูดคุยกับฉินเวยเวยเรื่ องแต่งงานเข้ามาเป็ นอนุภรรยาของเหมียวอี้ตลอดทาง
ทั้งยังให้ฉินเวยเวยช่วยออกความคิดเห็นด้วย ว่าผูห้ ญิงแบบไหนเหมาะจะแต่งงานเข้ามาเป็ นอนุภรรยา
ของเหมียวอี้
“พี่สาวอยากจะหาอนุภรรยาให้นายท่านจริ ง ๆ เหรอคะ?” เมื่อฟังมาจนถึงตอนท้าย ฉิ นเวยเวยที่คอยฟัง
มาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ถ้ายืนอยูใ่ นมุมของผูห้ ญิง นางไม่กล้าเชื่อว่าอวิน๋ จือชิวจะใจกว้างขนาดนั้นจริ ง ๆ
“คิดว่าข้าพูดเล่นเหรอ? ข้าคิดอย่างนี้จริ ง ๆ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาแอบหนีไป หนีไปทีกห็ ลายร้อยปี ข้า
กําลังพิจารณาเรื่ องนี้อยู่ ผูช้ ายเจ้าชูห้ ลายใจมาก บางทีขา้ คนเดียวอาจจะทําให้เขาพอใจไม่ได้ เลย
ตัดสิ นใจจะหาอนุภรรยาให้เขาสักคนหนึ่ง”
ช่างไม้กบั ช่างหิ นที่กาํ ลังหามเกี้ยวพากันกลั้นขํา ส่ วนเหมียวอี้กส็ ่ ายหน้าอย่างจนใจ อุดปากผูห้ ญิงคนนี้
ไม่อยูอ่ ีกแล้ว เอาแต่คิดไปเองแทนเขาไม่หยุด ทําให้เขาพูดไม่ออกมาก จึงหันกลับมาเปลี่ยนประเด็น
สนทนา “อวิน๋ จือชิว ข้าไปนภาจอมมารมือเปล่าแบบนี้จะเหมาะสมหรื อเปล่า? จะให้ขา้ เตรี ยม
ของขวัญอะไรสักหน่อยมั้ย?”
“เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งกังวล อะไรที่ควรเตรี ยมข้าก็เตรี ยมไว้แล้ว เจ้าไปแต่ตวั ก็พอ” อวิน๋ จือชิวตอบอย่าง
ไม่ใส่ ใจ แล้วจูงมือฉินเวยเวยมาคุยประเด็นก่อนหน้านี้ต่อ “น้องสาว! เจ้าช่วยข้าออกความเห็นหน่อยสิ
ดูวา่ ผูห้ ญิงแบบไหนจะเหมาะสม”
“เรื่ องแบบนี้ ถ้าพี่สาวใจร้อนก็เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์ คงต้องดูวา่ นายท่านชอบแบบไหนค่ะ” ฉิ นเวย
เวยฝื นยิม้
อวิน๋ จือชิวยืน่ ปลายเท้าไปจิ้มก้นเหมียวอี้ทนั ที “ถามเจ้าอยูน่ ะ ชอบแบบไหนล่ะ?”
เหมียวอี้เอามือคลําก้นพลางร้องอุทาน จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าว่าเจ้าอย่าทําตัวบ้าบอแบบ
นี้ได้ม้ ยั ? เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ! ข้าไม่ได้บอกเสี ยหน่อยว่าจะรับอนุภรรยา!”
ในใจเขาเตรี ยมพร้อมป้ องกัน สงสัยว่าผูห้ ญิงคนนี้คงกําลังทดสอบเขาแน่ ๆ ถ้าเขาเอ่ยปากยอมรับจริ ง
ๆ เดี๋ยวกลับไปคงลําบาก
“ไม่ตอ้ งแสร้งทําตัวเรี ยบร้อยอะไรหรอก!” อวิน๋ จือชิวเท้าสะกิดก้นเขาอีกที แล้วหันกลับมาพูดกับฉิ น
เวยเวยอีก “น้องสาว ใต้บงั คับบัญชาเจ้าก็มีกาํ ลังคนไม่นอ้ ย เดี๋ยวกลับไปช่วยข้าดูให้ดี ๆ หน่อยนะ ถ้า
เจอคนที่เหมาะสมก็พามาให้ขา้ ดูหน่อย”
ฉิ นเวยเวยพยายามเจียดรอยยิม้ พลางพยักหน้า นับว่าตอบตกลงแล้ว เพียงแต่หลายครั้งที่เห็นเถ้าแก่เนี้ย
ใช้เท้าจิ้มก้นเหมียวอี้ เห็นเหมียวอี้ทาํ สี หน้าจนใจ นางก็ค่อนข้างเห็นใจเขา นึกไม่ถึงว่าประมุขปราสาท
ผูส้ ง่าผ่าเผยจะได้รับการปฏิบตั ิเช่นนี้เมื่ออยูต่ ่อหน้าฮูหยิน
ในหัวนางมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา นัน่ ก็คือ อวิน๋ จือชิวได้แต่งงานกับเหมียวอี้ แต่ไม่ได้ทาํ หน้าที่ฮูหยิ
นอย่างดีที่สุด และไม่ได้ดูแลผูช้ ายคนนี้ให้ดี ผูห้ ญิงคนหนึ่งปฏิบตั ิต่อสามีตวั เองเช่นนี้ได้อย่างไร? นาง
พอจะเข้าใจบ้างแล้วว่าทําไมเหมียวอี้ถึงแอบหนีไป เป็ นไปได้สูงว่ารับไม่ได้กบั การโดนทารุ ณ ขนาด
อยูต่ ่อหน้าคนนอกอวิน๋ จือชิวยังทําแบบนี้ได้ เมื่ออยูใ่ นบ้านก็คงไม่ได้ดีสกั เท่าไร
หลังจากฉิ นเวยเวยคิดได้แบบนี้ ก็รู้สึกปวดใจแทนเหมียวอี้อย่างบอกไม่ถูก ในปี นั้น ผูช้ ายที่ขี่อาชา
มังกรบุกเดี่ยวท่ามกลางกําลังพลนับพันและโบกทวนตะโกนอย่างดุดนั เกรี้ ยวกราดว่า ‘เหมียวอี้อยูน่ ี่
แล้ว ใครกล้าสูก้ บั ข้า’ ไม่น่าเชื่อว่าจะตกตํ่าถึงขนาดนี้ ถ้าในปี นั้นทั้งสองได้อยูด่ ว้ ยกันจริ ง ๆ ตัวเองจะ
ไม่ปฏิบตั ิต่อเขาอย่างขาดความยุติธรรมเด็ดขาด…
ยอดเขาสูงเสี ยดฟ้ า ยิง่ ใหญ่สยบใต้หล้า!
เกี้ยวเหาะมาเหยียบลงนอกประตูใหญ่ของนภาจอมมารโดยตรง ไม่ตอ้ งไปรายงานก่อน ด้วยยีห่ อ้ อย่า
งอวิน๋ จือชิว สามารถเดินเคียงคู่กบั เหมียวอี้เข้าประตูใหญ่ไปได้เลย ปกติอวิน๋ จือชิวจะเหาะขึ้นไปบน
ภูเขาโดยตรง แต่ตอนนี้เหมียวอี้เยีย่ มคารวะเป็ นครั้งแรก คงไม่ดีถา้ จะทําตัวเสี ยมารยาท จะต้องทําตาม
ระเบียบ
ฉิ นเวยเวยเดินตามหลังทั้งสองอย่างค่อนข้างตื่นเต้นกังวล ไม่เคยนึกมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้มาเหยียบ
ในสถานที่ช้ นั สูงแบบนี้ โดยเฉพาะตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ติดอยูบ่ นป้ ายประตูขา้ งหน้า ยิง่ ใหญ่สยบใต้
หล้า!
มีพลังอํานาจไม่ธรรมดา แค่มองปราดเดียวก็ทาํ ให้หวาดกลัว เผยให้เห็นความเผด็จการ มีพลังสยบใต้
หล้าจริ ง ๆ ด้วย นี่คือสถานที่เก็บตัวฝึ กตนของปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ผูซ้ ่ ึ งเป็ นยอดฝี มืออันดับหนึ่ง
ในใต้หล้า เรี ยกได้วา่ เป็ นสถานที่ที่สูงสุ ดในใต้หล้า จะไม่ให้ฉินเวยเวยตื่นเต้นกังวลได้อย่างไร
ช่างไม้กบั ช่างหิ นที่อยูข่ า้ งหลังเก็บเกี้ยวแล้ว ก่อนหน้านี้ช่างไม้ไม่กล้าเหยียบเข้ามาในนภาจอมมาร แต่
ตอนนี้ถือว่าตัดขาดความสัมพันธ์กบั นภาอู๋เลี่ยงแล้ว กลายเป็ นลูกน้องคนสนิทของอวิน๋ จือชิวแล้ว มี
สิ ทธิ์เข้ามาที่นี่ได้
ภูเขายิง่ ใหญ่เกรี ยงไกรตั้งสูงชันอยูส่ องข้างทาง เต็มไปด้วยต้นสนขนาดใหญ่และหิ นประหลาด ตรง
แนวเทือกเขาที่อยูไ่ กลโพ้นมีเสี ยงสัตว์ป่าร้องไม่หยุด พวกเขาเดินขึ้นบันไดตามทางหิ นที่ตดั ผ่านภูเขา
เหมียวอี้และอวิน๋ จือชิวเดินเคียงกันอยูห่ น้าสุ ด อวิน๋ จือชิวสวมมงกุฎหงส์ ดูสูงส่ งภูมิฐาน กระโปรงยาว
ข้างหลังลากพื้น
พวกเขายังไม่ทนั เดินขึ้นเขา ก็ได้ยนิ เสี ยงทักทายโหวกเหวกโวยวายดังมาไม่หยุด “พี่หญิงใหญ่ พี่เขย
มาแล้ว…”
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ฟังออกถึงเสี ยงคุน้ เคยที่ปะปนอยูใ่ นนั้น
ซวบ ๆ ! เงาคนหลายคนเหาะมาเหยียบลงบนไหล่เขา ใช้เวลาเพียงครู่ เดียวก็มีคนโผล่มาเป็ นร้อยแล้ว
กําลังยืนมองลงมาข้างล่าง เหมือนทุกคนมาดูเอาสนุก อวิน๋ จือชิวจึงหันกลับมาพูดกับเหมียวอี้ดว้ ย
รอยยิม้ ว่า “เจ้าช่างหน้าใหญ่จริ ง ๆ นะ พวกเขามาต้อนรับเจ้าทั้งนั้น ข้าไม่เคยได้รับการปฏิบตั ิแบบนี้
เลย”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ รู ้สึกหนาวชาหนังศีรษะนิดหน่อย ญาติพี่นอ้ งพวกนี้ประหลาดพิลึกจริ ง ๆ ข้าจํา
ได้ไม่หมดหรอก!
มีบางคนที่ตะโกนโวยวายอยูข่ า้ งบนแล้ว อย่างเช่นอวิน๋ เฟยหยาง แหกปากตะโกนทักทายว่า “พี่เขย
ทําไมแค่เดินยังเดินช้าขนาดนั้นล่ะ? ตอนที่ข้ ึนเตียง พี่หญิงใหญ่โหดเกินใช่ม้ ยั ทําเอาท่านตัวอ่อนเป็ น
กุง้ แล้ว แรงแค่น้ ียงั กล้ามาที่นภาจอมมารอีกนะ!”
พี่นอ้ งรุ่ นราวคราวเดียวกันหัวเราะลัน่ จากนั้นก็ตามด้วยเสี ยงร้อง “อ๊า” อวิน๋ เฟยหยางโดนถีบกลิ้งลง
บันไดมาหลายตลบ พอลุกขึ้นได้กต็ ะโกนอย่างโมโห “แม่งเอ๊ย ใครมัน…”
เสี ยงตะโกนพลันเงียบลง คนที่ถีบคืออวิน๋ ก่วง บิดาของเขานัน่ เอง ตอนนี้กาํ ลังจ้องเขาด้วยสี หน้าเคร่ ง
ขรึ ม
อวิน๋ เฟยหยางเหมือนโดนตะคริ วกินใบหน้า รี บหุบปากแล้วก้มหน้าเดินอ้อมไปด้านข้างอย่างซึม ๆ
เหมียวอี้เหงื่อแตกพลัก่ พบว่าเจ้าพวกนี้กล้าพูดทุกอย่างออกมาจริ ง ๆ แม้แต่คาํ พูดไร้ยางอายก็สามารถ
ตะโกนออกมาต่อหน้าต่อหน้าสาธารณะชนได้
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ ดวงตางามฉายแววดุดนั จ้องตามหลังอวิน๋ เฟยหยางที่เดินหดหัวไป แล้วหันมายิม้
ให้ฉินเวยเวยที่กาํ ลังทําสี หน้าอึดอัด “น้องสาว เป็ นแค่คนส่ วนน้อยที่ปากไม่มีหูรูดน่ะ อย่าเก็บคําพูด
พวกนั้นมาใส่ ใจเลยนะ”
ฉินเวยเวยฝื นยิม้ อย่างเก้อเขิน นางไม่เคยผ่านเรื่ องอย่างว่าของชายหญิงมาก่อน จะไปชินกับคําพูด
ลามกได้อย่างไร
เหมียวอี้กลับพึมพําในใจว่า นี่เป็ นคนส่ วนน้อยเหรอ? เหมือนทุกคนในตระกูลอวิน๋ ที่ขา้ รู ้จกั จะปากไม่
มีหูรูดกันหมดเลยนะ ฮูหยินเองก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเขาสักเท่าไรหรอกมั้ง? เป็ นอีกาฝูงเดียวกันแท้ ๆ
จําเป็ นต้องไปว่าคนอื่นมั้ย!
พอพวกเขาเดินขึ้นมาบนเนินเขาที่ใช้ตอ้ นรับแขก สองสามีภรรยาไล่เรี ยงคํานับผูใ้ หญ่ดว้ ยกันทันที
“อาหญิงสาม อาหก อาแปด…”
ส่ วนอาเขยกับอาสะใภ้ที่อยูข่ า้ งหลังก็มีจาํ นวนเยอะเกินไป โดยเฉพาะบรรดาอาสะใภ้ พวกอาเขยยังดี
หน่อย เพราะมีคุณธรรมความเชื่อคอยควบคุม ที่นภาจอมมารจึงยังไม่มีปรากฏการณ์หนึ่งหญิงหลาย
สามี แต่พวกอาสะใภ้น้ นั ต่างออกไป บางคนที่มีเมียเยอะหน่อยก็ปาเข้าไปสิ บยีส่ ิ บคน
สรุ ปก็คือเหมียวอี้โค้งกายคํานับจนแทบจะมึนศีรษะ เขาจะไปจําคนมากมายขนาดนี้ในรวดเดียวได้
อย่างไร แต่มาครั้งแรกจะเสี ยมารยาทไม่ได้ ให้ความสําคัญกับทุกคนโดยไม่ขาดตกบกพร่ อง โชคดีที่
ข้างกายมีอวิน๋ จือชิว แค่เรี ยกชื่อตามนางก็พอแล้ว
ฉินเวยเวยที่ยนื อยูก่ บั ช่างไม้และช่างหิ นเห็นแล้วตาลาย คําว่าเจ็ดอาแปดน้า[1] เมื่อเทียบกับญาติพี่นอ้ ง
พวกนี้แล้วยังนับว่าห่างชั้น คึกคักวุน่ วายมาก
หลังจากคํานับเสร็ จ ในฐานะที่เป็ นผูจ้ ดั การชั้นหนึ่งของบรรดาพี่นอ้ งเหล่านี้ อาหกอวิน๋ เซี่ ยวออกคําสัง่
ว่า “ประกาศลงไป ลูกเขยใหม่มาเยือนบ้านแล้ว จัดงานเลี้ยงใหญ่ตอ้ นรับแขก ห้ามขาดไปแม้แต่คน
เดียว จะดีใจหรื อไม่ดีใจก็ตอ้ งมาร่ วมงานกันให้ครบ!”
เมื่อพูดจบก็ยอ่ มมีคนไปเตรี ยมการ อวิน๋ จือชิวโดนบรรดาน้องสาวเสี ยงเจื้อยแจ้วดึงตัวไปทันที ส่ วน
เหมียวอี้กโ็ ดนพวกผูช้ ายดึงตัวไปพร้อมกับเสี ยงหัวเราะดังลัน่ ทําเหมือนจะพวกมารุ มทําร้าย
อวิน๋ จือชิวที่สวมมงกุฎหงส์และแต่งตัวเหมือนมารดาแห่งใต้หล้า เมื่ออยูท่ ่ามกลางสาว ๆ กลุ่มนี้ ก็เรี ยก
ได้วา่ เด่นสง่ามีราศีราวกับนกกระเรี ยนในฝูงไก่ พวกน้อง ๆ ชมนางไม่หยุดว่าเครื่ องแต่งกายงดงาม แต่
ละคนทําสายตาอิจฉาชื่นชม ไม่ใช่วา่ พวกนางไม่มีปัญญาหามาใส่ แต่เครื่ องแต่งกายที่ดูโดดเด่นเหนือ
คนอื่นขนาดนี้ พวกนางไม่กล้านํามาใส่ ที่นี่ส่งเดช ทําได้เพียงอิจฉาเท่านั้น
ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็โดนพวกน้อง ๆ ชมจนหน้าชื่นตาบาน ยิม้ แย้มอย่างสดใส เพราะได้สวมเครื่ องแบบ
เต็มยศกลับบ้านไงล่ะ นี่คือหนึ่งในส่ วนที่สาํ คัญที่สุดยามผูห้ ญิงได้โอ้อวดความมีหน้ามีตา เป็ นการ
พิสูจน์วา่ ตัวเองมีชีวติ ที่ดีมากหลังจากแต่งงานออกไป
เหมียวอี้ยมิ้ จนหน้าแทบชา ผ่านไปไม่นานพวกน้องชายก็เริ่ มชวนเขาคุยเรื่ องผูห้ ญิงแล้ว นับว่าทําให้
เขาได้เข้าใจอย่างแท้จริ งถึงสิ่ งที่เรี ยกว่าปากไม่มีหูรูด
มีบางคนบอกเขาว่า เบื้องล่างส่ งหญิงงามมาให้สองคน พี่เขยเพิ่งมาเป็ นครั้งแรก จึงตัดสิ นใจจะ
เสี ยสละมอบให้พเี่ ขยได้เสพสุ ขก่อน ทั้งยังบอกเขาว่าไม่ตอ้ งเกรงใจ สถานที่เตรี ยมไว้พร้อมแล้ว ไม่ให้
พี่หญิงใหญ่จบั ได้แน่นอน มีบางคนกลัวน้อยหน้า บอกว่าเดี๋ยวคราวหลังจะหาหญิงงามมามอบเป็ น
ของขวัญให้เช่นกัน บางคนก็บอกว่าเมื่อก่อนตอนที่อยูน่ ภาจอมมาร พี่หญิงใหญ่เป็ นคนเผด็จการวาง
อํานาจบาตรใหญ่มาก ถามเหมียวอี้วา่ นางเผด็จการเรื่ องบนเตียงด้วยหรื อเปล่า บางคนถึงขั้นถามว่า
เวลาเหมียวอี้กบั พีห่ ญิงใหญ่อยูด่ ว้ ยกันยัง…
เหมียวอี้อยากจะพ่นนํ้าลายใส่ หน้าเจ้าพวกนี้จริ ง ๆ เป็ นบ้าอะไรกันไปหมด ตอนนี้นบั ว่าเข้าใจแล้ว
เมื่อเทียบอวิน๋ จือชิวกับเจ้าเดรัจฉานพวกนี้ ก็นบั ว่านางสุ ภาพเรี ยบร้อยมากแล้ว เขารู ้สึกเหมือนเข้ามา
อยูใ่ นรังหมาป่ า แต่กย็ งั ต้องเจียดร้อยยิม้ ออกมา
โชคดีที่ไม่ได้ทรมานนานเกินไป เขาปลีกตัวออกมาได้แล้ว เมื่อสองสามีภรรยามาที่นี่ คนแรกที่ตอ้ ง
เข้าพบก็ยอ่ มเป็ นนายท่านของที่นี่ ปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน!
สําหรับเรื่ องนี้ ไม่มีใครกล้าถ่วงให้ท้ งั สองเสี ยเวลา พวกเขาแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ ว
ฉินเวยเวย ช่างไม้และช่างหิ นไม่สะดวกจะเข้าไปด้วย ย่อมมีคนพาพวกเขาไปพักผ่อน
อวิน๋ จือชิวคุน้ เคยกับทางไปตําหนักจอมมาร ไม่ตอ้ งให้ใครนําทางเลย นางกับเหมียวอี้เดินขึ้นไปบน
ยอดเขาที่สูงที่สุด เหมียวอี้ที่เพิ่งได้รับความสงบปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วถามว่า “น้องชายพวกนั้น
จ้องแต่จะส่ งผูห้ ญิงมาให้ขา้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ แล้วแสยะยิม้ พลางบอกว่า “ใครพูดบ้าง บอกชื่อมาซิ เดี๋ยวข้าจะไปคิดบัญชีทีละ
คน!”
แบบนี้พี่เขยอย่างข้าจะไม่ทาํ ให้คนกลุ่มใหญ่ข่นุ คืองใจหรอกเหรอ? เหมียวอี้กลอกตามองบน “ข้าลืม
ชื่อแล้ว!”
เมื่อมาถึงลานกว้างบนยอดเขา ตําหนักจอมมารก็ปรากฏสู่ สายตา มีเมฆมารผืนหนึ่งลอยวนเวียนอยูบ่ น
ฟ้ าเหนือตําหนักจอมมาร ตอนแรกเหมียวอี้นึกว่าเป็ นเมฆครึ้ มที่อยูบ่ นฟ้ าอยูแ่ ล้ว ตอนนี้ถึงได้รู้วา่ เป็ น
กลุ่มปราณมารที่ลอยขึ้นมาจากตําหนักจอมมาร
ตาเฒ่าเฉี ยวที่สวมชุดคลุมสี ขาวทั้งตัวยืนเงียบ ๆ อยูบ่ นบันไดนอกตําหนัก ประตูตาํ หนักที่อยูข่ า้ งหลัง
ปิ ดสนิท เขายิม้ ตาหยีให้ท้ งั สองมาแต่ไกล ๆ เมื่อเห็นทั้งสองใกล้เข้ามาแล้ว เขาก็เดินลงมาช้า ๆ
หลังจากพบหน้ากัน ก็กมุ หมัดทักทายว่า “น้องชิวพาหลานเขยมาเข้าพบนายท่านด้วยตัวเองเลย”
“ตาเฒ่าเฉี ยว!” สองสามีภรรยาไม่กล้าเสี ยมารยาทกับคนตรงหน้า จึงคํานับพร้อมกัน จากนั้นอวิน๋ จือ
ชิวก็บอกว่า “รบกวนตาเฒ่าเฉียวไปแจ้งท่านปู่ ให้หน่อยค่ะ น้องชิวพาสามีมาเข้าเยีย่ มคารวะท่านปู่ !”
“ไม่ตอ้ งแจ้งหรอก! นายท่านทราบแล้วว่าหลานเขยมาหา แต่ก่อนจะพบกัน นายท่านมีคาํ ถามฝากข้ามา
ถามหลานเขยก่อน” บนใบหน้าตาเฒ่าเฉียวยังคงรอยยิม้ เอาไว้ตามปกติ แล้วจ้องเหมียวอี้พร้อมกล่าวว่า
“นายท่านบอกไว้วา่ ถ้าจะมาเยีย่ มคารวะในฐานะหลานเขย ก็เข้าไปพบได้ แต่ถา้ มาเพื่อจุดประสงค์อื่น
อย่างเช่นมาเพื่อเยียนเป่ ยหงคนนั้น ก็ไม่ตอ้ งเข้าพบ!”
ตอนที่ 892
พบอวิน๋ อ้ าวเทียนครั้งแรก
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา เหมียวอี้กย็ อ่ มพูดไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่ องของเยียนเป่ ยหง เขาก็คงไม่โผล่มา
ในเวลานี้เหมือนกัน เพราะตอนแรกที่พาอวิน๋ จือชิวออกจากทะเลทรายม่านเมฆา ตาเฒ่าเฉียวก็ได้บอก
เจตนาของอวิน๋ อ้าวเทียนให้เขารับรู ้อย่างชัดเจนแล้ว และเขาก็ไม่อยากมาอาศัยบารมีดว้ ย
สถานการณ์แบบนี้ทาํ ให้อวิน๋ จือชิวอึดอัดพอสมควร ตัวนางเองนั้นไม่เป็ นอะไร แต่กลัวว่าสามีของ
ตัวเองจะทนเสี ยศักดิ์ศรี ไม่ไหว จึงบอกทันทีวา่ “ตาเฒ่าเฉี ยว อนุญาตให้ขา้ เข้าไปคุยกับท่านปู่ ก่อน
ได้ม้ ยั คะ!”
ตาเฒ่าเฉี ยวยกมือห้าม แล้วส่ ายหน้าบอกว่า “น้องชิว ครั้งก่อนที่เจ้ามาพูดขอร้อง นายท่านก็พดู ไว้
ชัดเจนแล้ว เห็นแก่ไมตรี ที่เจ้าเป็ นลูกหลานของตระกูลอวิน๋ ถึงได้ไว้หน้าเจ้า ครั้งแรกเจ้ามาเอ่ยปาก
ขอร้องเพือ่ หลานเขย นายท่านไม่อยากให้เจ้าลําบากใจเมื่ออยูต่ ่อหน้าหลานเขย จึงรับปากเจ้าว่าจะไม่
ฆ่าเยียนเป่ ยหง น้องชิว ตอนนี้เจ้าต้องทําความเข้าใจเรื่ องนี้ให้ชดั เจนนะ เจ้าเป็ นหลานสาวของ
ตระกูลอวิน๋ นั้นไม่ผดิ แต่เจ้าแต่งงานออกไปแล้ว ตอนนี้ฐานะที่แท้จริ งของเจ้าก็คือเหมียวฮูหยิน เป็ น
คนขอตระกูลเหมียว เจ้ามาที่นี่กเ็ พื่อผลประโยชน์ของตระกูลเหมียว ถ้าให้ผลประโยชน์กบั ตระกูล
เหมียวจนเต็มที่ ตระกูลอวิน๋ ก็อาจเสี ยผลประโยชน์ ถ้ายังไม่เข้าใจจุดยืนชัดเจน นายท่านก็ให้เจ้าเข้าพบ
ไม่ได้ น้องชิว อย่าทําให้บ่าวชราผูน้ ้ ีลาํ บากใจเลย!”
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ อวิน๋ จือชิวก็เงยหน้ามองตําหนักจอมมารที่สูงส่ ง ใบหน้านางเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ถึงแม้ในใจนางจะเข้าใจมาตั้งแต่แรก แต่ครั้งนี้นางเพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริ งถึงคําว่า ‘ลูกสาวที่แต่งงาน
ออกไปแล้วง’ เมื่อก่อนนางสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามใจชอบ ที่พิภพเล็กนี้ คนที่สามารถเข้าออกที่นี่
ได้ตามใจชอบมีไม่เยอะ
ในขณะนี้เอง เงาคนคนหนึ่งก็เหาะจากฟ้ าลงมายืนอยูข่ า้ ง ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน อวิน๋ รั่วซวงนัน่ เอง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์น้ ี อวิน๋ รั่วซวงก็ถามอย่างแปลกใจ “ตาเฒ่าเฉียว พี่หญิงใหญ่กบั พี่เขยมาเยีย่ ม
คารวะท่านปู่ ท่านมาขวางพวกเขาไว้ทาํ ไมคะ?”
ตาเฒ่าเฉี ยวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ซวงเอ๋ อร์ ไม่ใช่วา่ ข้าอยากขวางพี่หญิงใหญ่กบั พี่เขยของเจ้าหรอกนะ
แต่นี่เป็ นความประสงค์ของนายท่าน นายท่านกําลังสอนหลักการวางตัวเป็ นภรรยาให้พี่หญิงใหญ่ของ
เจ้าเป็ นครั้งสุ ดท้าย การแต่งงานออกไปคือสิ่ งที่พี่หญิงใหญ่ของเจ้าเลือกเอง ไม่มีใครบังคับนาง และ
เมื่อออกจากบ้านไปแล้วก็ตอ้ งพึ่งพาตนเอง เป็ นรากฐานสําหรับการลงหลักปั กฐานของพี่หญิงใหญ่ใน
อนาคต นายท่านเองก็หวังดีกบั นาง บางทีสกั วันหนึ่งเจ้าก็อาจจะเข้าใจเหมือนกัน”
อวิน๋ รั่วซวงไม่เข้าใจสิ่ งนี้ นางบุย้ ปากแล้วบอกว่า “พี่หญิงใหญ่ พี่เขย พวกท่านรอก่อนนะ ข้าจะเข้าไป
หาท่านปู่ !” พูดจบก็วงิ่ ขึ้นบันได พอวิง่ ไปถึงประตูตาํ หนักใหญ่ นางก็ผลักประตูแล้วแทรกเข้าไปใน
ซอกประตูที่เปิ ดแง้ม ตาเฒ่าเฉียวเองก็ไม่ได้ขวางนาง
เมื่อเห็นเห็นเงาหลังของอวิน๋ รั่วซวงหายไป อวิน๋ จือชิวก็เผยรอยยิม้ ขื่นขม เมื่อก่อนนางก็
เหมือนกับอวิน๋ รั่วซวง สามารถเข้าออกตําหนักจอมมารได้ตามใจชอบ แต่วนั นี้กลับมีเส้นแบ่ง
ชัดเจน…ตาเฒ่าเฉี ยวพูดไว้ไม่ผดิ คงจะมีสกั วันที่ซวงเอ๋ อร์จะเข้าใจสิ่ งนี้
อวิน๋ จือชิวเอียงหน้ามองเหมียวอี้ที่กาํ ลังขมวดคิ้ว แล้วหันกลับมาถามอีกว่า “ตาเฒ่าเฉี ยว ขอคุยกับท่าน
ปู่ สักหน่อยก็ไม่ได้เชียวหรื อคะ?”
“ย่อมได้อยูแ่ ล้ว!” ตาเฒ่าเฉี ยวยังคงใบหน้ายิม้ ลึกลับเอาไว้ แต่สายตาไปหยุดอยูบ่ นหน้าเหมียวอี้ “เมื่อ
ครู่ น้ ีกบ็ อกไปแล้ว ขึ้นอยูก่ บั ว่าใช้ฐานะอะไร ถ้ามาเยีย่ มญาติพี่นอ้ งเพื่อคุยเรื่ องครอบครัว ก็ยอ่ มต้องได้
พบอยูแ่ ล้ว แต่ถา้ คุยเรื่ องอื่น นายท่านก็อาจจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง แต่ขอพูดสิ่ งที่ไม่น่าฟังเอาไว้
เสี ยก่อน ถ้าต้องการจะให้ตระกูลอวิน๋ ละทิ้งผลประโยชน์ของตระกูลตัวเอง เช่นนั้นก็ตอ้ งถามแม่หม้าย
กับเด็กกําพร้าพวกนั้นว่าจะตอบตกลงหรื อไม่ ถามคนที่เสี ยสละเลือดเนื้อเพื่อผลประโยชน์ของ
ตระกูลอวิน๋ ว่าพวกเขาจะตอบตกลงหรื อไม่ เจ้าสามารถไปประลองกับลูกหลานตระกูลอวิน๋ ถ้าสูช้ นะ
พวกเขาได้ นายท่านย่อมพบเจ้า ไม่อย่างนั้นนายท่านก็จะย้อนถามเจ้าว่า ทําไมต้องมาพบเจ้า เจ้ามี
คุณสมบัติอะไรไปพบเขา? แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรไปต่อรองเงื่อนไขกับเขา?”
อวิน๋ จือชิวก้มหน้าประสานนิ้วมือ พ่อแม่ของนางก็สละชีวติ เพื่อปกป้ องผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋
เช่นกัน ในเมื่อท่านปู่ พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว นางเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
เหมียวอี้นิ่งเงียบ ถึงแม้จะอยากช่วยเยียนเป่ ยหง แต่เขาก็ไม่อาจท้าสูค้ นในตระกูลเมียเพื่อช่วยเยียนเป่
ยหงได้หรอก แบบนี้ฟังดูไม่เข้าท่าเลย จะให้เมียตัวเองทนความรู ้สึกได้อย่างไร มิหนําซํ้าตระกูลอวิน๋
ยังมียอดฝี มือมากมาย ด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ไม่อาจจะไปท้าสู ไ้ ด้ เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้น
สังเวียนที่นภาจอมมาร ถ้าขึ้นสังเวียนประลองกับนภาจอมมาร ก็เท่ากับเป็ นการตบหน้าตระกูลอวิน๋
ตระกูลอวิน๋ มีแต่ตอ้ งชนะเขาเท่านั้น ไม่อ่อนข้อให้แน่
หลังจากครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง ก็กมุ หมัดถามว่า “ผูน้ อ้ ยมาเยีย่ มคารวะท่านปู่ ด้วยฐานะของหลานเขยขอรับ!
แต่ตาเฒ่าเฉี ยวได้โปรดช่วยถามให้สกั หน่อย เยียนเป่ ยหงเป็ นสหายของผูน้ อ้ ย เดี๋ยวให้เหมียวอี้คนนี้
พบหน้าเขาสักครั้งได้หรื อไม่?”
ตาเฒ่าเฉี ยวได้ยนิ แล้วพยักหน้ายิม้ ทําท่าทางปลื้มอกปลื้มใจ “หลานเขยรอสักครู่ บ่าวชราจะไป
รายงานให้เดี๋ยวนี้!” พูดจบก็หนั ตัวเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ ว เข้าไปในตําหนักจอมมาร
“ขอโทษนะ!” อวิน๋ จือชิวกุมมือเหมียวอี้ พลางยิม้ เจื่อนอย่างกลัดกลุม้ ใจ ความหมายแฝงในคําพูดก็คือ
ขอโทษที่ขา้ ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้
“ไม่เป็ นไรหรอก!” เหมียวอี้ตบหลังมือนางเบา ๆ
ผ่านไปครู่ เดียว เมฆมารที่ลอยวนอยูบ่ นฟ้ าเหนือตําหนักจอมมารก็ถูกเก็บลงไป ไหลมุดเข้าไปใน
ตําหนักจอมมารทั้งหมด ฟ้ ากลับมาสดใสราวกับโดนชะล้าง ประตูใหญ่บานนั้นส่ งเสี ยงดังทึบ เปิ ด
ออกอย่างช้า ๆ จนสุ ดบาน ตาเฒ่าเฉี ยวที่สวมชุดคลุมสี ขาวเดินออกมายืนบนบันไดสู ง เขามองลงมา
ด้านล่างพลางยิม้ เล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวยืน่ มือเชิญ “หลานเขย นายท่านเชิญข้างใน!”
อวิน๋ จือชิวพยักหน้าให้เหมียวอี้ แล้วทั้งสองก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน
เมื่อขึ้นมาถึงใต้ชายคาโค้ง เหมียวอี้กเ็ ห็นชายรู ปร่ างกํายําสูงใหญ่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิอยูบ่ นบัลลังก์ใน
ตําหนัก ผมดําขลับดุจนํ้าหมึกของเขาปกคลุมสยายไปด้านหลัง ยาวลงไปถึงเอว คิ้วกระบี่ดกดําชี้เข้าหา
จอนยาวสองข้าง แววตาเป็ นประกายดุร้ายน่าหวัน่ เกรง จมูกเหมือนถุงนํ้าดี ริ มฝี ปากหนาไร้หนวดเครา
หน้าตาดูทรงพลัง
ชายคนนี้สวมเสื้ อเกราะแขนกุดสี ดาํ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อของแขนสองข้างที่บึกบึนแข็งแรงราวกับ
หลอมขึ้นมาจากเหล็ก ขากางเกงยาวแค่เข่า เปลือยเท้านัง่ ขัดสมาธิ แววตาอันลํ้าลึกกําลังจ้องสองคนที่
เดินเข้ามาจากด้านนอก
เหมียวอี้รู้สึกตึงเครี ยดในใจพอสมควร ไม่ตอ้ งบอกเลย ท่านนี้คงจะเป็ นปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ยอด
ฝี มืออันดับหนึ่งของพิภพเล็ก!
พอลองคิดอีกมุมหนึ่ง เหมียวอี้รู้สึกขําตัวเองนิดหน่อย ตอนแรกที่ตวั เองก้าวเข้าสู่ แดนฝึ กตน ก็ไม่นึก
ไม่ฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้กลายเป็ นหลานเขยของปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ในตอนนั้นอวิน๋ อ้าว
เทียนเป็ นเพียงตํานานสําหรับตน ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะมองพินิจให้ละเอียดสักหน่อย
อวิน๋ อ้าวเทียนไหนเลยจะไม่มองสํารวจอีกฝ่ าย เจ้าเด็กนี่เห็นตนแล้วไม่ตื่นเต้นกังวลเลยสักนิด ไม่ค่อย
เห็นใครสุ ขมุ ใจเย็นขนาดนี้ กลับทําให้เขามองด้วยสายตาที่สูงขึ้นอีกระดับ
หารู ้ไม่วา่ ถ้าเป็ นเมื่อก่อน เหมียวอี้จะต้องตื่นเต้นกังวลแน่นอน เพียงแต่หลังจากไปพิภพใหญ่มา เขาได้
คบค้ากับนักพรตบงกชทองกลุ่มใหญ่ เป็ นคนที่วรยุทธ์สูสีกบั อวิน๋ อ้าวเทียนทั้งนั้น ขนาดนักพรตบงกช
รุ ้งก็เคยนัง่ คุยและดื่มสุ ราด้วยกันมาแล้ว ถ้าจะบอกว่าเขาตื่นเต้นกังวล ก็คงเป็ นความกังวลเพราะได้พบ
ผูห้ ลักผูใ้ หญ่ในตระกูลของภรรยาเป็ นครั้งแรก
บนบันไดด้านล่างบัลลังก์ อวิน๋ รั่วซวงนัง่ ทําสี หน้าไม่สบอารมณ์อยูต่ รงนั้น ท้องแขนสองข้างเกยบน
หัวเข่า ใช้สองมือเท้าคาง เชิดปากขึ้นสู งมาก เหมือนสิ่ งที่เข้ามาขอร้องก่อนหน้านี้ไม่ได้ดงั่ ใจ จึงไม่สบ
อารมณ์เป็ นอย่างมาก
อวิน๋ จือชิวมองชําเลืองมองอวิน๋ รั่วซวงอย่างอิจฉานิดหน่อย คนที่สามารถนัง่ ออดอ้อนอยูบ่ นบันไดใต้
บัลลังก์ของนภาจอมมารได้ ในตอนนี้คงจะมีแค่อวิน๋ รั่วซวงคนเดียวแล้ว ขนาดหลาน ๆ จะเข้าพบปู่ สัก
ครั้งยังเป็ นเรื่ องยากเลย สิ่ งนี้อธิบายได้วา่ ท่านปู่ รักและเอ็นดูอวิน๋ รั่วซวงเป็ นพิเศษ เพียงแต่ในปี นั้นนาง
ก็ได้รับการปฏิบตั ิที่พิเศษแบบนี้เช่นกัน แต่จะทําอย่างไรได้ เรื่ องราวผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนคืน นาง
ไม่มีทางย้อนกลับไปมีความคิดจิตใจเป็ นสาวน้อยเหมือนอวิน๋ รั่วซวงได้อีก นางผ่านความลําบากมา
อย่างโชกโชน แต่งงานกลายเป็ นภรรยาคนอื่นแล้ว ไม่อาจย้อนคืนความคิดจิตใจแบบนั้นกลับมาได้อีก
เมื่อเดินเข้ามาในตําหนัก อวิน๋ จือชิวก็ดึงแขนเสื้ อเหมียวอี้เบา ๆ จากนั้นทั้งสองก็ยนื นิ่ง อวิน๋ จือชิวยกก
ระโปรงยาวลากพื้นข้างหลัง นัง่ คุกเข่าลงพร้อมกับเหมียวอี้ เผชิญหน้ากับอวิน๋ อ้าวเทียนที่นงั่ อยูเ่ บื้อง
สู ง พลางกล่าวคํานับว่า “เหมียวอี้ เสี่ ยวชิว คํานับท่านปู่ !” ทั้งสองโขกศีรษะกับพื้นพร้อมกัน
ขณะมองดูท้ งั สองหมอบคํานับ รอยยิม้ ของตาเฒ่าเฉียวที่ยนื อยูบ่ นบันไดก็ชดั เจนยิง่ ขึ้น แต่อวิน๋ รั่วซวง
ที่นงั่ อยูบ่ นขั้นบันไดกลับเชิดปากอย่างน่ารักเย้าย้วนใจ
อวิน๋ อ้าวเทียนที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิจอ้ งเบื้องล่างพลางพยักหน้าเบา ๆ “ลุกขึ้นเถอะ!” พูดจบก็หย่อนเท้า
เปลือยสองข้างลงบนพื้น แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ
ในตอนนี้สองสามีภรรยาถึงได้ยนื ขึ้นอย่างเคารพนบนอบ อวิน๋ อ้าวเทียนมายืนอยูต่ รงหน้าเหมียวอี้แล้ว
กําลังมองสํารวจเหมียวอี้ดว้ ยแววตาดุร้าย ถึงขั้นร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจบนตัวเหมียวอี้ดว้ ย พบว่าเจ้าบ้านี่
ไม่ได้แกล้งทําใจเย็น แต่เขาไม่ได้ตื่นเต้นกังวลเลยจริ ง ๆ การไหลเวียนโลหิ ตและอัตราการเต้นของ
หัวใจไม่มีอะไรผิดปกติเลย
เหมียวอี้กม้ หน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ
“น้องชิว ปกติตอนอยูบ่ า้ น เขาไม่ได้รังแกเจ้าใช่ม้ ยั ?” อวิน๋ อ้าวเทียนพลันเอ่ยถามขึ้นมา
เหมียวอี้เหงื่อแตกนิดหน่อย นี่ช่างเป็ นการคุยเรื่ องในครอบครัวจริ ง ๆ เขารี บตอบว่า “มิบงั อาจขอรับ!”
“ท่านปู่ คะ!” อวิน๋ จือชิวไม่ตอบคําถาม แต่กา้ วขึ้นมากอดแขนอวิน๋ อ้าวเทียน แล้วพูดออดอ้อนว่า “มีแต่
ข้าที่เป็ นฝ่ ายรังแกเขา!”
อวิน๋ อ้าวเทียนพยักหน้า “ถ้าเขารังแกเจ้าเมื่อไร กลับมาบอกปู่ เดี๋ยวปู่ จะจัดการเขาเอง”
อวิน๋ รั่วซวงก็เข้ามากอดแขนเช่นกัน มากอดแขนอีกข้างของอวิน๋ จือชิว พลางถามอย่างแปลกใจว่า “พี่
หญิงใหญ่ ปกติท่านรังแกพี่เขยยังไงเหรอ?”
“เจ้าจะเข้าใจอะไรล่ะ ไปตรงโน้นเลย!” อวิน๋ จือชิวเอานิ้วจิ้มหน้าผากนางหนึ่งที ทําให้นางเชิดปากและ
กลอกตาใส่
อวิน๋ อ้าวเทียนมองไปที่เหมียวอี้ พร้อมถามว่า “ได้ยนิ ว่าเจ้าทิ้งน้องชิวแล้วหายตัวไปสามร้อยกว่าปี เพิ่ง
จะแต่งงานใหม่ ทําไมทิ้งคู่ชีวติ ไปล่ะ? หรื อว่านางปรนนิบตั ิดูแลเจ้าไม่ดีพอ ไม่ได้ทาํ หน้าที่ภรรยา
อย่างสุ ดความสามารถ?”
เหมียวอี้ยงั ไม่ทนั อ้าปากพูด อวิน๋ จือชิวก็ชิงพูดต่อแล้วว่า “ท่านปู่ ! ข้าให้เขาไปเก็บตัวฝึ กฝนเอง งาน
แต่งตอนนั้นเป็ นข่าวใหญ่โตเกินไป ข้าเลยให้เขาไปหลบที่ทะเลดาวนักษัตร!”
อวิน๋ อ้าวเทียนเหล่ตามองนางแวบหนึ่ง ไม่วา่ จะจริ งหรื อโกหก ไม่วา่ จะจงใจปิ ดบังอะไรอยู่ แต่ในเมื่อ
นางพูดแบบนี้แล้ว อวิน๋ อ้าวเทียนก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก เขามองการแต่งตัวของนางตั้งแต่ศีรษะจด
เท้า แล้วถามว่า “ได้ยนิ ว่าเครื่ องแต่งกายพวกนี้ของเจ้า มู่ฝานจวินเป็ นคนมอบให้หมดเลยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” พอพูดถึงเรื่ องนี้ อวิน๋ จือชิวก็อดไม่ได้ที่จะขอคําแนะนํา “ท่านปู่ ! มีอะไรไม่เหมาะสมรึ เปล่า
คะ?”
“จะมีอะไรไม่เหมาะสมได้ล่ะ? ใส่ เสื้ อผ้าสองชุดจะมีอะไรไม่เหมาะสม? เจ้าคงไม่ถึงขั้นขี้ขลาดกับ
เรื่ องเล็กน้อยแค่น้ ีหรอกใช่ม้ ยั ? นางเต็มใจให้ เจ้าแค่ใส่ ไปก็พอ จะได้ประหยัดเงินตัวเอง เป็ นเรื่ องที่ดี
ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ฉวยผลประโยชน์น้ ี ใช่ม้ ยั ล่ะ?” อวิน๋ อ้าวเทียนพูดหยอกล้อ
เป็ นการพูดคุยเรื่ องในครอบครัวจริ ง ๆ อวิน๋ อ้าวเทียนไม่ได้วางอํานาจบาตรใหญ่ใส่ เหมียวอี้ พูดคุย
ด้วยนํ้าเสี ยงปกติ คุยประมาณว่าต่อไปนี้ให้เหมียวอี้ทาํ ตัวดี ๆ กับอวิน๋ จือชิว ไม่อย่างนั้นตนจะไม่
ปล่อยเขาไปแน่ เป็ นคําพูดที่ผหู ้ ลักผูใ้ หญ่ฝ่ายเจ้าสาวควรจะพูด
สําหรับหลานเขยคนนี้ เขาไม่ได้มีอะไรพอใจหรื อไม่พอใจ อย่างน้อยเหมียวอี้กเ็ สี่ ยงชีวติ สูต้ ายเพื่อ
หลานสาวตัวเอง มีความรับผิดชอบเพียงเท่านี้กพ็ อแล้ว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ต่อให้อวิน๋ อ้าว
เทียนจะเก่งกาจแค่ไหน แต่กไ็ ม่อาจจะเรี ยกร้องให้นางแต่งงานกับคนที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเพียงเพราะ
นางเป็ นหลานสาวตน แบบนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็ นจริ ง แค่ไม่ได้มีขอ้ เสี ยร้ายแรงก็พอแล้ว ถึง
อย่างไรหลานสาวตัวเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ และแน่นอน ถ้าเป็ นคนที่มีความแค้นกับตระกูลตัวเอง
อย่างเฟิ งเสวียน เขาก็ไม่ยอมรับแน่นอน
ส่ วนชีวติ คู่ของสามีภรรยาจะรักใคร่ กลมเกลียวกันหรื อไม่ นัน่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องไปกังวล ผลจาก
การเลือกครั้งนี้ ไม่วา่ จะมีรสชาติเป็ นอย่างไร อวิน๋ จือชิวก็ตอ้ งเป็ นคนรับไว้เอง อย่างมากเขาก็แค่อยูใ่ น
จุดยืนของปู่ หรื อไม่กอ็ ยูใ่ นจุดยืนของครอบครัวฝ่ ายหญิง ถ้าถึงเวลาจําเป็ นก็ช่วยสนับสนุนได้นิด
หน่อย แต่ตอ้ งอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขที่ไม่ทาํ ลายผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋
ตอนที่ 893
ป่ าเถือ่ นเกินไปแล้ ว
หลังจากสัง่ สอนเหมียวอี้ในฐานะผูอ้ าวุโสเสร็ จแล้ว ตอนหันกลับมาอบรมอวิน๋ จือชิว เขากลับทําสี หน้า
จริ งจังขึ้นหลายส่ วน
“น้องชิว คําโบราณกล่าวไว้วา่ แต่งกับไก่กต็ ามไก่ แต่งกับสุ นขั ก็ตามสุ นขั คือคติพจน์อนั เป็ นสัจจะ!
เมื่อแต่งงานกับเหมียวอี้แล้ว เจ้าก็เป็ นคนของเขา ต่อไปก็ควรคิดพิจารณาเพื่อเขาทุกอย่าง เมื่อยืนอยู่
ตรงหน้าผลประโยชน์ของตระกูลเหมียว ผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋ ก็เป็ นเรื่ องรอง ต่อไปหากเขา
เป็ นศัตรู กบั ข้า พวกเจ้าสองสามีภรรยาก็ลงมือเต็มที่ได้เลย ไม่ตอ้ งออมมือให้ขา้ ข้าเองก็จะไม่ออมมือ
ให้พวกเจ้าเช่นกัน ถ้าเขาตายด้วยนํ้ามือข้า เจ้าก็สามารถกลับมาที่ตระกูลอวิน๋ ได้อีก แต่เหนือสิ่ งอื่นใด
การช่วยเหลือสามีและสัง่ สอนบุตรก็คือหน้าที่ของภรรยาอย่างเจ้า นี่คือรากฐานที่จะทําให้ครอบครัว
ของผูห้ ญิงคนหนึ่งตั้งมัน่ ได้ ที่ตระกูลอวิน๋ มีวนั นี้ ผลงานครึ่ งหนึ่งก็เป็ นของผูห้ ญิง จงทําตัวองอาจผึ่ง
ผายและดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดี ผูห้ ญิงที่แม้แต่ครอบครัวตัวเองยังดูแลไม่ได้ ถ้าบอกว่าจะมาดูแล
บ้านพ่อแม่ตวั เองก็เป็ นเรื่ องที่น่าขํา อย่าให้ปู่คนนี้ตอ้ งดูถูกเจ้า!”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา อวิน๋ รั่วซวงที่อยูข่ า้ ง ๆ ก็ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่เขยต้องการจะเป็ นศัตรู
ของตระกูลอวิน๋ เหรอ?”
เหมียวอี้เงียบงัน อวิน๋ อ้าวเทียนพูดจาต่อหน้าถึงขั้นนี้แล้ว เท่ากับอาศัยอีกวิธีการหนึ่งเพื่อบอกว่า
เป็ นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยตัวเยียนเป่ ยหง ไม่มีทางที่จะเขาปล่อยคนที่มีวธิ ีการฝึ กตนวิปริ ตเช่นนี้
ออกไปเป็ นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋ ดับความคิดของเหมียวอี้ที่อยากจะมาเจรจากับ
เขาแล้ว
อวิน๋ จือชิวนํ้าตาคลอ ส่ ายหน้าบอกว่า “ไม่มีทางค่ะ ท่านปู่ ไม่มีทาง”
อวิน๋ อ้าวเทียนโบกมือ เห็นได้ชดั ว่าไม่อยากพูดเยอะ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่ข้ ีบ่นอยูแ่ ล้ว วันนี้นบั ว่าเป็ น
ข้อยกเว้นเพราะคุยเรื่ องครอบครัว เขาเหลือบมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ตาเฒ่าเฉียว เขาอยาก
ไปเยีย่ มเยียนเป่ ยหงไม่ใช่เหรอ? พาเขาไปสิ เฝ้ าให้ดีล่ะ อย่าให้เขาเล่นลูกไม้อะไรเด็ดขาด เจ้าเด็กนี่
ไม่ใช่เล่น ๆ !”
