You are on page 1of 857

ตอนที่ 881

ยืนสํ านึกผิด
“ชมทิวทัศน์เหรอ!” พ่อครัวหัวเราะเบา ๆ “งั้นก็ค่อย ๆ ชมไปนะ”
ยืนคนเดียวรู ้สึกเบื่อมาก เหมียวอี้หนั กลับมาบอกว่า “พ่อครัว ไม่เจอกันนานแล้ว อย่าเพิ่งรี บไป เรามา
คุยกันสักหน่อยสิ ”
พ่อครัวโบกมือพลางเดินออกไป “ไม่รบกวนหรอก”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก เหลียวซ้ายแลขวาอยูพ่ กั หนึ่ง ยืนอยูท่ ี่นี่สามวันมันทรมานไปนะ!
ผ่านไปครู่ เดียว เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กม็ าแล้ว ทั้งสองยกนํ้าชาเดินเข้ามา “นายท่าน!”
เสวีย่ เอ๋ อร์ประคองถาด ส่ วนเชียนเอ๋ อร์กใ็ ช่สองมือประคองถ้วยนํ้าชายืน่ ให้ เหมียวอี้รับมาอย่างไม่ใส่
ใจ พอดื่มไปอึกหนึ่ง ก็ถ่ายทอดเสี ยงบอกทั้งสามว่า “ห้ามเอ่ยเรื่ องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้คนนอกรู ้ เข้า
ใจมั้ย?”
ทั้งสองเข้าใจความหมายของเขา เขาไม่อยากให้คนอื่นรู ้วา่ โดนฮูหยินไล่ออกมายืนสํานึกผิด กลัวจะ
เสี ยหน้า ทั้งสองแอบกลั้นขําพลางตอบพร้อมกัน “เข้าใจเจ้าค่ะ”
เมื่อดอกไม้พดู ได้คนู่ ้ ีมาหา เหมียวอี้รู้สึกหายทรมานทันที ยิม้ พร้อมบอกว่า “เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ นึก
ย้อนไปถึงตอนที่เจอพวกเจ้าครั้งแรก ตอนนั้นพวกเจ้ายังกระดากอาย ผ่านไปชัว่ พริ บตาเดียว ผ่านไป
หลายปี ขนาดนี้แล้ว พวกเราไม่ได้คุยเล่นกันมานานมากแล้วนะ เรามาคุยเล่นกันสักหน่อยมั้ย”
เขาอยากจะคุยกับทั้งสองเพือ่ แก้เซ็ง แต่ใครจะคิดว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะตอบว่า “นายท่าน! ถ้าท่านกระหายนํ้า
ก็ดื่มเยอะ ๆ เถอะเจ้าค่ะ ก่อนไปฮูหยินกําชับไว้แล้ว บอกว่ายืนสํานึกผิดก็ตอ้ งทําท่าให้เหมือนยืน
สํานึกผิด นางอนุญาตให้พวกเรานํานํ้าชามาให้แค่วนั ละครั้งเท่านั้น ไม่ให้อยูค่ ุยเล่นด้วย ไม่อย่างนั้นถ้า
ฮูหยินกลับมา พวกเราคงจะแย่แน่เจ้าค่ะ”
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที “ไม่ดื่มแล้ว กินลมอิ่มแล้ว!”
ทั้งสองคํานับแล้วถอยหลังออกไปช้า ๆ เรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าเห็นอกเห็นใจ และปวดใจด้วยเช่นกัน แต่
จนใจที่ไร้ทางเลือก ถ้าไม่อยากให้นายท่านโชคร้ายไปมากกว่านี้ ก็ตอ้ งให้ความร่ วมมือกับฮูหยินแต่
โดยดี
บนตึกริ มหน้าผาที่อยูไ่ กล ๆ หยางชิ่งที่จดั การกิจธุระไปบ้างแล้วกําลังเอามือไขว้หลังเดินนําชิงเหมย
และชิงจวีอ๋ อกมาตากลม ชื่นชมทิวทัศน์อนั งดงามของที่นี่ นี่คือความเคยชินของหยางชิ่ง ชอบครุ่ นคิด
เรื่ องราวขณะทอดสายตามองทิวเขา
ชิงจวีท๋ ี่อยูข่ า้ ง ๆ พลันโบกมือชี้ไป “นายท่าน คนที่ยนื อยูน่ อกตําหนักเหมือนจะเป็ นประมุขปราสาท
นะ”
หยางชิ่งกับชิงเหมยมองไปทางตําหนักทันที ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง เห็นเหมียวอี้ยนื เอามือไขว้หลังอยู่
ตรงนั้นคนเดียวจริ ง ๆ ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไร
ทั้งสามมองไปตามทิศทางที่เหมียวอี้มอง แต่กไ็ ม่เห็นอะไร หลังจากทั้งสองรออยูค่ รึ่ งชัว่ ยาม แล้วไม่
เห็นเหมียวอี้ออกไป ชิงเหมยก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายท่าน ประมุขปราสาทกําลังดูอะไรเจ้าคะ?”
หยางชิ่งส่ ายหน้า “ไม่รู้สิ” ความคิดของเหมียวอี้ เขาไม่กล้าเดาซี้ซ้ วั จริ ง ๆ
“นายท่าน หลายปี มานี้ประมุขปราสาทไปไหนมาหรื อเจ้าคะ?” ชิงจวีถ๋ าม
หยางชิ่งส่ ายหน้าต่อไป แล้วร่ างก็พลันหายไปจากที่เดิม เหาะออกไปเหยียบลงนอกตําหนักแล้ว
จากนั้นก็กา้ วขึ้นไปกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “ประมุขปราสาท มาครุ่ นคิดอะไรอยูต่ รงนี้ขอรับ?”
เหมียวอี้โบหมือ “กําลังคิดเรื่ องอะไรบางอย่าง ให้ขา้ อยูค่ นเดียวเงียบ ๆ เถอะ”
เดิมทีคิดจะดึงตัวหยางชิ่งให้อยูค่ ุยกันก่อน แต่พอนึกถึงคําพูดของเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ หากให้อวิน๋ จือ
ชิวรู ้เรื่ องนี้ แล้วหาเรื่ องทะเลาะอีก เขาก็เสี ยหน้าแบบนี้ไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ ดังนั้นจึงพูดบอกปั ดให้หยาง
ชิ่งออกไป
เมื่อได้ยนิ ดังนั้น หยางชิ่งทําได้เพียงกุมหมัดคารวะ ไม่รบกวนแล้ว ถลันตัวเหาะกลับไปแล้ว
ผ่านไปไม่นาน เหยียนซิวกับหยางเจาชิงก็ปรากฏตัวอยูบ่ นกําปพงตําหนัก พอมองเห็นเหมียวอี้ยนื อยู่
ข้างนอก ทั้งสองก็สบตากันแวบหนึ่ง
เหยียนซิวถอนหายใจ แล้วถ่ายทอดเสี ยงคุย “นายท่านมุ่งแสวงหาความก้าวหน้าอย่างห้าวหาญเฉี ยบคม
มาตลอด ถึงได้มีความสําเร็ จในวันนี้ได้ แต่ช่วยไม่ได้ที่มาเจอดาวข่มอย่างฮูหยิน เหล็กที่ผา่ นการหลอม
มาร้อยครั้งก็กลายเป็ นของอ่อนนุ่มได้เหมือนกัน!”
เขานับว่าเป็ นลูกน้องที่ติดตามเหมียวอี้มานานที่สุด ติดตามมาตั้งแต่ตอนเหมียวอี้มีตาํ แหน่งเล็ก ๆ ช่วง
นี้ได้ติดต่อใกล้ชิดกับอวิน๋ จือชิวอยูเ่ สมอ ต่อให้ก่อนหน้านี้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จะไม่ได้บอก แต่เขาก็
พอจะเดาได้วา่ ทําไมเหมียวอี้มายืนอยูต่ รงนี้
“นายท่านไม่ใช่คนขี้ขลาด ขนาดนภาอู๋เลี่ยงยังกล้ามีเรื่ องด้วย ยอมหมอบราบคาบแก้วต่อฮูหยินขนาด
นี้ ท่านว่านายท่านทําเรื่ องอะไรแล้วรู ้สึกผิดมารึ เปล่า?” หยางเจาชิงถ่ายทอดเสี ยง
“นี่คือสิ่ งที่พวกเราควรพูดเหรอ? พวกเราได้แค่คิดไปในทางที่นี่เท่านั้น เพราะในใจของนายท่านมีฮู
หยิน ถึงได้ยอมศิโรราบขนาดนี้…สรุ ปว่านี่เป็ นเรื่ องระหว่างสามีภรรยา พวกเราอย่าเดามัว่ เลย ไปกัน
เถอะ เดี๋ยวนายท่านหันมาเห็นแล้วจะลําบากใจ พวกเราแกล้งทําเป็ นไม่รู้กพ็ อ” เหยียนซิ วบอก ทั้งสอง
ปรากฏตัวเงียบ ๆ แล้วก็ออกไปเงียบ ๆ
ยืนอยูแ่ บบนี้ค่อนข้างเบื่อเซ็ง เหมียวอี้นึกถึงวิธีการผ่านความทรมานสามวันนี้ออกแล้ว นํายาแก่น
เซียนเม็ดหนึ่งตบเข้าปากอย่างแนบเนียน เริ่ มหลับตาฝึ กฝน ถ้าทําแบบนี้ เวลาสามวันก็จะผ่านไปอย่าง
รวดเร็ วมาก
วันต่อมา ท้องฟ้ ามีเมฆครึ้ มก่อตัว เหมียวอี้มองไปบนฟ้ าอย่างกังวล มารดาเจ้าเถอะ ฝนคงไม่ตกใช่ม้ ยั
ถ้าฝนตกแล้วยังยืนอยูต่ รงนี้ ตนก็จะดูไม่ดีแล้ว
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เดินมาอีก ยังคงยกนํ้าชามาให้ เหมียวอี้กระดกดื่มไปไม่กี่ถว้ ย แล้วแอบเตือนทั้ง
สอง บอกทั้งสองว่าต่อไปไม่ตอ้ งนํานํ้าชามาให้แล้ว เขากลัวว่าคนอื่นจะสงสัย
ทั้งสองเพิง่ จะออกไปได้ไม่นาน บัณฑิตกับพ่อครัวก็มาด้วยกัน ในมือถือถาดอาหารและเครื่ องดื่มมา
ด้วย กลิ่นสัตว์ป่าย่างกรอบนอกนุ่มใน ทั้งยังมีผลไม้ป่าที่ลา้ งและหัน่ เรี ยบร้อยแล้ว สี สนั และรสชาติ
ครบครัน ถือประคองอยูใ่ นมือ กินไปพลางเดินไปพลาง
ทั้งสองต่างคนต่างยืนข้างกายเหมียวอี้ เหมียวอี้เหลือบซ้ายเหลือบขวาแวบหนึ่ง แล้วก็หลับตา
เหมือนเดิม
พ่อครัวเคี้ยวอาหารเสี ยงดัง พลางถามเหมือนแปลกใจว่า “เมื่อวานนายท่านยังชมทิวทัศน์ไม่พออีก
เหรอ? วันนี้ออกมาชมทิวทัศน์อีกแล้ว?”
เหมียวอี้หลับตาพลางกล่าวเสี ยงเรี ยบ “ประมุขตําหนักผูน้ ้ ีกาํ ลังคิดเรื่ องบางอย่าง พวกเจ้าสองคนให้ขา้
อยูเ่ งียบ ๆ ได้ม้ ยั ?”
บัณฑิตตอบว่า “นายท่าน ดูทอ้ งฟ้ าสิ คาดว่าฝนคงใกล้จะตกแล้ว ฮูหยินไม่อยู่ ไม่มีใครมารบกวนท่าน
ด้วย”
“ประมุขตําหนักผูน้ ้ ีกาํ ลังคิดเรื่ องสําคัญ อย่ามารวบกวนความคิดของข้า!” เหมียวอี้กล่าวด้วยนํ้าเสี ยง
จริ งจัง
บัณฑิตกับพ่อครัวแทบจะพ่นของที่กินอยูใ่ นปากออกมา กลั้นขําไม่หยุด พวกเขาติดตามรับใช้เถ้าแก่
เนี้ยมาไม่ใช่แค่ปีสองปี วิธีการทําโทษของเถ้าแก่เนี้ย พวกเขาคุน้ เคยดีที่สุดแล้ว เปลี่ยนเรื่ องตลกจริ ง ๆ
ที่พวกเขามาเสแสร้งแกล้งไม่รู้ต่อหน้าเหมียวอี้
“อ้าว! ฝนตกแล้วจริ ง ๆ !” พ่อครัวพลันยืน่ มืออกไปรับนํ้าฝน
พอเหมียวอี้ลืมตามอง ก็พบว่าท้องฟ้ ามีละอองฝนโปรยลงมาจริ ง ๆ เขามองซ้ายมองขวา พบว่าเจ้าสอง
คนที่น่ารําคาญเดินออกไปแล้ว
พ่อครัวที่เดินเข้ามาในตําหนักส่ ายหน้าทันที “เถ้าแก่เนี้ยไม่เกรงใจสามีตวั เองเลย แต่งงานกับเถ้าแก่เนี้ย
แล้ว เจ้าบ้าหนิวเอ้อร์นนั่ ได้ทรมานไปทั้งชีวติ แน่”
บัณฑิตส่ายหน้าพลางเดาะลิ้น “น่าเสี ยดายที่ช่างไม้กบั ช่างหิ นไปหามเกี้ยว ไม่รู้วา่ กลับมาแล้วจะมี
โอกาสได้เห็นหรื อเปล่า”
“เดี๋ยวกลับมาค่อยบอกพวกเขาสองคนก็สิ้นเรื่ องแล้ว” พ่อครัวกล่าว
ฝนตกแรงขึ้นเรื่ อย ๆ นักพรตที่เฝ้ าประตูตาํ หนักไม่รู้วา่ นายท่านประมุขปราสาทยืนคิดเรื่ องอะไรอยู่
ตรงนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะตากฝนไม่ยอมไปไหน แต่กช็ ่วยไม่ได้ ถ้าไม่ถูกเรี ยกก็ไม่กล้าไปรบกวนง่าย ๆ
ถึงแม้ฝนจะตกหนัก แต่สาํ หรับเหมียวอี้แล้ว สิ่ งนี้ยอ่ มไม่ส่งผลกระทบอะไร ก็แค่ฝนที่ตกหนัก มีหรื อ
ที่จะเข้าใกล้ร่างกายของเขาได้
ท่ามกลางฝนตก อินทรี เทพตัวหนึ่งบินฝ่ าเข้ามา เกาะอยูบ่ นชั้นตึกของกลุ่มสิ่ งปลูกสร้างบนยอดหน้าผา
ไกล ๆ
ชิงจวีน๋ าํ แผ่นหยกออกมา แล้วส่ งต่อให้หยางชิ่งอ่าน แต่ชิงเหมยที่อยูข่ า้ ง ๆ กลับไปยืนตรงหน้าต่างที่
ขมุกขมัว แล้วหันกลับมาบอกว่า “นายท่าน ฝนตกหนักขนาดนี้ ประมุขปราสาทยังอยูน่ อกตําหนักอยู่
เลย ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู”่
หยางชิ่งได้ยนิ แล้วอึ้งทันที รี บหย่อนเท้าลงจากเตียงแล้วเดินไปตรงหน้าต่าง ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง
ไปยังยอดเขาสูงสุ ดที่มีหมู่ขนุ เขาล้อมพิทกั ษ์ เห็นเหมียวอี้ยงั ยืนอยูท่ ่ามกลางสายฝนจริ ง ๆ เขาขมวดคิว้
อย่างอดไม่ได้ ดวงตาตาฉายแววครุ่ นคิดอะไรบางอย่าง และไม่นานก็คลายคิ้วที่ขมวดมุ่น อดไม่ได้ที่
จะส่ ายหน้าหัวเราะเบา ๆ แล้วสัง่ ว่า “ปิ ดหน้าต่างไว้ เดี๋ยวประมุขปราสาทมาเห็นเข้าจะเก้อเขิน”
ชิงเหมยได้ยนิ แล้วปิ ดหน้าต่าง จากนั้นก็หนั มาถามว่า “บ่าวไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ งของนายท่าน
เจ้าค่ะ”
หยางชิ่งถือแผ่นหยกเดินอ้อมมานัง่ หลังโต๊ะยาว แล้วพูดกลั้วหัวเราะ “ฮูหยินไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย
ๆ ประมุขปราสาทเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นานก็หนีไปข้างนอกแล้ว ไปรอบนี้ใช้เวลาหลายร้อยปี ถ้าฮู
หยินไม่จดั การประมุขปราสาทสักหน่อย ก็จะดูเป็ นเรื่ องแปลกด้วยซํ้า เรื่ องนี้พวกเจ้าแค่รู้ไว้กพ็ อ ถ้า
ข่าวแพร่ ออกไปจะทําลายศักดิ์ศรี หน้าตาของประมุขปราสาท ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ประมุขปราสาทที่
จะอับอายจนโมโห ฮูหยินเองก็ไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ พวกเราดูเอาสนุกก็พอ ไม่ตอ้ งปล่อยข่าวซี้ซ้ วั ”
ชิงจวีถ๋ ามอย่างตกตะลึง “นายท่านหมายความว่า ประมุขปราสาทกําลังโดนฮูหยินสัง่ ให้ยนื สํานึกผิด
เหรอ?”
“เจ้าคิดว่าประมุขปราสาทกําลังชมทิวทัศน์จริ งเหรอ? มีใครเขายืนอยูท่ ี่เดิมทั้งวันโดยไม่เบื่อบ้าง?
มิหนําซํ้า ฝนตกหนักขนาดนี้จะมองเห็นอะไรชัด?” หยางชิ่งพูดหยอกล้อ
ชิงจวีถ๋ ามอีกว่า “ฮูหยินทําแบบนี้เกินไปหน่อยรึ เปล่า ถึงอย่างไรประมุขปราสาทก็เป็ นเจ้านายของ
ปราสาทนี้ จะทําลายความสัมพันธ์ของสามีภรรยาหรื อเปล่าเจ้าคะ?”
หยางชิ่งส่ ายหน้า “จะทําลายความสัมพันธ์อะไรได้? ประมุขปราสาทกลับมาแล้ว ถ้าฮูหยินทําเหมือน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นัน่ ก็แสดงว่าทั้งสองมีปัญหากันแล้วจริ ง ๆ คนหนึ่งอยากทําโทษ อีกคนยอมโดนทํา
โทษ ก็แสดงว่าทั้งสองไม่มีเรื่ องอะไรแล้ว ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก ไม่อย่างนั้นด้วยนิสยั
อย่างประมุขปราสาท มีหรื อที่จะยอมให้คนมาเห็นภาพนี้”
ชิงเหมยที่ไม่ค่อยหัวเราะ ตอนนี้หวั เราะออกมาแล้ว “นายท่านกําลังบอกว่า นึกไม่ถึงว่าคนนิสยั ชอบ
ก่อเรื่ องอย่างประมุขปราสาทจะเจอกับดาวข่มเข้าแล้ว”
หยางชิ่งถอนหายใจ “นี่เป็ นเรื่ องดีนะ! ประมุขปราสาทชอบก่อเรื่ อง ส่ วนฮูหยินก็เป็ นคนแก้ปัญหาเก่ง
ฮูหยินควบคุมประมุขปราสาทได้ ประมุขปราสาทจะได้ก่อเรื่ องน้อย ๆ ลงหน่อย เป็ นผลดีกบั ทุกคน
ดีกว่าให้ประมุขปราสาทก่อเรื่ องจนทุกคนหวาดระแวงเช้ายันคํ่าหรอกน่า ยิง่ ไปกว่านั้น ฮูหยินก็ดูแลข้า
ดีมาก นางสามารถให้เคล็ดวิชาฝึ กตนที่ดีขนาดนั้นกับเวยเวยได้ ข้าหยางชิ่งก็นบั ว่าติดหนี้น้ าํ ใจฮูหยินอ
ย่างใหญ่หลวงแล้ว”
ชิงเหมย ชิงจวีก๋ ม้ หน้าฟังเงียบ ๆ ที่ฮูหยินให้เคล็ดวิชาฝึ กตนกับฉิ นเวยเวย ชัดเจนว่าเห็นแก่หน้าหยาง
ชิ่ง…
จู่ ๆ พายุฝนก็ซาลง แต่พอตกกลางคืน ฝนพรําก็กระหนํ่าแรงอีกครั้ง เช้าวันต่อมาฝนถึงหยุด พอตอน
เย็นฝนก็เดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด เป็ นอย่างนี้ซ้ าํ ไปซํ้ามา
เหมียวอี้คิดในใจว่าดีแล้ว ทางที่ดีให้ฝนตกจนกว่าอวิน๋ จือชิวจะกลับมา ให้นางได้รู้วา่ ตัวเองทําเกินไป
ขนาดไหน
ใครจะไปคิดว่าฟ้ าฝนจะไม่เป็ นใจ เหมือนเป็ นผลกรรมตามสนองใครบางคนที่ทาํ เรื่ องไม่ดีเอาไว้ ทน
มาจนถึงวันสุ ดท้ายแล้ว แต่ฝนเจ้ากรรมดันหยุดเสี ยได้ บนฟ้ าไร้เมฆครึ้ ม ฟ้ าสดใสราวกับโดนชะล้าง
พระอาทิตยขึ้นแล้ว เหมียวอี้สูดหายใจลึกหนึ่งที ทําสี หน้าเคียดแค้น!
พอใกล้จะถึงตอนเที่ยง เกี้ยวหลังหนึ่งก็เหาะลงมาจากฟ้ า เหมียวอี้หนั กลับไปมอง พบว่านอกจากช่าง
ไม้กบั ช่างหิ นที่หามเกี้ยว ยังมีอีกคนหนึ่งตามมาด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นฉิ นเวยเวย
เหมียวอี้ตกตะลึงอยูบ่ า้ ง ทั้งยังประหลาดใจนิดหน่อย เวลาสั้น ๆ เพียงสามร้อยปี ไม่น่าเชื่อว่าฉิ นเวย
เวยจะบรรลุระดับบงกชแดงแล้ว?
ผ่านไปประเดี๋ยวเดียว ฉินเวยเวยที่สวมชุดกระโปรงสี ขาวราวหิ มะก็เดินออกมาจากตําหนัก พอเห็น
เหมียวอี้ที่หนั ตัวมายิม้ ให้ ดวงตานางก็ฉายแววสับสน ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร พอได้เห็นเขา ก็มกั จะนึก
ถึงภาพที่เขากระอักเลือดใส่ หน้านาง ภาพตอนที่อุม้ นางขี่อาชามังกรหนีเอาชีวติ รอดทุกที
นางใจลอยเพียงครู่ เดียว จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาคํานับ “ข้าน้อยคํานับประมุขปราสาท”
ทั้งสองคุยกันได้สองสามคํา เชียนเอ๋ อร์กเ็ หาะออกจากตําหนักมาแล้ว “นายท่าน ฮูหยินเชิญเข้าพบเจ้า
ค่ะ!”
เหมียวอี้บอกลาฉินเวยเวยแล้วเดินสาวเท้าออกไป ทิ้งฉินเวยเวยที่สวมชุดกระโปรงสี ขาวดุจหิ มะไว้คน
เดียว นางมองตามหลังเขาไป มองจนกระทัง่ หายลับ ตัวเองถึงได้หนั หน้ากลับมาช้า ๆ แล้วออกไปจาก
ตรงนั้น
พอกลับมาถึงตําหนักหลัง แล้วไม่เห็นเงาของอวิน๋ จือชิว เหมียวอี้กท็ าํ หน้าบึ้งทันที “ฮูหยินล่ะ?”
“ฮูหยินเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ไปปอาบนํ้าแล้วเจ้าค่ะ” เชียนเอ๋ อร์ตอบ
เหมียวอี้ไม่พดู พรํ่าทําเพล มุ่งตรงไปที่หอ้ งอาบนํ้าทันที แต่ปรากฏว่าเสวีย่ เอ๋ อร์ที่เฝ้ าอยูห่ น้าประตูขวาง
ไว้ “นายท่านเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ ตอนฮูหยินอาบนํ้าจะไม่ให้ใครรบกวน”
“ตลกแล้ว! ข้าเป็ นผูช้ ายของนาง เป็ นสามีที่เคยคํานับฟ้ าดินและเข้าห้องหอกับนางแล้ว ตอนนาง
อาบนํ้าก็ใช่วา่ ข้าจะไม่เคยเห็น ทั้งโลกนี้ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไป ยกเว้นข้า หลีกไป!” เหมียวอี้กล่าวอย่าง
หงุดหงิด พลางผลักเสวีย่ เอ๋ อร์ให้หลีกทาง แล้วบุกเข้าไปด้วยสี หน้าบึ้งตึง
ตอนที่ 882

ฮูหยินระเบิดอารมณ์
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์สบตากันอย่างพูดไม่ออก จะขวางก็ขวางไม่อยูแ่ ล้ว! ปกติเวลาฮูหยินอาบนํ้า ทั้ง
สองจะเข้าไปปรนนิบตั ิเสมอ วันนี้จู่ ๆ ก็ให้พวกนางเฝ้ าด้านนอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็ นเรื่ องดีหรื อเรื่ อง
ไม่ดี หวังว่านายท่านจะไม่โชคร้ายหรอกนะ
ในห้องอาบนํ้าเป็ นสี ทองเรื องรอง ทุกที่ลว้ นฝังเลี่ยมไปด้วยทองคําและหยกขาว หรู หราไร้ที่เปรี ยบ
ปลาหลี่สองตัวที่สูงเท่าคนหนึ่งคนกําลังเงยหน้ากระดกหางราวกับมีชีวติ ชีวา กําลังอ้าปากพ่นนํ้าใส่
อ่างหยกขาวที่ใสแจ๋ วจนมองเห็นก้นอ่าง รอบอ่างนํ้าฝังเลี่ยมด้วยทองคํา สร้างเป็ นรู ปเกล็ดปลา เหยียบ
บนนั้นไม่มีทางลื่นล้ม
ในห้องอบอวลไปด้วยไอนํ้า อุณหภูมิกส็ ูงกว่าด้านนอกเช่นกัน เหมียวอี้ที่กา้ วยาวบุกเข้ามากวาดตาม
องรอบหนึ่ง มองไม่ใครอยูใ่ นอ่างอาบนํ้า สายตาจึงไปหยุดอยูข่ า้ ง ๆ
บนเตียงหยกที่สลักรู ปหงส์และมังกร อวิน๋ จือชิวกําลังนัง่ อยูบ่ นบนนั้น ยกแขนสองข้างดึงปิ่ นปั กผมลง
มา ถอดเครื่ องประดับศีรษะออก พอเห็นเหมียวอี้กห็ วั เราะคิกคัก “ทําไมท่านสามีถึงมาที่นี่ล่ะคะ? หรื อ
อยากจะมาแอบดูหม่อมฉันอาบนํ้า?”
เหมียวอี้พน่ เสี ยงทางจมูก แล้วเดินก้าวยาวเข้ามา นัง่ ลงข้างเตียงหยก แล้วบอกว่า “ใช่วา่ ข้าจะไม่เคย
เห็นเสี ยหน่อย มีส่วนไหนบนร่ างกายเจ้าที่ขา้ ไม่เคยเห็นบ้าง จําเป็ นต้องแอบดูดว้ ยเหรอ? ถ้าจะดูกต็ อ้ ง
ดูอย่างเปิ ดเผยไปเลย”
ผมนนุ่มดําขลับประลงบ่าและสยายไปด้านหลังราวกับนํ้าตก อวิน๋ จือชิววางมงกุฎหงส์ลง แล้วพยัก
หน้าบอกว่า “ท่านสามีพดู จามีเหตุผล หม่อมฉันก็ไม่ได้ไล่ท่านออกไปใช่ม้ ยั ล่ะคะ ตราบใดที่ท่านสามี
ชอบ หม่อมฉันจะไม่ยอมให้ท่านสามีดูเรื อนร่ างของหม่อมฉันได้อย่างไร? กลัวก็แต่เมื่อเวลาผ่านไป
นานเข้า ท่านสามีอาจจะเบื่อหน่าย ถึงตอนนั้นเมื่อขอให้ท่านสามีดู เกรงว่าท่านสามีคงจะไม่สนใจ”
เหมียวอี้ทาํ หน้านิ่ง พูดเน้นยํ้าทีละคําว่า “สามวันที่ผา่ นมา สองวันแรกฝนตก เจ้ารู ้รึเปล่า?”
อวิน๋ จือชิวเอามือป้ องปากหัวเราะทันที นางรู ้สถานการณ์แล้ว ไม่อย่างนั้นจะนัง่ พูดอยูต่ รงนี้ดว้ ยกันดี
ๆ ได้อย่างไร จึงรี บเข้าไปนัง่ กอดแขนเขาเอาไว้ “อย่าทําหน้าบึ้งสิ คะ ล้วนเป็ นความผิดหม่อมฉัน
หม่อมฉันปวดใจแทบตาย ท่านเองก็จริ ง ๆ เลยนะ ฝนตกแล้วไม่รู้จกั หาที่หลบ”
เหมียวอี้ดึงแขนนางออก แล้วพูดอย่างหงุดหงิด “ข้าจะกล้าเหรอ? เถ้าแก่เนี้ยมีอาํ นาจบารมีขนาดไหน
ต่างอะไรกับหญิงปากร้ายล่ะ? เวลาทะเลาะกันขึ้นมาเจ้าก็ไม่อายเลย แต่ขา้ ยังอายนะ!”
อวิน๋ จือชิวติดหนึบเหมือนขนมคอเป็ ด เข้ามากอดแขนเขาอีก นางยิม้ อย่างสดใสราวดอกไม้ “ท่านสามี
อย่าโมโหสิ โปรดระงับโทสะ ทั้งหมดล้วนเป็ นความผิดของหม่อฉัน หม่อมฉันเป็ นหญิงปากร้าย อย่า
ถือสาผูห้ ญิงปากร้ายอย่างหม่อมฉันได้ม้ ยั คะ?”
เหมียวอี้จอ้ งนาง ทําเสี ยงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “เจ้าเองก็รู้ตวั เหรอว่าเป็ นผูห้ ญิงปากร้าย? ข้าจะบอกเจ้าให้
นะ ถ้าครั้งหน้าเป็ นแบบนี้อีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
อวิน๋ จือชิวเอียงศีรษะไปซบไหล่ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ อ่อนโยน “หม่อมฉันรู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ ว่าในใจของ
ท่านสามีมีหม่อมฉัน ถึงได้ยอมรับความไม่ยตุ ิธรรมแบบนี้ ท่านสามีเป็ นชายชาตรี ผสู ้ ง่าผ่าเผยไม่กลัว
ตาย จะมากลัวหม่อมฉันได้อย่างไร ท่านตั้งใจจะยอมอ่อนข้อให้หม่อมฉันต่างหากล่ะ หม่อมฉันรู ้สึกดี
มากเลย รับรองว่าต่อให้อยูใ่ นฝันก็ยงั ยิม้ ได้ มีสามีแบบนี้ นับว่าหม่อมฉันไม่เสี ยชาติเกิดแล้ว แต่สิ่งนี้ก็
ทําให้หม่อมฉันเข้าใจหลักการบางอย่างเช่นกัน หากวันใดท่านสามีไม่ยอมทนรับความอยุติธรรมนี้เพือ่
หม่อมฉันแล้ว ก็แสดงว่าในใจท่านสามีไม่มีหม่อมฉันอีกต่อไป ในภายหลังหากมีโอกาส หม่อมฉันจะ
ใช้วธิ ีการนี้ทดสอบท่านสามีอีก”
เหมียวอี้ถลึงตาสองข้าง “อะไรนะ? เจ้ายังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะจนไหล่สนั่ “ท่านไม่ตอ้ งกังวลหรอก ระหว่างเราสองสามีภรรยาเท่าเทียมกันมาก
ต่อไปหากหม่อมฉันทําอะไรผิด ขอเพียงท่านสามีเอ่ยมาคําเดียว รับรองว่าหม่อมฉันไม่เรื่ องมากเสนอ
เงื่อนไขเหมือนท่านสามีแน่นอน อย่าว่าแต่ยนื สํานึกผิดเลย ถ้าท่านสามีให้ไปคุกเข่าหม่อมฉันก็จะไป
รับรองว่าจะไม่บ่นสักคํา”
เหมียวอี้พลันยืนขึ้น กล่าวด้วยสี หน้าครํ่าเครี ยดว่า “ข้าไม่ได้มีนิสยั ชอบสัง่ ให้คนอื่นคุกเข่า ข้าไม่ให้เจ้า
คุกเข่าหรอก เจ้าเองก็อย่าสัง่ ให้ขา้ คุกเข่าเหมือนกัน ข้าเป็ นผูช้ าย ไม่ทาํ ตัวเหมือนผูห้ ญิงอย่างพวกเจ้า
หรอก!” มารดาเจ้าสิ เขาสงสัยว่าการไปยืนตากฝนข้างนอกในครั้งนี้ อาจจะมีคนเดาออกว่าเกิดอะไร
ขึ้น ถ้ามีครั้งหน้าอีกคนจะไม่หวั เราะเยาะแย่หรอกเหรอ
“เป็ นผูช้ ายแล้วยังไงล่ะ? อย่ามาใช้มุกนี้! ใช้มุกนี้กบั ข้าไม่ได้ผลหรอก!” อวิน๋ จือชิวหุบยิม้ ผมงามห้อย
ลงมาประหลัง เหล่ตามองพร้อมถามว่า “หนิวเอ้อร์! ฟังจากที่เจ้าพูดแล้ว ครั้งหน้าเตรี ยมตัวจะไปโดย
ไม่บอกกล่าวอีกใช่ม้ ยั ?”
“ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเสี่ ยงอันตรายกับข้า เจ้ายังมีเหตุผลอยูม่ ้ ยั ไม่มีเหตุผลเลยจริ ง ๆ !” เหมียวอี้พดู ทิ้ง
ท้าย แล้วหันตัวเดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” อวิน๋ จือชิวพลันตวาดเสี ยงแหลม “เจ้าว่าใครไม่มีเหตุผล? หนิวเอ้อร์ ถ้าเจ้ากล้าก็ลอง
พูดอีกรอบสิ !” นางยกมือเช็ดตรงหว่างคิ้ว เช็ดโคลนซ่อนจิตออก เผยภาพมายาดอกบัวสี ทองบานหนึ่ง
กลีบ ทําท่าเหมือนจะใช้กาํ ลังข่มขู่
เหมียวอี้ที่หยุดฝี เท้าและหันตัวกลับมาตกตะลึงทันที จากนั้นก็เผยสี หน้าตื่นเต้นดีใจ รี บเดินเข้าไปใกล้
แล้วถามอย่างปลื้มใจมาก “เจ้าบรรลุระดับบงกชทองแล้วเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวกัดริ มฝี ปาก ยกเท้าเตะหน้าแข็งเขาเพื่อระบายอารมณ์ แล้วกล่าวด้วยสี หน้าเย็นเยียบ “ข้ายัง
ไม่ทนั ได้คิดบัญชีกบั เจ้า แต่เจ้าก็มาขึ้นอารมณ์ใส่ ขา้ แล้วเหรอ บอกมาเสี ยดี ๆ ระหว่างเจ้ากับพี่นอ้ งฝา
แฝดคู่น้ นั มันเป็ นยังไงกันแน่?”
เหมียวอี้ที่กาํ ลังลูบขาหัวใจกระตุกวูบ แสร้งถามอย่างงุนงงว่า “พี่นอ้ งฝาแฝดอะไร?”
“หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่ามาใช้มุกนี้กบั ข้า! ลูกสาวฝาแฝดของโอวหยางกวงท่านทูตสายชวด ลูกสาวของอัน
หรู อวี้แห่งแดนโพ้นสวรรค์ ชื่อโอวหยางหลางกับโอวหยางหวน เจ้ากล้าบอกมั้ยว่าเจ้าไม่รู้จกั ?” อวิ๋
นจือชิวยืนขึ้นตะคอกแล้ว
เหมียวอี้ตอบอย่างกินปูนร้อนท้องว่า “อ๋ อ! เจ้าหมายถึงพวกนางเหรอ รู ้จกั สิ รู้จกั แต่ไม่สนิทหรอก มี
เรื่ องอะไรเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ มุ่น “ไม่สนิทจริ งเหรอ? แต่ขา้ ได้ยนิ มาว่าเจ้านอนกับพวกนางมาแล้วนะ? ได้ยนิ ว่า
เจ้ายอมรับออกมาเองตอนงานนิทรรศการของวิเศษที่แดนอู๋เลี่ยง ข้าก็สงสัยอยู่ ว่าทําไมตอนนั้นถึง
ทําท่าจะสูต้ ายกับเจ้า สงสัยจะเป็ นเพราะท่านบุรุษเหมียวไปนอนกับลูกสาวของเขา” พูดจบก็เดินมา
ตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วใช้นิ้วแหลมจิ้มที่หน้าอกเหมียวอี้ “หนิวเอ้อร์! เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยนะ! ข้าดูไม่
ออกเลย! ยังจะมาเล่นลูกไม้อีก ที่แท้เจ้าก็มีรสนิยมแบบนี้ ฝาแฝดคู่น้ นั รสชาติไม่เลวเลยใช่ม้ ยั ล่ะ?”
เหมียวอี้แทบจะเหงื่อท่วมหัว โดนนางจิ้มจนเดินถอยหลัง แต่กลับแสร้งทําสี หน้าโมโห “ไอ้เลวที่ไหน
มันพูดจาไร้สาระ เจ้าบอกมาซิ ใครจะมันสร้างข่าวลือ ข้าจจะไปคิดบัญชีกบั มัน!”
อวิน๋ จือชิวคว้าคอเสื้ อเขาเอาไว้ แล้วพูดเน้นทีละคําว่า “คิดบัญชีเหรอ? ได้! หนิวเอ้อร์ เจ้าฟังให้ดีนะ
ปราชญ์เซี ยนมู่ฝานจวิน นางบอกข้าเองกับปาก ทั้งยังบอกด้วยว่าพวกผูช้ ายเจ้าชูห้ ลายใจ ให้ขา้ จับตาดู
เจ้าไว้ให้ดี! ข่าวสารของนางใช้สิ่งที่คนทัว่ ไปจะเทียบติดรึ ไงล่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าต้องมีมูลเหตุ!”
“…” เหมียวอี้ทาํ สี หน้าไม่ถกู มู่ฝานจวินกินยาผิดมาเหรอ? ไม่น่าเชื่อว่าจะมายุง่ เรื่ องในครอบครัวของ
ข้า! จึงถามอย่างสงสัยว่า “พูดจริ งรึ เปล่า? นางพูดเรื่ องด้วยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวดึงหูของเขา ออกแรงบิดพร้อมบอกว่า “นอกจากนางแล้ว ที่แดนเซี ยนยังมีใครกล้าพูดข่าว
เสี ยหายของคุณชายรองแห่งแดนโพ้นสวรรค์อีกล่ะ! ไอ้เวรนี่ เจ้าคิดจะปิ ดบังข้าไม่จนถึงเมื่อไร!”
“ฮูหยิน เบาหน่อย ๆ เจ็บ!” เหมียวอี้เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน เขาเขย่งเท้าเพราะโดนนางดึงหูยกขึ้นสู ง
มาก เมื่อโดนจับจุดอ่อนเพราะเป็ นฝ่ ายทําเรื่ องผิดแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าตอบโต้ ทําได้เพียงร้องออกมา
“ให้ขา้ พูดบ้างไม่ได้เหรอ! นัน่ เป็ นความผิดพลาดแท้ ๆ เลย แม่งเอ๊ย ข้าต่างหากที่เป็ นคนที่โชคร้าย
ที่สุด เรื่ องนี้ตอ้ งเล่าตั้งแต่ตอนที่ขา้ ไปโรงเตี๊ยมเมฆาวายุครั้งแรก”
พออวิน๋ จือชิวปล่อยมือจากเขา เท้าที่อยูใ่ ต้กระโปรงก็บินออกมา เตะที่หน้าแข้งเขาอย่างแรง แล้วกล่าว
อย่างดุดนั ว่า “บอกมา! ทําไมมาเกี่ยวข้องกับโรงเตี๊ยมของข้าได้? เจ้าบ้านี่ พวกเจ้าคงไม่ได้มาแอบทํา
เรื่ องหน้าไม่อายกันในโรงเตี๊ยมหรอกมั้ย?”
ถ้าเป็ นแบบนั้นจริ ง ๆ นางคงโมโหตายแน่ ๆ เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะเหมียวอี้นอนกับนางที่
โรงเตี๊ยมเมฆาวายุ ถ้ายังแอบนอนกับคนอื่นในโรงเตี๊ยมของนางอีก จะให้นางทนความรู ้สึกได้
อย่างไร!
เหมียวอี้เอามือลูบหูลูบขาอีกครั้ง เจ็บทั้งข้างบนข้างล่าง ทั้งยังต้องหาโอกาสโบกไม้โบกมืออีก “เปล่า
นะ เปล่าเลย ไม่เคยทําเรื่ องผิดต่อเจ้าที่โรงเตี๊ยมแน่นอน เจ้าเองก็รู้มูลเหตุก่อนหน้า ครั้งแรกที่ขา้ ไป
โรงเตี๊ยมเมฆาวายุกเ็ พราะได้รับคําสัง่ ให้ไปหาเรื อมังกรอเวจีที่ทะเลทรายม่านเมฆา…”
เขาไม่รู้วา่ มู่ฝานจวินรู ้เรื่ องนี้มากแค่ไหนกันแน่ และไม่รู้วา่ นางบอกเมียตัวเองไปมากแค่ไหน ถ้าหาก
พูดไม่ตรงกัน เขากังวลว่าผูห้ ญิงคนนี้จะสู ก้ บั ตนอย่างสุ ดชีวติ แน่นอน ทําได้เพียงเล่าต้นสายปลายเหตุ
อย่างละเอียด
เริ่ มตั้งแต่ไปปฏิบตั ิภารกิจลับที่ทะเลทรายม่านเมฆา ตอนหลังโดนลอบสังหารระหว่างที่ตามหาเรื อ
มังกรอเวจี อันเจิ้งเฟิ งจึงส่ งโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนที่ปลอมตัวเป็ นผูช้ ายมาปกป้ องตน
อยากจะล่อมือสังหารออกมา แต่พอเจอเรื อมังกรอเวจีแล้ว ฝาแฝดคู่น้ นั ก็โดนพิษราคะที่อยูใ่ นเจ็ด
อารมณ์หกปรารถนา จากนั้นเขาก็เล่าเหตุการณ์ที่ตวั เอง ‘ประสบเคราะห์’ ด้วยสี หน้าขื่นขม
สิ่ งที่เล่าออกมาล้วนเป็ นความโศกเศร้า พอเล่าจบก็พดู เสริ มอีกว่า “ข้าต่างหากล่ะที่เป็ นเหยือ่ ! หลังจาก
นั้นมาข้าก็ไม่เคยแตะต้องพวกนางอีกเลยจริ ง ๆ อยากจะหลบยังหลบไม่ทนั เลย!”
เหตุการณ์ในระหว่างนั้น อวิน๋ จือชิวรู ้แล้ว รวมทั้งเห็นภาพที่เหมียวอี้โดนลอบสังหารในทะเลทรายกับ
ตาตัวเอง ได้เห็นความห้าวหาญดุร้ายของเหมียวอี้กบั ตาตัวเองมาแล้ว ตอนนั้นเขามีวรยุทธ์บงกชเขียว
แต่กาํ จัดนักพรตบงกชแดงไปได้สองคน
อันที่จริ ง ตั้งแต่เจอเหมียวอี้ที่วดั เมี่ยวฝ่ าครั้งแรก จนกระทัง่ เหมียวอี้โดนลอบสังหารโดยนักพรตบงกช
แดงสองคนที่ทะเลทรายม่านเมฆา ทั้งยังสู ต้ ายกับเฟิ งเสวียนเพื่อแย่งชิงตน สิ่ งเหล่านั้นทําให้นางได้
รับรู ้ถึงด้านที่กล้าหาญของผูช้ ายคนนี้อย่างลึกซึ้งแล้ว ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวแน่นอน
ถึงแม้จะเป็ นเช่นนี้ แต่หลังจากได้ฟังความจริ ง อวิน๋ จือชิวก็ยงั โกรธจนหน้าเขียวอยูด่ ี ตอนแรกที่ได้ฟัง
นางค่อนข้างรับไม่ไหวจริ ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าผูช้ ายของตนจะโดนผูห้ ญิงสองคนขืนใจ! เรี ยกได้วา่ โมโห
จนตัวสัน่ จู่ ๆ ก็ทาํ ตัวเหมือนคนบ้า “นางตัวดีสองคนนั้น ข้าจะฆ่าทิ้งซะ!”
พอหันตัวมาก็เห็นนางผมสยายพุง่ ไปข้างนอก เหมียวอี้ตกใจจนหน้าถอดสี ถลันตัวเข้าไปขวางนางไว้
กอดนางแน่น พร้อมพูดขอร้องว่า “ไม่ใช่แล้วมั้ง! เจ้าคงไม่คิดจะทําเรื่ องแบบนี้ให้ใหญ่โตขึ้นหรอก
ใช่ม้ ยั ? เรื่ องนี้พวกนางก็ไม่ได้ต้ งั ใจเหมือนกัน ท่านย่าขอรับ ท่านไว้หน้าข้าสักหน่อยดีม้ ยั !”
ใครจะคิดว่าอวิน๋ จือชิวจะดึงมวยผมของเขาเอาไว้ แล้วกดลงไปกับพื้นโดยตรง จากนั้นก็ลงหมัดลงเท้า
ซ้อมราวกับพายุคลัง่ ซ้อมไปพลางด่าไปพลาง “เจ้ายังเป็ นผูช้ ายอยูร่ ึ เปล่า! ไอ้คนไร้ประโยชน์ ถ้าเจ้าไป
ขืนใจพวกนาง ข้ายังจะนับถือว่าเจ้ากล้าหาญอยูห่ รอก โอ้แม่เจ้า! ชายหนุ่มผูส้ ง่าผ่าเผยโดนผูห้ ญิงสอง
คนขืนใจ เจ้าไม่รู้จกั ขัดขืนเลยเหรอ? ถ้าเรื่ องนี้แพร่ ออกไปข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไอ้เวรเอ๊ย ทําไม
เจ้าไม่ไปตายซะล่ะ! โดนผูห้ ญิงขืนใจแล้วยังกล้ามาขึ้นเตียงกับข้าอีก เจ้ามันไร้ยางอาย!”
เหมียวอี้โดนซ้อมจนมุดไปอยูท่ ี่มุมกําแพง หดตัวอยูท่ ี่มุมกําแพง เอามือกุมศีรษะร้องโอดครวญ “แม่ง
เอ๊ย! ตอนนั้นข้าวรยุทธ์เท่าไรล่ะ ข้าวรยุทธ์บงกชเขียวนะ พวกนางสองคนวรยุทธ์บงกชม่วง แค่กระดิก
นิ้วทีเดียวข้าก็ขยับตัวไม่ได้แล้ว มิหนําซํ้าพวกนางยังมีกนั สองคน เจ้าจะให้ขา้ ขัดขืนอย่างไรล่ะ?”
“แล้วเจ้ายังมีหน้าอยูม่ าจนวันนี้ได้ยงั ไง ทําไมไม่กดั ลิ้นตัวเองตายไปซะ?”
“กัดลิ้นตัวเองตายเหรอ? ถุยสิ เจ้าคิดได้เนอะ เจ้ายังมีเหตุผลอยูร่ ึ เปล่า!”
“ข้าไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ!” อวิน๋ จือชิวคําราม แล้วซ้อมเขาอย่างโมโหบ้าคลัง่
เป็ นเพราะเสี ยงซ้อมคนดังเกินไป เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ งนอกจําต้องวิง่ เข้ามาดูความเคลื่อนไหว
พอเห็นภาพนี้ ทั้งสองก็ตกตะลึงพรึ งเพริ ด นึกไม่ถึงว่าเวลาฮูหยินระเบิดอารมณ์แล้วจะซ้อมนายท่าน
แบบนี้! จึงรี บเข้ามาดึงแขนอวิน๋ จือชิวเอาไว้พร้อมกัน “ฮูหยินโปรดระงับโทสะ! ท่านทําแบบนี้นาย
ท่านอาจจะตายได้นะเจ้าคะ!”
ตอนที่ 883

จะเป็ นบ้ าอยู่แล้ ว


อวิน๋ จือชิวที่โดนดึงแขนเดือดดาลจนหัวเราะออกมา “ผูช้ ายของข้า ข้าจะตบจะตีอย่างไรก็ได้ ถ้าข้าไม่
อยากใช้งานแล้ว จะให้ตอนทิ้งก็ยงั ได้ เรื่ องตรงนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ออกไป!” ขณะที่พดู ก็ชกกําแพงที่
หุม้ ด้วยทองคําหนึ่งหมัด
ปั้ ง! กําแพงสี ทองเหลืองอร่ ามเกิดเป็ นรอยหมัดลึกทันที ถ้าใช้หมัดนี้ชกคน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ ผลจะเป็ น
ยังไง
ตอนทิ้ง? จะไม่ใช่เรื่ องของพวกเราได้ยงั ไง? เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเราแน่นอน! หญิงรับใช้ท้ งั สอง
ตกใจมาก พอเห็นอวิน๋ จือชิวลงมือโหดเหี้ ยมกับสามีตวั เองแบบนี้ ก็เป็ นการทําลายแนวคิดสามีเป็ นช้าง
เท้าหน้าของทั้งสองมาก ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าอวิน๋ จือชิวจะตอนเหมียวอี้ทิ้งได้จริ ง ๆ ทั้งสองตาลีตาลาน
เข้ามาวิงวอน “ฮูหยิน ตีอีกไม่ได้แล้ว ตีอีกไม่แล้วจริ ง ๆ เจ้าค่ะ”
แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะ เหมียวอี้ที่โดนซ้อมจนหน้าปูดตาชํ้าจะลุกขึ้นมาจากมุมกําแพง แล้วโบกมือ
บอกทั้งสองว่า “พวกเจ้าออกไปเถอะ ไม่ใช่เรื่ องของพวกเจ้า ฮูหยินกําลังเล่นกับข้า”
เขาไม่มีทางเลือก เขานึกเสี ยใจทีหลังที่ตวั เองบอกความจริ งกับอวิน๋ จือชิว ดูจากปฏิกิริยาของอวิน๋ จือ
ชิวแล้ว ก็แสดงว่านางไม่ได้รู้ความจริ งมาก่อนเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่อดั อั้นมาถึงตอนนี้แล้วค่อยลงมือ
หรอก ถ้าอวิน๋ จือชิวปากไม่มีหูรูดเปิ ดโปงเรื่ องเน่าเหม็นให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ได้ยนิ เขาจะยังมีชีวติ
อยูต่ ่อไปได้ยงั ไง ย่อมต้องอยากไล่หญิงรับใช้ท้ งั สองออกไปเร็ ว ๆ อยูแ่ ล้ว
นายท่านหน้าปูดหน้าชํ้าเลือดออกปากออกจมูก ทั้งสองได้แต่พดู ไม่ออก โดนตีขนาดนี้แล้ว จะเล่นกัน
เฉย ๆ ได้ยงั ไง?
แต่เหมียวอี้พดู ขนาดนี้แล้ว ทั้งสองยังจะพูดอะไรได้อีก ทําได้เพียงค่อย ๆ ถอยออกไป
“เล่นกันเหรอ? หน้าไม่อาย ใครเล่นกับเจ้า!” กระโปรงยาวโบกสะบัด ขายาวเตะออกมาแล้ว
ขนาดใส่ กระโปรงยาวยังโหดได้ขนาดนี้ มาดอันห้าวหาญของนางมารร้ายหมายเลขหนึ่งแห่งนภาจอม
มารถูกเปิ ดเผยออกมาหมดสิ้ น
“เจ้ายังไม่พออีกเหรอ!” เหมียวอี้ร่ าํ ร้อง แล้วรี บเอามือกุมศีรษะนัง่ ย่อลงที่มุมกําแพง แต่ยงั ไม่ลืมที่จะ
เตือนว่า “มองบ้าอะไร! ไม่ใช่เรื่ องของพวกเจ้า ยังไม่ถอยไปอีก!”
เหมียวอี้สะอื้นในใจ วันนี้เสี ยหน้าหมดแล้ว!
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่ถอยไปตรงประตูเห็นแล้วอกสัน่ ขวัญแขวน หมัดและเท้าที่ฮูหยินปล่อยใส่ ตวั
นายท่าน เรี ยกได้วา่ รุ นแรงเหมือนตีกลอง เมื่อโดนเขาตะคอกแบบนั้น พวกนางก็ทาํ ได้เพียงแข็งใจ
ถอยออกไป
ผ่านไปพักใหญ่ อวิน๋ จือชิวที่ผมยุง่ สยาราวกับคนบ้า ลักษณะสง่าภูมิฐานหายไปหมดสิ้ นก็ยนื เท้าเอว
เฝาอยูท่ ี่มุมกําแพง กําลังกดดันสามีตวั เอง ไม่รู้วา่ นึกอะไรขึ้นได้จึงหยุดลงมือ “ไม่ใช่สิ! เจ้าเองก็ไม่ใช่
ผูห้ ญิง จะโดนขืนใจง่าย ๆ ได้อย่างไร ขอแค่สิ่งที่อยูต่ ห้ ว่างขาเจ้ามันไม่ได้เรื่ อง อาศัยแค่พวกนางจะขืน
ใจเจ้าได้อย่างไร? เจ้าเองก็โดนพิษราคะนัน่ เหมือนกันใช่ม้ ยั หรื อว่าพวกนางวางยาเจ้า? วางยาก็เป็ นไป
ไม่ได้หรอก ลูกสาวของอันหรู อวี้ไม่น่าจะพกอะไรแบบนั้น! ร่ ายอิทธิฤทธิ์บีบบังคับเหรอ?”
รองเท้าปักลายที่อยูใ่ ต้กระโปรงยืน่ ออกมา เหยียบบ่าเหมียวอี้ที่กาํ ลังกุมศีรษะ “บอกมาเสี ยดี ๆ ตอน
นั้นคนชัว่ อย่างเจ้าพายเรื อตามนํ้า[1]ใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้พลันยืนขึ้น เอามือเช็ดลือดที่จมูก แล้วตะคอกอย่างเดือดดาลเหลืออด “ใช่แล้ว ข้าพายเรื อตาม
นํ้าเอง! อวิน๋ จือชิว เจ้าอย่าทําเกินไปได้ม้ ยั ! ให้เจ้าด่าก็แล้ว ให้เจ้าตีกแ็ ล้ว เจ้าจะเอายังไงอีก? ถ้าเก่งนักก็
ฆ่าข้าทิ้งเลย ข้าจะไม่โต้ตอบด้วย!”
เมื่อเห็นสภาพเขาหน้าบวมตาปูดแล้วยังพูดจาใส่ อารมณ์ได้ อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังยืนเท้าเอวก็ชะงักไป
จากนั้นก็เอามือปิ ดปากกลั้นขํา หัวเราะจนตัวค่อย ๆ งอ เอาสองมือกุมทอง หัวเราะจนหายใจไม่ทนั
จริ ง ๆ
ความโมโหเดือดดาลหายไปในชัว่ พริ บตาเดียว ไม่ใช่เพราะสภาพอนาถของเหมียวอี้ยวั่ ให้ขาํ แต่
สาเหตุหลักเป็ นเพราะเหมียวอี้ยอมรับว่าตอนนั้นพายเรื อตามนํ้า
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ ก็เป็ นเรื่ องยากที่นางจะหายโกรธได้ สําหรับนางแล้ว สภาพจิตใจของนางก็เทียบ
ได้กบั สภาพจิตใจของผูช้ าย เหมือนเวลาที่ผชู ้ ายรู ้วา่ ผูห้ ญิงของตัวเองเคยโดนผูช้ ายคนอื่นขืนใจมาก่อน
แบบนั้นน่าสะอิดสะเอียนพอสมควร ถ้าลองเอาใจเขามาใส่ ใจเราดูบา้ ง ก็เหมือนกับกลืนแมลงวันตัว
หนึ่งลงท้องไป
ทว่าในยุคนี้น้ นั เป็ นแบบนี้ การที่ผชู ้ ายมีผหู ้ ญิงหลายคน ก็ไม่ใช่เรื่ องที่รับได้ยากสําหรับผูห้ ญิง ค่านิยม
ในสังคมมนุษย์มีอานุภาพรุ นแรงมาก รุ นแรงพอที่จะทําให้เหล่าอนุภรรยาเข้าใจได้ หลังจากรู ้วา่ เหมียว
อี้ไม่ได้โดนขืนใจแบบนั้นจริ ง ๆ แต่เป็ นการพายเรื อตามนํ้าและได้ตกั ตวงผลประโยชน์ นางก็ไม่รู้สึก
สะอิดสะเอียนแล้ว กอปรกับเรื่ องนี้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะมามีอะไรกับนาง นางเองก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่า
ซักไซ้หาความต่อแล้ว
“หัวเราะบ้าอะไร! ผูห้ ญิงปากร้าย!” เหมียวอี้ด่าอย่างโมโห แล้วเดินวนอ้อมนางออกไป
“จะไปไหน?” อวิน๋ จือชิวที่หวั เราะจนเจ็บท้องดึงแขนเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“เจ้าคิดว่าจะไปไหนล่ะ? เจ้ารู ้จกั มั้ยว่าอะไรที่เรี ยกว่าช้างเท้าหน้า? เจ้ารู ้ม้ ยั ว่าอะไรที่เรี ยกว่าคุณธรรม
ของสตรี ? เจ้าเคยเห็นเมียที่ไหนทําตัวแบบเจ้าบ้างมั้ย?” เหมียวอี้กาํ ลังอยูใ่ นอารมณ์เดือดดาล เอามือ
เช็ดเลือดที่ปากกับจมูกอีกครั้ง พอมองเห็นเลือดสดบนฝ่ ามือ ก็บ่นอย่างโมโหอีกว่า “อยูต่ ่อไปไม่ได้
แล้ว! ข้าไม่คู่ควรกับเจ้าหรอก พวกเราแยกทางกันก็ได้นะ! ข้าจะไปเขียนหนังสื อขอเลิกภรรยา นับแต่
นี้ไปก็ทางใครทางมัน!”
ต่อให้คาํ พูดจะไม่น่าฟังสักแค่ไหน แต่อวิน๋ จือชิวก็ไม่เก็บมาใส่ ใจ กอดแขนเขาต่อไปไม่ยอมปล่อย ก้ม
หน้ากล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ท่านสามี หม่อมฉันผิดไปแล้ว ล้วนเป็ นความผิดของหม่อมฉัน เอาอย่าง
นี้ม้ ยั ข้าให้เจ้าตีขา้ คืน หม่อมฉันจะไม่โต้ตอบเด็ดขาด!”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าเหรอ!” เหมียวอี้กล่าวอย่างโมโห
อวิน๋ จือชิวปล่อยเขาทันที ยืนอยูต่ รงหน้าเขาอย่างสง่าผ่าเผย เชิดใบหน้างามขึ้นมา ทําท่าเหมือนรอให้
เขาตบตีได้ตามอําเภอใจ
เหมียวอี้งา้ งฝ่ ามือขึ้นมา โบกไปทางใบหน้านาง ลมวูบหนึ่งพัดใส่ จนผมงามปลิวสยาย ใบหน้าขาว
หมดจดน่าหลงใหลปรากฏตรงหน้าเหมียวอี้ ตอนนี้อวิน๋ จือชิวหลับตาแล้ว แพขนตายาวกําลังสัน่ ไหว
เบา ๆ
ฝ่ ามือที่โบกเข้ามาหยุดชะงักอยูใ่ กล้ใบหน้านาง ห่างไม่ถึงหนึ่งฝามือด้วยซํ้า
เหมียวอี้ทาํ สี หน้าค่อนข้างดุร้าย หลายครั้งที่อยากจะขยับฝ่ ามือ แต่สุดท้ายก็ตบไม่ลง
เมื่อเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร! อวิน๋ จือชิวก็ค่อย ๆ ลืมตาข้างหนึ่งมองเขา จากนั้นก็ลืมตาอีก
ข้าง ดวงตางามทั้งสองข้างก็กลายเป็ นเหมือนกับบ่อนํ้า ขณะที่มองเขา นางกัดริ มฝี ปาก ดวงตาฉายแวว
เคลิบเคลิ้ม ใช้มืออันอ่อนนุ่มจับมือของเหมียวอี้เอาไว้ แล้วเอามาคลอเคลียใบหน้าตัวเองเบา ๆ พร้อม
กล่าวด้วยสี หน้าหวานชื่นอ่อนโยน “ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าท่านสามีรักตัดใจตบหน้าข้าไม่ลงจริ ง ๆ !”
“ถุย! ข้าแค่ไม่อยากถือสาผูห้ ญิงปากร้ายอย่างเจ้าเฉย ๆ หรอก!” เหมียวอี้สะบัดมือออก เอามือเช็ดเลือด
ที่จมูกอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดชายเสื้ อแล้วหันหน้าเดินออกไป
อวิน๋ จือชิวสะบัดกระโปรง ถลันตัวไปขวางเขา แล้วทําสี หน้าเหมือนสาวน้อยกําลังอ้อนวอน “ท่าน
สามีอย่าโมโหสิ คะ หม่อมฉันยอมรับผิดแล้ว! ท่านสามีรอก่อนนะ หม่อมฉันจะทําโทษตัวเอง จะไป
คุกเข่าที่ประตูใหญ่นอกตําหนักสามวันเดี๋ยวนี้เลย!”
นางใช้สองมือยกกระโปรง แล้ววิง่ ออกไปข้างนอกอย่างแน่วแน่
เหมียวอี้ทาํ เสี ยงฮึดฮัด ไม่สนใจใยดี แต่ชวั่ พริ บตาเดียวก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล แม่งเอ๊ย ผูห้ ญิงบ้าคนนี้
คงไม่วงิ่ ออกไปคุกเข่าหน้าประตูตาํ หนักจริ ง ๆ หรอกใช่ม้ ยั ?
เมื่อได้ยนิ เสี ยงฝี เท้าห่างไปไกลแล้ว ก็รีบถลันตัวตามออกไปทันที
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่เฝ้ าอยูต่ รงทางเดินนอกห้องอาบนํ้าเห็นอวิน๋ จือชิววิง่ ออกมาก่อน ขณะกําลังจะ
ไปดูวา่ นายท่านโดนซ้อมเป็ นอย่างไรบ้าง แต่ปรากฏว่าสักพักก็เห็นนายท่านวิง่ ตามออกมาแล้ว
อวิน๋ จือชิววิง่ มาถึงประตูตาํ หนักนอนแล้ว เหมียวอี้ที่วงิ่ ตามมาดึงแขนนางเอาไว้ จากนั้นก็ช้ ีนางซํ้าแล้ว
ซํ้าอีก ไม่รู้วา่ ควรจะว่านางอย่างไรดี สุ ดท้ายก็กล่าวอย่างไร้เรี่ ยวแรงว่า “เจ้าคิดจะเอายังไงกันแน่? ไม่
รู ้จกั จบจักสิ้ นใช่ม้ ยั ?”
“หม่อมฉันยอมรับผิดแล้ว หม่อมฉันจะไปคุกเข่าชดใช้ความผิดที่ประตูใหญ่นอกตําหนักไง ยังไม่
พอใจเหรอ? หากท่านสามีรู้สึกว่าเป็ นเรื่ องยากที่จะหายโกรธ เช่นนั้นก็ตีขา้ สักยก แล้วจากนั้นข้าก็จะ
ไปคุกเข่าที่ประตูใหญ่อีก แบบนี้ไม่ได้เหรอ?” อวิน๋ จือชิวทําสี หน้าน้อยเนื้อตํ่าใจ
“อวิน๋ จือชิว เจ้าช่วยหยุดพักสักหน่อยได้ม้ ยั ?” เหมียวอี้ยนื่ ปากเข้าไปตะคอกตรงหูนาง แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยนิ
เสี ยงฝี เท้าของเหล่านางในดังเข้ามาใกล้ จึงรี บกันไปมอง กลัวว่าจะมีคนมาเห็นใบหน้าอนาถยับเยิน
ของตน จึงรี บดึงแขนอวิน๋ จือชิวเดินออกไป
อวิน๋ จือชิวโดนดึงให้เดินออกมา ในดวงตางามฉายแววเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็มองหลังศีรษะที่โดนตีจนยุง่
เหยิงของเหมียวอี้ดว้ ยแววตาหวานซึ้ ง สี หน้าของนางชื่นมื่นมาก คิดว่าสุ ดท้ายแล้วผูช้ ายคนนี้กย็ งั รัก
และทะนุถนอมนาง สุ ดท้ายก็ยอมรับความไม่เป็ นธรรมแทนนาง โชคดีที่เมื่อครู่ น้ ีนางไม่ได้โมโหหน้า
มืดจนตีเขาตาย!
นี่มนั สถานการณ์อะไรกัน? เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่รีบเดินเข้ามาชะงักงัน เห็นนายท่านดึงตัวฮูหยินก
ลับไปที่หอ้ งอาบนํ้าอีกแล้ว
แล้วสี หน้าของฮูหยินนัน่ มันอะไรกัน? ทําไมทําท่าเหมือนจะสําลักความสุ ขตายล่ะ! ทั้งสองสบตากัน
แวบหนึ่ง เรื่ องนี้ยากจะเข้าใจ ทําได้เพียงกลับไปเฝ้ าอยูท่ ี่ประตูหอ้ งอาบนํ้าอีกครั้ง
เหมียวอี้เดินกลับมาในห้องอาบนํ้าด้วยความเดือดดาล แล้วดึงผูห้ ญิงข้างหลังออกมาผลัก
อวิน๋ จือชิวล้มลงบนเตียงหยก ขระมองดูสภาพยับเยินของเหมียวอี้ นางก็รู้สึกผิดเหมือนกัน รู ้สึกอับ
อายนิดหน่อย ซ้อมจนผูช้ ายของตัวเองมีสภาพเป็ นแบบนี้ได้ ถ้าไม่พิจารณาตัวเองสักหน่อย ก็จะดูไม่
เข้าท่าเกินไปแล้ว เหมือนไม่ใช่เรื่ องที่ผหู ้ ญิงปกติจะทําได้
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ลงมือซ้อมคนแบบนี้? ตอนอยูท่ ี่นภาจอมมารนางทําแบบนี้บ่อย แต่ตอนหลัง
ไม่ได้ทาํ นานแล้ว ครั้งล่าสุ ดก็คือตอนจบงานนิทรรศการของวิเศษที่แดนอู๋เลี่ยง ครั้งนั้นอวิน๋ เฟยหวง
ลูกชายของอวิน๋ เป้ าแย่งยาแก่นเซียนสามสิ บเม็ดของเหมียวอี้ไป นางโมโหมาก จึงจับอวิน๋ เฟยหวงผู ้
เป็ นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมาซ้อมอย่างโหดเหี้ ยมยกหนึ่ง แล้วแย่งยาแก่นเซี ยนกลับมาคืนให้เหมียวอี้
หลังจากนั้นก็คือครั้งนี้ นางซ้อมสามีตวั เองจนสภาพเป็ นแบบนี้แล้ว…
“ท่านสามีอยากจะลงโทษหม่อมฉันอย่างไรคะ หม่อมฉันยอมรับผิดแล้ว” อวิน๋ จือชิวมองเขาตาปริ บ ๆ
“ท่านย่า! ท่านบรรพบุรุษ!” เหมียวอี้ประสานมือคํานับนาง “เจ้าอย่าหาเรื่ องได้ม้ ยั ? ถือว่าข้าขอร้อง
ได้ม้ ยั ?”
“งั้นเจ้ายังจะซ้อมข้ารึ เปล่าล่ะ?” อวิน๋ จือชิวถาม
“มิบงั อาจ! ข้ายอมรับผิด! ข้าสมควรตาย! ข้าโดนกรรมตามสนอง! ข้าติดหนี้ชีวติ เจ้าแล้ว ตกลงมั้ย? ข้า
ขอร้องให้เจ้าปล่อยข้าไป ตกลงมั้ย?” เหมียวอี้ประสานมือคารวะต่อไป แล้วจู่ ๆ ก็พบว่าเท้าข้างหนึ่งที่
สวมรองเท้าปั กยืน่ มาตรงหน้า
พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นอวิน๋ จือชิวใช้สองมือยันข้างหลัง ยกเท้าข้างหนึ่งมาตรงหน้าเขา พร้อมกล่าว
ด้วยสี หน้าหยาดเยิม้ “ช่วยถอดรองเท้าให้ขา้ หน่อยสิ คะ!”
เหมียวอี้กาํ หมัดสองข้าง เกิดอารมณ์ชวั่ วูบอยากจะซ้อมคน อารมณ์ค่อนข้างฮึกเหิ ม “เจ้าคิดจะเอายังไง
อีก? ยังไม่จบใช่ม้ ยั ? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ความอดทนของข้ามีขีดจํากัด!”
“ช่วยถอดรองเท้าให้หน่อย ข้าจะอาบนํ้า” อวิน๋ จือชิวกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงจริ งจัง
เหมียวอี้โบกมือปัดเท้านางออกไป “เจ้าไม่มีมือหรื อไง?”
อวิน๋ จือชิวจึงถามว่า “เจ้าจะช่วยหรื อไม่ช่วย? ถ้าเจ้าไม่ช่วย ข้าจะรู ้ได้อย่างไรว่าเจ้าให้อภัยข้าจริ งรึ เปล่า
ถ้าตอนหลังเจ้ากลับมาซ้อมข้า ข้าจะทําอย่างไรล่ะ?”
“…” เหมียวอี้ทาํ ท่าเหมือนจะเป็ นบ้า คว้าข้อเท้านางเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างดึงรองเท้าโยนไปข้างหลัง
แล้วดึงถุงเท้ายาวของนางลงมา ก่อนจะโยนออกไปอย่างไม่ใส่ ใจ
“ยังมีขา้ งนี้อีก!” เท้างามอีกข้างแตะลงพื้น
เหมียวอี้โน้มตัวเข้ามาจับขาที่อยูใ่ ต้กระโปรงของนางขึ้นมา เพิ่งจะโยนรองเท้าข้างนั้นออกไป จู่ ๆ เท้า
งามขาวใสดุจหยกข้างหนึ่งก็ประทับลงบนหน้าเขา
“หนิวเอ้อร์ หอมมั้ย?”
เพี้ยะ! เหมียวอี้ตบออกไป “เหม็น!”
เพิ่งจะดึงถุงเท้าของเท้าข้างนั้นออกไป ขาสองข้างที่อยูใ่ ต้กระโปรงก็ไขว้คอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
เหมียวอี้ที่โดนขากักไว้โน้มตัวมองนางอย่างเย็นเยียบ
“หนิวเอ้อร์ ข้าถามอะไรเจ้าอย่างหนึ่งสิ จากบ้านไปนานขนาดนี้ เจ้าได้แตะต้องผูห้ ญ่งบ้างรึ เปล่า?” อวิ๋
นจือชิวถามอย่างสุ ขมุ เยือกกเย็น
หัวใจกระตุกวูบ คําพูดนี้จ้ ีใจดําท่านขุนนางเหมียวอีกครั้ง นี่คือเรื่ องที่เขารู ้สึกผิดที่สุด เมื่อนางถามแบบ
นี้ ตัวเขาเองยังรู ้สึกเลยว่าที่โดนซ้อมเมื่อครู่ น้ ีกส็ มนํ้าหน้าแล้ว ความโมโหในใจหายไปในชัว่
พริ บตาเดียว ที่เพิ่มขึ้นคือความว้าวุน่ หวาดหวัน่
แต่หลังจากมีบทเรี ยนเมื่อครู่ น้ ีแล้ว ต่อให้โดนตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ พยายามทําตัวเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึ้น ทําเสี ยงฮึดฮัดแล้วตอบว่า “ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าข้าโดนขังในค่ายกลมารโลหิ ต
สามร้อยกว่าปี จะมีอารมณ์ไปทําเรื่ องเหลวไหลแบบนั้นเสี ยที่ไหน”
อวิน๋ จือชิวพูดดูถูกว่า “เชอะ! พระที่เคยกินเนื้อสัตว์มาบอกว่าตัวเองกินเจเนี่ยนะ ใครจะไปเชื่อล่ะ! อย่า
คิดว่าข้าไม่เห็นแล้วเจ้าจะพูดอะไรก็ได้นะ ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน เมื่อถึงวันนั้นข้าไม่ซอ้ มเจ้าง่าย ๆ
แบบนี้หรอก ข้าจะตอนของเจ้าทิ้งซะ!”
ตอนที่ 884

บาดเจ็บเล็กน้ อยไม่ ทาํ ให้ ฟันร่ วง


คําพูดนี้ทาํ ให้ผชู ้ ายรู ้สึกหนาวเป้ ากางเกงจริ ง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับฮูหยินที่กล้าลงมือจริ งแบบนี้
“เจอกับผูห้ ญิงไร้เหตุผลอย่างเจ้า ข้าพูดไม่ออกแล้ว!” เหมียวอี้ใช้ความโมโหกลบเกลื่อนความรู ้สึกผิด
ในใจตัวเอง ออกแรงจับขานางแยก แต่จนใจที่วรยุทธ์ไม่สูงเท่าอีกฝ่ าย ไม่มีทางจับแยกออกได้เลย จึง
สบถอย่างหงุดหงิด “ผูห้ ญิงปากร้าย! ปล่อยข้า!”
อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังใช้ขาสองข้างไขว้คอเขาเอาไว้หวั เราะอย่างเบิกบานใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าปูด
ชํ้าที่กาํ ลังดิ้นรนอยูต่ รงหว่างขาของตัวเอง มันดูน่าขําสุ ด ๆ ยิง่ เหมียวอี้พดู สองขาของนางก็ยงิ่ ขนาบ
แน่นขึ้น
“ถ้ายังไม่ปล่อยก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจนะ!” เหมียวอี้คาํ ราม แม่งเอ๊ย อย่ากดดันให้ขา้ ต้องใช้เคล็ดวิชา
อัคนีดาราเลย!
“อ๋ อเหรอ! จะไม่เกรงใจยังไงล่ะ?” อวิน๋ จือชิวหัวเราะจนหายใจไม่ทนั
เหมียวอี้ที่กาํ ลังโน้มตัวพลันยืนขึ้น ทําให้ท้ งั ตัวของอวิน๋ จือชิวถูกยกออกจากเตียงหยก ทําให้ตวั นาง
พลิกขึ้นมา
อวิน๋ จือชิวกลับใช้สองมือเลิกกระโปรงตัวเองขึ้น เอากระโปรงคลุมศีรษะเหมียวอี้ ไขว้ขาสองข้างขี่คอ
เสี ยเลย จากนั้นใช้สองมือดึงหูเขาผ่านกระโปรง พลางหัวเราะคิกคัก “ท่านสามี ทัศนียภาพใต้
กระโปรงหม่อมฉันเป็ นอย่างไรบ้างเพคะ?”
ข้างในใส่ กางกางในอยู่ จะไปเห็นทัศนียภาพบ้าอะไรล่ะ! ไม่เห็นอะไรนั้น! มิหนําซํ้าเหมียวอี้กย็ งั ไม่มี
อารมณ์จะมาชมทัศนียภาพด้วย เขาอับอายจนโมโห จึงควงฝ่ ามือตบก้นนางพักหนึ่ง พร้อมคํารามเสี ยง
อูอ้ ้ ีอยูใ่ ต้กระโปรง “ลงมาเดี๋ยวนี้นะ!”
อวิน๋ จือชิวโดนเขาตบก้นจนหน้าแดงและกะพริ บตาแสดงความปรารถนา นางค่อนข้างทนไม่ไหว
พลันเหาะขึ้นมา ในที่สุดเหมียวอี้กห็ ลุดพ้นจากการโดนขังใต้กระโปรงแล้ว เห็นเพียงอวิน๋ จือชิวหมุ
นตัวกลางอากาศแล้วลอยลงช้า ๆ ก่อนเท้างามสองข้างจะเหยียบลงบนเตียงหยก
กลับพิภพใหญ่! นี่คือความคิดชัว่ วูบที่แวบเข้ามาในหัวเหมียวอี้ จากนั้นก็หนั ตัวเดินออกไปทันที
“ไม่อยากถามเรื่ องเยียนเป่ ยหงแล้วเหรอ?” อวิน๋ จือชิวกล่าวเสี ยงเรี ยบ ทําให้ร่างของเหมียวอี้หยุดชะงัก
ทันที นางมีวธิ ีบีบจุดอ่อนของเขาเสมอ
เหมียวอี้ท่ีกาํ ลังหันหลังให้ใช้สองมือถูหน้าแรง ๆ ลืมไปแล้วว่าตัวเองโดนซ้อมจนจมูกเขียวหน้าชํ้า
เขาแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างเจ็บปวดครู่ หนึ่ง แล้วหันตัวมา ถามอย่างดุดนั ว่า “เรื่ องเยียนเป่ ยหงเป็ นยังไงกัน
แน่?”
อวิน๋ จือชิวทําสี หน้าประชดประชันทันที “สงสัยเพื่อนจะสําคัญกว่าเมีย หนิวเอ้อร์ เจ้านี่มนั ใช้ได้เลย
นะ!”
เหมียวอี้ค่อนข้างจนปัญญากับนาง โมโหแต่ทาํ อะไรไม่ได้ “เจ้าจะบอกหรื อไม่บอก? ถ้าไม่บอกข้าจะ
ไปถามที่นภาจอมมารด้วยตัวเอง!”
อวิน๋ จือชิวกระโดลงจากเตียงหยก แล้วกระดกนิ้วเรี ยกเขา “ไปยืนทําไมตั้งไกล? กลัวข้าซ้อมเจ้าเหรอ?”
เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหมือนโดนตะคริ วกิน เขากังวลเรื่ องนี้จริ ง ๆ แต่ไม่แสดงออกเด็ดขาด เดินก้าวยาว
กลับมาแล้วถามว่า “บอกมาสิ ! มันเรื่ องอะไรกันแน่?”
อวิน๋ จือชิวกางแขนสองข้างแล้ว “ช่วยข้าถอดเสื้ อผ้าหน่อย!”
เหมียวอี้เอียงหน้าไปด้านข้าง “ข้าไม่มีอารมณ์มาทําเรื่ องแบบนั้นกับเจ้าหรอกนะ!”
“ไปตายซะ!” อวิน๋ จือชิวเตะหน้าแข้งเขาย่างไม่ลงั เล แล้วพูดดูถูกว่า “ใครอยากจะทําเรื่ องนั้นกับเจ้า ข้า
จะไปอาบนํ้าต่างหาก!”
“…” เหมียวอี้อา้ ปากค้าง พ่นเสี ยงทางจมูกแล้วบอกว่า “เรื่ องนี้กไ็ ปเรี ยกเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์มาสิ ”
ใบหน้างามของอวิน๋ จือชิวเย็นเยียบลงทันที โมโหอีกแล้ว “ให้เจ้าปรนนิบตั ิขา้ สักครั้งจะเป็ นไรไป? เจ้า
ไม่เต็มใจเหรอ? หนิวเอ้อร์! ในปี นั้นไอ้เวรที่ไหนมันคอยฉวยโอกาสบีบนวดลูบไล้ไปทัว่ ร่ างกายข้า?
เมื่อก่อนไอ้บา้ ที่ไหนมันชอบเปิ ดกระโปรงข้า ล้วงกางเกงในข้า? เมื่อก่อนไอ้บา้ ที่ไหนมันสู ต้ ายเพื่อ
แย่งชิงตัวข้ากลับมา? วันนี้พอได้มาแล้วก็ไม่อยากแตะต้องอีกใช่ม้ ยั ? เล่นจนเบื่อแล้วใช่ม้ ยั ล่ะ? หรื อ
ออกไปเจออะไรที่ดีกว่ามา เลยเริ่ มรังเกียจข้าแล้ว?”
“ข้าจะปรนนิบตั ิ! เจ้าคือบรรพบุรุษของข้า! ข้าจะปรนนิบตั ิให้เอง พอใจรึ ยงั ?” เหมียวอี้ยกมือสองข้าง
ซํ้า ๆ เพื่อหยุดนาง รับว่านางโหด ถ้าให้พดู ต่อไป ก็ไม่รู้วา่ นางจะพูดอะไรออกมาอีก
เขาถอดชุดคลุมยาวตัวนอกของนางออก แล้วโยนไปบนเตียงอย่างไม่ใส่ ใจ จากนั้นก็ถอดผ้าคาดเอว
ของนาง ปลดกระโปรงของนางออก
จากนั้นก็ถอดเสื้ อชั้นใน ตอนนี้เหมียวอี้เริ่ มหัวใจเต้นรัวแล้ว ภูเขาหิ มะยอดสี แดงสองลูกกําลังท้าทาย
อยูต่ รงหน้าเขา ทั้งยังมีเรื อนรางอ่อนช้อยที่มีส่วนเว้าส่ วนโค้ง ประกอบกับใบหน้าสวยหยาดเยิม้ ขอ
งอวิน๋ จือชิว ทําให้เหมียวอี้ขยับลูกกระเดือกแล้วจริ ง ๆ เป็ นเสี ยงกลืนนํ้าลายอย่างยากลําบาก
มีอยูจ่ ุดหนึ่งที่เหมียวอี้ไม่ยอมรับไม่ได้ นัน่ ก็คือในบรรดาผูห้ ญิงทุกคนที่เขาเคนสัมผัส ไม่มีใครที่มี
เรื อนร่ างเย้ายวนใจเท่าอวิน๋ จือชิวเลย ยิง่ ได้สมั ผัสผูห้ ญิงมากเท่าไร ก็ยงิ่ ทําให้รู้วา่ ผูห้ ญิงคนนี้เป็ นของ
ลํ้าค่าหายากแน่นอน
พอเห็นเขาทําท่าทางแบบนั้น ในดวงตาอวิน๋ จือชิวก็ฉายแววภาคภูมิใจ แต่กลับไม่ให้เขามองเยอะ เอา
สองมือปิ ดหน้าอกแล้วหันตัวเดินไปที่อ่างอาบนํ้า ก้าวช้า ๆ ลงในคลื่นนํ้าที่ใสแจ๋ ว
เหมียวอี้หนั ตัวเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ออกมาไม่ได้หรอก กลัวว่าถ้าอยูต่ ่อแล้วตัวเองจะอดใจ
ไม่ไหว แต่เป็ นแบบนั้นจริ ง ๆ ตัวเองก็จะดูไม่เอาไหนเกินไป เพิ่งจะโดนอีกฝ่ ายซ้อมจนสภาพเป็ น
แบบนี้ จะทําเรื่ องไม่เอาไหนแบบนั้นได้อย่างไร
“หยุด! จะไปไหน?” อวิน๋ จือชิวหันกลับมาตะคอก
เหมียวอี้หนั หลังให้พร้อมตอบว่า “รอเจ้าอาบนํ้าเสร็ จก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
“อย่าไปไหน เฝ้ าอยูท่ ี่นี่ ช่วงนี้ขา้ ชอบรู ้สึกว่ามีคนแอบดูขา้ อาบนํ้า” อวิน๋ จือชิวกล่าวอย่างคับแค้นใจ
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้กถ็ ลึงตาทันที ล้อเล่นอะไรกัน มีคนแอบมองเมียตัวเองอาบนํ้า แบบนี้ไม่
เกินไปเหรอ? เขาพลันหันตัวมา ถามว่า “มันเป็ นใคร?”
“รอข้าอาบนํ้าเสร็ จก่อนแล้วค่อยบอก” อวิน๋ จือชิวยืนอยูใ่ ต้ปลาหลี่ที่เงยหน้ากระดกหาง ด้านบนมีน้ าํ
พ่นใส่ ศีรษะนางพอดี เริ่ มชโลมผมงามจนเปี ยกลงมาทั้งร่ าง ทั้งตัวถูกครอบด้วยระลอกคลื่นนํ้าบาง ๆ
หนึ่งชั้น
สองมือที่ปิดหน้าอกคลายออกแล้ว นางยกมือเสยผมงามที่เปี ยกจนปิ ดบังใบหน้าไปไว้ขา้ งหลัง แล้วเงย
หน้ารับนํ้า เรื อนร่ างอ่อนช้อยที่อยูใ่ ต้เสานํ้าบิดขยับทําท่าทางที่ทาํ ให้คนเห็นประหลาดใจ เอวที่อ่อน
นุ่มราวกับงู ประกอบกับคลื่นนํ้าที่ไหลแผ่คลุมร่ างงาม ให้ความรู ้สึกเย้ายวนใจราวกับมนต์มายา
กระตุน้ อารมณ์ปรารถนา
ในขณะที่รู้สึกผ่อนคลายยามนํ้าอาบนํ้า ริ มฝี ปากสี แดงเรื่ อของอวิน๋ จือชิวขยับเล็กน้อยเหมือนพึมพํา
อะไรบางอย่าง เสี ยงเล็ก ๆ ที่กรอกเข้าหูเหมียวอี้ทาํ ให้เขารู ้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก รู ้สึกเพียงว่านํ้า
เลือดในร่ างกายไหลเวียนเร็ วขึ้น จนทําให้ได้ยนิ เสี ยงหัวใจเต้นของตัวเอง
เหมียวอี้กาํ ลังบอกตัวเองในใจ ว่าห้ามทําตัวไม่เอาไหน แต่ดวงตายังจ้องเรื อนร่ างอ่อนช้อยที่เปล่ง
ประกายระยิบระยับอยูใ่ ต้เสานํ้านัน่ ไม่ยอมออกไปไหน
สุ ดท้ายก็รีบถอดเสื้ อผ้าของตัวเองออก กระโดดลงไปในอ่างนํ้าเช่นกัน ลงไปอยูใ่ นนํ้ากับอวิน๋ จือชิว
อวิน๋ จือชิวรี บใช้สองมือปิ ดหน้าอก หนีบต้นขาขาวหมดจดเย้ายวนใจเอาไว้แน่น พลางจ้องเหมียวอี้
ด้วยสี หน้าระวังตัว “หนิวเอ้อร์ เจ้าคิดจะทําอะไร?”
เหมียวอี้ยนื่ มือไปด้านข้าง คว้าผ้าขนหนูในถาดข้างอ่างมาไว้ในมือ แล้วยิม้ แห้ง ๆ พลางบอกว่า “ฮู
หยิน เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ไม่อยู่ ให้ขา้ ช่วยปรนนิบตั ิอาบนํ้าให้เจ้าแล้วกัน”
“ไม่ตอ้ ง ข้ามีมือ ไม่ตอ้ งให้เจ้าช่วยปรนนิบตั ิหรอก!” อวิน๋ จือชิวบิดร่ างกาย อยากจะหลบเลี่ยงเขา
ประมุขปราสาทเหมียวจะเกรงใจได้อย่างไร โยนผ้าขนหนูในมือทิ้ง ช้อนอุม้ นางขึ้นมาโดยตรง อุม้
ออกมาจากเสานํ้าแล้ว
“อ๊า! คนบ้า!” อวิน๋ จือชิวร้องโวยวายพลางดิ้นรน “หนิวเอ้อร์ เจ้าปล่อยข้านะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้า
คิดจะทําอะไร ไอ้คนบ้า เจ้าคิดจะรังแกข้า!”
“เจ้าเป็ นฮูหยินของข้า ถ้าไม่รังแกเจ้าแล้วจะไปรังแกใคร!” ท่านขุนนางเหมียวหัวเราะเริ งร่ าไม่ยอม
ปล่อย อุม้ ไปวางไว้ตรงขอบอ่างโดยตรง แล้วโถมทับหญิงงามลํ้าค่าที่ขาวนุ่มเหมือนก้อนแป้ งอย่างไม่
ปรานี ลงโทษอย่างบ้าคลัง่ …
หลังจากพายุฝนกระหนํ่าเสร็ จแล้ว เสี ยงนํ้าที่ไหลอยูใ่ นอ่างยังคงดังไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน
ที่ขอบอ่าง ท่านขุนนางเหมียวที่เปลือยล่อนจ้อนกําลังนอนหลับตาด้วยสี หน้าผ่อนคลาย อวิน๋ จือชิวที่
ร่ างเปลือยเปล่านอนหมอบอยูบ่ นตัวเขา น่องขาเล็กที่ขาวดุจหยกกําลังกระดกแกว่งไปมา ในมือถือ
สมุนไพรเซี ยนซิ งหัวต้นหนึ่ง ริ มฝี ปากแดงเรื่ อกําลังเป่ าหมอกประกายดาวใส่ หน้าเขา พร้อมถามด้วย
นํ้าเสี ยงอ่อนโยน “ยังเจ็บอยูร่ ึ เปล่า?”
เหมียวอี้ใช้สองมือลูบแผ่นหลังที่เกลี้ยงเกลาของนาง “เจ้าลงมือได้โหดเหี้ ยมมาก!”
อวิน๋ จือชิวพ่นเสี ยงทางจมูก แล้วบอกว่า “เมื่อครู่ น้ ีเจ้าปรานีขา้ เสี ยที่ไหนล่ะ ไม่รู้จกั ถนอมข้าเลยสัก
นิด”
“แบบนี้เรี ยกว่าใช้บทลงโทษเล็กน้อย นี่คือผลของการไม่เชื่อฟัง!” เหมียวอี้ยมิ้ อย่างลําพองใจ
“หน้าไม่อาย! อย่าเอาเรื่ องน่าไม่อายมาโอ้อวดบารมีหน่อยเลย!” อวิน๋ จือชิวด่า แล้วถามด้วยนํ้าเสี ยง
ละมุนอีกว่า “ภายนอกมองไม่เห็นแผลแล้ว ยังเจ็บอยูเ่ หรอ?”
“แผลเล็กแค่น้ ีฟันไม่ร่วงหรอก บาดเจ็บหนักกว่านี้กเ็ คยมาแล้วไม่รู้ต้ งั กี่ครั้ง ไม่เท่าไรหรอก ไม่เจ็บ
แล้ว!” พอเหมียวอี้พดู ถึงตรงนี้ ก็เปลี่ยนคําถาม “เกิดเรื่ องอะไรกับเยียนเป่ ยหงกันแน่?”
“ตอนนี้เขาไม่เป็ นอะไรแล้ว ไม่ตายหรอก แค่โดนขังชัว่ คราว ไม่มีอนั ตรายอะไรแน่นอน เพียงแต่ถา้
อยากจะช่วยออกมาก็ยงุ่ ยากนิดหน่อย หนิวเอ้อร์ มาพูดเรื่ องนี้ในเวลานี้ ทําลายบรรยากาศไปหน่อยรึ
เปล่า?”
เมื่อได้ยนิ ว่าไม่มีอนั ตรายใด ๆ เหมียวอี้กว็ างใจแล้ว แต่ยงั ขมวดคิ้วถามอีกว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามี
คนแอบดูเจ้าอาบนํ้า มีเรื่ องแบบนี้จริ งเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวที่นอนหมอบบนตัวเขาพยักหน้าตอบอย่างจริ งจังว่า “เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์มกั จะแอบดูขา้
อาบนํ้าอยูข่ า้ ง ๆ เดี๋ยวเจ้าช่วยไปลงโทษพวกนางสองคนให้หนัก ๆ เลยนะ”
“…” เหมียวอี้อา้ ปากค้าง เข้าใจในทันทีวา่ ตัวเองโดนปั่นหัว “อ๊า” เสี ยงร้องอุทานดังขึ้น จู่ ๆ เขาก็อุม้
นาง แล้วทั้งสองก็ลม้ ลงไปในอ่างนํ้าพร้อมกัน
ตอนที่โผล่ศีรษะขึ้นมาจากนํ้าอีกครั้ง อวิน๋ จือชิวก็กอดเขาไว้แน่น คลอเคลียข้างหูเขาพร้อมบอกว่า
“หนิวเอ้อร์ ชาติน้ ีได้แต่งงานกับเจ้า ต่อให้ตายข้าก็ยนิ ดี!”
ตอนที่เดินออกมาอีกครั้ง ทั้งสองก็ใส่ เสื้ อคลุมยาวสี ขาวเหมือนกัน ปล่อยผมยาวสยายไปข้างหลัง
เหมือนกัน จูงมือกันเดินออกมาจากห้องอาบนํ้า กลับมากลมเกลียวกันเหมือนเดิมแล้ว
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์สบตากันแวบนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจถึงสิ่ งที่เรี ยกว่า สามีภรรยาเริ่ มทะเลาะกันที่หวั
เตียง แล้วคืนดีกนั ที่ปลายเตียง
เห็นสี ของท้องฟ้ าใกล้จะคํ่าแล้ว นึกไม่ถึงว่าทั้งสองอยูใ่ นห้องอาบนํ้านานขนาดนั้น อวิน๋ จือชิวมอง
ค้อนเหมียวอี้แวบหนึ่ง
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ อย่างเข้าใจความหมาย
อวิน๋ จือชิวหันกลับมาบอกว่า “เชียนเอ๋ อร์ นายท่านจากบ้านไปนานเพิง่ จะกลับมา คืนนี้จดั อาหารให้
เต็มที่ เลี้ยงรับรองนายท่าน เสวีย่ เอ๋ อร์ เตรี ยมเสร็ จแล้วก็ไปเชิญประมุขตําหนักฉิ นมาด้วย ข้าเชิญนาง
มารับประทานอาหารร่ วมกัน”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ท้ งั สองเอ่ยรับคําสัง่
สองสามีภรรยาแต่งหน้าทําผมย่างเรี ยบง่าย อะไรไม่จาํ เป็ นก็ตดั ออก หลังจากม้วนม้วนผมขึ้นอย่างง่าย
ๆ เสร็ จ โต๊ะอาหารก็เตรี ยมเสร็ จแล้ว ฉิ นเวยเวยมาถึงแล้วเช่นกัน
เมื่อแขกและเจ้าบ้านพบหน้ากัน ทั้งสามก็เหลือบมองเครื่ องแต่งกายของกันและกันโดยไม่ได้ต้ งั ใจ
พวกเขาพบว่าตัวเองสวมชุดสี ขาวเหมือนกันหมด
หลังจากเหมียวอี้ชะงักไปครู่ หนึ่ง ก็ทกั ทายอย่างร่ าเริ ง “เวยเวยมาแล้วเหรอ”
ส่ วนฉิ นเวยเวยก็คาํ นับทักทาย “คํานับประมุขปราสาท คํานับพี่สาวค่ะ”
“พี่สาว?” เหมียวอี้ตะลึงงัน หันหน้าไปมองอวิน๋ จือชิว ทําสี หน้าฉงนใจ เหมือนกําลังถามว่า นางใช้คาํ
ว่า ‘พี่สาว’ เรี ยกเจ้าเหรอ?
“น้องสาวมาแล้วเหรอ! บอกแล้วไงว่าเจ้าไม่ตอ้ งทําตามกฎของตําหนักหลัง มาที่นี่ไม่ตอ้ งจํากัดตัวเอง
ขนาดนั้น คิดเสี ยว่ามาบ้านตัวเอง มาสิ มานัง่ ตรงนี้!” อวิน๋ จือชิวยิม้ อย่างสนิทสนม เป็ นฝ่ ายก้าวเข้ามา
จูงมือฉินเวยเวย จูงมือนางมานัง่ ที่โต๊ะ
ทําแบบนี้ค่อนข้างเสี ยมารยาท ฉินเวยเวยมองประมุขปราสาทเหมียวที่เป็ นเจ้าบ้านของที่นี่อย่างกังวล
เจ้าบ้านยังไม่ทนั นัง่ ถ้านางนัง่ ก่อนจะไม่เหมาะสม มิหนําซํ้ายังเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาของนางอีก
ตอนที่ 885

ทางหนีทไี ล่ สุดท้ าย
เหมียวอี้กลับไม่ถือสา เขาเองก็ถือว่าคบหาเป็ นเพื่อนกับฉินเวยเวยมาหลายปี เพียงยิม้ บาง ๆ แล้ว
สุ ดท้ายก็เดินเข้ามานัง่ ชี้ไปยังทั้งสอง แล้วถามต่อว่า “พวกเจ้าสองคนนี่ยงั ไงกัน?”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์รินสุ ราให้ท้ งั สาม ฉินเวยเวยกล่าวขอบคุณ
อวิน๋ จือชิวรู ้วา่ เขาอยากจะถามอะไร จึงเล่าสถานการณ์ให้ฟัง บอกว่านางกับฉิ นเวยเวยถูกชะตาเหมือน
รู ้จกั กันมานาน ตอนที่เหมียวอี้ไม่อยู่ อวิน๋ จือชิวมักจะเรี ยกนางมาคุยเล่นในตําหนัก เมื่อเวลาผ่านไป
นาน ๆ ทั้งสองก็กลายเป็ นพี่นอ้ งกันแล้ว ตอนที่ไม่มีคนนอกอยูด่ ว้ ย อวิน๋ จือชิวก็จะเรี ยกฉิ นเวยเวยว่า
น้องสาว ส่ วนฉินเวยเวยก็จะนับถืออวิน๋ จือชิวเป็ นพี่สาว
แน่นอนว่าในช่วงแรกฉินเวยเวยเอ่ยปากลําบากมาก เพราะทั้งสองฝ่ ายมีฐานะแต่งต่างกัน แต่ภายใต้
การริ เริ่ มของอวิน๋ จือชิว ทําแบบนี้ไม่กี่ร้อยปี ก็ชินแล้ว เวลาไม่มีคนนอกก็จะเรี ยกอวิน๋ จือชิวว่าพี่สาว
ถึงอย่างไรเหมียวอี้กไ็ ม่อยู่ บางครั้งฉินเวยเวยถึงกับโดนรั้งให้อยูค่ า้ งคืนกับอวิน๋ จือชิวด้วยซํ้า การที่ท้ งั
สองนอนร่ วมเตียงและพูดคุยเรื่ องสัพเพเหระกันก็เป็ นเรื่ องปกติ ตอนนี้เหมียวอี้กลับมาแล้ว นางย่อม
ไม่สะดวกจะอยูค่ า้ งคืนด้วยอีก
“ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้” เหมียวอี้เข้าใจในทันที เขาเหลือบมองอวิน๋ จือชิวหลายครั้ง พอจะเข้าใจวิธีการของ
นางอยูบ่ า้ ง นางออกจากทะเลทรายม่านเมฆามาอยูท่ ี่แดนเซี ยน ประกอบกับที่เหมียวอี้เพิง่ เลื่อนขั้นจาก
ประมุขสองตําหนักเป็ นประมุขปราสาทดําเนินสุ ริยนั แม้แต่พวกเหยียนซิ วก็ยงั ไม่รู้สถานการณ์ของ
ที่นี่ชดั เจน ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงอวิน๋ จือชิวเลย ยิง่ ไปกว่านั้น ถึงอย่างไรนางก็เป็ นฮูหยินของประมุข
ปราสาท ยังต่างกับประมุขปราสาทตัวจริ ง สานสัมพันธ์กบั ฉิ นเวยเวยเอาไว้เพื่อผูกมัดให้หยางชิ่งคุม
กําลังพลเบื้องล่างให้มนั่ คง ก็คือเรื่ องที่จาํ เป็ นมาก
ครั้งแรกที่ไปถํ้าคล้อยบูรพา เขาก็โดนคนกลัน่ แกล้ง ตอนเลื่อนขั้นเป็ นประมุขเขาเจิ้นไห่กโ็ ดนคนกลัน่
แกล้ง พอเลื่อนขั้นเป็ นประมุขจวนเมฆธาราก็โดนคนกลัน่ แกล้งอีก ตอนเลื่อนขั้นเป็ นประมุขสอง
ตําหนักก้ยงั มีคนมาท้าทาย พอมาที่นี่…คนส่ วนใหญ่ของที่นี่ลว้ นเป็ นกําลังพลเก่าของเฉิ งอ้าวฟาง เฉิ ง
อ้าวฟางโดนแย่งอาณาเขตไปหนึ่งปราสาท ในใจนางจะต้องไม่ปลื้มแน่นอน ถ้าไม่มีใครก่อกวนก็
แปลกแล้ว
ไม่ตอ้ งถามก็รู้วา่ ผูห้ ญิงคนนี้ใช้พลังความคิดไปมากเท่าไรเพื่อคุมปราสาทดําเนินสุ ริยนั ตอนที่เขาไม่อยู่
ยิง่ อาณาเขตใหญ่โต ปัญหาก็ยงิ่ เยอะ สามารถอาศัยตําแหน่งฮูหยินนัง่ ออกคําสัง่ อยูบ่ นบัลลังก์ประมุข
ปราสาทนั้นไม่ง่ายเลย ไม่ได้อยูใ่ นตําแหน่งที่เป็ นทางการ จึงพูดอะไรไม่สะดวก ต้องรับแรงกดดันทั้ง
ข้างบนทั้งข้างล่าง จะเห็นได้ช่วงแรกลําบากขนาดไหน
พอนึกถึงจุดนี้ เขาก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ตอนที่เขานําเครื่ องประดับไปมอบให้ป้ ี เยว่ฮูหยิน ใครจะไปคิด
ว่าจะโดนปี ศาจโลหิ ตขังไว้สามร้อยกว่าปี …เขาหันกลับมามองฉิ นเวยเวย แล้วถามพร้อมรอยยิม้ “เวลา
สั้น ๆ เพียงสามร้อยปี จู่ ๆ ก็บรรลุระดับบงกชแดงแล้วเหรอ เป็ นเรื่ องน่ายินดีจริ ง ๆ ”
“เป็ นบุญคุณของฮูหยิน ที่มอบเคล็ดวิชาฝึ กตนดี ๆ ให้ขา้ ” ฉินเวยเวยกล่าวอย่างเก้อเขินเล็กน้อย
“นี่!” อวิน๋ จือชิวเอานิ้วจิ้มหน้าผากที่เกลี้ยงเกลาของฉิ นเวยเวย พลางยิม้ อย่างสดใสราวกับดอกไม้
“บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ได้อยูต่ ่อหน้าคนนอกห้ามเรี ยกฮูหยิน ดื่มสุ ราทําโทษ!”
ฉิ นเวยเวยทําตามเพื่อแสดงความเคารพ ทําได้เพียงดื่มรวดเดียวหมดจอก
ตอนแรกนางยังสํารวมอยูบ่ า้ ง ตอนหลังพอเห็นเหมียวอี้ยงั คงทําตัวสบาย ๆ บนใบหน้าก็ค่อย ๆ เผย
รอยยิม้ ค่อย ๆ ปลดปล่อยออกมา พูดคุยกับอวิน๋ จือชิวอย่างเบิกบานใจ ทั้งสองเรี ยกขานกันว่าพี่นอ้ ง
พูดคุยไปหัวเราะไป มองออกเลยว่ายามปกติคบหาจนสนิทสนมกันจริ ง ๆ
ในทางตรงกันข้าม เหมียวอี้ที่รู้จกั ฉินเวยเวยมาหลายปี แทบจะไม่เคยเห็นฉิ นเวยเวยพูดคุยอย่างเบิก
บานใจแบบนี้เลย ภาพฉิ นเวยเวยที่อยูใ่ นภาพความทรงจําของเขามาตลอด ก็คือผูห้ ญิงสวยที่เย็นชา
เหมือนภูเขานํ้าแข็ง ครั้งแรกที่เจอฉินเวยเวย นางก็ทาํ สี หน้าเย็นชาแล้ว น้อยครั้งที่จะเห็นใบหน้ายิม้
แย้ม
ครั้งนี้ได้เห็นฉิ นเวยเวยที่อยูภ่ ายใต้แสงไฟยิม้ ด้วยท่าทางพราวเสน่ห์ ยิม้ เห็นฟันขาวและเผยดวงตาอัน
สดใส ช่างน่าประทับใจ!
ทั้งสามกินดื่มและคุยเล่นกัน อาหารมื้อนี้สุขสันต์มาก ตอนที่กาํ ลังจะแยกย้าย อวิน๋ จือชิวก็เป็ นฝ่ ายเชิญ
อีก “เมื่อก่อนพวกเจ้าสองคนเล่นหมากล้อมด้วยกันบ่อยไม่ใช่เหรอ? หนิวเอ้อร์เพิง่ จะกลับมา น้องสาว
เล่นกับเขาให้หายอยากสักหน่อยสิ ”
เมื่อพูดถึงเรื่ องเล่นหมากล้อม เหมียวอี้กเ็ หมือนโดนยัว่ ให้หิว เพราะไม่ได้แตะต้องมาหลายปี แล้ว เขาถู
ไม้ถูมือทันที “เวยเวย เรามาประลองกันสักหน่อยมั้ย?”
ฉินเวยเวยหันไปมองสี ของท้องฟ้ าด้านนอก แล้วตอบอย่างลังเล “ดูจากสี ของท้องฟ้ า เวลาน่าจะใกล้ค่าํ
แล้ว พี่สาวอยูเ่ ล่นกับนายท่านดีกว่าค่ะ”
อวิน๋ จือชิวยักไหล่สองข้าง “ข้าก็อยากจะเล่นกับเขานะ แต่ขา้ เล่นหมากล้อมไม่เป็ นน่ะสิ !”
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ เหมียวอี้กถ็ ามอย่างฉงนใจนิดหน่อย “ถ้าข้าจําไม่ผดิ ตอนแรกที่เจ้าเห็นพวกเราเล่น
หมากล้อมกัน เจ้ายังบอกว่าวันหลังจะเล่นแข่งกับข้าอยูเ่ ลยนะ”
อวิน๋ จือชิวพูดเหน็บแนมว่า “ตอนนั้นข้าล้อเจ้าเล่น ถ้าข้าเล่นเป็ นคงเล่นกับเจ้าไปนานแล้ว เจ้าเห็นข้า
เคยเล่นหมากล้อมกับเจ้ามั้ยล่ะ?”
เหมียวอี้ลองคิดไปคิดมา ก็พบว่าไม่เคยเล่นด้วยกันจริ ง ๆ จึงส่ ายหน้าทันที “งั้นเจ้าก็ขาดความบันเทิง
ไปแล้วหนึ่งอย่าง เวยเวย เรามาประลองกันสักหน่อยเถอะ ให้นางคอยดูไป”
ในเมื่อประมุขปราสาทเอ่ยปากแล้ว ฉิ นเวยเวยก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธ ทีแรกก็อยากปฏิเสธอยูห่ รอก แต่
พอได้ยนิ ว่าอวิน๋ จือชิวเล่นหมากล้อมไม่เป็ น นางจึงมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วก็พยักหน้าโดยไม่พดู
อะไร
อวิน๋ จือชิวจูงมือนางไว้อีกครั้ง “ไปกัน ๆ อยูท่ ี่นี่ไม่ตอ้ งเกรงใจ ไม่อย่างนั้นพี่สาวจะโกรธแล้วนะ”
จูงมือเดินไปตลอดทาง ไม่ได้พาไปที่ไหน แต่พาฉิ นเวยเวยเข้ามาในห้องนอนของนางกับเหมียวอี้ แล้ว
ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จดั โต๊ะเล่นหมากล้อมให้เรี ยบร้อย ถึงอย่างไรในห้องก็มีพ้นื ที่วา่ งเยอะ
ฉิ นเวยเวยค่อนข้างอึดอัดกับสิ่ งนี้ เพราะนี่คือสถานที่หลับนอนของสามีภรรยา จึงถามอย่างกังวลว่า
“พี่สาว ไปเล่นหมาล้อมข้างนอกกันดีม้ ยั คะ?”
เหมียวอี้ที่เดินตามหลังมาก็พดู ไม่ออกเหมือนกัน คิดในใจว่า โถ่ ฮูหยิน นี่มนั สถานที่ส่วนตัวของเรา
สองคนนะ ทําไมเจ้าพาคนอื่นมาในห้องนอนของพวกเราล่ะ
“เกรงใจอะไร ใช่วา่ เจ้าจะไม่เคยมาเสี ยหน่อย กลัวข้าจะจับเจ้ากินรึ ไง เล่นที่นี่แหละ” อวิน๋ จือชิว
ตัดสิ นใจเอง กดนางให้นงั่ ลงไป
ในเมื่ออวิน๋ จือชิวยังไม่ถือสา เหมียวอี้กไ็ ม่วา่ อะไรแล้ว เมื่อเห็นกระดานหมอกล้อมก็ตาลุกวาว หย่อน
ก้นนัง่ ลง แล้วกวักมือบอก “เริ่ มเลย ๆ ”
ฉิ นเวยเวยทําได้เพียงปฏิบตั ิตาม เริ่ มลงหมากแข่งกับเหมียวอี้ทีละตัว
อวิน๋ จือชิวทําท่าเหมือนไม่รู้อะไรเลย นัง่ ดูเอาสนุกอยูข่ า้ ง ๆ หลายครั้งที่ขอคําชี้แนะวิธีการลงหมาก
เมื่อเห็นว่านางไม่รู้จริ ง ๆ ว่าควรจะลงหมากยังไง ฉิ นเวยเวยก็แอบโล่งใจ ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่รู้จริ ง ๆ
ว่าควรจะลงหมากต่อไปยังไง
กลับเป็ นเหมียวอี้ที่คอยพูดแนะนําอยูเ่ รื่ อย ๆ ตอนหลังรําคาญที่อวิน๋ จือชิวโง่ในด้านนี้มากเกินไป
ประกอบกับเวลาที่สมาธิจมดิ่งอยูก่ บั การ ‘โจมตี’ เจ้าบ้านี่กเ็ หมือนเปลี่ยนเป็ นคนละคน จ้องแต่จะ
เอาชนะอย่างเดียว ราวกับว่าถ้าแพ้แล้วจะร่ วงหล่นลงสู่เหวลึก! ดังนั้นจึงทนรําคาญไม่ไหว บอกให้อวิ๋
นจือชิวหุบปากเสี ยเลย!
อวิน๋ จือชิวก็เลยไปนัง่ อยูข่ า้ ง ๆ นัง่ เอามือเท้าคางพลางมองดูท้ งั สองคนเล่นกัน ทั้งยังให้คนที่เล่นหมาก
ล้อมเป็ นอย่างเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ถอยออกไปด้วย
แต่เมื่อไรที่เห็นฉินเวยเวยพยายามใช้ความคิดเล่นเพื่อให้เหมียวอี้ชนะ อวิน๋ จือชิวก็จะตาเป็ นประกาย
เสมอ นางย้ายสายตาออกจากกระดานหมอกล้อมอย่างแนบเนียน คอยสังเกตปฏิกิริยาของฉินเวยเวยอ
ย่างเงียบ ๆ เมื่อไรที่เห็นฉินเวยเวยสื่ ออารมณ์ที่แท้จริ งออกมาทางสายตา มองเหมียวอี้อย่างอ่อนโยน
อวิน๋ จือชิวก็จะแอบมองเหมียวอี้ที่กม้ หน้าเล่นหมากล้อมอย่างดื้อดึง
เมื่อเล่นได้ครึ่ งทาง เห็นว่านํ้าชาหมดกาแล้ว อวิน๋ จือชิวก็หาข้ออ้างถือกานํ้าชาออกไป
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ งนอกรี บเข้ามารับกานํ้าชาเปล่าไปเติมแล้วจะถือเข้าไป แต่กลับโดนอวิ๋
นจือชิวโบกมือห้ามไว้ “พวกเขากําลังเล่นกันสนุก ๆ อย่าไปรบกวนเลย พวกเราออกไปเดินเล่นกัน
เถอะ”
เมื่ออยูท่ ี่ตาํ หนักหลัง คําพูดของนางมีผลมากกว่าคําพูดของเหมียวอี้ ยิง่ ไปกว่านั้น เดิมทีนางก็เป็ นใหญ่
ที่สุดในตําหนักหลังแห่งนี้อยูแ่ ล้ว ประกอบกับที่นางกล้าซ้อมประมุขปราสาท แม้แต่ประมุขปราสาท
ยังโดนนางซ้อมจนขดตัวที่มุมผนัง หญิงรับใช้ท้ งั สองย่อมไม่กล้าขัดคําสัง่
ทั้งสองนําผ้าคลุมกันหนาวมาคลุมไหล่ให้อวิน๋ จือชิว แล้วเดินตามนางไปที่นอกประตูตาํ หนักใหญ่ ทํา
ให้นางในสองคนที่เฝ้ าเวรยามจุดตะเกียงทันที
อวิน๋ จือชิวโบกมือให้พวกนางถอยไป แล้วพาเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เดินเล่นช้า ๆ อยูใ่ นตําหนักหลัง
เดินชมแสงจันทร์สีเงิน เดินมาถึงหน้าศาลาในสวนดอกไม้ รอบข้างเงียบสงัด นางเงยหน้ามอง
พระจันทร์นานมาก
เมื่อเห็นนางไม่ขยับไปไหนเสี ยที เชียนเอ๋ อร์กถ็ ามหยัง่ เชิงว่า “ฮูหยินกําลังคิดอะไรอยูเ่ จ้าคะ?”
อวิน๋ จือชิวที่เงยหน้ามองพระจันทร์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกว่า “นายท่านยังยืนหยัดตั้งมัน่ ที่พิภพเล็ก
ไม่ได้ คนที่สามารถเล่นงานให้เขาถึงตายได้มีเยอะเกินไป อนาคตไม่แน่นอน จะดีจะร้ายก็ยากจะคาด
เดา ในฐานะภรรยาที่จะอยูเ่ คียงข้างกันไปตลอดชีวติ ข้าจะทําเป็ นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร…”
หญิงรับใช้ท้ งั สองสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้วา่ ทําไมจู่ ๆ นางถึงทอดถอนใจแบบนี้
พวกนางยืนนิ่ง ๆ อยูน่ อกศาลานานมาก แล้วก็เดินเล่นที่ตาํ หนักหลังอีกพักหนึ่ง ถือโอกาสตรวจดูที่พกั
ของเหล่านางในไปด้วย พอดึกมากแล้ว นางถึงได้ถือกานํ้าชากลับมา ริ นเติมนํ้าชาใส่ ถว้ ยให้ท้ งั สองที่
กําลังเล่นหมากล้อม แล้วนัง่ เท้าคางมองดูอยูข่ า้ ง ๆ ต่อไป
จนกระทัง่ ฉิ นเวยเวยรู ้สึกว่าดึกเกินไปแล้ว ไม่สะดวกจะอยูต่ ่อ การแข่งหมากล้อมจึงจบลง หลังจากส่ ง
ฉินเวยเวยกลับไป อวิน๋ จือชิวก็หวั เราะคิกคักเดินกลับเข้ามา “หนิวเอ้อร์ วันนี้เล่นหมากล้อมเต็มอิ่มมั้ย
ล่ะ?”
เหมียวอี้มองไปที่กระดานหมากล้อมอย่างอิ่มใจทันที นัง่ ลงข้างโต๊ะ ยังคงหวนคิดถึงความสนุก
หัวเราะเสี ยงดังแล้วบอกว่า “เจ้าอย่าพูดเลย เล่นหมากล้อมกับฉิ นเวยเวยถึงอกถึงใจที่สุดแล้ว”
“เต็มอิ่มก็ดีแล้ว! ผ่านไปหลายร้อยปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาได้ ถ้าวันนี้ให้ท่านสามีฝึกตนอีก ก็จะฟัง
ดูไร้เหตุผลไปหน่อย รี บพักผ่อนเถอะค่ะ!” อวิน๋ จือชิวกล่าวพร้อมรอยยิม้ จูงเขาไปข้างเตียง ปรนนิบตั ิ
ถอดเสื้ อผ้าให้เขา นําเสื้ อผ้าไปแขวนไว้บนไม้แขวนเสื้ อข้าง ๆ แล้วก็เดินกลับมานัง่ ยอง ๆ ข้างเตียง ยก
เท้าของเขาไว้บนหัวเข่าตัวเอง ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้เขา แล้วยกขาสองข้างของเขาวางไว้บนเตียง
จากนั้นก็ถอดเสื้ อผ้าตัวเอง แล้วสวมเสื้ อกล้ามชั้นในเดินกลับมา แต่กลับพบว่าเหมียวอี้กาํ ลังเอามือ
หนุนศีรษะพลางหรี่ ตามองดูเรื อนร่ างวับ ๆ แวม ๆ ของนาง นางก็หน้าแดงทันที ทําเสี ยงฮึดฮัดอย่าง
เขินอาย แล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเขา “มองอะไรของเจ้า! วันนี้เจ้ารังแกข้าพอแล้ว ห้ามคิดอะไรเหลวไหล
อีก ไปนอนไป!”
“ใครว่ารังแกพอแล้วล่ะ!” เหมียวอี้พลันยืนขึ้น โน้มตัวนางกดลงบนเตียง ทําให้มีเสี ยงร้องอุทานอยูพ่ กั
หนึ่ง และไม่นานก็ถอดเสื้ อผ้านางออกจนหมด
แต่ครั้งนี้ค่อย ๆ ลิ้มรสชาติอย่างพิถีพิถนั แบบนี้ได้รสชาติไปอีกแบบ แล้วค่อย ๆ พัฒนากลายเป็ น
ความดุเดือดราวกับพายุฝนคลัง่ …
หลังจากนอนกอดกันเงียบ ๆ อวิน๋ จือชิวก็พลันหัวเราะคิกคัก “หนิวเอ้อร์ ตอนที่เจ้าไม่อยู่ ฉิ นเวยเวยก็
เคยนอนบนเตียงนี้เหมือนกันนะ เจ้ามีความคิดอะไรบ้างรึ เปล่า?”
อยากจะทดสอบข้าเหรอ! เหมียวอี้ถามอย่างหงุดหงิดว่า “ความคิดอะไร?”
อวิน๋ จือชิวรู ้จกั อ่านสถานการณ์ จึงไม่พดู เรื่ องนี้ต่อ เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ตอนนี้เจ้าคิดจะเตรี ยม
พิภพใหญ่ไว้เป็ นทางหนีทีไล่รึเปล่า หลังจากปั กหลักที่พิภพใหญ่ได้แล้ว ก็ค่อยให้พิภพเล็กเป็ นทางหนี
ทีไล่สุดท้ายเหรอ?”
เหมียวอี้ไถลมือไปตรงหน้าอกของนาง “มีแค่ฮูหยินที่รู้ใจข้า!”
“งั้นหลังจากที่พวกเราไปพิภพใหญ่แล้ว พิภพเล็กก็ตอ้ งมีคนคอยดูแลจัดการให้สิ? เจ้าคิดว่าให้ฉินเวย
เวยช่วยคุมให้เจ้าดีม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวถาม
เหมียวอี้หยุดขยับมือทันที “เจ้าเอาแต่คิดเรื่ องพิภพใหญ่ทาํ ไม? ที่นนั่ อันตรายกว่าที่นี่อีก ถ้าเจ้าไปด้วย
ข้าไม่วางใจ!”
อวิน๋ จือชิวปัดมือเขาออก เอามือยันร่ างกายท่อนบนที่ทาํ ให้เลือดลมสู บฉีด แล้วจ้องเขาพร้อมถามว่า
“แล้วถ้าเจ้าไปคนเดียวข้าจะวางใจได้เหรอ? หรื อเจ้าจะทิ้งเมียไว้แล้วหนีไปอีก? ข้าจะบอกเอาไว้ก่อน
นะ ถ้าเจ้ากล้าทําแบบนั้นอีก ข้าจะสู ้กบั เจ้าสุ ดชีวติ เลย อย่าคิดว่าข้าล้อเล่นนะ!”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก ไม่คุยเรื่ องนี้แล้ว กลับสู่ประเด็นสนทนาก่อนหน้านี้ดีกว่า “ให้ฉินเวยเวยคุมคงไม่
เหมาะมั้ง? ไม่วา่ จะเป็ นวรยุทธ์หรื อความสามารถก็ไม่ไหวเลย อย่าเห็นแก่ความเป็ นพี่นอ้ งของพวกเจ้า
แล้ว…ไม่เหมาะ ๆ ไม่เหมาะจริ ง ๆ เรื่ องนี้ขา้ ไม่รับปาก!”
อวิน๋ จือชิวนอนหมอบบนหน้าอกเขาเสี ยเลย จ้องหน้าพร้อมบอกว่า “ใช้เวลาด้วยกันมาหลายปี ข้า
พบว่าหยางชิ่งเป็ นคนมีความสามารถแบบที่หาได้ยากจริ ง ๆ เจ้ารู ้รึเปล่าว่าตอนที่เจ้าเพิ่งไปแล้วข้า
ติดต่อเจ้าไม่ได้ ที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั มีสถานการณ์เป็ นอย่างไร เฉิ งอ้าวฟางมีเส้นสายที่ยอดเขาหยก
นครหลวงดีมาก ที่นี่มีแต่ลูกน้องเก่าของนาง เป็ นไปไม่ได้ที่พวกเราจะฆ่าคนในอาณาเขตตัวเองตาย
หมด สรุ ปก็คือเฉิงอ้าวฟางไม่ได้มาปะทะตรง ๆ แค่เล่นสกปรกเฉย ๆ อยากจะกดดันให้พวกเรา
ออกไปและทวงอาณาเขตนี้คืน ตอนนั้นข้าไม่คุน้ เคยกับสถานการณ์ของที่นี่ ไม่รู้จะเริ่ มลงมือจาก
ตรงไหน แล้วข้าก็เป็ นฮูหยินของประมุขปราสาท ไม่สามารถระดมกําลังพลของปราสาทดําเนินสุ ริยนั
ได้อย่างเต็มที่ เป็ นหยางชิ่งที่ไปงัดข้อกับเฉิ งอ้าวฟาง จัดการจนเฉิ งอ้าวฟางทําอะไรไม่ได้ วิธีการ
ขั้นตอนของเขาทําให้ขา้ ทึ่งมากจริ ง ๆ ถ้ามีเขาคอยช่วยฉิ นเวยเวย แล้วเหลือผูช้ ่วยไว้อีกคน ตราบใดที่
ไม่เกิดเรื่ องราวใหญ่โตอะไร อาศัยความสามารถอย่างหยางชิ่ง พวกเขาสามารถรับมือได้แน่นอน ขอ
แค่หยางชิ่งสามารถประคับประคองไว้จนกว่าพวกเราจะมีความสามารถเพียงพอให้กลับมาเผชิญ
สถานการณ์ที่พิภพเล็ก ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกลับมาคุมพิภพเล็กก็ได้ ถึงตอนนั้นพิภพเล็กถึงจะ
นับว่าเป็ นทางหนีทีไล่ของเราได้อย่างแท้จริ ง ๆ ดังนั้นพวกเราต้องรักษาอาณาเขตในปั จจุบนั นี้ไว้ ถ้า
ไม่จนใจจริ ง ๆ ก็จะทิ้งไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยถ้าอยูท่ ี่พิภพใหญ่ต่อไปไม่ได้ พวกเราก็ยงั กลับมาอยู่
ที่นี่ต่อได้ อย่าไปปักหลักที่ทะเลดาวนักษัตร ข้าไม่ค่อยวางใจปี ศาจเฒ่าสี่ คนนั้นเท่าไร ต้องควบคุมไว้
บ้าง ส่ วนเรื่ องที่สาํ คัญรองลงมา ก็คือต้องซื้ อใจคนอย่างหยางชิ่งไว้ดว้ ย ในภายหลังถ้าพาไปพิภพใหญ่
ด้วยจะต้องใช้งานเขาได้แน่นอน”
เหมียวอี้ถอนหายใจ แล้วบอกว่า “ข้าเข้าใจที่เจ้าพูดทุกอย่าง! แต่คนเรายิง่ ฉลาดก็ยงิ่ ควบคุมยาก พวกเรา
กําลังใช้ประโยชน์หยางชิ่ง หยางชิ่งก็กาํ ลังใช้ประโยชน์พวกเราเหมือนกัน ถ้าอยากจะผูกเขาไว้กบั
พวกเราโดยสิ้ นเชิง ก็ไม่น่าจะเป็ นไปได้ ขอแค่มีโอกาส เขาจะต้องเตรี ยมแผนไว้สาํ หรับตัวเองแน่นอน
คงไม่เอาชีวติ ไปทิ้งเพื่อคนอื่นหรอก ดังนั้นถ้าอยากรับมือกับหยางชิ่ง ก็ตอ้ งทําให้เขามึนงงมืดแปด
ด้าน ถ้าเขาจับต้นสายปลายเหตุได้ข้ ึนมา สมองเจ้านัน่ ไม่ใช่เล่น ๆ ถ้าเจ้าจะให้เขาช่วยฉินเวยเวย ไม่สู้
ให้เขารักษาการณ์โดยตรงไปเลยล่ะ เจ้าคิดว่าตัวเองเรี ยกฉินเวยเวยว่าน้องสาวแล้วจะคุมหยางชิ่งได้
เหรอ?”
อวิน๋ จือชิวตบหน้าอกเขา แล้วยิม้ อย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านสามีวางใจเถอะ ข้ามีวธิ ีการทําให้หยางชิ่งหมอบ
ราบคาบแก้วอยูแ่ ล้ว!”
ตอนที่ 886

เห็นแก่ ตวั
“วิธีการอะไร?” เหมียวอี้สงสัยใคร่ รู้
แต่ช่วยไม่ได้ที่อวิน๋ จือชิวทําท่าทางเหมือนเก็บความลับสุ ดยอด ไม่ยอมบอกกล่าว พลิกตัวนอนหนุน
แขนเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มทั้งสองคน กอดที่หน้าอดของเขา แล้วบอกเพียงว่า “ดึกมากแล้ว นอน
เถอะ!”
การได้กอดผูช้ ายของตัวเองแล้วนอนหลับอย่างอุ่นใจ คือสิ่ งที่นางโปรดปรานที่สุด เมื่อตัวเขาอยูใ่ น
อ้อมกอดตัวเองจริ ง ๆ ถึงจะรู ้สึกอุ่นใจ หัวใจที่กงั วลมาหลายร้อยปี ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว ในที่สุด
ก็ได้ได้พกั ผ่อนอย่างไร้กงั วล ไม่อย่างนั้นก็มกั จะโดนฝันร้ายพัวพันเสมอ บางครั้งถึงขนาดเหงื่อกาฬ
ออกทัว่ ตัวยามที่ฝึกตนด้วยซํ้า
“อย่าทําแบบนี้สิ! บอกข้ามาว่าเรื่ องเยียนเป่ ยหงเป็ นยังไงกันแน่ ถ้าเจ้าไม่พดู ให้ชดั เจน ในใจข้าก็จะ
กังวลเรื่ องนี้อยูต่ ลอด” เหมียวอี้พดู พร้อมผลักหัวนางเบา ๆ
“เยียนเป่ ยหง…” อวิน๋ จือชิวเหลือบตาขึ้นมองเขา แล้วถอนหายใจ “หนิวเอ้อร์ ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ารู ้
ความลับบนตัวเยียนเป่ ยหงมากแค่ไหนกันแน่?”
เหมียวอี้ตะลึงงันทันที เงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วบอกว่า “ทุกคนล้วนมีความลับ เรื่ องบางเรื่ องข้าก็ไม่
สะดวกจะไปเสาะหารากเหง้า แต่บนตัวเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริ ง ๆ …”
เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่เยียนเป่ ยหงฝึ กตนได้เร็ วมาก จากนั้นก็ยากจะผ่านด่านทัณฑ์มารไปได้ ตนจึงช่วยไป
คลี่คลายสถานการณ์ เล่าให้นางฟังอย่างคร่ าว ๆ
“ใช่แล้ว ความลับที่เขาไม่ยอมบอกเจ้า ถูกตาเฒ่าเฉียวจับได้แล้ว เจารู ้รึเปล่าว่าเยียนเป่ ยหงฝึ กเคล็ดวิชา
อะไร?”
“เคล็ดวิชาอะไร?”
“เขาฝึ กตนโดยไม่อาศัยลูกแก้วพลังปรารถนา ไม่อาศัยพวกยาแก่นเซี ยน วิชาที่เขาฝึ กเป็ นวิชามารที่
แปลกประหลาดมาก ยึดวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นมาเป็ นของตัวเองโดยตรง หรื อพูดได้อีกอย่างว่า เขา
ดูดกลืนวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นมาเป็ นของตัวเอง วิธีการฝึ กตนแบบนี้น่ากลัวเกินไปจริ ง ๆ !”
“ดูดกลืนวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นเหรอ?” เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง ในวินาทีน้ ีเหมือน
เขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เขานึกย้อนไปถึงตอนการปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ภาพที่เยียนเป่
ยหงทําอะไรบางอย่างกับศิษย์สาํ นักศรี เมฆาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ รวมทั้งเรื่ องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน
ภายหลัง
“ใช่แล้ว! ตาเฒ่าเฉี ยวจับกุมตัวเขาทันที บังคับให้เขามอบเคล็ดวิชาฝึ กตน แต่เยียนเป่ ยหงยอมตาย
แทนที่จะทําตาม ถึงได้ถูกจับขังที่นภาจอมมาร ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเจ้ากับเขามีความสัมพันธ์กนั ระดับ
นั้น เขาคงไม่มีชีวติ รอดหรอก! หลังจากข้าไปขอร้องให้ท่านปู่ ปล่อยเขา และได้ทราบเรื่ องแล้ว ตาเฒ่า
เฉี ยวก็โน้มน้าวข้าว่าอย่าคิดมากอีก เยียนเป่ ยหงมีวธิ ีการฝึ กตนที่น่ากลัวขนาดนี้ ท่านปู่ ไม่มีทางปล่อย
ไปแน่นอน ที่ไม่ฆ่าเขาทิ้งก็เพราะกลัวข้าลําบากใจตอนอยูต่ ่อหน้าเจ้า ใครขอร้องก็ไม่มีประโยชน์!”
เหมียวอี้กลับพูดต่ออย่างแน่วแน่วา่ “ข้าจะต้องคิดหาทางช่วยเขาออกมาให้ได้!”
อวิน๋ จือชิวทําสี หน้าลําบากใจทันที “ตอนนี้เจ้าไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับท่านปู่ ข้า เรื่ องนี้ขา้ ช่วย
เจ้าไม่ได้จริ ง ๆ ”
“พี่ใหญ่เยียนเคยช่วยชีวติ ข้า ต่อให้ไม่พดู ถึงเรื่ องช่วยชีวติ ขอเพียงข้ามีปัญหา ขอแค่ขา้ เอ่ยปาก พี่ใหญ่
เยียนก็ไม่เคยพูดพรํ่าทําเพลง ต้องช่วยแน่นอน พุง่ เป้ ามาที่จุดนี้อย่างเดียวก็พอ ตอนนี้เขาประสบปั ญหา
แล้ว ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?” เหมียวอี้พลิกตัว กดนางให้นอนอยูใ่ ต้ร่าง ง้างริ มฝี ปากนางออกแล้ว
จูบชิมรสอย่างลึกซึ้ง หลังจากถอนจูบ เขาก็จอ้ งมองดวงตางามของนางพร้อมบอกว่า “ไม่ตอ้ งให้เจ้า
ช่วยหรอก แค่หาโอกาสเหมาะ ๆ แล้วเจ้าก็ไปนภาจอมมารเป็ นเพื่อนข้าสักรอบ ช่วยข้าขอพบปู่ เจ้าสัก
หน่อย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าข้าจะพบเขาไม่ได้ ข้าจะคุยกับปู่ เจ้าต่อหน้า จะต้องได้คุยกันดี ๆ แน่นอน ไม่
ว่าจะสําเร็ จหรื อไม่สาํ เร็ จ ข้าก็จะลองพยายามอย่างสุ ดความสามารถ”
แขนงามสองข้างยืนออกมาจากผ้าห่ม นางคล้องคอเขาเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยแววตาเปี่ ยมรัก “ท่านสามีมี
คําสัง่ หม่อมฉันจะกล้าฝ่ าฝื นได้อย่างไร!” นางเป็ นฝ้ ายยืน่ หน้าขึ้นไปจูบบนริ มฝี ปากเขา จากนั้นก็โน้ม
เขาลงมาอยูใ่ นอ้อมอกของตัวเองด้วยความรู ้สึกที่ลึกซึ้ ง “ท่านสามี ข้าอยากคลอดลูกให้ท่านค่ะ…”
บรรยากาศถูกทําลายทันที! เหมียวอี้เหงื่อแตก รี บแยกออกจากตัวนาง แล้วเตือนว่า “เถ้าแก่เนี้ย เจ้าอย่า
ทําซี้ซ้ วั นะ สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ไม่เหมาะจะมีลูกหรอก”
ไม่เครี ยดคงไม่ได้ คนในแดนฝึ กตนมีพลังอิทธิฤทธิ์อยูใ่ นตัว การมีพลังอิทธิฤทธิ์น้ ีกม็ ีขอ้ ดีเหมือนกัน
ไม่สร้างปัญหาความยุง่ ยากได้ง่าย ๆ เหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่กม็ ีขอ้ เสี ยเหมือนกัน หลังจากมีอะไร
กันแล้ว จะตั้งท้องหรื อไม่ต้งั ท้อง อํานาจตัดสิ นใจก็อยูใ่ นมือฝ่ ายหญิง ถ้าผูห้ ญิงไม่อยากตั้งท้อง แค่ร่าย
อิทธิฤทธิ์จดั การนิดหน่อยก็ได้แล้ว แต่ถา้ อยากจะตั้งท้อง นัน่ ก็เป็ นเรื่ องที่ง่ายมาก
พอเห็นเขาทําท่าตกใจ อวิน๋ จือชิวก็หลุดขํา นางหัวเราะจนตัวสัน่ นางเองก็รู้วา่ ตอนนี้ไม่เหมาะจะมีลูก
แต่เมื่อครู่ น้ ีนางเพิ่งเกิดอารมณ์ซาบซึ้งใจ แค่พดู ออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยูก่ เ็ ท่านั้น หลังจากได้
สติกลับมาก็รู้วา่ ไม่เหมาะที่จะมีลูกตอนนี้ ถึงแม้นางจะอยากมีลูกกับเหมียวอี้สกั คนหนึ่งมากก็ตาม
เมื่อเห็นนางทําเหมือนล้อเล่น เหมียวอี้ที่ไม่ได้เตรี ยมใจกับเรื่ องนี้กโ็ ล่งอก “เถ้าแก่เนี้ย ข้าถามอะไรเจ้า
เรื่ องหนึ่งสิ เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่เจ้าฝึ ก เป็ นเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์รึเปล่า?”
“เคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์เหรอ? จะเป็ นไปได้อย่างไร! ข้าเพียงฝึ กเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานมาไม่
ครบก็เท่านั้นเอง เพราะข้าออกจากนภาจอมมารมานานมากแล้ว ข้าฝึ กแค่หนึ่งในสามของเคล็ดวิชา
จอมมารไร้เทียมทานที่ท่านปู่ ถ่ายทอดให้ ส่ วนพวกผูใ้ หญ่นตระกูลข้าก็ฝึกสองในสามส่ วน อย่างมาก
ไม่เกินสามในสี่ ส่วน คนที่ฝึกได้ท้ งั หมดมีเพียงท่านปู่ ของข้า จะว่าไปแล้วก็ตอ้ งขอบคุณท่านสามีที่
เก่งกาจ ถ้าไม่เพราะท่านสามีหาผลไม้เซียนมาได้เยอะขนาดนั้น ข้าจะไปบรรลุวรยุทธ์ถึงระดับบงกช
ทองเร็ วขนาดนี้ได้อย่างไร”
“เจ้าเข้าใจความหมายผิดแล้ว ความหมายที่ขา้ จะสื่ อก็คือ เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ท่านปู่ ของ
เจ้าฝึ กไม่สมบูรณ์หรื อเปล่า ตอนหลังยังมีระดับที่สูงกว่านี้อีกหรื อเปล่า?”
“ระดับที่สูงกว่านี้เหรอ? ไม่เคยได้ยนิ ท่านปู่ พูดถึงนะ” อวิน๋ จือชิวถามอย่างระแวง “ทําไมจู่ ๆ เจ้าถาม
เรื่ องนี้ล่ะ?”
เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน “เจ้าไม่รู้น่ะสิ ที่รอบนี้ขา้ โดนขังอยูท่ ี่พิภพใหญ่สามร้อยกว่าปี เป็ นไปได้สูงว่าจะ
เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ตระกูลอวิน๋ ของเจ้าฝึ ก”
“มันเรื่ องอะไรกัน?” อวิน๋ จือชิวเอามือยันเรื อนร่ างท่อนบนที่เย้ายวนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเบิกตากว้างมอง
เขา
“พอไปถึงพิภพใหญ่ ถ้าก็เจอคนคนหนึ่งโดนฝูงมารปี ศาจไล่สงั หาร…” เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่ตวั เองโชค
ร้ายเจอจงหลีค่วยแล้วพลอยลําบากไปด้วยให้นางฟัง เล่าว่าตอนหลังถึงได้รู้วา่ จงหลีค่วยโดนไล่สงั หาร
เพราะไปแย่งแผนที่ซ่อนสมบัติมา แผนที่ซ่อนสมบัติน้ นั เกี่ยวข้องกับภาคดินที่อยูใ่ นสามภาคของเคล็ด
วิชาจอมมารไร้เทียมทาน อันได้แก่ภาพฟ้ า ภาคคน ภาคดิน
หลังจากฟังจบ อวิน๋ จือชิวก็เรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าระแวงสงสัย หลังจากครุ่ นคิดพักใหญ่ สุ ดท้ายก็เอนกาย
ลงในอ้อมอกเหมียวอี้อย่างช้า ๆ “หนิวเอ้อร์ เกรงว่าเจ้าคงจะพูดถูกแล้ว สามารถกลายเป็ นหกเคล็ดวิชา
พิเศษของพิภพใหญ่ได้ ก็คงจะไม่ธรรมดาขนาดนั้น ดีไม่ดีสิ่งที่ท่านปู่ ของข้าฝึ กอาจจะเป็ นแค่ภาคคน
ของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานเท่านั้น ท่านปู่ อยากจะขึ้นเรื อมังกรอเวจีมาตลอด คงจะเป็ นเพราะ
อยากตามหาเคล็ดวิชาต่อจากนั้น นี่อาจจะเป็ นความลับที่อยูใ่ นใจของหกปราชญ์แต่ละคน”
พอพูดถึงตรงนี้นางก็ตกใจ ลุกขึ้นนัง่ อีกครั้ง ไม่สนใจเลยว่าเรื อนร่ างงดงามยัว่ ยวนใจจะเปิ ดเผยออกมา
หมด นางจ้องเหมียวอี้พร้อมถามว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าคงไม่คิดจะนําความลับนี้ไปแลกกับตัวเยียนเป่ ยหง
หรอกใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้มีความคิดแบบนี้จริ ง ๆ พยักหน้ายอมรับ
“ไม่ได้!” อวิน๋ จือชิวยืน่ คําขาด “ถ้าเจ้าจะช่วยเยียนเป่ ยหง ข้าก็จะไม่คดั ค้าน เจ้าอยากจะให้ขา้ ช่วยเจ้า
อย่างไร ข้าก็จะพยายามอย่างสุ ดความสามารถ แต่จะให้ทางนภาจอมมารรู ้เรื่ องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ที่พิภพ
เล็กมีเจ้ากับข้าสองคนเท่านั้นที่รู้ความลับเรื่ องนี้ได้ ห้ามให้มีบุคคลที่สามเด็ดขาด!”
เหมียวอี้งงมาก นึกไม่ถึงว่านางจะมีปฏิกิริยารุ นแรงแบบนี้ เขาลุกขึ้นตรงหน้านางแล้วเช่นกัน “เถ้าแก่
เนี้ย ทําไมข้ารู ้สึกว่าเจากําลังป้ องกันฝั่งนภาจอมมารล่ะ? ต่อให้นภาจอมมารจะได้เคล็ดวิชาจอมมารไร้
เทียมทานที่ครบสมบูรณ์ไป แต่กน็ ่าจะไม่ปฏิบตั ิกบั เจ้าอย่างทารุ ณนะ? ข้ารู ้สึกว่าที่จริ งแล้วปู่ ของเจ้ารัก
เจ้ามาก”
“เรื่ องนี้ไม่เกี่ยวว่าจะรักหรื อไม่รักข้า ตอนท่านอาหญิงสามนําสิ นเดิมเจ้าสาวมามอบให้ เจ้าลืมไปแล้ว
เหรอว่านางพูดว่าอะไร? ข้าเป็ นลูกสาวของตระกูลอวิน๋ นั้นไม่ผดิ หรอก แต่ขา้ เป็ นลูกสาวของ
ตระกูลอวิน๋ ที่แต่งงานออกมาแล้วเช่นกัน ไม่มีทางที่พวกเขาจะนําทรัพยากรของตระกูลอวิน๋ มามอบให้
ข้าอีก บนศีรษะข้าสวมแซ่ของสามีเอาไว้ ใคร ๆ ก็รู้วา่ ข้าคือเหมียวฮูหยิน! หากตระกูลอวิน๋ มีขา้ เป็ นลูก
สาวคนเดียว แบบนั้นอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้น แต่ตระกูลอวิน๋ คือหนึ่งวงศ์ตระกูล เมื่อเผชิญหน้ากับ
ผลประโยชน์ของทั้งตระกูล ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วอย่างข้าไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย เรื่ องในตระกูล
ใหญ่แบบนี้ เจ้าอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน แต่ขา้ กลับมาจากในตระกูลนั้น เข้าใจถึงความสัมพันธ์อนั ร้าย
กาจที่อยูใ่ นนั้นดีกว่าเจ้า ตั้งแต่วนั ที่ขา้ แต่งงานกับเจ้า ข้าก็วาสนากับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน
ระดับที่สูงกว่านี้ของตระกูลอวิน๋ แล้ว ตระกูลอวิน๋ ไม่อาจเปิ ดเผยเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานให้
ภายนอกรู ้ได้ ถ้าสามารถหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในระดับที่สูงขึ้นพบ ก็ตอ้ งควบคุมไว้ในมือ
ข้าเท่านั้น จะนําสิ่ งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับอะไร อํานาจการตัดสิ นใจก็ควรจะอยูใ่ นมือข้า หนิวเอ้อร์ เจ้า
อย่าคิดนะว่าข้าเห็นแก่ตวั ความเห็นแก่ตวั บางอย่างจําเป็ นต้องมีไว้บา้ ง อย่าบอกนะว่าถ้ามีคนจะมา
นอนกับเมียเจ้า เจ้าก็จะให้? ตระกูลอวิน๋ คือตระกูลพ่อแม่ขา้ การที่พวกเขาจะดูแลข้า ก็เป็ นเรื่ องที่อยูใ่ น
ทํานองคลองธรรมอยูแ่ ล้ว และการที่ขา้ จะดูแลตระกูลพ่อแม่ของตัวเอง ก็เป็ นเรื่ องที่อยูใ่ นทํานอง
คลองธรรมเช่นกัน ตราบใดที่ขา้ สามารถทําได้ ข้าจะต้องทุ่มกําลังดูแลตระกูลอวิน๋ แน่นอน
ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีอะไรให้ตาํ หนิ หนิวเอ้อร์ ถ้าเจ้ากล้าทําผิดต่อตระกูลพ่อแม่ขา้ ข้าจะเป็ นคน
แรกที่ไม่ปล่อยเจ้าไป แต่การทําแบบนี้กม็ ีระดับของมัน ต่อให้พวกเขาดูแลข้า แต่ขา้ ก็ไม่อาจจะให้ลูก
ของข้าในอนาคตไปเหยียบอยูบ่ นหัวของตระกูลอวิน๋ ได้ และข้าก็ทนไม่ไหวที่จะให้ลูกของข้าถูก
ตระกูลอวิน๋ ควบคุม! ถ้าหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในระดับที่สูงกว่านี้ไม่เจอก็ไม่เป็ นไร ถ้าหา
พบจะต้องกุมไว้ในมือข้าเท่านั้น ข้าจะเป็ นคนตัดสิ นใจว่าควรจะใช้อย่างไร คนที่จะดูแลตระกูลอวิน๋
ได้มีเพียงข้าเท่านั้น!”
ขณะที่พดู อวิน๋ จือชิวก็ดึงหูเหมียวอี้ “เจ้ายังมีหน้าจะให้ตระกูลอวิน๋ ดูแลพวกเราไปตลอดเหรอ? เจ้าไม่
ละอายใจเหรอถ้าจะอาศัยบารมีของตระกูลอวิน๋ ไปตลอด? ให้ตระกูลอวิน๋ ได้พ่ งึ บารมีเจ้าหน่อยไม่ได้รึ
ไง? เจ้าให้ขา้ มีหน้ามีตาสักหน่อยไม่ได้เชียวเหรอ? ทุกคนล้วนได้ผลประโยชน์ ก็แค่เปลี่ยนลําดับ
ความสําคัญก็เท่านั้น ข้าเองก็ทาํ ไปเพื่อเจ้า เข้าใจหรื อยัง? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ถ้าเจ้ากล้านํา
ความลับเรื่ องเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานไปแลกกับเยียนเป่ ยหง ข้าจะให้ทางนภาจอมมารฆ่าเยียน
เป่ ยหงก่อนเลย!”
“เจ้าใช้วธิ ีการนี้อีกแล้ว!” เหมียวอี้รู้สึกไม่ชอบที่นางเอาแต่บิดหูตวั เอง จึงเอามือดึงออก ก่อนจะนอน
ลงแล้วพูดด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิด “ถ้าเจ้าไม่วา่ อะไร ข้ายังมีอะไรจะพูดอีกล่ะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้ฝึก
เอง ข้าแค่รู้สึกว่าคนตระกูลเดียวกันสู ก้ นั ไปสู ก้ นั มาแบบนี้…เจ้าไม่เหนื่อยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวห่มผ้าพลางยกขาขึ้นมานัง่ คร่ อมบนเอวเขาเสี ยเลย นางเอาผ้าห่มห่อตัวไว้แน่น แล้วมองลง
มาพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เหนื่อย ข้าเต็มใจมาก เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งกังวล ข้าจะปิ ดตาข้างเดียวเพื่อดูเจ้าทํา
ตัวไร้ความรับผิดชอบต่อไปแล้วกัน ถ้าข้าเข้าข้างตระกูล เจ้าที่ถูกขนาบอยูต่ รงกลางก็ลาํ บากใจ ให้ขา้
ออกหน้าจัดการให้จะเหมาะสมที่สุด เจ้าเป็ นลูกเขยที่ดีไปเถอะ แค่จาํ ไว้วา่ ต้องเชื่อฟังเมียอย่างว่านอน
สอนง่ายก็พอแล้ว…เจ้าหมายความว่ายังไง? กลอกตาทําไม? หรื อรู ้สึกว่าข้าพูดผิดตรงไหน?” มือข้าง
หนึ่งยืน่ ออกมาจากผ้าห่ม บีบจมูกเหมียวอี้เอาไว้ “แกล้งตายทําไม! ข้าออกจะสวยงามเหมือนดอกไม้
ทั้งยังถอดเสื้ อผ้าหมดแล้วด้วย คนมากมายอยากจะมองให้เป็ นบุญตาแต่กไ็ ม่มีโอกาส ลืมตาขึ้นมามอง
ข้า!”
เหมียวอี้พดู ไม่ออกมาก เริ่ มตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกที่วดั เมี่ยวฝ่ า ผูห้ ญิงคนนี้กป็ ั่ นหัวตนแล้ว ตอนหลัง
มาอยูท่ ี่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุนางก็แกล้งเขาไม่หยุด ตอนนี้ขนาดแต่งงานกันแล้ว นางก็ยงั ไม่แก้นิสยั นี้อีก
การอบรมของนภาจอมมารมีปัญหาชัด ๆ ! ตั้งแต่อวิน๋ เฟยหยางไปจนถึง…เขาเองก็ข้ ีเกียจจะนับ แต่ละ
คนดุเหมือนเสื อกันทั้งนั้น
ดังนั้นการมาเถียงเรื่ องนี้กบั นางจึงไม่มีความหมายใด ๆ รี บเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “เถ้าแก่เนี้ย
ข้าได้ของดีมาจากพิภพใหญ่ เจ้าอยากจะดูหน่อยมั้ย?”
ตอนที่ 887

ข้ ายินดีตายเพือ่ เจ้ า
อวิน๋ จือชิวก็ตอ้ งอยากดูอยูแ่ ล้ว แต่ปากก็ยงั พูดแสดงความร้ายอาจ “คงไม่ได้พาผูห้ ญิงมาให้ขา้ ดูหรอก
นะ?”
สุ ดจะทนกับผูห้ ญิงคนนี้! เหมียวอี้สงสัยนิดหน่อยว่านางมองเบาะแสอะไรออกจากปฏิกิริยาของตนรึ
เปล่า ถึงได้จงใจใช้คาํ พูดทิ่มแทงตนแบบนี้
ยิง่ คิดก็ยงิ่ ใจฝ่ อ แต่กไ็ ด้บทเรี ยนมาแล้ว ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ ทั้งยังแสร้งพูดอย่างโมโห “เจ้า
ยังไม่รู้จกั จบใช่ม้ ยั ? ลงไปเลย!” เขาใช้มือผลักนางไปไว้ขา้ ง ๆ แล้วเก็บชุดชั้นในขึ้นมาใส่
อวิน๋ จือชิวที่โดนผลักไม่ยอมอ่อนข้อให้ เตะที่กน้ ของเหมียวอี้ที่ทาํ ท่าจะนัง่ ลงข้างเตียง เตะทีเดียวจน
เหมียวอี้แทบจะล้มคะมํา เหยียบขากางเกงจนโซเซ ทั้ง ๆ ที่ใส่ กางเกงไปได้ครึ่ งเดียว สภาพดูไม่ได้ อวิ๋
นจือชิวนอนขํากลิ้งอยูบ่ นเตียงทันที
แต่จากนั้นก็หยิบเสื้ อกล้ามชั้นในขึ้นมาใส่ ให้เรี ยบร้อย แล้วลงจากเตียงเดินไปหยิบเสื้ อคลุมที่อยูบ่ นไม้
แขวนมาใส่ ให้เหมียวอี้ หยิบร้องเท้าถุงเท้าของเหมียวอี้เข้ามา แล้วนัง่ ยอง ๆ ช่วยสวมให้เหมียวอี้
จากนั้นก็ค่อยจัดการใส่ ของตัวเอง มีเพียงแค่เวลานี้เท่านั้น ที่สามารถมองเห็นเงาของภรรยาที่มี
คุณธรรมจากตัวนางได้
จากนั้นตัวเองกับเหมียวอี้กเ็ ดินมาข้างโต๊ะที่อยูใ่ นห้อง กระดานหมากล้อมที่วางอยูบ่ นโต๊ะก่อนหน้านี้
ยังไม่ได้ถูกเก็บ อวิน๋ จือชิวย้ายเก้าอี้กลมมาวางข้างหลังเหมียวอี้ หลังจากอีกฝ่ ายนัง่ ลงแล้ว อวิน๋ จือชิ
วถึงย้ายเก้าอี้มานัง่ ลงข้างกายเขา เอามือลูบผมยาวข้างหลังตัวเอง แล้วก็ช่วยเหมียวอี้ลูบผมที่ยงุ่ สยายให้
เรี ยบโดยจิตใต้สาํ นึก เสร็ จแล้วถึงได้ถามอย่างแปลกใจว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้านําของดีอะไรกลับมาด้วย?”
เหมียวอี้หยิบกําไลเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมายืน่ ให้นางอย่างภาคภูมิใจ “ดูสิ!”
พออวิน๋ จือชิวหยิบมาดู ริ มฝี ปากแดงก็เผยอเล็กน้อย เห็นได้ชดั ว่าค่อนข้างตกตะลึง พบว่าข้างในมีแต่
ยาแก่นเซียน ถามว่า “เท่าไรเนี่ย?”
“สิ บล้านเม็ด!” เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ
“เยอะขนาดนี้เชียวเหรอ?” อวิน๋ จือชิวตกใจไม่เบา “เอามาจากไหน”
“ธุรกิจของร้านขายของชําซื่ อตรงกําลังไปได้สวย…” เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ของร้านขายของชําว่าทํา
รายได้เท่าไรในแต่ละปี ให้นางฟัง
อวิน๋ จือชิวตาเป็ นประกาย เหมือนจะใฝ่ ฝันนิดหน่อย ยัดกําไลเก็บสมบัติเข้าไปในมือเขา “ในเมื่อมี
ทรัพยากรฝึ กตนแล้ว ข้าอนุญาตให้เจ้าพักได้สามวัน หลังจากสามวันนี้ไปเจ้าต้องเริ่ มฝึ กฝนอย่าง
ซื่อสัตย์ เพิ่มวรยุทธ์ให้ถึงระดับบงกชทองก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้ากล้าทําซี้ ซ้ วั อีกก็อย่าหาว่าข้าไม่
เกรงใจ!”
“…” ถ้ารู ้แต่แรกก็คงไม่เอาออกมาหรอก เหมียวอี้อยูค่ นเดียวมาหลายปี จนชินแล้ว รับไม่ไหวกับการ
โดนคนอื่นควบคุมทุกอย่างแบบนี้ ยังไม่เข้าสู่ สภาวะการมีครอบครัว โดยเฉพาะวิธีการที่ควบคุมแม้แต่
อิสระของคนอื่นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับนาง รู ้วา่ เถียงไปก็ไม่ชนะ ที่สาํ คัญคือต่อให้ใช้
เหตุผลไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราเสี ยงไม่ดงั เท่านาง ถ้าเจ้าเสี ยงดังกว่านางเมื่อไร นางก็จะหาเรื่ องเจ้า
โดยไร้เหตุผล สรุ ปว่าถึงอย่างไรเจ้าก็แพ้ จึงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าคิดแบบนี้นะ แบ่งให้พวกช่าง
ไม้สิ ข้าเตรี ยมจะแบ่งให้พวกเขาคนละหนึ่งล้านเม็ด”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ “ไม่ใช่วา่ ข้าเสี ยดายที่จะให้พวกเขาหรอกนะ แต่นี่คือสิ่ งที่เจ้าต้องใช้เพื่อบรรลุ
ระดับบงกชทอง รอให้เจ้าบรรลุระดับบงกชทองให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเจ้าต้องใช้จาํ นวนมาก
เพื่อให้ผา่ นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่พอใช้แล้ว…”
เหมียวอี้จึงตอบว่า “ก่อนที่ขา้ จะแต่งงานกับเจ้า วรยุทธ์ขา้ มีจาํ กัด มีเรื่ องมากมายที่อยากทําแต่ไร้
ความสามารถ ข้าเคยฝากฝังพวกเขาสี่ คน ว่าให้พวกเขาสี่ คนดูแลปกป้ องเจ้าดี ๆ บอกไว้แล้วว่าวันหลัง
จะขอบคุณพวกเขาอย่างดี ผ่านไปหลายปี ขนาดนี้แล้ว ควรจะแสดงความขอบคุณได้แล้วล่ะ มิหนําซํ้า
พวกเขาสี่ คนก็เป็ นลูกน้องคนสนิทของเจ้า นับว่าเป็ นหน่วยพิทกั ษ์ที่อยูใ่ กล้ตวั เจ้าที่สุด ถ้าวรยุทธ์ของ
พวกเขาสู งขึ้นอีกหน่อย ข้าจะได้วางใจลงบ้าง”
เมื่อเหมียวอี้พดู แบบนี้ แววตาของอวิน๋ จือชิวก็ดูอาลัยอาวรณ์นิดหน่อย ดวงตางามมีน้ าํ ตาคลอ นางมอง
เขาอย่างซาบซึ้ งใจ กัดริ มฝี ปากตัวเอง หัวใจหวานชื่นราวกับดื่มนํ้าผึ้งมา นางกอดแขนเขาเอาไว้ แล้ว
ซบบ่าเขา “ท่านสามีรักข้าอย่างแท้จริ ง ข้าเข้าใจหัวใจของเจ้าแล้ว แต่ขา้ ก็อยากแนะนําให้เจ้าบรรลุ
ระดับบงกชทองก่อน ถ้ามีเหลือแล้วค่อยให้พวกเขาก็ยงั ไม่สาย พวกเขาอยูก่ บั ข้ามาหลายปี ข้าเข้าใจ
พวกเขาดี พวกเขาไม่วา่ อะไรเพียงเพราะเจ้ายังไม่ทาํ ตามสัญญาหรอก”
“ข้าบรรลุระดับบงกชทอง คงไม่ตอ้ งใช้เยอะขนาดนี้หรอกมั้ง? นี่มนั สิ บล้านเม็ดเชียวนะ! ไม่ใช่แค่น้ ี ที่
ตัวข้ายังมีอีกเกือบล้านเม็ดที่ขอเบิกมาจากร้านขายของชําล่วงหน้า ถ้าให้พวกเขาคนละหนึ่งล้านเม็ด ที่
เหลืออยูก่ เ็ พียงพอให้ขา้ ใช้แล้ว”
“งั้นก็จดั การตามที่ท่านสามีเห็นสมควรแล้วกัน จะให้กใ็ ห้เถอะ”
เหมียวอี้พยักหน้า แต่ยงั ถามอย่างกังวลนิดหน่อยว่า “สิ่ งเดียวที่ขา้ กังวลในตอนนี้กค็ ือ ถ้าให้ของพวกนี้
กับพวกเขาแล้ว พวกเขาคงไม่เปิ ดเผยให้ใครรู ้หรอกใช่ม้ ยั ?”
“เรื่ องนี้เจ้าวางใจได้ เดี๋ยวข้าบอกพวกเขานิดหน่อย พวกเขาก็จะเข้าใจแล้วว่าต้องทํายังไง เดี๋ยวข้าจะ
เตรี ยมพาพวกเขาไปพิภพใหญ่ดว้ ย ถ้าแม้แต่เรื่ องพวกนี้ยงั ไม่มนั่ ใจ แล้วข้าจะกล้าพาพวกเขาไปด้วยได้
ยังไงล่ะ”
“…” เหมียวอี้พดู ไม่ออกอีกรอบ ผูห้ ญิงคนนี้เอาแต่คิดเรื่ องจะไปพิภพใหญ่ ครุ่ นคิดแม้กระทัง่ จะนํา
กําลังสําคัญไปด้วย แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าข้างกายผูห้ ญิงคนนี้ไม่มีใครอยูป่ กป้ องเลย เขาก็วางใจไม่ได้จริ ง
ๆ เพียงแต่พวกช่างไม้วรยุทธ์ต่าํ เกินไปหน่อย ถ้าไปพิภพใหญ่แล้วคงช่วยอะไรไม่ได้!
จากนั้นก็แบ่งยาแก่นเซียนออกมาสี่ ลา้ นเม็ด แบ่งใส่ ไว้ในแหวนเก็บสมบัติสี่วง แล้วผลักไปตรงหน้า
นาง “เดี๋ยวเจ้าช่วยเอาไปให้พวกเขาแทนข้าหน่อย”
“เจ้าโง่รึเปล่า! ของแบบนี้เจ้าต้องให้ดว้ ยตัวเองสิ ความหมายที่อยูใ่ นนั้นคงไม่ตอ้ งให้ขา้ พูดเยอะหรอก
นะ?” อวิน๋ จือชิวจิ้มหน้าผากเขาหนึ่งที
เหมียวอี้หวั สัน่ โคลงเคลง ถอนหายใจแล้วบ่นว่า “อวิน๋ จือชิว เจ้าอย่าเอาแต่ลงไม้ลงมือกับข้าได้ม้ ยั ข้า
ไม่ชอบที่เจ้าเป็ นแบบนี้เลย เจ้าสนใจฐานะของข้าบ้างได้ม้ ยั ?”
“เฮอะ! ฐานะของเจ้าเหรอ? นอกจากเก่งเรื่ องถอดเสื้ อผ้าข้าแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะมีฐานะอะไรเลย!” อวิ๋
นจือชิวหัวเราะเย้ย แล้วใส่ เท้าเพิ่มอีกที เตะที่น่องของเขาอย่างแรง
ประมุขปราสาทเหมียวพ่ายแพ้ต่อนางโดยสิ้ นเชิงแล้ว เขาเก็บสิ่ งของที่อยูบ่ นโต๊ะด้วยสี หน้าจนใจ
จากนั้นก็หยิบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมาแกว่งโอ้อวด “เจ้าไม่เคยเห็นของสิ่ งนี้แน่นอน”
“อะไรนะ?” อวิน๋ จือชิวแปลกใจอยูบ่ า้ ง
พอเหมียวอี้โบกมือ ยาเจี๋ยตันสี ทองอร่ ามเจ็ดเม็ดก็วางปูอยูบ่ นโต๊ะ
อวิน๋ จือชิวใจเย็นไม่ไหวแล้ว ลุกพรวดขึ้นทันที เบิกตากว้างมองดู เอามือปิ ดปากพลางถามอย่างรู ้สึก
เหลือเชื่อว่า “อย่าบอกนะว่าเป็ นยาเจี๋ยตันขั้นห้า?”
เหมียวอี้ไม่พดู อะไร ให้นางไปพิสูจน์ดว้ ยตัวเอง หลังจากอวิน๋ จือชิวหยิบขึ้นมาร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู ก็
ตาลุกวาวพร้อมกล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็ นยาเจี๋ยตันขั้นห้าจริ ง ๆ ด้วย ต้องสังหารนักพรตระดับบงกชรุ ้ง
ในตํานานถึงจะได้มา หนึ่ง สอง สาม…เจ็ดสิ บเม็ด โอ้สวรรค์! เจ้าหามาได้อย่างไร?”
“ผีดิบเลือดในค่ายกลมารโลหิ ต…” เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ตอนโดนขังอยูใ่ นค่ายกลให้ฟังคร่ าว ๆ
อวิน๋ จือชิวฟังที่มาที่ไปของมันจนอกสัน่ ขวัญแขวน แววตาที่มองเหมียวอี้เรี ยกได้วา่ ทั้งรักทั้งแค้นทั้ง
เป็ นห่วง ไม่แสดงความดีใจกับยาเจี๋ยตันพวกนี้แล้ว เพราะมันคือของที่สามีนอ้ งแลกมาด้วยชีวติ ! นาง
กัดริ มฝี ปากถามว่า “บัวโลหิ ตที่เจ้าบอกล่ะ?”
“สิ่ งนั้นเอาออกมาดูไม่ได้หรอก ปราณปี ศาจโลหิ ตดุร้ายเกินไป ถ้าเอาออกมาต้นไม้ใบหญ้าแถวนี้คง
เฉาตายหมด แล้วนางในพวกนั้นก็วรยุทธ์ต่าํ เกินไป คงจะได้รับผลกระทบกันหมด เดี๋ยวข้าค่อยไปหา
สถานที่ลบั อย่างถํ้าในเกาะร้างแล้วศึกษามันสักหน่อย” ขณะที่พดู เหมียวอี้กน็ าํ แหวนเก็บสมบัติวง
หนึ่งออกมายืน่ ให้นาง “ให้เจ้าได้เปิ ดหูเปิ ดตาสักหน่อย ร่ ายอิทธิฤทธิ์ดูนิดหน่อยก็พอแล้ว อย่านํา
ออกมา”
อวิน๋ จือชิวรับมาดูในมือ เห็นเพียงในแหวนเก็บสมบัติเต็มไปด้วยปราณปี ศาจโลหิ ตที่เข้มข้น ในนั้นมี
บัวขนาดใหญ่ตน้ หนึ่งนอนอยูเ่ งียบ ๆ บนฝักบัวมีเม็ดบัวที่กะพริ บแสงสี เลือดเก้าเม็ด สิ่ งที่ดึงดูดความ
สนใจที่สุดก็คือ รากบัวขาวหมดจดที่อยูต่ รงก้านราก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเปล่งแสงสว่างด้วย
ทั้งต้นบัวโลหิ ตสวยงามมาก เพียงแต่ปราณปี ศาจโลหิ ตทําให้คนรู ้สึกหวาดกลัว ไม่สะดวกจะนํา
ออกมาจริ ง ๆ
“เฮ้อ!” อวิน๋ จือชิวถอนหายใจเบา ๆ แล้วคืนให้เหมียวอี้ นางนัง่ ลงอีกครั้ง ถือยาเจี๋ยตันขั้นห้าขยับเล่น
ในมือพร้อมบอกว่า “ข้าไม่กล้าหยิบยาเจี๋ยตันขั้นห้าออกมาดูตอนอยูพ่ ิภพเล็กเลย ต่อให้หลอมสร้าง
เป็ นเกราะวิเศษแล้ว ถ้านําออกมาต้องสร้างปั ญหาแน่นอน ต่อให้มอบให้เยารั่วเซี ยนหลอมสร้าง ถึง
ตอนนั้นถ้าเยารั่วเซี ยนเห็นแล้วก็ไม่มีทางอธิบายที่มาที่ไปได้อยูด่ ี”
เหมียวอี้จึงบอกว่า “ยาเจี๋ยตันพวกนี้เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ อย่าลืมเหลือไว้ให้เฮยทัน่ บ้างล่ะ ข้าอยากจะ
เห็นว่าหลังจากเฮยทัน่ ย่อยยาเจี๋ยตันขั้นห้าแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร มีที่ให้ใช่ปะรโยชน์ต้ งั เยอะ ข้า
ตั้งใจนําเครื่ องมือค่ายกลป้ องกันมาให้เจ้าด้วยชุดหนึ่ง”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ พอสะบัดมือหนึ่งที เครื่ องมือชุดหนึ่งที่มีแปดสิ บแปดชิ้นก็ยงิ ออกมา
และลอยอยูก่ ลางอากาศ เขาเรี ยกมาชิ้นหนึ่ง เครื่ องมือรู ปหัวปี ศาจลอยเข้ามาตกอยูใ่ นมือ เหมียวอี้ถอด
ยาเจี๋ยตันขั้นสามที่แฝงอยูใ่ นเขี้ยวออกมาเม็ดหนึ่ง แล้วนํายาเจี๋ยตันขั้นห้าเม็ดหนึ่งใส่ ไว้ในนั้นแทน
แล้วเปลี่ยนยาเจี๋ยตันขั้นห้าใส่ ไว้ในเครื่ องมืออีกสี่ ชิ้น
อวิน๋ จือชิวดูอยูข่ า้ ง ๆ เขาด้วยสี หน้าสงสัยใคร่ รู้ เหมียวอี้ช้ ีเครื่ องมือที่ลอยอยูก่ ลางอากาศพร้อมอธิบาย
ว่า “เครื่ องมือนี้ชื่อว่า ‘ค่ายกลแปดทิศ’ ราคาเท่ากับลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าหนึ่งล้านล้านลูก
หรื อเท่ากับหนึ่งล้านล้านผลึกแดง เป็ นของวิเศษระดับสู งที่ใช้ป้องกันตัว เมื่อครู่ น้ ีเจ้าก็เห็นข้าเปลี่ยน
ใส่ ยาเจี๋ยตันไว้ในเครื่ องมือแล้ว ยิง่ ยาเจี๋ยตันยิง่ มีข้นั สูง พลังป้ องกันก็ยงิ่ สู ง…”
เหมียวอี้เริ่ มอธิบายวิธีการควบคุมให้นางฟัง อวิน๋ จือชิวฟังอย่างเอาใจใส่ และจดจําไว้ เมื่อไม่เข้าใจ
ตรงไหนก็เอ่ยถาม เมื่ออยูก่ บั เขาก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจ
หลังจากเข้าใจทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อรู ้วา่ ผูช้ ายคนนี้เต็มใจควักจ่ายไปมากมายเพื่อปกป้ องนาง ไม่
ว่าจะไปไหนก็จะคิดเรื่ องความปลอดภัยของนางก่อน อวิน๋ จือชิวยากที่จะอธิบายความรู ้สึกของตัวเอง
ออกมาได้ นางพลันดึงแขนเขามากัดแรง ๆ หนึ่งที
“โอ๊ย…” ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเค้าลางบอกเหตุ เหมียวอี้สูดหายใจอย่างตื่นตระหนก ผลักศีรษะ
นางทันที “ผูห้ ญิงบ้า เจ้าทําอะไร ปล่อยนะ!”
เครื่ องมือแปดสิ บแปดชิ้นขาดพลังอิทธิฤทธิ์สนับสนุน ตกลงพื้นเสี ยงดังแกร๊ ง ๆ ทันที
หลังจากพยายามดึงผูห้ ญิงบ้าออกไป เหมียวอี้ถึงได้พบว่าตัวเองโดนกัดจนเลือดออก จึงตะคอกอย่าง
เดือดดาลทันที “เจ้าเป็ นบ้าไปแล้วเหรอ!”
อวิน๋ จือชิวที่ปากเปื้ อนเลือดแลบลิ้นเลียเลือดสดบนริ มฝี ปาก นางดึงแขนเสื้ อเผยแขนขาวดุจหยก แล้ว
ยืน่ ไปตรงปากเขาอย่างแน่วแน่ “เจ้าก็กดั ของข้าสักคําสิ ให้เจ้าชิมว่าเลือดข้ารสชาติเป็ นยังไง!”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าเหรอ!” เหมียวอี้ดึงแขนนางมากัดหนึ่งที ผลก็คือพบว่าผูห้ ญิงคนนี้ไม่ร่ายอิทธิฤทธิ์
ป้ องกันเลยแม้แต่นอ้ ย พอกัดไปได้ครึ่ งหนึ่งก็สะบัดแขนนางออก แล้วถามอย่างโมโหว่า “เจ้าทําตัว
เหมือนคนปกติหน่อยได้ม้ ยั ?”
อวิน๋ จือชิวมองดูรอยฟันบนแขนตัวเอง มีแค่รอยจาง ๆ เท่านั้น สุ ดท้ายผูช้ ายคนนี้กท็ าํ ใจกัดให้นางเจ็บ
ไม่ลง รอยยิม้ บนใบหน้านางสดใสกว่าปกติ ดวงตาหยาดเยิม้ ราวกับจะมีน้ าํ ไหลออกมา จ้องมองเขา
อย่างไม่ละสายตา ขณะที่หวั เราะคิกคัก จู่ ๆ นางก็บอกว่า “ข้ายินดีจะตายเพื่อเจ้า!”
“…” เหมียวอี้ชะงักทันที ไฟโกรธที่สุมอยูใ่ นอกพลันดับวูบ เขาเพียงสะบัดแขนเสื้ อพลางทําเสี ยง
ฮึดฮัด “เหมือนหมาบ้า!”
“พอแล้ว! ชายชาตรี อย่างเจ้าจะถือสาผูห้ ญิงอย่างข้าไปทําไม!” อวิน๋ จือชิวหัวเราะคิกคักพลางหยิบ
สมุนไพรเซี ยนซิ งหัวออกมา ยกขึ้นจ่อที่แขนของเขา แล้วเป่ าหมอกประกายดาวใส่ บาดแผล ทําให้
บาดแผลสมานตัวอย่างรวดเร็ วจนมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า
จากนั้นก็เก็บยาเจี๋ยตันขั้นห้าและเครื่ องมือที่ตกอยูบ่ นพื้น จูงเหมียวอี้ที่ทาํ ท่าเหมือนยังไม่หายโกรธเข้า
ไปในห้องอาบนํ้านํ้า แล้วถอดเสื้ อผ้าให้เขา หลังจากทั้งสองลงไปแช่ในนํ้าแล้ว นางก็หยิบผ้าขนหนูมา
ปรนนิบตั ิให้เขาราวกับปรนนิบตั ิเจ้านาย อ่อนโยนไร้ที่เปรี ยบ
เหมียวอี้อดใจไม่ไหวกับหญิงงามช่างยัว่ คนนี้ มือไม้อยูไ่ ม่สุข มือไม้ซุกซนอย่างหน้าไม่อาย นางเองก็
กัดริ มฝี ปากแดงไว้แน่น เพียงอดทนไหว ทําตัวว่านอนสอนง่ายแบบนี้กลับทําให้เหมียวอี้หายโกรธ
ตอนที่ 888

หนึ่งเดียวไม่ มสี อง
หลังจากออกจากห้องอาบนํ้า เมื่อมองดูสีของท้องฟ้ า อวิน๋ จือชิวก็ยมิ้ พร้อมบอกว่า “ฟ้ าสว่างแล้ว ไม่
ต้องนอนแล้วล่ะ แต่งตัวสักหน่อย เดี๋ยวข้าจะไปทดลองใช้เครื่ องมือชุดนั้น”
ก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง ก็ถือโอกาสเรี ยกให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เข้ามาแต่งตัวให้ แต่เรื่ องจัดแต่ง
ทรงผมให้เหมียวอี้ กลับไม่ได้ยมื มือของพวกนางสองคน อวิน๋ จือชิวดึงเหมียวอี้มานัง่ ลงตรงหน้ากระ
โต๊ะเครื่ องแป้ งด้วยตัวเอง ผมนางยังยาวปร่ าบ่าลงมา แต่กลับช่วยจัดแต่งทรงผมให้เหมียวอี้อย่างเอาใจ
ใส่ อากัปกิริยาสงบเยือกเย็น บนใบหน้ามีระลอกคลื่นแห่งความสุ ข
การที่สตรี ผวู ้ างมาดเถ้าแก่เนี้ยมาตลอดสามารถใช้มาดของหญิงผูต้ ่าํ ต้อยมาปรนนิบตั ิตนได้ เหมียวอี้
เสพสุ ขกับสิ่ งนี้มาก ถึงแม้จะปรนนิบตั ิได้ไม่คล่องมือเท่าเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ แต่ความพึงพอใจแบบ
นี้เป็ นสิ่ งที่หาไม่ได้จากตัวของเชียนเอ๋ อร์และเสวีย่ เอ๋ อร์
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่เก็บที่นอนอดไม่ได้ที่จะสบตากันแวบหนึ่ง บนเตียงที่ยบั เยินไร้ระเบียบได้
พิสูจน์ถึงความบ้าระหํ่าของกิจกรรมเมื่อคืนแล้ว ในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็ยอ่ มรู ้วา่
เคยเกิดเรื่ องอะไรขึ้น ทั้งสองหน้าแดงเล็กน้อย รี บม้วนผ้าปูออกมา ถ้าไม่ซกั ให้สะอาดก็คงใช่ต่อไม่ได้
อวิน๋ จือชิวที่เหลือบมองผ่านกระจกแวบหนึ่งหัวเราะคิกคัก “พวกเจ้าสองคนจะเขินอายอะไรกัน
นักหนา? อย่าบอกนะว่าไม่เคยมีประสบการณ์ ข้าจะอนุญาตให้นายท่านผ่อนคลายสามวัน ในสาม
วันนี้ถา้ นายท่านอยากจะให้พวกเจ้าปรนนบัติ ข้าก็จะไม่วา่ อะไร หนิวเอ้อร์ เจ้าจัดการตามเห็นสมควร
เถอะ!”
หญิงรับใช้ท้ งั สองหน้าแดงกํ่าทันที ก้มหน้าก้มตาจัดเก็บที่นอนของตัวเองต่อไป
เหมียวอี้แสร้งทําสี หน้าจริ งจัง แต่สายตากลับชําเลืองมองสองสาวผ่านกระจกหลายครั้ง ในใจรุ่ มร้อน
ทันที สามวันเหรอ! จะปล่อยทิ้งให้เสี ยเปล่าไม่ได้…
เมื่อช่วยจัดแต่งทรงผมให้เขาเสร็ จแล้ว อวิน๋ จือชิวก็นงั่ ลงหน้าโต๊ะเครื่ องแป้ งอีก ครั้งนี้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่
เอ๋ อร์เข้ามาจัดแต่งทรงผมให้นาง แต่งหน้ทาปากย่อมไม่ตอ้ งพูดถึง หวีเกล้ามวยผมขึ้นอย่างเรี ยบร้อย
วางมงกุฎหงส์ลงบนศีรษะ แล้วปักปิ่ นให้ไว้ให้มนั่ คง จากนั้นก็สวมชุดคลุมยาวที่ดูมีพลังอํานาจ เผย
ความน่าเกรงขามของมารดาแห่งใต้หล้าอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
เหมียวอี้ที่ยนื เอามือไขว้หลังยืนดูอยูข่ า้ ง ๆ รู ้สึกเลี่ยนนิดหน่อย รู ้สึกว่าอาศัยพลังอํานาจแค่น้ ีกข็ ่มตนได้
แล้ว จึงพูดอย่างไม่สบายใจว่า “ทําไมต้องแต่งตัวแบบนี้ดว้ ย ไม่เหนื่อยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวมองดูผชู ้ ายในกระจกพลางยิม้ บาง ๆ “เครื่ องแต่งกายพวกนี้ มู่ฝานจวินประทานให้ขา้ ทั้งนั้น
ตอนที่เจ้าไม่อยู่ ในฐานะที่ขา้ เป็ นฮูหยินของประมุขปราสาท จึงออกคําสัง่ ต่อกําลังพลของปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั ได้ไม่สะดวกราบรื่ น มีหนังเสื อที่มู่ฝานจวินประทานให้แบบนี้กด็ ูเข้าท่าเหมือนกัน ใส่
แล้วมีขอ้ ดี แบบนี้ ทําไมข้าจะใส่ ไม่ได้ล่ะ?”
“นางจะประทานเสื้ อผ้าพวกนี้ให้เจ้าทําไม?” เหมียวอี้ขมวดคิ้วถาม
“ขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงอย่างไรทุกครั้งที่ไปแดนโพ้นสวรรค์ นางก็จะคุยกับข้าเป็ นการส่ วนตัวทุกรอบ
หลังจากอาบนํ้าเสร็ จแล้ว ก็จะชี้สงั่ ให้ขา้ ไปหวีผมให้ตลอด คงมีความคิดลําพองใจว่าแม้แต่หลานสาว
ของอวิน๋ อ้าวเทียนก็ยงั ต้องปรนนบัตินางกระมัง อาจจะอยากฉวยโอกาสกูห้ น้ากลับมาสักนิดสักหน่อย
แต่ทุกครั้งหลังจากทําแบบนั้น นางก็จะประทานเครื่ องแต่งกายพวกนี้ให้ขา้ เสมอ ล้วนเป็ นของที่
คุณภาพดีที่สุด ไม่ได้ปฏิบตั ิต่อข้าอย่างขาดความยุติธรรม” อวิน๋ จือชิวตอบ
“เป็ นบ้าละมั้ง! ในอนาคตถ้ามีโอกาส ข้าจะจับนางมาหวีผมให้เจ้าบ้าง” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่พอใจ
อวิน๋ จือชิวได้ยนิ แล้วหัวเราะคิกคัก “ดี! ข้าจะรอให้วนั นั้นมาถึง!” นางเหลือบตาขึ้นมองผูช้ ายที่อยูใ่ น
กระจก “แต่วา่ หนิวเอ้อร์ มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่ขา้ อยากจะถามเจ้า น้องสาวเจ้าคนนั้นเป็ นอย่างไรกันแน่? ทุก
ครั้งที่ขา้ ไปแดนโพ้นสวรรค์ นอกจากจะไม่เรี ยกข้าว่าพี่สะใภ้ ยังเอาแต่อารมณ์เสี ยใส่ ขา้ โดยไร้เหตุผล
ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นคงโดนข้าตบไปแล้ว ข้าเองก็ไม่เคยทําอะไรให้นางเคืองใจ มีสิทธิ์อะไรมาทํากับ
ข้าแบบนี้?”
“เอ่อคือ…” เหมียวอี้ค่อนข้างพูดไม่ออกพูดไม่ออก ในใจพอจะรู ้วา่ เป็ นเพราะอะไร แต่กลับไม่มีทาง
พูดออกมาได้ เพียงยิม้ เจื่อนพร้อมบอกว่า “เจ้าอย่าไปถือสาคนไม่รู้ประสาอย่างนางเลย เจ้ารองกับเจ้า
สามลําบากกับข้ามาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของพวกเขารับเลี้ยงข้าไว้ ข้าคงไม่มีชีวติ รอดจนถึง
ทุกวันนี้ เจ้าช่วยทนเอาหน่อยเพื่อเห็นแก่หน้าข้า”
“ทน? ก็เพราะเห็นแก่หน้าเจ้านี่แหละ ข้าถึงทนมาตลอด หนิวเอ้อร์ ข้าจะพูดสิ่ งที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อน
เลยนะ ถ้านางทําเกินไปเมื่อไร ข้าก็ตอ้ งวางมาดน่าเกรงขามของ ‘พี่สะใภ้ใหญ่เสมือนมารดา’ บ้างสัก
หน่อยเหมือนกัน!” อวิน๋ จือชิวกล่าวเตือน
“เฮ้อ! เดี๋ยวครั้งหน้าถ้ามีโอกาสได้เจอนาง ข้าจะต้องตําหนินางสักหน่อยแล้ว!” เหมียวอี้กล่าวอย่างจน
ใจมาก
หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่ องเรี ยบร้อย อวิน๋ จือชิวก็เดินลากชายกระโปรงออกไปนอกตําหนักพร้อมกับ
เหมียวอี้ ตอนนี้ทอ้ งฟ้ าเปลี่ยนสี แล้ว
ตอนที่ท้ งั สองเดินเคียงคู่กนั ขึ้นดาดฟ้ าสังเกตการณ์ เหมียวอี้กแ็ อบมองนางหลายครั้งอย่างอดไม่ได้
ผูห้ ญิงคนนี้แต่งตัวองอาจผึ่งผาย ตัวเองยืนอยูข่ า้ งกายแล้วทําไมรู ้สึกเหมือนขับให้นางเด่นขึ้น เสี ยง
พึมพําในใจเหล่านี้ มีแค่ตวั เองเท่านั้นที่รู้ ถึงอย่างไรก็คงไม่ดีที่จะพูดออกไป ถ้าให้อวิน๋ จือชิวรู ้ เขา
จะต้องได้สน้ เท้ากลับมาแน่นอน
ทั้งสองยืนสู งโดดเด่นอยูบ่ นดาดฟ้ าสังเกตการณ์ ก้มมองสิ่ งปลูกสร้างตรงแนวเทือกเขารอบ ๆ ของทั้ง
ปราสาทดําเนินสุ ริยนั เมื่อเลือกขอบเขตในการวางค่ายกลได้แล้ว อวิน๋ จือชิวก็สะบัดมือยิงลําแสงสี แดง
ออกมาสิ บสาย แบ่งปั กไปบริ เวณรอบ ๆ ตําหนักหลัง เจาะทะลวงเข้าไปใต้ดินโดยตรง
ธงอิทธิฤทธิ์สามอันตกอยูใ่ นมือของอวิน๋ จือชิว เมื่อโบกธงอันหนึ่ง ค่ายกลแปดทิศก็เริ่ มทํางาน แท่นดู
ดาวโคลงเคลงทันที ทั้งตําหนักหลังสัน่ สะเทือนเล็กน้อย มีเสี ยงดันครั่นครื นอยูพ่ กั หนึ่ง ราวกับมีมงั กร
ขยับพลิกตัวอยูใ่ ต้ดิน
เหมียวอี้พยักหน้าเบา ๆ ตอนวางค่ายกลด้วยยาเจี๋ยตันขั้นห้า มีการเคลื่อนไหวรุ นแรงกว่าใช้ยาเจี๋ยตัน
ขั้นสามเยอะมาก
ความเคลื่อนไหวนี้ทาํ ให้คนใต้ตาํ หนักตระหนกและมองมาพร้อมกันทันที สะเทือนจนคนในตึกราม
บ้านช่องตรงแนวเขารอบ ๆ มองมาเช่นกัน มีบางคนถึงขั้นเหาะขึ้นฟ้ าเพื่อดูวา่ เกิดอะไรกันแน่ รวมทั้ง
พวกหยางชิ่งด้วย
“ถอยไปให้หมด! ใครเข้ามาสอดแนมโดยพลการ ประหาร!” เสี ยงเตือนที่เย็นเยียบของอวิน๋ จือชิวดัง
ก้องไปทัว่ บริ เวณ
เหมียวอี้ที่ยนื เอามือไขว้หลังมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง คนที่เหาะเข้ามาดูแยกย้ายกัน
ไปทันที ทุกคนหดหัวกลับเข้าไปแล้ว
สองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็เหาะขึ้นฟ้ าพร้อมกัน ปรากฏว่าพอเหาะสูงถึงระดับร้อย
เมตร ก็โดนพลังไร้รูปร่ างกลุ่มหนึ่งผนึกไว้ทนั ที ไม่วา่ จะทําอย่างไรก็ฝ่าออกไปไม่ได้ อวิน๋ จือชิวถึงขั้น
ใช้วรยุทธ์ท้ งั หมดฟาดออกไปหนึ่งฝ่ ามือ แต่กไ็ ม่สามารถทําให้ค่ายกลสะเทือนเลยแม้แต่นอ้ ย ไม่น่า
เชื่อว่าพลังอันแข็งแกร่ งของฝ่ ามือจะถูกการไหลเชี่ยวของพลังประหลาดพิศวงกลุ่มนี้ดูดกลืนไป
ทั้งสองเหยียบลงพื้นพร้อมกัน อวิน๋ จือชิวกล่าวอย่างตื่นเต้นประหลาดใจมาก “พอจะมีหนทางจริ ง ๆ
ด้วย”
“เจ้าคิดว่าของที่สามีหามาเพือ่ ปกป้ องเจ้าจะเป็ นของกระจอก ๆ รึ ไงล่ะ?” เหมียวอี้พดู หยอกล้อ แล้ว
ทําท่าจะจูงมือนาง
ปรากฏว่าโดนอวิน๋ จือชิวโบกมือห้าม แล้วแอบถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “หนิวเอ้อร์ ข้าขอเตือนเจ้านะ เมื่อ
อยูก่ นั สองคนเจ้าจะรังแกข้าอย่างไรก็ได้ ต่อไปนี้ยามอยูท่ ่ามกลางสายตาประชาชี เจ้าต้องทําตัว
เรี ยบร้อยซื่อสัตย์หน่อย ระมัดระวังฐานะของตัวเอง มีลกู ชายมากมายมองอยูน่ ะ!”
ตอนนี้เขาไม่รู้จกั ฐานะของตัวเองงั้นเหรอ? เหมียวอี้หนั มามองผูห้ ญิงคนนี้ พบว่าเมื่ออยูข่ า้ งนอกก็
เปลี่ยนเป็ นคนละคนจริ ง ๆ ด้วย ภูมิฐานสง่าผ่าเผย ต่างกับผูห้ ญิงปากร้ายก่อนหน้านี้ราวกับเป็ นคนละ
คน ทําให้เขาพูดไม่ออกมาก
หลังจากทั้งสองเดินลงจากดาดฟ้ าสังเกตการณ์ ก็เดินมาที่หน้าประตูใหญ่ของตําหนักหลังอีก
บัณฑิตที่นอนหลับตาถือหนังสื ออยูบ่ นเก้าอี้พลันลืมตา แล้วรี บยืนขึ้นกุมหมัดคาระว่า “นายท่าน ฮู
หยิน”
อวิน๋ จือชิวนําธงอิทธิฤทธิ์อนั หนึ่งมอบให้ แล้วสอนวิธีใช้งานให้บณ
ั ฑิต ต่อไปนี้ประตูน้ ีกค็ ือประตูที่มี
ชีวติ โดยมีบณ
ั ฑิตเป็ นคนเฝ้ า หากไม่ใช่คนที่ได้รับอนุญาต และบัณฑิตไม่เปิ ดทางเข้าออก คนนอกก็
เข้ามาไม่ได้ คนในก็ออกไม่ได้เช่นกัน ค่ายกลแปดทิศเรี ยกได้วา่ พิทกั ษ์ท้ งั ตําหนักหลังได้อย่างเต็มที่
แล้ว
“ไปเรี ยกพวกพ่อครัวมา พวกเจ้าสี่ คนมาหาข้าสักเที่ยว” อวิน๋ จือชิวพูดทิ้งท้าย แล้วเดินกลับไปพร้อม
กับเหมียวอี้
ผ่านไปไม่นาน พวกพ่อครัวทั้งสี่ กม็ าอยูใ่ นตําหนักหลังแล้ว อวิน๋ จือชิวนัง่ สง่าอยูต่ รงหัวโต๊ะต่อไป แต่
เหมียวอี้กลับยืนขึ้น นําแหวนเก็บสมบัติสี่วงมามอบให้ท้ งั สี่ แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ในปี นั้นที่ขา้ ฝาก
ฝังให้พวกเจ้าปกป้ องเถ้าแก่เนี้ย ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าหลังจากเรื่ องราวเรี ยบร้อยจะขอบคุณอย่างดี ก่อน
หน้านี้ติดธุระกลับมาไม่ได้ ให้รางวัลขอบคุณพวกนี้ชา้ ไปหน่อย วันนี้นบั ว่าทําตามสัญญาแล้ว!”
ของอะไร? พอทั้งสี่ ร่ายอิทธิฤทธิ์ดูของในแหวนเก็บสมบัติ ก็พากันตะลึงงันทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ น
ยาแก่นเซี ยน พอร่ ายอิทธิฤทธิ์กวาดมองอย่างหยาบ ๆ เพื่อนับจํานวน ก็เกรงว่าจะมีเกือบล้านเม็ด! ทั้งสี่
สู ดหายใจอย่างตกตะลึง แล้วมองไปที่อวิน๋ จือชิวพร้อมกันโดยจิตใต้สาํ นึก ช่างไม้เอ่ยถามว่า “เถ้าแก่
เนี้ย ตบรางวัลหนักไปหน่อบรึ เปล่า?”
เมื่อไม่มีคนนอก พวกเขาก็กลับมาเรี ยกขานด้วยสรรพนามเดิม นี่คือสิ่ งที่อวิน๋ จือชิวอนุญาต ชัดเจนว่า
ไม่ได้เห็นพวกเขาเป็ นคนนอก
“บนตัวหนิวเอ้อร์กม็ ีอยูไ่ ม่เยอะเช่นกัน ล้วนเป็ นสิ่ งที่เขาทุ่มกําลังความคิดและเกือบเอาชีวติ ไปทิ้งเพื่อ
แลกมา ข้าเองก็เคยเกลี้ยล่อมให้เขาเก็บไว้ใช้เอง…ไม่ปิดบังพวกเจ้าหรอกนะ เขากําลังอยูใ่ นช่วงหัว
เลี้ยวหัวต่อของการบรรลุระดับบงชทอง มันมีประโยชน์ให้เขาใช้งานจริ ง ๆ แต่เขาแน่วแน่ที่จะรักษา
สัญญา ในเมื่อเป็ นนํ้าใจของเขา ทั้งยังมอบให้พวกเจ้าสี่ คนด้วย ไม่ถือว่าเป็ นคนนอก ข้าก็เลยไม่วา่
อะไร พวกเจ้าเก็บไว้เถอะ ระหว่างพวกเราไม่ตอ้ งมาพูดจาเกรงใจกันหรอก ก็อย่างที่ขา้ เคยบอก ตราบ
ใดที่พวกเราสองสามีภรรยามีขา้ วกิน ก็จะไม่ปฏิบตั ิกบั พวกเจ้าอย่างขาดความยุติธรรมแน่นอน เก็บไป
ไว้เถอะ!” อวิน๋ จือชิวกล่าว
ทั้งสี่ หวั เราะเบา ๆ ด้วยสี หน้าทะเล้น พ่อครัวถือแหวนเก็บสมบัติโบกไปมาตรงหน้าเหมียวอี้ “หนิว
เอ้อร์ งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”
พออวิน๋ จือชิวโบกมือ พวกเขาทั้งสี่ กเ็ ดินออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน เหมียวอี้กางแขนสองข้างบิดขี้
เกียจ แล้วบอกว่า “ฮูหยิน ข้าไม่ได้กลับมานานแล้ว จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย จะไปหาพวกเยารั่ว
เซียนด้วย”
“เป็ นอะไรไป? อยูข่ า้ ง ๆ ข้าไม่ไหวแล้วเหรอ?” อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองแวบหนึ่ง
“ข้าว่านะเถ้าแก่เนี้ย เจ้าเลิกวางมาดนี้สกั หน่อยได้ม้ ยั ?” นํ้าเสี ยงเหมียวอี้เจือด้วยความไม่พอใจ
“งั้นเจ้าไปต้องไปหาเยารั่วเซียนแล้ว พวกเขากําลังหลอมสร้างของวิเศษอยูช่ ิ้นหนึ่ง กําลังอยูใ่ นขั้นตอน
สําคัญแล้ว ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน”
“หลอมสร้างของวิเศษอะไร?”
“ของวิเศษที่จะเอาไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตร! เพื่อสิ่ งนี้ ข้าทุ่มเททรัพยากรไปไม่นอ้ ยเลย”
“อ้อ!” เหมียวอี้ลูบคาง อยากจะสัมผัสสักหน่อยว่าเยารั่วเซียนทําของวิเศษอะไรเพื่อล้างความอัปยศที่
สํานักงามวิจิตร
อวิน๋ จือชิวบอกอีกว่า “เขียนหนังสื อสอบถามกิจวัตรส่ งไปให้แต่ละตําหนักเถอะ”
“เรื่ องนี้เจ้าจัดการตามเห็นสมควรเถอะ ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย!” เหมียวอี้โบกมือแล้วทําท่าจะ
เดินออกไป ตราบใดที่มีคนที่วางใจได้ทาํ ให้ เขาก็ไม่เคยไปกังวลเรื่ องนั้นเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่มี
ตําแหน่งผูก้ ารใหญ่อย่างหยางชิ่งโผล่ออกมาหรอก
“เจ้าก็ลองออกไปดูสิ! เจ้าไม่กลับมาที่นี่หลายร้อยปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาได้ อย่างน้อยเจ้าก็ตอ้ ง
พิสูจน์ให้ลูกน้อง้ห็นว่าตัวเองยังมีตวั ตนไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นพวกลูกน้องคงนึกว่าฮูหยินคนนี้
วางแผนปล้นอํานาจสามีตวั เอง! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ใช่วา่ เบื้องล่างจะไม่มีข่าวลือนี้ ให้เจ้าเขียน
หนังสื อสอบถามกิจวัตรสักฉบับ จะทําให้เจ้าเสี ยเวลาสักเท่าไรเชียว?”
“ไม่ตอ้ งพูดแล้ว ข้าจะเขียนก็ได้ จบมั้ย?” เหมียวอี้นงั่ ลงบนเก้าอี้ตวั หนึ่งอย่างไม่ใส่ ใจ หยิบแผ่นหยก
ออกมาเขียนทีละแผ่น
อวิน๋ จือชิวลุกขึ้นและเดินเข้ามา หยิบแผ่นหยกที่เขาเขียนขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด แต่พออ่านแล้วกลับ
คิ้วขมวดขึ้นมา
หลังจากเหมียวอี้เขียนเสร็ จแล้ว ก็สงั เกตเห็นว่าสี หน้าของนางดไม่ชอบมาพากล จึงถามว่า “ทําไมล่ะ?
หรื อว่าที่ขา้ เขียนมีปัญหาอะไร”
อวิน๋ จือชิวสัง่ ให้เสวีย่ เอ๋ อร์มานําแผ่นหยกไปส่ งให้ตาํ หนักต่าง ๆ จากนั้นก็ดึงเหมียวอี้ให้ลุกขึ้นจาก
เก้าอี้ พาไปที่หอ้ งหนังสื อ และให้เชียนเอ๋ อร์เตรี ยมเครื่ องเขียนเอาไว้ เหมียวอี้ถ่มอย่างแปลกใจว่า “ทํา
อะไร?”
“เขียนตัวอักษรให้ขา้ ดูสกั สองสามตัว” อวิน๋ จือชิวกล่าว
การ…เขียนตัวอักษรคือจุดอ่อนของเหมียวอี้จริ ง ๆ เขาไม่เคยได้เรี ยนหนังสื อมาตั้งแต่เด็ก ยิง่ ไม่ตอ้ ง
พูดถึงการเขียนตัวอักษรเลย เขากล่าวอย่างเขินอายทันที “อยูด่ ี ๆ จะให้เขียนตัวอักษรทําไม”
“ให้เจ้าเขียนตัวอักษรแค่ไม่กี่ตวั ก็ทาํ ให้เจ้าลําบากแล้วเหรอ?” อวิน๋ จือชิวถาม
คําพูดของนางทําให้เหมียวอี้พดู ไม่ออก เพียงหยิบพูก่ นั ขึ้นมาอย่างไม่รู้วา่ ควรจะลงมือเขียนอย่างไร
แล้วถามอย่างตะกุกตะกัก “เจ้าอยากจะให้ขา้ เขียนตัวอักษรอะไรล่ะ?”
อวิน๋ จือชิวดึงพูก่ นั จากมือเขามาไว้ในมือตัวเอง จากนั้นจุ่มนํ้าหมึก แล้วยกแขนเสื้ อขึ้นพลางเขียน
ตัวอักษรตัวใหญ่ที่งดงามทรงพลังไว้บนกระดาษว่า : หนึ่งไม่มีสอง![1]
จากนั้นก็ให้เหมียวอี้เขียนตาม เขียนแค่อกั ษรสี่ ตวั นี้
เมื่อมองพูก่ นั ที่ถูกยัดกลับเข้ามาในมือ แล้วมองตัวอักษรงดงามตัวใหญ่บนกระดาษ เหมียวอี้กร็ ู ้สึก
เหงื่อแตก จุ่มพูก่ นั คานํ้าหมึก ชักช้าไม่กล้าลงมือเขียนสักที
“ทําไมให้เขียนตัวอักษรแค่ไม่กี่คาํ ยังลําบากยิง่ กว่าฆ่าเจ้าทิ้งเสี ยอีก? เจ้าจะเขียนหรื อไม่เขียน จะกดดัน
ให้ขา้ โมโหให้ได้เลยใช่ม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวพูดเร่ งเร้า
เหมียวอี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่สนใจอะไรแล้ว ต่อให้อบั อายขายหน้าก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรตรงนี้ก็
ไม่มีคนนอก เขาให้กาํ ลังใจตัวเองเพื่อสร้างความฮึกเหิ ม
หลังจากเขียนตัวอักษรสี่ ตวั แล้ว เหมียวอี้กเ็ รี ยกได้วา่ ทําสี หน้าเก้อเขิน
อวิน๋ จือชิวจ้องตัวอักษรบนกระดาษ เบิกตากว้างยิง่ กว่าเมื่อครู่ น้ ี ทําท่าเหมือนตกตะลึง จ้องอยูน่ านมาก
ยากที่จะละสายตาออกไปได้
เหมียวอี้เองก็หน้าแดงเพราะความอับอายเช่นกัน เขาไม่ได้หน้าแดงแบบนี้มาหลายปี แล้ว เป็ นเพราะ
เมื่อนําตัวอักษรที่ตวั เองเขียนมาเทียบกับตัวอักษรต้นฉบับ ก็บรรยายความแตกต่างออกมาเป็ นคําพูดได้
ยากจริ ง ๆ ขนาดตัวเองเห็นแล้วยังอาย คงไม่ตอ้ งบอกว่าขี้เหร่ ขนาดไหน ถ้าใช้ความพยายามก็พอจะ
อ่านออกอยูบ่ า้ ง ถ้าร่ ายอิทธิฤทธิ์อ่านตัวอักษรบนแผ่นหยก ก็ยอ่ มอ่านออกได้ง่ายกว่าเดิมอยูแ่ ล้ว เมื่อ
ใช้พลังอิทธิฤทธิ์กจ็ ะควบคุมสิ่ งต่าง ๆ ได้ง่ายตามอําเภอใจ
เชียนเอ๋ อร์ที่ยนื อยูข่ า้ ง ๆ พอเหลือบไปเห็นตัวอักษรที่น่าเวทนาสี่ ตวั นั้น ก็ยงั ต้องเบี่ยงหน้าหันไปมอง
ทางอื่น ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนายท่านไม่เคยใช้งานห้องหนังสื อเลย มีสาเหตุจริ ง ๆ ด้วย
แอบร้องในใจว่า : นายท่านแย่แล้ว!
เหมียวอี้หน้าแดง แต่อวิน๋ จือชิวกลับหน้าเขียว หันกลับมามองเขาอย่างช้า ๆ แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อย
ชัดคว่า “เขียนได้ไม่เลวนี่ ตัวอักษรของท่านสามีคู่ควรกับสี่ คาํ นี้จริ ง ๆ ด้วย หนึ่งเดียวไม่มีสอง! ถ้าให้
ท่านปู่ ข้าเห็นล่ะก็ รับรองว่าตีเจ้าตายคามือแน่!”
“อวิน๋ จือชิว เจ้าอย่าพูดเกินไปนักเลย อย่างมากต่อไปนี้ขา้ ก็จะยกห้องหนังสื อให้เจ้าใช้ ข้าแค่ไม่เข้ามาก็
สิ้ นเรื่ องแล้ว!” เหมียวอี้พดู ทิ้งท้ายพร้อมทิ้งพูก่ นั แล้วหันหน้าเดินออกไป ไม่มีหน้าจะอยูท่ ี่นี่ต่อแล้ว
จริ ง ๆ
อวิน๋ จือชิวกลับดึงมือเขาไว้ พยายามเจียดรอยยิม้ ทั้ง ๆ ที่โมโห “หม่อมฉันพูดผิดเองค่ะ ท่านสามีอย่า
โมโหเลยนะ ที่จริ งการเขียนตัวอักษรก็ไม่ใช่เรื่ องใหญ่อะไรหรอก ฝึ กเขียนเยอะ ๆ ก็พอแล้ว มาสิ คะ!
หม่อมฉันจะอยูเ่ ล่นด้วยเอง!” พูดจบก็ยดั พูก่ นั กลับเข้าไปในมือเขา แล้วใช้มือตัวเองจับประคองมือเขา
ให้นาํ พูก่ นั ไปจุ่มนํ้าหมึก จากนั้นก็วาดตัวอักษรสี่ ตวั นั้นลงบนกระดาษทีละขีดอย่างใกล้ชิดและเอาใจ
ใส่
เมื่อมีนางคอยประคับประคองช่วยเหลือ ตัวอักษรสี่ ตวั ที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่กม็ ีสภาพเป็ นผูเ้ ป็ นคน
ขึ้นมาหน่อย อวิน๋ จือชิวให้กาํ ลังใจเขาเหมือนปะเหลาะเด็กน้อยทันที “ท่านสามีมีพรสวรรค์จริ ง ๆ ด้วย
ใช้เวลาประเดี๋ยวเดียวก็กา้ วหน้าได้เยอะขนาดนี้!”
เชียนเอ๋ อร์รีบเข้ามายืนฝนหมึกข้าง ๆ หวังว่านายท่านจะสามารถคงอารมณ์อนั สุ นทรี น้ ีต่อไป
แต่ประเด็นสําคัญก็คือ นายท่านเหมียวไม่ได้มีอารมณ์อนั สุ นทรี กบั ด้านนี้เลย เขียนไปได้แค่สิบกว่าตัว
ก็ดึงมืออวิน๋ จือชิวออกแล้ว เขาวางพูก่ นั ลง แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “มีฮูหยินอยูแ่ ล้ว ต่อไปให้ฮูหยินช่วย
ทําเรื่ องนี้แทนก็ได้”
อวิน๋ จือชิวดึงเขากลับมาอีกครั้ง ยังคงพูดออดอ้อนเขา “ท่านสามีอยูเ่ ล่นกับข้าอีกสักหน่อยสิ พวกเรา
เขียนต่ออีกหน่อยดีม้ ยั ? ไม่เยอะหรอกค่ะ เขียนอีกร้อยตัวเอง!”
ร้อยตัวไม่เยอะตรงไหน? เหมียวอี้หวั เราะบางบอกว่า “เขียนหนังสื อมีอะไรน่าสนุก ไปเถอะ! ข้าจะ
สอนเจ้าเล่นหมากล้อม!”
ตอนยังไม่พดู ถึงหมากล้อมก็ยงั ดี ๆ อยู่ คนที่เล่นหมากล้อมด้วยนิสยั แย่ ๆ อย่างเขา ยังจะมีหน้ามาสอน
คนอื่นอีกเหรอ? อวิน๋ จือชิวทําหน้าเข้มทันที บวกกับนิสยั เจ้าอารมณ์ของนาง ทําให้แสร้งตีสีหน้ายิม้
แย้มต่อไปไม่ไหวแล้ว นางถามอย่างเย็นเยียบว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าจะเขียนหรื อไม่เขียน?”
“ไม่เขียนแล้ว! กะอีแค่ไม่จบั พูก่ นั เขียนหนังสื อ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะเป็ นประมุขปราสาทต่อไป
ไม่ได้ ตอนนี้ขา้ ยังใช้ชีวติ ได้อย่างสบาย ๆ เหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ!” เหมียวอี้กล่าวอย่างทนรําคาญไม่
ไหว
“ถ้าเจ้าจะหดหัวเป็ นประมุขปราสาทอยูท่ ี่นี่ไปทั้งชาติ ข้าก็ไม่วา่ อะไรหรอก แต่เจ้าเคยคิดบ้างรึ เปล่า
ตอนที่เจ้าเป็ นประมุขถํ้า คนที่ได้เห็นตัวอักษรของเจ้าแล้วหัวเราะเยาะเจ้าก็มีแค่กาํ ลังคนของหนึ่งถํ้า
ตอนที่เจ้าเป็ นประมุขขุนเขา จํานวนคนที่หวั เราะเยาะเจ้าก็มีแค่หนึ่งขุนเขา ประมุขจวน ประมุข
ตําหนัก ประมุขปราสาท เจ้าเดินขึ้นตําแหน่งสู งไปเรื่ อย ๆ ยิง่ ลูกน้องเจ้ามีเยอะเท่าไร คนที่หวั เราะเยาะ
เจ้าก็ยงิ่ เยอะเท่านั้น สิ่ งที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมก็คือบารมีชื่อเสี ยงของเจ้า หนิวเอ้อร์ ตอนนี้ขา้ จะ
ถามเจ้าคําเดียว เจ้าคิดจะหยุดความก้าวหน้าไว้แค่น้ ีใช่ม้ ยั เจ้าจะหดหัวอยูท่ ี่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไปทั้ง
ชาติหรื อเปล่า ถ้าใช่ ข้าก็จะไม่วา่ อะไรแล้ว แต่งกับไก่กต็ ามไก่ แต่งกับสุ นขั ก็ตามสุ นขั [2] ข้าจะหดหัว
อยูก่ บั เจ้าที่นี่ไปทั้งชาติกแ็ ล้วกัน จะไม่พรํ่าบ่นอะไรทั้งนั้น!” อวิน๋ จือชิวกดดัน “ตอบมาว่าใช่หรื อ
ไม่ใช่!”
“พูดเรื่ องไร้ประโยชน์แบบนี้ทาํ ไม ใช่วา่ เจ้าจะไม่รู้วา่ ตอนนี้ขา้ กําลังทําอะไรอยู!่ ” เหมียวอี้กล่าวอย่าง
ปวดประสาท
“ในเมื่อเป็ นแบบนี้ เจ้าก็เขียนให้ขา้ ดูสิ!” อวิน๋ จือชิวคว้ามือเขาเอาไว้ หนังสื อเล่มหนึ่งที่จดั วางไว้บน
โต๊ะก็ลอยขึ้นมา นางพลิกเปิ ดแล้ววางไว้ขา้ ง ๆ เขา จากนั้นก็ช้ ีที่ตวั อักษรบนนั้นพร้อมบอกว่า “ตั้งแต่
วันนี้เป็ นต้นไป เมื่อไรที่เจ้าว่าง ก็ตอ้ งเจียดเวลาทุกวันเพื่อเขียนอักษรตามข้าหนึ่งร้อยตัว ข้าจะมาตรวจ
ทุกวัน! ไม่ได้ขอให้เจ้าฝึ กจนเก่งขนาดนั้นหรอก ขอแค่พอดูได้กพ็ อแล้ว แบบนี้ไม่ถือว่าทําให้เจ้า
ลําบากหรอกใช่ม้ ยั ?”
“ทุกวัน?” เหมียวอี้ถามอย่างหงุดหงิดทันที “อวิน๋ จือชิว นี่เจ้าจะหาเรื่ องข้าไม่เลิกเลยใช่ม้ ยั ? ถ้าทําแบบ
นี้ซ้ าํ ทุกปี เจ้ารู ้ม้ ยั ว่าเสี ยเวลาฝึ กตนข้าขนาดไหน?”
“เขียนวันละสองร้อยตัวให้ขา้ ตรวจทุกวัน ถ้าขาดไปแม้แต่ตวั เดียว เจ้าก็คอยดูแล้วกัน!” อวิน๋ จือชิวเกิด
มีน้ าํ โห เพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าแล้ว
พอเสวีย่ เอ๋ อร์ที่เพิ่งกลับมาเห็นภาพนี้ ก็มายืนอยูข่ า้ งเชียนเอ๋ อร์เงียบ ๆ ทั้งสองแอบเดาะลิ้นในใจ คนที่
กล้าท้าชนกับนายท่านแบบนี้ ในปราสาทดําเนินสุ ริยนั คงมีแค่ฮูหยินคนเดียวแล้ว
“ไม่เขียน! ข้าทนมามากพอแล้ว!” เหมียวอี้คาํ ราม แล้วหันหน้าเดินจากไป
อวิน๋ จือชิวถลันตัวเข้าไป ใช้มือข้างหนึ่งกระชากมวยผมของเหมียวอี้ แล้วดึงเขากลับมา
เหมียวอี้เจ็บจนบิดตัว พลางตวาดอย่างโมโห “เมียปากร้าย! เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือตอบโต้นะ!”
ถ้าอวิน๋ จือชิวกลัวเขาก็แปลกแล้ว นางจับไว้ไม่ยอมปล่อย พลางแสยะยิม้ ใส่ เขา “เจ้ากล้าตอบโต้อยู่
แล้ว! เจ้าก็เก่งแต่รังแกเมียตัวเองนัน่ แหละ ถ้ามีความสามารถนัก แล้วทําไมไม่เอาไปใช้กบั ฝาแฝดคู่น้ นั
ล่ะ? มาวางมาดวีรบุรุษต่อหน้าข้าจะถือว่าเก่งกาจอะไร!”
“…” เหมียวอี้พดู ไม่ออกทันที เผชิญหน้ากับนางด้วยความเงียบ
ฝาแฝดอะไรกัน? เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์มองหน้ากันเลิกลัก่ นึกอะไรไม่ออกเหมือนมีหมอกลงในสมอง
“หนิวเอ้อร์ จะให้ขา้ พูดเรื่ องของเจ้ากับฝาแฝดคู่น้ นั ให้พวกลูกน้องฟังหน่อยมั้ยล่ะ?”
“ตามใจเจ้าเถอะ! เจ้าจะได้เพิ่มสง่าราศีให้ตวั เองไง!” เหมียวอี้ตอบนางอย่างไร้ความมัน่ ใจ
“เจ้าก็คอยดูแล้วกันว่าข้ากล้ามั้ย ข้าเป็ นรองเท้าขาด[3]ที่มาจากทะเลทรายม่านเมฆา ถึงอย่างไรชื่อเสี ยง
ก็ฉาวโฉ่มาตั้งนานแล้ว!” อวิน๋ จือชิวปล่อยมือทันที ขี้คร้านจะเปลืองคําพูดกับเขาแล้ว หันตัวแล้วเดิน
ก้าวยาวออกไปข้างนอกเสี ยเลย
เหมียวอี้ที่กาํ ลังเอามือลูบมวยผมทําท่าเหมือนโดนตะคริ วกินใบหน้า เอ๋ อแดกนิดหน่อย จู่ ๆ ก็ถลันตัว
ออกจากห้องหนังสื อไป และไม่นานก็ดึงตัวอวิน๋ จือชิวกลับมาได้ เขาชี้หน้าอวิน๋ จือชิวพลางตะคอกด่า
เสี ยงดัง “ขนาดความตายข้ายังไม่กลัว จะกลัวอะไรกับอีแค่เขียนตัวอักษรเส็งเคร็ งพวกนี้ เขียนก็เขียน
โว้ย คิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ ไง!”
อวิน๋ จือชิวเลิกคิ้ว ไม่ต่อต้านเขาอย่างรุ นแรงอีก นางหันไปมองเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ พร้อมสัง่ ว่า
“ตั้งแต่วนั นี้เป็ นต้นไป ใช้เวลาวันละหนึ่งชัว่ ยาม หากนายท่านมีเวลาว่าง พวกเจ้าก็ผลัดกันมาเฝ้ านาย
ท่านฝึ กคัดอักษร ถ้านายท่านคัดไม่ครบสองร้อยตัว ข้าจะลงโทษพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยลงโทษนาย
ท่าน! ถ้ากล้าช่วยเขาโกง ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะได้เสี ยใจไปทั้งชาติ!”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ท้ งั สองเอ่ยรับด้วยนํ้าเสี ยงอ่อนปวกเปี ยก
“อีกสามวันค่อยเริ่ ม เจ้าบอกแล้วว่าสามวันนี้จะให้ขา้ พักผ่อน เจ้าอย่ากลับคําพูดสิ !” เหมียวอี้เหมือน
รู ้สึกยอมไม่ได้
“ข้ากลับคําแล้ว! ข้าพูดจาไม่เป็ นคําพูดแล้วจะทําไม ถ้าเจ้าเก่งนักก็ฆ่าข้าสิ !” อวิน๋ จือชิวพลันตบวางมีด
สั้นลงบนโต๊ะ ชี้ไปที่มีดพร้อมบอกว่า “เจ้าเองก็เคยเห็น ท่านปู่ มอบให้ขา้ ไว้ ตอนที่เฟิ งอวิน๋ จะมารับตัว
ข้าเป็ นเจ้าสาว ข้าก็เตรี ยมตัวเอาไว้แล้ว ว่าถ้าสุ ดท้ายเจ้าไม่ปรากฏตัว ข้าก็จะใช้มีดสั้นเล่มนี้ฆ่าตัวตาย
ข้าเตรี ยมตัวตายเพื่อเจ้าแล้ว ข้าจะไม่โต้ตอบหรอก ถ้าเจ้ากล้านักก็ใช้มีดเล่มนี้สงั หารข้าเลย!”
เหมียวอี้ยนื เหม่อจ้องมีดสั้นครู่ หนึ่ง ในใจรู ้สึกเศร้าสลด สุ ดท้ายก็หนั ตัวอย่างช้า ๆ จับพูก่ นั ขึ้นมาแต่
โดยดี…
…………………………
[1] หนึ่งเดียวไม่มีสอง หมายถึง 举世无双 มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ไม่มีใครเทียบได้

[2] แต่งกับไก่กต็ ามไก่ แต่งกับสุ นขั ก็ตามสุ นขั 嫁鸡随鸡,嫁狗随狗 หมายความว่า สตรี
เมื่อแต่งงานแล้วไม่วา่ จะเกิดอะไรขึ้น ก็ตอ้ งรู ้จกั ปรับตัวอยูก่ บั สามีและครอบครัวสามีให้ได้

[3] รองเท้าขาด 破鞋 เปรี ยบเปรยถึงผูท้ ี่เคยผ่านผูช้ ายมาแล้ว หญิงสําส่ อน


ตอนที่ 889

บัวโลหิต
ในห้องหนังสื อเงียบเชียบไร้เสี ยง บนเก้าอี้ตวั หนึ่งที่อยูต่ ิดริ มหน้าต่าง อวิน๋ จือชิวนัง่ ไขว่หา้ งหันข้างอยู่
ตรงนั้น วางข้อศอกบนโต๊ะนํ้าชา ถือม้วนหนังสื อไว้ในมือพลางเปิ ดอ่านอย่างช้า ๆ บางครั้งที่ยกถ้วย
นํ้าชาขึ้นมาจิบ นางก็จะสังเกตมองเหมียวอี้ที่กาํ ลังมีสมาธิเขียนหนังสื ออย่างเงียบ ๆ มุมปากเผยรอยยิม้
บาง ๆ เป็ นระยะ แต่ไม่ได้กา้ วเข้ามารบกวนแต่อย่างใด
เมื่อเขียนครบสองร้อยตัว เหมียวอี้กถ็ อนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ ง ๆ รี บเข้ามารับพูก่ นั
จากมือเขา
เหมียวอี้คว้ากระดาษที่ผา่ นการคัดอักษรขึ้นมาอย่างลวก ๆ แล้วเดินไปตบวางลงข้าง ๆ โต๊ะนํ้าชา
จากนั้นก็นงั่ ลงตรงข้ามกับอวิน๋ จือชิว แล้วก้มหน้าเงียบ ๆ ด้วยความเบื่อเซ็ง
ตัวอักษรไม่ขาดไปสักตัว ทั้งยังคัดเพิม่ มาหลายตัวด้วย เพราะเป็ นการคัดลอกบทความช่วงหนึ่งจบ
พอดี อวิน๋ จือชิวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ “ท่านสามีมีพรสวรรค์จริ ง ๆ ด้วย
เรี ยกได้วา่ ก้าวหน้ารวดเร็ วมาก ใช้เวลาสักระยะหนึ่งจะต้องเขียนสวยแน่นอน!”
พอเอียงหน้ามามอง ก็พบว่าเหมียวอี้กาํ ลังก้มหน้าอย่างเบื่อเซ็ง ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชดั ว่า
โดนนางควบคุมจนเหี่ ยวเฉาแล้ว
สิ่ งนี้ทาํ ให้อวิน๋ จือชิวปวดใจนิดหน่อย พอจะเข้าใจอดีตที่ผา่ นมาของเหมียวอี้อยูบ่ า้ ง รู ้วา่ เขาน่าสงสาร
มาตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะทํางานหาเลี้ยงชีพ เขาไม่มีโอกาสได้เรี ยนหนังสื อเลย เมื่อก้าวเข้าสู่ แดนฝึ กตนก็
ต้องพยายามเอาชีวติ รอด ไม่มีเวลาใช้สมองคิดเรื่ องนี้เลย บางสิ่ งบางอย่างที่ก่อตัวเป็ นรู ปเป็ นร่ างแล้ว
นางกลับไปบังคับให้เขาเปลี่ยนแปลง ถือว่าทําให้เขาลําบากจริ ง ๆ
นางขึ้นลุกขึ้น แล้วเอามือลูบกระโปรงนัง่ ลงบนตักเหมียวอี้โดยตรง นางใช้มือข้างหนึ่งช้อนคอเขา
แล้วใช้มืออีกข้างรับนํ้าชามาจากเชียนเอ๋ อร์ พอตัวเองเป่ าเสร็ จ ก็จ่อป้ อนที่ปากเหมียวอี้ พลางหัวเราะ
คิกคัก “ท่านสามีลาํ บากแล้ว ดื่มชาหน่อยสิ คะ แล้วค่อยออกไปเดินเล่น เดี๋ยวกลับมาจะให้เชียนเอ๋ อร์
เสวีย่ เอ๋ อร์ปรนนิบตั ิอย่างดีเลย”
นางหันหน้ามาบอกเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์วา่ “คืนนี้ให้นายท่านไปค้างคืนกับพวกเจ้า พวกเจ้าต้อง
ปรนนิบตั ินายท่านดี ๆ นะ ถ้าทําให้นายท่านผ่อนคลายไม่ได้ ข้าจะเอาผิดกับพวกเจ้า!”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ท้ งั สองที่หน้าแดงเรื่ อเอ่ยรับเสี ยงเบา
คําพูดนี้ทาํ ให้เหมียวอี้ท้ งั โมโหทั้งอยากขํา เขาเงยหน้ามองบนใส่ อวิน๋ จือชิวแวบหนึ่ง แล้วกระดกถ้วย
ชาที่จ่ออยูต่ รงปาก เพี้ยะ! เขาตบก้นอวิน๋ จือชิวแรง ๆ หนึ่งฉาด ทําให้นางร้องอุทานตกใจและลุกพรวด
ทันที สุ ดท้ายก็เอามือลูบก้นพลางมองบนใส่ เขา
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เห็นแล้วเม้มปากกลั้นขํา
“นุ่มมือดีจงั !” เหมียวอี้กล่าวอย่างลําพองใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเอามือไขว้หลังออกไป พอเดินออกมา
นอกตําหนักก็บิดขี้เกียจ มองเฮยทัน่ ที่นอนกรนเสี ยงดังอยูใ่ ต้ชายคาแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปอย่าง
ผ่อนคลาย พอเดินมาถึงประตูใหญ่ของตําหนักหลัง กลับโดนบัณฑิตขวางไว้ “นายท่าน ฮูหยินอนุญาต
ให้ออกไปข้างนอกรึ ยงั ?”
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที “หมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าข้าโดนจํากัดแม้แต่การเข้าออกประตูบา้ น?”
บัณฑิตหันกลับไปมองที่ตาํ หนักแวบหนึ่ง พอเห็นเชียนเอ๋ อร์ที่อยูไ่ ม่ไกลพยักหน้า บัณฑิตถึงได้โบก
มือ เปิ ดประตูเข้าออกของค่ายกลแปดทิศ ปล่อยเหมียวอี้ออกไปแล้ว
เหมียวอี้เดินวนไปทัว่ ปราสาท ไปคุยกับเหยียนซิ วและหยางเจาชิงครู่ หนึ่ง จากนั้นก็ไปคุยกับหยางชิ่งที่
จวนผูก้ ารใหญ่ สุ ดท้ายถึงได้ออกไปที่เขตต้องห้าม เขาเจอตงกัวหลี่กบั ลูกศิษย์ พอทราบว่าเยารั่วเซียน
กําลังหลอมของวิเศษและไม่ให้ใครรบกวน ก็หนั ตัวเดินออกมา ก่อนจะหายตัวไปเพียงลําพังในป่ าลึก
เขาออกจากปราสาทดําเนินสุ ริยนั พอเจอหน้าผาสู งที่อยูใ่ นป่ าภูเขาลึกรกร้าง ก็เหาะลงไปเพียงลําพัง
ลงมือขุดถํ้าลึกในหุบเหวด้วยตัวเอง จากนั้นก็เดินลาดตระเวนรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีมีคน
ถึงได้กลับมาในถํ้านั้น
ในถํ้าหิ นที่มืดมิด แสงสี แดงเลือดพลันเปล่งประกายออกมา บัวโลหิ ตต้นนั้นถูกเหมียวอี้นาํ ออกมาอีก
ครั้ง ปราณปี ศาจโลหิ ตพุง่ ออกจากฝักบัวในชัว่ พริ บตาเดียว ขณะเดียวกันส่ วนปลายรากก็ส่องแสง
สว่างอยูใ่ นถํ้า ทําให้ในถํ้าเกิดแสงสี แพรวพราว
หลังจากเหมียวอี้สงั เกตอย่างละเอียด ก็พบว่าปราณปี ศาจโลหิ ตไม่ได้มาจากต้นบัวโลหิ ตทั้งต้น แต่มา
จากเม็ดบัวเก้าเม็ดนั้นต่างหาก
เขายืน่ มือไปลูบคลําฝักบัวที่งดงามราวกับทับทิมแกะสลัก ให้ความรู ้สึกเหมือนกําลังลูบไล้ผวิ นํ้าแข็ง
เย็นมือมาก แต่มนั กลับมีความทนทานสูง ยากที่เขาจะแหวกให้ขาดได้ ตอนที่มือสัมผัสโดนเม็ดบัว
ปราณปี ศาจโลหิ ตที่พงุ่ ขึ้นมาก็โจมตีเกราะพลังอิทธิฤทธิ์และรุ กลํ้าเข้าในร่ างกายของเขาโดยตรง ทําให้
จิตใจของเขาสัน่ สะท้าน เกิดความตระหนกในใจ หลังจากร่ ายวิชาอัคนีดาราต้านทาน ถึงได้ควบคุม
สภาพจิตใจให้มนั่ คงได้
“ช่างเป็ นปราณปี ศาจโลหิ ตที่รุนแรงจริ ง ๆ !” เหมียวอี้อุทานในใจ แล้วก็ไม่รู้วา่ นึกอะไรขึ้นได้ พลิกฝ่ า
มือนํากระจกหยินดําออกมา ครุ่ นคิดว่าถ้าหากนําปราณปี ศาจโลหิ ตนี้มาหลอมสร้างเป็ นของวิเศษได้
จะได้ผลแหมือนกระจกหยินดําหรื อเปล่า
อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ปราณหยินที่อยูใ่ นกระจกหยินดําไม่อาจก่อภัยคุกคามต่อเขาได้อีก แต่
ปราณปี ศาจโลหิ ตนี้กลับส่ งผลกระทบต่อจิตใจคนโดยตรง เหมือนจะเอาไว้ใช้ต่อสูก้ บั นักพรต
ระดับสูง
เมื่อเก็บกระจกหยินดํา เขาก็ใช้มือกอบฝักบัวขึ้นมาเพ่งมองอย่างละเอียดอีกรอบ ลองแกะเม็ดบัวที่อยู่
ในฝักบัว ใช้ความพยายามไปเยอะมากกว่าจะแกะเม็ดบัวขนาดเท่าไข่ไก่ออกมาได้ แต่ละเม็ดเป็ นสี แดง
ใสราวกับหยก กะพริ บแสงสี แดงจ้าตา ปราณปี ศาจโลหิ ตที่เกาะกลุ่มวนเวียนเข้มข้นถึงขั้นไม่สลายตัว
ไป น่าตระหนกตกใจมาก!
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองฝึ กวิชาอัคนีดารา คาดว่าคงไม่มีทางทนรับการพุง่ โจมตีของปราณปี ศาจโลหิ ตที่
เข้มข้นนี้ได้เลย ส่ วนเม็ดบัวเก้าเม็ดนี้กค็ งจะเป็ นยาเม็ดโลหิ ต!
สิ่ งที่ทาํ ให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากเด็ดเม็ดบัวเก้าเม็ดนั้นมาแล้ว บนตัวต้นบัวโลหิ ตต้นนั้นก็ไม่มี
ปราณปี ศาจโลหิ ตใด ๆ อีก รวมทั้งรากบัวก้อนนั้นด้วย
ขณะมองดูรากบัวสี ขาวหมดจดที่เปล่งประกาย เหมียวอี้กน็ ึกถึงตอนที่ตวั เองอยูท่ ี่สาํ นักลมปราณ นึก
ถึงตํานานที่หมิงจ้าวบอก ว่ากันว่าปรมาจารย์มารโลหิ ตเคยได้สมุนไพรจิตวิญญาณมาต้นหนึ่ง ขอเพียง
สามวิญญาณเจ็ดดวงจิตไม่ดบั สลาย สมุนไพรจิตวิญญาณต้นนั้นก็สามารถทําให้คนตายฟื้ นชีพได้ ฟื้ น
ชีพกลับมามีสภาพเหมือนเดิม
เหมียวอี้ไม่รู้วา่ สมุนไพรจิตวิญญาณต้นที่มารโลหิ ตบอกมีหน้าตาเป็ นอย่างไรกันแน่ แต่เขาค่อนข้าง
สงสัยว่าบัวโลหิ ตที่อยูต่ รงหน้าใช่สมุนไพรจิตวิญญาณต้นนั้นหรื อไม่ สาเหตุที่ทาํ ให้เขาคิดแบบนี้กไ็ ม่
ซับซ้อนเลย นํ้าเต้าโลหิ ตคือของที่มารโลหิ ตทิ้งเอาไว้ ส่วนบัวโลหิ ตต้นนี้กค็ งไม่ได้เติบโตได้ภายใน
เวลาสั้นเช่นกัน ในใจเขาเรี ยกได้วา่ แฝงไปด้วยอารมณ์เฝ้ าคอย หวังว่าสิ่ งที่ตวั เองได้มาจะเป็ นสมบัติล้ าํ
ค่าหายาก
ทว่าเมื่อนําบัวโลหิตทั้งต้นมาพลิกดูไปมา ก็ยงั มองไม่ออกว่าบัวโลหิ ตเทพตรงไหน ต่อให้ร่าย
อิทธิฤทธิ์ตรวจดูกย็ งั ไม่เจอผลลัพธ์อะไร ทําได้เพียงข่มความสงสัยในใจตัวเองไว้ กะว่าถ้ามีโอกาส
ค่อยหาคนที่สามารถไขปริ ศนานี้ได้ เก็บของเอาไว้ก่อนแล้วกัน
ในถํ้าพลันมืดลง จากนั้นแสงสี แดงเลือดก็ปรากฏขึ้นอีก เหมียวอี้นาํ เม็ดบัวโลหิ ตเม็ดหนึ่งออกมาพลิก
ดูอีก ปี ศาจโลหิ ตต้องอาศัยสิ่ งนี้เพื่อฝึ กตน แล้วใช้ส่ิ งนี้ฝึกตนยังไงกันแน่ล่ะ?
หลังจากร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูให้ลึกซึ้ง เหมียวอี้กต็ กใจทันที พลังจิตวิญญาณ! ไม่น่าเชื่อว่ายาเม็ดโลหิ ต
นี้จะเกิดจากการก่อตัวของพลังจิตวิญญาณกับปราณปี ศาจโลหิ ต ไม่เพียงแค่ก่อตัวเป็ นรู ปเป็ นร่ าง ทั้ง
ยังแข็งแรงทนทานไร้ที่เปรี ยบ! ร่ ายอิทธิฤทธิ์บ้ ีอย่างไรก็ไม่แตกได้ง่าย ๆ ใครจะไปรู ้วา่ ในนี้มีพลังจิต
วิญญาณกับปราณปี ศาจโลหิ ตอยูม่ ากเท่าไร ถึงได้ทาํ ให้ยาเม็ดโลหิ ตแข็งแรงทนทานได้ถึงขั้นนี้!
ในชัว่ พริ บตานี้เขามัน่ ใจแล้ว ปี ศาจโลหิ ตคงอาศัยดูดซับพลังจิตวิญญาณที่อยูใ่ นนี้โดยตรงเพื่อฝึ กตน
ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนธรรมดาคงทําไม่ได้ ปราณปี ศาจโลหิ ตที่อยูข่ า้ งในเพียงพอที่จะทําให้คนตายได้ และ
ปี ศาจโลหิ ตก็ยอ่ มไม่กลัวปราณปี ศาจโลหิ ตที่อยูใ่ นนั้นอยูแ่ ล้ว ดีไม่ดีอาจจะช่วยเสริ มพลังด้วย!
เหมียวอี้พลันหัวเราะเบา ๆ ยังมีมนุษย์ที่ไม่กลัวปราณปี ศาจโลหิ ตอยู่ คนคนนั้นก็คือเขาเอง!
เหมียวอี้พลิกฝ่ ามือนํายาเม็ดโลหิ ตออกมาอีกเม็ด นัง่ ขัดสมาธิ ใช้สองมือกําไว้ขา้ งละเม็ด พอร่ ายวิชา
อัคนีดารา เปลวเพลิงไร้รูปร่ างสองกลุ่มก็ห่อหุม้ ยาเม็ดโลหิ ตสองเม็ดที่อยูใ่ นมือ ผนึกไม่ให้ปราณปี ศาจ
โลหิ ตซึมออกมาข้างนอก รี บร่ ายเคล็ดวิชาอัคนีดารากลัน่ กรองปราณปี ศาจโลหิ ตที่อยูใ่ นยาเม็ดโลหิ ต
อย่างรวดเร็ ว
ผ่านไปไม่นาน หมอกสองกลุ่มก็ซึมออกมาจากฝ่ ามือที่เขากําอยู่ จากนั้นก็เลื้อยวนอยูบ่ นข้อมือเขาราว
กับมังกรบินสองตัว ทะลวงเข้าไปในแขนเสื้ อของเขาโดยตรง ภายใต้อากาศที่อยูใ่ นนั้นจํานวนมาก ทํา
ให้ในเสื้ อผ้าของเขาเริ่ มพองตัวขึ้นมาทีละนิด ตรงคอเสื้ อที่พองออกมีหมอกลอยวนเวียน แล้ว
กลายเป็ นควันสามสายสูดเข้าจมูกของเขา แม้แต่รูขมุ ขนบนร่ างกายก็ดูดซับพลังจิตวิญญาณกลุ่มนั้น
อย่างเต็มอิ่มเช่นกัน
บนใบหน้าเหมียวอี้เผยรอยยิม้ เป็ นอย่างที่เขาคาดไว้ เป็ นอย่างนี้จริ ง ๆ ด้วย พลังจิตวิญญาณที่แฝงอยู่
ในยาเม็ดโลหิ ตน่าทึ่งจริ ง ๆ ราวกับใช้อย่างไรก็ไม่มีวนั หมดไป พอกลัน่ กรองออกมาก็ปรากฏรู ปร่ าง
เดิมที่เหมือนหมอกทันที ปกติยามใช้ลูกแก้วพลังปรารถนาเพื่อรวมรวมพลังจิตวิญญาณแห่งฟ้ าดินมา
ดูดซับ ก็จะไม่เห็นภาพอะไรแบบนี้ ประสิ ทธิภาพไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าการใช้ของประเภทยาแก่นเซียน
เลย
ไม่รู้วา่ เวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว เหมียวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดกลัน่ กรองยาเม็ดโลหิ ตสองเม็ดที่กาํ อยูใ่ น
มือ เสื้ อผ้าที่โป่ งพองก็ค่อย ๆ แบนลีบลงเช่นกัน เมื่อหมอกกลุ่มสุ ดท้ายถูกเขาอ้าปากสูบเข้าท้อง เขาก็
ลืมตาขึ้นแล้ว
เขากุมยาเม็ดโลหิ ตสองเม็ดไว้ในมือข้างเดียวกัน ในมืออีกข้างถือระฆังดารา มันกําลังมีเสี ยงดัง อวิน๋ จือ
ชิวส่ งข่าวมาว่า : ฟ้ ามืดแล้ว เจ้าไปอยูไ่ หน? คงไม่ได้ทรยศทิ้งข้าไปอีกใช่ม้ ยั ?
เหมียวอี้พดู ไม่ออก เขาทั้งรักทั้งเกลียดผูห้ ญิงคนนี้ เมื่อมีผหู ้ ญิงคนนี้อยู่ เขาก็ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องในบ้าน
เลย นางเตรี ยมการทุกอย่างได้ดีมาก เจ้าสามารถทําตัวเป็ นเจ้านายได้เลย ประกอบกับเสน่ห์ดึงดูดทาง
เพศที่อยูใ่ นตัวของผูห้ ญิงคนนี้ รสชาติของเรื่ องบนเตียงทําให้เขาถึงอกถึงใจจริ ง ๆ แต่ถา้ ทําอะไรไม่
ถูกใจนาง นางก็จะทําให้เจ้าโมโหเดือดดาลมาก
ทําให้ไม่วา่ เขาจะทําอะไรก็ตอ้ งประนีประนอมกับอวิน๋ จือชิวทุกเรื่ อง ทําให้เขากลายเป็ นผูช้ ายที่กลัว
เมีย เขารู ้สึกไม่ยอมจริ ง ๆ แบบนั้นเสี ยหน้ามากเกินไป แต่พอทะเลาะกันทีไรก็มกั จะโดนอวิน๋ จือชิว
บีบจุดอ่อนเสมอ เมียที่อุตส่ าห์เสี่ ยงชีวติ หามา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นแม่เสื อตัวหนึ่ง มันทรมานเหมือนกัน
นะ!
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์เขย่าระฆังดาราเพื่อบอกให้รู้วา่ ไม่ได้ไปไหนไกล กําลังศึกษาบัวโลหิ ต จะ
กลับไปเดี๋ยวนี้
เมื่อเก็บระฆังดาราแล้ว เขาก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แต่พอมองยาเม็ดโลหิ ตในมือก็รู้สึกฮึกเหิ มขึ้นมาอีก
ใช้เวลากลัน่ กรองอีกเกือบครึ่ งวัน ยาเม็ดโลหิ ตนี้ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีปฏิกิริยาอะไร สิ่ งนี้พิสูจน์แล้วว่า
พลังจิตวิญญาณที่แฝงอยูใ่ นนั้นมีมากเพียงพอ
พอเก็บยาเม็ดโลหิ ตแล้ว เขาก็เหาะออกมาจากเส้นทางคดเคี้ยวในถํ้า พอลอยขึ้นกลางอากาศ ก็พบว่า
ท้องฟ้ าเปลี่ยนเป็ นสี ดาํ แล้ว เขาจึงรี บกางแขนเหาะกลับไป
เมื่อเหยียบลงตรงประตูตาํ หนักหลัง บัณฑิตก็รีบปล่อยเขาเข้าไปโดยที่เขาไม่ตอ้ งบอกอะไร แต่อีกฝ่ าย
ก็ไม่ลืมที่จะเตือนว่า “เมื่อครู่ น้ ีฮูหยินตามหาท่านไปทัว่ ”
ในลานนอกตําหนัก อวิน๋ จือชิวที่วางมาดมารดาแห่งใต้หล้ากําลังลากกระโปรงยาวเดินไปเดินมาอยูใ่ น
นั้น ค่อนข้างกังวลว่าตัวเองกดดันเหมียวอี้โหดไปหรื อเปล่า กลัวว่าจะกดดันจนเหมียวอี้หาข้ออ้างหนี
ไปอีก
เมื่อเห็นเหมียวอี้กลับมา นางก็โล่งใจเหมือนยกก้อนหิ นออกจากอก รี บก้าวเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้า
ยิม้ แย้ม เมื่ออยูต่ ่อหน้ากลุ่มนางใน นางยังโค้งกายคํานับเขาอย่างเรี ยบร้อยอีกด้วย “นายท่านกลับ
มาแล้วหรื อคะ!”
กลุ่มนางในคํานับตามทันที “คํานับนายท่านเจ้าค่ะ!”
เหมียวอี้ตอบ ‘อืม’ คําเดียว วางมาดเต็มที่เช่นกัน เดินก้าวยาวไปข้างหน้าต่อโดยไม่เหล่ตามองแม้แต่
น้อย
อวิน๋ จือชิวรี บเดินตามทันที พร้อมทั้งกําชับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์วา่ ให้จดั โต๊ะอาหารได้แล้ว
ตอนที่ 890

เวยเวยร่ วมเดินทาง
ที่หอ้ งรับประทานอาหารในตําหนักด้านข้าง อวิน๋ จือชิวไม่ได้ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ งานหนัก นาง
เป็ นฝ่ ายจัดวางอุปกรณ์พวกชามกับตะเกียบให้เหมียวอี้ดว้ ยตัวเอง เหมียวอี้มองซ้ายมองขวา แล้วกล่าว
อย่างรู ้สึกขําขัน “ข้าว่านะ ตรงนี้ไม่มีคนนอก ฮูหยินไม่ตอ้ งแสดงละครหรอก?”
“แสดงละคร?” อวิน๋ จือชิวงุนงงไปชัว่ ขณะ จากนั้นก็เข้าใจทันที ยังคงเติมนํ้าแกงใส่ ชามวางตรงหน้า
เขาต่อไป พลางกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิดว่า “ข้าปรนนิบตั ิเจ้าด้วยเจตนาดี แต่กลายเป็ นแสดงละครใน
สายตาเจ้าเสี ยแล้ว เจ้ามีมโนธรรมสักหน่อยได้ม้ ยั ? ขอเพียงเจ้าไม่ทาํ อะไรซี้ซ้ วั ข้าก็ปรนนบัติเจ้าด้วย
ความเต็มใจอยูแ่ ล้ว”
“จริ งหรื อล้อเล่น? เอ่อคือ…” เหมียวอี้ช้ ีไปบนไหล่ของตัวเอง “นวดไหล่ให้ขา้ ก่อนสิ !”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์รีบเข้ามาทําแทนทันที แต่เหมียวอี้โบกมือห้ามทั้งสอง “พวกเจ้าสองคนไม่ตอ้ งทํา
หรอก พวกเจ้านัง่ กินก็พอ ข้าอยากให้นางปรนนิบตั ิขา้ !”
อวิน๋ จือชิวกลอกตามองเขาอย่างสวยหยาดเยิม้ รู ้วา่ ในใจของเจ้าบ้านี่ยงั ไม่หายโกรธ แต่นางก็ไม่ได้พดู
อะไรมาก เดินไปข้างหลังเขาจริ ง ๆ นางกดมืออันงดงามอ่อนนุ่มลงบนหัวไหล่เขา แล้วเริ่ มบีบนวด
ด้วยนํ้าหนักแรงที่พอเหมาะพอดี ยังถามอีกว่า “นํ้าหนักมือเป็ นอย่างไรบ้าง?”
“ก็พอได้!” เหมียวอี้พิงเก้าอี้พร้อมทําสี หน้าผ่อนคลาย แล้วก็ช้ ีไปยังเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่กาํ ลังมอง
ตัวเองอยู่ “พวกเจ้านัง่ ลงสิ นัง่ ลงเถอะ ตรงนี้ไม่มีคนนอก นัง่ ลงกินก่อนเลย”
สองสาวสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเชียนเอ๋ อร์กล็ องพูดเตือนว่า “นายท่านเจ้าคะ อาหารทั้งโต๊ะนี้ ฮูหยิน
เป็ นคนลงมือทําให้ท่านด้วยตัวเอง วัตถุดิบต่าง ๆ ฮูหยินก็เลือกสรรเองอย่างเอาใจใส่ ถ้าปล่อยให้เย็น
จะไม่อร่ อยนะเจ้าคะ”
เหมียวอี้ตะลึงไปชัว่ ขณะ ก่อนจะกวาดสายตามองอาหารชั้นดีที่วางอยูเ่ ต็มโต๊ะ เป็ นครั้งแรกที่ผหู ้ ญิง
คนนี้ลงมือทําอาหารให้เขากิน ในใจรู ้สึกซาบซึ้งนิดหน่อย
อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังนวดไหล่ให้เขากล่าวอย่างรู ้สึกขําขัน “พอแล้ว! พวกเจ้ากินก่อนได้เลย เจ้าบ้านี่ยงั ไม่
หายโกรธ กําลังจงใจทรมานข้า ถ้าไม่ให้เขาระบายอารมณ์สกั หน่อย ก็ไม่รู้วา่ ต่อไปในใจจะแค้นเคือง
ข้าอย่างไร อาจจะด่าจนข้าตายด้วยซํ้า เฮ้อ! ใครใช้ให้ขา้ วาสนาดีได้มาแต่งงานกับเขาล่ะ สวรรค์ลิขิต
ให้ขา้ ต้องโดนเขาทรมานไปทั้งชาติ หนิวเอ้อร์ เจ้าว่าใช่รึเปล่า?”
“แค่ก ๆ !” เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ สองที “ไม่ได้ทรมานเจ้า…พวกนางสองคนก็พดู มีเหตุผล ถ้าเย็นแล้วจะ
ไม่อร่ อย ไปกินก่อนเถอะ กินเสร็ จแล้วค่อยนวดให้ขา้ ก็ยงั ไม่สาย”
ตอนนี้อวิน๋ จือชิวถึงได้หยุดมือ แต่ไม่ได้รีบเข้ามานัง่ นางถกแขนเสื้ อขึ้น แล้วจับตะเกียบคีบอาหารแต่
ละอย่างวางใส่ จานให้ตรงหน้าเหมียวอี้ “นายท่านลองชิมดูนะเจ้าคะ ดูวา่ อาหารจานไหนถูกปาก ถ้าถูก
ปากก็บอกกันสักหน่อย ถ้ามีโอกาสข้าจะแสดงละครแบบนี้ให้ดูอีก”
เมื่อคีบอาหารเสร็ จแล้วก็นงั่ ลงข้างกายเขา แล้วหันมองเขาชิมอาหารทีละอย่าง ทุกเขาครั้งเขากิน นางก็
จะลองถามว่ารสชาติเป็ นอย่างไรบ้าง
หลังจากเหมียวอี้ชิมแล้ว ก็เลือกอาหารที่ตวั เองชอบที่สุด แล้วพูดเสริ มอย่างรู ้สึกเกรงใจอีกว่า “เจ้าก็กิน
ด้วยสิ ! ขอแค่เป็ นอาหารที่ฮูหยินทําเอง ข้าก็ชอบหมด”
“ปากก็พดู จาน่าฟัง แต่ในใจอาจจะด่าว่าไม่อร่ อยก็ได้!” อวิน๋ จือชิวกลอกตามองเขา แต่รอยยิม้ บน
ใบหน้านั้นยากจะปิ ดบัง ตอนนี้ใบหน้าของนางดูกระปรี้ กระเปร่ ามาก นางพูดเสริ มอีกว่า “ขอแค่เจ้าไม่
รังเกียจที่จะกิน ต่อไปถ้าอยูใ่ นบ้านข้าจะทําอาหารให้เจ้ากินเอง”
เหมียวอี้หวั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก วิธีการ ‘ฟาดหนึ่งกระบอง ป้ อนพุทราเชื่อมหนึ่งผล[1]’ แบบนี้
ช่างเหมือนตกนรกทั้งเป็ นจริ ง ๆ !
แต่ไม่วา่ จะยังไง เหมียวอี้กย็ งั ไว้หน้านาง เพื่อที่จะแสดงออกว่านางทําอาหารอร่ อย เขายัดอาหารลง
ท้องอย่างดุดนั กินจนอวิน๋ จือชิวทําสี หน้าเบิกบานแจ่มใส ลุกขึ้นคีบอาหารให้เขาอีก นางใช้เวลาส่ วน
ใหญ่มองดูเขากิน ในแววตาเต็มไปด้วยความละมุนละไม
เหมียวอี้ซ้ ึงในนํ้าใจของนางแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยชินกับวิถีชีวติ สามีภรรยาแบบนี้ รู ้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
ขนาดเวลากินยังเหนื่อยเลย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขายังไม่คุน้ ชินกับวิถีชีวติ ที่มีคนมานัง่ กินข้าวกับเขา
อย่างใกล้ชิดสนิทสนม ถึงแม้ท้ งั สองจะเป็ นสามีภรรยากันมาแล้วหลายร้อยปี แต่เวลาที่ได้ใช้ชีวติ
ร่ วมกันจริ ง ๆ ยังไม่เยอะ ทั้งสองยังต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวเข้าหากัน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ นิสยั เดิมของอวิน๋ จือชิวก็กาํ เริ บอีกแล้ว นางเคยชินกับการอาบนํ้าวัน
ละสองครั้ง ขอเพียงไม่มีกิจธุระจําเป็ น นางก็จะบังคับเหมียวอี้ดว้ ย ให้เขารี บไปอาบนํ้า
เห็นแก่ที่นางทําอาหารดี ๆ ไว้เต็มโต๊ะ เหมียวอี้จึงไม่เถียงอะไรมาก ตอนกําลังจะเดินไปที่หอ้ งอาบนํ้า
แต่กลับโดนอวิน๋ จือชิหา้ มไว้ “ไปอาบกับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์แล้วกัน คืนนี้กน็ อนกับพวกนาง ข้าจะ
ฝึ กตน ไม่วา่ งมาปรนนิบตั ิเจ้า!”
หญิงรับใช้ท้ งั สองหน้าแดงทันที ก้มหน้าจะจัดเก็บโต๊ะอาหาร แต่อวิน๋ จือชิวบอกว่า “พวกเจ้าไม่ตอ้ ง
เก็บหรอก ไปกับนายท่านเถอะ เดี๋ยวตรงนี้มีคนทําให้” พูดจบก็เรี ยกนางในสองคนเข้ามา
ดังนั้นคืนนี้ประมุขปราสาทเหมียวจึงสําราญบานใจมาก เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งทําตามที่เขาต้องการ
แน่นอน และไม่กล้าควบคุมเขาด้วย กอปรกับการที่ท้ งั สองถูกอบรมสัง่ สอนเรื่ องปรนนิบตั ิผชู ้ ายมา
ตั้งแต่เด็ก ย่อมปรนนิบตั ิประมุขปราสาทเหมียวได้ถึงอกถึงใจอยูแ่ ล้ว…
เพียงแต่วนั ต่อมา เหมียวอี้กย็ งั ต้องไปที่หอ้ งหนังสื อแต่โดยดี ไปคัดตัวอักษรสองร้อยตัวนั้น ส่ วนอวิ๋
นจือชิวก็นาํ นํ้าแกงที่เคี่ยวใส่ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาให้ชามหนึ่ง ให้เขาดื่มก่อนแล้วค่อยเขียน แน่นอน
ว่านางไม่ลืมที่จะพูดหยอกล้อ บอกว่าช่วงนี้ร่างกายของนายท่านคงจะขาดสารอาหารอย่างหนัก ต้อง
บํารุ งมาก ๆ หน่อย
ถึงอย่างไรก็เป็ นเรื่ องส่ วนตัว อวิน๋ จือชิวมีพ้นื เพมาจากนภาจอมมาร เรี ยกได้วา่ อยากพูดอะไรก็พดู
ออกมาหมด
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ ง ๆ ย่อมหน้าแดงเหมือนก้นลิง เหมียวอี้กลับไม่เป็ นอะไร ผูช้ ายก็เป็ นแบบ
นี้เหมือนกันทั้งโลก ขอแค่ไม่ไปทําซี้ซ้ วั ข้างนอก การหาความสุ ขในบ้านก็เป็ นเรื่ องที่สมเหตุสมผล
เดิมทีเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กเ็ ป็ นผูห้ ญิงของเขาอยูแ่ ล้ว ไม่มีอะไรน่าเขินอาย
ค่านิยมของสังคมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผูช้ ายเท่านั้น ส่ งผลกระทบต่อผูห้ ญิงด้วยเหมือนกัน ภายใต้
ค่านิยมอันสมเหตุสมผลที่ฝังรากลึก สําหรับสิ่ งนี้ อวิน๋ จือชิวไม่คิดว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง นางคิดว่าการที่
เหมียวอี้ไปนอนกับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์คือเรื่ องที่สมควรเหมือนกัน
เป็ นอย่างที่อวิน๋ จือชิวบอก ช่วงสองสามวันนี้ร่างกายของประมุขปราสาทเหมียวขาดสารอาหารอย่าง
รุ นแรงจริ ง ๆ แต่เขาไปนอนกับเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์แค่คืนนั้น สองคืนต่อมายังคงนอนในห้องหลัก
ทุ่มเทพลังไปกับร่ างกายของอวิน๋ จือชิว เป็ นเพราะผลจากค่านิยมในสังคมเช่นเดียวกัน เหมียวอี้เองก็
ไม่ใช่ขอ้ ยกเว้น ต้องสร้างความสมดุลให้ความสัมพันธ์ในบ้าน เวลาไหนที่ควรจะทุ่มเทพลังกายกับ
ภรรยาเอก เขาก็ตอ้ งทุ่มเทพลังกายกับนาง ไม่อย่างนั้นก็เป็ นไปได้วา่ เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จะโดน
ภรรยาเอกกําจัดทิ้ง ถ้ายัว่ ให้อวิน๋ จือชิวโมโหขึ้นมา เหมียวอี้กเ็ ชื่อว่านางทําแบบนั้นได้
สิ่ งที่เรี ยกว่าผ่อนคลายสามวัน จู่ ๆ เหมียวอี้กพ็ บว่าวันคืนแบบนี้กไ็ ม่ได้แย่ อวิน๋ จือชิวปรนนิบตั ิเขาได้
อย่างเหมาะสม วันไหนที่ไม่ได้ฝึกตน นางก็จะลงมือทําอาหารให้เขาสามมื้อด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นสามวัน อวิน๋ จือชิวก็บงั คับให้เหมียวอี้ไปฝึ กตน แต่เหมียวอี้กม็ ีเหตุผลมาอ้างอีกแล้ว บอก
ว่าตัวเองไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปี ต้องไปเยีย่ มเยียนสหายเก่าบ้าง จากนั้นก็จะไปที่นภาจอมมารด้วย
พอเขาอ้างเหตุผลนี้ข้ ึนมา อวิน๋ จือชิวก็ลงั เลเล็กน้อย แต่กไ็ ม่ได้คดั ค้าน เพียงเสนอเงื่อนไขขึ้นมา นัน่ ก็
คือต้องพานางไปด้วย พร้อมทั้งต้องพาฉิ นเวยเวยไปด้วย
เหมียวอี้ยอ่ มแปลกใจ เพราะพานางไปคนเดียวก็พอแล้ว จึงถามว่า “พาฉินเวยเวยไปด้วยทําไม?”
“เรื่ องระหว่างผูห้ ญิง เจ้าไม่เข้าใจหรอก ไม่เกะกะธุระของเจ้าหรอกน่า เชื่อฟังข้าน่ะถูกต้องแล้ว อย่าง
น้อยระหว่างทางก็มีคนคอยเล่นหมากล้อมกับเจ้า ไม่ดีเหรอ?”
ดังนั้น เกี้ยวหลังหนึ่งจึงเหาะออกจากปราสาท ช่างไม้และช่างหิ นยังคงหามเกี้ยวเหมือนเดิม อวิน๋ จือชิว
ยังคงนอนอยูใ่ นมุง้ เหมียวอี้นงั่ ด้านนอกเกี้ยว ทุกคนรู ้สึกว่าภาพนี้ดูคุน้ ตาเหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน…
ประมุขปราสาทและฮูหยินมาหาด้วยตัวเอง ฉินเวยเวยย่อมรู ้สึกตกตะลึง หลังจากรู ้วา่ ต้องการจะพา
นางไปเยีย่ มเยียนแขกด้วยกัน นางก็ตกตะลึงยิง่ กว่าเดิม แต่ในเมื่อฮูหยินเอ่ยปากแล้ว นางก็ไม่มีทาง
ปฏิเสธได้ ทําได้เพียงร่ วมทางไปด้วยกัน
เกี้ยวหลังงามเหาะอยูบ่ นฟ้ า เหมียวอี้กบั ฉินเวยเวยแข่งหมากล้อมกัน ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็นงั่ หันหลังพิง
เหมียวอี้ ปากขยับพึมพําร้องเพลงเบา ๆ ปล่อยให้ผา้ มุง้ บางปลิวปะทะหน้า
พวกเขาไปไปเยีย่ มเยียนซื อคงอู๋เว่ยกับเถาชิงหลีที่อยูใ่ กล้ก่อน จากนั้นก็ไปหาจ้าวเฟยกับอูเมิ่งหลัน
ส่ วนทางด้านกู่ซานเจิ้ง ถานเล่า เย่ซิน พวกเขาก็ไปเยีย่ มเยียนเช่นกัน จากนั้นก็ไปเยีย่ มพี่ใหญ่ร่วม
สาบานทั้งสี่ ที่ทะเลดาวนักษัตร
พวกเขามาค้างที่ทะเลดาวนักษัตรหลายวัน เหมียวอี้คุยกับปี ศาจเฒ่าทั้งสี่ นานมาก เมื่ออยูก่ บั ประมุขถิ่น
สี่ ทิศจะคุยเรื่ องอะไรได้ล่ะ ทั้งสี่ ยอ่ มสนใจพิภพใหญ่อยูแ่ ล้ว ถามเขาว่าหลายร้อยปี มานี้ไปพิภพใหญ่มา
ใช่ม้ ยั
เหมียวอี้บอกทั้งสี่ วา่ เขาไปพิภพใหญ่มาแล้วจริ ง ๆ แต่เกือบจะเอาชีวติ ไม่รอด เพราะโดนขังที่ค่ายกล
มารโลหิ ตหลายร้อยปี โชคดีที่ได้เจอคนของปราสาทดําเนินนภา อีกฝ่ ายสามารถสูก้ บั ปี ศาจโลหิ ต ตน
ถึงได้หนีรอดชีวติ กลับมาได้ หลังจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่พิภพใหญ่โดนปล้น ข่าวสารก็ยงั น่ากังวลมาก มี
การสื บค้นตรวจสอบอยูท่ วั่ ทุกที่ เขาเองก็ยงั ไม่กล้าไปเหมือนกัน ให้ท้ งั สี่ ลม้ เลิกความคิดที่จะไปพิภพ
ใหญ่เอาไว้ชวั่ คราว
จากนั้นปี ศาจเฒ่าทั้งสี่ กพ็ าเหมียวอี้ไปยังตําหนักประมุขถิ่นกลาง ตําหนักนี้สร้างได้งดงามหรู หราจริ ง
ๆ ปี ศาจเฒ่าใช้ความคิดไปมากจริ ง ๆ ทั้งยังขอความเห็นจากอวิน๋ จือซํ้าแล้วซํ้าอีก ตําหนักนี้ต้ งั อยูบ่ น
ยอดภูเขาหิ มะสู ง ใหญ่โตโอ่อ่า ให้ความรู ้สึกเหมือนกําลังพุง่ ขึ้นฟ้ า
ที่ยอดเยีย่ มที่สุดก็คือ ด้านหลังของตําหนักประมุขถิ่นกลางเป็ นภูเขาสูงและทะเลสาบ ที่นนั่ เป็ นฤดู
ใบไม้ผลิท้ งั ปี เป็ นทิวทัศน์ที่งดงามไร้ที่สิ้นสุ ดอย่างแท้จริ ง ราวกับอยูใ่ นผ้าแพรลายดอกไม้ เพียงแต่
สองสามีภรรยายังไม่ได้เข้ามาอาศัยอยูท่ ี่นี่ ตําหนักประมุขถิ่นกลางว่างมาตลอด มีปีศาจกลุ่มหนึ่งคอย
รับผิดชอบเฝ้ าดูแลและงานทําความสะอาดประจําวัน
ตอนที่เดินมาถึงริ มทะเลสาบพร้อมกับอวิน๋ จือชิวและฉินเวยเวย เหมียวอี้กถ็ อนหายใจแล้วบอกว่า
“เป็ นสถานที่ที่ดีจริ ง ๆ ถ้ามีปัจจัยพร้อมก็นาํ ค่ายกลแปดทิศมาใช้ที่นี่ ล้อมรัศมีของที่นี่ไว้สกั สิ บลี้ แล้ว
ส่ งคนมาคอยเฝ้ าดูแล เวลาที่อยากมาอยูก่ ค็ ่อยมาอยู”่
อวิน๋ จือชิวกําลังเดินคู่อยูก่ บั ฉิ นเวยเวย นางเหลือบมองเหมียวอี้ที่เดินเอามือไขว้หลังอยูข่ า้ งหน้าแวบ
หนึ่ง แล้วพูดหยอกล้อว่า “ถ้าเลี้ยงอนุภรรยาไว้อีกสักสองสามคนก็ดีกว่าใช่ม้ ยั ล่ะ?”
เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ แล้วเตือนว่า “ปากไม่มีหูรูด เดี๋ยวเวยเวยได้ยนิ เรื่ องน่าหัวเราะเยาะหรอก”
อวิน๋ จือชิวพ่นเสี ยงทางจมูก แล้วบอกว่า “เจ้าอย่าพูดไปเลย ถ้าเจ้าแต่งคนอื่นมาเป็ นอนุภรรยา ข้าก็ไม่
ยอมรับหรอก แต่ถา้ เจ้าแต่งกับเวยเวยน้องสาวข้า ข้าก็จะสนับสนุนแน่นอน!”
ฉิ นเวยเวยหน้าแดงเรื่ อทันที เรี ยกได้วา่ เขินอายมากจริ ง ๆ นางแอบมองปฏิกิริยาของเหมียวอี้โดยจิตใต้
สํานึก
“แค่ก ๆ !” เหมียวอี้กาํ หมัดไอแห้ง ๆ แล้วเตือนว่า “ฮูหยิน ถ้าพูดจาเหลวไหลอีก ระวังจะมีเรื่ องกับผู ้
การใหญ่หยางนะ!”
“ข้าไม่ได้พดู ขาเหลวไหลนะ ขอแค่เวยเวยตอบตกลง ข้าก็จะจัดงานให้พวกเจ้าสองคนทันที นิสยั อย่าง
เจ้าน่ะ ถ้าเวยเวยชอบก็แปลกแล้ว” อวิน๋ จือชิวพูดดูถูกเขา แล้วหันมาถามฉินเวยเวยว่า “น้องสาว เจ้าคิด
เหมือนกันมั้ย?”
ฉินเวยเวยหน้าแดงกํ่า อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
ส่ วนเหมียวอี้กส็ ่ ายหน้า รับมือกับผูห้ ญิงบ้าคนนี้ไม่ไหว นางกล้าพูดทุกอย่างที่คิดจริ ง ๆ
หลังจากออกจาตําหนักประมุขถิ่นกลาง เหมียวอี้รู้สึกกังวลใจอยูบ่ า้ ง ไม่มีอารมณ์เล่นหมากล้อมกับฉิ น
เวยเวยแล้ว ตอนนี้ตอ้ งไปนภาจอมมารแล้ว ต้องไปเข้าพบปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ท่านนั้นคือยอด
ฝี มืออันดับหนึ่งแห่งพิภพเล็ก ไม่รู้วา่ จะมีบุคลิกท่าทางอย่างไร ไม่รู้ดว้ ยว่าจะมองหลานเขยคนนี้
อย่างไร!
ตอนที่ 891

เยือนนภาจอมมารครั้งแรก
ถ้าจะให้พดู จริ ง ๆ เหมียวอี้กร็ ู ้ชดั อยูแ่ ก่ใจ ว่าถ้าตัวเองไม่ได้แต่งงานกับอวิน๋ จือชิว ถ้าอาศัยแค่ตวั เขาเอง
ในตอนนี้ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเป็ นแขกของนภาจอมมารได้เลย ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าจะได้พบหน้า
ปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน
แต่อวิน๋ จือชิวกลับยังคงพูดคุยกับฉินเวยเวยเรื่ องแต่งงานเข้ามาเป็ นอนุภรรยาของเหมียวอี้ตลอดทาง
ทั้งยังให้ฉินเวยเวยช่วยออกความคิดเห็นด้วย ว่าผูห้ ญิงแบบไหนเหมาะจะแต่งงานเข้ามาเป็ นอนุภรรยา
ของเหมียวอี้
“พี่สาวอยากจะหาอนุภรรยาให้นายท่านจริ ง ๆ เหรอคะ?” เมื่อฟังมาจนถึงตอนท้าย ฉิ นเวยเวยที่คอยฟัง
มาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ถ้ายืนอยูใ่ นมุมของผูห้ ญิง นางไม่กล้าเชื่อว่าอวิน๋ จือชิวจะใจกว้างขนาดนั้นจริ ง ๆ
“คิดว่าข้าพูดเล่นเหรอ? ข้าคิดอย่างนี้จริ ง ๆ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาแอบหนีไป หนีไปทีกห็ ลายร้อยปี ข้า
กําลังพิจารณาเรื่ องนี้อยู่ ผูช้ ายเจ้าชูห้ ลายใจมาก บางทีขา้ คนเดียวอาจจะทําให้เขาพอใจไม่ได้ เลย
ตัดสิ นใจจะหาอนุภรรยาให้เขาสักคนหนึ่ง”
ช่างไม้กบั ช่างหิ นที่กาํ ลังหามเกี้ยวพากันกลั้นขํา ส่ วนเหมียวอี้กส็ ่ ายหน้าอย่างจนใจ อุดปากผูห้ ญิงคนนี้
ไม่อยูอ่ ีกแล้ว เอาแต่คิดไปเองแทนเขาไม่หยุด ทําให้เขาพูดไม่ออกมาก จึงหันกลับมาเปลี่ยนประเด็น
สนทนา “อวิน๋ จือชิว ข้าไปนภาจอมมารมือเปล่าแบบนี้จะเหมาะสมหรื อเปล่า? จะให้ขา้ เตรี ยม
ของขวัญอะไรสักหน่อยมั้ย?”
“เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งกังวล อะไรที่ควรเตรี ยมข้าก็เตรี ยมไว้แล้ว เจ้าไปแต่ตวั ก็พอ” อวิน๋ จือชิวตอบอย่าง
ไม่ใส่ ใจ แล้วจูงมือฉินเวยเวยมาคุยประเด็นก่อนหน้านี้ต่อ “น้องสาว! เจ้าช่วยข้าออกความเห็นหน่อยสิ
ดูวา่ ผูห้ ญิงแบบไหนจะเหมาะสม”
“เรื่ องแบบนี้ ถ้าพี่สาวใจร้อนก็เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์ คงต้องดูวา่ นายท่านชอบแบบไหนค่ะ” ฉิ นเวย
เวยฝื นยิม้
อวิน๋ จือชิวยืน่ ปลายเท้าไปจิ้มก้นเหมียวอี้ทนั ที “ถามเจ้าอยูน่ ะ ชอบแบบไหนล่ะ?”
เหมียวอี้เอามือคลําก้นพลางร้องอุทาน จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าว่าเจ้าอย่าทําตัวบ้าบอแบบ
นี้ได้ม้ ยั ? เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ! ข้าไม่ได้บอกเสี ยหน่อยว่าจะรับอนุภรรยา!”
ในใจเขาเตรี ยมพร้อมป้ องกัน สงสัยว่าผูห้ ญิงคนนี้คงกําลังทดสอบเขาแน่ ๆ ถ้าเขาเอ่ยปากยอมรับจริ ง
ๆ เดี๋ยวกลับไปคงลําบาก
“ไม่ตอ้ งแสร้งทําตัวเรี ยบร้อยอะไรหรอก!” อวิน๋ จือชิวเท้าสะกิดก้นเขาอีกที แล้วหันกลับมาพูดกับฉิ น
เวยเวยอีก “น้องสาว ใต้บงั คับบัญชาเจ้าก็มีกาํ ลังคนไม่นอ้ ย เดี๋ยวกลับไปช่วยข้าดูให้ดี ๆ หน่อยนะ ถ้า
เจอคนที่เหมาะสมก็พามาให้ขา้ ดูหน่อย”
ฉิ นเวยเวยพยายามเจียดรอยยิม้ พลางพยักหน้า นับว่าตอบตกลงแล้ว เพียงแต่หลายครั้งที่เห็นเถ้าแก่เนี้ย
ใช้เท้าจิ้มก้นเหมียวอี้ เห็นเหมียวอี้ทาํ สี หน้าจนใจ นางก็ค่อนข้างเห็นใจเขา นึกไม่ถึงว่าประมุขปราสาท
ผูส้ ง่าผ่าเผยจะได้รับการปฏิบตั ิเช่นนี้เมื่ออยูต่ ่อหน้าฮูหยิน
ในหัวนางมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา นัน่ ก็คือ อวิน๋ จือชิวได้แต่งงานกับเหมียวอี้ แต่ไม่ได้ทาํ หน้าที่ฮูหยิ
นอย่างดีที่สุด และไม่ได้ดูแลผูช้ ายคนนี้ให้ดี ผูห้ ญิงคนหนึ่งปฏิบตั ิต่อสามีตวั เองเช่นนี้ได้อย่างไร? นาง
พอจะเข้าใจบ้างแล้วว่าทําไมเหมียวอี้ถึงแอบหนีไป เป็ นไปได้สูงว่ารับไม่ได้กบั การโดนทารุ ณ ขนาด
อยูต่ ่อหน้าคนนอกอวิน๋ จือชิวยังทําแบบนี้ได้ เมื่ออยูใ่ นบ้านก็คงไม่ได้ดีสกั เท่าไร
หลังจากฉิ นเวยเวยคิดได้แบบนี้ ก็รู้สึกปวดใจแทนเหมียวอี้อย่างบอกไม่ถูก ในปี นั้น ผูช้ ายที่ขี่อาชา
มังกรบุกเดี่ยวท่ามกลางกําลังพลนับพันและโบกทวนตะโกนอย่างดุดนั เกรี้ ยวกราดว่า ‘เหมียวอี้อยูน่ ี่
แล้ว ใครกล้าสูก้ บั ข้า’ ไม่น่าเชื่อว่าจะตกตํ่าถึงขนาดนี้ ถ้าในปี นั้นทั้งสองได้อยูด่ ว้ ยกันจริ ง ๆ ตัวเองจะ
ไม่ปฏิบตั ิต่อเขาอย่างขาดความยุติธรรมเด็ดขาด…
ยอดเขาสูงเสี ยดฟ้ า ยิง่ ใหญ่สยบใต้หล้า!
เกี้ยวเหาะมาเหยียบลงนอกประตูใหญ่ของนภาจอมมารโดยตรง ไม่ตอ้ งไปรายงานก่อน ด้วยยีห่ อ้ อย่า
งอวิน๋ จือชิว สามารถเดินเคียงคู่กบั เหมียวอี้เข้าประตูใหญ่ไปได้เลย ปกติอวิน๋ จือชิวจะเหาะขึ้นไปบน
ภูเขาโดยตรง แต่ตอนนี้เหมียวอี้เยีย่ มคารวะเป็ นครั้งแรก คงไม่ดีถา้ จะทําตัวเสี ยมารยาท จะต้องทําตาม
ระเบียบ
ฉิ นเวยเวยเดินตามหลังทั้งสองอย่างค่อนข้างตื่นเต้นกังวล ไม่เคยนึกมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้มาเหยียบ
ในสถานที่ช้ นั สูงแบบนี้ โดยเฉพาะตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ติดอยูบ่ นป้ ายประตูขา้ งหน้า ยิง่ ใหญ่สยบใต้
หล้า!
มีพลังอํานาจไม่ธรรมดา แค่มองปราดเดียวก็ทาํ ให้หวาดกลัว เผยให้เห็นความเผด็จการ มีพลังสยบใต้
หล้าจริ ง ๆ ด้วย นี่คือสถานที่เก็บตัวฝึ กตนของปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ผูซ้ ่ ึ งเป็ นยอดฝี มืออันดับหนึ่ง
ในใต้หล้า เรี ยกได้วา่ เป็ นสถานที่ที่สูงสุ ดในใต้หล้า จะไม่ให้ฉินเวยเวยตื่นเต้นกังวลได้อย่างไร
ช่างไม้กบั ช่างหิ นที่อยูข่ า้ งหลังเก็บเกี้ยวแล้ว ก่อนหน้านี้ช่างไม้ไม่กล้าเหยียบเข้ามาในนภาจอมมาร แต่
ตอนนี้ถือว่าตัดขาดความสัมพันธ์กบั นภาอู๋เลี่ยงแล้ว กลายเป็ นลูกน้องคนสนิทของอวิน๋ จือชิวแล้ว มี
สิ ทธิ์เข้ามาที่นี่ได้
ภูเขายิง่ ใหญ่เกรี ยงไกรตั้งสูงชันอยูส่ องข้างทาง เต็มไปด้วยต้นสนขนาดใหญ่และหิ นประหลาด ตรง
แนวเทือกเขาที่อยูไ่ กลโพ้นมีเสี ยงสัตว์ป่าร้องไม่หยุด พวกเขาเดินขึ้นบันไดตามทางหิ นที่ตดั ผ่านภูเขา
เหมียวอี้และอวิน๋ จือชิวเดินเคียงกันอยูห่ น้าสุ ด อวิน๋ จือชิวสวมมงกุฎหงส์ ดูสูงส่ งภูมิฐาน กระโปรงยาว
ข้างหลังลากพื้น
พวกเขายังไม่ทนั เดินขึ้นเขา ก็ได้ยนิ เสี ยงทักทายโหวกเหวกโวยวายดังมาไม่หยุด “พี่หญิงใหญ่ พี่เขย
มาแล้ว…”
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ฟังออกถึงเสี ยงคุน้ เคยที่ปะปนอยูใ่ นนั้น
ซวบ ๆ ! เงาคนหลายคนเหาะมาเหยียบลงบนไหล่เขา ใช้เวลาเพียงครู่ เดียวก็มีคนโผล่มาเป็ นร้อยแล้ว
กําลังยืนมองลงมาข้างล่าง เหมือนทุกคนมาดูเอาสนุก อวิน๋ จือชิวจึงหันกลับมาพูดกับเหมียวอี้ดว้ ย
รอยยิม้ ว่า “เจ้าช่างหน้าใหญ่จริ ง ๆ นะ พวกเขามาต้อนรับเจ้าทั้งนั้น ข้าไม่เคยได้รับการปฏิบตั ิแบบนี้
เลย”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ รู ้สึกหนาวชาหนังศีรษะนิดหน่อย ญาติพี่นอ้ งพวกนี้ประหลาดพิลึกจริ ง ๆ ข้าจํา
ได้ไม่หมดหรอก!
มีบางคนที่ตะโกนโวยวายอยูข่ า้ งบนแล้ว อย่างเช่นอวิน๋ เฟยหยาง แหกปากตะโกนทักทายว่า “พี่เขย
ทําไมแค่เดินยังเดินช้าขนาดนั้นล่ะ? ตอนที่ข้ ึนเตียง พี่หญิงใหญ่โหดเกินใช่ม้ ยั ทําเอาท่านตัวอ่อนเป็ น
กุง้ แล้ว แรงแค่น้ ียงั กล้ามาที่นภาจอมมารอีกนะ!”
พี่นอ้ งรุ่ นราวคราวเดียวกันหัวเราะลัน่ จากนั้นก็ตามด้วยเสี ยงร้อง “อ๊า” อวิน๋ เฟยหยางโดนถีบกลิ้งลง
บันไดมาหลายตลบ พอลุกขึ้นได้กต็ ะโกนอย่างโมโห “แม่งเอ๊ย ใครมัน…”
เสี ยงตะโกนพลันเงียบลง คนที่ถีบคืออวิน๋ ก่วง บิดาของเขานัน่ เอง ตอนนี้กาํ ลังจ้องเขาด้วยสี หน้าเคร่ ง
ขรึ ม
อวิน๋ เฟยหยางเหมือนโดนตะคริ วกินใบหน้า รี บหุบปากแล้วก้มหน้าเดินอ้อมไปด้านข้างอย่างซึม ๆ
เหมียวอี้เหงื่อแตกพลัก่ พบว่าเจ้าพวกนี้กล้าพูดทุกอย่างออกมาจริ ง ๆ แม้แต่คาํ พูดไร้ยางอายก็สามารถ
ตะโกนออกมาต่อหน้าต่อหน้าสาธารณะชนได้
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ ดวงตางามฉายแววดุดนั จ้องตามหลังอวิน๋ เฟยหยางที่เดินหดหัวไป แล้วหันมายิม้
ให้ฉินเวยเวยที่กาํ ลังทําสี หน้าอึดอัด “น้องสาว เป็ นแค่คนส่ วนน้อยที่ปากไม่มีหูรูดน่ะ อย่าเก็บคําพูด
พวกนั้นมาใส่ ใจเลยนะ”
ฉินเวยเวยฝื นยิม้ อย่างเก้อเขิน นางไม่เคยผ่านเรื่ องอย่างว่าของชายหญิงมาก่อน จะไปชินกับคําพูด
ลามกได้อย่างไร
เหมียวอี้กลับพึมพําในใจว่า นี่เป็ นคนส่ วนน้อยเหรอ? เหมือนทุกคนในตระกูลอวิน๋ ที่ขา้ รู ้จกั จะปากไม่
มีหูรูดกันหมดเลยนะ ฮูหยินเองก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเขาสักเท่าไรหรอกมั้ง? เป็ นอีกาฝูงเดียวกันแท้ ๆ
จําเป็ นต้องไปว่าคนอื่นมั้ย!
พอพวกเขาเดินขึ้นมาบนเนินเขาที่ใช้ตอ้ นรับแขก สองสามีภรรยาไล่เรี ยงคํานับผูใ้ หญ่ดว้ ยกันทันที
“อาหญิงสาม อาหก อาแปด…”
ส่ วนอาเขยกับอาสะใภ้ที่อยูข่ า้ งหลังก็มีจาํ นวนเยอะเกินไป โดยเฉพาะบรรดาอาสะใภ้ พวกอาเขยยังดี
หน่อย เพราะมีคุณธรรมความเชื่อคอยควบคุม ที่นภาจอมมารจึงยังไม่มีปรากฏการณ์หนึ่งหญิงหลาย
สามี แต่พวกอาสะใภ้น้ นั ต่างออกไป บางคนที่มีเมียเยอะหน่อยก็ปาเข้าไปสิ บยีส่ ิ บคน
สรุ ปก็คือเหมียวอี้โค้งกายคํานับจนแทบจะมึนศีรษะ เขาจะไปจําคนมากมายขนาดนี้ในรวดเดียวได้
อย่างไร แต่มาครั้งแรกจะเสี ยมารยาทไม่ได้ ให้ความสําคัญกับทุกคนโดยไม่ขาดตกบกพร่ อง โชคดีที่
ข้างกายมีอวิน๋ จือชิว แค่เรี ยกชื่อตามนางก็พอแล้ว
ฉินเวยเวยที่ยนื อยูก่ บั ช่างไม้และช่างหิ นเห็นแล้วตาลาย คําว่าเจ็ดอาแปดน้า[1] เมื่อเทียบกับญาติพี่นอ้ ง
พวกนี้แล้วยังนับว่าห่างชั้น คึกคักวุน่ วายมาก
หลังจากคํานับเสร็ จ ในฐานะที่เป็ นผูจ้ ดั การชั้นหนึ่งของบรรดาพี่นอ้ งเหล่านี้ อาหกอวิน๋ เซี่ ยวออกคําสัง่
ว่า “ประกาศลงไป ลูกเขยใหม่มาเยือนบ้านแล้ว จัดงานเลี้ยงใหญ่ตอ้ นรับแขก ห้ามขาดไปแม้แต่คน
เดียว จะดีใจหรื อไม่ดีใจก็ตอ้ งมาร่ วมงานกันให้ครบ!”
เมื่อพูดจบก็ยอ่ มมีคนไปเตรี ยมการ อวิน๋ จือชิวโดนบรรดาน้องสาวเสี ยงเจื้อยแจ้วดึงตัวไปทันที ส่ วน
เหมียวอี้กโ็ ดนพวกผูช้ ายดึงตัวไปพร้อมกับเสี ยงหัวเราะดังลัน่ ทําเหมือนจะพวกมารุ มทําร้าย
อวิน๋ จือชิวที่สวมมงกุฎหงส์และแต่งตัวเหมือนมารดาแห่งใต้หล้า เมื่ออยูท่ ่ามกลางสาว ๆ กลุ่มนี้ ก็เรี ยก
ได้วา่ เด่นสง่ามีราศีราวกับนกกระเรี ยนในฝูงไก่ พวกน้อง ๆ ชมนางไม่หยุดว่าเครื่ องแต่งกายงดงาม แต่
ละคนทําสายตาอิจฉาชื่นชม ไม่ใช่วา่ พวกนางไม่มีปัญญาหามาใส่ แต่เครื่ องแต่งกายที่ดูโดดเด่นเหนือ
คนอื่นขนาดนี้ พวกนางไม่กล้านํามาใส่ ที่นี่ส่งเดช ทําได้เพียงอิจฉาเท่านั้น
ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็โดนพวกน้อง ๆ ชมจนหน้าชื่นตาบาน ยิม้ แย้มอย่างสดใส เพราะได้สวมเครื่ องแบบ
เต็มยศกลับบ้านไงล่ะ นี่คือหนึ่งในส่ วนที่สาํ คัญที่สุดยามผูห้ ญิงได้โอ้อวดความมีหน้ามีตา เป็ นการ
พิสูจน์วา่ ตัวเองมีชีวติ ที่ดีมากหลังจากแต่งงานออกไป
เหมียวอี้ยมิ้ จนหน้าแทบชา ผ่านไปไม่นานพวกน้องชายก็เริ่ มชวนเขาคุยเรื่ องผูห้ ญิงแล้ว นับว่าทําให้
เขาได้เข้าใจอย่างแท้จริ งถึงสิ่ งที่เรี ยกว่าปากไม่มีหูรูด
มีบางคนบอกเขาว่า เบื้องล่างส่ งหญิงงามมาให้สองคน พี่เขยเพิ่งมาเป็ นครั้งแรก จึงตัดสิ นใจจะ
เสี ยสละมอบให้พเี่ ขยได้เสพสุ ขก่อน ทั้งยังบอกเขาว่าไม่ตอ้ งเกรงใจ สถานที่เตรี ยมไว้พร้อมแล้ว ไม่ให้
พี่หญิงใหญ่จบั ได้แน่นอน มีบางคนกลัวน้อยหน้า บอกว่าเดี๋ยวคราวหลังจะหาหญิงงามมามอบเป็ น
ของขวัญให้เช่นกัน บางคนก็บอกว่าเมื่อก่อนตอนที่อยูน่ ภาจอมมาร พี่หญิงใหญ่เป็ นคนเผด็จการวาง
อํานาจบาตรใหญ่มาก ถามเหมียวอี้วา่ นางเผด็จการเรื่ องบนเตียงด้วยหรื อเปล่า บางคนถึงขั้นถามว่า
เวลาเหมียวอี้กบั พีห่ ญิงใหญ่อยูด่ ว้ ยกันยัง…
เหมียวอี้อยากจะพ่นนํ้าลายใส่ หน้าเจ้าพวกนี้จริ ง ๆ เป็ นบ้าอะไรกันไปหมด ตอนนี้นบั ว่าเข้าใจแล้ว
เมื่อเทียบอวิน๋ จือชิวกับเจ้าเดรัจฉานพวกนี้ ก็นบั ว่านางสุ ภาพเรี ยบร้อยมากแล้ว เขารู ้สึกเหมือนเข้ามา
อยูใ่ นรังหมาป่ า แต่กย็ งั ต้องเจียดร้อยยิม้ ออกมา
โชคดีที่ไม่ได้ทรมานนานเกินไป เขาปลีกตัวออกมาได้แล้ว เมื่อสองสามีภรรยามาที่นี่ คนแรกที่ตอ้ ง
เข้าพบก็ยอ่ มเป็ นนายท่านของที่นี่ ปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน!
สําหรับเรื่ องนี้ ไม่มีใครกล้าถ่วงให้ท้ งั สองเสี ยเวลา พวกเขาแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ ว
ฉินเวยเวย ช่างไม้และช่างหิ นไม่สะดวกจะเข้าไปด้วย ย่อมมีคนพาพวกเขาไปพักผ่อน
อวิน๋ จือชิวคุน้ เคยกับทางไปตําหนักจอมมาร ไม่ตอ้ งให้ใครนําทางเลย นางกับเหมียวอี้เดินขึ้นไปบน
ยอดเขาที่สูงที่สุด เหมียวอี้ที่เพิ่งได้รับความสงบปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วถามว่า “น้องชายพวกนั้น
จ้องแต่จะส่ งผูห้ ญิงมาให้ขา้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ แล้วแสยะยิม้ พลางบอกว่า “ใครพูดบ้าง บอกชื่อมาซิ เดี๋ยวข้าจะไปคิดบัญชีทีละ
คน!”
แบบนี้พี่เขยอย่างข้าจะไม่ทาํ ให้คนกลุ่มใหญ่ข่นุ คืองใจหรอกเหรอ? เหมียวอี้กลอกตามองบน “ข้าลืม
ชื่อแล้ว!”
เมื่อมาถึงลานกว้างบนยอดเขา ตําหนักจอมมารก็ปรากฏสู่ สายตา มีเมฆมารผืนหนึ่งลอยวนเวียนอยูบ่ น
ฟ้ าเหนือตําหนักจอมมาร ตอนแรกเหมียวอี้นึกว่าเป็ นเมฆครึ้ มที่อยูบ่ นฟ้ าอยูแ่ ล้ว ตอนนี้ถึงได้รู้วา่ เป็ น
กลุ่มปราณมารที่ลอยขึ้นมาจากตําหนักจอมมาร
ตาเฒ่าเฉี ยวที่สวมชุดคลุมสี ขาวทั้งตัวยืนเงียบ ๆ อยูบ่ นบันไดนอกตําหนัก ประตูตาํ หนักที่อยูข่ า้ งหลัง
ปิ ดสนิท เขายิม้ ตาหยีให้ท้ งั สองมาแต่ไกล ๆ เมื่อเห็นทั้งสองใกล้เข้ามาแล้ว เขาก็เดินลงมาช้า ๆ
หลังจากพบหน้ากัน ก็กมุ หมัดทักทายว่า “น้องชิวพาหลานเขยมาเข้าพบนายท่านด้วยตัวเองเลย”
“ตาเฒ่าเฉี ยว!” สองสามีภรรยาไม่กล้าเสี ยมารยาทกับคนตรงหน้า จึงคํานับพร้อมกัน จากนั้นอวิน๋ จือ
ชิวก็บอกว่า “รบกวนตาเฒ่าเฉียวไปแจ้งท่านปู่ ให้หน่อยค่ะ น้องชิวพาสามีมาเข้าเยีย่ มคารวะท่านปู่ !”
“ไม่ตอ้ งแจ้งหรอก! นายท่านทราบแล้วว่าหลานเขยมาหา แต่ก่อนจะพบกัน นายท่านมีคาํ ถามฝากข้ามา
ถามหลานเขยก่อน” บนใบหน้าตาเฒ่าเฉียวยังคงรอยยิม้ เอาไว้ตามปกติ แล้วจ้องเหมียวอี้พร้อมกล่าวว่า
“นายท่านบอกไว้วา่ ถ้าจะมาเยีย่ มคารวะในฐานะหลานเขย ก็เข้าไปพบได้ แต่ถา้ มาเพื่อจุดประสงค์อื่น
อย่างเช่นมาเพื่อเยียนเป่ ยหงคนนั้น ก็ไม่ตอ้ งเข้าพบ!”
ตอนที่ 892

พบอวิน๋ อ้ าวเทียนครั้งแรก
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา เหมียวอี้กย็ อ่ มพูดไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่ องของเยียนเป่ ยหง เขาก็คงไม่โผล่มา
ในเวลานี้เหมือนกัน เพราะตอนแรกที่พาอวิน๋ จือชิวออกจากทะเลทรายม่านเมฆา ตาเฒ่าเฉียวก็ได้บอก
เจตนาของอวิน๋ อ้าวเทียนให้เขารับรู ้อย่างชัดเจนแล้ว และเขาก็ไม่อยากมาอาศัยบารมีดว้ ย
สถานการณ์แบบนี้ทาํ ให้อวิน๋ จือชิวอึดอัดพอสมควร ตัวนางเองนั้นไม่เป็ นอะไร แต่กลัวว่าสามีของ
ตัวเองจะทนเสี ยศักดิ์ศรี ไม่ไหว จึงบอกทันทีวา่ “ตาเฒ่าเฉี ยว อนุญาตให้ขา้ เข้าไปคุยกับท่านปู่ ก่อน
ได้ม้ ยั คะ!”
ตาเฒ่าเฉี ยวยกมือห้าม แล้วส่ ายหน้าบอกว่า “น้องชิว ครั้งก่อนที่เจ้ามาพูดขอร้อง นายท่านก็พดู ไว้
ชัดเจนแล้ว เห็นแก่ไมตรี ที่เจ้าเป็ นลูกหลานของตระกูลอวิน๋ ถึงได้ไว้หน้าเจ้า ครั้งแรกเจ้ามาเอ่ยปาก
ขอร้องเพือ่ หลานเขย นายท่านไม่อยากให้เจ้าลําบากใจเมื่ออยูต่ ่อหน้าหลานเขย จึงรับปากเจ้าว่าจะไม่
ฆ่าเยียนเป่ ยหง น้องชิว ตอนนี้เจ้าต้องทําความเข้าใจเรื่ องนี้ให้ชดั เจนนะ เจ้าเป็ นหลานสาวของ
ตระกูลอวิน๋ นั้นไม่ผดิ แต่เจ้าแต่งงานออกไปแล้ว ตอนนี้ฐานะที่แท้จริ งของเจ้าก็คือเหมียวฮูหยิน เป็ น
คนขอตระกูลเหมียว เจ้ามาที่นี่กเ็ พื่อผลประโยชน์ของตระกูลเหมียว ถ้าให้ผลประโยชน์กบั ตระกูล
เหมียวจนเต็มที่ ตระกูลอวิน๋ ก็อาจเสี ยผลประโยชน์ ถ้ายังไม่เข้าใจจุดยืนชัดเจน นายท่านก็ให้เจ้าเข้าพบ
ไม่ได้ น้องชิว อย่าทําให้บ่าวชราผูน้ ้ ีลาํ บากใจเลย!”
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ อวิน๋ จือชิวก็เงยหน้ามองตําหนักจอมมารที่สูงส่ ง ใบหน้านางเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ถึงแม้ในใจนางจะเข้าใจมาตั้งแต่แรก แต่ครั้งนี้นางเพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริ งถึงคําว่า ‘ลูกสาวที่แต่งงาน
ออกไปแล้วง’ เมื่อก่อนนางสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามใจชอบ ที่พิภพเล็กนี้ คนที่สามารถเข้าออกที่นี่
ได้ตามใจชอบมีไม่เยอะ
ในขณะนี้เอง เงาคนคนหนึ่งก็เหาะจากฟ้ าลงมายืนอยูข่ า้ ง ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน อวิน๋ รั่วซวงนัน่ เอง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์น้ ี อวิน๋ รั่วซวงก็ถามอย่างแปลกใจ “ตาเฒ่าเฉียว พี่หญิงใหญ่กบั พี่เขยมาเยีย่ ม
คารวะท่านปู่ ท่านมาขวางพวกเขาไว้ทาํ ไมคะ?”
ตาเฒ่าเฉี ยวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ซวงเอ๋ อร์ ไม่ใช่วา่ ข้าอยากขวางพี่หญิงใหญ่กบั พี่เขยของเจ้าหรอกนะ
แต่นี่เป็ นความประสงค์ของนายท่าน นายท่านกําลังสอนหลักการวางตัวเป็ นภรรยาให้พี่หญิงใหญ่ของ
เจ้าเป็ นครั้งสุ ดท้าย การแต่งงานออกไปคือสิ่ งที่พี่หญิงใหญ่ของเจ้าเลือกเอง ไม่มีใครบังคับนาง และ
เมื่อออกจากบ้านไปแล้วก็ตอ้ งพึ่งพาตนเอง เป็ นรากฐานสําหรับการลงหลักปั กฐานของพี่หญิงใหญ่ใน
อนาคต นายท่านเองก็หวังดีกบั นาง บางทีสกั วันหนึ่งเจ้าก็อาจจะเข้าใจเหมือนกัน”
อวิน๋ รั่วซวงไม่เข้าใจสิ่ งนี้ นางบุย้ ปากแล้วบอกว่า “พี่หญิงใหญ่ พี่เขย พวกท่านรอก่อนนะ ข้าจะเข้าไป
หาท่านปู่ !” พูดจบก็วงิ่ ขึ้นบันได พอวิง่ ไปถึงประตูตาํ หนักใหญ่ นางก็ผลักประตูแล้วแทรกเข้าไปใน
ซอกประตูที่เปิ ดแง้ม ตาเฒ่าเฉียวเองก็ไม่ได้ขวางนาง
เมื่อเห็นเห็นเงาหลังของอวิน๋ รั่วซวงหายไป อวิน๋ จือชิวก็เผยรอยยิม้ ขื่นขม เมื่อก่อนนางก็
เหมือนกับอวิน๋ รั่วซวง สามารถเข้าออกตําหนักจอมมารได้ตามใจชอบ แต่วนั นี้กลับมีเส้นแบ่ง
ชัดเจน…ตาเฒ่าเฉี ยวพูดไว้ไม่ผดิ คงจะมีสกั วันที่ซวงเอ๋ อร์จะเข้าใจสิ่ งนี้
อวิน๋ จือชิวเอียงหน้ามองเหมียวอี้ที่กาํ ลังขมวดคิ้ว แล้วหันกลับมาถามอีกว่า “ตาเฒ่าเฉี ยว ขอคุยกับท่าน
ปู่ สักหน่อยก็ไม่ได้เชียวหรื อคะ?”
“ย่อมได้อยูแ่ ล้ว!” ตาเฒ่าเฉี ยวยังคงใบหน้ายิม้ ลึกลับเอาไว้ แต่สายตาไปหยุดอยูบ่ นหน้าเหมียวอี้ “เมื่อ
ครู่ น้ ีกบ็ อกไปแล้ว ขึ้นอยูก่ บั ว่าใช้ฐานะอะไร ถ้ามาเยีย่ มญาติพี่นอ้ งเพื่อคุยเรื่ องครอบครัว ก็ยอ่ มต้องได้
พบอยูแ่ ล้ว แต่ถา้ คุยเรื่ องอื่น นายท่านก็อาจจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง แต่ขอพูดสิ่ งที่ไม่น่าฟังเอาไว้
เสี ยก่อน ถ้าต้องการจะให้ตระกูลอวิน๋ ละทิ้งผลประโยชน์ของตระกูลตัวเอง เช่นนั้นก็ตอ้ งถามแม่หม้าย
กับเด็กกําพร้าพวกนั้นว่าจะตอบตกลงหรื อไม่ ถามคนที่เสี ยสละเลือดเนื้อเพื่อผลประโยชน์ของ
ตระกูลอวิน๋ ว่าพวกเขาจะตอบตกลงหรื อไม่ เจ้าสามารถไปประลองกับลูกหลานตระกูลอวิน๋ ถ้าสูช้ นะ
พวกเขาได้ นายท่านย่อมพบเจ้า ไม่อย่างนั้นนายท่านก็จะย้อนถามเจ้าว่า ทําไมต้องมาพบเจ้า เจ้ามี
คุณสมบัติอะไรไปพบเขา? แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรไปต่อรองเงื่อนไขกับเขา?”
อวิน๋ จือชิวก้มหน้าประสานนิ้วมือ พ่อแม่ของนางก็สละชีวติ เพื่อปกป้ องผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋
เช่นกัน ในเมื่อท่านปู่ พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว นางเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
เหมียวอี้นิ่งเงียบ ถึงแม้จะอยากช่วยเยียนเป่ ยหง แต่เขาก็ไม่อาจท้าสูค้ นในตระกูลเมียเพื่อช่วยเยียนเป่
ยหงได้หรอก แบบนี้ฟังดูไม่เข้าท่าเลย จะให้เมียตัวเองทนความรู ้สึกได้อย่างไร มิหนําซํ้าตระกูลอวิน๋
ยังมียอดฝี มือมากมาย ด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ไม่อาจจะไปท้าสู ไ้ ด้ เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้น
สังเวียนที่นภาจอมมาร ถ้าขึ้นสังเวียนประลองกับนภาจอมมาร ก็เท่ากับเป็ นการตบหน้าตระกูลอวิน๋
ตระกูลอวิน๋ มีแต่ตอ้ งชนะเขาเท่านั้น ไม่อ่อนข้อให้แน่
หลังจากครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง ก็กมุ หมัดถามว่า “ผูน้ อ้ ยมาเยีย่ มคารวะท่านปู่ ด้วยฐานะของหลานเขยขอรับ!
แต่ตาเฒ่าเฉี ยวได้โปรดช่วยถามให้สกั หน่อย เยียนเป่ ยหงเป็ นสหายของผูน้ อ้ ย เดี๋ยวให้เหมียวอี้คนนี้
พบหน้าเขาสักครั้งได้หรื อไม่?”
ตาเฒ่าเฉี ยวได้ยนิ แล้วพยักหน้ายิม้ ทําท่าทางปลื้มอกปลื้มใจ “หลานเขยรอสักครู่ บ่าวชราจะไป
รายงานให้เดี๋ยวนี้!” พูดจบก็หนั ตัวเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ ว เข้าไปในตําหนักจอมมาร
“ขอโทษนะ!” อวิน๋ จือชิวกุมมือเหมียวอี้ พลางยิม้ เจื่อนอย่างกลัดกลุม้ ใจ ความหมายแฝงในคําพูดก็คือ
ขอโทษที่ขา้ ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้
“ไม่เป็ นไรหรอก!” เหมียวอี้ตบหลังมือนางเบา ๆ
ผ่านไปครู่ เดียว เมฆมารที่ลอยวนอยูบ่ นฟ้ าเหนือตําหนักจอมมารก็ถูกเก็บลงไป ไหลมุดเข้าไปใน
ตําหนักจอมมารทั้งหมด ฟ้ ากลับมาสดใสราวกับโดนชะล้าง ประตูใหญ่บานนั้นส่ งเสี ยงดังทึบ เปิ ด
ออกอย่างช้า ๆ จนสุ ดบาน ตาเฒ่าเฉี ยวที่สวมชุดคลุมสี ขาวเดินออกมายืนบนบันไดสู ง เขามองลงมา
ด้านล่างพลางยิม้ เล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวยืน่ มือเชิญ “หลานเขย นายท่านเชิญข้างใน!”
อวิน๋ จือชิวพยักหน้าให้เหมียวอี้ แล้วทั้งสองก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน
เมื่อขึ้นมาถึงใต้ชายคาโค้ง เหมียวอี้กเ็ ห็นชายรู ปร่ างกํายําสูงใหญ่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิอยูบ่ นบัลลังก์ใน
ตําหนัก ผมดําขลับดุจนํ้าหมึกของเขาปกคลุมสยายไปด้านหลัง ยาวลงไปถึงเอว คิ้วกระบี่ดกดําชี้เข้าหา
จอนยาวสองข้าง แววตาเป็ นประกายดุร้ายน่าหวัน่ เกรง จมูกเหมือนถุงนํ้าดี ริ มฝี ปากหนาไร้หนวดเครา
หน้าตาดูทรงพลัง
ชายคนนี้สวมเสื้ อเกราะแขนกุดสี ดาํ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อของแขนสองข้างที่บึกบึนแข็งแรงราวกับ
หลอมขึ้นมาจากเหล็ก ขากางเกงยาวแค่เข่า เปลือยเท้านัง่ ขัดสมาธิ แววตาอันลํ้าลึกกําลังจ้องสองคนที่
เดินเข้ามาจากด้านนอก
เหมียวอี้รู้สึกตึงเครี ยดในใจพอสมควร ไม่ตอ้ งบอกเลย ท่านนี้คงจะเป็ นปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ยอด
ฝี มืออันดับหนึ่งของพิภพเล็ก!
พอลองคิดอีกมุมหนึ่ง เหมียวอี้รู้สึกขําตัวเองนิดหน่อย ตอนแรกที่ตวั เองก้าวเข้าสู่ แดนฝึ กตน ก็ไม่นึก
ไม่ฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้กลายเป็ นหลานเขยของปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน ในตอนนั้นอวิน๋ อ้าว
เทียนเป็ นเพียงตํานานสําหรับตน ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะมองพินิจให้ละเอียดสักหน่อย
อวิน๋ อ้าวเทียนไหนเลยจะไม่มองสํารวจอีกฝ่ าย เจ้าเด็กนี่เห็นตนแล้วไม่ตื่นเต้นกังวลเลยสักนิด ไม่ค่อย
เห็นใครสุ ขมุ ใจเย็นขนาดนี้ กลับทําให้เขามองด้วยสายตาที่สูงขึ้นอีกระดับ
หารู ้ไม่วา่ ถ้าเป็ นเมื่อก่อน เหมียวอี้จะต้องตื่นเต้นกังวลแน่นอน เพียงแต่หลังจากไปพิภพใหญ่มา เขาได้
คบค้ากับนักพรตบงกชทองกลุ่มใหญ่ เป็ นคนที่วรยุทธ์สูสีกบั อวิน๋ อ้าวเทียนทั้งนั้น ขนาดนักพรตบงกช
รุ ้งก็เคยนัง่ คุยและดื่มสุ ราด้วยกันมาแล้ว ถ้าจะบอกว่าเขาตื่นเต้นกังวล ก็คงเป็ นความกังวลเพราะได้พบ
ผูห้ ลักผูใ้ หญ่ในตระกูลของภรรยาเป็ นครั้งแรก
บนบันไดด้านล่างบัลลังก์ อวิน๋ รั่วซวงนัง่ ทําสี หน้าไม่สบอารมณ์อยูต่ รงนั้น ท้องแขนสองข้างเกยบน
หัวเข่า ใช้สองมือเท้าคาง เชิดปากขึ้นสู งมาก เหมือนสิ่ งที่เข้ามาขอร้องก่อนหน้านี้ไม่ได้ดงั่ ใจ จึงไม่สบ
อารมณ์เป็ นอย่างมาก
อวิน๋ จือชิวมองชําเลืองมองอวิน๋ รั่วซวงอย่างอิจฉานิดหน่อย คนที่สามารถนัง่ ออดอ้อนอยูบ่ นบันไดใต้
บัลลังก์ของนภาจอมมารได้ ในตอนนี้คงจะมีแค่อวิน๋ รั่วซวงคนเดียวแล้ว ขนาดหลาน ๆ จะเข้าพบปู่ สัก
ครั้งยังเป็ นเรื่ องยากเลย สิ่ งนี้อธิบายได้วา่ ท่านปู่ รักและเอ็นดูอวิน๋ รั่วซวงเป็ นพิเศษ เพียงแต่ในปี นั้นนาง
ก็ได้รับการปฏิบตั ิที่พิเศษแบบนี้เช่นกัน แต่จะทําอย่างไรได้ เรื่ องราวผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนคืน นาง
ไม่มีทางย้อนกลับไปมีความคิดจิตใจเป็ นสาวน้อยเหมือนอวิน๋ รั่วซวงได้อีก นางผ่านความลําบากมา
อย่างโชกโชน แต่งงานกลายเป็ นภรรยาคนอื่นแล้ว ไม่อาจย้อนคืนความคิดจิตใจแบบนั้นกลับมาได้อีก
เมื่อเดินเข้ามาในตําหนัก อวิน๋ จือชิวก็ดึงแขนเสื้ อเหมียวอี้เบา ๆ จากนั้นทั้งสองก็ยนื นิ่ง อวิน๋ จือชิวยกก
ระโปรงยาวลากพื้นข้างหลัง นัง่ คุกเข่าลงพร้อมกับเหมียวอี้ เผชิญหน้ากับอวิน๋ อ้าวเทียนที่นงั่ อยูเ่ บื้อง
สู ง พลางกล่าวคํานับว่า “เหมียวอี้ เสี่ ยวชิว คํานับท่านปู่ !” ทั้งสองโขกศีรษะกับพื้นพร้อมกัน
ขณะมองดูท้ งั สองหมอบคํานับ รอยยิม้ ของตาเฒ่าเฉียวที่ยนื อยูบ่ นบันไดก็ชดั เจนยิง่ ขึ้น แต่อวิน๋ รั่วซวง
ที่นงั่ อยูบ่ นขั้นบันไดกลับเชิดปากอย่างน่ารักเย้าย้วนใจ
อวิน๋ อ้าวเทียนที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิจอ้ งเบื้องล่างพลางพยักหน้าเบา ๆ “ลุกขึ้นเถอะ!” พูดจบก็หย่อนเท้า
เปลือยสองข้างลงบนพื้น แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ
ในตอนนี้สองสามีภรรยาถึงได้ยนื ขึ้นอย่างเคารพนบนอบ อวิน๋ อ้าวเทียนมายืนอยูต่ รงหน้าเหมียวอี้แล้ว
กําลังมองสํารวจเหมียวอี้ดว้ ยแววตาดุร้าย ถึงขั้นร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจบนตัวเหมียวอี้ดว้ ย พบว่าเจ้าบ้านี่
ไม่ได้แกล้งทําใจเย็น แต่เขาไม่ได้ตื่นเต้นกังวลเลยจริ ง ๆ การไหลเวียนโลหิ ตและอัตราการเต้นของ
หัวใจไม่มีอะไรผิดปกติเลย
เหมียวอี้กม้ หน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ
“น้องชิว ปกติตอนอยูบ่ า้ น เขาไม่ได้รังแกเจ้าใช่ม้ ยั ?” อวิน๋ อ้าวเทียนพลันเอ่ยถามขึ้นมา
เหมียวอี้เหงื่อแตกนิดหน่อย นี่ช่างเป็ นการคุยเรื่ องในครอบครัวจริ ง ๆ เขารี บตอบว่า “มิบงั อาจขอรับ!”
“ท่านปู่ คะ!” อวิน๋ จือชิวไม่ตอบคําถาม แต่กา้ วขึ้นมากอดแขนอวิน๋ อ้าวเทียน แล้วพูดออดอ้อนว่า “มีแต่
ข้าที่เป็ นฝ่ ายรังแกเขา!”
อวิน๋ อ้าวเทียนพยักหน้า “ถ้าเขารังแกเจ้าเมื่อไร กลับมาบอกปู่ เดี๋ยวปู่ จะจัดการเขาเอง”
อวิน๋ รั่วซวงก็เข้ามากอดแขนเช่นกัน มากอดแขนอีกข้างของอวิน๋ จือชิว พลางถามอย่างแปลกใจว่า “พี่
หญิงใหญ่ ปกติท่านรังแกพี่เขยยังไงเหรอ?”
“เจ้าจะเข้าใจอะไรล่ะ ไปตรงโน้นเลย!” อวิน๋ จือชิวเอานิ้วจิ้มหน้าผากนางหนึ่งที ทําให้นางเชิดปากและ
กลอกตาใส่
อวิน๋ อ้าวเทียนมองไปที่เหมียวอี้ พร้อมถามว่า “ได้ยนิ ว่าเจ้าทิ้งน้องชิวแล้วหายตัวไปสามร้อยกว่าปี เพิ่ง
จะแต่งงานใหม่ ทําไมทิ้งคู่ชีวติ ไปล่ะ? หรื อว่านางปรนนิบตั ิดูแลเจ้าไม่ดีพอ ไม่ได้ทาํ หน้าที่ภรรยา
อย่างสุ ดความสามารถ?”
เหมียวอี้ยงั ไม่ทนั อ้าปากพูด อวิน๋ จือชิวก็ชิงพูดต่อแล้วว่า “ท่านปู่ ! ข้าให้เขาไปเก็บตัวฝึ กฝนเอง งาน
แต่งตอนนั้นเป็ นข่าวใหญ่โตเกินไป ข้าเลยให้เขาไปหลบที่ทะเลดาวนักษัตร!”
อวิน๋ อ้าวเทียนเหล่ตามองนางแวบหนึ่ง ไม่วา่ จะจริ งหรื อโกหก ไม่วา่ จะจงใจปิ ดบังอะไรอยู่ แต่ในเมื่อ
นางพูดแบบนี้แล้ว อวิน๋ อ้าวเทียนก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก เขามองการแต่งตัวของนางตั้งแต่ศีรษะจด
เท้า แล้วถามว่า “ได้ยนิ ว่าเครื่ องแต่งกายพวกนี้ของเจ้า มู่ฝานจวินเป็ นคนมอบให้หมดเลยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” พอพูดถึงเรื่ องนี้ อวิน๋ จือชิวก็อดไม่ได้ที่จะขอคําแนะนํา “ท่านปู่ ! มีอะไรไม่เหมาะสมรึ เปล่า
คะ?”
“จะมีอะไรไม่เหมาะสมได้ล่ะ? ใส่ เสื้ อผ้าสองชุดจะมีอะไรไม่เหมาะสม? เจ้าคงไม่ถึงขั้นขี้ขลาดกับ
เรื่ องเล็กน้อยแค่น้ ีหรอกใช่ม้ ยั ? นางเต็มใจให้ เจ้าแค่ใส่ ไปก็พอ จะได้ประหยัดเงินตัวเอง เป็ นเรื่ องที่ดี
ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ฉวยผลประโยชน์น้ ี ใช่ม้ ยั ล่ะ?” อวิน๋ อ้าวเทียนพูดหยอกล้อ
เป็ นการพูดคุยเรื่ องในครอบครัวจริ ง ๆ อวิน๋ อ้าวเทียนไม่ได้วางอํานาจบาตรใหญ่ใส่ เหมียวอี้ พูดคุย
ด้วยนํ้าเสี ยงปกติ คุยประมาณว่าต่อไปนี้ให้เหมียวอี้ทาํ ตัวดี ๆ กับอวิน๋ จือชิว ไม่อย่างนั้นตนจะไม่
ปล่อยเขาไปแน่ เป็ นคําพูดที่ผหู ้ ลักผูใ้ หญ่ฝ่ายเจ้าสาวควรจะพูด
สําหรับหลานเขยคนนี้ เขาไม่ได้มีอะไรพอใจหรื อไม่พอใจ อย่างน้อยเหมียวอี้กเ็ สี่ ยงชีวติ สูต้ ายเพื่อ
หลานสาวตัวเอง มีความรับผิดชอบเพียงเท่านี้กพ็ อแล้ว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ต่อให้อวิน๋ อ้าว
เทียนจะเก่งกาจแค่ไหน แต่กไ็ ม่อาจจะเรี ยกร้องให้นางแต่งงานกับคนที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเพียงเพราะ
นางเป็ นหลานสาวตน แบบนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็ นจริ ง แค่ไม่ได้มีขอ้ เสี ยร้ายแรงก็พอแล้ว ถึง
อย่างไรหลานสาวตัวเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ และแน่นอน ถ้าเป็ นคนที่มีความแค้นกับตระกูลตัวเอง
อย่างเฟิ งเสวียน เขาก็ไม่ยอมรับแน่นอน
ส่ วนชีวติ คู่ของสามีภรรยาจะรักใคร่ กลมเกลียวกันหรื อไม่ นัน่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องไปกังวล ผลจาก
การเลือกครั้งนี้ ไม่วา่ จะมีรสชาติเป็ นอย่างไร อวิน๋ จือชิวก็ตอ้ งเป็ นคนรับไว้เอง อย่างมากเขาก็แค่อยูใ่ น
จุดยืนของปู่ หรื อไม่กอ็ ยูใ่ นจุดยืนของครอบครัวฝ่ ายหญิง ถ้าถึงเวลาจําเป็ นก็ช่วยสนับสนุนได้นิด
หน่อย แต่ตอ้ งอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขที่ไม่ทาํ ลายผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋
ตอนที่ 893

ป่ าเถือ่ นเกินไปแล้ ว
หลังจากสัง่ สอนเหมียวอี้ในฐานะผูอ้ าวุโสเสร็ จแล้ว ตอนหันกลับมาอบรมอวิน๋ จือชิว เขากลับทําสี หน้า
จริ งจังขึ้นหลายส่ วน
“น้องชิว คําโบราณกล่าวไว้วา่ แต่งกับไก่กต็ ามไก่ แต่งกับสุ นขั ก็ตามสุ นขั คือคติพจน์อนั เป็ นสัจจะ!
เมื่อแต่งงานกับเหมียวอี้แล้ว เจ้าก็เป็ นคนของเขา ต่อไปก็ควรคิดพิจารณาเพื่อเขาทุกอย่าง เมื่อยืนอยู่
ตรงหน้าผลประโยชน์ของตระกูลเหมียว ผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋ ก็เป็ นเรื่ องรอง ต่อไปหากเขา
เป็ นศัตรู กบั ข้า พวกเจ้าสองสามีภรรยาก็ลงมือเต็มที่ได้เลย ไม่ตอ้ งออมมือให้ขา้ ข้าเองก็จะไม่ออมมือ
ให้พวกเจ้าเช่นกัน ถ้าเขาตายด้วยนํ้ามือข้า เจ้าก็สามารถกลับมาที่ตระกูลอวิน๋ ได้อีก แต่เหนือสิ่ งอื่นใด
การช่วยเหลือสามีและสัง่ สอนบุตรก็คือหน้าที่ของภรรยาอย่างเจ้า นี่คือรากฐานที่จะทําให้ครอบครัว
ของผูห้ ญิงคนหนึ่งตั้งมัน่ ได้ ที่ตระกูลอวิน๋ มีวนั นี้ ผลงานครึ่ งหนึ่งก็เป็ นของผูห้ ญิง จงทําตัวองอาจผึ่ง
ผายและดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดี ผูห้ ญิงที่แม้แต่ครอบครัวตัวเองยังดูแลไม่ได้ ถ้าบอกว่าจะมาดูแล
บ้านพ่อแม่ตวั เองก็เป็ นเรื่ องที่น่าขํา อย่าให้ปู่คนนี้ตอ้ งดูถูกเจ้า!”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา อวิน๋ รั่วซวงที่อยูข่ า้ ง ๆ ก็ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่เขยต้องการจะเป็ นศัตรู
ของตระกูลอวิน๋ เหรอ?”
เหมียวอี้เงียบงัน อวิน๋ อ้าวเทียนพูดจาต่อหน้าถึงขั้นนี้แล้ว เท่ากับอาศัยอีกวิธีการหนึ่งเพื่อบอกว่า
เป็ นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยตัวเยียนเป่ ยหง ไม่มีทางที่จะเขาปล่อยคนที่มีวธิ ีการฝึ กตนวิปริ ตเช่นนี้
ออกไปเป็ นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของตระกูลอวิน๋ ดับความคิดของเหมียวอี้ที่อยากจะมาเจรจากับ
เขาแล้ว
อวิน๋ จือชิวนํ้าตาคลอ ส่ ายหน้าบอกว่า “ไม่มีทางค่ะ ท่านปู่ ไม่มีทาง”
อวิน๋ อ้าวเทียนโบกมือ เห็นได้ชดั ว่าไม่อยากพูดเยอะ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่ข้ ีบ่นอยูแ่ ล้ว วันนี้นบั ว่าเป็ น
ข้อยกเว้นเพราะคุยเรื่ องครอบครัว เขาเหลือบมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ตาเฒ่าเฉียว เขาอยาก
ไปเยีย่ มเยียนเป่ ยหงไม่ใช่เหรอ? พาเขาไปสิ เฝ้ าให้ดีล่ะ อย่าให้เขาเล่นลูกไม้อะไรเด็ดขาด เจ้าเด็กนี่
ไม่ใช่เล่น ๆ !”
“ขอรับ!” ตาเฒ่าเฉี ยวเอ่ยรับ แล้วเดินมายืน่ มือเชิญ
เหมียวอี้พดู ไม่ออกสุ ด ๆ ข้าไม่ใช่เล่น ๆ ยังไง? แต่กช็ ่วยไม่ได้ คงไม่ดีถา้ จะเถียงกลับ
อวิน๋ จือชิวดึงแขนเสื้ อเขาอีกครั้ง แล้วสองสามีภรรยาก็คุกเข่าหมอบคํานับ กล่าวอําลา!
อวิน๋ รั่วซวงคล้องแขนอวิน๋ จือชิว ตอนที่เดินลงบันไดตําหนักจอมมารไป ประตูใหญ่กป็ ิ ดสนิทเองโดย
ไร้ลม ทําให้พวกเขาหันกลับไปมองแวบหนึ่ง
สถานที่ขงั เยียนเป่ ยหงก็คือถํ้าภูเขาแห่งหนึ่งของนภาจอมมาร
อวิน๋ จือชิวที่มาที่นี่ค่อนข้างปลงอนิจจัง ตอนที่เข้ามาในถํ้าภูเขา อวิน๋ จือชิวจงใจเตือนเหมียวอี้วา่ “ก่อน
หน้านี้เฟิ งเสวียนก็โดนขังอยูท่ ี่นี่”
อวิน๋ จือชิวไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร เหมียวอี้เอียงศีรษะมองนางด้วยแววตาที่ค่อนข้างแปลก ผลก็คือโดน
นางยืน่ มือไปบีบเอว “อย่าคิดอะไรเหลวไหล!”
ในจุดลึกของห้องถํ้ามี กรงขังหลายกรงที่สร้างจากทองผลึกบริ สุทธิ์ เยียนเป่ ยหงที่ผมยุง่ กระเซิ งเหมือน
ขอทานถูกขังอยูข่ า้ งใน หงซิ่วกับหงฝูกอ็ ยูด่ ว้ ยเช่นกัน แต่โดนจับขังแยกไว้คนละกรง ทุกคนมีสภาพ
สะบักสะบอมมาก พอเหมียวอี้เห็นพวกเขามีท่าทางอ่อนแอไร้ชีวติ ชีวา ก็รู้เลยว่าโดนผนึกวรยุทธ์แล้ว
พอตาเฒ่าเฉี ยวโบกมือกวาด โคมไฟหลายดวงที่อยูบ่ นผนังก็สว่างขึ้นทันที เขากล่าวเตือนว่า “เหมียวอี้
ห้ามถ่ายทอดเสี ยงคุยกัน มีอะไรต้องพูดกันอย่างเปิ ดเผย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! วิชามารที่
เขาฝึ ก นายท่านไม่ยอมให้เล็ดรอดออกไปเด็ดขาด”
“พี่ใหญ่เยียน!” เหมียวอี้เดินมาตรงหน้ากรงแล้วตะโกนเรี ยก
เยียนเป่ ยหงที่นอนอยูใ่ นกรงพลิกตัวหันมามอง ใช้สองมือเสยผมที่ปิดบังใบหน้า แล้วเดินเข้ามาอย่าง
ตื่นเต้นดีใจ “น้องชาย เจ้ามาได้ยงั ไง?”
หงซิ่วและหงฝูที่อยูใ่ นกรงฝั่งซ้ายและขวาก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน พอเห็นเหมียวอี้ ก็เหมือนได้เห็น
ความหวังที่หายไป จึงรี บเขามาคํานับพร้อมกัน “ท่านเหมียว!”
“น้องชายติดธุระจึงมาช้า รู ้เรื่ องช้าเกินไป พี่ใหญ่เยียนได้รับความลําบากแล้ว” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ
จากนั้นก็หนั ไปเรี ยกอวิน๋ จือชิวให้เดินเข้ามา “พี่ใหญ่เยียน นี่คือคนใน อวิน๋ จือชิว”
“พี่ใหญ่เยียน!” อวิน๋ จือชิวย่อเข่าคํานับ
เยียนเป่ ยหงหัวเราะเสี ยงดังแล้วบอกว่า “เคยเจอแล้ว ก่อนหน้านี้นอ้ งสะใภ้เคยมาเยีย่ มแล้ว น้องชาย
ช่างมีความสามารถจริ ง ๆ แม้แต่เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมเมฆาวายุกก็ ล้าแย่งกลับมาเป็ นเมียตัวเอง จะว่า
ไปแล้วก็รู้สึกผิด เพราะตอนงานแต่งงานใหญ่ของน้องชาย ข้าไม่ได้ไปร่ วมงาน กอปรกับบนตัวไม่มี
สมบัติเหลือเฟื อ ไม่มีของขวัญดี ๆ อะไรจะมอบให้ เดิมทีคิดจะให้ชดเชยตามไปทีหลัง แต่ตอนนี้เกรง
ว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว หวังว่าน้องสะใภ้จะไม่ถือสานะ!”
“ของขวัญจะถูกจะแพงก็ไม่สาํ คัญเท่านํ้าใจของพี่ใหญ่เยียนหรอกค่ะ” อวิน๋ จือชิวกล่าวพร้อมรอยยิม้
เยียนเป่ ยหงโบกมือ “ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสะใภ้วงิ่ เต้นมาขอร้องให้ เยียนเป่ ยหงจะมีชีวติ รอดจนถึง
ตอนนี้เหรอ ทําไมล่ะ? หรื อว่าที่นอ้ งชายมารอบนี้ เพราะจะมาช่วยข้าออกไป!”
“ไม่ปิดบังพี่ใหญ่ ตอนมาข้ามีเจตนานี้จริ ง ๆ แต่จนใจที่ขา้ อาศัยฐานะหลานเขยออกหน้าช่วยไปก็ไร้
ประโยชน์ เกรงว่าต้องให้พี่ใหญ่อยูท่ ี่นี่ต่อไปก่อนสักระยะหนึ่ง” เหมียวอี้กล่าวอย่างละอาย
เยียนเป่ ยหงถอนหายใจแล้วบอกว่า “นี่เป็ นเรื่ องที่อยูใ่ นหลักทํานองคลองธรรม ในเมื่อเรื่ องลับของข้า
โดนปราชญ์มารจับได้ ที่ไม่สงั หารข้าทิ้งก็นบั ว่าไว้หน้าน้องสะใภ้มากพอแล้ว มายืนพูดอยูต่ รงนี้ได้ก็
นับว่าโชคดีแล้วล่ะ แต่หงซิ่ว หงฝูกลับต้องลําบากไปกับข้าด้วย น้องสะใภ้ช่วยหาวิธีพาพวกนางสอง
คนออกไปก่อนได้หรื อไม่?”
อวิน๋ จือชิวยังไม่ทนั เอ่ยปากพูดอะไร ตาเฒ่าเฉี ยวที่อยูข่ า้ งหลังก็ชิงพูดแล้วว่า “ไม่ได้! คนที่ฝึกวิชามาร
นัน่ ห้ามออกไปแม้แต่คนเดียว ถ้าอยากจะออกไปก็ได้ แต่ตวั เองต้องตายก่อนแล้วค่อยว่ากัน เอา
ออกไปได้แต่ศพ”
อวิน๋ จือชิวทําได้เพียงตอบเยียนเป่ ยหงด้วยรอยยิม้ ขื่นขม
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ ขอเพียงมีโอกาส น้องชายจะต้องหาทางพาท่านออกไปแน่นอน เพียงแต่นอ้ งชาย
ไม่เข้าใจอยูเ่ รื่ องหนึ่ง ท่านไปได้วชิ ามารส่ วนนั้นมาจากไหนเหรอ?” เหมียวอี้ถาม
“เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรน่าปิ ดบังอีกต่อไป!” เยียนเป่ ยหงใช้สองมือจับลูกกรง จากนั้นหัวเราะ
เบา ๆ แล้วเล่าว่า “น้องชายยังจําตอนที่พวกเราแยกกันที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งในปี นั้นได้ม้ ยั ?
น้องชายเดินเข้าไปเสี่ ยงอันตรายต่อ แต่ขา้ เดินกลับออกมาตลอดทาง ระหว่างทางข้าบังเอิญเก็บดาบ
เล็กได้เล่มหนึ่ง มันยาวแค่นิ้วเดียวเอง” ขณะที่พดู เขาก็ยนื่ นิ้วชี้ข้ ึนมาวาดขนาดให้ดู แล้วเล่าต่อ “มัน
ปั กอยูบ่ นต้นไม้ตน้ หนึ่งที่กลายเป็ นตอถ่าน ตอนนั้นข้าดึงออกมาเก็บไว้ ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ ใจอะไร
ตอนหลังพอเข้าสํานักศรี เมฆาและมีพ้นื ฐานการฝึ กตนแล้ว ถึงได้ไขปริ ศนาที่อยูใ่ นดาบเล็กเล่มนั้น ข้า
ได้เคล็ดวิชาฝึ กตนส่ วนหนึ่งมาจากในนั้น มันชื่อว่า ‘มหาอิทธิฤทธิ์มารดูดกลืน’ ข้างในบรรยายข้อเสี ย
ของการฝึ กเคล็ดวิชานี้เอาไว้ แต่ขา้ ก็ยงั อดทนความดึงดูดใจของมันไม่ไหว ถึงได้เดินมาทีละก้าวจนถึง
ทุกวันนี้ ตอนนี้ดาบเล่มนั้นอยูใ่ นมือปราชญ์มารแล้ว ด้วยวรยุทธ์อย่างเขา คาดว่าคงไขปริ ศนาที่อยูใ่ น
นั้นได้แล้ว”
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวหันกลับมาสบตากัน พอเห็นตาเฒ่าเฉียวยังคงยิม้ ตาหยีอย่างไม่สะทกสะท้าน ก็รู้
แล้วว่าเป็ นอย่างที่เยียนเป่ ยหงบอก เป็ นไปได้สูงว่าวิชามารส่ วนนั้นจะตกอยูใ่ นมืออวิน๋ อ้าวเทียนแล้ว
เหมียวอี้หนั กลับมาถามอีก “หรื อว่าพี่ใหญ่เยียนหมายถึงดาบโลหิ ตด้ามนั้น?”
“ใช่แล้วล่ะ!” เยียนเป่ ยหงพยักหน้า “ดาบด้ามนั้นเปลี่ยนขนาดได้ ซ่อนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เอาไว้
มากมาย หัน่ เหล็กได้เหมือนหัน่ โคลน อานุภาพไร้ที่สิ้นสุ ด เป็ นของวิเศษขั้นหกที่มาจากพิภพใหญ่
ยิง่ วรยุทธ์สูงก็ยงิ่ สําแดงอานุภาพของมันได้ดี เมื่อได้ดาบด้ามนั้นไป ปราชญ์มารก็เรี ยกได้วา่ เหมือน
เสื อติดปี ก! แต่ถึงแม้จะอาศัยวรยุทธ์ของปราชญ์มาร ก็ยงั สําแดงอานุภาพที่แท้จริ งของดาบด้ามนี้ไม่ได้
ง่าย ๆ เลย ไม่อย่างนั้นปราชญ์มารต้องเป็ นราชันแห่งใต้หล้าแน่นอน!”
สองสามีภรรยามองหน้ากันเลิกลัก่
ทั้งสองเองก็ไม่ได้อยูท่ ี่นี่นานเกินไป สาเหตุหลักเป็ นเพราะตาเฒ่าเฉี ยวไม่อนุญาต สุ ดท้ายก็ยงั
ช่วยเหลือเยียนเป่ ยหงออกมาไม่ได้
แต่วา่ ก่อนจะจากกัน เหมียวอี้ย้าํ แล้วยํ้าอีกว่า “พี่ใหญ่เยียนอยูท่ ี่นี่ตอ้ งรักษาตัวดี ๆ อย่าทําร้ายตัวเอง
เหมียวอี้จะต้องคิดหาทางช่วยพี่ใหญ่ออกไปได้แน่นอน!”
เยียนเป่ ยหงหัวเราะลัน่ อย่างเบิกบานใจ แล้วบอกว่า “ข้าจะรอ! ถ้าเก็บรักษาชีวติ นี้ไว้ได้กน็ บั ว่าได้กาํ ไร
ถ้าตายก็ถือว่าแล้วกันไป!”
ในคืนนั้น แสงไฟลุกโชนสว่างไสวอยูใ่ นนภาจอมมาร จัดงานเลี้ยงอย่างอลังการงานสร้าง คนของ
ตระกูลอวิน๋ ที่สามารถมาได้กม็ ากันหมด ทั้งชายทั้งหญิงนัง่ กันสิ บกว่าโต๊ะ คึกคักอบอุ่นมาก
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวเดินดื่มฉลองทีละโต๊ะ ขณะที่ดื่มฉลองก็ได้รับของขวัญแสดงนํ้าใจจากเขยคน
ใหม่ ถือว่าเป็ นมารยาทในการพบปะ
อวิน๋ จือชิวเตรี ยมของขวัญไว้ล่วงหน้าแล้ว ควรจะให้ใครมากน้อยเท่าไร อวิน๋ จือชิวรู ้ชดั อยูแ่ ก่ใจ ไม่
ต้องให้เหมียวอี้กงั วลเรื่ องพวกนี้ เมื่อเดินมาตรงหน้าใคร อวิน๋ จือชิวก็จะนําแหวนเก็บสมบัติที่เตรี ยมไว้
ยัดใส่ มือเหมียวอี้ ให้เหมียวอี้มอบให้ขณะที่พดู จาทักทาย
ของขวัญที่ให้ถือว่าไม่นอ้ ยเลย ประการแรกเป็ นเพราะเหมียวอี้จะกลับมาที่นี่อีก ประการที่สองเป็ น
เพราะอวิน๋ จือชิวแต่งงานออกมาแล้ว จะให้ครอบครัวฝ่ ายหญิงดูถูกไม่ได้ แล้วก็ตอ้ งสนใจหน้าตา
ศักดิ์ศรี ของเหมียวอี้ดว้ ย จะให้เหมียวอี้ดูกระจอกเกินไปไม่ได้ นอกจากนั้นก็คือ ไม่แน่วา่ ในภายหลัง
คนพวกนี้อาจจะช่วยเหลืออะไรได้บา้ ง
อาหญิงกับอาชายที่ญาติพี่นอ้ งสายตรงได้รับการปฏิบตั ิอย่างเท่าเทียมกัน ในแหวนเก็บสมบัติแต่ละวง
มีลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าหนึ่งร้อยล้านลูก ส่ วนอาเขยและอาสะใภ้ได้คนละห้าสิ บล้าน ส่ วน
เหล่าอนุภรรยาของอาชายได้คนละสิ บล้าน ก็ช่วยไม่ได้ ภรรยาเอกและอนุภรรยาต้องได้ต่างกัน ถ้าได้
เท่ากันจะทําให้ภรรยาเอกไม่พอใจ แบบนั้นไม่เท่ากับบอกว่าภรรยาเอกและอนุภรรยาฐานะเท่ากัน
หรอกเหรอ
พวกน้อง ๆ ที่เป็ นรุ่ นหลานเหมือนอวิน๋ จือชิวได้ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าไปคนละสิ บล้านลูก
ภรรยาเอกแปดล้านลูก อนุภรรยาห้าล้านลูก เท่ากับว่าจํานวนที่นอ้ ยที่สุดที่ให้ไปคือลูกแก้วพลัง
ปรารถนาระดับตํ่าห้าล้านลูก
ถึงแม้จาํ นวนที่แบ่งให้แต่ละคนจะไม่ถือว่าเยอะ แต่กเ็ ทียบกับจํานวนคนไม่ติด แค่เมียของพวกเขาก็นงั่
เหมาทั้งโต๊ะแล้ว การแจกของขวัญรอบนี้ได้สูญเสี ยลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าไปเกือบห้าพันลูก
แล้ว ทุกคนได้รับของขวัญอย่างทัว่ ถึง พอเห็นของในแหวนเก็บสมบัติกพ็ ากันสําราญบานใจ
โดยเฉพาะอาหญิงกับอาชายแปดท่านนั้น แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็ นของขวัญลํ้าค่า คู่รักหนุ่มสาว
ช่างมีความตั้งใจ ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับตํ่าหนึ่งร้อยล้านลูกนี้ ยังไม่ตอ้ งไปเทียบกับอย่างอื่น เทียบ
กับตอนที่พวกเขามอบของขวัญให้คนอื่น ต่อให้มอบสิ่ งของที่แพงกว่านี้ให้ แต่กค็ งไม่ให้ลูกแก้วพลัง
ปรารถนาเยอะขนาดนี้แน่
เมื่ออยูท่ ี่พิภพเล็ก การมอบของขวัญเป็ นลูกแก้วพลังปรารถนาถือว่าใช้งานได้จริ งที่สุด แต่เหมียวอี้กห็ า
ลูกแก้วพลังปรารถนามามากมายขนาดนั้นไม่ไหวเหมือนกัน สาเหตุหลักเป็ นเพราะทรัพยากรฝึ กตน
ของพิภพเล็กมีจาํ กัด ต่อให้เขามีกาํ ลังทรัพย์มาก แต่กไ็ ม่อาจรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาได้เยอะ
ขนาดนี้ภายในรวดเดียว สิ่ งเหล่านี้ลว้ นเป็ นสิ นเดิมเจ้าสาวของอวิน๋ จือชิว นางสะสมของพวกนี้มา
หลายหมื่นปี ยังพอนําออกมาใช้ไหว สาเหตุหลักเป็ นเพราะนางกับเหมียวอี้ไม่ค่อยได้อาศัยสิ่ งนี้เพื่อฝึ ก
ตนแล้ว
เหมียวอี้นาํ ยาแก่นเซียนอีกหลายล้านเม็ดให้อวิน๋ จือชิวไปบริ หาร อวิน๋ จือชิวช่วยเขาจัดการคนมากมาย
ขนาดนี้ ถ้าไม่มีทรัพยากรติดมือไว้บา้ งคงไม่ได้ ตอนนี้เขามียาเม็ดโลหิ ตเก้าเม็ดนั้นก็พอแล้ว ตอนนี้
นับว่าสองสามีภรรยาเป็ นมหาเศรษฐีของพิภพเล็กได้เลย แต่กไ็ ด้แค่แอบดีใจเงียบ ๆ ไม่กล้าโอ้อวด
เสี ยงดัง
จากนั้นพวกน้องชายก็จบั เหมียวอี้ไปกรอกสุ ราอย่าบ้าคลัง่ อวิน๋ จือชิวห้ามยังไงก็หา้ มไม่อยู่ โดน
บรรดาน้องสาวดึงตัวแยกออกมาแล้ว
หลังจากกลับถึงตําหนักนอนที่เตรี ยมไว้ เหมียวอี้กก็ ลับมาพร้อมกลิ่นสุ ราเต็มตัว โชคดีที่เขาไม่ใช่
มนุษย์ธรรมดา ขณะที่ดื่มก็กลัน่ กรองฤทธิ์สุราทิ้งไปด้วย แต่กย็ งั โดนรมควันไปพอสมควร เสื้ อผ้าที่
ถอดเปลี่ยนตรงนั้นโดนฉีกทิ้งไปหลายชุด เขาแทบจะเดินกลับมาตัวเปล่า สรุ ปก็คือกลับมาในสภาพ
ผมกระเซิ งและชุดขาดรุ่ งริ่ งเหมือนขอทาน แม่งเอ๊ย ป่ าเถื่อนเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตอนกระดกสุ รา
จะมีคนกระชากผม ภาพนี้มนั คุน้ ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน เขารู ้สึกคุน้ เคยมาก!
ทําเอาอวิน๋ จือชิวที่คอยปรนนิบตั ิอยูใ่ นห้องอาบนํ้ารู ้สึกผิด วันนี้นบั ว่าได้ทาํ ให้สามีเห็นอย่างชัดเจน
แล้วว่าคนของตระกูลอวิน๋ เป็ นอย่างไร นอกจากพูดจาหยาบคายสกปรก ยังลงมือบังคับดื่มสุ ราด้วย ถึง
ขั้นจับกดลงพื้นแล้วบีบปากกรอกด้วยซํ้า มีบางคนโวยวายว่าผูห้ ญิงของตระกูลอวิน๋ ไม่ได้นอนด้วยง่าย
ๆ ขนาดนั้น ทําท่าเหมือนยกพวกมารุ มทําร้าย นางรู ้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เหมียวอี้ยงั ทําสี หน้า
หวาดกลัวอยู่ ขนาดสายตาที่เขามองนางยังดูแปลกไปเลย
อวิน๋ จือชิวที่รู้สึกอับอายทําได้เพียงด่าในใจ ไอ้พวกนี้น่าจะโดนสักพันดาบ ทําข้าเสี ยหน้าหมดแล้ว!
เหมียวอี้มาที่นี่เป็ นครั้งแรก คงไม่ดีถา้ จะกลับไปอย่างปุบปั บ อยูค่ า้ งที่นี่หลาย ๆ วันคือสิ่ งที่สมควรทํา
ทว่าเพิ่งจะอยูไ่ ด้แค่สามวัน ทางปราสาทดําเนินสุ ริยนั ก็เกิดเรื่ องแล้ว เชียนเอ๋ อร์ใช้ระฆังดาราส่ งข่าวมา
บอกว่าเยารั่วเซี ยนหายตัวไป ตามหามาหลายวันก็หาไม่พบ เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ร้อนใจสุ ด ๆ ฟังจาก
ที่ตงกัวหลี่กบั ลูกศิษย์เล่าลักษณะการหายตัวไปของเยารั่วเซียน พวกนางสงสัยว่าของวิเศษที่เยารั่ว
เซียนตั้งใจหลอมสร้างมาหลายปี จะเสร็ จแล้ว ตอนนี้คงจะไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตรแล้ว!
ตอนที่ 894