“ขอรับ!” ตาเฒ่าเฉี ยวเอ่ยรับ แล้วเดินมายืน่ มือเชิญ
เหมียวอี้พดู ไม่ออกสุ ด ๆ ข้าไม่ใช่เล่น ๆ ยังไง? แต่กช็ ่วยไม่ได้ คงไม่ดีถา้ จะเถียงกลับ
อวิน๋ จือชิวดึงแขนเสื้ อเขาอีกครั้ง แล้วสองสามีภรรยาก็คุกเข่าหมอบคํานับ กล่าวอําลา!
อวิน๋ รั่วซวงคล้องแขนอวิน๋ จือชิว ตอนที่เดินลงบันไดตําหนักจอมมารไป ประตูใหญ่กป็ ิ ดสนิทเองโดย
ไร้ลม ทําให้พวกเขาหันกลับไปมองแวบหนึ่ง
สถานที่ขงั เยียนเป่ ยหงก็คือถํ้าภูเขาแห่งหนึ่งของนภาจอมมาร
อวิน๋ จือชิวที่มาที่นี่ค่อนข้างปลงอนิจจัง ตอนที่เข้ามาในถํ้าภูเขา อวิน๋ จือชิวจงใจเตือนเหมียวอี้วา่ “ก่อน
หน้านี้เฟิ งเสวียนก็โดนขังอยูท่ ี่นี่”
อวิน๋ จือชิวไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร เหมียวอี้เอียงศีรษะมองนางด้วยแววตาที่ค่อนข้างแปลก ผลก็คือโดน
นางยืน่ มือไปบีบเอว “อย่าคิดอะไรเหลวไหล!”
ในจุดลึกของห้องถํ้ามี กรงขังหลายกรงที่สร้างจากทองผลึกบริ สุทธิ์ เยียนเป่ ยหงที่ผมยุง่ กระเซิ งเหมือน
ขอทานถูกขังอยูข่ า้ งใน หงซิ่วกับหงฝูกอ็ ยูด่ ว้ ยเช่นกัน แต่โดนจับขังแยกไว้คนละกรง ทุกคนมีสภาพ
สะบักสะบอมมาก พอเหมียวอี้เห็นพวกเขามีท่าทางอ่อนแอไร้ชีวติ ชีวา ก็รู้เลยว่าโดนผนึกวรยุทธ์แล้ว
พอตาเฒ่าเฉี ยวโบกมือกวาด โคมไฟหลายดวงที่อยูบ่ นผนังก็สว่างขึ้นทันที เขากล่าวเตือนว่า “เหมียวอี้
ห้ามถ่ายทอดเสี ยงคุยกัน มีอะไรต้องพูดกันอย่างเปิ ดเผย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! วิชามารที่
เขาฝึ ก นายท่านไม่ยอมให้เล็ดรอดออกไปเด็ดขาด”
“พี่ใหญ่เยียน!” เหมียวอี้เดินมาตรงหน้ากรงแล้วตะโกนเรี ยก
เยียนเป่ ยหงที่นอนอยูใ่ นกรงพลิกตัวหันมามอง ใช้สองมือเสยผมที่ปิดบังใบหน้า แล้วเดินเข้ามาอย่าง
ตื่นเต้นดีใจ “น้องชาย เจ้ามาได้ยงั ไง?”
หงซิ่วและหงฝูที่อยูใ่ นกรงฝั่งซ้ายและขวาก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน พอเห็นเหมียวอี้ ก็เหมือนได้เห็น
ความหวังที่หายไป จึงรี บเขามาคํานับพร้อมกัน “ท่านเหมียว!”
“น้องชายติดธุระจึงมาช้า รู ้เรื่ องช้าเกินไป พี่ใหญ่เยียนได้รับความลําบากแล้ว” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ
จากนั้นก็หนั ไปเรี ยกอวิน๋ จือชิวให้เดินเข้ามา “พี่ใหญ่เยียน นี่คือคนใน อวิน๋ จือชิว”
“พี่ใหญ่เยียน!” อวิน๋ จือชิวย่อเข่าคํานับ
เยียนเป่ ยหงหัวเราะเสี ยงดังแล้วบอกว่า “เคยเจอแล้ว ก่อนหน้านี้นอ้ งสะใภ้เคยมาเยีย่ มแล้ว น้องชาย
ช่างมีความสามารถจริ ง ๆ แม้แต่เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมเมฆาวายุกก็ ล้าแย่งกลับมาเป็ นเมียตัวเอง จะว่า
ไปแล้วก็รู้สึกผิด เพราะตอนงานแต่งงานใหญ่ของน้องชาย ข้าไม่ได้ไปร่ วมงาน กอปรกับบนตัวไม่มี
สมบัติเหลือเฟื อ ไม่มีของขวัญดี ๆ อะไรจะมอบให้ เดิมทีคิดจะให้ชดเชยตามไปทีหลัง แต่ตอนนี้เกรง
ว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว หวังว่าน้องสะใภ้จะไม่ถือสานะ!”
“ของขวัญจะถูกจะแพงก็ไม่สาํ คัญเท่านํ้าใจของพี่ใหญ่เยียนหรอกค่ะ” อวิน๋ จือชิวกล่าวพร้อมรอยยิม้
เยียนเป่ ยหงโบกมือ “ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสะใภ้วงิ่ เต้นมาขอร้องให้ เยียนเป่ ยหงจะมีชีวติ รอดจนถึง
ตอนนี้เหรอ ทําไมล่ะ? หรื อว่าที่นอ้ งชายมารอบนี้ เพราะจะมาช่วยข้าออกไป!”
“ไม่ปิดบังพี่ใหญ่ ตอนมาข้ามีเจตนานี้จริ ง ๆ แต่จนใจที่ขา้ อาศัยฐานะหลานเขยออกหน้าช่วยไปก็ไร้
ประโยชน์ เกรงว่าต้องให้พี่ใหญ่อยูท่ ี่นี่ต่อไปก่อนสักระยะหนึ่ง” เหมียวอี้กล่าวอย่างละอาย
เยียนเป่ ยหงถอนหายใจแล้วบอกว่า “นี่เป็ นเรื่ องที่อยูใ่ นหลักทํานองคลองธรรม ในเมื่อเรื่ องลับของข้า
โดนปราชญ์มารจับได้ ที่ไม่สงั หารข้าทิ้งก็นบั ว่าไว้หน้าน้องสะใภ้มากพอแล้ว มายืนพูดอยูต่ รงนี้ได้ก็
นับว่าโชคดีแล้วล่ะ แต่หงซิ่ว หงฝูกลับต้องลําบากไปกับข้าด้วย น้องสะใภ้ช่วยหาวิธีพาพวกนางสอง
คนออกไปก่อนได้หรื อไม่?”
อวิน๋ จือชิวยังไม่ทนั เอ่ยปากพูดอะไร ตาเฒ่าเฉี ยวที่อยูข่ า้ งหลังก็ชิงพูดแล้วว่า “ไม่ได้! คนที่ฝึกวิชามาร
นัน่ ห้ามออกไปแม้แต่คนเดียว ถ้าอยากจะออกไปก็ได้ แต่ตวั เองต้องตายก่อนแล้วค่อยว่ากัน เอา
ออกไปได้แต่ศพ”
อวิน๋ จือชิวทําได้เพียงตอบเยียนเป่ ยหงด้วยรอยยิม้ ขื่นขม
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ ขอเพียงมีโอกาส น้องชายจะต้องหาทางพาท่านออกไปแน่นอน เพียงแต่นอ้ งชาย
ไม่เข้าใจอยูเ่ รื่ องหนึ่ง ท่านไปได้วชิ ามารส่ วนนั้นมาจากไหนเหรอ?” เหมียวอี้ถาม
“เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรน่าปิ ดบังอีกต่อไป!” เยียนเป่ ยหงใช้สองมือจับลูกกรง จากนั้นหัวเราะ
เบา ๆ แล้วเล่าว่า “น้องชายยังจําตอนที่พวกเราแยกกันที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งในปี นั้นได้ม้ ยั ?
น้องชายเดินเข้าไปเสี่ ยงอันตรายต่อ แต่ขา้ เดินกลับออกมาตลอดทาง ระหว่างทางข้าบังเอิญเก็บดาบ
เล็กได้เล่มหนึ่ง มันยาวแค่นิ้วเดียวเอง” ขณะที่พดู เขาก็ยนื่ นิ้วชี้ข้ ึนมาวาดขนาดให้ดู แล้วเล่าต่อ “มัน
ปั กอยูบ่ นต้นไม้ตน้ หนึ่งที่กลายเป็ นตอถ่าน ตอนนั้นข้าดึงออกมาเก็บไว้ ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ ใจอะไร
ตอนหลังพอเข้าสํานักศรี เมฆาและมีพ้นื ฐานการฝึ กตนแล้ว ถึงได้ไขปริ ศนาที่อยูใ่ นดาบเล็กเล่มนั้น ข้า
ได้เคล็ดวิชาฝึ กตนส่ วนหนึ่งมาจากในนั้น มันชื่อว่า ‘มหาอิทธิฤทธิ์มารดูดกลืน’ ข้างในบรรยายข้อเสี ย
ของการฝึ กเคล็ดวิชานี้เอาไว้ แต่ขา้ ก็ยงั อดทนความดึงดูดใจของมันไม่ไหว ถึงได้เดินมาทีละก้าวจนถึง
ทุกวันนี้ ตอนนี้ดาบเล่มนั้นอยูใ่ นมือปราชญ์มารแล้ว ด้วยวรยุทธ์อย่างเขา คาดว่าคงไขปริ ศนาที่อยูใ่ น
นั้นได้แล้ว”
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวหันกลับมาสบตากัน พอเห็นตาเฒ่าเฉียวยังคงยิม้ ตาหยีอย่างไม่สะทกสะท้าน ก็รู้
แล้วว่าเป็ นอย่างที่เยียนเป่ ยหงบอก เป็ นไปได้สูงว่าวิชามารส่ วนนั้นจะตกอยูใ่ นมืออวิน๋ อ้าวเทียนแล้ว
เหมียวอี้หนั กลับมาถามอีก “หรื อว่าพี่ใหญ่เยียนหมายถึงดาบโลหิ ตด้ามนั้น?”
“ใช่แล้วล่ะ!” เยียนเป่ ยหงพยักหน้า “ดาบด้ามนั้นเปลี่ยนขนาดได้ ซ่อนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เอาไว้
มากมาย หัน่ เหล็กได้เหมือนหัน่ โคลน อานุภาพไร้ที่สิ้นสุ ด เป็ นของวิเศษขั้นหกที่มาจากพิภพใหญ่
ยิง่ วรยุทธ์สูงก็ยงิ่ สําแดงอานุภาพของมันได้ดี เมื่อได้ดาบด้ามนั้นไป ปราชญ์มารก็เรี ยกได้วา่ เหมือน
เสื อติดปี ก! แต่ถึงแม้จะอาศัยวรยุทธ์ของปราชญ์มาร ก็ยงั สําแดงอานุภาพที่แท้จริ งของดาบด้ามนี้ไม่ได้
ง่าย ๆ เลย ไม่อย่างนั้นปราชญ์มารต้องเป็ นราชันแห่งใต้หล้าแน่นอน!”
สองสามีภรรยามองหน้ากันเลิกลัก่
ทั้งสองเองก็ไม่ได้อยูท่ ี่นี่นานเกินไป สาเหตุหลักเป็ นเพราะตาเฒ่าเฉี ยวไม่อนุญาต สุ ดท้ายก็ยงั
ช่วยเหลือเยียนเป่ ยหงออกมาไม่ได้
แต่วา่ ก่อนจะจากกัน เหมียวอี้ย้าํ แล้วยํ้าอีกว่า “พี่ใหญ่เยียนอยูท่ ี่นี่ตอ้ งรักษาตัวดี ๆ อย่าทําร้ายตัวเอง
เหมียวอี้จะต้องคิดหาทางช่วยพี่ใหญ่ออกไปได้แน่นอน!”
เยียนเป่ ยหงหัวเราะลัน่ อย่างเบิกบานใจ แล้วบอกว่า “ข้าจะรอ! ถ้าเก็บรักษาชีวติ นี้ไว้ได้กน็ บั ว่าได้กาํ ไร
ถ้าตายก็ถือว่าแล้วกันไป!”
ในคืนนั้น แสงไฟลุกโชนสว่างไสวอยูใ่ นนภาจอมมาร จัดงานเลี้ยงอย่างอลังการงานสร้าง คนของ
ตระกูลอวิน๋ ที่สามารถมาได้กม็ ากันหมด ทั้งชายทั้งหญิงนัง่ กันสิ บกว่าโต๊ะ คึกคักอบอุ่นมาก
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวเดินดื่มฉลองทีละโต๊ะ ขณะที่ดื่มฉลองก็ได้รับของขวัญแสดงนํ้าใจจากเขยคน
ใหม่ ถือว่าเป็ นมารยาทในการพบปะ
อวิน๋ จือชิวเตรี ยมของขวัญไว้ล่วงหน้าแล้ว ควรจะให้ใครมากน้อยเท่าไร อวิน๋ จือชิวรู ้ชดั อยูแ่ ก่ใจ ไม่
ต้องให้เหมียวอี้กงั วลเรื่ องพวกนี้ เมื่อเดินมาตรงหน้าใคร อวิน๋ จือชิวก็จะนําแหวนเก็บสมบัติที่เตรี ยมไว้
ยัดใส่ มือเหมียวอี้ ให้เหมียวอี้มอบให้ขณะที่พดู จาทักทาย
ของขวัญที่ให้ถือว่าไม่นอ้ ยเลย ประการแรกเป็ นเพราะเหมียวอี้จะกลับมาที่นี่อีก ประการที่สองเป็ น
เพราะอวิน๋ จือชิวแต่งงานออกมาแล้ว จะให้ครอบครัวฝ่ ายหญิงดูถูกไม่ได้ แล้วก็ตอ้ งสนใจหน้าตา
ศักดิ์ศรี ของเหมียวอี้ดว้ ย จะให้เหมียวอี้ดูกระจอกเกินไปไม่ได้ นอกจากนั้นก็คือ ไม่แน่วา่ ในภายหลัง
คนพวกนี้อาจจะช่วยเหลืออะไรได้บา้ ง
อาหญิงกับอาชายที่ญาติพี่นอ้ งสายตรงได้รับการปฏิบตั ิอย่างเท่าเทียมกัน ในแหวนเก็บสมบัติแต่ละวง
มีลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าหนึ่งร้อยล้านลูก ส่ วนอาเขยและอาสะใภ้ได้คนละห้าสิ บล้าน ส่ วน
เหล่าอนุภรรยาของอาชายได้คนละสิ บล้าน ก็ช่วยไม่ได้ ภรรยาเอกและอนุภรรยาต้องได้ต่างกัน ถ้าได้
เท่ากันจะทําให้ภรรยาเอกไม่พอใจ แบบนั้นไม่เท่ากับบอกว่าภรรยาเอกและอนุภรรยาฐานะเท่ากัน
หรอกเหรอ
พวกน้อง ๆ ที่เป็ นรุ่ นหลานเหมือนอวิน๋ จือชิวได้ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าไปคนละสิ บล้านลูก
ภรรยาเอกแปดล้านลูก อนุภรรยาห้าล้านลูก เท่ากับว่าจํานวนที่นอ้ ยที่สุดที่ให้ไปคือลูกแก้วพลัง
ปรารถนาระดับตํ่าห้าล้านลูก
ถึงแม้จาํ นวนที่แบ่งให้แต่ละคนจะไม่ถือว่าเยอะ แต่กเ็ ทียบกับจํานวนคนไม่ติด แค่เมียของพวกเขาก็นงั่
เหมาทั้งโต๊ะแล้ว การแจกของขวัญรอบนี้ได้สูญเสี ยลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าไปเกือบห้าพันลูก
แล้ว ทุกคนได้รับของขวัญอย่างทัว่ ถึง พอเห็นของในแหวนเก็บสมบัติกพ็ ากันสําราญบานใจ
โดยเฉพาะอาหญิงกับอาชายแปดท่านนั้น แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็ นของขวัญลํ้าค่า คู่รักหนุ่มสาว
ช่างมีความตั้งใจ ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าหนึ่งร้อยล้านลูกนี้ ยังไม่ตอ้ งไปเทียบกับอย่างอื่น เทียบ
กับตอนที่พวกเขามอบของขวัญให้คนอื่น ต่อให้มอบสิ่ งของที่แพงกว่านี้ให้ แต่กค็ งไม่ให้ลูกแก้วพลัง
ปรารถนาเยอะขนาดนี้แน่
เมื่ออยูท่ ี่พิภพเล็ก การมอบของขวัญเป็ นลูกแก้วพลังปรารถนาถือว่าใช้งานได้จริ งที่สุด แต่เหมียวอี้กห็ า
ลูกแก้วพลังปรารถนามามากมายขนาดนั้นไม่ไหวเหมือนกัน สาเหตุหลักเป็ นเพราะทรัพยากรฝึ กตน
ของพิภพเล็กมีจาํ กัด ต่อให้เขามีกาํ ลังทรัพย์มาก แต่กไ็ ม่อาจรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาได้เยอะ
ขนาดนี้ภายในรวดเดียว สิ่ งเหล่านี้ลว้ นเป็ นสิ นเดิมเจ้าสาวของอวิน๋ จือชิว นางสะสมของพวกนี้มา
หลายหมื่นปี ยังพอนําออกมาใช้ไหว สาเหตุหลักเป็ นเพราะนางกับเหมียวอี้ไม่ค่อยได้อาศัยสิ่ งนี้เพื่อฝึ ก
ตนแล้ว
เหมียวอี้นาํ ยาแก่นเซียนอีกหลายล้านเม็ดให้อวิน๋ จือชิวไปบริ หาร อวิน๋ จือชิวช่วยเขาจัดการคนมากมาย
ขนาดนี้ ถ้าไม่มีทรัพยากรติดมือไว้บา้ งคงไม่ได้ ตอนนี้เขามียาเม็ดโลหิ ตเก้าเม็ดนั้นก็พอแล้ว ตอนนี้
นับว่าสองสามีภรรยาเป็ นมหาเศรษฐีของพิภพเล็กได้เลย แต่กไ็ ด้แค่แอบดีใจเงียบ ๆ ไม่กล้าโอ้อวด
เสี ยงดัง
จากนั้นพวกน้องชายก็จบั เหมียวอี้ไปกรอกสุ ราอย่าบ้าคลัง่ อวิน๋ จือชิวห้ามยังไงก็หา้ มไม่อยู่ โดน
บรรดาน้องสาวดึงตัวแยกออกมาแล้ว
หลังจากกลับถึงตําหนักนอนที่เตรี ยมไว้ เหมียวอี้กก็ ลับมาพร้อมกลิ่นสุ ราเต็มตัว โชคดีที่เขาไม่ใช่
มนุษย์ธรรมดา ขณะที่ดื่มก็กลัน่ กรองฤทธิ์สุราทิ้งไปด้วย แต่กย็ งั โดนรมควันไปพอสมควร เสื้ อผ้าที่
ถอดเปลี่ยนตรงนั้นโดนฉีกทิ้งไปหลายชุด เขาแทบจะเดินกลับมาตัวเปล่า สรุ ปก็คือกลับมาในสภาพ
ผมกระเซิ งและชุดขาดรุ่ งริ่ งเหมือนขอทาน แม่งเอ๊ย ป่ าเถื่อนเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตอนกระดกสุ รา
จะมีคนกระชากผม ภาพนี้มนั คุน้ ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน เขารู ้สึกคุน้ เคยมาก!
ทําเอาอวิน๋ จือชิวที่คอยปรนนิบตั ิอยูใ่ นห้องอาบนํ้ารู ้สึกผิด วันนี้นบั ว่าได้ทาํ ให้สามีเห็นอย่างชัดเจน
แล้วว่าคนของตระกูลอวิน๋ เป็ นอย่างไร นอกจากพูดจาหยาบคายสกปรก ยังลงมือบังคับดื่มสุ ราด้วย ถึง
ขั้นจับกดลงพื้นแล้วบีบปากกรอกด้วยซํ้า มีบางคนโวยวายว่าผูห้ ญิงของตระกูลอวิน๋ ไม่ได้นอนด้วยง่าย
ๆ ขนาดนั้น ทําท่าเหมือนยกพวกมารุ มทําร้าย นางรู ้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เหมียวอี้ยงั ทําสี หน้า
หวาดกลัวอยู่ ขนาดสายตาที่เขามองนางยังดูแปลกไปเลย
อวิน๋ จือชิวที่รู้สึกอับอายทําได้เพียงด่าในใจ ไอ้พวกนี้น่าจะโดนสักพันดาบ ทําข้าเสี ยหน้าหมดแล้ว!
เหมียวอี้มาที่นี่เป็ นครั้งแรก คงไม่ดีถา้ จะกลับไปอย่างปุบปั บ อยูค่ า้ งที่นี่หลาย ๆ วันคือสิ่ งที่สมควรทํา
ทว่าเพิ่งจะอยูไ่ ด้แค่สามวัน ทางปราสาทดําเนินสุ ริยนั ก็เกิดเรื่ องแล้ว เชียนเอ๋ อร์ใช้ระฆังดาราส่ งข่าวมา
บอกว่าเยารั่วเซี ยนหายตัวไป ตามหามาหลายวันก็หาไม่พบ เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ร้อนใจสุ ด ๆ ฟังจาก
ที่ตงกัวหลี่กบั ลูกศิษย์เล่าลักษณะการหายตัวไปของเยารั่วเซียน พวกนางสงสัยว่าของวิเศษที่เยารั่ว
เซียนตั้งใจหลอมสร้างมาหลายปี จะเสร็ จแล้ว ตอนนี้คงจะไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตรแล้ว!
ตอนที่ 894
แอบดูผ้ ูชายอาบนํา้
เมื่อส่ งข่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้กอ็ ยูต่ ่อไม่ได้แล้ว แบบนี้ไม่ใช่การไปรนหาที่ตายหรอกเหรอ ที่สาํ คัญคือ
เยารั่วเซียนรู ้ความลับของเขาเยอะมาก ถ้าเจ้าตัวไปตกอยูใ่ นมือของสํานักงามวิจิตรขึ้นมา ใครจะไปรู ้
ว่าจะโดนคนง้างปากล้วงความลับหรื อไม่ มิหนําซํ้ายังเป็ นพ่อบุญธรรมของเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ดว้ ย
สองสามีภรรยาปรึ กษาหารื อกัน แล้วตัดสิ นใจทันทีวา่ จะกลับไปก่อน จะไปดูให้แน่ชดั ว่าเยารั่วเซี ยน
ไปสํานักงามวิจิตรหรื อไม่
ทว่าเมื่อทั้งสองออกมาจากเรื อนพักส่ วนตัวที่งดงาม ก็ได้รับการยืนยันสถานการณ์ทนั ที แน่ใจแล้วเยา
รั่วเซี ยนไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตรจริ ง ๆ
“พี่หญิงใหญ่ พี่เขย พวกท่านจะไปไหนกัน?” ทั้งสองโดนอวิน๋ เฟยหยางพาบรรดาเมีย ๆ มาขวางประตู
ไว้
“พี่หญิงใหญ่ พี่เขย!” สตรี ที่งดงามดุจดอกไม้คาํ นับพร้อมกัน เสี ยงเจื้อยแจ้วน่ารัก ทําให้เหมียวอี้เห็น
แล้วปวดประสาท รู ้สึกอิจฉาอวิน๋ เฟยหยางนิดหน่อย
อวิน๋ เฟยหยางเป็ นคนตรงไปตรงมา พอเห็นปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ก็ช้ ีท่ีกลุ่มฮูหยินของตัวเองทันที
“พี่เขย อิจฉาใช่ม้ ยั ล่ะ?จะให้ขา้ ช่วย…ช่วย…ช่วย…” พอบังเอิญไปสบสายตาที่มุ่งสังหารของพี่หญิง
ใหญ่ ก็ตอ้ งฝื นกลืนคําพูดตัวเองลงไป
สุ ดท้ายก็ยกมือตบบ่าเหมียวอี้ ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เข้าใจ เข้าใจ!”
อวิน๋ จือชิวเดือดพล่านเป็ นไฟทันที กัดฟันถามว่า “เจ้าเข้าใจอะไร?” ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกลุ่มฮูหยินของ
เขาอยูด่ ว้ ย นางคงเข้าไปซ้อมสัง่ สอนเขาเดี๋ยวนี้เลย
เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ แล้วถามอวิน๋ เฟยหยางว่า “เจ้ามีธุระอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร!” อวิน๋ เฟยหยางชี้ไปยังกลุ่มฮูหยินของตัวเอง “พวกนางบอกว่าปิ่ นปั กผมของพี่หญิงใหญ่
สวยมาก จะมาถามให้ได้วา่ ซื้อมาจากไหน เกาะแกะข้ามาหลายวันแล้ว ก็เลยพาพวกนางมาพร้อมกัน
เลย เออใช่ แล้วพวกท่านจะไปไหนล่ะ?”
“ที่อาณาเขตข้ามีธุระนิดหน่อย เตรี ยมจะไปบอกลาท่านปู่ สักคํา จะกลับก่อน” เหมียวอี้ตอบ
“กลับเร็ วขนาดนี้เลยเหรอ! จะไปก็ได้ แต่ไปช่วยพูดขอร้องท่านพ่อให้ขา้ หน่อย” อวิน๋ เฟยหยางเข้ามา
ดึงแขนเหมียวอี้เดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!” อวิน๋ จือชิวตีมือของเขาที่กาํ ลังดึงสามีตวั เองออกไป แล้วตําหนิวา่ “ขอร้องอะไร?”
อวิน๋ เฟยหยางนวดหลังมือตัวเองที่โดนตีจนเจ็บ แล้วอธิบายว่า “คืออย่างนี้นะ ข้าเพิง่ ได้ข่าวมา ว่า
ท่านจื่อหยางศิษย์ของสํานักงามวิจิตรที่หายตัวไปหลายปี ตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาเชิญสํานัก
หลอมของวิเศษใหญ่ ๆ ในแดนฝึ กตนให้มารวมตัวกันที่สาํ นักงามวิจิตร บอกว่าต้องการจะประลอง
ของวิเศษกับเซี่ ยงไป่ ถิง ซึ่ งผูส้ ื บทอดตําแหน่งเจ้าสํานัก เชิญให้สาํ นักหลอมของวิเศษมาเป็ นพยาน!
เรื่ องนี้คึกคักใช้ได้เลยนะ พี่เขย ในปี นั้นเพื่อที่จะช่วงชิงตําแหน่งผูส้ ื บทอดของสํานักงามวิจิตร ท่านจื่
อหยางประลองแพ้ให้กบั เซี่ ยงไป่ ถิงศิษย์พี่ของเขา ครั้งนี้หวนกลับมาอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่ได้มาดี แถม
ฮูหยินของเจ้าสํานักงามวิจิตรก็เป็ นลูกศิษย์ของเฟิ งเป่ ยเฉิ น แล้วฮูหยินของเซี่ ยงไป่ ถิงก็คือลูกสาวของ
เจ้าสํานัก ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าสํานักงามวิจิตรคือสํานักที่ข้ ึนตรงต่อเฟิ งเป่ ยเฉิน ทําแบบนี้เท่ากับไปตบ
หน้าเฟิ งเป่ ยเฉิ น รอบนี้บนั เทิงไม่เบา จะพลาดความคึกครื้ นนี้ได้อย่างไร แต่ท่านพ่อไม่ยอมให้ขา้ ไป
พี่เขยช่วยไปขอร้องให้หน่อยสิ ท่านพ่อข้าน่าจะไว้หน้าท่าน”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก สบตากับอวิน๋ จือชิวแวบหนึ่ง เยารั่วเซียนต้องการไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงาม
วิจิตรจริ ง ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเยารั่วเซี ยนหลอมสร้างของวิเศษอะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะมัน่ ใจถึงขั้นไปท้า
สู ก้ บั สํานักงามวิจิตร
ก่อนอื่นคือทั้งสองโล่งใจ พบว่าเยารั่วเซียนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถ้าหลับหูหลับตาบุกไปสํานักงามวิจิตร
คนเดียว แบบนั้นก็เท่ากับไปรนหาที่ตายจริ ง ๆ ยังดีที่ตาแก่เยารู ้จกั สร้างเรื่ องราวให้ใหญ่โตก่อน ทําให้
สํานักงามวิจิตรไม่ทาํ อะไรสุ่ มสี่ สุ่มห้า
แต่ท้ งั สองก็ยงั กังวลนิดหน่อย เพราะฝ่ ายสํานักงามวิจิตรไม่ได้โง่ ในเมื่อเยารั่วเซี ยนกล้าไปหา ก็ยอ่ มรู ้
ว่าเยารั่วเซียนต้องมีความมัน่ ใจอยูบ่ า้ ง ไม่มีใครอยากไปสร้างความอัปยศอดสู ให้ตวั เองหรอก สํานัก
งามวิจิตรจะต้องกังวลกับผลลัพธ์บางอย่างแน่นอน นัน่ ก็คือหากสํานักงามวิจิตรแพ้แล้ว คนที่เสี ยหน้า
ไม่ได้มีแค่สาํ นักงามวิจิตร แต่เหมือนเป็ นการตบหน้าเฟิ งเป่ ยเฉิ นด้วย เกรงว่าทางแดนอู๋เลี่ยงอาจจะไม่
ปล่อยให้เยารั่วเซียนมีชีวติ รอดไปประลองกับสํานักงามวิจิตร
หรื อพูดได้อีกอย่างว่า ครั้งนี้เยารั่วเซียนมีเคราะหากกว่ามีโชค ทั้งสองรู ้สึกว่าเยารั่วเซี ยนยอมแลกกับ
ทุกอย่างจริ ง ๆ ต่อให้ตอ้ งตาย ก็ตอ้ งล้างความอัปยศให้ได้!
ประเด็นสําคัญคือตอนนี้ไม่มีใครรู ้วา่ ตัวเยารั่วเซียนอยูท่ ี่ไหน ไม่มีทางไปขัดขวางได้เลย อยากจะช่วย
แต่กห็ าตัวไม่พบ คาดว่าที่เยารั่วเซียนแอบหนีไปอย่างแนบเนียน ก็เพราะรู ้วา่ พวกเหมียวอี้จะต้องห้าม
เขาแน่นอน
“อวิน๋ เฟยหยาง การประลองของวิเศษจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ ?” เหมียวอี้ถาม
อวิน๋ เฟยหยางตอบว่า “ท่านจื่อหยางจัดวันที่สิบเก้าเดือนหน้า ได้ยนิ ว่าในปี นั้นเขาก็แพ้ในวันนี้แหละ
ลองนับดูแล้วก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน แต่ฝั่งสํานักงามวิจิตรยังไม่มีการส่ งข่าวตอบกลับใด ๆ ยังไม่
แสดงท่าทีวา่ จะรับหรื อไม่รับคําท้าของท่านจื่อหยาง แต่ท่านจื่อหยางทําให้เรื่ องราวใหญ่เสี ยขนาดนั้น
ถ้าไม่รับคําท้าก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่รับคําท้าก็ทนเสี ยหน้าไม่ไหว”
“เกี่ยวกับการประลองของวิเศษครั้งนี้ ยังมีข่าวอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย?” เหมียวอี้ถามอีก
“ก็มีเท่านี้แหละ ยังจะให้มีอะไรอีก?” อวิน๋ เฟยหยางงุนงง
เหมียวอี้ขมวดคิ้วครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง รี บทําการตัดสิ นใจ แล้วรี บจูงแขนอวิน๋ จือชิวเดินออกไป “ไปหาอา
หกเป็ นเพื่อนข้าหน่อย!”
“นี่ ๆ ๆ พี่เขย อย่าลืมเรื่ องของข้านะ! ฝากบอกอาหกด้วยก็ได้!” อวิน๋ เฟยหยางตะโกนตามหลัง
อวิน๋ จือชิวที่โดนจูงให้เดินเร่ งฝี เท้าถามอย่างแปลกใจว่า “ไปหาอาหกทําไมเหรอ?”
“ไปให้อาหกช่วยสักหน่อย!”
“อาหกจะช่วยอะไรได้?”
“ให้อาหกช่วยกระจายข่าวให้ ต้องรี บทําให้คนทั้งใต้หล้าได้รับรู ้ ปกป้ องชีวติ ของเยารั่วเซี ยนก่อน ให้
เขาไปถึงสํานักงามวิจิตรอย่างปลอดภัยแล้วค่อยว่ากัน ส่ วนจะสูแ้ พ้หรื อชนะก็ไม่สาํ คัญหรอก!”
ถ้าพูดถึงเรื่ องอายุ อาหกอวิน๋ เซี่ ยวยังต้องเรี ยกอวิน๋ เสี ยว่าพี่หญิงสาม แต่นภาจอมมารมีผชู ้ ายของ
ตระกูลอวิน๋ เป็ นใหญ่ ในบรรดาลูกชายที่ยงั มีชีวติ รอดของอวิน๋ อ้าวเทียน พี่หกอวิน๋ เซี่ ยวนับว่าเป็ นพี่
ใหญ่สุด อวิน๋ เซี่ยวเป็ นคนจัดการธุระต่าง ๆ ของนภาจอมมาร
พอสองสามีภรรยาเจอกับอวิน๋ เซี่ยว อวิน๋ เซี ยวก็ยมิ้ อย่างสนิทสนมพลางยืน่ มือเชิญให้นงั่ แต่เหมียวอี้
พูดเข้าประเด็นเลยว่า “เพิ่งได้ยนิ อวิน๋ เฟยหยางพูดถึงเรื่ องประลองของวิเศษที่สาํ นักงามวิจิตร ไม่ทราบ
ว่าอาหกเคยได้ยนิ มาบ้างรึ เปล่า?”
“ต้องเคยได้ยนิ อยูแ่ ล้ว” อวิน๋ เซี่ ยวถามกลั้วหัวเราะว่า “ทําไมล่ะ? พวกเจ้าสองผัวเมียสนใจเรื่ องนี้
เหรอ?”
“อาหก ท่านจื่อหยางคือสหายที่ดีของข้า!” เหมียวอี้ตอบตรง ๆ
“หา!” อวิน๋ เซี่ยวตะลึงงัน จากนั้นก็ส่ายหน้าช้า ๆ “เกรงว่าเพื่อนเจ้าจะเกิดปั ญหาแล้วล่ะ ถ้าบุกเข้าไปใน
อาณาเขตของแดนอู๋เลี่ยง ที่นนั่ ก็มีสายของนภาอู๋เลี่ยงอยูท่ ุกที่ อาจจะไม่รอดชีวติ ไปถึงสํานักงามวิจิตร
ก็ได้”
เหมียวอี้พยักหน้า “ข้าเลยอยากจะขอให้อาหกช่วยสักหน่อย ช่วยกระจายข่าวบางอย่างออกไป ต้องรี บ
ทําให้ใต้หล้ารู ้เรื่ องนี้กนั ให้หมด!”
อวิน๋ เซี่ยวมองอวิน๋ จือชิวที่ทาํ สี หน้างุนงงแวบหนึ่ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ข่าวอะไร!”
“เกี่ยวกับเบื้องหลังของการประลองหลอมของวิเศษระหว่างท่านจื่อหยางกับเซี่ ยงไป่ ถิงในปี นั้น…”
เหมียวอี้เล่ามูลเหตุภายในให้ฟังทันที
หลังจากฟังจบ อวิน๋ เซี่ยวก็เดาะลิ้นแล้วบอกว่า “ที่แท้กม็ ีเบื้องหลังอย่างนี้นี่เอง!”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “เพราะฉะนั้น ในปี นั้นท่านจื่อหยางไม่ได้แพ้ แต่นางรังเกียจที่
ท่านจื่อหยางหน้าตาขี้เหร่ ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับท่านจื่อหยาง จึงแอบนํา ‘กาวสันตฤดู’
ของเจ้าสํานักโม่หมิงมาสลับกันเพื่อช่วยให้เซี่ยงไป่ ถิงชนะท่านจื่อหยาง ตอนหลังสํานักงามวิจิตรก็
แอบใช้วธิ ีการสกปรกคอยบ่อนทําลายชื่อเสี ยงของท่านจื่อหยางไปทัว่ ทุกแห่ง กดดันจนเขาซุกหัวนอน
อยูท่ ี่ทะเลทรายม่านเมฆาไม่ได้ ทั้งยังส่ งคนมาไล่สงั หารตลอดทาง ข้าไม่ได้รบกวนให้ท่านอาหก
ปล่อยข่าวนี้ให้รู้ท้ งั ใต้หล้าอย่างเดียวนะ ข้ายังต้องการให้เพิ่มข่าวไปด้วยว่า เพื่อที่จะปิ ดปากท่านจื่อห
ยาง ขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะสูท้ ่านจื่อหยางไม่ได้ นภาอู๋เลี่ยงกับสํานักงามวิจิตรจึงกําลังแอบไล่ล่า
ท่านจื่อหยางอยูท่ วั่ ทุกที่ ต้องการจะหยุดยั้งไม่ให้เขาไปประลองของวิเศษล้างความอัปยศที่สาํ นักงาม
วิจิตร!”
ตอนนี้อวิน๋ จือชิวเข้าใจในทันที ที่แท้สามีตวั เองก็ตอ้ งการให้นภาอู๋เลี่ยงกับสํานักงามวิจิตรลูบหน้าปะ
จมูก ถ้าสํานักงามวิจิตรอยากจะลบล้างข่าวลือฉาวโฉ่น้ ี วิธีการเพียงอย่างเดียวก็คือต้องให้เซี่ ยงไป่ ถิง
เอาชนะเยารั่วเซียนได้อย่างสง่าผ่าเผย มีเพียงการเอาชนะอย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น ถึงจะทําให้ข่าวลือแย่
ๆ พวกนั้นกลายเป็ นแค่ข่าวลือไร้สาระ ไม่อย่างนั้นคงต้องโดนคนหัวเราะเยาะไปทั้งชาติ
ขณะที่เอียงศีรษะมองเหมียวอี้ อวิน๋ จือชิวก็พบว่า การที่ผชู ้ ายของตัวเองมีวนั นี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย
เขารับมือกับสถานการณ์เร่ งด่วนได้ดีกว่านางเสี ยอีก ขนาดในเวลาหน้าสิ่ วหน้าขวานก็ยงั ควบคุม
สถานการณ์ได้
อวิน๋ เซี่ ยวเอามือลูบหนวดสั้นที่คางตัวเอง ชําเลืองมองอวิน๋ จือชิว ชําเลืองมองเหมียวอี้ แล้วจู่ ๆ ก็พดู
แขวะว่า “สงสัยเจ้าเด็กนี่จะไม่ใช่คนดีอะไรหรอกมั้ง ชอบสาดโคลนใส่ คนอื่น!”
“…” เหมียวอี้อา้ ปากค้าง อวิน๋ จือชิวจึงช่วยพูดแก้ต่างทันที “อาหก นี่เป็ นการสาดโคลนเสี ยที่ไหนกัน
นี่คือเรื่ องที่อาจจะเกิดขึ้นชัด ๆ ”
“พอแล้ว! วันนี้นางหนูอย่างเจ้าไปเข้าข้างคนอื่นแล้ว ข้าเถียงไม่ชนะพวกเจ้าสองผัวเมียหรอก” อวิน๋
เซี่ยวลุกออกจากเก้าอี้ ประสานมือทั้งคู่ไว้ในแขนเสื้ อกว้างหลวม เดินช้า ๆ พร้อมบอกว่า “จะให้ช่วย
เรื่ องนี้กใ็ ช่วา่ จะทําไม่ได้ แต่อาหกก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง!”
ทั้งสองลุกขึ้นยืนเช่นกัน อวิน๋ จือชิวพูดด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิดว่า “อาหก ช่วยแค่นิดหน่อยเอง
ตระกูลอวิน๋ ไม่ได้เสี ยหายอะไรเสี ยหน่อย สําหรับท่าน นี่เป็ นเรื่ องที่เอ่ยปากคําเดียวก็จดั การได้แล้ว
ท่านยังมีหน้ามาเสนอเงื่อนไขกับพวกเราอีกเหรอ?”
อวิน๋ เซี่ยวไม่สนใจ หันตัวมาแล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “เหมียวอี้ ในเมื่อเจ้ากับท่านจื่อหยางเป็ นเพื่อนที่ดีต่อ
กัน เอ่อคือว่า เดี๋ยวเจ้าช่วยเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยสิ ให้เขามาอยูท่ ี่นภาจอมมาร พวกเราจะเลี้ยงดูเขาอย่าง
ไม่ขาดตกบกพร่ องเลย”
นี่เป็ นการฉวยโอกาสเสนอเงื่อนไขชัด ๆ ! อวิน๋ จือชิวโมโหจนกระทืบเท้า แล้วดึงแขนเหมียวอี้ให้เดิน
ออกไป “พวกเราไปกันเถอะ! ไม่ตอ้ งขอร้องเขาหรอก ไปให้ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรช่วย
ก็ได้เหมือนกัน”
อวิน๋ เซี่ยวหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกว่า “น้องชิว ถ้าข้าไม่ให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าจะไปได้เหรอ? ถ้าไม่ตอบ
ตกลงเงื่อนไขนี้ ข้าก็จะขังพวกเจ้าไว้ที่นี่แหละ รอให้ผา่ นการประลองของวิเศษไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
ถ้าข้าไม่ได้ท่านจื่อหยางมาทํางานให้นภาจอมมาร ข้าก็ไม่ปล่อยให้เขาตกอยูใ่ นมือคนอื่นเหมือนกัน
พวกเจ้าไตร่ ตรองให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“มีเขยคนใหม่มาเยือนบ้าน แต่ท่านรังแกกันอย่างนี้น่ะเหรอ ข้าจะไปฟ้ องท่านปู่ !” อวิน๋ จือชิวโวยวาย
อย่างโมโห
อวิน๋ เซี่ยวกล่าวพร้อมรอยยิม้ สดใส “ไปหาใครก็ไม่มีประโยชน์ ท่านปู่ เจ้าต้องยืนฝั่งข้าแน่นอน ไม่มี
อะไรน่าต่อรองหรอก ข้าจะถามอีกสักครั้ง พวกเจ้าตกลงหรื อไม่ตกลง?”
“อาหก ท่านตํ่าทรามไร้ยางอายมาก!” อวิน๋ จือชิวชี้หน้าพลางด่าสาดเสี ยเทเสี ย
“น้องชิว ถ้าพูดถึงเรื่ องตํ่าทรามไร้ยางอาย งั้นข้าขอถามกลับสักหน่อยนะ ใครกันที่ตอนนั้นเพิง่ จะโต
เป็ นสาว แต่วงิ่ ไปแอบดูผชู ้ ายอาบนํ้า…”
“ว้าย! หุบปากนะ!” อวิน๋ จือชิวประสาทเสี ยทันที พุง่ เข้าไปหมายจะสูต้ ายกับอวิน๋ เซี่ ยว
อวิน๋ เซี่ยวถลันตัวหลบข้างหลังเหมียวอี้ ตบบ่าเหมียวอี้พลางยอกว่า “ทั้งยังซ่อนตัวอยูร่ ิ มแม่น้ าํ เพื่อแอบ
ดูฝงู ผูช้ ายอาบนํ้าด้วยนะ ผลก็คือโดนจับได้คาที่เลย!”
ขณะมองดูอวิน๋ จือชิวที่ตกใจจนหน้าถอดสี เหมียวอี้กร็ าวกับโดนตะคริ วกินใบหน้า เรี ยกได้วา่
ค่อนข้างตตกตะลึง นึกไม่ถึงว่านางจะเคยทําเรื่ องแบบนี้มาก่อนเมื่อตอนเป็ นสาวแรกรุ่ น!
อวิน๋ จือชิวพูดอย่างอับอายเหลือทน “หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล ไม่ได้มีเรื่ องแบบนั้น…”
แต่พบว่าคําอธิบายของตนค่อนข้างไร้น้ าํ หนัก การกระทําของตนได้อธิบายปั ญหาไว้ชดั แล้ว นางหน้า
แดงจนเหมือนก้นลิง “ที่จริ งก็แค่อยากรู ้วา่ ผูห้ ญิงกับผูช้ ายมีอะไรต่างกัน ไม่ได้ทาํ อะไรอย่างอื่นเลย”
อวิน๋ เซี่ยวโผล่หน้าตรงข้างหลังเหมียวอี้ แล้วพูดหยอกว่า “เห็นชัดรึ ยงั ล่ะ มีตรงไหนไม่เหมือน?”
“คนบ้าเอ๊ย!” อวิน๋ จือชิวราวกับแมวโดนเหยียบหาง ด่าอย่างบ้าคลัง่ “ต่อไปข้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว! นี่
ไม่ใช่บา้ นฝ่ ายภรรยาหรอก นี่เป็ นบ้านศัตรู ชดั ๆ !”
ตอนที่ 895
เปิ ดโปง
ในเตาหลอมของวิเศษ แสงไฟสี แดงส้มของหิ นผลึกไขมันเพลิงที่กาํ ลังลุกโชนลอดออกมา เงาแสง
กระเพื่อมอยูใ่ นห้องไฟหลอมสมบัติ ให้ความรู ้สึกเหมือนมีแสงสี แพรวพราว
เหมียวจวินอี๋ที่เดินเนิบนาบมาตรงหน้าเตาหลอมของวิเศษไม่เห็นคนที่กาํ ลังหลอมของวิเศษ จึงเดิน
อ้อมมาด้านหลังเตา สายตาไปหยุดอยูบ่ นตัวชายชราที่กาํ ลังนัง่ อยูบ่ นบันได เข้าคือโม่หมิง เจ้าสํานัก
งามวิจิตร
โม่หมิงกําลังก้มหน้าเงียบ ๆ ใช้สองมือกุมศีรษะที่มีผมขาวเป็ นหย่อม ๆ เมื่อได้ยนิ เสี ยงฝี เท้าดังมา ก็
เพียงพึมพําอย่างไร้ชีวติ ชีวาว่า “บอกแล้วไงว่าอย่ารบกวนข้า ออกไป!”
เมื่อไม่ได้ยนิ เสี ยงอีกฝ่ ายเดินออกไป โม่หมิงก็เงยหน้าอย่างช้า ๆ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือ
ชายกระโปรงผูห้ ญิง พอเงยหน้าอีกครั้ง ก็เห็นใบหน้าเย็นเยียบของเหมียวจวินอี๋ที่อยูภ่ ายใต้แสงเพลิงที่
กําลังกระเพื่อมแปรเปลี่ยนรู ปร่ างไปเรื่ อย ๆ ในดวงตางามของเหมียวจวินอี๋ราวกับจะมีไฟลุกออกมา
ไม่รู้วา่ เป็ นแสงไฟในเตาที่ส่องสะท้อนเป็ น หรื อที่จริ งแล้วนางกําลังเดือดดาลโมโหสุ ดขีด
โม่หมิงเอามือลงจากศีรษะ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วถามว่า “เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ทําไม? ข้าจะมาไม่ได้เชียวหรื อ?” เหมียวจวินอี๋ถามกลับ “เจ้าไม่ได้หลอมของวิเศษ แล้วจะหลบอยู่
ที่นี่ทาํ ไม? ไม่มีหน้าไม่เจอคนอื่นเหรอ?”
สองสามีภรรยาคู่น้ ี ดูเหมือนคนหนึ่งแก่คนหนึ่งอ่อนวัย ถึงแม้วรยุทธ์ของเหมียวจวินอี๋จะสูงกว่า แต่
รู ปร่ างหน้าตาดูอ่อนเยาว์กว่าโม่หมิงมากเกินไปจริ ง ๆ หน้าตาก็ดีกว่าเยอะ ไม่วา่ จะเป็ นรู ปลักษณ์
ภายนอกหรื อวรยุทธ์ ก็เห็นได้ชดั ว่าโม่หมิงไม่คู่ควรกับฮูหยินของตัวเอง
โม่หมิงหัวเราะแห้ง ๆ แล้วลุกขึ้นตอบว่า “อยากจะพูดอะไรก็พดู มาเถอะ”
“เจ้ายังหัวเราะออกอีกเหรอ?” เหมียวจวินอี๋พลันตวาดอย่างดุร้าย “ชื่อเสี ยงของข้าฉาวโฉ่แล้ว เจ้ามี
ความสุ ขมากใช่ม้ ยั ล่ะ?”
โม่หมิงขมวดคิ้ว “ฮูหยินพูดแบบนี้อาจจะไม่เห็นใจกันเกินไปรึ เปล่า ข้ากําลังหัวเราะอย่างขื่นขมชัด ๆ
จะเป็ นการหัวเราะเยาะได้อย่างไร?”
“หัวเราะขื่นขม?” เหมียวจวินอี๋กล่าวเสี ยงเย็นว่า “เจ้าก็หวั เราะขื่นขมเป็ นเหมือนกันเหรอ? นี่เจ้าหาเรื่ อง
ใส่ ตวั เองนะ ในปี นั้นข้าบอกให้เจ้ากําจัดศิษย์อกตัญญูนนั่ แต่เจ้าก็ไม่ยอมทํา ตอนนี้เป็ นยังไงล่ะ เขามา
แว้งกัดเหมือนหมาบ้าแล้ว กัดลึกลงกระดูกเลย เจ้ากับข้ากลายเป็ นเรื่ องน่าหัวเราะเยาะของคนในใต้
หล้าแล้ว! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้าเพิ่งไปหาท่านอาจารย์มา ท่านอาจารย์เดือดดาลมาก!”
ฝั่งอวิน๋ เซี่ยวจัดการเรื่ องนี้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพสูงมาก ด้วยอํานาจอิทธิพลของของนภาจอมมาร การ
ปล่อยข่าวนิดหน่อยไม่ใช่เรื่ องยากอะไร ในการประลองใหญ่เพื่อเลือกผูส้ ื บทอดตําแหน่งเจ้าสํานักงาม
วิจิตรปี นั้น ข่าวที่เหมียวจวินอี๋เล่นไม่ซื่อได้เผยแพร่ ไปทัว่ ทั้งใต้หล้าแล้ว รังเกียจที่ลูกศิษย์หน้าตา
อัปลักษณ์ จึงแอบวางแผนสกปรก ทั้งยังส่ งคนไล่สงั หารเพื่อปิ ดปากด้วย นับว่าเหมียวจวินอี๋ถูกทําลาย
ชื่อเสี ยงให้ฉาวโฉ่แล้วจริ ง ๆ ไม่วา่ ใครที่ประสบพบเจอเรื่ องแบบนี้ ก็ดีใจไม่ออกกันทั้งนั้น
โม่หมิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้ว ในปี นั้นเจ้าไม่ควรทําอย่างนั้น เจ้าไม่ควรมอง
คนที่หน้าตา ถ้าพูดเรื่ องคุณสมบัติในการหลอมของวิเศษ จื่อหยางเหนือกว่าไป่ ถิงมาก เป็ นตัวเลือกที่ดี
ที่สุดของตําแหน่งผูส้ ื บทอดสํานัก พูดตามตรงนะ ที่ไป่ ถิงยอมรับชัยชนะแบบนั้น ข้ารู ้สึกผิดหวังมาก
จริ ง ๆ จะส่ งต่อสํานักงามวิจิตรให้ไปอยูใ่ นมือของคนแบบนั้นได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามา
ขัดขวาง ข้าคงไม่ให้เขาเป็ นผูส้ ื บทอดสํานักแน่นอน!”