แอบดูผ้ ูชายอาบนํา้
เมื่อส่ งข่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้กอ็ ยูต่ ่อไม่ได้แล้ว แบบนี้ไม่ใช่การไปรนหาที่ตายหรอกเหรอ ที่สาํ คัญคือ
เยารั่วเซียนรู ้ความลับของเขาเยอะมาก ถ้าเจ้าตัวไปตกอยูใ่ นมือของสํานักงามวิจิตรขึ้นมา ใครจะไปรู ้
ว่าจะโดนคนง้างปากล้วงความลับหรื อไม่ มิหนําซํ้ายังเป็ นพ่อบุญธรรมของเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ดว้ ย
สองสามีภรรยาปรึ กษาหารื อกัน แล้วตัดสิ นใจทันทีวา่ จะกลับไปก่อน จะไปดูให้แน่ชดั ว่าเยารั่วเซี ยน
ไปสํานักงามวิจิตรหรื อไม่
ทว่าเมื่อทั้งสองออกมาจากเรื อนพักส่ วนตัวที่งดงาม ก็ได้รับการยืนยันสถานการณ์ทนั ที แน่ใจแล้วเยา
รั่วเซี ยนไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตรจริ ง ๆ
“พี่หญิงใหญ่ พี่เขย พวกท่านจะไปไหนกัน?” ทั้งสองโดนอวิน๋ เฟยหยางพาบรรดาเมีย ๆ มาขวางประตู
ไว้
“พี่หญิงใหญ่ พี่เขย!” สตรี ที่งดงามดุจดอกไม้คาํ นับพร้อมกัน เสี ยงเจื้อยแจ้วน่ารัก ทําให้เหมียวอี้เห็น
แล้วปวดประสาท รู ้สึกอิจฉาอวิน๋ เฟยหยางนิดหน่อย
อวิน๋ เฟยหยางเป็ นคนตรงไปตรงมา พอเห็นปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ก็ช้ ีท่ีกลุ่มฮูหยินของตัวเองทันที
“พี่เขย อิจฉาใช่ม้ ยั ล่ะ?จะให้ขา้ ช่วย…ช่วย…ช่วย…” พอบังเอิญไปสบสายตาที่มุ่งสังหารของพี่หญิง
ใหญ่ ก็ตอ้ งฝื นกลืนคําพูดตัวเองลงไป
สุ ดท้ายก็ยกมือตบบ่าเหมียวอี้ ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เข้าใจ เข้าใจ!”
อวิน๋ จือชิวเดือดพล่านเป็ นไฟทันที กัดฟันถามว่า “เจ้าเข้าใจอะไร?” ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกลุ่มฮูหยินของ
เขาอยูด่ ว้ ย นางคงเข้าไปซ้อมสัง่ สอนเขาเดี๋ยวนี้เลย
เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ แล้วถามอวิน๋ เฟยหยางว่า “เจ้ามีธุระอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร!” อวิน๋ เฟยหยางชี้ไปยังกลุ่มฮูหยินของตัวเอง “พวกนางบอกว่าปิ่ นปั กผมของพี่หญิงใหญ่
สวยมาก จะมาถามให้ได้วา่ ซื้อมาจากไหน เกาะแกะข้ามาหลายวันแล้ว ก็เลยพาพวกนางมาพร้อมกัน
เลย เออใช่ แล้วพวกท่านจะไปไหนล่ะ?”
“ที่อาณาเขตข้ามีธุระนิดหน่อย เตรี ยมจะไปบอกลาท่านปู่ สักคํา จะกลับก่อน” เหมียวอี้ตอบ
“กลับเร็ วขนาดนี้เลยเหรอ! จะไปก็ได้ แต่ไปช่วยพูดขอร้องท่านพ่อให้ขา้ หน่อย” อวิน๋ เฟยหยางเข้ามา
ดึงแขนเหมียวอี้เดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!” อวิน๋ จือชิวตีมือของเขาที่กาํ ลังดึงสามีตวั เองออกไป แล้วตําหนิวา่ “ขอร้องอะไร?”
อวิน๋ เฟยหยางนวดหลังมือตัวเองที่โดนตีจนเจ็บ แล้วอธิบายว่า “คืออย่างนี้นะ ข้าเพิง่ ได้ข่าวมา ว่า
ท่านจื่อหยางศิษย์ของสํานักงามวิจิตรที่หายตัวไปหลายปี ตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาเชิญสํานัก
หลอมของวิเศษใหญ่ ๆ ในแดนฝึ กตนให้มารวมตัวกันที่สาํ นักงามวิจิตร บอกว่าต้องการจะประลอง
ของวิเศษกับเซี่ ยงไป่ ถิง ซึ่ งผูส้ ื บทอดตําแหน่งเจ้าสํานัก เชิญให้สาํ นักหลอมของวิเศษมาเป็ นพยาน!
เรื่ องนี้คึกคักใช้ได้เลยนะ พี่เขย ในปี นั้นเพื่อที่จะช่วงชิงตําแหน่งผูส้ ื บทอดของสํานักงามวิจิตร ท่านจื่
อหยางประลองแพ้ให้กบั เซี่ ยงไป่ ถิงศิษย์พี่ของเขา ครั้งนี้หวนกลับมาอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่ได้มาดี แถม
ฮูหยินของเจ้าสํานักงามวิจิตรก็เป็ นลูกศิษย์ของเฟิ งเป่ ยเฉิ น แล้วฮูหยินของเซี่ ยงไป่ ถิงก็คือลูกสาวของ
เจ้าสํานัก ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าสํานักงามวิจิตรคือสํานักที่ข้ ึนตรงต่อเฟิ งเป่ ยเฉิน ทําแบบนี้เท่ากับไปตบ
หน้าเฟิ งเป่ ยเฉิ น รอบนี้บนั เทิงไม่เบา จะพลาดความคึกครื้ นนี้ได้อย่างไร แต่ท่านพ่อไม่ยอมให้ขา้ ไป
พี่เขยช่วยไปขอร้องให้หน่อยสิ ท่านพ่อข้าน่าจะไว้หน้าท่าน”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก สบตากับอวิน๋ จือชิวแวบหนึ่ง เยารั่วเซียนต้องการไปล้างความอัปยศที่สาํ นักงาม
วิจิตรจริ ง ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเยารั่วเซี ยนหลอมสร้างของวิเศษอะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะมัน่ ใจถึงขั้นไปท้า
สู ก้ บั สํานักงามวิจิตร
ก่อนอื่นคือทั้งสองโล่งใจ พบว่าเยารั่วเซียนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถ้าหลับหูหลับตาบุกไปสํานักงามวิจิตร
คนเดียว แบบนั้นก็เท่ากับไปรนหาที่ตายจริ ง ๆ ยังดีที่ตาแก่เยารู ้จกั สร้างเรื่ องราวให้ใหญ่โตก่อน ทําให้
สํานักงามวิจิตรไม่ทาํ อะไรสุ่ มสี่ สุ่มห้า
แต่ท้ งั สองก็ยงั กังวลนิดหน่อย เพราะฝ่ ายสํานักงามวิจิตรไม่ได้โง่ ในเมื่อเยารั่วเซี ยนกล้าไปหา ก็ยอ่ มรู ้
ว่าเยารั่วเซียนต้องมีความมัน่ ใจอยูบ่ า้ ง ไม่มีใครอยากไปสร้างความอัปยศอดสู ให้ตวั เองหรอก สํานัก
งามวิจิตรจะต้องกังวลกับผลลัพธ์บางอย่างแน่นอน นัน่ ก็คือหากสํานักงามวิจิตรแพ้แล้ว คนที่เสี ยหน้า
ไม่ได้มีแค่สาํ นักงามวิจิตร แต่เหมือนเป็ นการตบหน้าเฟิ งเป่ ยเฉิ นด้วย เกรงว่าทางแดนอู๋เลี่ยงอาจจะไม่
ปล่อยให้เยารั่วเซียนมีชีวติ รอดไปประลองกับสํานักงามวิจิตร
หรื อพูดได้อีกอย่างว่า ครั้งนี้เยารั่วเซียนมีเคราะหากกว่ามีโชค ทั้งสองรู ้สึกว่าเยารั่วเซี ยนยอมแลกกับ
ทุกอย่างจริ ง ๆ ต่อให้ตอ้ งตาย ก็ตอ้ งล้างความอัปยศให้ได้!
ประเด็นสําคัญคือตอนนี้ไม่มีใครรู ้วา่ ตัวเยารั่วเซียนอยูท่ ี่ไหน ไม่มีทางไปขัดขวางได้เลย อยากจะช่วย
แต่กห็ าตัวไม่พบ คาดว่าที่เยารั่วเซียนแอบหนีไปอย่างแนบเนียน ก็เพราะรู ้วา่ พวกเหมียวอี้จะต้องห้าม
เขาแน่นอน
“อวิน๋ เฟยหยาง การประลองของวิเศษจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ ?” เหมียวอี้ถาม
อวิน๋ เฟยหยางตอบว่า “ท่านจื่อหยางจัดวันที่สิบเก้าเดือนหน้า ได้ยนิ ว่าในปี นั้นเขาก็แพ้ในวันนี้แหละ
ลองนับดูแล้วก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน แต่ฝั่งสํานักงามวิจิตรยังไม่มีการส่ งข่าวตอบกลับใด ๆ ยังไม่
แสดงท่าทีวา่ จะรับหรื อไม่รับคําท้าของท่านจื่อหยาง แต่ท่านจื่อหยางทําให้เรื่ องราวใหญ่เสี ยขนาดนั้น
ถ้าไม่รับคําท้าก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่รับคําท้าก็ทนเสี ยหน้าไม่ไหว”
“เกี่ยวกับการประลองของวิเศษครั้งนี้ ยังมีข่าวอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย?” เหมียวอี้ถามอีก
“ก็มีเท่านี้แหละ ยังจะให้มีอะไรอีก?” อวิน๋ เฟยหยางงุนงง
เหมียวอี้ขมวดคิ้วครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง รี บทําการตัดสิ นใจ แล้วรี บจูงแขนอวิน๋ จือชิวเดินออกไป “ไปหาอา
หกเป็ นเพื่อนข้าหน่อย!”
“นี่ ๆ ๆ พี่เขย อย่าลืมเรื่ องของข้านะ! ฝากบอกอาหกด้วยก็ได้!” อวิน๋ เฟยหยางตะโกนตามหลัง
อวิน๋ จือชิวที่โดนจูงให้เดินเร่ งฝี เท้าถามอย่างแปลกใจว่า “ไปหาอาหกทําไมเหรอ?”
“ไปให้อาหกช่วยสักหน่อย!”
“อาหกจะช่วยอะไรได้?”
“ให้อาหกช่วยกระจายข่าวให้ ต้องรี บทําให้คนทั้งใต้หล้าได้รับรู ้ ปกป้ องชีวติ ของเยารั่วเซี ยนก่อน ให้
เขาไปถึงสํานักงามวิจิตรอย่างปลอดภัยแล้วค่อยว่ากัน ส่ วนจะสูแ้ พ้หรื อชนะก็ไม่สาํ คัญหรอก!”
ถ้าพูดถึงเรื่ องอายุ อาหกอวิน๋ เซี่ ยวยังต้องเรี ยกอวิน๋ เสี ยว่าพี่หญิงสาม แต่นภาจอมมารมีผชู ้ ายของ
ตระกูลอวิน๋ เป็ นใหญ่ ในบรรดาลูกชายที่ยงั มีชีวติ รอดของอวิน๋ อ้าวเทียน พี่หกอวิน๋ เซี่ ยวนับว่าเป็ นพี่
ใหญ่สุด อวิน๋ เซี่ยวเป็ นคนจัดการธุระต่าง ๆ ของนภาจอมมาร
พอสองสามีภรรยาเจอกับอวิน๋ เซี่ยว อวิน๋ เซี ยวก็ยมิ้ อย่างสนิทสนมพลางยืน่ มือเชิญให้นงั่ แต่เหมียวอี้
พูดเข้าประเด็นเลยว่า “เพิ่งได้ยนิ อวิน๋ เฟยหยางพูดถึงเรื่ องประลองของวิเศษที่สาํ นักงามวิจิตร ไม่ทราบ
ว่าอาหกเคยได้ยนิ มาบ้างรึ เปล่า?”
“ต้องเคยได้ยนิ อยูแ่ ล้ว” อวิน๋ เซี่ ยวถามกลั้วหัวเราะว่า “ทําไมล่ะ? พวกเจ้าสองผัวเมียสนใจเรื่ องนี้
เหรอ?”
“อาหก ท่านจื่อหยางคือสหายที่ดีของข้า!” เหมียวอี้ตอบตรง ๆ
“หา!” อวิน๋ เซี่ยวตะลึงงัน จากนั้นก็ส่ายหน้าช้า ๆ “เกรงว่าเพื่อนเจ้าจะเกิดปั ญหาแล้วล่ะ ถ้าบุกเข้าไปใน
อาณาเขตของแดนอู๋เลี่ยง ที่นนั่ ก็มีสายของนภาอู๋เลี่ยงอยูท่ ุกที่ อาจจะไม่รอดชีวติ ไปถึงสํานักงามวิจิตร
ก็ได้”
เหมียวอี้พยักหน้า “ข้าเลยอยากจะขอให้อาหกช่วยสักหน่อย ช่วยกระจายข่าวบางอย่างออกไป ต้องรี บ
ทําให้ใต้หล้ารู ้เรื่ องนี้กนั ให้หมด!”
อวิน๋ เซี่ยวมองอวิน๋ จือชิวที่ทาํ สี หน้างุนงงแวบหนึ่ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ข่าวอะไร!”
“เกี่ยวกับเบื้องหลังของการประลองหลอมของวิเศษระหว่างท่านจื่อหยางกับเซี่ ยงไป่ ถิงในปี นั้น…”
เหมียวอี้เล่ามูลเหตุภายในให้ฟังทันที
หลังจากฟังจบ อวิน๋ เซี่ยวก็เดาะลิ้นแล้วบอกว่า “ที่แท้กม็ ีเบื้องหลังอย่างนี้นี่เอง!”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “เพราะฉะนั้น ในปี นั้นท่านจื่อหยางไม่ได้แพ้ แต่นางรังเกียจที่
ท่านจื่อหยางหน้าตาขี้เหร่ ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับท่านจื่อหยาง จึงแอบนํา ‘กาวสันตฤดู’
ของเจ้าสํานักโม่หมิงมาสลับกันเพื่อช่วยให้เซี่ยงไป่ ถิงชนะท่านจื่อหยาง ตอนหลังสํานักงามวิจิตรก็
แอบใช้วธิ ีการสกปรกคอยบ่อนทําลายชื่อเสี ยงของท่านจื่อหยางไปทัว่ ทุกแห่ง กดดันจนเขาซุกหัวนอน
อยูท่ ี่ทะเลทรายม่านเมฆาไม่ได้ ทั้งยังส่ งคนมาไล่สงั หารตลอดทาง ข้าไม่ได้รบกวนให้ท่านอาหก
ปล่อยข่าวนี้ให้รู้ท้ งั ใต้หล้าอย่างเดียวนะ ข้ายังต้องการให้เพิ่มข่าวไปด้วยว่า เพื่อที่จะปิ ดปากท่านจื่อห
ยาง ขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะสูท้ ่านจื่อหยางไม่ได้ นภาอู๋เลี่ยงกับสํานักงามวิจิตรจึงกําลังแอบไล่ล่า
ท่านจื่อหยางอยูท่ วั่ ทุกที่ ต้องการจะหยุดยั้งไม่ให้เขาไปประลองของวิเศษล้างความอัปยศที่สาํ นักงาม
วิจิตร!”
ตอนนี้อวิน๋ จือชิวเข้าใจในทันที ที่แท้สามีตวั เองก็ตอ้ งการให้นภาอู๋เลี่ยงกับสํานักงามวิจิตรลูบหน้าปะ
จมูก ถ้าสํานักงามวิจิตรอยากจะลบล้างข่าวลือฉาวโฉ่น้ ี วิธีการเพียงอย่างเดียวก็คือต้องให้เซี่ ยงไป่ ถิง
เอาชนะเยารั่วเซียนได้อย่างสง่าผ่าเผย มีเพียงการเอาชนะอย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น ถึงจะทําให้ข่าวลือแย่
ๆ พวกนั้นกลายเป็ นแค่ข่าวลือไร้สาระ ไม่อย่างนั้นคงต้องโดนคนหัวเราะเยาะไปทั้งชาติ
ขณะที่เอียงศีรษะมองเหมียวอี้ อวิน๋ จือชิวก็พบว่า การที่ผชู ้ ายของตัวเองมีวนั นี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย
เขารับมือกับสถานการณ์เร่ งด่วนได้ดีกว่านางเสี ยอีก ขนาดในเวลาหน้าสิ่ วหน้าขวานก็ยงั ควบคุม
สถานการณ์ได้
อวิน๋ เซี่ ยวเอามือลูบหนวดสั้นที่คางตัวเอง ชําเลืองมองอวิน๋ จือชิว ชําเลืองมองเหมียวอี้ แล้วจู่ ๆ ก็พดู
แขวะว่า “สงสัยเจ้าเด็กนี่จะไม่ใช่คนดีอะไรหรอกมั้ง ชอบสาดโคลนใส่ คนอื่น!”
“…” เหมียวอี้อา้ ปากค้าง อวิน๋ จือชิวจึงช่วยพูดแก้ต่างทันที “อาหก นี่เป็ นการสาดโคลนเสี ยที่ไหนกัน
นี่คือเรื่ องที่อาจจะเกิดขึ้นชัด ๆ ”
“พอแล้ว! วันนี้นางหนูอย่างเจ้าไปเข้าข้างคนอื่นแล้ว ข้าเถียงไม่ชนะพวกเจ้าสองผัวเมียหรอก” อวิน๋
เซี่ยวลุกออกจากเก้าอี้ ประสานมือทั้งคู่ไว้ในแขนเสื้ อกว้างหลวม เดินช้า ๆ พร้อมบอกว่า “จะให้ช่วย
เรื่ องนี้กใ็ ช่วา่ จะทําไม่ได้ แต่อาหกก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง!”
ทั้งสองลุกขึ้นยืนเช่นกัน อวิน๋ จือชิวพูดด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิดว่า “อาหก ช่วยแค่นิดหน่อยเอง
ตระกูลอวิน๋ ไม่ได้เสี ยหายอะไรเสี ยหน่อย สําหรับท่าน นี่เป็ นเรื่ องที่เอ่ยปากคําเดียวก็จดั การได้แล้ว
ท่านยังมีหน้ามาเสนอเงื่อนไขกับพวกเราอีกเหรอ?”
อวิน๋ เซี่ยวไม่สนใจ หันตัวมาแล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “เหมียวอี้ ในเมื่อเจ้ากับท่านจื่อหยางเป็ นเพื่อนที่ดีต่อ
กัน เอ่อคือว่า เดี๋ยวเจ้าช่วยเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยสิ ให้เขามาอยูท่ ี่นภาจอมมาร พวกเราจะเลี้ยงดูเขาอย่าง
ไม่ขาดตกบกพร่ องเลย”
นี่เป็ นการฉวยโอกาสเสนอเงื่อนไขชัด ๆ ! อวิน๋ จือชิวโมโหจนกระทืบเท้า แล้วดึงแขนเหมียวอี้ให้เดิน
ออกไป “พวกเราไปกันเถอะ! ไม่ตอ้ งขอร้องเขาหรอก ไปให้ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรช่วย
ก็ได้เหมือนกัน”
อวิน๋ เซี่ยวหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกว่า “น้องชิว ถ้าข้าไม่ให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าจะไปได้เหรอ? ถ้าไม่ตอบ
ตกลงเงื่อนไขนี้ ข้าก็จะขังพวกเจ้าไว้ที่นี่แหละ รอให้ผา่ นการประลองของวิเศษไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
ถ้าข้าไม่ได้ท่านจื่อหยางมาทํางานให้นภาจอมมาร ข้าก็ไม่ปล่อยให้เขาตกอยูใ่ นมือคนอื่นเหมือนกัน
พวกเจ้าไตร่ ตรองให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“มีเขยคนใหม่มาเยือนบ้าน แต่ท่านรังแกกันอย่างนี้น่ะเหรอ ข้าจะไปฟ้ องท่านปู่ !” อวิน๋ จือชิวโวยวาย
อย่างโมโห
อวิน๋ เซี่ยวกล่าวพร้อมรอยยิม้ สดใส “ไปหาใครก็ไม่มีประโยชน์ ท่านปู่ เจ้าต้องยืนฝั่งข้าแน่นอน ไม่มี
อะไรน่าต่อรองหรอก ข้าจะถามอีกสักครั้ง พวกเจ้าตกลงหรื อไม่ตกลง?”
“อาหก ท่านตํ่าทรามไร้ยางอายมาก!” อวิน๋ จือชิวชี้หน้าพลางด่าสาดเสี ยเทเสี ย
“น้องชิว ถ้าพูดถึงเรื่ องตํ่าทรามไร้ยางอาย งั้นข้าขอถามกลับสักหน่อยนะ ใครกันที่ตอนนั้นเพิง่ จะโต
เป็ นสาว แต่วงิ่ ไปแอบดูผชู ้ ายอาบนํ้า…”
“ว้าย! หุบปากนะ!” อวิน๋ จือชิวประสาทเสี ยทันที พุง่ เข้าไปหมายจะสูต้ ายกับอวิน๋ เซี่ ยว
อวิน๋ เซี่ยวถลันตัวหลบข้างหลังเหมียวอี้ ตบบ่าเหมียวอี้พลางยอกว่า “ทั้งยังซ่อนตัวอยูร่ ิ มแม่น้ าํ เพื่อแอบ
ดูฝงู ผูช้ ายอาบนํ้าด้วยนะ ผลก็คือโดนจับได้คาที่เลย!”
ขณะมองดูอวิน๋ จือชิวที่ตกใจจนหน้าถอดสี เหมียวอี้กร็ าวกับโดนตะคริ วกินใบหน้า เรี ยกได้วา่
ค่อนข้างตตกตะลึง นึกไม่ถึงว่านางจะเคยทําเรื่ องแบบนี้มาก่อนเมื่อตอนเป็ นสาวแรกรุ่ น!
อวิน๋ จือชิวพูดอย่างอับอายเหลือทน “หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล ไม่ได้มีเรื่ องแบบนั้น…”
แต่พบว่าคําอธิบายของตนค่อนข้างไร้น้ าํ หนัก การกระทําของตนได้อธิบายปั ญหาไว้ชดั แล้ว นางหน้า
แดงจนเหมือนก้นลิง “ที่จริ งก็แค่อยากรู ้วา่ ผูห้ ญิงกับผูช้ ายมีอะไรต่างกัน ไม่ได้ทาํ อะไรอย่างอื่นเลย”
อวิน๋ เซี่ยวโผล่หน้าตรงข้างหลังเหมียวอี้ แล้วพูดหยอกว่า “เห็นชัดรึ ยงั ล่ะ มีตรงไหนไม่เหมือน?”
“คนบ้าเอ๊ย!” อวิน๋ จือชิวราวกับแมวโดนเหยียบหาง ด่าอย่างบ้าคลัง่ “ต่อไปข้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว! นี่
ไม่ใช่บา้ นฝ่ ายภรรยาหรอก นี่เป็ นบ้านศัตรู ชดั ๆ !”
ตอนที่ 895

อย่ าให้ ผ้ ูการหยางรู้


“เฮ้อ!” ขณะมองดูฮูหยินที่ใกล้จะเป็ นบ้า เหมียวอี้กถ็ อนหายใจอย่างไร้เรี่ ยวแรง ไม่รู้วา่ เมียตัวเองโดน
คนในครอบครัวกุมจุดอ่อนไว้เยอะแค่ไหน หันตัวมาบอกว่า “อาหก งั้นก็เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าตอบตก
ลงเงื่อนไขของท่าน แต่ขา้ ไม่กล้ารับประกันนะว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เขามานภาจอมมารได้รึเปล่า!”
ถ้าให้เยารั่วเซี ยนมาที่นภาจอมมารในตอนนี้ เขารู ้สึกว่าไม่มีอะไรเสี ยหาย พอเยารั่วเซียนปรากฏตัว
ขึ้นมาแบบนี้ ถ้าให้แดนเซี ยนรู ้วา่ เขาหลบอยูข่ า้ งกายเหมียวอี้มาตลอด ก็คงไม่ใช่เรื่ องดีอะไร ถ้ามาอยูท่ ี่
นภาจอมมารแล้ว คาดว่าฝั่งนี้กค็ งไม่ปฏิบตั ิต่อเขาอย่างทารุ ณ ถ้ามีโอกาสเหมาะค่อยพากลับมาอีกทีก็
ได้ ถึงอย่างไรเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กย็ งั อยูใ่ นมือตน
อวิน๋ เซี่ยวหัวเราะเบา ๆ “งั้นเจ้าก็ตอ้ งพยายามให้เต็มที่นะ คนที่กล้าประลองของวิเศษกับสํานักงาม
วิจิตรเพียงลําพัง…” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทําสี หน้าเหมือนเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา “ข้ายัง
ยืนยันคําเดิม ข้าไม่ยอมให้เขาไปตกอยูใ่ นมือคนอื่นหรอก เจ้าคงเข้าใจดีวา่ ข้าหมายความว่าอย่างไร!”
เรื่ องนี้กต็ กลงกันตามนี้ หลังจากออกจากตําหนักคุมงานพร้อมกับเหมียวอี้ อวิน๋ จือชิวที่ยงั คงมีสีหน้า
อับอายก็แอบมองเหมียวอี้เป็ นระยะ สังเกตปฏิกิริยาของเหมียวอี้ เพราะนางออกจากนภาจอมมารมาใช้
ชีวติ อยูข่ า้ งนอกหลายปี จึงเข้าใจความคิดของคนทัว่ ไปได้ ค่อย ๆ มีจิตสํานึกในความอับอายเหมือน
คนปกติ ไม่ได้ใจกว้างเหมือนกับคนของนภาจอมมาร นี่กค็ ือสาเหตุที่ทาํ ให้นางโมโหจนแทบบ้า นาง
กังวลมากว่าเหมียวอี้จะมีปมอะไรคัง่ ค้างอยูใ่ นใจ
ที่จริ งต่อให้เป็ นที่นภาจอมมาร ชายหญิงก็ยงั มีความแตกต่างกัน ไม่อย่างบรรดาอาหญิงของนางคง
ไม่ได้มีอาเขยแค่คนเดียวหรอก ไม่เหมือนพวกอาชายที่สามารถมีเมียได้หลายคน สําหรับชายหญิงที่โต
เป็ นผูใ้ หญ่แล้ว นภาจอมมารก็ยงั มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่ องพวกนี้อยู่ อย่างไรเสี ย ถ้าพูดถึงด้านสรี ระ
ร่ างกาย ผูห้ ญิงก็มีความเสี ยเปรี ยบโดยธรรมชาติอยูแ่ ล้ว เป็ นไปไม่ได้ที่อวิน๋ อ้าวเทียนจะเปลี่ยนนภา
จอมมารให้กลายเป็ นซ่องราคะ
ที่จริ งเหมียวอี้กไ็ ม่ได้เห็นเป็ นเรื่ องใหญ่โตอะไร ตอนที่เขาได้ครอบครอบร่ างกายของผูห้ ญิงคนนี้ เขาก็
รู ้อย่างแจ่มแจ้งว่าอะไรเป็ นอะไร ไม่มีอะไรน่าสงสัย ตอนที่เป็ นวัยรุ่ น เรื่ องบางเรื่ องก็ไม่มีอะไรน่าถือ
สาหาความ สําหรับนิสยั ของผูช้ ายและผูห้ ญิงที่นภาจอมมาร เขาเองก็นบั ว่าได้สมั ผัสประสบการณ์
มาแล้ว ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ ตอนวัยรุ่ นอวิน๋ จือชิวเป็ นคนอย่างไร ยังหวังจะให้มีแกะน้อยในฝูงหมาป่ า
เชียวหรื อ?
แต่เขายิง่ เงียบเท่าไร อวิน๋ จือชิวก็ยงิ่ อกสัน่ ขวัญแขวน จึงลองถามหยัง่ เชิง “หนิวเอ้อร์ เจ้ามคิดจะถาม
อะไรข้าสักหน่อยเหรอ?”
เหมียวอี้ไม่ได้กาํ ลังคิดเรื่ องนี้ เขากําลังคิดเรื่ องเยารั่วเซียนอยู่ เมื่อได้ยนิ ดังนั้นก็ถามกลับว่า “ถาม
อะไร?”
อวิน๋ จือชิวอธิบายอีกรอบทันที “ตอนวัยรุ่ นที่ขา้ แอบดูผชู ้ ายอาบนํ้า ข้าก็แค่อยากรู ้อยากเห็นเท่านั้น
อยากจะเห็นว่าผูช้ ายกับผูห้ ญิงมีอะไรต่างกัน ไม่ได้ทาํ เรื่ องอื่นเลยจริ ง ๆ ”
พอนางพูดแบบนี้ เหมียวอี้กอ็ ดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้านี่มนั พอได้เลยนะ ไปแอบดูผชู ้ ายอาบนํ้ามาจริ ง ๆ
เหรอ?”
อวิน๋ จือชิวหน้าแดงทันที อายจนแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่ยงั รวบรวมความกล้าบอกว่า
“แอบดูแล้วยังไงล่ะ?”
เป็ นครั้งแรกที่เห็นนางเป็ นวัวสันหลังหวะแบบนี้ ในใจเหมียวอี้รู้สึกบันเทิงแล้ว แต่ยงั ถามด้วยสี หน้า
เรี ยบเฉยว่า “น่ามองมากใช่ม้ ยั ล่ะ?”
ตอนนี้อวิน๋ จือชิวกลัวแล้วจริ ง ๆ โต้กลับว่า “ข้าก็แค่ดูเฉย ๆ ไม่ได้ทาํ อะไรเสี ยหน่อย คงสูเ้ จ้ากับฝา
แฝดคู่น้ นั ไม่ได้หรอกใช่ม้ ยั ล่ะ?”
“…” เหมียวอี้เถียงไม่ออก นางพูดเรื่ องนี้อีกแล้วเหรอ เขาถอนหายใจแล้วบอกว่า “ได้ ๆ ๆ ! เจ้ามี
เหตุผลเสมอนัน่ แหละ เป็ นความผิดของข้าเอง จบมั้ย? ที่เจ้าไปแอบดูผชู ้ ายอาบนํ้าก็ทาํ ถูกแล้ว จบมั้ย?”
“ข้า…” อวิน๋ จือชิวแทบจะร้องไห้เพราะคําพูดของเขา นางดึงแขนเขา ถามด้วยนํ้าตาคลอเบ้าว่า “หนิว
เอ้อร์ เจ้าจะให้ขา้ ทําอย่างไร เจ้าถึงจะยอมปล่อยผ่านเรื่ องนี้ไป?”
เมื่อเห็นนางเป็ นแบบนี้ เหมียวอี้กอ็ ้ ึงไปชัว่ ขณะ จากนั้นก็คว้ามือนางขึ้นมา เดินจูงมือนางพลางบอกว่า
“เจ้าจะกังวลทําไม ข้าไม่ได้เก็บมาใส่ ใจเลย ถ้าข้าไม่เชื่อเจ้า แล้วข้าจะแต่งงานกับเจ้าทําไม?”
อวิน๋ จือชิวกลับไม่วางใจ ถามยืนยันอีกครั้ง “เจ้าพูดจริ งเหรอ? หนิวเอ้อร์ ข้าขอเตือนเจ้านะ คนอื่นจะ
มองหรื อจะว่าข้าอย่างไรข้าก็ไม่สนใจ แต่ถา้ ในใจเจ้ารู ้สึกอึดอัดก็พดู ออกมา เมื่ออยูต่ ่อหน้าเจ้า ข้าทน
รับความไม่ยตุ ิธรรมของเรื่ องนี้ไม่ไหว ไม่อย่างนั้นข้าจะรู ้สึกไม่ยตุ ิธรรมไปทั้งชีวติ !”
เหมียวอี้พลันหยุดฝี เท้า แล้วมายืนอยูต่ รงหน้านาง มองนางด้วยแววตาจริ งจังพร้อมบอกว่า “ฮูหยิน ถ้า
ครั้งหน้าอยากดูอีก พาข้าไปดูดว้ ยนะ!”
อวิน๋ จือชิวตะลึงงัน จากนั้นก็อบั อายจนโมโห โชคดีที่เหมียวอี้เตรี ยมตัวไว้นานแล้ว เขาถลันตัวหลบ
ก่อน คนหนึ่งวิง่ หนีอยูข่ า้ งหน้า คนหนึ่งวิง่ ไล่ตามหลัง…
จากนั้นทั้งสองก็มาที่ตาํ หนักจอมมารอีก มากล่าวอําลาอวิน๋ อ้าวเทียนอย่างเป็ นทางการ
หลังจากกลับมาถึงเรื อนพักส่ วนตัว ก็เรี ยกช่างไม้ ช่างหิ นและฉินเวยเวย แล้วเกี้ยวงามก็เหาะขึ้นฟ้ า
เหาะออกจากนภาจอมมารไปแล้ว
ตอนที่กลับถึงปราสาทดําเนินสุ ริยนั เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กร็ ู ้แล้วเช่นกันว่าเยารั่วเซี ยนจะไปประลอง
ของวิเศษที่สาํ นักงามวิจิตร ข่าวนี้แพร่ ไปทัว่ ทั้งแดนฝึ กตนแล้ว สองสาวร้อนใจมาก และเป็ นห่วงความ
ปลอดภัยของเยารั่วเซียนด้วย ขอร้องให้เหมียวอี้ช่วยพ่อบุญธรรมของพวกนางให้ได้
เหมียวอี้ปลอบใจว่า “ไม่ตอ้ งห่วง ข้าเตรี ยมตัวเรี ยบร้อยแล้ว ข้าจะไปที่สาํ นักงามวิจิตรด้วยตัวเองสัก
เที่ยว ไม่ให้เกิดเรื่ องกับเยารั่วเซียนหรอก”
อวิน๋ จือชิวที่อยูข่ า้ ง ๆ ไม่ได้พดู อะไร แต่ในใจกลับเป็ นกังวล อีกประเดี๋ยวก็ดึงมือเหมียวอี้ไปที่
ห้องนอน แล้วคุยกันส่ วนตัว “ความสัมพันธ์ของพวกเรากับเฟิ งเป่ ยเฉินก็เห็น ๆ กันอยู่ เจ้าไปสํานัก
งามวิจิตรด้วยตัวเองแบบนี้ ข้ากลัวว่าจะอันตราย!”
แต่เหมียวอี้ตอบพร้อมรอยยิม้ “ไม่มีอนั ตรายอะไรหรอก ในเมื่ออาหกจะส่ งคนไปด้วย ทางแดนเซี ยนก็
จะส่ งคนไปด้วยเหมือนกัน พวกเขาไม่ปล่อยให้นภาอู๋เลี่ยงทําอะไรข้าหรอก ข้าจะไปทะเลดาวนักษัตร
ด้วย ไปบอกให้ประมุขถิ่นสี่ ทิศพาคนไปด้วยเยอะ ๆ ต่อให้เฟิ งเป่ ยเฉิ นมาเอง แต่กไ็ ม่กล้าทําอะไรข้า
หรอก มีแต่ตอ้ งให้ขา้ ไปเองเท่านั้น ถึงจะอาศัยเครื อข่ายพวกนั้นปกป้ องเยารั่วเซี ยนได้ ไม่อย่างนั้นเยา
รั่วเซี ยนคงจะมีอนั ตรายจริ ง ๆ ”
อวิน๋ จือชิวคิดไปคิดมาแล้วก็เห็นด้วย การไปครั้งนี้น่าจะไม่เกิดเรื่ องอะไร นางจึงถอนหายใจเบา ๆ แล้ว
บอกว่า “ข้ากับพวกช่างไม้ไม่สะดวกจะไปกับเจ้า ถ้าไปด้วยอาจจะทําเสี ยเรื่ อง”
เหมียวอี้พยักหน้า เขาพอจะเข้าใจได้ อวิน๋ จือชิวไปแล้วจะอึดอัดทําตัวไม่ถูก ถ้ามีคนพูดจาไม่น่าฟัง
ขึ้นมา…สรุ ปก็คือ ถ้าอวิน๋ จือชิวไปด้วยจะต้องมีคนตําหนินินทาลับหลังแน่นอน ถึงอย่างไรผูช้ ายอย่าง
เขาก็เป็ นฝ่ ายได้ประโยชน์ คนอื่นจะว่าอะไรเขาก็ไม่เป็ นไร แต่สาํ หรับผูห้ ญิงนั้นไม่เหมือนกัน
ไม่รู้วา่ อวิน๋ จือชิวนึกอะไรขึ้นได้ หันตัวมายิม้ พร้อมถามว่า “ให้ฉินเวยเวยไปเป็ นเพื่อนเจ้าสิ ?”
“นางเหรอ?” เหมียวอี้ขมวดคิ้วถาม “ทําไมเจ้าคิดถึงจะพานางไปด้วยตลอดเลย?”
อวิน๋ จือชิวมองสํารวจเขาศีรษะจดเท้าแวบหนึ่งด้วยรอยยิม้ สนิทสนม แล้วถามว่า “นางทําไมล่ะ? เจ้าไม่
ชอบใจอะไรน้องสาวข้าเหรอ?”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ไม่ใช่วา่ ข้าไม่ชอบใจนาง แต่วรยุทธ์อย่างนางไปด้วยก็ช่วยอะไร
ไม่ได้ ดีไม่ดีอาจจะมีภาระเพิ่ม”
“เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่เกิดอันตราย? พานางไปด้วยจะเป็ นไรไป? พาลูกน้องไปด้วยสักคน ก็
ยังพอต่อสูด้ ูแลเจ้าได้” อวิน๋ จือชิวแปลกใจ
“ข้าจําเป็ นต้องทําให้นางดูแลด้วยเหรอ? ถ้าอยากจะให้มีคนดูแลจริ ง ๆ ไม่สูข้ า้ พาเชียนเอ๋ อร์กบั เสวีย่
เอ๋ อร์ไปด้วยดีกว่าเหรอ วรยุทธ์ของสองคนนั้นยังสู งกว่านางอีก” เหมียวอี้ไม่รู้วา่ จะหัวเราะหรื อร้องไห้
ดี
อวิน๋ จือชิวหัวเราะแล้วบอกว่า “พานางไปด้วยเถอะ ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าในอนาคตอยากให้
นางคุมที่นี่ ถ้ามีโอกาสก็ตอ้ งพานางไปเปิ ดหูเปิ ดตาบ้าง เพิม่ พูนความรู ้สกั หน่อย ต่อให้เป็ นการรู ้จกั คน
เพิ่มเพียงไม่กี่คนก็ตาม นางจะได้คุมที่นี่แทนพวกเราได้สะดวก”
“เจ้ายังคิดเรื่ องนี้อยูจ่ ริ ง ๆ เหรอ? ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ได้ พวกเราผ่านด่านของหยางชิ่งไม่ได้ง่าย ๆ
ขนาดนั้นหรอก” เหมียวอี้ขมวดคิ้ว
อวิน๋ จือชิวตบหน้าอกเขาเบา ๆ พลางกล่าวอย่างยิม้ แย้ม “ข้าบอกแล้วว่าข้ามีวธิ ีการของข้าเอง เจาไปทํา
ตามที่ขา้ บอกก็พอ” พูดจบก็หนั ตัวเดินออกไป ขณะที่หนั หลังก็โบกมือบอกว่า “หนิวเอ้อร์ เอาตามนี้
แล้วกัน ข้าจะไปบอกนาง”
“ฮูหยิน อวิน๋ จือชิว เถ้าแก่เนี้ย..” เหมียวอี้พยายามเรี ยกยังไงก็ไม่ได้ผล เขายืนเอามือไขว้หลังครุ่ นคิดพัก
หนึ่ง แต่กค็ ิดไม่ตกว่าผูห้ ญิงคนนี้กาํ ลังจะใช้อุบายอะไรกันแน่ ตอนที่เดินออกมาอีกครั้ง ก็เห็นอวิน๋ จือ
ชิวจูงมือฉิ นเวยเวยและพูดคุยกันพอดี
เห็นเพียงฉินเวยเวยพยักหน้าไม่หยุดอยูต่ รงหน้าอวิน๋ จือชิว เมื่อเห็นเขาออกมานางก็รีบลุกขึ้น มอง
เหมียวอี้ดว้ ยแววตาเฝ้ าคอย ในดวงตาฉายแววดีใจเหนือความคาดหมาย
อวิน๋ จือชิวส่ งนางไปจัดการงานนี้กบั เหมียวอี้ นางเองก็ไม่ได้ทาํ งานกับเหมียวอี้มานานแล้ว ค่อนข้าง
เฝ้ าคอยสิ่ งนี้ กอปรกับที่คิดว่าอวิน๋ จือชิวพูดจามีเหตุผล บอกว่าตัวเองกับแดนอู๋เลี่ยงมีความสัมพันธ์ที่
ซับซ้อน จึงไม่สะดวกจะไปแดนอู๋เลี่ยง ทั้งยังบอกว่าเห็นฉิ นเวยเวยเป็ นเหมือนน้องสาว หวังว่าใน
ระหว่างนั้นฉิ นเวยเวยจะช่วยดูแลเรื่ องการกินอยูใ่ ห้เหมียวอี้ได้
ฉิ นเวยเวยเข้าใจสิ่ งนี้ รู ้วา่ อวิน๋ จือชิวไม่สะดวกจะไปแดนอู๋เลี่ยงจริ ง ๆ นางจึงบอกว่ายินดีรับหน้าที่น้ ี
จะช่วยพี่สาวดูแลนายท่านให้ดี
ดูจากสภาพแล้ว ทั้งสองคนเหมือนจะคุยกันเรี ยบร้อยแล้ว เหมียวอี้เกาศีรษะ แล้วถามว่า “เวยเวย ฮู
หยินบอกเจ้าชัดเจนแล้วใช่ม้ ยั ?”
ฉินเวยเวยกุมหมัดคารวะทันที “ข้ายินดีติดตามรับใช้นายท่านค่ะ!”
“…” ที่จริ งเหมียวอี้ไม่ได้หมายความอย่างนี้ เขาพูดอย่างอึดอัดนิดหน่อยว่า “คืออย่างนี้นะ ข้ากลัวจะ
เกิดเรื่ องไม่คาดคิด การไปครั้งนี้อาจจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าคงไม่สะดวก
จะอธิบายกับผูก้ ารหยาง!”
เขาอยากจะให้ฉินเวยเวยไตร่ ตรองอีกที หรื อไม่กอ็ ยากให้ฉินเวยเวยรู ้ถึงความลําบากแล้วยอมถอย แต่
ใครจะคิดว่าอวิน๋ จือชิวจะชิงบอกว่า “นายท่านเตือนได้ถูกต้องแล้ว น้องสาว อย่าให้ผกู ้ ารหยางรู ้เรื่ องนี้
ถ้าให้ผกู ้ ารหยางรู ้ เขาจะต้องไม่ยอมให้เจ้าไปด้วยแน่นอน”
เหมียวอี้เหมือนโดนตะคริ วกินใบหน้า เข้าใจเป็ นอย่างนี้ได้ดว้ ยเหรอ?
ฉิ นเวยเวยพยักหน้า “พี่สาวไม่ตอ้ งห่วงค่ะ ถึงแม้ผกู ้ ารหยางจะเป็ นพ่อบุญธรรมของข้า แต่นายท่านกับ
พี่สาวก็ยงั เป็ นใหญ่ที่สุดในปราสาทดําเนินสุ ริยนั ในเมื่อพี่สาวกําชับแล้ว ข้าก็รู้วา่ ควรทําอย่างไร!”
นางตอบตกลงแล้วว่าจะปิ ดบังหยางชิ่ง
อวิน๋ จือชิวหันกลับมาหาเหมียวอี้ “นายท่านยังมีความคิดเห็นอะไรก็พดู มาทีเดียวเลย อย่ามัวอํ้า ๆ อึ้ง ๆ
เหมือนพวกผูห้ ญิงได้ม้ ยั คะ?”
“…” เหมียวอี้พดู ไม่ออกครู่ หนึ่ง สุ ดท้ายก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เวยเวย ไป
ครั้งนี้ไม่รู้วา่ จะไปนานเท่าไร เจ้ากลับไปจัดการธุระที่อาณาเขตของเจ้าก่อน แล้วเจ้าค่อยไปหาหลินผิง
ผิงที่ยอดเขาหยกนครหลวง ไปอยูก่ บั นางที่นนั่ ก่อน เดี๋ยวข้าก็ตอ้ งไปบอกที่เมืองหลวงด้วยเหมือนกัน
ถึงตอนนั้นค่อยพาเจ้าร่ วมทางไปด้วย” เขาต้องการไปรวบรวมกําลังพลที่ทะเลดาวนักษัตรก่อน เพื่อ
ป้ องกันเหตุไม่คาดคิด
“รับทราบ!” ฉิ นเวยเวยกุมหมัดคารวะทั้งสอง “หากนายท่านกับพี่สาวไม่มีอะไรจะกําชับแล้ว ข้าน้อยก็
ขอตัวกลับไปเตรี ยมตัวก่อนค่ะ!”
อวิน๋ จือชิวพยักหน้ายิม้ ตาหยี หลังจากฉิ นเวยเวยเดินออกไปแล้ว เหมียวอี้กล็ ุกขึ้นบอกว่า “ข้าจะ
ออกไปเดินเล่นสักหน่อย!”
“อย่าคิดจะไปบอกข่าวนี้กบั หยางชิ่งเชียวนะ!” อวิน๋ จือชิวกลับเอ่ยเตือน
เหมียวอี้กาํ ลังคิดจะทําแบบนั้นพอดี โดนพูดแทงใจดําแล้ว จึงหันตัวมาถามว่า “ฮูหยิน เจ้าคิดจะผ่าน
ด่านหยางชิ่งยังไงกันแน่ เปิ ดเผยให้ขา้ รู ้หน่อยได้ม้ ยั ?”
พูดชัดเจนแล้ว เขาไม่อยากให้หยางชิ่งกับฉินเวยเวยคุมที่นี่หลังจากที่ตวั เองไปพิภพใหญ่ และไม่อยาก
พาอวิน๋ จือชิวไปพิภพใหญ่ดว้ ย เดี๋ยวถ้าอวิน๋ จือชิวกับหวงฝู่ จวินโหรวเจอกันขึ้นมา แล้วจะให้เขา
จัดการยังไงล่ะ?
แดนอู๋เลี่ยง สํานักงามวิจิตร บนภูเขาที่ใช้หลอมของวิเศษโดยเฉพาะ เงาคนคนหนึ่งเหาะมาเหยียบลง
นอกห้องไฟของเจ้าสํานัก ไม่ใช่ใครที่ไหน เหมียวจวินอี๋ ฮูหยินของเจ้าสํานักนัน่ เอง
เหมียวจวินอี๋ทาํ สี หน้าเย็นเยียบ กวาดมองลูกศิษย์ที่เฝ้ าประตู แล้วกล่าวเสี ยงตํ่าว่า “พวกเจ้าถอยออกไป
ให้หมด!”
“รับทราบ!” พวกลูกศิษย์รีบถอยออกไป พอเหมียวอวีจ๋ วินโบกแขนเสื้ อ ประตูหินที่ปิดสนิทก็เปิ ดให้
คนข้า จากนั้นก็ปิดลงอีกครั้งพร้อมเสี ยงดังครื น
ตอนที่ 896

เปิ ดโปง
ในเตาหลอมของวิเศษ แสงไฟสี แดงส้มของหิ นผลึกไขมันเพลิงที่กาํ ลังลุกโชนลอดออกมา เงาแสง
กระเพื่อมอยูใ่ นห้องไฟหลอมสมบัติ ให้ความรู ้สึกเหมือนมีแสงสี แพรวพราว
เหมียวจวินอี๋ที่เดินเนิบนาบมาตรงหน้าเตาหลอมของวิเศษไม่เห็นคนที่กาํ ลังหลอมของวิเศษ จึงเดิน
อ้อมมาด้านหลังเตา สายตาไปหยุดอยูบ่ นตัวชายชราที่กาํ ลังนัง่ อยูบ่ นบันได เข้าคือโม่หมิง เจ้าสํานัก
งามวิจิตร
โม่หมิงกําลังก้มหน้าเงียบ ๆ ใช้สองมือกุมศีรษะที่มีผมขาวเป็ นหย่อม ๆ เมื่อได้ยนิ เสี ยงฝี เท้าดังมา ก็
เพียงพึมพําอย่างไร้ชีวติ ชีวาว่า “บอกแล้วไงว่าอย่ารบกวนข้า ออกไป!”
เมื่อไม่ได้ยนิ เสี ยงอีกฝ่ ายเดินออกไป โม่หมิงก็เงยหน้าอย่างช้า ๆ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือ
ชายกระโปรงผูห้ ญิง พอเงยหน้าอีกครั้ง ก็เห็นใบหน้าเย็นเยียบของเหมียวจวินอี๋ที่อยูภ่ ายใต้แสงเพลิงที่
กําลังกระเพื่อมแปรเปลี่ยนรู ปร่ างไปเรื่ อย ๆ ในดวงตางามของเหมียวจวินอี๋ราวกับจะมีไฟลุกออกมา
ไม่รู้วา่ เป็ นแสงไฟในเตาที่ส่องสะท้อนเป็ น หรื อที่จริ งแล้วนางกําลังเดือดดาลโมโหสุ ดขีด
โม่หมิงเอามือลงจากศีรษะ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วถามว่า “เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ทําไม? ข้าจะมาไม่ได้เชียวหรื อ?” เหมียวจวินอี๋ถามกลับ “เจ้าไม่ได้หลอมของวิเศษ แล้วจะหลบอยู่
ที่นี่ทาํ ไม? ไม่มีหน้าไม่เจอคนอื่นเหรอ?”
สองสามีภรรยาคู่น้ ี ดูเหมือนคนหนึ่งแก่คนหนึ่งอ่อนวัย ถึงแม้วรยุทธ์ของเหมียวจวินอี๋จะสูงกว่า แต่
รู ปร่ างหน้าตาดูอ่อนเยาว์กว่าโม่หมิงมากเกินไปจริ ง ๆ หน้าตาก็ดีกว่าเยอะ ไม่วา่ จะเป็ นรู ปลักษณ์
ภายนอกหรื อวรยุทธ์ ก็เห็นได้ชดั ว่าโม่หมิงไม่คู่ควรกับฮูหยินของตัวเอง
โม่หมิงหัวเราะแห้ง ๆ แล้วลุกขึ้นตอบว่า “อยากจะพูดอะไรก็พดู มาเถอะ”
“เจ้ายังหัวเราะออกอีกเหรอ?” เหมียวจวินอี๋พลันตวาดอย่างดุร้าย “ชื่อเสี ยงของข้าฉาวโฉ่แล้ว เจ้ามี
ความสุ ขมากใช่ม้ ยั ล่ะ?”
โม่หมิงขมวดคิ้ว “ฮูหยินพูดแบบนี้อาจจะไม่เห็นใจกันเกินไปรึ เปล่า ข้ากําลังหัวเราะอย่างขื่นขมชัด ๆ
จะเป็ นการหัวเราะเยาะได้อย่างไร?”
“หัวเราะขื่นขม?” เหมียวจวินอี๋กล่าวเสี ยงเย็นว่า “เจ้าก็หวั เราะขื่นขมเป็ นเหมือนกันเหรอ? นี่เจ้าหาเรื่ อง
ใส่ ตวั เองนะ ในปี นั้นข้าบอกให้เจ้ากําจัดศิษย์อกตัญญูนนั่ แต่เจ้าก็ไม่ยอมทํา ตอนนี้เป็ นยังไงล่ะ เขามา
แว้งกัดเหมือนหมาบ้าแล้ว กัดลึกลงกระดูกเลย เจ้ากับข้ากลายเป็ นเรื่ องน่าหัวเราะเยาะของคนในใต้
หล้าแล้ว! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้าเพิ่งไปหาท่านอาจารย์มา ท่านอาจารย์เดือดดาลมาก!”
ฝั่งอวิน๋ เซี่ยวจัดการเรื่ องนี้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพสูงมาก ด้วยอํานาจอิทธิพลของของนภาจอมมาร การ
ปล่อยข่าวนิดหน่อยไม่ใช่เรื่ องยากอะไร ในการประลองใหญ่เพื่อเลือกผูส้ ื บทอดตําแหน่งเจ้าสํานักงาม
วิจิตรปี นั้น ข่าวที่เหมียวจวินอี๋เล่นไม่ซื่อได้เผยแพร่ ไปทัว่ ทั้งใต้หล้าแล้ว รังเกียจที่ลูกศิษย์หน้าตา
อัปลักษณ์ จึงแอบวางแผนสกปรก ทั้งยังส่ งคนไล่สงั หารเพื่อปิ ดปากด้วย นับว่าเหมียวจวินอี๋ถูกทําลาย
ชื่อเสี ยงให้ฉาวโฉ่แล้วจริ ง ๆ ไม่วา่ ใครที่ประสบพบเจอเรื่ องแบบนี้ ก็ดีใจไม่ออกกันทั้งนั้น
โม่หมิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้ว ในปี นั้นเจ้าไม่ควรทําอย่างนั้น เจ้าไม่ควรมอง
คนที่หน้าตา ถ้าพูดเรื่ องคุณสมบัติในการหลอมของวิเศษ จื่อหยางเหนือกว่าไป่ ถิงมาก เป็ นตัวเลือกที่ดี
ที่สุดของตําแหน่งผูส้ ื บทอดสํานัก พูดตามตรงนะ ที่ไป่ ถิงยอมรับชัยชนะแบบนั้น ข้ารู ้สึกผิดหวังมาก
จริ ง ๆ จะส่ งต่อสํานักงามวิจิตรให้ไปอยูใ่ นมือของคนแบบนั้นได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามา
ขัดขวาง ข้าคงไม่ให้เขาเป็ นผูส้ ื บทอดสํานักแน่นอน!”
“เจ้าแซ่โม่ มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่เจ้าต้องทําความเข้าใจเอาไว้นะ เราไม่ได้เลือกแค่ผสู ้ ื บทอดสํานัก แต่เราต้อง
เลือกลูกเขยด้วย เรามีลูกสาวแค่คนเดียว เจ้าทําใจปล่อยให้ลูกสาวไปแต่งงานกับเจ้าอัปลักษณ์ให้
ขยะแขยงไปทั้งชีวติ ได้เหรอ? ลูกสาวข้าอยากจะแต่งงานกับใครก็แต่งได้ ลูกศิษย์ในสํานักก็กินอยูด่ ว้ ย
เงินของพวกเราทั้งนั้น ทักษะติดตัวก็เป็ นสิ่ งที่พวกเราสอน มีคุณสมบัติที่คู่ควรจะมาต่อรองกับพวกเรา
เหรอ? เรื่ องแต่งงานของลูกสาวตัวเอง อย่าบอกนะว่าข้าก็ตอ้ งเกรงใจพวกเขาด้วย?” เหมียวจวินอี๋
โมโหมาก
นางทําสี หน้าเหมือนจะระเบิดอารมณ์ นางโมโหมากจริ ง ๆ ขนาดเฟิ งเป่ ยเฉิ นยังไม่รู้เรื่ องที่นางทําเลย
แต่เป็ นเพราะข่าวที่แพร่ ออกไปครั้งนี้ เฟิ งเป่ ยเฉิ นจึงรี บเรี ยกนางไปสอบสวน ถามว่านางได้ทาํ เรื่ อง
แบบนี้หรื อเปล่า หลังจากรู ้วา่ มีเรื่ องแบบนี้อยูจ่ ริ ง ๆ เฟิ งเป่ ยเฉินก็โมโหเหมือนฟ้ าผ่า แทบจะด่านาง
อย่างสาดเสี ยเทเสี ย!
สําหรับเฟิ งเป่ ยเฉินแล้ว จะต้องการเจ้าสํานักที่หน้าตาดีไปทําบ้าอะไรล่ะ เขาควบคุมสํานักงามวิจิตรก็
เพื่อให้ตวั เองไว้ใช้ประโยชน์ อยากได้คนมีความสามารถมาทํางานให้ตวั เอง ยิง่ เป็ นคนที่หลอมของ
วิเศษได้เก่งเท่าไรก็ยงิ่ ดี จะหน้าตาดีหรื อหน้าตาอัปลักษณ์แล้วเกี่ยวอะไรกัน? เขาไม่เลี้ยงพวกหน้าตาดี
แต่ไร้ประโยชน์หรอก!
ผลปรากฏว่านางยังทําเรื่ องแบบนี้ออกมาได้ ทําให้เฟิ งเป่ ยเฉินโกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟจริ ง ๆ ไม่ตอ้ งบอก
ก็รู้วา่ ภาพตอนที่เหมียวจวินอี๋โดนตําหนิสงั่ สอนเป็ นอย่างไร
โม่หมิงกล่าวอย่างจนใจว่า “งั้นเจ้าก็ตอ้ งแยกแยะเรื่ องราวให้ชดั เจนสิ เลือกผูส้ ื บทอดเจ้าสํานักก็ส่วน
เลือกผูส้ ื บทอดเจ้าสํานัก เลือกลูกเขยก็ส่วนเลือกลูกเขย เจ้าจะเอามารวมกันทําไมล่ะ พวกเราหาเรื่ องใส่
ตัวแท้ ๆ เลย!”
เหมียวจวินอี๋ตวาดเสี ยงเข้มว่า “ล้อเล่นอะไรกัน! ถ้าลูกเขยข้าไม่ได้เป็ นผูส้ ื บทอดตําแหน่งเจ้าสํานัก
แล้วข้าจะเลือกเขามาทําอะไรล่ะ! จนป่ านนี้แล้วเจ้ายังช่วยพูดให้ลูกศิษย์อกตัญญูนนั่ อีกเหรอ?”
โม่หมิงถอนหายใจยาว แล้วบอกว่า “ข้าเข้าใจจื่อหยางมาก ดูจากข่าวที่ลือกันในตอนนี้ เห็นได้ชดั ว่าเขา
รู ้ความจริ งเบื้องหลังตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่พดู เพราะกลัวจะทําลายชื่อเสี ยงของสํานัก ถ้าต้องการจะ
พูดเขาคงพูดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว จะรอให้ถึงตอนนี้ทาํ ไม? ถ้าจะโทษก็ตอ้ งโทษที่เจ้าทําเกินไป ข่าวที่ลือ
กันข่างนอกเป็ นความจริ งรึ เปล่า? เจ้าส่ งคนไปทําลายชื่อเสี ยงของเขาที่ทะเลทรายม่านเมฆาจริ งมั้ย ทั้ง
ยังส่ งคนไปไล่สงั หารเขาตลอดด้วยเหรอ?”
เหมียวจวินอี๋แสยะยิม้ “แล้วยังไงล่ะ? รู ้ต้ งั แต่แรกแล้วว่าเจ้าศิษย์อกตัญญูคนนี้มีเจตนาไม่ดี แต่น่าแค้น
ที่ปล่อยให้เขาหนีไปได้!”
โม่หมิงส่ายหน้าอย่างจนใจ “ใช่แล้วล่ะ เป็ นเจ้าที่กดดันเขาเกินไป! เจ้ากดดันให้เขาออกจากสํานักงาม
วิจิตรแล้ว ทําไมยังจ้องจะเล่นงานให้เขาตายครั้งแล้วครั้งเล่าอีก เพราะเจ้าทําเกินไป เขาจะไม่เคียดแค้น
ได้อย่างไร?”
“เจ้าอย่ามาแสร้งทําตัวเป็ นคนดีหน่อยเลย!” เหมียวจวินอี๋ช้ ีหน้าด่า “จนป่ านนี้แล้วยังช่วยพูดแทนเขา
อีกเหรอ เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าคนที่แอบมาขัดขวางไม่ใช่เจ้า? เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าตัวเองไม่ใช่คนที่แอบส่ ง
ลูกน้องไปช่วยชีวติ เขาครั้งแล้วครั้งเล่า?”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากําลังพูดถึงอะไร?” โม่หมิงกล่าว
“อย่ามาใช้มุกนี้เลย!” เหมียวจวินอี๋แสยะยิม้ ไม่หยุด “อาศัยสภาพของเขาในตอนนั้น จะจ้างยอดฝี มือให้
โผล่มาได้ทุกเมื่อ ให้ปกป้ องตัวเองในระยะยาวได้อย่างไร คนที่แอบคอยช่วยเหลือเขา นอกจากเจ้าก็ไม่
มีใครแล้ว คิดว่าข้าโง่นกั เหรอ!”
ที่จริ งทุกคนก็รู้อยูแ่ ก่ใจ โม่หมิงเองก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าปิ ดบัง ก้มหน้าก้มตาตอบว่า “ข้าแค่ส่งคนสอง
คนไปคุม้ ครองเขาก็เท่านั้นเอง ถ้าเจ้าไม่ส่งคนไปทําร้ายเขา คนที่คอยปกป้ องเขาก็คงไม่ลงมือ
เหมือนกัน”
“เจ้าแซ่โม่ เจ้าคอยระวังข้ามาตลอดเลยเหรอ?” เหมียวจวินอี๋โกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟ ใบหน้างามที่อยู่
ภายใต้แสงไฟเริ่ มบูดบึ้ง
“ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าทําเกินไปก็เท่านั้นเอง!” โม่หมิงเหลือบตามองนาง “ข้างนอกกําลังลือกัน ว่า
ตอนนี้เจ้าส่ งคนไปไล่ฆ่าเขาอีก คิดจะขัดขวางไม่ให้เขามาที่สาํ นักงามวิจิตร เป็ นความจริ งรึ เปล่า?”
“เหลวไหล!” เหมียวจวินอี๋โมโหจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ นางเองก็อยากจะทําอย่างนี้ แต่เฟิ งเป่ ยเฉิ นเตือน
นางไว้ล่วงหน้าแล้ว
เฟิ งเป่ ยเฉิ นบอกว่า ปล่อยข่าวให้รู้กนั ทั้งใต้หล้าเร็ วขนาดนี้ จื่อหยางทําคนเดียวไม่ไหวแน่นอน จะต้อง
มีอาํ นาจของห้าแดนอื่นเข้ามาแทรกแซงแน่เบื้องหลังแน่ ไม่อย่างนั้นข่าวคงไม่แพร่ เร็ วขนาดนี้หรอก
ไม่แน่วา่ อีกฝ่ ายอาจจะกําลังเปิ ดประเป๋ าเสื้ อรอให้พวกเราโยนตัวเองเข้าไปติดกับดักก็ได้ ต้องการให้
พวกเราเป็ นจริ งตามที่คนอื่นหัวเราะเยาะ เขาจึงบอกเหมียวจวินอี๋วา่ อย่าบุ่มบ่ามทําอะไร
เรื่ องที่จะทําต่อจากนั้นก็คือ ปล่อยให้จื่อหยางมาประลอง ถ้าหากฝ่ ายนี้ชนะแล้ว ข่าวลือไม่ดีเรื่ องการ
พ่ายแพ้ของจื่อหยางก็จะหายไปเองโดยไม่ตอ้ งทําอะไร แต่ถา้ จื่อหยางชนะ ไม่วา่ จะเลือกทางไหนฝ่ าย
สํานักงามวิจิตรก็เสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงอยูด่ ี เช่นนั้นไม่สูท้ าํ ตัวให้สอดคล้องกับความจริ งหน่อยดีกว่า ให้
เหมียวจวินอี๋ออกมาขอโทษด้วยตัวเอง แล้วรั้งจื่อหยางเอาไว้ ให้โม่หมิงถอยออกจากตําแหน่งเจ้า
สํานัก แล้วมอบตําแหน่งเจ้าสํานักให้จื่อหยางแทน ต่อให้ไม่ได้อยูใ่ นตําแหน่งเจ้าสํานัก โม่หมิงก็ยงั
ทํางานรับใช้นภาอู๋เลี่ยงได้เหมือนเดิม โม่หมิงหนีไม่พน้ การควบคุมของนภาอู๋เลี่ยงตั้งนานแล้ว เซี่ ยง
ไป่ ถิงสามารถหลีกทางให้ได้ แล้วเฟิ งเป่ ยเฉินจะให้ลูกสาวของชุยหย่งเจิน ลูกศิษย์อีกคนของเขา
แต่งงานกับจื่อหยาง
หลังจากชนะแล้ว ถ้าจื่อหยางยังชอบลูกสาวของเหมียวจวินอี๋อยู่ เซี่ ยงไป่ ถิงก็สามารถหลีกทางให้ได้
จะมอบลูกสาวของเหมียวจวินอี๋ให้ ไม่วา่ จื่อหยางจะชอบนางจริ ง ๆ หรื อจะแค่อยากล้างแค้น แต่นนั่ ก็
คือเกียรติยศที่ผชู ้ นะควรจะได้รับ ถ้าเป็ นราคาที่สามารถรับได้ ก็ตอ้ งจ่ายเพื่อรั้งคนมีความสามารถ
เอาไว้
และแน่นอน เฟิ งเป่ ยเฉิ นรับปากเหมียวจวินอี๋วา่ หลังจากจบเรื่ องจะชดเชยให้ นัน่ ก็คือจะถ่ายทอดมหา
เคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงในระดับที่สูงขึ้นให้!
สรุ ปก็คือ ไม่วา่ จื่อหยางจะแพ้หรื อจะชนะ ก็ไม่ตอ้ งคิดที่จะไปไหนแล้ว ถ้าแพ้แล้วก็ตอ้ งตาย ถ้าชนะ
แล้วก็แสดงว่ามีความสามารถ ถ้าไม่อยากอยูต่ ่อ ก็จะปล่อยไปอยูก่ บั คนอื่นไม่ได้ ต้องกําจัดทิ้ง!
การตัดสิ นใจของท่านอาจารย์ เรี ยกได้วา่ ทําให้เหมียวจวินอี๋ตวั สัน่ ด้วยความกลัว ในปี นั้นก็ยอม
เสี ยสละนางเพื่อที่จะผูกมัดจิตใจโม่หมิง ตอนนี้กจ็ ะสละลูกสาวของนางเพื่อผูกมัดจิตใจคนอื่นอีก นัน่
ไม่ใช่คนอื่นนะ นัน่ คือลูกสาวนาง…
ครื น! ขณะนี้เอง ประตูหินที่หนักอึ้งของห้องไฟก็ถูกเปิ ดออกอีกครั้ง เงาร่ างที่สะโอดสะองเดินเนิบ
นาบเข้ามา เดินอ้อมเตาหลอมของวิเศษมาปรากฏตัวอยูต่ รงหน้าทั้งสองเงียบ ๆ หน้าตาสวยสดใส นาง
คือโม่จวินหลัน ลูกสาวของทั้งสองนัน่ เอง
โม่จวินหลันหน้าตาสวยกว่าเหมียวจวินอี๋แม่ของนาง เมื่อเทียบกับโม่หมิงผูเ้ ป็ นพ่อ ก็ยงิ่ ไม่ตอ้ งพูดถึง
แล้ว นางน่ารักสมวัย ลักษณะอ่อนโยนละมุนละไม เพียงแต่บนใบหน้าซ่อนความเหน็ดเหนื่อย
อ่อนเพลียเอาไว้ไม่อยู่
ทั้งสองหันไปมองนาง เหมียวจวินอี๋เจียดรอยยิม้ แล้วก้าวขึ้นมาประคองไหล่สองข้างของลูกสาว
“หลันเอ๋ อร์ เจ้ามาที่นี่ทาํ ไม?”
โม่จวินหลันมองหน้าบิดา แล้วก็มองหน้ามารดา ก่อนจะถามพร้อมรอยยิม้ ฝื น ๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข่าว
เกี่ยวกับศิษย์พี่รองคือเรื่ องจริ งเหรอคะ? ท่านแม่ การประลองในปี นั้น ท่านแม่ใช้วธิ ีการสกปรกอยู่
เบื้องหลังจริ งเหรอ? ในปี นั้นที่ศิษย์พี่รองโวยวายว่าไม่ยตุ ิธรรมคือเรื่ องจริ งเหรอคะ?”
เหมียวจวินอี๋ตอบว่า “ไม่มีเรื่ องแบบนั้นหรอก! คนนอกพูดจาไร้สาระ ลูกศิษย์อกตัญญูนนั่ เลวร้าย
ขนาดนี้ สร้างข่าวลือร้าย ๆ ขนาดนี้ ช่างเป็ นพวกล้างผลาญสํานักจริ ง ๆ มองออกเลยว่าจิตใจชัว่ ร้าย เจ้า
ยังเรี ยกเขาว่าศิษย์พี่รองอีกเหรอ? เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่ องต้องปรึ กษากับพ่อเจ้า!”
โม่จวินหลันมองบิดาที่นิ่งเงียบแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าก้มตา ก่อนจะหันตัวช้า ๆ เดินออกไป
เมื่อเห็นสี หน้าลูกสาวแปลกไป เหมียวจวินอี๋กไ็ ม่มีอารมณ์มาเสี ยเวลาอยูใ่ นนี้แล้ว แอบถ่ายทอดเสี ยง
บอกโม่หมิงว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขัดขวางในปี นั้น เรื่ องในวันนี้จะเกิดขึ้นเหรอ ลูกศิษย์พิษร้ายขนาดนี้
ข้าเพิ่งเคยเจอเป็ นครั้งแรก ถ้าเขามีจิตใจที่เป็ นมโนธรรมสักหน่อย ก็คงไม่ปล่อยข่าวที่เลวร้ายขนาดนี้
หรอก เจ้าแซ่หมิง เจ้าทําร้ายลูกสาวตัวเอง!” พูดจบก็สะบัดแขนเสื้ อเดินออกไป รี บตามออกไป
ปลอบใจลูกสาว
หารู ้ไม่วา่ เยารั่วเซียนไม่ได้ปล่อยข่าวนี้เลย สําหรับเหมียวอี้แล้ว เขาไม่หนักใจอะไรกับการปล่อยข่าวนี้
ขอแค่บรรลุเป้ าหมาย ใครจะไปสนใจความเป็ นความตายของสํานักงามวิจิตรล่ะ
โม่หมิงเงยหน้าหลับตาลง ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง รู ้สึกเสี ยใจอย่างสุ ดซึ้ง…
ณ ยอดเขาหยกนครหลวง เหมียวอี้เหาะลงมาจากฟ้ า พอมาเหยียบลงด้านนอกลานบ้านแห่งหนึ่ง ก็มี
คนถลันตัวเข้ามาขวางทันที “ใครกัน?”
ยอดเขาหยกนครหลวงไม่ใช่สถานที่ที่จะบุกเข้ามาโดยพลการได้ ต่อให้ขา้ งล่างจะทําเป็ นร้านค้า แต่
ด้วยฐานะประมุขปราสาทของเหมียวอี้ในตอนนี้ ก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าออกได้ตามอําเภอใจแล้ว เขายืน่
แผ่นหยกเพื่อยืนยันฐานะตัวตนออกมา หลังจากผูท้ ี่มาได้อ่านดูแล้ว ก็ใช้สองมือยืน่ คืนให้อย่างเคารพ
นอบน้อม แล้วหลีกทางให้
หนึ่งในสิ บเจ้าอาณาเขตของสายมะโรง การเข้าออกสถานที่ซ้ื อขายอย่างสมาคมร้านค้าไม่ใช่เรื่ องใหญ่
อะไร เจ้าของร้านที่คุมสมาคมร้านค้าสายมะโรงก็ไม่กล้าขัดขวาง นอกจากจวนของท่านทูตที่อยูบ่ น
เขา ที่สายมะโรงก็มีไม่กี่คนที่กล้ามาขวางคนระดับประมุขปราสาท
หลินผิงผิงและฉินเวยเวยที่อยูใ่ นลานบ้าน พอได้ยนิ เสี ยงก็รีบวิง่ ออกมา เมื่อเห็นว่าเป็ นเขา ในดวงตา
งามของฉิ นเวยเวยก็ฉายแววดีใจ ทั้งสองคํานับพร้อมกัน “นายท่าน!”
ตอนที่ 897

ถูกใจคนไหน
เมื่อเห็นฉินเวยเวยมารอที่นี่จริ ง ๆ เหมียวอี้ที่กาํ ลังจนใจก็ยงั พยักหน้ายิม้ ทักทาย “มาคนเดียวเหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” ฉินเวยเวยตอบ
“ระหว่างทางราบรื่ นดีใช่ม้ ยั ?”
“ปลอดภัยตลอดทาง ราบรื่ นมากค่ะ!”
เหมียวอี้ไม่ได้พดู อะไรมาก พยักหน้าทักทายหลินผิงผิง “ถ้ามีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกัน ในเมื่อมาที่นี่แล้ว
ข้าจะไปเยีย่ มคารวะท่านทูตที่ปราสาททองก่อน!”
“ค่ะ!” ทั้งสองกุมหมัดน้อมส่ง มองตามหลังเหมียวอี้เหาะขึ้นยอดเขา
ฉากนี้ทาํ ให้ฉินเวยเวยทอดถอนใจด้วยความปลง คนเลี้ยงม้าตํ่าต้อยในปี นั้น ประมุขถํ้าตํ่าต้อยในปี นั้น
ตอนนี้กลายเป็ นตัวละครที่สามารถเข้าพบท่านทูตได้ทุกเมื่อแล้ว และบุคคลที่คบค้าสมาคมด้วยก็เป็ น
บุคคลระดับสูงเสี ยส่ วนใหญ่ อย่างเช่นพวกประมุขถิ่นสี่ ทิศแห่งทะเลดาวนักษัตร ขณะมองดูความ
เจริ ญรุ่ งเรื องของเมืองหลวงที่ทอดตัวเป็ นพืดอยูด่ า้ นล่างภูเขา ในใจก็ยงิ่ รู ้สึกปลงอนิจจัง รู ้สึกเหมือน
ได้เข้ามาอยูใ่ นความฝัน
“ประมุขตําหนักฉิ น!” หลินผิงผิงเบี่ยงตัวพลางยืน่ มือเชิญฉิ นเวยเวยให้เข้าข้างใน ท่าทีสุภาพเกรงใจ
มาก ตอนนี้คนของปราสาทดําเนินสุ ริยนั ต่างก็รู้วา่ ประมุขตําหนักฉิ นกับฮูหยินประมุขปราสาทมี
ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่ องด้วยได้ง่าย ๆ
“ไม่เป็ นไร! ข้าจะดูทิวทัศน์ของเมืองหลวงอยูข่ า้ งนอกสักหน่อย” ฉิ นเวยเวยปฏิเสธ แล้วเดินเนิบนาบ
เข้าไปในศาลาที่อยูร่ ิ มภูเขา มองดูเมืองอันเจริ ญเฟื่ องฟูดุจภาพวาดที่อยูต่ ิดกับภูเขาและแม่น้ าํ ลําธาร
รู ้สึกสดชื่นสบายใจ
ทิวทัศน์ระดับนี้หาดูไม่ได้ที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ถึงแม้ทิวทัศน์ป่าเขาที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั จะ
งดงามสบายตา แต่กลับขาดกลิ่นอายของผูค้ น ถ้าจะพูดให้ชดั ที่นนั่ ก็คือภูเขาลึกที่อยูห่ ่างไกล ไม่ได้มี
การผสมผสานระหว่างความโดดเด่นเป็ นเอกลักษณ์และความคึกคักรุ่ งเรื องเหมือนที่นี่ มีเพียงคําว่า
สวรรค์บนดินเท่านั้น ที่คู่ควรจะนํามาบรรยายความยอดเยีย่ มของที่นี่
ก่อนหน้านี้ไม่รู้วา่ เหมียวอี้จะกลับมาเมื่อไร จึงไม่มีอารมณ์มาชมทิวทัศน์ แต่ตอนนี้หายกังวลแล้ว มี
อารมณ์ผอ่ นคลายสบายใจแล้ว
เหมียวอี้ไต่เต้าตําแหน่งในสายมะโรงได้ไวมาก ฉินเวยเวยไม่รู้วา่ วันหนึ่งเหมียวอี้จะได้กลายเป็ นนาย
ท่านของสวรรค์บนดินแห่งนี้หรื อไม่ ที่จริ งก็อยูไ่ ม่ไกลเกินเอื้อมเหมือนกัน ระหว่างประมุขปราสาท
กับท่านทูตห่างกันแค่ข้ นั เดียว
ไม่นานหลินผิงผิงก็ยกนํ้าชาออกมา วางไว้ในศาลาแห่งนั้น…
ด้านนอกปราสาททองที่อยูบ่ นยอดเขา กูกใู หญ่ฉางฮวนเดินเนิบนาบออกมา แล้วยืน่ มือเชิญพร้อมยิม้
อย่างสนิทสนม “ประมุขปราสาทเหมียว ท่านทูตเชิญข้างในค่ะ!”
“รบกวนกูกใู หญ่แล้ว” เหมียวอี้กมุ หมัดขอบคุณ แล้วมอบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้
ฉางฮวนรับมาพร้อมรอยยิม้ แล้วหันตัวยืน่ มือเดินนําทาง
เมื่อมาถึงห้องทํางานท่านทูตบนตึกของปราสาททอง หลังจากรออยูส่ กั พัก เหมียวอี้กเ็ ห็นเยว่เทียนโป
เดินนําฉางฮวนและฉางเล่อเข้ามา
“ข้าน้อยคารวะท่านทูต!” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ
หลังจากเยว่เทียนโปนัง่ ลง ก็ยนื่ มือออกมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิม้ “ประมุขปราสาทเหมียว เจ้านี่เป็ น
ประมุขปราสาทที่อิสระเสรี จริ ง ๆ เลยนะ ไม่เห็นเจ้าโผล่หน้ามาตั้งหลายร้อยปี ”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้าน้อยก็อยากจะมาบ่อย ๆ นะ แต่จนใจที่ตดั สิ นใจเองไม่ได้”
เยว่เทียนโปรู ้สึกเลี่ยนนิดหน่อย ไม่ตอ้ งถามก็รู้วา่ จะพูดอะไรต่อ อวิน๋ จือชิวใช้คาํ พูดแบบเดียวกันอ้าง
กับเขาไม่รู้ต้ งั กี่ครั้งแล้ว บอกเป็ นนัยว่าเหมียวอี้รับภารกิจมาจากแดนโพนสวรรค์ กําลังปฏิบตั ิภารกิจ
ลับ
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแดนโพนสวรรค์ขนาดนั้น ตามหลักการแล้วเยว่เทียนโปจะต้องคิดหาทาง
กําจัดทิ้ง ไม่อย่างนั้นก็จะเป็ นภัยคุกคามกับตําแหน่งของตน แต่มีอยูอ่ ีกจุดหนึ่งที่เขาเข้าใจดี นัน่ ก็คือมู่
ฝานจวินกับอวิน๋ อ้าวเทียนเป็ นศัตรู คู่แค้นกัน ที่ทาํ แบบนี้เพราะมีแผนการอีกอย่างแน่นอน และไม่
น่าจะเป็ นไปได้ที่จะใช้ให้เหมียวอี้ทาํ งานสําคัญ เขาถึงได้อดทนมาตลอด
พอนึกถึงตรงนี้ เยว่เทียนโปก็หวั เราะเบา ๆ “แล้วทําไมครั้งนี้เจ้าถึงมีเวลาว่างมาได้ล่ะ?”
“คํากล่าวนี้ของท่านทูตทําให้ขา้ น้อยกลัวนะ!” เหมียวอี้กล่าวตามมารยาท แล้วตอบว่า “มาเพราะเรื่ อง
การประลองของวิเศษที่สาํ นักงามวิจิตร หวังว่าจะได้รับอนุญาตจากท่านทูต ให้ขา้ น้อยได้ไปดูสกั
ครั้ง!”
ไม่มีทางเลือก ที่เขาสามารถไปมาหาสู่ กบั ทะเลดาวนักษัตร ก็เพราะได้รับอนุญาตจากแดนโพนสวรรค์
แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเบื้องบนไม่ยนิ ยอม ถ้าหนึ่งในสิ บเจ้าอาณาเขตอย่างเขาออกนอกอาณาเขตโดย
พลการ ก็ตอ้ งมาขออนุญาติเยว่เทียนโปก่อน ถ้าจู่ ๆ ไปโผล่อยูแ่ ดนอู๋เลี่ยง ก็จะฟังดูไม่เข้าท่าแล้ว
ฆ่าหลานชายของเฟิ งเป่ ยเฉิ น แย่งตัวหลานสะใภ้ของเฟิ งเป่ ยเฉิ น เจ้ายังจะกล้าไปแดนอู๋เลี่ยงอีกเหรอ?
เยว่เทียนโปมองประเมินเขาอย่างฉงนใจ และแน่นอนว่าเก็บคําพูดพวกนี้ไว้ในใจ จากนั้นขมวดคิ้วนิด
หน่อยพลางถามว่า “เหมียวอี้ คงไม่ตอ้ งให้ขา้ เตือนเรื่ องความสัมพันธ์ของเจ้ากับแดนอู๋เลี่ยง ถ้าเจ้าไปที่
นัน่ เกรงว่าจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ยาก เจ้าต้องคิดดูให้ดีนะ”
เหมียวอี้ตอบว่า “ไม่เป็ นไรเลยขอรับ! ขอเพียงท่านทูตอนุญาต ข้าน้อยก็จะไปเชิญให้ประมุขถิ่นสี่ ทิศ
แห่งทะเลดาวนักษัตรนํากําลังพลไปด้วยกัน!”
“…” เยว่เทียนโปพูดไม่ออก พบว่าเจ้าบ้านี่ไม่หลบเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับทะเล
ดาวนักษัตรเลยจริ ง ๆ หลังจากไตร่ ตรองนิดหน่อย เขาก็บอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าเองก็อยากไปดู
เหมือนกัน กําลังจะไปขออนุญาตแดนโพนสวรรค์พอดี รอดูท่าทีของแดนโพนสวรรค์สกั สองสามวัน
แล้วค่อยว่ากัน”
“รับทราบ!” เหมียวอี้เอ่ยรับ ไม่วา่ จะอนุญาตหรื อไม่ เขาก็แค่จะมาขออนุญาตก่อนเฉย ๆ ถ้าอนุญาตก็
แล้วไป แต่ถา้ ไม่อนุญาต เขาก็ยงั จะไปอยูด่ ี ถ้าโดนทําโทษขึ้นมา อย่างมากก็แค่ได้ออกจากตําแหน่ง
ประมุขปราสาทเส็งเคร็ งนี่ เดี๋ยวเขาค่อยไปเป็ นประมุขถิ่นกลางที่ตาํ หนักดาวกลางเอาก็ได้ ถ้าเขาวาง
ค่ายกลแปดทิศแล้ว ใครจะทําอะไรเขาได้ล่ะ? เขาไม่ได้กงั วลเยอะเหมือนอวิน๋ จือชิว ที่ต้ งั ใจจะรักษา
อาณาเขตของปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไว้ให้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามอยูใ่ นมือมู่ฝานจวิน เขาคงไปเป็ น
ประมุขถิ่นกลางตั้งนานแล้ว
คําพูดของอวิน๋ จือชิว เขาก็แค่รับฟังตอนที่อยูบ่ า้ น ถ้าจะให้พดู ตรง ๆ ก็คือโอนอ่อนผ่อนตาม เมื่อออก
จากบ้านมาแล้วควรจะทําอย่างไร เขาก็ยงั จะทําอย่างนั้นเหมือนเดิม สิ่ งที่ฮูหยินกําชับไว้ก่อนที่จะมา
เขาได้โยนทิ้งไว้ขา้ งหลังหมดแล้ว เพราะนัน่ ไม่สอดคล้องกับวิธีการทํางานของเขาเลย
หลังจากทั้งสองคุยเรื่ อยเปื่ อยกันพักหนึ่ง เหมียวอี้กก็ ล่าวอําลา ก่อนจะไปก็ขอคุยส่ วนตัวกับฉางเล่อ
แล้วนําแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งมอบให้นาง ถ้าให้อีกคนแต่ไม่ให้อีกคน ก็จะฟังดูไม่เข้าท่า ถึงแม้จะ
โยนคําพูดของฮูหยินทิ้งไว้ขา้ งหลัง แต่นี่กย็ งั เป็ นวิธีการทํางานของเขาเหมือนกัน คือไม่ฉีกหน้าและ
พยายามรักษาความสัมพันธ์อนั ดีเอาไว้
เมื่อกลับถึงเรื อนพักที่หลินผิงผิงเหมาเช่าไว้ในระยะยาว หลินผิงผิงก็บอกว่าเตรี ยมที่อยูใ่ หม่ไว้
เรี ยบร้อยแล้ว เชิญให้ประมุขปราสาทย้ายไป
ที่นี่มีนางอยูอ่ าศัยแค่คนเดียว อยูก่ นั เยอะเกินไปไม่ได้ และไม่สมฐานะของประมุขปราสาทด้วย
พวกเขามาถึงเรื อนพักหรู หราที่อยูบ่ นภูเขา พอทอดสายตามองไปไกล ๆ ทิวทัศน์ของเมืองหลวงก็ยอ่ ม
ดีข้ ึนอีกหนึ่งระดับ หลินผิงผิงกับฉินเวยเวยเดินสํารวจไปทัว่ ส่ วนเหมียวอี้กเ็ ดินเอามือไขว้หลังอยูใ่ น
ลานบ้าน
เขากําลังครุ่ นคิดเรื่ องบางอย่าง ถ้ามีโอกาสจะต้องคุยกับเจ้าสามอย่างจริ งจัง ดูวา่ เจ้าสามมีเจตนา
อย่างไรกันแน่ จะยืนอยูฝ่ ่ ายมู่ฝานจวิน หรื อจะยืนอยูฝ่ ่ ายพี่ชายอย่างเขา ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าสามโดนบีบ
อยูใ่ นมือมู่ฝานจวิน เขาก็เหมือนโดนมัดมือมัดเท้าอยูเ่ สมอ ไม่อย่างนั้นเขาจะโดนควบคุมอยูท่ ี่นี่ทาํ ไม
อย่าว่าแต่ทิ้งทุกอย่างเพื่อไปเป็ นประมุขถิ่นของตําหนักดาวกลางเลย ถ้าไม่ได้จริ ง ๆ ก็ค่อยไปขอพึ่งพา
แดนมารก็ได้!
“เจ้าสามนะเจ้าสาม..” เหมียวอี้ถอนหายใจยาว ในหัวมีภาพภาพหนึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ภาพในฤดูหนาวเมื่อวัยเด็ก เยว่เหยาที่หน้าซีดตัวผอมกําลังขดตัวอยูใ่ นผ้าห่มบาง ๆ พลางร้องว่าหนาว
ร้องว่าหิว วินาทีน้ ีเหมียวอี้แทบจะนํ้าตาเอ่อออกมา เขาเอามือชกต้นไม้ใหญ่ที่อยูข่ า้ งกายไม่หยุด ก้ม
หน้าเล็กน้อยและหลับตาลง ตอนที่พอ่ แม่ของเจ้าสามรับเขามาเลี้ยง ก็ไม่เคยทําให้เขาหนาวและทนหิ ว
เลย แต่ตอนหลังตัวเองกลับไม่ได้ดูแลเจ้าสามให้ดี เรี ยกได้วา่ ยากจะลบเลือนความรู ้สึกผิดที่มีอยูเ่ ต็ม
อก
“นายท่าน! เป็ นอะไรไปคะ?” ไม่รู้วา่ ฉินเวยเวยมาโผล่อยูข่ า้ งกายเขาตั้งแต่เมื่อไร นางถามหยัง่ เชิงว่า
“หรื อว่าทางท่านทูตมีอะไรไม่ราบรื่ นหรื อเปล่า?”
เหมียวอี้หนั กลับมามองนางแวบหนึ่ง แล้วโบกมือ “ไม่ใช่หรอก! ข้านึกเรื่ องอะไรบางอย่างขึ้นได้ เออ
ใช่ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยมาเมืองหลวงรึ เปล่า?”
ฉิ นเวยเวยไม่รู้จะหัวเราะหรื อร้องไห้ดี จะไม่เคยมาได้อย่างไรล่ะ นางตอบว่า “ครั้งก่อนข้าน้อยมาส่ ง
ส่ วยเป็ นเพื่อนฮูหยินค่ะ”
“อ๋ อ!” เหมียวอี้ยกมือตบหน้าผากตัวเองเพราะรู ้ตวั ว่าพลั้งปาก “ทีแรกคิดว่าถ้าเจ้าไม่เคยมา ข้าก็จะพา
ไปเที่ยวชมบรรยากาศของเมืองหลวงสักหน่อย ข้าเลอะเลือนไปเอง”
ฉินเวยเวยแอบกัดฟัน แล้วตอบว่า “ก่อนหน้านี้มีขอ้ จํากัดด้านวรยุทธ์ ยากที่จะเข้าไปรวมกลุ่มกับคน
อื่นได้ เลยไม่เคยเยีย่ มชมเมืองหลวงอย่างชัด ๆ ค่ะ ถ้านายท่านมีอารมณ์ผอ่ นคลาย ข้าน้อยยินดีจะไป
เที่ยวเล่นเป็ นเพื่อนนายท่านค่ะ!”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ เขาไปเที่ยวชมมาไม่รู้ต้ งั กี่รอบแล้ว ยังมีอะไรน่าเที่ยวอีกล่ะ แต่กย็ งั พยักหน้า
บอกนางว่า “ถึงอย่างไรก็ตอ้ งอยูท่ ี่นี่หลายวัน ก่อนมาฮูหยินก็สงั่ ไว้แล้วว่าให้พาเจ้าไปเปิ ดหูเปิ ดตาเยอะ
ๆ ข้าต้องออกไปพบปะผูค้ นพอดี ข้าเองก็ไม่ได้มาเมืองหลวงหลายปี แล้ว ไปดูดว้ ยกันว่ามีอะไร
เปลี่ยนแปลงบ้าง”
ทั้งสองเดินเล่นอยูใ่ นบ้านพักไม่กี่รอบ แล้วก็ออกไปด้วยกัน
เดิมทีหลินผิงผิงต้องการจะร่ วมเดินทางไปด้วย แต่ฉินเวยเวยกลับบอกให้นางอยูท่ ี่นี่ อยูใ่ นตําแหน่งสูง
มานานแล้ว การพูดจาและการจัดการเรื่ องต่าง ๆ ก็เด็ดขาดขึ้นเยอะ ค่อนข้างต่างกับฉิ นเวยเวยในปี นั้น
นางไม่ยอมให้หลินผิงผิงปฏิเสธ ออกไปกับเหมียวอี้สองต่อสองแล้ว
เมื่อออกจากเรื อนพัก เหมียวอี้กพ็ าฉินเวยเวยไปเยีย่ มเยียนเพื่อนร่ วมงานสมัยที่ตวั เองเป็ นผูช้ ่วยของ
ปราสาททอง ทั้งยังนัง่ ดื่มนํ้าชากับผูต้ รวจการใหญ่หลันโฮ่วครู่ หนึ่งด้วย ตอนนี้เขามีสิทธิ์จะนัง่ เสมอ
กับหลันโฮ่วแล้ว จากนั้นก็ไปเยีย่ มบรรดาที่ปรึ กษาและผูช้ ่วยของยอดเขาหยกนครหลวงด้วย เขาไม่ลืม
ที่จะแนะนําฉิ นเวยเวยให้ทุกคนรู ้จกั ในภายหลังถ้ามีเรื่ องอะไรก็ฝากให้ดูแลนางด้วย
พูดปากเปล่าไม่มีอะไรเสี ยหาย ทุกคนย่อมเอ่ยรับอย่างเต็มปากเต็มคํา
พอออกจากยอดเขาหยกนครหลวง เหมียวอี้กพ็ าฉินเวยเวยไปเยีย่ มตาเฒ่าฮัว หลังจากออกจากบ้านตา
เฒ่าฮัว สี ของฟ้ ามืดลงแล้ว ทั้งสองเช่าเรื อดอกไม้เพื่อแล่นจากในคลองทะลุไปที่แม่น้ าํ ใหญ่
บนหัวเรื อ เหมียวอี้ยนื เอามือไขว้หลังพลางชื่นชมสองข้างทางที่มีโคมไฟวิบวับหลากสี สนั ไม่รู้วา่
กําลังครุ่ นคิดเรื่ องอะไรอยู่
ตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว กลิ่นหอมอ่อนโชยเข้าจมูก ที่บ่ามีผา้ คลุมสี ขาวเพิม่ ขึ้นมาแล้ว เหมียวอี้หนั
กลับมามอง เห็นฉิ นเวยเวยกําลังทําสี หน้าตื่นเต้นกังวล พลางช่วยเขาจัดผ้าคลุมไหล่ดว้ ยมือที่สนั่
เล็กน้อย เหมียวอี้จึงยิม้ เจื่อนพลางบอกว่า “จะไปรบกวนให้ประมุขตําหนักผูส้ ง่าผ่าเผยมาทํางานของ
บ่าวรับใช้ได้ยงั ไง เจ้ากับข้าเป็ นสหายกัน ไม่จาํ เป็ นต้องทําแบบนี้หรอก ช่างเถอะ!”
ฉินเวยเวยฝื นตอบว่า “ก่อนที่จะมา ฮูหยินกําชับเรื่ องความเคยชินในชีวติ ประจําวันของนายท่าน สัง่ ให้
ข้าน้อยดูแลเรื่ องการกินอยูข่ องนายท่านให้ดีค่ะ!”
อวิน๋ จือชิวไม่ได้บอกให้นางทําเรื่ องนี้เสี ยหน่อย เพียงแต่นางเห็นเหมียวอี้ออกมาข้างนอกตอนอากาศ
หนาวบ่อย ๆ แล้วทุกครั้งก็มีคนนําผ้ามาคลุมบ่าให้ นางเองก็ไม่รู้วา่ ทําไมตัวเองถึงทําแบบนี้ได้ ข้างกาย
นางไม่มีใครนําผ้ามาคลุมไหล่ให้เหมือนเหมียวอี้ นางเป็ นคนหยิบมาคลุมเองเสมอ
เหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะว่า “เจ้าถูกคนอื่นดูแลมาตั้งแต่เด็ก จะไปดูแลคนอื่นเป็ นได้ยงั ไง! ตอนอยูท่ ี่นี่
ไม่ตอ้ งแบ่งแยกฐานะกันหรอก เป็ นสหายกันก็พอ ไม่ตอ้ งบังคับตัวเองขนาดนั้น เจ้าทําแบบนี้กลับทํา
ให้ขา้ อึดอัดนะ!”
เมื่อโดนว่าว่าดูแลคนอื่นไม่เป็ น ฉิ นเวยเวยก็กดั ฟันอย่างอับอายเกินทน นางเอ่ยรับคําเดียว แล้วยืนอยู่
ข้าง ๆ โดยไม่พดู อะไรอีก
เหมียวอี้เองก็ไม่ได้ถอดผ้าคลุมไหล่ออก เพียงแต่สงั เกตเห็นว่าเป็ นผ้าคลุมไหล่ของฉิ นเวยเวย แล้วก็
สังเกตว่านํ้าเสี ยงของตัวเองเมื่อครู่ น้ ีอาจจะให้ความรู ้สึกเหมือนทําตัวสูงส่ ง ทําให้อีกฝ่ ายไม่กล้าพูด
อะไรแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคลี่คลายบรรยากาศอึดอัด “เวยเวย ชัว่ พริ บตาเดียวก็ผา่ นไปแล้ว
หลายปี ทุกวันนี้เจ้ายังโสดอยูเ่ ลย ไม่เคยคิดจะแต่งงานเลยเหรอ?”
ฉิ นเวยเวยกล่าวด้วยสี หน้าสับสน “สู งไปก็เอื้อมไม่ถึง ตํ่าไปก็ไม่ตอ้ งการ เกรงว่าคงจะไม่มีใคร
ต้องการข้าแล้ว”
เหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะว่า “คํากล่าวนี้กเ็ กินไปหน่อยนะ ตํ่าไปก็ไม่ตอ้ งการ นัน่ ก็อาจจะจริ ง แต่ที่วา่ สู ง
ไปก็เอื้อมไม่ถึง นัน่ ก็ไม่แน่หรอกใช่ม้ ยั ? เจ้าชอบใครล่ะ บอกมาได้เลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขา้ เป็ นพ่อสื่ อ
นะ เจ้ารู ้จกั จ้าวเฟยกับอูเมิ่งหลันใช่ม้ ยั ? ข้าเองที่เป็ นสื่ อกลางของพวกเขาสองคน เดี๋ยวข้าจะหาโอกาส
ช่วยให้เจ้าสมหวัง ต้องช่วยให้เจ้าได้เขามาแน่นอน เจ้าถูกใจคนไหนล่ะ?”
สายตาอันอ่อนโยนของฉินเวยเวยกําลังมองผิวนํ้าที่เป็ นระลอกคลื่นยามลมราตรี พดั ผ่าน มองเรื อ
ดอกไม้ที่แล่นอยูข่ า้ งหน้า พลางตอบด้วยรอยยิม้ ว่า “พลาดไปแล้วล่ะ! คนที่ขา้ ชอบแต่งงานไปแล้ว”
“แต่งงานไปแล้วเหรอ?” เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเล “แบบนี้กไ็ ม่สะดวกจะจัดการแล้ว ข้าคงไปทําให้
สามีภรรยาเขาแยกทางกันไม่ได้ ถึงยังไงพ่อเจ้าก็ไม่ยอมให้เจ้าไปเป็ นอนุภรรยาแน่ ๆ เวยเวย ไม่ตอ้ ง
เอาแต่มองคนคนเดียวหรอก ในใต้หล้ามีผชู ้ ายเยอะแยะ ลองใช้สายตามองไปไกล ๆ หน่อย เดี๋ยวก็เจอ
คนที่ถูกใจเอง”
ตอนที่ 898

อย่ าคิดจะรอดชีวติ กลับไปเลย


“ข้าไม่เป็ นอะไรหรอก คนในแดนฝึ กตนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ผูห้ ญิงที่ไม่แต่งงานมีอยูเ่ กลื่อนกลาด
ไม่ได้มีแค่ขา้ คนเดียวเสี ยหน่อย” ฉินเวยเวยพูดเย้ยตัวเอง
“ถึงแม้จะพูดแบบนี้ ผูห้ ญิงที่ไม่แต่งงานมีอยูเ่ กลื่อนกลาดจริ ง ๆ แต่ถา้ หาก…” พอพูดถึงตรงนี้ เหมียวอี้
ก็ส่ายหน้าหัวเราะ ไม่สะดวกจะพูดประโยนถัดไป
แต่ฉินเวยเวยกลับหันมามองอย่างฉงนใจ ถามซักไซ้วา่ “แต่ถา้ อะไรเหรอ? นายท่านพูดมาตรง ๆ ได้
เลยค่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรที่พดู ไม่ได้หรอก แค่กลัวว่าพูดออกมาแล้วเจ้าจะเสี ยหน้า” เหมียวอี้หนั มาถามว่า “ถ้าข้าจํา
ไม่ผดิ เจ้าเหมือนจะไม่เคยคลุกคลีอยูก่ บั ผูช้ ายจริ ง ๆ จัง ๆ สักทีเลยใช่ม้ ยั ?”
ฉินเวยเวยหัวเราะแบบไร้เสี ยง “ไม่มีอะไรเสี ยหน้าหรอก นายท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ข้าหมายความหมาย ผูห้ ญิงแบบนั้นมีอยูเ่ กลื่อนกลาด นัน่ ก็จริ งอยู่ แต่ส่วนใหญ่พวกนางผ่านผูช้ ายมา
ทั้งนั้น บางคนก็เข้ากันไม่ได้แล้วแยกทางกัน บางคนคํานึงถึงทรัพยากรฝึ กคน คิดว่าอยูค่ นเดียวก็ดีแล้ว
แต่เจ้าไม่เคยผ่านประสบการณ์เรื่ องชายหญิงมาก่อนเลย ถ้าไม่เคยผ่านสักครั้งแล้วบอกว่าจะไม่แต่ง ข้า
รู ้สึกว่าแปลกชอบกล ยอมแพ้ท้ งั ๆ ที่ไม่เคยลิ้มลองรสชาติ ไม่กลัวเสี ยใจทีหลังเหรอ?” เหมียวอี้ฉงนใจ
ฉิ นเวยเวยตอบจากใจว่า “ช้าเองก็เป็ นผูห้ ญิงธรรมดา มีความปรารถนาแบบนี้เหมือนกัน ส่ วนใน
อนาคตจะได้แต่งงานหรื อเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะไม่มีโอกาสแล้วกระมัง เรื่ องในอนาคตใครก็
พูดให้ชดั เจนได้ยาก”
“นัน่ ก็ใช่!” เหมียวอี้พยักหน้า “ก็อย่างที่ขา้ บอก ในฐานะที่เป็ นเพื่อนกัน ถ้าเจอคนที่เหมาะสมหรื อเจอ
คนที่อยูใ่ นฐานะที่ไม่สะดวกจะเอ่ยปาก ข้าก็สามารถช่วยได้ ถ้าไม่สะดวกจะพูดกับผูช้ าย เจ้าก็ไปหาฮู
หยินได้ ให้นางช่วยคิดหาวิธี อาศัยความสัมพันธ์ของเจ้ากับฮูหยิน ฮูหยินคงไม่ปฏิเสธที่จะช่วยแน่”
“นํ้าใจของนายท่าน ข้าซาบซึ้งแล้ว!” ฉิ นเวยเวยเอียงหน้ามองไปยังคลื่นใสที่กระเพื่อมอยูส่ องข้างเรื อ
พลางหัวเราะเงียบ ๆ “ไม่พดู เรื่ องของข้าแล้ว ฮูหยินมักจะเอ่ยเรื่ องรับอนุภรรยาของนายท่านบ่อย ๆ
เท่าที่ขา้ สังเกตดู เหมือนฮูหยินจะมีเจตนาอย่างนั้นจริ ง ๆ ”
ถ้ามีเจตนาอย่างนี้จริ ง ๆ ก็แปลกแล้ว นางเอ่ยถึงเรื่ องของฝาแฝดอยูบ่ ่อย ๆ ! เหมียวอี้กาํ มือพลางไอแห้ง
ๆ “เจ้าอย่าไปฟังนางพูดเหลวไหลเลย คําพูดแบบนี้ของผูห้ ญิง ไปคิดเป็ นจริ งเป็ นจังไม่ได้หรอก”
ฉินเวยเวยกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อยว่า “ก่อนที่จะมา ฮูหยินสัง่ ข้าเอาไว้ ให้ขา้ หาโอกาสถามว่านายท่าน
ชอบผูห้ ญิงแบบไหน ถ้ามีคนไหนถูกใจก็ให้บอก ฮูหยินจะช่วยจัดการรับมาให้ท่าน! ข้ายืนยันมาแล้ว
ว่าฮูหยินหมายความอย่างที่พดู จริ ง ๆ ”
พูดจริ งก็แปลกแล้ว เกรงว่าถ้าเอ่ยชื่อใครคนนั้นก็คงซวย ผูห้ ญิงบ้านัน่ กําลังทอดสอบข้าด้วยวิธีการ
ทางอ้อมต่างหาก! เหมียวอี้ส่ายหน้าตอบอย่างจริ งจังว่า “ข้าไม่เคยนึกถึงเรื่ องพรรค์น้ ี แถมข้ายังไม่คอ่ ย
มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผูห้ ญิงคนอื่น จะไปคิดได้อย่างไร” เขาหันมามองฉิ นเวยเวยศีรษะจดเท้าแวบ
หนึ่ง แล้วบอกว่า “ถ้าพูดถึงผูห้ ญิง ก็เหมือนจะได้ใกล้ชิดกับเจ้ามากกว่าคนอื่น แต่คงให้เจ้ามาเป็ น
อนุภรรยาข้าไม่ได้อยูแ่ ล้วล่ะ? แบบนั้นหยางชิ่งคงเล่นงานข้าตาย!”
ฉินเวยเวยยิม้ บาง ๆ แล้วถามเหมือนล้อเล่นว่า “ถ้าตัดปัจจัยเรื่ องพ่อของข้าออกไป นายท่านจะแต่งงาน
กับข้ารึ เปล่า?”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ แล้วตอบว่า “ใช่วา่ เราสองคนจะไม่เคยลองสักหน่อย เจ้าอย่าลืมนะ ว่าตอนแรก
ข้าไปสู่ขอเจ้ากับผูก้ ารหยาง เราสองคนเกือบจะได้เป็ นสามีภรรยากันแล้ว ผลเป็ นอย่างไรเจ้ายังไม่รู้ชดั
อีกเหรอ?”
ฉิ นเวยเวยพยักหน้า “รู ้ชดั สิ ! นายท่าน ถ้าตอนนั้นข้าไม่สนใจความเห็นของพ่อข้า แล้วต้องการจะ
แต่งงานกับท่านจริ ง ๆ ท่านจะแต่งกับข้ารึ เปล่า?”
คําถามนี้ควรค่าให้เหมียวอี้ครุ่ นคิด เขาส่ ายหน้าช้า ๆ พลางตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน! ชัว่
พริ บตาเดียวก็ผา่ นไปหลายปี แล้ว สําหรับคนในแดนฝึ กตน เวลาผ่านไปเร็ วมากจริ ง ๆ !”
สําหรับเหมียวอี้ ถ้านําเรื่ องในตอนนั้นมาพูดถึงในตอนนี้ เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สภาพจิตใจต่าง
ออกไปแล้ว ผ่านประสบการณ์ความเป็ นความตายมาเยอะ ผ่านอันตรายมาเยอะ ทําเรื่ องต่าง ๆ โดยไม่
สนวิธีการ เรื่ องหลอกเอาเงินหรื อใส่ ร้ายคนอื่นก็ทาํ มาเยอะเหมือนกัน
เมื่อมองย้อนไปอดีต เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไร้เดียงสาเกินไป โดยเฉพาะตอนที่สูต้ ายไม่ยอมแพ้ที่ถ้ าํ ล่อง
นิภา ต้องโดนกดดันถึงจะยอมแพ้ ภาพนั้นฝังลึกอยูใ่ นความทรงจําของเขามากที่สุด พอมองย้อนไปก็
รู ้สึกว่า ต้องโง่ขนาดไหนถึงจะทําเรื่ องแบบนั้นได้ ถํ้านั้นไม่เกี่ยวกับตัวเองแท้ ๆ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะ
ยอมสู ต้ ายเพื่อมัน ถ้าเปลี่ยนเป็ นตอนนี้คงยอมแพ้ไปเสี ยเลย รักษาชีวติ ไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
และถ้าให้ตวั เองในอดีตมามองตัวเองในตอนนี้…
สายตาของเหมียวอี้เปลี่ยนเป็ นเลือนรางนิดหน่อย พบว่าบนเส้นทางนี้ ตัวเองยิง่ เดินยิง่ ไกลจริ ง ๆ …
เมื่อไม่ได้คาํ ตอบที่จริ งจังชัดเจน ฉิ นเวยเวยก็ไม่ได้ถามอีก ดูจากผ้าคลุมที่อยูบ่ นไหล่ของเขา ทั้งยังมี
คําพูดบอกใบ้เมื่อครู่ น้ ี ด้วยนิสยั ใจคออย่างนาง ทําได้ถึงขั้นนี้กน็ บั ว่าไม่ง่ายแล้ว นางคิดว่าเขาควรจะ
ฟังออกสิ ถึงจะถูก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเขา วันนี้นางถึงได้เข้าใจ ว่าผูช้ ายคนนี้มีความฉลาดทาง
อารมณ์ต่าํ มาก เกรงว่าถ้าไม่เปิ ดเผยตรง ๆ เขาก็ไม่มีวนั รับรู ้ถึงความรู ้สึกของนางตลอดไป
ทว่าพอมาคิดทบทวนตัวเอง ก็พบว่าตัวเองเป็ นผูห้ ญิงที่เงียบและเก็บตัวจริ ง ๆ ถ้าพูดตรงเกินไปก็จะฟัง
ดูไม่เข้าท่า ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนี้ บางทีเรื่ องราวระหว่างทั้งสองอาจจะได้บทสรุ ปไปนานแล้วก็ได้ ไม่
ว่าจะได้อยูด่ ว้ ยกันหรื อไม่กต็ าม ตอนหลังอาจจะไม่มีอวิน๋ จือชิวมาเกี่ยวข้องแล้วก็ได้ และคงไม่
จําเป็ นต้องทรมานตัวเองมาหลายปี อย่างนี้ดว้ ย
ตัวเองเป็ นอะไรไป? ฉินเวยเวยยิม้ ขื่นขมในใจ ตั้งแต่วนั ที่เหมียวอี้แต่งงาน เดิมทีนางคิดว่าตัวเองจะเลิก
ใฝ่ ฝันเพ้อเจ้อไปแล้ว ทําไมตอนนี้ตวั เองถึงเริ่ มรุ กเข้าถอยออก ทําไมเริ่ มลังเลเดินกลับไปกลับมาอีก
ล่ะ?
เมื่อลองครุ่ นคิดหาสาเหตุอย่างละเอียด ปัญหาเกิดขึ้นจากฮูหยินอวิน๋ จือชิว ถ้าไม่ใช่เพราะฮูหยินพูด
อย่างชัดเจนว่าต้องการหาอนุภรรยาให้เหมียวอี้ ความคิดนี้กค็ งไม่ผดุ ขึ้นมาอีก และหัวใจที่กลับมามี
ชีวติ ชีวาอีกครั้งก็ค่อนข้างเด่นชัด เหมือนจะอยากคว้าโอกาสนี้ไว้ ราวกับคนที่ใกล้จะจมนํ้าตาย แต่จู่ ๆ
ก็คว้าฟางช่วยชีวติ เส้นหนึ่งเอาไว้ได้ ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าฟางเส้นนี้จะช่วยชีวติ ตัวเองได้หรื อไม่ แต่กย็ งั
อยากไขว้คว้าเอาไว้ ไม่อยากปล่อยผ่านไป
เรื อบนแม่น้ าํ สัน่ โคลงเคลง ม่านบนห้องเรื อเลื่อนลง สองคนที่ยนื อยูบ่ นหัวเรื อเงียบงัน ต่างคนต่าง
กําลังครุ่ นคิด…
ตอนที่กลับมาถึงเรื อนพัก ก็เป็ นเวลาดึกมากแล้ว หลินผิงผิงที่กาํ ลังรอออกมาต้อนรับ ฉิ นเวยเวยที่กา้ ว
เข้าประตูลานบ้านสัง่ ว่า “เดี๋ยวเตรี ยมนํ้าไว้ให้นายท่านอาบด้วยนะ”
“ไม่ตอ้ งหรอก ดึกมากแล้ว ไม่ได้ไปทําอะไรมาด้วย” เหมียวอี้กล่าว
ฉินเวยเวยจึงบอกว่า “ฮูหยินได้สงั่ ไว้ก่อนจะมาค่ะ”
“ผูห้ ญิงคนนั้นปัญหาเยอะจริ ง ๆ …” เหมียวอี้บ่นพึมพํากับตัวเอง เขาไม่เหมือนกับอวิน๋ จือชิว ถ้าจะให้
เขาอาบนํ้าวันละสองครั้งเหมือนนาง เขาทําไม่ได้จริ ง ๆ
ไม่กี่วนั ต่อมา ฉิ นเวยเวยก็แทบจะปรนนิบตั ิเหมียวอี้อย่างรอบด้าน นางบอกถึงปั ญหาของการอด
อาหาร ขนาดนํ้าชาที่เหมียวอี้ดื่ม นางก็ยงั ไม่ให้คนอื่นทําให้ นางยกมาวางตรงหน้าเหมียวอี้ดว้ ยตัวเอง
พอเหมียวอี้บอกว่าไม่จาํ เป็ นต้องทําแบบนี้ ฉิ นเวยเวยก็จะอ้างอวิน๋ จือชิวอีก บอกว่าฮูหยินสัง่ มา ทําให้
เขาต้องกลอกตามองบน
ครั้งนี้เขานับว่าได้รับบทเรี ยนระยะยาวแล้ว ต่อไปนี้จะไม่พาคนของอวิน๋ จือชิวไปไหนด้วยอีก
ไม่อย่างนั้นอิทธิพลของฮูหยินก็จะตามติดเหมือนเงาอยูต่ ลอดเวลา…
หลังจากนั้นหลายวัน ประสาททองก็ให้คนมาส่ งข่าว ว่าทางแดนโพ้นสวรรค์อนุญาตแล้ว อีกสองวัน
ให้เดินทางไปพร้อมกับเยว่เทียนโป
ไม่รู้วา่ ผูท้ ี่มาตั้งใจหรื อไม่ต้งั ใจ อีกฝ่ ายเตือนเขาว่า ทางแดนโพ้นสวรรค์กม็ ีคนไปด้วยเหมือนกัน
คุณชายรองจะไปด้วยตัวเอง!
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ เหมียวอี้กง็ งนิดหน่อย แค่การประลองของวิเศษสนามเดียวเท่านั้น อันหรู อวี้จะถ่อไป
ด้วยทําไม?
เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเจออันหรู อวี้แล้วจะเผชิญหน้าอย่างไร!
เขาอยากจะหลบเลี่ยงอันหรู อวี้ แต่ถา้ เขาไม่ไป เยารั่วเซียนก็จะไม่มีเส้นสาย ไม่มีใครหนุนหลัง
นอกจากเขาแล้ว จะมีใครมาหนุนหลังให้เยารั่วเซี ยนได้ล่ะ? ไม่วา่ ผลการการประลองของวิเศษจะแป็
นอย่างไร ถ้าไม่มีใครคุม้ กันส่ งออกไป เยารั่วเซี ยนก็จะอยูส่ ถานการณ์ที่อนั ตรายมาก!
หลังจากนั้นสองวัน เหมียวอี้กย็ งั แข็งใจพาฉิ นเวยเวยไปพบเยว่เทียนโปบนยอดเขา
เยว่เทียนโปมองฉิ นเวยเวยหลายครั้ง แล้วถามว่า “คนนี้ใคร? เหมือนจะคุน้ หน้านิดหน่อย!” เขาเคยเจอ
ฉินเวยเวยตอนงานแต่งงานของเหมียวอี้ แต่เป็ นตัวละครที่ไม่สาํ คัญ เขาจึงไม่เก็บมาใส่ ใจก็เท่านั้น
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “เป็ นทหารคุมที่คนในส่ งมา!”
ฉิ นเวยเวยพูดไม่ออก แต่ตื่นเต้นกังวลหลังจากได้พบท่านทูตมากกว่า
เยว่เทียนโปอดไม่ได้ท่ีจะบอกว่า “เหอะ ๆ ! เหมียวฮูหยินช่างเป็ นคนยอดเยีย่ มจริ ง ๆ นึกไม่ถึงว่าการ
สัง่ สอนอบรมของบ้านประมุขปราสาทเหมียวจะเข้มงวดขนาดนี้!” เป็ นการหยอกล้อว่าเมียคุม้ เข้มงวด
เกินไป
“เฮ้อ! ใครว่าไม่ใช่ล่ะ!” เหมียวอี้ถอนหายใจ
“วีด๊ …” เสี ยงนกร้องดังอยูบ่ นฟ้ า ‘วิหคเทพเมฆคราม’ สัตว์เทพของเยว่เทียนโปบินวนเข้ามา เยว่เทียน
โปเหาะนําขึ้นฟ้ าไปก่อน แล้วคนกลุ่มหนึ่งก็ตามขึ้นไป ไปเหยียบอยูบ่ นหลังวิหคเทพแล้วบินด้วย
ความเร็ วสูง
สมาชิกที่ติดตามไปด้วยคล้าย ๆ กับคนที่ไปสํานักงามวิจิตรในปี นั้น แต่ขาดเฉิ งอ้าวฟางไปหนึ่งคน มี
เหมียวอี้อนั หรู อวี้มาแทนที่
โชคดีที่อนั หรู อวี้ออกเดินทางจากแดนโพ้นสวรรค์โดยตรง ไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับขบวนนี้ แต่ตลอด
ทางเหมียวอี้กย็ งั ครุ่ นคิดถึงภาพสภาพการณ์หลังจากเจอหน้าอันหรู อวี้…
งานเริ่ มวันที่สิบเก้า แต่วนั ที่สิบแปดก็มาถึงแล้ว คนที่คาํ นวณเวลาไม่ได้มีแค่พวกเยว่เทียนโป อํานาจ
ของแต่ละแดนก็มาแล้วเช่นกัน ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้สงั เกตเห็นความไม่ชอบมาพากล เรื่ องเรื่ องเดียวก็
สะเทือนถึงคนมากมายขนาดนี้ สงสัยคนที่สนใจเยารั่วเซียนจะไม่ได้มีแค่นภาจอมมารแล้ว
ก่อนหน้านี้กไ็ ม่เห็นมีใครสนใจเยารั่วเซี ยนมากขนาดนี้ เหมียวอี้ที่กาํ ลังครุ่ นคิดซํ้า ๆ แอบร้องในใจว่า
ท่าไม่ดีแล้ว ลองคิดถึงเรื่ องเจดียง์ ามวิจิตร เกรงว่าเรื่ องเจดียง์ ามวิจิตรจะดึงดูดความสนใจของแดนต่าง
ๆ เข้าแล้ว เหมียวอี้นึกเสี ยใจทีหลังว่าทําไมลืมเรื่ องที่แดนโพ้นสวรรค์เคยออกคําสัง่ ให้รวบรวม
นักพรตหลอมของวิเศษ
ที่จริ งสํานักงามวิจิตรไม่ตอ้ นรับให้แขกพวกนี้มาดูเรื่ องน่าหัวเราะเยาะหรอก ต่อให้เจ้าจะปฏิเสธไป
ฝ่ ายหนึ่งแล้ว แต่กป็ ฏิเสธฝ่ ายอื่น ๆ ไม่ไหว ในเมื่อคนระดับสูงของแต่ละแดนต้องการจะมาดู เจ้าก็ทาํ
ได้เพียงต้อนรับขับสู ้
อาจจะเป็ นเพราะศัตรู มกั ปรากฏตัวบนทางแคบ พวกเยว่เทียนโปเพิ่งจะมาถึง ฝ่ ายอันหรู อวี้กม็ าถึงแล้ว
คนฝั่งแดนเซี ยนรู ้วา่ นางจะมาถึงวันนี้ เดิมทีกค็ ิดจะมารอต้อนรับอยูแ่ ล้ว
อันหรู อวี้ที่เหาะลงมาจากฟ้ าเห็นเหมียวอี้ทนั ทีที่มองมา แต่กไ็ ม่ได้สนใจอะไรมาก สายตาหยุดอยูท่ ี่เขา
ครู่ เดียว แล้วก็มองผ่านไป ไปทักทายกับบรรดาท่านทูตก่อน
ช่างเป็ นจังหวะนรก คนของแดนปี ศาจก็มาถึงแล้วเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าในนั้นจะมีจีเหม่ยเหมยด้วย
เหมียวอี้เห็นจีเหม่ยเหมยแล้ว จีเหม่ยเหมยก็เห็นเหมียวอี้แล้วเช่นกัน ทั้งสองสบตากันเล็กน้อยแล้วต่าง
คนต่างหันหน้าหนี เหมียวอี้ด่าในใจว่า ทําไมไปที่ไหนก็เจอแต่ผหู ้ ญิงคนนี้ ทั้งยังมาเจอกันอีกใน
สถานที่ที่เขาฆ่าลูกชายของนางด้วย
“มีอะไรก็ไว้คุยกันตอนมาครบ ทุกคนแยกย้ายกลับห้องพักไปก่อน โอวหยางกวง มานี่หน่อย!” อัน
หรู อวี้สงั่ ให้ทุกคนแยกย้าย แล้วเดินออกไปกับสามีตวั เองตามลําพัง ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็ นสามีภรรยา
กัน ไม่มีใครรู ้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม
หลังจากกลับถึงที่พกั แล้ว อันหรู อวี้ที่เข้ามาในโถงหลักก็ไล่คนอื่น ๆ ออกไป อยูก่ บั โอวหยางกวงตาม
ลําพัง
“มีเรื่ องอะไร?” โอวหยางกวงถาม สี หน้าไม่ค่อยดีเท่าไร เขาย่อมเห็นเหมียวอี้แล้วเช่นกัน
อันหรู อวี้นงั่ ลงช้า ๆ แล้วกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “เหมียวอี้กม็ าแล้วเหมือนกัน!”
“ข้าเห็นแล้ว!” โอวหยางกวงตอบด้วยนํ้าเสี ยงหงุดหงิด
อันหรู อวี้ทาํ สี หน้าเย็นเยียบน่ากลัวทันที “ถ้าไอ้เหมียวจัญไรยังไม่ตาย ข้าก็กินนอนไม่เป็ นสุ ข ในเมื่อ
มาแล้ว ก็อย่าคิดจะรอดชีวติ กลับไปเลย!”
“เจ้าอยากฆ่าเขาเหรอ?” โอวหยางกวงตกใจ
“เป็ นความอัปยศใหญ่หลวงนะ! หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เป็ นไปไม่ได้ที่หวนหวนกับหลางหลางจะไม่
แต่งงานไปทั้งชาติ ถ้าผูช้ ายในอนาคตของพวกนางพบว่าพวกนางเคยเสี ยตัวแล้ว ประกอบกับข่าวลือ
นัน่ ไม่วา่ ผูช้ ายคนไหนก็รับสิ่ งนี้ไม่ไหวหรอก มีเพียงแค่ให้ไอ้เหมียวจัญไรตายไป จึงจะเป็ นการ
ปลอบใจข้าได้! ดังนั้นเขาต้องตาย!” พอนึกถึงภาพที่ตวั เองนําเสื้ อผ้าไปมอบให้เหมียวอี้ดว้ ยตัวเอง นาง
ก็โมโหจนตัวสัน่ ไม่รู้วา่ ลับหลังเขาง้างมือจะตบนางกี่ครั้งแล้ว
ถึงแม้โอวหยางกวงจะอยากให้เหมียวอี้ไปตาย แต่กร็ ู ้สึกว่าวิธีคิดของอันหรู อวี้สุดโต่งเกินไป จึงขมวด
คิ้วถามว่า “ถ้าฆ่าเขาแล้ว เจ้ากลับไปจะอธิบายอย่างไร?”
อันหรู อวี้พลันเหลือบตาขึ้นมอง “ไม่ตอ้ งให้พวกเราลงมือเองหรอก คนที่อยากจะฆ่าเขามีเยอะจะตาย
เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็อยากฆ่าเขา จีเหม่ยเหมยก็อยากฆ่าเขาเหมือนกัน พวกเราไม่ตอ้ งลงมือเองหรอก พวกเรา
แค่ตอ้ งสร้างโอกาสให้พวกเขาลงมือก็พอแล้ว เรื่ องนี้เจ้าไปจัดการด้วยตัวเอง ไปติดต่อกับอีกสองแดน
ข้าว่าพวกเขาก็ยนิ ดีจะเล่นงานให้ไอ้เหมียวจัญไรถึงตายเหมือนกัน!”
ตอนที่ 899

ก๊อกแก๊ก
สําหรับเรื่ องนี้…โอวหยางกวงเดินช้า ๆ มานัง่ ลงข้างกายนาง จากนั้นก็เงียบงัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากําลัง
ลังเลหรื อกําลังคิดหาวิธีการ
เมื่อเห็นเขาแสดงท่าทีแบบนั้น อันหรู อวี้กท็ าํ สี หน้าไม่สบอารมณ์ “ทําไมล่ะ? เจ้ามีความเห็นอะไร
เหรอ?”
โอวหยางกวงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ที่จริ งเรื่ องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเจ้ากังวลจริ ง ๆ ก็ให้หลางหลาง
กับหวนหวนอยูเ่ ป็ นโสดไปทั้งชีวติ ก็สิ้นเรื่ อง!”
อันหรู อวี้หน้าบึ้งทันที “พูดบ้าอะไรของเจ้า! หรื อว่ามีแค่ผชู ้ ายอย่างพวกเจ้าที่ใช้ชีวติ สําราญสามเมียสี่
เมีย ส่ วนผูห้ ญิงก็เป็ นท่อนไม้ไปทั้งชาติง้ นั เหรอ?”
“ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็เลือกใช้แผนสํารองสิ …ถ้าพวกเราไม่สะดวกจะเอ่ยปาก ก็ไปให้คนอื่นช่วยถามให้
ก็ได้ ดูวา่ ไอ้จญั ไรนัน่ ยินดีจะรับหลางหลางกับหวนหวนเป็ นอนุภรรยารึ เปล่า”
“พูดออกมาได้อย่างไร พวกเรามีฐานะเป็ นอย่างไร ลูกสาวพวกเราจะไปเป็ นอนุภรรยาคนอื่นได้เหรอ?
ยังจะส่ งลูกสาวไปเป็ นอนุภรรยาอีก พ่อแม่แบบนี้มีที่ไหนกัน?”
ซ้ายก็ไม่ได้ขวาก็ไม่ได้ โอวหยางกวงทําได้เพียงหุบปาก…
หลังจากท่านทูตสายต่าง ๆ ของแดนเซียนมากันครบแล้ว ก็รวมกลุ่มกันมาคํานับคุณชายรอง ส่ วนคนที่
ไม่เกี่ยวข้องก็ถอยออกไป
ถึงแม้ร่างกายจะเป็ นผูห้ ญิง แต่กลับเป็ นสตรี ผไู ้ ม่ยอมเป็ นรองบุรุษ ร่ างกายอันหรู อวี้เดิมทีกส็ ู งกว่า
ผูช้ ายทัว่ ไปอยูแ่ ล้ว เมื่อยืนอยูต่ รงหน้าบรรดาท่านทูต ก็ให้ความรู ้สึกเหมือนเป็ นนกกระเรี ยนในฝูงไก่
นางกวาดสายตาเย็นเยียบมองทุกคน พลางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ครั้งนี้เรี ยกท่านทูตทุกคนมากัน
ครบ ที่จริ งก็เป็ นเพราะท่านจื่อหยางนัน่ จากเรื่ องเจดียง์ ามวิจิตรครั้งก่อน คาดว่าทุกคนคงจะเดาเจตนา
ของเฟิ งเป่ ยเฉิ นออกแล้ว ช่วยไม่ได้ที่สาํ นักงามวิจิตรถูกบีบอยูใ่ นมือเฟิ งเป่ ยเฉิ น ไม่สามารถรับมา
ทํางานให้แดนเซียนได้ ตอนนี้ท่านจื่อหยาง ศิษย์ระดับสูงของสํานักงามวิจิตรต้องการจะท้าทายสํานัก
งามวิจิตร พวกเราคอยจับตาดูไปก่อน ถ้าเป็ นยอดฝี มือหลอมของวิเศษที่หายากจริ ง ๆ ก็จะต้องช่วงชิง
ให้มาอยูฝ่ ่ ายเราให้ได้ ถ้าไม่ได้จริ ง ๆ ก็อย่าปล่อยให้ไปทํางานให้คนอื่นเหมือนกัน”
ท่านทูตทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง ช่างเหมือนกับสํานวนที่วา่ ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยก
กับตัวจึงมีความผิด[1] นึกไม่ถึงว่าท่านจื่อหยางนัน่ จะมีภยั ถึงชีวติ เพราะมีฝีมือในการหลอมของวิเศษ
ซูเย่ท่านทูตสายขาลกล่าวอย่างลังเลว่า “คุณชายรอง กําลังพลแต่ละแดนมากันครบแล้ว ดูจาก
สถานการณ์ เกรงว่าคงไม่ได้มีแค่พวกเราที่มีความคิดแบบนี้”
อันหรู อวี้พยักหน้า “ทุกคนมีความคิดแบบนี้กถ็ ือเป็ นเรื่ องดี ท่านปราชญ์สงั่ มาแล้ว ว่าให้ดูสถานการณ์
แล้วตัดสิ นใจ ถ้าหากเป็ นไปได้ ก็กาํ จัดสํานักงามวิจิตรทิ้งเสี ยเลย เฟิ งเป่ ยเฉิ นจะได้ไม่เกิดความคิด
เหลวไหลมากเกินไป ถ้าเกิดมีการลงมือขึ้นมา ก็ให้เข้าร่ วมได้เลย ทุกท่านเตรี ยมความพร้อมไว้ในใจ
ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ฉุกละหุก แล้วอีกอย่าง อย่าเพิ่งเปิ ดเผยเรื่ องนี้ให้ผใู ้ ต้บงั คับบัญชารู ้ จะได้ไม่มีข่าว
หลุดออกไป!”
ขณะที่ทางนี้กาํ ลังวางแผนลับ เหมียวอี้กก็ าํ ลังไปเยีย่ มเยียนคนรู ้จกั เช่นกัน ประมุขถิ่นสี่ ทิศมาถึงแล้ว
ต่างคนต่างพาทูตซ้ายหนึ่งคนและราชาปี ศาจสองคนมาด้วย ทะเลดาวนักษัตรมาด้วยกันทั้งหมดสิ บหก
คน
สําหรับเรื่ องนี้ สํานักงามวิจิตรค่อนข้างประหลาดใจ แดนอู๋เลี่ยงค่อนข้างแปลกใจ น้อยครั้งมากที่
ประมุขถิ่นสี่ ทิศจะมาดูเอาสนุกแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมาด้วยเหมือนกัน
หารู ้ไม่วา่ ประมุขถิ่นสี่ ทิศเองก็ไม่ได้อยากมา และไม่อยากมาประสมโรงด้วย แต่กไ็ ม่มีทางเลือก เพราะ
ไม่อาจทนเห็นเหมียวอี้เป็ นอะไรไปได้ เมื่อขึ้นเรื อโจรลําเดียวกับเหมียวอี้แล้ว อยากจะไล่ลงก็ไล่ไม่ได้
แล้วตัวเองก็ไม่อยากลงด้วย
“เจ้าห้า ลูกศิษย์ที่โดนขับไล่คนหนึ่งกลับบมาล้างความอัปยศที่สาํ นักงามวิจิตร สะเทือนถึงบุคคล
ระดับสู งของแดนต่าง ๆ เลยเหรอ คนมากันเยอะขนาดนี้ สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลนิดหน่อยนะ!”
พอเหมียวอี้มาถึง เพิ่งจะเดินเข้าโถงหลักมากุมหมัดคารวะประมุขถิ่นสี่ ทิศ ฝูชิงก็เข้ามาถามต่อหน้าแล้ว
เหมียวอี้เดินมานัง่ ลงที่เก้าอี้ตวั หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างเคร่ งเครี ยด “ข้าเองก็สงั เกตเห็นความไม่ชอบมา
พากล รู ้สึกว่าเรื่ องนี้มนั ยิง่ ใหญ่โตขึ้นเรื่ อย ๆ เกินกว่าที่จินตนาการไว้จริ ง ๆ ”
ตอนนี้เขากําลังปวดประสาทอยูพ่ อดี เยารั่วเซียนที่ซ่อนตัวอยูข่ า้ งกายตนมาตลอด นึกไม่ถึงว่าพอ
ปรากฏตัวก็ป่วนให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ขนาดเขาเองยังรู ้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย
“เจ้าห้า คนกลุ่มนี้พงุ่ เป้ ามาที่จื่อหยางอะไรนัน่ จริ งเหรอ ถ้าเกิดลงมือต่อสูก้ นั ขึ้นมา พวกเราคงคุม้ กัน
ส่ งจื่อหยางออกไปอย่างปลอดภัยไม่ไหวหรอก” อิงอู๋ตี๋กล่าว
เหมียวอี้จึงบอกว่า “ข้าติดต่อกับฝ่ ายนภาจอมมารแล้ว ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็ส่งตัวให้นภาจอมมาร พวก
ท่านช่วยให้ฝ่ายนภาจอมมารพาตัวเขาไปได้กพ็ อ”
“ล้อเล่นอะไรกัน อย่างน้อยภายนอกพวกเราก็ยงั เป็ นคนของแดนปี ศาจอยู่ ถ้าไปช่วยฝ่ ายนภาจอมมาร
พวกเราก็ไม่สะดวกจะอธิบายกับแดนปี ศาจน่ะสิ ” สงเวยว่า
“พี่ใหญ่ ข้าก็ยงั เป็ นคนของแดนเซียนเหมือนกัน กําลังกินบนเรื อนขี้รดบนหลังคาเหมือนกันนัน่
แหละ” เหมียวอี้บอก
“เจ้าห้า แบบนั้นเหมือนกันเสี ยที่ไหน? เจ้ามันเป็ นเขยของนภาจอมมารนี่นา” หงเทียนแสดงความเห็น
ฝูชิงพยักหน้า “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ต่อให้พวกเราช่วยฝ่ ายนภาจอมมาร ดีไม่ดีอาจจะทําให้อีกห้า
แดนร่ วมมือกัน ถึงตอนนั้นก็อย่าว่าแต่พวกเราเลย ต่อให้เป็ นนภาจอมมารก็ตา้ นไม่ไหว!”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ จากนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวดอีก “ประเด็นสําคัญก็คือไม่รู้วา่ ตอนนี้ตวั ท่านจื่อห
ยางอยูท่ ี่ไหน พรุ่ งนี้จะปรากฏตัวออกมาด้วยวิธีไหน ไม่อย่างนั้นข้าจะจับตัวเขากลับไปเอง แม่งเอ๊ย
สมองมีปัญหารึ ไง ล้างความอัปยศบ้าบออะไรล่ะ!”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เขาเองก็เข้าใจเหมือนกัน เรื่ องล้างความอัปยศแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็ นเขาก็อาจจะ
ทําเหมือนกัน แต่ประเด็นคือวิธีการไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมาแบบนี้ เป็ นไปได้สูงว่าเยารั่วเซี ยนก็อาจ
ไม่รู้ตวั เหมือนกัน ว่าตัวเองป่ วนให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ เห็นได้ชดั ว่าไม่ได้ตระหนักเลย
ว่าตัวเองมีความสําคัญขนาดไหน
สรุ ปก็คือตอนนี้เหมียวอี้ปวดหัวมาก อยากจะพาพวกผูช้ ่วยมาจากพิภพใหญ่มาก ทว่านัน่ คือสิ่ งที่
เป็ นไปไม่ได้ จึงส่ายหน้าบอกว่า “ก็ทาํ ได้เพียงรอดูสถานการณ์พรุ่ งนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าไม่ไหว
จริ ง ๆ ก็คงได้แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติแล้ว!”
ถ้าสูส้ ุ ดชีวติ แล้วยังช่วยไม่ได้ เขาก็ทาํ ได้เพียงยอมแพ้ ไม่จาํ เป็ นต้องเอาชีวติ ไปทิ้งแบบสู ญเปล่า อย่าง
มากในภายหลังก็ค่อยช่วยล้างแค้นให้เยารั่วเซี ยนก็ได้ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ตอนนี้เขาก็ยงั ไม่มี
วิธีการอื่น ถึงอย่างไรก็ยงั ไม่รู้สถานการณ์แน่ชดั
“ถ้าโน้มน้าวให้ฝ่ายแดนเซียนช่วยเจ้าอีกแรง บางทีกอ็ าจจะเป็ นไปได้” ฝูชิงกล่าว
“ที่จริ งก็มีวธิ ีการนี้เหมือนกัน ใครจะคิดว่าอันหรู อวี้จะมาด้วย คนอื่นมาก็ยงั พอเป็ นไปได้ แต่คนที่นาํ
กําลังลังพลของแดนเซียนมาดันเป็ นอันหรู อวี้ เลิกคิดไปได้เลยละมั้ง?” เหมียวอี้โบกมือยิม้ เจื่อน
“ทําไมล่ะ?” สงเวยแปลกใจ “หรื อว่าเจ้ากับอันหรู อวี้ไม่ถูกกัน?”
“ไม่ตอ้ งพูดถึงหรอก!”เหมียวอี้พดู ลําบากจริ ง ๆ เขาชี้ไปด้านนอก “ถ้าพรุ่ งนี้สถานการณ์ไม่ชอบมาพา
กล รบกวนท่านพี่ท้ งั สี่ พาลูกน้องที่ขา้ พามาด้วยกลับไปก่อนนะ”
เหล่าประมุขถิ่นพยักหน้า ต่างก็รู้วา่ เขาหมายถึงฉิ นเวยเวย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน ตอนที่อวิน๋ จือชิว
พาไปทะเลดาวนักษัตร ก็รู้แล้วว่าอวิน๋ จือชิวกับผูห้ ญิงคนนี้เรี ยกกันว่าพี่สาวน้องสาว มีความสัมพันธ์
ไม่ธรรมดา
“เอาอย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน ค่อย ๆ ดูไปทีละก้าว ข้าจะไปหาฝ่ ายแดนมารสักหน่อย ดูวา่ สถานการณ์ทาง
นั้นเป็ นอย่างไรบ้าง” เหมียวอี้ลุกขึ้นกล่าวขอตัว ออกมากโถงหลัก แล้วพาฉินเวยเวยออกไป
เมื่อมาถึงที่พกั ของคนฝ่ ายแดนมาร พอพบกับอาแปดอวิน๋ เป้ า ฝ่ ายนี้กย็ อ่ มสังเกตเห็นความไม่ชอบมา
พากลเช่นกัน กําลังสับสนว่าเยารั่วเซี ยนอยูท่ ี่ไหน ถ้าหาเยารั่วเซี ยนพบจะได้ปรึ กษาหารื อขอความ
ร่ วมมือได้สะดวก ตอนนี้ไม่มีใครรู ้วา่ เยารั่วเซียนมีสถานการณ์เป็ นอย่างไรกันแน่ ทําเอาพวกเขาแม้แต่
จะวางแผนก็ทาํ ได้ไม่สะดวก
ม่านราตรี มาเยือน ฝูงนกบินกลับรัง บนภูเขาที่เงียบสงบด้านหลังสํานักงามวิจิตร สภาพแวดล้อม
งดงาม คนไม่มีกิจธุระห้ามเข้า
ฟู่ หยวนคังเดินสาวเท้ามาหยุดที่ดา้ นนอกตําหนักใหญ่หลังหนึ่ง นักพรตหญิงที่เฝ้ าประตูรีบเข้าไป
รายงานทันที และไม่นานก็ออกมาเชิญ
ฟู่ หยวนคังผ่อนฝี เท้าเดินเข้ามา เลี้ยวเข้าไปที่ตาํ หนักหลัง พอเจอเฟิ งเป่ ยเฉิ นที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิอยูบ่ น
เตียงตัวหนึ่ง ก็กมุ หมัดคารวะ “ท่านอาจารย์!”
คนนอกไม่มีใครรู ้วา่ เฟิ งเป่ ยเฉินมาถึงสํานักงามวิจิตรแล้ว เป็ นเพราะข่าวที่ได้รับจากแดนต่าง ๆ ทําให้
เขาพบความไม่ชอบมาพากลเหมือนกัน กลัวว่าจะเกิดเรื่ องขึ้นที่นี่ จึงมาคอบคุมอย่างเงียบ ๆ
เฟิ งเป่ ยเฉิ นหน้าตาไม่ธรรมดา ไว้หนวดสี ดาํ ขลับราวกับนํ้าหมึก มีลกั ษณะราศีของนักกพรตเต๋ า เขาลืม
ตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วถามว่า “สถานการณ์เป็ นอย่างไร?”
ฟู่ หยวนคังตอบว่า “สถานการณ์ไม่ชดั เจนขอรับ มองไม่ออกว่าทางแดนเซียนมีใครอยากเล่นงานให้ไอ้
เหมียวจัญไรถึงตาย จีเหม่ยเหมยเองก็ไม่รู้วา่ ใครกันแน่ที่ตอ้ งการทําอย่างนี้ แต่ตอ้ งเป็ นคนที่ค่อนข้างมี
อํานาจในแดนเซียนแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่สร้างโอกาสลงมือให้พวกเราได้ง่าย ๆ แต่จีเหม่ยเหมย
มัน่ ใจว่าบุคคลลึกลับที่มาติดต่อด้วยจะเกียว่ ข้องกับเยว่เทียนโป”
“เยว่เทียนโป?” เฟิ งเป่ ยเฉินถามว่า “ทําไมคิดอย่างนั้น?”
ฟู่ หยวนคังตอบว่า “ไอ้เหมียวจัญไรกับแดนโพ้นสวรรค์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเกินไป เป็ นไปได้
สู งว่าจะเป็ นภัยคุกคามต่อตําแหน่งของเยว่เทียนโป การอาศัยโอกาสนี้กาํ จัดทิ้ง ก็ใช่วา่ จะเป็ นเรื่ องที่
เป็ นไปไม่ได้ ศิษย์คิด่าการคาดเดาของจีเหม่ยเหมยก็มีเหตุผล แต่ศิษย์กก็ ลัวอีกว่าจะมีกบั ดักอะไร?”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกล่าวดูถูกด้วยนํ้าเสี ยงราบเรี ยบ “จะมีกบั ดักอะไรได้? ขอแค่มีโอกาสลงมือ เจ้าก็สนใจแต่
เรื่ องลงมือก็พอ ถ้าไม่สาํ เร็ จก็ไม่เป็ นไร แต่ไอ้เด็กจัญไรนัน่ ดึงสี่ ปีศาจเฒ่าจากทะเลดาวนักษัตรมาได้
เห็นได้ชดั ว่าเตรี ยมตัวมาบ้างเหมือนกัน เจ้าไปสื บให้แน่ชดั มาก่อนว่าคนที่อยูข่ า้ งกายเขาเป็ นใคร อย่า
มุทะลุบุ่มบ่ามจนตัวเองเสี ยเปรี ยบ”
ฟู่ หยวนคังตอบว่า “สื บสถานการณ์คร่ าว ๆ มาชัดเจนแล้วขอรับ ข้างกายเขาไม่ได้มีคนสําคัญอะไร
นอกจากผูห้ ญิงคนหนึ่งที่พามาด้วย ก็มีแค่กาํ ลังพลแดนเซี ยนพวกนั้น ฝ่ ายเรารู ้เบาะแสหมดแล้ว
ขอรับ”
“อย่าประมาท บางทีผหู ้ ญิงที่อยูข่ า้ งกายเขาอาจจะมีลบั ลมคมในบางอย่าง ระว่างทุกอย่างไว้จะดีกว่า”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกล่าว
ฟู่ หยวนคังยิม้ พร้อมตอบว่า “ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องผูห้ ญิงคนนั้นเลยขอรับ เป็ นเพียงประมุขตําหนักใต้
บังคับบัญชาของเขา ชื่อว่าฉิ นเวยเวย ได้ยนิ ว่าเพิ่งบรรลุระดับบงกชแดง ฝ่ ายเราสื บสถานการณ์มา
ชัดเจนแล้ว”
“ฉินเวยเวย?” เฟิ งเป่ ยเฉินลังเล ลองนึกไปนึกมาก็พบว่าไม่คุน้ เลยจริ ง ๆ
ทว่าในขณะนี้เอง ในห้องข้าง ๆ กลับมีเสี ยง “ก๊อกแก๊ก” ดังมา เฟิ งเป่ ยเฉิ นกับฟู่ หยวนคังหันไปมอง
พร้อมกัน ไม่รู้วา่ ด้านหลังม่านไข่มุกมีความเคลื่อนไหวอะไร
ม่านไข่มุกนัน่ พลันกระเพื่อมออกโดยไร้ลม เฟิ งเป่ ยเฉิ นหายตัวไปจากเตียงหลังนั้นแล้ว ขณะที่ม่าน
ไข่มุกกระเพื่อมกลับมาติดกกันอีกครั้ง เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็ไปโผล่อยูใ่ นห้องแล้ว สายตากําลังมองไปยังขอบ
หน้าต่างที่กาํ ลังเปิ ดอยู่
บนขอบหน้าต่างจัดวางกระถางต้นไม้ที่สวยประณี ตไว้ตน้ หนึ่ง ฉิ นซี ฮูหยินผูง้ ดงามเลิศลํ้าของเขา
กําลังโน้มตัวลงเก็บกรรไกรตัดกิ่งไม้ ไม่รู้วา่ กรรไกรตกลงพื้นได้อย่างไร
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกางนิ้วทั้งห้า ดูดกรรไกรมาไว้ในมือตัวเอง ฉินซี เอียงศีรษะมองเขาแวบหนึ่ง ค่อย ๆ ลุกขึ้น
ยืน แววตายังคงเย็นชา สี หน้าเย็นชาไร้อารมณ์อยูต่ ลอด
เฟิ งเป่ ยเฉิ นเดินเข้าไป วางกรรไกไว้บนขอบหน้าต่าง แล้วขมวดคิ้วถาม “ฮูหยินเป็ นอะไรไป?”
ฉินซีหยิบกรรไกรขึ้นมาอีกครั้ง ตอบด้วยสี หน้าเรี ยบเฉยไร้อารมณ์วา่ “ไม่มีอะไรค่ะ แค่พลั้งมือตัดกิ่ง
ไม้กิ่งหนึ่ง รู ้สึกเสี ยดาย”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นได้ยนิ แล้วส่ ายหน้า พบว่านิสยั ของผูห้ ญิงคนนี้ ยิง่ นับวันก็ยงิ่ รักสันโดษ เรื่ องที่เป็ นการเป็ น
งานไม่สนใจ แต่กลับตื่นตูมกับของที่อยูใ่ นกระถางต้นไม้
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้านางยิง่ เป็ นคนที่เจ้าเล่ห์มากแผนการเท่าไร ก็ยงิ่ ทําให้เขากังวลว่าตําหนักหลังจะไม่
สงบสุ ข แต่มีฮูหยินแบบฉิ นซี อยูใ่ นบ้าน ทําให้เขาไม่ตอ้ งกังวลใจอะไรเลยจริ ง ๆ กลับเป็ นเรื่ องดี
สําหรับเขา หมดความยุง่ ยากใจ! นางจึงได้รับความเอ็นดูจากเขา! เขายิม้ บาง ๆ พลางพูดปลอบว่า
“ผิดพลาดก็ไม่เป็ นไร โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ มีขอ้ เสี ยนิดหน่อยก็ไม่ใช่เรื่ องแย่เสมอไป”
พอมองดูที่กระถางต้นไม้ ก็ไม่เห็นว่าตัดเสี ยตรงไหน แต่ผหู ้ ญิงคนนี้ชอบปรนนิบตั ิของเล่นพวกนี้ เขา
จึงไม่ได้พดู อะไรมาก พูดปลอบใจสองสามคํา ก่อนจะหันตัวและเอามือไขว้หลังเดินจากไป
“ฉิ นเวยเวย…” ฉินซีกลับมองไปนอกหน้าต่างพลางพูดพึมพํากับตัวเอง ไม่รู้วา่ นึกอะไรขึ้นได้ แววตา
ค่อนข้างเหม่อลอย…
…………………………

[1] ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด 匹夫无罪怀璧其罪 อุปมา


ว่า มีภยั เพราะความสามารถของตัวเอง
ตอนที่ 900

ทําลายสํ านักงามวิจติ รทิง้


แสงจันทร์กระจ่างฟ้ า ส่ องสว่างโลกมนุษย์
หลังจากออกจากเรื อนพักของอวิน๋ เป้ า ฉิ นเวยเวยก็ตามหลังเหมียวอี้ออกมา เดินลงบันไดหิ นตามแนว
ป่ าภูเขาที่เป็ นเงามืดลงมา เหยียบแสงจันทร์ที่ส่องบนพื้นพลางมองไปยังแสงไฟริ บหรี่ ที่อยูต่ ามแนว
เขารอบ ๆ มีเพียงตําหนักหลักของสํานักงามวิจิตรที่แสงของโคมไฟสว่างพร่ างพราว
เหมียวอี้ที่มองไปโดยรอบถอนหายใจเบา ๆ หน้านิ่วคิว้ ขมวด ไม่รู้วา่ ตอนนี้เยารั่วเซี ยนอยูท่ ี่ไหนกันแน่
เรื่ องของเยารั่วเซี ยนทําให้เขาปวดหัวมาก อยูด่ ี ๆ ดันก่อเรื่ องขึ้นมา ทรมานคนอื่นจริ ง ๆ เลย บุคคล
ระดับสูงของหกแดนมารวมตัวกันที่นี่ แต่ละคนมีเจตนาชัว่ ร้าย ความสามารถอันน้อยนิดที่มี เมื่อ
เผชิญหน้ากับพลังอํานาจที่สมบูรณ์ เขาก็อบั จนปัญญาเหมือนกัน ดันไม่รู้อีกว่าสถานการณ์ของตัว
ละครหลักอย่างเยารั่วเซียนเป็ นอย่างไร แก้ปัญหาไม่ได้เลยจริ ง ๆ !
ป่ าภูเขามีแต่เงามืด บันไดหิ นที่ทอดลงตามภูเขาเป็ นสี ขาวเงินอยูภ่ ายใต้แสงจันทร์ เหมียวอี้ที่กาํ ลัง
ครุ่ นคิดตระหนกทันที หันขวับพลาบถามว่า “ใคร!”
ฉินเวยเวยที่กาํ ลังเดินตามหลังและมองเขาตลอดทางตกใจทันที นางไม่ได้ยนิ อะไรทั้งนั้น แต่ยงั หัน
หน้ามองออกไป บนบันไดหิ นแยกเป็ นถนนเล็กสายหนึ่งเบี่ยงขึ้นไหล่เขา ตรงจุดที่สูงขึ้นไปเหนือ
ศีรษะสองจั้ง มีศาลาที่ถูกบดบังอยูใ่ ต้เงาไม้ครึ่ งหนึ่ง ในศาลามีเงาร่ างสะโอดสะองกําลังยืนอยู่
สตรี นางผูห้ นึ่งที่งามสง่าราวกับเดินออกมาจากภาพวาด สวมชุดกระโปรงสี ขาวราวกับหิ มะ รู ปร่ าง
ผอมบางแต่ไม่ขาดส่ วนเว้าส่ วนโค้ง ดวงหน้างดงามราวกับหลุดมาจากความฝัน เกล้ามวยผมสู งอย่าง
เรี ยบง่าย ไม่ได้ใส่ เครื่ องประดับศีรษะใด ๆ ดูสูงส่ งเลอค่าไปทั้งตัว ความงามไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าเทพธิดา
หงเฉินกับเทพธิดาเยว่เหยาเลย สวยสะกดใจไม่ธรรมดา
คนที่ยนื อยูใ่ นศาลาเงยหน้ามองดวงจันทร์ดว้ ยสี หน้าเย็นชาเรี ยบเฉย ให้ความรู ้สึกเหมือนอยูใ่ นความ
ฝัน
ฉินเวยเวยไม่รู้จกั คนคนนี้ แต่เหมียวอี้กลับตกตะลึงอยูบ่ า้ ง เพราะเขาเคยเห็นมาก่อน นางคือฉิ นซี ฮูหยิ
นของเฟิ งเป่ ยเฉิน เขาจึงคํานับอย่างลังเลทันที “คํานับฮูหยิน”
ความคิดในใจเหมียวอี้กลับมีเป็ นร้อยเป็ นพัน จู่ ๆ ผูห้ ญิงคนนี้กโ็ ผล่มาที่นี่ หมายความว่าอย่างไร? หรื อ
ว่าอยากจะล้างแค้นให้เฟิ งเสวียน?
คิดไม่คิดมาก็พบว่าไม่ใช่ ได้ยนิ ว่าผูห้ ญิงคนนี้คือฮูหยินคนใหม่ของเฟิ งเป่ ยเฉิ น เป็ นแม่เลี้ยงของเฟิ ง
เสวียน ได้ยนิ ว่าวรยุทธ์ไม่ได้สูงเท่าไร เหมือนจะอยูแ่ ค่ระดับบงกชม่วงเท่านั้น ถ้าต้องลงมือสู ก้ นั จริ ง ๆ
ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว
เพียงแต่ผหู ้ ญิงคนนี้มาปรากฏตัวที่นี่กะทันหัน อย่าบอกนะว่าเฟิ งเป่ ยเฉิ นก็อยูท่ ี่นี่ดว้ ยเหมือนกัน? สิ่ งนี้
ทําให้เหมียวอี้กวาดมองสํารวจโดยรอบด้วยสายตาตาระแวดระวัง
ฉิ นเวยเวยไมรู ้วา่ เป็ นฮูหยินไหน คํานับตามเหมียวอี้เช่นกัน
ฉิ นซีเก็บสายตากลับมา แล้วมองหน้าฉิ นเวยเวย จ้องฉิ นเวยเวยอยูค่ รู่ หนึ่ง จากนั้นสายตาถึงจะไปหยุด
อยูท่ ี่เหมียวอี้ นางพยักหน้าเล็กน้อย “ที่แท้กเ็ ป็ นเจ้า เหมียวอี้ที่ปลอมตัวเป็ นเยียนเป่ ยหงในงาน
นิทรรศการของวิเศษครั้งก่อน คือเจ้าใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ แล้วตอบว่า “เป็ นผูน้ อ้ ยเองขอรับ!”
สายตาของฉินซีไปหยุดอยูบ่ นตัวฉินเวยเวยที่กาํ ลังระมัดระวังตัวมากเกินไปอีกครั้ง แล้วถามว่า “แล้ว
นางคือใคร?”
“นางคือประมุขตําหนักใต้บงั คับบัญชาของผูน้ อ้ ย จะว่าไปก็แซ่เดียวกับฮูหยิน ชื่อว่าฉิ นเวยเวยขอรับ”
เหมียวอี้แนะนําตัวให้นาง
“ฉิ นเวยเวย…” ฉินซีพึมพํา “แซ่เดียวกันจริ ง ๆ ด้วย ไม่รู้วา่ มาจากสํานักเดียวกันรึ เปล่า ชื่อแซ่ของพ่อ
แม่คืออะไร บอกให้ฟังสักหน่อยสิ ไม่แน่วา่ ข้าอาจจะรู ้จกั ”
ผูห้ ญิงคนนี้ดูเหมือนไม่มีเจตนาร้ายอะไร ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามเรื่ องนี้ เหมียวอี้พึมพําในใจ แล้วหันไป
มองฉินเวยเวย
ฉินเวยเวยอึ้งไปชัว่ ขณะ ประวัติของตัวเองไม่ใช่ความลับที่บอกใครไม่ได้ จึงกุมหมัดคารวะตอบทันที
“ผูน้ อ้ ยเป็ นเด็กกําพร้า ถูกคนเก็บมาเลี้ยงจากข้างทางค่ะ บิดาบุญธรรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ผูน้ อ้ ยก็ไม่
ทราบเหมือนกันว่าพ่อแม่ตวั เองชื่อแซ่อะไร”
“เด็กกําพร้า?” สองมือที่ประสานอยูต่ รงท้องบีบแน่นขึ้นโดยจิตใต้สาํ นึก “สงสัยบิดาบุญธรรมของเจ้า
จะเป็ นคนจิตใจงดงาม ไม่ทราบว่าบิดาบุญธรรมมีนามว่าอะไร?”
ฉิ นเวยเวยรู ้สึกแปลกใจทันที ตอนนี้นางยังไม่รู้ชดั ว่าอีกฝ่ ายเป็ นใครกันแน่ อดไม่ได้ที่จะมองไปยัง
เหมียวอี้ เหมือนกําลังถามว่า ควรจะตอบคําถามต่อไปหรื อไม่?
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมตอยแทนว่า “ฮูหยิน นางเป็ นบุตรสาวบุญธรรมของหยางชิ่ง ผูก้ ารใหญ่หยางลูกน้อง
ของผูน้ อ้ ยขอรับ”
“หยางชิ่ง?” ฉินซีทาํ สี หน้าใคร่ ครวญเล็กน้อย แล้วชัว่ พริ บตาเดียวก็กลับมาสุ ขมุ ดังเดิม ถามว่า “แม่นาง
ฉินหน้าตางดงามโดดเด่น ไม่ทราบว่าพบสามีในอุดมคติหรื อยัง?”
นี่มนั สถานการณ์อะไรกัน? ทั้งสองค่อนข้างแปลกใจ คําถามของท่านนี้ล้ าํ เส้นเกินรึ เปล่า เหมียวอี้รีบ
ช่วยตอบทันที “ยังไม่มีขอรับ! เหตุใดฮูหยินจึงถามเช่นนี้?”
“ไม่มีอะไร เพียงเห็นหน้าแม่นางฉินแล้วถูกชะตาก็เท่านั้น” ฉิ นซีตอบ
เห็นหน้าแล้วถูกชะตาก็ถามเรื่ องนี้เลยเหรอ? เหมียวอี้มองซ้ายมองขวา แล้วอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ถ้า
ไม่บอกก็คงไม่รู้ พอบอกแบบนี้ เหมียวอี้กส็ งั เกตเห็นจริ ง ๆ ว่าฉินเวยเวยกับเฟิ งฮูหยินท่านนี้หน้าตา
คล้ายคลึงกันหลายส่ วน แต่สวยไม่เท่าเฟิ งฮูหยิน ผูห้ ญิงที่ได้รับเลือกมาเป็ นฮูหยินคนใหม่ของเฟิ งเป่ ย
เฉินที่เป็ นหนึ่งในหกปราชญ์ได้ ย่อมเป็ นหญิงงามเลิศลํ้าที่หายากในใต้หล้าอยูแ่ ล้ว ไม่อย่างนั้นเฟิ งเป่ ย
เฉินจะสนใจได้อย่างไร
เหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะว่า “ช่างมีวาสนาต่อกันจริ ง ๆ ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของข้าคนนี้ ดูไปดูมาก็หน้าตา
คล้ายฮูหยินหลายส่ วนจริ ง ๆ ”
คําพูดนี้ทาํ ให้ฉินซีตาเป็ นเป็ นประกายเล็กน้อย จ้องพินิจใบหน้าฉินเวยเวยอย่างละเอียด
แต่เหมียวอี้เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว “หากฮูหยินไม่มีอะไรจะกําชับแล้ว ผูน้ อ้ ยทั้งสองขอตัวลา!”
เห็นว่าถึงอย่างไรก็เป็ นฮูหยินของเฟิ งเป่ ยเฉิ น ไม่กล้าพัวพันอยูก่ บั นางที่นี่นานเกินไป ต่อให้สวยกว่านี้
ก็ไม่มีความสนใจจะมองแล้ว
แต่ใครจะไปคิด ฉินซี กล่าวว่า “ข้ากําลังอ้างว้างพอดี ในเมื่อมีวาสนาต่อกัน แม่นางนัง่ อยูค่ ุยกับข้านาน
ๆ ก็ได้”
ล้อเล่นอะไรกัน! มีใครไม่รู้บา้ งว่าเหมียวอี้กบั ตระกูลเฟิ งมีความแค้นต่อกัน ทั้งสองแอบระมัดระวังตัว
ทันที เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ “ขอบพระคุณฮูหยิน ผูน้ อ้ ยทั้งสองยังมีธุระต้องจัดการ นิบงั อาจหน่วง
เหนี่ยวจนเสี ยงานเสี ยการ และไม่สะดวกจะรบกวนเวลาชมจันทร์ของฮูหยินด้วย ขอตัวขอรับ!”
สองคนกําลังหันตัวจะเดินจากไป แต่ฉินซี พลันเอ่ยถามว่า “เหมียวอี้ ในเมื่อรู ้อยูแ่ ล้วว่ามีความแค้นกับ
นภาอู๋เลี่ยง เหตุใดยังพาลูกน้องมาเสี่ ยงอันตรายที่นี่?”
สุ ดแผนที่ ปรากฏมีดสั้นแล้วสิ นะ[1]? เหมียวอี้มองไปรอบ ๆ โดยจิตใต้สาํ นึก ปากก็พดู ตอบอย่างขอ
ไปที “ได้รับคําสัง่ ให้มาขอรับ ผูน้ อ้ ยตัดสิ นใจเองไม่ได้”
ฉิ นซี จึงบอกว่า “เห็นแก่ที่ถูกชะตากับแม่นางฉินผูน้ ้ ี ข้าขอปากมากสักหน่อย เจ้าฟังไว้เฉย ๆ ก็ได้! ใน
เมื่อได้รับคําสัง่ ให้มา นัน่ ก็แปลว่าคําสัง่ ของเบื้องบนมีเลศนัย ทางที่ดีคืนนี้อย่าเพ่นพ่านไปไหน อย่า
ออกจากบริ เวณนี้โดยไร้สาเหตุ อยูต่ รงนี่หากเกิดเรื่ องขึ้นยังพอมีที่พ่ งึ อยูบ่ า้ ง ถ้าออกจากตรงนี้ไปแล้ว
เจ้าก็เหมือนนํ้าน้อยที่แพ้ไฟ…ทางที่นี่ให้แม่นางผูน้ ้ ีไปอยูใ่ นที่ปลอดภัย อย่าพาไปเสี่ ยงอันตรายด้วย
ข้าบอกได้เพียงเท่านี้ เจ้าต้องจําใส่ ใจเอาไว้ อย่าลําพองใจเกินไป!”
เหมียวอี้รู้สึกขํา เขากับนภาอู๋เลี่ยงมีความแค้นต่อกัน ถ้าเชื่อคําของนภาอู๋เลี่ยง ก็แสดงว่าสมองมีปัญหา
แล้ว มิหนําซํ้าเขาก็พดู ไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้รับคําสัง่ มาจากเบื้องบนเลย แต่ตวั เองดึงดันจะมาเอง เบื้อง
บนจะมีเลศนัยอะไรกันล่ะ
“ความหวังดีของฮูหยิน ผูน้ อ้ ยจดจําไว้แล้ว ขอตัวขอรับ!”เหมียวอี้ตอบอย่างขอไปที
ฉินซีขมวดคิ้ว เหมือนมองออกว่าเหมียวอี้ไม่เชื่อตน จึงพูดเสริ มว่า “ถ้าข้าจะพาแม่นางฉิ นไปด้วย เกรง
ว่าเจ้าคงจะขัดขวางข้าไม่ได้ ไม่เชื่อคืนนี้กล็ องดู!”
เหมียวอี้ตกใจทันที ไม่รู้วา่ ทําไมผูห้ ญิงคนนี้เกาะแกะกับฉินเวยเวยไม่เลิก ไม่เปลืองคําพูดกับนางแล้ว
เขาคว้าแขนฉินเวยเวยเหาะกลับไปอย่างรวดเร็ ว ไปยังที่ทีเพิ่งออกมาก่อนหน้านี้ เรื อนพักของคนจาก
นภาจอมมาร
เมื่อเห็นทั้งสองกลับไปยังเรื อนพักของฝ่ ายนภาจอมมาร ฉินซี กถ็ อนหายใจเบา ๆ แช้วเงยหน้ามองดวง
จันทร์อีกครั้ง พลางพึมพําว่า “หยางชิ่ง…หยางชิ่ง…หยางก่วง…หยางก่วง”
ผ่านไปครู่ เดียว เมื่อหายจากอาการใจชอบแล้ว นางก็สะบัดแขนเสื้ อสองข้าง หายไปในป่ าภูเขาเงียบ ๆ
“อาแปด!”
เหมียวอี้ที่กลับถึงที่พกั ของนภาจอมมารรออยูใ่ นโถงหลักครู่ หนึ่ง พอเห็นอวิน๋ เป้ าออกมา ก็กมุ หมัด
คารวะทันที
อวิน๋ เป้ าทีออกมาเพราะมีลูกน้องไปรายงานมองประเมินเขาแวบหนึ่ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “เพิ่ง
จะออกไป ทําไมกลับมากแล้วล่ะ?”
เหมียวอี้ชีฉินเวยเวยที่อยูข่ า้ งกาย พร้อมบอกว่า “เพิ่งจะลงเขาไปก็บงั เอิญเจอฉิ นซีฮูหยินของเฟิ งเป่ ย
เฉิ น ผูห้ ญิงบ้าคนนี้สมองมีปัญหา แค่เพราะฉินเวยเวยแซ่เดียวกับนาง แล้วก็หน้าตาเหมือนกันนิด
หน่อย จะพาตัวนางไปด้วยให้ได้ ข้ากังวลนิดหน่อยว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ถึงได้กลับมาอีก อยากจะ
พานางมาฝากไว้กบั อาแปดที่นี่ ขอให้อาแปดปกป้ องแทนสักหน่อย”
“ฉิ นซี!” อวิน๋ เป้ าตะลึงงัน “นางมาเหรอ? แย่แล้วล่ะ ถ้าเป็ นแบบนี้ แสดงว่าเฟิ งเป่ ยเฉิ นจะต้องมาคุมที่นี่
แล้วเหมือนกัน ถ้าอยากจะพาตัวท่านจื่อหยางออกไป เกรงว่าจะยากกว่าเดิม”
“เฮ้อ! เหาเยอะไม่ตอ้ งกลัวคันหรอก” เหมียวอี้ช้ ีไปยังฉิ นเวยเวยอีกครั้ง “อาแปด ฝากตัวนางไว้ที่ท่าน
แล้วกัน ถ้าเกิดเรื่ องอะไรขึ้น แม่เสื อที่บา้ นข้าจะต้องเล่นงานข้าถึงตายแน่นอน!”
“แม่เสื อ? เหอะ ๆ เป็ นแม่เสื อจริ ง ๆ นัน่ แหละ!” อวิน๋ เป้ าได้ยนิ แล้วหัวเราะลัน่ รู ้ถึงความสัมพันธ์
ระหว่างฉินเวยเวยและอวิน๋ จือชิวเช่นกัน ทั้งสองเรี ยกขานกันว่าพี่สาวน้องสาว จึงตอบตกลงทันที
“วางใจได้ ฝากคนไว้ที่นี่ไม่เกิดเรื่ องขึ้นหรอก ถ้าฮูหยินฉิ นซีนนั่ กล้ามา ก็ระวังข้าจะจับนางขึ้นเตียงก็
แล้วกัน อย่างอื่นไม่ตอ้ งพูดถึง หน้าตาของผูห้ ญิงคนนั้นหายากในใต้หล้าจริ ง ๆ เสี ยเปรี ยบเจ้าจมูก
วัวเฟิ งเป่ ยเฉินแล้ว”
เหมียวอี้ปาดเหงื่อนิดหน่อย เจ้าปากไม่มีหูรูดแบบนี้ ฉินเวยเวยยังจะกล้าอยูท่ ี่นี่กบั เจ้ามั้ย? นางยังเป็ น
หญิงสาวบริ สุทธิ์อยูน่ ะ จะทนรับคําพูดแบบนี้ได้อย่างไร
เป็ นอย่างที่คาดไว้ ฉิ นเวยเวยทําสี หน้ากังวลทันที ถ้าตกอยูใ่ นเงื้อมมือจอมมารนี่จริ ง ๆ เกรงว่าแม้แต่
ร้องขอความช่วยเหลือก็ทาํ ไม่ทนั นางรี บกุมหมัดคารวะทันที “นายท่าน มีคุณชายรองแห่งแดนโพ้น
สวรรค์คุมอยู่ ไม่จาํ เป็ นต้องคิดมากเกินไป” เห็นได้ชดั ว่านางไม่อยากอยูท่ ี่นี่คนเดียว
อวิน๋ เป้ าก็ดูออกแล้วเช่นกัน พูดกลั้วหัวเราะว่า “เหมียวอี้ คืนนี้เจ้าก็พกั อยูท่ ี่นี่เสี ยเลยล่ะ ถึงอย่างไรเจ้า
กับเฟิ งเป่ ยเฉินก็มีความแค้นต่อกัน อยูก่ บั แดนโพ้นสวรรค์อาจจะไม่ปล่อยภัย ถ้าอยูท่ ี่นี่เฟิ งเป่ ยเฉิ นไม่
กล้าบุ่มบ่ามทําอะไรหรอก”
เหมียวอี้คิดไปคิดมา แล้วพยักหน้าบอกว่า “ระวังไว้หน่อยก็ดี! แต่ขา้ ก็ตอ้ งกลับไปบอกทางนั้นสัก
หน่อย ในเมื่อเฟิ งเป่ ยเฉิ นอาจจะอยูท่ ี่นี่ ก็ตอ้ งแจ้งให้ทางนั้นเตรี ยมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ เช่นกัน ไม่อย่างนั้น
กลับไปคงไม่สะดวกอธิบาย”
อวิน๋ เป้ าพยักหน้า เหมียวอี้ลุกขึ้นบอกฉินเวยเวยว่า “ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็กลับ”
“นายท่านระวังตัวด้วยค่ะ” ฉินเวยเวยกล่าว
อวิน๋ เป้ าบอกว่า “ไม่ตอ้ งคิดมาก เป็ นเพียงเรื่ องง่าย ๆ ถลันตัวแวบเดียวก็ถึงแล้ว ถ้ามีความเคลื่อนไหว
อะไร ทุกคนก็จะโผล่ไปช่วยทันที ถ้าเฟิ งเป่ ยเฉิ นต้องการจะลงมือ แต่เขาก็ไม่ทาํ เรื่ องที่ตวั เองไม่มนั่ ใจ
หรอก ถ้าทําพังก็เท่ากับตบหน้าตัวเอง ถ้ามีคนมากมายขนาดนี้ลงมือพร้อมกัน สํานักงามวิจิตรก็จะ
โดนทําลายทันที พวกเราไม่ถือสาที่จะอาศัยข้ออ้างนี้ทาํ ลายสํานักงามวิจิตรทิ้งหรอก!”
“ทําลายสํานักงามวิจิตรทิ้ง…” เหมียวอี้ตะลึงงัน ในดวงตาฉายแววเป็ นประกาย ใช่แล้ว! ทําลายสํานัก
งามวิจิตรทิ้งเสี ยก็สิ้นเรื่ อง ถ้าไม่มีสาํ นักงามวิจิตรแล้ว เยารั่วเซี ยนก็ยอ่ มไม่จาํ เป็ นต้องโผล่หน้ามา
ประลองของวิเศษอีก…เขาเอามือลูบคางพลางพึมพํา “ทําไมถึงนึกไม่ถึงล่ะ!”
เพี้ยะ! อวิน๋ เป้ าตบหลังศีรษะเขาหนึ่งที “คิดอะไรเหลวไหล ถ้าอยูด่ ี ๆ ไปทําลายสํานักงามวิจิตรทิ้ง เจ้า
คิดว่าเฟิ งเป่ ยเฉิ นมาคุมที่นี่ใช่เล่น ๆ ซะที่ไหน? ปราชญ์อีกห้าคนยังไม่มา พวกเราหลายแดนรวมกันก็
ยังไม่ใช่คู่ต่อสูข้ องเฟิ งเป่ ยเฉินอยูด่ ี ไปจัดการเรื่ องของเจ้าเถอะ รี บไปรี บกลับ ไม่อย่างลูกน้องเจ้าจะ
โดนข้าจับขึ้นเตียงนะ!”
ฉินเวยเวยรับไม่ไหวจริ ง ๆ กับวิธีการพูดจาแบบนี้ ทําให้นางระมัดระวังตัวมากเกินไป
เหมียวอี้จบั หลังศีรษะตัวเอง นับว่าเข้าใจแล้วว่าอวิน๋ เฟยหยางได้รับการปฏิบตั ิที่นภาจอมมารอย่างไร
ถึงอย่างไรก็มกั จะเห็นอวิน๋ เฟยหยางโดนผูห้ ลักผูใ้ หญ่ตบจนตัวโงนเงนอยูบ่ ่อย ๆ
เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ รี บออกจากประตู แล้วเหาะขึ้นฟ้ าไปทันที
เป็ นอย่างที่อวิน๋ เป้ าบอก ไม่ตอ้ งเดินหรอก แค่ถลันตัวทีเดียวก็ถึงแล้ว ที่พกั ของแดนเซี ยนอยูบ่ นภูเขา
เยื้องตรงข้ามกันนี่เอง
เมื่อกลับถึงเรื อนพักของคนสายมะโรง ปรากฏว่าพวกเยว่เทียนโปไม่อยูเ่ ลยสักคน รู ้สึกถึงความ
ผิดปกติทนั ที…
…………………………
[1] สุ ดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น 图穷匕见 หมายถึงเจตนาที่แท้จริ งเปิ ดเผยออกมาในตอนสุ ดท้าย
ตอนที่ 901

ติดกับดัก
ทําไมไม่เห็นใครเลยล่ะ? พอเดินวนที่เรื อนพักเดี่ยวรอบหนึ่ง ก็ไปหาศิษย์สาํ นักงามวิจิตรที่เฝ้ าประตู
และถามว่า “คนข้างในไปไหนแล้ว?”
“เหมือนจะไปสถานที่พกั ผ่อนของแดนโพ้นสวรรค์แล้ว” คนเฝ้ าประตูตอบ
ไปกันแล้วเหรอ? นี่มนั เรื่ องอะไรกัน? เหมียวอี้ปาดเหงื่อนิดหน่อย ประมุขปราสาทอย่างตนเพ่นพ่าน
ไปทัว่ เหมือนจะทําเกินไปหน่อย จึงรี บออกจากเรื อนพักเดี่ยว ถลันตัวเหาะไปยังลานบ้านที่อยูบ่ นยอด
เขา ผลก็คือพบว่าไม่มีแม้แต่คนเฝ้ าประตู
เหมียวอี้แปลกใจยิง่ กว่าเดิม เดินเข้าไปแล้วเหลียวซ้ายแลขวา
“ใครกัน?” ในโถงหลักมีเสี ยงตะคอกดังมา หนึ่งในหญิงรับใช้ของอันหรู อวี้เดินออกมา พอเห็นว่าเป็ น
เหมียวอี้ ก็คลายความระแวดระวังลง พยักหน้ากล่าวว่า “ที่แท้กเ็ ป็ นประมุขปราสาทเหมียว”
ก่อนหน้านี้เหมียวอี้เคยเห็นนางติดตามอยูข่ า้ งกายอันหรู อวี้ นางมากับอันหรู อวี้ เมื่อรู ้วา่ เป็ นคนข้างกาย
อันหรู อวี้ ก็กมุ หมัดคารวะพลางถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านทูตเยว่อยูม่ ้ ยั ขอรับ?”
หญิงรับใช้ยมิ้ พร้อมตอบว่า “ไม่อยู่ ไปกันหมดแล้ว คุณชายรองพาบรรดาท่านทูตออกไปหมดแล้ว
ท่านทูตเยว่สงั่ ไว้ก่อนจะไป ว่าถ้าหากประมุขปราสาทเหมียวมาแล้ว ให้ไปที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตร
ที่ห่างไปทางทิศเหนือหนึ่งร้อยลี้”
ที่เรี ยกว่าที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตร ก็คือที่ต้ งั เดิมของสํานักงามวิจิตรที่ยอ่ ยยับลงหลังจากเจดียง์ าม
วิจิตรพัง สํานักงามวิจิตรในตอนนี้คือสํานักที่ก่อสร้างใหม่ในพื้นที่ใหม่
“ไปที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตรทําไม?” เหมียวอี้สงสัย
หญิงรับใช้ตอบว่า “ไม่ทราบแน่ชดั ท่านทูตเยว่กาํ ชับไว้อย่างนี้ เหมือนจะพบที่ซ่อนตัวของท่านจื่อห
ยางที่นนั่ ”
“…” เหมียวอี้เบิกตากว้างขึ้นหลายส่ วน นัน่ คือสถานที่ที่เยารั่วเซี ยนเรี ยนรู ้วชิ าจากอาจารย์ มีความ
เป็ นไปได้จริ ง ๆ ว่าเยารั่วเซียนจะหลบอยูท่ ี่นนั่
เขาแทบจะไม่คิดอะไรมาก กุมหมัดกล่าวอําลาหญิงรับใช้ แล้วเหาะขึ้นฟ้ าไปทันที รี บไปยังสถานที่น้ นั
หลังจากเหลือบไปเห็นว่าเหมียวอี้ไปทางเหนือจริ ง ๆ หญิงรับใช้กห็ นั ตัวและหายเข้าไปในความมืด
อย่างรวดเร็ ว
ระยะทางหนึ่งร้อยลี้ สําหรับวรยุทธ์อย่างเหมียวอี้ถือว่าเสี ยวลาไม่เยอะเลย เขาเหาะด้วยความเร็ วสูงอยู่
ใต้แสงจันทร์ และไม่นานก็เห็นป่ าอันกว้างขวางบนพื้นที่ราบ เดิมทีสภาพพื้นที่ไม่ได้ราบเสมอกัน
ขนาดนี้ ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือ หลังจากเจดียง์ ามวิจิตรพังในปี นั้น พื้นที่น้ ีกโ็ ดนสิ่ งของที่อยูใ่ นเจดีย ์
ระเบิดไหลดันจนราบ แต่หลังจากผ่านวันคืนนับพันปี พื้นที่ยบั เยินหมดสภาพในปี นั้นก็เริ่ มมีชีวติ ชีวา
ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
เมื่อมาที่นี่จะหาเป้ าหมายพบได้อย่างชัดเจน สาเหตุกเ็ พราะหลังจากเจดียถ์ ล่ม บริ เวณศูนย์กลางของ
การถล่มมีโคลนเลนค่อนข้างเยอะ สภาพพื้นที่จึงค่อนข้างสูง เหาะตามพื้นที่ราบและค่อย ๆ เคลื่อนไป
ยังพื้นที่สูงก็คือการกระทําที่ถูกต้องแล้ว
หลังจากเหาะลงมาเหยียบบนยอดเขาสูง เหมียวอี้กม็ องไปรอบ ๆ สายลมเย็นแสงจันทร์กระจ่าง ป่ าบน
ที่ราบโดยรอบลึกทึบและเงียบสงัดราวกับทะเล ที่นี่คือที่อยูเ่ ก่าของสํานักงามวิจิตร แต่กไ็ ม่พบเจอ
อะไรเลย
ไม่รู้วา่ เพราะอะไร จู่ ๆ เหมียวอี้กเ็ กิดความระแวดระวังในใจ เขามาแบบไม่ได้พรางตัวเลยสักนิด
อาศัยวรยุทธ์อย่างพวกเยว่เทียนโป เป็ นไปไม่ได้ที่จะไม่สงั เกตเห็นเขา เขาตระหนักได้ราง ๆ ว่า
สถานการณ์ค่อนข้างไม่ชอบมาพากล
อันที่จริ งแล้ว พอมาที่นี่เขาก็ไม่มีเวลาให้คิดมากเลย เขาค่อย ๆ หันไปมองข้างหลัง ตรงไหล่เขามีคน
คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ผูห้ ญิงคนหนึ่งเดินเนิบนาบเข้ามาภายใต้แสงจันทร์ เหมียวอี้ทาํ สายตา
หนักแน่นทันที คนที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน จีเหม่ยเหมย!
และด้านหลังรวมทั้งซ้ายขวาของจีเหม่ยเหมยก็มีคนโผล่ออกมาสี่ คน คือท่านทูตทั้งสี่ ของแดนปี ศาจ
เดินล้อมภูขามาครึ่ งหนึ่ง
ทั้งสี่ ดา้ นล้วนมีเสี ยงฝี เท้า พอหันไปมองข้างหลัง เหมียวอี้กเ็ บิกตากว้างทันที เป็ นผูห้ ญิงคนหนึ่ง
ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ชุยหย่งเจิน ลูกศิษย์ของปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉิ น
ส่ วนข้างหลังชุยหย่งเจินก็มีคนโผล่มาสี่ คน ท่านทูตทั้งสี่ ของแดนอู๋เลี่ยงโผล่มาทางซ้ายและขวา ล้อม
ภูเขาทางนี้เอาไว้ครึ่ งหนึ่งเช่นกัน
ทั้งสิ บคนล้อมภูเขาเข้ามา ล้อมขังเหมียวอี้ไว้ตรงกลาง แต่ละคนกําลังจ้องเขา บางคนก็ทาํ สี หน้าเรี ยบ
เฉย บางคนก็ไม่แยแส บางคนก็ทาํ สี หน้าเหยียดหยาม บางคนก็ทาํ สี หน้าถากถาง
ทั้งสิ บคนนี้ นอกจากจีเหม่ยเหมยแล้ว คนอื่นก็เป็ นนักพรตระดับบงกชทองทั้งหมด
ตอนแรกเหมียวอี้ตระหนกตกใจ จากนั้นก็ค่อย ๆ ทําสี หน้าเย็นเยียบลง กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ อยูห่ ่าง
จากสํานักงามวิจิตรเกินไป ตรงจุดไกล ๆ ยังมีแนวภูเขกั้นด้วย ถ้าต่อสูก้ นั ขึ้นมาทางนั้นก็อาจจะไม่ได้
ยินเสี ยงความเคลื่อนไหว อาศัยวรยุทธ์ของเขา ถ้าอยากจะหนีรอดจากเงื้อมมือคนพวกนี้ ก็ไม่มีทาง
เป็ นไปได้เลย ความเร็ วสูอ้ ีกฝ่ ายไม่ได้
เหตุการณ์แบบนี้ ทั้งยังหลอกล่อให้เขามาที่นี่ ไม่ตอ้ งสงสัยเลย อีกฝ่ ายไม่ให้โอกาสเขาได้รอดชีวติ เลย!
จนป่ านนี้แล้ว ถ้าเหมียวอี้ยงั ไม่รู้วา่ ตัวเองติดกับดัก ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนโง่แล้วล่ะ!
เขาหันตัวมองรอบกายอย่างช้า ๆ ถึงแม้จะไม่เห็นคนของแดนเซียนมาร่ วมด้วย แต่ความโกรธแค้นใน
ใจของเขาก็ยากจะอธิบายออกมาได้
เขามัน่ ใจได้เลย ว่าคนฝ่ ายแดนเซียนมี่เอี่ยวกับเรื่ องนี้ เป็ นหญิงรับใช้ของอันหรู อวี้ที่หลอกล่อให้เขามา
ที่นี่ สามารถหลอกในเขามาติดกับดักได้อย่างไม่มีผดิ พลาดแบบนี้ เขามัน่ ใจได้วา่ อันหรู อวี้ตอ้ ง
เกี่ยวข้องกับเรื่ องนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นหญิงรับใช้ของอันหรู อวี้กไ็ ม่จาํ เป็ นต้องทําอย่างนี้เลย
ไม่น่าเชื่อว่านางมารร้ายอันหรู อวี้อยากจะเล่นงานตนให้ถึงตาย! รสชาติในใจของเหมียวอี้ตอนนี้ ไม่
อาจหาคําพูดใดมาเปรี ยบเทียบได้เลย ข้าเป็ นฝ่ ายเสี ยเปรี ยบแท้ ๆ ข้าไม่ใช่เหรอที่โดนผูห้ ญิงขืนใจ? พอ
เรื่ องราวเปิ ดโปง เจ้ากลับจะสังหารข้า แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน?
ที่ฝ่ายจีเหม่ยเหมยกับฝ่ ายชุยหย่งเจินต้องการฆ่าเขา เขาก็ยงั พอเข้าใจได้ ถึงอย่างไรตัวเองก็ฆ่าลูกชาย
ของจีเหม่ยเหมย แล้วก็ฆ่าหลานชายของเฟิ งเป่ ยเฉิ นไป แต่ที่อนั หรู อวี้อยากจะทําให้เขาตาย เขาไม่
เข้าใจเลยว่าผูห้ ญิงคนนี้คิดได้อย่างไร เขาเคยคิดว่าอันหรู อวี้ตอ้ งกลัน่ แกล้งเขาแน่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่า
ผลที่ตามมาจะร้ายแรงกว่าเดิม!
จนกระทัง่ ตอนนี้ เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์กระจ่างบนท้องฟ้ า ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าสิ่ งที่ฉินซี เตือน
หมายความว่าอะไร ทําไมนางเตือนไม่ให้เขาออกจากสํานักงามวิจิตรโดยพลการ ที่แท้นางก็รู้อยูแ่ ล้ว
ว่าตัวเองกําลังจะมีปัญหา มีแต่เจตนาดีท้ งั นั้น แต่น่าเสี ยดายที่นางยืนอยูฝ่ ่ ายตรงข้าม ตัวเองอาจจะฟัง
ไม่เข้าหู
ถึงแม้จะให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็คงจะไม่เชื่อเหมือนเดิม สาเหตุกไ็ ม่ซบั ซ้อนเลย ใครจะไปเชื่อฟัง
คําพูดของฝ่ ายศัตรู ล่ะ!
เป็ นเพราะตัวเองประมาทเกินไป ถ้าพาประมุขถิ่นทั้งสี่ มาด้วยก็อาจจะไม่ตกอยูใ่ นอันตรายขนาดนี้ แต่
ก็นึกไม่ถึงจริ ง ๆ ว่าฝ่ ายแดนเซียนจะวางกับดักตนในเวลานี้
เขากางแขนสองข้างเล็กน้อย หมอกสี ทองกลุ่มหนึ่งพันรอบร่ างกาย เกราะรบของตําหนักสวรรค์ที่มี
พลังป้ องกันไม่ธรรมดา ตอนนี้สวมใส่ อยูบ่ นตัวแล้ว พอสะบัดแขนในแนวขวาง ดาบยาวสี ม่วงที่ปล้น
จากเกาะศักดิ์สิทธิ์กถ็ ือเฉียงลงพื้น เขาพลิกมือนําผลของสมุนไพรเซี ยนซิงหัวออกมาผลหนึ่ง กัดคํา
หนึ่งแล้วกลืนลงไปทันที ส่ วนที่เหลืออีกครึ่ งก็เก็บเอาไว้
บนตัวเขาไม่มีสมุนไพรเซียนซิงหัวแล้ว ใช้ไปหมดตอนโดนขังในค่ายกลมารโลหิ ต เหลือเพียงผลของ
สมุนไพรเซี ยนซิ งหัวผลสุ ดท้าย
เมื่อได้เห็นฉากที่เหมียวอี้กดั กินผลไม้ คนที่กาํ ลังล้อมก็ตะลึงงันทันที เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าสิ่ งนี้
คืออะไร รู ้สึกประหลาดใจกับเกราะรบบนตัวเหมียวอี้เช่นกัน เป็ นลักษณะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไอ้เหมียวจัญไร ในปี นั้นลูกชายข้าก็ตายที่นี่ ตายด้วยนํ้ามือของเจ้าอยูท่ ี่นี่ วันนี้ได้กลับมาเที่ยวสถานที่
เก่า รู ้สึกยังไงบ้างล่ะ!” จีเหม่ยเหมยเริ่ มหัวเราะอย่างแปลกพิศวง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิม้ หัวเราะ
จนตัว่ สัน่ ระริ ก ในเสี ยงหัวเราะเจือด้วยความเศร้าอ้างว้าง
“พวกเจ้านี่ใช้ได้เลยนะ แค่รับมือกับข้าคนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้นกั พรตบงกชทองตั้งเก้าคน ประเมิน
เหมียวอี้สูงเกินไปแล้ว!” เหมียวอี้แสยะหัวเราะ
ชุยหย่งเจินกลับนับถือในความสุ ขมุ ใจเย็นของเขา ขนาดมาถึงขั้นนี้แล้วยังหนักแน่นไม่หวาดกลัว
จิตใจแบบนี้หาได้ยากจริ ง ๆ
นางพยักหน้าตอบว่า “ก็ทาํ เรื่ องเล็กให้เป็ นเรื่ องใหญ่จริ ง ๆ นัน่ แหละ แต่ไอ้จญั ไรอย่างเจ้ามาผ่าน
เหตุการณ์มามากมายแต่ยงั มีชีวติ อยูไ่ ด้ ทางนี้กต็ อ้ งระวังตัวหน่อยสิ แน่นอน ประเด็นสําคัญคือกลัวเจ้า
จะพาผูช้ ่วยมาด้วย เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าฝ่ ายแดนเซียนจะจัดการได้อย่างสวยงามขนาดนั้น ไม่รู้วา่ ใช้
วิธีการอะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะล่อเจ้าออกมาคนเดียวได้ ตัดความยุง่ ยากไปไม่นอ้ ยเลย”
เหมียวอี้หนั มาถามทันที “คนไหนของแดนเซียนที่สมคบคิดกับพวกเจ้าเพื่อทําร้ายข้า?” เขาคาดการณ์
ไว้วา่ เป็ นอันหรู อวี้ แต่กย็ งั อยากจะยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง
จีเหม่ยเหมยหัวเราะคิกคัก แล้วตอบว่า “ใครจะไปรู ้วา่ จะมีคนอยากให้เจ้าตายเยอะขนาดนั้น”
เหมียวอี้หนั กลับไป เป็ นฝ่ ายพูดท้าทายก่อนว่า “จีเหม่ยเหมย เจ้าอยากจะล้างแค้นให้ลูกชายใช่ม้ ยั ?
เหมียวอี้อยูน่ ี่แล้ว กล้าสูต้ ายกับข้าสักตั้งมั้ยล่ะ? โอกาสในการล้างแค้นให้ลูกชายด้วยตัวเองอยูต่ รงหน้า
เจ้าแล้ว จะพลาดไปได้อย่างไร!”
ใบหน้างามของจีเหม่ยเหมยบิดเบี้ยวเล็กน้อย โดนคําพูดของเหมียวอี้ยวั่ ยุแล้วจริ ง ๆ “สัตว์ที่โดนขังอยู่
ในกรง ตอนใกล้ตายยังคิดจะกัดคนอีกเหรอ? ข้ามาเพื่อดูวา่ เจ้าจะตายอย่างไร เจ้าเองก็ไม่ตอ้ งยัว่ ยุขา้
หรอก ขนาดเฟิ งเสวียนยังไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องเจ้าเลย ข้าไม่ได้เก่งกว่าเฟิ งเสวียนสักเท่าไร ระวังตัวไว้
หน่อยจะดีกว่า”
จากนั้นก็กมุ หมัดคารวะต่อทุกคนทันที “ทุกท่านโปรดไว้หน้าน้องสาวด้วย จับเป็ นมา ข้าจะเฉื อนร่ าง
เขาสักพันดาบ ให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติเวลาทรมานจนอยูไ่ ม่ไหว แต่จะตายก็ตายไม่ได้ ข้าจะทรมาน
เขาให้ตายอย่างช้า ๆ ให้เขานึกเสี ยใจที่ได้มาเกิดบนโลกใบนี้!”
“ต้องไว้หน้าอยูแ่ ล้ว!” ชุยหย่งเจินตอบพร้อมรอยยิม้
เหมียวอี้จึงชี้ไปที่จีเหม่ยเหมย “นางคนชั้นตํ่า! ยังไม่แน่หรอกว่าใครจะตาย ถ้าข้ายังไม่ตาย รับรองว่า
เจ้าจะต้องเสี ยใจที่พดู คํานี้ออกมา! ถ้าข้าจําไม่ผดิ ในปี นั้นที่ตาํ หนักดาวประจิม อวิน๋ ก่วงคิดอยากนอน
กับเจ้ามาตลอด! ถ้าเหมียวคนนี้ยงั ไม่ตาย จะต้องทําให้เขาสมความปรารถนาแน่นอน!”
จีเหม่ยเหมยกําหมัดสองข้าง ตวาดจนเสี ยงแตก “จับตัวไอ้จญั ไรนี่มา ข้าจะตัดลิ้นสุ นขั ของมันก่อน!”
“เหมียวอี้ถือดาบอยูต่ รงนี้แล้ว ใครกล้าก็เข้ามาสู ก้ บั ข้า!” เหมียวอี้พลันหมุนตัว ชี้ดาบไปที่ชุยหย่งเจิน
เป็ นฝ่ ายเริ่ มท้าสูก้ ่อน
ในบรรดาคนที่อยูต่ รงนี้ คนที่เป็ นภัยต่อเขาที่สุดก็คือชุยหย่งเจิน เขาจะฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ ายไม่รู้จกั
ความร้ายกาจของเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาเพื่อเล่นงานนางสักยก กําจัดคนที่มีภยั คุกคามมากที่สุดทิ้ง
ไปก่อน แบบนี้ถึงจะมีโอกาสรอดชีวติ ถ้าไม่มีชุยหย่งเจินแล้ว พูดด้วยความสัตย์จริ งเลยนะ อาศัยวร
ยุทธ์ของเขาในตอนนี้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสสูห้ รอก
นึกถึงในปี นั้นที่เขามีวรยุทธ์บงกชม่วงขั้นหนึ่ง เขาก็เคยสูก้ บั ฝูงมารปี ศาจที่มีหวั หน้าเป็ นนักพรตบงกช
ทองขั้นหนึ่งสองคนมาแล้ว ตอนนี้วรยุทธ์ของตนถึงระดับบงกชม่วงขั้นเก้าแล้ว ถึงขั้นสู งสุ ดของระดับ
บงกชม่วง สัมผัสกับประตูสู่ระดับบงกชทองแล้ว ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีคนเยอะ แต่กไ็ ม่มีอะไรน่า
กลัวสําหรับเขา
แต่ชุยหย่งเจินฝึ กมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยง เป็ นหนึ่งในหกเคล็ดวิชาพิเศษของพิภพใหญ่ เขาจึงไม่กล้า
ประเมินตํ่า ถ้าอีกฝ่ ายสําแดงเคล็ดวิชานี้ข้ ึนมา จะต้องไม่ใช่อานุภาพที่ระดับอย่างเฟิ งเสวียนเทียบติด
แน่นอน ดังนั้นเขาจึงอยากกําจัดนางทิ้งก่อน
แต่ใครจะคิดล่ะ ชุยหย่งเจินกลับยืนอย่างไม่สะทกสะท้านอยูท่ ี่เดิม มีนกั พรตบงกชทองมากมายขนาด
นี้อยูใ่ นสนาม นางคิดว่าตัวเองไม่จาํ เป็ นต้องลงมือแล้ว ในฐานะที่เป็ นตัวละครที่โผล่มารั้งท้าย ถ้าลง
มือก่อนจะดูไม่เข้าท่า
วิธีคิดแบบนี้ของนางทําให้แผนของเหมียวอี้พงั ทันที กลับเป็ นเหมยซาง ท่านทูตสายมะเมียของแดน
ปี ศาจที่ตะโกนว่า “ไอ้หวั ขโมยอวดดี รับความตายซะเถอะ!”
หมัดหนึ่งโจมตีฝ่าอากาศเข้ามา เงาหมัดขนาดใหญ่เกือบเท่าหม้อเหล็กถลันวูบเข้ามา
เหมียวอี้ฟันดาบในแนวขวาง รวดเร็ วฉับไวเด็ดขาด ทําให้ทุกคนคิ้วกระตุก รับรู ้ถึงความไวในการออก
ดาบของเหมียวอี้แล้ว ไม่ได้ดอ้ ยไปกว่านักพรตบงกชทองทัว่ ไปเลย!
บึ้ม! แผ่นดินสะเทือนภูเขาสะท้าน ฝุ่ นดินระเบิดกระจาย ทําให้เหมียวอี้ตกอยูท่ ่ามกลางฝุ่ นดินที่ตลบ
อบอวล ฝุ่ นละอองตลบม้วนไปทุกคน
ทุกคนสะบัดแขนเสื้ อ พลังอิทธิฤทธิ์ที่พดั ม้วนราวกับลมพายุคลัง่ ขูดพื้นไปหนึ่งเมตร กวาดฝุ่ นทรายที่
ระเบิดออกไปในชัว่ พริ บตาเดียว
เหมียวอี้ถือดาบอยูท่ ี่เดิมไม่ขยับไปไหน แต่เกราะสี ทองบนตัวเปล่งแสงสี ม่วงออกมา ยังไม่ตอ้ งพูดถึง
ว่ามีเกราะรบขั้นสี่ ท้ งั ชุดคอยปกป้ องร่ างกาย แค่อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ เป็ นไปไม่ได้ที่หมัดจาก
นักพรตบงกทองขั้นหนึ่งเพียงหมัดเดียวจะทําให้เขาเจ็บตัว อาจจะไม่ทาํ ให้เขาสะเทือนเลยสักนิด
ภายใต้การใช้หมัดนี้หยัง่ เชิง ทุกคนไม่ค่อยมัน่ ใจว่าวรยุทธ์ของเหมียวอี้เป็ นอย่างไร หลังจากเหมียวอี้
บรรลุระดับบงกชม่วงขั้นเก้า ก็ปิดบังเรื่ องนี้มาตลอด ไม่กล้าเปิ ดเผย กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็ นเยียนเป่
ยหงคนที่สอง
“เกราะรบขั้นสี่ ท้ งั ชุด!” เหมยซางเดาะลิ้น จ้องตาเป็ นมันเหมือนอยากได้มาก ไม่วา่ ใครก็ดูออกทั้งนั้น
ว่าเกราะรบนี้ไม่ได้สร้างมาจากยาเจี๋ยตันขั้นสี่ แค่เม็ดสองเม็ด
ตอนที่ 902

ตัก๊ แตนแปดสิ บห้ าตัว


ยาเจี๋ยตันขั้นสี่ นบั เป็ นยาเจี๋ยตันขั้นสูงของพิภพเล็ก ถึงอย่างไรทรัพยากรก็มีจาํ กัด นักพรตบงกชทองก็
มีจาํ นวนจํากัดเช่นกัน ยาเจี๋ยตันขั้นสี่ ยอ่ มมีจาํ นวนจํากัดอยูแ่ ล้ว ต่อให้เป็ นนักพรตบงกชทอง แต่ก็
ไม่ใช่วา่ ทุกคนจะมีของวิเศษขั้นสี่ ได้ เกราะรบขั้นสี่ ท้ งั ชุดแบบนี้ ยังไม่ถึงพูดถึงว่าในนั้นมียาเจี๋ยตันขั้น
สี่ อยูก่ ี่เม็ด แต่แค่เกราะรบขั้นสี่ ชุดนี้ ถ้าให้นกั พรตบงกชทองใช้ร่วมกับเกราะของพลังอิทธิฤทธิ์ของ
ตัวเอง ต่อให้สูก้ บั หกปราชญ์กส็ ามารถต้านทานได้บา้ ง สามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวติ ได้เยอะมาก
อย่าว่าแต่เหมยซาง แม้แต่ชุยหย่งเจินก็ตาเป็ นประกาย ต่างก็คาดไม่ถึงว่าบนตัวเหมียวอี้จะมีของวิเศษ
ระดับนี้อยู่
ซวบ! ในชัว่ พริ บตาเดียวเหมียวอี้กถ็ ือดาบพุง่ ฝ่ าฝุ่ นดินขึ้นบนฟ้ า ทุกคนเงยหน้ามอง แล้วพุง่ ตัวตามขึ้น
ไปเช่นกัน
เหมียวอี้ที่หมายจะไปทางสํานักงามวิจิตรพลันหยุดชะงัก ห้าคนที่นาํ โดยชุยหย่งเจินเหาะเข้ามา
ขวางทางเขาไว้แล้ว ความต่างด้านวรยุทธ์กอ็ ยูต่ รงนี้ ถ้าอยากจะอาศัยความเร็ วเพื่อฝ่ าวงล้อมก็ไม่น่าจะ
เป็ นไปได้ แต่เห็นเหมียวอี้ทาํ ท่าใจเย็นหนักแน่น เหมือนจะไม่ได้มีเจตนาฝ่ าวงล้อมสักเท่าไร
“เกราะรบชุดนี้คือของข้า!” ชุยหย่งเจินประกาศ
“นัน่ ก็ตอ้ งดูวา่ ใครจับตัวเขาได้!” จีเหม่ยเหมยกล่าว
เมื่อพูดจบ เหมยซางก็พลิกฝ่ ามือถือทวนยาวด้ามหนึ่งไล่ตาม
ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะไม่สนใจเขาเลย เสี ยงยิงดังซวบ เหมียวอี้ชิงลงมือก่อน พุง่ เป้ าไปที่ชุยหย่งเจิน
โดยตรง เขากําหนดเป้ าหมายของตัวเองแล้ว นัน่ ก็คือจัดการกับชุยหย่งเจินก่อน
ชุยหย่งเจินสุ ขมุ ใจเย็น เพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่เห็นเหมียวอี้อยูใ่ นสายตาเลย ไม่มีท่าทีจะลงมือ ลอยตัว
อยูบ่ นฟ้ าอย่างไม่สะทกสะท้าน
กลับเป็ นสี่ คนทางซ้ายและขวาของนางที่ถลันตัวออกไป เรี ยงแถวหน้ากระดานอยูต่ รงหน้านางแล้ว
พอเหมียวอี้ที่พงุ่ ตัวออกมาพลิกฝ่ ามือโบก เงาคนกลุ่มหนึ่งพุง่ ออกมาด้วยความเร็ วสู ง
ตัก๊ แตนแปดสิ บห้าตัวกรู ออกมาราวกับฝูงผึ้ง พุง่ ใส่ ท้ งั สี่ คนที่ขวางทางราวกับธนูที่พงุ่ ออกจากสาย
เยารั่วเซียนยังนับว่ามีมโนธรรมอยูบ่ า้ ง อาจจะรู ้วา่ เหมียวอี้มาที่นี่แล้วจะมีอนั ตราย ประกอบกับเขาไม่
สามารถควบคุมตัก๊ แตนพวกนี้ให้ต่อสู ไ้ ด้ จึงไม่ได้นาํ เจ้าพวกนี้ของเหมียวอี้ไปด้วยทั้งหมด ถึงขั้นทิ้ง
สิ่ งของเอาไว้ไม่นอ้ ย แล้วเหมียวอี้กน็ าํ ตัก๊ แตนพวกนั้นมาด้วยทั้งหมดเพื่อป้ องกันตัว ถึงอย่างไรก็มา
แดนอู๋เลี่ยง เห็น ๆ กันอยูว่ า่ เขากับนภาอู๋เลี่ยงมีความสัมพันธ์กนั อย่างไร เป็ นไปไม่ได้ที่ตนไม่เตรี ยมตัว
ให้มาก ๆ หน่อย ๆ
พวกนั้นมันตัวอะไร? ชุยหย่งเจินงุนงง สี่ คนที่อยูต่ รงหน้านางก็ทาํ สี หน้าตะลึงงันเช่นกัน ไม่เคยเห็น
ของเล่นแบบนี้มาก่อน ตัก๊ แตนเหรอ? ตัก๊ แตนตัวหนึ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?
ทั้งสี่ รีบโบกอาวุธในมือ ต่อสู ก้ นั อย่างบ้าคลัง่ พอได้ลงมือก็ยงิ่ ตกใจ ไม่น่าเชื่อว่าวรยุทธ์ระดับบงกช
ทองจะทําลายเกราะของตัก๊ แตนพวกนี้ไม่ได้ แต่ตกั๊ แตนพวกนี้กลับทําลายเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ของ
พวกเขาได้อย่างง่ายดาย ทําให้พวกเขาตระหนกตกใจมาก
นี่ไม่ใช่ตกั๊ แตนสิ บห้าตัวที่เหมียวอี้ใช้ก่อนหน้านี้ แต่เป็ นตัก๊ แตนแปดสิ บห้าตัว กดดันให้ท้ งั สี่ ฉุกละหุก
ในชัว่ พริ บตาเดียว ต่อให้ตกั๊ แตนจะโดนพวกเขาโจมตีจนกระเด็นออกไปตัวแล้วตัวเล่า แต่ท้ งั สี่ ก็
ต้านทานตัก๊ แตนมากมายขนาดนี้ไม่ไหวเหมือนกัน ตัวที่เหลือโจมตีไปทางชุยหย่งเจิน
เมื่อเห็นนักพรตระดับบงกชทองโจมตีตกั๊ แตนประหลาดพวกนี้ไม่ตาย ชุยหย่งเจินก็สีหน้าเปลี่ยน รี บ
เรี ยกทวนยาวด้ามหนึ่งมาไว้ในมือ โต้ตอบอย่างห้าวหาญ โจมตีตกั๊ แตนที่ประชิดเข้ามาจนกระเด็น
ออกไปตัวแล้วตัวเล่า
ในมือของเหมียวอี้ที่พงุ่ เข้ามาด้วยความเร็ วสูง แสงสี ฟ้าพลันเปล่งออกมา ดาบใหญ่กวาดโจมตีเข้ามา
ด้วยความมุทะลุดุดนั จนตั้งรับไม่ทนั แสงสี ฟ้าสายหนึ่งกลืนเข้าคายออก สะบัดหางราวกับดาวหาง
กวาดใส่ ท้ งั สี่ คนที่กาํ ลังขวางทาง
ทั้งสี่ ที่กาํ ลังโดนตัก๊ แตนล้อมโจมตีจนฉุกละหุกตกใจมาก รับรับมืออย่างเร่ งด่วน ตีโต้แสงสี ฟ้าที่กวาด
โจมตีเข้ามา
แต่พวกเขาโจมตีได้เพียงส่ วนหางของดาวหางเท่านั้น เกราะพลังอิทธิฤทธิ์บนตัวกลับต้านทานแสงสี
ฟ้ าที่โผเข้ามา แสงสี ฟ้าที่โผใส่ หน้าซึมเข้าไปในผิวหนังโดยตรง
พอโดนแสงสี ฟ้าโจมตี ทั้งสี่ กท็ าํ สี หน้าเหมือนเจอผีทนั ที ความในการลงมือช้าลงทันที ตัก๊ แตนบิน
ขวักไขว่ทะลุท้ งั สี่ คนจนมีเลือดสดพุง่ ออกมาสายแล้วสายเล่าทันที
“อา…” เสี ยงกรี ดร้องสี่ ครั้งพลันหยุดลง คนเป็ น ๆ ทั้งสี่ คนแทบจะโดนฉี กร่ างในชัว่ พริ บตาเดียว
ชุยหย่งเจินที่โดนกดดันจนฉุกละหุกก็ตกใจจนหน้าถอดสี เช่นกัน ตะโกนออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ว่า “เรื อมังกรอเวจี!”
แสงสี ฟ้าสายหนึ่งที่เหมือนทั้งมังกรบินเหมือนทั้งพายุหมุนถูกปล่อยออกจากดาบใหญ่ในมือเหมียวอี้
ชุยหย่งเจินที่กาํ ลังโดนฝูงตัก๊ แตนโหดล้อมโจมตีไม่มีที่ให้หลบ โดนแสงสี ฟ้าที่มว้ นหมุนเข้ามาชะล้าง
คาที่
ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร ในหัวชุยหย่งเจินพลันมีภาพภาพหนึ่งแวบเข้ามา นัน่ ก็คือภาพที่เหมียวอี้กบั เฟิ ง
เสวียนต่อสูก้ นั ที่ทะเลทรายม่านเมฆา เหมือนเหมียวอี้จะนําดาบยาวสี ม่วงด้ามนี้ออกมาใช้เหมือนกัน…
ความหวาดกลัวอันไร้ที่สิ้นสุ ดขยายออกจากในร่ างกายทันที ความรู ้สึกหวาดกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้
ล้นทะลัก ทั้งตัวสัน่ เทิ้มอย่างระงับไม่อยู่
นางคิดว่าตัวเองกําลังจะตายแล้ว จะต้องตายด้วยนํ้ามือของตัก๊ แตนน่าสะพรึ งกลัวฝูงนี้แน่นอน
ใครจะคิดว่าตัก๊ แตนพวกนี้จะพุง่ กลับหลังอย่างรวดเร็ ว ละทิ้งโอกาสที่จะสังหารนาง แต่รีบบินกลับไป
อยูด่ า้ นหลังเหมียวอี้
ตัก๊ แตนที่กาํ จัดสี่ คนก่อนหน้านี้ไป ในตอนนี้ได้บินกรู เข้ามาล่วงหน้าแล้ว มาล้อมโจมตีท่านทูตทั้งสี่
ของแดนปี ศาจ
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ก่อหน้านี้ตอนที่สี่คนนั้นยังไม่ตาย ก็มีตกั๊ แตนส่ วนใหญ่บินเข้ามาด้วยความเร็ วสู ง
แล้ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ วเกินไป ท่านทูตแดนปี ศาจทั้งสี่ ที่พงุ่ เข้ามาแย่งชิงเกราะรบแทบจะไม่รู้ตวั
ว่าอะไรเป็ นอะไร ท่ามกลางเสี ยงร้องโหยหวนของท่านทูตทั้งสี่ ของแดนอู๋เลี่ยง ทั้งสี่ ที่พงุ่ เข้ามาก็โดน
ตัก๊ แตนน่ากลัวพวกนั้นล้อมไว้แล้วเช่นกัน ตกอยูใ่ นสภาพเดียวกับสี่ คนก่อนหน้านี้ ฉุกละหุกทําอะไร
ไม่ถูก
“เรื อมังกรอเวจี!” จีเหม่ยเหมยร้องอุทานขณะที่เห็นตัก๊ แตนพวกนั้นพุง่ เข้ามา
นางร้องอุทานเหมือนกับชุยหย่งเจินก่อนหน้านี้ สาเหตุกไ็ ม่ใช่เพราะอะไร นางเคยเห็นภาพที่หก
ปราชญ์ดนั ทุรังบุกขึ้นเรื อมังกรอเวจีเมื่อห้าหมื่นปี ก่อน แสงสี ฟ้าที่เหมือนกับดาวหางนัน่ เหมือนกับสิ่ ง
ที่ผดี ิบบนเรื อมังกรอเวจีโจมตีออกมา
ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคน สิ บคนที่อยูใ่ นเหตุการณ์ลว้ นเคยเห็นภาพเหตุการณ์เมื่อห้าหมื่นปี ก่อนมาแล้ว
ทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนั้นจีเหม่ยเหมยยังเด็ก เพิ่งจะบรรลุระดับบงกชแดง ทว่าตอนนั้นหกปราชญ์แทบ
จะยอมแลกทุกอย่าง ไม่วา่ ลูกน้องคนไหนที่เหาะได้กน็ าํ มาใช้งานทั้งหมด เพียงเพราะอยากจะขึ้นเรื อ
มังกรอเวจี ในตอนนั้นอวิน๋ จือชิวที่ยงั เป็ นสาวแรกรุ่ นก็อยูด่ ว้ ยเหมือนกัน
ในปี นั้นที่ทะเลทรายท่านเมฆาเกิดการต่อสูก้ นั จนมืดฟ้ ามัวดิน ไม่รู้วา่ มีคนตายไปตั้งเท่าไร!
เหมียวอี้พงุ่ เข้าหาชุยหย่งเจินด้วยความเร็ วสู ง ชูคมดาบขึ้นมา แล้วฟันดาบไปข้างหลังทีเดียว มังกรฟ้ า
พุง่ ไปยังเหมยซางที่ไล่นาํ หน้ามาทันที
ภาพเหตุการณ์น้ ีทาํ ให้เหมยซางตะลึงงัน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ วเกินไป เกินกว่าภาพที่เขาจินตนาการ
ไว้โดยสิ้นเชิง แทบจะใช้เวลาแค่ชวั่ พริ บตาเดียว ท่านทูตทั้งสี่ ของแดนอู๋เลี่ยงก็ร่างแหลกแล้ว จากนั้น
ตนก็โดนตัก๊ แตนน่ากลัวนัน่ ล้อมไว้อีก
เหมยซางหวาดระแวงกลัว รี บโจมตีตกั๊ แตนหมายจะหลบหนี แต่กลับโดนตัก๊ แตนมาดักไว้ตวั แล้วตัว
เล่า มีประสบการณ์แล้วว่าพลังโจมตีของตัก๊ แตนเฉียบคมขนาดไหน ทั้งยังเห็นแสงสี ฟ้าโจมตีเข้ามา
ราวกับมังกรบิน ชัว่ ขณะนั้นไม่รู้วา่ จะต้านทานตัก๊ แตนหรื อต้านทานแสงสี ฟ้าดี ได้แต่แค้นพ่อแม่ที่
คลอดออกมาให้มีแขนน้อย เรี ยกได้วา่ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
ปั้ง! ในขณะเดียวกัน เหมียวอี้ที่มีสีหน้าเย็นเยียบดุร้ายก็หมุนตัวและเสยหมัดออกมา โจมตีอย่างหนัก
หน่วงหนึ่งที โจมตีโดนหน้าอกของชุยหย่งเจินอย่างรุ นแรง
ขณะที่กระดูกแตกร้าว “พลัก่ ” ชุยหย่งเจินกระอักเลือดสดคําหนึ่ง ลูกตาแทบจะถลนออกมา กระเด็น
ออกไปทั้งตัว
เหมียวอี้ที่ถลันตัวไล่ตามมาบีบคอนางไว้ บีบจนนางแทบจะคอหัก แต่กย็ งั ไม่ได้ฆ่านาง แต่พลิกฝ่ ามือ
เก็บเข้าในกระเป๋ าสัตว์โดยตรง
ขณะที่เสี ยงกรี ดร้องของเหมยซางดังขึ้น เหมียวอี้กถ็ ือดาบลากพื้นและหันตัวมา จากนั้นก็พงุ่ ตัวไล่ตาม
ท่านทูตแดนปี ศาจอีกสามคน ซึ่งขณะนี้กาํ ลังหลบหนีอยูภ่ ายใต้การล้อมโจมตีของฝูงตัก๊ แตน
แสงสี ฟ้าที่สะบัดไล่ตามไปคอยหนุนช่วยตัก๊ แตนอีกแรง พอโจมตีโดนสักคนก็ไม่สนใจแล้ว แค่ส่งต่อ
ให้ตกั๊ แตนจัดการก็พอ แล้วเขาก็พงุ่ เข้าไปเสริ มอีกแรง
เมื่อไล่ตามไปได้รอบหนึ่ง เหมียวอี้ที่ฟันแสงสี ฟ้าออกไปสามครั้งติดต่อกันก็เลี้ยวกลับทันที พุง่ เป้ าไป
ยังตัวละครที่สาํ คัญกว่า
ขณะที่เสี ยงกรี ดร้องดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน เหมียวอี้ที่ถือดาบข้างเดียวก็ลอยไปหาจีเหม่ยเหมยที่อยูไ่ ม่
ไกล ร่ างกายที่สวมเกราะทองลอยอยูภ่ ายใต้แสงจันทร์ สี หน้าเย็นเยียบเหี้ ยมโหด สายตาที่จอ้ งมอง
ออกไปก็ยงิ่ มืดครึ้ มน่าหวาดกลัว
จีเหม่ยเหมยได้รับการปฏิบตั ิดีที่สุด มีแค่ตกั๊ แตนสี่ ตวั บินวนอยูร่ อบกายนาง และไม่มีท่าทีวา่ จะสังหาร
นาง เพียงล้อมไว้ไม่ให้นางหนีไปไหน ภายใต้การรุ กโจมตีเป็ นระยะ กลับกดดันให้นางใช้มหาเคล็ด
วิชาหมื่นปี ศาจ
ท่ามกลางหมอกปี ศาจที่เข้มข้น จีเหม่ยเหมยใช้มหาเคล็ดวิชาหมื่นปี ศาจทางซ้ายทีขวาที ทว่าปราณ
ปี ศาจนัน่ ใช้ไม่ได้ผลกับตัก๊ แตนเลย นอกจากจะไม่กระทบเลยแม้แต่นอ้ ย กรงเล็บอันแหลมคมของ
ตัก๊ แตนยังฝ่ าปราณปี ศาจที่โจมตีเข้ามาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
บินเข้ามาเสี ยงดังหึ่ ง ๆ บนตัวตัก๊ แตนแปดสิ บกว่าตัวมีรอยโดนทําร้าย บนกระดองที่ทนทานมีรอยแผล
ไขว้ตดั สลับกัน
โดนตัก๊ แตนมากมายขนาดนี้ลอ้ มไว้ทีเดียว จีเหม่ยเหมยก็ขนหัวลุก ตกใจจนหน้าถอดสี เป็ นการสู ก้ ลับ
ครั้งสุ ดท้ายตอนใกล้ตายโดยแท้
เหมียวอี้มองประเมินครู่ หนึ่ง ตอนนี้ไม่ลงั เลแล้ว กลัวว่าชักช้าแล้วจะมีปัญหาอื่นเข้ามาแทรก จึงยก
ดาบในมือขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วลงมืออย่างรวดเร็ ว ลําแสงสี ฟ้าสายหนึ่งฟาดลงไป พุง่ เข้าไปในปราณ
ปี ศาจที่กาํ ลังล้อมรอบ โดนตัวจีเหม่ยเหมยที่กาํ ลังดิ้นรนเหมือนสัตว์ป่าที่โดนขัง เห็นเพียงนางสัน่ เทิ้ม
ไปทั้งตัว
ตัก๊ แตนที่ลอ้ มโจมตีแยกย้ายออกไปทันที ฝูงตัก๊ แตนหลีกทางให้แล้ว เหมียวอี้ถือดาบลอยเข้าไป ยืน
เผชิญหน้าอยูก่ บั จีเหม่ยเหมย ยืนห่างกันแค่ครึ่ งจั้ง
“จีเหม่ยเหมย ข้าบอกแล้วใช่ม้ ยั ! ใครจะตายก็ยงั ไม่แน่หรอก” เหมียวอี้กล่าวอย่างเย็นชา
จีเหม่ยเหมยสัน่ เทิ้มไปทั้งตัว มองเหมียวอี้ดว้ ยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับเห็นมารร้าย
ที่น่ากลัวที่สุด นางตกลงจากฟ้ าทันที ตกลงมานัง่ คุกเข่าอยูบ่ นพื้น พอเงยหน้ามอง ก็เห็นร้องเท้าสี ทอง
คู่หนึ่งเหยียบลงตรงหน้าอย่างช้า ๆ
ฉึก! ดาบยาวในมือเหมียวอี้ปักลงบนพื้น ยืน่ มือไปบีบคอนางยกขึ้นมา รู ้สึกได้ถึงความสัน่ เทิ้มที่มาจาก
ร่ างกายนาง
สภาพจีเหม่ยเหมยในเวลานี้ ใช้คาํ ว่าขี้ขลาดเหมือนหนูมาบรรยายได้เลย โดนบีบคอจนหน้าแดงกํ่า แต่
กลับไม่กล้าต่อต้าน แม้แต่ร้องก็ไม่กล้าร้อง ได้แต่หวาดกลัวอยูอ่ ย่างนั้น
นึกถึงตอนที่อยูบ่ นเกาะศักดิ์สิทธิ์ ขนาดสงเวยประมุขถิ่นทิศตะวันออกโดนทีเดียวยังทนไม่ไหว แล้ว
จะนับประสาอะไรกับนาง!
ภายใต้แสงจันทร์ ตัก๊ แตนแปดสิ บห้าตัวบินลงมาจากฟ้ ามาบินขนาบพื้นล้อมรอบทั้งสองคน แต่ละตัว
กําลังส่ ายหน้า กระดองแข็งบนตัวสะท้อนอยูภ่ ายใต้แสงจันทร์ เหราะรบสี ทองที่ยนื อยูต่ รงกลางก็กาํ ลัง
สะท้อนแสงเช่นกัน
“เดิมทีขา้ ก็ไม่มีความแค้นอะไรกับเจ้า และไม่อยากจะไปหาเรื่ องพวกเจ้าด้วย แต่พวกเจ้าสองแม่ลูก
กลับมาเจอข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้เจ้าก็จะมาทําร้ายข้าถึงที่! จีเหม่ยเหมย เจ้ารู ้บา้ งรึ เปล่า ลูกชายเจ้า
สังหารผูห้ ญิงของข้า…” เหมียวอี้บีบคอนาง ในหัวมีภาพนํ้าตาสองหยดหยดใส่ หน้าเขา ชัว่ ชีวติ นี้เขา
ไม่มีทางลืมภาพนั้นลง ความรู ้สึกเวลาอยูใ่ กล้แค่เอื้อมแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ พอนึกถึงทีไรก็
เหมือนกับโดนมีดคว้านหัวใจ
เหมียวอี้ค่อย ๆ มีแนวโน้มเหมือนโดนจิตมารเข้าแทรก แววตาน่าหวาดกลัว ถึงขั้นใบหน้าบิดเบี้ยว
เล็กน้อย บีบคอจนจีเหม่ยเหมยร้องเสี ยงประหลาดออกมา ให้ความรู ้สึกเหมือนคอจะขาดได้ตลอดเวลา
ทว่าสุ ดท้ายก็ยงั ไม่ลงมือสังหาร ปล่อยให้รอดชีวติ ไว้สกั คนก็ยงั พอใช้ประโยชน์ได้
ตุบ้ ! หมัดหนักชกเข้าที่หน้าอกครั้งแล้วครั้งเล่า กระดูกซี่ โครงแตกละเอียด เลือดสดที่กระอักออกมา
อยากจะพ่นก็พน่ ไม่ออก เพราะยังโดนบีบคออยู่ จากนั้นก็โดนเหมียวอี้จบั ยัดเข้ากระเป๋ าสัตว์โดยตรง
ตอนที่ 903

ลับ ๆ ล่อ ๆ

เหมียวอี้มองไปรอบ ๆ แวบหนึ่ง ตอนนี้ถึงได้โล่งอก เมื่อครู่ น้ ีใช้วธิ ีการ ‘สําเร็ จกระบวนเพียงหนึ่งลม


หายใจ’ มาโจมตีจนฝ่ ายตรงข้ามทําอะไรไม่ถูกแท้ ๆ เลย ไม่อย่างนั้นถ้าเลือกนักพรตบงกชทองสักคน
หนึ่งมาสู ก้ บั ตน ตนก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องอีกฝ่ ายก็ได้
แต่การทําแบบนี้กอ็ นั ตรายมากจริ ง ๆ เขาอาศัยที่อีกฝ่ ายไม่รู้อานุภาพของตัก๊ แตนและ ‘อารมณ์
หวาดกลัว’ หนึ่งในเจ็ดอารมณ์ที่ซ่อนอยูใ่ นดาบของตน แน่นอนว่าเป็ นเพราะตัวเองมีวรยุทธ์ถึงระดับ
บงกชม่วงขั้นเก้าแล้ว ทําให้อาศัยความเร็ วของตัวเองถ่วงเวลาได้ ถ้าตอนนี้ยงั วรยุทธ์บงกชม่วงขั้นหนึ่ง
อยู่ ความเร็ วในการเคลื่อนไหวแบบนั้นก็ไม่มีทางทําให้เขาบรรลุผลได้ แค่เหมยซางคนเดียวก็สามารถ
สกัดเขาได้ในชัว่ อึดใจเดียวแล้ว ถ้าให้คนอื่นมองทะลุสมบัติลบั ของตัวเองก่อน ก็คงไม่เกิดผลทําให้อีก
ฝ่ ายฉุกละหุกจนรับมือไม่ทนั เหมือนเมื่อครู่ น้ ีหรอก
เขาหันซ้ายหันขวา ตั้งสมาธิตอบสนองปฏิกิริยาของตัก๊ แตน พลังจิตที่ฝงู ตัก๊ แตนสื่ อมายังเหมือนเดิม
และไม่มีความผิดปกติใด ๆ ตอนนี้เขาถึงแน่ใจว่าเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อ
ตัก๊ แตน สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้รู้สึกอัศจรรย์ใจมาก ตอนที่เขาลอบจู่โจมเมื่อครู่ น้ ี เขากังวลกับเรื่ องนี้ท่ีสุด
กลัวว่าแสงสี ฟ้าบนดาบจะส่ งผลกระทบต่อการล้อมโจมตีของฝูงตัก๊ แตน ถ้าไม่มีตกั๊ แตนคอยช่วย
พัวพันให้ เขาก็ไม่มีทางทําสําเร็ จได้อยูด่ ี
ไม่วา่ จะพูดยังไง การเสี่ ยงอันตรายครั้งนี้กป็ ระสบผลสําเร็ จ เขายืนมือออกไป แล้วตัก๊ แตนแปดสิ บห้า
ตัวก็กระพือปี กบินขึ้นมาทันที บินเข้ามาในกําไลเก็บสมบัติของเขา จากนั้นก็ดึงดาบขึ้นมาจากพื้น
พลิกดูในมือแล้วเก็บไว้
จากนั้นก็จดั การเก็บกวาดตรงนี้อย่างรวดเร็ ว สมบัติที่อยูบ่ นตัวท่านทูตเหล่านั้น ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อย
ทิ้งให้เสี ยของ
หลังจากเก็บกวาดสถานที่จนไม่มีมีช่องโหว่แล้ว เหมียวอี้กร็ ี บออกไปจากตรงนั้น ไม่ได้เหาะขึ้นฟ้ า แต่
กลับมาโดนอาศัยลักษณะพื้นที่ในป่ าภูเขาพรางตัว
หลังจากคลําทางจนมาถึงสํานักงามวิจิตร เขาก็ไม่ได้กลับภูเขาที่เป็ นที่พกั ของแดนเซี ยน มีแต่คนโง่
เท่านั้นที่จะพาตัวเองไปอยูใ่ นมืออันหรู อวี้อีก เขาไปยังเรื อนพักของกลุ่มปี สาจทะเลดาวนักษัตร
โดยตรง คืนนี้เตรี ยมจะอยูก่ บั ประมุขถิ่นสี่ ทิศ ไม่อย่างนั้นคงไม่จาํ เป็ นต้องพาพี่นอ้ งร่ วมสาบานพวกนี้
มาด้วยหรอก การอยูค่ นเดียวก็หน้านี้กเ็ ป็ นบทเรี ยนให้เขาแล้ว
“ใคร?”
เหมียวอี้ที่เพิ่งปี นกําแพงเข้ามาโดนคนคนหนึ่งถลันตัวเข้ามาขวาง ไม่ใช่ใครที่ไหน ราชาปี ศาจกระดูก
ขาวนัน่ เอง
พอเห็นว่าเป็ นเหมียวอี้ ราชาปี ศาจกระดูกขาวก็ประหลาดใจมาก มองสํารวจศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง
พอดูแล้วไม่เหมือนตัวปลอม ก็ถามอย่างฉงนใจทันที “คุณชายห้า ท่านมาอย่างสง่าผ่าเผยก็ได้ จะทําตัว
ลับ ๆ ล่อ ๆ ปี นกําแพงเข้ามาทําไม”
“ก็ไม่อยากให้คนนอกรู ้วา่ ข้ามา” เหมียวอี้โบกมือตอบ แล้วถามว่า “พี่ใหญ่ท้ งั สี่ ล่ะ? ข้ามีธุระจะคุยกับ
พวกเขา”
ราชาปี ศาจกระดูกขาวตอบว่า “รับแขกอยูท่ ี่โถงหลัก จีเต๋ อไห่กาํ ลังคุยกับประมุขถิ่นทั้งสี่ อยู่ ข้าจะไป
รายงานเดี๋ยวนี้”
“ไม่ตอ้ ง!” เหมียวอี้ยนื่ มือห้าม พี่ชายของจีเหม่ยเหมยมาทําอะไรที่นี่? เขาลูบคางพลางพึมพําในใจ
จากนั้นก็ดึงราชาปี ศาจกระดูกขาวมากระซิบบอกว่า “อย่าให้คนอื่นรู ้เรื่ องที่ขา้ มานะ โดยเฉพาะคนของ
นภาหมื่นปี ศาจ ยิง่ จีเต๋ อไห่ยงิ่ ห้ามให้รู้ รอให้จีเต๋ อไห่ไปแล้ว เจ้าค่อยไปแจ้งให้พี่ใหญ่ท้ งั สี่ รู้เงียบ ๆ ก็
พอ”
“ทําไมล่ะ?” ราชาปี ศาจกระดูกขาวแปลกใจ
“จัดการตามที่ขา้ บอกก็พอ จําไว้วา่ อย่าให้คนนอกรู ้วา่ ข้ามา ให้พี่ใหญ่ท้ งั สี่ ท่านทําเป็ นไม่รู้ไม่เห็น
ต่อไป” เหมียวอี้กาํ ชับอีกครั้ง
“ได้ ข้าทราบแล้ว… คุณชายห้า ท่านจะไปไหน?” ราชาปี ศาจกระดูกขาวงงงัน เห็นเพียงเหมียวอี้ปีน
กําแพงหนีออกไปอีก
เหมียวอี้ทาํ ตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยูใ่ นป่ าภูเขาต่อไป นอกจากนักพรตบงกชทอง คนทัว่ ไปก็ไม่สามารถ
สังเกตเห็นเขาได้ง่าย ๆ เขาคลําทางไปจนถึงภูเขาที่พกั ของแดนมารอีก ครั้งนี้กป็ ี นกําแพงเข้ามาเช่นกัน
พอปี นเข้ามาก็โดนดักถามว่า “ใคร?”
คนที่เข้ามาขวางเขาคือซ่งหยวนฟาง ท่านทูตสายเถาะของแดนมาร พอเห็นว่าเป็ นเหมียวอี้ ก็รู้สึกงง
ทันที “ท่านเขยเหมียว ท่านทําตัวมีลบั ลมคมในปี นกําแพงเข้ามาทําไม? ท่านเดินเข้าทางประตูใหญ่ก็
ไม่มีใครขวางหรอก!”
“เรื่ องมันยาว” เหมียวอี้ถอนหายใจ ขณะที่พดู ก็มองสํารวจอีกฝายศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง ก่อนจะถาม
อย่างแปลกใจ “ท่านทูตซ่ง ทําไมพวกเขารบกวนให้ท่านมาคอยเฝ้ าบ้านล่ะ?”
คนเฝ้ าเรื อนพักของประมุขถิ่นสี่ ทิศยังพอสมเหตุสมผล เพราะไม่ได้พาคนอื่นมาด้วยแล้ว ให้ราชา
ปี ศาจใต้บงั คับบัญชาเฝ้ าก็ยงั พอฟังขึ้น แต่ที่นี่ใช่วา่ จะไม่มีคนอื่นให้ใช้งานเสี ยหน่อย
ซ่งหยวนฟางชี้ไปที่โถงหลัก “ไม่รู้วา่ ฝ่ ายนภาอู๋เลี่ยงวางแผนจะทําอะไร จู่ ๆ ฟู่ หยวนคังก็มาเล่นเล่น
หมากล้อมกับคุณชายแปด คุณชายแปดกลัวว่าอีกฝ่ ายจะมีเลศนัยอะไร เลยสัง่ ให้พวกเราเฝ้ าอยูร่ อบ ๆ
อย่างเข้มงวด”
“ฟู่ หยวนคังอยูท่ ี่นี่เหรอ?” เหมียวอี้ตะลึงงัน
“ใช่แล้ว!” ซ่งหยวนฟางพยักหน้า พอเห็นเขาทําสี หน้าแปลกไป ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “มีปัญหาอะไร
หรื อเปล่า?”
เหมียวอี้ส่ายหน้าช้า ๆ พลางขมวดคิ้ว จีเต๋ อไห่เฝ้ าพวกประมุขถิ่นสี่ ทิศ ส่ วนฟู่ หยวนคังก็เฝ้ าพวกอวิน๋
เป้ า พวกเขากําลังแบ่งงานทําชัด ๆ มารดาเจ้าเถอะ ทําแบบนี้เพราะกลัวว่าจะมีคนช่วยข้าไง แม้แต่กอง
กําลังหนุนสุ ดท้ายของข้า พวกเจ้าก็เตรี ยมจะตัดขาดด้วย!
ไอ้พวกเวรเอ๊ย ไม่น่าเชื่อว่าพวกเจ้าจะสิ้ นเปลืองความพยายามมากขนาดนี้รับมือกับข้าแค่คนเดียว
ประเมินข้าสูงจริ ง ๆ ! เหมียวอี้แสยะยิม้ แล้วกระซิบห้างหูซ่งหยวนฟาง “ท่านทูตซ่ง เรื่ องที่ขา้ มาที่นี่
ห้ามให้เล็ดรอดออกไปเด็ดขาด อย่าให้สะเทือนไปถึงฟู่ หยวนคังด้วย ท่านไปแจ้งท่านอาแปดเงียบ ๆ ก็
พอ ให้เขาหาข้ออ้างมาพบข้าที่สวนหลังบ้านสักหน่อย…”
หลังจากอธิบายอย่างละเอียด ซ่งหยวนฟางก็มองเขาศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง รู ้วา่ ต้องเกิดเรื่ องขึ้นแน่นอน
ในเมื่ออีกฝ่ ายไม่อยากเปิ ดเผย เขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงพยักหน้าแล้วไปทําตาม
เหมียวอี้ดึงผ้าสี ดาํ ผืนหนึ่งออกมาทันที นํามาคลุมทั้งตัวและศีรษะ แล้วเดินตามซ่งหยวนฟางไป
ด้านหลัง
ทั้งสองมาถึงห้องเดี่ยวเล็ก ๆ ห้องหนึ่งของสวนด้านหลัง ข้างในมีแสงสว่างของโคมไฟ เหมียวอี้เดิน
ไปเคาะประตู
“ใคร?” เสี ยงฉินเวยเวยดังมาจากในห้อง นํ้าเสี ยงฟังดูระมัดระวังตัว
“ข้าเอง!” เหมียวอี้ตอบด้วยเสี ยงตํ่าเบา
ประตูหอ้ งเปิ ดออก ฉินเวยเวยแง้มประตูออกมาดูแวบหนึ่ง เหมียวอี้เผยใบหน้าที่อยูใ่ ต้ผา้ คลุมให้นางดู
ฉินเวยเวยฉงนใจอยูบ่ า้ ง ไม่เข้าใจว่าทําไมเขาต้องทําตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ขนาดนี้ นางจึงรี บปล่อยให้เขาเข้า
มาในห้อง พอเข้ามาแล้วก็ยนื่ ศีรษะออกไปพยักหน้าให้ซ่งหยวนฟาง อีกฝ่ ายพยักหน้าตอบแล้วเดิน
ออกไป
พอปิ ดประตู เหมียวอี้กถ็ ึงผ้าสี ดาํ ที่คลุมตัวออกมาเก็บไว้ ฉินเวยเวยเดินถามอยูข่ า้ งหลังเขาว่า “นายท่าน
เกิดเรื่ องอะไรขึ้นใช่ม้ ยั คะ?”
เหมียวอี้ไม่ตอบคําถาม เพียงถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกว่า “เวยเวย ครั้งนี้เจ้าไม่ควรมาที่นี่เลยจริ ง ๆ ”
เหมียวอี้ไม่ได้พดู อะไรมาก เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่ องราวจะซับซ้อนแบบนี้
ฉินเวยเวยอึ้งนิดหน่อย และไม่ได้ถามอะไรมาก หันกลับไปริ นนํ้าชามาวางตรงหน้าเขา จากนนั้นก็ไป
ยืนเก็บมืออยูอ่ ีกด้าน มองดูเหมียวอี้ที่กาํ ลังขมวดคิ้วครุ่ นคิด…
แสงจันทร์ส่องเฉียงลงมา ซ่งหยวนฟางเข้ามาในโถงหลัก มองดูอวิน๋ เป้ ากับฟู่ หยวนคังที่กาํ ลังนัง่ พูดคุย
อยูต่ รงข้ามกัน
“คุณชายแปด!” ซ่งหยวนฟางเดินมาตรงหน้าและยืน่ แผ่นหยกแผ่นหนึ่งให้ “นภาแดนมารส่ งข่าวมา
ขอรับ”
ฟู่ หยวนคังเหลือบตาขึ้นจ้องแผ่นหยกแผ่นนั้น แล้วลงหมากต่อไป ส่ วนอวิน๋ เป้ าก็เอียงหน้าเหล่มองซ่ง
หยวนฟางแวบหนึ่ง คนที่ทาํ หน้าที่ส่งข่าวและรับข่าวของนภาแดนมารไม่ใช่ซ่งหยวนฟาง แต่เป็ น
ผูต้ ิดตามของอวิน๋ เป้ า แต่การที่ซ่งหยวนฟางพูดแบบนี้จะต้องมีสาเหตุแน่นอน
พอลงหมากตัวหนึ่ง อวิน๋ เป้ าก็หยิบแผ่นหยกขึ้นมาดู เขาขยับหัวคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเก็บแผ่นหยกเอาไว้
แล้วเล่นหมากล้อมของตัวเองต่อไป ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมาก
ซ่งหยวนฟางกุมหมัดคารวะทั้งสอง จากนั้นหันตัวเดินออกไป
ในห้องโถง หลังจากเล่นหมากล้อมเสร็ จไปตาหนึ่ง อวิน๋ เป้ าก็ลุกขึ้น ฟู่ หยวนคังที่นงั่ อยูต่ รงข้ามถาม
กลั้วหัวเราะว่า “อวิน๋ เป้ า อย่าบอกนะว่าคิดจะเบี้ยวหนี้?”
“เหลวไหล! ข้าจะไปเยีย่ ว รอข้ากลับมาแล้วค่อยจัดการเจ้า!” อวิน๋ เป้ าทิ้งข้ออ้างหยาบ ๆ เอาไว้ แล้วหัน
ตัวเดินอ้อมไปที่โถงด้านหลัง
“ข้ออ้างนี้ช่างหยาบจริ ง ๆ ” ฟู่ หยวนคังพูดเหน็บแนม แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ ใจอะไร คาดว่าทางนั้นคง
จัดการเรื่ องราวได้พอสมควรแล้ว ต่อให้อวิน๋ เป้ ารู ้กส็ ายไปแล้วอยูด่ ี
ส่ วนเป้ าหมายที่แท้จริ งของอวิน๋ เป้ า ก็ยอ่ มต้องมุ่งตรงสู่หอ้ งพักที่เหมียวอี้อยู่ หลังจากเคาะประตูและ
เข้าไป พอเห็นเหมียวอี้กถ็ ามตรง ๆ เลยว่า “ทําตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทําไม?”
เหมียวอี้เองก็ไม่พดู อะไรมาก ยืน่ แหวนเก็บสมบัติให้สองวง “อาแปด ส่ งยอดฝี มือมาสองคน ให้นาํ
แหวนเก็บสมบัติสองวงนี้ไปแบ่งโยนที่แดนปี ศาจกับสํานักงามวิจิตร”
“มันคืออะไร?” อวิน๋ เป้ าบ่นพึมพํา พอพลังอิทธิฤทธิ์ตรวจดู ใบหน้าก็เหมือนโดนตะคริ วกิน แล้วก็รีบ
ตรวจดูแหวนเก็บสมบัติอีกวง ก่อนจะเงยหน้ามองเหมียวอี้อย่างงง ๆ
ข้างในมีศพอยูส่ องกอง จะว่าไปแล้วเขาก็รู้จกั เหมือนกัน ต่อให้เป็ นศพของนักพรตปี ศาจที่กลับร่ างเดิม
ก็ใช่วา่ เขาจะไม่เคยเห็น ข้างในเป็ นศพของท่านทูตแดนปี ศาจและท่านทูตแดนอู๋เลี่ยงจํานวนแปดศพ
ตอนกลางวันยังเจอหน้าแปดคนนี้อยูเ่ ลย
“นี่มนั เรื่ องอะไรกัน?” อวิน๋ เป้ าถามด้วยนํ้าเสี ยงจริ งจัง
“จะเรื่ องอะไรซะอีกล่ะ อวิน๋ จือชิวเกือบจะกลายเป็ นแม่ม่ายแล้วน่ะสิ …” เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่เกิดขึ้น
หลังจากกลับที่พกั แดนเซียนให้ฟังทันที รวมทั้งเหตุการณ์ที่จีเหม่ยเหมยกับชุยหย่งเจินนําท่านทูตมาฝั่ง
ละสี่ คนมาล้อมสังหารหลังจากที่เขาติดกับดัก
ตอนนี้ฉินเวยเวยที่อยูข่ า้ ง ๆ ถึงได้รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น นางตกใจจนกัดริ มฝี ปากแน่น ยืนเงียบงันไม่
พูดอะไร
อวิน๋ เป้ าสูดหายใจอย่างตกตะลึง “นัน่ ก็หมายความว่า เจ้าสงสัยว่าอันหรู อวี้กบั แดนปี ศาจ แดนอู๋เลี่ยง
ร่ วมมือกันฆ่าเจ้าเหรอ? แล้วเจ้ารอดมาได้ยงั ไง เจ้าคงไม่บอกหรอกนะว่าเจ้าฆ่าเองหมดนี่เลย?”
เหมียวอี้ตอบว่า “แน่นอนว่าข้าไม่ได้ฆ่าเอง ตอนกําลังหน้าสิ่ วหน้าขวาน จู่ ๆ ก็มีบุคคลลึกลับโผล่มา
แล้วฆ่าพวกเขาหมดเลย หลังจากข้าหลบกลับมาเงียบ ๆ ก็ไปหาประมุขถิ่นสี่ ทิศก่อน ปรากฏว่าเห็นจี
เต๋ อไห่กาํ ลังอยูท่ ี่นนั่ พอดี ข้าเลยมาที่นี่เงียบ ๆ ใครจะคิดว่าฟู่ หยวนคังก็อยูท่ ี่นี่อีก”
อวิน๋ เป้ าหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกว่า “ข้าก็วา่ อยู่ ว่าทําไมฟู่ หยวนคังถึงมาเฝ้ าอยูท่ ี่นี่ สงสัยอยากจะตัดทาง
หนีทีไล่ของเจ้า เออใช่ แล้วบุคคลลึกลับที่ช่วยเจ้าเป็ นใคร?”
เหมียวอี้ยกั ไหล่สองข้าง “ข้าเองก็ไม่รู้จกั ไม่เคยเห็นมาก่อน อาแปด เรื่ องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ
ท่านช่วยส่ งคนให้นาํ แหวนเก็บสมบัติสองวงนี้กลับไปโยนทิ้งก่อน ให้ศพพวกนี้ได้กลับบ้านตัวเอง”
“เจ้าเด็กนี่คิดจะทําอะไร? เจ้าอย่าวางกับดักฝ่ ายข้าเชียวนะ” อวิน๋ เป้ าทําสี หน้าระแวง แล้วจู่ ๆ ก็ทาํ เสี ยง
ฮึดฮัด หลังจากตรวจดูแหวนเก็บสมบัติสองวงนั้นอีกครั้ง ก็ถามว่า “เจ้าบอกว่าชุยหย่งเจินกับจีเหม่ย
เหมยก็อยูด่ ว้ ยไม่ใช่เหรอ? ทําไมข้างในไม่มีศพพวกเขาสองคนล่ะ!”
เหมียวอี้แสยะยิม้ “จะให้พวกเขาหมดเลยได้ยงั ล่ะ บีบคนที่สาํ คัญที่สุดสองคนเอาไว้ เดี๋ยวสองฝ่ ายนั้น
จะต้องมาตามหาแน่นอน ถ้าหาไม่เจอขึ้นมา จะต้องไปตามหาจากคนคนเดียวที่รู้สถานการณ์เบื้องลึก
แน่นอน”
คนคนเดียวที่รู้สถานการณ์เบื้องลึก? อวิน๋ เป้ าตาเป็ นประกาย “ฝ่ ายอันหรู อวี้เหรอ?” จากนั้นก็เริ่ มลูบ
คางหัวเราะ “ยอดเยีย่ มมาก แต่เรื่ องนี้ไม่เกี่ยวกับฝ่ ายพวกเรานะ พวกเรามีพยานที่อยู่ ฟู่ หยวนคังมาเฝ้ า
อยูท่ ี่นี่ตลอด”
เหมียวอี้ตอบว่า “ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรก็มีพยานที่อยูเ่ หมือนกัน จีเต๋ อไห่กาํ ลังเฝ้ าอยูท่ ี่
นัน่ ฝ่ ายพวกเราจะไม่เป็ นอะไรเลย”
“น่าสนใจ คืนนี้มีละครสนุก ๆ ให้ดูแล้ว” อวิน๋ เป้ าหันตัวจะเดินไปจัดการ แต่กห็ นั หน้ากลับมาอีก หัน
มาทั้งตัวแล้วมองสํารวจเหมียวอี้ศีรษะจดเท้า “เจ้าเป็ นคนของแดนเซียน ขนาดคนฝ่ ายตัวเองยังวางกับ
ดักเลยเหรอ?”
“ถุย!” เหมียวอี้สบถเหยียดหยาม “อาแปด ฝ่ ายนั้นต้องการจะทําร้ายข้า พวกเขาเห็นข้าอยูฝ่ ่ ายเดียวกัน
เสี ยที่ไหน ถ้าข้าเปิ ดโปงก็ไม่ได้ผลสักเท่าไร ในเมื่ออีกฝ่ ายกล้าทํา ก็เป็ นไปได้สูงว่าจะเตรี ยมแผน
สํารองเช็ดล้างหลักฐานเอาไว้แล้ว มิหนําซํ้าข้าก็เป็ นคนของแดนเซี ยน ไม่สะดวกจะทําให้เป็ นเรื่ อง
ใหญ่ท่ามกลางฝูงชน คงไม่ดีหากแดนเซี ยนหาทางออกไม่ได้ ให้แดนปี ศาจกับแดนอู๋เลี่ยงรับบทคนชัว่
ไปก็แล้วกัน”
ตอนที่ 904

เฟิ งเป่ ยเฉินเดือดดาล

เมื่อได้ฟังแบบนี้ อวิน๋ เป้ าก็ค่อนข้างแปลกใจ ความหมายแฝงในคําพูดของเขาก็คือไม่อยากทิ้งฝ่ ายแดน


เซียน แต่กอ็ ยากจะวางกับดักอันหรู อวี้ ดูแล้วสงสัยจะเป็ นความแค้นส่ วนตัว พุง่ เป้ าไปที่อนั หรู อวี้คน
เดียว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เหมียวอี้ เจ้ากับอันหรู อวี้มีความแค้นอะไรกันแน่? ไม่เคยได้ยนิ ว่าพวก
เจ้ามีความแค้นอะไรกันนะ ทําไมนางคิดจะเล่นงานเจ้าให้ถึงตาย แล้วทําไมเจ้าถึงอยากวางกับดักนาง
อีก?”
ควรไปถามคําถามนี้กบั หลานสาวเจ้ามากกว่านะ! เหมียวอี้พึมพําในใจ เป็ นเรื่ องยากที่จะเอ่ยปากพูด
ความจริ ง ๆ นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเสี ยเปรี ยบหรื อไม่เสี ยเปรี ยบ เพราะมันทําลายเกียรติศกั ดิ์ศรี ของลูกผูช้ าย
ถ้าผูห้ ญิงเสี ยเปรี ยบในด้านนี้กย็ งั พอไปร้องทุกข์ได้ แต่ถา้ เป็ นผูช้ าย ส่ วนใหญ่ต่อให้ตีให้ตายก็ไม่ยอม
บอก เขาถึงได้ปฏิเสธว่า “ข้าไม่ได้มีความแค้นอะไรกับนาง ข้าไม่ได้บอกด้วยว่าจะวางกับดักนาง ข้า
แค่อยากจะกดดันให้คนที่อยูเ่ บื้องหลังเผยตัว!”
เมื่อเห็นเขาไม่ยอมบอก อวิน๋ เป้ าก็รู้วา่ ถามไปก็ไร้ประโยชน์ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “งั้นเจ้าจะทํา
ยังไง? ถ้าฝ่ ายแดนเซียนก่อเรื่ องขึ้นมา ประมุขปราสาทอย่างเจ้าจะหลบอยูข่ า้ ง ๆ ไม่โผล่หน้าออกไป
ร่ วมด้วยเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบเสี ยงเรี ยบว่า “ข้าพลาดไปติดกับดัก ก็เหมือนกับชุยหย่งเจินและจีเหม่ยเหมยในตอนนี้ ไม่
รู ้วา่ เป็ นหรื อตาย… ข้าจะหลบอยูท่ ี่นี่สกั พัก ถ้าออกไปตอนนี้ สองฝ่ ายนั้นจะไม่มาล้วงคําตอบจากข้า
หรอกเหรอ? รอให้ฝั่งนั้นก่อเรื่ องไปสักพัก ข้าจะดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“เจ้าเด็กนี่ชวั่ ใช้ได้เลย อยูท่ ี่แดนเซียนนัน่ แหละดีแล้ว แดนมารไม่ตอ้ นรับเจ้าหรอก” อวิน๋ เป้ าเดาะลิ้น
พลางส่ ายหน้า แล้วก็ตบบ่าเขา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน ฟู่ หยวนคังยังรอเล่นหมากล้อมกับข้าอยู!่ ” พูด
จบก็หนั ตัวเดินออกไป
“อาแปด ส่ งยอดฝี มือไปจัดการ อย่าให้คนอื่นจับได้นะ”
“รู ้แล้วน่า”
พอประตูปิด เหมียวอี้กห็ นั ตัวมาคุยกับฉิ นเวยเวยที่ยนื เงียบอยูข่ า้ ง ๆ “เวยเวย ถ้าสถานการณ์ไม่ชอบมา
พากล ข้าจะจัดคนให้คุม้ กันส่ งเจ้ากลับไปก่อน”
ฉินเวยเวยไม่ได้คดั ค้าน เพียงพยักหน้าเงียบ ๆ ในใจรู ้สึกเป็ นทุกข์นิดหน่อย รู ้สึกว่าตัวเองกลายเป็ นตัว
ถ่วง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยสักนิด
ตอนนี้นบั ว่านางเข้าใจแล้ว ว่าครั้งนี้ตวั เองไม่ควรจะมาด้วยเลย เรื่ องแบบนี้ไม่ใช่เรื่ องที่ตนจะยืน่ มือเข้า
ไปแทรกได้
นางเริ่ มคิดไม่ตก ในปี นั้นที่เหมียวอี้ยงั มีวรยุทธ์บงกชขาว แต่กไ็ ปออกล่าที่ทะเลดาวนักษัตรแล้ว ตอน
หลังก็ไปเข้าร่ วมการปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ตีฝ่านักพรตหนึ่งแสนแปดหมื่นคนออกมาได้
ตอนวรยุทธ์อยูร่ ะดับบงกชเขียวก็ไปเสี่ ยงภัยที่ทะเลทรายม่านเมฆาอีก แถมในระหว่างนั้นยังผ่าน
เรื่ องราวต่าง ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้วา่ ผ่านเรื่ องอันตรายมาแล้วตั้งกี่ครั้ง กว่าจะเดินขึ้นสู่ ตาํ แหน่งอย่าง
ทุกวันนี้
วรยุทธ์ของนางในตอนนี้เหนือกว่าเหมียวอี้ในปี นั้น นางอยูร่ ะดับบงกชแดงแล้ว แต่กลับพบว่าเมื่อออก
จากอาณาเขตที่ตวั เองอยู่ นางก็ทาํ อะไรไม่ได้ท้ งั นั้น ไม่ได้สาํ คัญอะไรทั้งนั้น เมื่อนึกย้อนดูตวั เองใน
หลายปี ที่ผา่ นมา ก็พบว่าไม่เคยผ่านเรื่ องเสี่ ยงอันตรายอะไรเลย ครั้งที่เสี่ ยงอันตรายที่สุดก็ยงั เป็ นเหมียว
อี้ที่ช่วยชีวติ นางไว้ ถ้านางได้ประสบพบเจอเรื่ องราวเหมือนกับเหมียวอี้ ต่อให้เป็ นแค่เรื่ องเดียวก็ตาม
เกรงว่านางอาจจะตายไปแล้วก็ได้
พอได้เห็นเหมียวอี้เจรจาเตรี ยมการเมื่อครู่ น้ ี จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถ ล้วนมีคนอื่นคอย
ปูทางให้นางเดินตลอดทาง
“เออใช่ เรื่ องที่เกิดขึ้นในวันนี้ กลับไปแล้วห้ามบอกใครนอกจากฮูหยิน ทางที่ดีอย่าเอ่ยเรื่ องนี้กบั ผู ้
การหยาง ไม่อย่างนั้นเขาต้องเกลียดข้าตายแน่นอน” เหมียวอี้พดู เสริ มอีกว่า เดิมทีเมื่อครู่ น้ ีไม่อยากจะ
คุยกันต่อหน้านาง อยากจะถ่ายทอดเสี ยงคุยกัน แต่กเ็ ปลี่ยนใจเพราะไม่อยากให้นางคิดมาก
“รับทราบค่ะ!” ฉิ นเวยเวยเอ่ยรับ
หลังจากอวิน๋ เป้ าออกไปแล้ว ก็เรี ยกท่านทูตสองคนเข้ามา แล้วยืน่ แหวนเก็บสมบัติให้ท้ งั สอง หลังจาก
สัง่ งานแล้ว ท่านทูตทั้งสองก็พยักหน้า แล้วหายไปในความมืดอย่างเงียบ ๆ
อวิน๋ เป้ ายืนหัวเราะเบา ๆ อยูภ่ ายใต้เงามืด แล้วเอามือไขว้หลังเดินกลับมาที่โถงหลัก พอเห็นฟู่ หยวนคัง
ยังนัง่ จิบนํ้าชาอย่างเนิบนาบ เขาก็เดินเข้ามานัง่ ลงตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน
ฟู่ หยวนคังเหล่ตาพูดเหน็บแนมว่า “แค่ไปเยีย่ วทําไมใช้เวลานานขนาดนี้?”
“ถือโอกาสขี้ดว้ ย!” อวิน๋ เป้ ายืน่ ไปฝ่ ามือไปฝั่งตรงข้ามโต๊ะอย่างไร้ความอาย แหย่ไปที่จมูกของฟู่
หยวนคังอย่างร่ าเริ ง “ไม่เชื่อเจ้าก็ดมดูสิ ยังมีกลิ่นขี้อยูเ่ ลย”
ฟู่ หยวนคังเอนศีรษะหลบไปข้างหลัง แล้วขมวดคิ้วมองดูน้ าํ ชาที่อยูใ่ นมือ ชัว่ พริ บตาเดียวก็หมด
อารมณ์ดื่ม ที่นี่มีท้ งั ขี้มีท้ งั เยีย่ ว จะยังดื่มลงได้อย่างไร วางถ้วยนํ้าชาไว้ขา้ ง ๆ แล้ว…
ที่สาํ นักงามวิจิตร การเฝ้ ายามวันนี้เหมือนจะเข้มงวดเป็ นพิเศษ เฟิ งเป่ ยเฉินอยูท่ ี่นี่แล้ว เป็ นไปไม่ได้ที่
จะไม่เข้มงวด มีศิษย์สาํ นักงามวิจิตรเฝ้ าอยูท่ ้ งั ในที่ลบั และในที่แจ้ง จะได้ไม่มีใครบุกเข้ามาโดยพลการ
ตําหนักใหญ่เงียบขรึ มอยูภ่ ายใต้แสงโคมไฟสว่างพร่ างพราว โคมไฟหลายดวงที่แขวนอยูบ่ นลานกว้าง
สัน่ ไหวตามแรงลม
ซวบ! เสี ยงเบา ๆ ทําลายความเงียบ แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งกระเด็นอยูบ่ นลานกว้างสองสามครั้ง
เงาคนหลายคนเหาะออกจากความมืดทันที มีสองคนยืนอยูต่ รงหน้าแหวนเก็บสมบัติที่ตกพื้น บางคนก็
เดินไล่ไปทางที่แหวนเก็บสมบัติที่กระเด็นมา ถลันตัวไปค้นหาตรงตําแหน่งที่อาจจะเป็ นไปได้ แต่
กลับไม่พบเงาใครแม้แต่คนเดียว
จนกระทัง่ หลายคนเดินส่ ายหน้ากลับมา แหวนเก็บสมบัติวงนั้นก็ถูกเก็บขึ้นมาแล้ว คนแรกที่ตรวจดู
ข้างในตกใจจนยืนนิ่งอยูก่ บั ที่
“มีของอะไร?” มีบางคนหยิบจากมือเขามาดู แล้วก็งุนงงหาคําตอบไม่ได้เช่นกัน
ไม่นาน พวกเขาก็รีบเหาะไปยังภูเขาด้านหลัง แล้วนําของส่ งให้โม่หมิงและฮูหยินเหมียวจวินอี๋
หลังจากเห็นของที่อยูข่ า้ งใน สองสามีภรรยาก็ตกใจไม่เบา สี หน้าเปลี่ยนไปแล้ว เหมียวจวินอี๋ตะคอก
ถามว่า “เอาสิ่ งนี้มาจากไหน?”
ศิษย์คนแรกที่เก็บได้ตอบอย่างระมัดระวังว่า “ฮูหยิน มีคนโยนสิ่ งนี้ลงบนลานกว้าง ไม่ทราบว่าใคร
ขว้างมา ไปตรวจหาแล้วก็ไม่พบใครเลย เกรงว่าคนที่ลงมือคงจะวรยุทธ์เหนือกว่าพวกเรามาก”
“เป็ นอย่างนี้ไปได้อย่างไร? อยูด่ ี ๆ ท่านทูตทั้งสี่ จะตายโดยไร้สาเหตุได้อย่างไร? อาศัยวรยุทธ์อย่าง
พวกเขา ต่อให้สูก้ บั ท่านปราชญ์กต็ อ้ งมีเสี ยงการต่อสู ด้ งั มาบ้าง!” โม่หมิงเรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าตกตะลึง
พรึ งเพริ ด
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เหมียวจวินอี๋เองก็ไม่รู้วา่ สี่ คนนี้ไปทําอะไรมา
“เรื่ องนี้จะปิ ดบังไว้ไม่ได้! ไป รี บไปพบท่านปราชญ์!” เหมียวจวินอี๋กเ็ ริ่ มกลัวแล้วเหมือนกัน นี่ไม่ใช่
เรื่ องเล็ก ๆ ท่านทูตแดนอู๋เลี่ยงตายไปสี่ คนในรวดเดียว แม้แต่เสี ยงต่อสู ก้ ไ็ ม่ได้ยนิ ทั้งยังตายที่สาํ นัก
งามวิจิตรด้วย เรื่ องนี้ใหญ่โตจริ ง ๆ นางดึงแขนสามี แล้วทั้งสองก็รีบร้อนออกไปด้วยกัน
ที่เขตต้องห้ามด้านหลัง หลังจากทั้งสองรายงานแล้วก็รีบเข้าไปรอให้ตาํ หนักเล็กหลังหนึ่ง
เฟิ งเป่ ยเฉิ นที่ได้รับรายงานเดินเนิบนาบออกมา พอเห็นทั้งสองก็ถามเสี ยงเรี ยบว่า “มีเรื่ องอะไรทําไม
รี บร้อนจะเข้าพบขนาดนี้?”
“ท่านปราชญ์ เกิดเรื่ องใหญ่แล้ว!” เหมียวจวินอี๋ใช้สองมือมอบแหวนเก็บสมบัติวงนั้นให้
หลังจากเฟิ งเป่ ยเฉินได้เห็นแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างก็พลันฉายแววดุดนั เรี ยกได้วา่ สี หน้าเดือดดาลมาก
บนตัวเผยกลิ่นอายสังหาร จ้องทั้งสองอย่างเย็นเยียบพลางตวาดถาม “เรื่ องอะไรกัน?”
“มีคนนํามาโยนไว้บนลานกว้างของตําหนักหลักค่ะ พวกลูกศิษย์ออกไปค้นหาแล้วแต่กไ็ ม่พบใคร…”
เหมียวจวินอี๋เล่าสถานการณ์คร่ าว ๆ ทันที นางเองก็สมั ผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารบนตัวท่านอาจารย์
สุ ดท้ายก็พดู เสริ มอย่างตัวสัน่ งันงก “ศิษย์เองก็ไม่ทราบว่าเรื่ องอะไร ด้วยวรยุทธ์อย่างท่านทูตทั้งสี่ ไม่
น่าเชื่อว่าศิษย์จะไม่ได้ยนิ เสี ยงการต่อสู ใ้ ด ๆ เลย”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกวาดตามองทั้งสองแวบหนึ่ง แล้วนําแหวนเก็บสมบัติในมือขึ้นมาดูอีก เขาย่อมรู ้วา่ ทั้งสอง
ไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึก ท่านทูตทั้งสี่ ไปทําเรื่ องอะไรมา คนที่รู้มีนอ้ ยมากจนนับนิ้วได้ เพือ่ ไม่ให้เป็ น
การแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงไม่ได้บอกใครในสํานักงามวิจิตรเลย
สิ่ งที่สาํ คัญที่สุดตอนนี้กค็ ือ ข้างในมีแค่ศพของท่านทูตสี่ คน แต่กลับไม่เห็นชุยหย่งเจินลูกศิษย์ของ
ตัวเอง และไม่เห็นชุยหย่งเจินกลับมาด้วย ข้างในเกิดปั ญหาใหญ่แล้ว เขารู ้สึกเหมือนติดกับดักและ
โดนคนปั่นหัว
“ใครก็ได้!” เฟิ งเป่ ยเฉิ นตะโกนเรี ยก
ด้านนอกมีหญิงรับใช้คนหนึ่งรี บสาวเท้าเดินเข้ามา เฟิ งเป่ ยเฉินสัง่ ว่า “ให้ฟหยวนคั
ู่ งมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้รีบเดินออกไป
เหมียวจวินอี๋กบั โม่หมิงยืนก้มหน้าอยูอ่ ย่างนั้น ไม่กล้าหายใจแรง กล้าแค่แอบมองเฟิ งเป่ ยเฉินที่กาํ ลัง
เดินไปเดินมาอย่างโมโหเดือดดาล
ส่ วนอวิน๋ เป้ าในตอนนี้กย็ งั เล่นหมากล้อมอยูก่ บั ฟู่ หยวนคัง ผูต้ ิดตามคนหนึ่งของอวิน๋ เป้ าเดินเข้ามา นํา
นํ้าชาร้อนมาเปลี่ยน ริ นนํ้าชาใส่ ถว้ ยของอวิน๋ เป้ าจนเต็มแล้ว ริ นจนเกือบล้น จากนั้นก็เดินมาริ นนํ้าชา
ตรงหน้าฟู่ หยวนคัง
อวิน๋ เป้ าเหลือบมองนํ้าชาที่อยูใ่ นถ้วยตัวเอง ในดวงตาฉายแววยิม้ เย้ย นี่คือสัญญาณที่นดั กันไว้ ริ นนํ้า
ชาเต็มถ้วยแสดงว่าเรื่ องราวเป็ นที่น่าพึงพอใจ แสดงว่าเรื่ องที่สงั่ ไว้ถูดจัดการเรี ยบร้อยแล้ว
ในตอนนี้เอง หญิงรับใช้ที่เฟิ งเป่ ยเฉิ นส่ งมาก็แจ้งทหารยามแล้วรี บร้อนเดินเข้ามา ถ่ายทอดเสี ยงบอกฟู่
หยวนคังว่า “ท่านปราชญ์ตอ้ งการพบท่านเจ้าค่ะ”
ฟู่ หยวนคังขมวดคิ้ว ถ่ายทอดเสี ยงถามว่า “มีเรื่ องอะไร?”
“ไม่ทราบค่ะ แต่ท่านปราชญ์เดือดดาลมาก ต้องการให้ท่านไปพบเดี๋ยวนี้” หญิงรับใช้ตอบ
อวิน๋ เป้ ายกถ้วยนํ้าชาขึ้นมาสูดเข้าปาก แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เรื่ องลึกลับอะไร ทําไมไม่พดู ต่อ
หน้า?”
“ไม่เล่นแล้ว!” ฟู่ หยวนคังปล่อยตัวหมากที่กาํ อยูใ่ นมือลงบนกระดาน ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
อวิน๋ เป้ าวางถ้วยนํ้าชาบนโต๊ะ แล้วพูดเหน็บแนมว่า “มารดาเจ้าเถอะ ฟู่ หยวนคัง เจ้าล้อข้าเล่นใช่ม้ ยั ?
ไอ้หลานอย่างเจ้ามายัว่ ยุให้ขา้ เล่นหมากล้อมด้วย ตอนนี้บทจะเลิกก็เลิก! ไม่เล่นแล้วก็ได้ แต่ยอมแพ้
แล้วส่ งสิ่ งของเดิมพันเอาไว้เสี ยดี ๆ ไม่อย่างนั้นก็อย่าคิดจะออกจากที่นี่เลย!”
ฟู่ หยวนคังไม่ได้พดู อะไรมาก พลิกฝ่ ามือแล้วดีดแหวนเก็บสมบัติเข้ามา
อวิน๋ เป้ ารับมาดูในมือ พอนับคร่ าว ๆ ว่ามีผลึกทองหนึ่งพันล้านครบ ก็โบกมือพูดทันที “ฝี มือการเล่นสู ้
คนอื่นไม่ได้กอ็ ย่าโมโหสิ ตอนนี้รู้ถึงความร้ายกาจของข้าแล้วสิ นะ รี บไสหัวไปเถอะ”
ฟู่ หยวนคังโมโหจนกัดฟันกรอด ตัวเองชนะมากกว่าแพ้แท้ ๆ ตอนนี้ยงั จะโมโหอะไรอีก แต่จนใจที่ทาํ
อะไรไม่ได้ ท่านปราชญ์กาํ ลังเร่ งรัด ไม่มีเวลามาใช้สิ้นเปลืองกับอวิน๋ เป้ า เขาสะบัดแขนเสื้ อ แล้วเร่ ง
ฝี เท้าเดินออกจากโถงหลักอย่างรวดเร็ ว
พอลูกน้องสี่ คนที่อยูข่ า้ งนอกเห็นเขาออกมา ก็เข้ามาล้อมทันที ฟู่ หยวนคังถ่ายทอดเสี ยงถามตอบกับ
พวกเขาพักหนึ่ง จากนั้นก็โบกมือ “ไป!”
พวกเขาเหาะขึ้นฟ้ าไปทันที มุ่งหน้าไปยังสํานักงามวิจิตร แล้วเหยียบลงที่นอกตําหนักใหญ่ตรงเขต
หวงห้ามโดยตรง ฟู่ หยวนคังเดินสาวเท้าเข้าไปคนเดียว เห็นเหมียวจวินอี๋กบั โม่หมิงยืนก้มหน้าอยูใ่ น
ตําหนักแล้ว เห็นเฟิ งเป่ ยเฉินกําลังเดินไปเดินมาด้วย
เขาก้าวขึ้นมากุมหมัดคารวะ “ท่านปราชญ์ ไม่ทราบว่าเรี ยกพบด้วยเรื่ องอะไรขอรับ?”
“เจ้าดูเอาเองสิ !” เฟิ งเป่ ยเฉิ นโยนแหวนเก็บสมบัติออกมา
ฟู่ หยวนคังทําสี หน้าสงสัย หลังจากได้เห็นแล้วก็ตกตะลึงพรึ งเพริ ด เงยหน้าถามว่า “เอ่อ… นี่… ท่าน
ปราชญ์ เป็ นเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นมองไปทางเหมียวจวินอี๋ เหมียวจวินอี๋เข้าใจความหมาย เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่ าว ๆ ทันที
เฟิ งเป่ ยเฉิ นพูดต่ออีกว่า “ฝ่ ายนภาแดนมารเป็ นอย่างไร?”
ฟู่ หยวนคังรี บตอบว่า “ข้าเล่นหมากล้อมอยูก่ บั อวิน๋ เป้ าตลอด ระหว่างนั้นเขาออกไปข้างนอกครู่ เดียว
แต่กช็ วั่ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไปกลับอย่างไม่รีบเร่ ง ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าไปต่อสู ม้ าเลย ข้าทําตัวลับ ๆ
ล่อ ๆ เพือ่ หลอกให้ท่านทูตใต้บงั คับบัญชาของเขาไปเฝ้ าอยูร่ อบ ๆ ลูกน้องของข้าก็เห็นพวกเขาอยู่
ตลอด ต่อให้มีคนอื่นออกไป แต่กเ็ ป็ นไปไม่ได้ท่ีจะสังหารท่านทูตทั้งสี่ ของเรา ยิง่ ไปกว่านั้นศิษย์นอ้ ง
ก็ยงั อยู่ ถ้าสู ก้ นั ขึ้นมาจริ ง ๆ ก็ยงั ไม่รู้เลยว่าใครจะฆ่าใครกันแน่ เป็ นไปไม่ได้ที่อวิน๋ เป้ าจะทําเรื่ องนี้”
พอพูดถึงตรงนี้ เหมียวจวินอี๋กบั โม่หมิงก็สบตากันแวบหนึ่ง พอจะฟังออกแล้วว่ามีปฏิบตั ิการลับอะไร
บางอย่างที่พวกเขาไม่รู้
“ที่สาํ คัญคือตอนนี้ไม่รู้วา่ ศิษย์นอ้ งหญิงของเจ้าเป็ นตายร้ายดียงั ไง!” เฟิ งเป่ ยเฉิ นที่เดินไปเดินมาพลัน
หยุดฝี เท้า แล้วกล่าวเสี ยงเข้ม “เจ้าพาคนไปดูตรงสถานที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้ พาไปคนเยอะ ๆ เพื่อป้ องกัน
เหตุไม่คาดคิด จวินอี๋กไ็ ปด้วย”
ตอนที่ 905

ลุกลามกลายเป็ นเรื่องใหญ่

“น้อมรับคําสัง่ !” เหมียวจวินอี๋เอ่ยรับตามฟู่ หยวนคัง แล้วออกไปรวบรวมกําลังพลด้วยกัน


ทิ้งโม่หมิงให้ยนื ตัวสัน่ งันงกอยูค่ นเดียว จากนั้นเฟิ งเป่ ยเฉินที่สีหน้ามืดครึ้ มเดาอารมณ์ยากก็โบกมือ
บอกให้เขาออกไปได้แล้ว
เฟิ งเป่ ยเฉิ นแดนเดินหน้าเครี ยดกลับไปที่ตาํ หนักหลัก ปรากฏว่าเห็นฉิ นซีเดินออกมาจากห้อง ยืนนิ่ง ๆ
อยูใ่ นโถง
“เหมือนท่านจะไม่พอใจมาก เกิดเรื่ องอะไรขึ้นหรื อคะ?” ฉินซี ถาม
เฟิ งเป่ ยเฉิ นไม่พอใจมากจริ ง ๆ เมื่อเห็นฉินซีในยามนี้กย็ งิ่ ไม่พอใจ เพราะใบหน้าเย็นชาเรี ยบเฉยของ
นาง เป็ นใบหน้าที่ไม่เคยยิม้ ให้เขามาหลายปี แล้ว
ไฟโกรธเพิ่มขึ้นเป็ นทวีคูณ เฟิ งเป่ ยเฉินไม่พดู พรํ่าทําเพลงอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ ก็ดึงมือนางเดินเข้าไปใน
ห้อง ฉี กเสื้ อผ้าบนร่ างกายนางออก ร่ างเปลือยอ้อนแอ้นที่ขาวหมดจดเปิ ดเผยอยูก่ ลางอากาศ ทําให้คน
เลือดลมสู บฉี ด
ฉิ นซี ยงั คงไม่สะทกสะท้าน มองดูการกระทําของเฟิ งเป่ ยเฉินด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็โดนโถมทับ
ปล่อยให้เฟิ งเป่ ยเฉิ นระบายอารมณ์…
ที่สาํ นักงามวิจิตร ตอนที่คนกลุ่มหนึ่งเหาะผ่านฟ้ ามาอย่างรวดเร็ ว เรื อนพักรับแขกของแดนปี ศาจก็มี
คนกลุ่มหนึ่งเหาะออกมาเช่นกัน
ฟู่ หยวนคังหันกลับไปมอง จากนั้นก็ยกมือเล็กน้อย เจอกับจีเต๋ อไห่ที่นาํ คนกลุ่มหนึ่งเหาะมา ตอนนี้จี
เต๋ อไห่สีหน้าแย่มากเช่นกัน
“ศิษย์นอ้ งข้าหายไปแล้ว” ฟู่ หยวนคังกล่าว
“น้องสาวข้าก็หายไปแล้วเหมือนกัน!” จีเต๋ อไห่กดั ฟัน
ทั้งสองเข้าในใจทันที ทั้งสองฝ่ ายประสบเหตุการณ์เดียวกัน จึงรี บนําคนเหาะออกไปโดยไม่พดู พรํ่าทํา
เพลง
ที่เรื อนพักรับแขกของนภาจอมมาร อวิน๋ เป้ านําคนกลุ่มหนึ่งมองดูคนอีกสองกลุ่มเหาะผ่านไปอย่าง
รวดเร็ ว แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “น่าสนุก!”
“คุณชายแปด เกิดอะไรขึ้น?” ซ่งหยวนฟานเอ่ยถาม เขารู ้วา่ เหมียวอี้อยูท่ ี่นี่ แต่ไม่รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น
“ถึงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา” อวิน๋ เป้ าหนตัวมามองทุกคน แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “คืนนี้อาจจะได้
ดูอะไรสนุก ๆ พวกเราสนใจแค่เป้ าหมายที่ตวั เองมาที่นี่กพ็ อ แต่ถา้ มีโอกาสได้ชุบมือเปิ บก็ลงมือได้
เลย”
ที่เรื อนพักรับรองแขกของทะเลดาวนักษัตร ประมุขถิ่นสี่ ทิศมองตามคนสองกลุ่มนั้นเช่นกัน บน
ใบหน้าเจือด้วยความฉงนสนเท่ห์
“คงไม่เกี่ยวกับเจ้าห้าหรอกใช่ม้ ยั ?” สงเวยหันซ้ายหันขวาเอ่ยถาม พี่นอ้ งที่เหลือส่ ายหน้า แสดงออกว่า
ไม่รู้เหมือนกัน
ที่เรื อนพักรับแขกของแดนพุทธะ ฝาไห่ที่แววตาเย็นชา สี หน้าไร้อารมณ์ รู ปร่ างผอมสู งและสวมจีวรสี
ม่วงทั้งตัวยืนประนมมืออยูข่ า้ งหน้า ข้างหลังเป็ นพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง พวกเขาถูกการเคลื่อนไหวใหญ่
ของคนสองกลุ่มทําให้ตกใจเช่นกัน มองไปทางที่คนสองกลุ่มนั้นหายไปด้วยกัน
“ใครก็ได้ ตามข้าไปดูหน่อยว่าเกิดเรื่ องอะไรขึ้น!” ฝาไห่เอ่ยเรี ยก แล้วนํากําลังพลเหาะขึ้นฟ้ าตามไป
อย่างรวดเร็ ว
ที่เรื อนพักของแดนผี อวี้หนูเจียวที่สวมชุดกระโปรงสี ดาํ ทั้งตัวนําคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามไป
ที่เรื อนพักรับแขกของแดนเซียน หลังจากคนกลุ่มหนึ่งเห็นเงาคนหายไปในม่านราตรี ก็หนั ไปมองอัน
หรู อวี้ที่ยนื อยูใ่ ต้ชายคาพร้อมกัน
ปรากฏว่าอันหรู อวี้ไม่พดู อะไรทั้งนั้น หันตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง โอวหยางกวงโผล่หน้าออกมา
แล้วเดินตามหลังเข้าไปในห้องเช่นกัน
หลังจากหลบสายตาฝูงชนแล้ว ทั้งสองก็ถ่ายทอดเสี ยงคุยกันอย่างระวังตัว โอวหยางกวงถามว่า “ฮู
หยิน ทิศทางที่พวกเขาไป… พวกเราไปดูกนั สักหน่อยมั้ย?”
อันหรู อวี้ถามว่า “จะไปดูอะไร? กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้เหรอว่าเรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเรา? แดนมารกับ
ทะเลดาวนักษัตรยังไม่เคลื่อนไหวอะไร คนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหมียวอี้กไ็ ม่เคลื่อนไหว พวกเราจะ
ไปทําอะไรล่ะ?”
โอวหยางกวงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้ากังวลว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นรึ เปล่า? จะว่าไปแล้วเจ้าเด็ก
นัน่ ก็ผา่ นอุปสรรคอันตรายมาไม่นอ้ ย ข้ารู ้สึกว่าเจ้าเด็กนัน่ มันไม่ได้ตายง่าย ๆ ขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นคง
ไม่รอดชีวติ มาจนถึงวันนี้หรอก”
อันหรู อวี้แสยะยิม้ “ถ้าคนสองกลุ่มร่ วมมือกันแล้วยังฆ่าไอ้ฆ่าไอ้จญั ไรนัน่ ไม่ได้ ก็แปลว่าคนสองกลุ่ม
นั้นไม่ได้เรื่ อง ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดแล้วอย่างไรล่ะ ขอแค่เจ้าชักใยอยูเ่ บื้องหลังอย่างระมัดระวัง ไม่ทิ้ง
จุดอ่อนอะไรเอาไว้กพ็ อแล้ว”
“เฮ้อ! ในเวลาและสถานที่แบบนี้ ข้าว่าที่พวกเราทําเรื่ องแบบนี้เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะนะ” โอวหยางก
วงกล่าวอย่างจนใจ
“ความคิดอ่านพื้น ๆ เหมือนสตรี !” ในฐานะที่เป็ นภรรยา คําพูดนี้ของอันหรู ทาํ ให้เขาค่อนข้างพูดไม่
ออก “ถ้าไม่ฉวยโอกาสทําตอนนี้ ด้วยฐานะตําแหน่งปั จจุบนั ของเขา ถ้ากลับไปแล้วเจ้ายังจะทําอะไร
เขาได้อีกเหรอ? ถ้าท่านปราชญ์ไม่อนุญาต ที่แดนเซี ยนก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขาเลย!”
ตรงสถานที่เก่าของสํานักงามวิจิตร คนสองกลุ่มเหาะตามกันลงมา ไม่นานก็พบร่ องรอยการต่อสู ้ รอย
เลือดบนพื้นได้บ่งบอกปัญหาไว้อย่างชัดเจนแล้ว
ตอนนี้ไม่ได้กงั วลกับเรื่ องนี้ คนที่ตายไปแล้วก็คือตายไปแล้ว ที่สาํ คัญที่สุดคือการยืนยันว่าชุยหย่งเจิน
กับจีเหม่ยเหมยยังมีชีวติ อยูห่ รื อไม่ และเกิดเรื่ องอะไรขึ้นกันแน่
คนที่ฟหยวนคั
ู่ งกับจีเต๋ อไห่พามาต่างก็แยกย้ายกันออกไป ตามหาเบาะแสไปทัว่ ทุกที่
ฝาไห่กบั อวี้หนูเจียวเจอกัน ทั้งสองสบตาอย่างรู ้ความคิดของกันและกัน ย่อมมองออกว่าตรงนี้เคยเกิด
การต่อสูม้ าก่อน ทั้งคู่ไปหาฟู่ หยวนคังกับจีเต๋ อไห่ที่กาํ ลังเหลียวซ้ายแลขวา อวี้หนูเจียวถามว่า “เกิด
เรื่ องอะไรขึ้น?”
ทั้งสองย่อมไม่บอกอยูแ่ ล้วว่าตัวเองวางกับดักสู ก้ บั เหมียวอี้แต่กลายเป็ นฝ่ ายเสี ยเปรี ยบเสี ยเอง ปล่อย
ให้ฝาไห่กบั อวี้หนูเจียวถามไป ทั้งสองฝ่ ายก็แค่ปิดปากเงียบไม่ตอบอะไร
คนที่แยกย้ายกันไปตามหา หลังจากค้นหาจนทัว่ เป็ นเวลาเกือบหนึ่งชัว่ ยาม ก็กลับมารายงานอย่างไม่มี
ผลงานอะไรเลย
ฟู่ หยวนคังกับจีเต๋ อไห่เหลือกําลังคนเอาไว้ที่นี่เพื่อค้นหาต่อ แล้วทั้งสองก็รีบกลับไปที่สาํ นักงามวิจิตร
ที่เขตหวงห้ามของสํานักงามวิจิตร เมื่อได้รับรายงานจากลูกศิษย์ที่กลับมา เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็ลุกออกจาก
กายเนื้ออันขาวหมดจดของฉิ นซี เขาลุกนัง่ อยูบ่ นเตียง แล้วลูบไล้บนเรื อนร่ างของฉิ นซี อย่างถนอมรัก
พักหนึ่ง ทําสี หน้าเหมือนยังติดใจในรสชาติ
หลังจากแต่งตัวเสร็ จ เฟิ งเป่ ยเฉินที่ได้ระบายอารมณ์กใ็ จเย็นลงแล้ว เขาหันกลับมามองฉิ นซี ที่โดนเขา
รังแกจนนอนเปลือยแน่นิ่งอยูบ่ นเตียงแวบหนึ่ง พอโบกแขนเสื้ อ ผ้าห่มก็มว้ นขึ้นมาห่มร่ างกายนาง
จากนั้นก็หนั ตัวเดินจากไป
ออกมาเจอฟู่ หยวนคังกับจีเต๋ อไห่ หลังจากถามสถานการณ์ชดั เจนแล้ว สี หน้าของเฟิ งเป่ ยเฉิ นก็บูดบึ้ง
ลง ถามจีเต๋ อไห่วา่ “เจ้าแน่ใจนะว่าฝ่ ายทะเลดาวนักษัตรไม่ได้เข้าไปช่วย?”
“เปล่าเลย! ข้าเฝ้ าอยูท่ ี่นนั่ ตลอด ” จีเต๋ อไห่ตอบ
“ทั้งสองฝ่ ายไม่มีใครไปช่วย ด้วยความสามารถของไอ้เด็กจัญไรนัน่ คงรับมือกับนักพรตบงกชทอง
มากมายขนาดนั้นไม่ไหว ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าจะฆ่าหมดจนไม่เหลือกลับมาสักคน!” เฟิ งเป่ ยเฉิ นแสยะ
ยิม้ “พวกเราคงตกหลุมพรางแล้ว หรื อไม่กม็ ีคนแอบช่วยเหลือ แต่ต่อให้มีคนแอบช่วยเหลือ เรื่ องราว
เกิดขึ้นปุบปับแต่ยงั เตรี ยมสถานที่ได้แม่นยํา แปลว่ามีคนปล่อยข่าวเรื่ องนี้ไว้ต้ งั แต่แรกแล้ว สงสัยพวก
เราจะโดนวางกับดัก!”
“หมายถึงฝ่ ายแดนเซี ยนเหรอ?” จีเต๋ อไห่ลงั เล จากนั้นก็ส่ายหน้าทันที “ข้าว่าไม่น่าจะเป็ นไปได้ ถ้าเป็ น
แบบนี้จริ ง ๆ จะไม่เป็ นการย้ายหิ นทุ่มใส่ เท้าตัวเองเหรอ ตัวพวกเขาก็ยงั อยูท่ ี่นี่ ไม่กลัวพวกเราจะล้าง
แค้นเชียวหรื อ?”
“เจ้ามีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าฝ่ ายแดนเซียนเข้าร่ วมเรื่ องนี้ดว้ ย?” เฟิ งเป่ ยเฉินถาม
จีเต๋ อไห่ไม่ตอบอะไร เพราะไม่มีหลักฐานจริ ง ๆ มีแค่คนแอบมาติดต่อกับฝ่ ายเขา บอกว่าจะหาทางล่อ
เหมียวอี้ออกไปให้ จะสร้างโอกาสให้พวกเขาลงมือ
“ไม่วา่ พวกเขาจะยอมรับหรื อไม่ เจ้าก็ตอ้ งไปขอคําอธิบาย ถ้าไม่ได้คาํ อธิบาย ก็เอาชีวติ แลกชีวติ หาตัว
คนที่อยูเ่ บื้องหลังมาให้ได้!” เฟิ งเป่ ยเฉิ นสัง่ ฟู่ หยวนคัง
เขาไม่เชื่อว่าเหมียวอี้จะสามารถรับมือกับคนมากมายขนาดนั้นได้ ต่อให้พวกอันหรู อวี้จะมาช่วย แต่ก็
เป็ นไปไม่ได้ที่จะฆ่าหมดจนไม่เหลือรอดกลับมาสักคน เขาสงสัยว่ายังมีคนซ่อนอยูเ่ บื้องหลัง
“ขอรับ!” ฟู่ หยวนคังกุมหมัดน้อมรับคําสัง่ แล้วหันตัวไปมองจีเต๋ อไห่ “เจ้าล่ะ?”
จีเต๋ อไห่ลงั เลนิดหน่อย จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าไปด้วย!”
จากนั้นทั้งสองก็ออกไปด้วยกัน ผ่านไปครู่ เดียว ทั้งสองฝ่ ายก็เลือกยอดฝี มือของตัวเอง แล้วรี บไปล้อม
ภูเขาซึ่งเป็ นที่พกั ของแดนเซียนเอาไว้ ท่าทางเหมือนเสื อที่พร้อมตะครุ บ
การเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ทําให้พวกฝาไห่กบั อวี้หนูเจียวที่กาํ ลังกลับที่พกั รู ้สึกเหลือเชื่อมาก ย่อม
ต้องมามุงดูเอาสนุกสักหน่อย
บรรดาสํานักหลอมของวิเศษที่ได้รับเชิญมาดูการประลองของวิเศษก็ประหลาดใจไม่หยุดเช่นกัน ต่าง
ก็หนั มามองทางด้านนี้
“ยะฮู!้ ความบันเทิงเริ่ มขึ้นแล้ว ไปเถอะ ไปดูกนั สักหน่อย!” อวิน๋ เป้ าเรี ยกกําลังพลเหาะออกไป
ขณะเดียวกันก็เหลือคนส่ วนหนึ่งให้เฝ้ าไว้ ถึงอย่างไรเหมียวอี้กย็ งั ซ่อนตัวอยูท่ ี่นี่
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เป็ นไปไม่ได้ที่ฝ่ายแดนเซี ยนจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบเลย กําลังพลมา
รวมกันตรงนี้แล้ว เฝ้ าระวังกําลังผลที่ลอ้ มอยูบ่ นฟ้ า อันหรู อวี้กย็ งิ่ ชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้ าพลางตวาดว่า “ฟู่
หยวนคัง จีเต๋ อไห่ พวกเจ้าทําแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“หมายความว่ายังไงเหรอ?” ฟู่ หยวนคังแสยะยิม้ นําแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมาสะบัด ทําให้ศพ
หลายศพร่ วงกระแทกลงพื้น
จีเต๋ อไห่กท็ าํ แบบนี้เช่นกัน ศพหลายศพที่กลับร่ างเดิมและโดนควักยาปี ศาจออกไปแล้ว ในตอนนี้ถูก
โยนลงในลานบ้านด้านล่างเช่นกัน
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นศพท่านทูตของแดนอู๋เลี่ยงและแดนปี ศาจตั้งแปดศพ ฝาไห่กบั อวี้หนูเจียวตกใจมาก
คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มนั เรื่ องอะไรกัน?
อวิน๋ เป้ าเอามือลูบคางพูดกลั้วหัวเราะ “เด็ก ๆ เอ๋ ย ตอนกลางวันยังเห็นแปดคนนี้ตวั เป็ น ๆ อยูเ่ ลย ทําไม
ชัว่ พริ บตาเดียวก็กลายเป็ นเนื้อที่พร้อมกินซะแล้วล่ะ? ไม่ได้ยนิ เสี ยงอะไรเลยสักนิด ใครมันฆ่าคนได้
เก่งกาจขนาดนี้!”
ชัดเจนว่าเจ้าเวรนี่กาํ ลังมีความสุ ขบนความทุกข์ของคนอื่น กําลังพลของเขาก็หวั เราะร่ าเช่นกัน
โดยเฉพาะคนที่เข้าร่ วมอยูใ่ นนั้น
แน่นอน ฝาไห่กบั อวี้หนูเจียวก็มีความสุ ขอยูบ่ นความทุกข์ของคนอื่นเช่นกัน
คนของฝ่ ายแดนเซี ยนค่อนข้างตกใจ ส่ วนใหญ่หาคําตอบกับเรื่ องนี้ไม่ได้ อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงสี
หน้าเปลี่ยนทันที พอจะเดาอะไรได้ราง ๆ แล้ว ทั้งสองรู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ เป็ นไปได้สูงว่าจะทําพลาด
ไม่อย่างนั้นสองคนนี้คงไม่จาํ เป็ นต้องฆ่าท่านทูตพวกนี้เพื่อแสดงละครตบตาหรอก เพราะผลที่ตามมา
ใหญ่หลวงเกินไป
โอวหยางกวงชําเลืองอันหรู อวี้ฮูหยินของตัวเองแวบหนึ่ง โน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ได้ผล ตอนนี้เป็ นยังไง
ล่ะ!
อันหรู อวี้ถลันตัวเหาะขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วถามอย่างเกรี้ ยวกราดว่า “ฟู่ หยวนคัง แดนอู๋เลี่ยงของ
พวกเจ้ามีวธิ ีรับแขกอย่างนี้เหรอ?”
“อย่ามาแกล้งโง่หน่อยเลย! เจ้าติดต่อกับพวกเราสองแดนให้วางกับดักลอบสังหารไอ้เหมียวจัญไร ผล
ก็คือคนของพวกเราตายแล้ว! อันหรู อวี้ ถ้าวันนี้เจ้าไม่ให้คาํ อธิบาย ก็อย่าคิดว่าจะรอดชีวติ ออกจากที่นี่
ไปได้!” ฟู่ หยวนคังตะคอก
เยว่เทียนโปที่เตรี ยมพร้อมอยูใ่ นลานบ้านหันขวับไปมองอันหรู อวี้ ดวงตาฉายแววระแวงสงสัย
“มันเรื่ องอะไรกัน?” อวิน๋ เป้ าพลันตะคอกถาม “สังหารเขยของนภาจอมมารเหรอ? เหมียวอี้ล่ะ? เหมียว
อี้อยูท่ ี่ไหน?” พูดเหมือนกลัวว่าในใต้หล้าจะไม่เกิดเรื่ องวุน่ วาย
กลุ่มปี ศาจเฒ่าของทะเลดาวนักษัตรที่ดูเหตุการณ์อยูไ่ กล ๆ พอได้ยนิ แล้วก็เหาะพรวดเข้ามา มาเรี ยง
แถวหน้ากระดานออยูบ่ นฟ้ า แล้วมองลงมาข้างล่างด้วยแววตาเย็นเยียบ
ทั้งสี่ แอบประหลาดใจอยูบ่ า้ ง ก่อนหน้านี้ได้รับข่าวจากราชาปี ศาจกระดูกขาว ว่าเหมียวอี้แอบลักลอบ
เข้ามา เหมือนจะยังสบายดี ทั้งยังพูดสัง่ อย่างอะไรบางอย่างเอาไว้อย่างลับลมคมนัย อย่าบอกนะว่าเวลา
สั้น ๆ แค่น้ ีกเ็ กิดเรื่ องขึ้นได้?
อันหรู อวี้เหมือนจะทําสี หน้าแปลก ๆ นางรู ้สึกอึ้งนิดหน่อย จากนั้นก็พดู เหมือนอยากขําว่า “ฟู่
หยวนคัง พวกเรากับพวกเจ้าร่ วมกันวางแผนลอบสังหารเหมียวอี้ง้ นั เหรอ เจ้าคิดว่าเป็ นไปได้รึไง? ถ้า
อยากจะสูก้ บั กําลังพลของแดนเซียนก็เข้ามาได้เลย ไม่จาํ เป็ นต้องหาข้ออ้างอะไรหรอก คิดว่าเรากลัว
พวกเจ้ารึ ไงล่ะ!”
นางเองก็นึกไม่ถึงว่าการฆ่าเหมียวอี้แค่คนเดียวจะสร้างเรื่ องราวใหญ่โตขนาดนี้ได้ รู ้วา่ ไม่มีทางคุยกัน
ดี ๆ ได้แล้ว ท่านทูตตายไปแล้วแปดคนไม่ใช่เรื่ องล้อเล่น นางแค่คิดไม่ตก ว่ามียอดฝี มือมากมายแต่
ทําไมถึงกลายเป็ นแบบนี้ได้? แดนปี ศาจกับแดนอู๋เลี่ยงเลี้ยงฝูงหมูเอาไว้รึไง!
ท่านทูตทั้งสิ บสองสายของนางถืออาวุธลอยขึ้นมาบนฟ้ าแล้ว แต่ละคนมองหญิงรับใช้ของตัวเองด้วยสี
หน้าเคร่ งเครี ยด เพราะรู ้อยูแ่ ก่ใจว่าถ้าลงมือต่อสู ก้ นั ถ้ากลุ่มนักพรตบงกชทองได้แลกหมัดกัน หญิงรับ
ใช้ของตัวเองก็จะมีโอกาสตายมากกว่ารอด ทุกคนแอบถ่ายทอดเสี ยงสัง่ ว่า “ถ้าเห็นท่าไม่ดีกห็ นีไป
ทันที!”
ตอนที่ 906

เยารั่วเซียนทีท่ าํ เสียเรื่อง

บรรยากาศตึงเครี ยดทันที พายุกาํ ลังจะกระหนํ่า!