“เจ้าแซ่โม่ มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่เจ้าต้องทําความเข้าใจเอาไว้นะ เราไม่ได้เลือกแค่ผสู ้ ื บทอดสํานัก แต่เราต้อง
เลือกลูกเขยด้วย เรามีลูกสาวแค่คนเดียว เจ้าทําใจปล่อยให้ลูกสาวไปแต่งงานกับเจ้าอัปลักษณ์ให้
ขยะแขยงไปทั้งชีวติ ได้เหรอ? ลูกสาวข้าอยากจะแต่งงานกับใครก็แต่งได้ ลูกศิษย์ในสํานักก็กินอยูด่ ว้ ย
เงินของพวกเราทั้งนั้น ทักษะติดตัวก็เป็ นสิ่ งที่พวกเราสอน มีคุณสมบัติที่คู่ควรจะมาต่อรองกับพวกเรา
เหรอ? เรื่ องแต่งงานของลูกสาวตัวเอง อย่าบอกนะว่าข้าก็ตอ้ งเกรงใจพวกเขาด้วย?” เหมียวจวินอี๋
โมโหมาก
นางทําสี หน้าเหมือนจะระเบิดอารมณ์ นางโมโหมากจริ ง ๆ ขนาดเฟิ งเป่ ยเฉิ นยังไม่รู้เรื่ องที่นางทําเลย
แต่เป็ นเพราะข่าวที่แพร่ ออกไปครั้งนี้ เฟิ งเป่ ยเฉิ นจึงรี บเรี ยกนางไปสอบสวน ถามว่านางได้ทาํ เรื่ อง
แบบนี้หรื อเปล่า หลังจากรู ้วา่ มีเรื่ องแบบนี้อยูจ่ ริ ง ๆ เฟิ งเป่ ยเฉินก็โมโหเหมือนฟ้ าผ่า แทบจะด่านาง
อย่างสาดเสี ยเทเสี ย!
สําหรับเฟิ งเป่ ยเฉินแล้ว จะต้องการเจ้าสํานักที่หน้าตาดีไปทําบ้าอะไรล่ะ เขาควบคุมสํานักงามวิจิตรก็
เพื่อให้ตวั เองไว้ใช้ประโยชน์ อยากได้คนมีความสามารถมาทํางานให้ตวั เอง ยิง่ เป็ นคนที่หลอมของ
วิเศษได้เก่งเท่าไรก็ยงิ่ ดี จะหน้าตาดีหรื อหน้าตาอัปลักษณ์แล้วเกี่ยวอะไรกัน? เขาไม่เลี้ยงพวกหน้าตาดี
แต่ไร้ประโยชน์หรอก!
ผลปรากฏว่านางยังทําเรื่ องแบบนี้ออกมาได้ ทําให้เฟิ งเป่ ยเฉินโกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟจริ ง ๆ ไม่ตอ้ งบอก
ก็รู้วา่ ภาพตอนที่เหมียวจวินอี๋โดนตําหนิสงั่ สอนเป็ นอย่างไร
โม่หมิงกล่าวอย่างจนใจว่า “งั้นเจ้าก็ตอ้ งแยกแยะเรื่ องราวให้ชดั เจนสิ เลือกผูส้ ื บทอดเจ้าสํานักก็ส่วน
เลือกผูส้ ื บทอดเจ้าสํานัก เลือกลูกเขยก็ส่วนเลือกลูกเขย เจ้าจะเอามารวมกันทําไมล่ะ พวกเราหาเรื่ องใส่
ตัวแท้ ๆ เลย!”
เหมียวจวินอี๋ตวาดเสี ยงเข้มว่า “ล้อเล่นอะไรกัน! ถ้าลูกเขยข้าไม่ได้เป็ นผูส้ ื บทอดตําแหน่งเจ้าสํานัก
แล้วข้าจะเลือกเขามาทําอะไรล่ะ! จนป่ านนี้แล้วเจ้ายังช่วยพูดให้ลูกศิษย์อกตัญญูนนั่ อีกเหรอ?”
โม่หมิงถอนหายใจยาว แล้วบอกว่า “ข้าเข้าใจจื่อหยางมาก ดูจากข่าวที่ลือกันในตอนนี้ เห็นได้ชดั ว่าเขา
รู ้ความจริ งเบื้องหลังตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่พดู เพราะกลัวจะทําลายชื่อเสี ยงของสํานัก ถ้าต้องการจะ
พูดเขาคงพูดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว จะรอให้ถึงตอนนี้ทาํ ไม? ถ้าจะโทษก็ตอ้ งโทษที่เจ้าทําเกินไป ข่าวที่ลือ
กันข่างนอกเป็ นความจริ งรึ เปล่า? เจ้าส่ งคนไปทําลายชื่อเสี ยงของเขาที่ทะเลทรายม่านเมฆาจริ งมั้ย ทั้ง
ยังส่ งคนไปไล่สงั หารเขาตลอดด้วยเหรอ?”
เหมียวจวินอี๋แสยะยิม้ “แล้วยังไงล่ะ? รู ้ต้ งั แต่แรกแล้วว่าเจ้าศิษย์อกตัญญูคนนี้มีเจตนาไม่ดี แต่น่าแค้น
ที่ปล่อยให้เขาหนีไปได้!”
โม่หมิงส่ายหน้าอย่างจนใจ “ใช่แล้วล่ะ เป็ นเจ้าที่กดดันเขาเกินไป! เจ้ากดดันให้เขาออกจากสํานักงาม
วิจิตรแล้ว ทําไมยังจ้องจะเล่นงานให้เขาตายครั้งแล้วครั้งเล่าอีก เพราะเจ้าทําเกินไป เขาจะไม่เคียดแค้น
ได้อย่างไร?”
“เจ้าอย่ามาแสร้งทําตัวเป็ นคนดีหน่อยเลย!” เหมียวจวินอี๋ช้ ีหน้าด่า “จนป่ านนี้แล้วยังช่วยพูดแทนเขา
อีกเหรอ เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าคนที่แอบมาขัดขวางไม่ใช่เจ้า? เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าตัวเองไม่ใช่คนที่แอบส่ ง
ลูกน้องไปช่วยชีวติ เขาครั้งแล้วครั้งเล่า?”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากําลังพูดถึงอะไร?” โม่หมิงกล่าว
“อย่ามาใช้มุกนี้เลย!” เหมียวจวินอี๋แสยะยิม้ ไม่หยุด “อาศัยสภาพของเขาในตอนนั้น จะจ้างยอดฝี มือให้
โผล่มาได้ทุกเมื่อ ให้ปกป้ องตัวเองในระยะยาวได้อย่างไร คนที่แอบคอยช่วยเหลือเขา นอกจากเจ้าก็ไม่
มีใครแล้ว คิดว่าข้าโง่นกั เหรอ!”
ที่จริ งทุกคนก็รู้อยูแ่ ก่ใจ โม่หมิงเองก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าปิ ดบัง ก้มหน้าก้มตาตอบว่า “ข้าแค่ส่งคนสอง
คนไปคุม้ ครองเขาก็เท่านั้นเอง ถ้าเจ้าไม่ส่งคนไปทําร้ายเขา คนที่คอยปกป้ องเขาก็คงไม่ลงมือ
เหมือนกัน”
“เจ้าแซ่โม่ เจ้าคอยระวังข้ามาตลอดเลยเหรอ?” เหมียวจวินอี๋โกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟ ใบหน้างามที่อยู่
ภายใต้แสงไฟเริ่ มบูดบึ้ง
“ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าทําเกินไปก็เท่านั้นเอง!” โม่หมิงเหลือบตามองนาง “ข้างนอกกําลังลือกัน ว่า
ตอนนี้เจ้าส่ งคนไปไล่ฆ่าเขาอีก คิดจะขัดขวางไม่ให้เขามาที่สาํ นักงามวิจิตร เป็ นความจริ งรึ เปล่า?”
“เหลวไหล!” เหมียวจวินอี๋โมโหจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ นางเองก็อยากจะทําอย่างนี้ แต่เฟิ งเป่ ยเฉิ นเตือน
นางไว้ล่วงหน้าแล้ว
เฟิ งเป่ ยเฉิ นบอกว่า ปล่อยข่าวให้รู้กนั ทั้งใต้หล้าเร็ วขนาดนี้ จื่อหยางทําคนเดียวไม่ไหวแน่นอน จะต้อง
มีอาํ นาจของห้าแดนอื่นเข้ามาแทรกแซงแน่เบื้องหลังแน่ ไม่อย่างนั้นข่าวคงไม่แพร่ เร็ วขนาดนี้หรอก
ไม่แน่วา่ อีกฝ่ ายอาจจะกําลังเปิ ดประเป๋ าเสื้ อรอให้พวกเราโยนตัวเองเข้าไปติดกับดักก็ได้ ต้องการให้
พวกเราเป็ นจริ งตามที่คนอื่นหัวเราะเยาะ เขาจึงบอกเหมียวจวินอี๋วา่ อย่าบุ่มบ่ามทําอะไร
เรื่ องที่จะทําต่อจากนั้นก็คือ ปล่อยให้จื่อหยางมาประลอง ถ้าหากฝ่ ายนี้ชนะแล้ว ข่าวลือไม่ดีเรื่ องการ
พ่ายแพ้ของจื่อหยางก็จะหายไปเองโดยไม่ตอ้ งทําอะไร แต่ถา้ จื่อหยางชนะ ไม่วา่ จะเลือกทางไหนฝ่ าย
สํานักงามวิจิตรก็เสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงอยูด่ ี เช่นนั้นไม่สูท้ าํ ตัวให้สอดคล้องกับความจริ งหน่อยดีกว่า ให้
เหมียวจวินอี๋ออกมาขอโทษด้วยตัวเอง แล้วรั้งจื่อหยางเอาไว้ ให้โม่หมิงถอยออกจากตําแหน่งเจ้า
สํานัก แล้วมอบตําแหน่งเจ้าสํานักให้จื่อหยางแทน ต่อให้ไม่ได้อยูใ่ นตําแหน่งเจ้าสํานัก โม่หมิงก็ยงั
ทํางานรับใช้นภาอู๋เลี่ยงได้เหมือนเดิม โม่หมิงหนีไม่พน้ การควบคุมของนภาอู๋เลี่ยงตั้งนานแล้ว เซี่ ยง
ไป่ ถิงสามารถหลีกทางให้ได้ แล้วเฟิ งเป่ ยเฉินจะให้ลูกสาวของชุยหย่งเจิน ลูกศิษย์อีกคนของเขา
แต่งงานกับจื่อหยาง
หลังจากชนะแล้ว ถ้าจื่อหยางยังชอบลูกสาวของเหมียวจวินอี๋อยู่ เซี่ ยงไป่ ถิงก็สามารถหลีกทางให้ได้
จะมอบลูกสาวของเหมียวจวินอี๋ให้ ไม่วา่ จื่อหยางจะชอบนางจริ ง ๆ หรื อจะแค่อยากล้างแค้น แต่นนั่ ก็
คือเกียรติยศที่ผชู ้ นะควรจะได้รับ ถ้าเป็ นราคาที่สามารถรับได้ ก็ตอ้ งจ่ายเพื่อรั้งคนมีความสามารถ
เอาไว้
และแน่นอน เฟิ งเป่ ยเฉิ นรับปากเหมียวจวินอี๋วา่ หลังจากจบเรื่ องจะชดเชยให้ นัน่ ก็คือจะถ่ายทอดมหา
เคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงในระดับที่สูงขึ้นให้!
สรุ ปก็คือ ไม่วา่ จื่อหยางจะแพ้หรื อจะชนะ ก็ไม่ตอ้ งคิดที่จะไปไหนแล้ว ถ้าแพ้แล้วก็ตอ้ งตาย ถ้าชนะ
แล้วก็แสดงว่ามีความสามารถ ถ้าไม่อยากอยูต่ ่อ ก็จะปล่อยไปอยูก่ บั คนอื่นไม่ได้ ต้องกําจัดทิ้ง!
การตัดสิ นใจของท่านอาจารย์ เรี ยกได้วา่ ทําให้เหมียวจวินอี๋ตวั สัน่ ด้วยความกลัว ในปี นั้นก็ยอม
เสี ยสละนางเพื่อที่จะผูกมัดจิตใจโม่หมิง ตอนนี้กจ็ ะสละลูกสาวของนางเพื่อผูกมัดจิตใจคนอื่นอีก นัน่
ไม่ใช่คนอื่นนะ นัน่ คือลูกสาวนาง…
ครื น! ขณะนี้เอง ประตูหินที่หนักอึ้งของห้องไฟก็ถูกเปิ ดออกอีกครั้ง เงาร่ างที่สะโอดสะองเดินเนิบ
นาบเข้ามา เดินอ้อมเตาหลอมของวิเศษมาปรากฏตัวอยูต่ รงหน้าทั้งสองเงียบ ๆ หน้าตาสวยสดใส นาง
คือโม่จวินหลัน ลูกสาวของทั้งสองนัน่ เอง
โม่จวินหลันหน้าตาสวยกว่าเหมียวจวินอี๋แม่ของนาง เมื่อเทียบกับโม่หมิงผูเ้ ป็ นพ่อ ก็ยงิ่ ไม่ตอ้ งพูดถึง
แล้ว นางน่ารักสมวัย ลักษณะอ่อนโยนละมุนละไม เพียงแต่บนใบหน้าซ่อนความเหน็ดเหนื่อย
อ่อนเพลียเอาไว้ไม่อยู่
ทั้งสองหันไปมองนาง เหมียวจวินอี๋เจียดรอยยิม้ แล้วก้าวขึ้นมาประคองไหล่สองข้างของลูกสาว
“หลันเอ๋ อร์ เจ้ามาที่นี่ทาํ ไม?”
โม่จวินหลันมองหน้าบิดา แล้วก็มองหน้ามารดา ก่อนจะถามพร้อมรอยยิม้ ฝื น ๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข่าว
เกี่ยวกับศิษย์พี่รองคือเรื่ องจริ งเหรอคะ? ท่านแม่ การประลองในปี นั้น ท่านแม่ใช้วธิ ีการสกปรกอยู่
เบื้องหลังจริ งเหรอ? ในปี นั้นที่ศิษย์พี่รองโวยวายว่าไม่ยตุ ิธรรมคือเรื่ องจริ งเหรอคะ?”
เหมียวจวินอี๋ตอบว่า “ไม่มีเรื่ องแบบนั้นหรอก! คนนอกพูดจาไร้สาระ ลูกศิษย์อกตัญญูนนั่ เลวร้าย
ขนาดนี้ สร้างข่าวลือร้าย ๆ ขนาดนี้ ช่างเป็ นพวกล้างผลาญสํานักจริ ง ๆ มองออกเลยว่าจิตใจชัว่ ร้าย เจ้า
ยังเรี ยกเขาว่าศิษย์พี่รองอีกเหรอ? เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่ องต้องปรึ กษากับพ่อเจ้า!”
โม่จวินหลันมองบิดาที่นิ่งเงียบแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าก้มตา ก่อนจะหันตัวช้า ๆ เดินออกไป
เมื่อเห็นสี หน้าลูกสาวแปลกไป เหมียวจวินอี๋กไ็ ม่มีอารมณ์มาเสี ยเวลาอยูใ่ นนี้แล้ว แอบถ่ายทอดเสี ยง
บอกโม่หมิงว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขัดขวางในปี นั้น เรื่ องในวันนี้จะเกิดขึ้นเหรอ ลูกศิษย์พิษร้ายขนาดนี้
ข้าเพิ่งเคยเจอเป็ นครั้งแรก ถ้าเขามีจิตใจที่เป็ นมโนธรรมสักหน่อย ก็คงไม่ปล่อยข่าวที่เลวร้ายขนาดนี้
หรอก เจ้าแซ่หมิง เจ้าทําร้ายลูกสาวตัวเอง!” พูดจบก็สะบัดแขนเสื้ อเดินออกไป รี บตามออกไป
ปลอบใจลูกสาว
หารู ้ไม่วา่ เยารั่วเซียนไม่ได้ปล่อยข่าวนี้เลย สําหรับเหมียวอี้แล้ว เขาไม่หนักใจอะไรกับการปล่อยข่าวนี้
ขอแค่บรรลุเป้ าหมาย ใครจะไปสนใจความเป็ นความตายของสํานักงามวิจิตรล่ะ
โม่หมิงเงยหน้าหลับตาลง ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง รู ้สึกเสี ยใจอย่างสุ ดซึ้ง…
ณ ยอดเขาหยกนครหลวง เหมียวอี้เหาะลงมาจากฟ้ า พอมาเหยียบลงด้านนอกลานบ้านแห่งหนึ่ง ก็มี
คนถลันตัวเข้ามาขวางทันที “ใครกัน?”
ยอดเขาหยกนครหลวงไม่ใช่สถานที่ที่จะบุกเข้ามาโดยพลการได้ ต่อให้ขา้ งล่างจะทําเป็ นร้านค้า แต่
ด้วยฐานะประมุขปราสาทของเหมียวอี้ในตอนนี้ ก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าออกได้ตามอําเภอใจแล้ว เขายืน่
แผ่นหยกเพื่อยืนยันฐานะตัวตนออกมา หลังจากผูท้ ี่มาได้อ่านดูแล้ว ก็ใช้สองมือยืน่ คืนให้อย่างเคารพ
นอบน้อม แล้วหลีกทางให้
หนึ่งในสิ บเจ้าอาณาเขตของสายมะโรง การเข้าออกสถานที่ซ้ื อขายอย่างสมาคมร้านค้าไม่ใช่เรื่ องใหญ่
อะไร เจ้าของร้านที่คุมสมาคมร้านค้าสายมะโรงก็ไม่กล้าขัดขวาง นอกจากจวนของท่านทูตที่อยูบ่ น
เขา ที่สายมะโรงก็มีไม่กี่คนที่กล้ามาขวางคนระดับประมุขปราสาท
หลินผิงผิงและฉินเวยเวยที่อยูใ่ นลานบ้าน พอได้ยนิ เสี ยงก็รีบวิง่ ออกมา เมื่อเห็นว่าเป็ นเขา ในดวงตา
งามของฉิ นเวยเวยก็ฉายแววดีใจ ทั้งสองคํานับพร้อมกัน “นายท่าน!”
ตอนที่ 897
ถูกใจคนไหน
เมื่อเห็นฉินเวยเวยมารอที่นี่จริ ง ๆ เหมียวอี้ที่กาํ ลังจนใจก็ยงั พยักหน้ายิม้ ทักทาย “มาคนเดียวเหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” ฉินเวยเวยตอบ
“ระหว่างทางราบรื่ นดีใช่ม้ ยั ?”
“ปลอดภัยตลอดทาง ราบรื่ นมากค่ะ!”
เหมียวอี้ไม่ได้พดู อะไรมาก พยักหน้าทักทายหลินผิงผิง “ถ้ามีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกัน ในเมื่อมาที่นี่แล้ว
ข้าจะไปเยีย่ มคารวะท่านทูตที่ปราสาททองก่อน!”
“ค่ะ!” ทั้งสองกุมหมัดน้อมส่ง มองตามหลังเหมียวอี้เหาะขึ้นยอดเขา
ฉากนี้ทาํ ให้ฉินเวยเวยทอดถอนใจด้วยความปลง คนเลี้ยงม้าตํ่าต้อยในปี นั้น ประมุขถํ้าตํ่าต้อยในปี นั้น
ตอนนี้กลายเป็ นตัวละครที่สามารถเข้าพบท่านทูตได้ทุกเมื่อแล้ว และบุคคลที่คบค้าสมาคมด้วยก็เป็ น
บุคคลระดับสูงเสี ยส่ วนใหญ่ อย่างเช่นพวกประมุขถิ่นสี่ ทิศแห่งทะเลดาวนักษัตร ขณะมองดูความ
เจริ ญรุ่ งเรื องของเมืองหลวงที่ทอดตัวเป็ นพืดอยูด่ า้ นล่างภูเขา ในใจก็ยงิ่ รู ้สึกปลงอนิจจัง รู ้สึกเหมือน
ได้เข้ามาอยูใ่ นความฝัน
“ประมุขตําหนักฉิ น!” หลินผิงผิงเบี่ยงตัวพลางยืน่ มือเชิญฉิ นเวยเวยให้เข้าข้างใน ท่าทีสุภาพเกรงใจ
มาก ตอนนี้คนของปราสาทดําเนินสุ ริยนั ต่างก็รู้วา่ ประมุขตําหนักฉิ นกับฮูหยินประมุขปราสาทมี
ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่ องด้วยได้ง่าย ๆ
“ไม่เป็ นไร! ข้าจะดูทิวทัศน์ของเมืองหลวงอยูข่ า้ งนอกสักหน่อย” ฉิ นเวยเวยปฏิเสธ แล้วเดินเนิบนาบ
เข้าไปในศาลาที่อยูร่ ิ มภูเขา มองดูเมืองอันเจริ ญเฟื่ องฟูดุจภาพวาดที่อยูต่ ิดกับภูเขาและแม่น้ าํ ลําธาร
รู ้สึกสดชื่นสบายใจ
ทิวทัศน์ระดับนี้หาดูไม่ได้ที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ถึงแม้ทิวทัศน์ป่าเขาที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั จะ
งดงามสบายตา แต่กลับขาดกลิ่นอายของผูค้ น ถ้าจะพูดให้ชดั ที่นนั่ ก็คือภูเขาลึกที่อยูห่ ่างไกล ไม่ได้มี
การผสมผสานระหว่างความโดดเด่นเป็ นเอกลักษณ์และความคึกคักรุ่ งเรื องเหมือนที่นี่ มีเพียงคําว่า
สวรรค์บนดินเท่านั้น ที่คู่ควรจะนํามาบรรยายความยอดเยีย่ มของที่นี่
ก่อนหน้านี้ไม่รู้วา่ เหมียวอี้จะกลับมาเมื่อไร จึงไม่มีอารมณ์มาชมทิวทัศน์ แต่ตอนนี้หายกังวลแล้ว มี
อารมณ์ผอ่ นคลายสบายใจแล้ว
เหมียวอี้ไต่เต้าตําแหน่งในสายมะโรงได้ไวมาก ฉินเวยเวยไม่รู้วา่ วันหนึ่งเหมียวอี้จะได้กลายเป็ นนาย
ท่านของสวรรค์บนดินแห่งนี้หรื อไม่ ที่จริ งก็อยูไ่ ม่ไกลเกินเอื้อมเหมือนกัน ระหว่างประมุขปราสาท
กับท่านทูตห่างกันแค่ข้ นั เดียว
ไม่นานหลินผิงผิงก็ยกนํ้าชาออกมา วางไว้ในศาลาแห่งนั้น…
ด้านนอกปราสาททองที่อยูบ่ นยอดเขา กูกใู หญ่ฉางฮวนเดินเนิบนาบออกมา แล้วยืน่ มือเชิญพร้อมยิม้
อย่างสนิทสนม “ประมุขปราสาทเหมียว ท่านทูตเชิญข้างในค่ะ!”
“รบกวนกูกใู หญ่แล้ว” เหมียวอี้กมุ หมัดขอบคุณ แล้วมอบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้
ฉางฮวนรับมาพร้อมรอยยิม้ แล้วหันตัวยืน่ มือเดินนําทาง
เมื่อมาถึงห้องทํางานท่านทูตบนตึกของปราสาททอง หลังจากรออยูส่ กั พัก เหมียวอี้กเ็ ห็นเยว่เทียนโป
เดินนําฉางฮวนและฉางเล่อเข้ามา
“ข้าน้อยคารวะท่านทูต!” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ
หลังจากเยว่เทียนโปนัง่ ลง ก็ยนื่ มือออกมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิม้ “ประมุขปราสาทเหมียว เจ้านี่เป็ น
ประมุขปราสาทที่อิสระเสรี จริ ง ๆ เลยนะ ไม่เห็นเจ้าโผล่หน้ามาตั้งหลายร้อยปี ”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้าน้อยก็อยากจะมาบ่อย ๆ นะ แต่จนใจที่ตดั สิ นใจเองไม่ได้”
เยว่เทียนโปรู ้สึกเลี่ยนนิดหน่อย ไม่ตอ้ งถามก็รู้วา่ จะพูดอะไรต่อ อวิน๋ จือชิวใช้คาํ พูดแบบเดียวกันอ้าง
กับเขาไม่รู้ต้ งั กี่ครั้งแล้ว บอกเป็ นนัยว่าเหมียวอี้รับภารกิจมาจากแดนโพนสวรรค์ กําลังปฏิบตั ิภารกิจ
ลับ
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแดนโพนสวรรค์ขนาดนั้น ตามหลักการแล้วเยว่เทียนโปจะต้องคิดหาทาง
กําจัดทิ้ง ไม่อย่างนั้นก็จะเป็ นภัยคุกคามกับตําแหน่งของตน แต่มีอยูอ่ ีกจุดหนึ่งที่เขาเข้าใจดี นัน่ ก็คือมู่
ฝานจวินกับอวิน๋ อ้าวเทียนเป็ นศัตรู คู่แค้นกัน ที่ทาํ แบบนี้เพราะมีแผนการอีกอย่างแน่นอน และไม่
น่าจะเป็ นไปได้ที่จะใช้ให้เหมียวอี้ทาํ งานสําคัญ เขาถึงได้อดทนมาตลอด
พอนึกถึงตรงนี้ เยว่เทียนโปก็หวั เราะเบา ๆ “แล้วทําไมครั้งนี้เจ้าถึงมีเวลาว่างมาได้ล่ะ?”
“คํากล่าวนี้ของท่านทูตทําให้ขา้ น้อยกลัวนะ!” เหมียวอี้กล่าวตามมารยาท แล้วตอบว่า “มาเพราะเรื่ อง
การประลองของวิเศษที่สาํ นักงามวิจิตร หวังว่าจะได้รับอนุญาตจากท่านทูต ให้ขา้ น้อยได้ไปดูสกั
ครั้ง!”
ไม่มีทางเลือก ที่เขาสามารถไปมาหาสู่ กบั ทะเลดาวนักษัตร ก็เพราะได้รับอนุญาตจากแดนโพนสวรรค์
แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเบื้องบนไม่ยนิ ยอม ถ้าหนึ่งในสิ บเจ้าอาณาเขตอย่างเขาออกนอกอาณาเขตโดย
พลการ ก็ตอ้ งมาขออนุญาติเยว่เทียนโปก่อน ถ้าจู่ ๆ ไปโผล่อยูแ่ ดนอู๋เลี่ยง ก็จะฟังดูไม่เข้าท่าแล้ว
ฆ่าหลานชายของเฟิ งเป่ ยเฉิ น แย่งตัวหลานสะใภ้ของเฟิ งเป่ ยเฉิ น เจ้ายังจะกล้าไปแดนอู๋เลี่ยงอีกเหรอ?
เยว่เทียนโปมองประเมินเขาอย่างฉงนใจ และแน่นอนว่าเก็บคําพูดพวกนี้ไว้ในใจ จากนั้นขมวดคิ้วนิด
หน่อยพลางถามว่า “เหมียวอี้ คงไม่ตอ้ งให้ขา้ เตือนเรื่ องความสัมพันธ์ของเจ้ากับแดนอู๋เลี่ยง ถ้าเจ้าไปที่
นัน่ เกรงว่าจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ยาก เจ้าต้องคิดดูให้ดีนะ”
เหมียวอี้ตอบว่า “ไม่เป็ นไรเลยขอรับ! ขอเพียงท่านทูตอนุญาต ข้าน้อยก็จะไปเชิญให้ประมุขถิ่นสี่ ทิศ
แห่งทะเลดาวนักษัตรนํากําลังพลไปด้วยกัน!”
“…” เยว่เทียนโปพูดไม่ออก พบว่าเจ้าบ้านี่ไม่หลบเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับทะเล
ดาวนักษัตรเลยจริ ง ๆ หลังจากไตร่ ตรองนิดหน่อย เขาก็บอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าเองก็อยากไปดู
เหมือนกัน กําลังจะไปขออนุญาตแดนโพนสวรรค์พอดี รอดูท่าทีของแดนโพนสวรรค์สกั สองสามวัน
แล้วค่อยว่ากัน”
“รับทราบ!” เหมียวอี้เอ่ยรับ ไม่วา่ จะอนุญาตหรื อไม่ เขาก็แค่จะมาขออนุญาตก่อนเฉย ๆ ถ้าอนุญาตก็
แล้วไป แต่ถา้ ไม่อนุญาต เขาก็ยงั จะไปอยูด่ ี ถ้าโดนทําโทษขึ้นมา อย่างมากก็แค่ได้ออกจากตําแหน่ง
ประมุขปราสาทเส็งเคร็ งนี่ เดี๋ยวเขาค่อยไปเป็ นประมุขถิ่นกลางที่ตาํ หนักดาวกลางเอาก็ได้ ถ้าเขาวาง
ค่ายกลแปดทิศแล้ว ใครจะทําอะไรเขาได้ล่ะ? เขาไม่ได้กงั วลเยอะเหมือนอวิน๋ จือชิว ที่ต้ งั ใจจะรักษา
อาณาเขตของปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไว้ให้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามอยูใ่ นมือมู่ฝานจวิน เขาคงไปเป็ น
ประมุขถิ่นกลางตั้งนานแล้ว
คําพูดของอวิน๋ จือชิว เขาก็แค่รับฟังตอนที่อยูบ่ า้ น ถ้าจะให้พดู ตรง ๆ ก็คือโอนอ่อนผ่อนตาม เมื่อออก
จากบ้านมาแล้วควรจะทําอย่างไร เขาก็ยงั จะทําอย่างนั้นเหมือนเดิม สิ่ งที่ฮูหยินกําชับไว้ก่อนที่จะมา
เขาได้โยนทิ้งไว้ขา้ งหลังหมดแล้ว เพราะนัน่ ไม่สอดคล้องกับวิธีการทํางานของเขาเลย
หลังจากทั้งสองคุยเรื่ อยเปื่ อยกันพักหนึ่ง เหมียวอี้กก็ ล่าวอําลา ก่อนจะไปก็ขอคุยส่ วนตัวกับฉางเล่อ
แล้วนําแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งมอบให้นาง ถ้าให้อีกคนแต่ไม่ให้อีกคน ก็จะฟังดูไม่เข้าท่า ถึงแม้จะ
โยนคําพูดของฮูหยินทิ้งไว้ขา้ งหลัง แต่นี่กย็ งั เป็ นวิธีการทํางานของเขาเหมือนกัน คือไม่ฉีกหน้าและ
พยายามรักษาความสัมพันธ์อนั ดีเอาไว้
เมื่อกลับถึงเรื อนพักที่หลินผิงผิงเหมาเช่าไว้ในระยะยาว หลินผิงผิงก็บอกว่าเตรี ยมที่อยูใ่ หม่ไว้
เรี ยบร้อยแล้ว เชิญให้ประมุขปราสาทย้ายไป
ที่นี่มีนางอยูอ่ าศัยแค่คนเดียว อยูก่ นั เยอะเกินไปไม่ได้ และไม่สมฐานะของประมุขปราสาทด้วย
พวกเขามาถึงเรื อนพักหรู หราที่อยูบ่ นภูเขา พอทอดสายตามองไปไกล ๆ ทิวทัศน์ของเมืองหลวงก็ยอ่ ม
ดีข้ ึนอีกหนึ่งระดับ หลินผิงผิงกับฉินเวยเวยเดินสํารวจไปทัว่ ส่ วนเหมียวอี้กเ็ ดินเอามือไขว้หลังอยูใ่ น
ลานบ้าน
เขากําลังครุ่ นคิดเรื่ องบางอย่าง ถ้ามีโอกาสจะต้องคุยกับเจ้าสามอย่างจริ งจัง ดูวา่ เจ้าสามมีเจตนา
อย่างไรกันแน่ จะยืนอยูฝ่ ่ ายมู่ฝานจวิน หรื อจะยืนอยูฝ่ ่ ายพี่ชายอย่างเขา ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าสามโดนบีบ
อยูใ่ นมือมู่ฝานจวิน เขาก็เหมือนโดนมัดมือมัดเท้าอยูเ่ สมอ ไม่อย่างนั้นเขาจะโดนควบคุมอยูท่ ี่นี่ทาํ ไม
อย่าว่าแต่ทิ้งทุกอย่างเพื่อไปเป็ นประมุขถิ่นของตําหนักดาวกลางเลย ถ้าไม่ได้จริ ง ๆ ก็ค่อยไปขอพึ่งพา
แดนมารก็ได้!
“เจ้าสามนะเจ้าสาม..” เหมียวอี้ถอนหายใจยาว ในหัวมีภาพภาพหนึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ภาพในฤดูหนาวเมื่อวัยเด็ก เยว่เหยาที่หน้าซีดตัวผอมกําลังขดตัวอยูใ่ นผ้าห่มบาง ๆ พลางร้องว่าหนาว
ร้องว่าหิว วินาทีน้ ีเหมียวอี้แทบจะนํ้าตาเอ่อออกมา เขาเอามือชกต้นไม้ใหญ่ที่อยูข่ า้ งกายไม่หยุด ก้ม
หน้าเล็กน้อยและหลับตาลง ตอนที่พอ่ แม่ของเจ้าสามรับเขามาเลี้ยง ก็ไม่เคยทําให้เขาหนาวและทนหิ ว
เลย แต่ตอนหลังตัวเองกลับไม่ได้ดูแลเจ้าสามให้ดี เรี ยกได้วา่ ยากจะลบเลือนความรู ้สึกผิดที่มีอยูเ่ ต็ม
อก
“นายท่าน! เป็ นอะไรไปคะ?” ไม่รู้วา่ ฉินเวยเวยมาโผล่อยูข่ า้ งกายเขาตั้งแต่เมื่อไร นางถามหยัง่ เชิงว่า
“หรื อว่าทางท่านทูตมีอะไรไม่ราบรื่ นหรื อเปล่า?”
เหมียวอี้หนั กลับมามองนางแวบหนึ่ง แล้วโบกมือ “ไม่ใช่หรอก! ข้านึกเรื่ องอะไรบางอย่างขึ้นได้ เออ
ใช่ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยมาเมืองหลวงรึ เปล่า?”
ฉิ นเวยเวยไม่รู้จะหัวเราะหรื อร้องไห้ดี จะไม่เคยมาได้อย่างไรล่ะ นางตอบว่า “ครั้งก่อนข้าน้อยมาส่ ง
ส่ วยเป็ นเพื่อนฮูหยินค่ะ”
“อ๋ อ!” เหมียวอี้ยกมือตบหน้าผากตัวเองเพราะรู ้ตวั ว่าพลั้งปาก “ทีแรกคิดว่าถ้าเจ้าไม่เคยมา ข้าก็จะพา
ไปเที่ยวชมบรรยากาศของเมืองหลวงสักหน่อย ข้าเลอะเลือนไปเอง”
ฉินเวยเวยแอบกัดฟัน แล้วตอบว่า “ก่อนหน้านี้มีขอ้ จํากัดด้านวรยุทธ์ ยากที่จะเข้าไปรวมกลุ่มกับคน
อื่นได้ เลยไม่เคยเยีย่ มชมเมืองหลวงอย่างชัด ๆ ค่ะ ถ้านายท่านมีอารมณ์ผอ่ นคลาย ข้าน้อยยินดีจะไป
เที่ยวเล่นเป็ นเพื่อนนายท่านค่ะ!”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ เขาไปเที่ยวชมมาไม่รู้ต้ งั กี่รอบแล้ว ยังมีอะไรน่าเที่ยวอีกล่ะ แต่กย็ งั พยักหน้า
บอกนางว่า “ถึงอย่างไรก็ตอ้ งอยูท่ ี่นี่หลายวัน ก่อนมาฮูหยินก็สงั่ ไว้แล้วว่าให้พาเจ้าไปเปิ ดหูเปิ ดตาเยอะ
ๆ ข้าต้องออกไปพบปะผูค้ นพอดี ข้าเองก็ไม่ได้มาเมืองหลวงหลายปี แล้ว ไปดูดว้ ยกันว่ามีอะไร
เปลี่ยนแปลงบ้าง”
ทั้งสองเดินเล่นอยูใ่ นบ้านพักไม่กี่รอบ แล้วก็ออกไปด้วยกัน
เดิมทีหลินผิงผิงต้องการจะร่ วมเดินทางไปด้วย แต่ฉินเวยเวยกลับบอกให้นางอยูท่ ี่นี่ อยูใ่ นตําแหน่งสูง
มานานแล้ว การพูดจาและการจัดการเรื่ องต่าง ๆ ก็เด็ดขาดขึ้นเยอะ ค่อนข้างต่างกับฉิ นเวยเวยในปี นั้น
นางไม่ยอมให้หลินผิงผิงปฏิเสธ ออกไปกับเหมียวอี้สองต่อสองแล้ว
เมื่อออกจากเรื อนพัก เหมียวอี้กพ็ าฉินเวยเวยไปเยีย่ มเยียนเพื่อนร่ วมงานสมัยที่ตวั เองเป็ นผูช้ ่วยของ
ปราสาททอง ทั้งยังนัง่ ดื่มนํ้าชากับผูต้ รวจการใหญ่หลันโฮ่วครู่ หนึ่งด้วย ตอนนี้เขามีสิทธิ์จะนัง่ เสมอ
กับหลันโฮ่วแล้ว จากนั้นก็ไปเยีย่ มบรรดาที่ปรึ กษาและผูช้ ่วยของยอดเขาหยกนครหลวงด้วย เขาไม่ลืม
ที่จะแนะนําฉิ นเวยเวยให้ทุกคนรู ้จกั ในภายหลังถ้ามีเรื่ องอะไรก็ฝากให้ดูแลนางด้วย
พูดปากเปล่าไม่มีอะไรเสี ยหาย ทุกคนย่อมเอ่ยรับอย่างเต็มปากเต็มคํา
พอออกจากยอดเขาหยกนครหลวง เหมียวอี้กพ็ าฉินเวยเวยไปเยีย่ มตาเฒ่าฮัว หลังจากออกจากบ้านตา
เฒ่าฮัว สี ของฟ้ ามืดลงแล้ว ทั้งสองเช่าเรื อดอกไม้เพื่อแล่นจากในคลองทะลุไปที่แม่น้ าํ ใหญ่
บนหัวเรื อ เหมียวอี้ยนื เอามือไขว้หลังพลางชื่นชมสองข้างทางที่มีโคมไฟวิบวับหลากสี สนั ไม่รู้วา่
กําลังครุ่ นคิดเรื่ องอะไรอยู่
ตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว กลิ่นหอมอ่อนโชยเข้าจมูก ที่บ่ามีผา้ คลุมสี ขาวเพิม่ ขึ้นมาแล้ว เหมียวอี้หนั
กลับมามอง เห็นฉิ นเวยเวยกําลังทําสี หน้าตื่นเต้นกังวล พลางช่วยเขาจัดผ้าคลุมไหล่ดว้ ยมือที่สนั่
เล็กน้อย เหมียวอี้จึงยิม้ เจื่อนพลางบอกว่า “จะไปรบกวนให้ประมุขตําหนักผูส้ ง่าผ่าเผยมาทํางานของ
บ่าวรับใช้ได้ยงั ไง เจ้ากับข้าเป็ นสหายกัน ไม่จาํ เป็ นต้องทําแบบนี้หรอก ช่างเถอะ!”
ฉินเวยเวยฝื นตอบว่า “ก่อนที่จะมา ฮูหยินกําชับเรื่ องความเคยชินในชีวติ ประจําวันของนายท่าน สัง่ ให้
ข้าน้อยดูแลเรื่ องการกินอยูข่ องนายท่านให้ดีค่ะ!”
อวิน๋ จือชิวไม่ได้บอกให้นางทําเรื่ องนี้เสี ยหน่อย เพียงแต่นางเห็นเหมียวอี้ออกมาข้างนอกตอนอากาศ
หนาวบ่อย ๆ แล้วทุกครั้งก็มีคนนําผ้ามาคลุมบ่าให้ นางเองก็ไม่รู้วา่ ทําไมตัวเองถึงทําแบบนี้ได้ ข้างกาย
นางไม่มีใครนําผ้ามาคลุมไหล่ให้เหมือนเหมียวอี้ นางเป็ นคนหยิบมาคลุมเองเสมอ
เหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะว่า “เจ้าถูกคนอื่นดูแลมาตั้งแต่เด็ก จะไปดูแลคนอื่นเป็ นได้ยงั ไง! ตอนอยูท่ ี่นี่
ไม่ตอ้ งแบ่งแยกฐานะกันหรอก เป็ นสหายกันก็พอ ไม่ตอ้ งบังคับตัวเองขนาดนั้น เจ้าทําแบบนี้กลับทํา
ให้ขา้ อึดอัดนะ!”
เมื่อโดนว่าว่าดูแลคนอื่นไม่เป็ น ฉิ นเวยเวยก็กดั ฟันอย่างอับอายเกินทน นางเอ่ยรับคําเดียว แล้วยืนอยู่
ข้าง ๆ โดยไม่พดู อะไรอีก
เหมียวอี้เองก็ไม่ได้ถอดผ้าคลุมไหล่ออก เพียงแต่สงั เกตเห็นว่าเป็ นผ้าคลุมไหล่ของฉิ นเวยเวย แล้วก็
สังเกตว่านํ้าเสี ยงของตัวเองเมื่อครู่ น้ ีอาจจะให้ความรู ้สึกเหมือนทําตัวสูงส่ ง ทําให้อีกฝ่ ายไม่กล้าพูด
อะไรแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคลี่คลายบรรยากาศอึดอัด “เวยเวย ชัว่ พริ บตาเดียวก็ผา่ นไปแล้ว
หลายปี ทุกวันนี้เจ้ายังโสดอยูเ่ ลย ไม่เคยคิดจะแต่งงานเลยเหรอ?”
ฉิ นเวยเวยกล่าวด้วยสี หน้าสับสน “สู งไปก็เอื้อมไม่ถึง ตํ่าไปก็ไม่ตอ้ งการ เกรงว่าคงจะไม่มีใคร
ต้องการข้าแล้ว”
เหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะว่า “คํากล่าวนี้กเ็ กินไปหน่อยนะ ตํ่าไปก็ไม่ตอ้ งการ นัน่ ก็อาจจะจริ ง แต่ที่วา่ สู ง
ไปก็เอื้อมไม่ถึง นัน่ ก็ไม่แน่หรอกใช่ม้ ยั ? เจ้าชอบใครล่ะ บอกมาได้เลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขา้ เป็ นพ่อสื่ อ
นะ เจ้ารู ้จกั จ้าวเฟยกับอูเมิ่งหลันใช่ม้ ยั ? ข้าเองที่เป็ นสื่ อกลางของพวกเขาสองคน เดี๋ยวข้าจะหาโอกาส
ช่วยให้เจ้าสมหวัง ต้องช่วยให้เจ้าได้เขามาแน่นอน เจ้าถูกใจคนไหนล่ะ?”
สายตาอันอ่อนโยนของฉินเวยเวยกําลังมองผิวนํ้าที่เป็ นระลอกคลื่นยามลมราตรี พดั ผ่าน มองเรื อ
ดอกไม้ที่แล่นอยูข่ า้ งหน้า พลางตอบด้วยรอยยิม้ ว่า “พลาดไปแล้วล่ะ! คนที่ขา้ ชอบแต่งงานไปแล้ว”
“แต่งงานไปแล้วเหรอ?” เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเล “แบบนี้กไ็ ม่สะดวกจะจัดการแล้ว ข้าคงไปทําให้
สามีภรรยาเขาแยกทางกันไม่ได้ ถึงยังไงพ่อเจ้าก็ไม่ยอมให้เจ้าไปเป็ นอนุภรรยาแน่ ๆ เวยเวย ไม่ตอ้ ง
เอาแต่มองคนคนเดียวหรอก ในใต้หล้ามีผชู ้ ายเยอะแยะ ลองใช้สายตามองไปไกล ๆ หน่อย เดี๋ยวก็เจอ
คนที่ถูกใจเอง”
ตอนที่ 898
ก๊อกแก๊ก
สําหรับเรื่ องนี้…โอวหยางกวงเดินช้า ๆ มานัง่ ลงข้างกายนาง จากนั้นก็เงียบงัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากําลัง
ลังเลหรื อกําลังคิดหาวิธีการ
เมื่อเห็นเขาแสดงท่าทีแบบนั้น อันหรู อวี้กท็ าํ สี หน้าไม่สบอารมณ์ “ทําไมล่ะ? เจ้ามีความเห็นอะไร
เหรอ?”
โอวหยางกวงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ที่จริ งเรื่ องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเจ้ากังวลจริ ง ๆ ก็ให้หลางหลาง
กับหวนหวนอยูเ่ ป็ นโสดไปทั้งชีวติ ก็สิ้นเรื่ อง!”
อันหรู อวี้หน้าบึ้งทันที “พูดบ้าอะไรของเจ้า! หรื อว่ามีแค่ผชู ้ ายอย่างพวกเจ้าที่ใช้ชีวติ สําราญสามเมียสี่
เมีย ส่ วนผูห้ ญิงก็เป็ นท่อนไม้ไปทั้งชาติง้ นั เหรอ?”
“ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็เลือกใช้แผนสํารองสิ …ถ้าพวกเราไม่สะดวกจะเอ่ยปาก ก็ไปให้คนอื่นช่วยถามให้
ก็ได้ ดูวา่ ไอ้จญั ไรนัน่ ยินดีจะรับหลางหลางกับหวนหวนเป็ นอนุภรรยารึ เปล่า”
“พูดออกมาได้อย่างไร พวกเรามีฐานะเป็ นอย่างไร ลูกสาวพวกเราจะไปเป็ นอนุภรรยาคนอื่นได้เหรอ?
ยังจะส่ งลูกสาวไปเป็ นอนุภรรยาอีก พ่อแม่แบบนี้มีที่ไหนกัน?”
ซ้ายก็ไม่ได้ขวาก็ไม่ได้ โอวหยางกวงทําได้เพียงหุบปาก…
หลังจากท่านทูตสายต่าง ๆ ของแดนเซียนมากันครบแล้ว ก็รวมกลุ่มกันมาคํานับคุณชายรอง ส่ วนคนที่
ไม่เกี่ยวข้องก็ถอยออกไป
ถึงแม้ร่างกายจะเป็ นผูห้ ญิง แต่กลับเป็ นสตรี ผไู ้ ม่ยอมเป็ นรองบุรุษ ร่ างกายอันหรู อวี้เดิมทีกส็ ู งกว่า
ผูช้ ายทัว่ ไปอยูแ่ ล้ว เมื่อยืนอยูต่ รงหน้าบรรดาท่านทูต ก็ให้ความรู ้สึกเหมือนเป็ นนกกระเรี ยนในฝูงไก่
นางกวาดสายตาเย็นเยียบมองทุกคน พลางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ครั้งนี้เรี ยกท่านทูตทุกคนมากัน
ครบ ที่จริ งก็เป็ นเพราะท่านจื่อหยางนัน่ จากเรื่ องเจดียง์ ามวิจิตรครั้งก่อน คาดว่าทุกคนคงจะเดาเจตนา
ของเฟิ งเป่ ยเฉิ นออกแล้ว ช่วยไม่ได้ที่สาํ นักงามวิจิตรถูกบีบอยูใ่ นมือเฟิ งเป่ ยเฉิ น ไม่สามารถรับมา
ทํางานให้แดนเซียนได้ ตอนนี้ท่านจื่อหยาง ศิษย์ระดับสูงของสํานักงามวิจิตรต้องการจะท้าทายสํานัก
งามวิจิตร พวกเราคอยจับตาดูไปก่อน ถ้าเป็ นยอดฝี มือหลอมของวิเศษที่หายากจริ ง ๆ ก็จะต้องช่วงชิง
ให้มาอยูฝ่ ่ ายเราให้ได้ ถ้าไม่ได้จริ ง ๆ ก็อย่าปล่อยให้ไปทํางานให้คนอื่นเหมือนกัน”
ท่านทูตทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง ช่างเหมือนกับสํานวนที่วา่ ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยก
กับตัวจึงมีความผิด[1] นึกไม่ถึงว่าท่านจื่อหยางนัน่ จะมีภยั ถึงชีวติ เพราะมีฝีมือในการหลอมของวิเศษ
ซูเย่ท่านทูตสายขาลกล่าวอย่างลังเลว่า “คุณชายรอง กําลังพลแต่ละแดนมากันครบแล้ว ดูจาก
สถานการณ์ เกรงว่าคงไม่ได้มีแค่พวกเราที่มีความคิดแบบนี้”
อันหรู อวี้พยักหน้า “ทุกคนมีความคิดแบบนี้กถ็ ือเป็ นเรื่ องดี ท่านปราชญ์สงั่ มาแล้ว ว่าให้ดูสถานการณ์
แล้วตัดสิ นใจ ถ้าหากเป็ นไปได้ ก็กาํ จัดสํานักงามวิจิตรทิ้งเสี ยเลย เฟิ งเป่ ยเฉิ นจะได้ไม่เกิดความคิด
เหลวไหลมากเกินไป ถ้าเกิดมีการลงมือขึ้นมา ก็ให้เข้าร่ วมได้เลย ทุกท่านเตรี ยมความพร้อมไว้ในใจ
ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ฉุกละหุก แล้วอีกอย่าง อย่าเพิ่งเปิ ดเผยเรื่ องนี้ให้ผใู ้ ต้บงั คับบัญชารู ้ จะได้ไม่มีข่าว
หลุดออกไป!”
ขณะที่ทางนี้กาํ ลังวางแผนลับ เหมียวอี้กก็ าํ ลังไปเยีย่ มเยียนคนรู ้จกั เช่นกัน ประมุขถิ่นสี่ ทิศมาถึงแล้ว
ต่างคนต่างพาทูตซ้ายหนึ่งคนและราชาปี ศาจสองคนมาด้วย ทะเลดาวนักษัตรมาด้วยกันทั้งหมดสิ บหก
คน
สําหรับเรื่ องนี้ สํานักงามวิจิตรค่อนข้างประหลาดใจ แดนอู๋เลี่ยงค่อนข้างแปลกใจ น้อยครั้งมากที่
ประมุขถิ่นสี่ ทิศจะมาดูเอาสนุกแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมาด้วยเหมือนกัน
หารู ้ไม่วา่ ประมุขถิ่นสี่ ทิศเองก็ไม่ได้อยากมา และไม่อยากมาประสมโรงด้วย แต่กไ็ ม่มีทางเลือก เพราะ
ไม่อาจทนเห็นเหมียวอี้เป็ นอะไรไปได้ เมื่อขึ้นเรื อโจรลําเดียวกับเหมียวอี้แล้ว อยากจะไล่ลงก็ไล่ไม่ได้
แล้วตัวเองก็ไม่อยากลงด้วย
“เจ้าห้า ลูกศิษย์ที่โดนขับไล่คนหนึ่งกลับบมาล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตร สะเทือนถึงบุคคล
ระดับสู งของแดนต่าง ๆ เลยเหรอ คนมากันเยอะขนาดนี้ สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลนิดหน่อยนะ!”
พอเหมียวอี้มาถึง เพิ่งจะเดินเข้าโถงหลักมากุมหมัดคารวะประมุขถิ่นสี่ ทิศ ฝูชิงก็เข้ามาถามต่อหน้าแล้ว
เหมียวอี้เดินมานัง่ ลงที่เก้าอี้ตวั หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างเคร่ งเครี ยด “ข้าเองก็สงั เกตเห็นความไม่ชอบมา
พากล รู ้สึกว่าเรื่ องนี้มนั ยิง่ ใหญ่โตขึ้นเรื่ อย ๆ เกินกว่าที่จินตนาการไว้จริ ง ๆ ”
ตอนนี้เขากําลังปวดประสาทอยูพ่ อดี เยารั่วเซียนที่ซ่อนตัวอยูข่ า้ งกายตนมาตลอด นึกไม่ถึงว่าพอ
ปรากฏตัวก็ป่วนให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ขนาดเขาเองยังรู ้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย
“เจ้าห้า คนกลุ่มนี้พงุ่ เป้ ามาที่จื่อหยางอะไรนัน่ จริ งเหรอ ถ้าเกิดลงมือต่อสูก้ นั ขึ้นมา พวกเราคงคุม้ กัน
ส่ งจื่อหยางออกไปอย่างปลอดภัยไม่ไหวหรอก” อิงอู๋ตี๋กล่าว
เหมียวอี้จึงบอกว่า “ข้าติดต่อกับฝ่ ายนภาจอมมารแล้ว ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็ส่งตัวให้นภาจอมมาร พวก
ท่านช่วยให้ฝ่ายนภาจอมมารพาตัวเขาไปได้กพ็ อ”
“ล้อเล่นอะไรกัน อย่างน้อยภายนอกพวกเราก็ยงั เป็ นคนของแดนปี ศาจอยู่ ถ้าไปช่วยฝ่ ายนภาจอมมาร
พวกเราก็ไม่สะดวกจะอธิบายกับแดนปี ศาจน่ะสิ ” สงเวยว่า
“พี่ใหญ่ ข้าก็ยงั เป็ นคนของแดนเซียนเหมือนกัน กําลังกินบนเรื อนขี้รดบนหลังคาเหมือนกันนัน่
แหละ” เหมียวอี้บอก
“เจ้าห้า แบบนั้นเหมือนกันเสี ยที่ไหน? เจ้ามันเป็ นเขยของนภาจอมมารนี่นา” หงเทียนแสดงความเห็น
ฝูชิงพยักหน้า “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ต่อให้พวกเราช่วยฝ่ ายนภาจอมมาร ดีไม่ดีอาจจะทําให้อีกห้า
แดนร่ วมมือกัน ถึงตอนนั้นก็อย่าว่าแต่พวกเราเลย ต่อให้เป็ นนภาจอมมารก็ตา้ นไม่ไหว!”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ จากนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวดอีก “ประเด็นสําคัญก็คือไม่รู้วา่ ตอนนี้ตวั ท่านจื่อห
ยางอยูท่ ี่ไหน พรุ่ งนี้จะปรากฏตัวออกมาด้วยวิธีไหน ไม่อย่างนั้นข้าจะจับตัวเขากลับไปเอง แม่งเอ๊ย
สมองมีปัญหารึ ไง ล้างความอัปยศบ้าบออะไรล่ะ!”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เขาเองก็เข้าใจเหมือนกัน เรื่ องล้างความอัปยศแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็ นเขาก็อาจจะ
ทําเหมือนกัน แต่ประเด็นคือวิธีการไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมาแบบนี้ เป็ นไปได้สูงว่าเยารั่วเซี ยนก็อาจ
ไม่รู้ตวั เหมือนกัน ว่าตัวเองป่ วนให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ เห็นได้ชดั ว่าไม่ได้ตระหนักเลย
ว่าตัวเองมีความสําคัญขนาดไหน
สรุ ปก็คือตอนนี้เหมียวอี้ปวดหัวมาก อยากจะพาพวกผูช้ ่วยมาจากพิภพใหญ่มาก ทว่านัน่ คือสิ่ งที่
เป็ นไปไม่ได้ จึงส่ายหน้าบอกว่า “ก็ทาํ ได้เพียงรอดูสถานการณ์พรุ่ งนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าไม่ไหว
จริ ง ๆ ก็คงได้แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติแล้ว!”
ถ้าสูส้ ุ ดชีวติ แล้วยังช่วยไม่ได้ เขาก็ทาํ ได้เพียงยอมแพ้ ไม่จาํ เป็ นต้องเอาชีวติ ไปทิ้งแบบสู ญเปล่า อย่าง
มากในภายหลังก็ค่อยช่วยล้างแค้นให้เยารั่วเซี ยนก็ได้ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ตอนนี้เขาก็ยงั ไม่มี
วิธีการอื่น ถึงอย่างไรก็ยงั ไม่รู้สถานการณ์แน่ชดั
“ถ้าโน้มน้าวให้ฝ่ายแดนเซียนช่วยเจ้าอีกแรง บางทีกอ็ าจจะเป็ นไปได้” ฝูชิงกล่าว
“ที่จริ งก็มีวธิ ีการนี้เหมือนกัน ใครจะคิดว่าอันหรู อวี้จะมาด้วย คนอื่นมาก็ยงั พอเป็ นไปได้ แต่คนที่นาํ
กําลังลังพลของแดนเซียนมาดันเป็ นอันหรู อวี้ เลิกคิดไปได้เลยละมั้ง?” เหมียวอี้โบกมือยิม้ เจื่อน
“ทําไมล่ะ?” สงเวยแปลกใจ “หรื อว่าเจ้ากับอันหรู อวี้ไม่ถูกกัน?”
“ไม่ตอ้ งพูดถึงหรอก!”เหมียวอี้พดู ลําบากจริ ง ๆ เขาชี้ไปด้านนอก “ถ้าพรุ่ งนี้สถานการณ์ไม่ชอบมาพา
กล รบกวนท่านพี่ท้ งั สี่ พาลูกน้องที่ขา้ พามาด้วยกลับไปก่อนนะ”
เหล่าประมุขถิ่นพยักหน้า ต่างก็รู้วา่ เขาหมายถึงฉิ นเวยเวย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน ตอนที่อวิน๋ จือชิว
พาไปทะเลดาวนักษัตร ก็รู้แล้วว่าอวิน๋ จือชิวกับผูห้ ญิงคนนี้เรี ยกกันว่าพี่สาวน้องสาว มีความสัมพันธ์
ไม่ธรรมดา
“เอาอย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน ค่อย ๆ ดูไปทีละก้าว ข้าจะไปหาฝ่ ายแดนมารสักหน่อย ดูวา่ สถานการณ์ทาง
นั้นเป็ นอย่างไรบ้าง” เหมียวอี้ลุกขึ้นกล่าวขอตัว ออกมากโถงหลัก แล้วพาฉินเวยเวยออกไป
เมื่อมาถึงที่พกั ของคนฝ่ ายแดนมาร พอพบกับอาแปดอวิน๋ เป้ า ฝ่ ายนี้กย็ อ่ มสังเกตเห็นความไม่ชอบมา
พากลเช่นกัน กําลังสับสนว่าเยารั่วเซี ยนอยูท่ ี่ไหน ถ้าหาเยารั่วเซี ยนพบจะได้ปรึ กษาหารื อขอความ
ร่ วมมือได้สะดวก ตอนนี้ไม่มีใครรู ้วา่ เยารั่วเซียนมีสถานการณ์เป็ นอย่างไรกันแน่ ทําเอาพวกเขาแม้แต่
จะวางแผนก็ทาํ ได้ไม่สะดวก
ม่านราตรี มาเยือน ฝูงนกบินกลับรัง บนภูเขาที่เงียบสงบด้านหลังสํานักงามวิจิตร สภาพแวดล้อม
งดงาม คนไม่มีกิจธุระห้ามเข้า
ฟู่ หยวนคังเดินสาวเท้ามาหยุดที่ดา้ นนอกตําหนักใหญ่หลังหนึ่ง นักพรตหญิงที่เฝ้ าประตูรีบเข้าไป
รายงานทันที และไม่นานก็ออกมาเชิญ
ฟู่ หยวนคังผ่อนฝี เท้าเดินเข้ามา เลี้ยวเข้าไปที่ตาํ หนักหลัง พอเจอเฟิ งเป่ ยเฉิ นที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิอยูบ่ น
เตียงตัวหนึ่ง ก็กมุ หมัดคารวะ “ท่านอาจารย์!”
คนนอกไม่มีใครรู ้วา่ เฟิ งเป่ ยเฉินมาถึงสํานักงามวิจิตรแล้ว เป็ นเพราะข่าวที่ได้รับจากแดนต่าง ๆ ทําให้
เขาพบความไม่ชอบมาพากลเหมือนกัน กลัวว่าจะเกิดเรื่ องขึ้นที่นี่ จึงมาคอบคุมอย่างเงียบ ๆ
เฟิ งเป่ ยเฉิ นหน้าตาไม่ธรรมดา ไว้หนวดสี ดาํ ขลับราวกับนํ้าหมึก มีลกั ษณะราศีของนักกพรตเต๋ า เขาลืม
ตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วถามว่า “สถานการณ์เป็ นอย่างไร?”
ฟู่ หยวนคังตอบว่า “สถานการณ์ไม่ชดั เจนขอรับ มองไม่ออกว่าทางแดนเซียนมีใครอยากเล่นงานให้ไอ้
เหมียวจัญไรถึงตาย จีเหม่ยเหมยเองก็ไม่รู้วา่ ใครกันแน่ที่ตอ้ งการทําอย่างนี้ แต่ตอ้ งเป็ นคนที่ค่อนข้างมี
อํานาจในแดนเซียนแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่สร้างโอกาสลงมือให้พวกเราได้ง่าย ๆ แต่จีเหม่ยเหมย
มัน่ ใจว่าบุคคลลึกลับที่มาติดต่อด้วยจะเกียว่ ข้องกับเยว่เทียนโป”
“เยว่เทียนโป?” เฟิ งเป่ ยเฉินถามว่า “ทําไมคิดอย่างนั้น?”
ฟู่ หยวนคังตอบว่า “ไอ้เหมียวจัญไรกับแดนโพ้นสวรรค์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเกินไป เป็ นไปได้
สู งว่าจะเป็ นภัยคุกคามต่อตําแหน่งของเยว่เทียนโป การอาศัยโอกาสนี้กาํ จัดทิ้ง ก็ใช่วา่ จะเป็ นเรื่ องที่
เป็ นไปไม่ได้ ศิษย์คิด่าการคาดเดาของจีเหม่ยเหมยก็มีเหตุผล แต่ศิษย์กก็ ลัวอีกว่าจะมีกบั ดักอะไร?”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกล่าวดูถูกด้วยนํ้าเสี ยงราบเรี ยบ “จะมีกบั ดักอะไรได้? ขอแค่มีโอกาสลงมือ เจ้าก็สนใจแต่
เรื่ องลงมือก็พอ ถ้าไม่สาํ เร็ จก็ไม่เป็ นไร แต่ไอ้เด็กจัญไรนัน่ ดึงสี่ ปีศาจเฒ่าจากทะเลดาวนักษัตรมาได้
เห็นได้ชดั ว่าเตรี ยมตัวมาบ้างเหมือนกัน เจ้าไปสื บให้แน่ชดั มาก่อนว่าคนที่อยูข่ า้ งกายเขาเป็ นใคร อย่า
มุทะลุบุ่มบ่ามจนตัวเองเสี ยเปรี ยบ”
ฟู่ หยวนคังตอบว่า “สื บสถานการณ์คร่ าว ๆ มาชัดเจนแล้วขอรับ ข้างกายเขาไม่ได้มีคนสําคัญอะไร
นอกจากผูห้ ญิงคนหนึ่งที่พามาด้วย ก็มีแค่กาํ ลังพลแดนเซี ยนพวกนั้น ฝ่ ายเรารู ้เบาะแสหมดแล้ว
ขอรับ”
“อย่าประมาท บางทีผหู ้ ญิงที่อยูข่ า้ งกายเขาอาจจะมีลบั ลมคมในบางอย่าง ระว่างทุกอย่างไว้จะดีกว่า”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกล่าว
ฟู่ หยวนคังยิม้ พร้อมตอบว่า “ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องผูห้ ญิงคนนั้นเลยขอรับ เป็ นเพียงประมุขตําหนักใต้
บังคับบัญชาของเขา ชื่อว่าฉิ นเวยเวย ได้ยนิ ว่าเพิ่งบรรลุระดับบงกชแดง ฝ่ ายเราสื บสถานการณ์มา
ชัดเจนแล้ว”
“ฉินเวยเวย?” เฟิ งเป่ ยเฉินลังเล ลองนึกไปนึกมาก็พบว่าไม่คุน้ เลยจริ ง ๆ
ทว่าในขณะนี้เอง ในห้องข้าง ๆ กลับมีเสี ยง “ก๊อกแก๊ก” ดังมา เฟิ งเป่ ยเฉิ นกับฟู่ หยวนคังหันไปมอง
พร้อมกัน ไม่รู้วา่ ด้านหลังม่านไข่มุกมีความเคลื่อนไหวอะไร
ม่านไข่มุกนัน่ พลันกระเพื่อมออกโดยไร้ลม เฟิ งเป่ ยเฉิ นหายตัวไปจากเตียงหลังนั้นแล้ว ขณะที่ม่าน
ไข่มุกกระเพื่อมกลับมาติดกกันอีกครั้ง เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็ไปโผล่อยูใ่ นห้องแล้ว สายตากําลังมองไปยังขอบ
หน้าต่างที่กาํ ลังเปิ ดอยู่
บนขอบหน้าต่างจัดวางกระถางต้นไม้ที่สวยประณี ตไว้ตน้ หนึ่ง ฉิ นซี ฮูหยินผูง้ ดงามเลิศลํ้าของเขา
กําลังโน้มตัวลงเก็บกรรไกรตัดกิ่งไม้ ไม่รู้วา่ กรรไกรตกลงพื้นได้อย่างไร
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกางนิ้วทั้งห้า ดูดกรรไกรมาไว้ในมือตัวเอง ฉินซี เอียงศีรษะมองเขาแวบหนึ่ง ค่อย ๆ ลุกขึ้น
ยืน แววตายังคงเย็นชา สี หน้าเย็นชาไร้อารมณ์อยูต่ ลอด
เฟิ งเป่ ยเฉิ นเดินเข้าไป วางกรรไกไว้บนขอบหน้าต่าง แล้วขมวดคิ้วถาม “ฮูหยินเป็ นอะไรไป?”
ฉินซีหยิบกรรไกรขึ้นมาอีกครั้ง ตอบด้วยสี หน้าเรี ยบเฉยไร้อารมณ์วา่ “ไม่มีอะไรค่ะ แค่พลั้งมือตัดกิ่ง
ไม้กิ่งหนึ่ง รู ้สึกเสี ยดาย”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นได้ยนิ แล้วส่ ายหน้า พบว่านิสยั ของผูห้ ญิงคนนี้ ยิง่ นับวันก็ยงิ่ รักสันโดษ เรื่ องที่เป็ นการเป็ น
งานไม่สนใจ แต่กลับตื่นตูมกับของที่อยูใ่ นกระถางต้นไม้
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้านางยิง่ เป็ นคนที่เจ้าเล่ห์มากแผนการเท่าไร ก็ยงิ่ ทําให้เขากังวลว่าตําหนักหลังจะไม่
สงบสุ ข แต่มีฮูหยินแบบฉิ นซี อยูใ่ นบ้าน ทําให้เขาไม่ตอ้ งกังวลใจอะไรเลยจริ ง ๆ กลับเป็ นเรื่ องดี
สําหรับเขา หมดความยุง่ ยากใจ! นางจึงได้รับความเอ็นดูจากเขา! เขายิม้ บาง ๆ พลางพูดปลอบว่า
“ผิดพลาดก็ไม่เป็ นไร โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ มีขอ้ เสี ยนิดหน่อยก็ไม่ใช่เรื่ องแย่เสมอไป”
พอมองดูที่กระถางต้นไม้ ก็ไม่เห็นว่าตัดเสี ยตรงไหน แต่ผหู ้ ญิงคนนี้ชอบปรนนิบตั ิของเล่นพวกนี้ เขา
จึงไม่ได้พดู อะไรมาก พูดปลอบใจสองสามคํา ก่อนจะหันตัวและเอามือไขว้หลังเดินจากไป
“ฉิ นเวยเวย…” ฉินซีกลับมองไปนอกหน้าต่างพลางพูดพึมพํากับตัวเอง ไม่รู้วา่ นึกอะไรขึ้นได้ แววตา
ค่อนข้างเหม่อลอย…
…………………………
ติดกับดัก
ทําไมไม่เห็นใครเลยล่ะ? พอเดินวนที่เรื อนพักเดี่ยวรอบหนึ่ง ก็ไปหาศิษย์สาํ นักงามวิจิตรที่เฝ้ าประตู
และถามว่า “คนข้างในไปไหนแล้ว?”
“เหมือนจะไปสถานที่พกั ผ่อนของแดนโพ้นสวรรค์แล้ว” คนเฝ้ าประตูตอบ
ไปกันแล้วเหรอ? นี่มนั เรื่ องอะไรกัน? เหมียวอี้ปาดเหงื่อนิดหน่อย ประมุขปราสาทอย่างตนเพ่นพ่าน
ไปทัว่ เหมือนจะทําเกินไปหน่อย จึงรี บออกจากเรื อนพักเดี่ยว ถลันตัวเหาะไปยังลานบ้านที่อยูบ่ นยอด
เขา ผลก็คือพบว่าไม่มีแม้แต่คนเฝ้ าประตู
เหมียวอี้แปลกใจยิง่ กว่าเดิม เดินเข้าไปแล้วเหลียวซ้ายแลขวา
“ใครกัน?” ในโถงหลักมีเสี ยงตะคอกดังมา หนึ่งในหญิงรับใช้ของอันหรู อวี้เดินออกมา พอเห็นว่าเป็ น
เหมียวอี้ ก็คลายความระแวดระวังลง พยักหน้ากล่าวว่า “ที่แท้กเ็ ป็ นประมุขปราสาทเหมียว”
ก่อนหน้านี้เหมียวอี้เคยเห็นนางติดตามอยูข่ า้ งกายอันหรู อวี้ นางมากับอันหรู อวี้ เมื่อรู ้วา่ เป็ นคนข้างกาย
อันหรู อวี้ ก็กมุ หมัดคารวะพลางถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านทูตเยว่อยูม่ ้ ยั ขอรับ?”
หญิงรับใช้ยมิ้ พร้อมตอบว่า “ไม่อยู่ ไปกันหมดแล้ว คุณชายรองพาบรรดาท่านทูตออกไปหมดแล้ว
ท่านทูตเยว่สงั่ ไว้ก่อนจะไป ว่าถ้าหากประมุขปราสาทเหมียวมาแล้ว ให้ไปที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตร
ที่ห่างไปทางทิศเหนือหนึ่งร้อยลี้”
ที่เรี ยกว่าที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตร ก็คือที่ต้ งั เดิมของสํานักงามวิจิตรที่ยอ่ ยยับลงหลังจากเจดียง์ าม
วิจิตรพัง สํานักงามวิจิตรในตอนนี้คือสํานักที่ก่อสร้างใหม่ในพื้นที่ใหม่
“ไปที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตรทําไม?” เหมียวอี้สงสัย
หญิงรับใช้ตอบว่า “ไม่ทราบแน่ชดั ท่านทูตเยว่กาํ ชับไว้อย่างนี้ เหมือนจะพบที่ซ่อนตัวของท่านจื่อห
ยางที่นนั่ ”
“…” เหมียวอี้เบิกตากว้างขึ้นหลายส่ วน นัน่ คือสถานที่ที่เยารั่วเซี ยนเรี ยนรู ้วชิ าจากอาจารย์ มีความ
เป็ นไปได้จริ ง ๆ ว่าเยารั่วเซียนจะหลบอยูท่ ี่นนั่
เขาแทบจะไม่คิดอะไรมาก กุมหมัดกล่าวอําลาหญิงรับใช้ แล้วเหาะขึ้นฟ้ าไปทันที รี บไปยังสถานที่น้ นั
หลังจากเหลือบไปเห็นว่าเหมียวอี้ไปทางเหนือจริ ง ๆ หญิงรับใช้กห็ นั ตัวและหายเข้าไปในความมืด
อย่างรวดเร็ ว
ระยะทางหนึ่งร้อยลี้ สําหรับวรยุทธ์อย่างเหมียวอี้ถือว่าเสี ยวลาไม่เยอะเลย เขาเหาะด้วยความเร็ วสูงอยู่
ใต้แสงจันทร์ และไม่นานก็เห็นป่ าอันกว้างขวางบนพื้นที่ราบ เดิมทีสภาพพื้นที่ไม่ได้ราบเสมอกัน
ขนาดนี้ ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือ หลังจากเจดียง์ ามวิจิตรพังในปี นั้น พื้นที่น้ ีกโ็ ดนสิ่ งของที่อยูใ่ นเจดีย ์
ระเบิดไหลดันจนราบ แต่หลังจากผ่านวันคืนนับพันปี พื้นที่ยบั เยินหมดสภาพในปี นั้นก็เริ่ มมีชีวติ ชีวา
ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
เมื่อมาที่นี่จะหาเป้ าหมายพบได้อย่างชัดเจน สาเหตุกเ็ พราะหลังจากเจดียถ์ ล่ม บริ เวณศูนย์กลางของ
การถล่มมีโคลนเลนค่อนข้างเยอะ สภาพพื้นที่จึงค่อนข้างสูง เหาะตามพื้นที่ราบและค่อย ๆ เคลื่อนไป
ยังพื้นที่สูงก็คือการกระทําที่ถูกต้องแล้ว
หลังจากเหาะลงมาเหยียบบนยอดเขาสูง เหมียวอี้กม็ องไปรอบ ๆ สายลมเย็นแสงจันทร์กระจ่าง ป่ าบน
ที่ราบโดยรอบลึกทึบและเงียบสงัดราวกับทะเล ที่นี่คือที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตร แต่กไ็ ม่พบเจอ
อะไรเลย
ไม่รู้วา่ เพราะอะไร จู่ ๆ เหมียวอี้กเ็ กิดความระแวดระวังในใจ เขามาแบบไม่ได้พรางตัวเลยสักนิด
อาศัยวรยุทธ์อย่างพวกเยว่เทียนโป เป็ นไปไม่ได้ที่จะไม่สงั เกตเห็นเขา เขาตระหนักได้ราง ๆ ว่า
สถานการณ์ค่อนข้างไม่ชอบมาพากล
อันที่จริ งแล้ว พอมาที่นี่เขาก็ไม่มีเวลาให้คิดมากเลย เขาค่อย ๆ หันไปมองข้างหลัง ตรงไหล่เขามีคน
คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ผูห้ ญิงคนหนึ่งเดินเนิบนาบเข้ามาภายใต้แสงจันทร์ เหมียวอี้ทาํ สายตา
หนักแน่นทันที คนที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน จีเหม่ยเหมย!
และด้านหลังรวมทั้งซ้ายขวาของจีเหม่ยเหมยก็มีคนโผล่ออกมาสี่ คน คือท่านทูตทั้งสี่ ของแดนปี ศาจ
เดินล้อมภูขามาครึ่ งหนึ่ง
ทั้งสี่ ดา้ นล้วนมีเสี ยงฝี เท้า พอหันไปมองข้างหลัง เหมียวอี้กเ็ บิกตากว้างทันที เป็ นผูห้ ญิงคนหนึ่ง
ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ชุยหย่งเจิน ลูกศิษย์ของปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉิ น
ส่ วนข้างหลังชุยหย่งเจินก็มีคนโผล่มาสี่ คน ท่านทูตทั้งสี่ ของแดนอู๋เลี่ยงโผล่มาทางซ้ายและขวา ล้อม
ภูเขาทางนี้เอาไว้ครึ่ งหนึ่งเช่นกัน
ทั้งสิ บคนล้อมภูเขาเข้ามา ล้อมขังเหมียวอี้ไว้ตรงกลาง แต่ละคนกําลังจ้องเขา บางคนก็ทาํ สี หน้าเรี ยบ
เฉย บางคนก็ไม่แยแส บางคนก็ทาํ สี หน้าเหยียดหยาม บางคนก็ทาํ สี หน้าถากถาง
ทั้งสิ บคนนี้ นอกจากจีเหม่ยเหมยแล้ว คนอื่นก็เป็ นนักพรตระดับบงกชทองทั้งหมด
ตอนแรกเหมียวอี้ตระหนกตกใจ จากนั้นก็ค่อย ๆ ทําสี หน้าเย็นเยียบลง กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ อยูห่ ่าง
จากสํานักงามวิจิตรเกินไป ตรงจุดไกล ๆ ยังมีแนวภูเขกั้นด้วย ถ้าต่อสูก้ นั ขึ้นมาทางนั้นก็อาจจะไม่ได้
ยินเสี ยงความเคลื่อนไหว อาศัยวรยุทธ์ของเขา ถ้าอยากจะหนีรอดจากเงื้อมมือคนพวกนี้ ก็ไม่มีทาง
เป็ นไปได้เลย ความเร็ วสูอ้ ีกฝ่ ายไม่ได้
เหตุการณ์แบบนี้ ทั้งยังหลอกล่อให้เขามาที่นี่ ไม่ตอ้ งสงสัยเลย อีกฝ่ ายไม่ให้โอกาสเขาได้รอดชีวติ เลย!
จนป่ านนี้แล้ว ถ้าเหมียวอี้ยงั ไม่รู้วา่ ตัวเองติดกับดัก ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนโง่แล้วล่ะ!
เขาหันตัวมองรอบกายอย่างช้า ๆ ถึงแม้จะไม่เห็นคนของแดนเซียนมาร่ วมด้วย แต่ความโกรธแค้นใน
ใจของเขาก็ยากจะอธิบายออกมาได้
เขามัน่ ใจได้เลย ว่าคนฝ่ ายแดนเซียนมี่เอี่ยวกับเรื่ องนี้ เป็ นหญิงรับใช้ของอันหรู อวี้ที่หลอกล่อให้เขามา
ที่นี่ สามารถหลอกในเขามาติดกับดักได้อย่างไม่มีผดิ พลาดแบบนี้ เขามัน่ ใจได้วา่ อันหรู อวี้ตอ้ ง
เกี่ยวข้องกับเรื่ องนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นหญิงรับใช้ของอันหรู อวี้กไ็ ม่จาํ เป็ นต้องทําอย่างนี้เลย
ไม่น่าเชื่อว่านางมารร้ายอันหรู อวี้อยากจะเล่นงานตนให้ถึงตาย! รสชาติในใจของเหมียวอี้ตอนนี้ ไม่
อาจหาคําพูดใดมาเปรี ยบเทียบได้เลย ข้าเป็ นฝ่ ายเสี ยเปรี ยบแท้ ๆ ข้าไม่ใช่เหรอที่โดนผูห้ ญิงขืนใจ? พอ
เรื่ องราวเปิ ดโปง เจ้ากลับจะสังหารข้า แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน?
ที่ฝ่ายจีเหม่ยเหมยกับฝ่ ายชุยหย่งเจินต้องการฆ่าเขา เขาก็ยงั พอเข้าใจได้ ถึงอย่างไรตัวเองก็ฆ่าลูกชาย
ของจีเหม่ยเหมย แล้วก็ฆ่าหลานชายของเฟิ งเป่ ยเฉิ นไป แต่ที่อนั หรู อวี้อยากจะทําให้เขาตาย เขาไม่
เข้าใจเลยว่าผูห้ ญิงคนนี้คิดได้อย่างไร เขาเคยคิดว่าอันหรู อวี้ตอ้ งกลัน่ แกล้งเขาแน่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่า
ผลที่ตามมาจะร้ายแรงกว่าเดิม!
จนกระทัง่ ตอนนี้ เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์กระจ่างบนท้องฟ้ า ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าสิ่ งที่ฉินซี เตือน
หมายความว่าอะไร ทําไมนางเตือนไม่ให้เขาออกจากสํานักงามวิจิตรโดยพลการ ที่แท้นางก็รู้อยูแ่ ล้ว
ว่าตัวเองกําลังจะมีปัญหา มีแต่เจตนาดีท้ งั นั้น แต่น่าเสี ยดายที่นางยืนอยูฝ่ ่ ายตรงข้าม ตัวเองอาจจะฟัง
ไม่เข้าหู
ถึงแม้จะให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็คงจะไม่เชื่อเหมือนเดิม สาเหตุกไ็ ม่ซบั ซ้อนเลย ใครจะไปเชื่อฟัง
คําพูดของฝ่ ายศัตรู ล่ะ!
เป็ นเพราะตัวเองประมาทเกินไป ถ้าพาประมุขถิ่นทั้งสี่ มาด้วยก็อาจจะไม่ตกอยูใ่ นอันตรายขนาดนี้ แต่
ก็นึกไม่ถึงจริ ง ๆ ว่าฝ่ ายแดนเซียนจะวางกับดักตนในเวลานี้
เขากางแขนสองข้างเล็กน้อย หมอกสี ทองกลุ่มหนึ่งพันรอบร่ างกาย เกราะรบของตําหนักสวรรค์ที่มี
พลังป้ องกันไม่ธรรมดา ตอนนี้สวมใส่ อยูบ่ นตัวแล้ว พอสะบัดแขนในแนวขวาง ดาบยาวสี ม่วงที่ปล้น
จากเกาะศักดิ์สิทธิ์กถ็ ือเฉียงลงพื้น เขาพลิกมือนําผลของสมุนไพรเซี ยนซิงหัวออกมาผลหนึ่ง กัดคํา
หนึ่งแล้วกลืนลงไปทันที ส่ วนที่เหลืออีกครึ่ งก็เก็บเอาไว้
บนตัวเขาไม่มีสมุนไพรเซียนซิงหัวแล้ว ใช้ไปหมดตอนโดนขังในค่ายกลมารโลหิ ต เหลือเพียงผลของ
สมุนไพรเซี ยนซิ งหัวผลสุ ดท้าย
เมื่อได้เห็นฉากที่เหมียวอี้กดั กินผลไม้ คนที่กาํ ลังล้อมก็ตะลึงงันทันที เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าสิ่ งนี้
คืออะไร รู ้สึกประหลาดใจกับเกราะรบบนตัวเหมียวอี้เช่นกัน เป็ นลักษณะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไอ้เหมียวจัญไร ในปี นั้นลูกชายข้าก็ตายที่นี่ ตายด้วยนํ้ามือของเจ้าอยูท่ ี่นี่ วันนี้ได้กลับมาเที่ยวสถานที่
เก่า รู ้สึกยังไงบ้างล่ะ!” จีเหม่ยเหมยเริ่ มหัวเราะอย่างแปลกพิศวง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิม้ หัวเราะ
จนตัว่ สัน่ ระริ ก ในเสี ยงหัวเราะเจือด้วยความเศร้าอ้างว้าง
“พวกเจ้านี่ใช้ได้เลยนะ แค่รับมือกับข้าคนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้นกั พรตบงกชทองตั้งเก้าคน ประเมิน
เหมียวอี้สูงเกินไปแล้ว!” เหมียวอี้แสยะหัวเราะ
ชุยหย่งเจินกลับนับถือในความสุ ขมุ ใจเย็นของเขา ขนาดมาถึงขั้นนี้แล้วยังหนักแน่นไม่หวาดกลัว
จิตใจแบบนี้หาได้ยากจริ ง ๆ
นางพยักหน้าตอบว่า “ก็ทาํ เรื่ องเล็กให้เป็ นเรื่ องใหญ่จริ ง ๆ นัน่ แหละ แต่ไอ้จญั ไรอย่างเจ้ามาผ่าน
เหตุการณ์มามากมายแต่ยงั มีชีวติ อยูไ่ ด้ ทางนี้กต็ อ้ งระวังตัวหน่อยสิ แน่นอน ประเด็นสําคัญคือกลัวเจ้า
จะพาผูช้ ่วยมาด้วย เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าฝ่ ายแดนเซียนจะจัดการได้อย่างสวยงามขนาดนั้น ไม่รู้วา่ ใช้
วิธีการอะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะล่อเจ้าออกมาคนเดียวได้ ตัดความยุง่ ยากไปไม่นอ้ ยเลย”
เหมียวอี้หนั มาถามทันที “คนไหนของแดนเซียนที่สมคบคิดกับพวกเจ้าเพื่อทําร้ายข้า?” เขาคาดการณ์
ไว้วา่ เป็ นอันหรู อวี้ แต่กย็ งั อยากจะยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง
จีเหม่ยเหมยหัวเราะคิกคัก แล้วตอบว่า “ใครจะไปรู ้วา่ จะมีคนอยากให้เจ้าตายเยอะขนาดนั้น”
เหมียวอี้หนั กลับไป เป็ นฝ่ ายพูดท้าทายก่อนว่า “จีเหม่ยเหมย เจ้าอยากจะล้างแค้นให้ลูกชายใช่ม้ ยั ?
เหมียวอี้อยูน่ ี่แล้ว กล้าสูต้ ายกับข้าสักตั้งมั้ยล่ะ? โอกาสในการล้างแค้นให้ลูกชายด้วยตัวเองอยูต่ รงหน้า
เจ้าแล้ว จะพลาดไปได้อย่างไร!”
ใบหน้างามของจีเหม่ยเหมยบิดเบี้ยวเล็กน้อย โดนคําพูดของเหมียวอี้ยวั่ ยุแล้วจริ ง ๆ “สัตว์ที่โดนขังอยู่
ในกรง ตอนใกล้ตายยังคิดจะกัดคนอีกเหรอ? ข้ามาเพื่อดูวา่ เจ้าจะตายอย่างไร เจ้าเองก็ไม่ตอ้ งยัว่ ยุขา้
หรอก ขนาดเฟิ งเสวียนยังไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องเจ้าเลย ข้าไม่ได้เก่งกว่าเฟิ งเสวียนสักเท่าไร ระวังตัวไว้
หน่อยจะดีกว่า”
จากนั้นก็กมุ หมัดคารวะต่อทุกคนทันที “ทุกท่านโปรดไว้หน้าน้องสาวด้วย จับเป็ นมา ข้าจะเฉื อนร่ าง
เขาสักพันดาบ ให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติเวลาทรมานจนอยูไ่ ม่ไหว แต่จะตายก็ตายไม่ได้ ข้าจะทรมาน
เขาให้ตายอย่างช้า ๆ ให้เขานึกเสี ยใจที่ได้มาเกิดบนโลกใบนี้!”
“ต้องไว้หน้าอยูแ่ ล้ว!” ชุยหย่งเจินตอบพร้อมรอยยิม้
เหมียวอี้จึงชี้ไปที่จีเหม่ยเหมย “นางคนชั้นตํ่า! ยังไม่แน่หรอกว่าใครจะตาย ถ้าข้ายังไม่ตาย รับรองว่า
เจ้าจะต้องเสี ยใจที่พดู คํานี้ออกมา! ถ้าข้าจําไม่ผดิ ในปี นั้นที่ตาํ หนักดาวประจิม อวิน๋ ก่วงคิดอยากนอน
กับเจ้ามาตลอด! ถ้าเหมียวคนนี้ยงั ไม่ตาย จะต้องทําให้เขาสมความปรารถนาแน่นอน!”
จีเหม่ยเหมยกําหมัดสองข้าง ตวาดจนเสี ยงแตก “จับตัวไอ้จญั ไรนี่มา ข้าจะตัดลิ้นสุ นขั ของมันก่อน!”
“เหมียวอี้ถือดาบอยูต่ รงนี้แล้ว ใครกล้าก็เข้ามาสู ก้ บั ข้า!” เหมียวอี้พลันหมุนตัว ชี้ดาบไปที่ชุยหย่งเจิน
เป็ นฝ่ ายเริ่ มท้าสูก้ ่อน
ในบรรดาคนที่อยูต่ รงนี้ คนที่เป็ นภัยต่อเขาที่สุดก็คือชุยหย่งเจิน เขาจะฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ ายไม่รู้จกั
ความร้ายกาจของเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาเพื่อเล่นงานนางสักยก กําจัดคนที่มีภยั คุกคามมากที่สุดทิ้ง
ไปก่อน แบบนี้ถึงจะมีโอกาสรอดชีวติ ถ้าไม่มีชุยหย่งเจินแล้ว พูดด้วยความสัตย์จริ งเลยนะ อาศัยวร
ยุทธ์ของเขาในตอนนี้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสสูห้ รอก
นึกถึงในปี นั้นที่เขามีวรยุทธ์บงกชม่วงขั้นหนึ่ง เขาก็เคยสูก้ บั ฝูงมารปี ศาจที่มีหวั หน้าเป็ นนักพรตบงกช
ทองขั้นหนึ่งสองคนมาแล้ว ตอนนี้วรยุทธ์ของตนถึงระดับบงกชม่วงขั้นเก้าแล้ว ถึงขั้นสู งสุ ดของระดับ
บงกชม่วง สัมผัสกับประตูสู่ระดับบงกชทองแล้ว ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีคนเยอะ แต่กไ็ ม่มีอะไรน่า
กลัวสําหรับเขา
แต่ชุยหย่งเจินฝึ กมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยง เป็ นหนึ่งในหกเคล็ดวิชาพิเศษของพิภพใหญ่ เขาจึงไม่กล้า
ประเมินตํ่า ถ้าอีกฝ่ ายสําแดงเคล็ดวิชานี้ข้ ึนมา จะต้องไม่ใช่อานุภาพที่ระดับอย่างเฟิ งเสวียนเทียบติด
แน่นอน ดังนั้นเขาจึงอยากกําจัดนางทิ้งก่อน
แต่ใครจะคิดล่ะ ชุยหย่งเจินกลับยืนอย่างไม่สะทกสะท้านอยูท่ ี่เดิม มีนกั พรตบงกชทองมากมายขนาด
นี้อยูใ่ นสนาม นางคิดว่าตัวเองไม่จาํ เป็ นต้องลงมือแล้ว ในฐานะที่เป็ นตัวละครที่โผล่มารั้งท้าย ถ้าลง
มือก่อนจะดูไม่เข้าท่า
วิธีคิดแบบนี้ของนางทําให้แผนของเหมียวอี้พงั ทันที กลับเป็ นเหมยซาง ท่านทูตสายมะเมียของแดน
ปี ศาจที่ตะโกนว่า “ไอ้หวั ขโมยอวดดี รับความตายซะเถอะ!”
หมัดหนึ่งโจมตีฝ่าอากาศเข้ามา เงาหมัดขนาดใหญ่เกือบเท่าหม้อเหล็กถลันวูบเข้ามา
เหมียวอี้ฟันดาบในแนวขวาง รวดเร็ วฉับไวเด็ดขาด ทําให้ทุกคนคิ้วกระตุก รับรู ้ถึงความไวในการออก
ดาบของเหมียวอี้แล้ว ไม่ได้ดอ้ ยไปกว่านักพรตบงกชทองทัว่ ไปเลย!
บึ้ม! แผ่นดินสะเทือนภูเขาสะท้าน ฝุ่ นดินระเบิดกระจาย ทําให้เหมียวอี้ตกอยูท่ ่ามกลางฝุ่ นดินที่ตลบ
อบอวล ฝุ่ นละอองตลบม้วนไปทุกคน
ทุกคนสะบัดแขนเสื้ อ พลังอิทธิฤทธิ์ที่พดั ม้วนราวกับลมพายุคลัง่ ขูดพื้นไปหนึ่งเมตร กวาดฝุ่ นทรายที่
ระเบิดออกไปในชัว่ พริ บตาเดียว
เหมียวอี้ถือดาบอยูท่ ี่เดิมไม่ขยับไปไหน แต่เกราะสี ทองบนตัวเปล่งแสงสี ม่วงออกมา ยังไม่ตอ้ งพูดถึง
ว่ามีเกราะรบขั้นสี่ ท้ งั ชุดคอยปกป้ องร่ างกาย แค่อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ เป็ นไปไม่ได้ที่หมัดจาก
นักพรตบงกทองขั้นหนึ่งเพียงหมัดเดียวจะทําให้เขาเจ็บตัว อาจจะไม่ทาํ ให้เขาสะเทือนเลยสักนิด
ภายใต้การใช้หมัดนี้หยัง่ เชิง ทุกคนไม่ค่อยมัน่ ใจว่าวรยุทธ์ของเหมียวอี้เป็ นอย่างไร หลังจากเหมียวอี้
บรรลุระดับบงกชม่วงขั้นเก้า ก็ปิดบังเรื่ องนี้มาตลอด ไม่กล้าเปิ ดเผย กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็ นเยียนเป่
ยหงคนที่สอง
“เกราะรบขั้นสี่ ท้ งั ชุด!” เหมยซางเดาะลิ้น จ้องตาเป็ นมันเหมือนอยากได้มาก ไม่วา่ ใครก็ดูออกทั้งนั้น
ว่าเกราะรบนี้ไม่ได้สร้างมาจากยาเจี๋ยตันขั้นสี่ แค่เม็ดสองเม็ด
ตอนที่ 902
ลับ ๆ ล่อ ๆ
ลุกลามกลายเป็ นเรื่องใหญ่
เยารั่วเซียนทีท่ าํ เสียเรื่อง
เจดีย์งามวิจติ รเล็ก
จะแสดงบทบู๊แล้ ว
จับตัวประกัน
มีตวั ประกันเยอะเชียวนะ
ตกใจมาก
ฝนตกฟ้าผ่ าล้วนแฝงความเมตตาจากสวรรค์
มึนงงนิดหน่ อย
“ข้าน้อยยินดีขอรับ!” เหมียวอี้รีบเอ่ยรับ
ไม่ใช่วา่ ไม่อยาก! เหมียวอี้ไม่ได้แยแสตําแหน่งประมุขปราสาทเลย ให้ใครเป็ นก็ไม่ให้เป็ น ประเด็น
สําคัญคือให้เขาไปเป็ นลูกน้องของอวิน๋ จือชิว เขารู ้สึกแปลกนิดหน่อย ทําไมรู ้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่
ที่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุอีกรอบล่ะ ตัวเองกลายเป็ นบริ กรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิง่ มู่ฝานจวินเป็ นคน
เตรี ยมการ ทําให้เขารู ้สึกว่ามีบางจุดที่ไม่ชอบมาพากล
เมื่อได้ยนิ เขาตอบตกลงแล้ว มู่ฝานจวินก็พยักเล็กน้อยหน้าอย่างพอใจ “ยังคงเป็ นอย่างที่บอก
ผลประโยชน์ทุกอย่างยังเป็ นของพวกเจ้าสองสามีภรรยา ใครจะเป็ นประมุขปราสาทหรื อใครจะเป็ น
ลูกน้องก็เหมือนกัน เดี๋ยวในภายหลังข้าจะให้รางวัลชดเชยเจ้า”
“ขอรับ!” เหมียวอี้พยักหน้าซํ้า ๆ ไม่รู้วา่ จะให้รางวัลอะไรได้ แต่ภายนอกยังคงเจียดร้อยยิม้ พลางกล่าว
ขอบคุณ “ขอบคุณที่ท่านปราชญ์ช่วยให้สมปรารถนา!”
เรื่ องนี้กจ็ บลงอย่างนี้แล้ว มู่ฝานจวินไม่ได้ถามอะไรมากอีก เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ท่านจื่อหยางนัน่
อยูใ่ นมือเจ้าใช่ม้ ยั ?”
“อยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์ของข้าน้อยขอรับ” เหมียวอี้พดู จบก็เรี ยกออกมา
“ไม่ตอ้ งแล้ว!” มู่ฝานจวินยกมือห้าม” ส่ งตัวให้อวิน๋ อ้าวเทียนแล้วกัน นี่คืออีกเรื่ องที่จะให้เจ้าไป
จัดการ”
ตั้งแต่ที่เฟิ งเป่ ยเฉินมาถึงแดนโพ้นสวรรค์แล้วไม่เอ่ยถึงเรื่ องเยารั่วเซียนสักคํา เหมียวอี้กเ็ ดาออกแล้วมู่
ฝานจวินก็ไม่ตอ้ งการเยารั่วเซี ยนเหมือนกัน ตอนนี้กพ็ บว่าเป็ นอย่างนั้นจริ ง ๆ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่ามู่
ฝานจวินจะส่ งต่อหายนะไปให้นภาจอมมาร
สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้เข้าใจอย่างแท้จริ งแล้ว ว่าเยารั่วเซี ยนไม่อาจลงหลักปั กฐานที่พิภพเล็กได้อีกต่อไป
ถ้าปล่อยไว้กม็ ีแต่จะตายสถานเดียว ไม่มีหกปราชญ์คนไหนย่อมปล่อยเขาไป
“ขอรับ! ข้าน้อยจะนําเขาไปส่ งให้นภาจอมมารเดี๋ยวนี้! หากท่านปราชญ์ไม่มีอะไรจะกําชับแล้ว
ข้าน้อยขอตัวอําลา!”
“ไม่จาํ เป็ นต้องไปนภาจอมมาร ถ้าเจ้าไปตอนนี้ ถึงตอนนั้นถ้าอวิน๋ อ้าวเทียนได้คนไปแล้วไม่ยอมรับ
คนอื่นก็นึกว่าข้าซ่อนคนเอาไว้น่ะสิ ต่อให้มีเป็ นร้อยปากก็อธิบายไม่ได้ รออยูท่ ี่นี่แล้วกัน คาดว่าอีก
ไม่กี่วนั ตะแก่พวกนั้นก็คงจะมาถึง ถึงตอนนั้นก็ส่งมอบคนให้อวิน๋ อ้าวเทียนต่อหน้าทุกคน”
เหมียวอี้หวั ใจกระตุกวูบ ทําแบบนี้เท่ากับไม่เหลือทางรอดไว้ให้เยารั่วเซียนเลย แต่กท็ าํ ได้เพียงเอ่ยรับ
หลังจากได้รับคําสัง่ จากมู่ฝานจวิน เหมียวอี้กข็ อตัวออกจากตําหนักเก้าชั้นฟ้ า แล้วโบกมือบอกพวก
ท่านทูตที่รออยูด่ า้ นนอก “ท่านปราชญ์ให้พวกเจ้าไปเข้าพบ”
กลุ่มท่านทูตเดินเข้าตําหนักทันที ส่ วนเหมียวอี้กร็ ออยูด่ า้ นนอก ถือโอกาสตอนไม่มีใครสนใจส่ ง
สายตาให้เยว่เหยา
เยว่เหยาเข้าตําหนักไปพบมู่ฝานจวินทันที หลังจากออกมา ก็เรี ยกเหมียวอี้ “ประมุขปราสาทเหมียว”
เหมียวอี้กา้ วขึ้นมากุมหมัดคารวะทันที “คุณชายหกมีอะไรจะกําชับขอรับ?”
“ตามข้ามานี่หน่อย” เยว่เหยาที่สวมชุดกระโปรงสี ขาวเอ่ยเรี ยก แล้วดึงหงเฉิ นเหาะออกไปด้วยกัน
เหมียวอี้เหาะตามไปทันที
พวกอันหรู อวี้แค่มองมาสองสามครั้ง และไม่ได้สนใจอะไร คิดว่ามู่ฝานจวินคงสัง่ ให้พวกเขาไปทํา
อะไรบางอย่าง
เยว่เหยากับหงเฉินพักอยูด่ ว้ ยกัน อยูบ่ นภูเขาลูกเดียวกัน อยูใ่ นตําหนักที่งดงามราวกับวิมานหยก
สิ่ งของที่จดั วางไว้ลว้ นเป็ นของที่งดงามประณี ตและหาพบได้นอ้ ยในโลกนี้ เหมียวอี้ไม่มีอารมณ์จะมา
ชื่นชมสภาพแวดล้อมของที่นี่ เพียงแต่ใช้สายตาสื่ อสารกับเยว่เหยา
เยว่เหยาเข้าใจที่เขาสื่ อ จึงไล่ให้ลูกน้องออกไป แล้วเข้ามาคล้องแขนเหมียวอี้ “พี่ใหญ่ ทําไมท่านถึงก่อ
เรื่ องใหญ่ขนาดนี้ ท่านอาจารย์ไม่ได้ทาํ อะไรท่านใช่ม้ ยั ?”
“ไม่มีอะไร แค่ไม่ได้เป็ นประมุขปราสาทแล้ว ไม่ตอ้ งพูดเรื่ องนี้หรอก” เหมียวอี้มองเทพธิดาหงเฉินที่
อยูข่ า้ ง ๆ แวบหนึ่ง แต่ไม่ได้หลบเลี่ยงนาง เพราะรู ้วา่ ทั้งสองเป็ นพวกเดียวกัน เขาใช้มือสองข้าง
ประคองไหล่ของเยว่เหยา พร้อมาถามว่า “เจ้าสาม พี่ใหญ่ขอถามเจ้าอย่างจริ งจังสักครั้ง ถ้าพี่ใหญ่กบั
อาจารย์ของเจ้าเกิดขัดแย้งอะไรกัน เจ้าจะยืนอยูฝ่ ่ ายไหน?”
เทพธิดาหงเฉิ นตะลึงงัน หันหน้าช้า ๆ ไปมองทั้งสองคน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เยว่เหยาก็ยงิ่ ตกใจไม่เบา ดวงตางามสดใสเบิกโพลงทันที ถามอย่างรู ้สึกเหลือเชื่อว่า “พี่ใหญ่ ทําไม
ท่านถึงพูดแบบนี้ออกมาล่ะ? ท่านอยากทรยศแดนเซี ยนไปพึ่งพาแดนมารเพื่อฮูหยินคนนั้นใช่ม้ ยั ?”
สองไหล่สนั่ เทิ้ม ใช้มือปั ดของเขาที่อยูบ่ นบ่าตัวเองออก แล้วส่ ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่ตอบตกลง
หรอก!”
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “เจ้าสาม เจ้าอย่านอกเรื่ องไปไกล ไม่เกี่ยวกับพี่สะใภ้ของเจ้า ข้าแค่อยากถามเจ้าสัก
คํา ถ้าพี่ใหญ่พาเจ้าออกไปจากที่นี่ เจ้าจะยอมไปหรื อเปล่า?”
“ไปที่ไหน?” เยว่เหยาถาม
“เจ้าไม่ตอ้ งสนใจหรอกว่าจะไปที่ไหน พี่ใหญ่จะดูแลเจ้าอย่างดีแน่นอน”
“พี่ใหญ่ ท่านคิดจะทําอะไรกันแน่? ถ้ามีขา้ อยู่ ท่านอาจารย์กไ็ ม่ทาํ อะไรท่านหรอก”
เหมียวอี้เริ่ มร้อนใจนิดหน่อย ถามเสี ยงตํ่าว่า “เจ้าสาม อย่าบอกนะว่าเจ้าดูไม่ออก? อาจารย์เจ้าใช้เจ้า
เพื่อบีบจุดอ่อนข้ามาตลอด ถ้าเจ้าอยูท่ ี่นี่ขา้ ก็ทาํ อะไรได้ไม่เต็มที่ ไปกับข้าเถอะ!”