จีเต๋ อไห่สีหน้ามืดครึ้ ม ประกาศคําเตือนครั้งสุ ดท้ายว่า “อันหรู อวี้ ส่ งตัวจีเหม่ยเหมยกับเหมียวอี้มา!”
“ส่ งตัวศิษย์นอ้ งชุยมา!” ฟู่ หยวนคังกล่าวตาม
เมื่อได้ยนิ ทั้งสองกล่าวเช่นนี้ ก็ทาํ ให้คนไม่นอ้ ยตื่นตะลึง ไม่ใช่แค่สงั หารท่านทูตทิ้งแปดคน แต่ชุย
หย่งเจินกับจีเหม่ยเหมยก็ตกอยูใ่ นมืออีกฝ่ ายด้วยเหรอ?
แม้แต่อนั หรู อวี้กส็ งั เกตได้วา่ เรื่ องราวชักประหลาดพิลึก ยังไม่ตอ้ งพูดถึงคนอื่น ชุยหย่งเจินที่ฝึกมหา
เคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงถึงระดับหนึ่งแล้ว จะตกอยูใ่ นนํ้ามือของเหมียวอี้ได้อย่างไร? เรื่ องนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่
นางคาดการณ์ไว้ นางไม่เข้าใจว่าเรื่ องราวเป็ นอย่างไรกันแน่ แต่ตอนนี้จะไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น “ข้า
ไม่เข้าใจว่าพวกเจ้ากําลังพูดเรื่ องอะไร!”
เหมียวอี้ที่ปลอมตัวปะปนอยูก่ บั กลุ่มคนบนฟ้ าแอบขํา ตีกนั เลยสิ วะ! จะดีมากถ้าช่วยข้าเล่นงานนางป้ า
อันหรู อวี้ให้ตาย พวกเจ้ายิง่ ตายเยอะเท่าไรก็ยงิ่ ดี เอาให้พินาศย่อยยับไปทั้งสองฝ่ าย รอให้พลังปราณ
ของพวกเจ้าเสี ยหายอย่างหนัก ถึงตอนนั้นถ้าเยารั่วเซียนปรากฏตัว ข้าจะได้ช่วยเขาไปได้สะดวก
หน่อย!
โม่หมิงเจ้าสํานักงามวิจิตรที่กาํ ลังดูเหตุการณ์อยูบ่ นฟ้ า ตอนนี้เรี ยกได้วา่ ปวดร้าวหัวใจ ถ้ายอดฝี มือ
กลุ่มนี้ตีกนั ขึ้นมา สํานักงามวิจิตรของเขาจะต้องจบเห่แน่ ไม่รู้วา่ มีลูกศิษย์ต้ งั เท่าไรที่จะต้องติดร่ างแห
ซวยไปด้วย ตอนสํานักงามวิจิตรโดนถล่มในปี นั้น ศิษย์ในสํานักบาดเจ็บล้มตายจํานวนมาก ต้องใช้
เวลาเป็ นพันปี กว่าจะฟื้ นฟูพลังชีวติ กลับมาได้ นึกไม่ถึงว่าจะประสบกับเรื่ องนี้อีกแล้ว
เมื่อเห็นแต่ละคนถืออาวุธขึ้นมา ก็รู้วา่ ศึกใหญ่กาํ ลังจะปะทุ คนที่ไม่เกี่ยวข้องพากันถอยหลังแล้ว แต่
ใครจะคิดว่าจู่ ๆ ดันมีเสี ยงตะโกนดังมาจากแนวภูเขา “จื่อหยางอยูน่ ี่แล้ว! เซี่ ยงไป่ ถิง กล้าประลองกับ
ข้าสักยกมั้ย!”
ทุกคนตะลึงงัน เหมียวอี้กง็ งเช่นกัน นี่คือเสี ยงของเยารั่วเซี ยนแน่นอน
ทุกคนเอียงศีรษะหันไปมอง ชําเลืองไปทางกลุ่มคนของสํานักหลอมของวิเศษที่ลอยอยูบ่ นฟ้ า เห็น
เพียงคนคนหนึ่งถลันตัวออกมาจากตรงกลาง เหาะไปอยูบ่ นฟ้ าเหนือหุบเขา พอสะบัดแขนสองข้าง
หนังกําพร้าบนใบหน้าก็ระเบิดออกและลอยไปกับสายลม เผยโฉมหน้าที่แท้จริ งออกมา ตรงหว่างคิ้ว
เผยวรยุทธ์บงกชแดงขั้นหก
เหมียวอี้ถลึงตาจ้อง ถ้าไม่ใช่เยารั่วเซี ยนแล้วจะเป็ นใครไปได้!
เพียงแต่วนั นี้เยารั่วเซี ยนแต่งองค์ทรงเครื่ องเต็มยศ มองไม่เห็นสภาพมอมแมมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ใน
ที่สุดก็สภาพเหมือนคนปกติข้ ึนมาเสี ยที
“พี่หวง ท่าน…” เจ้าสํานักหลอมของวิเศษชี้ไปที่เยารั่วเซี ยน “ท่าน… ท่านคือท่านจื่อหยางเหรอ!”
เยารั่วเซี ยนหันตัวมา กุมหมัดคารวะพร้อมบอกว่า “พี่เปา ไม่ผดิ หรอก ข้าคือจื่อหยาง! ในปี นั้นที่ได้เริ่ ม
คบค้ากับพี่เปา ข้าโดนกดดันจนไม่มีทางเลือกจริ ง ๆ จําเป็ นต้องปิ ดบังชื่อแซ่ที่แท้จริ ง ครั้งนี้อาศัยให้
สํานักของท่านคุม้ กันมาส่ งที่นี่ เป็ นเพราะจําใจจริ ง ๆ หวังว่าพี่เปาจะไม่ถือสา คาดว่าบุคคลสําคัญ
มากมายที่อยูต่ รงนี้กจ็ ะไม่ถือสาสํานักของท่านเช่นกัน!” พูดจบก็กม้ หน้าขออภัยอีกครั้ง
เจ้าสํานักแซ่เปาท่านนั้นอึ้งกิมกี่ไปเลย
เหมียวอี้กระตุกมุมปาก นึกไม่ถึงว่าเยารั่วเซี ยนก็มีช่องทางของตัวเองเหมือนกัน ปะปนเข้ามาอยูท่ ี่นี่
แล้ว สงสัยตัวเองจะสอนจระเข้วา่ ยนํ้าซะแล้ว!
แต่เจ้าจะโผล่มาตอนไหนก็ไม่โผล่ ดันมาโผล่ตอนนี้เนี่ยนะ? บอกว่าวันที่สิบเก้าไม่ใช่เหรอ? เหมียวอี้
หมัน่ ไส้นิดหน่อย พบว่าเจ้าบ้าเยารั่วเซี ยนส่ งปัญหาที่แก้ยากมาให้เขา ทั้งยังทําลายเรื่ องดี ๆ ของเขา
ด้วย!
อันที่จริ งเยารั่วเซียนก็นึกไม่ถึงว่าเรื่ องราวจะลุกลามถึงขั้นนี้ เขามีวธิ ีของตัวเองในการแฝงตัวเข้ามา แต่
จู่ ๆ กลับมีข่าวลือดังสะเทือนใต้หล้า เปิ ดโปงความจริ งเรื่ องการประลองใหญ่ของสํานักงามวิจิตรในปี
นั้น ไม่ตอ้ งเดาก็รู้วา่ ใครทํา นอกจากเจ้าคนขาดคุณธรรมเหมียวอี้แล้วจะเป็ นใครไปได้อีก เขาเองก็รู้วา่
เหมียวอี้หวังดีกบั เขา แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ตอนที่เขามาที่นี่ ตอนกลางวันก็เจอเหมียวอี้แล้วเหมือนกัน แต่จนใจที่ไม่สะดวกจะเข้าไปคลุกคลี เขา
เองก็เดาออกว่าเหมียวอี้อาจจะมาเพราะเขา แต่สิ่งที่ทาํ ให้เขาคาดคิดไม่ถึงเลยก็คือ เรื่ องราวที่กาํ ลัง
ลุกลามใหญ่โตอยูต่ อนนี้ เหมียวอี้ติดกับดักแล้ว ตอนนี้ไม่รู้วา่ เป็ นตายร้ายดียงั ไง!
จู่ ๆ เยารั่วเซียนก็พบว่าตัวเองเห็นแก่ตวั เกินไป ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นกับเหมียวอี้จริ ง ๆ เขาจะเผชิญหน้ากับ
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ยงั ไง ความเจ็บปวดรวดร้าวในใจตอนนี้ ยากที่จะอธิบายออกมาเป็ นคําพูดได้
และสาเหตุที่ปรากฏตัวตอนนี้ ก็เพราะไม่อยากให้สาํ นักงามวิจิตรถูกทําลายเพราะตัวเอง ถึงแม้ครั้งนี้
จะมาเพื่อล้างความอัปยศ แต่ถึงอย่างไรสํานักงามวิจิตรก็เป็ นสถานที่ที่ชุบเลี้ยงเขามาจนโต ทั้งยังมี
บุญคุณถ่ายทอดวิชาความรู ้ให้ดว้ ย ถ้าหากไม่มีสาํ นักงามวิจิตร ก็ไม่มีเขาในตอนนี้เช่นกัน เขาแค่อยาก
ล้างความอัปยศ ไม่ได้อยากทําลายสํานักงามวิจิตร
ส่ วนจะมีชีวติ รอดต่อไปได้หรื อไม่น้ นั ก็ไม่ได้อยูใ่ นขอบเขตการพิจารณาของเขาเลย ตอนที่มาเขาก็ไม่
เคยคิดว่าจะรอดชีวติ กลับไปอยูแ่ ล้ว จึงนําตัก๊ แตนรวมทั้งทรัพยากรฝึ กตนทั้งหมดทิ้งไว้ที่ปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั ของเหมียวอี้
เห็นอยูต่ าํ ตาว่ากําลังจะตีกนั แล้ว แต่เพราะการปรากฏตัวของเยารั่วเซียน ทําให้สถานการณ์ผอ่ นคลาย
ลงทันที ความสนใจของทุกคนไปอยูท่ ี่ตวั เขาหมดแล้ว
ซวบ! เงาคนคนหนึ่งถลันมาอยูต่ รงหน้าเยารั่วเซียน โม่หมิงเจ้าสํานักสํานักงามวิจิตรนัน่ เอง เขามองเยา
รั่วเซียนด้วยแววตาสับสน เหมือนจะสังเกตเห็นว่าเยารั่วเซี ยนแก่ลงเยอะ ถามด้วยนํ้าเสี ยงจนใจว่า
“ทําไมเจ้าต้องทําเช่นนี้?”
เยารั่วเซียนมองเขา เหมือนกําลังอยูใ่ นอารมณ์ฮึกเหิ ม เพียงก้มหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร
โม่หมิงถามด้วยสี หน้าขื่นขมเศร้าโศก “เจ้ายังจะกลับมาทําไมอีก? ในเมื่อไปแล้ว ยังจะกลับมาอีก
ทําไม? หายตัวไปตั้งหลายปี ขนาดนี้ จะโผล่มาอีกทําไม? ไม่ง่ายเลยกว่าจะอยูร่ อดมาได้ ทําไมไม่ใช่
ชีวติ อยูต่ ่อไปให้ดี?” ถามเหมือนจะสื่ อว่า ทําไมต้องถ่อมารนหาที่ตาย!
อารมณ์ที่ข่มอยูใ่ นก้นบึ้งหัวใจของเยารั่วเซี ยน ราวกับระเบิดออกมาในชัว่ พริ บตาเดียว เขาคํารามอย่าง
โกรธแค้นว่า “ไม่ยตุ ิธรรม! ก็เพราะไม่ยตุ ิธรรมไง! ไม่วา่ ใครก็ปฏิบตั ิต่อข้าอย่างขาดความยุติธรรมได้
แต่ไม่ใช่ท่าน! ท่านคือคนที่ขา้ เชื่อใจมากที่สุด! เหตุใดจึงทําเช่นนั้นกับข้า? ข้าทําอะไรผิดกันแน่? ข้า
แค่อยากทวงถามความยุติธรรม!” ตอนพูดประโยคสุ ดท้าย เขากําหมัดและคํารามออกมาจนเสี ยงแทบ
แตก
โม่หมิงเหลือบมองผมที่หงอกขาวของเยารั่วเซี ยน ถอนหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วบอกว่า “เรื่ องบางเรื่ อง
ไม่จาํ เป็ นต้องถามว่าเพราะอะไร จะทวงความยุติธรรมได้หรื อไม่แล้วยังไงล่ะ? การได้มีชีวติ อยูต่ ่อไป
ย่อมดีกว่าสิ่ งใดทั้งนั้น ทําไมไม่ปิดบังชื่อแซ่แล้วใช้ชีวติ อยูต่ ่อไปให้ดี ๆ ทําไมต้องมาที่นี่ ทําไมโง่เง่า
ขนาดนี้?”
ในขณะนี้เอง เงาคนคนหนึ่งแวบมาอยูข่ า้ งกายโม่หมิง เป็ นเหมียวจวินอี๋นนั่ เอง นางชี้เยารั่วเซียนพร้อม
ตะคอกว่า “ศิษย์อกตัญญู! บังอาจมาทําตัวกําเริ บเสิ บสานที่นี่เหรอ ถ้ารู ้แต่แรกว่าจะเป็ นแบบนี้ ในปี นั้น
ก็ไม่ควรใจดีปล่อยให้เจ้ารอดชีวติ ไปเลย แทนที่จะรู ้จกั ตอบแทน กลับจะมาทําลายสํานัก นี่ไม่ใช่ที่ที่
เจ้าจะมาพาลเกเร เด็ก ๆ ! มาจับตัวศิษย์ทรยศคนนี้ไว้!”
ศิษย์สาํ นักงามวิจิตรหลายคนถลันตัวเข้ามาทันที แต่ใครจะคาดคิด โม่หมิงพลันตะคอกว่า “หลีกไปให้
หมด!”
ศิษย์พวกนั้นชะงักงันอยูบ่ นฟ้ า ไม่รู้วา่ ควรจะเชื่อฟังใครดี สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวจวินอี๋เดือดดาลทันที แต่
คาดไม่ถึงว่าโม่หมิงจะคว้าข้อมือนางไว้ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “หลีกไป!”
เหมียวจวินอี๋ค่อย ๆ หันหน้ามามองเขา “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกให้เจ้าหลีกไป!” โม่หมิงตะคอกเสี ยงดัง เหมือนจะระเบิดอารมณ์อย่างถึงที่สุดแล้ว ตะคอก
อย่างโมโหว่า “เจ้าหรื อข้ากันแน่ที่เป็ นเจ้าสํานักงามวิจิตร!” เขากวาดสายตามองลูกศิษย์พวกนั้นอีก
“ข้าให้พวกเจ้าหลีกไป ไม่ได้ยนิ รึ ไง?”
ศิษย์พวกนั้นหัวหดทันที ค่อย ๆ เหาะกลับไปอย่างรู ้สึกลําบากใจ
“เจ้า…” เหมียวจวินอี๋โกรธจนหน้าเขียว ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่จู่ ๆ กลับได้ยนิ คนถ่ายทอดเสี ยง
ถามอย่างเย็นเยียบ “เจ้าคิดจะทําอะไร?”
เหมียวจวินอี๋สีหน้าเปลี่ยนทันที ก้มหน้าถอยออกไปแต่โดยดี ถลันตัวกลับไปที่สาํ นักงามวิจิตร เข้าไป
ในหน้าต่างบานหนึ่งของชั้นลอยที่กาํ ลังเปิ ดอยู่
ในชั้นลอยนั้น เฟิ งเป่ ยเฉิ นกําลังยืนเอามือไขว้หลัง มองดูเหตุการณ์ขา้ งนอกผ่านหน้าต่างที่ฉลุลาย
ดอกไม้ โดยมีฉินซียนื อยูข่ า้ งกาย
“ท่านปราชญ์!” เหมียวจวินอี๋กา้ วขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ศิษย์อกตัญญูนนั่ น่าโมโหจริ ง ๆ
ข้า…”
เพียะ! เสี ยงดังฟังชัด เฟิ งเป่ ยเฉินหันมาตบหน้านางฉาดหนึ่ง แล้วก็เตะนางจนล้มไปนัง่ อยูบ่ นพื้น ก่อน
จะแสยะยิม้ “นี่ไม่ใช่ผลงานที่เจ้าทําในปี นั้นหรอกเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะคนโง่เง่าอย่างเจ้า จะเกิดเรื่ อง
เหมือนอย่างวันนี้เหรอ? วันนี้ศิษย์พี่หญิงของเจ้าเป็ นอย่างไรบ้างก็ยงั ไม่รู้ ทั้งยังทําให้ขา้ เสี ยท่านทูตไป
สี่ คนอีก ข้ายังไม่ทนั ได้คิดบัญชีกบั เจ้าเลย เจ้ายังกล้าทําบุ่มบ่ามอีก หรื อเห็นคําพูดข้าเป็ นเพียงลมที่ผา่ น
หู? ข้าว่าเจ้าต่างหากที่เป็ นศิษย์ทรยศ!”
เหมียวจวินอี๋นงั่ เอามือกุมหน้าและก้มศีรษะอยูบ่ นพื้น ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ฉินซีที่อยูข่ า้ ง ๆ เอียงหน้ามองนางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แต่กไ็ ม่ได้พดู อะไรทั้งนั้น หันกลับไปมอง
นอกหน้าต่างต่อไป
เฟิ งเป่ ยเฉิ นพ่นเสี ยงทางจมูก เอามือไขว้หลังแล้วหันตัวมา มองดูเหตุการณ์นอกหน้าต่างต่อไป
ตอนนี้มีคนอีกคนถลันตัวมาอยูข่ า้ งกายโม่หมิงแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน โม่จวินหลันลูกสาวของเขา
นัน่ เอง เฟิ งเป่ ยเฉินเห็นแล้วขมวดคิว้ โดยไม่รู้ตวั
“หลันเอ๋ อร์ เจ้ามาทําอะไร?” โม่หมิงตะคอก “หรื อเจ้าก็ไม่เชื่อฟังคําพูดข้าเหมือนกัน?”
โม่จวินหลันไม่สนใจเขา จ้องแต่เยารั่วเซียน พลางถามด้วยสี หน้าเศร้าสลด “ศิษย์พี่รอง! ข่าวลือข้าง
นอกมาจากท่านรึ เปล่า เป็ นเรื่ องจริ งรึ เปล่า?”
พอเยารั่วเซี ยนเห็นนางปรากฏตัว เห็นใบหน้างามที่คุน้ เคยของนาง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นหวัน่ ไหวอีก
หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงย่างรวดเร็ ว อึกอักพูดไม่ออกอยูพ่ กั ใหญ่ แต่หลังจากมองโม่หมิงแวบหนึ่ง ใน
ดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวด จู่ ๆ ก็กาํ หมัดทุบหน้าอกตัวเองเสี ยงดังตุบ้ ๆ พลางประกาศเสี ยงดังต่อหน้า
ทุกคน “ข่าวลือข้างนอกไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย ข้าไม่ใช่คนปล่อยข่าวด้วย แท้จริ งแล้วมีคนตํ่าทราม
คอยชักใย มีคนคอยปั่ นป่ วนสถานการณ์ ข้ามาที่นี่เพราะอยากจะประลองอย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น!”
เมื่อได้ยนิ คําพูดเหล่านี้ เหมียวอี้กแ็ ยกเขี้ยวยิงฟัน ด่าในใจว่า ไอ้แก่เอ๊ย ข้าอุตส่ าห์หวังดีช่วยเจ้า แต่กลับ
กลายเป็ นคนตํ่าทรามคอยชักใยไปแล้ว!
แต่การที่เยารั่วเซียนพูดแบบนี้ออกมา ก็ไม่ต่างอะไรกับการลบล้างชื่นเสี ยงฉาวโฉ่ของสํานักงามวิจิตร
ต่อหน้าฝูงชน จะมีคาํ อธิบายใดที่มีน้ าํ หนักไปกว่าคําให้การที่เขาพูดเองกับปากในเวลานี้ล่ะ?
เฟิ งเป่ ยเฉิ นที่ดูสถานการณ์อยูใ่ นชั้นลอยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาก้มมองเหมียวจวินอี๋ที่นงั่
อยูข่ า้ งหลัง แล้วกล่าวเสี ยงเรี ยบ “ดูออกเลย จื่อหยางคนนี้ยงั รู ้สึกสนใจหลันเอ๋ อร์มาก พอหลันเอ๋
อร์ปรากฏตัว เขาก็ยอมกลํ้ากลืนความไม่เป็ นธรรมทุกอย่าง ดูเหมือนจะไม่สนใจว่าหลันเอ๋ อร์แต่งงาน
แล้ว สิ่ งนี้สะท้อนให้เห็นความจริ งใจ! ลูกเขยประเสริ ฐแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ แต่กลับโดนเจ้าทิ้งไปเสี ย
ได้ จําคําของข้าเอาไว้นะ เรื่ องนี้ควรค่าที่จะทํา การหาผูช้ ายที่ดีต่อหลันเอ๋ อร์จากใจจริ งนั้นแย่ตรงไหน
เหรอ? เป็ นผูช้ ายนะ ไม่ใช่ผหู ้ ญิง รู ปร่ างหน้าตาของผูช้ ายไม่ใช่สิ่งที่สาํ คัญเลย มีความสามารถก็ยอ่ ม
ดีกว่าอะไรทั้งนั้น!”
เหมียวจวินอี๋กดั ริ มฝี ปากโดยไม่ตอบอะไร
ส่ วนโม่หมิงที่อยูต่ รงหน้า ในใจกลับเหมือนโดนคลื่นโหมซัดใส่ ได้แต่มองดูลูกศิษย์ที่ถูกทอดทิ้งอย่าง
พูดไม่ออก การที่เยารั่วเซียนพูดคํานี้ออกมาต่อหน้าทุกคน ในใจเขารู ้ดีที่สุดว่าเยารั่วเซี ยนกลํ้ากลืน
ความไม่เป็ นธรรมขนาดไหน เมื่อพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนแล้ว ต่อไปก็ไม่มีโอกาสลบล้างความไม่เป็ น
ธรรมอีก ถ้าพูดกลับไปกลับมาก็จะไม่มีใครเชื่อแล้ว ใครจะไปรู ้วา่ เรื่ องไหนจริ งเรื่ องไหนเท็จ ทําแบบ
นี้เท่ากับต้องแบกรับความไม่เป็ นธรรมไปทั้งชาติ!
โม่จวินหลันแค่มองตาเยารั่วเซี ยนเท่านั้น นางไม่พดู อะไรสักคํา เหมือนจะอ่านอะไรออกจากความขื่น
ขมที่ฉายอยูใ่ นดวงตาของเขา ดวงตานางไม่ได้ฉายแววดีใจเพราะคําตอบนี้ได้พิสูจน์อะไร แต่กลับเศร้า
สลดผิดหวังด้วยซํ้า
“หลันเอ๋ อร์หลีกไป!” โม่หมิงหันหน้าไปสัง่
หลังจากโม่จวินหลันหันตัวเหาะจากไปเงียบ ๆ โม่หมิงก็ถามเสี ยงดังว่า “ไป่ ถิง! ศิษย์นอ้ งจะมา
ประลองกับเจ้า เจ้ากล้ารับคําท้ามั้ย?”
ตอนที่ 907

เจดีย์งามวิจติ รเล็ก

ชายที่มีลกั ษณะสง่างามคนหนึ่งถลันตัวเข้ามา เขาคือเซี่ยงไป่ ถิงนัน่ เอง เขากุมหมัดคารวะโม่หมิงด้วย


ความเคารพก่อน “ท่านอาจารย์!”
จากนั้นก็หนั ตัวมาหาเยารั่วเซียน ถามอย่างจนใจว่า “ศิษย์นอ้ ง เจ้าคิดจะประลองอย่างไร?” ดูมีกิริยา
ท่าทางงดงามกว่าเยารั่วเซียนเยอะเลย
ที่จริ งถ้าดูจากรู ปลักษณ์ภายนอกของทั้งสอง เมื่อนํามาเปรี ยบเทียบกัน ก็ไม่ตอ้ งพูดถึงหน้าตาแล้ว เยา
รั่วเซี ยนไม่มีจุดไหนที่สามารถเทียบกับเซี่ ยงไป่ ถิงได้เลย ดูเหมือนอายุจะต่างกันไม่นอ้ ยด้วย ที่จริ ง
เซี่ยงไป่ ถิงอายุมากกว่าเยารั่วเซียนตั้งเยอะ แต่ดูหล่อเหล่าอ่อนเยาว์และยังหนุ่มยังแน่นกว่า ส่ วนเยารั่ว
เซียนกลับเป็ นตาเฒ่าผมหงอกขาวแล้ว
สําหรับนักพรต อายุไม่ใช่สิ่งสําคัญอะไร ที่สาํ คัญคือความต่างด้านวรยุทธ์ วรยุทธ์ของเซี่ยงไป่ ถิงคือบ
งกชม่วงขั้นหนึ่ง ส่ วนเยารั่วเซียนที่ต่างกับเขาแค่ข้ นั เดียวในปี นั้น ตอนนี้กลับยังอยูแ่ ค่ระดับบงกชแดง
ขั้นหก ต่างกันไม่ใช่นอ้ ย ๆ
ความน่าเศร้าเรื่ องความแตกต่างนี้ มีเพียงเยารั่วเซียนที่รู้ชดั อยูแ่ ก่ใจ เซี่ยงไป่ ถิงอยูใ่ นฐานะผูส้ ื บทอด
ตําแหน่งเจ้าสํานัก ไม่เคยขาดแคลนทรัพยากรฝึ กตนจากสํานักงามวิจิตร ส่ วนตัวเขาในปี นั้นกลับใช้
ชีวติ ทุกข์ยาก หลบหนีซ่อนตัวไปทัว่ สารทิศ สามารถรักษาชีวติ ไว้ได้กถ็ ือว่าไม่แย่แล้ว จะหาทรัพยากร
ฝึ กตนที่เพียงพอมาจากไหนกัน
แต่พอได้มาอยูก่ บั เหมียวอี้ เขาก็ไม่ขาดทรัพยากรฝึ กตนแล้ว ถึงได้มีวรยุทธ์บงกชแดงขั้นหกเหมือน
อย่างวันนี้ ไม่อย่างนั้นแค่บรรลุระดับบงกชแดงขั้นสามก็ยงั ยากเลย
เยารั่วเซียนตอบว่า “ได้ยนิ ว่าสํานักงามวิจิตรใช้เวลาหลายปี เพื่อหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรขึ้นมาชิ้น
หนึ่ง ข้าไปสื บมาแล้ว นัน่ คือของวิเศษที่เกิดจากการรวมทักษะการหลอมหลายอย่างเข้าไว้ดว้ ยกัน
เรี ยกได้วา่ เป็ นของวิเศษที่ยอดเยีย่ มที่สุดในพิภพเล็ก ในโลกนี้ยากจะหาของวิเศษใดมาเทียบเทียมได้
แต่กย็ งั มีจุดอ่อน เพราะคนที่ถือของวิเศษไม่สามารถควบคุมได้อย่างอิสระ นี่กค็ ือสาเหตุสาํ คัญที่ทาํ ให้
เจดียง์ ามวิจิตรถูกทําลายพัง วันนี้ขา้ ชดเชยจุดอ่อนนัน่ ให้แล้ว ข้าอาศัยแรงของข้าคนเดียวเพื่อหลอม
สร้างเจดียง์ ามวิจิตรเล็กขึ้นมาหลังหนึ่ง วันนี้ต้ งั ใจจะมาแสดงฝี มืออันตํ่าต้อย!”
เยารั่วเซียนพลิกฝ่ ามือเผยเจดียว์ เิ ศษแก้วสี ทองอร่ ามชิ้นหนึ่งวางอยูบ่ นฝ่ ามือ ลวดลายที่แกะสลักอยูบ่ น
นั้นเรี ยกได้วา่ ประณี ตงดงามไร้ที่เปรี ยบ ให้ความรู ้สึกเหมือนครอบจักรวาล อย่างน้อยเมื่อมองจาก
รู ปลักษณ์ภายนอก ก็สามารถข่มเจดียง์ ามวิจิตรที่สาํ นักงามวิจิตรหลอมสร้างในปี นั้นได้แล้ว
เหมียวอี้ยมิ้ มุมปาก เหมือนมองเห็นเงาของสํานักงามประณี ตบนเจดียง์ ามวิจิตรเล็กชิ้นนี้ ดูเหมือนว่าใน
หลายปี มานี้ การให้พวกตงกัวหลี่มาอยูก่ บั เยารั่วเซียนจะไม่สูญเปล่า
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา เมื่อเผยของวิเศษชิ้นนี้ออกมา บุคคลระดับสู งของสํานักงามวิจิตรก็พากันทําสี
หน้าสะดุง้ ตกใจ เจดียง์ ามวิจิตรเป็ นของวิเศษที่ใช้ยอดฝี มือด้านการหลอมของวิเศษของสํานักงาม
วิจิตรไปตั้งเท่าไร ใช้สติปัญญาและกําลังตั้งกี่ปีเพื่อสร้างขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าเยารั่วเซี ยนจะบอกว่าเขา
หลอมสร้างขึ้นมาด้วยกําลังของตัวเองคนเดียว ที่สาํ คัญที่สุดก็คือ เยารั่วเซียนยังอยูใ่ นวรยุทธ์ระดับ
บงกชแดง จะไม่ให้บุคคลระดับสูงของสํานักงามวิจิตรสัน่ สะเทือนได้อย่างไร?
โม่หมิงมองลูกศิษย์ที่ถูกขับไล่ดว้ ยแววตาเหลือเชื่อ ในฐานะที่เคยหลอมเจดียง์ ามวิจิตรมาก่อน เขารู ้สึก
ว่าคําพูดของเยารั่วเซียนอาจจะคุยโวโอ้อวดเกินไปหน่อย แต่เขารู ้จกั อุปนิสยั ของลูกศิษย์คนนี้ดี ไม่
เหมือนคนที่จะมาพูดโอ้อวดในโอกาสและสถานที่แบบนี้
บอกได้เพียงว่า ความตกตะลึงที่อยูใ่ นใจ ยากที่จะหาคําใดมาบรรยายได้!
เหมียวอี้เอามือลูบคางพลางครุ่ นคิด ในดวงตาฉายแววสงสัยประหลาดใจ จริ งหรื อล้อเล่น ตาแก่เยา
หลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรได้แล้วเหรอ? ทั้งยังเป็ นเจดียง์ ามวิจิตรที่ชดเชยจุดด้อยแล้วด้วย?
เขาคือคนที่เข้าไปในเจดียง์ ามวิจิตร รับรู ้ถึงอานุภาพของเจดียง์ ามวิจิตรอย่างลึกซึ้ ง นัน่ คือของวิเศษที่
แม้แต่นกั พรตบงกชทองก็ทาํ อะไรไม่ได้ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะสังเกตเห็นพิรุธและโชคดีขดุ รู หนี
ออกมาได้ ก็ไม่ตอ้ งบอกเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็ นอย่างไร ถ้าเยารั่วเซี ยนเติมเต็มช่องโหว่ของเจดียง์ าม
วิจิตรแล้วจริ ง ๆ ของวิเศษชิ้นนี้จะไม่พลิกฟ้ าหรอกเหรอ?
ใช้ของที่สาํ นักงามวิจิตรภาคภูมิใจที่สุดมาเอาชนะสํานักงามวิจิตร ช่างเป็ นวิธีการล้างความอัปยศที่ดี
จริ ง ๆ !
แต่ในใจเหมียวอี้แทบจะด่าแม่ ถ้าเยารั่วเซี ยนสามารถหลอมของวิเศษแบบนั้นได้จริ ง ๆ แต่นาํ มา
ประลองของวิเศษบ้าบออะไรนี่แทนที่จะให้เหมียวอี้ลองใช้ก่อน ถ้าเป็ นแบบนั้นเขาต้องด่าบรรพบุรุษ
ของเยารั่วเซี ยนไปสิ บแปดรุ่ นแน่ ๆ ข้าใช้ทรัพยากรเลี้ยงเจ้าไปตั้งเยอะนะโว้ย!
เขาแน่ใจได้เลย ว่าวัตถุดิบที่เยารั่วเซียนใช้หลอมของวิเศษชิ้นนี้มาจากเขา โดยเฉพาะเปลือกหุม้ ของ
เจดียว์ เิ ศษ ชัดเจนว่าหลอมสร้างจากทองผลึกบริ สุทธิ์ เป็ นสิ่ งที่ผลิตมาจากตัก๊ แตนพวกนั้นแน่นอน
เฟิ งเป่ ยเฉิ นที่อยูห่ ลังหน้าต่างชั้นลอยก็ตาลุกวาวเช่นกัน หลังจากหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรแล้ว เขาเอง
ก็เคยเข้าไปทดสอบในเจดียง์ ามวิจิตรเช่นกัน และรับรู ้ถึงอานุภาพของมันอย่างลึกซึ้ ง สรุ ปก็คือต่อให้
อาศัยความสามารถของเขาก็ยงั ไม่มีทางหลุดออกจากเจดียง์ ามวิจิตรได้เลย ทุกวันนี้สาํ นักงามวิจิตร
รวมทั้งเขาเองก็ยงั ไม่รู้วา่ เจดียง์ ามวิจิตรถูกทําให้พงั ได้อย่างไร
ถ้าท่านจื่อหยางสามารถเติมเต็มช่องโหว่ของเจดียง์ ามวิจิตรได้จริ ง ๆ … หัวใจของเฟิ งเป่ ยเฉิ นร้อนผ่าว
ขึ้นมาทันที ดวงตาฉายแววเป็ นประกาย ค่อนข้างตั้งตารอ!
คนที่ต้ งั ตารอมีอยูไ่ ม่นอ้ ย แต่ละคนจับจ้องเจดียว์ เิ ศษที่อยูบ่ นฝ่ ามือของเยารั่วเซี ยน!
เซี่ ยงไป่ ถิงที่จอ้ งเจดียว์ เิ ศษด้วยแววตาเหลือเชื่อค่อย ๆ กลับมาเป็ นปกติ ถ้าอีกฝ่ ายสามารถหลอมสร้าง
เจดียง์ ามวิจิตรด้วยตัวคนเดียวจริ ง ๆ เช่นนั้นเขาก็ไม่ตอ้ งประลองแล้ว เขายอมรับเลยว่าตัวเองทําไม่ได้
ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเสี ยเลยดีกว่า
แต่เขาไม่เชื่อ จึงกล่าวด้วยรอยยิม้ เรี ยบ ๆ ว่า “ศิษย์นอ้ ง อย่าหาว่าข้าพูดจาไม่น่าฟังเลยนะ เจดียง์ าม
วิจิตรเป็ นผลงานที่อาจารย์หลายท่านทุ่มกําลังและสติปัญญาเป็ นเวลาหลายปี ที่เจ้าบอกว่าเจ้าหลอม
สร้างขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว ข้าไม่เชื่อหรอก! เพราะวรยุทธ์ของเจ้าก็เห็น ๆ กันอยู่ คนที่หลอมของวิเศษ
เป็ นเขารู ้กนั ทั้งนั้น บางครั้งถ้าวรยุทธ์ไม่สูงพอ ก็จะควบคุมของบางอย่างไม่ได้!”
“เซี่ยงไป่ ถิง ที่เจ้าพูดก็ไม่ผดิ หรอก ข้ามีขอ้ จํากัดด้านวรยุทธ์ ไม่มีทางหลอมสร้างของวิเศษที่เหมือนกับ
เจดียง์ ามวิจิตรทุกกระเบียดนิ้วได้ เจดียง์ ามวิจิตรมีความจุกว้างใหญ่ขนาดนั้น แค่เรื่ องกําลังทรัพย์อย่าง
เดียวข้าก็รับไม่ไหวแล้ว แต่สาํ หรับคนที่หลอมของวิเศษอย่างพวกเรา มันไม่ได้ข้ ึนอยูก่ บั ขนาด แต่
ขึ้นอยูก่ บั ฝี มือการหลอมต่างหาก ของชิ้นไหนที่วรยุทธ์ยงั ไม่สูงพอ รอให้วรยุทธ์สูงพอก็ยอ่ มชดเชย
ข้อเสี ยได้แล้ว! พื้นที่วา่ งและจํานวนของที่อยูใ่ นเจดียง์ ามวิจิตรเล็กของข้าเทียบกับเจดียง์ ามวิจิตรไม่ติด
เลย เพราะข้ามีขอ้ จํากัดด้านวรยุทธ์ บุกเบิกพื้นที่ให้กว้างกว่านี้ไม่ได้ และไม่มีกาํ ลังทรัพย์ที่จะทําของ
ชิ้นใหญ่ขนาดนั้นด้วย ข้าถึงได้เรี ยกว่าเจดียง์ ามวิจิตรเล็กไง!” เยารั่วเซียนตอบ
พูดจบแล้วก็สะบัดมือ เจดียง์ ามวิจิตรเล็กบินขึ้นไปเปล่งแสงสี แดงอยูบ่ นฟ้ า ชัว่ พริ บตาเดียวก็กลายเป็ น
เจดียว์ เิ ศษเจ็ดชั้นสูงประมาณหนึ่งจั้ง ลอยอยูบ่ นท้องฟ้ าแล้ว
ตอนนี้ทุกคนถึงได้พบว่ามันคือของวิเศษขั้นสาม หรื อพูดได้อีกอย่างว่าอานุภาพไม่ได้เยอะสักเท่าไร
ทว่าตัวเจดียท์ ี่สูงหนึ่งจั้งก็ยงั ทําให้คนส่ วนใหญ่เดาะลิ้นด้วยความทึ่งไม่หยุด แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว
ว่าสร้างจากทองผลึกบริ สุทธิ์ท้ งั หมด ทองผลึกที่มีความบริ สุทธิ์สูงขนาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทัว่ ไปจะหามา
ได้
เยารั่วเซียนย้ายสายตาออกจากตัวเซี่ยงไป่ ถิง แล้วมองไปทางสํานักงามวิจิตร “คนที่คุน้ เคยกับเจดียง์ าม
วิจิตรสามารถเข้าไปทดสอบได้ พิสูจน์ได้วา่ ข้าพูดจริ งหรื อโกหก!”
คนที่คุน้ เคยกับเจดียง์ ามวิจิตรก็ยอ่ มเป็ นคนของสํานักงามวิจิตรอยูแ่ ล้ว พูดแบบนี้เท่ากับเป็ นการเชิญ
ให้คนของสํานักงามวิจิตรมาทดสอบสิ นค้า
“ข้าไปเอง!” ใครจะคิดว่าคนที่เสนอตัวคนแรกจะเป็ นโม่หมิง พูดจบก็เหาะไปที่เจดียว์ เิ ศษเลย
“ข้าด้วย!” เสี ยงหลายเสี ยงดังขึ้นพร้อมกัน ผูอ้ าวุโสหลายท่านของสํานักงามวิจิตรระงับอารมณ์ไม่ไหว
เหาะออกไปด้วยกัน
สุ ดท้ายแม้แต่เซี่ยงไป่ ถิงก็ยงั ต้องแข็งใจพุง่ ตัวเข้าไป ถึงแม้เขาจะกังวลนิดหน่อยว่าอาจจะโดนลอบทํา
ร้ายลับหลัง แต่เขาคือคนที่โดนท้าสู ้ แม้แต่พวกอาจารย์กไ็ ปกันหมดแล้ว เขาจะมัวชักช้าอยูไ่ ด้อย่างไร
ใต้ฐานเจดียเ์ ปิ ดอุโมงค์มืดไว้ช่องหนึ่ง มันทะยานขึ้นครอบกลางอากาศ เก็บคนพวกนั้นเข้าไปโดยตรง
เหมียวอี้เห็นแล้วแอบส่ ายหน้า อาศัยแค่จุดนี้กต็ ่างกับเจดียง์ ามวิจิตรตัวจริ งแล้ว เจดียง์ ามวิจิตรตัวจริ ง
เก็บคนได้รวดเร็ วสุ ด ๆ ขนาดนักพรตระดับบงกชทองอย่างเลี่ยหวนยังหนีลาํ บาก ด้วยความเร็ ว
เล็กน้อยแบบนี้ ถ้าอยากจะเก็บคนเข้าไปในเจดียก์ เ็ กรงว่าจะยาก อย่างมากก็ใช้รับมือกับนักพรตที่
ระดับไม่เกินบงกชม่วงได้ แต่กอ็ าจจะเป็ นเพราะมันเป็ นแค่ของวิเศษขั้นสามด้วย
พอคนจํานวนหนึ่งเข้าไปในเจดีย ์ เยารั่วเซี ยนก็โบกมือร่ ายวิชาทันที ทําให้หลังคาของเจดียง์ ามวิจิตร
เล็กพลันเปล่งแสงสี ขาว คายสิ่ งของที่เหมือนกับลูกแก้วใสออกมาลูกหนึ่ง คายออกมาวางอยูบ่ นยอด
เจดีย ์ ที่น่าอัศจรรย์กค็ ือ สภาพภายในเจดียป์ รากฏเป็ นภาพให้เห็นบนลูกแก้วใส ทําให้ทุกคนมองเห็น
ได้อย่างชัดเจน เห็นโลกอีกใบที่อยูใ่ นเจดีย ์ เห็นพวกโม่หมิงที่กาํ ลังเหลียวซ้ายแลขวาอยูใ่ นเจดีย ์ แม้แต่
เสี ยงพูดคุยกันก็ได้ยนิ ออกมาถึงข้างนอก
แค่ฉากนี้กท็ าํ ให้เหมียวอี้แอบตกใจแล้ว ถ้าเจดียง์ ามวิจิตรในปี นั้นมีความสามารถนี้ เขากับเลี่ยหวนก็
คงไม่มีทางฉวยโอกาสขุดรู ออกมาได้หรอก เพราะอีกฝ่ ายสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของ
ลักษณะพื้นดินได้ตลอดวลา เพื่อไม่ให้เจ้าสามารถขุดรู ออกมาได้
คนที่ร่วมหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรไม่ได้เข้าไปทั้งหมด คนข้างนอกที่ได้เห็นภาพนี้พากันสี หน้า
เปลี่ยน นี่คือช่องโหว่ที่พวกเขาอยากจะเติมเต็มในตอนนั้น แต่จนใจเพราะไม่เคยคิดหาวิธีได้เลย ไม่รู้
เหมือนกันว่าเยารั่วเซียนทําได้อย่างไร
ท่ามกลางสายตาฝูงชน คนในเจดียเ์ ริ่ มแยกย้ายกันเหาะเหิ น เยารั่วเซียนที่เห็นสภาพข้างในชัดเจนโบก
แขนเสื้ อติดต่อกันหลายครั้ง ในที่สุดเจดียว์ เิ ศษก็เริ่ มหมุนวนแล้ว เจดียว์ เิ ศษทั้งเจ็ดชั้น มีท้ งั หมุนตาม
เข็มนาฬิกา มีท้ งั หมุนทวนเข็มนาฬิกา หมุนเร็ วมากจนเกิดเสี ยงดังหึ่ ง ๆ
ที่จริ งพื้นที่วา่ งในเจดียก์ ไ็ ม่ได้ใหญ่โต มีรัศมีเพียงหนึ่งพันเมตรเท่านั้น ภูเขาเล็ก ทะเลสาบเล็ก ป่ าผืน
เล็ก แม้จะเล็กแต่มีทุกอย่างครบครัน สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพได้ต่าง ๆ นา ๆ ภูเขาเดี๋ยวก็จมเดี๋ยวก็
นูน ป่ าไม้เดี๋ยวก็โดนฝังเดี๋ยวก็งอกใหม่ ทะเลสาบเดี๋ยวก็แห้งเดี๋ยวก็เอ่อท่วม เดี๋ยวก็มีฝนตก เดี๋ยวก็มี
หิ มะตก… เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อนั จํากัด คนที่ดูอยูข่ า้ งนอกพากันเหม่อลอย
คนที่ไม่เข้าใจอาจจะยังมองอะไรไม่ออก แต่สิ่งที่เยารั่วเซียนอยากจะแสดงให้สาํ นักงามวิจิตรเห็น ก็คือ
ฝี มือในการหลอมของวิเศษของเขา พิสูจน์วา่ ฝี มือของเขาสามารหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรได้ คนบาง
กลุ่มที่ไม่ได้อยูใ่ นวงการนี้ จะมองเข้าใจหรื อไม่กไ็ ม่สาํ คัญ
เหมียวอี้กเ็ ป็ นคนนอกวงการเช่นกัน เขาหลอมของวิเศษไม่เป็ น แต่เขาเคยเข้าไปในเจดียง์ ามวิจิตรมา
ก่อน แค่เห็นสภาพการณ์แบบนี้กเ็ ข้าใจทันที ถ้าให้เยารั่วเซียนมีวรยุทธ์ที่สูงพอ มีทรัพยากรมากพอ
หลอมสร้างพื้นที่วา่ งได้ใหญ่มากพอ เจดียง์ ามวิจิตรที่มีภาพมายาทําให้คนสับสนงุนงง เยารั่วเซียนก็ทาํ
ได้เช่นกัน
พื้นที่ในเจดียว์ เิ ศษมีจาํ กัดจริ ง ๆ ตรงจุดไกล ๆ ที่มีหมอกหนาคงจะเป็ นจุดสิ้ นสุ ด คนในเจดียเ์ หาะอยู่
บนฟ้ าด้วยความเร็ วสู ง บินไปยังจุดสิ้ นสุ ด การเปลี่ยนแปลงของพื้นดินข้างล่างเหมือนจะเป็ นสิ่ งพิสูจน์
ว่าพวกเขาข้ามนํ้าข้ามภูเขามานับไม่ถว้ นแล้ว แต่ในสายตาของคนที่อยูข่ า้ งนอก เหมือนพวกเขาจะยัง
อยูท่ ี่เดิม
เมื่อดูไปเรื่ อย ๆ ต่อให้เป็ นคนที่ไม่เข้าใจ แต่กเ็ ริ่ มมองเห็นเงื่อนงําแล้วเช่นกัน มองออกถึงความยอด
เยีย่ มหากของวิเศษชิ้นนี้มีขนาดใหญ่ข้ ึน เริ่ มมีเสี ยงตื่นตะลึงดังขึ้นแล้ว
กลุ่มคนในเจดียส์ ี หน้าเปลี่ยนนิดหน่อย รู ้วา่ ถ้าทําแบบนี้จะไม่มีวนั หาจุดสิ้ นสุ ดเจอ โม่หมิงเรี ยกให้ทุก
คนเหาะลงมาบนพื้น แล้วจู่ ๆ ก็ลงมือโจมตี ทําให้ที่ผวิ ดินมีมนุษย์ดินกระโดดออกมาต่อต้านตัวแล้ว
ตัวเล่า ฆ่าเท่าไรก็ไม่หมด! เจดียง์ ามวิจิตรหลังนี้เหมือนจะมีพลังที่ไม่สิ้นสุ ด
คนที่ดูการต่อสู อ้ ยูด่ า้ นนอกส่ งเสี ยงร้องตกใจอีกครั้ง ตกตะลึงพรึ งเพริ ดมาก!
เหมียวอี้พยักหน้าเบา ๆ มันเป็ นอย่างนี้นี่เอง เขาพบว่าในเจดียง์ ามวิจิตรสัน่ สะเทือนเล็กน้อย จึงเข้าใจ
ทันที ถึงอย่างไรที่กเ็ ป็ นแค่ของวิเศษขั้นสาม พวกโม่หมิงวรยุทธ์สูงเกินไป เจดียว์ เิ ศษหลังนี้พยุงได้ไม่
นานเท่าไร ถ้าไม่ใช่เพราะโครงสร้างหลักของมันเป็ นทองผลึกที่มีความบริ สุทธิ์สูง เกรงว่าคงจะทนไม่
ไหวและพังไปแล้ว
แต่ไม่วา่ ใครก็ดูออก อาศัยแค่ของวิเศษขั้นสามชิ้นเดียวก็สามารถขังนักพรตหลายคนได้นานขนาดนี้
นับว่าเป็ นสิ่ งที่หายากมากแล้ว แค่น้ ีกเ็ ป็ นของที่คนส่ วนใหญ่ไม่เคยได้ยนิ และไม่เคยเห็นแล้ว ถึงแม้จะ
มีบางคนเคยเห็นเจดียง์ ามวิจิตรมาก่อน แต่กเ็ พิ่งเข้าใจว่าภายในของเจดียง์ ามวิจิตรในตอนนั้นเป็ น
อย่างไรหลังจากได้เห็นภาพที่แสดงบนลูกแก้วใส
อวิน๋ เป้ ากับตัวแทนจากแดนอื่น ๆ ดูจนเหงื่อแตกเต็มหลัง สิ่ งที่สาํ นักงามวิจิตรทําออกมาในปี นั้นคือ
ของวิเศษขั้นสี่ และอานุภาพก็เหนือกว่าเจดียห์ ลังเล็กนี้ไม่รู้ต้ งั กี่เท่า แค่ของวิเศษขั้นสามเล็ก ๆ ชิ้นเดียว
ก็ขงั นักพรตบงกชม่วงได้เป็ นกลุ่ม ในปี นั้นที่เฟิ งเป่ ยเฉิ นตั้งใจให้ยอดฝี มือจากแดนต่าง ๆ มาทดสอบ
เจดียง์ ามวิจิตร ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ มีจุดประสงค์อะไร ชัดเจนว่าจะเอาไว้สูก้ บั อีกห้าปราชญ์
โชคดีที่ตอนนั้นแผนพังเสี ยก่อน แต่เยารั่วเซี ยนก็พดู ไว้ชดั เจนมากแล้ว ว่าเขามีวธิ ีเติมเต็มช่องโหว่ของ
เจดียง์ ามวิจิตร ถ้ามีเจดียง์ ามวิจิตรที่ไร้ช่องโหว่โผล่ออกมาจริ ง ๆ แบบนั้นจะไม่แย่หรอกเหรอ!
เหมียวอี้เริ่ มรู ้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว ถ้าเยารั่วเซี ยนทําแบบนี้ต่อไป บางทีอาจจะล้างความอัปยศได้ อาจจะ
พิสูจน์ได้วา่ เจ้าเก่งกว่าเซี่ยงไป่ ถิง อาจจะพิสูจน์ได้วา่ เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็ นผูส้ ื บทอดสํานัก อาจจะ
พิสูจน์วา่ เจ้ามีคุณสมบัติจะแต่งงานกับลูกสาวเจ้าสํานัก แต่นี่กเ็ ท่ากับตัดหนทางรอดชีวติ เช่นกัน หก
ปราชญ์ไม่ยอมให้เจ้าตกอยูใ่ นมือคนอื่นแน่ มารดาเจ้าเถอะ แล้วจะให้ขา้ ช่วยเจ้ายังไงล่ะ…
หลังจากแสดงอานุภาพในเจดียง์ ามวิจิตรเล็กทีละอย่าง ที่หน้าผากเยารั่วเซี ยนก็มีเม็ดเหงื่อผุดเยอะมาก
ถึงแม้จะเป็ นของวิเศษขั้นสาม แต่ดว้ ยวรยุทธ์อย่างเขา เวลาควบคุมก็ลาํ บากเหมือนกัน ไม่สามารถทํา
ต่อเนื่องได้นานเกินไป
ก็เหมือนกับเจดียง์ ามวิจิตรในปี นั้น ถึงแม้จะเป็ นของวิเศษขั้นสี่ แต่เจ้าสํานักโม่หมิงไม่มีทางควบคุม
มันได้เลย ยังต้องอาศัยแรงฮูหยินเหมียวจวินอี๋ซ่ ึ งมีวรยุทธ์บงกชทองให้ลงมือควบคุมให้
ตอนที่ 908

จะแสดงบทบู๊แล้ ว

ความสามารถที่ควรแสดงก็แสดงออกมาหมดแล้ว ถ้ายืนหยัดทนต่อไปก็ไม่มีความหมาย เยารั่วเซี ยน


โบกมือปล่อยลําแสงเล็ก ๆ ออกมาสายหนึ่ง ทําให้เจดียง์ ามวิจิตรเล็กหยุดหมุนทันที
มนุษย์ดินที่กาํ ลังสูก้ บั พวกโม่หมิงในเจดียพ์ งั ทลายลงทันที ทลายลงบนพื้นดิน เรี ยกได้วา่ ฝุ่ นกลับสู่ ฝนุ่
ดินกลับสู่ดิน
ขณะเดียวกันนี้เอง จู่ ๆ บนฟ้ าก็ปรากฏหลุมดําหมุนวน พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนเป็ นคนใน
วงการนี้ท้ งั นั้น ไม่จาํ เป็ นต้องพูดอะไรมาก เหาะขึ้นไปโดยมีโม่หมิงเป็ นคนนํา ทยอยกันเข้าไปในหลุม
ดํานัน่
ผ่านไปครู่ เดียว คนที่โดนขังอยูใ่ นเจดียก์ ท็ ยอยกันออกมาคนแล้วคนเล่า มาปรากฏอยูต่ รงหน้าทุกคน
อีกครั้ง
ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว โม่หมิงเหาะออกมาลอยนิ่ง ๆ อยูบ่ นฟ้ า แล้วมองไปทางเยารั่วเซี ยนที่กาํ ลังร่ ายวิชา
อยูท่ ่ามกลางแสงแห่งรุ่ งอรุ ณ เขาทําสี หน้าสับสน เห็นเพียงเยารั่วเซี ยนโบกมือ จากนั้นเจดียง์ ามวิจิตร
เล็กก็พลันหดเล็กลง ตกลงมาอยูบ่ นฝ่ ามือของเยารั่วเซียนอีกครั้ง
เยารั่วเซียนถามว่า “ทุกท่านอยูใ่ นวงการนี้เหมือนกันทั้งนั้น ถึงแม้อานุภาพของเจดียห์ ลังนี้จะเทียบกับ
เจดียง์ ามวิจิตรที่พวกท่านหลอมสร้างไม่ได้ แต่พวกท่านก็คงจะดูออก ว่าในด้านการใช้งานไม่ได้ดอ้ ย
กว่าเจดียง์ ามวิจิตรของพวกท่านเลย เซี่ยงไป่ ถิง เจ้าคิดว่าเป็ นเช่นไร?”
เซี่ยงไป่ ถิงตอบด้วยสี หน้าที่ไม่ค่อยดีนกั “ศิษย์นอ้ ง นี่ไม่ใช่ของวิเศษที่คนคนเดียวสามารถหลอมสร้าง
ออกมาได้ ต่อให้เป็ นเจดียง์ ามวิจิตรขนาดเล็ก แต่วตั ถุดิบสิ้ นเปลืองที่อยูใ่ นนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนคนเดียว
จะรับไหว ต้องมีคนช่วยเจ้าแน่นอน”
“วัตถุดิบสิ้ นเปลืองจะมาจากไหนก็ไม่สาํ คัญ!” เยารั่วเซียนยกฝ่ ามือรองเจดียว์ เิ ศษขึ้นมา แล้วกล่าวเสี ยง
ดังว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อว่าข้าหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรเองคนเดียว ก็ไม่เป็ นไรหรอก! เจดียง์ ามวิจิตรคือ
ของวิเศษที่รวมทักษะการหลอมแบบต่าง ๆ เอาไว้ดว้ ยกัน ทักษะการหลอมของใครสู งกว่า ทักษะใคร
รอบด้านกว่า พวกเรามาประลองกันเดี๋ยวก็รู้เอง! ใช้วตั ถุดิบแบบเดียวกัน ใช้เวลาที่กาํ หนดเหมือนกัน
แล้วมาดูวา่ ใครจะสามารถหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรออกมาได้ ให้สหายในวงการหลอมของวิเศษทั้ง
ใต้หล้าตัดสิ นแพ้ชนะ!”
นี่เป็ นการตบหน้า! ถ้าเจ้าไม่เชื่อว่าข้าสามารถหลอมสร้างออกมาได้ ข้าก็จะไม่แก้ตวั พวกเรามา
ประลองต่อหน้าฝูงชนเลยดีกว่า ดูวา่ เจ้ากับข้าใครจะทําได้! คนในวงการอาชีพหลอมของวิเศษกําลัง
แอบกระซิบกระซาบกัน สามารถอาศัยวรยุทธ์บงกชแดงหลอมสร้างของวิเศษแบบนี้ออกมาได้ ช่าง
เป็ นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในวงการหลอมของวิเศษจริ ง ๆ ตอนนี้กาํ ลังดูวา่ เซี่ ยงไป่ ถิงจะกล้ารับคําท้า
หรื อไม่
มีเพียงเหมียวอี้ที่รู้ดีที่สุดว่าหลายปี มานี้เยารั่วเซียนใช้ชีวติ อย่างไร ทุกครั้งที่ไปหา ส่ วนใหญ่กจ็ ะเห็น
เยารั่วเซี ยนกําลังขีดเขียนวาดภาพประหลาดบางอย่าง กําลังครุ่ นคิดพิจารณา กําลังศึกษาค้นคว้าทักษะ
การหลอมของวิเศษไม่หยุด ไม่เคยสนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง ทําไปเพื่อนล้างความอัปยศในวันนี้
เท่านั้น!
และการที่เยารั่วเซียนพูดแบบนี้ต่อหน้าฝูงชน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความมัน่ ใจ บุคคลระดับสู งของ
สํานักงามวิจิตร คนของสํานักงามวิจิตรที่ร่วมหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตร เรี ยกได้วา่ พากันตกตะลึงมาก
ของวิเศษที่ทุกคนต้องร่ วมมือกันถึงจะหลอมสร้างสําเร็ จ แต่เขาจะทํามันด้วยตัวคนเดียวต่อหน้าฝูงชน
งั้นเหรอ?
ถ้าปล่อยให้เยารั่วเซี ยนหลอมสร้างสําเร็ จต่อหน้าฝูงชน ก็เท่ากับทําลายชื่อเสี ยงบารมีของทั้งสํานักงาม
วิจิตรน่ะสิ !
คนทั้งสํานักงามวิจิตรรู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ อาศัยความสามารถของเซี่ ยงไป่ ถิง เป็ นไปไม่ได้เลยที่จะหลอมสร้าง
เจดียง์ ามวิจิตรได้ อย่าว่าแต่เซี่ยงไป่ ถิงเลย ทั้งสํานักงามวิจิตรก็ไม่มีใครทําได้เหมือนกัน มิหนําซํ้ายัง
เป็ นเจดียง์ ามวิจิตรที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติดว้ ย ต่อให้ท้ งั สํานักงามวิจิตรร่ วมมือกันก็ไม่แน่วา่ จะหลอม
สร้างออกมาได้ เพราะไม่รู้วธิ ีการ!
ด้วยเหตุน้ ีเอง ทําให้บุคคลที่เกี่ยวข้องยิง่ สะเทือนใจ การหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรในปี นั้น เพราะทุก
คนร่ วมมือกันถึงได้ทาํ สําเร็ จ ทําคนเดียวไม่ไหว ดังนั้นหากคนบางคนหรื อคนบางส่ วนอยากจะเปิ ดเผย
วิธีการหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตร ก็ไม่มีทางเปิ ดเผยได้ นอกเสี ยจากทุกคนจะเปิ ดเผยพร้อม ๆ กัน
ทีเดียว
แบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ความหมายว่าจื่อหยางแค่ได้ยนิ ข่าวลือของเจดียง์ ามวิจิตร ก็สามารถ
ค้นคว้าวิธีการหลอมสร้างได้แล้ว ทั้งยังเติมเต็มช่องโหว่ของเจดียง์ ามวิจิตรแล้วด้วย พรสวรรค์แบบนี้
ทําให้คนทึ่งจนพูดไม่ออก!
บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ในใจของทุกคนรู ้สึกอย่างไร รู ้เพียงว่าในปี นั้นสํานักงามวิจิตรได้ทอดทิ้งลูก
ศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่งไปแล้ว ตอนนี้ลองมาคิดดูสิ เสี ยดายหรื อไม่เสี ยดาย?
ตอนนี้อีกฝ่ ายกลับมาทวงถามความเป็ นธรรมแล้ว…
หลังจากเหตุการณ์ตรงนั้นเงียบลง เยารั่วเซียนก็จอ้ งเซี่ยงไป่ ถิงพร้อมถามว่า “ทําไมล่ะ? ผูส้ ื บทอด
ตําแหน่งเจ้าสํานักงามวิจิตรผูส้ ง่าผ่าเผย ไม่กล้ารับคําท้าจากลูกศิษย์ที่โดนทอดทิ้งรึ ไง?”
เซี่ยงไป่ ถิงเกร็ งกล้ามเนื้อบนใบหน้า ตอบเสี ยงเข้มว่า “ข้ายอมรับว่าข้าหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรไม่ได้
ถ้าเจ้าหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรต่อหน้าฝูงชนได้ ข้าก็จะยอมแพ้!” ไม่ง่ายเลยที่จะพูดแบบนี้ออกมาได้
เขาโดนกดดันจนถึงที่สุดแล้ว
“ดี!” เยารั่วเซียนขานรับ เอามือยันเจดียว์ เิ ศษไว้ แล้วบอกว่า “บนตัวข้ามีวตั ถุดิบหลอมของวิเศษไม่พอ
ข้าจะทําลายเจดียว์ เิ ศษหลังนี้ต่อหน้าทุกคน แล้วนําวัตถุดิบมาหลอมสร้างใหม่ หลอมสร้างใหม่อยูท่ ี่นี่
ต่อหน้าทุกคน ให้ทุกคนคอยจับตาดู เจ้าตกลงมั้ย?”
ไม่มีอะไรต้องคัดค้าน เซี่ยงไป่ ถิงพยักหน้า “ตกลง!”
“อย่าตอบตกลงเร็ วเกินไปแล้ว ข้ามีเงื่อนไขมาเสนอ!” เยารั่วเซี ยนกล่าว “ถ้าข้าหลอมสร้างสําเร็ จ เจ้าก็
ต้องออกจากตําแหน่งผูส้ ื บทอดสํานักงามวิจิตร เพราะเจ้าไม่คู่ควร แล้วต้องออกจากสํานักงามวิจิตรไป
ด้วย!”
เหมียวอี้แอบขําในใจ ยังนึกว่าตาแก่นี่จะไม่เสนอเงื่อนไขอะไรเสี ยแล้ว ลงทุนถ่อมาถึงที่นี่ คงจะอยาก
ล้างแค้นสักหน่อยนัน่ แหละ
หารู ้ไม่วา่ เยารั่วเซี ยนไม่ได้มีเจตนาจะล้างแค้นเลย แต่เขามีความผูกพันกับสํานักงามวิจิตร รู ้สึกจากใจ
จริ งว่าคุณสมบัติอย่างเซี่ยงไป่ ถิงไม่เหมาะจะเป็ นเจ้าสํานักงามวิจิตร
บางคนก็มองในแง่ดี บางคนก็มองในแง่ลบ นานาจิตตัง คนไม่เหมือนกัน ย่อมมองเรื่ องเดียวกันด้วย
ทัศนะที่ต่างกันอยูแ่ ล้ว วิธีคิดที่มีต่อเรื่ องต่าง ๆ มักแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
“ข้ารับปาก!” เซี่ยงไป่ ถิงกล่าวเสี ยงเข้ม “แล้วถ้าเจ้าหลอมสร้างไม่สาํ เร็ จล่ะ?”
“ถ้าข้าหลอมสร้างไม่สาํ เร็ จ ข้าจะปลิดชีพตัวเองเพื่อรับโทษ มอบชีวติ ของข้าให้เจ้า!” เยารั่วเซี ยนตอบ
อย่างชัดถ้อยชัดคํา
เซี่ยงไป่ ถิงถอนหายใจ “ศิษย์นอ้ ง ข้าไม่เอาเปรี ยบเจ้าหรอก และไม่ได้ตอ้ งชีวติ เจ้าด้วย เจ้าแค่ตอ้ งให้
เวลาก็พอ… ข้าคงมาเฝ้ าเจ้าหลอมสร้างซํ้าไปซํ้ามาแบบนี้เรื่ อย ๆ ไม่ได้ เจ้ากําหนดเวลาให้ตวั เองก็แล้ว
กัน ข้าไม่ฝืนใจเจ้าหรอก!”
นี่กค็ ือจุดที่เฉลียวฉลาดของเขา เขาก็อยากจะลองเชิดหน้าชูตาตัวเองอยูห่ รอก แต่กไ็ ม่รู้เลยว่าตัวเองจะ
หลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรออกมาได้อย่างไร ถ้าใช้วธิ ีการบีบบังคับก็มีแต่จะเสี ยหน้า! ตอนนี้ตอ้ งให้เยา
รั่วเซี ยนหลอมสร้างไปคนเดียว เขาถึงจะมีโอกาสชนะ ขอเพียงเยารั่วเซียนหลอมสร้างไม่สาํ เร็ จ ต่อให้
แค่ทาํ พลาดก็ตาม นัน่ ก็แปลว่าเขาชนะแล้วเหมือนกัน มีโอกาสชนะย่อมดีกว่าไม่มีโอกาสชนะอยูแ่ ล้ว
แล้วอีกอย่าง ถ้าเยารั่วเซียนแพ้แล้วเขาจะเอาชีวติ ของเยารั่วเซียน เขาก็จะดูไร้น้ าํ ใจไร้เหตุผลในสายตา
คนอื่น การเอาชีวติ ของเยารั่วเซียนไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ถ้าจะทําอย่างนั้น อย่างน้อยก็ทาํ อย่าง
โจ่งแจ้งไม่ได้ และที่บอกว่าไม่อยากเอาเปรี ยบ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าศิษย์พี่อย่างเขาใจกว้าง
เมื่อได้ยนิ เขาพูดแบบนี้ เหมียวอี้กด็ ่าในใจว่า ไอ้เจ้าเล่ห์!
แต่จากมุมมองของเหมียวอี้ ถ้าลบอคติส่วนตัวทิ้งไป อาศัยแค่คาํ พูดเมื่อครู่ น้ ีของเซี่ ยงไป่ ถิง เขารู ้สึกว่า
คนอย่างเซี่ยงไป่ ถิงเหมาะสมจะเป็ นเจ้าสํานักงามวิจิตรมากกว่า ส่ วนเยารั่วเซียนก็เหมาะกับการค้นคว้า
วิธีการหลอมของวิเศษมากกว่า สําหรับเหมียวอี้แล้ว ควรจะจับคนที่มีประโยชน์ไปวางไว้ในจุดที่ใช้
ประโยชน์ได้ ถ้าให้คนนิสยั อย่างเยารั่วเซียนไปเป็ นเจ้าสํานัก กลับจะสร้างความวุน่ วายให้สาํ นักงาม
วิจิตรด้วยซํ้า
“หนึ่งร้อยวัน!” เยารั่วเซียนเอ่ยตอบคําเดียว
หนึ่งร้อยวันเหรอ? เหมียวอี้หวั ใจกระตุกวูบ เจ้าอยูใ่ นอาณาเขตของอีกฝ่ ายหนึ่งร้อยวัน แบบนั้นโอกาส
ที่จะเกิดปั ญหาก็ยงิ่ สูงน่ะสิ ไม่แน่วา่ อีกฝ่ ายอาจจะมีวธิ ีอะไรทีทาํ ให้เจ้าพลาดก็ได้ เซี่ ยงไป่ ถิงคนนี้
ไม่ใช่เล่น ๆ นะ!
“ได้!” เซี่ยงไป่ ถิงยืน่ มือ “ศิษย์นอ้ งเชิญตามสะดวก!” จากนั้นก็หนั ตัวไปกุมหมัดคารวะโม่หมิง “ศิษย์
ละอายใจยิง่ นัก!”
ส่ วนเยารั่วเซี ยนก็เหาะลงไปที่พ้นื ทันที เหาะลงไปอยูบ่ นพื้นราบด้านล่าง ควักลูกแก้วพลังปรารถนากํา
หนึ่งมาไว้ในมือ นัง่ ขัดสมาธิฟ้ื นฟูพลังอิทธิฤทธิ์
ตัวแทนของหกแดนแต่ละคนเริ่ มตาเป็ นประกาย ไม่รู้วา่ เกิดความคิดอะไรขึ้นมา
เหมียวอี้ขมวดคิว้ รู ้สึกได้ลาง ๆ ถึงความไม่ชอบมาพากล ตาเป็ นประกายวูบไหวเล็กน้อย แล้วเหาะ
ออกจากกลุ่มคนไปเงียบ ๆ กลับไปยังที่พกั ของนภาจอมมาร แล้วกําชับให้ท่านทูตของแดนมารที่เฝ้ า
อยูพ่ าฉินเวยเวยออกไปก่อน
ฉิ นเวยเวยไม่ได้คดั ค้านอะไร นางรู ้วา่ ถ้าตัวเองอยูท่ ี่นี่ต่อไป ก็อาจจะกลายเป็ นภาระของเหมียวอี้ได้
กลับเป็ นท่านทูตของแดนมารที่ไปถามความเห็นของอวิน๋ เป้ าก่อน อวิน๋ เป้ าพยักหน้าเล็กน้อย เท่ากับ
อนุญาตแล้ว เข้าถึงได้กลับมา แล้วพาฉินเวยเวยจากไปเงียบ ๆ
ส่ วนเหมียวอี้กร็ ี บถอดหน้ากากบนใบหน้าออก กลับมาใส่ เสื้ อผ้าตัวเดิม นํามีดสั้นออกมาทิ่มแทงบน
แขนจนเกิดแผลเล็ก ๆ ถูเลือดมาป้ ายที่มุมปากสองสามที แล้วก็รีบดึงผมตัวเองให้ยงุ่ เหยิง ฉี กเสื้ อผ้าให้
ขาด จากนั้นรี บกลิ่งบนพื้น ทําให้ตวั เองมีสภาพสะบักสะบอมเหมือนประสบเหตุร้ายมา
พอเห็นเขาทําแบบนี้ ท่านทูตแดนมารอีกคนที่เฝ้ าอยูก่ อ็ ดถามไม่ได้วา่ “ท่านเขยเหมียว ทําอะไรของ
ท่านน่ะ?”
เหมียวอี้กระโดดพรวดขึ้นมาจากพื้น แล้วมองดูตวั เองอย่างรู ้สึกพอใจ เสร็ จแล้วถึงได้ตอบว่า “เตรี ยม
ตัวให้พร้อม จะแสดงบทบูแ๊ ล้ว!” พูดจบก็รีบวิง่ ออกไปอย่างรวดเร็ ว
ในชั้นลอย เฟิ งเป่ ยเฉิ นกําลังยืนอยูร่ ิ มหน้าต่างลายฉลุดอกไม้ เขาเอียงหน้ามามองฉิ นซี ที่อยูข่ า้ ง ๆ “ข้า
ว่าไม่ตอ้ งประลองแล้วล่ะ ข้าเชื่อว่าท่านจื่อหยางมีความสามารถที่จะหลอมสร้างออกมาได้ ฮูหยินคิด
ว่าอย่างไร?”
“ข้าไม่เข้าใจค่ะ” ฉินซีตอบอย่างเย็นชา
เจอกับความน่าเบื่ออีกแล้ว แต่เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็ชินแล้วที่นางเป็ นแบบนี้ หันไปหาเหมียวจวินอี๋ที่อยูข่ า้ ง
หลังอีก “จวินอี๋ เรื่ องประลองไม่ตอ้ งรี บหรอก ควบคุมจื่อหยางนัน่ มาไว้ในมือพวกเราให้ได้ก่อน อีก
ประเดี๋ยวจะได้ไม่มีใครแอบวางแผนชัว่ กับเขา ไปจัดการ!”
ผ่านไปครู่ เดียว เหมียวจวินอี๋กโ็ ผล่มาอีกครั้ง จ้องเยารั่วเซี ยนที่อยูข่ า้ งล่างพร้อมบอกว่า “จื่อหยาง
ชะลอเรื่ องประลองไว้ก่อนแล้วกัน เจ้าไปปรึ กษารายละเอียดกับศิษย์พี่ของเจ้าก่อน ตรงนี้มีความแค้น
อีกเรื่ องที่ตอ้ งจัดการ! ไป่ ถิง พาศิษย์นอ้ งของเจ้าออกไปก่อน”
“ขอรับ!” เซี่ยงไป่ ถิงสงสัยในใจ แต่กย็ งั เอ่ยรับและเข้ามา
“ช้าก่อน” อวิน๋ เป้ าพลันตะคอกห้าม “เดิมทีท่านจื่อหยางก็ถูกสํานักงามวิจิตรของพวกเจ้าไล่ออก
มาแล้ว ถ้าให้เขาไปกับพวกเจ้า ใครจะไปรู ้วา่ พวกเจ้าจะเล่นไม่ซื่ออะไรกับเขารึ เปล่า แบบนี้ไม่
ยุติธรรมกับการประลอง! ข้าว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเจ้ากับแดนเซี ยนจัดการเรื่ องความแค้นกันต่อไป
เถอะ ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ไม่สูย้ นื อยูข่ า้ ง ๆ คอยเป็ นคนกลางดีกว่า ให้ท่านจื่อหยางมาอยูก่ บั ฝ่ ายข้า
ก่อน ข้ารับร้องว่าจะรักษาความปลอดภัยให้เขา!” ขณะที่พดู ก็ตบหน้าอกเสี ยงดัง รับประกันอย่างหนัก
แน่นดุจเหล็กกล้า
“อวิน๋ เป้ า พูดอย่างนี้กไ็ ม่ถูกนะ ทําไมบอกว่าความแค้นของแดนเซี ยนไม่เกี่ยวกับเจ้าล่ะ เขยของนภา
จอมมารเป็ นตายอย่างไรก็ไม่รู้ เจ้าจัดการเรื่ องนี้ให้ชดั เจนก่อนเถอะ!” อวี้หนูเจียวยืนขึ้น แล้วกล่าว
เสี ยงดังว่า “ท่านจื่อหยาง ข้าเป็ นคนกลางถึงจะเหมาะที่สุด”
ฝาไห่ถลันตัวออกมา “อวี้หนูเจียว ให้อาตมาเป็ นคนกลางก็เหมาะสมเหมือนกันนะ”
อวี้หนูเจียวแววตาวูบไหว หัวเราะคิดคักทันที “จะว่าไปก็ถูก มีแค่พวกเราสองแดนที่ไม่เกี่ยวจ้องกับ
เรื่ องในวันนี้ ฝาไห่ พวกเราไม่สูร้ ่ วมมือกันเป็ นคนกลางดีม้ ยั ?”
นางรู ้ชดั อยูแ่ ก่ใจ วันนี้ไม่วา่ ฝ่ ายไหนก็ไม่ยอมให้คนอื่นพาตัวท่านจื่อหยางนี่ไปง่าย ๆ ลําพังนางฝ่ าย
เดียวถ้าคิดจะพาไปก็คงยาก ไม่สูร้ ่ วมมือกันดีกว่า แบบนั้นจะมีความมัน่ ใจมากกว่า
ฝาไห่เข้าใจเจตนาของนางทันที นัน่ ก็คือร่ วมมือกันพาตัวเยารั่วเซี ยนไปก่อน จากนั้นถ้าเหลือแค่สอง
ฝ่ ายที่แย่งชิงกัน ทุกคนก็จะมีความมัน่ ใจแล้ว จึงประนมมือกล่าวทันที “อามิตตาพุทธ คํากล่าวนี้ช่างมี
กุศล อาตมาเห็นด้วย!” ทั้งสองกลายเป็ นพันธมิตรกันในชัว่ พริ บตาเดียว
ตอนที่ 909

จับตัวประกัน

ถึงแม้เยารั่วเซียนจะไม่ได้มองทะลุปรุ โปร่ ง แต่กไ็ ม่ใช่คนโง่ แต่ละแดนทําท่าทางเหมือนจะแย่งชิงตัว


กันแล้ว เขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลทันที เข้าใจแล้วว่าตัวเองไร้เดียงสาขนาดไหน การคิดจะ
ใช้เวลาหนึ่งร้อยวันเพื่อหลอมของวิเศษอยูท่ ี่นี่ ก็คือเรื่ องที่เป็ นไปไม่ได้เลย
เรื่ องบางเรื่ องก็เป็ นเช่นนี้ ถ้าไม่เผชิญหน้ากับความจริ ง ก็ยากที่จะพบความเป็ นจริ ง แต่ความเป็ นจริ ง
กลับโหดร้าย
ฟู่ หยวนคัง จีเต๋ อไห่ อันหรู อวี้ต่างก็ไม่ตอ้ งพูดอะไรทั้งนั้น ทิ้งโอกาสจัดการความแค้นระหว่างกันและ
กัน ถลันตัวเข้าไปแล้ว
เหตุผลก็ไม่ซบั ซ้อนเลย ตอนนี้เรื่ องความแค้นไม่ได้สาํ คัญเท่าเยารั่วเซียน ถ้าปล่อยให้เยารั่วเซี ยนไปตก
อยูใ่ นมือใครสักคน หากสร้างเจดียง์ ามวิจิตรที่ไร้ช่องโหว่ข้ ึนมาอีก แบบนั้นก็จะสามารถโจมตีอีก
ปราชญ์คนอื่น ๆ ให้อนั ตรายถึงชีวติ ได้ ไม่วา่ ใครก็รับผลที่ตามมาแบบนี้ไม่ไหว
แต่ละฝ่ ายจ้องมองกันเหมือนเสื อพร้อมตะครุ บ ล้อมเยารั่วเซียนที่อยูข่ า้ งล่างเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีใคร
กล้าลงมือแย่งก่อนทั้งนั้น เพราะคนที่ลงมือก่อนจะกลายเป็ นเป้ าหมายในการโดนโจมตีหมู่ จะทําให้
ทุกคนมาล้อมโจมตี เซี่ยงไป่ ถิงที่ไม่ทนั ระวังตัวโดนล้อมไว้ตรงกลางเหงื่อแตกทันที จะลงไปก็ไม่ได้
จะถอยไปก็ไม่ได้ เพราะอาจารย์แม่ยงั ไม่ได้บอกให้เขาถอยไป
คนของสํานักหลอมของวิเศษสํานักอื่น ๆ พากันพูดไม่ออก ถอยออกไปอย่างช้า ๆ จะได้ไม่ติดร่ างแห
ซวยไปด้วย
จีเต๋ อไห่มองไปรอบ ๆ แวบหนึ่ง เขาพบว่าฝ่ ายตัวเองมีกาํ ลังอ่อนแอที่สุด ถึงอย่างไรก็เสี ยท่านทูตไป
งจะอยูใ่ นสถานการณ์เดียวกัน แต่กย็ งั มีศิษย์นอ้ งหญิงคอยช่วยอีกแรง ทั้งยังมี
หลายคน ถึงแม้ฟหยวนคั
ู่
เฟิ งเป่ ยเฉิ นหลบอยูเ่ บื้องหลังอีก
“สงเวย ทะเลดาวนักษัตรก็เป็ นส่ วนหนึ่งของแดนปี ศาจเหมือนกัน หรื อว่าพวกเจ้าเตรี ยมจะดูอยูเ่ ฉย ๆ
?” สายตาของจีเต๋ อไห่ไปหยุดอยูท่ ี่ตวั ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตร
ประมุขถิ่นสี่ ทิศสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็กวักมือนํากําลังคนเหาะไปอยูข่ า้ งหลังจีเต๋ อไห่ นี่คือเรื่ องที่
ไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรก็ยงั เป็ นคนของแดนปี ศาจ ถึงแม้ยามปกติจะไม่ฟังคําสัง่ ของปราชญ์ปีศาจจี
ฮวน แต่ตอนเผชิญหน้ากับศัตรู ภายนอกก็ตอ้ งเป็ นพันธมิตรทางทหารกัน ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ ทะเล
ดาวนักษัตรคงโดนปราชญ์คนอื่น ๆ กําจัดทิ้งไปนานแล้ว
ถึงแม้จะไม่อยากช่วยจีเต๋ อไห่ ทว่าสําหรับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าตัวไม่อยูท่ ี่นี่กย็ งั พอเลี่ยงได้ แต่ในเมื่อ
ตัวอยูต่ รงที่เกิดเหตุแล้ว ก็คงไม่ดีหากจะหลบเลี่ยง
เมื่อมีประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรนํากลุ่มปี ศาจมาร่ วมเป็ นพันธมิตรแล้ว จีเต๋ อไห่กฮ็ ึกเหิ ม
ทันที เมื่อมีกาํ ลังแบบนี้แล้ว ต่อให้สูก้ บั เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็ยงั ต้านทานไหว เขาเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเฟิ งเป่
ยเฉิ นอยูท่ ี่สาํ นักงามวิจิตร จึงกังวลที่สุดว่าเฟิ งเป่ ยเฉิ นจะยืน่ มือเข้ามา
ถึงแม้การที่เฟิ งเป่ ยเฉินยืน่ มือเข้ามาจะทําให้สถานการณ์เปลี่ยนไป แต่กอ็ าจจะยัว่ โมโหให้อีกห้า
ปราชญ์มาคิดบัญชีดว้ ยตัวเอง แต่ไม่ตอ้ งบอกก็รู้ถึงความสําคัญของท่านจื่อหยาง กอปรกับก่อเรื่ องใน
อาณาเขตของอีกฝ่ าย ก็ยากที่จะรับประกันว่าเฟิ งเป่ ยเฉินจะไม่ลงมือ
ตอนนี้ดวงอาทิตย์ข้ ึนสูงแล้ว แต่การคุมเชิงของหกแดนกลับอันตรายมาก สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ ยัง
ไม่มีใครกล้าลงมือแย่งตัวก่อน กลัวว่าจะโดนล้อมโจมตี
เยารั่วเซี ยนที่อยูเ่ บื้องล่างนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่ องแบบนี้ รู ้สึกถึงแรงกดดันแล้ว
เช่นกัน
ขณะนี้เอง ในป่ าภูเขาข้าง ๆ พลันมีคนคนหนึ่งโผล่ออกมา ส่ งเสี ยงร้องเหมือนเจ็บปวดว่า “คุณชาย
รอง! ช่วยข้าด้วย”
นี่มนั สถานการณ์อะไรกัน? คนที่อยูบ่ นฟ้ าพากันหันหน้ามอง เห็นเพียงคนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากป่ า
ภูเขา สภาพเขาสะบักสะบอมมาก เสื้ อผ้าขาดรุ่ งริ่ ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเลือด ผมเผ้ายุง่ เหยิง พอทุก
คนตั้งใจจ้องดี ๆ ก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นเหมียวอี้ เจ้าบ้านี่ยงั ไม่ตายอีกเหรอ?
อวิน๋ เป้ ามองจนหนังตากระตุก ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตวั เองจะได้รับรายงานจากลูกน้องแล้ว แต่พอเห็น
นิสยั แบบนี้ของเหมียวอี้ เขาก็ยงั อึ้งมาก ไม่รู้วา่ เจ้าบ้านี่ทาํ ตัวเองจนเป็ นแบบนี้เพราะคิดจะทําอะไร
อันหรู อวี้กลับเบิกตากว้าง หันไปสบตากับโอวหยางกวงแวบหนึ่ง พบว่าเจ้าบ้านี่ดวงชะตาแข็งเกินไป
แล้ว นักพรตบงกชทองตายไปตั้งหลายคน ทําไมเขายังมีชีวติ รอดมาได้?
แต่นางก็ยงั หาทางออกได้เพราะเหมียวอี้ ตะคอกถามว่า “เหมียวอี้ เกิดเรื่ องอะไรขึ้นกันแน่?”
คนอื่น ๆ ก็อยากรู ้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เหมียวอี้ที่กาํ ลังมองด้านล่างพลันกระโดดไปอยูข่ า้ งกาย
เยารั่วเซียน
เยารั่วเซียนมองเขาอย่างตะลึงงัน กําลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ขา้ งหูกลับได้ยนิ เหมียวอี้
ถ่ายทอดเสี ยงมาเบา ๆ “หุบปากเหม็นของเจ้าซะ!”
เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะอันหรู อวี้ที่อยูบ่ นฟ้ า พลางกล่าวด้วยสี หน้าเศร้าสลดน่าเวทนา “คุณชายรอง
แดนอู๋เลี่ยงกับแดนปี ศาจรวมมือกันวางกับดักลอบสังหารข้าน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนมาช่วย เกรงว่า
ข้าน้อยคงไม่ได้มาพบคุณชายรองอีก คุณชายรองได้โปรดทวงความยุติธรรมให้ขา้ น้อยด้วย!”
จีเต๋ อไห่แสยะยิม้ “เจ้ามาทวงหาความยุติธรรมผิดคนแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนแยกเจ้าจากฝ่ ายแดน
เซี ยน พวกเราคงลงมือไม่สะดวกหรอก คนที่อยูเ่ บื้องหลังเรื่ องนี้กค็ ือแดนเซี ยนของพวกเจ้านัน่ แหละ
เจ้าคงต้องขอให้คุณชายรองพิสูจน์ความบริ สุทธิ์ให้ตวั เองก่อนแล้วล่ะ! ข้าถามเจ้าหน่อย จีเหม่ยเหมย
น้องสาวข้าอยูท่ ี่ไหน?”
“ตายแล้ว!” เหมียวอี้ตอบไปตรง ๆ
จีเต๋ อไห่สีหน้ามืดครึ้ มทันที ฟู่ หยวนคังรี บถามว่า “ชุยหย่งเจินศิษย์นอ้ งของข้าล่ะ?”
“ก็ตอ้ งตายเหมือนกันอยูแ่ ล้ว!” เหมียวอี้ไม่เกรงใจเลยแม้แต่นอ้ ย
จีเต๋ อไห่กบั ฟู่ หยวนคังแทบจะถามพร้อมกันว่า “ใครทํา?”
ทั้งสองฝ่ ายไม่สงสัยเลยว่าเหมียวอี้พดู โกหก เพราะไม่คิดเลยว่าเหมียวอี้จะเป็ นคนทํา
“ไม่รู้จกั ” เหมียวอี้เอียงศีรษะไปมองทางฝาไห่แวบหนึ่ง “ถึงอย่างไรก็เป็ นพระสงฆ์ที่ร้ายกาจมาก ตอน
ที่ขา้ โดนดักสังหาร คนสองกลุ่มนั้นบังอาจไปเจอพระสงฆ์ ปรากฏว่าไปยัว่ โมโหพระสงฆ์รูปนั้น”
สายตาของทุกคนไปรวมที่ตวั ฝาไห่ทนั ที พระสงฆ์ในใต้หล้าที่สามารถกําจัดนักพรตบงกชทองได้
มากมายขนาดนี้ในรวดเดียว สามารถฆ่าหมดจนไม่เหลือสักคน แม้แต่ชุยหย่งเจินก็ยงั กําจัดทิ้ง
นอกจากปราชญ์พทุ ธฉางเหลยก็ไม่มีใครแล้ว ก่อนหน้านี้ทุกคนยังแอบสงสัยว่าว่ามีหนึ่งในหกปราชญ์
มาแล้วหรื อเปล่า
เฟิ งเป่ ยเฉิ นที่อยูห่ ลังหน้าต่างฉลุลายดอกไม้บนชั้นลอยพลันหรี่ ตา แล้วกวาดสายตามองไปทัว่ อย่าง
ระแวดระวัง
ฝาไห่จอ้ งเหมียวอี้ที่อยูข่ า้ งล่าง “อย่ามาพูดจาเหลวไหล เรื่ องเล็กแค่น้ ีไม่รบกวนให้ท่านอาจารย์มาเอง
หรอก?”
“ข้าไม่ได้บอกเสี ยหน่อยว่าเป็ นอาจารย์ของเจ้า ข้าไม่เคยเห็นอาจารย์ของเจ้าด้วย ใครจะไปรู ้วา่ อาจารย์
เจ้าหน้าตาเป็ นอย่างไร” เหมียวอี้ตอบ
ตอนนี้เขารู ้สึกว่าเสี้ ยมใครได้กเ็ สี้ ยมก่อน ทางที่ดีตอ้ งให้คนอีกกลุ่มตีกนั ถึงจะดี สิ่ งที่ทาํ ให้เขาปวดหัว
ที่สุดในตอนนี้กค็ ือแดนพุทธะกับแดนผี
จากนั้นก็หนั ไปมองเยารั่วเซี ยนที่อยูข่ า้ งกัน ถามว่า “แล้วเจ้าเป็ นใคร? ทําไมมาโดนคนกลุ่มนี้ลอ้ มไว้
ได้?”
“…” เยารั่วเซียนพูดไม่ออก เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าเป็ นใคร? แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ รู ้วา่ ที่เหมียวอี้ถามแบบ
นี้จะต้องมีสาเหตุแน่นอน จึงตอบเสี ยงเรี ยบว่า “จื่อหยาง!”
เหมียวอี้มองสํารวจเขาแวบหนึ่ง แล้วถามเหมือนแปลกใจว่า “เจ้าคือท่านจื่อหยางผูม้ ีชื่อเสี ยงโด่งดังนัน่
รึ เปล่า?”
“ใช่แล้ว!” เยารั่วเซี ยนเพิ่งจะตอบ จู่ ๆ เหมียวอี้กช็ กไปที่ทอ้ งเขาหมัดหนึ่ง
ตุบ้ ! เยารั่วเซียนแทบจะตาถลน กระอักเลือดสกออกมาคําหนึ่ง แล้วได้ยนิ เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยงมา
บอกว่า “ไปกับข้า!”
“การประลองยังไม่ได้…”
“ประลองกับบรรพบุรุษเจ้าสิ ข้าหนีได้แต่กไ็ ม่หนี มาเสี่ ยงอันตรายเพื่อเจ้าเนี่ย เจ้าอยากจะทําให้ขา้ ตาย
ใช่ม้ ยั ?” เหมียวอี้ชกั กระบี่วเิ ศษไปจ่อคอเขาแล้ว
ทุกคนตกใจทันที นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะลงมือกะทันหันแบบนี้ ได้ยนิ เพียงเหมียวอี้ตะโกนว่า “ที่แท้ก็
เป็ นเจ้าที่ก่อเรื่ องนี้ ทําเอาข้าเกือบต้องเอาชีวติ มาทิ้งที่นี่ จะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!”
อันหรู อวี้อุทานว่า “เหมียวอี้ อย่าจับตาย!” ถ้าสามารถนําตัวคนคนนี้กลับไปได้ ก็เท่ากับได้ผลงานใหญ่
แน่นอน เพียงพอจะลบล้างความผิดก่อนหน้านี้ทิ้ง
ชัว่ พริ บตาเดียว เหมียวอี้จบั เยารั่วเซียนมาไว้ในมือตัวเองได้แล้ว กระบี่วเิ ศษด้ามหนึ่งจ่ออยูท่ ี่คอเยารั่ว
เซี ยน แล้วหันกลับมาถามอันหรู อวี้ “คุณชายรอง เก็บเขาไว้จะมีประโยชน์เหรอ?”
“มีประโยชน์!” อันหรู อวี้พยักหน้า
“งั้นก็ดี!” เหมียวอี้หนั กลับมาตะคอกใส่ เยารั่วเซี ยนอีก “จะไปกับข้ามั้ย? ถ้ากล้าทําซี้ ซ้ วั ข้าจะฆ่าเจ้า
ซะ!” พูดจบก็ดึงเยารั่วเซียนขึ้นไปบนฟ้ าโดยตรง
คนจากแดนต่าง ๆ ตะลึงงัน ไม่มีใครกล้าลงมือชิงตัวก่อน เพราะกลัวจะโดนรุ มโจมตี ทุกคนนึกไม่ถึง
ว่าเรื่ องที่คนส่ วนใหญ่ไม่กล้าทํา แต่เหมียวอี้ตวั เล็ก ๆ คนเดียวจะทําไปโดยไม่พดู พรํ่าทําเพลง ทั้งยังไม่
กลัวตายด้วย ต่อให้นอนฝันทุกคนก็นึกไม่ถึงว่าเยารั่วเซี ยนจะตกอยูใ่ นมือเหมียวอี้แบบนี้
ทุกคนย่อมไม่ยอมเลิกรา มีหรื อที่จะให้เหมียวอี้พาตัวเยารั่วเซี ยนไปง่าย ๆ แบบนี้ ทุกคนเพิ่งจะ
เคลื่อนไหว แต่เหมียวอี้กจ็ ่อกระบี่วเิ ศษที่คอเยารั่วเวียนพร้อมตะคอกว่า “ไม่วา่ ใครก็หา้ มขยับ
ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาซะ!”
คนที่เตรี ยมจะลงมือชะงักงัน สงสัยในชัว่ อึดใจเดียวนี้ ท่านจื่อหยางจะกลายเป็ นตัวประกันของเหมียว
อี้ไปแล้ว พวกเขาเกิดลําบากใจขึ้นมาทันที
สิ่ งที่ทาํ ให้ทุกคนพูดไม่ออกก็คือ พบว่าเจ้าเวรเหมียวอี้มนั ใจกล้าเกินไปแล้ว ขนาดอยูต่ ่อหน้ากลุ่มคน
พวกนี้ยงั กล้าลงมืออีก ลองดูวา่ เขาใจเย็นขนาดไหนก็จะรู ้เอง ไม่มีท่าทีวา่ จะหวาดกลัวทุกคนเลย
ตอนนี้ทุกคนถึงได้คน้ พบ ว่าการที่เจ้าบ้านี้มีชีวติ รอดมาจนทุกวันนี้ ไม่ได้มีดีแต่ชื่อเสี ยงแน่นอน อวิน๋
เป้ าเลิกคิ้วหัวเราะทันที ผูช้ ายของอวิน๋ จือชิวน่าสนใจทีเดียว!
เหมียวอี้จบั ตัวประกันลอยไปที่ฝ่ายแดนมารอย่างช้า ๆ พร้อมตะโกนว่า “อาแปด ท่านคงไม่ดูขา้
ประสบอันตรายโดยไม่สนใจใยดีหรอกใช่ม้ ยั ?”
อวิน๋ เป้ าหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนอยูแ่ ล้ว ครอบครัวเดียวกันไม่ทิ้งกันอยูแ่ ล้ว จะเห็นอวิน๋ จือชิวกลายเป็ น
ม่ายไม่ได้หรอก!” พูดจบก็โบกมือ นํากําลังพลกลุ่มหนึ่งไปล้อมพิทกั ษ์เหมียวอี้ไว้ตรงกลางทันที
“คุณชายรอง! ถ้ามีอะไรก็ออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกัน!” เหมียวอี้หนั ไปตะโกนบอกอันหรู อวี้
เขาไม่มีทางเลือกแล้วจริ ง ๆ เดิมทีอยากจะยืมมือคนอื่นสังหารผูห้ ญิงคนนี้ให้ตาย แต่จู่ ๆ เยารั่วเซี ยนก็
มาทําแผนเขาพัง ถ้าอยากจะช่วยเยารั่วเซียนออกไป อาศัยกําลังพลของนภาจอมมารฝ่ ายเดียวไม่มีทาง
ทําสําเร็ จเลย มีแต่ตอ้ งมารวมเป็ นพวกเดียวกันก่อนเท่านั้น หาทางพาเยารั่วเซียนออกจากที่นี่ไปก่อนที่
เป็ นเรื่ องสําคัญที่สุด บัญชีที่เหลือเอาไว้ค่อยมาสะสาง
อันหรู อวี้ตะลึงงัน แต่เหตุผลก็เห็น ๆ กันอยู่ แดนปี ศาจกับแดนอู๋เลี่ยงไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ
ต้องร่ วมมือกับนภาจอมมารถึงจะมีความมัน่ ใจ ถึงอย่างไรเหมียวอี้กเ็ ป็ นคนของแดนเซี ยน ท่านจื่อห
ยางตกอยูใ่ นมือเหมียวอี้ ก็เท่ากับตกอยูใ่ นมือของแดนเซียนเช่นกัน
ไม่ตอ้ งพูดเยอะว่าควรต้องทําอย่างไร อันหรู อวี้โบกมือ นํากําลังพลของแดนเซียนเหาะมาพิทกั ษ์ทนั ที
อวิน๋ เป้ าเองก็รู้ ว่าถ้าอาศัยแค่ฝ่ายตัวเองก็ไม่มีความมัน่ ใจที่จะออกไปจากตรงนี้ ไม่ได้คดั ค้านที่กาํ ลัง
พลฝ่ ายแดนเซี ยนมาเข้าร่ วมด้วย
อันที่จริ งระหว่างหกปราชญ์กอ็ ยูใ่ นสภาะที่ร่วมมือกันมาตลอด ทั้งยังจ้องจะโค่นล้มกันมาตลอดด้วย
ต่อให้วนั นี้เป็ นศัตรู ที่สูก้ นั อย่างเอาเป็ นเอาตาย แต่ถา้ มีขอ้ ตกลงด้านผลประโยชน์ ก็จะร่ วมมือกันทันที
“ทําไมพีช่ ายทั้งสี่ ท่านไม่มาช่วยข้าอีกแรงล่ะ?” เหมียวอี้ตะโกนไปทางฝั่งทะเลดาวนักษัตรอีก
จีเต๋ อไห่ได้ยนิ แล้วหันขวับ “สงเวย พวกเจ้าคิดดี ๆ นะว่าจะยืนอยูฝ่ ่ ายไหน?”
สงเวยตอบว่า “พวกเราไม่ยนื อยูท่ ้ งั ฝ่ ายแดนเซียนกับแดนมาร และไม่ได้จะเป็ นศัตรู กบั แดนปี ศาจด้วย
พวกเราแค่จะปกป้ องเจ้าห้าของพวกเรา ใครกล้าแตะต้องพี่นอ้ งพวกแม้แต่นิดเดียว พวกเราก็จะขอสู ้
ตาย!” พูดจบก็โบกมือ กลุ่มปี ศาจของทะเลดาวนักษัตรถลันตัวมาทันที
เหมียวอี้ไม่วางใจคนของแดนมารและแดนเซียน เพราะคนสองกลุ่มนี้ ยามหน้าสิ่ วหน้าขวานก็มีแต่จะ
ทําเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ ายตัวเอง แต่คนที่เห็นเหมียวอี้เป็ นศูนย์กลางผลประโยชน์อย่างแท้จริ ง ก็มี
แค่ประมุขถิ่นสี่ ทิศเท่านั้น เขาจึงรู ้สึกว่าคนของทะเลดาวนักษัตรพึ่งพาได้มากกว่าหน่อย จึงเรี ยกทันที
“มาทางนี้!”
กลุ่มปี ศาจเฒ่าเข้ามาเบียดอยูข่ า้ งในสุ ดทันที เบียดจนกําลังพลของแดนมารถอยออกไป ประมุขถิ่นสี่
ทิศมาล้อมพิทกั ษ์เหมียวอี้ไว้ท้ งั สี่ ดา้ นแล้ว
จีเต๋ อไห่เห็นแล้วแค้นจนกัดฟันกรอด
ตอนที่ 910

มีตวั ประกันเยอะเชียวนะ

อวิน๋ เป้ ากับอันหรู อวี้หนั ไปมองเหมียวอี้พร้อมกัน ต่างก็มองด้วยสายตาที่อ้ ึงทึ่ง รวบรวมกําลังได้


มหาศาลขนาดนี้ภายในรวดเดียว ตอนนี้ต่อให้อีกสี่ แดนร่ วมมือกันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว ถึงอย่างไร
แดนปี ศาจกับแดนอู๋เลี่ยงก็มีนกั พรตบงกชทองตายไปเยอะขนาดนั้น
เยารั่วเซี ยนที่กลายเป็ นตัวประกันได้รับรู ้ถึงพลังของเหมียวอี้แล้ว แอบรู ้สึกปลงอนิจจังอยูบ่ า้ ง นี่ใช่
นักพรตบงกชขาวกระจอกที่ตวั เองเจอในปี นั้นรึ เปล่า?
คนจากสํานักหลอมของวิเศษอื่นที่ดูอยูไ่ กล ๆ แอบทึ่ง ไอ้เหมียวจัญไรสมกับเป็ นไอ้เหมียวจัญไร
กลายเป็ นบุคคลที่กล้าต่อกรกับหกปราชญ์แล้ว สมคํารํ่ารื อจริ ง ๆ !
คนบางคนก็พึมพําในใจ สงสัยเวลาจะแต่งเมียคงต้องหาเมียที่ช่วยสงเคราะห์ช่วยเหลือได้ซะแล้ว ดู
อย่างไอ้เหมียวจัญไรสิ ดูแค่ภูมิหลังของเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมเมฆาวายุ ไม่วา่ อีกฝ่ ายจะเป็ นรองเท้ามือ
สองหรื อไม่กย็ งั จะแต่งอยูด่ ี ตอนนี้เห็นข้อดีได้อย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ จะดึงคนของนภา
จอมมารมาช่วยเหลือได้เหรอ แปลว่าคนเราถ้าอยากประสบความสําเเร็ จ ก็ตอ้ งมองโลกตามความเป็ น
จริ งถึงจะดี!
“ไป!” เหมียวอี้จบั ตัวประกันพลางตะโกนบอก
“คิดจะไปเหรอ?” ฟู่ หยวนคังแสยะยิม้
แทบจะไม่ตอ้ งพูดอะไรเลย ฝาไห่ อวี้หนูเจียว จีเต๋ อไห่นาํ กําลังพลเคลื่อนไหวทันที อีกสี่ แดนก็รวมมือ
กันแล้วเช่นกัน ล้อมพวกเหมียวอี้เอาไว้แล้ว
“แกล้งสลบ!” เหมียวอี้พลันถ่ายทอดเสี ยงบอกเยารั่วเซียน แล้วจู่ ๆ ก็ชกที่แผ่นหลังเยารั่วเซี ยนอย่าง
แรงหนึ่งหมัด
ตุบ้ ! เยารั่วเซียนที่ไม่ได้เตรี ยมป้ องกันโดนชกจนมึน กระอักเลือดสดออกมาคําหนึ่ง ด่าในใจอย่างบ้า
คลัง่ ชกพ่อเจ้าสิ … แต่ยงั ไม่ทนั เข้าใจว่าอะไรเป็ นอะไร ก็โดนเหมียวอี้จบั ยัดเข้ากระเป่ าสัตว์แล้ว
เหมียวอี้โดนกดดันจนทําอะไรไม่ถูกแล้วเช่นกัน จําเป็ นต้องเล่นบทโหดกับเยารั่วเซี ยนสักหน่อย ถ้า
ให้คนอื่นดูออกว่าเขาไม่กล้าฆ่าเยารั่วเซี ยน จะต้องพุง่ ตัวมาลงมือกับเขาโดยตรงแน่นอน
ขณะเดียวกันก็เคียดแค้นการกระทําของเยารั่วเซี ยนมาก เลยฉวยโอกาสระบายอารมณ์ไปสักหน่อย
เป็ นเพราะโมโหตาแก่นี่มากจริ ง ๆ มีเรื่ องอะไรก็ไม่บอกล่วงหน้าสักคํา ถ้าเจ้าอยากจะล้างความอัปยศ
จริ ง ๆ พวกเราจะช่วยเจ้าหาทางไม่ได้เชียวเหรอ? อย่างน้อยก็น่าจะคิดหาวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้หน่อย
หนีมาอย่างนี้มนั ใช่เรื่ องซะที่ไหน? เป็ นการวางกับดักให้คนตายจริ ง ๆ !
เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะบ่นตําหนิไปก็ไม่มีประโยชน์ ทําได้เพียงแก้ไขปัญหา เห็นเพียงเหมียวอี้ขยุม้ มือ
ไปข้างหลัง ชุยหย่งเจินที่สะบักสะบอมก็ถูกจับออกมา ตอนนี้กระบี่วเิ ศษในมือจ่ออยูบ่ นคอของชุย
หย่งเจินแล้ว “ฟู่ หยวนคัง เชื่อฟังข้าสักหน่อยก็พอ พากําลังคนของแดนอู๋เลี่ยงถอยออกไปให้หมด
ไม่อย่างนั้นข้าจะเชือดศิษย์นอ้ งเจ้าทิ้งซะ!”
เมื่อเห็นชุยหย่งเจินทําท่าทางขวัญผวา ตัวสัน่ งันงก กลัวจนหัวหด ฟู่ หยวนคังก็ตกใจมาก
ไม่วา่ จะเป็ นพวกอวิน๋ เป้ าหรื อพวกฝาไห่กพ็ ากันอึ้งกิมกี่ ชุยหย่งเจินยังไม่ตายเหรอ? เมื่อครู่ ไอ้เวรนี่มนั
บอกว่าตายแล้วไม่ใช่เหรอ?
ตอนแรกเหมียวอี้ไม่ได้บอกอวิน๋ เป้ าว่าชุยหย่งเจินยังมีชีวติ อยู่ ตอนที่เขาเป็ นศพของทั้งแปดคน ก็นึกว่า
สองคนนี้จะตายไปแล้วเหมือนกัน
สงสัยเจ้าเด็กนี่จะไม่ซื่อสัตย์กบั ตนด้วยเหมือนกัน ยังซุกซ่อนความลับเอาไว้ อวิน๋ เป้ าทั้งโมโหทั้งอยาก
ขํา แต่กย็ งั ดีใจมากกว่า เขายิม้ มุมปาก ความรู ้สึกแบบนี้ดีจริ ง ๆ ได้ตวั ประกันมาไว้ในมือเพิม่ อีกคน
แล้ว!
อันหรู อวี้เองก็เลิกคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะมีแผนสํารอง! ขณะที่รู้สึกชื่นชม ในใจก็ยงิ่ รู ้สึกดื้อรั้น
เพราะเขาดันไม่ใช่ลูกเขยของตนน่ะสิ โดนผูห้ ญิงคนอื่นคว้าไปก่อนแล้ว ผูช้ ายดี ๆ โดนผูห้ ญิงไม่ดี
ล่อลวงไปแล้ว!
ตั้งแต่เหมียวอี้แต่งงานกับอวิน๋ จือชิว อันหรู อวี้กช็ ่วยลูกสาวตัวเองหาผูช้ ายดี ๆ เหมือนกัน แต่นางนํา
เหมียวอี้มาเป็ นมาตรฐาน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ หวังว่าจะหาผูช้ ายที่ดีกว่าเหมียวอี้ให้ลูกสาวทั้งสองของ
ตัวเอง จะได้ปลอบโยนหัวใจที่รู้สึกสูญเสี ยของตัวเองได้ แต่เมื่อเปรี ยบเทียบกันแล้ว การหาผูช้ าย
มาตรฐานเดียวกับเหมียวอี้น้ นั ลําบากจริ ง ๆ !
ฝ่ ายแดนอู๋เลี่ยงสบตากันเลิกลัก่ มีคนฝ่ ายเราไปเป็ นตัวประกันอยูใ่ นมือของอีกฝ่ าย ทําอย่างไรดี?
หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็ นศิษย์นอ้ งของตัวเอง ฟู่ หยวนคังก็ตะคอกอย่างโมโหว่า “ไอ้เหมียวจัญไร ถ้า
เจ้ากล้าแตะต้องศิษย์นอ้ งข้าแม้แต่ปลายผมก็ลองดูสิ!”
ฉับ! เหมียวอี้ไม่พดู พรํ่าทําเพลง ใช้กระบี่ตดั ทันที ตัดผมของชุยหย่งเจินทิ้งแล้ว ทําให้ชุยหย่งเจินผม
ปลิวสยายทันที จากนั้นกระบี่กย็ า้ ยลงมาจ่อคอชุยหย่งเจินอีก เหมียวอี้แสยะยิม้ พร้อมบอกว่า “ขู่ขา้
เหรอ? หลังจากข้าตีฝ่านักพรตหนึ่งแสนแปดหมื่นคนที่การปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตรออกมาได้ ข้า
ก็ไม่รู้แล้วว่าคําว่า ‘ตาย’ เขียนยังไง! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกระบี่จะไม่ตดั แค่ที่ผมแล้วนะ!”
คมกระบี่ยา้ ยไปบนแขนของชุยหย่งเจิน
อวิน๋ เป้ าพูดกลั้วหัวเราะ “ฟู่ หยวนคัง ถอยไปซะดี ๆ เถอะ เจ้าเด็กนี่มนั กล้าทําจริ ง ๆ นะ ถ้าเขาเผลอ
ถอดเสื้ อผ้าศิษย์นอ้ งเจ้าให้ทุกคนได้เชยชมล่ะ แบบนั้นพวกเราก็ไม่สบายใจแล้ว”
เหงื่อแตก! เหมียวอี้เหงื่อแตกนิดหน่อย ยังมีคนที่โหดกว่าตัวเองอีก ขนาดข้ายังไม่กล้าถอดเสื้ อผ้า
ผูห้ ญิงต่อหน้าฝูงชนเลย แต่จะว่าไปแล้ว เหมือนคําขู่แบบนี้จะได้ผลยิง่ กว่าฆ่าชุยหย่งเจินอีก เรื่ องแบบ
นี้นภาอู๋เลี่ยงทนเสี ยหน้าไม่ไหวหรอก!
“อาแปดพูดจามีเหตุผล ส่ งต่อผูห้ ญิงคนนี้ให้อาแปดจัดการก็แล้วกัน!” เหมียวอี้โบกมือ โยนชุยหย่งเจิน
ออกไปทันที
อวิน๋ เป้ ารับตัวนางมาไว้ในมือ ทําสี หน้าไม่ถกู นิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน เขาแค่เตือน
เหมียวอี้นิดหน่อยว่าจะขู่นภาอู๋เลี่ยงอย่างไรให้ได้ผล ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะโยนเรื่ องขาดคุณธรรมมา
ให้เขาทํา!
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อย อวิน๋ เป้ าไม่พดู พรํ่าเพลง คว้าคอเสื้ อชุยหย่งเจินแล้วดึงลง หัวไหล่ที่
ขาวดุจหิมะของชุยหย่งเจินเปิ ดเผยออกมาทันที
“หยุดนะ!” ฟู่ หยวนคังคํารามทันที
อวิน๋ เป้ ากลับทําท่าจะดึงเสื้ อผ้าของชุยหย่งเจินต่อ “ฟู่ หยวนคัง ให้คนของนภาอู๋เลี่ยงถอยไป
ไม่อย่างนั้นถ้ามือข้าสะบัดทีเดียว เรื อนร่ างของศิษย์นอ้ งเจ้าก็จะถูกเปิ ดโปงเดี๋ยวนี้!”
ฟู่ หยวนคังตาแทบจะถลน หันซ้ายกันขวาแล้วสัง่ ว่า “ถอยไป!”
“ช้าก่อน!” จีเต๋ อไห่ตะคอก จากนั้นก็หนั ไปทางสํานักงามวิจิตร “เฟิ งเป่ ยเฉิ น ลูกศิษย์เจ้าตกอยูใ่ นมือ
คนอื่น ถ้าเจ้ายังไม่โผล่หน้าออกมาก็จะฟังดูไม่เข้าท่าแล้ว!”
ทุกคนตกใจมาก เฟิ งเป่ ยเฉินก็อยูท่ ี่นี่เหมือนกันเหรอ?
อวิน๋ เป้ ากับเหมียวอี้แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว เรื่ องที่กงั วลที่สุด สงสัยจะหลีกเลี่ยงไม่พน้ !
เหมียวอี้กลับพลิกฝ่ ามมือแล้วขยุม้ นําจีเหม่ยเหมยที่ตวั สัน่ ระริ กอยูใ่ นสภาพสะบักสะบอมออกมาอีก
เอากระบี่จ่อที่คอจีเหม่ยเหมย พูดอย่างรู ้สึกอับอายปนโมโห “จีเต๋ อไห่ เสี ยงดังไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้า
ก็ถอยไปเหมือนกัน! ถ้ากดดันจนข้าหมดทางเลือก ก็อย่านึกว่าข้าไม่กล้าถอดเสื้ อผ้าน้องสาวเจ้านะ!”
“ฮ่า ๆ ! ยังมีอีกหนึ่ง!” อวิน๋ เป้ าหัวเราะลัน่ กล่าวอย่างร่ าเริ งสุ ด ๆ ว่า “เจ้าเด็กนี่มีตวั ประกันเยอะเชียว
นะ!”
เรื่ องที่จีเต๋ อไห่กงั วลที่สุดเกิดขึ้นแล้ว ตอนที่เห็นชุยหย่งเจินยังมีชีวติ อยู่ เขาก็กงั วลนิดหน่อย ภายใต้
สถานการณ์แบบนี้ เขาหวังว่าน้องสาวตัวเองตายไปแล้ว จะได้ไม่ตอ้ งออกมาทนรับความอับอาย แต่
น่าเสี ยดายที่เขาไม่สมหวัง ฉากที่ไม่อยากเห็นมากที่สุดได้โผล่ข้ ึนมาแล้ว เขาหน้าบึ้งทันที โมโหจนตัว
สัน่ กําหมัดสองข้างไว้แน่น “ไอ้เหมียวจัญไร เจ้าบังอาจ!”
“ถ้าข้าปกป้ องไม่ได้แม้แต่ชีวติ ตัวเอง เจ้าคิดว่าข้าจะกล้ามั้ยล่ะ!” เหมียวอี้กล่าว
ซวบ! เงาคนคนหนึ่งแฉลบมาจากสํานักงามวิจิตร แล้วลอยนิ่งอยูก่ ลางอากาศ เฟิ งเป่ ยเฉิ นปรากฏตัวอยู่
ด้านบน มองดูชุยหย่งเจินที่อยูใ่ นมืออวิน๋ เป้ าอย่างเงียบ ๆ สายตาเหลือบลง สี หน้าเรี ยบเฉยเย็นชา
กลุ่มคนที่อยูต่ รงนั้นแอบตกใจ อาศัยพลังของพวกเขา ถ้าอยากจะแย่งคนกับเฟิ งเป่ ยเฉิ น ก็ไม่มี
ความหวังเลย
เหมียวอี้กย็ งิ่ แอบร้องในใจ เฝ้ าหวังมาตลอดว่าจะมีแค่ฉินซีอยูท่ ี่นี่คนเดียว หวังว่าเฟิ งเป่ ยเฉิ นจะไม่อยู่
ด้วย ตอนนี้พอเห็นเฟิ งเป่ ยเฉิ นปรากฏตัว ความหวังสุ ดท้ายในใจก็ดบั ลงทันที ฉากกําบังเดียวที่มีอยูใ่ น
มือก็คือชุยหย่งเจินแล้ว หวังว่าจะใช้ประโยชน์ได้!
สาเหตุที่เขาเหลือชุยหย่งเจินกับจีเหม่ยเหมยเอาไว้ ก็เพราะหวังว่ายามหน้าสิ่ วหน้าขวานจะนํามาเป็ น
ยันต์ป้องกันตัวได้ สามารถพาตนกลับไปอย่างปลอดภัยได้
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกวาดสายตาเย็นเยียบมองเหมียวอี้ สุ ดท้ายก็ไปหยุดอยูบ่ นตัวอวิน๋ เป้ า แล้วกล่าวเสี ยงเรี ยบ
ว่า “ข้าไม่เอาท่านจื่อหยางแล้ว ปล่อยชุยหย่งเจิน แล้วข้าจะละเว้นชีวติ พวกเจ้า ปล่อยพวกเจ้ากลับไป
อย่างปลอดภัย”
จริ งหรื อโกหก? ไม่ตอ้ งการท่านจื่อหยางแล้วเหรอ? ทุกคนรู ้สึกค่อนข้างแปลกใจ สงสัยท่านอาจารย์จะ
เอาใจใส่ ลูกศิษย์ของตัวเองมาก เพื่อที่จะช่วยลูกศิษย์ของตัวเอง แม้แต่ท่านจื่อหยางที่มีความสําคัญต่อ
สถานการณ์โดยรวมก็ไม่สนใจแล้ว
คนของสํานักหลอมของวิเศษอื่น ๆ ที่ดูอยูไ่ กล ๆ ก็ยงิ่ แอบชื่นชม อาจารย์ทาํ ได้ถึงขั้นนี้กน็ บั ว่าไม่มี
อะไรต้องพูดแล้ว
แต่กพ็ อจะเข้าใจได้ ลูกศิษย์แต่ละคนของหกปราชญ์ กว่าจะเลี้ยงและฝึ กฝนมาจนถึงขั้นนี้ได้นบั ว่าไม่
ง่ายเลย ต้องใช้ทรัพยากรไปมากมายกว่าจะได้ลูกศิษย์สกั หนึ่งคน ถ้าตายไปสักคนก็ถือว่าเป็ นความ
เสี ยหายอันใหญ่หลวงของหกปราชญ์
“ท่านอาจารย์!” ฟู่ หยวนคังพลันหันไปถ่ายทอดเสี ยงเรี ยกเฟิ งเป่ ยเฉิ น ความหมายที่แฝงอยูใ่ นนั้นก็คือ
อย่าบอกนะว่าท่านจะปล่อยท่านจื่อหยางไปแบบนี้จริ ง ๆ ? ท่านทูตหลายคนตายไปโดยสู ญเปล่าอย่าง
นี้น่ะเหรอ?
เฟิ งเป่ ยเฉิ ยถ่ายทอดเสี ยงตอบว่า “ตอนแรกอาจารย์เห็นแก่ผลประโยชน์จนหน้ามืดตามัว คิดผิดไป! เขา
จะหลอมสร้างอะไรก็ไม่หลอม ดันมาหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตร เกรงว่าอีกห้าปราชญ์กค็ ิดไม่ถึง
เหมือนกันว่าจะเป็ นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาตั้งแต่แรก! เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว จื่อหยางเหลือแค่ทาง
ตายเท่านั้น ไม่วา่ เขาจะไปตกอยูใ่ นมือใคร คนนั้นก็ปกป้ องเขาไม่ได้ คนพวกนี้นิสยั เป็ นอย่างไร ข้ารู ้ดี
ว่าพวกเจ้าอีก ปราชญ์ที่เหลือจะต้องรุ มโจมตีแน่นอน ยิง่ ไปกว่านั้น ต่อให้พวกเราปล่อยเขาไป แต่เจ้า
คิดว่าพวกที่เหลือจะปล่อยเขาไปเหรอ? ตอนนี้ไม่รู้วา่ เบื้องหลังยังซ่อนใครเอาไว้อีก รอให้พวกเขาเข่น
ฆ่ากันเองไปสักพัก คนที่ซ่อนอยูเ่ บื้องหลังคงจะปรากฏตัว รอดูอีกสักหน่อย!”
ฟู่ หยวนคังกวาดสายตามองฝาไห่และคนอื่น ๆ แวบหนึ่ง เข้าใจกระจ่างในทันที ต่อให้ฝ่ายพวกเขา
ปล่อยไป แต่พวกฝาไห่ไม่ปล่อยไปแน่นอน
หลังจากอวิน๋ เป้ าไตร่ ตรองครู่ หนึ่ง ก็ถามว่า “เฟิ งเป่ ยเฉิ น เจ้ารักษาคําพูดรึ เปล่า?”
“เจ้าคิดว่าเด็ก ๆ อย่างพวกเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะทําให้ขา้ กลับคําพูดเหรอ?” เฟิ งเป่ ยเฉิ นกล่าวด้วย
อย่างยึดมัน่ ในคุณธรรม
อวิน๋ เป้ าคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเห็นด้วย หนึ่งในหกปราชญ์ผสู ้ ง่าผ่าเผยกล่าวคํานี้ต่อหน้าฝูงชน ไม่วา่
เบื้องหลังจะเป็ นคนอย่างไร แต่ภายนอกก็ยงั ต้องรับประกัน
อวิน๋ เป้ าหันมามองเหมียวอี้ แล้วถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “เฟิ งเป่ ยเฉิ นให้คาํ สัญญาต่อหน้าฝูงชนแบบนี้
น่าจะเชื่อถือได้ มีคนมากมายกําลังมองอยู่ ถ้าแรงกดดันจากฝ่ ายนภาอู๋เลี่ยงหมดไป พวกเราก็จะออกไป
จากที่นี่ได้อย่างมัน่ ใจขึ้นกว่าเดิม”
เดิมทีเหมียวอี้กจ็ ะคิดจะจับชุยหย่งเจินเป็ นตัวประกันอยูแ่ ล้ว แต่เขาไม่เคยคิดจะปล่อยชุยหย่งเจินไป
เลย เพราะถ้าปล่อยยนางไป ความลับของตัวเองก็จะถูกเปิ ดเผยทั้งหมด จึงตอบเสี ยงดังทันทีวา่ “เฟิ ง
เป่ ยเฉิน พวกเราไม่ฆ่าชุยหย่งเจินก็ได้ แต่ตอ้ งรอให้พวกเราออกไปจากแดนอู๋เลี่ยงก่อน”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นมองตํ่าพลางกล่าวว่า “ข้าถอยให้แล้วก้าวหนึ่ง แต่คนจัญไรอย่างเจ้าได้คืบจะเอาศอก คงเบื่อ
หน่ายที่จะมีชีวติ อยูต่ ่อแล้วจริ ง ๆ ! เพื่อความปลอดภัยของลูกศิษย์ขา้ เงื่อนไขข้อนี้กใ็ ช่วา่ จะตอบตกลง
ไม่ได้ อยากออกจากแดนอู๋เลี่ยงก็ง่ายมาก ข้าจะส่ งพวกเจ้ากลับแดนโพ้นสวรรค์ดว้ ยตัวเอง ถึงตอนนั้น
เจ้าค่อยปล่อยตัวประกันก็ยงั ไม่สาย แต่ท่านทูตสี่ คนของข้าจะตายเปล่าไม่ได้” จากนั้นก็ช้ ีไปตรงข้าง
กายอันหรู อวี้ “เอาชีวติ ท่านทูตของแดนเซี ยนมาแลกสี่ คน! ไม่อย่างนั้นก็ตอ้ งปล่อยคนเดี๋ยวนี้! เงื่อนไข
สองข้อนี้ เจ้าเลือกมาหนึ่งข้อ ไม่อย่างนั้นข้าก็ยอมตัดใจทิ้งชีวติ ของชุยหย่งเจิน ดีกว่ายอมให้คนจัญไร
อย่างเจ้ามาขู่ได้ตามใจชอบ อย่างมากหลังจากจบเรื่ องก็แค่ฆ่าพวกเจ้าให้ลงหลุมศพไปเพื่อนนาง ข้าพูด
จริ งทําจริ ง เจ้าจะเอาอย่างไรก็คิดเอง!”
ตอนที่ 911

ลงมืออย่ างเหีย้ มโหด

เมื่อได้ยนิ เขากล่าวแบบนี้ เหมียวอี้กร็ ู ้วา่ ไม่มีทางเหลือให้เจรจาแล้ว หนึ่งในหกปราชญ์ผสู ้ ง่าผ่าเผยพูด


ออกมาแบบนี้แล้ว ไม่มีทางกลับคําแน่นอน นอกเสี ยจากเจ้าจะมีความสามารถทําให้เขากลับคํา ที่
สําคัญคือเจ้าไม่มีความสามารถนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ตอ้ งเปลืองคําพูดแบบนี้หรอก
พลังอันแข็งแกร่ งของเฟิ งเป่ ยเฉิ นก็เห็น ๆ กันอยู่ จะไม่ปล่อยชุยหย่งเจินก็ไม่ได้ แต่ถา้ ปล่อยไป ไพ่ใบ
สุ ดท้ายของตัวเองก็จะถูกเปิ ดเผยออกมาหมด เดิมทีกไ็ ม่กลัวว่าจะถูกเปิ ดโปง เพราะอย่างมากก็หนีไป
พิภพใหญ่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าสามดันอยูใ่ นมือมู่ฝานจวิน
เขาเองก็อยากจะเอาชีวติ ท่านทูตของแดนเซี ยนสี่ คนไปแลก แต่เขาตัดสิ นใจเรื่ องนี้เองไม่ได้ ฝั่งอัน
หรู อวี้ตอ้ งไม่รับปากแน่นอน
ตอนนี้เหมียวอี้เรี ยกได้วา่ ลําบากใจทุกทาง อยากจะโยนเยารั่วเซียนออกมาให้สิ้นเรื่ อง ตาปี ศาจเฮงซวย
นี่วางกับดักให้คนอื่นตาย
จู่ ๆ อันหรู อวี้กส็ งั่ ว่า “เหมียวอี้ ส่ งตัวชุยหย่งเจินไปให้เขา!”
มารดาเจ้าเถอะ! เจ้าก็พดู ได้อย่างสบายใจน่ะสิ ! เหมียวอี้บ่นในใจ พอเอียงหน้ามองเห็นอวิน๋ เป้ า ก็เห็น
อีกฝ่ ายกําลังมองตัวเองอยูเ่ หมือนกัน เห็นได้ชดั ว่ามีเจตนาเหมือนอันหรู อวี้
ถ้าพูดถึงในจุดยืนของทั้งสอง การส่ งตัวชุยหย่งเจินไปแลกเพื่อไม่ให้เฟิ งเป่ ยเฉิ นลงมือเป็ นแผนที่ดี
ที่สุด และไม่ได้เสี ยหายอะไรด้วย
เหมียวอี้เหลียวซ้ายแลขวาพักหนึ่ง แววตาเป็ นประกายเล็กน้อย แล้วจู่ ๆ ก็พยักหน้าบอกว่า “เฟิ งเป่ ย
เฉิน ข้าตอบตกลงเงื่อนไขข้อที่สอง ชีวติ ของท่านทูตสี่ คนของแดนเซียน เจ้าเอาไปเถอะ!”
ท่านทูตทุกคนของแดนเซียนแทบจะตาถลนออกมา นี่มนั เรื่ องอะไรกัน? ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป!
พวกอวิน๋ เป้ าจากนภาจอมมาร พวกปี ศาจของทะเลดาวนักษัตร ต่างก็พากันตกตะลึงอ้าปากค้าง แม้แต่
เฟิ งเป่ ยเฉิ นเองก็อ้ ึงเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะตอบตกลงเงื่อนไขนี้
“เหมียวอี้ เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” อันหรู อวี้ตวาดถาม
“บังอาจ!” เยว่เทียนโปก็โมโหเช่นกัน
“ไอ้เหมียวจัญไร เจ้าบังอาจ!” ท่านทุกคนด่าสาดเสี ยเทเสี ย ด่าว่าเขาวางกับดักแม้กระทัง่ พวกเดียว
กันเอง
เหมียวอี้แสยะยิม้ “ตอนนี้รู้จกั เห็นข้าเป็ นพวกเดียวกันแล้วเหรอ เมื่อคืนตอนที่ร่วมมือกับแดนปี ศาจ
แดนอู๋เลี่ยงลอบสังหารข้า ไม่เห็นบอกว่าข้าเป็ นพวกเดียวกันเลย?”
“คําพูดไร้สาระ! คําพูดยุยงเสี้ ยมเขาควายให้ชนกัน เจ้าเชื่อเข้าไปได้อย่างไร?” อันหรู อวี้ตะคอกอย่าง
ดุดนั
เหมียวอี้ตอบเสี ยงเรี ยบว่า “คุณชายรอง เมื่อคืนหญิงรับใช้ของท่านหลอกข้าไปที่นนั่ เป็ นใครที่วางกับ
ดักทําร้ายข้า เกรงว่าในใจท่านคงจะรู ้ชดั ดีที่สุด”
“พูดจาเหลวไหล เจ้ามีหลักฐานรึ เปล่า?” อันหรู อวี้ตะคอกอย่างโมโห
“เรื่ องที่ขา้ ประสบมาด้วยตัวเอง ยังต้องการหลักฐานอะไรอีก?” เขาเอียงหน้าไปมองเฟิ งเป่ ยเฉิน “เฟิ ง
เป่ ยเฉิน เจ้าจัดการตามเห็นสมควรแล้วกัน” เหมียวอี้กล่าว
“เจ้าแน่ใจเหรอ?” เฟิ งเป่ ยเฉิ นถาม
เหมียวอี้พยักหน้าอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่นอ้ ย “แน่ใจ!”
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเลย!” อันหรู อวี้เดือดดาลสุ ดขีด ถลันตัวเข้ามาฟาดหนึ่งฝ่ ามือ
สงเวยที่พิทกั ษ์อยูข่ า้ งกายเหมียวอี้ถลันตัวออกมาทันที ชกออกไปหนึ่งหมัด บึ้ม! เกิดเสี ยงดังสะเทือน
ฟ้ าดิน คลื่นแรงพัดม้วน ลมกระโชกแรง ต้นไม้ป่าภูเขาที่อยูด่ า้ นล่างก็ถูกถอนขึ้นมาทั้งราก คนกําลัง
อ่อนแอกว่าที่อยูไ่ กล ๆ ทนรับไม่ไหว รี บถอยไปไกลกว่าเดิมแล้ว
อันหรู อวี้สะเทือนจนลอยออกไป สงเวยก็กระเด็นถอยหลังอยูก่ ลางอากาศ รี บวาดแขนสองข้าง ขจัด
พลังโจมตีที่อยูใ่ นร่ างกายตัวเอง ถึงแม้วรยุทธ์ของสงเวยจะสูงกว่าอันหรู อวี้หนึ่งขั้น แต่อนั หรู อวี้กฝ็ ึ ก
เคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้ าได้หกชั้นฟ้ าแล้ว ภายใต้พลังโจมตีที่ปะทะเข้ามาหลายชั้น ตอนนี้ในร่ างกาย
ของเขาราวกับพลิกแม่น้ าํ ควํ่ามหาสมุทร เลือดลมปั่ นป่ วน
เมื่อเห็นทุกคนของแดนเซียนจะพยายามหาช่องโหว่หนี เหมียวอี้กร็ ี บบอกว่า “เฟิ งเป่ ยเฉิน เจ้ารับปาก
จะส่ งพวกเรากลับแดนโพ้นสวรรค์ หรื อว่าจะกลืนคําพูดตัวเอง?”
เพิ่งจะพูดจบ เฟิ งเป่ ยเฉินก็แสยะยิม้ ทันที ร่ างหายไปจากที่เดิมภายในชัว่ พริ บตาเดียว พุง่ ตัวเข้าใส่ กลุ่ม
ท่านทูตที่กรู กนั เข้ามา
ทุกคนของแดนเซียนตกใจมาก ย่อมต้องโจมตีสุดชีวติ เพื่อเอาตัวรอดออยูแ่ ล้ว เฟิ งเป่ ยเฉินยืนนิ่งไม่
สะทกสะท้านอยูก่ ลางอากาศ ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นอ้ ย ปล่อยให้กลุ่มคนถืออาวุธต่าง ๆ พุง่ เข้ามาใส่
ตน
ขณะที่ดาบหอกกระบี่พงุ่ เข้ามาโจมตีใส่ รอบกายเฟิ งเป่ ยเฉิ นก็มีลมพายุรุนแรงกลุ่มหนึ่งหมุนวน อาวุธ
หลายชิ้นโดนโจมตีกระเด็นไปแล้ว แทบจะไม่มีอาวุธใดทําร้ายเขาได้เลย กลุ่มท่านทูตก็ตอบสนองเร็ ว
เช่นกัน ใช้ท้ งั หมัดทั้งเท้าโจมตีเข้ามาพร้อมกันอย่างบ้าคลัง่
เฟิ งเป่ ยเฉิ นยังคงยืนอยูบ่ นฟ้ าไม่ขยับไปไหน ครั้งนี้กย็ งิ่ ปล่อยให้หมัดเท้าของพวกท่านทูตโจมตีมา
โดนร่ างกายตัวเอง เห็นอยูช่ ดั ๆ ว่าโจมตีรุนแรงมาก แต่กลับไม่ได้ยนิ เสี ยงความเคลื่อนไหวอะไร
เหมียวอี้เคยเห็นฉากนี้มาก่อน ในหัวมีภาพตอนตัวเองต่อสูก้ บั เฟิ งเสวียนแวบเข้ามา ดวงตาพลันเบิก
กว้าง มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยง!
เป็ นอย่างที่คาดไว้ วินาทีที่โดนหมัดพวกนั้นโจมตี เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็ยมิ้ เย้ย “ไม่ประมาณกําลังตัวเอง!”
โดนหมัดที่มีพลังโจมตีรุนแรงมากมายมายขนาดนี้ เฟิ งเป่ ยเฉินกลับเหมือนคนที่ไม่เป็ นอะไรเลย จู่ ๆ ก็
กางแขนสองข้าง บึ้ม ๆ ๆ ! เสี ยงระเบิดดังต่อเนื่องกัน พวกท่านทูตที่โจมตีเฟิ งเป่ ยเฉิ นเงยหน้ากระอัก
เลือกสดออกมาพร้อมกัน มีหา้ หกคนที่สะเทือนจนกระเด็นออกไป
คนที่โดนโจมตีไม่เป็ นอะไร แต่คนที่เป็ นฝ่ ายโจมตีกลับบาดเจ็บสาหัส!
ลมพายุรุนแรงระเบิดไปทัว่ สารทิศ ด้านล่างภูเขาถล่มพื้นดินทลาย พวกเหมียวอี้ที่กาํ ลังจับตัวประกัน
รี บถอยไปข้างหลัง หลบแรงชนปะทะที่รุนแรง
ภาพนี้ทาํ ให้คนมากมายแอบตกตะลึงพรึ งเพริ ด เหมียวอี้กย็ งิ่ สูดหายใจอย่างตกตะลึง หนึ่งในหกเคล็ด
วิชาพิเศษของพิภพใหญ่ช่างไม่ธรรมดาจริ ง ๆ
เห็นเพียงวินาทีที่เฟิ งเป่ ยเฉินขยับตัว เงาร่ างแฉลบวนด้วยความเร็ วสู ง ไล่ตามไปหาท่านทูตที่กระเด็น
ออกไป ฟาดฝ่ ามือใส่ คนละที ฟาดไปทั้งหมดสี่ ฝ่ามือ มีเสี ยงดังสี่ ครั้ง ศีรษะของคนสี่ คนโดนฟาดจน
กลายเป็ นแตงโมเละในชัว่ พริ บตาเดียว
ใช้เวลาเพียงชัว่ พริ บตาเดียวเท่านั้น ท่านทูตสี่ คนของแดนเซี ยนตายแล้ว เยว่เทียนโปก็เป็ นหนึ่งในนั้น
เช่นกัน ตกลงจากบนฟ้ าทันที
“ไม่!” ฉางฮวน ฉางเล่อ หญิงรับใช้ของเยว่เทียนโปกรี ดร้องอย่างเศร้าโศก ต่างคนต่างถือทวนยาวพุง่
เข้ามา
ที่พงุ่ เข้ามาพร้อมกันยังมีหญิงรับใช้ของท่านทูตอีกสามคน เฟิ งเป่ ยเฉินไม่แม้แต่จะหันมอง เพียงสะบัด
แขนเสื้ อไปทางซ้ายทางขวานิดหน่อย
บึ้ม ๆ ๆ ! เสี ยงสัน่ สะเทือนดังต่อเนื่อง ผูห้ ญิงหลายคนกระอักเลือดสดออกมา ขนาดเข้าใกล้เฟิ งเป่ ย
เฉินยังทําไม่ได้ ตกลงจากฟ้ าคนแล้วคนเล่าราวกับว่าวที่สายป่ านขาด
เหมียวอี้เม้มริ มฝี ปากแน่น สี หน้าเย็นเยียบดุร้าย เขาเข้าใจดีวา่ สิ่ งที่ตวั เองทําหมายความว่าอย่างไร!
“หนี!” อันหรู อวี้ตะโกนเสี ยงแหลม คนฝ่ ายแดนเซี ยนที่เหลือเรี ยกได้วา่ หนีกระเจิดกระเจิง เมื่อรู ้วา่ การ
ต่อสู น้ ้ ีตอ้ งเจอกับเฟิ งเป่ ยเฉิน ก็ไม่มีทางต่อสูก้ นั ได้เลย
เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็รักษาคําพูดจริ ง ๆ บอกไว้แล้วว่าจะเอาชีวติ ท่านทูตสี่ คนมาแลกกับชีวติ ท่านทูตสี่ คน เขา
ไม่ได้ลงมือกับท่านทูตคนอื่นอีก เพียงแต่เงาร่ างหายไปจากที่เดิมอีกครั้ง ไล่ตามอันหรู อวี้ที่กาํ ลัง
หลบหนี ฟาดไปที่แผ่นหลังของอันหรู อวี้หนึ่งฝ่ ามือ
“อัก่ …” อันหรู อวี้กระอักเลือดสดออกมาคําหนึ่ง ยังหลบหนีไม่ทนั โดนเฟิ งเป่ ยเฉิ นขยุม้ ฝ่ ามือดูดกลับ
เข้ามา
“ฮูหยิน!” โอวหยางกวงที่หนีไปไกลร้องเรี ยกอย่างเศร้าโศก
“รี บหนีไป!” อันหรู อวี้ตวาดเสี ยงเข้ม
เฟิ งเป่ ยเฉิ นไม่ได้ไล่ตามคนอื่นอีก รี บลงมือผนึกวรยุทธ์ของอันหรู อวี้ แล้วบีบคออันหรู อวี้ดึงกลับมา
การลงมือไม่กี่ครั้งที่ง่ายเหมือนหัน่ ผัก ทุกคนที่เห็นภาพนี้พากันตาลาย เพิ่งรู ้วา่ พลังของหกปราชญ์
แข็งแกร่ งขนาดไหน นักพรตบงกชทองโดยทัว่ ไป ยามตกอยูใ่ นมืออีกฝ่ าย แม้แต่จะโต้ตอบสักครั้งก็
ทําไม่ได้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริ ง ๆ
เหมียวอี้เม้มริ มฝี ปากแน่น เมื่อเห็นเฟิ งเป่ ยเฉินลงมือได้ปราดเปรี ยวขนาดนั้น เขาก็เริ่ มสงสัยนิดหน่อย
ว่าต่อให้ดึงตัวจงหลีค่วยจากปราสาทดําเนินนภามา ก็เกรงว่าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องเฟิ งเป่ ยเฉินก็ได้
หนึ่งในหกเคล็ดวิชาพิเศษ!
ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรสบตากันวบหนึ่ง ทุกคนสี หน้าแย่มาก ไม่ได้ประมือกับหก
ปราชญ์มาหลายปี แล้ว ตอนนี้ผา่ นไปหลายหมื่นแล้ว ดูจากตัวของเฟิ งเป่ ยเฉิ นก็จะรู ้ ว่าพลังของหก
ปราชญ์ต่างไปจากอดีตแล้ว แข็งแกร่ งกว่าในปี นั้นเยอะ ประมุขถิ่นทั้งสี่ ตา้ นทานไม่ไหวตั้งนานแล้ว!
เฟิ งเป่ ยเฉิ นหิ้วอันหรู อวี้ที่สภาพสะบักสะบอมเหาะกลับมา มองชุยหย่งเจินที่อยูใ่ นมืออวิน๋ เป้ าแวบ
หนึ่ง แล้วยกอันหรู อวี้ข้ ึนมาเก็บเอาไว้โดยตรง!
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกวาดมองคนอื่นด้วยแววตาเย็นชา แล้วบอกว่า “อาณาเขตของข้า ไม่ใช่ที่ที่เด็กอย่างพวกเจ้า
จะมากําเริ บเสิ บสานได้ง่าย ๆ ไสหัวไปให้หมด!”
ฝาไห่กบั อวี้หนูเจียวสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้วา่ ไม่มีทางแย่งตัวท่านจื่อหยางได้แล้ว ในเมื่อเฟิ งเป่ ย
เฉินรับปากว่าจะคุม้ กันเหมียวอี้ส่งกลับแดนโพ้นสวรรค์ เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว
จีเต๋ อไห่พลันเอ่ยว่า “เหมียวอี้! ปล่อยน้องสาวข้า ข้าไม่ตอ้ งการท่านจื่อหยางแล้ว!”
เหมียวอี้ที่จอ้ งเฟิ งเป่ ยเฉินค่อย ๆ ย้ายสายตากลับมา เขามองจีเต๋ อไห่พร้อมกล่าวเสี ยงเรี ยบ “เดิมทีขา้ ก็
ไม่มีความแค้นอะไรกับน้องสาวเจ้า แต่นอ้ งสาวเจ้ากับลูกชายนางจะเล่นงานข้าให้ตายครั้งแล้วครั้งเล่า
ข้าไม่หวังให้ความแค้นนี้ถูกแก้ไขหรอก ไม่สูผ้ กู เอาไว้เลยดีกว่า!”
พอพูดจบ เลือดก็สาดพุง่ กระบี่ในมือสะท้อนแสงคมมีด ลําคอที่ขาวหมดจดของจีเหม่ยเหมยขาดเป็ น
สองท่อน ร่ างที่ยงั ไม่ทนั ได้ดิ้นรนตกลงบนพื้น แต่ศีรษะที่กาํ ลังถลึงตากลับยังอยูใ่ นมือเหมียวอี้
“ไอ้จญั ไร!” จีเต๋ อไห่ตวาดอย่างเดือดดาล
ทุกคนตกใจมาก ต่างก็ไม่รู้วา่ เหมียวอี้ทาํ แบบนี้ทาํ ไม นี่เป็ นการผูกความแค้นที่ไม่มีวนั แก้ได้กบั นภา
หมื่นปี ศาจ! แม้แต่อวิน๋ เป้ าก็สูดหายใจอย่างตกตะลึง เจ้าหมอนี่มนั บ้าไปแล้วใช่ม้ ยั ?
กลุ่มปี ศาจของทะเลดาวนักษัตรก็อา้ ปากค้างพูดไม่ออก คุณชายห้าโคตรโหด เรื่ องที่แม้แต่ประมุขถิ่นสี่
ทิศยังไม่กล้าทํา แต่ประมุขถิ่นกลางคนนี้บทจะทําขึ้นมาก็ไม่ปรานีเลยสักนิด!
เฟิ งเป่ ยเฉิ นจ้องเหมียวอี้พลันหรี่ ตา แล้วจู่ ๆ ก็หนั พ่นเสี ยงทางจมูก หันขวับไปจ้องจีเต๋ อไห่ที่กาํ ลังจะ
พุง่ เข้าหาเหมียวอี้
เขารับปากแล้วว่าจะคุม้ กันส่ งเหมียวอี้กลับแดนโพ้นสวรรค์ ตอนนี้ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเหมียวอี้
ได้ง่าย ๆ
จีเต๋ อไห่จาํ ต้องถอย แล้วโบกมือชี้เหมียวอี้พลางตวาดด้วยสี หน้าดุร้าย “ไอ้เหมียวจัญไร วันหลังข้าจะ
ทําให้เจ้าทรมานจนอยูต่ ่อไม่ไหว แต่จะตายก็ตายไม่ได้!”
เหมียวอี้สะบัดมือที่กาํ ลังหิ้วผมของจีเหม่ยเหมย โยนศีรษะของจีเหม่ยเหมยทิ้งแล้ว นี่คือคําตอบของ
เขา กระบี่ที่ถือเฉียงอยูใ่ นมือยังมีเลือดหยด!
ศีรษะที่โดนโยนพลันค้างอยูก่ ลางอากาศ กลายเป็ นศีรษะของมังกรคะนองนํ้าที่มีเขาเดียว ส่ วนร่ างที่
ตกลงพื้นก็ปรากฏร่ างเดิมเช่นกัน เป็ นร่ างยาวสี ดาํ เหมือนจะเป็ นงูแต่กไ็ ม่ใช่งู มีขาหน้าสองข้าง!
จีเต๋ อไห่ที่อุม้ ศีรษะมังกรคะนองนํ้าโกรธจนตัวสัน่ มองดูเฟิ งเป่ ยเฉิ นแวบหนึ่ง แล้วถลันตัวลงไปที่พ้นื
เก็บกวาดเศษร่ างของจีเหม่ยเหมย
เหมียวอี้กลับยืน่ มือไปหาอวิน๋ เป้ า “อาแปด ส่ งตัวประกันมาให้ขา้ !”
อวิน๋ เป้ าจับตัวชุยหย่งเจินลอยเข้ามา แล้วกล่าวอย่าอกสัน่ ขวัญแขวนว่า “เจ้าอย่าทําซี้ซ้ วั นะเหมียวอี้!”
เขากังวลจริ ง ๆ ว่าเจ้าบ้านี่จะทําอะไรซี้ ซ้ วั เมื่อครู่ น้ ีอยูด่ ี ๆ ก็ฆ่าจีเหม่ยเหมยไป ทําให้เขาตกใจ
เหมือนกัน เจ้าเวรนี่ไม่กลัวว่าจะโดนนภาหมื่นปี ศาจล้างแค้นด้วยซํ้า ยังจะหวังให้เขากลัวนภาอู๋เลี่ยง
อีกเหรอ? ถ้าจะพูดแรง ๆ หน่อยก็คือ เพิง่ นึกออกว่าชายคนนี้กล้าแย่งแม้แต่ลูกสะใภ้ของเฟิ งเป่ ยเฉิ น
ทั้งยังฆ่าหลานชายของเฟิ งเป่ ยเฉินไปแล้วด้วย
เหมียวอี้สีหน้าเย็นเยียบเคร่ งขรึ ม ไม่ได้สนใจอะไรมากขนาดนั้นหรอก ดึงตัวชุยหย่งเจินมาไว้ในมือ
แล้วเอากระบี่จ่อที่คอชุยหย่งเจิน
“เหมียวอี้ เจ้าอย่าทําซี้ซ้ วั !” ฟู่ หยวนคังร้องอุทาน เขาเองก็ตกใจที่เหมียวอี้ฆ่าจีเหม่ยเหมยอย่าง
เหี้ ยมโหด กังวลว่าเหมียวอี้จะตัดคอชุยหย่งเจินอีก
เฟิ งเป่ ยเฉิ นกล่าวเสี ยงเข้มว่า “ไอ้จญั ไร ถ้าเจ้าไม่อยากมีชีวติ อยูต่ ่อแล้ว ก็ลองดูได้!”
“เฟิ งเป่ ยเฉิ น เจ้าเองก็อย่าเล่นไม่ซื่ออะไรก็แล้วกัน ถึงอย่างไรชีวติ ข้าก็ไร้ค่า ถ้าพบความไม่ชอบมาพา
กลอะไร ข้าก็จะลากลูกศิษย์เจ้ามารับกรรมด้วยกัน!” เหมียวอี้หนั ซ้ายหันขวา “พวกเราไปกันเถอะ!”
พอเขาขยับตัว กลุ่มปี ศาจทะเลดาวนักษัตรและพวกอวิน๋ เป้ าที่อยูใ่ นอาการตกใจก็คุม้ ครองเขาออกไป
จากตรงนั้น
ตอนที่ 912

ตกใจมาก

เฟิ งเป่ ยเฉิ นยกมือขึ้น ห้ามไม่ให้ลูกศิษย์ตามไป เขาไปคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าให้คนอื่นไปแดนโพ้น


สวรรค์ดว้ ย ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นและต้องสู ก้ บั มู่ฝานจวินจริ ง ๆ คนอื่นก็
ช่วยไม่ไหวเหมือนกัน บางทีอาจจะกลายเป็ นตัวถ่วงเขาด้วยซํ้า
หลังจากกลุ่มคนที่อยูต่ รงนั้นมองส่ งตามเฟิ งเป่ ยเฉิ นจากไปไกล จีเต๋ อไห่ที่กาํ ลังอยูใ่ นความเศร้าโศก
ปนโกรธแค้น ฝาไห่และอวี้หนูเจียวก็รีบรายงานข่าวไปบอกอาจารย์ตวั เอง
คนจากสํานักหลอมของวิเศษแต่ละแห่งก็มากล่าวอําลาเจ้าสํานักโม่หมิงเช่นกัน ไม่มีใครอยากอยูท่ ี่นี่
ต่อแล้ว ใครก็คาดไม่ถึงว่าการประลองของวิเศษจะจบลงด้วยวิธีการแบบนี้ ไม่นานก็แยกย้ายกลับไป
หมด
โชคดีที่เฟิ งเป่ ยเฉิ นมาคุมที่นี่ จึงไม่มีการต่อสูใ้ หญ่โต รอบนี้ไม่ได้สร้างความเสี ยหายกับสํานักงาม
วิจิตรมากนัก แต่ความเรี่ ยราดระเกะระเป็ นสิ่ งที่เลี่ยงไม่ได้ ย่อมมีคนไปเก็บกวาดให้อยูแ่ ล้ว
ในชั้นลอย ฉินซีที่เห็นทุกอย่างกับตาตัวเองขมวดคิว้ โดยไม่พดู อะไร
ในบ้านเดี่ยวที่งดงามหลังหนึ่งตรงภูเขาด้านหลัง เซี่ยงไป่ ถิงที่งานยุง่ มาพักหนึ่ง พอกลับมาถึงโถง
รับแขกก็เห็นภรรยานัง่ ทําหน้าหดหู่เศร้าซึมอยูอ่ ย่างนั้น
หลังจากมีข่าวลือออกมา โม่จวินหลันก็มีท่าทางอย่างนี้มาตลอด ถ้าในใจเซี่ยงไป่ ถิงยังสุ ขสําราญได้ก็
แปลกแล้ว เขาไม่อยากเห็นใบหน้าแบบนั้นของนาง ขณะกําลังจะหันตัวเดินออกไป เสี ยงของโม่จ
วินหลันที่อยูข่ า้ งหลังก็ดงั ขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่!”
เซี่ ยงไป่ ถิงหยุดฝี เท้า กําลังฟังเสี ยงฝี เท้าของโม่จวินหลันที่เดินเข้ามาใกล้ โม่จวินหลันยืนอยูข่ า้ งหลัง
เขาแล้ว ถามเสี ยงสัน่ เล็กน้อยว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ข่าวลือเป็ นเรื่ องจริ งรึ เปล่า?”
หลังจากมีข่าวลือออกมา นางก็อยากถามแบบนี้ต้ งั แต่แรกแล้ว แต่จนใจที่พดู ไม่ออก แต่สุดท้ายวันนี้ก็
ทนไม่ไหว จึงถามออกมาแล้ว
เซี่ ยงไป่ ถิงพลันหันตัวมาตบหน้านางฉาดหนึ่งอย่างแรง เสี ยงตบดังสนัน่ ตบจนโม่จวินหลันล้มนัง่ ลง
บนพื้น จากนั้นก็ช้ ีนางพลางตวาดว่า “เจ้าคิดจะทําอะไร? ตอนนี้เจ้ายังคิดจะทําอะไรอีก? นึกเสี ยใจที
หลังที่แต่งงานกับข้าเหรอ? อยากรู ้วา่ จริ งหรื อเปล่าก็ไปถามแม่เจ้าโน่น!”
เขาเองก็ไม่รู้วา่ ความโมโหมาจากไหน สรุ ปก็คือคําพูดของโม่จวินหลันทําให้เขาเดือดดาลขึ้นมา
กะทันหัน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยหยาบคายกับนางเลย แม้แต่พดู แรง ๆ สักคําก็ไม่เคย และไม่กล้าด้วย
ถนอมปกป้ องไว้ในอุง้ มือมาตลอด วันนี้กลับควบคุมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
แต่พอตบเสร็ จแล้วก็นึกเสี ยใจทีหลัง ถึงแม้สามีเป็ นช้างเท้าหน้าจะเป็ นค่านิยมของโลกใบนี้ แต่เรื่ อง
บางเรื่ องก็แบ่งแยกชนชั้นอยูเ่ สมอ คนอื่นมีภรรยาหลายคนได้ แต่เขากลับไม่กล้า ขนาดเรื่ องรับ
อนุภรรยายังไม่กล้าเอ่ยถึง ภูมิหลังของโม่จวินหลันก็เห็น ๆ กันอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะไปมีเรื่ องด้วยไหว
ดังนั้นเขาจึงรี บประคองโม่จวินหลันขึ้นมาด้วยความหวาดระแวงกลัว รี บขอโทษซํ้า ๆ โม่จวินหลันสี
หน้าเศร้าสลด ปล่อยให้เขาปลอบโยนไปโดยไม่พดู อะไรสักคํา…
ณ แดนโพ้นสวรรค์ สถานที่ที่สงบเงียบและเจริ ญรุ่ งเรื อง
เมฆหมอกเลื่อนลอย ตําหนักหยกหลังหนึ่งที่มีท่วงทํานองโบราณและเรี ยบง่าย ตําหนักเก้าชั้นฟ้ า!
ตําหนักหยกหลังหนึ่งที่มีท่วงทํานองโบราณและเรี ยบง่าย นอกตําหนักเก้าชั้นฟ้ า เมฆหมอกเลื่อนลอย
ตามลม บนบันไดหยกที่สูงลิ่ว มู่ฝานจวินยืนเอามือไขว้หลัง สี หน้าเรี ยบเฉยเย็นชา
โอวหยางกวงที่สีหน้าเศร้าอาดูรยืนก้มหน้าอยูบ่ นบันไดเบื้องล่าง ท่านทูตอีกเจ็ดคนที่โชคดีรอดมาได้ก็
อยูด่ ว้ ยเช่นกัน ยืนเรี ยงรายอยูท่ างซ้ายและขวา โอวหยางกวงยังคงพรํ่าบ่นอย่างระทมทุกข์
เรื่ องที่เกิดขึ้นที่สาํ นักงามวิจิตร ท่านทูตทั้งแปดที่มาถึงก่อนได้รายงานข้อมูลอย่างละเอียดแล้ว ขอให้
ปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินทวงความเป็ นธรรมให้
ถึงแม้พวกเหมียวอี้จะมาทางนี้เหมือนกัน แต่การเหาะที่มีเหมียวอี้อยูต่ รงกลางนั้นค่อนข้างช้า สู ้
ความเร็ วของคนพวกนี้ไม่ได้
ข้างหลังมู่ฝานจวิน จงเจิ้น ถังจวิน หงเฉินและเยว่เหยากําลังยืนเรี ยงแถวหน้ากระดาน
หลังจากรู ้เรื่ องที่เกิดขึ้นที่สาํ นักงามวิจิตร บนใบหน้าเยว่เหยาก็เต็มไปด้วยความกลัดกลุม้ หงเฉิ นเอียง
หน้ามามองนางอยูเ่ ป็ นระยะ พลางแอบทอดถอนใจ พี่ใหญ่คนนี้ก่อเรื่ องเก่งเกินไปแล้ว บางครั้งก็แอบ
ซ่อนตัวไม่โผล่ออกมา แต่พอโผล่มาก็ก่อเรื่ องทันที ก่อเรื่ องไว้ใหญ่ขนาดนี้ จะหาข้อยุติอย่างไรดีล่ะ?
“พูดจบรึ ยงั ?” พอโอวหยางกวงที่อยูข่ า้ งล่างหุบปาก มู่ฝานจวินก็มองลงเบื้องล่างพลางถามเสี ยงเรี ยบ
โอวหยางกวงกําหมัด “เหมียวอี้เป็ นหนอนบ่อนไส้ ทําให้คุณชายรองไปตกอยูใ่ นมือเฟิ งเป่ ยเฉิ น ท่าน
ปราชญ์ได้โปรดลงโทษให้หนัก!”
“ไม่รู้วา่ เหมียวอี้กบั แดนอู๋เลี่ยงมีความแค้นต่อกันหรื ออย่างไร? ใครเป็ นคนอนุญาตให้เหมียวอี้ไปที่
สํานักงามวิจิตร? เยว่เทียนโปสมองมีปัญหารึ เปล่า?” มู่ฝานจวินถาม
นางถามเข้าประเด็นทันที โอวหยางกวงอึ้งจนพูดไม่ออก เขารู ้สถานการณ์เบื้องลึกชัดเจน เรื่ องที่ไป
แดนอู๋เลี่ยง มู่ฝานจวินส่ งต่อให้อนั หรู อวี้จดั การ และตอนที่เยว่เทียนโปรายงานเรื่ องนี้ข้ ึนไป อันหรู อวี้
ก็ตอบตกลงทันที ตอนแรกโอวหยางกวงก็ไม่รู้ ไปถึงสํานักงามวิจิตรแล้วถึงได้รู้วา่ อะไรเป็ นอะไร
โชคดีที่เยว่เทียนโปตายแล้ว ตายแล้วก็ไม่มีใครเป็ นพยาน โอวหยางกวงที่โดนถามจนเสี ยวสันหลัง
วาบตอบอย่างเคารพว่า “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”
ในดวงตามู่ฝานจวินฉายแววคมกริ บ ชําเลืองมาอย่างเย็นเยียบ “แดนปี ศาจกับแดนอู๋เลี่ยงร่ วมมือกัน
ลอบสังหารเหมียวอี้ ในกลุ่มพวกเจ้ามีใครทําตัวเป็ นหนอนบ่อนไส้ไปเข้าร่ วมด้วยรึ เปล่า?”
นางถามคําถามนี้อย่างมีตน้ สายปลายเหตุ เรี ยกได้วา่ แทงเข้าประเด็นสําคัญดาบแล้วดาบเล่า สามารถ
กลายเป็ นหนึ่งในหกปราชญ์ได้จนถึงทุกวันนี้ดว้ ยฐานะสตรี แสดงว่าไม่ใช่คนโง่อยูแ่ ล้ว และไม่มี
อะไรน่าโง่ดว้ ย ไม่อย่างนั้นคงวางกับดักรั้งเหมียวอี้ไว้ไม่ได้ต้ งั แต่แรกหรอก นางบีบจุดอ่อนของ
เหมียวอี้ไว้อย่างแน่นหนา
โอวหยางกวงโดนถามจนเหงื่อแทบแตก เขารู ้สึกตั้งแต่แรกแล้วว่าทําแบบนี้ไม่เหมาะสม เคยเกลี้ย
กล่อมอันหรู อวี้มาหลายครั้ง แต่กช็ ่วยไม่ได้ เวลาผูห้ ญิงจะดื้อดึงขึ้นมา จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็เกลี้ย
กล่อมไม่อยู่
แต่ในตอนนี้โอวหยางกวงย่อมไม่ยอมรับอยูแ่ ล้ว ตอบเหมือนกับท่านทูตคนอื่น ๆ บอกว่าไม่มีใครทํา
แบบนั้น
ท่านทูตคนอื่น ๆ ไม่รู้เรื่ องทราวเบื้องลึกจริ ง ๆ อันหรู อวี้กไ็ ม่ได้โง่เหมือนกัน ใครจะประกาศไปทัว่ ว่า
ตัวเองทําเรื่ องแบบนี้
“ไม่มีกด็ ี!” มู่ฝานจวินกล่าวเสี ยงเรี ยบ กวาดสายตามองทุกคน แล้วหยุดจ้องบนหน้าโอวหยางกวงครู่
หนึ่ง เมื่อเห็นทุกคนไม่ยอมรับ ก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก นางหลับตาลงช้า ๆ แล้วยืนเอามือไขว้หลังรอ
อยูท่ ี่นี่
ในเมื่อนางไม่ขยับไปไหน บรรดาท่านทูตที่อยูข่ า้ งล่างกับลูกศิษย์ที่อยูข่ า้ งหลังก็ยนื นิ่งอย่างว่านอน
สอนง่ายเช่นกัน
รออยูไ่ ม่นาน ดวงตาหงส์ของมู่ฝานจวินก็พลันลืมตาขึ้น มองไปที่ขอบฟ้ าด้วยตาเป็ นประกาย ทุกคน
มองตามอย่างรวดเร็ ว
เห็นคนกลุ่มหนึ่งเหาะมา พวกอวิน๋ เป้ า กลุ่มปี ศาจทะเลดาวนักษัตร เหาะมาเป็ นกลุ่มเป็ นก้อนพร้อมกับ
เหมียวอี้ ส่ วนในมือเหมียวอี้กย็ งั จับตัวชุยหย่งเจินอยู่ โดยมีเฟิ งเป่ ยเฉิ นเหาะตามอยูข่ า้ งหลังกลุ่มพวก
เขาอย่างไม่รีบร้อน
เมื่อเห็นมู่ฝานจวินยืนอยูน่ อกตําหนักเก้าชั้นฟ้ า เฟิ งเป่ ยเฉินก็ถลันตัวเข้ามา ยืนอยูบ่ นบันไดซึ่ งอยูไ่ ม่
ห่างจากมู่ฝานจวิน สี หน้าเรี ยบเฉยเย็นชา แล้วดึงอันหรู อวี้ออกมา ก่อนจะใช้มือบีบคอนางไว้ สภาพ
นางตอนนี้สะบักสะบอมเกินทน โดนจับเป็ นตัวประกันอยูใ่ นข้อมือเหล็กของเฟิ งเป่ ยเฉิ น
“ศิษย์พี่!” จงเจิ้นและศิษย์คนอื่น ๆ เรี ยกอย่างเป็ นห่วง
มู่ฝานจวินยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเบา ๆ ทําให้ลูกศิษย์ทุกคนเงียบทันที จากนั้นก็มองไปทางเหมียวอี้ที่
กําลังนํากลุ่มคนเหาะลงมา ในมือเขากําลังจับชุยหย่งเจินเป็ นตัวประกัน
เมื่อมาถึงที่นี่ พวกอวิน๋ เป้ าลอยอยูบ่ นฟ้ าไม่ได้เหยียบลงพื้น มีเพียงประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาว
นักษัตรที่ลอ้ มระวังรอบด้านให้เหมียวอี้
จะพูดอย่างไรดีล่ะ? ไม่วา่ เหมียวอี้จะถูกหรื อจะผิด แต่การที่สามารถจับชุยหย่งเจินมาเป็ นตัวประกันได้
สามารถกดดันจนเฟิ งเป่ ยเฉิ นจับตัวประกันมาขู่ สามารถต่อต้านเฟิ งเป่ ยเฉิ นและกลับมาจนถึงแดน
โพ้นสวรรค์ได้ แค่น้ ีกท็ าํ ให้มู่ฝานจวินชื่นชมมากแล้ว แต่มู่ฝานจวินยังคงไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บน
ใบหน้า
“เจ้ายังกล้ากลับมาอีกเหรอ!” โอวหยางกวงชี้เหมียวอี้พลางตะคอกอย่างโมโห
“ไอ้เวรตะไลใจกล้า!”
“ไอ้หนอนบ่อนไส้!”
พวกท่านทูตเห็นเขาแล้วโมโหเดือดดาลมาก ยังไม่ตอ้ งพูดถึงอย่างอื่น แค่เหมียวอี้เอาชีวติ พวกเขาไป
แลกเปลี่ยน ไม่น่าเชื่อว่าประมุขปราสาทคนหนึ่งจะเอาชีวติ พวกท่านทูตไปแลกเปลี่ยน ไม่ตอ้ งพูดถึง
ว่าน่าแค้นขนาดไหน ลองคิดดูวา่ ตอนนั้นหวาดเสี ยวขนาดไหน แทบจะเอาชีวติ ไม่รอดแล้ว ไม่โกรธ
แค้นก็คงแปลก ย่อมต้องร่ วมประณามอยูแ่ ล้ว
จงเจิ้นกับถังจวินย้ายสายตากลับมาจากตัวเหมียวอี้ ทั้งสองสบตากันโดยจิตใต้สาํ นึกแวบหนึ่ง ต่างก็
รู ้สึกพูดไม่ออก
ในดวงตาของหงเฉินกับเยว่เหยาเต็มไปด้วยความกังวลทุกข์ใจ
เหมียวอี้เหยียบลงบนบันไดด้านล่าง เหลือบมองเจ้าสามก่อนแวบหนึ่ง พึมพําในใจว่า พวกเจ้าคิดว่าข้า
เต็มใจรึ ไง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามอยูท่ ี่นี่ ข้าคงสะบัดก้นหนีไปนานแล้ว
แต่คาํ พูดนี้แค่ผดุ ขึ้นในใจเท่านั้น เขาไม่ยอมเป็ นคนเงียบที่ปล่อยให้คนอื่นประณามหรอก พอเอ่ยปาก
ก็กล่าวด้วยสี หน้าเศร้าโศกปนโกรธแค้นทันที “ท่านปราชญ์ได้โปรดทวงความยุติธรรมให้ขา้ น้อย!”
มู่ฝานจวินขานรับเสี ยงเรี ยบ แล้วถามกลับว่า “ประมุขปราสาทเล็ก ๆ อย่างเจ้า มีเรื่ องอะไรต้องให้ขา้
ทวงความยุติธรรมให้ง้ นั เหรอ?”
เหมียวอี้บุย้ ปากไปทางกลุ่มท่านทูต “ไม่รู้วา่ มีใครบางคนในกลุ่มพวกเขาที่ไปร่ วมมือกับแดนปี ศาจ
และแดนอู๋เลี่ยง วางกับดักลอบทําร้ายข้าน้อยที่สาํ นักงามวิจิตร!”
เขาไม่ได้ระบุวา่ เป็ นอันหรู อวี้ เคาะไม้กระบองไปมัว่ ๆ ก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีทางแก้ตวั ได้วา่ ทําไม
ไม่สนใจความเป็ นความตายของกลุ่มท่านทูต เอาชีวติ ของกลุ่มท่านทูตมาแลกเปลี่ยน
“เหลวไหล ประมุขปราสาทอย่างเจ้าคนเดียว มีค่าพอให้พวกเราวางแผนลอบทําร้ายด้วยเหรอ!” เหล่า
ท่านทูตย่อมโต้เถียงอย่างเดือดดาล
มู่ฝานจวินกวาดสายตาเย็นเยียบมองพวกอวิน๋ เป้ ากับพวกทะเลดาวนักษัตร แล้วกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า
“เรื่ องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากัน!” จากนั้นก็หนั ตัวไปถามเฟิ งเป่ ยเฉิ น “เฟิ งเป่ ยเฉิ น เสี ยแรงที่ครั้งก่อนข้าไปช่วย
เจ้าจากเงื้อมมือของอวิน๋ อ้าวเทียนได้ทนั เวลา แต่เจ้ากลับสังหารท่านทูตของข้า คิดจะเปิ ดศึกกับข้า
เหรอ?”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นตอบว่า “ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่จะฆ่าผูบ้ ริ สุทธิ์ แต่เพราะลูกน้องเจ้าวางแผนทําให้ท่านทูตของ
ข้าตายไปสี่ คน แล้วอีกอย่าง ลูกน้องเจ้าจับลูกศิษย์ขา้ มาเป็ นตัวประกันเพื่อต่อรองเงื่อนไขก่อนนะ ชีวติ
ลูกศิษย์ขา้ อยูใ่ นมือลูกน้องเจ้า เขาดึงดันจะขู่บงั คับให้ได้ ข้าก็แค่ช่วยให้เขาสมปรารถนา!”
“อย่าพูดเหลวไหลไร้ประโยชน์เลย เจ้าจะเอาอย่างไร?” มู่ฝานจวินถาม
เฟิ งเป่ ยเฉิ นใช้มือดันอันหรู อวี้ที่อยูใ่ นสภาพสะบักสะบอม “หนึ่งชีวติ แลกกับหนึ่งชีวติ !”
ถึงแม้เหมียวอี้จะรับปากแล้วว่าจะปล่อยตัวชุยหย่งเจินเมื่อมาถึงที่นี่ แต่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมียวอี้สามารถ
ตัดสิ นใจเองได้ เพือ่ ป้ องกันเหตุไม่คาดคิด… นี่กค็ ือจุดประสงค์ที่เขาจับตัวอันหรู อวี้
มู่ฝานจวินเอียงหน้ามองเหมียวอี้ที่ยนื อยูต่ รงตีนบันได พลางกล่าวเสี ยงเรี ยบ “ส่ งตัวคนให้เขา!”
“ขอรับ!” เหมียวอี้เอ่ยรับอย่างเด็ดขาด กดมือที่ขยุม้ คอชุยหย่งเจินเล็กน้อย ทําให้ชุยหย่งเจินร้องคราง
ออกมาหนึ่งที ตอนนี้โดนเหมียวอี้โยนออกไปแล้ว
เฟิ งเป่ ยเฉิ นเอามือช้อนชุยหย่งเจินที่โซเซเข้ามา พร้อมทั้งผลักอันหรู อวี้จนโซเซออกไป
มู่ฝานจวินรับตัวอันหรู อวี้ไปวางไว้อีกด้าน หงเฉิ นกับเยว่เหยาเข้ามาประคองอันหรู อวี้ทนั ที แล้วถาม
อย่างร้อนใจว่า “ศิษย์พี่ เป็ นอย่างไรบ้างคะ?”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นรับตัวชุยหย่งเจินมาเก็บไว้ แต่กลับถลันตัวเข้ามา โผเข้าใส่ เหมียวอี้ดว้ ยความเร็ วปาน
สายฟ้ า
“เฟิ งเป่ ยเฉิน!” มู่ฝานจวินตวาดเสี ยงเข้ม ไล่ตามเข้ามาทันที
เหมียวอี้ตกใจมาก นึกไม่ถึงว่าเฟิ งเป่ ยเฉิ นจะลอบโจมตีในสถานที่แบบนี้ และอานุภาพยามเฟิ งเป่ ยเฉิ น
ลงมือ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านทานไหวเลย
เคราะห์ดีที่ประมุขถิ่นสี่ ทิศที่อยูข่ า้ งกายเคลื่อนไหวพร้อมกัน รี บลงมือปกป้ องเขา อานุภาพยามลงมือ
ไม่ใช่สิ่งที่พวกท่านทูตจะเทียบติด แถมทั้งสี่ ยงั เคยมีประสบการณ์สูก้ บั เฟิ งเป่ ยเฉิ นมาแล้วด้วย
สงเวยคุม้ กันเหมียวอี้ให้ถอยหลังอย่างรวดเร็ ว ส่ วนหงเทียนกับฝูชิงก็ออกหมัดมาสกัดเอาไว้ราวกับ
ขุนเขา อิงอู๋ตี๋กลายร่ างเป็ นมายามานับร้อยพันในชัว่ พริ บตาเดียว ใช้กรงเล็บเหยีย่ วขยุม้ ตัดสลับกันไป
ทัว่ รี บล้อมโจมตีเฟิ งเป่ ยเฉิน
ยามพวกเขาประมือกันก็เหมือนโลกจะแตก จงเจิ้นกับเหล่าท่านทูตรี บร่ ายอิทธิฤทธิ์ปกป้ องยอดเขา
เอาไว้ ตําหนักเก้าชั้นฟ้ าจะได้ไม่พงั ทลาย
มู่ฝานจวินเหาะมาถึงในชัว่ อึดใจเดียว พอม้วนแขนเสื้ อขึ้น ก็ปรากฏอัสนีบาตสี สนั สะดุดตาเจ็ดสาย
ทันที ราวกับมีงูสายฟ้ าพันอยูบ่ นแขนนาง นางชกไปที่เฟิ งเป่ ยเฉินหนึ่งหมัด สายฟ้ าผ่าตัดสลับกัน
ท่ามกลางเสี ยงฟ้ าผ่า สายฟ้ าที่แฝงอยูใ่ นเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้ า สิ่ งนี้ต่างหากที่เป็ นอานุภาพของ
เคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้ าอย่างแท้จริ ง!
ตอนที่ 913

ใช้ วธิ ีการสกปรกไปแล้ ว

เมื่อเห็นอานุภาพที่แท้จริ งของเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้ า จงเจิ้นและลูกศิษย์คนอื่น ๆ ก็เรี ยกได้วา่ เผย


แววตาอิจฉา ทว่าช่วยไม่ได้ เคล็ดวิชาไม้ตายของสวรรค์เก้าชั้นฟ้ า มู่ฝานจวินไม่มีทางถ่ายทอดออกมา
ง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นหากลูกศิษย์ของตัวเองเกิดเจตนาชัว่ ร้ายขึ้นมา ดีไม่ดีอาจจะไม่สามารถยุติเรื่ องได้
และโดนลูกศิษย์แว้งกัด
ที่จริ งหกปราชญ์ทุกคนก็เป็ นเช่นนี้ ยามอาจารย์ส่วนใหญ่ถ่ายทอดวิชาให้ลูกศิษย์ แต่ไหนแต่ไรมาก็จะ
สงวนไว้ส่วนหนึ่ง คําโบราณกล่าวไว้วา่ แมวสอนเสื อต้องออมมือเอาไว้ ห้ามสอนเสื อปี นต้นไม้
หงเทียนกับฝูชิงที่พยายามขัดขวางเต็มที่ ถึงแม้การโจมตีจะรุ นแรงดุเดือด แต่กลับทําอะไรเฟิ งเป่ ยเฉิ น
ไม่ได้ มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงคือการสะท้อนพลังกลับ กอปรกับการโจมตีดว้ ยพลังอิทธิฤทธิ์หลายชั้น ทํา
ให้เกิดเสี ยงระเบิดดังสองครั้ง สองคนที่เข้ามาขวางกระเด็นถอยหลังไปทันที
คนที่สร้างความยุง่ ยากใจให้เขามากที่สุดกลับเป็ นอิงอู๋ตี๋ การรุ กโจมตีของอิงอู๋ตี๋เรี ยกได้วา่ โด่งดังเรื่ อง
ความเร็ วมากในพิภพเล็ก ในใต้หล้าไม่มีใครทัดเทียม ไม่ได้ใช้พลังโจมตี แต่ใช้ความเร็ วโจมตี กรง
เล็บเหยีย่ วโดนจุดสําคัญของเขาซํ้าแล้วซํ้าเล่า ถ่วงเวลาเขาได้แล้ว
ใช้เวลาห่างกันแค่นิดเดียว มู่ฝานจวินโจมตีเข้ามาแล้ว เฟิ งเป่ ยเฉิ นฟาดกลับหนึ่งฝ่ ามือภายใต้ความ
ฉุกละหุก ทําให้เกิดเสี ยงระเบิดบึ้มดังขึ้นหนึ่งครั้ง
มู่ฝานจวินกับเฟิ งเป่ ยเฉินสะเทือนถอยหลังพร้อมกัน เมื่อเจอกับมู่ฝานจวิน มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงของ
เฟิ งเป่ ยเฉิ นได้ผลน้อยลงเยอะมาก วรยุทธ์ยงั ไม่สูงถึงระดับที่สามารถคลายการโจมตีของสายฟ้ าได้
เรี ยกได้วา่ สี หน้าบิดเบี้ยวแยกเขี้ยวยิงฟันร่ ายอิทธิฤทธิ์ทนรับการโจมตีที่ต่อเนื่องของอัสนีบาดเจ็ดสาย
แต่มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงก็มีจุดที่พิเศษเช่นกัน ถึงแม้จะต้านทานการโจมตีของสายฟ้ าไม่อยู่ แต่กลับ
ต้านทานการโจมตีจากพลังจริ งได้ มู่ฝานจวินก็ยอ่ มไม่ได้ดีกว่ากันไปสักเท่าไร
ส่ วนเฟิ งเป่ ยเฉินก็ฉวยโอกาสเหาะขึ้นฟ้ าด้วยความเร็ วสู ง หลุดออกจากการพัวพันของอิงอู๋ตี๋ แต่บนตัว
ยังมีกระแสฟ้ าไหลเวียน เหาะขึ้นฟ้ าไปไกลอย่างรวดเร็ ว
เขาไม่คิดจะลงมือสังหารเหมียวอี้อีก เพราะพลาดโอกาสไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าขนาดมาที่นี่แล้ว ประมุข
ถิ่นสี่ ทิศจะยังเตรี ยมพร้อมปกป้ องเหมียวอี้ในระดับสูงอยูอ่ ีก การพัวกันที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ทําให้เขา
พลาดโอกาสดีในการสังหารไป เมื่อมู่ฝานจวินมีการเตรี ยมพร้อม ก็เป็ นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเหมียวอี้สาํ เร็ จ
ทําได้เพียงออกไปจากตรงนั้น ไม่อย่างนั้นถ้าสู ก้ บั มู่ฝานจวินก็ไม่มีทางได้ผลลัพธ์แพ้ชนะ ไม่
จําเป็ นต้องเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์
ที่จริ งระหว่างทางที่มา ไม่มีสายตาคนจับจ้องเยอะเท่าไหร่ เฟิ งเป่ ยเฉิ นอยากจะลงมือฆ่าเหมียวอี้ทิ้งให้รู้
แล้วรู ้รอด แต่จนใจที่ชุยหย่งเจินอยูใ่ นมือเหมียวอี้ ทั้งยังมีกลุ่มของนภาจอมมารกับทะเลดาวนักษัตร
คุม้ กันอีก หาโอกาสลงมือไม่ได้
หรื อพูดได้อีกอย่างว่า ตั้งแต่ตอนอยูส่ าํ นักงามวิจิตร ตอนที่ตนบอกให้เหมียวอี้ส่งตัวชุยหย่งเจินมาให้
ตอนนั้นก็คิดจะลงมือฆ่าเหมียวอี้แล้ว แต่ตอนนั้นอยูต่ ่อหน้าคนทั้งใต้หล้า จะต้องแสดงมาดของ
ปราชญ์เต๋ าผูส้ ง่าผ่าเผยที่พดู จาคําไหนคํานั้น ลงมือสังหารไม่ได้ แต่หลังจากออกสํานักงามวิจิตรมาก็
ต้องการจะลงมือ แต่ใครจะไปคิดล่ะ! ว่าเหมียวอี้จะเลือกสละชีวติ ท่านทูตสี่ คน แทนที่จะยอมปล่อยชุย
หย่งเจิน ต่อให้ตายก็จะต้องเอาชุยหย่งเจินมาเป็ นเกราะกําบัง!
เข้าถึงขั้นอยากจะสละชีวติ ชุยหย่งเจินเพื่อสังหารเหมียวอี้ทิ้ง แต่คนที่อยูใ่ นฐานะระดับเขา ไม่สามารถ
ทําตามอารมณ์ได้ง่าย ๆ อีก จะต้องชัง่ นํ้าหนักระหว่างผลดีและผลเสี ย การเอาชีวติ ของชุยหย่งเจินไป
แลกกับชีวติ เหมียวอี้ เห็นได้ชดั ว่าเป็ นเรื่ องที่ไม่คุม้ ค่า
กว่าจะเลี้ยงดูฝึกฝนลูกศิษย์คนหนึ่งให้ถึงระดับบงกชทองได้ไม่ใช่เรื่ องง่าย ต้องใช้ทรัพยากรฝึ กตนไป
เยอะมาก ทั้งยังเป็ นคนสนิทที่ใช้ให้ทาํ งานแทนได้ ถ้าจะให้ฝึกเลี้ยงใหม่อีกคน ก็ใช่วา่ จะทําได้ภายใน
เวลาสั้น ๆ ถ้าไม่ได้ใช้ทรัพยากรฝึ กตนจํานวนมหาศาลกับเวลาหลายหมื่นปี ก็ไม่มีทางทําสําเร็ จได้เลย
ดังนั้นถึงได้รอจนมาถึงที่นี่ รอให้ได้ตวั ชุยหย่งเจินกลับมาก่อนค่อยลงมือ ถึงแม้จะรู ้วา่ อาจทําไม่สาํ เร็ จ
แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยเหมียวอี้ไปเฉย ๆ ลองลอบโจมตีดูสกั หน่อยดีกว่า แต่ผลที่ได้กค็ ือความล้มเหลว
เหมียวอี้ได้ผกู ความแค้นใหม่กบั เขาอีกแล้ว ความคิดอยากจะฆ่าเหมียวอี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรื่ องใน
วันนี้ แต่คิดจะฆ่ามาตั้งนานแล้ว หลังจากเฟิ งเสวียนตายด้วยนํ้ามือเหมียวอี้ที่ทะเลทรายม่านเมฆา เขาก็
คิดจะลงมือแล้ว แต่ใครจะคิดว่าอยูด่ ี ๆ อวิน๋ อ้าวเทียนก็เข้ามาแทรก จู่ ๆ ก็มาลอบโจมตีเขาก่อน โจมตี
จนเขาบาดเจ็บสาหัส และขู่เตือนเขาไว้ดว้ ย ทําให้เขายังกังวลไม่กล้าแตะต้องเหมียวอี้ แต่ครั้งนี้เหมียว
อี้กลับมาหาถึงที่และชิงตัวลูกศิษย์ของเขาเป็ นตัวประกัน เขาทนไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ ถึงได้ลอบโจมตี
ครั้งนี้
มู่ฝานจวินลอยอยูก่ ลางอากาศ มองตามเฟิ งเป่ ยเฉิ นจนหายลับไปในท้องฟ้ า นางไม่ได้ตามไปอีก เพราะ
รู ้เช่นกันว่าสูก้ นั ไปก็หาคนชนะไม่ได้ ตอนนี้นางจึงเหล่ตามองอิงอู๋ต๋ีอย่างเย็นเยียบ
ในกรงเล็บของอิงอู๋ตี๋ขยุม้ แขนเสื้ อไว้ชิ้นหนึ่ง ตอนนี้เขาคลายกรงเล็บโยนทิ้งไป เมื่อครู่ น้ ีเพิ่งฉวย
โอกาสดึงมาจากแขนเสื้ อของเฟิ งเป่ ยเฉิ น สุ ดท้ายก็ยงั พลาดไปนิดเดียว ยังทําให้เฟิ งเป่ ยเฉิ นเจ็บตัว
ไม่ได้
ฝูชิงและหงเทียนที่สะเทือนปลิวออกไป ร่ ายอิทธิฤทธิ์คุมให้เลือดลมที่ปั่นป่ วนอยูใ่ นร่ างกายหายเป็ น
ปกติ แล้วลอยกลับมาอย่างช้า ๆ
เหมียวอี้ที่เพิง่ รี บสวมเกราะทองถอนหายใจเบา ๆ วางทวนยาวที่ถือไว้ในมืออย่างช้า ๆ เรี ยกได้วา่ ยัง
หวาดผวาไม่หาย
เป็ นเพราะเฟิ งเป่ ยเฉิ นลงมือกะทันหันเกินไป เคราะห์ดีที่ประมุขถิ่นสี่ ทิศไม่ได้ประมือกับเฟิ งเป่ ยเฉิน
เป็ นครั้งแรก พอจะรู ้จกั นิสยั ใจคอของเฟิ งเป่ ยเฉิ นอยูบ่ า้ ง จึงเตรี ยมพร้อมเฝ้ าระวังเฟิ งเป่ ยเฉิ นอยูต่ ลอด
ถึงได้ป้องกันการลอบจู่โจมได้ทนั เวลา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องประสบหายนะแล้วจริ ง ๆ ความคิดที่
แวบขึ้นมาเมื่อครู่ น้ ีกค็ ือ ต้องใช้ท่าหนึ่งทวนสิ บสังหาร พยายามใช้วรยุทธ์ท้ งั หมดที่มี ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าจะต้านทานเฟิ งเป่ ยเฉินไหวหรื อไม่
บนท้องฟ้ า อวิน๋ เป้ าก็โล่งใจแล้วเช่นกัน เป็ นเพราะเฟิ งเป่ ยเฉิ นลงมือได้รวดเร็ วเกินไป ยังไม่ตอ้ งพูดถึง
ว่าเขาต้านไม่ไหว ต่อให้ตา้ นไหวก็ตา้ นไม่ทนั อยูด่ ี
“เด็กเปรตของนภาจอมมาร ถ่อมาทําอะไรที่แดนโพ้นสวรรค์ของข้า?” มู่ฝานจวินพลันจ้องอวิน๋ เป้ า
พลางตะคอก
อวิน๋ เป้ าพูดไม่ออก และไม่แก้ตวั อะไรด้วย นภาจอมมารเตือนไว้ต้ งั แต่แรกแล้ว เมื่อตระกูลอวิน๋ มาเจอ
กับผูห้ ญิงคนนี้ ก็ไม่สามารถพูดกันด้วยเหตุผลได้เลย นภาจอมมารไม่ให้พวกเขาไปยุง่ เรื่ องของผูใ้ หญ่
เวลาที่ควรจะอดทนก็ตอ้ งอดทน ถึงอย่างไรก็คุม้ กันเหมียวอี้มาส่ งถึงที่แล้ว เขาถ่ายทอดเสี ยงบอกลา
เหมียวอี้ แล้วดึงกลุ่มปี ศาจของทะเลดาวนักษัตรออกไปจากที่นี่ดว้ ยกันอย่างเซ็ง ๆ
พวกเขานัดกันไว้แล้วว่าจะรอฟังข่าวของเหมียวอี้อยูน่ อกแดนโพ้นสวรรค์
มู่ฝานจวินเหาะลงมาเหยียบที่ดา้ นนอกตําหนักเก้าชั้นฟ้ า แล้วคลายจุดที่เฟิ งเป่ ยเฉินสกัดไว้บนตัวอัน
หรู อวี้ โคจรพลังอิทธิฤทธิ์ให้อนั หรู อวี้ที่เซื่ องซึ มไร้ชีวติ ชีวา ทําให้กาํ ลังวังชาฟื้ นตัวกลับมาเร็ วมากจน
สังเกตเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า
“ขอบคุณท่านอาจารย์!” หลังจากอันหรู อวี้คาํ นับปราชญ์เซี ยนแล้ว ก็พลันชี้ไปที่เหมียวอี้
แต่ยงั ไม่ทนั ได้พดู อะไร มู่ฝานจวินก็หนั ตัวเดินกลับเข้าไปในตําหนักแล้ว พูดทิ้งท้ายไว้เพียงว่า “เจ้ามา
นี่หน่อย!”
อันหรู อวี้ที่คาํ พูดติดอยูใ่ นลําคอทําได้เพียงเดินตามหลังนางไป ก่อนไปยังหันหน้ามาจ้องเหมียวอี้อย่าง
ดุร้ายด้วย
เหมียวอี้หนั หน้าไปทางอื่น แกล้งทําเป็ นมองไม่เห็น
แต่คนอื่น ๆ กลับไม่คิดจะปล่อยเขาไปแน่นอน ท่านทูตแปดคนที่เหลือเดินลงจากบันไดอย่างช้า ๆ เพื่อ
มาคิดบัญชีกบั เขา
โดยเฉพาะโอวหยางกวง พอเจอหน้าก็ด่าเขาทันที “ไอ้จญั ไร ข้าจะคอยดูวา่ เจ้าจะตายอย่างไร!”
“ข้าจะอยูห่ รื อจะตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ? เจ้าไม่ใช่ท่านทูตสายมะโรงเสี ยหน่อย เจ้าควบคุมได้
เหรอ?” เหมียวอี้พดู ดูถูก แล้วกวาดมองท่านทูตแปดคนที่เข้ามาล้อมตัวเอง พร้อมเตือนว่า “พวกเจ้าคิด
จะทําอะไร? พวกหนอนบ่อนไส้ วางแผนลอบสังหารข้าที่สาํ นักงามวิจิตรไม่ได้ แล้วยังคิดจะลงมือกับ
ข้าที่นี่อีกเหรอ?”
กลุ่มท่านทูตเดือดดาลทันที “เจ้าว่าใครเป็ นหนอนบ่อนไส้?”
“ใครที่วางกับดักทําร้ายข้า ข้าก็วา่ คนนั้นแหละ! หลีกไป!” เหมียวอี้เบียดตัวออกมาจากวงล้อมโดยตรง
เพราะเขาแน่ใจว่าคนพวกนี้ไม่กล้าลงมือที่นี่ จึงขี้คร้านจะสนใจ ถึงอย่างไรคนพวกนี้กค็ วบคุมเขา
ไม่ได้อยูแ่ ล้ว เขาวิง่ ขึ้นมาด้านบน แล้วคํานับจงเจิ้น ถังจวิน หงเฉินและเยว่เหยา “คุณชายสาม คุณชาย
สี่ คุณชายห้า คุณชายหก!”
ทั้งสี่ มองเขาด้วยสี หน้าประหลาด จงเจิ้นกับถังจวินพยักหน้าพลางยิม้ ตามมารยาท ถ้ามู่ฝานจวินยัง
ไม่ได้จดั การ ทั้งสองก็ไม่คิดที่จะแสดงความเห็นอะไร
หงเฉิ นมองเหมียวอี้อย่างพูดไม่ออก ทําท่านทูตตายไปแล้วสี่ คน ยังกล้าเหยียบจมูกขึ้นหน้าท่านทูตคน
อื่นอีก หรื อคิดว่าตัวเองเป็ นพี่ใหญ่ของเยว่เหยาแล้วจะไม่สนใจอะไรได้?
เยว่เหยากลับมองเขาอย่างโมโหฉุนเฉี ยว
ตอนที่เอียงหน้าหลบสายตาของกลุ่มคน เหมียวอี้กก็ ะพริ บตาให้นาง จากนั้นก็มายืนรอโดนทําโทษอยู่
ข้าง ๆ ยืนอยูต่ รงนั้นอย่างใจเย็น เขาครุ่ นคิดจนใจลอย ไม่รู้วา่ เฟิ งเป่ ยเฉินจะช่วยชีวติ ชุยหย่งเจินได้
หรื อไม่…
ในป่ าภูเขาที่อยูไ่ ม่ห่างจากแดนโพ้นสวรรค์เท่าไรนัก เฟิ งเป่ ยเฉินลงมาซ่อนตัวที่นี่ เขาไม่ได้ออกไป
ไหนไกล และไม่ได้คิดจะออกไปด้วย เตรี ยมจะรออยูท่ ี่นี่ก่อน เพราะเขารู ้วา่ หลังจากอีกสี่ ปราชญ์
ทราบว่าเยารั่วเซี ยนอยูใ่ นมือมู่ฝานจวิน ก็จะต้องรี บตามมาที่นี่แน่นอน ความคึกครื้ นนี้จะขาดเขาไปได้
อย่างไร
สาเหตุรองลงมา ก็คือจะหาโอกาสลงมือสังหารเหมียวอี้อีก ตอนที่อีกสี่ ปราชญ์ยกพวกมาเอาเรื่ องที่นี่
เขาจะต้องมีโอกาสลงมือแน่นอน แค่คนตํ่าต้อยคนเดียว แต่กลับมามีเรื่ องกับเขาครั้งแล้วครั้งแล้ว ถ้า
ไม่ฆ่าทิ้งก็ไม่สามารถหยุดเสี ยงวิจารณ์ของผูค้ นในใต้หล้าได้ เขาเกือบจะเสี ยหน้าจนหมดสิ้ นเพราะ
เหมียวอี้ จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!
เขานัง่ อยูใ่ ต้ตน้ ไม้ นําชุยหย่งเจินออกจากกระเป๋ าสัตว์ เตรี ยมจะถามชุยหย่งเจินว่าเมื่อคืนวานเกิดเรื่ อง
อะไรกันแน่
ทว่าผลที่เกิดขึ้นกลับทําให้เขาตกใจมาก ชุยหย่งเจินมีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด ที่รูจมูกมีฟองเลือดผุด
ออกมา ร่ างกายร้อนจี๋ ทั้งตัวยังสัน่ ระริ ก พูดอะไรไม่ออกสักคํา เพียงมองเขาด้วยสายตาวิงวอนขอ
ความช่วยเหลือ
เฟิ งเป่ ยเฉิ นรี บร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูอาการในร่ างกายของนาง ทําให้สงั เกตเห็นความผิดปกติแล้ว พบว่า
นํ้าเลือดในร่ างกายนางเดือดเหมือนนํ้าต้มโดยไม่รู้สาเหตุ จึงช่วยร่ ายอิทธิฤทธิ์ระงับอาการให้ทนั ที แต่
ในร่ างกายนางเหมือนจะมีของประหลาดบางอย่างเจือปน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะละลายพลังอิทธิฤทธิ์ของ
เขา ทําให้เขารู ้สึกเหมือนโดนแผดเผา
สิ่ งนี้คืออะไร? เฟิ งเป่ ยเฉิ นตกใจมาก อาศัยวรยุทธ์อย่างเขาไม่สามารถช่วยชุยหย่งเจินกําจัดของ
ประหลาดนี้ได้ และไม่มีทางระงับได้ดว้ ย!
เมื่อเห็นชุยหย่งเจินทําท่าเหมือนไม่ไหวแล้ว เฟิ งเป่ ยเฉิ นก็รีบนําดวงจิตนํ้าแข็งออกมา นํามาแช่เย็น
ร่ างกายที่ร้อนผ่าวของชุยหย่งเจิน ถึงขั้นยัดเข้าปากชุยหย่งเจินไปเม็ดหนึ่งด้วย ร่ ายอิทธิฤทธิ์บงั คับให้
เข้าไปในร่ างกายนาง จากนั้นก็นาํ สมุนไพรเซียนซิ งหัวออกมาอีก เป่ าหมอกประกายดาวออกมาช่วยไม่
หยุด
สรุ ปก็คือนึกถึงวิธีการอะไรได้กใ็ ช้ไปหมดแล้ว
แต่กย็ งั ไม่ได้ผล ดวงจิตนํ้าแข็งก็ไม่สามารถระงับของประหลาดที่อยูใ่ นร่ างกายชุยหย่งเจินได้
สมุนไพรเซียนซิงหัวที่มีสรรพคุณอัศจรรย์กไ็ ม่ได้ผลเลยแม้แต่นอ้ ย ฤทธิ์ยาที่อยูใ่ นหมอกดาว พอเข้า
ไปอยูใ่ นร่ างกายชุยหย่งเจินก็ถูกเผาทันที
สุ ดท้ายมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ วมาก ชุยหย่งเจินตาเหลือก ร่ างกายหยุดชักกระตุกแล้ว ไม่มีลมหายใจ
อีกต่อไป ตายจนไม่รู้จะตายยังไงแล้ว แต่ยงั มีฟองเลือดพ่นปุด ๆ ออกมาจากจมูก
จนถึงตอนนี้แล้ว มีหรื อที่เฟิ งเป่ ยเฉินจะไม่รู้วา่ ชุยหย่งเจินโดนเล่นสกปรกใส่ แต่สิ่งที่ทาํ ให้เขายิง่ ตกใจ
ก็คือ เขาไม่เคยพบพิษประหลาดชนิดนี้มาก่อน ทําให้เขาคิดหาทางช่วยเยียวยารักษาไม่ได้เลยสักนิด
เดียว
ขณะมองดูร่างที่ผวิ กายเป็ นสี แดงสดของชุยหย่งเจิน เฟิ งเป่ ยเฉินก็หน้าดําเหมือนเมฆครึ้ ม กําหมัดสอง
ข้างไว้แน่นจนสัน่ ระริ ก ไอ้จญั ไรมันช่างใจกล้านัก ขนาดปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉิ นออกโรงเองยังกล้าใช้
วิธีการสกปรก ตัวเองดันพลาดให้กบั ฝี มืออันตํ่าต้อยประเภทนี้ สิ้ นเปลืองความพยายามไปขนาดนี้ แต่
ไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยกลับมาได้แค่ร่างคนตาย…
ในตําหนักเก้าชั้นฟ้ า อันหรู อวี้ที่สภาพสะบักสะบอมยืนนิ่งอยูต่ รงเบื้องล่างของบัลลังก์ เห็นเพียงมู่
ฝานจวินนัง่ หลับตาเงียบ ๆ อยูบ่ นบัลลังก์หยกเย็น ลูกตาที่อยูใ่ ต้หนังตากําลังกลิ้งไปมา ไม่รู้วา่ กําลังคิด
อะไรอยู่ นางที่ยนื อยูเ่ บื้องล่างก็ไม่กล้าเอ่ยเสี ยงรบกวนเหมือนกัน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ มู่ฝานจวินก็เหมือนจะตัดสิ นใจได้เลย ลืมดวงตาหงส์อย่างช้า ๆ จ้องอันหรู อวี้
ที่อยูเ่ บื้องล่างด้วยแววตาคมกริ บ พร้อมถามว่า “ใครอนุญาตให้เหมียวอี้ไปที่สาํ นักงามวิจิตร?”
อันหรู อวี้เกร็ งหนังศีรษะ นึกไม่ถึงว่าท่านปราชญ์จะถามคําถามนี้เป็ นอันดับแรก นายไม่กล้าสบตากับ
อีกฝ่ าย ก้มหน้าตอบว่า “คงจะเป็ นเยว่เทียนโปพาไปค่ะ”
“เยว่เทียนโปตายแล้ว ตายแล้วก็พิสูจน์ไม่ได้เสี ยด้วยสิ !” มู่ฝานจวินทําเสี ยงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ
ด้วยนํ้าเสี ยงเยือกเย็นว่า “หรู อวี้ เจ้ากับข้าอยูใ่ นฐานะอาจารย์กบั ลูกศิษย์ อาจารย์เองก็ไม่อยากทํารุ นแรง
เกินไป! อาจารย์จะถามเจ้าเป็ นครั้งสุ ดท้าย เจ้าได้วางแผนทําร้ายเหมียวอี้รึเปล่า? คิดให้ดีแล้วค่อยตอบ
เหลือทางกลับตัวไว้ให้อาจารย์สกั หน่อย และเหลือทางกลับตัวไว้ให้ตวั เองด้วย!”
ตอนที่ 914

ฝนตกฟ้าผ่ าล้วนแฝงความเมตตาจากสวรรค์

คําพูดนี้ค่อนข้างแทงใจดํา นับว่าเป็ นการยืน่ คําขาดสุ ดท้าย เท่ากับเป็ นการบอกอันหรู อวี้วา่ นางไม่


อยากฟังคําโกหก
สามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ ก็แสดงออกถึงปั ญหาอย่างชัดเจนแล้ว แสดงว่านางรู ้อะไรมาบ้างแล้ว
นางเหลือทางกลับตัวไว้ให้อนั หรู อวี้อย่างที่นางบอก ถ้าอันหรู อวี้ยงั อ่านสถานการณ์ไม่ออกอีก ไมตรี
ระหว่างศิษย์กบั อาจารย์กม็ าถึงจุดสิ้ นสุ ดแล้ว
อันหรู อวี้ยงั จะกล้าปากแข็งได้อย่างไร นางไม่ได้อยูต่ วั คนเดียว นางมีสามี มีลูกสาว มีนอ้ งชายแท้ ๆ
นางแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหว จึงกัดริ มฝี ปากและคุกเข่าลง กล่าวพร้อมนํ้าตาทันทีวา่ “ศิษย์เลอะเลือน
ไป ศิษย์เลอะเลือนไปเอง ท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตา!”
มู่ฝานจวินจ้องมองข้างล่างอย่างเย็นชา ถามอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “โอวหยางกวงเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
เรื่ องนี้ดว้ ยหรื อเปล่า?”
อันหรู อวี้พลันหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง ผงกศีรษะโขกพื้นทันที พลางแก้ตวั อย่างร้อนรน “ท่านอาจารย์
ศิษย์เลอะเลือนเอง ศิษย์เลอะเลือนคนเดียว เรื่ องนี้ไม่เกี่ยวกับโอวหยางกวง โอวหยางกวงเกลี้ยกล่อม
ศิษย์ต้ งั หลายครั้ง แต่ศิษย์เหมือนโดนภูติผดี ลใจ ไม่เชื่อฟังเขา!”
ตอนนี้นางนึกเสี ยใจทีหลังแล้วจริ ง ๆ เสี ยใจที่ไม่เชื่อฟังโอวหยางกวง ตอนนี้เหมือนโดนภูติผดี ลใจ
จริ ง ๆ
มู่ฝานจวินกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ท่านทูตสี่ คน นักพรตบงกชทองสี่ คน ตายไปเพราะความคิดชัว่ วูบ
ของเจ้า ถ้าไม่ลงโทษเจ้า แล้วจะให้อาจารย์อธิบายกับคนในใต้หล้าอย่างไร? เจ้าว่ามาเถอะ อาจารย์ควร
จะลงโทษเจ้าอย่างไร?”
อันหรู อวี้ตอบพร้อมเสี ยงสะอื้น “เป็ นความผิดของศิษย์คนเดียวค่ะ อาจารย์โปรดเมตตาสักครั้ง เรื่ องนี้
ไม่เกี่ยวกับโอวหยางกวงจริ ง ๆ !”
ถ้าสองสามีภรรยาได้รับโทษทั้งคู่ นางก็ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าลูกสาวทั้งสองของตนจะทํา
อย่างไรเมื่อขาดที่พ่ งึ นี่คือสังคมคนกินคน หากคนหนึ่งสิ้ นอํานาจลง ก็มีคนอีกเป็ นโขยงรอเหยียบ ฮูเห
ยียนไท่เป่ าศิษย์พี่ใหญ่กเ็ ป็ นตัวอย่างให้ดูแล้ว นางกลัวว่าลูกสาวตัวเองจะมีจุดจบเหมือนตระกูลฮูเห
ยียน บางครั้งผูช้ ายก็แค่ตายไป แต่ผหู ้ ญิงอาจจะลําบากยิง่ กว่าตายเสี ยอีก
“เจ้าทําแบบนี้ทาํ ไม? หรื อว่าเรื่ องที่ลูกสาวเจ้าเสี ยความบริ สุทธิ์ให้เหมียวอี้คือเรื่ องจริ ง ๆ ?” มู่ฝานจวิ
นถาม
อันหรู อวี้เอามือยืนพื้น ตอบว่า “ค่ะ ๆ ” นับว่ายอมรับแล้ว
“ทําไมลูกสาวทั้งสองของเจ้าถึงไปอยูก่ บั เหมียวอี้ได้? เล่าที่มาที่ไปให้ชดั เจน!” มู่ฝานจวินตะคอกถาม
อันหรู อวี้หวาดกลัวยําเกรง จําเป็ นต้องเล่าความจริ งออกมา เรื่ องนี้ยอ่ มมีที่มาจากทะเลทรายม่าน
เมฆา…
หลังจากรู ้วา่ เหมียวอี้โดนฝาแฝดคู่น้ นั ขืนใจ ขนาดคนที่เยือกเย็นเงียบขรึ มอย่างมู่ฝานจวิน ในดวงตาก็
ยังฉายแววแปลกใจ
“เหมียวอี้ไม่ได้ผดิ อะไร เจ้าวางแผนทําร้ายเขาเพราะเรื่ องนี้น่ะเหรอ? ข้าเฝ้ าดูเจ้าเติบโตมาตลอด เจ้า
จิตใจคับแคบขนาดนี้ต้ งั แต่เมื่อไร?”
“มีบางอย่างที่ท่านอาจารย์ยงั ไม่ทราบ! เดิมทีขา้ ตั้งใจจะให้ลูกสาวทั้งคู่แต่งงานกับเขา แต่ไอ้เหมียว
จัญไรนัน่ ทําตัวน่ารังเกียจ…” อันหรู อวี้เล่าว่าตัวเองประจบเอาใจเหมียวอี้ยา่ งไร ถึงขนาดเล่าเรื่ องที่
บังคับให้ลกู สาวเย็บเสื้ อผ้าให้เหมียวอี้ดว้ ย ใครจะคิดว่าเบื้องหลังเหมียวอี้จะแอบคบกับเถ้าแก่เนี้ย
โรงเตี๊ยมเมฆาวายุ ทั้งยังแต่งงานกับอีกฝ่ ายด้วย หลังจากเกิดเรื่ องนั้นนางก็อบั อายจนโกรธแค้น ลูกสาว
ที่โดนบังคับให้จบั เข็มเย็บผ้าก็ยงิ่ อับอายจนเกินทน แทบจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกันแล้ว นางข่ม
ความแค้นไม่ไหวจริ ง ๆ
หลังจากได้ฟังความจริ งจนจบ มู่ฝานจวินก็นบั ว่าเข้าใจแล้ว ตอนแรกที่เหมียวอี้ชิงตัวอวิน๋ จือชิวแล้วไม่
กล้ากลับแดนเซียน สงสัยจะมีเหตุผลนี้แอบแฝงอยู่
แต่ถา้ มองจากอีกมุมหนึ่ง ก็เห็นได้ชดั ว่าเหมียวอี้ชอบอวิน๋ จือชิวจริ ง ๆ เขาไม่ใช่แค่สร้างศัตรู ไปทัว่
เพราะเรื่ องนี้ ทั้งยังยอมทิ้งอนาคตที่ดีอีกด้วย
มู่ฝานจวินจึงกล่าวว่า “ธรรมเนียมของสังคมก็เป็ นเช่นนี้ เรื่ องร่ างกายด่างพร้อยทําให้ฝ่ายหญิงรับไม่ได้
ที่สุด ต่อให้แข็งแกร่ งอย่างอาจารย์ ก็ไม่มีอาจเปลี่ยนธรรมเนียมของสังคมได้อยูด่ ี ไหน ๆ เรื่ องก็มาถึง
ขั้นนี้แล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก ลูกสาวคู่น้ นั ของเจ้า เจ้าอยากจะให้พวกนางแต่งงาน หรื อ
อยากจะให้เป็ นอย่างนี้ไปทั้งชีวติ ? ถ้าเจ้าอยากจะให้พวกนางแต่งงาน อาจารย์กจ็ ะช่วยเตรี ยมการให้
เอง!”
อันหรู อวี้ที่ร้องไห้จนตาพร่ าพลันเงยหน้า “ในโลกนี้มีแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกสาวเป็ นฝั่งเป็ นฝาบ้าง
คะ อาจารย์ได้โปรดช่วยให้สมปรารถนา!”
ชีวติ การแต่งงานของลูกสาวทั้งคู่ หากมีท่านอาจารย์ออกหน้าสนับสนุนให้ได้ แบบนั้นก็ดีจนไม่รู้จะดี
ยังไงแล้ว อย่างน้อยในภายหลังก็ไม่มีใครในแดนเซียนกล้านินทาว่าร้ายหรื อสร้างความไม่เป็ นธรรม
ต่อลูกสาวนาง นี่คือสิ่ งที่นางปรารถนามาก
“ก่อนหน้านี้เจ้าอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเหมียวอี้ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อพวกนางเสี ยความบริ สุทธิ์ให้
เหมียวอี้แล้ว ถ้าจะดันทุรังให้แต่งกับคนอื่นก็จะฟังดูไม่เข้าท่า อาจารย์จะตัดสิ นใจเรื่ องนี้ให้เจ้า แต่งกับ
เหมียวอี้กแ็ ล้วกัน แต่งให้เป็ นอนุภรรยาของเหมียวอี้!” มู่ฝานจวินกล่าว
ตอนแรกอันหรู อวี้กด็ ีใจ เมื่อฟังที่พดู ตอนแรก ก็ยงั นึกว่าท่านอาจารย์จะให้เหมียวอี้ทิ้งอวิน๋ จือชิวแล้ว
มาแต่งงานกับลูกสาวนาง ใครจะคิดว่าพอฟังถึงตอนท้าย ถึงได้รู้วา่ จะให้ลูกสาวทั้งสองของนางเป็ น
อนุภรรยา นางชะงักทันที หลังจากได้สติกลับมาแล้ว ก็โขกศีรษะพูดช่วงชิงทันที “ท่านอาจารย์ อวิ๋
นจือชิวชื่อเสี ยงฉาวโฉ่ไปไกลแล้ว ถ้าจะให้หย่าร้างก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม ศิษย์ไม่อยากให้ลูกสาว
ได้รับความไม่เป็ นธรรม ท่านอาจารย์ได้โปรดออกคําสัง่ ให้เหมียวอี้เลิกกับอวิน๋ จือชิวด้วยค่ะ!”
มู่ฝานจวินที่เดิมทีสีหน้าเรี ยบเฉย ตอนนี้กลายเป็ นบึ้งตึงในชัว่ พริ บตาเดียว ในดวงตาฉายแววขุ่นเคือง
กล่าวเสี ยงเย็นว่า “อวิน๋ จือชิวน่ะ ข้าเป็ นคนประทานงานแต่งงานให้เหมียวอี้เอง ที่ขา้ อนุญาตให้ลูกสาว
เจ้าแต่งงานกับเหมียวอี้อีกก็นบั ว่าเมตตาแล้ว! คําสัง่ ของข้าจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างไร คิดว่า
คําสัง่ ของข้าเป็ นของเด็กเล่นอย่างนั้นเหรอ?”
อันหรู อวี้ไม่รู้วา่ ทําไมนางต้องไม่พอใจขนาดนี้ ก็แค่ทิ้งผูห้ ญิงจากแดนมารแค่คนเดียว นางจึงโขก
ศีรษะกับพื้นอีกครั้ง “ศิษย์มิบงั อาจ! ศิษย์เพียง…”
“พอแล้ว!” มู่ฝานจวินพูดตัดบทเสี ยเลย “ผูห้ ญิงเราน่ะ ได้แต่งงานกับคนที่ใช่ถือว่าสําคัญที่สุด การจะมี
ชีวติ ดีหรื อไม่น้ นั ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็ นภรรยาเอกหรื อเป็ นอนุภรรยา อาจารย์เป็ นคนประทานงานสมรส
ด้วยตัวเอง เหมียวอี้ยงั จะกล้าปฏิบตั ิต่อลูกสาวเจ้าอย่างโหดร้ายเชียวหรื อ? ลูกสาวเจ้าเสี ยความบริ สุทธิ์
ไปแล้ว แต่งกับเหมียวอี้กด็ ีกว่าแต่งกับคนอื่นให้โดนหมางเมินไปทั้งชีวติ ไม่ใช่เหรอ? ใช่วา่ เจ้าจะไม่รู้
ว่าความบริ สุทธิ์ของสตรี หมายความว่าอย่างไรในธรรมเนียมของสังคม คําพูดคนนั้นน่ากลัว สามารถ
ล่องหนฆ่าคนได้ ใช่วา่ ในใจเจ้าจะไม่กงั วลเรื่ องนี้ เพียงแต่ฐานะของเจ้าทําให้เจ้าเสี ยหน้าไม่ลง ตอนนี้
อาจารย์จะประทานงานสมรสเพื่อหาทางออกให้เจ้าแล้ว เจ้ายังจะเอาอย่างไรอีก? แต่งหรื อไม่แต่ง ตอบ
ข้ามาตรง ๆ เดี๋ยวนี้เลย!”
อันหรู อวี้จาํ ต้องยอมรับว่าโดนพูดเปิ ดโปงความกังวลในใจ การจะให้ลูกสาวไม่ได้แต่งงานไปทั้งชีวติ
คนเป็ นแม่ไม่อาจทําเรื่ องแบบนั้นได้ ถึงแม้จะรู ้สึกไม่ยอมที่ตอ้ งไปเป็ นอนุภรรยาของอีกฝ่ าย แต่การที่
ผูช้ ายมีภรรยาหลายคนก็เป็ นเรื่ องปกติสาํ หรับโลกใบนี้ และในใจนางก็คิดว่าแต่งงานกับเหมียวอี้
เหมาะสมที่สุด เพราะความบริ สุทธิ์ของผูห้ ญิงเป็ นสิ่ งที่สาํ คัญมาก แต่นางแค่ทาํ ใจเสี ยหน้าไม่ลง วันนี้
ปราชญ์เซี ยนจะตัดสิ นใจให้แล้ว ถือเป็ นการหาทางออกให้นางแล้วจริ ง ๆ
นางเอามือยันพื้นพลางไตร่ ตรองครู่ หนึ่ง สุ ดท้ายก็กดั ฟันตอบว่า “ศิษย์ยนิ ดีเชื่อฟังตามที่อาจารย์
เตรี ยมการ แต่งค่ะ!”
มู่ฝานจวินสี หน้าผ่อนคลายลงแล้ว “อย่าเพิง่ ประกาศเรื่ องนี้ให้ภายนอกรู ้ อีกสองปี ก็แล้วกัน! หลังจาก
ส่ งส่ วยประจําปี อาจารย์จะประทานงานสมรสให้ลูกสาวทั้งสองของเจ้า รอให้ลูกสาวเจ้าแต่งงานเสร็ จ
เจ้าก็ไปรับช่วงต่อจากศิษย์พี่ใหญ่ที่เขตต้องห้ามของภูเขาด้านหลัง ไปยืนหันหน้าเข้าหากําแพงเพื่อ
ทบทวนความผิดก็แล้วกัน! โอวหยางกวงควบคุมไม่ได้แม้แต่เมียของตัวเอง ข้าว่าตําแหน่งท่านทูตของ
เขาควรจะเปลี่ยนคนได้แล้ว รอจัดการทุกอย่างหลังจากจบงานแต่งงานของลูกสาวเจ้า เดี๋ยวให้โอวหยา
งกวงไปรับงานต่อจากอันเจิ้งเฟิ งที่สมาคมร้านค้าทะเลทรายม่านเมฆา ส่ วนตําแหน่งท่านทูตสายชวด ก็
เปลี่ยนให้อนั เจิ้งเฟิ งน้องชายเจ้ามารับต่อแล้วกัน!”
ฝนตกฟ้ าผ่าล้วนแฝงความเมตตาจากสวรรค์ อันหรู อวี้สะอึกสะอื้นพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณที่ท่าน
อาจารย์ช่วยให้สมปรารถนา!”
นางเองก็รู้วา่ ท่านอาจารย์ไว้หน้านางเต็มที่แล้ว ถ่วงเวลาลงโทษพวกเขาสองสามีภรรยาเอาไว้หลังจาก
ลูกสาวแต่งงาน ก็นบั ว่าให้เกียรติลูกสาวนางแล้ว ไม่ได้ลงโทษสามีกบั น้องชายนางไปด้วย เพียงแค่
สลับตําแหน่งเพื่อเป็ นการตักเตือน นับว่าใจกว้างโอบอ้อมอารี แล้วเช่นกัน
“จงเจิ้น! เยว่เหยา!” มู่ฝานจวินพลันร่ ายอิทธิฤทธิ์เรี ยก เสี ยงทะลุออกไปนอกตําหนักเก้าชั้นฟ้ าโดยตรง
จงเจิ้นกับเยว่เหยารี บเดินเข้ามา เมื่อเห็นอันหรู อวี้นงั่ คุกเข่าเช็ดนํ้าตา ทั้งสองก็แอบแปลกใจ ไม่รู้วา่ ศิษย์
พี่ทาํ อะไรผิดมา ทั้งสองยืนนิ่งแล้วกุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ท่านอาจารย์!”
“เยว่เหยา ไปที่เขตต้องห้ามของภูเขาด้านหลัง เรี ยกศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้ามาพบข้า” มู่ฝานจวินกล่าว
เยว่เหยาอึ้งไปชัว่ ขณะ แต่กร็ ี บเอ่ยรับคําสัง่ แล้วเร่ งฝี เท้าเดินออกไปทันที
ผ่านไปไม่นาน ฮูเหยียนไท่เป่ าที่ยนื สํานึกผิดอยูท่ ี่เขตหวงห้ามก็เร่ งฝี เท้าเดินเข้ามา พอเห็นอันหรู อวี้
กําลังคุกเข่า เขาก็แอบแปลกใจอยูบ่ า้ ง ส่ วนตัวเองก็คุกเข่าหน้าแนบพื้นเช่นกัน “ศิษย์เข้าพบท่าน
อาจารย์พร้อมความผิดติดตัว!”
“ทั้งคู่ลุกขึ้นเถอะ!” มู่ฝานจวินกล่าว
ฮูเหยียนไท่เป่ ากับอันหรู อวี้ที่นงั่ คุกเข่าสบตากันแวบหนึ่ง แล้วยืนขึ้นพร้อมกัน
“ไท่เป่ า ตั้งแต่วนั นี้ไป เจ้ามารับงานต่อจากหรู อวี้ เดี๋ยวพวกเจ้าสองคนไปส่ งมอบงานกันด้วย” มู่ฝานจ
วินถามกล่าว
ฮูเหยียนไท่เป่ างงทันที แต่กแ็ อบดีใจ หมายความว่าตัวเองจะไม่ตอ้ งยืนหันหน้าหากําแพงเพื่อสํานึกผิด
แล้ว จึงกุมหมัดเอ่ยรับทันที “ขอรับ!”
“ค่ะ!” อันหรู อวี้เอ่ยรับเช่นกัน
มู่ฝานจวินมองไปที่จงเจิ้นอีก “จงเจิ้น นี่เป็ นเวลาที่ตอ้ งใช้งานคน ควรจะใช้งานคนเก่าคนแก่ของ
สมาคมร้านค้าได้แล้ว เดี๋ยวเจ้าไปเลือกนักพรตบงกชทองจากสมาคมร้านค้ามาสามคน ให้มารับ
ตําแหน่งท่านทูตสายฉลู สายมะเมียกับสายกุนแล้วกัน”
“ขอรับ!” จงเจิ้นเอ่ยรับ จากนั้นก็ขอคําชี้แนะอีกว่า “ท่านอาจารย์ ท่านทูตสายมะโรง…”
“แต่งตั้งไว้แล้ว ให้เจ้าควบตําแหน่งท่านทูตสายมะโรงไปก่อนแล้วกัน” มู่ฝานจวินพูดตรง ๆ
“ขอรับ!” จงเจิ้นกุมหมัดเอ่ยรับ
“หรู อวี้ ตอนนี้ท่านจื่อหยางนัน่ อยูใ่ นมือของเหมียวอี้ใช่ม้ ยั ?” มู่ฝานจวิน
อันหรู อวี้กมุ หมัดตอบ “ยินดีกบั ท่านอาจารย์ ท่านจื่อหยางอยูใ่ นมือเหมียวอี้แล้วค่ะ”
“โง่เง่า! ยังต้องการคนคนนั้นอีกเหรอ? เดี๋ยวตาแก่คนอื่น ๆ จะต้องมาหาถึงที่แน่ ใครเก็บไว้กโ็ ชค
ร้าย!” มู่ฝานจวินไม่พอใจมาก
อันหรู อวี้กม้ หน้าเล็กน้อยโดยไม่พดู อะไร แต่ตาํ หนิในใจไม่หยุด ใครจะไปรู ้วา่ ท่านจะวางแผนแบบนี้
ถ้าพากลับมาได้กย็ อ่ มต้องพากลับมาอยูแ่ ล้ว ถ้าตกอยูใ่ นมือคนอื่นท่านก็ยงิ่ ไม่พอใจ ถ้าอยูใ่ นมือตัวเอง
จะฆ่าหรื อจะเก็บไว้กไ็ ด้ท้ งั นั้น มิหนําซํ้าข้าก็ไม่ได้เป็ นคนพากลับมาด้วย
แต่นางก็จะผลักความรับผิดชอบไปให้เหมียวอี้ไม่ได้ เพราะเขากําลังจะกลายเป็ นลูกเขยของนางแล้ว
พอนึกถึงลูกเขยคนนี้ นางก็ไม่รู้วา่ จะดีใจหรื อกลุม้ ใจ ในภายหลังเขาคงไม่ไประบายอารมณ์ใส่ ลูกสาว
ของนางหรอกใช่ม้ ยั ? พอคิดถึงตรงนี้ นางก็นึกเสี ยใจทีหลังอีกครั้งที่ตวั เองลงมือทําร้ายเหมียวอี้
มู่ฝานจวินก็พอจะรู ้คร่ าว ๆ ว่าเรื่ องราวเป็ นมาอย่างไร รู ้วา่ เรื่ องที่ท่านจื่อหยางถูกจับตัวมาไม่เกี่ยวกับ
นาง จึงโบกมือบอกว่า “เจ้าออกไปได้แล้ว เรี ยกเหมียวอี้เข้ามา”
พวกเขาโค้งตัวคํานับแล้วถอยออกมา พอออกจากตําหนักเก้าชั้นฟ้ า โอวหยางกวงก็ไม่สบายใจนิด
หน่อย มองออกว่าอันหรู อวี้เพิง่ ร้องไห้ ในใจก็แอบร้องว่าท่าไม่ดีแล้ว
แต่กลับพบว่าอันหรู อวี้ค่อนข้างให้ความสนใจเหมียวอี้ เขาจึงมองตามนาง
เหมียวอี้กส็ งั เกตเห็นเช่นกันว่าสองสามีภรรยากําลังมองเขา จึงท่าทางเหมือนบอกว่า ‘กลัวที่ไหนล่ะ
เจ้ากล้ากัดข้าเหรอ’ หันหน้าไปอีกทาง มองดูทอ้ งฟ้ า ขี้คร้านจะสนใจ
เขาเดาว่าว่าสองผัวเมียคู่น้ ีคงแค้นเขาแทบตาย แต่ในเมื่อก่อเรื่ องมาถึงขั้นนี้ เขาก็ไม่สนใจอะไรแล้วไม่
จําเป็ นต้องเกรงใจสองคนนี้ เขาได้เตรี ยมกลัน่ กรองคําพูดเอาไว้แล้ว กะว่าอีกประเดี๋ยวถ้ามีโอกาสได้
พบมู่ฝานจวิน ต่อให้ตอ้ งเปลืองคําพูดไปมากมาย ก็ตอ้ งหาทางดึงสองผัวเมียคู่น้ ีลงจากตําแหน่งให้ได้
จงเจิ้นเดินมาหยุดข้างกายเหมียวอี้ เหลือบมองเจ้าคนใจกล้าบุ่มบ่าม พร้อมเตือนว่า “เหมียวอี้ ท่าน
ปราชญ์เรี ยกพบ!”
ตอนที่ 915

มึนงงนิดหน่ อย

“รบกวนคุณชายสามแล้ว!” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ ขณะที่หนั ตัวก็แสร้งทําเป็ นมองไม่เห็นอันหรู อวี้


เมื่อเห็นคนมาล้อมเรี ยกอีกคนว่าคุณชายใหญ่ ก็เดาออกว่าคนคนนี้คือฮูเหยียนไท่เป่ า เขาจึงก้าวขึ้นมา
กุมหมัดคารวะ “เหมียวอี้คารวะคุณชายใหญ่!”
อันที่จริ งหลังจากอันหรู อวี้กบั ฮูเหยียนไท่เป่ าออกมา ทั้งสองก็ยนื อยูด่ ว้ ยกันแล้ว การที่เขาแสร้งทําเป็ น
มองไม่เห็นอันหรู อวี้ ทําให้อนั หรู อวี้วนุ่ วายใจมาก ตอนนี้จะโมโหเหมียวอี้กท็ าํ ไม่ลง จะแค้นก็ทาํ ไม
ลง จะด่าก็ไม่ได้ จะทําร้ายก็ไม่ได้ อยากจะลดตัวเข้าไปตีสนิท… แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานนางยังวางกับ
ดักลอบสังหารเขาอยูเ่ ลย หัวใจนางพัวพันกันอุตลุด
ฮูเหยียนไท่เป่ ามองเขาศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “เจ้าคือเหมียวอี้เหรอ?”
“ขอรับ!” เหมียวอี้ตอบอย่างเคารพ แต่ในใจหงุดหงิด เขามีความแค้นกับคุณชายใหญ่ท่านนี้เหมือนกัน
แต่พอนึกว่าอีกฝ่ ายต้องยืนหันหน้าเข้าหากําแพงเพื่อสํานึกตัวหนึ่งหมื่นปี ภายนอกเขาจึงปล่อยผ่านไป
หนึ่งหมื่นปี หลังจากนี้กย็ งั ไม่รู้วา่ ใครจะกลัวใครกันแน่
ตอนนี้เขาไม่รู้วา่ ฮูเหยียนไท่กลับคืนสู่ ตาํ แหน่งแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้วา่ จะรู ้สึกอย่างไร
ฮูเหยียนไท่เป่ าพยักหน้าเล็กน้อย “อย่าให้ท่านปราชญ์รอนาน รี บไปเถอะ!”
“ขอรับ!” เหมียวอี้เอ่ยรับแล้วรี บเดินไป
พอเข้ามาในตําหนักเก้าชั้นฟ้ า ก็เห็นมู่ฝานจวินนัง่ อยูบ่ นบัลลังก์ เหมียวอี้ไม่รู้วา่ รู ้สึกไปเองหรื อเปล่า
พบว่าหญิงแต่งชายที่สีหน้าเรี ยบเฉยคนนี้มองตัวเองด้วยสายตาที่ค่อนข้างแปลก บอกไม่ถูกว่าแปลก
อย่างไร สรุ ปว่ารู ้สึกแปลกนัน่ แหละ
“ข้าน้อยคารวะท่านปราชญ์!” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะอย่างเคารพนบนอบ
มู่ฝานจวินขานรับ แล้วใช้สายตาแปลก ๆ มองสํารวจเขาพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสี ยงเย็นว่า “เหมียวอี้
เจ้าใจกล้าไม่เบา บังอาจเอาชีวติ ของท่านทูตแดนเซียนไปต่อรองแลกเปลี่ยน!”
เหมียวอี้พลันเงยหน้า สี หน้าเคารพเปลี่ยนเป็ นสี หน้าเศร้าโศกในชัว่ พริ บตาเดียว “ท่านปราชญ์! ข้าน้อย
โดนกดดันจนไม่มีทางเลือก ในกลุ่มพวกเขามีคนสมคบกับแดนปี ศาจ แดนอู๋เลี่ยง ทําตัวเป็ นหนอน
บ่อนไส้วางแผนลอบทําร้ายข้าน้อย ข้าน้อย…”
ยังไม่ทนั พูดจบ มู่ฝานจวินก็ตดั บทแล้ว “เจ้ากําลังบอกว่า กําลังทําความสะอาดบ้านเพื่อข้าเหรอ?”
“มิบงั อาจ! ข้าน้อยไม่ทราบจริ ง ๆ ว่าใครกันแน่ที่ตอ้ งการทําร้ายข้าน้อย ก็เลย…”
ยังไม่ทนั พูดจบ ก็โดนตัดบทอีก มู่ฝานจวินถามว่า “เจ้าไม่รู้จริ ง ๆ หรื อแกล้งไม่รู้วา่ ใครต้องการทําร้าย
เจ้า?”
“ไม่ทราบจริ ง ๆ ขอรับ!” เหมียวอี้ปฏิเสธอย่างแน่วแน่
“ไม่ใช่วา่ แกล้งโง่เพื่อให้ตวั เองรอดตัวหรอกนะ?” มู่ฝานจวินถาม
เหมียวอี้เสี ยวสันหลังวาบ รู ้สึกว่าผูห้ ญิงคนนี้เหมือนจะรู ้อะไรมาบ้างแล้ว จึงกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย
แต่ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ ปฏิเสธด้วยอารมณ์ฮึกเหิ มเร่ าร้อน “ข้าน้อยไม่ทราบจริ ง ๆ !”
มู่ฝานจวินมองเขานิ่ง ๆ มองจนเขาเริ่ มรู ้สึกไม่สงบใจ
เรื่ องบางเรื่ องมู่ฝานจวินก็รู้อยูแ่ ก่ใจแล้ว และนางก็รู้สึกนับถือชายที่อยูอ่ ยูเ่ บื้องล่างจริ ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่า
ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น จะสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของเฟิ งเป่ ยเฉิ นได้ ไม่แปลกใจที่สามารถ
ผ่านอุปสรรคชีวติ ตั้งแต่การปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตรจนรอดมาถึงวันนี้ได้ ถ้าอันหรู อวี้มี
ความสามารถในการปรับตัวสักหน่อย เรื่ องราวก็คงไม่บานปลายถึงขั้นนี้
แต่นางก็ไม่ได้พดู เปิ ดโปงเหมียวอี้ เมื่ออยูใ่ นฐานะอย่างนาง เรื่ องไหนที่ควรจะปิ ดตาข้างเดียว นางก็รู้
ชัดอยูแ่ ก่ใจ ถ้าใช้วธิ ีการโหดเหี้ ยมกับทุกเรื่ อง ฮูเหยียนไท่เป่ าคงไม่รอดชีวติ มาจนถึงทุกวันนี้หรอก
ครั้งนี้อนั หรู อวี้กย็ ากที่จะพ้นโทษตายเช่นกัน แต่ถา้ ฆ่าคนทิ้งหมดก็จะไม่มีใครทํางานให้นาง ใต้หล้า
กว้างใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่วรยุทธ์อย่างนางจะควบคุมด้วยตัวคนเดียวไหว
ถ้านางเปิ ดโปงเหมียวอี้ ก็จะต้องลงโทษเหมียวอี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถให้คาํ อธิบายกับคนอื่นได้
นางถามเสี ยงเรี ยบว่า “คนที่ทาํ ร้ายเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น อันหรู อวี้ทาํ คนเดียว นางยอมรับแล้ว เจ้า
คิดว่าข้าควรจะลงโทษนางอย่างไร?”
“คุณชายรองหรื อขอรับ?” เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหมือนตกใจมาก จากนั้นก็กมุ หมัดคารวะ “ข้าน้อยมิ
บังอาจตัดสิ นใจ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยูก่ บั ท่านปราชญ์!”
“ข้าย่อมจัดการเรื่ องนี้อยูแ่ ล้ว!” มู่ฝานจวินกดเรื่ องนี้เอาไว้ยงั ไม่พดู ถึง เปลี่ยนเรื่ องถาม “ข้าถามเจ้า
หน่อย คืนที่เจ้าโดนลอบโจมตีที่สาํ นักงามวิจิตร ที่บอกว่ามีพระสงฆ์มาช่วยเจ้าไว้ เป็ นใครกัน?”
บทพูดที่เหมียวอี้เตรี ยมมา ตอนนี้ถูกนางทําให้ยงุ่ เหยิงหมดแล้ว ไม่ได้พดู ตามจังหวะของตัวเอง อีกฝ่ าย
ไม่ทนั เปิ ดโอกาสให้เขาพูดว่าร้ายอันหรู อวี้ ก็ตดั สิ นใจไปเองเสี ยแล้ว ที่จริ งเขาก็อยากรู ้มากว่าจะ
ลงโทษอันหรู อวี้อย่างไร แต่จนใจที่ถามมาไปก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ และไม่ใช่สิ่งที่ประมุขปราสาทเล็ก
ๆ อย่างเขาควรถามด้วย
ยังไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องอันหรู อวี้ เหมียวอี้รู้ต้ งั แต่แรกว่ามู่ฝานจวินจะต้องถามเรื่ องพระสงฆ์แน่นอน เขา
ตอบว่า “เป็ นเทพพยากรณ์ขอรับ!”
เขาเองก็หมดหนทางแล้วจริ ง ๆ ทําได้เพียงก้าวผ่านด่านต่อด่าน ตอนนี้ทาํ ได้เพียงอ้างเทพพยากรณ์ที่
ทําตัวลึกลับเหมือนเทพเจ้ามังกรเห็นหัวมิเห็นหาง ถึงอย่างไรก็ไม่ค่อยมีใครหาชายคนนั้นเจออยูแ่ ล้ว
“เทพพยากรณ์?” มู่ฝานจวินแสดงอารมณ์ผา่ นสี หน้า ยืนขึ้นถามซํ้าว่า “เทพพยากรณ์ช่วยชีวติ เจ้าไว้
เหรอ? ทําไมเขาต้องช่วยเจ้าด้วย?”
เหมียวอี้ตอบว่า “เพราะว่าข้าน้อยกับเทพพยากรณ์รู้จกั กันมานานแล้ว ครั้งแรกที่ไปปฏิบตั ิภารกิจที่
ทะเลทรายม่านเมฆาในปี นั้น ข้าน้อยก็ได้พบกับเขาแล้ว เป็ นตอนที่หาเรื อมังกรอเวจีพบ ตอนหลัง
ข้าน้อยไปทะเลทรายม่านเมฆาก็ได้พบเขาอีก จึงสนิทสนมกัน ครั้งนี้บงั เอิญเจอที่เจ้าสํานักงามวิจิตร
พอดี เขาเองก็ได้ข่าวการประลองของวิเศษ จึงจะมาดูเอาสนุกเหมือนกันขอรับ”
“เทพพยากรณ์ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใด ๆ เขาฆ่าท่านทูตเพื่อเจ้าเหรอ?” มู่ฝานจวินทั้ง
ตระหนกทั้งสงสัย
“ที่จริ งเขาไม่ได้ฆ่าหรอก เป็ นข้าน้อยที่ฉวยโอกาสลงมือตอนที่เขากําลังควบคุมคนพวกนั้น ข้าน้อย
เป็ นคนสังหารเอง… พวกเขาต้องการสังหารข้า ไม่มีเหตุผลที่ขา้ ต้องปล่อยพวกเขาไป ด้วยเหตุน้ ี
ข้าน้อยจึงทําให้เทพพยากรณ์โกรธ ทั้งยังตัดขาดความสัมพันธ์กบั ข้าน้อยด้วย!” เหมียวอี้ตอบด้วย
ท่าทางที่ซื่อสัตย์จริ งใจ
“เป็ นอย่างนี้เหรอ…” มู่ฝานจวินจมดิ่งอยูใ่ นความคิด แววตาที่ชาํ เลืองเหมียวอี้อยูเ่ ป็ นระยะค่อนข้าง
หวาดระแวง ถามอีกว่า “เจ้ามีวรยุทธ์เท่าไรแล้ว?”
เหมียวอี้ยกมือเช็ดตรงหว่างคิว้ เผยวรยุทธ์บงกชม่วงขั้นเก้า “บงกชม่วงขั้นเก้าขอรับ!”
มู่ฝานจวินตกใจอีกครั้ง ดวงตาหงส์ท้ งั คู่พลันหรี่ ลงและฉายแววดุดนั กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเย็นเยียบชวน
ขนลุกว่า “ฝึ กตนได้เร็ วขนาดนี้ ดูท่าทางแล้ว เจ้ากับเยียนเป่ ยหงคงจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาจริ ง
ๆ !”
เหมียวอี้รู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารที่แผ่มาจากตัวนาง จึงรี บตอบว่า “ตอบท่านปราชญ์ ถึงแม้จะน้อยจะ
เป็ นสหายของเยียนเป่ ยหง แต่สาเหตุที่เยียนเป่ ยหงฝึ กตนได้เร็ วขนาดนี้ ข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกัน ที่ขา้
กับอวิน๋ จือชิวฝึ กตนได้เร็ วขนาดนี้ ก็เป็ นเพราะบุญคุณของเทพพยากรณ์ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาให้ยาแก่น
เซียนมาจํานวนหนึ่ง พวกเราสองสามีภรรยาคงไม่อาจฝึ กตนได้เร็ วขนาดนี้ขอรับ”
“ยาแก่นเซี ยน?” มู่ฝานจวินอุทานถาม เรื่ องประหลาดอัศจรรย์ที่ทยอยโผล่มาไม่ขาดสาย ทําให้นาง
รู ้สึกค่อนข้างประหลาดใจ รี บถามว่า “เทพพยากรณ์มียาแก่นเซียนเหรอ?”
เหมียวอี้อธิบายว่า “มีบางอย่างที่ท่านปราชญ์ไม่ทราบ ครั้งแรกที่ขา้ น้อยไปทะเลทรายม่านเมฆาแล้ว
เจอเทพพยากรณ์ ตอนนั้นก็เจอเรื อมังกรอเวจีแล้วเช่นกัน เป็ นครั้งที่ท่านปราชญ์มาด้วยตัวเอง และ
ตอนที่พบเทพพยากรณ์ที่ทะเลทรายม่านเมฆาอีกครั้ง ข้าน้อยก็เจอเขากําลังไล่ตามเรื อมังกรอเวจี พอได้
คุยถึงทราบว่าเขาก็ตามหาเรื อมังกรอเวจีมาตลอด และเป็ นครั้งนั้นเช่นกัน ข้าน้อยเห็นกับตาว่าเทพ
พยากรณ์กบั เรื อมังกรอเวจีปะทะกัน เขาโจมตีจนได้ของบางอย่างมาจากตัวผีดิบพวกนั้น ในจํานวน
นั้นมียาแก่นเซียนจํานวนมหาศาล แต่เหมือนเขาจะไม่สนใจมันเท่าไร เหมือนสนใจเรื อมังกรอเวจี
มากกว่า จึงมอบยาแก่นเซียนให้ขา้ น้อยทั้งหมด หลังจากข้าน้อยได้เลื่อนขั้นเป็ นประมุขปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั ก็เก็บตัวฝึ กฝนหลายร้อยปี เพื่อใช้ยาแก่นเซี ยนพวกนั้นเพิ่มวรยุทธ์ อวิน๋ จือชิวก็อาศัยยา
แก่นเซียนพวกนี้เพิ่มวรยุทธ์จนถึงระดับบงกชทองแล้วเช่นกัน เป็ นเพราะก่อนหน้านี้ขา้ น้อยวรยุทธ์ต่าํ
เกินไป ใช้ยาแก่นเซียนจนหมดก็หยุดแค่ระดับบงกชม่วงขั้นเก้า ไม่สามารถบรรลุระดับบงกชทองได้”
ตอนนี้เรื่ องราวลุกลามใหญ่โต ดีไม่ดีตอนหลังอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ เขารู ้วา่ พวกเขาสองสามีภรรยา
ไม่อาจปิ ดบังวรยุทธ์ไปตลอด จึงถือโอกาสอธิบายรวดเดียวไปเลย จะได้ไม่มีปัญหาอะไรตามมาใน
ภายหลัง
มู่ฝานจวินกลับแววตาวูบไหว กําลังไตร่ ตรองคําพูดของเขา มีอยูจ่ ุดหนึ่งที่นางมัน่ ใจได้ นัน่ ก็คือครั้ง
แรกที่เหมียวอี้เจอเรื อมังกรอเวจี นางเองก็เจอเทพพยากรณ์เช่นกัน ที่แท้เทพพยากรณ์กต็ ามหาเรื อมังกร
อเวจีมาตลอด
ส่ วนคําพูดในตอนท้ายของเหมียวอี้ เรื่ องที่นางไม่สามารถยืนยันได้ นางก็ไม่มีทางเชื่อได้ง่าย ๆ เลย
หลังจากหายเหม่อลอย นางก็ตะคอกถามเสี ยงเข้ม “ทําไมไม่รายงานเรื่ องนี้ให้เร็ วว่านี้?”
เหมียวอี้ตอบเสี ยงตํ่าว่า “ตอนนั้นสถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ยาแก่นเซี ยนก็เป็ นของดีมากจริ ง ๆ
พวกเราสองสามีภรรยาอยากจะเพิ่มวรยุทธ์ใหสู งขึ้นไว ก็เลย…” ไม่ตอ้ งพูดอะไรมากกว่านี้แล้ว
มู่ฝานจวินหมัน่ ไส้นิดหน่อย แต่กพ็ อจะเข้าใจได้ ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นได้ยาแก่นจํานวนมากขนาดนั้น
ก็คงจะไม่มีใครเปิ ดเผยเช่นกัน นางค่อย ๆ ข่มความโมโหเอาไว้ แล้วถามว่า “เมื่อครู่ เจ้าบอกว่าวรยุทธ์
ของอวิน๋ จือชิวบรรลุถึงระดับบงกชทองเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวเองก็ปิดบังวรยุทธ์ของตัวเองมาตลอด ไม่กล้าเปิ ดเผย
“ขอรับ!” เหมียวอี้พยักหน้า
เมื่อได้ยนิ เขาพูดแบบนี้ อย่างน้อยก็มีจุดหนึ่งที่แน่ใจได้ นัน่ ก็คือเหมียวอี้ไม่ได้ฮุบยาแก่นเซียนเอาไว้
คนเดียว และไม่ปฏิบตั ิต่อเมียตัวเองอย่างไม่เป็ นธรรม ผูช้ ายที่เต็มใจให้วรยุทธ์ของเมียสู งกว่าตัวเอง
เห็นได้ชดั ว่าเป็ นคนที่รักเมีย เมื่อนึกถึงตรงนี้ ความโมโหของมู่ฝานจวินก็คลายลงแล้วไม่นอ้ ย เพียง
พึมพําเบา ๆ ว่า “บรรลุถึงระดับบงกชทองแล้ว…”
ขณะที่นางพูดคํานี้ ในดวงตาก็ฉายแววปลื้มใจเล็กน้อย
เหมียวอี้ที่กาํ ลังแอบมองนางสังเกตได้วา่ ดวงตานางฉายแววปลื้มใจแวบหนึ่ง ในใจรู ้สึกสงสัยทันที ข้า
มองผิดไปรึ เปล่า?
มู่ฝานจวินแสยะยิม้ แล้วนัง่ ลงอย่างช้า ๆ วางเรื่ องนี้เอาไว้ก่อน นางทําสี หน้าเย็นชาพร้อมบอกว่า
“ประมุขปราสาทเล็ก ๆ คนเดียว บังอาจนําชีวติ ของท่านทูตไปแลกเปลี่ยนต่อรอง เดิมทีมีโทษถึงตาย!
แต่เห็นว่าเรื่ องนี้มีสาเหตุ และเห็นแก่หน้าน้องสาวเจ้า ข้าจะให้โอกาสเจ้าไถ่โทษ ขึ้นอยูก่ บั เจ้าว่าจะ
คว้าโอกาสนี้ไว้รึเปล่า!”
เหมียวอี้หงุดหงิดใจทันที ยังกัดไม่ปล่อยอีกเหรอ? เจ้าไม่อยากใช้ประโยชน์จากประมุขถิ่นสี่ ทิศแห่ง
ทะเลดาวนักษัตรแล้วเหรอ?
เป็ นเพราะเขาสามารถดึงประมุขถิ่นสี่ ทิศแห่งทะเลดาวนักษัตรมาเป็ นพวกได้ เขาถึงได้มนั่ ใจว่าเรื่ องใน
ครั้งนี้จะผ่อนหนักเป็ นเบาได้ ตอนนี้ไม่รู้วา่ ผูห้ ญิงคนนี้จะเล่นบ้าอะไรอีก จึงกล่าวหยัง่ เชิงว่า “ข้าน้อย
จะตั้งใจฟังขอรับ!”
มู่ฝานจวินกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “ข้าเองก็มีความแค้นกับแดนมารอยูบ่ า้ ง เจ้าคงเคยได้ยนิ มาแล้ว ถ้าเจ้า
สามารถเกลี้ยกล่อมให้ฮูหยินของเจ้าประกาศต่อสาธารณะ ให้นางเต็มใจเข้ามาอยูใ่ นทะเบียนรายชื่อ
เซียนได้ แบบนี้กน็ บั ว่าช่วยให้ขา้ ได้ระบายความโกรธ ข้าก็จะพิจารณาเรื่ องผ่อนโทษให้เจ้า!”
เรื่ องแค่น้ ีเองเหรอ? เหมียวอี้ถอยหายใจหนัก ๆ ยังนึกว่าเป็ นเรื่ องใหญ่อะไรเสี ยอีก ถ้าเจ้าอยากจะตบ
หน้านภาจอมมาร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหรอก จึงกล่าวรับประกันทันที “ข้าน้อยต้องเกลี้ยกล่อมให้นาง
ตอบตกลงได้แน่นอน!”
“เจ้าอย่ารับปากเร็ วเกินไปนักเลย!” มู่ฝานจวินแสยะยิม้ “เจ้าคิดว่าเจ้าก่อเรื่ องขนาดนี้แล้ว ยังจะเป็ น
ประมุขปราสาทต่อไปได้อีกเหรอ?”
“…” เหมียวอี้งงไปชัว่ ขณะ แต่พอลองคิดอีกที พวกเราต้องการแค่ชีวติ ที่สงบสุ ข จะได้เป็ นประมุข
ปราสาทหรื อไม่ เขาก็ไม่แยแสเลยจริ ง ๆ จะโดนลดขั้นกลับไปเป็ นประมุขถํ้าคล้อยบูรพาก็ไม่เป็ นไร
จึงกุมหมัดตอบทันทีวา่ “ข้าน้อยยินดีรับการลงโทษจากท่านปราชญ์!”
มู่ฝานจวินกล่าวอย่างคล่องปากว่า “ก่อเรื่ องใหญ่ขนาดนี้ การลงโทษตักเตือนเป็ นสิ่ งที่เลี่ยงไม่ได้ เพือ่
เห็นแก่หน้าน้องสาวเจ้า ข้าก็จะไม่ทาํ ให้เจ้าลําบากหรอก ตําแหน่งประมุขปราสาทนัน่ ยกให้ฮูหยินข
องเจ้าก็แล้วกัน ส่ วนเจ้าก็ลดขั้นไปเป็ นที่ปรึ กษาของนาง ผลประโยชน์ที่ควรได้กย็ งั เป็ นของพวกเจ้า
สองสามีภรรยา ใครจะเป็ นประมุขปราสาทหรื อใครจะเป็ นลูกน้อง ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน ใช่ม้ ยั
ล่ะ?”
“อะไรนะ?” เหมียวอี้อุทานถาม มึนงงนิดหน่อย
“ทําไมล่ะ? เจ้าไม่เต็มใจเหรอ?” มู่ฝานจวินทําหน้าเข้ม
ตอนที่ 916

โดนจู่โจมทีแ่ ดนโพ้ นสวรรค์

“ข้าน้อยยินดีขอรับ!” เหมียวอี้รีบเอ่ยรับ
ไม่ใช่วา่ ไม่อยาก! เหมียวอี้ไม่ได้แยแสตําแหน่งประมุขปราสาทเลย ให้ใครเป็ นก็ไม่ให้เป็ น ประเด็น
สําคัญคือให้เขาไปเป็ นลูกน้องของอวิน๋ จือชิว เขารู ้สึกแปลกนิดหน่อย ทําไมรู ้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่
ที่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุอีกรอบล่ะ ตัวเองกลายเป็ นบริ กรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิง่ มู่ฝานจวินเป็ นคน
เตรี ยมการ ทําให้เขารู ้สึกว่ามีบางจุดที่ไม่ชอบมาพากล
เมื่อได้ยนิ เขาตอบตกลงแล้ว มู่ฝานจวินก็พยักเล็กน้อยหน้าอย่างพอใจ “ยังคงเป็ นอย่างที่บอก
ผลประโยชน์ทุกอย่างยังเป็ นของพวกเจ้าสองสามีภรรยา ใครจะเป็ นประมุขปราสาทหรื อใครจะเป็ น
ลูกน้องก็เหมือนกัน เดี๋ยวในภายหลังข้าจะให้รางวัลชดเชยเจ้า”
“ขอรับ!” เหมียวอี้พยักหน้าซํ้า ๆ ไม่รู้วา่ จะให้รางวัลอะไรได้ แต่ภายนอกยังคงเจียดร้อยยิม้ พลางกล่าว
ขอบคุณ “ขอบคุณที่ท่านปราชญ์ช่วยให้สมปรารถนา!”
เรื่ องนี้กจ็ บลงอย่างนี้แล้ว มู่ฝานจวินไม่ได้ถามอะไรมากอีก เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ท่านจื่อหยางนัน่
อยูใ่ นมือเจ้าใช่ม้ ยั ?”
“อยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์ของข้าน้อยขอรับ” เหมียวอี้พดู จบก็เรี ยกออกมา
“ไม่ตอ้ งแล้ว!” มู่ฝานจวินยกมือห้าม” ส่ งตัวให้อวิน๋ อ้าวเทียนแล้วกัน นี่คืออีกเรื่ องที่จะให้เจ้าไป
จัดการ”
ตั้งแต่ที่เฟิ งเป่ ยเฉินมาถึงแดนโพ้นสวรรค์แล้วไม่เอ่ยถึงเรื่ องเยารั่วเซียนสักคํา เหมียวอี้กเ็ ดาออกแล้วมู่
ฝานจวินก็ไม่ตอ้ งการเยารั่วเซี ยนเหมือนกัน ตอนนี้กพ็ บว่าเป็ นอย่างนั้นจริ ง ๆ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่ามู่
ฝานจวินจะส่ งต่อหายนะไปให้นภาจอมมาร
สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้เข้าใจอย่างแท้จริ งแล้ว ว่าเยารั่วเซี ยนไม่อาจลงหลักปั กฐานที่พิภพเล็กได้อีกต่อไป
ถ้าปล่อยไว้กม็ ีแต่จะตายสถานเดียว ไม่มีหกปราชญ์คนไหนย่อมปล่อยเขาไป
“ขอรับ! ข้าน้อยจะนําเขาไปส่ งให้นภาจอมมารเดี๋ยวนี้! หากท่านปราชญ์ไม่มีอะไรจะกําชับแล้ว
ข้าน้อยขอตัวอําลา!”
“ไม่จาํ เป็ นต้องไปนภาจอมมาร ถ้าเจ้าไปตอนนี้ ถึงตอนนั้นถ้าอวิน๋ อ้าวเทียนได้คนไปแล้วไม่ยอมรับ
คนอื่นก็นึกว่าข้าซ่อนคนเอาไว้น่ะสิ ต่อให้มีเป็ นร้อยปากก็อธิบายไม่ได้ รออยูท่ ี่นี่แล้วกัน คาดว่าอีก
ไม่กี่วนั ตะแก่พวกนั้นก็คงจะมาถึง ถึงตอนนั้นก็ส่งมอบคนให้อวิน๋ อ้าวเทียนต่อหน้าทุกคน”
เหมียวอี้หวั ใจกระตุกวูบ ทําแบบนี้เท่ากับไม่เหลือทางรอดไว้ให้เยารั่วเซียนเลย แต่กท็ าํ ได้เพียงเอ่ยรับ
หลังจากได้รับคําสัง่ จากมู่ฝานจวิน เหมียวอี้กข็ อตัวออกจากตําหนักเก้าชั้นฟ้ า แล้วโบกมือบอกพวก
ท่านทูตที่รออยูด่ า้ นนอก “ท่านปราชญ์ให้พวกเจ้าไปเข้าพบ”
กลุ่มท่านทูตเดินเข้าตําหนักทันที ส่ วนเหมียวอี้กร็ ออยูด่ า้ นนอก ถือโอกาสตอนไม่มีใครสนใจส่ ง
สายตาให้เยว่เหยา
เยว่เหยาเข้าตําหนักไปพบมู่ฝานจวินทันที หลังจากออกมา ก็เรี ยกเหมียวอี้ “ประมุขปราสาทเหมียว”
เหมียวอี้กา้ วขึ้นมากุมหมัดคารวะทันที “คุณชายหกมีอะไรจะกําชับขอรับ?”
“ตามข้ามานี่หน่อย” เยว่เหยาที่สวมชุดกระโปรงสี ขาวเอ่ยเรี ยก แล้วดึงหงเฉิ นเหาะออกไปด้วยกัน
เหมียวอี้เหาะตามไปทันที
พวกอันหรู อวี้แค่มองมาสองสามครั้ง และไม่ได้สนใจอะไร คิดว่ามู่ฝานจวินคงสัง่ ให้พวกเขาไปทํา
อะไรบางอย่าง
เยว่เหยากับหงเฉินพักอยูด่ ว้ ยกัน อยูบ่ นภูเขาลูกเดียวกัน อยูใ่ นตําหนักที่งดงามราวกับวิมานหยก
สิ่ งของที่จดั วางไว้ลว้ นเป็ นของที่งดงามประณี ตและหาพบได้นอ้ ยในโลกนี้ เหมียวอี้ไม่มีอารมณ์จะมา
ชื่นชมสภาพแวดล้อมของที่นี่ เพียงแต่ใช้สายตาสื่ อสารกับเยว่เหยา
เยว่เหยาเข้าใจที่เขาสื่ อ จึงไล่ให้ลูกน้องออกไป แล้วเข้ามาคล้องแขนเหมียวอี้ “พี่ใหญ่ ทําไมท่านถึงก่อ
เรื่ องใหญ่ขนาดนี้ ท่านอาจารย์ไม่ได้ทาํ อะไรท่านใช่ม้ ยั ?”
“ไม่มีอะไร แค่ไม่ได้เป็ นประมุขปราสาทแล้ว ไม่ตอ้ งพูดเรื่ องนี้หรอก” เหมียวอี้มองเทพธิดาหงเฉินที่
อยูข่ า้ ง ๆ แวบหนึ่ง แต่ไม่ได้หลบเลี่ยงนาง เพราะรู ้วา่ ทั้งสองเป็ นพวกเดียวกัน เขาใช้มือสองข้าง
ประคองไหล่ของเยว่เหยา พร้อมาถามว่า “เจ้าสาม พี่ใหญ่ขอถามเจ้าอย่างจริ งจังสักครั้ง ถ้าพี่ใหญ่กบั
อาจารย์ของเจ้าเกิดขัดแย้งอะไรกัน เจ้าจะยืนอยูฝ่ ่ ายไหน?”
เทพธิดาหงเฉิ นตะลึงงัน หันหน้าช้า ๆ ไปมองทั้งสองคน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เยว่เหยาก็ยงิ่ ตกใจไม่เบา ดวงตางามสดใสเบิกโพลงทันที ถามอย่างรู ้สึกเหลือเชื่อว่า “พี่ใหญ่ ทําไม
ท่านถึงพูดแบบนี้ออกมาล่ะ? ท่านอยากทรยศแดนเซี ยนไปพึ่งพาแดนมารเพื่อฮูหยินคนนั้นใช่ม้ ยั ?”
สองไหล่สนั่ เทิ้ม ใช้มือปั ดของเขาที่อยูบ่ นบ่าตัวเองออก แล้วส่ ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่ตอบตกลง
หรอก!”
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “เจ้าสาม เจ้าอย่านอกเรื่ องไปไกล ไม่เกี่ยวกับพี่สะใภ้ของเจ้า ข้าแค่อยากถามเจ้าสัก
คํา ถ้าพี่ใหญ่พาเจ้าออกไปจากที่นี่ เจ้าจะยอมไปหรื อเปล่า?”
“ไปที่ไหน?” เยว่เหยาถาม
“เจ้าไม่ตอ้ งสนใจหรอกว่าจะไปที่ไหน พี่ใหญ่จะดูแลเจ้าอย่างดีแน่นอน”
“พี่ใหญ่ ท่านคิดจะทําอะไรกันแน่? ถ้ามีขา้ อยู่ ท่านอาจารย์กไ็ ม่ทาํ อะไรท่านหรอก”
เหมียวอี้เริ่ มร้อนใจนิดหน่อย ถามเสี ยงตํ่าว่า “เจ้าสาม อย่าบอกนะว่าเจ้าดูไม่ออก? อาจารย์เจ้าใช้เจ้า
เพื่อบีบจุดอ่อนข้ามาตลอด ถ้าเจ้าอยูท่ ี่นี่ขา้ ก็ทาํ อะไรได้ไม่เต็มที่ ไปกับข้าเถอะ!”
เยว่เหยามองเทพธิดาหงเฉินอย่างกังวลมาก อยูด่ ี ๆ เหมียวอี้กจ็ ะให้นางทรยศอาจารย์ตวั เอง ทําให้นาง
ทําอะไรไม่ถูกเลย
“เจ้าทิ้งศิษย์พี่หญิงของเจ้าไม่ลงใช่ม้ ยั ?” เหมียวอี้หนั ไปมองเทพธิดาหงเฉิ น” หงเฉิ น ถึงอย่างไรเจ้าอยู่
ที่นี่กไ็ ม่สมปรารถนาอยูแ่ ล้ว ไม่สูไ้ ปกับข้าดีกว่า ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ดว้ ยกัน เจ้าช่วยเกลี้ยกล่อม
เจ้าสามหน่อย”
“ข้าอยูท่ ี่ไหนก็เหมือนกันนัน่ แหละ” เทพธิดาหงเฉินเดินลากกระโปรงยาวเข้ามาเบา ๆ ถอนหายใจ
แล้วบอกว่า “เหมียวอี้ ฝั่งหนึ่งก็อาจารย์ ฝั่งหนึ่งก็พี่ชาย อาจารย์ดูแลนางอย่างดีมาตั้งแต่ยงั เด็ก เจ้าจะให้
นางตัดสิ นใจเลือกได้อย่างไร ถ้าเปลี่ยนเป็ นข้า ก็คงจะเลอะเลือนตามเจ้าไปไม่ได้เหมือนกัน”
เยว่เหยาพยักหน้า “พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์ดูแลข้าอย่างดี ข้าทรยศนางไม่ได้หรอก พี่ใหญ่ ท่านไม่พอใจที่
ท่านอาจารย์ถอดท่านออกจากตําแหน่งประมุขปราสาทเหรอ? พี่ใหญ่ ท่านไม่ตอ้ งห่วงนะ รอให้
อาจารย์หายโกรธก่อน ข้าจะไปขอร้องให้ ให้ท่านกลับไปอยูใ่ นตําแหน่งเดิม ถ้ามีท่านอยู่ อาจารย์กไ็ ม่
กลัน่ แกล้งท่านหรอก”
พอเหมียวอี้ได้ฟังคําตอบของนาง ก็รู้วา่ นางไม่สามารถตัดสิ นใจเลือกระหว่างเขากับมู่ฝานจวินได้ รู ้วา่
พูดไปตอนนี้กไ็ ม่มีประโยชน์อะไร
แล้วจู่ ๆ ก็ไม่รู้วา่ เพราะอะไร เขาที่แน่วแน่กล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ งพลันรู ้สึกห่อเหี่ ยวใจ ใช้
สองมือปิ ดหน้า ค่อย ๆ นัง่ ยอง ๆ ลงบนพื้น แล้วก้มหน้าเงียบงันอยูน่ านมาก
เทพธิดาหงเฉิ นขมวดคิ้วเล็กน้อย รู ้สึกได้วา่ บนตัวของผูช้ ายคนนี้เต็มไปด้วยความจนใจ
เยว่เหยาเริ่ มกลัวแล้ว นางนัง่ ย่อเข่าบนพื้น ใช้มือประคองแผ่นหลัง พลางถามอย่างกังวลว่า “พี่ใหญ่
ท่านคิดจะทําอะไรกันแน่? เกิดเรื่ องอะไรขึ้นกันแน่? ท่านอย่าทําให้ขา้ ตกใจสิ !”
เหมียวอี้ถอยหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ใช้สองมือถูหน้าตัวเองอย่างแรง จากนั้นก็เผยรอยยิม้ สดใสพลางลุก
ขึ้นยืน ยืน่ มือใบลูบใบหน้าเยว่เหยาที่ลุกขึ้นยืนตามเขา พลางกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ไม่มีอะไรหรอก
ข้าก็พดู ไปเรื่ อยเปื่ อย พี่ใหญ่ไม่ฝืนใจเจ้าหรอก ตราบใดที่เจ้าอยูท่ ี่นี่แล้วรู ้สึกมีความสุ ขก็ดีแล้ว”
โดนเขาลูบใบหน้าแบบนี้ เยว่เหยาก็หน้าแดงนิดหน่อย เชิดปากพูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านบอกแล้วว่าจะ
แต่งงานกับข้าและศิษย์พี่หญิง ถ้าท่านแต่งงานกับพวกเราสองคนแล้ว พวกเราก็จะตามท่านไปได้อย่าง
สง่าผ่าเผย!”
เทพธิดาหงเฉินพูดไม่ออก เอามือลูบหน้าผากนางเบา ๆ อย่างจนใจ
เหมียวอี้เองก็พดู ไม่ออก เจ้าเด็กคนนี้เอาแต่คิดเรื่ องนี้อยูเ่ สมอ จึงหัวเราะแห้ง ๆ พร้อมบอกว่า “เลิกพูด
ไร้สาระได้แล้ว พี่ใหญ่แต่งงานกับพี่สะใภ้เจ้าแล้วนะ เออใช่ ทําไมข้าได้ยนิ พี่สะใภ้บอกว่าเจ้าทําตัวไม่
เป็ นมิตรกับนางตลอดเลย มันเรื่ องอะไรกันแน่?”
เยว่เหยาทําสี หน้าเย็นชาทันที “นางไม่ใช่พี่สะใภ้ขา้ ข้าไม่ยอมรับ”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ “นี่เป็ นงานสมรสที่อาจารย์เจ้าประทานให้เองเลยนะ ถ้าเจ้าไม่พอใจก็ไปต่อว่า
อาจารย์เจ้าสิ ”
“พี่ใหญ่ ท่านเล่นลูกไม้กบั ข้าใช่ม้ ยั ?”
“ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว!” เหมียวอี้ปัดมือที่นางชี้เข้ามา แล้วหันตัวไปบอกเทพธิดาหงเฉิ น “หาห้องเงียบ ๆ
สักห้อง เราไปคุยกันเป็ นการส่ วนตัวสักหน่อย”
เทพธิดาหงเฉินอึ้งไปชัว่ ขณะ จากนั้นก็พยักหน้าทันที ดึงกระโปรงเดินนําไปข้างหน้า เหมียวอี้เดินตาม
ไปทันที
เยว่เหยาเดินตามอยูห่ ลังสุ ด “พี่ใหญ่ ท่าจะทําอะไร?”
“ศิษย์พี่เจ้าสวยขนาดนี้ ข้าก็ตอ้ งไปคุยเกี้ยวพาราสี ศิษย์พี่เจ้าสักหน่อยสิ !” เหมียวอี้พดู หยอก
หงเฉินเอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ ใจ แล้วพาเหมียวอี้ไปยังห้องสมาธิฝึกตนที่ใช้เป็ นประจํา
พอปิ ดประตูหิน เยว่เหยาที่ถูกกั้นให้อยูข่ า้ งนอกก็กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด
หลังจากในห้องสมาธิเหลือแค่พวกเขาสองคน หงเฉิ นก็กล่าวพร้อมรอยยิม้ บาง ๆ “เรื่ องอะไร ทําไม
ต้องคุยกันส่ วนตัว?”
“ข้าประสบปัญหาแล้ว เจ้าจะช่วยข้าสักหน่อยได้ม้ ยั ?” เหมียวอี้กลับถ่ายทอดเสี ยง…
พอประตูหินเปิ ดออก ตอนที่ท้ งั สองเดินออกมาอีกครั้ง แววตาของหงเฉิ นก็จริ งจังเคร่ งขรึ มขึ้นหลาย
ส่ วน เยว่เหยาเข้ามากอดแขนนางทันที อยากรู ้อยากเห็นแทบแย่แล้ว “ศิษย์พี่หญิง พวกท่านคุยอะไรกัน
เหรอ?”
“พี่ชายเจ้าชอบข้า!” หงเฉินยิม้
เยว่เหยาไม่เชื่อ จึงมองไปทางเหมียวอี้ “จริ งหรื อเปล่า?”
“ศิษย์พี่เจ้าปฏิเสธข้า!” เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน
เยว่เหยาพูดค่อนขอด “โกหก!” จากนั้นก็ถามอีกว่า “จริ งหรื อโกหกคะ?”
หลังจากนั้นครึ่ งชัว่ ยาม เทพธิดาหงเฉินก็ปรากฏตัวอยูใ่ นป่ าลึกนอกแดนโพ้นสวรรค์ บังเอิญเจอกับ
พวกอวิน๋ เป้ าและพวกทะเลดาวนักษัตรที่กาํ ลังรอเหมียวอี้พอดี
ถึงแม้ทุกคนจะรอเหมียวอี้ แต่กลับรู ้จกั แยกแยะชัดเจน ต่างคนต่างยืนคนละฝั่ง ความสัมพันธ์ของสอง
ฝ่ ายไม่ได้ดีสกั เท่าไร
“พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่?” หงเฉินตะคอก
อวิน๋ เป้ าหัวเราะร่ า ไม่ตอบคําถามนาง แต่หนั ซ้ายหันขวาแล้วพูดหยอกล้อ “อย่าว่าไปเชียว เวลามู่ฝานจ
วินรับลูกศิษย์ แต่ละคนนี่เป็ นยอดหญิงงามในโลกมนุษย์ เห็นแล้วนํ้าลายไหล”
บรรดาท่านทูตของแดนมารหัวเราะลัน่ ฝ่ ายทะเลดาวนักษัตรก็มีคนขําเบา ๆ เช่นกัน สายตาจ้องอยูบ่ น
ตัวหงเฉิ นอย่างกําเริ บเสิ บสาน
หงเฉิ นขมวดคิ้วเดินมาอยูต่ รงหลางระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม แล้วเตือนว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่อยูข่ องพวกเจ้า
รี บออกไปซะ ถ้ายัว่ ให้อาจารย์โมโห พวกเจ้าได้รับบทเรี ยนกลับไปแน่”
เหมือนจะไม่อยากคลุกคลีอยูก่ บั คนสกปรกพวกนี้นาน พอเตือนเสร็ จก็หนั หน้าเดินออกไปเลย ทําให้
ผูช้ ายกลุ่มนี้แอบหัวเราะ
หลังจากรออยูค่ รู่ หนึ่ง ฝูงชิงที่อยูฝ่ ่ ายทะเลดาวนักษัตรกลับอาศัยต้นไม้ใหญ่พรางตัว แอบลงจากเขาฝั่ง
นี้อย่างเงียบ ๆ หนีออกมาอย่างไร้สุม้ เสี ยงไม่นานก็มาถึงหุบเขาอีกแห่ง จากนั้นเหลียวซ้ายแลขวามอง
ไปรอบ ๆ
ที่ดา้ นหลังภูเขาหิ นลูกหนึ่ง เงาร่ างของเทพธิดาหงเฉินวนออกมา นางไม่ได้พดู อะไรทั้งนั้น เพียงโบก
มือนําแผนหยกแผ่นหนึ่งขว้างออกมา
ฝูชิงรับมาไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่หลังจากอ่านเนื้อหาในนั้นแล้ว ก็ทาํ ท่าครุ่ นคิด…
เหมียวอี้มาที่แดนโพ้นสวรรค์เป็ นครั้งแรก ย่อมบอกเยว่เหยาว่าอยากจะออกไปเดินเล่นดูสกั หน่อย
ด้วยฐานะของเยว่เหยาไม่สะดวกจะไปเดินเล่นเป็ นเพื่อน แต่ถา้ ไม่ไปด้วยก็กลัวว่าเหมียวอี้จะบุกไปยัง
สถานที่ที่ไม่ควรล่วงลํ้า จึงให้หลันรั่วหญิงรับใช้ของตัวเองไปเป็ นเพื่อน
ไม่ตอ้ งพูดถึงทิวทัศน์อนั งดงามของแดนโพ้นสวรรค์เลย เป็ นสวรรค์บนโลกมนุษย์อย่างแท้จริ ง พื้นที่
ของหนึ่งภูเขาซ่อนธรรมชาติเอาไว้สี่ฤดู มีน้ าํ ตกลําธารใส ภูเขาสู งปกคลุมไปด้วยหิ มะ ในหุบเขา
ละลานตาไปด้วยมวลหมู่ดอกไม้ เหล่าวิหคร้องขับขาน ศาลาที่อยูโ่ ดยรอบปรากฏให้เห็นราง ๆ
“ช่างเป็ นสถานที่ที่งดงาม!” เหมียวอี้กล่าวชมมาตลอดทาง พอเดินมาถึงริ มหน้าผาของซอกเขาแห่ง
หนึ่ง เขาทอดสายตามองด้วยสี หน้าผ่อนคลาย
ข้างกายมีตน้ สนเขียวชอุ่มหลายต้น พุม่ ใบของมันกําลังปะทะลมสู ห้ มอก ด้านล่างของหน้าผามี
กระแสนํ้าไหลเชี่ยวกราก ล้วนเป็ นนํ้าที่ละลายจากหิ มะบนภูเขา มีไอหมอกกระเพื่อมขึ้นมา
หลันรั่วกําลังแนะนําสถานที่ เหมียวอี้เพิ่งจะยืน่ หน้ามองลงไปด้านล่างหน้าผา แต่จู่ ๆ ก็มีเงาสี ดาํ พุง่
พรวดขึ้นมาจากด้านล่าง สับฝ่ ามือไปที่เหมียวอี้อย่างบ้าคลัง่
หลันรั่วกับเหมียวอี้ตกใจมาก รี บหนีอย่างรวดเร็ ว แต่ผทู ้ ี่มาเคลื่อนไหวเร็ วเกินไป ทั้งยังพุง่ เป้ าไปที่
เหมียวอี้ เหมียวอี้หนีไม่ทนั โบกมือโจมตีกลับภายใต้ความตื่นตะหนก
บึ้ม! เกิดเสี ยงดังสะเทือน หน้าผาพังทลาย “อั้ก” เหมียวอี้กระอักเลือกสดออกมาคําหนึ่ง โดนฝ่ ามือสับ
จนตกลงไปพร้อมกับหน้าผาถล่ม คนชุดดําที่ปิดบังใบหน้ากระโดดตามลงไป
ตอนที่ 917

สละดาบเพือ่ ปกป้ องคน

ต้นสนและก้อนหิ นถล่มลงมาเสี ยงดังโครม ทั้งคนทั้งหิ นตกลงสู่ ลาํ ธารที่ไหลเชี่ยวกรากใต้หน้าผา บึ้ม!


ละอองนํ้าที่ระเบิดพุง่ ขึ้นฟ้ าเป็ นเครื่ องพิสูจน์ศึกเดือดที่อยูใ่ ต้กระแสนํ้าอันเชี่ยวกราก
ใต้เสานํ้ามีแสงสี ฟ้าลอยวนเวียน ไม่รู้วา่ คืออะไร ดูน่าตกใจกลัวมาก แต่เสี ยงความเคลื่อนไหวดุเดือดก็
เงียบสงบลงเร็ วมาก
หลันรั่วที่เหาะขึ้นฟ้ าตกใจไม่เบา มองไม่ชดั ว่าสถานการณ์ขา้ งล่างเป็ นอย่างไร จึงร่ ายอิทธิฤทธิ์ตะโกน
“ข้าศึกโจมตี ช่วยด้วย!”
ที่จริ งนางไม่ตอ้ งร้องขอความช่วยเหลือเลย ความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ คนของแดนโพ้นสวรรค์
ไม่ได้หูหนวก เงาคนเหาะแฉลบมาคนแล้วคนเล่า เรี ยกได้วา่ ใครที่มาได้กม็ าหมด สะเทือนไปถึง
ปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินเช่นกัน ถึงกับต้องมาดูดว้ ยตัวเอง
“เกิดเรื่ องอะไรขึ้น?” ฮูเหยียนไท่เป่ าจ้องหลันรั่วที่อยูใ่ นอาการหวาดกลัวพลางตะคอกถาม
เยว่เหยาที่มาถึงช้ากว่าคนอื่น พอเห็นแค่หลันรั่วแต่ไม่เห็นเหมียวอี้ นางก็ยงิ่ ตกใจ รี บถามว่า “หลันรั่ว
เป็ นอะไรไป?”
หลันรั่วชี้ไปใต้หน้าผาที่ถล่ม “มีคนปิ ดบังใบหน้าลอบโจมตีประมุขปราสาทเหมียว!”
พอพูดจบก็ไม่จาํ เป็ นต้องบอกอะไร ฮูเหยียนไท่เป่ า อันหรู อวี้ จงเจิ้นรวมทั้งท่านทูตคนอื่น ๆ ก็
เคลื่อนไหวทันที กลุ่มนักพรตบงกชทองรี บค้นหาอย่างรวดเร็ ว
มู่ฝานจวินที่อยูบ่ นฟ้ าส่ งสายตาให้หงเฉิ น หงเฉินเข้าใจความหมาย จึงเข้ามาดึงเยว่เหยาที่อยูใ่ นอาการ
ร้อนรน เตือนนางว่าอย่าแสดงออกเกินไป ไม่อย่างนั้นทุกคนจะดูออกว่านางกับเหมียวอี้มี
ความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
“เหมียวอี้ล่ะ?” มู่ฝานจวินถามหลันรั่ว
หลันรั่วชี้ไปใต้หน้าผา “โดนคนที่ปิดบังใบหน้าโจมตีตกหน้าผาไปแล้ว เป็ นตายอย่างไรไม่ทราบเจ้า
ค่ะ”
เยว่เหยาแทบจะนํ้าตาไหลพราก ยังดีที่หงเฉินร่ ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมเอาไว้
ดวงตามู่ฝานจวินฉายแววเย็นเยียบ เอียงศีรษะไปทางถังจวิน ถังจวินเข้าใจที่นางจะสื่ อ ขณะกําลังจะ
เหาะลงไปหาที่ใต้หน้าผา ใครจะคิดว่าเงาร่ างที่สะบักสะบอมจะกระโดดออกมาจากใต้หน้าผาที่มีไอ
นํ้าขมุกขมัว ทั้งตัวเปี ยกโชก แกว่งแขนข้างหนึ่งขึ้นมาบนหน้าผา ส่ วนแขนอีกข้างถือดาบสี ม่วงยันพื้น
เพื่อประคองร่ างที่โซเซ จ้องมองกลุ่มคนบนฟ้ าด้วยสี หน้าดุร้าย นอกจากเหมียวอี้แล้วจะเป็ นใครไปได้
อีก!
“มีเรื่ องอะไรกันแน่?” มู่ฝานจวินถามตรง ๆ
เหมียวอี้ปากสัน่ ระริ ก อยากจะบอกแต่พดู ไม่ออก “อั้ก…” จู่ ๆ ก็อา้ ปากกระอักเลือดออกมาอีกคํา พยุง
ร่ างตัวเองไม่ไหวแล้ว ก้นกระทกลงพื้นและหงายหลัง นอนหายใจรวยริ นอยูอ่ ย่างนั้น
ทุกคนเหาะลงมาเหยียบพื้น ถังจวินก้าวเข้ามานัง่ คุกเข่าข้างเดียว หลังจากยืน่ มือเข้าไปร่ ายอิทธิฤทธิ์
ตรวจอาการของเหมียวอี้เสร็ จแล้ว ก็เงยหน้ารายงานว่า “ท่านอาจารย์ แขนหักหนึ่งข้าง กระดูกซี่ โครง
หักหมด บาดเจ็บสหัสมาก!”
ถ้าเยว่เหยาไม่ได้ถกู หงเฉินควบคุมไว้ ก็คงจะโผเข้าไปตั้งนานแล้ว
มู่ฝานจวินทําสี หน้าเคร่ งเครี ยด สัง่ เพียงว่า “ช่วยชีวติ !”
“ขอรับ!” ถังจวินนําสมุนไพรเซี ยนซิ งหัวออกมาทันที เป่ าหมอกประกายดาวหลายกลุ่มเพื่อรักษา
เยียวยา
หลังจากรออยูค่ รู่ หนึ่ง คนที่ตามหาจนทัว่ ทุกที่กก็ ลับมา ที่พากลับมาด้วยคือพวกอวิน๋ เป้ าและกลุ่ม
ปี ศาจทะเลดาวนักษัตร พวกเขาอยูแ่ ถวนี้พอดี จึงกลายเป็ นผูต้ อ้ งสงสัย แต่พอได้ยนิ ว่าเหมียวอี้โดนจู่
โจมจนได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็เป็ นฝ่ ายตามมาเองโดยไม่ตอ้ งบังคับ
“เจ้าห้า นี่มนั เรื่ องอะไรกัน?” ประมุขถิ่นสี่ ทิศรี บมาล้อมถาม
หลังจากหยียบลงพื้นและชําเลืองมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง อวิน๋ เป้ าก็เงยหน้ามองมู่ฝานจวิน “ใครเป็ นคน
ทํา?”
มู่ฝานจวินไม่แยแสเขาเลย แต่สีหน้าไม่ค่อยสู ด้ ีนกั ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนถ่อมาลอบโจมตีถึงที่นี่ แต่
อาจจะเลือกสถานที่ได้ดีเกินไปหน่อย บังเอิญว่าเป็ นที่นี่พอดี ได้ยนิ เสี ยงความเคลื่อนไหวและรู ้ตวั ว่า
เกิดอะไร แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคน ตกลงไปใต้หน้าผาเสี ยแล้ว
นางรู ้สึกว่าคนที่ลอบโจมตีคุน้ เคยกับแดนโพ้นสวรรค์มาก สายตากวาดมองกลุ่มคนทีละคน แต่กลับ
ไม่เจอเบาะแสอะไร
แม้แต่ฮูเหยียนไท่เป่ ากับพวกศิษย์พี่เองก็ยงั รู ้สึกว่าไม่ชอบมาพากล เหลียวซ้ายแลขวาอยูเ่ ป็ นระยะ
อันหรู อวี้กาํ ลังมองเหมียวอี้ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก บอกไม่ถูกว่ากําลังทําสี หน้ากังวลหรื อสี หน้าอะไร
โอวหยางกวงมองเหมียวอี้ที่บาดเจ็บสาหัสพลางขมวดคิว้ เขารู ้สึกจนใจมากกับเรื่ องบางเรื่ อง ก่อนหน้า
นี้อนั หรู อวี้บอกให้เขารู ้ถึงผลลัพธ์แล้ว เขาได้รู้วา่ ลูกสาวทั้งสองของตัวเองจะต้องแต่งงานกับเจ้าบ้านี่
ที่น่าหงุดหงิดใจก็คือแต่งไปเป็ นอนุภรรยา ลูกสาวทั้งคู่ของเขาต้องแต่งไปเป็ นอนุภรรยาของอีกฝ่ าย
เหรอ? บอกไม่ถูกเลยว่าในใจมีรสชาติเป็ นอย่างไร!
หลังจากนั้นประมาณครึ่ งชัว่ ยาม เหมียวอี้ที่อาการบาดเจ็บทุเลาลงก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา มู่ฝานจวินย่อม
ถามว่า “รู ้ม้ ยั ว่าใครทํา?”
เหมียวอี้ที่อยูใ่ นอาการอ่อนเพลียตอบอย่างเดือดดาลว่า “อีกฝ่ ายปิ ดหน้า ข้าน้อยมองไม่ชดั แต่อีกฝ่ าย
กลับใช้มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยง ข้าน้อยสงสัยว่าเฟิ งเป่ ยเฉินเป็ นคนทํา เขาแย่งกระเป๋ าสัตว์ของข้าไปแล้ว
ท่านจื่อหยางอยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ทุกคนก็ตใจมาก แม้แต่เทพธิดาหงเฉิ นก็ยงั มองมาแบบงง ๆ
ประมุขถิ่นสี่ ทิศสบตากันแวบหนึ่ง พวกเขาค่อนข้างพูดไม่ออก พบว่าเหมียวอี้กบั เฟิ งเป่ ยเฉิ นจงเวรกัน
ไม่จบไม่สิ้น ขอแค่มีโอกาสก็จะลากเฟิ งเป่ ยเฉินลงไปเจอความย่อยยับ
แต่เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา แม้แต่อวิน๋ เป้ าก็ยงั ไม่เชื่อ เป็ นญาติกนั ก็ส่วนเป็ นญาติกนั ผลประโยชน์กส็ ่ วน
ผลประโยชน์ ท่านจื่อหยางโดนคนแย่งไปแล้ว เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โดยด้วย จะไม่ทาํ เรื่ องนี้
ให้ชดั เจนไม่ได้ จึงถามด้วยสี หน้าสงสัยว่า “เหมียวอี้ เจ้ารู ้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ ายใช้มหาเคล็ดวิชาอู๋
เลี่ยง?”
เหมียวอี้หนั มาตอบว่า “หลานชายของเฟิ งเป่ ยเฉิ นตายด้วยนํ้ามือของข้า ข้าเคยประมือกับมหาเคล็ด
วิชาอู๋เลี่ยงมาแล้ว จะไม่รู้ได้อย่างไร!”
อวิน๋ เป้ าพูดกลั้วหัวเราะว่า “พูดได้ดีนี่ หลานชายเขาตายด้วยนํ้ามือเจ้า ถ้าเฟิ งเป่ ยเฉิ นลงมือล่ะก็ ทั้ง
ความแค้นเก่าทั้งความแค้นใหม่รวมกัน เขาคิดว่าเฟิ งเป่ ยเฉินจะปล่อยเจ้าได้เหรอ? ได้ยนิ ว่าเมื่อครู่ น้ ีมี
คนลอบจู่โจมเจ้า ไม่รู้วา่ ตอนโดนลอบจู่โจม ข้างกายเจ้ามียอดฝี มือปกป้ องรึ เปล่า?”
“อวิน๋ เป้ า ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เหมียวอี้ถามอย่างโมโห
อวิน๋ เป้ าตอบกลั้วหัวเราะอีก “อย่าใจร้อนไป ข้าแค่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอย่างยิง่ ” เขากวาด
สายตามองกลุ่มคนของแดนโพ้นสวรรค์ “คงไม่ได้จงใจช่วยกันเล่นละครตบตาหรอกใช่ม้ ยั ?”
“เจ้าลูกมาร ถ้าพูดเหลวไหลไร้สาระอีก เชื่อมั้ยว่าข้าจะฉีกปากเหม็น ๆ ของเจ้า?” มู่ฝานจวินอ่ยปากพูด
แล้ว
อวิน๋ เป้ าหัวเราะแล้วหุบปาก ถึงอย่างไรก็ได้แสดงความคิดเห็นไปแล้ว ไม่จาํ เป็ นต้องหาเรื่ องใส่ ตวั
เช่นเดียวกัน มู่ฝานจวินก็เคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน “ถึงแม้เจ้าลูกมารจะพ่นแต่อุจจาระออกจากปาก
แต่กใ็ ช่วา่ คําพูดของเขาจะไม่มีเหตุผล เหมียวอี้ ถ้าเป็ นเฟิ งเป่ ยเฉิ นจริ ง เกรงว่าเขาคงจะฆ่าเจ้าทิ้งไปแล้ว
เจ้าคงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้หรอก”
เหมียวอี้เขย่าดาบยาวสี ม่วงที่อยูใ่ นมือ ทําให้เกิดแสงสี ฟ้าเปล่งออกมา แสงสี ฟ้าสายหนึ่งพุง่ ขึ้นมา
หลายจั้ง เขากล่าวเสี ยงดังว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามีของวิเศษชิ้นนี้ปกป้ อง โจมตีจนอีกฝ่ ายทําอะไรไม่ถกู
ข้าก็คงตายไปแล้วจริ ง ๆ เป็ นเพราะคนที่ขา้ สูด้ ว้ ยวรยุทธ์สูงเกินไป!”
ทุกคนทําสี หน้าตกตะลึงมาก พวกเขาเคยสัมผัสมาก่อน คนที่รู้วา่ มันคืออะไรพากันอุทานเสี ยงหลงว่า
“เรื อมังกรอเวจี!”
แม้แต่มู่ฝานจวินก็เบิกตาโพลงเช่นกัน
ส่ วนคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พอได้ยนิ เสี ยงร้องอุทานก็พากันทําสี หน้างุนงง อะไรกัน? ดาบนี้คือเรื อ
มังกรอเวจีในตํานานเหรอ? แต่หน้าตาแตกต่างกับที่ร่ าํ ลือกันมากเกินไปหน่อย
ประมุขถิ่นสี่ ทิศมองหน้ากันเลิกลัก่ พวกเขาคุน้ เคยกับของเล่นชิ้นนี้ดี เพราะไปปล้นที่เกาะศักดิ์สิทธิ์มา
ด้วยกัน
“เหมียวอี้ เจ้าเอาของชิ้นนี้มาจากไหน?” อวิน๋ เป้ าตาลุกวาว
แสงสี ฟ้าพลันหดเก็บเข้าในตัวดาบ เหมียวอี้ถือดาบไว้ในแนวนอน หันตัวมาเลิกคิ้วถามว่า “ท่านไม่
สนใจหรอกว่าข้าจะเอามาจากไหน อยากจะลิ้มลองอานุภาพของดาบนี้สกั หน่อยมั้ยล่ะ?”
สําหรับอานุภาพของดาบด้ามนี้ ในบรรดาคนที่อยูใ่ นเหตุการณ์ สงเวยประมุขถิ่นทิศตะวันออกคงจะ
รู ้สึกสะเทือนอารมณ์ที่สุด ทุกวันนี้ในใจยังหวาดกลัวไม่หาย
“…” อวิน๋ เป้ าหัวเราะแห้ง ๆ ทันที แล้วยืน่ มือเข้าไปโดยตรง “เหมียวอี้เอ๊ย! ดาบนี้หน้าตาดีใช้ได้ ส่ งมา
ให้อาแปดดูสกั หน่อยสิ ”
“มาแย่งของถึงแดนโพ้นสวรรค์ของข้าเลยเหรอ เบื่อหน่ายที่จะมีชีวติ อยูต่ ่อไปแล้วใช่ม้ ยั ?” มู่ฝานจวิน
พูดห้ามอย่างเด็ดขาด “ไสหัวออกจากแดนโพ้นสวรรค์ไปเดี๋ยวนี้!”
มือที่ยนื่ ออกไปชะงักทันที อวิน๋ เป้ าไม่มีทางเลือก มู่ฝานจวินกําลังจะระเบิดอารมณ์แล้ว ทําได้เพียงหนี
ไปอย่างหน้าม่อยคอตก แต่อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองดาบในมือเหมียวอี้ดว้ ยแววตาตะกละ
พอเหมียวอี้แอบส่งสายตาให้ ประมุขถิ่นสี่ ทิศก็ถอยออกไปเงียบ ๆ เช่นกัน
“เหมียวอี้มานี่หน่อย!” มู่ฝานจวินหันมาพูดทิ้งท้าย แล้วถลันตัวกลับเข้าไปในตําหนักเก้าชั้นฟ้ า
ฮูเหยียนไท่เป่ ามองเหมียวอี้ที่เดินตามเข้าไปแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมาสัง่ พวกลูกน้องให้คน้ หาที่แดน
โพ้นสวรรค์ต่อไป
ในตําหนักเก้าชั้นฟ้ า มู่ฝานจวินไม่ได้กลับขึ้นนัง่ ในบัลลังก์ แต่ยนื อยูใ่ นโถง ขณะที่มองดูเหมียวอี้เดิน
เข้ามาคํานับ นางก็ไม่เปลืองคําพูดอะไรแล้ว ยืน่ มือขอตรง ๆ เลยว่า “นําดาบมาให้ขา้ ดูหน่อย!”
เหมียวอี้ทาํ ได้เพียงนําดาบออกมา แล้วใช้สองมือยืน่ ให้ มู่ฝานจวินขยุม้ นิ้วทั้งห้าดูดมาไว้ในมือ
หลังจากดูไปครู่ เดียว นางก็กาํ จัดต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ของเหมียวอี้ที่อยูใ่ นนั้นทิ้งไป แล้วใส่ ของ
ตัวเองเข้าไปแทน พอร่ ายอิทธิฤทธิ์กระตุน้ เล็กน้อย ก็เห็นแสงสี ฟ้าลอยขึ้นมา พอพลิกดาบในมือสอง
สามที แสงสี ฟ้าก็ถูกลากดึงออกมา
“ช่างเป็ นของลํ้าค่าจริ ง ๆ !” มู่ฝานจวินถือเล่นในมือสองสามครั้งพลางกล่าวชม จากนั้นเงยหน้าขึ้น
ถามว่า “เจ้านําสมบัติชิ้นนี้มาจากไหน?”
“เป็ นของที่เทพพยากรณ์ตีได้มาจากเรื อมังกรอเวจีในครั้งนั้นเช่นกัน นอกจากยาแก่นเซี ยนพวกนั้นแล้ว
เขายังให้สมบัติชิ้นนี้กบั ข้าด้วย” เหมียวอี้ตอบ
“ข้าก็คิดอย่างนั้น ของประเภทนี้ขา้ เคยเห็นแค่ที่เรื อมังกรอเวจีเท่านั้น ถึงแม้จะเป็ นของวิเศษขั้นสี่ แต่
คุณสมบัติไม่ธรรมดา เป็ นสิ่ งที่หาไม่ได้ในพิภพเล็ก” มู่ฝานจวินพยักหน้า โปรดปรานดาบที่อยูใ่ นมือ
จนวางไม่ลง นางลูบบนตัวดาบพร้อมกล่าวว่า “เหมียวอี้ ของแบบนี้ถา้ ตกอยูใ่ นมือเจ้า เกรงว่าจะนํา
หายนะมาให้เจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร?” นางเหล่ตาจ้องมองมา
ความหมายแฝงในคําพูดนี้ชดั เจนมาก คือให้เหมียวอี้รู้จกั อ่านสถานการณ์เป็ นและมอบให้นาง แต่
เหมียวอี้กลับแกล้งโง่ ไม่พดู อะไรตอบ
มู่ฝานจวินเองก็ไม่เกรงใจ เมื่อเห็นเขาตัดใจทิ้งไม่ลง ก็พดู ตรง ๆ เสี ยเลยว่า “ข้าว่าเก็บดาบนี้ไว้ที่ขา้
เถอะ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เหมียวอี้แอบถอนหายใจ แบบนี้ต่างอะไรกับการปล้น เขารู ้อยูแ่ ล้วว่าถ้านําดาบเล่มนี้ออกมาแล้วจะ
รักษาไว้ไม่ได้ แต่กไ็ ม่มีทางเลือก ถ้าอยากจะช่วยชีวติ เยารั่วเซี ยนก็ตอ้ งเสี ยสละดาบเล่มนี้ แต่ทุกคนไม่
เชื่อว่าเยารั่วเซียนถูกคนชิงตัวไปแล้ว มีแค่การจ่ายค่าตอบแทนให้มากพอ ถึงจะทําให้คนเชื่อจริ ง ๆ ว่า
เขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่ องนี้
เขาโดนกดดันจนหมดทางเลือกแล้วจริ ง ๆ จะรักษาชีวติ ของเยารั่วเซี ยน หรื อจะรักษาดาบเล่มนี้ไว้
ขณะที่ตดั ใจทิ้งไม่ลง สุ ดท้ายเข้าก็เลือกรักษาชีวติ ของเยารั่วเซี ยนไว้
แต่ของแบบนี้จะให้ไปง่าย ๆ ก็ไม่ได้ ถ้าใจกว้างเกินไปจะทําให้คนสงสัย ดังนั้นเหมียวอี้จึงก้มหน้าพูด
เสี ยงตํ่าว่า “ในเมื่อท่านปราชญ์โปรดปราน ข้าน้อยก็ยนิ ดีมอบให้ เพียงแต่อาการบาดเจ็บบนตัวข้าน้อย
ยังไม่หายดี อยากจะขอสมุนไพรเซียนซิงหัวสักสองต้นขอรับ…”
มู่ฝานจวินไม่พดู พรํ่าทําเพลง สะบัดมือปล่อยสมุนไพรเซี ยนซิงหัวที่มีอายุกาํ ลังได้ที่ให้ลอยเข้ามา สอง
ต้น
เหมียวอี้รับมาไว้ในมือแล้วกล่าวขอบคุณ ในที่สุดในใจของเขาก็สงบลงบ้างแล้ว
ถึงแม้สมุนไพรเซียนซิ งหัวจะมีค่ามากในพิภพเล็ก แต่ในพิภพใหญ่น้ นั มีค่ามากกว่า ไม่ใช่เพราะใน
พิภพใหญ่มีสมุนไพรเซี ยนซิ งหัวอยูน่ อ้ ย แต่เป็ นเพราะโดนตําหนักสวรรค์กบั แดนสุ ขาวดีผกู ขาด ต่อ
ให้มีคนได้มาก็ไม่อาจนํามาจําหน่ายได้ ยามหน้าสิ่ วหน้าขวานสามารถหยิบออกมาช่วยชีวติ ได้ ถ้าไม่
โดนกดดันจนหมดทางเลือก ก็ไม่มีใครทําออกมาขาย
เหมียวอี้มีปัจจัยที่จะนําไปขายต่อที่พิภพใหญ่ แต่คนที่ตอ้ งเสี่ ยงอันตรายบ่อย ๆ แบบเขามีแต่จะรู ้สึกว่า
มันน้อยไป จะนําไปขายได้อย่างไร มิหนําซํ้าของสิ่ งนี้กห็ าไม่ได้ง่าย ๆ ที่พิภพเล็ก สมาคมร้านค้าแต่ละ
แดนนั้นมีขาย แต่กข็ ายจํากัดให้แค่คนบางระดับของทางการเท่านั้น นับว่าเป็ นสวัสดิการให้กบั คนที่
ทํางานให้หกปราชญ์ ทั้งยังมีนโยบายซื้ อในจํานวนจํากัดด้วย
เช่นเดียวกัน ถ้านําสิ่ งนี้ไปขายที่พิภพใหญ่กจ็ ะสะดุดตาเกินไป ไม่จาํ เป็ นต้องหาเรื่ องแบบนี้ใส่ ตวั
ตอนที่ 918

หกปราชญ์

ไม่วา่ จะเต็มใจหรื อไม่เต็มใจ ก่อนที่เหมียวอี้จะออกไป มู่ฝานจวินก็พดู เสริ มอีกว่า “ข้าไม่ตกั ตวง


ผลประโยชน์จากเจ้าเฉย ๆ เหรอ หลังจากส่ งส่ วยปี นี้ขา้ มีเรื่ องตื่นเต้นประหลาดใจจะบอกเจ้า ตอนส่ ง
ส่ วยอย่าลืมพาอวิน๋ จือชิวมาด้วย”
เหมียวอี้งงทันที ตอนที่เดินออกจากตําหนักเก้าชั้นฟ้ าก็ยงั ครุ่ นคิด นางป้ าคนนี้คิดจะทําอะไร? มีเรื่ อง
ตื่นเต้นประหลาดใจจะบอกข้า? เรื่ องตื่นเต้นประหลาดใจอะไร?
เมื่อออกจากตําหนักเก้าชั้นฟ้ า ก็บงั เอิญเจอกับคนที่ไม่อยากเจอ อันหรู อวี้เหมือนกําลังรอเขาอยูด่ า้ น
นอก หลังจากเดินเข้ามาใกล้กถ็ ามอย่างไม่เป็ นธรรมชาติวา่ “อาการบาดเจ็บเจ้าไม่เป็ นไรมากใช่ม้ ยั ?”
แมวรํ่าไห้แก่หนู แสร้งทําเมตาสงสาร! เหมียวอี้พดู ดูถกู ในใจ แล้วกุมหมัดคารวะ “ขอบคุณที่คุณชาย
รองสนใจ!” ในคําพูดซ่อนอารมณ์ถากถาง
อันหรู อวี้หมัน่ ไส้จนคันฟันทันที ไม่รู้วา่ อาจารย์บอกเรื่ องนั้นกับเจ้าบ้านี่หรื อยัง ถ้าบอกแล้วแต่ยงั กล้า
พูดกับนางแบบนี้ ก็ถือว่าทําเกินไปแล้ว
แต่ตอนนี้นางก็โกรธไม่ลง จากนั้นก็ดีดแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งใส่ เขา แล้วหันตัวลอยละลิ่วออกไป
เหมียวอี้มองของที่อยูใ่ นแหวนเก็บสมบัติ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นสมุนไพรเซี ยนซิ งหัวหนึ่งต้น เขางุนงง
นิดหน่อย นี่นางให้เขามารักษาตัวเองเหรอ?
คิดว่าใช้สมุนไพรเซียนซิงหัวต้นเดียวก็จะจบเรื่ องได้แล้วเหรอ? รอข้าก่อนเถอะ ถ้ามีโอกาสก็คอยดู
เถอะว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร! เหมียวอี้ยมิ้ เย้ยในใจ แต่เขาไม่กลัวว่าจะมีของสิ่ งนี้เยอะเกินไป ถ้าไม่
รับไว้กเ็ สี ยของ จึงเก็บไว้เสี ยเลย
ในตําหนักเก้าชั้นฟ้ า มู่ฝานจวินกําลังเล่นดาบยาวสี ม่วง อารมณ์ดีใช้ได้เลย
ที่พิภพเล็ก ของวิเศษระดับสู งสุ ดก็คือของวิเศษขั้นสี่ คนที่วรยุทธ์สูงถึงระดับอย่างพวกเขา ของวิเศษ
ขั้นสี่ ทวั่ ไปแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาเลย หกปราชญ์ไม่สามารถหาของวิเศษที่เหมาะมือ
เจอได้อีกแล้ว ส่ วนใหญ่สูก้ นั โดยใช้มือเปล่า ถึงแม้ดาบยาวเล่มนี้จะเป็ นของวิเศษขั้นสี่ เห็นได้ชดั ว่า
ไม่ใช่ของวิเศษขั้นสี่ ทวั่ ไป ไม่วา่ จะเป็ นวัสดุที่ใช้ทาํ หรื อจะเป็ นแสงสี ฟ้าที่อยูบ่ นตัวดาบ เมื่อมีของ
วิเศษชิ้นนี้กเ็ หมือนกับเสื อติดปี ก ไม่อย่างนั้นปราชญ์เซี ยนผูส้ ง่าผ่าเผยอย่างนางคงไม่ถึงขั้นใช้อาํ นาจ
แย่งของวิเศษของลูกน้องตัวเองหรอก
“อวิน๋ อ้าวเทียน คอยดูเถอะว่าข้าจะทําลายความโอหังอวดดีของเจ้าอย่างไร…” มู่ฝานจวินลูบดาบสี
ม่วงพลางพึมพํา
ท่ามกลางภูเขาที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง ชายชุดดําที่ปิดบังใบหน้าโผล่ออกมา
จากป่ าภูเขา หลังจากมองสํารวจรอบ ๆ แล้ว ก็คว้ากระเป๋ าสัตว์ออกมาใบหนึ่ง แล้วเรี ยกคนออกมา
โดยตรง
เยารั่วเซียนที่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งส่ ายหน้า พอเงยหน้าเห็นชายปิ ดบังใบหน้าก็ตะลึงงัน ถาม
อย่างตกใจนิดหน่อยว่า “เจ้าเป็ นใคร?”
ชายที่ปิดบังใบหน้าตอบด้วยเสี ยงแหบพร่ า “ข้าเป็ นใครก็ไม่สาํ คัญหรอก ที่สาํ คัญคือเจ้าต้องรี บออก
จากที่นี่ เหมียวอี้ฝากให้ขา้ มาบอกเจ้า ว่าให้ไปซ่อนตัวที่อ่ตู ่อเรื อ บอกว่าเจ้ารู ้วา่ อยูท่ ี่ไหน ระหว่างทาง
อย่าลืมปิ ดบังใบหน้าที่แท้จริ ง ถึงตอนนั้นเขาจะไปหาเจ้าที่อ่ตู ่อเรื อ” พูดจบก็หนั ตัวเดินจากไป
“เหมียวอี้อยูท่ ี่ไหน?”เยารั่วเซียนตะโกนถาม
“หุบปาก!” ชายที่ปิดบังใบหน้าพลันหันตัวมา “ตรงนี้ห่างจากแดนโพ้นสวรรค์ไม่ไกล ตะโกนดังขนาด
นี้อยากจะรนหาที่ตายรึ ไง? เพื่อที่จะช่วยเหลือเจ้าในครั้งนี้ เหมียวอี้แทบเอาชีวติ ไม่รอดครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าเจ้าไปรนหาที่ตายถึงที่อีก ก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว รี บไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” พูดจบก็แวบหายไป
เยารั่วเซี ยนยืนเงียบอยูท่ ี่เดิมนานมาก สุ ดท้ายก็เดินออกไปอย่างโดดเดี่ยว
หลังจากเขาไปแล้ว ชายที่ปิดหน้าก็ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่อีกครั้ง มองไปยังทิศทางที่เยารั่วเซี ยน
หายไป แล้วก็ถอดหน้ากากของตัวเองออกมา เผยใบหน้าของฝูชิงประมุขถิ่นทิศตะวันตก
“เพื่อที่จะช่วยสหาย เจ้าเด็กนัน่ ยอมเสี่ ยงอันตรายโดยไม่พดู อะไรสักคํา…” ฝูชิงทอดถอนใจเบา ๆ
จากนั้นก็รีบถอดชุดคลุมสี ดาํ และหายตัวไปในป่ าภูเขาอย่างรวดเร็ ว…
“พี่ใหญ่ ท่านไม่เป็ นอะไรใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้เพิ่งกลับมาถึงที่พกั ของเยว่เหยา เยว่เหยาก็ดึงตัวเขามาสอบถามทันที
“ไม่เป็ นอะไร! ไม่เป็ นไร บาดเจ็บนิดหน่อย ไม่นานก็ฟ้ื นตัวแล้ว” เหมียวอี้ตอบอย่างร่ าเริ ง
“เจ้าตามข้ามาหน่อย!” เทพธิดาหงเฉินเดินออกมาจากด้านข้าง สี หน้าไม่คอ่ ยดีเท่าไร พูดทิ้งท้ายแล้ว
หันตัวเดินลากกระโปรงนําไปทันที
เหมียวอี้ยมิ้ รับ แล้วเดินตามไปทันที
เยว่เหยารี บก้าวเข้ามา แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ศิษย์พี่หญิง พวกท่านสองคนทําลับ ๆ ล่อ ๆ อะไร
กัน? คงไม่ได้แอบคบกันจริ ง ๆ หรอกใช่ม้ ยั ?”
ยังคงเป็ นห้องสมาธิหอ้ งนั้น เทพธิดาหงเฉินปล่อยให้เหมียวอี้เข้าไป แต่กลับขวางเยว่เหยาเอาไว้ ประตู
หิ นที่ปิดสนิทกันเยว่เหยาไว้ดา้ นนอก ทําให้นางกระทืบเท้าโวยวายอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง
ขณะที่มองเทพธิดาหงเฉินผูง้ ดงามดุจพระจันทร์ประชิดเข้ามาพร้อมแววตาเย็นเยียบ เหมียวอี้กย็ มิ้ บาง
ๆ พลางถามว่า “เทพธิดา เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้ คงไม่ได้ชอบข้าจริ ง ๆ หรอกใช่ม้ ยั ?”
“อย่ามาแกล้งโง่หน่อยเลย เจ้ารู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ!” หงเฉิ นกล่าว
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?” เหมียวอี้ถาม
หงเฉินกล่าวพร้อมแววตาที่แฝงความดุร้าย “เจ้าอย่ามาหลอกข้าเหมือนคนโง่! เจ้าไม่ได้บอกว่าเรื่ องนี้
เกี่ยวข้องกับท่านจื่อหยาง!”
“แล้วเกี่ยวอะไรกันล่ะ! เชื่อใจข้าเถอะ ข้าไม่ได้มีเจตนาชัว่ ร้ายแน่นอน ที่ขา้ ทําแบบนี้กเ็ พราะหวังดีเยว่
เหยาจริ ง ๆ ถ้าเกิดเรื่ องอะไรขึ้นมา เยว่เหยาก็คงไม่ได้อยูอ่ ย่างเป็ นสุ ขเหมือนกัน” เหมียวอี้กล่าว
หงเฉินเถียงกลับว่า “เหลวไหลทั้งนั้น! ท่านจื่อหยางกับเยว่เหยาเกี่ยวอะไรกัน? เหมียวอี้ เจ้าทําแบบนี้
เพราะมีเจตนาอะไรกันแน่ ถ้าท่านจื่อหยางตกอยูใ่ นมือปราชญ์อีกห้าคน ก็ไม่ใช่เรื่ องดีกบั แดนโพ้น
สวรรค์แน่นอน ข้าจําที่เจ้าถามเยว่เหยาก่อนหน้านี้ได้ ว่าถ้าเจ้ากับอาจารย์มีเรื่ องขัดแย้งกัน เยว่เหยาจะ
ยืนอยูฝ่ ่ ายใคร พอมาคิดดูตอนนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้ามีเจตนาน่าอับอายอะไรจริ ง ๆ ?”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” เหมียวอี้กล่าว
“ถ้าวันนี้เจ้าไม่พดู ความจริ ง ข้าจะไปขอให้อาจารย์ลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปบอกความจริ ง!” หงเฉิ น
บทจะไปก็ไปเลย หันตัวเตรี ยมจะไปทันที
เหมียวอี้คว้าแขนนางเอาไว้ แล้วดึงนางกลับมา “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! เจ้าไม่ตอ้ งมายุง่ เรื่ องนี้หรอก บอก
ไปแล้วจะเกิดผลดีอะไรกับเจ้าเหรอ?”
“เจ้าทําแบบนี้ข่ขู า้ ไม่ได้หรอก!” หงเฉินมองแขนของตัวเองที่โดนเขาดึงไว้ แล้วดิ้นรนพร้อมสัง่ ว่า
“ปล่อยข้า!”
เหมียวอี้จบั ไว้ไม่ปล่อย “หงเฉิน เจ้าฟังข้านะ ต่อให้ขา้ จะทําร้ายใคร แต่กไ็ ม่ทาํ ร้ายเยว่เหยาหรอก ข้าจะ
บอกความจริ งกับเจ้าก็ได้ ท่านจื่อหยางเป็ นสหายของข้า เจ้าน่าจะเข้าใจนะ ว่าถ้าจื่อหยางตกอยูใ่ นมือ
หกปราชญ์ ก็จะต้องตายสถานเดียว ข้ามองดูเขาตายไปเฉย ๆ ไม่ได้หรอก ข้ารับประกันกับเจ้าเลย ว่า
ต่อไปนี้ท่านจื่อหยางจะปิ ดบังชื่อแซ่ที่แท้จริ ง จะไม่เข้าไปยุง่ กับบุญคุณความแค้นในพิภพเล็กอีก…
แล้วอีกอย่าง ถ้าอาจารย์เจ้าทําโทษข้า คนที่ทุกข์ใจที่สุดก็ยงั เป็ นเยว่เหยาอยูด่ ี”
“คนอย่างเจ้าน่ะทําอะไรไม่สนวิธีการอยูแ่ ล้ว เจ้าหลอกข้าไปแล้วรอบหนึ่ง ยังจะให้ขา้ เชื่อเจ้าอีกได้
ยังไง?” หงเฉินกล่าวอย่างแค้นใจ
“ไม่สนวิธีการเหรอ?” เหมียวอี้ถามเหน็บแนม แล้วกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ที่ก่อนหน้านี้ขา้ บอกให้เยว่
เหยาไปกับข้า ก็เพราะอะไรล่ะ? ขอเพียงเยว่เหยาตอบตกลงว่าจะไปกับข้า ข้าก็สามารถพาท่านจื่อห
ยางหนีไปได้โดยตรง เจ้าเองก็รู้เรื่ องความสัมนพันธ์ระหว่างข้ากับแดนมาร ข้าไปขอพึ่งพาที่แดนมาร
ได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่ใช่เพื่อเยว่เหยา เจ้าคิดว่าข้าจะทําไปทําไมล่ะ คิดว่าข้ากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทํา ก็เลย
เล่นละครให้ตวั เองบาดเจ็บสาหัสงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าข้าเลือดไหลแล้วไม่ตอ้ งใช้เงินหรื อไง เจ้าคิดว่าข้า
เป็ นท่อนไม้ที่เจ็บไม่เป็ นเหรอ? ข้าทําได้ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการก็เพื่อใครล่ะ? ถ้าข้าอยูท่ ี่นี่กม็ ี
อันตรายถึงชีวติ ได้ทุกเมื่อ ถ้ามัวแต่เลือกวิธีการที่ถูกต้อง อาจารย์เจ้าจะปล่อยข้าไปเหรอ หรื อว่าเจ้ามี
ความสามารถมากพอที่จะช่วยข้า? ข้าแค่อยากจะมีชีวติ รอดต่อไปโดยไม่ทาํ ร้ายเยว่เหยา ข้าทําอะไร
ผิด?
หงเฉินสองจิตสองใจ แต่สุดท้ายก็เลิกกัดฟัน แล้วจ้องเขาพร้อมเตือนว่า “เหมียวอี้ เห็นแก่หน้าเยว่เหยา
ข้าจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง! ปล่อยข้า!”
“ข้าจะถือว่าเจ้ารับปากแล้ว!” เหมียวอี้คลายมือปล่อยนาง
หงเฉินเอามือลูบแขนตัวเองที่โดนบีบจนรู ้สึกเจ็บนิดหน่อย ขณะที่มองดูวรยุทธ์บงกชม่วงขั้นก้าของ
เหมียวอี้ที่ค่อย ๆ จางไป นางก็รู้สึกสับสนมาก ในปี นั้นเป็ นแค่หนุ่มน้อยที่ซ่อนตัวอยูใ่ ต้ตน้ ไม้ ตอน
นี้วรยุทธ์สูงกว่านางเยอะมากแล้ว พอลงมือขึ้นมาก็ทาํ ให้นางขยับตัวไม่ได้เลย
นางหันตัวไปและโบกแขนเสื้ อเพื่อเปิ ดประตูหิน เยว่เหยาที่เฝ้ าอยูข่ า้ งนอกกําลังยืนกอดอก ในดวงตา
เต็มไปด้วยความรู ้สึกสงสัยใคร่ รู้…
หลังจากนั้นเกือบครึ่ งวัน คนที่ควรจะมาก็มาถึงแล้ว ปราชญ์พทุ ธะฉางเหลยมาถึงก่อน
สาเหตุเพราะระยะทาง เขามาถึงก่อนก็ไม่ใช่เรื่ องแปลกอะไร เดิมทีท้ งั หกแดนก็ต้ งั อยูบ่ นพื้นที่รูปวง
พระจันทร์เสี้ ยวอยูแ่ ล้ว แดนพุทธะ แดนเซียนกับแดนอู๋เลี่ยงครอบครองพื้นที่วงพระจันทร์เสี้ ยว ส่ วน
แดนมาร แดนผีและแดนปี ศาจครองแผ่นดินอีกส่ วนหนึ่ง ระยะทางใกล้กนั ก็ยอ่ มมาถึงก่อน
จากนั้นปราชญ์ที่เหลือก็ทยอยกันมาถึง
เหมียวอี้เพิ่งเคยเห็นปราชญ์พทุ ธะฉางเหลยเป็ นครั้งแรก เขาสวมจีวรสี ทองอร่ ามทั้งตัว อ้วนเตี้ยผิวขาว
หน้าอ้วนหูใหญ่ ผิวหน้าสี แดงเปล่งปลัง่ บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิม้ เมตตากรุ ณาอยูต่ ลอด และตั้ง
ฝ่ ามือข้างเดียวไว้ที่หน้าอกตลอดเช่นกัน
ตอนที่ถูกเชิญเข้าตําหนักเก้าชั้นฟ้ า สายตาของเหมียวอี้กไ็ ปหยุดอยูบ่ นตัวเขาแวบหนึ่ง ขนาดฝาไห่ยงั
ยืนอยูข่ า้ งหลังเขาอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ตอ้ งบอกก็รู้ถึงฐานะของเขา
ในตําหนักเก้าชั้นฟ้ ามีเก้าอี้เพิ่มมาห้าตัวแล้ว มู่ฝานจวินยังคงนัง่ อยูบ่ นบัลลังก์ของตัวเอง ส่ วนปราชญ์
อีกห้าคนนัง่ คนละตําแหน่ง
จีเต๋ อไห่กม็ าแล้วเช่นกัน ยืนอยูข่ า้ งหลังชายชราที่ไว้เครายาวและหน้านิ่งเหมือนรู ปแกะสลัก ในบรรดา
คนที่อยูต่ รงนี้ คนคนนี้ดูอายุมากที่สุด ที่ศีรษะสวมมงกุฎทอง สวมชุดคลุมยาวสี เงินทั้งตัว นัง่ อย่าง
วางมาดสง่าผ่าเผย ก่อนเหมียวอี้จะเข้ามา คนคนนี้หลับตาอยูต่ ลอด แต่พอเหมียวอี้เข้ามา จีเต๋ อไห่ก็
โน้มตัวกระซิบกระซาบข้างหู คนคนนั้นเอียงหน้าถลึงตามองมาทันที ดวงตาฉายแววดุดนั
ไม่คอ้ งให้ใครแนะนําเลย คนที่สามารถทําให้จีเต๋ อไห่อยูข่ า้ งหลังได้ จะต้องเป็ นปราชญ์ปีศาจจีฮวน
แน่นอน ชื่อของเขาฟังดูเหมือนมีความสุ ข แล้วคนกลับหน้าตาแข็งทื่อ
ยังมีอีกท่านที่ไม่รู้จกั เขาสวมชุดคลุมสี ดาํ ทั้งตัว บนใบหน้าใส่ หน้ากากผีสีขาว มองไม่เห็นใบหน้าที่
แท้จริ ง นัง่ ปล่อยกลิ่นอายที่เย็นเยียบพิศวงอยูอ่ ย่างนั้น ดูจากอวี้หนูเจียวที่ยนื อยูข่ า้ งหลังอีกฝ่ าย ก็
ตัดสิ นได้แล้วว่าคนคนนี้คือปราชญ์ผซี ือถูเซี่ ยว
ปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉินกําลังมองมาด้วยสายตาเคียดแค้นอยากจะฉีกเนื้อ เหมียวอี้มองข้ามไปเสี ยเลย
เดินไปกุมหมัดคารวะปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียนก่อน อวิน๋ อ้าวเทียนพยักหน้าเบา ๆ อวิน๋ เป้ าที่อยู๋ขา้ ง
หลังก็ยกั คิ้วหลิ่วตาให้เหมียวอี้เล็กน้อย
“คารวะท่านปราชญ์!” เหมียวอี้กา้ วขึ้นมาคารวะเฟิ งเป่ ยเฉินอย่างระวังตัว ไม่ระวังคงไม่ได้ เพราะเจ้า
จมูกวัวนี่อาจจะลอบโจมตี
“เรี ยกเจ้ามาเพื่ออธิบายเรื่ องราวให้ชดั เจน” มู่ฝานจวินโบกมือบอกใบ้ให้เจ้าไปยืนอยูใ่ ต้บลั ลังก์
ด้านข้าง
เฟิ งเป่ ยเฉิ นจ้องเหมียวอี้พลางแสยะยิม้ ไม่หยุด “ไอ้จญั ไร ไอ้สุนขั ใจกล้า บังอาจเล่นสกปรกกับลูกศิษย์
ข้า ทั้งยังกล้าใส่ ร้ายว่าข้าลอบโจมตีเจ้าอีก!”
“ไม่รู้วา่ ไอ้หลานคนไหนมันลอบโจมตีขา้ เหมือนกันนะ!” เหมียวอี้กล่าวเสี ยงเรี ยบ
เฟิ งเป่ ยเฉิ นเลิกคิว้ “เจ้าด่าใคร? ลองพูดอีกรอบสิ !”
ก่อเรื่ องจนลุกลามมาถึงขั้นนี้แล้ว เหมียวอี้ไม่จาํ เป็ นต้องเกรงใจเขาอีกต่อไป “ใครลอบโจมตีขา้ ข้าก็ด่า
คนนั้นนัน่ แหละ ถ้าเจ้าไม่ใช่ไอ้หลานที่มนั ลอบโจมตีขา้ เจ้าจะเดือดร้อนอะไร? อย่าว่าแต่ด่าคําเดียว
เลย ด่าอีกสิ บคําข้าก็จะด่า ไม่รู้วา่ ไอ้หลานเวรที่ไหนมันลอบโจมตีขา้ คนที่ลอบโจมตีขา้ มันเป็ นไอ้
หลานเวรตะไล ตัดขาดลูกหลาน…”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นพลันลุกขึ้น ใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที ไม่ได้โดยยัว่ โมโหแบบนี้มาหลายปี แล้ว
อวิน๋ อ้าวเทียนที่นงั่ พิงเก้าอี้พลันกล่าวเสี ยงตํ่า “เจ้าจมูกวัว เจ้าคิดจะทําอะไร จะฆ่าปิ ดปากกันเชียว
เหรอ? เห็นพวกเรานัง่ อยูเ่ ฉย ๆ รึ ไง? ถ้าเจ้าไม่ได้ลอบโจมตีเขา เจ้าจะเดือดร้อนอะไรล่ะ? ด่าไปเรื่ อย
เปื่ อยก็ไม่โดนตัวเจ้าหรอก เห็นเจ้าเดือดร้อนแบบนี้ เจ้ายังกล้าบอกอีกเหรอว่าไม่ได้แย่งตัวท่านจื่อห
ยางไป?” อวิน๋ อ้าวเทียนจ้องเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ
ตอนนี้สายตาของคนที่เหลือก็จอ้ งอยูท่ ี่ตวั เฟิ งเป่ ยเฉินเหมือนกัน ดวงตาฉายแววสอบสวนสํารวจอย่าง
ชัดเจน
ตอนที่ 919

เฟิ งเป่ ยเฉิ นหัวเราะเพราะเดือดดาลสุ ดขีด เขาเลอะเลือนพูดผิดไปชัว่ ขณะ แค่มุขของเด็กน้อยที่ใช้การ


พูดจาทั้งแถไถไหลลื่นนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าจะทําให้ตวั เองเข้าไปพัวพันได้ เขาทั้งโมโหทั้งอยากขํา
ถึงแม้เขาจะหวาดกลัวอวิน๋ อ้าวเทียน แต่กต็ อ้ งอธิบายเรื่ องนี้ให้ชดั เจน “ก็จริ งอยูท่ ี่ก่อนหน้านี้ขา้ เคย
โจมตีเขา แต่เป็ นตอนก่อนที่เขาจะโดนจู่โจมที่นี่ ที่บอกว่าปล้นตัวท่านจื่อหยางอะไรนัน่ เป็ นคําพูดที่
ไม่มีมูลเลย ถ้าให้ขา้ ลงมือเอง ยังจะต้องปิ ดบังใบหน้าด้วยเหรอ? ถ้าข้าลงมือเอง มันจะยังมีชีวติ อยู่
เหรอ?”
“เจ้าจมูกวัวผูส้ ง่าผ่าเผย จะสู ้กบั ตัวละครเล็ก ๆ อย่างนี้ยงั ต้องใช้การลอบโจมตี ขายขี้หน้ามั้ยล่ะ?” อวิน๋
อ้าวเทียนพูดเหยียด
“ตัวละครเล็ก ๆ ? แล้วตัวละครเล็ก ๆ คู่ควรให้เจ้าช่วยพูดแก้ตวั ให้ดว้ ยเหรอ อวิน๋ อ้าวเทียน?” เฟิ งเป่ ย
เฉินพูดเหน็บแนมกลับ
ฉางเหลยพลันกล่าวว่า “เฟิ งเป่ ยเฉิน เจ้าก็มีจุดที่น่าสงสัยจริ ง ๆ ข้ามาถึงคนแรก แต่กลับบังเอิญพบเจ้า
อยูน่ อกแดนโพ้นสวรรค์ เลยร่ วมทางมาพร้อมกัน นัน่ แปลว่าเจ้าอยูใ่ กล้ ๆ แดนโพ้นสวรรค์มาตลอด มี
ความเป็ นไปได้จริ ง ๆ ว่าจะลงมือลอบจู่โจม”
เฟิ งเป่ ยเฉิ นหันกลับมาเถียง “พระอาจารย์ ข้าจะบอกอีกครั้งนะ ถ้าข้าต้องการจะแย่งตัวจื่อหยาง ข้า
สังหารไอ้จญั ไรเพื่อปิ ดปากไปนานแล้ว จะปล่อยให้มนั มาชี้ตวั ข้าอย่างนี้เหรอ?”
อวิน๋ อ้าวเทียน “เจ้าก็ตอ้ งอยากฆ่าปิ ดปากเขาอยูแ่ ล้วล่ะ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าบนตัวเขาจะมีของวิเศษคอย
ปกป้ อง เจอเหตุไม่คาดคิดจนทําพลาด แต่กลัวโดนจับได้ เลยต้องรี ยหนีเอาตัวรอดไป”
“อยากเล่นงานใคร ก็ยอ่ มหาเหตุผลมาอ้างได้เสมอ!” เฟิ งเป่ ยเฉินตะคอก
อวิน๋ อ้าวเทียนเอียงหน้ามองเหมียวอี้ “เหมียวอี้ ได้ยนิ ว่าในมือเจ้ามีดาบวิเศษอยูด่ า้ มหนึ่ง ช่วยชีวติ เจ้า
ไว้ได้ตอนหน้าสิ่ วหน้าขวาน ทําไมไม่นาํ ออกมาให้ทุกคนดูสกั หน่อยล่ะ?”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก หันไปมองมู่ฝานจวินแวบหนึ่ง
พอมู่ฝานจวินโบกแขนเสื้ อ ดาบยาวสี ม่วงเล่มหนึ่งก็อยูใ่ นมือ นางไม่ปิดบังอะไรทั้งนั้น ใช้มือข้างเดียว
ถือดาบชี้ออกมา ทําให้เกิดแสงสี ฟ้าสายหนึ่งหดเข้าและปล่อยออก
“เรื อมังกรอเวจี!” เฟิ งเป่ ยเฉินและคนอื่น ๆ ทําสี หน้าจริ งจัง มีเพียงอวิน๋ อ้าวเทียนคนเดียวที่นงั่ ชําเลือง
มองเหมียวอี้อย่างไม่สะทกสะท้าน เห็นได้ชดั เจนมาก ดาบวิเศษของเหมียวอี้โดนมู่ฝานจวินแย่งไป
แล้ว
มู่ฝานจวินเหลือบมองอวิน๋ อ้าวเทียนแวบหนึ่ง แล้วมองเฟิ งเป่ ยเฉิ นอย่างหยิง่ ยโส “เฟิ งเป่ ยเฉิ น ดาบเล่ม
นี้ทาํ ให้กลัวไปแล้วสามส่ วนยามลอบจู่โจมใช่ม้ ยั ล่ะ?”
“ตลกแล้ว!” เฟิ งเป่ ยเฉินกล่าวอย่างรู ้สึกขํา “อาศัยแค่สิ่งนี้คิดว่าจะขู่ให้ขา้ กลัวได้เหรอ? ก็แค่มีเจ็ด
อารมณ์หกปรารถนาเพิ่มมา ใช่วา่ พวกเราจะเห็นเป็ นครั้งแรกเสี ยหน่อย ที่นงั่ กันอยูต่ รงนี้ ในปี นั้นมี
ใครไม่เคยโดนบ้าง?”
“แบบนี้นบั เป็ นเหตุผลได้ดว้ ยเหรอ? ในปี นั้นมีไต้ซือศีลเจ็ดช่วยคลายพิษให้ ตอนนี้เจ้าอยากจะลิ้มลอง
รสชาติอีกสักครั้งมั้ยล่ะ?” มู่ฝานจวินถาม
เหมียวอี้ที่ฟังอยูข่ า้ ง ๆ เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ไต้ซือศีลเจ็ด อาจารย์ของเจ้ารองสามารถแก้พิษ
เจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้ดว้ ยเหรอ?
“ฮ่า ๆ …” เฟิ งเป่ ยเฉิ นเงยหน้าหัวเราะลัน่ แล้วชี้เข้ามา “มู่ฝานจวิน เจ้าช่างวางแผนเก่งจริ ง ๆ นะ เรื่ อง
เกิดที่แดนโพ้นสวรรค์เจ้า จื่อหยางอะไรนัน่ ไม่ได้มีใครแย่งไปหรอก ไม่มีคนนอกที่ไหนเห็นทั้งนั้น
ก่อนที่เจ้าจะมายัดเยียดความผิดให้ขา้ ทําตัวเองให้บริ สุทธิ์ก่อนดีกว่ามั้ย”
เสี ยงที่เย็นเยียบพิศวงชวนขนลุกดังอยูใ่ ต้หน้ากากของเทพผีซือถูเซี่ยว “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนมีส่วน
เกี่ยวข้อง นัน่ ก็แสดงว่าน่าสงสัยทั้งคู่ พวกเจ้าที่เหลือคิดว่าอย่างไร?” ดวงตาที่อยูห่ ลังหน้ากากผีกวาด
มองคนอื่น ๆ
จีฮวน ฉางเหลย อวิน๋ อ้าวเทียนพยักหน้า ต่างก็จดั มู่ฝานจวินกับเฟิ งเป่ ยเฉิ นไว้ในรายชื่อผูต้ อ้ งสงสัย
แล้ว ไม่มีใครสงสัยเหมียวอี้ ถึงอย่างไรที่นี่กไ็ ม่ใช่ที่ที่เหมียวอี้จะตัดสิ นใจอะไรได้
โดยเฉพาะอวิน๋ อ้าวเทียน ก็ยงิ่ กล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “จากที่ขา้ ดู เก็บสองคนนี้ไว้ไม่ได้แล้ว พวกเราสี่
คนร่ วมมือกันกําจัดทิ้งเสี ยเลยดีกว่า!”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา เฟิ งเป่ ยเฉินกับมู่ฝานจวินก็ท้ งั โมโหทั้งตกใจ เฟิ งเป่ ยเฉินรี บสังเกตปฏิกิริยาของ
คนอื่น ๆ ทันที ส่ วนมู่ฝานจวินลุกพรวดขึ้น กวาดดาบชี้ออกมา พลางกล่าวอย่างเดือดดาล “อวิน๋ อ้าว
เทียน อยากจะสังหารข้าเหรอ ต้องถามดาบวิเศษของข้าก่อนว่าจะยอมมั้ย!”
ตรงทิศทางที่ดาบชี้ไป มีแสงสี ฟ้าสายหนึ่งพุง่ ออกมา คุกคามไปยังอวิน๋ อ้าวเทียนที่กาํ ลังนัง่ อยู่ แต่กลับ
เห็นอวิน๋ อ้าวเทียนดีดนิ้วชี้ครั้งเดียว เกิดระลอกคลื่นลอยขึ้นกลางอากาศ เป็ นระลอกคลื่นสี ดาํ แผ่
กระจายออกมาจากตัวอวิน๋ อ้าวเทียนอย่างรวดเร็ ว ชัว่ พริ บตาเดียวปราณมารก็กลายเป็ นม่านสี ดาํ ขยาย
ออกอย่างรวดเร็ วราวกับผ้าสี ดาํ ผืนหนึ่ง หนาแน่นมาก กั้นแสงสี ฟ้าไม่ให้ทะลุมาถึงตัว
พลังอิทธิฤทธิ์โดยทัว่ ไปไม่มีทางกั้นแสงสี ฟ้าได้ เพราะคุณสมบัติของมันคือแสง แต่ปราณมารกลับ
สกัดการแทรกซึมของแสงสี ฟ้าได้
อวิน๋ อ้าวเทียนที่ปล่อยปราณมารออกมาพูดเหยียดว่า “นางป้ าขี้บ่น อย่าคิดว่ามีดาบเส็งเคร็ งเล่มเดียวจะ
ทําอะไรก็ได้ ของเล่นแบบนี้สูก้ บั เฟิ งเป่ ยเฉินกับฉางเหลยยังพอไหว แต่ไม่ได้ผลกับข้า จีฮวนและซื อถู
เซี่ ยวเลย ข้าแนะนําว่าเจ้าอย่าทําให้ตวั เองขายหน้าเลยดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าทําอะไรเขาไม่ได้ มู่ฝานจวินก็แอบตกใจ ขณะเดียวกันก็ชาํ เลืองมองจีฮวนกับซือถูเซี่ ยวอย่าง
นิ่งเฉย เมื่อได้รับคําเตือนจากอวิน๋ อ้าวเทียนแล้ว ในภายหลังจะได้ไม่ไปบุ่มบ่ามสู ก้ บั อีกสองคนให้
ตัวเองเสี ยเปรี ยบ
เหมียวอี้ที่ฟังอยูข่ า้ ง ๆ ก็ฉลาดขึ้นบ้างแล้ว ได้เพิ่มพูนความรู ้แล้ว
มู่ฝานจวินทําเสี ยงฮึดฮัด เรี ยกได้เก็บดาบอย่างแค้นใจ จากนั้นก็มองไปยังคนที่เหลือ “ทุกคนอย่าไป
ตกกลุมพรางเจ้าจอมมารนี่นะ!”
พออวิน๋ อ้าวเทียนกวักมือ ปราณมารก็ถูกเก็บเข้าในแขนเสื้ อ จากนั้นก็กล่าวตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัวว่า
“ฆ่าพวกเขาสองคน แล้วแบ่งอาณาเขตของพวกเขามาให้พวกเราคนละสี่ ส่วน!”
จีฮวน ซือถูเซี่ยวและฉางเหลยสบตาประเมินกันแวบหนึ่ง หกปราชญ์วรยุทธ์ต่างกันไม่เท่าไร ถ้าใคร
อยากจะฆ่าใครทิ้งก็เป็ นเรื่ องยาก เคล็ดวิชาของทั้งหกต่างก็มีจุดเด่นคนละอย่าง ต่อให้สูก้ นั ไม่ชนะ แต่
ก็สามารถถ่วงเวลารอให้คนที่เหลือมาช่วยได้ ในบรรดาพวกเขาทั้งหกคน แน่นอนว่าผูท้ ี่แข็งแกร่ งที่สุด
คืออวิน๋ อ้าวเทียน ถ้าสู ก้ นั ตัวต่อตัวก็ไม่มีใครเอาชนะอวิน๋ อ้าวเทียนได้ อวิน๋ อ้าวเทียนสูก้ บั อีกสองคนก็
ไม่ได้ดอ้ ยกว่า แต่ถา้ สูก้ บั สามคน อวิน๋ อ้าวเทียนก็ทาํ ได้เพียงดันทุรังประคับประคอง แต่ถา้ สู ก้ บั สี่ คน
อวิน๋ อ้าวเทียนต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ตอ้ งสงสัย แต่เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานสามารถหลบหนีได้เก่ง
มาก ถ้าอีกห้าคนอยากจะร่ วมมือกันกําจัดเขาทิ้งก็เป็ นเรื่ องยาก กลับยัว่ ให้จอมมารท่านนี้โต้กลับด้วย
ซํ้า
ด้วยเหตุน้ ีเอง หลายปี มานี้หกปราชญ์ถึงได้รักษาความสมดุลอันน้อยนิดระหว่างกันมาตลอด ถ้าเชื่อ
คําพูดของอวิน๋ อ้าวเทียนจริ ง ๆ ถ้ากําจัดทิ้งไปรวดเดียวสองคน เช่นนั้นอีกสามคนที่เหลือก็อยูใ่ น
อันตรายแล้ว อย่าว่าแต่กาํ จัดสองคนเลย ต่อให้กาํ จัดทิ้งคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่ องดีอะไรแล้ว มีแต่จะทํา
ให้อวิน๋ อ้าวเทียนได้เปรี ยบ ถ้ามีเพิม่ มาอีกสักคน ยามหน้าสิ่ วหน้าขวานก็จะมีคนมาช่วยเสริ มทัพได้
ทันเวลาเพิ่มอีกคน เหมือนครั้งก่อนที่เฟิ งเป่ ยเฉินประสบอันตราย มู่ฝานจวินกับฉางเหลยก็รีบมาช่วย
ไว้ หลักการมันก็เป็ นอย่างนี้แหละ
ดังนั้นแล้ว อย่าว่าแต่แบ่งอาณาเขตของสองแดนนั้นเป็ นสี่ ส่วนเลย ต่อให้อวิน๋ อ้าวเทียนจะไม่ตอ้ งการ
อะไรทั้งนั้น แต่อีกสามคนก็ตอ้ งชัง่ นํ้าหนักดูสกั หน่อย
“อามิตตาพุทธ!” ฉางเหลยตั้งฝ่ ามือตรงหน้าอกทันที แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ทุกคนอยูร่ ่ วมกันที่แดน
ฝึ กตนมาหลายปี ขนาดนี้ เป็ นทั้งศัตรู เป็ นทั้งมิตร เหตุใดต้องเข่นฆ่ากันด้วยเล่า มีอะไรก็นงั่ คุยกันดี ๆ
ได้”
อวิน๋ อ้าวเทียนเหล่ตามองมา “พระอาจารย์ อย่ามาเล่นบทคนมีจิตเมตตากรุ ณาหน่อยเลย คนที่ตายด้วย
นํ้ามือเจ้ามีนอ้ ยกว่าคนอื่นรึ ไง?”
ฉางเหลยหัวเราะโดยไม่พดู อะไร จีฮวนก็บอกเช่นกันว่า “มีอะไรก็คุยกันดี ๆ !” ซื อถูเซี่ ยวก็พยักหน้า
ด้วยท่าทางพิศวงเช่นกัน แสดงออกมาเช่นด้วย
เฟิ งเป่ ยเฉิ นโล่งใจแล้ว มู่ฝานจวินก็พยักหน้าเช่นกัน “มักจะมีคนที่แฝงเจตนาชัว่ ร้าย อยากเสี้ ยมเขา
ควายให้ชนกันเสมอ!”
เมื่อเห็นพวกเขามีท่าทีแบบนี้ เหมียวอี้กผ็ ดิ หวังนิดหน่อย ดูท่าทางแล้ว การจะทําลายความสมดุลของ
หกปราชญ์น้ นั ยากเย็นพอสมควร เห็นได้ชดั ว่าอีกห้าคนมีแนวโน้มอยากจะร่ วมมือกันสู ก้ บั อวิน๋ อ้าว
เทียนมากกว่า อยากจะให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเองนั้นไม่ง่ายเลย ถ้าอยากจะเล่นงานเฟิ งเป่ ยเฉิ นให้ถึงตาย
ระดับความยากก็ค่อนข้างสูง!
อวิน๋ อ้าวเทียนยืนขึ้นแล้วบอกว่า “ในเมื่อพวกเจ้าสามคนไม่แยแสอะไร ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว
เจดียง์ ามวิจิตรอะไรนัน่ ไม่ได้อยูใ่ นสายตาข้าหรอก พวกเจ้าค่อย ๆ คุยกันไปก็แล้วกัน! ข้าไม่อยูต่ ่อ
แล้ว!” พอพูดจบก็กวักมือเรี ยกเหมียวอี้ “เจ้ามานี่หน่อย!” จากนั้นก็หนั ตัวนําอวิน๋ เป้ าเดินก้าวยาว
ออกไป
เหมียวอี้ลาํ บากใจมาก ที่นี่คือแดนโพ้นสวรรค์ไม่ใช่นภาจอมมาร จึงอดไม่ได้ที่จะมองมู่ฝานจวิน แต่
ใครจะไปคาดคิดว่าจะเกิดเรื่ องแปลก ไม่น่าเชื่อว่ามู่ฝานจวินจะโบกมือบอกใบ้ให้เขาออกไป
เหมือนกัน
เหมียวอี้เดินออกจากตําหนักเก้าชั้นฟ้ าด้วยความฉงนใจ เหมือนเห็นอวิน๋ อ้าวเทียนยืนเอามือไขว้หลัง
อยูไ่ ม่ไกล ก็รีบก้าวเข้ามาคํานับอย่างเป็ นทางการ “ท่านปู่ !”
“เจ้าไม่แปลกใจเหรอว่าทําไมนางป้ ามู่ฝานจวินถึงยอมให้เจ้าออกมาพบข้าได้?” อวิน๋ อ้าวเทียนถาม
เสี ยงเรี ยบ
เหมียวอี้ยมิ้ แห้งแล้วตอบว่า “ที่จริ งก็สงสัยขอรับ”
“สาเหตุไม่ซบั ซ้อนเลย ตอนนี้พวกเขาต้องการจะวางแผนทําร้ายข้าไง ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็ นหลานเขยข้า
แค่ไม่อยากให้เจ้าได้ยนิ เท่านั้นเอง” อวิน๋ อ้าวเทียนกล่าว
เหมียวอี้งงเล็กน้อย ค่อนข้างคิดไม่ตก จึงถามอย่างสงสัยว่า “วางแผนทําร้ายท่านเหรอ? ท่านจื่อหยาง
ตกอยูใ่ นมือพวกเขาแล้ว พวกเขาควรจะระแวงกันเองสิ ถึงจะถูก ทําไมต้องวางแผนทําร้ายท่านด้วย
ล่ะ?”
อวิน๋ อ้าวเทียนทําสี หน้าค่อนขอด “เฟิ งเป่ ยเฉิ นกับมู่ฝานจวินไม่ยอมรับหรอกว่าจื่อหยางอยูใ่ นมือตัวเอง
แต่ถา้ จะกําจัดสองคนนั้นทิ้ง คนอื่น ๆ ก็จะระแวงข้าอีก ผลลัพธ์สุดท้ายที่พวกเขาเจรจากันได้ จะต้อง
เป็ นอย่างที่ขา้ คิดแน่นอน นัน่ ก็คือไม่วา่ จื่อหยางจะตกอยูใ่ นมือใคร ขอเพียงหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตร
ออกมาได้ ก็จะต้องทํามาใช้กบั ข้าเป็ นคนแรก เหตุผลที่ใช้เกลี้ยกล่อมก็คือ ถ้าทําให้คนอื่นตายก่อน
หากเล่นงานให้ขา้ ถึงตายไม่ได้ข้ ึนมา แบบนั้นข้าก็จะได้เปรี ยบแล้ว แดนที่เหลือจะต้องร่ วมสร้าง
ความสัมพันธ์ที่ร้ายกาจ หารู ้ไม่วา่ ถ้าข้าตายขึ้นมา ในใต้หล้านี้กจ็ ะวุน่ วาย ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาห้าคน
ไม่มีอุปสรรคขัดขวางแล้ว ต่อให้คิดจะต่อสู ใ้ ห้รู้แพ้รู้ชนะ คิดจะสู ใ้ ห้ตายกันไปข้าง ก็ยงั เป็ นเรื่ องยาก
อยูด่ ี”
เหมียวอี้เข้าใจกระจ่างในทันที หันไปมองตําหนักเก้าชั้นฟ้ าแวบหนึ่ง แต่กย็ งั ถามอย่างแปลกใจนิด
หน่อย “ท่านปู่ ในเมื่อท่านรู ้ชดั อยูแ่ ก่ใจแล้ว อย่าบอกนะว่าท่านไม่กลัวว่าพวกเขาจะใช้เจดียง์ ามวิจิตร
มาสูก้ บั ท่าน?”
อวิน๋ อ้าวเทียนแสยะยิม้ “คนอื่นน่ะข้าไม่รู้หรอก เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอ? ดาบของเยียนเป่ ยหงอยูใ่ นมือข้า
ถ้ากล้ามาปะทะกับข้าตรง ๆ เจดียง์ ามวิจิตรก็เป็ นเรื่ องน่าขําเท่านั้น ก่อนที่เจดียจ์ ะดูดข้าเข้าไป ข้าจะใช้
ดาบฟันให้พงั ก่อนเลย แต่น่าเสี ยดายที่ขา้ สําแดงอานุภาพของดาบวิเศษได้ไม่เต็มที่ ไม่อย่างนั้นคงไม่
มาเปลืองคําพูดกับพวกเขาหรอก เจ้าต้องรักษาเรื่ องนี้เป็ นความลับ ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากเห็นท่านปู่ ของ
น้องชิวโดนคนอื่นทําร้ายตายหรอกใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้ปาดเหงื่อนิดหน่อย ลืมเรื่ องนี้ไปได้อย่างไร สงสัยท่านจอมมารจะอยากเห็นทุกคนสิ้ นเปลือง
กําลังทรัพย์มหาศาลก่อน แล้วตัวเองค่อยทําพังทีหลัง ดีไม่ดีถา้ ใครสร้างเจดียอ์ อกมาได้ ภายใต้ความ
ลําพองใจจนลืมตัว ห้าคนนั้นจะขัดแย้งกันเองก็ได้ ถ้าอยากจะเล่นงานให้ตายสักคนสองคนจริ ง ๆ ท่าน
ที่อยูต่ รงหน้านี้กไ็ ด้เปรี ยบเยอะมาก
อวิน๋ อ้าวเทียนถามอีกว่า “ที่เรี ยกเจ้าออกมาเพราะอยากจะถามสักหน่อย ท่านจื่อหยางที่หลอมของวิเศษ
นัน่ โดนเฟิ งเป่ ยเฉิ นชิงตัวไปแล้วจริ ง ๆ เหรอ?”
“ไม่แน่ใจขอรับ เพียงแต่ผทู ้ ี่ชิงไปมีวรยุทธ์สุงกว่าข้า ทั้งยังใช้มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยง!” เหมียวอี้ยงั ไม่พดู
ความจริ ง
“แล้วเจ้าเอาดาบนัน่ มาจากไหน?” อวิน๋ อ้าวเทียนถามอีก
“เอามาจากเทพพยากรณ์…” เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่ตวั เองเล่าให้มู่ฝานจวินฟังซํ้าอีกรอบ
อวิน๋ เป้ าที่อยูข่ า้ ง ๆ ได้ยนิ แล้วตกใจมาก
อวิน๋ อ้าวเทียนเงียบไปพักใหญ่ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “วรยุทธ์ของน้องชิวบรรลุถึงระดับบงกชทองแล้ว
นางเด็กนี่ปิดบังเก่งจริ ง ๆ …” จากนั้นสายตาก็มองสํารวจเหมียวอี้ศีรษะจดปลายเท้า แล้วพยักหน้าเบา
ๆ “เจ้าไม่ถือสาที่วรยุทธ์นางสูงกว่าเจ้า มองออกเลยว่าเจ้ารักน้องชิวจากใจจริ ง ข้าเฝ้ าดูนางหนูนนั่
เติบโตมา ถึงแม้จะมีขอ้ เสี ยอยูบ่ า้ ง แต่กลับเป็ นคนที่จริ งใจต่อความรัก การที่เจ้าได้หวั ใจนางไปก็ถือ
เป็ นวาสนาของเจ้า ดีกบั นางให้มาก ๆ ทั้งชีวติ นี้นางคือคนของเจ้าแล้ว ไม่รังแกเจ้าแน่นอน”
“ข้าจะจําไว้ขอรับ!” เหมียวอี้ตอบด้วยความเคารพ
“เจ้าฆ่าลูกสาวของจีฮวน ทั้งยังทําให้ลูกศิษย์ของเฟิ งเป่ ยเฉินตาย พวกเขาสองคนปล่อยเจ้าไปไม่ได้
หรอก ตอนที่พวกเขากําลังวางแผนกันอยูท่ ี่นี่ เจ้ารี บฉวยโอกาสหนีไปจากที่นี่เสี ย ไม่อย่างนั้นระหว่าง
ทางอาจจะมีคนลอบลงมือกับเจ้าก็ได้ กลับไปที่อาณาเขตของตัวเองเถอะ พวกเขาไม่กล้าลงมืออย่าง
โจ่งแจ้งจนทําลายกฏระเบียบระหว่างกันหรอก ไม่อย่างนั้นถ้าล้างแค้นกันไปล้างแค้นกันมา ไม่วา่ ใคร
ก็อย่าคิดจะอยูอ่ ย่างสงบสุ ขเลย” อวิน๋ อ้าวเทียนเตือนด้วยความหวังดี
ตอนที่ 920

เหมียวอี้ยอ่ มขอบคุณที่เขาเตือน แต่กย็ งั ไม่สงบใจนิดหน่อย “ข้ารู ้วา่ พวกเขาไม่กล้าทําอย่างโจ่งแจ้ง


กลัวก็แค่วา่ พวกเขาจะลักลอบทํา!”
อวิน๋ อ้าวเทียนส่ ายหน้าเบา ๆ “เจ้าคิดมากไปแล้ว พวกเราหกปราชญ์กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ มีใครบางที่
ไม่สูญเสี ยลูกหลานหรื อว่าลูกศิษย์ ข้าสู ญเสี ยลูกชายลูกสาวไปมากขนาดนั้น แต่จะทําอะไรพวกเขาได้
ล่ะ? สถานการณ์สาํ คัญกว่าตัวบุคคล ถ้าจะพูดให้น่าฟังหน่อยก็คือ ถ้าไม่ทนกับเรื่ องเล็กน้อยก็จะทําให้
แผนการใหญ่วนุ่ วาย พูดให้ชดั ก็คือ ถ้ากําจัดอีกฝ่ ายไม่ได้กท็ าํ ได้เพียงทนไว้ ถ้ามัวพัวพันอยูก่ บั ตัว
ละครเล็ก ๆ อย่าเจ้าตลอดจนสองแดนต้องฉีกหน้ากัน แบบนั้นไม่คุม้ ค่าสําหรับพวกเขา เพราะเจ้า
ไม่ได้มีคา่ ขนาดนั้น จะให้ลกั ลอบทําก็เป็ นไปไม่ได้เหมือนกัน สรุ ปว่าเจ้าระวังตัวเอาไว้หน่อย ตอนที่
ไปไหนมาไหนคนเดียวก็พยายามอย่าเปิ ดเผยเบาะแสของตัวเอง อย่าให้อีกฝ่ ายมีโอกาสลอบลงมือ
แล้วก็อย่าไปรนหาที่ตายถึงอาณาเขตของเขาเหมือนครั้งนี้อีก ไม่อย่างนั้นถ้ามีโอกาสพวกเขาจะต้อง
เล่นงานให้เจ้าตายแน่นอน”
คําพูดเหล่านี้นบั ว่าเป็ นคติพจน์คมั ภีร์ทอง เหมียวอี้กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ครั้งนี้เจ้าทําให้ท่านทูตทั้งสี่ ของแดนเซี ยนตาย มู่ฝานจวินเตรี ยมจะลงโทษเจ้าอย่างไร?”
“ข้าให้ดาบวิเศษนางไปแล้ว ถือว่าทําผลงานชดเชยความผิดเหมือนกัน ข้าอยูใ่ นตําแหน่งประมุข
ปราสาทต่อไปไม่ได้อีก เงื่อนไขผ่อนผันโทษที่นางเสนอก็คือ ให้ขา้ โน้มน้าวให้นางเข้ามาอยูใ่ น
ทะเบียนรายชื่อเซียน แล้วก็ให้นางเป็ นประมุขปราสาท ให้ขา้ เป็ นที่ปรึ กษาลูกน้องของนาง”
“ให้นอ้ งชิวเป็ นประมุขปราสาท ส่ วนเจ้าเป็ นที่ปรึ กษา…” อวิน๋ อ้าวเทียนพึมพํากับตัวเอง แล้วมอง
เหมียวอี้ดว้ ยสายตาแปลก ๆ แต่กไ็ ม่ได้พดู อะไรอีก บทจะไปก็ไปเลย ไม่ได้บอกคนในตําหนักเก้าชั้น
ฟ้ าด้วย นําอวิน๋ เป้ าออกไปจากที่นนั่ โดยตรง
เหมียวอี้เชื่อฟังที่เขากําชับ เข้าไปในตําหนักเก้าชั้นฟ้ าโดยอ้างว่าจะไปรายงานว่าอวิน๋ อ้าวเทียนออกไป
แล้ว แล้วบอกมู่ฝานจวินว่าขอตัวอําลา มู่ฝานจวินอนุญาตแล้ว
เหมียวอี้ไม่กล้าอยูต่ ่อนาน ออกมาจากที่นนั่ ทันที หลังจากประชุมกับประมุขถิ่นสี่ ทิศและแน่ใจแล้วว่า
เยารั่วเซียนออกไปแล้ว พวกเขาก็รีบออกไปพร้อมกันทันที
ขณะที่เขาเริ่ มออกเดินทางกลับมา ข่าวเปลี่ยนตัวท่านทูตของสายมะโรงก็แพร่ ออกไปแล้ว จงเจิ้นมารับ
ตําแหน่งแทนแล้ว
เหล่านางบําเรอของเยว่เทียนโปที่กาํ ลังโศกเศร้าเสี ยใจ ย่อมเป็ นไปไม่ได้ที่จงเจิ้นจะรับผูห้ ญิงพวกนี้
ของเยว่เทียนโปเอาไว้ พอมาถึงยอดเขาหยกนครหลวง เรื่ องแรกที่ทาํ ก็คือไล่ผหู ้ ญิงพวกนี้ออกไป มู่
ฝานจวินเองก็นบั ว่าดูแลครอบครัวของลูกน้องเป็ นอย่างดี จงเจิ้นมาพร้อมกับคําสัง่ ของท่านปราชญ์ ว่า
เหล่านางบําเรอที่สนิทสนมกันพวกนั้น สามารถตัดสิ นใจเองได้วา่ จะไปกับใคร ถ้าไม่มีทางไป ก็จะจัด
ให้เข้าไปอยูใ่ นสมาคมร้านค้าแดนเซี ยนทั้งหมด
ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่ครอบครัวของท่านทูตทั้งสี่ สายก็ถูกจัดการให้แบบนี้เช่นกัน
ข่าวระหว่างปราสาทย่อมเร็ วกว่าข่าวระหว่างตําหนักอยูแ่ ล้ว ต่อให้ยอดเขาหยกนครหลวงจะไม่ได้
ปล่อยข่าวออกมา แต่ทางปราสาทดําเนินสุ ริยนั ก็ได้รับข่าวนี้แล้วเช่นกัน ท่านทูตสายมะโรงสิ้ นชีวติ
แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตัวการสําคัญจะเป็ นเหมียวอี้ประมุขปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไม่รู้วา่ เรื่ องนี้ทาํ ให้คน
มากมายเท่าไรตกตะลึง
หยางชิ่งที่ได้รับข่าวค่อนข้างทนไม่ไหวกับแรงปะทะแบบนี้ เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ยา่ งหดหู่ แล้วเอามือ
กุมอกพลางกล่าวทอดถอนใจ “ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าการที่เขากลับมาไม่ใช่เรื่ องดีอะไร ข้ารู ้อยูแ่ ล้วล่ะ เป็ น
อย่างที่คิดไว้ ไม่แปลกใจเลย…”
ความรู ้สึกของหยางชิ่งในตอนนี้ ยากที่จะบรรยายออกมาเป็ นคําพูดได้ แทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
เขาโบกมือให้ชิงเหมยกับชิงจวีถ๋ อยไป ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น อยากจะคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียว นัง่
เหม่ออยูบ่ นเก้าอี้
โชคดีที่ผา่ นไปแค่ครู่ เดียว ชิงเหมยกับชิงจวีก๋ ร็ ี บวิง่ เข้ามา มาพร้อมกับข่าวดี “นายท่านเจ้าคะ ประมุข
ปราสาทกลับมาแล้ว!”
หยางชิ่งลุกพรวดแล้วเดินออกไปทันที…
เมื่อกลับถึงปราสาทดําเนินสุ ริยนั ของสายมะโรง ประมุขถิ่นทั้งสี่ กไ็ ม่ได้เข้ามา กล่าวอําลาตั้งแต่ตอน
เหาะอยูบ่ นฟ้ าแล้ว ครั้งนี้ก่อเรื่ องจนจีฮวนไม่ค่อยพอใจ ไม่อาจจะละเลยความรู ้สึกของฝ่ ายจีฮวนได้
พอเหมียวอี้กลับมา อวิน๋ จือชิวที่กร็ ี บออกมาต้อนรับเขาที่ประตูตาํ หนักหลัง พอเห็นว่าเขากลับมาใน
สภาพสมบูรณ์ นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก สายตาที่ร้อนรนกังวลใจหายไปแล้ว
ถึงแม้ท้ งั สองฝ่ ายจะมีระฆังดาราติดต่อกัน และรู ้แล้วว่าเขาไม่เป็ นอะไร แต่กไ็ ม่รู้สถานการณ์โดย
ละเอียด ถ้ายังกลับมาไม่ถึงก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
อวิน๋ จือชิวแต่งตัวราวกับมารดาแห่งใต้หล้าทว่างดงามเย้ายวนใจ เพราะอยูต่ ่อหน้าคนนอก นางจึงเข้า
มาย่อเข่าคํานับ “ยินดีตอ้ นรับนายท่านกลับมาค่ะ!”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กต็ ิดตามมาด้วยเช่นกัน ส่ วนฉิ นเวยเวยก็เข้ามากุมหมัดคารวะ ถ้าเหมียวอี้ยงั ไม่
กลับมา นางก็ไม่มีทางกลับตําหนักตัวเองอย่างสงบใจ รอฟังข่าวอยูท่ ี่นี่ตลอด
เหมียวอี้ผายมือเล็กน้อย แล้วเดินก้าวยาวเข้าไปในตําหนัก
อวิน๋ จือชิวลากกระโปรงยาวและหันตัวไปเดินข้างกายเขา หลังจากก้าวเข้าตําหนัก นางก็รับนํ้าชามา
วางไว้ขา้ ง ๆ เหมียวอี้ดว้ ยตัวเอง ก่อนจะยืนขึ้นและถามว่า “นายท่าน ไม่เป็ นอะไรใช่ม้ ยั คะ?”
เหมียวอี้กระดกถ้วยนํ้าชาลงคอ พอวางถ้วยนํ้าชาลงก็หวั เราะอย่างขื่นขม “ทําท่านทูตตายไปสี่ คน จะ
ไม่เป็ นอะไรได้อย่างไร”
อวิน๋ จือชิวรี บยกกระโปรงแล้วนัง่ ลงข้าง ๆ “อธิบายมาซิ ?”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ “ถ้าไม่อยากให้เป็ นอะไรก็ง่ายมาก มู่ฝานจวินลัน่ วาจามาแล้ว ขอเพียงเจ้าเป็ น
ฝ่ ายขอเข้ามาอยูใ่ นทะเบียนรายชื่อเซี ยน ตั้งแต่น้ ีไปเชื่อฟังคําสัง่ นาง นางก็จะผ่อนผันโทษเรื่ องนี้ให้”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ แล้วพึมพําว่า”ก่อนหน้านี้นางเคยเอ่ยเรื่ องนี้ต่อหน้าข้ามาก่อน ข้ารู ้วา่ นางต้องการ
ทําให้ท่านปู่ ข้าลําบากใจ ข้าก็เลยไม่เคยตอบตกลง นึกไม่ถึงว่านางจะอาศัยโอกาสนี้… ไม่มีทางเลือก
แล้ว ขอเพียงเจ้าไม่เป็ นอะไร ข้าเข้ามาอยูใ่ นทะเบียนรายชื่อเซียนก็ได้”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หลังจากเจ้าเข้ามาอยูใ่ นทะเบียนรายชื่อเซี ยน ข้าก็จะต้องถูกลดขั้น
เป็ นที่ปรึ กษาของปราสาทดําเนินสุ ริยนั แล้วเจ้าก็เป็ นประมุขปราสาทดําเนินสุ ริยนั ต่อ”
“นี่มนั ใช่เรื่ องเหรอ? แบบนี้จงใจทําให้เจ้าเสี ยหน้ารึ เปล่า?” อวิน๋ จือชิวงงมาก
เหมียวอี้ถอนหายใจ “ไม่อย่างนั้นจะเรี ยว่าลงโทษได้อย่างไรล่ะ? เอาอย่างนี้นนั่ แหละ เจ้ากับข้าใครเป็ น
ประมุขปราสาทก็เหมือนกัน หลายปี ที่ขา้ ไม่อยู่ เจ้าก็ทาํ หน้าที่เหมือนประมุขปราสาทไม่ใช่เหรอ”
อวิน๋ จือชิวนํ้าตาคลอ เหล่ตาพลางยิม้ อย่างหยาดเยิม้ “งั้นเจ้าจะถอนหายใจหายทําไม? ปกติผชู ้ ายเป็ น
ใหญ่เหนือผูห้ ญิง เจ้ารู ้สึกไม่พอใจเหรอที่ขา้ กดเจ้าอยูข่ า้ งบน?”
เหมียวอี้ไอหนึ่งที ฉินเวยเวยก็อยูด่ ว้ ยนะ พูดเรื่ องนี้ต่อหน้าคนนอกคงไม่ดีนกั จึงยิม้ พร้อมบอกฉินเวย
เวยทันที “เวยเวย เจ้าเองก็ไม่ตอ้ งกังวลแล้ว ไม่วา่ ใครจะเป็ นประมุขปราสาทก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้า
หรอก ตรงนี้ไม่มีเรื่ องอะไรแล้ว เจ้าเองก็ไม่ได้กลับตําหนักเลยใช่ม้ ยั รี บกลับไปเถอะ”
อวิน๋ จือชิวยิม้ พลางพยักหน้า ไม่ได้ร้ ังให้นางอยูต่ ่อ
เมื่อเห็นว่าเหมียวอี้ไม่เป็ นอะไรแล้วจริ ง ๆ ฉินเวยเวยเองก็รู้วา่ สองสามีภรรยาต้องการจะคุยเรื่ อง
ส่ วนตัวกัน ถ้านางอยูท่ ี่นี่พวกเขาจะไม่สะดวก จึงขอตัวลากลับไป
หลังจากฉิ นเวยเวยไปแล้ว อวิน๋ จือชิวก็รีบถามอีกว่า “หนิวเอ้อร์ เยารั่วเซี ยนเป็ นอย่างไรบ้างแล้ว?”
เหมียวอี้มองเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่กาํ ลังทําหน้าสี หน้าเครี ยดกังวล แล้วยิม้ เจื่อนพร้อมบอกว่า “ครั้งนี้
พ่อบุญธรรมของพวกเจ้าทําเอาข้ายับเยินเลย ก่อเรื่ องหวาดเสี ยวมาก เกืบเอาชีวติ ไม่รอดตั้งหลาย
ครั้ง…”
เมื่อเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นคร่ าว ๆ ผูห้ ญิงทั้งสามก็อกสัน่ ขวัญผวา พอได้ยนิ ว่าเหมียวอี้เล่นละครทําร้าย
ตัวเองจนสาหัสที่แดนโพนสวรรค์เพือ่ ส่ งตัวเยารั่วเซียนออกไป อวิน๋ จือชิวก็ปวดใจสุ ด ๆ ด่าเยารั่ว
เซียนว่าต้องโดนลงโทษสักพันดาบ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกนับถือเหมียวอี้แล้วจริ ง ๆ ยิง่ นับวันยิง่ พบว่าสามีตวั เองเก่งกาจ ภายใต้สถานการณ์
คับขันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กย็ งั ช่วยเยารั่วเซี ยนออกไปได้ ถ้าแบบนี้ไม่เรี ยกว่ามีความสามารถ
แล้วแบบไหนจะนับว่ามีความสามารถล่ะ?
หลังจากฟังจบแล้ว เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กค็ ุกเข่าพร้อมกัน “บุญคุณอันใหญ่หลวงที่นายท่านช่วยชีวติ
ไว้ บ่าวทั้งสองขอขอบคุณแทนท่านพ่อบุญธรรม”
เหมียวอี้ผายมือขึ้นเล็กน้อย “มันผ่านไปแล้ว เป็ นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ครอบครัวเดียวกันย่อม
พูดจาภาษาเดียวกัน เพียงพ่อบุญธรรมของพวกเจ้าคงเผยโฉมไม่ได้อีกแล้ว ครั้งนี้เขาหาเรื่ องใส่ ตวั เอง
เดี๋ยวข้าค่อยคิดหาทางส่ งเขาไปอยูใ่ นที่ที่ปลอดภัย อีกสามสี่ วนั พวกเจ้าค่อยไปหาเขาที่อ่ตู ่อเรื อ ต้อง
เกลี้ยกล่อมให้เขาซ่อนตัวแต่โดยดีนะ ถ้าหนีออกไปแล้วโดนคนจับตัว ต่อให้ขา้ มีสามหัวหกมือก็ช่วย
เขาไม่ได้เหมือนกัน”
“เจ้าค่ะ!” ลุกขึ้นแล้วเอ่ยรับ
ฉินเวยเวยที่ออกมาจากตําหนักหลังบังเอิญปะกับหยางชิ่ง ฉินเวยเวยกําลังคํานับ แต่ในใจหยางชิ่งกลับ
มีไฟโกรธลุกพรึ่ บ ถ่ายทอดเสี ยงตะคอกว่า “เจ้าเป็ นสาวเป็ นนาง ชอบมาอยูท่ ี่ตาํ หนักหลังของประมุข
ปราสาทบ่อย ๆ มันใช่เรื่ องถูกประเพณี เหรอ? ไม่กลัวว่าข้างนอกจะมีข่าวลือไม่ดีรึไง?”
ฉินเวยเวยก้มหน้าโดยไม่พดู อะไร นางปิ ดบังหยางชิ่งเรื่ องที่ไปสํานักงามวิจิตรมาตลอด ถ้าพูดออกมา
จริ ง ๆ เกรงว่าจะแย่กนั ไปใหญ่
ด่าก็ส่วนด่า แต่พอด่าเสร็ จแล้วเห็นท่าทางนางเป็ นอย่างนั้น หยางชิ่งก็ทาํ ใจไม่ลง กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงที่
ผ่อนลงว่า “ได้ยนิ ว่าประมุขปราสาทกลับมาแล้วเหรอ สถานการณ์เป็ นอย่างไร?”
“ไม่มีเรื่ องใหญ่อะไรค่ะ…” ฉินเวยเวยเล่าเรื่ องที่เหมียวอี้โดนลดขั้นให้กลายเป็ นที่ปรึ กษา แล้วให้อวิ๋
นจือชิวขึ้นเป็ นประมุขปราสาทแทนให้ฟัง
“ฮูหยินเลื่อนขั้นเป็ นประมุขปราสาท…” หลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง หยางชิ่งก็โบกมือบอกให้ฉินเวยเวยก
ลับไปพร้อมกับตนทันที เขาเองก็ไม่เข้าพบแล้ว
เหมียวอี้โดนลดขั้น อวิน๋ จือชิวถูกเลื่อนขั้นเป็ นประมุขปราสาท หยางชิ่งยกสองมือเห็นด้วย เพราะสม
กับที่ใจเขาปรารถนามาก ถ้าปล่อยให้เหมียวอี้ข้ ึน ๆ ลง ๆ แบบนี้ต่อไป เขาจะต้องใจสลายแน่นอน เขา
กลัวว่าตอนนี้เหมียวอี้จะอารมณ์ไม่ดี ผูก้ ารใหญ่อย่างเขาไม่เข้าไปแสดงท่าทีอะไรแล้ว
ทางมู่ฝานจวินก็ไม่ได้ถ่วงเวลาเหมียวอี้ อวิน๋ จือชิวเขียนหนังสื อแสดงความเต็มใจที่จะเข้าสู่ทะเบียน
รายชื่อเซี ยน เบื้องบนอนุมตั ิทนั ที ขณะเดียวกันคําสัง่ แต่งตั้งจากยอดเขาหยกนครหลวงก็มาถึงแล้ว
เหมียวอี้ถกู ลดขั้นเป็ นที่ปรึ กษาของปราสาทดําเนินสุ ริยนั ส่ วนอวิน๋ จือชิวเลื่อนขั้นเป็ นประมุขปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั
ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ถ่ายทอดคําสัง่ นี้ลงไปเช่นกัน ประมุขตําหนักแต่ละสายมารวมตัวกันเพื่อเยีย่ ม
คารวะประมุขปราสาทคนใหม่ทนั ที ถึงแม้หลายปี มานี้อวิน๋ จือชิวจะไม่ต่างอะไรกับประมุขปราสาท
ทุกคนแทบจะมองนางเป็ นประมุขปราสาทแล้ว แต่ถึงอย่างไรครั้งนี้กเ็ ป็ นการขึ้นสู่ ตาํ แหน่งอย่างเป็ น
ทางการ พิธีการที่จาํ เป็ นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ประมุขตําหนักทั้งสิ บสายมารวมตัวกันที่ตาํ หนักประชุม โอกาสแบบนี้ถา้ เหมียวอี้ไม่โผล่หน้ามาสัก
หน่อยก็จะฟังไม่ข้ ึนแล้ว กลัวว่าคนอื่นจะนินทาว่าเข้าหน้าไม่อาย เพื่อที่จะแสดงความใจกว้างของ
ตัวเอง นายท่านที่ตอนเป็ นประมุขปราสาทแทบจะไม่ค่อยโผล่หน้ามา ครั้งนี้กลับปรากฏตัวแล้ว
เพียงแต่ตาํ แหน่งในตอนนี้ เป็ นไปไม่ได้ที่จะขึ้นนัง่ เบื้องบน ทําได้เพียงยืนประสานมือตรงหน้าท้องอยู่
เบื้องล่างอย่างว่านอนสอนง่าย ตําแหน่งยืนอยูห่ น้าสุ ด แต่เทียบกับหยางชิ่งและเหยียนซิ วที่ยนื อยู่
ทางซ้ายและขวาใต้บนั ไดบัลลังก์ไม่ได้
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ยงั คงยืนอยูท่ างซ้ายและขวาของบัลลังก์เหมือนเดิม บนบัลลังก์มีอวิน๋ จือชิวที่สวม
มงกุฏหงส์และแต่งกายเต็มยศนัง่ อยู่ ใบหน้างามสง่าทว่าหยาดเยิม้ แพรวพราว งดงามน่าประทับใจ มี
มาดของประมุขปราสาทเต็มเปี่ ยม เป็ นครั้งแรกที่เหมียวอี้ยนื อยูเ่ บื้องล่างแล้วมองนางอย่างนั้น แอบ
ปวดใจนิดหน่อย ไม่ค่อยพอใจอยูบ่ า้ ง
“คํานับประมุขปราสาท!” เหมียวอี้ยงั ต้องพูดคํานับตามคนอื่น ๆ ด้วย
มีสายตาของคนไม่นอ้ ยที่แอบมองปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ไม่วา่ จะโดนลดขั้นหรื อไม่ ทุกคนก็ยงั เคารพ
นับถือเขา ตอนที่ไม่เคลื่อนไหวก็หายเงียบ แต่พอเคลื่อนไหวทีกก็ ่อเรื่ องใหญ่สะเทือนฟ้ าสะเทือนดิน
ท่านทูตของแดนเซียนตายไปสี่ คนในรวดเดียว ไม่โดนตัดหัวก็นบั ว่าดวงชะตาแข็งแล้ว
แต่การลงโทษของเบื้องบนก็เจ้าเล่ห์พอสวมควร ชัดเจนว่าต้องการให้เมียของเขากดหัวเขา แนวคิด
ผูช้ ายเป็ นช้างเท้าหน้า เกรงว่าจะต้องกลับตาลปัตรแล้ว ไม่รู้วา่ ต่อไปนี้จะได้ใช้ชีวติ อย่างเป็ นสุ ข
หรื อไม่
ทุกคนทยอยกันรายงานสถานการณ์ในอาณาเขตที่ตวั เองปกครอง พอถึงตาเหมียวอี้ เหมียวอี้กต็ อบ
ประโยคเดียวอย่างไม่สะทกสะท้าน “เพิง่ รับตําแหน่งใหม่ ยังไม่รู้สถานการณ์”
คําพูดนี้ฟังดูเหมือนค่อนข้างปวดใจ ไม่รู้วา่ มีคนตั้งเท่าไรแอบกลั้นขํา แม้แต่หยางชิ่งเองก็อดไม่ได้ที่จะ
ยิม้ เบา ๆ
ตอนที่ 921