เยว่เหยามองเทพธิดาหงเฉินอย่างกังวลมาก อยูด่ ี ๆ เหมียวอี้กจ็ ะให้นางทรยศอาจารย์ตวั เอง ทําให้นาง
ทําอะไรไม่ถูกเลย
“เจ้าทิ้งศิษย์พี่หญิงของเจ้าไม่ลงใช่ม้ ยั ?” เหมียวอี้หนั ไปมองเทพธิดาหงเฉิ น” หงเฉิ น ถึงอย่างไรเจ้าอยู่
ที่นี่กไ็ ม่สมปรารถนาอยูแ่ ล้ว ไม่สูไ้ ปกับข้าดีกว่า ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ดว้ ยกัน เจ้าช่วยเกลี้ยกล่อม
เจ้าสามหน่อย”
“ข้าอยูท่ ี่ไหนก็เหมือนกันนัน่ แหละ” เทพธิดาหงเฉินเดินลากกระโปรงยาวเข้ามาเบา ๆ ถอนหายใจ
แล้วบอกว่า “เหมียวอี้ ฝั่งหนึ่งก็อาจารย์ ฝั่งหนึ่งก็พี่ชาย อาจารย์ดูแลนางอย่างดีมาตั้งแต่ยงั เด็ก เจ้าจะให้
นางตัดสิ นใจเลือกได้อย่างไร ถ้าเปลี่ยนเป็ นข้า ก็คงจะเลอะเลือนตามเจ้าไปไม่ได้เหมือนกัน”
เยว่เหยาพยักหน้า “พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์ดูแลข้าอย่างดี ข้าทรยศนางไม่ได้หรอก พี่ใหญ่ ท่านไม่พอใจที่
ท่านอาจารย์ถอดท่านออกจากตําแหน่งประมุขปราสาทเหรอ? พี่ใหญ่ ท่านไม่ตอ้ งห่วงนะ รอให้
อาจารย์หายโกรธก่อน ข้าจะไปขอร้องให้ ให้ท่านกลับไปอยูใ่ นตําแหน่งเดิม ถ้ามีท่านอยู่ อาจารย์กไ็ ม่
กลัน่ แกล้งท่านหรอก”
พอเหมียวอี้ได้ฟังคําตอบของนาง ก็รู้วา่ นางไม่สามารถตัดสิ นใจเลือกระหว่างเขากับมู่ฝานจวินได้ รู ้วา่
พูดไปตอนนี้กไ็ ม่มีประโยชน์อะไร
แล้วจู่ ๆ ก็ไม่รู้วา่ เพราะอะไร เขาที่แน่วแน่กล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ งพลันรู ้สึกห่อเหี่ ยวใจ ใช้
สองมือปิ ดหน้า ค่อย ๆ นัง่ ยอง ๆ ลงบนพื้น แล้วก้มหน้าเงียบงันอยูน่ านมาก
เทพธิดาหงเฉิ นขมวดคิ้วเล็กน้อย รู ้สึกได้วา่ บนตัวของผูช้ ายคนนี้เต็มไปด้วยความจนใจ
เยว่เหยาเริ่ มกลัวแล้ว นางนัง่ ย่อเข่าบนพื้น ใช้มือประคองแผ่นหลัง พลางถามอย่างกังวลว่า “พี่ใหญ่
ท่านคิดจะทําอะไรกันแน่? เกิดเรื่ องอะไรขึ้นกันแน่? ท่านอย่าทําให้ขา้ ตกใจสิ !”
เหมียวอี้ถอยหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ใช้สองมือถูหน้าตัวเองอย่างแรง จากนั้นก็เผยรอยยิม้ สดใสพลางลุก
ขึ้นยืน ยืน่ มือใบลูบใบหน้าเยว่เหยาที่ลุกขึ้นยืนตามเขา พลางกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ไม่มีอะไรหรอก
ข้าก็พดู ไปเรื่ อยเปื่ อย พี่ใหญ่ไม่ฝืนใจเจ้าหรอก ตราบใดที่เจ้าอยูท่ ี่นี่แล้วรู ้สึกมีความสุ ขก็ดีแล้ว”
โดนเขาลูบใบหน้าแบบนี้ เยว่เหยาก็หน้าแดงนิดหน่อย เชิดปากพูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านบอกแล้วว่าจะ
แต่งงานกับข้าและศิษย์พี่หญิง ถ้าท่านแต่งงานกับพวกเราสองคนแล้ว พวกเราก็จะตามท่านไปได้อย่าง
สง่าผ่าเผย!”
เทพธิดาหงเฉินพูดไม่ออก เอามือลูบหน้าผากนางเบา ๆ อย่างจนใจ
เหมียวอี้เองก็พดู ไม่ออก เจ้าเด็กคนนี้เอาแต่คิดเรื่ องนี้อยูเ่ สมอ จึงหัวเราะแห้ง ๆ พร้อมบอกว่า “เลิกพูด
ไร้สาระได้แล้ว พี่ใหญ่แต่งงานกับพี่สะใภ้เจ้าแล้วนะ เออใช่ ทําไมข้าได้ยนิ พี่สะใภ้บอกว่าเจ้าทําตัวไม่
เป็ นมิตรกับนางตลอดเลย มันเรื่ องอะไรกันแน่?”
เยว่เหยาทําสี หน้าเย็นชาทันที “นางไม่ใช่พี่สะใภ้ขา้ ข้าไม่ยอมรับ”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ “นี่เป็ นงานสมรสที่อาจารย์เจ้าประทานให้เองเลยนะ ถ้าเจ้าไม่พอใจก็ไปต่อว่า
อาจารย์เจ้าสิ ”
“พี่ใหญ่ ท่านเล่นลูกไม้กบั ข้าใช่ม้ ยั ?”
“ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว!” เหมียวอี้ปัดมือที่นางชี้เข้ามา แล้วหันตัวไปบอกเทพธิดาหงเฉิ น “หาห้องเงียบ ๆ
สักห้อง เราไปคุยกันเป็ นการส่ วนตัวสักหน่อย”
เทพธิดาหงเฉินอึ้งไปชัว่ ขณะ จากนั้นก็พยักหน้าทันที ดึงกระโปรงเดินนําไปข้างหน้า เหมียวอี้เดินตาม
ไปทันที
เยว่เหยาเดินตามอยูห่ ลังสุ ด “พี่ใหญ่ ท่าจะทําอะไร?”
“ศิษย์พี่เจ้าสวยขนาดนี้ ข้าก็ตอ้ งไปคุยเกี้ยวพาราสี ศิษย์พี่เจ้าสักหน่อยสิ !” เหมียวอี้พดู หยอก
หงเฉินเอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ ใจ แล้วพาเหมียวอี้ไปยังห้องสมาธิฝึกตนที่ใช้เป็ นประจํา
พอปิ ดประตูหิน เยว่เหยาที่ถูกกั้นให้อยูข่ า้ งนอกก็กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด
หลังจากในห้องสมาธิเหลือแค่พวกเขาสองคน หงเฉิ นก็กล่าวพร้อมรอยยิม้ บาง ๆ “เรื่ องอะไร ทําไม
ต้องคุยกันส่ วนตัว?”
“ข้าประสบปัญหาแล้ว เจ้าจะช่วยข้าสักหน่อยได้ม้ ยั ?” เหมียวอี้กลับถ่ายทอดเสี ยง…
พอประตูหินเปิ ดออก ตอนที่ท้ งั สองเดินออกมาอีกครั้ง แววตาของหงเฉิ นก็จริ งจังเคร่ งขรึ มขึ้นหลาย
ส่ วน เยว่เหยาเข้ามากอดแขนนางทันที อยากรู ้อยากเห็นแทบแย่แล้ว “ศิษย์พี่หญิง พวกท่านคุยอะไรกัน
เหรอ?”
“พี่ชายเจ้าชอบข้า!” หงเฉินยิม้
เยว่เหยาไม่เชื่อ จึงมองไปทางเหมียวอี้ “จริ งหรื อเปล่า?”
“ศิษย์พี่เจ้าปฏิเสธข้า!” เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน
เยว่เหยาพูดค่อนขอด “โกหก!” จากนั้นก็ถามอีกว่า “จริ งหรื อโกหกคะ?”
หลังจากนั้นครึ่ งชัว่ ยาม เทพธิดาหงเฉินก็ปรากฏตัวอยูใ่ นป่ าลึกนอกแดนโพ้นสวรรค์ บังเอิญเจอกับ
พวกอวิน๋ เป้ าและพวกทะเลดาวนักษัตรที่กาํ ลังรอเหมียวอี้พอดี
ถึงแม้ทุกคนจะรอเหมียวอี้ แต่กลับรู ้จกั แยกแยะชัดเจน ต่างคนต่างยืนคนละฝั่ง ความสัมพันธ์ของสอง
ฝ่ ายไม่ได้ดีสกั เท่าไร
“พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่?” หงเฉินตะคอก
อวิน๋ เป้ าหัวเราะร่ า ไม่ตอบคําถามนาง แต่หนั ซ้ายหันขวาแล้วพูดหยอกล้อ “อย่าว่าไปเชียว เวลามู่ฝานจ
วินรับลูกศิษย์ แต่ละคนนี่เป็ นยอดหญิงงามในโลกมนุษย์ เห็นแล้วนํ้าลายไหล”
บรรดาท่านทูตของแดนมารหัวเราะลัน่ ฝ่ ายทะเลดาวนักษัตรก็มีคนขําเบา ๆ เช่นกัน สายตาจ้องอยูบ่ น
ตัวหงเฉิ นอย่างกําเริ บเสิ บสาน
หงเฉิ นขมวดคิ้วเดินมาอยูต่ รงหลางระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม แล้วเตือนว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่อยูข่ องพวกเจ้า
รี บออกไปซะ ถ้ายัว่ ให้อาจารย์โมโห พวกเจ้าได้รับบทเรี ยนกลับไปแน่”
เหมือนจะไม่อยากคลุกคลีอยูก่ บั คนสกปรกพวกนี้นาน พอเตือนเสร็ จก็หนั หน้าเดินออกไปเลย ทําให้
ผูช้ ายกลุ่มนี้แอบหัวเราะ
หลังจากรออยูค่ รู่ หนึ่ง ฝูงชิงที่อยูฝ่ ่ ายทะเลดาวนักษัตรกลับอาศัยต้นไม้ใหญ่พรางตัว แอบลงจากเขาฝั่ง
นี้อย่างเงียบ ๆ หนีออกมาอย่างไร้สุม้ เสี ยงไม่นานก็มาถึงหุบเขาอีกแห่ง จากนั้นเหลียวซ้ายแลขวามอง
ไปรอบ ๆ
ที่ดา้ นหลังภูเขาหิ นลูกหนึ่ง เงาร่ างของเทพธิดาหงเฉินวนออกมา นางไม่ได้พดู อะไรทั้งนั้น เพียงโบก
มือนําแผนหยกแผ่นหนึ่งขว้างออกมา
ฝูชิงรับมาไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่หลังจากอ่านเนื้อหาในนั้นแล้ว ก็ทาํ ท่าครุ่ นคิด…
เหมียวอี้มาที่แดนโพ้นสวรรค์เป็ นครั้งแรก ย่อมบอกเยว่เหยาว่าอยากจะออกไปเดินเล่นดูสกั หน่อย
ด้วยฐานะของเยว่เหยาไม่สะดวกจะไปเดินเล่นเป็ นเพื่อน แต่ถา้ ไม่ไปด้วยก็กลัวว่าเหมียวอี้จะบุกไปยัง
สถานที่ที่ไม่ควรล่วงลํ้า จึงให้หลันรั่วหญิงรับใช้ของตัวเองไปเป็ นเพื่อน
ไม่ตอ้ งพูดถึงทิวทัศน์อนั งดงามของแดนโพ้นสวรรค์เลย เป็ นสวรรค์บนโลกมนุษย์อย่างแท้จริ ง พื้นที่
ของหนึ่งภูเขาซ่อนธรรมชาติเอาไว้สี่ฤดู มีน้ าํ ตกลําธารใส ภูเขาสู งปกคลุมไปด้วยหิ มะ ในหุบเขา
ละลานตาไปด้วยมวลหมู่ดอกไม้ เหล่าวิหคร้องขับขาน ศาลาที่อยูโ่ ดยรอบปรากฏให้เห็นราง ๆ
“ช่างเป็ นสถานที่ที่งดงาม!” เหมียวอี้กล่าวชมมาตลอดทาง พอเดินมาถึงริ มหน้าผาของซอกเขาแห่ง
หนึ่ง เขาทอดสายตามองด้วยสี หน้าผ่อนคลาย
ข้างกายมีตน้ สนเขียวชอุ่มหลายต้น พุม่ ใบของมันกําลังปะทะลมสู ห้ มอก ด้านล่างของหน้าผามี
กระแสนํ้าไหลเชี่ยวกราก ล้วนเป็ นนํ้าที่ละลายจากหิ มะบนภูเขา มีไอหมอกกระเพื่อมขึ้นมา
หลันรั่วกําลังแนะนําสถานที่ เหมียวอี้เพิ่งจะยืน่ หน้ามองลงไปด้านล่างหน้าผา แต่จู่ ๆ ก็มีเงาสี ดาํ พุง่
พรวดขึ้นมาจากด้านล่าง สับฝ่ ามือไปที่เหมียวอี้อย่างบ้าคลัง่
หลันรั่วกับเหมียวอี้ตกใจมาก รี บหนีอย่างรวดเร็ ว แต่ผทู ้ ี่มาเคลื่อนไหวเร็ วเกินไป ทั้งยังพุง่ เป้ าไปที่
เหมียวอี้ เหมียวอี้หนีไม่ทนั โบกมือโจมตีกลับภายใต้ความตื่นตะหนก
บึ้ม! เกิดเสี ยงดังสะเทือน หน้าผาพังทลาย “อั้ก” เหมียวอี้กระอักเลือกสดออกมาคําหนึ่ง โดนฝ่ ามือสับ
จนตกลงไปพร้อมกับหน้าผาถล่ม คนชุดดําที่ปิดบังใบหน้ากระโดดตามลงไป
ตอนที่ 917
หกปราชญ์
ก่ อกวน
ถือกระบี่เล่นหมากล้ อม
ทําสี หน้าดี ๆ ได้กแ็ ปลกแล้ว! นางสะบัดกระโปรงยาว นัง่ ลงข้างกายเหมียวอี้ที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิ แล้ว
ถามว่า “คิดหาทางพาน้องสาวเจ้าออกไปจากข้างกายมู่ฝานจวินได้ม้ ยั ?”
“…” เหมียวอี้ตะลึงนิดหน่อย แล้วถามหยัง่ เชิงอย่างค่อนข้างลําบากใจ “ไปแดนโพ้นสวรรค์มาครั้งนี้…
เจ้าสามทําให้เจ้าไม่พอใจอีกแล้วเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวเอียงตัวทันที หนุนศีรษะไว้บนไหล่ของเขา ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เอาแต่โดนมู่ฝานจวิ
นบีบจุดอ่อนแบบนี้ ข้าเริ่ มจะทนไม่ไหวแล้ว”
เครื่ องประดับเกะกะบนศีรษะนางจิ้มจนเหมียวอี้ไม่สบายหน้าและคอ เขาเอียงหน้าพลางถอนหายใจ
แล้วบอกว่า “ทําไมข้าจะไม่อยากทําล่ะ แต่มู่ฝานจวินเหมือนจะแน่ใจแล้วว่าข้าพานางไปไม่ได้ หากมี
ความเป็ นไปได้แม้เพียงนิดเดียว มู่ฝานจวินคงคงไม่หละหลวมกับนางแบบนี้หรอก ครั้งก่อนที่อยูแ่ ดน
โพ้นสวรรค์ ข้าถึงขั้นเกิดอารมณ์ชวั่ วูบอยากจะจับตัวนางไปเสี ยเลย มู่ฝานจวินนัน่ ไม่ธรรมดา เจ้าอย่า
ไปมองนะว่านางเป็ นแค่ผหู ้ ญิง ข้าไม่รู้เลยจริ ง ๆ ว่ามู่ฝานจวินยังเหลือแผนสํารองอะไรไว้อีก ข้ากลัว
เจ้าสามจะติดร่ างแหไปด้วย เลยไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่าม ทําไมล่ะ มู่ฝานจวินกลัน่ แกล้งเจ้าเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวลุกนัง่ ตัวตรง มองเขาแล้วพยักหน้าแรง ๆ “แค่กลัน่ แกล้งซะที่ไหนล่ะ นางทําให้ขา้ โมโห
จนแทบทนไม่ไหว นางให้ขา้ เป็ นท่านทูตสายมะโรง”
“…” เหมียวอี้เบิกตาโพลงครู่ หนึ่ง “นายท่านประมุขปราสาท นี่เจ้าไม่ได้ลอ้ เล่นใช่ม้ ยั ? จริ งหรื อ
หลอก?”
“จริ งสิ คาดว่าคงจะได้รับตําแหน่งเร็ ว ๆ นี้”
“เหอะ ๆ ! เถ้าแก่เนี้ย ถึงแม้พวกเราจะไม่สนใจตําแหน่งนี้ แต่เหมือนจะไม่ใช่เรื่ องแย่อะไรนะ! มีอะไร
น่าโมโห?”
อวิน๋ จือชิวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาเกยบนบ่าเขา บิดหูเขาอย่างยัว่ โมโห แล้วเดาะลิ้นพูดว่า “เจ้ายังลิ้มลอง
รสชาติของประมุขปราสาทไม่ถึงอกถึงใจ ยังอยากจะลิ้มลองรสชาติของท่านทูตด้วยใช่ม้ ยั ล่ะ?” เมื่อ
พูดถึงเรื่ องนี้… รสนิยมของท่านสามีกท็ าํ ให้นางหน้าแดงนิดหน่อย ท่านสามีเหมือนจะมีรสนิยมแบบ
นี้ ชอบที่จะอาศัยฐานะความเป็ นลูกน้องของตัวมาสยบผูบ้ งั คับบัญชาอย่างนาง แล้วต้องทําในสถานที่
ที่พิสูจน์ฐานะของนางด้วย พอนึกถึงภาพนั้นแล้วรู ้สึกเสี ยหน้าจริ ง ๆ
ตอนที่นางไม่พดู ก็ยงั ดี ๆ อยู่ แต่พอพูดแบบนี้ เหมียวอี้กอ็ ดไม่ได้ที่จะกวาดมองนางตั้งแต่ศีรษะจดเท้า
ด้วยสายตาชัว่ ร้าย
“เชอะ! คิดไปถึงไหนแล้ว” อวิน๋ จือชิวเชิดใส่ แล้วผลักหน้าเขาออกไป จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วหมอบ
ลงบนบ่าเขาอีก
เหมียวอี้ยนื่ มือไปโอบเอวบางของนาง แล้วถามว่า “เป็ นอะไรไป? ก็แค่เป็ นท่านทูตเอง แค่ไปรับ
ตําแหน่งสิ้ นเรื่ อง ข้าไม่อิจฉาหรอก ถ้าเจ้าแย่งตําแหน่งของมู่ฝานจวินได้ขา้ ก็ยงิ่ ดีใจ” เวลาผ่านไปนาน
ขนาดนี้ ความรู ้สึกหดหู่ยามสู ญสิ้ นอํานาจก็ผา่ นไปแล้วเช่นกัน
“ไม่ใช่เรื่ องนี้”
“แล้วเรื่ องไหนล่ะ?”
“ข้าอยากจะซ้อมเจ้าสักยก ให้ขา้ ซ้อมเจ้าสักยกได้ม้ ยั ?”
เหมียวอี้สีหน้าบึ้งตึงทันที รู ้วา่ ผูห้ ญิงคนนี้ทาํ เรื่ องแบบนี้ได้จริ ง ๆ จึงเตือนว่า “อวิน๋ จือชิว มารดาเจ้า
เถอะ เจ้าเป็ นบ้ารึ เปล่า ข้าไม่ได้ไปยัว่ โมโหอะไรเข้าใช่ม้ ยั ?”
นิ้วงามนิ้วหนึ่งจิ้มที่หน้าผากของท่านขุนนางเหมียว “ไม่มีมโนธรรม ตอนนี้รังเกียจที่ขา้ เป็ นคนบ้าซะ
แล้วเหรอ ตอนเปิ ดกระโปรงข้า ถอดกางเกงข้า ทําไมไม่รังเกียจที่ขา้ เป็ นคนบ้าบ้างล่ะ?”
เรื่ องบางเรื่ องแค่ทาํ ก็พอแล้ว พูดออกมาแล้วน่าอาย เหมียวอี้ถามอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้า
เป็ นฮูหยินของข้า ถ้าไม่ให้เปิ ดกระโปรงเจ้าแล้วจะให้เปิ ดกระโปรงใคร?”
“อย่ามาไม้น้ ีเลย! ลองไปถามเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ หรื อไม่กล็ องไปถามฝาแฝดคู่น้ นั ดูสิ? ใครจะไปรู ้วา่
เจ้ายังมีผหู ้ ญิงคนอื่นปิ ดบังข้าอีกรึ เปล่า”
เหมียวอี้หน้ามืดหน้าดําทันที “ถ้าพูดเรื่ องฝาแฝดอีก ข้าจะแตกคอกับเจ้าแล้วนะ!”
“ก็ได้ ๆ ๆ ไม่พดู ถึงพวกนางแล้ว ข้าจะจําไว้ เจ้าไม่ให้ขา้ พูดเองนะ!” อวิน๋ จือชิวเงยหน้ามองเขา แล้ว
หมอบบนบ่าเขาพร้อมบ่นต่อไป “หนิวเอ้อร์ ข้ารู ้วา่ เจ้ารักข้า เวลาข้าหาเรื่ องโดยไร้เหตุผล เจ้าก็เลยไม่
ถือสาข้า เจ้าไม่รู้หรอก ทุกครั้งหลังจากที่ขา้ หาเรื่ องแล้วเจ้ายอมข้า ในใจข้ารู ้สึกดีมากนะ ต่อให้เป็ นใน
ฝันก็มีความสุ ข แต่ขา้ ก็กลัวมาก… หนิวเอ้อร์ จะมีวนั ไหนที่เจ้าจะเลิกชอบข้ารึ เปล่า?”
“ไม่มีทาง!” มือของเหมียวอี้ไหลจากเอวลงไปที่บ้ นั ท้าย
“จริ งเหรอ?”
“จริ งจนไม่รู้จะจริ งยังไงแล้ว!”
“งั้นข้าก็จะลองดู!” อวิน๋ จือชิวบอกเขาก่อน เหมียวอี้ที่มือไม้กาํ ลังซุกซนยังไม่ทนั รู ้วา่ อะไรเป็ นอะไร
มือของผูห้ ญิงคนนี้กย็ า้ ยจากแผ่นหลังขึ้นมาดึงมวยผมเหมียวอี้แล้ว ดึงจนเขาตกลงมาจากเตียง แล้วไม่
พูดพรํ่าทําเพลง ควงหมัดยกเท้าซ้อมเขาไปยกหนึ่ง
เหมียวอี้กาํ ลังโดนซ้อมจนล้มลุกคลุกคลาน คํารามอย่างบ้าคลัง่ ว่า “นางผูห้ ญิงบ้า เจ้าบ้าไปแล้ว…”
ปั้ ง ๆ ! ตุบ้ ตั้บ! โครม…
อวิน๋ จือชิวเหมือนระบายความโกรธแค้นจริ ง ๆ ออกแรงเพิม่ ทั้งเท้าทั้งหมัด ซ้อมไปพลางด่าไปพลาง
“ข้าให้เจ้ายํา่ ยีดอกไม้ ข้าให้เจ้ายํา่ ยีดอกไม้ริมทางไปทัว่ เลย…”
“ฮูหยิน!” ประตูหอ้ งสมาธิเปิ ดออก เชียนเอ๋ อร์ที่พรวดพราดเข้ามาร้องอุทาน
อวิน๋ จือชิวเอียงหน้ามองแวบหนึ่ง แล้วเตะเหมียวอี้อีกครั้งก่อนจะหยุด
เหมียวอี้กระโดดลุกขึ้น แล้วจ่อหมัดไปที่หน้าของอวิน๋ จือชิว
อวิน๋ จือชิวไม่หนีไม่หลบ ยืน่ ใบหน้างามเข้ามารับทันที เป็ นฝ่ ายเสนอหน้าให้เขาชก
“เจ้า…” หมัดแทบจะลงบนหน้านาง แต่กลับหยุดค้างเสี ยดื้อ ๆ ท่านขุนนางเหมียวแยกเขี้ยวยิงฟันทําสี
หน้าดุร้าย แล้วจู่ ๆ หมัดก็เปลี่ยนเป็ นยืน่ นิ้ว ชี้นิ้วจ่อจมูกนาง “ไม่มีทางอยูก่ นั ดี ๆ ได้หรอก ข้าจะเลิก
กับเจ้า!”
อวิน๋ จือชิวยิม้ ยัว่ เย้า แล้วจู่ ๆ ก็เข้ามากอดจูบเขาอย่างแรงทีหนึ่ง เหมียวอี้ที่โดนจู่โจมผลักนางออก ยก
มือเช็กตรงที่โดนนางจูบ ทําเหมือนขยะแขยงสุ ด ๆ
อวิน๋ จือชิวที่เซไปข้างหลังไม่สนใจ กลับเป็ นการกวาดล้างความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ทิ้งไปเสี ยด้วยซํ้า
นางมองเขาอย่างออเซาะ ในแววตาเต็มไปด้วยความหวานปานนํ้าผึ้ง อารมณ์เปลี่ยนเป็ น
กระปรี้ กระเปร่ าแล้ว นางหันตัวมองไปทางเชียนเอ๋ อร์ที่เดินเข้ามา แล้วถามว่า “มีอะไร?”
เชียนเอ๋ อร์มองทั้งสองด้วยสายตาสงสัยนิดหน่อย แล้วตอบว่า “ฮูหยิน เชิญประมุขตําหนักฉิ นมาแล้ว
ค่ะ”
อวิน๋ จือชิวรี บไปช่วยจัดเสื้ อของเหมียวอี้ให้เรี ยบร้อย ที่เพิง่ ลงมือเมื่อครู่ น้ ีจากไม่ได้ตบหน้าเขา แต่เขาก็
ยังไม่รับไมตรี ตะคอกอย่างโมโหว่า “ไสหัวไป!”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็เอียงศีรษะบอกใบ้ให้เชียนเอ๋ อร์ไปช่วยเขาจัดเสื้ อผ้า ส่ วนนางก็จดั
กระโปรงตัวเอง ตอนลงมือเมื่อครู่ น้ ีทาํ ให้เสื้ อผ้าไม่เป็ นระเบียบ
หลังจากทั้งสองจัดแจงเสื้ อผ้าเรี ยบร้อย อวิน๋ จือชิวก็กา้ วขึ้นมาคว้ามือเหมียวอี้ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้
ว่า “หนิวเอ้อร์ อย่าโมโหเลย แขกมาแล้ว ไปพบแขกด้วยกันเถอะ!”
“ไปให้พน้ ! มีแต่ผนี ่ะสิ ที่ไปกับเจ้า!” เหมียวอี้ยงั ไม่หายโมโห
“เอ๋ !” อวิน๋ จือชิวเดาะลิ้น “ยังมาใส่ อารมณ์อีกเหรอ อารมณ์แบบนี้สูก้ บั อารมณ์ตอนดึงกระโปรงข้าได้
เลยนะ!”
เชียนเอ๋ อร์รีบก้มหน้า แสร้งทําเป็ นไม่ได้ยนิ เหมียวอี้แยกเขี้ยวยิงฟัน เกิดความรู ้สึกเหมือนโดนทรมาน
จนยับเยิน อยากจะโผเข้าไปบีบคอผูห้ ญิงคนนี้ให้ตาย
“หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่ากังวลไปเลย เอาอย่างนี้แล้วกัน เราสองคนมาเดิมพันกัน ถ้าข้าชนะแล้ว ต่อไปเจ้าก็
เชื่อฟังข้ามากขึ้นหน่อย ถ้าเจ้าชนะแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าจะทําอะไร ไม่วา่ จะถูกหรื อผิดข้าก็จะตามใจเจ้า
แบบนี้ดีม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวช้อนคางเขาอย่างท้าทาย
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริ งเหรอ?” เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามอย่างแค้นเคือง “เดิมพันอะไร?”
อวิน๋ จือชิวแสยะยิม้ แล้วบอกว่า “เดิมพันสิ่ งที่เจ้าถนัดที่สุด เล่นหมากล้อม!” พูดจบก็สะบัดกระโปรง
เดินสาวเท้าออกไป
“หึ …” เหมียวอี้ช้ ีเงาหลังนาง พร้อมแสยะยิม้ ให้เชียนเอ๋ อร์ เหมือนกําลังบอกว่า ไม่รู้จกั เจียมตัวเลย
ขณะที่มองเหมียวอี้ตามออกไป เชียนเอ๋ อร์กอ็ ึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กไ็ ม่รู้วา่ ควรจะ
พูดอย่างไรดี
ในโถงหลัก ฉิ นเวยเวยกําลังนัง่ รออยูด่ า้ นข้าง อวิน๋ จือชิวที่รีบเดินออกมาหวาดตามองแวบหนึ่ง แล้วยิม้
อย่างแพรวพราว “น้องสาวมาแล้วเหรอ”
“พี่สาว!” ฉิ นเวยเวยรี บลุกขึ้นยืน
ตรงนี้เพิง่ จะพูดจบ เหมียวอี้กต็ ามออกมาแล้ว ดึงแขนอวิน๋ จือชิวพร้อมบอกว่า “อย่าหนีสิ! พูดมาให้
ชัดเจน ที่เดิมพันเมื่อกี้น้ ีเจ้ารักษาคําพูดรึ เปล่า?”
“รักษาคําพูดอยูแ่ ล้ว!” อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองเขา พลางกล่าวอย่างมุ่งมัน่ เด็ดขาด
ฉินเวยเวยยังไม่รู้ชดั ว่าทั้งสองพูดเรื่ องอะไร เหมียวอี้กห็ นั กลับไปตะโกนบอกเสวีย่ เอ๋ อร์แล้ว “วาง
กระดานหมากล้อม!”
ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็กา้ วเข้ามาจูงมือฉิ นเวยเวย พลางกล่าวด้วยรอยยิม้ สนิทสนม “น้องสาวอยูท่ ี่นี่พอดีเลย
มาเป็ นพยานให้พอดี มานี่สิ นัง่ ลงดูดว้ ยกัน!”
พอวางกระดานหมากล้อม พวกเขาก็นงั่ ประจําที่ พอเจอกับการประลองหมากล้อม เหมียวอี้กเ็ หมือน
เปลี่ยนเป็ นคนละคน วางมาดสูงส่ ง กล่าวอย่างลําพองใจว่า “อวิน๋ จือชิว เล่นเป็ นรึ เปล่า เล่นไม่เป็ นก็
ยอมแพ้ อีกประเดี๋ยวถ้าแพ้แล้วอย่ามาอ้างว่าเล่นไม่เป็ นนะ”
อวิน๋ จือชิวเลิกคิ้วเรี ยวงาม พร้อมพูดแดกดัน “เล่นหมากล้อมกับเจ้าน่ะ หลับตาเล่นก็ยงั ชนะเลย ข้าไม่
อยากรังแกคนเล่นหมากล้อมแย่อย่างเจ้าเฉย ๆ หรอก ให้เจ้าลงหมาก่อนยีส่ ิ บตัวเลย!”
“หึ หึ! ให้ขา้ ลงยีส่ ิ บตัวเหรอ? ไม่รู้จกั ประเมินกําลังตัวเอง ช่างโอ้อวดนัก ต้องเดิมพันอย่างยุติธรรม
หน่อยสิ อย่าแพ้แล้วเบี้ยวนะ”
“ใครเบี้ยวก็จอให้คนนั้นออกลูกมาไม่มีรูกน้ !” อวิน๋ จือชิวพูดจบก็รู้สึกว่าพูดผิดไป ไม่วา่ จะด่าอย่างไรก็
เหมือนด่าตัวเอง รี บหันข้างแล้วถ่มนํ้าลายสามครั้ง
เหมียวอี้พดู เหน็บแนมทันที “ขนาดพูดยังพูดไม่คล่องเลย ยังจะมาเล่นหมากล้อมอีก!”
อวิน๋ จือชิวถลึงตาพูดว่า “อย่าเปลืองคําพูดเลย! ข้าให้เจ้าลงก่อน!”
เหมียวอี้เองก็ไม่เกรงใจ คนมันกําลังคันไม้คนั มือ อยากจะทรมานอีกฝ่ ายคืนบนกระดานหมากล้อม พอ
เขาตบหมากลงไปตัวหนึ่ง อวิน๋ จือชิวก็วางหมากตามทันที
ฉินเวยเวยที่อยูข่ า้ ง ๆ กลับอดไม่ได้ที่จะถามเสี ยงอ่อนปวกเปี ยก “พี่สาว ท่านเป็ นหมากล้อมเป็ นเหรอ
คะ?”
อวิน๋ จือชิววางหมากลงไป แล้วมองนางพลางยิม้ อย่างสนิทสนม ถามด้วยนํ้าเสี ยงที่แฝงความหมาย
ลึกซึ้งว่า “เจ้าเดาดูสิ?”
ดวงตาฉิ นเวยเวยฉายแววหวาดระแวงทันที นางไม่กล้าเดา สายตาย้ายไปอยูบ่ นกระดานหมากล้อมเพื่อ
หาคําตอบ ยิง่ ดูกย็ งิ่ กังวลใจ ตอนนี้ประสานสองมือเข้าด้วยกันแล้ว
ผ่านไปไม่นานนัก เหมียวอี้กร็ ะเบิดอารมณ์แล้ว เขาตบโต๊ะพลางด่าฝ่ ายตรงข้ามอย่างบ้าคลัง่ “เจ้าเล่น
หมากล้อมเป็ นหรื อเปล่า เจ้าลงแบบนี้…”
เสี ยงด่าพลันหยุดชะงัก ไม่น่าเชื่อว่าอวิน๋ จือชิวจะชักกระบี่วเิ ศษด้ามหนึ่งออกมา แล้วจ่อไปที่หน้าอก
ของเขาโดยตรง นางเตือนว่า “หนิวเอ้อร์ อย่างเจ้านี่เรี ยกว่าเป็ นโรคอะไร? เจ้าต้องมากําหนดด้วยเหรอ
ว่าข้าต้องลงหมากอย่างไร? คู่ต่อสูบ้ งั คับคู่ต่อสู ้ เจ้าเคยเห็นใครเขาลงหมากกันแบบนี้บา้ ง? เจ้าจะลง
หรื อไม่ลง?”
คมกระบี่จ่อที่ผวิ หนังตรงหน้าอกจนเป็ นแผลแล้ว เหมียวอี้ที่กาํ ลังเจ็บปวดได้สติข้ ึนมาทันที พบว่า
ตัวเองเหมือนจะขาดเหตุผลจริ ง ๆ เขาทําเสี ยงฮึดฮึดนิดหน่อย ผลักกระบี่ที่จ่อตรงหน้าอกออก แล้วลง
หมากอีกตัวด้วยสี หน้าดําครึ้ ม
อวิน๋ จือชิวเก็บกระบี่มาวางยันพื้น แล้วลงหมากตัวหนึ่งโดยไม่คิดอะไร
ผ่านไปครู่ เดียว เหมียวอี้กเ็ ริ่ มแหกปากอีกครั้ง “เจ้า…”
คําพูดค้างอีกแล้ว ดาบในมืออวิน๋ จือชิวกําลังจ่อที่พงุ ของเขา พร้อมกล่าวเสี ยงเรี ยบ “สํารวมนิสยั แย่ ๆ
ไว้หน่อย ข้าไม่ได้ทาํ ผิดกฎ ไม่ได้เล่นลูกไม้อะไรด้วย เจ้าจะเดือดร้อนอะไร? ซื่ อสัตย์หน่อย!” นัง่ ชี้
กระบี่ลงข้างล่าง บอกใบ้ให้เขานัง่ ลงเล่นต่อ
เหมียวอี้เหมือนใบหน้าโดนตะคริ วกิน เขานัง่ ลงอย่างช้า ๆ หลังจากลงมากไปตัวหนึ่ง ก็เหลือบไป
เห็นอวิน๋ จือชิวที่ใช้มือข้างหนึ่งลงหมากด้วยท่าทางสบายใจ ส่ วนมืออีกข้างถือกระบี่แกว่งไปแกว่งมา
ไม่ยอมเก็บ ทําให้เขารู ้สึกพูดไม่ออกนิดหน่อย
ผ่านไปครู่ เดียว เหมียวอี้กอ็ ยากจะพลิกกระดานอีก แต่กโ็ ดนแสงคมกระบี่แวบเข้ามาแทงบนข้อมือ
แทงจนเลือดสดไหลออกมา โดนขัดขวางด้วยวิธีการแข็งกร้าวแล้ว
ใช้เวลาไม่นานเท่าไร ในการเล่นหมากล้อมครั้งนี้ ร่ างกายท่อนบนของเหมียวอี้เต็มไปด้วยรอยแผล
แล้ว โดนกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็ นครั้งแรกที่เคยเห็นคนถือกระบี่เล่นหมากล้อม มือข้างหนึ่งลงหมาก
ส่ วนมืออีกข้างถือกระบี่จิ้มเตือนบนตัวเขา
ไม่ใช่แค่บนกระดานหมากล้อม แม้แต่บนร่ างกายก็ยบั เยินจนทนมองไม่ไหว ขนาดเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่
เอ๋ อร์ยงั ทําใจไม่ได้ที่จะมองตรง ๆ
อวิน๋ จือชิวแสยะยิม้ อยูเ่ สมอ ทําให้เหมียวอี้เริ่ มเหงื่อซึมเต็มศีรษะ ส่ วนฉินเวยเวยที่ดูอยูข่ า้ ง ๆ ก็รู้สึกพะ
ว้าพะวงเหมือนนัง่ อยูบ่ นพรมเข็ม คอยแอบมองอวิน๋ จือชิวอยูเ่ ป็ นระยะ ทําท่าทางเหมือนกินปูนร้อน
ท้อง
ตอนที่ 924
รัวดาบฟันเชือก
“ไม่ตอ้ งร้องไห้แล้ว!”
ใต้ศาลา รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ หยางชิ่งใช้มือช่วยเช็ดหยดนํ้าตาที่เหมือนเม็ดไข่มุก
ให้ฉินเวยเวย พร้อมกล่าวอย่างสงสารว่า “ลูกสาวเติบโตแล้ว สุ ดท้ายก็ไม่อาจอยูข่ า้ งกายพ่อไปทั้งชีวติ
ได้ ความรู ้สึกของพ่อซับซ้อนมากจริ ง ๆ ! เวยเวย ไม่วา่ จะแต่งงานหรื อไม่แต่งงาน แต่การเป็ นมนุษย์
นั้นไม่ง่าย การทําเรื่ องต่าง ๆ ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ในเมื่อเจ้าตัดสิ นใจเลือกแล้ว เจ้าก็ควรจะทําความเข้าใจ
ให้ชดั เจนว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าเจ้าอยากจะอยูใ่ ช้ชีวติ ร่ วมกับเขา ก็ใช่วา่ แต่งงานกับเขาแล้วทุก
อย่างจะง่ายดายขนาดนั้น บนโลกใบนี้ ไม่วา่ เราจะอยากได้อะไร ก็ลว้ นมีราคาที่ตอ้ งจ่ายทั้งนั้น สิ่ งที่
ต้องจ่ายไปอาจจะเป็ นความเหน็ดเหนื่อย ความเจ็บปวดรวดร้าวใจ ถ้าอยากได้มาโดยไม่เปลืองแรง จุด
จบจะต้องอนาถมากแน่นอน! ดังนั้นถ้าอยากอยูก่ บั เขาไปนาน ๆ ก็ตอ้ งคว้าหัวใจเขาให้ได้ ถ้าใจเขา
ไม่ได้อยูท่ ี่เจ้า ต่อให้เจ้าได้แต่งงานกับเขาแล้วยังไงล่ะ? ถ้าเป็ นเพียงความสมัครใจของเจ้าฝ่ ายเดียว ก็จะ
ไม่เกิดผลลัพธ์อย่างที่เจ้าเฝ้ าหวังเด็ดขาด การเป็ นลูกสาวกับการเป็ นผูห้ ญิงนั้นต่างกัน เข้าใจมั้ย?”
“อื้ม… ค่ะ… อื้ม…” ไม่วา่ จะฟังเข้าใจหรื อไม่ ฉินเวยเวยก็เอาแต่พยักหน้าทั้งนํ้าตา แค่คนเป็ นพ่อพูด
อะไรแบบนี้กบั นางได้ นางก็ซาบซึ้งมากแล้ว
หยางชิ่งช่วยเช็ดนํ้าตาให้นางอีก “บางสิ่ งบางอย่าง ผูช้ ายอย่างข้าไม่สะดวกจะพูดกับเจ้า เดี๋ยวข้าจะให้
ชิงเหมย ชิงจวีม๋ าคุยกับเจ้าเยอะ ๆ หน่อย ถึงอย่างไรพวกนางก็อาบนํ้าร้อนมาก่อน ถ้ามีจุดไหนที่ไม่
เข้าใจ เจ้าก็ถามพวกนางเยอะ ๆ พวกนางก็หวังดีกบั เจ้าเหมือนกัน ไม่ปิดบังหรอก”
“ค่ะ…” ฉินเวยเวยยังคงพยักหน้าเหมือนเดิม
หยางชิ่งใช้สองมือประคองไหล่นาง แล้วกล่าวอย่างใจหายว่า “จะแต่งงานแล้ว! เป็ นเรื่ องน่ายินดี อย่า
ร้องไห้งอแงสิ ถ้าจัดการอารมณ์ตวั เองเสร็ จแล้ว ก็กลับไปที่ตาํ หนักเจิ้นติง ตอนนี้เจ้าไม่เหมาะที่จะเป็ น
ประมุขตําหนักเจิ้นติงอีกต่อไปแล้ว ต้องไปเตรี ยมการเดี๋ยวนี้ ถ้าเจ้าเตรี ยมส่ งมอบงานเสร็ จแล้ว เรื่ อง
อื่นก็ไม่ตอ้ งสนใจ พ่อจะช่วยเตรี ยมการให้เจ้าเอง”
“ค่ะ!” ฉินเวยเวยสะอึกสะอื้น
พอตบบ่านางสองสามที หยางชิ่งก็ไม่เน้นพูดเรื่ องความรักอีก หันตัวเดินออกไปทันที
ตอนกระทัง่ ตอนนี้ ฉินเวยเวยถึงได้พบว่าฝ่ ามือที่หนาใหญ่ของคนเป็ นพ่อนั้นอบอุ่นมาก ไม่เหมือน
เป็ นพ่อบุญธรรม แต่เหมือนเป็ นพ่อแท้ ๆ ผูใ้ ห้กาํ เนิด สิ่ งนี้ทาํ ให้นางยิง่ ร้องไห้อย่างปวดใจกว่าเดิม
ดังนั้น ฉิ นเวยเวยจึงกลับไปที่ตาํ หนักเจิ้นติง
เรื่ องมหามงคลขนาดนี้ปิดบังได้ไม่นานเท่าไร ทางตําหนักเจิ้นติงรู ้เรื่ องเร็ วมาก คําสัง่ จากปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั ก็มาแล้วเช่นกัน ถอดฉินเวยเวยออกจากตําแหน่งประมุขตําหนักเจิ้นติง บอกว่าจะให้ไป
ดํารงตําแหน่งอื่น คนที่จะรับตําแหน่งต่อมาถึงเร็ วมาก ต้องรอให้ฉินเวยเวยส่ งมอบงานเสร็ จก่อน แล้ว
ค่อยกลับไปรับคําสัง่ ที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือไปรอเข้าพิธีแต่งงาน
ในห้องนอน ฉินเวยเวยกําลังนัง่ อยูห่ น้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง นางสวมชุดกระโปรงสี ขาวและปล่อยผมยาว
คลุมบ่า ทั้งใฝ่ ฝันจินตนาการทั้งตื่นเต้นกับวันนั้นที่กาํ ลังจะมาถึง ช่วงนี้มกั จะคิดมากเสมอ
จังหวะการเดินไปเดินมาของหงเหมียน ลู่หลิ่วเหมือนจะเปลี่ยนเป็ นเริ งร่ าขึ้นหลายเท่า ในที่สุดเจ้านาย
ก็จะได้แต่งงานแล้ว แม้จะวนอ้อมไปรอบหนึ่ง แต่คนที่จะได้แต่งงานด้วยก็ยงั เป็ นคนคนนั้น
ถึงแม้จะอารมณ์ดี แต่กไ็ ม่อาจปิ ดบังความไม่พอใจเล็ก ๆ ที่อยูใ่ นใจทั้งสองได้ หงเหมียนที่กาํ ลังหวีผม
ให้ฉินเวยเวยบ่นว่า “เดิมทีควรจะเป็ นคุณหนูที่ได้เป็ นภรรยาเอก ถ้าไม่ใช่เพราะปี นั้นผูก้ ารใหญ่หยาง
ใช้กระบองตีนกเป็ ดนํ้าให้แยกคู่[1] เรื่ องนี้คงไม่เกี่ยวกับคนแซ่อวิน๋ อะไรนัน่ แล้ว”
ฉิ นเวยเวยจ้องมองกระจกพร้อมบอกว่า “ต่อไปห้ามพูดอะไรแบบนี้อีก ไม่เป็ นผลดีกบั ใครทั้งนั้น”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกไม่ยตุ ิธรรมแทนคุณหนู พูดแค่ตอนอยูต่ ่อหน้าคุณหนูกเ็ ท่านั้นเอง” หงเห
มียนพึมพํา
หงเหมียน ลู่หลิ่วที่กาํ ลังยุง่ วุน่ อยูห่ น้ากระจก บนใบหน้ามีริ้วรอยแห่งวัยนิดหน่อย ฉิ นเวยเวยรู ้สึกปลง
ในใจ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกว่า “พวกเจ้าสองคนติดตามข้ามานานขนาดนี้ ไม่ยตุ ิธรรมกับพวกเจ้า
เลย พวกเจ้าไม่ตอ้ งห่วงนะ หลังจากแต่งงานข้าจะโน้มน้าวให้นายท่านรี บไปเข้าห้องหอกับพวกเจ้า จะ
เป็ นผูห้ ญิงที่ไม่รู้รสชาติของการเป็ นผูห้ ญิงไปทั้งชีวติ ไม่ได้”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา หญิงรับใช้ท้ งั สองก็หน้าแดงทันที
ทั้งสองต้องแต่งงานไปพร้อมกับเจ้านาย นี่คือเรื่ องที่ตอ้ งมาถึงในสักวันหนึ่ง ดังนั้นเมื่อได้ยนิ ข่าวเรื่ อง
แต่งงาน จังหวะการก้าวเท้าของทั้งสองถึงได้ฟังดูเริ งร่ าขนาดนั้น ในใจรู ้สึกตื่นเต้นหรรษา เพียงแต่
โดนพูดเปิ ดโปงความคิดในใจแบบนั้น จะให้พวกนางทนความรู ้สึกได้อย่างไร
แต่ในเมื่อเจ้านายพูดแบบนี้แล้ว ก็ทาํ ให้คนรู ้สึกทั้งเขินอายทั้งโชคดี ใช่วา่ หญิงรับใช้ของเจ้านายที่เป็ น
ผูห้ ญิงทุกคนจะโชคดีแบบนี้ หญิงรับใช้บางคนไปเจอกับเจ้านายที่อยูเ่ ป็ นโสดไปทั้งชีวติ พวกนางก็ทาํ
ได้เพียงเป็ นม่ายทั้งชีวติ เช่นกัน ยังมีที่แย่กว่านั้น ก็คือโดนเจ้านายผูห้ ญิงหวงแหน ไม่ยอมให้ผชู ้ ายแตะ
ต้อง หญิงรับใช้ประจําตัวแบบนี้ ใช่วา่ พวกนางจะไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อวันเวลานานไปใบหน้าก็จะ
เหมือนเด็กสาวอ่อนต่อโลก จืดชืด ทําหน้าเหมือนมีใครติดหนี้นางอย่างนั้นแหละ บนใบหน้าราวกับ
เขียนคําว่า ‘ไร้หวั ใจ’ เอาไว้ ดูแล้วน่ากลัว ผูห้ ญิงประเภทนั้นเหมือนกับที่เจ้านายบอกจริ ง ๆ เป็ น
ผูห้ ญิงที่ไม่รู้รสชาติของการเป็ นผูห้ ญิงไปทั้งชีวติ …
ทางปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไม่ตอ้ งส่ งมอบงาน หลังจากอวิน๋ จือชิวได้คุมยอดเขาหยกนครหลวงแล้วค่อย
จัดการ แค่ตอ้ งเตรี ยมการทางด้านนี้นิดหน่อยก็พอ
หลังจากเตรี ยมทุกอย่างเรี ยบร้อยแล้ว อวิน๋ จือชิวก็นาํ กําลังคนไปที่เมืองหลวง ไปรับงานกับจงเจิ้นแบบ
ต่อหน้า เท่านี้กน็ บั ว่าได้กลายเป็ นท่านทูตสายมะโรงอย่างเป็ นทางการแล้ว
ความเจริ ญรุ่ งเรื องของเมืองหลวงราวกับภาพฝันมายาที่อยูใ่ นภาพวาด อวิน๋ จือชิวที่เพิ่งรับช่วงต่อ
ปราสาททองงานยุง่ มาก ไม่ใช่แค่ในด้านพิธีการ ทั้งยังมีประมุขปราสาทสายต่าง ๆ คอยเข้าพบ มีแขก
จากที่ต่าง ๆ มาร่ วมแสดงความยินดี รวมทั้งงานเล็กงานใหญ่ต่าง ๆ อีก
ถึงแม้เหมียวอี้จะถูกอวิน๋ จือชิวแต่งตั้งให้เป็ นที่ปรึ กษาของสายมะโรงทันที แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไป
แทรกแซงงานอะไร และส่ วนใหญ่กไ็ ม่ได้โผล่หน้าออกมาด้วย ตอนนี้ขา้ งบนมีอวิน๋ จือชิวคุม ส่ วน
ข้างล่างก็มีหยางชิ่งทํางานให้ แล้วก็ไม่มีใครสะดวกใจจะใช้ให้เขาทําอะไรทั้งนั้น อุตส่ าห์เข่นฆ่าฝ่ าฟัน
ขึ้นมาตลอดทาง ตอนนี้เขากลับกลายเป็ นคนว่างงานจริ ง ๆ แล้ว
เพราะเหตุน้ ี ถ้าเขาไม่เก็บตัวฝึ กฝน ก็ไปล่องเรื อบนทะเลสาบหยกโดยมีหลินผิงผิงไปเป็ นเพื่อน ถ้าได้
ว่างแบบนี้ไปทั้งชีวติ เขาก็ไม่เป็ นไร แต่นนั่ เป็ นเรื่ องเพ้อฝัน
กลับเป็ นหลินผิงผิงที่รู้สึกทอดถอนใจยิง่ กว่าเขา นางนึกไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็ นเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าฮูหยิ
นของเหมียวอี้จะกลายเป็ นนายท่านของเมืองหลวงอันเจริ ญรุ่ งเรื อง กลายเป็ นนายท่านของสายมะโรง
ที่มีภูเขาแม่น้ าํ นับหมื่นลี้และมีสาวกนับไม่ถว้ น
บนระลอกคลื่นสี เขียวมรกต ลมยามเย็นพัดเบา ๆ แสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมจนเป็ นสี แดง ผิวนํ้าเป็ น
ระลอกคลื่น บนเรื อดอกไม้ลาํ เล็ก เหมียวอี้ที่เอนกายอยูบ่ นเก้าอี้ราวกับง่วงนอนเอ่ยว่า “หลินผิงผิง
ตอนนี้ตาํ แหน่งหาข่าวในเมืองหลวงที่เจ้าทําไม่จาํ เป็ นต้องมีอยูแ่ ล้ว วรยุทธ์อย่างเจ้าเป็ นประมุขจวนก็
พอได้ ในสายมะโรงเจ้าเลือกได้ตามใจชอบเลย ชอบจวนไหนก็บอกมา ข้าจะช่วยจัดการให้เจ้า”
หลินผิงผิงที่อยูข่ า้ ง ๆ พูดอย่างลําบากใจ “ข้าน้อยเอ้อระเหยลอยชายจนชินแล้ว ทําอะไรเป็ นการเป็ น
งานไม่ได้ เรื่ องหํ้าหัน่ กันด้วยกลอุบาย เกรงว่าข้าน้อยจะทําหน้าที่ได้ไม่ดี”
เหมียวอี้หลับตาขานรับ “เจ้าเองก็รู้ ข้าจะยังมีฐานะสําคัญอีกอย่าง เป็ นประมุขถิ่นกลางของทะเลดาว
นักษัตร ข้ามีตาํ หนักอยูห่ ลังหนึ่งที่ทะเลดาวนักษัตร ยังไม่มีคนของตัวเองไปเฝ้ าพอดี เจ้าเต็มใจจะ
ไปมั้ย?”
หลินผิงผิงเงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วตอบว่า “หากนายท่านรู ้สึกว่ามีความจําเป็ น ข้าน้อยก็ยอ่ มปฏิบตั ิตาม
คําสัง่ !”
“ฟังดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนะ” เหมียวอี้กล่าวอย่างเนิบนาบเกียจคร้าน “มีอะไรก็พดู มาตรง ๆ เถอะ”
หลินผิงผิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าน้อยก็ไม่รู้วา่ ตัวเองเป็ นอะไรไป เกิดอาลัยอาวรณ์ความ
เจริ ญรุ่ งเรื องของโลกมนุษย์ที่นี่ ชอบดูมนุษย์ในโลกนี้ค่อย ๆ แก่ตวั ไป แล้วมีชีวติ ใหม่เริ่ มต้นอีก วนไป
วนมาซํ้า ๆ มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ!”
แสงแดดสี แดงยามเย็นสาดใส่ เก้าอี้โยก จู่ ๆ เหมียวอี้กย็ นื่ มือข้างหนึ่งออกมา ชี้นางพร้อมบอกว่า “ข้า
อนุญาตให้เจ้าเป็ นอิสระอยูใ่ นโลกนี้! แน่นอน มันอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขที่วา่ ข้ายังมีความสามารถนี้อยูน่ ะ
ตําแหน่งว่างงานแบบนี้ ข้าจะเก็บไว้ให้เจ้าต่อไปก็แล้วกัน!”
หลินผิงผิงอึ้งทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกว่านายท่านสูญเสี ยความกระฉับกระเฉงมีชีวติ ชีวาที่เคยมีในอดีตไปแล้ว
ทําให้รู้สึกเหมือนกําลังเบื่อหน่ายสุ ด ๆ …
ส่ วนอันหรู อวี้คุณชายรองของแดนโพ้นสวรรค์ ตอนนี้มาถึงยอดเขาหยกนครหลวงแล้ว เหตุผลที่มาก็
คือแสดงความยินดีที่อวิน๋ จือชิวได้เลื่อนขั้น แต่เจตนาที่แท้จริ งก็คือ มาติดต่อพูดคุยเรื่ องฤกษ์แต่งงาน
กับอวิน๋ จือชิว
การมาหาอวิน๋ จือชิวเพื่อคุยเรื่ องแบบนี้ ทําให้อนั หรู อวี้รู้สึกจนใจมาก แต่กไ็ ม่มีทางเลือก เพราะใน
อนาคตท่านนี้จะได้เป็ นภรรยาเอก เรื่ องอนุภรรยาก็ตอ้ งให้นางจัดการเช่นกัน กอปรกับที่อวิน๋ จือชิว
เป็ นท่านทูตสายมะโรง เห็นได้ชดั ว่าเป็ นเจ้าบ้าน ถ้าไปทําให้อวิน๋ จือชิวไม่พอใจ เกรงว่าในอนาคตลูก
สาวของตนจะใช้ชีวติ ลําบาก ถ้าไม่มาหาอวิน๋ จือชิวแล้วจะให้ไปหาใครล่ะ
ตอนที่คุยกัน อวิน๋ จือชิวดึงตัวหยางชิ่งมาด้วย เพื่อให้มาปรึ กษาหารื อร่ วมกัน ถึงอย่างไรลูกสาวของห
ยางชิ่งก็จะแต่งงานเหมือนกัน จะฟังความคิดเห็นคนอื่นไม่ได้
เลือกฤกษ์มงคลสําหรับวันแต่งงานได้แล้ว เป็ นครึ่ งเดือนหลังจากนี้
เดิมทีอวิน๋ จือชิวอยากจะจัดงานให้ใหญ่โต ไม่อยากให้เจ้าสาวใหม่ท้ งั สามคนน้อยเนื้อตํ่าใจ ปรากฏว่า
อันหรู อวี้กบั หยางชิ่งคัดค้าน ต้องการให้จดั แบบเรี ยบง่าย เหตุผลก็คือการแต่งงานเป็ นอนุภรรยาไม่
จําเป็ นต้องจัดใหญ่โต
เมื่อเดินในเส้นทางนี้แล้ว อันหรู อวี้กไ็ ม่อยากจัดงานให้โดนเด่นเกินหน้าเกินตาอวิน๋ จือชิวในตอนแรก
กลัวว่าอวิน๋ จือชิวจะไม่พอใจแล้วมาหาเรื่ องลูกสาวตัวเอง หยางชิ่งก็กงั วลเช่นเดียวกัน ในเมื่อจะแต่ง
เป็ นอนุภรรยาก็ตอ้ งมีจิตสํานึกของอนุภรรยา
อวิน๋ จือชิวเห็นว่าโน้มน้าวไม่ได้ผล จึงทําตามเจตนาของทั้งสอง ที่จริ งในใจก็ภูมิใจอยูน่ ิด ๆ นับว่าพวก
เจ้าอยูเ่ ป็ น ไม่ลืมว่าใครกันแน่ที่เป็ นภรรยาเอก!
หลังจากตกลงเรื่ องนี้กนั ได้ อันหรู อวี้ถึงได้กลับไปอย่างหายกังวล นางอยากจะจัดการเรื่ องหนักใจให้
เสร็ จเร็ ว ๆ ก่อนที่นางกับสามีจะได้รับโทษ ไม่อยากให้มีเงามืดมาบดบังตอนลูกสาวตัวเองแต่งงาน
เรื่ องแต่งงานส่ งต่อให้หยางชิ่งกับเหยียนซิวช่วยกันจัดการ ผูก้ ารใหญ่ฝ่ายนอกและฝ่ ายในรับผิดชอบ
ร่ วมกัน เหมียวอี้ข้ ีคร้านจะกังวลเรื่ องนี้ ก็เหมือนที่เขาบอกกับอวิน๋ จือชิว งั้นข้ารอเข้าห้องหอก็พอ!
ปรากฏว่ายัว่ ให้อวิน๋ จือชิวโมโหจนเตะต้นขาเขาอย่างแรงหนึ่งที!
เหมียวอี้รับอนุภรรยาพร้อมกันสามคน แถมมู่ฝานจวินยังประทานงานสมรสให้ดว้ ย ย่อมเป็ นข่าวไป
ทัว่ ทั้งแดนฝึ กตนอยูแ่ ล้ว คนมากมายที่ไม่รู้สถานการณ์รู้สึกแปลกใจมาก ปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินจะยัด
ผูห้ ญิงให้เหมียวอี้ในรวดเดียวไปทําไม? ทําไมวาสนาแบบนี้ไม่ตกมาถึงข้าบ้าง?
ด้วยเหตุน้ ี จึงเพิม่ ความพิลึกพิลนั่ ให้กบั ชื่อเสี ยงของไอ้เหมียวจัญไรหลายส่ วน คนที่ไม่เคยเจอก็
อยากจะเห็นลักษณะท่าทางของเขาจริ ง ๆ
หญิงรับใช้คนหนึ่งของโอวหยางกวงมาถึงแล้ว ทั้งยังพาหญิงรับใช้ของโอวหยางหลางกับโอวหยาง
หวนมาด้วยสองคน มาเข้าร่ วมการเตรี ยมงานแต่งงาน เมื่อถึงเวลานั้น อย่าให้คนที่มาใหม่ไม่รู้
แม้กระทัง่ ห้องหอต้องเดินเข้าออกทางไหน
หยางชิ่งกําลังจัดการกิจธุระของสายมะโรงไปพร้อม ๆ กับจัดการเรื่ องงานแต่งงาน เขายุง่ คนไม่มีเวลา
ไปฝึ กตน ตอนนี้กาํ ลังอยูใ่ นจวนผูก้ ารใหญ่และเร่ งทําความเข้าใจสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ของสาย
โรง ชิงจวีก๋ ลับวิง่ เข้ามาด้วยสี หน้าที่ไม่ปกติ นางกล่าวเสี ยงสัน่ ว่า “นายท่าน! มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ!”
“ใคร?” หยางชิ่งเงยหน้าถาม สังเกตได้เช่นกันว่าชิงจวีม๋ ีปฏิกิริยาไม่ปกติ
ชิงจวีว๋ างแผ่นหยกไว้บนโต๊ะยาว เม้มริ มฝี ปากแน่น ไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น
หยางชิ่งสงสัย พอหยิบแผ่นหยกมาอ่าน ก็ลุกพรวดขึ้นทันที เบิกตาโพลงและหายใจถี่กระชั้น ในแผ่น
หยกมีอกั ษรเพียงไม่กี่ตวั : ริ มแม่น้ าํ จัวสุ่ ย ฉิน!
เมื่อเห็นเขาทําท่าเหมือนโดนฟ้ าผ่ากลางวันแสก ๆ ชิงเหมยก็รีบมองไปที่ชิงจวีด๋ ว้ ยแววตาสอบถาม
เห็นได้ชดั ว่าอีกฝ่ ายเหม่อลอย จึงไม่เข้าใจที่นางสื่ อ
หยางชิ่งที่ได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปนาน ตอนนี้กลืนนํ้าลายอย่างยากลําบาก แล้วถามว่า “นางไม่รู้
เลยว่าข้าเป็ นใคร ทําไมถึงมาหาข้าที่นี่ได้ เป็ นนางเหรอ?”
“เบื้องล่างส่ งรายงานขึ้นมาเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ออกไปพบ!” ชิงจวีส๋ ่ ายหน้า
“เรื่ องแต่งงานอาจจะสะเทือนไปถึงนาง ไปเชิญมาเถอะ!” หยางชิ่งถอนหายใจเบา ๆ
หลังจากชิงจวีอ๋ อกไปแล้ว ชิงเหมยก็รีบถาม “นายท่าน เกิดเรื่ องอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
หยางชิ่งยืน่ แผ่นหยกในมือให้ “เจ้าอ่านเองสิ ”
หลังจากชิงเหมยรับมาอ่าน ก็ตะลึงงันในทันที เบิกตาโพลงขึ้นหลายส่ วน ในแววตาเต็มไปด้วย
ความรู ้สึกเหลือเชื่อ
…………………………
หนึ่งสองสาม
[1] ฉิ นฉี ซูฮว่า 琴棋书画 คือศิลปะสี่ แขนงที่เหล่าปั ญญาชนต้องเรี ยนรู ้ ได้แก่ กู่ฉิน หมากล้อม
พูก่ นั จีนและการวาดภาพ
ตอนที่ 930
บําเพ็ญเพียรจนบรรลุ
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ได้ยนิ แล้วสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นเชียนเอ๋ อร์กร็ ี บตอบทันทีวา่ “ใช่เจ้าค่ะ พวก
นางจะมีวาสนาเหมือนฮูหยินได้อย่างไร”
อวิน๋ จือชิวกวาดตามองทั้งสองอย่างไม่ใส่ ใจ รู ้วา่ ทั้งสองคิดอะไรอยู่ พวกนางกลัวตนจะหึ งหวง จึงรับ
ยิม้ บาง ๆ ก่อนจะทอดสายตามองเมืองหลวงที่สว่างพร่ างพราวอยูภ่ ายใต้ความมืดยามราตรี แล้วกล่าว
อย่างทอดถอนใจ “คืนนี้ทิวทัศน์ยามราตรี ช่างงดงามยิง่ นัก!”
นางใจกว้างจริ งหรื อไม่ มีแต่นางเท่านั้นที่รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ ความรู ้สึกในตอนนี้ ไม่คุม้ ที่จะบอกให้คนอื่นรู ้
ไม่ตอ้ งพูดอะไรมากเกินความจําเป็ น นางเองก็ไม่อยากใช้คาํ พูดสวยหรู ขอแค่เป็ นเรื่ องที่มีประโยชน์
ต่อผูช้ ายคนนั้น นางล้วนเต็มใจทําให้
งานเลี้ยงยังคงดําเนินต่อไป ในงานกลับมีคนสองกลุ่มที่ที่สนใจสถานการณ์ทางห้องหอเป็ นพิเศษ
อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงกําลังทักทายแขกด้วยกันด้วยใบหน้ายิม้ แย้ม ไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดเสี ยง
รายงานเงียบ ๆ ว่า “ท่านเขยเข้าห้องคุณหนูรองก่อนขอรับ”
เมื่อได้ยนิ ดังนั้น สองสามีภรรยาก็โล่งใจ รอยยิม้ บนใบหน้าชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นานก็มีคนมารายงานอีกว่า “ท่านเขยเข้าไปที่หอ้ งของคุณหนูใหญ่อีกขอรับ”
สองสามีภรรยาเรี ยกได้วา่ ยิม้ หน้าบานด้วยความปี ติยนิ ดี ต้อนรับแขกอย่างอบอุ่นและดื่มฉลองหลาย
จอก
รายงานแบบเดียวกันมาถึงหูหยางชิ่งติดต่อกัน ทําให้มือที่ถือจอกสุ ราสัน่ เล็กน้อย ยากจะบรรยาย
อารมณ์คบั แค้นเศร้าโศกในใจ แค่เป็ นอนุภรรยาก็ไม่ยตุ ิธรรมกับลูกสาวแล้ว ตอนนี้กย็ งิ่ … เขาเพียง
แค้นใจที่ตวั เองมีอาํ นาจไม่มากพอ ทําให้ลูกสาวตัวเองได้รับความอัปยศเช่นนี้ ละอายใจที่เกิดมาเป็ น
พ่อคน!
ในสายตาเขา เหตุผลนั้นชัดเจนเกินไปแล้ว แค่เพราะตนมีอาํ นาจอิทธิพลไม่มากพอ เหมียวอี้ถึงได้
มองข้ามลูกสาวของตนแบบนี้!
“มา! ดื่ม!” จู่ ๆ เสี ยงของหยางชิ่งดังขึ้นหลายส่ วน เขาบอกลูกน้องด้วยท่าทางสบายใจ ถึงขั้นแย่งกา
สุ ราจากมือลูกน้องมาไว้ในมือตัวเอง แล้วกรอกลงปากอย่างดุดนั
ทว่าคนอื่นไม่รู้วา่ ในใจเขารู ้สึกอย่างไร ยังคงกู่ร้องด้วยความยินดี!
จนกระทัง่ ได้รับรายงานว่าเหมียวอี้เข้าไปอยูท่ ี่หอ้ งของสองคนนั้นไม่นาน แล้วสุ ดท้ายก็ไปที่หอ้ งของ
ฉิ นเวยเวย หยางชิ่งจึงสุ ขมุ เยือกเย็นขึ้นหลายส่ วน ไม่ได้ดื่มมากจนเมามายเสี ยอาการ…
ผ้าคลุมศีรษะสี แดงถูกเปิ ดออกเบา ๆ ฉิ นเวยเวยนัง่ อยูข่ า้ งเตียงอย่างสงบนิ่งเหมือนหญิงสาวบริ สุทธิ์
แพขนตายาวของนางขยับเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาขึ้นประสานกับสายตายิม้ หยอกของเหมียวอี้ นางก็
เขินอายจนทําอะไรไม่ถูก หน้าแดงจนถึงคอ ดูสวยหยาดเยิม้ ไร้ที่สิ้นสุ ด
ก่อนหน้านี้นางได้ยนิ เสี ยงความเคลื่อนไหวด้านนอกแล้วเช่นกัน รู ้วา่ เหมียวอี้ไปที่หอ้ งของอีกสองคน
ก่อน ถ้าจะบอกว่าในใจไม่คิดอะไรเลยก็คงเป็ นไปไม่ได้ แต่ในตอนนี้นางโยนความคิดทุกอย่างทิ้งไว้
ข้างหลังหมดแล้ว แม้แต่การประพฤติตวั ในห้องหอที่ชิงจวีส๋ อนไว้ก่อนหน้านี้ นางก็ลืมหมดแล้วแล้ว
เช่นกัน เหลือเพียงความเขินอายและหวานชื่นที่เต็มเปี่ ยม รู ้เพียงว่าตั้งแต่วนั นี้เป็ นต้นไป ตนจะได้
กลายเป็ นผูห้ ญิงของคนที่อยูต่ รงหน้าแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ลู่หลิ่วก็ประคองนางให้มานัง่ ตรงข้ามกับเหมียวอี้ หยิบจอกสุ ราที่หงเหมียนถือมาให้
แล้วคล้องแขนดื่มด้วยกัน ตอนที่สายตาของทั้งสองประสานกัน บอกไม่ถูกว่าเป็ นรสชาติอย่างไร
สําหรับคําว่า “ท่านสามี” เหมียวอี้ไม่สะทกสะท้านอะไร แต่ในใจฉิ นเวยเวยกลับหวานชื่นมาก รู ้สึก
เหมือนเผชิญความลําบากยากแค้นมาเป็ นเวลายาวนาน แล้วสุ ดท้ายก็ได้บาํ เพ็ญเพียรจนบรรลุเสี ยที
หงเหมียน ลู่หลิ่วกลับเป็ นกังวลมาก ก่อนหน้านี้เห็นเหมียวอี้เข้า ๆ ออก ๆ สองห้องนั้น ไม่รู้วา่ อีก
ประเดี๋ยวจะหนีไปอีกหรื อเปล่า ถ้าปฏิบตั ิตามขั้นตอนที่สาํ คัญที่สุดไม่ครบ จะนับว่าเป็ นการเข้าห้อง
หอที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร
โชคดีที่เหมียวอี้ยมิ้ แล้วบอกว่า “ถอดเครื่ องประดับให้หรู ฮูหยินเถอะ”
ที่เรี ยกว่า ‘หรู ฮูหยิน’ ก็หมายถึงอนุภรรยา หมายถึง ‘ราวกับฮูหยิน’ หรื อจะเข้าใจได้วา่ ‘ไม่เทียบเท่า
กับฮูหยินที่เป็ นภรรยาเอก’ นี่กค็ ือความแตกต่าง
หญิงรับใช้ท้ งั สองพยักหน้าซํ้า ๆ รี บมาถอดมงกุฎให้ฉินเวยเวย
ผมงามที่เคยถูกเกล้าม้วนขึ้นห้อยตกลงมาประบ่าของฉิ นเวยเวย หญิงรับใช้ท้ งั สองรี บเข้ามาช่วยนางจัด
ให้เป็ นระเบียบ กลัวว่าจะไม่น่ามอง
ภายใต้แสงเทียนที่สนั่ ไหว ขณะมองฉิ นเวยเวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย นี่เป็ นครั้งแรกที่
เหมียวอี้เห็นนางตอนปล่อยผม ภาพที่ถ้ าํ ล่องนิภายังอยูใ่ นความทรงจํา นางทําร้ายเขาจนบาดเจ็บ แล้ว
ตอนหลังก็ต้ งั ตัวเป็ นศัตรู กบั เขาหลายครั้ง ตอนนั้นเรี ยกได้วา่ เกลียดผูห้ ญิงคนนี้จนอยากฆ่าทิ้ง แต่
สถานการณ์กเ็ ปลี่ยนไปตามวันเวลาที่ผนั ผ่าน ใครจะคิดว่าวันหนึ่งนางจะได้มาร่ วมห้องหอกับเขา
เรื่ องบางเรื่ องก็มหัศจรรย์มากจริ ง ๆ หรื อนี่จะเป็ นสิ่ งที่คนเรี ยกกันว่าบุพเพสันนิวาส
“คืนนี้ไม่ไปไหนแล้ว ค้างที่นี่แล้วกัน พวกเจ้าออกไปเถอะ!” เหมียวอี้หนั กลับมาสัง่
หงเหมียน ลู่หลิ่วทําสี หน้าตื่นเต้นดีใจทันที พวกนางคํานับอําลาพร้อมกัน ตอนที่ออกไปก็ปิดประตูให้
อย่างดี
ไม่ตอ้ งอธิบายแล้วว่า ‘คืนนี้ไม่ไปไหนแล้ว’ หมายความว่าอย่างไร ใช่วา่ ฉินเวยเวยจะไม่รู้เรื่ องอะไร
เลย หน้าก้มหน้าก้มตาทันที
เหมียวอี้ยนื่ ฝ่ ามือข้างหนึ่งไปตรงหน้านาง ฉินเวยเวยอึ้งไปครู่ หนึ่ง เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ความคิดในหัวเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ชิงจวีเ๋ หมือนจะไม่เคยสอนว่าตอนเข้าห้องหอจะมีการทํา
แบบนี้ แล้วจะให้นางตอบสนองอย่างไรล่ะ? นางรู ้สึกลนลานขึ้นมาทันที
เหมียวอี้ยมิ้ ตาหยีพร้อมถามว่า “เวยเวย จะเป็ นสหายของข้าต่อไป หรื อจะเป็ นผูห้ ญิงของข้า?”
ฉินเวยเวยรู ้ตวั ทันที ว่าเขากําลังล้อนางเล่น เจตนาที่แท้จริ งของการแปะมือเป็ นสหายในปี นั้น เห็นได้
ชัดว่าถูกเปิ ดโปงแล้ว ยิง่ ทําให้นางเขินอายสุ ด ๆ จึงเอ่ยเรี ยกเสี ยงเบาว่า “ท่านสามี!” แบบนี้เพียง
พอที่จะแสดงที่จะแสดงท่าทีแล้ว
“จะให้หงเหมียน ลู่หลิ่วเข้ามาช่วยข้าถอดเสื้ อผ้า หรื อเจ้าจะทําเอง?” เหมียวอี้กางแขนสองข้างด้วยสี
หน้าหยอกล้อ
เวลาแบบนี้จะให้คนอื่นช่วยได้ยา่ งไร ฉินเวยเวยกัดริ มฝี ปากด้วยความเขินอาย ยืน่ มือเรี ยวงามทั้งคู่ที่
สัน่ เล็กน้อยออกไป เริ่ มช่วยถอดเสื้ อผ้าให้เหมียวอี้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ นางไม่เคยช่วยผูช้ ายทําเรื่ องแบบนี้
มาก่อน เป็ นเพราะก่อนหน้านี้ชิงจวีฝ๋ ึ กสอนนางอย่างรวบรัด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้วา่ ต้องเริ่ มจาก
ตรงไหน
นางถอดเสื้ อผ้าไปแขวนไว้อย่างเป็ นระเบียบตามขั้นตอน แล้วกลับมานัง่ คุกเข่าช่วยถอดรองเท้าให้
เหมียวอี้ ท่าทางที่ตื่นเต้นกังวลจนตัวสัน่ แบบนั้น เหมียวอี้เห็นแล้วรู ้สึกตลกมาก
ถึงแม้เหมียวอี้จะไม่ได้เข้าห้องหอเป็ นครั้งแรก แต่เขากับอวิน๋ จือชิวเคยทําเรื่ องน่าอับอายกันตั้งแต่ก่อน
เข้าห้องหอแล้ว ดังนั้นย่อมมองไม่เห็นความตื่นเต้นกังวลใด ๆ จากตัวอวิน๋ จือชิว สิ่ งนี้ทาํ ให้เขารู ้สึกว่า
น่าสนุกมาก
ต่อมาพอเห็นฉินเวยเวยตัวสัน่ ตอนถอดเสื้ อผ้าให้ตวั เอง ก็ยงิ่ ทําให้เหมียวอี้แทบจะหัวเราะออกมา
ไม่รู้ดว้ ยซํ้าว่าจะถอดเสื้ อผ้าให้ตวั เองอย่างไร สุ ดท้ายก็สวมแค่เสื้ อผ้าชั้นในสี ขาวบางมานัง่ ลงที่ขอบ
เตียงอย่างช้า ๆ คลานขึ้นเตียงอย่างงุ่มงาม แล้วนอนเอนร่ างกายที่เกร็ งทื่ออยูข่ า้ งกายเหมียวอี้ หลับตา
รอให้ช่วงเวลานั้นมาถึง ไม่กล้าหันไปมองเหมียวอี้เลย
เหมียวอี้ที่กาํ ลังนอนเอามือยันศีรษะมองนางหลุดขําอย่างอดไม่ได้ “เวยเวย ปกติเวลาเจ้าเข้านอน ตอน
ปี นขึ้นเตียงมือไม้อ่อนปวกเปี ยกแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
“ข้ากังวลและหวาดกลัวค่ะ!” ฉิ นเวยเวยลืมตาสองข้าง แล้วพึมพําตอบเบา ๆ
“พอผ่านคืนนี้ไป เจ้าก็ไม่กลัวแล้ว” เหมียวอี้ใช้มือลูบใบหน้าของนาง ทําให้รู้สึกได้ทนั ทีวา่ นางสัน่ เทิ้ม
ไปทั้งตัว
นางกังวลหวาดกลัว แต่เขากลับชํ่าชอง พอจูบเบา ๆ ลงบนริ มฝี ปากแดงสวย ฉิ นเวยเวยก็รู้สึกแทบหยุด
หายใจทันที หลับตาแน่นสนิท รู ้สึกได้วา่ เสื้ อผ้าถูกถอดออกชิ้นแล้วชิ้นเล่า ตอนที่ผวิ กายทั้งหมด
สัมผัสกับอากาศ นางก็ตวั สัน่ อย่างควบคุมไม่ได้
ภายใต้แสงเทียน เรื อนร่ างที่งามประณี ต ผิวขาวบอบบางน่าทะนุถนอม เกลี้ยงเกลามีส่วนเว้าส่ วนโค้ง
หน้าอกอิ่มเอิบเต่งตึงคือจุดเด่นของนาง ยามร่ างงามดุจหยกแสดงอยูต่ รงหน้า เหมียวอี้กค็ วบคุมตัวเอง
ไม่ไหวเช่นกัน
“ท่านสามี ข้ากลัว เห็นใจหน่อย…” ในช่วงเวลาสําคัญ เสี ยงเพ้อของของฉิ นเวยเวยถูกตัดด้วยเสี ยง
ครางแห่งความเจ็บปวด
ประตูของบ้านที่แร้นแค้นมีบุรุษมาเยือนเป็ นครั้งแรก ดอกท้อเล็ก ๆ ผลิบานแดงฉานเป็ นพิเศษ…
ที่ดา้ นนอกประตู หงเหมียน ลู่หลิ่วหูผ่งึ ฟังเสี ยงความเคลื่อนไหวในห้อง ทั้งสองได้รับคําสัง่ จากชิงจวี๋
ให้มา ‘แอบฟังหน้าห้องหอ’ เมื่อเสี ยงที่น่าอับอายดังขึ้น ทั้งสองก็หน้าแดงเช่นกัน รี บยืนตรงด้วย
ท่าทางเคร่ งขรึ มจริ งจัง เฝ้ าหน้าประตูไว้ให้ดี ป้ องกันไม่ให้มีคนบุกรุ กเข้าไป
เมื่อเห็นประตูหอ้ งนี้ปิด และเห็นหงเหมียน ลู่หลิ่วออกมาพร้อมกัน จือฉินกับจือซูที่เฝ้ าอยูอ่ ีกสองห้อง
ก็สีหน้าเปลี่ยน หงเหมียนเองก็เชิดคางท้าทายอีกสองคน นับว่าเป็ นการแก้เผ็ดเมื่อครู่ น้ ี สี หน้าของนาง
ค่อนข้างอิ่มอกอิ่มใจ ทําเหมือนคนที่อยูใ่ นห้องหอเป็ นตัวนางเองอย่างนั้นแหละ
ฮูหยินมีได้เพียงคนเดียว แต่อนุภรรยากลับมีสามคน ในฐานะที่เป็ นคนข้างกายของเจ้านาย พวกนาง
ย่อมหวังให้เจ้านายได้รับความเอ็นดูอยูแ่ ล้ว การแย่งชิงความโปรดปรานคือธรรมชาติของผูห้ ญิง
หลังจากคลื่นลมพายุในห้องสงบลง เสี ยงสนทนาพึมพําที่ดงั มาจากในห้องก็ยงิ่ ทําให้หงเหมียนกับลู่
หลิ่วกลั้นขํา สองคนข้างในกําลังคุยกันเรื่ องถํ้าล่องนิภา นายหญิงเหมือนจะถูกหยอกล้อหนักมาก พอ
นางแก้ตวั ไปคําเดียว เสี ยงความเคลื่อนไหวที่ทาํ ให้คนหน้าแดงก็ดงั ขึ้นอีก มีเสี ยงคนขอร้องให้ยกโทษ
ให้…
พอถึงเที่ยงคืนแล้วยังไม่เห็นเหมียวอี้ออกมา จือฉินกับจือซูกส็ ี หน้าแย่มาก
จนกระทัง่ ฟ้ าเริ่ มสว่าง หงเหมียนมองดูสีของท้องฟ้ า แล้วก็เงี่ยหูฟังเสี ยงความเคลื่อนไหวในห้องอีก
นิดหน่อย หลังจากกําชับลู่หลิ่วแล้ว ถึงได้ทาํ ตัวเหมือนไก่ตวั ผูท้ ี่ลาํ พองใจ เงยหน้าเชิดอกเดินออกจาก
บ้านไป ปล่อยให้ล่หู ลิ่วเฝ้ าอยูค่ นเดียว
จือฉินพยักหน้าให้จือซู จากนั้นก็รีบเดินออกไปเช่นกัน
งานเลี้ยงเลิกราตั้งนานแล้ว ในจวนผูก้ ารใหญ่ หยางชิ่งกําลังหนังถือหนังสื ออยูห่ ลังโต๊ะยาว ส่ วนจะ
อ่านเข้าหัวหรื อไม่น้ นั มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่รู้ ชิงเหมยยืนเป็ นเพื่อนอยูจ่ า้ ง ๆ หันมองไปทางข้างนอก
เป็ นระยะ
ในลานบ้านด้านนอก ชิงจวีน๋ งั่ ๆ ยืน ๆ อยูใ่ นศาลา แล้วก็เดินไปเดินมาอย่างร้อนรนอยูเ่ ป็ นระยะ รอ
จนกระทัง่ หงเหมียนมาถึง นางก็เดินเข้าไปรับทันที ดวงตาฉายแววสอบถาม
“ท่านสามีกบั คุณหนูได้ร่วมห้องเป็ นสามีภรรยากันแล้วเจ้าค่ะ” หงเหมียนถ่ายทอดเสี ยงตอบทันที
ชิงจวีโ๋ ล่งใจแล้ว จากนั้นก็รีบนํานางเข้ามาในห้อง
หยางชิ่งที่กาํ ลังถือหนังสื ออ่านอยูห่ ลังโต๊ะยาวรี บเงยหน้า ชิงจวีพ๋ ยักหน้าบอกเขา สี หน้าที่หยางชิ่งแบก
ความเครี ยดมาทั้งคืน ในที่สุดก็ผอ่ นคลายลงแล้ว
หลังจากหงเหมียนคํานับแล้ว ก็รายงานว่า “ในคืนที่เข้าห้องหอ ท่านเขยค้างคืนกับคุณหนูค่ะ ไม่ได้จาก
ไปไหน เมื่อคืนนี้คุณหนูผา่ นไปได้ดว้ ยดีเจ้าค่ะ”
หยางชิ่งโล่งใจมาก ที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้เขาโมโหแทบแย่ นึกว่าตัวเองมีอาํ นาจไม่เท่าอันหรู อวี้จนทําให้
ลูกสาวได้รับความอับอาย พอมาดูตอนนี้แล้ว กลับเป็ นตัวเองที่คิดมากไป เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อคืนนี้
เหมียวอี้จะอยูก่ บั ลูกสาวเขา ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ได้ไปร่ วมห้องกับอีกสองคนที่เหลือ ด้วยฐานะของ
อนุภรรยาทั้งสามคน แค่มองปราดเดียวเหมียวอี้กร็ ู ้แล้วว่าควรให้ความสําคัญกับใคร แต่ที่สาํ คัญที่สุดก็
คือ แม้กระทัง่ ในคืนที่สาํ คัญขนาดนี้ เหมียวอี้กไ็ ม่ได้ทาํ ให้ลูกสาวตนน้อยเนื้อตํ่าใจ ส่ วนคนอื่นจะ
พอใจหรื อไม่พอใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวพิจารณา อย่างน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาพิจารณาเมื่อคืนนี้
“ตบรางวัล!” หยางชิ่งวางหนังสื อในมือแล้วเอียงหน้าพูดขัด ความหมายก็คือให้ตบรางวัลหนัก ๆ
ชิงเหมยนําแหวนเก็บสมบัติสองวงยืน่ ให้หงเหมียน แล้วสัง่ ว่า “อีกวงหนึ่งให้ล่หู ลิ่ว”
หยางชิ่งบอกอีกว่า “หงเหมียน เจ้าจําไว้นะ ถ้าคุณหนูมีชีวติ ที่ดี เจ้ากับลู่หลิ่วถึงจะมีชีวติ ที่ดีได้ เข้าใจที่
ข้าบอกมั้ย?”
หงเหมียนย่อมเข้าใจอยูแ่ ล้ว นี่เป็ นการบอกให้พวกนางทุ่มเทกายใจช่วยเหลือคุณหนูเมื่อไปอยูใ่ น
สภาพแวดล้อมการดํารงชีวติ ใหม่ นางเอ่ยรับทันที “เจ้าค่ะ!”
“ฟ้ าสว่างแล้ว คุณหนูกบั ท่านเขยคงใกล้จะตื่นแล้ว รี บไปปรนนิบตั ิอาบนํ้าเถอะ” ชิงเหมยกําชับอีก
หลังจากหงเหมียนออกไป ในที่สุดหยางชิ่งที่นงั่ ตรงนี้แทบทั้งคืนก็ลุกขึ้นแล้ว เดินเอามือไขว้หลังออก
จากห้องหนังสื อไป
ที่เรื อนพักอีกแห่ง อันหรู อวี้และสามีที่ได้รับข่าวกลับสี หน้าแย่มาก ทั้งสองไม่มีทางจินตนาการได้วา่
ผ่านคืนวันแต่งงงานไปได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อว่าจะนัง่ เฝ้ าเปลวเทียนจนดับมอดอยูใ่ นห้องที่วา่ งเปล่า
เพียงลําพังโดยไม่ขยับไปไหน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ เมื่อคืนนี้ลูกสาวทั้งสองรู ้สึกอย่างไร
ยังไม่ตอ้ งพูดถึงว่าใครสําคัญกว่า ไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องฝนตกทัว่ ฟ้ า อย่างน้อยเจ้าก็ทาํ ตัวให้เหมือนเข้า
ห้องหอหน่อยสิ ไม่น่าเชื่อเลย…
“ไอ้จญั ไรรังแกกันเกินไปแล้ว!” โอวหยางกวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วหันขวับไปจ้องอันหรู อวี้ “ต่อไป
ยังหวังอีกเหรอว่ามันจะดีกบั หลางหลางและหวนหวน? เป็ นฝี มือของเจ้าทั้งนั้น!”
ถ้าเปลี่ยนเป็ นเมื่อก่อน เขาคงไม่เฝ้ าดูวา่ ผูช้ ายคนอื่นกับลูกสาวตัวเองจะอยูก่ นั เป็ นอย่างไร แต่เมื่อคืน
มันคนละเรื่ องกันเลย
ตอนที่ 931
ครอบครัวปรองดอง ทุกเรื่องก็ราบรื่น
นรกจ๋ า อาตมามาแล้ว!
ฮูหยินเจอชู้
อาตมาจะเล่นงานมันให้ ตาย
ศีลแปดมารับตัว
ศีลแปดหนีไปแล้ว
พิษวิญญาณโลหิตกําเริบ
บรรลุระดับบงกชทอง
ข้ าเกลียดเจ้ า
เจ้ าอาวาสวัดจิตสงบ
ปฏิบัตกิ ารลับ
วงล้อเติมคํา
คติพจน์ สิบหกตัว
คนเฝ้ ารักษากุญแจ
เตรียมจะทําคนเดียว
กระชั้นชิดจวนตัว
คลายปริศนาแผนทีซ่ ่ อนสมบัติ
สมบัตซิ ่ อนในทะเลสาบ
สุ นัขรับใช้ ของราชันสวรรค์
ช่ วยเหลือสั กสามเรื่อง
หาจนทัว่ แล้วยังไม่เจอ จู่ ๆ เหมียวอี้กพ็ บว่าสิ่ งที่ตวั เองเฝ้ าคอยมาตลอดสู งเกินไปรึ เปล่า ใครบอกล่ะว่า
ต้องเป็ นราชันลัทธิมารเท่านั้นที่ซ่อนสมบัติไว้? ตอนแรกมีแค่แผนที่ซ่อนสมบัติของเคล็ดวิชาจอมมาร
ไร้เทียมทาน ก็ทาํ ให้คิดไปแล้วว่าเป็ นสมบัติที่ราชันลัทธิมารซ่อนไว้ ตอนนี้มีมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงโผล่
มาอีกแล้ว จะเอาอะไรมาแน่ใจว่าเป็ นราชันลัทธิมารล่ะ?
เมื่อเชื่อมโยงแผนที่สมบัติสองฉบับนี้ เขาก็สงสัยว่าผูซ้ ่อนสมบัติไม่ใช่ราชันลัทธิมารอะไรนัน่ เลย
พอนึกถึงจุดนี้ ท่านขุนนางเหมียวก็สิ้นหวังสุ ด ๆ ทําได้เพียงหยุดการค้นหาสุ่ มสี่ สุ่มห้า เดินวนรอบ
กิ้งก่าเพลิงที่โดนขังสองสามรอบ แล้วส่ ายหน้าเดินออกไป ดําเข้าไปในหิ นหนืดเพลิงอีกครั้ง
เหมียวอี้เหาะออกจากกลางภูเขาไฟมาเหยียบลงบนยอดเขา ตอนที่กม้ มองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เขาก็
ทอดถอนใจมาก ซ่อนสมบัติไว้ตรงนี้ ต่อให้มีคนลงไปได้ แต่กค็ งไม่รู้วา่ ผูซ้ ่อนสมบัติจะสามารถ
ค้นหาจนทัว่ แล้วสุดท้ายพบทางเข้าเล็ก ๆ ในหิ นหนืดที่อยูล่ ึกลงไปหนึ่งพันจั้ง จากดาวแมกไม้จนถึง
ที่นี่ จากที่คน้ หามาตลอดทาง เขาพบว่าผูซ้ ่อนสมบัติมีความคิดรอบคอบมากทีเดียว
หลังจากกลับมาถึงปราสาทดําเนินนภา เหมียวอี้กน็ าํ ระฆังดาราออกมาติดต่อศีลแปด ผลปรากฏว่าไม่มี
การตอบกลับ ไม่รู้ดว้ ยว่าสถานการณ์ของเจ้าบ้านัน่ เป็ นอย่างไรกันแน่ และเขาก็ไม่อยากอยูท่ ี่นี่ไป
ตลอด คาดว่าความอดทนของสมาคมวีรชนมีจาํ กัด ถึงได้เป็ นฝ่ ายกล่าวอําลาปราสาทดําเนินนภา
ทางปราสาทดําเนินนภาก็รักษาคําพูดเหมือนอย่างเคย ยังส่ งหมิงจ้าวและนักพรตระดับบงกชรุ ้งอีกสอง
คนให้คุม้ กันส่ ง เหาะอยูใ่ นอวกาศด้วยความเร็ วตลอดทางจนถึงดาวเทียนหยวน
เมื่อส่ งเหมียวอี้เข้าไปในตลาดสวรรค์ พวกหมิงจ้าวก็นบั ว่าทําภารกิจสําเร็ จแล้ว ทั้งสองฝ่ ายกล่าวอําลา
และบอกให้อีกฝ่ ายรักษาตัวดี ๆ
คนกลุ่มหนึ่งตามมาตลอดทางตั้งแต่อยูใ่ นอวกาศ เห็นได้ชดั ว่าเป็ นคนของสมาคมวีรชน พอตามเข้ามา
ในเมือง ก็เจอหน้าพวกหมิงจ้าว ทั้งสามสบตากับคนพวกนั้น แล้วหมิงจ้าวก็หนั หลังกลับไปมอง
เหมียวอี้แวบหนึ่ง ก่อนจะออกจากเมืองไปทันที
เหมียวอี้มองคนกลุ่มนั้นของสมาคมวีรชน แต่กไ็ ม่ได้พดู อะไรมาก หันหน้าเดินออกจากตรงนั้นไป มุ่ง
ตรงสู่ร้านขายของชําซื่อตรงเพื่อเข้าพบอวี้ซวีเจินเหริ น
เมื่อเห็นเหมียวอี้ อวี้ซวีเจินเหริ นก็รู้สึกผิดมาก ยืน่ มือเชิญให้เหมียวอี้นงั่ ลงแล้วบอกว่า “ฆราวาส ที่
ปล่อยร้านขายของชําไป… สํานักลมปราณก็หมดหนทางแล้วจริ ง ๆ !” ขณะที่พดู ก็ใช้สองมือยืน่
สัญญาให้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย
เหมียวอี้เข้าใจว่าทางสํานักลมปราณยังไม่รู้เรื่ องที่สมาคมวีรชนกําลังไล่สงั หารเขาอยู่ สําหรับเรื่ องบาง
เรื่ อง ในเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากเหมียวอี้รับสัญญามา
อ่านดู ก็กล่าวอย่างสั้นกระชับเพื่อลดความยุง่ ยากว่า “ข้าเองก็รักษาหุน้ ส่ วนนี้ไว้ไม่อยูแ่ ล้วเช่นกัน
เตรี ยมจะปล่อยแล้ว! เจินเหริ น รบกวนท่านนํากําไรพิเศษของร้านขายของชําที่คา้ งไว้มาชําระให้ขา้
ได้ม้ ยั ข้าคิดว่าคงไม่ยากอะไรหรอกใช่ม้ ยั ?”
อวี้ซวีเจินเหริ นพยักหน้า แล้วถามว่า “ต้องการเมื่อไรล่ะ?”
“ตอนนี้เลย ยิง่ เร็ วยิง่ ดี แลกทั้งหมดเป็ นยาแก่นเซี ยนให้ขา้ ข้ามีเวลาไม่มากแล้ว” เหมียวอี้ตอบ
“ดี!” อวี้ซวีเจินเหริ นเอ่ยรับ บอกให้เขารอสักครู่ แล้วไปจัดการทันที
หลังจากนั้นเกือบครึ่ งชัว่ ยาม อวี้ซวีเจินเหริ นก็นาํ กําไลเก็บสมบัติวงหนึ่งและแผ่นหยกแผนหนึ่งส่ งให้
เหมียวอี้นบั
เหมียวอี้มองดูรายละเอียดการคิดบัญชีในแผ่นหยก ทําให้ตกตะลึงทันที พอมองดูของในกําไลเก็บ
สมบัติอีกครั้ง ก็พบว่าเหมือนจะไม่ตรงกัน อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจินเหริ น จํานวนผิดพลาดหรื อ
เปล่า?”
อวี้ซวีเจินเหริ นส่ ายหน้าบอกว่า “กําไรพิเศษของสามร้อยห้าสิ บปี มีจาํ นวนเกือบหนึ่งล้านแปดแสน
ล้าน ครั้งก่อนท่านนํายาแก่นเซียนไปแล้วหนึ่งล้านหนึ่งแสนล้าน ก่อนหน้านี้ท่านเบิกไปสองแสนล้าน
ห้าแสนล้านที่เหลือก็แลกเป็ นยาแก่นเซี ยนให้ท่านห้าล้านเม็ด ทั้งหมดอยูใ่ นแหวนเก็บสมบัติแล้ว”
ครั้งก่อนให้อวิน๋ จือชิวไปแล้วสองแสนล้าน เหมียวอี้ยกแผ่นหยกขึ้นมาถามอย่างแปลกใจ “งั้นถ้าแยก
จํานวนรวมในแผ่นหยกออก แล้วสามล้านหกแสนล้านผลึกแดงมันคืออะไรล่ะ?”
อวี้ซวีเจินเหริ นเงียบไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะอธิบายว่า “นี่คือความประสงค์ของเจ้าสํานัก เจ้าสํานักบอกไว้
แล้ว ว่าสํานักลมปราณทนแรงกดดันนี้ไม่ไหว ฆราวาสเองก็คงทนแรงกดดันนี้ไม่ไหวเช่นกัน ถ้า
ฆราวาสต้องการจะถอนตัวออก เราก็จะไม่คาํ นวณตามกําไรพิเศษแล้ว แต่คาํ นวณตามกําไรที่ผู ้
บัญชาการเซี่ ยโห้วได้ไป นําที่เหลืออีกครึ่ งหนึ่งมาเติมชดเชยให้ท่าน เจ้าสํานักบอกว่าในภายหลังท่าน
ต้องได้ใช้แน่นอน ส่ วนหนึ่งล้านแปดแสนล้านผลึกแดงที่เหลือ ทางพวกเรานําออกมาทั้งหมดรวด
เดียวไม่ได้ ถ้าจ่ายเงินส่ วนนี้ไปหมดจะส่ งผลกระทบต่อการบริ หารธุรกิจ จะอธิบายกับผูถ้ ือหุน้ คนอื่น
ไม่ได้ ดังนั้นพวกเราจึงแจ้งไปที่ร้านค้าอีกเก้าสาขาแล้ว พวกเขาจะแลกเป็ นยาแก่นเซี ยนสิ บแปดล้าน
เม็ดเพื่อมอบให้ท่านให้เร็ วที่สุด”
เหมียวอี้ซาบซึ้งอยูใ่ นใจ แสดงว่าสํานักลมปราณพยายามช่วงชิงผลประโยชน์ที่มากที่สุดให้เขา จึงถาม
ทันทีวา่ “ทําแบบนี้จะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสํานักลมปราณเหรอ?”
อวี้ซวีเจินเหริ นตอบพร้อมรอยยิม้ ขื่นขม “นี่คือส่ วนแบ่งที่ท่านควรจะได้ไป ถ้าท่านต้องการเบิกเป็ น
เงินสดก็เป็ นเรื่ องที่สมควร ไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกเราหรอก กลับเป็ นสํานักลมปราณของพวกเรา
ที่ติดค้างฆราวาสไว้เยอะ ที่สาํ นักลมปราณมีวนั นี้ได้ ก็เพราะความช่วยเหลือจากฆราวาส เรื่ องอื่นพวก
เราก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน จะว่าไปแล้ว ตอนแรกที่บริ หารร้านขายของชํานี้ พวกเราก็แค่อยากหา
เงินนิดหน่อยเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็ นการบุกเบิกวิธีการบริ หารแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในแดน
ฝึ กตน ถึงขั้นทําให้คนพากันอิจฉา แบบนี้เรี ยกว่า ราษฎรเดิมไม่มีความผิด[1] แต่เพราะมีหยกกับตัวจึง
มีความผิด!”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่กล่าวคําขอบคุณอะไรมากแล้ว!” หลังจากกุมหมัดคารวะ เหมียวอี้กบ็ อกว่า “ต่อไปนี้ขา้
ไม่มีรายได้อะไรแล้ว ตอนนี้ตอ้ งการทรัพยากรฝึ กตนจริ ง ๆ ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน เจินเหริ น หนึ่งล้าน
แปดแสนล้านที่เหลือ ให้ยาแก่นเซียนข้าสิ บล้านเม็ด แล้วให้ผลึกแดงข้าอีกแปดแสนล้าน”
“ตกลง!” อวี้ซวีเจินเหริ นพยักหน้า “เพียงแต่ตอนนี้ยงั เบิกมาไม่ได้ เกรงว่าต้องรออีกสักระยะถึงจะ
ได้มา”
“ได้ขอรับ! ข้ามีธุระต้องขอตัวก่อน ถ้าได้ของแล้วรบกวนแจ้งข้าด้วย”
“เรื่ องนี้ฆราวาสไม่ตอ้ งห่วง”
“ยังมีอีกเรื่ องหนึ่ง คนพวกนั้นที่ฮุบหุน้ ของร้านขายของชําไป รบกวนเจินเหริ นนํารายชื่อมาให้ขา้ สัก
ฉบับ”
อวี้ซวีเจินเหริ นตกใจ “ฆราวาส อย่าบุ่มบ่ามเชียวนะ ท่านไปมีเรื่ องกับคนพวกนั้นไม่ไหวหรอก”
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมตอบว่า “เจินเหริ นคิดมากไปแล้ว ข้ายังไม่อยากรนหาที่ตายหรอก แค่จะเอาไปใช้
อย่างอื่นเฉย ๆ ” แต่พดู เสริ มในใจว่า ใครมันฮุบของของของข้า สักวันหนึ่งข้าจะให้มนั คายออกมาทั้ง
ต้นทั้งดอก ตราบใดที่ขา้ ยังไม่ตาย ก็เตรี ยมตัวรอข้าไว้ได้เลย!
หลังจากบอกเรื่ องบางอย่างไว้ชดั เจนแล้ว เหมียวอี้กไ็ ม่กล้าอยูท่ ี่นี่นาน เดินออกจากร้านขายของชํา
ซื่อตรง มุ่งตรงสู่เขตเมืองตะวันออก
ระหว่างทาง ไม่น่าเชื่อว่าคนของสมาคมวีรชนจะติดตามเขาอย่างโจ่งแจ้ง เรี ยกได้วา่ จับจ้องเขาอย่างไม่
เกรงกลัวอะไรเลย
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าลงมือที่นี่ เหมียวอี้จึงไม่กลัวพวกเขา กลัวแค่หวงฝู่ จวินโหรวจะขอให้ไอ้
เวรเซี่ ยโห้วหลงเฉิงมาบังคับเท่านั้น จึงรี บหลบไปที่อาณาเขตของศัตรู คู่แค้นของเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง มา
ขอพบโค่วเหวินหลานจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก
ผ่านไปครู่ เดียว หลังจากรายงานแล้ว คนเฝ้ าประตูกป็ ล่อยเขาเข้าไป คนของสมาคมวีรชนที่หยุดอยู่
หน้าจวนผูบ้ ญั ชาการมองหน้ากันเลิกลัก่ ไม่กล้าบุกเข้าไปโดยพลการ หนึ่งในนั้นมีคนรี บนําระฆัง
ดาราออกมาติดต่อหวงฝู่ จวินโหรว
เหมียวอี้ที่ถูกพาเข้าไปที่หอ้ งรับแขกรออยูค่ รู่ หนึ่ง โค่วเหวินหลานถึงได้เดินเนิบนาบเข้ามา แล้วกล่าว
กลั้วหัวเราะว่า “พี่หนิวช่างเป็ นแขกทีนาน ๆ มาที!”
เหมียวอี้รีบยืนขึ้นคํานับ “คํานับผูบ้ ญั ชาการโค่ว!”
โค่วเหวินหลานยืน่ มือเชิญให้ดื่มชา หลังจากตัวเองนัง่ ลง ก็สะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมาป้ องปากหัวเราะ
“ได้ยนิ ว่าคนของสมาคมวีรชนสนใจพี่หนิวมากเชียวนะ ไม่ทราบว่าพี่หนิวมาเยีย่ มตอนนี้เพราะมีอะไร
จะชี้แนะ?”
เหมียวอี้เห็นรอยยิม้ ในดวงตาเขาแฝงความหมายลึกซึ้ง รู ้สึกเหมือนเขาจะเดาออกถึงเจตนาของตน
รู ้สึกวูบในหัวใจทันที คนคนนี้ฉลาดกว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเยอะ
“ท่านผูบ้ ญั ชาการรู ้ข่าวไวจริ ง ๆ ! มิบงั อาจชี้แนะหรอก” เหมียวอี้ไม่จาํ เป็ นต้องปิ ดบังอะไรอีก พูดตรง
ๆ เลยว่า “ท่านผูบ้ ญั ชาการคงรู ้แล้วว่าทําไมคนของสมาคมวีรชนจึงไล่ตามข้าไม่ปล่อย สมาคมวีรชน
คุกคามรังแกกันเพื่อหุน้ ร้านขายของชําสองส่ วนในมือข้า รังแกกันเกินไปแล้วจริ ง ๆ ข้าเลยยอมเป็ น
หยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็ นกระเบื้องสมบูรณ์[2] ยินดีจะนําหุน้ สองส่ วนของร้านขายของชําซื่ อตรงมอบ
ให้ท่านผูบ้ ญั ชาการ!”