ก่ อกวน

ในเมื่อไม่มีสถานการณ์จะรายงาน บอกตรง ๆ ว่าไม่มีกส็ ิ้ นเรื่ องแล้ว จําเป็ นต้องทําตัวพิลึกกึกกือมั้ย


เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่ยนื อยูเ่ บื้องบนแอบเม้มริ มฝี ปาก เป็ นครั้งแรกที่ท้ งั สองเห็นเหมียวอี้ยนื อยูเ่ บื้อง
ล่างของพวกนาง
แม้แต่อวิน๋ จือชิวเองก็หลุดขําในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ภายนอกไม่แสดงพิรุธใด ๆ ยังคงวางมาดมารดา
แห่งใต้หล้าผูส้ ูงส่ งอยูอ่ ย่างนั้น นางเหล่ตามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วกล่าวเสี ยงดังมีพลังว่า “เช่นนั้นก็
ทําความเข้าใจสถานการณ์ให้มาก ๆ หน่อย ครั้งหน้าห้ามขายผ้าเอาหน้ารอด”
“ขอรับ!” เหมียวอี้กมุ หมัดพลางลากเสี ยงยาวเอ่ยรับคําสัง่
จู่ ๆ เหมียวอี้กร็ ู ้สึกว่าตัวเองหาเรื่ องใส่ ตวั ก่อนจะมาที่ตาํ หนักประชุม อวิน๋ จือชิวก็เคยเตือนแล้วว่าไม่
ต้องมาก็ได้ แต่เขาดึงดันจะแสดงออกว่าตัวเองไม่เป็ นไร ปรากฏว่าหลังจากมาที่นี่แล้ว อวิน๋ จือชิวก็
ย่อมต้องปฏิบตั ิตามหน้าที่ต่อหน้าทุกคน ทว่าเมื่อถูกทุกคนจ้องมองแบบนี้ กอปรกับได้รับผลกระทบ
จากแนวคิดผูช้ ายเป็ นใหญ่ เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในใจตัวเองค่อนข้างหงุดหงิด อดไม่ได้ที่จะพูดจา
แปลก ๆ เพราะอยากแสดงให้ทุกคนรู ้ ว่าข้าไม่ได้กลัวเมีย!
ว่ากันตามจริ ง อาจจะเป็ นเพราะอุปนิสยั ประจําตัว กล้ามาแย่งอํานาจเขางั้นเหรอ เขาถึงขั้นเกิดความคิด
ชัว่ วูบว่าจะร่ วมมือกับลูกน้องโค่นล้มประมุขปราสาทคนนี้ แต่กเ็ ปลี่ยนความคิดทันที เพราะนี่คือเมีย
ตัวเองนะ… จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเป็ นบ้าไปแล้ว สงสัยจะเสพติดกับการต่อสู แ้ ล้ว!
เมื่อเห็นเขาทําตัวแปลก ๆ อย่างชัดเจนแบบนี้ อวิน๋ จือชิวก็ตีสีหน้าเครี ยดขรึ มทันที ตะคอกถามว่า
“หรื อว่าเจ้ามีความเห็นแย้งที่ขา้ ขึ้นรับตําแหน่งประมุขปราสาท?”
เหมียวอี้เองก็รู้สึกว่าตัวเองทําเกินไป ทําลายชื่อเสี ยงบารมีของประมุขปราสาทต่อหน้าฝูงชนถือว่าทํา
เกินไปหน่อย จึงกุมหมัดตอบด้วยสี หน้าจริ งจังทันที “มิบงั อาจ!”
สายตาของอวิน๋ จือชิวหยุดอยูบ่ นหน้าของเขาครู่ หนึ่ง เมื่อเห็นเขาแสดงความจริ งใจแล้วจริ ง ๆ คิดไป
คิดมาก็ระงับความคิดที่จะข่มเหมียวอี้เพื่อสร้างบารมีให้ตวั เองเอาไว้ แล้วพยักหน้าให้คนข้างหลัง
คนต่อไปรายงานสถานการณ์ต่อทันที ส่ วนใหญ่จะสรรเสริ ญเยินยอด้วยความประจบ แสดงท่าที
ชัดเจนว่าตัวเองตัดสิ นใจจะสนับสนุนแล้ว
การประชุมดําเนินมาจนถึงตอนท้าย หลังจากทุกคนส่ งรายงานแล้วก็แยกย้ายกันออกไป อวิน๋ จือชิวนํา
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ไปที่ตาํ หนักหลังก่อน
จิตใต้สาํ นึกของเหมียวอี้คุน้ ชินแล้ว ตามไปที่ตาํ หนักหลังเช่นกัน แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าผิด จึงเลี้ยว
เดินออกจากตําหนักประชุมพร้อมกับคนอื่น ๆ
อวิน๋ จือชิวที่เดินมาถึงตําหนักหลังหันหลังมองแวบหนึ่ง รออยูส่ กั พักก็ไม่เห็นเหมียวอี้ปรากฏตัว เชียน
เอ๋ อร์เขาใจว่านางต้องการอะไร จึงรี บออกไปที่ริมกําแพงแล้วยืน่ ศีรษะแอบดู แล้วกลับมารายงานว่า
“นายท่านเดินออกประตูใหญ่ไปแล้ว จะให้ไปเชิญนายท่านมามั้ยเจ้าคะ?”
อวิน๋ จือชิวเม้มปากยิม้ “พวกเจ้าอย่าไปมองนะว่าปกติเขาไม่รักในอํานาจ ที่จริ งเขาเริ่ มคว้าอํานาจมาไว้
ในมือทางอ้อมตั้งแต่ตอนอยูถ่ ้ าํ คล้อยบูรพาแล้ว ก่อนหน้านี้ถึงแม้ผกู ้ ารใหญ่หยางจะมีอาํ นาจมาก แต่
เจ้าเชื่อรึ เปล่า ว่าถ้าผูก้ ารใหญ่กล้ามีเจตนาไม่ดีแอบแฝง นายท่านต้องลงมือฆ่าทิ้งแน่ ๆ ที่เขาให้ขา้ กุม
อาจแทนเขา ก็เพราะรู ้วา่ ข้าแย่งจากเขาไม่ได้ จู่ ๆ เขาโดนแย่งอํานาจนี้ไป ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นเขา
จะต้องก่อเรื่ องแน่ แต่ดนั เป็ นข้าที่เข้ามายึดครองตําแหน่งของเขา เมื่อเข้ามายืนในตําหนักแล้วพบว่า
อํานาจที่กมุ มาหลายปี หายไปกะทันหัน ทั้งยังไม่รู้ดว้ ยว่าเมื่อไรอํานาจนี้ถึงจะกลับมา คนที่กมุ อํานาจ
จนเคยชิน แต่จู่ ๆ สู ญเสี ยไป ต่อให้เป็ นคนที่ใจกว้างกว่านี้ ในใจก็รู้สึกเสี ยสมดุลอยูด่ ี จะรู ้สึกตกอับนิด
หน่อย ไม่ใช่เพราะเขาเห็นความสําคัญกับอํานาจหรอกนะ แต่เป็ นเพราะยังไม่ชิน ให้เวลาเขาปรับตัว
สักหน่อยเถอะ” พูดจบก็นาํ หญิงรับใช้ท้ งั สองเดินออกไป
บรรดาประมุขตําหนักที่กาํ ลังพูดคุยหัวเราะกันเพิ่งจะเดินออกจากตําหนักประชุม พอเห็นเหมียวอี้
ปรากฏตัว บรรยากาศก็เงียบลงทันที ถ้าจะเรี ยกเขาว่า ‘ประมุขปราสาท’ ก็เห็นได้ชดั ว่าไม่เหมาะสม ถ้า
จะเรี ยกเขาว่า ‘ที่ปรึ กษา’ ก็กลัวว่าเขาจะไม่พอใจอีก รู ้สึกอึดอัดไปชัว่ ขณะ
กลับเป็ นเหมียวอี้ที่เป็ นฝ่ ายกุมหมัดคารวะหยางชิ่งก่อน “ข้าน้อยคารวะนายท่านผูก้ ารใหญ่!”
ก็ช่วยไม่ได้ นี่คือกฎที่เขาตั้งขึ้นมาเอง ที่นี่ผกู ้ ารใหญ่ตาํ แหน่งใหญ่กว่าที่ปรึ กษา
หยางชิ่งอึ้งมาก คิดในใจว่า ถ้าเจ้าก่อเรื่ องให้นอ้ ยลง ก็คงไม่เกิดเรื่ องเหมือนอย่างวันนี้หรอก เขากํา
หมัดแห้ง ๆ แล้วบอกว่า “นายท่านทําแบบนี้ช่างเป็ นการประหารข้าน้อยจริ ง ๆ แกล้งทําตอนอยูต่ ่อ
หน้าคนนอกก็พอแล้ว ตรงนี้ไม่มีคนนอก ในสายตาของทุกคน ท่านกับประมุขปราสาทยังคงมีฐานะ
เท่ากัน”
พอได้ยนิ คําพูดแบบนี้ เหมียวอี้กเ็ บื่อหน่ายนิดหน่อย หมายความว่าอะไรที่บอกว่าข้ากับประมุข
ปราสาทยังคงมีฐานะเท่ากัน เดิมทีขา้ เป็ นประมุข แต่นางเป็ นรองข้า ตกลงมั้ย แต่เมื่ออยูต่ ่อหน้าคน
นอกก็ไม่มีอะไรน่าแย่งชิงกัน
“ใช่ ๆ ๆ ๆ !” คนที่เหลือดันพยักหน้าตามทันที
มีเพียงฉิ นเวยเวยที่ยงั เงียบงัน รู ้สึกไม่คู่ควรแทนเหมียวอี้
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ แล้วเก็บมือสองข้างไว้ในแขนเสื้ อ รู ้สึกเป็ นอิสระมากทีเดียว เขาเดินลงบันได
ไปช้า ๆ ไปที่ลานกว้างเพียงลําพัง
หยางชิ่งรี บโบกมือบอกใบ้คนที่เหลือ แล้วพวกเขาก็รีบเหาะไปยังจวนของผูก้ ารใหญ่ทนั ที
“นายท่าน!”
บนลานกว้าง เมื่อเห็นเหมียวอี้เดินเข้ามา จิ้งอิ๋งกับจิ้งลู่กห็ ยุดกวาดพื้นแล้วคํานับเขา
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมประกาศว่า “ข้าโดนเบื้องบนลดตําแหน่งเป็ นที่ปรึ กษาแล้ว ฮูหยินรับตําแหน่งประมุข
ปราสาทอย่างเป็ นทางการ ต่อไปนี้ไม่ตอ้ งเรี ยกข้าว่านายท่านแล้ว”
จิ้งอิ๋งจึงยิม้ บาง ๆ “ที่ปรึ กษาก็เป็ นนายท่านเหมือนกันไม่ใช่หรื อเจ้าคะ”
เหมียวอี้อ้ ึงไปชัว่ ขณะ ใช่แล้ว สําหรับสองคนนี้ ตัวเองยังเป็ นนายท่านอยู่ อยูด่ ี ๆ จะไปเน้นยํ้าอธิบาย
กับพวกนางทําไม?
เขาพบว่าสภาพจิตใจตัวเองมีปัญหา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตัวเอง แล้วก็เดินเตร่ ออกไป
ขณะที่เดินเล่นอยูใ่ นตําหนักหรู หรากว้างใหญ่ เหมียวอี้กร็ ู ้สึกปลงอนิจจังอยูบ่ า้ ง เริ่ มตั้งแต่ถ้ าํ ล่องนิภา
สูต้ าสุ ดชีวติ เพื่อจะเป็ นประมุขถํ้า จนกระทัง่ ทุกวันนี้ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่างเปล่า ตอนโดนลดขั้นเป็ น
ประมุขถํ้าคล้อยบูรพายังไม่รู้สึกอย่างนี้เลย…
ไม่รู้วา่ ผ่านไปนานเท่าไร เสวีย่ เอ๋ อร์มาหาเขาแล้วบอกว่า “นายท่าน ฮูหยินเชิญเจ้าค่ะ”
พอทั้งสองกลับถึงตําหนักหลัง ก็เห็นบัณฑิตที่กาํ ลังเฝ้ าประตูหวั เราะเยาะคิกคักอย่างโจ่งแจ้ง เหมียวอี้
อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน
เสวีย่ เอ๋ อร์นาํ เขาไปยังตําหนักด้านข้างที่ประมุขปราสาทใช้เวลาทํางาน อวิน๋ จือชิวกําลังนัง่ เขียนสรุ ป
สถานการณ์ที่แต่ละตําหนักรายงานขึ้นมา ประมุขปราสาทที่รับตําแหน่งใหม่ตอ้ งรายงานสิ่ งเหล่านี้ข้ ึน
ไปเบื้องบน เพื่อพิสูจน์วา่ ตัวเองคุมสถานการณ์ของที่นี่อยู่ นี่คือหนึ่งในงานที่ทาํ เป็ นประจํา
พอเขาเข้ามา อวิน๋ จือชิวก็วางแผ่นหยกในมือลงก่อน แล้วยืนขึ้นหัวเราะคิกคักทันที นางเข้ามากอดแขน
เขา “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าไปตําหนักประชุม แต่เจ้าก็ดึงดันจะไปให้ได้ ตอนนี้ในใจรู ้สึกไม่ผอ่ นคลาย
แล้วสิ นะ?”
“เจ้าหัวเราะเยาะข้าเหรอ?” เหมียวอี้เหล่ตามองนาง หดแขนกลับมาจากอ้อมอกนาง แล้วกุมหมัดคารวะ
“ไม่มีเหตุผลที่ที่ปรึ กษาจะพักอยูใ่ นตําหนัก ประมุขปราสาทกรุ ณาให้เรื อนพักนอกตําหนักแก่ขา้ น้อย
ด้วยขอรับ”
“เอ! นี่เจ้าอยากแยกกันอยูก่ บั ข้าเหรอ! เรื่ องนี้ขา้ ไม่ได้ทาํ อะไรเลยนะ ขนาดเจ้าก่อเรื่ องขโมยคนอยูข่ า้ ง
นอกข้ายังไม่รู้เลย” อวิน๋ จือชิวยกแขนเสื้ อขึ้นมาปิ ดปากหัวเราะ แล้วหันตัวดันเขาลงไปนัง่ หลังโต๊ะยาว
กดเขาให้นงั่ ในตําแหน่งของประมุขปราสาท แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ท่านสามีที่แสนดี ท่านสนใจใยดี
ชื่อเสี ยงอันจอมปลอมนี้ต้ งั แต่เมื่อไรคะ ปกติเรื่ องพวกนี้ท่านก็โยนให้ขา้ ช่วยทําไม่ใช่เหรอ ต่อให้
ตําแหน่งข้าจะสู งกว่านี้ แต่กย็ งั เป็ นฮูหยินที่คอยปรนนิบตั ิเจ้านายอย่างท่านอย่างซื่อสัตย์เหมือนเดิม”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ “ดูไม่ออกเลยนะ ลืมตอนที่ตะคอกข้าต่อหน้าคนอื่น ๆ ในตําหนักใหญ่ไปแล้ว
เหรอ?”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะจนตัวโยน “ก็นนั่ เป็ นตอนที่อยูต่ ่อหน้าทุกคนไง ถ้าข้าไม่มีชื่อเสี ยงบารมี ต่อไปข้าก็
ทํางานไม่ราบรื่ นน่ะสิ ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว เจ้าดูสิวา่ ข้าก็ยงั เชื่อฟังคําพูดเจ้าแต่โดยดี”
เหมียวอี้ตอบว่า “อ๋ อเหรอ” แล้วก็ทาํ ท่าเหมือนทดสอบ เอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมสัง่ ว่า “เอานํ้าชามาวาง!”
อวิน๋ จือชิวกวักมือเรี ยกหญิงรับใช้ท้ งั สองที่กาํ ลังกลั้นขําทันที ไม่นานเชียนเอ๋ อร์กร็ ี บนําถ้วยนํ้าชามาให้
อวิน๋ จือชิวรับมาถือเอง แล้วใช้สองมือยืน่ ไปตรงหน้าเขาอย่างเคารพ
เหมียวอี้ดื่มไปคําเดียว พอวางถ้วยนํ้าชาลงก็บิดหัวไหล่ พูดเหมือนพึมพํากับตัวเองว่า “รู ้สึกไม่ค่อย
สบายหัวไหล่เลย”
อวิน๋ จือชิวยิม้ พลางส่ ายหน้า แต่กย็ งั เดินไปข้างหลังเขาแต่โดยดี แล้วเริ่ มบีบนวดไหลให้เขา
ตรงนี้เพิง่ จะนวดเสร็ จ เหมียวอี้กย็ นื่ ขาออกมาข้างหนึ่ง “รู ้สึกปวดขานิดหน่อย!”
อวิน๋ จือชิวกลอกตามองบน แต่กย็ งั ยกมือห้ามเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่กาํ ลังจะเข้ามาช่วย แล้วนัง่ คุกเข่า
ข้างเดียวตรงใต้เท้าของเหมียวอี้ กําหมัดสองข้างทุบนวดบนขาของเขาด้วยแรงที่พอเหมาะพอดี นาง
ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เขาจงใจจะก่อกวนข้าเพื่อให้หวั ใจตัวเองรู ้สึกสมดุล”
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมบอกเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์วา่ “รสชาติเวลาถูกประมุขปราสาทปรนนิบตั ิมนั ดีใช้ได้
เลย ยังมีรูปแบบอย่างอื่นอีกมั้ย?”
หญิงรับใช้ท้ งั สองกลั้นขําทันที
อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังทุบนวดขาให้เขาเงยหน้าขึ้น แล้วบอกว่า “หนิวเอ้อร์ อย่าทําเกินไปหน่อยเลย ความ
อดทนของข้ามีจาํ กัดนะ”
เหมียวอี้กลับยืน่ มือไปช้อนคางที่อ่อนนุ่มของนาง สวมมงกุฎหงส์สวยสง่าแต่กลับกําลังปรนนิบตั ิให้
เขา ท่าทางแบบนี้ค่อนข้างเร้าใจคน อดไม่ได้ที่จะตบต้นขาแสดงเจตนา
อวิน๋ จือชิวถลึงตามอง แล้วลุกขึ้นนัง่ บนตักของเขา แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะยืน่ มือไปไต่บนเต้าที่อิ่ม
เอิบของนางโดยตรง
เพียะ! อวิน๋ จือชิวเพิ่งจะตีปัดมือเขาออก แต่เขากลับจับตัวนางพลิกลงบนโต๊ะยาวแล้วกดให้นอนควํ่า
ก่อนจะเริ่ มถกกระโปรงนางขึ้นมา
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! ไม่ดูบา้ งเลยว่าที่นี่ที่ไหน กลับห้องนอนก่อนแล้วค่อยว่ากัน” อวิน๋ จือชิวดิ้นรน
ต่อต้าน
“ข้าอารมณ์ไม่ดี ยังไม่เคยลิ้มลองรสชาติของประมุขปราสาทเลย เอาที่นี่นนั่ แหละ”
เมื่อได้ยนิ เขากล่าวแบบนี้ อวิน๋ จือชิวก็ไม่รู้วา่ จะหัวเราะหรื อร้องไห้ดี นางเลิกขัดขืนแล้ว นอนหมอบ
บนโต๊ะยาวปล่อยให้เขาทําตามใจ ขณะเดียวกันก็เงยหน้าถลึงตาจ้องหญิงรับใช้ท้ งั สอง พวกนางหน้า
แดงและรี บออกไปทันที ไปเฝ้ าอยูท่ ี่ประตูดา้ นนอก
บั้นท้ายกลมเกลี้ยงเกลาขาวใสที่ถูกชายกระโปรงบังไว้ครึ่ งหนึ่ง ตอนนี้ถูกเปิ ดเผยออกมาแล้ว ไม่นาน
ก็ตามด้วยเสี ยงร้องตื่นเต้นของประมุขปราสาทคนก่อน ปิ่ นทองบนมงกุฎหงส์สนั่ ไหว…
ไม่วา่ จะยังเป็ นประมุขปราสาทหรื อไม่ ในทุก ๆ วันเหมียวอี้กย็ งั ต้องฝึ กคัดอักษรอย่างเลี่ยงไม่ได้
ประมุขปราสาทอวิน๋ เข้าครัวรับใช้ดว้ ยตัวเอง จากนั้นก็ควบคุมและเร่ งรัดให้เหมียวอี้ไปฝึ กตน
ทางด้านเยารั่วเซี ยน เหมียวอี้ยงั ไม่ไปหา ให้ผา่ นไปสักระยะแล้วค่อยว่ากัน กลัวว่าจะโดนคนจับตา
มอง
ชัว่ พริ บตาเดียวก็ถึงเวลาส่ งส่ วยแล้ว อวิน๋ จือชิวนําขบวนไปส่ งส่ วยที่ยอดเขาหยกนครหลวง ถึงแม้จะ
มาที่นี่เป็ นร้อย ๆ ปี แต่นี่เป็ นครั้งแรกที่นางมาด้วยฐานะของประมุขปราสาทอย่างเป็ นทางการ แต่ครั้ง
นี้ไม่ได้พาฉินเวยเวยมาด้วย ปล่อยให้ฉินเวยเวยอยูเ่ ล่นหมากล้อมกับเหมียวอี้
หลังจากมาถึงยอดเขาหยกนครหลวง อวิน๋ จือชิวและประมุขปราสาทคนอื่น ๆ ก็ติดตามจงเจิ้นไปยัง
แดนโพนสวรรค์
หลังจากมาถึงแดนโพนสวรรค์ สิ่ งที่ทาํ ให้อวิน๋ จือชิวรู ้สึกแปลกใจก็คือ อันหรู อวี้ที่ก่อนหน้านี้ชอบชัก
สี หน้าใส่ นาง ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะเป็ นฝ่ ายเข้ามาตีสนิทนางก่อน คําพูดคําจาอ่อนโยนมาก เหมือนมี
เจตนาอยากสนิท อวิน๋ จือชิวคิดเพียงว่าเป็ นเพราะคุณชายใหญ่ฮูเหยียนไท่เป่ ากลับมามีอาํ นาจอีกครั้ง
หลังจากอันหรู อวี้เสี ยอํานาจ สภาพจิตใจที่สูงส่ งอยูเ่ หนือผูอ้ ื่นจึงถูกทําลายไปด้วย
แต่หลังจากโอวหยางกวงท่านทูตสายชวดเป็ นฝ่ ายมาทักทายก่อนอีก ในใจอวิน๋ จือชิวก็เคลือบแคลง
เหมือนโดนเมฆหมอกปกคลุมไว้ทนั ที
ส่ วนคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากปี ที่ผา่ นมา นางยังโดนมู่ฝานจวินเรี ยกให้เขาพบเหมือนเดิม
ยังคงเป็ นในตําหนักนอนของมู่ฝานจวิน พอพวกบ่าวไพร่ ออกไปข้างนอก อวิน๋ จือชิวก็กา้ วเข้ามาเบา ๆ
เห็นยอดหญิงงามคนนั้นยังนัง่ ปล่อยผมประบ่าเงียบ ๆ อยูห่ น้ากระจก โฉมหน้าที่แท้จริ งของปราชญ์
เซี ยนมู่ฝานจวิน เรี ยกได้วา่ ทําให้ผหู ้ ญิงจํานวนมากมายในใต้หล้ารู ้สึกน้อยเนื้อตํ่าใจ อย่างน้อยอวิน๋ จือ
ชิวก็รู้สึกทอดถอนใจที่ตวั เองสู ไ้ ม่ได้ ไม่วา่ จะเป็ นด้านไหน นางก็นบั ถือสายตาของท่านปู่ ตัวเองในปี
นั้น เพียงแต่ความงามเลิศลํ้าแบบนี้ ยามปกติกลับถูกบดบังด้วยการแต่งหน้าเป็ นผูช้ าย ทําให้รู้สึก
เสี ยดายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนที่ 922

เพิม่ อีกสั กคน

“ท่านปราชญ์!” อวิน๋ จือชิวที่เดินมาถึงข้างโต๊ะเครื่ องแล้วแล้วทําความเคารพ


ดวงตาหงส์ที่สวยวิจิตรลืมขึ้นอย่างช้า ๆ ตอนที่ไม่มีเครื่ องประดับใด ๆ กอปรกับแววตาที่อ่อนโยนกว่า
ปกติ ท่วงทีที่สง่างามและสวยสดใสได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ขณะที่มองดูอวิน๋ จือชิวผ่านกระจก มู่
ฝานจวินจะกล่าวทักทายเสี ยงเบา “นางหนูอวิน๋ มาแล้วเหรอ”
นางหนู? ข้าโตจนอายุกี่ปีแล้ว! อวิน๋ จือชิวค่อนข้างพูดไม่ออก คําเรี ยกนี้มกั ทําให้อวิน๋ จือชิวรู ้สึกอึดอัด
ไปทั้งตัว เป็ นเพราะมู่ฝานจวินเรี ยกนางแบบนี้บ่อย ๆ แต่นางก็ไม่เคยชินเลย เพียงขานรับว่า “ค่ะ!”
มู่ฝานจวินพยักหน้า แล้วก็เป็ นเหมือนอย่างเคย อวิน๋ จือชิวเดินมาหยิบหวีหน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง แล้วเริ่ ม
หวีผมยาวสยายให้นางอย่างระมัดระวัง
ตอนที่บงั เอิญเห็นมู่ฝานจวินกําลังจ้องมองสํารวจตัวเองผ่านกระจก อวิน๋ จือชิวก็รีบหลบสายตา แต่มู่
ฝานจวินพูดเปิ ดว่า “นางหนูอวิน๋ เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับการที่ผชู ้ ายมีภรรยาหลายคน?”
มือของอวิน๋ จือชิวหยุดชะงักไปครู่ หนึ่ง ไม่รู้วา่ ทําไมนางถึงถามเช่นนี้ จึงตอบไปส่ ง ๆ ว่า “ประเพณี
นิยมของสังคมเป็ นเช่นนี้ หัวใจของคนในใต้หล้าเป็ นเช่นนี้ ภายใต้แนวคิดที่ฝังรากลึก ผูห้ ญิงเองก็
ตัดสิ นใจอะไรไม่ได้ค่ะ”
“อืม! พูดได้ดี” มู่ฝานจวินจ้องนางพลางถามว่า “ถ้าผูช้ ายของเจ้ามีภรรยาหลายคน เจ้าจะรับได้รึเปล่า?”
อวิน๋ จือชิวยิม้ บาง ๆ “ย่อมรับได้อยูแ่ ล้วค่ะ เพียงแต่ผชู ้ ายของข้า ไม่วา่ ใครก็แย่งไปไม่ได้” ในนํ้าแสดง
ให้เห็นความมัน่ ใจหลายส่ วน
มู่ฝานจวินพยักหน้าเล็กน้อย “เรื่ องนี้ขา้ เชื่อ ข้าเองก็ดูออก พวกเจ้าสองสามีภรรยามีความรักให้กนั …
แต่สาํ หรับผูช้ าย ความรักกับความปรารถนาเป็ นคนละเรื่ องกัน ข้าได้ยนิ ว่าข้างกายเหมียวอี้กม็ ีหญิงรับ
ใช้สองคนเหมือนกัน และได้ร่วมห้องตั้งนานแล้วด้วย อย่าบอกนะว่ายามปกติเจ้าไม่ปล่อยให้เหมียวอี้
แตะต้องพวกนาง?”
อวิน๋ จือชิวไม่รู้วา่ ทําไมวันนี้นางจึงพูดโยงมาถึงเรื่ องนี้ นางยิม้ พร้อมตอบว่า “ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ
หญิงรับใช้ท้ งั สองอยูก่ บั เขามาก่อนข้า ไม่วา่ จะเป็ นกับข้าหรื อกับเขา พวกนางก็จงรักภักดีมาก ต่อให้
ระหว่างพวกเขาจะไม่ใช่สามีภรรยากัน แต่กม็ ีพฤติกรรมเหมือนกับสามีภรรยา ต่อให้ขา้ น้อยเห็นแก่ตวั
กว่านี้กไ็ ม่อาจฝื นแยกพวกเขาได้ เรื่ องบางเรื่ องต้องมองให้กว้างเข้าไว้ อะไรที่ผอ่ นปรนได้กต็ อ้ งผ่อน
ปรน”
มู่ฝานจวินถอนหายใจแล้วบอกว่า “เจ้าพูดไม่ผดิ หรอก คนเรามีชีวติ อยูใ่ นโลก เรื่ องบางเรื่ องก็ตอ้ งมอง
ให้กว้างเข้าไว้ ต้องมองไปข้างหน้า ถ้ามัวคิดเล็กคิดน้อยก็ไม่ตอ้ งทําอะไรกันพอดี เจ้าเป็ นคนที่เข้าใจ
หลักการเหตุผลชัดเจน นางหนู ถ้าข้าจะประทานอนุภรรยาให้เหมียวอี้อีกสองคน เจ้าจะยินยอมรึ
เปล่า?”
ในชัว่ พริ บตาเดียว อวิน๋ จือชิวก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนางจึงโยงมาถึงเรื่ องนี้ได้ อดไม่ได้ที่จะชะงักอยูอ่ ย่าง
นั้น มองดูตวั เองในกระจกอย่างค่อนข้างตกตะลึง
ล้อเล่นอะไรกัน ต่อให้เป็ นผูห้ ญิงที่ใจกว้างกว่านี้ แต่กร็ ับไม่ได้ที่ขา้ งกายผูช้ ายของตัวเองจะมีผหู ้ ญิง
แปลกหน้าเพิ่มเข้ามา
มู่ฝานจวินจ้องมองนางผ่านกระจก “ข้าก็แค่พดู ไปอย่างนั้น ถ้าเจ้ายินยอม ข้าก็จะประทานให้เขาสอง
คน แต่ถา้ เจ้าไม่ยนิ ยอม ข้าก็ไม่ฝืนใจเหมือนกัน แค่ถามความเห็นของเจ้าเท่านั้น ข้าเองก็เป็ นผูห้ ญิง ไม่
ฝื นใจเจ้าด้วยเรื่ องแบบนี้แน่นอน และไม่อยากเห็นเจ้าได้รับความไม่เป็ นธรรมแบบนี้ดว้ ย”
ก็ตอ้ งไม่ยนิ ยอมอยูแ่ ล้วล่ะ! ผูห้ ญิงที่ไหนจะยินยอมกับเรื่ องแบบนี้ล่ะ ถ้าเป็ นไปได้ อวิน๋ จือชิวก็อยาก
จะเป็ นผูห้ ญิงคนเดียวที่อยูข่ า้ งกายเหมียวอี้ แม้แต่เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กไ็ ม่ตอ้ งมีอยูถ่ ึงจะดี! แต่นางก็รู้
ว่ามู่ฝานจวินพูดแบบนี้จะต้องมีสาเหตุแน่ จึงถามอย่างสงสัยว่า “สองคนเหรอคะ?”
นางแปลกใจนิดหน่อย เจ้าบอกว่าจะประทานให้คนเดียวก็พอแล้ว ทําไมต้องประทานให้สองคน?
“อืม!” มู่ฝานจวินพยักหน้า “สองคน จะบอกว่าคนเดียวก็ได้ จะบอกว่าสองคนก็ไม่ผดิ ถึงอย่างไรก็เป็ น
คนเป็ น ๆ คู่หนึ่ง ลูกสาวฝาแฝดของอันหรู อวี้ลกู ศิษย์ขา้ เอง ตอนแรกข้าก็เคยบอกเรื่ องข่าวลือระหว่าง
เหมียวอี้กบั พวกนางให้เจ้ารู ้ ข้าไปยืนยันเรื่ องนี้กบั อันหรู อวี้มาแล้ว พวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กนั จริ ง
ๆ แต่เจ้าไม่ตอ้ งห่วงหรอก เรื่ องนี้เหมียวอี้ไม่ใช่คนผิด…”
นางพูดเรื่ องที่เหมียวอี้โดนขืนใจได้อย่างไม่รําคาญใจ แต่อวิน๋ จือชิวเรี ยกได้วา่ ฟังแล้วกัดฟันกรอด ใช่
ว่านางจะไม่รู้เรื่ องนี้ เพียงแต่พอได้ยนิ แล้วไม่สบอารมณ์ รู ้สึกเลี่ยนในใจ รอจนกระทัง่ มู่ฝานจวินเล่า
เสร็ จ อวิน๋ จือชิวก็บอกว่า “ข้าเคยถามเหมียวอี้เรื่ องนี้แล้ว เขาสารภาพกับข้าแล้วค่ะ”
“อ้อ! งั้นก็ถือว่าข้าพูดมากไปก็แล้วกัน เจ้าเองก็คงรู ้เรื่ องที่เกิดขึ้นที่สาํ นักงามวิจิตรมาแล้ว สาเหตุที่อนั
หรู อวี้วางแผนทําร้ายเขา ก็เป็ นเพราะเรื่ องลูกสาวของนาง เจ้าเองก็รู้ถึงประเพณี ค่านิยมของโลกนี้ ถ้า
ให้ลูกสาวนางไปแต่งงานกับคนอื่น เมื่ออยูต่ ่อหน้าผูช้ ายคนอื่น ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าชาติน้ ีจะได้เงย
หน้าอ้าปาก ถ้าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวติ เพราะเรื่ องเล็กน้อยแค่น้ ี อันหรู อวี้กว็ นุ่ วายใจไปทั้งชาติ
เหมือนกัน กับเรื่ องแบบนี้ สําหรับคนเป็ นแม่มนั คือความทุกข์ที่ไม่อาจแก้ได้ เรื่ องที่สาํ นักงามวิจิตร ข้า
ต้องลงโทษนางแน่นอน เวลาหนึ่งหมื่นปี ที่ฮูเหยียนไท่เป่ ายืนหันหน้าเข้ากําแพงเพื่อสํานึกผิด เวลาที่
เหลือก็ให้นางมารับช่วงต่อ ส่ วนโอวหยางกวงท่านทูตสายชวดก็ควรลงจากตําแหน่ง แต่ถึงอย่างไร
นางก็เป็ นลูกศิษย์ขา้ หลายปี มานี้ต่อให้ไม่ได้สร้างผลงานแต่กล็ าํ บากทํางาน เป็ นไปไม่ได้ที่อาจารย์
อย่างข้าจะไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้พวกเขา ถ้าแม้แต่ลูกศิษย์ตวั เองยังเอาใจออกห่าง ต่อไปก็คงไม่มีใคร
ทํางานให้ขา้ แล้ว ดังนั้นเรื่ องชีวติ การแต่งงานของลูกสาวนาง ข้าจึงรับผิดชอบให้ท้ งั หมด ที่ตอนนี้ยงั
ไม่ทาํ โทษพวกเขา ก็เพื่อให้เกียรติลูกสาวของนางก่อนแต่งงาน หลังจากแต่งงานแล้วก็ตอ้ งรับการ
ลงโทษ นางหนูอวิน๋ ข้าพูดถึงขั้นนี้แล้วเจ้าต้องแสดงความเห็นสักหน่อยแล้วนะ!”
ก็เจ้ารับปากไปแล้ว ยังจะมาถามข้าทําไมอีกล่ะ? อวิน๋ จือชิวหงุดหงิดใจมาก กลับคิดว่าสิ่ งที่มู่ฝานจวิ
นบอกว่าขอความคิดเห็นจากนาง เป็ นเพียงการแสร้งทําเท่านั้น ไม่เหลือทางไว้ให้นางปฏิเสธเลย
น้องสาวของเหมียวอี้ถูกบีบอยูใ่ นมืออีกฝ่ าย… นางถามอย่างสับสนมากว่า “ลูกสาวของคุณชายรอง จะ
ให้แต่งมาเป็ นอนุภรรยาได้อย่างไรคะ”
“ถ้าไม่ให้เป็ นอนุภรรยาแล้วจะให้เป็ นอะไรล่ะ? จะให้เจ้าถอยออกจากตําแหน่งภรรยาเอกเชียวหรื อ?
แบบนั้นข้าไม่ตอบตกลงหรอก!” มู่ฝานจวินยืน่ มือไปกุมมือนางเอาไว้ แล้วใช้มือีกข้างลูบหลังมือนาง
เบา ๆ “นางหนู เมื่อครู่ น้ ีเจ้าก็บอกเอง เรื่ องบางเรื่ องต้องมองให้กว้างเข้าไว้ อนุภรรยาแค่สองคนเท่านั้น
เข้าไปอยูใ่ นบ้านเจ้าก็ตอ้ งเชื่อฟังเจ้าอยูด่ ี เจ้าต่างหากที่เป็ นนายหญิงที่แท้จริ ง พวกนางสองคนเชื่อฟัง
เจ้า โอวหยางกวงกับฮูหยินก็ตอ้ งไว้หน้าเจ้าเช่นกัน ในภายหลังก็จะช่วยเหลือเจ้าได้เยอะ ไม่คุกคาม
ตําแหน่งของเจ้าหรอก เจ้าคิดว่าทําไมข้าถึงลดขั้นเหมียวอี้ให้เป็ นที่ปรึ กษาของประมุขปราสาทอย่าง
เจ้าล่ะ? ก็เพราะไม่อยากให้มีคนมาคุกคามตําแหน่งเจ้าบ้านของเจ้า สาเหตุที่ขา้ ยังไม่แต่งตั้งท่านทูตสาย
มะโรง ก็เพราะจะเก็บไว้ให้เจ้าไง ต่อไปนี้เจ้าคือผูม้ ีอาํ นาจตัดสิ นใจของบ้านนั้น เรื่ องหลงเมียน้อย
กําจัดเมียหลวงจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้าแน่นอน ที่สาํ คัญที่สุดก็คือ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็ นหลานสาวของอวิน๋
อ้าวเทียน ให้เจ้าเป็ นท่านทูตของแดนเซี ยนคงไม่เหมาะ แต่ถา้ เหมียวอี้แต่งงานกับลูกสาวของลูกศิษย์
ข้า แบบนั้นก็พอฟังขึ้นแล้ว มีความสัมพันธ์กบั ข้าทางอ้อมแบบนี้แล้ว ถ้าให้เจ้าเป็ นท่านทูต คนอื่นก็วา่
อะไรไม่ได้ อย่างน้อยสองพีน่ อ้ งตระกูลอันกับโอวหยางกวงก็ตอ้ งสนับสนุนเจ้าแน่นอน นางหนู ข้า
ตั้งใจจะสนับสนุนเจ้า ข้าคิดทบทวนอย่างหนักเลยนะ เจ้าดูไม่ออกเชียวหรื อ?”
คิดทบทวนอย่างหนัก? เจ้ามีเจตนาดีที่จะสนับสนุนข้าขนาดนั้นเลยเหรอ? อวิน๋ จือชิวกัดริ มฝี ปาก ใน
ที่สุดตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่าทําไมจู่ ๆ อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงมาตีสนิทตน จึงแข็งใจบอกไปว่า
“ข้าไม่สนใจตําแหน่งชื่อเสี ยงพวกนั้นหรอกค่ะ เรื่ องนําสามีตวั เองมาแลกกับตําแหน่ง ข้าทําไม่ลง
หรอกค่ะ”
“เหลวไหล! ใครบอกว่าว่านําสามีเจ้ามาแลกกับตําแหน่งของเจ้า? นี่เป็ นงานสมรสที่ขา้ ประทานให้!” มู่
ฝานจวินทําหน้าเคร่ งขรึ มทันที จับมือนางไว้แน่น เอียงหน้ามองนาง พร้อมกล่าวด้วยสายตาคมกริ บ
“นางหนู ผูช้ ายน่ะพึ่งพาไม่ได้ท้ งั นั้น สุ ดท้ายเจ้าก็ตอ้ งพึ่งพาตัวเอง ภูมิหลังของเจ้าได้กาํ หนดแล้วว่าเจ้า
จะใช้ชีวติ ธรรมดาไม่ได้ ปฏิเสธแนวคิดชายเป็ นใหญ่เหมือนที่ปู่เจ้าสอนซะ ใครบอกว่าผูห้ ญิงคนหนึ่ง
จะต้องโดนผูช้ ายควบคุมไปทั้งชีวติ ? ในเมื่อเจ้ามาอยูข่ า้ งกายข้าแล้ว ข้าไม่มีทางให้เจ้าใช้ชีวติ ธรรมดา
ต่อไปหรอก ตําแหน่งท่านทูตนี้ เจ้าไม่อยากเป็ นก็ตอ้ งเป็ น เอาตามนี้แล้วกัน!”
อวิน๋ จือชิวอยากจะบอกมากว่า ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทําไมท่านปูขา้ ไม่มีทางอยูร่ ่ วมกับเจ้าได้ ใน
โลกนี้มีผชู ้ ายคนไหนทนรับผูห้ ญิงประเภทนี้ได้บา้ ง ต่อให้เจ้าจะสวยกว่านี้กไ็ ม่มีประโยชน์
ทว่านางก็ไม่กล้าพูดคํานี้ออกไป เพียงกัดฟันตอบว่า “เรื่ องนี้ขา้ ตอบตกลงไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังต้อง
ถามความเห็นเหมียวอี้ค่ะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็ นคนรับอนุภรรยา หากเขาไม่ชอบ บังคับไปก็ไม่มี
ประโยชน์” ถึงแม้จะไม่ได้ต่อต้านอย่างแข็งกร้าว แต่ความหมายแฝงในคําพูดก็คือ นี่ไม่ใช่เรื่ องที่เจ้าจะ
ตัดสิ นใจได้
มู่ฝานจวินถามกลับ “ข้างกายมีผหู ้ ญิงเพิ่มขึ้น เจ้าคิดว่ามีผชู ้ ายคนไหนไม่ชอบบ้าง? ลูกสาวของอันหรู
อวี้หน้าตางดงามใช้ได้เลย ฝาแฝดคู่หนึ่งที่รูปโฉมงดงามดุจดอกไม้ไปเป็ นอนุภรรยาเขา เป็ นวาสนา
ทางความรักที่คนอื่นไขว่คว้าไม่ได้ ต่อให้เป็ นแค่ความฝัน ก็เกรงว่าเขาจะแอบดีใจ เจ้าเอาความกล้า
จากไหนมารับประกันว่าเขาจะไม่ชอบ?”
อวิน๋ จือชิวหน้าซีดทันที ใช่แล้วล่ะ นางเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าเหมียวอี้จะไม่ชอบ ถ้าจะพูดให้ถูกก็
คือนางไม่อยากยอมรับ เป็ นนางเองที่ช่วยพูดแทนเหมียวอี้วา่ ไม่ชอบ
นางยกมือขึ้นช้า ๆ เริ่ มหวีผมให้มู่ฝานจวินอย่างช้า ๆ
มู่ฝานจวินเองก็ไม่ได้กดดันนางมากเกินไป เพราะรู ้วา่ ต่อให้นางไม่ตอบตกลงก็ตอ้ งตอบตกลง
หลังจากเงียบไปนาน สุ ดท้ายอวิน๋ จือชิวก็เอ่ยว่า “ข้าน้อยตอบตกลงก็ได้ค่ะ เพียงแต่ขา้ น้อยมีเรื่ องจะ
ขอร้องหนึ่งอย่าง”
“ว่ามา!” มู่ฝานจวินกล่าวตรง ๆ
“นอกจากฝาแฝดคู่น้ นั แล้ว บวกเพิ่มไปอีกสักคนได้ม้ ยั คะ ท่านปราชญ์ได้โปรดประทานงานสมรสให้
พร้อมกันเลย!”
“บวกเพิ่มอีกคนเหรอ?” มู่ฝานจวินแปลกใจมาก นางกําลังจ้องมองคนในกระจก คิดไม่ตกไปชัว่ ขณะ
ว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ไม่นานก็เข้าในใจทันที จึงกล่าวว่า “เจ้ากังวลว่าภูมิหลังของสองฝาแฝดจะ
ทําให้เจ้าควบคุมพวกนางไม่ไหว จึงอยากจะเพิ่มอีกสักคนมาสร้างสมดุลเหรอ? อืม! คิดได้แบบนี้ก็
ถูกต้องแล้ว เจ้าเป็ นคนมีความตั้งใจ นี่คือท่าทีของผูท้ ี่ควบคุมดูแลบ้านควรจะมี ข้าตอบตกลงเจ้า!”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ผูห้ ญิงประเภทนี้ ไม่วา่ เรื่ องอะไรก็สามารถคิดโยงไปถึง
หนทางของตัวเองได้ และนับถือนางจริ ง ๆ ไม่แปลกใจที่ท่านปู่ ข้าทิ้งเจ้า…
เมื่อกลับถึงปราสาทดําเนินสุ ริยนั บัณฑิตที่เฝ้ าประตูตาํ หนักหลังก็เปิ ดค่ายกลแปดทิศ ช่างไม้กบั ช่าง
หิ นหามเกี้ยวเข้ามาในตําหนักหลัง
เมื่อวางเกี้ยวลง อวิน๋ จือชิวเพิ่งก้าวออกมาจากเกี้ยว เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กเ็ ข้ามาคํานับแล้ว อวิน๋ จือชิว
มองไปรอบ ๆ แล้วถามส่ งเดชว่า “นายท่านล่ะ?”
“นายท่านกําลังฝึ กตนค่ะ” เชียนเอ๋ อร์ตอบ
อวิน๋ จือชิวแปลกใจทันที “ข้าให้ประมุขตําหนักฉินอยูเ่ ล่นหมากล้อมเป็ นเพื่อนนายท่านไม่ใช่เหรอ?”
เชียนเอ๋ อร์ตอบว่า “หลังจากประมุขปราสาทไปได้ไม่นาน ผูก้ ารใหญ่หยางก็ส่งคนมาเชิญประมุข
ตําหนักฉิ นไปหา แล้วนายท่านก็ไปฝึ กตนเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปดูซิวา่ ประมุขตําหนักฉิ นยังอยูท่ ี่จวนผูก้ ารใหญ่รึเปล่า ถ้ายังอยู่ ก็เชิญนางมาพบข้าหน่อย ข้ามี
ธุระจะคุยกับนาง” อวิน๋ จือชิวพูดทิ้งไว้แล้วเดินเข้าตําหนักทันที
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์สบตากันแวบหนึ่ง พบว่าวันนี้นางเหมือนจะมีปฏิกิริยาต่างไปจากปกติ
ประตูหินของห้องสมาธิฝึกตนถูกผลักออกโดยอวิน๋ จือชิว ไม่บอกไม่กล่าวสักคํา เห็นเพียงเหมียวอี้ที่
กําลังนัง่ กุมแสงสี แดงสองกลุ่มในฝ่ ามือพลันลืมตา
เมื่อเห็นนางบุกเข้ามา เหมียวอี้กค็ ่อย ๆ หยุดฝึ กวิชา แล้วขมวดคิว้ ถามว่า “เป็ นอะไรไป? โมโหอะไร
มา?” เขาเองก็ดูออกว่าสี หน้าของอวิน๋ จือชิวดูไม่ดีเท่าไร
ตอนที่ 923

ถือกระบี่เล่นหมากล้ อม

ทําสี หน้าดี ๆ ได้กแ็ ปลกแล้ว! นางสะบัดกระโปรงยาว นัง่ ลงข้างกายเหมียวอี้ที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิ แล้ว
ถามว่า “คิดหาทางพาน้องสาวเจ้าออกไปจากข้างกายมู่ฝานจวินได้ม้ ยั ?”
“…” เหมียวอี้ตะลึงนิดหน่อย แล้วถามหยัง่ เชิงอย่างค่อนข้างลําบากใจ “ไปแดนโพ้นสวรรค์มาครั้งนี้…
เจ้าสามทําให้เจ้าไม่พอใจอีกแล้วเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวเอียงตัวทันที หนุนศีรษะไว้บนไหล่ของเขา ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เอาแต่โดนมู่ฝานจวิ
นบีบจุดอ่อนแบบนี้ ข้าเริ่ มจะทนไม่ไหวแล้ว”
เครื่ องประดับเกะกะบนศีรษะนางจิ้มจนเหมียวอี้ไม่สบายหน้าและคอ เขาเอียงหน้าพลางถอนหายใจ
แล้วบอกว่า “ทําไมข้าจะไม่อยากทําล่ะ แต่มู่ฝานจวินเหมือนจะแน่ใจแล้วว่าข้าพานางไปไม่ได้ หากมี
ความเป็ นไปได้แม้เพียงนิดเดียว มู่ฝานจวินคงคงไม่หละหลวมกับนางแบบนี้หรอก ครั้งก่อนที่อยูแ่ ดน
โพ้นสวรรค์ ข้าถึงขั้นเกิดอารมณ์ชวั่ วูบอยากจะจับตัวนางไปเสี ยเลย มู่ฝานจวินนัน่ ไม่ธรรมดา เจ้าอย่า
ไปมองนะว่านางเป็ นแค่ผหู ้ ญิง ข้าไม่รู้เลยจริ ง ๆ ว่ามู่ฝานจวินยังเหลือแผนสํารองอะไรไว้อีก ข้ากลัว
เจ้าสามจะติดร่ างแหไปด้วย เลยไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่าม ทําไมล่ะ มู่ฝานจวินกลัน่ แกล้งเจ้าเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวลุกนัง่ ตัวตรง มองเขาแล้วพยักหน้าแรง ๆ “แค่กลัน่ แกล้งซะที่ไหนล่ะ นางทําให้ขา้ โมโห
จนแทบทนไม่ไหว นางให้ขา้ เป็ นท่านทูตสายมะโรง”
“…” เหมียวอี้เบิกตาโพลงครู่ หนึ่ง “นายท่านประมุขปราสาท นี่เจ้าไม่ได้ลอ้ เล่นใช่ม้ ยั ? จริ งหรื อ
หลอก?”
“จริ งสิ คาดว่าคงจะได้รับตําแหน่งเร็ ว ๆ นี้”
“เหอะ ๆ ! เถ้าแก่เนี้ย ถึงแม้พวกเราจะไม่สนใจตําแหน่งนี้ แต่เหมือนจะไม่ใช่เรื่ องแย่อะไรนะ! มีอะไร
น่าโมโห?”
อวิน๋ จือชิวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาเกยบนบ่าเขา บิดหูเขาอย่างยัว่ โมโห แล้วเดาะลิ้นพูดว่า “เจ้ายังลิ้มลอง
รสชาติของประมุขปราสาทไม่ถึงอกถึงใจ ยังอยากจะลิ้มลองรสชาติของท่านทูตด้วยใช่ม้ ยั ล่ะ?” เมื่อ
พูดถึงเรื่ องนี้… รสนิยมของท่านสามีกท็ าํ ให้นางหน้าแดงนิดหน่อย ท่านสามีเหมือนจะมีรสนิยมแบบ
นี้ ชอบที่จะอาศัยฐานะความเป็ นลูกน้องของตัวมาสยบผูบ้ งั คับบัญชาอย่างนาง แล้วต้องทําในสถานที่
ที่พิสูจน์ฐานะของนางด้วย พอนึกถึงภาพนั้นแล้วรู ้สึกเสี ยหน้าจริ ง ๆ
ตอนที่นางไม่พดู ก็ยงั ดี ๆ อยู่ แต่พอพูดแบบนี้ เหมียวอี้กอ็ ดไม่ได้ที่จะกวาดมองนางตั้งแต่ศีรษะจดเท้า
ด้วยสายตาชัว่ ร้าย
“เชอะ! คิดไปถึงไหนแล้ว” อวิน๋ จือชิวเชิดใส่ แล้วผลักหน้าเขาออกไป จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วหมอบ
ลงบนบ่าเขาอีก
เหมียวอี้ยนื่ มือไปโอบเอวบางของนาง แล้วถามว่า “เป็ นอะไรไป? ก็แค่เป็ นท่านทูตเอง แค่ไปรับ
ตําแหน่งสิ้ นเรื่ อง ข้าไม่อิจฉาหรอก ถ้าเจ้าแย่งตําแหน่งของมู่ฝานจวินได้ขา้ ก็ยงิ่ ดีใจ” เวลาผ่านไปนาน
ขนาดนี้ ความรู ้สึกหดหู่ยามสู ญสิ้ นอํานาจก็ผา่ นไปแล้วเช่นกัน
“ไม่ใช่เรื่ องนี้”
“แล้วเรื่ องไหนล่ะ?”
“ข้าอยากจะซ้อมเจ้าสักยก ให้ขา้ ซ้อมเจ้าสักยกได้ม้ ยั ?”
เหมียวอี้สีหน้าบึ้งตึงทันที รู ้วา่ ผูห้ ญิงคนนี้ทาํ เรื่ องแบบนี้ได้จริ ง ๆ จึงเตือนว่า “อวิน๋ จือชิว มารดาเจ้า
เถอะ เจ้าเป็ นบ้ารึ เปล่า ข้าไม่ได้ไปยัว่ โมโหอะไรเข้าใช่ม้ ยั ?”
นิ้วงามนิ้วหนึ่งจิ้มที่หน้าผากของท่านขุนนางเหมียว “ไม่มีมโนธรรม ตอนนี้รังเกียจที่ขา้ เป็ นคนบ้าซะ
แล้วเหรอ ตอนเปิ ดกระโปรงข้า ถอดกางเกงข้า ทําไมไม่รังเกียจที่ขา้ เป็ นคนบ้าบ้างล่ะ?”
เรื่ องบางเรื่ องแค่ทาํ ก็พอแล้ว พูดออกมาแล้วน่าอาย เหมียวอี้ถามอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้า
เป็ นฮูหยินของข้า ถ้าไม่ให้เปิ ดกระโปรงเจ้าแล้วจะให้เปิ ดกระโปรงใคร?”
“อย่ามาไม้น้ ีเลย! ลองไปถามเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ หรื อไม่กล็ องไปถามฝาแฝดคู่น้ นั ดูสิ? ใครจะไปรู ้วา่
เจ้ายังมีผหู ้ ญิงคนอื่นปิ ดบังข้าอีกรึ เปล่า”
เหมียวอี้หน้ามืดหน้าดําทันที “ถ้าพูดเรื่ องฝาแฝดอีก ข้าจะแตกคอกับเจ้าแล้วนะ!”
“ก็ได้ ๆ ๆ ไม่พดู ถึงพวกนางแล้ว ข้าจะจําไว้ เจ้าไม่ให้ขา้ พูดเองนะ!” อวิน๋ จือชิวเงยหน้ามองเขา แล้ว
หมอบบนบ่าเขาพร้อมบ่นต่อไป “หนิวเอ้อร์ ข้ารู ้วา่ เจ้ารักข้า เวลาข้าหาเรื่ องโดยไร้เหตุผล เจ้าก็เลยไม่
ถือสาข้า เจ้าไม่รู้หรอก ทุกครั้งหลังจากที่ขา้ หาเรื่ องแล้วเจ้ายอมข้า ในใจข้ารู ้สึกดีมากนะ ต่อให้เป็ นใน
ฝันก็มีความสุ ข แต่ขา้ ก็กลัวมาก… หนิวเอ้อร์ จะมีวนั ไหนที่เจ้าจะเลิกชอบข้ารึ เปล่า?”
“ไม่มีทาง!” มือของเหมียวอี้ไหลจากเอวลงไปที่บ้ นั ท้าย
“จริ งเหรอ?”
“จริ งจนไม่รู้จะจริ งยังไงแล้ว!”
“งั้นข้าก็จะลองดู!” อวิน๋ จือชิวบอกเขาก่อน เหมียวอี้ที่มือไม้กาํ ลังซุกซนยังไม่ทนั รู ้วา่ อะไรเป็ นอะไร
มือของผูห้ ญิงคนนี้กย็ า้ ยจากแผ่นหลังขึ้นมาดึงมวยผมเหมียวอี้แล้ว ดึงจนเขาตกลงมาจากเตียง แล้วไม่
พูดพรํ่าทําเพลง ควงหมัดยกเท้าซ้อมเขาไปยกหนึ่ง
เหมียวอี้กาํ ลังโดนซ้อมจนล้มลุกคลุกคลาน คํารามอย่างบ้าคลัง่ ว่า “นางผูห้ ญิงบ้า เจ้าบ้าไปแล้ว…”
ปั้ ง ๆ ! ตุบ้ ตั้บ! โครม…
อวิน๋ จือชิวเหมือนระบายความโกรธแค้นจริ ง ๆ ออกแรงเพิม่ ทั้งเท้าทั้งหมัด ซ้อมไปพลางด่าไปพลาง
“ข้าให้เจ้ายํา่ ยีดอกไม้ ข้าให้เจ้ายํา่ ยีดอกไม้ริมทางไปทัว่ เลย…”
“ฮูหยิน!” ประตูหอ้ งสมาธิเปิ ดออก เชียนเอ๋ อร์ที่พรวดพราดเข้ามาร้องอุทาน
อวิน๋ จือชิวเอียงหน้ามองแวบหนึ่ง แล้วเตะเหมียวอี้อีกครั้งก่อนจะหยุด
เหมียวอี้กระโดดลุกขึ้น แล้วจ่อหมัดไปที่หน้าของอวิน๋ จือชิว
อวิน๋ จือชิวไม่หนีไม่หลบ ยืน่ ใบหน้างามเข้ามารับทันที เป็ นฝ่ ายเสนอหน้าให้เขาชก
“เจ้า…” หมัดแทบจะลงบนหน้านาง แต่กลับหยุดค้างเสี ยดื้อ ๆ ท่านขุนนางเหมียวแยกเขี้ยวยิงฟันทําสี
หน้าดุร้าย แล้วจู่ ๆ หมัดก็เปลี่ยนเป็ นยืน่ นิ้ว ชี้นิ้วจ่อจมูกนาง “ไม่มีทางอยูก่ นั ดี ๆ ได้หรอก ข้าจะเลิก
กับเจ้า!”
อวิน๋ จือชิวยิม้ ยัว่ เย้า แล้วจู่ ๆ ก็เข้ามากอดจูบเขาอย่างแรงทีหนึ่ง เหมียวอี้ที่โดนจู่โจมผลักนางออก ยก
มือเช็กตรงที่โดนนางจูบ ทําเหมือนขยะแขยงสุ ด ๆ
อวิน๋ จือชิวที่เซไปข้างหลังไม่สนใจ กลับเป็ นการกวาดล้างความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ทิ้งไปเสี ยด้วยซํ้า
นางมองเขาอย่างออเซาะ ในแววตาเต็มไปด้วยความหวานปานนํ้าผึ้ง อารมณ์เปลี่ยนเป็ น
กระปรี้ กระเปร่ าแล้ว นางหันตัวมองไปทางเชียนเอ๋ อร์ที่เดินเข้ามา แล้วถามว่า “มีอะไร?”
เชียนเอ๋ อร์มองทั้งสองด้วยสายตาสงสัยนิดหน่อย แล้วตอบว่า “ฮูหยิน เชิญประมุขตําหนักฉิ นมาแล้ว
ค่ะ”
อวิน๋ จือชิวรี บไปช่วยจัดเสื้ อของเหมียวอี้ให้เรี ยบร้อย ที่เพิง่ ลงมือเมื่อครู่ น้ ีจากไม่ได้ตบหน้าเขา แต่เขาก็
ยังไม่รับไมตรี ตะคอกอย่างโมโหว่า “ไสหัวไป!”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็เอียงศีรษะบอกใบ้ให้เชียนเอ๋ อร์ไปช่วยเขาจัดเสื้ อผ้า ส่ วนนางก็จดั
กระโปรงตัวเอง ตอนลงมือเมื่อครู่ น้ ีทาํ ให้เสื้ อผ้าไม่เป็ นระเบียบ
หลังจากทั้งสองจัดแจงเสื้ อผ้าเรี ยบร้อย อวิน๋ จือชิวก็กา้ วขึ้นมาคว้ามือเหมียวอี้ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้
ว่า “หนิวเอ้อร์ อย่าโมโหเลย แขกมาแล้ว ไปพบแขกด้วยกันเถอะ!”
“ไปให้พน้ ! มีแต่ผนี ่ะสิ ที่ไปกับเจ้า!” เหมียวอี้ยงั ไม่หายโมโห
“เอ๋ !” อวิน๋ จือชิวเดาะลิ้น “ยังมาใส่ อารมณ์อีกเหรอ อารมณ์แบบนี้สูก้ บั อารมณ์ตอนดึงกระโปรงข้าได้
เลยนะ!”
เชียนเอ๋ อร์รีบก้มหน้า แสร้งทําเป็ นไม่ได้ยนิ เหมียวอี้แยกเขี้ยวยิงฟัน เกิดความรู ้สึกเหมือนโดนทรมาน
จนยับเยิน อยากจะโผเข้าไปบีบคอผูห้ ญิงคนนี้ให้ตาย
“หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่ากังวลไปเลย เอาอย่างนี้แล้วกัน เราสองคนมาเดิมพันกัน ถ้าข้าชนะแล้ว ต่อไปเจ้าก็
เชื่อฟังข้ามากขึ้นหน่อย ถ้าเจ้าชนะแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าจะทําอะไร ไม่วา่ จะถูกหรื อผิดข้าก็จะตามใจเจ้า
แบบนี้ดีม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวช้อนคางเขาอย่างท้าทาย
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริ งเหรอ?” เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามอย่างแค้นเคือง “เดิมพันอะไร?”
อวิน๋ จือชิวแสยะยิม้ แล้วบอกว่า “เดิมพันสิ่ งที่เจ้าถนัดที่สุด เล่นหมากล้อม!” พูดจบก็สะบัดกระโปรง
เดินสาวเท้าออกไป
“หึ …” เหมียวอี้ช้ ีเงาหลังนาง พร้อมแสยะยิม้ ให้เชียนเอ๋ อร์ เหมือนกําลังบอกว่า ไม่รู้จกั เจียมตัวเลย
ขณะที่มองเหมียวอี้ตามออกไป เชียนเอ๋ อร์กอ็ ึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กไ็ ม่รู้วา่ ควรจะ
พูดอย่างไรดี
ในโถงหลัก ฉิ นเวยเวยกําลังนัง่ รออยูด่ า้ นข้าง อวิน๋ จือชิวที่รีบเดินออกมาหวาดตามองแวบหนึ่ง แล้วยิม้
อย่างแพรวพราว “น้องสาวมาแล้วเหรอ”
“พี่สาว!” ฉิ นเวยเวยรี บลุกขึ้นยืน
ตรงนี้เพิง่ จะพูดจบ เหมียวอี้กต็ ามออกมาแล้ว ดึงแขนอวิน๋ จือชิวพร้อมบอกว่า “อย่าหนีสิ! พูดมาให้
ชัดเจน ที่เดิมพันเมื่อกี้น้ ีเจ้ารักษาคําพูดรึ เปล่า?”
“รักษาคําพูดอยูแ่ ล้ว!” อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองเขา พลางกล่าวอย่างมุ่งมัน่ เด็ดขาด
ฉินเวยเวยยังไม่รู้ชดั ว่าทั้งสองพูดเรื่ องอะไร เหมียวอี้กห็ นั กลับไปตะโกนบอกเสวีย่ เอ๋ อร์แล้ว “วาง
กระดานหมากล้อม!”
ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็กา้ วเข้ามาจูงมือฉิ นเวยเวย พลางกล่าวด้วยรอยยิม้ สนิทสนม “น้องสาวอยูท่ ี่นี่พอดีเลย
มาเป็ นพยานให้พอดี มานี่สิ นัง่ ลงดูดว้ ยกัน!”
พอวางกระดานหมากล้อม พวกเขาก็นงั่ ประจําที่ พอเจอกับการประลองหมากล้อม เหมียวอี้กเ็ หมือน
เปลี่ยนเป็ นคนละคน วางมาดสูงส่ ง กล่าวอย่างลําพองใจว่า “อวิน๋ จือชิว เล่นเป็ นรึ เปล่า เล่นไม่เป็ นก็
ยอมแพ้ อีกประเดี๋ยวถ้าแพ้แล้วอย่ามาอ้างว่าเล่นไม่เป็ นนะ”
อวิน๋ จือชิวเลิกคิ้วเรี ยวงาม พร้อมพูดแดกดัน “เล่นหมากล้อมกับเจ้าน่ะ หลับตาเล่นก็ยงั ชนะเลย ข้าไม่
อยากรังแกคนเล่นหมากล้อมแย่อย่างเจ้าเฉย ๆ หรอก ให้เจ้าลงหมาก่อนยีส่ ิ บตัวเลย!”
“หึ หึ! ให้ขา้ ลงยีส่ ิ บตัวเหรอ? ไม่รู้จกั ประเมินกําลังตัวเอง ช่างโอ้อวดนัก ต้องเดิมพันอย่างยุติธรรม
หน่อยสิ อย่าแพ้แล้วเบี้ยวนะ”
“ใครเบี้ยวก็จอให้คนนั้นออกลูกมาไม่มีรูกน้ !” อวิน๋ จือชิวพูดจบก็รู้สึกว่าพูดผิดไป ไม่วา่ จะด่าอย่างไรก็
เหมือนด่าตัวเอง รี บหันข้างแล้วถ่มนํ้าลายสามครั้ง
เหมียวอี้พดู เหน็บแนมทันที “ขนาดพูดยังพูดไม่คล่องเลย ยังจะมาเล่นหมากล้อมอีก!”
อวิน๋ จือชิวถลึงตาพูดว่า “อย่าเปลืองคําพูดเลย! ข้าให้เจ้าลงก่อน!”
เหมียวอี้เองก็ไม่เกรงใจ คนมันกําลังคันไม้คนั มือ อยากจะทรมานอีกฝ่ ายคืนบนกระดานหมากล้อม พอ
เขาตบหมากลงไปตัวหนึ่ง อวิน๋ จือชิวก็วางหมากตามทันที
ฉินเวยเวยที่อยูข่ า้ ง ๆ กลับอดไม่ได้ที่จะถามเสี ยงอ่อนปวกเปี ยก “พี่สาว ท่านเป็ นหมากล้อมเป็ นเหรอ
คะ?”
อวิน๋ จือชิววางหมากลงไป แล้วมองนางพลางยิม้ อย่างสนิทสนม ถามด้วยนํ้าเสี ยงที่แฝงความหมาย
ลึกซึ้งว่า “เจ้าเดาดูสิ?”
ดวงตาฉิ นเวยเวยฉายแววหวาดระแวงทันที นางไม่กล้าเดา สายตาย้ายไปอยูบ่ นกระดานหมากล้อมเพื่อ
หาคําตอบ ยิง่ ดูกย็ งิ่ กังวลใจ ตอนนี้ประสานสองมือเข้าด้วยกันแล้ว
ผ่านไปไม่นานนัก เหมียวอี้กร็ ะเบิดอารมณ์แล้ว เขาตบโต๊ะพลางด่าฝ่ ายตรงข้ามอย่างบ้าคลัง่ “เจ้าเล่น
หมากล้อมเป็ นหรื อเปล่า เจ้าลงแบบนี้…”
เสี ยงด่าพลันหยุดชะงัก ไม่น่าเชื่อว่าอวิน๋ จือชิวจะชักกระบี่วเิ ศษด้ามหนึ่งออกมา แล้วจ่อไปที่หน้าอก
ของเขาโดยตรง นางเตือนว่า “หนิวเอ้อร์ อย่างเจ้านี่เรี ยกว่าเป็ นโรคอะไร? เจ้าต้องมากําหนดด้วยเหรอ
ว่าข้าต้องลงหมากอย่างไร? คู่ต่อสูบ้ งั คับคู่ต่อสู ้ เจ้าเคยเห็นใครเขาลงหมากกันแบบนี้บา้ ง? เจ้าจะลง
หรื อไม่ลง?”
คมกระบี่จ่อที่ผวิ หนังตรงหน้าอกจนเป็ นแผลแล้ว เหมียวอี้ที่กาํ ลังเจ็บปวดได้สติข้ ึนมาทันที พบว่า
ตัวเองเหมือนจะขาดเหตุผลจริ ง ๆ เขาทําเสี ยงฮึดฮึดนิดหน่อย ผลักกระบี่ที่จ่อตรงหน้าอกออก แล้วลง
หมากอีกตัวด้วยสี หน้าดําครึ้ ม
อวิน๋ จือชิวเก็บกระบี่มาวางยันพื้น แล้วลงหมากตัวหนึ่งโดยไม่คิดอะไร
ผ่านไปครู่ เดียว เหมียวอี้กเ็ ริ่ มแหกปากอีกครั้ง “เจ้า…”
คําพูดค้างอีกแล้ว ดาบในมืออวิน๋ จือชิวกําลังจ่อที่พงุ ของเขา พร้อมกล่าวเสี ยงเรี ยบ “สํารวมนิสยั แย่ ๆ
ไว้หน่อย ข้าไม่ได้ทาํ ผิดกฎ ไม่ได้เล่นลูกไม้อะไรด้วย เจ้าจะเดือดร้อนอะไร? ซื่ อสัตย์หน่อย!” นัง่ ชี้
กระบี่ลงข้างล่าง บอกใบ้ให้เขานัง่ ลงเล่นต่อ
เหมียวอี้เหมือนใบหน้าโดนตะคริ วกิน เขานัง่ ลงอย่างช้า ๆ หลังจากลงมากไปตัวหนึ่ง ก็เหลือบไป
เห็นอวิน๋ จือชิวที่ใช้มือข้างหนึ่งลงหมากด้วยท่าทางสบายใจ ส่ วนมืออีกข้างถือกระบี่แกว่งไปแกว่งมา
ไม่ยอมเก็บ ทําให้เขารู ้สึกพูดไม่ออกนิดหน่อย
ผ่านไปครู่ เดียว เหมียวอี้กอ็ ยากจะพลิกกระดานอีก แต่กโ็ ดนแสงคมกระบี่แวบเข้ามาแทงบนข้อมือ
แทงจนเลือดสดไหลออกมา โดนขัดขวางด้วยวิธีการแข็งกร้าวแล้ว
ใช้เวลาไม่นานเท่าไร ในการเล่นหมากล้อมครั้งนี้ ร่ างกายท่อนบนของเหมียวอี้เต็มไปด้วยรอยแผล
แล้ว โดนกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็ นครั้งแรกที่เคยเห็นคนถือกระบี่เล่นหมากล้อม มือข้างหนึ่งลงหมาก
ส่ วนมืออีกข้างถือกระบี่จิ้มเตือนบนตัวเขา
ไม่ใช่แค่บนกระดานหมากล้อม แม้แต่บนร่ างกายก็ยบั เยินจนทนมองไม่ไหว ขนาดเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่
เอ๋ อร์ยงั ทําใจไม่ได้ที่จะมองตรง ๆ
อวิน๋ จือชิวแสยะยิม้ อยูเ่ สมอ ทําให้เหมียวอี้เริ่ มเหงื่อซึมเต็มศีรษะ ส่ วนฉินเวยเวยที่ดูอยูข่ า้ ง ๆ ก็รู้สึกพะ
ว้าพะวงเหมือนนัง่ อยูบ่ นพรมเข็ม คอยแอบมองอวิน๋ จือชิวอยูเ่ ป็ นระยะ ทําท่าทางเหมือนกินปูนร้อน
ท้อง
ตอนที่ 924

รัวดาบฟันเชือก

ไม่ตอ้ งพูดอะไรมาก หลังจากเล่นกันได้รอบหนึ่ง ท่านขุนนางเหมียวมีความพ่ายแพ้ยบั เยินเป็ นจุดจบ


เขาตะลึงงันอยูอ่ ย่างนั้น มองดูกระดานหมากล้อมที่ตวั เองเล่นแพ้ยอ่ ยยับด้วยแววตาเหม่อลอย ไม่รู้วา่
กําลังคิดอะไรอยู่
อวิน๋ จือชิวยกนํ้าชาดื่มอย่างสบายใจ บางครั้งก็เหลือบมองฉินเวยเวยที่กาํ ลังจ้องมองเหม่อกระดาน
หมากล้อม
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์แอบสบตากันแวบหนึ่ง รู ้วา่ นายท่านแพ้อย่างย่อยยับเกินไป กลัวว่าตอนแรกเขา
จะยอมรับความจริ งได้ยาก
หลังจากผ่านไปนานสองนาน กระบี่วเิ ศษในมืออวิน๋ จือชิวก็ยนื่ ออกมาอีก นางเขี่ยกระบี่ไปมาอยูบ่ น
กระดาน แล้วเคาะเสี ยงดังก๊อก ๆ ทําลายความเงียบงัน “หนิวเอ้อร์ ยังจะเล่นอยูอ่ ีกมั้ย? ข้าบอกแล้วว่า
ให้เจ้าลงก่อนยีส่ ิ บตัว แต่เจ้าก็ไม่เชื่อ ถ้าเจ้ารู ้สึกไม่ยอม ครั้งนี้ขา้ จะให้เจ้าลงก่อนยีส่ ิ บตัว เรามาเล่นกัน
อีกสักรอบเถอะ?”
เหมียวอี้ได้สติกลับมา เงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม กลืนนํ้าลายลงคออย่างยากลําบากอึกหนึ่ง ยังจะเล่น
อะไรอีกล่ะ อีกฝ่ ายมีแต่จะได้เปรี ยบทั้งนั้น โจมตีจนตนไร้กาํ ลังโต้ตอบ ถ้าเล่นต่อไปก็เปลี่ยนแปลง
อะไรไม่ได้ เขาจึงเจียดรอยยิม้ ยอดแย่ออกมา พร้อมถามว่า “ฮูหยิน เจ้าไปเรี ยนมาตั้งแต่เมื่อไร?”
สําหรับคําถามนี้ ฉินเวยเวยก็สนใจเช่นเดียวกัน นางมองตามอย่างอกสัน่ ขวัญแขวนนิดหน่อย
“ตอนสามขวบข้าก็นอนฟุบหลับบนกระดานหมากล้อมแล้ว เจ้าคิดว่าข้าเรี ยนมาตั้งแต่เมื่อไรล่ะ?” อวิ๋
นจือชิวดูถูก
ฉินเวยเวยกัดริ มฝี ปากทันที ส่ วนเหมียวอี้กเ็ บิกตาโพลง ลุกพรวดขึ้นแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าบอกว่า
เล่นไม่เป็ นไม่ใช่เหรอ?”
อวิน๋ จือชิงพ่นเสี ยงทางจมูก “คนเล่นหมากล้อมแย่อย่างเจ้าน่ะ ถ้าสุ่ มเลือกคนข้างกายเจ้ามาเล่นด้วยสัก
คน พวกเขาก็ชนะเจ้าหมดนัน่ แหละ ข้าว่าคนอื่นคงออมมือให้เจ้าเฉย ๆ หรอก ข้าเองก็ไม่อยากทําให้
ผูช้ ายอย่างเจ้าเสี ยหน้า ถึงได้แกล้งเล่นไม่เป็ น เจ้าคิดว่าเป็ นเรื่ องจริ งเหรอ!”
คําพูดนี้เหมือนตบหน้ากันแรงเกินไปแล้ว เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหมือนโดนตะคริ วกิน “เจ้าชนะก็ชนะไป
สิ ข้ายอมแพ้ ข้ายอมรับว่าฝี มือไม่สูงเท่าเจ้า นึกไม่ถึงด้วยว่าเจ้าจะฝี มือสูงส่ งขนาดนี้ เป็ นข้าเองที่ดูถูก
เจ้า แต่ที่เจ้าบอกว่าสุ่ มเลือกคนข้างกายข้ามาเล่นด้วยก็ชนะข้าหมด เจ้าดูถูกข้าเกินไปรึ เปล่า ถ้าเจ้าไม่
เชื่อ…”
ปั้ ง! อวิน๋ จือชิวพลันตบโต๊ะยืนขึ้น สะเทือนจนถ้วยนํ้าชาและตัวหมากบนกระดานกระเด็นกระดอน
พลันถามอย่างเดือดดาลมากว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าจะหลงตัวเองไปถึงเมื่อไร?”
ปั้ง! นางหันตัวมาเตะเก้าอี้ขา้ งหลังจนกระเด็น แล้วชี้กระบี่ไปที่เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ “พวกเจ้าสองคน!
รู ้อยูแ่ จ่มแจ้งว่านายท่านมีฝีมือการเล่นหมากล้อมยอดแย่ รู ้อยูแ่ ก่ใจว่านายท่านเล่นหมากล้อมได้แย่สุด
ๆ แต่กลับตามใจเขาจนเคยตัว ในฐานะที่เป็ นหญิงรับใช้ขา้ งกายนายท่าน ในฐานะที่เป็ นคนร่ วมเคียง
หมอน แต่ไม่กล้าแม้แต่จะอธิบายความจริ งกับนายท่านเหรอ พวกเจ้าคิดว่าตัวเองทําแบบนี้แล้วจะถือ
ว่าจงรักภักดีหรื อไง? พวกเจ้าดูสิวา่ ตอนนี้เขาโดนตามใจจนกลายเป็ นอะไรไปแล้ว คําพูดขัดใจนิด
หน่อยก็ทนฟังไม่ได้ แค่เล่นหมากล้อมยังไม่รู้จกั ฟ้ าสู งแผ่นดินตํ่า ถ้าเป็ นแบบนี้ต่อไป ถ้าเวลานานไป
แล้วคนข้างกายเขาเป็ นแบบพวกเจ้ากันหมด เขาก็จะไม่ได้ยนิ แม้แต่ความจริ ง สักวันหนึ่งเขาจะต้อง
ตายเพราะพวกเจ้าแน่ พวกเจ้า… มีเจตนาชัว่ ร้าย!”
คําพูดนี้แทงใจดําจริ ง ๆ คําพูดนี้รุนแรงเกินไปแล้ว เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์หน้าซี ดทันที รี บคุกเข่าลง
พร้อมกัน แล้วก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมา
ฉิ นเวยเวยที่นงั่ อยูข่ า้ ง ๆ ก็ลุกขึ้นเช่นกัน สี หน้านางแย่มาก เอาแต่กม้ หน้าไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกัน
ตอนนี้เหมียวอี้สีหน้าแย่สุด ๆ ตะคอกถามว่า “เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ พวกเจ้าตอบมาอย่างซื่ อสัตย์ ตอน
ที่พวกเจ้าเล่นหมากล้อมกับข้า พวกเจ้าได้ออมมือให้ขา้ รึ เปล่า?”
โดนอวิน๋ จือชิวเปิ ดโปงแล้ว เขายังยอมรับความจริ งข้อนี้ได้ยาก เขาคิดว่าตัวเองมีฝีมือหมากล้อมที่ล้ าํ
เลิศมาตลอด เล่นแล้วไม่ค่อยแพ้
หญิงรับใช้ท้ งั สองยิม้ ก้มหน้าตํ่าลง ไม่กล้าตอบอะไร เหมียวอี้เองก็ไม่ใช่คนโง่ การที่พวกนางสองคน
ไม่ตอบ ก็เท่ากับเป็ นการแสดงท่าทีอย่างหนึ่งแล้ว
เหมียวอี้พลันหันไปมองฉินเวยเวย แล้วถามเสี ยงตํ่าว่า “เวยเวย เจ้าตอบความจริ งมา ไม่ตอ้ งกลัวฮูหยิน
ตอนเล่นหมากล้อมเจ้าได้ออมมือให้ขา้ รึ เปล่า?”
ฉิ นเวยเวยฉุกละหุกมาก ไม่รู้วา่ ควรจะตอบอย่างไร
อวิน๋ จือชิวเดินมาข้างหลังฉิ นเวยเวย แล้ววางมือข้างหนึ่งบนบ่า รู ้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ ายกําลังตัว
สัน่ เล็กน้อย นางจึงแสยะสยิม้ แล้วบอกว่า “น้องสาวของข้าคนนี้ไม่ได้ฉาบฉวยขนาดนั้นหรอก ท่าน
สามีคะ อีกฝ่ ายไม่ใช่แค่คิดหาทางเล่นให้เจ้าชนะนะ ทั้งยังสิ้ นเปลืองความคิดเพื่อหาทางเล่นให้เจ้าชนะ
อย่างมีความสุ ขด้วย”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา ฉิ นเวยเวยก็รู้สึกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนทันที หันหน้าหลบคิดจะหนีออกไป
แต่กลับถูกอวิน๋ จือชิวร่ ายอิทธิฤทธิ์กดไว้ ทําให้นางขยับไม่ได้ วรยุทธ์ของทั้งสองต่างกันเกินไป
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉิ นเวยเวย เหมียวอี้กแ็ ยกเขี้ยวยิงฟัน ถามเน้น ๆ ว่า “เพราะอะไร?”
“เพราะอะไรน่ะเหรอ?” อวิน๋ จือชิวหัวเราะหึ หึทนั ที “หนิวเอ้อร์ ความฉลาดทางอารมณ์ของเจ้าตกตํ่า
ขนาดนี้เชียวเหรอ ไม่เข้าใจความคิดผูห้ ญิงเลยสักนิด เจ้าคิดว่าเพราะอะไรล่ะ? ให้เจ้าชนะอย่างมี
ความสุ ข พอเจ้าเบิกบานใจแล้ว ต่อไปพอเจ้าอยากเล่นหมากล้อม เจ้าก็จะคิดถึงแต่นางไง เจ้าเป็ น
ผูบ้ งั คับบัญชานาง ถ้าเจ้าไม่เรี ยกหานาง นางจะเข้าใกล้เจ้าได้อย่างไรล่ะ? ถ้าไม่มีเหตุผล แม้แต่จะเข้า
มาในตําหนักยังยากเลย! อีกฝ่ ายบอกใบ้ความในใจมานานแล้ว ชอบเจ้ามาตลอด เพียงแต่คนปัญญา
อ่อนอย่างเจ้าไม่เข้าใจความรัก นางเป็ นผูห้ ญิงจึงเขินอายที่จะเอ่ยบอก ก็เลยกลายเป็ นบุปผาร่ วงหล่น
เพราะมีใจ แต่สายธารหลัง่ ไหลกลับไร้รัก[1] เลยเสี ยเวลาแบบนี้มาหลายปี ”
พูดจบก็หนั มาถามฉินเวยเวยอีก “น้องสาว เจ้าว่าข้าพูดถูกมั้ย?”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่นงั่ คุกเข่าแอบสบตากันแวบหนึ่ง ที่จริ งทั้งสองก็สงั เกตเห็นนานแล้วเช่นกัน
เวลาผูห้ ญิงมองผูห้ ญิงด้วยกันมักจะเข้าใจจิตใจกันมากกว่า
เหมียวอี้ที่กาํ ลังจะประสาทเสี ย พอได้ยนิ แบบนี้กอ็ ้ ึงไปเลย เขาเงียบลงทันที มองไปที่ฉินเวยเวยด้วยสี
หน้างุนงง
โดนเปิ ดโปงหมดเปลือกขนาดนี้ ให้คนรู ้วา่ ตัวเองแอบคิดถึงผูช้ ายของคนอื่นมาตลอดขนาดนี้ จะให้
ผูห้ ญิงคนหนึ่งที่ผา่ นโลกมาน้อยทนความรู ้สึกได้อย่างไร ฉินเวยเวยทําสี หน้าอับอายมาก ขยับร่ างกาย
อยากจะหนี แต่กลับถูกอวิน๋ จือชิวกดให้ยนื นิ่งอยูท่ ี่เดิม อวิน๋ จือชิวพูดกลั้วหัวเราะว่า “น้องสาว เจ้าโง่นี่
ไม่เข้าใจเรื่ องรัก ในเมื่อพูดเปิ ดเผยแล้ว วันนี้ไม่สูส้ ารภาพออกมาให้หมดเลยดีกว่า ควรจะทําอย่างไรก็
ตัดสิ นใจให้เด็ดขาด เจ้าจะได้ไม่ตอ้ งเอาแต่ทรมานตัวเอง เรื่ องแบบนี้ฝ่ายหญิงมัวเสี ยเวลาไม่ได้หรอก”
“ข้ายอมรับผิดค่ะ ต่อไปจะไม่ทาํ อีกแล้ว!” ฉิ นเวยเวยกล่าวเสี ยงสัน่
“ผิดอะไรกันล่ะ?” อวิน๋ จือชิวถามเหมือนแปลกใจ แล้วกล่าวอย่างร่ าเริ งว่า “ชอบก็ชอบสิ วันนี้ขา้ ก็จะ
พูดให้ชดั เจนเหมือนกัน ข้าดูออกตั้งนานแล้วว่าเจ้าชอบเจ้าซื่อบื้อนี่ เจ้าคิดว่าทําไมข้าถึงนับเจ้าเป็ น
น้องสาวล่ะ คิดว่าทําไมข้าถึงให้เคล็ดวิชาฝึ กตนกับเจ้า ทําไมข้าถึงบอกเจ้ามาตลอดว่าต้องการให้ช่วย
หาอนุภรรยาให้เจ้าซื่อบื้อนี่ พี่สาวจะบอกให้เจ้าฟังนะ พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจเจตนาของข้า
อีกเหรอ? พี่สาวยอมรับเจ้าแล้ว รอให้เจ้าตอบตกลงมาตลอด ขอแค่เจ้าบอกสักคํา แค่ตอบตกลงสักคํา
ข้าก็จะช่วยจัดการให้เจ้าเอง แต่นิสยั เจ้าเป็ นคนเก็บตัวเกินไป ไม่ยอมเอ่ยปากเสี ยที เจ้าไม่รีบแต่ขา้ รี บ
วันนี้ไม่วา่ ใครก็หา้ มปิ ดบัง เจ้าตอบพี่สาวมาตรง ๆ เจ้าเต็มใจจะแต่งงานกับเจ้าซื่ อบื้อนี่ม้ ยั ? ถ้าเต็มใจ
แต่งข้าก็จะช่วยเจ้าเตรี ยมการทันที เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องกังวลอะไรทั้งนั้น แค่รอแต่งงานเข้าบ้านมาก็พอ!”
อับอาย! ไม่รู้สึกอะไรนอกจากอับอาย! ฉินเวยเวยหน้าแดงหัวใจเต้นแรง กัดริ มฝี ปากแน่น ถามว่าเต็ม
ใจหรื อไม่เต็มใจ แล้วจะให้นางพูดออกมาได้อย่างไรล่ะ?
เหมียวอี้อา้ ปากค้างเล็กน้อย ได้แต่ยนื เอ๋ ออยูอ่ ย่างนั้น
อวิน๋ จือชิวเร่ งให้ฉินเวยเวยแสดงท่าทีไม่หยุด แต่ฉินเวยเวยยากที่จะเอ่ยปาก สุ ดท้ายอวิน๋ จือชิวก็พดู ตัด
บทว่า “น้องสาว ถ้าเจ้าไม่พดู ข้าจะถือว่าเจ้าตอบตกลงแล้วนะ”
จะหนีกห็ นีไม่ได้ จะหลบก็หลบไม่ได้ ฉินเวยเวยแทบจะสติแตกแล้ว นางเหลือบมองเหมียวอี้ที่
หน้าอกเต็มไปด้วยรอยเลือดแวบหนึ่ง สุ ดท้ายก็พึมพําเบา ๆ ว่า “เกรงว่านายท่านจะไม่ชอบข้า…”
เรี ยบร้อย! แบบนี้นบั ว่าตอบตกลงแล้ว! อวิน๋ จือชิวมองไปที่เหมียวอี้ทนั ที “หนิวเอ้อร์ ผูห้ ญิงสวยตัว
เป็ น ๆ ยืนอยูต่ รงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าก็แค่พยักหน้านะ!”
“เอ่อ… คือว่า…” เหมียวอี้วนุ่ วายใจจนทําอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะตอบตกลงหรื อไม่ตอบตกลงดี
อวิน๋ จือชิวโมโหทันที “ผูห้ ญิงเขาพูดจาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังเป็ นผูช้ ายอยูห่ รื อเปล่า?”
จู่ ๆ เหมียวอี้กร็ ู ้สึกเหมือนใกล้จะร้องไห้เพราะโดนกดดัน ถ้าจะให้เขาตอบตกลงตรง ๆ เขาก็พดู ไม่
ออกอยูด่ ี ตอนนี้งงนิดหน่อย ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าอะไรเป็ นอะไร ได้แต่ทาํ หน้านิ่วคิว้ ขมวด “ต่อให้ขา้
ตอบตกลงเรื่ องนี้ แต่หยางชิ่งก็ไม่ยอมอยูด่ ี!”
“น้องสาว! เขาพูดแบบนี้แปลว่าตอบตกลงแล้วเหมือนกัน!” อวิน๋ จือชิวตัดสิ นใจเรื่ องนี้เองเสี ยเลย เรี ยก
ได้วา่ รัวดาบฟันเชือก
จากนั้นก็ควงแขนฉิ นเวยเวยเดินไปจากตรงนั้น เดินเข้าไปทางตําหนัก จู่ ๆ ก็ยกกระโปรงขึ้นตอนที่เดิน
ผ่านเหมียวอี้ เหยียบเท้าเหมียวอี้แรง ๆ หนึ่งที ไม่ปรานีเลยจริ ง ๆ นางกําลังรู ้สึกแค้นในใจเหมือนกัน
ไม่มีผหู ้ ญิงคนไหนยินดีทาํ เรื่ องแบบนี้หรอก ถ้าไม่ไประบายความโมโหกับผูช้ าย แล้วจะให้ไประบาย
กับใครล่ะ?
“อ้า…” เหมียวอี้ร้องอย่างเจ็บปวด พลางเอามือกุมเท้ากระโดด
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ลุกพรวดขึ้นมาอย่างอกสัน่ ขวัญแขวน รี บเข้ามาประคองเหมียวอี้ไปนัง่ ข้าง ๆ
เหมียวอี้ยนื่ มือไปทางซ้ายและขวาเพื่อคว้าแขนหญิงรับใช้ท้ งั สองเอาไว้ “พวกเจ้าตอบข้ามาอย่าง
ซื่ อสัตย์เสี ยดี ๆ ห้ามหลอกข้า ข้าเล่นหมากล้อมได้แย่จริ ง ๆ เหรอ?”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ลาํ บากใจมาก หลังจากสบตากันแวบหนึ่ง สุ ดท้ายก็พยักหน้าพร้อมกันโดยไม่พดู
อะไร
เหมียวอี้อา้ ปากค้าง…
ไม่รู้เหมือนกันว่าผูห้ ญิงสองคนนี้ไปคุยอะไรกันเงียบ ๆ ในห้อง สรุ ปคือตอนที่ออกมาอวิน๋ จือชิวทําสี
หน้าร่ าเริ ง ส่ วนฉินเวยเวยก็หน้าแดงเป็ นผลไม้สุก เอาแต่กม้ หน้าไม่กล้ามองเหมียวอี้เลย
เหมียวอี้อึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ผหู ้ ญิงสองคนนี้ไม่สนใจเขาเลย เดินออกไปด้วยกันแล้ว
เดินออกไปจากตําหนักพร้อมกัน เหมียวอี้เดินตามไปข้างนอกจนถึงหอสังเกตการณ์ พอยืนมองจาก
ตรงนั้น ก็พบว่าพวกนางกําลังไปที่จวนผูก้ ารใหญ่ดว้ ยกัน ทําให้เขาถอนหายใจยาวแล้วพึมพําว่า
“ผูห้ ญิงคนนี้บา้ ไปแล้ว เดี๋ยวต่อไปหยางชิ่งจะต้องมาเอาเรื่ องข้าแน่ ๆ !”
สถานการณ์กช็ ดั เจนอยูแ่ ล้ว ฉิ นเวยเวยมีดีท้ งั หน้าตา มีดีท้ งั ฐานะตําแหน่ง ได้เป็ นประมุขตําหนักตั้งแต่
อายุเท่านี้ ถือว่าไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องแต่งงานเลย ต่อให้เป็ นแค่ลูกสาวบุญธรรม แต่หยางชิ่งก็ไม่มีทางยอม
ให้ฉินเวยเวยไปเป็ นอนุภรรยาของใครแน่นอน ไม่มีทางเลยสักนิด
เขาไม่สนใจแล้วเหมือนกัน ไม่มีหน้าจะไปแทรกแซงเรื่ องนี้ ถึงอย่างไรก็จดั การไม่ไหวแน่ ปล่อย
ให้อวิน๋ จือชิวไปโดนปฏิเสธเองแล้วกัน เพียงแต่ในภายหลังถ้าเจอหน้าหยางชิ่ง ทุกคนก็จะอึดอัดใส่ กนั
แบบนี้จะไม่เป็ นการกดดันให้หยางชิ่งเอาใจออกห่างหรอกหรื อ ไม่รู้เหมือนกันว่าผูห้ ญิงบ้าคนนี้คิด
อะไรของนาง ไม่น่าเชื่อว่าจะหาอนุภรรยาให้สามีของตัวเอง แปลกประหลาดจริ ง ๆ !
ในจวนผูก้ ารใหญ่ เมื่อผูก้ ารใหญ่หยางเห็นประมุขปราสาทมาเยือนด้วยตัวเอง เขาก็ออกมาคํานับด้วย
ความเคารพ แต่กส็ งั เกตเห็นว่าลูกสาวตัวเองมีท่าทีแปลกไป
ฉินเวยเวยจะสะดวกใจอยูต่ รงนี้ต่อได้อย่างไร ขอตัวลาทันที หลบเข้าไปอยูใ่ นห้องของตัวเองแล้ว
ในโถงหลัก หลังจากอวิน๋ จือชิวเปิ ดเผยจุดประสงค์ที่มาตรง ๆ หยางชิ่งก็หน้าเขียวครึ้ มทันที ชิงเหมย
ชิงจวีท๋ ี่ยกนํ้าชามาให้กข็ มวดคิ้วเช่นกัน
หยางชิ่งที่เม้มริ มฝี ปากแน่นและฟังจนจบอย่างอดทน ตอนนี้พยายามนัง่ สงบจิตใจตัวเอง ตอบด้วยสี
หน้าเรี ยบเฉยว่า “ประมุขปราสาท! หยางคนนี้ไร้ความสามารถ แต่กไ็ ม่อาจจะยอมให้ลูกสาวตัวเองไป
เป็ นอนุภรรยาของใคร ต่อให้ฆ่าหยางชิ่งให้ตาย หยางชิ่งก็แน่วแน่ไม่ตอบตกลงอยูด่ ี!”
อวิน๋ จือชิวจึงยิม้ พร้อมบอกว่า “ผูก้ ารหยาง ประมุขตําหนักฉินก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไม่ลองถามความ
คิดเห็นนางก่อนเหรอ?”
“นางเป็ นผูห้ ญิงที่อ่อนต่อโลก โดนความรู ้สึกระหว่างชายหญิงล่อลวงได้ง่ายมาก ไม่สามารถจัดการ
เรื่ องนี้ดว้ ยสติปัญญาได้ หากบิดาอย่างข้าปล่อยไป หากตามใจนาง ก็เท่ากับข้าไม่ได้ทาํ หน้าที่ของ
ตัวเอง!” หยางชิ่งกุมหมัดคารวะ “ประมุขปราสาท! ได้โปรดไว้หน้าหยางชิ่งด้วย อย่าเอ่ยถึงเรื่ องนี้อีก
เลย!”
ตอนที่ 925

ไม่ อาจฝ่ าฝื นอํานาจ

ในเมื่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว อวิน๋ จือชิวก็ไม่ฝืนใจเช่นกัน นางลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ในเมื่อเป็ นเช่นนี้ ข้าก็ไม่


รบกวนแล้ว แต่หวังว่าผูก้ ารหยางจะเข้าใจนะ ว่าถ้าฉิ นเวยเวยแต่งงานเข้าบ้านข้า ข้าก็จะไม่ปฏิบตั ิต่อ
นางอย่างไม่เป็ นธรรมแน่นอน และไม่ใช้ความเป็ นผูใ้ หญ่รังแกผูน้ อ้ ยด้วย!”
หยางชิ่งเอียงหน้ากุมหมัดคารวะ ไม่พดู อะไรมากอีก ส่ งแขก!
แสดงท่าทีชดั เจนว่าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่ องนี้อีก แต่นี่กค็ ือสิ่ งที่อวิน๋ จือชิวคาดไว้แล้วเช่นกัน อวิน๋ จือชิว
หัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าบอกว่า “ผูก้ ารหยางทํางานต่อไปเถอะ ไม่ตอ้ งส่ งข้า!”
ธรรมเนียมมารยาทที่ควรมีกย็ งั ต้องมี หยางชิ่งเยือกเย็นสุ ขมุ อยูต่ ลอด แยกยะความสัมพันธ์ได้อย่าง
ชัดเจน ทั้งยังเดินตามออกมาส่ งแขกถึงข้างนอกด้วยตัวเอง
หลังจากมองคล้อยหลังอวิน๋ จือชิวกลับเข้าไปในตําหนัก หยางชิ่งก็ยนื เงียบอยูท่ ี่เดิม ชิงเหมย ชิงจวีเ๋ ดิน
มายืนอยูท่ างซ้ายและขวา และถามอย่างค่อนข้างกังวลว่า “นายท่านเจ้าคะ!”
หยางชิ่งพลันหัวตัวมา แล้วเดินมายังลานบ้านที่เป็ นที่พกั ของฉินเวยเวย ประตูหอ้ งของฉินเวยเวยปิ ด
สนิท หยางชิ่งยกมือเคาะประตู “เวยเวย สะดวกให้พอ่ เข้าไปได้รึเปล่า?”
ฉินเวยเวยที่อยูใ่ นห้องตอบเสี ยงอ่อนปวกเปี ยก “ท่านพ่อ เข้ามาเถอะค่ะ!”
หยางชิ่งผลักประตูเข้ามา กวาดมองในห้องด้วยแววตาจริ งจัง แล้วสายตาก็ไปหยุดอยูบ่ นตัวฉิ นเวยเวย
ที่นงั่ อยูข่ า้ งเตียง ฉิ นเวยเวยก้มหน้าพลางยืนขึ้น
เมื่อเดินมาถึงตรงหน้านาง หยางชิ่งก็มองสอบสวนพักหนึ่ง แล้วกล่าวถามอย่างเนิบช้า “ข้าว่าประมุข
ปราสาทก็คงไม่กล่าวลอย ๆ โดยไร้จุดหมายหรอก เจ้าคงจะตอบตกลงไปแล้ว ใช่ม้ ยั ?”
ฉิ นเวยเวยกัดริ มฝี ปากเงียบ ๆ ครู่ เดียว แล้วสุ ดท้ายก็พยักหน้า
หยางชิ่งพยายามเอียงหน้ามองไปด้านข้าง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองให้
สงบลง พยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้ตวั เองบุ่มบ่าม แล้วกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “เวยเวย! ครอบครัวเรา
ถ้าเทียบกับข้างบนแม้จะมีไม่พอ แต่เทียบกับข้างล่างยังมีเหลือเฟื อ ยังไม่ตกตํ่าถึงขั้นแต่งงานไปเป็ น
อนุภรรยาของคนอื่น เรื่ องนี้เจ้าเลอะเลือนแล้ว! แน่นอน เจ้าไม่เคยผ่านเรื่ องหญิงชายมาก่อน เลี่ยง
ไม่ได้ที่จะบุ่มบ่ามทําตามอารมณ์ ผูห้ ญิงทุกคนล้วนมีช่วงที่โง่เขลาแบบนี้ท้ งั นั้น พ่อไม่โทษเจ้าหรอก
เรื่ องนี้พอ่ ช่วยปฏิเสธให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ตอ้ งเก็บมาใส่ ใจ แค่ทาํ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปควรจะทํา
อย่างไรก็ทาํ อย่างนั้น แต่พยายามอย่าเข้าไปที่ตาํ หนักหลังบ่อย ๆ อย่าให้มีคาํ พูดเหลวไหลเพราะทําตัว
ไม่ชดั เจนอีก”
เมื่อฟังเขาพูดจบ แววตาที่กงั วลของฉินเวยเวยก็ค่อย ๆ คลายลง แล้วถามเสี ยงตํ่าว่า “ท่านพ่อ ท่านให้
ข้าตัดสิ นใจเองสักครั้งไม่ได้หรื อคะ?”
หยางชิ่งพลันชี้ไปที่ดา้ นนอกประตู แล้วกล่าวเสี ยงดังว่า “ในโลกนี้มีผชู ้ ายตั้งเยอะแยะ ด้วยภูมิหลัง
อย่างเจ้าไม่ตอ้ งกังวลเลยว่าจะหาผูช้ ายประวัติดี ๆ ไม่ได้ ทําไมจะต้องดึงดันไปเป็ นอนุภรรยาของสามี
คนอื่น?”
ฉินเวยเวยเงยหน้า รวบรวมความกล้าพูดว่า “ผูช้ ายประวัติดี ๆ พวกนั้น ข้าไม่ชอบค่ะ ข้าเองก็เคยคิดจะ
ตัดใจเหมือนกัน แต่ในใจข้าปล่อยเขาไปไม่ได้จริ ง ท่านแนะนําผูช้ ายให้ขา้ รู ้จกั เยอะขนาดนั้น แต่ขา้ ไม่
ถูกใจเลยสักคนเดียว! ท่านพ่อ! ชีวติ การแต่งงานของข้า ท่านให้ขา้ ตัดสิ นใจเองได้ม้ ยั คะ? ให้ขา้ ทําตาม
สิ่ งที่ตวั เองเลือกสักครั้งได้ม้ ยั ? ไม่วา่ จะถูกหรื อผิด ลูกสาวคนนี้ยนิ ดีจะรับผลที่ตามมาทุกอย่างเอง ไม่
นึกเสี ยใจทีหลังแน่นอน!”
เพียะ! หยางชิ่งลงมือแบบปุบปับ ตบหน้าฉิ นเวยเวยหนึ่งฉาดจนเกิดเสี ยงดังฟังชัด เป็ นเพราะควบคุม
ไฟโกรธของตัวเองไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ ตบแรงจนให้ฉินเวยเวยล้มลงบนเตียง
“นายท่าน!” ชิงเหมยร้องตกใจเสี ยงดัง รี บเข้ามาดึงมือหยางชิ่ง
ส่ วนชิงจวีก๋ ร็ ี บเข้าไปประคองฉินเวยเวย แล้วหันกลับมามองหยางชิ่งอย่างค่อนข้างตกใจ อยูก่ นั มา
หลายปี ขนาดนี้แล้ว นี่เป็ นครั้งแรกที่เห็นหยางชิ่งลงมือกับฉินเวยเวย
“ไม่นึกเสี ยใจทีหลังแน่นอนเหรอ? ถ้ารอให้นึกเสี ยใจทีหลังก็สายไปแล้ว!” หยางชิ่งสะบัดแขนออก
จากชิงเหมย แล้วชี้หน้าตะคอกฉินเวยเวยอย่างควบคุมความโกรธไม่อยู่ “นํ้าเข้าสมองเจ้ารึ ไง? ข้า
อยากจะแหวกศีรษะเจ้าออกมาดูจริ ง ๆ ว่าเจ้ายังมีสมองอยูบ่ า้ งมั้ย? เจ้าเคยเห็นภรรยาที่ไหนมาหา
อนุภรรยาให้สามีตวั เองก่อนบ้างมั้ย? สาเหตุเบื้องหลังเดาได้ไม่ยากหรอก ชัดเจนว่าทางนั้นอยากจะใช้
เจ้ามาควบคุมข้า ถ้าบีบเจ้าไว้ได้แล้ว ก็ถือว่าบีบข้าไว้ได้เจ็ดส่ วน เจ้าดูไม่ออกสักนิดเลยเหรอ? อีกฝ่ าย
กําลังใช้ประโยชน์จากความรู ้สึกของเจ้า!”
ฉิ นเวยเวยเอามือลูบหน้าพลางยืนขึ้น แล้วกล่าวด้วยนํ้าตาไหลพราก “ข้ามันไม่มีสมอง ข้าเองก็อยากจะ
ฉลาดมีความสามารถเหมือนท่านพ่อ รู ้ไหมว่าข้าอยากให้ตวั เองเป็ นลูกสาวแท้ ๆ ของท่านพ่อมาก
ขนาดไหน ถ้าได้รับความฉลาดรอบรู ้มาจากท่านบ้างสักนิด คงไม่ตอ้ งให้ท่านวางแผนจัดเตรี ยมให้ขา้
ทุกอย่างแบบนี้หรอก ข้ารู ้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เหมือนขยะ ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ท่านปูทางไว้
ให้ขา้ เดินหมดแล้ว อยูบ่ นเส้นทางฝึ กตนมาเนิ่นนาน หลายปี ขนาดนี้แล้ว ข้าไม่รู้ดว้ ยซํ้าว่าตัวเองกําลัง
ทําอะไรอยู่ มีแค่ครั้งนี้ ที่ขา้ รู ้ซ้ ึงว่าตัวเองอยากทําอะไร รู ้วา่ ตัวเองต้องการอะไร กว่าข้าจะตัดสิ นใจ
แบบนี้ได้กไ็ ม่ง่ายเหมือนกัน ท่านพ่อ ท่านช่วยให้ขา้ สมหวังสักครั้งไม่ได้หรื อคะ?”
ชิงเหมย ชิงจวีร๋ ี บมองไปทางหยางชิ่ง ทั้งสองค่อนข้างเข้าใจเขา
เป็ นอย่างที่คาดไว้ ประโยค ‘รู ้ไหมว่าข้าอยากให้ตวั เองเป็ นลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อมากขนาดไหน’
สะเทือนอารมณ์หยางชิ่งแล้ว เห็นเพียงหยางชิ่งตัวสัน่ เล็กน้อย ลมหายใจค่อนข้างถี่กระชั้น แทบจะมี
เลือดไหลออกจากดวงตา สองมือกําหมัดแน่น เป็ นการถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงที่แท้จริ ง
พูดถึงขั้นนี้แล้ว ชิงเหมยกับชิงจวีน๋ ึกว่าหยางชิ่งจะยอมตกลง แต่ใครจะคิด หยางชิ่งกลับชักดาบเล่ม
หนึ่งจากแหวนเก็บสมบัติ โยนดาบไว้บนพื้น แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคําว่า “ก่อนหน้านี้ขา้ บอก
ประมุขปราสาทไปแล้ว ว่าต่อให้ฆ่าข้าให้ตาย ข้าก็ไม่ตอบตกลงอยูด่ ี ข้าจะพูดแบบนี้กบั เจ้าเหมือนกัน
เว้นเสี ยแต่วา่ จะฆ่าข้าให้ตาย ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่อนุญาตเด็ดขาด ต่อให้เจ้าจะเกลียดข้าไปทั้งชีวติ ก็
ตาม!” พูดจบก็เตะดาบไปที่เท้าของฉิ นเวยเวย แล้วหันตัวเดินออกไปอย่างแน่วแน่ นี่คือคําตอบสุ ดท้าย
ของเขาแล้ว
ฉินเวยเวยทรุ ดนัง่ ลงบนเตียง ไหล่งามสัน่ เทิ้ม เสี ยงสะอื้นดังไม่หยุด นํ้าตาไหลดุจสายฝน…
“อะไรนะ? ฉินเวยเวยกลับอาณาเขตของตัวเองไปแล้วเหรอ?”
ในตําหนัก หลังจากเสวีย่ เอ๋ อร์ที่ถูกส่ งไปเฝ้ าดูกลับมารายงาน อวิน๋ จือชิวก็ถามอย่างประหลาดใจ
ดวงตางามวูบไหว เหมือนจะเป็ นสิ่ งที่นางคาดไว้แล้วเช่นกัน ไม่ถือว่าตกใจอะไรมาก
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” เสวีย่ เอ๋ อร์ตอบ “เหมือนจะร้องไห้ดว้ ย!”
เหมียวอี้ที่ต้ งั ใจฟังอยูข่ า้ ง ๆ พูดกลั้วหัวเราะว่า “ข้าบอกแล้วไง หยางชิ่งไม่มีทางตอบตกลงหรอก
ประมุขปราสาทอวิน๋ ข้าว่าเจ้าขาดทุนแล้วล่ะ พอผ่านเรื่ องนี้แล้ว ในใจหยางชิ่งจะต้องขุ่นเคือง
แน่นอน!”
“ประมุขปราสาทผูน้ ้ ีจะทําอะไร ต้องให้ที่ปรึ กษาอย่างเจ้ามาสอนด้วยเหรอ?” อวิน๋ จือชิวถาม
“เจ้า…” เหมียวอี้เดือดทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตําแหน่งมาข่มตน เขาเพิ่งจะยืน่ มือเข้าไป แต่กโ็ ดนอวิ๋
นจือชิวปัดออก “อะไรของเจ้า? ตอนเล่นหมากล้อมก็บอกแล้วนะ ถ้าเจ้าแพ้แล้วก็ทาํ ตัวดี ๆ หน่อย
ยินดีเดิมพันก็ตอ้ งยอมรับความพ่ายแพ้!”
“…” เหมียวอี้อา้ ปากค้างไปชัว่ ขณะ เพราะแพ้อย่างย่อยยับมาก เหมือนโดนตบหน้าแต่บ่นอะไรไม่ได้
จึงกัดฟันบอกว่า “เจ้าค่อย ๆ ก่อเรื่ องไปเถอะ ข้ากลัวเสี ยที่ไหนล่ะ มีผหู ้ ญิงเพิ่มขึ้นมีอะไรไม่น่าดีใจ ถ้า
เจ้าเก่งนักก็หาให้ขา้ เยอะ ๆ สิ !”
“เอ๋ !” อวิน๋ จือชิวเหล่ตามอง “หนิวเอ้อร์ นี่เจ้าพูดเองนะ ถึงตอนนั้นอย่างนึกเสี ยใจทีหลังแล้วกัน!”
เหมียวอี้ช้ ีหน้าตัวเอง พลางกล่าวว่า “ข้านึกเสี ยใจทีหลังเหรอ? ขอแค่ฮูหยินอย่างเจ้าเต็มใจ ต่อให้เจ้าจะ
หาคนขี้เหร่ มาให้ ข้าก็ยงั จะรับไว้อยูด่ ี!” เขาไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีผหู ้ ญิงที่ใจกว้างขนาดนั้น
อวิน๋ จือชิวทําเสี ยงฮึดฮัด แล้วหันตัวไปบอกหญิงรับใช้ที่อยูข่ า้ ง ๆ “เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ พวกเจ้าฟัง
เอาไว้นะ นี่คือสิ่ งที่เขาพูดเอง”
“ขี้คร้านจะเถียงกับผูห้ ญิงบ้าอย่างเจ้า! ข้าไปฝึ กตนดีกว่า!” เหมียวอี้สะบัดแขนเสื้ อเดินออกไป พอจาก
ห้องโถงหลัก สี หน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อไม่มีคนอยูต่ รงหน้า สี หน้าก็เปลี่ยนเป็ นกลัดกลุม้ เรื่ อง
ของฉินเวยเวยทําให้เขาค่อนข้างเหม่อลอย อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพที่ฉินเวยเวยเล่นหมากล้อมเป็ น
เพื่อนเขามาหลายปี ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าฉินเวยเวยจะสนใจเขา ถึงขั้นยอมเป็ นอนุภรรยาของเขา
ด้วยซํ้า คิดไปคิดมาก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย
ไม่วา่ จะเป็ นผูช้ ายหรื อผูห้ ญิง เมื่อตกอยูใ่ นวังวนของความสัมพันธ์ชายหญิง ไม่มีใครที่นิ่งเฉยไม่สะทก
สะท้านได้หรอก ท่านขุนนางเหมียว้าวุน่ ใจแล้ว เขาถึงขั้นอยากจะไปคุยกับฉิ นเวยเวยด้วยซํ้า แต่กไ็ ม่มี
ความกล้านั้น ถึงขั้นกลัวที่จะพบหน้าฉิ นเวยเวย
เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ มองออกว่าอวิน๋ จือชิวอยากจะใช้ฉินเวยเวยเพื่อควบคุมหยาง
ชิ่ง
อวิน๋ จือชิวที่อยูใ่ นโถงหลักเดินมายืนอยูต่ รงประตู นางเอามือไขว้หลังทอดสายตามองไปบนฟ้ าไกล ๆ
แล้วถอนหายใจเบา ๆ “หยางชิ่ง ถ้าเจ้าไม่สวามิภกั ดิ์จากใจจริ ง การกุมอํานาจมากมายในระยะยาว
จะต้องเกิดปัญหาตามมาแน่ สุ ราคํานับมิยอมดื่ม ต้องดื่มสุ ราลงทัณฑ์!”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ งหลังฟังอย่างเงียบ ๆ นึกไม่ถึงว่าฮูหยินจะเกรงกลัวผูก้ ารหยางขนาดนี้
หลังจากนั้นครึ่ งเดือน ถังจวินคุณชายสี่ แห่งแดนโพ้นสวรรค์กม็ าเยือนด้วยตัวเอง มาพร้อมคําสัง่ ของ
ปราชญ์เซี ยนมู่ฝานจวิน
ด้วยคําแนะนําของอวิน๋ จือชิว คําสัง่ นี้ถูกเก็บเป็ นความลับและยังไม่ประกาศออกไป รอให้ประมุข
ตําหนักแต่ละสายมากันครบ เมื่อทุกคนอยูใ่ นตําหนักประชุมแล้ว ถังจวินถึงได้ประกาศคําสัง่ ต่อหน้า
ทุกคน : เลื่อนขั้นประมุขอวิน๋ จือชิวแห่งปราสาทดําเนินสุ ริยนั ให้เป็ นท่านทูตสายมะโรง ให้ไปที่ยอด
เขาหยกนครหลวงและรับงานจากท่านทูตจงเจิ้นภายในสิ บวัน นอกจากนี้ยงั ประทานงานสมรส
อนุภรรยาให้เหมียวอี้สามคน ได้แก่โอวหยางหลาง โอวหยางหวน บุตรสาวของโอวหยางกวงท่านทูต
สายชวด และฉินเวยเวย ประมุขตําหนักเจิ้นติงแห่งปราสาทดําเนินสุ ริยนั เลือกฤกษ์มงคลแต่งงาน
พร้อมกัน!
เมื่อประกาศคําสัง่ ของปราชญ์เซียน ในตําหนักก็เงียบลงจนแม้แต่เสี ยงเข็มพื้นตกก็ได้ยนิ ทําให้ทุกคน
ตกตะลึงพรึ งเพริ ดอย่างถึงที่สุด
ไม่น่าเชื่อว่าอวิน๋ จือชิวจะได้เลื่อนขั้นเป็ นท่านทูตสายมะโรงของแดนเซียน?
ลูกสาวทั้งสองของโอวหยางกวงท่านทูตสายชวด หรื อพูดอีกอย่างก็คือลูกสาวของคุณชายรองแดน
โพ้นสวรรค์ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้แต่งเป็ นอนุภรรยาของที่ปรึ กษา? จะเป็ นไปได้อย่างไร?
สายตาของทุกคนไปรวมอยูท่ ี่ตวั ของฉิ นเวยเวย ประหลาดใจและตกตะลึงมาก ไม่น่าเชื่อว่าประมุข
ตําหนักฉิ นจะได้แต่งเป็ นอนุภรรยาของเหมียวอี้พร้อมกับลูกสาวของคุณชายรองแดนโพ้นสวรรค์?
สายตาของทุกคนมองไปที่เหมียวอี้อีก ปราชญ์เซี ยนประทานอนุภรรยาให้สามคนภายในรวดเดียวเลย
เหรอ นี่คือสุ ดยอดแห่งวาสนา
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ถงั จวินเอง ตอนที่เห็นคําสัง่ นี้กย็ งั นึกว่าตัวเองฟังผิดไป ในบรรดาคนที่อยู่
ตรงนั้น คนที่ดูจะไม่ตกใจที่สุดก็มีแค่อวิน๋ จือชิวแล้ว คนอื่นไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึก รวมทั้งเหมียวอี้
ด้วย เหมียวอี้เอ๋ อแดก งงไปหมดแล้ว!
ฉินเวยเวยกัดริ มฝี ปากก้มหน้า ไม่รู้วา่ ควรจะทําสี หน้าอย่างไรดี
หยางชิ่งเบิกตาโพลง ต่อให้นอนฝันเขาก็นึกไม่ถึงว่าปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินจะประทานลูกสาวตัวเอง
ให้แต่งงานกับเขา ไม่ปรึ กษากันเลยสักนิด
เขามองไปยังอวิน๋ จือชิวที่แววตาที่เดือดเหมือนไฟลุก นึกไม่ถึงว่าผูห้ ญิงคนนี้จะโหดร้ายขนาดนี้ พอ
เขาไม่ตอบตกลงนางก็ไปขอคําสัง่ มาจากแดนโพ้นสวรรค์ ให้ลูกสาวของตนกลายเป็ นหนึ่งในผูห้ ญิง
สามคนที่ตอ้ งแต่งงานเป็ นอนุภรรยาของเหมียวอี้ ทําให้เขาโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา!
ต่อให้หยางชิ่งจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่ตอนนี้กไ็ ม่มีคุณสมบัติจะไปขัดคําสัง่ ของมู่ฝานจวิน
ผลของการขัดคําสัง่ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับไหว ไม่ใช่สิ่งที่สองพ่อลูกจะรับไหว มีแค่อยูห่ รื อตายให้เลือก
สองทางเท่านั้น ในเมื่ออวิน๋ จือชิวกล้าทําแบบนี้ คาดว่าคงจะไม่เปิ ดโอกาสให้เขาหนีไป ยอดฝี มือ
บงกชม่วงใต้บงั คับบัญชาของอวิน๋ จือชิวมีอยูไ่ ม่นอ้ ยเลย!
“ข้าน้อยน้อมรับคําสัง่ !” อวิน๋ จือชิวก้าวขึ้นมารับคําสัง่ จากมือถังจวิน แล้วส่ งถังจวินกลับไปด้วยตัวเอง
ในตําหนัก กลุ่มคนเข้าไปแสดงความยินดีกบั หยางชิ่ง เหมียวอี้ และฉิ นเวยเวย สําหรับคนอื่น ๆ นี่คือ
เรื่ องดีแน่นอน เมื่อประมุขปราสาทได้เลื่อนขั้นเป็ นท่านทูตแล้ว พวกเขาก็จะมีโอกาสมากขึ้น
เหมือนกัน ถึงแม้คาํ สัง่ นี้จะแปลกประหลาด แต่ทุกคนก็ยงั แสดงความยินดีจากใจจริ ง
ไม่อาจฝ่ าฝื นอํานาจ! หยางชิ่งกําหมัดสองข้างแน่น หลับตายืนนิ่งอยูก่ บั ที่ ข้างหูได้ยนิ เสี ยงแสดงความ
ยินดีไม่ขาดสาย แต่ความคับแค้นเศร้าโศกในใจ ใครเล่าจะเข้าใจได้
ตอนที่ 926

ผู้รู้ สถานการณ์ คือผู้มสี ติปัญญาเป็ นเลิศ

ผ่านไปครู่ เดียว ประมุขตําหนักสายต่าง ๆ ก็เหมือนจะสังเกตเห็นว่าหยางชิ่งไม่ค่อยพอใจกับการ


ประทานงานสมรสนี้ ทุกคนจึงส่ งสายตาให้กนั เงียบ ๆ แล้วแยกย้าย เหลือยืนอยูต่ รงนั้นเพียงไม่กี่คน
เหยียนซิ วกับหยางเจาชิงมองไปยังเหมียวอี้ที่ยนื เหม่ออยูต่ รงนั้น ทั้งสองไม่รู้วา่ ควรจะพูดอะไรดี
เพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ชดั เจน รู ้สึกว่าเรื่ องนี้มีลบั ลมคมใน
หยางชิ่งที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นยังคงกําหมัดแน่น สายตาย้ายจากตัวเหมียวอี้ไปยังฉิ นเวยเวยที่กาํ ลังก้มหน้า
ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน เขาไม่พดู อะไรสักคํา หันหน้าเดินออกจากตําหนักใหญ่ไปเพียงลําพัง จังหวะ
การเดินยังคงสุ ขมุ มัน่ คง
ผ่านไปไม่นาน อวิน๋ จือชิวก็เดินออกจากตําหนักใหญ่ นางชําเลืองมองเหมียวอี้นิดหน่อย แล้วเดินไปจูง
มือฉิ นเวยเวย “น้องสาว ไปกันเถอะ!”
“หยุดก่อน!” เหมียวอี้พลันเอ่ยเรี ยก ถลันตัวมาขวางตรงหน้านาง แล้วถามด้วยสี หน้าดุร้ายว่า “อวิน๋ จือ
ชิว นี่เป็ นฝี มือของเจ้าใช่ม้ ยั ?”
“ข้าจะทําอะไรได้?” อวิน๋ จือชิวถามกลับ
“โอวหยางหลางกับโอวหยางหวน มันเรื่ องอะไรกันแน่? ข้ายินดีแต่งงานกับฉิ นเวยเวย แต่ไม่ได้บอก
ว่าจะแต่งกับพวกนางสองคน!” เหมียวอี้ตะคอกอย่างโมโห
“เจ้าเป็ นคนก่อเรื่ องนี้เอง ยังมาถามข้าอีกเหรอว่าเรื่ องอะไร?” อวิน๋ จือชิวถามเสี ยงเรี ยบ
เหมียวอี้จึงถามด้วยสี หน้าแค้นเคือง “เจ้ากล้าบอกมั้ยว่าเรื่ องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า? อวิน๋ จือชิว ข้าจะ
บอกให้รู้เอาไว้ ความอดทนของข้าก็มีขีดจํากัดเหมือนกัน เรื่ องแบบนี้เจ้าควรจะบอกข้าก่อนรึ เปล่า เจ้า
เห็นข้าเป็ นอะไร?”
อวิน๋ จือชิวจึงแสยะยิม้ “เจ้ารู ้สึกว่าไม่เป็ นธรรมเหรอ? คนที่ได้รับความไม่เป็ นธรรมคือฉิ นเวยเวยต่าง
หาก ส่ วนคนที่ได้รับความไม่เป็ นธรรมที่สุดก็คือข้า! เจ้าทําเรื่ องสกปรกแบบนั้นมาแล้วยังโทษข้าอีก
เหรอ? เจ้ารู ้ม้ ยั ว่าตอนที่มู่ฝานจวินกดดันข้า ข้ารู ้สึกอย่างไร? เรื่ องนี้เจ้าจะปฏิเสธก็ได้ เจ้าสามารถฝ่ าฝื น
คําสัง่ ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามของเจ้าอยูใ่ นมืออีกฝ่ าย เจ้าจะได้รับความไม่เป็ นธรรมแบบนี้เหรอ
แค่หนีไปก็สิ้นเรื่ องแล้ว หนิวเอ้อร์ มาขึ้นเสี ยงโวยวายใส่ หน้าเมียแล้วถือว่าเก่งนักเหรอ ถ้าเก่งนักก็ฝ่า
ฝื นคําสัง่ ไปเลยสิ ขอแค่ไม่สนใจความเป็ นความตายของเจ้าสาม ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน จะ
หนีไปกับเจ้าทันที ข้าไม่จาํ เป็ นต้องตบปากตัวเองจนฟันร่ วงแล้วกลืนลงท้องด้วย! เวยเวย เราไปกัน
เถอะ!” พูดจบก็จูงมือฉินเวยเวยออกไปด้วยกัน
เหมียวอี้ยนื กลุม้ ใจอยูท่ ี่เดิม สี หน้าบูดบึ้งนิดหน่อย ใช่วา่ เขาจะไม่ชอบผูห้ ญิง เขาไม่รังเกียจด้วยว่าจะมี
ผูห้ ญิงเยอะ แต่รับไม่ได้กบั การโดนกดดันแบบนี้ เวลามีคนบังคับเขาก็อยากจะขัดขืน ทว่าเจ้าสาม
กลายเป็ นจุดอ่อนของเขาแล้ว ฝ่ าฝื นคําสัง่ เหรอ? ตอนนี้ไม่ใช่วธิ ีการที่ชาญฉลาดแน่นอน!
เหยียนซิ ว หยางเจาชิงไม่เข้าใจสถานการณ์ชดั เจน ไม่สะดวกจะเข้าใกล้ และไม่สะดวกจะพูดอะไรด้วย
ได้แต่ยนื เป็ นเพื่อนอยูไ่ กล ๆ …
เศร้าซึม! หยางชิ่งที่กลับมาถึงจวนผูก้ ารใหญ่ ตอนนี้บรรยายได้แค่คาํ ว่าเศร้าซึ ม เขานัง่ บนเก้าอี้อย่าง
หงอยเหงาเศร้าซึม ดวงตาสองข้างไร้แวว ไร้เรี่ ยวแรง!
ชิงเหมย ชิงจวีไ๋ ม่เคยเห็นเขาในสภาพแบบนี้มาก่อน นายท่านที่ไม่วา่ จะเผชิญเรื่ องอะไรก็สามารถ
รับมือได้อย่างกระฉับกระเฉง ตอนนี้ราวกับพ่ายแพ้โดยสิ้ นเชิง หญิงรับใช้ท้ งั สองตกใจมาก ไม่รู้วา่
เรื่ องอะไรที่ทาํ ให้เขาพ่ายแพ้ได้ขนาดนี้ ชิงเหมยถามอย่างกังวลว่า “นายท่าน เกิดเรื่ องอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
ทั้งสองถามซักไซ้ไม่หยุดไปสักพัก หยางชิ่งถึงได้ตอบอย่างไร้เรี่ ยวแรงว่า “ห้ามไม่ไหวแล้ว ปราชญ์
เซี ยนประทานงานสมรส…”
เขาเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นจนจบด้วยนํ้าเสี ยงอ่อนเปลี้ย ทําให้ชิงเหมย ชิงจวีส๋ บตากันอย่างพูดไม่ออก ตก
ตะลึงพรึ งเพริ ดเหมือนกัน และเข้าใจว่าทําไมเขาถึงมีสภาพเป็ นแบบนี้ เพราะทั้งสองรู ้วา่ ลูกสาวคนนี้
คือจุดอ่อนของเขา
แล้วก็ได้ยนิ หยางชิ่งพึมพํากับตัวเองอีกว่า “มู่ฝานจวินไม่ถูกกับอวิน๋ อ้างเทียนมาตลอด ตอนนี้มู่ฝานจ
วินให้อวิน๋ จือชิวทํางานในตําแหน่งสําคัญ จะต้องมีลบั ลมคมในแน่นอน ไม่รู้วา่ ในอนาคตมู่ฝานจวิน
จะใช้ประโยชน์อะไรจากเหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิว ทั้งสองมีอนาคตไม่แน่นอน เกรงว่าหายนะจะอยูไ่ ม่
ไกล เรื่ องที่เกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูงแบบนี้ ข้าไม่สามารถต้านทานได้เลย ถ้าต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
เรื่ องที่ทาํ ให้ตายอย่างอนาถ ข้าจะเอาตัวเข้าไปเกี่ยวได้อย่างไร ข้าแอบวางแผนหาทางออกไว้แล้ว ไม่
อยากจะลงหลุมฝังศพไปกับเขา เตรี ยมตัวจะถอยหากเกิดเรื่ องไม่คาดคิด ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ จะเกิด
เรื่ องนี้ข้ ึน หมดกัน! นางเด็กโง่นนั่ ช่างโง่นกั ! นางแต่งงานกับเหมียวอี้ ก็เท่ากับถูกมัดให้อยูบ่ นรถ
สงครามของเหมียวอี้แล้ว ต้องบุกนํ้าลุยไฟไปกับพวกเขา!”
ชิงเหมยถอนหายใจแล้วถามว่า “ทําไมนายท่านไม่บอกคุณหนูต้ งั แต่แรกเจ้าคะ?”
หยางชิ่งอธิบายอย่างเศร้าหมอง “คนเป็ นพ่อเข้าใจลูกสาวตัวเองดีที่สุด เด็กนัน่ เห็นปกติเงียบ ๆ ไม่เถียง
ไม่พดู แต่ที่จริ งแล้วดื้อด้านมาก สมองทื่อด้วย ใช่วา่ พวกเจ้าจะดูไม่ออก นางไม่เคยตัดเหมียวอี้ขาดเลย
ถ้านางรู ้วา่ ข้าแอบวางแผนทรยศเหมียวอี้ เกรงว่าความลับคงรั่วไหล เหมียวอี้ไม่ใช่พวกมีเมตตาปรานี
เขาคอยระวังข้ามาตลอด เราทั้งคู่ต่างก็กาํ ลังใช้ประโยชน์กนั เป็ นเรื่ องที่รู้ดีอยูแ่ ก่ใจทั้งสองฝ่ าย ถ้าข่าว
เล็ดรอดไปเขาจะต้องเล่นงานข้าแน่นอน เรื่ องใหญ่ขนาดนี้ขา้ จะไม่ระมัดระวังได้อย่างไร จะไปบอก
นางเด็กโง่นนั่ ได้อย่างไร!”
หญิงรับใช้ท้ งั สองถอนหายใจเบา ๆ สถานการณ์ของเหมียวอี้ในตอนนี้ถึงแม้จะดูไม่มนั่ คง แต่กม็ ี
อํานาจเยอะมาก มีเส้นสายกับสํานักต่าง ๆ ของสายมะโรง ลําพังแค่ความสัมพันธ์กบั ประมุขถิ่นทัง่ สี่
ของทะเลดาวนักษัตรก็เห็น ๆ กันอยู่ หลังจากแต่งงานกับอวิน๋ จือชิวก็มีความสัมพันธ์กบั แดนมารอย่าง
สมเหตุสมผล ได้ยนิ ว่ามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกบั ไต้ซือศีลเจ็ดของแดนพุทธะด้วย ตอนนี้กจ็ ะ
แต่งงานกับลูกสาวของคุณชายแดนโพ้นสวรรค์อีก อาศัยแค่กาํ ลังของหยางชิ่ง ก็ไม่มีทางสู ก้ บั เหมียวอี้
ได้เลย
สรุ ปว่าอยูท่ ี่แดนเซี ยนไม่มีทางสู ก้ บั เหมียวอี้ได้เลย มิหนําซํ้าหากขัดคําสัง่ ก็ผา่ นด่านของแดนโพ้น
สวรรค์ไปไม่ได้ วิธีการเดียวก็คือพาฉินเวยเวยหนีออกจากแดนเซียน แต่พดู น่ะพูดง่าย จะหนีพน้ หรื อ
เปล่ายังไม่รู้เลย ต่อให้หนีพน้ ไปได้ แต่กไ็ ม่ใช่ทุกคนที่สามารถปะปนอยูท่ ี่ทะเลดาวนักษัตร ทะเลทราย
ม่านเมฆา แดนมาร แดนอู๋เลี่ยงได้เหมือนเหมียวอี้ มีเรื่ องมากมายที่คิดง่ายพูดง่าย แต่นนั่ มันสําหรับคน
อื่น พอตัวเองจะทําบ้างกลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เจ้าจะเอาชีวติ จากไหนมากมายไปเดิมพันล่ะ? ยิง่ แบก
ภาระครอบครัวด้วยก็ยงิ่ เดิมพันไม่ไหว ไม่ใช่วา่ ทุกคนจะเล่นแผนนี้เก่งหมือนกันหมด มิหนําซํ้าโลก
ภายนอกจะมีใครรู ้จกั ว่าหยางชิ่งเป็ นใคร อย่างมากก็รู้แค่วา่ เจ้าเป็ นลูกน้องของเหมียวอี้
เมื่อเห็นหยางชิ่งทําท่าทางแบบนี้ หญิงรับใช้ท้ งั สองก็รู้แล้วว่าไม่มีทางให้ถอยกลับ ทําได้เพียงโดน
ควบคุม ไม่อย่างนั้นคงไม่เศร้าซึมไร้ชีวติ ชีวาอย่างนี้
หนึ่งคนนัง่ สองคนยืน ทั้งสามเงียบนานมาก แล้วจู่ ๆ หยางชิ่งก็ลุกขึ้นยืน
หญิงรับใช้ท้ งั สองค่อนข้างแปลกใจ พบว่าใช้เวลาแค่ชวั่ พริ บตาเดียวหยางชิ่งก็เหมือนจะกลับมามี
ชีวติ ชีวาอีกครั้ง เหมือนฟื้ นตัวจากการโดนโจมตีที่ยากจะรับไหว เดินก้าวยาวออกไปข้างนอกแล้ว
“นายท่าน จะไปไหนเจ้าคะ?” หญิงรับใช้ท้ งั สองถามซักไซ้
“ไปพบประมุขปราสาท!” หยางชิ่งตอบเสี ยงตํ่า
“นายท่าน ไตร่ ตรองดูก่อนเถอะ!” ทั้งสองรี บถลันตัวมาขวางเขาไว้ กลัวว่าเขาจะไปสู ต้ ายกับประมุข
ปราสาท ฝ่ ายนั้นมีนกั พรตบงกชม่วงเป็ นโขยง อีกทั้งส่ วนใหญ่ยงั เป็ นลูกน้องคนสนิทของประมุข
ปราสาทด้วย สามารถกําจัดเขาได้ทุกเมื่อ ถ้าดึงดันจะใช้กาํ ลังปะทะก็เท่ากับเอาไข่ไปกระทบหิ น
เมื่อหยางชิ่งเห็นท่าทางหญิงรับใช้ท้ งั สองเป็ นแบบนี้ ก็รู้วา่ พวกนางเข้าใจผิด จึงยิม้ เจื่อนพร้อมบอกว่า
“ข้าจะไปยอมจํานนต่อประมุขปราสาท”
“…” หญิงรับใช้ท้ งั สองจ้องมองอย่างพูดอะไรไม่ออก สงสัยว่าตัวเองจะฟังผิดไป
หยางชิ่งกลับค่อย ๆ หันมองไปด้านนอก พลางกล่าวอย่าเนิบช้า “เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว สู ไ้ ปก็ไม่มี
ประโยชน์อะไร มีแต่จะแย่ยงิ่ กว่าเดิม ควรจะไปแสดงจิตใจที่จงรักภักดีต่อประมุขปราสาท! ข้าต้อง
รักษาตําแหน่งผูก้ ารใหญ่ของตัวเองเอาไว้ ประมุขปราสาทกําลังจะเลื่อนขั้นเป็ นท่านทูตแล้ว ถ้าข้าได้
เลื่อนขั้นเป็ นผูก้ ารใหญ่ของสายมะโรง… มีแค่การกุมอํานาจกําลังพลอยูใ่ นมือเท่านั้น ต้องให้เบื้องบน
ไว้วางใจข้าเท่านั้น นี่ต่างหากที่เป็ นที่พ่ งึ ที่ใหญ่ที่สุดของเวยเวย ข้าไม่ยอมให้เวยเวยได้รับความไม่เป็ น
ธรรมหรอก ไม่อย่างนั้นเวยเวยจะมีสิทธิ์ไปนัง่ เสมอกับลูกสาวของคุณชายรองได้อย่างไร! ในเมื่อนาง
เด็กโง่นนั่ ตัดสิ นใจจะเดินทางนี้ พ่ออย่างข้าก็ไม่มีความสามารถอย่างอื่นแล้ว มีแต่ตอ้ งช่วยเหลือ
ประคับประคองนางอย่างสุ ดความสามารถ!” พูดจบก็เดินผ่ากลางหญิงรับใช้ท้ งั สองไป เดินก้าวยาว
ออกไปแล้ว
ขณะที่มองเขาคล้อยหลังไป ชิงจวีก๋ ถ็ อนหายใจ “น่าสงสารจิตใจคนเป็ นพ่อแม่ในโลกนี้ ต้องติดหนี้ลูก
ไปชัว่ ชีวติ ! หลังจากมีคุณหนู นายท่านก็ไม่กล้าทําเรื่ องเสี่ ยงอันตรายอีกเลย!”
ชิงเหมยก็ถอนหายใจเช่นกัน “บุพเพสันนิวาสชัว่ ข้ามคืนในปี นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าฮูหยินท่านนั้นเป็ น
ใครกันแน่ ถ้ารู ้วา่ ลูกสาวตัวเองจะแต่งงานแล้ว ก็ไม่รู้วา่ จะรู ้สึกอย่างไร!”
เหมียวอี้หลบอยูล่ าํ พังในห้องสมาธิ เขาไม่ได้ฝึกตน แต่นอนอยูบ่ นเตียงเพียงลําพัง ใช้สองมือหนุน
ศีรษะ ยกขาเกยไขว่หา้ ง นอนมองเพดานตาปริ บ ๆ มองไม่ออกว่าสี หน้ากําลังอยูใ่ นอารมณ์ไหน และ
ไม่รู้ดว้ ยว่ากําลังคิดอะไรอยู่
อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังรับแขกอยูใ่ นห้องโถงกลับยิม้ หน้าระรื่ น หยางชิ่งได้แสดงความคิดที่อยูใ่ นใจต่อหน้า
นางแล้ว แสดงท่าทีเร็ วขนาดนี้ ช่างเป็ นคนที่อ่านสถานการณ์ออกอย่างที่คาดไว้ บรรยายได้เพียงว่า
‘ผูร้ ู ้สถานการณ์ คือผูม้ ีสติปัญญาเป็ นเลิศ’
หลังจากฟังหยางชิ่งแสดงท่าทีจบ อวิน๋ จือชิวก็ยมิ้ พร้อมเอ่ยว่า “ผูก้ ารหยางไม่ตอ้ งมากพิธี จากนี้ไปก็
เป็ นครอบครัวเดียวกันแล้ว วันหลังเมื่อข้าได้คุมยอดเขาหยกนครหลวง ก็ตอ้ งอาศัยอํานาจอิทธิพล
มากมาย ตําแหน่งผูก้ ารใหญ่ของสายมะโรงเป็ นของท่านแน่นอน หยางชิ่ง”
“ขอบคุณที่ท่านทูตเอ็นดู!” หยางชิ่งคํานับขอบคุณด้วยความเคารพ
“ครอบครัวเดียวกันพูดอะไรอย่างนั้น ในเมื่อผูก้ ารหยางคิดได้แล้ว ก็ไปชี้แนะน้องเวยเวยสักหน่อย ถ้า
นางแต่งงานแล้วไม่ได้รับคําอวยพรจากท่าน เกรงว่าทั้งชีวติ นี้คงจะไม่มีความสุ ข ตอนนี้นางอยูท่ ี่สวน
ดอกไม้ดา้ นหลัง อารมณ์หม่นหมองมาก นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ควรจะเกิดยามมีเรื่ องมงคลมาเยือน!”
“ขอรับ!” หยางชิ่งเอ่ยรับ
อวิน๋ จือชิวหันมองข้าง ๆ “เสวีย่ เอ๋ อร์ พาผูก้ ารใหญ่ไปพบน้องเวยเวยไป”
หยางชิ่งกล่าวอําลา เสวีย่ เอ๋ อร์นาํ ทางตามคําสัง่ ถึงอย่างไรที่ตาํ หนักหลังก็มีผหู ้ ญิงอยูเ่ ยอะ ไม่ใช่ท่ีที่
ผูช้ ายภายนอกจะรุ กลํ้าเข้าไปได้ตามอําเภอใจ
ส่ วนอวิน๋ จือชิวเก็บรอยยิม้ แล้วถอนหายใจเบา ๆ ลุกขึ้นเดินไปหาเหมียวอี้ พอมาถึงห้องสมาธิฝึกตนก็
ผลักประตูออก แล้วเดินตรงไปนัง่ ลงข้างเตียงศิลา นางจ้องมองเหมียวอี้ที่นิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน แล้ว
ยืน่ มือไปลูบใบหน้าของเขา พร้อมถามด้วยนํ้าเสี ยงอ่อนโยน “ยังโกรธข้าอยูอ่ ีกเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบว่า “เปล่านี่! เจ้าพูดถูก ที่จริ งคนที่ได้รับความไม่เป็ นธรรมก็คือเจ้า ข้ามันไร้ประโยชน์
ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่ตอ้ งทนรับความไม่เป็ นธรรมแบบนี้หรอก”
อวิน๋ จือชิวถอนหายใจ “หนิวเอ้อร์ ตราบใดที่เจ้าไม่นอกใจข้า ข้าก็ยนิ ดีรับความไม่เป็ นธรรมจากเจ้าทุก
อย่าง เจ้าคงไม่ได้แค้นข้าจริ ง ๆ หรอกใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้ยา้ ยสายตาจากเพดานไปอยูบ่ นหน้านาง แล้วยิม้ บาง ๆ “มีอะไรน่าแค้นล่ะ เป็ นสิ่ งที่เฝ้ า
ปรารถนาน่ะสิ ไม่วา่ มีผหู ้ ญิงเพิ่มมารวดเดียวสามคน ผูช้ ายคนอื่นคงอิจฉาไม่ทนั แล้ว ข้าว่าต่อให้เป็ น
แค่ความฝันก็ควรจะแอบดีใจ”
อวิน๋ จือชิวเอนกายลงช้า ๆ นอนทับบนตัวเขา ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้ารู ้วา่ ที่จริ งแล้วเจ้าไม่มี
ความสุ ข ที่เจ้าบอกว่าชอบให้มีผหู ้ ญิงเยอะ ๆ ข้าเชื่อ ข้าเห็นมาจากตัวพวกผูช้ ายของตระกูลอวิน๋ มี
ผูช้ ายคนไหนบ้างที่ไม่ชอบให้ขา้ งกายมีผหู ้ ญิงสวยเยอะ ๆ แต่นิสยั เจ้าไม่ชอบโดนบีบบังคับ ถ้าบังคับ
ให้เจ้ารับไว้ เจ้าจะต้องไม่ชอบแน่นอน! เจ้าลองเปลี่ยนมุมมองความคิดดูสิ ขนาดฮูหยินอย่างข้ายังไม่
ถือสาเลย คิดเสี ยว่าเป็ นวาสนาก็แล้วกัน ซ้ายขวามีสาวงามให้กอด ไม่ตอ้ งไปคิดถึงเรื่ องโดนบังคับ
ผูช้ ายเวลาจะทําการใหญ่ ทําไมจะทนรับความไม่เป็ นธรรมเล็กน้อยแค่น้ ีไม่ได้ ตอนที่เจ้าได้ยนื อยูบ่ น
จุดสู งสุ ด เจ้าจะพบว่าความไม่เป็ นธรรมเหล่านั้นไม่ใช่เรื่ องใหญ่อะไรเลย”
เหมียวอี้ใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้แผ่นหลังนาง “ระคายเคือง ต่อไปถ้าใส่ ของเกะกะไว้บนหัวก็อย่ามานอน
หมอบบนตัวข้านะ”
ในศาลาที่สวนดอกไม้ขา้ งหลัง หลังจากพ่อกับลูกสาวได้พบหน้ากัน ฉิ นเวยเวยก็เรี ยกได้วา่ ร้องไห้
อย่างตื้นตันใจ การได้รับความยินยอมและคําอวยพรจากหยางชิ่ง ทําให้เฉินเวยเวยปลื้มปี ติยนิ ดีมาก
จริ ง ๆ
แต่หารู ้ไม่วา่ หยางชิ่งนึกเสี ยใจทีหลัง ถ้ารู ้ต้ งั แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็ นเช่นนี้ ในปี นั้นเขาควรจะตอบตก
ลงไปแล้ว แบบนั้นลูกสาวตัวเองคงไม่ตกตํ่าถึงขั้นเป็ นอนุภรรยาหรอก นางโดนบิดาอย่างเขาทําร้าย
แล้วจริ ง ๆ ในใจรู ้สึกผิดจนยากจะอธิบายออกมาได้
ตอนที่ 927

ริมแม่ นํา้ จัวสุ่ ย ฉิน!

“ไม่ตอ้ งร้องไห้แล้ว!”
ใต้ศาลา รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ หยางชิ่งใช้มือช่วยเช็ดหยดนํ้าตาที่เหมือนเม็ดไข่มุก
ให้ฉินเวยเวย พร้อมกล่าวอย่างสงสารว่า “ลูกสาวเติบโตแล้ว สุ ดท้ายก็ไม่อาจอยูข่ า้ งกายพ่อไปทั้งชีวติ
ได้ ความรู ้สึกของพ่อซับซ้อนมากจริ ง ๆ ! เวยเวย ไม่วา่ จะแต่งงานหรื อไม่แต่งงาน แต่การเป็ นมนุษย์
นั้นไม่ง่าย การทําเรื่ องต่าง ๆ ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ในเมื่อเจ้าตัดสิ นใจเลือกแล้ว เจ้าก็ควรจะทําความเข้าใจ
ให้ชดั เจนว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าเจ้าอยากจะอยูใ่ ช้ชีวติ ร่ วมกับเขา ก็ใช่วา่ แต่งงานกับเขาแล้วทุก
อย่างจะง่ายดายขนาดนั้น บนโลกใบนี้ ไม่วา่ เราจะอยากได้อะไร ก็ลว้ นมีราคาที่ตอ้ งจ่ายทั้งนั้น สิ่ งที่
ต้องจ่ายไปอาจจะเป็ นความเหน็ดเหนื่อย ความเจ็บปวดรวดร้าวใจ ถ้าอยากได้มาโดยไม่เปลืองแรง จุด
จบจะต้องอนาถมากแน่นอน! ดังนั้นถ้าอยากอยูก่ บั เขาไปนาน ๆ ก็ตอ้ งคว้าหัวใจเขาให้ได้ ถ้าใจเขา
ไม่ได้อยูท่ ี่เจ้า ต่อให้เจ้าได้แต่งงานกับเขาแล้วยังไงล่ะ? ถ้าเป็ นเพียงความสมัครใจของเจ้าฝ่ ายเดียว ก็จะ
ไม่เกิดผลลัพธ์อย่างที่เจ้าเฝ้ าหวังเด็ดขาด การเป็ นลูกสาวกับการเป็ นผูห้ ญิงนั้นต่างกัน เข้าใจมั้ย?”
“อื้ม… ค่ะ… อื้ม…” ไม่วา่ จะฟังเข้าใจหรื อไม่ ฉินเวยเวยก็เอาแต่พยักหน้าทั้งนํ้าตา แค่คนเป็ นพ่อพูด
อะไรแบบนี้กบั นางได้ นางก็ซาบซึ้งมากแล้ว
หยางชิ่งช่วยเช็ดนํ้าตาให้นางอีก “บางสิ่ งบางอย่าง ผูช้ ายอย่างข้าไม่สะดวกจะพูดกับเจ้า เดี๋ยวข้าจะให้
ชิงเหมย ชิงจวีม๋ าคุยกับเจ้าเยอะ ๆ หน่อย ถึงอย่างไรพวกนางก็อาบนํ้าร้อนมาก่อน ถ้ามีจุดไหนที่ไม่
เข้าใจ เจ้าก็ถามพวกนางเยอะ ๆ พวกนางก็หวังดีกบั เจ้าเหมือนกัน ไม่ปิดบังหรอก”
“ค่ะ…” ฉินเวยเวยยังคงพยักหน้าเหมือนเดิม
หยางชิ่งใช้สองมือประคองไหล่นาง แล้วกล่าวอย่างใจหายว่า “จะแต่งงานแล้ว! เป็ นเรื่ องน่ายินดี อย่า
ร้องไห้งอแงสิ ถ้าจัดการอารมณ์ตวั เองเสร็ จแล้ว ก็กลับไปที่ตาํ หนักเจิ้นติง ตอนนี้เจ้าไม่เหมาะที่จะเป็ น
ประมุขตําหนักเจิ้นติงอีกต่อไปแล้ว ต้องไปเตรี ยมการเดี๋ยวนี้ ถ้าเจ้าเตรี ยมส่ งมอบงานเสร็ จแล้ว เรื่ อง
อื่นก็ไม่ตอ้ งสนใจ พ่อจะช่วยเตรี ยมการให้เจ้าเอง”
“ค่ะ!” ฉินเวยเวยสะอึกสะอื้น
พอตบบ่านางสองสามที หยางชิ่งก็ไม่เน้นพูดเรื่ องความรักอีก หันตัวเดินออกไปทันที
ตอนกระทัง่ ตอนนี้ ฉินเวยเวยถึงได้พบว่าฝ่ ามือที่หนาใหญ่ของคนเป็ นพ่อนั้นอบอุ่นมาก ไม่เหมือน
เป็ นพ่อบุญธรรม แต่เหมือนเป็ นพ่อแท้ ๆ ผูใ้ ห้กาํ เนิด สิ่ งนี้ทาํ ให้นางยิง่ ร้องไห้อย่างปวดใจกว่าเดิม
ดังนั้น ฉิ นเวยเวยจึงกลับไปที่ตาํ หนักเจิ้นติง
เรื่ องมหามงคลขนาดนี้ปิดบังได้ไม่นานเท่าไร ทางตําหนักเจิ้นติงรู ้เรื่ องเร็ วมาก คําสัง่ จากปราสาท
ดําเนินสุ ริยนั ก็มาแล้วเช่นกัน ถอดฉินเวยเวยออกจากตําแหน่งประมุขตําหนักเจิ้นติง บอกว่าจะให้ไป
ดํารงตําแหน่งอื่น คนที่จะรับตําแหน่งต่อมาถึงเร็ วมาก ต้องรอให้ฉินเวยเวยส่ งมอบงานเสร็ จก่อน แล้ว
ค่อยกลับไปรับคําสัง่ ที่ปราสาทดําเนินสุ ริยนั ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือไปรอเข้าพิธีแต่งงาน
ในห้องนอน ฉินเวยเวยกําลังนัง่ อยูห่ น้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง นางสวมชุดกระโปรงสี ขาวและปล่อยผมยาว
คลุมบ่า ทั้งใฝ่ ฝันจินตนาการทั้งตื่นเต้นกับวันนั้นที่กาํ ลังจะมาถึง ช่วงนี้มกั จะคิดมากเสมอ
จังหวะการเดินไปเดินมาของหงเหมียน ลู่หลิ่วเหมือนจะเปลี่ยนเป็ นเริ งร่ าขึ้นหลายเท่า ในที่สุดเจ้านาย
ก็จะได้แต่งงานแล้ว แม้จะวนอ้อมไปรอบหนึ่ง แต่คนที่จะได้แต่งงานด้วยก็ยงั เป็ นคนคนนั้น
ถึงแม้จะอารมณ์ดี แต่กไ็ ม่อาจปิ ดบังความไม่พอใจเล็ก ๆ ที่อยูใ่ นใจทั้งสองได้ หงเหมียนที่กาํ ลังหวีผม
ให้ฉินเวยเวยบ่นว่า “เดิมทีควรจะเป็ นคุณหนูที่ได้เป็ นภรรยาเอก ถ้าไม่ใช่เพราะปี นั้นผูก้ ารใหญ่หยาง
ใช้กระบองตีนกเป็ ดนํ้าให้แยกคู่[1] เรื่ องนี้คงไม่เกี่ยวกับคนแซ่อวิน๋ อะไรนัน่ แล้ว”
ฉิ นเวยเวยจ้องมองกระจกพร้อมบอกว่า “ต่อไปห้ามพูดอะไรแบบนี้อีก ไม่เป็ นผลดีกบั ใครทั้งนั้น”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกไม่ยตุ ิธรรมแทนคุณหนู พูดแค่ตอนอยูต่ ่อหน้าคุณหนูกเ็ ท่านั้นเอง” หงเห
มียนพึมพํา
หงเหมียน ลู่หลิ่วที่กาํ ลังยุง่ วุน่ อยูห่ น้ากระจก บนใบหน้ามีริ้วรอยแห่งวัยนิดหน่อย ฉิ นเวยเวยรู ้สึกปลง
ในใจ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกว่า “พวกเจ้าสองคนติดตามข้ามานานขนาดนี้ ไม่ยตุ ิธรรมกับพวกเจ้า
เลย พวกเจ้าไม่ตอ้ งห่วงนะ หลังจากแต่งงานข้าจะโน้มน้าวให้นายท่านรี บไปเข้าห้องหอกับพวกเจ้า จะ
เป็ นผูห้ ญิงที่ไม่รู้รสชาติของการเป็ นผูห้ ญิงไปทั้งชีวติ ไม่ได้”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา หญิงรับใช้ท้ งั สองก็หน้าแดงทันที
ทั้งสองต้องแต่งงานไปพร้อมกับเจ้านาย นี่คือเรื่ องที่ตอ้ งมาถึงในสักวันหนึ่ง ดังนั้นเมื่อได้ยนิ ข่าวเรื่ อง
แต่งงาน จังหวะการก้าวเท้าของทั้งสองถึงได้ฟังดูเริ งร่ าขนาดนั้น ในใจรู ้สึกตื่นเต้นหรรษา เพียงแต่
โดนพูดเปิ ดโปงความคิดในใจแบบนั้น จะให้พวกนางทนความรู ้สึกได้อย่างไร
แต่ในเมื่อเจ้านายพูดแบบนี้แล้ว ก็ทาํ ให้คนรู ้สึกทั้งเขินอายทั้งโชคดี ใช่วา่ หญิงรับใช้ของเจ้านายที่เป็ น
ผูห้ ญิงทุกคนจะโชคดีแบบนี้ หญิงรับใช้บางคนไปเจอกับเจ้านายที่อยูเ่ ป็ นโสดไปทั้งชีวติ พวกนางก็ทาํ
ได้เพียงเป็ นม่ายทั้งชีวติ เช่นกัน ยังมีที่แย่กว่านั้น ก็คือโดนเจ้านายผูห้ ญิงหวงแหน ไม่ยอมให้ผชู ้ ายแตะ
ต้อง หญิงรับใช้ประจําตัวแบบนี้ ใช่วา่ พวกนางจะไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อวันเวลานานไปใบหน้าก็จะ
เหมือนเด็กสาวอ่อนต่อโลก จืดชืด ทําหน้าเหมือนมีใครติดหนี้นางอย่างนั้นแหละ บนใบหน้าราวกับ
เขียนคําว่า ‘ไร้หวั ใจ’ เอาไว้ ดูแล้วน่ากลัว ผูห้ ญิงประเภทนั้นเหมือนกับที่เจ้านายบอกจริ ง ๆ เป็ น
ผูห้ ญิงที่ไม่รู้รสชาติของการเป็ นผูห้ ญิงไปทั้งชีวติ …
ทางปราสาทดําเนินสุ ริยนั ไม่ตอ้ งส่ งมอบงาน หลังจากอวิน๋ จือชิวได้คุมยอดเขาหยกนครหลวงแล้วค่อย
จัดการ แค่ตอ้ งเตรี ยมการทางด้านนี้นิดหน่อยก็พอ
หลังจากเตรี ยมทุกอย่างเรี ยบร้อยแล้ว อวิน๋ จือชิวก็นาํ กําลังคนไปที่เมืองหลวง ไปรับงานกับจงเจิ้นแบบ
ต่อหน้า เท่านี้กน็ บั ว่าได้กลายเป็ นท่านทูตสายมะโรงอย่างเป็ นทางการแล้ว
ความเจริ ญรุ่ งเรื องของเมืองหลวงราวกับภาพฝันมายาที่อยูใ่ นภาพวาด อวิน๋ จือชิวที่เพิ่งรับช่วงต่อ
ปราสาททองงานยุง่ มาก ไม่ใช่แค่ในด้านพิธีการ ทั้งยังมีประมุขปราสาทสายต่าง ๆ คอยเข้าพบ มีแขก
จากที่ต่าง ๆ มาร่ วมแสดงความยินดี รวมทั้งงานเล็กงานใหญ่ต่าง ๆ อีก
ถึงแม้เหมียวอี้จะถูกอวิน๋ จือชิวแต่งตั้งให้เป็ นที่ปรึ กษาของสายมะโรงทันที แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไป
แทรกแซงงานอะไร และส่ วนใหญ่กไ็ ม่ได้โผล่หน้าออกมาด้วย ตอนนี้ขา้ งบนมีอวิน๋ จือชิวคุม ส่ วน
ข้างล่างก็มีหยางชิ่งทํางานให้ แล้วก็ไม่มีใครสะดวกใจจะใช้ให้เขาทําอะไรทั้งนั้น อุตส่ าห์เข่นฆ่าฝ่ าฟัน
ขึ้นมาตลอดทาง ตอนนี้เขากลับกลายเป็ นคนว่างงานจริ ง ๆ แล้ว
เพราะเหตุน้ ี ถ้าเขาไม่เก็บตัวฝึ กฝน ก็ไปล่องเรื อบนทะเลสาบหยกโดยมีหลินผิงผิงไปเป็ นเพื่อน ถ้าได้
ว่างแบบนี้ไปทั้งชีวติ เขาก็ไม่เป็ นไร แต่นนั่ เป็ นเรื่ องเพ้อฝัน
กลับเป็ นหลินผิงผิงที่รู้สึกทอดถอนใจยิง่ กว่าเขา นางนึกไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็ นเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าฮูหยิ
นของเหมียวอี้จะกลายเป็ นนายท่านของเมืองหลวงอันเจริ ญรุ่ งเรื อง กลายเป็ นนายท่านของสายมะโรง
ที่มีภูเขาแม่น้ าํ นับหมื่นลี้และมีสาวกนับไม่ถว้ น
บนระลอกคลื่นสี เขียวมรกต ลมยามเย็นพัดเบา ๆ แสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมจนเป็ นสี แดง ผิวนํ้าเป็ น
ระลอกคลื่น บนเรื อดอกไม้ลาํ เล็ก เหมียวอี้ที่เอนกายอยูบ่ นเก้าอี้ราวกับง่วงนอนเอ่ยว่า “หลินผิงผิง
ตอนนี้ตาํ แหน่งหาข่าวในเมืองหลวงที่เจ้าทําไม่จาํ เป็ นต้องมีอยูแ่ ล้ว วรยุทธ์อย่างเจ้าเป็ นประมุขจวนก็
พอได้ ในสายมะโรงเจ้าเลือกได้ตามใจชอบเลย ชอบจวนไหนก็บอกมา ข้าจะช่วยจัดการให้เจ้า”
หลินผิงผิงที่อยูข่ า้ ง ๆ พูดอย่างลําบากใจ “ข้าน้อยเอ้อระเหยลอยชายจนชินแล้ว ทําอะไรเป็ นการเป็ น
งานไม่ได้ เรื่ องหํ้าหัน่ กันด้วยกลอุบาย เกรงว่าข้าน้อยจะทําหน้าที่ได้ไม่ดี”
เหมียวอี้หลับตาขานรับ “เจ้าเองก็รู้ ข้าจะยังมีฐานะสําคัญอีกอย่าง เป็ นประมุขถิ่นกลางของทะเลดาว
นักษัตร ข้ามีตาํ หนักอยูห่ ลังหนึ่งที่ทะเลดาวนักษัตร ยังไม่มีคนของตัวเองไปเฝ้ าพอดี เจ้าเต็มใจจะ
ไปมั้ย?”
หลินผิงผิงเงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วตอบว่า “หากนายท่านรู ้สึกว่ามีความจําเป็ น ข้าน้อยก็ยอ่ มปฏิบตั ิตาม
คําสัง่ !”
“ฟังดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนะ” เหมียวอี้กล่าวอย่างเนิบนาบเกียจคร้าน “มีอะไรก็พดู มาตรง ๆ เถอะ”
หลินผิงผิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าน้อยก็ไม่รู้วา่ ตัวเองเป็ นอะไรไป เกิดอาลัยอาวรณ์ความ
เจริ ญรุ่ งเรื องของโลกมนุษย์ที่นี่ ชอบดูมนุษย์ในโลกนี้ค่อย ๆ แก่ตวั ไป แล้วมีชีวติ ใหม่เริ่ มต้นอีก วนไป
วนมาซํ้า ๆ มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ!”
แสงแดดสี แดงยามเย็นสาดใส่ เก้าอี้โยก จู่ ๆ เหมียวอี้กย็ นื่ มือข้างหนึ่งออกมา ชี้นางพร้อมบอกว่า “ข้า
อนุญาตให้เจ้าเป็ นอิสระอยูใ่ นโลกนี้! แน่นอน มันอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขที่วา่ ข้ายังมีความสามารถนี้อยูน่ ะ
ตําแหน่งว่างงานแบบนี้ ข้าจะเก็บไว้ให้เจ้าต่อไปก็แล้วกัน!”
หลินผิงผิงอึ้งทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกว่านายท่านสูญเสี ยความกระฉับกระเฉงมีชีวติ ชีวาที่เคยมีในอดีตไปแล้ว
ทําให้รู้สึกเหมือนกําลังเบื่อหน่ายสุ ด ๆ …
ส่ วนอันหรู อวี้คุณชายรองของแดนโพ้นสวรรค์ ตอนนี้มาถึงยอดเขาหยกนครหลวงแล้ว เหตุผลที่มาก็
คือแสดงความยินดีที่อวิน๋ จือชิวได้เลื่อนขั้น แต่เจตนาที่แท้จริ งก็คือ มาติดต่อพูดคุยเรื่ องฤกษ์แต่งงาน
กับอวิน๋ จือชิว
การมาหาอวิน๋ จือชิวเพื่อคุยเรื่ องแบบนี้ ทําให้อนั หรู อวี้รู้สึกจนใจมาก แต่กไ็ ม่มีทางเลือก เพราะใน
อนาคตท่านนี้จะได้เป็ นภรรยาเอก เรื่ องอนุภรรยาก็ตอ้ งให้นางจัดการเช่นกัน กอปรกับที่อวิน๋ จือชิว
เป็ นท่านทูตสายมะโรง เห็นได้ชดั ว่าเป็ นเจ้าบ้าน ถ้าไปทําให้อวิน๋ จือชิวไม่พอใจ เกรงว่าในอนาคตลูก
สาวของตนจะใช้ชีวติ ลําบาก ถ้าไม่มาหาอวิน๋ จือชิวแล้วจะให้ไปหาใครล่ะ
ตอนที่คุยกัน อวิน๋ จือชิวดึงตัวหยางชิ่งมาด้วย เพื่อให้มาปรึ กษาหารื อร่ วมกัน ถึงอย่างไรลูกสาวของห
ยางชิ่งก็จะแต่งงานเหมือนกัน จะฟังความคิดเห็นคนอื่นไม่ได้
เลือกฤกษ์มงคลสําหรับวันแต่งงานได้แล้ว เป็ นครึ่ งเดือนหลังจากนี้
เดิมทีอวิน๋ จือชิวอยากจะจัดงานให้ใหญ่โต ไม่อยากให้เจ้าสาวใหม่ท้ งั สามคนน้อยเนื้อตํ่าใจ ปรากฏว่า
อันหรู อวี้กบั หยางชิ่งคัดค้าน ต้องการให้จดั แบบเรี ยบง่าย เหตุผลก็คือการแต่งงานเป็ นอนุภรรยาไม่
จําเป็ นต้องจัดใหญ่โต
เมื่อเดินในเส้นทางนี้แล้ว อันหรู อวี้กไ็ ม่อยากจัดงานให้โดนเด่นเกินหน้าเกินตาอวิน๋ จือชิวในตอนแรก
กลัวว่าอวิน๋ จือชิวจะไม่พอใจแล้วมาหาเรื่ องลูกสาวตัวเอง หยางชิ่งก็กงั วลเช่นเดียวกัน ในเมื่อจะแต่ง
เป็ นอนุภรรยาก็ตอ้ งมีจิตสํานึกของอนุภรรยา
อวิน๋ จือชิวเห็นว่าโน้มน้าวไม่ได้ผล จึงทําตามเจตนาของทั้งสอง ที่จริ งในใจก็ภูมิใจอยูน่ ิด ๆ นับว่าพวก
เจ้าอยูเ่ ป็ น ไม่ลืมว่าใครกันแน่ที่เป็ นภรรยาเอก!
หลังจากตกลงเรื่ องนี้กนั ได้ อันหรู อวี้ถึงได้กลับไปอย่างหายกังวล นางอยากจะจัดการเรื่ องหนักใจให้
เสร็ จเร็ ว ๆ ก่อนที่นางกับสามีจะได้รับโทษ ไม่อยากให้มีเงามืดมาบดบังตอนลูกสาวตัวเองแต่งงาน
เรื่ องแต่งงานส่ งต่อให้หยางชิ่งกับเหยียนซิวช่วยกันจัดการ ผูก้ ารใหญ่ฝ่ายนอกและฝ่ ายในรับผิดชอบ
ร่ วมกัน เหมียวอี้ข้ ีคร้านจะกังวลเรื่ องนี้ ก็เหมือนที่เขาบอกกับอวิน๋ จือชิว งั้นข้ารอเข้าห้องหอก็พอ!
ปรากฏว่ายัว่ ให้อวิน๋ จือชิวโมโหจนเตะต้นขาเขาอย่างแรงหนึ่งที!
เหมียวอี้รับอนุภรรยาพร้อมกันสามคน แถมมู่ฝานจวินยังประทานงานสมรสให้ดว้ ย ย่อมเป็ นข่าวไป
ทัว่ ทั้งแดนฝึ กตนอยูแ่ ล้ว คนมากมายที่ไม่รู้สถานการณ์รู้สึกแปลกใจมาก ปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินจะยัด
ผูห้ ญิงให้เหมียวอี้ในรวดเดียวไปทําไม? ทําไมวาสนาแบบนี้ไม่ตกมาถึงข้าบ้าง?
ด้วยเหตุน้ ี จึงเพิม่ ความพิลึกพิลนั่ ให้กบั ชื่อเสี ยงของไอ้เหมียวจัญไรหลายส่ วน คนที่ไม่เคยเจอก็
อยากจะเห็นลักษณะท่าทางของเขาจริ ง ๆ
หญิงรับใช้คนหนึ่งของโอวหยางกวงมาถึงแล้ว ทั้งยังพาหญิงรับใช้ของโอวหยางหลางกับโอวหยาง
หวนมาด้วยสองคน มาเข้าร่ วมการเตรี ยมงานแต่งงาน เมื่อถึงเวลานั้น อย่าให้คนที่มาใหม่ไม่รู้
แม้กระทัง่ ห้องหอต้องเดินเข้าออกทางไหน
หยางชิ่งกําลังจัดการกิจธุระของสายมะโรงไปพร้อม ๆ กับจัดการเรื่ องงานแต่งงาน เขายุง่ คนไม่มีเวลา
ไปฝึ กตน ตอนนี้กาํ ลังอยูใ่ นจวนผูก้ ารใหญ่และเร่ งทําความเข้าใจสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ของสาย
โรง ชิงจวีก๋ ลับวิง่ เข้ามาด้วยสี หน้าที่ไม่ปกติ นางกล่าวเสี ยงสัน่ ว่า “นายท่าน! มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ!”
“ใคร?” หยางชิ่งเงยหน้าถาม สังเกตได้เช่นกันว่าชิงจวีม๋ ีปฏิกิริยาไม่ปกติ
ชิงจวีว๋ างแผ่นหยกไว้บนโต๊ะยาว เม้มริ มฝี ปากแน่น ไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น
หยางชิ่งสงสัย พอหยิบแผ่นหยกมาอ่าน ก็ลุกพรวดขึ้นทันที เบิกตาโพลงและหายใจถี่กระชั้น ในแผ่น
หยกมีอกั ษรเพียงไม่กี่ตวั : ริ มแม่น้ าํ จัวสุ่ ย ฉิน!
เมื่อเห็นเขาทําท่าเหมือนโดนฟ้ าผ่ากลางวันแสก ๆ ชิงเหมยก็รีบมองไปที่ชิงจวีด๋ ว้ ยแววตาสอบถาม
เห็นได้ชดั ว่าอีกฝ่ ายเหม่อลอย จึงไม่เข้าใจที่นางสื่ อ
หยางชิ่งที่ได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปนาน ตอนนี้กลืนนํ้าลายอย่างยากลําบาก แล้วถามว่า “นางไม่รู้
เลยว่าข้าเป็ นใคร ทําไมถึงมาหาข้าที่นี่ได้ เป็ นนางเหรอ?”
“เบื้องล่างส่ งรายงานขึ้นมาเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ออกไปพบ!” ชิงจวีส๋ ่ ายหน้า
“เรื่ องแต่งงานอาจจะสะเทือนไปถึงนาง ไปเชิญมาเถอะ!” หยางชิ่งถอนหายใจเบา ๆ
หลังจากชิงจวีอ๋ อกไปแล้ว ชิงเหมยก็รีบถาม “นายท่าน เกิดเรื่ องอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
หยางชิ่งยืน่ แผ่นหยกในมือให้ “เจ้าอ่านเองสิ ”
หลังจากชิงเหมยรับมาอ่าน ก็ตะลึงงันในทันที เบิกตาโพลงขึ้นหลายส่ วน ในแววตาเต็มไปด้วย
ความรู ้สึกเหลือเชื่อ
…………………………

[1] ใช้กระบองตีนกเป็ ดนํ้าให้แยกคู่ 棒打鸳鸯 หมายถึง ขัดขวางไม่ให้รักกัน


ตอนที่ 928

เล็กน้ อยกว่ าต้ นหญ้ า

แขกรออยูท่ ี่ตีนเขา เมื่อได้รับคําสัง่ ก็ยอ่ มปล่อยให้เข้ามา ชิงจวีก๋ าํ ลังรออยูท่ ี่ประตูจวนผูก้ ารใหญ่


ประสานมือเข้าด้วยกัน ดูค่อนข้างกังวลใจ
ผ่านไปไม่นาน แขกก็มาถึงแล้ว เป็ นสตรี คนหนึ่งที่รูปร่ างอรชรอ่อนช้อย แต่งกายเรี ยบง่าย สวมหมวก
งอบและปิ ดบังใบหน้าด้วยผ้ามุง้ สี ดาํ ทําให้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริ ง แต่กลับปิ ดบังความถือตัวที่
ซ่อนอยูใ่ นอากัปกิริยาไม่ได้
ชิงจวีโ๋ บกมือให้คนที่นาํ ทางออกไป สี หน้านางสื่ ออารมณ์ซบั ซ้อน มองสํารวจใบหน้าที่อยูห่ ลังผ้ามุง้
ไม่หยุด เหมือนอยากจะวินิจฉัยใบหน้าที่อยูเ่ บื้องหลัง
สตรี ที่สวมหมวกงอบคลุมผ้ามุง้ สี ดาํ จ้องมองชิงจวีเ๋ งียบ ๆ ครู่ หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย พลาง
กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงไพเราะว่า “เป็ นพวกเจ้าจริ ง ๆ ด้วย จวีเ๋ อ๋ อร์ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา ชิงจวีก๋ ต็ วั สัน่ เล็กน้อย เหลียวซ้ายแลขวาไปทัว่ ไม่กล้าทําให้คนนอกสงสัย เพียง
เบี่ยงตัวหลีกทางแล้วยืน่ มือเชิญ “นายท่านรออยูข่ า้ งใน เชิญเจ้าค่ะ!”
ผูท้ ี่มาก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน เดินเนิบนาบตามหลังชิงจวี๋ มุ่งตรงไปยังห้องทํางานของหยางชิ่ง
หยางชิ่งเอามือไขว้หลังยืนมองภาพวาดบนผนัง ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู่ พอได้ยนิ เสี ยงฝี เท้าก็หนั หน้า
มาอย่างช้า ๆ
ชิงเหมยมองดูผหู ้ ญิงคนนั้นเดินเข้ามาในห้องตาปริ บ ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยการเฝ้ าคอย แววตาที่จอ้ ง
มองผ้ามุง้ สี ดาํ ฉายแววเหมือนกําลังสํารวจค้นหา
ผูท้ ี่มากําลังยืนอยูใ่ นห้อง หลังจากสบตากับหยางชิ่งเงียบ ๆ ครู่ หนึ่ง ก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เป็ นเจ้า
จริ ง ๆ ด้วย!” พูดจบก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นถอดหมวกงอบที่มีผา้ มุง้ ห้อยลงมา เปิ ดเผยโฉมหน้าที่งามล่ม
เมือง หน้าตางดงามดุจภาพวาด ดวงตาชุ่มฉํ่าดุจหนองนํ้าในฤดูใบไม้ร่วงจริ ง ๆ
เมื่อโฉมหน้าที่แท้จริ งปรากฏ ชิงเหมย ชิงจวีก๋ ต็ วั สัน่ พร้อมกัน รี บเข้ามาคํานับอย่างฮึกเหิ ม “บ่าว
คํานับฮูหยิน!”
ถ้าตอนนี้เหมียวอี้ได้มาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริ งของผูท้ ี่มา ก็จะต้องตกตะลึงมากแน่นอน นางคือฉิ นซี ฮู
หยินของปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉิ น!
ฉิ นซี ผายมือเล็กน้อย “เหมยเอ๋ อร์ จวีเ๋ อ๋ อร์ ไม่เจอกันนานเลยนะ ไม่ตอ้ งมากพิธี”
หญิงรับใช้ท้ งั สองยืนตัวตรง แล้วชิงจวีก๋ ร็ ี บถอยออกไปเฝ้ าประตู ป้ องกันไม่ให้คนนอกเข้าใกล้ ส่ วน
ชิงเหมยก็รีบนํานํ้าชามาริ นให้ แต่ฉินซีโบกมือบอกใบว่าไม่ตอ้ ง
หยางชิ่งเม้มริ มฝี ปากแน่น แววตาค่อนข้างตื่นเต้นหวัน่ ไหว แต่สีหน้ากลับค่อย ๆ นิ่งเฉย แล้วถามเสี ยง
ตํ่าว่า “เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”
“หยางก่วง… ไม่สิ ข้าควรจะเรี ยกเจ้าว่าหยางก่วง หรื อควรจะเรี ยกเจ้าว่าหยางชิ่งดีล่ะ?” ฉิ นซี ถาม
“แล้วข้าควรจะเรี ยกเจ้าว่าฮูหยินของปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉิน หรื อควรจะเรี ยกเจ้าว่าฉินซี ล่ะ?” หยางชิ่ง
ถามกลับ
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา ไม่วา่ จะเป็ นชิงเหมยที่ยนื เก็บมืออยูข่ า้ ง ๆ หรื อชิงจวีท๋ ี่ยนื เฝ้ าอยูต่ รงประตู ต่างก็
ตกใจจนหน้าถอดสี ฮูหยินของปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ยเฉิน? อย่าบอกนะว่านายท่านรู ้ถึงตัวตนที่แท้จริ งของ
ฮูหยินลึกลับคนนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว?
“อย่าบอกนะว่าเจ้ารู ้ถึงฐานะของข้าตั้งแต่ปีนั้นแล้ว?” ฉิ นซีขมวดคิ้วถาม
ในดวงตาหยางชิ่งฉายแววตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ตอนแรกก็ไม่รู้ ถ้ารู ้ขา้ จะกล้าแตะต้อง
เจ้าเหรอ ตอนหลังพอเริ่ มจะมีประสบการณ์ความรู ้ข้ ึนมาบ้าง ก็เลยเดาได้นิดหน่อย แม่น้ าํ จัวสุ่ ยถือว่า
ห่างจากสํานักงามวิจิตรไม่ไกล สตรี แซ่ฉินคนหนึ่ง หน้าตางดงามดุจเทพธิดา สามารถอาศัยอยูต่ รงนั้น
ลําพังได้โดยไม่มีใครกล้ารบกวน ทั้งยังมีวรยุทธ์ระดับบงกชม่วง ได้ยนิ ว่าฮูหยินของปราชญ์เต๋ าเฟิ งเป่ ย
ก็เฉินแซ่ฉิน มีหน้าตางดงามเหมือนกัน และมีวรยุทธ์ระดับบงกชม่วงเหมือนกัน กอปรกับกิริยาท่าทาง
ของเจ้าในปี นั้น ข้าจะไม่นึกเชื่อมโยงไปได้อย่างไร แต่สิ่งที่ทาํ ให้ขา้ คิดไม่ตกมาตลอดก็คือ ถ้าเจ้าเป็ น
ฉินซีท่านนั้นจริ ง ๆ เหตุใดจึงลดตัวลงมาให้คนตํ่าต้อยอย่างข้าล่ะ จนกระทัง่ ลองถามดูเมื่อครู่ น้ ี ข้าถึง
ได้แน่ใจแล้วจริ ง ๆ !”
ฉินซีถอนหายใจแล้วบอกว่า “หยางก่วง… หยางชิ่ง เจ้ายังฉลาดเหมือนเดิม นี่คือเหตุผลที่ตอนนั้นข้า
ไม่กล้าอยูก่ บั เจ้านาน กลัวว่าเวลานานไปจะปิ ดบังเจ้าไม่ได้”
หยางชิ่งแสยะยิม้ แล้วบอกว่า “ตอนนี้ขา้ ยิง่ คิดก็ยงิ่ ไม่เข้าใจ เหตุใดในปี นั้นเฟิ งฮูหยินจึงยอมร่ วมมี
ความสุ ขกับหยางคนนี้? หยางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ผชู ้ ายมากความสามารถที่ผหู ้ ญิงเห็นแล้วจะตก
หลุมรักแน่นอน ช่างเข้าใจยากจริ ง ๆ !”
ฉินซีตอบเสี ยงเรี ยบว่า “เรื่ องที่ไม่ควรรู ้กไ็ ม่ตอ้ งถามแล้ว ใช่วา่ เจ้าจะไม่ปิดบังเหมือนกัน ข้าคิดมา
ตลอดว่า ‘หยางก่วง’ คนนั้นเป็ นนักพรตของแดนอู๋เลี่ยง ใครจะคิดว่าจะเป็ นนักพรตของแดนเซี ยน
ทําไมตอนนั้นเจ้าถึงไปปรากฏตัวอยูท่ ี่นนั่ ได้?”
หยางชิ่งตอบว่า “ตอนนั้นได้รับคําสัง่ จากเบื้องบนให้ไปทํางานนอกสถานที่ นักพรตเล็ก ๆ ของแดน
เซี ยนอย่างข้าจะกล้าเปิ ดเผยตัวตนที่แดนอู๋เลี่ยงได้อย่างไร ย่อมต้องปลอมตัวเป็ นนักพรตแดนอู๋เลี่ยงอยู่
แล้ว เจ้าไม่เต็มใจบอกชื่อแซ่ของตัวเอง หยางคนนี้ยอ่ มไม่กล้าเปิ ดอกพูดตรง ๆ ! เฟิ งฮูหยิน เรื่ องใน
อดีตไม่ตอ้ งเอ่ยถึงอีกแล้ว ข้าว่าถ้าเรื่ องราวในช่วงนั้นถูกเปิ ดโปง ก็จะไม่เป็ นผลดีอะไรกับเจ้าเช่นกัน
เราไม่จาํ เป็ นต้องทําเรื่ องที่ทาํ ร้ายกันอย่างนั้น ตอนนี้ขา้ กลับแปลกใจ เจ้ามาหาข้าที่นี่โดยตรงเลย
เหรอ?”
ฉินซี ตอบว่า “ชื่อของลูกสาว ข้าเป็ นคนตั้งเอง ข่าวที่เวยเวยจะแต่งงานโด่งดังไปทัว่ จะไม่ดึงดูดความ
สนใจของข้าได้อย่างไร?”
หยางชิ่งส่ ายหน้า “คําพูดหลอกลวงแบบนี้ไปพูดกับคนอื่นอาจได้ผล แต่หลอกข้าไม่ได้หรอก ต่อให้
เรื่ องงานแต่งงานของเวยเวยจะดึงดูดความสนใจของเจ้า แต่กใ็ ช่วา่ โลกนี้จะไม่มีคนชื่อแซ่เดียวกัน เจ้า
แน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเราคือคนที่เจ้าตามหา ยอมเสี่ ยงที่จะเสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงเพื่อมาหาด้วยตัวเองเลย
เหรอ? ยอดเขาหยกนครหลวงไม่ใช่สถานที่ธรรมดาทัว่ ไป เจ้าเข้ามาไม่รู้ตาม้าตาเรื อแบบนี้ ใช่วา่ เจ้าคิด
อยากจะไปที่ไหนก็ไปได้นะ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่กงั วลเลยสักนิด? ก่อนหน้านี้เจ้าต้องแน่ใจแล้ว ถึงได้
กล้าบุกเข้ามาตรง ๆ !”
ฉินซีพยักหน้า “ไม่ผดิ หรอก ก่อนหน้านี้ขา้ แน่ใจแล้ว ข้าเคยเจอเวยเวยที่สาํ นักงามวิจิตร เคยยืนยันต่อ
หน้า”
เมื่อได้ยนิ นางพูดแบบนี้ ชิงเหมย ชิงจวีแ๋ ละหยางชิ่งก็พากันงุนงง หยางชิ่งขมวดคิว้ ถามว่า “เจ้าเคยเจอ
เวยเวยที่สาํ นักงามวิจิตรเหรอ?”
ฉิ นซี ตอบว่า “พอพูดถึงเรื่ องนี้กย็ งั คิดจะถามเจ้าอยูเ่ ลย เจ้าน่าจะรู ้นะว่าเหมียวอี้เป็ นศัตรู กบั แดนอู๋เลี่ยง
ทําไมยังให้เวยเวยตามเหมียวอี้ไปสํานักงามวิจิตรเพื่อร่ วมงานประลองของวิเศษอีก? เจ้ารู ้รึเปล่า ถ้า
ตอนนั้นข้าไม่ได้แอบมาแทรกแซงให้เวยเวยแยกกับเหมียวอี้ได้ทนั เวลา เกรงว่าเวยเวยคงจะไม่รอด
ชีวติ กลับมาแล้ว เจ้าดูแลลูกสาวแบบนี้เหรอ?”
หยางชิ่งตกใจมาก “เวยเวยก็ไปงานประลองของวิเศษของสํานักงามวิจิตรเหรอ? เอ่อ…” เขาเหม่อลอย
ไปพักใหญ่ เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ส่ ายหน้าไม่หยุดพร้อมบอกว่า “ลูกสาวโตขึ้นแล้วรั้งไว้ไม่อยูจ่ ริ ง
ๆ ขนาดเรื่ องแบบนี้กย็ งั ปิ ดบังข้า!”
ชิงเหมย ชิงจวีก๋ เ็ ดาออกแล้วเช่นกัน ในช่วงเวลานั้นเหมือนฉินเวยเวยจะติดธุระ บอกว่าจะไปตรวจตรา
กําลังพลเบื้องล่าง ที่แท้กต็ ามเหมียวอี้ไปสํานักงามวิจิตรนี่เอง หญิงรับใช้ท้ งั สองคิดแล้วขนลุก เรื่ องใน
ครั้งนั้นใหญ่โตขนาดไหน เป็ นการร่ วมตัวของกลุ่มพี่ใหญ่ท้ งั นั้น นักพรตบงกชทองตายไปเป็ นโขยง
ไม่ใช่วา่ ทุกคนจะเหมือนอี้ ที่ขนาดก่อเรื่ องไปทัว่ แล้วยังรักษาชีวติ ไว้ได้ ในที่สุดตอนนี้ท้ งั สองก็เข้าใจ
แล้ว ว่าทําไมหยางชิ่งไม่กล้าบอกฉินเวยเวยเรื่ องที่เตรี ยมตัวจะหนีเหมียวอี้ ขนาดเรื่ องแบบนั้นยังกล้า
ช่วยเหมียวอี้ปิดบัง ลูกสาวโตแล้วรั้งไม่อยูจ่ ริ ง ๆ
ที่จริ งสําหรับพวกนางสองคน ฉินเวยเวยก็เหมือนกับเป็ นลูกสาวของพวกนางครึ่ งหนึ่งเหมือนกัน
หลังจากทําสี หน้ากลัดกลุม้ ได้สกั พัก หยางชิ่งก็เอาแต่ส่ายหน้า มาพูดตอนนี้กไ็ ม่มีความหมายแล้ว นาง
กําลังจะแต่งงานกับเหมียวอี้ ให้ไปถามซักไซ้เหมียวอี้อีกจะมีความหมายอะไร? จึงถามต่อว่า “ไม่
ทราบว่าเฟิ งฮูหยินมาด้วยเจตนาอะไร คงไม่ได้คิดจะมาร่ วมงานแต่งงานของเวยเวยหรอกใช่ม้ ยั ด้วย
ฐานะของเจ้า ทําแบบนี้เหมือนจะไม่เหมาะสมกระมั้ง?”
ฉินซีแสยะยิม้ “ข้าแค่อยากจะมาถามสักหน่อย ถึงอย่างไรเวยเวยก็เป็ นลูกสาวเจ้า เจ้าทําใจเห็นลูกสาว
ตัวเองไปเป็ นอนุภรรยาคนอื่นได้อย่างไร ผูช้ ายดี ๆ ในโลกนี้ตายไปหมดแล้วรึ ไง”
หยางชิ่งตอบเสี ยงเรี ยบว่า “เวยเวยจะแต่งงานกับใคร เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ? ถ้าเจ้าหวังดีกบั นางจริ ง ๆ
ข้าแนะนําว่าให้เจ้ามาเงียบ ๆ แล้วกลับไปเงียบ ๆ อย่าทําให้เวยเวยหนักใจโดยไม่จาํ เป็ น!”
ฉิ นซี กดั ริ มฝี ปาก แล้วพยักหน้าบอกว่า “ข้าเข้าใจแล้ว นักพรตเล็ก ๆ คนหนึ่งสามารถไต้เต้าเป็ นผูก้ าร
ใหญ่ได้ดว้ ยเวลาสั้น ๆ สองพันปี ช่างเป็ นคนที่สามารถทําในเรื่ องที่คนอื่นทําไม่ได้ เพื่อที่จะขึ้นสู่
ตําแหน่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะขายลูกสาวตัวเองทิ้งอย่างไม่เสี ยดาย ใช้ฐานะของลูกสาวแลกเกียรติยศความ
รํ่ารวยให้ตวั เอง เจ้านี่ใช้ได้จริ ง ๆ !”
ชิงเหมย ชิงจวีแ๋ อบร้องในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว คําพูดพวกนี้สามารถยัว่ โมโหนายท่านได้แน่นอน ชิงเหมย
รี บบอกว่า “ฮูหยิน ไม่ใช่อย่างนี้เจ้าค่ะ นายท่านพยายามขัดขวางอย่างสุ ดความสามารถแล้ว แต่คุณหนู
ไม่สนใจและต่อต้านนายท่าน…”
“หุบปาก! ไม่จาํ เป็ นต้องอธิบายอะไรกับนางทั้งนั้น!” หยางชิ่งโบกมือ ทําสี หน้าเดือดเป็ นฟื นเป็ นไฟ
ถามเหน็บแหนมกลับว่า “เฟิ งฮูหยิน ใครก็มีสิทธิ์พดู แบบนี้ได้ แต่มีเจ้าคนเดียวที่ไม่มีสิทธิ์! เจ้าจําได้รึ
เปล่าว่าหลังจากเจ้าให้กาํ เนิดเวยเวยแล้ว ตอนที่ต้ งั ชื่อให้เวยเวย เจ้าพูดว่าอะไร?”
ฉิ นซี เงียบไป หยางชิ่งจึงยิม้ เย้ย แล้วบอกว่า “เกรงว่าคงจะลืมแล้ว? ข้าจะเตือนเจ้าสักหน่อย เจ้าบอกว่า
จอกแหนสายนํ้าต่างที่มา เล็กน้อยกว่าต้นหญ้า เจ้าบอกว่าเดิมทีนางไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ ถึงได้ต้ งั
ชื่อให้นางว่าฉินเวยเวย[1] หึ หึ ไม่น่าเชื่อว่าในสายตาเจ้า นางจะเล็กน้อยกว่าต้นหญ้า… สามเดือน
หลังจากนั้น เจ้าก็จากไปโดยไม่บอกลา เคยแสดงความรับผิดชอบต่อลูกสาวสักนิดหรื อเปล่า เจ้ามีสิทธิ์
มาพูดแบบนี้กบั ข้าเหรอ? ลูกสาวคนนี้ขา้ เลี้ยงมาเองกับมือ!”
ฉินซีเหน็บแหนมกลับว่า “ใช่ เจ้าได้ทาํ หน้าที่พอ่ สุ ดความสามารถแล้ว หลอกนางว่านางเป็ นเด็ก
กําพร้าที่เก็บมาจากข้างทาง จากนั้นเจ้าก็เลี้ยงนางจนเติบใหญ่อย่างซื่ อสัตย์จงรักภักดี แล้วก็ให้นางไป
เป็ นอนุภรรยาคนอื่นอย่างสบายใจ เพื่อให้เจ้าได้เลื่อนตําแหน่งสู งขึ้น”
หยางชิ่งเดือดดาลทันที ชี้มาที่นางแล้วตะคอกว่า “ที่ขา้ ไม่บอกนางว่าพ่อแม่ที่แท้จริ งของนางเป็ นใคร ก็
เพื่อปกป้ องนาง ที่สาํ คัญที่สุดคือไม่อยากให้นางรู ้ ว่าแม่ผใู ้ ห้กาํ เนิดแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กบั คน
อื่นถึงได้ให้กาํ เนิดนางออกมา ให้เป็ นเด็กกําพร้าก็ยงั ดีกว่าให้นางแบกคําว่า ‘ลูกนอกคอก’ ไปทั้งชีวติ
เจ้าคิดว่าข้าอยากให้นางเป็ นเด็กกําพร้าเหรอ!”
ฉิ นซี หน้าซีดทันที คําว่า ‘ลูกนอกคอก’ ทําให้นางเหมือนโดนโจมตีเป็ นสองเท่าจริ ง ๆ
หยางชิ่งหันหลังให้ แล้วโบกมือบอกว่า “เฟิ งฮูหยิน ข้าแนะนําว่าให้เจ้ารี บออกไปให้เร็ วที่สุด ที่นี่ไม่
ต้อนรับเจ้า ถ้าทําให้หยางชิ่งรําคาญ หยางชิ่งแค่ถ่ายทอดคําสัง่ ลงไปคําเดียว เกรงว่ะเจ้าจะหนีไม่พน้
แล้ว ต่อให้ขา้ จับตัวเจ้าไว้ เจ้าก็ไม่กล้าจะเปิ ดเผยเรื่ องที่เกิดขึ้นในปี นั้นอยูด่ ี”
“ให้ขา้ พบเวยเวยสักครั้ง ข้ามีของจะให้นางนิดหน่อย!” ฉิ นซี กล่าว
หยางชิ่งไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ตอ้ งแล้ว! เจ้าไม่ตอ้ งมาเกี่ยวพันอะไร
กับเวยเวยทั้งนั้น ข้าแนะนําว่าต่อไปนี้เจ้าอย่ามาเจอนางอีก นางรับความรักจากเจ้าไม่ไหวหรอก ถ้าเจ้า
ยังมีมโนธรรมอยูบ่ า้ ง ก็ให้นางแต่งงานไปอย่างบริ สุทธิ์ผดุ ผ่อง ต่อให้เป็ นอนุภรรยาก็ให้เป็ นอย่างมี
ความสุ ข อย่าให้ฝ่ายสามีดูถูกนาง เส้นทางของนางต่อจากนี้ ข้าจะทุ่มเทช่วยเหลือเต็มที่ ไม่ตอ้ งให้เจ้า
มากังวล! เฟิ งฮูหยิน ถ้าเจ้ายังไม่ไปอีก เชื่อมั้ยว่าข้าจะจับตัวเจ้าไว้ให้เฟิ งเป่ ยเฉิ นมารับเอง เหมียวอี้ไม่
ปรานีเจ้าแน่!”
บอกไม่ถูกว่าฉิ นซีทาํ สี หน้าอย่างไร มีท้ งั อารมณ์ผดิ หวัง เศร้าโศก โกรธแค้นเสี ยใจรวมกัน นางค่อย ๆ
หยิบหมวกงอบห้อยผ้าคลุมขึ้นมาใส่ ใหม่ สุ ดท้ายก็วางกําไลเก็บสมบัติไว้บนโต๊ะข้าง ๆ “นี่คือ
ของขวัญเล็กน้อย คิดเสี ยว่าเป็ นสิ นเดิมของเจ้าสาว”
หยางชิ่งโบกมือ “ไม่ตอ้ ง! สิ นเดิมเจ้าสาวของนาง เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องเตรี ยมให้ เอากลับไป!”
ฉินซีกลับไม่ได้นาํ ไปด้วย ทิ้งกําไลเก็บสมบัติไว้อย่างนั้น แล้วหันตัวเร่ งฝี เท้าเดินออกไป ชิงจวีร๋ ี บเดิน
ตามไปส่ ง
หยางชิ่งหันตัวมาหยิบกําไลเก็บสมบัติวงนั้น กําลังคิดจะโยนทิ้ง ทว่าพอยกมือขึ้น สุ ดท้ายก็ไม่ได้ทาํ
เกินไป เขาหลับตาลงสองข้าง ปั้ง! ตบกําไลเก็บสมบัติวางกลับไปบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าถอนหายใจยาว!
…………………………

[1] 微微 เวยเวย แปลว่าเล็กน้อย ไม่สาํ คัญ


ตอนที่ 929

หนึ่งสองสาม

พูดจากใจจริ ง เขาไม่อยากช่วยฉิ นเวยเวยรับสิ นเดิมเจ้าสาวส่ วนนี้ไว้เลย เพราะในสายตาเขา แต่ไหนแต่


ไรมาผูห้ ญิงคนนี้กไ็ ม่เคยสนใจลูกสาว ทว่าพอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่นางเคยช่วยชีวติ ฉินเวยเวยที่สาํ นัก
งามวิจิตร แปลว่าผูห้ ญิงคนนี้ใช่วา่ จะไม่มีฉินเวยเวยอยูใ่ นใจเลย อย่างน้อยก็ช่วยชีวติ ฉิ นเวยเวยไว้ครั้ง
หนึ่ง จะเห็นได้วา่ ยังมีไมตรี ระหว่างแม่กบั ลูกสาว นํ้าใจเล็กน้อยของคนเป็ นแม่น้ ี เขาเองก็ไม่รู้วา่ ควร
จะช่วยฉินเวยเวยปฏิเสธหรื อไม่
ชิงจวีก๋ ลับมาแล้ว รายงานว่า “นายท่าน นางไปแล้วเจ้าค่ะ… เหมือนจะร้องไห้ดว้ ย!”
หยางชิ่งสูดหายใจลึกแล้วลืมตาสองข้าง ขยับฝ่ ามือย้ายกําไลเก็บสมบัติเลื่อนออกมา “พวกเจ้านับแล้ว
จดบันทึกไว้ เดี๋ยวข้าจะใส่ รวมไว้ในสิ นเดิมเจ้าสาวของเวยเวย อย่าลืมตรวจดูให้ละเอียดนะ อย่าทิ้ง
อะไรที่ทาํ ให้เวยเวยสงสัยว่าตัวเองกับผูห้ ญิงคนนั้นมีความเกี่ยวข้อง” พูดจบก็เดินออกไป
ชิงเหมยกับชิงจวีส๋ บตากันแล้วถอนหายใจ นึกไม่ถึงจริ ง ๆ ว่า ‘ฮูหยิน’ ท่านนั้นจะมีท่ีมายิง่ ใหญ่ขนาด
นี้ เพียงแต่ฐานะแบบนี้ เกรงว่าคงไม่สะดวกจะบอกให้ฉินเวยเวยรู ้ไปทั้งชีวติ
ทั้งสองเริ่ มนับของที่อยูใ่ นกําไลเก็บสมบัติ สิ นเดิมเจ้าสาวส่ วนนี้อุดมสมบูรณ์มาก มากมายมหาศาล
อย่างน้อยพวกนางทั้งสองก็ยงั ไม่เคยเห็นของมากมายขนาดนี้ ลูกแก้วพลังปรารถนามีไม่เยอะ มีเพียง
สองพันล้านลูก แต่ของมีค่าอย่างอื่นเยอะมาก…
วันมหามงคลมาถึงอย่างรวดเร็ ว ยอดเขาหยกนครหลวงประดับผ้าและโคมไฟหลากสี สนั ประตูของ
ห้างร้านบ้านเรื อนทั้งเมืองหลวงต่างก็แขวนประดับด้วยโคมไฟสี แดง ชาวบ้านทั้งเมืองหลวงได้เว้น
การเสี ยภาษีเป็ นเวลาหนึ่งปี เพื่อให้ชาวบ้านทุกคนในเมืองหลวงได้เฉลิมฉลองด้วย ทําเอาพวก
ชาวบ้านอยากจะให้เหมียวอี้แต่งงานอีกหลาย ๆ ครั้ง ดังนั้นจึงมีโคมไฟสี แดงแขวนประดับเยอะเป็ น
พิเศษ โดยเฉพาะพวกร้านค้าปลีก พวกเขายิง่ ทุ่มเทสุ ดความสามารถ ถึงอย่างไรพวกเขาก็คือกลุ่มคนที่
ได้ยกเว้นภาษีรายใหญ่ เป็ นคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ด้วยเหตุน้ ีท้ งั เมืองหลวงจึงคึกคักกว่าปี ที่
ผ่านมา ภูเขาและแม่น้ าํ สว่างไสวไม่เหมือนตอนกลางคืน เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการเฉลิมฉลอง
บ้านพักที่อยูต่ รงตีนเขาของยอดเขาหยกนครหลวง สมาคมร้านค้าแดนเซี ยนได้ปฏิเสธรับแขกไว้
ล่วงหน้าแล้ว บ้านพักทั้งหมดล้วนเตรี ยมไว้รับรองแขกที่มาแสดงความยินดี นี่คือการแสดงนํ้าใจจาก
สมาคมร้านค้าแดนเซียน ย่อมไม่คิดเงินเพิ่ม
ฉิ นเวยเวยที่สวมชุดสี แดงทั้งตัวกําลังนัง่ ทําผมอยูห่ น้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง วันนี้นางสวยสดใสน่าประทับใจ
เป็ นพิเศษ บนใบหน้าเจือด้วยรอยยิม้ เขินอายบาง ๆ นางที่ก่อนหน้านี้มีสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์เสี ยส่ วน
ใหญ่ วันนี้เค้าโครงใบหน้าสวยละมุนกว่าปกติ
ชิงจวีย๋ นื ยืนอยูข่ า้ ง ๆ ฉิ นเวยเวย กําลังเตือนอีกครั้งว่าตอนเข้าห้องหอควรจะรับมืออย่างไร กลัวว่าฉิ น
เวยเวยจะไม่เข้าใจเรื่ องระหว่างชายหญิง ทําให้ฉินเวยเวยหน้าแดงเพราะเขินอาย แต่กลับยังพยักหน้า
ตอบเสี ยงเบา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงจวีบ๋ อกแบบนี้ หงเหมียน ลู่หลิ่วที่อยูข่ า้ ง ๆ ก็ฟังจนหน้าแดงเช่นกัน
แต่กลับหูผ่งึ จดจําเอาไว้ เผือ่ ในภายหลังจะได้ใช้
ลูกสาวของคุณชายรองแห่งแดนโพ้นสวรรค์จะแต่งงาน ฮูเหยียนไท่เป่ า จงเจิ้น ถังจวิน หงเฉิ นก็มากัน
หมด แต่เยว่เหยาไม่ได้มา บอกว่าข้างกายท่านอาจารย์จะขาดคนไม่ได้ ต้องการจะอยูเ่ ป็ นเพื่อนท่าน
อาจารย์
ท่านทูตสายต่าง ๆ ของแดนเซียนมากันครบ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเหมียวอี้ สําหรับเหมียวอี้ที่เอา
ชีวติ ของพวกเขาไปต่อรอง พวกเขาไม่ได้รู้สึกดีดว้ ยสักเท่าไร มาเพราะไว้หน้าคุณชายรองอันหรู อวี้กบั
โอวหยางกวงเพื่อร่ วมงานแท้ ๆ
ประมุขปราสาทของสายมะโรงก็มากันหมด ส่ วนระดับที่ต่าํ กว่านั้น หยางชิ่งไม่อยากกระพือข่าวให้รู้
กันทัว่ เขาไม่อยากให้ทาํ ให้ใหญ่โตเกินหน้าเกินตาอวิน๋ จือชิวในปี นั้น จึงโน้มน้าวไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่ วนที่เหลือก็เป็ นสหายของเหมียวอี้ ถ้าไม่เชิญมาก็จะฟังดูเหลวไหล
ส่ วนคนจากแดนอื่น ๆ นอกจากไต้ซือศีลเจ็ดกับศีลแปดที่เป็ นลูกศิษย์ ก็ไม่มีคนอื่นมาเข้าร่ วมแล้ว
พวกนั้นไม่ฆ่าเหมียวอี้ทิ้งก็ดีเท่าไรแล้ว จะมาแสดงความยินดีได้อย่างไร แม้แต่แดนมารก็ไม่มีมาสัก
คน เหมียวอี้แต่งงานรับอนุภรรยา ในความคิดของพวกเขา นี่คือเรื่ องที่ไม่เป็ นธรรมสําหรับอวิน๋ จือชิว
ย่อมไม่มาประสมโรงด้วยอยูแ่ ล้ว
ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรก็ไม่ตอ้ งพูดถึง แม้แต่กลุ่มราชาปี ศาจก็พามาด้วย
เจ้าสํานักของสํานักใหญ่ ๆ ในสายมะโรงก็มาแทบจะหมด
ถึงแม้จะจัดงานอย่างเรี ยบง่าย แต่กลับยังคงคึกคัก ถึงอย่างไรเมื่อเทียบอาณาเขตหนึ่งปราสาทกับอาณา
เขตหนึ่งสาย ฐานะก็ไม่เหมือนกันแล้ว
มีคนสนิทคุน้ เคยไม่นอ้ ยที่โวยวายต้องการจะพบเหมียวอี้ แต่เหมียวอี้กลับไม่โผล่มาแม้แต่เงา ก็ช่วย
ไม่ได้ เพราะอายไงล่ะ แต่งงานอนุภรรยาก็วา่ อายแล้ว นี่ยงั แต่งเข้ามาทีเดียวสามคน ถ้าวนไปเล่นด้วย
ทุกคนเขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน จึงหลบไปก่อนดีกว่า
เกี้ยวเจ้าสาวจากสายชวดมาแล้ว ไม่ได้ทาํ ให้ฮือฮาเลยจริ ง ๆ เป็ นเกี้ยวหนึ่งหลังสองที่นงั่ ประดับด้วย
ผ้าสี แดง พากองทหารมานิดหน่อย เหาะลงมาจากฟ้ าโดยอันหรู อวี้และโอวหยางกวงที่สวมชุดสี แดง
คุม้ กันมาส่ ง
เกี้ยวลงมาจอดตรงจุดที่กาํ หนดไว้ล่วงหน้า หญิงงามคู่หนึ่งที่คลุมศีรษะด้วยผ้าแดงถูกเชิญลงมา หญิง
รับใช้ของแต่ละคนเข้ามาประคองเข้าไปอยูใ่ นห้องเพือ่ รอฤกษ์ยาม ฉิ นเวยเวยที่มาถึงก่อนนัง่ รออยูบ่ น
เก้าอี้แล้ว โดยมีหงเหมียน ลู่หลิ่วยืนอยูเ่ ป็ นเพื่อนทางซ้ายและขวา
พอโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนเข้ามา เจ้าสาวทั้งสามมองไม่เห็นภาพเหตุการณ์ภายนอก แต่แวว
ตาของหญิงรับใช้ท้ งั หกกลับแทบจะมีประกายไฟออกมา เห็นได้ชดั ว่ามีเจตนาเป็ นศัตรู
หญิงรับใช้ท้ งั สองของโอวหยางหลางชื่อว่า จือฉิน จือฉี ส่ วนหญิงรับใช้ของโอวหยางหลางชื่อว่า จือซู
จือฮว่า ทั้งสี่ คนหน้าตาสวยโดดเด่น ด้วยฐานะวงศ์ตระกูลของฝาแฝด ย่อมไม่เลือกคนธรรมดาสามัญ
มาเป็ นหญิงรับใช้ประจําตัวอยูแ่ ล้ว ต่างก็เลือกมาอย่างพิถีพิถนั ชื่อของหญิงรับใช้สี่คนนี้ เมื่อรวมกัน
แล้วก็จะได้ฉินฉี ซูฮว่า[1] จะว่าไปแล้วก็ตอ้ งแต่งเข้ามาด้วยเหมือนกัน แต่จนใจที่ฉินฉี ซูฮว่าเป็ นสิ่ งที่
เหมียวอี้ไม่ถนัดเลย แต่คนชื่อนี้กลับมากันครบ ช่างเป็ นการเยาะเย้ยเสี ยดสี เขาจริ ง ๆ
อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงไม่ได้เข้ามา พวกเขายังมีธุระของตัวเองอีก
เมื่อถึงเวลาตามฤกษ์ ด้านนอกก็เสี ยงดนตรี ของสรวงสวรรค์ เหมียวอี้ที่หลบจนถึงตอนสุ ดท้าย ในที่สุด
ก็ออกมาแล้ว ประดับด้วยผ้าสี แดงเป็ นสิ่ งที่เลี่ยงไม่ได้ เขามาพร้อมเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ และมีเหยียน
ซิ วเดินนําหน้าเพื่อคอยชี้แนะขั้นตอน
แต่งงานรวดเดียวสามคน การเตรี ยมการก่อนหน้านี้ช่างน่าปวดหัวจริ ง ๆ สถานการณ์สุดท้ายก็เป็ น
อย่างที่เห็นตอนนี้ เหมียวอี้เข้ามารับเจ้าสาวทั้งสามคน ตัวเองเดินนําหน้าเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เข้ามา
ส่ วนเจ้าสาวสามคนนั้น ต่างคนก็ต่างก็มีหญิงรับใช้สองคนคอยประคองอยูข่ า้ งหลัง คลุมผ้าแดงที่ศีรษะ
และยืนเรี ยงแถวหน้ากระดานอยูข่ า้ งหลัง
เมื่อภาพประหลาดแบบนี้ปรากฏอยูใ่ นพิธีมงคล ก็มีแขกไม่นอ้ ยที่กลั้นขํา บางคนกัดริ มฝี ปากจน
เหนื่อยมาก กัดจนแทบเลือดไหล เกือบจะหลุดขําออกมาแล้ว ศีลแปดที่กาํ ลังดูพิธีกาํ ลังประนมมือ
กล่าวว่าอามิตตาพุทธไม่หยุด ในใจเขาขํากลิ้งไปหลายตลบ แต่ใบหน้ายังคงบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องไร้ราคี
นิสยั แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบติด ทั้งงานนี้หาใครมาเทียบเขาไม่ได้แล้ว ใครกล้าบอกว่าเขา
แค่วางมาดภูมิฐาน
ไต้ซือศีลเจ็ดก็กลั้นยิม้ เล็กน้อยเช่นเดียวกัน พอหันกลับมามองลูกศิษย์ตวั เอง ก็อดไม่ได้ที่จะถอน
หายใจเบา ๆ ลูกศิษย์คนนี้ช่างเป็ นคนอัปมงคลจริ ง ๆ ไม่เคยเห็นใครเสแสร้งเก่งขนาดนี้มาก่อนเลย!
แขกที่ยนื อยูส่ องฝั่งของพรมแดงแอบส่ งสายตาหยอกล้อ เหมียวอี้รู้สึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
วาสนาแบบนี้เขารับไม่ไหวจริ ง ๆ
มีบางคนกําลังแอบถ่ายทอดเสี ยงคุยกัน “การแต่งงานรับอนุภรรยารอบนี้ บอกว่าแต่งสามคน พอนับ
รวมหญิงรับใช้เข้าไปด้วย ก็เท่ากับได้รวดเดียวเก้าคน ใช้ได้เลย”
อวิน๋ จือชิวยืนมองบรรยากาศภายนอกอยูร่ ิ มหน้าต่างบนตึกปราสาททอง ใบหน้าอมยิม้ เล็กน้อย
ความรู ้สึกที่แท้จริ งมีแค่ตวั นางที่รู้ ในเวลานี้นางจะปรากฏตัวหรื อไม่กไ็ ม่สาํ คัญแล้ว นางเลือกที่จะ
หลบอยูห่ ลังม่าน
ภายใต้เสี ยงประกาศในพิธีการ เหมียวอี้นาํ เจ้าสาวทั้งสามคํานับฟ้ าดินและคํานับผูใ้ หญ่ ผูใ้ หญ่ยอ่ มเป็ น
อันหรู อวี้ โอวหยางกวงและหยางชิ่งนัง่ เรี ยงกัน เดิมทีนี่คือเรื่ องมงคล เพียงแต่เมื่อมีการคํานับพร้อมกัน
มากกว่าสองคน รอยยิม้ บนใบหน้าของพวกเขาจึงดูฝืนทน
มีเพียงตอนสุ ดท้ายที่สามีภรรยาคํานับกัน เหมียวอี้เพียงโค้งตัวคํานับเท่านั้น ตอนที่คาํ นับฟ้ าดินกับ
ผูใ้ หญ่กโ็ ค้งตัวเหมือนกันหมด ตอนแต่งงานกับอวิน๋ จือชิวถึงจะเรี ยกว่าเป็ นการคุกเข่าคํานับที่แท้จริ ง
ภรรยาเอกกับอนุภรรยายังมีความแตกต่างในด้านพิธีอยูบ่ า้ ง เป็ นการแบ่งแยกลําดับความสําคัญจริ ง ๆ
สุ ดท้ายก็ส่งตัวเข้าห้องหอ ทั้งหมดรวมอยูใ่ นบ้านหลังเดียวกัน แบ่งเป็ นห้องหอสามห้อง เมื่อส่ งเข้า
ประตูบา้ นก็ถือว่าส่ งตัวเข้าห้องหอแล้ว หญิงรับใช้ท้ งั หกประคองเจ้าสาวทั้งสามเข้าไปในห้อง ก็ช่วย
ไม่ได้ เหมียวอี้มีแค่คนเดียว ไม่สามารถแยกเป็ นสามร่ างได้
จากนั้นเหมียวอี้กอ็ อกจากบ้านมารับแขก ส่ วนเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่ทาํ ภารกิจเสร็ จแล้วก็ถอยกลับไป
อยูข่ า้ งกายอวิน๋ จือชิว ตอนที่เหมียวอี้กลับมาอีกครั้ง ก็มีหญิงรับใช้ของเจ้าสาวทั้งสามคนคอยรับใช้อยู่
แล้ว
ในงานเลี้ยง ท่านขุนนางเหมียวยังมีหน้าตามีตา เพราะไม่ได้ดื่มสุ ราจนเมามาย แต่คาํ พูดหยอกล้อกลับ
ทําให้เขามึนแทน
ยกตัวอย่างเช่น มีบางคนตะโกนว่า “คุณชายห้า เข้าห้องหอคนเดียวไหวรึ เปล่า?”
ทุกคนหัวเราะลัน่ เหมียวอี้อบั อายมาก รี บดื่มสุ ราฉลองทีละโต๊ะอย่างรวดเร็ วแล้วหนีไป แทบจะหนีหวั
ซุกหัวซุน รับไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ
มีบางคนตะโกนว่า “เจ้าบ่าวอย่าหนีสิ ไม่ตอ้ งรี บเข้าห้องหอ คิดให้ดีก่อนว่าจะเข้าห้องไหนแล้วค่อย
ไป”
เหมียวอี้จะกล้าหันกลับมาได้อย่างไร หลังจากเข้าเขตลานบ้านของเรื อนหอมาแล้ว เขาถึงได้โล่งใจ ใน
ที่สุดก็หลุดพ้นจากคําพูดฉีกหน้าพวกนั้นเสี ยที ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุดผ่านไปแล้ว ส่ วนเรื่ องการเข้า
ห้องหอที่เหลือ เขาก็ไม่ได้ขดั ข้องอะไร
แต่พอกวาดสายตามอง เหมียวอี้กป็ วดหัวทันที หงเหมียน จือฉิ น จือซู แต่ละคนยืนอยูห่ น้าประตูหอ้ ง
ต่างก็กาํ ลังมองเหมียวอี้ตาปริ บ ๆ ดูจากท่าทางแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะเสี ยมารยาท ก็คงแทบจะ
ฉุดเหมียวอี้เข้าไปในห้องเจ้านายตัวเองแล้ว
เหมียวอี้หนั กลับมามองแวบหนึ่ง พบว่าเหยียนซิ วที่เดินตามหลังมาได้หนีไปแล้ว เห็นได้ชดั ว่าไม่อยาก
เกี่ยวข้องกับเรื่ องนี้ กับเรื่ องแบบนี้ แม้แต่คนจัดงานอย่างเหยียนซิ วก็ไม่มีทางเตรี ยมการล่วงหน้าได้
เช่นกัน
หลังจากไตร่ ตรองเงียบ ๆ สักพัก เหมียวอี้กห็ นั ตัวเดินไปยังห้องที่จือซูยนื อยู่ สี หน้าของจือซูดูตื่นเต้น
ประหลาดใจขึ้นมาทันที รี บหันตัวไปเปิ ดม่าน แล้วตะโกนเข้าไปในห้อ “ท่านเขยมาแล้ว!”
เมื่อเห็นเหมียวอี้เข้าไปในห้องของโอวหยางหวนก่อน หงเหมียนก็ทาํ สี หน้าผิดหวัง ส่ วนจือฉิ นที่เฝ้ าอยู่
อีกห้อง ถึงแม้จะผิดหวังอยูบ่ า้ ง แต่กก็ ย็ งั เชิดหน้าท้าทายใส่ หงเหมียนได้ ถึงอย่างไรนางกับฝ่ ายนั้นก็
เป็ นครอบครัวเดียวกัน ต้องร่ วมมือกันสู ก้ บั คนนอก
เทียนสี แดงในห้องหอสว่างมาก ช่วยขับผ้าแพรสี แดงให้เด่นชัดขึ้น โอวหยางหวนนัง่ อยูข่ า้ งเตียงอย่าง
สงบนิ่งเรี ยบร้อย พอเหมียวอี้ใช้สองมือเปิ ดผ้าคลุมศีรษะสี แดงของอีกฝ่ าย ผูห้ ญิงที่อยูต่ รงหน้าก็เด่น
สง่ามีราศีข้ ึนมา ภายใต้ฤทธิ์ สุรา สาวงามตรงหน้ากลับทําให้เหมียวอี้ตาเป็ นประกายเล็กน้อย นึกถึง
ภาพวาบหวิวที่ทะเลทรายม่านเมฆาขึ้นมาโดยจิตใต้สาํ นึก
แววตาของโอวหยางหวนดูอึดอัดมาก เห็นได้ชดั ว่าความตื่นเต้นกังวลได้ข่มความเขินอายไปแล้ว จือฮ
ว่าประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วจือซูกย็ กสุ ราเข้ามา หลังจากทั้งสองคล้องแขนดื่มสุ รากันแล้ว โอวหยาง
หวนก็คาํ นับเสี่ ยงสัน่ และเรี ยกเขาว่าท่านสามี
“เอ่อคือ เจ้าคือ…” ที่จริ งเหมียวอี้กไ็ ม่รู้วา่ จัวเองเข้ามาในห้องหอของใคร เพราะสองพี่นอ้ งหน้าตา
เหมือนกันมาก เขาแยกไม่ออกจริ ง ๆ ว่าใครเป็ นใคร
จือซูที่อยูข่ า้ ง ๆ เข้าใจที่เขาสื่ อ จึงรี บเตือนว่า “เป็ นหวนฮูหยินเจ้าค่ะ”
จากนั้นหญิงรับใช้ท้ งั สองก็เชิญให้คู่บ่าวสาวนัง่ ลง แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะบอกโอวหยางหวนที่อยู่
ข้าง ๆ ว่า “ข้าจะไปที่หอ้ งพี่สาวเจ้าสักหน่อย”
“ค่ะ” โอวหยางหวนตอบเสี ยงตํ่า
เมื่อเห็นเหมียวอี้ออกจากห้องโอวหยางหวน แล้วเดินก้าวยาวเข้าไปในห้องโอวหยางหลางอีก หงเห
มียนก็เม้มริ มฝี ปากแน่น หันไปมองห้องที่อยูข่ า้ งหลังตัวเอง นางรู ้สึกไม่ยตุ ิธรรมแทนเจ้านาย ตอนนี้ตา
แดงกํ่าแล้ว
โชคดีที่เหมียวอี้ไม่ได้ทาํ ให้นางผิดหวังนานเกินไป ไม่นานก็ออกจากห้องโอวหยางหลาง แล้วมุ่งตรง
มาทางนี้ หงเหมียนใช้มือปาดตาครั้งหนึ่ง แล้วรี บเปิ ดประตูตอ้ นรับเขาทันที
ตรงหน้าต่างบนตึกของปราสาททอง อวิน๋ จือชิวสามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ของบ้านที่อยูร่ อบ ๆ
ได้ นางเฝ้ าสังเกตห้องหอและหลุดขําออกมา จากนั้นก็ส่ายหน้าถอนหายใจ หันกลับไปมองเชียนเอ๋ อร์
เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ งหลัง แล้วพูดหยอกว่า “แค่เข้าห้องหอก็ตอ้ งวิง่ วุน่ ไปทัว่ งานยุง่ จริ ง ๆ อย่าเหนื่อย
เสี ยก่อนล่ะ!”
…………………………

[1] ฉิ นฉี ซูฮว่า 琴棋书画 คือศิลปะสี่ แขนงที่เหล่าปั ญญาชนต้องเรี ยนรู ้ ได้แก่ กู่ฉิน หมากล้อม
พูก่ นั จีนและการวาดภาพ
ตอนที่ 930

บําเพ็ญเพียรจนบรรลุ

เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ได้ยนิ แล้วสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นเชียนเอ๋ อร์กร็ ี บตอบทันทีวา่ “ใช่เจ้าค่ะ พวก
นางจะมีวาสนาเหมือนฮูหยินได้อย่างไร”
อวิน๋ จือชิวกวาดตามองทั้งสองอย่างไม่ใส่ ใจ รู ้วา่ ทั้งสองคิดอะไรอยู่ พวกนางกลัวตนจะหึ งหวง จึงรับ
ยิม้ บาง ๆ ก่อนจะทอดสายตามองเมืองหลวงที่สว่างพร่ างพราวอยูภ่ ายใต้ความมืดยามราตรี แล้วกล่าว
อย่างทอดถอนใจ “คืนนี้ทิวทัศน์ยามราตรี ช่างงดงามยิง่ นัก!”
นางใจกว้างจริ งหรื อไม่ มีแต่นางเท่านั้นที่รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ ความรู ้สึกในตอนนี้ ไม่คุม้ ที่จะบอกให้คนอื่นรู ้
ไม่ตอ้ งพูดอะไรมากเกินความจําเป็ น นางเองก็ไม่อยากใช้คาํ พูดสวยหรู ขอแค่เป็ นเรื่ องที่มีประโยชน์
ต่อผูช้ ายคนนั้น นางล้วนเต็มใจทําให้
งานเลี้ยงยังคงดําเนินต่อไป ในงานกลับมีคนสองกลุ่มที่ที่สนใจสถานการณ์ทางห้องหอเป็ นพิเศษ
อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงกําลังทักทายแขกด้วยกันด้วยใบหน้ายิม้ แย้ม ไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดเสี ยง
รายงานเงียบ ๆ ว่า “ท่านเขยเข้าห้องคุณหนูรองก่อนขอรับ”
เมื่อได้ยนิ ดังนั้น สองสามีภรรยาก็โล่งใจ รอยยิม้ บนใบหน้าชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นานก็มีคนมารายงานอีกว่า “ท่านเขยเข้าไปที่หอ้ งของคุณหนูใหญ่อีกขอรับ”
สองสามีภรรยาเรี ยกได้วา่ ยิม้ หน้าบานด้วยความปี ติยนิ ดี ต้อนรับแขกอย่างอบอุ่นและดื่มฉลองหลาย
จอก
รายงานแบบเดียวกันมาถึงหูหยางชิ่งติดต่อกัน ทําให้มือที่ถือจอกสุ ราสัน่ เล็กน้อย ยากจะบรรยาย
อารมณ์คบั แค้นเศร้าโศกในใจ แค่เป็ นอนุภรรยาก็ไม่ยตุ ิธรรมกับลูกสาวแล้ว ตอนนี้กย็ งิ่ … เขาเพียง
แค้นใจที่ตวั เองมีอาํ นาจไม่มากพอ ทําให้ลูกสาวตัวเองได้รับความอัปยศเช่นนี้ ละอายใจที่เกิดมาเป็ น
พ่อคน!
ในสายตาเขา เหตุผลนั้นชัดเจนเกินไปแล้ว แค่เพราะตนมีอาํ นาจอิทธิพลไม่มากพอ เหมียวอี้ถึงได้
มองข้ามลูกสาวของตนแบบนี้!
“มา! ดื่ม!” จู่ ๆ เสี ยงของหยางชิ่งดังขึ้นหลายส่ วน เขาบอกลูกน้องด้วยท่าทางสบายใจ ถึงขั้นแย่งกา
สุ ราจากมือลูกน้องมาไว้ในมือตัวเอง แล้วกรอกลงปากอย่างดุดนั
ทว่าคนอื่นไม่รู้วา่ ในใจเขารู ้สึกอย่างไร ยังคงกู่ร้องด้วยความยินดี!
จนกระทัง่ ได้รับรายงานว่าเหมียวอี้เข้าไปอยูท่ ี่หอ้ งของสองคนนั้นไม่นาน แล้วสุ ดท้ายก็ไปที่หอ้ งของ
ฉิ นเวยเวย หยางชิ่งจึงสุ ขมุ เยือกเย็นขึ้นหลายส่ วน ไม่ได้ดื่มมากจนเมามายเสี ยอาการ…
ผ้าคลุมศีรษะสี แดงถูกเปิ ดออกเบา ๆ ฉิ นเวยเวยนัง่ อยูข่ า้ งเตียงอย่างสงบนิ่งเหมือนหญิงสาวบริ สุทธิ์
แพขนตายาวของนางขยับเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาขึ้นประสานกับสายตายิม้ หยอกของเหมียวอี้ นางก็
เขินอายจนทําอะไรไม่ถูก หน้าแดงจนถึงคอ ดูสวยหยาดเยิม้ ไร้ที่สิ้นสุ ด
ก่อนหน้านี้นางได้ยนิ เสี ยงความเคลื่อนไหวด้านนอกแล้วเช่นกัน รู ้วา่ เหมียวอี้ไปที่หอ้ งของอีกสองคน
ก่อน ถ้าจะบอกว่าในใจไม่คิดอะไรเลยก็คงเป็ นไปไม่ได้ แต่ในตอนนี้นางโยนความคิดทุกอย่างทิ้งไว้
ข้างหลังหมดแล้ว แม้แต่การประพฤติตวั ในห้องหอที่ชิงจวีส๋ อนไว้ก่อนหน้านี้ นางก็ลืมหมดแล้วแล้ว
เช่นกัน เหลือเพียงความเขินอายและหวานชื่นที่เต็มเปี่ ยม รู ้เพียงว่าตั้งแต่วนั นี้เป็ นต้นไป ตนจะได้
กลายเป็ นผูห้ ญิงของคนที่อยูต่ รงหน้าแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ลู่หลิ่วก็ประคองนางให้มานัง่ ตรงข้ามกับเหมียวอี้ หยิบจอกสุ ราที่หงเหมียนถือมาให้
แล้วคล้องแขนดื่มด้วยกัน ตอนที่สายตาของทั้งสองประสานกัน บอกไม่ถูกว่าเป็ นรสชาติอย่างไร
สําหรับคําว่า “ท่านสามี” เหมียวอี้ไม่สะทกสะท้านอะไร แต่ในใจฉิ นเวยเวยกลับหวานชื่นมาก รู ้สึก
เหมือนเผชิญความลําบากยากแค้นมาเป็ นเวลายาวนาน แล้วสุ ดท้ายก็ได้บาํ เพ็ญเพียรจนบรรลุเสี ยที
หงเหมียน ลู่หลิ่วกลับเป็ นกังวลมาก ก่อนหน้านี้เห็นเหมียวอี้เข้า ๆ ออก ๆ สองห้องนั้น ไม่รู้วา่ อีก
ประเดี๋ยวจะหนีไปอีกหรื อเปล่า ถ้าปฏิบตั ิตามขั้นตอนที่สาํ คัญที่สุดไม่ครบ จะนับว่าเป็ นการเข้าห้อง
หอที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร
โชคดีที่เหมียวอี้ยมิ้ แล้วบอกว่า “ถอดเครื่ องประดับให้หรู ฮูหยินเถอะ”
ที่เรี ยกว่า ‘หรู ฮูหยิน’ ก็หมายถึงอนุภรรยา หมายถึง ‘ราวกับฮูหยิน’ หรื อจะเข้าใจได้วา่ ‘ไม่เทียบเท่า
กับฮูหยินที่เป็ นภรรยาเอก’ นี่กค็ ือความแตกต่าง
หญิงรับใช้ท้ งั สองพยักหน้าซํ้า ๆ รี บมาถอดมงกุฎให้ฉินเวยเวย
ผมงามที่เคยถูกเกล้าม้วนขึ้นห้อยตกลงมาประบ่าของฉิ นเวยเวย หญิงรับใช้ท้ งั สองรี บเข้ามาช่วยนางจัด
ให้เป็ นระเบียบ กลัวว่าจะไม่น่ามอง
ภายใต้แสงเทียนที่สนั่ ไหว ขณะมองฉิ นเวยเวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย นี่เป็ นครั้งแรกที่
เหมียวอี้เห็นนางตอนปล่อยผม ภาพที่ถ้ าํ ล่องนิภายังอยูใ่ นความทรงจํา นางทําร้ายเขาจนบาดเจ็บ แล้ว
ตอนหลังก็ต้ งั ตัวเป็ นศัตรู กบั เขาหลายครั้ง ตอนนั้นเรี ยกได้วา่ เกลียดผูห้ ญิงคนนี้จนอยากฆ่าทิ้ง แต่
สถานการณ์กเ็ ปลี่ยนไปตามวันเวลาที่ผนั ผ่าน ใครจะคิดว่าวันหนึ่งนางจะได้มาร่ วมห้องหอกับเขา
เรื่ องบางเรื่ องก็มหัศจรรย์มากจริ ง ๆ หรื อนี่จะเป็ นสิ่ งที่คนเรี ยกกันว่าบุพเพสันนิวาส
“คืนนี้ไม่ไปไหนแล้ว ค้างที่นี่แล้วกัน พวกเจ้าออกไปเถอะ!” เหมียวอี้หนั กลับมาสัง่
หงเหมียน ลู่หลิ่วทําสี หน้าตื่นเต้นดีใจทันที พวกนางคํานับอําลาพร้อมกัน ตอนที่ออกไปก็ปิดประตูให้
อย่างดี
ไม่ตอ้ งอธิบายแล้วว่า ‘คืนนี้ไม่ไปไหนแล้ว’ หมายความว่าอย่างไร ใช่วา่ ฉินเวยเวยจะไม่รู้เรื่ องอะไร
เลย หน้าก้มหน้าก้มตาทันที
เหมียวอี้ยนื่ ฝ่ ามือข้างหนึ่งไปตรงหน้านาง ฉินเวยเวยอึ้งไปครู่ หนึ่ง เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ความคิดในหัวเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ชิงจวีเ๋ หมือนจะไม่เคยสอนว่าตอนเข้าห้องหอจะมีการทํา
แบบนี้ แล้วจะให้นางตอบสนองอย่างไรล่ะ? นางรู ้สึกลนลานขึ้นมาทันที
เหมียวอี้ยมิ้ ตาหยีพร้อมถามว่า “เวยเวย จะเป็ นสหายของข้าต่อไป หรื อจะเป็ นผูห้ ญิงของข้า?”
ฉินเวยเวยรู ้ตวั ทันที ว่าเขากําลังล้อนางเล่น เจตนาที่แท้จริ งของการแปะมือเป็ นสหายในปี นั้น เห็นได้
ชัดว่าถูกเปิ ดโปงแล้ว ยิง่ ทําให้นางเขินอายสุ ด ๆ จึงเอ่ยเรี ยกเสี ยงเบาว่า “ท่านสามี!” แบบนี้เพียง
พอที่จะแสดงที่จะแสดงท่าทีแล้ว
“จะให้หงเหมียน ลู่หลิ่วเข้ามาช่วยข้าถอดเสื้ อผ้า หรื อเจ้าจะทําเอง?” เหมียวอี้กางแขนสองข้างด้วยสี
หน้าหยอกล้อ
เวลาแบบนี้จะให้คนอื่นช่วยได้ยา่ งไร ฉินเวยเวยกัดริ มฝี ปากด้วยความเขินอาย ยืน่ มือเรี ยวงามทั้งคู่ที่
สัน่ เล็กน้อยออกไป เริ่ มช่วยถอดเสื้ อผ้าให้เหมียวอี้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ นางไม่เคยช่วยผูช้ ายทําเรื่ องแบบนี้
มาก่อน เป็ นเพราะก่อนหน้านี้ชิงจวีฝ๋ ึ กสอนนางอย่างรวบรัด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้วา่ ต้องเริ่ มจาก
ตรงไหน
นางถอดเสื้ อผ้าไปแขวนไว้อย่างเป็ นระเบียบตามขั้นตอน แล้วกลับมานัง่ คุกเข่าช่วยถอดรองเท้าให้
เหมียวอี้ ท่าทางที่ตื่นเต้นกังวลจนตัวสัน่ แบบนั้น เหมียวอี้เห็นแล้วรู ้สึกตลกมาก
ถึงแม้เหมียวอี้จะไม่ได้เข้าห้องหอเป็ นครั้งแรก แต่เขากับอวิน๋ จือชิวเคยทําเรื่ องน่าอับอายกันตั้งแต่ก่อน
เข้าห้องหอแล้ว ดังนั้นย่อมมองไม่เห็นความตื่นเต้นกังวลใด ๆ จากตัวอวิน๋ จือชิว สิ่ งนี้ทาํ ให้เขารู ้สึกว่า
น่าสนุกมาก
ต่อมาพอเห็นฉินเวยเวยตัวสัน่ ตอนถอดเสื้ อผ้าให้ตวั เอง ก็ยงิ่ ทําให้เหมียวอี้แทบจะหัวเราะออกมา
ไม่รู้ดว้ ยซํ้าว่าจะถอดเสื้ อผ้าให้ตวั เองอย่างไร สุ ดท้ายก็สวมแค่เสื้ อผ้าชั้นในสี ขาวบางมานัง่ ลงที่ขอบ
เตียงอย่างช้า ๆ คลานขึ้นเตียงอย่างงุ่มงาม แล้วนอนเอนร่ างกายที่เกร็ งทื่ออยูข่ า้ งกายเหมียวอี้ หลับตา
รอให้ช่วงเวลานั้นมาถึง ไม่กล้าหันไปมองเหมียวอี้เลย
เหมียวอี้ที่กาํ ลังนอนเอามือยันศีรษะมองนางหลุดขําอย่างอดไม่ได้ “เวยเวย ปกติเวลาเจ้าเข้านอน ตอน
ปี นขึ้นเตียงมือไม้อ่อนปวกเปี ยกแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
“ข้ากังวลและหวาดกลัวค่ะ!” ฉิ นเวยเวยลืมตาสองข้าง แล้วพึมพําตอบเบา ๆ
“พอผ่านคืนนี้ไป เจ้าก็ไม่กลัวแล้ว” เหมียวอี้ใช้มือลูบใบหน้าของนาง ทําให้รู้สึกได้ทนั ทีวา่ นางสัน่ เทิ้ม
ไปทั้งตัว
นางกังวลหวาดกลัว แต่เขากลับชํ่าชอง พอจูบเบา ๆ ลงบนริ มฝี ปากแดงสวย ฉิ นเวยเวยก็รู้สึกแทบหยุด
หายใจทันที หลับตาแน่นสนิท รู ้สึกได้วา่ เสื้ อผ้าถูกถอดออกชิ้นแล้วชิ้นเล่า ตอนที่ผวิ กายทั้งหมด
สัมผัสกับอากาศ นางก็ตวั สัน่ อย่างควบคุมไม่ได้
ภายใต้แสงเทียน เรื อนร่ างที่งามประณี ต ผิวขาวบอบบางน่าทะนุถนอม เกลี้ยงเกลามีส่วนเว้าส่ วนโค้ง
หน้าอกอิ่มเอิบเต่งตึงคือจุดเด่นของนาง ยามร่ างงามดุจหยกแสดงอยูต่ รงหน้า เหมียวอี้กค็ วบคุมตัวเอง
ไม่ไหวเช่นกัน
“ท่านสามี ข้ากลัว เห็นใจหน่อย…” ในช่วงเวลาสําคัญ เสี ยงเพ้อของของฉิ นเวยเวยถูกตัดด้วยเสี ยง
ครางแห่งความเจ็บปวด
ประตูของบ้านที่แร้นแค้นมีบุรุษมาเยือนเป็ นครั้งแรก ดอกท้อเล็ก ๆ ผลิบานแดงฉานเป็ นพิเศษ…
ที่ดา้ นนอกประตู หงเหมียน ลู่หลิ่วหูผ่งึ ฟังเสี ยงความเคลื่อนไหวในห้อง ทั้งสองได้รับคําสัง่ จากชิงจวี๋
ให้มา ‘แอบฟังหน้าห้องหอ’ เมื่อเสี ยงที่น่าอับอายดังขึ้น ทั้งสองก็หน้าแดงเช่นกัน รี บยืนตรงด้วย
ท่าทางเคร่ งขรึ มจริ งจัง เฝ้ าหน้าประตูไว้ให้ดี ป้ องกันไม่ให้มีคนบุกรุ กเข้าไป
เมื่อเห็นประตูหอ้ งนี้ปิด และเห็นหงเหมียน ลู่หลิ่วออกมาพร้อมกัน จือฉินกับจือซูที่เฝ้ าอยูอ่ ีกสองห้อง
ก็สีหน้าเปลี่ยน หงเหมียนเองก็เชิดคางท้าทายอีกสองคน นับว่าเป็ นการแก้เผ็ดเมื่อครู่ น้ ี สี หน้าของนาง
ค่อนข้างอิ่มอกอิ่มใจ ทําเหมือนคนที่อยูใ่ นห้องหอเป็ นตัวนางเองอย่างนั้นแหละ
ฮูหยินมีได้เพียงคนเดียว แต่อนุภรรยากลับมีสามคน ในฐานะที่เป็ นคนข้างกายของเจ้านาย พวกนาง
ย่อมหวังให้เจ้านายได้รับความเอ็นดูอยูแ่ ล้ว การแย่งชิงความโปรดปรานคือธรรมชาติของผูห้ ญิง
หลังจากคลื่นลมพายุในห้องสงบลง เสี ยงสนทนาพึมพําที่ดงั มาจากในห้องก็ยงิ่ ทําให้หงเหมียนกับลู่
หลิ่วกลั้นขํา สองคนข้างในกําลังคุยกันเรื่ องถํ้าล่องนิภา นายหญิงเหมือนจะถูกหยอกล้อหนักมาก พอ
นางแก้ตวั ไปคําเดียว เสี ยงความเคลื่อนไหวที่ทาํ ให้คนหน้าแดงก็ดงั ขึ้นอีก มีเสี ยงคนขอร้องให้ยกโทษ
ให้…
พอถึงเที่ยงคืนแล้วยังไม่เห็นเหมียวอี้ออกมา จือฉินกับจือซูกส็ ี หน้าแย่มาก
จนกระทัง่ ฟ้ าเริ่ มสว่าง หงเหมียนมองดูสีของท้องฟ้ า แล้วก็เงี่ยหูฟังเสี ยงความเคลื่อนไหวในห้องอีก
นิดหน่อย หลังจากกําชับลู่หลิ่วแล้ว ถึงได้ทาํ ตัวเหมือนไก่ตวั ผูท้ ี่ลาํ พองใจ เงยหน้าเชิดอกเดินออกจาก
บ้านไป ปล่อยให้ล่หู ลิ่วเฝ้ าอยูค่ นเดียว
จือฉินพยักหน้าให้จือซู จากนั้นก็รีบเดินออกไปเช่นกัน
งานเลี้ยงเลิกราตั้งนานแล้ว ในจวนผูก้ ารใหญ่ หยางชิ่งกําลังหนังถือหนังสื ออยูห่ ลังโต๊ะยาว ส่ วนจะ
อ่านเข้าหัวหรื อไม่น้ นั มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่รู้ ชิงเหมยยืนเป็ นเพื่อนอยูจ่ า้ ง ๆ หันมองไปทางข้างนอก
เป็ นระยะ
ในลานบ้านด้านนอก ชิงจวีน๋ งั่ ๆ ยืน ๆ อยูใ่ นศาลา แล้วก็เดินไปเดินมาอย่างร้อนรนอยูเ่ ป็ นระยะ รอ
จนกระทัง่ หงเหมียนมาถึง นางก็เดินเข้าไปรับทันที ดวงตาฉายแววสอบถาม
“ท่านสามีกบั คุณหนูได้ร่วมห้องเป็ นสามีภรรยากันแล้วเจ้าค่ะ” หงเหมียนถ่ายทอดเสี ยงตอบทันที
ชิงจวีโ๋ ล่งใจแล้ว จากนั้นก็รีบนํานางเข้ามาในห้อง
หยางชิ่งที่กาํ ลังถือหนังสื ออ่านอยูห่ ลังโต๊ะยาวรี บเงยหน้า ชิงจวีพ๋ ยักหน้าบอกเขา สี หน้าที่หยางชิ่งแบก
ความเครี ยดมาทั้งคืน ในที่สุดก็ผอ่ นคลายลงแล้ว
หลังจากหงเหมียนคํานับแล้ว ก็รายงานว่า “ในคืนที่เข้าห้องหอ ท่านเขยค้างคืนกับคุณหนูค่ะ ไม่ได้จาก
ไปไหน เมื่อคืนนี้คุณหนูผา่ นไปได้ดว้ ยดีเจ้าค่ะ”
หยางชิ่งโล่งใจมาก ที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้เขาโมโหแทบแย่ นึกว่าตัวเองมีอาํ นาจไม่เท่าอันหรู อวี้จนทําให้
ลูกสาวได้รับความอับอาย พอมาดูตอนนี้แล้ว กลับเป็ นตัวเองที่คิดมากไป เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อคืนนี้
เหมียวอี้จะอยูก่ บั ลูกสาวเขา ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ได้ไปร่ วมห้องกับอีกสองคนที่เหลือ ด้วยฐานะของ
อนุภรรยาทั้งสามคน แค่มองปราดเดียวเหมียวอี้กร็ ู ้แล้วว่าควรให้ความสําคัญกับใคร แต่ที่สาํ คัญที่สุดก็
คือ แม้กระทัง่ ในคืนที่สาํ คัญขนาดนี้ เหมียวอี้กไ็ ม่ได้ทาํ ให้ลูกสาวตนน้อยเนื้อตํ่าใจ ส่ วนคนอื่นจะ
พอใจหรื อไม่พอใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวพิจารณา อย่างน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาพิจารณาเมื่อคืนนี้
“ตบรางวัล!” หยางชิ่งวางหนังสื อในมือแล้วเอียงหน้าพูดขัด ความหมายก็คือให้ตบรางวัลหนัก ๆ
ชิงเหมยนําแหวนเก็บสมบัติสองวงยืน่ ให้หงเหมียน แล้วสัง่ ว่า “อีกวงหนึ่งให้ล่หู ลิ่ว”
หยางชิ่งบอกอีกว่า “หงเหมียน เจ้าจําไว้นะ ถ้าคุณหนูมีชีวติ ที่ดี เจ้ากับลู่หลิ่วถึงจะมีชีวติ ที่ดีได้ เข้าใจที่
ข้าบอกมั้ย?”
หงเหมียนย่อมเข้าใจอยูแ่ ล้ว นี่เป็ นการบอกให้พวกนางทุ่มเทกายใจช่วยเหลือคุณหนูเมื่อไปอยูใ่ น
สภาพแวดล้อมการดํารงชีวติ ใหม่ นางเอ่ยรับทันที “เจ้าค่ะ!”
“ฟ้ าสว่างแล้ว คุณหนูกบั ท่านเขยคงใกล้จะตื่นแล้ว รี บไปปรนนิบตั ิอาบนํ้าเถอะ” ชิงเหมยกําชับอีก
หลังจากหงเหมียนออกไป ในที่สุดหยางชิ่งที่นงั่ ตรงนี้แทบทั้งคืนก็ลุกขึ้นแล้ว เดินเอามือไขว้หลังออก
จากห้องหนังสื อไป
ที่เรื อนพักอีกแห่ง อันหรู อวี้และสามีที่ได้รับข่าวกลับสี หน้าแย่มาก ทั้งสองไม่มีทางจินตนาการได้วา่
ผ่านคืนวันแต่งงงานไปได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อว่าจะนัง่ เฝ้ าเปลวเทียนจนดับมอดอยูใ่ นห้องที่วา่ งเปล่า
เพียงลําพังโดยไม่ขยับไปไหน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ เมื่อคืนนี้ลูกสาวทั้งสองรู ้สึกอย่างไร
ยังไม่ตอ้ งพูดถึงว่าใครสําคัญกว่า ไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องฝนตกทัว่ ฟ้ า อย่างน้อยเจ้าก็ทาํ ตัวให้เหมือนเข้า
ห้องหอหน่อยสิ ไม่น่าเชื่อเลย…
“ไอ้จญั ไรรังแกกันเกินไปแล้ว!” โอวหยางกวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วหันขวับไปจ้องอันหรู อวี้ “ต่อไป
ยังหวังอีกเหรอว่ามันจะดีกบั หลางหลางและหวนหวน? เป็ นฝี มือของเจ้าทั้งนั้น!”
ถ้าเปลี่ยนเป็ นเมื่อก่อน เขาคงไม่เฝ้ าดูวา่ ผูช้ ายคนอื่นกับลูกสาวตัวเองจะอยูก่ นั เป็ นอย่างไร แต่เมื่อคืน
มันคนละเรื่ องกันเลย
ตอนที่ 931

ครอบครัวปรองดอง ทุกเรื่องก็ราบรื่น

ส่ งตัวเข้าหอคืนแรก ได้กลายเป็ นผูห้ ญิงอย่างแท้จริ ง ขั้นตอนในการกลายเป็ นภรรยาของนางช่างหวาน


ชื่น
เป็ นไปไม่ได้ที่จะนอนอยูบ่ นเตียงไปทั้งชีวติ การเปลี่ยนแปลงชัว่ ข้ามคืนนี้ ทําให้ฉินเวยเวยไม่ตื่นเต้น
กังวลเหมือนตอนแรกแล้ว นางช่วยเหมียวอี้ใส่ เสื้ อผ้าอย่างเอาใจใส่ มือไม้กไ็ ม่สนั่ เหมือนตอนที่ได้
สัมผัสผูช้ ายเป็ นครั้งแรกอีก ให้ความรู ้สึกว่าเป็ นธรรมชาติข้ ึนหลายส่ วน ใบหน้าเต็มไปด้วยความ
หวานซึ้ง เปลี่ยนแปลงไปเพราะได้เป็ นภรรยาของใครบางคนแล้ว
หน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง ผมยาวของนางยังสยายคลุมบ่า แต่กลับช่วยจัดแต่งทรงผมให้เหมียวอี้อย่างจริ งจัง
และละเอียดรอบคอบ เมื่อเกล้าผมเสร็ จแล้วก็รับปิ่ นปั กผมจากมือหงเหมียนมาปักที่มวยผมให้เหมียวอี้
เมื่อก่อนนางก็หวีผมให้ผชู ้ ายไม่เป็ น เพิ่งได้รับการฝึ กสอนอย่างรวบรัดจากชิงจวีก๋ ่อนวันแต่งงาน
เช่นกัน
หงเหมียนและลู่หลิ่วยืนถือถาดรองอยูข่ า้ ง ๆ บนใบหน้าพวกนางแฝงไปด้วยรอยยิม้ จินตนาการได้เลย
ว่าเมื่อคืนนี้คุณหนูจะต้องมีความสุ ขมากแน่นอน ความหวานซึ้งยังแขวนอยูบ่ นใบหน้าอยูเ่ ลย แววตาที่
มองเหมียวอี้กด็ ูออดอ้อนออเซาะ ทั้งสองรู ้สึกปลื้มใจแทนฉิ นเวยเวยเช่นกัน
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็ นฉิ นเวยเวยนัง่ หน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง โดยมีหงเหมียน ลู่หลิ่วช่วยแต่งตัวทําผมให้ ส่ วน
เหมียวอี้กย็ นื ยิม้ ตาหยีมองอยูข่ า้ ง ๆ
ในกระจก ฉินเวยเวยสบตากับเหมียวอี้อยูเ่ ป็ นระยะ ทําให้ดวงตางามวูบไหวเป็ นระลอกคลื่น แฝงไป
ด้วยความรักความอ่อนโยน บางครั้งก็หลบสายตา มีท้ งั ความเขินอายและความหวานซึ้งเจือปน
ใบหน้างามแดงระเรื่ อ
หลังจากแต่งตัวเสร็ จแล้ว ก่อนที่จะออกไปข้างนอก ลู่หลิ่วก็รีบเก็บผ้าปูเตียงไปทิ้ง เพราะบนนั้นทิ้ง
‘ร่ องรอย’ ของเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เอาไว้ นัน่ คือสิ่ งที่พิสูจน์ความบริ สุทธิ์ของฉิ นเวยเวยเช่นกัน ย่อมไม่
สะดวกจะให้คนนอกเห็น เมื่อเดินออกจากประตูไปก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
เหตุผลก็ไม่ซบั ซ้อนเลย เพราะที่นี่เป็ นเพียงห้องหอชัว่ คราว ก็ไม่มีทางเลือก เพื่อให้เข้าห้องหอได้
สะดวก ทําแบบนี้ถึงจะให้อนุภรรยาสามคนอยูร่ วมกันได้ เมื่อผ่านคืนนี้ไปทั้งสามคนก็จะอยูเ่ รื อนพัก
คนละหลังแล้ว ไม่มาเบียดรวมอยูด่ ว้ ยกันอีก
เมื่อคู่รักทางฝั่งนี้เดินออกมา จือฉินกับจือซูที่เฝ้ าอยูด่ า้ นนอกทั้งคืนก็รีบหันไปส่ งสัญญาณบอกคนใน
ห้อง โอวหยางหลางกับโอวหยางหวนจึงออกมาจากห้องพร้อมกัน ออกมาคํานับเหมียวอี้ แล้ว
อนุภรรยาทั้งสามคนก็คาํ นับกันและกัน
เหมียวอี้จอ้ งโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนเงียบ ๆ พักหนึ่ง มองออกได้อย่างชัดเจนว่าสองคนนี้กลัว
เขานิดหน่อย ไม่กล้ามองเขาตรง ๆ เลย พวกนางดูระมัดระวังและเป็ นกังวล สี หน้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
ส่ วนหญิงรับใช้ที่อยูข่ า้ งกายทั้งสอง ก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่าสี หน้าฝื นทนขนาดไหน
ในทางกลับกัน ทางฝั่งฉินเวยเวยกับหญิงรับใช้ท้ งั สอง สี หน้าแต่ละคนดูดีอย่างเห็นได้ชดั โดยเฉพาะ
หงเหมียน ลู่หลิ่ว พวกนางทําท่าทางเหมือนอยูเ่ หนือกว่า วางท่าโอ้อวดให้ใครบางคนดู
“เมื่อคืนนี้ทาํ ให้พวกเจ้าสองพี่นอ้ งได้รับความไม่เป็ นธรรม แต่ไม่เป็ นไร วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล”
เหมียวอี้ที่ไม่อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ยงั พูดปลอบโยนสองพี่นอ้ งไปนิดหน่อย ที่จริ งพอนึกว่า
ตัวเองเกือบตายด้วยนํ้ามืออันหรู อวี้ ในใจเขาก็ยงั รู ้สึกเอือมระอาอยู่
สองพี่นอ้ งไม่รู้วา่ ควรจะพูดอะไร หลังจากเหมียวอี้หนั ตัวเดินออกไปแล้ว ทั้งสองกับฉินเวยเวยก็เดิน
ตามหลังเหมียวอี้ไปด้วยกัน
เหยียนซิวกําลังรออยูต่ รงประตู บอกเหมียวอี้วา่ “ฮูหยินกําลังรออยูท่ ี่สวนรุ กขชาติขอรับ”
เหมียวอี้นาํ เหล่าอนุภรรยาไปที่สวนรุ กขชาติ อวิน๋ จือชิวยังคงแต่งตัวอลังการนัง่ สง่าอยูใ่ นสวนดอกไม้
ภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ เครื่ องประดับศีรษะสะท้อนแสงวิบวับอยูใ่ นภายแสงแดดที่ส่องลงมา เชียน
เอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ยนื อยูค่ นละฝั่ง ซ้ายขวามีกลุ่มนางในมายืนเป็ นสักขีพยาน เหมือนจัดวางกําลังสูร้ บ
เต็มที่
เมื่อเห็นเหมียวอี้ที่สวมชุดคลุมสี แดงเดินนําหน้ามา อวิน๋ จือชิวก็ทาํ ท่าอมยิม้ อย่างแฝงความหมายลึกซึ้ ง
เหมือนกําลังถามว่าเมื่อคืนเป็ นอย่างไรบ้าง เหมียวอี้เอามือลูบจมูกอย่างเคอะเขิน อยูใ่ ต้หนังตาฮูหยิน
แต่เข้าห้องหอกับผูห้ ญิงคนอื่น ทําตัวเป็ นธรรมชาติได้กแ็ ปลกแล้ว
ข้างกายอวิน๋ จือชิวยังมีเก้าอี้วางอยูต่ วั หนึ่ง เหมียวอี้เดินเข้ามานัง่ คู่กบั นาง แล้วรับนํ้าชาจากเชียนเอ๋ อร์
มาจิบคําหนึ่ง
“ฮูหยิน!” เจ้าสาวใหม่สามคนสวมชุดกระโปรงสี แดงเหมือนกัน ยืนเรี ยงแถวหน้ากระดานคํานับอวิ๋
นจือชิว
อวิน๋ จือชิวเอียงหน้าถามเหมียวอี้ “ท่านสามี สามคนที่มาใหม่ตอ้ งแบ่งแยกเล็กใหญ่รึเปล่า?”
เหมียวอี้รู้วา่ ต่อไปต้องทําอะไร เงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วตอบว่า “ไม่ตอ้ งแบ่งแยกเล็กใหญ่หรอก ต่อไป
เรี ยกกันว่าพี่สาวน้องสาวตามอายุแล้วกัน” พูดจบก็หนั ไปพยักหน้าให้โอวหยางหลางเบา ๆ
หญิงรับใช้ของฝ่ ายฝาแฝดโล่งใจแล้ว ถ้าแบ่งแยกเล็กใหญ่แล้วให้ฝ่ายนี้อยูแ่ ถวหลัง พวกนางจะทนรับ
ความรู ้สึกได้อย่างไร
นางในที่อยูข่ า้ ง ๆ ยืน่ ถาดเข้ามาตรงหน้าโอวหยางหลาง แล้วนางก็ยกถ้วยนํ้าชาขึ้นมาทันที เดินช้า ๆ
ไปตรงหน้าอวิน๋ จือชิว ใช้สองมือยืน่ ให้พร้อมกล่าวอย่างเคารพว่า “ฮูหยิน เชิญดื่มนํ้าชาค่ะ!”
มอบนํ้าชาด้วยนี้ให้หมายความว่าอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ อวิน๋ จือชิวรับมาดื่มคําหนึ่งพอเป็ น
พิธี จากนั้นวางถ้วยนํ้าชาลงข้าง ๆ แล้วพยักหน้ายิม้ “ลําบากน้องหลางหลางแล้ว”
โอวหยางหลางตอบพอเป็ นพิธี แล้วถอยกลับไปยืนที่เดิม เปลี่ยนเป็ นโอวหยางหวนที่นาํ นํ้าชามามอบ
ให้ สุ ดท้ายถึงเป็ นฉิ นเวยเวยที่กา้ วขึ้นมา
พอถึงตาฉิ นเวยเวย ดวงตาของอวิน๋ จือชิวก็ฉายแววหยอกล้อหลายส่ วน ทําเอาฉิ นเวยเวยเขินอายมาก
เมื่อยืน่ นํ้าชาให้ดื่ม โอวหยางหลาง โอวหยางหวนและฉิ นเวยเวยก็เท่ากับได้แสดงท่าทีต่อหน้าทุกคน
แล้ว ว่าทั้งหมดจะยกให้อวิน๋ จือชิวเป็ นใหญ่ ส่ วนพวกนางเป็ นน้อย อวิน๋ จือชิวคือภรรยาเอก พวกนาง
คืออนุภรรยา ต่อไปจะต้องเชื่อฟังอวิน๋ จือชิว
นํ้าชาคํานับก็ดื่มแล้ว อวิน๋ จือชิวกวาดตามองทั้งสามคน แล้วเริ่ มกล่าวให้โอวาท “ในเมื่อเข้ามาอยูใ่ น
บ้านของตระกูลเหมียวแล้ว ต่อไปทั้งหมดก็เป็ นคนของตระกูลเหมียว ต่อไปน้องสาวทั้งสามก็เป็ น
ครอบครัวเดียวกัน อย่าเห็นตัวเองเป็ นคนนอกเด็ดขาด บ้านเมืองมีกฎของบ้านเมือง ครอบครัวก็มีกฎ
ของครอบครัว เมื่อแต่งงานเข้าตระกูลเหมียวแล้ว ผลประโยชน์ของตระกูลเหมียวต้องมาเป็ นอันดับ
แรก ต่อไปนี้ถา้ ข้าจับได้วา่ ใครเป็ นหนอนบ่อนไส้ เข้าข้างคนนอก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ สายตาของ
พี่สาวทนมองคนประเภทนี้ไม่ได้จริ ง ๆ ทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วนะ?”
เมื่อวางมาดแบบนี้ให้เห็น ทั้งสามก็รู้สึกหนาวในใจ เอ่ยรับอย่างประหม่าพร้อมกันว่า “รับทราบค่ะ!”
พออวิน๋ จือชิวพยักหน้า นางในที่อยูข่ า้ ง ๆ ถึงได้แยกย้ายกันออกไป แล้วนําเก้าอี้สามตัวเข้ามาวาง เชิญ
ให้อนุภรรยาทั้งสามนัง่ ประจําที่ แล้วนํานํ้าชามาวางให้ท้ งั สาม
ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็ส่งสายตาให้เหมียวอี้ จากนั้นเหมียวอี้กย็ นื ขึ้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับนาง เดินไปยัง
จุดลึกของสวนรุ กขชาติ
หลังจากหลบสายตาคนนอกแล้ว อวิน๋ จือชิวถึงได้หนั มามองสอบสวนเหมียวอี้ศีรษะจดเท้า พอมองจน
เหมียวอี้รู้สึกเขินอายแล้ว ถึงได้พดู หยอกล้อว่า “คํ่าคืนของฤดูใบไม้ผลิผา่ นไปเร็ วมาก เจ้าไม่ได้เหนื่อย
แย่หรอกใช่ม้ ยั ?”
“พอแล้ว ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าวันนี้เจ้าต้องแกล้งข้าเล่นแน่ ๆ มีอะไรไม่น่าฟังก็พดู มาให้หมดเถอะ วันนี้ต่อให้
ทนไม่ไหวข้าก็จะทน” เหมียวอี้ไม่รู้จะหัวเราะหรื อร้องไห้ดี
หลังจากใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเหมียวอี้สองสามที แล้วเคลื่อนมือลงมาคล้องแขน อวิน๋ จือชิวถึงได้ถอน
หายใจแล้วบอกว่า “หนิวเอ้อร์ เมื่อคืนเจ้าทําเกินไปหน่อยนะ อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงถ่อมาหาข้าแต่
เช้าเลย มาบอกว่าในภายหลังขอให้ขา้ ดูแลลูกสาวพวกเขามาก ๆ หน่อย อันหรู อวี้มาร้องไห้ต่อหน้าข้า
เรี ยกได้วา่ ร้องไห้วงิ วอนข้าอย่างจริ งจัง กลัวว่าลูกสาวจะไม่ประจบเอาใจเจ้า แล้วโดนข้าปฏิบตั ิดว้ ย
อย่างโหดร้ายจนมีชีวติ อยูต่ ่อไปไม่ได้ คุณชายรองผูส้ ง่าผ่าเผยของแดนโพ้นสวรรค์ เรี ยกได้วา่ ยอมลด
ตัวลงมาประจบข้าแล้ว หัวใจของคนเป็ นพ่อเป็ นแม่ช่างน่าสงสาร!”
เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วแสยะยิม้ “ตอนนี้รู้จกั นึกเสี ยใจทีหลังแล้วเหรอ ตอนแรกที่คิดจะเล่นงานข้าให้ถึง
ตาย นางก็ไม่ปรานีเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะข้าดวงชะตาแข็ง จะรอดชีวติ มาถึงวันนี้ได้อย่างไร”
“หนิวเอ้อร์ ถ้าตําหนักหลังไม่สงบสุ ข เจ้าเองก็สบายใจไม่ได้เหมือนกัน ไม่จาํ เป็ นต้องทําแบบนี้เลย
ต่อไปก็เป็ นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว เรื่ องในอดีตก็ปล่อยผ่านไปเถอะ อีกฝ่ ายมอบลูกสาวให้เจ้าแล้ว
ทําไมเจ้ายังไม่หายโมโหอีก เชื่อฟังข้าเถอะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย” อวิน๋ จือชิวกล่าว
ทั้งสองเดินจูงมือกันอยูใ่ นสวนดอกไม้ เหมียวอี้นิ่งเงียบ ว่ากันตามจริ ง เมื่อเห็นท่าทางของโอวหยาง
หลางกับโอวหยางหวนในตอนเช้า ในใจเขาก็รู้สึกผิดอยูเ่ หมือนกัน ถึงอย่างไรก็เป็ นผูห้ ญิงที่เมื่อวาน
คํานับฟ้ าดินพร้อมกับเขา แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยใจดํากับคนของตัวเองเลย
“ทําก็ทาํ ไปแล้ว ยังจะให้ขา้ ทําอย่างไรได้อีก?” เหมียวอี้ถาม ในนํ้าเสี ยงเจือความรู ้สึกเสี ยใจนิดหน่อย
“หนิวเอ้อร์ ผูห้ ญิงที่บา้ นนี้ลว้ นเป็ นคนของเจ้า เป็ นคนที่คอยปรนนบัติเจ้าราวกับเป็ นม้าเป็ นวัว ผูห้ ญิง
อย่างเราจะเอาแต่ใจบ้างก็ไม่เป็ นไรหรอก จะว่าไปก็เป็ นการงอนเพราะอยากได้รับความรัก เจ้าเป็ น
ลูกผูช้ ายใจคอกว้างขวาง รับนิสยั เอาแต่ใจของพวกเราได้อยูแ่ ล้ว แต่ถา้ เปลี่ยนให้เจ้ามาทํานิสยั เอาแต่
ใจใส่ พวกเราบ้าง แบบนั้นก็ไม่มีความหมายแล้ว เจ้าเอาชนะพวกเราได้แล้วยังไงต่อล่ะ? ก้มหน้ายอม
บ้างก็ไม่ทาํ ให้เนื้อในร่ างกายของเจ้าหายไปหรอก เชื่อข้าเถอะ คืนนี้ต้ งั ใจอยูก่ บั สองพี่นอ้ งนัน่ ให้ดี ให้
พวกนางได้เห็นรอยยิม้ ของเจ้าบ้าง เรื่ องราวมันผ่านไปแล้ว เจ้าแค่ปะเหลาะเอาใจผูห้ ญิงก็พอ ด้วย
ความสามารถอย่างท่านสามี อย่าบอกนะว่าการรับมือกับผูห้ ญิงแค่สองคนเป็ นเรื่ องยาก? หาก
ครอบครัวปรองดอง ทุกเรื่ องก็ราบรื่ น!” อวิน๋ จือชิวเตือนปากเปี ยกปากแฉะด้วยความหวังดี
เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน ยืน่ มือเด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งมาทัดบนศีรษะนาง แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เรื่ อง
แบบนี้ขา้ เป็ นคนได้เสพสุ ข แค่รู้สึกว่าทําให้เจ้าได้รับความไม่เป็ นธรรม”
อวิน๋ จือชิวหันตัวมากอดเขา แล้วพึมพําว่า “ข้าจดจําความดีของท่านสามีอยูเ่ สมอ หวังว่าท่านสามีจะ
จดจําความดีของข้าอยูเ่ สมอเหมือนกัน ถ้ามีจุดไหนที่ขา้ ทําไม่ถูก หวังว่าท่านสามีจะไม่เก็บมาใส่ ใจ แค่
นั้นก็พอแล้ว…”
หลังจากได้ฟังอวิน๋ จือชิวกําชับและปลอบโยนอย่างเอาใจใส่ เหมียวอี้กร็ ู ้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะ จากนั้น
เขาก็พาอนุภรรยาทั้งสามออกจากที่นี่เพื่อไปยังสวนดอกไม้อีกแห่งหนึ่ง อันหรู อวี้ โอวหยางกวง
และหยางชิ่งกําลังรอให้ภรรยาใหม่ท้ งั สามไปคํานับด้วยกัน
เมื่อเห็นสภาพลูกสาวทั้งสอง อันหรู อวี้กบั สามีกป็ วดใจ ความกังวลทุกข์ใจที่อยูใ่ นแววตานั้นยากจะ
ปิ ดบัง แต่กลับต้องฝื นยิม้ ออกมา ในเมื่อยกให้แต่งงานกับอีกฝ่ ายไปแล้ว ตอนนี้ยงั จะทําอะไรได้อีก? ที่
สําคัญคือตอนนี้ท้ งั สองไม่มีอาํ นาจที่จะจัดการอะไรด้วยตัวเองมากนัก การลงโทษจากแดนโพ้น
สวรรค์ใกล้จะมาถึงแล้ว เพียงแต่คนนอกไม่รู้เท่านั้นเอง ทั้งสองกลับรู ้อยูแ่ ก่ใจ รู ้วา่ ตัวเองไม่ได้มีหน้ามี
ตาเหมือนที่เห็นภายนอกอีกแล้ว
เมื่อเห็นฉินเวยเวยทําท่าทางเขินอายมีความสุ ข แล้วมองดูสีหน้าของอีกสองคน แค่มองปราดเดียวก็รู้วา่
อะไรเป็ นอะไร หยางชิ่งชําเลืองมองอันหรู อวี้กบั สามีที่อยูข่ า้ ง ๆ เขารับไม่ไหวกับการเปรี ยบเทียบเรื่ อง
อื่น แต่พอมีอนุภรรยาคนอื่นให้เปรี ยบเทียบ ปมในใจที่ลูกสาวตัวเองเป็ นอนุภรรยากลับบรรเทาเบา
บางลงไม่นอ้ ย แต่หยางชิ่งกลับมีความกังวลอีกอย่างเกิดขึ้นแทน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่รู้วา่ กําลังจะมีการ
เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับอันหรู อวี้และสามี
ครั้งนี้กลับถึงคราวที่เหมียวอี้ตอ้ งทําพิธียกนํ้าชาให้อนั หรู อวี้ โอวหยางกวงและหยางชิ่ง
หลังจากนําอนุภรรยาทั้งสามคํานับผูอ้ าวุโสทั้งสามแล้ว พวกเขาก็ทกั ทายปราศัยกันนิดหน่อย จากนั้น
อันหรู อวี้ยนื่ มือเชิญเหมียวอี้ “เหมียวอี้ ขอคุยด้วยเป็ นการส่ วนตัวหน่อย”
หลังจากมาอยูใ่ นที่ลบั ตาคน เหมียวอี้กก็ มุ หมัดคารวะ “ไม่ทราบว่าท่านแม่ยายยังมีอะไรจะกําชับ
ขอรับ?”
จะมีอะไรกําชับได้ล่ะ อันหรู อวี้ฝืนยิม้ เหมือนมีความสุ ข “เหมียวอี้ ข้ารู ้วา่ เรื่ องในอดีตข้าทําไม่ถูก นัน่
เป็ นความผิดของข้า เจ้าอย่าถือสาหญิงวัยกลางคนที่ความรู ้พ้นื ๆ อย่างข้าเลย ถ้ามีอะไรที่ทาํ ให้เจ้าไม่
พอใจ เจ้าก็มาระบายความโกรธกับข้าได้เลย ข้าจะไม่พรํ่าบ่นอะไรสักคํา แค่หวังว่าต่อไปนี้เจ้าจะดีกบั
หลางหลางกับหวนหวนสักหน่อย พวกนางไม่ได้ทาํ อะไรผิด ถือว่าข้าขอร้องก็แล้วกัน”
เหมียวอี้อ้ ึงไปชัว่ ขณะ นึกขึ้นได้ถึงคําพูดของอวิน๋ จือชิว ที่บอกว่าก่อนหน้านี้อนั หรู อวี้มาร้องไห้ออ้ น
วอนต่อหน้านาง เขาเงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วกุมหมัดกล่าวว่า “ท่านแม่ยายคิดมากไปแล้ว เรื่ องในอดีตผ่าน
พ้นไปแล้ว หลางหลางกับหวนหวนแต่งงานกับข้า กลายเป็ นผูห้ ญิงของข้าแล้ว ตราบใดที่พวกนาง
ไม่ได้ทาํ เรื่ องผิดต่อข้า ต่อไปนี้ขา้ ก็จะไม่ปฏิบตั ิต่อพวกนางอย่างโหดร้ายแน่นอน หากท่านแม่ยายไม่
เชื่อ ก็คอยตั้งตารอได้เลย… นับว่าเป็ นคําสัญญาที่ลูกเขยให้ต่อท่านแม่ยาย!”
“งั้นก็ดีแล้ว งั้นก็ดี!” อันหรู อวี้พยักหน้าซํ้า ๆ รู ้สึกดีใจเหนือความคาดหมาย เหมือนปลาบปลื้มใจจน
นํ้าตาแทบไหล
ตอนที่ 932
ไต้ ซือศีลเจ็ดฝากฝัง

อีกด้านหนึ่ง หยางชิ่งเรี ยกลูกสาวที่กาํ ลังเขินอายมาคุยด้วย


“เวยเวย เมื่อคืนเหมียวอี้ไม่ได้ทาํ ให้เจ้าน้อยเนื้อตํ่าใจเจ้าใช่ม้ ยั ?” หยางชิ่งเอ่ยถามก่อน
เมื่อเอ่ยถามแบบนี้ ฉินเวยเวยก็หน้าแดงเหมือนก้นลิงทันที นางกระทืบเท้าเล็กน้อย พลางกล่าวอย่าง
ขวยเขินว่า “ท่านพ่อคะ!”
หยางชิ่งชะงักไป เข้าใจทันทีวา่ นางเข้าใจความหมายผิด นึกว่าตนพูดถึงเรื่ องบนเตียง ตนไม่ได้รู้สึก
เบื่อหน่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง? เขารู ้สึกเช่นกันว่าตัวเองถามได้ไม่ดี จึงรี บโบกมือพูดกลั้วหัวเราะว่า “ได้
ๆ ๆ ไม่ถามแล้ว พ่อพูดผิดไป พ่อมีอีกเรื่ องหนึ่งจะพูดกับเจ้า”
ตอนนี้ฉินเวยเวยถึงได้ใจเย็นลง แล้วกล่าวอย่างถ่อมตัวมีมารยาท “ลูกสาวจะตั้งใจฟังค่ะ”
หยางชิ่งชะงักอีครั้ง ดวงตาฉายแววสับสน พบว่าพอนางแต่งงานไป ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงทันที
หลังจากจัดระเบียบความคิดตัวเอง หยางชิ่งก็กล่าวอย่างลังเล “คืออย่างนี้นะ ก่อนหน้านี้พอ่ ไม่อยากให้
เจ้าได้รับความไม่เป็ นธรรม ตอนที่เลือกคฤหาสน์ให้เจ้า พ่อใช้ความพยายามไปพอสมควร พ่อเป็ นผู ้
การใหญ่ของที่นี่ อดไม่ได้ที่จะใช้อาํ นาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้วรู ้สึกว่าไม่
เหมาะสม ถ้าจะสนใจเรื่ องหน้าตาศักดิ์ศรี ไม่สูส้ นใจสิ่ งที่อยูภ่ ายในดีกว่า ถ้าเจ้าจะครองทั้งศักดิ์ศรี
หน้าตาทั้งหัวใจของเขา มันก็ไม่เกิดผลดีอะไรกับเจ้า ดังนั้นสิ่ งที่พอ่ จะบอกก็คือ อยากให้เจ้าปล่อย
คฤหาสน์หลังที่ใหญ่และดีที่สุดไป ปล่อยให้พวกนางสองพี่นอ้ งไปเสี ย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ฉิ นเวยเวยย่อมไม่คดั ค้านเรื่ องนี้อยูแ่ ล้ว
ทว่าพอมาคุยกันอีกที อันหรู อวี้กบั โอวหยางกวงกลับไม่เห็นด้วย พวกเขารู ้สถานการณ์ของครอบครัว
ตัวเองดี ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองทําตัวโดดเด่นเกินไป
เมื่อคืนยังคิดเล็กคิดน้อยเรื่ องที่ลูกเขยเข้าห้องหอของใครก่อนอยูเ่ ลย ตอนนี้กลับถ่อมตัวมีมารยาทแล้ว
ใจคนยากจะคาดเดาจริ ง ๆ
แต่ไม่วา่ อวิน๋ จือชิวหรื อเหมียวอี้กไ็ ม่อยากเข้ามาแทรกแซงเรื่ องนี้ ไม่อยากให้ดูเหมือนลําเอียงเข้าข้าง
ใคร
ทั้งสองฝ่ ายต่างก็ถ่อมตัวไม่ยอมรับไว้ แต่สุดท้ายอันหรู อวี้และโอวหยางกวงก็ตอบรับที่จะให้ลูกสาว
อยูใ่ นคฤหาสน์ที่ใหญ่และดีที่สุด แต่กลับให้ลูกสาวทั้งสองเข้าไปอยูด่ ว้ ยกัน โดยให้เหตุผลว่าอยูค่ น
เดียวแล้วว่างเปล่าอ้างว้าง ที่จริ งพ่อแม่ไม่ได้อยูข่ า้ งกาย ไม่เหมือนหยางชิ่งที่ได้อยูข่ า้ งกายลูกสาว พวก
เขาจึงอยากให้ลูกสาวทั้งสองดูแลซึ่งกันและกัน
ส่ วนฉินเวยเวยก็ไม่ได้เข้าพักคนแรกสุ ด แต่เข้าพักช้ากว่าทั้งสองคนนิดหน่อย
พวกเขาคุยกันเรี ยบร้อยแล้ว แต่เหมียวอี้กลับเก้อเขินมาก ตอนนี้นบั ว่าเขาเข้าใจถึงความแตกต่างของ
การเขียนหนังสื อเก่งกับการเขียนหนังสื อแย่ สุ ดท้ายก็เป็ นอวิน๋ จือชิวที่สะบัดพูก่ นั จุ่มนํ้าหมึก ตั้งชื่อ
สองตําหนักนั้นด้วยตัวเอง ที่พกั ของโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนชื่อว่าตํานักคู่แฝด ที่พกั ของฉิ น
เวยเวยชื่อว่าตําหนักอินทนิล เรื่ องราวก็ได้ขอ้ สรุ ปตามนี้
หยางชิ่งสัง่ ให้คนนําตัวอักษรของท่านทูตไปทําป้ ายแขวนไว้ทนั ที
จากนั้นเหมียวอี้กน็ าํ อนุภรรรยาทั้งสามไปส่ งแขก หลังจากส่ งแขกส่ วนใหญ่ที่มาร่ วมแสดงความยินดี
กลับไปหมดแล้ว เหมียวอี้กเ็ ชิญโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนไปเดินเล่นที่สวนรุ กขชาติดว้ ยกัน
สองพี่นอ้ งเผชิญหน้ากับเขาอย่างระมัดระวังตัว ย่อมไม่กล้าขัดคําสัง่ อยูแ่ ล้ว
ระหว่างที่เดิน พอเหมียวอี้ถามอะไรนิดหน่อย สองพี่นอ้ งก็ตอบอย่างระมัดระวัง
หลังจากเดินมานัง่ ในศาลาของสวนรุ กขชาติ เหมียวอี้กเ็ อ่ยก่อนว่า “เมื่อคืนข้าขาดความยุติธรรมกับ
พวกเจ้าสองคนแล้ว”
สองพี่นอ้ งย่อมส่ ายหน้าบอกว่าไม่เป็ นอะไร เหมียวอี้จึงอธิบายอีก “หลางหลาง หวนหวน ที่เมื่อคืนข้า
ไม่ได้ไปห้องของพวกเจ้า ก็เพราะข้ามีเหตุผล ที่จริ งพวกเจ้าเองก็รู้ เรื่ องเข้าห้องหอน่ะ พวกเราเคยทํา
กันมาตั้งนานแล้ว ใช่ม้ ยั ล่ะ?”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ สองพี่นอ้ งก็อยากจะแทรกแผ่นดินหนีมาก จะพูดอะไรก็ไม่พดู ดันมาพูดเรื่ องนี้เสี ย
ได้ รู ้สึกอับอายจนเกินทน
เหมียวอี้ดนั พูดเสี ยงดังต่อไป “ดังนั้นข้าก็เลยคิดมากหน่อย คิดว่าพวกเจ้ายอมให้เวยเวยสักครั้งคงไม่
เป็ นไร เมื่อคืนวานข้าจึงไปอยูก่ บั นางก่อน แน่นอนว่าคืนนี้ขา้ จะไปอยูก่ บั พวกเจ้าที่ตาํ นักคู่แฝด แต่
ตอนนี้พวกเจ้าอยูด่ ว้ ยกันแล้ว พวกเจ้าจะเข้าห้องหอพร้อมกันทีเดียวเลย หรื อจะเข้าแบบทีละคนดีล่ะ?”
คําพูดนี้ช่างไม่ให้เกียรติผหู ้ ญิงเลยจริ ง ๆ แต่ผหู ้ ญิงมักตกหลุมพรางนี้ ผูช้ ายไม่เลวผูห้ ญิงไม่รัก นี่คือคติ
พจน์ที่เป็ นเรื่ องจริ ง ผูช้ ายซื่ อสัตย์ทาํ ให้ผหู ้ ญิงชอบไม่ได้หรอก
สองพี่นอ้ งอับอายจนสับสนเลอะเลือนไปหมด ทว่าปมในใจจากเมื่อคืนนี้กลับหายไปทันที ที่แท้กม็ ี
เหตุผลนี่เอง ดังนั้นจึงคิดว่าการที่เหมียวอี้ไปอยูก่ บั ฉินเวยเวยก่อนเป็ นเรื่ องเหมาะสมแล้ว เพราะเหมียว
อี้ยกเรื่ องน่าอับอายที่ทะเลทรายม่านเมฆามาเป็ นข้อแก้ตวั สองสาวรับมือไม่ไหวหรอก!
ฉิน ฉี ซู ฮว่า หญิงรับใช้ท้ งั สี่ มองหน้ากันเลิกลัก่ ในใจพึมพําว่าท่านเขยคนนี้ช่างไร้ยางอายจริ ง ๆ
เหมียวอี้เองก็ไม่มีทางเลือก คิดไปคิดมาก็พบว่าอวิน๋ จือชิวพูดมีเหตุผล ถ้าตําหนักหลังไม่สงบ ใน
ภายหลังก็จะเกิดปั ญหาใหญ่โต แบบนี้จนจะออกไปข้างนอกอย่างสงบใจได้อย่างไร ถึงจะดูหน้าด้าน
ไร้ยางอายก็ช่างเถอะ ขอแค่ขอ้ อ้างนี้ใช้ได้ผลก็พอแล้ว
เหมียวอี้ถามเร่ งหลายครั้ง สุ ดท้ายโอวหยางหลางที่อบั อายจนสุ ดจะทนก็ตอบเสี ยงเบาว่า “คืนนี้ท่าน
สามีไปอยูก่ บั น้องสาวก่อนเถอะค่ะ”
“คืนนี้ท่านสามีไปอยูก่ บั พี่สาวก่อนเถอะค่ะ” โอวหยางหวนปฏิเสธทันที
เหมียวอี้ไร้ยางอายมาก พยักหน้าบอกว่า “งั้นก็เรี ยงจากเด็กไปโตแล้วกัน ฉิ นเวยเวยเด็กสุ ด เมื่อคืนไป
อยูก่ บั นางมาแล้ว คืนนี้กเ็ ป็ นหวนหวน คืนพรุ่ งนี้ค่อยเป็ นหลางหลาง” จากนั้นก็หนั ไปบอกหญิงรับใช้
อีกว่า “จือซู จือฮว่า คืนนี้ขา้ จะไปค้างที่ตาํ นักคู่แฝด”
“เจ้าค่ะ!” จือซู จือฮว่ารี บเอ่ยรับ นี่เป็ นการบอกให้พวกนางเตรี ยมตัวล่วงหน้า ในใจทั้งสองก็ตดั สิ นใจ
จะเตรี ยมตัวให้ดีเช่นกัน
ส่ วนโอวหยางหลางกับโอวหยางหวนก็อารมณ์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชดั สามารถดูได้จากแววตา ก่อน
หน้านี้ดูระมัดระวังปนกลัดกลุม้ ตอนนี้กลับใจเต้นแรงเหมือนมีกวางน้อยกระโดดอยูใ่ นใจ
หลังจากรับมือกับทั้งสองเรี ยบร้อยแล้ว ก็สงั่ ให้พวกจือฉิ นออกไปเป็ นเพื่อนพวกนางสองคน เหมียวอี้
ถึงได้โล่งอก เขาพบว่ามีผหู ้ ญิงเยอะไม่ใช่เรื่ องดีอะไร ใช่วา่ แต่งงานรับภรรยามาหลายคนแล้วจะทํา
ตามอําเภอใจได้ ยังต้องใช้กาํ ลังความคิดเพื่อจัดการให้เป็ นระเบียบ รับมือกับคนข้างนอกเสร็ จแล้วยัง
ต้องมารับมือกับคนในบ้านอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อไปนี้ชีวติ จะเป็ นอย่างไร
เหมียวอี้หนั มองไปรอบ ๆ เขากําลังคิดว่าก่อนหน้านี้เยว่เทียนโปรับมือกับผูห้ ญิงที่แต่งงานเข้ามา
มากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?
รอจนกระทัง่ หรู ฮูหยินทั้งสองออกไปแล้ว หยางเจาชิงก็เดินมาถึงด้านนอกศาลา กุมหมัดคารวะพร้อม
รายงานว่า “นายท่าน ไต้ซือศีลเจ็ดกับลูกศิษย์รอพบท่านอยูข่ อรับ”
เหมียวอี้พยักหน้ารับ ตอนที่เดินออกจาศาลา เขาถือโอกาสดึงชุดคลุมสี แดงออกแล้วโยนให้นางในคน
หนึ่งที่เดินผ่านมา เพราะตอนที่ใส่ ชุดสี แดงทั้งตัวแบบนี้ เท่ากับกําลังเตือนคนอื่นว่าตัวเองแต่งงานรับ
อนุภรรยามารวดเดียวสามคน แบบนั้นทําให้เขาอับอายจนทําสี หน้าไม่ถกู
เขาเองก็ไม่รู้วา่ ทําไมไต้ซือศีลเจ็ดถึงเจาะจงมาพบเขาโดยเฉพาะ
ตอนที่เดินนําหยางเจาชิงไปยังเรื อนรับรองแขกตรงตีนเขา เหมียวอี้กอ็ ดไม่ได้ที่จะมองไปทางศาลายาว
หลังหนึ่ง เขาเห็นหยางชิ่งกับเทพธิดาหงเฉิ นกําลังคุยกันอีกแล้ว
ไม่รู้วา่ ตัวเองคิดมากไปรึ เปล่า เขาสังเกตเห็นว่าช่วงนี้หยางชิ่งกับเทพธิดาหงเฉิ นเหมือนจะค่อนข้าง
สนิทกัน เวลาผ่านไปไม่เท่าไรเอง นี่เป็ นครั้งที่เท่าไรแล้วที่เห็นสองคนนั้นคุยกัน?
สายมะโรงมีเรื่ องอะไรที่จาํ เป็ นต้องรายงานต่อเทพธิดาหงเฉิ นเหรอ? อํานาจของเทพธิดาหงเฉินที่แดน
โพ้นสวรรค์กม็ ีจาํ กัด ถึงขั้นมีไม่มากเท่าเยว่เหยาด้วยซํ้า
ส่ วนเทพธิดาหงเฉินเป็ นคนอย่างไร ใช่วา่ เหมียวอี้จะไม่รู้ นางเป็ นคนที่ไม่ปรารถนาสิ่ งใด ดังนั้นจึง
เป็ นไปไม่ได้ที่เทพธิดาหงเฉินจะเป็ นฝ่ ายมาหาหยางชิ่งก่อน เช่นนั้นก็เหลือความเป็ นไปได้แค่อย่าง
เดียวแล้ว… เหมียวอี้พึมพําในใจ หวังว่าตัวเองคิดมากไป
“นายท่าน ผูก้ ารใหญ่หยางเหมือนจะค่อนข้างสนิทกับคุณชายห้าท่านนี้นะขอรับ” หยางเจาชิงก็เตือน
เช่นกัน
เหมียวอี้ขานรับ แสดงให้เห็นว่าตัวเองรู ้อยูใ่ นใจแล้ว ขนาดหยางเจาชิงยังดูออก คาดว่าอวิน๋ จือชิวก็คงรู ้
แล้วเช่นกัน ที่นี่มีหูมีตาของอวิน๋ จือชิวอยูเ่ ต็มไปหมด ไม่มีเรื่ องอะไรที่คลาดสายตานางไปได้
เมื่อมาถึงเรื อนรับรองแขกที่ไต้ซือศีลเจ็ดพักชัว่ คราว ก็พบว่าตรวจการใหญ่หลันโฮ่วแห่งจวนผูต้ รวจ
การเมืองหลวงกําลังสนทนากับไต้ซือศีลเจ็ด ส่ วนศีลแปดก็ยนื ประนมมืออยูข่ า้ ง ๆ ดูศกั ดิ์สิทธิ์โดยเนื้อ
แท้
เรื่ องบุคลากรของยอดเขาหยกนครหลวงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อวิน๋ จือชิวเพิ่งรับช่วงต่อ ตอนนี้ไม่
สะดวกจะเปลี่ยนแปลงอะไรมากเกินไป ต้องใช้เวลาสักระยะ
เดิมทีอวิน๋ จือชิวอยากจะลงดาบกับหลันโฮ่วก่อน สาเหตุไม่ใช่เพราะเรื่ องอื่นใด เป็ นเพราะในปี นั้นห
ลันโฮ่วลงโทษใช้แส้ฟาดเหมียวอี้ ทําให้อวิน๋ จือชิวรู ้สึกไม่พอใจ ผูห้ ญิงคนนี้บางครั้งก็เจ้าคิดเจ้าแค้น
มาก แต่ตอ้ งดูวา่ เรื่ องอะไร เหมียวอี้เปรี ยบเสมือนเกล็ดมังกรของนาง นางสามารถตบตีด่าทอได้ตาม
อําเภอใจ เพราะนางลงมืออย่างบันยะบันยัง แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นมาแตะต้องเหมียวอี้แม้แต่ปลาย
นิ้ว
แต่เหมียวอี้โน้มน้าวนางไว้ ผ่านไปหลายปี ขนาดนี้แล้ว เขาพอจะรู ้จกั ท่านผูต้ รวจการใหญ่ท่านนี้อยู่
บ้าง นับเป็ นบุคคลที่มีความสามารถคนหนึ่ง
เมื่อเห็นเหมียวอี้มาแล้ว หลันโฮ่วก็กล่าวอําลา กุมหมัดคารวะเหมียวอี้แล้วออกไป
หลังจากเหมียวอี้คาํ นับไต้ซือศีลเจ็ด ก็เหลือบมองศีลแปดที่วางมาดสง่าภูมิฐานแวบหนึ่ง ก่อนจะนัง่ ลง
ตรงข้ามแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าไต้ซือมีอะไรจะกําชับผูน้ อ้ ยหรื อขอรับ?”
“มิกล้าเรี ยกว่ากําชับหรอก มีเรื่ องส่ วนตัวจะคุยกับโยมสักหน่อย” ไต้ซือศีลเจ็ดกล่าวพร้อมรอยยิม้
“เรื่ องส่ วนตัว?” เหมียวอี้หนั ไปมองหยางเจาชิงแวบหนึ่ง พออีกฝ่ ายกุมหมัดคารวะแล้วออกไป เหมียว
อี้ถึงได้กล่าวว่า “ผูน้ อ้ ยจะตั้งใจฟังขอรับ”
“โยมคงจะรู ้จกั เทพพยากรณ์” ไต้ซือศีลเจ็ดว่าอย่างนั้น
เหมียวอี้ตะลึงนิดหน่อย แล้วพยักหน้าช้า ๆ “ข้ารู ้จกั ขอรับ แต่เทพพยากรณ์ทาํ ตัวลึกลับมาก ข้าเองก็หา
เขาไม่พบเช่นกัน” เขากังวลว่าพระท่านนี้จะขอให้เขาตามหาเทพพยากรณ์ให้
ไต้ซือศีลเจ็ดยิม้ พร้อมนําระฆังออกมาสองอัน นํามาวางไว้บนโต๊ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นระฆังดาราคู่
หนึ่ง “อาตมากับเทพพยากรณ์เป็ นสหายที่ดีต่อกัน ตอนที่หกปราชญ์ยงั ไม่ผงาดขึ้นมา พวกเรามักอยู่
สนทนาธรรมด้วยกันบ่อย ๆ นี่คือสิ่ งที่เทพพยากรณ์ให้อาตมากับลูกศิษย์ไว้ จะได้ติดต่อกับอาตมา เขา
บอกว่าโยมก็มีของสิ่ งนี้เหมือนกัน”
เหมียวอี้แอบตกใจ สงสัยศีลเจ็ดกับเทพพยากรณ์จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงไม่นาํ
ของสิ่ งนี้มอบให้ไต้ซือศีลเจ็ด
“ไต้ซืออยากจะพูดอะไร บอกมาตรง ๆ ได้เลยขอรับ” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ
ไต้ซือศีลเจ็ดจึงกล่าวว่า “ไม่กี่วนั มานี้ อาตมากับเทพพยากรณ์สนทนาธรรมกันเรื่ องศีลแปด อาตมา
กําลังติดปัญหาที่ศีลแปดโง่เขลาเบาปัญญา กฎเกณฑ์ในโลกนี้ไม่สามารถขัดเกลาฝึ กฝนเขาได้อีกแล้ว
กลัวว่าจะเบิกสติปัญญาให้บรรลุธรรมได้ยาก แต่เทพพยากรณ์กลับบอกอาตมามา ว่าอีกไม่กี่วนั โยมจะ
เดินทางไกล การไปครั้งนี้จะช่วยเรื่ องการฝึ กตนให้ศีลแปด อาตมาจึงถามว่าไปที่ไหน แต่เทพพยากรณ์
ไม่ยอมบอก บอกเพียงว่าให้อาตมานําตัวศีลแปดมาส่ งให้โยม ให้โยมพาไปด้วย เพียงบอกว่าเขาฝากฝัง
มา โยมก็จะไม่ปฏิเสธ อาตมาจึงคิดว่า อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างโยมกับลูกศิษย์คนนี้ ย่อมไม่มีอะไร
ไม่เหมาะสมอยูแ่ ล้ว อาตมาถึงได้นาํ ตัวมาด้วย หวังว่าโยมจะพาเขาไปด้วยกัน”
“…” เหมียวอี้พดู ไม่ออกเลย เทพพยากรณ์นนั่ เทพเกินไปแล้ว นี่คือความคิดที่อยูใ่ นใจเขา ไม่ได้
ประกาศบอกใครทั้งนั้น แม้แต่อวิน๋ จือชิวก็ยงั ไม่ได้บอก แต่ตาแก่นนั่ กลับรู ้ ไม่ตอ้ งเล่นใหญ่ขนาดนี้
ได้ม้ ยั ?
ไม่ผดิ หรอก เขาเตรี ยมตัวจะเดินทางไกล เตรี ยมจะไปพิภพใหญ่ แต่ไม่ได้ไปเพราะเรื่ องอื่น แค่อยากจะ
พาเยารั่วเซี ยนไปส่ ง ตอนนี้เยารั่วเซี ยนหลบอยูท่ ี่พิภพเล็กไม่ปลอดภัยแล้ว ถ้าถูกพบขึ้นมาคงช่วยชีวติ
ไว้อีกไม่ไหว ทําตัวเป็ นจุดเด่นมากเกินไป ควรจะพาเยารั่วเซี ยนหนีไปเสี ยที แต่ไม่น่าเชื่อว่าเทพ
พยากรณ์จะรู ้อย่างทะลุปรุ โปร่ งก่อนแล้ว
เหมียวอี้คิดไปคิดมาแล้วขนหัวลุก มีคนที่หยัง่ รู ้เหตุการณ์ล่วงหน้าแบบนี้อยู่ เหมือนเขาจะเก็บความลับ
อะไรไม่ได้เลยเมื่ออยูต่ ่อหน้าอีกฝ่ าย อยูใ่ นแดนฝึ กตนดาบเปื้ อนเลือดเสมอ เมื่อเจอกับคนประหลาด
พิลึกแบบนี้ ถ้าไม่กลัวก็แปลกแล้ว รู ้สึกเหมือนชีวติ น้อย ๆ ของตัวเองถูกอีกฝ่ ายบีบอยูต่ ลอดเวลา
“เจ้ารอง เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?” เหมียวอี้มองไปทางศีลแปด
“อาตมายินดีจะไป!” ศีลแปดยิม้ อย่างใสซื่อไร้ราคี
“อาจจะอันตรายมาก เจ้าไตร่ ตรองดูให้ดีนะ” ที่จริ งเหมียวอี้ไม่อยากพาเขาไป อยูท่ ี่พิภพเล็กมีไต้ซือศีล
เจ็ดคอยดูแล ศีลแปดมีชีวติ ที่ปลอดภัยมาก ไม่จาํ เป็ นต้องไปเสี่ ยงอันตรายที่พิภพใหญ่ สภาพจิตใจของ
เขาในตอนนี้ ก็เหมือนที่หยางชิ่งอยากปกป้ องฉิ นเวยเวยในตอนนั้น
“ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก!” ศีลแปดประนมมือประกาศด้วยท่าทางเคร่ งขรึ ม
ตอนที่ 933

ตีให้ ตายก็ไม่ ทาํ

ยังจะลงนรกอีกเหรอ? เห็นได้ชดั ว่าโดนควบคุมมานานเลยอยากออกไปเที่ยวเล่น แต่ยงั ดันทุรังพูดจา


วางมาดสง่าภูมิฐานแบบนี้อีก
พอได้เห็นนิสยั ของเขา เหมียวอี้กอ็ ยากจะซ้อมสักยก ถ้าพาเจ้าบ้านี่ไปพิภพใหญ่ดว้ ยจริ ง ๆ ไม่แน่วา่
อาจจะก่อเรื่ องอะไรขึ้นมาก็ได้
ทว่าไต้ซือศีลเจ็ดเอ่ยปากแล้ว เจ้ารองเองก็อยากไป ที่สาํ คัญที่สุดคือบอกเทพพยากรณ์เอาไว้ อีกฝ่ ายรู ้
ความลับของตนเยอะเกินไป เหมียวอี้ไม่สะดวกจะปฏิเสธ ทําได้เพียงพยักหน้า “งั้นก็เอาตามนี้แล้ว
กัน”
อาจารย์และลูกศิษย์ประนมมือขอบคุณพร้อมกันทันที ไต้ซือศีลเจ็ดเองก็ไม่ได้อยากจะอยูท่ ี่นี่นาน
อยากจะทิ้งศีลแปดไว้แล้วบอกลาเลย
ขณะกําลังชอบใจที่ได้ออกห่างจากอาจารย์ แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะเอ่ยห้าม “ไต้ซือ ท่านพาลูกศิษย์
ของท่านกลับไปด้วยกันดีกว่า”
ไต้ซือศีลเจ็ดแปลกใจ ศีลแปดที่กาํ ลังประนมมือวางมือลงทันที เบิกตาโพลงถามว่า “พี่ใหญ่ ท่านคงไม่
กลับคําพูดหรอกใช่ม้ นั ?” ภาพลักษณ์พระสงฆ์ช้ นั สูงหายไปหมดแล้ว
เหมียวอี้บิดหูเขาเข้ามา แล้วถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “ถ้าพวกเราเคลื่อนไหวพร้อมกันจะตกเป็ นเป้ าที่ใหญ่
เกินไป เจ้าไปกับอาจารย์เจ้าก่อน แล้วหลังจากนี้สองเดือน จําไว้วา่ ต้องไปซ่อนตัวที่ท่าเรื อของถํ้าคล้อย
บูรพาที่ขา้ เคยไปรับตําแหน่ง ถึงเวลาข้าจะไปหาเจ้าเอง”
ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้! ศีลแปดวางใจแล้ว ถ่ายทอดเสี ยงถามเช่นกันว่า “พี่ใหญ่ ท่านเข้าห้องหอเมื่อคืนนี้ เข้า
ทีละคนหรื อว่าเข้าพร้อมกันเลย?”
เพียะ! โดนเหมียวอี้ใช้ฝ่ามือตบศีรษะโล้นฉาดหนึ่ง ศีลแปดหนีเตลิดทันที รู ้ตวั ว่าควบคุมปากได้ไม่ดี
จึงเผลอพูดผิดไป กลัวว่าจะโดนตอบโต้รุนแรงกว่าเดิม
ศีลเจ็ดรู ้จกั ลูกศิษย์ตวั เองดีมาก เมื่อเห็นเหมียวอี้ทาํ ท่าทางอับอายจนโมโห กอปรกับศีลแปดที่หนี
เหมือนเป็ นวัวสันหลังหวะ เขาเดาว่าลูกศิษย์ตวั เองคงพูดสิ่ งที่ไม่ควรพูดออกไป จึงยิม้ พร้อมประนม
มือกล่าวอําลา แล้วเหาะขึ้นฟ้ าจากไป…
เมื่อกลับมาบนตึกของปราสาททอง เหมียวอี้กม็ าหาอวิน๋ จือชิวและเล่าเรื่ องเมื่อครู่ น้ ีให้นางฟัง บอก
อย่างชัดเจนว่าอีกไม่นานจะกลับไปพิภพใหญ่เพื่อนําตัวเยารั่วเซียนไปส่ ง
อวิน๋ จือชิวไม่มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่ องนี้ เพียงตอบคําเดียวว่า “ถือโอกาสพาข้าไปเปิ ดหูเปิ ดตา
ด้วยสักหน่อยสิ ”
เหมียวอี้ยอมแพ้นางแล้ว เขาถอนหายใจ “ฮูหยิน! ไม่ตอ้ งรี บไปตอนนี้หรอก ในภายหลังยังมีโอกาส
เจ้าเพิง่ ได้คุมยอดเขาหยกนครหลวง จัดการงานให้เข้าที่เข้าทางก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
อวิน๋ จือชิวเอามือลูบกระโปรงนัง่ บนตักเขาทันที ใช้แขนคล้องคอเขาพร้อมบอกว่า “เจ้าคิดว่าข้าให้เจ้า
แต่งงานกับฉิ นเวยเวยไปทําไม ต่อไปข้าจะให้ฉินเวยเวยรักษาการณ์แทนข้าชัว่ คราว หยางชิ่งต้องช่วย
ลูกสาวตัวเองแสดงความสามารถอย่างเต็มที่แน่นอน วางใจได้ ไม่เกิดเรื่ องอะไรขึ้นหรอก”
“แล้วตอนไปส่ งส่ วยที่แดนโพ้นสวรรค์จะทํายังไง? เจ้าคงไม่ให้หยางชิ่งไปแทนเจ้าหรอกใช่ม้ ยั ? พวก
เราหายไปพร้อมกันสองคน ถ้าคนอื่นไม่สงสัยก็แปลกแล้ว” เหมียวอี้กล่าว
อวิน๋ จือชิวจึงบอกว่า “ข้าบอกแล้วว่าให้เวยเวยคุมแทนข้าชัว่ คราว ก่อนส่ งส่ วยข้าค่อยรี บกลับมาก็ได้
เจ้าไม่ตอ้ งห่วงหรอก ข้าบริ หารจัดการทางหนีทีไล่น้ ีได้ดีแน่นอน ข้าแค่ไปรู ้จกั เส้นทางเอาไว้ เผือ่ ตอน
หลังเจ้าหนีไป แล้วข้าไม่รู้วา่ จะไปตามหาเจ้าที่ไหน ข้าให้เจ้าแต่งงานรับอนุภรรยาสามคนมานอนกอด
ซ้ายกอดขวาใช้งานยังไงก็ไม่หมด แค่คาํ ขอเล็กน้อยจากข้า เจ้าคงไม่ถึงขั้นเติมเต็มให้ไม่ได้หรอก
ใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้พดู ไม่ออกสุ ด ๆ คิดในใจว่าถ้าปล่อยให้เจ้าจับได้เรื่ องข้ากับหวงฝู่ จวินโหรว แล้วข้าจะทํา
อย่างไร?
อวิน๋ จือชิวยังมีเหตุผลมาอธิบายอีก “แล้วอีกอย่าง เจ้าบอกว่าเทพพยากรณ์นนั่ ทําให้เจ้ารู ้สึกกลัวไม่ใช่
เหรอ? ถึงอย่างไรฮูหยินคนนี้กม็ ีวรยุทธ์บงกชทองเหมือนกัน ต่อไปพวกเราไม่ตอ้ งไปหาเขาก็ได้ เรา
ไปกลับด้วยตัวเอง จะได้ไม่เกิดเรื่ องอะไรขึ้นระหว่างทาง ให้ขา้ ไปส่ งพวกเจ้าก็เหมาะสมพอดีเลย เจ้า
ว่ามั้ยล่ะ? เอาตามนี้แล้วกัน ข้าจะรี บเตรี ยมการให้ทนั !” พูดจบก็กอดและใช้ริมฝี ปากแดงนุ่มจูบเหมียว
อี้เสี ยงดังทีหนึ่ง แล้วลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมพึมพําร้องเพลงเบา ๆ เมื่อเห็นว่ากําลังจะได้ไปเปิ ดหูเปิ ด
หาที่พิภพใหญ่ นางก็ดูอารมณ์ดีทีเดียว
ช่วงสองสามวันนี้ เหมียวอี้ถูกชะตาลิขิตให้เสพสุ ขกับวาสนาทางความรัก คืนนี้ตอ้ งไปค้างคืนที่ตาํ นัก
คู่แฝด ไปดื่มสุ ราภายใต้แสงจันทร์กบั สองพี่นอ้ งโอวหยางที่ยงั มีท่าทางกระดากอาย จนกระทัง่ ดวง
จันทร์เคลื่อนที่ยา้ ยไปจากตําแหน่งเดิม ทั้งสามก็ลุกขึ้นเดินออกจากวงสุ รา โดยมีจือซู จือฮว่ารี บเดินนํา
ทางอยูข่ า้ งหน้า
ส่ วนเหมียวอี้กเ็ ดินจูงมือที่ขาวเนียนนุ่มของโอวหยางหวนเดินตามไป นางรู ้สึกเหมือนมีกวางน้อย
กระโดดอยูใ่ นใจ ตื่นเต้นจนฝ่ ามือมีเหงื่อซึ มออกมาแล้ว
ในห้องนอนที่ประดับตกแต่งใหม่ หลังจากจือซู จือฮว่าออกไปแล้ว ในช่วงเวลาสําคัญเห็นโอวหยาง
หวนทําท่าทางงุ่มง่ามเหมือนฉิ นเวยเวยในคืนนั้น เหมียวอี้กห็ ลุดขํา “หวนหวน นึกถึงตอนนั้นที่เจ้า
ล่วงเกินข้า ทําไมวันนี้กลับตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ?”
“เชอะ” โอวหยางหวนโดนเหมียวอี้ยวั่ เย้าจนส่ งเสี ยงกระเง้ากระงอด อับอายจนเป็ นฝ่ ายมุดศีรษะเข้ามา
ในอ้อมอกเขาก่อน ย่อมกลายเป็ นเนื้อเข้าปากเสื ออยูแ่ ล้ว…
ท่านขุนนางเหมียวงานยุง่ มาก วันต่อมาต้องไปอยูก่ บั โอวหยางหลางอีก การเริ งรักของปลาและนํ้าเป็ น
สิ่ งที่เลี่ยงไม่ได้ หลังจากเสร็ จแล้วก็นอนกอดกันบนเตียง สาวงามนอนเปลือยอยูใ่ นอ้อมกอด แต่
เหมียวอี้กลับกล่าวด้วยสี หน้าลําบากใจมากว่า “หลางหลาง พอเจ้ากับน้องสาวเจ้าถอดเสื้ อผ้าออกแล้ว
ก็ยงั มีความแตกต่างกันอยูบ่ า้ งนะ ข้าสามารถแยกออกได้ แต่พอสวมเสื้ อผ้าแล้วเหมือนกันทุกอย่างเลย
จะให้ขา้ แยกออกยังไงล่ะ?”
โอวหยางหลางเขินจนก้มหน้า แต่สุดท้ายก็ยงั ปั ดผมที่ยงุ่ สยายออกเบา ๆ แล้วชี้ไปตรงจอนผมข้างหู
พลางอธิบายด้วยเสี ยงแผ่วเบา “ที่โคนผมของข้ามีปานสี แดงเล็ก ๆ เม็ดหนึ่ง ถ้าดูให้ละเอียดก็จะแยก
ออกค่ะ รอให้ท่านสามีอยูก่ บั พวกเราสองพี่นอ้ งไปนาน ๆ แล้ว ก็จะแยกออกได้จากอากัปกิริยา แต่
ปกติพวกเราสองพีน่ อ้ งจะเกล้าผมต่างกันนิดหน่อย จะได้แยกออกได้สะดวก พวกจือฉินมักจะติดตาม
อยูข่ า้ งกายพวกเราเสมอ พวกนางแยกออกได้สบาย ๆ ถ้าท่านสามีแยกไม่ออกจริ ง ๆ คอยดูวา่ พวกนาง
ติดตามใครก็จะแยกออกเองค่ะ”
“อ้อ! งั้นก็ดี ไม่อย่างนั้นถ้าขึ้นเตียงผิดเดี๋ยวจะเกิดปัญหา” เหมียวอี้พดู หยอก ที่จริ งเขามีความคิดอีก
อย่างหนึ่ง เพียงแต่ตอนนี้ไม่สะดวกจะเอ่ยปาก กะว่ารอให้สนิทคุน้ เคยกับสองพี่นอ้ งก่อน แล้วค่อย
ลองเอ่ยถึงความคิดสกปรกแบบนั้นอีกที
โอวหยางหลางทนไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ ทุบที่หน้าอกเขาเบา ๆ หนึ่งที…
ผูห้ ญิงเป็ นสิ่ งที่แปลกประหลาด ตอนที่ยงั ไม่ได้เป็ นสามีภรรยากัน พวกนางมักจะกําหนดระดับความ
สนิทสนม แต่พอใช้เวลากับทั้งคู่ไปเพียงคืนเดียว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก สี หน้ากลัดกลุม้ กังวล
หายไปแล้ว แทนที่ดว้ ยความสวยสดใสเย้ายวนใจ ยามสาวงามที่หน้าตาเหมือนกันปรากฏตัวพร้อมกัน
หรื อยืนอยูด่ ว้ ยกัน นัน่ เป็ นอะไรที่สบายตามาก ทําให้คนไม่นอ้ ยแอบอิจฉาเหมียวอี้อยูใ่ นใจ
ความโชคร้ายอย่างเดียวของเหมียวอี้ ก็คือทุกครั้งออกจากคฤหาสน์ของสองพี่นอ้ งนัน่ อวิน๋ จือชิวก็จะ
เตะขาเขาแรง ๆ หนึ่งทีโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังไม่ให้คาํ อธิบายด้วย
อันหรู อวี้และโอวหยางกวงพักอยูท่ ี่ยอดเขาหยกนครหลวงชัว่ คราว ความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวย่อม
อยูใ่ นสายตาพวกเขาอยูแ่ ล้ว เมื่อเห็นลูกสาวที่ไร้ใบหน้ายิม้ มาหลายปี มาคารวะด้วยใบหน้าอมยิม้
เหนียมอาย อันหรู อวี้กเ็ รี ยกได้วา่ ปลาบปลื้มจากใจจริ ง ๆ ในที่สุดปมที่ติดอยูใ่ นใจมาหลายปี ก็คลาย
ออกแล้ว
ในใจโอวหยางกวงกลับเอือมระอาไม่หาย ลูกสาวทั้งคู่ของเขา ลูกสาวฝาแฝดที่แต่งงานกับผูช้ ายคน
เดียวกัน ในใจเขาเรี ยกได้วา่ สับสนวุน่ วายไปหมด บนใบหน้าเขามองไม่เห็นรอยยิม้ อะไรทั้งนั้น
บางครั้งผูช้ ายคนนี้กท็ าํ ตัวประหลาดเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ ตอนที่เหมียวอี้ไม่ไปเข้าห้องหอกับลูกสาว
ทั้งคู่ของเขา เขาก็โมโหแทบทนไม่ไหว ด่าเหมียวอี้วา่ รังแกกันเกินไป แต่พอได้ร่วมหอกับลูกสาวของ
เขาอย่างเป็ นทางการแล้ว ในใจเขากลับไม่สบอารมณ์ สรุ ปก็คือการที่ลูกสาวสองคนแต่งงานกับผูช้ าย
คนเดียวกัน ทําให้เขาไม่สบอารมณ์ ความป่ วยใจแบบนี้แก้ไม่หาย มันจะอยูก่ บั เขาไปทั้งชีวติ ไม่ได้
เกี่ยวกับเรื่ องที่เป็ นอนุภรรยา!
ในจุดนี้ กลับเป็ นอันหรู อวี้ที่ปล่อยวางได้ บนโลกนี้มีพี่นอ้ งที่แต่งงานกับผูช้ ายคนเดียวกันตั้งเยอะ
ไม่ได้มีแค่ครอบครัวนางเสี ยเมื่อไร ทําไมจะทําไม่ได้ล่ะ ขอแค่ลูกสาวตัวเองใช้ชีวติ อย่างมีความสุ ขก็
พอแล้ว อาจเป็ นเพราะอยูภ่ ายใต้สงั คมที่มีค่านิยมชายเป็ นใหญ่ เดิมทีสภาพจิตใจของผูห้ ญิงและผูช้ ายก็
ไม่เหมือนกันอยูแ่ ล้ว
อยูท่ ี่ยอดเขาหยกนครหลวงอีกไม่กี่วนั หลังจากวางใจได้แล้ว อันหรู อวี้กบั โอวหยางดวงก็ออกไปจาก
ที่นี่
ยังเสพสุ ขชีวติ คู่รักใหม่กบั เหมียวอี้ได้ไม่กี่วนั ฉินเวยเวยกับสองพี่นอ้ งโอวหยางก็ถูกอวิน๋ จือชิวดึงตัว
มาคอยเรี ยกใช้อยูข่ า้ งกายแล้ว ให้อนุภรรยาทั้งสามมาทํางานด้วยกันกับนาง ให้ท้ งั สามเข้ามามีส่วน
ร่ วมด้วยตัวเอง แบ่งงานบางอย่างให้ท้ งั สามไปทํา
ตอนกลางคืนก็ให้เหมียวอี้สลับไปค้างคืนกับทั้งสามอีก ให้ทาํ เรื่ องระหว่างชายหญิงทุกวันแบบนี้
เหมียวอี้กเ็ ริ่ มเบื่อหน่ายแล้วเหมือนกัน เขาไม่ใช่คนหมกมุ่นเลย ไม่ได้ชื่นชอบด้านกามตัณหา แต่อวิ๋
นจือชิวก็พดู ถูก เพิง่ แต่งงานกันก็จะออกไปข้างนอกอีกแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงควรไปอยูก่ บั พวกนางมาก
ๆ หน่อย เขาก็เลยต้องฝื นใจยอมรับ
สิ่ งที่ทาํ ให้เหมียวอี้ยงิ่ พูดไม่ออกก็คือ อวิน๋ จือชิวถึงขั้นให้เหมียวอี้รีบนอนกับหญิงรับใช้ของฉิ นเวยเวย
กับสองพี่นอ้ งโอวหยางให้ครบก่อนไปพิภพใหญ่
ต่อให้ตีให้ตาย เหมียวอี้กไ็ ม่ทาํ เรื่ องนี้ เจ้าเห็นข้าเป็ นพ่อพันธุ์หมูไปแล้วรึ ไง?
แต่อวิน๋ จือชิวกลับบอกเขาด้วยท่าทางจริ งจังว่า สําหรับผูห้ ญิงแล้ว มีเพียงการนอนกับนางเท่านั้น ถึงจะ
นับว่านางเป็ นคนของตัวเองอย่างแท้จริ งได้ ถ้าเจ้านอนกับหญิงรับใช้พวกนั้นแล้ว หัวใจของพวกนาง
ถึงจะเอนเอียงไปหาเจ้า ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้าให้กลุ่มคนที่ไม่รู้เส้นสนกลในชัดเจนมาอยูภ่ ายใน
ศูนย์กลางของพวกเรา พวกเราก็จะออกไปข้างนอกอย่างมีห่วง โดยเฉพาะคนที่อยูข่ า้ งกายสองพี่นอ้ ง
โอวหยางนัน่ ถ้าแดนโพ้นสวรรค์ส่งพวกนางมาคอยเป็ นหูเป็ นตาให้จะทําอย่างไรล่ะ? มีแต่ตอ้ งทําให้
พวกนางกลายเป็ นผูห้ ญิงของเจ้าเท่านั้น ถึงจะเหมาะสมที่สุด
เหมียวอี้ยงั คงดึงดันไม่ตอบตกลง เรื่ องนี้ใช่วา่ เขาจะทําไม่ได้ เว้นเสี ยแต่วา่ จะไม่ใช่ผชู ้ าย ความจริ งได้
พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็ นผูช้ ายทั้งแท่ง เพียงแต่เรื่ องแบบนี้เหลวไหลเกินไป คนเราต้องพิถีพิถนั เรื่ อง
อารมณ์ความรู ้สึกสิ จะให้ฝืนทําเหมือนเป็ นภารกิจ แบบนั้นมันใช่เรื่ องที่ไหน? มิหนําซํ้า จู่ ๆ จะให้
นอนด้วยทีละคนต่อเนื่องกัน พวกนางก็เป็ นมนุษย์เหมือนกันนะ ทําแบบนี้จะให้พวกนางคิดอย่างไร?
เขาดึงดันจะเอาไว้จดั การทีหลัง จึงถูกอวิน๋ จือชิวพูดหยามเหยียดไปยกหนึ่ง ด่าว่าเขาเป็ นพวกผูช้ ายไร้
ประโยชน์ แต่เหมียวอี้กย็ งั ไม่ยอมทําอยูด่ ี ไม่เคยเห็นเมียที่ไหนทําตัวพิลึกพิลนั่ ขนาดนี้เลย
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน อวิน๋ จือชิวกับเหมียวอี้กไ็ ด้รับแผ่นหยกที่อนั หรู อวี้สงั่ ให้คนส่ งมา หลังจากอ่าน
เนื้อหาแล้วทั้งสองก็ทอดถอนใจ
ไม่นานข่าวก็แพร่ ออกไป ประกาศว่าเรื่ องการตายของท่านทูตสี่ คนของแดนเซี ยน อันหรู อวี้คือตัวการ
ใหญ่ที่ตอ้ งรับผิดชอบ จึงโดนปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินลงโทษอย่างหนัก ส่ งเข้าไปยืนสํานึกผิดที่เขต
ต้องห้าม ส่ วนโอวหยางกวงก็ถูกถอดจากตําแหน่งท่านทูตสายชวดแล้วเช่นกัน
มู่ฝานจวินไม่ได้ทาํ ตามสัญญาที่ให้ไว้ตอนแรก ความจริ งลงโทษได้โหดร้ายกว่านั้น ทําให้แผนที่อนั
หรู อวี้กบั โอวหยางกวงกําหนดไว้ล่วงหน้าวุน่ วายไปหมดในรวดเดียว
หลังจากโอวหยางกวงถูกปลด ก็ไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้ไปรับตําแหน่งที่ทะเลทรายม่านเมฆา แม้แต่อนั เจิ้ง
เฟิ งก็ลาํ บากไปด้วย ถูกปลดจากตําแหน่งผูจ้ ดั การร้านทะเลทรายม่านเมฆา ทั้งสองไปรับโทษที่แดน
โพ้นสวรรค์ดว้ ยกัน คนหนึ่งไปทําสวน อีกคนไปเป็ นคนเลี้ยงม้าเลี้ยงวิหคเทพ ส่ วนตําแหน่งว่างของ
ทั้งสองคน ก็ถูกแทนที่ดว้ ยลูกน้องเก่าของมู่ฝานจวินที่โยกย้ายมาจากสมาคมร้านค้าแดนเซี ยน เป็ น
นักพรตบงกชทองเช่นกัน
ว่ากันว่านี่เป็ นแผนของฮูเหยียนไท่เป่ า คุณชายใหญ่ของแดนโพ้นสวรรค์ ที่จริ งแล้วฮูเหยียนไท่เป่ า
กําลังอาศัยโอกาสนี้ลา้ งบางลูกน้องคนสนิทของอันหรู อวี้ โอวหยางกวงและอันเจิ้งเฟิ ง
แต่หลังจากหยางชิ่งวิเคราะห์แล้วกลับบอกว่า น่าจะไม่ใช่ความคิดของฮูเหยียนไท่เป่ า ถ้าไม่มีมู่ฝานจ
วินชี้แนะ ฮูเหยียนไท่เป่ าก็ไม่กล้าทําอย่างนี้เหมือนกัน คงจะยืมมือของฮูเหยียนไท่เป่ ามากําจัดอํานาจ
เบ็ดเสร็ จที่ลูกศิษย์บริ หารมาหลายปี เรื่ องที่ขดั หูขดั ตามู่ฝานจวินจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าจะพูดให้ชดั ก็
คือเพื่อให้มู่ฝานจวินปกครองแดนเซียนได้สะดวก ที่ให้ฮูเหยียนไท่เป่ าออกจากเขตต้องห้ามล่วงหน้า ก็
เพื่อให้มาเป็ นแพะรับบาปเท่านั้น ถือว่าเป็ นการลงโทษเพื่อตบตาประเภทหนึ่งก็แล้วกัน
เหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวก็รู้สึกว่าหยางชิ่งวิเคราะห์ได้มีเหตุผล แต่ฟังแล้วก็ทอดถอนใจไม่หาย มู่ฝานจ
วินให้ลูกสาวของอันหรู อวี้แต่งงานเข้ามาที่นี่ ก็นบั ว่าไม่ใจร้ายจนเกินไปแล้ว ถ้าจะให้ลูกสาวของอัน
หรู อวี้ติดร่ างแกไปด้วยจริ ง ๆ อันหรู อวี้กบั สามีคงแปรพักตร์แน่นอน แบบนั้นไมตรี ของลูกศิษย์มู่
ฝานจวินก็นบั ว่าจบลงอย่างเป็ นทางการ แต่พอเป็ นแบบนี้ วันไหนที่ปล่อยอันหรู อวี้ออกมา ก็จะ
สามารถใช้งานนางต่อไปได้ ไม่วา่ จะเลือกทางไหนอันหรู อวี้กบั สามีกต็ อ้ งขอบคุณมู่ฝานจวิน พรํ่าบน
ไม่ได้ ฝนตกฟ้ าผ่าล้วนแฝงความเมตตาจากท่านปราชญ์จริ ง ๆ !
แต่อวิน๋ จือชิวก็ยงั หันมาสัง่ ให้เหมียวอี้เรี ยนรู ้จากมู่ฝานจวินให้มาก ๆ บอกว่านี่คือจุดด้อยของเหมียวอี้
วิธีการใช้งานคนของมู่ฝานจวินต่างหากที่เป็ นกลยุทธ์ของราชันอย่างแท้จริ ง วิธีการที่เจ้าจับตัวตงกัวห
ลี่กบั ลูกศิษย์มาทํางานให้น้ นั ไม่ยงั่ ยืนถาวร เจ้าคงจับคนทั้งใต้หล้ามาหมดทุกคนไม่ได้อยูแ่ ล้วล่ะ
ใช่ม้ ยั ?
ตอนที่ 934

นรกจ๋ า อาตมามาแล้ว!

อํานาจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลของอันหรู อวี้นบั ว่าถูกริ ดรอนจนหมดสิ้ น สองพี่นอ้ งโอวหยางทราบเรื่ อง


แล้วร้องไห้หนักมาก อยากจะไปเยีย่ มพ่อแม่ที่แดนโพ้นสวรรค์
เหมียวอี้นาํ จดหมายที่อนั หรู อวี้ส่งมาให้ท้ งั สองอ่าน อันหรู อวี้พดู ไว้อย่างชัดเจนมาก ว่าไม่ให้ท้ งั สอง
ไปหาพวกเขาที่แดนโพ้นสวรรค์ ตอนนี้ยงั ไม่ใช่เวลาที่จะไปเยีย่ มพวกเขา สองพี่นอ้ งเรี ยกได้วา่ นํ้าตา
อาบหน้าตลอดทั้งวัน
ส่ วนสิ่ งที่ท่านขุนนางเหมียวทําได้ในตอนนี้ ก็คือใช้เวลาอยูก่ บั พวกนางและพูดชี้แนะพวกนางมาก ๆ
หน่อย เรื่ องราวชัดเจนมากแล้ว ว่าถ้าทางแดนโพ้นสวรรค์ไม่ลา้ งบางอํานาจของอันหรู อวี้กบั สามีจน
เกือบหมด ก็ไม่มีทางปล่อยตัวออกมาแน่นอน
ชัว่ พริ บตาเดียวเวลาก็ผา่ นไปแล้วหนึ่งเดือน เหมียวอี้ตดั สิ นใจว่าจะไปที่พภิ พใหญ่ อวิน๋ จือชิวก็อดใจ
ไม่ไหวอยากจะไปเห็นพิภพในตํานานว่ามีอะไรต่างจากที่นี่กนั แน่ แค่ฟังจากปากเหมียวอี้ยงั ไม่รู้สึกถึง
อกถึงใจมากพอ
อวิน๋ จือชิวเรี ยกรวมบุคคลระดับสูงของยอดเขาหยกนครหลวง เพื่อประกาศว่าตนกับเหมียวอี้จะไป
ทัศนาจรข้างนอกสักระยะ ฉิ นเวยเวยจะเป็ นคนคุมปราสาททองชัว่ คราว และสัง่ ให้พวกหยางชิ่งคอย
ช่วยเหลือ
การให้ฉินเวยเวยคุมยอดเขาหยกนครหลวง ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจมากเท่าไรกัน หยางชิ่งย่อมดีใจอยู่
แล้ว เพียงแต่เกิดความสงสัยในใจนิดหน่อย เพิ่งมายอดเขาหยกนครหลวงได้ไม่นานก็จะไปอีกแล้ว
เหรอ?
ฉินเวยเวยกลับหวาดกลัวมาก ให้นกั พรตบงกชแดงอย่างนางรับอํานาจหน้าที่ของท่านทูตเพื่อ
รักษาการณ์ยอดเขาหยกนครหลวง นางจะทําได้อย่างไรกัน?
แต่อวิน๋ จือชิวกับเหมียวอี้กอ็ อกไปอย่างนี้แล้ว บทจะไปก็ไป ไม่ได้พาใครไปด้วยเลย
ทั้งสองมาที่ถ้ าํ คล้อยบูรพาก่อน เจอกับศีลแปดที่ท่าเรื อนอกเมืองคล้อยบูรพา จากนั้นก็ไปหาเยารั่ว
เซียนที่อ่ตู ่อเรื อร้าง
เยารั่วเซียนซ่อนตัวอยูท่ ี่นี่เกือบหนึ่งปี แล้ว เมื่อเจอกับเหมียวอี้อีกครั้งก็รู้สึกละอายใจเป็ นเท่าตัว ใน
ระหว่างนั้นเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์เคยแอบมาพบเขาเงียบ ๆ บอกให้เขารู ้วา่ เหมียวอี้ตอ้ งเสี่ ยงอันตราย
ขนาดไหนเพื่อช่วยเขา มีหลายครั้งที่เกือบเอาชีวติ ไม่รอด
“ตาแก่มอมแมมนี่เป็ นใครกัน?” ศีลแปดที่ปลอมตัวเป็ นคนพายเรื อถามอย่างแปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่าตา
แก่คนนี้จะมีค่าพอจนทําให้พี่ใหญ่กบั พี่สะใภ้มารับด้วยตัวเอง เขาเดาว่าที่ตวั เองต้องมาซ่อนตัวอยูแ่ ถว
นี้ คงจะเกี่ยวกับตาแก่นี่แปดส่ วนแน่นอน
“เจ้าจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้น” เหมียวอี้สงั่ ให้เขาหุบปาก
พวกเขาหนีเข้าไปในทางนํ้าของอู่เรื อ หนีออกทางทะเลเพื่อเลี่ยงไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น หลังจากออก
จากจากฝั่งมาไกลแล้ว ทั้งสี่ ถึงได้โผล่ข้ ึนมาที่ผวิ นํ้า อวิน๋ จือชิวเป็ นคนพาพวกเขาฝ่ าชั้นบรรยากาศออก
มาถึงท้องฟ้ าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
เหมียวอี้คอยระบุทิศทาง นําคนที่เหลือเหาะไปอย่างรวดเร็ ว อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังเหาะซ่อนแผ่นหยก
เอาไว้ในแขนเสื้ อ คอยจดเครื่ องหมายบอกทางเงียบ ๆ นางอ่านเครื่ องหมายบอกทางของเหมียวอี้ไม่
ออก ตอนนี้ตอ้ งทําแผนที่ที่ตวั เองสามารถอ่านเข้าใจได้
เยารั่วเซียนมองไปรอบ ๆ ไม่รู้วา่ การมาถึงท้องฟ้ าในอวกาศหมายความว่าอะไร
ศีลแปดได้รับถ่ายทอดวิชาปลอมตัวมาจากไต้ซือศีลเจ็ด เมื่อฝุ่ นควันที่ลอ้ มรอยกายหายไป เขาก็กลับสู่
โฉมหน้าจริ งที่แท้จริ ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกเราจะไปไหนกัน?”
“จะถามมากขนาดนั้นไปทําไม? ไปถึงแล้วก็รู้เอง” เหมียวอี้ยงั ไม่บอก
หลังจากผ่านไปสักระยะ สิ่ งแรกที่ทาํ ให้ได้เปิ ดหูเปิ ดตาก็คือประตูดวงดาว ศีลแปดกับเยารั่วเซี ยนตกใจ
มาก อวิน๋ จือชิวที่เคยได้ยนิ มาแล้วก็เบิกตาโพลงเช่นกัน เห็นเพียงเหมียวอี้ปล่อยกระสวยทองออกมา
ลําแสงที่หมุนวนด้วยความเร็ วสูงครอบพวกเขาทะลุผา่ นหลุมดําอันน่าสะพรึ งกลัวไปได้ในชัว่
พริ บตาเดียว พอหันกลับไปอีกครั้ง ก็รู้สึกเหมือนเป็ นความฝันที่เกิดขึ้นฉับพลัน ไม่น่าเชื่อว่าหลุมดํา
นัน่ จะหายไปในอากาศแล้ว…
เยารั่วเซียนรี บถามว่าของในมือเหมียวอี้คือของวิเศษอะไร ส่ วนศีลแปดก็ถามว่าหลุมดําเมื่อครู่ น้ ีคือ
อะไร ดูออกได้จากสิ่ งนี้วา่ ความสนใจของทั้งสองต่างกันตรงไหน เยารั่วเซี ยนเป็ นคนหลอมของวิเศษ
จึงสนใจของวิเศษ ส่ วนศีลแปดก็สนใจสิ่ งประหลาดเหมือนกับคนทัว่ ไป
เหมียวอี้ยงั คงไม่ตอบอะไร
จนกระทัง่ ข้ามผ่านประตูดวงดาวบานสุ ดท้าย มาถึงอาณาเขตของพิภพใหญ่แล้ว เหมียวอี้ถึงได้เผย
คําตอบของปริ ศนา
“อะไรนะ?” เยารั่วเซียนอุทานถาม
“เหยด!” ศีลแปดตกตะลึงมาก “พิภพใหญ่? สถานที่ที่เทพพยากรณ์ให้ท่านพาข้ามาคือพิภพใหญ่
เหรอ?”
อวิน๋ จือชิวมองสํารวจโดยรอบด้วยดวงตาที่เป็ นประกาย เห็นได้ชดั ว่านางตื่นเต้นมาก นี่คือสถานที่ที่
หกปราชญ์ต่างก็ใฝ่ ฝันอยากจะมา ทว่าจากสภาพแวดล้อมโดยรอยยังมองไม่ออกว่ามีอะไรต่างกัน
เพราะยังอยูบ่ นท้องฟ้ าที่กว้างใหญ่ ความลึกลับกว้างใหญ่ของจักรวาลยากจะอธิบายเป็ นคําพูดได้
เหมียวอี้พยักหน้าบอกว่า “ใช่แล้ว ที่นี่คือพิภพใหญ่! คือนรกที่เจ้าประกาศว่าจะตกลงไปนัน่ แหละ!”
“วะฮ่า ๆ ๆ !” ศีลแปดกางแขนหัวเราะอย่างบ้าคลัง่ ทันที “นรกแบบนี้ ตกลงไปก็ดีเหมือนกัน! นรกจ๋ า
อาตมามาแล้ว!” นัน่ คือสี หน้าคนของบ้าจริ ง ๆ เหมือนคนที่ออกบวชเสี ยที่ไหนกัน
เหมียวอี้หนั กลับมาบอกว่า “เยารั่วเซียน เจ้าไม่เหมาะจะอยูท่ ี่พิภพเล็กอีกต่อไปแล้ว ข้าเองก็จาํ ใจถึงได้
ส่ งเจ้ามาที่นี่ เพราะว่าเป็ นเจ้าหรอกนะ ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่น คงเป็ นไปไม่ได้ที่ขา้ จะพามาให้รู้ความลับ
สุ ดยอดของข้าแบบนี้ พวกเจ้าจําไว้นะ ห้ามให้คนของพิภพใหญ่รู้ที่มาที่ไปของพวกเราเด็ดขาด
ไม่อย่างนั้นจะนําปั ญหาใหญ่มาสู่ พวกเรา”
“ตาปี ศาจเฒ่า ได้ยนิ รึ ยงั ควบคุมปากเจ้าไว้ให้ดีนะ” ศีลแปดเอ็ดตะโรใส่ เยารั่วเซี ยนทันที
จนกระทัง่ ตอนนี้ เขาก็ยงั ไม่รู้จกั ตัวตนที่แท้จริ งของเยารั่วเซียนเลย ส่ วนเยารั่วเซี ยนก็ไม่รู้ถึง
ความสัมพันธ์ที่แท้จริ งระหว่างเขากับเหมียวอี้เช่นกัน ได้ยนิ เพียงว่าเห็นแก่หน้าไต้ซือศีลเจ็ด
ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้ตอบทุกคําถาม ต่อให้ไม่ถามเขาก็จะบอก เขาเล่าสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพิภพ
ใหญ่ให้ท้ งั สองฟัง บอกอะไรได้กบ็ อกไปหมด ป้ องกันไม่ให้ท้ งั สองไปทําอะไรที่เป็ นสิ่ งต้องห้าม จะ
ได้ไม่เหมือนตัวเองตอนมาครั้งแรก ที่หาเรื่ องซี้ ซ้ วั ไปทัว่ ทุกที่
สถานีแรกคือดาวไร้ลกั ษณ์ สํานักลมปราณ เป็ นสถานที่ที่หาไว้ให้เยารั่วเซียนค้างแรมเช่นกัน
อันที่จริ ง หลังจากผ่านเรื่ องที่สาํ นักงามวิจิตรมา เขาก็พบว่าสมองของเยารั่วเซี ยนไม่ได้น่าอัศจรรย์
อย่างที่จินตนาการไว้ จึงตัดสิ นใจจะให้เยารั่วเซียนปรับตัวกับสภาพแวดล้อมของพิภพใหญ่ได้ก่อน
แล้วจากนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้ยงั ไม่กล้าให้เขาเพ่นพ่านไปทัว่ ส่ วนอวิน๋ จือชิวกับศีลแปด ทั้งสองเป็ น
คนฉลาด ไม่ตอ้ งให้เขาเป็ นห่วงมากเกินไป โดยเฉพาะศีลแปด เขาไม่กลัวว่าศีลแปดจะโดนคนอื่น
รังแก แต่กลัวคนอื่นจะโดนศีลแปดรังแกมากกว่า แบบนั้นคงต้องร้องว่าอามิตตาพุทธแล้ว
แต่เขาก็พาเยารั่วเซี ยนไปที่สาํ นักลมปราณคนเดียว ไม่ได้เปิ ดตัวอวิน๋ จือชิวกับศีลแปด เขาพาเยารั่ว
เซี ยนไปพบเจ้าสํานักอวี้หลิงเจินเหริ น บอกว่าเป็ นสหายรักของตน สํานักลมปราณย่อมไม่มีเหตุผลที่
จะไม่รับไว้ จึงทําตามที่เหมียวอี้บอก ให้เยารั่วเซี ยนไปอยูท่ ี่เรื อนพักในป่ าไผ่ของเหมียวอี้
ครั้งนี้ห่างจากเวลาที่จากพิภพใหญ่ไปไม่นาน หลังจากถามสถานการณ์นิดหน่อย ก็พบว่าสํานัก
ลมปราณกับร้านขายของชําไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร ร้านขายของชําที่กาํ ลังขยายสาขาไปยังคงอยูใ่ น
ขั้นตอนวางรากฐาน
ที่เรื อนพักในป่ าไผ่ เหมียวอี้ไม่ได้ให้ใครตามมาอยูเ่ ป็ นเพื่อน เขาพาเยารั่วเซี ยนมาดูสภาพแวดล้อมด้วย
ตัวเอง
หลังจากพาเดินวนรอบหนึ่ง เยารั่วเซี ยนก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “สภาพแวดล้อมไม่เลวเลย เหมียว…
หนิวโหย่วเต๋ อ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีที่พกั ที่พิภพใหญ่แล้ว ข้าค้นพบแล้วว่าเจ้าบ้านี่ไม่วา่ ไปที่ไหนก็
ปะปนอยูท่ ี่นนั่ ได้” เขารู ้สึกสะเทือนใจมากจริ ง ๆ ถ้าเป็ นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าแม้แต่จะคิด ว่าจะ
สามารถมาที่พิภพใหญ่ได้
“ไม่ตอ้ งพูดประจบแล้ว ข้าจะบอกเจ้าตรง ๆ เลยนะ เพื่อที่จะช่วยชีวติ เจ้า ข้าสังหารลูกศิษย์ของเฟิ งเป่ ย
เฉิ นกับลูกสาวของจีฮวนไปแล้ว ทั้งยังกําจัดท่านทูตของสองแดนนั้นไปแปดคน แค้นเก่ากับแค้นใหม่
บวกรวมกัน ตอนนี้สถานการณ์ของข้าที่พิภพเล็กอันตรายมาก เฟิ งเป่ ยเฉิ นกับจีฮวนมาเอาชีวติ ข้าได้
ทุกเมื่อ ถ้าข้าตาย จุดจบของเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จะยิง่ อนาถ เจ้าคิดหาทางช่วยข้าก่อนเถอะ!” ในที่สุด
เหมียวอี้กบ็ อกเจตนาที่แท้จริ ง
เยารั่วเซียนก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถามอย่างลังเลว่า “เจ้าอยากได้เจดียง์ ามวิจิตรเหรอ?”
“ถูกต้อง!” เหมียวอี้มองเขาด้วยแววตาแน่วแน่ พลางกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคํา “ข้าต้องการรวมพิภพเล็ก
ให้เป็ นหนึ่งเดียว ทําให้ยคุ ของหกปราชญ์จบลง กําจัดความกังวลที่พิภพเล็กให้หมดสิ้ น! ถ้าพบปัญหา
ที่พิภพใหญ่ข้ ึนมา พิภพเล็กก็จะเป็ นทางหนีทีไล่สุดท้ายของพวกเรา ข้าต้องการความช่วยเหลือจาก
เจ้า!”
สําหรับเขา เจดียง์ ามวิจิตรไม่พียงแค่สามารถแก้ปัญหาที่พิภพเล็กได้ แต่ยงั กลายเป็ นเครื่ องมือป้ องกัน
ตัวที่พิภพใหญ่ได้ดว้ ย
เมื่อเดินทางไปมาระหว่างพิภพใหญ่กบั พิภพเล็กหลายปี เขาเองก็นบั ว่าดูออกแล้วเหมือนกัน อย่าคิดว่า
พิภพเล็กจะไม่มีค่าอะไรเลย นัน่ เป็ นความคิดตอนที่ยงั โง่เขลาขาดความรู ้ หลงไปคิดว่าคนจากสถานที่
เล็ก ๆ ไร้ประโยชน์ ใช่วา่ เคล็ดวิชาฝึ กตนที่พิภพเล็กจะไม่มีความสําคัญที่พิภพใหญ่เลย เคล็ดวิชาฝึ ก
ตนของสํานักต่าง ๆ มากมายในพิภพเล็ก ที่จริ งก็มาจากแดนหมอกเลือดหมื่นจั้งนี่เอง นี่กเ็ ป็ น
จุดประสงค์ที่สาํ นักใหญ่ ๆ แต่ละแห่งส่ งคนไปเข้าร่ วมทุก ๆ หนึ่งพันปี ที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งเปิ ด
เคล็ดวิชาของหกปราชญ์ลว้ นเป็ นสุ ดยอดเคล็ดวิชาของพิภพใหญ่
ที่จริ งสําหรับพิภพเล็ก ข้อจํากัดที่ใหญ่ที่สุดก็คือทรัพยากรฝึ กตน
ส่ วนทักษะการหลอมของวิเศษที่พิภพเล็กก็อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น เหมียวอี้รู้สึกว่าเจดียง์ ามวิจิตรก็
ไม่เลวเลย
เยารั่วเซียนยิม้ เจื่อน “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทะเยอทะยานมากขนาดนี้ ไม่ใช่วา่ ข้าไม่อยากช่วยเจ้านะ ข้าเอง
ก็อยากให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์พน้ ภัยคุกคามจากคนอื่น แต่เจ้าก็รู้นี่ เจดียง์ ามวิจิตรเล็กของข้าสู ก้ บั หก
ปราชญ์ไม่ได้ ถ้าจะให้หลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรของจริ ง พวกเราก็มีทรัพยากรไม่พออีก!”
“ปั ญหาเรื่ องทรัพยากร เดี๋ยวข้าคิดหาทางเอง ครั้งก่อนเจ้าเดิมพันกับเซี่ยงไป่ ถิง บอกว่าเจ้าจะใช้เวลาแค่
หนึ่งร้อยวันเพื่อหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรเล็ก แล้วถ้าจะหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรตัวจริ ง จะต้องใช้
เวลานานเท่าไร?” เหมียวอี้ถาม
เยารั่วเซียนตอบว่า “หลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรเล็ก ตอนแรกข้าใช้เวลาไปร้อยกว่าปี ตอนที่ขา้ เดิมพัน
ไปแบบนั้น เพราะข้าเคยหลอมสร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหลอมสร้างอีกก็จะชํานาญแล้ว ถ้ามีแผนอยูใ่ น
ใจก็ใช้เวลาไม่นานหรอก การหลอมสร้างเจดียง์ ามวิจิตรตัวจริ งก็มีจุดที่แตกต่างอยูบ่ า้ ง ประกอบกับ
เจดียง์ ามวิจิตรตัวจริ งมีขนาดใหญ่ ล้วนต้องทุ่มเทเวลา ถ้าอยากจะให้มนั่ ใจเชื่อถือได้และไม่สิ้นเปลือง
วัสดุ เกรงว่าต้องใช้เวลาร้อยกว่าปี เหมือนกัน”
“ได้! ข้าจะรอเจ้าหนึ่งร้อยปี เจ้าไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องวัสดุ ข้าแก้ปัญหาได้” เหมียวอี้วา่ อย่างนั้น
เยารั่วเซี ยนส่ ายหน้า “ก็ยงั ไม่ได้! ตอนที่ขา้ เดิมพันกับเซี่ยงไป่ ถิง เจ้าเองก็ได้ยนิ แล้ว อาศัยวรยุทธ์ของ
ข้าในตอนนี้ ไม่มีทางสร้างของวิเศษขนาดใหญ่แบบนั้นได้เลย เพราะวรยุทธ์ของข้าไม่สามารถบุกเบิก
พื้นที่ใหญ่ขนาดเจดียง์ ามวิจิตรได้ได้ เจดียง์ ามวิจิตรหลอมสร้างโดยยอดฝี มือบงกชม่วงหลายคนของ
สํานักงามวิจิตร ถ้าข้าคนเดียวคิดจะหลอมสร้างออกมาให้ได้ อย่างน้อยก็ตอ้ งมีวรยุทธ์ระดับบงกชม่วง
ขั้นห้า”
“แบบนี้…” เหมียวอี้ขมวดคิ้วพึมพํา เริ่ มคิดคํานวณ ตอนนี้เยารั่วเซี ยนวรยุทธ์บงกชแดงขั้นหก ถ้าจะ
เพิม่ เป็ นบงกชม่วงขั้นห้า อย่างน้อยต้องใช้ยาแก่นเซียนห้าหมื่นสามพันกว่าเม็ด แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย
ครั้งก่อนก็เอาไปจากพิภพใหญ่สิบล้านเม็ด ตอนนี้ในมืออวิน๋ จือชิวยังมียาแก่นเซียนจํานวนมากที่ยงั ใช้
ไม่หมด ปั ญหาเพียงอย่างเดียวก็คือเวลา ถึงจะมียาแก่นเซี ยนแต่กต็ อ้ งใช้เวลาร้อยกว่าปี บวกกับเวลาใน
การหลอมของวิเศษ ก็แปลว่าต้องรออีกสองร้อยปี กว่าจะสร้างเจดียง์ ามวิจิตรขึ้นมาได้
แต่คิดไปคิดมาก็เหมาะเจาะพอดี ตอนนี้ต่อให้ได้เจดียง์ ามวิจิตรมา เขาก็ยงั ควบคุมไม่ได้อยู่ หลังจากนี้
สองร้อยปี ต่อให้คลานก็ตอ้ งคลานผ่านธรณี ประตูของระดับบงกชทองได้แหละน่า?
สุ ดท้ายเหมียวอี้กพ็ ยักหน้า “ไม่ใช่ปัญหาเลย ข้าจะให้ยาแก่นเซี ยนเจ้าหนึ่งแสนเม็ด เวลาหนึ่งร้อยปี ก็
เพียงพอให้วรยุทธ์เจ้าเพิ่มถึงบงกชม่วงขั้นห้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยช่วยข้าหลอสร้างเจดียง์ ามวิจิตร
หลังจากนี้สองร้อยปี ข้าต้องเห็นของ”
“ยาแก่นเซียนหนึ่งแสนเม็ด?” เยารั่วเซียนสู ดหายใจตกตะลึง “เจ้าไม่ได้ลอ้ เล่นใช่ม้ ยั ?”
“ไม่ได้ลอ้ เล่น อีกประเดี๋ยวจะให้เจ้าทันที เจ้าตั้งใจฝึ กตนก็พอแล้ว เออใช่ ในระหว่างนั้นหลอมทวน
วิเศษขั้นห้าให้ขา้ สักด้ามสิ เอาเกราะรบขั้นห้าด้วย ทั้งหมดทําจากผลึกแดงที่มีความบริ สุทธิ์สูง รอให้
ข้าบรรลุระดับบงกชทองก็ใช้ได้แล้ว บางทีขา้ อาจจะซัดให้หกปราชญ์หมอบโดยไม่ตอ้ งรอเจดียง์ าม
วิจิตรของเจ้าก็ได้ อื้ม! ทําให้เมียข้าด้วยชุดหนึ่ง เรื่ องวัสดุขา้ จะหาทางเอามาให้… จะเบิกตากว้างขนาด
นั้นทําไม ใช้เวลาสองร้อยปี ของเล็กน้อยแค่น้ ีเจ้าใช้เวลาไม่นานหรอก เจ้าไม่ตอ้ งใช้วรยุทธ์บงกชม่วง
ขั้นห้าก็หลอมสร้างได้ ข้าเกือบตายเพราะเจ้าหลายครั้งแล้ว กับเรื่ องเล็กน้อยแค่น้ ี เจ้าคงไม่ปฏิเสธที่จะ
ช่วยหรอกใช่ม้ ยั ?”
ตอนที่ 935

ฮูหยินเจอชู้

เหมียวอี้เองก็อยูพ่ กั ที่สาํ นักลมปราณชัว่ คราวระยะหนึ่ง หลังจากจัดที่อยูใ่ ห้เยารั่วเซียนเข้าที่เข้าทาง คุย


กับอวี้หลิงเจินเหริ นได้สกั พัก เขาก็กล่าวอําลาแล้ว
หลังจากออกจากสํานักลมปราณ มาเจอกับอวิน๋ จือชิวและศีลแปดที่ซ่อนตัวอยูใ่ นภูเขา ทั้งสามก็ฝ่าชั้น
บรรยากาศออกไปอีกครั้ง มุ่งตรงสู่ดาวเทียนหยวน
ขณะที่มาถึงดาวเทียนหยวน เหมียวอี้กก็ าํ ชับทั้งสองอีกครั้ง หวังว่าจะแกล้งทําเป็ นไม่รู้จกั เขา เพราะเขา
มีศตั รู อยูท่ ี่นี่ เขาไม่อยากวางไข่ไก่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน
และแน่นอน ยังมีสาเหตุที่สาํ คัญอีกอย่างหนึ่ง นัน่ ก็คือกลัวอวิน๋ จือชิวจะเปิ ดโปงความสัมพันธ์ระหว่าง
เขากับหวงฝู่ จวินโหรว
ด้วยเหตุน้ ีเอง ตอนที่เข้ามาในตลาดสวรรค์ เหมียวอี้จึงแต่งหน้าปลอมตัวก่อน
เมื่อเข้ามาในเมือง ความเจริ ญเฟื่ องฟูของตลาดสวรรค์กด็ ึงดูดความสนใจของอวิน๋ จือชิวกับศีลแปด
ทันที ความเจริ ญของที่นี่ไม่ใช่สิ่งที่กาํ ลังของมนุษย์ธรรมดาจะสร้างขึ้นมาได้ วัสดุหินก้อนใหญ่ที่ใช้
สร้างตึกมากมาย อาศัยกําลังของมนุษย์ธรรมดาไม่อาจเคลื่อนย้ายได้
ที่นี่คือคู่เมืองขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มนักพรตอยูอ่ าศัย ทั้งสองไม่เคยเห็นมาก่อน ในดวงตาเอาแต่ฉายแวว
ตกตะลึง เหมือนกับตอนที่เหมียวอี้มาครั้งแรก
“ไม่ตอ้ งรี บเดินดูตอนนี้หรอก ยังมีเวลาเหลือเฟื อให้พวกเจ้าเอ้อระเหยลอยชาย หาที่พกั ให้พวกเจ้าก่อน
ดีกว่า” เหมียวอี้เตือนทั้งสองให้รีบเดิน อย่าแวะหยุดดูนนั่ ดูนี่ ทําเหมือนไม่เคยเห็นของอย่างนั้นแหละ
ที่พกั อยูไ่ ม่ไกล เป็ นโรงเตี๊ยมที่อยูเ่ ยื้องกับร้านขายของชําซื่ อตรง ค่าใช้จ่ายในการเข้าพักโรงเตี๊ยมที่
ตลาดสวรรค์สูงไม่เบา แต่สาํ หรับเหมียวอี้แล้ว ราคานี้ใช่วา่ จะจ่ายไม่ไหว
เช่าห้องไว้สองห้อง พวกเขาเดินขึ้นมาชั้นบน หลังจากผลักเปิ ดหน้าต่างออก เหมียวอี้กช็ ้ ีไปยังร้านขาย
ของชําซื่อตรงที่เยื้องอยูต่ รงข้ามพลางอธิบายให้ฟัง บอกว่าเขาคือหนึ่งในผูถ้ ือหุน้ ของร้านนั้น
“จุจุ พี่ใหญ่ ที่แท้ท่านก็คลี่คลายสถานการณ์ที่พิภพใหญ่ไว้แล้วนี่เอง ใช้ได้เลยนะ!” ศีลแปดรู ้สึก
อัศจรรย์ใจไม่หาย ยืน่ ศีรษะโล้นออกนอกหน้าต่าง เหลียวซ้ายแลขวาไปทัว่
อวิน๋ จือชิวกลับอดใจไม่ไหวอยากจะไปดูร้านขายของชําซื่ อตรงสักหน่อย ทั้งสามถึงได้ออกจาก
โรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงด้านนอกของร้านขายของชําซื่ อตรง พวกเขาก็สงั เกตการณ์และเรี ยนรู ้พกั หนึ่ง
อวิน๋ จือชิวชื่นชมวิธีการบริ หารที่เหมียวอี้สร้างขึ้นมา เพียงแต่อดไม่ได้ที่จะรู ้สึกเสี ยดาย ช่องทางทําเงิน
มากมายขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะให้คนอื่นครอบครองผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไป แต่นางก็รู้เหมือนกัน
ว่าถ้าไม่มีอาํ นาจหนุนหลังก็ไม่อาจฮุบไว้คนเดียวได้ เหมียวอี้คนเดียวได้ผลประโยชน์มาสองส่ วนก็
นับว่ายากแล้ว
อุตส่ าห์มาถึงที่นี่ จะมัวเยีย่ มชมแต่ร้านนี้ไม่ได้อยูแ่ ล้ว เหมียวอี้พาทั้งสองไปเดินเล่นทัว่ ตลาดสวรรค์
พาทั้งสองไปเปิ ดหูเปิ ดตาบริ เวณที่เจริ ญเฟื่ องฟูที่สุดก่อน
สําหรับพวกผูห้ ญิง ตลาดสวรรค์นบั ว่าเป็ นสวรรค์ของการจับจ่ายจริ ง ๆ มีแต่สิ่งที่เจ้านึกไม่ถึง ไม่มีสิ่ง
ที่เจ้าหาซื้ อไม่ได้ ไฟปรารถนาในการจับจ่ายของอวิน๋ จือชิวถูกจุดให้ลุกโชน นี่คือธรรมชาติที่ผหู ้ ญิงแก้
ไม่หาย
ทว่าหลังจากเข้าไปสํารวจดูหลาย ๆ ร้าน อวิน๋ จือชิวก็คน้ พบอย่างเศร้าใจว่าเศรษฐีนีที่พิภพเล็กอย่าง
นาง เมื่ออยูท่ ี่นี่กเ็ ป็ นแค่คนจนคนหนึ่งเท่านั้น สิ นค้าที่ดีจริ ง ๆ นางก็ซ้ือไม่ไหวเลยสักชิ้น เอะอะก็หนึ่ง
พันล้าน หนึ่งหมื่นล้าน หนึ่งแสนล้าน หนึ่งล้านล้านผลึกแดงแล้ว คงเป็ นไปไม่ได้ที่จะผลาญสมบัติใน
ครอบครัวเพื่อซื้อของที่ตวั เองชอบชิ้นเดียว ทําได้เพียงดูแล้วจินตนาการเอา ใช้สายตามองนิดหน่อย
แล้วปล่อยผ่าน หลายครั้งที่มองเหมียวอี้อย่างคับแค้นใจ
ท่านขุนนางเหมียวรู ้สึกกดดันหนักมาก ได้นอนกับผูห้ ญิงอาจจะเป็ นการเสพสุ ข แต่การเลี้ยงดูผหู ้ ญิง
คือความกดดัน สิ่ งที่เรี ยกว่าความกดดันก็คือแรงผลักดัน ผูช้ ายที่มีกาํ ลังทรัพย์มากถึงจะมีผหู ้ ญิงเยอะ
ได้ คนจนก็อย่าคิดเพ้อฝันเลย เพราะเลี้ยงดูไม่ไหว
ร้านค้าสมาคมวีรชนตั้งอยูบ่ ริ เวณที่เจริ ญที่สุดของตลาดสวรรค์ เมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ได้ อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าประตูร้าน เหมียวอี้อยากจะมองข้ามร้านนี้ไป อยากจะพาทั้งสองเดินผ่านไป
โดยตรง แต่หน้าร้านของร้านค้าสมาคมวีรชนใหญ่โตขนาดนั้น อวิน๋ จือชิวไม่ใช่คนตาบอด เข้ามา
คล้องแขนเหมียวอี้ทนั ที “หนิวเอ้อร์ ดูร้านนี้สิ เหมือนจะเป็ นร้านค้าสมาคมวีรชนที่เจ้าเคยพูดถึง
ใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้เกิดความกลัวในใจ พูดจาคลุมเครื อทันทีวา่ “ข้ากับผูจ้ ดั การร้านของร้านนี้เป็ นสหายกัน เข้าไป
แล้วคนจะจําได้ง่ายมาก”
“ไม่เป็ นไร งั้นเจ้าไม่ตอ้ งเข้าไป ข้ากับศีลแปดจะเข้าไปดูสกั หน่อย” อวิน๋ จือชิวปล่อยแขนเขา กวักมือ
เรี ยกศีลแปด แล้วน้องชายของสามีกเ็ ดินส่ ายก้นเข้าไปทันที
เหมียวอี้พดู ไม่ออก รี บไปยืนชิดขอบถนน หลบอยูใ่ ต้ตน้ ไม้ใหญ่ตน้ หนึ่ง แอบมองมาทางนี้อยูเ่ ป็ น
ระยะ
เมื่อเข้ามาในร้านค้า ก็ยอ่ มมีพนักงานเข้ามาทักทาย โดยเฉพาะอวิน๋ จือชิวกับศีลแปด ทั้งคู่ลว้ นมีสง่า
ราศีที่ไม่ธรรมดา พนักงานยิง่ ต้อนรับอย่างอบอุ่น นําทั้งสองเดินดูและแนะนํา ตอนที่เห็นยาเจี๋ยตันขั้น
ห้าและยาเจี๋ยตันขั้นหก ศีลแปดที่ภายนอกวางมาดสง่าภูมิฐาน แต่ในใจอยากได้จนนํ้าลายแทบไหลอยู่
แล้ว
ยาเจี๋ยตันขั้นห้า อวิน๋ จือชิวก็เคยเห็นมาแล้วเช่นกัน ส่ วนยาเจี๋ยตันขั้นหก นางเพิง่ เคยเห็นเป็ นครั้งแรก
จริ ง ๆ ของสิ่ งนี้มีมูลค่าสูงมาก นางตาเป็ นประกายลุกวาวขณะจ้องมองยาเจี๋ยตันสี รุ้งที่อยูใ่ นตูจ้ ดั แสดง
ทําได้แค่ดูเฉย ๆ เหมือนกัน ถ้าจะให้ซ้ือคงซื้อไม่ไหว อวิน๋ จือชิวแอบเสี ยดายในใจ หันไปถาม
พนักงานว่า “ได้ยนิ ว่าผูจ้ ดั การร้านที่นี่แซ่หวงฝู่ เหรอ?”
ผูช้ ายไงล่ะ เมื่อเจอผูห้ ญิงสวยก็ยอ่ มคุยง่ายอยูแ่ ล้ว นางดูสินค้าแล้วเจริ ญตา พนักงานดูนางก็เจริ ญตา
เช่นกัน ต่อให้ไม่ซ้ือ พนักงานก็ยงั ดูแลต้อนรับด้วยรอยยิม้ อยูด่ ี พยักหน้าตอบทันทีวา่ “ใช่แล้วขอรับ!
ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ อยูบ่ า้ นข้าง ๆ นี้เอง!” ขณะที่พดู ก็ช้ ีไปยังห้องหรู หราที่มีเถาดอกไม้สีม่วงห้อยระย้า
คงเป็ นเพราะได้ยนิ คนพูดถึงตัวเอง หวงฝู่ จวินโหรวแหวกม่านเดินเนิบนาบออกมาแล้ว ดวงหน้างาม
ดุจดอกพุดตาน เรื อนร่ างอรชรปานต้นหลิว เอวบางหน้าอกอิ่ม ผมดําขลับเกล้าม้วนขึ้น สวยสดใสราว
กับหิ มะในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาแวววาวดุจดวงดาว บนใบหน้ามีรอยยิม้ ที่เย็นสดชื่นราวกับสายลมโชย
เป็ นรอยยิม้ ปกติยามต้อนรับลูกค้า
เมื่อผูห้ ญิงทั้งสองพบหน้ากัน ก็ต่างกันต่างมองประเมินกันทันที ต่างก็รู้สึกว่าอีกฝ่ ายทั้งสวยทั้งมีสง่า
ราศีไม่ธรรมดา อดไม่ได้ที่จะมองกันและกันหลายรอบ
ตอนที่เห็นศีลแปดประนมมืออย่างบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องดุจดอกบัวขาวในนํ้าใส นัยน์ตาหวงฝู่ จวินโหรวก็
ฉายแววทึ่ง ชมในใจว่าช่างเป็ นลูกศิษย์พทุ ธะที่สง่าราวกับหยกงาม
หนิวเอ้อร์เป็ นสหายกับสาวงามคนนี้เหรอ? อวิน๋ จือชิวเอียงหน้ามองไปด้านนอกโดยจิตใต้สาํ นึก แต่
ไม่เห็นเงาของเหมียวอี้แล้ว การที่ผชู ้ ายของตัวเองไปเป็ น ‘เพื่อน’ กับสาวงาม ผูห้ ญิงค่อนข้างอ่อนไหว
กับเรื่ องนี้ โดยทัว่ ไปความคิดแรกที่แวบเข้ามาจะเป็ นความเข้าใจผิด หรื อไม่กเ็ กิดความระแวงใจ นี่คือ
ธรรมชาติของผูห้ ญิง
“ลูกค้าท่านนี้ตอ้ งการพบข้าหรื อคะ?” หวงฝู่ จวินโหรวถามด้วยรอยยิม้
อวิน๋ จือชิวกวาดมองเรื อนร่ างที่แช่มช้อยของอีกฝ่ าย จากนั้นย้ายสายตาขึ้นไปบนใบหน้างดงาม
ละเอียดอ่อน แล้วถามด้วยรอยยิม้ “ท่านคือผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ จวินโหรวหรื อคะ?”
“ใช่แล้วค่ะ!” หวงฝู่ จวินโหรวพยักหน้า “ไม่ทราบว่ามีอะไรจะกําชับหรื อเปล่าคะ?”
“มิบงั อาจหรอกค่ะ เพียงได้ยนิ นามของผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ มานานแล้ว ตั้งใจจะมาชื่นชมสักหน่อย”
ทั้งสองฝ่ ายไม่ได้รู้จกั กัน หลังจากทักทายตามมารยาทสองสามคํา อวิน๋ จือชิวก็ออกจากร้านค้าสมาคม
วีรชนไปโดยไม่ได้ซ้ื ออะไร
หลังจากเดินออกประตูมาพบเหมียวอี้ ขณะที่กาํ ลังเดินไปร้านอื่นต่อ อวิน๋ จือชิวก็ยมิ้ อย่างสนิทสนม
พลางพูดหยอกว่า “หนิวเอ้อร์ เพื่อของเจ้าคนนั้นสวยไม่เบาเลยนะ”
“สวยเหรอ? เพื่อนคนไหนสวย?” เหมียวอี้แกล้งทําเป็ นไม่รู้ ถามเหมือนงุนงง
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ จวินโหรวของร้านค้าสมาคมวีรชนไง เมื่อครู่ อยูใ่ นร้านพอดี ข้า
เพิง่ เห็นมา นางสวยมาก ได้คนแบบนี้มาเป็ นเพื่อน เจ้าไม่ได้แอบคิดอะไรบ้างเลยเหรอ?”
เหมียวอี้พดู เหยียดหยามว่า “นางน่ะเหรอ? แบบนางนับว่าสวยด้วยเหรอ? ถ้าเทียบกับฮูหยินแล้วคนละ
ชั้นกันเลย สู ฮ้ ูหยินของข้าไม่ได้หรอก เป็ นความงามที่หาได้ยากมาก”
อวิน๋ จือชิวพูดหยอกว่า “สวยก็สวยสิ ข้าไม่จาํ เป็ นต้องไปอิจฉานางหรอก ทําไมเจ้าต้องพูดลดคุณค่า
นางขนาดนั้นล่ะ หรื อว่ากินปูนร้อนท้อง ไปนอนกับนางมาแล้วเหรอ?”
เหมียวอี้หวั ใจกระตุกวูบ ตอบด้วยสี หน้าราบเรี ยบว่า “พูดจาเหลวไหลให้มนั น้อย ๆ หน่อย ใช่วา่ ข้าจะ
ไม่เคยคุยกับเจ้าเรื่ องนี้ คําว่า ‘เพื่อน’ ระหว่างข้ากับนางเป็ นเพียงการเสแสร้ง ความจริ งทําการค้าสู ก้ นั
อย่างเอาเป็ นเอาตาย เกือบจะเอาชีวติ ไปทิ้งในมือนางแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีภูมิหลังยิง่ ใหญ่ ข้าเล่น
งานนางตายไปนานแล้ว”
อวิน๋ จือชิวคิดไปคิดมาแล้วก็เห็นด้วย ด้วยนิสยั ของสามีตวั เอง เป็ นไปไม่ได้ที่จะไปทําเรื่ องแบบนั้นกับ
อีกฝ่ าย นางจึงยิม้ อย่างไม่ใส่ ใจ เมื่อหายกังวลแล้วก็เดินซื้ อของต่อไป
เหมียวอี้แอบปาดเหงื่อ ด้วยนิสยั ชอบชวนทะเลาะของผูห้ ญิงคนนี้ หากรู ้วา่ ตนแอบไปมีสมั พันธ์กบั คน
อื่น แบบนี้จะต่างอะไรกับการถล่มให้ฟ้าเป็ นรู [1]…
ตลาดสวรรค์ใหญ่ขนาดนี้ เป็ นไปไม่ได้ที่จะเดินให้หมดภายในวันเดียว เดินเล่นจนดึกดื่น กอปรกับ
เหาะมาเป็ นระยะทางไกล มีการสูญเสี ยพลังอิทธิฤทธิ์ไปบ้าง ทั้งสามจึงกลับไปพักผ่อนผ่อนที่โรงเตี๊ยม
ถึงแม้ค่าเข้าพักโรงเตี๊ยมที่ตลาดสวรรค์จะไม่ใช่ถูก ๆ แต่กน็ บั ว่าคุม้ ค่าคุม้ ราคา สภาพแวดล้อมไม่เลว
หลังจากสองสามีภรรยาฟื้ นฟูพลังอิทธิฤทธิ์และอาบนํ้าด้วยกัน พวกเขาก็ไม่รีบร้อนที่จะฝึ กตน แต่
นอนกอดกันบนเตียงและคุยกันถึงสิ่ งที่พบเจอมาเมื่อตอนกลางวัน
เหมียวอี้ค่อนข้างเหม่อลอย ในใจครุ่ นคิดถึงคําพูดของอวิน๋ จือชิวเมื่อตอนกลางวันอยูต่ ลอด กังวลว่า
ผูห้ ญิงคนนี้พดู จาคลุมเครื อเพราะมองอะไรออกหรื อเปล่า นี่คือสิ่ งที่เรี ยกว่ากินปูนร้อนท้อง
ส่ วนอวิน๋ จือชิวที่ได้มาพิภพใหญ่เป็ นครั้งแรกก็ตื่นเต้นจนท่วมท้น ดูค่อนข้างมีชีวติ ชีวา บรรยาย
ความรู ้สึกและสิ่ งที่เจอมาเป็ นคําพูดได้ไม่หมด ประกอบกับอารมณ์และบรรยากาศที่ไม่เลว ทําให้นาง
ถอดเสื้ อผ้าออกอีกครั้ง เป็ นฝ่ ายรุ กขอทําเรื่ องสนุกบนเตียง นางรู ้สึกถึงอกถึงใจเต็มที่ ทําสี หน้าผ่อน
คลายสบายใจ
วันต่อมา อวิน๋ จือชิวกับศีลแปดยังอยากจะไปเดินเล่นที่ตลาดอีก แต่เหมียวอี้ไม่ไปเป็ นเพื่อนแล้ว ปล่อย
ให้พวกเขาใช้ชีวติ ที่นี่ตามสะดวก ด้วยสถานการณ์ทวั่ ไปของตลาดสวรรค์ ตราบใดที่ไม่ก่อเรื่ องก็ไม่มี
ปัญหาอะไร เขาอยากจะกลับไปดูที่ร้านขายของชําซื่อตรงสักหน่อย จึงไปหาที่ลบั ตาแล้วถอดหน้ากาก
ออก จากนั้นกลับไปที่ร้านขายของชําซื่อตรง
สําหรับครั้งนี้ เหมียวอี้จากไปไม่นานแล้วสามารถกลับมาได้ ทําให้อวี้ซวีเจินเหริ นดีใจมาก ทั้งสอง
ย่อมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่ องบริ หารร้านขายของชําซื่ อตรง
หลังจากคุยจบแล้ว อวี้ซวีเจินเหริ นก็เตือนว่า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ของร้านค้าสมาคมวีรชนติดต่อมาทาง
นี้ บอกว่าถ้าท่านกลับมาแล้วให้ไปหานางสักเที่ยว มีเรื่ องจะคุยกับเจ้า”
เหมียวอี้พยักหน้าอย่างเลอะเลือน คิดในใจว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งเจอกันดีกว่า รอให้อวิน๋ จือชิวไปก่อนแล้ว
ค่อยว่ากัน จะได้ไม่ก่อปัญหาอะไรขึ้น ถึงอย่างไรครั้งนี้อวิน๋ จือชิวก็มาอยูไ่ ม่นาน แค่มาทําความรู ้
เส้นทางเท่านั้น
เมื่อกลับมาห้องตัวเอง เหมียวอี้กผ็ ลักหน้าต่างมองไปยังหน้าต่างบานหนึ่งของโรงเตี๊ยมที่อยูเ่ ยื้องกัน
เขากับอวิน๋ จือชิวนัดกันไว้แล้ว ถ้ามีเรื่ องอะไรให้อวิน๋ จือชิวแขวนสิ่ งของไว้บนหน้าต่าง แล้วเขาจะไป
หาเอง
ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วนั ต่อให้เหมียวอี้เก็บตัวฝึ กฝน ไม่กา้ วออกจากประตูไปไหน ไม่กล้าโผล่
หน้าออกไปตามอําเภอใจ แต่ฝั่งร้านค้าสมาคมวีรชนก็ยงั รู ้ข่าว จึงส่ งคนมาเชิญทันที ยังคงเป็ นผูจ้ ดั การ
ร้านหวงที่มีธุระจะคุยกับเขา
หวงฝู่ จวินโหรวเป็ นฝ่ ายมาเกาะติดอย่างชัดเจน เหมียวอี้เรี ยกได้วา่ ปวดหัวมาก อยากจะหลบก็หลบ
ไม่ได้ แต่ถา้ ไปพบก็กลัวจะยัว่ โมโหผูห้ ญิงคนนั้น ตอนนี้ถึงได้พบว่าถ้าทั้งสองอยูใ่ นความสัมพันธ์
แบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งก็จะเกิดปัญหา เขาต้องเด็ดขาดกับเรื่ องนี้ อยูแ่ บบหวาดระแวงต่อไปไม่ใช่
เรื่ องดี
ถึงแม้อวิน๋ จือชิวจะทําให้เขาเดือดดาลอยูบ่ ่อย ๆ แต่กต็ อ้ งยอมรับว่าผูห้ ญิงที่เขารักที่สุดคืออวิน๋ จือชิว
หลายสิ่ งหลายอย่างที่อวิน๋ จือชิวทําไป เขาเองก็เข้าใจว่านางหวังดีกบั เขา ลําพังแค่เรื่ องอนุภรรยาก็ทาํ
ให้นางได้รับความไม่เป็ นธรรมมากพอแล้ว เหมียวอี้รู้สึกผิดจริ ง ๆ ไม่อยากให้ผหู ้ ญิงคนอื่นมาทําให้
เกิดเหตุไม่คาดคิดระหว่างตัวเองกับอวิน๋ จือชิว
หรื อจะพูดแบบนี้กไ็ ด้วา่ ตําแหน่งของอวิน๋ จือชิวในใจของเหมียวอี้ ในโลกนี้ยงั ไม่มีผหู ้ ญิงคนไหนมา
แทนที่ได้ นี่คือความรักระหว่างสามีภรรยาที่แท้จริ ง!
…………………………

[1] ถล่มให้ฟ้าเป็ นรู 把天给捅个窟窿 อุปมาว่าทําผิดใหญ่หลวง เหมือนไปทําลายที่อยูอ่ าศัย


ของท่านเซี ยน
ตอนที่ 936

อาตมาจะเล่นงานมันให้ ตาย

หลังจากแบ่งแยกความสําคัญชัดเจนและมีแผนในใจแล้ว เหมียวอี้กต็ ดั สิ นใจแน่วแน่ แข็งใจเดิน


ออกไป แต่ระหว่างทางก็ยงั เหลียวซ้ายแลขวา กลัวว่าจะบังเอิญเจอกับอวิน๋ จือชิว
มาถึงร้านค้าสมาคมวีรชนแล้ว พอเข้ามาในลานบ้านด้านหลัง ก็มีผหู ้ ญิงสวยคนหนึ่งออกมาต้อนรับ
หน้าตางดงามดุจภาพวาด สวยจนอยากกลืนกิน ไม่ได้ดูอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนหญิงรับใช้ทวั่ ไป
เหมียวอี้มองนางหลายครั้ง สังเกตเห็นโดยบังเอิญว่าหญิงรับใช้คนนี้มองตนด้วยแววตาที่คลุมเครื อนิด
หน่อย ขณะที่เดินตามนางไป ก็เอ่ยถามว่า “ก่อนหน้านี้เหมือนจะไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนนะ”
หญิงรับใช้ที่นาํ ทางตอบว่า “บ่าวมาใหม่เจ้าค่ะ รับหน้าที่ปรนนิบตั ิคุณหนูหวงฝู่ โดยเฉพาะ”
เหมียวอี้เพียงขานรับโดยไม่ได้คิดอะไรมากมาย พอมาถึงลานบ้านด้านในก็ยงั ไม่เจอหวงฝู่ จวินโหรว
แต่ไม่นานก็เห็นหน้าต่างบานหนึ่งบนตึกเปิ ดออก หวงฝู่ จวินโหรวปรากฏตัวและส่ งสายตาให้หญิงรับ
ใช้คนนั้น หญิงรับใช้รู้กาลเทศะและถอยออกไป ตอนที่หนั กลับมามองด้านหลังของเหมียวอี้อีกครั้ง
ในดวงตานางฉายแววดุร้าย
เหมียวอี้ไม่อยากเข้าไปในห้องนอนของหวงฝู่ จวินโหรวอีก แต่หวงฝู่ จวินโหรวกลับกวักมือเรี ยก บอก
ใบ้ให้เขาเข้ามา จากนั้นก็ปิดหน้าต่าง
เหมียวอี้พดู ไม่ออกมาก ทําได้เพียงผลักประตูตึกเข้าไป แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
ในห้องนอนหญิงสาว ยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นแป้ งหอมที่คุน้ เคย แขนงามสองข้างแอบจู่โจมจาก
ด้านหลัง กอดเอวของเหมียวอี้เอาไว้ พร้อมกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงนุ่มนวล “ยังนึกว่าอีกตั้งนานกว่าเจ้าจะ
กลับมา ตอนหลังทําไมไม่มาหาข้าล่ะ?”
เหมียวอี้จบั แขนนางแยกออก พอหันตัวมามอง ก็พบว่าหวงฝู่ จวินโหรวถอดเครื่ องประดับศีรษะออก
แล้ว ผมนุ่มสยายประบ่า งดงามยิง่ กว่าดอกไม้
เหมียวอี้แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว เขาฝื นยิม้ พร้อมตอบว่า “มีธุระบางอย่างต้องจัดการ ข้า…” ปากเขา
โดนอุดด้วยริ มฝี ปากแดงสวย พูดอะไรไม่ออกแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวเกิดอารมณ์ปรารถนา เป็ นฝ่ ายจูบ
เขาก่อน ทั้งยังเร่ าร้อนมากด้วย เหมือนจะทนทุกข์จากความคิดถึงไม่ไหว
ที่เขาว่ากันว่า ชายจีบหญิงยากเย็นดุจภูเขากั้น หญิงจีบชายง่ายดายดุจมุง้ กั้น พอผูห้ ญิงเป็ นฝ่ ายรุ ก ผูช้ าย
ที่สามารถควบคุมตัวเองได้กม็ ีนอ้ ยมาก เหมียวอี้ที่ต้ งั ใจจะตัดขาดความสัมพันธ์ ในเวลานี้โถมทับนาง
อย่างไร้สติอีกครั้ง เดิมทีท้ งั สองก็คุน้ เคยกับการทําอย่างนี้อยูแ่ ล้ว ไม่นานเหมียวอี้กเ็ ป็ นฝ่ ายรุ กเอง
หลังจากเสื้ อผ้าปลิวกระจาย ก็เกิดฉากที่อุตลุตวุน่ วายอีกครั้ง
หลังจากนั้น เหมียวอี้กน็ ึกเสี ยใจทีหลังอีกแล้ว ขณะมองดูเรื อนร่ างขาวใสดุจหิ มะตรงหน้า ขณะลูบไล้
สะโพกที่ขาวเนียนน่าทึ่ง เหมียวอี้กท็ อดถอนใจ “จวินโหรว ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เต็มใจจะแต่งงานกับ
ข้ามั้ย?” ถ้าอีกฝ่ ายเต็มใจ ต่อให้เขาจะโดนอวิน๋ จือชิวหันสองดาบ แต่กต็ อ้ งได้รับความยินยอมจากอวิ๋
นจือชิวก่อน เรื่ องแบบนี้ถา้ ไม่ได้รับอนุญาตจากฮูหยินภรรยาเอก ก็ไม่สามารถรับอนุภรรยาเข้าบ้านได้
อวิน๋ จือชิวต่างหากที่เป็ นนายหญิงตัวจริ ง นอกเสี ยจากเจ้าจะถอดตําแหน่งภรรยาเอกทิ้ง
หวงฝู่ จวินโหรวกําลังนอนหมอบเคลิบเคลิ้มอยูใ่ นอ้อมอกเขา นางส่ ายหน้าปฏิเสธ “เป็ นไปไม่ได้ที่
ตระกูลหวงฝู่ จะทําลายกฎเพื่อข้า ข้าแต่งงานออกไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากอยูก่ บั ข้า ก็มีแค่ตอ้ งแต่งงานเข้ามา
เท่านั้น นอกเสี ยจากเจ้าจะมีอาํ นาจมาก สามารถกดดันตระกูลหวงฝู่ ของข้าได้ หรื อไม่กไ็ ปขอให้ราชัน
สวรรค์ประทานการสมรส ทําให้ตระกูลหวงฝู่ เถียงอะไรไม่ออก หนิวโหย่วเต๋ อ ในมือเจ้ามีหุน้ ของ
ร้านขายของชําอยูส่ องส่ วน ถ้าแต่งงานเข้าตระกูลข้า เจ้าก็ไม่ลาํ บากหรอก ทั้งยังได้รับการปกป้ องจาก
ตระกูลหวงฝู่ ด้วย” พูดแบบนี้เท่ากับโน้มน้าวให้เหมียวอี้แต่งงานเข้ามา
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เหมียวอี้กต็ อบว่า “สงสัยระหว่างเราจะไม่มีทางคุยกันให้ลงตัวได้!”
หวงฝู่ จวินโหรวเงยหน้าช้า ๆ เอามือยันตัวลุกขึ้น แล้วจ้องเขาพร้อมถามว่า “เจ้าอยากจะพูดอะไรกัน
แน่?”
เหมียวอี้ลุกขึ้น เก็บเสื้ อผ้าจากพื้นขึ้นมาใส่ พร้อมบอกว่า “พวกเราทําแบบนี้ต่อไปไม่ใช่วธิ ีที่ดี ข้าไม่
อยากหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปตลอด มิหนําซํ้าถ้าข่าวแพร่ ออกไป ชื่อเสี ยงเจ้าก็เสี ยหาย ข้าไม่อยากทําร้ายเจ้า
ในเมื่อพวกเราไม่มีทางคุยกันให้ลงตัวได้ ข้าว่าเราควรจะยุติความสัมพันธ์ที่ผดิ ปกติแบบนี้เสี ยที… หุน้
สองส่ วนของร้านขายของชําซื่ อตรง เจ้าอยากได้มาตลอดไม่ใช่เหรอ? ข้ามอบให้เจ้าเพื่อเป็ นการชดเชย
ได้นะ!”
หุน้ สองส่วนของร้านขายของชํามีมูลค่าไม่เบา ความหมายที่เขาบอก ก็คือจะมอบให้หวงฝู่ จวินโหรว
เพื่อชดเชย แต่อีกความหมายหนึ่งก็ชดั เจนมากเช่นกัน นัน่ ก็คือนําหุน้ สองส่วนของร้านขายของชํามา
ตัดขาดความสัมพันธ์ที่คลุมเครื อของทั้งสอง
หวงฝู่ จวินโหรวสี หน้าเปลี่ยนไปมาก เป็ นเพราะหุน้ สองส่ วนของร้านขายของชํามีมูลค่าไม่นอ้ ย แต่
เหมียวอี้กลับไม่เสี ยดายที่จะมอบให้นาง แค่คิดก็รู้แล้วว่าตัดสิ นใจแน่วแน่เรื่ องตัดความสัมพันธ์ หวงฝู่
จวินโหรวดึงผ้าห่มขึ้นมาบังหน้าอกขาวอวบอิ่ม นางกัดริ มฝี ปาก สี หน้าซี ดเผือด แล้วสุ ดท้ายก็ลุก
ออกมาหยิบเสื้ อผ้าใส่
หลังจากใส่ เสื้ อผ้าเสร็ จแล้ว นางก็นงั่ อยูต่ รงหน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง เหมียวอี้มองดูทุกอากัปกิริยาของนาง
อย่างเงียบ ๆ เขาไม่มีหน้าจะไปเร่ งรัดนาง เหตุผลก็ไม่ซบั ซ้อนเลย ทางด้านอวิน๋ จือชิว เขายังพอมีความ
มัน่ ใจอยูบ่ า้ ง แต่ถา้ จะบอกให้หวงฝู่ จวินโหรวไปเป็ นอนุภรรยา เขาก็เอ่ยปากลําบาก ดังนั้นจึงยอมตัด
ใจทิ้งหุน้ สองส่ วนของร้านขายของชํา
ก็ช่วยไม่ได้ หวงฝู่ เสี ยความบริ สุทธ์ให้เขา ไม่อย่างนั้นคงไม่คู่ควรกับราคานี้หรอก ไม่อย่างนั้นเขาคง
ไม่พวั พันกับนางอยูอ่ ย่างนี้ ถึงอย่างไรภูมิหลังของหวงฝู่ ก็ไม่ใช่เล่น ๆ ถ้าไม่นาํ ของที่มีน้ าํ หนักออกมา
ก็จะชดเชยนางไม่ไหว ถึงแม้จะรู ้วา่ การทําอย่างนี้จะเลวไปหน่อย แต่เจ็บสั้นย่อมดีกว่าเจ็บนาน จะได้
ไม่เกิดปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น เขาไม่อยากไปมีเรื่ องกับตระกูลหวงฝู่ จนนําอันตรายมาสู่ อวิน๋ จือชิว
เมื่อใส่ เครื่ องประดับเสร็ จแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวก็ลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ข้าไม่ใช่ผหู ้ ญิงใน
หอโคมเขียว ไม่ได้ขายตัว! เจ้าเองก็ซ้ื อไม่ไหวหรอก! เจ้าไม่ตอ้ งห่วง ข้าเองก็ไม่ได้ให้เจ้ามารับผิดชอบ
อะไร หุน้ สองส่ วนนั้นของเจ้า ถ้าหากข้าอยากได้ ข้าย่อมหาทางเอามาจนได้ ไม่ตอ้ งให้เจ้ามอบให้
หรอก” จากนั้นก็ยนื่ มือเชิญ “ไปนัง่ คุยกันข้างนอกเถอะ อยูใ่ นห้องนานคนจะสงสัย”
ทั้งสองเดินออกจากตึก พอนัง่ ลงในศาลาของลานบ้าน หวงฝู่ จวินโหรวก็ตะโกนสัง่ “หงเอ๋ อร์ นํ้าชา!”
ผ่านไปครู่ เดียว หญิงรับใช้คนนั้นก็ปรากฏตัวอีกครั้ง พอนํานํ้าชามาวางแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวก็ยนื่ มือ
เชิญ จากนั้นตัวเองก็ยกถ้วยนํ้าชาขึ้นจิบช้า ๆ
เหมียวอี้จิบนํ้าชาไปหลายคํา อึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กเ็ งียบไว้ เห็นหญิงรับใช้คนนั้นอยูข่ า้ ง
ๆ สุ ดท้ายก็ไม่ได้พดู ออกมา
หลังจากรอไปพักหนึ่ง เห็นหวงฝู่ จวินโหรวยังทําสี หน้าเย็นชาไม่พดู อะไร เหมียวอี้จึงวางถ้วยนํ้าชา
แล้วถอนหายใจ “รอให้เจ้าคิดให้ดีก่อนแล้วก็วา่ กัน ข้าจะรอคําตอบจากเจ้า” พูดจบก็หนั ตัวเดินออกไป
หลังจากมองคล้อยหลังเหมียวอี้จากไป หงเอ๋ อร์กห็ นั มามองหวงฝู่ จวินโหรวที่กาํ ลังทําสี หน้าเรี ยบเฉย
“เถ้าแก่นอ้ ย ทําไมเขาอยูใ่ นห้องนอนท่านนานขนาดนั้น?”
ถ้าเหมียวอี้มาได้ยนิ เสี ยงหงเอ๋ อร์ในตอนนี้ จะต้องตกใจมากแน่นอน เป็ นเสี ยงของปี ศาจโลหิ ต
“คุยเรื่ องความร่ วมมือระหว่างร้านค้าสมาคมวีรชนกับร้านขายของชําซื่อตรง เจ้าอย่าถามมากดีกว่า ข้า
ไม่บอกเจ้าหรอก!” หวงฝู่ จวินโหรวตอบคําเดียว แล้วเหล่ตาถามว่า “ลงมือแล้วเหรอ?”
“ข้าก็นึกว่าเขาจะจับได้ แต่เหมือนเขาจะใจลอยนิดหน่อย ดื่มนํ้าชาไปอย่างนั้นโดยไม่ตรวจสอบให้
ละเอียด แปลกจริ ง ๆ !” หงเอ๋ อร์เดาะลิ้น
หวงฝู่ จวินโหรวเม้มริ มฝี ปาก มือที่ถือถ้วนนํ้าชาชะงักเล็กน้อย ที่จริ งก่อนที่เหมียวอี้จะมา ฝ่ ายนี้ก็
เตรี ยมจะลงมือกับเหมียวอี้ไว้แล้ว ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือเหมียวอี้อ่อนแอไร้อาํ นาจ ทั้งยังไม่ใช่คนของ
สํานักลมปราณอย่างเป็ นทางการ ควบคุมการบริ หารของร้านขายของชําไม่ได้ ฮุบหุน้ สองส่ วนเอาไว้
คนเดียวเท่ากับเป็ นการขุดหลุมฝังตัวเอง เพียงแต่นางนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะไม่เตรี ยมป้ องกันตัว
จากนั้นก็ได้ยนิ หงเอ๋ อร์พดู เย้ยอีกว่า “โดนพิษ ‘วิญญาณโลหิ ต’ ของข้าไป คนที่สามารถถอนพิษนี้มี
น้อยจนนับนิ้วได้ ถึงตอนนั้นขอเพียงข้ากระตุน้ นิดเดียว ข้าไม่กลัวหรอกว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ เขาทํา
ให้วรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้าของข้าลดเหลือบงกชทองขั้นเจ็ด ข้าจะต้องให้เขาลิ้มลองรสชาติเวลา
ทรมานจนอยูต่ ่อไม่ไหว แต่จะตายก็ตายไม่ได้!”
หวงฝู่ จวินโหรวกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “เจ้าจําไว้นะ ว่าอย่าสร้างปัญหาให้ร้านค้าสมาคมวีรชน ถ้าให้คน
อื่นรู ้วา่ คนของร้านค้าสมาคมวีรชนวางยาพิษลูกค้า ถ้าทําร้ายยีห่ อ้ ของร้านค้าสมาคมวีรชน ถึงตอนนั้น
ทั้งสมาคมวีรชนไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ เจ้าเองก็รู้ถึงผลที่ตามมา!”
หงเอ๋ อร์พยักหน้า “เรื่ องนี้ขา้ ทราบแล้ว เถ้าแก่นอ้ ยไม่ตอ้ งห่วง ข้าจะกระตุน้ พิษเดี๋ยวนี้ รออีกสักพักให้
ร้านค้าสมาคมวีรชนพ้นจากการเป็ นผูต้ อ้ งสงสัย ข้าค่อยลงมืออีกที ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขาคายหุน้ สอง
ส่ วนกับยาเม็ดโลหิ ตของข้าออกมาพร้อมกันเลย เวลาสั้น ๆ แค่น้ ี ข้าไม่ถึงขั้นรอไม่ไหวหรอก ตอนนี้
ปล่อยให้เขาลําพองใจไปก่อนเถอะ!”
“อย่าประมาทเลินเล่อ พวกเราเสี ยเปรี ยบเขาหลายรอบแล้ว เจ้าไม่ได้เผยพิรุธอะไรใช่ม้ ยั ?”
“น่าจะไม่มีค่ะ มี ‘ไข่มุกซ่อนจิต’ แล้ว เขาน่าจะไม่พบกลิ่นคาวเลือดบนตัวข้า”
เหมียวอี้ที่กลับมาถึงร้านขายของชําซื่อตรงพบปัญหาอีกแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวรู ้วา่ เขากลับมา เซี่ ยโห้ว
หลงเฉิงก็รู้วา่ เขากลับมาเหมือนกัน จึงส่ งคนมาคอยเฝ้ า พอเหมียวอี้กลับมาจากข้างนอก กลุ่มทหาร
สวรรค์กม็ าจับกุมตัวเขาทันที
เหมียวอี้รู้สึกอับอายจนโมโห มีใครเขาเรี ยกคนไปพบด้วยวิธีการนี้บา้ ง? ทําเหมือนเขาเป็ นนักโทษ
อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวต่อไปต้องหาทางสื บสักหน่อยว่าเจ้าหมีควายนัน่ มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ถ้าสบ
โอกาสเหมาะก็เล่นงานเจ้าบ้านัน่ ให้ตายเสี ยเลย จะได้ไม่ตอ้ งมาพัวพันไม่จบไม่สิ้นแบบนี้
อวี้ซวีเจินเหริ นที่เดินออกประตูมาทําสี หน้าจนใจ เป็ นเพราะเจ้าบ้าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งไม่คุยกันด้วย
เหตุผลเลยจริ ง ๆ
“ไปกันเถอะ!” หัวหน้าทหารสวรรค์ผลักเหมียวอี้ ควบคุมตัวไปอย่างนี้แล้ว
ตรงหน้าต่างบนตึกโรงเตี๊ยมเยื้องร้านขายของชํา อวิน๋ จือชิวเรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าวิตกกังวล นางตกใจ
เพราะเห็นเหตุการณ์บนถนน พอยืน่ หน้าออกไปดู ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นฉากที่เหมียวอี้โดนจับตัว
นางไม่คุน้ เคยกับการใช้ชีวติ ของคนที่นี่เลย เมื่อเผชิญสถานการณ์แบบนี้ นางก็ไม่รู้วา่ จะเริ่ มลงมือ
จากนั้นไหน ข้างหลังมีเสี ยงเคาะประตูดงั ขึ้น ศีลแปดมาเรี ยกนาง “พี่สะใภ้!”
“เข้ามาได้!” อวิน๋ จือชิวเพิ่งจะตอบ ศีลแปดก็บุกเข้ามาอย่างร้อนใจราวกับไฟเผา แล้วกล่าวอย่างกังวล
ว่า “พี่สะใภ้ ท่านเห็นหรื อเปล่า? เกิดเรื่ องกับพี่ใหญ่แล้ว!”
อวิน๋ จือชิวเดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน ประสานนิ้วมือพลางกล่าวอย่างกังวล “ข้าเห็นแล้ว พี่ใหญ่เจ้า
บอกไว้วา่ ไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับเขาอย่างเปิ ดเผย สถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าพวกเราเข้าไปมีส่วนร่ วม
เกรงว่าถึงตอนนั้นจะไม่เหลือใครไว้คิดหาทางช่วยเลย”
“พี่สะใภ้ ท่านไม่ตอ้ งกังวล สงบใจเอาไว้ ข้าจะไปสื บข่าวก่อน ท่านรอฟังข่าวจากข้านะ”
“ก็ดี! ตอนนี้กท็ าํ ได้แค่น้ ีแล้ว เจ้ารี บไปรี บกลับแล้วกัน!” อวิน๋ จือชิวพยักหน้า นางเป็ นผูห้ ญิง ไม่ค่อย
สะดวกจะปรากฎตัวในวงสังคม โดยเฉพาะผูห้ ญิงสวย ๆ ถ้าเข้าไปยุง่ ด้วยเรื่ องราวอาจจะพลิกผันยิง่
กว่าเดิม ตอนอยูท่ ี่นี่นางไม่มีภูมิหลังอะไรมาปกป้ องทั้งนั้น
“แม่งเอ๊ย! ข้าอยากจะเห็นว่าไอ้เวรที่ไหนมันบังอาจมาแตะต้องพี่ใหญ่ของข้า อาตมาจะเล่นงานมันให้
ตาย ถ้าไม่ตายข้ายอมเปลี่ยนไปใช้แซ่เดียวกับมันเลย!” ศีลแปดตะโกนแล้ววิง่ ไป
ไม่รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น แต่เป็ นเรื่ องเร่ งด่วน ศีลแปดจึงขี้คร้านจะอ้อมค้อม บุกเข้าไปที่ประตูลานบ้าน
ด้านข้างของร้านขายของชําโดยตรง แต่โดนคนเฝ้ าประตูขวางไว้ “ไต้ซือมีธุระอะไรหรื อ?”
ศีลแปดกล่าวอามิตตาพุทธ แล้วถามว่า “ขออนุญาตถาม ฆราวาสหนิวโหย่วเต๋ ออยูไ่ หม?”
คนเฝ้ าประตูท้ งั สองสบตากันแวบหนึ่ง ไม่ได้บอกว่าเหมียวอี้เพิ่งถูกจับไป หนึ่งในนันตอบว่า “ไม่อยู่
ขอรับ ไต้ซือมีธุระอะไรหรื อ?”
ศีลแปดยิม้ พร้อมบอกว่า “ฆราวาสหนิวติดหนี้อาตมาก้อนหนึ่ง ให้อาตมามาเบิกที่ร้านขายของชํา
ซื่ อตรง คาดว่าฆราวาสหนิวคงจะไม่หลอกอาตมา”
คนเฝ้ าประตูทาํ สี หน้าสงสัย แต่เห็นท่าทางศีลแปดดูไม่เหมือนคนโกหกหลอกลวง เจ้าบ้านี่มี
ภาพลักษณ์ภายนอกเอาไว้รังแกคนอื่นจริ ง ๆ
ตอนที่ 937

ศีลแปดมารับตัว

ลูกศิษย์ที่เฝ้ าประตูไม่สะดวกจะไล่ แต่กไ็ ม่สะดวกจะให้ศีลแปดเข้าไปเช่นกัน ทําได้เพียงไปรายงาน


บอกว่ามีพระรู ปหนึ่งมาคิดบัญชีกบั ฆราวาสหนิว
ผ่านไปครู่ เดียว ผูจ้ ดั การร้านเต๋ อเจิ้งก็ออกมาตรวจสอบความจริ ง เห็นว่าศีลแปดมีท่าทางสง่าภูมิฐานไม่
เหมือนคนหลอกลวง แต่กย็ งั ไม่ให้ศีลแปดเข้าไปอยูด่ ี ส่ วนสิ่ งที่ศีลแปดถามมา พวกเขาย่อมไม่ตอบ
อะไรอยูแ่ ล้ว ยังคงอ้างว่าฆราวาสหนิวไม่อยูเ่ พือ่ ไล่ศีลแปดไป จะปล่อยคนเข้ามาซี้ ซ้ วั ไม่ได้จริ ง ๆ
ศีลแปดอยากจะจุดไฟเผาร้านค้าเส็งเคร็ งนี่ทิ้ง แต่ภายนอกย่อมมองไม่ออกว่ากําลังคิดอะไร จากนั้นก็
ได้ยนิ คนเดินถนนคุยกันเรื่ องเมื่อครู่ น้ ี ถึงได้รู้วา่ คนที่จบั ตัวเหมียวอี้ไปคือคนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขต
ตะวันตก จึงถามทันทีวา่ จวนผูบ้ ญั ชาการเขตตะวันตกไปทางไหน แล้วรี บเดินไปที่นนั่ อย่างรวดเร็ ว
เมื่อโดนคุมตัวมาถึงจวนผูบ้ ญั ชาการเขตตะวันตก เหมียวอี้กถ็ ูกนําตัวขึ้นศาลโดยตรง เขาชินกับความ
ไร้เหตุผลของท่านที่อยูข่ า้ งในแล้ว
ในศาลพิจารณาคดี เซี่ยโห้วหลงเฉิงกําลังนัง่ พิงเก้าอี้ ใช้ขาสองข้างพาดบนโต๊ะยาว มองดูเหมียวอี้ที่
เดินเข้ามาอย่างเย็นเยียบ แล้วโบกมือเบา ๆ ไล่ลูกน้องทั้งหมดออกไป
“หนิวโหย่วเต๋ อ เรื่ องที่ขา้ แต่งงานกับหวงฝู่ พอจะมีหวังบ้างรึ เปล่า?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งเอนกายกระดิก
เท้าถาม
แต่งงานบ้าอะไรล่ะ! นางนอนกับข้าไปแล้วโว้ย! เหมียวอี้พึมพําในใจ รู ้แล้วว่าเจ้าบ้านี่เรี ยกตนมา
เพราะเรื่ องนี้ จึงตอบด้วยสี หน้าลําบากใจ “ตอนนี้ยงั ไม่มี”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงถลันตัวพรวดเข้ามาทันที ชี้หน้าเหมียวอี้พลางตะคอกอย่างโมโห “แล้วเจ้ายังมีหน้าไป
นู่นไปนี่อย่างสบายใจอีกเหรอ ข้าไปหาเจ้าแต่กห็ าไม่เจอ เจ้าใจกล้าไม่เบา บังอาจไม่เห็นความสําคัญ
เรื่ องของข้า!”
เหมียวอี้ถอนหายใจ “ข้าก็ไม่มีหนทางแล้วเหมือนกัน! ใช่วา่ เจ้าจะไม่รู้เรื่ องขยายสาขาร้านขายของชํา
ข้าวิง่ เต้นไปทัว่ ก็ยงุ่ เหมือนกัน!”
“การขายสาขาร้านขายของชําสําคัญกว่า หรื อเรื่ องข้าแต่งเมียสําคัญกว่า?” เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งถามอย่าง
โมโห
เจ้าแต่งเมียแล้วเกี่ยวบ้าอะไรกับข้าล่ะ! เหมียวอี้พดู ไม่ออกมาก “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้ว เจ้ามีท้ งั อํานาจทั้ง
อิทธิพล ยังกลัวจะขาดผูห้ ญิงอีกเหรอ? มีผหู ้ ญิงสวยแบบไหนที่หาไม่ได้บา้ ง ทําไมดึงดันจะกัดกระดูก
แข็งอย่างผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ อยูไ่ ด้?”
“ในใต้หล้านี้ยงั หาใครที่สวยกว่าหวงฝู่ ได้อีกเหรอ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งถาม
พอแล้ว! สงสัยจะเป็ นการดีดฉิ นให้ควายฟัง ในสายตาเจ้าบ้านี่ หวงฝู่ จวินโหรวสวยที่สุดในใต้หล้า!
เหมียวอี้จึงยิม้ เจื่อนตอบไปว่า “ไม่ใช่วา่ ข้าไม่ช่วยเจ้านะ แต่หวงฝู่ จวินโหรวมีเงื่อนไข ข้ากลัวว่าเจ้าจะ
ไม่ตอบตกลง”
“เงื่อนไขอะไร? พูดมาได้เลย!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงถามทันที
เหมียวอี้ตอบว่า “แต่งงานเข้าบ้านผูห้ ญิง! ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ บอกแล้ว ผูห้ ญิงของตระกูลหวงฝู่ ไม่
แต่งงานออก ผูช้ ายต้องแต่งงานเข้าบ้านหวงฝู่ ”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงพุน่ เสี ยงทางจมูก แล้วบอกว่า “ยังนึกว่าเงื่อนไขอะไร กฎบ้า ๆ ของตระกูลหวงฝู่ ข้ารู ้
ตั้งนานแล้ว ก็แค่แต่งงานเข้าตระกูลเอง เรื่ องจิ๊บจ๊อย”
เหมียวอี้เบิกตาโพลง ถามอย่างรู ้สึกเหลือเชื่อว่า “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วเต็มใจจะแต่งงานเข้าบ้านนาง
เหรอ?” เขารู ้สึกว่าเป็ นไปไม่ได้ เจ้าบ้านี่มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ยิง่ มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ก็ยงิ่ เป็ นไป
ไม่ได้ที่จะแต่งงานเข้าบ้านผูห้ ญิง
“ลูกชายผูส้ ง่าผ่าเผยอย่างข้าจะแต่งงานเข้าบ้านผูห้ ญิงทําบ้าอะไร เสี ยหน้าไม่ไหวหรอก!”เซี่ยโห้วหลง
เฉิ งพูดดูถูกว่า “ขอแค่นางเต็มใจอยูก่ บั ข้า เรื่ องแต่งงานเข้าบ้านผูห้ ญิงก็ไม่ใช่เรื่ องใหญ่ ข้าจะขอให้
ราชันสวรรค์ประทานงานสมรสให้ แบบนี้ตระกูลหวงฝู่ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว ประเด็นสําคัญคือ
ต้องให้นางตอบตกลงแต่งงานกับข้า เข้าใจมั้ย?”
เหมียวอี้ตกตะลึงมาก ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าบ้านี่จะหาทางทําให้ประมุขชิงประทานงานสมรสได้ แบบนี้ตอ้ ง
มีเส้นสายเยอะขนาดไหนกันเชียว? จึงอดถามไม่ได้วา่ “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้ว เจ้าติดต่อกับราชันสวรรค์
ได้เหรอ?”
พอพูดถึงเรื่ องนี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็อึกอักเหมือนอยากตอบ แต่สุดท้ายก็ข่มคําพูดเอาไว้ เห็นได้ชดั ว่า
ตั้งใจจะหลีกเลี่ยงไม่พดู ถึง โบกมือบอกว่า “ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะถาม เจ้ารี บหาทางจัดการก็พอ ถ้าให้
โค่วเหวินหลานคว้าโอกาสไปก่อน ข้าจะเล่นเจ้าให้ถึงตาย”
“อย่าบอกนะว่าผูบ้ ญั ชาการโค่วก็ยนิ ดีจะแต่งงานเข้าบ้านผูห้ ญิง?” เหมียวอี้ถามหยัง่ เชิง
“เหลวไหล! เจ้าหนุ่มหน้าขาวนัน่ ก็ขอให้ราชันสวรรค์ประทานงานสมรสได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะ
มีสิทธิ์อะไรมาแย่งผูห้ ญิงกับข้าล่ะ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงทําสี หน้าไม่สบอารมณ์
เหมียวอี้พดู ไม่ออกแล้ว แอบตกใจ สงสัยว่าเจ้าบ้าที่อยูต่ รงหน้ากับโค่วเหวินหลานมีที่มาแปลก
ประหลาดอย่างไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถใช้เส้นสายกับทางราชันสวรรค์ได้
สิ่ งนี้ยงิ่ ทําให้เขาหวาดกลัว ถ้าเล่นงานเจ้าบ้านี่ถึงตาย ก็ไม่รู้วา่ จะเกิดภัยอะไรตามมา คาดว่าคงร้ายแรง
กว่าปล้นเกาะศักดิ์สิทธิ์เสี ยอีก แต่สิ่งที่ทาํ ให้เขาแปลกใจก็คือ มีภูมิหลังเส้นสายแบบนี้ยงั ขาดเงินอีกแห
รอ? จําเป็ นต้องเที่ยวตักตวงเงินคนอื่นไปทัว่ แบบนี้อีกเหรอ?
ขณะที่กาํ ลังคุยกัน จู่ ๆ ด้านนอกก็มีคนเข้ามารายงาน “นายท่าน ข้างนอกมีพระสงฆ์จากแดนสุ ขาวดี
รู ปหนึ่งมาหาขอรับ”
“คนของแดนสุ ขาวดีจะถ่อมาทําอะไรที่นี่?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงงุนงง แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าแน่ใจนะ
ว่าเป็ นคนของแดนสุ ขาวดี?”
อย่าว่าแต่เขาที่แปลกใจ แม้แต่เหมียวอี้กฉ็ งนใจเช่นกัน ตําหนักสวรรค์กบั แดนสุ ขาวดีอยูส่ ู งสุ ดใน
บรรดาเก้าโลก เขายังไม่เคยเห็นคนที่มาจากสองแห่งนั้นเลย ไม่รู้วา่ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งมาจากตําหนัก
สวรรค์ดว้ ยรึ เปล่า
ทหารที่เข้ามารายงานตอบว่า “ดูเหมือนจะใช่ น่าจะไม่ปลอมนะขอรับ”
“มาหาข้าเหรอ” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงถามอีก
“ไม่ได้มาหานายท่านขอรับ มาหาเขา” ทหารชี้ไปที่เหมียวอี้ “บอกว่าท่านนี้ติดหนี้เขาอยู่ เขามาคิด
บัญชี”
“มาหาข้า?” เหมียวอี้ช้ ีหน้าตัวเอง ถามกลั้วหัวเราะว่า “ล้อเล่นอะไรกัน ข้าจะไปติดเงินคนของแดน
สุ ขาวดีได้อย่างไร?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกลับหัวเราะร่ า โบกมือบอกอย่างรู ้สึกสนใจ “เชิญเข้ามา มายืนยันต่อหน้าเดี๋ยวก็
กระจ่างเอง”
“ขอรับ!” ทหารเอ่ยรับแล้วถอยออกไป
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งกลับไปนัง่ หลังโต๊ะยาวเพื่อรอดูเอาสนุก ส่ วนเหมียวอี้กเ็ ดินไปนัง่ ลงตรงเก้าอี้ดา้ นข้าง
ทําสี หน้าอึดอัดใจ เขาเป็ นใครกัน?
ผ่านไปครู่ เดียว พระสงฆ์ผบู ้ ริ สุทธิ์ผดุ ผ่องรู ปหนึ่งที่สวมจีวรสี ขาวก็ถูกนําทางเข้ามา ดูเป็ นอัจฉริ ยบุรุษ
ที่หล่อเหลา แค่มองปราดเดียวก็รู้สึกว่าโดดเด่นไม่ธรรมดา บนตัวมีสง่าราศีของพระสงฆ์ ท่วงทีที่สง่า
งามแบบนี้ทาํ ให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิงตะลึงงันเล็กน้อย ไม่เหมือนพระสงฆ์ที่มาจากสถานที่ธรรมดาทัว่ ไป
เลยจริ ง ๆ
เหมียวอี้กลับตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่น่าเชื่อว่าพระสงฆ์ที่มาจะเป็ นศีลแปด เหมียวอี้พดู ไม่ออกแล้ว
แอบด่าในใจว่าเจ้าบ้านี่เล่นอะไรของเจ้า กล้าแม้กระทั้งแอบอ้างเป็ นคนของแดนสุ ขาวดี
ศีลแปดกวาดตามอง พอเห็นเหมียวอี้นงั่ สงบอยูอ่ ย่างนั้น ไม่เหมือนคนที่มีปัญหาอะไร ในใจก็รู้สึกโล่ง
ตอนนี้หายห่วงแล้ว
เมื่อเห็นว่าเป็ นคนที่มาจากแดนสุ ขาวดีจริ ง ๆ เซี่ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่สะดวกจะวางก้ามเช่นกัน เดินอ้อม
หลังโต๊ะยาวมากุมหมัดคารวะ “เซี่ยโห้วหลงเฉิงผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตกของตลาดสวรรค์ดาว
เทียนหยวน ขอคารวะ ไม่ทราบว่าไต้ซือมาจากสถานที่ศกั ดิ์สิทธิ์ส่วนไหนของแดนสุ ขาวดี?”
“อามิตตาพุทธ!” ศีลแปดประนมมือ แล้วกล่าวพร้อมยิม้ อย่างบริ สุทธิ์ไร้ราคี “มิใช่มารมิใช่โจร ไม่หยุด
นิ่งไม่วา่ งเปล่า ไร้คราบไร้ฝน”
ุ่
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งอ้าปากกว้าง รู ้สึกมึนงงนิดหน่อย ฟังไม่เข้าใจเลย มาจากไหนกันแน่?
เขาเอียงหน้าหันมองเหมียวอี้ ไม่รู้วา่ เหมียวอี้ฟังเข้าใจหรื อเปล่า ในเมื่อรู ้จกั กับเหมียวอี้ เขาเดาว่า
เหมียวอี้คงรู ้วา่ อีกฝ่ ายมาจากไหน
ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะกําลังเอียงหน้ามองเขาอยู่ ฟังไม่รู้เรื่ องเช่นกัน กําลังจะถามพอดีวา่ เขาฟังเข้าใจรึ
เปล่า เหมียวอี้คิดว่าในเมื่อศีลแปดกล้าแอบอ้างว่าเป็ นคนของแดนสุ ขาวดี ก็คงนําชื่อสถานที่ที่เคยได้
ยินจากที่ไหนสักแห่งมาแอบอ้าง เซี่ ยโห้วหลงเฉิงอาจจะรู ้กไ็ ด้วา่ เป็ นที่ไหน
ทั้งสองถลึงตาใส่ กนั
ที่จริ งความหมายของศีลแปดก็คือ ไม่ตอ้ งยึดติดว่าเขามาจากที่ไหน แต่ชาวพุทธมักจะชอบอะไรแบบนี้
จะพูดทุกอย่างให้ดูคลุมเครื อ เหมือนจะใช่แต่กไ็ ม่ใช่ ลึกลับซับซ้อน เปรี ยบเปรี ยบแฝงคติ ทําให้ทุกคน
พยายามบรรลุ อันที่จริ งต่อให้บรรลุแล้ว ท้ายที่สุดก็ยงั ต้องกินเที่ยวเยีย่ วขี้อยูด่ ี ส่ วนศีลแปดนั้น
หลอกลวงคนอื่นจนเป็ นนิสยั ท่าทางแบบนี้ยอ่ มเป็ นสิ่ งที่ฝึกมาจนชํานาญแล้ว
แต่เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งดันไม่อยากเสี ยหน้า แสร้งทําท่าเหมือนฟังรู ้เรื่ อง พยักหน้าขานรับแล้วบอกว่า “ช่าง
เป็ นสถานที่ที่ดีจริ ง ๆ ไม่ทราบว่าไต้ซือมีฉายานามว่าอะไร”
ที่จริ งเหมียวอี้กพ็ อจะมองออกนิดหน่อยว่าเขาฟังไม่รู้เรื่ อง เพียงแต่สงสัยในใจ ตกลงเจ้าฟังออกจริ ง ๆ
หรื อแกล้งฟังออก
ศีลแปดตอบเสี ยงเรี ยบว่า “ศีลข้อหนึ่งคือเว้นจากการฆ่าสัตว์ตดั ชีวติ ศีลข้อสองคือเว้นจากการลักขโมย
ศีลข้อสามคือเว้นจากการประพฤติผดิ ในกาม ศีลข้อสี่ คือเว้นจากการพูดโกหก ศีลข้อห้าคือเว้นจากสุ รา
ศีลข้อหกคือเว้นจากการฟ้ อนรําขับร้อง ศีลเจ็ดคือเว้นจากการนัง่ นอนเหนือเตียงตัง่ ศีลแปดเว้นจาก
การบริ โภคอาหารในยามวิกาล อาตมามีฉายานามว่าศีลแปด!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงฟังจนอึ้งแล้วอึ้งอีก ฟังและทําความเข้าใจอยูต่ ้ งั นาน พอฟังถึงตอนท้ายถึงได้รู้วา่
อธิบายที่มาของฉายานาม คิดไปคิดมามาก็พบว่าเป็ นสองคําสุ ดท้าย จําเป็ นต้องทําให้ยงุ่ ยากขนาดนั้น
มั้ย? เข้าพึมพําในใจ คุยกับพระสงฆ์รูปนี้เหนื่อยจริ ง ๆ … เขายิม้ แห้งพร้อมบอกว่า “ที่แท้กเ็ ป็ นไต้ซือ
ศีลแปด…” เขารี บวกเข้าหาประเด็น กลัวว่าอ้อมไปอ้อมมาแล้วสมองจะมีไม่พอใช้งาน ชี้เหมียวอี้
พร้อมถามว่า “ได้ยนิ ว่าไต้ซือมาคิดบัญชีกบั หนิวโหย่วเต๋ อเหรอ?”
“ใช่แล้ว!” ศีลแปดพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปพูดกับเหมียวอี้ “ฆราวาส ไม่เจอกันหลายปี อาตมามาท
วงเงินทําบุญคืนจากเจ้า”
เงินทําบุญ? เงินทําบุญหัวโปกเจ้าสิ ! เหมียวอี้ยนื ขึ้นแล้วขมวดคิ้ว “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้กเ็ ป็ นไต้ซือศีล
แปดนี่เอง ทําไมท่านถึงมาเก็บเงินที่นี่ล่ะ ไม่ดูเสี ยบ้างว่าที่นี่คือที่ไหน” ในใจเดือดดาลมาก ในนํ้าเสี ยง
เจือความโมโหหลายส่ วน เพราะเคยสัง่ ไว้แล้วว่ามาที่นี่หา้ มประกาศว่ามีความเกี่ยวข้องกับเขา
ศีลแปดยิม้ พร้อมเอ่ยว่า “จิตว่าง ดวงตาว่าง มีที่ใดบ้างที่ไปไม่ได้?”
เซี่ ยโห้วหลงเฉิงพูดแทรกอย่างประหลาดใจ “ไต้ซือศีลแปด เขาไปติดเงินทําบุญท่านได้อย่างไร ติดเงิน
ท่านเท่าไร?”
ศีลแปดหันมามองเขาแล้วยิม้ บาง ๆ “เงินคือกรรม เพื่อที่จะตัดกรรม เท่าไรก็ไม่สาํ คัญหรอก อาตมา
เห็นว่าผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วมีสติปัญญามาก อยากจะไขปริ ศนาของพุทธธรรมร่ วมกับผูบ้ ญั ชาการ ไม่
ทราบว่าผูบ้ ญั ชาการคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
ข้าจะไปมีสติปัญญาบ้าบออะไรล่ะ! เซี่ยโห้วหลงเฉิงปวดหัวทันที หัวเราะแห้ง ๆ พร้อมบอกว่า “ผู ้
บัญชาการผูน้ ้ ีโง่เขลา สนทนาธรรมกับไต้ซือไม่ไหว! เอ่อคือ ผูบ้ ญั ชาการผูน้ ้ ียงั มีงานต้องทํา ไม่
รบกวนการทวงเงินทําบุญของไต้ซือแล้ว” กุมหมัดคารวะส่ งแขก
ศีลแปดทําสี หน้าสุ ดแสนจะเสี ยายทันที ส่ วนเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ส่งสายตาให้เหมียวอี้ไม่หยุด ให้เหมียว
อี้รีบพาพระสงฆ์พรํ่าเพ้อคนนี้ออกไป อย่ามาสร้างความรําคาญให้เขาที่นี่ เขาเองก็ไม่สะดวกจะไป
ล่วงเกินคนของแดนสุ ขาวดี เหมียวอี้เองก็ไม่อยากเห็นศีลแปดมาก่อเรื่ องซี้ ซ้ วั ที่นี่แล้ว รี บกล่าวอําลา
ทันที พอออกจากศาลพิจารณาคดี ระฆังดาราในกําไลเก็บสมบัติกส็ ่ งเสี ยงดัง ไม่น่าเชื่อว่าจงหลีค่วยจะ
ส่ งข่าวมา ถามว่าเหมียวอี้อยูท่ ี่ไหน บอกว่าจะมาหา เหมียวอี้ยอ่ มตอบว่าที่เดิม
“ใครส่ งข่าวมา?” ศีลแปดแปลกใจ
เหมียวอี้ไม่ตอบ เพียงเดินออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการไป เมื่อเดินอยูบ่ นถนนแล้ว ถึงได้แอบถ่ายทอดเสี ยง
ตําหนิศีลแปด “เจ้านี่ใจกล้าไม่เบา บังอาจแอบอ้างว่าเป็ นคนของแดนสุ ขาวดี เจ้ารู ้รึเปล่าว่าเซี่ยโห้ว
หลงเฉิ งมีใครหนุนหลัง? เจ้าบ้านัน่ อาจจะมาจากตําหนักสวรรค์กไ็ ด้ ถ้าสามารถคุยกับฝ่ ายประมุขชิง
ได้ ไม่แน่วา่ อาจจะไปมาหาสู่กบั แดนสุ ขาวดี ถ้าเขาจับได้วา่ เจ้าเล่นละคร ข้าจะคอยดูวา่ เจ้าจะยุติปัญหา
ยังไง!”
“เจ้าหมีควายนัน่ มีภูมิหลังใหญ่โตขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นถ้ามีโอกาสจะต้องทําความรู ้จกั สักหน่อย
แล้ว” ศีลแปดตื่นเต้นประหลาดใจ
เหมียวอี้จึงกล่าวอย่างโมโห “ทําความรู ้จกั บ้าอะไรล่ะ เจ้าบ้านัน่ ทั้งโลภเงินทั้งไร้เหตุผล เจ้าอย่าไปยุง่
กับเขาเลย อย่าหาเรื่ องใส่ ตวั ตอนนี้ขา้ ไปยุง่ กับเขาแล้ว จะสลัดทิ้งยังไงก็สลัดไม่หลุด ข้าถามหน่อย
เถอะ เจ้าเห็นคําพูดข้าเป็ นแค่ลมที่ผา่ นหูใช่ม้ ยั ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าอย่าประกาศความสัมพันธ์ระหว่าง
เราสองคน ทําไมเจ้ายังมาที่นี่อีก?”
ศีลแปดร้องขอความเป็ นธรรมทันที “ท่านคิดว่าข้าอยากทํารึ ไง! พวกเรามองจากบนโรงเตี๊ยมแล้วเห็น
ท่านโดนทหารสวรรค์จบั ตัวไป พี่สะใภ้ร้อนใจมาก ข้าเองก็โดนกดดันจนไม่มีทางเลือก ถึงได้มาสื บ
ข่าว ตอนนี้พี่สะใภ้ยงั รอฟังข่าวจากข้าอยูน่ ะ”
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปปลอมตัวแล้วค่อยกลับไป” เหมียวอี้พดู ทิ้งท้าย แล้วแยกทางกับศีลแปด
ที่ปากซอยแห่งหนึ่ง
ตอนที่ 938

ศีลแปดหนีไปแล้ว

ตอนที่ตวั เองไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ไม่จาํ เป็ นต้องกังวลมากขนาดนี้ แต่หลังจากมีภรรยาก็เท่ากับมี


อีกครึ่ งชีวติ เพิม่ ขึ้นมา ไม่วา่ จะเป็ นนิสยั ใจคอหรื อการวางตัวในสังคมก็จะต้องคํานึงถึงอีกครึ่ งหนึ่งด้วย
ต้องสํารวมท่าทีไว้บา้ ง เจ้าจะทําเหมือนมีไม่นางอยูบ่ นโลกนี้ไม่ได้ จะทําตัวเหมือนที่ผา่ นมาไม่ได้
เรื่ องที่ท้ งั สองทําร่ วมกันย่อมไม่ใช่เรื่ องของคนคนเดียวอยูแ่ ล้ว
เหมียวอี้รู้วา่ อวิน๋ จือชิวต้องร้อนใจมากแน่นอน หลังจากปลอมตัวแล้วจึงรี บกลับไปที่โรงเตี๊ยม
ถึงแม้จะได้ยนิ ศีลแปดบอกว่าเหมียวอี้ไม่เป็ นอะไร แต่พอได้เห็นเหมียวอี้กลับมาอย่างปลอดภัย อวิ๋
นจือชิวถึงได้ตบหน้าอกอย่างโล่งใจ เดินเข้าไปรับและถามว่า “หนิวเอ้อร์ ไม่เป็ นไรใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้นงั่ ลงข้าง ๆ แล้วส่ายหน้าตอบว่า “จะมีเรื่ องอะไรได้ล่ะ ก็ผบู ้ ญั ชาการหมีควายที่ขา้ เคยเล่าให้
เจ้าฟังนัน่ แหละ”
อวิน๋ จือชิวริ นนํ้าชามาวางข้าง ๆ เขา แล้วนัง่ ลงถาม “เจ้าอยูข่ องเจ้าดี ๆ เขามาจับตัวเจ้าไปทําไม?”
“ไม่ถือว่าจับตัวหรอก แต่เจ้าบ้านัน่ ไม่พดู กันด้วยเหตุผลเลย อีกฝ่ ายมีคนหนุนหลัง ก่อให้หาเรื่ องคน
อื่นตัวเองก็ไม่เป็ นไร ไม่จบั ข้ามัดไปก็ดีเท่าไรแล้ว”
“จับตัวเจ้าไปก็ตอ้ งมีสาเหตุสิ?”
ที่จริ งเหมียวอี้ไม่อยากพูดเรื่ องที่เกี่ยวข้องกับหวงฝู่ จวินโหรวเลย เขายิม้ ขื่นขมพลางเล่าว่า “เจ้าเองก็
เห็นสาเหตุแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวผูจ้ ดั การร้านค้าสมาคมวีรชน ผูบ้ ญั ชาการหมีควายคนนี้ชอบนาง เขารู ้
ว่าข้ารู ้จกั กับผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ เลยดันทุรังจะให้ขา้ เป็ นพ่อสื่ ออยูไ่ ด้ อีกฝ่ ายไม่ชอบเขา แต่เขากลับ
เกาะติดไม่ปล่อย ข้าจะมีหนทางอะไรได้อีก”
“ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้” อวิน๋ จือชิวพยักหน้า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ นัน่ ก็หน้าตาสะสวยไม่ธรรมดาจริ ง ๆ มีคน
มาจีบก็เป็ นเรื่ องปกติมาก”
เหมียวอี้ยกนํ้าชาจิบแก้คอแห้ง แล้วพูดพึมพําว่า “ฮูหยิน เจ้าเองก็ได้มาเห็นที่นี่แล้ว ควรจะกลับได้แล้ว
หรื อเปล่า? เวยเวยเพิง่ จะเริ่ มงาน กลัวว่าจะมีหลายเรื่ องที่ยงั ไม่คุน้ ”
“ทําไม?” อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองทันที ถามด้วยนํ้าเสี ยงไม่เป็ นมิตรว่า “ข้าขัดหูขดั ตาเจ้าเหรอ อยากจะ
ไล่ขา้ กลับแล้วล่ะสิ ?”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้ว “เฮ้อ! ข้าจะกล้าได้ยงั ไง! เมื่อครู่ น้ ีจู่ ๆ เจ้ารองก็บุกไปที่จวนผูบ้ ญั ชาการ ทํา
เอาข้าตกใจแทบแย่ ข้าจะบอกความจริ งให้แล้วกัน โรงเตี๊ยมที่เจ้าพักอยูก่ ไ็ ม่ใช่ที่พกั ที่มนั่ คงปลอดภัย
ใครกล้ารับประกันว่าอยูท่ ี่โรงเตี๊ยมแล้วจะปลอดภัย พวกเราหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยูแ่ บบนี้ สักวันจะต้อง
โดนคนที่สนใจจับได้แน่นอน แบบนี้ไม่เป็ นผลดีกบั เจ้า ข้าเป็ นห่วงเรื่ องความปลอดภัยของเจ้า ไม่มี
ทางทํางานได้อย่างสงบใจเลย ไม่มีสมาธิจะฝึ กตนด้วย เข้าใจรึ เปล่า?”
ที่แท้กเ็ ป็ นห่วงเรื่ องความปลอดภัยของนาง! อวิน๋ จือชิวรู ้สึกหวานซึ้ งในใจ มองเขาอย่างอ่อนโยนแวบ
หนึ่ง แล้วลุกขึ้นมานัง่ ตักเขา เอามือคล้องคอเขาพลางพูดด้วยนํ้าเสี ยงนุ่มนวลว่า “หาที่พกั ที่มนั่ คง
ปลอดภัยได้ไม่ยากหรอก เปิ ดร้านที่ตลาดสวรรค์สกั ร้านก็สิ้นเรื่ องแล้ว เครื่ องประดับนัน่ ขายดีมาก
ไม่ใช่เหรอ พวกเราคิดหาทางทําร้านขึ้นมาสักร้านดีม้ ยั ? เจ้าอยูท่ ี่นี่กม็ ีเส้นสายอยูบ่ า้ งไม่ใช่เหรอ ช่วยข้า
หาหน้าร้านสักร้านดีไหม?”
เหมียวอี้เกาศีรษะ “ข้าก็เตรี ยมจะทําแบบนี้เหมือนกัน หาเส้นสายเพื่อตั้งร้านสักร้านน่าจะไม่ยาก แต่คน
ที่มีเส้นสายพวกนั้นก็จะมอบให้เปล่า ๆ โดยไร้เหตุผลไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ในมือเรายังไม่มีเงินเยอะ
ขนาดนั้น ถ้าจะซื้ อร้านค้าที่ตลาดสวรรค์สกั ร้านก็ตอ้ งใช้เงินไม่นอ้ ยเลย ที่ร้านขายของชําก็ตอ้ งการ
เงินทุนเพื่อขยายสาขา กําไรพิเศษลดลงฮวบฮาบ เกรงว่าต้องรออีกสักพักแล้วค่อยว่ากัน”
“รอหน่อยก็ไม่เป็ นไร หนิวเอ้อร์ งั้นข้าก็ตอบตกลงเจ้าแล้ว” อวิน๋ จือชิวใช้สองมือกอบใบหน้าเขา
พร้อมกล่าวอย่างจริ งจังตั้งใจ
อันที่จริ งแล้ว ถ้ายังจัดการความสัมพันธ์ระหว่างตนกับหวงฝู่ จวินโหรวให้ชดั เจนไม่ได้ เหมียวอี้กไ็ ม่
อยากให้อวิน๋ จือชิวมาที่นี่เลย คิดไปคิดมาก็เลยยื้อเวลาไว้ก่อนดีกว่า ยังบอกเวลาแน่นอนไม่ได้ อย่าง
มากถ้าถึงตอนนั้นก็ค่อยหาข้ออ้างอีกที เขาจึงพยักหน้าตอบว่า “ของที่ฮูหยินอยากได้ ข้าจะไม่พยายาม
เต็มที่ได้อย่างไร!”
อวิน๋ จือชิวยิม้ หน้าระรื่ น สวยหยาดเยิม้ มาก ริ มฝี ปากแดงน่าหลงใหลยืน่ เข้ามาจูบ ลิ้นหอมเป็ นฝ่ ายรุ ก
ลํ้าเข้ามาพัวพันในช่องปากเหมียวอี้ก่อน
เมื่อปะเหลาะให้นางมีความสุ ขแล้ว ทุกอย่างก็ยอ่ มพูดง่ายตามไปด้วย หลังจากถอนจูบ นางก็เอามือ
คล้องคอเหมียวอี้อีก “กลับไปก่อนก็ดีเหมือนกัน ข้าคิดเอาไว้แล้ว จะขายแต่เครื่ องประดับอย่างเดียว
ไม่ได้ ข้าจะซื้ อผลึกม่วงกับผลึกแดงกลับไปก่อน แล้วให้ตกั๊ แตนแปรรู ปสักหน่อย กลัน่ ให้บริ สุทธิ์
ก่อน รอให้ได้หน้าร้านมาแล้ว เราก็จะขายทั้งเครื่ องประดับทั้งวัสดุหลอมของวิเศษที่มีความบริ สุทธิ์สูง
กําไรที่ได้น่าจะไม่แย่เท่าไรหรอก”
เหมียวอี้อยากจะให้นางไปไว ๆ รี บพยักหน้าให้ความร่ วมมือกับนาง “ให้ขา้ ทําเกราะรบป้ องกันตัวสัก
ชุดก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเอาไปให้เยารั่วเซี ยนหลอมสร้าง ถ้าไม่มีของไว้ป้องกันตัวสักหน่อย ข้าก็รู้สึกไม่
มัน่ ใจ”
เมื่อได้ยนิ เรื่ องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเขา อวิน๋ จือชิวก็เริ่ มทําสี หน้าจริ งจัง ครุ่ นคิดในใจว่า
ต้องรี บกลับไปทําเวลาหน่อย จะมัวชักช้าอยูท่ ี่นี่ไม่ได้ จึงพยักหน้าบอกว่า “ได้ งั้นพรุ่ งนี้ขา้ จะซื้อของ
นิดหน่อย แล้ววันมะรื นก็กลับ” จากนั้นก็ยนื่ ปากไปข้างหูเหมียวอี้ คลอเคลียที่จอนผม กระซิ บปลุกปั่ น
ว่า “แต่สองคืนที่เหลือนี้เจ้าต้องปรนนิบตั ิขา้ ดี ๆ หน่อยนะ ถ้าไม่ทุ่มเทกําลังป้ อนให้ขา้ อิ่ม ข้าก็จะไม่
ไป”
ท่านขุนนางเหมียวย่อมทําตามคําสัง่ …
เหมียวอี้เบิกผลึกม่วงกับผลึกแดงจํานวนหนึ่งออกจากร้านขายของชํา แล้วนํามามอบให้อวิน๋ จือชิว
นางจะได้นาํ กลับไปเตรี ยมตัวได้สะดวก จากนั้นก็ติดต่อกับจงหลีค่วย ฝ่ ายจงหลีค่วยเดินทางออกจาก
ปราสาทดําเนินนภาแล้ว แต่เวลาในการเดินทางจากปราสาทดําเนินนภามาถึงที่นี่ เพียงพอจะให้เขาไป
ส่ งอวิน๋ จือชิวแล้วกลับมาอีกรอบ
เช้าตรู่ ของอีกสองวันต่อมา หลังจากร่ างเปลือยทั้งสองลุกจากเตียงขึ้นไปอาบนํ้าแต่งตัวเสร็ จแล้ว ก็มา
หาศีลแปดที่หอ้ ง ปรากฏว่าเคาะห้องศีลแปดอย่างไรก็ไม่ยอมเปิ ด ข้างในไม่มีคนตอบ จึงผลักเข้าไปหา
ข้างใน แต่ไม่เห็นเงาใครเลย
เห็นเพียงตรงจุดที่สงั เกตเห็นได้ง่ายบนโต๊ะ มีแผ่นหยกวางทิ้งไว้แผ่นหนึ่ง พอเหมียวอี้หยิบขึ้นมาอ่าน
ก็หน้าดําครํ่าเครี ยดทันที
“เป็ นอะไรไป?” อวิน๋ จือชิวหยิบแผ่นหยกจากมือเขามาอ่านโดยตรง หลังจากอ่านจบก็สีหน้าเปลี่ยน
เช่นกัน ตวาดเสี ยงแหลมว่า “หาเรื่ อง! หนิวเอ้อร์ กลับไปตามหาเขาแล้วตีให้ตายเลย! ถ้าเจ้าทําไม่ลง
พี่สะใภ้คนนี้กจ็ ะไม่เกรงใจแล้วเหมือนกัน!”
ศีลแปดออกไปแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือหนีไปแล้ว พอเจ้าบ้านี้ได้ยนิ ว่าจะกลับพิภพเล็ก เขาก็ไม่ปลื้ม
แล้ว บอกว่ากลับไปพิภพเล็กแล้วน่าเบื่อ ยังไม่ได้ดูพิภพใหญ่ให้เต็มตาเลย ตอนนี้ยงั ไม่อยากกลับ
ดังนั้นจึงทิ้งจดหมายไว้แล้วแอบหนีไป ทั้งยังบอกว่าพี่ใหญ่กบั พี่สะใภ้ไม่ตอ้ งเป็ นห่วง รอให้เขาเที่ยว
ทัศนาจรจนเต็มอิ่มแล้ว ก็จะไปติดต่อกับเหมียวอี้ที่ร้านขายของชําซื่ อตรง
เหมียวอี้รีบนําระฆังดาราออกมาติดต่อศีลแปด เพื่อที่จะติดต่อกันได้สะดวก ก่อนหน้านี้เขานําระฆัง
ดาราไว้ให้ศีลแปดอีกอัน ปรากฏว่าติดต่ออย่างไรก็ไม่มีเสี ยงตอบกลับ
เหมียวอี้มนั่ ใจว่าเจ้าบ้านัน่ ต้องได้รับข้อความแล้วแน่นอน แต่จงใจไม่ตอบกลับ ถึงได้ส่งข้อความไป
บอกว่า จะไม่ให้เขากลับไป เพียงแต่มีบางอย่างต้องคุยกันต่อหน้า ให้เขากลับมาพบหน้าตน
ศีลแปดจะโดนหลอกง่ายนั้นได้อย่างไร ก็แค่ไม่ตอบกลับ และไม่รู้ดว้ ยว่าไปหลบอยูท่ ี่ไหน
“เจ้ารออยูท่ ี่นี่ก่อนนะ ข้าจะไปสื บข่าวสักหน่อย ดูวา่ เขาออกนอกเมืองไปรึ ยงั !”
เหมียวอี้พดู ทิ้งไว้แล้วออกไปทันที มุ่งตรงไปหาเซี่ ยโห้วหลงเฉิง ให้เขาช่วยถามทหารยามที่เฝ้ าประตู
เมือง ถึงอย่างไรศีลแปดก็หน้าตาโดดเด่น ตอนออกจากเมืองทหารยามจะต้องจําได้แน่นอน นอกเสี ย
จากเจ้าบ้านัน่ จะปลอมตัว
พอพูดถึงวิชาปลอมตัวของศีลแปด เหมียวอี้กป็ วดหัวนิดหน่อย นัน่ เรี ยกว่าเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปด
พันเก้าจริ ง ๆ
ธุระเล็กน้อยแค่น้ ีไม่นบั ว่าเป็ นปัญหาอะไรสําหรับเซี่ยโห้วหลงเฉิ ง เขาส่ งไปคนไปสื บที่ประตูเมืองทั้ง
สี่ ทิศทันที และไม่นานก็กลับมารายงาน มีคนเห็นศีลแปดออกจากเมืองไปแล้วจริ ง ๆ ด้วย ออกไปทาง
ประตูทิศเหนือ
เหมียวอี้รีบตามไปโดยออกทางประตูทิศเหนือ ค้นหาจนทัว่ แล้ว ทว่าดาวเทียนหยวนกว้างใหญ่ขนาด
นั้น แถมศีลแปดยังตั้งใจซ่อนตัว ผีที่ไหนจะไปหาเขาพบล่ะ ทําเอาเหมียวอี้แค้นจนกัดฟันกรอด เขย่า
ระฆังดาราเตือนเสี ยเลยว่า ศีลแปดต้องกลับมาภายในเวลาที่กาํ หนด ไม่อย่างนั้นจะได้เห็นดีกนั
ศีลแปดดื้อดึงมา ไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้น ในเวลานี้ใช้เหตุผลอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้บอกว่า
เหมียวอี้ตายแล้วเขาก็ไม่เชื่อ เมื่อพระสงฆ์รูปนี้ต้ งั ใจแล้วว่าจะหนี ถ้าอยากจะดึงกลับมาก็ไม่ได้ง่ายดาย
ขนาดนั้น
เหมียวอี้กลับโรงเตี๊ยมมารออีกหนึ่งวัน ผ่านเวลาที่กาํ หนดแล้ว แต่ศีลแปดยังไม่กลับมา
เติบโตมาพร้อมกันตั้งแต่เด็ก เหมียวอี้รู้จกั ศีลแปดดีวา่ เป็ นคนอย่างไร นิสยั เสี ยขาดคุณธรรม ใจกล้าคับ
ฟ้ า เมื่อทําเรื่ องชัว่ ไว้กจ็ ะปิ ดบังจนถึงที่สุด นอกเสี ยจากจะหมดทางถอย ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าจับตัวเขามา
ไม่ได้ เขาก็ไม่มีทางเต็มใจกลับมารับโทษแน่
หาไม่เจอแล้วจริ ง ๆ อวิน๋ จือชิวจึงแสยะยิม้ และบอกว่า “งั้นก็ยงั ไม่ตอ้ งหา พวกเรากลับกันก่อนดีกว่า
แล้วไปหาไต้ซือศีลเจ็ด ให้อาจารย์เป็ นคนสัง่ ให้เจ้ารองไสกัวกลับมา รอให้เจ้ามาที่นี่อีกรอบ แล้วค่อย
พาเขากลับไป”
เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้ารองนิสยั เป็ นอย่างไร เขาสามารถหลบไปเป็ นเจ้า
อาวาสที่สาํ นักแม่ชีได้ ถ้าไต้ซือศีลเจ็ดตามเขากลับมาได้กแ็ ปลกแล้ว เจ้ารองเคยทรยศสํานักหนีไป
หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะโดนจับกลับมาทุกรอบ เจ้าคิดว่าไต้ซือศีลเจ็ดจะควบคุมเขาได้เหรอ? ใช้อุบาย
ความเป็ นอาจารย์และลูกศิษย์กบั เขาไม่ได้ผลหรอก เขาสามารถตะโกนเรี ยกไต้ซือศีลเจ็ดว่าตาแก่โล้น
ได้ ไปหาไต้ซือศีลเจ็ดก็ไม่มีประโยชน์เลย!”
อวิน๋ จือชิวตกใจมาก “ทรยศหนีออกสํานักหลายครั้ง? เรี ยกไต้ซือศีลเจ็ดตาแก่โล้น? เอ่อ… หนิวเอ้อร์
ทําไมไม่เคยได้ยนิ เจ้าพูดถึงมาก่อนเลยล่ะ?”
นางพบว่าน้องชายของสามีคนนี้ เหมือนคนของแดนมารยิง่ กว่านางเสี ยอีก ขนาดคนของแดนมารยัง
ไม่ทรยศสํานักตามอําเภอใจอย่างนี้เลย
“เจ้าเคยเห็นใครอยากประกาศเรื่ องเน่าเหม็นในครอบครัวบ้างล่ะ?” เหมียวอี้ใช้สองมือลูบหน้า กล่าว
อย่างแค้นใจว่า “ไอ้เด็กเปรต อย่าให้ขา้ จับได้กแ็ ล้วกัน!”
ไม่มีทางเลือก ถ้าอยากจะหาตัวศีลแปดกลับมาก็ไม่น่าจะเป็ นไปได้ ทั้งสองไม่มีความสามารถที่จะ
ระดมคนให้หาทัว่ ทั้งดาวเทียนหยวน ทําได้เพียงกลับไปก่อน เป็ นไปไม่ได้ที่จะอยูร่ อศีลแปดซึ่งไม่รู้วา่
จะกลับมาวันไหน
บนท้องฟ้ าอันกว้างใหญ่ อวิน๋ จือชิวทําเครื่ องหมายระบุเส้นทางกลับมาตลอดทาง จนกระทัง่ วาด
เส้นทางกลับได้ท้ งั หมดแล้ว พวกเขาก็กลับมาถึงพิภพเล็กอีกครั้ง
เวลาที่ท้ งั สองใช้ในการเดินทางไปกลับ บวกกับเวลาที่พกั อยูท่ ี่พภิ พใหญ่ เป็ นเวลาเพียงหนึ่งเดือน
เท่านั้น เมื่อเห็นพวกเขากลับมาแล้ว ฉินเวยเวยที่ช่วงนี้เหมือนกําลังเหยียบอยูบ่ นแผ่นนํ้าแข็งบาง ๆ ใน
ที่สุดก็ได้โล่งใจเสี ยที
เมื่อได้อาํ นาจทางนี้กลับมา อวิน๋ จือชิวก็ไปเลี้ยงดูเอาใจใส่ ตกั๊ แตนพวกนั้นทันที ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะทํา
ธุรกิจจนชินแล้วหรื อเปล่า นางตั้งอกตั้งใจเรื่ องเปิ ดร้านที่ตลาดสวรรค์มาก เหมียวอี้โดนนางทิ้ง
ชัว่ คราว
เพียงแต่เหมียวอี้ในตอนนี้ไม่มีทางเปลี่ยวเหงา มีคนคอยอยูด่ ว้ ยอยูแ่ ล้ว เขาเดินไปที่ตาํ หนักอินทนิลคน
เดียว เตรี ยมจะอยูท่ ี่นี่สกั สามวัน นี่คือเจตนาของอวิน๋ จือชิวเช่นกัน อย่าให้อนุภรรยาที่เพิง่ แต่งงานใหม่
รู ้สึกอ้างว้าง จะได้ไม่มีใครมาว่าภรรยาเอกอย่างนางว่าใจดําอํามหิ ต
เมื่อได้รับรายงาน ฉินเวยเวยก็รีบนําหงเหมียน ลู่หลิ่วมาต้อนรับ ทั้งสามย่อเข่าคํานับ “นายท่าน!”
คําเรี ยกนี้ทาํ ให้เหมียวอี้รู้สึกแปลก ไม่ทนั ไรก็กลายเป็ นนายท่านแล้ว ทว่าช่วยไม่ได้ มีเพียงคืนวัน
แต่งงานเท่านั้น ที่นางสามารถเรี ยกเขาว่า ‘ท่านสามี’ ได้ หลังจากนั้นคําว่า ‘ท่านสามี’ กับ ‘ฮูหยิน’ ก็มี
เพียงเหมียวอี้กบั อวิน๋ จือชิวเท่านั้นที่เรี ยกขานกันอย่างนี้ อนุภรรยาไม่มีทางไปเทียบเสมอกับฮูหยินได้
ฉิ นเวยเวยที่อยูต่ รงหน้ายิม้ กว้างจนเห็นฟัน ดวงตานางเป็ นประกายด้วยความยินดี ชุดกระโปรงสี ขาว
ยังคงเป็ นชุดโปรด แต่กลับเปลี่ยนจากการแต่งตัวแบบลูกสาวที่เก่งกาจ กลายเป็ นชุดเครื่ องแบบของ
สตรี ที่แต่งงานแล้ว ทรงผมก็เป็ นระเบียบเรี ยบร้อยกว่าเดิม แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็ นหญิงที่มีสามีแล้ว
สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้แอบทอดถอนใจ
เหมียวอี้ยนื่ มือไปจูงมือนาง เดินเคียงคู่กนั พร้อมถือโอกาสบอกว่า “คืนนี้จะค้างกับเจ้าที่นี่”
“ค่ะ!” ฉินเวยเวยเอ่ยรับอย่างเอียงอาย
ตอนที่ 939

พิษวิญญาณโลหิตกําเริบ

ที่เขาว่ากันว่าอยูห่ ่างกันสักพักแล้วพบกันอีก จะรักกันยิง่ กว่าเพิ่งแต่งงาน คําพูดนี้ใช่วา่ จะไม่มีเหตุผล


นางกําลังแช่อิ่มอยูใ่ นความปี ติยนิ ดีของหญิงที่เพิง่ มีสามี กอปรกับไม่ได้เจอเหมียวอี้บ่อย ๆ ดังนั้นพอ
ได้เจอก็ยงั รู ้สึกหัวใจเต้นแรง พอได้ยนิ ว่าเหมียวอี้ตอ้ งการจะค้างที่นี่ ในใจก็เต็มไปด้วยความเขินอาย
หวานชื่น นี่คือข้อดีขอ้ เดียวของการเป็ นอนุภรรยา
สิ่ งที่มีไม่พอก็คือ เมื่อก่อนถึงแม้หยางชิ่งจะตําแหน่งไม่สูง แต่กเ็ ติมเต็มปั จจัยในการดํารงชีวติ ให้ฉิน
เวยเวยได้อย่างไม่มีปัญหา ฉินเวยเวยเรี ยกได้วา่ ถูกปรนนิบตั ิดูแลตั้งแต่เด็กยันโต เคยปรนนิบตั ิคนอื่น
เสี ยที่ไหนกัน
พอนัง่ ลงในศาลา หงเหมียน ลู่หลิวก็นาํ นํ้าชามาให้ ฉินเวยเวยรับมาวางไว้ตรงหน้าเหมียวอี้อย่างงุ่มง่าม
“นายท่าน เชิญดื่มนํ้าชาค่ะ!”
เหมียวอี้ยมิ้ บาง ๆ รับประทานอาหารที่นี่อย่างรู ้สึกขํา เป็ นเรื่ องที่ทาํ ให้ฉินเวยเวยกังวลมาก
ก็ช่วยไม่ได้ มีภรรยาเอกของบ้านเป็ นตัวอย่าง ไม่วา่ งานอะไรอวิน๋ จือฉิ วก็ทาํ ได้ท้ งั นั้น ทําได้ท้ งั งาน
นอกบ้านและงานในบ้าน รับรองแขกและจัดการธุระได้รอบด้าน โดยเฉพาะการดูแลเรื่ องอาหารการ
กินของเหมียวอี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็ลงมือทําเองตลอด หลังจากเป็ นท่านทูตแล้วก็ยงั ทําเหมือนเดิม ขอ
เพียงเหมียวอี้อยูข่ า้ งกาย อวิน๋ จือฉิ วก็ทาํ หน้าที่ไม่เคยขาดตกบกพร่ อง ไม่เคยยืมมือคนอื่นมาทําให้เลย
เข้าใจนิสยั การกินและรสชาติที่ถกู ปากเหมียวอี้เป็ นอย่างดี
สิ่ งเหล่านี้ฉินเวยเวยล้วนเห็นมากับตาตัวเอง ขนาดภรรยาเอกยังทําเองทุกอย่าง อนุภรรยาอย่างนางมี
สิ ทธิ์อะไรมาวางมาดเรี ยกใช้คนอื่น กลัวว่าถ้าทําได้ไม่ดีแล้วจะกุมหัวใจเหมียวอี้ไม่ได้ แล้วต่อไป
เหมียวอี้จะไม่อยากมาที่นี่ อาหารที่นาํ มาวางวันนี้ถึงแม้ฝีมือจะมีการพัฒนา แต่กลับยังทําหยาบเกินไป
ฝี มือด้านนี้ตอ้ งใช้ประสบการณ์ ใชว่าจะทําได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ตอนที่นงั่ รับประทานกับอาหารกับเหมียวอี้ ฉินเวยเวยก็ทาํ สี หน้าเขินอาย แต่กจ็ อ้ งเขาพร้อมถามอย่าง
กังวลมากว่า “นายท่าน รสชาติเป็ นอย่างไรบ้างคะ?”
ในจุดนี้เหมียวอี้จาํ เป็ นต้องบอก “เทียบกับฮูหยินไม่ได้แน่นอน แต่เจ้ากับสองพี่นอ้ งฝาแฝดไม่เคยทํามา
ตั้งแต่เด็ก ๆ ทําไม่เป็ นก็เป็ นเรื่ องปกติมาก งานหนักแบบนี้ส่งให้ลูกน้องทําไปเถอะ ไม่จาํ เป็ นต้องลง
มือทําเองให้ยงุ่ ยาก”
ทําไมรู ้สึกว่าเขากําลังว่าตนว่าไร้ประโยชน์ล่ะ? ฉิ นเวยเวยทําสี หน้าอับอายยิง่ กว่าเดิม ในใจแอบตั้ง
ปณิ ธานว่าจะทําให้ดีให้ได้ ต่อให้เทียบกับฮูหยินไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็หา้ มแย่กว่าสองพี่นอ้ งฝาแฝด จะ
ปล่อยให้ตวั เองกลายเป็ นคนไร้ประโยชน์ไม่ได้
เมื่อตกกลางคืน ฉินเวยเวยที่ช่วยเหมียวอี้ถอดเสื้ อผ้าก็พอมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
ตรงข้างอ่างอาบนํ้า ฉินเวยเวยถูกเหมียวอี้ดึงไปอาบนํ้าด้วยกันเป็ นครั้งแรก นางยังคงประหม่าเขินอาย
โดยเฉพาะการเปลือยกายล่อนจ้อนอยูต่ ่อหน้าผูช้ าย จะให้ฉินเวยเวยทนความรู ้สึกนี้ได้อย่างไร นาง
ลุกลี้ลุกลนปิ ดบังร่ างกาย แต่เหมียวอี้กลับเชยชมอย่างร่ าเริ ง แช่อยูใ่ นนํ้าพลางมองดูนางทําท่าทางเขิน
อายเพราะจะหลบก็หลบไม่พน้ จะซ่อนก็ซ่อนไม่มิด เรื อนร่ างขาวหมดจดที่สูงสง่าน่าประทับใจนั้น
ช่างเป็ นจุดเด่นจริ ง ๆ ในเวลานี้เหมียวอี้ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีวาสนาไม่เบา…
ในคํ่าคืนนั้น หลังจากพายุฝนสงบลง ฉินเวยเวยก็นอนกอดอยูใ่ นอ้อมอกเหมียวอี้ดว้ ยสี หน้าสุ ขสันต์
ใช้เสี ยงเล็กเสี ยงน้อยกระซิ บพูดคุย
พอคุยไปคุยมา จู่ ๆ ฉิ นเวยเวยก็พดู เสี ยงตํ่าว่า “นายท่าน หงเหมียนกับลู่หลิวก็ถือว่าแต่งงานมาพร้อม
กับข้าเหมือนกัน ถ้านายท่านสะดวก เมื่อได้จะได้ไปร่ วมห้องกับพวกนางคะ?”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก อีกสามวันก็ตอ้ งไปแล้ว ตอนนี้เขาจะมีอารมณ์มาทําเรื่ องนี้เสี ยที่ไหนกัน ลําพังแค่
อนุภรรยาที่มีอยูต่ รงหน้า เขาก็แทบจะอยูด่ ว้ ยไม่ครบแล้ว ทําได้เพียงตอบไปว่า “ตอนหลังค่อยว่ากัน”
ได้ยนิ ว่าผูช้ ายชอบเรื่ องแบบนี้ ฉินเวยเวยก็นึกว่าเขาไม่สะดวกจะพูดตรง ๆ เพราะอยูต่ ่อหน้านาง นาง
จึงพูดเสี ยงตํ่าว่า “ถ้ามีโอกาสข้าจะช่วยจัดเตรี ยมให้นายท่านค่ะ!”
สามวันติดต่อกัน วันนี้อยูก่ บั ฉิ นเวยเวยที่ตาํ หนักอินทนิล พรุ่ งนี้กต็ อ้ งไปอยูก่ บั หลางหลางและหวน
หวนที่ตาํ หนักคู่แฝด ขนาดเหมียวอี้เองก็ยงั รู ้สึกว่าตัวเองกําลังทําภารกิจให้เสร็ จ ทําบ่อยเกินไปแล้ว
รู ้สึกว่าความสนุกที่ควรจะมีมนั หายไป
แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เหมียวอี้กน็ ่าสงสารมากเหมือนกัน ที่ปรึ กษาคนอื่น ๆ ล้วนมีจวนที่พกั ของ
ตัวเอง แต่เขากลับไม่มี จากเมื่อก่อนที่เคยกุมอํานาจมากมาย ตอนนี้กลายเป็ นแค่ตาํ แหน่งเล็ก ๆ รู ้สึกว่า
ยิง่ อยูย่ งิ่ ถอยหลัง ตอนนี้อยูป่ ะปนกับผูห้ ญิงหลายคนในบ้านหลังเดียว แต่ถา้ เจ้าไปอยูพ่ บั พวกนางแล้ว
จะไม่ ‘มีปฏิสมั พันธ์’ ในด้านนั้นก็ไม่ได้ ถ้าอยูก่ บั คนนี้แล้วไม่อยูก่ บั คนนั้นก็จะไม่เหมาะสมอีก
แต่อนุภรรยาทั้งสามดันถูกอวิน๋ จือฉิวสัง่ ไว้ ว่าในทุก ๆ วันต้องบังคับให้เขาฝึ กคัดอักษร ถ้าหนีไปบ้าน
ไหนก็หนีไม่พน้ อวิน๋ จือฉิวต้องการตรวจสอบ พวกนางสามคนไม่กล้าขัดคําสัง่
หลังจากนั้นสามวัน อวิน๋ จือฉิวก็ส่งเหมียวอี้ข้ ึนไปบนจักรวาล ก่อนที่จะแยกกัน อวิน๋ จือชิวก็แสดง
จุดเด่นของแม่บา้ นอีกครั้ง กําชับว่า “วรยุทธ์คือรากฐาน ถ้ามีเวลาก็ขยันฝึ กตนเข้าไว้!”
“ทราบแล้วขอรับ!” เหมียวอี้รีบกุมหมัดน้อมส่ง “ฮูหยินเชิญกลับไปเถอะ!”
อวิน๋ จือฉิวกลอกตามองบน อยูด่ ว้ ยกันมาหลายปี นางจะไม่รู้จกั เขาเชียวเหรอ? นางรู ้วา่ เขากลัวนางบ่น
เยอะ จึงกําชับอีกว่า “เมื่อออกไปอยูข่ า้ งนอก จําไว้วา่ ความปลอดภัยต้องมาเป็ นอันดับแรก ถ้าไม่มีธุระ
ก็กลับมาทันที อย่าลืมว่าในบ้านดินแดนที่นุ่มละมุนของเมีย ๆ รออยู่ ถ้าอยูท่ ี่บา้ นกินไม่อิ่ม ก็อย่าไปหา
เศษหาเลยกินนอกบ้าน ถ้านางจับได้ข้ ึนมา ก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจ!” พูดจบก็ยนื่ มือ บอกใบ้วา่ ให้เขา
ไปได้แล้ว
เหมียวอี้แอบปากเหงื่อในใจ กุมหมัดคารวะนางอีกครั้ง จากนั้นก็หนั หลังให้ มองไปรอบ ๆ แวบหนึ่ง จู่
ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองหลุดพ้นจากเครื่ องจองจํา แทบจะกระปรี้ กระเปร่ าขึ้นมาในชัว่ พริ บตาเดียว เมื่อเลือก
ทิศทางของพิภพใหญ่ได้แล้ว เขามุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ ว
อวิน๋ จือฉิวที่ลอยอยูบ่ นท้องฟ้ ามองคล้อยหลังเขาจากไป นางถอนหายใจเบา “ข้าควบคุมเจ้าทําให้เจ้า
เป็ นทุกข์ขนาดนี้เชียวเหรอ? คนอื่นอยากให้ขา้ ควบคุมข้ายังไม่อยากสนใจเลย คนไร้มโนธรรม ชาติ
ก่อนข้าคงติดหนี้เจ้า…”
ตอนใกล้จะถึงดาวเทียนหยวน เหมียวอี้นาํ ระฆังดารามาติดต่อจงหลีค่วยอีกครั้ง เดาว่าต้องใช้เวลาอีก
สองวันกว่าจงหลีค่วยจะมาถึง เหมียวอี้จึงมุ่งตรงไปหาเซี่ยโห้วหลงเฉิ งที่จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมือง
ตะวันตก สอบถามว่าศีลแปดกลับมารึ ยงั
เซี่ยโห้วหลงเฉิงส่ งคนไปคอยเฝ้ าจับตาดูเรื่ องนี้แล้ว ถ้าศีลแปดกลับมา ก็จะมาคนมารายงานทางนี้ทนั ที
“ข้าว่าเจ้าจะเอาแต่สนใจพระรู ปนั้นไปทําไม? เขาหนีไปแล้ว ไม่ได้มาทวงเงินเจ้าแล้ว เจ้าควรจะดีใจสิ
ถึงจะถูก!” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งไม่เข้าใจ
“เฮ้อ! ก็ไม่ใช่วา่ จะไม่คืน แค่ตอนนี้ขา้ คืนไม่เฉย ๆ ไปมีเรื่ องกับคนของแดนสุ ขาวดีไม่ไหวหรอก!”
เหมียวอี้ถอนหายใจ
“เรื่ องเหลวไหลของเจ้าข้าไม่สนใจหรอก เจ้ารี บจัดการเรื่ องแต่งงานของข้ากับหวงฝู่ เถอะ”
“ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้ว เจ้าเร่ งข้าก็ไม่มีประโยชน์ ข้าช่วยตัดสิ นใจแทนหวงฝู่ จวินโหรวไม่ได้ ทําไมเจ้า
ไม่เป็ นฝ่ ายจีบเองล่ะ?”
“เหลวไหล! ข้าเป็ นฝ่ ายจีบเองมาหลายปี แล้ว ถ้าไม่มีธุระอะไร อีกฝ่ ายก็ไม่ให้ขา้ เข้าใกล้เลย ท่านย่า
เอ๊ย”
“ข้าบอกได้แค่วา่ ข้าจะพยายามเต็มที่แล้วกัน”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเบิกตาโพลง “เจ้าแซ่หนิว ที่เจ้าเคยซ้อมข้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกบั เจ้าเลยนะ เจ้ายัง
อยากจะมีชีวติ อยูม่ ้ ยั ?”
ไม่เคยเห็นคนพึลึกแบบนี้มาก่อน! เหมียวอี้กลัวเขาแล้ว พูดยอมศิโรราบซํ้า ๆ ว่า “ได้ ๆ ๆ ข้าจะ
พยายาม!”
ที่จริ งเขาไม่มีทางเป็ นพ่อสื่ อให้เรื่ องนี้ได้เลย ผูห้ ญิงที่ตวั เองเคยนอนด้วยแล้ว จะให้เป็ นคนกลางติดต่อ
ให้คนอื่นมันใช่เรื่ องเสี ยที่ไหนกัน?
เมื่ออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการ เดินอยูบ่ นถนนได้ไม่ไกล เหมียวอี้ที่เดินขมวดคิ้วมาตลอดทางก็หนั ขวับ
ไปมองข้างหลังอย่างอดไม่ได้ สตรี ที่รูปร่ างสะโอดสะองขาวใสกําลังเดินตามเขาอยู่ เขาหยุดนางก็หยุด
เขาเดินเร็ วนางก็เดินเร็ ว เขาเดินช้านางก็เดินช้า
เหมียวอี้จาํ ต้องหันตัวไปถาม “แม่นาง พวกเรารู ้จกั กันเหรอ? ทําไมต้องเดินตามข้า?”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก แล้วบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋ อ เจ้านี่ข้ ีลืมจริ ง ๆ เลย เจ้าลืมข้าไวขนาดนี้เชียว
เหรอ? แต่ขา้ ลืมเจ้าไม่ลงเลยนะ!”
เสี ยงแบบนี้… เหมียวอี้เบิกตากว้าง อุทานถามว่า “ปี ศาจโลหิ ต! เจ้ายังไม่ตายเหรอ?”
หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ แล้วยกมุมปากแสยะยิม้ “อาศัยแค่ฝีมืออันตํ่าต้อยของเจ้า ทําอะไรข้า
ไม่ได้หรอก คืนของมาให้ขา้ เสี ยดี ๆ แล้วข้าจะละเว้นชีวติ เจ้า!”
เหมียวอี้แอบตกตะลึงในใจ ปี ศาจตนนี้ถูกทําลายต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะยัง
สบายดีเหมือนคนไม่เป็ นอะไร ช่างน่ากลัวจริ ง ๆ เขาก้าวถอยหลังช้า ๆ “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะกล้า
แตะต้องข้าที่ตลาดสวรรค์!”
ปี ศาจโลหิ ตเข้ามาประชิดทีละก้าว ทําเอาเขาถอยจนติดกําแพง ริ มฝี ปากแดงพ่นลมหายใจกลิ่นคาว
เลือดใส่ “อยูท่ ี่นี่ขา้ ไม่กล้าแตะต้องเจ้าหรอก ข้าแนะนําให้เจ้าหัดอ่านสถานการณ์เอาไว้เสี ยบ้าง
ไม่อย่างนั้นได้ลิ้มลองรสชาติเคล็ดวิชามารโลหิ ตของข้าแน่ เจ้าหนีไม่พน้ เงื้อมมือข้าหรอก นําหุน้ สอง
ส่ วนของร้านขายของชําซื่อตรงกับของของข้าออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวติ เจ้า!”
หุน้ สองส่วนของร้านขายของชํา… นางมารร้ายหวงฝู่ ! เหมียวอี้หรี่ ตาพลางด่าในใจ โดนหวงฝู่ จวิน
โหรวหลอกเข้าแล้วจริ ง ๆ ตัวเองถามหวงฝู่ จวินโหรวเกี่ยวกับที่อยูข่ องปี ศาจโลหิ ตหลายครั้ง เพราะ
กลัวว่าจะมีปัญหาตามมา แต่หวงฝู่ จวินโหรวบอกว่าตอนนี้ปีศาจโลหิ ตใกล้จะตายแล้ว
ที่สาํ คัญที่สุดก็คือ ตนเพิ่งจะกลับมาถึงตลาดสวรรค์ แต่กโ็ ดนปี ศาจโลหิ ตจับตาดูแล้ว ปี ศาจโลหิ ต
จะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากร้านค้าสมาคมวีรชนแน่นอน ถ้าหวงฝู่ จวินโหรวไม่ได้ช่วยก็แปลกแล้ว
ถ้าปี ศาจโลหิ ตจับตาดูเขามาตั้งแต่แรก ก็คงไม่รอจนถึงตอนนี้แล้วค่อยมาดักเจอหรอก ไม่อย่างนั้นเขา
คงโดนปี ศาจโลหิ ตดักตั้งแต่ตอนอยูน่ อกเมืองแล้ว
เหมียวอี้คิดแล้วรู ้สึกกลัว ถ้าโดนปี ศาจโลหิ ตดักตอนจะกลับพิภพเล็ก เกรงว่าแม้แต่อวิน๋ จือฉิวก็จะมีภยั
ไปด้วย
ชัว่ ขณะนี้ เหมียวอี้แทบจะอยากลงมือฆ่าหวงฝู่ จวินโหรวให้ตาย เขาทําเสี ยงฮึดฮัด แล้วหันตัวเดินจาก
ไปไม่แยเสอะไรมาก ถึงอย่างไรตอนอยูท่ ี่นี่อีกฝ่ ายก็ไม่กล้าทําอะไรตน
ปี ศาจโลหิ ตยังคงเดินตามหลังเขา พลางพูดเย้ยว่า “หนิวโหย่วเต๋ อ ข้าแนะนําเจ้าให้นะ ทางที่ดีอย่าให้
ถึงขั้นสุ ราคํานับมิยอมดื่ม ต้องดื่มสุ ราทัณฑ์”
“แล้วเจ้าจะทําอะไรข้าได้ล่ะ?” เหมียวอี้พดู ดูถูก แล้วมุ่งตรงสู่ ร้านขายของชําซื่ อตรง
เมื่อขึ้นตึกมาถึงห้องนอนของตัวเอง เหมียวอี้กผ็ ลักหน้าต่างมองออกไปด้านนอก พบว่าปี ศาจโลหิ ตยัง
ไม่ได้จากไปไหน ยังยืนสบตากับเขาอยูท่ ี่ถนนฝั่งตรงข้ามร้านขายของชํา ปี ศาจโลหิ ตยกมุมปากยิม้
อย่างเจ้าเล่ห์ พลิกมือหยิบขลุ่ยสี เขาออกมาเลาหนึ่ง แล้วเป่ าบรรเลงทํานองเพลง
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว เกิดความระแวดระวังในใจ ไม่รู้วา่ นางกําลังเล่นบ้าอะไร เพราะไม่ได้ยนิ เสี ยงดนตรี
อะไรที่นางเป่ าเลย แต่ปีศาจโลหิ ตกลับเผยวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ดตรงหว่างคิว้ เห็นได้ชดั ว่ากําลังร่ าย
อิทธิฤทธิ์เป่ าบรรเลงเพลง สิ่ งที่ทาํ ให้เหมียวอี้แปลกใจก็คือ วรยุทธ์ของนางลดลงแค่สองขั้นเท่านั้นเอง
ขณะกําลังครุ่ นคิด จู่ ๆ เหมียวอี้กพ็ บความไม่ชอบมาพากล พบว่าแขนขาทั้งสี่ ของตัวเองสัน่ เทิ้มนิด
หน่อย อดไม่ได้ที่จะก้มมองสองมือของตัวเอง ภาพที่ปรากฏสู่ สายตาคือเงามายา ปรากฏเป็ นสี แดง
เลือดราง ๆ รู ้สึกว่านํ้าเลือดในร่ างกายตัวเองค่อย ๆ หมุนขึ้นหมุนลง รุ นแรงขึ้นทีละนิดราวกับพลิก
แม่น้ าํ ควํ่าทะเล เขาควบคุมไม่ได้เลย มันพุง่ ไปที่หวั ใจของเขาอย่างบ้าคลัง่ ราวกับต้องการให้หวั ใจ
ของเขาระเบิดออก ในหูได้ยนิ เสี ยงหัวใจตัวเองเต้นแรงราวกับเสี ยงกลอง ตึกตักตึกตัก อาการมึนศีรษะ
กําเริ บทีละนิด
แทบจะชัว่ พริ บตาเดียว เม็ดเหงื่อก็ผดุ เต็มหน้าผากเหมียวอี้ เขาหายใจถี่กระชั้น เบิกตากว้างมองปี ศาจ
โลหิ ตที่อยูบนถนนฝั่งตรงข้าม มองเห็นราง ๆ ว่าปี ศาจโลหิ ตที่กาํ ลังยิม้ ชัว่ ร้ายวางขลุ่ยสี ขาวในมือลง
แล้ว แต่ความเจ็บปวดในร่ างกายเหมียวอี้กลับยังไม่หายไปแม้แต่นิดเดียว กลับยิง่ รุ นแรงขึ้นด้วยซํ้า
เหมียวอี้พยายามต้านทานอย่างสุ ดชีวติ ปกป้ องเส้นเลือดใหญ่ตวั เอง หัวใจจะได้ไม่ระเบิดเพราะโดน
นํ้าเลือดไหลมารวมกัน
ตอนที่ 940

บรรลุระดับบงกชทอง

สิ่ งที่ทาํ ให้เหมียวอี้กลัวก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะไม่สามารถควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองได้เลย


แต่กไ็ ม่อาจเรี ยกว่าตัวเองควบคุมไม่ได้ ที่จริ งพลังอิทธิฤทธิ์ในร่ างกายกําลังถูกตัวเองควบคุม แต่กลับ
ไม่ใช่การควบคุมแบบที่ตวั เองต้องการ ในร่ างกายราวกับกําลังมีตวั เองอีกคนกําลังควบคุมอยู่ ความ
เจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่ างกาย เป็ นสิ่ งที่ตวั เองร่ ายอิทธิฤทธิ์ทรมานตัวเอง พลังอิทธิฤทธิ์ไม่ยอมรับการ
ควบคุมตามความตั้งใจเดิมของเขา
เหมียวอี้ที่เหงื่อไหลราวกับเม็ดฝนขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด ได้แต่บิดไปบิดมาไม่หยุดอยูอ่ ย่างนั้น รู ม่าน
ตาที่ฉ่ าํ ไปด้วยเลือดเดี๋ยวหดเล็กเดี๋ยวขยายใหญ่ หอบหายใจราวกับวัว ริ มฝี ปากสัน่ เทา อยากจะร้องขอ
ความช่วยเหลือแค่กลับไม่มีเสี ยงออกมา ลมหายใจวุน่ วายอุตลุต ไม่มีทางเอ่ยเสี ยงพูดได้เลย รู ้สึกว่า
ตัวเองร่ ายอิทธิฤทธิ์ทรมานตัวเอง ขนาดอยากจะช่วยเหลือตัวเองก็ยงั ทําไม่ได้
ใช้เวลาเพียงชัว่ พริ บตาเดียว เหมียวอี้ที่เหงื่อแตกราวกับฝนเท สุ ดท้ายก็พงั ทลายลง สองมือที่จบั บน
ขอบหน้าต่างคลายออก ร่ างกายสูญเสี ยสมดุล เอนล้มลงข้างหลัง นอนขดอยูบ่ นพื้นและชักกระตุก
อย่างรุ นแรง รสชาติความเจ็บปวดแบบนั้นไม่มีทางบรรยายออกมาได้ ตรงจุดที่น้ าํ เลือดไหลผ่านราว
กับมีดนับไม่ถว้ นกําลังกัด ในหัวเกิดภาพมายาประหลาดอย่างหนึ่ง รู ้สึกเหมือนตัวเองกลับเข้ามาอยูใ่ น
ค่ายกลมารโลหิ ตอีกครั้ง ตรงหน้าเต็มไปด้วยทะเลเลือด ผีนอ้ ยที่กลายเป็ นเลือดนับไม่ถว้ นมุดเข้าไปใน
รู ทวารทั้งเจ็ดของเขาไม่ขาดสาย แล้วกัดฉี กเนื้อในร่ างกายของเขาอย่างบ้าคลัง่ ความรู ้สึกตัวเลือนราง
แท้ ๆ แต่ความรู ้สึกเจ็บปวดกลับชัดเจนอยูใ่ นหัวของเขา
รสชาติน้ ีเจ็บยิง่ กว่าตอนที่เขาโดนไฟเผาในตอนนั้นเสี ยอีก เพราะนัน่ คือการเจ็บปวดภายนอกร่ างกาย
แต่ตอนนี้คือการเจ็บปวดภายในร่ างกาย ถึงขั้นรู ้สึกว่าเป็ นความทรมานที่มาจากวิญญาณด้วยซํ้า ราวกับ
มีมารร้ายตนหนึ่งเข้ามาแย่งชิงอํานาจในการควบคุมเลือดเนื้อร่ างกายของเขาไป
ไม่มีเสี ยงการต่อสู ้ เขาเองก็ไม่มีทางร้องขอความช่วยเหลือได้ คนของร้านขายของชําซื่ อตรงไม่รู้วา่ เกิด
เรื่ องขึ้นกับเขา มีเพียงเขาคนเดียวที่นอนรับความทรมานที่ไม่จบไม่สิ้นอยูบ่ นแผ่นไม้กระดานใน
ห้องนอน
ตอนที่เขารู ้สึกว่าตัวเองกําลังจะตาย ตอนที่เขาดิ้นรนต่อสู ก้ บั ความรู ้สึกตัวสุ ดท้าย ขณะที่สายป่ านเส้น
สุ ดท้ายกําลังจะขาด จู่ ๆ ก็รู้สึกสะท้านทั้งกายทั้งใจ ต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์สนั่ สะเทือน ลมปราณกลุ่ม
หนึ่งทะลักออกมาจากต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ ในร่ างกายราวกับมีจกั รวาลเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ ซ่อนแฝง
พลังงานเอาไว้ไม่จบไม่สิ้น พลังอิทธิฤทธิ์โหมซัดสาดพัดม้วนออกมา รู ้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัวราวกับ
ได้ดื่มสุ ราชั้นดี ความรู ้สึกพวกนั้นมาครอบรสชาติความเจ็บปวดทรมานกลุ่มนั้นเอาไว้โดยตรง
แต่สุดท้ายก็ยงั ครอบคลุมได้ไม่หมด ก่อตัวเป็ นรสชาติประหลาดอย่างหนึ่งแทน แต่ความเจ็บปวดผสม
กับความทรมานก็ทาํ ให้เขาได้สติกลับมาชัว่ คราวเช่นกัน
เหมียวอี้ที่ขดตัวอยูบ่ นพื้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ในแววตาเต็มไปด้วยความรู ้สึกเหลือเชื่อ จู่ ๆ ก็บรรลุวร
ยุทธ์แล้วเหรอ? มาบรรลุวรยุทธ์ในเวลานี้เนี่ยนะ? ไม่น่าเชื่อว่ากระดาษที่ก้ นั ระดับบงกชทองเอาไว้จะ
ถูกตนเจาะออกไปในเวลานี้ จู่ ๆ ตัวเองก็บรรลุวรยุทธ์ถึงระดับบงกชทอง บรรลุถึงระดับทะยาน
สวรรค์ที่ตวั เองใฝ่ ฝัน!
เหมียวอี้หวั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทุกครั้งที่บรรลุวรยุทธ์ ตัวเองมักจะอยูต่ รงคาบเกี่ยวระหว่างความ
เป็ นความตายเสมอ ครั้งนั้นที่บรรลุจากระดับพื้นบกไประดับต้านอากาศ ตัวเองก็เกือบจะเอาชีวติ ไม่
รอดเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะประสบเหตุการณ์คล้าย ๆ กันอีกแล้ว เล่นบ้าอะไรเนี่ย
มันเป็ นแค่ความรู ้สึกตัวเล็กน้อยชัว่ ขณะเท่านั้น ต่อให้วรยุทธ์บรรลุถึงระดับบงกชทอง แต่กร็ ะงับ
รสชาติความเจ็บปวดทรมานที่หวนกระโจนเข้าใส่ ไม่ไหว ไม่นานเขาก็จมอยูใ่ นสภาวะเลอะเลือนอีก
ครั้ง แม้แต่ความดีใจยามวรยุทธ์บรรลุถึงบงกชทอง เขาก็ยงั ไม่ทนั ได้ซึมซับกับมันเลย
แม้แต่ตวั เองก็ไม่รู้วา่ ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จนกระทัง่ ความรู ้สึกตัวค่อย ๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
รสชาติความเจ็บปวดทรมานนั้นก็หดหายไปราวกับกระแสนํ้าเช่นกัน ร่ างกายที่นอนอยูบ่ นพื้นเริ่ ม
หายใจหอบเป็ นระยะ
อาการของร่ างกายค่อย ๆ ทุเลาลง ตอนที่โซเซลุกขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองราวกับถูกช้อนขึ้นมาจากนํ้า
ทั้งตัวเปี ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อ บนไม้กระดานมีน้ าํ เปี ยกโชกกองใหญ่
ข้ายังไม่ตายโว้ย! ขณะมองดูสภาพยับเยินของตัวเอง เหมียวอี้กฝ็ ื นยิม้ ด้วยความเจ็บปวด เหมือนจะหา
เหตุผลที่ตวั เองไม่ตายได้แล้ว เพราะตัวเองอยูท่ ี่ร้านขายของชําซื่อตรง ถ้าตายอยูท่ ี่นี่ ปี ศาจโลหิ ตก็
ไม่ได้ของที่ตวั เองต้องการอยูด่ ี
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างค่อนข้างหมดแรง ใช้ฝ่ามือสองข้างยันตรงขอบหน้าต่าง มองไปด้านนอกด้วย
สี หน้าซี ดเผือด เป็ นอย่างที่คาดไว้ ปี ศาจโลหิ ตยังยืนอยูท่ ี่ฝั่งตรงข้ามของถนน
มารดาเจ้าเถอะ! ไม่น่าเชื่อว่าปี ศาจตนนี้จะช่วยให้วรยุทธ์ของตนบรรลุถึงระดับบงกชทอง เหมียวอี้ไม่รู้
ว่าจะหัวเราะหรื อร้องไห้ดี ไม่รู้วา่ ควรจะขอบคุณหรื อควรจะเคียดแค้นปี ศาจตนนั้น ถ้าไม่มีปีศาจตน
นั้นช่วย ตนก็ไม่รู้จริ ง ๆ ว่าเมื่อไรตัวเองจะบรรลุถึงบงกชทอง การบรรลุระดับใหญ่ ๆ แบบนี้เป็ นเรื่ อง
ที่พดู ยากจริ ง ๆ เป็ นสิ่ งที่แตกต่างกันไปตามแตะละบุคคล นักพรตบางคนถึงขนาดถูกพันธนาการ
ไม่ให้กา้ วหน้าไปทั้งชีวติ ดังนั้นปี ศาจตนนี้จึงช่วยเหมียวอี้ประหยัดเงินไปตั้งไม่รู้เท่าไร
เขาถึงขนาดพิจารณาว่าจําเป็ นต้องฆ่าปี ศาจตนนี้ทิ้งรึ เปล่า ถ้าในอนาคตตัวเองมีโอกาสพุง่ สู่
ระดับอนันตภาพ จะได้ให้ปีศาจตนนี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยอีกที
แน่นอนว่าปี ศาจโลหิ ตไม่รู้ ถ้าหากรู ้ละก็ เกรงว่าจะต้องโมโหจนกระอักเลือดแน่ นางยืนยิม้ เจ้าเล่ห์อยู่
ฝั่งตรงข้ามถนน พลางถ่ายทอดเสี ยงถาม “รสชาติเป็ นอย่างไรล่ะ?”
มีท้ งั ได้มีท้ งั เสี ย เหมียวอี้กลับสงบใจเย็น เพียงแต่คิดไม่ตกเท่านั้น ถึงถ่ายทอดเสี ยงถามว่า “เจ้าเล่นไม่
ซื่ ออะไรกับข้า?”
ปี ศาจโลหิ ตแสยะยิม้ “เจ้าโดนพิษ ‘วิญญาณโลหิ ต’ ของข้า พิษจะกําเริ บทุก ๆ สี่ ชว่ั ยาม กําเริ บวันละ
สามครั้ง แต่ละครั้งจะออกรสออกชาติข้ ึนเรื่ อย ๆ เมื่อครู่ น้ ีเป็ นแค่อาหารเรี ยกนํ้าย่อยเท่านั้น ตอนหลัง
เจ้าได้ดื่มดํ่าเต็มที่แน่”
โดนวางยาพิษ? เหมียวอี้ยงั คงไม่เข้าใจ ถามว่า “เจ้าลงมือวางยาพิษข้าตั้งแต่เมื่อไร?”
“เรื่ องนั้นไม่สาํ คัญหรอก ถ้าอยากมีชีวติ อยูต่ ่อ ก็ส่งของมา” ปี ศาจโลหิ ตตอบ
ถ้าโดนวางยาพิษแล้วจริ ง ๆ เหมียวอี้กไ็ ม่กลัวเลย อย่างอื่นเขาอาจจะกังวล แต่เขาไม่กงั วลเรื่ องโดนพิษ
สักเท่าไร จึงยิม้ อย่างดุร้ายพร้อมเตือนว่า “นางตัวแสบ อย่าเผลอมาตกอยูใ่ นมือข้าก็แล้วกัน
ไม่อย่างนั้นข้าจะเอาคืนเป็ นร้อยเท่า!”
“ปากแข็งเหรอ? งั้นข้าก็จะคอยดูวา่ เจ้าจะปากแข็งไปถึงเมื่อไร! ข้าจะรอเจ้าที่ร้านค้าสมาคมวีรชน ตอน
ที่มาอย่าลืมนําของของข้ามาด้วย!” เมื่อพูดเหน็บแนมเสร็ จ ปี ศาจโลหิ ตก็หนั ตัวเดินจากไปอย่างสบาย
ใจ เห็นได้ชดั ว่ามีความมัน่ ใจมาก แน่ใจว่าเหมียวอี้จะต้องมาขอร้องแน่นอน
เหมียวอี้กาํ หมัดแน่นสองข้าง ไม่เข้าใจจริ ง ๆ ว่าไปตกหลุมพรางอีกฝ่ ายได้อย่างไร หลังจากครุ่ นคิด
แล้ว ก็พบว่ามีแค่ก่อนหน้านี้ที่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ าย แต่กไ็ ม่ได้สมั ผัสโดยตรง หรื อว่าจะเพราะเป็ นลม
หายใจกลิ่นคาวเลือดที่อีกฝ่ ายพ่นใส่ ?
เขาได้แต่มองตามเงาร่ างของปี ศาจโลหิ ตหายไปที่หวั ถนน จนใจที่ทาํ อะไรอีกฝ่ ายที่ตลาดสวรรค์ไม่ได้
เขาอยากจะวิง่ ไปขอให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงช่วยเหลือ แล้วจับผูห้ ญิงคนนี้มาฆ่าให้ตายเสี ยเลย แต่เขาก็
เปลี่ยนความคิดทันที เพราะเซี่ยโห้วหลงเฉิ งไม่ยอมช่วยเรื่ องนี้แน่ อีกฝ่ ายเคยโดนหวงฝู่ จวินโหรว
ตําหนิไปรอบหนึ่งแล้ว ถ้าเทียบตนกับหวงฝู่ จวินโหรว เซี่ ยโห้วหลงเฉิงต้องเชื่อฟังคําพูดของหวงฝู่
จวินโหรวมากกว่าแน่นอน
วางเรื่ องนี้ไว้ก่อนชัว่ คราว เขาไม่อยากลิ้มรส ‘วิญญาณโลหิ ต’ อีกครั้ง ตอนนี้เรื่ องถอนพิษต้องมาเป็ น
อันดับแรก
ร่ างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรง พอหันตัวมาก็ไถลตัวตามช่องหน้าต่างนัง่ ลงบนพื้น พอนัง่ ขัดสมาธิแล้ว ก็
รี บร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูอาการในร่ างกาย ทว่าตรวจดูซ้ าํ แล้วซํ้าอีก ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าไม่พบความ
ผิดปกติใด ๆ เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพิษนัน่ ซ่อนอยูต่ รงไหน
หรื อว่าต้องรอให้พิษกําเริ บอีกครั้ง ถึงจะพบว่ามันซ่อนตรงไหน? แต่ถา้ รอให้พิษกําเริ บแล้วค่อย
แก้ปัญหา ตอนนั้นเขาก็ไม่มีทางควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองได้เลย ตัวเองจะได้ร่ายอิทธิฤทธิ์
ทรมานตัวเองอีกเหมือนเดิม แม้แต่เคล็ดวิชาอัคนีดาราในร่ างกายก็ไม่สามารถถอนพิษได้ ค่อนข้าง
ยุง่ ยากจริ ง ๆ
หลังจากทําสิ่ งที่ไร้ประโยชน์ไปรอบหนึ่ง เหมียวอี้กไ็ ม่สนใจสู ตรบ้าบออะไรแล้ว ร่ ายเคล็ดวิชาอัคนี
ดารากลัน่ เปลวเพลิงไร้รูปร่ างออกมาชําระล้างทั้งร่ างกาย ไม่ปล่อยผ่านไปแม้แต่จุดเดียว ไม่สนใจว่า
จะได้ผลหรื อไม่ พยายามฆ่าพิษให้ตวั เองอย่างถึงที่สุดรอบหนึ่ง
สรุ ปก็คือเขาไม่เชื่อว่าถ้าตัวเองมอบของคืนให้ปีศาจโลหิ ต แล้วอีกฝ่ ายจะปล่อยเขาไป ทั้งสองฝ่ ายผูก
ความแค้นต่อกันไว้ใหญ่หลวง ถูกลิขิตให้ตอ้ งตายกันไปข้าง ถ้าไม่รู้แม้กระทัง่ โดนพิษอะไรหรื อโดน
พิษตรงไหน ต่อให้ประนีประนอมกัน เจ้าก็ไม่รู้อยูด่ ีวา่ อีกฝ่ ายได้แก้พิษให้เจ้าแล้วหรื อเปล่า ชีวติ โดน
บีบอยูใ่ นมือคนอื่นแล้ว จะไปเจรจากันอย่างยุติธรรมได้อย่างไรกัน
โชคดีที่กาํ จัดพิษให้ตวั เองไปแล้ว เขารู ้จกั ร่ างกายของตัวเองดีมาก ไม่ใช่เรื่ องที่เปลืองแรงสักเท่าไร ถ้า
เปลี่ยนเป็ นคนอื่นคงจะยุง่ ยาก อาจเผลอทําให้บาดเจ็บได้
บนชั้นลอยของร้านค้าสมาคมวีรชน หวงฝู่ จวินโหรวกําลังนัง่ อยูห่ น้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง ถือปิ่ นผักผมรู ป
แมลงปอสี แดงไว้ในมืออย่างเหม่อลอย จนกระทัง่ ข้างล่างมีเสี ยงเคาะประตู ถึงได้ตอบว่า “เข้ามาได้”
พร้อมเก็บปิ่ นปักผมไว้ในกล่องเครื่ องประดับ
ปี ศาจโลหิ ตอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชดั ขึ้นมาเรี ยกพร้อมยิม้ อย่างสนิทสนม “เถ้าแก่นอ้ ย!”
หวงฝู่ จวินโหรวเอียงหน้ามองนาง แล้วถามว่า “ทําสําเร็ จแล้วเหรอ?”
ปี ศาจโลหิ ตเริ่ มหัวเราะคิกคัก “แน่นอนอยูแ่ ล้ว ข้ารู ้ดีที่สุดว่านัน่ คือสภาพตอนพิษวิญญาณโลหิ ตกําเริ บ
หลอกสายตาข้าไม่ได้หรอก ถ้าเถ้าแก่นอ้ ยได้ไปดูพร้อมกับข้าก็จะรู ้เอง ท่าทางเวลาไอ้ชวั่ นัน่ ทรมาน
จนอยากตาย รับรองว่าเถ้าแก่นอ้ ยเห็นแล้วจะสะใจมากแน่นอน”
ท่าทางทรมานจนอยากตาย? หวงฝู่ จวินโหรวเงียบไปพักหนึ่ง ไม่รู้วา่ ท่าทางเวลาหนิวโหย่วเต๋ อทรมาน
จนอยากตายเป็ นแบบไหน ไม่ตอ้ งคิดก็รู้วา่ จะต้องน่าเวทนามาก เจ็บปวดมากแน่นอน คาดว่าคนคน
นั้นคงอยากฆ่านางให้ตายแล้ว นางถามอย่างสงบนิ่งว่า “เขาตอบตกลงจะคืนของให้หรื อเปล่า?”
ปี ศาจโลหิ ตพ่นเสี ยงทางจมูก แล้วบอกว่า “ตอนนี้ปล่อยให้เขาปากแข็งไปก่อนเถอะ หนึ่งวันพิษกําเริ บ
สามครั้ง ข้าจะคอยดูวา่ เขาจะทนได้สกั กี่ครั้ง! เถ้าแก่นอ้ ยไม่ตอ้ งห่วง หลังจากพิษวิญญาณโลหิ ตกําเริ บ
ก็ไม่มีใครทนได้เกินสามวันหรอก รับรองว่าเขาจะทรมานจนทนไม่ไหว แล้วนําของกลับมาคืนแต่โดย
ดี!”
หวงฝู่ จวินโหรวเองก็ไม่รู้วา่ ตอนนี้ตวั เองอยูใ่ นอารมณ์ไหน ถามซักไซ้วา่ “เขาจะหาวิธีการถอนพิษเจอ
รึ เปล่า?”
ปี ศาจโลหิ ตยังนึกไปว่านางกลัวเหมียวอี้จะหาทางถอนพิษได้ “เถ้าแก่นอ้ ยไม่ตอ้ งห่วง พิษของข้าไม่ใช่
ยาพิษทัว่ ไป ไม่ใช่สิ่งที่ยาถอนพิษจะรับมือไหว และไม่ใช่วา่ หมอเทวดาทุกคนจะถอนพิษได้ คนที่
สามารถถอนพิษ ในใต้หล้านี้มีนอ้ ยมากจนนับนิ้วได้ ถ้าข้าไม่ได้ช้ ีแนะ ในช่วงแรกเขาจะไปหาคนที่
สามารถให้ให้ยาตรงกับโรคเจอได้อย่างไร นอกจากยอมจํานน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หรื อไม่เขาก็
ต้องตัดหัวตัวเองลงมา!”
ณ ร้านขายของชําซื่อตรง เหมียวอี้ไม่ได้ตดั หัวตัวเองลงมา เพียงแต่พบว่าหัวตัวเองมีปัญหานิดหน่อย
พอเปลวเพลิงไร้รูปร่ างกวาดชําระล้างไปจนถึงส่ วนหัว เขาถึงได้พบความผิดปกติ หมอกสี ดาํ กลุ่มหนึ่ง
ลอยวนขึ้นมาบนยอดศีรษะ ที่แท้พิษก็ซ่อนอยูท่ ี่ศีรษะตัวเอง เหมียวอี้ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ จึงแม้จะ
รู ้จกั ร่ างกายตัวเองดีมาก แต่กไ็ ม่กล้าทําอะไรประมาทกับศีรษะตัวเอง ถ้ามีอะไรผิดพลาดตัวเองอาจจะ
กลายเป็ นไอ้โง่ได้
รอจนกระทัง่ หมอกสี ดาํ ค่อย ๆ หายไปจนหมดสิ้ น เหมียวอี้กล็ ืมตาขึ้นช้า ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าถอนพิษ
หมดเกลี้ยงแล้วหรื อยัง เขาใส่ ยาแก่นเซียนเม็ดหนึ่งเข้าไปในปาก แล้วเริ่ มฟื้ นฟูพลังกายและพลัง
อิทธิฤทธิ์ที่เสี ยไป รอจนกระทัง่ ฟื้ นฟูกาํ ลังวังชากลับมาอีกครั้ง เหมียวอี้กถ็ อนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้ว
ยืนขึ้น เขากําหมัดสองข้าง เสื้ อผ้าปลิวสะบัดเองโดยไร้ลม พลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดอยูใ่ นร่ างกาย
ราวกับแม่น้ าํ ที่ไหลทะลักอย่างยิง่ ใหญ่เกรี ยงไกร ทําให้คนรู ้สึกมัน่ ใจราวกับสามารถทะยานขึ้นสวรรค์
ไปสอยดวงจันทร์ได้ ความรู ้สึกที่ยงิ่ ใหญ่แบบนั้นทําให้เขาอยากจะวิง่ ไปใส่ เดี่ยวกับปี ศาจโลหิ ต ความ
โชคดีในความโชคร้ายที่เหนือความคาดหมาย เรี ยกได้วา่ ทําให้เขาดีอกดีใจไม่หยุด
ตอนที่ 941

ข้ าเกลียดเจ้ า

เขาดีใจได้เพียงประเดี๋ยวเดียว แล้วก็ออกจากห้องไปหาอวี้ซวีเจินเหริ น ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่ อง


‘วิญญาณโลหิ ต’ ที่จริ งพิษนี้มีลบั ลมคมในมากเกินไป เขาเองก็กงั วลว่าจะมีอาการอะไรหลงเหลืออยู่
อีก อยากจะทําให้ชดั เจนไปเลย
อวี้ซวีเจินเหริ นรู ้จกั พิษนี้เสี ยที่ไหนกัน แม้แต่ชื่อก็ไม่เคยได้ยนิ เหมือนกัน เพียงแต่ตกตะลึงมากเมื่อได้
ยินว่าปี ศาจโลหิ ตโดนทําลายต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์แล้วยังมีชีวติ อยูไ่ ด้สบาย ๆ ขนาดปราสาทดําเนิน
นภาปราบมาหลายปี แต่กย็ งั ทําอะไรปี ศาจโลหิ ตไม่ได้ สํานักลมปราณก็ช่วยอะไรเหมียวอี้ไม่ได้
เช่นกัน
“ทางที่ดีฆราวาสพยายามอย่าไปไหนซี้ ซ้ วั อีก ถ้าจะไปจริ ง ๆ ก็จา้ งคนของร้านคุม้ ภัยให้คุม้ กันส่ ง”
อวี้ซวีเจินเหริ นเตือนด้วยความหวังดี
“คงจะให้คนของร้านคุม้ ภัยปกป้ องไปตลอดชีวติ ไม่ได้หรอกมั้ง?” เหมียวอี้ส่ายหน้ายิม้ เจื่อน ถ้าต้องทํา
เรื่ องบางอย่างที่น่าอับอาย จะสะดวกให้คนนอกมาเห็นได้อย่างไรล่ะ มิหนําซํ้าการหลบซ่อนอยูต่ ลอด
ก็ไม่ใช่เรื่ องดี จะต้องจัดการเรื่ องนี้ให้จบสิ้ นเสี ยที ถ้าปี ศาจโลหิ ตกระจอก ๆ จะขวางทางเขาไปทั้งชีวติ
แบบนั้นก็ไม่ตอ้ งทํางานทําการอะไรแล้ว
หลังจากปรึ กษาหารื อกับอวี้ซวีเจินเหริ น เหมียวอี้กก็ ลับมาหยิบระฆังดาราที่หอ้ งนอนตัวเอง แล้ว
ติดต่อจงหลีค่วยเพื่อบอกเรื่ องที่ตวั เองโดนวางยาพิษ ให้จงหลีค่วยปลอมตัวมาที่นี่ มาปรึ กษาหารื อเพือ่
แก้ปัญหาเรื่ องปี ศาจโลหิ ต
ปี ศาจโลหิ ตโดนทําลายต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ไปแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังอยูอ่ ย่างสุ ขสบายดี จง
หลีค่วยได้ยนิ แล้วตกใจมากเช่นกัน บอกว่าจะรี บมาที่นี่ให้เร็ วที่สุด เรื่ องบางเรื่ องติดต่อกันผ่านฟ้ ากั้น
ไม่ค่อยสะดวก
ส่ วนเหมียวอี้กไ็ ม่รู้วา่ พิษในร่ างกายตัวเองถูกชําระล้างไปหมดแล้วหรื อยัง มีแค่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์
ได้ ถึงอย่างไรปี ศาจโลหิ ตก็บอกไว้แล้วว่าพิษจะกําเริ บวันละสามครั้ง เขาจึงนัง่ สมาธิฝึกตนบนเตียง
โดยกํายาเม็ดโลหิ ตไว้ในมือ
หลังจากนั้นหนึ่งวัน เหมียวอี้กล็ ืมตาสองข้างแล้วยิม้ บาง ๆ ไม่เกิดเหตุการณ์พิษกําเริ บสามครั้งต่อวัน
สงสัยพิษประหลาด ‘วิญญาณโลหิ ต’ นี้ เมื่อเจอกับเคล็ดวิชาอัคนีดาราของเขาก็ยงั สู ้ไม่ไหวอยูด่ ี เขาถึง
ได้สงบใจและฝึ กตนต่อไป
ณ ลานบ้านด้านหลังของร้านค้าสมาคมวีรชน รอไปแล้วหนึ่งวันแต่ยงั ไม่เห็นเหมียวอี้มายอมจํานน
หวงฝู่ จวินโหรวเดินไปเดินมาในตึกศาลา จากนั้นก็มานัง่ ตรงข้ามกับปี ศาจโลหิ ตที่กาํ ลังเย็บผ้าอยูใ่ น
ศาลากลางนํ้า แล้วถามว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าพิษนี้ได้ผลกับเขาจริ ง ๆ ”
“เถ้าแก่นอ้ ยไม่ตอ้ งห่วงค่ะ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพลาด แต่ไอ้จญั ไรนัน่ นับว่ากระดูกแข็ง ทนได้หนึ่ง
วันไม่ยอมมาขอร้อง ข้าจะคอยดูวา่ เขาจะทนได้นานสักแค่ไหน” ปี ศาจโลหิ ตที่กาํ ลังตั้งใจเย็บผ้าพูด
กลั้วหัวเราะ ยังไม่หยุดทํางานที่อยูใ่ นมือ เย็บผ้าไหมแดงไว้ให้ตวั เองใช้โดยเฉพาะ
หวงฝู่ จวินโหรวหมุนตัวนัง่ พิงรั้ว ทอดสายตามองไปไกลด้วยสี หน้าแปลก ๆ ใบบัวเขียวชอุ่มที่อยูร่ อบ
ๆ สัน่ ไหว สามารถมีทะเลสาบเล็ก ๆ ในที่ดินราคาแพงของตลาดสวรรค์ได้ นับเป็ นเรื่ องที่ฟุ่มเฟื อย
มาก
ตอนเย็นวันต่อมา เป่ าเหลียนรออยูต่ รงประตูลานบ้านของร้านขายของชํา นางรับชายชราคนหนึ่งและ
พาเข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็ นจงหลีค่วยที่ปลอมตัวเรี ยบร้อยแล้ว นางพาเขาไปที่หอ้ งนอน
ของเหมียวอี้โดยตรง
เหมียวอี้บอกให้เป่ าเหลียนออกไปก่อน แล้วกุมหมัดทักทาย “ลุงหนวด ช่วงนี้สบายดีม้ ยั ?”
จงหลีค่วยขี้คร้านจะมากพิธีรีตอง ถามตรง ๆ เลยว่า “มันเรื่ องอะไรกันแน่? เจ้าแน่ใจนะว่าเป็ นปี ศาจ
โลหิ ต?”
เหมียวอี้ตะลึงไปชัว่ ขณะ แล้วพยักหน้าช้า ๆ “พอได้ยนิ ท่านพูดแบบนี้ ข้าก็สงสัยอยูบ่ า้ งนิดหน่อย
เพราะข้าไม่ได้กลิ่นอายปี ศาจโลหิ ตบนตัวนางเลย แถมนางมีวรยุทธ์แค่ระดับบงกชทองขั้นเจ็ดด้วย…
ท่านรอก่อนนะ ข้าจะไปสื บข่าวที่ร้านค้าสมาคมวีรชนสักหน่อย”
“ระวังตัวหน่อยนะ” จงหลีค่วยเตือน
“ท่านไม่ตอ้ งห่วง ปี ศาจโลหิ ตไม่ถึงขนาดกล้าลงมือกับข้าที่ร้านค้าสมาคมวีรชนหรอก” เหมียวอี้ตอบ
อย่างไม่กงั วล แล้วเดินออกไปทันที
ทางฝั่งร้านค้าสมาคมวีรชน พอได้รับรายงานว่าเหมียวอี้มา ปี ศาจโลหิ ตที่ยงั นัง่ เย็บผ้าอยูใ่ นศาลากลาง
สระนํ้าก็เอามือป้ องปากหัวเราะ “เถ้าแก่นอ้ ย เป็ นยังไงล่ะ? สุ ดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว ต้องมาขอร้องแล้ว”
หวงฝู่ จวินโหรวไม่ตกใจและไม่ดีใจ พยักหน้าบอกหญิงรับใช้วา่ “ไปพาเขาเข้ามา”
หญิงรับใช้เดินออกไป รอสักประเดี๋ยวก็นาํ เหมียวอี้เดินเข้ามา เหมียวอี้เองก็เพิ่งเคยมาที่ตึกศาลากลาง
สระนํ้านี้เป็ นครั้งแรก พอเห็นหวงฝู่ จวินโหรว รอยยิม้ ก็ดูเย็นชาขึ้นหลายส่ วน หวงฝู่ จวินโหรวย่อม
รู ้สึกได้อยูแ่ ล้ว
ตอนนี้สายตาของเหมียวอี้ไปหยุดอยูบ่ นตัวปี ศาจโลหิ ตที่กาํ ลังเย็บผ้า เขาเอามือไขว้หลังพลางเดินเข้า
มาช้า ๆ “ผูห้ ญิงก็เป็ นผูห้ ญิงอยูว่ นั ยังคํ่า เรื่ องต่อสู เ้ ข่นฆ่าไม่เหมาะกับเจ้าหรอก นัง่ เย็บผ้าอยูใ่ นบ้าน
อย่างซื่อสัตย์เถอะ คอยช่วยเหลือสามีและสัง่ สอนบุตรอยูบ่ า้ นดีจะตาย ทําไมต้องไปวางแผนทําร้ายคน
ตั้งแต่เช้ายันคํ่า”
เขาตั้งใจพูดสิ่ งนี้กบั ปี ศาจโลหิ ต แต่หวงฝู่ จวินโหรวกลับรู ้สึกว่ามีความหมายแฝงอยูใ่ นนั้น ใช่วา่ จะ
ไม่ได้พดู ให้นางฟังด้วย
ปี ศาจโลหิ ตไม่แม้แต่จะหันหน้ามา เพียงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ทําไมล่ะ? ทนไม่ไหวแล้วล่ะสิ มาขอร้อง
เหรอ? ในเมื่อมาขอร้องก็อย่าปากแข็ง!”
“ขอร้องเหรอ? ช่างน่าขํา!” เหมียวอี้พดู หยามเหยียด เดินมาตรงหน้าผ้าไหมแดงที่ถกั ทอขึ้นมาด้วยมือ
แล้วพูดหยอกล้อว่า “ข้ามาเพื่อขอบคุณเจ้า ก่อนหน้านี้วรยุทธ์ติดอยูร่ ะดับบงกชม่วงขั้นเก้ามาตลอด
ใครจะคิดว่าหลังจากโดนพิษของเจ้าแล้ว จะกลายเป็ นตัวช่วยให้ขา้ บรรลุวรยุทธ์ ถ้าไม่มาแสดงความ
ขอบคุณสักหน่อย มันก็จะฟังดูไม่เข้าท่า”
หวงฝู่ จวินโหรวหันมามองอย่างงุนงง มือของปี ศาจโลหิ ตชะงักนิ่ง เงยหน้าช้า ๆ มองไปทางเหมียวอี้
เหมียวอี้กใ็ ห้ความร่ วมมือมาก ยกมือขึ้นตรงหว่างคิ้วแล้วร่ ายอิทธิฤทธิ์เช็ดโคลนซ่อนจิต ภาพมายา
ดอกบัวสี ทองอร่ ามบานหนึ่งกลีบปรากฏตรงแท่นจิต ไม่ใช่ของปลอมแล้ว เขากุมหมัดคารวะ
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ!”
ปี ศาจโลหิ ตทําสี หน้าไม่ถูก เรื่ องนี้ไม่ตอ้ งสงสัยอะไรมากเลย การบรรลุระดับใหญ่ ๆ จําเป็ นต้องใช้
จังหวะเหมาะ ภายใต้การเคี่ยวกรําของพิษวิญญาณโลหิ ต การบรรลุระดับใหญ่ ๆ ก็มีความเป็ นไปได้
จริ ง ๆ เพียงแต่การช่วยเหลือศัตรู คู่แค้นมากมายขนาดนี้ ไม่วา่ เปลี่ยนเป็ นใครก็รับไม่ได้ท้ งั นั้น
“ในเมื่อช่วยเหลือเจ้าไปมากมายขนาดนี้ เจ้าก็ควรจะคืนของของข้าได้แล้วรึ เปล่า?” ปี ศาจโลหิ ตแสยะ
ยิม้ ถาม
เหมียวอี้ส่ายหน้า “ปี ศาจโลหิ ตถูกทําลายต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ไปแล้ว มิหนําซํ้าข้ายังไม่รู้สึกถึง
ปราณปี ศาจโลหิ ตจากตัวเจ้าด้วย ทําไมข้าต้องเชื่อว่าเจ้าคือปี ศาจโลหิ ต? ถ้าเจ้าไม่ใช่ปีศาจโลหิ ต แล้ว
ทําไมข้าจะต้องคืนของให้เจ้าด้วยล่ะ!”
เหมียวอี้เพิ่งจะพูดจบ ปี ศาจโลหิ ตก็ขยับย้ายร่ างกาย เหาะวนด้วยความเร็ วสูงอยูใ่ นศาลา จู่ ๆ ก็มีผา้ มุง้ สี
แดงลอยออกมาหลายผืน มาครอบคลุมปี ศาจโลหิ ตเอาไว้ ชัว่ พริ บตาเดียวก็กลับสู่ โฉมหน้าเดิมของ
ปี ศาจโลหิ ต ปราณปี ศาจโลหิ ตที่เข้มข้นลอยวนขึ้นมา ดาบนกเป็ ดนํ้าสี เลือดคู่หนึ่งยิงออกมาหมุน
วนรอบกายเหมียวอี้หลายรอบ แล้วจู่ ๆ ก็หดเก็บเข้าไป
ปี ศาจโลหิ ตหมุนตัวอีกครั้ง ผ้ามุง้ สี แดงหลายผืนหายไปแล้ว กลับสู่ โฉมหน้าหญิงสาวธรรมดาเหมือน
เมื่อครู่ น้ ี จากนั้นยืน่ มือเข้ามา “ตอนนี้เชื่อแล้วสิ นะ! คืนของมาให้ขา้ !”
เหมียวอี้พน่ เสี ยงทางจมูกอย่างขําขัน แล้วกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่ให้! ข้าล้อเจ้าเล่น เจ้าดูไม่ออกรึ
ไง?”
“เจ้า…” ปี ศาจโลหิ ตเดือดดาลมาก ยิงผ้าไหมแดงออกจากกระบอกแขนเสื้ อหมายจะลงมือ
“ปี ศาจโลหิ ต!” หวงฝู่ จวินโหรวตะคอก ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ลงมือ
ปี ศาจโลหิ ตข่มไฟโกรธเอาไว้ สะบัดเสื้ อเก็บผ้าไหมแดง ถ้าลงมือที่นี่ นางก็รับผิดชอบผลที่ตามมาไม่
ไหว ตลาดสวรรค์คงไม่ให้อภัยที่นางทําลายกฎของตําหนักสวรรค์แน่
เหมียวอี้ไม่สนใจนางอีก หันตัวมาหาหวงฝู่ จวินโหรวแทน “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ขอคุยด้วยเป็ นการ
ส่ วนตัว”
หวงฝู่ จวินโหรวเงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วหันตัวเดินออกไป เหมียวอี้หนั กลับมายิม้ เย้ยปี ศาจโลหิ ตที่กาํ ลัง
ทําสี หน้าโกรธแค้น แล้วเดินตามหวงฝู่ ออกไป
“ถ้าเก่งนักก็อย่ามาขอร้องข้าก็แล้วกัน!” ปี ศาจโลหิ ตตวาดเสี ยงเข้ม
“อาศัยแค่ฝีมืออันตํ่าต้อยของเจ้า ก็คิดจะมาบีบจุดอ่อนข้าแล้วเหรอ? ไม่เจียมตัว! ข้าถอนพิษได้ต้ งั นาน
แล้ว จําเป็ นต้องมาขอร้องเจ้าด้วยเหรอ?” เหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะโดยไม่หนั หน้ากลับมา
เขาอยากจะเห็นว่าปี ศาจโลหิ ตยังสามารถวางยาพิษเขาได้อีกรึ เปล่า อยากจะทําความเข้าใจให้ละเอียด
ว่าตัวเองโดนพิษอะไรกันแน่
“ปากแข็งยิง่ กว่าเป็ ด!” ปี ศาจโลหิ ตพูดเหน็บแนม เห็นได้ชดั ว่าไม่เชื่อเขา
เหมียวอี้ข้ ีคร้านจะอธิบายกับนาง
พอถึงลานบ้านที่อยูบ่ นฝั่ง หวงฝู่ จวินโหรวก็หนั ตัวมาถาม “มีธุระอะไร?”
“คุยกันข้างใน!” เหมียวเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยูบ่ นตึก หวงฝู่ จวินโหรวขมวดคิ้ว ไม่รู้วา่ เขา
อยากจะคุยอะไร ยังคงเดินตามเข้าไป
หลังจากขึ้นมาบนตึก นางก็ถามอีก “มีเรื่ องอะไร พูดมาสิ ”
ใครจะไปคาดคิด พอหันตัวมาเหมียวอี้กอ็ ุม้ หวงฝู่ ทันที แล้วประกบจูบริ มฝี ปากแดงสวย ไม่สนใจนาง
ที่ร้องอูอ้ ้ ีขดั ขืน แต่ไม่นานก็ถูกนางใช้มือคล้องคอเอาไว้ และจูบตอบสนองคืนอย่างเร่ าร้อน ทั้งสองจูบ
กันอย่างดูดดื่ม เสื้ อผ้าปลิวว่อนตลอดทาง จนกระทัง่ มาถึงขอบเตียง ร่ างสองร่ างก็ลม้ ลงไปด้วยกัน
แขนขาทั้งสี่ เรี ยวยาวขาวละมุน หน้าอกทิ่มเอิบกลมกลึง เอวอ่อนเรี ยวเล็ก สะโพกกลมใหญ่ขาวเนียน
น่าตื่นตาตื่นใจจนทําให้เคลิบเคลิ้ม แต่กลับได้รับความทรมานเต็มที่ ตอนนี้เหมียวอี้ลงมืออย่างหนัก
หน่วง ไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด ยํา่ ยีอย่างเต็มกําลัง ใช้มือบีบเค้นจนหวงฝู่ รู ้สึกเจ็บมาก รอยเล็บและ
รอยฟันบนยอดเขาสี หยกปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน หวงฝู่ เองก็กดั เขาอย่างแรงเช่นกัน กัดจนเขาเลือด
ไหลออกมา
หลังจากพายุฝนจบลง หวงฝู่ ก็ดูดเลือดสดบนไหล่เขาแล้วกลืนลงไปโดยตรง นางกําลังดูดเลือดของเขา
แต่ตวั เองกลับนํ้าตาไหลออกมา
“กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์จริ ง ๆ ด้วย อยูก่ บั ปี ศาจโลหิ ตนานแล้ว เรี ยนรู ้วธิ ีการดูดเลือดแล้วสิ นะ!”
เหมียวอี้ที่ผลักนางล้มไปข้าง ๆ ดูเย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชดั แล้วลุกขึ้นเก็บเสื้ อผ้าขึ้นมา
หวงฝู่ จวินโหรวกัดริ มฝี ปากแดงที่เปื้ อนเลือด ยืน่ มือไปหยิบหมอนใบหนึ่งมาทุ่มใส่ เหมียวอี้ใช้มือปั ด
กลับไป แล้วหันกลับมาเตือนว่า “อย่าเรี ยกปี ศาจโลหิ ตมาที่นี่ ถ้าให้คนอื่นเห็นเข้าคงไม่ใช่เรื่ องดีอะไร”
หวงฝู่ จวินโหรวคว้าหมอนที่ถูกตีกลับมา กระโดดลงจากเตียง แล้วเดินตัวเปล่าเอาหมอนไปทุ่มตี
เหมียวอี้ไม่หยุด
เหมียวอี้ยนื่ มือมาข้างหลังแล้วคว้าแขนนางไว้ พลางกล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “ที่เขาว่ากันว่า เป็ นผัวเมีย
กันวันเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน เจ้าอยากจะฆ่าข้าก่อนถึงจะมีความสุ ขใช่ม้ ยั ? ข้าบอกแล้ว
ว่าจะชดใช้เจ้าด้วยหุน้ สองส่วนนัน่ ทําไมยังสมคบกับปี ศาจโลหิ ตมาทําร้ายข้าอีก?
“ของที่ขา้ ต้องการ ข้าหาเองได้ ไม่จาํ เป็ นต้องให้เจ้ามามอบให้!” หวงฝู่ จวินโหรวกล่าวพร้อมคราบ
นํ้าตาบนใบหน้า
สายตาของเหมียวอี้ไปหยุดอยูบ่ นหน้าอกอิ่มเอิบขาวดุจหิ มะของนาง “ถ้างั้นความสัมพันธ์ของเรา
นับเป็ นแบบไหน?”
“ไม่นบั ว่าเป็ นอะไรทั้งนั้น!” หวงฝู่ จวินโหรวกล่าวอย่างเคียดแค้น ร่ ายอิทธิฤทธิ์ผลักเขาออกไป แล้ว
รี บหยิบเสื้ อผ้าตัวองขึ้นมาใส่
เหมียวอี้มองดูนางที่กาํ ลังโป๊ เปลือย พลางกล่าวอย่างรู ้สึกขํามาก “อีกด้านหนึ่งก็นอนกับข้า อีกด้าน
หนึ่งกลับอยากสังหารข้า เจ้าจะให้ขา้ ทํายังไง? เจ้าอยากจะให้ขา้ บอกว่า ตั้งแต่น้ ีไปความแค้นของเรา
สองคนจบลงงั้นเหรอ?”
หวงฝู่ จวินโหรวที่สวมเสื้ อผ้าได้ครึ่ งเดียวพลันหยิบหมอนขึ้นมา แล้ววิง่ ไปฟาดใส่ เหมียวอี้พกั หนึ่ง “ก็
ไม่ได้ให้เจ้ามารับผิดชอบนี่ ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ารับผิดชอบ!”
เพียะ! เหมียวอี้ข่มไฟโกรธไม่ไหว จู่ ๆ ก็สะบัดฝ่ ามือเข้ามา ตบที่ใบหน้านางฉาดหนึ่ง เสี ยงดังฟังชัด
มาก
หมอนในมือของหวงฝู่ จวินโหรวตกพื้น นางเอามือกุมใบหน้า มองเหมียวอี้ดว้ ยแววตาสับสน พลางกัด
ฟันตะคอกว่า “ข้าเกลียดเจ้า!”
“ดี! ตามใจเจ้าแล้วกัน งั้นต่อไปพวกเราไม่ตอ้ งมาพบหน้ากันอีก พรุ่ งนี้ขา้ จะไปแล้ว จะไม่กลับมาอีก
แล้ว!” เหมียวอี้พดู ทิ้งท้าย แล้วหันตัวจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว…
เมื่อกลับมาถึงห้องตัวเองที่ร้านขายของชํา พอเห็นจงหลีค่วย เหมียวอี้กบ็ อกว่า “เป็ นปี ศาจโลหิ ตจริ ง ๆ

“ถ้าเป็ นแบบนี้ ต่อให้ทาํ ลายต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ แต่กไ็ ม่อาจทําลายวรยุทธ์ของปี ศาจโลหิ ตได้ ทํา
ให้นางเสี ยวรยุทธ์ไปแค่สองขั้นเท่านั้น… แต่นนั่ ก็นบั ว่าเสี ยหายอย่างหนักแล้ว” จงหลีค่วยกล่าวอย่าง
ลังเล
“ตอนนี้วรยุทธ์ของปี ศาจโลหิ ตสูสีกบั ท่าน ท่านพอจะสูไ้ หวรึ เปล่า?” เหมียวอี้ถาม
“เมื่อไม่มีน้ าํ เต้าโลหิ ตช่วย และมีวรยุทธ์เท่ากัน นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องข้าหรอก” จงหลีค่วยตอบ
เหมียวอี้พยักหน้า “ดี! ข้าบอกไว้ชดั เจนแล้วว่าพรุ่ งนี้จะจากที่นี่ไป บอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว ปี ศาจ
โลหิ ตคงไม่ปล่อยให้ขา้ หายตัวไปจนหาไม่พบแน่นอน จะต้องไล่สงั หารข้าแน่ ถึงตอนนั้นคอยดูวา่
ท่านจะกําจัดนางได้หรื อเปล่า!
“ถ้าไม่มีพลังที่สมบูรณ์พอที่จะสังหารนาง เรื่ องคิดจะกําจัดนางทิ้งก็ไม่น่าจะเป็ นไปได้ เคล็ดวิชามาร
โลหิ ตมีจุดเด่นเฉพาะตัว ตอนสังหารมารโลหิ ตที่มีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ ้งในปี นั้น สํานักเราส่ งผูอ้ าวุโส
ที่มีพลังอิทธิฤทธิ์ระดับอนันตภาพออกไป ถึงได้กาํ จัดเขาได้” จงหลีค่วยส่ ายหน้าตอบ
ตอนที่ 942

สู้ ให้ ตายกันไปข้ าง

คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าใช่ ตอนนั้นไฉจวิน้ นําศิษย์พี่ศิษย์นอ้ งระดับบงกชทองไปเป็ นกลุ่ม แต่กย็ งั ทํา


อะไรปี ศาจโลหิ ตไม่ได้ อาศัยแค่พวกเขาสองคน คิดจะกําจัดปี ศาจโลหิ ตทิ้งก็ไม่ง่ายขนาดนั้น มหา
อิทธิฤทธิ์หลีกโลหิ ตของปี ศาจตนนั้นร้ายกาจจริ ง ๆ เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ปี ศาจตนนี้
เพ่งเล็งข้าไม่ปล่อย น่าปวดหัวจริ ง ๆ ”
“น่าเสี ยดายที่เรื่ องราวเกิดขึ้นกะทันหัน ถ้ารู ้ต้ งั แต่แรก เชิญให้อาจารย์อาหมิวจ้าวมาด้วยก็สิ้นเรื่ องแล้ว
ถ้าเชิญมาตอนนี้ ก็เหมือนเป็ นนํ้าที่อยูไ่ กล ช่วยดับไฟที่อยูใ่ กล้ไม่ทนั ” จงหลีค่วยกล่าว
“ถ้าฆ่าได้กฆ็ ่า ถ้าฆ่าไม่ได้กช็ ่างเถอะ พรุ่ งนี้ค่อยว่ากัน เออใช่ ลุงหนวด ท่านมาหาข้าด้วยธุระอะไรกัน
แน่?” เหมียวอี้ถาม
จงหลีค่วยตอบว่า “มีสองเรื่ อง ปราสาทดําเนินนภาได้ยนิ เรื่ องร้านขายของชําซื่ อตรงของพวกเจ้ามา
บ้างแล้ว เลยส่ งข้ามาเจรจาการค้ากับพวกเจ้า ในแต่ละปี ศิษย์ปราสาทดําเนินนภาได้ของเบ็ดเตล็ดมาไม่
น้อย เที่ยวหาคนซื้อไปทัว่ ยุง่ ยากจริ ง ๆ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็รับซื้อทุกอย่าง ดังนั้นจึงอยากสร้าง
เครื อข่ายทางการค้าที่มนั่ คงกับร้านขายของชําอย่างพวกเจ้า ไม่ทราบว่าสะดวกหรื อเปล่า?”
เหมียวอี้ยมิ้ ตอบ “ทําไมจะคุยไม่ได้ล่ะ มีการซื้อขายมาหาถึงที่กเ็ ป็ นเรื่ องดีอยูแ่ ล้ว คนทําการค้าก็ทาํ
แบบนี้กนั ทั้งนั้น แล้วอีกอย่าง ด้วยความสนิทสนมของพวกเรา ทุกอย่างก็ยอ่ มคุยง่าย ข้าไม่ให้ท่านมา
เสี ยเที่ยวหรอก เดี๋ยวท่านไปคุยกับอวี้ซวีเจินเหริ นก็เรี ยบร้อยแล้ว พวกเราจะพยายามให้ความสะดวก
กับพวกท่าน ยังมีเรื่ องอะไรอีกล่ะ?”
จงหลีค่วยกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็ นถ่ายทอดเสี ยง “แผนที่ซ่อนสมบัตินนั่ พวก
เราพอจะมองเบาะแสออกบ้างแล้ว ของสิ่ งนั้นน่าจะซ่อนอยูใ่ นสถานที่ไร้ระเบียบ สํานักกําลังรวบรวม
กําลังคนไปค้นหา ข้าเลยมาบอกเจ้าสักหน่อย ถ้าเจ้าอยากไป สํานักก็จะตอบตกลงให้เจ้าร่ วมเดินทาง
ไปด้วย แต่อาจจะมีอนั ตรายนะ เจ้าคิดให้ดีแล้วกัน”
เหมียวอี้ตาเป็ นประกาย ถ้าตัวเองไม่ไปด้วย แล้วจะรู ้ชดั ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ ายเจอสมบัติมากเท่าไร คงไม่
รู ้วา่ มีการแบ่งจํานวนสมบัติอย่างไร ถึงตอนนั้นถ้าอีกฝ่ ายบอกว่าได้เท่าไรเขาก็จะได้เท่านั้นเหรอ จะทํา
แบบนั้นได้อย่างไร สถานที่ซ่อนสมบัติของราชันลัทธิมารในยุคนั้นเชียวนะ ต้องรํ่ารวยมหาศาลแน่
เห็นได้ชดั เจนมาก ที่อีกฝ่ ายมาเรี ยกตนให้ร่วมเดินทางไปด้วย ก็เพื่อจะแสดงความบริ สุทธิ์ใจ เมื่อเจอ
สมบัติแล้วจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดความคลุมเครื อ ไม่ให้นึกว่าปราสาทดําเนินนภาฮุบสมบัติเอาไว้ฝ่าย
เดียว
และแน่นอน เรื่ องเงินก็ส่วนเรื่ องเงิน เหมียวอี้อยากให้อวิน๋ จือชิวได้เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานมา
ไว้ในมือมากที่สุด ถ้าอวิน๋ จือชิวได้เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่เป็ นภาคดิน แบบนั้นก็จะช่วยเหลือ
เขาได้เยอะมาก เมียตัวเองไม่มีปัญหาเรื่ องจงรักภักดีหรื อไม่จงรักภักดีแล้ว เขาพยักหน้าซํ้า ๆ ทันที
“ไป ๆ ๆ ”
“จะหาเจอหรื อไม่เจอมันก็อีกเรื่ องหนึ่งนะ แต่ขา้ จะบอกให้ชดั เจนเอาไว้ก่อน เคล็ดวิชาจอมมารไร้
เทียมทานเป็ นของปราสาทดําเนินนภา ส่ วนทรัพย์สินอย่างอื่นเจ้าเอาไปได้ครึ่ งหนึ่ง” จงหลีค่วยกล่าว
เหมียวอี้หรี่ ตายิม้ “ได้อยูแ่ ล้ว ๆ ” ในใจกลับพึมพําว่า งั้นก็ตอ้ งดูวา่ ใครจะหาเจอก่อน ข้าน่ะถนัดเรื่ องนี้
ที่สุดแล้ว
เรื่ องราวก็ตกลงกันตามนี้ แล้วเหมียวอี้กพ็ าเขาไปพบอวี้ซวีเจินเหริ นเพื่อเจรจาเรื่ องซื้อขาย เรื่ องนี้อวี้ซ
วีเจินเหริ นย่อมไม่ปฏิเสธอยูแ่ ล้ว มีช่องทางจัดหาสิ นค้าที่มนั่ คงเพิ่มขึ้น ทั้งยังได้สานสัมพันธ์กบั
ปราสาทดําเนินนภา เป็ นเรื่ องที่ดีท่ีสุดแล้ว
หลังจากเจรจาเสร็ จ เหมียวอี้กบั จงหลีค่วยก็ออกไปด้วยกัน ไม่ได้รอให้ถึงพรุ่ งนี้แล้วค่อยไป ตอนนี้มี
เรื่ องให้จดั การน้อย ๆ เข้าไว้จะดีกว่า เรื่ องที่ซ่อนเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินต้องมาเป็ น
อันดับแรก เหมียวอี้โยนเรื่ องสูก้ บั ปี ศาจโลหิ ตทิ้งไปก่อน เอาไว้ตอนหลังค่อยไปคิดบัญชีกบั ปี ศาจ
โลหิ ตก็ได้
หลังจากออกจากเมือง ทั้งสองก็เหาะขึ้นฟ้ าไปพร้อมกัน จงหลีค่วยอยากจะจูงเหมียวอี้ออกไปด้วยกัน
แต่คาดไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะปฏิเสธ จงหลีค่วยเพิง่ รู ้วา่ เหมียวอี้บรรลุระดับบงกชทองแล้ว หลังจากรู ้วา่
เหมียวอี้ได้ทุกขลาภเพราะโดนปี ศาจโลหิ ตวางยาพิษ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลัน่
พอทั้งสองทะลุช้ นั บรรยากาศออกไป ถึงได้พบว่ามีคนกําลังไล่ตามหลังมา เป็ นชายสองหญิงหนึ่ง คน
ที่นาํ หน้ามาเป็ นสตรี วยั กลางคนสวมชุดสี เขียว
ทั้งสองเหาะด้วยความเร็ วสูง สามคนที่ตามหลังมาก็อยูไ่ ม่ใกล้ไม่ไกล
“เป็ นใครกัน?” จงหลีค่วยถาม
เหมียวอี้ส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้จกั
จงหลีค่วยคล้องแขนเขาไว้ทนั ที แล้วเริ่ มเหาะเบนออกนอกเส้นทาง ใครจะคิดว่าสามคนข้างหลังจะ
เหาะเบนออกเหมือนกัน ยังคงตามหลังทั้งคู่อยู่
ทั้งสองสี หน้าเปลี่ยนนิดหน่อย ชัดเจนว่าพุง่ เป้ ามาที่พวกเขา จงหลีค่วยดึงเหมียวอี้เร่ งความเร็ วเหาะหนี
ทันที หวังว่าจะทิ้งระยะห่างได้ แต่ความเร็ วของสามคนที่ไล่ตามอยูข่ า้ งหลังก็ไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าจง
หลีค่วยเลย จงหลีค่วยหันกลับไปร่ ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนถามทันที “ใครกันมาทําลับ ๆ ล่อ ๆ ?”
สตรี ชุดเขียวพลิกตัวกลางอากาศ เสื้ อผ้าระเบิดกระจายออก เปล่งเงามายาสี แดง ราวกับดอกไม้สีแดง
เลือดเบ่งบาน ผ้ามุง้ สี แดงผืนหนึ่งโบยบินมาครอบไว้ท้ งั ตัว นางคือปี ศาจโลหิ ต
“สมาคมวีรชนจะทํางาน! คนที่ไม่เกี่ยวข้องหลีกไป อย่าแส่ หาเรื่ องใส่ ตวั ” ปี ศาจโลหิ ตตะโกนเตือน
ตอนนี้นางไม่รู้วา่ อีกคนคือจงหลีค่วย นางไม่รู้ต้ืนลึกหนาบางของจงหลีค่วย จึงอ้างสมาคมวีรชนมา
กดดัน หวังว่าอีกฝ่ ายจะอ่านสถานการณ์ออก นางอยากจับแค่เหมียวอี้คนเดียวเท่านั้น ไม่อยากมีปัญหา
กับคนอื่น
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที จะเห็นได้เลยว่าปี ศาจโลหิ ตกลัวว่าตนจะหนีไปขนาดไหน ตนบอกไว้วา่ พรุ่ งนี้
จะจากไป ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้นางจะตามมาแล้ว เห็นได้ชดั ว่าหวงฝู่ จวินโหรวบอกข้อมูลกับนาง
ในทันที นางจึงไปเฝ้ ารออยูน่ อกเมืองล่วงหน้าเพราะกลัวเขาหนี ที่ยงุ่ ยากกว่าเดิมก็คือ ครั้งนี้นางพา
ผูช้ ่วยมาด้วย เป็ นไปได้สูงว่าจะเป็ นคนของสมาคมวีรชน นางตัวแสบหวงฝู่ จวินโหรว ช่างไม่ปรานีกนั
เลยสักนิด!
“สมาคมวีรชนแล้วยังไงล่ะ หรื ออยากจะมีเรื่ องกับปราสาทดําเนินนภาของข้า?” จงหลีค่วยตะโกนตอบ
เสี ยงดัง พลังอิทธิฤทธิ์บนตัวระเบิดออก ปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริ งของลุงหนวด มือข้างหนึ่งถือระฆัง
ดาราขึ้นมา รี บติดต่อกับปราสาทดําเนินนภา เห็นได้ชดั ว่าวรยุทธ์ของสามคนข้างหลังต่างกับเขาไม่
เท่าไร ยากที่จะตัดสิ นแพ้ชนะ ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นสํานักจะได้รู้วา่ เขาตายด้วยนํ้ามือใคร ถึงตอนนั้นปราสาท
ดําเนินนภาย่อมไปคิดบัญชีกบั สมาคมวีรชน!
“คนของปราสาทดําเนินนภา!” ชายที่อยูท่ างซ้ายและขวาของปี ศาจโลหิ ตอุทานตกใจ จําเครื่ องแบบบน
ตัวจงหลีค่วยได้ โดยเฉพาะตอนที่เห็นจงหลีค่วยหยิบระฆังดาราออกมาส่ งข่าว พวกเขาก็หนั ไปมอง
ปี ศาจโลหิ ตพร้อมกัน หนึ่งในนั้นถามว่า “ปี ศาจโลหิ ต ทําไมมีคนของปราสาทดําเนินนภาล่ะ?”
ถึงแม้สมาคมวีรชนจะมีอาํ นาจมาก แต่กาํ ลังของปราสาทดําเนินนภาก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน ไม่กลัว
สมาคมวีรชนแน่ ทั้งสองทําสี หน้ากังวลหวาดหวัน่ ถ้าจะให้สมาคมวีรชนกับปราสาทดําเนินนภาแลก
เลือดกันเพื่อความแค้นของปี ศาจโลหิ ตคนเดียว นัน่ ไม่ใช่การกระทําที่ฉลาด
ปี ศาจโลหิ ตก็ตกใจไม่เบาเช่นกัน แน่นอนว่านางรู ้จกั จงหลีค่วย ทั้งสองไม่ได้สูก้ นั เป็ นครั้งแรก นี่ใช้
เวลาเพียงไม่กี่วนั คนของปราสาทดําเนินนภาก็มาถึงแล้วเหรอ?
ที่นางกล้าไล่ตามเหมียวอี้มาในทันที ก็เพราะแน่ใจว่าตอนนี้เหมียวอี้ยงั หาคนที่เหมาะสมมาช่วยเหลือ
ไม่ทนั บวกกับการคํานึงถึงความมัน่ คงปลอดภัย หวงฝู่ จวินโหรวยังเรี ยกผูช้ ่วยสองคนมาให้นางด้วย
พอจงหลีค่วยปรากฏตัว นางก็นึกถึงเรื่ องที่พวกหมิงจ้าววางกับดักนางครั้งก่อนทันที อดสงสัยไม่ได้วา่
ครั้งนี้เหมียวอี้คิดจะวางแผนกับนางอีกหรื อเปล่า นางจึงรี บกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ถ้าเป็ นแบบนี้จริ ง ๆ จงหลีค่วยก็ไม่จาํ เป็ นต้องปรากฏตัวเลย หลอกล่อให้
นางติดกับดักต่อไปก็พอแล้ว
ทว่าอาจจะเป็ นแผนซ้อนแผน ไม่แน่วา่ คิดจะใช้วธิ ีน้ ีเพือ่ ให้นางติดกับดัก
เมื่อเห็นผูช้ ่วยสองคนกําลังจะถอนตัวออกกลางคัน ปี ศาจโลหิ ตก็เตือนทันที “พวกเจ้าอย่าลืมนะว่าเถ้า
แก่นอ้ ยให้พวกเจ้ามาช่วยข้า? นี่ไม่ใช่ผลประโยชน์ของข้าคนเดียว เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์
ของร้านค้าสมาคมวีรชนด้วย”
ชายคนนั้นบอกว่า “เถ้าแก่นอ้ ยไม่ได้บอกว่าจะสูก้ บั คนของปราสาทดําเนินนภา แล้วเถ้าแก่นอ้ ยก็ไม่มี
อํานาจตัดสิ นใจเรื่ องนี้ดว้ ย!”
“ปี ศาจโลหิ ต ไม่ใช่วา่ พวกเราไม่อยากช่วยเจ้านะ อีกฝ่ ายแสดงตัวชัดเจนแล้วว่าเป็ นคนของปราสาท
ดําเนินนภา ถ้าพวกเรายังลงมืออีก งั้นก็เป็ นการสู ก้ นั ระหว่างสมาคมวีรชนกับปราสาทดําเนินนภาแล้ว
ถ้าเจ้าบ้านหวงฝู่ ไม่ได้ออกคําสัง่ พวกเราก็รับผิดชอบเรื่ องนี้ไม่ไหว ถ้าเจ้ายังดึงดันจะลงมือต่อ พวกเรา
ก็ทาํ ได้เพียงถอย เจ้าเชิญจัดการตามสะดวกในนามของตัวเองเถอะ!” ชายอีกคนกล่าว
ชายสองคนสบตาและพยักหน้าให้กนั รี บเลี้ยวแล้วเหาะกลับไปอย่างรวดเร็ ว
“เอ๋ ! ทําไมหนีไปแล้วสองคน?” เหมียวอี้สวมเกราะรบสี ทองและถือทวนไว้ในมือแล้ว ตอนนี้หนั มา
ถามอย่างแปลกใจ
จงหลีค่วยแสยะยิม้ “สมาคมวีรชนอยากจะปะทะกับปราสาทดําเนินนภาเหรอ ยังห่างชั้นกัน!”
ปี ศาจโลหิ ตแค้นจนกัดฟันกรอด แต่กไ็ ม่มีทางเลือก เดิมทีสมาคมวีรชนก็เป็ นการรวมกลุ่มที่
หละหลวมอยูแ่ ล้ว เพียงแต่มีตระกูลหวงฝู่ เป็ นแกนกลางเท่านั้น เทียบกับตอแข็งที่รวมกําลังกันอย่าง
ปราสาทดําเนินนภาไม่ติด เมื่อเจอกับการกดดันก็ยอ่ มไม่กลัว เมื่อเจอกับตอแข็งแบบนี้ เว้นเสี ยแต่วา่
ทุกคนจะเจรจาให้เรี ยบร้อยลงตัว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากปะทะตรง ๆ กับสํานักที่มีกาํ ลังอํานาจ
มากอย่างปราสาทดําเนินนภา
แต่นางไม่อยากจะปล่อยเหมียวอี้ไปเลยจริ ง ๆ ถ้าเหมียวอี้ไม่ได้เตรี ยมการอย่างอื่นไว้ ถ้าครั้งนี้เหมียวอี้
ไปแล้วไม่กลับมาอีกจริ ง ๆ ใต้หล้าใหญ่ขนาดนี้ นางจะไปหาเจอได้จากไหน?
ที่จริ งนางมีบางสิ่ งที่ไม่สะดวกจะบอกใคร ที่จริ งการทวงยาเม็ดโลหิ ตกลับมาเป็ นเรื่ องรอง ที่สาํ คัญ
ที่สุดคือบัวโลหิ ตต้นนั้น นัน่ คือสมบัติอนั งดงามที่คนในโลกนี้พบเจอได้แต่ไม่อาจครอบครอง มีเพียง
การนําบัวโลหิ ตกลับมาเท่านั้น ในภายหลังจะได้ไม่ตอ้ งกลัวว่าจะไม่มียาเม็ดโลหิ ตช่วยเพิ่มวรยุทธ์ จะ
เสี ยมันไปไม่ได้
สุ ดท้ายนางก็ตดั สิ นใจจะสูต้ ายสักยก ถึงแม้ตอนนี้วรยุทธ์ของตนจะสู สีกบั จงหลีค่วย แต่ถา้ จงหลีค่วย
คิดจะสังหารนาง ก็เป็ นเรื่ องที่ไม่น่าจะเป็ นไปได้ ต่อให้เป็ นไฉจวิน้ ก็อาจจะทําอะไรนางไม่ได้เช่นกัน
ภายใต้การชัง่ นํ้าหนักข้อดีขอ้ เสี ย ผลประโยชน์กอ็ ยูเ่ หนืออันตราย ปี ศาจโลหิ ตกัดฟัน ไล่ตามต่อไป
เพียงลําพัง
เหมียวอี้เพิ่มระดับความเร็ วในการเหาะไม่ไหว ถึงแม้วรยุทธ์ของจงหลีค่วยจะสู สีกบั ปี ศาจโลหิ ต แต่
เมื่อมีเหมียวอี้เป็ นตัวถ่วงอีกคน ความเร็ วในการเหาะก็ยอ่ มได้รับผลกระทบ
เมื่อเห็นระยะห่างของสองฝ่ ายเข้าใกล้กนั เรื่ อย ๆ เหมียวอี้กเ็ อียงหน้ากล่าวอย่างดุร้ายว่า “ก็แค่นางคน
เดียว พวกเราร่ วมมือกันก็ได้!”
จงหลีค่วยเตือนทันทีวา่ “เจ้าอย่าทําเป็ นเล่น เมื่อวรยุทธ์ถึงระดับทะยานสวรรค์แล้ว ความต่างของวร
ยุทธ์เพียงหนึ่งขั้นนั้นไม่ใช่นอ้ ย ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ระดับก่อนหน้านี้จะเทียบได้ มิหนําซํ้าอีกฝ่ ายก็เหนือกว่า
เจ้าหกขั้น ให้ขา้ ลงมือคนเดียวก็พอ!”
“มหาอิทธิฤทธิ์หลีกโลหิ ตของนางร้ายกาจเกินไป ต่อให้เป็ นศิษย์พี่ไฉจวิน้ ของท่าน ก็อาจจะทําอะไร
นางไม่ได้เช่นกัน ท่านสังหารนางไม่ไหวเลย!” เหมียวอี้กล่าวเตือน
จงหลีค่วยจึงตอบว่า “ต่อให้ฆ่าไม่ได้ แต่ทาํ ให้นางตกใจหนีไปก็ยงั ดี อย่าบอกนะว่ามีเจ้าเพิม่ ขึ้นมาคน
เดียวแล้วจะฆ่านางสําเร็ จ!”
เหมียวอี้กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ปี ศาจตนนี้จอ้ งข้าไม่ยอมปล่อย นางเป็ นภัยอันใหญ่หลวงสําหรับข้า
ในเมื่อมีโอกาส จะปล่อยให้นางจองเวรไม่จบไม่สิ้นได้อย่างไร วันนี้ขา้ กับนางต้องสูใ้ ห้ตายกันไปข้าง!
ลุงหนวด ท่านหานางพัวพันนางให้ได้ ทางที่ดีทาํ ให้นางเข้าใจผิดว่าท่านสู น้ างไม่ไหว แบบนี้ขา้ ถึงจะมี
โอกาสลงมือ ลุงหนวด ท่านจําไว้นะ ถ้าข้าโจมตีครั้งเดียวแล้วพลาด ท่านต้องเก็บข้าใส่ กระเป๋ าสัตว์
แล้วหนีไปทันที!”
“เจ้าคิดจะทําอะไร?” จงหลีค่วยสงสัย
“ตอนนี้อธิบายลําบาก อีกประเดี๋ยวท่านก็จะรู ้เอง!” เหมียวอี้สะบัดแขนดิ้นรนออกจากตัวเขา
จงหลีค่วยใช้ดรรชนีกระบี่ทนั ที ลําแสงกลุ่มหนึ่งยิงออกจากกําไลเก็บสมบัติ พอหันตัวมาชี้ กระบี่บินก็
ยิงออกมาด้วยความเร็ วสู งราวกับผีพงุ่ ใต้ ฟันสังหารใส่ ปีศาจโลหิ ตที่ไล่ตามมาอย่างบ้าคลัง่ ส่ วนคนก็
ไล่ตามกระบี่บินไป
เหมียวอี้ถือทวนอยูใ่ นมือ ไล่สงั หารตามหลังจงหลีค่วยไปเช่นกัน
ปี ศาจโลหิ ตถือดาบนกเป็ ดนํ้าอยูใ่ นมือ แล้วไขว้ดาบต้านเอาไว้ ปั้ ง! กระบี่บินที่ฟันเข้ามาสะเทือน
กระเด็นกลับไปทันที
ปี ศาจโลหิ ตฉวยโอกาสไล่โจมตี จงหลีค่วยคว้ากระบี่บินกลับมา แล้วพุง่ ชนใส่ ปีศาจโลหิ ต พร้อมมือ
สองข้างควงกระบี่ฟันไปข้างหน้าอย่างบ้าคลัง่
ปี ศาจโลหิ ตยกมุมปากยิม้ เจ้าเล่ห์ วินาทีที่เห็นแสงสะท้อนของคมกระบี่ฟันแสกหน้าเข้ามา ทั้งร่ างกาย
ของนางก็พลันกลายเป็ นเงามายาเลือดสิ บร่ าง แล้วพุง่ ยิงกระจายไปสี่ ทิศ กลายเป็ นร่ างสิ บร่ างที่วนอ้อม
จงหลีค่วยที่โจมตีเข้ามาตรงหน้า จากนั้นไปรวมร่ างกันอีกครั้งตรงจุดที่ไม่ไกลจากข้างหลังเขา ไปสู ้
กับเหมียวอี้ที่พงุ่ เข้ามา
ตอนที่ 943

ตาต่ อตา ฟันต่ อฟัน

จงหลีค่วยที่ฟันกระบี่อยูก่ ลางอากาศตกใจมาก แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว นึกไม่ถึงว่าปี ศาจโลหิ ตจะใช้


ท่านี้ ทําให้ป้องกันลําบากนิดหน่อย เขาจินตนาการได้เลยว่าจู่ ๆ ปี ศาจโลหิ ตพรวดไปข้างหลังเขา
เพราะคิดจะทําอะไร นอกจากพุง่ เป้ าไปที่หนิวโหย่วเต๋ อแล้วจะเป็ นใครไปได้อีก
ภายใต้ความวิตกกังวล เขาพลิกมือโน้มนํากระบี่ กระบี่บินยิงระเบิดออกมาจากใต้ซี่โครง
ปี ศาจโลหิ ตที่รวมร่ างอีกครั้งหมุนตัวราวกับดอกไม้ ใช้ดาบฟันกระบี่บินที่ยงิ เข้ามา แล้วกระโจนใส่
เหมียวอี้ต่อไป
เรื่ องทั้งหมดนี้ลว้ นเกิดขึ้นในชัว่ พริ บตาเดียว เหมียวอี้ที่ในปากกําลังกัดกินสมุนไพรเซี ยนซิ งหัวก็ตกใจ
ไม่เบาเช่นกัน สี หน้าพลันเครี ยดขรึ ม หยุดนิ่งกะทันหัน ค่อย ๆ ยกทวนขึ้นมาตั้งรับกับศัตรู ดูเหมือน
เชื่องช้า ตัวทวนค่อย ๆ เกิดเงามายาเป็ นชุด ที่จริ งรวดเร็ วมาก หัวทวนแทบจะชี้ไปข้างหน้าอย่าง
ฉับพลัน ชี้แน่วแน่ไปทางปี ศาจโลหิ ตที่พงุ่ เข้ามา
จงหลีค่วยกลับตัวเร่ งไล่ตามปี ศาจโลหิ ต แต่ปีศาจโลหิ ตที่พรวดพราดเข้ามากลับทําสี หน้าประหลาด
พบว่าลักษณะท่าทางของเหมียวอี้เหมือนจะเปลี่ยนไปในชัว่ พริ บตาเดียว เหมียวอี้ยกทวนขึ้นมา ราวกับ
ร่ างกายหลอมรวมเป็ นหนึ่งเดียวกับทวน เหมียวอี้จอ้ งนางด้วยแววตาเงียบขรึ ม ลึกลํ้า เยือกเย็น สี หน้า
สงบนิ่ง ท่าทางเตรี ยมพร้อมโจมตี เหมือนจะพุง่ ทะลักออกมา
ในชัว่ ขณะนั้น ปี ศาจโลหิ ตยังนึกว่าตัวเองมองผิดคน ไม่เคยเห็นสภาพแบบนี้จากตัวเหมียวอี้มาก่อน
นี่รู้ตวั ว่าหนีไม่พน้ เลยเตรี ยมตัวจะสูต้ ายเหรอ? ปี ศาจโลหิ ตทําสี หน้าตื่นเต้นดุร้าย นางไม่เห็นเหมียวอี้
อยูใ่ นสายตาเลย พอถลันตัวมาถึง ก็ฟันดาบทันที
“หลีกไป!” จงหลีค่วยตะโกนเสี ยงดัง
“ตาย!” เหมียวอี้พลันตะโกนเกรี้ ยวกราดเสี ยงดัง สิ่ งที่ตามมาคือพลังอิทธิฤทธิ์ที่กระเพื่อมกระจายไปยัง
จักรวาลอันกว้างใหญ่ ทําให้พลังที่เพิม่ ถึงขีดสุ ดของตนเหมือนถูกจุดไฟในชัว่ พริ บตาเดียว พลัง
อิทธิฤทธิ์ที่ก่อตัวในร่ างกายปล่อยออกมาอย่างฉับพลัน
เกราะทอง ทวนสี ทองเปล่งแสงสี ม่วงออกมาพร้อมกัน ราวกับดอกไม้พร่ างพรายเบ่งบานอย่างฉับพลัน
เหมือนพระอาทิตย์ยามเช้าที่เปล่งแสงสี ทองตรงเส้นขอบฟ้ า ราวกับมีหมอกสี ม่วงลอยมาจากทิศ
ตะวันออกยามพระอาทิตย์ข้ ึน สว่างไสวแวววาวน่าครั่นคร้าม
หนึ่งทวน สองทวน สามทวน สี่ ทวน…
ทวนแล้วทวนเล่า แทงสังหารทวนแล้วทวนเล่าติดต่อกัน กลืนเข้าคายออก รวดเร็ วว่องไว ยากจะ
บรรยายได้ ทําให้คนตาลายเพราะมองไม่ทนั
หนึ่งทวนสิ บสังหาร ตอนอยูร่ ะดับบงกชม่วง เหมียวอี้กไ็ ม่เคยใช้กระบวนท่านี้อีกเลย พอมาใช้ท่านี้อีก
ครั้งตอนอยูร่ ะดับบงกชทอง เหมียวอี้เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอานุภาพมากมายขนาดไหนกันแน่ มี
เพียงความเร็ วที่ทาํ ให้คนมองไม่ทนั บนหัวทวนที่แทงออกมามีจุดสี ดาํ ขนาดเท่าเม็ดถัว่ เหลือง ราวกับ
เป็ นไข่มุกสี ดาํ เม็ดหนึ่งที่กาํ ลังหมุนวน เหมือนเป็ นหลุมดําของประตูดวงดาวที่หดเล็กลงกว่าเดิมหลาย
เท่า
ตอนออกทวนครั้งแรก ดาบนกเป็ ดนํ้าฟันที่หวั ทวนในแนวเฉี ยง ทั้งสองฝ่ ายวรยุทธ์ต่างกันมาก บวก
กับความคมกริ บของดาบนกเป็ ดนํ้า หัวทวนจึงโดนฟันกระเด็นออกไปราวกับเต้าหูโ้ ดนมีดหัน่
หัวทวนที่กระเด็นออกไปยังคงเคลื่อนที่เร็ วมาก ยิงไปทางจงหลีค่วยที่กระโจนเข้ามาพอดี จงหลีค่วย
ไม่แยแส ใช้กระบี่ในมือปัดลวก ๆ หนึ่งที โดนจุดสี ดาํ ขนาดเท่าเม็ดถัว่ เหลืองที่อยูบ่ นหัวทวนพอดี
บึ้ม! เกิดเสี ยงระเบิดดังขึ้น กระบี่ในมือจงหลีค่วยสะเทือนจนแทบหลุดมือ สะเทือนแขนจนชา ร่ างที่
พุง่ เข้ามาด้วยความเร็ วสูงก็ยงิ่ กระเด็นถอยหลังไปหลายจั้ง
จงหลีค่วยเรี ยกได้วา่ พลันมองไปที่เหมียวอี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ไม่ค่อยเข้าใจว่า
สถานการณ์เป็ นอย่างไร
ทวนสี ทองที่ไร้หวั ทวนพลันอับแสงลง เมื่อขาดอานุภาพดั้งเดิมของทวนวิเศษขั้นสี่ จุดสี ดาํ ขนาดเท่า
เม็ดถัว่ เหลืองบนหัวทวนก็หายไปด้วยเช่นกัน
แต่พอเหมียวอี้ใช้กระบวนท่านี้ แม้แต่ตวั เขาเองก็ควบคุมไม่อยูแ่ ล้วเช่นกัน การแทงสังหารยังคงดําเนิน
ต่อไป
แขนของปี ศาจโลหิ ตสะเทือนจนรู ้สึกชาเล็กน้อย นางมองไปที่เหมียวอี้อย่างไม่เชื่อสายตา นึกไม่ถึงว่า
อานุภาพยามเหมียวอี้ออกทวนจะน่าหวาดกลัวขนาดนี้
ดาบแรกที่ฟันออกไปยังไม่ทนั ชักเก็บเข้ามา ทวนครั้งที่สองก็แทงเข้ามาแล้ว นางหลบไม่ทนั ไป
ชัว่ ขณะ เป็ นเพราะเหมียวอี้ใช้ทวนได้รวดเร็ วเกินไปจริ ง ๆ เร็ วจนแทบจะกดเข้ามาพร้อมกัน ขณะ
กําลังฉุกละหุก ปี ศาจโลหิ ตใช้ดาบโลหิ ตอีกด้ามกวาดฟันเข้ามาอย่างรวดเร็ ว แกร๊ ก! ด้ามทวนกระเด็น
เฉียงออกไปอีกครั้ง
ตอนทวนแทงเข้ามาครั้งที่สาม ไม่วา่ จะทําอย่างไรนางก็หลบไม่ทนั แล้ว เรี ยกได้วา่ ตกใจมากจนหน้า
ถอดสี ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ชดั เจน วิชาทวนที่รวดเร็ วขนาดนี้ทาํ ไมถึงไม่หมดไปเสี ยที ไม่กล้าดัน
ทุรังปะทะตรง ๆ อีกแล้ว ทั้งตัวจึงระเบิดกลายเป็ นเงามายาเลือดสิ บร่ างอย่างรวดเร็ ว
จากนั้นลําแสงแปดสายจากเงามายาเลือดทั้งสิ บก็ยงิ ตามมาติด ๆ เงามายาเลือดทั้งสิ บแทบจะระเบิด
พร้อมกัน ลําแสงแปดสายราวกับลูกธนูแปดดอกที่ยงิ เรี ยงออกมา ตอนที่เงามายาเลือดทั้งสิ บยังไม่
กระจายตัวออกไปจนหมด ก็ยงิ โดนเป้ าหมายไปแล้วหลายครั้ง
มีเพียงเงามายาเลือดสองร่ างที่หนีออกไป ส่ วนลําแสงสี เลือดอีกแปดร่ าง มีเจ็ดร่ างที่โดนแทงจน
พังทลายลง หนึ่งในลําแสงพวกนั้นปรากฏร่ างของปี ศาจโลหิ ต “โอ้ย…” เสี ยงครางเจ็บปวดดังขึ้น โดน
ทวนแทงที่จุดสําคัญ โดนตรงแก้มก้นข้างหนึ่ง!
มหาอิทธิฤทธิ์หลีกโลหิ ตของนาง ไม่ใช่การกลายร่ างเป็ นสิ บร่ างในเวลาเดียวกัน แต่เป็ นการใช้วชิ า
แยกร่ างพรางตาชนิดหนึ่ง ทําให้คนแยกไม่ออกว่าร่ างไหนคือร่ างจริ ง ร่ างไหนคือร่ างปลอม ส่ วนร่ าง
จริ งของนางก็ซ่อนอยูใ่ นนั้น ในบรรดาเงามายาเลือดสิ บร่ างเมื่อครู่ น้ ี เหมียวอี้ไม่รู้ดว้ ยว่าร่ างไหนคือ
ร่ างจริ ง เพียงแต่แปดทวนนั้นโจมตีออกไปอย่างครอบคลุม ทําให้โอกาสโจมตีโดนเป้ าหมายมีสูงมาก
เขาก็แค่บงั เอิญโจมตีโดนเป้ าหมายเท่าก็น้ นั เอง
แค่น้ ีกเ็ พียงพอที่จะทําให้ปีศาจโลหิ ตทนไม่ไหวแล้ว ถึงแม้หวั ทวนจะโดนนางฟันจนหัก แต่ยามหน้า
สิ่ วหน้าขวาน ด้ามทวนก็โดนนางฟันในแนวเฉี ยงจนหักเช่นกัน จุดที่โดนฟันในแนวเฉี ยงเกิดเป็ นรอย
แหลมคม จึงแทงเข้าก้นของนางได้อย่างไม่มีปัญหา
สิ่ งที่ทาํ ให้ปีศาจโลหิ ตกลัวก็คือ บนด้ามทวนนั้นยังมีของอะไรบางอย่างที่นางไม่รู้จกั อยูด่ ว้ ย ไม่น่าเชื่อ
ว่ามันจะทะลุเกราะเลือดของนางได้อย่างง่ายดาย ตอนที่แทงเข้ามาในก้นของนาง ภายใต้ความเจ็บปวด
มหาศาลยังมีความร้อนรุ่ มกลุ่มหนึ่งไหลเข้าสู่ ร่างกาย นางรู ้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของนํ้าเลือด
สังเกตพบความไม่ชอบมาพากลทันที บนหัวทวนของอีกฝ่ ายมีลบั ลมคมในแน่นอน
ส่ วนอีกด้านหนึ่ง จงหลีค่วยที่ไล่ตามเข้ามาก็ฟันกระบี่บินสายหนึ่งเข้ามาแล้ว
ภายใต้ความวิตกกังวล ปี ศาจโลหิ ตฟาดฝ่ ามือสี เลือดขนาดใหญ่ออกมาทีหนึ่ง ฝ่ ามือของปี ศาจโลหิ ต
ฟาดโดนเหมียวอี้ที่กาํ ลังหมดแรงพอดี ในขณะนี้ เหมียวอี้ปล่อยมือจากอาวุธและโบกแขนออกมา ไขว้
แขนสองข้างปกป้ องใบหน้าเอาไว้
ปั้ ง! เหมียวอี้เงยหน้ากระอักเลือดสดอย่างบ้าคลัง่ เกราะทองบนตัวโดนโจมตีจนอับแสงลง ทั้งตัว
สะเทือนจนกระเด็นถอยหลังอย่างรวดเร็ ว
เสี ยงโช้งเช้งพลันดังขึ้น ตอนนี้จงหลีค่วยปะทะเดือดกับปี ศาจโลหิ ตแล้ว เดิมทีเหมียวอี้ไม่น่าจะได้รับ
บาดเจ็บอะไร แต่เกิดเหตุไม่คาดคิดกับหัวทวนที่โดนฟันกระเด็น ทําให้จงหลีค่วยมาถึงช้านิดหน่อย
มาช่วยไว้ไม่ทนั ทําให้เหมียวอี้โดนฟาดไปหนึ่งฝ่ ามือ
หลังจากปะทะกันได้ไม่กี่กระบวนท่า ในดวงตาปี ศาจโลหิ ตฉายแววหวาดกลัว ราวกับหมดกําลังใจ
ต่อสู ้ ยังไม่ทนั มีท่าทีวา่ จะแพ้ นางก็ระเบิดกลายเป็ นเงามายาเลือดสิ บร่ างอีกแล้ว
จงหลีค่วยไล่โจมตีโดนร่ างร่ างหนึ่งราวกับโชคช่วย ร่ างนั้นระเบิดกลายเป็ นสิ บร่ างอีกครั้ง เงามายา
เลือดร้อยร่ างกระจัดกระจายไปยังจุดลึกของท้องฟ้ า
เมื่อเผชิญสถานการณ์แบบนี้ จงหลีค่วยก็อบั จนหนทางเหมือนกัน ขณะมองดูเงามายาเลือดเลือดพวก
นั้นแยกย้ายกันไปไกล เขาก็ไม่รู้จะไล่ตามไปที่ร่างไหน
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาครุ่ นคิดเรื่ องนี้ เขารี บถลันตัวเลี้ยวกลับมา ไล่ตามเหมียวอี้ที่หลุดลอยไปไกล
เนื่องจากอยูใ่ นสภาพไร้แรงโน้มถ่วง
เขาตามเข้ามาดึงแขนเหมียวอี้เอาไว้ แล้วมองเหมียวอี้ดว้ ยแววตาที่แปลกมาก การออกทวนอันน่าทึ่ง
ของเหมียวอี้เมื่อครู่ น้ ี เขาเองก็ได้เห็นกับตาแล้ว รู ้สึกเหลือเชื่อจริ ง ๆ
เห็นดวงตาเหมียวอี้พร่ าเลือนไร้แวว สี หน้าซี ดขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง ร่ าย
อิทธิฤทธิ์ตรวจอาการให้เหมียวอี้ทนั ที
ผลก็คือพบว่าเหมียวอี้ไม่ได้บาดเจ็บรุ นแรง ถึงอย่างไรเจ้าเด็กนี่กป็ กป้ องชีวติ ตัวเองจนชินแล้ว สวม
เกราะรบป้ องกันไว้ต้ งั แต่การต่อสูย้ งั ไม่ทนั เริ่ ม เกราะรบของตําหนักสวรรค์กไ็ ม่ใช่เล่น ๆ มีพลัง
ป้ องกันดีมาก โดนฝ่ ามือของปี ศาจโลหิ ตครั้งเดียว เป็ นไปไม่ได้ที่จะทําให้เกราะรบตําหนักสวรรค์บน
ตัวเหมียวอี้พงั แต่ถา้ เป็ นการโจมตีอย่างจริ งจัง แบบนั้นเหมียวอี้กอ็ าจจะรักษาชีวติ เอาไว้ได้ยาก
ส่ วนอาการบาดเจ็บที่ได้รับ เจ้าเด็กนี่กป็ กป้ องชีวติ จนชินแล้วเช่นกัน กินยาเตรี ยมไว้ต้ งั แต่ตอนยังไม่
โดนโจมตี เจ้าตัวกลืนสมุนไพรเซี ยนซิ งหัวเตรี ยมไว้สาํ หรับการบาดเจ็บ สมุนไพรเซียนซิ งหัวใน
ร่ างกายกําลังออกฤทธิ์ อาการบาดเจ็บน่าจะฟื้ นตัวเร็ ว ๆ นี้ ส่ วนอานุภาพของเลือดปี ศาจในฝ่ ามือปี ศาจ
โลหิ ต ก็ทาํ อะไรเจ้าเด็กนี่ไม่ได้เช่นกัน
สิ่ งเดียวที่ทาํ ให้จงหลีค่วยขมวดคิว้ ก็คือ พลังอิทธิฤทธิ์ของเหมียวอี้ใกล้จะแห้งเหื อดแล้ว จิงชี่เสิ นก็ยงิ่
เซื่องซึมจนน่าตกใจ ราวกับจะขาดใจในฉับพลันทันที ทั้งตัวแทบจะเหมือนผีดิบ ดูเหมือนไม่ใช่เพราะ
ได้รับบาดเจ็บ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “สภาพเจ้าในตอนนี้ เป็ นเพราะใช้วชิ าทวนเมื่อครู่ น้ ีเหรอ?”
เหมียวอี้คลี่ปากที่เปื้ อนเลือดยิม้ อย่างไร้เรี่ ยวแรง แล้วถามเสี ยงอ่อนว่า “ปี ศาจโลหิ ตล่ะ?”
พอพูดถึงเรื่ องนี้ จงหลีค่วยก็กล่าวอย่างอับอายว่า “พูดแล้วก็ละอายใจ ขนาดเจ้ามีแค่วรยุทธ์บงกชทอง
ขั้นหนึ่งยังทํานางบาดเจ็บได้ แต่ขา้ กลับปล่อยนางหนีไปโดยไม่เจ็บตัวเลยสักนิด”
เหมียวอี้ยมิ้ ขื่นขมในใจ ตัวเองย่อมรู ้สภาพของตัวเองดีที่สุด ตนไม่ใช่คู่ต่อสูข้ องปี ศาจโลหิ ตเลย เป็ น
เพราะปี ศาจโลหิ ตไม่รู้สถานการณ์เอง อย่างเช่นเมื่อครู่ น้ ี ถ้าปี ศาจโลหิ ตไม่ใช้ดาบฟันทวนของเขา แต่
เปลี่ยนเป็ นตีให้ทวนเขาหลุดมือแทน อาศัยวรยุทธ์ของปี ศาจโลหิ ต ก็สามารถทําให้ทวนของเขาหลุด
มือได้เลย ถ้าเป็ นแบบนั้นเขาคงไม่ได้ใช่ท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารที่เป็ นแผนสํารองหรอก เขาคงตกอยูใ่ น
เงื้อมมือปี ศาจโลหิ ตไปแล้ว ต่อไปถ้าได้สูก้ บั ปี ศาจโลหิ ตอีกครั้ง ปี ศาจโลหิ ตเคยเสี ยเปรี ยบมาแล้วครั้ง
หนึ่ง เกรงว่าครั้งหน้าคงไม่โชคดีแบบนี้แล้ว
“ลุงหนวด ไม่ตอ้ งโทษตัวเองหรอก มหาอิทธิฤทธิ์หลีกโลหิ ตของปี ศาจตนนั้นร้ายกาจจริ ง ๆ หนีไปได้
ก็เป็ นเรื่ องธรรมดา” เหมียวอี้พดู ปลอบใจอย่างไร้เรี่ ยวแรง ตอนนี้ชีวติ ของตนอยูใ่ นมืออีกฝ่ าย ไม่มี
กําลังจะโต้ตอบเลยแม้แต่นอ้ ย
จงหลีค่วยส่ ายหน้า แล้วกล่าวอย่างสงสัยว่า “เรื่ องนี้มีลบั ลมคมในบางอย่าง นางไม่ได้บาดเจ็บรุ นแรง
อะไร ในเมื่อกล้าพุง่ เป้ ามาที่พวกเราสองคน ทั้งยังมีมหาอิทธิฤทธิ์หลีกโลหิ ตคอยช่วย ทําไมหนีไปทั้ง
ๆ ที่ยงั ไม่มีท่าทีวา่ จะแพ้?”
เหมียวอี้หวั เราะเบา ๆ อย่างหมดแรง “เหตุผลไม่ซบั ซ้อน ข้าเอาคืนนางแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันแล้ว
นางวางยาพิษข้า ข้าก็วางยาพิษนางเหมือนกัน บนหัวทวนข้ามีพิษ ถ้านางยังไม่หนีไป แล้วพิษกําเริ บ
ขึ้นมา ถึงตอนนั้นอยากจะหนีกห็ นีไม่รอดแล้ว ต้องตายด้วยนํ้ามือข้าแน่นอน”
จงหลีค่วยมึนงงไปชัว่ ขณะ จากนั้นก็เข้าใจกระจ่างทันที “ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้เอง! วางยาพิษจนนางตายได้
เลยรึ เปล่า?”
“ไม่รู้สิ!” เหมียวอี้ไม่ยอมเปิ ดเผยความจริ ง ถ้าให้คนอื่นรู ้วา่ ตนมีพิษที่ยากจะหายาถอนได้ ก็ไม่ใช่เรื่ อง
ดีอะไร แต่เขาเดาว่าครั้งนี้ปีศาจโลหิ ตคงจะตายแน่นอน ยังไม่เคยมีใครที่โดนเปลวเพลิงไร้รูปร่ างนี้
แล้วรอดชีวติ ไปได้ ที่เขายอมเสี่ ยงอันตรายครั้งนี้ สุ ดท้ายก็กาํ จัดภัยใหญ่ที่กาํ ลังจะตามมาได้แล้ว
พอได้ยนิ คําว่า ‘ไม่รู้สิ’ จงหลีค่วยก็เสี ยดายอยูบ่ า้ ง ถามอีกว่า “ที่เจ้าออกทวนเมื่อครู่ น้ ีมนั คืออะไรกัน
แน่ บนหัวทวนมีจุดสี ดาํ ที่มีอานุภาพมากขนาดนี้ เกือบทําให้กระบี่ของข้าหลุดมือแล้ว”
เหมียวอี้เองก็สงั เกตเห็นแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนั้นสมาธิจดจ่ออยูท่ ี่การออกทวน ไม่ได้แบ่ง
สมาธิมาคิดถึงปัญหานี้ พอลองมาคิดดูตอนนี้ ก็พบว่าตัวเองเพิง่ เคยเห็นเป็ นครั้งแรกเช่นกัน เมื่อก่อน
ตอนใช้กระบวนท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารก็ไม่เคยเห็น จึงส่ ายหน้าตอบว่า “ข้าเองก็เพิ่งสังเกตเห็นเป็ น
ครั้งแรก”
เมื่อเห็นเหมียวอี้อ่อนแรงจนหมดสภาพ ตาใกล้จะปิ ด จงหลีค่วยก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก “ฟื้ นฟูพลัง
อิทธิฤทธิ์เป็ นเรื่ องง่าย แต่สูญเสี ยจิงชี่เสิ นไปมากขนาดนี้ ต้องค่อย ๆ ฟื้ นฟู เกรงว่าคงตอนนอนหลับ
ไปสักระยะถึงจะฟื้ นฟูกลับมาได้ ข้าเก็บเจ้าไว้ในกระเป๋ าสัตว์แล้วกัน เจ้าก็พกั ผ่อนอยูใ่ นนั้น พอกลับ
ถึงปราสาทดําเนินนภา เจ้าก็คงจะฟื้ นตัวพอดี”
ถ้าไม่ใช่คนที่เชื่อใจกันจริ ง ๆ คนทัว่ ไปก็ไม่อยากโดนเก็บเข้ากระเป๋ าสัตว์เลย ไม่อย่างนั้นถ้าอีกฝ่ าย
เล่นไม่ซื่อนิดเดียว ตัวเองก็รักษาชีวติ ไว้ไม่ได้แล้ว เพียงแต่สภาพในตอนนี้ไม่ได้ดีกว่าถูกเก็บเข้า
กระเป๋ าสัตว์สกั เท่าไร เหมียวอี้ทาํ ได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ จะไม่ตอบตกลงก็ไม่ได้
จงหลีค่วยเก็บเขาเข้าในกระเป๋ าสัตว์โดยตรง แล้วมองไปที่ทอ้ งฟ้ ารอบ ๆ หลังจากแยกแยะทิศทางได้
แล้ว ก็เหาะออกไปอย่างรวดเร็ ว ระหว่างทางยังคอยช่วยเปลี่ยนอากาศให้เหมียวอี้ที่กาํ ลังนอนหลับลึก
ด้วย…
ตอนที่ 944

สร้ างผลงานสั กเรื่อง

ส่ วนปี ศาจโลหิ ตในเวลานี้กลับคํารามร้องอย่างเจ็บปวดอยูบ่ นดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง ขณะที่สนั่


ศีรษะไปมา ผ้ามุง้ สี แดงที่คลุมหน้าก็ปลิวออกไปแล้ว ผมงามยุง่ เหยิงปลิวสยาย สองมือยันอยูร่ ะหว่าง
หิ นผาก้อนใหญ่ทางซ้ายและขวา “พลัก่ ” บนก้นมีเนื้อปนเลือดก้อนหนึ่งระเบิดออกมา มันกําลังปล่อย
ควัน!
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ มันกําลังปล่อยไอเลือด เลือดสดในร่ างกายกําลังพ่นออกจากปากแผลอย่างรวดเร็ ว
บางครั้งก็มีชิ้นเนื้อทะลักออกมาด้วย ทุกครั้งที่กอ้ นเนื้อทะลักออกมาก็จะมีน้ าํ เลือดพุง่ กระฉูดออกมา
ด้วยสายหนึ่ง
ส่ วนใบหน้าสวยที่อยูใ่ ต้ผมงาม ตอนนี้กาํ ลังลีบเหี่ ยวลงเร็ วมากจนสังเกตเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า สี หน้าเต็ม
ไปด้วยความขมขื่นทรมานจนยากที่จะระงับไว้ “เฮ่อ เฮ่อ” เสี ยงร้องแสดงความเจ็บปวดทรมานจน
แทบทนไม่ไหวดังขึ้นไม่หยุด เจ็บจนใบหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยค่อย ๆ เหี่ ยวลีบราวกับโครงกระดูก
ก็ช่วยไม่ได้ คนอื่นไม่รู้ถึงความร้ายกาจของของประหลาดในร่ างกาย แต่นางกลับรู ้ชดั เจน นางรู ้จกั นํ้า
เลือดดีเกินไป เมื่อพบว่าไม่สามารถควบคุมได้ นางก็รู้ถึงผลลัพธ์ของการปล่อยให้ของประหลาดนี้
ลุกลามในร่ างกาย ในสถานการณ์ที่ตวั เองไม่มีทางควบคุมได้ ไม่น่าเชื่อว่านางจะร่ ายอิทธิฤทธิ์ปล่อย
ให้เลือดไหลออกมา ระบายนํ้าเลือดที่ปนกับของประหลาดนัน่ ออกมา เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย นางถึง
ขั้นรี บตัดเนื้อส่ วนที่ปนเปื้ อนของประหลาดนัน่ ออกมาด้วย ไม่เหมือนคนทัว่ ไปที่ใช้แค่การร่ าย
อิทธิฤทธิ์ควบคุม
ทว่าหากคนทัว่ ไปปล่อยเลือดจนแห้งหมดตัว ก็มีชีวติ อยูต่ ่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่นางไม่กลัว…
ตอนที่ยอดหญิงงามกลายเป็ นร่ างผอมแห้งที่มีแค่หนังหุม้ กระดูก เสี ยงลมหายใจที่แหบแห้งเหมือน
ทะเลทรายก็ค่อย ๆ สงบมัน่ คงแล้วเช่นกัน ในที่สุดก็กาํ จัดภัยคุกคามที่เป็ นอันตรายถึงชีวติ ออกจาก
ร่ างกายแล้ว นางตบยาเม็ดสี แดงเข้าปากเม็ดหนึ่ง ในดวงตาที่กลวงเว้าเข้าไปค่อย ๆ เปล่งแสงสี แดง
ร่ างที่โงนเงนก็เริ่ มมัน่ คงขึ้นแล้วเช่นกัน
ภายใต้กระโปรงสี แดง สามารถใช้คาํ ว่าโครงกระดูกงามมาบรรยายได้เลย ร่ างกายที่เหี่ ยวลีบลงค่อย ๆ
หันมา เห็นเพียงเลือดเนื้อที่กระจายอยูบ่ นพื้นกําลังกลายเป็ นนํ้าข้น ยังคงปล่อยฟองออกมา ในเบ้าตาที่
กลวงลึกเข้าไปฉายแววหวาดผวา ไม่รู้วา่ ตัวเองโดนพิษอะไรมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็ นพิษร้ายขนาดนี้ ถ้า
เปลี่ยนเป็ นคนอื่นเกรงว่าคงจะตายไปนานแล้ว
ฝ่ ามือสองข้างที่ผอมแห้งกําบีบจนเกิดเสี ยงดังแกร๊ ก นางนึกเสี ยใจทีหลัง และได้สติรู้ตวั แล้วเช่นกัน
อาศัยวรยุทธ์ของเหมียวอี้กไ็ ม่มีทางต้านทานนางได้เลย ถ้านางทําให้ทวนด้ามนั้นของเหมียวอี้หลุดมือ
ไป นางคงไม่มีจุดจบเหมือนอย่างตอนนี้
เรื่ องที่ผา่ นไปแล้ว มานึกเสี ยใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์ พอนางโบกแขน ผ้ามุง้ สี แดงที่หอ้ ยติดอยูบ่ น
ก้อนหิ นก็ลอยกลับมาคลุมนางไว้ ปิ ดบังใบหน้าอันน่าหวาดกลัวของนาง
นางไม่กล้าอยูท่ ี่นี่นานเกินไป จึงรี บเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้ า แล้วหายไปยังจุดลึกของจักรวาล
ตอนที่กลับมาถึงดาวเทียนหยวนอีกครั้ง นางไม่ได้กลับไปที่ตลาดสวรรค์ แต่กาํ ลังค้นหาอยูบ่ นฟ้ า
ค้นหา…
ณ วัดแห่งหนึ่งที่ต้ งั อยูร่ ะหว่างภูเขาเขียวชอุ่มและสายนํ้ามรกต มีชื่ออันไพเราะว่า ‘วัดจิตสงบ’ ขนาด
วัดไม่ใหญ่โต มีสิ่งอํานวยความสะดวกครบถ้วน แต่กลับถูกทําลายจนชํารุ ดทรุ ดโทรม
ในวิหารใหญ่ที่เรี่ ยราดยุง่ เหยิง พระพุทธรู ปที่ร่างหายไปครึ่ งหนึ่งประดิษฐานอยูเ่ บื้องบน ภายใต้การ
จ้องมองของใบหน้าที่เต็มไปด้วยเมตตาธรรม ในวิหารกลับวางโต๊ะยาวไว้ตวั หนึ่ง สุ ราเนื้อสัตว์วางไว้
เต็มโต๊ะ มีชายสองคน หญิงหนึ่งคน พระสงฆ์หนึ่งรู ป ทั้งสี่ กาํ ลังนัง่ ล้อมโต๊ะ บางครั้งก็ยกจอกสุ ราชน
กันและดื่มอย่างถึงอกถึงใจ สุ ขสันต์หรรษา
พระสงฆ์สวมจีวรสี ขาวนวล สี หน้าเบิกบานสําราญใจ ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือศีลแปดนัน่ เอง
ผูช้ ายอีกสองคนและผูห้ ญิงอีกหนึ่งคนคือเจ้าบ้านทั้งสามของ ‘สมาคมดอกกล้วยไม้’ ผูช้ ายสองคนนั้น
ชื่อว่าหลันเหย่ หลีเถี่ยหุย้ ส่ วนผูห้ ญิงชื่อหูลี่ฮวา ชื่อ ‘สมาคมดอกกล้วยไม้’ ก็ต้ งั มาจากชื่อของพวกเขา
สามคน เลือกคําที่นาํ มารวมกันแล้วเรี ยกคล่องปากฟังดูไพเราะ
ชื่อฟังดูไพเราะ แต่ที่จริ งพวกเขาเป็ นโจรกลุ่มหนึ่ง เป็ นกลุ่มโจรชั้นตํ่าท่ามกลางนักพรตของดาวเทียน
หยวน
ทั้งสี่ กินดื่มอยูอ่ ย่างนั้น แต่ขา้ ง ๆ กลับมีศพเปื้ อนเลือดหลายศพเรี ยงรายอยู่ ทั้งหมดเป็ นพระสงฆ์ แต่ท้ งั
สี่ กลับพูดคุยกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางสภาพแวดล้อมแย่ ๆ แบบนี้
ในลานวัดด้านนอก คนกลุ่มหนึ่งกําลังเก็บกวาดรอยเลือดและศพที่อยูบ่ นพื้น ล้วนเป็ นพระสงฆ์ที่อยู่
ในลานวัด จากเลือดสดบนพื้นที่ยงั ไม่แห้งกรัง ก็ดูออกเลยว่าการสังหารโหดเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน
ในวิหาร เจ้าบ้านรองหูลี่ฮวาวางชามสุ ราลง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “พวกเราต้องยึดวัดนี้แล้ว
กลายเป็ นคนออกบวชจริ ง ๆ เหรอ? จะโดนคนจับได้รึเปล่า?”
ศีลแปดวางชามสุ ราลงเช่นกัน แล้วโบกมือตอบว่า “เจ้าบ้านรองไม่ตอ้ งกังวล วัดเนี่ยนะ เปลี่ยนใคร
เป็ นเจ้าบ้านก็เหมือน ๆ กัน หลังจากเจ้าอาวาสชราที่นี่มรณภาพ พวกลูกศิษย์ระดับล่างก็แก่งแย่งกันไป
แก่งแย่งกันมา ไม่มีคนเก่ง ๆ ไปมาหาสู่ ต้ งั นานแล้ว ไม่มีใครสนใจเท่าไรหรอก แต่ถา้ มียอดฝี มือมาจริ ง
ๆ อาศัยวรยุทธ์ของพวกเราก็จดั การไม่ไหว เจ้าบ้านทั้งสามลองคิดดูสิ ‘สมาคมดอกกล้วยไม้’ เที่ยว
ปล้นไปทัว่ ก็เพื่อทรัพย์สินไม่ใช่เหรอ เป็ นพระสงฆ์ที่ร่ าํ รวยก็ไม่มีอะไรเสี ยหาย ต่อไปพวกเราก็แค่ยดึ
วัดนี้ ถ้ามีคนมาค้างแรม ขอแค่เป็ นคนรํ่ารวยพวกเราก็ลงมือจัดการเลย แต่ถา้ ไม่มีคนมาค้างแรม พวก
เราก็แอบอ้างเป็ นนักบวชเพื่อหลอกให้คนอื่นเชื่อใจได้ง่าย ๆ ตีขนาบทั้งข้างนอกข้างในเหมือนวันนี้
ราบรื่ นจะตาย ดีกว่าการที่พวกเจ้าต้องคอยเสี่ ยงโชคไม่ใช่เหรอ?”
ทั้งสามได้ยนิ แล้วพยักหน้า เจ้าบ้านใหญ่หลันเหย่กย็ งิ่ ตบโต๊ะพูดอย่างเด็ดขาดว่า “เป็ นวิธีการหาเงินที่ดี
จริ ง ๆ พระอาจารย์ศีลแปดช่างมีความคิดที่ดี ก็ได้ ก็แค่โกนหัวแล้วเปลี่ยนเสื้ อผ้า ไม่ใช่เรื่ องใหญ่อะไร
อยูแ่ ล้ว รอให้มีทรัพยากรฝึ กตนเพิ่มขึ้น แบนนั้นก็ยอดเยีย่ มกว่าทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?”
“พี่ใหญ่ ท่านเคยคิดรึ เปล่า พวกเราไม่เข้าใจแนวทางของพระสงฆ์เลยนะ แม้แต่พระคัมภีร์บา้ บออะไร
นัน่ ก็ไม่เข้าใจ แค่พดู ออกมาคําเดียว คนก็มองออกได้ง่าย ๆ แล้ว” เจ้าบ้านสามหลีเถี่ยหุย้ กล่าวอย่าง
ลังเล
ศีลแปดจึงยิม้ พร้อมบอกว่า “เจ้าบ้านสามคิดมากไปแล้ว อาตมาเป็ นพระปลอมมาหลายปี ขนาดนี้ พวก
พระคัมภีร์กน็ บั ว่าเข้าใจอยูบ่ า้ ง ตบตาคนได้ไม่มีปัญหา ไม่อย่างนั้นคงหลอกพวกพระวัดนี้แล้วร่ วมมือ
กับพวกเจ้าโจมตีขนาบทั้งข้างนอกข้างในไม่ได้หรอก หลังจากพวกเรายึดวัดนี้แล้ว ก็ให้ขา้ เป็ นเจ้า
อาวาสก็แล้วกัน… แน่นอน ข้าแค่ออกไปรับแขกในนามเจ้าอาวาส จะได้ขายผ้าเอาหน้ารอดได้สะดวก
ที่จริ งเรื่ องต่าง ๆ ภายในวัด เจ้าบ้านทั้งสามก็ยงั เป็ นคนที่มีอาํ นาจตัดสิ นใจ ตราบใดที่หาเงินได้ แบ่งให้
ข้าสักส่ วนก็พอแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะสอนพูดประโยคนามธรรมที่ชาวพุทธชอบเอาไว้รับมือกับคน
อื่น ขอแค่ภายนอกตบตาได้ พวกเราก็จะไม่พลาดแน่นอน แค่นงั่ รอรับความรวยก็พอแล้ว”
เป็ นอย่างที่เขาบอก หลังจากเขาหนีออกมาจากตลาดสวรรค์ ก็หนีมาตลอดทางจนถึงที่นี่ เมื่อเห็นว่า
เป็ นวัด ก็คิดว่าเป็ นสหายในวงการเดียวกัน การรับเขาเข้าจําวัดคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ใครจะคิดว่า
พวกพระในวัดนี้จะไร้มารยาทต่อเขา ถ้าอยากจะจําวัดก็ยอ่ มได้ เมื่อเห็นว่าวรยุทธ์เขาไม่ได้เรื่ องเท่าไร
ก็เลยโยนงานหนักมาให้เขาทํา และพูดอ้างอย่างสวยหรู วา่ ตรากตรําพากเพียร ลําบากเหนื่อยล้า มี
ประโยชน์ต่อการฝึ กตน
ก็ได้! ไม่คุน้ เคยกับคนและสถานที่ ศีลแปดจึงข่มความโกรธนี้เอาไว้ เตรี ยมจะหาที่พกั และรอให้เข้าใจ
สถานการณ์ของที่นี่ชดั เจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตอนหลังมีอยูว่ นั หนึ่งที่ศีลแปดออกมาข้างนอก แล้วเจอสมาคมดอกกล้วยไม้ดกั ปล้นในภูเขา ปรากฏ
ว่าปล้นศีลแปดไม่สาํ เร็ จ กลับโดนศีลแปดเกลี้ยกล่อม จึงตอบตกลงให้ศีลแปดเข้าร่ วมกลุ่มด้วย
แนวคิดของศีลแปดเรี ยบง่ายมาก ในเมื่อจะมาอยูท่ ี่นี่ ก็ตอ้ งอยูอ่ ย่างประสบความสําเร็ จสิ ขนาดพี่ใหญ่
ยังสร้างร้านขายของชําซื่อตรงขึ้นมาได้ เราไม่ได้มีความชํานาญมากขนาดนั้น แต่ในเมื่อมาที่นี่แล้ว ก็
จะทําอะไรไม่สาํ เร็ จสักเรื่ องเลยไม่ได้ เริ่ มจากการเป็ นโจรก็แล้วกัน รอให้วางรากฐานได้ก่อนแล้วค่อย
วางแผนอีกที จะต้องสร้างผลงานสักเรื่ อง ดังนั้นใบมอบตัวแรกก็คืออยูท่ ี่วดั จิตสงบ นอกจากเขาจะ
วางยาพิษในนํ้าดื่มให้พวกพระในวัดแล้ว เขายังทําลายค่ายกลใหญ่คุม้ กันภูเขาด้วย เป็ นหนอนบ่อนไส้
ให้คนของสมาคมดอกกล้วยไม้เข้ามาเปิ ดฉากสังหารหมู่ สังหารพระของวัดจิตสงบจนหมดเกลี้ยง ถึง
ได้มีฉากที่เห็นอยูต่ รงนี้
ตอนนี้เกลี้ยกล่อมให้คนกลุ่มนี้มาเป็ นพระสงฆ์ได้แล้ว ส่ วนเขาก็อยากจะเป็ นพี่ใหญ่ของคนพวกนี้ เจ้า
อาวาส!
ถ้าจะให้เป็ นพี่ใหญ่ของสมาคมดอกกล้วยไม้ในตอนนี้ ก็ฟังดูไม่เข้าท่าน ต้องเริ่ มจากเป็ นเจ้าอาวาส
ก่อน เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้กลายเป็ นพี่ใหญ่ของสมาคมดอกกล้วยไม้
เจ้าบ้านใหญ่หลันเหย่ยมิ้ พร้อมบอกว่า “ถ้าเป็ นแบบนี้กพ็ อได้อยูน่ ะ ถ้าน้องรองกับน้องสามไม่มี
ความเห็นแย้งอะไร เรื่ องนี้กต็ กลงตามนี้แล้วกัน”
“ข้าก็ตอ้ งโกนหัวด้วยเหรอ?” เจ้าบ้านรองหูลี่ฮวาขมวดคิ้วถาม เอามือลูบมวยผมที่ดาํ ขลับของตัวเอง
ชําเลืองมองศีลแปดแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างลําบากใจว่า “ให้ผหู ้ ญิงอยูก่ บั พระในวัดก็จะฟังดู
เหลวไหล… มิหนําซํ้า โกนหัวแล้วจะน่าเกลียดมากด้วย”
ศีลแปดค่อนข้างรับไม่ไหวกับแววตาของผูห้ ญิงคนนี้ เขาพบว่าผูห้ ญิงคนนี้แอบเล่นหูเล่นตาให้เขาบ่อย
ๆ เห็นได้ชดั ว่าคิดไม่ซื่อกับเขา แต่กเ็ ป็ นเพราะผูห้ ญิงคนนี้ช่วยกูห้ น้าให้ เขาถึงเกลี้ยกล่อมสมาคมดอก
กล้วยไม้สาํ เร็ จได้อย่างราบรื่ น
“ไม่น่าเกลียดหรอก เจ้าบ้านรองหน้าตางดงามดุจดอกไม้ จะไว้ผมยาวหรื อไม่ไว้ผมยาวก็ดูดีท้ งั นั้น
อาจจะมีเสน่ห์ไปอีกแบบก็ได้”
เมื่อศีลแปดกล่าวมาแบบนี้ เจ้าบ้านใหญ่กบั เจ้าบ้านสามก็พากันหัวเราะลัน่ ส่ วนหูลี่ฮวาก็กลอกตาใส่
ศีลแปด
ศีลแปดบอกอีกว่า “แล้วอีกอย่าง เจ้าบ้านรองก็ไม่ตอ้ งโกนผมหรอก สามารถบวชโดยไว้ผมได้ ก็สร้าง
สํานักชีสมาคมดอกกล้วยไม้สกั แห่งที่หลังเขา ให้พกั อยูก่ บั ผูห้ ญิงคนอื่น ๆ แล้วเจ้าบ้านรองก็เป็ นเจ้า
อาวาสที่สาํ นักชีกไ็ ด้”
“แบบนี้กพ็ อไหว” หูลี่ฮวาเหลือบมองอย่างหยาดเยิม้
เจ้าบ้านใหญ่หวั เราะลัน่ แล้วบอกว่า “งั้นพวกเราก็ตอ้ งตั้งฉายานามด้วยสิ พระอาจารย์ศีลแปดมีฉายา
นามว่าศีลแปด งั้นข้าก็ชื่อศีลหก เจ้าสามชื่อศีลเจ็ดก็แล้วกัน”
แม่งเอ๊ย! ศีลแปดกลอกตาใส่ ช่างแต่งชื่อไม่เป็ นเอาเสี ยเลย บังอาจมาเอาเปรี ยบอาตมา อาตมาโดนเอา
เปรี ยบได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?
ข้าไม่ได้ถือศีลกินเจสักหน่อย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขาเป็ นพระที่ไม่กินเจ จึงพูดกลั้วหัวเราะว่า “เจ้า
บ้านใหญ่ ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสม ภายนอกข้าต้องเป็ นเจ้าอาวาส เจ้ากับเจ้าบ้านสามชื่อศีลหก ศีล
เจ็ด เป็ นฉายานามที่สูงกว่าเจ้าอาวาสอย่างข้าเสี ยอีก แบบนั้นคนนอกจะไม่สงสัยหรอกเหรอ? มิหนําซํ้า
เจ้าบ้านทั้งสามก็ยงั มีอาํ นาจตัดสิ นใจที่วดั จิตสงบด้วย ทุกคนทําไปเพื่อความรํ่ารวย ไม่จาํ เป็ นต้องคิด
หยุมหยิมกับชื่อเสี ยงอันจอมปลอมหรอก เจ้าบ้านใหญ่ชื่อศีลเก้า เจ้าบ้านรองชื่อศีลสิ บ ดีไหม?”
เจ้าบ้านทั้งสามสบตากันแวบหนึ่ง ไม่เข้าใจสาเหตุที่อยูใ่ นนั้น คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเป็ นชื่อเสี ยงอัน
จอมปลอมจริ ง ๆ ไม่มีอะไรน่าคัดค้าน เจ้าบ้านใหญ่หลันเหย่พยักหน้าบอกว่า “ได้ เอาอย่างนี้กไ็ ด้ ศีล
เก้าศีลสิ บก็ศีลเก้าศีลสิ บ ตกลงตามนี้แล้วกัน”
ใช้เวลาเพียงชัว่ พริ บตาเดียว สถานะ ‘ลูกศิษย์ผสู ้ ื บทอด’ ของศีลแปดกลับตาลปั ตรทันที ทําให้ท้ งั สอง
คนกลายเป็ น ‘ลูกศิษย์ผสู ้ ื บทอด’ ไม่เสี ยเปรี ยบสักนิดเลยจริ ง ๆ
“แล้วข้าล่ะ?” หูลี่ฮวามองทั้งสามคน แล้วถามว่า “แล้วข้ามีฉายานามว่าอะไรถึงจะเหมาะล่ะ?”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ จู่ ๆ ด้านนอกก็มีเสี ยงคนตะโกนว่า “ใครกัน?”
สี่ คนที่กาํ ลังนัง่ ล้อมวงตกใจทันที เจ้าบ้านทั้งสามถลันตัวออกไปดูขา้ งนอกทันที
ศีลแปดอึ้งเล็กน้อย ออกจากงานเลี้ยงไปเงียบ ๆ ไปอยูท่ ี่วหิ ารด้านข้าง เดินย่องอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ไปที่
ด้านหลังหน้าต่าง แล้วแอบมองไปด้านนอก
ยังไม่คุน้ เคยกับคนและสถานที่ เพิ่งจะมาอยูใ่ หม่ เขายึดถือหลักการความปลอดภัยต้องมาเป็ นอันดับ
แรก ไม่ประมาทออกไปประสมโรง หลบดูสถานการณ์อยูข่ า้ ง ๆ ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เห็นเพียงบนพื้นนอกวิหารใหญ่ที่กาํ ลังเก็บกวาดรอยเลือดและศพ คนคนหนึ่งที่ร่างกายด้วยผ้ามุง้ สี แดง
ยืนนิ่งอยูต่ รงนั้น ผ้ามุง้ บางพลิ้วไหวอยูท่ ่ามกลางสายลมอ่อน มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริ ง ดูจากการ
แต่งตัวเหมือนจะเป็ นผูห้ ญิง แต่ดูจากสภาพเสื้ อผ้าที่หลวมโคร่ ง เหมือนจะผอมโซสุ ด ๆ
ผูท้ ี่มาไม่ใช่ใครที่ไหน คือปี ศาจโลหิ ตนัน่ เอง ตอนที่เหาะผ่านเหนือฟ้ าบริ เวณนี้ นางถูกดึงดูดด้วยกลิ่น
คาวเลือดจํานวนมากของที่นี่ เดิมทีนางก็เป็ นคนที่ความรู ้สึกไวต่อกลิ่นคาวเลือดอยูแ่ ล้ว เดิมทีนางก็ไม่
อยากไปมีเรื่ องกับคนในวัดให้ตวั เองเกิดปัญหา แต่เห็นฆราวาสกลุ่มนี้สงั หารพระสงฆ์ไปไม่นอ้ ย ถึง
ได้ลงมาดูวา่ เกิดอะไรขึ้น
เจ้าบ้านใหญ่หลันเหย่ตะโกนอีกครั้ง “เจ้าเป็ นใคร?”
ปี ศาจโลหิ ตยืนเงียบอยูอ่ ย่างนั้นไม่ขยับไปไหน มีเพียงศีรษะที่คลุมด้วยผ้ามุง้ สี แดงที่ขยับช้า ๆ กวาด
มองสภาพเหตุการณ์โดยรอบ
เมื่อเห็นนางไม่ตอบ ทางนี้กไ็ ม่รู้ชดั ว่าอีกฝ่ ายมีที่มาอย่างไร ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม หลันเหย่พยักหน้าเบา
ๆ เพื่อบอกใบลูกน้องคนหนึ่ง
ลูกน้องคนนั้นจําต้องถืออาวุธและรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปใกล้ เจ้าตัวไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามเช่นกัน
เพียงใช้ทวนยาวแหย่เลิกผ้ามุง้ ของปี ศาจโลหิ ตออก
โฉมหน้าที่แท้จริ งของปี ศาจโลหิ ตเปิ ดเผยต่อหน้าทุกคนทันที ใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวที่เต็มไปด้วย
รอยย่นราวกับโครงกระดูก ทําให้ทุกคนตกใจทันที
ตอนที่ 945

เจ้ าอาวาสวัดจิตสงบ

ศีลแปดที่หลบอยูด่ า้ นหลังหน้าต่างอ้าปากค้าง ถูกทําให้ตกใจเช่นเดียวกัน ใช่วา่ จะไม่เคยเห็นคนตายมา


ก่อน ใช่วา่ จะไม่เคยเห็นโครงกระดูกมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นหนังย่นหุม้ กระดูกแบบนี้เดินได้มาก่อน
ศีรษะที่แห้งกรังกําลังขยับ ลูกตาในเบ้าตาที่กลวงลึกแบ่งแยกขาวดําชัดเจน แต่พอมารวมอยูด่ ว้ ยกัน
แล้วก็บอกไม่ถูกว่าสยดสยองขนาดไหน
พอเปิ ดผ้าสี แดงแล้วเห็นอะไรแบบนี้ มองเห็นชัดเจนตอนกลางวันแสก ๆ น่ากลัวมาก มีคนไม่นอ้ ยสูด
หายใจอย่างตกตะลึง คนเป็ น ๆ คนหนึ่งทําไมกลายเป็ นอย่างนี้ไปได้ เป็ นตัวประหลาดอะไรกันแน่?
ปี ศาจโลหิ ตเหมือนจะมองอะไรบางอย่างออกจากสายตาของทุกคน เงยหน้าช้า ๆ มองดูสองมือของ
ตัวเอง มันเหมือนตีนไก่ยงิ่ กว่าอะไรเสี ยอีก แม้แต่ตวั เองยังรับไม่ค่อยได้ ปี ศาจก็ดี มารก็ดี มนุษย์ที่ไหน
ก็รักสวยรักงามทั้งนั้น
นางเองก็ไม่อยากให้เป็ นแบบนี้ แต่ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทาํ แบบนี้นางก็มีชีวติ อยูต่ ่อไปไม่ได้ ความเป็ น
ความตายในแดนฝึ กตนไม่มีความเมตตา แต่ละคนล้วนทําไปเพื่อให้ได้ยนื มองหมิ่นสรรพสิ่ งอยูบ่ น
จุดสู งสุ ด ชีวติ คือสิ่ งที่ไร้ค่าที่สุด คนที่รอดมาได้มกั ปฏิบตั ิต่อคนอื่นอย่างโหดร้ายอยูเ่ สมอ ตอนปฏิบตั ิ
ต่อตัวเองก็ไม่ได้อ่อนโยนสักเท่าไร ถ้าไม่สูส้ ุ ดชีวติ ก็อยูไ่ ม่รอด
ดวงตาในเบ้าตาฉายแววเย็นเยียบ กวาดสายตามองกลุ่มคน แล้วถามด้วยนํ้าเสี ยงแหบพร่ า “ข้าหน้าตา
น่าเกลียดมากใช่ม้ ยั ?”
“นางอัปลักษณ์! เจ้าเป็ นตัวอะไรกันแน่?” หูลี่ฮวาควงดาบตะคอกถาม
“นางอัปลักษณ์?” ปี ศาจโลหิ ตหัวเราะแห้ง ๆ ในเสี ยงหัวเราะปนด้วยความโกรธอย่างที่ยากจะปิ ดบัง
แล้วจู่ ๆ มีเสี ยงดังพรึ่ บ ผ้าไหมแดงเส้นหนึ่งยิงเข้ามาอย่างรวดเร็ วราวกับหนวดปลาหมึก
ทุกคนตกใจมาก หูลี่ฮวาก็ยงิ่ ตื่นตระหนก อีกฝ่ ายลงมือเร็ วเกินไปจริ ง ๆ เร็ วจนนางหลบไม่ทนั นางยก
ดาบฟันมัว่ ๆ แต่พอโดนผ้าไหมแดงสะบัดใส่ ดาบก็ถูดปัดกระเด็นออกไปพร้อมเสี ยงดังปั้ ง จากนั้นก็
รู ้สึกตึงแน่นร่ างกาย ยังไม่ทนั รู ้ตวั ว่าอะไรเป็ นอะไร ก็โดนผ้าไหมแดงรัดแน่นและดึงเข้ามาแล้ว
ชัว่ พริ บตาเดียว หูลี่ฮวาก็เผชิญหน้าอยูก่ บั ปี ศาจโลหิ ตที่สยดสยองน่ากลัว ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ วรยุทธ์ของ
ทั้งสองต่างกันมาก หูลี่ฮวาที่ขยับตัวไม่ได้หวาดกลัวถึงขีดสุ ด กล่าวขอร้องว่า “โปรดไว้ชีวติ … ช่วยข้า
ด้วย!” ตะโกนประโยคสุ ดท้ายบอกคนของตัวเอง
ปี ศาจโลหิ ตพลิกฝ่ ามือถือนํ้าเต้าโลหิ ตออกมา ค้างคาวโลหิ ตตัวหนึ่งยัดอยูต่ รงปากนํ้าเต้า หน้าตา
เหมือนนํ้าเต้าโลหิ ตที่โดนเหมียวอี้ทาํ ลายไปในปี นั้น
ค้างคาวไม่ใช่เครื่ องประดับ แต่เป็ นสัตว์มีชีวติ มันบิดหัวเผยฟันแหลมร้อง ‘จี๊ด ๆ ’ สองคํา แล้วจู่ ๆ ก็
พุง่ ตัวออกมาราวกับสายฟ้ า ฟันแหลมเต็มปากกัดที่คอของหูลี่ฮวาจนเป็ นแผลเลือด ในขณะที่โดนผ้า
ไหมแดงรัดคออยู่ นํ้าเลือดสายหนึ่งพุง่ ออกมาจากคอของหูลี่ฮวา
เห็นได้ชดั ว่านํ้าเต้าโลหิ ตมีแรงดึงดูดกลุ่มหนึ่ง นํ้าเลือดไม่หยดลงพื้น เพราะมันดูเลือดที่พงุ่ จากคอของ
หูลี่ฮวาเข้าไปจนหมด ที่คอของหูลี่ฮวามีเลือดพุง่ ไม่หยุด นํ้าเต้าโลหิ ตก็ดูดซับไม่หยุดเช่นกัน หูลี่ฮวา
ซูบซีดลงเร็ วมากจนสังเกตเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า ค้างคาวโลหิ ตบินวนไปวนมาอยูบ่ นท้องฟ้ า
ทุกคนตกใจกลัวไม่หาย แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือ ได้แต่มองหูลี่ฮวาสิ้ นชีวติ ไปโดยทํา
อะไรไม่ได้ เป็ นเพราะปี ศาจโลหิ ตเผยวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ดตรงหว่างคิว้ คนอื่น ๆ ที่อยูต่ รงนั้นไม่มี
ใครวรยุทธ์บงกชทองสักคน เจ้าบ้านใหญ่หลันเหย่ที่วรยุทธ์สูงสุ ดก็มีแค่บงกชม่วงขั้นหกเท่านั้น
ศีลแปดที่หลบอยูข่ า้ งหลังหน้าต่างปิ ดปากเงียบกริ บ เขาหันไปมองข้างหลัง อยากจะหนีแต่กไ็ ม่กล้าหนี
เมื่ออยูภ่ ายใต้คนที่วรยุทธ์ระดับนี้ เขาไม่มีความมัน่ ใจว่าจะหนีพน้ เลย
“หนี!” เจ้าบ้านใหญ่หลันเหย่พลันตะโกน ทุกคนหนีกระจัดกระจายเหมือนนกตื่นธนูทนั ที
พรึ่ บ ๆ ! ผ้าไหมแดงหลายสิ บเส้นยิงออกจากตัวปี ศาจโลหิ ต กระจายไปทัว่ ทุกทิศ ราวกับปลาหมึกที่มี
หนวดสัมผัสงอกเต็มไปหมด มันลอยไปดึงคนที่กาํ ลังหนีกลับมาได้อย่างง่ายดายเหมือนเอามือล้วง
หยิบของในกระเป๋ า ชัว่ พริ บตาเดียวก็ดึงกลับมาได้แล้ว ดึงเข้ามาใกล้โดยมีปีศาจโลหิ ตเป็ นศูนย์กลาง!
“ท่านเซียนได้โปรดไว้ชีวติ …” กลุ่มคนร้องขอชีวติ อย่างตื่นตระหนก
แต่กลับเห็นค้างคาวโลหิ ตที่บินวนอยูบ่ นท้องฟ้ าพุง่ ตัวใส่ กลุ่มคน บินเข้ามากัดเส้นเลือดตรงคอของ
พวกเขาจนขาด จมูกที่ลีบแบนของปี ศาจโลหิ ตขยับเล็กน้อย ใช้ความสามารถในการดมกลิ่น แล้ว
สายตาก็ไปหยุดอยูบ่ นตัวชายหญิงคู่หนึ่ง พรึ่ บ ๆ ทั้งสองถูกดึงเข้ามาตรงหน้านางทันที
ปากเหี่ ยวที่มีฟันขาวอยูข่ า้ งในอ้าออก บนคอของชายหญิงคู่น้ นั มีเลือดพุง่ ออกมาสองสาย และกรอก
เข้าไปในปากนางโดยตรง ไหลลงท้องนางไปแล้ว
ชายหญิงคู่น้ นั เหี่ ยวลีบลงเร็ วมาก แต่ปีศาจโลหิ ตกลับมีเนื้อมีหนังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชดั ขณะเดียวกัน
เลือดจากคอคนอื่นก็พงุ่ ออกมา และโดนนํ้าเต้าโลหิ ตดูดเก็บเข้าไปแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ปี ศาจโลหิ ตก็กลับมาสวยสดใสหยาดเยิม้ อีกครั้ง อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ฟ้ื นตัวแล้ว
กลายเป็ นผูห้ ญิงสวยงดงดงามคนหนึ่ง สภาพน่าหวาดกลัวเมื่อครู่ น้ ีไม่มีทางเทียบติด เป็ นภาพ
เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมาก
ท่ามกลางสี ยงร้องโหยหวน ศีลแปดที่หลบอยูด่ า้ นหลังหน้าต่างจนใจจนตัวสัน่ งันงก วางมือข้างหนึ่ง
กัดไว้ในปาก ไม่กล้ามองดูต่อแล้ว นัง่ ยอง ๆ ลงอย่างเนิบช้า
ตอนนี้เขานึกเสี ยใจทีหลังแล้ว พบว่าคนของพิภพใหญ่โหดเกินไปจริ ง ๆ ไม่น่าดื้อกับพี่ใหญ่แล้ว
เพ่นพ่านไปทัว่ แบบนี้เลย ตอนนี้ต่อให้อยากหนีแต่กไ็ ม่กล้านี้ ชัดเจนมากแล้ว อาศัยวรยุทธ์ของเขาไม่
มีทางหลบหนีผา่ นหนังตาของอีกฝ่ ายได้เลย
สายตาพลันไปหยุดอยูบ่ นศพหลายร่ างของพระสงฆ์ กลอกตาล่อกแล่กไปมาแล้วกัดฟัน เหมือน
ตัดสิ นใจอะไรบางอย่างได้ ฉวยโอกาสที่ขา้ งนอกกําลังมีเสี ยงกรี ดร้องโหยหวน เจ้าบ้านี่รีบหยิบมีดสั้น
ออกมาด้ามหนึ่ง คิดจะแทงตัวเองสักสองที แต่ชูมีดขึ้นมาสองครั้งแล้วก็ยงั ทําไม่ลง ถ้าจะให้ใช้มีดตัด
ต้นขาตัวเองเหมือนพี่ใหญ่ที่หุบเขาเพลิงนภาในปี นั้น เขาก็ทาํ ไม่ไหวจริ ง ๆ เขาเป็ นคนที่ค่อนข้างรักตัว
กลัวตาย แต่ไหนแต่ไรก็ยดึ ถือหลักการ ‘ให้เพื่อนตายก่อน แต่อาตมาต้องไม่ตาย’ ทําเรื่ องโหดร้ายกับ
ตัวเองไม่ไหว
เขารี บเก็บมีดสั้น แล้วนําโซ่เส้นหนึ่งมามัดตัวเองเอาไว้ แล้วล้มตัวลงนอนเงียบ ๆ อยูใ่ นกองเลือดข้าง
ศพพวกนั้น จากนั้นก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับวรยุทธ์ของตัวเอง ทําท่าเหมือนโดนจับมาทรมาน นอนรอการ
ตัดสิ นของโชคชะตาอยูอ่ ย่างนั้น ดูวา่ จะอยูร่ อดไปได้หรื อเปล่า
ในที่สุดเสี ยงร้องโหยหวนในลานวัดก็เงียบลง ผ้าไหมแดงหดกลับมาจากทัว่ สารทิศผืนแล้วผืนเล่า ศพ
หลายศพแห้งเหี่ ยวล้มลงพื้นเหมือนกับสภาพของปี ศาจโลหิ ตก่อนหน้านี้ นํ้าเต้าโลหิ ตที่อยูใ่ นมือนาง
หมุนวนกวาดพื้น กวาดเก็บศพทุกร่ างเข้าไปในนํ้าเต้าโลหิ ต แม้แต่ศพของพระสงฆ์พวกนั้นก็ไม่ปล่อย
ให้เสี ยของเหมือนกัน
การหลอมสร้างค่ายกลมารโลหิ ตขึ้นมาใหม่ ไม่รู้วา่ ต้องใช้กี่ชีวติ มาเสริ มชดเชย ศพพวกนี้สามารถใช้
ประโยชน์ได้
ปี ศาจโลหิ ตที่กลับสู่สภาพเดิมแล้วกวาดดวงตางามมองไปรอบ ๆ นางได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาจากใน
วิหารใหญ่ จึงถลันตัวเข้าไปในนั้น ค้างคาวโลหิ ตก็บินตามไปเช่นกัน เมื่อเห็นศพหลายร่ างในวิหาร
ใหญ่ นางก็หยิบนํ้าเต้าโลหิ ตออกมาเก็บทันที
นางถือนํ้าเต้าโลหิ ตเดินตามกลิ่นคาวเลือดเข้าไปในวิหารด้านข้าง พอกวาดตามองแวบหนึ่งก็อ้ ึงทันที
เห็นเพียงพระรู ปหนึ่งโดนมัดอยูท่ ่ามกลางศพพระรู ปอื่น ๆ เห็นได้ชดั ว่าไม่ได้สวมจีวรสี เทาเหมือน
พระสงฆ์ที่เหลือ แต่เป็ นสี ขาวนวล ทั้งยังมีชีวติ อยูด่ ว้ ย
ศีลแปดเงยหน้ามองนาง ถอนหายใจแล้วบอกว่า “อามิตาพุทธ วัดจิตสงบไม่แย่งชิงเรื่ องทางโลก
สมาคมดอกกล้วยไม้ของพวกเจ้ายกดาบสังหาร ไม่กลัวตกนรกอเวจีเชียวหรื อ?”
ที่จริ งในใจเขายังหวาดกลัวไม่หาย แต่ฝีมือการวางมาดสง่าภูมิฐานนั้นฝึ กมาจนยอดเยีย่ มไร้เทียมทาน
แล้ว พรสวรรค์น้ ีไม่ใช่สิ่งที่คนทัว่ ไปจะเทียบติด ดังนั้นภายนอกจึงสงบใจเย็นมาก
ปี ศาจโลหิ ตไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่มองออกแล้วว่าพระรู ปนี้คือพระของวัดนี้ อย่างน้อยศีรษะโล้น
นัน่ ก็ไม่ได้ดูเหมือนเพิง่ โกน นางไม่ได้พดู อะไรอีก ถือนํ้าเต้าโลหิ ตดูดก็บศพที่อยูข่ า้ งซ้ายและขวาของ
ศีลแปด พอยกมือขึ้น ค้างคาวโลหิ ตก็บินกลับมาเป็ นจุกปิ ดปากนํ้าเต้า แล้วพลิกมือเก็บนํ้าเต้าโลหิ ต
เอาไว้
จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้ อ ร่ ายอิทธิฤทธิ์ดึงศีลแปดขึ้นมา หลังจากมองดูใบหน้าของศีลแปดตรง ๆ ปี ศาจ
โลหิ ตก็ชะงักงัน ในดวงตาฉายแววตกตะลึง ช่างเป็ นพระสงฆ์ที่สง่างาม โดยเฉพาะลักษณะท่าทางที่ดู
บริ สุทธิ์ผดุ ผ่องเหนือคนธรรมดา ยิง่ มองยิง่ สบายใจ การปล่อยให้เลือดเปื้ อนจีวรของเขาช่างเป็ นการดู
หมิ่นจริ ง ๆ …
“โยม อยากสังหารก็สงั หารเถิด อย่าคิดว่าอาตมาจะก่อเวรก่อกรรมเพื่อสมาคมดอกกล้วยไม้ของพวก
เจ้า” ศีลแปดกล่าวแล้วถอนหายใจเบา ๆ
ปี ศาจโลหิ ตที่จอ้ งไม่ละสายตาได้สติกลับมา แล้วเดินเขาไปวางมือบนบ่าของเขา พอร่ ายอิทธิฤทธิ์
ตรวจสอบ ก็พบว่าโดนคนระงับวรยุทธ์ จึงใช้ฝ่ามือตบหน้าอกของศีลแปดหนึ่งที ปล่อยพลังอิทธิฤทธิ์
อันแข็งแกร่ งพุง่ ชน แล้วดึงโซ่ที่มดั ศีลแปดโยนลงพื้น จ้องศีลแปดพร้อมกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “ข้าไม่ใช่
คนของสมาคมดอกกล้วยไม้ เพียงผ่านมาที่นี่ เห็นมีคนมาทําชัว่ หยามหมิ่นในสถานที่ศกั ดิ์สิทธิ์ของ
ศาสนาพุทธ จึงลงมือกวาดล้าง”
ลงมือกวาดล้างคือคําโกหก แต่นางไม่สูก้ บั คนของตําหนักสวรรค์และคนของศาสนาพุทธคือเรื่ องจริ ง
นอกเสี ยจากจะจําเป็ นและไม่มีทางเลือก ไม่อย่างนั้นถ้าไปแตะต้องคนของสองแดนนี้ ก็จะไปเตะโดน
เหล็กแข็งเอาได้ง่าย ๆ ถ้าก่อปัญหาใหญ่ข้ ึนมาจะเอาตัวไม่รอด
“อามิตาพุทธ ที่แท้กไ็ ด้พบพระโพธิสตั ว์หญิงแล้ว” ศีลแปดประนมมือขอบคุณ “ประเสริ ฐแท้!
ประเสริ ฐแท้!”
คําชมนี้ทาํ ให้ปีศาจโลหิ ตรู ้สึกอึดอัดนิดหน่อย มือตัวเองเปื้ อนเลือดมาไม่รู้ต้ งั เท่าไร เป็ นครั้งแรกที่ถูก
คนมองว่าเป็ นพระโพธิสตั ว์ จึงถามว่า “ไต้ซือเป็ นใครกัน?”
“อาตมาคือศีลแปด เป็ นเจ้าอาวาสของวัดจิตสงบแห่งนี้” ศีลแปดตอบ
“ที่แท้กเ็ ป็ นเจ้าอาวาส…” ปี ศาจโลหิ ตพยักหน้า มิน่าล่ะการแต่งตัวจึงดูพิเศษกว่าพระทัว่ ไปของวัดนี้
แต่กย็ งั ถามด้วยสี หน้าสงสัยว่า “ทําไมบนตัวไต้ซือมีกลิ่นสุ ราล่ะ?”
ศีลแปดหัวใจกระตุกวูบ ร้องในใจว่าซวยแล้ว ทําไมลืมไปได้วา่ ตัวเองดื่มสุ รามา?
แต่เขาก็ยงั ทําสี หน้าเหมือนเดิม ตอบอย่างจนใจว่า “พวกสมาคมดอกกล้วยไม้บงั คับให้อาตมาทําเรื่ อง
ชัว่ กับพวกเขา อาตมาไม่ยอม พวกเขาก็เลยกรอกสุ รายัดเนื้อเข้าปากอาตมา อาตมาจะได้ผดิ ศีลทําชัว่ กับ
พวกเขา หารู ้ไม่วา่ สําหรับอาตมาแล้ว สิ่ งเหล่านี้เป็ นเพียงสุ ราและเนื้อที่ผา่ นลําไส้เท่านั้น แต่
พระพุทธเจ้ากลับประทับอยูใ่ นใจ!”
“ไต้ซือช่างมีความคิดที่เหนือชั้น!” ปี ศาจโลหิ ตพยักหน้ายิม้ พูดจบก็รู้สึกแปลกนิดหน่อย ทําไมตัวเอง
ถึงมาพูดสรรเสริ ญเยินยอพระสงฆ์รูปนี้ได้?
ศีลแปดเดินเฉี ยดผ่านนางไปด้วยสี หน้าสงบใจเย็น เดินมาถึงวิหารใหญ่ดา้ นนอก พอสายตาเหลือบไป
เห็นถ้วยและตะเกียบสี่ ชุดบนโต๊ะสุ รา เขาก็เลิกคิว้ ทันที รี บเดินไปบดบังเอาไว้ขา้ งหลังตัวเอง ประนม
มือขอภัย แล้วโบกมือหวาดทําลายของบนโต๊ะทั้งหมดทิ้งไป
พอหันไปมองพระพุทธรู ปที่ชาํ รุ ดอยูเ่ บื้องบน เขาก็ประนมมือสวดมนต์อยูพ่ กั หนึ่ง สงบใจสวดด้วย
ท่าทางจริ งจัง
ปี ศาจโลหิ ตเดินตามอยูข่ า้ งหลัง ความระมัดระวังตัวในใจหายไปแล้วเช่นกัน มัน่ ใจว่าท่านนี้คือพระ
จริ ง ๆ อย่างน้อยถ้าไม่เคยอ่านคัมภีร์มาก่อน ก็คงไม่มีทางสวดมนต์ได้คล่องขนาดนี้หรอก ไม่ได้แกล้ง
ทําชัว่ คราวแน่นอน
จากนั้นศีลแปดก็เดินออกจากวิหารใหญ่ เดินวนตรวจดูทวั่ วัดอย่างชํานาญตลอดทาง เห็นได้ชดั ว่า
คุน้ เคยกับวัดมาก ปี ศาจโลหิ ตที่เดินตามอยูข่ า้ งหลังก็ยงิ่ มัน่ ใจว่าศีลแปดคือพระของวัดนี้จริ ง ๆ
เมื่อเดินดูตามที่ต่าง ๆ แล้วไม่เจอใครสักคน ศีลแปดก็เดินออกจากประตูใหญ่ของวัด เงยหน้ามองป้ าย
‘วัดจิตสงบ’ ถอนหายใจ แล้วบอกว่า “ไม่มีใครรอดชีวติ สักคนเลยหรื อ?”
ปี ศาจโลหิ ตยืนมองเขาเงียบ ๆ อยูไ่ ม่ไกล ในใจรู ้สึกสงบ ลืมเรื่ องบุญคุณความแค้นไปแล้ว…
ตอนที่ 946

ปฏิบัตกิ ารลับ

ณ ร้านค้าสมาคมวีรชน ปี ศาจโลหิ ตกลับมา หวงฝู่ จวินโหรวที่รออยูใ่ นศาลากลางนํ้าเห็นแล้วถามว่า


“ทําสําเร็ จแล้วรึ ยงั ?”
ปี ศาจโลหิ ตส่ ายหน้า “พลาดค่ะ”
“โดนคนของปราสาทดําเนินนภาขัดขวางเหรอ?” หวงฝู่ จวินโหรวถาม
คนที่นางเรี ยกให้ไปช่วยปี ศาจโลหิ ตกลับมาแล้ว รู ้วา่ มีคนของปราสาทดําเนินนภาอยูข่ า้ งกายเหมียวอี้
ปี ศาจโลหิ ตขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบว่า “เรื่ องนี้ไม่เกี่ยวกับปราสาทดําเนินนภา เป็ นเพราะข้าประเมินไอ้
จัญไรนัน่ ตํ่าไป วิชาทวนยอดเยีย่ มมาก ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะโดนเขาทําร้ายจนบาดเจ็บ เกือบต้องไปตาย
ด้วยนํ้ามือเขา”
“จะเป็ นไปได้ยงั ไง? วรยุทธ์ของเจ้าสูงกว่าเขาไม่ใช่นอ้ ย ๆ !” หวงฝู่ จวินโหรวตกใจ
จนกระทัง่ ปี ศาจโลหิ ตเล่าเรื่ องราวคร่ าว ๆ ให้ฟัง หวงฝู่ จวินโหรวก็เงียบไปครู่ หนึ่ง พบว่าตัวเอง
ประเมินเหมียวอี้ต่าํ ไปเหมือนกัน พบว่าเจ้าบ้านี่ไม่ใช่แค่เจ้าเล่ห์ แต่มีความสามารถจริ ง ๆ ไม่ได้อาศัย
ของวิเศษอะไรช่วย เมื่อเอาจริ งขึ้นมา ก็อาศัยวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งทําร้ายปี ศาจโลหิ ตที่วรยุทธ์
ระดับบงกชทองขั้นเจ็ดจนบาดเจ็บได้ มิน่าล่ะถึงหยิง่ ไม่ยอมแต่งงานเข้าตระกูลหวงฝู่ พอนึกถึงเรื่ องนี้
นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เขาบอกว่าถ้าไปแล้วจะไม่กลับมาอีก เขาไปครั้งนี้ ก็ไม่รู้วา่ เมื่อไรถึง
จะหาเขาพบ” ในนํ้าเสี ยงเจือด้วยความกลัดกลุม้ เล็กน้อย
ปี ศาจโลหิ ตนึกว่านางเสี ยดายที่ฆ่าเหมียวอี้ไม่สาํ เร็ จ ตัวเองก็รู้สึกเสี ยดายมากเช่นกัน เป็ นความ
ผิดพลาดของตนโดยแท้ ไม่อย่างนั้นต่อให้จบั ตัวเป็ น ๆ ไม่ได้ ต่อให้ตายก็ตอ้ งจับให้สาํ เร็ จ “นอกเสี ย
จากจะหลบไม่ยอมออกมา ไม่อย่างนั้นในใต้หล้าก็มีคนของสมาคมวีรชนของพวกเราอยูท่ วั่ ต้องหาเขา
พบอยูแ่ ล้ว ถ้าได้ขา่ วของเขา รบกวนเถ้าแก่นอ้ ยส่ งข่าวให้รู้สกั หน่อย”
“ส่ งข่าวเหรอ?” หวงฝู่ จวินโหรวงุนงง “เจ้าจะไปแล้วเหรอ?”
ปี ศาจโลหิ ตจะไปแล้วจริ ง ๆ ทั้งยังรี บร้อนมากด้วย หลังจากอธิบายเรื่ องบางอย่างให้ชดั เจนแบบต่อ
หน้าไปแล้ว ก็ไม่ได้อยูต่ ่อเลย กล่าวอําลาทันที ถึงขั้นไม่อยากคุยเรื่ องเหมียวอี้เยอะด้วย เหมือนมีเรื่ อง
อะไรที่เร่ งด่วนกว่านั้น สิ่ งนี้ทาํ ให้หวงฝู่ จวินโหรวแปลกใจอยูบ่ า้ ง เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ปี ศาจโลหิ ต
ก็เอาแต่คิดเรื่ องที่ตวั เองเสี ยยาเม็ดโลหิ ต…
ณ สถานที่ไร้ระเบียบ ปราสาทดําเนินนภา ภูเขาเซี ยนเลื่อนลอย ยอดเขาสู งเทียมเมฆปรากฏให้เห็นราง
ๆ ตอนพระอาทิตย์ข้ ึนแสงสี ทองหมื่นจั้งปูคลุมทะเลเมฆ
เมื่อเข้ามาในภูเขาเซี ยน ศาลาแต่ละแห่งที่อยูร่ ะหว่างภูเขาก็โดดเด่นสะดุดตา สงบเงียบน่าอยู่ ระหว่าง
ทางเดินของดินแดนที่คล้ายกับสรวงสวรรค์ เห็นผูช้ ายและผูห้ ญิงไม่นอ้ ยคํานับจงหลีค่วย เรี ยกเขาว่า
อาจารย์อาบ้าง อาจารย์ลุงบ้าง ลูกศิษย์ในภูเขาที่เห็นคนแปลกหน้าอย่างเหมียวอี้พากันประหลาดใจ
จงหลีค่วยพาเหมียวอี้มาที่ใต้หน้าผาแห่งหนึ่ง นํ้าตกไหลตกกระทบกันหลายชั้น มันไหลยาวเหยียดคด
เคี้ยวลงจากยอดเขาสูงหลายสิ บจั้งราวกับมังกรหยก น่าตื่นตาตื่นใจมาก และบนนํ้าตกนั้น มีสะพาน
โค้งวางพาดในแนวขวาง ประณี ตยิง่ กว่าเนรมิต
ภายใต้การแนะนําของจงหลีค่วย ทั้งสองเหาะขึ้นไปบนนั้นด้วยกัน ไปเหยียบลงบนสะพานโค้งเหนือ
นํ้าตก เมื่อมาถึงตรงนี้ถึงได้พบว่าเห็นอะไรได้เยอะกว่าตอนอยูข่ า้ งล่าง ด้านบนมีตาํ หนักอยูห่ ลังหนึ่ง
บนรั้วของสะพานมีรูปสลักของสัตว์ประหลาดหลายตัวตั้งอยู่ รู ปร่ างแปลกประหลาด สมจริ งราวกับมี
ชีวติ ส่ วนตําหนักที่อยูต่ รงหน้าก็ดูโบราณเรี ยบง่าย ที่นี่คือตําหนักคุมงาน ไม่ใช่สถานที่ที่ประมุข
ปราสาทรักษาการณ์
เหมียวอี้เหลียวซ้ายแลขวา ส่ วนจงหลีค่วยก็โบกมือบอกว่า “ไปเยีย่ มคารวะรองเจ้าสํานักก่อน เดี๋ยว
ค่อยมาเดินชมก็ยงั ไม่สาย”
เหมียวอี้พยักหน้าแล้วเดินตามไป ก่อนหน้านี้จงหลีค่วยบอกเอาไว้แล้ว เหวินหวนเจินประมุขปราสาท
ดําเนินนภากับผูอ้ าวุโสอีกหลายท่านที่มีพลังอิทธิฤทธิ์ระดับอนันตภาพไม่สนใจโลกภายนอกมาตั้ง
นานแล้ว เก็บตัวฝึ กตนมาโดยตลอด ถ้าไม่มีธุระสําคัญก็จะไม่ออกจากการเก็บตัวฝึ กตน ธุระต่าง ๆ ใน
ปราสาทล้วนส่ งต่อให้หวั หน้าศิษย์ฝเู สี่ ยนจัดการ เขาคือรองเจ้าสํานักที่จงหลีค่วยเรี ยก และเป็ นอาจารย์
ของจงหลีค่วยเช่นกัน
เดิมทีเหมียวอี้ไม่มีสิทธิ์เข้าพบศิษย์รองเจ้าสํานักของปราสาทดําเนินนภาเลย เป็ นเพราะตอนนี้ปราสาท
ดําเนินนภากับร้านขายของชําซื่อตรงทํางานร่ วมกัน และเหมียวอี้กเ็ ป็ นหนึ่งในหุน้ ส่ วน เขาถึงได้มาพบ
กับเหมียวอี้เป็ นกรณี พิเศษ
ด้านนอกตําหนักไม่มีคนเฝ้ า หลังจากได้รับรายงานแล้ว ชายวัยกลางคนที่สีหน้าอ่อนโยนคนหนึ่งก็เดิน
ออกมา ไม่ได้ดูน่าเกรงขามอะไร หน้าตาธรรมดาสามัญ เป็ นประเภทที่ถา้ รวมกลุ่มอยูก่ บั คนอื่นจะไม่
โดดเด่นสะดุดตา ดูอายุนอ้ ยกว่าจงหลีค่วย แต่จงหลีค่วยเห็นเขาแล้วก็กมุ หมัดคารวะทันที “ท่าน
อาจารย์!”
เมื่อได้ยนิ คําเรี ยกนี้ ก็ไม่ตอ้ งอธิบายถึงฐานะของผูท้ ี่มาแล้ว เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะทันที “ผูน้ อ้ ยหนิว
โหย่วเต๋ อคารวะรองเจ้าสํานัก”
“แขกคนสําคัญมาเยือน ข้าเสี ยมารยาทที่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับใกล้ ๆ ไม่ตอ้ งมากพิธีหรอก เชิญข้างใน!”
ฝูเสี่ ยนยิม้ พร้อมยืน่ มือเชิญ เหมียวอี้เองก็ไม่ได้มีหน้ามีตาใหญ่โตอะไร อีกฝ่ ายเห็นแก่หน้าร้านขายของ
ชําซื่ อตรง
หลังจากกล่าวทักทายกันตามมารยาท ทั้งสองก็ไม่ค่อยมีอะไรให้คุยกันเท่าไร ไม่วา่ จะเป็ นวรยุทธ์หรื อ
ระดับ ถึงอย่างไรทั้งสองก็ต่างกันมาก เหมียวอี้เองก็ไม่อยากทําให้อีกฝ่ ายเสี ยเวลา จึงนําแผ่นหยกแผ่น
หนึ่งยืน่ ให้ฝเู สี่ ยน นี่คือป้ ายคําสัง่ ของอวี้ซวีเจินเหริ น ผูซ้ ่ ึงรักษาการณ์ร้านขายของชําซื่ อตรง เหมียวอี้
บอกเขาว่า ปราสาทดําเนินนภาสามารถส่ งคนไปลงนามสัญญาการซื้อขายที่ร้านขายของชําซื่ อตรงได้
ทุกเมื่อ ถ้าถือป้ ายคําสัง่ นี้ไป ไม่วา่ จะเข้าไปทําการค้าที่สาขาใดของร้านขายของชําซื่อตรง ก็ลว้ นได้รับ
การอํานวยความสะดวกและสิ ทธิพิเศษ
ป้ ายคําสัง่ นี้ เหมียวอี้เป็ นคนขอมาจากอวี้ซวีเจินเหริ น ในเมื่อสํานักลมปราณคบค้ากับปราสาทดําเนิน
นภาแล้ว จะไม่แสดงนํ้าใจสักหน่อยได้อย่างไร ต้องได้รับนํ้าใจก่อน ถึงจะเกิดความสนิมสนมกัน
การกระทําที่ไว้หน้ากัน ไม่วา่ ใครก็ชอบใจทั้งนั้น มิหนําซํ้า ของเบ็ดเตล็ดที่ลูกศิษย์ปราสาทดําเนินนภา
หามาได้ในแต่ละปี ถ้าจะจัดการแบ่งประเภทขึ้นมาก็ยงุ่ ยากจริ ง ๆ เมื่อมีร้านขายของชําซื่ อตรงคอยช่วย
ต่อไปนี้กเ็ ว้นช่วงไว้จดั การรวมกันครั้งเดียวก็พอแล้ว แบบนี้ช่วยให้ลูกศิษย์ในสํานักลดภาระยุง่ ยากไป
ไม่นอ้ ย รองเจ้าสํานักอย่างเขานับว่าได้ทาํ เรื่ องดี ๆ แล้ว
ดังนั้นฝูเสี่ ยนจึงดีใจมาก มองไปที่จงหลีค่วยพลางพยักหน้าเบา ๆ รู ้สึกว่าครั้งนี้ลูกศิษย์ของตัวเอง
ออกไปปฏิบตั ิงานนอกสถานที่ได้ดี เรื่ องนี้ทาํ เอาจงหลีค่วยละอายใจ เพราะที่จริ งเขาไม่ได้ไปทําอะไร
ที่ที่ร้านขายของชําซื่อตรงเลย
ที่จริ งฝูเสี่ ยนยังไม่ค่อยเข้าใจร้านขายของชําซื่อตรงเท่าไร มีช่องทางจัดหาสิ นค้าที่มนั่ คงเพิม่ ขึ้นมา
นับเป็ นเรื่ องดีสาํ หรับร้านขายของชํา นี่คือเรื่ องที่ได้ประโยชน์กนั ทั้งสองฝ่ าย ตอนหลังก็ยอ่ มรู ้เอง แต่
การได้ป้ายคําสัง่ ของอวี้ซวีมา ก็นบั ว่าเป็ นการไว้หน้าปราสาทดําเนินนภาจริ ง ๆ
นอกจากพูดจาตามมารยาทกับเหมียวอี้นิดหน่อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว จากนั้นก็ให้คนพา
เหมียวอี้ไปพักผ่อน เหลือแค่จงหลีค่วยที่อยูค่ ุยกับเขา
เรื อนพักรับรองแขกสวยและเงียบสงบ สภาพแวดล้อมก็ไม่เลว หลังจากเหมียวอี้ได้อยูเ่ งียบ ๆ คนเดียว
ก็ไม่มีอารมณ์จะเดินดูรอบ ๆ แล้ว เขานัง่ อยูค่ นเดียวในศาลา นึกย้อนไปถึงภาพตอนที่ตวั เองต่อสู ก้ บั
ปี ศาจโลหิ ต
ก่อนหน้านี้จิงชี่เสิ นยังไม่ฟ้ื นตัวกลับมา แต่ตอนนี้มีสมาธิครุ่ นคิดให้ละเอียดแล้ว กําลังคิดวนไปวนมา
ว่าจุดสี ดาํ ที่เกิดตอนใช้ท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารคืออะไร จากที่จงหลีค่วยบอก จุดสี ดาํ นัน่ มีอานุภาพ
เยอะมาก ขนาดวรยุทธ์อย่างจงหลีค่วย กว่าจะต้านทานได้ยงั เปลืองพลังไปเยอะมาก
เขาอยากจะลองใช้ดูอีกสักครั้ง แต่ถา้ ใช้กระบวนท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารอีก เขาก็คงจะไร้เรี่ ยวแรงและ
ทําอะไรไม่ได้ไปสักระยะหนึ่ง ไม่เป็ นผลดีกบั การตามหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในครั้งนี้
ในมือเขามียาเม็ดโลหิ ตที่ใช่ฝึกตนได้ เดิมทีคิดไว้วา่ หลังจากส่ งเยารั่วเซี ยนมาที่พิภพใหญ่แล้ว เขาก็จะ
สงบจิตสงบใจฝึ กฝน ทุ่มเทกําลังและจิตใจไปกับการเพิม่ วรยุทธ์ให้สูงขึ้น เป็ นเพราะเรื่ องเคล็ดวิชา
จอมมารไร้เทียมทานที่ทาํ ให้เขาต้องเปลี่ยนแผน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ จงหลีค่วยก็ไม่รู้วา่ มาปรากฏตัวอยูข่ า้ งหลังเขาตั้งแต่ตอนไหน ถามว่า “กําลัง
คิดอะไรอยู?่ ”
เหมียวอี้หนั ไปมองแวบหนึ่ง แล้วยืนขึ้นถามด้วยรอยยิม้ ม “ไม่มีอะไร! พวกเราจะออกเดินทางกัน
เมื่อไรล่ะ?”
จงหลีค่วยรู ้วา่ เขากําลังถามอะไร ตอบอย่างลังเลว่า “เกรงว่าต้องรออีกประมาณครึ่ งเดือน”
“รอเหรอ?” เหมียวอี้แปลกใจ “รออะไร?”
จงหลีค่วยถามกลับว่า “ยังจําพวกมารปี ศาจที่หนีรอดไปตอนที่ขา้ แย่งแผนที่มาได้ม้ ยั ?”
เหมียวอี้อ้ ึงไปชัว่ ขณะ แล้วพยักหน้าช้า ๆ “จําได้ อย่าบอกนะว่ามีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น?”
จงหลีค่วยนัง่ ลง “รองเจ้าสํานักสงสัยว่ามีข่าวเรื่ องนี้หลุดออกไป ก่อนหน้านี้มีบุคคลนิรนามมาปรากฏ
ตัวแถว ๆ ปราสาทดําเนินนภา ทําให้รองเจ้าสํานักตื่นตัวขึ้นมา รองเจ้าสํานักก็เลยเตรี ยมจะส่ งคนกลุ่ม
หนึ่งให้ออกไปหลอกล่อดึงดูดความสนใจ จากนั้นพวกเราค่อยออกเดินทางเงียบ ๆ ”
เมื่อพูดแบบนี้แล้ว เหมียวอี้ยอ่ มไม่มีความเห็นแย้งอะไร ทําได้เพียงรอต่อไป แต่กลับพบว่าตั้งแต่
ตอนนี้เป็ นต้นไป จงหลีค่วยก็คอยจับตาดูเขาโดยไม่ออกห่างไปไหน ทําเอาเขาฝึ กตนไม่สะดวก เพราะ
เขาต้องใช้ยาเม็ดโลหิ ต
ตั้งใจออกมาเดินวนหยัง่ เชิงที่เรื อนพักรับรองแขก จงหลีค่วยยังคงไม่ออกห่างไปไหน เหมียวอี้พลัน
หันตัวไปถาม “ลุงหนวด ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านอย่าบอกเชียวนะว่าไม่ได้กาํ ลังจับตาดูขา้
อยู!่ ”
ตอนนี้จงหลีค่วยถึงได้กอดอก แล้วกล่าวอย่างอ้อมค้อมว่า “พวกมารปี ศาจที่หลบหนีไป ถึงแม้จะมี
ความเป็ นไปได้ที่พวกเขาจะปล่อยข่าว แต่เจ้าเองก็เป็ นหนึ่งในคนที่รู้เรื่ อง แน่นอน ข้าไม่ได้วา่ เจ้าเป็ น
คนปล่อยข่าว แต่ที่ทาํ แบบนี้กเ็ พื่อป้ องกันเอาไว้ ทุกคนจะได้ไม่สงสัย!”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก แต่กไ็ ม่ได้คดั ค้านอะไรเช่นกัน ทุกคนระวังตัวแบบนี้กไ็ ม่ผดิ ถึงอย่างไรเขาก็คือคน
นอก เพียงสบถไปว่า “แม่งเอ๊ย ถ้าบอกตั้งแต่แรกจะตายรึ ไง?”
ในคํ่าคืนหนึ่งหลังจากครึ่ งเดือนผ่านไป เหมียวอี้ที่กาํ ลังฝึ กตนถูกจงหลีค่วยพาออกไปยังหุบเขาที่ลบั ตา
คนแห่งหนึ่งเงียบ ๆ พบว่าหมิงจ้าวที่มีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ ้งก็อยูด่ ว้ ย ไฉจวิน้ และพวกศิษย์พี่ศิษย์นอ้ ง
ก็อยูด่ ว้ ยเช่นกัน เป็ นกลุ่มคนที่เข้ามาช่วยตอนที่เจอปี ศาจโลหิ ตครั้งก่อน ถ้านับรวมเหมียวอี้ กลุ่มนี้กม็ ี
คนทั้งหมดสิ บสามคน มีหมิงจ้าวเป็ นผูน้ าํ กลุ่ม
ภายใต้การบัญชาการของหมิงจ้าว ทุกคนเปลี่ยนเสื้ อและปลอมตัว
หลังจากเตรี ยมตัวเสร็ จแล้ว พวกเขาก็กระโดดลงไปที่แม่น้ าํ ในหุบเขา ไม่ได้ออกเดินทางอย่างโจ่งแจ้ง
แต่แอบดํานํ้าออกจากปราสาทดําเนินนภาผ่านทางแม่น้ าํ ตามแม่น้ าํ ที่กว้างขึ้นเรื่ อย ๆ ความเร็ วของ
กระแสนํ้าก็ยงิ่ ลดลง พวกเขาดํานํ้ามาถึงกลางแม่น้ าํ ใหญ่ที่อยูห่ ่างออกไปหลายร้อยลี้ ถึงได้โผล่ข้ ึนมาที่
ผิวนํ้า แล้วทะลุออกจากชั้นบรรยากาศจากจุดที่มืดและลับตาคนของดาวดําเนินนภา ปฏิบตั ิภารกิจลับ
อย่างระมัดระวังสุด ๆ เมื่อเดินทางลึกข้าไปในท้องฟ้ าอันกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาก็เฝ้ าระวังรอบข้าง
ตลอดทาง ป้ องกันไม่ให้มีคนสะกดรอยตาม แต่กลับไม่รู้วา่ บนดาวเคราะห์อนั เงียบสงัดดวงหนึ่งที่อยู่
ไม่ไกล มีดวงตาคู่หนึ่งกําลังจับจ้องพวกเขาอยู่ หลังจากได้เห็นทิศทางที่พวกเขามุ่งไปแล้ว คนชุดดําที่
ซ่อนตัวอยูใ่ นก้อนหิ นที่ลอยอยูใ่ นอวกาศก็นาํ ระฆังดาราออกมาส่ งข่าว บอกทิศทางที่พวกเขามุ่งไป
แต่หมิงจ้าวที่เป็ นหัวหน้ากลุ่มก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ระหว่างทางเปลี่ยนเส้นทางติดต่อกันหลายครั้ง เลี้ยวจน
เหมียวอี้ไม่รู้แล้วว่ากําลังจะไปทางไหน แต่นี่กถ็ ือเป็ นเรื่ องดีสาํ หรับเหมียวอี้ จะได้หลบหลีกความ
เสี่ ยงที่ไม่จาํ เป็ น หลังจากนั้นหลายวัน ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีสีสนั แพรวพราวก็ปรากฏสู่ สายตาของ
ทุกคน ขณะกําลังจะเข้าใกล้ หมิงจ้าวก็ยกมือขึ้น ส่ งสัญญาณให้ทุกคนหยุดก่อน เขานําม้วนหนัง
ออกมาแผ่ดู พลางเปรี ยบเทียบดาวเคราะห์ที่หมุนวนอยูต่ รงหน้า เหมือนกําลังตามหาจุดลงที่แม่นยํา
เหมียวอี้ฉวยโอกาสแอบมองแวบหนึ่ง พบว่าเป็ นแผนที่ฉบับสําเนา ภาพผูห้ ญิงทะยานฟ้ าบนนั้นสะดุด
ตามาก เขามองปราดเดียวก็จาํ ได้แล้ว แล้วมองดูดาวเคราะห์สีครามเข้มที่อยูต่ รงหน้า พลางครุ่ นคิดใน
ใจว่า หรื อว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะเป็ นสถานที่ซ่อนภาคดินของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน?
เขาเองก็ไม่รู้วา่ ที่นี่คือที่ไหน จึงหยิบ ‘แผนที่ดาว’ ออกมาตรวจดู แต่ใครจะคิดว่าจงหลีค่วยที่จอ้ งอยู่
ข้าง ๆ จะยืน่ มือมาตบบ่าเขา บอกใบ้ให้เขาเก็บแผนที่ดาวเดี๋ยวนี้
ตอนที่ 947

ชนเผ่ าปี ศาจ

เจ้าบ้านี่ทาํ เหมือนป้ องกันโจร เหมียวอี้ถลึงตาจ้องจงหลีค่วยอย่างหงุดหงิด และทําได้เพียงเก็บแผนที่


ดาวเอาไว้
กลับเป็ นหมิงจ้าวที่หนั มาองแวบหนึ่ง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ดูแผนที่ดาวนิดหน่อยก็ไม่เป็ นไร
หรอก ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว สุ ดท้ายก็รู้อยูด่ ี ขอแค่ไม่ปล่อยข่าวให้คนนอกรู ้กพ็ อ”
เมื่อได้ยนิ ดังนั้น เหมียวอี้กบั จงหลีค่วยก็สบตากันแวบหนึ่ง
ส่ วนหมิงจ้าวก็โบกมือ นําทุกคนเหาะอ้อมดาวเคราะห์ที่อยูต่ รงหน้าไป จนกระทัง่ ปรากฏป่ าทึบเขียว
ขจีอีกด้านหนึ่ง ถึงได้นาํ ทุกคนเลี้ยวฝ่ าท้องฟ้ าเข้าไป
เบื้องล่างเป็ นป่ าไม้โบราณที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ตัวอยูบ่ นฟ้ ามองไม่เห็นจุดสิ้ นสุ ด ทําให้คนรู ้สึกตก
ตะลึง แม่น้ าํ หลายสายตัดสลับกันราวกับสายผ้า
พวกเขาเหาะลงจากฟ้ า ลอยมาเหยียบลงบนยอดพุม่ ของต้นไม้โบราณสู งระฟ้ าบนยอดเขา บนพุม่ ไม้ที่
กว้างใหญ่ คนสิ บกว่าคนที่เหยียบลงบนนั้นดูเล็กลงราวกับหมากล้อมที่ตกลงบนกระดาน ราวกับนก
กระยางขาวหลายตัวที่บินมาเกาะกิ่งไม้ จะเห็นได้วา่ ต้นไม้ตน้ นี้ใหญ่ขนาดไหน
เหมียวอี้เดาะลิ้นขณะมองไปรอบ ๆ ที่นี่ให้ความรู ้สึกเหมือนได้มาที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้โบราณบน
เกาะศักดิ์สิทธิ์กใ็ หญ่แบบนี้ และป่ าไม้โบราณของที่นี่กไ็ ม่ได้มีขอบเขตกว้างใหญ่เท่าเกาะศักดิ์สิทธิ์
แห่งเดียว แต่มีพ้นื ที่เท่าเกาะศักดิ์สิทธิ์นบั ไม่ถว้ น ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ ทําให้คนตกตะลึงขนาดไหน ต่อให้
เป็ นนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์สูงส่ ง เมื่อมาเจอกับกลิ่นอายของป่ าไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาล ก็ยงั รู ้สึกได้วา่
ยามเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่ยงิ่ ใหญ่ ตัวเองนั้นเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่ง
ทุกคนหันมองดูโดยรอบ พบว่าภูเขาสู งที่อยูใ่ ต้เท้าและภูเขาสู งอีกสองลูกที่อยูท่ างซ้ายและขวาไกล ๆ
เหมือนจะตั้งอยูร่ วมกันเป็ นรู ปสามเหลี่ยม หมิงจ้าวหยิบม้วนหนังแผนที่ออกมาเทียบดูอีกครั้ง แล้ว
พยักหน้าบอกว่า “ศิษย์พี่รองเจ้าสํานักนําพวกเราร่ วมศึกษาค้นคว้ามานานแล้ว สุ ดท้ายก็แน่ใจว่า
สถานที่ที่ระบุไว้บนแผนที่อยูท่ ี่ดาวแมกไม้แห่งนี้ และสามจุดสุ ดท้ายที่ระบุไว้บนแผนที่กค็ ือภูเขาสาม
ลูกนี้ พอมาถึงที่นี่กไ็ ม่มีคาํ บรรยายแล้ว คาดว่าที่ซ่อนสมบัติน่าจะอยูร่ ะหว่างภูเขาสามลูกนี้ จะว่าไป
แล้วเมื่อหลายปี ก่อนข้าก็เคยมาที่นี่นะ นึกไม่ถึงว่าที่ซ่อนสมบัติจะเกี่ยวข้องกับที่นี่ น่าขําที่ในปี นั้นข้า
ไม่พบความแปลกประหลาดอะไร ตอนนี้กบั ต้องดูให้ละเอียดสักหน่อย”
“ดาวแมกไม้?” เหมียวอี้ถามอย่างงุนงง “หรื อว่าที่นี่คือที่อยูข่ องปราสาทแมกไม้?”
ทุกคนหันมามองเขา แล้วพากันยิม้ บาง ๆ จงหลีค่วยพูดดูถูกว่า “เหลวไหล!”
หมิงจ้าวตอบพร้อมรอยยิม้ “ฆราวาสหนิว ระหว่างทางที่ออ้ มไปอ้อมมาและปิ ดบังมากมายก็เพราะไม่
มีทางเลือก หวังว่าจะเข้าใจกันหน่อยนะ เพราะเรื่ องนี้ร้ายแรงมาก ถ้าเคล็ดวิชานั้นเล็ดรอดออกไป ก็จะ
ทําให้พวกลัทธิมารกําเริ บเสิ บสาน” จากนั้นก็หนั ไปเตือนคนอื่น ๆ “ทุกคนปฏิบตั ิการที่นี่อย่าง
ระมัดระวังหน่อย จะได้ไม่เกิดการปะทะกับปราสาทแมกไม้โดยไม่จาํ เป็ น ถึงอย่างไรที่นี่กเ็ ป็ นอาณา
เขตของปราสาทแมกไม้ พวกเราต้องปฏิบตั ิตามกฎของพวกเขา อย่าบุ่มบ่ามทําอะไรเกินเลย”
“รับทราบ!” ทุกคนกุมหมัดเอ่ยรับคําสัง่
ไฉจวิน้ ถามอีกว่า “อาจารย์อา ขอบเขตระหว่างสามภูเขากว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าอยากจะหาเป้ าหมายให้
พบก็คงจะไม่ง่าย บนแผนที่ไม่มีขอ้ ชี้แนะอะไรแล้วเหรอ?”
หมิงจ้าวส่ ายหน้า “ข้าไม่เห็นว่ามีขอ้ ชี้แนะอะไร แต่เพือ่ ให้ทุกคนค้นหาได้สะดวก ข้าเตรี ยมแผนที่ไว้
ให้ทุกคนแล้ว อาจจะทําให้ทุกคนเจอเบาะแสอะไรตอนที่คน้ หา” พูดจบก็พลิกฝ่ ามือนําสําเนาแผนที่
ห้าฉบับส่ งให้ไฉจวิน้ “ทุกคนจับคู่กนั สองคน หนึ่งคู่ดูหนึ่งฉบับ แบ่งเขตที่นี่เป็ นหกเขตแล้วแยกกัน
ค้นหา จําไว้วา่ ห้ามให้แผนที่ตกอยูใ่ นมือคนอื่น ถ้าพบปัญหาอะไรขึ้นมา ก็ทาํ ลายแผนที่ทิ้งทันที”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับคําสัง่ อีกครั้ง ไฉจวิน้ เองก็หยิบแผนที่มาฉบับหนึ่งเช่นกัน แล้วแจกจ่ายอีกสี่
ฉบับที่เหลือ
เหมียวอี้มองตาปริ บ ๆ อยากจะหยิบแผนที่มาศึกษาดูให้ละเอียดเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาที่รอคอยมาก
ที่สุดแบบนี้ เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองแย่กว่าคนอื่น คนอื่นอ่านไม่ออก แต่เขารู ้สึกว่าตัวเองอาจจะอ่านออก
เขาร้อนใจอยากจะหยิบแผนที่มาเทียบดูกบั สถานที่จริ ง
ใครจะคิดว่าหมิงจ้าวจะกล่าวว่า “ฆราวาสหนิว เจ้ากับจงหลีค่วยไปกับข้าแล้วกัน”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก ความคิดนั้นถูกทําลาย นี่กาํ ลังจับตาดูเขา หรื อกําลังปกป้ องเขาอยูก่ นั แน่ล่ะ?
สิ บคนที่เหลือจับคู่คนวรยุทธ์สูงกับวรยุทธ์ต่าํ กลายเป็ นห้ากลุ่ม ถ้ารวมกลุ่มของหมิงจ้าวที่มีสามคนไป
ด้วยก็มีท้ งั หมดหกกลุ่ม
ตอนนี้หมิงจ้าวดึงหน้ากากออกแล้ว และบอกกับทุกคนว่า “ทุกคนเลิกปลอมตัวเถอะ ที่นี่มีปีศาจฝูง
หนึ่งที่หน้าตาเหมือนมนุษย์ นิสยั ใจดีซื่อสัตย์ ไม่แย่งแก่งอะไรกับใคร นิสยั เข้ากับกับป่ าผืนนี้ได้ดี
ได้รับการปกป้ องจากปราสาทแมกไม้ คอยจัดการดูแลป่ าผืนนี้ให้ปราสาทแมกไม้มาโดยตลอด ไม่
ชอบคนหลอกลวงและคนปลอมตัว ไม่อย่างนั้นจะถูกมองว่าเป็ นจุดด่างพร้อยของพวกเขา พวกเขา
นับว่าเป็ นเจ้าของของที่นี่ ถ้าเพ่นพ่านไปทัว่ โดยไม่ได้บอกพวกเขาก่อน ก็จะถูกเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ ถึง
ตอนนั้นปราสาทแมกไม้คงไม่ปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกัน ดังนั้นพวกเราต้องไปเยีย่ มคารวะพวกเขาก่อน
สักหน่อย”
ทุกคนไม่รู้เรื่ องนี้เลย ทําได้เพียงเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด แล้วอีกอย่าง ฐานะของ ‘อาจารย์อาผูบ้ ญั ชาการ’
ท่านนี้กเ็ ห็น ๆ กันอยู่ การมาครั้งนี้ตอ้ งเชื่อฟังเขา
หมิงจ้าวเหาะขึ้นมา แล้วทุกคนก็เหาะตามหลังเขาไป เหาะอยูบ่ นฟ้ าที่ขนาบกับป่ า ไม่นานในป่ าก็มี
ปี ศาจที่สวมชุดสี ขาวพากันปรากฏตัว เหมียวอี้มองสํารวจด้วยความอยากรู ้อยากเห็น พบว่าปี ศาจพวก
นี้หน้าตาเหมือนคนจริ ง ๆ ด้วย จะบอกว่าต่างกับคนปกติมากก็ต่างมาก จะว่าไม่ต่างมากก็ไม่ต่างมาก
พวกเขาผิวขาวมาก แต่ละคนมีลูกตาสี ฟ้าสวยงาม จมูกโด่งเป็ นสัน ผมยาวสี เหลืองทอง ไม่มดั หรื อ
เกล้าผม ปล่อยสยายไปข้างหลังตามธรรมชาติ อย่างมากก็สวมมงกุฎหญ้ากับห่วงที่สานจากไม้หวาย
ผูห้ ญิงบางคนสวมมงกุฎดอกไม้ หูยาวจนประหลาดนิดหน่อย ยอดหูแหลมตั้งขึ้นมา
ผูห้ ญิงสวมกระโปรงยาวสี ขาว แต่กลับไม่มีแขนเสื้ อ เปลือยแขนขาวหมดจดทั้งสองข้าง สองเท้าที่อยู่
ใต้กระโปรงก็เปลือยเช่นกัน ผูช้ ายไม่ใส่ กระโปร่ ง แต่กลับใส่ กางเกงสั้นเหนือเข่า เปลือยเท้าเช่นกัน
คนที่นี่เหมือนจะไม่ใส่ รองเท้ากันหมด
สรุ ปว่าคนที่นี่ ไม่วา่ จะชายหรื อหญิงก็หน้าตางดงามกันทั้งนั้น เครื่ องหน้างามประณี ต สายเลือดแบบ
นี้… เหมียวอี้แอบเดาะชิ้นอย่างตกตะลึง สมกับเป็ นปี ศาจจริ ง ๆ แต่เขากลับไม่เห็นกลิ่นอายมารปี ศาจ
จากตัวคนพวกนี้เลย กลับเห็นแต่กลิ่นอายธรรมชาติอนั ยิง่ ใหญ่ที่เรี ยบง่ายหอมกรุ่ น
เรี ยบง่ายก็ส่วนเรี ยบง่าย เมื่อมีกลุ่มคนบุกเข้ามาในอาณาเขตของอีกฝ่ าย ก็ยงั ถูกขวางเอาไว้ ปี ศาจหลาย
ตนที่สวมกําไลแขนเผยร่ างกายบึกบึนมาขวางทางไว้ แล้วถามว่า “พวกเจ้าเป็ นใคร เหตุใดจึงมาทําลาย
ความสงบเงียบของพวกเรา?”
หมิงจ้าวยืนอยูข่ า้ งหน้าและกุมหมัดคารวะ “รบกวนไปแจ้งผูอ้ าวุโสมู่เซิ น บอกว่าหมิงจ้าว สหายจาก
ปราสาทดําเนินนภามาเยีย่ ม”
ปี ศาจที่นาํ หน้ามาขวางทางหันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง ปี ศาจหญิงหนึ่งในนั้นเข้าใจที่เขาจะสื่ อ
จึงเหาะออกไปอย่างรวดเร็ ว ส่ วนคนทั้งสองฝ่ ายก็ยนื เงียบหยัง่ เชิงกันอยู่
ผ่านไปไม่นาน ปี ศาจหญิงตนนั้นก็เหาะกลับมา ผูท้ ี่มาด้วยอีกคนคือสตรี วยั กลางคน พอหมิงจ้าวเห็นก็
ยิม้ ให้ ใช้มือข้างหนึ่งกดที่หวั ใจแล้วโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ “มู่หลินหลาง ไม่เจอกัน
หลายปี สบายดีม้ ยั ?”
สตรี วยั กลางคนแสดงความเคารพกลับเช่นเดียวกัน “ไม่ทราบว่านายท่านหมิงจ้าวมาเยีย่ ม ขออภัยที่
ล่วงเกิน ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นกําลังรออยูค่ ่ะ” พูดจบก็ยนื่ มือเชิญ
เป็ นคนรู ้จกั จริ ง ๆ ด้วย ปี ศาจที่ขวางทางหลีกทางให้ทนั ที สายตาที่จอ้ งเขม็งคลายความระแวดระวัง
แล้ว แต่ละคนมากันใช้มือกดตรงหัวใจพลางโค้งกายต้อนรับ
หมิงจ้าวก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วเหาะเคียงข้างปี ศาจหญิงที่ชื่อว่ามู่หลินหลางไปด้วยกัน ระหว่างนั้นก็
พูดคุยกันไปด้วย ส่วนเหมียวอี้กย็ อ่ มตามอยูข่ า้ งหลัง แต่ละคนเหลียวซ้ายแลขวา ต่างก็รู้สึกประหลาด
ใจกับที่แห่งนี้ ประเพณี ของที่นี่แตกต่างจากที่อื่นอย่างเช็ดได้ชดั
พวกเขาเหาะไปเหยียบลงบนไหล่เขาแห่งหนึ่ง เหยียบลงใต้ตน้ ไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้ าต้นหนึ่งที่ใหญ่โต
เป็ นพิเศษ
สิ่ งที่อยูต่ รงหน้ายังเรี ยกว่าต้นไม้ได้อีกเหรอ? ลําต้นใหญ่จนต้องใช้คนหลายร้อยคนโอบถึงจะมิด สูง
ตระหง่านโดดเด่น พุม่ ของต้นไม้ราวกับเมฆคลุมผืนดิน บรรยายต้นไม้ท้ งั ต้นได้เพียงคําว่าใหญ่โต
รโหฐาน บนต้นไม้มีโพรงไม้ที่เกิดตามธรรมชาติหลายโพรง มีท้ งั เล็กมีท้ งั ใหญ่ ในโพรงไม้มีคนเข้า
ออก ถึงขั้นมีคนสร้างบ้านบนกิ่งไม้ดว้ ย ปี ศาจเหล่านี้อาศัยว่าต้นไม้ตน้ นี้เป็ นบ้านขนาดใหญ่และอยู่
อาศัยรวมกันเป็ นกลุ่ม
นอกจากหมิงจ้าว สมาชิกคนอื่น ๆ ที่เดินทางมาด้วยกันก็ไม่เคยเห็นต้นไม้ที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
จินตนาการไม่ออกเลยว่าต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะเติบโตจนใหญ่ขนาดนี้
บนต้นไม้ที่อยูใ่ ต้เนินเขาก็สร้างบ้านเอาไว้มากมายเช่นกัน มีท้ งั ชายทั้งหญิง ทั้งเด็กทั้งคนแก่ ทั้งชนเผ่า
ปี ศาจใช้ชีวติ อันสงบสุ ขอย่างอิสระเสรี
ด้วยการเชื้อเชิญของมู่หลินหลาง หมิงจ้าวกับนางเดินขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ดว้ ยกัน ไม่ผดิ หรอก พวก
เขาเดินขึ้นไป เป็ นเพราะต้นไม้ตน้ นี้เก่าแก่เกินไป ส่ วนรากกินพื้นที่ไปเยอะมาก ถึงได้ค้ าํ ยันต้นไม้ที่
ใหญ่โตขนาดนี้ไว้ได้ ก้านรากที่โผล่ออกมาด้านนอกล้วนเป็ นบันไดสู งได้ท้ งั นั้น ผิวไม้ที่ขรุ ขระของลํา
ต้นก็สามารถใช้เท้าเหยียบขึ้นไปได้เลย ช่างทําให้คนได้เปิ ดหูเปิ ดตาครั้งใหญ่จริ ง ๆ
ส่ วนเหมียวอี้และคนอื่น ๆ ก็ถกู เชิญไปยังส่ วนรากที่อยูใ่ ต้ตน้ ไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ที่นนั่ มีโพรงไม้
ธรรมชาติอีกโพรง คนหลายสิ บคนเข้าไปนัง่ กับพื้นได้สบาย ๆ
บรรดาปี ศาจสาวที่สวมมงกุฎดอกไม้บนศีรษะเดินเนิบนาบเข้ามา นําผลไม้สดชนิดต่าง ๆ มาให้ มี
หลายชนิดมากที่เหมียวอี้ไม่เคยเห็นมาก่อน สุ ราผลไม้ที่รินให้พวกเขาก็เป็ นของเหลวสี เขียวสดชนิด
หนึ่ง กลิ่นอ่อน ๆ หอมสดชื่น เจือด้วยกลิ่นสุ ราเล็กน้อย
ขณะที่คนอื่น ๆ กําลังสับสนว่าควรดื่มหรื อไม่ควรดื่ม เหมียวอี้กย็ กชามสุ ราที่ทาํ จากไม้ข้ ึนมาชิมแล้ว
เขาเดาะปากสองที สิ่ งที่เข้าไปในปากค่อนข้างเหนียวข้น เย็นสดชื่นหวานอร่ อย เจือด้วยรสสุ รา
เล็กน้อย พอกลืนลงท้องไปแล้ว ในปากก็รู้สึกขมเฝื่ อนนิดหน่อย แต่กลับเหนียวติดเต็มฟัน ถึงแม้จะได้
รสชาติไปอีกแบบ แต่เหมียวอี้กไ็ ม่คอ่ ยชิน จึงสุ่ มหยิบผลไม้ประหลาดขึ้นมากัด พบว่ารสชาติใช้ได้เลย
หวานกรอบ กัดเข้าปากแล้วหยุดเคี้ยวไม่ได้
จงหลีค่วยและคนอื่น ๆ พากันมองไปที่เหมียวอี้พลางขมวดคิว้ เล็กน้อย พบว่าเจ้าหมอนี่ช่างไม่ดูตาม้า
ตาเรื อ ขนาดมาอยูใ่ นสถานที่ที่ไม่คุน้ เคย แต่กย็ งั กล้ากินอาหารสุ่ มสี่ สุ่มห้า
หารู ้ไม่วา่ บรรดาปี ศาจสาวที่ยนื อยูต่ รงปากโพรงไม้พากันมองไปที่เหมียวอี้ดว้ ยแววตาอมยิม้ สําหรับ
พวกนางแล้ว คนต่างถิ่นทําตัวซับซ้อนมาก สําหรับพวกนาง การกระทําของเหมียวอี้เหมือนเป็ นการ
เชื่อใจและยอมรับพวกนางอย่างหนึ่ง
ที่จริ งเหมียวอี้ไม่ใช่คนใส ๆ เหมือนที่พวกนางคิด เจ้าหมอนี่เป็ นพวกที่สารพัดพิษทําอะไรเขาไม่ได้
ไม่ได้หวาดกลัวอะไรเลย
เมื่อเห็นคนอื่นไม่มีท่าที่วา่ จะลงมือกิน ปี ศาจสาวตนหนึ่งก็กล่าวกับทุกคนด้วยรอยยิม้ ว่า “ถ้าต้องการ
อะไรก็เรี ยกนะคะ เดี๋ยวจะมีคนเข้ามาเอง” พูดจบก็นาํ คนอื่น ๆ ถอยออกไป
ตอนนี้เอง เหมียวอี้ที่กดั ผลไม้ไปคําหนึ่งถึงได้ถามว่า “ผูอ้ าวุโสหมิงจ้าวคุน้ เคยกับที่นี่มากเลยเหรอ?”
ไฉจวิน้ ตอบว่า “ข้าก็เคยได้ยนิ มาบ้าง เคยได้ยนิ เกี่ยวกับที่นี่ดว้ ย ผูอ้ าวุโสหมิงจ้าวเหมือนจะเคย
ช่วยชีวติ คนที่นี่ไว้ จึงค่อนข้างสนิทกับผูอ้ าวุโสมู่เซิน นึกไม่ถึงว่าของสิ่ งนั้นจะเกี่ยวข้องกับที่นี่ ถ้าไม่
ได้มาที่นี่ เกรงว่าก่อนหน้านี้ผอู ้ าวุโสหมิงจ้าวก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกัน”
ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนนอก หลังจากที่ทุกคนตรวจสอบแล้วว่าในอาหารและเครื่ องดื่มไม่มียาพิษ
ถึงได้ลองชิมทีละอย่าง
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชัว่ ยาม หมิงจ้าวก็กลับมาแล้ว หลังจากนัง่ ลงที่หวั โต๊ะ ก็บอกกับทุกคนว่า
“ข้าได้รับอนุญาตจากผูอ้ าวุโสมู่เซินแล้ว เขายอมให้พวกเราค้นหาของที่นี่ แต่ที่นี่มี ‘กิ่งหยกเหลือง’
จํานวนมากที่พวกเขาปลูกไว้ให้ปราสาทแมกไม้ ทุกคนอย่าไปแตะต้องซี้ซ้ วั แล้วอย่าทําลายของที่อยู่
บริ เวณนี้ตามอําเภอใจ พรุ่ งนี้เช้าพวกเราจะเริ่ มปฏิบตั ิการ”
“อาจารย์อา วันนี้ยงั เหลือเวลาอีกเยอะ ทําไมต้องเป็ นพรุ่ งนี้ล่ะ?” ไฉจวิน้ ถาม
หมิงจ้าวยิม้ พร้อมตอบว่า “คืนนี้พวกเขาต้องการจัดพิธีให้พวกเรา ไม่ได้พงุ่ เป้ ามาที่พวกเราอย่างเดียว
หรอก ทุกครั้งเวลามีแขกมา พวกเขาก็จะจัดพิธีตอ้ นรับ เพื่อเลือกแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของพวกเขา”
ตอนที่ 948

แผนทีส่ มบัตนิ ่ าสงสั ย

“แขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ด?” ทุกคนพึมพําเบา ๆ มองหน้ากันเลิกลัก่ ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร


“อาจารย์อา ในบรรดาพวกเรา ท่านย่อมเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของพวกเขาอยูแ่ ล้ว ยังต้องเลือกอีก
เหรอ?” ศิษย์พี่รองหญิงเซี่ ยหนานเอ๋ อร์ถามอย่างแปลกใจ
หมิงจ้าวโบกมือพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ต่อให้มีแขกมาแค่คนเดียว ก็ตอ้ งจัดพิธีน้ ีอยูด่ ี
ไม่แบ่งแยกตามวรยุทธ์สูงตํ่า ฐานะหรื อความอาวุโส ขอแค่ผา่ นการทดสอบพิธีของพวกเขา ถึงจะได้
กลายเป็ นแขกที่มีค่าที่สุดของพวกเขา”
“อาจารย์อา ถ้าได้กลายเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดแล้วจะได้ประโยชน์อะไร?” จงหลีค่วยถาม
หมิงจ้าวส่ ายหน้า “เรื่ องนี้ขา้ ก็ไม่รู้แล้ว ในปี นั้นข้าเคยลองแล้ว แต่จนใจที่ไม่ผา่ นการทดสอบ เลย
ไม่ได้กลายเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของพวกเขา ถึงอย่างไรเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เป็ นแค่พิธี
เดียวเท่านั้น ทําตามที่พวกเขากําหนดก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นถ้าไปยัว่ ให้พวกเขาไม่พอใจ ก็อาจจะนํา
ปั ญหาใหญ่มาสู่พวกเราได้ ถึงอย่างไรก็ยงั ต้องหาของในถิ่นของพวกเขา คิดเสี ยว่าทําให้ผา่ น ๆ ไปก็
แล้วกัน”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับ
จากนั้นหมิงจ้าวก็เรี ยกรวมทุกคนอีกครั้ง ใช้มือแตะอะไรบางอย่าง แล้ววาดลักษณะทางภูมิศาสตร์
ระหว่างภูเขาทั้งสามลูกบนโต๊ะ ก่อนจะเริ่ มแบ่งเขตการค้นหาที่เริ่ มพรุ่ งนี้เช้าให้คนทั้งหกกลุ่ม
หลังจากอธิบายภารกิจค้นหาชัดเจนแล้ว หมิงจ้าวก็เตือนอีกว่า “ทุกคนพยายามติดต่อกันเอาไว้
หลังจากหาของพบแล้ว เพือ่ ป้ องกันเหตุไม่คาดคิด อย่าทําอะไรหุนหันพลันแล่น และอย่าบอกให้
สมาชิกคนอื่นรู ้ รวมทั้งข้าด้วยเหมือนกัน ให้ทาํ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ติดต่อกับรองเจ้าสํานัก
โดยตรง ถึงตอนนั้นปรมาจารย์จะออกโรงนําพวกผูอ้ าวุโสมารับ เพื่อป้ องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่ไม่
คาดคิด”
นี่เป็ นการป้ องกันแม้กระทัง่ คนของตัวเอง เหมียวอี้พึมพําในใจ
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับคําสัง่ อีกครั้ง
พอคุยกันเสร็ จแล้ว ทุกคนก็ยงั ไม่ได้แยกย้ายกันออกไปไหน ยังอยูใ่ นโพรงไม้เหมือนเดิม แต่ละคนนัง่
สมาธิฝึกตนอยูอ่ ย่างนั้น
เหมียวอี้กลับสงบจิตใจสงบใจไม่ได้ ในใจเหมือนโดนกรงเล็บแมวเกา สุ ดท้ายก็ไอแห้ง ๆ แล้วบอกว่า
“ผูอ้ าวุโสหมิงจ้าว ให้ขา้ ศึกษาแผนที่นนั่ ดูหน่อยได้ม้ ยั ไม่แน่วา่ ข้าอาจจะพบเบาะแสอะไรก็ได้”
ทุกคนลืมตามองมาทันที เห็นเหมียวอี้ยมิ้ แห้งอยูอ่ ย่างนั้น ดูเขินอายมาก
หมิงจ้าวลังเลนิดหน่อย ก่อนจะโยนม้วนหนังแผนที่เข้ามา เหมียวอี้รับไว้แล้วขอบคุณ จากนั้นก็ไม่
สนใจความคิดของคนอื่นแล้ว เอาแต่กางแผนที่ออกและตรวจดู
ภาพสตรี ทะยานฟ้ าดึงดูดความสนใจของเขา เมื่อเห็นภาพนี้ ความรู ้สึกนึกคิดของเขาก็ไม่แคล้วต้อง
ย้อนกลับไปที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งในปี นั้น เขาไม่มีทางแน่ใจว่าภาพนี้เหมือนกับภาพสลักที่อยูบ่ น
หิ นของแดนหมอกเลือดหมื่นจั้งทุกอย่างรึ เปล่า แต่ภาพที่ติดอยูใ่ นความทรงจําบอกว่าเหมือนทุกอย่าง
ผ่านมาหลายปี ขนาดนี้แล้ว เป็ นไปไม่ได้ที่เขาจะจํารายละเอียดทุกอย่างในภาพได้ชดั เจน ในตอนนั้น
เขาไม่มีอารมณ์จะไปจดจํามัน
ที่สาํ คัญคือตัวอักษรสองแถวที่อยูข่ า้ ง ๆ หญิงสาวผูก้ าํ ลังทะยานสู่ฟ้าอย่างนิ่มนวลอ่อนช้อย : ลิขิตแห่ง
เส้นทางแห่งเซียนยังไม่จบสิ้ น เรื อกระดูกลอยอยูใ่ นทะเลเลือด!
เขากลับจําตัวอักษรทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจน และเป็ นเพราะตัวอักษรพวกนี้ เขาถึงได้มนั่ ใจว่าสภาพนี้
เหมือนกับภาพสลักที่เขาเห็นที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งทุกประการ
แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งเป็ นสถานที่ฝังศพของจอมมาร ทําไมถึงมีภาพนี้อยูด่ ว้ ย? เกี่ยวข้องอะไรกับ
แผนที่สมบัติที่ซ่อนเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินเอาไว้? หรื อว่าจอมมารที่โดนทหารสวรรค์
หนึ่งแสนนายไล่สงั หารจนมาตายที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้ง จะเป็ นราชันลัทธิมารในปี นั้น?
ไม่อย่างนั้นทั้งสองจะมีของแบบเดียวกันโผล่มาได้อย่างไร?
เหมียวอี้คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ถูก เพราะเวลาไม่ตรงกัน แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งเพิ่งปรากฏที่พิภพ
เล็กเมื่อหนึ่งแสนปี ก่อน แต่ราชันลัทธิมารของพิภพใหญ่กลับตายไปนานกว่าหนึ่งแสนปี แล้ว เป็ นไป
ไม่ได้ที่จะถ่อไปวาดภาพที่พิภพเล็ก แต่ที่ท้ งั สองภาพเหมือนกันทุกประการ จะอธิบายเรื่ องนี้ได้
อย่างไรล่ะ? หรื อว่าเป็ นผูส้ ื บทอดของราชันลัทธิมาร?
คิดไม่ตก คิดไม่ตกจริ ง ๆ เขาได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ อยูอ่ ย่างนั้น
หารู ้ไม่วา่ หมิงจ้าวและคนอื่น ๆ กําลังมองปฏิกิริยาของเขาอยู่ พบว่าเจ้าหมอนี่ตาเป็ นประกายทันทีที่
เปิ ดแผนที่ดู จากนั้นก็ขมวดคิว้ มุ่น บางครั้งก็เอามือลูบคางครุ่ นคิด บางครั้งก็ส่ายหน้า ดูจากท่าทาง
แบบนั้นของเขา เหมือนจะอ่านอะไรบางอย่างออกแล้วจริ ง ๆ
ทุกคนแอบส่ งสายตาให้กนั แล้วจงหลีค่วยก็ถามหยัง่ เชิงว่า “เจ้าอ่านอะไรออกเข้าแล้วล่ะ?”
“อย่าเอะอะ! ข้ากําลังคิด” เหมียวอี้ตอบโดยจิตใต้สาํ นึก ไม่ได้เงยหน้าเลยสักนิด ไม่เห็นจงหลีค่วยที่
ถลึงตาจ้อง ทําท่าเหมือนอยากจะตบเขาสักที
หมิงจ้าวกลับยกมือเบา ๆ บอกใบ้จงหลีค่วยว่าอย่าไปรบกวนเหมียวอี้ เพียงส่ งสายตาบอกให้จงหลีค่วย
จับตาดูเหมียวอี้ไว้ให้ดี เพราะท่าทางแบบนั้นของเหมียวอี้ไม่เหมือนการเสแสร้งแกล้งทํา เหมือนมอง
อะไรออกแล้วจริ ง ๆ ถ้าเจ้าหมอนี่อ่านผลลัพธ์ออกจริ ง ๆ ทุกคนก็จะได้ไม่ตอ้ งลําบากหลับตาคลําหา
ในขอบเขตที่ใหญ่ขนาดนี้
อ่านไม่เข้าใจ! อ่านไม่ออก! เหมียวอี้เรี ยกได้วา่ เปลี่ยนท่าทางไม่หยุด บางครั้งก็ใช้มือสองข้างกอบ
ขึ้นมาดู บางครั้งก็นอนควํ่าดู บางครั้งก็นอนหงายดู แต่กย็ งั อ่านไม่ออก ช่างแปลกะประหลาดจริ ง ๆ
แผนที่ซ่อนสมบัติไม่มีเครื่ องหมายบอกตําแหน่งที่เป็ นรู ปธรรม วาดขอบเขตใหญ่ขนาดนี้ ให้คน
หลับตาคลําหา นี่เป็ นแผนที่ซ่อนสมบัติอะไรกันประสาอะไร ไม่สูบ้ อกไปตรง ๆ ว่าอยูท่ ี่ดาวแมกไม้ก็
สิ้ นเรื่ อง ยังจะเปลืองแรงวาดไปทําไมอีก
ดังนั้นสัญชาตญาณของเขาบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าอ่านอะไรบนแผนที่ไม่ออก ก็อาจจะเกี่ยวข้อง
กับอะไรบางอย่างที่อยูน่ อกแผนที่รึเปล่า บางทีสิ่งที่อยูน่ อกแผนที่ต่างหากที่เป็ นกุญแจสําคัญให้หา
สถานที่น้ นั ได้แม่นยําจริ ง ๆ แต่สิ่งที่อยูน่ อกแผนที่กค็ ือภาพผูห้ ญิงทะยานฟ้ ากับตัวอักษรสองแถวนัน่
แล้วด้านบนแผนที่กม็ ีคาํ ว่า ‘มาร’ กับ ‘ดิน’ แสดงสถานที่ซ่อนเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดิน
เอาไว้โดยสังเขป
แต่เมื่อเหมียวอี้นาํ ภาพกับตัวอักษรนั้นมาเทียบกับแผนที่ ก็พบว่ามันช่างเหมือนกับตําราสวรรค์[1]
อ่านเบาะแสอะไรไม่ออกเลย เขาเองก็นบั ถือคนของปราสาทดําเนินนภาจริ ง ๆ อาศัยแค่แผนที่ที่หวั วัว
ไม่ตรงกับปากม้า[2]ฉบับนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะหาดาวแมกไม้พบจากจักรวาลอันกว้างใหญ่ มองออกเลยว่า
ปราสาทดําเนินนภาใช้ความคิดไปกับแผนที่น้ ีเยอะกว่าเขา ขนาดพวกนั้นยังไม่เข้าใจ ถ้าเขาอยากจะ
เข้าใจในทันที ก็เกรงว่าไม่น่าจะเป็ นไปได้
แต่มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่เขารู ้สึกแปลกใจ พอได้สติกลับมาก็เงยหน้ามองหมิงจ้าว ผลก็คือพบว่าไม่ใช่แค่ห
มิงจ้าว แต่ทุกคนกําลังจ้องเขาอยู่
เวรเอ๊ย! เวลาจ้องใครก็ไม่ควรจ้องแบบนี้รึเปล่า? ทําไมต้องจ้องข้าแบบนี้กนั หมด? เหมียวอี้แอบด่าใน
ใจ อย่าบอกนะว่ามีคนมากมายขนาดนี้ดูอยูแ่ ล้วยังกลัวข้าจะแย่งแผนที่หนีไป?
“ฆราวาสอ่านอะไรออกแล้วใช่ม้ ยั ?” หมิงจ้าวถามพร้อมรอยยิม้
เหมียวอี้ส่ายหน้า “เปล่าหรอก ข้าแค่สงสัยอะไรบางอย่าง ไม่ทราบว่าจะขอคําชี้แนะจากผูอ้ าวุโสได้
หรื อไม่?”
หมิงจ้าวพยักหน้า “ว่ามาได้เลย”
เหมียวอี้สะบัดแผนที่กางออก แล้วชี้ไปยังตัวอักษร ‘ดินมาร’ พลางถามว่า “ผูอ้ าวุโสไม่รู้สึกว่ามัน
แปลกเหรอ? ใครกันที่อาศัยแค่สองคํานี้กต็ ดั สิ นออกมาแล้วว่านี่คือสถานที่เก็บเคล็ดวิชาจอมมารไร้
เทียมทานภาคดิน? มิหนําซํ้า ไม่วา่ จะอ่านอย่างไรข้าก็นึกเชื่อมโยงไปถึงสิ่ งนั้นไม่ได้ ถ้าข้าไม่รู้
เรื่ องราวเบื้องลึกแล้วมาอ่านเจอ ก็คงนึกว่า ‘ดินมาร’ นี้หมายถึงดินแดนพักพิงของลัทธิมาร หมายถึง
อาณาเขตของมาร แผนที่ที่นาํ ทางมาสู่ อาณาเขตของมาร อย่าบอกนะว่าผูอ้ าวุโสคิดเชื่อมโยงไปว่าเป็ น
เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมภาคดินทาน?”
“เอ่อคือ…” หมิงจ้าวส่ ายหน้าเล็กน้อย เขาไม่เคยตั้งคําถามนี้เลยจริ ง ๆ
กลับเป็ นจงหลีค่วยที่ผลักไหล่เหมียวอี้เบา ๆ “เจ้าโง่รึเปล่า ตอนที่บงั คับให้นกั พรตมารบอก เจ้าเองก็
อยูใ่ นเหตุการณ์ดว้ ย ไม่ใช่เจ้าบ้านัน่ หรอกเหรอที่บอกเรา?”
เหมียวอี้จึงกล่าวว่า “ใช่แล้วล่ะ เขาบอกพวกเราแบบนั้น ข้ารู ้ดว้ ยว่าพวกเขาก็แย่งมาเหมือนกัน แต่
เจ้าของที่ถือมันไว้ก่อนหน้านี้จะรู ้ได้ยงั ไงว่ามันเป็ นสถานที่ซ่อนเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาค
ดิน? ผ่านไปหลายปี ขนาดนี้แล้ว ในเมื่อเขารู ้แล้วทําไมถึงไม่ไปหาเองล่ะ? แน่นอน ท่านอาจจะบอกว่า
เขาเป็ นคนที่คอยเก็บรักษาแผนที่น้ ีไว้ แต่คนที่สามารถแก็บรักษาสมบัติล้ าํ ค่ามหาศาลได้หลายปี ขนาด
นี้ จะต้องเป็ นคนที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่แน่นอน ข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็ นคนประเภทที่เปิ ดเผยความลับได้
ง่าย ๆ ต่อให้โดนคนแย่งสมบัติไป รู ้อยูแ่ จ่มแจ้งว่าต่อให้คายความลับนี้กต็ อ้ งตายอยูด่ ี ถามหน่อยว่าคน
ที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่แบบนั้นจะยอมคายความลับได้ยงั ไง?”
เมื่อได้ยนิ เหมียวอี้พดู แบบนี้ ทุกคนก็ขมวดคิ้วทันที มีบางคนพยักหน้าช้า ๆ รู ้สึกว่าที่เขาพูดก็มีเหตุผล
“เจ้าหนุ่มนี่อยากจะพูดอะไรกันแน่?” จงหลีค่วยถามเสี ยงตํ่า
เหมียวอี้เอามือจับศีรษะ จ้องแผนที่ทางซ้ายทีขวาที แล้วบอกว่า “หลังจากข้าพิจารณาอย่างรอบด้าน
แล้ว ทําไมรู ้สึกเหมือนมีคนจงใจปล่อยมันออกมา เบื้องหลังไม่มีลบั ลมคมในอะไรใช่ม้ ยั ? จะมีกบั ดัก
อะไรรึ เปล่า?”
ทุกคนหัวใจกระตุกวูบ เหมือนผวาตื่นจากความฝัน รู ้สึกว่ามีความเป็ นไปได้จริ ง ๆ ทําไมพวกเรานึก
ไม่ถึงเลยล่ะ? สายตาของทุกคนไปรวมอยูท่ ี่หมิงจ้าว
หมิงจ้าวเม้มริ มผีปากแน่นครู่ หนึ่ง หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ก็รีบนําระฆังดาราออกมาร่ ายอิทธิฤทธิ์
เขย่า
ทุกคนเข้าใจแล้ว ตอนนี้กาํ ลังติดต่อกับทางปราสาทดําเนินนภา หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ระฆังดาราที่
อยูใ่ นมือหมิงจ้าวก็มีเสี ยงตอบกลับมา หมิงจ้าวเก็บระฆังดารา หันมองรอบวงแล้วถอนหายใจ “รองเจ้า
สํานักก็บอกว่าใช่วา่ จะเป็ นไปไม่ได้ ทว่าลมพายุจะเกิดได้ ก็ตอ้ งมีตน้ ปลายปลายเหตุแน่นอน ไม่วา่ จะ
จริ งหรื อโกหก ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ก็คงไม่ดีที่จะเลิกพิสูจน์ตอนนี้ ถ้าพวกเราคิดมากไปเอง จะ
ไม่เป็ นการพลาดโอกาสหรอกเหรอ? ดังนั้นรองเจ้าสํานักจึงสัง่ ให้พวกเราปฏิบตั ิตามแผนการ ส่ วน
พวกเขาก็จะเตรี ยมการเพิ่มเติม จะเชิญผูอ้ าวุโสท่านหนึ่งออกมาเตรี ยมตัวสนับสนุนพวกเราเพื่อ
ป้ องกันเหตุไม่คาดคิด”
ดูท่าทางแล้วคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหมือนกัน ทําได้เพียงพยักหน้าเอ่ยรับ
ส่ วนเหมียวอี้กย็ งั กอดแผนที่อ่านศึกษาต่อไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ตอนที่โดนจงหลีค่วยดึงแผนที่กลับไปส่ งคืนให้หมิงจ้าว สี
ของท้องฟ้ าด้านนอกก็มืดแล้ว ในโพรงไม้มีหิ่งห้อยที่เปล่งแสงราวกับดวงดาวบินเข้ามา
ปี ศาจหญิงวัยกลางคนที่ชื่อมู่หลินหลางเข้ามาเชิญทุกคนไปร่ วมงานเลี้ยง พอเดินออกจากโพรงไม้
ภาพตรงหน้าก็สว่างทันที เห็นหิ่ งห้อยบินสว่างไสวอยูท่ วั่ ป่ า พืชจําพวกเฟิ นหน้าตาประหลาดเรื องแสง
อยูภ่ ายใต้ทอ้ งฟ้ ายามราตรี พวกดอกไม้ป่าแปลก ๆ ข้างทางที่เห็นตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็
เปล่งแสงอ่อน ๆ สี แดงบ้างฟ้ าบ้าง เป็ นแสงละมุนหลากสี สนั สวยสดงดงามมาก ทําให้คนรู ้สึกเหมือน
อยูใ่ นดินแดนแห่งความฝัน ผ่อนคลายสบายใจ
“ช่างเป็ นสถานที่ที่งดงามจริ ง ๆ !” ศิษย์พี่รองหญิงเซี่ ยหนานเอ๋ อร์กล่าวชมอย่างตกตะลึง แววตา
เคลิบเคลิ้ม ทําท่าเหมือนถูกทิวทัศน์ยามราตรี ตรงหน้ามอมเมา
ตอนกลางคืนของที่นี่ไม่ตอ้ งจุดโคมไฟเลย ที่ใต้ตน้ ไม้โบราณสูงใหญ่ตน้ นั้น รากไม้มีสูงมีต่าํ สลับกัน
จนเข้าชุดกลายเป็ นโต๊ะกับเก้าอี้ได้ แค่ไปได้จดั เรี ยงตามระเบียบแบบแผนก็เท่านั้นเอง สุ ราเลิศรสและ
ผลหมากรากไม้ถูกเตรี ยมเอาไว้แล้ว แต่มองไม่เห็นเนื้อสัตว์
ไฉจวิน้ และคนอื่น ๆ ไม่รู้วา่ ตัวเองมองผิดไปรึ เปล่า พบว่ากลุ่มปี ศาจพวกนี้เหมือนต้องการจะเอาใจให้
เหมียวอี้ชอบเขา ปี ศาจสาวสวยสองคนมาจูงมือเหมียวอี้ไว้คนละข้าง พลางหัวเราะกระซิ บกระซาบกัน
พวกนางจูงเหมียวอี้ที่กาํ ลังหัวเราะแห้ง ๆ เดินไปถึงตําแหน่งหนึ่ง แล้วกดให้นงั่ ลงไป ในทางกลับกัน
ปี ศาจที่เหลือมีท่าทีเกรงอกเกรงใจพวกเขา เมื่อเปรี ยบเทียบกับเหมียวอี้แล้ว ถึงแม้พวกปี ศาจจะสุ ภาพ
เกรงใจต่อพวกเขา แต่กลับรักษาระยะห่างอย่างเห็นได้ชดั เห็นพวกเขาเป็ นแขก แต่เห็นเหมียวอี้เป็ น
สหาย
พวกปราสาทดําเนินธารามองหน้ากันเลิกลัก่ รู ้สึกเหมือนเห็นผีกลางวันแสก ๆ ขนาดหมิงจ้าวยังงงเลย
ไม่เข้าใจว่านี่มนั เรื่ องอะไรกัน หรื อว่าคนของปราสาทดําเนินนภาหน้าตาน่ารังเกียจเหรอ?
…………………………
[1] ตําราสวรรค์ อุปมาถึงสิ่ งที่อ่านเข้าใจยาก

[2] หัววัวไม่ตรงกับปากม้า 牛头不对马嘴 หมายถึง เรื่ องราวไม่สอดคล้องกัน


ตอนที่ 949

วงล้อเติมคํา

ที่จริ งพวกนางไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนขนาดนั้น แค่เพราะตอนที่กินอาหารก่อนหน้านี้ ไฉจวิน้ และคน


อื่น ๆ ทําตัว ‘เกรงอกเกรงใจ’ มีแค่เหมียวอี้ที่ไม่หวาดกลัวอะไร ในสายตาของปี ศาจพวกนี้ มองว่าพวก
ไฉจวิน้ ไม่เชื่อใจพวกนาง ดังนั้นพวกนางก็ไม่เชื่อใจพวกไฉจวิน้ เช่นกัน กลับรู ้สึกว่าเหมียวอี้เป็ นคนที่
ซื่อสัตย์จริ งใจ
ทว่าเมื่อเหมียวอี้เห็นปี ศาจสาวปฏิบตั ิกบั ตนอย่างอบอุ่นมาก แต่ทาํ ตัวเย็นชากับพวกไฉจวิน้ ในใจเขา
กลับรู ้สึกกังวล ปี ศาจสาวพวกนี้คงไม่ได้ตกหลุมรักข้าหรอกใช่ม้ ยั ?
พอเป็ นแบบนี้ คนที่นงั่ อยูข่ า้ งหลังหมิงจ้าวเดิมทีควรจะเป็ นไฉจวิน้ ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็ นเหมียวอี้
แล้ว ปี ศาจพวกนั้นรู ้แค่วา่ หมิงจ้าวคือแขกของผูอ้ าวุโส คนอื่น ๆ ถึงได้ไม่สนใจเขา และจับเหมียวอี้ให้
นัง่ ติดแถวหน้าตามความชื่นชอบของตัวเอง ไฉจวิน้ กลับได้นงั่ อยูแ่ ถวหลังเหมียวอี้
หลังจากทุกคนทยอยกันนัง่ ประจําที่แล้ว หมิงจ้าวก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดเสี ยงถามเหมียวอี้ “ก่อนหน้า
นี้เจ้าเคยมาที่นี่เหรอ?”
“เปล่าเสี ยหน่อย? ทําไมผูอ้ าวุโสพูดแบบนี้ล่ะ…” พอพูดไปได้ครึ่ งเดียว เหมียวอี้กร็ ู ้ตวั ทันที จึงตอบ
กลั้วหัวเราะว่า “อาจจะเห็นว่าข้าหน้าตาดีมีความรู ้กระมัง”
คําพูดโอ้อวดไร้ยางอายแบบนี้ทาํ ให้หมิงจ้าวพูดไม่ออก กลุ่มคนของประสาทดําเนินนภาที่มาในครั้งนี้
นอกจากจงหลีค่วยที่ข้ ีเหร่ ไปนิด คนอื่น ๆ ก็หน้าตาใช้ได้อยูน่ ะ คนที่สามารถถูกประสาทดําเนินนภา
เลือกเป็ นศิษย์ได้ ล้วนเป็ นคนที่มีเนื้อแท้ยอดเยีย่ ม มีลกั ษณะภายนอกสง่าผ่าเผย โดยทัว่ ไปหน้าตาไม่
แย่แน่นอน แบบจงหลีค่วยคือข้อยกเว้น
จากนั้นเหมียวอี้กค็ ลํารากไม้โค้งที่ทาํ เป็ นโต๊ะอยูข่ า้ งหน้า แล้วคลํารากไม้ที่อยูใ่ ต้กน้ อีก เขารู ้สึกขํานิด
หน่อย พบว่าปี ศาจพวกนี้ช่างใกล้ชิดธรรมชาติจริ ง ๆ แม้แต่ที่นงั่ ก็ไม่ตอ้ งมี
ในตอนนี้เอง ปี ศาจชายหลายคนที่สวมกําไลแขนก็เริ่ มเป่ าขลุ่ยเงิน เสี ยงขลุ่ยที่เดี๋ยวสู งเดี๋ยวแผ่วดังก้อง
อยูใ่ นป่ าภูเขา
กลุ่มปี ศาจที่นงั่ อยูใ่ ต้ตน้ ไม้ทยอยกันลุกขึ้นยืน หมิงจ้าวก็ยนื ตามเช่นกัน พร้อมทั้งส่ งสัญญาณบอกใบ้
พวกเหมียวอี้ คนที่เหลือจึงพากันยืนขึ้น รู ้วา่ ตัวละครสําคัญกําลังจะปรากฏตัวแล้ว
เป็ นอย่างที่คาดไว้ มีคนสองคนลอยลงมาจากต้นไม้ใหญ่ มาเหยียบลงบนเวทีที่เกิดจากรากไม้ดา้ นบน
ไขว้ตดั สลับกัน
คนหนึ่งคือชายชราผมขาวยาวคลุมบ่า สวมชุดคลุมยาวสี ขาว ในมือถือไม้เท้าสี แดง ใบหน้ามีเมตตา
หน้าเกรงขาม แววตาไร้ประกาย ตรงหว่างคิ้วเผยวรยุทธ์บงกชรุ ้งขั้นหก อีกคนคือหญิงสาวผมทอง
เครื่ องหน้างามวิจิตรมาก หน้าตาราวกับสาวน้อย เพียงแค่ได้มองหน้านางครั้งเดียว ก็เกรงว่าจะลืมไม่
ลงไปตลอดชีวติ ความสวยของนางเป็ นเรื่ องรอง แต่ความบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องที่ทาํ ให้คนเห็นแล้วอยากเข้า
ใกล้ต่างหากที่เป็ นสิ่ งลํ้าค่าหายาก ลูกตาสี ฟ้าสดใสเป็ นประกาย บริ สุทธิ์ผดุ ผ่องมาก ปี ศาจหญิงที่ตรง
หว่างคิ้วเผยวรยุทธ์บงกชทองขั้นหกคนนี้ นอกจากคําว่า ‘บริ สุทธิ์ผดุ ผ่อง’ ในโลกนี้กไ็ ม่มีคาํ ไหนที่ใช้
บรรยายนางได้แล้ว อ่อนโยนไร้ราคี แววตาไร้เดียวสาราวกับเด็กทารก
เกรงว่าทั้งเผ่าปี ศาจคงจะมีแค่สองคนนี้ที่สวมเครื่ องแต่งกายที่มีกระบอกแขน และเป็ นแค่สองคนใน
กลุ่มปี ศาจที่เหมียวอี้เห็นว่าสวมรองเท้า
แต่สิ่งที่ทาํ ให้เหมียวอี้แปลกใจก็คือ ชายชราคนนั้นเหมือนจะอยูค่ นละเผ่ากับปี ศาจพวกนี้ หูไม่ได้
แหลมตั้งขึ้น หน้าตาก็เหมือนคนทัว่ ไป แถมบนตัวยังไม่มีปราณปี ศาจด้วย ซึ่งบนตัวของปี ศาจคนอื่น
ล้วนมีสิ่งนี้
ปี ศาจทั้งหมดที่อยูใ่ นงานใช้มือข้างเดียวกดตรงหัวใจเพื่อคํานับทั้งสอง หมิงจ้าวก็ทาํ แบบนี้ดว้ ย
เหมือนกัน เหมียวอี้และคนอื่น ๆ จึงเลียนแบบ
หลังจากชายชราและสาวน้อยคํานับตอบ ชายชราก็โบกมือบอกให้ทุกคนนัง่ ลง “แขกผูม้ ีเกียรติทุกท่าน
เชิญดื่มดํ่าอาหารเลิศรสที่มาจากป่ าไม้ ไม่ตอ้ งเกรงใจ” จากนั้นสาวน้อยก็ชายชราก็นงั่ ลงเคียงกัน ชาย
ชรายกจอกสุ รา แล้วทุกคนก็ยกจอกสุ ราขึ้นมาดื่มสุ ราสี เขียวที่อยูใ่ นนั้น
ไม่ตอ้ งประดิษฐ์คาํ พูดอะไรมากมาย บรรดาปี ศาจที่กาํ ลังนัง่ ยกจอกสุ ราขึ้นชนกันทันที บางคนเป่ าขลุ่ย
บางคนตีกลองไม้ บางคนก็ชูจอกสุ ราร้องเพลง แล้วก็มีชายหญิงที่คล้องแขนกันเต้นรําอย่างคึกคัก
บรรยากาศเริ่ มคึกคักขึ้นเรื่ อย ๆ เหมือนสนุกสนานสุ ดเหวีย่ ง
ส่ วนหมิงจ้าวและคนอื่น ๆ ก็มองดูพลางยิม้ ตาหยี พวกเขาค่อนข้างสํารวม ยากที่จะกลืนกับบรรยากาศ
แบบนี้ได้
เหมียวอี้ดื่มสุ ราสี เขียวเข้าไปคําหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสี ยงถามหมิงจ้าวว่า “ผูอ้ าวุโส ท่านนี้คือผูอ้ าวุโสที่
บอกเหรอ?”
หมิงจ้าวพยักหน้าเบา ๆ เหมียวอี้ถามอีกว่า “แล้วผูห้ ญิงที่อยูข่ า้ ง ๆ คือใคร ทําไมนัง่ เสมอกันได้?”
“เป็ นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปี ศาจ ชื่อมู่น่า” หมิงจ้าวตอบ
ธิดาศักดิ์สิทธิ์? เหมียวอี้งงไปชัว่ ขณะ ถามอีกว่า “ทําไมผูอ้ าวุโสมู่เซิ นดูไม่เหมือนอยูเ่ ผ่าเดียวกับปี ศาจ
พวกนี้ล่ะ บนตัวยังมีปราณปี ศาจด้วย”
“พวกเรากําลังนัง่ อยูบ่ นร่ างเดิมของเขา ต้นไม้ตน้ นี้กค็ ือร่ างเดิมของเขา พอแล้ว อย่าพูดมาก คนที่นี่ไม่
ชอบให้คนอื่นแอบถ่ายทอดทอดเสี ยงคุยกันลับหลัง” หมิงจ้าวกล่าว
เหมียวอี้กลับเงยหน้ามองต้นไม้โบราณที่ใหญ่โตรโหฐานไร้ที่เปรี ยบตรงหน้า ที่แท้ผอู ้ าวุโสท่านนี้กค็ ือ
ปี ศาจต้นไม้นี่เอง
เหมียวอี้กาํ ลังครุ่ นคิด แตรทันใดนั้นเอง ปี ศาจสาวสองคนที่ที่จูงมือเขาก่อนหน้านี้กว็ งิ่ เข้ามาอีก มาดึง
แขนเขาเอาไว้ ตอนที่กาํ ลังฉงนใจ เขาก็ถูกปี ศาจสาวทั้งสองดึงเข้าไปร่ วมวงเต้นรําปลดปล่อยอารมณ์
แล้ว
ปี ศาจสาวทั้งสองบอกใบ้ให้เหมียวอี้เต้นรํากับพวกนาง เหมียวอี้อบั อายนิดหน่อย ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่
เคยเต้นระบําเลย เขามองไปยังพวกปี ศาจที่กาํ ลังบรรเลงดนตรี เต้นรําอย่างสนุกสนานร่ าเริ งอีกครั้ง เขา
กระโดดเต้นแบบนั้นไปเป็ นเลยจริ ง ๆ จึงรี บโบกมือบอกพวกนางว่าเต้นไม่เป็ น แล้วหันเลี้ยวกลับโดย
ไม่พดู พรํ่าทําเพลง
ใครจะคิดว่าปี ศาจสาวสองคนนั้นจะดึงเขนเสื้ อเขาไว้ ดึงเข้ากลับมา แล้วบอกให้เขาเต้นตามใจชอบ
สบายใจอย่างไรก็เต้นอย่างนั้น
นี่กาํ ลังกลัน่ แกล้งข้าเหรอ? ท่านขุนนางเหมียวทําสี หน้าไม่ถูก แต่เมื่อเห็นทุกคนกําลังทําสายตาเฝ้ าคอย
เขาก็คงสัยนิดหน่อยว่าถ้าตัวเองไม่เต้นแล้วจะทําให้ทุกคนไม่พอใจรึ เปล่า เพื่อเคล็ดวิชาจอมมารไร้
เทียมทาน เจ้าบ้านี่จึงตัดสิ นใจกลํ้ากลืนความอัปยศเอาไว้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรเสี ยหาย เขามองซ้าย
มองขวา แล้วเริ่ มยืน่ มือ แล้วก็ยกเท้าต่อ เต้นแบบถู ๆ ไถ ๆ ไปก็แล้วกัน
ท่าทางแข็งทื่อสุ ด ๆ ปี ศาจสาวทั้งสองที่หวั เราะคิกคักเข้ามาคล้องแขนเขาอีกครั้ง แล้ววิง่ ไปพลาง
กระโดดไปพลาง
ค่อยเป็ นค่อยไป เมื่อคล้อยตามกับบรรยากาศ เหมียวอี้กค็ ่อย ๆ ปลดปล่อยอารมณ์แล้ว เริ่ มกระโดด
โลดเต้นท่ามกลางกลุ่มคน ไม่มีท่าทางอื่น รู ้จกั แค่ยนื่ เท้ากับยืน่ มือ แขนขาทั้งสี่ ยนื่ เข้ายืน่ ออก
ท่าทางของเขา ไม่วา่ จะดูอย่างไรก็เหมือนคนปัญญาอ่อน อาหารที่อยูใ่ นปากจงหลีค่วยแทบจะพุง่
ออกมา เซี่ ยหนานเอ๋ อร์กย็ ง่ิ เอามือปิ ดปากกลั้นขํา พวกหมิงจ้าวล้วนกําลังมองเหมียวอี้อย่างบันเทิงเริ ง
ใจ
พวกเขาหัวเราะเยาะเหมียวอี้ แต่เหมียวอี้เหมือนจะได้รับความนิยมจากพวกปี ศาจมาก มีปีศาจถือจอก
สุ ราเข้ามาหาเขาไม่ขาดสาย นําสุ รามากรอกปากเขา หลังจากดื่มไปไม่กี่จอกเพราะปฏิเสธลําบาก ก็
เหมือนเป็ นการยัว่ ให้คนที่เหลือเข้ามาหา คนที่มากรอกสุ ราใส่ ปากเขาจึงยิง่ มีมากขึ้นเรื่ อย ๆ เหมียวอี้
อยากร้องไห้แต่ไร้น้ าํ ตา อยากจะหนีแต่กลับโดนดึงไว้ครั้งแล้วครั้งแล้ว ปี ศาจพวกนั้นก็ไม่เกรงใจกัน
เลยจริ ง ๆ เหมียวอี้เกิดความคิดอยากจะเอาทวนแทงพวกเขาให้ตายให้หมด
“อาจารย์อา!” ไฉจวิน้ มองไปทางหมิงจ้าวอย่างกังวล แต่หมิงจ้าวเพียงโบกมือยิม้ บาง ๆ บอกใบว่าไม่
เป็ นอะไร
ผูอ้ าวุโสมู่เซินที่นงั่ อยูบ่ นเวทีกส็ งั เกตเห็นแล้วเช่นกัน เอียงหน้าถามมู่หลินหลาง “เรื่ องอะไรกัน?”
มู่หลินหลางกวักมือเรี ยกคนที่อยูข่ า้ งล่างทันที ปี ศาจสาวที่ดึงแขนเหมียวอี้ก่อนหน้านี้วงิ่ ขึ้นไป
หลังจากได้ยนิ ที่ผอู ้ าวุโสถาม นางก็ยมิ้ ตาหยีกระซิบตอบผูอ้ าวุโสพักหนึ่ง ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นได้ยนิ แล้วก็
พยักหน้าเบา ๆ เหลือบมองเหมียวอี้ที่โดนกรอกสุ ราอยูท่ ่ามกลางฝูงชนหลายครั้ง แต่กไ็ ม่ได้เอ่ยห้าม
หลังจากโดนทรมานไปประเดี๋ยวเดียว เหมียวอี้กฉ็ วยโอกาสหาช่องว่างกึ่งคลานกึ่งวิง่ หนีออกมา ทําเอา
พวกปี ศาจหัวเราะเสี ยงดังลัน่
พวกหมิงจ้าวเหลือบมองเหมียวอี้ที่สะบักสะบอมเกินทน แล้วพากันกลั้นขํา
ในขณะนี้เอง ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นกระทุง้ ไม้เท้า หลังจากเสี ยงกระทุง้ ดังขึ้นสามครั้ง คนที่กาํ ลังเต้นรําในงาน
ก็หยุดทันที บรรดาปี ศาจที่สนุกสุ ดเหวีย่ งก็กลับไปนัง่ ประจําที่ตวั เองแล้วเช่นกัน
ปี ศาจชายสองคนที่สวมกําไลแขนยกวงล้อโลหะสี ดาํ ขึ้นมาใบหนึ่ง แล้ววางบนชั้นไม้ จากนั้นผูอ้ าวุโส
มู่เซินก็ยนื ขึ้น มองไปทางพวกหมิงจ้าวพลางกล่าวด้วยรอยยิม้ “แขกผูม้ ีเกนีติทุกท่าน เผ่าปี ศาจของ
พวกเรามีประเพณี ที่ทาํ กันมาตลอด ถ้ามีแขกมาเยือนเผ่าของพวกเรา พวกเราก็ทาํ การทดสอบ เพื่อดูวา่
เป็ นแขกผูมีเกียรติสูงสุ ดหรื อไม่ ผูท้ ี่ผา่ นการทดสอบจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นที่สุดจากเผ่าปี ศาจ
หวังว่าทุกท่านจะเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เคารพประเพณี ของพวกเรา”
พวกเหมียวอี้เงยหน้ามองวงล้อโลหะบนเวที นอกจากหมิงจ้าว คนอื่นก็ไม่รู้วา่ สิ่ งนี้คืออะไร เหมียวอี้ก็
เงยหน้ามองแวบหนึ่ง แล้วเช็ดนํ้าสุ ราสี เขียวที่เปื้ อนบนตัวต่อไป เขาโดนปี ศาจกลุ่มนี้ตอ้ นรับอย่าง
อบอุ่นเต็มที่แล้ว ไม่ได้คิดจะเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดอะไรนัน่ เลย นี่เป็ นการดื่มสุ ราเสี ยที่ไหนกัน นี่
เป็ นการดื่มสุ ราทัณฑ์ชดั ๆ หลังจากเคยโดยจับโดนจับกรอกสุ ราที่นภาจอมมาร เขาก็รังเกียจการโดน
คนอื่นกรอกสุ รามาก
หมิงจ้าวยืนขึ้น ประทับมือตรงหัวใจคํานับพลางกล่าวว่า “พวกเรายินดีจะเคารพประเพณี ของเผ่าปี ศาจ
รับการทดสอบจากเจ้าบ้าน”
ผูอ้ าวุโสมู่เซินยืน่ มือเชิญทันที หมิงจ้าวเป็ นคนแรกที่เดินเข้าไป เดินไปข้างวงล้อโลหะ นี่ไม่ใช่ครั้ง
แรกที่เขาได้รับการทดสอบแบบนี้ เขาก้มหน้าจ้องวงล้อโลหะและเริ่ มครุ่ นคิด
บนวงล้อโลหะมีอกั ษรตัวเล็ก ๆ อยูร่ วมกันวงแล้ววงเล่า แน่นขนัดเป็ นพันตัว ด้านบนของวงล้อโลหะ
มีตวั อักษรอยูแ่ ถวหนึ่ง : ใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวตามใจอยาก ปลายขั้วแห่งหยินหยาง
มีท้ งั หมดแปดตัวอักษร และด้านข้างของตัวอักษรทั้งแปด ก็ยงั มีรอยเว้าอีกหนึ่งแถว เหลือตําแหน่งว่าง
ไว้แปดตัว วงตัวอักษรที่หมุนอยูบ่ นถอดกลมก็คือตัวอักษรสําหรับเติมคําในช่องว่าง เมื่อเติมคติพจน์
สิ บหกตัวเสร็ จแล้ว คนที่ตอบถูกก็จะผ่านการทดสอบ จะกลายเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของเผ่าปี ศาจ
ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าอธิบายกติกาให้หมิงจ้าวฟัง หมิงจ้าวพยักหน้ายิม้ เขารู ้กติกานี้อยูแ่ ล้ว ถึงแม้จะมี
ประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถา้ อยากจะเติมให้สอดคล้องกับคําตอบเดิมทุกตัว ก็เป็ นเรื่ องที่เป็ นไป
ไม่ได้เลย ทําได้เพียงไตร่ ตรองพักหนึ่ง แล้วทําตามอําเภอใจ ยืน่ มือไปกดตัวอักษร ‘ฟ้ า’ แล้วหมุนไป
ตรงช่องว่าง ใช้ปลายนิ้วกดชี้ออกมา ไหลตามรางเติมไปที่ช่องว่างตัวแรก จากนั้นก็หมุนตัวอักษรอีก
เจ็ดตัวอย่างรวดเร็ ว เติมเข้าไปทีละตัว
ตัวอักษรแปดตัวที่เขาเติมได้ความหมายว่า : ท้องฟ้ าสี ดาํ แผ่นดินสี เหลือง จักรวาลผสมรวมกัน!
หลังจากเติมเสร็ จแล้ว หมิงจ้าวก็เงยหน้ามองผูอ้ าวุโสมู่เซิน เจ้าตัวยิม้ บาง ๆ แล้วยืน่ มือเชิญ บอกใบ้ให้
เขากลับไปนัง่ ที่ได้
หมิงจ้าวส่ ายหน้ายิม้ เจื่อน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้ เขาไม่ผา่ นการทดสอบนี้แล้ว ทําได้เพียงกุมหมัดคารวะและ
หันตัวเดินลงจากเวที ก่อนจะบอกเหมียวอี้ที่อยูถ่ ดั ไปว่า “ฆราวาส ถึงตาเจ้าไปทดสอบแล้ว”
เหมียวอี้ไม่อยากได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นอะไรอีกแล้ว จึงบอกว่า “ขนาดผูอ้ าวุโสยังไม่ผา่ นการ
ทดสอบนี้เลย อย่างข้าก็ไม่ตอ้ งทดสอบแล้ว” เขาหันไปบอกกับไฉจวิน้ “เชิญศิษย์พี่ใหญ่ก่อนแล้วกัน
เสื้ อข้ายังเหนียวเปื้ อนอยูเ่ ลย ต้องเช็ดก่อน”
ทําแบบนี้ได้เหรอ? ไฉจวิน้ มองไปทางหมิงจ้าว เขาเองก็อยากลองเปิ ดหูเปิ ดตาดูสกั หน่อย
หมิงจ้าวไม่คดั ค้านอะไร พยักหน้าตอบรับ ไฉจวิน้ จึงยืนขึ้น วิง่ ไปคํานับบนเวทีแล้วฟังธิดาศักดิ์สิทธิ์
อธิบายกติกา หลังจากครุ่ นคิดครู่ เดียว เขาก็หมุนตัวอักษรมาเติมแปดตัว ผลที่ได้เหมือนกับหมิงจ้าว ถูก
ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นเชิญลงจากเวทีแล้ว
ตอนที่ 950

คติพจน์ สิบหกตัว

ไฉจวิน้ รู ้สึกว่ายังไม่หายอยาก แต่ช่วยไม่ได้ที่การเล่นวงล้อเติมคําไม่มีการลองซํ้า ทําได้เพียงลงจาก


เวทีพร้อมกับความเสี ยดาย
เหมียวอี้ไม่มีท่าทีวา่ จะขึ้นไปบนเวที ไฉจวิน้ จึงนัง่ ลงแล้วบอกเขาว่า “ไม่ตอ้ งเช็ดแล้ว เปลี่ยนเสื้ อผ้า
เสี ยก็สิ้นเรื่ อง” ความหมายที่จะสื่ อก็คือ เร่ งให้เขาขึ้นไปลองเล่น
ปรากฏว่าเหมียวอี้หนั ไปพยักหน้าให้ศิษย์พี่รองหญิงคนสวย บอกใบ้ให้นางขึ้นเล่นแทน ที่บอกว่า
เสื้ อผ้าสกปรกคือข้ออ้าง ความจริ งคือไม่อยากเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดที่ถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นอีกแล้ว
เซี่ยหนานเอ๋ อร์เองก็ไม่เกรงใจ เห็นว่าหมิงจ้าวไม่คดั ค้าน นางก็ลุกเดินออกจากโต๊ะ ค่อย ๆ ก้าวขึ้นไป
คํานับบนเวที หลังจากฟังคําชี้แนะจากธิดาศักดิ์สิทธิ์จบแล้ว นางก็ทาํ ตัวทําให้กระปรี้ กระเปร่ าทันที
ยืนจ้องหน้าวงล้อเงียบ ๆ นางใช้เวลาครุ่ นคิดนานมาก ถึงได้ลองหมุนวงล้อเติมอักษรแปดตัว
ถึงแม้จะใช้ความคิดนานมาก แต่กย็ งั เปลี่ยนแปลงตอนจบไม่ได้อยูด่ ี ยังถูกผูอ้ าวุโสมู่เซิ นยืน่ มือเชิญให้
ลงจากเวทีเหมือนเดิม ส่ วนธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าก็รีบหมุนวงล้อเติมคํากลับไปตําแหน่งเดิม
เหมียวอี้แน่วแน่วา่ ไม่อยากขึ้นไปเล่น หลังจากเซี่ ยหนานเอ๋ อร์กลับมาแล้ว คนถัดไปก็วงิ่ ขึ้นไปทดลอง
เล่นอีก ไม่วา่ จะทําสําเร็ จหรื อไม่ ก็คิดเสี ยว่าเป็ นการเปิ ดหูเปิ ดตาก็แล้วกัน
ผลลัพธ์กเ็ หมือนเดิม พ่ายแพ้กลับมา แล้วก็เปลี่ยนให้คนต่อไปขึ้นไปเล่นต่อ
จนกระทัง่ เปลี่ยนให้จงหลีค่วยขึ้นไปเล่นก็ยงั แพ้ ศิษย์พี่ศิษย์นอ้ งทั้งสิ บเอ็ดคน ขึ้นไปเล่นทีละคนและ
ถอยกลับมาทีละคน รวมหมิงจ้าวด้วยก็เล่นครบสิ บสองคนแล้ว พวกเขารู ้สึกเสี ยดายมาก ไม่มีใครได้
กลายเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของเผ่าปี ศาจเลย
แต่เห็นได้ชดั ว่าผูอ้ าวุโสมู่เซินไม่อยากปล่อยให้ใครบางคนเป็ น ‘ปลาลอดแห’ จ้องมองเหมียวอี้ที่อยู่
เบื้องล่างตลอด ในงานเลี้ยงเงียบลง สายตาของทุกคนจ้องไปที่เหมียวอี้แล้ว
การรังควานด้วยสายตาแบบนี้ทาํ ให้หมิงจ้าวกุมหมัดไอแห้ง ๆ แล้วบอกว่า “ฆราวาส ขึ้นไปลองหน่อย
เถอะ ไม่มีอะไรเสี ยหายสักหน่อย”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ แล้วตอบว่า “เว้นข้าไว้เถอะ ขนาดพวกท่านยังไม่ผา่ นการทดสอบเลย งั้นข้าก็
ไม่ข้ ึนไปแสดงฝี มืออันตํ่าต้อยแล้ว”
ใครจะคิดว่าผูอ้ าวุโสมู่เซิ นจะกล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “ผูท้ ี่ไม่ยอมรับการทดสอบ พวกเราจะมองว่าดู
ถูกเผ่าของพวกเรา ป่ าผืนนี้จะไม่ตอ้ นรับการมาเยือนของเขา ถ้าเจ้าไม่ยอมรับการทดสอบ ก็เชิญ
ออกไปเสี ยตั้งแต่ตอนนี้!”
“…” เหมียวอี้อา้ ปากค้าง ไม่ใช่แล้วมั้ง แค่ไม่เล่นด้วยก็จะไล่ขา้ ไปเลยเหรอ ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว
เหรอ?
“ฆราวาส!” หมิงจ้าวขมวดคิว้ พลางพยักหน้า บอกใบ้ให้เขาขึ้นไป ที่จริ งเหมียวอี้จะอยูห่ รื อไม่อยูก่ ไ็ ม่
สําคัญ เหมียวอี้ไปแล้วก็ไม่เป็ นอะไร แต่ประเด็นสําคัญคือหมิงจ้าวไม่อยากปล่อยให้เรื่ องนี้มาทําให้
คนของเผ่าปี ศาจไม่พอใจ ถึงอย่างไรต่อไปก็ยงั ต้องมาหาสมบัติในอาณาเขตของอีกฝ่ าย
อีกฝ่ ายพูดถึงขั้นนี้แล้ว เหมียวอี้ยงั จะอ้างอะไรได้อีก ถ้าจะให้เขาออกไปตอนนี้เขาก็ไม่ยอมหรอก ถ้า
ยังหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานไม่พบ เขาจะยอมจากไปได้เหรอ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถ่อมาไกล
ขนาดนี้หรอก ทําได้เพียงขึ้นเวทีไป
แต่กไ็ ม่เป็ นไรหรอก เล่นดูหน่อยก็ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรเสี ยหาย ถ้าไม่อยากได้รับการปฏิบตั ิอย่าง
อบอุ่นเหมือนเมื่อครู่ น้ ี อย่างมากถ้าเล่นมัว่ ก็ไม่ผา่ นการทดสอบหรอก! เหมียวอี้พมึ พําในใจแล้วลุกขึ้น
เดินไปบนเวที
เหมียวอี้ตวั เปื้ อนนํ้าสุ ราสี เขียว พอขึ้นบนเวทีแล้วดูสะดุดตามาก หลังจากขึ้นมากุมหมัดคารวะด้านข้าง
วงล้อโลหะ สายตาก็กวาดมองตัวอักษรที่ยวั เยี้ยอยูบ่ นวงล้อแวบหนึ่ง เขาไม่ได้ให้ความสําคัญสัก
เท่าไร ตอนที่เพิ่งย้ายสายตาไปบนใบหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่า เขาก็ตกตะลึงทันที
ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่ามีแววตาที่สดใสเปล่งประกายมาก ดูสวยละมุนสะอาดไปทั้งตัว ยิง่ มองใกล้ ๆ ก็ยงิ่
พบว่าบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องจนอธิบายเป็ นคําพูดไม่ได้ ตอนที่นางกําลังอธิบายให้เหมียวอี้ฟังว่าจะทดสอบ
อย่างไร เหมียวอี้กลับรู ้สึกเหมือนโดนเข็มจิ้ม เขาย้ายสายตากลับไปที่วงล้อเติมคํา จ้องมองตัวอักษรที่
เขียนว่า ‘ใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวตามใจอยาก ปลายขั้วแห่งหยินหยาง’ บนวงล้อ เมื่อครู่ เขากวาด
สายตามองแต่เกือบจะมองข้ามไป ตอนนี้เขาเบิกตากว้างทันที ได้แต่ยนื อึ้งอยูอ่ ย่างนั้น ขนาดธิดา
ศักดิ์สิทธิ์มู่น่าพูดจบแล้วเขาก็ยงั ไม่รู้ตวั
คนอื่นอาจจะประหลาดใจกับอักษรแปดตัวนี้ แต่สาํ หรับเหมียวอี้ เขากลับคุน้ เคยจนไม่รู้จะคุน้ เคยยังไง
แล้ว เป็ นอักษรแปดตัวหน้าที่อยูใ่ นบทนําคติพจน์สิบหกตัวของเคล็ดวิชาอัคนีดารา เขาจะไม่รู้จกั ได้
ยังไง
ปฏิกิริยาของเหมียวอี้ค่อนข้างแปลก เขาหันหลังให้คนที่อยูข่ า้ งล่าง คนข้างล่างจึงมองไม่เห็น คิดว่าเขา
กําลังครุ่ นคิดว่าจะเติมอักษรอย่างไร
แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าสังเกตเห็นแล้ว นางหันไปมองผูอ้ าวุโสมู่เซินแวบหนึ่ง ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นก็
สังเกตเห็นความผิดปกติของเหมียวอี้แล้วเช่นกัน โดยเฉพาะปฏิกิริยาที่เหมียวอี้เสี ยอาการจนเบิกตา
กว้าง เรี ยกได้วา่ ทําให้ผอู ้ าวุโสมู่เซินกลั้นหายใจทันที จ้องมองปฏิกิริยาของเหมียวอี้เงียบ ๆ มองออก
ราง ๆ ว่าเขาเฝ้ าคอยอยู่
ในใจเหมียวอี้กลับว้าวุน่ ราวกับมีคลื่นโหมซัดสาดอย่างบ้าคลัง่ อักษรแปดตัวแรกในคติพจน์สิบหกตัว
ของบทนําเคล็ดวิชาอัคนีดารา ทําไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ? จะบังเอิญขนาดนั้นเชียวเหรอ ทําไมแปดตัว
ข้างหน้าตรงกันพอดี แล้วแปดตัวข้างหลังก็เว้นว่างไว้พอดี? เคล็ดวิชาอัคนีดารามาจากแดนหมอก
เลือดหมื่นจั้ง อย่าบอกนะว่ามาจากพิภพใหญ่ดว้ ยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคติพจน์สิบหกตัวจะมาโผล่
อยูท่ ี่นี่ได้อย่างไร?
หลังจากได้สติกลับมาอย่างช้า ๆ เหมียวอี้กเ็ หลือบตาขึ้นอย่างสงสัย มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่า แล้วก็
มองผูอ้ าวุโสมู่เซินอีก เหมือนอยากจะหาเบาะแสจากสี หน้าของทั้งสองคน แต่จนใจที่สีหน้าและแวว
ตาของมู่น่าบริ สุทธิ์ใสซื่อมาก ผูอ้ าวุโสมู่เซินก็นิ่งเฉยเยือกเย็นเช่นกัน เขามองเบาะแสอะไรไม่ออกเลย
ผูอ้ าวุโสมู่เซินจับสังเกตได้ถึงความตกตะลึงประหลาดใจในดวงตาเหมียวอี้ เขายิม้ บาง ๆ พลางยืน่ มือ
เชิญ “หากแขกผูม้ ีเกียรติไตร่ ตรองดีแล้ว เชิญลงมือได้!”
แววตาประหลาดใจสงสัยของเหมียวอี้ค่อย ๆ ย้ายกลับไปบนวงล้อเติมคํา ตอนนี้เขากําลังพิจารณาว่า
ควรจะเติมคติพจน์แปดตัวหลังของบทนําเคล็ดวิชาอัคนีดาราลงไปหรื อไม่ ถ้าเป็ นความบังเอิญ ต่อให้
เขาเติมคติพจน์สิบหกตัวนั้นไปก็คงไม่เป็ นอะไร แต่ถา้ ไม่ใช่ความบังเอิญ เขาก็กงั วลว่าจะสร้างปั ญหา
อะไรตามมาหรื อเปล่า ทําไมต้องนําคติพจน์สิบหกตัวของเคล็ดวิชาอัคนีดารามาทําเป็ นบททดสอบ
ด้วยล่ะ? ระหว่างเผ่าปี ศาจกับเคล็ดวิชาอัคนีดารามีอะไรเกี่ยวข้องกันเหรอ?
จะเติมคําตอบที่อยูใ่ นใจตัวเอง หรื อจะเติมมัว่ ๆ ไป เขาสับสนพัวพันกันอุตลุต ทั้งอยากจะรู ้ผลลัพธ์
ทั้งกลัวว่าจะสร้างปั ญหาอะไร ประสบพบเจอกับเรื่ องที่ทาํ ให้เขาสับสนได้ขนาดนี้เข้าแล้ว
หลังจากไตร่ ตรองซํ้า ๆ เหมียวอี้กเ็ ริ่ มตัดสิ นใจได้ เขาเองก็อยากจะเห็นว่าวงล้อเติมคํานี้เกี่ยวข้องกับ
เคล็ดวิชาอัคนีดาราหรื อเปล่า บางทีตวั เองอาจจะคิดมากไป
คนอื่นไม่มีทางเข้าใจว่าตัวอักษร ‘ใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวตามใจอยาก ปลายขั้วแห่งหยินหยาง’ ดึงดูด
ใจเขาขนาดไหน เพราะนี่เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาฝึ กตนของเขา เคล็ดวิชาที่ทาํ ให้เขาเดินมาจนถึงวันนี้
สุ ดท้าย ขณะที่หมิงจ้าวและคนอื่น ๆ ข้างล่างกําลังขมวดคิ้วสงสัยว่าทําไมเหมียวอี้ครุ่ นคิดนานขนาดนี้
หลังจากสายตาของเหมียวอี้มองหาบนวงล้อโลหะพักหนึ่ง ก็ยนื่ มือไปจิ้มตัวอักษร ‘ดารา’ แล้วหมุนวง
อักษรนัน่ ช้า ๆ ย้าย ตัวอักษร ‘ดารา’ ตามราง พอตัวอักษรหลุดจากวงก็ดนั ขึ้นไปเบา ๆ ไปเติมที่
ช่องว่างช่องแรกจากแปดช่องนั้น
หลังจากวางตรงตําแหน่งแล้ว เหมียวอี้กใ็ ช้นิ้วจิ้มต่อไป จิ้มคําว่า ‘ดารา’ อีกตัว หมุนไปตามวิถีโคจรอีก
ครั้ง ตอนที่ดนั ตัวอักษรตัวที่สองไปเติมในช่องว่าง สายตาเขามองไปที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าและผูอ้ าวุโส
มู่เซินอีกครั้ง หวังว่าจะมองเบาะแสอะไรออกจากสี หน้าของพวกเขา
ทว่าสายตาของทั้งสองก็กาํ ลังจ้องอยูบ่ นวงล้อเช่นกัน ไม่ได้แสดงความผิดปกติใด ๆ ถ้าจะบอกว่าผู ้
อาวุโสมู่เซินกําลังปิ ดบังอะไรอยู่ แล้วธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าล่ะ? ไม่วา่ จะมองอย่างไร เหมียวอี้กร็ ู ้สึกว่าธิดา
ศักดิ์สิทธิ์มู่น่าไม่เหมือนคนที่จะหลอกลวงคนอื่น เป็ นเพราะความบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องของนางเหมือนมา
จากเนื้อแท้ บนโลกนี้เหมือนจะไม่มีแววตาของใครใสสะอาดเท่านางอีกแล้ว ราวกับฝุ่ นทรายก็ทาํ ใจ
พัดเข้าไปในดวงตาของนางไม่ลง เหมือนไม่เคยปนเปื้ อนอะไรมาก่อน ไม่เหมือนกําลังหลอกลวงคน
อื่น
ถ้าคนแบบนี้ยงั หลอกคนอื่นได้ เช่นนั้นเหมียวอี้กบ็ อกได้เพียงว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าท่านนี้แสดงได้
เหนือกว่ากว่าศีลแปด
ยิง่ ทั้งสองทําท่าทางแบบนี้ ในใจเหมียวอี้กย็ งิ่ สงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะคําตอบของตัวเองผิด ก็คงเป็ นเพราะ
ทั้งสองไม่รู้คาํ ตอบที่แท้จริ งเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นทําไมไม่แสดงปฏิกิริยาที่ผดิ ปกติอะไรสักนิดเลย
ล่ะ?
เหมียวอี้รีบเร่ งมือ พอวางตัวอักษรตัวที่สองให้เข้าตําแหน่งแล้ว ก็ช้ ีไปยังตัวอักษร ‘แห่ง’ ที่อยูข่ า้ งล่าง
ขณะที่ดนั มันขึ้นมาก็สงั เกตปฏิกิริยาของทั้งสองอีกครั้ง
ทั้งสองยังคงทําสี หน้าสนใจเหมือนปกติ เหมียวอี้จึงกัดฟัน หาตัวอักษรอีกห้าตัวและหมุนดันขึ้นไปที
ละตัว อักษรห้าตัวนั้นได้ความหมายว่า : ไฟเผาลามทุ่งหญ้า
อักษรแปดตัวนั้นได้ความหมายว่า : อัคนีแห่งดารา เผาลามทุ่งหญ้า!
คติพจน์สิบหกตัวในบทนําของเคล็ดวิชาอัคนีดารา ได้ความหมายว่า : ใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวตามใจ
อยาก ปลายขั้วแห่งหยินหยาง อัคนีแห่งดารา เผาลามทุ่งหญ้า!
เหมียวอี้ถอนนิ้วออกจากวงล้อเติมคํา หลังจากปล่อยมือสองข้าง ก็มองดูปฏิกิริยาของผูอ้ าวุโสมู่เซิ น
ผูอ้ าวุโสมู่เซินก็จอ้ งวงล้อเติมคําเช่นกัน ในดวงตาเหมือนฉายแววผิดหวัง เงยหน้ามองเหมียวอี้ แล้วยก
มือเล็กน้อย เป็ นการเชิญให้กลับลงไป
เหมียวอี้แอบโล่งอก คิดในใจว่า ข้าก็วา่ แล้วไง จะมีเรื่ องบังเอิญขนาดนั้นได้ยงั ไง ตัวเองคิดมากไปจริ ง
ๆ ด้วย สงสัยอักษรแปดตัวนั้นจะบังเอิญไปเหมือนกับคติพจน์สิบหกตัวในบทนําของเคล็ดวิชาอัคนี
ดาราพอดี
เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะเตรี ยมจะลงจากเวที ทว่าตอนที่เขาหันตัวมา ขณะที่ผอู ้ าวุโสมู่เซิ นยกมือเตรี ยม
จะบอกให้ปีศาจชายสองคนที่ยนื อยูไ่ ม่ไกลมาถือวงล้อโลหะออกไป วงล้อโลหะนัน่ ก็มีเสี ยง ‘แกร๊ ก’
ดังชัดเจนมาก
เหมียวอี้ที่กา้ วเท้าออกมาได้กา้ วหนึ่งหยุดชะงัก พอหันกลับไปมอง ก็ตกตะลึงทันที
เสี ยง ‘แกร๊ ก’ ค่อย ๆ กลายเป็ นเสี ยง ‘แกร๊ ก ๆ ๆ ’ ดังต่อเนื่องเป็ นชุด จู่ ๆ วงตัวอักษรที่แน่นขนัดก็มี
ชีวติ ชีวาขึ้นมา ภายใต้สถานการณ์ที่มีใครควบคุม มันกําลังหมุนด้วยตัวเองเสี ยงดัง ‘แกร๊ ก ๆ ’ วง
ตัวอักษรหลายวงหมุนอย่างรวดเร็ ว หมุนจนคนมองตาลายหมดแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าเบิกตากว้าง
ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู ้สึกเหลือเชื่อ ผูอ้ าวุโสมู่เซินก็เบิกตากว้างเช่นกัน ลมหายใจถี่กระชั้นผิดปกติ
ไม้เท้าที่ถืออยูใ่ นมือสัน่ เล็กน้อย จ้องมองการเปลี่ยนแปลงบนวงล้อเติมคําอย่างไม่ละสายตา
เหมียวอี้ที่กาํ ลังประหลาดใจสงสัยหันไปมองการเปลี่ยนแปลงของวงล้อเติมคําอีกครั้ง
เสี ยง ‘แกร๊ ก ๆ ’ บนเวทีทาํ ให้หมิงจ้าวที่อยูข่ า้ งล่างยืนขึ้น เขาเองก็ทาํ สี หน้าประหลาดใจสงสัยเช่นกัน
พวกไฉจวิน้ ยืนขึ้นมองหน้ากันเลิกลัก่ อย่าบอกนะว่าหนิวโหย่วเต๋ อคนนี้เติมคําตอบได้ถูกต้อง?
พวกเขาอยากจะขึ้นไปดูมากว่าเกิดเรื่ องอะไรกันแน่ แต่กไ็ ม่สะดวกจะทําตัวบุ่มบ่าม ทําได้เพียงยืน
อยากรู ้อยากเห็นอยูข่ า้ งล่าง บรรดาปี ศาจชายหญิงทุกคนที่นงั่ อยูข่ า้ งล่างก็ลุกยืนเช่นกัน แต่ละคนมอง
ไปข้างบนอย่างเงียบ ๆ ในขณะนี้ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงล้อเติมคําบนเวทีที่ส่งเสี ยงดัง ‘แกร๊ ก ๆ ’ ไม่
หยุด ในระหว่างนั้นก็เริ่ มมีเสี ยง ‘แปะ ๆ ’ ดังขึ้น
เหมียวอี้ ผูอ้ าวุโสมู่เซินและธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่ากําลังจ้องวงล้อเติมคําอย่างไม่ละสายตา เห็นเพียงอักษร
สิ บหกตัวที่รวมกันจนได้ความหมายว่า ‘ใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวตามใจอยาก ปลายขั้วแห่งหยินหยาง
อัคนีแห่งดารา เผาลามทุ่งหญ้า’ กําลังตกลงจากรางทีละตัว ไปรวมในวงอักษรที่กาํ ลังหมุนวน
หลังจากอักษรทั้งสิ บหกตัวตกลงมาหมดแล้ว ตอนที่วนกลับรางไหล วงอักษรที่กาํ ลังหมุนก็กระโดด
ขึ้นลงไม่หยุด มีท้ งั ตัวอักษรจากวงอักษรด้านล่างไปเติมใส่ ดา้ นบน มีท้ งั ตัวอักษรจากวงอักษรด้านบน
ไปเติมใส่ ดา้ นล่าง กําลังรวมกลุ่มกันไม่หยุด
ตอนที่ 951

คนเฝ้ ารักษากุญแจ

ฉากนี้ทาํ ให้ปฏิกิริยาของสามคนที่อยูบ่ นเวทีแตกต่างกันออกไป พวกเขาต่างก็กาํ ลังรอคอย รอคอยว่า


จะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้น
หลังจากความเคลื่อนไหวบนวงล้อเติมคําเงียบลงโดยสิ้ นเชิงแล้ว เหมียวอี้กเ็ งยหน้าช้า ๆ มองธิดา
ศักดิ์สิทธิ์มู่น่าและผูอ้ าวุโสมู่เซินที่กาํ ลังทําสี หน้าตื่นเต้นฮึกเหิ ม ถ้าตอนนี้เขายังไม่รู้วา่ ตัวเองเติมคํา
ถูกต้องแล้ว หรื อยังไม่รู้วา่ วงล้อเติมคํานี่เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาอัคนีดาราจริ ง ๆ เขาก็คงไม่ต่างอะไรกับ
คนโง่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงเป็ นไปไม่ได้ที่มนั จะเกิดการเปลี่ยนแลงเพราะคติพจน์บทนําสิ บหกตัวของ
เคล็ดวิชาอัคนีดารา
ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจเรื่ องบางอย่าง มองออกได้อย่างชัดเจนจากปฏิกิริยาของสองคนนี้ ชายชราและ
สาวน้อยคู่น้ ีไม่รู้เลยว่าสิ่ งที่เรี ยกว่าคําตอบที่แท้จริ งคืออะไร กุญแจสําคัญในการตรวจคําตอบมีเพียงวง
ล้อเติมคําเท่านั้น เห็นได้ชดั ว่าวงล้อเติมคํานี้เป็ นของวิเศษสุ ดพิเศษที่ไม่รู้วา่ ใครเป็ นคนหลอมสร้าง
ขึ้นมา คนที่ออกแบบของชิ้นนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาอัคนีดาราที่ตนฝึ กแน่นอน
วงล้อเติมคําที่เงียบลง ในสายตาเหมียวอี้เป็ นเพียงวงอักษรที่หนาแน่นไร้กฎเกณฑ์ แต่ปฏิกิริยาของผู ้
อาวุโสมู่เซินกลับค่อนข้างผิดปกติ เขาชี้ที่อกั ษรตัวแรกบนช่องว่างของรางไหล พลางเริ่ มสวดคาถา
“อาเสิ นหลัวหม่าต๋ า หยวนม่านกู่หลันสัว่ …”
วงแล้ววงเล่า ใช้นิ้วชี้สวดหมดไปหนึ่งวง แล้วก็สวดวงที่อยูข่ า้ งในต่อ ทํานองของคาถานัน่ ราวกับร้อง
เพลง เหมือนเป็ นภาษาที่คลุมเครื อเข้าใจยากภาษาหนึ่ง
สํานวนยุง่ เหยิงที่ยากจะอ่านให้เป็ นบทความได้สาํ หรับเหมียวอี้ แต่ผอู ้ าวุโสมู่เซินเหมือนจะสวด
ออกมาราวกับเป็ นบทความของตําราธรรมดา คล่องปากมาก ถ้าให้เหมียวอี้สวดคงจะตะกุกตะกักมาก
แต่ผอู ้ าวุโสมู่เซินสวดออกมาได้อย่างมีท่วงทํานอง
ความคิดต่าง ๆ แวบเข้ามาในหัวเหมียวอี้ เหมียวอี้ไม่รู้วา่ ตัวเองไปเปิ ดใช้งานของสิ่ งใดกันแน่ ไม่รู้วา่
จะมีประโยชน์หรื อโทษกับตัวเอง
พวกหมิงจ้าวที่อยูข่ า้ งล่างขมวดคิว้ ไม่รู้วา่ ผูอ้ าวุโสมู่เซินกําลังสวดคาถาผีอะไร แต่ดูจากปฏิกิริยาของ
บรรดาปี ศาจในงาน เหมือนพวกเขาจะตื่นเต้นมาก แต่ละคนมองไปยังผูอ้ าวุโสมู่เซินที่กาํ ลังสวดคาถา
บนเวทีอย่างฮึกเหิ ม
ผูอ้ าวุโสมู่เซินที่ใช้กาํ ลังนิ้วหมุนย้ายวงพลางสวดคาถา ตอนที่ช้ ีตรงวงอักษรหลายวงที่อยูใ่ กล้ช้ นั ใน
นิ้วก็พลันหยุดชะงักไป ปากก็หยุดสวดคาถาแล้วเช่นกัน ไม่ได้สวดต่อแล้ว แต่กาํ ลังมองดูเนื้อหาใน
นั้นอย่างละเอียด หลังจากแววตาวูบไหวอยูพ่ กั หนึ่ง จู่ ๆ ก็ยนื่ มือไปขยับวงล้อเติมคําใหม่ แล้วปั่ นวง
อักษรที่เพิ่งรวมกลุ่มกันเองเมื่อครู่ น้ ีวนุ่ วายยุง่ เหยิงอย่างรวดเร็ ว
หลังจากทําเสร็ จ ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นก็โบกมือเก็บวงล้อเติมคํา แล้วมองเหมียวอี้ดว้ ยแววตาลึกซึ้ ง ถอยหลัง
ช้า ๆ สองสามก้าว แล้วหันตัวมาประกาศต่อทุกคนว่า “วันนี้ เผ่าปี ศาจหาแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของพวก
เราเจอแล้ว!” พูดจบก็นาํ ทุกคนประทับฝ่ ามือที่หวั ใจ พลางโค้งกายให้เหมียวอี้!
ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าก็ทาํ แบบนี้เช่นกัน บรรดาปี ศาจที่อยูใ่ นงานก็ทาํ แบบนี้ ทั้งงานเงียบเชียบไร้เสี ยง
ทั้งหมดแสดงความเคารพต่อเหมียวอี้อย่างนอบน้อมและจริ งใจ
พวกหมิงจ้าวตกตะลึงอ้าปากค้าง หันซ้ายหันขวามองหน้ากันเลิกลัก่ รู ้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย จาก
ปฏิกิริยาที่เคารพเลื่อมใสของเหล่าปี ศาจ สามารถดูออกได้วา่ หนิวโหย่วเต๋ อคือแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของ
เผ่าปี ศาจจริ ง ๆ
จงหลีค่วยพึมพําในใจ เข้าใจอะไรผิดรึ เปล่า เจ้าเด็กที่ถูไถเอาตัวรอดไปวัน ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็ น
แขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของเผ่าปี ศาจแล้ว ความยุติธรรมยังมีอยูม่ ้ ยั ?
ขณะที่มองคนมากมายขนาดนี้คาํ นับตนอย่างเคารพเลื่อมใส เหมียวอี้กไ็ ม่รู้วา่ ควรจะดีใจหรื อควรกังวล
สรุ ปคือในใจสับสนวุน่ วายไปหมด ไม่รู้วา่ การกระทําเมื่อครู่ น้ ีหมายความว่าอะไร เขาจึงผายมือสอง
ข้างอย่างระแวดระวัง “ผูอ้ าวุโส ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนไม่ตอ้ งมากพิธี!”
ผูอ้ าวุโสมู่เซินและธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าพยักหน้าเบา ๆ เพื่อแสดงความจริ งใจ พอวางมือลงแล้วยืนตัวตรง
บรรดาปี ศาจถึงได้ยนื ตัวตรงตาม
“วันนี้ควรค่าแก่การจดจํา พีน่ อ้ งเผ่าปี ศาจ แล้วก็แขกของพวกเรา ทุกคนเชิญใช้ความสนุกสุ ดเหวีย่ ง
เพื่อเฉลิมฉลอง!” ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นยกไม้เท้าขึ้น แล้วกางแขนสองข้างประกาศเสี ยงดัง
“เฮ… เฮ…” บรรดาปี ศาจโห่ร้องดีใจทันที เสี ยงเพลงดังขึ้น เรี ยกได้วา่ ทั้งร้องทั้งเต้นอย่างสนุกสนาน
ผูค้ นกอดกันโห่ร้องไม่หยุด ออกแรงชนจอกสุ ราอย่างแรง นํ้าสุ ราสี เขียวกระเด็นหก เป็ นการเฉลิม
ฉลองอย่างบ้าคลัง่ ตามอําเภอใจ
มีเพียงพวกหมิงจ้าวที่เงียบงันอยูท่ ่ามกลางฝูงชน มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ทําอะไรไม่ถูกนิด
หน่อย ไม่นานก็เห็นเหมียวอี้ถูกผูอ้ าวุโสมู่เซินและธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าเชิญให้เหาะขึ้นมาบนง่ามไม้ที่อยู่
สูง ด้านบนมีโพรงไม้ที่ใหญ่ที่สุดของทั้งต้น หลังจากทั้งสามเข้าไปในโพรงไม้ ทางเข้าโพรงไม้เลื้อย
ขยุกขยิกปิ ดอย่างรวดเร็ ว หมิงจ้าวขมวดคิ้ว แต่จนใจที่ไม่ได้ถูกเชิญ จึงไม่สะดวกจะตามขึ้นไป
เหมียวอี้ที่เข้ามาในโพรงไม้หนั ขวับไปมองข้างหลัง เห็นประตูปิดสนิท ที่วา่ งในโพรงไม้กว้างขวาง
โต๊ะเก้าอี้งอกออกมาเป็ นชุดเดียวกัน แต่กพ็ อจะเข้าใจได้ นี่คือร่ างเดิมของผูอ้ าวุโสมู่เซิ น เขาอยากจะ
ควบคุมให้เปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็เป็ นเรื่ องที่ทาํ ได้ตามใจชอบ
เมื่อเห็นประตูปิดแล้ว เหมียวอี้กห็ นั ไปมองผูอ้ าวุโสมู่เซิน แล้วถามอย่างระแรงว่า “ไม่ทราบว่าผูอ้ าวุโส
กับธิดาศักดิ์สิทธิ์เชิญขึ้นมาด้วยเรื่ องอะไร?”
แต่ผอู ้ าวุโสมู่เซินกลับมองเขาพลางถอนหายใจ “ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
เหมียวอี้ฟังแล้วรู ้สึกว่าแปลกประหลาดเกินบรรยาย ถามอย่างสงสัยว่า “อะไรนะ?”
ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นถอนหายใจเบา ๆ แล้วจ้องเขาด้วยสี หน้าจริ งจังและหนักแน่น พร้อมบอกว่า “พวกเราทํา
ตามความประสงค์ของท่าน รับการลงโทษจากท่าน รอท่านอยูท่ ี่นี่มานานแสนนานแล้ว ชดใช้ความผิด
อยูท่ ี่นี่มาโดยตลอด ในที่สุดก็รอจนท่านหวนกลับมา ตอนนี้พวกเราทําตามสัญญาแล้ว หวังว่าท่านจะ
ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กบั เผ่าปี ศาจของพวกเรา”
เหมียวอี้ยงิ่ คิดก็ยงิ่ หัวทึบเหมือนมีหมอกลง “ผูอ้ าวุโส ทําไมข้าฟังไม่เข้าใจว่าท่านกําลังพูดอะไร?”
ผูอ้ าวุโสมู่เซินตอบว่า “เดี๋ยวท่านจะเข้าใจเอง!” พูดจบก็พลิกฝ่ ามือยืน่ กระจกทองแดงออกมาบานหนึ่ง
พอผลักฝ่ ามือเบา ๆ กระจกทองแดงก็ลอยไปตรงหน้าเหมียวอี้ “ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ของท่านควบคุมมัน
มีเพียงพลังอิทธิฤทธิ์ของท่านเท่านั้นที่ควบคุมมันได้ กระจกบานนี้จะให้คาํ ตอบท่านเอง”
เหมียวอี้ที่รับกระจกทองแดงมาไว้ในมือกําลังฉงนสนเท่ห์ มองหน้าทั้งสองคน แล้วก็มองกระจกใน
มือตัวเอง ผูอ้ าวุโสมู่เซินพยักหน้าเบา ๆ ให้เขา เหมือนกําลังแนะนําว่าให้เขาลองดูสกั หน่อย
เหมียวอี้ขมวดคิ้วมุ่น ในใจครุ่ นคิดว่าเล่นบ้าอะไรกัน หลังจากคิดไปคิดมา ก็ลองร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู
ในกระจก พบว่าเป็ นของวิเศษชิ้นหนึ่งที่ไร้คา่ มาก เหมือนจะไม่มีอานุภาพในการโจมตีหรื อป้ องกัน
อะไร จากนั้นก็ร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุน้ แต่กไ็ ม่พบกฏิกิริยาอะไรเป็ นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองทั้ง
สองอย่างสงสัยอีกครั้ง
ผูอ้ าวุโสมู่เซินเหมือนจะดูออกว่าเขาสงสัย จึงอธิบายว่า “พวกเราเองก็รู้ไม่เยอะ จึงช่วยอะไรท่านไม่ได้
ข้าเองก็ไม่รู้วา่ จะเปิ ดใช้งานมันได้อย่างไร แต่คนที่ทิ้งกระจกบานนี้ไว้เคยบอกว่า นี่คือกุญแจดอกหนึ่ง
คนที่ผา่ นการทดสอบได้กจ็ ะได้รับคําตอบที่อยูใ่ นกระจกทองแดง และจะได้กญ
ุ แจที่เขาทิ้งไว้ให้ดว้ ย”
การทดสอบแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ด? เหมียวอี้นึกเชื่อมโยงไปถึงวงล้อเติมคําทันที แล้วก็นึกเชื่อมโยงไป
ถึงเคล็ดวิชาอัคนีดารา อย่าบอกนะว่า?
เมื่อก้มหน้ามองกระจกทองแดงในมืออีกครั้ง ร่ ายอิทธิฤทธิ์เล็กน้อย เปลวเพลิงไร้รูปร่ างกลุ่มหนึ่ง
กรอกเข้าไปในกระจกทองแดง เพียงชัว่ พริ บตาเดียว กระจกทองแดงในมือก็สนั่ เบา ๆ อย่างเห็นได้ชดั
หน้ากระจกเริ่ มมีลาํ แสงหลากสี สนั ปรากฏขึ้น
เหมียวอี้ตกตะลึง ธิ ดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่ามองเขาด้วยสี หน้าเคารพ ผูอ้ าวุโสมู่เซินถอนหายใจเบา ๆ มอง
เหมียวอี้ดว้ ยแววตาซับซ้อน พลางพึมพําว่า “ท่านกลับมาแล้วจริ ง ๆ ! ราชันกลับมาแล้ว ฟ้ าจะเปลี่ยน
แล้ว อีกไม่นานจักรวาลผืนนี้คงจะเกิดพายุฝนโลหิ ต หวังว่าความสงบสุ ขจะกลับคืนมาโดยเร็ ว!”
ตอนที่พดู ประโยคข้างบน เขาใช้ภาษาเหมือนกับตอนที่สวดคาถาอ่านวงล้อเติมคํา เหมียวอี้ฟังไม่เข้าใจ
ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าที่เพียงมองผูอ้ าวุโสมู่เซินแวบหนึ่งอย่างค่อนข้างหวาดกลัว
ตาแก่นี่กาํ ลังพึมพําอะไร? เหมียวอี้เหลือบมองมู่เซิ นแวบหนึ่ง แล้วสายตาไปรวมอยูใ่ นกระจกทองแดง
อย่างรวดเร็ ว พอลําแสงหลากสี ในกระจกหายไป ก็เกิดตัวอักษรหลายแถวบนหน้ากระจกทันที : ตรง
กลางระหว่างภูเขาสามลูก บนท้องฟ้ าสูงหกพันจั้ง ยามตะวันและจันทราส่ องแสงพร้อมกัน มองลง
เบื้องล่าง เคล็ดวิชาจอมมารไรเทียมทานภาคดิน!
เมื่อตัวอักษรยีส่ ิ บเจ็ดตัวนี้ปรากฏขึ้น เหมียวอี้กต็ กตะลึงพรึ งเพริ ด ถ้าไม่ได้อ่านผิดหรื อเข้าใจผิดไป ไม่
น่าเชื่อว่าของสิ่ งนี้จะกําลังชี้แนะให้หาเคล็ดวิชาจอมมารไรเทียมทานภาคดินได้อย่างแม่นยํา!
ในวินาทีน้ ีเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว แผนที่ซ่อนสมบัติที่ตกอยูใ่ นปราสาทดําเนินนภา
ไม่ใช่ของปลอม แต่ไม่ได้ช้ ีนาํ ไปยังที่ซ่อนสมบัติโดยตรง ชี้มาที่เผ่าปี ศาจแทน ชี้นาํ ให้มารับการ
ทดสอบจากเผ่าปี ศาจ มีเพียงการผ่านการทดสอบจากเผ่าปี ศาจเท่านั้น ถึงจะรู ้สถานที่ซ่อนสมบัติที่
แท้จริ ง
หรื อพูดได้อีกอย่างว่า มีเพียงคนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดาราเท่านั้น ถึงจะผ่านแบบทดสอบวงล้อเติมคํา ถึง
จะได้กระจกทองแดงมาไว้ในมือ มีเพียงคนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดาราเท่านั้น ถึงจะเห็นสถานที่ซ่อน
สมบัติในตอนสุ ดท้ายได้
ถ้าคําพูดบนกระจกทองแดงเป็ นความจริ ง เช่นนั้นทุกอย่างก็เหมือนจะชัดเจนขึ้นมาแล้ว เกี่ยวกับแผนที่
ซ่อนสมบัติน้ ี ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ มีเพียงคนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดาราเท่านั้น ถึงจะได้เคล็ดวิชาจอมมาร
ไรเทียมทานภาคดินไป คนอื่นต่อให้ได้แผนที่ซ่อนสมบัติไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้รู้คติพจน์สิบหก
ตัวของบทนําเคล็ดวิชาอัคนีดาราไปก็ไม่มีประโยชน์อยูด่ ี ด่านยากที่สร้างไว้ในแผนที่สอนสมบัติ คือ
สิ่ งที่เตรี ยมไว้ให้คนประเภทเดียวเท่านั้น คนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดารา!
ยากจะอธิบายได้วา่ ตอนนี้ในใจเหมียวอี้สนั่ สะเทือนขนาดไหน ไม่รู้วา่ ในโลกนี้มีแค่เขาคนเดียวหรื อ
เปล่าที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดารา ไม่ใช่สิ ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ยังมีท่านมหาเซียนที่เหล่าไป๋ บอก หรื อว่า
มหาเซียนท่านนั้นต่างหากที่เป็ นตัวจริ งที่จะได้ของสิ่ งนี้ไป? หรื อไม่อย่างนั้น ถ้าดูจากความสัมพันธ์
ระหว่างเคล็ดวิชาอัคนีดารากับที่นี่ อย่าบอกนะว่ามหาเซียนท่านนั้นจะเป็ นผูท้ ี่ทิ้งของสิ่ งนี้ไว้?
ในหัวเขาเกิดความคิดแวบไปแวบมาราวกับสายฟ้ าแลบ เริ่ มเข้าใจเรื่ องบางอย่างแล้ว เหล่าไป๋ รู ้จกั แดน
หมอกเลือดหมื่นจั้งพอสมควร อย่างเช่นตอนที่ไปเก็บไข่ตกั๊ แตนทมิฬ ทั้งยังมีภาพสลักสตรี ทะยานฟ้ า
ในแดนหมอกเลือดหมื่นจั้ง เหมือนกับที่อยูใ่ นแผนที่ซ่อนสมบัติไม่มีผดิ หรื อว่าท่านมหาเซี ยนที่เหล่า
ไป๋ บอกจะเป็ นจอมมารที่โดนทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายไล่สงั หารในปี นั้น?
ยิง่ คิดก็ยงิ่ รู ้สึกว่ามีความเป็ นไปได้!
ถึงแม้ในใจจะมีเรื่ องสงสัยอยูบ่ า้ ง แต่สรุ ปว่ามีอยูจ่ ุดหนึ่งที่เขามัน่ ใจได้ ตนไม่ใช่คนที่เผ่าปี ศาจรอมา
ตลอดแน่นอน เพราะตนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่ องนี้เลยสักนิด ไม่รู้เรื่ องราวเบื้องลึกอะไรเลย
แต่ใครจะไปสนล่ะ ของต้องตกอยูใ่ นมือตนถึงจะมีประโยชน์อย่างแท้จริ ง! เหมียวอี้แอบดีใจอย่างบ้า
คลัง่ พอเก็บเปลวเพลิงไร้รูปร่ าง แสงที่อยูบ่ นกระจกทองแดงก็หายไป ตัวอักษรที่อยูด่ า้ นบนหายไป
หมดแล้ว เขาเก็บกระจกทองแดง ความลับนี้อยูใ่ นมือเขาแล้ว เขาไม่คิดจะมอบให้ใครด้วยความเคารพ
และไม่คิดจะให้สองคนที่อยูต่ ตรงหน้ารู ้ดว้ ย
หลังจากจัดระเบียบความคิด สงบสติอารมณ์ลงแล้ว เหมียวอี้กถ็ ามว่า “ผูอ้ าวุโส เป็ นใครกันที่ทิ้งของ
สิ่ งนี้ไว้แล้วบอกให้พวกท่านรออยูท่ ี่นี่?” เขาแปลกใจมากว่าใครกันแน่ที่วางแผนซับซ้อนแบบนี้ไว้
ผูอ้ าวุโสมู่เซินตอบว่า “เพียงเราเพียงทําตามคําสาบานของตัวเอง เป็ นคนเฝ้ ารักษากุญแจ ตอนนี้พวกเรา
ทําตามสัญญาแล้ว ส่ งมอบกุญแจให้ถึงมือของผูท้ ี่ควรจะรับแล้ว ในเมื่อท่านได้กญ
ุ แจไป เดี๋ยวก็จะพบ
คําตอบเอง!”
ตอนที่ 952

เตรียมจะทําคนเดียว

เมื่อเห็นเขาไม่อยากพูดอะไรมาก วรยุทธ์ของอีกฝ่ ายก็เห็น ๆ กันอยู่ เหมียวอี้รู้วา่ ตัวเองกดดันถามไปก็


ไม่ได้เรื่ องอะไร จึงไม่มวั พัวกับปัญหานี้อีก ถึงอย่างไรของก็ตกอยูใ่ นมือตนแล้ว เรื่ องอื่นไม่เกี่ยวอะไร
กับตน ขั้นต่อไปก็คือหาทางตามหาเคล็ดวิชาจอมมารไรเทียมทานภาคดิน โดยอิงจากคําแนะนําใน
กระจกทองแดง
“ผูอ้ าวุโสยังมีอย่างอื่นจะกําชับอีกหรื อไม่?” เหมียวอี้ถามอีก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เขาก็จะกลับไปคิด
หาทางค้นหาสิ่ งของต่อไป เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุก
“มิบงั อาจจะกําชับอะไรหรอก เพียงหวังว่าท่านจะไม่ลืมคําสัญญาที่ให้ไว้กบั พวกเรา” ผูอ้ าวุโสมู่เซิน
กล่าว
พูดถึงคําสัญญาอะไรกัน เหมียวอี้พดู ไม่ออก เขามัน่ ใจว่าเรื่ องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน ตนจะไปรู ้ได้
อย่างไรว่าคนที่ตอ้ งรับการทดสอบตัวจริ งต้องรักษาสัญญาอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “สัญญาอะไร
เหรอ?”
ผลก็คือผูอ้ าวุโสมู่เซินหลีกเลี่ยงที่จะตอบ “กุญแจอยูใ่ นมือท่านแล้ว เดี๋ยวท่านก็เจอคําตอบเอง” พูดจบ
ก็กระทุง้ ไม้เท้าบนพื้น ทางเข้าโพรงไม้ที่ปิดสนิทเลื้อยขยุกขยิกเปิ ดออกอีกครั้ง
ตอนนี้หมิงจ้าวไปพูดคุยเรื่ อยเปื่ อยกับมู่หลินหลางแล้ว สุ ดท้ายก็ถามอ้อม ๆ ว่า “ภาษาที่ผอู ้ าวุโสมู่เซิน
สวดใส่ วงล้อเติมคําก่อนหน้านี้ ข้าฟังไม่ออกเลยสักคํา ไม่ทราบว่าผูอ้ าวุโสสวดอะไร ทําไมถึงทําให้
พวกท่านตื่นเต้นฮึกเหิ มขนาดนั้น?”
หลังจากมู่หลินหลางยกจอกสุ ราให้เขา ก็ตอบพร้อมรอยยิม้ ว่า “ไม่ใช่ภาษาที่เป็ นหนึ่งเดียวหลังจาก
ปกครองจักรวาลผืนนี้หรอก ที่ผอู ้ าวุโสสวดคือภาษาที่เผ่าปี ศาจของพวกเราถ่ายทอดกันมาตั้งแต่
โบราณ บอกว่าพวกเราหาแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดพบแล้ว เทพแห่งโชคลาภจะประทานอนาคตที่ดีงาม
และสงบสุ ขให้พวกเรา!”
“เฉลิมฉลองอย่างฮึกเหิ มเพื่อสิ่ งนี้น่ะเหรอ?” หมิงจ้าวงุนงง
มู่หลินหลางตอบอย่างปี ติยนิ ดี “แน่นอนสิ ! เจ้าก็รู้วา่ เผ่าปี ศาจของเราไม่ชอบวิธีการใช้ชีวติ แบบพวก
เจ้า เราหวังเพียงจะได้อยูร่ ่ วมกับธรรมชาติที่ยงิ่ ใหญ่ตลอดไป อยูอ่ ย่างสงบสุ ขตลอดไป ใช้ชีวติ อยูใ่ น
ป่ าอย่างงดงาม ป่ าไม้สามารถประทานสิ่ งจําเป็ นทุกอย่างในการใช้ชีวติ ให้พวกเราได้ สิ่ งนี้ไม่ควรค่าแก่
การเฉลิมฉลองหรอกหรื อ?”
หมิงจ้าวพูดไม่ออก เข้าใจเช่นกันว่าค่านิยมของทั้งสองฝ่ ายไม่มีทางหลอมรวมกันได้ เมื่อเห็นท่าทาง
อีกฝ่ ายไม่เหมือนกําลังหลอกลวง แถมเผ่าปี ศาจก็ไม่มีนิสยั หลอกลวงด้วย บางทีอาจจะเป็ นอย่างที่อีก
ฝ่ ายว่าจริ ง ๆ
ในขณะนี้เอง เหมียวอี้เหาะลงจากต้นไม้ใหญ่ เดินกลับมาแล้ว เข้ามาร่ วมกลุ่มอยูก่ บั ทุกคนต่อไป
พบว่าสายตาที่ทุกคนมองตนดูแปลกไปนิดหน่อย เขาเองก็ทาํ ได้เพียงยิม้ เจื่อน
จนกระทัง่ การฉลองที่สนุกสนานจบลง ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นกับธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย
หลังจากกลับมาถึงที่พกั ที่จดั เตรี ยมไว้ก่อนหน้านี้ ไม่จาํ เป็ นต้องพูดอย่างอื่นแล้ว ประโยคแรกที่หมิง
จ้าวถามเหมียวอี้กค็ ือ “ฆราวาส เจ้าเติมคําว่าอะไรบนวงล้อเติมคําถึงได้ผา่ นการทดสอบ?”
เหมียวอี้รู้อยูแ่ ล้วว่าพวกเขาต้องเข้ามาถามเรื่ องนี้ แต่จะบอกความจริ งได้อย่างไรล่ะ พวกเจ้าป้ องกันข้า
ก็แสดงว่าไม่เชื่อใจข้า แล้วทําไมข้าจะป้ องกันพวกเจ้าบ้างไม่ได้ จึงเอามือเกาหัวทันที “ข้าเองก็ไม่อยาก
ผ่านการทดสอบอะไรนี่เลย หลังจากโดนพวกท่านกดดันให้ข้ ึนไป พอคิดไปคิดมาก็ไม่สนใจอะไร
แล้ว เติมไปส่ งเดชแปดตัวอักษร ใครจะคิดว่าจะผ่านแบบทดสอบไปแบบงง ๆ ก็ช่วยไม่ได้ สงสัยข้าจะ
เกิดมาเพื่อเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดของพวกเขา”
พอเขาตอบบนี้ ทุกคนก็เรี ยกได้วา่ ทั้งโมโหทั้งอยากขํา มีเรื่ องแบบนี้ดว้ ยเหรอ? แต่คิดไปคิดมาก็ไม่มี
ใครสงสัยอะไร ตอนนั้นเจ้าบ้านี่โดนกลุ่มปี ศาจดึงตัวไป เจ้าตัวไม่อยากขึ้นไปเล่นเลย โดนกดดันให้
ขึ้นไปจริ ง ๆ
“ฆราวาสเติมคําว่าอะไรกันแน่?” หมิงจ้าวขอหลักฐานต่อ
เหมียวอี้เอามือลูบคางทําท่านึกย้อนไป “เหมือนจะเป็ น ‘ภูตผีมารปี ศาจ ผูท้ ี่มาล้วนเป็ นแขก’ เหมือนข้า
จะเติมไปแบบนี้นะ ตอนนั้นก็ไม่ได้เก็บมาใส่ ใจ จําได้ไม่ชดั เจนแล้ว เหมือนจะเติมไปแบบนี้แหละ”
ทุกคนอึ้งไปชัว่ ขณะ รวมทั้งหมิงจ้าวด้วย พากันครุ่ นคิดพึมพําอยูอ่ ย่างนั้น “ใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหว
ตามใจอยาก ปลายขั้วแห่งหยินหยาง ภูตผีมารปี ศาจ ผูท้ ี่มาล้วนเป็ นแขก…”
ทุกคนพึมพําซํ้า ๆ รู ้สึกว่าการเติมคําของเหมียวอี้เหมือนจะถูกแต่กเ็ หมือนไม่ถูก แต่กไ็ ม่ตอ้ งพูดถึงแล้ว
เขาเหมือนแกล้งถูกเลือกให้เป็ นแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ดจริ ง ๆ ไม่วา่ ผูท้ ี่มาจะเป็ นมารหรื อภูตผีหรื อปี ศาจก็
ล้วนเป็ นแขกของที่นี่เหรอ บางทีเดาไปแบบนี้กอ็ าจจะถูกเหมือนกัน
เพียงแต่วา่ … ถ้าทําแบบนี้แล้วยังผ่านการทดสอบได้ ทุกคนก็หวั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแล้ว ตัวเอง
ลําบากใช้สมองครุ่ นคิดไปตั้งมากมาย แต่กย็ งั สู ้เจ้าเด็กนี่ที่ยงั เติมคําไปมัว่ ๆ ไม่ได้
ไม่วา่ จะจริ งหรื อหลอก เหมียวอี้กผ็ า่ นการทดสอบแล้ว จงหลีค่วยก้าวขึ้นมาถาม “ผูอ้ าวุโสมู่เซินเชิญ
เจ้าขึ้นไปทําอะไร?”
เหมียวอี้ยกั ไหล่สองข้าง “ข้าเองก็อยากรู ้เหมือนกันว่าพวกเขาเชิญข้าขึ้นไปทําไม”
จงหลีค่วยถลึงตาถาม “เหลวไหล! เจ้าเป็ นคนไปเองแท้ ๆ เจ้าไม่รู้แล้วใครจะรู ้? ข้าว่าเจ้าเด็กนี่ไม่
ซื่ อสัตย์แล้วมั้ง!”
เหมียวอี้จะตกหลุมพรางนี้ได้อย่างไร พูดเหน็บแนมกลับทันที “ข้าขึ้นไปยืนอยูบ่ นนั้น แล้วมู่เซิ นกับ
ธิดาศักดิ์สิทธิ์นนั่ ก็เดินวนรอบตัวข้า ปากก็พดู พึมพําภาษาที่ขา้ ฟังไม่เข้าใจ ทําเหมือนร่ ายมนตร์กบั อวย
พรอย่างนั้นแหละ พอเดินวนเสร็ จก็เชิญให้ขา้ ลงมา ข้าถามว่าหมายความว่าอะไร พวกเขาก็ไม่ยอม
บอก ข้าจะไปรู ้เหรอว่าพวกเขาเชิญข้าขึ้นไปทําอะไร? ลุงหนวด ถ้าท่านเก่งนักก็ช่วยข้าแปลหน่อยสิ วา่
พวกเขากําลังทําอะไรกับข้า?”
“…” จงหลีค่วยพูดไม่ออก ที่ผอู ้ าวุโสมู่เซินสวดคาถาใส่ วงล้อเติมคําก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ได้ยนิ
หมดแล้ว ถ้าเล่นแบบนั้นจริ ง ๆ เขาก็แปลไม่ออกแล้ว
หมิงจ้าวถอนหายใจแล้วบอกว่า “คงจะเป็ นภาษาของเผ่าปี ศาจ ช่างเถอะ! จะได้เป็ นแขกผูม้ ีเกียรติ
สู งสุ ดหรื อไม่ ก็ไม่มีความหมายอะไรสําหรับพวกเรา ทุกคนอย่าลืมจุดประสงค์ที่แท้จริ งของการมาที่นี่
นัน่ ต่างหากคือเรื่ องหลักที่พวกเราต้องทํา ทุกคนพักผ่อนบํารุ งกําลังวังชาให้เต็มที่ พรุ่ งนี้เช้าจะเริ่ มคุน้
หาบริ วเวณนี้ตามแผน”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับคําสัง่ แล้วต่างคนต่างกลับไปนัง่ ขัดสมาธิ
เช้าตรู่ วนั ต่อมา ขณะที่แสงอาทิตย์ยามเช้าโผล่ตรงเส้นขอบฟ้ า หมิงจ้าวก็ไปเจรจาหารื อกับผูอ้ าวุโสมู่
เซิ น จากนั้นก็กลับมาวางแผนนิดหน่อย แบ่งคนสิ บสามคนออกเป็ นหกกลุ่ม เหมียวอี้กบั จงหลีค่วยอยู่
กลุ่มเดียวกับหมิงจ้าวเหมือนที่กาํ หนดไว้ตอนแรก แล้วแยกย้ายกันค้นหาโดยยึดตรงนี้เป็ นจุด
ศูนย์กลาง
บริ เวณที่เผ่าปี ศาจอยูร่ วมกัน ไม่ตอ้ งพูดถึงทิวทัศน์เลย ลําพังแค่ตน้ ไม้ใหญ่ที่กระจายอยูท่ วั่ ทุกที่ ก็
ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ในสถานที่ทวั่ ไปแล้ว แม้แต่เถาวัลย์เก่าแก่ที่โยงใยกันอยูใ่ นป่ าก็ใหญ่เท่าต้นขา
แล้ว ทั้งยังมีพวกพืชพรรณเรื องแสงตอนกลางคืนที่อยูร่ ะหว่างป่ าหรื อไม่กห็ ุบเขาประหลาดอันตราย
บางครั้งยามยืนยืนอยูข่ า้ งนํ้าตกลําธารตอนกลางคืน ฉากนั้นเหมือนอยูใ่ นความฝันจริ ง ๆ งดงามจนทํา
ให้คนต้องยกนิ้ว
บริ เวณนี้แทบจะมองไม่เห็นสัตว์ใหญ่ชนิดใดเลย ย่อมเป็ นเพราะกําจัดออกไปหมดเพื่อปลูกกิ่งหยก
เหลือง ถ้ามีสตั ว์เกะกะมากไปจะทําให้กิ่งหยกเหลืองที่ปลูกไว้เสี ยหาย
ไม่ตอ้ งสงสัยเลย สถานที่ท่ีตน้ ไม้เติบโตจนน่าทึ่งแบบนี้ จะต้องเป็ นทําเลยอดเยีย่ มสําหรับการปลูกกิ่ง
หยกเหลืองแน่นอน ดังนั้นตรงใต้ตน้ ไม้ใหญ่บริ เวณนี้ โดนส่ วนใหญ่จะปลูกกิ่งหยกเหลืองเอาไว้ ทํา
ให้คนที่เห็นใจสัน่ หวัน่ ไหว แต่หมิงจ้าวดันออกคําสัง่ กับทุกคนไว้วา่ ห้ามแตะต้อง ถึงแม้เผ่าปี ศาจจะ
ปลูกพืชพวกนี้ไว้ แต่ที่จริ งแล้วช่วยปลูกให้ปราสาทแมกไม้ท้ งั หมด เป็ นช่องทางรายได้หลักของ
ปราสาทแมกไม้ ถ้าไปแตะต้องสมบัติของเขาซี้ซ้ วั นอกจากจะสร้างปั ญหาแล้ว ปราสาทดําเนินนภา
กับปราสาทแมกไม้ยงั เป็ นคนในเส้นทางเดียวกันด้วย ล้วนเป็ นบุคคลที่ซื่อสัตย์ ยังคบค้าสมาคมกัน ถ้า
ไปขโมยสมบัติของคนอื่น อย่าว่าแต่ปราสาทแมกไม้จะมาคิดบัญชีเลย ปราสาทดําเนินนภาเองก็ไม่ยก
โทษให้ลูกศิษย์ของตัวเองเช่นกัน
เหมียวอี้กย็ งิ่ ถูกเตือนซํ้า ๆ ว่าอย่าแตะต้องของที่นี่ซ้ ีซ้ วั สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้ไม่สบอารมณ์มาก เห็นข้า
เป็ นคนยังไงไปแล้ว จําเป็ นต้องสัง่ ข้าซํ้า ๆ แบบนี้ม้ ยั ?
ว่ากันตามจริ ง เขาเองก็อยากจะแตะต้องเหมือนกัน ตัวเองแต่งเมียมาตั้งหลายคน ต้องมีสมบัติไปเลี้ยง
สิ ! ในโลกมนุษย์ เวลาแต่งงานมีภรรยาก็ตอ้ งหาข้าวให้กิน ไม่มีผหู ้ ญิงคนไหนแต่งงานกับเจ้าเพื่อ
ปรนนิบตั ิและนอนกับเจ้าอย่างเดียวหรอก พวกนางก็ตอ้ งใช้ชีวติ เหมือนกัน การใช้ชีวติ ก็ตอ้ งมี
ช่องทางทําเงิน เห็นท่าทางของอวิน๋ จือชิวตอนมาตลาดสวรรค์ครั้งแรกแล้วอยากซื้ อของแต่เงินไม่
พอมั้ยล่ะ ขนาดท่านขุนนางเหมียวยังทนมองไม่ไหว รู ้สึกผิดอยูส่ ามส่ วน!
กิ่งหยกเหลืองมากมายขนาดนี้ ถ้านํากลับไปได้จะต้องรํ่ารวยเป็ นเศรษฐีแน่นอน… แต่ก่อนที่จะหา
เคล็ดวิชาจอมมารไรเทียมทานพบ ก่อนที่จะได้สมบัติของราชันลัทธิมารในปี นั้นมา เขาก็ไม่อยากจะ
ก่อเรื่ องจนตัวเองเสี ยการเสี ยงาน เขาไม่ถึงกับแยกแยะความสําคัญไม่ออก กลับเตือนจงหลีค่วยด้วยซํ้า
ว่าอย่าแตะต้องของคนอื่นซี้ซ้ วั จะได้ไม่ทาํ ให้ตนลําบากไปด้วย
จงหลีค่วยกําลังยืนอยูใ่ ต้ตน้ ไม้ใหญ่ ชื่นชมกิ่งหยกเหลืองต้นใหญ่ที่พบเห็นได้ยาก พอได้ยนิ เหมียวอี้
เตือนแบบนี้ ก็รู้สึกเหมือนโดนสบประมาท จึงตะคอกตอบว่า “เจ้าคุมตัวเองให้ดีก่อนเถอะน่า!”
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า ทุกคนก็ยงั ไม่พบอะไรเลย แต่กไ็ ม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
สับเปลี่ยนอาณาเขตกันค้นหาไม่หยุดเพราะกลัวจะตกหล่น
หลังจากผ่านไปหนึ่งปี เหมียวอี้ที่ได้สลับมาค้นหาบริ เวณตรงกลางระหว่างภูเขาสามลูกดีอกดีใจมาก
แต่กย็ งั ไม่แสดงออกทางสี หน้า อดทนไว้ตลอด เพราะไม่มีทางเลือก ถ้าจะให้แย่งของกับปราสาท
ดําเนินนภาก็แย่งไม่ชนะ ทําได้เพียงคาดคะเนเงียบ ๆ ว่าจุดศูนย์กลางคือตรงไหน เตรี ยมจะกําหนด
ตําแหน่งไว้เงียบ ๆ แล้วหาโอกาสฮุบไว้คนเดียว จะประมาทเลินเล่อไม่ได้เด็ดขาด
“เหม่ออะไรของเจ้า?”
เมื่อหาจุดศูนย์กลางระหว่างภูเขาสามลูกได้แล้ว มันอยูต่ รงภูเขาหิ นที่เงียบสงบไม่สะดุดตา เนื่องจาก
ปัญหาของสภาพพื้นดิน ด้านบนจึงไม่มีพืชอะไรงอกขึ้นมา มีแค่พวกวัชพืชและไม้เลื้อยที่ข้ ึนตามซอก
หิ นนิดหน่อย แต่ภูเขาลูกนี้น่าจะเป็ นยอดเขาที่เคยโดนคนถากให้เรี ยบไม่รู้ต้ งั กี่ปีมาแล้ว
เหมียวอี้คิดจนเหม่อลอย เป็ นไปไม่ได้ที่จะบังเอิญขนาดนี้ สงสัยคนที่ทิ้งของไว้จะทําสัญลักษณ์
ตําแหน่งที่แน่นอนเอาไว้เพื่อให้คน้ หาได้สะดวก จุดศูนย์กลางระหว่างสามภูเขาคือตรงนี้แน่นอน
จงหลีค่วยเห็นเขาเหม่อลอย จึงโพล่งถามไปส่ งเดช
“ไม่มีอะไรนี่?” เหมียวอี้ส่ายหน้า ไม่อยากตกเป็ นที่ตอ้ งสงสัย เตรี ยมจะเดินหนี
แต่ใครจะคิดว่าหลังจากหมิงจ้าวเดินดูจนทัว่ แล้ว จู่ ๆ ก็บอกว่า “สถานที่น้ ีเหมือนจะเกิดจากฝี มือมนุษย์
นะ ดูจากหิ นที่ตากแดดตากฝนจนเสื่ อมโทรม เวลาผ่านไปนานมาก ดีไม่ดีอาจจะมีเบาะแส ไปตรวจดู
ให้ละเอียดสักหน่อย”
“เหมือนจะเป็ นแบบนี้จริ ง ๆ ” จงหลีค่วยที่หนั มองรอบ ๆ พยักหน้าอย่างแปลกใจ แล้วร่ ายอิทธิฤทธิ์
สํารวจดูรอบ ๆ ทันที
เหมียวอี้รู้สึกตึงเครี ยดในใจทันที แสร้งทําเป็ นสํารวจตาม
ผลลัพธ์ถูกลิขิตไว้แล้ว ร่ ายอิทธิฤทธิ์ทะลุลงไปค้นหาใต้ดินก็ไม่มีประโยชน์ นัน่ คือภูเขาหิ นที่แท้จริ ง
ข้างในไม่ได้ซ่อนของอะไรเอาไว้
ด้วยวิธีการเดียวกัน อีกสิ บกว่าคนเหมือนจะร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจภูเขาและพื้นดินบริ เวณนี้ไปแล้วรอบ
หนึ่ง แม้แต่ในแม่น้ าํ ก็ไม่ปล่อยผ่าน แต่กไ็ ม่พบสถานที่ไหนที่สามารถซ่อนสมบัติได้เลย พวกถํ้าภูเขาที่
หาพบก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่พบที่ซ่อนสมบัติ มีแต่ทาํ ให้สตั ว์เล็กที่หลบอยูใ่ นถํ้าตกใจ
การค้นหาครั้งนี้ หลายครั้งแล้วที่ไม่ยอมแพ้ หาแล้วหาอีก หาซํ้าไปซํ้ามา หลังจากหาเป็ นเวลาสามปี
เต็ม ในที่สุดปราสาทดําเนินนภาก็ยอมแพ้แล้ว เหมือนที่เหมียวอี้เดาไว้ตอนแรก สงสัยว่ามีคนเจตนา
ไม่ดีอยากยุให้รําตําให้รั่ว จึงจงใจปล่อยแผนที่ฉบับนี้ออกมา
หมิงจ้าวที่ลาํ บากค้นหาอยูน่ านสามปี ตอนนี้นาํ พาทุกคนเหาะอยูบ่ นฟ้ าและมองลงมาด้านล่าง เขาอด
ไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หลับหูหลับตาทํางานมาตั้งนาน
“กลับกันเถอะ!” หมิงจ้าวโบกมือเรี ยก แล้วนําทุกคนเหาะผ่านฟ้ าไปอย่างรวดเร็ ว
ทุกคนที่กลับทางเก่าต่างก็รู้สึกอับจนหนทาง มีเพียงเหมียวอี้ที่แอบดีใจอย่างบ้าคลัง่ เขาถูกจับตามอง
อย่างใกล้ชิดมาตลอด กอปรกับไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่าม เขาเฝ้ ารอวันนี้มานานมาก ต่อไปก็ถึงเวลาที่เขา
จะทําคนเดียวแล้ว
แต่เขาก็เคลือบแคลงใจอยูบ่ า้ ง ทุกคนค้นหาที่นี่จนทัว่ เป็ นเวลาหลายปี ทําขนาดนี้ยงั หาไม่เจออีกเหรอ
ของจะไปซ่อนอยูต่ รงไหนได้ล่ะ?
ตอนที่ 953

ไต้ ซือ ลาสึ กเถอะ!

ระหว่างทางกลับ หลังจากแน่ใจตําแหน่งที่ตวั เองอยูร่ วมทั้งทางที่จะไปแล้ว เหมียวอี้กก็ ล่าวอําลาหมิง


จ้าว “ผูอ้ าวุโส เสี ยเวลาอยูท่ ี่นี่มาหลายปี แล้ว ผูน้ อ้ ยก็ตอ้ งกลับไปฝึ กตนเหมือนกัน ขอกล่าวอําลาตรง
นี้”
หมิงจ้าวคิดไปคิดมาครู่ หนึ่ง แต่กไ็ ม่ได้ร้ ังให้เขาอยูต่ ่อ “ไฉจวิน้ เจ้านําศิษย์นอ้ งสองคนพาเขากลับไป
แล้ว!”
ไฉจวิน้ ยังไม่ทนั เอ่ยรับ เหมียวอี้กร็ ี บปฏิเสธ “ไม่ตอ้ งยุง่ ยากขนาดนั้น ในมือข้ามีแผนที่ดาว สามารถ
หาทางกลับได้”
หมิงจ้าวส่ ายหน้า “ที่นี่ยงั อยูใ่ นเขตของสถานที่ไร้ระเบียบ มารปี ศาจขวักไขว่ เจ้าไปคนเดียวอาจจะเกิด
เหตุไม่คาดคิด ให้พวกเขาส่ งเจ้าออกนอกสถานที่ไร้ระเบียบก็แล้วกัน”
เหมียวอี้เองก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธ กลัวว่าจะตกเป็ นที่ตอ้ งสงสัย จึงกุมหมัดคารวะทันที “ขอบคุณที่ผู ้
อาวุโสหวังดี รบกวนด้วย!”
หมิงจ้าวยิม้ ตอบ แล้วพยักหน้าเบา ๆ ให้ไฉจวิน้ ไฉจวิน้ น้อมรับคําสัง่ พาคนสองคนคุม้ กันส่ งเหมียวอี้
ออกไป พอแบ่งคนออกเป็ นสองกลุ่ม ก็นบั ว่าแยกทางกันบนท้องฟ้ าแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วนั ไฉจวิน้ และศิษย์อีกสองคนก็มาส่ งเหมียวอี้ถึงหน้าประตูดวงดาวของสถานที่ไร้
ระเบียบ เหมียวอี้โน้มน้าวให้พวกเขาหยุดอยูแ่ ค่ตรงนี้ “ไม่ตอ้ งส่งแล้วล่ะ พอออกจากประตูดวงดาวก็
ต้องอ้อมจากที่อื่นกลับมาอีก แบบนั้นยุง่ ยากเกินไปแล้ว ข้าไปเองก็สิ้นเรื่ อง”
ทั้งสามไม่ได้ฝืนใจ ไฉจวิน้ ยิม้ พร้อมบอกว่า “ฆราวาสรักษาตัวด้วย”
“รักษาตัวด้วย!” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะ แล้วหันตัวเหาะไปยังประตูดวงดาวอย่างรวดเร็ ว ไม่นานก็มี
แสงสี เงินสายหนึ่งระเบิดออกมาหมุนวนครอบตัวเขา และชัว่ พริ บตาเดียวก็จมหายไปในหลุมที่ดาํ มืด
หลังจากพวกไฉจวิน้ เห็นเขาหายไปกับตาตัวเองแล้ว ถึงได้หนั หลังกลับสู่ปราสาทดําเนินนภา
ส่ วนทางด้านเหมียวอี้ พอออกจากประตูดวงดาวมาแล้ว ก็มองสํารวจโดยรอบแล้วรี บหยิบแผนที่ดาว
ออกมา ปากก็พึมพําด่าไปด้วย “ไม่ให้มาส่ ง ก็ยงั จะมาส่ งอยูไ่ ด้ ทําเอาข้าต้องอ้อมกลับไปตั้งไกล” เขา
เลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง แล้วเหาะออกไปอย่างรวดเร็ ว
ปั ญหาที่สาํ คัญก็คือ ประตูดวงดาวเป็ นช่องทางที่ผา่ นได้เพียงครั้งเดียว ฝั่งนั้นมีทางให้มา แต่ฝั่งนี้กลับ
ไม่มีทางให้ไปโดยตรง ต้องอ้อมประตูดวงดาวหลายดวงถึงจะกลับไปได้ แบบนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว ไป
กลับลําบากขนาดนี้ บนตัวเขามีกระสวยทองกับกระสวยเงินสําหรับใช้ขา้ มประตูดวงดาวไม่พอแล้ว
ก่อนหน้านี้อยากจะขอยืมจากพวกไฉจวิน้ สักหน่อย แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความน่าสงสัยที่ไม่
จําเป็ น เขาจึงไม่ได้เอ่ยปากขอยืม
ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงไปยังตลาดสวรรค์ที่อยูใ่ กล้ที่สุด จุดหมายคือดาวเมิ่งหัว จึงเร่ งเดินทางเพียง
ลําพังอยูใ่ นจักรวาล ใจร้อนอยากไขปริ ศนาที่กระจกทองแดงทิ้งไว้..
ณ ดาวเทียนหยวน ริ มมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ บนหิ นโสโครกที่ถูกระลอกคลื่นซัด ศีลแปดที่ยนื
ประนมมือยูห่ น้ามหาสมุทรผืนใหญ่กาํ ลังทุกข์ใจมาก เขาหันหน้าสู่ทะเลครามด้วยสี หน้ากลัดกลุม้
ความกลัดกลุม้ ใจมาจากสตรี ชุดแดงที่อยูข่ า้ งหลัง ดวงหน้างามหยาดเยิม้ สองแขนกําลังโอบเอวเขาอยู่
กําลังกอดเขา ร่ างกายแนบชิดสนิทกัน นางกอดเขาแน่นจากข้างหลัง ใบหน้าแนบติดกับบ่าของเขา ทํา
สี หน้าสุ ขสันต์ชื่นมื่น มองดูน้ าํ ที่ไหลขึ้นไหลลงด้วยกัน
ผูห้ ญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ปี ศาจโลหิ ตนัน่ เอง สาเหตุที่เกิดฉากแบบนี้ได้กไ็ ม่ซอ้ นเลย ตั้งแต่ครั้งแรก
ที่เห็นศีลแปด นางก็ตกหลุมรักแล้ว เป็ นรักแรกพบ ไม่วา่ ศีลแปดจะไปที่ไหน นางก็ตามไปที่นนั่ คอย
ทุ่มเทดูแลตลอดทาง ถึงขนาดว่าปราบปี ศาจกําจัดมารเพื่อศีลแปดมาตลอดทาง คอยรักษาความ
ปลอดภัยให้ศีลแปด
ยิง่ ศีลแปดรักษาระยะห่างกับนางเท่าไร ลักษณะมาดเคร่ งและบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องไร้ราคีของเขาก็ยงิ่ ดึงดูด
ใจนางเท่านั้น มีอยูจ่ ุดหนึ่งที่ปีศาจโลหิ ตไม่มีทางปฏิเสธได้ นัน่ ก็คือรู ปลักษณ์ภายนอกของศีลแปดมี
พลังทําลายล้างต่อผูห้ ญิงสูงมาก ทีผชู ้ ายยังชอบผูห้ ญิงสวยได้ แล้วทําไมผูห้ ญิงจะชอบผูช้ ายที่หล่อ
เหลาน่ามองไม่ได้ล่ะ โดยเฉพาะผูช้ ายหน้าตาดีที่ท้ งั มีเสน่ห์ท้ งั ดูสะอาดแบบนั้น ไม่เกี่ยวว่าจะเป็ นพระ
หรื อไม่เป็ นพระ ที่สาํ คัญคือเป็ นผูช้ ายในสายตาผูห้ ญิงหรื อเปล่า
แน่นอน สิ่ งที่ทาํ ให้ตกหลุมรักศีลแปดไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก ที่สาํ คัญกว่านั้นก็คือ ผูช้ ายในโลกนี้
ไม่วา่ จะเป็ นฆราวาสหรื อเป็ นพระ ผูช้ ายส่ วนใหญ่กไ็ ม่ได้ต่างกันเท่าไร สิ่ งที่เรี ยกว่าผูช้ าย ปี ศาจโลหิ ต
เห็นมานักต่อนักแล้ว ต่อให้ดูเรี ยบร้อยจริ งจังขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่กเ็ ป็ นพวกวางมาดสง่าภูมิฐาน
ยากที่จะปฏิเสธสาวงามได้ ปี ศาจโลหิ ตยอมรับว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้แย่ แต่พระรู ปนี้กลับมีหวั ใจอัน
บริ สุทธิ์อย่างแท้จริ ง ไม่สะทกสะท้านต่อความงาม เป็ นผูช้ ายที่มีดีท้ งั ภายนอกและภายใน สามารถพบ
เจอได้แต่ไม่สามารถไขว้คว้ามาได้ ในเมื่อเจอกันแล้ว ปี ศาจโลหิ ตก็ไม่อยากปล่อยผ่านไป กว่าผูห้ ญิง
คนหนึ่งจะได้พบผูช้ ายที่ตรงใจนั้นไม่ใช่เรื่ องง่าย จะเป็ นพระหรื อไม่เป็ นพระก็ไม่สาํ คัญ ถึงอย่างไรก็
สึ กได้
พอได้คลุกคลีอยูด่ ว้ ยกันมาตลอดทาง ยิง่ ได้รู้จกั ศีลแปดมากขึ้น ปี ศาจโลหิ ตก็ยงิ่ พบว่าตัวเองยากที่จะ
แยกจากกับเขาได้ รู ้สึกกับศีลแปดถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว จมอยูใ่ นห้วงแห่งความรักอย่างไม่มี
ทางถอนตัว เป็ นฝ่ ายรุ กเข้ามากอดแบบนี้ยงั เป็ นแค่น้ าํ ใจเล็ก ๆ เวลาอาการหนักก็ถึงขั้นเปลื้องผ้ายกร่ าง
กายให้
สิ่ งนี้ทาํ ให้ศีลแปดตกใจกลัวไม่หาย เรี ยกได้วา่ หวาดกลัวแต่หนีไม่ทนั จนใจที่วรยุทธ์ต่างกับอีกฝ่ าย
เกินไป สําหรับวิชาศีลของเขา พรสวรรค์การฝึ กตนในช่วงแรกสู งจนเหมือนปาฏิหาริ ย ์ ถึงแม้ตอนนี้จะ
ประสบปัญหาหยุดชะงักจนก้าวหน้าล่าช้า แต่วรยุทธ์กถ็ ึงระดับบงกชม่วงขั้นหนึ่งแล้ว เพียงแต่เมื่อ
เทียบกับปี ศาจโลหิ ตที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ด เขาก็ไม่มีแม้แต่กาํ ลังจะโต้ตอบเลย อยากจะหนีกห็ นี
ไม่พน้
ใช่วา่ ศีลแปดจะไม่ชอบคนสวย เขาค่อนข้างบ้าผูห้ ญิง เป็ นบิดาแห่งพระเจ้าชู ้ แต่ศีลแปดก็มีความขม
ขื่นที่พดู ออกมาไม่ได้ มารดาเจ้าเถอะ แบบนี้ยงั เรี ยกว่าผูห้ ญิงอีกเหรอ? ต่อให้อีกฝ่ ายเปลื้องผ้าหมดตัว
มากอดเขาไว้ เขาก็ยงั ตกใจกลัวอยูด่ ี พอเจอกันก็ทาํ ให้นึกถึงภาพตอนที่เจอกับปี ศาจโลหิ ตเป็ นครั้งครั้ง
แรก ใบหน้าสุ ดสะพรึ งที่เต็มไปด้วยรอยย่นราวกับโครงกระดูก ทั้งยังดูดเลือดคนอีก น่ากลัวจนไม่รู้จะ
น่ากลัวยังไงแล้ว ต่อให้เป็ นพระที่บา้ ผูห้ ญิงกว่านี้ แต่กค็ งไม่บา้ ผูห้ ญิงแบบนี้หรอกมั้ง? ถ้ากอดกันแล้ว
จู่ ๆ กลายสภาพเป็ นแบบนั้น กัดคอเจ้าอย่างเย็นเยียบ แล้วดูดเลือดของเจ้าขึ้นมาล่ะ จะไม่ตกใจจน
พระพุทธเจ้าองค์แรกถือกําเนิด พระพุทธเจ้าองค์ที่สองขึ้นสวรรค์หรอกเหรอ?
ดังนั้นศีลแปดจึงหันหลังให้นางตลอด โดยเฉพาะตอนที่กอดเขาไว้อย่างนี้ ในเมื่อวรยุทธ์ของเขาไม่สูง
พอที่จะขัดขืน ดังนั้นก็ทาํ ได้เพียงเหลือหลังไว้ให้นางกอด ทุกครั้งที่เป็ นแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าหลับตาเลย
กลัวว่าจะเกิดความคิดเพ้อเจ้อมากมายจนทําให้หวาดกลัวตัวสัน่ ลืมตาไว้จะได้อยูก่ บั ความเป็ นจริ งมาก
ๆ หน่อย
ศีลแปดทําได้เพียงยอมรับเคราะห์ร้ายของตัวเอง เวลาที่สนใจผูห้ ญิงสวยมาก ๆ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีศีล
เจ็ดคอยก่อกวนตลอด ร่ ายอิทธิฤทธิ์ระงับจุดหยางของเขาไว้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะสลัดศีลเจ็ดและมาถึง
พิภพใหญ่ที่คนในแดนฝึ กตนใฝ่ ฝันถึง ปรากฏว่าได้มาเจอ ‘ยอดหญิงงาม’ ท่านนี้ตามเกาะแกะอยู่
ตลอด ทํายิง่ กว่าตาแก่โล้นศีลเจ็ดอีก ตามเกาะติดทั้งวัน ไม่ออกห่างแม้แต่กา้ วเดียว กะจะไม่ให้เขาใช้
ชีวติ เลยเหรอ?
ตอนนี้เขานึกเสี ยใจทีหลังที่หนีมา โดนสาวงามสุ ดสยองท่านนี้เกาะติดแล้ว แบบนี้ไม่สูอ้ ยูท่ ี่พิภพเล็ก
อย่างซื่ อสัตย์ดีกว่า
“ไต้ซือ ลาสึ กเถอะ มาเป็ นคู่สามีภรรยาที่รักและผูกพันกับข้า!” ปี ศาจโลหิ ตกอดเขาพลางกระซิ บข้างหู
“หัวใจของอาตมาอยูก่ บั พระโพธิสตั ว์มาตลอด หัวใจแห่งพุทธแน่วแน่ไร้ที่เปรี ยบ ไม่มีทางลาสึ ก” ศีล
แปดปฏิเสธอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
ปี ศาจโลหิ ตคลายกอดเขาทันที จับเขาหันตัวมา แล้วตะคอกอย่างโกรธเคืองต่อหน้า “เป็ นเพราะข้ายัง
สวยไม่พอใช่ม้ ยั ?”
ศีลแปดยิม้ บาง ๆ พร้อมตอบว่า “หงเอ๋ อร์ เจ้าสวยมาก แต่ในสายตาอาตมา ต่อให้เป็ นสตรี ที่งดงามกว่า
นี้ แต่กเ็ ป็ นเพียงกระดูกที่งดงามทั้งนั้น รู ปโฉมคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าก็คือรู ปโฉม อามิตา
พุทธ!” คําพูดนี้จริ งครึ่ งปลอมครึ่ ง ผูห้ ญิงคนอื่นอาจจะไม่ใช่โครงกระดูกที่งดงามในสายตาของเขา แต่
ปี ศาจโลหิ ตเป็ นแน่นอน ทั้งยังเป็ นโครงกระดูกงดงามแบบที่น่ากลัวมากด้วย
ปี ศาจโลหิ ตที่ขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่ได้ผล ตอนนี้เริ่ มโมโหแล้ว “ศีลแปด ในโลกนี้ไม่มีผชู ้ ายคน
ไหนที่ทาํ ให้ขา้ ทําดีดว้ ยขนาดนี้ได้ เจ้าพูดมาจากใจจริ งซิวา่ จะให้ขา้ ทําอย่างไร?”
ศีลแปดใช้คาํ พูดดี ๆ กล่าวโน้มน้าวอย่างนุ่มนวล “หงเอ๋ อร์ เจ้ายึดมัน่ ถือมัน่ กับรู ปลักษณ์ พอตกอยูใ่ น
ความเดือดดาลลุ่มหลวง ตรงหน้าก็มีแต่ทะเลทุกข์แห่งความปรารถนา หันหลังกลับเข้าฝั่งเถิด รี บกลับ
ฝั่งให้เร็ วที่สุด!”
“อย่ามาใช้อุบายกับข้า ตอนข้าเปลือยร่ างเจ้าก็เห็นมาหมดแล้ว สัมผัสก็สมั ผัสแล้ว ตอนนี้มาให้ขา้ กลับ
ตัว เจ้าจะให้ขา้ กลับตัวอย่างไร?” ปี ศาจโลหิ ตตวาดถาม “ตอนนี้ขา้ จะถามเจ้าคําเดียว เจ้าจะยอมหรื อไม่
ยอม?”
ศีลแปดแอบร้องในใจ เจ้าเป็ นคนถอดเสื้ อผ้าเองนะ แล้วเจ้าก็เป็ นฝ่ ายมาสัมผัสข้า ข้าไม่เคยแตะต้องเจ้า
แม้แต่ปลายนิ้ว ในใจเขาค่อนข้างประหม่ากังวล สงสัยว่าผูห้ ญิงคนนี้จนตรอกเป็ นหมากระโดดกําแพง
แล้วจะทําอันตรายเขาถึงชีวติ หรื อเปล่า? แต่กย็ งั ถามด้วยรอยยิม้ ว่า “หรื อเจ้าอยากสังหารอาตมาเหรอ?”
ปี ศาจโลหิ ตแสยะยิม้ “ข้าต้องการอยูก่ บั เจ้าไปจนแก่ชรา จะฆ่าเจ้าได้อย่างไร! ในเมื่อเจ้าไม่ยอมลาสึ ก
งั้นข้าก็จะช่วยลาสึ กให้เจ้าเอง ให้เจ้าเป็ นพระต่อไปไม่ได้!”
พูดจบก็ใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกของศีลแปดหนึ่งที ปราณปี ศาจโลหิ ตที่เหมือนกับหมอกเลือดทะลักออกจาก
ร่ างกายนาง แผ่คลุมไปที่ศีลแปด กรอกเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของศีลแปดอย่างรวดเร็ ว ศีลแปดตกใจ
มาก ตัวสัน่ ขัดขืนอยูอ่ ย่างนั้น แต่เมื่ออยูภ่ ายใต้การควบคุมโดยพลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่ งออกอีกฝ่ าย
เขากระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลยสักนิด ได้แต่มองดูปราณปี ศาจโลหิ ตนับไม่ถว้ นไหลเข้าร่ างกายตัวเอง เข้า
มาหลอมรวมเป็ นหนึ่งเดียวกายหยาบของตัวเอง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ปราณปี ศาจโลหิ ตก็สลายตัวไปแล้ว ปี ศาจโลหิ ตถึงได้ผลักเขาออก
ศีลแปดย่อมรู ้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผดิ ปกติในร่ างกาย จึงถามอย่างตกใจกลัวว่า “เจ้าทําอะไรกับ
อาตมา?”
ปี ศาจโลหิ ตยิม้ อย่างสนิทสนม ตอบว่า “ไม่ได้ทาํ อะไร แค่ตอ้ งทําให้เจ้ากลายเป็ นเหมือนข้า อีกครึ่ ง
เดือนเจ้าก็จะกลายเป็ นปี ศาจเหมือนข้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าจะแยกจากกับข้าไม่ได้อีก ทั้งยังจะขอร้องให้
ข้าทําดีกบั เจ้าด้วย!”
ศีลแปดที่ยนื อยูบ่ นหิ นโสโครกถูกลมทะเลพัดจนจีวรสี ขาวปลิวสะบัด เขาถามพลางยิม้ อย่างขื่นขม
“หงเอ๋ อร์ ไม่เคยได้ยนิ หรื อว่าแตงที่ฝืนเด็ดมาจะไม่หวาน ถ้าข้ากลายเป็ นคนอื่นที่ไม่ใช่ขา้ แล้ว เจ้ายังจะ
ชอบข้าอยูอ่ ีกเหรอ?”
ปี ศาจโลหิ ตสะบัดแขนเสื้ อ ตอบอย่างประสาทเสี ยว่า “ข้าไม่สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก ข้าทิ้งศักดิ์ศรี
แล้ว ทิ้งความสํารวมทุกอย่างที่ผหู ้ ญิงควรจะมีเพื่อเจ้า แม้แต่เรื่ องน่าไม่อายก็ทาํ มาแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะ
แยแสอะไรอีกล่ะ?”
ศีลแปดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หัวตัวเข้าหามหาสมุทรอย่างเงียบ ๆ สี หน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซี ดสลับกัน
อย่างรวดเร็ ว เขาประนมมือสองข้าง นัง่ ขัดสมาธิลงบนหิ นโสโครก หันหน้าหาทะเลสี เขียวมรกตที่มี
เสี ยงคลื่นซัดดังไม่หยุด หลับตาลงช้า ๆ มือสองข้างที่อยูต่ รงหน้าอกกําลัง พลิกขยับนิ้วทั้งสิ บเป็ นตา
ประทับ พลางกล่าวเสี ยงดังอย่างนิ่งสงบ “ปิ ดตา ปิ ดหู ปิ ดใจ ไม่ถือมัน่ ในอาตมะลักษณะ ไม่ถือมัน่ ใน
ปุคละลักษณะ ไม่ถือมัน่ ในสัตวะลักษณะ ไม่ถือมัน่ ในชีวะลักษณะ รู ้แจ้งเห็นจริ ง!”
เมื่อกล่าวจบ นิ้วของมือทั้งสองข้างที่พลิกขยับเป็ นรู ปดอกบัวหยุดนิ่ง กลับมาประนมมือตั้งตรงหน้าอก
อีกครั้ง นิ่งเงียบ!
ขณะมองดูศีลแปดที่กาํ ลังนัง่ ขัดสมาธิอย่างสงบเรี ยบไร้เสี ยงราวกับพระพุทธรู ป ปี ศาจโลหิ ตก็ทาํ เสี ยง
ฮึดฮัด ไม่สนใจเขาอีก หันตัวมาสะบัดมือจนเกิดเสี ยงโครมคราม โจมตีหินโสโครกให้เกิดเป็ นโพรงถํ้า
โพรงหนึ่ง เดินเข้าไปนัง่ ขัดสมาธิ รอให้เวลานั้นมาถึง เวลาที่ศีลแปดยินยอมปฏิบตั ิตาม
ทะเล ท้องฟ้ า ตะวัน จันทรา ดวงดาวสับเปลี่ยนตําแหน่ง
หลังจากนั้นสามวัน ศีลแปดที่นงั่ สมาธิหนั หน้าเข้าหามหาสมุทร ในที่สุดก็ลืมตาแล้ว เขายืนขึ้น ยังคง
มองดูปีศาจโลหิ ตเดินเข้ามาตรงหน้าด้วยรอยยิม้ บาง ๆ ยังคงสู งส่ งบริ สุทธิ์ราวกับไม่ถูกดูหมิ่นจากโลก
มนุษย์ ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนที่ปีศาจโลหิ ตจินตนาการไว้
หารู ้ไม่วา่ สาเหตุที่ศีลแปดฝึ กตนได้เร็ วมาก เป็ นเพราะเคล็ดวิชาตรัสรู ้ของเขาสามารถมองข้ามการ
รบกวนจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในลูกแก้วพลังปรารถนาได้ เวลาคนอื่นใช้ลูกแก้วพลังปรารถนา
ฝึ กตน ก็ยงั ต้องเสี ยเวลากลัน่ กรองเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่อยูใ่ นลูกแก้วพลังปรารถนาทิ้ง แต่เขา
กลับสามารถรับกลืนเข้าไปทั้งหมด เพราะเคล็ดวิชาของเขาสามารถทําให้บริ สุทธิ์ได้ สิ่ งชัง่ ร้าย
อัปมงคลพวกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขา
ตอนที่ 954

กระชั้นชิดจวนตัว

ปี ศาจโลหิ ตย่อมไม่เชื่ออยูแ่ ล้ว และไม่มีทางยอมรับความจริ งข้อนี้ดว้ ย หลังจากดันทุรังตรวจสอบดู


นางก็ตกตะลึงมาก!
นางเฝ้ าสังเกตทุกการกระทําของศีลแปดมาตลอด ยังไม่เห็นศีลแปดใช้ของอะไรช่วยเลย ปราณปี ศาจ
โลหิ ตที่กรอกเข้าไปในร่ างกายศีลแปดอันตรธานไปหมดสิ้ น ถูกกําจัดหมดเกลี้ยง จะเป็ นไปได้
อย่างไร?
“เจ้าฝึ กเคล็ดวิชาอะไร?” อุทานถามอย่างตกใจ
ศีลแปดถอนหายใจแล้วตอบว่า “ไม่เกี่ยวว่าฝึ กเคล็ดวิชาอะไร ยามเกิดบาปขึ้นในใจ หัวใจข้าเป็ นอิสระ
ข้าก็เป็ นเพียงข้า จะโดนปนเปื้ อนจากสิ่ งภายนอกได้อย่างไร! หากกระจกเดิมใสสะอาดอยูแ่ ล้ว จะมีฝนุ่
จับได้อย่างไร! หงเอ๋ อร์ เจ้ายึดมัน่ ในลักษณ์แล้ว!”
“เจ้า…” ใช้ไม้อ่อนหรื อไม้แข็งก็ไม่สาํ เร็ จ ทําอะไรเขาไม่ได้เลย ปี ศาจโลหิ ตรู ้สึกอยากจะเป็ นบ้า เกิด
อารมณ์ชวั่ วูบอยากฆ่าศีลแปดทิ้ง!
ผูห้ ญิงคนหนึ่งที่เป็ นฝ่ ายถอดเสื้ อผ้าเสนอตัวเพื่อขอความรักจากผูช้ ายที่รู้จกั กันเป็ นครั้งแรก แต่กลับ
ไม่ได้อะไรกลับมา คนนอกไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าความนับถือในตัวเองได้รับความกระทบกระเทือน
ขนาดไหน ถ้านางเป็ นแค่ผหู ้ ญิงอ่อนแอคนหนึ่งก็ไม่เป็ นไร แต่นางกลับแข็งแกร่ งกว่าผูช้ ายคนนี้ เดิมที
นางคิดว่าผลลัพธ์จะออกมาดีงามมาก ใครจะคิดว่าผลจะออกมาเป็ นแบบนี้
เมื่อเห็นผูห้ ญิงคนนี้ทาํ ท่าอับอายโมโหจนใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ศีลแปดก็แอบร้องในใจว่าซวย
แล้ว หัวสมองรี บคิดหาหนทาง
ประจวบเหมาะพอดี โอกาสพลิกสถานการณ์โผล่มาแล้ว ปี ศาจโลหิ ตขมวดคิ้ว ถือระฆังดาราอันหนึ่ง
ขึ้นมา
หลังจากตั้งใจฟังครู่ หนึ่ง ปี ศาจโลหิ ตก็สีหน้าเปลี่ยนทันที ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะคอกว่า “หนิวโหย่
วเต๋ อ!”
เมื่อเอ่ยชื่อนี้ออกมา ศีลแปดคิว้ กระคุกโดยไม่รู้ตวั เป็ นคนชื่อแซ่เดียวกันหรื อเป็ นพี่ใหญ่? รอจนกระทัง่
ปี ศาจโลหิ ตร่ ายอิทธิฤทธิ์เขย่าระฆังดาราตอบข้อความเสร็ จ ศีลแปดก็ยมิ้ บาง ๆ พร้อมถามว่า “หนิว
โหย่วเต๋ อเป็ นใครหรื อ?”
“เป็ นผูช้ ายที่น่ารังเกียจเหมือนกับเจ้าไงล่ะ” ปี ศาจโลหิ ตเดือดดาล
ศีลแปดงงไปชัว่ ขระ ถามหยัง่ เชิญว่า “หนิวโหย่วเต๋ อคือคนที่เจ้าชอบเหมือนกันเหรอ?”
“เหลวไหล!” ปี ศาจโลหิ ตโมโหจนตัวสัน่ “เจ้าคิดว่าข้าเจอผูช้ ายคนไหนก็ถอดเสื้ อผ้าให้ดูหมดเลย
ใช่ม้ ยั ? ที่แท้ในสายตาเจ้า ข้าก็เป็ นคนแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะเจ้าถึงไม่ชอบข้า!”
“อามิตาพุทธ! ในสายตาของอาตมา ถึงแม้การกระทําของเจ้าจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่กลับ
เป็ นคนจริ งใจ มีหวั ใจเหมือนเด็กแรกเกิด พบหาได้ยาก ไม่เกี่ยวกับชอบหรื อไม่ชอบเหมือนที่เจ้า
บอก!” ศีลแปดประนมมือกล่าวปลอบใจ
เป็ นครั้งแรกที่ปีศาจโลหิ ตได้ยนิ เขาเอ่ยชมนิสยั ของนาง ถึงแม้สีหน้าจะยังแสดงความไม่พอใจ แต่
ความโกรธกลับคลายลงแล้ว นางทําเสี ยงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “สุ ดท้ายก็ยงั ไม่ชอบไง เจ้ารังเกียจข้า
เพราะในสายตาของผูฝ้ ึ กตนในแนวทางที่ถูกต้องอย่างพวกเจ้า ข้าเป็ นเพียงมารปี ศาจใช่ม้ ยั ?”
“อาตมาไม่ได้หมายความอย่างนี้เลย ในสายตาอาตมา สรรพสิ่ งล้วนเท่าเทียมกัน!” ศีลแปดพูดจาดูดี
อย่างไม่กระดากอาย แล้วถามว่า “อาตมาเพียงรู ้สึกแปลกใจ เหตุใดเวลาเจ้าเอ่ยถึงชื่อนี้แล้วใจเกิดความ
อาฆาต หรื อว่าเจ้ามีความแค้นกับหนิวโหย่วเต๋ อคนนี้?”
พอพูดถึงเรื่ องนี้ ปี ศาจโลหิ ตก็เกลียดเข้ากระดูกดํา “ไม่ใช่แค่มีความแค้นหรอก ข้าอยากจะฉีกร่ างป่ น
กระดูกเขาด้วยซํ้า เดิมทีขา้ มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้า ห่างกับระดับบงกชรุ ้งเพียงก้าวเดียว แต่กลับโดน
เขาเล่นงานจนวรยุทธ์ลดเหลือบงกชทองขั้นเจ็ด…”
ศีลแปดตั้งใจสื บหาโดยถามอ้อม ๆ ปี ศาจโลหิ ตจึงเล่าเรื่ องความแค้นระหว่างตัวเองกับเหมียวอี้ให้ฟัง
คร่ าว ๆ
หลังจากฟังจบ ศีลแปดก็พึมพําในใจ เป็ นพี่ใหญ่จริ ง ๆ ด้วย พี่ใหญ่เหี้ ยมหาญมาโดยตลอดอย่างที่คาด
ไว้ เพิ่งจะแยกจากกันไม่นาน แต่วรยุทธ์บรรลุถึงระดับบงกชทองแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองมีวรยุทธ์
บงกชทองขั้นหนึ่ง แต่ยงั กล้าปะทะกับปี ศาจโลหิ ตที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ดตรง ทั้งยังเล่นงานจน
ปี ศาจโลหิ ตบาดเจ็บด้วย…
ศีลแปดมองดูระฆังดาราในมือนาง แล้วยิม้ เรี ยบ ๆ “จู่ ๆ เจ้าก็เอ่ยถึงศัตรู คนนี้ หรื อว่าเจ้ากับเขามีการ
ติดต่อกัน?”
ปี ศาจโลหิ ตอแสยะยิม้ “จะเป็ นไปได้อย่างไร ข้าได้ข่าวว่าเจ้าบ้านัน่ หนีออกจากดาวเทียนหยวน แล้ว
ไปโผล่ที่ตลาดสวรรค์ของดาวซิงหัว”
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีอาํ นาจมากขนาดนี้ ทุกที่ลว้ นมีคนคอยเป็ นหูเป็ นตาให้เจ้า…” เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับ
ความปลอดภัยของเหมียวอี้ ศีลแปดย่อมต้องหาทางรู ้ให้กระจ่าง ว่าเรื่ องเป็ นอย่างไรกันแน่!
ณ ตลาดสวรรค์ ของดาวซิงหัว เหมียวอี้วงิ่ ไปที่ร้านค้าของสํานักเมฆดาราที่ขายกระสวยทองและ
กระสวยเงินโดยเฉพาะ เขาซื้อมาเก็บไว้จาํ นวนหนึ่ง หลังจากมีบทเรี ยนในครั้งนี้ เขาก็พยายามเตรี ยม
ติดตัวไว้เยอะ ๆ หน่อย เมื่อก่อนไม่กล้าเตรี ยมไว้เยอะเพราะกลัวว่าพวกปี ศาจเฒ่าที่ทะเลดาวนักษัตรจะ
จดจําเส้นทางของพิภพใหญ่ได้ แต่ตอนนี้มีวรยุทธ์ระดับบงกชทองแล้ว ทําให้เขาพอจะมีความมัน่ ใจ
ขึ้นมาบ้าง
กระสวยเงินที่ไว้ใช้สาํ หรับคนเดียว เขาเตรี ยมไว้เยอะเป็ นพิเศษ ที่จริ งการใช้ของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
ทําให้เปลืองเงินมาก ใช้กระสวยทองครั้งเดียวก็เท่ากับเสี ยไปแล้วสิ บล้านผลึกทอง ส่ วนกระสวยเงินก็
หนึ่งล้านผลึกทอง แต่การที่เจ้าจะเดินทางไปทัว่ พิภพใหญ่ ถ้าไม่ใช้ของสิ่ งนี้กท็ าํ ไม่ได้ นอกเสี ยจากวร
ยุทธ์ของเจ้าจะสูงถึงระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ แบบนั้นถึงจะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังใด ๆ ที่
เกิดจากประตูดวงดาว
เมื่อออกจากร้านค้าสํานักเมฆดารา เหมียวอี้กไ็ ม่ได้อยูท่ ี่ตลาดสวรรค์ของที่นี่ต่อ ร้านขายของชําซื่ อตรง
ยังไม่ได้ขยายสาขามาถึงที่นี่
เมื่อออกจากเมือง เหมียวอี้กเ็ หาะฝ่ าชั้นบรรยากาศออกไปโดยตรง ขณะที่ตวั อยูบ่ นท้องฟ้ าอันกว้าง
ใหญ่ เขาก็หยิบแผนที่ดาวออกมาหาเส้นทางที่ใกล้ที่สุดในการไปดาวแมกไม้ แล้วเหาะจากไปอย่าง
รวดเร็ ว
เร่ งเหาะมาตลอดทาง ข้ามผ่านประตูดวงดาวติดต่อกันหลายบาน ขณะที่ใกล้จะถึงดาวแมกไม้ ระฆัง
ดาราในกําไลเก็บสมบัติกส็ ่ งเสี ยงดัง พอร่ ายอิทธิฤทธิ์ดู เขาก็ท้ งั ประหลาดใจทั้งดีใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะ
เป็ นระฆังดาราอันที่ใช้ติดต่อกับศีลแปด
สาเหตุที่เหมียวอี้ดีใจ ก็เพราะสุ ดท้ายเจ้าเด็กบ้าที่ไม่รู้จกั ฟ้ าสูงแผ่นดินตํ่าก็ติดต่อกลับมาเสี ยที แต่ที่รู้สึก
ตกใจ ก็เพราะเขารู ้จกั ศีลแปดดีเกินไป ถ้าเจ้าบ้านี่หนีได้ไปเมื่อไร เมื่อไม่โดนกดดันให้จนตรอก เจ้าตัว
ก็จะไม่มีทางติดต่อกลับมาเด็ดขาด ไม่รู้เหมือนกันว่าศีลแปดประสบปัญหาอะไร ดันติดต่อมาหาเขาใน
จุดหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้
เขาหยิบระฆังดารามาตอบกลับทันที : เจ้ารอง เจ้ารู ้จกั ติดต่อข้าด้วยเหรอ?
ทางฝั่งศีลแปดตอบว่า : พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบนะ ท่านอย่าเอาแต่มองว่าข้าเป็ นเด็กน้อยสิ ไม่ตอ้ ง
เปลืองคําพูดด่าข้าแล้ว ข้าจะบอกท่านว่า ตอนนี้ท่านประสบปั ญหาแล้วล่ะ ท่านโดนคนของร้านค้า
สมาคมวีรชนที่ตลาดสวรรค์ดาวซิ งหัวเพ่งเล็งอยู่ มีคนติดตามท่านตลอดทาง เพียงแต่การต่อสู ร้ ะหว่าง
ท่านกับปี ศาจโลหิ ตทําให้พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทําอะไร บังเอิญว่าที่ดาวซิ งหัวไม่มียอดฝี มือเก่ง ๆ
แล้วท่านเองก็เพ่นพ่านอยูใ่ นจักรวาลตลอด ไม่สะดวกจะดักโจมตีท่าน รอให้ท่านหยุดพักเมื่อไร รอให้
แน่ใจจุดหมายปลายทางของท่านแล้ว ก็จะมีผชู ้ ่วยตามไปทันที ตอนนี้ปีศาจโลหิ ตกําลังตามไปหาท่าน
ที่นนั่ ท่านรี บหาทางหนีเถอะ!
เหมียวอี้ได้ยนิ ข่าวแล้วตกใจมา ศีลแปดรู ้วา่ เขาไปที่ตลาดสวรรค์ของดาวซิ งหัว ทั้งยังรู ้วา่ เขาเพ่นพ่าน
ไปทัว่ แถมยังรู ้เรื่ องปี ศาจโลหิ ตอีก เช่นนั้นสิ่ งที่ศีลแปดพูดก็ไม่ผดิ พลาดแน่
เขารี บหันกลับไปมองหาโดยใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์ แต่กไ็ ม่เห็นใครสะกดรอยตามมา แต่ในเมื่อศีลแปด
พูดแบบนี้แล้ว แสดงว่าไม่ผดิ พลาดแน่นอน เมื่อมองสํารวจให้ละเอียดอีกที ก็เหมือนจะเห็นราง ๆ ว่ามี
คนตามเขาอยูไ่ กล ๆ เหมือนจะอยูน่ อกขอบเขตที่สายตาของเขาจะมองเห็น ถ้าไม่สงั เกตให้ดีเป็ นพิเศษ
ก็จะไม่สงั เกตเห็นเลย
เห็นได้ชดั เจนมา ในเมื่อคนอื่น ๆ ของสมาคมวีรชนเข้ามาแทรกแซงแล้ว ก็แสดงว่าไม่เกี่ยวกับ
ความแค้นส่ วนตัวระหว่างเขากับปี ศาจโลหิ ต เป้ าหมายย่อมเป็ นหุน้ สองส่วนที่อยูใ่ นมือเขา สงสัย
สมาคมวีรชนจะเห็นว่าปี ศาจโลหิ ตทําพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า สุ ดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องยืน่ มือเข้ามาด้วย
ตัวเอง
ถ้าจะพูดไม่ให้ชดั ก็ไม่เกี่ยวกับสมาคมวีรชน เพราะตอนนี้ยงั ไม่เปิ ดเผยให้สาธารณชนรู ้เรื่ องที่ในมือ
เขามีหุน้ สองส่ วน กอปรกับสมาคมวีรชนช่วยรักษาความลับเพราะอยากจะฮุบไว้คนเดียว ไม่อย่างนั้น
ถ้าข่าวแพร่ ออกไปทัว่ คนที่อยากลงมือกับเขาคงไม่ได้มีแค่สมาคมวีรชนแล้ว
ในใจเหมียวอี้เต็มไปด้วยความคับแค้น ตัวเองแทบจะไม่มีอาํ นาจและคนหนุนหลังที่พิภพใหญ่เลย ต่อ
ให้มีโอกาสรํ่ารวยแต่กร็ ักษาไว้ไม่ได้ รอบข้างมีแต่ฝงู เสื อฝูงหมาป่ าที่ละโมภไม่รู้จกั อิ่มคอยจ้อง เมือ่
เห็นเนื้อติดมันก็อยากจะกัดสักคํา กฎแห่งธรรมชาติของโลกนี้กค็ ือผูท้ ี่เข้มแข็งที่สุดจึงจะอยูร่ อด เข่น
ฆ่าให้เป็ นภูเขากระดูกทะเลเลือดกก็ยากที่จะระบายความแค้นในใจตอนนี้ได้!
เขารี บติดต่อศีลแปดอีกครั้งภายใต้ความตกใจกลัว : เจ้ารู ้เรื่ องพวกนี้ได้ยงั ไง? เจ้าอยูท่ ี่ไหน?
ศีลแปดตอบว่า : ข้าพยายามสุ ดความสามารถถึงหาโอกาสติดต่อท่านได้ มีคนจับตาดูขา้ อยู่ พูดอะไร
กับท่านมากไม่ได้ ไม่พดู แล้ว ถ้าพูดอีกเดี๋ยวโดนจับได้ ท่านรี บหาทางหนีให้เร็ วที่สุดเถอะ!
หลังจากนั้น ไม่วา่ เหมียวอี้จะพยายามติดต่ออย่างไร ทางฝั่งศีลแปดก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ไม่ตอ้ ง
บอกอะไรมาก เหมียวอี้เดาว่าศีลแปดจะต้องปะปนอยูก่ บั คนของสมาคมวีรชนแน่นอน ไม่อย่างนั้นคง
ไม่รู้ข่าววงในของสมาคมวีรชนหรอก
ส่ วนศีลแปดทําเรื่ องแบบนั้นได้อย่างไร เหมียวอี้คิดไม่ตก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรมากมายขนาด
นั้น เรื่ องที่ตอ้ งทําตอนนี้คือปลีกตัวหนีให้เร็ วที่สุด
เขาคิดกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ ว สิ่ งแรกที่เขาคิดได้กค็ ือไปหลบภัยที่ปราสาทดําเนินนภา แต่พอลอง
คิดอีกมุม ตัวเองสูก้ บั ปี ศาจโลหิ ตมาหลายครั้งแล้ว ทางสมาคมวีรชนรู ้แล้วว่าตนกับปราสาทดําเนิน
นภามีความสัมพันธ์กนั อย่างไร ถ้าเปิ ดเผยเบาะแสว่าจะไปปราสาทดําเนินนภา อีกฝ่ ายจะต้องกําหนด
สถานที่แล้วไปดักรอตนแน่นอน แบบนั้นอันตรายเกินไป
ถ้าอ้อมเบี่ยงจากเส้นทาง เขาก็ไม่มนั่ ใจว่าจะสลัดฝ่ ายตรงข้ามพ้นหรื อไม่ โดนจับตามองตอนอยูค่ น
เดียวนานเกินไปนับว่าเสี่ ยงมาก ไม่เหมาะที่จะเพ่นพ่านไปที่ไหนเพียงลําพังอีก
อันตรายทําให้เรื่ องราวกระชั้นชิดจวนตัว เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็ยงั ไม่เปลี่ยนเส้นทาง มุ่งหน้าสู่ดาวแมก
ไม้ต่อไป ที่นนั่ ยังมีปราสาทแมกไม้ นัน่ คืออาณาเขตของปราสาทแมกไม้ ขอเพียงหาผูอ้ าวุโสมู่เซิ นพบ
อาศัยฐานะของแขกผูม้ ีเกียติสูงสุ ดอย่างตน ถ้าผูอ้ าวุโสมู่เซิ นยังขัดขวางไม่ไหว ผูอ้ าวุโสมู่เซินก็
สามารถเรี ยกยอดฝี มือของปราสาทแมกไม้ให้มาช่วยได้ ปราสาทแมกไม้ตอ้ งไม่ยอมให้คนของสมาคม
วีรชนมากําเริ บเสิ บสานบนอาณาเขตของตนแน่นอน ปราสาทแมกไม้กม็ ีความสามารถที่จะขัดขวาง
สมาคมวีรชนเหมือนกัน!
เมื่อกําหนดแผนได้แล้ว ก็หนั ไปมองข้างหลังเป็ นระยะ ก่อนจะเหาะด้วยความเร็ วสุ ดกําลัง
สุ ดท้ายเมื่อมาถึงดาวแมกไม้ เขาก็เหาะวนอยูพ่ กั หนึ่ง พอหาตําแหน่งคร่ าว ๆ ของเผ่าปี ศาจเจอแล้ว ก็
พุง่ ฝ่ าชั้นบรรยากาศลงไปด้วยความเร็ วสูง ระหว่างทางที่เหาะลงมาก็เปลี่ยนทิศทางไม่หยุด สุ ดท้ายก็
เหยียบลงบริ เวณใจกลางของผ่าปี ศาจอย่างมัน่ คง เหยียบลงนอกโพรงของต้นไม้มหึ มาที่เป็ นร่ างเดิม
ของผูอ้ าวุโสมู่เซิ น
บรรดาปี ศาจที่เหาะขึ้นมาขวางทาง พอเห็นว่าเป็ นเขาก็ยอ่ มหลีกทางให้ เหมียวอี้อยูท่ ี่นี่มาหลายปี ด้วย
ฐานะของแขกผูม้ ีเกียรติสูงสุ ด ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นจึงออกคําสัง่ กับเผ่าปี ศาจไว้แล้ว ว่าเหมียวอี้สามารถเข้า
ออกทุกที่ในอาณาเขตของเผ่าปี ศาจได้ตามอําเภอใจ ไม่วา่ ใครก็หา้ มขัดขวาง ทําให้เขามาที่นี่ได้สะดวก
กว่าพวกหมิงจ้าวเสี ยอีก
มู่เซินกําลังนัง่ ขัดสมาธิอยูใ่ นโพรงไม้ พอเห็นเหมียวอี้เดินเข้ามา ก็ถามอย่างประหลาดใจ “ฆราวาส
พวกเจ้าออกจากที่นี่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหมือนลําบากใจที่จะพูด “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนของปราสาทดําเนินนภา ระหว่าง
ทางแยกทางกับพวกเขา ตอนกลับโดนคนของสมาคมวีรชนจับตามอง โดนกดดันจนหมดทางเลือกจึง
หนีกลับมา จะมาขอร้องให้ผอู ้ าวุโสช่วย…”
หลังจากเขาเล่าสถานกาณ์คร่ าว ๆ โดยพูดข้ามบางอย่างไป ผูอ้ าวุโสมู่เซิ นก็กระทุง้ ไม้เท้าเดินไปนอก
โพรงถํ้าและเงยหน้ามองข้างบน กิ่งไม้ใบไม้ที่ปิดบังท้องฟ้ าก็เปิ ดแยกเป็ นสองฝั่งทันที เผยให้เห็น
ท้องฟ้ าสี คราม เหมียวอี้เดินตามอยูข่ า้ งกาย ถามว่า “ผูอ้ าวุโสยินดีจะช่วยหรื อไม่ ถ้าหากลําบากใจ ข้า
จะไม่รบกวน จะออกไปจากที่นี่ทนั ที!”
“สมาคมวีรชน?” ผูอ้ าวุโสมู่เซินเงยหน้ามองฟ้ าพลางถอนหายใจ “กล้าแตะต้องแม้กระทัง่ ท่านเหรอ
สงสัยพวกเขาจะใจกล้าถึงขั้นพลิกฟ้ าจริ ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าหาเรื่ องใส่ ตวั ใหญ่หลวงขนาดนี้ ไม่
กลัวว่าในอนาคตจะโดนล้างเลือดเหรอ?”
ตอนที่ 955

คลายปริศนาแผนทีซ่ ่ อนสมบัติ

ล้างเลือดสมาคมวีรชนเหรอ? เจ้าให้เกียรติขา้ เกินไปแล้วมั้ง แค่ปกป้ องชีวติ ข้าได้กพ็ อแล้ว!


เหมียวอี้กาํ ลังพึมพําในใจ พบว่าตาแก่คนนี้ชอบพูดจาแปลก ๆ ชอบกล สงสัยจะเห็นตนเป็ นแขกผูม้ ี
เกียรติสูงสุ ดที่มารับกุญแจจริ ง ๆ
อยากจะถามให้กระจ่าง แต่ตาแก่นี่กไ็ ม่ยอมคายความจริ งออกมา และตอนนี้เหมียวอี้ไม่มีอารมณ์มา
พัวพันกับประเด็นนี้เหมือนกัน จึงถามว่า “ผูอ้ าวุโสมีวธิ ีช่วยเหรอ?”
กิ่งไม้และใบไม้ดา้ นบนกลับมาคลุมไว้เหมือนเดิมแล้ว ผูอ้ าวุโสมู่เซินจ้องเขาอย่างไม่ละสายตาครู่ หนึ่ง
แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เผ่าปี ศาจรออยูท่ ี่นี่เพราะมีภารกิจของตัวเอง ไม่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
เรื่ องรบราฆ่าฟันได้ ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่กาํ ลังของพวกเรา ก็ยากที่จะอยูร่ อดมาได้ถึงวันนี้ และคงอยูร่ อ
ท่านไม่ไหวเช่นกัน แต่ขา้ ไปเชิญคนของปราสาทแมกไม้ได้ สมาคมวีรชนคงจะไม่กล้ากําเริ บเสิ บสาน
ที่อาณาเขตของปราสาทแมกไม้”
เผ่าปี ศาจทํางานรับใช้ปราสาทแมกไม้มาหลายปี รับหน้าที่ดูแลช่องทางรายได้หลักให้ปราสาทแมกไม้
อย่างจงรักภักดีมาโดยตลอด ค่าตอบแทนที่ตอ้ งการก็ไม่สูง ขอแค่ใช้ชีวติ อยูใ่ นป่ าอันกว้างใหญ่ของ
ปราสาทแมกไม้อย่างสงบสุ ข กอปรกับเผ่าปี ศาจถนัดเรื่ องดูแลรักษาป่ า ไม่มีใครเหมาะสมที่จะปลูกกิ่ง
หยกเหลืองในป่ านี้ได้เท่าพวกเขาอีกแล้ว จะไปหาแรงงานชั้นดีขนาดนี้ได้จากไหน ต่อให้ผอู ้ าวุโสมู่
เซิ นไม่เอ่ยปาก ปราสาทแมกไม้กไ็ ม่ให้คนของสมาคมวีรชนมากําเริ บเสิ บสานในอาณาเขตของตัวเอง
อยูด่ ี
สํานักที่สามารถลงหลักปักฐานในสถานที่ไร้ระเบียบได้ยอ่ มไม่ธรรมดาอยูแ่ ล้ว ถ้าแม้แต่ความน่าเกรง
ขามนี้กย็ งั ไม่มี ในภายหลังก็คงเกิดปั ญหาใหญ่แล้ว!
ไม่วา่ จะเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติหรื อไม่ใช่แขกผูม้ ีเกียรติ นัน่ ก็เป็ นเรื่ องของเผ่าปี ศาจ ปราสาทแมกไม้อยู่
ร่ วมกับเผ่าปี ศาจที่ซื่อสัตย์อย่างปรองดองมาตลอด ไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่ายประเพณี ของเผ่าปี ศาจ
ดังนั้นปราสาทแมกไม้จึงถามเพียงว่าเกิดเรื่ องอะไรขึ้น แม้แต่หน้าของเหมียวอี้กข็ ้ ีคร้านจะออกไปพบ
จึงส่ งกําลังพลออกมาทันที จับคนที่สะกดรอยตามเหมียวอี้ไปที่ประสาทแมกไม้โดยตรง
“กลับไปบอกตาแก่หวงฝู่ พวกเราไม่สนใจเรื่ องของสมาคมวีรชน ตราบใดที่ไม่ก่อเรื่ องในดาวแมกไม้
พวกเจ้าจะทําอย่างไรก็เรื่ องของพวกเจ้า ปราสาทแมกไม้ของพวกเราไม่ใช่ลูกพลับอ่อนที่จะบีบกันง่าย
ๆ ไสหัวไป!”
เมื่อเผชิญการกดดันจากนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ นักพรตบงกชทองขั้นสองที่ร้านค้า
สมาคมวีรชนของดาวซิงหัวส่ งมาก็ตกใจมาก หนีหวั ซุกหัวซุนออกจากดาวแมกไม้
ผ่านไปไม่นาน ปี ศาจโลหิ ตที่พาศีลแปดเหาะอยูบ่ นฟ้ าก็ได้รับข่าวจากหวงฝู่ จวินโหรว เตือนนางว่าอย่า
ไปก่อเรื่ องที่ดาวแมกไม้ ปราสาทแมกไม้ออกหน้าแล้ว
“ไอ้เวรนี่สมควรตาย หนิวโหย่วเต๋ อมีที่มายังไงกันแน่ ปราสาทดําเนินนภาช่วยเขาก็วา่ แย่แล้ว แม้แต่
ปราสาทแมกไม้กอ็ อกหน้าปกป้ องเขาด้วย!” ศีลแปดปี ศาจโลหิ ตที่จูงศีลแปดเหาะอยูบ่ นฟ้ าแค้นจนกัด
ฟันกรอด
ศีลแปดชําเลืองมองอย่างโล่งอก แต่ภายนอกกลับกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ในเมื่อเป็ นเช่นนี้แล้ว เหตุใด
จึงดันทุรัง เหตุใดไม่รีบหาโอกาสกลับตัว?”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะหลบอยูท่ ี่ดาวแมกไม้ไปทั้งชีวติ ! ถึงแม้สมาคมวีรชนจะไม่สะดวกสู ก้ บั
ปราสาทแมกไม้ แต่ในเมื่อลงมือแล้ว หากข้ายังไม่ได้เอาจริ ง ข้าก็ไม่ยอมรามือหรอก คอยดูเถอะ ข้า
จะต้องหาทางกดดันให้เขาออกมาให้ได้!” ปี ศาจโลหิ ตตอบอย่างเคียดแค้น
ทางด้านเผ่าปี ศาจ เหมียวอี้ได้ข่าวจากผูอ้ าวุโสมู่เซินว่าตอนนี้ตวั เองปลอดภัยแล้ว เขายังไม่ทนั รู ้ดว้ ยซํ้า
ว่าอะไรเป็ นอะไร ไม่เห็นว่าปราสาทแมกไม้เคลื่อนไหวอะไรเลย
แต่เหมียวอี้กเ็ ข้าใจเช่นกัน ปลอดภัยแค่ที่ดาวแมกไม้ ถ้าออกจากดาวแมกไม้เมื่อไรก็ไม่ปลอดภัย
แน่นอน
ยังไม่ตอ้ งสนใจเรื่ องพวกนี้ แค่ปลอดภัยชัว่ คราวก็พอแล้ว ทําตามเป้ าหมายในการมาครั้งนี้สาํ เร็ จก่อน
รี บหาทางนําเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานมาไว้นมือให้เร็ วที่สุด ยิง่ ปล่อยให้เวลายาวนาน อุปสรรคก็
ยิง่ มีมาก
พอกลับมาจากผูอ้ าวุโสมู่เซิน เข้าไปในโพรงใต้ตน้ ไม้ยกั ษ์ที่เป็ นที่พกั ชัว่ คราว เหมียวอี้กน็ าํ กระจก
ทองแดงบานนั้นออกมาร่ ายอิทธิฤทธิ์กระตุน้ อีก
ตรงกลางระหว่างภูเขาสามลูก บนท้องฟ้ าสู งหกพันจั้ง ยามตะวันและจันทราส่ องแสงพร้อมกัน มองลง
เบื้องล่าง เคล็ดวิชาจอมมารไรเทียมทานภาคดิน!’ ตัวอักษรยีส่ ิ บเจ็ดตัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ตรงกลางระหว่างภูเขาสามลูกข้าเจอแล้ว บนท้องฟ้ าสูงหกพันจั้งก็เข้าใจง่าย แล้วสองประโยคหลัง
หมายความว่ายังไง ยามตะวันและจันทราส่ องแสงพร้อมกัน มองลงเบื้องล่าง…” เหมียวอี้อมุ ้ กระจก
ทองแดงพลางครุ่ นคิดพึมพําอยูพ่ กั หนึ่ง
วันต่อมาตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างดี เหมียวอี้ออกมาข้างนอกคนเดียว เหาะขวักไขว่อยูใ่ นป่ าอย่างรวดเร็ ว
บนภูเขาหิ นที่เคยโดนคนตัดส่ วนยอดเอาไว้ต้งั แต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เขายืนอยูบ่ นนั้นพลางมองไปรอบ ๆ
อย่างระแวดระวัง จากนั้นก็เหาะขึ้นฟ้ าอย่างรวดเร็ ว
ขณะที่เหาะขึ้นบนฟ้ า ในใจเขาคํานวณระดับความสู งที่เหาะขึ้นมาโดยอิงจากความเร็ วของตัวเอง ตอน
ที่เหาะขึ้นมาถึงหกพันจั้ง ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ลอยหยุดอยูบ่ นฟ้ า
เมื่อมองไปรอบ ๆ ยังพอเห็นแสงจันทร์ที่อยูไ่ กล ๆ ส่ วนอีกฝั่งหนึ่งก็มีแสงสี ขาวเหมือนพุงปลาโผล่
ออกมา ดวงอาทิตย์ยงั ไม่ข้ ึน พอมองดูที่พ้นื ดินอีกครั้ง เบื้องล่างก็มืดตึ๊ดตื๋อ มองไม่เห็นเบาะแสอะไร
สิ่ งนี้ทาํ ให้เขาปวดกบาลมาก ประโยค ‘ยามตะวันและจันทราส่ องแสงพร้อมกัน มองลงเบื้องล่าง’ ก็จะ
เห็นเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานโผล่ออกมาเหรอ?
ถึงแม้เขาจะเรี ยนหนังสื อมาไม่เยอะ แต่ถึงอย่างไรเหล่าไป่ ก็เคยบังคับให้เขาเรี ยนอยูช่ ่วงระยะเวลาหนึ่ง
ความหมายที่อยูบ่ นอักษรยีส่ ิ บเจ็ดตัวนั้น ดูเผิน ๆ แล้วชัดเจนเข้าใจง่ายมาก ไม่ถึงขั้นอ่านไม่ออก แต่
เขาก็ยงั สงสัยอีก ว่าทิศทางการตีความหมายของตัวเองผิดพลาดไปหรื อปล่า ถ้ายืนอยูต่ รงนี้แล้ว
สามารถมองเห็นเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน เช่นนั้นคนที่เหาะเข้าเหาะออกดาวแมกไม้กต็ อ้ ง
มองเห็นไปตั้งนานแล้วน่ะสิ ?
ไม่วา่ จะเป็ นอย่างไร ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นก็รอให้ดวงอาทิตย์กบั ดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน
แล้วค่อยดูอีกทีกแ็ ล้วกัน! เมื่อเจอกับวิธีการซ่อนสมบัติที่เป็ นนามธรรมแบบนี้ เหมียวอี้รู้สึกอับจน
หนทางมาก
ตอนที่แสงอาทิตย์สายแรกสาดส่ องมาถึงเขา บนพื้นดินที่อยูไ่ กล ๆ ก็มีแสงสี ทองลอยขึ้นมา แต่บน
พื้นดินด้านล่างยังมืดตึ๊ดตื๋อเหมือนเดิม เหมียวอี้ที่ลอยอยูบ่ นฟ้ ามองไปรอบ ๆ อย่างเชื่องช้าและ
ระแวดระวัง มองที่พ้นื ดินเป็ นระยะ ในหัวกําลังคิดฟุ้ งซ่านอยูต่ ลอด พิจารณาอย่างละเอียดว่าตัวเอง
ตีความอักษรยีส่ ิ บเจ็ดตัวนั้นผิดหรื อเปล่า
เวลาล่วงเลยผ่านไปทีละนิด ตอนที่แผ่นดินครึ่ งหนึ่งโดนอาบด้วยแสงสี ทอง ส่ วนแผ่นดินอีกครึ่ งยังมืด
สลัว ใต้เท้าเหมียวอี้กเ็ กิดเรื่ องปาฏิหาริ ยอ์ ย่างหนึ่ง กลางคืนอันมืดมิดและกลางวันอันสว่างไสวกําลัง
ก่อตัวเป็ นเส้นแบ่งเขตเลือนรางอยูใ่ ต้เท้าของเขา เรี ยกได้วา่ เป็ นการผสมผสานระหว่างแสงสว่างกับ
ความมืด มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อชื่นชมสิ่ งนี้ แค่มองดูไม่กี่ครั้งเท่านั้น เขาลอยวนอยูก่ ลางอากาศ จ้องประเมินสิ่ ง
ที่อยูข่ า้ งหลัง ปากพึมพําประโยคนั้นซํ้า ๆ “ยามตะวันและจันทราส่ องแสงพร้อมกัน มองลงเบื้องล่าง
แม่งเอ๊ย ให้มองอะไรกันแน่…”
มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขณะที่ปากกําลังพึมพําด่า แววตาที่กาํ ลังกวาดมองไปรอบ ๆ โดยไม่ได้ต้ งั ใจก็
ชะงัก เขาค่อย ๆ หันกลับมามองที่ไหล่ซา้ ย มองไปทางพื้นดินอันกว้างใหญ่ที่กาํ ลังโดนแสงสี ทอง
ครอบคลุมทีละนิด เขากลั้นลมหายใจ ตาสองข้างค่อย ๆ เบิกโพลง ร่ างกายหันตามไปอย่างช้า ๆ ใน
แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เรื่ องมหัศจรรย์! เกิดเรื่ องมหัศจรรย์ข้ ึนแล้ว!
ปรากฏเรื่ องมหัศจรรย์ข้ ึนบนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่ตะวันและจันทราแย่งกันสาดแสงลงมา ไม่น่าเชื่อ
ว่าบนพื้นดินที่สูงตํ่าเป็ นระลอกจะสลักรู ปผูห้ ญิงคนหนึ่งเอาไว้ เป็ นผูห้ ญิงหน้าคุน้ คนหนึ่งที่เขาเคย
เห็นมาก่อน ผูห้ ญิงที่อยูบ่ นหิ นสลักในแดนหมอกเลือดหมื่นจั้งและแผนที่ซ่อนสมบัติ! สิ่ งเดียวที่
ต่างกันก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะได้เห็นภาพนางจากพื้นดินอันกว้างไกลสุ ดลูกหูลูกตา การได้เห็นนาง
บนพื้นดินที่มีบริ เวณกว้างใหญ่ขนาดนี้ทาํ ให้เขาตกตะลึงมาก ครั้งนี้ได้เห็นนางในแบบที่ยงิ่ ใหญ่มาก!
ถึงแม้จะไม่ได้ดูชดั เจนมีชีวติ ชีวาสมจริ งเหมือนบนแผนที่ซ่อนสมบัติและแท่นหิ นในแดนหมอกเลือด
หมื่นจั้ง แต่กม็ ีเค้าโครงที่ชดั เจนมาก ทั้งยังแจ่มชัด มีชีวติ ชีวา สดใส บางทีอาจเป็ นเพราะผลกระทบ
จากแสงอาทิตย์ ยังอยูใ่ นสภาพกางแขนสองข้างทะยานขึ้นฟ้ าอย่างอ่อนช้อย เป็ นภาพที่เหมือนระลอก
คลื่นซัดสาดจริ ง ๆ
นี่คือปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่มีทางมองเห็นหากไม่สงั เกตให้ดี! ถ้าไม่เคยเห็นภาพสตรี ทะยานฟ้ ามา
ก่อน คงไม่มีภาพติดอยูใ่ นความทรงจํา จะต้องมองข้ามไปอย่างแน่นอน!
เมื่อภาพนี้ปรากฏขึ้น ก็หมายความว่าตัวอักษรบนกระจกทองแดงไม่ได้โกหก หมายความว่ามีสมบัติ
ซ่อนอยูท่ ี่นี่จริ ง ๆ ทว่าปัญหาใหญ่กค็ ือ เมื่อดูจากรู ปภาพนี้แล้วต้องทําอย่างไรถึงจะเจอที่ซ่อนสมบัติ
เหมียวอี้ที่กาํ ลังตกตะลึงรี บสงบสติอารมณ์ หลังจากใจเย็นลงแล้ว ก็รีบใช้สายตากวาดมองม้วนภาพ
ขนาดมหึ มาบนพื้นดิน
มาถึงขั้นนี้แล้ว คําตอบที่คนซ่อนสมบัติให้ไว้เหมือนจะชัดเจนมาก เพียงแต่ถา้ ใช้ความคิดมากขึ้น
หน่อย ก็จะพบว่าสตรี ทะยานฟ้ าที่อยูบ่ นพื้นได้เปิ ดเผยคําตอบของปริ ศนาแล้ว สตรี ทะยานฟ้ าที่กาํ ลัง
กางแขนอย่างอ่อนช้อยกําลังช้อนถือแสงสี ทองระยิบระยับบนไว้ฝ่ามือ ราวกับถือลูกแก้วอัญมณี สีทอง
อร่ ามเอาไว้ลูกหนึ่ง
เหมียวอี้ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์จอ้ งมอง มันย่อมไม่ใช่ลูกแก้วอัญมณี อะไรอยูแ่ ล้ว เขาพบว่าแท้จริ งแล้ว
ลูกแก้วอัญมณี ลูกนั้นก็คือทะเลสาบรู ปวงรี เป็ นปรากฏการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นยามอยูภ่ ายใต้การสะท้อน
หักเหของแสงอาทิตย์ เพียงแต่เมื่อเชื่อมต่อภาพนั้นแล้ว ก็ให้ความรู ้สึกเหมือนเห็นสตรี ทะยานฟ้ ากําลัง
มอบสมบัติให้
ไม่ตอ้ งพูดแล้ว ถ้าหากมีสมบัติอะไรจริ ง ๆ ก็น่าจะอยูใ่ นทะเลสาบนัน่ แล้วล่ะ เหมียวอี้รู้สึกเร่ าร้อนใน
ใจ ตื่นเต้นเร้าใจไม่หยุด ในที่สุดก็หาเจอแล้ว! ทุ่มเทความพยายามไปเต็มที่ ในที่สุดก็หาเจอแล้ว!
เหมียวอี้มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ถ้าเหาะไปที่นนั่ โดยตรง เป้ าหมายก็จะชัดเจนเกินไป เพื่อให้
มัน่ ใจขึ้นหน่อย เขาตัดสิ นใจกลับไปบนพื้นดิน แล้วค้นหาสมบัติโดยอาศัยป่ าภูเขาช่วยพรางตัว
เขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว ไม่มีความลังเลใด ๆ ทว่าตอนที่ร่างกําลังจะเหยียบลงพื้นแล้วมอง ‘รู ปภาพ’
ด้านล่าง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พบว่าภาพสตรี ทะยานฟ้ าหายไปแล้ว ข้างล่างกลายเป็ นภูเขาและ
แม่น้ าํ ธรรมดาทัว่ ไป
มันเรื่ องอะไรกัน? เขาเหาะขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ภาพสตรี ทะยานฟ้ าที่เห็นก่อนหน้านี้ปรากฏชัดเจนอีก
ครั้ง
กระทัง่ เขาเหาะถึงระดับที่สูงเกิน ก็พบว่าภาพสตรี ทะยานฟ้ าเปลี่ยนเป็ นเลือนรางอีกแล้ว ค่อย ๆ
กลายเป็ นภูเขาและแม่น้ าํ ธรรมดาทัว่ ไป
ภายใต้การทดลองซํ้า ๆ เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นด้วยความอัศจรรย์ใจ ในที่สุดเขาก็คลี่คลายความ
คลุมเครื อของภาพที่อยูบ่ นผืนแผ่นดินใหญ่น้ ีได้แล้ว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทําไมคนที่เหาะผ่านไปผ่าน
มาหลายปี จึงไม่สงั เกตเห็น สาเหตุกไ็ ม่ได้ซบั ซ้อน ภาพนี้ปรากฏขึ้นโดยอาศัยผลจากแสงสว่างกับเงา
มืดรวมทั้งสภาพพื้นดินที่สูงตํ่าไม่เสมอกัน ถ้าไม่มีการทํางานร่ วมกันของสองสิ่ งนี้กจ็ ะมองไม่เห็น ถ้า
เบี่ยงออกจากมุมนี้กจ็ ะมองไม่เห็นเหมือนกัน ต้องอยูใ่ นมุมที่เหมาะสมภายใต้สถานการณ์สองอย่างนี้
เท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นได้ และมุมที่สามารถชมภาพได้ดีที่สุด ก็อยูใ่ นรัศมีซา้ ยขวาบนล่าง
ประมาณสามสิ บจั้งจากตําแหน่งที่เขาลอยอยูต่ อนนี้
เมื่อมีเงื่อนไขสามข้อนี้ครบแล้ว ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติ ภาพอันน่าตกตะลึงที่มีแม่น้ าํ เป็ นเหมือนผ้าคาด
เอวสตรี ถึงจะปรากฏอยูต่ รงหน้า
การสร้างภาพแบบนี้กม็ ีขอ้ ดีอยูเ่ หมือนกัน มันไม่เหมือนภาพสลักทัว่ ไป ภาพที่วาดไว้บนกระดาษหรื อ
แผ่นหยก บทจะถูกทําลายก็ถูกทําลายทิ้งไปเลย แต่ขนาดพื้นที่ของภาพนี้ใหญ่เกินไป ต่อให้สภาพ
พื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจุดเดียว ก็ยงั ไม่ทาํ ลายความรู ้สึกเวลามองเห็นภาพรวม สามารถรักษาไว้ได้
ยาวนาน
จะไม่ให้เหมียวอี้แอบทึ่งก็คงไม่ได้ พบว่าผูท้ ี่ปูเรื่ องไว้ช่างเป็ นคนที่ไม่ธรรมดาจริ ง ๆ คนที่ได้แผนที่
ซ่อนสมบัติไปนึกว่าสมบัติซ่อนอยูร่ ะหว่างภูเขาสามลูก แต่ความจริ งสิ่ งที่เรี ยกว่าที่ซ่อนสมบัติเป็ นการ
ทดสอบอย่างหนึ่ง เป็ นเพียงสถานที่ทดสอบผูท้ ี่จะมารับสมบัติใครจะไปจินตนาการออก ว่าแท้จริ ง
แล้วสมบัติกลับซ่อนอยูใ่ นทะเลสาบที่ไกลออกไปหลายร้อยลี้ ต่อให้ผอู ้ าวุโสมู่เซิ นทรยศปณิ ธานของ
เจ้าของสมบัติเดิม แต่กน็ าํ สมบัติไปไม่ได้อยูด่ ี ไม่แปลกใจเลย ขนาดปราสาทดําเนินนภาได้แผนที่
ซ่อนสมบัติมาแล้วแต่กย็ งั กลับไปมือเปล่า ทํางานเสี ยแรงเปล่าไปหลายปี
ตอนที่ 956

สมบัตซิ ่ อนในทะเลสาบ

เพียงแต่เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าคนที่ซ่อนสมบัติน้ ีไว้เป็ นใครกันแน่? เกี่ยวอะไรกับเคล็ดวิชา


อัคนีดาราที่ตนฝึ ก? ทําไมต้องกําหนดว่าคนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดาราเท่านั้นถึงจะได้สมบัติไป?
อยูก่ บั ความสงสัยและครุ่ นคิดไปต่าง ๆ นา ๆ จนกระทัง่ เงาของแสงอาทิตย์เปลี่ยนไป ภาพบนพื้นดินที่
เกิดจากแม่น้ าํ ภูเขาเริ่ มเลือนรางทีละนิดจนแยกแยะไม่ออก เหมียวอี้ถึงได้เหาะลงมาบนพื้นอีกครั้ง มุด
เข้ามาในป่ าโบราณของภูเขาลึก แล้วเลี้ยวอ้อมไปอ้อมมาตลอดทาง
เขาอาศัยป่ าโบราณของภูเขาลึกและลักษณะพื้นที่แบบต่าง ๆ เพื่อพรางตัวตลอดทาง ให้ตกั๊ แตนที่นาํ
ติดตัวมาห้าตัวปูทางและนําหน้าเพื่อป้ องกันตัว ในที่สุดก็คลําทางไปจนถึงทะเลสาบที่อยูห่ ่างออกไป
หลายร้อยลี้
ริ มทะเลสาบมีพืชนํ้าเขียวชอุ่มสวยงาม นํ้าใสสี เขียวมรกต หมู่นกกําลังเต้นระบําร้องขับขานอยูบ่ นต้น
อ้อ
เหมียวอี้ที่ซ่อนตัวสังเกตการณ์ไปสักพักเก็บตัก๊ แตนห้าตัวนั้น แล้วถือไข่มุกกันนํ้าดําลงไปในนํ้าอย่าง
เงียบ ๆ ระหว่างที่ดาํ นํ้าก็ร่ายอิทธิฤทธิ์คน้ หาตลอดทาง แต่กไ็ ม่คน้ พบอะไร จึงขยับเข้าไปบริ เวณกลาง
ทะเลสาบทีละนิด เมื่อยิง่ เข้าใกล้บริ เวณกลางทะเลสาบ นํ้าก็ยงิ่ ลึกขึ้นเช่นกัน หลังจากไปถึงตรงจุดที่น้ าํ
ลึกร้อยเมตร จู่ ๆ เหมียวอี้กพ็ บว่าช่องว่างที่ไข่มุกกันนํ้ากั้นออกมาป้ องกันร่ างกายเขาหดเล็กลงเรื่ อย ๆ
ทั้งยังมีเสี ยงกัดเซาะดังแว่วมา มีหมอกสี ดาํ กรองผ่านนํ้าลอยเข้ามา
เหมียวอี้ตกใจนิดหน่อย ตอนแรกนึกว่านํ้าลึกทําให้แสงส่ องลงมาไม่ถึง ตอนนี้ถึงได้พบว่าพอดํานํ้า
มาถึงตรงนี้ นํ้าของทะเลสาบก็กลายเป็ นสี ดาํ เหมือนนํ้าหมึกแล้ว ต่างกับนํ้าสี เขียวมรกตชั้นบนโดย
สิ้ นเชิง ทําให้เหมียวอี้รู้ตวั ทันที นํ้าสี ดาํ ด้านล่างมีพิษ!
เกราะป้ องกันตัวกางออกมาอย่างรวดเร็ ว แต่ไร้ประโยชน์! หลังจากประสิ ทธิภาพของไข่มุกกันนํ้าโดน
ทําลาย เกราะป้ องกันตัวก็โดนกัดกร่ อนอย่างรุ นแรงเช่นกัน
สิ่ งนี้คืออะไร? ขณะกําลังตกใจ เหมียวอี้รีบร่ ายอิทธิฤทธิ์ปล่อยเปลวเพลิงไร้รูปร่ างออกมาป้ องกันตัว
เป็ นอย่างที่คาดไว้ นํ้าที่สีดาํ เหมือนหมึกพวกนั้น พอสัมผัสกับเปลวเพลิงก็เลิกกัดกร่ อนทันทันที
ป้ องกันอยูน่ อกร่ างกายของเหมียวอี้อย่างราบรื่ น
อย่าบอกนะว่าสิ่ งนี้กเ็ ตรี ยมไว้สาํ หรับคนที่ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดาราเหมือนกัน? เหมียวอี้ที่โล่งอกแล้ว
ครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง แล้วดําลงไปที่กน้ ทะเลสาบโดยตรง รอบข้างขุ่นมืดจนยืน่ มือแล้วมองไม่เห็นนิ้ว ใช้
ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองก็เห็นไม่ชดั เหมือนกัน แบบนี้จะให้หาของได้อย่างไร? ร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูกไ็ ม่มี
ประโยชน์ นํ้าสี ดาํ ที่สามารถกัดกร่ อนพลังอิทธิฤทธิ์เป็ นอุปสรรคในการค้นหา
เขาถึงได้ลอยขึ้นสู่ ผวิ นํ้าโดยตรง แล้วเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้ า พอแยกแยะตําแหน่งใจกลางทะเลสาบ
คร่ าว ๆ ได้ ก็โฉบจากฟ้ าลงมาในทะเลสาบอีกครั้ง
ปรากฏว่าตัวเองตัดสิ นผิดพลาดไป บริ เวณใจกลางทะเลสาบที่เห็นจากผิวทะเลสาบ ที่จริ งเป็ นเพราะ
ลักษณะพื้นที่กกั เก็บนํ้าไว้ ลักษณะพื้นที่กน้ ทะเลสาบกลับไม่ได้เรี ยบเสมอเท่ากัน ภายใต้ความอับจน
หนทาง เมื่ออิงจากการค้นหาก่อนหน้านี้ ทําให้เขาตัดสิ นได้วา่ ก้นทะเลสาบมีลกั ษณะรู ปกรวย จึงดํานํ้า
ลงไปตลอดทางตามลักษณะพื้นที่กน้ ทะเลสาบ ดํานํ้าไปจนถึงจุดตํ่าสุ ด เตรี ยมจะหาจุดที่อยูต่ รงกลาง
ให้เจอก่อน แล้วค่อยขยายวงค้นหาไปรอบ ๆ โดยอิงจุดนั้นเป็ นจุดศูนย์กลาง เดาว่าถ้ามีสมบัติซ่อนอยู่
ก็น่าจะอยูใ่ นบริ เวณที่ลึกที่สุด
ทว่าพอหาจุดศูนย์กลางของ ‘กรวย’ ก้นทะเลสาบพบ ถึงได้พบว่าก้นทะเลสาบมีโลกอีกใบ โพรงถํ้าที่
กว้างประมาณหนึ่งจั้ง ด้านล่างเหมือนจะมีทางนํ้าใต้ดิน
เหมียวอี้ที่ยนื อยูห่ น้าโพรงถํ้าถือไข่มุกราตรี เม็ดหนึ่งคอยส่ องแสง หลังจากลังเลอยูค่ รู่ เดียว สุ ดท้ายก็
แข็งใจลอยลงไปโดยตรง ดําลงไปอย่างช้า ๆ ตลอดทาง
ตามลักษณะพื้นแนวดิ่งที่เปลี่ยนเป็ นแนวนอน เหมียวอี้กเ็ ดินทางตามแนวนอนอยูใ่ นทางนํ้าใต้กน้
ทะเลสาบเช่นกัน
หลังจากถึงปลายทาง ถ้าจะพูดให้ถูกคือจุดที่โดนอะไรบางอย่างกั้นไว้ เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ปล่อย
เปลวเพลิงไร้รูปร่ างออกมากันนํ้าสี ดาํ แล้วมองดู เขาตกใจแทบแย่ เห็นเพียงตะขาบสี มรกตที่เหมือน
สวมเกราะรบสี เขียวตัวหนึ่งนอนขดเป็ นวง ร่ างกายของมันยาวประมาณสิ บจั้ง โดนโซ่สีใสราวกับ
ทับทิมหลายเส้นล่ามไว้ บนตัวยังมีตะปูยาวสี แดงที่ใหญ่หยาบราวกับแขนเสี ยบไว้ เสี ยบไว้หลายสิ บ
แท่ง ร่ างที่มีเปลือกสี เขียวมรกตของมันน่าเกลียดน่ากลัว ใครเห็นก็ตอ้ งตกใจ
เหมียวอี้กาํ ลังแปลกใจว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็ นหรื อตาย แต่จู่ ๆ ก็เห็นปากของมันขยับ พ่นหมอกสี
ดําเหมือนนํ้าหมึกออกมาใส่ เหมียวอี้โดยตรง
เหมียวอี้สะบัดแขนสองข้าง นอกร่ างกายมีเปลวเพลิงไร้รูปร่ างออกมาอีกชั้น กันไว้! หมอกดําโดนเผา
สลายจางเป็ นสี เทาทันที
ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีชีวติ อยู!่ ขณะมองดูตะขาบที่กาํ ลังนอนขดตัวขยับหนวดสัมผัสขนาดมหึ มาสองข้าง
เหมียวอี้กต็ กใจมากเจ้าตัวนี้มนั โดนขังมากี่ปีแล้ว? ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่ตาย?
ดูเหมือนยังไม่ตาย แต่ตะขาบตัวนี้กก็ ระดิกตัวแค่สองที แล้วก็ไม่ขยับตัวซํ้าอีก
เหมียวอี้พอจะเข้าใจแล้ว เป็ นไปได้สูงว่านํ้าพิษสี ดาํ ที่อยูก่ น้ ทะเลสาบเป็ นผลงานของตะขาบตัวนี้
เป็ นไปได้วา่ ผูซ้ ่อนสมบัติจงใจล่ามตะขาบตัวนี้ไว้เพื่อสร้างอุปสรรคอีกชั้น
ไม่ตอ้ งบอกเลย ขนาดแช่น้ าํ อยูใ่ นสถานการณ์แบบนี้แล้วยังไม่ตาย แสดงว่าตะขาบพิษตัวนี้ตอ้ งเป็ น
ปี ศาจเฒ่าอาวุโสแน่นอน ทั้งยังเป็ นประเภทที่วรยุทธ์ร้ายกาจมากด้วย ถ้าจับปี ศาจทัว่ ไปมาขังไว้แบบนี้
ก็คงจะมีชีวติ อยูไ่ ด้ไม่นานหรอก! เหมียวอี้อยากจะคลายผนึกบนตัวมัน แล้วถามว่ามันเป็ นอะไรกันแน่
แต่พอคิดอีกมุม ถ้าทําแบบนั้นสมองตัวเองคงมีปัญหาแล้ว ถ้าไปยัว่ แหย่สตั ว์ประหลาดแบบนี้โดยที่ยงั
ไม่รู้ต้ืนลึกหนาบาง ก็แสดงว่าเบื่อหน่ายที่จะมีชีวติ อยูต่ ่อแล้ว
แต่ตรงนี้คือปลายทางแล้ว ทางนํ้าที่ขนานกันทอดตัวลงไปข้างล่าง แต่ทางเข้ากลับถูกตะขาบยักษ์สี
เขียวขวางไว้
พอกวาดสายตามองรอบ ๆ เขาก็ชะงักเล็กน้อย พบว่าบนผนังผนังหิ นด้านข้างมีบนั ไดหิ นที่เกิดจาก
ฝี มือมนุษย์ลาดเอียงขึ้นไป เหมียวอี้ที่มาพร้อมความมุ่งมัน่ ในการค้นหาต้องอยากขึ้นไปดูแน่นอน ถึง
ได้วางเรื่ องตะขาบไวชัว่ คราว แล้วลอยตามบันไดหิ นขึ้นไป หลังจากขึ้นไปตามบันไดหินที่วกวน
หลายสิ บเมตร เขาก็ตาเป็ นประกายทันที เห็นห้องหิ นห้องหนึ่งที่เรี ยบง่ายสุ ด ๆ บนเพดานห้องฝังเลี่ยม
ไข่มุกราตรี ไว้เม็ดหนึ่ง ส่ องแสงสว่างจาง ๆ
เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ นํ้าของทางนํ้าใต้ดินจึงมาไม่ถึงตรงนี้ สายตาเหมียวอี้กาํ ลังจ้องภาพ
สลักหิ นบนผนังหิ นอย่างตกตะลึง เห็นบ่อยจนเริ่ มจะคุน้ ชิน เป็ นสตรี ทะยานฟ้ าคนนั้นอีกแล้ว แต่ครั้ง
นี้กลับเป็ นภาพสลักนูน เพียงแต่กอ้ นโลหะกลมสี ดาํ ที่ถืออยูใ่ นมือ ครึ่ งหนึ่งของมันถูกฝังเลี่ยมอยูบ่ น
ผนังหิ น
พื้นที่วา่ งในห้องหิ นไม่ใหญ่มาก คาดว่าบริ เวณรอบ ๆ กว้างไม่ถึงสองจั้ง หรื อนี่จะเป็ นสถานที่ซ่อน
สมบัติที่ตอ้ งการหา?
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจที่ผนังหิ นรอบหนึ่ง แต่กไ็ ม่พบที่ซ่อนสมบัติใด ๆ เลย รู ้สึกงงนิดหน่อย
ห้องหิ นเล็กขนาดนี้ แค่มองปราดเดียวก็เห็นทุกอย่างตรงหน้าหมดแล้ว ยังจะซ่อนสมบัติอะไรได้อีก
ล่ะ? ไม่ใช่หรอกมั้ง? สมบัติที่ราชันลัทธิมาซ่อนไว้ล่ะ? ข้าสิ้ นเปลืองความพยายามไปมากขนาดนี้ คง
ไม่ได้แกล้งข้าเล่นหรอกใช่ม้ ยั ?
แต่พอลองคิดอีกมุมหนึ่ง ผูซ้ ่อนสมบัติสิ้นใช้ความพยายามไปมากขนาดนี้ เป็ นไปไม่ได้ที่จะเอาเรื่ องนี้
มาล้อเล่น สุ ดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่กอ้ นโลหะกลมสี ดาํ บนมือของสตรี ทะยานฟ้ าอีกครั้ง ในห้องหิ นมี
เพียงสิ่ งนี้ที่เป็ นวัตถุประหลาด เมื่อมองให้ละเอียดก็รู้สึกคุน้ เหมือนเคยเห็นมาก่อน เหมียวอี้ยกมือขึ้น
ขยุม้ กลางอากาศ เกิดเสี ยงดัง ‘แกร๊ ก’ ก้อนโลหะกลมสี ดาํ ถูกดูดฝ่ ากําผนังออกมาอยูใ่ นฝ่ ามือเขา พอ
ร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรงดู เขาก็พบเบาะแสอีกอย่าง มันเป็ นของวิเศษที่เรี ยบง่ายชิ้นหนึ่ง
เมื่อร่ ายพลังอิทธิฤทธิ์เข้าไปกระตุน้ ก้อนโลหะกลมสี ดาํ ก็แผ่ออกทันที เหมียวอี้ดีใจอย่างบ้าคลัง่ หรื อ
ว่าสิ่ งนี้จะเป็ นภาคดินของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน?
ทว่ารอจนก้อนโลหะกลมสี ดาํ แผ่ขยายอยูใ่ นฝ่ ามือจนเต็มที่ แล้วมองดูสิ่งที่อยูบ่ นนั้น เขาก็ตอ้ งเอ๋ อกิน
อีกครั้ง อุทานอย่างตกใจว่า “ไอ้เวรเอ๊ย! ข้าทําอะไรพลาดรึ เปล่า?”
ในฝ่ ามือเป็ นแผนที่ฉบับหนึ่ง เหมือนแผนที่ที่เขาเคยเห็นในมือจงหลีค่วยตอนแรก บนนั้นเป็ นภาพ
ของสตรี ทะยานฟ้ า แนบด้วยตัวอักษรสองแถว : ลิขิตแห่งเส้นทางแห่งเซียนยังไม่จบสิ้ น เรื อกระดูก
ลอยอยูใ่ นทะเลเลือด!
ที่หลอกลวงที่สุดก็คือ บนแผนที่มีตวั อักษร ‘มาร’ กับ ‘ดิน’ ชัดเจน
นี่กเ็ คล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินเหรอ? เหมียวอี้รู้สึกเหมือนจะประสาทเสี ย ใช้ความพยายาม
ไปมากมายขนาดนี้ ถึงขั้นโดนคนของสมาคมวีรชนจับตาดู ลําบากลําบนมาหลายปี แต่เจอแค่แผนที่ที่
หน้าตาเหมือนฉบับที่อยูใ่ นมือของปราสาทดําเนินนภาเนี่ยนะ? แบบนี้มนั แกล้งกันเล่นไม่ใช่เหรอ!
ภายใต้ความโมโห เหมียวอี้อยากจะทําลายภาพนี้ให้พงั แต่ไม่นานก็ถอนหายใจดัง “เฮ้อ” สายตาไป
จ้องอยูบ่ นแผนที่อีกครั้ง ค่อย ๆ สังเกตเห็นว่ามีบางจุดที่ไม่เหมือนแผนที่ที่อยูใ่ นมือของปราสาท
ดําเนินนภา นัน่ ก็คือแผนที่ที่อยูน่ อกตัวอักษรและภาพวาด ภาพนั้นที่อยูใ่ นมือของปราสาทดําเนินนภา
อย่างน้อยเขาก็ศึกษาฉบับสําเนามาแล้วอย่างละเอียด ยังไม่ตอ้ งพูดถึงความแตกต่างบนภาพพิกดั แผนที่
ดาว อย่างน้อยสัญลักษณ์ระหว่างภูเขาสามลูกที่อยูบ่ นภาพนั้นก็ไม่ปรากฏบนภาพนี้ สัญลักษณ์ที่อยูบ่ น
นี้คือสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
หลังจากดูอย่างละเอียดจนแน่ใจแล้ว เหมียวอี้กห็ วั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สงสัยเป้ าหมายของแผนที่
ฉบับนั้นก็เพื่อให้หาแผนที่ฉบับนี้เจอ จําเป็ นต้องอ้อมไปอ้อมมาเยอะขนาดนี้ม้ ยั ? ไม่ใช่วา่ หาสถานที่
อีกแห่งพบแล้วจะเจอแผนที่ฉบับนี้อีกหรอกนะ?
เหมียวอี้ยงั รู ้สึกเหมือนโดนปั่นหัว ยังคิดจะทําลายแผนที่ฉบับนี้ แต่กไ็ ด้แค่คิดเท่านั้น ความจริ งทําไม่
ลง ขณะกําลังแค้นจนกัดฟันกรอด เขาก็เดินวนในห้องหิ นหลายรอบ แล้วกอบแผนที่ฉบับนั้นขึ้นมาดู
อีกครั้ง อยูใ่ นถํ้าหิ นห้องนี้เป็ นเวลาหนึ่งวัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน เหมียวอี้ที่อ่านจนมึนหัวก็ยอมแพ้แล้ว แผนที่บอกจุดหมายปลายทางอย่าง
ละเอียด สามารถอ่านเข้าใจได้ แต่สาํ หรับภาพแผนที่กลุ่มดาวที่อยูน่ อกจุดหมายปลายทาง เขาก็ไม่รู้
แล้วว่าควรจะจัดการอย่างไร จักรวาลกว้างใหญ่ขนาดนี้ แถมเขาไม่คุน้ เคยกับพิภพใหญ่ดว้ ย ทั้งยังไม่
สะดวกจะนําออกมาให้คนอื่นช่วยศึกษา ภาพแผนที่กลุ่มดาวที่อยูบ่ นนั้น ใครจะไปรู ้วา่ ที่ไหนเป็ นที่
ไหน!
ถ้าจะให้ยอมแพ้ตอนนี้ เขาก็ตดั ใจไม่ลงอีก แต่ถา้ จะศึกษาเองก็ไม่รู้จะเริ่ มลงมือจากตรงไหน เขา
ครุ่ นคิดซํ้าไปซํ้ามา แล้วก็ตดั สิ นใจไปที่ปราสาทดําเนินนภา ทางนั้นมีประสบการณ์เรื่ องคลายปริ ศนา
รู ปภาพ หาทางไปสื บดูสกั หน่อยว่าอีกฝ่ ายลงมืออย่างไร จะได้ให้ทางนั้นคุม้ กันส่ งตนออกไปจากที่นี่
ด้วย อยูท่ ี่ปราสาทดําเนินนภาปลอดภัยกว่าอยูท่ ี่นี่ อย่างน้อยก็สนิทกับปราสาทดําเนินนภา เขาไม่กล้า
รับประกันเรื่ องที่เกิดขึ้นที่นี่ พยายามออกไปให้เร็ วที่สุดจะดีกว่า
จึงนําระฆังดาราออกมาติดต่อกับจงหลีค่วย รอจนกระทัง่ จงหลีค่วยกลับมา เหมียวอี้ถึงได้หายกังวล
จากนั้นก็นาํ แผ่นหยกออกมา เทียบดูกบั แผนที่ในมือ แล้วทําสําเนาภาพแผนที่กลุ่มดาวที่อยูบ่ นนั้น แต่
เว้นภาพรายละเอียดจุดหมายปลายทางเอาไว้ ขอเพียงหาตําแหน่งท้องฟ้ าที่อยูบ่ นภาพเจอ ที่เหลือก็เป็ น
เรื่ องง่ายแล้ว
เมื่อทําสิ่ งเหล่านี้เสร็ จ เหมียวอี้กวาดมองรอบ ๆ ห้องหินแวบหนึ่ง แล้วเดินก้าวยาวออกไป ดําเข้าไปใน
นํ้าทะเลสาบสี ดาํ อีกครั้ง สํารวจดูตะขาบยักษ์เปลือกเขียวที่หน้าตาดุร้ายตัวนั้นอีกนิดหน่อย แต่สุดท้าย
ก็ลม้ เลิกความคิดที่จะไปยัว่ แหย่มนั เพราะยังไม่รู้ต้ืนลึกหนาบางชัดเจน จึงกลับมาที่กลางทะเลสาบ
ตามทางเดิม เมื่อโผล่พน้ นํ้าออกมา ก็มุ่งตรงกลับไปที่อาณาเขตของเผ่าปี ศาจทันที
หลังจากผ่านไปหลายวัน จงหลีค่วยก็ไม่ได้มา แต่หมิงจ้าวมาแทน พาศิษย์นอ้ งระดับบงกชรุ ้งมาด้วย
สองคน ย่อมมาเพื่อป้ องกันคนของสมาคมวีรชนอยูแ่ ล้ว
เมื่อเจอหน้ากัน หมิงจ้าวก็ขมวดคิ้วทันที “ทําไมเจ้ากลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะ?”
เหมียวอี้แอบปาดเหงื่อในใจ คิดว่าถ้าปราสาทดําเนินนภาไม่ได้เห็นแก่เรื่ องที่ได้ทาํ งานร่ วมกับร้านขาย
ของชําซื่ อตรง ก็คงเป็ นไปไม่ได้ที่จะส่ งยอดฝี มือระดับบงกชรุ ้งสามคนรวดเดียวเพื่อรับตัวเขาไป ถึง
อย่างไรเหมียวอี้กไ็ ม่ได้มีความสําคัญในสายตาของอีกฝ่ ายอยูแ่ ล้ว อีกฝ่ ายทําแบบนี้เท่ากับเป็ นการ
แสดงนํ้าใจต่อร้านขายของชําซื่อตรง
“ข้าเองก็ไม่อยากกลับมาหรอก เป็ นเพราะโดนคนดักโจมตีแท้ ๆ เลย ถ้าจะหนีไปที่สาํ นักลมปราณ
สํานักลมปราณก็ตา้ นทานอีกฝ่ ายไม่ไหว ถ้าจะไปที่ปราสาทดําเนินนภา ก็กลัวว่าฝ่ ายนั้นจะรู ้แล้ว
เตรี ยมการล่วงหน้า ทําได้เพียงหนีกลับมาที่นี่เพื่อขอให้ผอู ้ าวุโสมู่เซินรบกวนให้ปราสาทแมกไม้
ปกป้ อง ไม่อย่างนั้นข้าคงตกอยูใ่ นมือของสมาคมวีรชนไปนานแล้ว” เหมียวอี้ทาํ ได้เพียงอธิบายไป
แบบนี้ คงบอกไม่ได้หรอกว่าตัวเองกลับมาเพื่อหาสมบัติ
ตอนที่ 957

สุ นัขรับใช้ ของราชันสวรรค์

พอพูดถึงตรงนี้ มีเรื่ องหนึ่งที่หมิงจ้าวไม่ถามไม่ได้ หมิงจ้าวยังพอเข้าใจเรื่ องปี ศาจโลหิ ต แต่เรื่ องที่


สมาคมวีรชนสูก้ บั เหมียวอี้อย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่เข้าใจแล้ว “จากที่ขา้ รู ้มา สํานักลมปราณมีคนที่เป็ นขุน
นางที่ตาํ หนักสวรรค์ เจ้าอยูท่ ี่สาํ นักลมปราณแล้ว ทําไมไม่เข้าร่ วมเป็ นคนของสํานักลมปราณ แต่เป็ น
แค่ฆราวาสที่มาเป็ นแขก ถ้าเจ้ากลายเป็ นศิษย์ของสํานักลมปราณ สมาคมวีรชนก็ไม่กล้าสูก้ บั เจ้าอย่าง
โจ่งแจ้งหรอก”
เรื่ องแบบนี้เหมียวอี้ไม่มีทางอธิบายกับหมิงจ้าวได้ อวี้หลิงเจินเหริ นมาหาเขาด้วยเรื่ องนี้ต้ งั นานแล้ว ถ้า
กลายเป็ นศิษย์ของสํานักลมปราณ ข้างบนก็ยงั มีอาจารย์คอยคุม้ ครอง แต่ดว้ ยคุณธรรมประจําสํานัก
ลมปราณ ไม่ชา้ ก็เร็ วที่เขาจะได้กลายเป็ นศิษย์ทรยศ ฐานะศิษย์กบั อาจารย์ไม่ใช่เรื่ องเล่น ๆ นัน่ คือ
ฐานะที่ตอ้ งเป็ นไปตลอดชีวติ ถ้าไม่โดนกดดันจนหมดทางเลือกจริ ง ๆ ก็ไม่จาํ เป็ นต้องให้ทุกข์แก่ท่าน
ทุกข์น้ นั ถึงตัว ทําได้เพียงพูดเอาตัวรอดไปว่า “ผูน้ อ้ ยมีอาจารย์ของตัวเองแล้ว คงไม่ดีที่จะไปพึงพา
สํานักอื่นขอรับ”
นี่กค็ ือหลักการหนึ่งเหมือนกัน หมิงจ้าวไม่สะดวกจะพูดอะไรอีก ทําได้เพียงกล่าวอําลาผูอ้ าวุโสมู่เซิน
อีกครั้ง จากนั้นศิษย์พี่ศิษย์นอ้ งสามคนก็คุม้ กันเหมียวอี้พงุ่ ขึ้นฟ้ าไปด้วยกันทันที ออกจากท้องฟ้ ามาถึง
อวกาศ เหาะออกไปไกลอย่างรวดเร็ วราวกับไล่คว้าดวงดาวดวงจันทร์
บนดาวเคราะห์ที่เงียบสงัดดวงหนึ่งที่โคจรตามดาวแมกไม้ นักพรตห้าคนทยอยกันยืนขึ้นและมองหน้า
กันเลิกลัก่ ได้แต่มองคนอื่นพาตัวเหมียวอี้ไปโดยไม่กล้าขัดขวาง…
หลังจากมาถึงปราสาทดําเนินนภา เหมียวอี้กต็ ามพวกหมิงจ้าวไปรายงานผลการปฏิบตั ิงานต่อรองเจ้า
สํานักฝูเสี่ ยน ไปแสดงความขอบคุณ
แน่นอน หลังจากขอบคุณแล้ว เหมียวอี้กย็ งั ไม่ลืมเป้ าหมายที่สาํ คัญที่สุดของตัวเอง กล่าวขอร้องว่า
“รองเจ้าสํานัก ไม่ทราบว่าแผนที่ซ่อนสมบัติที่จงหลีค่วยได้มายังอยูห่ รื อเปล่า?”
เมื่อกล่าวถามแบบนี้ หมิงจ้าวและคนอื่น ๆ ก็มองมาหาเขาทันที ไม่รู้วา่ ทําเขาถึงถามแบบนี้
“ยังอยู!่ ” ฝูเสี่ ยนยกมือลูบเคราเบา ๆ จ้องมองมาด้วยแววตาเป็ นประกาย ถามกลับว่า “หรื อว่าฆราวาส
ยังไม่ยอมแพ้?”
เหมียวอี้ตอบอย่างลังเลว่า “ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่ องนี้มีลบั ลมคมใน เป็ นไปได้ม้ นั ว่าพวกเราไปผิดสถานที่
ดาราจักรกว้างใหญ่ไพศาล อาจจะมีสถานที่ที่คล้ายคลึงกันก็ได้ ไม่ทราบว่าสํานักของท่านแน่ใจได้
อย่างไร ว่าจุดที่ทาํ เครื่ องหมายไว้บนแผนที่กลุ่มดาวคือบริ เวณดาวแมกไม้?”
ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้! ฝูเสี่ ยนยังนึกว่าเขาพบอะไรอย่างอื่น จึงหันมายิม้ ให้หมิงจ้าวพร้อมบอกว่า “ศิษย์นอ้ ง
ห้า ข้ายังมีธุระอย่างอื่น เจ้าพาฆราวาสไปพักผ่อนก่อน แล้วถือโอกาสคลายความสงสัยให้ฆราวาส
ด้วย”
“ขอรับ!” หมิงจ้าวเอ่ยรับคําสัง่ เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ศิษย์พี่เป็ นรองเจ้าสํานักของปราสาทดําเนินนภา
ถ้าให้มาคุยเรื่ องนี้กบั เหมียวอี้กจ็ ะเป็ นการลดเกียรติไปหน่อย ไม่ใช่วา่ เขาดูถูกเหมียวอี้ เพียงแต่ไม่
อยากให้มีคนอื่นมาดูถูกปราสาทดําเนินนภา ถึงอย่างไรศิษย์พี่กม็ ีฐานะเป็ นรองเจ้าสํานัก เป็ นหน้าเป็ น
ตาให้กบั ปราสาทดําเนินนภา
หลักการนี้เหมียวอี้กเ็ ข้าใจเช่นกัน แต่กย็ งั ทําตัวไม่รู้กาลเทศะ
เมื่อออกจากตําหนักคุมงานมาแล้ว หมิงจ้าวก็กาํ ชับให้ศิษย์ระดับล่างจัดหาเรื อนพักเดี่ยวให้เหมียวอี้
เห็นแก่ที่ท้ งั สองมีความสนิทสนมกันอยูบ่ า้ ง เขาจึงไม่ได้แสดงความหงุดหงิดใส่ เหมียวอี้เท่าไรนัก
สําเนาแผนที่ที่เหมือนจะหมดประโยชน์แล้วถูกนําออกมาอีกครั้ง เขาเปิ ดกางไว้บนโต๊ะ พร้อมอธิบาย
ให้เหมียวอี้ฟังว่า “การไขปริ ศนาแผนที่น้ ี จะว่ายากก็ยาก จะว่าไม่ยากก็ไม่ยาก เพียงแต่ตอนแรกพวก
เราต่างก็เดินไปผิดที่ ตามหาแผนที่กลุ่มดาวจากทัว่ โลกมาเปรี ยบเทียบกัน จักรวาลกว้างใหญ่ขนาดนั้น
ทําเอาพวกเราลําบากแทบแย่ แต่ตอนหลังก็พบว่าแผนที่กลุ่มดาวมีขนาดจํากัด ถึงแม้จะมีขอบเขตให้
วาดใหญ่มาก แต่เหมือนจะไม่พอให้วาดดาวเคราะห์จาํ นวนนับไม่ถว้ นพวกนั้น พวกเราถึงได้เข้าใจ
กระจ่างในทันที ว่าผูท้ ี่สร้างแผนที่ไม่วาดดาวเคราะห์เล็กน้อยที่ไม่จาํ เป็ นเข้าไปด้วยเลย เป็ นแค่แผนที่
โดยสังเขป ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าพวกเขาไม่ได้วาดอาณาเขตที่ยงั ไม่คน้ พบลงไปด้วย พอรู ้แบบนี้แล้ว
พวกเราก็ยอ่ มหาได้ง่ายขึ้น”
หมิงจ้าวชี้ไปบนจุดสี แดงจุดหนึ่ง “หาดวงดาวหลักอย่างพวกดวงอาทิตย์ก่อน แล้วค่อยหาดาวรองที่
โคจรอยูร่ อบ ๆ มัน สุ ดท้ายก็หาดาวเสริ มที่โคจรอยูร่ อบดาวรองอีกที เทียบจํานวนดาวรองที่อยูใ่ กล้
ดาวหลัก แล้วเทียบจํานวนดาวเสริ มที่อยูร่ อบดาวรองอีกที เมื่อมีภาพให้ดูเทียบชัดเจนแบบนี้แล้ว
ขอบเขตการค้นหาก็หดเล็กลงหลายเท่าทันที” จากนั้นนิ้วก็ยา้ ยไปที่ตาํ แหน่งของดาวแมกไม้ “ดังนั้น
พวกเราจึงเจอเป้ าหมายเร็ วมาก ที่แท้สถานที่ซ่อนสมบัติกค็ ือดาวแมกไม้ของสถานที่ไร้ระเบียบ!
ตอนนี้เจ้าเข้าใจรึ ยงั ?”
“อย่างนี้เองเหรอ! เข้าใจแล้ว…” เหมียวอี้พยักหน้า เขาฟังเข้าใจแล้ว นับว่าได้เพิ่มพูนความรู ้มากมาย
แต่กย็ งั แอบปาดเหงื่อนิดหน่อย ถึงแม้วธิ ีการแบบนี้จะเรี ยบง่ายกว่าการหาจากดวงดาวเต็มท้องฟ้ าใน
จักรวาลอันกว้างใหญ่กลายเท่า แต่กย็ งั ยากมากสําหรับเขาอยูด่ ี เขาไม่มีอาํ นาจอะไรที่พิภพใหญ่ ดวง
อาทิตย์ในจักรวาลไม่ได้มีนอ้ ย ๆ แผนที่ซ่อนสมบัติฉบับนี้กาํ ลังกดดันให้เขาทําความเข้าใจพิภพใหญ่
ให้มากขึ้น!
หมิงจ้าวยิม้ บาง ๆ ถ้าเทียบฐานะและวรยุทธ์ของทั้งสอง เขานับว่าทําดีกบั เหมียวอี้มากพอแล้ว จะมัวมา
อยูเ่ ล่นเป็ นเพื่อนเหมียวอี้ตลอดไม่ได้ ทั้งสองไม่ได้มีหวั ข้อสนทนาที่เหมือนกัน เขาพับเก็บแผนที่บน
โต๊ะ พลางบอกว่า “สมาคมวีรชนไม่กล้ามาทําตัวกําเริ บเสิ บสานที่นี่หรอก ปราสาทดําเนินนภาให้ที่อยู่
ที่กินกับฆราวาสได้ ฆราวาสอยูไ่ ด้โดยไม่ตอ้ งกังวล ถ้ามีเรื่ องอะไรก็เรี ยกจงหลีค่วย ข้ายังมีธุระอีก”
ด้วยตําแหน่งฐานะของอีกฝ่ าย เท่านี้กน็ บั ว่ารบกวนมากแล้ว เหมียวอี้ไม่ถึงขั้นไม่เจียมตัวขนาดนั้น กุม
หมัดขอบคุณทันที แต่สายตาเหลือบไปเห็นฉากกั้นบานหนึ่งตรงห้องโถงด้านข้าง เขาอึ้งทันที พบว่า
ภาพที่อยูบ่ นฉากกั้นค่อนข้างคุน้ ตา
หมิงจ้าวหันมองตามเขา แล้วบอกพร้อมรอยยิม้ ทันทีวา่ “นี่คือแผนที่บริ เวณปราสาทดําเนินนภา เอาไว้
ให้แขกที่เข้ามาพักดู แขกจะได้เดินเล่นที่นี่แบบมีเป้ าหมาย เจ้าดูสิวา่ มีที่ไหนอยากไปเดินเล่นบ้าง จะ
ได้ให้จงหลีค่วยไปเป็ นเพื่อน”
เหมียวอี้รีบเก็บสายตากลับมาแล้วกุมหมัดคารวะ “ได้โปรดอภัยที่ผนู ้ อ้ ยหน้าด้านไร้ยางอาย ถ้ายังหา
สมบัติที่ซ่อนไว้ไม่พบ ผูน้ อ้ ยก็ตดั ใจไม่ลง ผูน้ อ้ ยจึงยากจะขอให้ผอู ้ าวุโสทิ้งแผนที่ซ่อนสมบัติฉบับ
สําเนาไว้ให้ผนู ้ อ้ ยศึกษาให้ละเอียดสักหน่อย ไม่ทราบว่าได้หรื อไม่?”
หมิงจ้าวลังเลนิดหน่อย แต่พอลองคิดดูอีกมุม ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ถึงได้หยิบแผนที่
ออกมาวางไว้บนโต๊ะ
พอเดินออกประตูมา หมิงจ้าวก็แอบส่ ายหน้า เขาพอจะเข้าใจความรู ้สึกของเหมียวอี้ เดิมทีปราสาท
ดําเนินนภารับปากไว้แล้วว่าถ้าเจอสมบัติจะแบ่งให้เขาครึ่ งหนึ่ง พอหาไม่พบเขาก็ตดั ใจไม่ลงเป็ น
ธรรมดา ความรู ้สึกที่ยงั กอดความหวังเอาไว้ ไม่ยากเกินที่จะเข้าใจ
เหมียวอี้ออกมาส่ งเขาที่ประตูดว้ ยตัวเอง แล้วรี บเร่ งฝี เท้าเดินกลับมาทันที เหมือนมีธุระด่วนอะไร แต่
ใครจะไปคาดคิด จงหลีค่วยที่รออยูข่ า้ งนอกนานแล้ว พอเห็นหมิงจ้าวเดินออกมาก็ถลันตัวเข้ามาขวาง
เหมียวอี้ทนั ที “หนิวโหย่วเต๋ อ ทําไมเจ้ากลับไปที่ดาวแมกไม้อีกแล้วล่ะ ไม่ใช่วา่ ตัดใจไม่ลงเลยกลับไป
หาสมบัติอีกรอบหรอกใช่ม้ ยั ?”
เขาเดาไม่ผดิ หรอก แต่มีหรื อที่เหมียวอี้จะยอมรับ ยอมบอกเหมือนที่เล่าให้หมิงจ้าวฟังอยูแ่ ล้ว บอกว่า
โดนสมาคมวีรชนกดดันให้กลับไป
“สงสัยสมาคมวีรชนจะลงมือแล้วจริ ง ๆ !” จงหลีค่วยเอามือลูบหนวดพลางขมวดคิ้ว “ตอนนี้เจ้าเกิด
ปัญหาใหญ่แล้วล่ะ ถ้าสมาคมวีรชนได้ลงมือ ถ้าทําไม่สาํ เร็ จก็เกรงว่าจะไม่วางมือ สมาคมนี้มีอาํ นาจ
มาก เหมือนปลาและมังกรอยูร่ วมกัน คนจากสามลัทธิเก้านิกายในแดนฝึ กตนล้วนมีหมด เกรงว่าจะ
เป็ นการรวมกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในแดนฝึ กตน ยังดีที่เป็ นการรวมกลุ่มแบบหละหลวม ไม่อย่างนั้นก็อย่า
ว่าแต่ปราสาทดําเนินนภาของพวกเราเลย ต่อให้เป็ นตําหนักสวรรค์กต็ อ้ งหวัน่ เกรงสามส่ วน”
พูดจนเหมียวอี้กลุม้ ใจเลย! ได้แต่ยมิ้ ขื่นขมไม่หยุด “ตําหนักสวรรค์ปล่อยให้มีการรวมกลุ่มแบบนี้ได้
อย่างไร ถ้าพวกเขาร่ วมมือกันขึ้นมาจริ ง ๆ ไม่กลัวว่าจะเป็ นภัยคุกคามต่อตําหนักสวรรค์เหรอ?”
จงหลีค่วยเอาสองมือไขว้หลัง เดินมาข้าง ๆ แล้วก้มตัวดมดอกไม้ที่กาํ ลังบานได้ที่ ก่อนจะทําเสี ยง
ฮึดฮัดแล้วบอกว่า “นอกเสี ยจากตระกูลหวงฝู่ จะโดนนํ้าเข้าสมองเท่านั้นแหละ ถึงจะทําอย่างนั้น ถ้าเจ้า
เก่งนักก็ลองให้พวกเขาร่ วมมือกันดูสิ เกรงว่ายังไม่ทนั ได้เคลื่อนไหวไปถึงไหน ตําหนักสวรรค์ที่รู้ข่าว
ก็ส่งทหารสวรรค์มาถอนรากถอนโคนตระกูลหวงฝู่ แล้ว ฆ่าสุนขั รับใช้ไม่ให้เหลือสักตัว!”
เหมียวอี้กะพริ บตา เดินมาอยูข่ า้ งกายเขาและถามอย่างสงสัย “ลุงหนวด ท่านหมายความว่า ในสมาคม
วีรชนมีสายลับของตําหนักสวรรค์เหรอ?”
จงหลีค่วยตอบกลั้วหัวเราะว่า “ยังต้องพูดอีกเหรอ? คนจากร้อยพ่อพันแม่มารวมกลุ่มใหญ่ขนาดนั้น
สมาชิกเยอะและมีที่มาซับซ้อน ตําหนักสวรรค์ไม่แทรกคนเข้ามาก็แปลกแล้ว เกรงว่าตระกูลหวงฝู่ เอง
ก็ยงั ไม่กล้าฟันธงด้วยซํ้าว่าใครบ้างที่เป็ นคนของตําหนักสวรรค์ ต่อให้รู้อยูแ่ ก่ใจแต่กไ็ ม่กล้าตรวจสอบ
ถ้ากําจัดสายลับของตําหนักสวรรค์ออกจากสมาคมวีรชน เจ้าคิดว่าตําหนักสวรรค์ยงั จะปล่อยพวกเขา
ไว้อีกเหรอ? ว่ากันตามจริ งนะ ถ้ามองจากอีกด้านหนึ่ง สมาคมวีรชนก็เป็ นส่ วนหนึ่งของตําหนัก
สวรรค์เหมือนกัน พิภพใหญ่ขนาดนี้ อาศัยทหารสวรรค์อย่างเดียวก็ควบคุมไม่ไหว ตําหนักสวรรค์
จําเป็ นต้องมีกลุ่มที่สามารถยืน่ มือเข้าไปถึงซอกมุมต่าง ๆ ที่ตาํ หนักสวรรค์เข้าไม่ถึงอย่างสมาคมวีรชน
เอาไว้ ที่จริ งตระกูลหวงฝู่ ก็เป็ นสุ นขั รับใช้ลบั ๆ ของราชันสวรรค์ ถ้าไม่มีตาํ หนักสวรรค์ให้ทา้ ย ก็คง
เป็ นไปไม่ได้ที่สมาคมวีรชนจะขยายอํานาจได้ใหญ่โตขนาดนี้ สรุ ปก็คือตําหนักสวรรค์จะทําเรื่ องที่
โจ่งแจ้งเปิ ดเผย ส่ วนเรื่ องชัว่ ช้าน่าอับอาย ก็ยอ่ มเป็ นหน้าที่ของสุ นขั รับใช้ที่ชวั่ ช้าน่าอับอายอยูแ่ ล้ว”
เมื่อได้ยนิ สิ่ งเหล่านี้ เหมียวอี้กเ็ หมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง มิน่าล่ะเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกับโค่วเหวินห
ลานที่ดูเหมือนมีภูมิหลังใหญ่โต ถึงแม้ท้ งั คู่จะชอบหวงฝู่ จวินโหรวมาก แต่กลับไม่มีใครกล้าใช้ไม้แข็ง
กับหวงฝู่ จวินโหรว ที่แท้กเ็ กรงกลัวราชันสวรรค์ที่หนุนหลังตระกูลหวงฝู่ นี่เอง!
ได้ยนิ จงหลีค่วยบอกอีกว่า “เจ้ารู ้จกั ผูห้ ญิงคนหนึ่งของตระกูลหวงฝู่ ไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าไม่เคย
ได้ยนิ นางพูดถึงกฎข้อหนึ่งของตระกูลหวงฝู่ ผูห้ ญิงของตระกูลหวงฝู่ ไม่เคยแต่งงานออก มีเพียงให้
ผูช้ ายแต่งงานเข้าบ้านเท่านั้น”
“เคยได้ยนิ มาบ้าง อย่าบอกนะว่ามีเรื่ องราวเบื้องลึกอะไร?” เหมียวอี้พยักหน้าถาม
จงหลีค่วยเดาะลิ้นแล้วบอกว่า “พูดไปเยอะขนาดนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ตระกูลหวงฝู่ ก็คือสุ นขั รับ
ใช้ของราชันสวรรค์ ถ้าราชันสวรรค์ไม่อนุญาต ใครจะกล้าแก้เชือกที่คอตัวเองแล้วหนีไปล่ะ? ถ้า
ความลับน่าอับอายที่ราชันสวรรค์แอบสัง่ ให้พวกเขาไปทําเกิดรั่วไหลขึ้นมาจะทําอย่างไรล่ะ?”
เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหมือนใจลอย กระจ่างแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทําไมหวงฝู่ จวินโหรวนอนกับเขา
แต่ไม่ยอมแต่งงานกับเขา ต้องให้เขาแต่งงานเข้าตระกูลนางเท่านั้น ที่แท้หวงฝู่ จวินโหรวก็ตดั สิ นใจเอง
ไม่ได้เหมือนกัน!
เมื่อได้สติกลับมา เหมียวอี้กถ็ ามอย่างแปลกใจว่า “ในเมื่อสมาคมวีรชนมีอาํ นาจมากขนาดนี้ ทําไม
ปราสาทดําเนินนภาของพวกท่านยังกล้าปกป้ องข้าอีกล่ะ ไม่กลัวฝั่งราชันสวรรค์เหรอ?”
“เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งถามแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ขา้ ควรพูด” จงหลีค่วยตอบ
“แล้วท่านรู ้เบื้องลึกของราชันสวรรค์กบั สมาคมวีรชนได้อย่างไร?” เหมียวอี้มองสํารวจเขาแวบหนึ่ง
“ท่านรู ้เรื่ องพวกนี้ต้ งั นานแล้วเหรอ? ทําไมไม่เห็นท่านเตือนข้าล่วงหน้าเลย? ทําไมต้องรอให้ขา้ ก่อ
เรื่ องใหญ่โตแล้วค่อยมาเตือน!”
จงหลีค่วยเงียบไป และสุ ดท้ายก็อธิบายอย่างลําบากใจ “หนึ่งชัว่ ยามก่อนหน้านี้ขา้ ก็ยงั ไม่รู้หรอก ก่อน
หน้านี้ท่านอาจารย์เพิ่งบอกข้า ให้ขา้ มาบอกเจ้าต่อ ให้ขา้ มาแนะนําเจ้าสักหน่อย ว่าหุน้ สองส่ วนของ
ร้านขายของชําซื่ อตรง เจ้ารักษาไว้ไม่ได้หรอก! ถึงแม้ปราสาทดําเนินนภาจะไม่กลัวสมาคมวีรชน แต่
อาจารย์ขา้ ที่เป็ นรองเจ้าสํานักก็ตอ้ งพิจารณาเพือ่ ส่ วนรวมของปราสาทดําเนินนภา ปกป้ องเจ้าได้แต่
ชัว่ คราวเท่านั้น เป็ นไปไม่ได้ที่จะสูก้ บั สมาคมวีรชนเพือ่ เจ้าไปตลอด ถึงอย่างไรสมาคมวีรชนก็ไว้หน้า
ปราสาทดําเนินนภาเต็มที่แล้ว แค่น้ ีกถ็ ่อมตัวไม่กล้าล่วงเกินมากพอแล้ว ถึงขีดจํากัดแล้ว ถ้าจะให้พวก
เขาคุกเข่าอีกก็คงเป็ นไปไม่ได้ เจ้าต้องเตรี ยมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ !”
คําพูดนี้ชดั เจนมากแล้ว เหมียวอี้เองก็ฟังเข้าใจ ปราสาทดําเนินนภาก็มีจุดที่ลาํ บากเหมือนกัน ถ้าจะพูด
ให้ถูกก็คือ ถึงแม้เหมียวอี้จะมีความสัมพันธ์อนั ดีกบั จงหลีค่วย แต่กม็ ีความสัมพันธ์ที่ธรรมดากับ
ปราสาทดําเนินนภา แค่ส่งยอดฝี มือบงกชรุ ้งสามคนไปคุม้ กันเขากลับมาก็นบั ว่าทําดีที่สุดแล้ว ไม่มี
เหตุผลอะไรที่ปราสาทดําเนินนภาจะสู ก้ นั เอาเป็ นเอาตายกับสมาคมวีรชนโดยไม่สนใจชีวติ ของลูก
ศิษย์ในสํานัก
ตอนที่ 958

เปลีย่ นเจ้ าของร้ านขายของชํา

“เตรี ยมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ เหรอ?” เหมียวอี้ที่ยนื่ มือไปสัมผัสก้านดอกไม้หนั กลับมาช้า ๆ ถามกลับว่า “ให้


ข้านําหุน้ สองส่ วนนั้นให้พวกเขาเหรอ? ถ้าไม่มีขา้ สร้างร้านค้าร้านนั้นให้สาํ นักลมปราณ ร้านขายของ
ชําซื่อตรงก็ไม่มีทางอยูม่ าจนถึงวันนี้หรอก! ที่ร้านขายของชําซื่ อตรงมีวนั นี้ได้ ก็เพราะข้าผลักดันเอง
กับมือ ข้าได้หุน้ ไปสองส่ วนก็ไม่นบั ว่าเยอะหรอก หุน้ สองส่ วนนั้นคือของของข้า เป็ นแหล่งทรัพยากร
ฝึ กตนที่ใหญ่ที่สุดของข้าด้วย ทําไมข้าต้องให้คนอื่นล่ะ?”
จงหลีค่วยถอนหายใจแล้วบอกว่า “ก็เพราะร้านขายของชําซื่ อตรงมันใหญ่ข้ ึนเรื่ อย ๆ ไงล่ะ อาศัยแค่
กําลังของเจ้าก็รักษาไว้ไม่อยูห่ รอก! ดูจากแนวโน้มแบบนี้ เจ้าเคยคิดบ้างรึ เปล่า ดีไม่ดีมนั อาจจะ
กลายเป็ นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของแดนฝึ กตนก็ได้! เจ้าคนเดียวสู ไ้ ม่ชนะฝ่ ายนั้นหรอก อํานาจภูมิหลังไม่
คู่ควรให้ถือรองเท้าให้เขาด้วยซํ้า กอดเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ จะไม่ดึงดูดพวกหมาป่ าที่หิวโหยได้
อย่างไร? อาจารย์ของข้าหมายความว่า ถ้าเจ้าจะมอบของสิ่ งนั้นให้อีกฝ่ ายไป ปราสาทดําเนินนภาของ
เราจะเป็ นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ รับรองว่าตั้งแต่น้ ีไปสมาคมวีรชนจะเลิกรังควานเจ้า บางทีอาจจะทําให้
เจ้ารักษาหุน้ ที่ร้านขายของชําไว้ได้บา้ งสักนิด เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เหมียวอี้เม้มริ มฝี ปากแน่น ยากจะบรรยายความคับแค้นในใจออกมาได้ เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ตัวเขา
ในตอนนี้เหมือนเด็กสามขวบที่กอดสมบัติล้ าํ ค่าเดินโอ้อวดตามถนน ถ้าไม่มอบให้อีกฝ่ ายไป เกรงว่า
พิภพใหญ่คงจะไม่มีที่ให้เขายืน
จงหลีค่วยถอนหายใจแล้วบอกว่า “อาจารย์ขา้ บอกแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าเลย ตราบใดที่ร้านขายของชํา
ซื่อตรงยิง่ ใหญ่ข้ ึนเรื่ อย ๆ ไม่ชา้ ก็เร็ วที่สาํ นักลมปราณจะต้องเผชิญกับแรงกดดันเดียวกัน สมาคมวีรชน
เองก็รักษาหุน้ มากมายขนาดนั้นไม่ไหวเหมือนกัน อํานาจจากฝ่ ายต่าง ๆ จะแทรกเข้ามา ถ้าจะพูดให้
ชัดก็คือ ตอนนี้สมาคมวีรชนไม่ได้แย่งชิงสิ่ งนี้เพื่อตัวเองเลย เจ้าคงจะรู ้วา่ หมายความว่าอย่างไร เจ้า
ต้านทานไหวเหรอ?”
พอพูดถึงสํานักลมปราณ สํานักลมปราณก็ส่งข่าวมาทันที เหมียวอี้ที่กาํ ลังทําสี หน้าไม่ยอมนําระฆัง
ดาราออกจากกําไลเก็บสมบัติ อวี้ซวีเจินเหริ นส่ งข่าวมาแล้ว
ที่จริ งสํานักลมปราณก็รู้สึกถึงแรงกดดันแล้วเช่นกัน ตอนแรกมีคนมาถามเรื่ องหุน้ สองส่ วนที่อยูใ่ นมือ
เหมียวอี้ บอกว่าได้ยนิ มาว่าหุน้ สองส่ วนที่อยูใ่ นมือเหมียวอี้เป็ นคําสัญญาปากเปล่า ไม่ได้ลงนาม
สัญญา ดังนั้นจึงมีคนอยากจะซื้อหุน้ สองส่ วนนั้นจากมือของสํานักลมปราณ ชัดเจนว่ามองเห็นอนาคต
ที่กา้ วหน้าของร้านขายของชําแล้ว คิดจะฉวยโอกาสเริ่ มลงมือตอนที่หุน้ ยังราคาตํ่า
ส่ วนเจ้าสํานักอวี้หลิงเจินเหริ นก็บอกไปว่า ตอนที่ขยายสาขาร้านขายของชําซื่อตรงครั้งก่อน ได้ลง
นามสัญญาอย่างเป็ นทางการกับเหมียวอี้ไปแล้ว
ความจริ งคือยังไม่ได้ลงนามสัญญา แต่ตอนนี้อวี้หลิงเจินเหริ นลงนามสัญญาเรี ยบร้อยแล้ว อวี้ซวีเจินเห
ริ นจะถามว่าเหมียวอี้อยูท่ ี่ไหน อยากจะนําสัญญาส่ งมาให้ถึงมือ
เห็นได้ชดั ว่าสํานักลมปราณรับแรงกดดันนั้นไม่ไหวเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ อวี้หลิงเจินเห
ริ นยังสามารถรักษาสัญญาและนําหุน้ สองส่ วนนั้นร่ างเป็ นสัญญามอบให้เหมียวอี้ได้ ทําให้เขาพูดอะไร
ไม่ออกแล้วจริ ง ๆ
แต่สิ่งที่สาํ นักลมปราณสามารถช่วยเหมียวอี้ได้กม็ ีแค่เท่านี้ เป็ นเพราะกําลังอํานาจของตัวเองมีจาํ กัด
เพราะสํานักลมปราณก็รักษาส่ วนของตัวเองไว้ไม่อยูเ่ ช่นกัน แรงกดดันปะทะเข้ามาราวกับพายุคลัง่ ไม่
น่าเชื่อว่าสํานักลมปราณเล็ก ๆ จะยัว่ ให้ผมู ้ ีอาํ นาจทั้งหลายของตําหนักสวรรค์ทยอยมาไม่ขาดสาย ไม่
มีใครที่สาํ นักลมปราณจะไปมีเรื่ องด้วยไหว ขนาดชีอ๋ เู จินเหริ น ปรมาจารย์ผบู ้ ุกเบิกสํานักลมปราณยัง
ได้รับแรงกดดันเลย ผูบ้ งั คับบัญชาของชีอ๋ เู จินเหริ นมาเจรจาที่สาํ นักลมปราณด้วยตัวเอง จะให้สาํ นัก
ลมปราณทนความรู ้สึกนี้ได้อย่างไร!
แต่อย่างน้อยสํานักลมปราณก็ยงั มีคนของตําหนักสวรรค์หนุนหลัง ผูม้ ีอาํ นาจพวกนั้นไม่สะดวกจะ
แสดงความโลภมากเกินไป อย่างน้อยก็ยงั ต้องรักษากฎกติกา นําหุน้ ไปจากมือของสํานักลมปราณโดย
วิธีการรับซื้อ เพียงแต่ราคาไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร ต้องขายถูก ๆ เท่านั้น ขายแพงไม่ได้
สุ ดท้ายหุน้ สี่ ส่วนของสํานักลมปราณก็ถูกแบ่งครึ่ ง เหลือเพียงหนึ่งในแปดส่ วน นี่ยงั เห็นแก่ที่สาํ นัก
ลมปราณบริ หารร้านขายของชํามาหลายปี ช่องทางจัดหาสิ นค้าต่าง ๆ ล้วนอยูใ่ นมือของสํานัก
ลมปราณ ถ้าถอดคนบริ หารร้านค้าของสํานักลมปราณออกไปหมด ก็เป็ นเรื่ องยากที่จะให้คนอื่นจะมา
รับช่วงต่องานซื้อขายสิ นค้าเบ็ดเตล็ดแบบนี้ มีแค่สาํ นักลมปราณที่มีประสบการณ์บริ หารการค้า
รู ปแบบใหม่ มิหนําซํ้า ถ้าจะเปลี่ยนคนก็คงต้องเปลี่ยนชื่อร้านด้วย ถ้าจะเรี ยกว่าร้านขายของชําซื่ อตรง
ต่อไป ก็คงจะฟังดูไม่เข้าท่า และผูม้ ีอาํ นาจพวกนั้นก็ไม่มาบริ หารธุรกิจแบบนี้โดยตรง ไม่วา่ ธุรกิจ
อะไรก็ตาม แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็แค่ซ้ื อมาแล้วส่ งให้คนอื่นจัดการดูแลต่อ เวลาเกิดปั ญหาอะไร
ขึ้น ตัวเองก็แค่ออกหน้าไปสนับสนุน ที่เหลือแค่รอรับเงินก็พอ
คําพูดบางคํา อวี้ซวีเจินเหริ นก็ไม่สะดวกใจที่จะเอ่ยออกมา ถึงแม้สาํ นักลมปราณจะเสี ยหายไปไม่นอ้ ย
แต่กย็ งั มีรายรับอยู่ ประเดี๋ยวเดียวก็ได้ตีสนิทกับผูม้ ีอาํ นาจพวกนั้นแล้ว ดูแลธุรกิจให้ผมู ้ ีอาํ นาจมากมาย
ขนาดนั้น ทําให้ปัจจุบนั ไม่ค่อยมีใครกล้าแตะต้องศิษย์ของสํานักลมปราณ อันดับของสํานักลมปราณ
ขึ้นพรวดพราดในรวดเดียว ส่ วนชีอ๋ เู จินเหริ น ปรมาจารย์ผบู ้ ุกเบิกสํานักลมปราณที่เคยมีชีวติ การงาน
ไม่ได้ดงั่ ใจ ปั จจุบนั ก็ได้เลื่อนขั้นแล้วเช่นกัน ได้อาศัยบารมีพวกลูกศิษย์แล้ว
เมื่อรู ้ข่าวว่าสํานักลมปราณโดนกดดันให้ขายหุน้ ในมือไปแล้ว เหมียวอี้ถือระฆังดาราอยูใ่ นมือ แต่
ใบหน้ากลับฉายแววดุร้าย กลิ่นอายสังหารลอยขึ้นรอบตัว ตะโกนในใจว่า ไอ้พวกโจรสุ นขั รังแกกัน
เกินไปแล้ว!
จุดจบของสํานักลมปราณนับว่ายังดี อย่างน้อยอีกฝ่ ายก็ยนิ ดีจ่ายเงินซื้อจากสํานักลมปราณ ทั้งยังเหลือ
หุน้ บางส่ วนไว้ให้สาํ นักลมปราณด้วย แต่สาํ หรับหุน้ ของเหมียวอี้ อีกฝ่ ายกลับไม่คิดจะจ่ายเงินซื้อสัก
แดงเดียว อยากจะแย่งไปตรง ๆ เลย!
แค่คิดดูนิดเดียวเขาก็เข้าใจแล้ว ตอนที่ร้านขายของชํายังไม่ขยายสาขา ก็ยงั เป็ นเนื้อชิ้นเล็กเกินไป ยังไม่
มีสายตาอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกผูม้ ีอาํ นาจสอดส่ องเข้ามา แต่พอขยายสาขาก็ดึงดูดความสนใจทันที
เกรงว่าจะเป็ นเพราะสมาคมวีรชนเกิดอดใจรอไม่ไหว จึงลงมือกับเหมียวอี้ดว้ ยตัวเอง ถ้ายังไม่ลงมือ
เดี๋ยวจะไม่ทนั
ตอนนี้นบั ว่าเหมียวอี้เข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ยงั นึกว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งมีคนหนุนหลังใหญ่โตถึงได้มีสิทธิ์
ทําซี้ซ้ วั ตอนนี้ถึงได้พบว่าที่จริ งแล้วพิภพใหญ่ไม่ได้ต่างอะไรกับพิภพเล็ก เหมือนเปลี่ยนแค่น้ าํ แกง
ไม่ได้เปลี่ยนยา ถ้าไม่มีอาํ นาจก็ไม่สามารถยืนหยัดอย่างมัน่ คงได้ ตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับ
นักพรตอิสระที่พิภพเล็ก
เมื่อเห็นกลิ่นอายสังหารบนตัวเหมียวอี้ จงหลีค่วยก็มองระฆังดาราในมือเขาแวบหนึ่ง แล้วขมวดคิ้ว
ถามว่า “เกิดเรื่ องอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร!” เหมียวอี้ส่ายหน้า ถามว่า “ข้ามีเรื่ องจะขอคําชี้แนะสักเรื่ อง ในตําหนักสวรรค์ บุคคลที่
สามารถหนุนหลังได้ดีมีแซ่เซี่ยโห้วกับแซ่โค่วรึ เปล่า?”
จงหลีค่วยตอบอย่างไม่แน่ใจ “มันก็มีอยูห่ รอกนะ ได้ยนิ ว่าราชินีสวรรค์มีแซ่สองพยางค์คือเซี่ ยโห้ว
แล้วก็มีอ๋องสวรรค์โค่ว หนึ่งในสี่ อ๋องสวรรค์ สองท่านนี้ภูมิหลังคงจะใหญ่พอสมควรกระมัง? ส่ วนคน
อื่น ๆ ข้าเองก็ไม่ได้สนิทกับคนของตําหนักสวรรค์ พวกตัวเล็กตัวน้อยที่เหลือข้ารู ้จกั เสี ยที่ไหนล่ะ คน
ตําแหน่งใหญ่ ๆ เท่าที่เคยได้ยนิ มาก็มีแค่สองท่านนี้แหละ เจ้าถามเรื่ องนี้ทาํ ไม?”
เหมียวอี้อ้ ึงทันที ราชินีสวรรค์มีแซ่สองพยางค์คือเซี่ ยโห้ว ไอ้เซี่ ยโห้วหลงเฉิงนัน่ คงไม่ใช่คนของ
ตระกูลราชินีสวรรค์หรอกใช่ม้ ยั ?
พอคิดดูกร็ ู ้สึกว่าเป็ นไปได้จริ ง ๆ คนที่มีภูมิหลังแต่ไม่ยอมพูดออกมา ถ้าไม่เป็ นคนสํารวมถ่อมตัว ก็
แสดงว่าภูมิหลังใหญ่เกินไปจนกลัวว่าพูดออกมาแล้วจะส่ งผลกระทบไม่ดี หรื อไม่ภูมิหลังก็เล็กเกินไป
ถ้าพูดออกกลัวคนจะหัวเราะเยาะ ภูมิหลังของเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่เล็กแน่นอน เจ้าบ้านัน่ ไม่ใช่คนถ่อม
ตัว อย่าบอกนะว่าผูบ้ ญั ชาการหมีควายนัน่ คือคนของตระกูลราชินีสวรรค์จริ ง ๆ ?
ถ้าเซี่ ยโห้วหลงเฉิงมีที่มาแบบนี้จริ ง ๆ เช่นนั้นโค่วเหวินหลานก็คงจะมาจากอ๋ องสวรรค์โค่วอะไรนัน่
จริ ง ๆ ไม่อย่างนั้นคนทัว่ ไปที่ไหนจะกล้าแย่งผูห้ ญิงกับคนของตระกูลราชินีสวรรค์ ถ้าเป็ นคนระดับสี่
อ๋ องสวรรค์กพ็ อเป็ นไปได้ ถึงอย่างไรต่อให้ฐานะของราชินีสวรรค์จะสู งกว่านี้ แต่ตระกูลเซี่ ยโห้วก็
เป็ นญาติฝ่ายหญิง แต่สี่อ๋องสวรรค์กลับเป็ นบุคคลสําคัญที่กมุ อํานาจที่แท้จริ งไว้ในมือ
“ไม่มีอะไร!” เหมียวอี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เหมือนจะตัดสิ นใจอะไรบางอย่างได้แล้ว กัดฟันบอกว่า
“หุน้ สองส่ วนนั้นข้าไม่เอาแล้ว แต่สมาคมวีรชนจะเอาชีวติ ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะให้ขา้ มอบ
ของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกเขาอีกเหรอ? ข้าก็ไม่ได้ต่าํ ต้อยถึงขั้นนั้น! ท่านไม่ตอ้ งห่วง ข้าไม่อยูร่ บกวนที่
ปราสาทดําเนินนภานานหรอก และจะไม่ทาํ ให้ปราสาทดําเนินนภาลําบากด้วย เพียงหวังว่าอีกไม่กี่วนั
จะรบกวนปราสาทดําเนินนภาอีกสักครั้ง ไปส่ งข้ากลับดาวเทียนหยวนสักครั้งได้รึเปล่า ความแค้นที่
เหลือระหว่างข้ากับสมาคมวีรชน เดี๋ยวข้าจะจัดการด้วยตัวเอง!”
เขาเองก็โดนกดดันจนถึงขั้นหมดทางเลือกแล้ว ถ้าไม่มอบหุน้ ส่ วนนั้นไปก็ไม่ได้ อาศัยกําลัง
ความสามารถของเขาในตอนนี้ ก็ไม่มีทางปกป้ องไว้ได้เลย!
“เฮ้อ!” จงหลีค่วยรู ้วา่ ครั้งนี้เหมียวอี้ขาดทุนหนัก แต่กไ็ ม่มีเหตุผลอะไรที่ปราสาทดําเนินนภาจะต้อง
เข้าไปร่ วมลุยนํ้าโคลนนี้ดว้ ย จึงได้แต่ตบบ่าเขาและบอกว่า “เจ้าไม่ตอ้ งห่วง เรื่ องส่ งเจ้ากลับดาวเทียน
หยวน เดี๋ยวข้าจัดการเอง ข้าจะโน้มน้าวทางรองเจ้าสํานักให้” พูดจบก็หนั ตัวเดินออกไป ต้องไปบอก
ให้สาํ นักรู ้ถึงท่าทีของเหมียวอี้
เหมียวอี้ที่ยนื เงียบอยูท่ ี่เดิมเริ่ มกําหมัด ตอนที่ร้านขายของชําซื่อตรงยังไม่ขยายสาขา ในแต่ละปี เขาได้
กําไรพิเศษห้าหมื่นล้านผลึกแดง เท่ากับยาแก่นเซียนห้าหมื่นเม็ดในแต่ละปี แค่คิดก็รู้แล้วว่าสภาพ
รายได้จะเป็ นอย่างไร ยอมถวายเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ให้คนอื่น ถ้าบอกว่าไม่ปวดใจก็คงโกหก แต่ก็
อย่างที่บอก ตอนนี้เขารักษาไว้ไม่ได้จริ ง ถ้าไม่คายออกมา พิภพใหญ่กไ็ ม่มีที่ให้เขายืน!
เขาไม่ใช่คนลังเล ในเมื่อตัดสิ นใจแล้วว่าจะสละรถเพื่อรักษาคนขับ ก็ไม่มีอะไรให้นึกเสี ยใจทีหลัง
ตราบใดที่ยงั มีชีวติ อยู่ ก็ยงั มีโอกาสนําของที่เสี ยไปกลับคืนมาได้เสมอ!
เหมียวอี้ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แล้วเก็บสี หน้าอารมณ์ จากนั้นมองไปรอบ ๆ แล้วสาวเท้าเดินเข้าไป
ในโถงหลัก พอเดินมาตรงหน้าฉากกั้นห้องโถงด้านข้าง เขาก็หยิบก้อนโลหะกลมที่ได้มาจากก้น
ทะเลสาบที่ดาวแมกไม้ออกมา แล้วร่ ายอิทธิฤทธิ์ให้มนั กางออกในฝ่ ามือ
เมื่อเปรี ยบเทียบภาพทั้งสอง เหมียวอี้กต็ กใจไม่เบา ตอนแรกยังนึกว่าตัวเองมองผิดไป ตอนนี้ถึงได้
พบว่าลักษณะพื้นภูมิของปราสาทดําเนินนภาที่วาดไว้บนฉากกั้นใกล้เคียงกับที่วาดไว้บนแผนที่ซ่อน
สมบัติมาก เพียงแต่ลกั ษณะพื้นภูมิบนแผนที่ซ่อนสมบัติได้ยอ่ ขอบเขตไว้กว้างกว่าเท่านั้นเอง
เมื่อเทียบแหน่งดูให้ละเอียด ลักษณะการวางตัวของภูเขาแม่น้ าํ ก็เหมือนกันแทบทุกอย่าง แค่บนฉาก
กั้นทําสัญลักษณ์ของสิ่ งปลูกสร้างไว้เยอะกว่าเท่านั้นเอง อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรต่างกัน
มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ถึงรู ้สึกคุน้ ตา เหมียวอี้จึงขอแผนที่ซ่อนสมบัติฉบับสําเนาจากหมิงจ้าวได้ทนั เวลา
ตอนนี้นาํ ออกมาเปรี ยบเทียบยืนยันแล้ว
เหมียวอี้เปรี ยบเทียบตามวิธีการที่หมิงจ้าวสอน ดูวา่ ภาพกลุ่มดาวบนแผนที่สมบัติที่ได้มาจากก้น
ทะเลสาบอยูใ่ นสถานที่ไร้ระเบียบเหมือนกันหรื อไม่
ในสัญลักษณ์ดาราจักรที่หนาแน่นยั้วเยี้ย เขาเจอดาวหลักสามดวงบนแผนที่ฉบับสําเนา แต่บนแผนที่
โลหะมีดาวหลักเพียงสองดวง ความแตกต่างนี้ไม่สามารถตัดสิ นอะไรได้ เนื่องจากเป็ นภูมิภาคเดียวกัน
แต่เป็ นคนละพื้นที่ สถานที่ไร้ระเบียบมีดวงอาทิตย์หลายดวง หรื อเรี ยกอีกอย่างว่าดาวหลักนัน่ เอง
หลังจากเปรี ยบเทียบแผนที่สองฉบับแล้ว ก็พบว่ามีดาวหลักดวงหนึ่งที่มีดาวรองและดาวเสริ มใน
ขอบเขตจํานวนเท่ากัน เหมียวอี้รีบหาตําแหน่งดาวหลักที่ตรงกับบนแผนที่สองฉบับนั้น ปรากฏว่าเป็ น
ตําแหน่งของดาวแมกไม้บนแผนที่ฉบับสําเนา แยกออกเป็ นทิศทางไปดาวดําเนินนภา เขาใช้นิ้ว
ลากเส้นจากแผนที่มว้ นหนังไปบนแผนที่โลหะ พอลากลงมาเรื่ อย ๆ ผลก็คือตัดผ่านดาวเคราะห์ซ่อน
สมบัติบนแผนที่โลหะพอดี
วินาทีที่ลากเส้นตัดผ่านอย่างแม่นยํา เหมียวอี้กม็ องดูภาพประกอบ แล้วเงยหน้ามองแผนที่บนฉากกั้น
อีก เขาตกตะลึงเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ จริ งหรื อล้อเล่น? สถานที่ซ่อนสมบัติอยูท่ ี่
ดาวดําเนินนภาเหรอ ทั้งยังอยูบ่ ริ เวณปราสาทดําเนินนภาด้วย!
ตอนที่ 959

ทําตัวเด่ นเกินหน้ าเกินตา

ก่อนหน้านี้โมโหเดือดดาลเพราะร้านขายของชําซื่ อตรง ตอนนี้เมื่อพบว่าตัวเองอยูใ่ นสถานที่แห่ง


ขุมทรัพย์ อารมณ์กเ็ ปลี่ยนเป็ นตื่นเต้นดีใจถึงขีดสุ ด หุน้ ของร้านขายของชําที่เสี ยไป ถ้าได้สมบัติจาก
ราชันลัทธิมารกลับมาชดเชยก็ไม่ใช่เรื่ องแย่อะไร
ไม่มีอะไรน่าลังเล เขากอบแผ่นแผนที่โลหะไปเทียบดูตรงหน้าฉากกั้น ทําให้พดู ไม่ออกอีกครั้ง
จุดซ่อนสมบัติที่ทาํ เครื่ องหมายไว้บนแผนที่อยูบ่ นเกาะแห่งหนึ่ง เป็ นเกาะตรงกลางแม่น้ าํ ที่ไหล
แยกกันและมาบรรจบกันอีกครั้ง เมื่อดูเทียบกัน ก็พบว่าเป็ นแม่น้ าํ ที่เกิดจากนํ้าตกใต้ตาํ หนักคุมงาน
ของปราสาทดําเนินนภา เป็ นเกาะที่อยูห่ ่างออกไปสิ บลี้ เพียงแต่บนเกาะที่อยูบ่ นฉากกั้นมีศาลาอยูห่ นึ่ง
หลัง
เหมียวอี้มึนตึ้บ ล้อเล่นอะไรกัน สมบัติของราชันลัทธิมารอยูใ่ นปราสาทดําเนินนภาเหรอ? ถ้าที่นี่มี
สมบัติอะไรซ่อนไว้จริ ง ๆ จะปิ ดบังสายตาของปราสาทดําเนินนภาไปได้อย่างไร เป็ นไปไม่ได้ที่
ปราสาทดําเนินนภาจะไม่คุน้ เคยกับอาณาเขตของตัวเอง แม้กระทัง่ ใต้ดินมีหนูซ่อนอยูก่ ี่ตวั ก็ยงั ปิ ดบัง
สายตาของปราสาทดําเนินนภาไม่ได้เลย ถ้ามีสมบัติซ่อนอยู่ ก็คงจะตกอยูใ่ นมือของปราสาทดําเนิน
นภาไปแล้ว
แต่คิดไปคิดมาก็พบว่าไม่ถกู ถ้าเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินอยูใ่ นมือของปราสาทดําเนิน
นภาจริ ง ๆ เช่นนั้นปราสาทดําเนินนภาก็ไม่จาํ เป็ นต้องถ่อไปลําบากหาที่ดาวแมกไม้ อย่าบอกนะว่า
ปราสาทดําเนินนภารู ้ต้ งั แต่แรกแล้ว แต่แกล้งปล่อยข่าวมัว่ เพื่อหลอกฝ่ ายตรงข้าม?
เมื่อเทียบดูกบั แผนที่บนฉากกั้นซํ้าแล้วซํ้าอีก ก็พบว่าน่าจะอยูบ่ นเกาะแห่งนั้นจริ ง ๆ
พอเก็บแผนที่แล้ว เหมียวอี้กเ็ ดินออกจากเรื อนพักเดี่ยว เหลือบตามองเกาะไกล ๆ ที่อยูต่ รงแม่น้ าํ ที่ไหล
มาจากนํ้าตก
ในขณะนี้เอง จงหลีค่วยก็เหาะมาอีกครั้ง มายืนข้างกายเขาแล้วถามว่า “กําลังเหม่อลอยอะไร?”
“ไม่มีอะไร?” เหมียวอี้ส่ายหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
“ข้านําความประสงค์ของเจ้าไปบอกท่านอาจารย์แล้ว อาจารย์บอกว่าถ้าเจ้าจะไปเมื่อไรก็บอก จะต้อง
ส่ งเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัยแน่นอน… พร้อมทั้งให้ขา้ มาบอกเจ้าด้วย ว่าขอให้เจ้าเข้าใจถึงความ
ลําบากใจของปราสาทดําเนินนภา” จงหลีค่วยกล่าว
เหมียวอี้พยักหน้า เขาเข้าใจถึงความลําบากใจของปราสาทดําเนินนภา ถ้าเปลี่ยนเป็ นเขา ก็คงไม่มีทาง
ทุ่มเทสูต้ ายอย่างซี้ ซ้ วั เพื่อคนคนเดียวเหมือนกัน จึงโบกมือบอกว่า “ไม่ตอ้ งพูดเรื่ องนี้แล้ว เกาะที่มี
ศาลาแห่งนั้นคือที่ไหนเหรอ?” เขาชี้ถาม
จงหลีค่วยมองแวบหนึ่ง แล้วตอบกลั้วหัวเราะว่า “เป็ นที่พกั ของศิษย์หญิงที่ยงั ไม่แต่งงานน่ะ”
“ศิษย์หญิงที่ยงั ไม่แต่งงาน…” เหมียวอี้กระตุกมุมปากเล็กน้อย ถามหยัง่ เชิงว่า “ข้าอยากจะไปดูที่นนั่
สักหน่อย ไม่รู้วา่ จะสะดวกหรื อเปล่า?”
“มีอะไรไม่สะดวกล่ะ ขอแค่เจ้าไม่บุกเข้าไปในห้องพวกนางซี้ซ้ วั ก็พอ คงไม่ถึงขั้นไม่หลีกทางให้เดิน
หรอก ตามข้ามา!” จงหลีค่วยตบบ่าเขา แล้วเหาะนําไปทันที ที่ตอบรับอย่างไม่ลงั เลแบบนี้ ก็อาจเป็ น
เพราะรู ้สึกผิดที่ช่วยเหลือเหมียวอี้ไม่ได้ ถึงอย่างไรเหมียวอี้กน็ บั ว่าเคยช่วยชีวติ เขาไว้ที่ค่ายกลมาร
โลหิ ต
ทั้งสองต่างก็สร้างความเดือดร้อนให้กนั เท่ากับช่วยชีวติ กันและกันไว้ มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา แต่
จนใจที่ไม่อาจปล่อยให้ปัจจัยเรื่ องความสัมพันธ์ของจงหลีค่วยคนเดียวมาทําให้ตอ้ งละเลย
ผลประโยชน์ของทั้งปราสาทดําเนินนภา ได้แต่เก็บความรู ้สึกผิดไว้ในใจ!
ระยะทางสิ บลี้ สําหรับทั้งสองแค่ถลันตัวทีเดียวก็ไปถึงแล้ว บนเกาะมีศาลางดงาม มีบ่อปลาและ
ดอกไม้ เขียวชอุ่มร่ มรื่ น มีน้ าํ ล้อมรอบ ราวกับแดนสวรรค์ในเทพนิยาย
เกาะนี้คือที่อยูข่ องศิษย์หญิงที่วรยุทธ์ยงั ไม่ถึงขั้น ยังไม่สามารถพักอาศัยตามลําพังได้ ถ้าวรยุทธ์ถึงขั้น
แล้ว ก็สามารถออกจากตรงนี้ไปพักที่เรื อนพักเดี่ยว หรื อไม่ถา้ แต่งงานก็ออกจากที่นี่ได้เช่นกัน ส่ วน
คนที่เหลือก็รวมกลุ่มกันอยูท่ ี่นี่
จงหลีค่วยควบตําแหน่งมัคคุเทศก์พาเหมียวอี้เดินเล่นอยูบ่ นเกาะ คอยชี้บอกและแนะนําตลอดทาง แล้ว
ก็ช้ ีไปที่เชิงเขาตรงข้ามแม่น้ าํ “ด้านหลังภูเขาเป็ นที่อยูข่ องศิษย์ผชู ้ าย สถานการณ์คล้าย ๆ กับที่นี่ ลูก
ศิษย์ชายหญิงวัยรุ่ นที่ยงั ไม่แต่งงานต้องแยกกันอยู่ จะได้ไม่คิดเพ้อเจ้อจนเสี ยสมาธิฝึกตน แต่สาํ นักนี้
ไม่ไม่ขบั ไล่ศิษย์ที่แต่งงาน ถ้าเจ้าถูกใจศิษย์หญิงคนไหนก็บอกได้ เดี๋ยวข้าจะช่วยเป็ นคนกลางติดต่อ
ให้ให้เจ้า”
“ไม่เป็ นไรหรอก!” เหมียวอี้ยกมือห้าม ผูห้ ญิงของเขามีเยอะจนรับมือไม่ไหวแล้ว ที่บา้ นมีภรรยา
คู่ทุกข์คู่ยาก ทั้งยังมีสาวงามอีกสามคน สองคนในนั้นยังเป็ นฝาแฝดกันด้วย แถมยังมีสาวใช้หกคน
กําลังรอให้เขาไปรับเข้าห้อง ข้างนอกยังมีหญิงชูอ้ ีกหนึ่งคน แต่ละคนหน้าตาไม่ธรรมดา ขนาดในบ้าน
ยังรับมือไม่ไหวเลย จะมีความคิดไปเจ้าชูเ้ สเพลได้อย่างไร ผูห้ ญิงสวยทัว่ ไปไม่ถูกใจเขาเลยจริ ง ๆ เขา
ชําเลืองจงหลีค่วยพลางพูดหยอก “ท่านจัดการเรื่ องของตัวเองก่อนเถอะน่า”
จงหลีค่วยหัวเราะเสี ยงดัง “ข้าหน้าตาขี้เหร่ เป็ นคนที่ข้ ีเหร่ ที่สุดในปราสาทดําเนินนภา ไม่มีใครถูกใจ
ข้าหรอก”
เหมียวอี้พน่ เสี ยงทางจมูกสองที เขาไม่เชื่อคําพูดนี้หรอก ด้วยวรยุทธ์และฐานะของจงหลีค่วย ถ้า
อยากจะแต่งงานก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ในฐานะที่เป็ นศิษย์ของรองเจ้าสํานัก ถ้าถูกใจคนไหน ปราสาท
ดําเนินนภาต้องช่วยเป็ นตัวกลางประสานให้แน่นอน ก็เหมือนกับเหมียวอี้ ในปี นั้นก็รู้สึกว่าไม่มีใคร
ชอบตัวเองเหมือนกัน ตอนหลังพอมีตาํ แหน่งฐานะขึ้นที่พิภพเล็ก เรื่ องผูห้ ญิงก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
อยากจะมีมากเท่าไรก็ได้
ไม่พดู ถึงเรื่ องนี้แล้ว เหมียวอี้ไม่ได้มาเพื่อคุยเรื่ องนี้ เขามาหาสมบัติ
ตอนที่เดินเล่นอยูบ่ นเกาะ ศิษย์หญิงที่เดินผ่านมาอย่างไม่ขาดสายพากันคํานับจงหลีค่วย เรี ยกว่าศิษย์
ลุงบ้างศิษย์อาบ้าง จงหลีค่วยเดินพยักหน้ารับตลอดทาง
เมื่อเดินวนบนเกาะได้รอบหนึ่ง ในใจเหมียวอี้กเ็ กิดความสงสัย ถึงแม้เกาะนี้จะมีพ้นื ที่ไม่นอ้ ย แต่นบั ว่า
มีลกั ษณะพื้นที่ราบเรี ยบ ดูไม่เหมือนสถานที่ซ่อนสมบัติเลย
ตรงกลางเกาะมีเสาหิ นเก่าแก่โบราณขนาดใหญ่ตน้ หนึ่ง บนนั้นสลักอักษรตัวใหญ่เอาไว้ : ดําเนินนภา
สร้างสัตบุรุษ พากเพียรบากบัน่ จองจํามารปี ศาจชัว่ นิรันดร์!
ทั้งสองยืนอยูต่ รงหน้าเสาหิ น เงยหน้ามองอักษรสลักตัวใหญ่ที่แข็งแรงเปี่ ยมด้วยพลัง เป็ นตัวอักษรที่
ผ่านลมผ่านฝนมาแสนนาน ไม่รู้วา่ สร้างไว้กี่ปีแล้ว
จงหลีค่วยอธิบายว่า “ในปี ที่สร้างปราสาทดําเนินนภาขึ้นมา ประมุขปราสาทเป็ นผูถ้ ือกระบี่สลักไว้ที่นี่
ด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกศิษย์ที่เข้าออกได้เห็นและจดจําใส่ ใจ!”
เหมียวอี้ไม่สนใจสิ่ งนี้ แต่มองไปรอบ ๆ แล้วถามเหมือนไม่ต้ งั ใจว่า “เลือกมาอยูท่ ี่สถานที่แบบนี้ได้
อย่างไร ที่นี่มีกระแสนํ้าไหลปะทะทุกปี ไม่กลัวหน้าดินพังเหรอ?”
จงหลีค่วยตอบกลั้วหัวเราะว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว พวกเราจะไม่คิดถึงจุดนี้ได้อย่างไร พวกเราย่อม
ตรวจสอบรากฐานมาก่อนแล้ว ด้านล่างเป็ นหิ นที่ทนทาน ไม่ได้พงั ง่าย ๆ ขนาดนั้น แล้วเวลานํ้าไหล
มาถึงตรงนี้ กระแสนํ้าก็อ่อนลงแล้ว ไม่มีแรงปะทะอะไร”
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ เหมียวอี้กห็ นักใจยิง่ กว่าเดิม ที่เขามาดูสถานที่ดว้ ยตัวเอง ก็เพราะรู ้สึกว่าที่นี่ไม่น่าจะ
ซ่อนสมบัติได้ แต่อีกฝ่ ายมาสํารวจดูต้ งั นานแล้ว ถ้ามีของอะไรก็คงจะถูกพบไปตั้งแต่แรก ไม่รอให้เขา
มาหาหรอก ผูท้ ี่ซ่อนสมบัติน้ ีเล่นบ้าอะไรกันแน่
พอนึกถึงพฤติกรรมพิลึกพิลนั่ ของผูซ้ ่อนสมบัติ เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่ องที่ดาวแมกไม้ คนกลุ่ม
หนึ่งถ่อไปค้นหาซํ้าไปซํ้ามาตั้งหลายปี แต่สมบัติไม่ได้ซ่อนอยูในจุดที่ระบุไว้บนแผนที่ซ่อนสมบัติเลย
เขาใจเต้นแรงทันที ที่น่ีไม่เหมือนจุดที่จะซ่อนอะไรไว้ได้ หรื อว่าจุดที่ซ่อนสมบัติจะอยูท่ ี่อื่น?
ยิง่ คิดก็ยงิ่ รู ้สึกว่าเป็ นไปได้ เหมียวอี้กวาดสายตามองรอบ ๆ แล้วสุ ดท้ายก็ไปหยุดจ้องบนเสาหิ น
ตรงหน้า ชี้ถามว่า “นี่คงจะเป็ นจุดกึ่งกลางของเกาะใช่ม้ ยั ?”
“คงจะใช่ มีปัญหาอะไรเหรอ?” จงหลีค่วยพยักหน้าถาม
เหมียวอี้ถลันตัวขึ้นไป เหาะขึ้นไปด้านบนเสาหิ น แล้วลอยตัวขึ้นอย่างช้า พอมองไปรอบ ๆ ก็พบว่า
เสาต้นนี้เป็ นจุดกึ่งกลางของเกาะจริ ง ๆ จากนั้นก็เหาะลงมา พูดกับจงหลีค่วยที่กาํ ลังทําสี หน้าสงสัยว่า
“ทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลวเลย!”
“เจ้ายังมองเห็นทิวทัศน์ดว้ ยเหรอ?” จงหลีค่วยทําสี หน้าฉงนสนเท่ห์
เหมียวอี้กลับตอบไม่ตรงคําถาม “ลุงหนวด ถ้าข้าถูกใจศิษย์หญิงคนไหนของปราสาทดําเนินนภา ท่าน
จะช่วยเป็ นสื่ อกลางให้ขา้ จริ ง ๆ เหรอ?”
“…” จงหลีค่วยเบิกตากว้าง “ไหนเจ้าบอกว่าไม่เอาไง?”
“เมื่อกี้ขา้ เพิง่ เจอคนหนึ่ง หน้าตาใช้ได้เลย” เหมียวอี้วา่ อย่างนั้น
จงหลีค่วยมองสํารวจรอบ ๆ ทันที “คนไหน? อยูท่ ี่ไหน?”
“ท่านไม่ตอ้ งสนใจหรอก ข้าแค่อยากถามว่าท่านจะรักษาคําพูดมั้ย?”
“ก็ตอ้ งรักษาคําพูดอยูแ่ ล้ว แต่ขา้ จะเตือนไว้ก่อนเลยนะ เรื่ องนี้ตอ้ งได้รับการยินยอมจากอีกฝ่ ายด้วย ถ้า
อีกฝ่ ายไม่ยอม เจ้าก็จะทําซี้ซ้ วั ไม่ได้ เรื่ องนี้บงั คับกันไม่ได้”จงหลีคว่ ยกล่าวพลางเหลียวซ้ายแลขวา
ถามว่า “ชอบคนไหนกันแน่?”
เรี ยกได้วา่ ทําสี หน้าอยากรู ้อยากเห็น ไม่รู้วา่ ศิษย์หญิงคนไหนกันแน่ที่เปลี่ยนความคิดของเหมียวอี้ได้
“ไม่รีบหรอก! ข้าครุ่ นคิดอีกทีค่อยตัดสิ นใจ ถึงอย่างไรสถานการณ์ในตอนนี้ของข้าก็ไม่สูด้ ีนกั ”
เหมียวอี้โบกมือ
นี่คือข้ออ้างทั้งนั้น เช้าตรู่ วนั ต่อมา เหมียวอี้กม็ าที่เกาะแห่งนี้คนเดียว ยืนเอามือไขว้หลังรออยูใ่ ต้เสาหิ น
ตอนที่เส้นขอบฟ้ ามีแสงสว่างจาง ๆ เหมียวอี้กเ็ หาะขึ้นบนฟ้ า ลอยขึ้นเหนือเสาหิ นในระดับความสู ง
สามพันจั้ง ลอยอยูก่ ลางอากาศพลางสังเกตการเปลี่ยนแปลงสี ของท้องฟ้ า
การกระทําของเขาดึงดูดความสนใจของศิษย์ปราสาทดําเนินนภาไม่นอ้ ย มีคนมากมายใช้ดวงตา
อิทธิฤทธิ์มองขึ้นไป ไม่รู้วา่ ผูช้ ายคนนี้ทาํ อะไรอยูบ่ นฟ้ า
เหมียวอี้เองก็รู้วา่ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ใครใช้ให้แผนที่สมบัติระบุเครื่ องหมายไว้ที่ปราสาทดําเนิน
นภาล่ะ เจ้าคงไล่คนของปราสาทดําเนินนภาออกไปหมดไม่ได้หรอก
ผ่านไปไม่นาน จงหลีค่วยก็เหาะขึ้นบนฟ้ าอีกครั้ง แล้วขมวดคิว้ ถามว่า “หนิวโหย่วเต๋ อ เจ้ากําลังทํา
อะไร?”
“ท่านจะมาทําตัวโดดเด่นเกินข้าทําไม?” เหมียวอี้ถาม
“ทําตัวเด่น?” จงหลีค่วยมึนงง “ทําตัวเด่นอะไรเกินเจ้า?”
เหมียวอี้ตอบอย่างหงุดหงิด “ข้ากําลังดึงดูดความสนใจของผูห้ ญิงคนนั้น ท่านจะมาประสมโรงด้วย
ทําไม? รี บไปเลย รี บไป ตอนนี้นางมองเห็นข้าแล้ว”
“…” จงหลีค่วยใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองไปข้างล่างทันที เห็นมีศิษย์หญิงจํานวนไม่นอ้ ยกําลังมองขึ้นมา
บนฟ้ า ใครจะไปรู ้วา่ เป็ นคนไหน ในใจอยากรู ้อยากเห็นมาก อดไม่ได้ท่ีจะถามว่า “คนไหนกันแน่? เจ้า
บอกข้ามาตรง ๆ ก็พอแล้ว ข้าจะไปทักทายและให้พวกเจ้าได้พดู คุยกันเลย จําเป็ นต้องทําตัวยุง่ ยาก
ขนาดนี้ม้ ยั ”
เหมียวอี้บอกว่า “ท่านไม่เข้าใจ ข้าแอบบอกเป็ นนัยไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้านางตอบตกลง รออีกประเดี๋ยวก็
มาหาข้าเองนัน่ แหละ ข้ากับนางรู ้อยูแ่ ก่ใจโดยไม่ตอ้ งอธิบาย ถ้าทําไม่สาํ เร็ จก็ไม่เป็ นไร ทุกคนจะได้
ไม่ตอ้ งรับผลกระทบอะไร ลุงหนวด ท่านรี บลงไปเถอะ อย่ามาขัดขวางธุระของข้า!”
จงหลีค่วยพูดไม่ออก เขาไม่สะดวกจะขัดขวางธุระของอีกฝ่ ายจริ ง ๆ จึงถลันตัวออกไปทันที ไปยืนอยู่
ข้าง ๆ ตําหนักคุมงาน ที่จริ งแล้วฝูเสี่ ยนอาจารย์ของเขาสัง่ ให้เขามาดูวา่ เกิดเรื่ องอะไรกันแน่ เขาย่อม
ต้องกลับไปรายงาน
หลังจากรู ้ความจริ งแล้ว พวกหมิงจ้าวที่ทยอยเข้ามาในตําหนักคุมงานเพื่อถามไถ่ถึงเหตุการณ์กอ็ ยูท่ ี่นี่
ต่อ เดินคุยเล่นกันนอกตําหนักพลางมองไปทางเหมียวอี้เป็ นระยะ พวกเขาก็สงสัยเหมือนกัน ไม่รู้วา่
เหมียวอี้กาํ ลังแอบส่ งสัญญาณลับให้ศิษย์หญิงคนไหนกันแน่ ไม่รู้วา่ ศิษย์หญิงคนนั้นจะตอบรับหรื อ
เปล่า เหมียวอี้มีอนาคตที่น่าเป็ นห่วงนะ!
ตอนที่ตรงเส้นขอบฟ้ ามีแสงสี ทองปรากฏ เหมียวอี้ที่ลอยอยูบ่ นฟ้ าก็เหาะขึ้นสู งกว่าเดิม เหาะขึ้นสู งอีก
สามพันจั้ง พออยูส่ ูงในระดับหกพันจั้งแล้ว ก็กม้ มองลงมาที่พ้นื ดินอันกว้างใหญ่ไพศาล รอให้ดวง
อาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน หยินหยางรวมกันอยูใ่ ต้เท้าตัวเอง
ตอนที่ช่วงเวลานั้นกําลังใกล้เข้ามาทีละนิด บนพื้นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ในที่สุดภาพที่อลังการงาน
สร้างก็ปรากฏขึ้นมา สตรี ทะยานฟ้ าที่กางแขนอย่างอ่อนช้อยโผล่มาแล้ว ปรากฏขึ้นแล้วจริ ง ๆ !
เป็ นเช่นนี้จริ ง ๆ ด้วย! เหมียวอี้กาํ หมัดแน่น รู ้สึกตื่นเต้นฮึกเหิ มมาก รี บใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองไปบน
ฝ่ ามือของผูห้ ญิงคนนั้น ตรงจุดที่อยูไ่ กล ๆ มันคือภูเขาลูกหนึ่ง!
ตอนที่ 960

ได้ สมบัติทซี่ ่ อนแล้ ว

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เหมียวอี้กน็ ึกถึงคําพูดของผูอ้ าวุโสมู่เซิน


ผูอ้ าวุโสมู่เซินบอกว่าเขาคือคนเฝ้ ารักษากุญแจ ตอนนี้เหมียวอี้เพิ่งรู ้สึกได้จริ ง ๆ ว่าตัวเองได้กญ
ุ แจ
มาแล้ว และกุญแจดอกนั้นก็ทาํ ให้เขาได้เข้าไปที่กน้ ทะเลสาบของดาวแมกไม้ ตอนนี้กช็ ้ ีนาํ เขาเห็น
ภูเขาลูกที่อยูต่ รงหน้าอีก ถ้าไม่มีกญ
ุ แจที่ผอู ้ าวุโสมู่เซินมอบให้ เขาก็คงไม่รู้วา่ จะเชื่อมโยงจุดซ่อน
สมบัติกบั ภูเขาลูกที่อยูไ่ กล ๆ นัน่ ได้อย่างไร
เพียงแต่ไม่รู้วา่ ในภูเขาลูกนั้นจะมีของที่เขาตามหาหรื อเปล่า ถ้าหากมีอยูจ่ ริ ง แบบนั้นเขาก็คิดไม่ตก
แล้ว วางไว้ที่กน้ ทะเลสาบในดาวแมกไม้เพื่อรอให้เขาหาพบก็สิ้นเรื่ องแล้วไม่ใช่เหรอ ทําไมต้องทําให้
ยุง่ ยากขนาดนี้ วางไว้สองฝั่งแบบนี้ อย่าว่าแต่คนหาสมบัติที่ลาํ บาก อย่างน้อยในปี นั้นคนที่ซ่อนสมบัติ
ก็ยงุ่ ยากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ปั ญหาที่คิดไม่ตกพวกนี้ ราวกับเป็ นเมฆหนาในสมองที่ปัดโบกเท่าไรก็ไม่สลายไป เขาเลิกคิดชัว่ คราว
กลัวว่าอยูบ่ นฟ้ านานแล้วจะทําให้คนสงสัย จึงเหาะจากฟ้ าลงมาเสี ยเลย แฉลบผ่านท้องฟ้ าเป็ นวิถีโค้ง
กลับไปยังที่พกั ของตัวเอง
ผ่านไปไม่นาน ‘นักสื บ’ อย่างจงหลีค่วยก็มาอีกแล้ว ถามว่า “เป็ นยังไงบ้าง?”
เหมียวอี้ยกั ไหล่สองข้าง แล้วส่ ายหน้ายิม้ เจื่อน “ชัดเจนมาก อีกฝ่ ายไม่สนใจข้า ไม่มีการตอบกลับเลย”
“ก็ไม่แน่นะ รี บบอกมาว่าคนไหน ข้าจะไปช่วยพูดให้ ไม่แน่อาจจะสําเร็ จก็ได้” จงหลีค่วยรู ้สึกคันยิบ
ๆ ในใจ
เหมียวอี้ส่ายหน้า “ไม่ตอ้ งยุง่ ยากแล้ว เมื่อครู่ น้ ีขา้ คิดได้แล้ว ข้าปกป้ องตัวเองยังลําบากเลย อนาคตไม่
แน่นอน ไม่จาํ เป็ นต้องทําให้อีกฝ่ ายลําบากไปด้วย ตอนหลังค่อยว่ากันใหม่ ถ้าข้าผ่านด่านยากที่อยู่
ตรงหน้าไปได้ ถึงตอนนั้นข้าค่อยบอกท่าน ให้ท่านช่วยเป็ นคนกลางประสานให้”
“อย่างนี้เองเหรอ!” จงหลีค่วยคิดไปคิดมาก็พบว่าคงทําได้แค่น้ ี ก่อนหน้านี้หมิงจ้าวและพวกอาจารย์อา
ก็กาํ ลังพูดคุยปรึ กษาเรื่ องนี้อยูพ่ อดี บอกว่าอนาคตเหมียวอี้ไม่แน่นอน ถ้าปล่อยให้ศิษย์หญิงของ
ปราสาทดําเนินนภาไปกับเหมียวอี้ จะเหมือนเป็ นการไม่แสดงความรับผิดชอบต่อลูกศิษย์ในสํานัก
หรื อเปล่า
เมื่อเห็นเหมียวอี้ทาํ ท่าเหมือนอารมณ์หดหู่นิดหน่อย จงหลีค่วยก็ยอ่ มพูดปลอบใจไปยกหนึ่ง แล้ว
กลับไปรายงานอีก
ตอนหลังเหมียวอี้ไม่ได้เคลื่อนไหวติดต่อกันอีก กลัวจะทําให้คนสงสัย ระงับอารมณ์และอยูน่ ิ่ง ๆ
ชัว่ คราวสองวัน ทําท่าเหมือนหมดอาลัยตายอยากเพราะถูกความรักโจมตี
หลังจากนั้นสองวัน เหมียวอี้ถึงได้ออกจากเรื อนพัก อ้างว่าจะออกไปเดินเล่นให้สบายใจ จงหลีค่วย
บอกว่าจะไปเป็ นเพื่อน แต่เหมียวอี้ปฏิเสธ จงหลีค่วยจึงทําได้เพียงบอกว่าเขาว่ามีที่ไหนในปราสาท
ดําเนินนภาที่หา้ มล่วงลํ้าเข้าไปส่ งเดช อย่างเช่นสถานที่ที่ประมุขปราสาทและบรรดาผูอ้ าวุโสเก็บตัว
ฝึ กตน
เหมียวอี้ตอบว่ารู ้แล้ว จะจําไว้ แล้วก็ออกไปคนเดียว
เขาเดินวนไปวนมาอยูค่ นเดียว ปล่อยตัก๊ แตนห้าตัวออกมาเป็ นหูเป็ นตาให้ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มี
ใครสะกดรอยตาม เขาก็คลําทางไปตรงจุดที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ตรงภูเขาลูกนั้นที่เขาเห็นตอน
เหาะอยูบ่ นฟ้ าสูงหกพันจั้ง
ยืนอยูบ่ นยอดเขา ฟ้ าดินกว้างใหญ่ไพศาล ตอนที่รู้สึกเหมือนได้ยอ้ นกลับไปที่เขาเพลิงนภา เหมียวอี้ถึง
พบว่าที่นี่คือภูเขาไฟ
แต่อุณหภูมิของที่นี่ยงั ไม่สูงเท่าที่หุบเขาเพลิงนภา อย่างน้อยตั้งแต่ไหล่เขาลงไปก็ยงั มีตน้ ไม้งอกเขียว
ชอุ่ม บนยอดเขายังมีหิมะทับถมอยูบ่ า้ ง ไม่รู้เหมือนกันว่าภูเขาไฟลูกนี้ไม่ได้ปะทุมากี่ปีแล้ว ในเมื่อเป็ น
ภูเขาไฟ ตามหลักการแล้วคงไม่ซ่อนของไว้ขา้ งนอก ควรจะซ่อนไว้ขา้ งในตรงจุดที่คนพบเห็นไม่ได้
ง่าย ๆ โดยเฉพาะของที่เตรี ยมจะซ่อนไว้หลายปี เห็นได้ชดั ว่าคงไม่ขดุ หลุมฝังซ่อนเอาไว้มวั่ ๆ แน่
หรื อพูดได้อีกอย่างว่า เป็ นไปได้สูงที่ของจะซ่อนอยูใ่ นกลางภูเขาไฟ
สําหรับมนุษย์ธรรมดา การซ่อนของไว้กลางภูเขาไฟคือเรื่ องที่เป็ นไปไม่ได้ แต่สาํ หรับนักพรตคือเรื่ อง
ที่เป็ นไปได้ มิหนําซํ้า เหมียวอี้กเ็ ป็ นคนที่ผา่ นประสบการณ์ที่เขาเพลิงนภามาแล้วด้วย ขนาดเลี่ยหวน
ยังสร้างตําหนักไว้ในภูเขาไฟได้ นับประสาอะไรกับการซ่อนของไว้ในภูเขาไฟล่ะ
เหมียวอี้มองดูถ้ าํ ภูเขาไฟที่กลวงและมืดมิดแวบหนึ่ง แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระวังตัวอีกครั้ง
จนกระทัง่ พวกตัก๊ แตนส่ งข้อมูลมายืนยันว่าไม่มีใครสะกดร้อยตาม ถึงได้เก็บตัก๊ แตนห้าตัวนั้น แล้ว
ลอยลงไปตรงกลางภูเขา
เขาลอยลงมาอย่าไม่รีบร้อน ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองสํารวจรอบ ๆ ไม่หยุด กลัวว่าจะพลาดอะไรไป
แต่ไม่พบอะไรเลยตลอดทาง กลับเป็ นอุณหภูมิตรงกลางภูเขาที่สูงขึ้นเรื่ อย ๆ หลังจากลงมาได้
ประมาณสามร้อยจั้ง ก็เห็นหิ นหนืดสี แดงสดไหลปุด ๆ ออกมา
ตลอดทางที่ลอยลงมาก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไรเลย แม้แต่พวกโพรงถํ้าก็ไม่เห็นเลยสักโพรง อย่า
บอกนะว่าของซ่อนอยูใ่ ต้หินหนืด
สําหรับนักพรตทัว่ ไป การเข้าไปอยูใ่ ต้หินหนืดเป็ นเรื่ องที่ค่อนข้างยุง่ ยาก แต่สาํ หรับเหมียวอี้ อาศัยวร
ยุทธ์ที่เขามีในตอนนี้ อุณหภูมิสูงนิดหน่อยทําอะไรเขาไม่ได้
พอเขากดฝ่ ามือลงไปข้างล่าง ในหิ นหลอมเหลวที่ไหลทะลักก็จมลงกลายเป็ นหลุมลึกทันที เหมียวอี้ที่
กําลังร่ ายเคล็ดวิชาอัคนีดาราจมดิ่งลงไปในหิ นหนืดราวกับมีฟองกาศห่อหุม้ ตัว
ยิง่ ลงไปข้างล่าง อุณหภูมิกย็ งิ่ สูง สําหรับนักพรตทัว่ ไป การอยูใ่ นอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้จะสิ้ นเปลือง
พลังอิทธิฤทธิ์รุนแรงมาก จะทนรับไม่ไหว แต่เหมียวอี้กลับพอทนไหว
แต่พอยิง่ ลงมาข้างล่าง ขอบเขตของหิ นหลอมเหลวก็ยงิ่ กว้างขึ้น เหมียวอี้ที่กาํ ลังร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจหา
ไปทัว่ รู ้สึกลําบากนิดหน่อย เมื่อลอยลงมาจนถึงจุดที่ลึกหนึ่งพันจั้ง จู่ ๆ เหมียวอี้ที่วนหาตามผนังถํ้าหิ น
หนืดก็ตาเป็ นประกาย พบว่าบนผนังถํ้าที่ดาํ เกรี ยมมีบนั ไดหิ นที่คนขุดเจาะให้กลวงเข้าไป มีภาพสลัก
รู ปประตูบานหนึ่งเป็ นแอ่งเว้าอยูบ่ นผนังถํ้า
เหมียวอี้ยนื อยูห่ น้าประตู ร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจบนประตูหินครู่ หนึ่ง พอพบว่าข้างในเป็ นโพรง เขาก็ดีใจ
มาก หรื อว่าสมบัติจะอยูท่ ี่นี่?
ปั้ง! ชกเข้าไปหนึ่งหมัด ประตูหินที่หนาเกือบสองจั้งพังเข้าไป เหมียวอี้ถลันตัวเข้าไป หิ นหนืดที่แดง
ฉายที่อยูข่ า้ งหลังก็ทะลักตามเข้าไปด้วยเช่นกัน ส่ องแสงสว่างจนเห็นทางข้างในชัดเจน
เหมียวอี้ข้ ึนไปตามบันไดหินที่ขดุ ขึ้นมาอย่างง่าย ๆ หิ นหนืดที่ไหลกลิ้งเข้ามาค่อย ๆ หยุดอยูข่ า้ งหลัง
เนื่องจากแรงกดดันและลักษณะพื้นภูมิภายใน ทําให้หินหนืดทะลักตามขึ้นมาไม่ได้อีก เหมียวอี้ที่เดิน
ขึ้นมาหลายสิ บจั้งก้าวขึ้นมาบนแท่นหิ น กิ้งก่ายักษ์ตวั หนึ่งดึงดูดความสนใจเขาแล้ว ขนาดคลานอยูบ่ น
พื้นยังสูงกว่าเขาอีก มันหน้าตาดุร้าย ขนาดหลับตาอยูก่ ย็ งั สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความดุร้าย
เป็ นกิ้งก่าสี แดงเพลิง เหมือนกับตะขาบสี เขียวที่เจอตรงก้นทะเลสาบในดาวแมกไม้ กิ้งก่าตัวนี้มีเกล็ดสี
แดงหนาทนทานทั้งตัว ถูกโซ่สีทบั ทิมล่ามเอาไว้เช่นกัน บนร่ างกายตะปูยาวสี แดงหนาเท่าแขนเสี ยบ
อยูห่ ลายตัว หลับตาสนิทสองข้างไม่เคลื่อนไหว ไม่รู้วา่ เป็ นหรื อตาย
เหมียวอี้ลองร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู อยากจะรู ้วา่ สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็ นหรื อตาย ปรากฏว่าพลังอิทธิฤทธิ์
ของเขาเหมือนจะไปกระตุน้ มันเข้าแล้ว ปากใหญ่ที่มีฟันแหลมน่ากลัวพลันอ้าออก พ่นเปลวเพลิงที่
ร้อนแรงกลุ่มหนึ่งออกมา เพียงแต่ดูอ่อนแรงมาก พอเหมียวอี้ต้ งั ฝ่ ามือรับข้างเดียว เปลวเพลิงก็แยกเป็ น
สองฝั่งอ้อมตัวเขาไปทันที
แต่กพ็ น่ ไฟแค่คาํ เดียว ปากใหญ่ที่มีฟันน่าเกลียดน่ากลัวของกิ้งก่าสี แดงเพลิงหุบปิ ดเหมือนเดิม แล้ว
นอนนิ่งไม่กระดิกตัวต่อไป แต่อย่างน้อยก็พิสูจน์ให้เหมียวอี้เห็นแล้วว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ยงั มีชีวติ อยู่
เหมียวอี้ตกใจอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าผูซ้ ่อนสมบัติจะนําสัตว์แบบนี้มาไว้ที่นี่ทาํ ไม ที่กน้ ทะเลสาบครั้งก่อน
ก็เป็ นตะขาบยักษ์ ครั้งนี้กเ็ ป็ นกิ้งก่าสี แดงเพลิง ล้วนเป็ นปี ศาจเฒ่าที่แค่เห็นก็ทาํ ให้กลัวแล้ว แต่ตะขาบ
ครั้งก่อนยังดีกว่าหน่อย มันพ่นพิษเพราะมีเจตนาจะเฝ้ าสมบัติ แต่อานุภาพของไฟที่กิ้งก่าไฟตัวนี้พน่
ออกมา เหมือนจะไม่มีภยั คุกคามต่อนักพรตประเภทที่สามารถมาถึงสถานที่แบบนี้เท่าไรเลย ไม่รู้วา่
จับมันมามัดไว้แบบนี้หมายความว่าอะไร?
ยังไม่ตอ้ งสนใจเรื่ องพวกนี้ เหมียวอี้กวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นในโพรงถํ้าบนผนังหิ นที่อยูต่ รงหน้ามี
แสงขมุกขมัวเปล่งออกมา เขาถลันตัวข้ามร่ างมหึ มาของกิ้งก่าเพลิง เข้าไปในโพรงถํ้าและตกลงในห้อง
หิ นห้องหนึ่ง
บนเพดานของห้องหิ นฝังไข่มุกราตรี ไว้เม็ดหนึ่ง บนผนังหิ นที่อยูต่ รงข้ามมีภาพสลักสตรี ทะยานฟ้ าอีก
แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้บนฝ่ ามือนางถือกล่องโลหะที่เหมือนมณี แดงใบหนึ่ง มองปราดเดียวก็รู้วา่ ทํามาจาก
ผลึกแดงที่มีความริ สุทธิ์สูง
เมื่อมีประสบการณ์ครั้งแรกไปแล้ว เหมียวอี้กพ็ งุ่ เข้าหาเป้ าหมายทันที พอกางนิ้วทั้งห้า กล่องใบนั้นก็
หลุดฝ่ ากําแพงออกมาตกอยูใ่ นมือของเขา
เมื่อได้ของมาไว้ในมือ ไม่น่าเชื่อว่าเหมียวอี้จะไม่กล้าเปิ ดกล่อง เขาถูกปั่นหัวจนกลัวแล้ว ภาวนาว่า
อย่าให้เปิ ดมาเจอไอ้แผนที่บา้ ๆ นัน่ อีกเลย ถ้าเป็ นแบบนั้นตนก็ไม่เล่นด้วยแล้ว โดนปั่ นหัวเล่นถึงขั้นนี้
ถ้าเล่นต่อไปคงจะตายแน่
จะไม่เปิ ดก็ไม่ได้ เหมียวอี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดึงสลักออก เปิ ดฝาช้า ๆ อย่างระมัดระวัง พอมองเข้า
ไปก็มึนหัวนิดหน่อย เป็ นก้อนโลหะกลมสี ดาํ อีกแล้ว! เหมียวอี้อยากจะทุ่มของที่อยูใ่ นมือเสี ยตรงนี้ แต่
หลังจากเปิ ดฝาครอบออกจนสุ ด ก็พบว่าในกล่องมีของอย่างอื่นด้วย เป็ นแผ่นหยกแผ่นหนึ่ง
มันคืออะไร? เหมียวอี้รีบหยิบแผ่นหยกมาไว้ในมือ กรอกพลังอิทธิฤทธิ์เข้าไปอ่าน ทําให้ตาเป็ น
ประกายลุกวาวทันที
ในแผ่นหยกเขียนตัวอักษรตัวใหญ่ไว้หนึ่งแถว : เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน ดิน!
พออ่านเนื้อหาที่อยูข่ า้ งล่าง ก็พบว่าเป็ นเคล็ดวิชาฝึ กตนจริ ง ๆ เหมียวอี้เรี ยกได้วา่ น่าชื่นตาบาน ได้
สมบัติมาไว้ในมือแล้ว!
แต่เขาก็ดีใจได้แค่ประเดี๋ยวเดียว สายตาไปหยุดอยูบ่ นก้อนโลหะกลมสี ดาํ พึมพําในใจว่า นี่มนั แผนที่
อะไรอีก? เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินคงไม่ได้แบ่งเป็ นหลายส่ วนหรอกใช่ม้ ยั ? ท่านปู่ ที่
ซ่อนสมบัติ ท่านอย่าแกล้งข้าเล่นเชียวนะ!
เหมียวอี้หยิบก้อนโลหะกลมมาไว้ในมือ หลังจากร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจดู มันก็กางออกในฝ่ ามือทันที
เขากวาดสายตามองแวบหนึ่ง พบว่าเป็ นแผนที่จริ ง ๆ ยังเป็ นภาพสตรี ทะยานฟ้ าที่นิ่มนวลอ่อนช้อย
ตัวอักษร ‘ลิขิตแห่งเส้นทางแห่งเซียนยังไม่จบสิ้ น เรื อกระดูกลอยอยูใ่ นทะเลเลือด’ ก็ยงั อยู่ แผนที่ดาว
รวมทั้งแผนที่ซ่อนสมบัติที่แนบมาก็ยงั อยูเ่ ช่นกัน
สิ่ งที่ทาํ ให้เหมียวอี้เบิกตากว้างก็คือ ตัวอักษรสองตัวที่อยูด่ า้ นบนแผนที่ ‘อู๋’ กับ ‘ดิน’
เมื่อนํามารวมกับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินที่อยูใ่ นมือ ก็เดาได้ไม่ยากว่าแผนที่ที่อยูใ่ นมือ
คืออะไร อย่าบอกนะว่าเป็ นที่ซ่อนมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงภาคดิน?
การเชื่อมต่อของข้างหน้าและข้างหลังชัดเจนเกินไป จะไม่ให้สงสัยว่าเป็ นมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงภาคดิน
ก็คงยาก
เหมียวอี้รู้สึกเร่ าร้อนในใจ รี บนําแผนที่ฉบับสําเนาที่หมิงจ้าวให้ออกมา รวมทั้งกางแผนที่โลหะที่ทาํ
ให้หาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินพบ นําแผนที่ท้ งั สามฉบับมาดูเปรี ยบเทียบด้วยกัน ยังคง
ทําตามวิธีการที่หมิงจ้าวสอน ค้นหาดาวหลักบนแผนที่ที่เพิ่งได้มา แล้วเทียบกันแผนที่อีกสองแผ่น แต่
ปรากฏว่าไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
ตอนนี้เหมียวอี้ปวดประสาทแล้ว เขาไม่มีทางแน่ใจได้วา่ มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงภาคดินซ่อนอยูท่ ี่ไหนกัน
แน่
“มารดาเจ้าเถอะ…” ท่านขุนนางเหมียวด่าแม่เสี ยเลย ไม่รู้วา่ คนซ่อนสมบัติสมองมีปัญหารึ เปล่า ซ่อน
ไว้ที่เดียวกันก็สิ้นเรื่ องแล้วมั้ย เปลืองแรงเอาไปซ่อนตรงนั้นที่ตรงนี้ที จักรวาลกว้างใหญ่ขนาดนี้จะให้
ไปหาเจอได้อย่างไร
ตอนนี้เขาทั้งกังวลทั้งตั้งตาคอย ตั้งตาคอยเพราะอยากรู ้วา่ ภาคดินของหกเคล็ดวิชาพิเศษอยูใ่ นมือคน
ซ่อนสมบัติหมดเลยหรื อไม่ ถ้าเป็ นแบบนั้นจริ ง ๆ เขาคงไม่กงั วลไม่ได้แล้ว ถ้าเจ้าบ้าที่กินยาผิดนัน่ มัน
ซ่อนของทุกชิ้นแยกกัน จะไม่เหมือนเป็ นการบังคับให้ตนต้องเที่ยวไขปริ ศนาไปทัว่ พิภพใหญ่หรอก
เหรอ
เขาไม่เข้าใจว่าผูซ้ ่อนสมบัติทาํ เรื่ องเปลืองแรงแบบนี้เพราะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าจง
ใจทรมานคนหาสมบัติ? หรื อว่ามีเจตนาอะไรอย่างอื่น?
อารมณ์ดีใจที่หาสมบัติเจอถูกแผนที่ฉบับใหม่ก่อกวนแล้ว หลังจากเก็บของ เขาถึงนึกเรื่ องบางอย่างขึ้น
ได้ สมบัติอย่างอื่นที่ราชันลัทธิมารซ่อนไว้ล่ะ? สิ้ นเปลืองความพยายามไปมากขนาดนี้ คงไม่ได้ซ่อน
ของไว้อย่างเดียวหรอกใช่ม้ ยั ?
ในห้องหิ นที่เล็กจนมองปราดเดียวก็เห็นทุกอย่าง มีตรงไหนบ้างที่สามารถซ่อนสมบัติอย่างอื่นไว้ได้
เหมียวอี้รีบร่ ายอิทธิฤทธิ์สาํ รวจจนทัว่ ตรวจสอบทั้งข้างในข้างนอก รวมทั้งจุดที่กิ้งก่าเพลิงโดนล่าม
ด้วย ปรากฏว่าทุกที่มีแต่ผนังหิ นที่อดั แน่นทนทาน ไม่มีสมบัติอะไรอย่างอื่นซ่อนไว้เลย ไม่มีแม้แต่เงา
ทรัพย์สมบัติมหาศาลของราชันลัทธิมารที่เขาเฝ้ าคอย
ตอนที่ 961

ช่ วยเหลือสั กสามเรื่อง

หาจนทัว่ แล้วยังไม่เจอ จู่ ๆ เหมียวอี้กพ็ บว่าสิ่ งที่ตวั เองเฝ้ าคอยมาตลอดสู งเกินไปรึ เปล่า ใครบอกล่ะว่า
ต้องเป็ นราชันลัทธิมารเท่านั้นที่ซ่อนสมบัติไว้? ตอนแรกมีแค่แผนที่ซ่อนสมบัติของเคล็ดวิชาจอมมาร
ไร้เทียมทาน ก็ทาํ ให้คิดไปแล้วว่าเป็ นสมบัติที่ราชันลัทธิมารซ่อนไว้ ตอนนี้มีมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงโผล่
มาอีกแล้ว จะเอาอะไรมาแน่ใจว่าเป็ นราชันลัทธิมารล่ะ?
เมื่อเชื่อมโยงแผนที่สมบัติสองฉบับนี้ เขาก็สงสัยว่าผูซ้ ่อนสมบัติไม่ใช่ราชันลัทธิมารอะไรนัน่ เลย
พอนึกถึงจุดนี้ ท่านขุนนางเหมียวก็สิ้นหวังสุ ด ๆ ทําได้เพียงหยุดการค้นหาสุ่ มสี่ สุ่มห้า เดินวนรอบ
กิ้งก่าเพลิงที่โดนขังสองสามรอบ แล้วส่ ายหน้าเดินออกไป ดําเข้าไปในหิ นหนืดเพลิงอีกครั้ง
เหมียวอี้เหาะออกจากกลางภูเขาไฟมาเหยียบลงบนยอดเขา ตอนที่กม้ มองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เขาก็
ทอดถอนใจมาก ซ่อนสมบัติไว้ตรงนี้ ต่อให้มีคนลงไปได้ แต่กค็ งไม่รู้วา่ ผูซ้ ่อนสมบัติจะสามารถ
ค้นหาจนทัว่ แล้วสุดท้ายพบทางเข้าเล็ก ๆ ในหิ นหนืดที่อยูล่ ึกลงไปหนึ่งพันจั้ง จากดาวแมกไม้จนถึง
ที่นี่ จากที่คน้ หามาตลอดทาง เขาพบว่าผูซ้ ่อนสมบัติมีความคิดรอบคอบมากทีเดียว
หลังจากกลับมาถึงปราสาทดําเนินนภา เหมียวอี้กน็ าํ ระฆังดาราออกมาติดต่อศีลแปด ผลปรากฏว่าไม่มี
การตอบกลับ ไม่รู้ดว้ ยว่าสถานการณ์ของเจ้าบ้านัน่ เป็ นอย่างไรกันแน่ และเขาก็ไม่อยากอยูท่ ี่นี่ไป
ตลอด คาดว่าความอดทนของสมาคมวีรชนมีจาํ กัด ถึงได้เป็ นฝ่ ายกล่าวอําลาปราสาทดําเนินนภา
ทางปราสาทดําเนินนภาก็รักษาคําพูดเหมือนอย่างเคย ยังส่ งหมิงจ้าวและนักพรตระดับบงกชรุ ้งอีกสอง
คนให้คุม้ กันส่ ง เหาะอยูใ่ นอวกาศด้วยความเร็ วตลอดทางจนถึงดาวเทียนหยวน
เมื่อส่ งเหมียวอี้เข้าไปในตลาดสวรรค์ พวกหมิงจ้าวก็นบั ว่าทําภารกิจสําเร็ จแล้ว ทั้งสองฝ่ ายกล่าวอําลา
และบอกให้อีกฝ่ ายรักษาตัวดี ๆ
คนกลุ่มหนึ่งตามมาตลอดทางตั้งแต่อยูใ่ นอวกาศ เห็นได้ชดั ว่าเป็ นคนของสมาคมวีรชน พอตามเข้ามา
ในเมือง ก็เจอหน้าพวกหมิงจ้าว ทั้งสามสบตากับคนพวกนั้น แล้วหมิงจ้าวก็หนั หลังกลับไปมอง
เหมียวอี้แวบหนึ่ง ก่อนจะออกจากเมืองไปทันที
เหมียวอี้มองคนกลุ่มนั้นของสมาคมวีรชน แต่กไ็ ม่ได้พดู อะไรมาก หันหน้าเดินออกจากตรงนั้นไป มุ่ง
ตรงสู่ร้านขายของชําซื่อตรงเพื่อเข้าพบอวี้ซวีเจินเหริ น
เมื่อเห็นเหมียวอี้ อวี้ซวีเจินเหริ นก็รู้สึกผิดมาก ยืน่ มือเชิญให้เหมียวอี้นงั่ ลงแล้วบอกว่า “ฆราวาส ที่
ปล่อยร้านขายของชําไป… สํานักลมปราณก็หมดหนทางแล้วจริ ง ๆ !” ขณะที่พดู ก็ใช้สองมือยืน่
สัญญาให้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย
เหมียวอี้เข้าใจว่าทางสํานักลมปราณยังไม่รู้เรื่ องที่สมาคมวีรชนกําลังไล่สงั หารเขาอยู่ สําหรับเรื่ องบาง
เรื่ อง ในเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากเหมียวอี้รับสัญญามา
อ่านดู ก็กล่าวอย่างสั้นกระชับเพื่อลดความยุง่ ยากว่า “ข้าเองก็รักษาหุน้ ส่ วนนี้ไว้ไม่อยูแ่ ล้วเช่นกัน
เตรี ยมจะปล่อยแล้ว! เจินเหริ น รบกวนท่านนํากําไรพิเศษของร้านขายของชําที่คา้ งไว้มาชําระให้ขา้
ได้ม้ ยั ข้าคิดว่าคงไม่ยากอะไรหรอกใช่ม้ ยั ?”
อวี้ซวีเจินเหริ นพยักหน้า แล้วถามว่า “ต้องการเมื่อไรล่ะ?”
“ตอนนี้เลย ยิง่ เร็ วยิง่ ดี แลกทั้งหมดเป็ นยาแก่นเซี ยนให้ขา้ ข้ามีเวลาไม่มากแล้ว” เหมียวอี้ตอบ
“ดี!” อวี้ซวีเจินเหริ นเอ่ยรับ บอกให้เขารอสักครู่ แล้วไปจัดการทันที
หลังจากนั้นเกือบครึ่ งชัว่ ยาม อวี้ซวีเจินเหริ นก็นาํ กําไลเก็บสมบัติวงหนึ่งและแผ่นหยกแผนหนึ่งส่ งให้
เหมียวอี้นบั
เหมียวอี้มองดูรายละเอียดการคิดบัญชีในแผ่นหยก ทําให้ตกตะลึงทันที พอมองดูของในกําไลเก็บ
สมบัติอีกครั้ง ก็พบว่าเหมือนจะไม่ตรงกัน อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจินเหริ น จํานวนผิดพลาดหรื อ
เปล่า?”
อวี้ซวีเจินเหริ นส่ ายหน้าบอกว่า “กําไรพิเศษของสามร้อยห้าสิ บปี มีจาํ นวนเกือบหนึ่งล้านแปดแสน
ล้าน ครั้งก่อนท่านนํายาแก่นเซียนไปแล้วหนึ่งล้านหนึ่งแสนล้าน ก่อนหน้านี้ท่านเบิกไปสองแสนล้าน
ห้าแสนล้านที่เหลือก็แลกเป็ นยาแก่นเซี ยนให้ท่านห้าล้านเม็ด ทั้งหมดอยูใ่ นแหวนเก็บสมบัติแล้ว”
ครั้งก่อนให้อวิน๋ จือชิวไปแล้วสองแสนล้าน เหมียวอี้ยกแผ่นหยกขึ้นมาถามอย่างแปลกใจ “งั้นถ้าแยก
จํานวนรวมในแผ่นหยกออก แล้วสามล้านหกแสนล้านผลึกแดงมันคืออะไรล่ะ?”
อวี้ซวีเจินเหริ นเงียบไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะอธิบายว่า “นี่คือความประสงค์ของเจ้าสํานัก เจ้าสํานักบอกไว้
แล้ว ว่าสํานักลมปราณทนแรงกดดันนี้ไม่ไหว ฆราวาสเองก็คงทนแรงกดดันนี้ไม่ไหวเช่นกัน ถ้า
ฆราวาสต้องการจะถอนตัวออก เราก็จะไม่คาํ นวณตามกําไรพิเศษแล้ว แต่คาํ นวณตามกําไรที่ผู ้
บัญชาการเซี่ ยโห้วได้ไป นําที่เหลืออีกครึ่ งหนึ่งมาเติมชดเชยให้ท่าน เจ้าสํานักบอกว่าในภายหลังท่าน
ต้องได้ใช้แน่นอน ส่ วนหนึ่งล้านแปดแสนล้านผลึกแดงที่เหลือ ทางพวกเรานําออกมาทั้งหมดรวด
เดียวไม่ได้ ถ้าจ่ายเงินส่ วนนี้ไปหมดจะส่ งผลกระทบต่อการบริ หารธุรกิจ จะอธิบายกับผูถ้ ือหุน้ คนอื่น
ไม่ได้ ดังนั้นพวกเราจึงแจ้งไปที่ร้านค้าอีกเก้าสาขาแล้ว พวกเขาจะแลกเป็ นยาแก่นเซี ยนสิ บแปดล้าน
เม็ดเพื่อมอบให้ท่านให้เร็ วที่สุด”
เหมียวอี้ซาบซึ้งอยูใ่ นใจ แสดงว่าสํานักลมปราณพยายามช่วงชิงผลประโยชน์ที่มากที่สุดให้เขา จึงถาม
ทันทีวา่ “ทําแบบนี้จะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสํานักลมปราณเหรอ?”
อวี้ซวีเจินเหริ นตอบพร้อมรอยยิม้ ขื่นขม “นี่คือส่ วนแบ่งที่ท่านควรจะได้ไป ถ้าท่านต้องการเบิกเป็ น
เงินสดก็เป็ นเรื่ องที่สมควร ไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกเราหรอก กลับเป็ นสํานักลมปราณของพวกเรา
ที่ติดค้างฆราวาสไว้เยอะ ที่สาํ นักลมปราณมีวนั นี้ได้ ก็เพราะความช่วยเหลือจากฆราวาส เรื่ องอื่นพวก
เราก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน จะว่าไปแล้ว ตอนแรกที่บริ หารร้านขายของชํานี้ พวกเราก็แค่อยากหา
เงินนิดหน่อยเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็ นการบุกเบิกวิธีการบริ หารแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในแดน
ฝึ กตน ถึงขั้นทําให้คนพากันอิจฉา แบบนี้เรี ยกว่า ราษฎรเดิมไม่มีความผิด[1] แต่เพราะมีหยกกับตัวจึง
มีความผิด!”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่กล่าวคําขอบคุณอะไรมากแล้ว!” หลังจากกุมหมัดคารวะ เหมียวอี้กบ็ อกว่า “ต่อไปนี้ขา้
ไม่มีรายได้อะไรแล้ว ตอนนี้ตอ้ งการทรัพยากรฝึ กตนจริ ง ๆ ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน เจินเหริ น หนึ่งล้าน
แปดแสนล้านที่เหลือ ให้ยาแก่นเซียนข้าสิ บล้านเม็ด แล้วให้ผลึกแดงข้าอีกแปดแสนล้าน”
“ตกลง!” อวี้ซวีเจินเหริ นพยักหน้า “เพียงแต่ตอนนี้ยงั เบิกมาไม่ได้ เกรงว่าต้องรออีกสักระยะถึงจะ
ได้มา”
“ได้ขอรับ! ข้ามีธุระต้องขอตัวก่อน ถ้าได้ของแล้วรบกวนแจ้งข้าด้วย”
“เรื่ องนี้ฆราวาสไม่ตอ้ งห่วง”
“ยังมีอีกเรื่ องหนึ่ง คนพวกนั้นที่ฮุบหุน้ ของร้านขายของชําไป รบกวนเจินเหริ นนํารายชื่อมาให้ขา้ สัก
ฉบับ”
อวี้ซวีเจินเหริ นตกใจ “ฆราวาส อย่าบุ่มบ่ามเชียวนะ ท่านไปมีเรื่ องกับคนพวกนั้นไม่ไหวหรอก”
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมตอบว่า “เจินเหริ นคิดมากไปแล้ว ข้ายังไม่อยากรนหาที่ตายหรอก แค่จะเอาไปใช้
อย่างอื่นเฉย ๆ ” แต่พดู เสริ มในใจว่า ใครมันฮุบของของของข้า สักวันหนึ่งข้าจะให้มนั คายออกมาทั้ง
ต้นทั้งดอก ตราบใดที่ขา้ ยังไม่ตาย ก็เตรี ยมตัวรอข้าไว้ได้เลย!
หลังจากบอกเรื่ องบางอย่างไว้ชดั เจนแล้ว เหมียวอี้กไ็ ม่กล้าอยูท่ ี่นี่นาน เดินออกจากร้านขายของชํา
ซื่อตรง มุ่งตรงสู่เขตเมืองตะวันออก
ระหว่างทาง ไม่น่าเชื่อว่าคนของสมาคมวีรชนจะติดตามเขาอย่างโจ่งแจ้ง เรี ยกได้วา่ จับจ้องเขาอย่างไม่
เกรงกลัวอะไรเลย
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าลงมือที่นี่ เหมียวอี้จึงไม่กลัวพวกเขา กลัวแค่หวงฝู่ จวินโหรวจะขอให้ไอ้
เวรเซี่ ยโห้วหลงเฉิงมาบังคับเท่านั้น จึงรี บหลบไปที่อาณาเขตของศัตรู คู่แค้นของเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง มา
ขอพบโค่วเหวินหลานจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก
ผ่านไปครู่ เดียว หลังจากรายงานแล้ว คนเฝ้ าประตูกป็ ล่อยเขาเข้าไป คนของสมาคมวีรชนที่หยุดอยู่
หน้าจวนผูบ้ ญั ชาการมองหน้ากันเลิกลัก่ ไม่กล้าบุกเข้าไปโดยพลการ หนึ่งในนั้นมีคนรี บนําระฆัง
ดาราออกมาติดต่อหวงฝู่ จวินโหรว
เหมียวอี้ที่ถูกพาเข้าไปที่หอ้ งรับแขกรออยูค่ รู่ หนึ่ง โค่วเหวินหลานถึงได้เดินเนิบนาบเข้ามา แล้วกล่าว
กลั้วหัวเราะว่า “พี่หนิวช่างเป็ นแขกทีนาน ๆ มาที!”
เหมียวอี้รีบยืนขึ้นคํานับ “คํานับผูบ้ ญั ชาการโค่ว!”
โค่วเหวินหลานยืน่ มือเชิญให้ดื่มชา หลังจากตัวเองนัง่ ลง ก็สะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมาป้ องปากหัวเราะ
“ได้ยนิ ว่าคนของสมาคมวีรชนสนใจพี่หนิวมากเชียวนะ ไม่ทราบว่าพี่หนิวมาเยีย่ มตอนนี้เพราะมีอะไร
จะชี้แนะ?”
เหมียวอี้เห็นรอยยิม้ ในดวงตาเขาแฝงความหมายลึกซึ้ง รู ้สึกเหมือนเขาจะเดาออกถึงเจตนาของตน
รู ้สึกวูบในหัวใจทันที คนคนนี้ฉลาดกว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเยอะ
“ท่านผูบ้ ญั ชาการรู ้ข่าวไวจริ ง ๆ ! มิบงั อาจชี้แนะหรอก” เหมียวอี้ไม่จาํ เป็ นต้องปิ ดบังอะไรอีก พูดตรง
ๆ เลยว่า “ท่านผูบ้ ญั ชาการคงรู ้แล้วว่าทําไมคนของสมาคมวีรชนจึงไล่ตามข้าไม่ปล่อย สมาคมวีรชน
คุกคามรังแกกันเพื่อหุน้ ร้านขายของชําสองส่ วนในมือข้า รังแกกันเกินไปแล้วจริ ง ๆ ข้าเลยยอมเป็ น
หยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็ นกระเบื้องสมบูรณ์[2] ยินดีจะนําหุน้ สองส่ วนของร้านขายของชําซื่ อตรงมอบ
ให้ท่านผูบ้ ญั ชาการ!”
โค่วเหวินหลานตาเป็ นประกายทันที
คนที่มีพ้นื เพแบบเขา ปกติจะไม่มาสนใจเรื่ องทําธุรกิจเอง เพราะความรู ้สึกค่อนข้างช้า สู ค้ นทําธุรกิจ
อย่างหวงฝู่ จวินโหรวไม่ได้ นางมองเห็นอนาคตของร้านขายของชําตั้งแต่แรก กําจัดคนเห็นต่างและ
เข้ามาแทรกแซงตั้งนานแล้ว แม้แต่เซี่ ยโห้วหลงเฉิงที่เป็ นไอ้โง่ในสายตาเขาก็ชอ้ นหุน้ ไปแล้วสองส่ วน
ร้านขายของชําที่เมื่อก่อนไม่ค่อยสะดุดตา ปัจจุบนั หลังจากขยายสาขาแล้ว การผงาดขึ้นอย่างฉับพลัน
ทําให้การร้องทุกข์ของพวกพ่อค้าดึงดูดความสนใจคนจํานวนมากทันที หลังจากให้ความสนใจเพิ่มขึ้น
คนพวกนั้นก็คน้ พบอย่างตกตะลึงว่า ถ้าใช้วธิ ีการบริ หารแบบนี้กบั ธุรกิจของทั้งแดนฝึ กตน ใน
ภายหลังนักพรตทั้งใต้หล้าจะต้องทําการซื้ อขายกับร้านขายของชํานี้แน่นอน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ กําไรที่
เกิดขึ้นจะน่าดูขนาดไหน
ยิง่ คนที่มีฐานะตําแหน่งสูง ค่าใช้จ่ายก็ยงิ่ มาก ลูกน้องที่เลี้ยงไว้กย็ งิ่ มีเยอะ ตระกูลโค่วก็ไม่ใช่ขอ้ ยกเว้น
หุน้ สองส่วนของร้านขายของชําเป็ นส่ วนแบ่งที่ไม่นอ้ ยเลย!
โค่วเหวินหลานค่อย ๆ วางผ้าเช็ดหน้าในมือลง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ในใต้หล้านี้ไม่มีของที่
ได้มาโดยไม่ตอ้ งจ่าย มีเงื่อนไขอะไรก็วา่ มาตรง ๆ เถอะ”
ไม่จาํ เป็ นต้องพูดคลุมเครื ออ้อมค้อมกับคนประเภทนี้ เหมียวอี้บอกตรง ๆ เลยว่า “อยากจะขอให้ท่านผู ้
บัญชาการช่วยอะไรนิดหน่อยสักสามเรื่ อง”
“ช่วยนิดหน่อย?” โค่วเหวินหลานเลิกคิ้ว แล้วพยักหน้าบอกว่า “ว่ามาให้ฟังก่อนสิ ”
เหมียวอี้ยนื ขึ้น “หนิวโหย่วเต๋ อไร้ความามารถ แต่อยากจะเป็ นขุนนางของตําหนักสวรรค์!”
เรื่ องนี้จดั การได้ยากสําหรับคนทัว่ ไป คนที่ตาํ หนักสวรรค์จะรับเป็ นขุนนาง โดยทัว่ ไปจะเป็ นคนที่
สามารถสร้างคุณูปการอย่างชัดเจนให้ตาํ หนักสวรรค์ได้ ต่อให้เป็ นมนุษย์ธรรมดา แต่ถา้ มีอาํ นาจมาก
พอที่จะรวบรวมพลังปรารถนาของสาวกให้ตาํ หนักสวรรค์ ก็สามารถได้รับแต่งตั้งจากตําหนักสวรรค์
ได้ท้ งั นั้น หรื อที่พวกมนุษย์เรี ยกกันว่าสําเร็ จเป็ นเซียนเป็ นพระ สํานักพุทธที่มีอาํ นาจทัดเทียมกับ
ตําหนักสวรรค์กใ็ ช้หลักการนี้เหมือนกัน ส่ วนนักพรตทัว่ ไปที่อยากจะได้รับแต่งตั้งจากตําหนักสวรรค์
อย่างน้อยก็ตอ้ งมีคนของตําหนักสวรรค์สามคนแนะนําและรับประกันให้ โดยทัว่ ไปถ้าไม่ใช่คนที่เชื่อ
ใจกันมาก ก็จะไม่มีใครมารับประกันให้ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเรื่ องขึ้นมาก็จะต้องติดร่ างแหไปด้วย
แต่สาํ หรับตระกูลโค่ว เหมียวอี้เชื่อว่าเรื่ องนี้ไม่ใช่เรื่ องยากอะไร
โค่วเหวินหลานยังสี หน้าไม่เปลี่ยน เพียงเหล่ตามองมา พลางถามเสี ยงเรี ยบว่า “อยากเป็ นขุนนางระดับ
ใหญ่ขนาดไหน?”
“จะเล็กจะใหญ่กไ็ ม่เป็ นไร แล้วแต่ท่านผูบ้ ญั ชาการจะจัดให้” เหมียวอี้ตอบ
“บอกมาสักสองเรื่ องก่อนแล้วกัน?” โค่วเหวินหลานถาม
เหมียวอี้ตอบว่า “ในปี นั้นตอนเพิ่งเริ่ มเปิ ดร้านขายของชําซื่อตรง ข้าน้อยเคยไปขอยืมเครื่ องประดับชุด
หนึ่งมาเรี ยกกระแสนิยม เรื่ องนี้ท่านผูบ้ ญั ชาการรู ้อยูแ่ ล้ว เพียงแต่ตอนขอยืมเครื่ องประดับพวกนั้นมา
ข้าน้อยรับปากอีกฝ่ ายไว้วา่ จะหาหน้าร้านที่ตลาดสวรรค์ให้สกั ร้าน แต่จนใจที่ความสามารถมีจาํ กัด ยัง
ไม่ได้ทาํ ตามสัญญา เลยอยากจะขอให้ท่านผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกดูแลจัดหาให้สกั ร้าน”
“อยากได้ร้านที่ใหญ่ขนาดไหนล่ะ?” โค่วเหวินหลานถามอีก
“จะเล็กจะใหญ่กไ็ ม่เป็ นไร แล้วแต่ท่านผูบ้ ญั ชาการจะจัดให้!” เหมียวอี้ตอบ
สําหรับสองเรื่ องนี้ เขาไม่เสนอเงื่อนไขใด ๆ กับอีกฝ่ าย ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งนั้น ไม่อยากให้อีกฝ่ าย
รู ้สึกลําบากใจอะไรทั้งนั้น ต้องรู ้จกั สละทิ้ง ถึงจะได้สิ่งตอบแทนกลับมาง่าย ๆ !
…………………………

[1] ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด 匹夫无罪怀璧其罪 อุปมา


ว่า มีภยั เพราะความสามารถของตัวเอง

[2] ยอมเป็ นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็ นกระเบื้องสมบูรณ์宁为玉碎 , 不为瓦全 อุปมาว่า ตั้ง


มัน่ ในความดีไม่เปลี่ยนแปลงไม่หลงไปในทางเลว
ตอนที่ 962

ทหารเลวของตําหนักสวรรค์

สมเหตุสมผล ท่าทีแบบนี้ทาํ ให้โค่วเหวินหลานพอใจมาก จึงพยักหน้าเบา ๆ พร้อมถามว่า “สองเรื่ องนี้