โค่วเหวินหลานตาเป็ นประกายทันที
คนที่มีพ้นื เพแบบเขา ปกติจะไม่มาสนใจเรื่ องทําธุรกิจเอง เพราะความรู ้สึกค่อนข้างช้า สู ค้ นทําธุรกิจ
อย่างหวงฝู่ จวินโหรวไม่ได้ นางมองเห็นอนาคตของร้านขายของชําตั้งแต่แรก กําจัดคนเห็นต่างและ
เข้ามาแทรกแซงตั้งนานแล้ว แม้แต่เซี่ ยโห้วหลงเฉิงที่เป็ นไอ้โง่ในสายตาเขาก็ชอ้ นหุน้ ไปแล้วสองส่ วน
ร้านขายของชําที่เมื่อก่อนไม่ค่อยสะดุดตา ปัจจุบนั หลังจากขยายสาขาแล้ว การผงาดขึ้นอย่างฉับพลัน
ทําให้การร้องทุกข์ของพวกพ่อค้าดึงดูดความสนใจคนจํานวนมากทันที หลังจากให้ความสนใจเพิ่มขึ้น
คนพวกนั้นก็คน้ พบอย่างตกตะลึงว่า ถ้าใช้วธิ ีการบริ หารแบบนี้กบั ธุรกิจของทั้งแดนฝึ กตน ใน
ภายหลังนักพรตทั้งใต้หล้าจะต้องทําการซื้ อขายกับร้านขายของชํานี้แน่นอน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ กําไรที่
เกิดขึ้นจะน่าดูขนาดไหน
ยิง่ คนที่มีฐานะตําแหน่งสูง ค่าใช้จ่ายก็ยงิ่ มาก ลูกน้องที่เลี้ยงไว้กย็ งิ่ มีเยอะ ตระกูลโค่วก็ไม่ใช่ขอ้ ยกเว้น
หุน้ สองส่วนของร้านขายของชําเป็ นส่ วนแบ่งที่ไม่นอ้ ยเลย!
โค่วเหวินหลานค่อย ๆ วางผ้าเช็ดหน้าในมือลง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ในใต้หล้านี้ไม่มีของที่
ได้มาโดยไม่ตอ้ งจ่าย มีเงื่อนไขอะไรก็วา่ มาตรง ๆ เถอะ”
ไม่จาํ เป็ นต้องพูดคลุมเครื ออ้อมค้อมกับคนประเภทนี้ เหมียวอี้บอกตรง ๆ เลยว่า “อยากจะขอให้ท่านผู ้
บัญชาการช่วยอะไรนิดหน่อยสักสามเรื่ อง”
“ช่วยนิดหน่อย?” โค่วเหวินหลานเลิกคิ้ว แล้วพยักหน้าบอกว่า “ว่ามาให้ฟังก่อนสิ ”
เหมียวอี้ยนื ขึ้น “หนิวโหย่วเต๋ อไร้ความามารถ แต่อยากจะเป็ นขุนนางของตําหนักสวรรค์!”
เรื่ องนี้จดั การได้ยากสําหรับคนทัว่ ไป คนที่ตาํ หนักสวรรค์จะรับเป็ นขุนนาง โดยทัว่ ไปจะเป็ นคนที่
สามารถสร้างคุณูปการอย่างชัดเจนให้ตาํ หนักสวรรค์ได้ ต่อให้เป็ นมนุษย์ธรรมดา แต่ถา้ มีอาํ นาจมาก
พอที่จะรวบรวมพลังปรารถนาของสาวกให้ตาํ หนักสวรรค์ ก็สามารถได้รับแต่งตั้งจากตําหนักสวรรค์
ได้ท้ งั นั้น หรื อที่พวกมนุษย์เรี ยกกันว่าสําเร็ จเป็ นเซียนเป็ นพระ สํานักพุทธที่มีอาํ นาจทัดเทียมกับ
ตําหนักสวรรค์กใ็ ช้หลักการนี้เหมือนกัน ส่ วนนักพรตทัว่ ไปที่อยากจะได้รับแต่งตั้งจากตําหนักสวรรค์
อย่างน้อยก็ตอ้ งมีคนของตําหนักสวรรค์สามคนแนะนําและรับประกันให้ โดยทัว่ ไปถ้าไม่ใช่คนที่เชื่อ
ใจกันมาก ก็จะไม่มีใครมารับประกันให้ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเรื่ องขึ้นมาก็จะต้องติดร่ างแหไปด้วย
แต่สาํ หรับตระกูลโค่ว เหมียวอี้เชื่อว่าเรื่ องนี้ไม่ใช่เรื่ องยากอะไร
โค่วเหวินหลานยังสี หน้าไม่เปลี่ยน เพียงเหล่ตามองมา พลางถามเสี ยงเรี ยบว่า “อยากเป็ นขุนนางระดับ
ใหญ่ขนาดไหน?”
“จะเล็กจะใหญ่กไ็ ม่เป็ นไร แล้วแต่ท่านผูบ้ ญั ชาการจะจัดให้” เหมียวอี้ตอบ
“บอกมาสักสองเรื่ องก่อนแล้วกัน?” โค่วเหวินหลานถาม
เหมียวอี้ตอบว่า “ในปี นั้นตอนเพิ่งเริ่ มเปิ ดร้านขายของชําซื่อตรง ข้าน้อยเคยไปขอยืมเครื่ องประดับชุด
หนึ่งมาเรี ยกกระแสนิยม เรื่ องนี้ท่านผูบ้ ญั ชาการรู ้อยูแ่ ล้ว เพียงแต่ตอนขอยืมเครื่ องประดับพวกนั้นมา
ข้าน้อยรับปากอีกฝ่ ายไว้วา่ จะหาหน้าร้านที่ตลาดสวรรค์ให้สกั ร้าน แต่จนใจที่ความสามารถมีจาํ กัด ยัง
ไม่ได้ทาํ ตามสัญญา เลยอยากจะขอให้ท่านผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกดูแลจัดหาให้สกั ร้าน”
“อยากได้ร้านที่ใหญ่ขนาดไหนล่ะ?” โค่วเหวินหลานถามอีก
“จะเล็กจะใหญ่กไ็ ม่เป็ นไร แล้วแต่ท่านผูบ้ ญั ชาการจะจัดให้!” เหมียวอี้ตอบ
สําหรับสองเรื่ องนี้ เขาไม่เสนอเงื่อนไขใด ๆ กับอีกฝ่ าย ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งนั้น ไม่อยากให้อีกฝ่ าย
รู ้สึกลําบากใจอะไรทั้งนั้น ต้องรู ้จกั สละทิ้ง ถึงจะได้สิ่งตอบแทนกลับมาง่าย ๆ !
…………………………
ทหารเลวของตําหนักสวรรค์
ของขวัญสองชิ้น
คนพังงานมาแล้ว
ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าปล่อยให้คนของเขตเมืองตะวันตกตีคนของเขตเมืองตะวันออกที่เขตเมือง
ตะวันออก แบบนั้นก็แย่แล้ว ต่อให้เป็ นเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ทาํ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้โดนโค่วเหวินห
ลานด่าตาย จะเสี ยหน้าแบบนี้ไม่ได้
ขณะเดียวกัน มีบางคนรี บส่ งข่าวไปบอกโค่วเหวินหลานแล้ว
ลูกน้องสี่ คนของเซี่ยโห้วหลงเฉิงย่อมสู ไ้ ม่ไหว เพียงตะโกนด่าทอใส่ กนั เท่านั้น
เซี่ยโห้วหลงเฉิงก้าวขึ้นมาใช้สองมือดันลูกน้องออกไป แล้วตะโกนว่า “ทําไม? อยากจะลงมือซ้อมข้ารึ
ไง? ไอ้คนนั้นที่มนั หลบอยูข่ า้ งหลัง โผล่หวั ออกมาสิ วะ!” ขณะที่พดู เขาก็ช้ ีไปทางเหมียวอี้
การหาเรื่ องในวันนี้พงุ่ เป้ ามาที่เหมียวอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเขาส่ งข่าวมาถามเรื่ องที่โค่วเห
วินหลานได้หุน้ สองส่ วนของร้านขายของชําไป เขาก็คงไม่ทนั สังเกตว่าเหมียวอี้กลายเป็ นคนของเขต
เมืองตะวันออกไปแล้ว หลังจากรู ้เรื่ องก็โมโหจนปอดแทบระเบิด
เพียงแต่เวลาเจ้าบ้านี่โมโหขึ้นมา ก็จะไม่ค่อยสนใจผลที่ตามมาสักเท่าไร วิง่ มาที่เขตเมืองตะวันออก
โดยตรงเลย
เหมียวอี้ยอ่ มรู ้วา่ เขาพุง่ เป้ ามาที่ตน จึงไม่ได้กา้ วขึ้นมาข้างหน้าอย่าง ‘ทันเวลา’ หดหัวอยูข่ า้ งหลังกลุ่ม
คน จะได้ไม่โดนเล่นสกปรกใส่
ขณะนี้เอง บนฟ้ าก็มีเงาคนคนหนึ่งแวบเข้ามา โค่วเหวินหลานนํารองผูบ้ ญั ชาการสองคนมาถึงแล้ว มา
เหยียบลงนอกศาลากลางนํ้า แล้วเดินก้าวยาวเข้ามาตวาดว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิ ง เจ้าบังอาจมาก่อเรื่ องที่
อาณาเขตของข้าเหรอ!” กลุ่มคนหลีกทางให้ เดินมาถึงตัวเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งและชี้หน้าด่าแล้ว
เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะหึ หึ แล้วถามว่า “เจ้าตุง้ ติ้ง จะพูดจาซี้ซ้ วั ไม่ได้นะ ลูกตาข้างไหนของเจ้าที่เห็น
ข้าก่อเรื่ อง?”
โค่วเหวินหลานเดือดดาลทันที “ไอ้หมีควายเซี่ยโห้ว ข้าเห็นกับตาตัวเอง!”
“เจ้าตุง้ ติ้ง เจ้าด่าใครว่าหมีควาย?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งหน้าบึ้ง
โค่วเหวินหลานใช้นิ้วจิ้มหน้าอกเขา “ข้าก็ด่าเจ้านัน่ แหละ ไอ้หมีควาย!”
“ยังกล้าเอานิ้วมาจิ้มข้าอีกเหรอ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงประสาทเสี ยทันที ง้างหมัดอยากจะชก อยากจะทํา
ให้ใบหน้าน่ารังเกียจของโค่วเหวินหลานพังเละ
แต่ถูกลูกน้องทั้งสี่ คนดึงมือไว้ พยายามควบคุมเขาไว้ หนึ่งในนั้นถ่ายทอดเสี ยงเตือนว่า “ผูบ้ ญั ชาการ
พวกเขามีคนเยอะกว่า ถ้าสูก้ นั ขึ้นมาพวกเราจะเสี ยเปรี ยบ! มิหนําซํ้าที่นี่ยงั ไม่ใช้อาณาเขตของพวกเรา
ด้วย เสี ยเปรี ยบแล้วยังไม่มีที่ให้ทวงความยุติธรรมอีก เขากําลังใช้วธิ ียวั่ ยุ เขากําลังเห็นท่านเป็ นคนโง่
กําลังจงใจยัว่ โมโหท่าน!”
ที่จริ งคนที่กาํ ลังพูดอาจจะไม่ได้กาํ ลังทําให้เขาใจเย็นลงก็ได้
สมกับเป็ นคนที่คุน้ เคยกัน พอได้ยนิ คํานี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ใจเย็นลงจริ ง ๆ ด้วย เขามองซ้ายมองขวา
พบว่าฝ่ ายตัวเองมีแค่หา้ คน แต่อีกฝ่ ายกลับมีเกือบร้อยคน ถ้าสู ก้ นั ขึ้นมาตนจะต้องเสี ยหน้าแน่นอน จึง
ทําเสี ยงฮึดฮัดแล้ววางหมัดลง
โค่วเหวินหลานกลับไม่ปล่อยเขาไป ใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกเขาซํ้า ๆ “ไอ้หมีควายหน้าเหม็น ยอมแพ้แล้ว
เหรอ? เจ้าลองลงมือให้ขา้ ดูสกั ครั้งสิ ทําหลบ ๆ ซ่อน ๆ ลับหลังจะถือว่าเก่งอะไรล่ะ? ดูร่างใหญ่กาํ ยํา
แต่กลับเป็ นขี้แพ้ที่กล้าแค่ขว้างหิ นจากข้างหลัง มันตัวอะไรกันแน่!”
“อุว้ ะ่ ฮ่า ๆ !” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโมโหจนหัวเราะเสี ยงดัง ควงหมัดอยากจะชกอีกที
ปรากฏว่าโดนลูกน้องสี่ คนดึงไว้อีกครั้ง “นายท่าน เมื่อตกที่นงั่ เสี ยเปรี ยบ บุรุษอกสามศอกย่อมยอม
ลดราวาศอกได้!”
ลูกน้องทั้งสี่ แอบถ่ายทอดเสี ยงเกลี้ยกล่อมไม่หยุด เหมียวอี้กลับพูดไม่ออกนิดหน่อย ถ้าไม่ได้เข้ามาอยู่
วงในก็คงดูไม่ออก ทหารสวรรค์พวกนี้ดูเหมือนปรองดองกัน แต่หลังจากเขาได้เข้ามาอยูใ่ นกลุ่ม ก็
พบว่าไม่ได้ต่างจากพิภพเล็กสักเท่าไร
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งส่ ายหัวเหมือนสิ งโตทันที สะบัดลูกน้องสี่ คนนั้นออก แล้วหันกลับมาฝ่ าวงล้อม
ประชิดเข้าไปตรงหน้าเหมียวอี้โดยตรง เขาทําเหมือนโค่วเหวินหลาน ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกเหมียวอี้ไม่
หยุด “ไอ้เด็กน้อย เจ้าเก่งนักนะ บังอาจทรยศข้า กินบนเรื อนขี้บนหลังคา!”
เหมียวอี้กา้ วถอยหลัง หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนจิ้มเป็ นครั้งที่สาม ถามเหมือนแปลกใจว่า “ผูบ้ ญั ชาการ
เซี่ ยโห้ว ข้าไม่เคยเอาของอะไรมาจากท่านเลย และไม่ใช่ลูกน้องของท่านด้วย จะกลายเป็ นทรยศท่าน
ได้อย่างไร?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งทําสี หน้าไม่ถูก ที่อีกฝ่ ายพูดเหมือนจะมีเหตุผล อีกฝ่ ายไม่เคยเอาอะไรจากเขาจริ ง ๆ
และไม่ใช่ลูกน้องเขาด้วย กลับเป็ นเขาที่ตกั ตวงของมาจากอีกฝ่ ายมากมาย แต่ที่บอกว่าทรยศ เขาไม่ได้
หมายความอย่างนี้ เขาหมายถึงเดิมทีเหมียวอี้เป็ นคนในอาณาเขตเขา แต่กลับนําหุน้ จากร้านขายของชํา
ในอาณาเขตเขามาให้โค่วเหวินหลาน ไม่ยอมมอบให้เขา ทั้งยังมาขอพึ่งพาเป็ นลูกน้องของโค่วเหวินห
ลานอีก แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน
หารู ้ไม่วา่ ถ้าพูดถึงความคุน้ เคยสนิทสนม เหมียวอี้ตอ้ งสนิทสนมกับเขามากกว่าแน่นอน เหมียวอี้ก็
อยากจะมอบหุน้ สองส่ วนนั้นให้เขาเพื่อแลกความสงบสุ ขเหมือนกัน แต่เจ้าบ้านี่เชื่อถือไม่ได้เลย เมื่อ
เขารับของของไปแล้ว ก็อาจจะไม่จดั การธุระให้กไ็ ด้ ไม่แน่วา่ ถ้าหวงฝู่ จวินโหรวยุยงแค่คาํ เดียว เจ้าบ้า
นี่กอ็ าจจะมาจัดการโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ได้ เจ้าบ้านี่ไม่พดู จากันด้วยเหตุผลเลย
โค่วเหวินหลานได้ยนิ แล้วขําทันที พอจะเดาสาเหตุที่เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งมาก่อเรื่ องที่นี่ได้แล้ว เขาจึงเดิน
เข้ามาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิม้ “เขาพูดถูกนะ เขาไม่เคยเอาของของเจ้าไป และไม่ได้เป็ นลูกน้องของเจ้า
ด้วย ทําไมกลายเป็ นทรยศเจ้า กลายเป็ นกินบนเรื อนขี้บนหลังคาแล้วล่ะ?”
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งย่อมรู ้วา่ ตัวเองเสี ยเปรี ยบเรื่ องเหตุผล เรี ยกได้วา่ แยกเขี้ยวยิงฟัน ชี้เหมียวอี้พลางตวาด
อย่างเดือดดาล “ไอ้เด็กนี่ ที่เจ้าซ้อมข้า ข้ายังไม่คิดบัญชีเลยนะ?”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ทุกคนรวมทั้งโค่วเหวินหลานต่างมองไปที่เหมียวอี้อย่างประหลาดใจ รู ้สึก
เหลือเชื่อที่เหมียวอี้กล้าซ้อมเขา เหมียวอี้จึงทําท่าไม่รู้ไม่ช้ ีเหมือนคนบริ สุทธิ์ไร้ความผิดทันที
โค่วเหวินหลานพลันหัวเราะเยาะ “ไอ้หมีควาย ต่อให้อยากจะหาเรื่ อง แต่กไ็ ม่ตอ้ งหาข้ออ้างน่าเกลียด
ขนาดนี้กไ็ ด้ม้ งั ?”
“ดี ไอ้เด็กนี่กล้านักเหรอ รอข้าก่อนเถอะ เดี๋ยวได้ถึงเวลาที่เจ้าร้องไห้แน่!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่ช้ ีเหมียวอี้
ยิม้ เจ้าเล่ห์ ส่ วนสาเหตุที่ยอมให้เหมียวอี้ซอ้ ม เขาก็พดู ออกมาไม่ได้เหมือนกัน ทําได้เพียงฝากเอาไว้
ก่อน โบกมือตะโกนว่า “พวกเรากลับ!”
“อย่ารี บไปสิ ! ในเมื่อมาแล้วก็ดื่มกันสักจอกสิ ! ทําไม กลัวข้าเหรอ?” โค่วเหวินหลานสะบัดผ้าเช็ดหน้า
ออกมาป้ องปากหัวเราะ
“ข้าเนี่ยนะกลัวคนตุง้ ติ้งแบบเจ้า? หรื อว่าเจ้ากล้าวางยาพิษข้าล่ะ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งถ่มนํ้าลาย แล้วหัน
ไปชี้ท่านแม่สวีกบั เสวีย่ หลิงหลงที่อยูข่ า้ งล่างเวที “วันนี้เขตเมืองตะวันตกสัง่ ห้ามออกนอกบ้านยาม
วิกาล ทุกร้านห้ามออกมาข้างนอก พวกเจ้ายังไม่ใสหัวกลับไปอีก?” ชัดเจนว่าเขาไม่อยากให้คนทางนี้
มีความสุ ข
ท่านแม่สวีกบั เสวีย่ หลิงหลงพูดไม่ออกมาก เมื่อเจอคนไร้เหตุผลแบบนี้กท็ าํ อะไรไม่ได้ แต่กไ็ ม่ใช่วนั
แรกที่ได้รู้จกั คนคนนี้ จึงทําได้เพียงมองไปที่โค่วเหวินหลานด้วยแววตาขอร้อง โชคดีที่โค่วเหวินห
ลานไม่ได้ทาํ ให้พวกนางลําบากใจ การไม่แสดงท่าทีอะไรก็คือคําตอบ ท่านแม่สวีรีบพาคณะนางรํา
ของหอกลิ่นสวรรค์หนีออกไปทันที
และเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็โดนโค่วเหวินหลานล่อลวงออกไปอย่างนั้นแล้ว เพียงแต่ก่อนจะออกไป โค่วเห
วินหลานหันกลับมาถ่ายทอดเสี ยงสัง่
รอจนกระทัง่ พวกเขาหายไปแล้ว สวีถงั หรานก็ดึงตัวเหมียวอี้ไปอีกด้าน แล้วกระซิ บบอกว่า “นายท่าน
ผูบ้ ญั ชาการออกคําสัง่ บอกว่าเขตเมืองตะวันออกเสี ยหน้าแล้ว ต้องกูห้ น้ากลับมา ให้พวกเราสู แ้ บบตา
ต่อตาฟันต่อฟัน สัง่ ให้ขา้ กับเจ้าไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก”
ไม่ใช่ม้ งั ? เหมียวอี้ตกใจมาก!
สวีถงั หรานไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้น ให้ทุกคนกินดื่มอยูท่ ี่นี่ต่อ แล้วตัวเองก็ดึงเหมียวอี้วงิ่ ออกไป
พอทั้งสองออกจากสวนบูรพา ก็เปลี่ยนเสื้ อผ้าปลอมตัว ถือโอกาสพกหิ นชมทัศนียภาพก้อนใหญ่กอ้ น
หนึ่งไปด้วย อาศัยความมืดคลําทางไปถึงด้านนอกจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก
พวกเขาหลบใต้ฐานกําแพง ทั้งสองเกี่ยงกันว่าใครจะเป็ นคนโยนก้อนหิ น เหมียวอี้จาํ ใจมาก กล่าวถ่อม
ตัวว่า “น้องชายเพิ่งมาใหม่ ภารกิจสําคัญแบบนี้ หากทําพลาดเกรงว่าจะละอายใจต่อนายท่านผู ้
บัญชาการ ดีไม่ดีอาจจะทําให้พี่สวีลาํ บากไปด้วย พี่สวีลงมือแล้วกัน!”
สุ ดท้ายสวีถงั หรานก็บอกอีกว่า “นายท่านผูบ้ ญั ชาการสัง่ ไว้ ว่าให้เจ้าลงมือด้วยตัวเอง ถือเป็ นใบมอบ
ตัวเพื่อเจ้าเข้าเขตเมืองตะวันออก!”
ผีที่ไหนจะไปรู ้วา่ ใช่คาํ พูดของโค่วเหวินหลานหรื อว่า เหมียวอี้แอบด่าแม่ในใจ แต่จะไม่ทาํ ตามก็
ไม่ได้ ภายใต้ความจนใจ เขาร่ ายอิทธิฤทธิ์ยกโยนหิ นก้อนใหญ่ออกไปหนึ่งก้อน จากนั้นทั้งสองก็รีบ
หนีไปอย่างรวดเร็ ว ได้ยนิ เสี ยงโครมครามแว่ว ๆ อยูข่ า้ งหลัง ทั้งยังมีเสี ยงตกใจป่ นด่าทอจากในจวนผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันตกด้วย
ทั้งสองรี บหนีกลับมาที่สวนบูรพา ถอดเครื่ องปลอมตัวออก แล้วกลับเข้ามานัง่ กินดื่มต่อไปอย่างไม่รู้
ไม่ช้ ี
ผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยนิ เสี ยงโมโหเดือดดาลปานฟ้ าผ่าของเซี่ ยโห้วหลงเฉิงดังขึ้น เจ้าตัวถือดาบใหญ่นาํ
คนพุง่ เข้ามาในศาลากลางนํ้าที่ไร้หลังคา ควงดาบตะคอกถามว่า “ใครมันไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการของ
ข้า?”
เมื่ออีกฝ่ ายพูดแบบนี้ ทุกคนในงานก็พากันงง มีคนไม่นอ้ ยแอบมองไปทางสวีถงั หรานกับเหมียวอี้
เงียบ ๆ เพราะทั้งสองออกจากงานไปพักหนึ่ง พวกเขามีคาํ ตอบในใจแล้ว
เหมียวอี้มองโค่วเหวินหลานที่วงิ่ ตามเข้ามา ด่าในใจว่าไอ้ตุง้ ติ้งคนนี้หน้าเนื้อใจเสื อใช้ได้เลย ถ่วงเวลา
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งอยูท่ างนี้ แต่ลบั หลังกลับสัง่ คนให้ไปพังรังของเซี่ยโห้วหลงเฉิง
สวีถงั หรานยืนขึ้นตอบทันที “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเรากินดื่มอยูท่ ี่นี่ตลอด
ไม่ได้ออกไปไหนเลย จะไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการของท่านได้อย่างไรขอรับ? ถ้าไม่เชื่อก็ถามทุกคนใน
งานดูสิ”
ทุกคนตอบเสี ยงดังเป็ นระลอกทันที “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วเข้าใจพวกเราผิดแล้ว พวกเราไม่ได้ออกไป
ไหนเลย”
โค่วเหวินหลานจับแขนของเซี่ยโห้วหลงเฉิ ง แล้วหรี่ ตายิม้ พร้อมบอกว่า “ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ
ลูกน้องข้าไม่เอาหิ นไปทุ่มใส่ ศาลากลางนํ้าหรอก มีแต่พวกเลวทราม ตํ่าช้า หน้าด้าน โง่เง่าเท่านั้นถึง
จะทําเรื่ องแบบนี้ได้!”
“เจ้า… โค่วเหวินหลาน เจ้าคอยดูเถอะ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงแทบจะพ่นนํ้าลายใส่ หน้าเขา พอโบกดาบ
หนึ่งที เสาคานที่หกั ไปครึ่ งหนึ่งก็กระเด็นออกไป แล้วโบกดาบไปทางพวกลูกน้องพร้อมตะโกนสัง่
“พวกเรา กลับ!” เรี ยกได้วา่ นําลูกน้องตัวเองออกไปจากกระฟัดกระเฟี ยด
ภาพที่โค่วเหวินหลานโบกผ้าเช็ดหน้าพลางกล่าวส่ งแขก เหมียวอี้เห็นแล้วขนลุกทั้งตัว ให้ความรู ้สึก
เหมือนเวลาท่านแม่สวีกล่าวส่ งแขก คนอื่น ๆ เหมือนจะเห็นจนกลายเป็ นเรื่ องปกติแล้ว
ผ่านไปประเดี๋ยวเดียว โค่วเหวินหลานก็สีหน้ากลับมานิ่งเฉยเป็ นปกติ ตะคอกทุกคนว่า “ยังจะมัวกิน
ดื่มอะไรกันอีก เจ้าหมีควายมันเป็ นคนตํ่าช้าเจ้าคิดเจ้าแค้น ยังไม่รีบไปบอกให้คนเตรี ยมป้ องกันอีก!”
แล้วก็หนั มาบอกรองผูบ้ ญั ชาการที่อยูข่ า้ งกาย “ไปเชิญผูก้ ารสองจากตําหนักคุม้ เมืองมาสักเที่ยว!”
ทุกคนแยกย้ายทันที เหมียวอี้ไปคิดเงิน ปรากฏว่าผูจ้ ดั การสวนบูรพาไม่ยอมรับเงิน บอกว่าเป็ นการ
แสดงความยินดีที่เขาได้รับตําแหน่ง แล้วขอฝากเนื้อฝากตัวกับเขาด้วย
เหมียวอี้ยมิ้ ตอบ นับว่าการกินดื่มและการชมดนตรี ในคืนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเลยสักนิด
พอกลับจวนผูบ้ ญั ชาการ เพิ่งจะเข้าประตูใหญ่มา เขาก็โดนทหารคนหนึ่งดึงตัวไปเจอกับพวกสวีถงั
หรานและทหารเลวอีกห้าคนเพื่อประชุม
เหมียวอี้ สวีถงั หราน ปู้ เหลียนจง สวีเ่ ต๋ อ ข่งเฟยฝาน ส้าวเติงก่วง หลัวว่านกวง ทหารเลวทั้งเจ็ดนัง่ ล้อม
กันอยูท่ ี่โต๊ะตัวหนึ่ง เหมียวอี้ที่เพิง่ เข้ามานัง่ ถามอย่างแปลกใจ “มีเรื่ องอะไรเหรอ?”
ปู้ เหลียนจงบอกว่า “นายท่านผูบ้ ญั ชาการบอกมา ว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งต้องกลับมาล้างแค้นแน่นอน คืนนี้
อย่าคิดว่าจะได้เป็ นอิสระเลย เฝ้ ารอแต่โดยดีเถอะ”
หลัวว่านกวงถอนหายใจอีก “ตอนนี้เป็ นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม รอดูวา่ นายท่านกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งใครจะ
ได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ถ้าให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิงเป็ น ก็ไม่ตอ้ งพูดอะไรแล้ว ตลาดสวรรค์ไม่มีที่ให้นาย
ท่านยืนแน่นอน เซี่ ยโห้วหลงเฉิงต้องบีบบังคับให้นายท่านออกไปแน่ แบบนั้นพวกเราก็แย่เหมือนกัน
ถึงตอนนั้นถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่เล่นงานพวกเราถึงตายก็แปลกแล้ว”
“มันเรื่ องอะไรกัน?” เหมียวอี้ตกใจมาก อย่าขู่ให้ขา้ ตกใจสิ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกําลังจะเป็ นผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่ของตลาดสวรรค์ ล้อเล่นอะไรของเจ้า? รี บถามทันทีวา่ “ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มอะไร?”
ตอนที่ 966
จับกุมคาหลักฐาน
“เจ้าไม่รู้เหรอ?” ปู้ เหลียนจงแปลกใจ แต่นึกขึ้นได้วา่ เจ้านี่เพิง่ มาใหม่ ก็เป็ นไปได้ที่จะไม่รู้ ถึงได้ช้ ีไป
ทางตําหนักคุม้ เมืองพร้อมอธิบายว่า “เป็ นเพราะฝี มือของปี ศาจจิ้งจอกพันหน้า สัตว์วญ
ิ ญาณของปี้ เยว่ฮู
หยินไงล่ะ ปี ศาจจิ้งจอกตนนี้ให้มีชีวติ อยูด่ ี ๆ ไม่ชอบ เอาแต่คิดอยากจะหนี ครั้งนี้หนีไปอีกแล้ว!”
ปี ศาจจิ้งจอกพันหน้า? เหมียวอี้ตะลึงงัน ถ้าไม่พดู ถึงปี ศาจจิ้งจอก เขาก็แทบจะลืมไปแล้ว นางหนีไป
อีกแล้วเหรอ? เขาถามอย่างแปลกใจอยูบ่ า้ งว่า “ใครจะได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ เกี่ยวอะไรกับปี ศาจ
จิ้งจอก อย่าบอกนะว่าใครหาปี ศาจจิ้งจอกเจอ คนนั้นจะได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่?” ร้านขายของชํา
ซื่อตรงได้มาอย่างไร เขารู ้ดีที่สุด ก็เป็ นเพราะหาปี ศาจจิ้งจอกตั้วนั้นพบนัน่ แหละ
สวีถงั หรานส่ ายหน้า “นายท่านมีคนหนุนหลัง เรื่ องนี้ทุกคนล้วนรู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ เป็ นลูกน้องของปี้ เยว่ฮู
หยินมานานขนาดนี้ เดิมทีควรได้เลื่อนขั้นตั้งนานแล้ว แต่มนั แย่ตรงที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็มีคนหนุนหลัง
เหมือนกัน ทั้งสองต่างก็อยากเป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์เพื่อให้อีกคนอับอาย ส่ วนจะให้
เลื่อนขั้นใคร ปี้ เยว่ฮูหยินก็ลาํ บากใจมาก ถ้าเลื่อนขั้นคนนี้จะทําให้คนนั้นไม่พอใจ ถ้าเลื่อนขั้นคนนั้นก็
จะทําให้คนนี้ไม่พอใจ จึงถ่วงเวลามาโดยตลอด ไม่อยากล่วงเกินทั้งสองฝ่ าย แต่ครั้งนี้ปีศาจจิ้งจอกหนี
ไปอีกแล้ว ปี้ เยว่ฮูหยินย่อมสัง่ ให้คนไปค้นหา ผูบ้ ญั ชาการใหญ่กเ็ ลยระดมกําลังพลกองหนึ่งไปค้นหา
แต่ใครจะคิดว่าตอนค้นหาจะไปเจอกับนักพรตผี ‘เฮยหวัง’ นักพรตผีที่ใจกล้าคับฟ้ าตนนี้บุ่มบ่ามแตะ
ต้องทหารสวรรค์ หลังจากสังหารคนไปหลายสิ บคนก็หลบหนี ทําเอาทางตําหนักสวรรค์ตาํ หนิยก
ใหญ่ ปี้ เยว่ฮูหยินย่อมมาระบายความโกรธกับผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ที่จริ งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่หรอก แต่มีข่าวมาว่าปี้ เยว่ฮูหยินอยากจะฉวยโอกาสทําให้ผบู ้ ญั ชาการใหญ่ออกจากตําแหน่ง
อยากจะอาศัยภูมิหลังของนายท่านกับผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วมาเพื่อกันไม่ให้ตาํ หนักสวรรค์สอบถาม เมื่อ
ข่าวหลุดออกมา นายท่านกับผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วขอเสนอตัวไปจับนักพรตผีนนั่ เพียงแต่ไม่รู้วา่ เพราะ
อะไร ปี้ เยว่ฮูหยินถึงลังเลไม่ยอมตัดสิ นใจมาตลอด!”
หลัวว่านกวงพยักหน้าเช่นกัน “ตอนนี้นายท่านกับผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วต่างก็กาํ ลังถูหมัดถูมือ เพียงรอ
ให้ป้ ี เยว่ฮูหยินลัน่ วาจา ถ้าใครจัดการนักพรตผีตนนั้นได้ คาดว่าปี้ เยว่ฮูหยินคงไม่มีทางถ่วงเวลาเรื่ อง
ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ต่อไปได้อีก ขอถามหน่อย ว่าถ้าปล่อยให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งทําเรื่ องนี้สาํ เร็ จ
นายท่านจะไม่ตอ้ งเป็ นลูกน้องคอยเงยหน้าฟังคําสัง่ เซี่ยโห้วหลงเฉิ งหรอกเหรอ ถึงตอนนั้นถ้าไม่ถูก
กลัน่ แกล้งจนตายก็ตอ้ งทรมานจากความอัปยศ นายท่านต้องออกจากที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงความอัปยศ
แน่นอน พวกเราที่เหลืออยูก่ แ็ ย่แล้ว!”
ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้! เหมียวอี้รู้สึกหนาวในใจ แอบร้องว่าทําไมตัวเองซวยขนาดนี้ สละหุน้ สองส่ วนของ
ร้านขายของชําเพื่อปกป้ องตัวเอง แต่ใครจะคิดว่าสุ ดท้ายอาจจะต้องตกอยูใ่ นมือเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
แต่พอลองคิดอีกมุม ก็อาจจะเป็ นการคิดมากไปเอง เรื่ องนี้ยงั ไม่ได้ถูกตัดสิ นใจเสี ยหน่อย แล้วอีกอย่าง
อาศัยคนปั ญญาอ่อนอย่างไอ้หมีควายเซี่ ยโห้ว ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องโค่วเหวินหลานก็ได้ มีความ
เป็ นไปได้มากกว่าที่โค่วเหวินหลานจะได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่
ทางนี้เพิ่งจะสงบใจ ด้านนอกก็มีเสี ยงคนวิง่ มากระซิบข้างหูสวีเ่ ต๋ อ
สวีเ่ ต๋ อหัวเราะแห้ง ๆ ตบโต๊ะยืนขึ้น แล้วโบกมือบอกว่า “โจรมาแล้ว ไปเตรี ยมตัว!”
โจร? โจรอะไร? เหมียวอี้ยงั เหม่องง แต่อีกหกคนก็ถลันตัวออกไปแล้ว แต่เขาก็หวั ไว ที่ตลาดสวรรค์
ยังจะมีใครกล้ามาปล้นที่จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกอีก นอกจากเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่มีคนอื่น
แล้ว เรี ยกได้วา่ ทั้งโมโหทั้งอยากขํา พบว่าเจ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงปั ญญาอ่อนจริ ง ๆ อีกฝ่ ายกําลังเปิ ด
กระเป๋ ารอให้เขามาติดกับดักเองแท้ ๆ
เขาเองก็อยากจะเห็นโค่วเหวินหลานจัดการเซี่ ยโห้วหลงเฉิงเหมือนกัน จึงรี บวิง่ ออกไปดูเอาสนุก พอ
ออกจากประตูมา สวีถงั หรานที่อยูบ่ นหลังคาฝั่งตรงข้ามก็ถ่ายทอดเสี ยงเรี ยก ให้ข้ ึนมารอดูบนหลังคา
ด้วยกัน
ภายใต้ม่านราตรี ไม่นานก็มีเงาคนลับ ๆ ล่อ ๆ ปรากฏขึ้น เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “มาแล้ว!”
สวีถงั หรานกดบ่าเขาพร้อมบอกว่า “ไม่รีบหรอก จุดประสงค์ของผูบ้ ญั ชาการก็คือให้พวกเขาทําให้
สําเร็ จก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”
ผ่านไปครู่ เดียว ก้อนหิ นใหญ่หา้ หกก้อนก็ถูกโยนออกมา ทุ่มจากฟ้ าใส่ ตาํ หนักหลักที่กาํ ลังจุดโคมไฟ
สว่าง เหมียวอี้และคนอื่น ๆ ได้แต่มองดูตาํ หนักหลักพังยุบลงไป แล้วก็กระเด็นกลับภายใต้การยิงของ
พลังอิทธิฤทธิ์ วัตถุระเกะระกะปลิวมัว่ ไปหมด
“ใครกัน!” พวกสวีถงั หรานตะโกนถามเสี ยงเข้มแล้ว คนที่ดกั ซุ่มอยูใ่ นร้านค้าด้านนอกกรู กนั ออกมา
ในชัว่ พริ บตาเดียว ดักคนที่คิดจากหนีจากซอยนั้นเอาไว้ พอพุง่ เข้าใส่ กต็ ีกนั ทันที ตีกนั จนมีเสี ยงร้อง
ตกใจ ร้านค้าหลายร้านพังอย่างง่ายดายราวกับเป็ นไม้ผุ
เหมียวอี้ที่ยงั หมอบอยูบ่ นหลังคาหันไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงเงาคนสองคนถลันตัวออกจากตําหนัก
ที่พงั ถล่ม ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผูช้ ายคือโค่วเหวินหลาน ส่ วนผูห้ ญิงก็ทาํ ให้เหมียวอี้หนังตากระตุก เขา
เคยเห็นมาก่อน ผูก้ ารสองที่เคยเจอตอนตามหาปี ศาจจิ้งจอกพันหน้าที่ดาวไร้ลกั ษณ์ นางกําลังทําสี หน้า
เย็นเยียบ
เหมียวอี้แอบเดาะลิ้นในใจ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทําไมตอนอยูส่ วนบูรพาก่อนหน้านี้ โค่วเหวินหลาน
ถึงให้เชิญผูก้ ารสองมาจากตําหนักคุม้ เมือง เพราะจะดึงตัวมาเป็ นพยาน นี่คือการวางกับดักตายให้
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง!
คนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแทบจะออกมาดักไว้หมด จุดจบก็ไม่ตอ้ งพูดถึง เพียงแต่สิ่ง
ที่ทาํ ให้เหมียวอี้หนังตากระตุกก็คือ อานุภาพการต่อสู ส้ ะเทือนไปทั้งข้างนอกข้างใน
ท่ามกลางเสี ยงดังโครมคราม ตึกรามบ้านช่องพังทลาย เห็นได้ชดั ว่าคนของโค่วเหวินหลานอยาก
หลอกฝ่ ายตรงข้ามให้ตายใจก่อนแล้วค่อยจัดการ คนหลายสิ บคนล้อมคนคนเดียว เดี๋ยวล้อมเดี๋ยวปล่อย
อยูอ่ ย่างนั้น จงใจจะขยายขอบเขตการต่อสู ใ้ ห้ใหญ่ข้ ึน ทําเอาบรรดาร้านค้าวุน่ วายเหมือนไก่บินเตลิด
หมาวิง่ พล่าน ไม่รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น ไม่กล้าเข้ามาเกี่ยวพันกับการต่อสูข้ องทหารสวรรค์
ความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ย่อมสะเทือนไปถึงคนของตําหนักคุม้ เมือง คนกลุ่มหนึ่งรี บตามเข้ามา
ทหารสวรรค์โดยรอบก็รีบตามมาเป็ นกองหนุนเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าสะเทือนไปถึงคนอื่นแล้ว กําลังคนของเขตเมืองตะวันออกก็วางมือทันที รี บจบการต่อสู ้
อย่างเด็ดขาดรวดเร็ ว
ใช้เวลาไม่นาน คนหกคนที่โดนโจมตีจนสาหัสก็ถูกลากเข้ามา ถูกถอดเครื่ องปลอมตัวออก แล้วโยน
ไว้ตรงหน้าโค่วเหวินหลานกับผูก้ ารสอง
“เอ! พวกเจ้าเป็ นลูกน้องของผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วเขตเมืองตะวันตกไม่ใช่เหรอ?” ข่งเฟยฝานเจตนา
ทําท่าตระหนกตกใจ
บนลานกว้าง คนกลุ่มหนึ่งพากันอุทานตาม “เป็ นพวกเขาจริ ง ๆ ด้วย!”
“ฟางเทียนเป่ า พวกเจ้ามาลอบโจมตีจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกของพวกเราทําไม?” ส้าวเติง
ก่วงก้าวขึ้นมาเตะทีหนึ่ง
ผูก้ ารสองโบกมือห้าม สี หน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นัง่ อยูใ่ นบ้านแล้วจู่ ๆ โดนหิ นหลายลูกทุ่มลงมา ไม่วา่
ใครก็อารมณ์ไม่ดีท้ งั นั้น เป็ นครั้งแรกที่นางเจอเรื่ องอันตรายแบบนี้ที่ตลาดสวรรค์ นางถามคนที่ตามมา
จากตําหนักคุม้ เมืองด้วยนํ้าเสี ยงทุม้ ตํ่า “พวกนี้เป็ นคนของเขตเมืองตะวันตกจริ งเหรอ?”
ใช่วา่ นางจะไม่รู้โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ งมีความสัมพันธ์กนั อย่างไร จึงไม่ค่อยเชื่อคําพูด
ของลูกน้องโค่วเหวินหลาน ถามคนของตัวเองจะเหมาะสมกว่า คนที่มาพยักหน้าเงียบ ๆ ให้นาง
ผูก้ ารสองเอียงศีรษะและใช้สายตาเย็นเยียบมองโค่วเหวินหลานที่ทาํ สี หน้าเยือกเย็นสุ ขมุ พอจะเข้าใจ
แล้วว่าทําไมเขาถึงเชิญตนมาวันนี้ สงสัยตนจะถูกใช้ประโยชน์แล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นนางต้องตั้งตัวเป็ นศัตรู แน่นอน แต่จนใจที่นางรู ้จกั ภูมิหลังของโค่วเหวินหลาน อีก
ฝ่ ายกล้าทําแบบนี้เพราะไม่ได้หวาดกลัวเลย นางเลยทําได้เพียงจัดการอย่างยุติธรรม
ผูก้ ารสองไม่ได้อยูน่ าน หลังจากถามจนรู ้ชดั แล้วว่าใครเป็ นผูล้ อบโจมตีฝ่ายนี้ นางก็กล่าวพร้อม
ใบหน้านิ่งตึง “พากลับไปรอฟังคําสัง่ ของฮูหยิน!”
คนของตําหนักคุม้ เมืองพุง่ ตัวเข้ามาทันที ลากคนที่อยูบ่ นพื้นออกไปด้วย
เมื่อเห็นผูก้ ารสองกําลังจะออกไป โค่วเหวินหลานก็กมุ หมัดคารวะทันที “เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งสันดานชัว่
ร้าย มีเจตนาไม่ดี พวกเราจะคุม้ กันส่ งผูก้ ารสอง!”
ผูก้ ารสองไฟลุกในใจ กล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “เจ้าตามข้าไปพบฮูหยิน ส่ วนคนของเจ้า… ฮันเปี ยว ส่ ง
คนไปดูพวกเขาไว้ให้ดี อย่าให้พวกเขาออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการโดยพลการแม้แต่กา้ วเดียว!”
“รับทราบ!” ฮันเปี ยว หัวหน้าที่ตามมาจากตําหนักคุม้ เมืองกุมหมัดเอ่ยรับคําสัง่ พอโบกมือ กําลังพลใต้
บังคับบัญชาก็เหาะไปเหยียบลงรอบ ๆ เฝ้ าจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกไว้อย่างแน่นหนา
“ทุกคนรอข้าอยูต่ รงนี้ ข้าไปประเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวกลับมา” โค่วเหวินหลานหันกลับมาสัง่ จากนั้นก็เหาะ
ตามผูก้ ารสองออกไป
“รับทราบ!” เหมียวอี้กมุ หมัดน้อมรับคําสัง่
ณ ตําหนักคุม้ เมือง ในสวนดอกไม้ใต้แสงจันทร์ ปี้ เยว่ฮูหยินเกล้าผมสูง รู ปร่ างอวบอัด ผิวขาว
ละเอียดอ่อน หน้าตางดงามดุจภาพวาด ริ มฝี ปากแดงเย้ายวน สวมชุดกระโปรงผ้ามุง้ สี เขียวนํ้าทะเล
เผยหน้าอกอวบอัดสี ขาวดุจหิ มะออกมาครึ่ งหนึ่ง นางกําลังหรี่ ตาครึ่ งเดียว เอนกายพิงอยูบ่ นเก้าอี้กลม
ขนาดใหญ่ กําลังฟังโค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ งปะทะฝี ปากกัน
เรื่ องนี้เซี่ยโห้วหลงเฉิงดิ้นไม่หลุด ย่อมต้องถูกเรี ยกมาอยูแ่ ล้ว เพียงแต่เจ้าตัวโมโหจนหน้าแดงคอแห้ง
สมองสูโ้ ค่วเหวินหลานไม่ได้ ฝี ปากก็ยอ่ มสู ไ้ ม่ได้เช่นกัน มิหนําซํ้ายังโดนจับกุมพร้อมหลักฐาน ไม่มี
ทางแก้ตวั ได้ ทําได้เพียงดันทุรังเถียงไป “เจ้าส่ งคนไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการของข้าก่อนชัด ๆ !”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดซี้ซ้ วั ถ้าเจ้าทําแบบนี้ได้ งั้นข้าก็บอกได้เหมือนกันน่ะสิ ว่าคนที่ทุ่มหิ นใส่
สวนบูรพาตอนแรกคือเจ้า?” โค่วเหวินหลานพูดดูถูก
“ใส่ ร้ายกันหน้าด้าน ๆ !” ต่อให้โดนตีให้ตาย เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่ยอมรับ
ทั้งสองเถียงกันไปเถียงกันมา ปี้ เยว่ฮูหยินหลับตาไม่แสดงท่าทีอะไร หลับตาฟังเหมือนกําลังพักผ่อน
ร่ างกาย
ผ่านไปไม่นาน ก็มีลูกน้องนําคําให้การที่ได้มาเพราะโดนทรมานสอบปากคํามาส่ ง คําให้การมาถึงมือ
ปี้ เยว่ฮูหยิน พออ่านแล้วดวงตานางก็ฉายแววขุน่ เคืองทันที
ไม่ใช่เพราะลูกน้องของเซี่ยโห้วหลงเฉิ งตกกลุมพราง ต่อให้โดนซ้อมจนตายก็ไม่ยอมตกหลุมพราง
ทุกคนต่างแบกความรับผิดชอบไว้ที่ตวั เอง พวกเขาช่วยให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงพ้นผิด เห็นได้ชดั ว่าพวกเขา
เข้าใจสถานการณ์มาก ถ้าสารภาพชื่อเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งออกมา แบบนั้นพวกเขาก็ได้ตายสถานเดียว
เซี่ ยโห้วหลงเฉิงมีนิสยั เหี้ ยมโหด เจ้าคิดเจ้าแค้นไร้เหตุผล ถ้าไม่เล่นงานพวกเขาจนตายก็คงแปลก ถ้า
ปกป้ องเซี่ยโห้วหลงเฉิง โทษของพวกเขาก็ไม่ถึงกับตาย ไม่แน่วา่ ในภายหลังเซี่ยโห้วหลงเฉิ งอาจจะ
ให้อนาคตที่ดีกบั พวกเขาก็ได้
แต่การกระทําแบบนี้นบั ว่าเป็ นอะไรสําหรับปี้ เยว่ฮูหยินล่ะ โค่วเหวินหลานกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งมีคน
หนุนหลัง ทั้งสองไม่เห็นนางอยูใ่ นสายตาก็วา่ แย่แล้ว แต่พวกลูกน้องตํ่าต้อยก็บงั อาจไม่เห็นนางอยูใ่ น
สายตาด้วยเหมือนกัน ชัดเจนว่าต่อให้จบั ได้พร้อมหลักฐานก็จะไม่ยอมรับ แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน!
แต่สีหน้าโกรธเคืองก็หายไปอย่างรวดเร็ ว ในที่สุดก็เอ่ยถามว่า “พวกเจ้าสองคนสูก้ นั ไปสู ก้ นั มา ก่อ
เรื่ องใหญ่โตขนาดนี้ พวกเจ้าลองบอกว่ามาซิ วา่ จะยุติเรื่ องนี้อย่างไร?”
“ประหารเซี่ยโห้วหลงเฉิง!” โค่วเหวินหลานตอบ
“เหลวไหล! เจ้าน่ะสิ ตอ้ งโดนประหาร!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงเดือดดาลทันที
“พอแล้ว!” ปี้ เยว่ฮูหยินพลันตวาดเสี ยงเข้ม ลุกขึ้นยืนด้วยแววตาเป็ นประกาย แล้วกล่าวเสี ยงตํ่าว่า “คน
ของเขตเมืองตะวันตกก่อเรื่ อง จับตัวได้พร้อมหลักฐาน เซี่ยโห้วหลงเฉิ งยากที่จะพ้นผิดไปได้ ลงโทษ
ปรับเงินเดือนเจ้าหนึ่งร้อยปี แล้วชดเชยค่าเสี ยหายตามสมควร เจ้ายินดีจะรับบทลงโทษนี้ม้ ยั ?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกุมหมัดกล่าวว่า “ฮูหยินเองก็รู้ ตระกูลข้าน้อยไม่ได้ให้เงินไว้ใช้จ่าย ไม่เหมือนไอ้
ตุง้ ติ้งนี่ที่มีนมป้ อนตลอด ตําแหน่งข้าน้อยยากจน ไม่มีเงินจ่ายค่าชดเชย!”
โค่วเหวินหลานได้ยนิ แล้วกุมหมัดแน่น อยากจะเตะเขาให้ตาย
ปี้ เยว่ฮูหยินโมโหแล้ว แต่จู่ ๆ ผูก้ ารสองก็ถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “ฮูหยิน ผูบ้ ญั ชาการโค่วอาศัยโอกาส
แสดงความสามารถ ความเสี ยหายค่อนข้างหนัก ถ้ามีการชดเชยขึ้นมาก็ไม่ใช่เงินจํานวนน้อย ๆ ”
ปี้ เยว่ฮูหยินทั้งโมโหทั้งกลุม้ ใจ แต่กท็ าํ อะไรสองคนนี้ไม่ได้ ถ้าทําเกินไป อํานาจที่หนุนหลังทั้งสองก็
จะกดดันนาง ตอนนั้นคงถึงคราวที่นางต้องลําบากเสี ยเอง จึงกัดฟันบอกว่า “ลูกน้องเจ้าก่อความวุน่ วาย
เจ้าเป็ นผูบ้ งั คับบัญชา หนีไม่พน้ ความรับผิดชอบนี้หรอก ปรับค่าเสี ยหายเจ้าครึ่ งเดียว ห้ามแย้งอะไรอีก
ส่ วนที่เหลืออีกครึ่ งหนึ่ง เจ้าก็หาทางไปติดต่อเจรจากับพ่อค้าเอาเอง ถ้าจัดการเรื่ องนี้ให้สงบไม่ได้ ข้า
จะมาถามหาความรับผิดชอบจากเจ้า!”