เดี๋ยวข้าจะลองจัดการดู แล้วเรื่ องสุ ดท้ายล่ะ?”
“เรื่ องสุ ดท้ายผูน้ อ้ ยโดนกดดันจนหมดหนทางจริ ง ๆ สมาคมวีรชนมีอาํ นาจมาก หวังว่าผูบ้ ญั ชาการโค่
วจะบอกกล่าวสมาคมวีรชนสักหน่อย ไม่ให้พวกเขากลัน่ แกล้งผูน้ อ้ ยอีก!” เหมียวอี้ตอบด้วยรอยยิม้ ขื่น
ขม
“บอกกล่าว? บอกกล่าวอะไร? เป็ นความแค้นส่ วนตัวระหว่างพวกเจ้า พวกเขาไม่ได้ทาํ เรื่ องอะไรผิด
กฎสวรรค์ จะให้ขา้ ไปบอกกล่าวอะไร?” โค่วเหวินหลานยืนขึ้นพูด “รออีกไม่กี่วนั หรอก รอให้เจ้า
ได้รับแต่งตั้งเป็ นขุนนางตําหนักสวรรค์ สมาคมวีรชนย่อมไม่กล้าแตะต้องเจ้าแล้ว”
“แต่ขา้ ได้ยนิ มาว่าสมาคมวีรชนมีความสามารถไม่นอ้ ย” เหมียวอี้ถามหยัง่ เชิง
โค่วเหวินหลานทําสี หน้าดูถูกทันที “ต่อให้มีความสามารถกว่านี้กเ็ ป็ นแค่พวกพวกหัวมังกุทา้ ยมังกร
ตําหนักสวรรค์คือที่ที่พวกพวกหัวมังกุทา้ ยมังกรอย่างพวกเขาจะยืน่ มือเข้ามาได้เหรอ? ถ้าทําผิดกฎจน
ฝูงชนไม่พอใจ ไม่วา่ ใครก็ปกป้ องพวกเขาไม่ได้ท้ งั นั้น เจ้าให้พวกเขาลองยืน่ มือเข้ามาสิ !”
ในเมื่ออีกฝ่ ายกล่าวแบบนี้แล้ว เหมียวอี้กไ็ ม่พดู พรํ่าทําเพลง ตรงไปตรงมามาก เขียนสัญญาโอนหุน้ ให้
ตรงนั้นเลย แล้วใช้สองมือยืน่ ให้พร้อมสัญญาที่สาํ นักลมปราณลงนามให้ “ท่านผูบ้ ญั ชาการ นี่คือหุน้
สองส่ วนของร้านขายของชําซื่อตรง ท่านผูบ้ ญั ชาการได้โปรดรับไว้!” ภายนอกดูใจกว้างซื่ อสัตย์ แต่
ในใจเหมือนมีเลือดไหล
ตรงไปตรงมาขนาดนี้เชียวเหรอ? โค่วเหวินหลานเหล่ตามองเขา รับแผ่นหยกมาอ่านดูรายละเอียด
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็แกว่งไกวแผ่นหยกในมือพร้อมถามว่า “ให้ขา้ ตอนนี้ ไม่
กลัวว่าข้าจะเบี้ยวสัญญาทีหลังเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบตรง ๆ ว่า “ผูบ้ ญั ชาการโค่วไม่เหมือนผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วเสี ยหน่อย!”
โค่วเหวินหลานอึ้งทันที หลังจากเข้าใจความหมายแล้ว เขาก็ชอบการเปรี ยบเทียบนี้ ถือผ้าเช็ดหน้า
ขึ้นมาป้ องปากหัวเราะทันที “ช่างเถอะ รออีกไม่กี่วนั หรอก อีกไม่นานเรื่ องของเจ้าจะเป็ นรู ปเป็ นร่ าง
แล้ว”
เหมียวอี้กมุ หมัดถามหยัง่ เชิงอีกว่า “ไม่ทราบว่าว่าจะให้ขา้ พักอยูใ่ นจวนของผูบ้ ญั ชาการโค่วสักสอง
สามวันได้หรื อไม่ ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วนัน่ เชื่อฟังผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ มาก ผูน้ อ้ ยกังวลนิดหน่อย” ขณะที่
พูด เขาก็สงั เกตสี หน้าท่าทางของอีกฝ่ ายไปด้วย
ก็ช่วยไม่ได้ เพราะท่านที่อยูต่ รงหน้าก็ตามจีบหวงฝู่ จวินโหรวเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้กาํ เริ บเสิ บสาน
เหมือนเซี่ ยโห้วหลงเฉิง ถ้าเทียบเรื่ องวางอํานาจบาตรใหญ่ ท่านนี้ถือว่าสงบเสงี่ยมมาก ทําให้คนเดา
ท่าทีไม่ค่อยถูก มองไม่ออกเลยว่าเขาคือคนที่ตามจีบหวงฝู่ จวินโหรว ถึงขั้นเห็นเขาใกล้ชิดติดต่อกับ
หวงฝู่ จวินโหรวน้อยมาก ชอบหวงฝู่ จวินโหรวมากขนาดไหนกันแน่ เขาต้องใช้คาํ พูดหยัง่ เชิงสัก
หน่อย ถ้าพบความไม่ชอบมาพากล จะได้ถือโอกาสเตรี ยมแผนการอีกอย่างไว้ ถือว่าใช้คาํ พูดยัว่ โมโห
โค่วเหวินหลาน หวังว่าท่านนี้จะไม่ตกอับเหมือนเซี่ยโห้วหลงเฉิง
ที่พิภพใหญ่ เหมียวอี้เป็ นแค่ตวั ละครเล็ก ๆ ที่ไร้ค่า แถมกําลังอยูใ่ นอันตรายด้วย ถ้าอยากจะลงหลักปั ก
ฐาน แต่ไม่ขยันไปมาหาสู่อย่างระมัดระวังก็คงไม่ได้!
เมื่อได้ยนิ แบบนั้น โค่วเหวินหลานก็เรี ยกได้วา่ ยิม้ อย่างเริ งร่ า พยักหน้าบอกว่า “สงสัยเจ้าจะได้
ประสบการณ์เรื่ องความร้ายกาจของหมีควายเซี่ ยโห้วมาแล้ว ก็ได้ เจ้าพักอยูก่ บั ข้าก่อนก็ได้ รอให้ได้
คําสัง่ แต่งตั้งแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อเห็นเขามีท่าทีแบบนี้ เหมียวอี้กว็ างใจลงไม่นอ้ ย แต่ในใจกลับยังสงสัยนิดหน่อย
ตรงนี้เพิ่งจะคุยจบ ทหารยามที่เฝ้ าอยูข่ า้ งนอกก็วงิ่ เข้ามารายงานแล้ว “รายงานผูบ้ ญั ชาการ ผูจ้ ดั การ
หวงฝู่ ของร้านค้าสมาคมวีรชนมาขอพบขอรับ”
“เชิญเข้ามา!” โค่วเหวินหลานพยักหน้า แล้วบอกเหมียวอี้ทนั ทีวา่ “พี่หนิว คู่แค้นของเจ้ามาแล้ว พวก
เรามานัง่ คุยพร้อมกันเลยเถอะ”
ทั้งสองออกไปข้างนอกทันที เพิ่งจะเดินมาถึงลานบ้านด้านนอก เกี้ยวหลังหนึ่งก็ถูกหามเข้ามาแล้ว
ทั้งสองหยุดฝี เท้า เกี้ยววางลงพื้นแล้วเช่นกัน หวงฝู่ จวินโหรวเรื อนร่ างอ้อนแอ้นแหวกม่านก้าวออกมา
ยังคงสวยสดใส ทวงท่าสง่างาม ย่อมดึงดูดสายตาทหารยามรอบ ๆ ให้แอบมองมา
สายตาของหวงฝู่ จวินโหรวหยุดอยูบ่ นตัวเหมียวอี้ครู่ หนึ่ง เหมียวอี้สบตากับนาง ในดวงตาฉายแวว
สับสนนิดหน่อย
โค่วเหวินหลานรี บก้าวเข้ามา ถามด้วยท่าทางดีใจมากว่า “จวินโหรว เจ้ามาได้อย่างไร!”
“ผูบ้ ญั ชาการโค่ว!” หวงฝู่ จวินโหรวคํานับเล็กน้อย แล้วก็ยมิ้ ให้เหมียวอี้ “ที่แท้ฆราวาสก็อยูด่ ว้ ย
เหมือนกัน”
รู ้อยูแ่ ก่ใจแต่แกล้งโง่ชดั ๆ เหมียวอี้พยักหน้าอย่างเย็นชา “ผูจ้ ดั การหวงฝู่ !” แล้วหันตัวไปทางโค่วเห
วินหลาน แสดงท่าทีเหมือนจะหลบเลี่ยง
ใครจะคิดว่าหวงฝู่ จวินโหรวจะยืน่ มือเข้ามาขวาง “สหายเก่าพบหน้ากัน มานัง่ คุยกันสักหน่อยสิ !”
โค่วเหวินหลานกระตุกคิว้ เล็กน้อย ถือผ้าเช็ดหน้าป้ องปากหัวเราะ แล้วยืน่ มือเชิญ ทั้งสามกลับเข้ามา
ในห้องรับแขกอีกครั้ง ย่อมมีคนนํานํ้าชามาวางให้
แต่เห็นได้ชดั ว่าหวงฝู่ จวินโหรวกับเหมียวอี้ไม่อยากแตะต้องอาหารและเครื่ องดื่มของที่นี่ จึงพุง่ เข้า
ประเด็นหลักทันที โค่วเหวินหลานยิม้ พร้อมถามว่า “จวินโหรว ปกติเจ้าไม่ค่อยมาหา ครั้งนี้เจ้ามาด้วย
ธุระอะไรเหรอ?”
หวงฝู่ จวินโหรวชําเลืองสายตาไปทางเหมียวอี้ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ บาง ๆ “ที่นี่กไ็ ม่มีคนนอก คน
สง่าผ่าเผยไม่พดู อะไรคลุมเครื อ หนิวโหย่วเต๋ อ สมาคมวีรชนก็ไม่ได้อยากจะกดดันมากเกินไปหรอก
ถ้าเจ้ามอบส่ งหุน้ สองส่ วนนั้นมาเสี ยตอนนี้ ข้ารับรองว่าสมาคมวีรชนจะไม่ไปหาเรื่ องเจ้าอีก ทางปี ศาจ
โลหิ ตก็จะวางมือเช่นกัน ต่อไปเจ้าจะไม่พบปัญหาอะไรอีก สมาคมวีรชนจะช่วยสงเคราะห์ให้ ทําแบบ
นี้ดีสาํ หรับทุกคน!”
เหมียวอี้ไม่พดู อะไรทั้งนั้น โค่วเหวินหลานหัวเราะเบา ๆ แล้วตอบแทนว่า “ข้าก็นึกว่าเจ้ามาหาข้า ที่
แท้กม็ าเพราะเรื่ องหุน้ สองส่ วนของร้านขายของชํา! จวินโหรว เจ้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง หุน้ สองส่ วนของ
ร้านขายของชําอยูใ่ นมือข้าแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่หนิวแล้ว ถ้าอยากจะได้กบ็ อกข้ามาตรง ๆ ขอแค่เจ้า
เต็มใจ ข้าย่อมมอบให้ดว้ ยความเคารพ!” ขณะที่พดู ก็นาํ แผ่นหยกสองแผ่นให้นางอ่าน
หลังจากหวงฝู่ จวินโหรวรับมาอ่าน นางก็แอบกัดฟันเงียบ ๆ พอได้ยนิ ว่าเหมียวอี้มาที่นี่ นางก็รู้สึกได้
ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว แต่ใครจะคิดว่ามาช้าไปก้าวหนึ่ง นางมองเหมียวอี้ดว้ ยแววตาคับแค้น
ผูช้ ายคนนี้ยอมให้คนอื่นเอาเปรี ยบ แต่ไม่ยอมให้นางเอาเปรี ยบ!
“โค่วเหวินหลาน เจ้าจะให้ขา้ เปล่า ๆ เชียวเหรอ?” นางฝื นยิม้ เล็กน้อย
“เจ้าก็รู้วา่ ข้าต้องการอะไร แต่งงานกับข้าสิ !” โค่วเหวินหลานยิม้ ตอบ
ตํ่าช้า! เหมียวอี้แอบดูถูกในใจ
ใครจะคิดว่าหวงฝู่ จวินโหรวจะส่ งสายตามาหาเขา แล้วยิม้ อย่างสนิทสนม “หนิวโหย่วเต๋ อ เจ้าคิดว่าข้า
แต่งงานกับผูบ้ ญั ชาการโค่วเพื่อแลกกับหุน้ สองส่ วนนัน่ ดีไหม?”
คนนอกฟังไม่ออกถึงคําพูดที่ซอ้ นอยูใ่ นคําพูด คงมีเพียงสุ นขั ตัวผูแ้ ละสุ นขั ตัวเมียคู่น้ ีที่เข้าใจ
ความหมายแฝงดีที่สุด เหมียวอี้เริ่ มระวังตัวสุ ด ๆ ปั่นป่ วนใจมาก กลัวว่าผูห้ ญิงคนนี้จะพูดสิ่ งที่ไม่ควร
พูดออกมา จึงหัวเราะแห้ง ๆ แล้วตอบว่า “เรื่ องแบบนี้ ความเห็นของข้าไม่สาํ คัญหรอก”
“เฮ้อ!” หวงฝู่ จวินโหรวถอนหายใจ แล้วหันไปหาโค่วเหวินหลาน คืนแผ่นหยกสองแผ่นกลับไป “นี่
เจ้ากําลังกลัน่ แล้งข้ารึ เปล่า? โค่วเหวินหลาน เจ้าคงจะเข้าใจนะ ว่าสมาคมวีรชนไม่ได้ตอ้ งการของสิ่ งนี้
คนจากเบื้องบนต่างหากที่ตอ้ งการ เจ้ามาเป็ นก้างขวางคอแบบนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?”
โค่วเหวินหลานตอบกลั้วหัวเราะว่า “คนไม่เอาไหนอย่างเซี่ยโห้วได้มาไว้ในมือแล้วสองส่ วน ตระกูล
เซี่ ยโห้วน่าจะพอใจแล้วล่ะ เบื้องบนได้กินเนื้อ ก็ตอ้ งเหลือนํ้าไว้ให้คนข้างล่างกินบ้างสิ ? จะให้ฮุบคน
เดียวจนคนข้างล่างอดกินเหรอ หลักการนี้ฟังขึ้นที่ไหนกัน ต่อให้เป็ นราชันสวรรค์กท็ าํ เรื่ องพรรค์น้ นั
ไม่ได้หรอก ดังนั้นเจ้าไม่ตอ้ งอ้างท่านนั้นมากดดันข้า ข้าตําแหน่งตํ่าต้อย ไม่พอให้เจรจาเรื่ องพวกนี้
หรอก เจ้าลองให้ท่านนั้นไปเจรจากับท่านผูเ้ ฒ่าบ้านข้าดูสิ หากท่านนั้นไม่กระดากใจที่จะเอ่ยปาก ข้า
ว่าท่านผูเ้ ฒ่าบ้านข้าก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธเหมือนกัน”
อีกฝ่ ายพูดถึงขั้นนี้แล้ว หวงฝู่ จวินโหรวเองก็รู้วา่ ตัวเองพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ โค่วเหวินหลาน
บอกเป็ นนัยอย่างชัดเจนมากแล้ว เจ้าตัวไม่มีสิทธิ์ตดั สิ นใจเรื่ องแบบนี้ ที่บอกว่าถ้านางแต่งงานกับเขา
แล้วเขาจะให้หุน้ นาง ล้วนเป็ นคําพูดที่เลื่อนลอยทั้งนั้น
“ในเมื่อเป็ นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” หวงฝู่ จวินโหรวยืนขึ้น แล้วพูดกับเหมียวอี้ดว้ ยรอยยิม้ ว่า
“หนิวโหย่วเต๋ อ ขอคุยด้วยเป็ นการส่ วนตัวหน่อย!”
โค่วเหวินหลานลุกขึ้นแล้วยืน่ มือเชิญ “ทั้งสองเชิญตามสะดวก!” พูดจบก็ยมิ้ พร้อมหันตัวเดินออกไป
ของมาตกอยูใ่ นมือเขาแล้ว เขาไม่กลัวว่าหวงฝู่ จวินโหรวจะเปลี่ยนแปลงอะไร
ในห้องโถงไม่มีคนอื่น ดวงตาหวงฝู่ จวินโหรวแฝงความคับแค้น ก้าวช้า ๆ เข้าไปประชิดเหมียวอี้
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ ถามว่า “ผูจ้ ดั การหวงฝู่ มีอะไรจะชี้แนะ?”
หวงฝู่ จวินโหรวยืนอยูต่ รงหน้าเขาในระยะที่ใกล้มาก ถ่ายทอดเสี ยงถามว่า “ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว คืนนี้จะ
ไปนอนค้างกับข้ามั้ย?”
คิดถึงข้าเหรอ? เจ้าคิดจะฆ่าข้าน่ะสิ ไม่วา่ ? เหมียวอี้ทาํ สี หน้าไม่ถกู เดินถอยหลังโดยไม่รู้ตวั ถ่ายทอด
เสี ยงตอบว่า “เรื่ องระหว่างเรา… ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผา่ นไปเถอะ”
“เจ้าก็พดู ได้สบายปากนี่ เจ้าทําลายความบริ สุทธิ์ของข้าไปแล้ว เจ้าย่อมปล่อยผ่านไปได้ แต่ต่อจากนี้
เจ้าจะให้ขา้ ใช้ชีวติ อย่างไร?” หวงฝู่ จวินโหรวค่อย ๆ ก้าวเข้ามาประชิด ยอดเขาที่อิ่มเอิบทั้งคู่ประชิด
เข้ามา
ถ้าให้คนอื่นเห็นภาพนี้คงแย่แน่ เหมียวอี้รีบมองซ้ายมองขวาแล้วถอยหลัง พลางตอบอย่างกินปูนร้อน
ท้องว่า “เจ้าก็รู้ดีวา่ ที่นี่คือที่ไหน นี่ไม่ใช่หอ้ งนอนของเจ้านะ”
“ไร้มโนธรรม!” หวงฝู่ จวินโหรวกล่าวอย่างคับแค้นใจ แต่ไม่สะทกสะท้าน ประชิดเข้าหาเขาจนติดมุม
ผนัง ประชิดจนเขาหมดทางถอย ยอดเขาสองข้างกดอยูท่ ี่หน้าอกของเขาแล้ว นุ่มเด้งจนน่าทึ่ง
ผูห้ ญิงคนนี้บา้ ไปแล้ว! เหมียวอี้ไม่รู้สึกว่าตัวเองกําลังเสพสุ ขกับวาสนาทางความรักเลยสักนิด กลับทํา
สี หน้าตกใจกลัว เพราะมันผิดที่ผดิ เวลาจริ ง ๆ
ผูช้ ายกลัวอะไรที่สุดรู ้ม้ ยั ? กลัวจะเจอผูห้ ญิงที่อยากจะสลัดทิ้งแต่สลัดไม่หลุดไง!
ตอนที่เพิ่งคิดจะถลันตัวหนีไป ก็โดนแขนสองข้างของหวงฝู่ จวินโหรวคล้องคอไว้แล้ว กอดไว้เต็มอก
เรื อนร่ างอ่อนนุ่มหอมกรุ่ น กลิ่นกายหอมโชยเข้าจมูก ริ มฝี ปากแดงสวยเข้ามาประกบโดยตรง ลิ้นหอม
สอดแทรกเข้ามาในปาก
เหมียวอี้พยายามผลักนางออก แต่กลับรู ้สึกเจ็บที่ริมฝี ปาก
พอกัดจนริ มฝี ปากเขามีเลือดสดไหลออกมา หวงฝู่ จวินโหรวถึงได้ผลักออก ใช้ลิ้นเลียรอยเลือดที่ริม
ฝี ปากตัวเอง จากนั้นก็ไม่รอให้เหมียวอี้ด่า หันตัวเดินออกไปทันที
“เจ้า…” เหมียวอี้พดู ไม่ออก ทําอะไรไม่ถูกอยูพ่ กั หนึ่ง รี บนําสมุนไพรเซียนซิ งหัวออกมารักษาแผล
แผลเล็กนิดเดียว สมุนไพรเซียนย่อมรักษาได้ง่าย ๆ อยูแ่ ล้ว แต่กลับไม่อาจปิ ดบังรอยเลือดบนริ มฝี ปาก
ได้ ตอนที่โค่วเหวินหลานโผล่มาอีกครั้ง ก็ถามอย่างแปลกใจว่า “พี่หนิว ทําไมที่ปากมีรอยเลือด?”
เหมียวอี้ทาํ หน้านิ่งพลางบุย้ ปากตอบ “โดนผูห้ ญิงคนนั้นชกหมัดหนึ่ง!”
“กล้าลงมือที่จวนข้า ผูห้ ญิงคนนี้ช่างไม่รู้จกั แยะแยะความสําคัญ!” โค่วเหวินหลานขมวดคิว้ แล้วบอก
อีกว่า “ยังไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องนี้ จัดการเรื่ องตําแหน่งขุนนางที่เจ้าขอก่อนดีกว่า ตอนนี้วรยุทธ์เจ้าสู ง
เท่าไร?”
เหมียวอี้ยกมือเช็ดโคลนซ่อนจิตตรงกว่างคิ้ว เผยวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่ง…
โค่วเหวินหลานมีอาํ นาจมากจริ ง ๆ หลังจากนั้นสองวัน ยังไม่ทนั มีการตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม เบื้อง
บนก็อนุมตั ิเรื่ องรับเหมียวอี้เข้ากับตําหนักสวรรค์แล้ว เหมียวอี้ไม่ได้เรี ยกร้องตําแหน่งใหญ่ แต่โค่วเห
วินหลานก็ไม่ได้เอาเปรี ยบเขา แต่งตั้งให้เป็ นทหารเลวสามแถบโดยตรง มอบเกราะรบสี ทองขั้นสี่ ให้
ชุดหนึ่ง แต่ตอนนี้ยงั ไม่มีตาํ แหน่งว่าง ตอนนี้ทาํ งานเป็ นลูกน้องโค่วเหวินหลานไปก่อน
โค่วเหวินหลานก็บอกแล้วเช่นกัน ว่ารอให้มีตาํ แหน่งที่เหมาะสม แล้วจะจัดให้อีกที
เหมียวอี้ที่ยงั ไม่ได้ตาํ แหน่งอย่างเป็ นทางการก็ไม่วา่ อะไร สิ่ งที่เขาต้องการก็คือคลุมหนังเสื อบนร่ าง
เพื่อให้สมาคมวีรชนหวัน่ เกรง ตอนนี้นอกจากฝ่ ายตําหนักสวรรค์ ข้างนอกก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา
อย่างโจ่งแจ้งอีกแล้ว เพียงแต่ราคาที่ตอ้ งจ่ายเพื่อให้ได้หนังเสื อมาคลุมนั้นสู งเกินไปหน่อย
เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบสี ทองเดินออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกอย่างสง่าผ่าเผย เดินไป
ดูร้านค้าของตัวเอง ตําแหน่งของร้านค้าอยูไ่ ม่ไกลจากจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก ไม่รู้
เหมือนกันว่าโค่วเหวินหลานใช้วธิ ีการอะไร สรุ ปก็คือทําให้เจ้าของร้านคนเดิมขายร้านให้โค่วเหวินห
ลานอย่างเคารพนบนอบ
ส่ วนโค่วเหวินหลานจะจ่ายเงินซื้อไปเท่าไร เหมียวอี้กข็ ้ ีคร้านจะไปถาม ไม่สะดวกจะถามเรื่ องการใช้
อํานาจอย่างลับ ๆ ด้วย ถึงอย่างไรโค่วเหวินหลานก็ส่งร้านต่อให้เขาแล้ว
เช่นเดียวกัน ถึงแม้เหมียวอี้จะไม่เรี ยกร้องเรื่ องขนาดของร้านค้า แต่โค่วเหวินหลานเป็ นคนรักศักดิ์ศรี
หน้าตา จะควักอะไรให้ท้ งั ทีกต็ อ้ งเล่นใหญ่ ร้านค้ามีพ้นื ที่สี่หมู่[1] ไม่ใหญ่ไม่เล็ก เหมียวอี้ที่เดินดูท้ งั
ข้างนอกข้างในไปหลายรอบพอใจมาก
…………………………
[1] หมู่(亩) คือหน่วยวัดของจีน มีขนาดประมาณ 666.667 ตารางเมตร
ตอนที่ 963

ของขวัญสองชิ้น

บนถนนหนทางข้างนอกยังคงเจริ ญเฟื่ องฟู แต่ในร้านค้าว่างเปล่าเงียบเหงา


ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะใจสื่ อถึงใจหรื อเปล่า…
เหมียวอี้กาํ ลังจัดโต๊ะเก้าอี้ที่ลม้ ระเนระนาดอยูใ่ นร้านค้า กําลังครุ่ นคิดว่าจะบอกอวิน๋ จือชิวดีม้ ยั ว่าได้
ร้านค้ามาแล้ว เขายังกังวลว่าเรื่ องมัว่ โลกียร์ ะหว่างเขากับหวงฝู่ จวินโหรวจะโดนอวิน๋ จือชิวจับได้
ตัวเองกับหวงฝู่ จวินโหรวทะเลาะกันถึงขั้นนั้น เดิมทีนึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองน่าจะจบลงได้
แล้ว แต่หลังจากโดนหวงฝู่ จวินโหรวประกบปากกัดปาก เขาก็เริ่ มกลัวนิดหน่อย กังวลว่าผูห้ ญิงคนนั้น
จะเกาะแกะไม่เลิก
อยากจะทําเรื่ องนี้ให้เด็ดขาดสักหน่อย แต่ใจก็ไม่เด็ดเดี่ยวขนาดนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ขืนใจครอบครอง
ความบริ สุทธิ์ของนาง ถ้าไม่รับผิดชอบก็จะฟังไม่ข้ ึนแล้ว หากจะทําเรื่ องที่โหดเกินไปเขาก็ทาํ ไม่ลง
ขณะกําลังครุ่ นคิดเรื่ องนี้ ระฆังดาราในกําไลเก็บสมบัติกเ็ ริ่ มสัน่ พอเขาเรี ยกออกมาดู พบว่าไม่ใช่ใคร
ที่ไหน เป็ นอวิน๋ จือชิวเมียของเขานัน่ เอง
เขาตั้งใจฟัง อวิน๋ จือชิวถามว่า : หนิวเอ้อร์ เจ้าอยูท่ ี่ไหน?
เหมียวอี้ตอบว่า : นอกจากพิภพใหญ่แล้วจะเป็ นที่ไหนได้?
อวิน๋ จือชิว : ที่ไหนของพิภพใหญ่?
เหมียวอี้ : ตลาดสวรรค์! ข้ามีธุระที่นี่นิดหน่อย ช่วงนี้ยงั กลับไปหาเจ้าไม่ได้
อวิน๋ จือชิว : ไม่รบกวนให้เจ้ามาหาหรอก ข้าทนทุกข์จากความคิดถึงไม่ไหวแล้ว เป็ นฝ่ ายมาหาเจ้าเอง
ข้ามาถึงตลาดสวรรค์แล้ว เจ้าอยูต่ รงไหน?
เหมียวอี้พดู ไม่ออก ลองตอบไปทันทีวา่ : เลิกทําเป็ นเล่นได้แล้ว ข้ามีธุระต้องจัดการ
อวิน๋ จือชิว : ทําเป็ นเล่นอะไรล่ะ ข้ามาถึงแล้วจริ ง ๆ อยูใ่ นซอยนอกร้านขายของชําซื่ อตรง พวกผูช้ าย
บ้ามันน่ารําคาญจริ ง ๆ ใช้แววตาเจ้าเล่ห์กวาดมองเรื อนร่ างข้า อย่างกับหมาป่ า เหมือนอยากจะถอด
เสื้ อผ้าข้าออกให้หมด นิสยั เหมือนเจ้าเลย!
มีคนคิดไม่ซื่อกับเมียตัวเอง แย่แล้วล่ะ! เรื่ องบางเรื่ องผูช้ ายสามารถทนได้ แต่เรื่ องบางเรื่ องผูช้ ายเขา
ถือ! เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที ถามสถานที่อย่างละเอียดว่าอยูต่ รงไหน ไม่รอให้อวิน๋ จือชิวมา เขาเป็ นฝ่ าย
วิง่ ขึ้นตึกไปชะโงกหน้ามองหาตรงหน้าต่างเอง
ผ่านไปไม่นาน อวิน๋ จือชิวที่สวมชุดกระโปรงยาวสี เขียวครามก็ปรากฏตัวที่หวั ถนน เดินเนิบนาบอย่าง
สง่างาม เหลียวซ้ายแลขวาตามหาร้านค้าที่เหมียวอี้บอก
เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยงมาแต่ไกล ๆ ทันที “ไม่ตอ้ งมองซ้ายมองขวาแล้ว ตรงมาข้างหน้าห้าสิ บจั้ง ตึก
สองชั้นที่อยูท่ างขวามือ!” ขณะที่พดู ก็กวักมือเรี ยกตรงหน้าต่าง
อวิน๋ จือชิวต้องใจจ้องไปข้างหน้า พอเห็นเหมียวอี้แล้ว นางก็ยมิ้ อย่างอ่อนหวานแพรวพราวทันที ทําให้
ั จรอยูบ่ นถนนหันมามองเป็ นระยะ
ผูช้ ายที่สญ
เดินอย่างไม่รีบร้อนจนมาถึงร้านค้าร้านนั้น อวิน๋ จือชิวมองสํารวจทั้งข้างบนข้างล่าง พบว่าประตู
ร้านค้าเปิ ดแค่บานเดียว แม้แต่ป้ายร้านก็ถอดไปแล้ว ดูคอ่ นข้างเงียบเหงาเมื่อเทียบกับร้านค้าที่อยู่
ทางซ้ายและขวา
แล้วนางก็หนั กลับมามองรอบ ๆ อีกครู่ หนึ่ง ถึงได้เดินเข้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นโต๊ะเก้าอี้วาง
ระเนระนาดเต็มพื้น ในดวงตาก็ฉายแววสงสัยอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้วา่ เหมียวอี้มาหดหัวทําอะไรอยูท่ ี่นี่
เหมียวอี้ที่เดินลงมาจากชั้นบนโบกมือให้นาง แล้วประตูใหญ่ของร้านค้าก็ปิดสนิท สลักประตูเด้งขึ้น
อวิน๋ จือชิวหันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาเหมียวอี้ สายตากวาดมองรอบ ๆ พร้อม
ถามว่า “มีแค่เจ้าคนเดียวเหรอ?”
กังวลว่าจะมีคนอื่นอยูด่ ว้ ย ไม่สะดวกจะแสดงความสนิทสนมมากเกินไป ถึงอย่างไรเหมียวอี้กบ็ อกไว้
แล้ว ว่าไม่อยากประกาศความสัมพันธ์ของทั้งสองที่พิภพใหญ่
เหมียวอี้พยักหน้า แล้วขมวดคิ้วถามว่า “เถ้าแก่เนี้ย เจ้ามาได้อย่างไร?”
เมื่อเห็นว่าที่นี่มีแค่เขาคนเดียว อวิน๋ จือชิวก็ยมิ้ อย่างสนิทสนมและเข้ามาเกาะแกะทันที กระโจนเข้าใส่
อ้อมกอด แล้วคล้องคอเขาด้วยรอยยิม้ สดใสราวดอกไม้ “ก็บอกแล้วไงว่าคิดถึงเจ้า พอส่ งข้อความมา
หาเจ้า เจ้าก็เอาแต่บอกว่ามีธุระ ข้าเลยต้องมาดูดว้ ยตัวเอง ว่าธุระอะไรกันแน่ที่ทาํ ให้เจ้าไม่สนใจแม้แต่
เมีย”
เหมียวอี้ดึงมือที่ซุกซนของนางออก แล้วจูงมือนางเดินไปด้วยกัน “มีอะไรก็ไปคุยกันข้างบน!”
อวิน๋ จือชิวสะบัดมือออก แล้วกางแขนสองข้างพร้อมบ่นว่า “ข้าเดินมาตั้งไกล ปวดขาไปหมดแล้ว อุม้
ขึ้นไปหน่อยสิ !”
เหมียวอี้ส่ายหน้าอย่างจนใจมาก ก้าวเข้ามากางแขนอุม้ ไว้ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน อวิน๋ จือชิวเหมือนจะ
ชอบเสพสุ ขกับท่าทางนี้มาก นางยิม้ อย่างเบิกบานใจ เป็ นฝ่ ายหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง
พอขึ้นมาชั้นบน แล้วเข้ามาในห้องที่ค่อนข้างลับตาคน ทั้งสองก็แยกออกจากกัน อวิน๋ จือชิวมองเกราะ
ทองบนตัวเขา แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ทาํ ไม?”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้าเข้าเป็ นคนของตําหนักสวรรค์แล้ว ตอนนี้เป็ นทหารเลวสามแถบที่
แต่งตั้งโดยตําหนักสวรรค์”
“เอ๋ ! กลายเป็ นขุนนางใหญ่ของตําหนักสวรรค์แล้วเหรอ!” อวิน๋ จือชิวพูดหยอก “นี่เป็ นเรื่ องดีนะ จะ
ทําท่าทางกลุม้ ใจไม่มีความสุ ขทําไมล่ะ ไม่ใช่วา่ เห็นข้าแล้วอารมณ์เสี ยหรอกใช่ม้ ยั ? บอกมาเสี ยดี ๆ
ลับหลังแอบข้าทําอะไรแล้วกลัวโดนข้าจับได้ใช่ม้ ยั ?”
นางพูดมัว่ แต่ดนั พูดถูก ทําเอาเหมียวอี้ระแวงไม่หาย แต่เหมียวอี้ยอ่ มไม่ยอมรับอยูแ่ ล้ว เปลี่ยนประเด็น
พูดทันที “ขุนนางใหญ่บา้ อะไรล่ะ ทหารเลวสามแถบของตําหนักสวรรค์มีเยอะเหมือนขนวัว เจ้ารู ้รึ
เปล่าว่าข้าได้ตาํ แหน่งนี้มายังไง? แลกมาด้วยหุน้ สองส่วนของร้านขายของชําซื่อตรง”
เมื่อได้ยนิ เขากล่าวแบบนี้ อวิน๋ จือชิวก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้ากินยา
ผิดมาใช่ม้ ยั ? ทหารเลวคนหนึ่งจะมีรายได้ต่อปี เท่าไรกันเชียว ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะนําหุน้ สองส่ วนของ
ร้านขายของชําไปแลก ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้วา่ รายได้จากร้านขายของชําเยอะขนาดไหน? ผลาญสมบัติ
ขนาดนี้ เจ้ายังจะเลี้ยงพวกผูห้ ญิงในบ้านอยูร่ ึ เปล่า? ถ้าเลี้ยงไม่ไหว เจ้าจะแต่งงานมาทําไมเยอะขนาด
นั้น?”
“ข้าไม่ได้บอกนี่วา่ จะแต่งงาน เจ้าตัดสิ นใจเองทั้งนั้น” เหมียวอี้เถียงกลับ
อวิน๋ จือชิวไม่ยอมทันที ดวงตางามทั้งคู่ถลึงจ้อง “หนิวเอ้อร์ เจ้าพูดมาให้ชดั เจนเถอะ ตอนแต่งงาน
กลับมานอนด้วยคนแล้วคนเล่าทําไมไม่พดู คํานี้ล่ะ? ตอนนี้มาบ่นว่าข้าตัดสิ นใจเองโดยพลการเหรอ
เจ้ายังมีมโนธรรมอยูบ่ า้ งรึ เปล่า!” ตามด้วยการกระทําที่เคยชิน นางถกกระโปรงขึ้น แล้วเตะที่ตน้ ขา
เหมียวอี้หนึ่งที
ปรากฏว่าเตะแล้วตัวเองก็เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟันเอง ลืมไปว่าบนตัวเหมียวอี้สวมเกราะรบ ตอนที่เตะ
ไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์ดว้ ย เตะจนตัวเองเจ็บนิ้วเท้าเสี ยเอง
สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้หวั เราะอย่างมีความสุ ข อวิน๋ จือชิวเดือดดาลแล้ว กระโจนเข้าไป ‘สู ส้ ุ ดชีวติ ’ ทันที
ตอนนี้วรยุทธ์ของทั้งสองไม่ต่างกันเท่าไร เหมียวอี้ลงมือเร็ วกว่านาง จับมือสองข้างของนางเอาไว้
พร้อมอธิบายดี ๆ ว่า “เลิกทําเป็ นเล่นได้แล้ว ข้ากําลังวุน่ วายใจเพราะเรื่ องนี้นี่แหละ เจ้าคิดว่าข้า
อยากจะแลกหุน้ สองส่ วนนั้นเหรอ ข้าเองก็โดนกดดันจนหมดทางเลือกเหมือนกัน ถ้าไม่ให้เขาไป ข้า
กลัวว่าแม้แต่รอดชีวติ ออกจากตลาดสวรรค์กท็ าํ ไม่ได้”
พอได้ยนิ ว่าร้ายแรงขนาดนี้ อวิน๋ จือชิวก็ชกั มือออก ถามด้วยสี หน้าเจือความกังวล “เรื่ องเป็ นยังไง?”
เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่ าว ๆ นางฟังจนแค้นแยกเขี้ยวยิงฟัน “ปี ศาจโลหิ ต นางตัวดีหวงฝู่ !”
จากนั้นก็กอดแขนและพูดปลอบใจเหมียวอี้ทนั ที “ไม่เป็ นไรนะ! เงินทองหายไปเดี๋ยวก็กลับมาใหม่ได้
เป็ นลูกผูช้ ายจะมากลุม้ ใจเรื่ องเล็ก ๆ แบบนี้ได้ยงั ไง รวยก็เคยรวยมาแล้ว จนก็เคยจนมาแล้ว ขอแค่คน
ยังมีชีวติ อยู่ สักวันนึงจะต้องทวงของที่เสี ยไปกลับคืนมาได้แน่นอน คิดให้ได้สิ มากลุม้ ใจเพราะเงิน
ทองเล็กน้อยแค่น้ ีไม่คุม้ หรอก ไม่เป็ นอะไรนะ”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “เสี ยหายหนักเกินไป ปวดเนื้อนะ!”
เรื อนร่ างนุ่มนวลหอมกรุ่ นของอวิน๋ จือชิวเข้ามาแนบชิดทันที กระซิ บข้างหูเขาว่า “แต่เนื้อของข้ายังอยู่
ในมือเจ้านะ! ข้าไม่กลัวปวดเนื้อหรอก เจ้ารังแกได้ตามใจชอบเลย”
คําพูดนี้ยวั่ ยวนเกินไปแล้ว ทําให้เหมียวอี้รุ่มร้อนท้องน้อยทันที เหลือบมองหญิงงามช่างยัว่ ข้างกายที่
สามารถหยิบกินได้ทุกเมื่อ
ปรากฏว่าพอไปสบประสานกับสายตายัว่ หยอกของอวิน๋ จือชิว เขาก็หวั เราะแห้ง ๆ ทันที พลิกฝ่ ามือยืน่
แผ่นหยกแผ่นหนึ่งในนาง “ถึงแม้จะเสี ยหายนักมาก แต่กใ็ ช่วา่ จะไม่ได้อะไรเลย ข้ามอบของขวัญให้
เจ้า!”
ผูห้ ญิงสนใจคําว่าของขวัญมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว รับมาดูในมือทันที
เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน ดิน!
เมื่ออักษรหกตัวปรากฏสู่ สายตา อวิน๋ จือชิวก็เบิกตากว้างทันที พลันเงยหน้าขึ้นมาด้วยความรู ้สึก
เหลือเชื่อ “นี่…”
เหมียวอี้พยักหน้า แล้วเล่าเรื่ องที่ไปหาสมบัติให้ฟังรอบหนึ่ง
อวิน๋ จือชิวฟังปลาบปลื้มดีใจอย่างหาที่สุดมิได้ เขาไปกอดจูบเขาอย่างบ้าคลัง่ ทันที “สามีที่ดี ช่างเป็ น
ท่านสามีที่ดีของข้าจริ ง ๆ …”
“อย่าเพิ่งรี บเลย! ยังมีของขวัญอีกอย่างที่เจ้าต้องชอบมากแน่ ๆ !” เหมียวอี้นาํ แผ่นหยกอีกแผ่นออกมา
แล้วยัดเข้าไปในมือนาง “ดูสิ!”
ไม่ใช่ของอะไรอย่างอื่น เป็ นสัญญาของร้านค้าร้านนี้ ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ อวิน๋ จือชิวอ่านแล้วมีปฏิกิริยา
แบบไหน เรี ยกได้วา่ กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างบ้าคลัง่ ตบหน้าอกเหมียวอี้พร้อมบอกว่า “ไม่กลัว! มี
บ้านที่มีขา้ วกินแล้ว ไม่ตอ้ งกลัวแล้วว่าจะเลี้ยงอนุภรรยาพวกนั้นของเจ้าไม่ไหว ต่อไปเจ้าจะเลี้ยง
ผูห้ ญิงเยอะกว่านี้กไ็ ม่กลัวแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเลี้ยงเอง!”
“ใจกว้างขนาดนี้เชียวเหรอ?” เหมียวอี้ถามอย่างสงสัย “จริ งหรื อล้อเล่น?”
อวิน๋ จือชิวยิม้ ค้างทันที ราวกับโดนนํ้าเย็นสาดหน้า พบว่าตัวเองดีใจเกินไปหน่อย จึงมองค้อนทันที
“ในบ้านยังกินไม่หมดเลย เจ้ายังอยากได้เพิม่ อีกเหรอ?”
เหงื่อแตก! ผูห้ ญิงคนนี้เปลี่ยนหน้าเร็ วจริ ง ๆ ! เหมียวอี้ตอบเสี ยงตํ่าว่า “อย่าได้ยนิ เสี ยงลมกลายเป็ น
เสี ยงฝน ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ามาคนเดียวเหรอ? ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นจะทําอย่างไร?” สี หน้าจริ งจังมาก!
ถึงคราวที่นางจะต้องกินปูนร้อนท้องบ้างแล้ว รู ้วา่ ตัวเองทําแบบนี้แล้วจะทําให้เขากังวล อวิน๋ จือชิวจึง
ใช้ท่าไม้ตายทันที นางขี้เกียจเถียงแล้ว พูดออดอ้อนว่า “ท่านสามี นอนกอดหมอนคนเดียวมันเหงานะ
คิดถึงเจ้าก็เลยมาหาเจ้า แบบนี้กผ็ ดิ ด้วยเหรอ?”
เหมียวอี้ดึงนางเข้ามาทันที แล้วตีกน้ นางจนเกิดเสี ยงดังเปรี๊ ยะ ๆ
นางตะโกนร้องว่าเจ็บด้วยเสี ยงเล็กเสี ยงน้อย จงใจเล่นหูเล่นตายัว่ ยวนเขา อีกคนที่โดนยัว่ จึงเกิดไฟชัว่
ร้ายลุกในใจ สันดานสัตว์ป่าปะทุทนั ที…
หลังจากลมฝนสงบ ก็นาํ ถังอาบนํ้าออกมาใบหนึ่ง นํ้าใสร้อนระอุอยูภ่ ายใต้เคล็ดวิชาอัคนีดารา ทั้งสอง
คลอเคลียกันอยูใ่ นถังไม้อาบนํ้า เรี ยกได้วา่ อิจฉาเพียงนกยวนยาง ไม่อิจฉาเซียน
อวิน๋ จือชิวผมยาวห้อยสยายออกนอกอ่าง กอดเหมียวอี้ที่กาํ ลังเอนกายอยูใ่ นอ้อมอกของตน นางสี หน้า
ผ่อนคลายเต็มอิ่ม ต้นขาขาวดุจหิ มะทั้งสองข้างกําลังพันเอวของเขาอยู่ “หนิวเอ้อร์ หายโกรธรึ ยงั ? ถ้า
หายโกรธแล้วก็เริ่ มให้ขา้ บริ หารร้านค้าร้านนี้ได้แล้ว”
เหมียวอี้ใช้มือบีบขยําต้นขานาง “ข้าจนปั ญญากับเจ้าจริ ง ๆ เจ้าอยูท่ ี่นี่นาน ๆ ให้พวกเวยเวยดูแลทาง
นั้นจะเหมาะสมเหรอ?”
“มีอะไรไม่เหมาะสมล่ะ อย่างมากข้าก็แค่วงิ่ ไปวิง่ มาสองฝั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามของเจ้าอยูใ่ นมือมู่
ฝานจวิน ข้าคงทิ้งไว้ไม่สนใจแล้ว ให้เวยเวยรับต่อไปให้หมดเลย” พอพูดถึงเยว่เหยา นางก็โมโหนิด
หน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะเยว่เหยา นางก็จะได้ครองผูช้ ายคนนี้คนเดียว ไม่จาํ เป็ นต้องให้เหมียวอี้แต่งงานมี
อนุภรรยาหลายคน
เมื่อพูดถึงเยว่เหยา เหมียวอี้กป็ วดหัวเหมือนกัน “ไม่พดู เรื่ องนี้แล้ว! ถ้าไม่สามารถหาทางนําเคล็ดวิชา
ภาคคนที่สมบูรณ์มาจากมือของปู่ เจ้าได้ เจ้ามีเคล็ดวิชาภาคดินไปก็ไร้ประโยชน์ เกรงว่าเรื่ องนี้จะ
ยุง่ ยากนิดหน่อย ถ้าอยากให้ปู่เจ้ามอบเคล็ดวิชาภาคคนให้อย่างเต็มใจก็คงเป็ นไปไม่ได้ หรื อว่าจะเอา
ภาคดินไปแลก?”
อวิน๋ จือชิวตอบอย่างรู ้สึกขําว่า “เจ้าก็รู้ดีวา่ ปู่ ข้าเป็ นคนอย่างไร ถ้าเขารู ้วา่ ในมือเจ้ามีเคล็ดวิชาภาคดิน
เรื่ องแรกที่เขาจะทําก็คือแย่งมาไว้ในมือตัวเอง แย่งไปแล้วก็อาจจะสังหารข้าก็ได้ เขาไม่ยอมให้ขา้ เป็ น
ภัยคุกคามต่อตระกูลอวิน๋ หรอก! เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งห่วง เดี๋ยวข้าจะค่อย ๆ คิด สนใจเรื่ องของเจ้าก่อน
เถอะ หุน้ สองส่ วนของร้านขายของชํานัน่ หมดไปแล้วก็ปล่อยให้หมดไป ไม่ตอ้ งคิดมาก คิดมากไปก็
ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อได้เข้าตําหนักสวรรค์ ก็ตอ้ งพยายามบากบัน่ ขอเพียงมีอาํ นาจ ของที่เสี ยไปแล้ว
ก็นาํ กลับมาได้เสมอ หนิวเอ้อร์ การมีผหู ้ ญิงเยอะ ถึงแม้จะได้เสวยสุ ข แต่กเ็ ป็ นภาระที่จะต้อง
รับผิดชอบ ภรรยากับอนุภรรยาที่บา้ นกําลังรอให้เจ้าดูแล ลูกผูช้ ายยิง่ แพ้กย็ งิ่ ต้องกล้าหาญ อย่าท้อแท้
เจ้าคือเสาหลักของบ้าน ถ้าเจ้ายืนไม่ไหว แล้วพวกเราจะทํายังไงล่ะ? เรื่ องในบ้านเจ้าไม่ตอ้ งห่วง ข้าจะ
ดูแลจัดการให้ดี ไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายใน เจ้าสนใจแต่เรื่ องนอกบ้านก็พอ!”
ตอนที่ 964

คนพังงานมาแล้ว

หลังจากทั้งสองออกจากร้านค้าด้วยกัน ไม่วา่ ใครก็ดูไม่ออกว่าทั้งสองเป็ นสามีภรรยากัน รักษามารยาท


ในการกระทําและคําพูดระหว่างกัน ดูแล้วเหมือนคนที่สนิทกันธรรมดา
ทั้งสองมุ่งตรงสู่จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก พวกเขาไม่ได้ไปพบโค่วเหวินหลาน แต่พาอวิน๋ จือ
ชิวมาลงทะเบียนร้านค้า ไม่วา่ จะเปิ ดร้านอะไรก็ตอ้ งลงทะเบียนในเขตของตัวเอง จะได้มาเก็บภาษีได้
สะดวก
ในเมื่อไม่อยากให้คนนอกรู ้เรื่ องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง เดิมทีอวิน๋ จือชิวไม่อยากให้เหมียวอี้มา
เป็ นเพื่อน แต่หลังจากเหมียวอี้ได้รู้จกั เจ้าเดรัจฉานเซี่ยโห้วหลงเฉิงแล้ว ก็กงั วลกับพวกคนของตําหนัก
สวรรค์ อวิน๋ จือชิวอาจจะไม่ใช่ผหู ้ ญิงประเภทที่สวยที่สุด แต่เหมียวอี้รู้วา่ นางเป็ นประเภทหญิงงามช่าง
ยัว่ แน่นอน นางไม่ค่อยคุน้ เคยกับพิภพใหญ่เท่าไรนัก ถ้าถูกถามอะไรแล้วตอบไม่ได้ข้ ึนมา ถ้าไปโดน
ผูช้ ายพวกนั้นทําเจ้าชูใ้ ส่ เขาจะไม่เสี ยเปรี ยบแย่หรอกเหรอ
อวิน๋ จือชิวมองออกว่าเขากังวลอะไร ทําให้นางแอบรู ้สึกขําในใจ แต่กร็ ู ้สึกภูมิใจมาก ในใจรู ้สึกหวาน
ชื่น รู ้วา่ เขาใส่ ใจนาง นางชอบอะไรแบบนี้มาก
ในตําหนักพ่อบ้านที่จดั การธุระพวกนี้ ถึงแม้ทุกคนจะไม่คุน้ หน้าเหมียวอี้ แต่กร็ ู ้วา่ เป็ นเพื่อนร่ วมงาน
ที่มาใหม่ เพราะเห็นระดับเกราะทองสามแถบของเหมียวอี้
สิ่ งที่เรี ยกว่า ‘เกราะทองสามแถบ’ ก็หมายถึงแถบโลหะที่อยูท่ างซ้ายและขวาบนคอปกเกราะทองที่ตวั
เหมียวอี้ นี่คือสัญลักษณ์ยศในกองทัพของทหารตําหนักสวรรค์ ยศเพิม่ ขึ้นตามลําดับแถบ ถ้ามีแถบ
มากขึ้นอีกแถบ ก็เป็ นสัญลักษณ์วา่ ยศสูงขึ้นอีกขั้น ที่เหมียวอี้ใส่ อยูบ่ นตัวก็คือเกราะทองสามแถบ เป็ น
สัญลักษณ์ของทหารเลวระดับสาม
ผูท้ ี่สวมเกราะเงินคือทหารสวรรค์ ผูท้ ี่สวมเกราะทองก็คือทหารเลวในกองทัพสวรรค์ ผูท้ ี่สวมเกราะ
ม่วงคือแม่ทพั ผูท้ ี่สวมเกราะแดงคือแม่ทพั ใหญ่ ความสูงตํ่าของแต่ละขั้นล้วนแยกโดยใช้ความ
แตกต่างของแถบบนคอปกเกราะรบ โดยในแต่ละขั้นนั้น หกแถบคือขั้นสู งสุ ด
ผูบ้ ญั ชาการอย่างโค่วเหวินหลานก็เป็ นแค่เกราะทองห้าแถบ ผูบ้ ญั ชาการใหญ่ที่คุม้ สี่ เขตเมืองคือหก
แถบ ระดับของปี้ เหยว่ฮูหยินที่คุมดาวเทียนหยวนก็คือแม่ทพั เกราะม่วงสามแถบ
สวนบูรพาผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของเขตเมืองตะวันออก นอกจากโค่วเหวินหลานที่มีเกราะทองห้าแถบ ก็มี
แค่รองผูบ้ ญั ชาการฝั่งซ้ายฝั่งขวาสองคนที่มีเกราะทองสี่ แถบ มีลูกน้องเป็ นทหารเกราะทองสามแถบ
อีกหกคน บวกเหมียวอี้เข้าไปด้วยอีกคน ก็รวมเป็ นเจ็ดคน และแน่นอน คนอื่นล้วนมีหน้าที่ มีเพียง
เหมียวอี้คนเดียวที่ยงั ว่าง
ในเมื่อมียศอยูแ่ ล้ว เมื่อเข้าตําหนักพ่อบ้านของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกก็ยอ่ มไม่มีใครขวาง
ผูท้ ี่คุมตําหนักนี้และรับผิดชอบธุระเบ็ดเตล็ดทัว่ ไปของตลาดสวรรค์เขตเมืองตะวันออก ชื่อว่าสวีถงั
หราน เป็ นหนึ่งในทหารเลวเกราะทองสามแถบเจ็ดคนในจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก
โดยทัว่ ไปการลงทะเบียนร้านค้าไม่ตอ้ งให้สวีถงั หรานทําเอง ย่อมมีพวกลูกน้องไปจัดการอยูแ่ ล้ว แต่มี
หนึ่งในลูกน้องที่อ่านสถานการณ์ออก มารายงานก่อนล่วงหน้าแล้ว สวีถงั หรานจึงออกมาจากโถงข้าง
หลังทันที ไม่ใช่วา่ ไว้หน้าเหมียวอี้ แต่ทุกคนต่างก็ได้ยนิ มาว่าเหมียวอี้คือคนที่โค่วเหวินหลานรับเข้ามา
เอง ดีไม่ดีอาจจะมีความสัมพันธ์อะไรกับโค่วเหวินหลานก็ได้ คงไม่ดีหากจะไปล่วงเกิน
เมื่อมีเหมียวอี้ออกหน้าพูดให้ พนักงานที่จดั การเรื่ องนี้กถ็ ามอวิน๋ จือชิวแค่สองสามคําอย่างไม่ใส่ ใจ
ถามว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เตรี ยมจะเปิ ดร้านขายอะไร จากนั้นก็อนุมตั ิให้อย่างสบายอกสบายใจ แล้วสัง่
ให้คนนําไปให้สวีถงั หรานลงนาม
ทางนี้ยงั ไม่ทนั นําของออกมา สวีถงั หรานก็เดินก้าวยาวเข้ามาแล้ว พวกลูกน้องลุกขึ้นต้อนรับอย่าง
เคารพ เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วกุมหมัดคารวะทันที “ได้ยนิ ชื่อเสี ยงของพ่อบ้านสวีมานานแล้ว หนิวโหย่
วเต๋ อเพิ่งมาเป็ นครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่สวีดว้ ย”
สวีถงั หรานหัวเราะเบา ๆ แล้วกุมหมัดคารวะตอบ “พี่หนิวไม่มีน้ าํ ใจเสี ยบ้างเลย! พี่นอ้ งคนนี้กาํ ลังรอ
ให้เจ้ามาเลี้ยงอาหารอยูน่ ะ แต่เจ้ากลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลย!”
“แน่นอน ๆ เดี๋ยวข้าเลี้ยงแน่!” เหมียวอี้รับประกันอย่างเต็มปากเต็มคํา
“พี่หนิวมาที่นี่มีธุระอะไรล่ะ?” พอสวีถงั หรานเอ่ยปาก ก็มีลูกน้องนําเรื่ องมารายงานทันที
หลังจากรู ้วา่ เหมียวอี้มาเป็ นเพื่อนคนที่มาลงทะเบียนร้านค้า สายตาสวีถงั หรานก็มองไปที่อวิน๋ จือชิวที่
กําลังกุมหมัดคารวะอยูข่ า้ ง ๆ เขาตาเป็ นประกายทันที เหลือบมองหลายครั้งโดยไม่รู้ตวั แล้วถาม
เหมียวอี้พร้อมรอยยิม้ “ไม่ทราบว่าท่านนี้เป็ นอะไรกับพี่หนิว?”
“สหาย!” เหมียวอี้ตอบ
หลังจากอ่านดูแผ่นหยกในมือแล้ว สวีถงั หรานก็ไม่ถามอะไรเพิม่ ลงตราประทับให้โดยตรง แล้วส่ ง
ให้อวิน๋ จือชิว เหมือนมีเจตนาอยากจะคุยกับนาง
เหมียวอี้จึงบอกให้อวิน๋ จือชิวออกไปรอข้างนอก
ปรากฏว่าพออวิน๋ จือชิวหันตัวไป สวีถงั หรานก็ถ่ายทอดเสี ยงบอกเหมียวอี้ทนั ที “ผูห้ ญิงคนนี้รูปร่ างมี
สวนบูรพาเว้าสวนบูรพาโค้ง หุ่นดีจริ ง ๆ มีลกั ษณะเฉพาะตัวเหนือคนอื่น ในความสง่างามแฝงความ
เย้ายวน มีเสน่ห์จากภายใน มองปราดเดียวก็รู้วา่ หาพบได้ยากในหมู่ผหู ้ ญิง พี่หนิว หากสะดวกล่ะก็
รบกวนเป็ นคนกลางติดต่อให้ขาหน่อยสิ ”
เป็ นคนกลางติดต่อให้แม่เจ้าสิ ! เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที “พี่สวีกาํ ลังตบหน้าข้าเหรอ? ข้าจีบนางมาตลอด
นะ!”
“อ้อ… ขออภัย ขออภัย!” สวีถงั หรานกุมหมัดคารวะอย่างอับอายทันที
เหมียวอี้คิดในใจว่า โชคดีนะที่ขา้ มาด้วย ไม่อย่างนั้นใครจะไปรู ้วา่ จะเกิดเรื่ องอะไรขึ้น
เขาย่อมรู ้ดีวา่ อวิน๋ จือชิวมีความงามเป็ นอย่างไร สาเหตุที่เขาชอบนาง ย่อมเกี่ยวกับความงามของนาง
แน่นอน ถ้าเป็ นผูห้ ญิงอัปลักษณ์ข้ ีเหร่ เหมียวอี้คงไม่เสี่ ยงชีวติ เพื่อแต่งงานกับนางหรอก นางย่อมมีจุด
ที่ดึงดูดเขาอยูแ่ ล้ว ในเมื่อสามารถดึงดูดเขาได้ ก็ยอ่ มดึงดูดชายอื่นได้เหมือนกัน
ถ้ามองในมุมที่เห็นแก่ตวั ของผูช้ าย เหมียวอี้เองก็ไม่อยากอวิน๋ จือชิวโผล่หน้าออกมา ตอนอยูท่ ี่พิภพ
เล็ก อาศัยภูมิหลังของนางจึงไม่มีใครกล้าแตะต้อง แต่เมื่ออยูท่ ี่พภิ พใหญ่ ทุกอย่างก็ต่างออกไปแล้ว ถ้า
อยากจะเลี้ยงอวิน๋ จือชิวให้เป็ นนกคีรีบูนในกรงก็คงทําไม่ได้แน่นอน เรื่ องนี้ทาํ ให้เขาปวดหัวมาก
หลังจากทั้งสองคุยกันพักหนึ่ง ก็นดั หมายเวลาให้เหมียวอี้เลี้ยงอาหาร สวีถงั หรานรับหน้าที่รวบรวม
คน แล้วก็กล่าวอําลากัน
พอออกประตูมาเจออวิน๋ จือชิว ทั้งสองก็กลับไปยังร้านค้าที่ระเกะระกะด้วยกัน อวิน๋ จือชิวรี บกลับ
พิภพเล็ก จึงยืน่ แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้เหมียวอี้
ที่นางมาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อมาเยีย่ มเหมียวอี้อย่างเดียว แต่มาเพื่อส่ งของให้ดว้ ย ผลึกแดงบริ สุทธิ์ที่ตกั๊ แตน
ผลิตชุดแรกออกมาแล้ว เมื่อเห็นว่าเหมียวอี้ไม่กลับไปเอาสักที นางก็กงั วลเรื่ องความปลอดภัยของ
เหมียวอี้ ถึงได้นาํ มาส่ งให้ดว้ ยตัวเอง จะได้ให้เหมียวอี้ทาํ ของวิเศษดี ๆ ไว้ป้องกันตัว
อวิน๋ จือชิวที่เพิง่ มาถึงไม่ได้อยูต่ ่อเลยสักวัน บททจะไปก็ไปเลย รี บไปดึงคนมาช่วยเปิ ดร้านค้า เหมียวอี้
รั้งอย่างไรก็ร้ ังไม่อยู่ และไม่สะดวกจะไปส่ งด้วย
ในคืนนั้น เหมียวอี้เป็ นเจ้าภาพใน ‘สวนบูรพา’ เลี้ยงอาหารพวกเพือ่ นร่ วมงาน ทั้งยังเชิญหอกลิ่น
สวรรค์มาร้องเล่นเต้นระบําด้วย
ไม่ตอ้ งจ่ายค่าการแสดง ท่านแม่สวียอมใจกว้างให้ครั้งหนึ่ง เสวีย่ หลิงหลงก็ข้ ึนเวทีโดยไม่คิดเงิน
เช่นกัน นับว่าแสดงนํ้าใจที่เหมียวอี้ได้เลื่อนตําแหน่ง มาเป็ นหน้าเป็ นตาให้เหมียวอี้
ในศาลาหลังใหญ่กลางนํ้า ประดับโคมไฟแวววาว มีการร้องระบําอย่างอ่อนช้อยงดงาม
ทหารเลวเจ็ดคนในเขตเมืองตะวันออก เมื่อรวมเหมียวอี้ไปด้วยก็ครบแล้ว นอกจากเหมียวอี้ที่ไม่มี
ลูกน้อง คนอื่น ๆ พาลูกน้องมาด้วยสิ บกว่าคน คนเกือบร้อยคนทําให้งานเลี้ยงสนุกสนานครึ กครื้ น
การร้องระบํากําลังครึ กครื้ น สุ รากําลังออกฤทธิ์ จนกระทัง่ เสวีย่ หลิงหลงขึ้นเวที ก็ทาํ ให้ท้ งั งานโห่ร้อง
ดีใจทันที
สวีถงั หรานก็ยงิ่ ตบบ่าเหมียวอี้อย่างแรง เหมือนกําลังบอกว่าเหมียวอี้ช่างมีน้ าํ ใจไมตรี แม้แต่เสวีย่ หลิง
หลงก็เชิญมาได้
“วายุบุปผา หิ มะจันทรา ราตรี มอมเมา…”
เมื่อเสี ยงบรรเลงดนตรี ดงั ตามมา ทั้งงานก็เงียบทันที
เหมียวอี้ที่ถือจอกสุ ราจ่อตรงปากชะงักทันที ดวงตาฉายแววตกตะลึง ขณะมองดูเสวีย่ หลิงหลงที่กาํ ลัง
ร้องระบําอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน เขาก็รู้สึกประหลาดใจอยูบ่ า้ ง
เขาเคยพบเจอเสวีย่ หลิงหลงแบบใกล้ ๆ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่คืนนี้เพิ่งเห็นเสวีย่ หลิงหลงร้องเพลง
เป็ นครั้งแรก พอนางสะบัดแขนเสื้ อพลิ้วดุจริ้ วเมฆร่ ายรํา ก็ทาํ ให้คนตื่นตะลึงทันที โดยเฉพาะดอกไม้ที่
โปรยลงพื้นตามการร่ ายรําของนาง ช่างเป็ นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ ราวกับนางเป็ นเทพธิดาแห่ง
มวลหมู่ดอกไม้ ทําให้คนในงานที่กาํ ลังตั้งใจชมราวกับเคลิบเคลิ้มเมามาย
เหมียวอี้นบั ว่าเป็ นผูม้ ีอาํ นาจในพิภพเล็กเช่นกัน ใช่วา่ จะไม่เคยชมการร้องเล่นเต้นระบําดี ๆ แต่เมื่อ
เทียบกับเสวีย่ หลิงหลงแล้ว พวกนั้นนับว่าเป็ นคนละชั้นจริ ง ๆ
เสวีย่ หลิงหลงสวยมากจริ ง ๆ เมื่อก่อนเหมียวอี้กลับรู ้สึกว่าผูห้ ญิงคนนี้สวยแบบไร้เดียงสา ให้
ความรู ้สึกเหมือนซื่อบื้อ แต่วนั นี้เพิง่ จะได้เห็นฉากที่เสวีย่ หลิงหลงมีราศีเปล่งประกายอย่างแท้จริ ง สม
กับเป็ นดาวเด่นของหอกลิ่นสวรรค์ พอสวีย่ หลิงหลงออกมาร้อยบุปผาก็ร่วงโรย ไม่มีใครบนเวทีกล้า
แข่งกับนาง
สวีถงั หรานเหมือนจะชอบวิจารณ์ผหู ้ ญิงเป็ นพิเศษ ถ่ายทอดเสี ยงบอกเหมียวอี้แล้วว่า “เจ้าดูเอวเล็ก ๆ
นัน่ สิ แล้วก็แขนขาทั้งสี่ อ่อนช้อยเหมือนไร้กระดูกจริ ง ๆ ! ตอนเข้าห้องหอคงจะรสชาติดีมิรู้ลืม ถ้าได้
มาร่ วมห้องสักคืน ต่อให้ตายก็คุม้ ค่า แต่น่าเสี ยดายที่ผหู ้ ญิงคนนี้มีผบู ้ ญั ชาการโค่ว เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
และหวงฝู่ จวินโหรวคุม้ ครองอยู่ เป็ นดอกไม้งามที่ไม่มีใครกล้าเด็ด ไม่อย่างนั้นคงโดนคนอื่นเก็บไว้
เป็ นเนื้อต้องห้ามของตัวเองตั้งนานแล้ว…”
ตรงนี้ยงั ไม่ทนั พูดจบ ไม่รู้วา่ ใครทําเสี ยเรื่ อง ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกําลังเคลิบเคลิ้มมัวเมา ทุ่มหิ น
ก้อนใหญ่ลงมาจากฟ้ าก้อนหนึ่ง แขกทุกคนในงานตกใจ แต่กว่าจะรู ้ตวั ก็สายไปแล้ว มีเสี ยงดังโครม
คราม กระเบื้องหลังคาพังตกลงมา
แต่ทุกคนในงานก็ไม่ใช่ไก่อ่อน แทบจะร่ ายอิทธิฤทธิ์ดนั ไว้พร้อมกัน ทําให้หินก้อนใหญ่กบั กระเบื้อง
หลังคาและคานที่ทุ่มลงมาให้กระเด็นออกไป สุ ราอาหารที่อยูต่ รงหน้าคนในงานกลับไม่เปื้ อนฝุ่ นเลย
ด้วยซํ้า
โครม! ตูม! เสี ยงของพังตกลงกระทบผิวนํ้า
“ใครกัน!” ทุกคนยืนขึ้นตะโกน ใจกล้าเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ามากําเริ บเสิ บสานกับเขาที่เขต
เมืองตะวันออก สงสัยเบื่อหน่ายที่จะมีชีวติ อยู่
เสวีย่ หลิงหลงที่อยูบ่ นเวทีเหมือนจะถูกทําให้ตกใจเช่นกัน การร้องระบําหยุดลงแล้ว เสี ยงดนตรี
บรรเลงก็หยุดแล้วเช่นกัน
เหมียวอี้ยนื ขึ้นและหันไปมอง เขาเบิกตากว้างทันที รู ้อยูแ่ ล้วว่าถ้าข่าวแพร่ ออกไปจะมีคนบางคนมาหา
เรื่ อง นึกไม่ถึงว่าจะมาในเวลาแบบนี้
ผูท้ ี่มาไม่ใช่ใครที่ไหน เซี่ยโห้วหลงเฉิงมาแล้ว เดินวางก้ามมาจากบนสะพาน ทําหน้าแสยะยิม้ เรี ยกได้
ว่ากําเริ บเสิ บสาน ข้างหลังมีคนติดตามสี่ คน
ไม่ตอ้ งบอกเลย คนที่กล้าก่อเรื่ องแบบนี้ นอกจากเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่มีใครแล้ว
คนในงานเงียบทันที คนที่พอจะได้ยนิ ข่าวมาบ้างต่างก็รู้วา่ มีเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีคนหนุนหลัง ทุกคนไป
มีเรื่ องด้วยไม่ไหว มีแค่ผบู ้ ญั ชาการโค่วเหวินหลานที่กล้ามีเรื่ องด้วย
คนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร ทหารเล็ก ๆ ที่นงั่ อยูข่ า้ งหลังย่อมไม่กล้าหาเรื่ องใส่ ตวั อยู่
แล้ว พากันหลีกทางให้
“เอ๋ !” เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เดินเข้ามาในศาลากลางนํ้า พอเงยหน้ามองหลังคาก็หวั เราะทันที “ข้าก็นึกว่า
พวกเจ้ามีเรื่ องอะไร? ถึงแม้จะเป็ นอาณาเขตของเจ้าตุง้ ติ้ง พอพวกเจ้าดูการร่ ายรําแล้วไม่บนั เทิงใจ แต่ก็
ไม่ควรทําลายหลังคาของคนอื่นสิ ช่างพาลเกเรเสี ยจริ ง แบบนี้ไม่ค่อยเข้าท่าแล้วมั้ง!”
สวีถงั หรานจึงกล่าวว่า “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้ว ท่านรู ้อยูแ่ ก่ใจแล้วทําไมต้องถาม ท่านเป็ นคนพังหลังคา
ชัด ๆ ”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหล่ตามอง แล้วกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “สุ ราสามารถดื่มซี้ ซ้ วั ได้ แต่คาํ พูดไม่อาจพูดซี้ ซ้ วั
ได้ เจ้าเห็นกับตาเหรอว่าข้าทําพัง? ขอเพียงเจ้าหาพยานได้ ข้าก็จะกินศาลาพัง ๆ นี้ให้ดูทนั ที!”
“…” สวีถงั หรานพูดไม่ออก เพราะไม่มีใครเห็นจริ ง ๆ เมื่อครู่ น้ ีทุกคนกําลังเคลิบเคลิ้มเหม่อลอยกับบท
เพลง ใครจะมีอารมณ์ไปสนใจ บางทีคนอื่นในสวนบูรพาอาจจะเห็น แต่ใครจะกล้ายืนขึ้นเป็ นพยาน
ให้ล่ะ? ตอนหลังต้องโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงเล่นงานถึงตายแน่
อีกฝั่งหนึ่งมีเสี ยงของปู้ เหลียนจงดังขึ้น “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้ว นี่ท่านกําลังจงใจมาป่ วน”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะหึ หึ แล้วบอกว่า “ข้าได้ยนิ เสี ยงความเคลื่อนไหวใหญ่ของที่นี่ เลยตั้งใจมาดูวา่
เกิดอะไรขึ้น เป็ นอะไรไปล่ะ? หรื อว่าข้ามาเดินเล่นที่นี่เฉย ๆ ไม่ได้? ถ้าเป็ นแบบนี้จริ ง ๆ ครั้งหน้าถ้า
คนของเขตเมืองตะวันออกถ่อไปที่เขตเมืองตะวันตกของข้า ข้าก็หกั ขาพวกเจ้าได้เลยใช่ม้ ยั ?”
“เด็ก ๆ มาจับเจ้าสองคนที่มนั ใส่ ร้ายผูบ้ ญั ชาการคนนี้ไปสัง่ สอนหน่อยซิ!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งโบกมือสัง่
สี่ คนที่อยูข่ า้ งหลังพุง่ เข้ามาใส่ สวีถงั หรานกับปู้ เหลียนจงทันที
พอตรงนี้เคลื่อนไหว พวกทหารเลวของเขตเมืองตะวันออกก็กรู กนั เข้ามาทันที มาขวางสี่ คนนั้นไว้
พร้อมเตือนว่า “ใครบังอาจมากําเริ บเสิ บสาน!”
ตอนที่ 965

ช่ วงเข้ าด้ ายเข้ าเข็ม

ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าปล่อยให้คนของเขตเมืองตะวันตกตีคนของเขตเมืองตะวันออกที่เขตเมือง
ตะวันออก แบบนั้นก็แย่แล้ว ต่อให้เป็ นเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ทาํ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้โดนโค่วเหวินห
ลานด่าตาย จะเสี ยหน้าแบบนี้ไม่ได้
ขณะเดียวกัน มีบางคนรี บส่ งข่าวไปบอกโค่วเหวินหลานแล้ว
ลูกน้องสี่ คนของเซี่ยโห้วหลงเฉิงย่อมสู ไ้ ม่ไหว เพียงตะโกนด่าทอใส่ กนั เท่านั้น
เซี่ยโห้วหลงเฉิงก้าวขึ้นมาใช้สองมือดันลูกน้องออกไป แล้วตะโกนว่า “ทําไม? อยากจะลงมือซ้อมข้ารึ
ไง? ไอ้คนนั้นที่มนั หลบอยูข่ า้ งหลัง โผล่หวั ออกมาสิ วะ!” ขณะที่พดู เขาก็ช้ ีไปทางเหมียวอี้
การหาเรื่ องในวันนี้พงุ่ เป้ ามาที่เหมียวอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเขาส่ งข่าวมาถามเรื่ องที่โค่วเห
วินหลานได้หุน้ สองส่ วนของร้านขายของชําไป เขาก็คงไม่ทนั สังเกตว่าเหมียวอี้กลายเป็ นคนของเขต
เมืองตะวันออกไปแล้ว หลังจากรู ้เรื่ องก็โมโหจนปอดแทบระเบิด
เพียงแต่เวลาเจ้าบ้านี่โมโหขึ้นมา ก็จะไม่ค่อยสนใจผลที่ตามมาสักเท่าไร วิง่ มาที่เขตเมืองตะวันออก
โดยตรงเลย
เหมียวอี้ยอ่ มรู ้วา่ เขาพุง่ เป้ ามาที่ตน จึงไม่ได้กา้ วขึ้นมาข้างหน้าอย่าง ‘ทันเวลา’ หดหัวอยูข่ า้ งหลังกลุ่ม
คน จะได้ไม่โดนเล่นสกปรกใส่
ขณะนี้เอง บนฟ้ าก็มีเงาคนคนหนึ่งแวบเข้ามา โค่วเหวินหลานนํารองผูบ้ ญั ชาการสองคนมาถึงแล้ว มา
เหยียบลงนอกศาลากลางนํ้า แล้วเดินก้าวยาวเข้ามาตวาดว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิ ง เจ้าบังอาจมาก่อเรื่ องที่
อาณาเขตของข้าเหรอ!” กลุ่มคนหลีกทางให้ เดินมาถึงตัวเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งและชี้หน้าด่าแล้ว
เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะหึ หึ แล้วถามว่า “เจ้าตุง้ ติ้ง จะพูดจาซี้ซ้ วั ไม่ได้นะ ลูกตาข้างไหนของเจ้าที่เห็น
ข้าก่อเรื่ อง?”
โค่วเหวินหลานเดือดดาลทันที “ไอ้หมีควายเซี่ยโห้ว ข้าเห็นกับตาตัวเอง!”
“เจ้าตุง้ ติ้ง เจ้าด่าใครว่าหมีควาย?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งหน้าบึ้ง
โค่วเหวินหลานใช้นิ้วจิ้มหน้าอกเขา “ข้าก็ด่าเจ้านัน่ แหละ ไอ้หมีควาย!”
“ยังกล้าเอานิ้วมาจิ้มข้าอีกเหรอ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงประสาทเสี ยทันที ง้างหมัดอยากจะชก อยากจะทํา
ให้ใบหน้าน่ารังเกียจของโค่วเหวินหลานพังเละ
แต่ถูกลูกน้องทั้งสี่ คนดึงมือไว้ พยายามควบคุมเขาไว้ หนึ่งในนั้นถ่ายทอดเสี ยงเตือนว่า “ผูบ้ ญั ชาการ
พวกเขามีคนเยอะกว่า ถ้าสูก้ นั ขึ้นมาพวกเราจะเสี ยเปรี ยบ! มิหนําซํ้าที่นี่ยงั ไม่ใช้อาณาเขตของพวกเรา
ด้วย เสี ยเปรี ยบแล้วยังไม่มีที่ให้ทวงความยุติธรรมอีก เขากําลังใช้วธิ ียวั่ ยุ เขากําลังเห็นท่านเป็ นคนโง่
กําลังจงใจยัว่ โมโหท่าน!”
ที่จริ งคนที่กาํ ลังพูดอาจจะไม่ได้กาํ ลังทําให้เขาใจเย็นลงก็ได้
สมกับเป็ นคนที่คุน้ เคยกัน พอได้ยนิ คํานี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ใจเย็นลงจริ ง ๆ ด้วย เขามองซ้ายมองขวา
พบว่าฝ่ ายตัวเองมีแค่หา้ คน แต่อีกฝ่ ายกลับมีเกือบร้อยคน ถ้าสู ก้ นั ขึ้นมาตนจะต้องเสี ยหน้าแน่นอน จึง
ทําเสี ยงฮึดฮัดแล้ววางหมัดลง
โค่วเหวินหลานกลับไม่ปล่อยเขาไป ใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกเขาซํ้า ๆ “ไอ้หมีควายหน้าเหม็น ยอมแพ้แล้ว
เหรอ? เจ้าลองลงมือให้ขา้ ดูสกั ครั้งสิ ทําหลบ ๆ ซ่อน ๆ ลับหลังจะถือว่าเก่งอะไรล่ะ? ดูร่างใหญ่กาํ ยํา
แต่กลับเป็ นขี้แพ้ที่กล้าแค่ขว้างหิ นจากข้างหลัง มันตัวอะไรกันแน่!”
“อุว้ ะ่ ฮ่า ๆ !” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโมโหจนหัวเราะเสี ยงดัง ควงหมัดอยากจะชกอีกที
ปรากฏว่าโดนลูกน้องสี่ คนดึงไว้อีกครั้ง “นายท่าน เมื่อตกที่นงั่ เสี ยเปรี ยบ บุรุษอกสามศอกย่อมยอม
ลดราวาศอกได้!”
ลูกน้องทั้งสี่ แอบถ่ายทอดเสี ยงเกลี้ยกล่อมไม่หยุด เหมียวอี้กลับพูดไม่ออกนิดหน่อย ถ้าไม่ได้เข้ามาอยู่
วงในก็คงดูไม่ออก ทหารสวรรค์พวกนี้ดูเหมือนปรองดองกัน แต่หลังจากเขาได้เข้ามาอยูใ่ นกลุ่ม ก็
พบว่าไม่ได้ต่างจากพิภพเล็กสักเท่าไร
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งส่ ายหัวเหมือนสิ งโตทันที สะบัดลูกน้องสี่ คนนั้นออก แล้วหันกลับมาฝ่ าวงล้อม
ประชิดเข้าไปตรงหน้าเหมียวอี้โดยตรง เขาทําเหมือนโค่วเหวินหลาน ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกเหมียวอี้ไม่
หยุด “ไอ้เด็กน้อย เจ้าเก่งนักนะ บังอาจทรยศข้า กินบนเรื อนขี้บนหลังคา!”
เหมียวอี้กา้ วถอยหลัง หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนจิ้มเป็ นครั้งที่สาม ถามเหมือนแปลกใจว่า “ผูบ้ ญั ชาการ
เซี่ ยโห้ว ข้าไม่เคยเอาของอะไรมาจากท่านเลย และไม่ใช่ลูกน้องของท่านด้วย จะกลายเป็ นทรยศท่าน
ได้อย่างไร?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งทําสี หน้าไม่ถูก ที่อีกฝ่ ายพูดเหมือนจะมีเหตุผล อีกฝ่ ายไม่เคยเอาอะไรจากเขาจริ ง ๆ
และไม่ใช่ลูกน้องเขาด้วย กลับเป็ นเขาที่ตกั ตวงของมาจากอีกฝ่ ายมากมาย แต่ที่บอกว่าทรยศ เขาไม่ได้
หมายความอย่างนี้ เขาหมายถึงเดิมทีเหมียวอี้เป็ นคนในอาณาเขตเขา แต่กลับนําหุน้ จากร้านขายของชํา
ในอาณาเขตเขามาให้โค่วเหวินหลาน ไม่ยอมมอบให้เขา ทั้งยังมาขอพึ่งพาเป็ นลูกน้องของโค่วเหวินห
ลานอีก แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน
หารู ้ไม่วา่ ถ้าพูดถึงความคุน้ เคยสนิทสนม เหมียวอี้ตอ้ งสนิทสนมกับเขามากกว่าแน่นอน เหมียวอี้ก็
อยากจะมอบหุน้ สองส่ วนนั้นให้เขาเพื่อแลกความสงบสุ ขเหมือนกัน แต่เจ้าบ้านี่เชื่อถือไม่ได้เลย เมื่อ
เขารับของของไปแล้ว ก็อาจจะไม่จดั การธุระให้กไ็ ด้ ไม่แน่วา่ ถ้าหวงฝู่ จวินโหรวยุยงแค่คาํ เดียว เจ้าบ้า
นี่กอ็ าจจะมาจัดการโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ได้ เจ้าบ้านี่ไม่พดู จากันด้วยเหตุผลเลย
โค่วเหวินหลานได้ยนิ แล้วขําทันที พอจะเดาสาเหตุที่เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งมาก่อเรื่ องที่นี่ได้แล้ว เขาจึงเดิน
เข้ามาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิม้ “เขาพูดถูกนะ เขาไม่เคยเอาของของเจ้าไป และไม่ได้เป็ นลูกน้องของเจ้า
ด้วย ทําไมกลายเป็ นทรยศเจ้า กลายเป็ นกินบนเรื อนขี้บนหลังคาแล้วล่ะ?”
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งย่อมรู ้วา่ ตัวเองเสี ยเปรี ยบเรื่ องเหตุผล เรี ยกได้วา่ แยกเขี้ยวยิงฟัน ชี้เหมียวอี้พลางตวาด
อย่างเดือดดาล “ไอ้เด็กนี่ ที่เจ้าซ้อมข้า ข้ายังไม่คิดบัญชีเลยนะ?”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ทุกคนรวมทั้งโค่วเหวินหลานต่างมองไปที่เหมียวอี้อย่างประหลาดใจ รู ้สึก
เหลือเชื่อที่เหมียวอี้กล้าซ้อมเขา เหมียวอี้จึงทําท่าไม่รู้ไม่ช้ ีเหมือนคนบริ สุทธิ์ไร้ความผิดทันที
โค่วเหวินหลานพลันหัวเราะเยาะ “ไอ้หมีควาย ต่อให้อยากจะหาเรื่ อง แต่กไ็ ม่ตอ้ งหาข้ออ้างน่าเกลียด
ขนาดนี้กไ็ ด้ม้ งั ?”
“ดี ไอ้เด็กนี่กล้านักเหรอ รอข้าก่อนเถอะ เดี๋ยวได้ถึงเวลาที่เจ้าร้องไห้แน่!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่ช้ ีเหมียวอี้
ยิม้ เจ้าเล่ห์ ส่ วนสาเหตุที่ยอมให้เหมียวอี้ซอ้ ม เขาก็พดู ออกมาไม่ได้เหมือนกัน ทําได้เพียงฝากเอาไว้
ก่อน โบกมือตะโกนว่า “พวกเรากลับ!”
“อย่ารี บไปสิ ! ในเมื่อมาแล้วก็ดื่มกันสักจอกสิ ! ทําไม กลัวข้าเหรอ?” โค่วเหวินหลานสะบัดผ้าเช็ดหน้า
ออกมาป้ องปากหัวเราะ
“ข้าเนี่ยนะกลัวคนตุง้ ติ้งแบบเจ้า? หรื อว่าเจ้ากล้าวางยาพิษข้าล่ะ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งถ่มนํ้าลาย แล้วหัน
ไปชี้ท่านแม่สวีกบั เสวีย่ หลิงหลงที่อยูข่ า้ งล่างเวที “วันนี้เขตเมืองตะวันตกสัง่ ห้ามออกนอกบ้านยาม
วิกาล ทุกร้านห้ามออกมาข้างนอก พวกเจ้ายังไม่ใสหัวกลับไปอีก?” ชัดเจนว่าเขาไม่อยากให้คนทางนี้
มีความสุ ข
ท่านแม่สวีกบั เสวีย่ หลิงหลงพูดไม่ออกมาก เมื่อเจอคนไร้เหตุผลแบบนี้กท็ าํ อะไรไม่ได้ แต่กไ็ ม่ใช่วนั
แรกที่ได้รู้จกั คนคนนี้ จึงทําได้เพียงมองไปที่โค่วเหวินหลานด้วยแววตาขอร้อง โชคดีที่โค่วเหวินห
ลานไม่ได้ทาํ ให้พวกนางลําบากใจ การไม่แสดงท่าทีอะไรก็คือคําตอบ ท่านแม่สวีรีบพาคณะนางรํา
ของหอกลิ่นสวรรค์หนีออกไปทันที
และเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็โดนโค่วเหวินหลานล่อลวงออกไปอย่างนั้นแล้ว เพียงแต่ก่อนจะออกไป โค่วเห
วินหลานหันกลับมาถ่ายทอดเสี ยงสัง่
รอจนกระทัง่ พวกเขาหายไปแล้ว สวีถงั หรานก็ดึงตัวเหมียวอี้ไปอีกด้าน แล้วกระซิ บบอกว่า “นายท่าน
ผูบ้ ญั ชาการออกคําสัง่ บอกว่าเขตเมืองตะวันออกเสี ยหน้าแล้ว ต้องกูห้ น้ากลับมา ให้พวกเราสู แ้ บบตา
ต่อตาฟันต่อฟัน สัง่ ให้ขา้ กับเจ้าไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก”
ไม่ใช่ม้ งั ? เหมียวอี้ตกใจมาก!
สวีถงั หรานไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้น ให้ทุกคนกินดื่มอยูท่ ี่นี่ต่อ แล้วตัวเองก็ดึงเหมียวอี้วงิ่ ออกไป
พอทั้งสองออกจากสวนบูรพา ก็เปลี่ยนเสื้ อผ้าปลอมตัว ถือโอกาสพกหิ นชมทัศนียภาพก้อนใหญ่กอ้ น
หนึ่งไปด้วย อาศัยความมืดคลําทางไปถึงด้านนอกจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก
พวกเขาหลบใต้ฐานกําแพง ทั้งสองเกี่ยงกันว่าใครจะเป็ นคนโยนก้อนหิ น เหมียวอี้จาํ ใจมาก กล่าวถ่อม
ตัวว่า “น้องชายเพิ่งมาใหม่ ภารกิจสําคัญแบบนี้ หากทําพลาดเกรงว่าจะละอายใจต่อนายท่านผู ้
บัญชาการ ดีไม่ดีอาจจะทําให้พี่สวีลาํ บากไปด้วย พี่สวีลงมือแล้วกัน!”
สุ ดท้ายสวีถงั หรานก็บอกอีกว่า “นายท่านผูบ้ ญั ชาการสัง่ ไว้ ว่าให้เจ้าลงมือด้วยตัวเอง ถือเป็ นใบมอบ
ตัวเพื่อเจ้าเข้าเขตเมืองตะวันออก!”
ผีที่ไหนจะไปรู ้วา่ ใช่คาํ พูดของโค่วเหวินหลานหรื อว่า เหมียวอี้แอบด่าแม่ในใจ แต่จะไม่ทาํ ตามก็
ไม่ได้ ภายใต้ความจนใจ เขาร่ ายอิทธิฤทธิ์ยกโยนหิ นก้อนใหญ่ออกไปหนึ่งก้อน จากนั้นทั้งสองก็รีบ
หนีไปอย่างรวดเร็ ว ได้ยนิ เสี ยงโครมครามแว่ว ๆ อยูข่ า้ งหลัง ทั้งยังมีเสี ยงตกใจป่ นด่าทอจากในจวนผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันตกด้วย
ทั้งสองรี บหนีกลับมาที่สวนบูรพา ถอดเครื่ องปลอมตัวออก แล้วกลับเข้ามานัง่ กินดื่มต่อไปอย่างไม่รู้
ไม่ช้ ี
ผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยนิ เสี ยงโมโหเดือดดาลปานฟ้ าผ่าของเซี่ ยโห้วหลงเฉิงดังขึ้น เจ้าตัวถือดาบใหญ่นาํ
คนพุง่ เข้ามาในศาลากลางนํ้าที่ไร้หลังคา ควงดาบตะคอกถามว่า “ใครมันไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการของ
ข้า?”
เมื่ออีกฝ่ ายพูดแบบนี้ ทุกคนในงานก็พากันงง มีคนไม่นอ้ ยแอบมองไปทางสวีถงั หรานกับเหมียวอี้
เงียบ ๆ เพราะทั้งสองออกจากงานไปพักหนึ่ง พวกเขามีคาํ ตอบในใจแล้ว
เหมียวอี้มองโค่วเหวินหลานที่วงิ่ ตามเข้ามา ด่าในใจว่าไอ้ตุง้ ติ้งคนนี้หน้าเนื้อใจเสื อใช้ได้เลย ถ่วงเวลา
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งอยูท่ างนี้ แต่ลบั หลังกลับสัง่ คนให้ไปพังรังของเซี่ยโห้วหลงเฉิง
สวีถงั หรานยืนขึ้นตอบทันที “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเรากินดื่มอยูท่ ี่นี่ตลอด
ไม่ได้ออกไปไหนเลย จะไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการของท่านได้อย่างไรขอรับ? ถ้าไม่เชื่อก็ถามทุกคนใน
งานดูสิ”
ทุกคนตอบเสี ยงดังเป็ นระลอกทันที “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วเข้าใจพวกเราผิดแล้ว พวกเราไม่ได้ออกไป
ไหนเลย”
โค่วเหวินหลานจับแขนของเซี่ยโห้วหลงเฉิ ง แล้วหรี่ ตายิม้ พร้อมบอกว่า “ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ
ลูกน้องข้าไม่เอาหิ นไปทุ่มใส่ ศาลากลางนํ้าหรอก มีแต่พวกเลวทราม ตํ่าช้า หน้าด้าน โง่เง่าเท่านั้นถึง
จะทําเรื่ องแบบนี้ได้!”
“เจ้า… โค่วเหวินหลาน เจ้าคอยดูเถอะ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงแทบจะพ่นนํ้าลายใส่ หน้าเขา พอโบกดาบ
หนึ่งที เสาคานที่หกั ไปครึ่ งหนึ่งก็กระเด็นออกไป แล้วโบกดาบไปทางพวกลูกน้องพร้อมตะโกนสัง่
“พวกเรา กลับ!” เรี ยกได้วา่ นําลูกน้องตัวเองออกไปจากกระฟัดกระเฟี ยด
ภาพที่โค่วเหวินหลานโบกผ้าเช็ดหน้าพลางกล่าวส่ งแขก เหมียวอี้เห็นแล้วขนลุกทั้งตัว ให้ความรู ้สึก
เหมือนเวลาท่านแม่สวีกล่าวส่ งแขก คนอื่น ๆ เหมือนจะเห็นจนกลายเป็ นเรื่ องปกติแล้ว
ผ่านไปประเดี๋ยวเดียว โค่วเหวินหลานก็สีหน้ากลับมานิ่งเฉยเป็ นปกติ ตะคอกทุกคนว่า “ยังจะมัวกิน
ดื่มอะไรกันอีก เจ้าหมีควายมันเป็ นคนตํ่าช้าเจ้าคิดเจ้าแค้น ยังไม่รีบไปบอกให้คนเตรี ยมป้ องกันอีก!”
แล้วก็หนั มาบอกรองผูบ้ ญั ชาการที่อยูข่ า้ งกาย “ไปเชิญผูก้ ารสองจากตําหนักคุม้ เมืองมาสักเที่ยว!”
ทุกคนแยกย้ายทันที เหมียวอี้ไปคิดเงิน ปรากฏว่าผูจ้ ดั การสวนบูรพาไม่ยอมรับเงิน บอกว่าเป็ นการ
แสดงความยินดีที่เขาได้รับตําแหน่ง แล้วขอฝากเนื้อฝากตัวกับเขาด้วย
เหมียวอี้ยมิ้ ตอบ นับว่าการกินดื่มและการชมดนตรี ในคืนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเลยสักนิด
พอกลับจวนผูบ้ ญั ชาการ เพิ่งจะเข้าประตูใหญ่มา เขาก็โดนทหารคนหนึ่งดึงตัวไปเจอกับพวกสวีถงั
หรานและทหารเลวอีกห้าคนเพื่อประชุม
เหมียวอี้ สวีถงั หราน ปู้ เหลียนจง สวีเ่ ต๋ อ ข่งเฟยฝาน ส้าวเติงก่วง หลัวว่านกวง ทหารเลวทั้งเจ็ดนัง่ ล้อม
กันอยูท่ ี่โต๊ะตัวหนึ่ง เหมียวอี้ที่เพิง่ เข้ามานัง่ ถามอย่างแปลกใจ “มีเรื่ องอะไรเหรอ?”
ปู้ เหลียนจงบอกว่า “นายท่านผูบ้ ญั ชาการบอกมา ว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งต้องกลับมาล้างแค้นแน่นอน คืนนี้
อย่าคิดว่าจะได้เป็ นอิสระเลย เฝ้ ารอแต่โดยดีเถอะ”
หลัวว่านกวงถอนหายใจอีก “ตอนนี้เป็ นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม รอดูวา่ นายท่านกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งใครจะ
ได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ถ้าให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิงเป็ น ก็ไม่ตอ้ งพูดอะไรแล้ว ตลาดสวรรค์ไม่มีที่ให้นาย
ท่านยืนแน่นอน เซี่ ยโห้วหลงเฉิงต้องบีบบังคับให้นายท่านออกไปแน่ แบบนั้นพวกเราก็แย่เหมือนกัน
ถึงตอนนั้นถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่เล่นงานพวกเราถึงตายก็แปลกแล้ว”
“มันเรื่ องอะไรกัน?” เหมียวอี้ตกใจมาก อย่าขู่ให้ขา้ ตกใจสิ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกําลังจะเป็ นผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่ของตลาดสวรรค์ ล้อเล่นอะไรของเจ้า? รี บถามทันทีวา่ “ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มอะไร?”
ตอนที่ 966

จับกุมคาหลักฐาน

“เจ้าไม่รู้เหรอ?” ปู้ เหลียนจงแปลกใจ แต่นึกขึ้นได้วา่ เจ้านี่เพิง่ มาใหม่ ก็เป็ นไปได้ที่จะไม่รู้ ถึงได้ช้ ีไป
ทางตําหนักคุม้ เมืองพร้อมอธิบายว่า “เป็ นเพราะฝี มือของปี ศาจจิ้งจอกพันหน้า สัตว์วญ
ิ ญาณของปี้ เยว่ฮู
หยินไงล่ะ ปี ศาจจิ้งจอกตนนี้ให้มีชีวติ อยูด่ ี ๆ ไม่ชอบ เอาแต่คิดอยากจะหนี ครั้งนี้หนีไปอีกแล้ว!”
ปี ศาจจิ้งจอกพันหน้า? เหมียวอี้ตะลึงงัน ถ้าไม่พดู ถึงปี ศาจจิ้งจอก เขาก็แทบจะลืมไปแล้ว นางหนีไป
อีกแล้วเหรอ? เขาถามอย่างแปลกใจอยูบ่ า้ งว่า “ใครจะได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ เกี่ยวอะไรกับปี ศาจ
จิ้งจอก อย่าบอกนะว่าใครหาปี ศาจจิ้งจอกเจอ คนนั้นจะได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่?” ร้านขายของชํา
ซื่อตรงได้มาอย่างไร เขารู ้ดีที่สุด ก็เป็ นเพราะหาปี ศาจจิ้งจอกตั้วนั้นพบนัน่ แหละ
สวีถงั หรานส่ ายหน้า “นายท่านมีคนหนุนหลัง เรื่ องนี้ทุกคนล้วนรู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ เป็ นลูกน้องของปี้ เยว่ฮู
หยินมานานขนาดนี้ เดิมทีควรได้เลื่อนขั้นตั้งนานแล้ว แต่มนั แย่ตรงที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็มีคนหนุนหลัง
เหมือนกัน ทั้งสองต่างก็อยากเป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์เพื่อให้อีกคนอับอาย ส่ วนจะให้
เลื่อนขั้นใคร ปี้ เยว่ฮูหยินก็ลาํ บากใจมาก ถ้าเลื่อนขั้นคนนี้จะทําให้คนนั้นไม่พอใจ ถ้าเลื่อนขั้นคนนั้นก็
จะทําให้คนนี้ไม่พอใจ จึงถ่วงเวลามาโดยตลอด ไม่อยากล่วงเกินทั้งสองฝ่ าย แต่ครั้งนี้ปีศาจจิ้งจอกหนี
ไปอีกแล้ว ปี้ เยว่ฮูหยินย่อมสัง่ ให้คนไปค้นหา ผูบ้ ญั ชาการใหญ่กเ็ ลยระดมกําลังพลกองหนึ่งไปค้นหา
แต่ใครจะคิดว่าตอนค้นหาจะไปเจอกับนักพรตผี ‘เฮยหวัง’ นักพรตผีที่ใจกล้าคับฟ้ าตนนี้บุ่มบ่ามแตะ
ต้องทหารสวรรค์ หลังจากสังหารคนไปหลายสิ บคนก็หลบหนี ทําเอาทางตําหนักสวรรค์ตาํ หนิยก
ใหญ่ ปี้ เยว่ฮูหยินย่อมมาระบายความโกรธกับผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ที่จริ งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่หรอก แต่มีข่าวมาว่าปี้ เยว่ฮูหยินอยากจะฉวยโอกาสทําให้ผบู ้ ญั ชาการใหญ่ออกจากตําแหน่ง
อยากจะอาศัยภูมิหลังของนายท่านกับผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วมาเพื่อกันไม่ให้ตาํ หนักสวรรค์สอบถาม เมื่อ
ข่าวหลุดออกมา นายท่านกับผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วขอเสนอตัวไปจับนักพรตผีนนั่ เพียงแต่ไม่รู้วา่ เพราะ
อะไร ปี้ เยว่ฮูหยินถึงลังเลไม่ยอมตัดสิ นใจมาตลอด!”
หลัวว่านกวงพยักหน้าเช่นกัน “ตอนนี้นายท่านกับผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วต่างก็กาํ ลังถูหมัดถูมือ เพียงรอ
ให้ป้ ี เยว่ฮูหยินลัน่ วาจา ถ้าใครจัดการนักพรตผีตนนั้นได้ คาดว่าปี้ เยว่ฮูหยินคงไม่มีทางถ่วงเวลาเรื่ อง
ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ต่อไปได้อีก ขอถามหน่อย ว่าถ้าปล่อยให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งทําเรื่ องนี้สาํ เร็ จ
นายท่านจะไม่ตอ้ งเป็ นลูกน้องคอยเงยหน้าฟังคําสัง่ เซี่ยโห้วหลงเฉิ งหรอกเหรอ ถึงตอนนั้นถ้าไม่ถูก
กลัน่ แกล้งจนตายก็ตอ้ งทรมานจากความอัปยศ นายท่านต้องออกจากที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงความอัปยศ
แน่นอน พวกเราที่เหลืออยูก่ แ็ ย่แล้ว!”
ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้! เหมียวอี้รู้สึกหนาวในใจ แอบร้องว่าทําไมตัวเองซวยขนาดนี้ สละหุน้ สองส่ วนของ
ร้านขายของชําเพื่อปกป้ องตัวเอง แต่ใครจะคิดว่าสุ ดท้ายอาจจะต้องตกอยูใ่ นมือเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
แต่พอลองคิดอีกมุม ก็อาจจะเป็ นการคิดมากไปเอง เรื่ องนี้ยงั ไม่ได้ถูกตัดสิ นใจเสี ยหน่อย แล้วอีกอย่าง
อาศัยคนปั ญญาอ่อนอย่างไอ้หมีควายเซี่ ยโห้ว ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องโค่วเหวินหลานก็ได้ มีความ
เป็ นไปได้มากกว่าที่โค่วเหวินหลานจะได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่
ทางนี้เพิ่งจะสงบใจ ด้านนอกก็มีเสี ยงคนวิง่ มากระซิบข้างหูสวีเ่ ต๋ อ
สวีเ่ ต๋ อหัวเราะแห้ง ๆ ตบโต๊ะยืนขึ้น แล้วโบกมือบอกว่า “โจรมาแล้ว ไปเตรี ยมตัว!”
โจร? โจรอะไร? เหมียวอี้ยงั เหม่องง แต่อีกหกคนก็ถลันตัวออกไปแล้ว แต่เขาก็หวั ไว ที่ตลาดสวรรค์
ยังจะมีใครกล้ามาปล้นที่จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกอีก นอกจากเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่มีคนอื่น
แล้ว เรี ยกได้วา่ ทั้งโมโหทั้งอยากขํา พบว่าเจ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงปั ญญาอ่อนจริ ง ๆ อีกฝ่ ายกําลังเปิ ด
กระเป๋ ารอให้เขามาติดกับดักเองแท้ ๆ
เขาเองก็อยากจะเห็นโค่วเหวินหลานจัดการเซี่ ยโห้วหลงเฉิงเหมือนกัน จึงรี บวิง่ ออกไปดูเอาสนุก พอ
ออกจากประตูมา สวีถงั หรานที่อยูบ่ นหลังคาฝั่งตรงข้ามก็ถ่ายทอดเสี ยงเรี ยก ให้ข้ ึนมารอดูบนหลังคา
ด้วยกัน
ภายใต้ม่านราตรี ไม่นานก็มีเงาคนลับ ๆ ล่อ ๆ ปรากฏขึ้น เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “มาแล้ว!”
สวีถงั หรานกดบ่าเขาพร้อมบอกว่า “ไม่รีบหรอก จุดประสงค์ของผูบ้ ญั ชาการก็คือให้พวกเขาทําให้
สําเร็ จก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”
ผ่านไปครู่ เดียว ก้อนหิ นใหญ่หา้ หกก้อนก็ถูกโยนออกมา ทุ่มจากฟ้ าใส่ ตาํ หนักหลักที่กาํ ลังจุดโคมไฟ
สว่าง เหมียวอี้และคนอื่น ๆ ได้แต่มองดูตาํ หนักหลักพังยุบลงไป แล้วก็กระเด็นกลับภายใต้การยิงของ
พลังอิทธิฤทธิ์ วัตถุระเกะระกะปลิวมัว่ ไปหมด
“ใครกัน!” พวกสวีถงั หรานตะโกนถามเสี ยงเข้มแล้ว คนที่ดกั ซุ่มอยูใ่ นร้านค้าด้านนอกกรู กนั ออกมา
ในชัว่ พริ บตาเดียว ดักคนที่คิดจากหนีจากซอยนั้นเอาไว้ พอพุง่ เข้าใส่ กต็ ีกนั ทันที ตีกนั จนมีเสี ยงร้อง
ตกใจ ร้านค้าหลายร้านพังอย่างง่ายดายราวกับเป็ นไม้ผุ
เหมียวอี้ที่ยงั หมอบอยูบ่ นหลังคาหันไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงเงาคนสองคนถลันตัวออกจากตําหนัก
ที่พงั ถล่ม ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผูช้ ายคือโค่วเหวินหลาน ส่ วนผูห้ ญิงก็ทาํ ให้เหมียวอี้หนังตากระตุก เขา
เคยเห็นมาก่อน ผูก้ ารสองที่เคยเจอตอนตามหาปี ศาจจิ้งจอกพันหน้าที่ดาวไร้ลกั ษณ์ นางกําลังทําสี หน้า
เย็นเยียบ
เหมียวอี้แอบเดาะลิ้นในใจ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทําไมตอนอยูส่ วนบูรพาก่อนหน้านี้ โค่วเหวินหลาน
ถึงให้เชิญผูก้ ารสองมาจากตําหนักคุม้ เมือง เพราะจะดึงตัวมาเป็ นพยาน นี่คือการวางกับดักตายให้
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง!
คนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแทบจะออกมาดักไว้หมด จุดจบก็ไม่ตอ้ งพูดถึง เพียงแต่สิ่ง
ที่ทาํ ให้เหมียวอี้หนังตากระตุกก็คือ อานุภาพการต่อสู ส้ ะเทือนไปทั้งข้างนอกข้างใน
ท่ามกลางเสี ยงดังโครมคราม ตึกรามบ้านช่องพังทลาย เห็นได้ชดั ว่าคนของโค่วเหวินหลานอยาก
หลอกฝ่ ายตรงข้ามให้ตายใจก่อนแล้วค่อยจัดการ คนหลายสิ บคนล้อมคนคนเดียว เดี๋ยวล้อมเดี๋ยวปล่อย
อยูอ่ ย่างนั้น จงใจจะขยายขอบเขตการต่อสู ใ้ ห้ใหญ่ข้ ึน ทําเอาบรรดาร้านค้าวุน่ วายเหมือนไก่บินเตลิด
หมาวิง่ พล่าน ไม่รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น ไม่กล้าเข้ามาเกี่ยวพันกับการต่อสูข้ องทหารสวรรค์
ความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ ย่อมสะเทือนไปถึงคนของตําหนักคุม้ เมือง คนกลุ่มหนึ่งรี บตามเข้ามา
ทหารสวรรค์โดยรอบก็รีบตามมาเป็ นกองหนุนเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าสะเทือนไปถึงคนอื่นแล้ว กําลังคนของเขตเมืองตะวันออกก็วางมือทันที รี บจบการต่อสู ้
อย่างเด็ดขาดรวดเร็ ว
ใช้เวลาไม่นาน คนหกคนที่โดนโจมตีจนสาหัสก็ถูกลากเข้ามา ถูกถอดเครื่ องปลอมตัวออก แล้วโยน
ไว้ตรงหน้าโค่วเหวินหลานกับผูก้ ารสอง
“เอ! พวกเจ้าเป็ นลูกน้องของผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วเขตเมืองตะวันตกไม่ใช่เหรอ?” ข่งเฟยฝานเจตนา
ทําท่าตระหนกตกใจ
บนลานกว้าง คนกลุ่มหนึ่งพากันอุทานตาม “เป็ นพวกเขาจริ ง ๆ ด้วย!”
“ฟางเทียนเป่ า พวกเจ้ามาลอบโจมตีจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกของพวกเราทําไม?” ส้าวเติง
ก่วงก้าวขึ้นมาเตะทีหนึ่ง
ผูก้ ารสองโบกมือห้าม สี หน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นัง่ อยูใ่ นบ้านแล้วจู่ ๆ โดนหิ นหลายลูกทุ่มลงมา ไม่วา่
ใครก็อารมณ์ไม่ดีท้ งั นั้น เป็ นครั้งแรกที่นางเจอเรื่ องอันตรายแบบนี้ที่ตลาดสวรรค์ นางถามคนที่ตามมา
จากตําหนักคุม้ เมืองด้วยนํ้าเสี ยงทุม้ ตํ่า “พวกนี้เป็ นคนของเขตเมืองตะวันตกจริ งเหรอ?”
ใช่วา่ นางจะไม่รู้โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ งมีความสัมพันธ์กนั อย่างไร จึงไม่ค่อยเชื่อคําพูด
ของลูกน้องโค่วเหวินหลาน ถามคนของตัวเองจะเหมาะสมกว่า คนที่มาพยักหน้าเงียบ ๆ ให้นาง
ผูก้ ารสองเอียงศีรษะและใช้สายตาเย็นเยียบมองโค่วเหวินหลานที่ทาํ สี หน้าเยือกเย็นสุ ขมุ พอจะเข้าใจ
แล้วว่าทําไมเขาถึงเชิญตนมาวันนี้ สงสัยตนจะถูกใช้ประโยชน์แล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นนางต้องตั้งตัวเป็ นศัตรู แน่นอน แต่จนใจที่นางรู ้จกั ภูมิหลังของโค่วเหวินหลาน อีก
ฝ่ ายกล้าทําแบบนี้เพราะไม่ได้หวาดกลัวเลย นางเลยทําได้เพียงจัดการอย่างยุติธรรม
ผูก้ ารสองไม่ได้อยูน่ าน หลังจากถามจนรู ้ชดั แล้วว่าใครเป็ นผูล้ อบโจมตีฝ่ายนี้ นางก็กล่าวพร้อม
ใบหน้านิ่งตึง “พากลับไปรอฟังคําสัง่ ของฮูหยิน!”
คนของตําหนักคุม้ เมืองพุง่ ตัวเข้ามาทันที ลากคนที่อยูบ่ นพื้นออกไปด้วย
เมื่อเห็นผูก้ ารสองกําลังจะออกไป โค่วเหวินหลานก็กมุ หมัดคารวะทันที “เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งสันดานชัว่
ร้าย มีเจตนาไม่ดี พวกเราจะคุม้ กันส่ งผูก้ ารสอง!”
ผูก้ ารสองไฟลุกในใจ กล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “เจ้าตามข้าไปพบฮูหยิน ส่ วนคนของเจ้า… ฮันเปี ยว ส่ ง
คนไปดูพวกเขาไว้ให้ดี อย่าให้พวกเขาออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการโดยพลการแม้แต่กา้ วเดียว!”
“รับทราบ!” ฮันเปี ยว หัวหน้าที่ตามมาจากตําหนักคุม้ เมืองกุมหมัดเอ่ยรับคําสัง่ พอโบกมือ กําลังพลใต้
บังคับบัญชาก็เหาะไปเหยียบลงรอบ ๆ เฝ้ าจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกไว้อย่างแน่นหนา
“ทุกคนรอข้าอยูต่ รงนี้ ข้าไปประเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวกลับมา” โค่วเหวินหลานหันกลับมาสัง่ จากนั้นก็เหาะ
ตามผูก้ ารสองออกไป
“รับทราบ!” เหมียวอี้กมุ หมัดน้อมรับคําสัง่
ณ ตําหนักคุม้ เมือง ในสวนดอกไม้ใต้แสงจันทร์ ปี้ เยว่ฮูหยินเกล้าผมสูง รู ปร่ างอวบอัด ผิวขาว
ละเอียดอ่อน หน้าตางดงามดุจภาพวาด ริ มฝี ปากแดงเย้ายวน สวมชุดกระโปรงผ้ามุง้ สี เขียวนํ้าทะเล
เผยหน้าอกอวบอัดสี ขาวดุจหิ มะออกมาครึ่ งหนึ่ง นางกําลังหรี่ ตาครึ่ งเดียว เอนกายพิงอยูบ่ นเก้าอี้กลม
ขนาดใหญ่ กําลังฟังโค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ งปะทะฝี ปากกัน
เรื่ องนี้เซี่ยโห้วหลงเฉิงดิ้นไม่หลุด ย่อมต้องถูกเรี ยกมาอยูแ่ ล้ว เพียงแต่เจ้าตัวโมโหจนหน้าแดงคอแห้ง
สมองสูโ้ ค่วเหวินหลานไม่ได้ ฝี ปากก็ยอ่ มสู ไ้ ม่ได้เช่นกัน มิหนําซํ้ายังโดนจับกุมพร้อมหลักฐาน ไม่มี
ทางแก้ตวั ได้ ทําได้เพียงดันทุรังเถียงไป “เจ้าส่ งคนไปพังจวนผูบ้ ญั ชาการของข้าก่อนชัด ๆ !”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดซี้ซ้ วั ถ้าเจ้าทําแบบนี้ได้ งั้นข้าก็บอกได้เหมือนกันน่ะสิ ว่าคนที่ทุ่มหิ นใส่
สวนบูรพาตอนแรกคือเจ้า?” โค่วเหวินหลานพูดดูถูก
“ใส่ ร้ายกันหน้าด้าน ๆ !” ต่อให้โดนตีให้ตาย เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่ยอมรับ
ทั้งสองเถียงกันไปเถียงกันมา ปี้ เยว่ฮูหยินหลับตาไม่แสดงท่าทีอะไร หลับตาฟังเหมือนกําลังพักผ่อน
ร่ างกาย
ผ่านไปไม่นาน ก็มีลูกน้องนําคําให้การที่ได้มาเพราะโดนทรมานสอบปากคํามาส่ ง คําให้การมาถึงมือ
ปี้ เยว่ฮูหยิน พออ่านแล้วดวงตานางก็ฉายแววขุน่ เคืองทันที
ไม่ใช่เพราะลูกน้องของเซี่ยโห้วหลงเฉิ งตกกลุมพราง ต่อให้โดนซ้อมจนตายก็ไม่ยอมตกหลุมพราง
ทุกคนต่างแบกความรับผิดชอบไว้ที่ตวั เอง พวกเขาช่วยให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงพ้นผิด เห็นได้ชดั ว่าพวกเขา
เข้าใจสถานการณ์มาก ถ้าสารภาพชื่อเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งออกมา แบบนั้นพวกเขาก็ได้ตายสถานเดียว
เซี่ ยโห้วหลงเฉิงมีนิสยั เหี้ ยมโหด เจ้าคิดเจ้าแค้นไร้เหตุผล ถ้าไม่เล่นงานพวกเขาจนตายก็คงแปลก ถ้า
ปกป้ องเซี่ยโห้วหลงเฉิง โทษของพวกเขาก็ไม่ถึงกับตาย ไม่แน่วา่ ในภายหลังเซี่ยโห้วหลงเฉิ งอาจจะ
ให้อนาคตที่ดีกบั พวกเขาก็ได้
แต่การกระทําแบบนี้นบั ว่าเป็ นอะไรสําหรับปี้ เยว่ฮูหยินล่ะ โค่วเหวินหลานกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งมีคน
หนุนหลัง ทั้งสองไม่เห็นนางอยูใ่ นสายตาก็วา่ แย่แล้ว แต่พวกลูกน้องตํ่าต้อยก็บงั อาจไม่เห็นนางอยูใ่ น
สายตาด้วยเหมือนกัน ชัดเจนว่าต่อให้จบั ได้พร้อมหลักฐานก็จะไม่ยอมรับ แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน!
แต่สีหน้าโกรธเคืองก็หายไปอย่างรวดเร็ ว ในที่สุดก็เอ่ยถามว่า “พวกเจ้าสองคนสูก้ นั ไปสู ก้ นั มา ก่อ
เรื่ องใหญ่โตขนาดนี้ พวกเจ้าลองบอกว่ามาซิ วา่ จะยุติเรื่ องนี้อย่างไร?”
“ประหารเซี่ยโห้วหลงเฉิง!” โค่วเหวินหลานตอบ
“เหลวไหล! เจ้าน่ะสิ ตอ้ งโดนประหาร!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงเดือดดาลทันที
“พอแล้ว!” ปี้ เยว่ฮูหยินพลันตวาดเสี ยงเข้ม ลุกขึ้นยืนด้วยแววตาเป็ นประกาย แล้วกล่าวเสี ยงตํ่าว่า “คน
ของเขตเมืองตะวันตกก่อเรื่ อง จับตัวได้พร้อมหลักฐาน เซี่ยโห้วหลงเฉิ งยากที่จะพ้นผิดไปได้ ลงโทษ
ปรับเงินเดือนเจ้าหนึ่งร้อยปี แล้วชดเชยค่าเสี ยหายตามสมควร เจ้ายินดีจะรับบทลงโทษนี้ม้ ยั ?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกุมหมัดกล่าวว่า “ฮูหยินเองก็รู้ ตระกูลข้าน้อยไม่ได้ให้เงินไว้ใช้จ่าย ไม่เหมือนไอ้
ตุง้ ติ้งนี่ที่มีนมป้ อนตลอด ตําแหน่งข้าน้อยยากจน ไม่มีเงินจ่ายค่าชดเชย!”
โค่วเหวินหลานได้ยนิ แล้วกุมหมัดแน่น อยากจะเตะเขาให้ตาย
ปี้ เยว่ฮูหยินโมโหแล้ว แต่จู่ ๆ ผูก้ ารสองก็ถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “ฮูหยิน ผูบ้ ญั ชาการโค่วอาศัยโอกาส
แสดงความสามารถ ความเสี ยหายค่อนข้างหนัก ถ้ามีการชดเชยขึ้นมาก็ไม่ใช่เงินจํานวนน้อย ๆ ”
ปี้ เยว่ฮูหยินทั้งโมโหทั้งกลุม้ ใจ แต่กท็ าํ อะไรสองคนนี้ไม่ได้ ถ้าทําเกินไป อํานาจที่หนุนหลังทั้งสองก็
จะกดดันนาง ตอนนั้นคงถึงคราวที่นางต้องลําบากเสี ยเอง จึงกัดฟันบอกว่า “ลูกน้องเจ้าก่อความวุน่ วาย
เจ้าเป็ นผูบ้ งั คับบัญชา หนีไม่พน้ ความรับผิดชอบนี้หรอก ปรับค่าเสี ยหายเจ้าครึ่ งเดียว ห้ามแย้งอะไรอีก
ส่ วนที่เหลืออีกครึ่ งหนึ่ง เจ้าก็หาทางไปติดต่อเจรจากับพ่อค้าเอาเอง ถ้าจัดการเรื่ องนี้ให้สงบไม่ได้ ข้า
จะมาถามหาความรับผิดชอบจากเจ้า!”
โค่วเหวินหลานกุมหมัดคารวะทันที “ข้าน้อยจะไปรวมรวบข้อมูลความเสี ยหายทั้งหมดของร้านค้า
เดี๋ยวนี้”
ผูก้ ารสองรี บถ่ายทอดเสี ยงเตือนปี้ เยว่ฮูหยิน “ข้าสัง่ ให้คนไปจับตาดูคนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมือง
ตะวันออกไว้แล้ว กลัวว่าพวกเขาจะเล่นไม่ซื่ออะไรอีก!”
ปี้ เยว่ฮูหยินเลิกคิ้ว เหล่ตามองไปที่โค่วเหวินหลาน คิดในใจว่า ถ้าให้เจ้าไปดูกแ็ ย่น่ะสิ เจ้าอยากจะเล่น
งานเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้ถึงตาย แล้วตอนหลังจะให้ขา้ ไปอธิบายกับตระกูลเซี่ ยโห้วอย่างไรล่ะ? นาง
ตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่ตอ้ งแล้ว! ตําหนักคุม้ เมืองส่ งคนไปรวบรวมข้อมูลแล้ว”
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งโล่งอก!
หารู ้ไม่วา่ ในจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกตอนนี้ รองผูบ้ ญั ชาการสองคนกับทหารเลวเจ็ดคน
กําลังรวมตัวอยูด่ ว้ ยกัน ลูกน้องกลุ่มหนึ่งกําลังพากันขว้างทรัพย์สินที่ฉวยโอกาสทําพังตอนเหตุการณ์
วุน่ วายก่อนหน้านี้ ของวางซ้อนกันเป็ นกองใหญ่ เหมียวอี้เห็นแล้วอกสัน่ ขวัญแขวน เจ้าพวกนี้เลว
ใช้ได้เลย นี่ตอ้ งการจะให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงจ่ายค่าเสี ยหายจนหมดตัวเลยใช่ม้ ยั ?
ตอนที่ 967

ด่ ากันกลางตลาด

ยังโชคดี ที่ต้ งั ของจวนผูบ้ ญั ชาการค่อนข้างเงียบสงบ ถ้าอยูใ่ นบริ เวณที่เจริ ญคึกคักที่สุดรอบตําหนักคุม้


เมือง อย่างเช่นพวกร้านสมาคมวีรชน คาดว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิงจะต้องชดใช้จนล้มละลายหมดตัว
แน่นอน เกรงว่าใช้ท้ งั ชีวติ ก็ชดเชยไม่หมด
วันนี้เหมียวอี้นบั ว่าได้เปิ ดหูเปิ ดตาแล้ว แบบนี้ใช่ทหารสวรรค์ที่ไหนกัน บอกว่าเป็ นโจรสวรรค์กไ็ ม่
ถือว่ากล่าวเกินไป
ของที่เก็บได้จากร้านค้าที่โดนฉวยโอกาสถล่มพังตอนจับโจรก่อนหน้านี้ พวกเขาชําระเงินชิ้นแล้วชิ้น
เล่า พร้อมทั้งมีคนถือพูก่ นั ตรวจสอบทีละชิ้น
“ห้ามเก็บไว้ส่วนตัวนะ ส่ งออกมาให้หมด เดี๋ยวถ้าไปเทียบบัญชีกบั ตําหนักคุม้ เมืองแล้วไม่ตรงกัน
ระวังพวกเจ้าจะโดนถลกหนัง” สวีถงั หรานคอยตะโกนเตือนอยูข่ า้ ง ๆ ไม่หยุด
รองผูบ้ ญั ชาการสองคนกับทหารเลวเจ็ดคนกําลังมองดูของที่ค่อย ๆ กองสูงขึ้น บางคนก็อมยิม้ บางคน
ก็ยมิ้ อย่างเริ งร่ า บางคนก็แอบเล่นหูเล่นตาใส่ กนั ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ จะรวยแล้ว!
หลังจากจ่ายเงินให้ของทั้งหมดแล้ว สวีถงั หรานก็กมุ หมัดคารวะพร้อมบอกรองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองว่า
“รองผูบ้ ญั ชาการหง รองผูบ้ ญั ชาการซุน จะจัดการอย่างไรกับของที่ ‘เก็บ’ ได้พวกนี้?”
รองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองสบตากันแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเบา ๆ รองผูบ้ ญั ชาการหงกล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “ผู ้
บัญชาการไม่รู้เรื่ องนี้ พวกเราตัดสิ นใจเอากลับไปเองแล้วกัน”
แค่พดู ประโยคเดียวก็ช่วยให้โค่วเหวินหลานบริ สุทธิ์แล้ว รองผูบ้ ญั ชาการซุนที่อยูข่ า้ ง ๆ ยืน่ มือไปหยิบ
บันทึกรายการสิ นค้าที่เก็บได้ มาสุ มหัวดูดว้ ยกันกับรองผูบ้ ญั ชาการหง แอบถ่ายทอดเสี ยงกระซิ บ
สื่ อสารกัน แล้วหยิบพูก่ นั ขึ้นมาเลือกติ๊กเครื่ องหมายบนบันทึกรายสิ นค้า
หลังจากติ๊กรายการสิ นค้าไปกองหนึ่งแล้ว ก็นาํ บันทึกส่ งต่อให้สวีถงั หราน พอสวีถงั หรานเห็นว่า
รายการของที่ติ๊กไปมีแต่ของที่แพงที่สุด ในใจก็เข้าใจทันที ว่าทุกคนไม่มีส่วนแบ่งกับพวกนี้แล้ว
ทั้งหมดล้วนเป็ นของนายท่านผูบ้ ญั ชาการ จึงเรี ยกลูกน้องเข้ามาทันที บรรจุสินค้าแต่ละชิ้นให้ตรงกับ
รายการสิ นค้าที่ติ๊กเครื่ องหมายถูก
ขณะนี้เอง ด้านนอกก็มีคนเข้ามารายงาน “กําลังพลของตําหนักคุม้ เมืองกําลังตรวจนับความเสี ยหาย
ของร้านค้าใหญ่ ๆ ขอรับ”
รองผูบ้ ญั ชาการหงหัวเราะเบา ๆ แล้วโบกมือให้ถอยออกไป สื่ อว่ารู ้แล้ว จากนั้นก็กล่าวเสี ยงตํ่าว่า
“รี บเร่ งมือหน่อย!”
ทางสวีถงั หรานรี บเร่ งมือเก็บของ หลังจากทําซํ้าไปซํ้ามาจนเสร็ จ ก็นาํ กําไลเก็บสมบัติวงหนึ่งยืน่ ให้
รองผูบ้ ญั ชาการหง หลังจากรองผูบ้ ญั ชาการตรวจสอบแล้ว ก็พยักหน้าอย่างพอใจ รองผูบ้ ญั ชาการหง
บอกว่า “ในเมื่อเป็ นของที่เก็บได้ คนที่เห็นก็ยอ่ มมีส่วนแบ่ง ทําตามธรรมเนียมเดิมแล้วกัน! แต่ขา้ จะ
บอกสิ่ งที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อนนะ ใครที่ได้ประโยชน์จากเรื่ องที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ววันหลังมาเปิ ดโปง ก็
แสดงว่าคนนั้นกินบนเรื อนขี้บนหลังคา อย่าหาว่าข้าแปรพักตร์ต้ งั ตัวเป็ นศัตรู กแ็ ล้วกัน!”
“แน่นอน… อยูแ่ ล้ว…” ทุกคนพากันเอ่ยรับ
จากนั้นพวกเขาก็แบ่งของกัน ส่ วนของที่เหลือ รองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองเอาไปคนละหนึ่งส่ วนสาม แล้ว
อีกหนึ่งในสามก็เป็ นของเหมียวอี้และทหารเลวอีกคนหกแบ่งกัน แล้วหนึ่งในสามส่ วนสุ ดท้ายก็ให้
ลูกน้องระดับล่างแบ่งกัน นี่คือการแบ่งตามลําดับยศ
โอ้แม่เจ้า! หาเงินง่ายเกินไปแล้ว! เหมียวอี้นบั ของในกําไลเก็บสมบัติที่ได้รับส่ วนแบ่งมา คาดว่าคงจะ
มีมูลค่าประมาณสามหมื่นล้านผลึกแดง เท่ากับทหารเลวทั้งเจ็ดได้ไปรวดเดียวคนละสองพันล้านล้าน
ผลึกแดง ถ้าบวกรวมลูกน้องทั้งหมดกับรองผูบ้ ญั ชาการทั้งสอง ก็ได้เกินหกล้านล้านแล้ว ส่ วนแบ่ง
ของโค่วเหวินหลานยังมีมูลค่าเยอะกว่าของลูกน้องบวกรวมกันอีก นับดูคร่ าว ๆ เกรงว่าจะเกินสิ บห้า
ล้านล้านผลึกแดงแล้ว
ครั้งนี้กเ็ พียงพอที่จะทําให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหลือทนแล้ว ขนาดเหมียวอี้ยงั อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
กําไรหลายร้อยปี ที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้จากร้านขายของชําก็ชดเชยการขาดทุนนี้ไม่ได้
ความรํ่ารวยนี้! เหมียวอี้ทอดถอนใจไม่หยุด แต่จะว่าไปแล้ว การหาเงินแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทําได้บ่อย
ๆ ถ้าทําเรื่ องแบบนี้บ่อยจริ ง ๆ ใต้หล้าต้องวุน่ วายหนักแน่นอน ตําหนักสวรรค์จะเป็ นฝ่ ายแรกที่ไม่
ยอมรับ ถึงขั้นจะเชือดไก่ให้ลิงดูดว้ ยซํ้า!
ถึงแม้จะรํ่ารวยง่าย ๆ แต่เหมียวอี้กลับดีใจไม่ออก ครั้งนี้ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิ งหนักมากจริ ง ๆ โค่ว
เหวินหลานย่อมไม่กลัวอะไรอยูแ่ ล้ว อีกฝ่ ายมีความมัน่ ใจที่จะตั้งตัวเป็ นศัตรู เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งโค่นล้ม
โค่วเหวินหลานไม่ได้ เป้ าหมายจึงต้องลดตํ่าลงมา หนังหน้าไฟก็เป็ นใครไปไม่ได้นอกจากเหมียวอี้
เซี่ ยโห้วหลงเฉิงต้องตั้งตัวเป็ นศัตรู กบั เขาอย่างหัวชนฝาแน่นอน!
ทางนี้เพิ่งจะแบ่งของได้ไม่นาน โค่วเหวินหลานก็กลับมาแล้ว ถามถึงสถานการณ์และสัง่ อะไรไว้นิด
หน่อย จากนั้นก็นาํ รองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองออกไป
ณ ตําหนักคุม้ เมือง ใบหน้าสวยหยาดเยิม้ ของปี้ เยว่ฮูหยินเปลี่ยนเป็ นยํา่ แย่ ในมือถือรายงานความ
เสี ยหายจากร้านค้าต่าง ๆ พบว่าสู งถึงยีส่ ิ บล้านล้านผลึกแดง ส่ วนหนึ่งเสี ยหายไปเพราะตอนต่อสู ก้ นั
แต่ส่วนใหญ่หายไปไหนก็ไม่รู้ นี่ยงั ไม่รวมความเสี ยหายจากอาคารบ้านเรื อนที่พงั พวกนั้น
เสี ยหายหนักขนาดนี้ จะให้เซี่ยโห้วหลงเฉิ งชดเชยอย่างไรไหว? ต่อให้ชดเชยครึ่ งเดียว เซี่ ยโห้วหลง
เฉิ งก็จ่ายไม่ไหวอยูด่ ี นอกเสี ยจากเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งจะนําหุน้ สองส่ วนของร้านขายของชํามาเติม แต่
เรื่ องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ตอ้ งบอกก็รู้ ตระกูลเซี่ยโห้วต้องเก็บหุน้ สองส่ วนนั้นของเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งไป
แน่นอน จะให้ของที่สาํ คัญแบบนี้อยูใ่ นมือเจ้าโง่นี่ได้อย่างไร
นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างทอดถอดใจว่า “โค่วเหวินหลานคนนี้ เมื่อก่อนไม่เคยทําอะไรเด็ดขาด
ขนาดนี้มาก่อนเลย สงสัยข่าวลือที่ฝ่ายเราปล่อยไปจะทําให้เขาเริ่ มลงมืออย่างเด็ดขาดแล้ว!”
“ฮูหยิน เกรงว่าจะต้องรี บตัดสิ นใจให้เด็ดขาดแล้ว ถ้าให้ผชู ้ ายสองคนนี้อยูส่ ูก้ นั ไปสู ก้ นั มาที่ดาวเทียน
หยวนต่อไป จะไม่เป็ นผลดีกบั ฮูหยิน!” ผูก้ ารสองที่อยูข่ า้ ง ๆ กล่าว
ปี้ เยว่ฮูหยินลากชุดกระโปรงสี เขียวนํ้าทะเลเดินไปเดินมา “ใช่แล้ว! เจ้าสองคนนี้ไม่เห็นหัวใคร เดิมที
ข้ากังวลว่าถ้าไล่ไปคนหนึ่ง แล้วคนที่เหลือเป็ นใหญ่คนเดียวโดยไม่มีใครคอยคานจะไม่ใช่เรื่ องดีอะไร
ตอนนี้สูก้ นั รุ นแรงแล้ว ไม่สูไ้ ล่ไปสักคนจะสบายกว่า ถ้าปล่อยให้พวกเขาก่อเรื่ องต่อไปแบบนี้ ข้าคง
นัง่ ในตําแหน่งนี้ไม่ได้แล้ว!”
วันต่อมา ในจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก มีเสี ยงกลองดังสะเทือนเลือนลัน่ ตอนแรกเหมียวอี้ยงั
ไม่รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น เมื่อถามคนข้าง ๆ ถึงได้รู้วา่ เป็ นเสี ยงกลองรบที่ผบู ้ ญั ชาการโค่วใช้รวบรวม
กําลังพล จึงรี บสวมเครื่ องแบบและวิง่ ไปรวมตัวกัน
ตําหนักหลักของจวนผูบ้ ญั ชาการยังคงพังถล่มเหมือนเดิม โค่วเหวินหลานเปลี่ยนใส่ เครื่ องแต่งกายสง่า
งาม สวมเกราะรบห้าแถบสี ทองอร่ ามกึ่งโปร่ งแสง ยืนตระหง่านรับแสงอาทิตย์ยามเช้าสี ทองอยูบ่ น
บันได ตรงหน้าคือกําลังพลที่มารวมตัวกัน ภาพลักษณ์องอาจกล้าหาญที่มีอยูแ่ ต่เดิม กลับถูกท่าทาง
ควักผ้าเช็ดหน้าที่สะดีดสะดิ้งทําลายหายจนหมดสิ้ น
เมื่อสมาชิกมารวมตัวกันครบ โค่วเหวินหลานก็ออกคําสัง่ เคลื่อนพลหลายร้อยออกจากจวนผู ้
บัญชาการ ใช้วธิ ีการเดินเท้ามุ่งตรงสูจ้ วนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก ดึงดูดให้คนที่เดินผ่านไปผ่าน
มาในตลาดสวรรค์ชาํ เลืองมองมาไม่หยุด
กลุ่มคนมาดักอยูน่ อกจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก แล้วตะโกนคําขวัญที่นดั กันไว้พร้อมกัน
“เซี่ยโห้วหลงเฉิง ยุยงลูกน้อง ปล้นทําลายทรัพย์ จงรี บชดใช้! เซี่ยโห้วหลงเฉิง ยุยงลูกน้อง ปล้นทําลาย
ทรัพย์ จงรี บชดใช้…”
คนหลายร้อยคนตะโกนประโยคนี้ซ้ าํ ๆ อย่างพร้อมเพรี ยงกัน เป็ นภาพที่อลังการงานสร้าง เหมียวอี้ที่
เป็ นหนึ่งในทหารเลวเจ็ดคนนั้นก็ไม่มีทางเลือก ต้องตะโกนตามเช่นกัน เป็ นครั้งแรกที่เขาทําเรื่ องแบบ
นี้ นักพรตบงกชทองที่สง่าผ่าเผย ยามอยูท่ ี่พิภพเล็กเป็ นชนชั้นสู งขนาดไหน ไม่น่าเชื่อว่าปั จจุบนั จะ
ได้มาทําเรื่ องน่าอับอายพรรค์น้ ี
มีเพียงโค่วเหวินหลานที่ไม่ตอ้ งตะโกน เดินเอามือไขว้หลังอยูข่ า้ งหน้า เดินไปเดินมาอยูน่ อกจวนผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันตก สี หน้าเครี ยดขรึ มจริ งจัง
คนแถวนี้ที่มามุงดูยงิ่ มากขึ้นเรื่ อย ๆ ผ่านไปครู่ เดียว เหมียวอี้กเ็ ห็นเป่ าเหลียนจากร้านขายของชํา
ซื่อตรงปรากฏตัวอยูท่ ่ามกลางฝูงชน นางมองเหมียวอี้อย่างงุนงงประหลาดใจ เหมียวอี้ได้แต่ยมิ้ เจื่อน
อย่างจนใจ
ว่ากันตามจริ ง เหมียวอี้นบั ถือไอ้คนตุง้ ติ้งอย่างโค่วเหวินหลานมากเช่นกัน นอกจากวางกับดักเซี่ ยโห้ว
หลงเฉิงแล้ว ยังทําให้เป็ นเรื่ องใหญ่โตอีก ค่อย ๆ บีบบังคับทีละก้าว ชัดเจนว่าอยากจะทําให้เซี่ ยโห้ว
หลงเฉิงเสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงอย่างถึงที่สุด ทําให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิงไม่มีที่ยนื ในตลาดสวรรค์!
เรื่ องดําเนินมาจนวันนี้ ลองนําสถานการณ์ที่รู้มาเชื่อมต่อกัน ถ้าเหมียวอี้ยงั มองสาเหตุไม่ออก ก็คงไม่
ต่างอะไรกับคนโง่ ที่การต่อสูเ้ ริ่ มดุเดือดขึ้นมากะทันหัน ก็เพราะการแย่งชิงตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่
ของตลาดสวรรค์มาถึงช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มแล้ว โค่วเหวินหลานอยากจะทําลายชื่อเสี ยงของเซี่ยโห้วหลง
เฉิงให้ป่นปี้ กดดันให้เซี่ยโห้วหลงเฉิ งอับอายจนไม่มีที่ยนื ในตลาดสวรรค์ บีบให้ป้ ี เยว่ฮูหยินเลือกไป
ในทิศทางเดียว
เมื่อรอไปสักพักแล้วยังไม่เห็นคนข้างในมีปฏิกิริยาอะไร โค่วเหวินหลานก็หนั กลับมาถ่ายทอดเสี ยงสัง่
ท่วงทํานองของเสี ยงตะโกนเปลี่ยนทันที “ท่านแม่ทพั มีคาํ สัง่ ให้เจ้าชดเชยเงิน เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง ฝ่ าฝื น
คําสัง่ ! เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง ยุยงลูกน้อง ปล้นทําลายทรัพย์ จงรี บชดใช้! ท่านแม่ทพั มีคาํ สัง่ ให้เจ้าชดเชย
เงิน เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง ฝ่ าฝื นคําสัง่ …”
เมื่อใช้ขอ้ อ้างเรื่ องฝ่ าฝื นคําสัง่ มากดดัน เหมือนจะทําให้เซี่ยโห้วหลงเฉิ งร้อนใจแล้ว ไม่นานก็เคลื่อน
กําลังพลเขตเมืองตะวันตกออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งยืนควงดาบชี้อยูข่ า้ งหน้า กําลังพล
ที่ยนื เรี ยงแถวอยูข่ า้ งหลังตะโกนตอบเสี ยงดังทันที “โค่วเหวินหลาน ไอ้คนตุง้ ติ้ง คนวิปริ ต โดนผูช้ าย
จับขึ้นเตียง ไอ้คนขายตูด! โค่วเหวินหลาน ไอ้คนตุง้ ติ้ง คนวิปริ ต โดนผูช้ ายจับขึ้นเตียง ไอ้คนขาย
ตูด…”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา คนไม่นอ้ ยที่กาํ ลังมุงดูเอาสนุกก็พากันกลั้นขํา
อีกฝั่งโยนความผิด แต่อีกฝั่งโจมตีมาที่ตวั บุคคล!
โค่วเหวินหลานหน้าดําเป็ นก้นหม้อทันที เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่เก่งเรื่ องแทงข้างหลังเท่าเขา แต่หน้าไม่
อายยิง่ กว่าเขา ต่อให้ตายก็จะต้องทําให้ชื่อเสี ยงของเขาสะเทือนใต้หล้าไปด้วยกัน เรื่ องนี้เทียบกันไม่
ติดแล้ว
เหมียวอี้ที่กาํ ลังตะโกนแอบทอดถอนใจไม่หาย ช่างเหมือนคํากล่าวที่วา่ สังหารข้าศึกไปหนึ่งพัน แต่
ฝ่ ายตัวเองสูญเสี ยไปแปดร้อย
เมื่อเห็นโค่วเหวินหลานสี หน้าดูไม่ได้ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่เดิมทีสีหน้าแย่มากก็รู้สึกสะใจทันที หัวเราะ
เสี ยงดังลัน่ ถือดาบเดินไปเดินมาโอ้อวดแสนยานุภาพ ทําท่าทางลําพองใจ
“หุบปากกันให้หมด!” เสี ยงตวาดของผูห้ ญิงพลันดังมาจากท้องฟ้ า ผูก้ ารสองของตําหนักคุม้ เมืองเหาะ
ลงมาแล้ว มาเหยียบลงตรงกลางระหว่างคนสองกลุ่ม แล้วกวาดสายตาเย็นเยียบมองทั้งสองฝั่ง
สองฝั่งที่ส่งเสี ยงข่มกันพลันหุบปาก โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ งก็ถูกผูก้ ารสองพาตัวไป
เช่นกัน เหมียวอี้และคนอื่น ๆ ที่ตะโกนจนเกือบเสี ยงแหบ ตอนนี้โล่งใจแล้ว กําลังพลแยกย้ายกลับเขต
เมืองตะวันออก
เป่ าเหลียนยืนอยูร่ ิ มถนน มองดูเหมียวอี้เดินจากไปพร้อมกําลังพล นางเงียบงันอยูน่ านมาก…
หลังจากนั้นหนึ่งชัว่ ยาม โค่วเหวินหลานก็กลับมาแล้ว เรื่ องแรกที่ทาํ เมื่อกลับมาก็คือเรี ยกรวม
ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาไปประชุม
ตําหนักหลักพังแล้ว ตอนนี้ยงั ไม่ได้ซ่อมแซม ผูบ้ ญั ชาการ รองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองกับทหารเลวทั้งเจ็ด
คนทั้งสิ บไปรวมตัวกันในตําหนักด้านข้าง
โค่วเหวินหลานไม่เปลืองคําพูด และไม่ได้นงั่ ลง เพียงยืนอยูต่ รงหน้าเก้าอี้ บอกกับทุกคนอย่าง
ตรงไปตรงมาว่า “ทุกคน ข่าวลือเกี่ยวกับตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ทุกคนคงได้ยนิ กันหมดแล้ว ข้าจะ
ไม่เปลืองคําพูด เมื่อครู่ น้ ีท่านแม่ทพั กล่าวชัดเจนแล้ว คนที่จะเข้าชิงตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ก็คือข้า
กับไอ้หมีควายเซี่ยโห้ว ใครที่ประหารเฮยหวังที่ทาํ ผิดกฎสวรรค์ได้ คนนั้นก็จะได้ตาํ แหน่งผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่ไป! ตําแหน่งนี้ขา้ ต้องได้มา ดังนั้นทุกคนต้องช่วยข้าสุ ดความสามารถ สําหรับคนที่มีผลงาน ผู ้
บัญชาการคนนี้กไ็ ม่งกรางวัลหรอก ขอเพียงข้าได้ตาํ แหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ในบรรดาพวกเจ้า หาก
ใครมีผลงานมากที่สุด ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกก็เป็ นของคนนั้น!”
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลัก่ ถึงแม้การได้เป็ นเขตเมืองตะวันออกผูบ้ ญั ชาการคือเรื่ องดี แต่วา่ … รองผู ้
บัญชาการหงกุมหมัดถาม “นายท่าน พวกเราไม่รู้เลยว่าเฮยหวังไปหลบอยูท่ ี่ไหน ไม่รู้เลยว่าจะเริ่ มลง
มือจากตรงไหน แล้วจะจับเขามาลงโทษได้อย่างไร?”
“เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งกังวล ข้าจะคิดหาทางส่ งคนไปสื บข่าว ที่บอกพวกเจ้าตอนนี้เพราะจะให้พวกเจ้า
เตรี ยมตัวล่วงหน้า หากได้ข่าวมาเมื่อไร นักพรตบงกชทองใต้บงั คับบัญชาข้าทุกคนต้องติดตามข้าไป
ออกศึกด้วยกัน!” โค่วเหวินหลานตอบ
รองผูบ้ ญั ชาการซุนกุมหมัดถามอีก “นายท่าน ถ้าพวกเราไปกันหมด แล้วจะทําอย่างไรกับเขตเมือง
ตะวันออกล่ะ?”
“ทางท่านแม่ทพั จะจัดการเอง พวกเจ้าแค่เตรี ยมพร้อมที่จะออกเดินทางได้ทุกเมื่อก็พอ!” โค่วเหวินห
ลานกล่าวเสี ยงเรี ยบ
มีคาํ บางคําที่เขาไม่สะดวกจะพูดออกมา ที่จริ งเขาเองก็รู้ชดั ปี้ เยว่ฮูหยินอยากจะไล่เขากับเซี่ ยโห้วหลง
เฉิงออกไปไว ๆ จะได้ไม่ตอ้ งก่อเรื่ องที่นี่ แม้แต่เรื่ องชดเชยค่าเสี ยหายให้บรรดาร้านค้าที่เขตเมือง
ตะวันออก ปี้ เยว่ฮูหยินก็ส่งคนไปรับงานต่อแล้ว สําหรับเรื่ องนี้โค่วเหวินหลานไม่ได้เห็นแย้งอะไร ถึง
อย่างไรเงินชดเชยก็เป็ นของพ่อค้าพวกนั้น ไม่ได้ให้เขา ผลประโยชน์ที่แท้จริ งเขาได้มาไว้ในมือแล้ว
ตอนที่ 968

ร้ านโฉมเมฆา

หลังจากสัง่ ลูกน้องที่เป็ นกําลังหลักแล้ว โค่วเหวินหลานก็ออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการและมุ่งตรงสู่ ร้าน


สมาคมวีรชน
เจอศัตรู บนทางแคบ คนที่เข้าประตูกบั คนที่ออกประตูเจอกันแล้ว เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเพิง่ จะออกมาจาก
ข้างใน พอเห็นเขาก็ขยับตัวขวาง จงใจขวางทางโค่วเหวินหลาน แล้วแสยะยิม้ ทักทาย “ไอ้ตุง้ ติ้ง เจ้ามา
ทําอะไรที่นี่?”
“ไอ้หมีควายเซี่ยโห้ว ข้าอยากจะไปไหนมันก็เรื่ องของข้า เจ้าเป็ นคนเปิ ดร้านสมาคมวีรชนรึ ไงล่ะ?”
“อย่าลืมนะว่าที่นี่คืออาณาเขตของใคร!”
“ไอ้หมีควายเน่า เห็นแก่หน้าท่านแม่ทพั ครั้งนี้ขา้ จะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง ข้าแนะนําว่าเจ้าอย่าแส่ หา
เรื่ องจะดีกว่า”
“ยังไม่รู้เลยว่าใครปล่อยใครกันแน่!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งพูดเหยียดหยามแต่กลับต้องหลีกทาง จากนั้นเดิน
ก้าวยาวออกไป ก็ช่วยไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ป้ ี เยว่ฮูหยินลัน่ วาจาแล้ว ว่าให้พวกเขาสองคนแสดงฝี มือ
ที่แท้จริ งกับเรื่ องเฮยหวัง ห้ามทั้งสองก่อเรื่ องทะเลาะกันที่นี่อีก ทั้งสองตอบตกลงไปแล้วด้วย
เซี่ ยโห้วหลงเฉิงเพิ่งจะออกไป โค่วเหวินหลานก็มาอีกแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวปวดหัวนิดหน่อย แต่ยงั ใช้
ใบหน้ายิม้ รับแขก หลังจากนัง่ ลงในศาลาและวางนํ้าชาแล้ว หวงฝู่ จวินโหรวก็ถอนหายใจแล้วถามว่า
“ผูบ้ ญั ชาการโค่วให้เกียรติมาเยือน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร?”
โค่วเหวินหลานตอบพร้อมรอยยิม้ ว่า “เจ้าหมีควายนัน่ มาเพราะเรื่ องอะไร ข้าก็มาเพราะเรื่ องนั้น จวิน
โหรว ระหว่างเราไม่จาํ เป็ นต้องปิ ดบังอะไรกันแล้ว ข้าจะเปิ ดอกพูดตรง ๆ นะ ใช้กาํ ลังของสมาคมวีร
ชนช่วยข้าหาที่กบดานของเฮยหวังหน่อย!”
“เจ้ามาหาผิดคนแล้วรึ เปล่า คนที่แม้แต่ตาํ หนักสวรรค์ยงั หาไม่เจอ พวกเราจะไปหาเจอได้อย่างไร”
หวงฝู่ จวินโหรวขมวดคิว้ ตอบ
โค่วเหวินหลานจิบนํ้าชาไปคําหนึ่ง แล้วใช้ผา้ เช็ดหน้าเช็ดริ มฝี ปากเบา ๆ ก่อนจะส่ ายหน้าบอกว่า “รู ้อยู่
แจ่มแจ้งทําไมต้องแกล้งโง่ สมาคมวีรชนของพวกเจ้าทํางานอะไร เจ้ารู ้ ข้าก็รู้เหมือนกัน ตําหนัก
สวรรค์อยูใ่ นที่แจ้ง พวกเจ้าอยูใ่ นที่ลบั ในมุมมืดที่ตาํ หนักสวรรค์มองไม่เห็น สมาชิกจากสามลัทธิเก้า
นิกายของสมาคมวีรชนเกรงว่าจะอยูใ่ นนั้นด้วย เห็นแก่ที่เป็ นสหาย ช่วยเหลือนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”
“ในเมื่อเจ้าพูดจาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าก็น่าจะเข้าใจดีนะ ถ้าต้องใช้งานสมาคมวีรชนเพื่อหาเฮยหวังจริ ง ๆ
คงไม่ถึงคราวที่เจ้าต้องเอ่ยปากหรอก เบื้องบนคงเอ่ยปากตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่ องที่โดนบีบจน
หมดหนทาง เบื้องบนก็ไม่เคยใช้งานสมาคมวีรชนเลย ไม่อย่างนั้นถ้าใช้งานสมาคมวีรชนไปเสี ยทุก
เรื่ อง แล้วจะมีทหารสวรรค์อย่างพวกเจ้าไว้ทาํ อะไรล่ะ? ถ้าใช้งานสมาคมวีรชนทุกเรื่ อง แล้ววุน่ วายจน
ทั้งใต้หล้ารู ้เบื้องลึกของสมาคมวีรชน แบบนั้นสมาคมวีรชนก็ไม่จาํ เป็ นต้องมีอยูแ่ ล้ว แทนที่จะไป
ขอให้อาํ นาจของตระกูลโค่วช่วยหา เจ้ากลับมาหาข้า เจ้ามาหาผิดคนแล้วจริ ง ๆ ” หวงฝู่ จวินโหรวก
ล่าว
“มีกาํ ลังช่วยเพิ่มอีกแรง โอกาสที่จะหาพบก็เร็ วขึ้นอีก จวินโหรว เจ้าคงไม่ปฏิเสธที่จะช่วยข้าจริ ง ๆ
หรอกใช่ม้ ยั ?” โค่วเหวินหลานถาม
หวงฝู่ จวินโหรวส่ายหน้า “โค่วเหวินหลาน เจ้าประเมินข้าสู งเกินไปจริ ง ๆ ยังไม่ตอ้ งพูดถึงว่าข้าไม่มี
อํานาจตัดสิ นใจเรื่ องแบบนี้ ต่อให้ขา้ มีอาํ นาจตัดสิ นใจ แต่เจ้าเคยคิดบ้างรึ เปล่า… ในเมื่อเจ้ารู ้วา่ สมาคม
วีรชนฟังคําสัง่ ใคร ถ้าแม้แต่ตระกูลโค่วของเจ้ายังใช้งานสมาคมวีรชนได้ ถ้ายัว่ ให้ท่านนั้นระแวง อย่า
ว่าแต่สมาคมวีรชนของข้าที่จะซวย เกรงว่าแม้แต่ตระกูลโค่วของเจ้าก็จะเจอหายนะเหมือนกัน เจ้ามี
พื้นเพมาจากตระกูลใหญ่ คงจะเคยได้ยนิ ผลลัพธ์ของการทําผิดข้อห้ามมาบ้าง อํานาจสวรรค์ยากที่จะ
คาดเดา เจ้าอยากจะแบกผลลัพธ์แบบนี้จริ งเหรอ? ถ้าเปลี่ยนให้ท่านผูเ้ ฒ่าตระกูลเจ้าทําเรื่ องนี้ เขาจะไม่
มาหาสมาคมวีรชนแน่นอน เจ้า… เห็นแก่ที่เป็ นสหายกัน ขอโทษที่ขา้ พูดตรง ๆ นะ เจ้ากับเซี่ ยโห้ว
หลงเฉิ งไม่เกรงกลัวสิ่ งใดจนกลายเป็ นนิสยั พอก้าวออกจากบ้านก็ได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเลย ยังขาด
ประสบการณ์ ขนาดปี้ เยว่ฮูหยินที่เป็ นผูบ้ งั คับบัญชาของพวกเจ้า พวกเจ้าก็ยงั กล้ามองข้ามหัว ต่อให้
พวกเจ้าจะมีคนหนุนหลังยังไง แต่ทาํ แบบนี้กไ็ ม่ถูกอยูด่ ี ไม่ผดิ หรอก ปี้ เยว่ฮูหยินทําอะไรพวกเจ้าไม่ได้
แต่คนทั้งตําหนักสวรรค์ไม่มีใครชอบคนไม่สนกฎระเบียบแบบนี้ ถึงอย่างไรท่านผูเ้ ฒ่าของตระกูลเจ้า
ก็ปิดบังความจริ งไม่ได้ คําพูดของคนน่ะน่ากลัว คําพูดของฝูงชนพลิกดําเป็ นขาว พลิกขาวเป็ นดําได้
อย่าทําลายอนาคตของตัวเอง ดังนั้นประสบการณ์ในด้านนี้ของพวกเจ้ายังน้อยไปหน่อย ควรเรี ยนรู ้
จากท่านผูเ้ ฒ่าของพวกเจ้าให้เยอะ ๆ เรื่ องที่ไม่ควรไปแตะต้องก็อย่าไปแตะต้อง ข้าช่วยเหลือพวกเจ้า
เรื่ องนี้ไม่ได้!”
คําพูดตอนท้าย ๆ ให้ความรู ้สึกเหมือนให้โอวาท แต่โค่วเหวินหลานกลับตกอยูใ่ นความเงียบแล้ว
หลังจากผ่านไปนานถึงได้พยักหน้าบอกว่า “ได้รับบทเรี ยนแล้ว คิดเสี ยว่าข้าไม่เคยเอ่ยเรื่ องนี้!” พูดจบ
ก็กมุ หมัดคารวะ แล้วลุกขึ้นเดินจากไป…
โค่วเหวินหลานจะหาข่าวเฮยหวังได้เมื่อไร เหมียวอี้กไ็ ม่รู้ หลังจากนั้นหนึ่งเดือนอวิน๋ จือชิวกลับพาคน
มาแล้ว
นางพาบัณฑิต พ่อครัว เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ แล้วก็คนงานไม่กี่คนของโรงเตี๊ยมเมฆาวายุ ทั้งหมดเป็ น
คนที่ค่อนข้างไว้ใจได้ ถึงแม้คนงานคนอื่นจะเชื่อใจได้มาก แต่เป็ นไปไม่ได้ที่จะพามาด้วยทั้งหมด ทาง
พิภพเล็กยังต้องมีคนเฝ้ า ส่ วนคนที่พามาก็เตรี ยมจะเฝ้ าอยูท่ ี่นี่ในระยะยาว
เยารั่วเซี ยนออกจากดาวไร้ลกั ษณ์มาที่นี่เช่นกัน หลังจากได้ข่าวว่าอวิน๋ จือชิวจะมา เหมียวอี้กใ็ ห้สาํ นัก
ลมปราณพาตัวเยารั่วเซียนมาส่ งที่อวกาศ จากนั้นตอนที่พวกอวิน๋ จือชิวเดินทางผ่านมา ก็ถือโอกาสพา
ตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ
การซ่อมแซมตกแต่งร้านค้าใหม่เป็ นสิ่ งที่เลี่ยงไม่ได้ เหมียวอี้ยอ่ มต้องวิง่ มาดูสกั หน่อย พอเข้ามาใน
ร้านค้าก็เห็นอวิน๋ จือชิวกําลังชี้ไม้ช้ ีมือ สัง่ ว่าตรงนี้ตอ้ งทําอยางไร ตรงนั้นต้องทําอย่างไร สรุ ปก็คือนาง
เป็ นเถ้าแก่เนี้ย ทุกอย่างต้องจัดการตามความชอบของนาง
คนอื่น ๆ มองเหมียวอี้ดว้ ยปฏิกิริยาที่ชื่นชมปนสับสน บัณฑิตกับพ่อครัวทอดถอนใจ ไม่รู้วา่ จะพูด
อย่างไรดี เจ้าเด็กนี่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยูท่ ี่พิภพเล็ก ที่แท้กม็ าหากินที่พิภพใหญ่ในตํานานตั้งนานแล้วนี่เอง
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เป็ นทหารเลวสามแถบของตําหนักสวรรค์ดว้ ย
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กย็ งิ่ ทําสี หน้าเคารพนับถือ ถึงอย่างไรในสายตาพวกนาง ก็ไม่เคยมีอะไรที่เหมียว
อี้ทาํ ไม่ได้ พวกนางยังเชื่อมัน่ อย่างแน่วแน่วา่ เหมียวอี้จะต้องมีอนาคตที่สดใสที่พิภพใหญ่แน่นอน
แต่ระหว่างทางที่มา อวิน๋ จือชิวก็ได้อธิบายไว้เรี ยบร้อยแล้ว ว่าสถานการณ์ของพิภพใหญ่ซบั ซ้อน ต้อง
รักษาระยะห่างกับเหมียวอี้ไว้ตลอด
เหมียวอี้เพียงพยักหน้ายิม้ บาง ๆ ให้ทุกคน ตอนที่เห็นเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ ในใจเขากลับรู ้สึกสับสน
นิดหน่อย เพราะที่พิภพใหญ่ไม่มีความนิยมเรื่ องหญิงรับใช้ประจําตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าทั้งสองอยูท่ ี่
พิภพใหญ่นานไป แล้วจะเกิดความคิดอะไรอย่างอื่นหรื อเปล่า
“ผ่านไปไม่นาน งานยุง่ ขนาดนี้เชียวเหรอ?” เหมียวอี้ถามกลั้วหัวเราะ แล้วพาอวิน๋ จือชิวหลบมาจาก
กลุ่มคน
เมื่อขึ้นมาบนตึก อวิน๋ จือชิวก็นบั นิ้วพร้อมบอกว่า “มีเรื่ องที่ตอ้ งทําเยอะมาก จุดที่ตอ้ งใช้เงินก็มีเยอะ
มาก ข้าพาเฮยทัน่ กับตัก๊ แตนพวกนั้นมาแล้ว ไม่สะดวกจะเลี้ยงพวกมันที่นี่ ถ้าแยกพวกมันให้คนอื่น
เลี้ยงก็ไม่ดีอีก เกรงว่าจะต้องซื้อ ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ แล้วก็ทางด้านเยารั่วเซี ยนอีก ตอนที่หลอมสมบัติ
ที่นี่ เกรงว่าบ้านหลายหลังคงไม่พอให้เขาเผา ถ้าไม่ซ้ือ ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ คงไม่ได้ ข้าเคยเห็นของแบบ
นั้นที่ตลาดสวรรค์ ค่อนข้างเปลืองเงิน”
เหมียวอี้พยักหน้า สิ่ งที่เรี ยกว่า ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ เขาเองก็เคยเห็นเหมือนกัน เป็ นของประเภทที่มีพ้นื ที่
ว่างให้เก็บสมบัติ แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกแหวนสมบัติจะเทียบติด ใน ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ คนสามารถใช้ชีวติ
ได้ตามปกติ อย่างเช่นยามตําหนักสวรรค์แต่งตั้งให้ไปเป็ นขุนนางคุมอาณาเขต ต่อให้เป็ นพวกเทพเจ้า
ที่ ผีหลักเมือง ก็ลว้ นได้รับความร่ วมมือจากตําหนักสวรรค์ ดังนั้น อย่าไปมองว่าศาลของเทพแห่งผืน
ดินเล็ก ๆ ใหญ่สูห้ อ้ งครัวไม่ได้ ที่จริ งแล้วข้างในเหมือนมีโลกอีกใบหนึ่ง
ทว่าของแบบนั้นมีเพียงขุนนางที่คุมอาณาเขตเท่านั้นที่มี ระดับของเหมียวอี้สูงกว่าเทพแห่งผืนดิน ผี
หลักเมือง แต่กลับไม่มี โค่วเหวินหลานกลับผูบ้ ญั ชาการพวกนั้นมี
เขาเคยคิดว่าควรจะปล้น ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ มาจากเทพเจ้าที่ผหี ลักเมืองดีไหม แต่ตอนหลังพอสื บข่าว
มาถึงได้รู้ ว่า ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ ของขุนนางตําหนักสวรรค์กบั ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ ที่ร้านค้าขายไม่
เหมือนกัน พวกนั้นคือสิ่ งที่สงั่ ทําเป็ นพิเศษ พวกลูกแก้วพลังปรารถนาที่แจกก็ไม่ตอ้ งส่ งให้ต่อหน้า
ข้างในมีเครื่ องมือแจกจ่ายลูกแก้วพลังปรารถนาที่รวบรวมได้ เล็กใหญ่ตามยศขุนนาง มากน้อยตาม
สวัสดิการ ส่ วนพลังปรารถนาของสาวกที่แจกจ่ายให้ ทางตําหนักสวรรค์ยอ่ มโอนไปยังดินแดนใต้
อาณัติแต่ละแห่ง ให้รวมเป็ นลูกแก้วพลังปรารถนาเองโดยกลไกของมันเอง
ก็เพราะสาเหตุที่กล่าวมา ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ ประเภทนี้ หากแย่งมาไว้ในมือก็ไม่มีทางใช้งานได้เลย
ตําหนักสวรรค์สามารถรู ้ได้ทุกเมื่อว่า ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ ที่ถูกปล้นไปอยูท่ ี่ไหน สามารถหาเจ้าพบได้
อย่างแม่นยํา นอกเสี ยจากเจ้าจะนํา ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ ที่ปล้นได้มาหลอมสร้างใหม่อีกครั้ง แต่ถา้ มี
ความสามารถที่จะหลอมสร้างใหม่ได้ ใครจะยังไปเสี่ ยงอันตรายปล้นมาล่ะ
ร้านค้าที่ตลาดสวรรค์กม็ ีขายเหมือนกัน เพียงแต่ราคาแพงไปหน่อย ถ้าเป็ นขนาดเล็กที่มีพ้นื ที่ไม่ใหญ่
ราคาก็หนึ่งแสนล้านผลึกแดง แบบพื้นที่กว้างขึ้นมาหน่อยก็แพงกว่า มีนกั พรตหลายคนที่ท้ งั ชีวติ นี้ก็
หาเงินไม่ได้มากขนาดนั้น ดังนั้นผูท้ ี่ใช้ของสิ่ งนี้ไหวจึงมีไม่เยอะ
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมตอบว่า “ของที่ใช้งานได้ ซื้ อเตรี ยมไว้หลาย ๆ ชิ้นแล้วกัน ไม่อย่างนั้นตอนที่พวกเรา
แอบทําจะไม่สะดวก ถึงอย่างไรร้านค้านี้กไ็ ม่ใหญ่ ทั้งยังอยูใ่ นย่านการค้าที่เจริ ญคึกคักด้วย”
อวิน๋ จือชิวกลอกตามองเขาอย่างหยาดเยิม้ “ยังจะซื้ อหลายชิ้นอีก เจ้าซื้อไหวเหรอ?”
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ แล้วนํากําไลเก็บสมบัติวงหนึ่งโยนให้นาง “เงินเล็กน้อยแค่น้ ี ช่วงนี้ยงั พอหามา
ได้”
พออวิน๋ จือชิวเห็นของในกําไลเก็บสมบัติ นางก็อา้ ปากร้อง ‘อ้อ’ ทันที พบว่าข้างในมียาแก่นเซี ยนและ
ผลึกแดงจํานวนมหาศาล จึงถามอย่างตกตะลึงว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าหาของมาไหนมากมายขนาดนี้?”
เหมียวอี้เล่าเรื่ องที่สาํ นักลมปราณชําระบัญชีให้ในปี นั้น และของที่เพิ่งได้มาในช่วงนี้ รวมทั้งของที่ได้
ส่ วนแบ่งมาจากจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกก่อนหน้านี้ดว้ ย
อวิน๋ จือชิวกล่าวอย่างระแวดระวังทันที “นี่คือการปล้นชัด ๆ งั้นพวกเราต้องซื้ อค่ายกลคุม้ กันขนาดเล็ก
ด้วยแล้ว”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “โดยทัว่ ไปต้านทานนักพรตบงกชทองไม่ได้ แบบขั้นสู งก็แพงเกินไป ใช่วา่ เจ้าจะไม่
รู ้ถึงราคาค่ายกลแปดทิศ”
อวิน๋ จือชิวจึงบอกว่า “อันที่ราคาถูกก็ตอ้ งซื้อไว้สกั อัน คงดีกว่าเวลามีคนแอบเข้ามาเงียบ ๆ แล้วไม่รู้
ที่นี่มีผหู ้ ญิงหลายคน เจ้าไม่เป็ นห่วงเหรอ? ช่างเถอะ เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งสนใจแล้ว เดี๋ยวข้าจัดการเอง
ตามเห็นสมควร เออใช่ เจ้าเก็บเงินติดตัวไว้สกั หน่อยแล้วกัน เอาไว้ใช้เวลาเข้าสังคมกับคนของตําหนัก
สวรรค์ เจ้าต้องมัน่ คงในตําแหน่งของตําหนักสวรรค์เท่านั้น พวกเราถึงจะมัน่ คงได้” พูดจบก็แบ่ง
สมบัติส่วนหนึ่งจากกําไลเก็บสมบัติออกมา
เหมียวอี้โบกมือ “ข้าไม่สะดวกจะพกเงินติดตัวเยอะ ดีไม่ดีอาจจะโดนคนอื่นแย่งไป เจ้าจัดการตาม
เห็นสมควรแล้วกัน ข้าเก็บติดตัวไว้แค่พอใช้กพ็ อ”
มอบทรัพย์สินจํานวนมหาศาลขนาดนี้ให้นางจัดการเอง แบบนี้ตอ้ งใช้ความเชื่อมัน่ และวางใจขนาด
ไหน รอยยิม้ บนใบหน้าอวิน๋ จือชิวช่างงดงาม แววตาค่อนข้างออเซาะ แต่ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้กาํ ลัง
ตกแต่งร้าน ไม่สะดวกเพราะมีคนเข้าคนออก ไม่อย่างนั้นนางคงโผเข้าไปกอดเขาแล้ว
หลังจากนั้นครึ่ งเดือน ก็เปิ ดร้านค้าแล้ว ชื่อว่า”ร้านโฉมเมฆา” ขายเครื่ องประดับกับพวกผลึกบริ สุทธิ์
โดยเฉพาะ
พวกเครื่ องประดับที่ขายตอนร้านขายของชําซื่อตรงเพิง่ เปิ ด ตอนนี้นาํ มาขายอีกครั้ง อาศัยความนิยมที่
เหลือในปี นั้น สร้างยีห่ อ้ โฆษณานิดหน่อย ก็ทาํ ให้เกิดความเคลื่อนไหวได้เหมือนกัน วันเปิ ดร้านดึงดูด
ลูกค้าผูห้ ญิงได้ไม่นอ้ ยเลย เพียงแต่ราคาแพงจนไร้เหตุผล แค่ต่างหูคู่เดียวก็กระเด็นไปแล้วเป็ นล้าน
ผลึกแดง ทําให้คนมากมายดูเสร็ จแล้วต้องถอย
เหมียวอี้วงิ่ มาแสดงความยินดีวนั เปิ ดร้านก็เป็ นเรื่ องปกติมาก สิ่ งที่ทาํ ให้เขากลุม้ ใจก็คือ พวกทหารใน
จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกถือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาประสมโรงด้วย ทหารเลวทั้งเจ็ดมา
กันครบแล้ว เป็ นเพราะคนปากมากอย่างสวีถงั หรานปล่อยข่าว บอกว่าเหมียวอี้กาํ ลังจีบเถ้าแก่เนี้ยของ
ร้านนี้ ทําเอารู ้กนั ทั้งจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก คนกลุ่มนี้มาก็นบั ว่าสร้างกระแสให้เหมียวอี้
จากสิ่ งนี้ทาํ ให้ดูออกว่าช่วงนี้เหมียวอี้มีความสัมพันธ์อนั ดีกลับกลุ่มนี้ แต่ในใจเหมียวอี้รู้ชดั ประการ
แรกเป็ นเพราะตนไม่มีตาํ แหน่งในจวนผูบ้ ญั ชาการ ถึงขั้นไม่มีลูกน้องเลยสักคน ในกลุ่มทหารเลวตน
มีวรยุทธ์ต่าํ สุ ด ไม่มีผลประโยชน์อะไรกับพวกเขา ประกอบกับโค่วเหวินหลานเป็ นคนพาเข้ามาเอง
ไม่รู้แน่ชดั ว่ามีความสัมพันธ์กบั โค่วเหวินหลานอย่างไรกันแน่ คนยศเท่ากันย่อมยินดีสานสัมพันธ์อนั
ดีกบั ตน
“เถ้าแก่เนี้ย น้องหนิวของพวกเราจริ งใจต่อเจ้านะ ถ้าไม่มีงานก็วงิ่ มาหาเจ้าตลอด” สิ่ งที่สวีถงั หรานพูด
กับอวิน๋ จือชิวเรี ยกเสี ยงหัวเราะจากคนอื่น ๆ กล่าวให้คล้อยตามอยูอ่ ย่างนั้น บอกว่าเหมียวอี้ดีอย่างนั้น
อย่างนี้ พยายามเป็ นพ่อสื่ อเต็มที่
ขณะที่เหมียวอี้กาํ ลังกลุม้ ใจ จู่ ๆ ก็หนังตากระตุก มีคนคนหนึ่งเดินเข้าประตูร้านมา ไม่ใช่ใครที่ไหน
หวงฝู่ จวินโหรวนัน่ เอง
ตอนที่ 969

ผู้หญิงทีม่ สี ามีแล้ว

แค่มองการแต่งกายและคุณสมบัติเฉพาะตัวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา อยูเ่ ป็ นคนงานที่โรงเตี๊ยมเมฆา


วายุหลายปี ขนาดนั้น เป็ นไปไม่ได้ที่จะมีตาแต่ไร้แวว คนงานรี บเข้ามารับแขกทันที ต้อนรับอย่าง
อบอุ่น
หวงฝู่ จวินโหรวที่เดินเข้าประตูมายิม้ ให้พนักงาน แล้วพยักหน้าเบา ๆ กวาดสายตามองในร้านค้า พอ
สบตากับเหมียวอี้ นางก็รีบหลบตา ทําเหมือนไม่เห็นท่านขุนนางเหมียวอยูใ่ นสายตา สิ่ งนี้ทาํ ให้ท่าน
ขุนนางเหมียวโล่งใจมาก ถ้าไม่สนใจเขาได้จะดีที่สุด
ดันเป็ นเวลานี้ สวีถงั หรานบอกกับอวิน๋ จือชิวว่า “นํ้าจิตนํ้าใจที่สหายเหมียวมีต่อเถ้าแก่เนี้ย คนที่เดิน
ผ่านไปผ่านมาต่างก็รู้กนั หมด เถ้าแก่เนี้ยลองพิจารณาดูให้ดีนะ”
อวิน๋ จือชิวทําได้เพียงอมยิม้ แต่ไม่แสดงท่าทีอะไร
หารู ้ไม่วา่ คําพูดนี้กลับทําให้เหมียวอี้กินปูนร้อนท้อง เขารี บเหลือบมองหวงฝู่ จวินโหรว
เป็ นอย่างที่คาดไว้ หวงฝู่ จวินโหรวที่กาํ ลังก้มหน้าดูเครื่ องประดับในตูแ้ สดงสิ นค้า พอได้ยนิ แล้วเอียง
หน้ามองมา สายตาไปหยุดอยูท่ ี่อวิน๋ จือชิว จากนั้นก็ถามพนักงานที่อยูข่ า้ งกายเพื่อยืนยันว่า “คนไหน
คือเถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้า?”
พนักงานย่อมชี้ไปยังอวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังอยูก่ บั ลูกค้าที่มาจากจวนผูบ้ ญั ชาการ “ท่านนั้นคือเถ้าแก่เนี้ยของ
พวกเราขอรับ”
หวงฝู่ จวินโหรวขมวดคิ้วครุ่ นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็หนั ตัวเดินเข้าไป แล้วกล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “พวก
ขุนพลช่างมีอารมณ์สุนทรี ยจ์ ริ ง ๆ นะ!”
“ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ มาแล้ว!” พวกทหารเลวพากันพยักหน้าทักทาย
หวงฝู่ จวินโหรวมองไปที่อวิน๋ จือชิวอีก “ท่านนี้คือเถ้าแก่เนี้ยของ ‘ร้านโฉมเมฆา’ เหรอ ไม่ทราบว่าเถ้า
แก่เนี้ยยังจําได้หรื อเปล่า พวกเราเคยเจอกันมาก่อน”
อวิน๋ จือชิวเพียงเคยได้ยนิ เหมียวอี้พดู ถึง ว่าผูห้ ญิงคนนี้เกือบทําให้เหมียวอี้ตาย ในใจย่อมไม่ปลื้มนาง
อยูแ่ ล้ว แต่บนใบหน้ายังยิม้ ทักทายอย่างสดใส “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ช่างความจําดีจริ ง ๆ ! ข้าจะลืมได้
อย่างไร ตอนแรกยังไปรบกวนที่ร้านค้าสมาคมวีรชนอยูเ่ ลย อวิน๋ จือชิวคํานับผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ !” อวิ๋
นจือชิวคํานับทักทาย
หวงฝู่ จวินโหรวคํานับกลับ แล้วกวาดสายตามองในร้าน ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “ที่แท้
เครื่ องประดับที่ร้านขายของชําซื่อตรงขายก็มาจากเถ้าแก่เนี้ยนี่เอง ยามเห็นเมฆาคนึงหาอาภรณ์ ยาม
เห็นบุปผาคนึงหาโฉมงาม ร้านโฉมเมฆา ช่างเป็ นชื่อร้านที่ดีจริ ง ๆ เถ้าแก่เนี้ยคงไม่รู้วา่ ทําให้ผหู ้ ญิง
มากมายเท่าไรอิจฉาแทบตาย!”
“ธุรกิจเล็ก ๆ ของร้านนี้เทียบร้านค้าสมาคมวีรชนไม่ติดหรอก” อวิน๋ จือชิวกล่าวอย่างเกรงใจ จากนั้นก็
กล่าวขออภัยพวกสวีถงั หราน “ขุนพลทุกท่านเชิญตามสะดวก” จากนั้นหันตัวมายืน่ มือเชิญหวงฝู่ จวิน
โหรว พาหวงฝู่ จวินโหรวเดินดูสินค้าด้วยตัวเอง แนะนําเครื่ องประดับที่วางแสดงด้วยตัวเอง
ฉากนี้ทาํ ให้เหมียวอี้รู้สึกเหงื่อแตก
“พี่หนิว ทําไมสติไม่อยูก่ บั เนื้อกับตัวล่ะ?” สวีเ่ ต๋ อหรานมาโผล่ขา้ งกายเหมียวอี้และตบบ่าเขา
ข่งเฟยฝานเข้ามาเดาะลิ้นแล้วบอกว่า “พี่หนิวมองจนตาค้างหมดแล้ว แต่จะว่าไปแล้ว ก็อาจจะสวยสู ้
ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ไม่ได้ แต่เสน่ห์แบบนั้นพบได้นอ้ ยมากจริ ง ๆ เถ้าแก่เนี้ยแซ่อวิน๋ ช่างเป็ นผูห้ ญิงที่
สวยโดดเด่น เห็นแล้วมีแรง ไม่แปลกใจที่พี่หนิวจีบไม่เลิกแบบนี้”
เหมียวอี้ได้สติกลับมา แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “แต่อีกฝ่ ายเหมือนจะไม่สนใจอะไรข้าเลยนะ!
แถมยัง… ไม่ปิดบังก็ได้ เถ้าแก่เนี้ยคนนี้เป็ นผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว”
เมื่ออยูต่ ่อหน้าคนนอก ต้องทําให้ดูเหมือนทั้งสองมีระยะห่างกัน ไม่อย่างนั้นถ้างานของเขามีอะไร
ผิดพลาด ก็เป็ นไปได้สูงว่าจะทําให้ร้านโฉมเมฆาลําบากไปด้วย เรื่ องนี้เขาปรึ กษากับอวิน๋ จือชิวไว้
เรี ยบร้อยแล้ว
ผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว? คนที่ลอ้ มเข้ามาอึ้งทันที หลังจากมองหน้ากันเลิกลัก่ ก็มองไปทางเหมียวอี้ดว้ ย
สายตาแปลก ๆ พึมพําในใจว่า เจ้าชอบผูห้ ญิงที่มีสามีกว็ า่ แย่แล้ว แต่การจีบอย่างสง่าผ่าเผยแบบนี้มนั
เกินไปหน่อยมั้ง
หลัวว่านกวงไอแห้ง ๆ ทีหนึ่ง แล้วถามเสี ยงตํ่าว่า “พี่หนิว เจ้าคิดจะเล่น ๆ หรื อจะเอาจริ ง? ถ้าคิดจะ
เล่น ๆ งั้นก็สงบเสงี่ยมไว้หน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นเจ้าทําแบบนี้จะโจ่งแจ้งเกินไป ดีไม่ดีจะส่ งผล
กระทบต่อชื่อเสี ยง ต่อให้ผชู ้ ายจะเจ้าชู ้ แต่กต็ อ้ งได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ภายนอกต้องรักษาภาพพจน์มงั่
สิ ถ้ามากเกินไป เกรงว่าพวกเราจะช่วยเจ้าไม่ได้!”
คนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย ในใจรู ้สึกเบื่อหน่ายมาก เจ้าจะจีบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว ทําไมไม่บอกให้เร็ ว
กว่านี้ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็ นขุนพล กลุ่มขุนพลมาช่วยเจ้าจีบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว ถ้าข่าวนี้แพร่ ออกไป
จะไม่แย่เหรอ? ถึงอย่างไรทุกคนก็ทาํ งานให้ตาํ หนักสวรรค์ อย่างน้อยก็ตอ้ งรักษาหน้าตาบ้าง ถ้าตอน
ได้โยกย้ายเลื่อนขั้นมีคนนําเรื่ องนี้มาโจมตีจุดอ่อน อนาคตก็ถูกทําลายหมดแล้ว
เหมียวอี้กลับกล่าวด้วยสี หน้าจริ งจัง “ย่อมต้องอยากคิดจะแต่งงานกับนางอยูแ่ ล้ว”
ทุกคนงงมาก ปู้ เหลียนจงกล่าวเสี ยงตํ่าว่า “พี่หนิว เรื่ องแบบนี้ตอ้ งรอบคอบไว้นะ ในใต้หล้ามีดอกไม้
หอมอยูท่ วั่ ทุกที่ เหตุใดต้องรักข้างเดียวกับดอกไม้กา้ นเดียว แค่เล่น ๆ ก็พอแล้ว ถ้าเจ้าเคยแต่งงาน
มาแล้วก็วา่ ไปอย่าง ทั้งคู่สมนํ้าสมเนื้อกันก็ไม่เป็ นไร แต่คนบริ สุทธิ์อย่างเจ้า มันใช่เรื่ องเหรอที่จะ
แต่งงานกับผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว? ผูห้ ญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง ไม่มีสิทธิ์จะได้เป็ นภรรยาเอกด้วยซํ้า ถ้า
แต่งงานกลับมาจริ ง ๆ เกรงว่าแม้แต่บรรพบุรุษก็ยงั เสี ยหน้า ต้องโมโหจนคลานออกมาจากหลุมศพแน่
รอบคอบหน่อย คิดดูอีกทีเถอะ!”
เหมียวอี้แสดงท่าทีแน่วแน่มาก กล่าวอย่างมุ่งมัน่ เด็ดขาดว่า “หนิวคนนี้ไม่ได้มว่ั ทําเรื่ องเล่น ๆ แบบ
นั้นไม่ได้หรอก!”
ทุกคนได้ยนิ แล้วพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี สุ ดท้ายสวีถงั หรานก็หวั เราะแห้ง ๆ แล้วแอบ
กระซิบถามเบา ๆ “ในเมื่อพี่หนิวมีรสนิยมแบบนี้ งั้นก็ง่ายเหมือนกัน เจ้าตัวอยูใ่ นอาณาเขตของพวกเรา
แสดงว่าเป็ นเป็ ดในหม้อต้ม บินหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เจ้ารู ้หรื อเปล่าว่าสามีของนางเป็ นใคร ขอเพียง
ทําให้นางเป็ นแม่หม้าย เรื่ องนี้กจ็ ดั การได้สะดวกแล้ว”
เมียเจ้าสิ ที่จะกลายเป็ นแม่หม้าย! เหมียวอี้สบถในใจ แต่ภายนอกส่ ายหน้าตอบว่า “ตอนนี้ยงั ไม่เคยเจอ
ผูช้ ายของนาง ไม่รู้เหมือนกันว่าทํางานอะไร”
ทุกคนพูดไม่ออกอีกครั้ง เจ้าอย่าให้พวกเราหลงหลุมไปด้วยเลย
สวีถงั หรานทําสี หน้าเหมือนโดนตะคริ วกิน เปลี่ยนคําพูดทันที “งั้นก็ตอ้ งระวังตัวจริ ง ๆ แล้ว ผูห้ ญิง
คนนี้ดูมีสง่าราศีไม่ธรรมดา เห็นได้ชดั ว่าเคยถูกกล่อมเกลามาก่อน ถ้าผูช้ ายของนางเป็ นประเภทที่พวก
เราไปมีเรื่ องด้วยไม่ไหว คงเป็ นการแกว่งเท้าหาเสี้ ยนจริ ง ๆ ไม่จาํ เป็ นต้องให้ผหู ้ ญิงคนนี้มาทําลาย
อนาคตนะพี่หนิว!”
คนที่เหลือพยักหน้า ส้าวเติงก่วงบอกว่า “เอ่อคือ พี่หนิว ข้ายังมีธุระนิดหน่อย อยูน่ านไม่ได้ ขอตัวกลับ
ก่อนนะ”
“ข้าไปด้วยสิ !” ปู้ เหลียนจงพูดตามทันที
กลุ่มทหารสวรรค์ตีกลองถอยทัพแล้ว พวกเขาไม่อยากแส่ หาเรื่ อง ต้องการจะหนีกนั หมด แต่เหมียวอี้
กลับดึงพวกเขาไว้ “ในเมื่อพี่ใหญ่ทุกท่านมาแล้ว ก็อยูเ่ ป็ นหน้าเป็ นตาให้นอ้ งชายสักหน่อยสิ ? อีกฝ่ าย
เพิ่งจะเปิ ดร้าน พวกพี่ ๆ ช่วยซื้ อเครื่ องประดับติดมือกลับไปบ้างสิ ” นี่เป็ นการหาเงินให้ตวั เอง จะไม่
กระตือรื อร้นได้อย่างไร
“ไม่ใช่ม้ งั ?” สวีถงั หรานหดหัว แล้วกล่าวเสี ยงอ่อนปวกเปี ยก “พี่หนิว สิ นค้าที่นี่ ราคาถูกสุ ดก็หนึ่งล้าน
ผลึกแดงแล้ว มีแต่ของที่ผหู ้ ญิงชอบ ไม่มีประโยชน์อะไรกับการฝึ กตนเลย ไม่มีความหมายในสายตา
ผูช้ าย พวกเราจะซื้อไปทําไม?”
“ครั้งก่อนพวกพี่ ๆ ก็หาเงินมาได้กอ้ นหนึ่งแล้ว ช่วยกันหน่อยเถอะ!” เหมียวอี้กมุ หมัดคารวะต่อทุกคน
เพื่อนร่ วมงานทั้งหกคนปวดประสาทนิดหน่อย ถ้ารู ้แต่แรก ต่อให้ตีให้ตายก็ไม่มาประสมโรงด้วย
หรอก หนึ่งล้านผลึกแดงสามารถแลกยาแก่นเซี ยนได้สิบเม็ดเชียวนะ มีแต่คนที่กินข้าวอิ่มแล้วไม่มีงาน
ทําเท่านั้น ถึงจะโยนยาแก่นเซียนสิ บเม็ดทิ้งเพราะเครื่ องประดับบ้า ๆ นี่ชิ้นเดียว
“เครื่ องประดับของร้านขายของชําซื่อตรงในปี นั้นมีผหู ้ ญิงชอบเยอะขนาดไหน พีใ่ หญ่ทุกคนคงเคยได้
ยินมาแล้ว ตัวเองไม่ใช้ แต่ซ้ือไปง้อผูห้ ญิงได้นะ…”
ในขณะที่เหมียวอี้ ‘เป็ นคนกลางแนะนําให้’ อย่างหน้าด้านกระตือรื อร้น ทหารเลวทั้งหกก็กดั ฟันซื้ อ
ไปคนละชิ้น พวกเขาไม่ได้กาํ ลังไว้หน้าเหมียวอี้ แต่กาํ ลังไว้หน้าโค่วเหวินหลานเพราะไม่แน่ใจว่าเจ้า
เจ้าบ้านี่กบั โค่วเหวินหลานมีความสัมพันธ์กนั อย่างไร คงไม่ดีถา้ จะไม่ไว้หน้า
อวิน๋ จือชิวที่กาํ ลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับหวงฝู่ จวินโหรว พอเห็นเหมียวอี้ช่วยเรี ยกลูกค้า ในใจก็
แอบขํา แน่นอนว่าดูออกว่าลูกค้าพวกนั้นไม่ค่อยเต็มใจ
หวงฝู่ จวินโหรวแอบเหลือบมองหลายครั้ง ขณะกําลังส่ องกระจกเทียบปิ่ นปักผมบนศีรษะตัวเอง นางก็
ถือโอกาสกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ดูออกเลยว่าขุนพลหนิวใส่ ใจธุรกิจของถ้าแก่เนี้ยมาก! สงสัยขุนพลห
นิวกับเถ้าแก่เนี้ยจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดานะ!”
อวิน๋ จือชิวกลับเกิดความระมัดระวังในใจ นางรู ้เพียงว่าผูห้ ญิงคนนี้ไม่ถูกกับเหมียวอี้ กังวลว่าตัวเองจะ
กลายเป็ นจุดอ่อนให้นางบีบ แน่นอนว่าต้องปฏิเสธเรื่ องความสัมพันธ์ เพียงตอบพร้อมรอยยิม้ จืด ๆ
“เป็ นแค่สหายธรรมดาเท่านั้น”
หวงฝู่ จวินโหรวเอียงหน้ายิม้ อย่างสนิทสนม “แต่ไม่เหมือนสหายธรรมดาเลยนะ ข้าได้ยนิ ว่าขุนพลหนิ
วท่านนี้กาํ ลังตามจีบเถ้าแก่เนี้ย”
หลังจากนางได้ยนิ ข่าวลือนี้ ในใจก็เกิดความแค้น อยากจะมาดูวา่ เถ้าแก่เนี้ยหน้าตางดงามอย่างไรกัน
แน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะทําให้เหมียวอี้หลงใหลจนใจลอย นี่กค็ ือสาเหตุที่นางมาที่ ‘ร้านโฉมเมฆา’ ในวัน
เปิ ดร้าน เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยคือผูห้ ญิงที่นางเคยพบมาก่อน ในใจก็จาํ ต้องยอมรับ ว่าถึงแม้อีกฝ่ าย
อาจจะไม่สวยเท่าตน แต่เสน่ห์ความเย้ายวนที่แฝงอยูใ่ นความสง่างามแบบนั้น เป็ นสิ่ งที่ตนเทียบไม่ติด
สิ่ งนี้ทาํ ให้นางแค้นจนกัดฟันกรอด ที่แท้เหมียวอี้กช็ อบผูห้ ญิงแบบนี้นี่เอง! นางย่อมรู ้ชดั อยูแ่ ล้ว ว่า
ตอนแรกที่เหมียวอี้มาอยูก่ บั นาง ล้วนเป็ นเพราะความผิดพลาดทั้งนั้น เหมียวอี้ไม่นบั ว่าชอบนางเท่าไร
เลย สิ่ งนี้ทาํ ให้หวงฝู่ จวินโหรวไม่พอใจมาก เพราะนางชอบเหมียวอี้
ตอนแรกนางยังไม่เข้าใจว่าตัวเองชอบเหมียวอี้ แต่หลังจากมีความสัมพันธ์กนั แล้วนึกขึ้นได้วา่ ตัวเอง
หยิบปิ่ นแมลงปอสี แดงออกมาทุกครั้งที่นงั่ หน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง นางถึงได้เข้าใจ ว่าแท้จริ งแล้วนางชอบ
เหมียวอี้ต้ งั แต่ตอนที่เขาปั กปิ่ นให้นางครั้งแรก สิ่ งนี้ฝังลึกอยูใ่ นใจของนาง ยากที่จะลบเลือนไปได้!
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้ายิม้ “ข้าเป็ นผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว ข้ากับเขาไม่มีทางเป็ นไปได้”
หวงฝู่ จวินโหรวงุนงงกับสิ่ งนี้ โดยทัว่ ไปแล้ว ผูห้ ญิงที่ยงั ไม่แต่งงานจะไม่นาํ เรื่ องแบบนี้มาล้อเล่น แต่
ผ่านไปชัว่ พริ บตาเดียว ในใจนางก็คบั แค้นหนักกว่าเดิม ได้แต่ฝืนยิม้ พร้อมบอกว่า “แต่ขนุ พลหนิวดู
เหมือนจะไม่ถือสาเรื่ องนี้เท่าไรนะ แน่วแน่กบั เถ้าแก่เนี้ยมาก ไม่อย่างนั้นจะลากเพื่อนร่ วมงานมาเป็ น
หน้าเป็ นตาให้เถ้าแก่เนี้ยได้อย่างไร?”
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้าตอบ “ถึงอย่างไร สําหรับข้าก็เป็ นไปไม่ได้”
หวงฝู่ จวินโหรวจ้องนางผ่านทางกระจกแวบหนึ่ง บอกไม่ถูกว่ารู ้สึกอย่างไร นางถอดปิ่ นลงมาพร้อม
บอกว่า “เอาด้ามนี้แล้วกัน!”
อวิน๋ จือชิวไปที่โต๊ะชําระเงินกับนางทันที แล้วบอกบัณฑิตว่า “ให้ราคาที่พิเศษที่สุดกับผูจ้ ดั การร้าน
หวงฝู่ !”
“ขอรับ!” บัณฑิตเอ่ยรับด้วยความยินดี
ต่อให้เป็ นราคาพิเศษ แต่ปิ่นปั กผมด้ามนี้กท็ าํ ให้หวงฝู่ จวินโหรวต้องจ่ายยีส่ ิ บกว่าล้านผลึกแดง
และตรงประตู หลังจากพวกสวีถงั หรานออกจากร้านค้ามาแล้ว ทั้งหกก็พากันทอดถอนใจ แบบนี้
เรี ยกว่ามาให้เชือดถึงที่!
“พี่ชายทุกท่านกลับดี ๆ นะ ครั้งหน้าค่อยมาใหม่!” เหมียวอี้ยนื โบกมือส่ งแขกตรงหน้าประตู
พวกเขาหันกลับมาพยักหน้าด้วยรอยยิม้ ฝื น ๆ พอหันตัวไป สวีถงั หรานก็พึมพําว่า “ครั้งหน้าต่อให้ตี
ให้ตาย ข้าก็จะไม่มาที่นี่อีก”
เหมียวอี้แอบยิม้ ในใจ ข้าจะคอยดูวา่ พวกเจ้าจะกล้ามาประสมโรงที่นี่อีกหรื อเปล่า แต่พอหันหน้า
กลับมา เขาก็ยมิ้ ไม่ออกทันที อวิน๋ จือชิวออกมาส่ งหวงฝู่ จวินโหรวด้วยตัวเอง พวกนางคุยกันประมาณ
ว่าวันหลังจะไปมาหาสู่ กนั บ่อย ๆ เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วแอบตื่นตระหนกในใจ พวกเจ้าจะไปมาหาสู่ กนั
บ่อย ๆ เหรอ?
ทั้งสามเจอกันตรงประตูพอดี หวงฝู่ จวินโหรวยิม้ อย่างสนิทสนมพร้อมบอกว่า “ขุนพลหนิวใส่ ใจธุรกิจ
ของพี่อวิน๋ ดีเชียวนะ”
“ก็ช่วย ๆ กัน!” เหมียวอี้ตอบหัวเราะแห้ง ๆ ขายผ้าเอาหน้ารอด
ใครจะไปคิดล่ะ หวงฝู่ จวินโหรวกลับถ่ายทอดเสี ยงหาเขาต่อหน้าอวิน๋ จือชิว “เจ้าแซ่หนิว ยังมียางอาย
อยูม่ ้ ยั ? ข้าเคยเจอคนไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายเท่าเจ้าเลย แม้แต่ผหู ้ ญิงที่มีสามีแล้ว
เจ้าก็ไม่เว้นเหรอ?”
ตอนที่ 970

ชัยภูมถิ าํ้ สวรรค์

เหมียวอี้ไม่โมโหกับคําด่านี้ ทั้งยังอธิบายกับอีกฝ่ ายไม่ได้ดว้ ย นี่กค็ ือสาเหตุที่เขาไม่อยากให้อวิน๋ จือชิว


มาที่พิภพใหญ่ พอจินตนาการว่าผูห้ ญิงคนนี้จะได้เจอกันทุก ๆ สามวันห้าวัน เขาก็อกสัน่ ขวัญแขวน
แล้ว ทางหวงฝู่ จวินโหรวยังไม่เท่าไร กลัวก็แต่อวิน๋ จือชิวจะสู ต้ ายกับเขาหลังจากที่รู้ ใช่วา่ เขาจะไม่รู้วา่
เมียตัวเองนิสยั เป็ นอย่างไร เวลาจะหยาบคายไร้เหตุผลขึ้นมา ก็เหมือนแม่คา้ ปากตลาดอย่างแท้จริ ง ๆ ดี
ไม่ดีอาจจะฉวยโอกาสตอนของเขาตอนเขาหลับก็ได้
สิ่ งที่ทาํ ให้เขาขนหัวลุกที่สุดก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าหวงฝู่ จวินโหรวจะถ่ายทอดเสี ยงคุยกับเขาต่อหน้าอวิ๋
นจือชิว เห็นได้ชดั ว่าอวิน๋ จือชิวรู ้สึกได้ถึงคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ นางมองทั้งสองด้วยความสงสัย
เหมียวอี้ทาํ ได้เพียงถ่ายทอดเสี ยงตอบ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ?”
ไม่เกี่ยวอะไรหรอก ตนถึงขั้นช่วยคนอื่นฆ่าเขาด้วยซํ้า! แต่หวงฝู่ จวินโหรวได้ยนิ แล้วอยากจะเตะเขา
ให้ตาย แสยะยิม้ ตอบว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหรอก แต่ขา้ รับรองว่าเจ้าจีบนางไม่ติดแน่นอน!” พูดจบก็
หันหน้าเดินจากไป
เจ้ารับรองเลยเหรอ? เจ้าเอาอะไรมารับรอง? เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วแทบจะเงยหน้าหัวเราะลัน่ อยากจะ
บอกหวงฝู่ จวินโหรวมากว่า นางเป็ นผูห้ ญิงของข้าตั้งนานแล้ว ถ้าข้าเต็มใจ นางก็มีโอกาสคลอดลูกชาย
ให้ขา้ มากกว่าเจ้าอีก!
“ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ กลับดี ๆ !” อวิน๋ จือชิวยังโบกมือส่ ง แล้วก็หนั หน้ามาถามเหมียวอี้ดว้ ยเสี ยงตํ่าเบา
ว่า “พวกเจ้าถ่ายทอดเสี ยงคุยอะไรกันต่อหน้าข้า? คงไม่ได้แอบทําเรื่ องผิดอะไรลับหลังข้าหรอกนะ?”
เมื่อก่อนถ้าได้ยนิ คํานี้ เขาคงจะอกสัน่ ขวัญแขวน แต่ตอนนี้เหมียวอี้เริ่ มค่อย ๆ มีภูมิคุม้ กันเวลานาง
โพล่งถามเหมือนสงสัยเขา รู ้วา่ นางปากไม่ตรงกับใจ จึงตอบเบา ๆ ว่า “พูดเหลวไหล ข้ากับนางก็แค่ขู่
กันเฉย ๆ เท่านั้น”
ที่จริ งอวิน๋ จือชิวไม่ได้คิดเลยว่าทั้งสองจะทําเรื่ องน่าอับอายกันจริ ง ๆ ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็ นศัตรู คู่
แค้นที่หมายจะเล่นงานกันถึงตาย ถ้าสงสัยเหมียวอี้กบั คนอื่นยังพอเป็ นไปได้ แต่ไม่มีทางสงสัยหวงฝู่
จวินโหรว คําพูดประเภทนี้ของนาง เป็ นเพียงคําด่าหยอกระหว่างคู่รักที่นางใช้ระบายอารมณ์กบั เหมียว
อี้จนชินแล้ว
สองสามีภรรยากลับเข้ามาในร้าน เหมียวอี้ถือโอกาสมองไปยังของในตูแ้ สดงสิ นค้าแวบหนึ่ง แล้ว
ถ่ายทอดเสี ยงถามว่า “ข้าว่าราคาของในตูส้ ูงจนไร้เหตุผลไปหน่อยรึ เปล่า ต่างหูคู่เดียวก็หนึ่งล้านผลึก
แดงแล้ว สร้อยคอเส้นเดียวเจ้ากล้าขายหนึ่งร้อยล้านผลึกแดงเลยเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “เจ้าหรื อข้าที่เข้าใจผูห้ ญิงมากกว่ากัน? ของแบบนี้ยงิ่ เจ้าเน้นปริ มาณขายเยอะ ก็จะ
ได้กาํ ไรไม่เท่าไร ของที่ยงิ่ ทําให้ผหู ้ ญิงปรารถนาอยากได้ ก็ยงิ่ ทําเงินจากผูห้ ญิงได้ ต้องทําให้คนส่ วน
ใหญ่ซ้ื อไม่ไหวสิ ถึงจะมีคนอยากซื้อมากขึ้น ช่างเถอะ หัวใจที่รักสวยรักงามของของผูห้ ญิง พูดไปเจ้า
ก็ไม่เข้าใจอยูด่ ี เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งห่วง ปลายปี คอยดูวา่ ฮูหยินของเจ้าขายได้กาํ ไรเท่าไร เดี๋ยวเจ้าก็จะรู ้
เอง!”
เหมียวอี้หวั เราะจนตัวโยน หวังว่าสิ่ งที่นางพูดจะเป็ นความจริ ง แต่จะสนใจอะไรนางล่ะ มีร้านนี้ไว้ฆ่า
เวลาให้นางเท่านั้น ขอแค่นางเล่นอย่างมีความสุ ขก็พอแล้ว
“มานี่สิ ข้าจะให้เจ้าดูอะไรบางอย่าง!” อวิน๋ จือชิวถ่ายทอดเสี ยงบอก
ทั้งสองเดินขึ้นชั้นบน พอเดินมาถึงห้องที่เยารั่วเซียนอยู่ อวิน๋ จือชิวก็เคาะประตู ข้างในไม่มีเสี ยงตอบ
จึงผลักเข้าไปโดยตรง พบว่าในห้องไม่มีใครอยูเ่ ลยสักคน
“ตาแก่เยาไปไหนแล้ว?” เหมียวอี้แปลกใจ
อวิน๋ จือชิวชี้ไปยังศาลเจ้าหลังหนึ่งที่วางอยูบ่ นชั้นติดกําแพง แล้วตอบพร้อมรอยยิม้ ว่า “วางค่ายกลไว้
แล้ว ถ้าไม่ได้เดินออกประตูใหญ่ ก็ไม่มีเหตุผลที่ขา้ จะไม่สงั เกตเห็น นี่คือ ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ ที่ขา้ ซื้ อ
ให้เขา เขาคงเข้าไปหลบอยูใ่ นนั้น จึงตะโกนใส่ ศาลเจ้าว่า “ท่านจื่อหยาง!”
พอสิ้ นเสี ยง ในศาลเจ้าก็มีแสงยิงออกมาสายหนึ่ง ปรากฏเป็ นเงามายาตรงหน้าศาลเจ้า อวิน๋ จือชิวก้าว
เข้าไปช้า ๆ แล้วเงาคนก็หายไปในเงามายานั้น ตอนหลังเหมียวอี้เดินตามเข้าไป พอก้าวเข้าไปในเงา
มายา ภาพตรงหน้าก็กลายเป็ นฟ้ าดินอีกแห่งทันที
ในลานบ้านเล็ก ๆ มีเสี ยงหายใจดังเป็ นพัก ๆ เฮยทัน่ กําลังนอนงีบอยูใ่ นศาลา มันกินยาเจี๋ยตันขั้นห้าไป
ไม่รู้วา่ จะตื่นเมื่อไร
ในลานบ้านยังมีเตาหลอมของเยารั่วเซียนวางอยูด่ ว้ ย บนบันไดนอกห้องโถงเล็ก ๆ เยารั่วเซี ยนกําลัง
นัง่ ขัดสมาธิ เพียงเงยหน้ามองทั้งสองแวบหนึ่ง แล้วก็เล่นของวิเศษในมือตัวเองต่อไป พอตกอยูใ่ น
สภาพนี้ ก็ไม่เห็นเหมียวอี้กบั ภรรยาอยูใ่ นสายตาแล้ว
อวิน๋ จือชิวชี้ไปที่ลานบ้านพลางกล่าวด้วยรอยยิม้ “เมื่อมี ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ นี้แล้ว เขาก็สามารถศึกษา
วิธีหลอมของวิเศษในร้านค้าได้อย่างสงบได้ ตอนนี้เขาสนใจของวิเศษที่พิภพใหญ่มาก”
เหมียวอี้มองไปรอบ ๆ พบว่าภาพในห้องด้านนอกลานบ้านชัดเจนมาก แต่เหมือนสิ่ งของจะ
เปลี่ยนเป็ นใหญ่ข้ ึนแล้ว ตอนอยูใ่ นลานบ้านแล้วมองไปในห้องข้างนอก ก็รู้วา่ ว่าตัวเองเหมือนเป็ น
ตุก๊ ตาตัวเล็ก เป็ นสิ่ งที่แปลกประหลาดมากจริ ง ๆ นี่เป็ นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์
พอหันกลับมองมองสิ่ งของที่เยารั่วเซี ยนกําลังถือเล่นอยูใ่ นมือ ก็ขมวดคิ้วถามว่า “ปี ศาจเฒ่า เกราะรบ
ชุดนั้นของข้า เมื่อไรท่านจะเริ่ มหลอมสร้างให้?”
เยารั่วเซียนไม่สนใจเขาเลย อวิน๋ จือชิวจึงยิม้ บาง ๆ และตอบแทนว่า “ท่านจื่อหยาง สถานการณ์ที่พิภพ
ใหญ่ไม่ค่อยดีสาํ หรับพวกเรา เกราะรบชุดนั้นมีประโยชน์ต่อหนิวเอ้อร์มาก หวังว่าท่านจะใช้ความคิด
กับมันสักหน่อย ช่วยทําให้เขาเร็ ว ๆ ”
เยารั่วเซียนได้ยนิ แล้วเงยหน้า พยักหน้าตอบว่า “ฮูหยินไม่ตอ้ งห่วง พรุ่ งนี้ขา้ จะเริ่ มหลอมสร้างแล้ว”
เหมียวอี้กลอกตามองบนทันที เจ้าปี ศาจเฒ่าเห็นคําพูดของเขาเป็ นเหมือนลมตด!
ที่จริ งเยารั่วเซี ยนหวาดกลัวอวิน๋ จือชิวมาก สามารถปี นเกลียวเหมียวอี้ได้ แต่กลับไม่กล้าทํากําเริ บเสิ บ
สานต่อหน้าอวิน๋ จือชิว ประการแรกเป็ นเพราะชื่อเสี ยงของหลานสาวปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียน
สามารถกดดันเขาได้หลายส่ วน ประการต่อมาเป็ นเพราะเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ลว้ นอยูใ่ นการ
ควบคุมดูแลของอวิน๋ จือชิว
“งั้นก็ดี พวกเราสองสามีภรรยาไม่รบกวนแล้ว” อวิน๋ จือชิวตอบพร้อมยิม้ บาง ๆ ก่อนจะหันตัวไปพยัก
หน้าให้เหมียวอี้ แล้วมุดออกจากประตูใหญ่ของเงามายาพร้อมกัน กลับมาอยูใ่ นห้องด้านนอกศาลเจ้า
แล้ว
เหมียวอี้หนั กลับไปมองแวบหนึ่ง เงามายานั้นพลันหายไปแล้ว พอเดินออกจากประตู เหมียวอี้กถ็ ามว่า
“เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์พกั ที่ไหน?”
“พวกนางพักอยูก่ บั ข้า!” อวิน๋ จือชิวพาเขาขึ้นไปชั้นบนสุ ด ไปที่หอ้ งนอนของนาง
ศาลเจ้าที่วางอยูใ่ นห้องสะดุดตามาก พออวิน๋ จือชิวร่ ายอิทธิฤทธิ์ช้ ี เงามายาแบบเดียวกันก็ยงิ กระจาย
ออกมานอกศาลเจ้า แล้วทั้งสองก็เข้าไปพร้อมกัน
ลานบ้านที่อยูต่ รงหน้าใหญ่กว่าลานบ้านของเยารั่วเซี ยนเยอะ ตัก๊ แตนฝูงหนึ่งกําลังกัดกินผลึกแดงเสี ยง
ดังกรอบแกรบ
อวิน๋ จือชิวพาเขาเดินเล่นรอบหนึ่ง มีโถงหลัก มีลานบ้านด้านหลัง ในลานบ้านด้านหลังมีหอ้ งนอน
หลัก ฝั่งซ้ายและขวามีหอ้ งรอง อวิน๋ จือชิวชี้ไปยังห้องทางซ้ายและขวา “สองฝั่งนี้เป็ นที่พกั ของเชียน
เอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ ตรงกลางเป็ นห้องของพวกเรา”
เหมียวอี้เผยรอบยิม้ มีลบั ลมคมใน วางมือข้างหนึ่งที่เอวอ่อนของนาง แล้วลูบไล้บนบั้นท้าย “เอ่อคือ ฮู
หยิน เหมือนพวกเราจะไม่เคยจู๋จี๋กนั ใน ‘ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์’ เลยนะ ปกติขา้ ไม่สะดวกจะมาที่นี่บ่อยด้วย
ในเมื่อมีโอกาสเหมาะ ก็ปล่อยตามธรรมชาติ…”
“ออกไป!” อวิน๋ จือชิวทําเสี ยงหงุดหงิด บิดตัวหลบมือมารของเขา แล้วกลอกตาอย่างหยาดเยิม้ “วันเปิ ด
ร้านแท้ ๆ ถ้าไม่เห็นเงาเถ้าแก่เนี้ยเลยคงไม่เข้าท่าแล้ว วันนี้ไม่ได้!” พูดจบก็จบั เขาหันตัวไป “อย่าพูดจา
เหลวไหล เจ้าเองก็อยูก่ บั ข้านานเกินไปไม่ได้เหมือนกัน ออกไป ๆ !”
พอออกจากชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ เหมียวอี้กก็ ล่าวด้วยสี หน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่อยูก่ บั ข้า งั้นข้าไปหา
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์นะ?”
“สันดานคน!” อวิน๋ จือชิวพูดดูถูก แล้วออกจากห้องนั้นมาคนเดียว ไม่ได้แสดงท่าทีคดั ค้าน
เหมียวอี้หวั เราะแห้ง ๆ ผ่านไปครู่ เดียวก็ไปหาเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่กาํ ลังงานยุง่ อยูท่ ี่ลานบ้าน
ด้านหลังของร้านค้า แล้วก็จูงมือสองสาวที่กาํ ลังเขินอายเข้าไปในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์…
หลังจากนั้นไม่กี่วนั ตอนที่เหมียวอี้มาที่ร้านค้าอีกครั้ง ก็พบว่าอวิน๋ จือชิวเริ่ มคบค้ากับพวกสตรี สูงศักดิ์
ของตําหนักสวรรค์แล้ว ผูห้ ญิงหลายคนกําลังนัง่ พูดคุยหัวเราะคิกคักอยูใ่ นห้องที่หรู หรา
“เสวีย่ เอ๋ อร์ ไปหาผูจ้ ดั การร้าน นําเครื่ องประดับราคาแพงที่ไม่ได้ต้ งั แสดงมาให้ฮูหยินทั้งหลายดูหน่อย
สิ ”
อวิน๋ จือชิวที่อยูด่ า้ นในเพิ่งจะพูดจบ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่แหวกม่านไข่มุกออกมาก็พบว่าเหมียวอี้แอบฟังอยูข่ า้ ง
นอก ก็แลบลิ้นให้เหมียวอี้เงียบ ๆ แล้วรี บออกไป
ผ่านไปครู่ เดียว นางก็หอบกล่องเครื่ องประดับที่งดงามประณี ตกลับมาหลายใบ ทําให้ดา้ นในมีเสี ยง
เดาะลิ้นชื่นชมของผูห้ ญิงดังขึ้นเร็ วมาก
ท่ามกลางเสี ยงเจื้อยแจ้วของกลุ่มผูห้ ญิง ก็ได้ยนิ เสี ยงอวิน๋ จือชิวแซมออกมา “หันฮูหยิน ชิ้นที่แพงที่สุด
อาจจะไม่ได้เหมาะกับท่านเสมอไป ท่านลองดูชิ้นนี้สิคะ ชิ้นนี้เหมาะกับราศีบนใบหน้าท่านที่สุด ท่าน
ลองสิ ”
คําพูดนี้ให้ความรู ้สึกเหมือนนางอยากจะหาเพื่อนมากกว่าขายของ เหมียวอี้แอบฟังจนปวดประสาท
ส่ ายหน้ายิม้ เจื่อน ๆ แล้วหันตัวเดินจากไป พบว่าเมียตัวเองถนัดเรื่ องเข้าสังคมจริ ง ๆ ด้วย ดูท่าทางแล้ว
คงเป็ นเรื่ องยากที่ร้านค้าร้านนี้จะไม่ทาํ เงิน
หนึ่งเดือนจากนั้น วันหนึ่งตอนที่เหมียวอี้มาอีกครั้ง ก็พบว่ามีเกี้ยวสี ดาํ หลังหนึ่งจอดอยูน่ อกร้านค้า
ประตูร้านปิ ดครึ่ งหนึ่ง บันฑิตและพวกพ่อครัวเฝ้ าอยูท่ ี่ประตู
เหมียวอี้ที่กาํ ลังประหลาดใจอยากจะเข้าไปดูสกั หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปรากฏว่าโดนบัณฑิตกับพ่อ
ครัวยืน่ มือขวางไว้ “ขออภัย ร้านปิ ดชัว่ คราว”
“เกิดเรื่ องอะไรขึ้น?” เหมียวอี้ฉงนใจ
บัณฑิตถ่ายทอดเสี ยงตอบทันที “ปี้ เหยว่ฮูหยินมาแล้ว กันคนออกชัว่ คราว ผูช้ ายถูกกันออกหมด เถ้าแก่
เนี้ยกําลังอยูเ่ ป็ นเพื่อนนางด้วยตัวเอง เจ้ากลับไปก่อนแล้วค่อยมา”
“…” เหมียวอี้กลัดกลุม้ นึกไม่ถึงว่า ‘ร้านโฉมเมฆา’ จะดึงดูดปี้ เหยว่ฮูหยินให้มาด้วยเหมือนกัน สงสัย
เครื่ องประดับจะมีแรงดึงดูดต่อผูห้ ญิงมากจริ ง ๆ
เมื่อมาอีกครั้งในวันต่อไป ร้านค้าก็ไม่ได้ปิด เขาเดินผ่านโต๊ะคิดเงิน แล้วถามอย่างขอไปทีวา่ “เถ้าแก่
เนี้ยล่ะ?”
“ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ มาแล้ว กําลังคุยกับเถ้าแก่เนี้ยอยูท่ ี่ลานบ้านด้านหลัง” บัณฑิตตอบ
เหมียวอี้ชะงักฝี เท้า ตัวสัน่ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หนาว รี บหันตัวกลับทันที ถอนทัพ!
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เมื่อไม่เจออวิน๋ จือชิว เหมียวอี้จึงถามหา พ่อครัวตอบว่า “ปี้ เหยว่ฮูหยิน
เชิญเถ้าแก่เนี้ยไปชมดอกไม้ที่ตาํ หนักคุม้ เมือง เถ้าแก่เนี้ยพาเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ไปด้วย!”
นี่ตีสนิทกับปี้ เหยว่ฮูหยินได้แล้วเหรอ! เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน พบว่าฮูหยินของตัวเองช่างมีความสามารถ
เรี ยบร้อยแล้ว สามารถสร้างเส้นสายกับปี้ เหยว่ฮูหยินได้ ต่อไปถ้าเกิดเรื่ องใหญ่อะไรขึ้นที่ตลาดสวรรค์
ตนก็ไม่ตอ้ งเป็ นห่วงความปลอดภัยของอวิน๋ จือชิวแล้ว เป็ นเหมือนที่นางบอก เหมียวอี้ไม่ตอ้ งกังวล
เรื่ องทางร้านค้า
หลังจากกลับมาที่จวนผูบ้ ญั ชาการ เหมียวอี้กพ็ อจะรู ้แล้วว่าทําไมปี้ เหยว่ฮูหยินถึงมีอารมณ์ไปชม
ดอกไม้ เป็ นเพราะเจ้าสองคนที่ตลาดสวรรค์ที่ทาํ ให้นางปวดหัวกําลังจะได้ออกไปแล้ว
ตําหนักคุม้ เมืองส่ งคนมาคุมเขตเมืองตะวันออกแล้ว โค่วเหวินหลานเพียงพูดอย่างรวบรัด ว่าให้
นักพรตบงกชทองใต้บงั คับบัญชาของเขาสามสิ บคนมารวมตัวกัน และไม่ได้กล่าวอะไรอีก รี บ
ประกาศว่า “ตําหนักสวรรค์ส่งข่าวมาแล้ว มีคนพบเฮยหวังปรากฏตัวที่เขาภูตพเนจรของแดนอเวจี
ท่านแม่ทพั สัง่ ให้พวกเรารี บไปค้นหาและจับตัวมาลงโทษ ทุกคนติดตามข้าออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ต้องนํา
อยูข่ า้ งหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงเท่านั้น!”
“รับทราบ!” ทุกคนทําได้เพียงเอ่ยรับคําสัง่
พอโค่วเหวินหลานโบกมือ ก็เหาะขึ้นฟ้ านําไปทันที นักพรตบงกชทองสามสิ บกว่าคนตามไปข้างหลัง
ใช้วธิ ีเหาะออกจากประตูเมืองของเขตเมืองตะวันออกโดยตรง
ขณะเดียวกัน กําลังพลกลุ่มหนึ่งก็พงุ่ ออกจากประตูเมืองตะวันตก เมื่อเห็นพวกโค่วเหวินหลานเหาะ
ขึ้นฟ้ าไปไกล เซี่ยโห้วหลงเฉิ งก็ตะเบ็งเสี ยงอย่างเดือดดาล “เร็ ว ๆ หน่อยสิ โว้ย!”
ตอนที่ 971

เขาภูตพเนจร

กําลังพลสองกลุ่มพุง่ ออกจากชั้นบรรยากาศตามหลังกันไป มุ่งสู่ทิศทางเดียวกันแบบเจ้าไล่ตามข้า


ส่ วนข้ามุ่งหน้าสู่ทอ้ งฟ้ าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหมือนจะไม่อยากตามหลังโค่วเหวินหลาน เมื่อเห็นพวกลูกน้องวรยุทธ์ไม่สูงเท่าตน
ความเร็ วในการเหาะทําให้ไล่ตามตนไม่ทนั ก็ออกคําสัง่ ว่า “เข้ามาในกระเป๋ าสัตว์ของข้าให้หมด”
ลูกน้องทุกคนพูดไม่ออกสุ ด ๆ ต่างก็อยากจะปฏิเสธ ถ้าไม่ใช่คนที่เชื่อใจกันมาก ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไป
อยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์ของคนอื่น ถ้าอีกฝ่ ายมีเจตนาไม่ดีข้ ึนมา ลงดาบฟันบนกระเป๋ าสัตว์สกั หนึ่งที
ร่ างกายที่อยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์จะตายอย่างไรก็ยงั ไม่รู้เลย ต้องรู ้ไว้วา่ กระเป๋ าสัตว์ไม่มีความสามารถใน
การป้ องกันใด ๆ เลย เรื่ องที่มอบชีวติ ให้แบบนี้ ยามเจอกับผูบ้ ญั ชาการที่ไม่น่าเชื่อถือ ใครบ้างจะไม่
หวาดกลัว?
แต่กช็ ่วยไม่ได้ เพราะเจ้าบ้านี่ไม่พดู จากันด้วยเหตุผลเลย ได้แต่ถูกเขาเก็บเข้ากระเป๋ าสัตว์ไปคนแล้วคน
เล่าแต่โดยดี
เมื่อไม่มีลูกน้องที่วรยุทธ์ต่าํ เป็ นตัวถ่วง เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็ปลดปล่อยความเร็ วเต็มที่ทนั ที ไม่นานก็ตาม
ทันพวกโค่วเหวินหลาน แล้วแฉลบผ่านนําไปพร้อมเสี ยงหัวลัน่ ลําพองใจ ทั้งยังส่ ายก้นอวดโค่วเห
วินหลานด้วย
โค่วเหวินหลานหน้าเครี ยดลงสามส่ วน เปิ ดเกราะรบที่หอ้ ยอยูต่ รงเอว เผยกระเป๋ าสัตว์ที่อยูต่ รงเอว
ออกมา แล้วตะโกนบอกพวกลูกน้อง “พวกเจ้าก็เข้ามาเหมือนกัน!”
“นายท่าน คนเยอะขนาดนี้…”
สวีถงั หรานยังไม่ทนั พูดจบ โค่วเหวินหลานก็ตะคอกถามแล้วว่า “เจ้าคิดจะขัดคําสัง่ เหรอ?”
พวกลูกน้องพูดไม่ออก ทําได้เพียงถูกเขาเก็บเข้าในกระเป๋ าสัตว์แต่โดยดี แต่ละคนที่เข้าไปแอบด่าแม่
ในใจ
ในกระเป๋ าสัตว์เบียดกันมาก แต่จะบอกว่าพื้นที่นอ้ ยก็ไม่ได้ เพราะของสิ่ งนี้จะขยายและหดตามของที่
อยูข่ า้ งใน คาดว่าเก็บเข้าไปอีกร้อยคนก็ไม่มีปัญหา แต่กย็ งั เบียดกันอยูด่ ี รู ้สึกเบียดเหมือนจับคนฝัง
รวมเข้าไปในกองผ้าฝ้ าย คนสามสิ บกว่าคนเบียดรวมกันเป็ นก้อนอยูข่ า้ งในอย่างไร้ระเบียบ ประกอบ
กับความมืดที่ทาํ ให้มองไม่เห็นอะไร สถานที่ที่ไร้แสงสว่าง ต่อให้ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กไ็ ม่มีประโยชน์
เหมียวอี้ไม่รู้วา่ หน้าตัวเองไปเบียดอยูบ่ นตัวของใคร จึงออกแรงผลักออก ทําให้คนที่โดนผลักบิดตัว
หนีทนั ที ตามด้วยเสี ยงร่ ายอิทธิฤทธิ์ตะโกน “แม่งเอ๊ย ใครมันลูบไล้กน้ ข้า!”
เหมียวอี้อบั อายนิดหน่อย หัวเราะแห้ง ๆ แล้วบอกว่า “พี่ใหญ่สวี่ ขออภัย ข้าไม่ได้ต้ งั ใจ”
สวีถงั หรานที่ศีรษะแนบอยูใ่ นอ้อมอกเหมียวอี้พดู กลั้วหัวเราะทันที “น้องหนิว ข้าก็นึกว่าเจ้าชอบ
ผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็สนใจก้นผูช้ ายเหมือนกัน”
“มารดาเจ้าสิ ข้าไม่ได้ขายตูดโว้ย!” สวีเ่ ต๋ องอเท้าเหยียบหน้าสวีถงั หราน
สวีถงั หรานร้องทันที “สวีเ่ ต๋ อ เจ้ากล้าเหยียบหน้าข้าเหรอ!” ขณะที่พดู ก็ชกออกไปหนึ่งหมัด
“โอ๊ย ๆ !” ข่งเฟยฝานร้องอุทาน “ใครชกข้า? สวีถงั หรานใช่เจ้ารึ เปล่า?”
คนสามสิ บกว่าคนที่พวั พันกันเหมือนก้อนเชือก ขณะที่พวกเขากําลังต่างคนต่างเถียงกันไม่หยุด จู่ ๆ ก็
รู ้สึกพร้อมกันว่าร่ างของตัวเองทะลักขึ้นไปข้างบน ราวกับมีสิ่งของขนาดใหญ่โผล่ข้ ึนมา
“ใครวะ?” เหมียวอี้หงุดหงิดมาก “แค่น้ ีกเ็ บียดกันแล้ว อย่าขยับมัว่ ๆ สิ ไม่อย่างนั้น…”
จู่ ๆ ในกระเป๋ าสัตว์กส็ ว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อย แสงสี เขียวน่าตกใจมาก ลูกตาใหญ่สีเขียวมันวาวพลัน
เบิกโพลง กลอกกวาดมองทุกคนที่อยูต่ รงหน้า
เมื่อมีลาํ แสงสายหนึ่งคอยช่วย ดวงตาอิทธิฤทธิ์ของทุกคนก็ได้ใช้ประโยชน์ทนั ที เหมียวอี้เหมือนโดน
อุดปาก มองภาพตรงหน้าอย่างหวาดผวา
ศีรษะขนาดใหญ่ที่มีเขาแหลมอัปลักษณ์ เขี้ยวที่ยนื่ ออกมานอกปากสู งเท่าคนหนึ่งคน ศีรษะคล้ายมังกร
ลูกตากลมโตสี เขียวมันวาวกําลังกลอกกลิ้งมองกลุ่มคนอย่างช้า ๆ แววตาที่หยุดนิ่งสัน่ สะท้านใจคน
มาก ลมหายใจที่เข้าออกรุ นแรงราวกับทรายดูด แค่มองปราดเดียวก็รู้วา่ เป็ นสัตว์ที่ร้ายกาจ
หนึ่งคนเงียบ สองคนเงียบ สุ ดท้ายกลุ่มคนที่อาศัยแสงจากตามันเพื่อหมุนตัวไปยืนเบียดกันในท่าปกติ
ก็เงียบกริ บ แต่ละคนอ้าปากค้างเบิกตากว้างมองดูศีรษะใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยเกล็ดแข็งและกระดูกปูด
น่าเกลียดน่ากลัว ทุกคนตะลึงงัน ตอนนี้ถึงได้รู้วา่ ทุกคนกําลังเบียดอยูก่ บั สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวตัว
หนึ่ง
มีบางคนเริ่ มด่าบรรพบุรุษสิ บแปดชัว่ โคตรของโค่วเหวินหลานในใจ ในกระเป๋ าสัตว์มีสตั ว์ประหลาด
แบบนี้อยู่ แต่กย็ งั จะเก็บพวกเราเข้ามา
พอสัตว์ปะหลาดอ้าปาก ทุกคนก็อกสัน่ ขวัญแขวน ลิ้นสี แดงสดเลียกวาดออกมา เลียกวาดบนตัวทุกคน
พร้อมกลิ่นเหม็นคาว
ชัว่ พริ บตาเดียวเท่านั้น ทหารเลวเกราะทองแต่ละคนก็ตวั เหนียวหนืด มีบางคนอยากจะฆ่าสัตว์
ประหลาดตัวนี้ทิ้งมาก แต่นี่เป็ นสมบัติของโค่วเหวินหลาน จึงไม่มีใครกล้าแตะต้อง พวกเขาจึงได้แต่
เบียดกันอยูต่ รงนั้นอย่างว่านอนสอนง่าย ปล่อยให้ลิ้นใหญ่ของสัตว์ปะหลาดเลียกวาดบนร่ างกายและ
ใบหน้า
สุ ดท้ายสัตว์ปะหลาดตัวนัน่ ก็หลับตาลง ศีรษะจมลงใต้ฝ่าเท้าของทุกคน พื้นที่วา่ งที่เคยขยายออกหดลง
ทันที มัดกลุ่มคนไว้รวมกันอีกครั้ง
กระเป๋ าสัตว์ตกอยูใ่ นความมืดอีกครั้ง ทุกคนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ได้แต่ค่อย ๆ ดื่มดํ่ากับกลิ่นเหม็น
คาวที่สตั ว์ปะหลาดทิ้งไว้
เมื่อรู ้วา่ ตัวเองยืนอยูบ่ นตัวของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว ทุกคนก็ไม่กล้ายัว่ โมโหมัน ที่สาํ คัญคือต่อให้
ยัว่ ให้โมโหแล้ว ก็ไม่กล้าลงมือฆ่าสัตว์ประหลาดของโค่วเหวินหลานอยูด่ ี ดังนั้นจึงทําได้เพียงนิ่งเงียบ
พยายามไม่ยวั่ โมโหสัตว์ประหลาดที่อยูใ่ ต้เท้า
“เมื่อกี้มนั ตัวอะไร?” เหมียวอี้เอียงหน้าถ่ายทอดเสี ยงถามคนที่อยูข่ า้ ง ๆ
“เห็นแต่หวั ไม่ได้เห็นทั้งตัว ไม่รู้วา่ เป็ นตัวอะไร ไม่เคยเห็นผูบ้ ญั ชาการโค่วเรี ยกออกมาใช้ดว้ ย” สวีถงั
หรานตอบ
สรุ ปว่าไม่มีการเถียงกันเหมือนก่อนหน้านี้อีก ทุกคนอยูอ่ ย่างว่านอนสอนง่ายแล้ว
แดนอเวจี เขาภูตพเนจร เป็ นดวงดาวที่ไร้เจ้าของ จึงไม่ได้นาํ ชื่อของใครมาตั้งชื่อดวงดาว เนื่องจากมี
ภูตผีจาํ นวนมากมารวมตัวร่ อนเร่ กนั กันอยูท่ ี่นี่ ทั้งยังเต็มไปด้วยเขาหลายลูกที่เชื่อมต่อกัน จึงถูกตั้งชื่อ
ว่าเขาภูตพเนจร
เขาภูตพเนจรเป็ นดาวเคราะห์ที่ใหญ่มากจนทําให้คนรู ้สึกเหลือเชื่อ เป็ นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในเก้า
โลก จินตนาการได้เลยว่าใหญ่ขนาดไหน รอบข้างที่กว้างโล่งไม่มีดาวดวงอื่นอยูด่ ว้ ยกัน อาจเป็ น
เพราะหวาดกลัวที่มนั ใหญ่จนเหลือเชื่อ มีเพียงดวงอาทิตย์ไม่กี่ดวงที่โคจรรอบมัน แต่ระยะห่างอยูไ่ กล
เกินไป เห็นเพียงแสงกระพริ บริ บหรี่ อยูใ่ นท้องฟ้ าไกล ๆ ทําให้ดาวเคราะห์ดวงนี้มีแสงอ่อนจางมาก
ทําให้ดาวทั้งดวงอยูใ่ นสภาวะมืดครื้ มตลอดเวลา ขมุกขมัวตลอดเวลา เหมือนจะแจ่มชัดแต่กไ็ ม่แจ่มชัด
กลุ่มภูตผีกาํ ลังรวมตัวกันล่องลอยอย่างช้า ๆ ร่ างกายเลือนรางไม่ชดั เจน อยูใ่ นสภาพกึ่งโปร่ งแสง
จัดเป็ นนักพรตผีที่เพิ่งก้าวเข้าสู่แดนฝึ กตน แต่กลับไม่สามารถก่อตัวเป็ นร่ างจริ งได้ เหมือนกําลังค้นหา
อะไรบางอย่าง
ขณะที่กลุ่มภูตผีร่างโปร่ งแสงกําลังลอยเร่ ร่อน จู่ ๆ พวกมันก็เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงเทพเกราะทอง
แฉลบลงมาจากฟ้ า หลังจากเหยียบลงพื้นก็กลายเป็ นร่ างกํายําลํ่าสัน ดวงตาสองข้างที่โตเหมือนระฆัง
ทองแดงกวาดมองไปรอบ ๆ
ผูท้ ี่มาไม่ใช่ใครที่ไหน คือเซี่ยโห้วหลงเฉิงนัน่ เอง
พอเซี่ ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ ลูกน้องหลายสิ บคนที่กาํ ลังโซเซสับสนทิศทางก็ปรากฏตัว พอเห็นเขา ก็
จัดตําแหน่งทิศทางใหม่อีกครั้ง
กลุ่มภูตผีเดินเข้ามาหาเขาทันที ยืน่ สองมือเข้ามาทําท่าทางขอทาน มีบางคนส่ งเสี ยงเล็ก ๆ เหมือน
ละเมอว่า “ทําบุญหน่อย ทําบุญหน่อยเถอะ!”
เสี ยงขอทานดังซ้อนกันหลายชั้น เหมือนมีวญ
ิ ญาณโผล่ออกจากใต้ดินมากขึ้นในชัว่ พริ บตาเดียว มีท้ งั
หญิงทั้งชาย มีท้ งั เด็กทั้งคนแก่ รู ปร่ างแตกต่างกันไป
สิ่ งที่ขอก็คือสิ่ งของที่จะช่วยให้ตวั เองฝึ กตนได้ วรยุทธ์ของพวกเขาอ่อนแอเกินไปจริ ง ๆ ไร้
ความสามารถที่จะไปค้นหาทรัพยากรฝึ กตนจากทัว่ ทุกที่ จึงมาร่ อนเร่ พเนจรอยูท่ ี่นี่ เมื่อมองเห็น
ความหวังจึงไม่อยากพลาดไป
เมื่อเห็นภูตผีลอ้ มเข้ามาอย่างหนาแน่น เซี่ยโห้วหลงเฉิ งก็ตะคอกเสี ยงดัง “ไสหัวไป!”
ภูตผีพวกนั้นกลับไม่ฟังเลย ยังคงยืน่ มือทําท่าขอทานและรวมตัวกันเข้ามา สิ่ งที่เรี ยกว่าภูตผีไม่จากไป
ไหนก็เป็ นแบบนี้นี่เอง เข้ามาแกะแกะไม่ยอมปล่อยไป
“บังอาจ! บังอาจมาดูหมิ่นอํานาจสวรรค์!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงพลันตะโกนอย่างเดือดดาล พอโบกมือ
หนึ่งที พลังอิทธิฤทธิ์ไร้รูปร่ างก็ทะลักออกมาราวกับระลอกคลื่น
“อา…” เสี ยงกรี ดร้องโหยหวนดังขึ้นเป็ นแถบ ภูตผีนบั ร้อยนับพันกระเส็นกระสายหายไปในชัว่
พริ บตาเดียว โดนพลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่ งบดจนขวัญหนีดีฝ่อ
ภูตผีที่เหลือลุกลี้ลุกลนมาก หันหน้าเลี้ยวหนีทนั ที บ้างก็มุดลงดิน บ้างก็สลายหายไปจนหมดเกลี้ยง
คืนความชัดเจนให้ที่แห่งนี้
ในขณะนี้เอง มีเสี ยงฝ่ าลมดังพรึ่ บ โค่วเหวินหลานเหาะลงมาจากฟ้ า พอโบกมือ พวกเหมียวอี้กป็ รากฏ
ตัวทันที
เรื่ องแรกที่พวกเหมียวอี้ทาํ เมื่อปรากฏตัวออกมา ก็คือร่ ายอิทธิฤทธิ์กาํ จัดคราบนํ้าลายเหนียวบนตัวที่
ตอนนี้แห้งกรังหมดแล้ว
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกับโค่วเหวินหลานสบตากัน วุน่ วายอยูต่ ้ งั นานแต่กย็ งั มาถึงแทบจะพร้อมกัน ไม่มีใคร
ทิ้งห่างใครได้ ต่างคนต่างทําเสี ยงฮึดฮัดใส่ กนั
จากนั้นทั้งสองก็นาํ แผ่นหยกออกมาดูแทบจะพร้อมกัน แล้วมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ไม่รู้วา่ กําลังมอง
อะไร แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงพลันกระทืบเท้าอย่างแรง ทําให้พ้นื ดินสะเทือนเล็กน้อย แล้วร่ ายอิทธิฤทธิ์
ตะโกนเสี ยงดัง “เทพแห่งผืนดินของที่นี่อยูม่ ้ ยั ?”
โค่วเหวินหลานตะโกนอย่างเกรี้ ยวกราดทันที “ไอ้หมีควาย เจ้ากลัวว่าจะเคลื่อนไหวเบาเกินไปเหรอ
กลัวว่าเป้ าหมายจะไม่รู้เหรอว่าพวกเราจะมาจับตัว?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงอึ้งเล็กน้อย เหมือนจะสังเกตเห็นว่าสิ่ งที่ตวั เองทําไม่เหมาะสม แต่ภายนอกก็ยงั มอง
เหยียดโค่วเหวินหลาน
ผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มที่สวมชุดสี ขาวทั้งตัวก็รีบลอยมาจากที่ไกล ๆ มาเหยียบลงตรงหน้าพวกเขา
แล้วกุมหมัดคารวะ “กูโ้ ส่ วเทพแห่งผืนดินคํานับท่านขุนนางทุกท่าน!”
เหมียวอี้เห็นบนตัวเทพแห่งผืนดินมีปราณหยินเข้มข้นมาก เห็นได้ชดั ว่าเป็ นนักพรตผี
เห็นเพียงเทพแห่งผืนดินคนนั้นถอดแผ่นหยกตรงเอวลลงมาให้ท้ งั สองตรวจสอบ แต่พอมองดูท้ งั สอง
ฝั่ง เขาก็ไม่รู้วา่ จะให้ท่านไหนดี สุ ดท้ายก็กม้ หน้ายืน่ ให้มวั่ ๆ ใครมาก่อนก็ได้ก่อน
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกับโค่วเหวินหลานยืน่ มือพร้อมกัน หลังจากแผ่นหยกลอยออกจากมือของเทพแห่งผืน
ดิน ก็ลอยไปลอยมาอยูก่ ลางอากาศราวกับกําลังชัดเลื่อยกลับไปกลับมา สุ ดท้ายก็มีเสี ยง “แกร๊ ก”
กลายเป็ นผุยผงอยูภ่ ายใต้พลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่ ง
นี่มนั เรื่ องอะไรกัน? เทพแห่งผืนดินกูโ้ ส่ วเฉิงตะลึงงัน นี่คือป้ ายขุนนางที่เบื้องบนแจกลงมาเพื่อยืนยัน
ฐานะของเขา!
ศัตรู ท้ งั สองสบตากันอย่างแค้นเคือง จากนั้นก็ต่างคนต่างหยิบป้ ายคําสัง่ ออกมา ยืน่ ให้เทพแห่งผืนดิน
ตรวจดู หลังจากดูเสร็ จและเก็บกลับมาแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ชิงถามว่า “เทพแห่งผืนดิน ข้าถามเจ้า
หน่อย ได้ยนิ ว่าเจ้าพบเบาะแสของเฮยหวังเหรอ?”
โค่วเหวินหลานอ้าปาก แต่คิดไปคิดมาก็ไม่พดู ดีกว่า ถ้าทะเลาะกันตอนนี้คงเสี ยเรื่ องแน่นอน เขารู ้สึก
ว่าตัวเองไม่ใช่คนแยกแยะความสําคัญไม่เป็ นเหมือนเซี่ยโห้วหลงเฉิ ง
เทพแห่งผืนดินตอบอย่างระมัดระวังว่า “ขอรับ! ไม่กี่วนั ก่อนตอนข้าน้อยไปลาดตระเวน ก็บงั เอิญเห็น
ตรงยอดเขาโอนเอนที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ครั้ง ตอนหลังได้ยนิ พวกผีเล็ก ๆ แอบคุยกัน ถึงได้รู้วา่ เขา
คือเฮยหวัง นักโทษที่ตาํ หนักสวรรค์ตอ้ งการตัว จึงรายงานขึ้นไปทันที!”
“ยอดเขาโอนเอนอยูท่ ี่ไหน?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งถาม
เทพแห่งผืนดินชี้ไปไกล ๆ “ห่างจากตรงนี้ไปทางทิศเหนือสามพันลี้ ตรงแนวเทือกเขาที่มีควันดําท่วม
เอ่อ ยอดเขาที่สูงที่สุดก็คือยอดเขาโอนเอน ยอกเขามีหินก้อนใหญ่ที่โอนเอนเหมือนจะล้มลงมา ด้วย
เหตุน้ ีจึงชื่อว่ายอดเขาโอนเอน”
“ไป!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ แล้วเหาะนําขึ้นฟ้ าไป ใช้มือข้างหนึ่งดึงแขนเทพแห่งผืนดินไปด้วยกัน
แล้วกําลังพลก็ตามหลังไป
“ปั ญญาอ่อน! เจ้าจะไปจับตัวหรื อจะไปแหวกหญ้าให้งูตื่น เหาะไปแบบนี้ตลอดทาง กลัวคนอื่นจะดู
ไม่ออกเหรอว่าเจ้ามาจากตําหนักสวรรค์!” โค่วเหวินหลานพูดดูถูก แล้วกวักมือบอกลูกน้อง “ตามไป
ระหว่างทางถอดเกราะรบบนตัวด้วย อย่าทําเหมือนเจ้าโง่นนั่ !”
ตอนที่ 972

ยอดเขาโอนเอน

แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนเหมือนที่เขาจินตนาการหรอก ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ลูกน้องของ


เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้โง่ขนาดนั้น
การกรี ธาทัพออกปราบเกี่ยวข้องกับความเป็ นความตาย ต่อให้ลูกน้องจะรู ้วา่ เจ้านายตัวเองไร้เหตุผล
แต่กจ็ าํ เป็ นต้องกัดฟันตักเตือน พอได้รับคําตักเตือนแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิ งก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เขาพาเทพ
แห่งผืนดินเหาะขึ้นฟ้ าไป เห็นได้ชดั ว่าจะมองหาจุดที่แม่นยําจากบนท้องฟ้ า จากนั้นค่อยรุ กโจมตีใน
แนวตั้ง จะโจมตีให้อีกฝ่ ายทําอะไรไม่ถูก
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งขึ้นไปข้างบนแล้ว สอดคล้องกับเจตนาของโค่วเหวินหลานพอดี โค่วเหวินหลานสัง่
ให้ลูกน้องถอดเกราะทองและมุ่งไปข้างหน้าในแนวตรง
ระหว่างทาง ทุกคนพบว่าดาวเคราะห์ที่มืดสลัวนี้กม็ ีดา้ นที่เป็ นเสน่ห์เหมือนกัน ตอนใช้ดวงตา
อิทธิฤทธิ์มองลงมาข้างล่าง ถึงแม้ดาวเคราะห์ดวงนี้จะขาดแคลนแสงอาทิตย์ แต่กลับมีพืชจํานวนหนึ่ง
ที่เปล่งแสงอยูท่ ่ามกลางความมืดสลัว คล้าย ๆ ฉากยามคํ่าคืนที่เหมียวอี้เห็นที่เผ่าปี ศาจของดาวแมกไม้
“น้องหนิว ปกติพวกพี่นอ้ งปฏิบตั ิกบั เจ้าอย่างไรบ้าง?”
เหมียวอี้กาํ ลังครุ่ นคิดว่าถ้าเกิดการต่อสูข้ ้ ึนมา ตัวเองควรจะไปอยูต่ รงไหน แต่จู่ ๆ สวีถงั หรานก็
ถ่ายทอดเสี ยงเบา ๆ มาที่หู
เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะเอียงหน้ามองแวบหนึ่ง เห็นสวีถงั หรานกําลังมองตนด้วยแววตาเฝ้ าคอย ไม่รู้วา่
ทําไมถึงถามคําถามแบบนี้ จึงถ่ายทอดเสี ยงตอบว่า “พี่สวีค่อนข้างดีต่อข้า”
สวีถงั หรานจึงบอกว่า “งั้นก็ดี! ข้าจะไม่ปิดบังอะไรต่อหน้าพี่นอ้ งก็แล้วกัน ผูบ้ ญั ชาการโค่วบอกไว้
แล้ว ว่าถ้าเขาได้ข้ ึนนัง่ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ก็จะมอบตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกให้
เป็ นรางวัลแก่ผทู ้ ี่สร้างผลงาน น้องหนิวรู ้สึกว่าพี่สวีมีคุณสมบัติที่จะนัง่ ตําแหน่งนั้นมั้ย?”
เหมียวอี้อ้ ึงไปชัว่ ขณะ แต่กต็ อบทันทีวา่ “แน่นอน มีคุณสมบัติแน่นอนอยูแ่ ล้ว”
สวีถงั หรานพูดต่อว่า “ได้ยนิ คําพูดแบบนี้จากน้องชายข้าก็วางใจ อีกประเดี๋ยวถ้ามีการต่อสูก้ นั ขึ้นมา
หวังว่าน้องชายจะยืนอยูฝ่ ่ ายข้า ช่วยเหลือพี่สวีอีกแรง ขอเพียงพีส่ วีได้ข้ ึนนัง่ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขต
เมืองตะวันออก ต่อจะดูแลน้องชายอย่างไม่ขาดตกบกพร่ องแน่!”
เหมียวอี้เข้าใจแล้ว นอกจากเขาที่ไม่มีลูกน้องอยูท่ ี่เขตเมืองตะวันออก ทหารเลวอีกหกคนล้วนมี
ลูกน้องติดมาด้วยสี่ คน ทุกคนมีกาํ ลังพอฟัดพอเหวีย่ งกัน การช่วงชิงผลงานย่อมสู สีเช่นกัน ถ้ามีเหมียว
อี้เพิ่มมาอีกคน ก็ยอ่ มมีโอกาสชนะเพิ่มมาอีกส่ วน ต่อให้เหมียวอี้จะไม่ยอมช่วยเขา แต่ขอเพียงไม่ไป
ยืนอีกฝั่งและมาเป็ นศัตรู กบั เขาก็พอแล้ว
“ได้เลย!” เหมียวอี้เอ่ยรับ แสดงออกว่าเข้าใจ
ตรงนี้เพิ่งรับมือกับสวีถงั หรานเสร็ จ ปู้ เหลียนจงที่เหาะอยูข่ า้ งหน้าก็ผอ่ นความเร็ วอย่างแนบเนียน ค่อย
ๆ เหาะมาเคียงข้างกับเหมียวอี้ที่เหาะอยูข่ า้ งหลังสุ ด แล้วถ่ายทอดเสี ยงถามเงียบ ๆ “น้องชาย เจ้าคิดว่า
พี่ปู้คนนี้ปฏิบตั ิต่อเจ้าอย่างไร?”
พอได้ยนิ คําถามนี้ เหมียวอี้กป็ วดประสาท ไม่ตอ้ งบอกก็รู้ คําถามเดิมมาอีกแล้ว เขาตอบอย่างจริ งจังว่า
“การวางตัวของพีป่ ู้ ย่อมไม่ตอ้ งพูดถึง”
ปู้ เหลียนจงพูดต่อ “ข้าก็ชอบการวางตัวของน้องหนิวเหมือนกัน ข้าจะไม่พดู เยอะ น้องหนิวเองก็ได้ยนิ
สิ่ งที่ผบู ้ ญั ชาการโค่วบอกแล้ว ถ้าผูบ้ ญั ชาการโค่วได้นงั่ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ก็จะมอบตําแหน่งผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันออกให้ขนุ นางที่มีผลงาน ถ้าข้าได้นงั่ ในตําแหน่งนั้น ตําแหน่งรองผู ้
บัญชาการก็จะเป็ นของใครไปไม่ได้นอกจากน้องหนิว หวังว่าในศึกนี้นอ้ งหนิวจะช่วยข้าอีกแรง!”
ตําแหน่งรองผูบ้ ญั ชาการเหรอ? เหมียวอี้ได้ยนิ แล้วอยากขํา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทําการกับทางการที่พิภพ
เล็กมาหลายปี เกรงว่าจะเชื่อคําพูดเหลวไหลประเภทนี้แล้ว ปู้ เหลียนจงมีลูกน้องสี่ คน ตําแหน่งรองผู ้
บัญชาการมีแค่สองตําแหน่ง จะถึงคราวของข้าเหรอ? ถึงตอนนั้นต่อให้เจ้าจะไม่ให้ขา้ ข้าก็พดู อะไร
ไม่ได้แล้ว!
แต่ปากก็ยงั ตอบซํ้า ๆ ว่า “พี่ผพู ้ ดู ถึงขั้นนี้แล้ว ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก ตกลง!”
ปู้ เหลียนจงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เร่ งความเร็ วนําไปข้างหน้า ตามประกบคุม้ กันข้างหลังโค่วเห
วินหลาน
ผ่านไปครู่ เดียว สวีเ่ ต๋ อก็ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ “น้องหนิว เดี๋ยวกลับไป ข้าจะจัดการเรื่ องเถ้าแก่เนี้ย ‘ร้าน
โฉมเมฆา’ ให้”
เหมียวอี้ตกใจทันที เจ้าจะจัดการอะไร? เหมียวอี้คิดว่าเขามาด้วยจุดประสงค์เดียวกับสองคนก่อนหน้า
นี้ ใครจะคิดว่าจะพูดถึงเรื่ องอวิน๋ จือชิว จึงตอบทันทีวา่ “จัดการอะไรเหรอ?”
สวีเ่ ต๋ อตอบว่า “ในเมื่อน้องหนิวชอบเถ้าแก่เนี้ยคนนั้น ข้าคิดได้แล้ว เรื่ องนี้พี่นอ้ งไม่เสี ยดายที่จะทุ่มเท
เดี๋ยวข้าจะหาทางกําจัดผูช้ ายของนางทิ้ง จะพยายามทําให้นอ้ งหนิวได้อุม้ สาวงามกลับบ้านแน่นอน!
เพียงแต่เจ้าเองก็รู้ พวกเราล้วนเป็ นทหารเลว ไม่ได้มีอาํ นาจตัดสิ นใจที่เขตเมืองตะวันออก แต่ถา้ ข้าได้
นัง่ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก ทุกอย่างก็ต่างออกไปแล้ว แบบนั้นข้าจะมีอาํ นาจตัดสิ นใจ
ที่เขตเมืองตะวันออก เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นก็จะเป็ นเนื้อในปากน้องหนิว ต่อให้นางไม่ยอมก็ตอ้ งยอม! และ
แน่นอน ถ้าข้าได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก น้องหนิวก็ยอ่ มได้เลื่อนขั้น ตําแหน่งรองผู ้
บัญชาการต้องเป็ นของน้องหนิวแน่นอน น้องหนิวเอ๊ย เจ้าคิดอย่างไรก็เอ่ยปากมาสักคํา ข้ารู ้วา่ คนอื่นก็
ต้องมาหาเจ้าเหมือนกันแน่ ๆ แต่อาจจะไม่ได้จริ งใจเหมือนข้า ส่ วนน้องหนิวจะยืนอยูฝ่ ่ ายข้าหรื อไม่
ข้าก็ไม่ฝืนใจแน่นอน เพียงอยากจะให้นอ้ งหนิวบอกมาสักคํา!”
ขณะที่พดู ไม่ออก เหมียวอี้กโ็ ล่งใจ สงสัยที่พดู อ้อมไปอ้อมมาก็เพื่อตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมือง
ตะวันออกนี่เอง เขาถอนหายใจแล้วบอกว่า “พี่สวีพ่ ดู ถึงขั้นนี้แล้ว ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก ท่านวางใจ
เถอะ ข้ารู ้วา่ ต้องทําอย่างไร”
สวีเ่ ต๋ อเผยรอยยิม้ ชื่นชม แล้วพยักหน้าเบา ๆ
ยังไม่หมด มีคนมาพูดแบบนี้กบั เขาคนแล้วคนเล่า จุดประสงค์กไ็ ม่ซบั ซ้อนเลย ต่อให้เหมียวอี้จะไม่
ช่วยฝ่ ายตน แต่กห็ วังว่าเหมียวอี้จะไม่มาสูก้ บั ตนเพื่อเพิม่ กําลังให้ฝ่ายตรงข้าม
เหมียวอี้เริ่ มไม่เข้าใจแล้ว ทําไมพวกเจ้ามัน่ ใจว่าข้าอยากเป็ นแค่รองผูบ้ ญั ชาการล่ะ ทําไมข้าจะเป็ นผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันออกไม่ได้ ทําไมข้าต้องทํางานให้พวกเจ้าด้วยล่ะ?
แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็ ว เหตุผลซับซ้อนเลย แค่เพราะเขาไม่มีกาํ ลังพล ทั้งยังมีแค่วรยุทธ์บงกชทอง
ขั้นหนึ่ง ในสายตาของทุกคน เขาไม่มีความสามารถที่จะไปแย่งชิง จึงนึกว่าเขาจะไม่คิดฝันเพ้อเจ้อถึง
สิ่ งนั้น
แต่เขาเป็ นคนยังไงล่ะ ตอนที่ไปค้นหาสมบัติกบั ปราสาทดําเนินนภา เขาก็ยงั แอบแข่งกับปราสาท
ดําเนินนภาว่าใครจะได้สมบัติมาไว้ในมือ แล้วจะกลัวเรื่ องแข่งขันกับพวกเขาได้อย่างไร? ตําแหน่งผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันออก เขาเองก็อยากเป็ นเหมือนกัน ทุกคนพึ่งพาความสามารถของตัวเองไป
เถอะ คําสัญญาปากเปล่าที่ไม่ตอ้ งรับผิดชอบอะไรในภายหลัง เขาไม่เชื่อหรอก!
ระยะทางสามพันลี้ สําหรับกลุ่มนักพรตบงกชทอง ไม่นบั ว่าเป็ นระยะทางที่ไกลเท่าไรนัก
หลังจากเดินทางเป็ นเส้นตรงได้สามพันลี้ ก็เริ่ มได้กลิ่นกํามะถัน เป็ นเหมือนที่เทพแห่งผืนดินบอก
ท่ามกลางเขาหลายลูกที่เชื่อมต่อกัน ที่ภูเขาแต่ละลูกมีควันดําลอยขึ้นมา ราวกับเป็ นปล่องไฟใหญ่
โค่วเหวินหลานนําลูกน้องไปเหยียบลงบนภูเขาแห่งหนึ่ง ทุกคนรี บร่ ายอิทธิฤทธิ์กวาดมองโดยรอบ
บนยอดเขาอุณหภูมิค่อนข้างสู ง ไม่ค่อยสอดคล้องกับโลกที่มีลมหนาวยะเยือกพัดมาเป็ นระลอกแบบนี้
โค่วเหวินหลานเดินไปบนปากปล่องที่มีควันแล้วก้มมอง พบว่าด้านล่างมีหินหลอมเหลวสี แดงฉาน
ไหลกลิ้งไม่หยุด ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าแท้จริ งแล้วที่นี่คือกลุ่มภูเขาไฟ เพียงแต่ไม่รู้วา่ ในหิ นหนืดมี
ส่ วนประกอบอะไร ถึงทําให้มีควันดําลอยโขมง
“นายท่าน! ภูเขาที่สูงที่สุดลูกนั้นคงจะเป็ นยอดเขาโอนเอน” รองผูบ้ ญั ชาการหงพลันโบกมือชี้ไปยังจุด
ไกล ๆ ที่ขมุกขมัว ตรงนั้นมีภูเขาสูงที่มองเหนราง ๆ ลูกหนึ่ง ควันดําลอยโขมงทําให้มองเห็นไม่ค่อย
ชัด
โค่วเหวินหลานทอดสายตาจ้องมอง แล้วพยักหน้าเบา ๆ
รองผูบ้ ญั ชาการซุนบอกว่า “นายท่าน ในเมื่อหาสถานที่พบแล้ว ทําไมไม่ฉวยโอกาสชิงลงมือก่อนหมี
ควายเซี่ยโห้วเพื่อความได้เปรี ยบล่ะขอรับ?” ความหมายในคําพูดก็คือ จะมัวรออยูต่ รงนี้ทาํ ไม
รองผูบ้ ญั ชาการหงกล่าวอีกว่า “เทพแห่งผืนดินนัน่ ตกอยูใ่ นมือหมีควายเซี่ยโห้ว พวกเราไม่รู้วา่ เฮยหวัง
หน้าตาเป็ นอย่างไร ทั้งยังไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ เจ้าไม่ได้ยนิ เทพแห่งผืนดินบอกเหรอว่าที่นี่ยงั มี
นักพรตผีตนอื่นอีก ถึงตอนนั้นคงแยกไม่ออกว่าใครคือเฮยหวัง หากเปิ ดช่องโหว่ให้เฮยหวังหนีไปได้
จะทําอย่างไร?”
รองผูบ้ ญั ชาการซุนจึงบอกว่า “พี่หงกังวลมากไปแล้ว คนที่กล้าให้ที่พกั กับนักโทษ แสดงว่าเป็ นผูส้ มรู ้
ร่ วมคิด จะสนใจทําไมว่าใครคือเฮยหวัง ฆ่าให้หมดเกลี้ยงไม่ให้มีปลาหนีลอดแหก็ไม่ผดิ สรุ ปก็คือจะ
ให้เฮยหวังตกอยูใ่ นมือหมีควายเซี่ยโห้วไม่ได้”
โค่วเหวินหลานค่อนข้างลังเล ตอนที่มารี บร้อนฉุกละหุ ก แต่หลังจากมาแล้วกลับลังเลตัดสิ นใจไม่ได้
ตั้งแต่เขาออกจากบ้านมา ถึงแม้จะไล่ตามก้นซี่ยโห้วหลงเฉิง ไม่วา่ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งจะไปเป็ นผู ้
บัญชาการที่ไหน เขาก็ไปเป็ นผูบ้ ญั ชาการที่นนั่ แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็ นผูบ้ ญั ชาการของตลาดสวรรค์
ของดาวต่าง ๆ นี่เป็ นครั้งแรกที่ได้นาํ กําลังพลออกปราบ ไม่มีประสบการณ์อะไร ไม่มีความมัน่ ใจ อด
ไม่ได้ที่จะคิดมาก
ในเวลานี้ เมื่อเห็นรองผูบ้ ญั ชาการซุนกล่าวแล้วรองผูบ้ ญั ชาการหงไม่มีความเห็นอะไรต่อ คนอื่น ๆ ก็
ไม่ได้คดั ค้านอะไรเช่นกัน ขณะที่โค่วเหวินหลานกําลังจะพยักหน้า จู่ ๆ ก็ได้ยนิ เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยง
มา “นายท่านผูบ้ ญั ชาการ จะประมาทไม่ได้!”
โค่วเหวินหลานกวาดสายตามอง ในดวงตาฉายแววสงสัย ไม่รู้วา่ ทําไมเขาไม่พดู ต่อหน้าทุกคน แต่
กลับแอบถ่ายทอดเสี ยงมา จึงถ่ายทอดเสี ยงถามกลับทันที “หรื อว่าเจ้ามีความคิดอันสู งส่ งอะไร?”
ทั้งสองถ่ายทอดเสี ยงคุยกัน สายตาของคนอื่น ๆ สลับมองทั้งสองฝั่ง
“ไม่นบั ว่าเป็ นความคิดอันสูงส่ งหรอก! นายท่าน ภายใต้การกดดันจากตําหนักสวรรค์ เหตุใดเฮยหวัง
จึงซ่อนตัวอยูท่ ี่นี่? ในเมื่อเฮยหวังกล้าซ่อนตัวอยูท่ ี่นี่ ก็เป็ นไปได้สูงว่าจะมีที่พ่ งึ พาอยูบ่ า้ ง ใน
สถานการณ์ที่ยงั ไม่รู้ต้ืนลึกหนาบาง การบุ่มบ่ามรุ กโจมตีไม่ใช่เรื่ องดี” เหมียวอี้ตอบ
โค่วเหวินหลานพยักหน้าเงียบ ๆ รู ้สึกว่าสิ่ งที่เขาพูดมีเหตุผล จึงถามต่อว่า “งั้นเจ้าคิดว่าควรจะรับมือ
อย่างไร?”
เหมียวอี้ตอบว่า “ล้อม! แบ่งกําลังพลเป็ นกลุ่ม ๆ แล้วดักซุ่มรอบยอดเขาโอนเอนในตําแหน่งที่สะดวก
ต่อการสังเกตการณ์ ไม่ตอ้ งรี บลงมือ รอให้พวกเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาถึง ให้พวกเขาไปต่อสู ก้ ่อน พวกเรา
ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ถ้าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งจับเฮยหวังสําเร็ จล่ะ เจ้ารู ้ถึงผลที่จะตามมาหรื อเปล่า?” โค่วเหวินหลานถาม
เหมียวอี้ตอบว่า “ถ้าพวกเราคิดมากไปเอง ที่จริ งสามารถจับตัวเฮยหวังได้ง่าย ๆ พวกเราก็หา้ มนิ่งดูดาย
ผูบ้ ญั ชาการต้องสัง่ ให้กรู กนั เข้าไปทันที ไปช่วยผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วอีกแรง! ถ้าหากเฮยหวังมีผชู ้ ่วยอีก
ก็ให้คนกล้าอย่างผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วไปประสบความพ่ายแพ้แทนพวกเราก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ
ก็ยงั ไม่สาย สรุ ปก็คือพวกเราดูสภานการณ์ในชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน จะสูอ้ ย่างขาดสติไม่ได้!”
โค่วเหวินหลานเลิกคิว้ มองไปยังเหมียวอี้ดว้ ยแววตาแปลก ๆ เหมียวอี้พดู ชัดเจนขนาดนี้ ถ้าเขายังไม่
เข้าใจความหมาย เขาก็คงไม่ต่างอะไรกับคนโง่
เรี ยกว่าไปช่วยผูบ้ ญั ชาเซี่ยโห้วอีกแรงอะไรกันเล่า? ชัดเจนว่านี่คือการปล้นชิงตามไฟ[1]ชัด ๆ ถ้าฝ่ ายนี้
ไปช่วยเซี่ ยโห้วหลงเฉิงอีกแรงก็คงแปลกแล้ว ที่บอกว่าให้คนกล้าอย่างผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้วไปประสบ
ความพ่ายแพ้ก่อน ก็ชดั เจนว่าหวังให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกับเฮยหวังสูก้ นั จนย่อยยับทั้งคู่ แล้วฝ่ ายนี้ค่อยตัก
ตวงผลประโยชน์กพ็ อ ดังนั้นจึงต้องดูสถานการณ์ให้ชดั เจนก่อน และต้องเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้
ตัวเองด้วย ถ้าเฮยหวังร้ายกาจเกินไป ฝ่ ายนี้กไ็ ม่ยอมบุ่มบ่ามเอาชีวติ ไปทิ้งแน่
“พูดจามีเหตุผล!” โค่วเหวินหลานพยักหน้าเบา ๆ “ขุนพลเหมียว ดูจากแผนการที่รู้จกั รุ กเข้าถอยออก
เหมือนเจ้ามีประสบการณ์ในสนามรบมานาน เป็ นบุคคลมีความสามารถที่ควรเลี้ยงไว้ ข้าอนุมตั ิแผน
ของเจ้า ถ้าแผนการของเจ้าได้ผล หลังจากจบเรื่ องข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีแน่นอน! ในเมื่อมีความคิดแบบ
นี้ ทําไมไม่พดู ออกมาต่อหน้าทุกคน?”
“ข้าน้อยไม่มีตาํ แหน่งอะไรติดตัว สําหรับความคิดเห็นของผูร้ ่ วมงานทุกท่าน คนที่มาใหม่อย่างข้าน้อย
ไม่สะดวกจะคัดค้าน” เหมียวอี้กล่าว
พูดถึงขั้นนี้แล้ว โค่วเหวินหลานเองก็เป็ นคนฉลาด เขากวาดสายตามองแวบหนึ่ง แต่ละคนกําลังมอง
เหมียวอี้กบั เขาด้วยแววตาสงสัย ในในเกิดความรู ้สึกบางอย่าง แต่กไ็ ม่ได้ถามอะไรอีก ทําตามแผนของ
เหมียวอี้ทนั ที
…………………………

[1] ปล้นชิงตามไฟ 趁火打劫 หมายถึง ซํ้าเติมคนที่กาํ ลังประสบเคราะห์ร้าย


ตอนที่ 973

เซี่ยโห้ วปะทะเฮยหวัง

ไม่ตอ้ งพูดอะไรมาก แผนใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของโค่วเหวินหลานต้องเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่


วเต๋ อแน่ ๆ นี่คือความคิดในใจของทุกคน แววตาที่มองไปทางเหมียวอี้กแ็ ตกต่างกันไป
ถ้าแบ่งกลุ่มกันตามแผนของเหมียวอี้ พวกสวีถงั หรานและทหารเลวอีกห้าคนต่างพาลูกน้องมาด้วยสี่
คน และทหารเลวทั้งหกก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเหมียวอี้ดว้ ย การดึงตัวก่อนหน้านี้กลายเป็ นเรื่ อง
ตลกไปแล้ว โค่วเหวินหลานดึงเหมียวอี้มาอยูข่ า้ งกายตัวเองพร้อมกับรองผูบ้ ญั ชาการอีกสองคน
โดยตรง
แบ่งเป็ นเจ็ดกลุ่ม มียอดเขาโอนเอนเป็ นจุดศูนย์กลาง แต่ละกลุ่มคอยเฝ้ าสังเกตการณ์คนละทิศ โค่วเห
วินหลานขอให้พวกเขาติดต่อกันไว้ในระหว่างนั้น
โค่วเหวินหลานเฝ้ าอยูต่ รงทิศนี้ อีกหกกลุ่มแยกย้ายไปทางซ้ายและขวา วางกําลังโอบล้อม โค่วเหวินห
ลานนําลูกน้องสามคนบุกไปข้างหน้าโดยอาศัยลักษณะพื้นภูมิกาํ บัง หลบหลีกผีวรยุทธ์ต่าํ ที่
ลาดตระเวนอยูต่ ามแนวเทือกเขาตลอดทาง
ทางขวาแบ่งเป็ นสามกลุ่ม หลังจากแยกกับโค่วเหวินหลานที่อยูฝ่ ั่งนี้แล้ว สวีถงั หรานก็พดู กับสวีเ่ ต๋ อ
และปู้ เหลียนจงที่ร่วมทางกันชัว่ คราวด้วยเสี ยงตํ่าเบาว่า “หนิวโหย่วเต๋ อทะเยอะทะยานไม่เบา อยากได้
ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก พวกเจ้าสองคนดูออกหรื อเปล่า?”
สวีเ่ ต๋ อแสยะยิม้ ตอบว่า “เพิ่งจะมาใหม่ได้ไม่กี่วนั ก็ไม่รู้จกั แยกแยะความสําคัญ คิดจะถีบหัวพวกเราซะ
แล้ว อวดดีนกั !”
ปู้ เหลียนจงก็แสยะยิม้ เช่นกัน “ข้าว่าเขาฝันกลางวันแล้วล่ะ!”
“พวกเจ้าสองคนเพิ่งมองออกเหรอ? ผูบ้ ญั ชาการโค่วเหมือนจะชื่นชมเขามากนะ!” สวีถงั หรานว่าอย่าง
นั้น
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา อีกสองคนก็สีหน้าเครี ยดขรึ มลงทันที
ไม่ใช่แค่ฝั่งนี้ อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่พอใจเหมียวอี้มากเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ยงั เรี ยกกันว่าพี่วา่ น้อง ทั้งหกมีน้ าํ ใจไมตรี ต่อเหมียวอี้มาก นัน่ เป็ นเพราะระหว่างพวกเขายัง
ไม่ไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่ร้ายกาจอะไร แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงผลประโยชน์ เหมียวอี้ก็
กลายเป็ นหนามยอกอกของพวกเขาทันที
เรื่ องบางเรื่ องอยูใ่ นการคาดคะเนของเหมียวอี้อยูแ่ ล้ว คนในยศตําแหน่งเดียวกัน ถ้ามีใครโดดเด่น
ขึ้นมาคนนั้นก็จะโดนอิจฉา เขาเข้าใจตั้งแต่ตอนอยูท่ ี่พิภพเล็กแล้ว เขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน
เมื่อเข้าใกล้จุดที่สามารถมองเห็นยอดเขาโอนเอนได้อย่างชัดเจน โค่วเหวินหลานก็พาแค่รองผู ้
บัญชาการหงไปด้วย ให้เหมียวอี้กบั รองผูบ้ ญั ชาการซุนแยกกันอยูท่ างซ้ายและขวา ให้ไปเฝ้ า
สังเกตการณ์ตรงจุดที่มองเห็นยากเพราะมีภูเขาบัง ป้ องกันไม่ให้เฮยหวังอาศัยลักษณะพื้นที่แบบนี้แอบ
หนีไป
เหมียวอี้หลบหลีกผีที่ลาดตระเวนมาตลอดทางจนถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง แล้วอาศัยหิ นก้อนใหญ่ซ่อนตัว
จากนั้นใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์สงั เกตการณ์เงียบ ๆ พบว่าบนยอดเขาโอนเอนมีลกั ษณะค่อนข้างแปลก ๆ
มันรู ปร่ างเหมือนนํ้าเต้า ท่อนบนเป็ นหิ นขนาดใหญ่ที่ยาวหลายร้อยจั้งก้อนหนึ่ง ไม่รู้วา่ มาจากไหน มัน
วางอยูด่ า้ นบนสุ ด เวลามองจากที่ไกล ๆ แล้วให้ความรู ้สึกว่ามันกําลังโอนเอนจริ ง ๆ
เพิ่งรอตรงนี้ได้ไม่นาน บนฟ้ าก็มีเสี ยงตะโกนเกรี้ ยวกราด “เฮยหวัง! ปู่ เจ้าอยูน่ ี่แล้ว ยังไม่รีบโผล่หวั
ออกมารับความตายอีก!” เสี ยงสะเทือนฟ้ าสะเทือนดิน ควันดําที่ลอยโขมงก็สนั่ กระเพื่อมเช่นกัน
พวกเหมียวอี้ที่ซ่อนตัวอยูโ่ ดยรอบพากันเงยหน้ามอง เห็นเพียงเซี่ยโห้วหลงเฉิ งนํากําลังพลเหาะลงมา
จากฟ้ า เหยียบลงที่หินยักษ์บนยอดเขาโอนเอนอย่างมัน่ คง
เหมียวอี้แอบด่าในใจ ไอ้ปัญญาอ่อนนี่มนั ทําอะไรของมัน เจ้าจะจับคนมาถามว่าเฮยหวังอยูท่ ี่ไหนแล้ว
พุง่ ตรงสู่เป้ าหมายไม่ได้ ถ้าเฮยหวังขี้ขลาดขึ้นมา ถ้าเฮยหวังมีเส้นทางลับให้หลบหนี การที่เจ้าป่ าว
ประกาศเสี ยงดังแบบนี้ จะไม่ทาํ ให้อีกฝ่ ายตกใจหนีไปหรอกเหรอ!
เสี ยงตะโกนของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ดังพอที่จะทําให้คนที่อยูห่ ่างออกไปสิ บลี้ได้ยนิ ไม่มีเหตุผลที่คนตรง
นี้จะไม่ได้ยนิ นักพรตผีหลากหลายรู ปร่ างที่อยูร่ อบข้างพากันโผล่ออกจากถํ้าภูเขา แต่ละคนจ้องทหาร
สวรรค์ที่อยูบ่ นยอดเขา
เหมียวอี้พบเรื่ องประหลาดเรื่ องหนึ่ง นักพรตผีของที่นี่ไม่กลัวการมาเยือนของทหารสวรรค์เลยสักนิด
ปฏิกิริยาแรกก็คือเผยอาวุธออกมาทันที ในจํานวนนั้นยังมีนกั พรตผีวรยุทธ์บงกชขาวด้วย ชัดเจนว่า
ต้องการจะเป็ นศัตรู กบั ตําหนักสวรรค์ ทําให้เหมียวอี้รู้สึกประหลาดใจจริ ง ๆ เอาความกล้าขนาดนั้นมา
จากไหน
“กรรร…” เสี ยงคํารามที่เกรี้ ยวกราดดังมาจากใต้ดิน ทําให้ผวิ ดินสัน่ สะเทือน หมอกดําพลันพรั่งพรู
ออกมาจากหุบเขาแห่งหนึ่ง พุง่ ขึ้นบนฟ้ าแล้วก่อตัวอย่างฉับพลัน หมอกดําหดหายกลายเป็ นคนชุดดํา
ลอยอยูบ่ นท้องฟ้ า คนคนนี้หน้าขาวหนวดหงิก ถลึงตาสองข้าง ในมือถือธงดําผืนหนึ่ง บนนั้นมี
ตัวอักษรสําหรับคนตายหนึ่งชุด อ่านไม่ออกว่าเขียนอะไร อบอวลไปด้วยไอสี ดาํ ทําให้คนรู ้สึกถึง
ความชัว่ ร้ายถึงขีดสุ ด
เหมียวอี้สงั เกตเห็นวรยุทธ์บงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิว้ ของอีกฝ่ าย วรยุทธ์เท่ากับกับโค่วเหวินหลาน
และเซี่ยโห้วหลงเฉิง เท่ากับเฮยหวังตามที่ได้ข่าวมาด้วย ไม่รู้วา่ คนคนนี้ใช่เฮยหวังคนนั้นหรื อเปล่า ถ้า
หากใช่เฮยหวัง เขาก็มีความเห็นแย้งต่อตําหนักสวรรค์อยูบ่ า้ ง เขาคิดว่าส่ งยอดฝี มือมาจัดการก็สิ้นเรื่ อง
แล้ว ไม่จาํ เป็ นต้องให้โค่วเหวินหลานกับเซี่ ยโห้วมาเสี่ ยงชีวติ สู ก้ บั เฮยหวังเลย
แต่พอลองคิดอีกมุม เขาก็เข้าใจเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นตอนเขาเป็ นประมุขปราสาทที่พิภพเล็ก ถ้า
อยากจะจัดการประมุขขุนเขาที่อยูร่ ะดับตํ่ากว่าสักคน ประมุขปราสาทอย่างเขาก็ไม่ลงมือเองแน่นอน
ไม่อย่างนั้นจะเลี้ยงลูกน้องไว้มากมายขนาดนั้นทําไมล่ะ มีแค่ตอนที่กาํ ลังพลเบื้องล่างจัดการไม่ไหว
เท่านั้น เขาถึงจะออกหน้าจัดการเอง ถือเป็ นการฝึ กฝนลูกน้องอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน
“เป็ นพวกเจ้าอีกแล้วเหรอ ข้าหลบหลีกไปทัว่ ทุกที่แล้ว ทําไมยังไม่ยอมปล่อยข้าไป!” คนชุดดําตะโกน
อย่างเกรี้ ยวกราด
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งขอคํายืนยันจากเทพแห่งผืนดินที่อยูข่ า้ ง ๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าผูท้ ี่มาเป็ นใคร ก็
กระทุง้ ดาบสี เลือดลงกับพื้นพักหนึ่ง แล้วตะโกนว่า “ไอ้ผชี ุดดํา บังอาจสังหารทหารสวรรค์ แล้วยังจะ
กล้าอวดดี! ยังไม่รีบมาให้จบั แต่โดยดีอีก ถ้ารอให้ท่านปู่ เซี่ยโห้วลงมือ เจ้ามาเสี ยใจทีหลังก็ไม่ทนั แล้ว
นะ!”
เมื่อได้ยนิ คําพูดของเซี่ ยโห้วหลงเฉิง พวกเหมียวอี้กเ็ ข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง คนคนนี้คือเฮยหวังจริ ง ๆ ด้วย
เฮยหวังตอบอย่างเดือดดาลว่า “ยังเรี ยกว่าทหารสวรรค์ได้อีกเหรอ? ข้าว่าพวกเขาเหมือนโจรสวรรค์
มากกว่า ต้องการจะค้นตัวข้า ข้าก็ยงั อดทนไว้ แต่ใครจะคิดว่าต้องการจะแย่งของของข้าด้วย ข้าจะไม่
ขัดขืนได้อย่างไร หรื อจะรอให้โดนพวกเขาฆ่าปิ ดปากล่ะ!”
“มีแต่คาํ พูดเหลวไหลอยูเ่ ต็มปาก!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงตะโกน “ยอมให้จบั เดี๋ยวนี้ แล้วผูบ้ ญั ชาการคนนี้
จะไว้ชีวติ เจ้า!”
เฮยหวังคํารามทันที “ยอมให้จบั ก็ตายอยูด่ ี จะเลือกทางไหนก็ตายเหมือนกัน ทําไมข้าต้องกลัวล่ะ
สังหารกลุ่มเดียวข้าก็ทาํ มาแล้ว สังหารสองกลุ่มก็ยงั เป็ นการสังหารอยูด่ ี ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าคิดจะรอด
ชีวติ กลับไปเลย!”
“ช่างเป็ นสุ นขั ใจกล้า!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงชี้ดาบยาวในมือ “จับตัวมันมาให้ขา้ !”
“ขอรับ!” ลูกน้องสามสิ บกว่าคนที่อยูข่ า้ งหลังกรู กนั เข้าไปทันที
พอเฮยหวังโบกธงดําในมือ แสงสี ดาํ ร้อยกว่าสายก็ยงิ ออกมาจากธงดําทันที กลุ่มทหารสวรรค์รีบร่ าย
อิทธิฤทธิ์ตา้ นทาน
เสี ยงดังครื นครานดังอยูบ่ นฟ้ าพักหนึ่ง น่าเชื่อว่าแสงสี ดาํ ที่ยงิ กระจายจะมองข้ามเกราะอิทธิฤทธิ์ของ
ทุกคน มันทะลุผา่ นเข้าไปโดยตรง ในบรรดาทหารสวรรค์สามสิ บกว่าคน ไม่มีคนไหนที่ไม่โดนโจมตี
ทุกคนที่โดนแสงสี ดาํ ยิงใส่ หยุดโจมตีทนั ที แต่ละคนเอามือกุมศีรษะอยูก่ ลางอากาศ ทําสี หน้าเจ็บปวด
ทรมาน
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งตกใจมาก มือข้างหนึ่งถือดาบในแนวขวางอยูข่ า้ งหน้า แล้วใช้มืออีกข้างฟาดฝ่ ามือ
ออกไปหนึ่งครั้ง ทําให้สร้อยไข่มุกสี ขาวดุจหิมะบนข้อมือเบ่งบานเป็ นเกราะคุม้ กายสี ขาวพร่ างพราย
ทันที
แสงสี ดาํ หลายสิ บสายที่รวมตัวกันเข้ามา พอสัมผัสกับแสงสี ขาวก็สลายตัวทันที เหมียวอี้เห็นแล้วเดาะ
ลิ้นไม่หยุด สมกับเป็ นคนที่มีพ้นื ฐานครอบครัวไม่ธรรมดา สร้อยที่อยูบ่ นข้อมือเจ้าหมีควายเป็ นของ
วิเศษที่สามารถปัดเป่ าสิ่ งอัปมงคลได้
เมื่อเห็นว่าสามารถต้านทานการโจมตีดว้ ยแสงสี ดาํ จากอีกฝ่ ายได้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่อยูใ่ นเกราะแสงสี
ขาวก็ได้ความมัน่ ใจกลับมาทันที หัวเราะลัน่ พร้อมบอกว่า “ฝี มือตํ่าต้อยแค่น้ ีกย็ งั กล้านํามาโอ้อวด!”
แต่กลับไม่เห็นสภาพของเทพแห่งผืนดินหลังโดนโจมตี หลังจากโดนแสงสี ดาํ โจมตีแล้ว ลูกตาดําก็
ขยายใหญ่ข้ ึนอย่างช้า ๆ
เฮยหวังแสยะยิม้ พอใช้สองมือเขย่าธง พวกลูกน้องของเซี่ ยโห้วหลงเฉิงที่ค่อย ๆ อารมณ์สงบลงก็หนั
ตัวมาทีละคน แล้วมองไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วยแววตาเย็นเยียบชวนขนลุก
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งตะลึงงัน โบกดาบตะคอกว่า “พวกเจ้าคิดจะทําอะไร? อยากจะก่อกบฎเหรอ?”
เหมียวอี้และคนอื่น ๆ กลับตกใจแทนเขาจนเหงื่แตกทั้งตัว เห็นเพียงเทพแห่งผืนดินที่อยูข่ า้ งหลังเขา
พลันคว้าดาบไว้ในมือ แล้วฟันไปทางคอของเซี่ยโห้วหลงเฉิ งโดยตรง
โชคดีที่เทพแห่งผืนดินมีวรยุทธ์ต่าํ เกินไป แล้วเซี่ยโห้วหลงเฉิ งก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ถึงขั้นนั้น
ตอบสนองเร็ วเหมือนกัน ยืน่ ดาบไปขวางทางข้างหลัง
แกร๊ ง! เกิดเสี ยงดังสะเทือน เซี่ ยโห้วหลงเฉิงที่ตา้ นดาบของเทพแห่งผืนดินหันกลับมามอง แล้วตะคอก
อย่างหัวร้อนทันที “บังอาจ!”
พร้อมถือโอกาสฟันไปดาบหนึ่ง ฟันตั้งแต่ใต้ชายโครงไปถึงบ่า ทําให้เทพแห่งผืนดินตัวขาดครึ่ งท่อน
ในแนวเฉียง
ในตอนนี้เทพแห่งผืนดินเหมือนได้สติกลับมาแล้ว เขามองเซี่ยโห้วหลงเฉิ งด้วยสี หน้าตกใจกลัว ปาก
ส่ งเสี ยงกรี ยดร้องโหยหวน แล้วกลายเป็ นควันดําสลายไป
ฆ่าเทพแห่งผืนดินฝี มือตํ่าต้อยไม่ใช่เรื่ องใหญ่อะไร ปัญหายังอยูต่ อนท้าย ลูกน้องสามสิ บกว่าคนของ
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง นักพรตบงกชทองสามสิ บกว่าคนเรี ยกได้วา่ ลงมืออย่างไม่ปรานี ชัว่ พริ บตาเดียวก็พงุ่
เข้ามา ล้อมโจมตีเซี่ ยโห้วหลงเฉิงอย่างบ้าคลัง่ เอาเป็ นเอาตาย
ท่ามกลางการล้อมโจมตีเสี ยงดังสะเทือนเลื่อนลัน่ หิ นยักษ์หลายร้อยจั้งบนยอดเขาโอนเอนกระจุย
กระจาย ระเบิดปลิวตกลงพื้น
พวกเหมียวอี้ตระหนกตกใจ เฮยหวังช่างมีวธิ ีการที่เหนือชั้น ขนาดคนของเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งยังต้านไม่
ไหว ให้พวกเขาพุง่ เข้าไปก็คงไม่มีประโยชน์!
“ไอ้พวกฝูงหมา พวกเจ้าทรยศ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตะโกนอย่างกระหื ดกระหอบ ตอนนี้กาํ ลังรับมือ
อย่างฉุกละหุก สูจ้ นอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น ย่อมดูออกว่าลูกน้องพวกนี้โดนกับดัก ทําให้เขาลังเลว่าจะฆ่าทิ้งหรื อไม่
ฆ่าทิ้งดี อึดอัดเหมือนโดนมัดมือมัดเท้า
แต่เจ้าบ้านี่มีชื่อเสี ยงด้านอารมณ์ร้อน ความอดทนประเภทนี้มีขีดจํากัดตํ่า ในที่สุดก็พวกถูกลูกน้องยัว่
ให้โมโหจนทนไม่ไหว ดาบใหญ่ที่กาํ ลังต้านทางซ้ายและขวามีแสงสี ฟ้าเปล่งออกมา เขากวาดยิงไป
รอบ ๆ อย่างรวดเร็ ว แต่ละคนที่โดนแสงสี ฟ้าโจมตีตกลงพื้นพร้อมสี หน้าหวาดกลัว
ความยุง่ ยากใจถูกกําจัดออกไปเร็ วมาก ทว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่กลุ่มนักพรตผีที่อยู่
ข้างล่างกลับไม่ปล่อยไป พุง่ เข้ามาหาพร้อมเสี ยงโห่ร้องเรี ยกได้วา่ ยกดาบฟันรัว ๆ ศีรษะสามสิ บกว่า
ใบถูกฟันกลิ้งอยูบ่ นพื้นในชัว่ อึดใจเดียว พวกเหมียวอี้เห็นแล้วตกใจจนหนังตากระตุก
รองผูบ้ ญั ชาการหงอดไม่ได้ที่จะมองโค่วเหวินหลานที่อยูข่ า้ งกายตัวเอง เห็นโค่วเหวินหลานยังมีสี
หน้าเรี ยบเฉย ไม่มีท่าทีวา่ จะลงมือช่วย จึบทําได้เพียงหุบปาก
กลุ่มนักพรตผีสงั หารทหารสวรรค์ไปแล้วสามสิ บกว่าคน จากนั้นก็กรู ข้ ึนมาทันที โจมตีไปทาง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่อยูบ่ นฟ้ า ห้าวหาญไม่กลัวตาย
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่กาํ ลังเดือดดาลเปลี่ยนมือถือดาบ แล้วใช้มือข้างเดียวกําหมัดชูข้ ึนฟ้ า ทําให้กาํ ไลสี
แดงบนข้อมือพลันระเบิดแสงสี ทองออกมา จากนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็ วอยูบ่ นข้อมือ หมุนจนคนที่
มองตาลาย ไม่น่าเชื่อว่ากําไลจะหมุนจนเกิดเป็ นเงามายาออกมานับพันนับร้อยสาย เงามายากลายเป็ น
พลังจริ งยิงพุง่ ขึ้นฟ้ า กําไลสี แดงนับร้อยนับพันก่อตัวเป็ นวงโคจรขนาดใหญ่กลางอากาศ จากนั้นก็
หลุดออกจากวงโคจรวงแล้ววงเล่า โปรยปรายลงอย่างบ้าคลัง่ มาราวกับพายุฝน
นักพรตผีนบั ร้อยที่อยูข่ า้ งล่างและกําลังจะเหาะขึ้นฟ้ า ตอนนี้โดนโจมตีจนร้องโหยหวน บ้างก็โดน
โจมตีจนกระอักเลือดสี ดาํ บ้างก็โดนโจมตีจนกะโหลกศีรษะแตก บ้างก็ร่างแหลกสลายกลายเป็ นควัน
สี ดาํ ไม่มีทางเข้าใกล้เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้เลย
เหมียวอี้เห็นเงาของตะไบมายาวิญญาณบนกําไลวงนี้ แต่ของวิเศษชิ้นนี้ยอดเยีย่ มกว่าตะไบมายา
วิญญาณเยอะมาก สิ่ งที่ปรากฏออกมาไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็ นพลังที่สามารถโจมตีได้จริ ง ทั้งยังเป็ น
ของวิเศษขั้นห้าที่ทาํ จากผลึกแดง แค่ผลึกแดงที่ใช้สาํ หรับทํากําไลนับร้อยนับพันวงก็ราคาไม่ใช่นอ้ ย ๆ
แล้ว
เหมียวอี้เรี ยกได้วา่ เห็นแล้วอิจฉาไม่หยุด บนตัวเจ้าหมีควายมีของดีเยอะมากจริ ง ๆ สมกับเป็ นคนที่มี
ภูมิหลัง มิน่าล่ะปี้ เยว่ฮูหยินถึงกล้าวางใจให้เขากับโค่วเหวินหลานมาสูก้ บั เฮยหวัง แต่กไ็ ม่รู้วา่ เฮยหวัง
จะต้านทานไหวหรื อเปล่า
ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว นักพรตผีหลายร้อยที่อยูข่ า้ งล่างก็โดนเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกวาดล้างจนหมด
เกลี้ยง เฮยหวังเรี ยกได้วา่ ทั้งตกใจทั้งโมโห ไม่อาจเฉยเมยได้อีก พอโบกธงดําในมือ ใบธงก็ปลิวไป
ด้ามธงก็กลายเป็ นทวนยาวสี แดงด้ามหนึ่ง แล้วโห่ร้องพลางโจมตีเข้ามาทางเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
ตอนที่ 974

สถานการณ์ พลิกผัน

“ไม่เจียมตัว!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิม้ ชัว่ ร้าย ลําพองใจอีกครั้ง พอโบกมือชี้ กําไลนับพันที่บินขึ้นบินลงอยู่


ข้างล่างก็ยงิ ขึ้นฟ้ าทันที รุ มโจมตีเฮยหวังอย่างทรงพลังราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล พลานุภาพน่าตกใจ
เฮยหวังตกใจมาก ควงทวนกวาดฟันอย่างบ้าคลัง่ โจมตีจนเกิดเสี ยงสัน่ สะเทือนดุเดือดดังอยูบ่ นฟ้ า แต่
จํานวนกําไลที่ลอ้ มโจมตีมีมากเกินไปจริ ง ๆ
เสี ยงปึ งปั งดังต่อเนื่อง ชัว่ พริ บตาเดียวก็โจมตีโดนเป้ าหมายไปหลายครั้ง “อั้ก!” โดนโจมตีจนกระอัก
เลือดกลางอากาศ ก่อนจะเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงถือดาบเข้ามาสังหารด้วยตัวเอง
โค่วเหวินหลานที่หลบดูการต่อสู อ้ ยูไ่ กล ๆ ยืนขึ้นแล้ว เมื่อเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิ งใกล้จะทําสําเร็ จ ตัวเอง
ก็ซ่อนต่อไปไม่ไหว
โชคดีที่เฮยหวังก็ไม่ใช่เล่น ๆ ธงดําที่พดั กระพือลอยล่องอยูก่ ลางอากาศมัดรวบทะลุเข้ามา แทรกสอด
เข้ามาท่ามกลางกําไลนับพันวงที่กาํ ลังล้อมโจมตี แล้วเด้งไปข้างหลังเฮยหวังอย่างฉับพลัน เฮยหวังที่
โดนโจมตีจนกระอักเลือดครั้งที่สองถลันตัวถอย ทวนวิเศษในมือพลันหายไป พอหลังจนกับธงดํา
ทั้งตัวก็กลายเป็ นเหมือนควันดําสายหนึ่ง ชนจมเข้าไปในธงดํานั้น
กําไลที่ไล่ตามเข้ามาระเบิดโจมตีใส่ ธงดํา แต่เหมือนการโจมตีประเภทนี้จะไม่ได้ผลกับธงดํา แค่ทาํ ให้
ธงดําสันสัน่ สะเทือนพักหนึ่งเท่านั้น ชัว่ พริ บตาเดียวธงดําก็ลอยละล่องอย่างรวดเร็ ว สยบความแข็ง
กร้าว ด้วยความนุ่มนวล นุ่มนวลราวกับปุยเมฆ ลอยล่องออกจากวงล้อมกําไลที่โจมตีเข้ามาอย่าง
หนาแน่น
เมื่อเห็นว่ากําไลที่ไล่ตามโจมตีไม่มีผลอะไรกับธงดํา เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่ถลันตัวตามเข้ามาก็ชูมือ ทําให้
กําไลวงที่อยูบ่ นข้อมือหมุนวน กําไลนับพันวงหดกลับในชัว่ พริ บตาเดียว กลับเข้ามาในกําไลวงแม่
“จะหนีไปไหน!” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งตะคอกอย่างดุดนั ชูดาบสองข้างฟันไปยังธงดําที่กาํ ลังม้วนหนี
ขณะที่กาํ ลังจะฟัน ธงดําที่มว้ นหนีกก็ างออกอย่างกะทันหัน กางออกรับลมราวกับเป็ นผ้าม่านผืนใหญ่
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งควงดายฟันอย่างบ้าระหํ่า ฟันโดนผ้าม่านสี ดาํ แล้วทะลุเข้าไปในจุดที่โดนฟันเป็ นช่อง
โหว่ ทีแรกนึกว่าจะทะลุผา่ นไปได้ แต่ใครจะคิดว่าภาพตรงหน้าจะกลายเป็ นสี ดาํ ราวกับได้กา้ วเข้ามา
ในโลกอีกใบที่มืดมิด พอหันกลับมามองข้างหลัง เขาก็ชูดาบฟันมัว่ ๆ ยังจะเห็นทางให้ถอยกลับ
เหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาได้อย่างไรกัน รอบข้างดําสนิทว่างเปล่า…
และในสายตาของพวกเหมียวอี้ พอเซี่ยโห้วหลงเฉิ งฟันเข้าไปในธงดําครั้งเดียว ก็ไม่เห็นเขาออกมาอีก
เลย ทุกคนพากันตระหนก ธงดําผืนนี้มนั คือของวิเศษอะไรกัน?
“ฮ่า ๆ … ฮ่า ๆ …” เสี ยงหัวเราะลัน่ ลําพองใจดังมาจากธงดํา ในธงดํามีควันสี ดาํ ลอยออกมา เฮยหวัง
ปรากฏตัวอีกครั้ง หันตัวไปมองธงดําที่กาํ ลังปลิวสะบัดพลางหัวเราะอย่างบ้าระหํ่า “สวรรค์มีทางเจ้า
กลับไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับแส่ บุกเข้ามา ตําหนักสวรรค์แล้วอย่างไรล่ะ?”
พวกนักพรตผีที่ยขู่ า้ งล่างกางแขนโห่ร้องทันที “อ๋ องใหญ่! อ๋ องใหญ่! อ๋ องใหญ่…”
“บังอาจ! กล้าดูหมิ่นอํานาจสวรรค์เหรอ!” เสี ยงตะโกนดังลัน่
เฮยหวังตกใจมาก หันขวับมองมา เห็นเพียงโค่วเหวินหลานที่สวมเกราะทองถือทวนปรากฏตัวแล้ว
เขากวาดตามองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ ว เห็นเหมียวอี้และคนอื่น ๆ ที่หลบอยูร่ อบภูเขาปรากฏตัว แต่ละคน
สวมเกราะทองใหม่อีกครั้ง กําลังล้อมเข้ามาอย่างช้า ๆ
“เดี๋ยวข้าจัดการผีร้ายตัวนี้เอง พวกเจ้าสังหารพวกผีร้ายข้างล่างที่บงั อาจดูหมิ่นตําหนักสวรรค์ อย่าให้
เหลือรอดแม้แต่ชีวติ เดียว!” โค่วเหวินหลานกล่าวอย่างเย็นเยียบ
“รับทราบ!” พวกลูกน้องกําลังรออยูพ่ อดี ย่อมน้อมรับคําสัง่ แล้วโจมตีสงั หารลงไปอย่างรวดเร็ ว
พวกผีวรยุทธ์ต่าํ ที่อยูข่ า้ งล่างจะสูก้ บั กลุ่มนักพรตบงกชทองไหวได้อย่างไร ชัว่ พริ บตาเดียวก็ถูกสังหาร
จนกรี ดร้องโหยหวน
เฮยหวังเดือดดาลมาก ยืน่ มือไปดึงธงดําเขย่า ทําให้แสงสี ดาํ หลายสายแสงสี ดาํ ระเบิดยิงออกมา โจมตี
ใส่ พวกเหมียวอี้ที่อยูข่ า้ งล่าง
ว่ากันตามจริ ง พวกสวีถงั หรานเกิดความคิดที่จะขอบคุณเหมียวอี้ที่ให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งไปลองยํา่ นํ้า
ดูก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าไม่รู้ แล้วบุกโจมตีเข้าไปโดยตรง เกรงว่าจุดจบของพวกเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็จะ
กลายเป็ นจุดจบของพวกเขาแทน
เมื่อมีพวกเซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็ นบทเรี ยน พวกเขาก็รู้ถึงความร้ายกาจของแสงสี ดาํ นี่แล้ว จึงพลิกมือดูด
ดินขึ้นมา แล้วร่ ายอิทธิฤทธิ์ให้เป็ นชั้นดินป้ องกัน ทําให้แสงสี ดาํ ที่ยงิ เข้ามาทําอะไรพวกเขาไม่ได้
โค่วเหวินหลานก็ยงิ่ ไม่ธรรมดา กระจกทองแดงบานหนึ่งลอยออกจากกําไลเก็บสมบัติ ชัว่ พริ บตาเดียว
ก็กลายเป็ นสี่ บาน มาเลี่ยมฝังอยูต่ รงหน้าอก แผ่นหลัง แขนซ้ายและแขนขวา
กระจกทองแดงตรงหน้าอกพลันยิงแสงสี ขาวที่แสบตาออกมาสายหนึ่ง ปะทะกับแสงสี ดาํ ที่ยงิ่ เข้ามา
จนกลายเป็ นความว่างเปล่า และชัว่ พริ บตาเดียวก็เข้าไปครอบบนตัวเฮยหวัง
“อ้า…” วินาทีที่สมั ผัสโดนแสงสี ขาว เฮยหวังก็ส่งเสี ยงกรี ดร้องทรมานแล้ว ผิวส่ วนที่เปลือยอยูข่ า้ ง
นอกพลันแตกระแหงกลายเป็ นเถ้าปลิวหายไปในชัว่ พริ บตาเดียว เจ็บปวดทรมานจนขดตัว หลังจากธง
ดําที่อยูข่ า้ งหลังโดนส่ องด้วยแสงสี ขาว ควันดําที่ลอยออกมาพักหนึ่ง ชัว่ ประเดี๋ยวเดียวก็ลุกไหม้เป็ น
เปลวเพลิงอันร้อนแรง
เมื่อประสมกับเสี ยงร้องโหยหวนของผีวรยุทธ์ต่าํ ที่โดนสังหารอยูข่ า้ งล่างในที่สุดก็ทาํ ให้นกั พรตผีที่ไม่
เกรงกลัวกฎสวรรค์พวกนี้ได้เข้าใจเสี ยที ว่าสิ่ งที่เรี ยกว่า ‘อานุภาพสวรรค์เกินต้านทาน’ คืออะไร
เหมียวอี้ที่เจียดเวลามองขึ้นไปแอบทอดถอนใจ ไม่รู้วา่ โค่วเหวินหลานใช้ของวิเศษระดับไหน เห็นได้
ชัดว่าเป็ นดาวอริ ของนักพรตผี พวกลูกหลานจากตระกูลใหญ่ไม่ใช่ผทู ้ ี่คนธรรมดาจะเทียบติดจริ ง ๆ
นักพรตทัว่ ไปทําได้เพียงอิจฉา แต่ของแบบนี้ไม่มีทางไปเทียบกันได้ อีกฝ่ ายถือกุญแจทองมาตั้งแต่เกิด
มีของวิเศษดี ๆ ติดตัวถือเป็ นเรื่ องปกติมาก
อาศัยโอกาสนี้ โค่วเหวินหลานถือทวนโจมตีเข้าไป
เฮยหวังที่กาํ ลังส่ งเสี ยงกรี ดร้องพลันยกแขนเสื้ อบังหน้า ป้ องกันไม่ให้แสงสี ขาวส่ องโดนใบหน้า แล้ว
ถลันตัวพุง่ ไปยังธงดําที่กาํ ลังลุกไหม้อย่างดุเดือด พอดึงธงดํามาห่อตัว เปลวเพลิงร้อนแรงที่อยูบ่ นธง
ดําก็ดบั สนิท เฮยหวังห่อธงดําปิ ดบังใบหน้า ป้ องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงจากแสงสี ขาวที่โค่ว
เหวินหลานยิงออกมา แล้วมุดลงใต้ดินอย่างรวดเร็ ว
“ขวางมันไว้!” โค่วเหวินหลานตะคอกสัง่
เมื่อกําจัดผีวรยุทธ์ต่าํ ข้างล่างไปแล้วพอสมควร พวกเหมียวอี้กพ็ งุ่ ขึ้นฟ้ าไปดักโจมตีทนั ที
เมื่อตกอยูใ่ นสภาพจนตรอก เฮยหวังหลบหนีในแนวขวางทันที แต่จนใจที่โดนของวิเศษของโค่วเห
วินหลานโจมตีจนเจ็บหนัก ความเร็ วเทียบก่อนหน้านี้ไม่ได้ โดนโค่วเหวินหลานที่พงุ่ เข้ามาขวางไว้
กลางอากาศ
เห็นโค่วเหวินหลานคํารามและออกทวนแทงทันที เรี ยกได้วา่ แทงโดนศีรษะของเฮยหวังแล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือ พอแทงทวนเข้าไปแล้ว ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวอย่างที่ควรจะเกิด โค่วเหวินหลาน
สี หน้าเปลี่ยนทันที เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พลันชักทวนกลับหมายจะถอยหนี
แต่กส็ ายไปแล้ว โดนเฮยหวังคว้าหัวทวนเอาไว้ แล้วธงดําที่กาํ ลังคลุมเฮยหวังก็ฉวยโอกาสโถมเข้าใส่
ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ โค่วเหวินหลานไม่ได้เตรี ยมป้ องกัน ถูกตลบม้วนเข้าไปคาที่
“นายท่าน!” พวกสวีถงั หรานร้องอุทาน เพราะเห็นกับตาว่าโค่วเหวินหลานดิ้นรนอยูใ่ นธงดําครู่ เดียว
ก่อนจะหายไปในอากาศ
ตอนที่ธงดํากางออกอีกครั้ง โค่วเหวินหลานก็ได้หายไปแล้ว เห็นได้ชดั ว่าเหมือนกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
ตกหลุมพรางด้วยกันทั้งคู่ โดนเก็บเข้าไปในธงดําแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ …” เฮยหวังเงยหน้าหัวเราะลัน่ มือข้างหนึ่งถือทวนยาวในแนวขวาง มืออีกข้างคว้าธงดํา บน
ใบหน้า บนมือ ทุกจุดที่เผยผิวออกมา จุดที่โดนแสงสี ขาวของโค่วเหวินหลานส่ องจนเนื้อหนังแตกยับ
เห็นกระดูกก่อนหน้านี้ กําลังปล่อยควันดําออกมาสมานแผลตัวเอง
พอหัวเราะเสร็ จ เฮยหวังก็กวาดสายตาเย็นเยียบมองพวกที่เหลือ ในดวงตาฉายแววอมยิม้ พิศวง ภาพ
มายาบงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิ้วสะดุดตาเป็ นพิเศษ
ทุกคนหัวใจกระตุกวูบ ขนาดโค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ งยังโดนเก็บเข้าไป สวีถงั หรานกับ
ทหารเลวอีกหกคนมีแค่วรยุทธ์บงกชทองขั้นสามเท่านั้น จะไปสูก้ บั ผีร้ายแบบนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะ
ของวิเศษที่อยูใ่ นมือของอีกฝ่ าย แปลกประหลาดมากจนน่าตกใจ
ในตอนแรก ในใจทุกคนต่างก็คิดจะถอยหนี พอเหมียวอี้มองซ้ายมองขวา ก็ร้องในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว
คนวรยุทธ์สูงอย่างพวกสวีถงั หราน ถ้าคิดจะหนีกย็ งั มีความหวังค่อนข้างเยอะ แต่คนวรยุทธ์ต่าํ อย่างเขา
หนีได้ไม่เร็ ว กลัวว่าจะต้องโชคร้ายกลายเป็ นแพะรับบาป
พอคิดถึงตรงนี้ เหมียวอี้กพ็ ลันตะโกนเสี ยงดัง “เพื่อนร่ วมงานทุกท่าน ผีร้ายตนนี้พลังเสื่ อมทรุ ดแล้ว
ตอนแรกโดนผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้วโจมตีบาดเจ็บ ตอนหลังโดนผูบ้ ญั ชาการโค่วโจมตีซ้ าํ จนสาหัส มัน
แค่กาํ ลังดันทุรังทนไว้เท่านั้น พวกเราร่ วมมือกันล้อมโจมตี จะต้องสังหารเขาได้แน่นอน!”
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลัก่ ไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่าม มาดอันน่าเกรงขามของตําหนักสวรรค์ไม่อยูแ่ ล้ว
เฮยหวังกลับจ้องเหมียวอี้พลางยิม้ เจ้าเล่ห์ ดวงตาสองข้างฉายแววดุร้าย
เหมียวอี้มองปฏิกิริยาทุกคนที่อยูท่ างซ้ายและขวา แล้วจู่ ๆ ก็นาํ ระฆังดาราออกมาอันหนึ่ง แล้วเขย่าจน
เกิดเสี ยง
เฮยหวังเบิกตากว้างขึ้นหลายส่ วน ดวงตาฉายแววดุดนั แล้วถลันตัวเข้ามาทันที หมายจะกําจัดเหมียวอี้
ก่อน
เหมียวอี้ถลันตัวออกไป รี บหลบหลีกอย่างสุ ดชีวติ แต่กลับหนีไปได้ไม่ไกล ได้เล่นซ่อนแอบกับเฮย
หวังตามแนวภูเขาแทน เพราะวรยุทธ์อย่างเขาไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือมารของอีกฝ่ ายได้ วิธีการ
เดียวก็คือร่ วมมือกับคนอื่น ๆ สูต้ ายสักยก แบบนั้นอาจจะยังพอมีหวังรอดชีวติ อยูบ่ า้ ง
ขณะกําลังอยูใ่ นวิกฤต เมื่อเห็นคนอื่นจะฉวยโอกาสตอนที่เฮยหวังกําลังพัวพันอยูก่ บั ตนหลบหนี
เหมียวอี้กร็ ี บตะโกนเสี ยงดังว่า “ข้าส่ งข่าวกลับไปแล้ว ถ้าพวกเจ้ากลับไปแบบนี้ แค่มองก็รู้วา่ เป็ นพวก
ขี้ขลาดกลัวตาย ลองคิดดูวา่ ตระกูลโค่วกับตระกูลเซี่ยโห้วจะปล่อยพวกเจ้าไปหรื อเปล่า! ถ้าร่ วมมือกัน
สังหารคนร้าย ทุกคนก็ยงั พอมีโอกาสรอด คนที่หลบหนีจะต้องตายแน่นอน!”
คําพูดนี้ทาํ ให้เฮยหวังโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ธงดําที่คลุมอยูบ่ นตัวยิงแสงสี ดาํ นับไม่ถว้ นใส่ เหมียวอี้
อย่างต่อเนื่อง
แต่หลังจากโดนแสงสี ดาํ เหมียวอี้กแ็ ค่ตวั สัน่ นิดหน่อย ยังคงหลบหนีออ้ มไปอ้อมมาอยูเ่ หมือนเดิม
แสงสี ดาํ นัน่ ใช้ไม่ได้ผลกับเหมียวอี้…
เฮยหวังที่ตามหลังมาตกตะลึงพูดไม่ออก นี่มนั เรื่ องอะไรกัน?
เรื่ องอะไรนะเหรอ? จะเป็ นเรื่ องอะไรได้ล่ะ? เคล็ดวิชาอัคนีดาราของเหมียวอี้สามารถปั ดเป่ าสิ่ ง
อัปมงคลได้ไงล่ะ ของเล่นแบบนี้ไม่ได้ผลกับเขาเลยจริ ง ๆ
ที่จริ งเหมียวอี้แค่ถือระฆังดาราขึ้นมาเขย่าเฉย ๆ ตอนนี้จะเอาสมาธิจากไหนมาหาจังหวะรายงาน
สถานการณ์ แต่กไ็ ม่มีทางเลือก เมื่อกําลังอยูร่ ะหว่างความเป็ นความตายก็ตอ้ งช่วยเหลือตัวเอง ถ้ายอม
แพ้แม้กระทัง่ จะช่วยเหลือตัวเอง แล้วยังจะหวังให้ใครมาช่วยเจ้าได้อีก
ทว่าพวกสวีถงั หรานไม่รู้ เมื่อเห็นเขาหยิบระฆังดาราขึ้นมาแล้ว ทั้งยังได้ยนิ เขาพูดแบบนี้อีก ทุกคนก็
ตกตะลึงมาก แต่ละคนเรี ยกได้วา่ แค้นเหมียวอี้จนกัดฟันกรอด ไอ้เวรนี่มนั ตัดขาดหนทางรอดชีวติ
สุ ดท้ายของทุกคน
แต่ในจุดนี้เหมียวอี้พดู ไม่ผดิ ทุกคนก็มองออกเช่นกัน เฮยหวังโดนเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกับโค่วเหวินหลาน
โจมตีจนสาหัสจริ ง ๆ ไม่อย่างนั้นอาศัยวรยุทธ์บงกชทองขั้นหกอย่างเขา คงไม่ถึงขั้นไล่ตามเหมียวอี้
ที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งไม่ทนั หรอก
แล้วอีกอย่างก็คือ ทุกคนได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ว่าแสงสี ดาํ ที่เฮยหวังปล่อยออกมาจากธงดําเหมือนจะ
ลดอานุภาพลงเยอะมาก เหมือนจะทําอะไรเหมียวอี้ที่มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งไม่ได้ พลังเสื่ อมทรุ ด
ลงกว่าเมื่อก่อนแล้วจริ ง ๆ ภาพนี้ทาํ ให้ทุกคนมีความัน่ ใจขึ้นมาบ้าง
ส่ วนเหมียวอี้กอ็ อ้ มแนวเทือกเขาวนกลับมา พุง่ กลับไปหากลุ่มเพื่อนร่ วมงานของตัวเอง เมื่อเห็นทุกคน
ลังเลตัดสิ นใจไม่ได้ ก็รู้วา่ วิธีการของตัวเองได้ผลแล้ว จึงตะโกนเสี ยงดังว่า “ถ้าไม่ร่วมมือกันสังหาร
ตอนนี้ จะรอให้โดนโจมตีแพ้ทีละคนรึ ไง! ถ้าอยากจะเลื่อนยศ อยากจะรํ่ารวยก็ตอ้ งทําตอนนี้แหละ!”
การหนีเป็ นเส้นตรงเกิดปัญหาทันที ชัว่ พริ บตาเดียวเฮยหวังก็ตามทันแล้ว ปล่อยแสงสี ดาํ โจมตีเหมียว
อี้กไ็ ม่มีประโยชน์ ทําได้เพียงโจมตีให้สอดคล้องกับความเป็ นจริ ง ถือทวนแทงอย่างดุดนั
เหมียวอี้ตอบสนองรวดเร็ ว บิดตัวโบกแขนใช้ทวนแหย่ ปรากฏว่าต้านทานไว้ได้ ทําให้เฮยหวังตก
ตะลึงกับความเร็ วในการออกทวนของเขา
เสี ยงสะเทือนดังแกร๊ ง เหมียวอี้สะเทือนจนแขนสองข้างเหน็บชา เมื่อเห็นว่าล่อเฮยหวังกลับมาที่กลุ่ม
เพื่อนร่ วมงานของตัวเองได้แล้ว เขาก็แสร้งว่าสู ไ้ ม่ได้เพราะวรยุทธ์ต่าํ ฉวยโอกาสอาศัยแรงคนอื่น
อาศัยการโจมตีของอีกฝ่ ายพุง่ ลงสู่ พ้นื ดินอย่างรวดเร็ ว มอบตําแหน่งผูเ้ ล่นหลักในสนามหลักให้พวกส
วีถงั หราน
พอเฮยหวังพุง่ เข้ามาในกลุ่มคน พวกสวีถงั หรานที่โดนเหมียวอี้กดดันจนหมดทางถอยก็พากันด่าแม่ใน
ใจ ข่งเฟยฝานตะโกนเสี ยงดังก่อนว่า “ตามข้าไปโจมตี!”
ตอนที่ 975

ต่ อสู้ กนั ในหมู่คณะ

เหมียวอี้ที่ตกลงกระแทกพื้นเดิมทีคิดจะลุกขึ้น สุ ดท้ายเมื่อเห็นวงล้อมโจมตีไม่ได้จาํ เป็ นต้องมีเขา จึง


นอนอยูอ่ ย่างนั้นเสี ยเลย ไม่ยอมลุกขึ้นมา ทําตัวเหมือนบาดเจ็บสาหัส
ก่อนหน้านี้พวกเขาอยากจะให้เหมียวอี้เป็ นแพะรับบาปเพื่อให้ตวั เองหนีได้สะดวก ตอนนี้ถึงคราวที่
เหมียวอี้จะแสร้งบาดเจ็บสาหัสและมองดูพวกเขาสู ต้ ายบ้าง วัน ๆ เอาแต่กินแต่ดื่ม ไม่มีใครดีสกั คน
เหมียวอี้ในตอนนี้เหมือนเป็ นคนละคนกับเหมียวอี้ในปี นั้น ที่เอะอะอะไรก็จะออกไปสู ต้ ายลูกเดียว
หรื ออาจจะพูดได้วา่ คนในยุทธภพยิง่ แก่ยงิ่ เจ้าเล่ห์ ไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนในปี นั้นแล้ว
ส่ วนบนฟ้ าก็สูก้ นั อย่างมืดฟ้ ามัวดิน นักพรตบงกชทองหลายคนสู ก้ นั อย่างอุตลุตแบบนี้ อานุภาพที่
หลงเหลือจากการต่อสู ท้ าํ ให้ภูเขาถล่มแผ่นดินทลาย ตรงกลางภูเขาไฟมีควันดําลอยตลบอบอวล ตรง
ก้นภูเขาไฟที่ระเบิดเป็ นโพรง หิ นหลอมเหลวไหลทะลักออกมา ให้ความรู ้สึกเหมือนฟ้ าถล่มดินสลาย
จริ ง ๆ
เหมียวอี้ที่แกล้งสลบอยูบ่ นพื้นโดนหิ นที่ไหลกลิ้งและชั้นดินที่พงั ทลายฝังกลบนับครั้งไม่ถว้ น เพียงแต่
เขาปี นขึ้นมาทุกครั้งที่โดนฝัง โผล่หน้าสังเกตการต่อสูข้ า้ งนอกตลอดเวลา
เฮยหวังที่โดนเซี่ยโห้วหลงเฉิ งกับโค่วเหวินหลานโจมตีติดต่อกันจนสาหัส ตอนนี้กาํ ลังอ่อนแอลงเยอะ
มากจริ ง ๆ พลังสูงกว่าทหารเลวทั้งหกที่กาํ ลังสูศ้ ึกเดือดไม่เท่าไร ถ้าไม่ใช่เพราะในมือมีทวนวิเศษผลึก
แดงที่ร้ายกาจ ทั้งยังมีธงดําที่ห่อหุม้ ตัวจนกลายเป็ นเหมือนหลุมดํา ทําให้หลังจากโดนโจมตีแล้วไม่
บาดเจ็บถึงกายเนื้อ เขาอาจจะแพ้ให้กบั การล้อมโจมตีของคนพวกนี้ไปแล้ว
และคนพวกนี้กม็ ีประสบการณ์ในการรับมือกับเขามาแล้ว ไม่ใช้ท่าเก่า ๆ ร่ ายอิทธิฤทธิ์มว้ นโคลน
ขึ้นมาติดตามตัว พออีกฝ่ ายปล่อยแสงสี ดาํ มาโจมตี พวกเขาก็สร้างชั้นดินขึ้นมากั้นขวางทันที
พอเหตุการณ์เป็ นแบบนี้ เห็นเฮยหวังไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น พวกสวีถงั หรานก็ฮึกเหิ มมัน่ ใจมาก ย่อม
ไม่กลัวเฮยหวังอีก ในสายตาของพวกเขา เฮยหวังได้กลายเป็ นทางลัดที่จะทําให้พวกเขาได้เลื่อนยศ
และรํ่ารวย ทหารเลวทั้งหกตัดสิ นใจเด็ดเดี่ยว แต่ละคนหมายจะเล่นงานเฮยหวังให้ตาย
“สกัดเขาไว้! ใครถอย ประหาร!” หลัวว่านกวงตะโกนอย่างใจร้อน ๆ
เฮยหวังที่กาํ ลังเจ็บจนพูดไม่ออกคิดจะหลบหนี แต่กลับโดนทหารสวรรค์เกราะทองสามสิ บกว่าคน
พัวพันไม่ปล่อย เรี ยกได้วา่ ล้อมโจมตีจากทุกทิศอย่างบ้าคลัง่ สูต้ ายไม่ยอมถอย ถ้าราชันสวรรค์ได้มา
เห็นภาพนี้ ดีไม่ดีอาจจะรู ้สึกตื้นตันใจก็ได้
เฮยหวังในตอนนี้เรี ยกได้วา่ เคียดแค้นเหมียวอี้มาก เดิมทีคนพวกนี้หมดหวังเตรี ยมจะหนีไปแล้ว แต่
กลับโดนเหมียวอี้ปั่นให้มาสูอ้ ย่างเอาเป็ นเอาตายกับเขา
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไม่มีทางหนีพน้ เฮยหวังก็ตดั สิ นใจแน่วแน่เสี ยเลย ตัดสิ นใจว่าจะยอมแลกทุกอย่าง
และสูต้ ายกับพวกเขาสักยก
ขณะที่กาํ ลังกวาดทวนโจมตีมวั่ ๆ บนธงดําที่ห่อหุม้ ตัวก็ระเบิดแสงสี ดาํ ออกมานับไม่ถว้ น คอยให้
ความร่ วมมือกับการรุ กโจมตีของเขา
พอกลุ่มทหารสวรรค์ใช้ช้ นั ดินป้ องกัน แต่ใครจะคิดว่าเฮยหวังกลับฉวยโอกาสแทงทวนเข้ามา แทง
ทะลุเกราะตรงหน้าอกของส้าวเติงก่วง หัวทวนที่แหลมคมจมเข้าไปในหัวใจของเขาแล้ว
ชั้นดินที่ขวางกั้นสลายตกลงพื้น เผยดวงตาสองข้างที่กาํ ลังฉายแววเหลือเชื่อของส้าวเติงก่วง
ตอนนี้ไม่มีใครสนใจความเป็ นความตายของส้าวเติงก่วง อาวุธสี่ หา้ ชิ้นโจมตีเข้าไปที่ตวั ของเฮยหวัง
พร้อมกัน แต่มีธงดําผืนนั้นป้ องกันตัว ถ้าเป็ นการป้ องกันตัวของคนอื่นอาจจะทําให้ฟันแทงไม่เข้า แต่
การป้ องกันตัวของเฮยหวังกลับทําให้อาวุธจมมิดเข้าไปหมด ราวกับใช้หลุมดํามาทําเป็ นของวิเศษ
ป้ องกันตัว
“อั้ก!” ส้าวเติงก่วงเงยหน้ากระอักเลือดสดพุง่ ขึ้นฟ้ า สะเทือนจนร่ างกระเด็นออกไป
“ผูบ้ ญั ชาการ!” ลูกน้องทั้งสี่ ของเขาร้องอุทาน
พวกสวีถงั หรานไม่กล้าใช้ท่าเดิม เมื่อเห็นว่าโจมตีไม่ได้ผลก็รีบหยุดมือ ปู้ เหลียนจงรี บตะโกนบอกว่า
“โจมตีที่ดวงตาและมือเท้าของเขา!”
อวัยเหล่านั้นคือจุดที่ธงดําไม่ได้ห่อหุม้ ไว้ ทุกคนที่ลอ้ มโจมตีเปลี่ยนตําแหน่งลงมือทันที
พอเฮยหวังกวาดทวนวนรอบ ๆ แสงสี ดาํ บนตัวก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนใช้ช้ นั ดินเป็ นแนว
กั้นอีกครั้ง สวีเ่ ต๋ อก็ตะโกนเสี ยงดังว่า “เชือกมัดเซี ยน!”
ไม่รอให้เฮยหวังโจมตีเข้ามาอีกครั้ง เชือกมัดเซี ยนยีส่ ิ บสามสิ บเส้นถูกยิงเข้ามา สี ทองอร่ ามราวกับงู
ศักดิ์สิทธิ์ นี่คือสิ่ งที่ตาํ หนักสวรรค์แบ่งสรรให้ ตราบใดที่ได้ยศทหารก็จะได้คนละหนึ่งเส้น จะได้
สะดวกในการจับคน
เฮยหวังรี บออกทวนปาดติดต่อกันอย่างรวดเร็ ว หัวทวนแหลมคมปาดเชือกขาดไปหลายเส้น แต่จนใจ
ที่มีจาํ นวนเยอะเกินไป ชัว่ พริ บตาเดียวก็โดนมัดจนแน่นหนา
“โจมตี!” พวกสวีถงั หรานตะโกนเสี ยงดัง ทหารเลวทั้งห้าร่ วมมือกัน ฉวยโอกาสออกอาวุธพร้อมกัน
บางคนก็หนั่ มือ บางคนก็หนั่ เท้าบางคนก็จิ้มลูกตา
ใครจะไปคาดคิด ขณะที่กาํ ลังวิตกกังวล เชือกมัดเซียนที่มดั อยูบ่ นตัวเฮยหวังก็ราวกับดินโคลนที่ไหล
ลงทะเล ไม่น่าเชื่อว่าจะจมลงในธงดําคุม้ กาย ชัว่ พริ บตาเดียวก็คลายมัดเฮยหวังแล้ว
อย่าว่าแต่คนล้อมโจมตีที่เห็นแล้วขวัญผวา ขนาดเหมียวอี้ที่ดูอยูข่ า้ งล่างยังสูดหายใจลึก แบบนี้กไ็ ด้
เหรอ? ธงดํานี่มนั เป็ นของวิเศษอะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะร้ายกาจขนาดนี้?
การพลาดครั้งนี้ทาํ ให้เกิดปั ญหาทันที พอเฮยหวังเบี่ยงตัว ทหารทั้งห้าที่โจมตีพร้อมกันก็คว้านํ้าเหลว
แต่เฮยหวังกลับถือโอกาสกวาดทวนรอบวง หัวทวนที่แหลมคมฝ่ าทะลุเกราะรอบวง ทําให้เลือดสด
สาดพุง่ ออกมาเป็ นสาย
ทั้งห้าคนส่ งเสี ยงคราง เกราะรบตรงส่ วนท้องฉี กพัง โดนฟันจนเอวแทบขาดท่อน ตรงท้องน้อยก็โดน
ฟันจนเป็ นแผล ถ้าไม่ใช่เพราะร่ ายอิทธิฤทธิ์ป้องกันอยู่ เกรงว่าทุกคนคงจะพุงแตกไส้ทะลักแล้ว
“ลุย!” ห้าคนที่รีบถลันตัวถอยร้องบอก
พอห้าคนที่เป็ นฝ่ ายรุ กโจมตีถอยไป กลุ่มกําลังเสริ มที่อยูข่ า้ งหลังก็ลอ้ มเข้าไปโจมตีอย่างบ้าคลัง่ ทันที
แต่พวกเขาใช่คู่ต่อสูข้ องเฮยหวังเสี ยที่ไหนกัน วรยุทธ์ยงั ไม่สูงพอ พอทหารเลวห้าคนถอยออก ก็ไม่มี
ใครคุมเหตุการณ์ได้แล้ว กอปรกับแสงสี ดาํ ที่ยงิ ออกจากตัวเฮยหวังเป็ นระยะ ผ่านไปประเดี๋ยวเดียวก็
โดนเฮยหวังปาดทวนสังหารล้มไปสิ บกว่าคนแล้ว แต่ละคนตกลงพื้นพร้อมกับเสี ยงกรี ดร้อง
พวกสวีถงั หรานทั้งตกใจทั้งโมโห ถึงแม้ร่างกายจะบาดเจ็บสาหัส แต่ยงั กัดฟันโจมตีเข้ามา ตอนนี้ถา้
ไม่สูต้ ายก็ไม่มีทางอื่นแล้ว พอโดนเหมียวอี้ป่วนแบบนี้ อยากจะกลับตัวก็ทาํ ไม่ได้แล้ว ทําได้พียงแข็ง
ใจสูส้ ุ ดกําลัง
ตรงนี้เพิ่งจะยืนอย่างมัน่ คงได้ เสี ยงโครมครามก็ดงั ขึ้นอีก เหมียวอี้พงุ่ ออกจากกองดิน โจมตีเข้ามาแล้ว
เขาไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน ถ้าตอนนี้ยงั ไม่ออกแรงช่วยอีก อีกสักพักไม่วา่ ใครก็อย่าคิดที่จะหนี
เลย บวกกับเห็นสภาพของพวกสวีถงั หราน เดาว่าเป็ นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทิ้งตนไว้แล้วหนีไป ก็เลย
โจมตีเข้ามา
จากล่างขึ้นบน เหมียวอี้ปาดทวนต่อเนื่องกันขระที่พงุ่ ขึ้นฟ้ า เขาดูการต่อสูอ้ ยูข่ า้ งล่างนานขนาดนั้น จึง
หาเจอแล้วว่าจุดอ่อนของเฮยหวังอยูต่ รงไหน ก็คือจุดที่ไม่ได้โดนธงดําครอบนัน่ เอง
ชัว่ พริ บตาเดียวก็ออกทวนราวกับมังกร แสงสะท้อนคมทนยิงออกมาดอกแล้วดอกเล่า โจมตีไปที่เท้า
สองข้างของเฮยหวัง
เฮยหวังที่โดนทหารห้าคนล้อมขยับเท้าเร็ วมาก แต่กลับเร็ วไม่เท่าการออกทวนของเหมียวอี้ ชัว่
พริ บตาเดียวก็โดนไปหลายทวนติดต่อกัน
ทีแรกเฮยหวังก็ไม่สนใจอะไร เพราะเท้าทั้งสองข้างไม่ใช่จุดสําคัญของเขา เพราะก่อนหน้านี้โดน
โจมตีที่เท้าไปหลายทีแล้ว แต่ใครจะคิดว่าความรู ้สึกเวลาโดนเหมียวอี้โจมตีน้ นั ต่างออกไป ทุกจุดบน
เท้าเขาที่โดนทวนจะมีเสี ยง ‘ฉ่า’ และมีควันดําลอยขึ้นมา ขณะเดียวกันบางสิ่ งที่ทาํ ให้เขาวิญญาณสัน่
สะท้านก็กรอกเข้ามาในร่ างกาย หลังจากมีเวียง “ฉ่า ๆ ” ดังไม่กี่ร้ ัง เฮยหวังก็ตกใจแทบขวัญหนีดีฝ่อ
“อา…” เฮยหวังส่ งเสี ยงคํารามอย่างโกรธแค้น แทบจะพุง่ ขึ้นฟ้ าโดยไม่สนใจอะไรแล้ว
“มัดเขาไว้!” เหมียวอี้ตะโกนสัง่ อย่างเกรี้ ยวกราด พลางไล่ตามโจมตีใต้เท้าของเฮยหวังขึ้นไปตลอด
ทาง
พวกสวีถงั หรานย่อมรู ้วา่ เหมียวอี้พบจุดอ่อนของเฮยหวังแล้ว พวกเขาดีใจมาก ขณะที่บาดเจ็บหนักก็ยงั
ถืออาวุธโจมตี ตามเฮยหวังขึ้นไปบนฟ้ าตลอดทาง รุ กโจมตีอย่างบ้าคลัง่
“ไปดักข้างบน!” สวีถงั หรานตวาดสัง่ ไม่ใช่แค่เขา อีกสี่ คนที่เหลือก็จะตะโกนสัง่ เช่นกัน “ดักเขาไว้!”
ทหารสิ บกว่าคนที่เหลือรวบรวมกําลังทั้งหมดพุง่ ขึ้นฟ้ า พุง่ ไปล้อมดักทั้งข้างบนข้างล่าง
เฮยหวังรู ้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวในร่ างกายตัวเอง ในดวงตาฉายแววหวาดกลัวถึงขีดสุ ด
เรี ยกได้วา่ ตกใจจนมือไม้อ่อน แต่จนใจที่จะหนีกห็ นีไม่พน้
“อา!” เฮยหวังพลันส่ งเสี ยงคํารามดุดนั ธงดําบนตัวพลันระเบิดเป็ นแสงสี ดาํ นับไม่ถว้ น กดดันให้ทุก
คนต้องปกป้ องตัวเอง ส่ วนเขาก็โจมตีไปข้างล่างอย่างบ้าคลัง่ ให้ความรู ้สึกเหมือนจะสู ต้ ายกับเหมียวอี้
เหมียวอี้จะไปสูต้ ายกับเขาทําบ้าอะไรล่ะ รี บขยับตัวหนีจากตรงนั้น หนีเอาชีวติ รอดอย่างว่องไว
เฮยหวังยังไม่ทนั ตามมาถึง พวกสวีถงั หรานก็เข้ามาล้อมเขาไว้อีก และสี หน้าของแต่ละคนก็ดูจะดีใจ
มาก เห็นได้ชดั ว่าพวกเขารู ้ ว่าพลังของเฮยหวังกําลังลดลงเร็ วมาก การโจมตีที่ใช้รับมือกับพวกเขายิง่ ดู
ดันทุรังขึ้นเรื่ อย ๆ ไม่ต่างอะไรกับการเสริ มสร้างขวัญกําลังใจให้ทหาร การโจมตีของพวกเขายิง่ ดุดนั
ขึ้นเรื่ อย ๆ
สุ ดท้าย ภายใต้การกระทุง้ ทวนอย่างดุเดือดของสวีเ่ ต๋ อ แกร๊ ง! เฮยหวังก็กมุ ทวนยาวไว้ไม่อยูแ่ ล้ว ทวน
หลุดมือกระเด็นไป ขณะเดียวกันก็กระอักเลือดสดอย่างบ้าคลัง่ ร่ างตกลงกระแทกพื้น
พรึ่ บ ๆ ! กลุ่มทหารพุง่ ตามลงมา ออกดาบออกทวนพร้อมกัน ตัดมือและเท้าทั้งคู่ของเขาอย่างรวดเร็ ว
สวีถงั หรานลงมือเร็ วมาก ใช้มือข้างหนึ่งดึงธงดําลงจากตัวเฮยหวัง ดึงมาไว้ในมือตัวเองแล้วพิจารณาดู
เชือกมัดเซียนเส้นหนึ่งถูกโยนออกมา แล้วมัดเฮยหวังไว้อย่างแน่นหนา อาวุธนับไม่ทวนจ่อไปบนตัว
ของเฮยหวัง และเฮยหวังเองก็สูญเสี ยความสามารถที่จะขัดขืนขืนโดยสิ้ นเชิง นอนขดตัวสัน่ เทิ้มอยูบ่ น
พื้นไม่หยุด บนตัวมีควันสี เทาลอยขึ้นมา ทําสี หน้าเจ็บปวดทรมานเกินทน
ส่ วนสวีเ่ ต๋ อก็หยิบทวนวิเศษผลึกแดงของเฮยหวังมาไว้ในมือแล้ว เขาเดินไปข้างกายเหมียวอี้ พร้อม
กล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “ครั้งนี้นอ้ งชายสร้างผลงานใหญ่เชียวนะ ถ้าไม่ใช่เพราะน้องชายลงมือ เจ้าเฮยหวัง
นี่กย็ ากที่จะโดนลงโทษได้ ไม่ทราบว่าน้องชายใช้วธิ ีการอันยอดเยีย่ มอะไรรับมือกับเขา?”
คําพูดนี้ทาํ ให้พวกสวีถงั หรานสี หน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ถ้าจะพูดกันตามจริ ง การที่จบั ตัวเฮยหวังได้แบบนี้
เหมียวอี้มีส่วนสร้างผลงานชั้นยอดไว้จริ ง ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้วา่ ใครจะเป็ นหรื อใครจะตายกันแน่
เหมียวอี้ยมิ้ จืด ๆ พร้อมตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่อาบยาพิษไว้บนทวนนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”
จากนั้นก็หนั ไปบอกสวีถงั หราน “พีส่ วี รี บดูผบู ้ ญั ชาการโค่วที่อยูใ่ นธงดําว่ายังสบายดีอยูไ่ หม อย่า…”
เสี ยงพูดพลันหยุดชะงัก เพราะจู่ ๆ มีการเคลื่อนไหวผิดปกติอยูข่ า้ งหลัง เขาพลันโบกมือแต่กส็ ายไป
เสี ยแล้ว
คมทวนด้ามหนึ่งเสี ยบเข้ามาที่เอวด้านหลังของเขา เป็ นทวนวิเศษผลึกแดงในมือสวีเ่ ต๋ อ เป็ นด้ามที่เก็บ
ได้จากมือเฮยหวัง อีกฝ่ ายฉวยโอกาสตอนที่เหมียวอี้ไม่ป้องกันตัว โจมตีทะลุเกราะทองของเหมียวอี้
เสี ยบเข้ามาถึงเอวของเหมียวอี้แล้ว
ยังโชคดีที่เหมียวอี้ไหวตัวเร็ ว ใช้มือคว้าไว้ได้ทนั เวลา หัวทวนจึงแทงเข้ามาได้แค่ครึ่ งเดียว แต่กเ็ ห็น
เลือดสดไหลออกมาแล้ว
เหมียวอี้หนั กลับไปถลึงตาใส่ พลางตวาดอย่างโมโหว่า “สวีเ่ ต๋ อ ทําไมเจ้ากล้าลอบทําร้ายข้า!”
กะทันหันเกินไปจริ ง ๆ ทําไมเขาถึงนึกไม่ถึงว่าสวีเ่ ต๋ อจะลงมือ ลอบจู่โจมในระยะที่ใกล้กนั ขนาดนี้
ทั้งยังไม่ได้ป้องกัน ไม่ตอ้ งบอกก็รู้ถึงผลที่ตามมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไหวตัวเร็ ว ก็คงจะโดนสวี่
เต๋ อสังหารตายภายในทวนเดียวแล้ว
สวีเ่ ต๋ อออกแรงทิ้มทวนในมือ แต่กลับโดนเหมียวอี้จบั ไว้ ถึงได้ทาํ ให้เหมียวอี้ไถลไปทั้งตัว ฉากนี้ทาํ
ให้พวกสวีถงั หรานแอบส่ งสายตาให้กนั อย่างรู ้อยูแ่ ก่ใจ
สวีเ่ ต๋ อที่ดนั เหมียวอี้ไปข้างหน้ากล่าวด้วยสี หน้าดุร้ายว่า “หนิวโหย่วเต๋ อ คนตํ่าทรามอย่างเจ้า เพราะ
ความโลภอยากได้ผลงาน ไม่น่าเชื่อว่าจะแกล้งนอนตาย ไม่สนใจความเป็ นความตายของพี่นอ้ งคนอื่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ส้าวเติงก่วงจะต่อสู จ้ นตัวตายเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะคนทรามอย่างเจ้า จะต้องเสี ยสละ
ชีวติ พี่นอ้ งไปเยอะขนาดนี้เหรอ คนตํ่าทรามขนาดนี้ ทุกคนคิดว่าควรจะฆ่าทิ้งมั้ยล่ะ?”
สวีถงั หรานแสยะยิม้ “สมควรตายจริ ง ๆ !” เขามองธงดําในมือแวบหนึ่ง กําลังสื่ อว่าอย่าเพิง่ ปล่อยโค่ว
เหวินหลานออกมา
“ถ้าไม่ฆ่าก็ไม่พอที่จะทําให้ทุกคนหายโกรธ!” ปู้ เหลียนจงกล่าว
“พี่สวีล่ งมือได้เลย มีพยานเห็นเยอะขนาดนี้ ฆ่าคนจัญไรไปสักคนก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก” ข่งเฟย
ฝานสนับสนุน
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” ลูกน้องที่เหลือขานรับเสี ยงดังทันที
ตอนที่ 976