โค่วเหวินหลานกุมหมัดคารวะทันที “ข้าน้อยจะไปรวมรวบข้อมูลความเสี ยหายทั้งหมดของร้านค้า
เดี๋ยวนี้”
ผูก้ ารสองรี บถ่ายทอดเสี ยงเตือนปี้ เยว่ฮูหยิน “ข้าสัง่ ให้คนไปจับตาดูคนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมือง
ตะวันออกไว้แล้ว กลัวว่าพวกเขาจะเล่นไม่ซื่ออะไรอีก!”
ปี้ เยว่ฮูหยินเลิกคิ้ว เหล่ตามองไปที่โค่วเหวินหลาน คิดในใจว่า ถ้าให้เจ้าไปดูกแ็ ย่น่ะสิ เจ้าอยากจะเล่น
งานเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้ถึงตาย แล้วตอนหลังจะให้ขา้ ไปอธิบายกับตระกูลเซี่ ยโห้วอย่างไรล่ะ? นาง
ตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่ตอ้ งแล้ว! ตําหนักคุม้ เมืองส่ งคนไปรวบรวมข้อมูลแล้ว”
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งโล่งอก!
หารู ้ไม่วา่ ในจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกตอนนี้ รองผูบ้ ญั ชาการสองคนกับทหารเลวเจ็ดคน
กําลังรวมตัวอยูด่ ว้ ยกัน ลูกน้องกลุ่มหนึ่งกําลังพากันขว้างทรัพย์สินที่ฉวยโอกาสทําพังตอนเหตุการณ์
วุน่ วายก่อนหน้านี้ ของวางซ้อนกันเป็ นกองใหญ่ เหมียวอี้เห็นแล้วอกสัน่ ขวัญแขวน เจ้าพวกนี้เลว
ใช้ได้เลย นี่ตอ้ งการจะให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงจ่ายค่าเสี ยหายจนหมดตัวเลยใช่ม้ ยั ?
ตอนที่ 967
ด่ ากันกลางตลาด
ร้ านโฉมเมฆา
ผู้หญิงทีม่ สี ามีแล้ว
เขาภูตพเนจร
ยอดเขาโอนเอน
เซี่ยโห้ วปะทะเฮยหวัง
สถานการณ์ พลิกผัน
ใช้ ทวนถาม
เกือบโดนรมควันตาย
รํ่ารวยใหญ่ แล้ ว
หมีควายอาละวาด
กระโดดขึน้ สองขั้น
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งวิง่ มาอาละวาด คนแรกที่ตอ้ งการจะทําร้ายไม่ใช่เหมียวอี้ แต่เป็ นสวีถงั หราน แค่น้ ีก็
เพียงพอที่จะทําให้เหมียวอี้แอบร่ าเริ งได้หลายวัน
ไม่ใช่แค่ร่าเริ งได้หลายวัน แต่เรื่ องดีที่แท้จริ งมาถึงแล้ว เมื่ออยูใ่ นสถานการณ์ล่อแหลมแล้วพลิกวิกฤต
ช่วยชีวติ ตัวเองไว้ได้ ช่วงเวลาอันงดงามที่แลกมาด้วยชีวติ ก็มาถึงเสี ยที
อาการบาดเจ็บของสวีถงั หรานยังไม่หายดี แต่กย็ งั กัดฟันไปที่จวนผูบ้ ญั ชาการใหญ่พร้อมกับเหมียวอี้
บ่าข้างหนึ่งไม่สามารถงอกออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วนั แต่เวลาที่จะได้เลื่อนขั้นเป็ นเศรษฐีมาถึงแล้ว
ต่อให้คลานเขาก็จะต้องคลาน มีหรื อที่จะพลาด!
ในจวนผูบ้ ญั ชาการใหญ่ โค่วเหวินหลานนัง่ อยูบ่ นบัลลังก์ เกราะรบเปลี่ยนเป็ นเกราะทองหกแถบแล้ว
ประกอบกับคนที่ตวั ดําเมี่ยม กลับทําให้ดูน่าเกรงขามขึ้นหลายส่ วน แต่พอเขาสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมา
เหมียวอี้กอ็ ยากจะอาเจียน รู ้สึกสะอิดสะเอียนเกินทน… เดิมทีผชู ้ ายที่ทาํ ตัวตุง้ ติ้งก็น่าสะอิดสะเอียด
พอแล้ว มิหนําซํ้ายังเป็ นผูช้ ายที่ตวั ดําขนาดนี้อีก!
แต่ไม่วา่ จะพูดอย่างไร โค่วเหวินหลานก็ได้อยูใ่ นจุดสู งสุ ดของทหารเลวแล้ว ถ้าทหารเลวหกแถบก้าว
ขึ้นไปอีกขั้น ก็จะได้เป็ นแม่ทพั หนึ่งแถบแล้ว!
ทางซ้ายและขวามีคนนําเกราะรบชุดหนึ่งมาส่ งให้ตรงหน้าเหมียวอี้และสวีถงั หราน ทั้งสองรับของมา
แล้วเปลี่ยนใส่ ตรงนั้น
ทหารยศตํ่าทั้งสองกระโดดข้ามตําแหน่งรองผูบ้ ญั ชาการไปเป็ นผูบ้ ญั ชาการโดยตรง เท่ากับกระโดด
ข้ามสองขั้นในรวดเดียว แบบนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปกติ ยังต้องขอบคุณโค่วเหวินหลาน เป็ น
เพราะโค่วเหวินหลานพยายามช่วงชิงมาให้ท้ งั สอง ประการแรกเป็ นเพราะโค่วเหวินหลานรับปากพวก
เขาไว้แล้ว ประการต่อมา การที่โค่วเหวินหลานได้เลื่อนขั้นในครั้งนี้ ก็เป็ นเพราะอาศัยให้พวกเขาสอง
คนเสี่ ยงชีวติ จับตัวเฮยหวัง
อย่างน้อยสถานการณ์ที่โค่วเหวินหลานรู ้วา่ ก็เป็ นแบบนี้
นอกจากนี้ คนมากมายที่พาออกไปด้วยก็ตายเกือบหมดแล้ว เหลือคนที่รอดกลับมากับเขาแค่สองคน
ไม่ตอ้ งพูดเลยว่าในใจรู ้สึกผิดขนาดไหน อย่างน้อยการต่อสู เ้ ข่นฆ่าจนมาถึงขั้นนี้ ถ้าไม่ตบรางวัลหนัก
ๆ ก็กลัวว่าจะทําให้ลูกน้องท้อแท้ผดิ หวัง
ยิง่ ไปกว่านั้น ทุกบ้านย่อมมีวธิ ีการดูแลควบคุมเด็ก ๆ ของบ้านตัวเอง และต้องแสดงให้คนอื่นเห็นด้วย
ว่าคนที่ทุ่มเททํางานรับใช้ขา้ ข้าจะไม่ปฏิบตั ิดว้ ยอย่างขาดความยุติธรรม พวกเจ้าดูพวกเขาสองคนสิ
ข้าเลื่อนขั้นให้พวกเขาสองขั้นติดต่อกันเลย!
นี่กค็ ือแบบอย่างที่ดี คนอื่นเห็นแล้วย่อมอิจฉาตาร้อน ในภายหลังย่อมทุ่มเททํางานรับใช้เขา!
สําหรับโค่วเหวินหลาน สิ่ งเดียวที่น่าเสี ยดายก็คือวรยุทธ์ของทั้งสองตํ่าไปหน่อย โดยเฉพาะเหมียวอี้
เพิ่งวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่ง การให้เหมียวอี้เป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก เขาก็ตอ้ งแบกความ
กดดันไว้เยอะมากจริ ง ๆ แต่กไ็ ม่เป็ นไร เขามอบปั จจัยให้ท้ งั สองคน ย่อมเป็ นทรัพยากรฝึ กตน เชื่อว่า
ทั้งสองต้องวรยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ วแน่นอน
เกราะรบของทหารเลวห้าแถบ สี ทองอร่ ามงามตากึ่งโปร่ งแสง ราวกับหยกสี เหลือง เมื่อสวมไว้บนตัว
ดูมีสง่าราศีจริ ง ๆ แบบสี ทองคําบริ สุทธิ์ดูบา้ นนอกไปหน่อย
อาวุธก็เปลี่ยนด้วยเหมือนกัน แจกจ่ายทวนยาวและดาบยาวสี อาํ พันให้ท้ งั สอง ทั้งยังเป็ นอาวุธขั้นสี่ ดว้ ย
ส่ วนแบบขั้นห้าแจกให้แม่ทพั เท่านั้น ส่ วนขั้นหกก็เป็ นของแม่ทพั ใหญ่
เล่าหนานซง กงอวีเ่ ฟย ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผูช้ ่วยของโค่วเหวินหลาน และเป็ นรองผูบ้ ญั ชาการใหญ่
เช่นกัน ผูช้ ่วยสองคนของโค่วเหวินหลานไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยโค่วเหวินหลาน เป็ นปี้ เยว่ฮูหยินที่
แต่งตั้งให้เอง ก็เหมือนกับรองผูบ้ ญั ชาการหงกับรองผูบ้ ญั ชาการซุนก่อนหน้านี้ ไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันออกเช่นกัน เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่แต่งตั้งให้โดยตรง นับว่าเป็ นวิธีการหนึ่งที่
เบื้องบนใช้ควบคุมเบื้องล่าง
แต่รองผูบ้ ญั ชาการใหญ่สงท่านนี้กเ็ ป็ นผูช้ ่วยของอดีตผูบ้ ญั ชาการใหญ่เช่นกัน ปี้ เยว่ฮูหยินโยกย้ายแค่ผู ้
บัญชาการใหญ่ออกไป ไม่ได้แตะต้องผูช้ ่วยสองคนนี้
มู่หรงซิ งหัว หยางไท่ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แบ่งเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือและผูบ้ ญั ชาการเขตเมือง
ใต้ เห็นได้ชดั ว่าทั้งสองก็มีอาํ นาจหนุนหลังเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตของ
ตลาดสวรรค์ได้เลย เพียงแต่คนหนุนหลังไม่ได้ใหญ่เท่าโค่วเหวินหลานแค่น้ นั เอง ไม่อย่างนั้น
ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่กค็ งไม่ตกมาถึงโค่วเหวินหลานเหมือนกัน
ทั้งสี่ แสดงความยินดีที่เหมียวอี้และสวีถงั หรานได้ข้ ึนรับตําแหน่ง เหมียวอี้ยอ่ มกุมหมัดแสดงความ
ขอบคุณ ส่ วนสวีถงั หรานแขนหายไปข้างหนึ่ง แขวนชุดเกราะไว้ชุดหนึ่ง ทําได้เพียงใช้ฝ่ามือข้างเดียว
ประทับอกแสดงการขอบคุณ
หลังจากพูดคุยและให้กาํ ลังใจกัน โค่วเหวินหลานก็ยนื ขึ้นกล่าวว่า “ทุกคนรู ้จกั กันแล้ว ไม่ตอ้ งคุยอะไร
กันเยอะแล้ว ตามข้าไปเยีย่ มคารวะท่านแม่ทพั ภาคในตําหนัก!”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับคําสัง่ และตามเข้าไป
ท่านแม่ทพั ที่กล่าวถึงก็คือปี้ เยว่ฮูหยิน
ระบบของตําหนักสวรรค์ ราชันสวรรค์และราชินีสวรรค์ใหญ่ที่สุด รองลงมาก็คือสี่ อ๋องสวรรค์ สิ บ
สองจอมพล สามสิ บหกเทพประจําดาว เจ็ดสิ บสองโหว พวกนี้ลว้ นเป็ นนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์
อนันตภาพ และแน่นอน ตําหนักสวรรค์ไม่ได้มีแค่นกั พรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพพวกนี้ พวกเขา
เป็ นเพียงขุนนางในตําแหน่งหลักเท่านั้น สมาชิกอิสระระดับเดียวกันยังมีพวกเทพเซี ยนกับเซี ยน
อาวุโสด้วย แล้วก็มีพวกตําแหน่งรอง แต่ตาํ แหน่งพวกนี้ค่อนข้างไร้อาํ นาจ ไม่ได้กมุ อํานาจ
ผลประโยชน์เหมือนพวกตําแหน่งหลักเท่านั้นเอง อํานาจที่แท้จริ งของตําหนักสวรรค์กอ็ ยูใ่ นมือของ
หนึ่งร้อยยีส่ ิ บหกตําแหน่งนี้
ตําแหน่งที่อยูใ่ ต้เจ็ดสิ บสองโหวลงมามีจาํ นวนเยอะเกินไป ล้วนถูกแบ่งควบคุมโดยเจ็ดสิ บสองโหว
การแต่งตั้งเพิม่ หรื อถอดออกล้วนขึ้นอยูก่ บั การตัดสิ นใจของเจ็ดสิ บสองโหว แล้วค่อยรายงานขึ้นไป
ตําแหน่งที่อยูใ่ ต้เจ็ดสิ บสองโหวก็คือหัวหน้าภาค หัวหน้าภาคคนหนึ่งจะคุมหนึ่งน่านฟ้ า อย่างเช่น
อาณาเขตดาวที่ผา่ นประตูดวงดาวมาจนถึงดาวเทียนหยวน และดาวเทียนหยวนเองก็เป็ นเพียงดาว
เคราะห์ดวงหนึ่งในอาณาเขตดาวผืนนี้เท่านั้น
ใต้หวั หน้าภาคก็คือระดับแม่ทพั ภาคอย่างปี้ เยว่ฮูหยิน ทําหน้าที่ดูแลรักษาการณ์ท้ งั ดาวเทียนหยวน
ส่ วนหัวหน้าของปี้ เยว่ฮูหยิน ก็คือหนึ่งในเจ็ดสิ บสองโหว และเป็ นหัวหน้าของหัวหน้าของนางเช่นกัน
ภูมิหลังของปี้ เยว่ฮูหยิน ถ้าเทียบกับนักพรตทัว่ ไปก็นบั ว่าทระนงองอาจแล้ว ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะได้
นัง่ ตําแหน่งที่รายได้ดีแบบนี้
แน่นอน ไม่ใช่วา่ ดาวเคราะห์ทุกดวงจําเป็ นต้องแต่งตั้งแม่ทพั ภาค ต้องดูวา่ ดาวเคราะห์ดวงนั้นสามารถ
สร้างผลประโยชน์ได้หรื อไม่ คุม้ ค่าที่จะส่ งคนจํานวนมากไปรักษาการณ์หรื อไม่ ยกตัวอย่างเช่นผูท้ ี่คุม
ดาวไร้ลกั ษณ์ นัน่ คือเทพแห่งภูผาที่อยูใ่ นระดับผูบ้ ญั ชาการ และเป็ นเทพแห่งภูผาของเกาะศักดิ์สิทธิ์
นั้นด้วย
เป็ นเพราะดาวไร้ลกั ษณ์มีเกาะศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็ นเหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ แม้แต่คน
ระดับผูบ้ ญั ชาการก็ไม่มีเลย แค่แต่งตั้งพวกเทพเจ้าที่ ผีหลักเมืองไว้จาํ นวนหนึ่งก็พอแล้ว ที่ยงิ่ กว่านั้นก็
คือ ถ้าเป็ นดาวเคราะห์ที่ไม่มีความจําเป็ นเลย แม้แต่ขนุ นางเล็ก ๆ ของตําหนักสวรรค์กไ็ ม่มีเลยสักคน
ตําแหน่งที่อยูใ่ ต้แม่ทพั ภาคก็คือผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ที่ต่าํ กว่านั้นก็คือผูบ้ ญั ชาการ ผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการ ผู ้
บังคับการกองร้อย ผูบ้ งั คับการกองห้า ส่ วนตําแหน่งรองอื่น ๆ ไม่บนั ทึกรวมอยูใ่ นนั้น
ตามการจัดระบบที่สมบูรณ์ของตําหนักสวรรค์ ใต้แม่ทพั ภาคหนึ่งคนจะมีผบู ้ ญั ชาการใหญ่สิบคน ใต้ผู ้
บัญชาการใหญ่หนึ่งคนก็จะมีผบู ้ ญั ชาการอีกสิ บคน ใต้ผบู ้ ญั ชาการหนึ่งคนก็จะมีผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการอีก
สิ บคน ลดหลัน่ กันไปแบบนี้ แต่ที่ดาวเทียนหยวนไม่จาํ เป็ นต้องวางกําลังคนไว้มากมายขนาดนั้นเลย
แต่จาํ เป็ นต้องมีคนที่ศกั ยภาพเท่าเทียมกันมารักษาการณ์ ดังนั้นใต้แม่ทพั ภาคอย่างปี้ เยว่ฮูหยินจึงมีผู ้
บัญชาการใหญ่แค่คนเดียว และใต้ผบู ้ ญั ชาการใหญ่กม็ ีผบู ้ ญั ชาการแค่หา้ คน หนึ่งในนั้นมาเฝ้ าคุมอยูท่ ี่
ตําหนักคุม้ เมืองของปี้ เยว่ฮูหยิน เป็ นลูกน้องคนสนิทของปี้ เยว่ฮูหยิเช่นกัน โค่วเหวินหลานเองก็ไป
ควบคุมไม่ได้ ส่ วนใต้ผบู ้ ญั ชาการอีกสี่ คนก็มีผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการแค่หกคน ใต้ผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการแต่ละคน
ก็จะมีผบู ้ งั คับการกองร้อยสี่ คน ใต้ผบู ้ งั คับการกองร้อยก็จะมีผบู ้ งั คับการกองห้าอีกสองคน หนึ่งกอง
ห้าที่รวมผูบ้ งั คับการกองห้าไว้ในนั้นก็มีท้ งั หมดสิ บคน
ตามกฎแล้ว เดิมทีเหมียวอี้สามารถบัญชาการทหารสวรรค์หนึ่งหมื่นนาย แต่อยูท่ ี่นี่มีแค่หา้ ร้อยนาย
เท่านั้น นี่คือสิ่ งที่จดั ตามปัจจัยและความจําเป็ น การเลี้ยงคนจํานวนมากคือสิ่ งที่ไม่จาํ เป็ น แต่
ผลประโยชน์ที่ได้กไ็ ม่นอ้ ยกว่าผูบ้ ญั ชาการตามระบบแน่นอน
ที่จริ งแล้วตําหนักคุม้ เมืองคือตําหนักของผูบ้ ญั ชาการใหญ่แห่งตลาดสวรรค์ แต่จนใจที่ป้ ี เยว่ฮูหยินอ
ยากจะอยูท่ ี่นี่ ก็ช่วยไม่ได้ นี่คือแหล่งที่มีปัจจัยการดํารงชีวติ ดีที่สุดของดาวเทียนหยวน สามีของนาง
เป็ นหนึ่งในเจ็ดสิ บสองโหวของตําหนักสวรรค์ ใครจะไม่ไว้หน้านางได้ล่ะ
ต่อให้คนหนุนหลังจะใหญ่กว่านี้กส็ ู ค้ นในตําแหน่งไม่ได้ โค่วเหวินหลานคงไล่ป้ ี เยว่ฮูหยินออกไป
ไม่ได้เช่นกัน อิงตามกฎข้อบังคับ หนึ่งในสามส่ วนของตําหนักคุม้ เมืองข้างหน้าคือที่อยูข่ องเขา สอง
ในสามส่ วนที่อยูข่ า้ งหลังคือที่อยูข่ องปี้ เยว่ฮูหยิน
คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่ตาํ หนักหลัง โค่วเหวินหลานนับว่านํากําลังหลักของตัวเองมาแนะนําตัวอย่างเป็ น
ทางการแล้ว หลังจากปี้ เยว่ฮูหยินให้โอวาทเสร็ จ สายตาก็ไปหยุดอยูท่ ี่เหมียวอี้ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้
บาง ๆ “หนิวโหย่วเต๋ อ ไม่ได้เจอกันเป็ นครั้งแรก ภาพที่เจ้าขายเครื่ องประดับให้ขา้ ในปี นั้น ข้ายังจําได้
อยูเ่ ลย นึกไม่ถึงว่าชัว่ พริ บตาเดียวก็กลายเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว”
“ล้วนเป็ นเพราะผูบ้ ญั ชาการใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือ ข้าน้อยจะตั้งใจทําหน้าที่ตวั เองให้ดีที่สุดขอรับ”
เหมียวอี้ตอบอย่างมีมารยาท
โค่วเหวินหลานยิม้ บาง ๆ หน้ายังดําเหมือนเดิม
ปี้ เยว่ฮูหยินกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “พอพูดถึงเครื่ องประดับ เจ้าของเครื่ องประดับตัวจริ งก็ปรากฏตัว
แล้ว ข้าได้ยนิ ว่าเจ้าจีบเถ้าแก่เนี้ย ‘ร้านโฉมเมฆา’ มาโดยตลอด เจ้าตัวเป็ นผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว เจ้าทํา
แบบนี้อาจจะไม่เหมาะสมกระมัง? แน่นอน เรื่ องส่ วนตัวของเจ้า ข้าก็แค่ถามเฉย ๆ เท่านั้น แต่ขอพูดสิ่ ง
ที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อน ข้ากับเถ้าแก่เนี้ยนับว่าไปมาหาสู่ กนั บ่อย มีความสนิทสนมกันอยูบ่ า้ ง ถ้าเจ้า
อยากจะจีบนางข้าก็ไม่วา่ อะไร แต่ตอนนี้เจ้าเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว ถ้าใช้อาํ นาจ
หน้าที่แสวงหา ผลประโยชน์ส่วนตัว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เหงื่อแตกพลัก่ ! ในใจเหมียวอี้หวั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สงสัยเมียตัวเองจะมีความสัมนพันธ์ที่
ค่อนข้างดีกบั ปี้ เยว่ฮูหยิน ไม่น่าเชื่อว่าจะเคาะหัวข้าต่อหน้าฝูงชนเพื่อนาง!
คําพูดนี้ทาํ ให้กงอวีเ่ ฟยรองผูบ้ ญั ชาการ และมู่หรงซิงหัวผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือเหล่ตามองมา ถ้าจะ
พูดให้ถูกก็คือมองเหยียด สําหรับผูช้ ายที่จีบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว คาดว่าคงมีผหู ้ ญิงไม่กี่คนหรอกที่จะ
รู ้สึกดีดว้ ย
แม้แต่โค่วเหวินหลานเองก็อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบจมูก รู ้สึกอับอายนิดหน่อย ถึงอย่างไรตนก็เป็ นคน
เลื่อนชั้นลูกน้องที่วางตัวไม่ดีแบบนี้เอง
สวีถงั หรานยกมุมปากยิม้ เยาะเย้ย นึกไม่ถึงว่าพอหนิวโหย่วเต๋ อได้รับตําแหน่ง ก็มีภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อ
หน้าปี้ เยว่ฮูหยินทันที นี่คือเรื่ องดีสาํ หรับเขา ในภายหลังหากต้องช่วงชิงตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ สิ่ ง
นี้กจ็ ะมีประโยชน์กบั เขา
จากนั้นโค่วเหวินหลานก็ถามเรื่ องเซี่ ยโห้วหลงเฉิง ปี้ เยว่ฮูหยินตอบอย่างไม่ใส่ ใจ ส่ งต่อให้ตาํ หนัก
สวรรค์ลงโทษแล้ว เห็นได้ชดั เจนมาก ว่านางเองก็ไม่สะดวกจะลงมือ จึงผลักไปให้เบื้องบน
ก่อนจะจากกัน ปี้ เยว่ฮูหยินก็สง่ั โค่วเหวินหลานอีกว่า “ติดประกาศที่ตลาดสวรรค์ ประกาศเรื่ องที่
ประหารชีวติ เฮยหวังให้ทุกคนรู ้ จะได้ไม่มีใครเอาเป็ นเยีย่ งอย่าง!”
“รับทราบ!” โค่วเหวินหลานเอ่ยรับคําสัง่ แล้วนําลูกน้องกล่าวอําลาออกมา
เมื่อออกจากตําหนักหลังมาแล้ว โค่วเหวินหลานก็นาํ สิ่ งที่ป้ ี เยว่ฮูหยินบอกแจกจ่ายลงไปให้ผบู ้ ญั ชาการ
ทั้งสี่ จดั การ
เมื่อพวกลูกน้องที่เขตเมืองตะวันออกรู ้ข่าว จนกระทัง่ เหมียวอี้สวมเกราะทองห้าแถบเหาะลงมาจากฟ้ า
ลูกน้องหลายร้อยคนที่มารอต้อนรับนานแล้วก็กล่าวคารวะเสี ยงดังทันที “คารวะท่านผูบ้ ญั ชาการ!”
“ไม่ตอ้ งมากพิธี!” เหมียวอี้ผายมือ กวาดสายตามองกลุ่มคน ตอนนี้ในมือเขาขาดรองผูบ้ ญั ชาการสอง
คน ผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการหกคน ผูบ้ งั คับการกองร้อยยีส่ ิ บสี่ คน รวมแล้วขาดนักพรตบงกชทองสามสิ บ
สองคน จะให้ตวั เองไปหาจากไหนมาเติมภายในเวลาสั้น ๆ แบบนี้
โค่วเหวินหลานเรี ยกได้วา่ ใช้งานคนโดยไม่ระแวง มีความใจกว้างตรงไปตรงมาต่อเด็ก ๆ ในบ้าน
ตัวเอง ให้เหมียวอี้จดั การเองตามเห็นสมควร ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือจากเขา ถ้าจะ
พูดให้ถูกก็คือ ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นโค่วเหวินหลานจะคุม้ ครองให้
ประเด็นสําคัญคือจะหานักพรตบงกชทองมาจากไหนมากมายในรวดเดียว คนของตําหนักสวรรค์
ตัวเองก็รู้จกั ไม่เยอะ แต่ถา้ จะให้หาคนที่ฉวยโอกาสแทงข้างหลังเหมือนสวีเ่ ต๋ อ ตัวเขาเองก็ไม่วางใจ
เขานับว่าได้บทเรี ยนจากคนของตําหนักสวรรค์แล้ว ที่ปราสาทดําเนินนภาก็พอจะมีคนอยูบ่ า้ ง แต่อีก
ฝ่ ายไม่อยากมาพัวพันกับตําหนักสวรรค์ลึกซึ้งเกินไป ส่ วนนักพรตบงกชทองของสํานักลมปราณก็มี
ไม่พอใช้ นับไปนับมาก็มีแค่พวกทะเลดาวนักษัตรของพิภพเล็กแล้ว เพียงแต่การให้คนสามสิ บกว่าคน
เข้ามาอยูใ่ นตําหนักสวรรค์ในรวดเดียว ก็อาจจะยุง่ ยากนิดหน่อย แล้วอีกอย่าง ถ้าจะให้ลูกน้องทั้งหมด
เป็ นปี ศาจ อาจจะดูเกินไปหน่อยรึ เปล่า?
ตอนที่ 982
รับของขวัญจนมือไม้ อ่อน
ใจหายใจควํา่
กินปูนร้ อนท้ อง
เสื้อชั้นในมาจากไหน
จุดประสงค์ ของศีลแปด
ผู้หญิงมากสร้ างความวุ่นวาย
ดึงคนจากทะเลดาวนักษัตร
กลุ่มปี ศาจรายงานตัว
ภารกิจเสร็จสิ้น
การโต้ กลับของเซี่ยโห้ ว
กําลังพลร่ วมฝึ ก
การสะกิดเท้าเบา ๆ นี้ทาํ ให้เหมียวอี้ตกใจ เขารี บมองไปทางเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ หลังจากแน่ใจว่าจาก
มุมของพวกนางมองไม่เห็น เขาถึงได้แอบโล่งใจ แต่กลับเอนตัวเล็กน้อย ย้ายสองเท้าหลีกเลี่ยงปั ญหา
ความยุง่ ยาก แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ข้ามีธุระจะคุยกับเถ้าแก่เนี้ยตามลําพังนิด
หน่อย”
ไอ้เวรนี่บงั อาจมาไล่ขา้ ! หวงฝู่ จวินโหรวแค้นจนกัดฟันกรอด แต่กย็ งั ยืนขึ้นด้วยรอยยิม้ สดใส “พี่อวิน๋
งั้นข้าไม่รบกวนเวลาของพวกท่านสองคนแล้ว”
ดังนั้นอวิน๋ จือชิวจึงลุกเดินไปส่ ง พอส่ งนางออกจากร้านไปแล้วถึงได้กลับมา พอเดินเข้ามาในศาลา
นางก็ตบบ่าเหมียวอี้พลางถามหยอกล้อ “ผูห้ ญิงคนนี้สวยไม่แพ้เทพธิดาหงเฉินเลยนะ? จะให้ขา้ ช่วย
เป็ นแม่สื่อให้ม้ ยั แต่งเข้ามาเป็ นอนุภรรยาของเจ้า?”
“อย่าพูดเหลวไหล” เหมียวอี้แกล้งโมโห “นางมาหาเจ้าทําไม?”
อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองเขา รอยยิม้ ค่อนข้างแข็งทื่อ นางเข้ามานัง่ ข้างเขา แล้วพลิกมือเรี ยกกล่องใบหนึ่ง
ออกมา หลังจากเปิ ดกล่อง แผ่นหยกกล่องหนึ่งก็เผยออกมา นางผลักไปตรงหน้าเขา ตบกล่องพร้อม
บอกว่า “สมาคมวีรชนยอดเยีย่ มจริ ง ๆ นี่คือแผนที่ดาวหลักที่เจ้าต้องการ หลังจากข้าขอให้นาง
ช่วยเหลือ นางก็ตกปากรับคําทันที ใช้เวลาไม่ถึงครึ่ งเดือนก็รวบรวมอาณาเขตของพิภพใหญ่คร่ าว ๆ
ได้แล้ว”
“ไม่ได้ทาํ ให้นางสงสัยอะไรใช่ม้ ยั ?” เหมียวอี้ขมวดคิ้ว
อวิน๋ จือชิวปิ ดกล่อง แล้วบอกว่า “เปล่า ครั้งก่อนคุยเล่นกันแล้วบังเอิญพูดถึงเรื่ องนี้ ข้าเลยแกล้งทําเป็ น
สนใจอยากจะศึกษา ถือโอกาสไหว้วานนาง แล้วนางก็ตอบตกลง ใครจะไปรู ้ล่ะว่าพวกเรากําลังคิดจะ
ทําอะไร”
“ถ้าเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์มีเวลาว่าง เจ้าก็ให้พวกนางช่วยหาหน่อย ยืนยันทิศทางคร่ าว ๆ ให้ได้ก่อน”
เหมียวอี้นาํ ก้อนโลหะกลมสี ดาํ ออกมาแล้วผลักไปตรงหน้านาง
เมื่อเห็นเขาทําท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเรื่ องหาสมบัติ ทั้งสองเป็ นสามีภรรยากันมาหลายปี อวิน๋ จือชิ
วมองออกทันทีวา่ ในใจเขามีเรื่ องบางอย่าง “เป็ นอะไรไปล่ะ ทําท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเลย?”
“ข้าเตรี ยมจะหาสถานที่เก็บตัวฝึ กตน ไม่มีเวลามาทําเรื่ องนี้” เหมียวอี้หาข้ออ้าง ยังไม่ได้บอกนางเรื่ อง
การทดสอบ นางแบบนี้นางช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ไม่อยากให้นางอกสัน่ ขวัญแขวนไปทั้งปี
เรื่ องนี้เหมียวอี้บอกนางไว้ต้ งั นานแล้ว อวิน๋ จือชิวรู ้อยูแ่ ก่ใจ จึงถามว่า “ไปที่ไหน? จะไปเมื่อไร? จะ
กลับเมื่อไร?”
“หาทะเลลึก ๆ สักแห่งก็พอ ข้าไม่ได้คิดจะไปไกลหรอก อยูท่ ี่ดาวเทียนหยวนนี่แล้วกัน พรุ่ งนี้จะออก
เดินทางแล้ว จะกลับมาภายในหนึ่งปี นี้” พออธิบายให้นาง เหมียวอี้กถ็ ามอีกว่า “ของที่เยารั่วเซียน
หลอมสร้างให้ ทําไมยังไม่เสร็ จอีกล่ะ?”
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “เรื่ องนี้กโ็ ทษเขาไม่ได้ ข้ากําชับให้เขาเน้นคุณภาพมากกว่าปริ มาณ อาศัยที่ตอนนี้ยงั
ไม่มีเรื่ องอะไร ไม่สูท้ าํ เกราะรบดี ๆ ให้เจ้าสักชุดดีกว่า กอปรกับผลึกแดงบริ สุทธิ์สูงไม่เหมือนผลึก
อย่างอื่น เวลาจะหลอมให้ละลายก็เปลืองแรงเปลืองเวลามาก เขาทุ่มกําลังความคิดกับเรื่ องนี้อยู่ แต่เจ้า
ไม่ตอ้ งห่วงหรอก คํานวณจากความคืบหน้าแล้ว สิ้ นปี นี้กน็ ่าจะเสร็ จแล้ว”
สิ้ นปี ก็ดี ถ้าทําเสร็ จก่อนการทดสอบปี หน้าก็ไม่มีปัญหาอะไร! เหมียวอี้วางใจ แล้วลุกขึ้นบอกว่า “ได้!
งั้นข้ากลับก่อนนะ ที่จวนผูบ้ ญั ชาการยังมีงานต้องเตรี ยมนิดหน่อย ตอนกลางคืนค่อยมาอยูก่ บั เจ้า”
อวิน๋ จือชิวลุกขึ้นยืนตามเขา ถือโอกาสช่วยเขาจัดเสื้ อผ้าที่ยบั ตอนนัง่ ให้เรี ยบร้อย “พรุ่ งนี้กจ็ ะไปแล้ว
คืนนี้ไปค้างกับสองพี่นอ้ งโอวหยางเถอะ เจ้ามาหาข้าบ่อยแล้ว ได้ยนิ ว่าเจ้าไม่ได้ไปทางนั้นมาหลาย
เดือนแล้วนี่ แม้แต่เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กย็ งั ได้อยูก่ บั เจ้าเยอะกว่าพวกนางสองพี่นอ้ งอีก ทําเกินไป
หน่อยมั้ง คนก็มาอยูข่ า้ งกายแล้ว ถ้าเจ้าไม่ไปหาบ่อย ๆ ก็คงจะฟังไม่ข้ ึน ครั้งนี้เจ้าออกไปข้างนอก
เกือบหนึ่งปี หัวใจคนเรามีเลือดมีเนื้อนะ เป็ นผูห้ ญิงน่ะไม่ง่ายเลย ไม่ได้เสพสุ ขเหมือนผูช้ ายอย่างพวก
เจ้าที่ได้มีเมียหลายคนหรอก”
“รู ้แล้ว ๆ ข้าจะไปคืนนี้แหละ!” เหมียวอี้พยักหน้า แล้วกอดจูบนางอย่างอ่อนโยนครู่ หนึ่ง เสร็ จแล้วถึง
ได้หนั ไปยิม้ ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ “ดูแลฮูหยินให้ดีนะ เรื่ องที่ควรทําให้ชาํ นาญก็ตอ้ งทํา อย่าให้ฮูหยิ
นต้องกังวลทุกเรื่ อง!”
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ท้ งั สองโค้งกายส่ งเขา
อวิน๋ จือชิวคล้องแขนเขาเดินไปส่ งตรงข้างภูเขาปลอม แล้วก็ไม่ได้ตามออกไปอีก เพียงบอกว่า “รี บไป
รี บกลับนะ ถ้าหายตัวไปอย่างไร้ข่าวคราวอีก กลับมาก็อย่าโทษว่าข้าแปรพักตร์กแ็ ล้วกัน”
เหมียวอี้ยนื่ มือไปลูบใบหน้างามของนางครู่ หนึ่ง แล้วหันตัวจากไป
พอออกจากร้านโฉมเมฆ ก็พบว่าข้างหลังมีคนเดินตาม พอหันไปมองก็เห็นเป่ าเหลียนเดินตามหลังมา
อีกแล้ว จึงถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้ายังไม่กลับอีกเหรอ?”
“ข้าเดินเล่นอยูแ่ ถว ๆ นี้พอดี นึกไม่ถึงว่านายท่านจะออกมาเร็ วขนาดนี้” เป่ าเหลียนตอบ
เหมียวอี้พดู ไม่ออก อีกฝ่ ายจงรักภักดีต่อหน้าที่ เขาเองก็วา่ อะไรไม่ได้เหมือนกัน ขี้คร้านจะพูดแล้ว จึง
กวักมือเรี ยกให้กลับพร้อมกัน
พอมาถึงประตูจวนผูบ้ ญั ชาการ เหมียวอี้กข็ นหัวลุกอีกครั้ง เกี้ยวงามที่คุน้ ตาหลังหนึ่งมาจอดอยูข่ า้ ง
ประตูอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เกี้ยวของหวงฝู่ จวินโหรวแล้วจะเป็ นของใครไปได้
เมื่อเห็นม่านเกี้ยวขยับเล็กน้อย เหมียวอี้กไ็ ม่พดู พรํ่าทําเพลง ถลันตัวเข้าจวนผูบ้ ญั ชาการทันที แล้ว
ถ่ายทอดเสี ยงบอกทหารยามว่า “ผูบ้ ญั ชาการคนนี้มีธุระสําคัญ วันนี้ไม่พบใครทั้งนั้น!”
จะมาโทษว่าเขาเด็ดขาดไม่ได้ เขาตัดสิ นใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับผูห้ ญิงคนนี้
อีก ไม่อย่างนั้นถ้าให้โอกาสนางอีก เขาก็จะปลีกตัวไม่พน้ แล้ว
พอหวงฝู่ จวินโหรวโผล่ออกมาจากเกี้ยวแล้วไม่เห็นอะไร ในใจก็เหมือนจะเป็ นบ้า สัง่ ให้ทหารยามไป
รายงานทันที ทหารยามย่อมบอกสิ่ งที่เหมียวอี้สงั่ ไว้ ทําเอานางโมโหจนกําหมัดแน่น กลับเข้าไปใน
เกี้ยวพร้อมใบหน้างามที่แฝงความเย็นเยียบ แล้วสัง่ เสี ยงเย็นว่า “กลับ!”
เหมียวอี้ที่กลับถึงจวนผูบ้ ญั ชาการเตรี ยมงานไว้สาํ หรับตอนที่ตวั เองไม่อยูท่ นั ที เขาเรี ยกฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋
มาพบก่อน
ในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ เหมียวอี้ถามว่า “พี่รอง ในบรรดากลุ่มคนที่พาตัวมาจากทะเลดาวนักษัตร ใครที่
โจมตีได้รวดเร็ วที่สุด?”
ฝูชิงชี้ไปทางอิงอู๋ตี๋ “ย่อมต้องเป็ นเจ้าสามอยูแ่ ล้ว”
เหมียวอี้ยมิ้ แห้ง ๆ แล้วบอกว่า “พี่สามข้าย่อมรู ้อยูแ่ ล้ว ข้าหมายถึงนอกจากพี่สามแล้ว ยังมีใครอีกมั้ยที่
โจมตีได้รวดเร็ ว?”
“โพ่คงทูตขวาของเจ้าสาม” ฝูชิงตอบ
อิงอู๋ตี๋ส่ายหน้าและพูดต่อว่า “ถ้าพูดถึงเรื่ องความเร็ วอย่างเดียว ชิงเฟิ งทูตขวาของพี่รองคงจะเร็ วกว่าข้า
หนึ่งระดับ”
“ความเร็ วของทูตขวาชิงเหนือกว่าพีส่ ามอีกเหรอ?” เหมียวอี้ตกใจ
อิงอู๋ตี๋ตอบกลั้วหัวเราะว่า “ทะเลดาวนักษัตรก็นบั ว่าเป็ นสถานที่ที่ซ่อนมังกรเสื อหมอบไว้ บางคนแค่
ไม่ได้มีประสบการณ์และวรยุทธ์สูงเท่าพวกเราเฉย ๆ หรอก ถ้าพูดถึงความสามารถอาจจะไม่ได้ดอ้ ย
ไปกว่าพวกเราเลย ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนพวกเราจะต่อต้านหกปราชญ์ได้อย่างไร อาศัยแค่พวกเราสี่ คน
คงเป็ นไปไม่ได้ เกรงว่าชิงเฟิ งคงจะเป็ นคนที่ทาํ ให้ลูกน้องหกปราชญ์กลัวจนตัวสัน่ ที่สุด ยอดฝี มือที่ได้
เจอกับเขา ส่ วนใหญ่จะตายภายในหนึ่งท่าสังหาร คนที่ได้สูก้ บั เขาถอยหลบได้ไม่เกินสามฉื่ อหรอก!”
“ตายภายในหนึ่งท่าสังหาร?” เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหลือเชื่อ นึกไม่ถึงว่าทูตขวาชิงที่โหดเหี้ ยมเย็นชาจะมี
ความสามารถแบบนี้
ในปี นั้นตอนที่เขาอยูท่ ี่การปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ก็ไม่เห็นว่าเลี่ยหวนออกมาตามตัวคิดบัญชี
กับคนที่ทาํ ตําหนักบรมอัคคีพงั ตอนนั้นชิงเฟิ งก็ลงมือกับไต้ซือศีลเจ็ดแล้ว ถ้าการโจมตีครั้งนั้นเขา
หยุดมือไม่ทนั ไต้ซือศีลเจ็ดอาจจะหลบไม่พน้ เลยก็ได้
ฝูชิงโบกมือ “จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ ตายภายในหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ งร้ายกาจจริ ง ๆ แต่ปัญหามัน
อยูท่ ี่ ‘หนึ่งท่า’ นี่แหละ สิ่ งที่ชิงเฟิ งต้องการคืออานุภาพการของหนึ่งท่า มันเฉพาะทางเกินไป ก่อนจะ
ลงมือต้องรวบรวมพลัง ถ้าโจมตีท่านี้แล้วไม่โดนคู่ต่อสู ้ ก็ตอ้ งรวบรวมพลังอีกครั้ง ถ้าไปเจอคู่ต่อสูท้ ี่
ไม่สามารถปลิดชีพได้ในครั้งเดียวก็ลาํ บากแล้ว ดังนั้นจึงเทียบกับความเร็ วที่เปลี่ยนท่าได้หลากหลาย
และต่อเนื่องของเจ้าสามไม่ได้ ถ้าชิงเฟิ งสู ก้ บั เจ้าสามจะต้องเสี ยเปรี ยบแน่นอน!”
“ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้!” เหมียวอี้พยักหน้าช้า ๆ ในใจเขาตัดสิ นใจได้แล้ว ถึงได้บอกเรื่ องเข้าร่ วมการ
ทดสอบปี หน้าให้ท้ งั สองได้รู้ เรื่ องฝึ กฝนทักษะการต่อสู ย้ อ่ มต้องบอกให้ชดั เจน เพราะต้องให้พวก
อิงอู๋ตี๋ช่วยเขาอีกแรง
สําหรับปัญหาความยุง่ ยากที่กาํ ลังจะมาถึงนี้ ทั้งสองต่างก็ทาํ สี หน้าจริ งจังและหนักแน่น ย่อมไม่ปฏิเสธ
อยูแ่ ล้ว
ดังนั้นจึงส่ งต่อจวนของผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกให้ฝชู ิงคุมชัว่ คราว ส่ วนอิงอู๋ตี๋ ชิงเฟิ ง โพ่คง
ราชาปี ศาจทะเลครามและเลี่ยหวนล้วนถูกเหมียวอี้เลือกตัว เรื่ องการฝึ กฝนครั้งนี้เขาครุ่ นคิดเงียบ ๆ มา
หลายปี แล้ว ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ตอ้ งพูดให้ชดั เจน
สุ ดท้ายก็เรี ยกทั้งสี่ ออกมาด้วยกัน ให้ท้ งั สี่ เตรี ยมตัว พรุ่ งนี้ตอ้ งติดตามเหมียวอี้ออกเดินทาง ชิงเฟิ ง โพ่
คงและราชาปี ศาจทะเลครามไม่มีความคิดเห็นแย้งอะไร แต่เลี่ยหวนกลับทําหน้าเหมือนอยากจะ
ร้องไห้ “คุณชายห้า ข้าไม่อยากไป ท่านเปลี่ยนให้คนอื่นไปได้ม้ ยั ?”
“เลี่ยหวน นับวันเจ้าชักจะกล้าขึ้นทุกวันแล้วนะ!” ฝูชิงสี หน้าเครี ยดขรึ ม
ชิงเฟิ งหันกลับมาจ้องเลี่ยหวนอย่างเย็นเยียบ เลี่ยหวนโดนเขาซ้อมจนหวาดกลัว จึงหัดคอตอบว่า
“ประมุขถิ่น ไม่ใช่วา่ ข้าไม่เชื่อฟังคําสัง่ นะ แต่คนในครอบครัวข้าออกเที่ยวหาความสําราญอยูข่ า้ งนอก
ทุกวัน ถ้าข้าไม่เฝ้ าดูนางไว้ ถ้ากลับมาก็ยงั ไม่รู้เลยว่าจะโดนนางสวมเขากี่เขา”
หลังจากเกิดคดีหอโคมเขียว เลี่ยหวนก็โดนหูเฟยทําให้กลัวแล้วจริ ง ๆ หูเฟยไม่ได้กลัวเขาเลย นางเองก็
เป็ นหนึ่งในราชาปี ศาจเหมือนกัน ไม่จาํ เป็ นต้องใช้ชีวติ โดนอาศัยเลี่ยหวน ถ้าผูห้ ญิงสามารถพึ่งพา
ตัวเองได้ข้ ึนมา ระหว่างสามีภรรยาก็จะเกิดการแข่งขันกันได้ง่ายมาก นางยืน่ คําขาดมาแล้วว่า : เลี่ย
หวน เจ้ากล้าทําเรื่ องผิดต่อข้า ข้าก็กล้าทําเรื่ องผิดต่อเจ้า!
“เรื่ องนี้จะโทษใครได้ล่ะ? ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็ทิ้งไปสิ ต่างคนต่างใช้ชีวติ ของตัวเอง เจ้าเป็ นชายชาตรี
จะกลัวอะไร!” อิงอู๋ตี๋พดู เหน็บแนม
“คุณชายสาม จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ เป็ นสามีภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน นี่
เราเป็ นสามีภรรยากันมาหลายแสนปี แล้วนะ บทจะเลิกก็เลิกได้ยงั ไง” เลี่ยหวนตอบด้วยสี หน้าขื่นขม
เหมียวอี้รู้สึกบันเทิงทันที “ข้าว่านะเลี่ยหวน ควากล้าหาญตอนอยูใ่ นเจดียง์ ามวิจิตรปี นั้นหายไปไหน
แล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลัวเมีย!”
เลี่ยหวนก้มหน้าก้มตาตอบ “คุณชายห้า ฮูหยินของท่านก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“…” คําพูดนี้ทาํ ให้เหมียวอี้สาํ ลัก ทุกคนก็แย่พอ ๆ กัน ไม่ตอ้ งหัวเราะเยาะใครทั้งนั้น พอพูดถึงตรงนี้
เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกเชื่อมโยงไป ถ้าโดนอวิน๋ จือชิวจับได้เรื่ องเขากับหวงฝู่ จวินโหรวขึ้นมา ต่อไปอวิ๋
นจือชิวจะล้างแค้นแบบหูเฟยหรื อเปล่า จะออกเที่ยวหาความสําราญไปทัว่ หรื อเปล่า?
พอคิดเรื่ องนี้แล้วก็กลัวจนตัวสัน่ ขึ้นมาทันที ในใจยิง่ มีความแน่วแน่ ว่าจะไม่ให้อวิน๋ จือชิวจับได้เรื่ อง
ตัวเองกับหวงฝู่ จวินโหรวเด็ดขาด!
ในฐานะที่เปป็ นพี่ใหญ่ ฝูชิงก็ไม่อาจละเลยปั ญหาที่เป็ นกรณี พิเศษของลูกน้อง เลี่ยหวนกับภรรยา
ติดตามรับใช้เขามาหลายปี แล้ว ทนมองทั้งสองเลิกกันง่าย ๆ ไม่ได้จริ ง ๆ เดิมทีหูเฟยก็ไม่ได้รักษา
คุณธรรมของสตรี อยูแ่ ล้ว เป็ นอีกาสองตัว ไม่ตอ้ งชี้ด่าว่าใครดํา ถ้าไม่ใช่เพราะมีเขาคอยควบคุม สอง
คนนี้กค็ งจะเลิกกันไปนานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าห้า เจ้าต้องการให้เลี่ยหวนไปทําอะไร?”
เหมียวอี้ตอบว่า “ในปี นั้นตอนที่ขา้ บุกเข้าตําหนักบรมอัคคี ข้าชอบค่ายกลเพลิงที่เขาวางไว้ คาดว่าคงมี
ประโยชน์กบั การฝึ กตนครั้งนี้”
ฝูชิงหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกว่า “งั้นก็จดั การสะดวกแล้ว ที่จริ งหูเฟยคือวิญญาณจิ้งจอกไฟ นางฝึ กเคล็ด
วิชาธาตุไฟเหมือนกัน ถ้านางกับเลี่ยหวนร่ วมมือกัน อานุภาพจะเพิม่ ขึ้นเยอะมาก ในปี นั้นปราชญ์ผซี ื อ
ถูเซี่ยวยังสะบักสะบอมด้วยนํ้ามือสองสามีภรรยาคู่น้ ี เจ้าพาไปด้วยกันก็สิ้นเรื่ องแล้ว”
และนี่กค็ ือเหตุผลที่เขาควบคุมสองสามีภรรยาคู่น้ ีไม่ให้เลิกกันมาโดยตลอด สองคนนี้เป็ นคู่หูที่ดีโดย
กําเนิด ถ้าแยกกันจะทําให้กาํ ลังรบของตําหนักดาวประจิมเสี ยหาย!
เลี่ยหวนพยักหน้าซํ้า ๆ ทันที “คุณชายห้า พาไปด้วยกันเลยเถอะ ไม่มีธุระอะไรก็เรี ยกให้นางซักผ้า
ทํากับข้าวได้ เรี ยกใช้ได้เลย ไม่ตอ้ งเกรงใจข้า” ขณะที่พดู เขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย เหมือน
อยากจะยืมมือเหมียวอี้มาระบายความโมโหในช่วงนี้
เพิ่มมาอีกคนก็ไม่นบั ว่าเป็ นเรื่ องใหญ่อะไร ถึงอย่างไรก็ยงั มีขอ้ ดี เหมียวอี้พยักหน้าตกลงทันที
เรื่ องราวก็ถูกกําหนดอย่างนี้แล้ว
ตอนที่ 997
รอขายตอนราคาดี
หนึ่งท่ าสังหาร
[1] จิงชี่เสิ น 精气神 ในทางเต๋ าจัดว่าเป็ นหัวใจหลักของมนุษย์ จิง คือสารสําคัญในร่ างกาย เช่น
ฮอร์โมน สารอาหาร เชื้ออสุจิ ชี่ คือพลังปราณ เสิ น คือ จิตวิญญาณ หรื อจิตสํานึก ถ้าขาดอย่างใดอย่าง
หนึ่งในสามอย่างนี้ไป ก็ไม่อาจเรี ยกว่าเป็ นมนุษย์ได้
ตอนที่ 999
พลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทําร้ าย
เคล็ดวิชาเพลิงใจ