ใช้ ทวนถาม

ความระเกะระกะหลังจากภูเขาถล่มแผ่นดินทลาย แสงสี แดงฉานของหิ นหลอมเหลวที่ไหลออกจาก


ภูเขาไฟส่องสะท้อนใบหน้าของพวกเขา จู่ ๆ ก็ทาํ ให้เหมียวอี้รู้สึกว่าสี หน้าของคนพวกนี้โหดเหี้ ยม
เป็ นพิเศษ! พวกที่ก่อนหน้านี้ยงั เรี ยกตนว่าพี่วา่ น้อง แต่พอผ่านไปชัว่ พริ บตาเดียวเท่านั้น นอกจากจะ
ลอบจู่โจมตนแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแต่ละคนยังคิดจะเล่นงานตนให้ถึงตายอีก
ไม่มีทางบรรยายความปวดร้าวเศร้าโศกในใจเหมียวอี้ได้เลย เขาทําสี หน้าเหมือนโดนตะคริ วกิน แต่กด็ ู
ดุดนั เป็ นพิเศษ ในดวงตาค่อย ๆ พรั่งพรู ความดุร้ายราวกับสัตว์ป่า
จู่ ๆ สวีเ่ ต๋ อก็เร่ งฝี เท้าดันเข้ามา ขณะที่ยมิ้ เจ้าเล่ห์กด็ นั จนสองเท้าของเหมียวอี้เหมือนกับเป็ นคันไถ ไถล
จนพื้นดินเป็ นรอยลึกอย่างรวดเร็ ว
เสี ยงโครมครามดังไม่หยุดตลอดทาง หิ นก้อนใหญ่ที่ไหลลงจากภูเขาก้อนแล้วก้อนเล่าถูกร่ างกายของ
เหมียวอี้ชนจนแตกกระจาย แต่เหมียวอี้ราวกับไม่สะทกสะท้าน ใช้สายตาเย็นเยียบจ้องสวีเ่ ต๋ อที่ดนั จน
ตัวเองถอยหลังอย่างรวดเร็ วตลอดทาง ไม่ตอ้ งดูกร็ ู ้แล้ว สวีเ่ ต๋ อกําลังดันตนเข้าไปหาหิ นหนืดร้อนระอุ
ที่ไหลออกมาจากกลางภูเขา อยากจะตอกตนลงในหิ นหนืด อยากจะเผาตนให้ตาย หรื อไม่กใ็ ห้ศพ
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
พลัก่ ! หิ นหนืดที่ไหลร้อนถูกร่ างกายของเหมียวอี้ชนจนประกายไฟที่สว่างพร่ างพรายยิงออกมา
ร่ างกายครึ่ งหนึ่งถูกดันเข้าในหิ นหนืดอุณหภูมิสูงสี แดงฉาน สิ่ งที่เรี ยกว่าบุกนํ้าลุยไฟก็เป็ นอย่างนี้นี่เอง
แต่สีหน้าดุดนั ของเหมียวอี้คอ่ ย ๆ เปลี่ยนเป็ นสงบนิ่งผิดปกติ แล้วกล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “สวีเ่ ต๋ อ นี่เจ้า
รนหาที่ตายเองนะ!”
“กําเริ บเสิ บสาน!” สวีเ่ ต๋ อแสยะยิม้ ขณะทวนที่อยูใ่ นมืออีกข้างกําลังจะโบกแทงเข้าไปพร้อมกัน
เหมียวอี้หนั หน้ากลับมาพร้อมประกายไฟสวยตระการตา หิ นหลอมเหลวที่ไหลทะลักกระโจนไปทาง
เขาราวกับมังกรไฟ
พอสวีเ่ ต๋ อโบกทวนกวาด มังกรไฟหลายตัวก็โดนพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาโจมตีพงั ทันที แต่จู่ ๆ ก็ตอ้ งตก
ตะลึง เห็นเพียงบนข้อมือของเหมียวอี้ที่กาํ ลังจับหัวทวนที่แทงคาอยูบ่ นหลังเอวมีเงาลึกลับสองสาย
กะพริ บออกมา แล้วยิงเข้ามาทางเขาอย่างรวดเร็ ว
ตอนแรกไม่รู้วา่ เป็ นสัตว์ประหลาดอะไร สวีเ่ ต๋ ออยากจะดึงทวนหนีออกมา แต่ใครจะไปคิด มือที่
เปื้ อนเลือดของเหมียวอี้กลับจับทวนที่เสี ยบหลังเอวตัวเองไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ถ้าอยากจะเอาทวนไป
ด้วยก็ตอ้ งเอาเหมียวอี้ไปด้วย แล้วก็เห็นเหมียวอี้ชูทวนแทงเข้ามาอีก
เมื่ออยูภ่ ายใต้ความวิตกกังวล ก็ยอ่ มต้องปล่อยมือก่อนอยูแ่ ล้ว สวีเ่ ต๋ อรี บถลันตัวหลบสัตว์ประหลาด
สองตัวที่โจมตีไขว้เข้ามา
สัตว์ประหลาดสองตัวบินวนอยูก่ ลางอากาศ ตอนนี้ทุกคนถึงได้เห็นชัด ๆ ว่ามันคือตัก๊ แตนยักษ์หน้าตา
หน้าเกลียดน่ากลัว ทั้งตัวมันวาวเหมือนโลหะประหลาด
ฉึก! พอเหมียวอี้ใช้มือดึง หัวทวนที่เสี ยบอยูบ่ นหลังเอวตัวเองครึ่ งหนึ่งก็ถูกดึงออกมา ทําให้หลังเอวมี
เลือดสดไหลทะลักทันที แต่กถ็ ูกพลังอิทธิฤทธิ์ผนึกไว้อย่างรวดเร็ ว
ขณะมองดูหวั ทวนที่เปื้ อนเลือดสดของตัวเอง เหมียวอี้ที่ยนื อยูใ่ นหิ นหนืดสี แดงฉานก็เก็บทวนสี ทอง
ในมือ แล้วยกมือขึ้นทําลายต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ของเฮยหวังที่อยูใ่ นทวนวิเศษผลึกแดง จากนั้น
กรอกต้นกําเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองเข้าไป พอร่ ายอิทธิฤทธิ์เล็กน้อย ทวนวิเศษผลึกแดงในมือก็
กะพริ บแสงสี ทองทันที มันคือทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้า!
เหมียวอี้หยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวมากัดคําหนึ่ง แล้วเงยหน้ามองสวีเ่ ต่อที่กาํ ลังทําสี หน้ามุ่งสังหาร
ขณะเดียวกันก็เดินออกจากหิ นหลอมเหลวอย่างช้า ๆ รองเท้ายาวสี ทองที่เดินออกจากหิ นหลอมเหลว
ยังคงเปื้ อนหิ นหลอมเหลวที่ร้อนผ่าว รอยเท้าสี แดงแต่ละก้าวทําให้เกิดควันบนพื้น พอปะทะกับความ
เย็น แสงสี แดงก็อบั แสงลงอย่างรวดเร็ ว
“ไม่ได้ใช้ทวนดีที่เหมาะมือมานานแล้ว ยังไม่ได้ฆ่าคนแบบถึงอกถึงใจเหมือนกัน ช่างน่าเสี ยดายนัก!
ให้ขา้ ทดลองอานุภาพของทวนด้ามนี้หน่อยเป็ นไง!” เหมียวอี้กล่าวเสี ยงเรี ยบ แล้วจู่ ๆ ก็สะบัดทวน
สามที แทงไปทางซ้ายทางขวารวมทั้งปากภูเขาไฟที่อยูต่ รงหน้า
บึ้ม ๆ ๆ ! พลังอิทธิฤทธิ์โหมซัดสาดออกมา แผ่นดินสะท้านภูเขาสะเทือน
การโจมตีประเภทนี้อาจจะไม่ได้ผลกับนักพรตระดับบงกชทอง แต่ยงั ได้ผลกับภูเขาหลายลูก ใต้ทอ้ ง
ภูเขาไฟสามลูกระเบิดเสี ยงดังสะเทือนเลือนลัน่ หิ นหลอมเหลวทะลักออกมาสามสาย ไหลลงมาใน
หุบเขาแห่งนี้พร้อมกับไอร้อนและควันดํา
เมื่อเห็นหิ นหลอมเหลวไหลเข้ามาปกคลุม สวีเ่ ต๋ อถึงได้สติกลับมา เมื่อครู่ น้ ีไม่รู้วา่ เขารู ้สึกไปเองหรื อ
เปล่า ไม่น่าเชื่อว่าจะตกตะลึงกับสง่าราศี ‘เมื่อทวนอยูใ่ นมือ’ ของเหมียวอี้เข้าแล้ว พอได้สติกลับมาก็
ลอยขึ้นทันที หลบหิ นหลอมเหลวที่ทะลักมาใต้เท้า
ถึงแม้หินหลอมเหลวร้อนผ่าวจะทําร้ายเขาไม่ได้ แต่เขาก็ไม่มีทางอยูต่ รงนี้ได้นาน
ตัก๊ แตนสองตัวที่อยูบ่ นฟ้ าพลันบินกลับมา กลับเข้ามาอยูใ่ นกําไลเก็บสมบัติบนข้อมือของเหมียวอี้ เมื่อ
มีอาวุธที่เหมาะมือแล้ว เขาก็ไม่จาํ เป็ นต้องใช้ตกั๊ แตนช่วย แค่อยากจะแสดงอานุภาพของทวนที่อยูใ่ น
มือตัวเองเท่านั้น!
ทุกคนได้แต่มองดูเข่าสองข้างของเหมียวอี้จมลงในหิ นหลอมเหลวร้อนผ่าวที่ไหลเข้ามาในหุบเขา
เหมียวอี้ชูทวนชี้ไปยังกลุ่มทหาร “อยากจะฆ่าข้าเหรอ? หนิวโหย่วเต๋ ออยูน่ ี่แล้ว ใครกล้าก็เข้ามา!”
“รับความตายซะเถอะ!” หนึ่งในนั้นถลันตัวลงมาจากฟ้ า ใช้ดาบด้ามหนึ่งฟันลงมาอย่างบ้าคลัง่ เป็ น
ลูกน้องของสวีเ่ ต๋ อนัน่ เอง นี่คือเวลาที่ควรทุ่มเทความพยายามแสดงความสามารถ
ลูกน้องของสวีเ่ ต๋ อตายไปแล้วสามคน เหลือเขาแค่คนเดียว
เหมียวอี้ถือทวนในแนวขวาง ไม่สะทกสะท้านใด ๆ จนกระทัง่ ดาบใหญ่อยูห่ ่างจากศีรษะตัวเอง
ประมาณสิ บนิ้ว ก็เกิดภาพมายาบนทวน จู่ ๆ เงานั้นก็ขยับพร้อมแสงสี ทอง ยิงออกมาราวกับผีพงุ่ ใต้
เร็ วมาก! การออกทวนครั้งนี้เร็ วจนทําให้นกั พรตบงกชทองที่อยูใ่ นเหตุการณ์เห็นแล้วตาลาย
แกร๊ ง! เสี ยงดังฟังชัด หัวทวนที่แหลมคมแทงโดนด้ามของดาบใหญ่ที่ฟันลงมาได้อย่างแม่นยํา ฟันขาด
อย่างง่ายดายราวกับหัน่ เต้าตู ้
“ระวัง!” สวีเ่ ต๋ อพลันตะโกนบอก
ผีพงุ่ ใต้สายนั้นยังไม่หยุดพุง่ ไปข้างหน้า พอฟันด้ามดาบขาดแล้ว ก็ไถลเข้าไปในเกราะทองต่อ หัวทวน
ที่แหลมคมเสี ยบทะลุเกราะเข้าไปในหน้าอกของทหารคนนั้น
ทหารคนนั้นโดนเหมียวอี้ใช้ทวนตรึ งไว้กลางอากาศ ขณะมองดูดา้ มดาบในมือที่โดนฟันขาดไป
ครึ่ งหนึ่ง ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความรู ้สึกเหลือเชื่อ เลือดสดพุง่ ออกจากหน้าอก
ตรงนั้นคือตําแหน่งของหัวใจพอดี ทําให้เลือดลมปั่ นป่ วน รู ้สึกเจ็บหน้าอกตอนหายใจ ที่มุมปากและรู
จมูกมีเลือดสี แดงเข้มซึมออกมา
ในเวลานี้ ดาบยาวอีกครึ่ งหนึ่งที่โดนฟันขาดกลิ้งลงไปถึงได้ส่งเสี ยง “ตูม้ ” มันตกลงไปในหิ น
หลอมเหลวสี แดงฉานที่อยูข่ า้ งหลังเหมียวอี้ จมลงไปแล้ว!
สังหารได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว! ทั้งยังสังหารได้รวดเร็ วราบรื่ น ไม่อืดอาดยืดยาดเลยแม้แต่นอ้ ย
สังหารจนเกิดความงามทางศิลปะ!
ทุกคนสูดหายใจอย่างตกตะลึง วรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งเหมือนกันแท้ ๆ แต่เมื่ออยูภ่ ายใต้น้ าํ มือหนิว
โหย่วเต๋ อกลับไม่มีแม้แต่กาํ ลังโต้ตอบ ความสามารถแบบนี้ ต่อให้ทหารเลวคนอื่น ๆ ก็ทาํ ไม่ได้ เมื่อ
นักพรตบงกทองขั้นหนึ่งสูก้ บั พวกเขา อย่างน้อยก็สามารถทนรับได้หลายท่า
ร่ างที่โดนตรึ งอยูก่ ลางอากาศสัน่ เทิ้ม เลือดสดไหลลงมาตามด้ามทวน
เหมียวอี้พลันเก็บทวน ทั้งคนทั้งทวนปักลงพื้นพร้อมกัน ทําให้ร่างของอีกฝ่ ายกระทุง้ เข้าไปในหิ น
หลอมเหลวที่ร้อนผ่าว เหมียวอี้กา้ วเท้าเหยียบตรงจุดที่ทวนแทงบนหน้าอกของอีกฝ่ าย ทําให้อีกฝ่ ายที่
ยังตายไม่สนิทและกําลังดิ้นรนโดนเหยียบจมลงไปในหิ นหลอมเหลวสี แดงข้างล่างทั้งเป็ น ๆ
“อ้า…” คนที่โดนเหยียบลงในหิ นหลอมเหลวดิ้นรนเอาตัวรอดครั้งสุ ดท้าย ศีรษะและเท้าสองข้าง
กระดกขึ้นมา ส่ งเสี ยงกรี ดร้องอันน่าสังเวชใจ ท่ามกลางเสี ยงแผดเผาฉ่า ๆ ควันดําที่เจือกลิ่นเหม็นไหม้
ลอยขึ้นมาใต้เท้าเหมียวอี้
เหมียวอี้ขยับเท้า เหยียบไปบนหน้าของอีกฝ่ าย แล้วเหยียบศีรษะของเขาให้จมลงในหิ นหลอมเหลวอีก
ครั้ง เสี ยงกรี ดร้องเงียบลงทันที เท้าสองข้างที่กาํ ลังสัน่ ระริ กค่อย ๆ อ่อนแรง จมหายไปในหิ น
หลอมเหลวอย่างช้า ๆ
เหมียวอี้ดนั โยกศีรษะเล็กน้อย สูดกลิ่นเหม็นไหม้เฮือกใหญ่ ทําท่าเหมือนกําลังดื่มดํากับมันมาก เป็ น
เรื่ องที่คนปกติทาํ กันเสี ยที่ไหน นี่มนั ยิง่ กว่าสัตว์เดรัจฉานเสี ยอีก ทุกคนมองดูภาพนี้จนอยากอาเจียน
แต่ละคนกลืนนํ้าลาย รู ้สึกเสี ยวสันหลังวาบ ขนลุกเหงื่อไหล เรี ยกได้วา่ ตัวสัน่ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หนาว มี
บางคนถึงขั้นนสงสัยว่าการที่พวกเราทําแบบนี้ เป็ นการท้าทายผิดคนหรื อเปล่า?
เหมียวอี้สีหน้าเรี ยบเฉย เรี ยกได้วา่ สี หน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ดึงทวนออกมาอย่างช้า ๆ แล้วชี้ไปที่สวีเ่ ต๋ อ
โดยไม่ได้พดู อะไรสักคํา ใช้ทวนถามแทน : กล้าสู ก้ บั ข้ามั้ย!
สวีเ่ ต๋ อมองไปที่ภูเขาด้านข้าง แล้วตะโกนอย่างโมโหว่า “ทุกคนมัวลังเลอะไรอยู?่ ยังไม่รีบเข้าไป
พร้อมกันอีก ยังไม่รีบร่ วมมือกันกําจัดไอ้คนจัญไรที่มนั วางกับดักทําร้ายพี่นอ้ งตัวเองอีก!”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา ก็เห็นได้ชดั ว่าเขาขาดความมัน่ ใจ เริ่ มจะกลัวขึ้นมาแล้ว ลักษณะพลังเหมียวอี้ทาํ
ให้เขาสัน่ คลอน หรื อพูดได้อีกอย่างก็คือเริ่ มไม่ค่อยมัน่ ใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ร้องเรี ยกผูช้ ่วยหรอก ก่อน
หน้านี้เขาลงมือจู่โจมด้วยตัวเองคนเดียว แต่ตอนนี้กลับอยากหาผูช้ ่วย ไม่ตอ้ งบอกก็รู้วา่ สภาพจิตใจ
เปลี่ยนไปขนาดไหน
“ไอ้ชวั่ นี่มนั พลังเสื่ อมทรุ ดลงแล้ว แต่จงใจทําให้คนสับสน พวกเจ้าลุยเลย!” สวีถงั หรานหันไปบอก
กลุ่มลูกน้องที่อยูข่ า้ งหลัง
“พวกเจ้าลุยเข้าไปพร้อมกันเลย!” ปู้ เหลียนจงหันหลังไปบอกพวกลูกน้องเหมือนกัน
สิ บคนที่ยนื อยูข่ า้ งหลัง เป็ นลูกน้องของทหารเลวที่เหลืออยูเ่ พียงสิ บคนเช่นกัน ในใจพวกเขาแค้นมาก
อีกฝ่ ายพลังเสื่ อมทรุ ดเสี ยที่ไหนกัน พวกเจ้าอยากจะให้พวกเราเอาชีวติ ไปเสี่ ยงทดสอบระดับของอีก
ฝ่ ายมากกว่า
แต่กไ็ ม่มีทางเลือก ลูกน้องมีประโยชน์ที่สุดในเวลานี้นี่แหละ ถ้าเจ้าขัดคําสัง่ ตอนนี้ เกรงว่าดาบคงจะ
มาลงที่คอของเจ้าในทันที แต่ถา้ เจ้าเข้าไปสู ้ ก็ยงั พอมีโอกาสรอดชีวติ อยูบ่ า้ ง
หลังจากทั้งสิ บคนสบตากัน ก็กระโจนตัวขึ้นไปพร้อมกันทันที เข้าไปล้อมวงอยูก่ ลางอากาศ พวกเขา
มองหน้ากันไป มองหน้ากันมา ไม่มีใครกล้าลงมือก่อน คนที่โดนทวนสังหารก่อนหน้านี้กเ็ ป็ น
บทเรี ยนให้ดูแล้ว สุ ดท้ายทั้งสิ บก็พยักหน้าพร้อมกัน แล้วพุง่ ลงไปหาเหมียวอี้ที่อยูข่ า้ งล่างพร้อมกัน
ร่ วมมือกันโจมตี
เหมียวอี้พลันเงยหน้า แล้วพุง่ ตัวขึ้นฟ้ าเสี ยงดังพรึ่ บ เหยียดทวนขึ้นฟ้ า แสงสะท้อนคมทวนสายหนึ่ง
วับวาบออกมาก่อน ตามติดด้วยแสงสะท้อนคมทวนอีกหลายดอกที่พงุ่ ขึ้นฟ้ าราวกับพายุฝน ราวกับฝน
ดาวตกที่พงุ่ ขึ้นท้องฟ้ า
เสี ยงโช้งเช้งดังเป็ นแถบ ดังก้องอยูก่ ลางอากาศ
อาวุธโดนตีจนแตกหักอย่างต่อเนื่อง ละอองเลือดพุง่ กระจายดอกแล้วดอกเล่า คนที่ไล่ตามอยูข่ า้ งหลัง
ฝนดาวตกราวกับเสื อกระโจนเข้าฝูงแกะ บุกรุ กรวดเร็ วจนไม่อาจต้านทานได้ การร่ วมมือของทั้งสิ บ
คนพังทลายลงในชัว่ พริ บตาเดียว
ทั้งสิ บคนพบว่าใช้เวลาแค่ชวั่ พบหน้ากันเท่านั้น ด้ามทวนและด้ามดาบที่อยูใ่ นมือหักกลายเป็ นไม้
กระบองคามือ เรี ยกได้วา่ มึนงงจริ ง ๆ แล้วก็เห็นเงาทวนที่ยงุ่ เหยิงหมุนวนด้วยความเร็ วสู งขึ้นบนฟ้ า
ทําให้พวกเขาตกใจจนแทบขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อเจอกับคู่ต่อสูแ้ บบนี้ ก็พบว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่ องวรยุทธ์
เลย พบว่าเมื่อตกอยูใ่ นมืออีกฝ่ าย ตัวเองก็ไม่มีแม้แต่กาํ ลังจะโต้ตอบ
เงาทวนดูยงุ่ เหยิง แต่ความจริ งไม่ได้ยงุ่ เหยิง การออกทวนแต่ละครั้งแม่นยําดุดนั สิ บคนที่พงุ่ ลงข้างล่าง
ยังไม่ทนั ได้ควบคุมความปลอดภัยของตัวเอง คนข้างล่างกลับทําลายการล้อมโจมตีของพวกเขาเสี ย
แล้ว เล่นงานจนอาวุธในมือของพวกเขาพัง แล้วบุกฝ่ าเข้าไปกลางวงโดยตรง ใครจะไปต้านทานไหว
ล่ะ?
ตรงนี้ยงั ไม่ทนั ได้หนี คอหอยของบางคนก็กลายเป็ นรู ที่มีเลือดพุง่ หัวใจเกิดเป็ นโพรงที่พน่ เลือดสี แดง
เข้มออกมา มีบางคนที่หน้าผากโดนแทงจนเละ…
“อา..” เสี ยงกรี ดร้องดังขึ้นหลายครั้ง ใช้เวลาแค่ชวั่ พบหน้ากัน ร่ างสี่ ร่างก็ตกลงในหิ นหลอมเหลวร้อน
ฉ่าบนพื้น ยังมีบางคนที่คิดจะหนี แต่โดนเหมียวอี้ใช้ทวนแทงย้อนใต้ซี่โครง แทงทะลุจากข้างหลัง หัว
ทวนทะลุจากข้างหลังไปที่หวั ใจโดยตรง ถ้าก้มหน้ามองจะเห็นหัวทวนแหลมอาบเลือดโผล่ออกมา
ตรงหน้าอกตัวเอง
มีอีกห้าคนที่ตกใจหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ไม่มีทางต่อสู ก้ นั ได้เลย อีกฝ่ ายลงมือเร็ วจนเจ้าไหว
ตัวไม่ทนั ช่างเป็ นการนําร่ างกายที่มีเลือดเนื้อไปป้ อนให้ทวนของอีกฝ่ ายกินแท้ ๆ
ปั้ ง! เหมียวอี้หมุนตัวตะแคงถีบ ยันคนที่หอ้ ยอยูบ่ นหัวทวนให้กระเด็นออกไป ร่ างที่กรี ดร้องอยูก่ ลาง
อากาศตะเกียกตะกายฟาดแขนสะบัดขา ก่อนจะจมลงในหิ นหลอมเหลวอุณหภูมิสูงจนประกายไฟ
สาดกระเด็นขึ้นมา
“นายท่าน พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสูข้ องเขา นายท่านต้องลงมือด้วยตัวเองขอรับ!” ลูกน้องห้าคนที่หนี
กลับมาหาพวกสวีถงั หรานกลับมารายงานอย่างขวัญผวา
ขณะที่พวกสวีถงั หรานมองดูเหมียวอี้โบกทวนชี้เข้ามาอย่างเย็นเยียบ ในใจก็เกิดความตึงเครี ยด แบบนี้
โหดเกินไปแล้ว ขนาดฉายเดี่ยวยังทําอาวุธคนพังไปแล้วสิ บคน ทั้งยังถือโอกาสสังหารนักพรตระดับ
เดียวกันไปห้าคน แต่หารู ้ไม่วา่ บนเส้นทางฝึ กตนที่เหมียวอี้เดินมา ในบรรดาคนระดับเดียวกัน ยังไม่
เคยมีใครทนเขาได้เกินสามทวน นี่คือสิ่ งที่เหล่าไป๋ ให้เขามา คือต้นทุนสําหรับการช่วงชิงชัยชนะในใต้
หล้า
แต่พวกสวีถงั หรานเองก็ดูออก ถึงแม้วชิ าทวนของเหมียวอี้จะโหดร้ายทารุ ณ แต่กไ็ ม่แน่วา่ จะต้านทาน
ไหวหากพวกเราห้าคนร่ วมมือกัน ความต่างของวรยุทธ์บงกชทองก็เห็น ๆ กันอยู่ แต่ประเด็นสําคัญคือ
ในมือเจ้าหมอนี่ถือทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้า อีกฝ่ ายไม่จาํ เป็ นต้องใช้วชิ าทวนสูก้ บั เจ้าตรง ๆ เลย แค่
ประมือกันก็ทาํ ให้อาวุธของเจ้าพังแล้ว แบบนี้จะให้สูก้ นั อย่างไรอีก?
สวีถงั หรานและทหารเลวอีกสามคนมองสวีเ่ ต๋ อแวบหนึ่ง ในใจกําลังด่าแม่ เพราะสวีเ่ ต๋ ออยูด่ ีไม่วา่ ดี
ทําไมต้องนําทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้าส่ งไปให้อีกฝ่ ายด้วย นี่ไม่ใช่การแกว่งเท้าหาเสี้ ยนหรอกเหรอ
ตอนที่ 977

คนเก็บเกีย่ วผลประโยชน์ มาแล้ว

สวีเ่ ต๋ อเองก็กลุม้ ใจเหมือนกัน! เขาเองก็ไม่อยากนําทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้าไปให้อีกฝ่ ายหรอก แต่อีก


ฝ่ ายอยากได้ทวนจนไม่คิดชีวติ จะให้เขาอยากได้ทวนจนไม่คิดชีวติ เหมือนกันไม่ได้หรอก!
แต่จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้าจะสําแดงอานุภาพมาก
ขนาดนี้เมื่ออยูใ่ นมือเหมียวอี้ ถึงแม้เฮยหวังจะวรยุทธ์สูง แต่กส็ าํ แดงอานุภาพได้ดอ้ ยกว่าเหมียวอี้เยอะ
มาก ถ้ารู ้แบบนี้ต้ งั แต่แรก เขาคงไม่ให้เหมียวอี้แย่งทวนไปง่าย ๆ
เหมียวอี้ใช้ทวนชี้ทา้ สู ท้ ุกคน ทําให้พวกเขามองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ลังเลว่าจะสู ห้ รื อไม่สูด้ ี?
ถ้าสูก้ นั โอกาสตายก็เยอะกว่า แต่ถา้ ไม่สู้ อีกฝ่ ายก็อาจจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ การหลบหนีเป็ นวิธีที่ดี
แต่ถา้ ยังไม่ได้กาํ จัดคนที่รู้สถานการณ์อย่างหนิวโหย่วเต๋ อ ถ้าปล่อยให้หนิวโหย่วเต๋ อหนีกลับไปด้วยก็
จะแก้ตวั ไม่ได้ โค่วเหวินหลานไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น จะให้ฆ่าโค่วเหวินหลานให้ตายไปด้วย
เหรอ? แต่การจะทําแบบนี้กต็ อ้ งอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขที่วา่ กําจัดหนิวโหย่วเต๋ อไปก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นก็
ไม่มีทางอุดปากหนิวโหย่วเต๋ อได้
เรื่ องบางเรื่ องถูกกําหนดไว้แล้วว่าต้องอาศัยกําลังคุยกัน ถ้าไม่มีกาํ ลังจะทําอะไรก็ห่วงหน้าพะวงหลัง
สถานการณ์ในตอนนี้ทาํ ให้พวกเขาค่อนข้างปวดหัว
หลังจากสองฝ่ ายคุมเชิงกันอยูพ่ กั หนึ่ง สวีถงั หรานก็กล่าวว่า “น้องหนิว ให้เรื่ องมันจบลงตรงนี้เถอะ
พวกข้ามีจุดที่ทาํ ไม่ถูก แต่ที่เจ้าแกล้งตายก่อนหน้านี้กฟ็ ังไม่ข้ ึนเหมือนกัน ตอนนี้เจ้าก็ฆ่าคนไปไม่นอ้ ย
โมโหอะไรก็น่าจะระบายไปหมดแล้ว ถ้าสูก้ นั ขึ้นมาจริ ง ๆ ต่อให้พวกเราไม่โต้ตอบ แต่เจ้าก็ไล่ตาม
พวกเราไม่ทนั อยูด่ ี มีเรื่ องน้อยดีกว่ามีเรื่ องเยอะ พวกเราปล่อยให้เรื่ องนี้จบลงตรงนี้ดีม้ ยั ? ผลงานใหญ่
นับเป็ นของเจ้า!”
เมื่อกล่าวนี้ออกมา พวกปู้ เหลียนจงก็เห็นด้วยเป็ นอย่างยิง่ แต่ละคนพากันพยักหน้า ข่งเฟยฝานเอ่ยรับ
“ใช่! ไม่สูใ้ ห้ผา่ นไปตอนนี้ดีกว่า แค่ทาํ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้องหนิว เจ้าคิดว่าอย่างไร? ผลงาน
ใหญ่เป็ นของเจ้า!”
“ก็ได้! หนิวก็น้ ีกไ็ ม่อยากทําเรื่ องอะไรที่รังแกกันเกินไป!” เหมียวอี้พยักหน้า ทุกคนได้ยนิ แล้วถอน
หายใจ แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ เหมียวอี้จะชี้ทวนไปที่สวีเ่ ต๋ อ พลางตวาดเสี ยงเข้มว่า “แต่จะปล่อยตัวการ
ไปไม่ได้ ข้าเกือบจะตายด้วยนํ้ามือเขาแล้ว จะปล่อยเลือดของข้าเสี ยไปเปล่า ๆ ได้อย่างไร!”
“ไอ้แซ่หนิว อย่ากําเริ บเสิ บสานเกินไปนัก เจ้าคิดว่าพวกเรากลัวเจ้าหรื อไง?” สวีเ่ ต๋ อกัดฟันถาม
เหมียวอี้ไม่แยแส กล่าวกดดันด้วยเสี ยงเสี ยงทุม้ ตํ่าต่อไป “ถ้าทุกคนอยากให้ขา้ เชื่อว่ามีความจริ งใจที่จะ
จบเรื่ องนี้แต่โดยดี ก็ตอ้ งแสดงความจริ งใจออกมาให้ดูก่อน เพราะเรื่ องที่มีคนใช้ทวนแทงข้างหลังมัน
สะเทือนขวัญจริ ง ๆ ถ้าไม่กาํ จัดคนตํ่าช้าอย่างสวีเ่ ต๋ อ ก็เป็ นเรื่ องยากที่ความแค้นในใจหนิวจะหายไป
ถ้าทุกคนอยากให้เรื่ องนี้จบแต่เพียงเท่านี้ ก็ร่วมมือกับข้ากําจัดคนตํ่าช้าสวีเ่ ต๋ อ ไม่อย่างนั้นเรื่ องที่ทุกคน
ไม่สนใจความเป็ นความตายของผูบ้ ญั ชาการโค่ว พอจบเรื่ องแล้วขังผูบ้ ญั ชาการโค่วไม่ยอมปล่อย
ออกมา… ก็อย่าหาว่าปากของข้าไม่ปรานี รายงานขึ้นไปตามความจริ ง!”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา สวีเ่ ต๋ อก็ตกใจมาก รี บมองไปที่คนอื่น ๆ แล้วกล่าวเสี ยงดังว่า “ทุกคนอย่าตก
หลุมพราง มันกําลังเสี้ ยมเขาควายให้ชนกัน!”
พวกสวีถงั หรานสบตากันแวบหนึ่ง ในใจลังเลมาก
ได้ยนิ เหมียวอี้บอกอีกว่า “สวีเ่ ต๋ อ คนตํ่าทรามไง ถ้าไม่กาํ จัดคนตํ่าทราม หนิวก็ไม่อาจร่ วมทางกับทุก
คนได้อย่างสงบใจหรอก หนิวไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ทาํ เรื่ องแอบลอบทําร้ายอีก ทุกคนจะฆ่าเขาเพื่อแสดง
ความจริ งใจ หรื อจะสูต้ ายกับเหมียวก็ตามใจแล้วกัน!”
พวกสวีถงั หรานมองประเมินกันและกันอีกครั้ง แววตาแต่ละคนค่อนข้างวูบไหวไม่มนั่ คง
สวีเ่ ต๋ อเข้าใจคนพวกนี้ดีเกินไป พอเห็นแววตาคนพวกนี้แปลกประหลาดมีเลศนัย ในใจก็รู้สึกหนาว
แอบร้องในใจว่าซวยแล้ว ร่ างกายค่อย ๆ ลอยไปข้างหลังหมายจะหนีไปก่อน
ปรากฏว่าสวีถงั หรานเด็ดขาดยิง่ กว่าเขา ถลันตัวมาขวางเขาเอาไว้ “พี่สวี่ เจ้าทําแบบนี้ไม่ถูกแล้ว ยังไม่
ทันคุยกันชัดเจนแล้วจะไปได้อย่างไร!”
สวีเ่ ต๋ อหันขวับกลับมา ปู้ เหลียนจง ข่งเฟยฝาน หลัวว่านกวงก็ถลันตัวเข้ามาเช่นกัน ล้อมเขาไว้ท้ งั สี่
ด้าน ส่ วนลูกน้องที่เหลืออีกห้าคนก็ดกั ข้างบนกับข้างล่างไว้แล้ว ดักทางไม่ให้กระโดดหนี สวีเ่ ต๋ อถาม
ด้วยสี หน้าดุร้าย “พวกเจ้าคิดจะทําอะไร?”
หลัวว่านกวงถอนหายใจ “พี่สวี่ เรื่ องนี้จะโทษพวกเราไม่ได้นะ ใจเมื่อเจ้าฆ่าน้องหนิวไม่ได้ น้องหนิว
ไม่เกรงเจ้าก็เป็ นเรื่ องที่สมเหตุสมผลแล้ว ทําไมต้องโมโหด้วย?”
คําพูดนี้ทาํ ให้สวีเ่ ต๋ อโมโหจนแทบกระอักเลือด ก่อนหน้านี้คนกลุ่มนี้ร้องเป็ นเสี ยงเดียวกันว่าให้เขา
ฆ่าหนิวโหย่วเต๋ อ ตอนนี้กลับกลายเป็ นเขาที่ทาํ ไม่ถูกเสี ยแล้ว จึงโบกทวนชี้ไปรอบวง “ไอ้พวกคน
ทราม กล้าลอบทําร้ายข้าเหรอ!”
ปู้ เหลียนจงกล่าวเหยียดหยามว่า “ต่อให้ขา้ ตํ่าทราม แต่กไ็ ม่ทาํ เรื่ องยกดาบแทงข้างหลังพี่นอ้ งตัวเอง
หรอก พูดตามตรงแล้วกัน อยูก่ บั คนอย่างเจ้าพวกเราก็ผดิ หวังเหมือนกัน ไม่แน่วา่ วันใดวันหนึ่งอาจจะ
โดนเจ้าแทงก็ได้ พี่สวี่ เห็นแก่ที่เป็ นพี่นอ้ งกันมาหลายปี เรื่ องฆ่ากันเองพวกเราทําไม่ลงจริ ง ๆ เจ้าทํา
ให้ตวั เองไปสบายจะดีกว่า”
“ทําไมต้องเปลืองคําพูดกับคนทรามแบบนี้” สวีถงั หรานพูดเหยียด พร้อมง้างมีดฟัน “รับความตายซะ
เถอะ!”
“ย้า!” สวีเ่ ต๋ อคํารามอย่างเกรี้ ยวกราด ออกทวนโจมตีกลับอย่างเดือดดาล
เมื่อเริ่ มเคลื่อนไหว ทุกคนก็ลอ้ มวงเข้ามาทันที ท่ามกลางเสี ยงสะเทือนเลือนลัน่ สวีเ่ ต๋ อฉุกละหุกทํา
อะไรไม่ถูก เข้าไม่ได้วรยุทธ์สูงเหมือนเฮยหวัง และไม่ได้รับมือกับการล้อมโจมตีเก่งเหมือนเหมียวอี้
โดนล้อมไว้จะหนีกห็ นีไม่ได้ ขณะกําลังโจมตีโต้ตอบ ก็รู้แล้วว่าตัวเองมีโอกาสตายมากกว่ารอด
ตะโกนด่าอย่างโศกเศร้าคับแค้น “ฝูงโจรสุ นขั ต่อให้ขา้ เป็ นผีขา้ ก็จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป!”
จู่ ๆ ก็โยนเชือกมัดเซียนออกมาเส้นเดียว มัดแขนข้างหนึ่งและร่ างกายสวีเ่ ต๋ อไว้ครึ่ งท่อน ทําให้การ
เคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลง มืออีกข้างย่อมไม่สามารถใช้ทวนได้อย่างอิสระ
“บังอาจ!” สวีเ่ ต๋ อคํารามอย่างเศร้าโศก ใช้มือข้างเดียวโบกทวนอย่างบ้าคลัง่ ความคับแค้นสิ้ นหวังใน
แววตายากที่จะอธิบายเป็ นคําพูดได้ รู ้วา่ หายนะมาถึงตัวแล้ว
แกร๊ ง! ปู้ เหลียนจงสู ก้ บั เขาอย่างเด็ดเดี่ยว สวีถงั หรานฉวยโอกาสโบกดาบจนเกิดแสงสะท้อนวิบวับ
ศีรษะใบใหญ่ขาดกระเด็น เลือดอุ่นพุง่ ขึ้นฟ้ า สวีเ่ ต๋ อที่ตวั กับหัวอยูค่ นละที่ตกลงในหิ นหลอมเหลว
เบื้องล่าง จุดเป็ นเปลวเพลิงร้อนแรงสองกอง สุ ดท้ายก็ได้รับผลกรรมตามสนองแล้ว
ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง แล้วหันหน้าไปมองเหมียวอี้พร้อมกัน สวีถงั หรานชูดาบที่มีรอยเลือดขึ้นมา
พร้อมบอกว่า “น้องหนิว สมความปรารถนาของเจ้าแล้ว”
“ดีมาก!” เหมียวอี้ผงกศีรษะด้วยสี หน้าเย็นชา แล้วถ่ายทอดเสี ยงบอกอีกสี่ คนว่า “ทุกคนไม่รู้สึกเหรอ
ว่าเรื่ องในวันนี้ ยิง่ มีคนรู ้นอ้ ยเท่าไรก็ยงิ่ ดี? ถ้าในภายหลังมีคนนําเรื่ องนี้มาเป็ นจุดอ่อน ก็จะไม่ใช่เรื่ อง
ดีอะไร!”
ทั้งสี่ แอบสบตากันแวบหนึ่ง เหมียวอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วหันตัวไปข้างหลังอย่างช้า ๆ ทําท่าเนียน ๆ
เหมือนไม่รู้ไม่ช้ ี “อา!” บนฟ้ าข้างหลังกลับมีเสี ยงกรี ดร้องดังขึ้น ตามติดด้วยเสี ยงต่อสู อ้ ย่างดุเดือด
เหมียวอี้ค่อย ๆ หันหลังกลับไปมองแวบหนึ่ง สวีถงั หรานและทหารเลวอีกสามคนเปิ ดฉากสังหาร
ใหญ่แล้ว เป้ าหมายที่สงั หารก็คือพวกลูกน้องที่เมื่อครู่ น้ ีเพิง่ ช่วยเหลือพวกเขาต่อสู ้
การลงมืออย่างกะทันหันทําให้ลูกน้องตายไปแล้วคนหนึ่ง อีกสี่ คนที่เหลือมีหรื อที่จะรอดพ้นเงื้อมมือ
ของพวกสวีถงั หรานไปได้ ว่าจะเป็ นวรยุทธ์ ความสามารถหรื อความเร็ วก็ไม่เพียงพอให้หนีเอาชีวติ
รอดได้ ไล่ตามแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ผลที่ได้ยอ่ มเป็ นร่ างสี่ ร่างร่ วงลงสู่ พ้นื
จากนั้นพวกสวีถงั หรานก็ถลันตัวกลับมาโดยไม่เปลี่ยนสี หน้า แต่แววตาที่มองเหมียวอี้ดูระแวดระวัง
ขึ้นหลายส่ วน
เหมียวอี้บอกว่า “ดูนายท่านผูบ้ ญั ชาการว่าเป็ นอย่างไรบ้างแล้ว ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นกับผูบ้ ญั ชาการ ต่อให้
วันนี้จะทําผลงานได้ แต่ถา้ โดนอํานาจที่หนุนหลังผูบ้ ญั ชาการสื บสวนขึ้นมา เกรงว่าจะผลงานก็ไม่อาจ
ลบล้างความผิดได้ ยากที่จะหนีพน้ โทษตาย โทษเป็ นก็รอดยากเหมือนกัน!”
สวีถงั หรานเรี ยกธงดําออกมามาตรจดูทนั ที เหมียวอี้กลับค่อย ๆ กําทวนไว้ในมือให้กระชับแน่น ขณะ
กําลังจะฉวยโอกาสลอบจู่โจม เสี ยงหัวเราะเย็นเยียบก็ดงั มาจากผูเ้ ขาด้านข้าง “ช่างเป็ นสุ นขั ที่ใจกล้า
จริ ง ๆ !”
ทั้งห้าหันไปมอง เห็นเพียงคนสองคนเหาะออกมาจากกลางภูเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็ นรองผูบ้ ญั ชาการ
หงกับรองผูบ้ ญั ชาการซุนนัน่ เอง
ทั้งห้าสี หน้าเปลี่ยนทันที ไอ้สองคนนี้มนั เห็นท่าไม่ดีเลยหนีไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?
เมื่อครู่ น้ ีในใจทั้งห้าค่อนข้างหวาดกลัว ทั้งสองจะต้องเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ น้ ีชดั เจนแน่นอน รองผู ้
บัญชาการทั้งสองเจ้าเล่ห์ใช้ได้เลย รอให้ทางนี้สูก้ นั เองในหมู่คณะก่อน รอให้ทางนี้สิ้นเปลืองกําลังไป
พอสมควรก่อน แล้วตัวเองค่อยโผล่หวั ออกมา
“เมื่อจะทําแล้วต้องทําให้ถึงที่สุด!” เหมียวอี้รีบถ่ายทอดเสี ยงบอกทั้งสี่ ทนั ที
“พวกเขาสองคนมีวรยุทธ์บงกชทองขั้นสี่ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องพวกเขา” สวีถงั หรานกล่าว
เหมียวอี้ “หนิวคนนี้กไ็ ม่ใช่ไก่อ่อน ขอแค่อีกสักครู่ พวกเจ้าสี่ คนฉวยโอกาสพัวพันพวกเขาสองคนไว้
พวกเขาจะต้องจบชีวติ ภายใต้ทวนของหนิวแน่! อย่าลืมเชียวนะ ถ้าหากผูบ้ ญั ชาการโค่วได้เป็ นผู ้
บัญชาการใหญ่ ตําแหน่งของเซี่ ยโห้วหลงเฉิงที่เขตเมืองตะวันตกต้องว่างแน่นอน ข้าคนเดียวครอง
สองตําแหน่งไม่ไหวหรอก เจ้าสองคนนี้มาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว”
เขากลัวว่าทั้งสี่ คนนี้จะทรยศ เพราะกลับไปจะยิง่ เข้าหาผูอ้ ิทธิพลได้ง่าย จึงรี บโยนเนื้อออกมา จะได้ทาํ
ให้พวกเขารู ้วา่ ถ้าสองคนนี้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไป พวกเขาก็จะไม่มีส่วนได้ในผลประโยชน์น้ นั แล้ว
ใช่แล้ว! พวกสวีถงั หรานเกิดความคิดขึ้นในใจ ยังมีตาํ แหน่งของเซี่ยโห้วหลงเฉิ งอีก…
เมื่อคนที่จบั ตาดูสถานการณ์มาถึง รองผูบ้ ญั ชาการหงก็ตะคอกใส่ หน้าทันที “พวกเจ้าห้าคนช่างเป็ น
สุ นขั ใจกล้าจริ ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าพี่นอ้ งตัวเองไปมากมายขนาดนี้”
“ใจกล้าคับฟ้ า! ข้าจะคอยดูวา่ พวกเจ้าจะแก้ตวั ยังไง!” รองผูบ้ ญั ชาการซุนกล่าว
“ดีกว่าพวกเจ้าสองคนที่หนีเอาตัวรอดโดยไม่สนใจความเป็ นความตายของผูบ้ ญั ชาการโค่วหรอกน่า?”
เหมียวอี้ถามเสี ยงเรี ยบ
“บังอาจ!” รองผูบ้ ญั ชาการหงโบกทวนชี้มา “ยังจะกล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ !”
เหมียวอี้เถียงว่า “เจ้าเองก็ไม่ตอ้ งมาขู่ขา้ หรอก รองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองเห็นข้าศึกเก่งแล้วหนีคือเรื่ อง
จริ ง! แต่มาพูดเรื่ องนี้ในตอนนี้กไ็ ม่มีความหมาย พวกเราห้าคนรู ้กาํ ลังตัวเองดีวา่ สู ร้ องผูบ้ ญั ชาการทั้ง
สองไม่ไหว ยินดีจะยกผลงานใหญ่ให้! กลับไปขอเพียงผูบ้ ญั ชาการโค่วได้นงั่ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งย่อมรักษาตําแหน่งตัวเองไว้ไม่ได้อยูแ่ ล้ว ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก
และตะวันออกก็จะกลายเป็ นของรองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองพอดี ขอแค่ท้ งั สองใจกว้างไม่ถือสาพวกเรา
สักครั้ง ถ้าสู ก้ นั ขึ้นมาจริ ง ๆ ทวนในมือของหนิวก็ไม่ใช่เล่น ๆ ถึงตอนนั้นต่อให้พวกเราห้าคนหนีรอด
ไปได้ไม่หมด แต่หนีไปได้สกั คนสองคนก็ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนก็อย่าคิดจะได้รีบผลดีอะไรเลย!”
คําพูดนี้ตรงกับเจตนาของทั้งสองพอดี แต่รองผูบ้ ญั ชาการซุนยังคงแสยะยิม้ ถาม “ถ้าปล่อยพวกเจ้าไป
ตอนนี้ แล้วจะแน่ใจได้ยงั ไงว่าต่อไปพวกเจ้าจะไม่พดู จาเหลวไหล?”
สวีถงั หรานตอบว่า “ทุกคนไม่มีใครก้นสะอาด พวกเราพูดไปก็ไม่เกิดผลดีอะไรกับพวกเรา แต่จะว่า
ไปแล้ว หลังจากรองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองได้ข้ ึนนัง่ ตําแหน่งสูง พวกตําแหน่งดี ๆ ใต้บงั คับบัญชา หวังว่า
จะพิจารณาพวกเราห้าคนก่อน”
รองผูบ้ ญั ชาการทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง รองผูบ้ ญั ชาการซุนถ่ายทอดเสี ยงตอบ “พี่หง การ
แลกเปลี่ยนนี้ควรจะทํา เดี๋ยวต่อไปตราบใดที่หา้ คนนี้มาอยูใ่ นมือพวกเรา ย่อมหาทางปิ ดปากได้อยู่
แล้ว”
รองผูบ้ ญั ชาการหงได้ยนิ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย กวาดสายตามองทั้งห้าแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ก็ได้!
ไหน ๆ ทุกคนก็ออกมาทุ่มเททํางานสุ ดความสามารถ ฝนย่อมตกทัว่ ฟ้ า ตกลงตามนี้แล้วกัน หลังจาก
จบเรื่ องพวกเราไม่ทาํ ให้พวกเจ้าเสี ยเปรี ยบแน่!” ยืน่ มือสัง่ “เอาธงดํามา!”
เหมียวอี้หนั กลับมาส่ งสายตา แล้วยืน่ มือออกมารับธงดําจากสวีถงั หราน นําทั้งสี่ เหาะไปหารองผู ้
บัญชาการทั้งสอง
ขณะกําลังเข้ามาใกล้ รองผูบ้ ญั ชาการซุนเหลือบมองทวนวิเศษผลึกแดงในมือเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วจู่
ๆ ก็ตะโกนหยุด “หยุดก่อน! โยนเข้ามา!”
เหมียวอี้อ้ ึงนิดหน่อย แต่กย็ งั แบมือ ปล่อยให้ธงดําลอยเข้าไป
พวกสวีถงั หรานที่อยูท่ างซ้ายและขวากลับอดไม่ได้ที่จะมองธงดําที่ลอยออกไป เพราะพบว่าภายใต้ธง
ดําผืนนั้นมีของเพิ่มเข้ามา ดูเป็ นทรงกลม ไม่รู้วา่ มีลูกเล่นอะไร แต่ในใจทุกคนก็รู้ดี มีลบั ลมคมใน!
ตอนที่ 978

เกือบโดนรมควันตาย

เมื่อธงดํามาถึง รองผูบ้ ญั ชาการหงก็ยนื่ มือเข้ามาจับ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าในตอนนี้ ปั้ง! ธงดําพลัน


ระเบิดหมอกหนาสี ขาวออกมา
ทั้งสองตกใจทันที จิตใต้สาํ นึกบอกว่ามีกบั ดัก รี บร่ ายอิทธิฤทธิ์ออกมาเป็ นฉากกําบัง ป้ องกันร่ างกาย
เอาไว้
แทบจะเป็ นเวลาเดียวกัน เหมียวอี้กถ็ ่ายทอดเสี ยงอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ลงมือ!”
เขาเองก็ถือทวนพุง่ เข้าไปเช่นกัน สองคนที่อยูท่ างซ้ายและขวารี บโอบล้อมเข้ามา ขณะที่ท้ งั ห้าพุง่ เข้า
มาในหมอก รองผูบ้ ญั ชาการหงก็ถ่ายทอดเสี ยงมาอย่างเดือดดาล “บังอาจลอบกัด รนหาที่!”
เห็นเพียงหมอกขาวที่ตลบอบอวลโดนพลังอิทธิฤทธิ์ตีกวนจนหมุนขึ้นหมุนลง หมอกกินพื้นที่ในวง
กว้าง พลังอิทธิฤทธิ์ไม่สามารถทําลายทิ้งได้ในเวลาสั้น ๆ พอผลักไปข้างหน้า ข้างหลังก็มีมาอีก พื้นที่
ว่างมีแค่ตรงนี้ ทําได้เพียงกวนให้หมอกเปลี่ยนแปลงรู ปร่ างไปต่าง ๆ นา ๆ ข้างนอกมองเห็นไม่ชดั ว่า
สภาพภายในเป็ นอย่างไรกันแน่ ได้ยนิ เพียงเสี ยงต่อสู ท้ ี่ดุเดือดสะเทือนเลือนลัน่
ภายใต้สถานการณ์ที่สายตามองไม่เห็น เป็ นเวลาที่เหมียวอี้ถนัดที่สุด ทั้งหมดล้วนเป็ นสิ่ งที่เหล่าไป๋
พยายามฝึ กสอนอย่างสุ ดความสามารถ เป็ นหนึ่งในต้นทุนที่ทาํ ให้เหมียวอี้ออกมาเผชิญโลกกว้างจนถึง
ทุกวันนี้!
เสี ยงกรี ดร้องของรองผูบ้ ญั ชาการหงกับรองผูบ้ ญั ชาการซุนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตกลงจากหมอกหนา
บนฟ้ าตาม ๆ กัน โดนทวนแทงทะลุกบาลทั้งคู่ ตกลงในหิ นหลอมเหลวข้างล่าง ลุกไหม้เป็ นเปลวเพลิง
สองกอง
ทว่าสิ่ งที่ทาํ ให้สวีถงั หรานตกใจก็คือ ทําไมมีเสี ยงกรี ดร้องปู้ เหลียนจงกับลัว่ ว่านก่วงด้วยล่ะ!
เสี ยงต่อสู ย้ งั คงดังต่อไป สวีถงั หรานพบความไม่ชอบมาพากลทันที สังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง เขา
ตกใจจนใจสัน่ ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือรี บหนีให้เร็ วที่สุด หนีออกจากทะเลหมอกอย่างบ้าคลัง่
หนีข้ ึนไปบนฟ้ าเหนือทะเลหมอก พอหลุดออกจากทะเลหมอกแล้ว เขาก็รักษาะยะห่างที่ปลอดภัย
แล้วจ้องลงไปข้างล่างอย่างสงสัยปนตกใจ
“อา…” ขณะเดียวกัน เสี ยงกรี ดร้องก็ดงั ขึ้นอีก
เมฆหมอกโดนกระตุน้ ด้วยไอร้อนข้างล่าง ทําให้ระเหยอย่างรวดเร็ ว สวีถงั หรานที่อยูบ่ นฟ้ าเห็นราง ๆ
ว่าหัวทวนของเหมียวอี้กาํ ลังปาดร่ างข่งเฟยฝาน หัวทวนแทงทะลุหวั ใจของข่งเฟยฝาน เห็นนิ้วสัน่ ๆ
ของข่งเฟยฝานกําลังชี้ไปที่เหมียวอี้ แต่กลับโดนเท้าของเหมียวอี้ถีบจนตกลงไปในหิ นหลอมเหลวที่
แดงฉาน
ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้เงยหน้าขึ้นบนท้องฟ้ า พร้อมพึมพําในใจว่า ไอ้เวรนี่ไหวตัวเร็ วจริ ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่า
จะปล่อยให้หนีไปด้วย ทั้งสองวรยุทธ์ต่างกันไม่เท่าไร อีกฝ่ ายรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ถ้าอยากจะ
ตามให้ทนั คงเป็ นไปไม่ได้ จึงตะโกนขึ้นฟ้ าเสี ยงดังทันทีวา่ “พีส่ วี ทําไมไปอยูไ่ กลขนาดนั้นล่ะ?”
รู ้อยูแ่ ก่ใจอยูแ่ ล้ว ยังจะถามหาแม่เจ้าเหรอ! สวีถงั หรานชี้ลงมาข้าง พร้อมตะโกนอย่างเดือดดาล “หนิว
โหย่วเต๋ อ เจ้ามันเลวนัก จะฆ่าให้หมดเลยล่ะสิ !”
เหมียวอี้ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปข้างบน “พี่สวีเข้าใจผิดแล้ว เขตเมืองตะวันออกกับตะวันตกมีแค่สอง
ตําแหน่ง ข้าคิดเผือ่ พี่สวีนะเนี่ย กําจัดภัยแฝงทิ้งไปก่อนสามคน ตอนนี้กไ็ ม่มีใครมาแย่งตําแหน่งของ
เราแล้ว ไม่ตอ้ งกังวลว่าจะมีใครปล่อยข่าวด้วย มีแค่สวรรค์รู้ เจ้ารู ้ ข้ารู ้ แบบนี้ไม่งดงามหรอกเหรอ!”
งดงามบ้าอะไรเล่า! ถ้าไม่เพราะข้าหนีได้ไว ป่ านนี้คงโดนเผากลายเป็ นถ่านไปแล้ว! สวีถงั หรานชี้ลง
มา “หยุดนะ! อย่าเข้ามาใกล้!”
ทั้งสองต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร และไม่ใช่หนุ่มน้อยที่อ่อนต่อโลกด้วย คําพูดนี้หลอกลวงเขาไม่ได้หรอก
เขารี บลอยขึ้นฟ้ า พยายามรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยเหมียวอี้เอาไว้ เมื่อเจอกับคนหนังเหนียวที่จิตใจ
โหดเหี้ ยมทั้งยังมากแผนการแบบนี้ เขาก็เริ่ มจะกลัวแล้ว เมื่อเห็นเหมียวอี้เข้าใกล้กข็ นลุกทันที ถ้าไม่ใช่
เพราะเรื่ องยังไม่จบ เลยกลัวจะอธิบายลําบาก เขาคงจะหนีไปก่อนแล้ว
ตอนนี้เขานึกเสี ยใจทีหลังแล้ว ไปมีเรื่ องกับคนประเภทนี้ ทําให้กงั วลเรื่ องความเป็ นความตายได้
ตลอดเวลา
เดิมทีคิดว่าคนที่มาใหม่อย่างเหมียวอี้จะรับมือได้ง่าย ยามปกติดูเหมือนเข้ากับคนง่ายมาก เหมือนไม่
เข้าใจแม้กระทัง่ กฎบางอย่างของตําหนักสวรรค์ ใครจะคิดว่าไม่ใช่พวกอ่อนหัดเลย บทจะเลวก็เลวได้
บทจะโหดก็โหดได้ คุน้ เคยกับการแย่งอํานาจชิงผลประโยชน์มาก ไม่เหมือนคนที่เพิง่ เข้าตําหนัก
สวรรค์ได้ไม่นาน ไอ้เวรนี่มนั เป็ นเสื อที่คลุมหนังหมูมาตลอด!
“พี่สวีเข้าใจข้าผิดแล้วจริ ง ๆ !” เหมียวอี้ถอนหายใจ เหมือนเห็นอีกฝ่ ายมีจิตใจที่ระแวดระวัง ไม่มี
ทางเข้าใกล้ได้ ทําได้เพียงล้มเลิกแผนการที่จะปะทะตรง ๆ เตรี ยมจะใช้อีกวิธีการทําให้อีกฝ่ ายตาย
เพื่อที่จะทําให้อีกฝ่ ายสงบใจ เพื่อให้สถานการณ์มนั่ คงก่อน ไม่ให้อีกฝ่ ายถึงขั้นตกใจหนีไป เหมียวอี้
ถลันตัวลงไปที่ภูเขาด้านล่าง ลงไปอยูข่ า้ งกายเฮยหวังที่กาํ ลังปล่อยควันดําและตัวสัน่ เทิ้มอยูใ่ นความ
ทรมาน
เฮยหวังที่ได้ได้ดูละครเด็ด ๆ ไปกล่าวเสี ยงสัน่ ว่า “ช่วยข้า… ข้าจะสอนเจ้า… หลอมสร้าง ‘ธงเรี ยก
วิญญาณ’!”
ธงเรี ยกวิญญาณ? เหมียวอี้ตะลึงงัน พลิกมือคว้าธงดําที่เก็บได้ออกมา ถามว่า “นี่คือธงเรี ยกวิญญาณ
เหรอ?”
“ใช่!” เฮยหวังพ่นออกมาคําเดียวอย่างยากลําบาก แล้วถามเสี ยงสัน่ ต่อไปว่า “ธงนี้คือความสําเร็ จขั้น
แรก…หลังจากสําเร็ จครั้งแรก…สามารถกําหนดความเป็ นความตายของคน… อย่างไม่รู้ตวั … วิชาที่
ถ่ายทอดมาจาก ‘เคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยาง’ … สําเร็ จครั้งยิง่ ใหญ่… อานุภาพไร้ขอบเขต…
ช่วยข้า!”
เคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยาง? เคล็ดวิชาที่ปราชญ์ผซี ือถูเซี่ ยวฝึ ก หนึ่งในหกเคล็ดวิชาพิเศษ?
เหมียวอี้ตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าในหกเคล็ดวิชาพิเศษจะแฝงวิชาหลอมสร้างหลอมของวิเศษไว้ดว้ ย!
พอได้ยนิ แบบนี้ เขาก็อยากจะเก็บนักพรตผีตนนี้ไว้จริ ง ๆ แต่พอเงยหน้ามองสวีถงั หรานที่กาํ ลังมอง
ตนจากบนฟ้ าไกล ๆ ในใจก็เบื่อหน่าย ถ้ายังกําจัดเจ้าบ้านัน่ ไม่ได้ แล้วเขาจะปล่อยนักพรตผีตนนี้ไปได้
อย่างไร
เขามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “เจ้าทําผิดกฎสวรรค์ ไม่ไปซ่อนตัวในที่ที่ไร้คนเอง มีอย่างที่ไหนมาโอ้
อวดตัวเองอยูท่ ี่นี่?”
“ควันแห่งไฟนรก… หลอมของวิเศษ!” เฮยหวังกล่าว
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ เหมียวอี้กม็ องไปรอบ ๆ อีกครั้ง มองดูธงดําในมือ แล้วมองควันดําที่ลอยออกมาจาก
ภูเขาไฟที่อยูร่ อบ ๆ ทําให้เขาเข้าใจในทันที สงสัยนักพรตผีตนนี้จะหลบอยูท่ ี่นี่เพื่อหลอมของวิเศษ
มิน่าล่ะ!
“หนิวโหย่วเต๋ อ! ยังไม่รีบปล่อยท่านผูบ้ ญั ชาการออกมาอีก!” สวีถงั หรานที่อยูบ่ นฟ้ าพลันตะโกนเสี ยง
ดัง
เหมียวอี้เงยหน้า พบว่าเจ้าชาติสุนขั นี่วางแผนเก่งจริ ง ๆ ถ้าปล่อยโค่วเหวินหลานออกมา แบบนั้น
เหมียวอี้กเ็ ลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้ลงมือกับเขา
“น้องหนิว เจ้าบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายกับข้า? ถ้าเจ้ามีความจริ งใจ ก็รีบปล่อยท่านผู ้
บัญชาการออกมา!” สวีถงั หรานตะโกนอีก
ฝันไปเถอะ! ก่อนหน้านี้ยงั รวมหัวกันจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ตอนนี้ยงั คิดว่าจะรอดอยูอ่ ีกเหรอ!
เหมียวอี้พึมพําในใจ แล้วเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้ง ครุ่ นคิดว่ามีวธิ ีการอะไรที่พอจะกําจัดสวีถงั หราน
ได้
ผ่านไปครู่ เดียว ในใจก็เกิดความคิดบางอย่าง เขาหลบให้พน้ หูพน้ ตาของสวีถงั หรานก่อน แอบปล่อย
ตัก๊ แตนออกมาโอบล้อม ตัดทางหนีทีไล่ สกัดเขาไว้ครู่ เดียว ก็จะสามารถฆ่าได้!
เหมียวอี้เพิ่งจะตัดสิ นใจที่จะทําเรื่ องนี้ ตอนที่กาํ ลังจะทําตามแผน ใครจะคิดว่าธงดําบนมือจะร้อนผ่าว
ขึ้นมากะทันหัน
มันเรื่ องอะไรกัน? เหมียวอี้ตกใจไปชัว่ ขณะ ยังไม่ทนั รู ้ตวั ว่าอะไรเป็ นอะไร ธงดําก็เกิดเสี ยงวูบ จู่ ๆ ก็มี
ไฟลุกออกจาฝ่ ามือเขา ชัว่ พริ บตาเดียวก็มีแสงสี ขาวจ้าตายิงออกมาจากแสงไฟ
สวีถงั หรานที่อยูบ่ นฟ้ าจ้องลงมาด้านล่างอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าคืออะไร
บึ้ม! ทันใดนั้นเสี ยงระเบิดก็ดงั ขึ้น สะเทือนจนเหมียวอี้แขนชา ธงดําหายไปในชัว่ พริ บตาเดียว ระเบิด
ออกเป็ นควันดําไม่รู้จกั จบสิ้ น แล้วลอยขึ้นด้านบน
เหมียวอี้ที่โบกแขนบังตาเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง เห็นแสงสี ขาวที่แสบตาสี่ สายกําลังยิงไปทัว่ ทุกทิศ โดย
มีร่างคนคนหนึ่งเป็ นจุดศูนย์กลาง
มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวเหมียวอี้ โค่วเหวินหลานพังของวิเศษออกมาแล้ว!
“แค่ก ๆ !” เสี ยงไออย่างหนักหน่วงของคนสองคนดังมา ไอเหมือนปอดจะฉี ก
เหมียวอี้รีบร่ ายอิทธิฤทธิ์โบกควันดําตรงหน้าออก เห็นเพียงเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกับโค่วเหวินหลานกลาย
สภาพเป็ นครึ่ งผีครึ่ งคนแล้ว ถูกรมควันจนดําไปทั้งตัว เซไปเซมาและไออย่างรุ นแรง ราวกับปี น
ออกมาจากปล่องไฟ
เหมียวอี้มองดูตวั เอง พบว่าตัวเองก็โดนควันระเบิดรมจนตัวดําเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าควันผีนี่จะฝ่ า
ทะลุเกราะพลังอิทธิฤทธิ์มาได้ ขนาดร่ ายอิทธิฤทธิ์ป้องกันก็ยงั เอาไม่อยู่
เมื่อเห็นเหมียวอี้ที่อยูข่ า้ ง ๆ โค่วเหวินหลานก็โล่งใจ รัศมีสีขาวสี่ สายบนตัวหายไปอย่างรวดเร็ ว
กระแทกก้นนัง่ บนพื้น ไอพลางหอบหายใจเฮือกใหญ่
เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็นงั่ ลงเช่นกัน ขณะที่ไอก็บ่นว่า “บรรพบุรุษเอ๊ย ในที่สุดก็ได้ออกมาแล้ว แค่ก ๆ นี่
มันของผีอะไร เกือบจะโดนรมควันเป็ นเนื้อแห้งแล้ว! ไอ้ตุง้ ติ้ง โชคดีนะที่เจ้าก็เข้าไปเหมือนกัน
ไม่อย่างนั้นข้าต้องตายอยูข่ า้ งในแน่ ๆ แค่ก ๆ …”
โค่วเหวินหลานโบกมือ อยากจะพูดอะไรแต่หอบหายใจไม่ทนั คว้าผ้าเช็ดหน้าออกมา ปิ ดปากปิ ดจมูก
ไออยูพ่ กั หนึ่ง สักประเดี๋ยวพอเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าสกปรกแล้ว เขาก็โยนมันทิ้งไป
ควันดําลอยขึ้นฟ้ าไม่จบไม่สิ้น สวีถงั หรานปรากฎตัวในเวลาที่เหมาะสม ถลันตัวไปตรงหน้าโค่วเห
วินหลาน แล้วกุมหมัดคารวะอย่างตื้นตันใจ “ท่านผูบ้ ญั ชาการ ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว ข้าน้อยสอง
คนกําลังพยายามหาทางช่วยเหลือ นึกไม่ถึงว่าท่านผูบ้ ญั ชาการจะหลุดออกมาได้เอง!”
เหมียวอี้เหล่ตาจ้องเขา อยากจะฉวยโอกาสแทงเขาให้ตายจริ ง ๆ !
“เจ้าก็อยูเ่ หรอ!” โค่วเหวินหลานพยักหน้า หอบหายใจเฮือกใหญ่ แล้วบอกว่า “คนอื่นล่ะ?”
สวีถงั หรานตอบด้วยสี หน้าเศร้าโศก “ตอบผูบ้ ญั ชาการ เพื่อที่จะช่วยผูบ้ ญั ชาการ พวกเขาหลัง่ เลือดสู ้
รบไม่ยอมถอย ตายหมดแล้วขอรับ!”
เหมียวอี้ยนื มองเขาแสดงละครอยูข่ า้ ง ๆ
“ตายหมดแล้วเหรอ!” โค่วเหวินหลานตะลึงงัน แล้วก็เริ่ มไออีก ถามอีกว่า “เฮยหวังหนีไปไหนแล้ว?”
สวีถงั หรานตอบว่า “ไม่ได้หนีขอรับ หลังจากทุกคนร่ วมมือกันโจมตีจนเขาสาหัส ข้าน้อยทั้งสองก็
เสี่ ยงชีวติ ไปจับไว้ นายท่านเชิญหันกลับไปมอง!” ขณะที่พดู ก็ช้ ีไปข้างหลังโค่วเหวินหลาน
โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงพลันหันกลับไปมอง เห็นเฮยหวังโดนมัดจริ ง ๆ ด้วย
“เป็ นข้าที่จบั ได้!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงถลึงตาโพลง กระโจนเข้าไป เจ้าบ้านี่หน้าด้านหน้าทนสุ ด ๆ
แต่จนใจที่อ่อนล้าหมดกําลัง ตอนที่โค่วเหวินหลานตะโกนว่า “ขวางเขาไว้” แล้วไออีกครั้ง สวีถงั
หรานก็ถลันตัวเข้าไปแล้ว แย่งตัวเฮยหวังมาไว้ในมือ
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่ตวั ดําเกรี ยมนอนอยูบ่ นพื้นชี้เข้ามา “กล้าแย่งของของปู่ เหรอ เจ้าเบื่อหน่ายที่จะมีชีวติ
อยูต่ ่อแล้วสิ นะ รี บส่ งมาเดี๋ยวนี้ แล้วปู่ จะไว้ชีวติ เจ้า!”
ปรากฏว่าสวีถงั หรานถือดาบในแนวนอน ฟันเฮยหวังจนกรี ดร้องออกมา ก่อนจะกลายเป็ นควันดํา
สลายหายไป
ยาเจี๋ยตันขั้นสี่ หนึ่งเม็ดกับกับเชือกมัดเซียนตกอยูใ่ นมือสวีถงั หรานแล้ว
โค่วเหวินหลานใช้ฝ่ามือตบต้นขา ถลึงตามองสวีถงั หรานอย่างเสี ยดาย “เจ้าฆ่าเขาทําไม ถ้าจับกลับไป
สอบสวนอาจจะได้เรื่ องอะไรบ้างก็ได้ ท่านแม่ทพั ยังอยากจะถามที่อยูข่ องปี ศาจจิ้งจอกพันหน้าจาก
ปากเขา เฮ้อ!”
“ข้าน้อยบุ่มบ่าม!” สวีถงั หรานรี บกุมหมัดคารวะ ทําสี หน้าหวาดกลัวกังวล แต่ดวงตากลับเหลือบมอง
เหมียวอี้เงียบ ๆ
เหมียวอี้รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ ที่จริ งต่อให้สวีถงั หรานไม่ลงมือ เขาก็จะลงมือเหมือนกัน เฮยหวังได้เห็นเรื่ องที่ไม่
ควรเห็นเยอะเกินไป ถ้าปล่อยให้รอดไปจะเป็ นการสร้างปั ญหาให้ตน
“ช่างเถอะ! มีเม็ดยาหยินนี่กน็ าํ กลับไปรายงานผลงานได้แล้ว!” โค่วเหวินหลานยืน่ มือหยิบมา แล้วเก็บ
เข้าในกําไลเก็บสมบัติโดยตรง
“ไอ้ตุง้ ติ้ง เจ้ากล้าแย่งของของข้าเหรอ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งตะคอกอย่างโมโห แล้วกระโจนเข้ามาหมาย
จะแย่ง
โค่วเหวินหลานเบี่ยงตัวหลบ แล้วถือโอกาสคว้าแขนสวีถงั หราน อาศัยให้สวีถงั หรานช่วยพยุง พอโซ
ซัดโซเซยืนขึ้นมาได้ ก็หนั กลับไปเตะเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งหนึ่งที จากนั้นชี้ที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงซํ้า ๆ
คําว่า ‘ซ้อมมันให้ขา้ ’ ยังไม่ทนั เอ่ยออกจากปาก เหมียวอี้กแ็ ววตาวูบไหว รี บเหาะออกไปทันที
“หนิวโหย่วเต๋ อ เจ้าจะไปไหน?” โค่วเหวินหลานตะคอกถาม
“ข้าน้อยจะไปเก็บของที่พวกเพื่อนร่ วมงานทิ้งไว้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็สูจ้ นตัวตายเพื่อท่านผู ้
บัญชาการ!” เหมียวอี้ตอบด้วยสี หน้าเจ็บปวด
พูดจาเหมือนแบกภาระหนักอึ้ง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าการเก็บสมบัติของคนตายเกี่ยวอะไรกับการที่
พวกเขาสูร้ บจนตายเพื่อตน สรุ ปก็คือคิดว่าเป็ นสิ่ งที่สมควรจริ ง ๆ ! โค่วเหวินหลานโบกมือ อนุญาต
ให้เขาไปได้ แล้วหันกลับมาสัง่ สวีถงั หราน “ซ้อม! ซ้อมให้ขา้ ดู! ซ้อมไอ้หมีควายหน้าด้านนี่ให้หนัก ๆ
!”
สวีถงั หรานทําสี หน้าขื่นขม แทบจะร้องไห้ออกมา ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าตัวเองซ้อมขึ้นมาจริ ง ๆ ก็
แปลว่าจะได้ผกู ความแค้นอันใหญ่หลวง เดี๋ยวต่อไปเซี่ยโห้วหลงเฉิ งจะไม่คิดหาทางเล่นงานตนจนถึง
ตายหรอกเหรอ
พอหันกลับไปมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง ก็เห็นเหมียวอี้กาํ ลังก้มหน้าค้นหาในหิ นหลอมเหลวข้างล่าง โยน
พวกเกราะรบ กําไลเก็บสมบัติข้ ึนมาเป็ นระยะ ราวกับใอเรื่ องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลย สวีถงั หรานด่า
ในใจ หนีไหวจริ ง ๆ นะ!
“ไอ้ตุง้ ติ้ง! เจ้ากล้าเหรอ!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงตะคอก แล้วต้องการจะลุกขึ้นมา
โค่วเหวินหลานเตะเขาล้มควํ่าอีกครั้ง แล้วหันมาตะคอก “แม้แต่คาํ พูดของข้า เจ้าก็ไม่เชื่อฟังแล้ว
เหรอ?”
ตอนที่ 979

รํ่ารวยใหญ่ แล้ ว

เป็ นเพราะร่ างกายอ่อนแอเกินไป ตอนอยูใ่ นธงดําแทบจะสู ญเสี ยพลังอิทธิฤทธิ์ไปหมด ตบตีกบั ใครไม่


ไหวแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะลงมือจัดการด้วยตัวเอง ไม่ตอ้ งสัง่ ให้คนอื่นทําแทนหรอก
เพียงแต่สวีถงั หรานที่โดนกดดันเกิดความคิดอยากจะตายแล้ว นึกเสี ยเสี ยใจทีหลังว่าตัวเองจะรี บวิง่
ออกมาเร็ วขนาดนี้ทาํ ไม ดูสิวา่ หนิวโหย่วเต๋ อเจ้าเล่ห์ขนาดไหน แค่ทิศทางลมผิดปกตินิดหน่อยก็เผ่น
แล้ว
เขาเองก็อยากจะหนี แต่โค่วเหวินหลานยังโซซัดโซเซยืนได้ไม่ตรง คงไม่ดีที่เขาจะทิ้งโค่วเหวินหลาน
แล้วหนีไป ทําได้เพียง… ทําได้เพียงยืน่ ปลายเท้าไปสะกิดบนตัวเซี่ยโห้วหลงเฉิงเบา ๆ
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งกับโค่วเหวินหลานถลึงตาจ้องเขาพร้อมกัน ทั้งคู่ทาํ สี หน้าเดือดเป็ นฟื นเป็ นไฟ!
“ไอ้ชาติหมา เจ้ากล้าทําร้ายข้าเหรอ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิ งตะคอกถาม
สวีถงั หรานอยากจะถามเขามาก เจ้ามันโง่เหมือนหมู่! เจ้าดูไม่ออกเหรอ? แบบนี้เรี ยกว่าทําร้ายรึ ไง?
“สวีถงั หราน ผูบ้ ญั ชาการคนนี้สงั่ ให้เจ้าซ้อมมัน ไม่ได้ให้เจ้าเกาให้มนั คัน!” โค่วเหวินหลานตวาด
ทําตัวไม่ถูกแล้ว! สวีถงั หรานอยากจะร้องไห้จริ ง ๆ ในใจรู ้สึกอึดอัดมาก ตุบ้ ! เตะออกไปแรง ๆ หนึ่งที
“อา…” เซี่ ยโห้วหลงเฉิงร้องโอดโอย โดนเตะจนกระเด็นตกกระแทกพื้น
“หึ หึ!” โค่วเหวินหลานหัวเราะเยาะ ใช้มือข้างหนึ่งผลักสวีถงั หรานออกไป ส่ วนตัวเองก็นงั่ ลงบนพื้น
แล้วชี้ไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิ ง “ซ้อมต่อไป! ข้าจะรับผิดชอบให้เจ้าทุกเรื่ อง เจ้าไม่ตอ้ งกลัว ซ้อมให้หนัก
ๆ !” เขาทําท่าชื่นชมมาก
จะตีครั้งเดียวหรื อจะตีหลายครั้งก็เป็ นการล่วงเกินเหมือนกัน ตอนนี้ทาํ ได้เพียงกอดขาโค่วเหวินหลาน
ไว้แน่น ๆ สวีถงั หรานตัดสิ นใจแน่วแน่ พอเดินเข้าไปก็เรี ยกได้วา่ ซ้อมอย่างบ้าคลัง่ ซ้อมจนเซี่ ยโห้ว
หลงเฉิงร้องโอดโอย โวยวายว่าจะเล่นงานสวีถงั หรานให้ถึงตาย
ว่ากันตามจริ ง ในเมื่อซ้อมไปแล้ว สวีถงั หรานก็อยากจะซ้อมให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งตายไปเสี ยเลย แต่โค่ว
เหวินหลานไม่ได้ออกคําสัง่ เขาเองก็ไม่กล้าซ้อมจนเซี่ยโห้วหลงเฉิงตาย ถึงอย่างไรหากเกิดเรื่ องก็ยงั
ต้องให้โค่วเหวินหลานออกหน้ารับผิดชอบให้ ถ้าโค่วเหวินหลานไม่รับผิดชอบให้ หากเขาซ้อมจน
เซี่ยโห้วหลงเฉิงตายจริ ง ๆ แบบนั้นเขาก็ตอ้ งตายสถานเดียว อํานาจที่หนุนหลังเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งไม่ใช่
สิ่ งที่เขาจะต้านทานไหว
เหมียวอี้ที่คน้ หาสมบัติของเพื่อนร่ วมงานอยูข่ า้ งหลังเอบเงยหน้ามองขึ้นมาข้างบน ในใจรู ้สึกขํามาก ที่
จริ งเขาก็อยากจะไปซ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิ งสักยก ถึงอย่างไรเขาก็ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิ งไปรุ นแรงมาก
แล้ว ไม่ถือสาที่จะล่วงเกินเพิม่ อีกสักครั้ง
แต่จะว่าไปแล้ว ก็เป็ นเรื่ องที่ชดั เจนมาก โค่วเหวินหลานเองก็ไม่กล้าทําเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเหมือนกัน ใน
เมื่อทําให้ตายไม่ได้ ถ้าให้เขาเอาแต่ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิ งอยูค่ นเดียว จะไม่เป็ นการกดดันให้
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยอมแลกทุกอย่างมาสู ต้ ายกับเขาเหรอ ให้สวีถงั หรานช่วยแบ่งเบาความแค้นไปสัก
หน่อยจะดีกว่า การที่สวีถงั หรานซ้อมครั้งนี้ กอปรกับสร้างผลงานกําจัดเฮยหวังให้โค่วเหวินหลาน
เมื่อกลับไปแล้ว คาดว่าคนแรกที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงคิดถึงคงจะเป็ นคือสวีถงั หราน บางทีอาจไม่ตอ้ งให้
เหมียวอี้มาปิ ดปาก เซี่ ยโห้วหลงเฉิงอาจจะช่วยจัดการให้แทน
พื้นที่เล็กนิดเดียวแค่น้ ี ไม่เกินความสามารถในการค้นหาด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ ไม่นานก็เก็บเสร็ จแล้ว แต่
เขาก็ยงั ก้มหน้าหาต่อไป ข้างบนยังซ้อมไม่เสร็ จ เขาก็จะแกล้งเก็บไม่เสร็ จเหมือนกัน
สวีถงั หรานเทียบกับเหมียวอี้ไม่ติด เหมียวอี้ยงั มีทางหนีทีไล่ อย่างมากก็แค่ไปหลบที่พิภพเล็ก แต่สวี
ถังหรานไม่มีทางหนีทีไล่อะไร ตอนนี้ล่วงเกินเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเต็มที่แล้ว เขาทําได้เพียงกอดขาโค่วเห
วินหลานเอาไว้ให้แน่น เพื่อที่จะทําให้โค่วเหวินหลานเบิกบานใจ เขาเริ่ มลงมือรุ นแรงขึ้นเรื่ อย ๆ !
เมื่อเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงโดนซ้อมจนกระอักเลือดแล้ว โค่วเหวินหลานก็เอามือลูบจมูก แล้วบอกว่า
“พอแล้ว! หยุดเถอะ!” เขาเองก็กงั วลว่าจะซ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิงจนตาย
สวีถงั หรานเชื่อฟังมาก หยุดมือทันที เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เลือดไหลออกมุมปาก หอบหายใจชี้ไปที่เขา
พร้อมตะคอกด้วยสี หน้าดุร้าย “ไอ้ชาติหมา เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
สวีถงั หรานได้ยนิ แล้วกลุม้ ใจมาก รี บไปวิง่ ไปหาโค่วเหวินหลานแล้วประคองให้ลุกขึ้น ตั้งใจกอดขา
ประจบประแจง
โค่วเหวินหลานหันมองด้านล่าง “หนิวโหย่วเต๋ อ เก็บเสร็ จรึ ยงั ?”
เหมียวอี้ถลันตัวกลับมาทันที ตอบว่า “ตอนแรกยังหาได้ไม่ครบขอรับ”
“ที่นี่ไม่เหมาะจะอยูน่ าน หาไม่ครบก็ไม่ตอ้ งหาแล้ว” โค่วเหวินหลานทนไม่ไหว ต่อสู เ้ ข่นฆ่ากันแล้วมี
คนตายถือเป็ นเรื่ องปกติมาก แสดงนํ้าใจนิดหน่อยก็พอแล้ว เขาหันกลับไปแสยะยิม้ ใส่ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
“ไอ้หมีควายเน่า เจอกันที่ตลาดสวรรค์นะ!” กวักมือบอกใบ้วา่ จะไปแล้ว
“เฮยหวังเป็ นของข้า!” ขณะที่มองดูสวีถงั หรานประคองโค่วเหวินหลานเหาะออกไป เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง
ก็ร้องโวยวาย รู ้สึกไม่ยอมสุด ๆ
เหมียวอี้ที่เหาะตามขึ้นมาทีหลังฉวยโอกาสตอนที่โค่วเหวินหลานกับสวีถงั หรานไม่ได้สนใจ จู่ ๆ ก็
สะบัดมือโยนของสิ่ งหนึ่งให้เซี่ยโห้วหลงเฉิง จากนั้นก็รีบเหาะตามขึ้นไปบนฟ้ าอย่างรวดเร็ ว
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่ใช้แขนยันพื้นอึ้งไปชัว่ ขณะ ค่อย ๆ ก้มหน้ามองใต้แขนตัวเอง เป็ นสมุนไพรเซี ยนซิ ง
หัวหนึ่งต้น!
เหมียวอี้แอบโยนสมุนไพรเซียนซิงหัวให้เขาลับหลังโค่วเหวินหลานเหรอ? เซี่ ยโห้วหลงเฉิงคิดตามไม่
ทันไปชัว่ ขณะ คิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้วา่ เมื่อครู่ น้ ีเหมียวอี้ไม่ได้ซอ้ มเขา…
เหมียวอี้ที่อยูบ่ นฟ้ าก้มหน้ามองแวบหนึ่ง มองไปรอบ ๆ ภูเขาไฟด้านล่างที่ยงั มีควันดําลอยออกมา ใน
ใจรู ้สึกเสี ยดายอยูบ่ า้ ง ธงดํานัน่ คือสมบัติล้ าํ ค่านะ น่าเสี ยดายที่โดนโค่วเหวินหลานทําลายไปแล้ว
เมื่อเหาะมาถึงอวกาศ สวีถงั หรานประคองโค่วเหวินหลานเหาะ ส่ วนเหมียวอี้กไ็ ล่ตามมาเหาะเบิกทาง
อยูข่ า้ งหน้า จงใจเผยแผลตรงเอวให้โค่วเหวินหลานเห็นอย่างแนบเนียน
ตั้งใจขนาดนี้ โค่วเหวินหลานย่อมเห็นบาดแผลที่เปื้ อนเลือดสดตรงเกราะรบหลังเอวของเขาแล้ว
“แค่ก ๆ !” หลังจากสวีถงั หรานเหลือบไปเห็น ก็ไอดัง ๆ ทีหนึ่ง พร้อมใช้มือกุมที่หน้าท้อง ดึงดูดความ
สนใจให้โค่วเหวินหลานหันกลับมามอง เห็นท้องตรงเกราะรบที่มีรอยแยกมีบาดแผลจนแทบจะมีไส้
ไหลออกมา
โค่วเหวินหลานย่อมดูออกว่านี่คือบาดแผลที่เกือบทําให้เกิดอันตรายถึงชีวติ จะเห็นได้วา่ ตอนหลังต่อสู ้
กันดุเดือดขนาดไหน ทุ่มเทกําลังสู ส้ ุ ดชีวติ จริ ง ๆ
เขารู ้สึกทอดถอนใจอยูบ่ า้ ง พาคนมาด้วยเยอะขนาดนี้ แต่เหลืออยูแ่ ค่สองคน แถมทั้งคู่ยงั บาดเจ็บด้วย
นับว่าได้สมั ผัส นับว่าได้ประสบการณ์ความยากลําบากของทหารสวรรค์ที่เฝ้ ารักษาการณ์พ้นื ที่ต่าง ๆ
แล้ว จึงถามทั้งสองว่า “หลังจากข้าโดนขัง ข้างนอกเกิดเรื่ องอะไรขึ้น?”
ทั้งสองย่อมไม่บอกเรื่ องที่ฆ่ากันเอง บอกเพียงว่าทุกคนร่ วมแรงร่ วมใจปะทะเดือดกับเฮยหวัง ถึงได้
สยบเฮยหวังได้ ไม่ได้ช่วยพูดอะไรดี ๆ ให้คนที่ตายไปแล้วสักเท่าไร ถึงอย่างไรคนที่ตายไปแล้วก็ไม่มี
ส่ วนแบ่งในผลงาน
ตอนที่กลับถึงตลาดสวรรค์ที่ดาวเทียนหยวน ร่ างกายของโค่วเหวินหลานก็ฟ้ื นตัวกลับมาแล้ว แต่สิ่งที่
ทําให้โค่วเหวินหลานสะอิดสะเอียนก็คือ ล้างสี ดาํ ที่ติดอยูบ่ นตัวไม่ออก ต่อให้ร่ายอิทธิฤทธิ์กก็ าํ จัด
ไม่ได้ เขาเป็ นคนรักสะอาด จึงต้องคลุมหน้าเข้าเมือง
เหมียวอี้ยงั ดีหน่อย ล้างสี ดาํ บนตัวสะอาดได้อย่างง่ายดาย เขาเดาว่าสาเหตุที่โค่วเหวินหลานดําจนดู
ไม่ได้แบบนี้ เกี่ยวข้องกับการที่โดนขังอยูใ่ นธงดํา เขาพบว่าคําว่า ‘เฮยหวัง[1]’ ช่างเป็ นจริ งตามชื่อ ดํา
จนโค่วเหวินหลานทนไม่ไหว
เมื่อกลับถึงจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก โค่วเหวินหลานก็ไปรายงานผลงานที่ตาํ หนักคุม้ เมือง
ทันที เตรี ยมจะตักตวงผลงานให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ส่ วนทางด้านนี้ โค่วเหวินหลานเพิ่งจะออกไป เหมียวอี้กเ็ อ่ยเรี ยกทันที “พี่สวี!”
สวีถงั หรานกลัวเขานิดหน่อย กังวลตลอดว่าเจ้าบ้านี่จะฆ่าปิ ดปากเขา เมื่อเห็นเหมียวอี้ค่อย ๆ เข้ามา
ประชิด เขาก็ถอยหลังอย่างช้า ๆ พร้อมบอกว่า “น้องหนิว ไม่ตอ้ งห่วง เรื่ องที่ไม่ควรพูดข้าจะไม่พดู สัก
คํา ถ้าพูดออกไปก็ไม่เกิดผลดีอะไรกับข้า”
เหมียวอี้เองก็ไม่ออ้ มค้อม พูดตรง ๆ เลยว่า “ข้าค่อนข้างสนใจเขตเมืองตะวันออก เจ้าไปที่เขตเมือง
ตะวันตกก็แล้วกัน” เขาต้องอยากหาทางคุม้ ครองฝั่งอวิน๋ จือชิวอยูแ่ ล้ว
ที่แท้กเ็ รื่ องนี้ สวีถงั หรานโล่งใจ พยักหน้าบอกว่า “น้องหนิวทําผลงานได้เยอะ ย่อมต้องให้นอ้ งหนิ
วเลือกก่อน”
เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินออกมานอกโถง มองไปรอบ ๆ ด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย เขาอารมณ์ดีไม่เบา
ถึงแม้การเดินทางครั้งนี้จาํ ประสบอันตราย แต่หลังจากสูร้ บกลับได้วางรากฐานที่มนั่ คงให้ตวั เองที่
ตลาดสวรรค์แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานตนก็จะมีอาํ นาจตัดสิ นใจเรื่ องต่าง ๆ ในเขตพื้นที่น้ ี
พื้นที่หนึ่งในสี่ ของตลาดสวรรค์อยูใ่ นมือตนแล้ว!
สวีถงั หรานเดินมาข้างกายเขาแล้วยิม้ สู ้ “น้องหนิว เมื่อครู่ น้ ีเจ้าก็ได้ยนิ ที่ผบู ้ ญั ชาการโค่วบอกแล้ว
ความหมายของผูบ้ ญั ชาการโค่วก็คือ จะพิจารณาผลงานของเจ้ากับข้า สมบัติของพี่นอ้ งที่สูร้ บจนตาย
ให้พวกเราสองคนแบ่งกัน เจ้าว่าพวกเรามาแบ่งกันตอนนี้เลยดีม้ ยั ?”
เหมียวอี้พยักหน้า “ก็ได้!” พลิกมือนําแหวนเก็บสมบัติออกมาวงหนึ่ง แล้วโยนดีดไปให้เขา
สวีถงั หรานกระปรี้ กระเปร่ าทันที นับของที่อยูใ่ นแหวนอย่างเฝ้ าคอย หลังจากนับเสร็ จแล้ว ก็ถามอย่าง
หน้าดําครํ่าเครี ยดว่า “น้องหนิว เกรงว่าของของไม่ได้มีเท่านี้หรอกมั้ง?”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “พี่สวี ใช่วา่ เจ้าจะไม่รู้นะ ผูบ้ ญั ชาการโค่วรี บกลับมารับผลงาน ข้าเลย
หาได้ไม่ครบ ตอนนี้กห็ าได้เท่านี้แหละ ถ้าพี่สวีรังเกียจที่มนั น้อยไป ก็กลับไปหาที่เขาโอนเอนอีกรอบ
ก็ได้นะ แต่ขา้ จะขอแนะนําพี่สวีสกั คําว่า รักษาชีวติ ไว้ได้กไ็ ม่เลวแล้ว เกิดเป็ นคนอย่าโลภเกินไปนัก!”
ความหมายที่แฝงในคําพูดก็คือ ข้าไม่ฆ่าเจ้าทิ้งก็นบั ว่าเจ้าดวงชะตาแข็งแล้ว ยังคิดจะมาขอแบ่งจากข้า
อีกเหรอ?
มารดาเจ้าเถอะ! สวีถงั หรานแทบจะพ่นนํ้าลายใส่ หน้าเขา ข้างในมีอาวุธสิ บกว่าชิ้นและเกราะรบสิ บ
กว่าชิ้น ของอย่างอื่นน่าจะไม่มีแล้ว มีมูลค่าเพียงไม่เท่าไร แถมเป็ นเครื่ องมือของตําหนักสวรรค์ นํา
ออกมาขายก็ไม่สะดวก ต่อให้เจ้ายินดีขาย คนอื่นก็ไม่กล้ารับไว้!
ขนาดเขายังนับได้วา่ เหมียวอี้เก็บของไปเท่าไร ปกติในมือของทุกคนก็ไม่ได้มีสมบัติอะไรสักเท่าไร
แต่ที่สาํ คัญคือเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ฉวยโอกาสปล้นมาจากร้านค้าที่อยูใ่ กล้เคียง ทหารเลวทั้งเจ็ดได้
ส่ วนแบ่งไปคนละประมาณสามแสนล้านผลึกแดง รวม ๆ แล้วก็สองล้านล้านกว่า ส่ วนที่รองผู ้
บัญชาการทั้งสองได้ไปก็เท่ากับทั้งหมดที่ทหารเลวทั้งเจ็ดได้ไป ก็คือสองล้านล้านกว่า ทั้งยังมีของ
ลูกน้องวรยุทธ์บงกชทองอีกยีส่ ิ บกว่าคน ได้ส่วนแบ่งไปประมาณหนึ่งล้านล้าน
แค่นบั ของพวกนี้กไ็ ด้เกือบหกล้านล้านแล้ว นี่ยงั ไม่ได้นบั รวมสมบัติเดิมของแต่ละคนเข้าไป สมบัติ
ของลูกน้องเซี่ ยโห้วหลงเฉิงจะต้องตกอยูใ่ นมือเจ้าบ้านัน่ เหมือนกัน ทั้งยังมีสมบัติของลูกสมุนเฮยหวัง
อีก ทวนผลึกแดงก็โดนเจ้าบ้านัน่ ฮุบไปแล้ว ดังนั้นแล้ว สมบัติที่เจ้าบ้านัน่ ได้ไปก็มีมูลค่าอย่างน้อยหก
ล้านล้านผลึกแดง แต่กลับแบ่งให้ตวั เองนิดหน่อย ทําเกินไปจริ ง ๆ !
แต่กบั เรื่ องแบบนี้ เจ้าก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าอีกฝ่ ายซ่อนเอาไว้ แล้วยืนกรานว่าเก็บของได้ไม่เยอะ เจ้าจะ
กัดอีกฝ่ ายไม่ปล่อยได้เหรอ? อีกฝ่ ายบอกว่าเท่าไรก็ตอ้ งเท่านั้นสิ ทั้งสองดันก้นไม่สะอาดด้วยกันทั้งคู่
เขาเองก็ไม่กล้าไปฟ้ องขอความยุติธรรมจากโค่วเหวินหลาน ถ้าสู ก้ นั ขึ้นมาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสูข้ องอีก
ฝ่ าย
สมบัติที่มีมูลค่าหกล้านล้านผลึกแดงผลึกแดงเชียวนะ! สวีถงั หรานรู ้สึกเหมือนมีเลือดออกในใจ แต่ก็
ทําอะไรเหมียวอี้ ไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ ายยืนกรานว่าไม่มี แล้วเจ้าจะทําอะไรได้]jt? ต้องโทษที่ตอนนั้น
ตัวเองโง่เง่า นอกจากจะไม่ไปเก็บสมบัติแล้ว ยังจะไปล่วงเกินเซี่ ยโห้วหลงเฉิงแบบเต็มที่อีก
สวีถงั หรานโมโหจนอยากกระอักเลือด เกิดอารมณ์ชวั่ วูบอยากจะเอาหัวโขกกําแพงให้ตาย กัดฟัน
มองดูเหมียวอี้เดินเอามือไขว้หลังลงบันไดไปอย่างช้า ๆ !
เหมียวอี้เริ งร่ าราวกับมีดอกไม้เบ่งบานในใจ ครั้งนี้ร่ าํ รวยมหาศาลแล้วจริ ง ๆ ส่ วนของร้านขายของชํา
ซื่อตรงที่เสี ยไป นับว่าตักตวงกลับมาได้แล้ว!
เดิมทีคิดจะไปหาอวิน๋ จือชิว แต่คิดไปคิดมาก็ช่างเถอะ กลัวว่าสวีถงั หรานจะเล่นไม่ซื่อลับหลัง เขาต้อง
รอให้โค่วเหวินหลานกลับมาและทําเรื่ องนี้ให้เป็ นทําให้เป็ นรู ปธรรมก่อน
เขาจึงหลบคนและนําระฆังดารามาติดต่อกับอวิน๋ จือชิว บอกว่าตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่
ตอนนี้ยงั ติดธุระกลับจึงไปไม่ได้
ระหว่างทางตอนที่บอกให้อวิน๋ จือชิวรู ้ข่าว นางก็กาํ ชับให้เขาระวังตัว ตอนนี้กลับมาแล้วบอกให้นางรู ้
ก็นบั ว่าทําให้นางหายห่วงแล้ว
…………………………

[1] เฮยหวัง 黑王 หมายถึงราชาแห่งสี ดาํ


ตอนที่ 980

หมีควายอาละวาด

วันต่อมา เซี่ยโห้วหลงเฉิ งที่ตวั ดําเมี่ยมก็กลับมาถึงแล้วเช่นกัน บุกตรงมาฟ้ องร้องที่ตาํ หนักคุม้ เมือง!


ผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตกและตะวันออกที่ตวั ดําขลับสองคนกําลังเถียงกันอยูใ่ นตําหนักคุม้ เมือง
“เขายุยงให้สวีถงั หรานลูกน้องตัวเองมาลามปามทําร้ายร่ างกายข้าน้อย!”
“ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้ว อย่าพูดจาเหลวไหลแบบตาไม่กะพริ บสิ ต่อให้สวีถงั หรานใจกล้ากว่านี้ร้อยเท่าก็
ไม่กล้าแตะต้องเจ้า คําใส่ ร้ายป้ ายสี ใคร ๆ ก็พดู ได้ หลักฐาน! เจ้าต้องเอาหลักฐานออกมา!”
ผูช้ ายสองคนที่ดาํ ไปทั้งตัวจนเห็นแค่ฟันกับลูกตา ขณะที่มองดูพวกเขากําลังเถียงกันไม่หยุด ปี้ เยว่ฮู
หยินที่งดงามเย้ายวนกลั้นขํานิดหน่อย ฝื นกลั้นไว้ไม่ให้หวั เราะออกมา พอนางได้ยนิ แบบนั้น ก็ถาม
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งว่า “ผูบ้ ญั ชาการเซี่ยโห้ว เจ้าบอกว่าผูบ้ ญั ชาการโค่วแย่งผลงานเจ้า ทั้งยังยุยงให้คน
ซ้อมเจ้าด้วยเหรอ มีหลักฐานมั้ย?”
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งตอบอย่างคับแค้นใจว่า “ลูกน้องของข้าน้อยตายหมดแล้ว ไม่มีใครมาเป็ นพยานให้
เพียงหวังว่าท่านแม่ทพั ภาคจะตัดสิ นอย่างยุติธรรม!”
มีอะไรให้ตดั สิ นอย่างยุติธรรมอีกล่ะ ยังไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องทําร้ายร่ างกาย ปี้ เยว่ฮูหยินแสยะยิม้ ถามว่า
“ผูบ้ ญั ชาการเซี่ ยโห้ว ขนาดเจ้ายังบอกเลยว่าตัวเองเพิ่งต่อสูเ้ ป็ นครั้งแรก ลูกน้องตัวเองตายหมดแล้ว
ทั้งยังโดนเฮยหวังจับขังก่อนอีก เจ้ายังกล้าบอกอีกเหรอว่าตัวเองเป็ นคนจับเฮยหวัง คิดว่าฮูหยินเป็ นคน
โง่หรื อไง?”
“…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงอึกอัก ทําสี หน้าไม่ถูก
โค่วเหวินหลานส่ ายหน้าอยูข่ า้ ง ๆ กุมหมัดกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ฮูหยินช่างมีสายตาเฉี ยบคมดุจ
กระจกใส!”
ปี้ เยว่ฮูหยินเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง พบว่าบนตัวโค่วเหวินหลานมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย
เขาเคารพเกรงใจนางขึ้นเยอะมาก ทําตัวสมกับอยูใ่ นตําแหน่งใต้บงั คับบัญชา ถึงแม้จะไม่รู้วา่ ทําไมจู่ ๆ
ถึงมีการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยก็ทาํ ให้นางสบายใจ ในใจนางตัดสิ นใจอะไรบางอย่างได้แล้ว!
ปรากฏว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงบ่นอีกว่า “ฮูหยิน แต่เรื่ องที่เขายุยงลูกน้องคือเรื่ องจริ งนะ!”
“พอแล้ว! รอให้เจ้าหาหลักฐานเรื่ องนี้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!” ปี้ เยว่ฮูหยินยืนขึ้นอย่างช้า ๆ
สายตาจ้องไปที่โค่วเหวินหลาน “โค่วเหวินหลาน! การลงโทษเฮยหวังครั้งนี้ เจ้าได้สร้างผลงานไว้
ใหญ่หลวง! ฮูหยินคนนี้พดู คําไหนคํานั้น ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน ส่ งต่องานที่เขตเมืองตะวันออกให้
ชัดเจน หลังจากนี้สามวันไปรับตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ รักษาการณ์ตลาดสวรรค์!”
โค่วเหวินหลานโค้งกายทันที กุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยน้อมรับบัญชา!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยืนเอ๋ ออยูก่ บั ที่ เมื่อเห็นว่าปี้ เยว่ฮูหยินหันตัวจะเดินออกไป ตัวเองยังอยากก้าวขึ้นไป
พูดอะไรอีก แต่กลับถูกผูก้ ารสองขวางไว้ ทําให้อกสัน่ ขวัญแขวนทันที ในหัวคิดอยูอ่ ย่างเดียวว่า ไอ้
ตุง้ ติ้งกลายเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาของข้าแล้ว!
ปกติผบู ้ ญั ชาการใหญ่คุมพวกเขาสองคนไม่ได้เลย ดังนั้นเวลาทั้งสองมีเรื่ องอะไรก็จะมาหาปี้ เยว่ฮูหยิน
โดยตรง ตอนนี้จบเห่แล้ว โค่วเหวินหลานเป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่แล้ว อีกฝ่ ายต้องไม่เกรงใจเขาแน่นอน!
จู่ ๆ โค่วเหวินหลานก็พบว่าตัวดํานิดหน่อยก็ไม่เป็ นไร ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในตอนนี้ เขา
เหลือบมองเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่กาํ ลังยืนเอ๋ อแวบหนึ่ง แล้วเอามือไขว้หลังหันตัวเดินออกไป สี หน้าเยาะ
เย้ยยากที่จะปิ ดบังไว้ได้
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เดินออกจากตําหนักยังคงอกสัน่ ขวัญแขวน เดินมาถึงประตูร้านค้าร้านหนึ่งแล้วเงย
หน้า ถึงได้พบว่าตัวเองเดินมาถึงร้านค้าสมาคมวีรชนโดยไม่รู้ตวั
“ไปรายงานจวินโหรวหน่อย”
“ใคร?”
“ขนาดข้าเป็ นใครเจ้ายังไม่รู้จกั เลยเหรอ ข้าเซี่ยโห้วหลงเฉิง!” เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งแยกเขี้ยวยิงฟันตะคอก
ใส่ คนงานร้านค้าสมาคมวีรชน
คนงานตกใจ ตอนนี้ถึงได้สงั เกตเห็นว่าผีดาํ ตัวนี้คือเซี่ยโห้วหลงเฉิ งจริ ง ๆ ทําไมกลายสภาพเป็ นผีไป
แล้วล่ะ? คนงานรี บไปรายงาน ผ่านไปครู่ เดียวก็เชิญเขาเข้าไป
พอเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิ ง หวงฝู่ จวินโหรวก็ตกใจเหมือนกัน “เซี่ยโห้ว ได้ยนิ ว่าโค่วเหวินหลานก็ดาํ แล้ว
เหมือนกัน พวกเจ้าเป็ นอะไรไป?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหมือนจะค่อนข้างฮึกเหิ ม ใช้มือข้างหนึ่งคว้ามือหวงฝู่ จวินโหรว “จวินโหรว ไปกับข้า
เถอะ ออกไปจากที่นี่กบั ข้าเถอะ!”
“เซี่ยโห้วหลงเฉิง โปรดสํารวมด้วย!” หวงฝู่ จวินโหรวออกแรงสะบัดมือออก ก้าวถอยหลังไปอยูห่ ลัง
โต๊ะหิ นอีกด้านหนึ่งแล้วขมวดคิ้ว สี หน้าหงุดหงิด
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งยิม้ เผยฟันขาวสดใส ยิม้ อย่างน่าเวทนาพร้อมบอกว่า “ข้าแพ้แล้ว จวินโหรว ข้าแพ้ไอ้
ตุง้ ติ้งแล้ว ไอ้ตุง้ ติ้งกําลังจะกลายเป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ มันต้องไม่ปล่อยข้าไปแน่นอน
ต้องทําให้ขา้ อับอายเป็ นร้อย ๆ อย่างแน่ ข้าอยูท่ ี่ดาวเทียนหยวนต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าต้องออกไป! จวิน
โหรว ไปกับข้า แต่งงานกับข้าเถอะ!” เดินอ้อมโต๊ะตามเข้าไป
หวงฝู่ จวินโหรวรี บอ้อมหนี อาศัยให้โต๊ะกั้นเขาไว้ตลอด พลางคิดในใจว่า ถ้าข้าสามารถติดตามเจ้าไป
ได้ตามอําเภอใจ ถ้าสามารถแต่งงานได้ตามอําเภอใจ โอกาสก็คงไม่วนไปถึงเจ้าอยูด่ ี!
เมื่อไม่ได้คาํ ตอบที่ตวั เองต้องการ เซี่ ยโห้วหลงเฉิงก็ผดิ หวังมาก และโมโหมากเช่นกัน เดินออกจาก
ร้านค้าสมาคมวีรชนพร้อมสี หน้าเศร้าโศกคับแค้น…
ในห้องด้านหลังของตําหนักพ่อบ้าน สวีถงั หรานกําลังเอนกายนอนหลับตางีบอยูบ่ นเก้าอี้ บนใบหน้า
เจือด้วยรอยยิม้ บาง ๆ เรื่ องราวถูกกําหนดแล้ว โค่วเหวินหลานกําลังจะได้คุมทั้งตลาดสวรรค์ เจ้าตัว
บอกเขาและเหมียวอี้ไว้ชดั เจนแล้ว เป็ นอย่างที่ท้ งั สองปรารถนา คนหนึ่งคุมเขตเมืองตะวันตก คนหนึ่ง
คุมเขตเมืองตะวันออก
เบื้องบนมีคนจ้องอย่างได้ตาํ แหน่งของสองเขตนี้แล้ว ต้องทราบไว้วา่ สําหรับตลาดสวรรค์สาขาต่าง ๆ
ที่อยูใ่ นเก้าโลก นอกจากตําหนักสวรรค์กบั แดนสุ ขาวดี สถานที่ที่ราชันสวรรค์และประมุขพุทธะคุม
ย่อมเทียบไม่ติดอยูแ่ ล้ว ในจํานวนนั้นนับว่าตลาดสวรรค์ร่ าํ รวยที่สุด เศรษฐีแทบทุกคนของแดนฝึ กตน
ล้วนมารวมตัวกันที่ตลาดสวรรค์ ตลาดสวรรค์คือสถานที่ของมหาเศรษฐีอย่างแท้จริ ง ผูบ้ ญั ชาการเขต
ของตลาดสวรรค์คือตําแหน่งที่ร่ าํ รวยแน่นอน เป็ นตําแหน่งที่คนมากมายอยากจะวางแผนช่วงชิง ถ้า
เปลี่ยนเป็ นคนอื่นก็ไม่มีทางทนแรงกดดันนี้ไหวเลย มีแค่เจ้านายที่มีอาํ นาจหนุนหลังแข็งแกร่ งอย่าง
โค่วเหวินหลานเท่านั้น ถึงจะทนแรงกดดันแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเขากับหนิวโหย่วเต๋ อคงไม่มีส่วนกับ
สองตําแหน่งนี้หรอก
ในใจสวีถงั หรานชื่นมื่นมาก! ขนาดนอนหลับฝันก็ยงั ยิม้ ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเรื่ องนี้ข้ ึน คนที่ไม่มี
ทั้งเส้นสายและไม่มีท้ งั ภูมิหลังอย่างตน ก็ไม่รู้จริ ง ๆ ว่าวันไหนจะได้ข้ ึนนัง่ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขต
ของตลาดสวรรค์ ต่อให้ไต่เต้ามาได้จนถึงระดับนี้ แต่กไ็ ม่มีทางที่จะได้ข้ ึนตําแหน่งที่สามารถตักตวง
ผลประโยชน์ได้เยอะแบบนี้!
ขอเพียงต่อไปนี้ตามติดโค่วเหวินหลานไว้ หากโค่วเหวินหลานได้เลื่อนตําแหน่งสู งกว่านี้อีก ก็อาจจะ
มีวนั ที่ตนได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์กไ็ ด้ เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋ อเป็ นคู่แข่งที่ร้ายกาจ
มาก!
พอนึกถึงเหมียวอี้ สวีถงั หรานก็ขมวดคิว้ เล็กน้อยทั้ง ๆ ที่กาํ ลังยิม้ อยู่ ตอนนี้ผบู ้ ญั ชาการโค่วคงจะกําลัง
ส่ งต่องานให้หนิวโหย่วเต๋ อกระมัง?
เมื่อนึกถึงเหมียวอี้ ก็นึกถึงสมบัติที่เหมียวอี้ตกั ตวงมามากมายแต่ไม่แบ่งให้ตนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในใจรู ้สึกเอือมมาก
แต่ไม่นานก็ปลอบใจตัวเองได้ แค่น้ ีกน็ บั ว่าเป็ นความโชคดีที่อยูใ่ นความโชคร้ายแล้ว เพราะคนพวก
นั้นที่ตายไปก็ไม่ได้อะไรเลย ตัวเองเหยียบศพคนพวกนั้นเพื่อขึ้นสู่ ตาํ แหน่ง ขอเพียงได้นงั่ ตําแหน่งผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันตก ขอเพียงได้มีอาํ นาจ ของที่ควรจะมีกจ็ ะได้มี ลําพังแค่สินบนที่พวกร้านค้า
นํามาให้ในแต่ละปี แค่คิดก็ทาํ ให้เขานํ้าลายไหลแล้ว
“นายท่าน! ข้างนอกมีคนมาหาท่าน!” ทหารสวรรค์เกราะเงินคนหนึ่งเดินมารายงานข้างกายเขา
ก็ช่วยไม่ได้ นักพรตบงกชทองของเขตเมืองตะวันตกและตะวันออกตายหมดแล้ว คนที่วงิ่ เต้นทํางาน
ในตอนนี้ลว้ นเป็ นทหารสวรรค์เกราะเงินทั้งหมด
“ใครมาหา?” สวีถงั หรานลืมตาถาม
ทหารสวรรค์คนนั้นส่ ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ เขาบอกเพียงว่าเป็ นสหายเก่าของท่าน ไม่ยอมเปิ ดเผย
ที่มาที่ไป”
“สหายเก่า?” สวีถงั หรานลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก กําลังครุ่ นคิดว่าเป็ นใคร
เมื่อมาถึงประตูใหญ่ของผูบ้ ญั ชาการ เขาก็มองไปรอบ ๆ แวบหนึ่ง แต่กไ็ ม่เห็นเงาใคร อดไม่ได้ที่จะ
ถามทหารยาม “คนล่ะ?”
“ไปแล้วขอรับ!” ทหารยามตอบ
“ไปแล้ว?” สวีถงั หรานงุนงง ขณะกําลังยืนเหลียวซ้ายแลขวา จู่ ๆ ก็เงยหน้าและเบิกตากว้าง เห็นคนคน
หนึ่งพุง่ ลงมาจากฟ้ า ควงดาบฟันเข้ามาอย่างเกรี้ ยวกราด “ไอ้โจรสุ นขั รับความตายซะเถอะ!”
ผูท้ ี่ลอบโจมตีตวั ดําเมี่ยม นอกจากเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งแล้วจะมีใครอีก!
สวีถงั หรานตกใจแทบแย่ ต่อให้หลับฝันก็นึกไม่ถึงว่าหมาบ้าจะกล้าเข้ามาลงมือที่นี่โดยตรง เข้าถลัน
ตัวอยากจะหลบ แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเตรี ยมการมาอย่างดี ฉวยโอกาสโจมตีตอนเขาไม่ทนั ตั้งตัว ด้วย
ความเร็ วอย่างเขา ถ้าอยากจะหลบเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้พน้ ก็ตอ้ งเคี่ยวเข็ญพอสมควร
ขณะที่ลุกลี้ลุกลนหลบหลีก เขาก็โบกดาบต้านไว้ พร้อมตะโกนร้องว่า “ผูบ้ ญั ชาการช่วยข้าด้วย!”
ตอนนี้นกั พรตบงกชทองของที่นี่ตายเกือบหมดแล้ว ยังหาคนมาเติมไม่ครบ นอกจากโค่วเหวินหลานก็
ไม่มีใครแล้วที่ช่วยเขาได้ และเขาก็ไม่ได้หวังว่าเหมียวอี้จะมาช่วยเขาด้วย
ทหารยามที่อยูส่ องฝั่งพุง่ เข้ามาช่วยเหลือ แต่กลับโดนพลังอิทธิฤทธิ์ของเซี่ยโห้วหลงเฉิ งจนสะเทือน
ออกไป นักพรตบงกชม่วงจะต้านทานเขาไหวได้อย่างไร
ในมือของเซี่ยโห้วหลงเฉิ งคือดาบผลึกแดงขั้นห้า อาวุธในมือสวีถงั หรานจะต้านทานไหวได้อย่างไร
เสี ยงดังเพล่ง อาวุธโดนฟันจนขาดเป็ นสองท่อน สวีถงั หรานก็เกือบโดนฟันร่ างจนขาดสองท่อน
เหมือนกัน โชคดีที่เบี่ยงตัวหลบทันที
“อา!” แต่กย็ งั โดนฟันจนกรี ดร้องออกมา แขนข้างหนึ่งรวมทั้งบ่าครึ่ งหนึ่งโดนฟันกระเด็นแล้ว เลือด
สดสาดพุง่ ออกมา คมดาบแทบจะเฉียดผ่านศีรษะของเขาไป
สวีถงั หรานตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ กลิ้งหลายตลบและลุกขึ้นหนีเอาชีวติ รอดอย่างบ้าคลัง่ เซี่ ยโห้วหลง
เฉิ งพุง่ เข้าไปในจวนผูบ้ ญั ชาการแล้ว ไล่สงั หารต่อไป!
โชคดีที่โค่วเหวินหลานได้ข่าวและออกมาดู แทงทวนสกัดเซี่ ยโห้วหลงเฉิงอย่างเกรี้ ยวกราด ดาบและ
ทวนของทั้งสองกําลังยันกัน โค่วเหวินหลานตะคอกอย่างเดือดดาล “ไอ้หมีควาย เจ้ามันใจกล้านัก
นะ!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงโผล่ซา้ ยแฉลบขวา โค่วเหวินหลานดึงแขนเขาไว้ขา้ งหนึ่งไม่ยอมปล่อย พัวพันเขา
เอาไว้
เหมียวอี้ที่กาํ ลังรับงานต่อจากโค่วเหวินหลานวิง่ ตามออกมาด้วย เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาก็
ตกใจมากเช่นกัน
สวีถงั หรานรี บหนีมาหลบข้างหลังเขา “น้องหนิวช่วยข้าด้วย!”
ช่วยบ้าอะไรล่ะ! หมีควายตัวนี้เป็ นบ้าไปแล้ว เห็นได้ชดั ว่ามีความแค้นต้องชําระ ขนาดข้ายังไม่เลยว่า
จะไปหลบที่ไหน! เหมียวอี้เผยทวนออกมาเตรี ยมป้ องกัน
กลางวันแสก ๆ ทหารยามของตลาดสวรรค์กไ็ ม่ใช่เล่น ๆ รู ้วา่ ฝ่ ายตัวเองขาดคนชัว่ คราว บนฟ้ ามีคน
เหาะมากลุ่มหนึ่ง มาพร้อมกับเชือกมัดเซี ยนหลายเส้น แล้วมัดเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งที่โดนโค่วเหวินหลาน
พัวพันอยูโ่ ดยตรง
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งโดนทหารสวรรค์หลายคนควบคุมและยังคงดิ้นรน เขาถลึงตาจ้องสวีถงั หรานพร้
อมตะโกนอย่างเดือดดาล “ชาติสุนขั ! บังอาจมาซ้อมข้า นับว่าวันนี้เจ้าดวงชะตาแข็ง เจ้าคอยดูเถอะ!”
เขาถูกลากออกไปพร้อมเสี ยงคํารามที่ดงั ก้อง
ขณะที่มองเซี่ยโห้วหลงเฉิ งถูกลากออกไป โค่วเหวินหลานก็รู้สึกจนใจเหมือนกัน สัง่ สอนเซี่ ยโห้ว
หลงเฉิงยังพอทําได้ แต่ถา้ จะให้ฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจริ ง ๆ เขาเองก็ไม่รู้จะแก้ตวั อย่างไรเหมือนกัน
เช่นเดียวกัน เซี่ยโห้วหลงเฉิงเองก็ไม่กล้าฆ่าเขา
ตามกฎแล้ว พฤติกรรมแบบเซี่ยโห้วหลงเฉิงต้องโดนประหารคาที่ แต่โค่วเหวินหลานยังไม่ได้รับ
ตําแหน่งคุมตลาดสวรรค์ ไม่มีอาํ นาจลงโทษผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก จึงผลักให้ตาํ หนักคุม้ เมือง
ไปลงโทษ
โค่วเหวินหลานหันกลับมา เห็นเหมียวอี้เข้าไปประคองสวีถงั หรานแล้ว กําลังถามไถ่ดว้ ยความเป็ น
ห่วง
โดนฟันแขนไปข้างหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ตาย แต่กท็ าํ ให้สวีถงั หรานสูญเสี ยพลังปราณไปมาก ย่อมถูก
ประคองไปพักฟื้ นทันที
เรื่ องนี้โค่วเหวินหลานก็ตอ้ งรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะพูดต่อหน้าทุกคนไปแล้ว แขนข้างที่สวีถงั
หรานเสี ยไป เขาจะเป็ นคนชดเชยให้ จะทําให้งอกออกมาให้เร็ วที่สุด
จากนั้นเหมียวอี้กต็ ามโค่วเหวินหลานออกมา หลังจากเรี ยกลูกน้องมาถามสถานการณ์จนรู ้ชดั แล้ว ใน
ใจเหมียวอี้กร็ ู ้สึกหนาวนิดหน่อย โชคดีที่อีกฝ่ ายไม่ได้พงุ่ เป้ ามาหาเขา โชคดีที่เขาไม่ได้ลงมือตอนอยูท่ ี่
เขาโอนเอน ไม่อย่างนั้นทั้งแค้นใหม่แค้นเก่ารวมกันคงแย่แน่!
พอนึกขึ้นได้วา่ เซี่ยโห้วหลงเฉิ งล่อสวีถงั หรานออกไป ไม่ได้มาหาเหมียวอี้ ในใจเหมียวอี้กแ็ อบขํา
ความแค้นส่ วนใหญ่ยา้ ยไปที่ตวั สวีถงั หรานแล้วจริ ง ๆ ด้วย
เรื่ องนี้ชดั เจนมาก เซี่ยโห้วหลงเฉิงรู ้วา่ ตัวเองเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตกต่อไปไม่ได้แล้ว จะซ้าย
หรื อขวาก็เป็ นไม่ได้ ในภายหลังจะไปหาเรื่ องอีกฝ่ ายไม่ได้อีก ไม่สูต้ อนนี้เป็ นฝ่ ายรุ กเสี ยเองดีกว่า ถือ
โอกาสล้างแค้นไปเสี ยเลย!
“หมีควายตัวนี้มนั เจ้าคิดเจ้าแค้น ต่อไปเจ้าก็ระวังตัวหน่อย!” โค่วเหวินหลานหันกลับมาสัง่
“ขอรับ!” เหมียวอี้กมุ หมัดรับคําสัง่ ย่อมไม่พดู เรื่ องที่ตวั เองแอบโยนสมุนไพรเซี ยนซิ งหัวให้เซี่ ยโห้ว
หลงเฉิงอยูแ่ ล้ว
ถึงแม้สมุนไพรเซียนซิ งหัวต้นเดียวจะไม่ได้มีค่าอะไรกับเซี่ยโห้วหลงเฉิ ง แต่ประเด็นสําคัญคือให้ได้
ถูกจังหวะเวลา ถ้าไปเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[1]ก็ไม่มีประโยชน์ ส่ งถ่านให้กลางหิ มะ[2]ต่างหากถึง
จะเป็ นเวลาที่ยอดเยีย่ ม ถึงจะทําให้คนจดจําได้อย่างลึกซึ้ง ดูจากวันนี้แล้วก็พอจะได้ผลอยูบ่ า้ งนิด
หน่อย
…………………………
[1] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย 锦上添花 หมายถึงการประดับตกแต่งสิ่ งที่สวยงามอยูแ่ ล้วให้
สวยงามยิง่ ขึ้นไปอีก เปรี ยบเปรยถึงการกระทําที่ไม่จาํ เป็ น

[2] ส่ งถ่านให้กลางหิ มะ 雪中送炭 หมายถึงให้ความช่วยเหลือในยามคับขัน


ตอนที่ 981

กระโดดขึน้ สองขั้น

เซี่ยโห้วหลงเฉิ งวิง่ มาอาละวาด คนแรกที่ตอ้ งการจะทําร้ายไม่ใช่เหมียวอี้ แต่เป็ นสวีถงั หราน แค่น้ ีก็
เพียงพอที่จะทําให้เหมียวอี้แอบร่ าเริ งได้หลายวัน
ไม่ใช่แค่ร่าเริ งได้หลายวัน แต่เรื่ องดีที่แท้จริ งมาถึงแล้ว เมื่ออยูใ่ นสถานการณ์ล่อแหลมแล้วพลิกวิกฤต
ช่วยชีวติ ตัวเองไว้ได้ ช่วงเวลาอันงดงามที่แลกมาด้วยชีวติ ก็มาถึงเสี ยที
อาการบาดเจ็บของสวีถงั หรานยังไม่หายดี แต่กย็ งั กัดฟันไปที่จวนผูบ้ ญั ชาการใหญ่พร้อมกับเหมียวอี้
บ่าข้างหนึ่งไม่สามารถงอกออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วนั แต่เวลาที่จะได้เลื่อนขั้นเป็ นเศรษฐีมาถึงแล้ว
ต่อให้คลานเขาก็จะต้องคลาน มีหรื อที่จะพลาด!
ในจวนผูบ้ ญั ชาการใหญ่ โค่วเหวินหลานนัง่ อยูบ่ นบัลลังก์ เกราะรบเปลี่ยนเป็ นเกราะทองหกแถบแล้ว
ประกอบกับคนที่ตวั ดําเมี่ยม กลับทําให้ดูน่าเกรงขามขึ้นหลายส่ วน แต่พอเขาสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมา
เหมียวอี้กอ็ ยากจะอาเจียน รู ้สึกสะอิดสะเอียนเกินทน… เดิมทีผชู ้ ายที่ทาํ ตัวตุง้ ติ้งก็น่าสะอิดสะเอียด
พอแล้ว มิหนําซํ้ายังเป็ นผูช้ ายที่ตวั ดําขนาดนี้อีก!
แต่ไม่วา่ จะพูดอย่างไร โค่วเหวินหลานก็ได้อยูใ่ นจุดสู งสุ ดของทหารเลวแล้ว ถ้าทหารเลวหกแถบก้าว
ขึ้นไปอีกขั้น ก็จะได้เป็ นแม่ทพั หนึ่งแถบแล้ว!
ทางซ้ายและขวามีคนนําเกราะรบชุดหนึ่งมาส่ งให้ตรงหน้าเหมียวอี้และสวีถงั หราน ทั้งสองรับของมา
แล้วเปลี่ยนใส่ ตรงนั้น
ทหารยศตํ่าทั้งสองกระโดดข้ามตําแหน่งรองผูบ้ ญั ชาการไปเป็ นผูบ้ ญั ชาการโดยตรง เท่ากับกระโดด
ข้ามสองขั้นในรวดเดียว แบบนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปกติ ยังต้องขอบคุณโค่วเหวินหลาน เป็ น
เพราะโค่วเหวินหลานพยายามช่วงชิงมาให้ท้ งั สอง ประการแรกเป็ นเพราะโค่วเหวินหลานรับปากพวก
เขาไว้แล้ว ประการต่อมา การที่โค่วเหวินหลานได้เลื่อนขั้นในครั้งนี้ ก็เป็ นเพราะอาศัยให้พวกเขาสอง
คนเสี่ ยงชีวติ จับตัวเฮยหวัง
อย่างน้อยสถานการณ์ที่โค่วเหวินหลานรู ้วา่ ก็เป็ นแบบนี้
นอกจากนี้ คนมากมายที่พาออกไปด้วยก็ตายเกือบหมดแล้ว เหลือคนที่รอดกลับมากับเขาแค่สองคน
ไม่ตอ้ งพูดเลยว่าในใจรู ้สึกผิดขนาดไหน อย่างน้อยการต่อสู เ้ ข่นฆ่าจนมาถึงขั้นนี้ ถ้าไม่ตบรางวัลหนัก
ๆ ก็กลัวว่าจะทําให้ลูกน้องท้อแท้ผดิ หวัง
ยิง่ ไปกว่านั้น ทุกบ้านย่อมมีวธิ ีการดูแลควบคุมเด็ก ๆ ของบ้านตัวเอง และต้องแสดงให้คนอื่นเห็นด้วย
ว่าคนที่ทุ่มเททํางานรับใช้ขา้ ข้าจะไม่ปฏิบตั ิดว้ ยอย่างขาดความยุติธรรม พวกเจ้าดูพวกเขาสองคนสิ
ข้าเลื่อนขั้นให้พวกเขาสองขั้นติดต่อกันเลย!
นี่กค็ ือแบบอย่างที่ดี คนอื่นเห็นแล้วย่อมอิจฉาตาร้อน ในภายหลังย่อมทุ่มเททํางานรับใช้เขา!
สําหรับโค่วเหวินหลาน สิ่ งเดียวที่น่าเสี ยดายก็คือวรยุทธ์ของทั้งสองตํ่าไปหน่อย โดยเฉพาะเหมียวอี้
เพิ่งวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่ง การให้เหมียวอี้เป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก เขาก็ตอ้ งแบกความ
กดดันไว้เยอะมากจริ ง ๆ แต่กไ็ ม่เป็ นไร เขามอบปั จจัยให้ท้ งั สองคน ย่อมเป็ นทรัพยากรฝึ กตน เชื่อว่า
ทั้งสองต้องวรยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ วแน่นอน
เกราะรบของทหารเลวห้าแถบ สี ทองอร่ ามงามตากึ่งโปร่ งแสง ราวกับหยกสี เหลือง เมื่อสวมไว้บนตัว
ดูมีสง่าราศีจริ ง ๆ แบบสี ทองคําบริ สุทธิ์ดูบา้ นนอกไปหน่อย
อาวุธก็เปลี่ยนด้วยเหมือนกัน แจกจ่ายทวนยาวและดาบยาวสี อาํ พันให้ท้ งั สอง ทั้งยังเป็ นอาวุธขั้นสี่ ดว้ ย
ส่ วนแบบขั้นห้าแจกให้แม่ทพั เท่านั้น ส่ วนขั้นหกก็เป็ นของแม่ทพั ใหญ่
เล่าหนานซง กงอวีเ่ ฟย ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผูช้ ่วยของโค่วเหวินหลาน และเป็ นรองผูบ้ ญั ชาการใหญ่
เช่นกัน ผูช้ ่วยสองคนของโค่วเหวินหลานไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยโค่วเหวินหลาน เป็ นปี้ เยว่ฮูหยินที่
แต่งตั้งให้เอง ก็เหมือนกับรองผูบ้ ญั ชาการหงกับรองผูบ้ ญั ชาการซุนก่อนหน้านี้ ไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันออกเช่นกัน เป็ นผูบ้ ญั ชาการใหญ่แต่งตั้งให้โดยตรง นับว่าเป็ นวิธีการหนึ่งที่
เบื้องบนใช้ควบคุมเบื้องล่าง
แต่รองผูบ้ ญั ชาการใหญ่สงท่านนี้กเ็ ป็ นผูช้ ่วยของอดีตผูบ้ ญั ชาการใหญ่เช่นกัน ปี้ เยว่ฮูหยินโยกย้ายแค่ผู ้
บัญชาการใหญ่ออกไป ไม่ได้แตะต้องผูช้ ่วยสองคนนี้
มู่หรงซิ งหัว หยางไท่ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แบ่งเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือและผูบ้ ญั ชาการเขตเมือง
ใต้ เห็นได้ชดั ว่าทั้งสองก็มีอาํ นาจหนุนหลังเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตของ
ตลาดสวรรค์ได้เลย เพียงแต่คนหนุนหลังไม่ได้ใหญ่เท่าโค่วเหวินหลานแค่น้ นั เอง ไม่อย่างนั้น
ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่กค็ งไม่ตกมาถึงโค่วเหวินหลานเหมือนกัน
ทั้งสี่ แสดงความยินดีที่เหมียวอี้และสวีถงั หรานได้ข้ ึนรับตําแหน่ง เหมียวอี้ยอ่ มกุมหมัดแสดงความ
ขอบคุณ ส่ วนสวีถงั หรานแขนหายไปข้างหนึ่ง แขวนชุดเกราะไว้ชุดหนึ่ง ทําได้เพียงใช้ฝ่ามือข้างเดียว
ประทับอกแสดงการขอบคุณ
หลังจากพูดคุยและให้กาํ ลังใจกัน โค่วเหวินหลานก็ยนื ขึ้นกล่าวว่า “ทุกคนรู ้จกั กันแล้ว ไม่ตอ้ งคุยอะไร
กันเยอะแล้ว ตามข้าไปเยีย่ มคารวะท่านแม่ทพั ภาคในตําหนัก!”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับคําสัง่ และตามเข้าไป
ท่านแม่ทพั ที่กล่าวถึงก็คือปี้ เยว่ฮูหยิน
ระบบของตําหนักสวรรค์ ราชันสวรรค์และราชินีสวรรค์ใหญ่ที่สุด รองลงมาก็คือสี่ อ๋องสวรรค์ สิ บ
สองจอมพล สามสิ บหกเทพประจําดาว เจ็ดสิ บสองโหว พวกนี้ลว้ นเป็ นนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์
อนันตภาพ และแน่นอน ตําหนักสวรรค์ไม่ได้มีแค่นกั พรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพพวกนี้ พวกเขา
เป็ นเพียงขุนนางในตําแหน่งหลักเท่านั้น สมาชิกอิสระระดับเดียวกันยังมีพวกเทพเซี ยนกับเซี ยน
อาวุโสด้วย แล้วก็มีพวกตําแหน่งรอง แต่ตาํ แหน่งพวกนี้ค่อนข้างไร้อาํ นาจ ไม่ได้กมุ อํานาจ
ผลประโยชน์เหมือนพวกตําแหน่งหลักเท่านั้นเอง อํานาจที่แท้จริ งของตําหนักสวรรค์กอ็ ยูใ่ นมือของ
หนึ่งร้อยยีส่ ิ บหกตําแหน่งนี้
ตําแหน่งที่อยูใ่ ต้เจ็ดสิ บสองโหวลงมามีจาํ นวนเยอะเกินไป ล้วนถูกแบ่งควบคุมโดยเจ็ดสิ บสองโหว
การแต่งตั้งเพิม่ หรื อถอดออกล้วนขึ้นอยูก่ บั การตัดสิ นใจของเจ็ดสิ บสองโหว แล้วค่อยรายงานขึ้นไป
ตําแหน่งที่อยูใ่ ต้เจ็ดสิ บสองโหวก็คือหัวหน้าภาค หัวหน้าภาคคนหนึ่งจะคุมหนึ่งน่านฟ้ า อย่างเช่น
อาณาเขตดาวที่ผา่ นประตูดวงดาวมาจนถึงดาวเทียนหยวน และดาวเทียนหยวนเองก็เป็ นเพียงดาว
เคราะห์ดวงหนึ่งในอาณาเขตดาวผืนนี้เท่านั้น
ใต้หวั หน้าภาคก็คือระดับแม่ทพั ภาคอย่างปี้ เยว่ฮูหยิน ทําหน้าที่ดูแลรักษาการณ์ท้ งั ดาวเทียนหยวน
ส่ วนหัวหน้าของปี้ เยว่ฮูหยิน ก็คือหนึ่งในเจ็ดสิ บสองโหว และเป็ นหัวหน้าของหัวหน้าของนางเช่นกัน
ภูมิหลังของปี้ เยว่ฮูหยิน ถ้าเทียบกับนักพรตทัว่ ไปก็นบั ว่าทระนงองอาจแล้ว ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะได้
นัง่ ตําแหน่งที่รายได้ดีแบบนี้
แน่นอน ไม่ใช่วา่ ดาวเคราะห์ทุกดวงจําเป็ นต้องแต่งตั้งแม่ทพั ภาค ต้องดูวา่ ดาวเคราะห์ดวงนั้นสามารถ
สร้างผลประโยชน์ได้หรื อไม่ คุม้ ค่าที่จะส่ งคนจํานวนมากไปรักษาการณ์หรื อไม่ ยกตัวอย่างเช่นผูท้ ี่คุม
ดาวไร้ลกั ษณ์ นัน่ คือเทพแห่งภูผาที่อยูใ่ นระดับผูบ้ ญั ชาการ และเป็ นเทพแห่งภูผาของเกาะศักดิ์สิทธิ์
นั้นด้วย
เป็ นเพราะดาวไร้ลกั ษณ์มีเกาะศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็ นเหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ แม้แต่คน
ระดับผูบ้ ญั ชาการก็ไม่มีเลย แค่แต่งตั้งพวกเทพเจ้าที่ ผีหลักเมืองไว้จาํ นวนหนึ่งก็พอแล้ว ที่ยงิ่ กว่านั้นก็
คือ ถ้าเป็ นดาวเคราะห์ที่ไม่มีความจําเป็ นเลย แม้แต่ขนุ นางเล็ก ๆ ของตําหนักสวรรค์กไ็ ม่มีเลยสักคน
ตําแหน่งที่อยูใ่ ต้แม่ทพั ภาคก็คือผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ที่ต่าํ กว่านั้นก็คือผูบ้ ญั ชาการ ผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการ ผู ้
บังคับการกองร้อย ผูบ้ งั คับการกองห้า ส่ วนตําแหน่งรองอื่น ๆ ไม่บนั ทึกรวมอยูใ่ นนั้น
ตามการจัดระบบที่สมบูรณ์ของตําหนักสวรรค์ ใต้แม่ทพั ภาคหนึ่งคนจะมีผบู ้ ญั ชาการใหญ่สิบคน ใต้ผู ้
บัญชาการใหญ่หนึ่งคนก็จะมีผบู ้ ญั ชาการอีกสิ บคน ใต้ผบู ้ ญั ชาการหนึ่งคนก็จะมีผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการอีก
สิ บคน ลดหลัน่ กันไปแบบนี้ แต่ที่ดาวเทียนหยวนไม่จาํ เป็ นต้องวางกําลังคนไว้มากมายขนาดนั้นเลย
แต่จาํ เป็ นต้องมีคนที่ศกั ยภาพเท่าเทียมกันมารักษาการณ์ ดังนั้นใต้แม่ทพั ภาคอย่างปี้ เยว่ฮูหยินจึงมีผู ้
บัญชาการใหญ่แค่คนเดียว และใต้ผบู ้ ญั ชาการใหญ่กม็ ีผบู ้ ญั ชาการแค่หา้ คน หนึ่งในนั้นมาเฝ้ าคุมอยูท่ ี่
ตําหนักคุม้ เมืองของปี้ เยว่ฮูหยิน เป็ นลูกน้องคนสนิทของปี้ เยว่ฮูหยิเช่นกัน โค่วเหวินหลานเองก็ไป
ควบคุมไม่ได้ ส่ วนใต้ผบู ้ ญั ชาการอีกสี่ คนก็มีผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการแค่หกคน ใต้ผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการแต่ละคน
ก็จะมีผบู ้ งั คับการกองร้อยสี่ คน ใต้ผบู ้ งั คับการกองร้อยก็จะมีผบู ้ งั คับการกองห้าอีกสองคน หนึ่งกอง
ห้าที่รวมผูบ้ งั คับการกองห้าไว้ในนั้นก็มีท้ งั หมดสิ บคน
ตามกฎแล้ว เดิมทีเหมียวอี้สามารถบัญชาการทหารสวรรค์หนึ่งหมื่นนาย แต่อยูท่ ี่นี่มีแค่หา้ ร้อยนาย
เท่านั้น นี่คือสิ่ งที่จดั ตามปัจจัยและความจําเป็ น การเลี้ยงคนจํานวนมากคือสิ่ งที่ไม่จาํ เป็ น แต่
ผลประโยชน์ที่ได้กไ็ ม่นอ้ ยกว่าผูบ้ ญั ชาการตามระบบแน่นอน
ที่จริ งแล้วตําหนักคุม้ เมืองคือตําหนักของผูบ้ ญั ชาการใหญ่แห่งตลาดสวรรค์ แต่จนใจที่ป้ ี เยว่ฮูหยินอ
ยากจะอยูท่ ี่นี่ ก็ช่วยไม่ได้ นี่คือแหล่งที่มีปัจจัยการดํารงชีวติ ดีที่สุดของดาวเทียนหยวน สามีของนาง
เป็ นหนึ่งในเจ็ดสิ บสองโหวของตําหนักสวรรค์ ใครจะไม่ไว้หน้านางได้ล่ะ
ต่อให้คนหนุนหลังจะใหญ่กว่านี้กส็ ู ค้ นในตําแหน่งไม่ได้ โค่วเหวินหลานคงไล่ป้ ี เยว่ฮูหยินออกไป
ไม่ได้เช่นกัน อิงตามกฎข้อบังคับ หนึ่งในสามส่ วนของตําหนักคุม้ เมืองข้างหน้าคือที่อยูข่ องเขา สอง
ในสามส่ วนที่อยูข่ า้ งหลังคือที่อยูข่ องปี้ เยว่ฮูหยิน
คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่ตาํ หนักหลัง โค่วเหวินหลานนับว่านํากําลังหลักของตัวเองมาแนะนําตัวอย่างเป็ น
ทางการแล้ว หลังจากปี้ เยว่ฮูหยินให้โอวาทเสร็ จ สายตาก็ไปหยุดอยูท่ ี่เหมียวอี้ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้
บาง ๆ “หนิวโหย่วเต๋ อ ไม่ได้เจอกันเป็ นครั้งแรก ภาพที่เจ้าขายเครื่ องประดับให้ขา้ ในปี นั้น ข้ายังจําได้
อยูเ่ ลย นึกไม่ถึงว่าชัว่ พริ บตาเดียวก็กลายเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว”
“ล้วนเป็ นเพราะผูบ้ ญั ชาการใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือ ข้าน้อยจะตั้งใจทําหน้าที่ตวั เองให้ดีที่สุดขอรับ”
เหมียวอี้ตอบอย่างมีมารยาท
โค่วเหวินหลานยิม้ บาง ๆ หน้ายังดําเหมือนเดิม
ปี้ เยว่ฮูหยินกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “พอพูดถึงเครื่ องประดับ เจ้าของเครื่ องประดับตัวจริ งก็ปรากฏตัว
แล้ว ข้าได้ยนิ ว่าเจ้าจีบเถ้าแก่เนี้ย ‘ร้านโฉมเมฆา’ มาโดยตลอด เจ้าตัวเป็ นผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว เจ้าทํา
แบบนี้อาจจะไม่เหมาะสมกระมัง? แน่นอน เรื่ องส่ วนตัวของเจ้า ข้าก็แค่ถามเฉย ๆ เท่านั้น แต่ขอพูดสิ่ ง
ที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อน ข้ากับเถ้าแก่เนี้ยนับว่าไปมาหาสู่ กนั บ่อย มีความสนิทสนมกันอยูบ่ า้ ง ถ้าเจ้า
อยากจะจีบนางข้าก็ไม่วา่ อะไร แต่ตอนนี้เจ้าเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว ถ้าใช้อาํ นาจ
หน้าที่แสวงหา ผลประโยชน์ส่วนตัว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เหงื่อแตกพลัก่ ! ในใจเหมียวอี้หวั เราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สงสัยเมียตัวเองจะมีความสัมนพันธ์ที่
ค่อนข้างดีกบั ปี้ เยว่ฮูหยิน ไม่น่าเชื่อว่าจะเคาะหัวข้าต่อหน้าฝูงชนเพื่อนาง!
คําพูดนี้ทาํ ให้กงอวีเ่ ฟยรองผูบ้ ญั ชาการ และมู่หรงซิงหัวผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือเหล่ตามองมา ถ้าจะ
พูดให้ถูกก็คือมองเหยียด สําหรับผูช้ ายที่จีบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว คาดว่าคงมีผหู ้ ญิงไม่กี่คนหรอกที่จะ
รู ้สึกดีดว้ ย
แม้แต่โค่วเหวินหลานเองก็อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบจมูก รู ้สึกอับอายนิดหน่อย ถึงอย่างไรตนก็เป็ นคน
เลื่อนชั้นลูกน้องที่วางตัวไม่ดีแบบนี้เอง
สวีถงั หรานยกมุมปากยิม้ เยาะเย้ย นึกไม่ถึงว่าพอหนิวโหย่วเต๋ อได้รับตําแหน่ง ก็มีภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อ
หน้าปี้ เยว่ฮูหยินทันที นี่คือเรื่ องดีสาํ หรับเขา ในภายหลังหากต้องช่วงชิงตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ สิ่ ง
นี้กจ็ ะมีประโยชน์กบั เขา
จากนั้นโค่วเหวินหลานก็ถามเรื่ องเซี่ ยโห้วหลงเฉิง ปี้ เยว่ฮูหยินตอบอย่างไม่ใส่ ใจ ส่ งต่อให้ตาํ หนัก
สวรรค์ลงโทษแล้ว เห็นได้ชดั เจนมาก ว่านางเองก็ไม่สะดวกจะลงมือ จึงผลักไปให้เบื้องบน
ก่อนจะจากกัน ปี้ เยว่ฮูหยินก็สง่ั โค่วเหวินหลานอีกว่า “ติดประกาศที่ตลาดสวรรค์ ประกาศเรื่ องที่
ประหารชีวติ เฮยหวังให้ทุกคนรู ้ จะได้ไม่มีใครเอาเป็ นเยีย่ งอย่าง!”
“รับทราบ!” โค่วเหวินหลานเอ่ยรับคําสัง่ แล้วนําลูกน้องกล่าวอําลาออกมา
เมื่อออกจากตําหนักหลังมาแล้ว โค่วเหวินหลานก็นาํ สิ่ งที่ป้ ี เยว่ฮูหยินบอกแจกจ่ายลงไปให้ผบู ้ ญั ชาการ
ทั้งสี่ จดั การ
เมื่อพวกลูกน้องที่เขตเมืองตะวันออกรู ้ข่าว จนกระทัง่ เหมียวอี้สวมเกราะทองห้าแถบเหาะลงมาจากฟ้ า
ลูกน้องหลายร้อยคนที่มารอต้อนรับนานแล้วก็กล่าวคารวะเสี ยงดังทันที “คารวะท่านผูบ้ ญั ชาการ!”
“ไม่ตอ้ งมากพิธี!” เหมียวอี้ผายมือ กวาดสายตามองกลุ่มคน ตอนนี้ในมือเขาขาดรองผูบ้ ญั ชาการสอง
คน ผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการหกคน ผูบ้ งั คับการกองร้อยยีส่ ิ บสี่ คน รวมแล้วขาดนักพรตบงกชทองสามสิ บ
สองคน จะให้ตวั เองไปหาจากไหนมาเติมภายในเวลาสั้น ๆ แบบนี้
โค่วเหวินหลานเรี ยกได้วา่ ใช้งานคนโดยไม่ระแวง มีความใจกว้างตรงไปตรงมาต่อเด็ก ๆ ในบ้าน
ตัวเอง ให้เหมียวอี้จดั การเองตามเห็นสมควร ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือจากเขา ถ้าจะ
พูดให้ถูกก็คือ ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นโค่วเหวินหลานจะคุม้ ครองให้
ประเด็นสําคัญคือจะหานักพรตบงกชทองมาจากไหนมากมายในรวดเดียว คนของตําหนักสวรรค์
ตัวเองก็รู้จกั ไม่เยอะ แต่ถา้ จะให้หาคนที่ฉวยโอกาสแทงข้างหลังเหมือนสวีเ่ ต๋ อ ตัวเขาเองก็ไม่วางใจ
เขานับว่าได้บทเรี ยนจากคนของตําหนักสวรรค์แล้ว ที่ปราสาทดําเนินนภาก็พอจะมีคนอยูบ่ า้ ง แต่อีก
ฝ่ ายไม่อยากมาพัวพันกับตําหนักสวรรค์ลึกซึ้งเกินไป ส่ วนนักพรตบงกชทองของสํานักลมปราณก็มี
ไม่พอใช้ นับไปนับมาก็มีแค่พวกทะเลดาวนักษัตรของพิภพเล็กแล้ว เพียงแต่การให้คนสามสิ บกว่าคน
เข้ามาอยูใ่ นตําหนักสวรรค์ในรวดเดียว ก็อาจจะยุง่ ยากนิดหน่อย แล้วอีกอย่าง ถ้าจะให้ลูกน้องทั้งหมด
เป็ นปี ศาจ อาจจะดูเกินไปหน่อยรึ เปล่า?
ตอนที่ 982

รับของขวัญจนมือไม้ อ่อน

ไม่ใช่วา่ ตําหนักสวรรค์ไม่อนุญาตให้รับปี ศาจเข้ามาทํางาน ที่จริ งแล้วตําหนักสวรรค์มีภูตผีมารปี ศาจ


อยูเ่ ยอะมาก เพียงแต่ถา้ ลูกน้องของเหมียวอี้เป็ นปี ศาจทั้งหมด ก็อาจจะดูสะดุดตาไปหน่อย ถ้านํากําลัง
พลออกไป ปราณปี ศาจอบอวล จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกกลายเป็ นรังปี ศาจไปแล้ว!
ถ้าพิจารณาให้ลึกกว่านั้น ก็ยงั เป็ นปัญหาเรื่ องความปลอดภัย การนําพวกปี ศาจของทะเลดาวนักษัตรมา
ที่นี่ จะเหมาะสมหรื อไม่เหมาะสมกันแน่? นี่ต่างหากที่เป็ นปั ญหาใหญ่ที่สุด!
จากสายตาของผูบ้ งั คับการกองห้าที่กาํ ลังมองตนตาปริ บ ๆ เหมียวอี้กด็ ูออกว่าพวกเขากําลังเฝ้ ารอ
อย่างแรงกล้า เฝ้ ารอให้ตนเลื่อนขั้นให้เป็ นกรณี พิเศษ
ไม่ใช่วา่ เขาไม่เคยคิดที่จะเลื่อนขั้นคนพวกนี้เป็ นกรณี พิเศษ เพียงแต่หลังจากผ่านเรื่ องที่ภูเขาโอนเอน
มา เขาก็ไม่ค่อยวางใจคนพวกนี้เลย ถ้าดูจากในบางด้าน คนพวกนี้นบั ว่าเน่าเปื่ อยผุผงั หมดแล้ว ล้วน
เป็ นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนอ่างย้อมผ้า
“ผูบ้ งั คับการกองห้าอยูก่ ่อน คนอื่นถอยไป!” เหมียวอี้เรี ยกพวกผูบ้ งั คับการกองห้าเข้ามา แล้วนําสิ่ งที่
โค่วเหวินหลานบอกถ่ายทอดให้พวกเขาไปจัดการ สัง่ ให้พวกเขาไปติดประกาศเรื่ องเฮยหวัง
พวกผูบ้ งั คับการกองห้าเอ่ยรับคําสัง่ ต่างก็ตบหน้าอกรับประกันว่าจะจัดการเรื่ องนี้ให้ดี แล้วก็รีบส่ าย
ก้นออกไป รี บไปแสดงความสามารถ
เหมียวอี้ที่ยนื ลําพังอยูบนบันไดตําหนักใหญ่เงียบไปครู่ หนึ่ง สุ ดท้ายก็ตดั สิ นใจจะทดสอบเสี ยงของ
โค่วเหวินหลาน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เขาก็ตดั สิ นใจจะใช้งานคนของทะเลดาวนักษัตร
อวิน๋ จือชิวบอกเขากลายครั้งแล้ว ประมุขถิ่นสี่ ทิศของทะเลดาวนักษัตรมาหาเขาบ่อย ๆ ขอเพียงไม่เห็น
เขา ประมุขถิ่นสี่ ทิศก็เดาออกทันทีวา่ เขาไปพิภพใหญ่ แต่ละคนกระเหี้ ยนกะหื อรื อมาก ถ้าไม่ให้
คําอธิบายกับพวกเขา เจ้าสี่ คนนั้นก็อาจจะจนตรอกกลายเป็ นหมากระโดดกําแพง ไม่มีใครหรอกที่
มองเห็นความหวังแล้วยังจะยินดีกลํ้ากลืนความอัปยศอดสูอยูภ่ ายใต้หกปราชญ์ต่อไป
ส่ วนเรื่ องเสี่ ยงอันตราย ถ้าลูกน้องมีแต่พวกที่พ่ งึ พาอะไรไม่ได้ ดีไม่ดีอาจจะอันตรายยิง่ กว่าเดิม ที่ตน
เดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะเป็ นเพื่อนกับคนอันตรายมาตลอด แต่ต่อให้อนั ตรายก็ตอ้ งรู ้จกั เลือกให้
เป็ น ตราบใดที่ตนยังรักษาช่องทางไปมาระหว่างพิภพเล็ก พิภพเล็กก็ยงั เป็ นทางหนีทีไล่ให้ตนได้!
เมื่อคิดได้แบบนี้ เหมียวอี้ที่ยงั ไม่ได้ดูจวนขุนนางของตัวเองอย่างเป็ นทางการก็เหาะออกไปแล้ว เหาะ
ไปเหยียบนอกตําหนักคุม้ เมืองโดยตรง ไปขอพบโค่วเหวินหลานอีกครั้ง
เมื่อทั้งสองพบกัน โค่วเหวินหลานก็ถามอย่างแปลกใจว่า “มีเรื่ องอะไร?” ถึงอย่างไรก็เพิ่งแยกกันได้
ไม่นาน
เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อนพร้อมยอกว่า “ข้าน้อยกลับไปดูมาแล้ว เบื้องล่างมีแต่เกราะรบสี ขาวกับสี ดาํ ไม่เห็น
เกราะทองสักคน ในเรื่ องบุคลากร ข้าน้อยอยากจะฟังความเห็นของผูบ้ ญั ชาการใหญ่สกั หน่อย”
โค่วเหวินหลานยืน่ มือเชิญให้เขานัง่ ลงคุยกัน พอตัวเองนัง่ ลงแล้ว ก็ถามว่า “ทําไม? ข้ามอบอํานาจให้
เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับหาคนที่เหมาะสมไม่ได้? ต้องการให้ขา้ ช่วยเจ้าหาเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบว่า “เรื่ องหาคนข้าก็หาได้อยู่ เพียงแต่กาํ ลังคนที่พอจะใช้งานได้ ที่ขา้ รู ้จกั ส่ วนใหญ่ไม่ใช่
คนของตําหนักสวรรค์ ผูบ้ ญั ชาการใหญ่เองก็รู้วา่ ข้าเพิง่ เข้ามาอยูใ่ นตําหนักสวรรค์ได้ไม่นาน รู ้จกั คน
ของตําหนักสวรรค์ไม่เยอะ เติมนักพรตบงกชทองรวดเดียวสามสิ บกว่าคน ทั้งหมดไม่ใช่คนของ
ตําหนักสวรรค์เลย ข้าน้อยเองก็ไม่มีความสามารถที่จะรับพวกเขาเข้ามาทั้งหมดในรวดเดียว”
โค่วเหวินหลานไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยนิ เขาพูดแบบนี้กเ็ ข้าใจความหมายแล้ว ที่มาขอคําแนะนําคือเรื่ อง
โกหก หวังให้ตนออกหน้าช่วยต่างหากที่เป็ นเรื่ องจริ ง ลูกน้องที่ตนเลื่อนขั้นให้มาขอร้องเป็ นเรื่ องแรก
คงไม่ดีถา้ จะปฏิเสธ แต่เขาก็ยงั กล่าวเสี ยงตํ่าว่า “เข้าตําหนักสวรรค์รวดเดียวสามสิ บกว่าคน ทั้งยังเป็ น
นักพรตบงกชทองทั้งหมด เรื่ องนี้ค่อนข้างจัดการยาก! ข้าสามารถช่วยเจ้าแก้ปัญหาได้ แต่เจ้าต้องเข้าใจ
ก่อนนะ ว่าคนที่เลือกมาจะต้องเชื่อถือได้ ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ข้าไม่เพียงแค่จะไม่รับผิดชอบให้เจ้า
หากเกิดเรื่ องขึ้นเจ้าจะต้องรับไว้เอง!” เขามีความสามารถและอํานาจหนุนหลังสําหรับการหาแพะรับ
บาปแน่นอน
“ขอรับ! ข้าน้อยเข้าใจ ถ้าเชื่อถือไม่ได้ ข้าน้อยก็ไม่เอ่ยปากเหมือนกัน” หลังจากเหมียวอี้ตอบ ก็ลงั เลอยู่
ครู่ หนึ่ง ก่อนจะบอกด้วยเสี ยงอ่อนปวกเปี ยกว่า “ผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ยังมีอีกปั ญหาหนึ่งขอรับ สามสิ บ
กว่าคนนี้เป็ นนักพรตปี ศาจทั้งหมด!”
“…” โค่วเหวินหลานอ้าปากค้างครู่ หนึ่ง มองสํารวจเหมียวอี้ศีรษะจดเท้า เหมือนกําลังถามว่า อย่าบอก
นะว่าเจ้าไม่รู้จกั คนอื่นเลย คบค้าแต่กบั ปี ศาจมาตลอด? หลังจากอ้าปากค้าง ก็บอกว่า “แค่ครั้งนี้ครั้ง
เดียวนะ ห้ามมีครั้งหน้า!”
“รับทราบ!” เหมียวอี้ยนื ขึ้นทันที กุมหมัดคารวะด้วยสี หน้าซาบซึ่งใจ “ข้าน้อยน้อมรับคําสัง่ !”
เขาเองก็หมดหนทางแล้วจริ ง ๆ ถึงได้มาหาโค่วเหวินหลาน ถ้าคนนอกจะเข้าตําหนักสวรรค์ ก็จะต้องมี
คนระดับผูบ้ ญั ชาการใหญ่สามคนแนะนํา ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือช่วยรับประกัน หากเกิดเรื่ องขึ้น คนที่
รับประกันก็จะต้องรับผิดชอบด้วย ทว่าคนระดับผูบ้ ญั ชาการใหญ่ที่เขารู ้จกั ก็มีแค่โค่วเหวินหลานคน
เดียว จะไปหาผูบ้ ญั ชาการใหญ่มากขนาดนั้นจากไหนมารับประกัน?
ส่ วนที่บอกว่า ‘ห้ามมีครั้งหน้า’ เหมียวอี้กไ็ ม่ได้กงั วลอะไร ถ้าตัวเองเข้าตําหนักสวรรค์แล้ว ก็ไม่เชื่อ
หรอกว่าต่อไปจะไม่รู้จกั คนระดับผูบ้ ญั ชาการใหญ่อีก ถ้าในภายหลังหาคนจากพิภพเล็กมาอีก อย่าง
มากก็ไปขอให้คนอื่นแนะนําก็ได้
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ในที่สุดเหมียวอี้กก็ ลับไปที่จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกอย่างหายห่วง
เสี ยที กลับไปที่ลานบ้านของตัวเองโดยตรง เมื่อเดินมาตรงหน้าศาลเจ้าของตําหนักสวรรค์ที่อยูใ่ นโถง
หลัก ร่ ายอิทธิฤทธิ์เข้าไปที่ชยั ภูมิถ้ าํ สวรรค์ของตัวเอง
ข้างในยังคงเป็ นลานบ้าน สภาพข้างในถูกโค่วเหวินหลานซึ่งเคยดํารงตําแหน่งมาก่อนตกแต่งไว้ดีมาก
เพียงแต่เหมียวอี้ไม่ค่อยสนใจเรื่ องพวกนี้สกั เท่าไร เขาไม่ใช่คนสง่างามมีระดับ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่
เคยสนใจของสวยงามเลย จึงเดินตรงไปที่โถงหลัก
ของที่ควรวางแสดงในโถงหลักถูกโค่วเหวินหลานเก็บไปด้วยหมดแล้ว ดูวา่ งเปล่ากว้างโล่ง ถือเป็ น
เรื่ องดีสาํ หรับเหมียวอี้ ต่อให้โค่วเหวินหลานไม่นาํ ไปด้วย เขาก็ ‘ทําใจไม่ลง’ ที่จะใช้ของที่โค่วเหวินห
ลานทิ้งไว้อยูด่ ี
ตรงกึ่งกลางโถงหลักมีจานกลมสี ทองที่เหมือนกับแท่นโม่ กินพื้นที่ของห้องโถงไปเกินครึ่ ง แบ่งเป็ น
สามชั้น แต่ละชั้นหมุนเป็ นเกลียวลงมาเหมือนก้นหอย เหมือนรองรับให้ของอะไรบางอย่างไหลลงมา
เพื่อใช้งานด้านล่าง ด้านบนมีของบางอย่างที่คล้าย ๆ เชิงเทียน
ของชิ้นนี้สูงเท่าหน้าอก ทะลุลงใต้ดินโดยตรง เชื่อมต่อเป็ นหนึ่งเดียวกับชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ นี่กค็ ือ
เครื่ องมือรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถน
เหมียวอี้เดินวนพลางยืน่ มือไปลูบไล้ หลังจากร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู ก็ใช้สองนิ้วแตะบนเครื่ องมือ
ประทับตราอิทธิฤทธิ์ของตัวเองลงไป
เมื่อประทับตราอิทธิฤทธิลงไป ไม่นาน บน ‘เทียนไข’ ที่เหมือนเชิงเทียนก็มีแสงสี ขาวจาง ๆ กลุ่มหนึ่ง
ปรากฏขึ้นทันที คล้าย ๆ กลับจุดเทียน
เหมียวอี้ยมิ้ บาง ๆ สงสัยทางโค่วเหวินหลานจะทํางานได้อย่างมีประสิ ทธิภาพสู งมาก พอประทับตรา
อิทธิฤทธิ์ของตัวเองลงไป เทียนไขเล่มนี้กจ็ ุดติดไฟทันที แสดงว่าทางโค่วเหวินหลานนําตราอิทธิฤทธิ์
ที่ตวั เองส่ งให้ใส่ มาที่เครื่ องมือทางฝั่งเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นทางฝั่งนี้คงไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น
หรื อพูดได้อีกอย่างว่า พลังปรารถนาที่เขารวบรวม เป็ นสิ่ งที่ทางโค่วเหวินหลานแจกจ่ายมาให้ สิ่ งนี้
ทันสมัยกว่าเครื่ องมือรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาของพิภพเล็ก อย่างน้อยก็ไม่ตอ้ งคุม้ กันส่ งส่ วย
อะไรนัน่ อีก เทียวไปเทียวมายุง่ ยากเกินไป
ผ่านไปไม่นาน ‘นํ้าตาเทียน’ ก็หยดลงมาหนึ่งหยด พอมันกระโดดในแอ่งเว้าของจานกลม ลูกแก้วพลัง
ปรารถนาขนาดเท่าไข่นกคุ่มลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น แล้วไหลตามปากหอยลงมาในแอ่งเว้าที่อยูล่ ่างสุ ด
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ดูดมาไว้ในมือแล้วใช้นิ้วขยี้ดู เป็ นลูกแก้วพลังปรารถนาระดับสูงหนึ่งลูก นี่กค็ ือ
รายได้ของผูบ้ ญั ชาการอย่างตน
สวัสดิการของเขาคือลูกแก้วพลังปรารถนาระดับสูงปี ละหนึ่งล้านลูก หรื อเท่ากับลูกแก้วพลังปรารถนา
ระดับตํ่าหนึ่งร้อยล้านลูก ไม่ต่าํ กว่ารายรับในแต่ละปี ของหกปราชญ์ที่พิภพเล็กเลย แน่นอนว่าหก
ปราชญ์ยงั มีรายนับด้านอื่น ๆ อีก แต่เขาก็มีรายรับอย่างอื่นอีกเหมือนกัน นัง่ อยูใ่ นตําแหน่งที่ทรัพยากร
อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ลําพังแค่เงินสิ นบนจากร้านค้านับหมื่นในเขตเมืองตะวันออกก็ไม่ใช่จาํ นวนน้อย
ๆ แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่หกปราชญ์จะเทียบติดเลย นี่กค็ ือทรัพยากรฝึ กตนของพิภพใหญ่
เสี ยงหยดติ๋ง ๆ บนจานกลมดังไม่หยุด ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับสูงโผล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย
เสี ยงเหมือนนํ้าซับฟังแล้วรื่ นหูมาก ช่างฝี มือที่ออกแบบหลอมสร้างก็นบั ว่าใช้ความคิดไปพอสมควร
ตรงนี้ไม่ได้มีแค่รายได้ของเขาคนเดียว รายได้ของพวกลูกน้องที่เขตเมืองตะวันออกก็รวบรวมไว้ที่นี่
เช่นกัน โดยมีเขาเป็ นคนแจกจ่าย
หลังจากดูอยูค่ รู่ หนึ่ง เขาก็ยนื่ มือไปร่ ายอิทธิฤทธิ์ยกเทียนไขที่อยูบ่ นจานกลมให้สูงขึ้นหนึ่งชั้น เสี ยง
ของลูกแก้วพลังปรารถนาที่ตกลงมาฟังดูรวดเร็ วขึ้นเยอะมาก ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับกลางไหลตก
ลงมาลูกแล้วลูกเล่า พอร่ ายอิทธิฤทธิ์ยกเทียนไขให้สูงขึ้นอีกชั้น ก็ได้ยนิ เสี ยงลูกแก้วพลังปรารถนา
ระดับตํ่ากลิ้งออกมาทันที เสี ยงนี้ฟังดูค่อนข้างหนวกหู
จากนั้นก็ยา้ ยกลับมาอยูใ่ นสถานะรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาระดับสูง เสี ยงหยดคล้าย ๆ นํ้าซับน่า
ฟังกว่านิดหนึ่ง…
ตลาดสวรรค์แบ่งเป็ นสี่ แยกโดยมีตาํ หนักคุม้ เมืองอยูต่ รงกลาง แบ่งเป็ นเขตเหนือ ใต้ ตะวันออก
ตะวันตก ผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกเปลี่ยนคนแล้ว มีคนมาแสดงความยินดีที่จวนผูบ้ ญั ชาการ
อย่างไม่ขาดสาย ล้วนเป็ นผูจ้ ดั การจากร้านค้าใหญ่ ๆ ที่มาเยีย่ มคารวะ ย่อมต้องถือของขวัญมาด้วยอยู่
แล้ว ทุกคนไปที่จวนผูบ้ ญั ชาการใหญ่ก่อนแล้วค่อยมาที่นี่ อันดับหลักและอันดับรองคือสิ่ งที่เลี่ยง
ไม่ได้ ความหนักเบาในการให้ของขวัญย่อมมีการแบ่งแยกอยูแ่ ล้ว
เหมียวอี้ที่รักษาการณ์ที่ผจู ้ วนบัญชาการ ช่วงนี้ไม่ได้ทาํ งานอะไรทั้งนั้น เรื่ องบุคลากรก็วางไว้ก่อน
ชัว่ คราว เขาแค่ยงุ่ อยูก่ บั การรับแขกที่เป็ นผูจ้ ดั การจากร้านค้าใหญ่ ๆ ร้านค้านับหมื่นของเขตเมือง
ตะวันออก ถ้าจะให้รับแขกทุกร้านก็ทาํ ไม่ได้ไหว ทําได้เพียงรับแค่ร้านที่รวย ๆ เท่านั้น รับมือกับ
พ่อค้าที่ค่อนข้างมีอาํ นาจหนุนหลัง
ความแตกต่างระหว่างการเป็ นผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการกับผูบ้ ญั ชาการปรากฏออกมาแล้ว ปกติพอ่ ค้ารายใหญ่
พวกนั้นจะไม่สนใจใยดีผชู ้ ่วยผูบ้ ญั ชาการเล็ก ๆ เลย การที่พวกเขาสามารถมีที่ยนื ตรงนี้ได้ ก็แสดงว่ามี
อํานาจและภูมิหลังในระดับหนึ่ง ไม่จาํ เป็ นต้องมาเกรงใจผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการเล็ก ๆ แต่สาํ หรับผู ้
บัญชาการที่คุมเขตนี้ ทุกอย่างก็ต่างออกไปแล้ว ไม่วา่ ในใจจะดูถูกหรื อไม่ แต่การพูดจายกยอก็เป็ นสิ่ ง
ที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็เป็ นไปได้สูงว่าอีกฝ่ ายจะกลัน่ แกล้งให้ลาํ บากใจ มิหนําซํ้า เหมียวอี้ยงั มีโค่ว
เหวินหลานหนุนหลังอยูด่ ว้ ย
คนหนุนหลังระดับโค่วเหวินหลานไม่ใช่สิ่งที่คนทัว่ ไปจะมีเรื่ องด้วยไหว ยกตัวอย่างเช่น หลังจาก
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก่อเรื่ องที่เขตเมืองตะวันออก ทําลายร้านค้าเสี ยหายไปมากมาย ติดหนี้ไว้แล้วหนีไป
แล้ว แต่ใครจะกล้าพูดอะไรล่ะ? ใครจะกล้าไปทวงหนี้กบั เซี่ยโห้วหลงเฉิ ง? ทําได้เพียงยอมรับว่า
ตัวเองดวงซวยเท่านั้น ที่จริ งร้านค้าพวกนั้นก็คือคู่กรณี เรี ยกได้วา่ เห็นกับตาว่าลูกน้องของโค่วเหวินห
ลานปล้นของในร้านค้าไป แต่ใครจะกล้าไปพูดจาซี้ ซ้ วั ล่ะ! ถ้าทําแบบนั้นก็แสดงว่าไม่อยากทํามาหา
กินแล้ว อํานาจที่หนุนหลังอีกฝ่ ายสามารถทําลายตระกูลเจ้าได้เลย ไม่เห็นหรื อว่าขนาดปี้ เยว่ฮูหยินยัง
ต้องหลับตาข้างเดียว!
ผูท้ ี่มาพากันเอ่ยปากเชิญแทนเจ้าของร้านของตัวเอง เชิญให้เหมียวอี้มาเป็ นลูกค้าที่ร้านยามมีเวลาว่าง
เพียงประเดี๋ยวเดียวก็ขยายเครื อข่ายเส้นสายให้เหมียวอี้แล้ว
ท่านขุนนางเหมียวเรี ยกได้วา่ รับของขวัญจนมือไม้อ่อน รอยยิม้ บนใบหน้าค้างจนกลายเป็ นแม่พิมพ์ไป
แล้ว มีคนนําของขวัญมาให้ถึงที่ จะไม่มอบใบหน้ายิม้ แย้มให้สกั หน่อยก็ไม่ได้หรอกมั้ง? ส่ วนเจ้าของ
ร้านส่ วนใหญ่ที่ระดับยังไม่สูงพอ เขาก็ไม่แม้แต่จะพบหน้าด้วยซํ้า คนพวกนั้นก็รู้เช่นกันว่าคนที่มารับ
ตําแหน่งใหม่อย่างเขามาพบไม่ไหวจริ ง ๆ ดูจากผูท้ ี่คนขวักไขว่ไปมาอย่างไม่ขาดสายที่นอกผูจ้ วน
บัญชาการก็รู้แล้ว ทําได้เพียงทิ้งของขวัญกับนามบัตรไว้ให้แล้วกล่าวอําลา
เข้าสังคมทั้งวันทั้งคืนอย่างต่อเนื่องหลายวัน ที่จริ งนักพรตก็ไม่สนใจว่าจะเป็ นกลางวันหรื อกลางคืน
เพียงรักษาความเคยชินดั้งเดิมตอนเป็ นมนุษย์ไว้เท่านั้นเอง เมื่อผ่านไปหลายวัน ตอนที่กระแสผูค้ น
ค่อย ๆ เบาบางลง ก็มีลูกน้องยืน่ กระดาษชิ้นเล็กมาให้ พอเหมียวอี้เปิ ดอ่านก็อ้ ึงทันที หวงฝู่ จวินโหรว
แห่งร้านค้าสมาคมวีรชนมาแล้ว
ผูห้ ญิงคนนี้จะถ่อมาประสมโรงทําไม? เจ้าอยูเ่ ขตเมืองตะวันตก จะถ่อมาแสดงความยินดีที่นี่ทาํ ไม?
เหมียวอี้ที่กลัวว่าจะหลบไม่ทนั ปวดประสาทนิดหน่อย เขาค่อนข้างกลัวนาง
ตอนที่ 983

ใจหายใจควํา่

ดวงหน้างามดุจดอกพุดตาน เรื อนร่ างอรชรปานต้นหลิว เอวบางหน้าอกอิ่ม ผมดําขลับเกล้าม้วนขึ้น


ประกอบกับเครื่ องประดับศีรษะที่สวยประณี ต ทําให้ดูสวยสดใสราวกับหิ มะในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตา
แวววาวดุจดวงดาว บนใบหน้าเจือด้วยรอยยิม้ ที่เย็นสดชื่นราวกับสายลมโชย นี่กค็ ือหวงฝู่ จวินโหรว
ยังคงสวยกินใจ ยังคงทําให้ผชู ้ ายหัวใจเต้นแรง นางเดินเนิบนาบเข้ามาในห้องโถง
เมื่อเดินเข้าประตูมาก็ยมิ้ อย่างสนิทสนม “ผูบ้ ญั ชาการหนิวได้เลื่อนขั้น หวงฝู่ จวินโหรวจึงมาเองโดย
ไม่ได้รับเชิญ หวังว่าจะไม่ถือสานะ”
เหมียวอี้ไม่รู้วา่ จะเผชิญหน้าผูห้ ญิงคนนี้อย่างไรดี นางย่อมจัดอยูใ่ นประเภทยอดหญิงงามอยูแ่ ล้ว แต่
เหมียวอี้ไม่ได้รู้สึกดีกบั นางสักเท่าไร แต่ท้ งั สองดันเกิดมีความสัมพันธ์กนั ไปแล้ว ไม่รู้วา่ จะพูดอะไรดี
หลังจากโบกมือให้คนอื่น ๆ ออกไป ถึงได้ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าถ่อมาที่นี่ทาํ ไม?”
หวงฝู่ จวินโหรวนัง่ ลงเองโดยไม่ตอ้ งเชิญ พอแบมือ แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งก็ลอยจากฝ่ ามือเข้ามา “ข้า
ก็มาแสดงความยินดีที่ผบู ้ ญั ชาการหนิวได้เลื่อนขั้นน่ะสิ รี บมามอบของขวัญให้ อย่าบอกนะว่าผู ้
บัญชาการหนิวไม่ยนิ ดีตอ้ นรับ?”
เหมียวอี้ไม่เชื่อหรอกว่านางตั้งใจมาแสดงความยินดีกบั ตน “เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ มีอะไรก็พดู มา”
“นําของขวัญมามอบให้จริ ง ๆ ” หวงฝู่ จวินโหรวตอบ
“ไม่มีธุระอย่างอื่นเหรอ?” เหมียวอี้ถามยํ้า
“ไม่มี!” นายส่ ายหน้า
เหมียวอี้ทาํ สี หน้าสงสัย ยืน่ มือไปคว้าแหวนเก็บสมบัติที่ลอยเข้ามาแล้วร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู ข้างในมี
ของขวัญเล็กน้อยเพื่อแสดงนํ้าใจอยูจ่ ริ ง ๆ เป็ นยาเจี๋ยตันขั้นสามจํานวนสิ บเม็ดเท่านั้น สําหรับเขาใน
ตอนนนี้ ไม่นบั ว่าเป็ นของขวัญลํ้าค่าอะไร เขานํากระดาษที่ได้รับเมื่อครู่ น้ ีใส่ เข้าไป แล้วเก็บแหวนเก็บ
สมบัติเอาไว้ “ข้ารับของขวัญไว้แล้ว ถ้าไม่มีธุระอย่างอื่นแล้ว…”
“หนิวโหย่วเต๋ อ!” หวงฝู่ จวินโหรวพูดตัดบท “ข้าขัดหูขดั ตาเจ้าขนาดนั้นเชียวเหรอ? เขาว่ากันว่าเป็ น
สามีภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน มิหนําซํ้าพวกเราก็ไม่ได้เป็ นสามีภรรยากันแค่
คืนเดียวเสี ยหน่อย ทําไมเจ้าใจแข็งขนาดนี้?”
เหงื่อแตกพลัก่ ! ถ้าคําพูดนี้เผยแพร่ ออกไปต้องแย่แน่ ๆ เหมียวอี้รีบยืนขึ้นแล้วเดินไปดูนอกประตู เมื่อ
เห็นว่าไม่มีใครถึงได้โล่งอก รี บเดินกลับมายืนตรงหน้านาง ก้มมองลงพร้อมกล่าวเสี ยงตํ่า “หวงฝู่ จวิน
โหรว ข้าเคยบอกแล้ว เรื่ องระหว่างเรามันผ่านไปแล้ว เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่?”
หวงฝู่ จวินโหรวที่กาํ ลังนัง่ เงยหน้าขึ้น จ้องมองเขาพลางกัดริ มฝี ปาก จากนั้นก็ยมิ้ หวานทันที “ได้! ข้า
จะไม่พดู ถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของเราอีก ข้าอุตส่ าห์ยอมรับผิดแล้ว เจ้ายังจะแข็งใจตบข้าได้ลง
คอเหรอ ข้ามีน้ าํ ใจนําของขวัญมามอบให้ ต่อให้เจ้าจะไม่เชิญข้าดื่มนํ้าชา แต่คงไม่ถึงขั้นต้องรี บไล่ขา้
ออกไปหรอกมั้ง?”
เหมียวอี้ยกั ไหล่สองข้าง “เจ้าคิดว่าระหว่างเรามีอะไรดี ๆ ให้คุยกันเหรอ?”
หวงฝู่ จวินโหรวแค้นจนกัดฟันกรอด ไม่รู้วา่ มีผชู ้ ายตั้งมากมายเท่าไรที่ใฝ่ ฝันถึงนาง แต่เจ้าบ้านี่กลับ
อยากจะหนี นางจึงยืนขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วเผชิญหน้าด้วยรอยยิม้ “เดินดูที่พกั ของเจ้าสักหน่อยคงไม่
เป็ นไรหรอกมั้ง?”
“ตามสะดวก!” เหมียวอี้เบี่ยงตัวหลีกทางให้นาง หลบออกจากลมหายใจหอมที่นางพ่นรดหน้า แต่กพ็ ดู
เสริ มอีกว่า “ทางที่ดีเจ้ารี บ ๆ หน่อยเถอะ อยูท่ ี่นี่นานจะทําให้คนสงสัย”
หวงฝู่ จวินโหรวหมุนตัว มองไปรอบ ๆ ห้องโถงแวบหนึ่ง แล้วพูดเรื่ อยเปื่ อยว่า “ถ้าข้าจําไม่ผดิ ข้าเคย
กัดเจ้าที่นี่!”
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที นัน่ เป็ นตอนที่โค่วเหวินหลานเป็ นผูบ้ ญั ชาการ ขณะกําลังจะกล่าวเตือน นางก็
เดินไปที่โถงด้านหลังแล้ว
กลัวนางจะวางกับดักอะไร เหมียวอี้เดินตามหลังนางไป ตามไปถึงลานบ้านด้านหลัง
เมื่อเดินมาถึงโถงหลักด้านหลัง หวงฝู่ จวินโหรวก็ช้ ีไปที่ศาลเจ้าของตําหนักสวรรค์ “ยังไม่เคยเห็น
ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ช้ นั หนึ่งของของผูบ้ ญั ชาการเลยว่าข้างในเป็ นอย่างไร ถ้าไม่ถือสาข้าขอเข้าไปดูหน่อย
สิ ?”
เหมียวอี้ขมวดคิว้ “ทางที่ดีเจ้าอย่าเล่นไม่ซื่อนะ” เขาโบกมือร่ ายพลังอิทธิฤทธิ์ เปิ ดประตูมายาทางเข้า
ให้
“ในสายตาเจ้า ข้าจิตใจอํามหิ ตขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
“เจ้าไม่ได้ทาํ ร้ายข้าแค่ครั้งสองครั้งใช่ม้ ยั ล่ะ?”
“เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเรื่ องของเรามันผ่านไปแล้ว ทําไมเอาแต่จดจําไว้ล่ะ?” หวงฝู่ จวินโหรวถาม
กลั้วหัวเราะ แล้วก้าวเข้าไปในประตูมายา
ในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ นางกําลังเดินเอ้อระเหยลอยชาย เหมียวอี้จอ้ งทุกการกระทําของนางอย่าง
ระมัดระวัง กลัวว่านางจะเล่นไม่ซื่อ
หลังจากเดินวนดูทวั่ แล้ว เขาก็ถามว่า “สิ่ งที่ควรเห็นก็ได้เห็นแล้ว ถ้าอยูน่ านกว่านี้ จะไม่ให้คนอื่นคิด
มากก็คงยาก” เขากล่าวส่ งแขกอีกครั้ง
แต่ใครจะไปคาดคิด หวงฝู่ จวินโหรวที่หนั หลังให้เขายกมือถอดปิ่ นปั กผมออก พอสะบัดผมเบา ๆ ผม
ยาวดําขลับก็สยายลงมาคลุมบ่าราวกับนํ้าตก แล้วเดินตรงไปที่หอ้ งนอน “ข้าไม่ไปไหนแล้ว ข้าจะอยู่
ที่นี่” พูดจบก็ผลักประตูเข้าไป
“…” เหมียวอี้ตาค้างนิดหน่อย ป้ องกันเป็ นหมื่นเป็ นพันอย่าง แต่กป็ ้ องกันอุบายนี้ไม่ได้ ผูจ้ ดั การร้าน
สมาคมวีรชนผูส้ ง่าผ่าเผยมาพักอยูท่ ี่นี่ ล้อเล่นอะไรกัน? เขารี บเดินตามเข้าไป แล้วดึงแขนนาง อยากจะ
ดึงนางออกมา
หวงฝู่ จวินโหรวถือโอกาสหันตัวมา กางแขนสองข้างคล้องคอ ยืน่ ริ มฝี ปากแดงสวยเข้ามาอุดปากไว้
ท่านขุนนางเหมียวออกแรงผลักทันที ทว่าวรยุทธ์ไม่สูงเท่าอีกฝ่ าย กลับโดนนางหมุนตัวพาล้มลงบน
เตียงด้วยกันทั้งคู่ นางอยูบ่ นเขาอยูล่ ่าง ตอนนี้ริมฝี ปากทั้งคู่ถึงได้แยกออกจากกัน ดวงตาทั้งสี่ ดวงสบ
ประสาน ผมงามดุจผ้าม่านของนางย้อยลงมาบนใบหน้าของเขา
กลิ่นกายหอมของนางโชยเข้าจมูก รู ้สึกได้วา่ เรื อนร่ างงามที่นุ่มเด้งจนน่าทึ่งของนางกําลังกดทับอยูบ่ น
ร่ างตน เหมียวอี้จินตนาการได้เลยว่าภาพยามนางถอดเสื้ อผ้าออกหมดเป็ นอย่างไร ท่วงท่าที่งดงาม
แพรวพราวแบบนั้น เขาไม่ได้ลิ้มลองบนตัวนางแค่ครั้งเดียว มันอัศจรรย์มาก พอนึกเชื่อมโยงไปถึง
ฉากแบบนั้นอีกครั้ง เหมียวอี้กร็ ู ้สึกร้อนผ่าวตรงท้องน้อยทันที
ผูช้ ายทนความเย้าย้วนประเภทนี้ไม่ไหว เกิดความรู ้สึกแล้วแท้ ๆ แต่กลับยังปากแข็ง “ข้าไม่ชอบเจ้า
ตรงนี้แหละ!”
หวงฝู่ จวินโหรวจูบเบา ๆ บนริ มฝี ปากเขา แล้วถามอีก “เจ้าไม่คิดถึงข้าสักนิดเชียวเหรอ?”
“ไม่คิดถึง!” ปากเหมียวอี้กพ็ ดู แบบนี้ แต่มือกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร อย่างเช่นผลักอีกฝ่ ายออกไป
หวงฝู่ รู ้สึกได้วา่ เขาปากไม่ตรงกับใจ เพราะสัมผัสได้วา่ ร่ างกายท่อนล่างของเขาไม่ปกติแล้ว นางกัดริ ม
ฝี ปากแดงเบา ๆ ความปรารถนาวูบไหวอยูใ่ นดวงตางาม “ตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้ไม่คิดถึงเหรอ?”
“ไม่คิด!” เหมียวอี้ยงั คงปากแข็ง
หวงฝู่ ลุกขึ้นแล้วหันหลังให้ ถอดเสื้ อคลุมตัวนอกออกเบา ๆ เหมียวอี้ที่ลุกขึ้นนัง่ จึงได้เห็นภาพที่ทาํ ให้
เลือดลมสู บฉี ด เขาไม่ได้พดู อะไร เพียงมองดูเงียบ ๆ
ผ่านไปไม่นาน ชุดกระโปรงก็ตกลงพื้น เรื อนร่ างอ่อนช้อยขาวหมดที่อยูใ่ ต้ม่านผมงามเปิ ดเผยออกมา
ผิวเนียนสวยกลี้ยงเกลา โดยเฉพาะบั้นท้ายขาวที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของนาง และเป็ นจุดที่ดึงดูดเหมียวอี้
มากที่สุดเช่นกัน ทั้งใหญ่ท้ งั ขาว ทําให้เหมียวอี้หายใจถี่กระชั้นเล็กน้อย
หวงฝู่ ที่กาํ ลังกัดริ มฝี ปากเหมือนจะตัวสัน่ เล็กน้อย นางหันตัวมาอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นด้านหน้าที่เย้า
ยวนหัวใจ เดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมถามเสี ยงสัน่ “ตอนนี้คิดถึงหรื อยัง?”
สุ ดท้ายสติสมั ปชัญชะก็พงั ทลาย เอาชนะความปรารถนาไม่ได้ เหมียวอี้ไม่ได้พดู อะไรสักคํา ใช้มือข้าง
หนึ่งดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วโถมทับลงบนเตียง…
หลังจากพายุฝนพรั่งพรู ร่ างเปลือยสองร่ างก็นอนกอดกัน หวงฝู่ จวินโหรวที่ผมเผ้ายุง่ สยายพึมพําเบา ๆ
ว่า “ข้ารู ้วา่ ทําแบบนี้ไม่ถูก แต่ขา้ ไม่มีทางถอนตัวได้…”
เหมียวอี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร ขณะที่ใช้มือลูบไล้เรื อนร่ างของนาง ก็กล่าวเตือนเสี ยงตํ่าว่า “นี่เป็ นครั้ง
สุ ดท้ายแล้วนะ!”
หวงฝู่ จวินโหรวตอบเสี ยงตํ่าเช่นกัน “อืม” ซุกศีรษะเข้าไปอ้อมอกเขา…
นอกจวนผูบ้ ญั ชาการ อวิน๋ จือชิวนําพ่อครัวมาถึงแล้ว นางยืน่ นามบัตรให้ มาแสดงความยินดีที่เหมียวอี้
ได้เลื่อนขั้นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ระหว่างทั้งสองจะไม่จาํ เป็ นต้องทําแบบนี้ แต่ภายนอกก็ยงั ต้องทําให้ดู
สักหน่อย ในเมื่อแสดงละครและก็ตอ้ งแสดงให้สมจริ ง
เมื่อเห็นว่าเป็ นท่านนี้ ทหารยามก็ยมิ้ ต้อนรับทันที ตอนนี้ไม่ใครบ้างที่ไม่รู้ ว่าผูบ้ ญั ชาการหนิวถูกใจ
ผูห้ ญิงที่มีสามีแล้วคนนี้ ตามจีบท่านนี้มาตลอด ถ้าผูบ้ ญั ชาการเห็นนางมาจะต้องดีใจมากแน่นอน
นอกจากจะไม่กล้าขัดใจแล้ว ยังเชิญให้เข้ามาในลานบ้านของจวนผูบ้ ญั ชาการโดยตรง เชิญให้นางรอ
สักครู่ แล้วก็รีบวิง่ เข้าไปรายงาน
“เถ้าแก่เนี้ย ดูที่ใต้ร่มไม้นนั่ สิ ” จู่ ๆ พ่อครัวก็เตือนอวิน๋ จือชิวที่อยูข่ า้ ง ๆ
อวิน๋ จือชิวหันหน้ามองตาม เห็นเกี้ยวหลังหนึ่งจอดอยู่ นางไม่ได้เห็นเกี้ยวหลังนี้เป็ นครั้งแรก เป็ นเกี้ยว
ของหวงฝู่ จวินโหรวไงล่ะ นางแสยะยิม้ ทันที “อีเห็นมาอวยพรปี ใหม่ให้ไก่ ไม่ได้หวังดีหรอก คอยดู
เถอะ สักวันข้าจะต้องสัง่ สอนนาง บังอาจมาคิดไม่ซื่อกับผูช้ ายของข้า !”
ที่นางบอกว่าคิดไม่ซื่อ ย่อมไม่ได้หมายความว่าหวงฝู่ จวินโหรวชอบเหมียวอี้อยูแ่ ล้ว แต่หมายถึงหวงฝู่
จวินโหรวคิดจะวางแผนทําร้ายเหมียวอี้ นางแน่ใจว่าหวงฝู่ จวินโหรวมามาที่ดีโดยไม่ได้หวังดี
พ่อครัวพยักหน้าเบา ๆ เช่นกัน ในดวงตาฉายแววดุร้าย เขารู ้วา่ เหมียวอี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของทุกคน
ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นกับเหมียวอี้ ก็ไม่เป็ นผลดีกบั ทุกคนเลย ตอนนี้ทุกคนไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องทรัพยากรฝึ กตน
ถ้าเทียบความเร็ วในการฝึ กตนกับเมื่อก่อน ก็เรี ยกได้วา่ รุ ดหน้าไปหลายพันลี้ ดังนั้นจะปล่อยให้เกิด
เรื่ องขึ้นกับเหมียวอี้ไม่ได้ แต่กร็ ู ้วา่ ถ้าอาศัยกําลังความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ ยังไม่มีทางแตะ
ต้องหวงฝู่ จวินโหรวได้ ทําได้เพียงอดทนไว้ก่อน
ในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ ร่ างสองร่ างยังคงพัวพันกันอยูบ่ นเตียง แต่ดา้ นนอกกลับมีเสี ยงดัง “ผูบ้ ญั ชาการ เถ้า
แก่เนี้ยร้านโฉมเมฆามาแสดงความยินดีขอรับ!”
เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา เหมียวอี้ตกใจจนแทบขวัญหนีดีฝ่อ ประเดี๋ยวเดียวก็ผดุ ลุกออกจากเตียง ตอบ
เสี ยงดังว่า “ข้ากําลังมีแขกอยู่ เชิญให้นางรอก่อน!” ขณะที่พดู ก็รีบเก็บเสื้ อผ้าออกมาใส่
อานุภาพยามเมียหลวงมาเยือนนั้นรุ นแรงเกินไป สําหรับเขาในตอนนี้ นางน่ากลัวยิง่ กว่านักพรตระดับ
บงกชรุ ้งเสี ยอีก
หวงฝู่ จวินโหรวเองก็ตกใจจนฉุกละหุกลุกขึ้นนัง่ เช่นกัน ตกใจจนหน้าถอดสี ใจหายใจควํ่า!
นางเองก็ได้แต่กล้าลักลอบทําเรื่ องแบบนี้กบั เหมียวอี้ แต่ไม่กล้าเปิ ดเผยเรื่ องนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทาง
แก้ตวั กับสมาคมวีรชนได้เลย
สุ นขั ตัวผูก้ บั สุ นขั ตัวเมียคู่น้ ีเรี ยกได้วา่ ลุกลี้ลุกลน ก่อนหน้านี้ลืมสิ้ นเสี ยทุกอย่าง ตอนนี้มานึกสี ยใจที
หลังแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทําเรื่ องแบบนี้ในเวลานี้
“รี บช่วยข้าจัดแต่งทรงผมหน่อย!” เหมียวอี้นงั่ ตรงหน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง ขณะที่เขากําลังใส่ เสื้ อผ้า หวงฝู่
ที่ยงั โป๊ เปลือยก็รีบเข้ามาช่วยทําผมให้เขา
หลังจากแต่งตัวทําผมเสร็ จแล้ว เหมียวอี้กร็ ี บลุกขึ้นพร้อมบอกว่า “เจ้ารี บจัดการตัวเองสักหน่อย
หลังจากออกไปแล้วห้ามเดินไปที่โถงหลัก ให้ออกทางประตูดา้ นข้าง”
หวงฝู่ จวินโหรวรี บพยักหน้ารี บปาก ใช้คาํ ว่ากินปูนร้อนท้องมาบรรยายจะเหมาะที่สุด
เหมียวอี้รีบเร่ งฝี เท้าเดินออกไป หลังจากออกไปแล้ว ตอนอยูใ่ นลานบ้านก็พบว่าบนร่ างกายตัวเองมี
กลิ่นของหวงฝู่ จวินโหรว ขนาดตัวเองยังได้กลิ่นเลย ชัดเจนเกินไปแล้วมั้ง เขาจึงรี บร่ ายอิทธิฤทธิ์ รอบ
กายขยับเองโดยไร้ลม กําจัดกลิ่นที่ติดอยูบ่ นร่ างกายออก
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีกลิ่น เขาถึงได้ตบหน้าหน้าอก ปรับสี หน้าอารมณ์ให้มนั่ คงแล้วออกจาก
ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์
ส่ วนหวงฝู่ จวินโหรวที่ลุกลี้ลุกลนอยูใ่ นห้องนอน ไม่นานก็พบว่าตัวเองลืมสวมใส่ อะไรบางอย่าง นาง
มองซ้ายมองขวา แล้วหยิบเสื้ อชั้นในจากใต้เตียง คิดจะยัดเก็บเข้าในกําไลเก็บสมบัติ แต่ไม่นานก็ชะงัก
ในนี้คือชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ที่อยูใ่ นจวนขุนนางของหนิวโหย่วเต๋ อ คนนอกเข้ามาไม่ได้ เถ้าแก่เนี้ยของร้าน
โฉมเมฆาก็ยงิ่ ไม่มีทางเข้ามาในที่ลบั ตาคนแบบนี้ แล้วจะมีอะไรให้นางกลัวล่ะ? จะตื่นตระหนกขนาด
นี้ไปทําไมกัน?
พอคิดได้แบบนี้ แล้วนึกถึงภาพลุกลี้ลุกลนเมื่อครู่ จู่ ๆ นางก็หลุดหัวเราะ ขนาดตัวเองยังรู ้สึกบันเทิง
มาก
พอกลับมามองดูเสื้ อชั้นในตูโ้ ตว[1]ในมือตัวเอง นางก็กดั ริ มฝี ปาก ตัดสิ นใจจะทิ้งของที่ระลึกไว้ให้
ผูช้ ายน่ารังเกียจคนนี้ ไหน ๆ ก็ได้ครอบครองความบริ สุทธิ์ของนางไปแล้ว นอนก็นอนด้วยกันแล้ว
บทจะลืมก็ลืมกันง่าย ๆ งั้นเหรอ ไม่มีทาง!
นางก็เลยสะบัดมือ โยนเสื้ อชั้นในไว้บนเตียงของเหมียวอี้เสี ยเลย ส่ วนตัวเองก็นงั่ ลงหน้าโต๊ะเครื่ อง
แป้ งอย่างสบายใจ จัดแต่งทรงผมตัวเองอย่างเนิบนาบเอาใจใส่ หลังจากออกไปแล้วคนจะได้มองไม่
เห็นพิรุธ
นางนัง่ หวีผมงามอยูห่ น้ากระจกอย่างสุ ขกายสบายใจ ปากพึมพําร้องเพลงเบา ๆ แต่พอนึกถึงภาพที่
ตัวเองหลงระเริ งเป็ นฝ่ ายรุ กยัว่ ยวนเมื่อครู่ น้ ี นางก็แก้มแดงเหมือนแสงแดดยามสายัณห์ทนั ที
…………………………

[1] เสื้ อชั้นในตูโ้ ตว 肚兜 ผ้าปิ ดหน้าอกของสตรี จีนสมัยโบราณ


ตอนที่ 984

กินปูนร้ อนท้ อง

อวิน๋ จือชิวที่สวยสง่าเย้ายวนยืนเงียบ ๆ อยูภ่ ายใต้แสงอาทิตย์ กระโปรงปลิวเบา ๆ อยูท่ ่ามกลางสายลม


บางครั้งก็ใช้นิ้วงามเกลี่ยไรผมที่ปลิวตามลมไปทัดไว้ที่หลังหู เงยหน้าเล็กน้อยมองไปทางตําหนักคุม้
เมืองที่อยูไ่ กล ๆ ไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไร
นางคือดอกไม้สดที่กาํ ลังเจิดจ้าสว่างไสว กําลังเบ่งบานรับแสงแดดที่ส่องลงมา ทั้งนุ่มนวลทั้งสุ ขมุ
เสน่ห์อนั ดิบเถื่อนเหมือนสุ ราหอมที่เคยมี ในตอนนี้นางต้องสํารวมท่าทีเอาไว้ก่อน เปลี่ยนเป็ นรอคอย
ด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
ภาพนี้ฝังลึกอยูใ่ นหัวของเหมียวอี้ตลอดไป เหมียวอี้ที่ออกมาแล้วเห็นฉากนี้ยนื นิ่งทันที เพียงมองดูนาง
เงียบ ๆ แววตาพลันเปลี่ยนเป็ นอ่อนโยน
เดิมทีท้ งั สองเป็ นสามีภรรยากันอย่างสง่าผ่าเผย ตอนนี้กลับต้องทําตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมียวอี้รู้วา่ ไม่มี
ผูห้ ญิงคนไหนอยากทําแบบนี้ และรู ้ดว้ ยว่าไม่มีผหู ้ ญิงคนไหนอยากให้ผชู ้ ายของตัวเองแต่งงานรับ
อนุภรรยาหลายคน ทุกสิ่ งที่นางทําล้วนคํานึงถึงผลประโยชน์ของเขา
บางครั้งทั้งสองก็เถียงกัน หาเรื่ องกัน ถึงขั้นด่าทอและลงไม้ลงมือ แต่เรื่ องบางอย่างเหมียวอี้กร็ ู ้ชดั อยู่
แก่ใจ ผูห้ ญิงคนนี้คิดกับเขาอย่างไร ในใจเข้ารู ้อยูแ่ จ่มแจ้ง ก็เพราะอย่างนี้ เขาถึงได้รู้สึกผิดมากขึ้นเรื่ อย

ที่จริ งแล้ว บางครั้งเวลาที่อวิน๋ จือชิวระเบิดอารมณ์ใส่ เหมียวอี้กไ็ ม่ได้กลัวนางหรอก เขาแค่ยอมให้
เท่านั้น เขาแค่ไม่อยากทําให้นางเสี ยใจ เขาอยากให้ผหู ้ ญิงคนนี้เข้าใจ ว่าในปี นั้นตอนที่ท้ งั สองมีฐานะ
แต่งต่างกันลิบลับ แต่นางกลับยินดีเลือกเขา เขาก็ได้บอกนางไว้แล้ว ว่าจะไม่มีทางทําให้นางผิดหวัง
จะรับผิดชอบกับการเลือกของนางไปทั้งชีวติ แต่เรื่ องระหว่างเขากับหวงฝู่ จวินโหรวเมื่อครู่ น้ ีเรี ยกว่า
อะไรล่ะ เขาไม่ได้กลัวนางหรอก เพียงแต่รู้สึกผิดอยูใ่ นใจ เพียงแค่ในใจเขามีนางอยูจ่ ริ ง ๆ
ก็เหมือนกับคําสัญญาที่ให้ไว้กบั นางในปี นั้น เขาอยากจะอยูก่ บั นางอย่างมีความสุ ขไปทั้งชีวติ จากใจ
จริ ง
ทว่าความรู ้สึกระหว่างชายหญิง บางครั้งก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขารู ้อยูเ่ ต็มอกว่าตัวเองไม่ได้อยากทํา
แบบนั้นกับหวงฝู่ จวินโหรว ก่อนเกิดเรื่ องเขาไม่ได้อยากจะทําอย่างนั้น หลังเกิดเรื่ องเขาก็ไม่อยาก
เหมือนกัน แต่ดนั ทําเรื่ องแบบนั้นกับหวงฝู่ จวินโหรวซํ้าแล้วซํ้าเล่า
“เถ้าแก่เนี้ย!” พ่อครัวถ่ายทอดเสี ยงเตือน
อวิน๋ จือชิวหันกลับมามอง เป็ นเหมียวอี้กาํ ลังยืนมองตนอยูบ่ นบันได สายตาแบบนั้นทําให้ในใจนาง
รู ้สึกอบอุ่น นางจึงพยักหน้าพลางยิม้ บาง ๆ
พอเหมียวอี้ได้สติกลับมา ก็ทาํ ท่าทางเหมือนดีใจเหนือความคาดหมาย แสดงละครให้คนนอกเห็น
ทันที พอเดินลงบันไดมาก็กมุ หมัดคารวะต้อนรับตั้งแต่อยูไ่ กล ๆ “เถ้าแก่เนี้ยให้เกียรติมาเยือน ขออภัย
ที่ตอ้ นรับไม่ดี ขออภัยที่ตอ้ นรับไม่ดี!”
คนที่มองเห็นภาพนี้อยูไ่ กล ๆ กลั้นขํา เมื่อครู่ น้ ีมองจนเหม่อแล้ว คิดในใจว่าท่านผูบ้ ญั ชาการคงจะ
สนใจผูห้ ญิงคนนี้จริ ง ๆ ตอนผูจ้ ดั การจากร้านค้าใหญ่ ๆ มาหา ก็ยงั ไม่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองแบบนี้
เลย มีแค่ผหู ้ ญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น สงสัยต่อไปจะต้องประจบผูห้ ญิงคนนี้สกั หน่อยแล้ว ส่ วนการที่
นายท่านไปชอบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้วแบบนี้ จะมีคุณธรรมหรื อไร้คุณธรรม นัน่ ก็ไม่ใช่เรื่ องที่พวกเขา
จะต้องพิจารณาแล้ว… เอ! ทําไมไม่เห็นผูจ้ ดั การหวงฝู่ นัน่ ออกมาเสี ยที?
ไม่มีใครคิดไปถึงเรื่ องอย่างว่า เรื่ องเกิดมาจนป่ านนี้แล้ว บนโลกนี้หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ความแค้น
ระหว่างท่านผูบ้ ญั ชาการกับผูจ้ ดั การหวงฝู่ พวกเขาก็เคยได้ยนิ มาเหมือนกัน เหมือนนายท่านจะโดน
ผูจ้ ดั การหวงฝู่ นัน่ บีบจนต้องหนีมาที่เขตเมืองตะวันออก แทบจะเอาชีวติ ไม่รอดแล้ว ไม่เห็นหรื อว่า
เมื่อครู่ น้ ีไม่มีการเชิญให้ดื่มนํ้าชาเลย
แต่พอลองคิดดูอีกที ก็รู้สึกว่าผูจ้ ดั การหวงฝู่ ยังอยูใ่ นห้อง ใครจะไปคิดว่าตอนลับหลังศัตรู คู่น้ ีจะทํา
เรื่ องที่พวกเขาจินตนาการไม่ถึง
“รบกวนให้ผบู ้ ญั ชาการออกมารับด้วยตัวเองแล้ว!” อวิน๋ จือชิวคํานับด้วยท่าทางที่งดงาม พ่อครัวกุม
หมัดคารวะตามด้วยท่าทางจริ งจัง
“ไม่ตอ้ งมากพิธี!” เหมียวอี้ยมิ้ พลางผายมือ ปรากฏว่าสังเกตเห็นว่าอวิน๋ จือชิวกําลังมองตนด้วยสายตา
แปลก ๆ มองสํารวจศีรษะจดเท้า ทั้งยังขมวดคิ้วด้วย
ชัว่ พริ บตาเดียว ในใจเหมียวอี้กเ็ ต้นตึกตัก รู ้สึกขาดความมัน่ ใจถึงขีดสุ ด หรื อว่าตัวเองเก็บกวาดไม่
เรี ยบร้อย โดนผูห้ ญิงคนนี้สงั เกตเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว? ตอนนี้จะทํายังไงดีล่ะ ถ้าผูห้ ญิงคนนี้ปรี๊ ด
แตกขึ้นมาคงแย่แน่!
เมื่อเห็นว่าอวิน๋ จือชิวไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมาย เขาก็ฝืนตั้งสมาธิให้มนั่ คง แล้วหันตัวยืน่ มือเชิญ
“เชิญด้านใน!”
อวิน๋ จือชิวรักษาระยะห่างกับเขา สํารวมท่าทีให้คนนอกเห็น พยักหน้าเบา ๆ แสดงคําขอบคุณ แล้วตาม
เหมียวอี้เข้าไปในโถงหลัก ส่ วนพ่อครัวที่เดินตามหลังไปก็ยนื เฝ้ าอยูข่ า้ งประตู ทําท่าเหมือนเทพเฝ้ า
ประตู
ย่อมมีคนรี บเข้ามาริ นนํ้าชาให้ เพียงแต่เมื่อเทียบกับแขกคนอื่น ๆ คนริ นนํ้าชายิม้ ให้อวิน๋ จือชิวมากเป็ น
พิเศษ เชิญให้ดื่มนํ้าชาอย่างเคารพนอบน้อม
ส่ วนเหมียวอี้กโ็ บกมือเรี ยกคนริ นนํ้าชาเข้ามา แล้วถ่ายทอดเสี ยงถาม “ผูจ้ ดั การหวงฝู่ ของร้านสมาคม
วีรชนบอกว่าจะเดินเล่นอยูใ่ นจวนผูบ้ ญั ชาการ เจ้าไปเฝ้ าข้างนอกไว้ ถ้าเห็นนางออกไปแล้ว ก็เข้ามา
รายงานทันที”
“ขอรับ!” คนคนนั้นเอ่ยรับ
เหมียวอี้บอกอีกว่า “บอกด้านนอกด้วย ว่าถ้าข้าไม่อนุญาต ก็หา้ มให้ใครเข้าใกล้ที่นี่”
คนคนนั้นรี บแอบมองเถ้าแก่เนี้ยเงียบ ๆ แวบหนึ่ง คิดว่านายท่านผูบ้ ญั ชาการคงจะอยากอยูก่ บั ท่านนี้
ตามลําพัง จึงพยักหน้าอย่างรู ้อยูแ่ ก่ใจ แล้วรี บออกไปปฏิบตั ิตาม
ในห้องไม่มีคนนอกแล้ว ตรงประตูกม็ ีพอ่ ครัวเฝ้ า เหมียวอี้เลิกวางมาดผูบ้ ญั ชาการ ลุกขึ้นเดินไปนัง่ ที่
โต๊ะนํ้าชาข้าง ๆ อวิน๋ จือชิว แล้วถามพร้อมรอยยิม้ “เข้ามาได้ยงั ไง?”
อวิน๋ จือชิวเหลือบมองแวบหนึ่ง แต่เหมียวอี้สงั เกตเห็นทันทีวา่ ในแววตานางแฝงความหมายลึกซึ้ ง ใน
ใจเริ่ มกังวลขึ้นมาอีกแล้ว
ที่น่าตกใจยิง่ กว่านั้นก็คือ อวิน๋ จือชิวยืนขึ้นแล้ว นางเดินวนไปรอบ ๆ ห้องโถง เหลียวซ้ายแลขวา
เหมือนกําลังขมวดคิ้วหาอะไรบางอย่าง
เหมียวอี้ตระหนกจนใจสัน่ ยืนขึ้นเช่นกัน ยิม้ แห้ง ๆ พลางถามว่า “เจ้ามองหาอะไรเหรอ?”
“หวงฝู่ จวินโหรวล่ะ?” อวิน๋ จือชิวถามกลับ
ท่านขุนนางเหมียวตกตะลึงพรึ งเพริ ด แต่พยายามทําท่าเหมือนไม่รู้ไม่ช้ ี “เจ้ารู ้ได้อย่างไรว่านางมา
ที่นี่?”
“เหลวไหล!” อวิน๋ จือชิวกลอกตาใส่ เขาอย่างหยาดเยิม้ “เกี้ยวของนางจอดอยูข่ า้ งนอก เจ้าเห็นข้าเป็ น
คนตาบอดรึ ไง?”
“…” อย่างนี้นี่เอง เหมียวอี้รู้สึกเหมือนตัวเองพลาดก้าวเท้าตกหน้าผาสูงหมื่นจั้ง แต่ใช้มือคว้าขอบหน้า
ผาปี นขึ้นมาได้ทนั เวลา เหมือนยกภูเขาออกจากอก จึงพูดโกหกออกมาส่ งเดชว่า “ข้ากับนางไม่มีอะไร
ดี ๆ ต้องคุยกันหรอก คุยกันไม่กี่คาํ นางก็ออกไปแล้ว บอกว่าจะเดินเล่นในจวนผูบ้ ญั ชาการสักหน่อย
เจ้าเองก็รู้วา่ นางมีคนหนุนหลัง ข้าไม่สะดวกจะขัดใจนางมากเกินไป เลยตามใจ”
อวิน๋ จือชิวจ้องเขาครู่ หนึ่ง จ้องจนเหมียวอี้ขนลุก พอหันหน้าไป นางก็มุ่งตรงไปที่โถงด้านหลังแล้ว
เหมียวอี้ตระหนกทันที รี บดึงแขนนางไว้ “เจ้าทําอะไร?” เขาเองก็ไม่รู้วา่ หวงฝู่ จวินโหรวออกไปหรื อ
ยัง ถ้าโดนกักไว้ดา้ นหลังคงแย่แน่!
อวิน๋ จือชิวตีมือเขา แล้วขมวดคิว้ มุ่นจ้องสํารวจเขาศีรษะจดเท้า
ยังคงไม่สบายใจอยูเ่ หมือนเดิม เหมียวอี้แทบจะเสี ยสติเพราะปฏิกิริยาของนาง อดไม่ได้ที่จะถามอย่าง
กินปูนร้อนท้อง “วันนี้เจ้าเป็ นอะไรไป เอาแต่มองข้าแบบนี้ทาํ ไม?”
อวิน๋ จือชิวใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากของเขา แล้วก็จิ้มที่จอนผมข้างขวา “ผมเจ้านี่หวียงั ไง ข้างนี้หวีส้ นั
ไปอย่างเห็นได้ชดั เจ้าไม่รู้เหรอว่าอีกข้างหนึ่งสูงอีกข้างหนึ่งตํ่า? เจ้าออกมารับแขกในสภาพแบบนี้
เนี่ยนะ? น่าขายหน้ามั้ย? ข้าว่าเจ้าข้างกายเจ้าขาดผูห้ ญิงดูแลไม่ได้หรอก น่าเสี ยดายที่เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่
เอ๋ อร์ไปสะดวกมาหาเจ้าที่นี่”
เหมียวอี้ราวกับได้ยกหิ นก้อนใหญ่ออกจากใจ ก็ยงั นึกอยูว่ า่ ทําไมนางเอาแต่มองเขาแบบนี้ ที่แท้กเ็ ป็ น
เพราะจอนผมนี่เอง!
เขาเอามือลูบผมตัวเองนิดหน่อย รู ้ดีอยูแ่ ก่ใจ เมื่อครู่ น้ ีตระหนกตกใจเกินไปจริ ง ๆ หวงฝู่ จวินโหรวคง
ฉุกละหุกจนไม่ได้สงั เกตเห็นแน่นอน ตกใจแทบตาย!
อวิน๋ จือชิวหันตัวเดินไปที่โถงด้านหลัง เหมียวอี้รีบไปคว้าแขนนางไว้อีก “ทําอะไรของเจ้า?”
“เจ้าเอาแต่ดึงแขนข้าทําไม? ไม่กลัวคนอื่นมาเห็นเหรอ?”
“ไม่ใช่ ข้าถามว่าเจ้าจะเดินไปข้างหลังทําไม?”
อวิน๋ จือชิวตอบอย่างหงุดหงิดว่า “ข้างหลังไม่ใช่สถานที่ลบั ของเจ้านี่นา? คนอื่นเข้าไปไม่ได้ อย่าบอก
นะว่าข้าก็เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน? ทรงผมเจ้าเป็ นแบบนี้แล้วจะออกไปเจอคนได้อย่างไร ไปข้างหลังสิ
ข้าจะช่วยหวีผมให้เจ้าใหม่” ขณะที่พดู ก็ดึงแขนเหมียวอี้
เหมียวอี้จะกล้าพานางไปข้างหลังได้อย่างไร ถ้าเจอหวงฝู่ จวินโหรวขึ้นมา ก็ไม่มีทางพูดกลบเกลื่อนได้
แล้ว จึงพยายามดึงนางไว้ทนั ที
“เจ้าเป็ นอะไรไป ข้างหลังไม่ได้ซ่อนผูห้ ญิงไว้ใช่ม้ ยั ?” อวิน๋ จือชิวฉงนใจ
ไม่ตอ้ งพูดถึงเลย เดาถูกแล้วล่ะ! แต่ท่านขุนนางเหมียวไม่ยอมรับแน่นอน กลับตอบด้วยท่าทีจริ งจังว่า
“ไม่สะดวก โค่วเหวินหลานอยูข่ า้ งหลัง”
การที่เขาอยูม่ าได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะไม่ได้อ่อนหัด ความสามารถในการแก้ไขปั ญหาเฉพาะหน้
เรี ยกได้วา่ ยอดเยีย่ ม ตราบใดที่กระดาษหน้าต่างไม่ถูกเจาะ เขาย่อมมีวธิ ีตลบตะแลงอยูแ่ ล้ว
“เอ…” อวิน๋ จือชิวชะงัก แล้วอดไม่ได้ที่จะถามเสี ยงตํ่าอย่างสงสัย “ไม่ใช่วา่ พวกเจ้าส่ งต่องานให้กนั ไป
แล้วเหรอ? เขาจะมาที่นี่อีกทําไม?”
เหมียวอี้กดเสี ยงตอบว่า “เขามาเก็บของ ข้างหลังยังมีของของเขาอยูน่ ิดหน่อย เขาจะนําไปไว้ที่ตาํ หนัก
คุม้ เมือง”
ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้! อวิน๋ จือชิวพยักหน้า ไม่สะดวกจะให้โค่วเหวินหลานรู ้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง
สองจริ ง ๆ ทําได้เพียงล้มเลิก
ขณะเดียวกันนี้เอง พ่อครัวที่เฝ้ าอยูต่ รงประตูกถ็ ่ายทอดเสี ยงเตือนทั้งสอง “มีคนมาแล้ว”
ทั้งสองไม่สะดวกจะฉุดกระชากลากยื้อกันอีก รี บถลันตัวออกจากกัน กลับไปนัง่ อย่างสง่าผ่าเผยที่
ตําแหน่งของตัวเอง
เป็ นลูกน้องคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ หลังจากเข้ามาคํานับแล้ว ก็ถ่ายทอดเสี ยงบอกเหมียวอี้วา่ “นาย
ท่าน ผูจ้ ดั การหวงฝู่ ไปแล้วขอรับ”
“อืม! รู ้แล้ว” เหมียวอี้พยักหน้าด้วยท่าทางจริ งจัง ในใจเหมือนยกหิ นก้อนใหญ่ออกจากอก แล้วเตือน
อีกว่า “ถ้าข้าไม่อนุญาต ก็หา้ มใครเข้ามาทั้งนั้น รวมทั้งเจ้าด้วย!”
หลังจากลูกน้องออกไปแล้ว ท่านขุนนางเหมียวก็เรี ยกได้วา่ ยิม้ ออกมาจากใจจริ ง ยืนขึ้นแล้วกวักมือบอ
กอวิน๋ จือชิว “ไป ข้าจะพาเจ้าไปดูขา้ งหลัง”
อวิน๋ จือชิวไม่รู้วา่ ทําไมเขาถึงเปลี่ยนความคิด นางมองไปทางห้องโถงข้างหลัง แล้วถามอย่างแปลกใจ
“ข้าเข้าไปจะเหมาะเหรอ?” นางจะสื่ อว่าโค่วเหวินหลานอยูข่ า้ งหลัง
“ลูกน้องเพิ่งมารายงาน บอกว่าโค่วเหวินหลานไปแล้ว” เหมียวอี้ตอบพร้อมรอยยิม้
พอเขาพูดแบบนี้ อวิน๋ จือชิวก็หายกังวลแล้ว ก้าวขึ้นไปควงแขนเขา แล้วพูดคุยยิม้ แย้มเดินเข้าไปที่โถง
ด้านหลังด้วยกัน “ช่วงนี้เจ้าไม่ได้ไปหาข้าเลย ข้าอยากจะถามมาตลอดว่าเกิดเรื่ องอะไรกันแน่ ได้ยนิ ว่า
คนที่ไปสูก้ บั เฮยหวังนัน่ ที่เขตเมืองตะวันตกมีเซี่ยโห้วหลงเฉิงกลับมาคนเดียวเหรอ ส่ วนเขตเมือง
ตะวันออกของเจ้าก็มีคนรอดกลับมาสามคน นักพรตบงกชทองหกสิ บกว่าคน สูร้ บจนตายหมดเลยจริ ง
ๆ เหรอ?”
“ช่วงนี้ไม่สะดวกจะไปหา ตอนที่ยงั ไม่ได้ตาํ แหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกอย่างเป็ นทางการ
ข้าก็ไม่สะดวกจะเพ่นพ่านไปทัว่ กลัวว่าจะมีคนเล่นไม่ซื่อลับหลัง ส่ วนคนพวกนั้น ก็ตายแล้วจริ ง ๆ
ของวิเศษในมือเฮยหวังร้ายกาจมาก จะว่าไปแล้วก็เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางของ
ปราชญ์ผซี ื อถูเซี่ ยว…” เหมียวอี้เล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นให้ฟังคร่ าว ๆ
อวิน๋ จือชิวได้ฟังแล้วอกสัน่ ขวัญแขวน นับว่าเข้าใจแล้ว ว่าตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการนี้ได้มาเพราะผูช้ ายของ
ตนเอาชีวติ เข้าไปเสี่ ยง ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็ นนางก็คงจะเอาชีวติ ไปทิ้งแล้ว ภายใต้
สถานการณ์วกิ ฤต ไม่น่าเชื่อว่าผูช้ ายของตนจะพลิกอันตรายให้กลายเป็ นความปลอดภัยได้
เรื่ องบางเรื่ องนางเก็บไว้ในใจไม่กล้าพูดออกมา เหมียวอี้เอาชีวติ ไปเล่นครั้งแล้วครั้งเล่า นางกลัวจริ ง ๆ
ว่าสักวันเหมียวอี้จะพลาดแล้วกลับมาไม่ได้อีก นี่ไม่ใช่เรื่ องที่คิดมากไปเอง แต่เป็ นเรื่ องที่มีความ
เป็ นไปได้สูง ไม่มีใครที่จะโชคดีรอดชีวติ กลับมาทุกครั้งหรอก ทว่าเมื่อเดินบนเส้นทางนี้แล้ว ก็มีเรื่ อง
มากมายที่ทาํ ตามใจตัวเองไม่ได้…
เหมียวอี้คุน้ ชินกับเรื่ องแบบนี้จนกลายเป็ นปกติแล้ว ไม่รู้สึกว่าเป็ นอะไร เขาไม่คิดว่าการรอดชีวติ มา
ได้เพราะดวงดีอย่างเดียว เรื่ องบางเรื่ องก็ข้ ึนอยูก่ บั การรับมือยามหน้าสิ่ วหน้าขวาน เรื่ องราวคล้าย ๆ
กัน เขาผ่านประสบการณ์มาหลายครั้งแล้วก็ยอ่ มเข้าใจดี
ทว่าหลังจากฟังจบ อวิน๋ จือชิวก็หนั ตัวมากอดเขา หมอบศีรษะบนบ่า ปล่อยให้เหมียวอี้ถาม นางเอาแต่
ส่ ายหน้า ไม่อยากพูดอะไรมาก กอดเข้าไว้แนบแน่น ดวงตาแดงกํ่า แต่กลับไม่ให้เหมียวอี้เห็น ไม่อยาก
ให้เขาเป็ นห่วงเกินความจําเป็ น ถ้าลดความคิดฟุ้ งซ่านลงสักเรื่ อง ก็อาจจะช่วยให้เขารอดชีวติ ยามที่เขา
เผชิญอันตรายก็ได้
ตอนที่ 985

เสื้อชั้นในมาจากไหน

ความรู ้สึกบางอย่างสามารถติดต่อกันได้ เหมียวอี้สมั ผัสได้ถึงความคิดของนางแล้ว เขาตบหลังนางเบา


ๆ “ยังอยูใ่ นลานบ้านนะ ระวังจะมีคนเหาะผ่านแล้วมองเห็น”
อวิน๋ จือชิวเก็บสํารวมอารมณ์ แล้วดึงมือเขาเข้าไปในห้อง “ชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ล่ะ? ข้ายังไม่เคยเห็นชัยภูมิ
ถํ้าสวรรค์ช้ นั หนึ่งของผูบ้ ญั ชาการตําหนักสวรรค์เลยนะ”
ทําไมคําพูดนี้ฟังดูคุน้ หูนกั ล่ะ พอลองนึกย้อนกลับไป ก็พบว่าหวงฝู่ จวินโหรวเคยพูดประมาณนี้
เหมือนกัน ใช้ขอ้ อ้างนี้ดึงเขาเข้าไปทําเรื่ องอย่างนั้นในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์
พอนึกถึงเรื่ องนี้กอ็ กสัน่ ขวัญแขวนนิดหน่อย แต่พอนึกได้วา่ หวงฝู่ จวินโหรวไปแล้ว เขาก็พาอวิน๋ จือ
ชิวเข้าไปในศาลเจ้านั้นเสี ยเลย
ท่าทีที่มีต่ออวิน๋ จือชิวกับท่าทีที่มีต่อหวงฝู่ จวินโหรวย่อมต่างกัน เหมียวอี้เป็ นฝ่ ายพานางไปดูเครื่ องมือ
รวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาที่อยูใ่ นนี้
หลังจากแสดงความมหัศจรรย์ของเครื่ องมือรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาของที่นี่ให้ดู อวิน๋ จือชิวก
ลับมีความคิดเห็นต่างออกไป นางบอกว่า “เครื่ องมือรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาแบบนี้ ที่พิภพเล็กก็
ทําได้เหมือนกัน เพียงแต่พวกเราต้องเสริ มการควบคุมกําลังพลเบื้องล่าง ถึงได้มีการส่ งส่ วยประจําปี
เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นพิภพเล็กที่ไม่มีระฆังดาราไว้ติดต่อกัน เวลากําลังพลเบื้องล่างไปที่ไหนมาบ้างเราก็
ไม่รู้เลย”
“อย่างนี้เองเหรอ!” เหมียวอี้เข้าใจกระจ่างในทันที
“ข้าอยูท่ ี่นี่นานไม่ได้ จะรี บช่วยเจ้าจัดแต่งทรงผมใหม่สกั หน่อย” อวิน๋ จือชิวดึงเขาเข้าไปที่หอ้ งนอน
ท่านขุนนางเหมียวรู ้สึกกดดันทางอารมณ์ ในห้องนอนก่อนหน้านี้… พอผลักประตูเข้ามาในห้องนอน
เหมียวอี้กเ็ อ๋ อแดกนิดหน่อย!
บนเตียงยังคงยับยูย่ ี่ ไม่น่าเชื่อว่าหวงฝู่ จวินโหรวจะไม่ช่วยเก็บที่นอนให้เขาสักหน่อยเลย และที่ทาํ
เกินไปที่สุดก็คือ เสื้ อชั้นในมาจากไหน?
จะมาจากไหนได้ล่ะ เหมียวอี้แทบจะประสาทกิน โยนเสื้ อชั้นในไว้บนเตียงส่ งเดช มันสะดุดตาเกินไป
แล้วมั้ง!
ความรู ้สึกของเหมียวอี้ยงุ่ เหยิงยิง่ กว่าสิ่ งที่อยูบ่ นเตียง ในใจด่าหวงฝู่ จวินโหรวอย่างบ้าคลัง่ นารี เป็ น
เหตุ บ้าไปแล้วกระมัง!
อวิน๋ จือชิวตัวนิ่งทื่อแล้ว ก้าวเท้าลําบากมาก สายตาหยุดจ้องอยูบ่ นเตียง จ้องเสื้ อชั้นในตัวนั้นที่อยูบ่ น
เตียง จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกคิ้วสู ง แล้วหันช้า ๆ กลับมาจ้องเหมียวอี้ แววตาค่อนข้างเย็นเยียบ
เหมียวอี้อยากจะเอาหัวโขกกําแพงให้ตาย แต่ภายนอกยังคงสงบนิ่ง ทั้งยังขมวดคิ้วถามด้วยว่า “โค่วเห
วินหลานเล่นบ้าอะไรเนี่ย เจ้าตุง้ ติ้งนี่คงไม่ได้เอาเสื้ อชั้นในผูห้ ญิงมาใส่ หรอกใช่ม้ ยั ? หรื อว่าเขาซ่อน
ผูห้ ญิงเอาไว้ที่นี่?”
“เจ้าถามข้า แล้วจะให้ขา้ ไปถามใครล่ะ?” อวิน๋ จือชิวถามเสี ยงเรี ยบ แต่แววตากลับเหมือนเหลือบมอง
ผมที่หวีสูงขึ้นมาข้างหนึ่งของเหมียวอี้ จากนั้นก็ปล่อยมือเหมียวอี้ แล้วหันตัวเดินไปข้างเตียง มองดู
ภาพระเกะระกะบนเตียงคร่ าว ๆ แล้วถามว่า “นี่คือผลงานชิ้นเอกของโค่วเหวินหลานเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะว่า “นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีกล่ะ หลังจากข้ารับตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการ ช่วง
ไม่กี่วนั มานี้ขา้ ก็ไม่ทนั ได้มาที่นี่ คอยต้อนรับพวกผูจ้ ดั การร้านใหญ่ ๆ ตลอด”
“จะอธิบายมากขนาดนั้นทําไม ข้าไม่ได้บอกเสี ยหน่อยว่าเป็ นผลงานชิ้นเอกของเจ้า” อวิน๋ จือชิวพูด
เหน็บแหนม แล้วโน้มตัวยืน่ นิ้วเกี่ยวเสื้ อชั้นในตัวนั้นขึ้นมาดู ทั้งยังเอามาดมใกล้ ๆ ด้วย กลิ่นกายหอม
ที่อยูบ่ นนั้นทําให้นางเลิกคิว้ อีกครั้ง สุ ดท้ายนางก็สะบัดมือ โยนเสื้ อชั้นในกลับไปไว้บนเตียง “โค่วเห
วินหลานนี่กจ็ ริ ง ๆ เลย ไม่รู้จกั เก็บกวาดให้เรี ยบร้อย”
นางหันตัวเดินไปตรงหน้าโต๊ะเครื่ องแป้ ง แล้วชี้บอก “นัง่ ลง ข้าจะช่วยจัดแต่งทรงผมให้เจ้าใหม่”
“ในนี้ระเกะระกะ ออกไปข้างนอกกันดีกว่า” เหมียวอี้กล่าวอย่างค่อนข้างอึดอัด
“ข้าให้เจ้านัง่ เจ้าก็นงั่ สิ ส่ องกระจกจะได้จดั ทรงผมได้ง่าย ๆ ” อวิน๋ จือชิวชี้ไปที่กระจก กล่าวด้วย
นํ้าเสี ยงที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธ
เหมียวอี้ทาํ ได้เพียงเดินเข้าไปนัง่ ลง อวิน๋ จือชิวที่เดินมาข้างหลังช่วยถอดปิ่ นปั กผมออกให้เขา เส้นผม
สยายออก ตอนที่สายตาทั้งสี่ สบประสานผ่านกระจก จู่ ๆ นางก็หมอบที่บ่าของเขา ใช้มือคล้องคอ แล้ว
คลอเคลียข้างหู “ท่านสามี เราไม่ได้จ๋ ูจี๋กนั มานานแล้ว ไม่เคยสะดวกเลย วันนี้กาํ ลังดีเลย เจ้าต้องการข้า
หรื อเปล่า?”
เหมียวอี้แอบปาดเหงื่อในใจ ก่อนหน้านี้รีบร้อนเกินไป บนร่ างกายยังมีรอยกัดอยูเ่ ลย ถ้าถอดเสื้ อผ้า
ออกหมดก็กลัวจะเผยพิรุธ มิหนําซํ้าก่อนหน้านี้กเ็ พิง่ ทําเรื่ องอย่างว่ากับหวงฝู่ จวินโหรว ถ้าตอนนี้จะ
มาทํากับฮูหยินของตัวเองอีก มันก็จะเกินไปหน่อยแล้ว! จึงจับมือเรี ยวงามของนาง พร้อมกล่าวด้วย
รอยยิม้ ทันที “ข้าต้องการอยูแ่ ล้วล่ะ แต่วนั นี้ไม่เหมาะ อีกประเดี๋ยวจะต้องมีผจู ้ ดั การจากร้านอื่นมาเยีย่ ม
อีกแน่ ๆ เดี๋ยววันหลังข้าจะไปหาเจ้า”
“เอาอย่างนี้เหรอ!” อวิน๋ จือชิวมองเขาผ่านกระจกด้วยแววตาลํ้าลึก แล้วก็ลม้ เลิกความคิดทันที ช่วยจัด
แต่งทรงผมให้เขา แล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนา “ได้ยนิ ว่าคนที่มาแสดงความยินดีกบั เจ้าต้องต่อแถวกัน
ไม่กี่วนั นี้รับของขวัญจนมือไม้อ่อนเลยล่ะสิ ?”
พอพูดถึงเรื่ องนี้ เหมียวอี้กห็ วั เราะเบา ๆ พลิกฝ่ ามือนํากําไลเก็บสมบัติยนื่ ไปข้างหลัง “ก็ค่อนข้างเยอะ
นะ ข้าเองก็ยงั เจียดเวลาไม่ได้ ที่นี่ไม่มีลูกน้องที่ไว้ใจได้ ไม่สะดวกจะเอามานับ ของอยูใ่ นนี้แล้ว เจ้านํา
กลับไปให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์จดั การแล้วกัน ดูวา่ มีใครให้อะไรมาบ้าง”
อวิน๋ จือชิวนํากําไลเก็บสมบัติมาดู อดไม่ได้ที่จะยิม้ เช่นกัน “สงสัยท่านสามีจะได้เลื่อนขั้นรํ่ารวยแล้ว
จริ ง ๆ ได้ เดี๋ยวกลับไปข้าจะรี บช่วยเจ้านับ แล้วอีกสองสามวันจะค่อยไปเอาที่ขา้ ”
เหมียวอี้ “เจ้าจัดการตามเห็นสมควรแล้วกัน ข้าไม่มีเวลาจัดการของพวกนี้หรอก เดี๋ยวเขียนรายการให้
ข้าดูกพ็ อ ข้าจะได้รู้วา่ คนพวกนั้นให้อะไรมาบ้าง”
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้า “เจ้าเพิ่งขึ้นรับตําแหน่ง ต้องแสดงนํ้าใจต่อเบื้องบนสักหน่อย เอาอย่างนี้แล้วกัน
เหลือไว้ครึ่ งหนึ่งให้พวกเราจัดการเอง เดี๋ยวเจ้านําอีกครึ่ งหนึ่งไปให้โค่วเหวินหลานกับปี้ เยว่ฮูหยิน ข้า
จะแบ่งเอาไว้ให้เจ้า เจ้าเจียดเวลามาเอาไปมอบให้พวกเขาก็พอแล้ว”
เหมียวอี้พยักหน้า “อืม” แล้วก็นาํ กําไลเก็บสมบัติอีกวงยืน่ ไปข้างหลัง “อันนี้ไม่ตอ้ งให้ใครแล้ว เป็ น
ของพวกเราทั้งนั้น”
หลังจากอวิน๋ จือชิวรับมาดู ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย ตกใจเพราะของที่กองเป็ นภูเขาอยูข่ า้ งใน ถามอย่าง
ตกตะลึงว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้านําสมบัติมาจากไหนมากมายขนาดนี้? ผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกคง
ไม่ได้มีผลประโยชน์มากขนาดนี้หรอกมั้ง? ถ้าเป็ นแบบนี้จริ ง ๆ จะได้หุน้ ของร้านขายของชําซื่ อตรง
หรื อไม่กไ็ ม่สาํ คัญแล้ว”
เหมียวอี้จอ้ งผูห้ ญิงที่กาํ ลังตกตะลึงผ่านกระจก พลางกล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “ใช่ผลประโยชน์เสี ยที่ไหน
กัน ถ้ามีผลประโยชน์กเ็ ป็ นไปไม่ได้ที่จะเยอะขนาดนี้ ถ้าเยอะขนาดนี้จริ ง ๆ ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการคงไม่
วนมาถึงข้าหรอก นี่เป็ นของตอนที่ร้านค้ารอบ ๆ โดนพังก่อนหน้านี้ เป็ นของที่คนของจวนผู ้
บัญชาการปล้นมา ตอนอยูท่ ี่ภูเขาโอนเอนคนพวกนั้นรบตายแล้ว ของก็ยอ่ มปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ ข้าเลย
ถือโอกาสเก็บมาหมด สมบัติของคนเขตเมืองตะวันตกที่รบตาย ทั้งยังมีของลูกสมุนเฮยหวังอีก ข้า
กวาดมาหมดเลย ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมไว้ดว้ ยกัน คาดว่ามูลค่าคงเกือบแปดล้านล้านผลึกแดงได้! ถึง
อย่างไรธุระในบ้านก็ยกให้เจ้าจัดการแล้ว ข้าขี้เกียจสนใจ เจ้าจัดการตามเห็นสมควรแล้วกัน”
“แปดล้านล้าน!” อวิน๋ จือชิวตกตะลึงถึงขีดสุ ด หลังจากได้สติกลับมา ก็ถามว่า “เจ้าฮุบของพวกนี้ไว้คน
เดียวเหรอ? โค่วเหวินหลานไม่วา่ อะไรเหรอ?”
“จะว่าอะไรได้ เขารวยตั้งแต่เกิดอยูแ่ ล้ว ความคิดไม่ได้อยูก่ บั ของพวกนี้เลย เขาสนใจอํานาจมากกว่า
บอกอย่างสบายใจว่าให้ขา้ กับสวีถงั หรานแบ่งกันคนละครึ่ ง มองออกเลยว่าเขาไม่มนั่ ใจกับจํานวนของ
พวกนี้ ถ้ามัน่ ใจคงไม่พดู แบบนี้ออกมาหรอก สวีถงั หรานกลับรู ้อยูแ่ ก่ใจ อยากจะขอแบ่งครึ่ งหนึ่ง แต่ก็
ต้องดูวา่ เขามีความสามารถนั้นหรื อเปล่า แล้วอีกอย่าง ก็มีแค่ขา้ คนเดียวที่รู้วา่ เก็บของมาได้จาํ นวน
เท่าไร ไม่มีทางมาตรวจสอบจํานวนได้หรอก ข้าบอกว่าเท่าไรก็แปลว่าเท่านั้น ให้ของเขาไปส่ งเดชนิด
หน่อยก็ไล่เขาไปได้แล้ว” เหมียวอี้กล่าว
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้าเดาะลิ้น แต่พอนึกได้วา่ ของพวกนี้ลว้ นแลกมาด้วยชีวติ ของเหมียวอี้ ก็ไม่ถือว่าดีใจ
เท่าไรนัก แค่เพ่งมองเหมียวอี้ผา่ นกระจกด้วยแววตาลํ้าลึกพักหนึ่ง ไม่รู้วา่ ทํามถึงถอนหายใจเบา ๆ
เหมียวอี้หนั กลับมาบอกว่า “เป็ นอะไรไป? รํ่ารวยแล้วเจ้าไม่ดีใจเหรอ? เมื่อมีของพวกนี้แล้ว ก็จะทําให้
เจ้าบรรลุวรยุทธ์ถึงระดับบงกชรุ ้งได้เร็ ว ๆ ”
อวิน๋ จือชิวบอกเขาว่า “ของก็มีไม่นอ้ ย แต่ถา้ อยากให้ถึงระดับบงกชรุ ้งก็ยงั ห่างไกล แล้วอีกอย่าง ได้
บรรลุถึงระดับบงกชรุ ้งคนเดียวจะมีประโยชน์อะไร? ต่อให้วรยุทธ์สูงก็ยงั มีคนที่สูงกว่า รุ ดหน้าไปคน
เดียวก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าพวกลูกน้องตามไม่ทนั โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย คง
จัดการเรื่ องอะไรด้วยตัวคนเดียวไม่ไหว ต้องมีกลุ่มลูกน้องคอยจัดการธุระให้ แบบนั้นถึงจะเป็ น
วิธีการที่ยงั่ ยืนถาวร ก็เหมือนกับหกปราชญ์ เลี้ยงคนไว้คุมอาณาเขตให้ เพื่อส่ งผลประโยชน์ไปให้พวก
เขาในระยะยาว ราชันสวรรค์กบั ประมุขพุทธะที่พิภพใหญ่กเ็ ป็ นแบบนี้เหมือนกัน”
เหมียวอี้ถอนหายใจอีก “ใช่แล้ว! แต่ตอนนี้ขา้ รู ้สึกว่าไม่มีคนที่พอจะใช้งานได้เลย”
อวิน๋ จือชิวอธิบายว่า “ตอนนี้พวกเรายืนที่พิภพใหญ่ได้อย่างมัน่ คงแล้ว มีของมากมายขนาดนี้ สามารถ
เพิ่มวรยุทธ์ให้พวกลูกน้องคนสนิทของเจ้าได้ ทําให้วรยุทธ์ของพวกเขาสูงถึงระดับบงกชทอง
หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี พิภพเล็กก็จะเป็ นของเจ้าแล้ว บางสิ่ งที่ทุ่มเทไปตอนนี้ ก็เพื่อแลกกับกลุ่มคนที่จะ
คุมพิภพเล็กเพื่อเจ้าในระยะยาว และนําผลประโยชน์ของพิภพเล็กมาส่ งให้เจ้าในระยะยาว เมื่อเวลา
ผ่านไปเจ้าจะไม่เสี ยเปรี ยบแน่นอน ความหมายของข้าก็คือ ข้าวางใจเวยเวยกับหยางชิ่งได้แล้ว กลับไป
ก็นาํ ยาแก่นเซียนไปให้พวกเขา เพิม่ วรยุทธ์ให้พวกเขาก่อน ส่ วนหลางหลางกับหวนหวน ไม่ใช่วา่ ข้ามี
อคติกบั พวกนางนะ แต่กเ็ ห็น ๆ กันอยูว่ า่ ภูมิหลังพวกนางเป็ นอย่างไร ตอนนี้ขา้ ยังไม่ค่อยวางใจ ถ้านํา
ยาแก่นเซียนให้พวกนางแล้วข่าวหลุดถึงหูมู่ฝานจวิน มู่ฝานจวินคไม่ปรานีแน่นอน!”
เหมียวอี้พยักหน้า “เจ้าเป็ นภรรยาเอก เป็ นเจ้านายของบ้าน เจ้ามีอาํ นาจตัดสิ นใจเรื่ องในบ้าน เจ้าพูด
อะไรพวกนางก็ไม่กล้าขัดคําสัง่ หรอก เจ้าจัดการตามเห็นสมควรแล้วกัน”
“เอ๋ !” อวิน๋ จือชิวถามหยอก “ไม่กลัวข้าลําเอียงใจแคบแล้วปฏิบตั ิต่อพวกอนุภรรยาของเจ้าอย่างไม่เป็ น
ธรรมเหรอ?”
“ถ้าเจ้าใจแคบขนาดนั้น ก็คงไม่ให้ขา้ แต่งงานกับพวกนางหรอก” เหมียวอี้ยมิ้ ตอบ
“หลงตัวเอง ได้เปรี ยบแล้วยังจะแกล้งทําตัวน่าสงสารอีก!” พอจิ้มหลังศีรษะของเขาแรง ๆ ทีหนึ่ง อวิ๋
นจือชิวก็ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “แต่จะว่าไปแล้ว เจ้าก็เจียดเวลากลับไปสักครั้งเถอะ อย่าแต่งงาน
กับพวกนางแล้วทิ้งไว้อย่างนั้นโดยไม่สนใจ แบบนั้นพวกนางจะนินทาข้าลับหลังว่าเป็ นผูห้ ญิงขี้อิจฉา
จะนึกว่าภรรยาเอกอย่างข้าขัดขวางไม่ให้เจ้าไปจู๋จี๋กบั พวกนาง แบบนั้นก็ผดิ พลาดใหญ่หลวง ถึงตอน
นั้นพวกเวยเวยต้องเกลียดข้าแย่แน่ เจ้าใส่ ใจหน่อยเถอะ ได้แต่งงานกับสาวงามก็เป็ นเรื่ องดีอยูแ่ ล้ว อย่า
ทําให้กลายเป็ นเรื่ องแย่”
“เพิ่งห่างกันไม่กี่ปีเอง ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก นึกถึงตอนแรกที่ขา้ กับเจ้าไม่เจอกันสามปี เจ้าก็ยงั
สบายดีไม่ใช่เหรอ”
“หลงตัวเอง! พูดเรื่ องจริ งจังอยูน่ ะ ถึงอย่างไรข้าก็เป็ นฮูหยินตําหนักหลัก กุมอํานาจมากมายไว้ในมือ
ทะเลาะกับเจ้าก็ไม่เป็ นไร แต่พวกเวยเวยไม่เหมือนกัน เจ้าต้องเห็นอกเห็นใจผูห้ ญิง โดยเฉพาะหลาง
หลางกับหวนหวน ตอนเจ้าไม่อยูพ่ วกนางก็ตอ้ งวางตัวอย่างระมัดระวัง ขนาดเวลาเจอผูช้ ายคนอื่นก็ไม่
กล้าพูดอะไรสักคํา กลัวว่าจะมีข่าวลือไม่ดีแพร่ ออกไป วัน ๆ เอาแต่อยูใ่ นลานบ้านไม่กล้าออกไปไหน
แถมไม่มีอะไรทําด้วย กอปรกับอันหรู อวี้และสามีกาํ ลังโดนลงโทษ ในใจพวกนางขื่นขมนะ อย่าให้
พวกนางคับแค้นใจ ครอบครัวปรองดอง ทุกเรื่ องก็ราบรื่ น เวลาแต่งงานมาแล้ว ผูห้ ญิงไม่ได้มีหน้าที่
ถอดเสื้ อผ้านอนกับเจ้าอย่างเดียว เจ้าต้องพูดหวาน ๆ เอาใจด้วยสิ ใส่ ใจหน่อย!” ขณะที่พดู ก็จิ้มหลัง
ศีรษะเหมียวอี้อีกที
ตอนที่ 986

ไม่ มอี ะไร

“เจ้านี่ไม่รู้จกั จบสักทีนะ!” เหมียวอี้เอามือลูกหลังศีรษะ เพราะโดนจิ้มจนเจ็บ ทั้งยังโดนจิ้มที่เดิมด้วย


อวิน๋ จือชิวหัวเราะคิกคัก พูดไม่หยุด ยิง่ พูดยิง่ ฮึกเหิ ม แล้วจิ้มเขาอีกหลายครั้งติดต่อกัน “ได้ยนิ แล้วหรื อ
ยัง?”
เหมียวอี้ทาํ อะไรนางไม่ได้ “พอแล้ว ๆ ข้ารู ้แล้ว ข้ากําลังจะกลับไปที่ทะเลดาวนักษัตรพอดี”
“ไปทะเลดาวนักษัตรทําไม?” อวิน๋ จือชิวแปลกใจ
เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ที่ตวั เองเผชิญให้นางฟัง บอกว่าตัวเองได้รับอนุญาตจากโค่วเหวินหลานแล้ว
เตรี ยมจะดึงคนจากทะเลดาวนักษัตรมาเป็ นผูช้ ่วย
“แบบนี้จะเหมาะสมเหรอ? ไม่กลัวพวกเขาจะทรยศหรื อไง?” อวิน๋ จือชิวถาม
เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว พวกเขากับเขาเคยปล้นเกาะศักดิ์สิทธิ์ดว้ ยกัน นี่คือ
โทษตายนะ ถ้าไม่กลัวตายก็ลองหาเรื่ องข้าดูสิ ข้าคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตราบใดที่ช่องทางการไปกลับ
พิภพเล็กยังอยูใ่ นมือเรา ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่ยงุ่ ยาก ก่อนหน้านี้ยงั โกหกตบตา
พวกเขาได้ แต่ถา้ ตอนนี้ยงั ปิ ดบังเส้นทางไปกลับต่อไป ก็กลัวว่าพวกเขาจะวิจารณ์ในใจ ถึงอย่างไร
ทะเลดาวนักษัตรก็ยงั มีลูกน้องของพวกเขาอีก”
อวิน๋ จือชิวขมวดคิว้ “พวกเขาตามเจ้าไปปล้นเกาะศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามาที่นี่แล้วจะไม่โดนคนจําได้เหรอ?”
“จะจําได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นได้ยงั ไง ตอนนั้นก็ปลอมตัวแล้ว ถ้าจําได้ขา้ จะได้มานัง่ อยูต่ รงนี้เหรอ คงจะ
โดนจําได้ไปนานแล้ว จักรวาลใหญ่ขนาดนี้ ใช่วา่ ตําหนักสวรรค์จะทําได้ทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นพิภพ
เล็กคงถูกตําหนักสวรรค์ใส่ ไว้ในอาณาเขตตั้งนานแล้วล่ะ” เหมียวอี้ตอบ
อวิน๋ จือชิวใช้สองมือประคองบ่าเขา “งั้นตอนนี้เจ้าก็ยงั ไม่ตอ้ งกลับไปหรอก ถึงยังไงเจ้ากับประมุขถิ่น
สี่ ทิศก็เป็ นพี่นอ้ งร่ วมสาบานกัน เรื่ องที่ไม่อยากให้พวกเขารู ้เส้นทางไปกลับ ถ้าเจ้าเอ่ยปากบอกเองคง
ไม่ดี สัจจะที่ควรจะมีกย็ งั ต้องมี”
เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อน “ข้าเองก็ไม่มีหนทางแล้วเหมือนกัน รู ้จกั คนที่ตาํ หนักสวรรค์ไม่เยอะ ในมือก็ไม่มีคน
ที่สามารถใช้งานได้เลย! ผูบ้ ญั ชาการอย่างข้าคงจะพาคนไปเฝ้ าประตูเมืองไม่ได้หรอกมั้ง? คิดไปคิดมา
ก็มีแต่พวกเขาแล้ว”
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ในเมื่อเจ้ารู ้สึกว่าใช้งานพวกเขาได้ งั้นเจ้าก็ใช้งานไปสิ เพียงแต่เรื่ องนี้
คงไม่สะดวกให้เจ้าออกหน้าเอง ก็อย่างที่ขา้ บอก พวกเจ้าเป็ นพี่นอ้ งร่ วมสาบานกัน ต้องรักษาชื่อเสี ยง
ด้านสัจจะไว้ให้มนั่ คง…เดี๋ยวข้าจะเป็ นคนร้าย ๆ แทนเจ้าเอง ถึงอย่างไรตอนอยูท่ ี่พภิ พเล็ก ฉายา
‘รองเท้าขาด’ ของข้าก็แพร่ ไปข้างนอกแล้ว จะทําทําตัวปลิ้นปล้อนหรื อน่าไม่อายก็ยงั พอฟังขึ้น เจ้า
วางใจเถอะ ข้าจะช่วยพาคนมาให้เจ้าแน่นอน และต่อไปจะไม่ให้พวกเขาเอ่ยปากถามเรื่ องเส้นทางกับ
เจ้าอีก” อวิน๋ จือชิวกล่าว
เหมียวอี้เงียบไปครู่ หนึ่ง แล้วยกมือจับมือของนางที่วางอยูบ่ นบ่า “ทําไมพูดเรื่ องรองเท้าขาดอีกแล้วล่ะ
ขนาดข้ายังไม่สนใจเรื่ องเฟิ งเสวียนเลย เจ้ายังเก็บมาใส่ ใจอยูอ่ ีกเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวบุย้ ปาก “ปากก็พดู ดีแบบนี้ แต่ลบั หลังข้าอาจจะหาไว้อีกคนแล้วก็ได้ ถึงตอนนั้นรองเท้าขาด
อย่างข้าน่ะ ยังเดินไปไม่ถึงไหนก็คงโดนเจ้าถีบส่ งไปไกล แล้วมั้ง!” ขณะที่พดู ก็เหล่ตามองปฏิกิริยา
ของเหมียวอี้
เหงื่อแตก! พอได้ยนิ แบบนี้ เหมียวอี้กร็ ู ้สึกผิดสุ ด ๆ โดยเฉพาะเมื่อได้ยนิ ตอนอยูใ่ นห้องนี้ อับอาย รู ้สึก
ผิด! จึงไอแห้ง ๆ แล้วบอกว่า “พูดเหลวไหลอะไร เจ้าคือภรรยาเอกของเหมียวอี้ โลกนี้ไม่มีใครแทนที่
เจ้าได้แล้ว ถ้าข้าผิดคําสาบาน ขอให้ฟ้าดินลงโทษ!”
อวิน๋ จือชิวพ่นเสี ยงทางจมูก ๆ แล้วบิดหูเขา “หนิวเอ้อร์ นี่เจ้าพูดเองนะ ข้าจดจําเอาไว้แล้ว ถึงตอนนั้น
ไม่ตอ้ งให้ฟ้าดินลงโทษหรอก เพราะข้าจะตอนเจ้าก่อน ถ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู วันนี้ขา้ จะบอกเอาไว้ตรง
นี้เลย เจ้าเป็ นคนรับปากเองนะ ข้ามีอาํ นาจตัดสิ นใจในบ้าน ดังนั้นไม่วา่ จะเป็ นผูห้ ญิงหน้าไหน ถ้าข้า
ไม่อนุญาต ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้กา้ วเข้าประตูมา นอกเสี ยจากเจ้าจะฆ่าข้าทิ้ง ไม่อย่างนั้นข้าก็
รับรองได้เลย ไม่วา่ ใครก็อย่าได้คิดจะมีอิสระ ถ้าข้ายอมแลกทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไร รับรองว่าเจ้า
จะได้บทเรี ยนจากผลที่ตามมาแน่!”
เหมียวอี้แทบจะไม่คิดอะไรเลย พยักหน้าทันที แสดงออกว่าเห็นด้วยอย่างจริ งจัง “ก็เป็ นแบบนี้มา
ตลอด พวกเวยเวยข้าก็ได้รับอนุญาตจากเจ้าก่อนถึงได้แต่ง ข้ารับรอง ตราบใดที่เจ้าไม่ยนิ ยอม ข้าก็จะ
ไม่แต่งใครเข้าบ้านอีกเด็ดขาด!”
“แบบนี้ค่อยยังชัว่ หน่อย!” อวิน๋ จือชิวทําเสี ยงฮึดฮัดแล้วจิ้มเขาอีกทีหนึ่ง “เอาตามนี้แล้วกัน ทางพิภพ
เล็กเจ้าอย่าเพิง่ กลับไป เดิมทีเจ้าก็ไม่มีกาํ ลังคนที่มีความสามารถอยูแ่ ล้ว ถ้าเจ้าออกไปอีกก็จะไม่เหมาะ
เรื่ องที่ทะเลดาวนักษัตรข้าจะช่วยจัดการให้เจ้า ข้าจะกลับไปจัดการเรื่ องส่ งส่ วยประจําปี พอดี จะถือ
โอกาสจัดการให้เจ้าด้วย”
“ได้!” ผูบ้ ญั ชาการเหมียวผูน้ ่าเกรงขามที่เผชิญหน้ากับผูจ้ ดั การร้านมากมาย ในตอนนี้กลับเอ่ยรับอย่าง
ว่าง่ายราวเด็กน้อย แม้แต่ความเห็นเพิ่มเติมก็ไม่กล้าเสนอ เป็ นเพราะกลัวว่าจะเผยพิรุธอะไร ในเวลานี้
ในสถานที่น้ ี เป็ นวัวสันหลังหวะจริ ง ๆ !
“ยังมีอีกเรื่ อง” อวิน๋ จือชิวพูดอีก
“เจ้าพูดมาสิ ข้าฟังอยู”่ เหมียวอี้ขานรับทันที
“ข้าลองคิดดูแล้วนะ ครั้งนี้ขา้ เตรี ยมจะกลับไปรับหลางหลางกับหวนหวนมาที่นี่ดว้ ยเหมือนกัน”
เหมียวอี้หนั ขวับ ถามอย่างตกตะลึงว่า “ไม่ใช่แล้วมั้ง? เจ้าจะพาพวกนางมาด้วยเหรอ? ทําแบบนี้
เหมาะสมเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม พอเจ้าพูดเรื่ องทะเลดาวนักษัตร ก็ถือเป็ นการเตือนข้า
เหมือนกัน ตราบใดที่เส้นทางไปกลับพิภพเล็กยังอยูใ่ นมือเราก็พอ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เจ้าก็ได้เลื่อน
ขั้นรํ่ารวยแล้ว ที่แดนฝึ กตนมีผหู ้ ญิงร่ านที่จอ้ งจับคนมีเงินเพื่อหาทรัพยากรฝึ กตนเยอะเกินไป ข้ากลัว
ว่าเจ้าจะกระดกหางซี้ซ้ วั ทนความยัว่ ยวนของนางผูห้ ญิงใจแตกไม่ไหว พาผูห้ ญิงในบ้านมาให้เจ้า
เปลี่ยนรสชาติสกั สองคนดีกว่า จะได้ทาํ ให้เจ้าสํารวมตัวเองหน่อย เจ้าจะได้ไม่เบื่อหน่ายเพราะเจอแต่
หญิงแก่หน้าเหลืองอย่างข้าคนเดียว ถ้ามีกาํ ลังวังชาก็เลี้ยงคนในบ้านให้อิ่มก่อน คนในบ้านจะได้
ปรองดองกัน ดีกว่าไปเจอพวกผูห้ ญิงมีเจตนาร้ายแอบแฝงที่มาวางแผนทําร้ายเจ้า ใช่ม้ ยั ล่ะ? หนิวเอ้อร์
ผูห้ ญิงในบ้านตัวเองต่างหากที่น่าไว้วางใจ!” คําพูดของนางค่อนข้างลึกซึ้ งและจริ งใจ
เหมียวอี้กลับใจสัน่ ด้วยความกลัว รู ้สึกว่าคําพูดนางมีความหมายแฝง สงสัยว่านางจะดูอะไรออกแล้ว
หรื อเปล่า แต่ดูจากท่าทางของนาง ก็ไม่เหมือนว่านางดูออก ไม่อย่างนั้นด้วยนิสยั โหดเหี้ ยมของผูห้ ญิง
คนนี้ คงจะลงไม้ลงมือกับเขาไปนานแล้ว
ยิง่ รู ้สึกผิดก็ยงิ่ ไม่กล้าสู ้ แต่ยงั คงกล่าวอย่างหวาดระแวง “จะพายกโขยงมาทั้งบ้านก็คงไม่ดีม้ งั ถ้าเกิด
เรื่ องขึ้นมาก็จะหนีไม่รอดสักคนเลยน่ะสิ ”
“ดังนั้น! เจ้าต้องหาร้านค้ามาอีกร้านหนึ่ง ตอนนี้เจ้าเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว คิดหาทาง
หามาให้สกั ร้านคงไม่ยากหรอกมั้ง? จะเล็กจะใหญ่กไ็ ม่เป็ นไร จะให้พวกนางมาค้าขายอะไรสักอย่าง
ให้มีงานทําสักหน่อย ทั้งยังได้อยูข่ า้ งกายเจ้าด้วย พวกนางจะได้ไม่คิดอะไรฟุ้ งซ่าน”
“ไม่ใช่แล้วมั้ง! ตอนนี้ขา้ จีบผูห้ ญิงมีสามีแล้วอย่างเจ้าคนเดียวก็ชื่อเสี ยงแย่พอแล้ว ครั้งก่อนยังโดนปี้
เยว่ฮูหยินตําหนิดว้ ย ถ้าให้ขา้ วิง่ ไปที่ร้านพวกนางอีก แล้วข้าจะหาเหตุผลอะไรได้อีกล่ะ?”
“เจ้าโง่รึเปล่า! ก็แกล้งทําเป็ นไม่เกี่ยวข้องกับพวกนางสิ คบหาเป็ นสหายกับพวกนางก็สิ้นเรื่ องแล้ว ถึง
อย่างไรเจ้าก็มาที่ร้านของข้าบ่อย ๆ พวกเจ้ามาเจอกันที่ร้านข้าก็ได้ แต่มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่เจ้าต้องจัดการ
ก่อน?”
“เรื่ องอะไร?”
“หญิงรับใช้สี่คนของหลางหลางกับหวนหวน จะต้องพามาด้วยกันแน่นอน เจ้าต้องทําตัว
กระปรี้ กระเปร่ าเจ้าชูใ้ ส่ พวกนางสักหน่อย ถ้าพามาแล้วเจ้าต้องรี บนอนกับสาวใช้สี่คนนั้น ถ้าไม่ทาํ ให้
กลายเป็ นคนของตัวเอง ถ้าพามาแล้วข้าก็ไม่วางใจเลยจริ ง ๆ ถ้าวันไหนบังเอิญไปเจอคนที่รักใคร่ กนั
ขึ้นมา ผูห้ ญิงก็จะควักหัวใจให้ง่าย ๆ ถ้าโดนคนอื่นล่อลวงไปแล้ว อดีตที่น่ารังเกียจอะไรก็คงเอาไป
บอกคนนอกหมด เจ้าเองก็คงรู ้ผลที่ตามมานะ”
“เจอกับฮูหยินแบบเจ้า ข้าช่างโชคดีจริ ง ๆ !” เหมียวอี้ยมิ้ ทื่อ ๆ “เจ้าคงไม่ได้เห็นข้าเป็ นหมูพอ่ พันธุ์
หรอกใช่ม้ ยั ?”
“อย่ามาพูดจาคลุมเครื อแปลก ๆ ! ในใจชอบเลยล่ะสิ ? ข้าเห็นพวกพี่ชายน้องชายของข้าแล้ว แต่งเมีย
เข้าบ้านมาเป็ นฝูง อย่านึกว่าข้าไม่รู้สนั ดานผูช้ ายอย่างพวกเจ้านะ ข้าขอเตือนไว้ก่อน ในบ้านก็มีผหู ้ ญิง
ไม่นอ้ ยแล้ว อย่าไปหาเด็ดอกไม้ริมทางนอกบ้าน ถ้าข้าจับได้ข้ ึนมา เจ้าคอยดูแล้วกันว่าข้าจะจับเจ้า
ตอนได้หรื อเปล่า!”
พอพูดคําว่าเด็ดอกไม้ริมทาง เหมียวอี้กห็ ายใจลําบากเป็ นพิเศษ หดหัวไม่พดู อะไรแล้ว นับว่ายอมตอบ
ตกลงแล้ว
อวิน๋ จือชิวกลับลงมืออย่างโหดเหี้ ยม ใช้มือดึงผมเขาไว้ ยกหัวที่หดของเขาขึ้นมา ให้ความรู ้สึกเหมือน
กําลังระบายอารมณ์กบั เขา เขาเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟันร้องโอดโอย แล้วก็โดนนางเตะอย่างแรงอีกหนึ่ง
ครั้ง ทําให้หุบปากทันที!
หวีผมให้เสร็ จแล้ว ทั้งสองออกจากชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ อวิน๋ จือชิวเองก็ไม่สะดวกจะอยูท่ ี่นี่นาน ก่อนจะ
ออกไปนางก็เตือนอีกว่า “เป็ นผูบ้ ญั ชาการแล้วก็อย่าหลงระเริ งจนลืมตัวนะ อย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง
เรื่ องฝึ กตนก็ขยัน ๆ หน่อย ถ้าไม่มีความสามารถ เจ้าก็ไม่มีทางยืนอยูท่ ี่นี่ได้นานหรอก”
“เรื่ องนี้เจ้าไม่ตอ้ งบอกหรอก ในใจข้ารู ้ดี ที่จริ งช่วงนี้ขา้ ก็ครุ่ นคิดเรื่ องฝึ กตนอยูต่ ลอด ตอนที่ประมือ
กับปี ศาจโลหิ ตครั้งก่อน ข้าเหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ บางทีอาจจะเพิม่ กําลังความสามารถ
ให้ตวั เองได้ตวั เองได้เยอะ เพียงแต่ช่วงนี้งานล้นมือตลอด รอให้ผา่ นช่วงที่งานยุง่ นี้ไปก่อน ข้าเตรี ยม
จะหาสถานที่ที่มีปัจจัยเหมาะสมสักแห่งเอาไว้ฝึกตน”
“ยังต้องหาที่อื่นอีกเหรอ? ในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ ข้าตระหนักอะไรบางอย่างได้จากวิชาทวน ข้าอยากจะใช้วชิ าทวนของข้าให้ถึงระดับสู งสุ ด
ไม่อย่างนั้นเวลาใช้กระบวนท่าสังหารไปแค่ครั้งเดียว ร่ างกายตัวเองก็จะเสื่ อมโทรม ไม่มีทางใช้งาน
เกิดประสิ ทธิภาพได้เลย แล้วข้าก็อยากทดสอบด้วย ดูวา่ จะสามารถนําสิ่ งที่ตระหนักได้จากการใช้วชิ า
ทวนมาใช้ประโยชน์บนร่ างกายได้หรื อเปล่า ข้าก็เลยอยากจะหาสถานที่ที่มีปัจจัยเหมาะสมเพื่อฝึ ก
ร่ างกาย ช่างเถอะ ใช้เวลาสั้น ๆ อธิบายให้เจ้าเข้าใจไม่ได้หรอก”
“อืม! ในเมื่อเจ้ามีแผนในใจแล้ว ข้าก็จะไม่พดู อะไรมาก ถ้าต้องการอะไรก็บอกข้า ข้าจะหาทางช่วย
รวบรวมมาให้เจ้า”
“ตอนนี้ขา้ ยังไม่ตอ้ งการอะไรหรอก ยาเม็ดปี ศาจของปี ศาจโลหิ ตยังเพียงพอให้ขา้ ใช้ได้นาน เจ้าเอาใจ
ใส่ เรื่ องวรยุทธ์ของตัวเองให้มาก ๆ เถอะ ของที่อยูใ่ นมือเจ้าคงจะเพียงพอให้เจ้าฝึ กตนได้เป็ นเวลานาน
เออใช่ ถ้าเป็ นไปได้ เจ้าดูหน่อยว่าสามารถทําภาพพิกดั ของพวกดาวหลักได้ไหม เรื่ องหาสมบัติที่ขา้ คุย
กับเจ้าครั้งก่อน ถ้ามีโอกาสข้าจะพยายามช่วงชิงมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงภาคดินมาไว้ในมือด้วย
เหมือนกัน”
“รู ้แล้ว ข้าจะไปถามทางปี้ เยว่ฮูหยินให้ จะไปถามหวงฝู่ จวินโหรวด้วยเหมือนกัน นางตั้งใจจะมาตี
สนิทกับข้าพอดี ร้านค้าสมาคมวีรชนมีอาํ นาจอิทธิพลมาก เข้าถึงอย่างกว้างขวาง ไม่แน่วา่ อาจจะช่วย
พวกเราแก้ปัญหาได้ ข้าตีสนิทกับพวกสตีสูงศักดิ์ไว้บา้ งแล้ว ค่อย ๆ สื บข่าวเอาก็ได้ เจ้าไม่ตอ้ งใจร้อน
กับเรื่ องนี้หรอก ค่อยเป็ นค่อยไปดีกว่า ถ้าใจร้อนเกินไปจะทําให้คนสงสัยได้”
พอพูดถึงหวงฝู่ จวินโหรว เหมียวอี้กค็ ่อนข้าง…จึงเตือนว่า “หวงฝู่ จวินโหรว ผูห้ ญิงคนนั้นเจตนาไม่ดี
เจ้ารักษาระยะห่างกับนางไว้ดีกว่า” เขากลัวที่สุดว่าทั้งสองจะสนิทกันเกินไป กลัวว่าจะเปิ ดโปงเรื่ อง
อะไรออกมา อวิน๋ จือชิวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าบอกเป็ นนัยว่ารู ้แล้ว และไม่ได้พดู อะไร
อีก ตอนที่เหมียวอี้เดินออกจากโถงหลักมาส่ ง อวิน๋ จือชิวก็เหลือบมองพ่อครัวที่ยนื เฝ้ าประตูแวบหนึ่ง
แล้วสายตากวาดมองไปยังใต้ร่มไม้ที่อยูไ่ ม่ไกล เกี้ยวที่เคยจอดอยูต่ รงนั้นหายไปแล้ว
หลังจากออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการ พอออกประตูมา อวิน๋ จือชิวก็ถ่ายทอดเสี ยงถามพ่อครัวทันที “หวงฝู่
จวินโหรวออกไปเมื่อไร?” พ่อครัวไม่รู้วา่ นางถามแบบนี้ทาํ ไม จึงตอบว่า “ก็ก่อนที่พวกท่านจะเข้าไป
ที่โถงด้านหลัง เถ้าแก่เนี้ย มีปัญหาอะไรหรื อเปล่า?”
“ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ!” อวิน๋ จือชิวตอบส่ ง ๆ แต่บนใบหน้ากลับเรี ยบเฉยไร้อารมณ์ ในดวงตางาม
ฉายแววเย็นเยียบอํามหิ ต!
ตอนที่ 987

ชะตาดอกท้ อเป็ นภัย

เมื่อส่ งฮูหยินกลับไปแล้ว เหมียวอี้กเ็ หมือนยกภูเขาออกจากอก รู ้สึกอย่างลึกซึ้ งว่าโชคดี ทําไมตอน


แรกเขานึกไม่ถึงว่าหวงฝู่ จวินโหรวจะทิ้งเสื้ อชั้นในไว้ในห้องนอน โชคดีที่ตอนแรกตัวเองอ้างชื่อโค่ว
เหวินหลานมาเป็ นโล่ป้องกันแล้ว ตอนหลังเลยผลักเรื่ องนี้ให้โค่วเหวินหลานไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่มี
ทางอธิบายได้เลยจริ ง ๆ ในที่สุดก็รับมือจนผ่านไปได้แล้ว
พอนึกถึงเสื้ อชั้นในตัวนั้น เหมียวอี้กเ็ ดือดดาลมาก เกิดความคิดชัว่ วูบอยากจะไปเอาผิดกับหวงฝู่ จวิน
โหรว อยากจะถามว่านางจงใจหรื อว่าอะไรกันแน่
แต่พอลองคิดดูอีกมุมหนึ่ง จะไปเอาผิดอะไรนางล่ะ? เจ้าตัวไม่รู้ถึงความสัมพันธ์จะหว่างเขากับอวิ๋
นจือชิวเสี ยหน่อย และไม่รู้ดว้ ยว่าอวิน๋ จือชิวจะเข้าไปในสถานที่ส่วนตัวของเขา จําเป็ นต้องจงใจด้วย
เหรอ? ดูจากเหตุการณ์ที่ฉุกละหุกตอนนั้น ก็เป็ นไปได้สูงว่าทําตกหล่นโดยไม่ได้ต้ งั ใจ แล้วอีกอย่าง
เรื่ องแบบนี้เจ้าจะไปเอาผิดได้อย่างไร?
ถึงแม้จะล้มเลิกความคิดที่จะไปเอาผิด แต่เรื่ องแบบนี้กก็ ลายเป็ นบทเรี ยนของเหมียวอี้แล้ว รู ้สึกว่า
ตัวเองจะไปมีเรื่ องกับหวงฝู่ จวินโหรวอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นสักวันต้องเกิดเรื่ องแน่ โชคดีที่ก่อน
หน้านี้ตนได้พดู ไว้ชดั แล้ว ว่าครั้งนี้คือครั้งสุ ดท้าย!
แต่จนใจที่แม้แต่เขาเองก็ยงั ไม่กล้าแน่ใจกับคําว่า ‘ครั้งสุ ดท้าย’ เพราะเขามีประสบการณ์มาแล้วว่าหวง
ฝู่ จวินโหรวเกาะแกะขนาดไหน ถ้าเจ้าตัวเกาะแกะต่อไปไม่ยอมปล่อย เขาจะทําอย่างไรดีล่ะ?
ความรู ้สึกของเหมียวอี้เรี ยกได้วา่ ยุง่ เหยิงไร้ระเบียบ นึกย้อนไปตอนปี นั้นที่ตวั เองเชือดหมูอยูท่ ี่ตลาด
ขนาดถือของขวัญไปสู่ ขอแต่งงานถึงประตูบา้ นยังโดนไล่ตะเพิดออกมา ตอนนี้ได้เผชิญหน้ากับยอด
หญิงงาม แต่กลับรําคาญจนทนไม่ไหว เขาเองก็คิดไม่ตกเหมือนกัน ว่าตัวเองเปลี่ยนไปเป็ นแบบนี้ได้
อย่างไร แม้แต่ตวั เองก็ยงั รําคาญตัวเอง
ขณะที่ความคิดกําลังยุง่ เหยิง เบื้องล่างก็มีคนยืน่ นามบัตรมาให้ พอพลิกอ่านดู ก็พบว่าคนของร้านขาย
ของชําซื่อตรงมาแสดงความยินดี จึงพยักหน้าทันที “เชิญเข้ามา!”
ผูท้ ี่มาคืออวี้หลิงเจินเหริ น เจ้าสํานักลมปราณ มาแสดงความยินดีดว้ ยตัวเอง ผูท้ ี่มาด้วยกันยังมีเป่ า
เหลียนอีกคน
เพื่อที่จะแสดงความใกล้ชิดสนิทสนม เหมียวอี้ต้ งั ใจต้อนรับทั้งสองคนในศาลาที่สวนด้านหลัง แล้วนํา
นํ้าชามาวางให้ดว้ ยตัวเอง
เหมียวอี้กบั อวี้หลิงเจินเหริ นนัง่ ตรงข้ามกัน พูดคุยหัวเราะกันอย่างชื่นมื่น เหมียวอี้อยากจะรักษา
ความสัมพันธ์อนั ดีกบั สํานักลมปราณมาก เป่ าเหลียนยืนอยูข่ า้ งหลังอวี้หลิงเจินเหริ น
“ประเดี๋ยวเดียวก็ผา่ นไปหลายปี นึกย้อนไปถึงตอนที่ฆราวาสยังเป็ นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ ถึงไม่ถึง
ว่าผ่านไปชัว่ พริ บตาเดียว ฆราวาสจะได้กลายเป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกเร็ วกว่านี้ ผูท้ ี่มี
ความสามารถ ไม่วา่ จะเดินไปที่ไหนตรงนั้นก็เป็ นฮวงจุย้ ที่ร่ าํ รวยทั้งนั้น!” อวี้หลิงเจินเหริ นเรี ยกได้วา่
ทอดถอนใจไม่หยุด ตอนแรกเดิมทีคิดจะรับอีกฝ่ ายไว้เป็ นศิษย์ มีความสามารถระดับนี้ ในอนาคตจะ
ส่ งต่อตําแหน่งเจ้าสํานักให้กใ็ ช่วา่ จะเป็ นไปไม่ได้ ไม่แน่วา่ อาจจะส่ งเสริ มให้สาํ นักลมปราณ
เจริ ญรุ่ งเรื องก็ได้
เหมียวอี้ส่ายหน้า “เจ้าสํานักกล่าวชมเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่หนิวคนนี้ต้ งั ใจ เดินมาจนถึงทุกวันนี้โดย
ไม่รู้ตวั ภายใต้ความจําได้ เพราะโดนกดดันจึงทําได้เพียงมาหลบภัยที่เขตเมืองตะวันออก ตอนแรกข้า
เคยคิดเสี ยที่ไหนว่าจะมีวนั นี้ได้! ถ้าไม่ใช่เพราะความจําใจ หนิวคนนี้ยนิ ดีจะฝึ กตนอย่างสงบเงียบอยูท่ ี่
เรื อนไม้ไผ่นอ้ ยในสํานักลมปราณ ไม่อยากจะก่อให้เกิดความขัดแย้งเลยจริ ง ๆ ”
อวี้หลิงเจินเหริ นพยักหน้า “พอเอ่ยถึงเรื่ องนี้ สํานักลมปราณก็ณูส้ ึ กผิดต่อฆราวาส! แต่ที่อวี้หลิงมาครั้ง
นี้ กลับมีเรื่ องจะขอร้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเอ่ยปากหรื อเปล่า”
เหมียวอี้ยนื่ มือเชิญ “เจ้าสํานักว่ามาได้เลย ขอเพียงหนิวคนนี้สามารถทําได้ ก็จะไม่ปฏิเสธแน่นอน!”
อวี้หลิงเจินเหริ นหันกลับไปมองเป่ าเหลียนแวบหนึ่ง “เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับเป่ าเหลียน ข้าเองก็ไม่รู้วา่
ควรจะเอ่ยปากอย่างไร เจ้าเด็กนี่เซ้าซี้ขา้ มานานมาก ว่าก็วา่ แล้ว ด่าก็ด่าแล้ว แต่นางไม่ยอมฟัง ดึงดัน
อยากจะเข้าตําหนักสวรรค์ดว้ ยเหมือนกัน เดิมทีขา้ อยากจะไปให้ชีอ๋ เู จินเหริ นของสํานักเราช่วย ทว่า
เป่ าเหลียนไม่อยากรบกวนปรมาจารย์ แล้วก็อยากอยูใ่ กล้กบั สํานักลมปราณสักหน่อย ดังนั้น…ไม่
ทราบว่าฆราวาสจะเห็นสมควนหรื อไม่?”
“…” เหมียวอี้เข้าใจความหมายแล้ว เขาเงยหน้ามองเป่ าเหลียน นางจึงก้มหน้าเล็กน้อย
“หลังจากไตร่ ตรองครู่ หนึ่ง เหมียวอี้กเ็ ตือนว่า “”เจ้าสํานักเองก็รู้ ว่าเดิมทีหนิวคนนี้เป็ นคนรักอิสระเสรี
ชัว่ พริ บตาเดียวกลับตกอยูใ่ นอ่างย้อมผ้าอย่างตําหนักสวรรค์ การแก่งแย่งผลประโยชน์ การใช้เล่ห์
เหลี่ยมใส่ กนั เกรงว่าถ้าเข้ามาแล้วจะกลับตัวได้ยาก ไม่สอดคล้องกับคําสอนของสํานักลมปราณ
สถานที่อนั ตรายน่าหวาดกลัวขนาดนี้ เจ้าสํานักปล่อยปละละเลยได้อย่างไร?””

อวี้หลิงเจินเหริ นหันกลับไปหาหลานสาว “เป่ าเหลียน เจ้าเองก็ได้ยนิ สิ่ งที่ฆราวาสบอกแล้ว ตําหนัก
สวรรค์เป็ นสถานที่แห่งปัญหาและความขัดแย้ง เจ้าต้องคิดดูให้ดีนะ”
เป่ าเหลียนจึงกุมหมัดกล่าวว่า “ท่านปู่ ต่อให้อยูท่ ี่สาํ นักลมปราณแล้วอย่างไรล่ะ ฝึ กตนไปจนถึงตอน
สุ ดท้ายก็ไม่ใช่เพื่อจะเป็ นแบบปรมาจารย์หรอกเหรอ สุ ดท้ายก็ตอ้ งเข้าไปทํางานรับใช้ตาํ หนักสวรรค์
ไม่ชา้ ก็เร็ วท่านปู่ ก็ตอ้ งมีวนั นั้นเหมือนกัน ไม่สูท้ าํ แบบนี้ไปเลยล่ะคะ เป่ าเหลียนไม่สูก้ า้ วเข้าไปก่อน
ดีกว่า ไปสํารวจเส้นทางให้ท่านปู่ ไง!” จากนั้นก็หนั ไปกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “หวังว่าฆราวาสจะช่วย
ให้สมปรารถนา!”
อวี้หลิงเจินเหริ นหัวเราะเจื่อนแล้วบอกว่า “นางตัดสิ นใจแล้ว ไม่ทราบว่าฆราวาสคิดว่าอย่างไร ถ้าไม่
สะดวก ก็บอกมาตรง ๆ ได้ อวี้หลิงจะได้คิดหาทางอื่น”
เหมียวอี้จอ้ งเป่ าเหลียน แล้วขมวดคิ้วบอกว่า “ในเมื่อเป่ าเหลียนแน่วแน่แบบนี้ ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะพูด
เจ้ากลับไปรอก่อนสักระยะ เดี๋ยวข้ายังต้องเติมกําลังคนอีกชุดหนึ่ง ถึงตอนนั้นจะรายงานชื่อเจ้าไป
พร้อมกันเลย คาดว่าคงไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ต่อไปก็ทาํ งานใต้บงั คับบัญชาข้าแล้วกัน”
“ขอบคุณฆราวาส!” เป่ าเหลียนกุมหมัดขอบคุณอย่างตื่นเต้นดีใจ โค้งตัวกล่าวขอบคุณ!
“อวี้หลิงเจินเหริ นหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวฝากฝัง “”เรื่ องบางอย่างข้าก็รู้ ที่จริ งศิษย์ของสํานักลมปราณ
ไม่เหมาะจะทํางานเป็ นขุนนาง ต่อไปหวังว่าฆราวาสจะดูแลเป่ าเหลียนมาก ๆ หน่อย””

เหมียวอี้โบกมือ “เจ้าสํานักเกรงใจเกินไปแล้ว คนกันเองทั้งนั้น ถ้าดูแลได้กย็ อ่ มไม่รีรออยูแ่ ล้ว”
หลังจากพูดคุยพอเป็ นพิธี ปู่ และลหานสาวก็กล่าวอําลาและออกไป
เมื่อกลับมาถึงร้านขายของชําซื่อตรง อวี้หลิงเจินเหริ นก็ให้เป่ าเหลียนไปทํางาน ส่ วนตัวเองก็เข้าไปใน
ห้องของอวี้ซวีเจินเหริ นผูเ้ ป็ นศิษย์นอ้ ง
เมื่อพบหน้ากัน อวี้ซวีเจินเหริ นก็ถามทันที “ศิษย์พี่ หนิวโหย่วเต๋ อตอบรับแล้วเหรอ?”
“ไม่ได้ปฏิเสธ ตอบรับแล้ว พอผ่านช่วงไม่กี่วนั นี้ไป เป่ าเหลียนก็น่าจะต้องไปที่เขตเมืองตะวันออก
แล้ว” อวี้หลิงเจินเหริ นตอบพร้อมรอยยิม้
“เฮ้อ!” อวี้ซวีเจินเหริ นส่ ายหน้าทอดถอนใจ “นางหนูนี่เป็ นอะไรไปแล้ว อยูด่ ี ๆ จะไปที่ตาํ หนักสวรรค์
ทําไม ศิษย์พี่ ขออภัยที่ขา้ พูดสิ่ งที่ไม่ควรพูดนะ เป่ าเหลียนเป็ นสาวเป็ นนาง ให้ไปทํางานรวมกับพวก
ผูช้ าย ท่านอนุญาตได้อย่างไร นี่ไม่ใช่การกระทําที่ชาญฉลาดเลย!”
“ศิษย์นอ้ งเอ๊ย! ตอนอยูต่ ่อหน้าเจ้า ข้าเองก็ไม่มีอะไรต้องปิ ดบังเหมือนกัน” อวี้หลิงเจินเหริ นตีขอ้ มือ
เขาเบา ๆ “เป่ าเหลียนนางเด็กนัน่ ถูกใจหนิวโหย่วเต๋ อ นางมีความรักแล้ว ห้ามไม่อยูห่ รอก!”
“…” อวี้ซวีเจินเหริ นตกตะลึงอ้าปากค้าง “ศิษย์พี่พดู จริ งเหรอ?”
อวี้หลิงเจินเหริ นยิม้ เจื่อนพร้อมตอบว่า “โกหกเสี ยที่ไหนล่ะ! หลานสาวของข้าข้าจะไม่รู้จกั ดีได้
อย่างไร เห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต พอนางเอ่ยปากถึงแม้จะตั้งใจปิ ดบัง แต่ขา้ ก็ไม่ถึงขั้นเป็ นตาแก่ตาฝ้ า
ฟาง เรื่ องบางเรื่ องข้ารู ้อยูแ่ ก่ใจ เพียงแต่ขา้ ไม่ได้เปิ ดเผยก็เท่านั้นเอง”
“เอ่อ…” อวี้ซวีเจินเหริ นอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะถามอย่างแปลกใจ “อย่าบอกนะว่าศิษย์พี่ต้ งั ใจจะช่วย
ให้พวกเขาสองคนสมปรารถนา?”
อวี้หลิงเจินเหริ นเอามือลูบเครา แล้วพยักหน้ายิม้ บาง ๆ “ถ้าเปลี่ยนเป็ นคนอื่นข้าก็จะพิจารณาดูอีกที ทั้ง
เจ้าทั้งข้าก็รู้ ๆ กันอยูว่ า่ ความนิสยั ของหนิวโหย่วเต๋ อเป็ นอย่างไร ทํางานอะไรไม่คอ่ ยพิถีพิถนั มีเล่ห์
เหลี่ยมชั้นเชิงมากมาย แต่กน้ บึ้งของจิตใจนั้นซื่ อตรง ไม่ตอ้ งพูดถึงคุณสมบัติประจําตัวเลย คนแบบนี้
สามารถรับผิดชอยเรื่ องต่าง ๆ ได้ เป็ นคนที่กาํ บังลมฝนให้เป่ าเหลียนได้เป็ นอย่างดี ตอนแรกข้า
อยากจะรับเขาเป็ นศิษย์ แต่น่าเสี ยดายที่ทาํ ไม่สาํ เร็ จ ตอนนี้พอลองมาคิด ๆ ดูแล้ว เขาคือตัวเลือกที่ดี
ที่สุดที่จะรับเป็ นหลานเขย”
อวี้ซวีเจินเหริ นกลับกล่าวอย่างกังวล “กลัวแต่เป่ าเหลียนจะสนใจอยูฝ่ ่ ายเดียวน่ะสิ ถ้าหนิวโหย่วเต๋ อ
ไม่ได้คิดอะไรกับเป่ าเหลียนเลย ถึงตอนนั้นจะให้เป่ าเหลียนรู ้สึกอย่างไร?”
อวี้หลิงเจินเหริ นโบกมือ “ไม่เป็ นไร! ถึงอย่างไรหนิวโหย่วเต๋ อก็ยงั ไม่ได้แต่งงาน ผูช้ ายยังไม่แต่งงาน
ผูห้ ญิงก็ยงั ไม่แต่งงาน เหมาะสมกันพอดี ให้พวกเขาลองใกล้ชิดกันสักหน่อยก็ไม่เป็ นไร นางหนูนนั่ มี
ความรักแล้ว ห้ามไม่อยู่ ถ้าไม่สาํ เร็ จก็ให้นางโดนปฏิเสธไป แบบนั้นก็ไม่มีอะไรเสี ยหาย จะได้ทาํ ให้
นางตัดใจ สํานักลมปราณเดินมาจนถึงวันนี้ได้ หาเส้นสายได้ไม่อยากหรอก ถ้าเป่ าเหลียนไม่สม
ปรารถนาจริ ง ๆ อย่างมากก็แค่ให้นางออกจากตําหนักสวรรค์กพ็ อแล้ว”
“ที่แท้ศิษย์พี่กม็ ีแผนในใจแล้วนี่เอง” อวี้ซวีเจินเหริ นพยักหน้า ไม่ได้พดู อะไรมากอีก
เรื่ องนี้เหมียวอี้ไม่รู้ ถ้ารู ้แล้วก็ไม่รู้วา่ จะรู ้สึกอย่างไร เกรงว่าคงจะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ขนาด
เขายังไม่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติดีสกั เท่าไรเลย ในปี นั้นพยายามเสแสร้งแกล้งทําตัวเป็ นคนดีอยูท่ ี่
สํานักลมปราณ ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็ นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่จะมาเป็ นหลาน
เขยของเจ้าสํานักอวี้หลิง
ตอนนี้เขาโดนดอกท้อพัวพันรัดตัวแล้ว ทั้งยังมีดอกท้อมหาภัยเพิ่มมาดอกหนึ่งด้วย ในปี นั้นที่เป็ นคน
เชือดหมูขายหมูอยูใ่ นตลาด เขาเป็ นคนไร้ตวั ตนไร้คนสนใจอยูห่ ลายปี แต่ตอนนี้ชะตาดอกท้อ[1]มาถึง
แล้วจริ ง ๆ ทั้งยังมาแบบดุเดือดรุ นแรง จะต้านก็ตา้ นไม่อยู!่
หลังจากนั้นไม่กี่วนั ทางอวิน๋ จือชิวก็ตรวจนับของขวัญเสร็ จแล้ว ร้านค้าใหญ่ ๆ มอบของขวัญมาไม่
น้อย หลังจากนําใบแสดงรายการสิ่ งของให้เหมียวอี้ เหมียวอี้กถ็ ือของขวัญที่อวิน๋ จือชิวแบ่งไว้ให้แล้ว
ไปมอบแสดงนํ้าใจที่ตาํ หนักคุม้ เมือง
ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็ซ้ื อของที่ตลาดสวรรค์พกั หนึ่ง จากนั้นก็ปลอมตัวออกจากตลาดสวรรค์เพียงลําพัง
เหาะไปยังจุดลึกของท้องฟ้ าที่กว้างใหญ่ไพศาล กลับไปยังพิภพเล็ก
ณ ดาวแมกไม้ ในป่ าภูเขาซึ่งเป็ นที่อยูข่ องเผ่าปี ศาจ ในสระมรกตในนํ้าตกแห่งหนึ่ง ศีลแปดที่สวมชุดสี
ขาวนัง่ ขัดสมาธิอยูบ่ นโหดหิ นกลางนํ้า ปล่อยให้เรื อยร่ างเปลือยแหวกว่ายยัว่ ยวนอยูใ่ นนํ้า ส่ วนเขาก็
นัง่ ตระหง่านไม่สะทกสะท้าน
เปลือยกายตามอําเภอใจโดยไม่เกรงกลัวใคร? ปี ศาจโลหิ ตที่แหวกว่ายอยูใ่ นสระมรกตหันกลับมาโดย
ไม่ได้ต้ งั ใจ จู่ ๆ ก็ตกตะลึงทันที เท้าเปลือยเหยียบอยูบ่ นหิ นที่กน้ สระ เหม่อมองศีลแปดที่กาํ ลัง
นัง่ ขัดสมาธิ เรี ยกได้วา่ มองเหม่ออย่างแท้จริ ง
ภายใต้ละอองนํ้าที่สาดซัดออกมาจากม่านนํ้าตก เสื้ อของศีลแปดเปี ยกนํ้าจนแนบเนื้อแล้ว บางครั้งหยด
นํ้าบนศีรษะล้านก็ไหลลงมาเป็ นทาง ไหลจากคางและปลายจมูก แต่อากัปกิริยากลับยังสงบนิ่งเยือก
เย็น ราวกับหญิงสาวบริ สุทธิ์ ที่อศั จรรย์ที่สุดก็คือ ภายใต้แสงแดดที่ส่องเฉียงลงมา บนตัวศีลแปดเปล่ง
ประกายระยิบระยับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสายรุ ้งเล็ก ๆ สายหนึ่งแผ่คลุมอยูเ่ หนือยอดศีรษะของศีลแปด
ประกอบกับเคร่ งขรึ มศักดิ์สิทธิ์ของศีลแปด ทําให้ในดวงตาปี ศาจโลหิ ตฉายแววตกตะลึง ฝึ กตนมา
หลายปี แล้ว แต่นี่เป็ นครั้งแรกที่นางได้เห็นและรู ้สึกถึงสิ่ งที่เรี ยกว่าศักดิ์สิทธิ์โดยเนื้อแท้ นึกไม่ถึงว่า
แม้แต่นิมิตมงคลแบบนี้กย็ งั ปรากฏอยูบ่ นตัวศีลแปด นางแน่ใจได้วา่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากการร่ ายพลัง
อิทธิฤทธิ์ของศีลแปด เพราะบนตัวศีลแปดไม่มีการเคลื่อนไหวของพลังอิทธิฤทธิ์ แต่ทุกอย่างเป็ น
ความบังเอิญจริ ง ๆ
ภูเขาเขียวหมื่นชาติ พระพุทธเจ้าในสระมรกต!
พระพุทธเจ้า! นี่คือคําแรกที่แวบเข้ามาในหัวของปี ศาจโลหิ ต นางรู ้สึกว่าตัวเองได้พบพระพุทธเจ้าตัว
จริ งแล้ว ไม่ใช่พวกพระที่วางมาดสง่าภูมิฐาน แต่เป็ นพระพุทธเจ้าที่มีหวั ใจเป็ นพุทธอย่างแท้จริ ง ไม่
แปดเปื้ อนสิ่ งเร้าภายนอก หญิงงามอยูต่ รงหน้า แต่กลับไม่เกิดความคิดใฝ่ ฝันจินตนาการ สิ่ งเหล่านี้นาง
ล้วนใช้ร่างกายสัมผัสประสบการณ์เอง
ยิง่ เป็ นแบบนี้ นางก็ยงิ่ ปรารถนาอยากได้เขา เพราะเขาไม่ธรรมดา และก็เพราะว่าเขาไม่ธรรมดา จึงทํา
ให้นางยิง่ กลัดกลุม้ เพราะเป็ นเรื่ องที่ยากที่จะไขว่คว้าเขามาได้ ความบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องของเขาทําให้นาง
รู ้สึกตํ่าต้อยน้อยใจ ในหัวใจทรมานอย่างบอกไม่ถูก นางดําลงไปในนํ้า แต่น้ าํ ใสในสระก็ยากที่จะ
ชําระล้างความกลัดกลุม้ ของนางได้ นางโผล่ข้ ึนมาข้างโขดหิ นกลางสระ ใช้แขนสองข้างกอดศีลแปด
เอาไว้ ใช้ร่างกายอ้อนแอ้นคลอเคลีย ปากก็ครางเบา ๆ จูบศีรษะโล้น ใบหน้า ติ่งหูของเขาอย่างเร่ าร้อน
ตอนนี้นางเหมือนปี ศาจร้ายที่ทาํ ทุกอย่างเผือ่ ยัว่ ยวนเขา ถ้ายัว่ ยวนสําเร็ จ ต่อให้ตวั เองจะกลายเป็ นนาง
ปี ศาจมารร้ายที่เลวทรามที่สุด นางก็ไม่สนใจ!
ศีลแปดไม่สะทกสะท้าน บนใบหน้าปรากฏรอยยิม้ บาง ๆ ในหัวกลับเกิดภาพอีกภาพหนึ่งแทน
สาเหตุที่เขามาถึงที่นี่ ก็เพราะตอนแรกปี ศาจโลหิ ตพุง่ เป้ ามาหาพี่ใหญ่ของเขา ปรากฏว่าพอมาถึงพี่
ใหญ่กไ็ ปแล้ว ทว่าในป่ าภูเขาผืนนี้ ภายใต้แสงจันทร์ เขาเห็นผูห้ ญิงคนหนึ่งกําลังอาบนํ้า นัง่ อาบนํ้าอยู่
บนโขดหิ นที่เขานัง่ อยู่ นัน่ คือผูห้ ญิงที่สวยเหมือนปี ศาจ ที่แท้นางก็เป็ นปี ศาจจริ ง ๆ บนโลกมีปีศาจ
แบบนี้อยูจ่ ริ ง ๆ เป็ นปี ศาจผูห้ ญิงที่ขาวบริ สุทธิ์เหมือนแผ่นกระดาย มองบ่อย ๆ แล้วร่ างกายกับจิตใจ
ได้ชาํ ระบาป
พอเขาเดินมาข้างสระนํ้า ผูห้ ญิงคนนั้นก็ตกใจรี บเอามือปิ ดหน้าอก แล้วมุดลงไปในนํ้า ตอนที่นางหลบ
อยูห่ ลังโขดหิ น เขาก็ยนื ถามอยูภ่ ายใต้แสงจันทร์วา่ “โยมสี การู ้หรื อเปล่า ว่าสิ่ งที่เรี ยกว่าชะตาดอกท้อ
เป็ นภัยคืออะไร?”
ภาพนั้นช่างงดงาม! ทําให้ตอนนี้เขานึกถึงแล้วยิม้ บาง ๆ มองข้ามปี ศาจโลหิ ตที่กาํ ลังเกาะแกะพัวพัน
ราวกับไม่มีตวั ตน

[1] ชะตาดอกท้อ 桃花运 ดอกท้อเป็ นตัวแทนของดวงชะตาด้านความรัก คนที่มีชะตาดอกท้อก็


หมายถึงคนที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เสน่ห์แรง
ตอนที่ 988

จุดประสงค์ ของศีลแปด

ละอองนํ้าที่เย็นสดชื่นไม่มีทางดับความร้อนรุ่ มในใจปี ศาจโลหิ ตได้ เรื อนร่ างอ่อนช้อยซุกเข้ามาในอก


เขา ใช้สองมือประคองใบหน้าเขา แล้วจูบริ มฝี ปากเขาอย่างดูดดื่มหิ วกระหาย ทั้งวาบหวามทั้งเร่ าร้อน
ถึงแม้จะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากศีลแปด แต่สาํ หรับปี ศาจโลหิ ต นี่กค็ ือวิธีการได้เขาอย่างหนึ่ง
เหมือนกัน เป็ นวิธีการครอบครองอย่างหนึ่ง
ท่ามกลางความหลงใหล ขณะกําลังเคลิบเคลิ้ม มือก็ลื่นไหลเข้าไปในเสื้ อผ้าของเขา เลื้อยเข้าไปใน
หน้าอก เริ่ มตั้งแต่บนลงล่าง จนกระทัง่ ถึงตรงหว่างข้า หลังจากนางในจับก้อนปรารถนาของเขา ก็
พบว่ามันยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย สิ่ งนี้ทาํ ให้นางได้สติกลับมาหลายส่ วน ดวงตาที่หรี่ ปรื อพลันเบิก
กว้าง จ้องมองเขาทันที
เมื่อเห็นรอยยิม้ บาง ๆ ของศีลแปด รอยยิม้ ยังคงสะอาดบริ สุทธิ์ เกิดข้อเปรี ยบเทียบชัดเจนกับ
ภาพลักษณ์ที่ล่องลอยเหลวไหลของนาง ปี ศาจโลหิ ตโมโหทันที เพราะรู ้สึกได้ถึงความอัปยศอดสู จู่ ๆ
นางก็บีบคอศีลแปดอย่างแรง อยากจะบีบคอเขาให้ขาด ตายไปเสี ยให้รู้แล้วรู ้รอด บีบคอเขาเขย่าอย่าง
ไม่รู้วา่ จะไประบายความโมโหที่ไหน “ลืมตาขึ้นมา มองข้า!”
ศีลแปดโดนบีบคอจนหน้าแดง ได้สติตื่นขึ้นจากความฝันอันงดงามในหัว เขาลืมตามองนาง ไม่รู้วา่
ทําไมจู่ ๆ นางถึงปรี๊ ดแตกอีกแล้ว ส่ วนร่ างเปลือยที่อยูต่ รงหน้าเขาน่ะเหรอ? ก็เป็ นแค่ร่างกาย เขาเห็น
จนชินเหมือนเป็ นเรื่ องปกติแล้ว ต่อให้เย้ายวนกว่านี้กส็ ูภ้ าพโครงกระดูกดูดเลือดที่ฝังลึกอยูใ่ นความ
ทรงจําไม่ได้
ในสายตาของเขา ปี ศาจโลหิ ตคือโครงกระดูกที่งดงามอย่างแท้จริ ง ๆ
ขระที่นางบีบคอเขา เขาก็มองหน้านาง ทั้งสองนิ่งเงียบ เงาสองเงาสะท้อนกลับหัวอยูใ่ นสระมรกต
นํ้าตกที่อยูด่ า้ นบนยังคงส่ งเสี ยงดัง
มือนางค่อย ๆ ออกแรงเพิ่ม บีบคอจนกระทัง่ ศีลแปดทําสี หน้าขื่นขม สุ ดท้ายนางก็ตดั ใจลงมืออีกไม่
ไหว ปล่อยมือออกแล้ว แต่กลับชักดาบนกเป็ ดนํ้าสี เลือดออกมาแทน จ่อดาบไว้บนคอศีลแปด “ทําไม
ไม่ชอบจ้า? หรื อว่าข้าไม่สวย?”
ศีลแปดกวักมือเบา ๆ ดอกกล้วยไม้ดอกหนึ่งที่อยูไ่ ม่ไกลจากสระนํ้าลอยเข้ามา เด็ดบุปผาประดับ
รอยยิม้ ถามกลับว่า “ดอกไม้ดอกนี้สวยหรื อไม่?”
เมื่อเห็นเขาทําท่าเหมือนจะแสดงธรรมเทศนาอีก ปี ศาจโลหิ ตรู ้สึกขนลุกนิดหน่อย กัดฟันตอบว่า
“สวย!”
“เจ้าชอบรึ เปล่า?” ศีลแปดถาม
“ชอบ!” ปี ศาจโลหิ ตตอบ
ศีลแปดจึงยืน่ มือเข้าไป นําดอกกล้วยไม้ทดั ไว้บนหูนาง แล้วพยักหน้าถามว่า “เจ้าสวยมาก ข้าเองก็
ชอบ ก็เหมือนที่เจ้าชอบดอกกล้วยไม้ดอกนี้ แต่พอเด็ดมาแล้ว ผลสุ ดท้ายก็จะเหี่ ยวเฉา ความรัก
ระหว่างชายหญิง ความชอบก็ดี ความสวยก็ดี หากทําเลยเถิดไปคงไม่ดี เมื่อมีระยะห่าง ถึงจะมีการชื่น
ชม การเด็ดลงมาไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดี เจ้าเข้าใจมั้ย?”
ปี ศาจโลหิ ตรู ้สึกเหมือนจะสติแตก ดอกไม้ดอกหนึ่งทัดบนหูนาง เอียงหน้ามองเงากลับหัวที่อยูใ่ นนํ้า
ช่างงดงามจริ ง ๆ แล้จะให้นางตัดใจทําลายทิ้งได้อย่างไร?
“อ๊า…” ดาบถูกเก็บไปแล้ว มือสองข้างกุมศีรษะ ปี ศาจโลหิ ตครวญครางอย่างเจ็บปวด ทิ้งร่ างให้ไหล
จมลงในนํ้า ดอกกล้วยไม้ดอกนั้นลอยขึ้นมาบนผิวนํ้า แล้วลอยไปตามกระแสนํ้า บุปผาร่ วงหล่นที่มีใจ
แต่สายธารหลัง่ ไหลกลับไร้รัก[1]
นางกําลังทรมาน ศีลแปดที่อยูต่ รงนี้กลับกําลังดื่มดํ่ากับความสุ ข เขาหลับตาลงอีกครั้ง เสี ยงนํ้าไหล
เสี ยงนํ้าตก สภาพแวดล้อมของสระนํ้านี้ ยังขาดเพียงแสงจันทร์ แค่หลับตาก็มองเห็นแล้ว นึกย้อนกลับ
ไปถึงภาพงดงามใต้แสงจันทร์ของคืนนั้น
ปี ศาจโลหิ ตที่ระบายความโกรธในนํ้าเสร็ จแล้วลอยขึ้นมา ร่ างกายท่อนบนหมอบอยูบ่ นขาของศีลแปด
ร่ างกายท่อนล่างแช่อยูใ่ นนํ้า นางสงบลงแล้วเช่นกัน ถามอย่างนิ่งสงบว่า “ศีลแปด เจ้าตัดความรู ้สึก
ระหว่างชายหญิงได้แล้วจริ ง ๆ เหรอ? มารปี ศาจยังมีความรู ้สึก แต่พระกลับหัวใจไร้ความรู ้สึกอย่าง
นั้นเหรอ?”
ศีลแปดกําลังตกอยูใ่ นภวังค์ใต้แสงจันทร์ นึกภาพตอนเดินไปริ มสระนํ้า แล้วเอ่ยถามใต้แสงจันทร์
“โยมสี การู ้หรื อเปล่า ว่าสิ่ งที่เรี ยกว่าชะตาดอกท้อเป็ นภัยคืออะไร?” เขามองลืมตาก้มมองนาง ถาม
คําถามเดี๋ยวกันกับปี ศาจโลหิ ต
ปี ศาจโลหิ ตที่หมอบอยูบ่ นขาเงยหน้า แล้มถามว่า “ข้าคือดอกท้อนําภัยของเจ้าเหรอ?”
“อาจารย์ของข้าบอกไว้วา่ เพราะว่ามี ถึงได้อยู”่ ศีลแปดกล่าว
ปี ศาจโลหิ ตรออยูค่ รู่ หนึ่ง พอไม่ได้ยนิ ประโยคถัดไป นางก็ฟังไม่เข้าใจความหมาย จึงถามว่า “มีแค่น้ ี
เหรอ?”
“นี่กค็ ือภัย” ศีลแปดพยักหน้า
ปี ศาจโลหิ ตรําคาญที่เขาใช้วธิ ีการพูดที่สื่อความหมายไม่ชดั เจนแบบนี้ “ที่เจ้าพูดหาปี ศาจพวกนั้นทุก
วัน ไม่ยอมจากไป สิ่ งนั้นมาจากไหนกัน?”
“ในใจมีความคิดยึดติด เหมือนที่เจ้ามีต่อข้า ถ้ายังไม่ได้ แล้วจะจากไปได้อย่างไร ถ้าปล่อยวางได้กย็ อ่ ม
จากไปได้” ศีลแปดตอบ

ปี ศาจโลหิ ต:”อยูท่ ี่นี่ขา้ ไม่สะดวกจะฝึ กตน ไปกันเถอะ! ไม่อย่างนั้นอย่าโทษว่าข้าเอาชีวติ ของปี ศาจ


พวกนั้นมาฝึ กตนนะ”
“นี่คือสถานที่ที่สะอาดบริ สุทธิ์ อย่าดูหมิ่นที่นี่ให้บาปตัวเองเพิ่มเลย ผูอ้ าวุโสของที่นี่ไม่ใช่คนที่เจ้าจะมี
เรื่ องด้วยไหว” ศีลแปดกล่าว
ปี ศาจโลหิ ตคว้าเสื้ อผ้าของเขาแล้วดึง “เจ้าไปกับข้าสิ ”
“ข้าจะอยูท่ ี่นี่ ไม่ไปไหนแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะมาหาข้าก็กลับมาที่นี่ เจ้าจะยังเห็นข้าเสมอ” ศีลแปดตอบ
ปี ศาจโลหิ ตลังเลครู่ หนึ่ง แล้วถามว่า “จริ งเหรอ?”
ศีลแปดประนมมือตอบ “อาตมาไม่โกหก”
ปี ศาจโลหิ ตเชื่อคําพูดนี้ ในสายตานาง ศีลแปดไม่หลอกลวงใคร เขาเป็ นคนที่มีธรรมะในใจอย่างง
แท้จริ ง ไม่เหมือนพระรู ปอื่นที่แสร้งวางมาดสง่าภูมิฐาน
แต่ช่วงนี้นางรับความทรมานมาเต็มที่แล้ว อยากจะออกห่างจากเขาไปคิดทบทวนดูเหมือนกัน ดูวา่
ตัวเองจะแยกจากเขาได้ไหม ถ้าแยกจากเขาได้ ทั้งชีวติ นี้นางก็ไม่อยากมาพบเขาอีก นางจึงผลึกแขนให้
ทั้งร่ างตกลงในนํ้า แล้วหมุนวนอยูใ่ นสระมรกต หมุนผ้ามุง้ สี แดงออกมาหลายเส้น และไม่นานก็สวม
ใส่ เสื้ อผ้าเสร็ จเรี ยบร้อย
ศีลแปดมองนางพร้อมถามว่า “ยังอยากจะไปคิดบัญชีกบั หนิวโหย่วเต๋ ออีกเหรอ?”
ปี ศาจโลหิ ตตอบว่า “ตอนนี้ยงั ไม่มีโอกาส เขาได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกของตลาดสวรรค์
ที่ดาวเทียนหยวนแล้ว ข้าไม่สะดวกจะแตะต้องเขาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อย่างนั้นจะเท่ากับเป็ นศัตรู กบั
ตําหนักสวรรค์อย่างเปิ ดเผย ข้ารับผลที่ตามมาไม่ไหว ทําได้เพียงรอเวลา รอให้โอกาสดี ๆ มาถึง”
“ทําไมไม่ปล่อยวาง? ทะเลทุกข์ไร้ที่สิ้นสุ ด หันกลับมาก็คือฝั่ง ถอยหนึ่งก้าว พบท้องทะเลกว้างและ
ท้องนภาอันไพศาล!”
ปี ศาจโลหิ ตดึงผ้ามุง้ สี แดงลอยกระเพื่อมในนํ้า หมอบอยูบ่ นขาของเขาครู่ หนึ่ง จากนั้นก็พงุ่ ขึ้นฟ้ าทันที
ร่ างที่ลอยอยูบ่ นฟ้ าระเบิดเป็ นหมอกเลือดกลุ่มหนึ่ง ร่ างกายแห้งแล้ว หลุดออกจากละอองนํ้า พุง่ สู่
ท้องฟ้ าอันกว้างใหญ่ดว้ ยความเร็ วสูง ไปแล้ว!
ศีลแปดเงยหน้ามอง หลังจากผ่านไปนานมากถึงได้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง รู ้สึกเหมือนยกภูเขาออกจาก
อก เพราะเขาสูไ้ ม่ชนะปี ศาจโลหิ ต ถ้าสู ช้ นะนางได้ เขาคงไม่ตอ้ งขยับปากตลบตะแลง คงจะลงมือ
จัดการนางไปแล้ว
เขารู ้สึกซวยมากที่ได้พบปี ศาจโลหิ ต ตอนอยูพ่ ภิ พเล็กเสแสร้งเป็ นพระที่สูงส่ ง อยูท่ ี่พิภพใหญ่กย็ งั ต้อง
เล่นละครอีก แต่พอปี ศาจโลหิ ตไปแล้วก็ยงั ต้องเล่นละครต่อไป ก็ช่วยไม่ได้ เส้นทางนี้ตอ้ งขายหน้าตา
เขาลอยขึ้นไปเหยียบลงริ มสระ ร่ ายอิทธิฤทธิ์ตากเสื้ อผ้าให้แห้ง แล้วลอยเข้าไปในจุดลึกของป่ าไม้
โบราณ
ผ่านไปไม่นาน เขาก็มาที่เผ่าปี ศาจอีกแล้ว ตอนนี้เขาได้เป็ นแขกของที่นี่ คนที่นี่ไม่ชอบใช้กาํ ลัง ขอ
เพียงพิสูจน์ได้วา่ เจ้าไร้พิษภัย ก็จะไม่มีใครเห็นเจ้าเป็ นแขก
พอมาถึงใต้ตน้ ไม้ที่เคยนัง่ บ่อย ๆ เขาก็นงั่ ขัดสมาธิ ประนมมือสองข้าง ปากก็สวดมนต์อย่างไม่รีบร้อน
คนที่อยูข่ า้ ง ๆ ได้ยนิ แล้วยากที่จะทําความเข้าใจ
แต่ภาพลักษณ์ของศีลแปดเป็ นมิตรน่าเข้าใกล้ ประกอบกับจังหวะและท่วงทํานองที่ไพเราะเหมือนบท
กวี จึงฟังดูไพเราะมาก เข้ากับบรรยากาศในป่ า ราวกับว่าเมื่อได้ยนิ เสี ยงนี้แล้ว แม้แต่ตน้ ไม้กจ็ ะเติบโต
แข็งแรง ดังนั้นจึงเป็ นเหมือนที่ผา่ นมา เริ่ มมีคนเข้ามานัง่ ฟังเขาสวดมนต์อยูข่ า้ ง ๆ แล้ว
มู่หลินหลางเดินมาเตือนข้าง ๆ “ไต้ซือ เผ่าของพวกเราไม่ได้นบั ถือพุทธ” ความหมายแฝงในคําพูดก็
คือ ไม่ตอ้ งทําเรื่ องที่ไร้ประโยชน์แล้ว แต่เมื่อเห็นศีลแปดไม่ได้รับผลกระทบอะไร นางจึงนัง่ ฟังเขา
‘ร้องเพลง’ อยูข่ า้ ง ๆ เช่นกัน ถึงอย่างไรทุกคนก็ชอบเรื่ องที่ดีงามอยูแ่ ล้ว
จนกระทัง่ คนมาค่อนข้างเยอะ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ หลังจากรอให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าปรากฏตัวและนัง่
ลงฟังกับคนอื่น ๆ เสี ยงสวดมนต์ของศีลแปดถึงได้หยุดลง แล้วเริ่ มแสดงธรรมเทศนากับกลุ่มปี ศาจ นํา
สิ่ งที่ไต้ซือศีลเจ็ดบอกมาพูดซํ้าที่นี่รอบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอยูเ่ ป็ นระยะ ทุกครั้งเขาจะถามธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่
น่า พยายามใช้ความคิดเพื่อลดระยะห่างระหว่างตัวเองกับธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่า
เขารู ้วา่ เรื่ องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงมีความอดทนมาก ถึงแม้ทุกครั้งมู่หลินหลางจะโผล่มา
บอกว่าไม่มีประโยชน์ แต่ศีลแปดก็เข้าใจจุดประสงค์ของตัวเองดี และมองเห็นผลลัพธ์แล้วเช่นกัน
ตอนแรกธิดาศักดิ์สิทธิ์มู่น่าเพียงยืนมองพระที่เคยดูนางอาบนํ้าอยูไ่ กล ๆ จากนั้นก็เดินเข้ามาในกลุ่มคน
แล้วก็เข้ามานัง่ จนทุกวันนี้นางคุยกับเขาแล้ว เขารู ้สึกว่านี่คือความก้าวหน้าที่ยงิ่ ใหญ่มาก อนาคต
งดงามแน่นอน…
หลังจากส่ งส่ วยประจําปี กลับมาจากแดนโพ้นสวรรค์ ช่างไม้กบั ช่างหิ นวางเกี้ยวลง อวิน๋ จือชิวมุด
ออกมาจากเกี้ยว ยังคงเป็ นมารดาแห่งใต้หล้าที่สวมเครื่ องแต่งกายสุ ดหรู หรา ดวงตางามฉายแววเปล่ง
ประกาย มีบารมีน่าเกรงขาม เหยียนซิวกับหยางเจาชิงเข้ามาต้อนรับและทําความเคารพ
อวิน๋ จือชิวที่เดินอย่างไม่ชา้ ไม่เร็ วหันกลับมาสัง่ ว่า “เรี ยกฮูหยินตําหนักอินทนิลกับผูก้ ารหยางมาพบ
ข้า!”
ฮูหยินตําหนักอินทนิลก็คือฉินเวยเวยที่อยูต่ าํ หนักอินทนิล ถึงแม้จะเป็ นอนุภรรยา แต่กลับรับหน้าที่
แทนท่านทูตอยูเ่ สมอ เพื่อเป็ นการให้เกียรติ ทุกคนต่างเรี ยกขานอย่างเคารพว่าฮูหยินตําหนักอินทนิล
“ขอรับ!” เหยียนซิ วกับหยางเจาชิงเอ่ยรับและไปปฏิบตั ิตาม ทั้งสองแยกกันไปรายงาน
ผ่านไปไม่นาน ฉิ นเวยเวยกับหยางชิ่งก็มาเข้าพบที่ปราสาททอง
บนตึกปราสาททอง หลังจากอวิน๋ จือชิวบอกให้คนอื่น ๆ ออกไปแล้ว นางก็เลิกวางมาดน่าเกรงขาม
บนใบหน้าเผยรอยยิม้ เข้ามาคล้องแขนฉินเวยเวยพร้อมบอกว่า “น้องสาว มานัง่ ด้วยกันสิ !”
ฉินเวยเวยไม่กล้านัง่ เทียบเสมอกับนาง จึงรี บปฏิเสธแล้ว
อวิน๋ จือชิวเองก็ไม่บงั คับ นําแหวนเก็บสมบัติออกมาสองวง แบ่งให้ท้ งั สองคน “น้องสาว นี่คือ
ของขวัญที่ท่านสามีของเราสัง่ ให้ขา้ นํามามอบให้พวกเจ้า กําชับว่าต้องมอบให้พวกเจ้าให้ได้ บอกว่าถ้า
ขาดไปแม้แต่เม็ดเดียว เขาจะมาขอคําอธิบายจากข้า พวกเจ้าต้องนับต่อหน้าให้ชดั เจนนะ ไม่อย่างนั้น
ถ้าข้ากลับไปแล้วเขาถาม ข้าก็จะไม่มีทางอธิบายได้”
ที่จริ งเหมียวอี้ไม่คเยพูดอะไรแบบนี้เลย เรื่ องในบ้านทางนี้ส่งให้นางจัดการทั้งหมด
หลังจากหยางชิ่งกับฉิ นเวยเวยเห็นของที่อยูข่ า้ งใน ทั้งสองก็ตกตะลึงมาก ต่อให้ไม่เคยกินเนื้อหมูแต่กร็ ู ้
ว่าหมูหน้าตาเป็ นอย่างไร หยางชิ่งพลันเงยหน้า “ท่านทูต นี่…หรื อว่านี่จะเป็ น…” เขารู ้สึกเหลือเชื่อนิด
หน่อย
อวิน๋ จือชิวพยักหน้าเบา ๆ “เป้ นสิ่ งนั้นแหละ คนละสิ บล้านเม็ด เพียงพอให้พวกเจ้าสองคนเพิ่มวรยุทธ์
ให้ถึงระดับบงกชทองไว ๆ พวกเจ้านับดูสิ ดูวา่ มีเท่าไร”
ไม่ตอ้ งนับเลย ดูจากจํานวนแล้ว ต่อให้ขาดไปบ้างก็ไม่ต่างกันเท่าไร หยางชิ่งยังคงตกตะลึงมาก กุม
หมัดถามว่า “ท่านทูต ข้าน้อยจําเป็ นต้องถาม นายท่านเหมียวนําของสิ่ งนี้มาจากไหนมากมายขนาดนี้?”
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้า “เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โดยรวม พูดมากไปจะไม่เป็ นผลดี เมื่อเห็นของสิ่ ง
นี้แล้ว พวกเจ้าก็คงเข้าใจว่านายท่านจะไม่ออกมาพบใครไปอีกนาน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขากําลังหาย
เข้ากลีบเมฆเพื่ออนาคตของครอบครัวเรา แม้แต่หลางหลางกับหวนหวนก็ไม่เคยได้ของสิ่ งนี้เลยสัก
เม็ด เป็ นเพราะภูมิหลังของพวกนาง ถ้ามีข่าวหลุดว่าพวกเราหาของพวกนี้มาได้ ผูก้ ารหยางก็คงจะรู ้วา่
ผลที่ตามมาคืออะไร แบบนั้นครอบครัวเราก็จะจบเห่แล้วเหมือนกัน”
ขณะที่พดู ก็จบั มือฉิ นเวยเวย “น้องสาว ที่นายท่านไม่ได้มาเจอเจ้านาน ไม่ใช่วา่ นายท่านจงใจเย็นชากับ
เจ้านะ แต่เรื่ องนี้สาํ คัญมาก ไม่สามารถแบ่งสมาธิได้ ข้าไม่ได้อยูท่ ี่นี่ แต่กไ็ ม่ได้ไปเที่ยวเล่นชมดอกไม้
ชมพระจันทร์กบั นายท่านเหมือนกัน แต่กาํ ลังช่วยนายท่านจัดการธุระ ที่ให้เจ้าคุมยอดเขาหยกนคร
หลวง ก็เพราะว่าเชื่อใจเจ้ามากจริ ง ๆ เจ้าต้องช่วยนายท่านคุมสนามนี้ให้ได้ ไม่จาํ เป็ นต้องแสดงฝี มือ
มากเกินไป ขอเพียงคุมได้กพ็ อ ขอแค่คุมได้หลายร้อยปี รอให้ความสามารถของนายท่านสู งขึ้นก่อน
แล้วครอบครัวเราก็จะมีอาํ นาจทั้งพิภพเล็ก แม้แต่หกปราชญ์กย็ งั ต้องยืนชิดซ้าย”
…………………………

[1] บุปผาร่ วงหล่นที่มีใจ แต่สายธารหลัง่ ไหลกลับไร้รัก 落花有意 流水无情 หมายถึง รัก


ข้างเดียว
ตอนที่ 989

ผู้หญิงมากสร้ างความวุ่นวาย

คําพูดนี้ทาํ ให้คนฟังหวาดผวาจริ ง ๆ แม้แต่หกปราชญ์ยงั ต้องยืนชิดซ้าย!


เมื่อก่อนพูดคํานี้ หยางชิ่งและลูกสาวก็อาจจะไม่เชื่อ แต่ในมือมียาแก่นเซี ยนจํานวนมากเป็ นเครื่ อง
พิสูจน์ ยาแก่นเซียนมากมายขนาดนี้ เกรงว่าต่อให้หกปราชญ์รวมกันก็หามาไม่ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
แน่
ในใจหยางชิ่งกําลังเต็มไปด้วยคําถาม สงสัยว่าเหมียวอี้หายาแก่นเซี ยนมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน
แน่ แต่กลับเห็นอวิน๋ จือชิวมองมาด้วยรอยยิม้ สนิทสนม “ผูก้ ารหยาง ได้ยนิ ว่าท่านกับเทพธิดาหงเฉิน
สนิทกันมากเหรอ?”
หยางชิ่งหัวใจกระตุกวูบ รู ้วา่ พฤติกรรมของตัวเองปิ ดบังสายตานางไม่ได้ โดนอีกฝ่ ายมองออกแล้ว เขา
ตอบอย่างค่อนข้างอับอาย “เคยคุยกันไม่กี่ครั้งขอรับ”
“แค่คุยกันเองเหรอ?” อวิน๋ จือชิวเลิกคิ้ว แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะ “ใคร ๆ ก็ชอบของสิ่ งสวยงามกันทั้งนั้น
เทพธิดาหงเฉิ นเป็ นยอดหญิงงามที่หาได้ยากในใต้หล้า ถ้าผูก้ ารหยางถูกใจ นัน่ ก็เป็ นความรู ้สึกปกติ
ของมนุษย์เรา แต่ผกู ้ ารหยางเป็ นคนฉลาด เทพธิดาหงเฉินเป็ นลูกศิษย์ของมู่ฝานจวิน ห้ามเอายาแก่น
เซี ยนในมือไปเอาใจเทพธิดาหงเฉินเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเป็ นการนําชีวติ ของข้ากับเวยเวยไปเล่น
สนุกนะ! ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นมา ยัว่ ให้มู่ฝานจวินกําจัดพวกเราทิ้งหมด เกรงว่ามู่ฝานจวินก็คงไม่ยอมให้ท่าน
กับเทพธิดาหงเฉิ นอยูด่ ว้ ยกันหรอก หวังว่าผูก้ ารหยางจะไตร่ ตรองก่อนทํา”
ฉินเวยเวยกําลังรู ้สึกกดดันหนักเพราะคุมยอดเขาหยกนครหลวง เพิ่งจะมารู ้ตวั ทีหลัง เมื่อได้ยนิ แล้วก็
มองหยางชิ่งด้วยสี หน้าฉงน นางรู ้สึกแปลกประหลาดใจ ที่แท้พอ่ บุญธรรมก็ชอบเทพธิดาหงเฉิ นแล้ว
นี่เอง รสนิยมสู งจริ ง ๆ เจ้าตัวทั้งสวยทั้งฐานะสูงส่ ง เพียงแต่คาํ พูดของพี่สาวใช่วา่ จะไม่มีเหตุผล พ่อ
บุญธรรมทําแบบนี้ไม่เหมาะสม จะนํามาปั ญหามาสู่ สามีของตัวเอง สิ่ งนี้ทาํ ให้นางกังวลมาก!
โดนคนเปิ ดโปงความลับแบบต่อหน้า ทําเอาใบหน้าชราของหยางชิ่งแดงเรื่ อ กุมหมัดตอบอย่างอับอาย
ว่า “ท่านทูตไม่ตอ้ งห่วง หยางชิ่งเพียงชื่นชมความงามของเทพธิดา แต่กลับรู ้จกั แยกแยะความสําคัญ
ไม่ให้ความรักของชายหญิงมาทําให้เสี ยเรื่ องเด็ดขาด”
อวิน๋ จือชิวพยักหน้า “ข้าเองก็เชื่อว่าผูก้ ารสามารถแยะแยะความสําคัญได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่พดู เปิ ด
โปงต่อหน้าผูก้ ารหรอก เพียงอยากจะเตือนผูก้ ารไว้สกั คํา ขอเพียงสามีของของข้ากับน้องเวยเวย
สามารถกลายเป็ นจ้าวของพิภพเล็กได้ อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างผูก้ ารกับน้องสาว นายท่านย่อมไม่
ปฏิบตั ิต่อท่านอย่างไม่ยตุ ิธรรมแน่ ถึงตอนนั้นอาศัยตําแหน่งขุนนางสูงสุ ดของผูก้ าร เทพธิดาหงเฉิ น
หนีไม่พน้ เงื้อมมือผูก้ ารแน่ ผูก้ ารสามารถได้หญิงงามล่มเมืองมาครองอย่างง่ายดาย ถ้าใครกล้ามาแย่ง
กับผูก้ าร ข้ากับน้องเวยเวยจะเป็ นคนแรกที่ไม่อนุญาต!” นางตบหลังมือฉิ นเวยเวยเบา ๆ “น้องสาว เจ้า
ว่าพี่สาวพูดถูกรึ เปล่า?”
พูดประเด็นนี้ต่อหน้าลูกสาวตัวเอง หยางชิ่งเรี ยกได้วา่ เคอะเขินทําตัวไม่ถูก
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของหยางชิ่ง ฉิ นเวยเวยก็กลั้นขําเช่นกัน พยักหน้าบอกว่า “เมื่อถึงตอนนั้นก็ตอ้ ง
ให้ท่านพ่อตัดสิ นใจเองอยูแ่ ล้ว!”
“คําพูดของท่านทูต หยางชิ่งจดจําไว้แล้ว หวังว่าท่านทูตจะพูดจาปรานีบา้ ง ไม่อย่างนั้นหยางชิ่งคงอับ
อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” หยางชิ่งเบี่ยงหน้าหนีพลางกุมหมัดคารวะ ไม่กล้ามองหน้าตรง ๆ
ตอนนี้อบั อายสุ ด ๆ
อวิน๋ จือชิวยิม้ พร้อมกล่าวว่า “กลองดีตีเบา ๆ ก็ดงั ผูก้ ารหยางเป็ นคนฉลาด ควรจะรู ้วา่ ต้องทําอย่างไร
น้องเวยเวยยังอายุนอ้ ย ประสบการณ์คุมยอดเขาหยกนครหลวงยังมีไม่พอ ท่านเป็ นบิดาบุญธรรมไม่
อาจนิ่งดูดายได้ ต้องพยายามช่วยอย่างต็มที่”
“ท่านทูตมีบุญคุณอันใหญ่หลวง หยางชิ่งน้อมรับคําสัง่ !” หยางชิ่งเอ่ยรับ
วางเรื่ องนี้เอาไว้ก่อน อวิน๋ จือชิวถามอีกว่า “ข้ากลับมาครั้งนี้ทาํ ไมได้ยนิ ว่าหลันโฮ่วกับจางเทียนเซี่ ยว
ของปราสาทดําเนินจันทร์สูก้ นั อีกแล้วล่ะ?”
หยางชิ่งรายงานว่า “เรื่ องนี้ขา้ น้อยไปตรวจสอบมาแล้ว ทั้งสองไม่ได้สูก้ นั แค่ครั้งสองครั้ง เพราะทั้ง
สองมีท้ งั แค้นเก่าแค้นใหม่ จะว่าไปแล้ว เดิมทีท้ งั สองเป็ นสามีภรรยากันขอรับ”
“เรื่ องเป็ นอย่างไรกันแน่” อวิน๋ จือชิวแปลกใจ
หยางชิ่งส่ ายหน้าถอนหายใจ “เรื่ องนี้ตอ้ งเริ่ มเล่าตั้งแต่คนรุ่ นก่อน ตระกูลจางกับตระกูลหลันมี
ความแค้นกันมาตั้งนานแล้ว ตอนหลังตระกูลจางฆ่าล้างเลือดตระกูลหลัน หลันโฮ่วเป็ นคนเดียวของ
ตระกูลที่หนีรอดมาได้ ตอนหลังหลันโฮ่วทําทุกทางเพื่อให้บรรลุเป้ าหมายในการล้างแค้น หลันโฮ่วทํา
ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ เขาใช้วธิ ีการปิ ดบังชื่อแซ่แล้วไปจีบลูกสาวของตระกูลจาง ซึ่ งก็คือจางเทียน
เซี่ ยวนัน่ เอง และในคืนวันแต่งงาน หลันโฮ่วฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนของตระกูลจางไม่ได้ระวังตัวเพื่อ
สังหารอย่างโหดเหี้ ยม ฆ่าล้างเลือดตระกูลจาง แต่กไ็ ม่ได้ทาํ เรื่ องนี้ให้เด็ดขาด ปล่อยจางเทียนเซี่ ยวที่
เป็ นเจ้าสาวไป ตอนหลังหลันโฮ่วเข้ามาทํางานให้ทางการ จางเทียนเซี่ ยวก็ตามเข้ามาทําด้วยเหมือนกัน
ที่มาที่ไปของความแค้นระหว่างทั้งสองก็เป็ นแบบนี้ ลากยาวมาจนถึงปั จจุบนั ”
“ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้ สงสัยจะเป็ นศัตรู คู่แค้นกัน!” อวิน๋ จือชิวได้ฟังแล้วค่อนข้างทอดถอนใจ แล้วหัน
กลับมาบอกว่า “เรื่ องนี้ให้ท่านจัดการแล้วกัน อย่าให้เกิดเรื่ องอะไรขึ้นอีก”
“ขอรับ!” หยางชิ่งเอ่ยรับคําสัง่ หลังจากถามแล้วว่าไม่มีธุระอย่างอื่น ก็กล่าวขอตัวลา
ในห้องเหลืออยูแ่ ค่สองคน จู่ ๆ อวิน๋ จือชิวก็ยนื่ นิ้วไปช้อนคางขาวเนียนละเอียดอ่อนฉิ นเวยเวย แล้ว
เดาะลิ้นพูดหยอกว่า “ท่านสามีช่างใจร้ายจริ ง ๆ ทําไมปล่อยให้หญิงงามขนาดนี้หนุนหมอนนอน
เดียวดายได้”
ฉินเวยเวยเพิ่งผ่านเรื่ องระหว่างชายหญิงมาได้ไม่นาน จะทนการหยอกล้อแบบนี้ได้อย่างไรกัน ทําสี
หน้าอับอายมาก แก้มแดงราวกับพระอาทิตย์ยามเย็น “ข้าไม่เป็ นไรค่ะ งานของนายท่านสําคัญกว่า”
อวิน๋ จือชิวกลับไม่ยอมปล่อยนาง เป่ าลมอยูข่ า้ งหูนาง “ไม่เป็ นไรจริ งเหรอ? ของบางอย่างถ้ายังไม่เคย
ลิ้มลองก็ยงั ดีหน่อย แต่ถา้ เคยลิ้มลองก็รู้รสชาติแล้ว ตอนหนุนหมอนนอนเดียวดายเคยคิดถึงท่านสามี
บ้างหรื อเปล่า? ตอนนี้ใช้แผนเล่นหมากล้อมก็ไม่ได้ผลแล้วนะ”
“พี่สาว!” ฉินเวยเวยกระทืบเท้า อยูต่ ่อไปไม่ไหวแล้ว แก้มแดงเหมือนก้นลิง วิง่ หนีไปโดยไม่ได้บอก
ลาสักคํา
อวิน๋ จือชิวหัวเราะจนไหล่สนั่ พอเดินมาที่หน้าต่างแล้วเห็นฉินเวยเวยหนีออกไปแล้ว ใบหน้ายิม้ ของ
นางก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็ นเย็นเยียบ นางยืนพิงหน้าต่าง ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกว่า “ไอ้เวรเอ๊ย ตอนที่
เจ้ากําลังยํา่ ยีดอกไม้อยูน่ อกบ้าน ข้ายังต้องช่วยเจ้าจัดการเรื่ องในบ้านให้เรี ยบร้อย เพื่อให้เจ้าได้ทาํ ตัว
เจ้าชูข้ า้ งนอกอย่างสบายใจ นี่มนั เรื่ องบ้าอะไรกัน น่าโมโหนัก…”
พอนางกลอกตา สายตาก็ไปหยุดอยูท่ ี่ตาํ หนักคู่แฝด นางจึงเหาะออกทางหน้าต่าง ไปเหยียบลงนอก
ตําหนักคู่แฝดโดยตรง
เมื่อนางมาถึง ก็ทาํ ให้โอวหยางหลางกับโอวหยางหวนตกใจจนรี บนําคนเดินออกมาคํานับ “คํานับฮู
หยิน!”
“เป็ นพี่นอ้ งบ้านเดียวกันทั้งนั้น ไม่จาํ เป็ นต้องมองข้าเป็ นคนนอกหรอก ไม่ตอ้ งมากพิธี!” อวิน๋ จือชิวยืน่
มือบอกใบ้ให้ท้ งั สองยืนตรง แล้วกวาดตามองสองพี่นอ้ ง พบว่าพวกนางผอมแห้งลงไม่นอ้ ย นางแอบ
ทอดถอนใจ ผูห้ ญิงสองคนนี้ช่างน่าสงสาร อยูใ่ นบ้านทั้งวันไม่กา้ วออกประตูไปไหน
สองพี่นอ้ งฝาแฝดเดินนํา อวิน๋ จือชิวที่เดินตามไปตําหนักหลักถามว่า “ทําไมข้าได้ยนิ ว่าพวกเจ้าสองพี่
น้องไม่กา้ วออกจากประตูไปไหนเลยล่ะ มีคนไม่เคารพพวกเจ้าสองคนเหรอ?”
“ไม่มีค่ะ ไม่มี!” ทั้งสองรี บปฏิเสธ
เมื่อเข้ามาในโถงหลัก อวิน๋ จือชิวนัง่ ลงที่หวั โต๊ะ สองพีน่ อ้ งฝาแฝดยืนอยูข่ า้ ง ๆ หญิงรับใช้รีบนํานํ้าชา
มาวาง
หลังจากดื่มนํ้าชาไปคําหนึ่ง อวิน๋ จือชิวก็ถามว่า “ไม่มีจริ งเหรอ? แล้วทําไมไม่กา้ วออกจากประตูบา้ น
เลยล่ะ? ข้างล่างของภูเขาเป็ นสังคมมนุษย์ที่เจริ ญรุ่ งเรื อง ทําไมไม่ไปดูหน่อยล่ะ? หรื อว่าตอนที่ขา้ ไม่
อยู่ ทางตําหนักอินทนิลไม่ให้เกียรติพวกเจ้าเหรอ? มีอะไรไม่ยตุ ิธรรมก็พดู มาได้เลย ข้าจะตัดสิ นให้
พวกเจ้า!”
“ไม่มีจริ ง ๆ ค่ะ เราสองพี่นอ้ งสงบจิตสงบใจฝึ กตนมาโดยตลอด” โอวหยางหลางรี บตอบ
จือฉิน จือฉี จือซู จือฮว่า หญิงรับใช้ท้ งั สี่ แอบสบตากันเงียบ ๆ แวบหนึ่ง ในใจมีคาํ พูดบางอย่าง พวก
นางคิดว่าฝ่ ายนี้กาํ ลังถูกตําหนักอินทนิลรังแก หงเหมียนกับลู่หลิ่วไม่ค่อยเกรงใจพวกนางสักเท่าไร
ถึงแม้จะไม่กล้าทําอะไรหรู ฮูหยินทั้งสอง แต่กลับหยิง่ ยโสใส่ หญิงรับใช้อย่างพวกนางสี่ คน ถึงขนาด
เรี ยกใช้งานพวกนางด้วยซํ้า เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะอะไร เนื่องจากฮูหยินตําหนักอินทนิลรับหน้าที่แทน
ท่านทูต แถมพ่อบุญธรรมของฮูหยินตําหนักอินทนิลก็เป็ นผูก้ ารใหญ่ของยอดเขาหยกนครหลวง
จัดการธุระต่าง ๆ ของสายมะโรง ทางนั้นมีอาํ นาจและตําแหน่งสูงกว่า แต่พอ่ แม่ของเจ้านายทั้งสอง
ของพวกนางกลับกําลังต้องโทษ จะเงยหน้าอ้าปากได้อย่างไร ย่อมต้องโอนอ่อนผ่อนตามอยูแ่ ล้ว
ทว่าคําพูดเหล่านี้ พวกนางย่อมไม่กล้าพูดออกมาอยูแ่ ล้ว เจ้านายทั้งสองก็ไม่ยอมให้พดู ด้วย ถ้าไม่ทาํ
ให้ฮูหยินตําหนักอินทนิลไม่พอใจขึ้นมา จะต้องมีคนมากลัน่ แกล้งพวกนางแน่ เกรงว่าจุดจบของฝ่ ายนี้
จะไม่ดี
ยอดเขาหยกนครหลวงมีสายข่าวของอวิน๋ จือชิวอยูท่ วั่ ทุกที่ จะมีเรื่ องอะไรปิ ดบังสายตาของนางได้ล่ะ?
นางกวาดมองปฏิกิริยาของหญิงรับใช้ท้ งั สี่ พฤติกรรมบางอย่างที่หงเหมียน ลู่หลิ่วทําเพื่อเพิม่ บารมีให้
เจ้านายตัวเอง อวิน๋ จือชิวก็รู้อยูแ่ ก่ใจเช่นกัน ที่นางบอกว่าจะตัดสิ นความยุติธรรมให้ ปากนางก็พดู ไป
อย่างนั้นเอง แต่ไหนแต่ไรมา ถ้าบ้านไหนมีผหู ้ ญิงอยูเ่ ยอะ บ้านนั้นก็สงบสุ ขไม่ได้อยูแ่ ล้ว ดังนั้นตราบ
ใดที่ไม่เปิ ดโปงเรื่ องนี้ออกมา นางก็จะไม่หกั หน้าฉินเวยเวย ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือ ถึง
อย่างไรตอนนี้ฝ่ายฉิ นเวยเวยก็ดูน่าไว้ใจมากกว่า แต่จากที่นี่อวิน๋ จือชิวเห็น หงเหมียน ลู่หลิ่วก็ทาํ
เกินไปจริ ง ๆ หญิงรับใช้ฝ่ายนั้นรังแกหญิงรับใช้ฝ่ายนี้กพ็ อแล้ว บางครั้งเวลาเจอสองพี่นอ้ งโอวหยางก็
ไม่กม้ หน้าเคารพเลย พูดจาก็ไม่ค่อยเกรงใจเท่าไร การที่สองพี่นอ้ งฝาแฝดไม่กล้าออกจากตําหนัก หง
เหมียนกับลู่หลิ่วคือตัวการใหญ่ของเรื่ องนี้ นางไม่เชื่อว่าทางด้านหยางชิ่งจะไม่รู้เรื่ องพวกนี้ แต่หยาง
ชิ่งกลับแสร้งทําเป็ นไม่รู้อะไรเลย เหมือนจะจงใจให้ทา้ ยหญิงรับใช้
อวิน๋ จือชิวเข้าใจความรู ้สึกของคนเป็ นพ่อ ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองได้รับความไม่เป็ นธรรม อยากจะ
ให้ลูกสาวอยูใ่ นฐานะที่เป็ นรองเพียงหนึ่งแต่อยูเ่ หนือคนอื่น
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่อวิน๋ จือชิวอยากจะเห็น หยางชิ่งมีจุดยืนของหยางชิ่ง ภรรยาเอกอย่างนางก็มีจุดยืนของ
ภรรยาเอกเหมือนกัน ถึงแม้สองพี่นอ้ งโอวหยางจะเป็ นอนุภรรยา แต่กถ็ ือว่าเป็ นเจ้านายเหมือนกัน
หญิงรับใช้สองคนถึงขนาดอาศัยอํานาจมารังแกเจ้านายแล้ว แบบนี้จะไม่แย่หรอกเหรอ? ตอนนี้นาง
เป็ นท่านทูต ยังพอควบคุมได้อยู่ แต่เมื่อใดที่คลี่คลายสถานการณ์ที่พิภพใหญ่ได้แล้ว ท่านทูตอย่างนาง
ก็จะอันตรธานกลายเป็ นเมฆหมอก เมื่อสาวใช้ท้ งั สองมีเงื่อนไขที่ได้เปรี ยบมากขึ้น แล้วจะมารังแกนาง
ด้วยหรื อเปล่า? หยางชิ่งจะยุยงให้ฉินเวยเวยเกิดความคิดที่จะมาแทนที่ตาํ แหน่งของนางหรื อเปล่า? ใช่
ว่าเรื่ องนี้จะเป็ นไปไม่ได้! ดังนั้นอวิน๋ จือชิวจึงอยากจะตําหนิสกั หน่อย เพียงแต่เรื่ องนี้นางไม่สะดวกจะ
ออกหน้าเองโดยตรง ถ้านางออกหน้าเองก็จะเท่ากับเป็ นศัตรู กบั ฉินเวยเวย จะทําให้ในบ้านไม่สงบ จะ
ทําให้เหมียวอี้ลาํ บากใจ เรื่ องนี้ตอ้ งตกเป็ นหน้าที่เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ ให้พวกนางสองคนออกหน้าจะ
เหมาะที่สุด ฉินเวยเวยกับหยางชิ่งเห็นพวกนางแล้วยังต้องถอยให้สามก้าว
อวิน๋ จือชิวตัดสิ นใจได้ในชัว่ พริ บตาเดียว เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะต้องให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์สงั่ สอนหงเห
มียนกับลู่หลิ่วสักยก ให้สาวใช้สองคนนั้นได้รับบทเรี ยนยาว ๆ รับรองว่าฝ่ ายหยางชิ่งไม่กล้าพูดอะไร
แน่ ที่ตาํ หนักหลัง นอกจากนางก็ไม่มีใครกล้าทําอะไรเชียนเอ๋ อร์เสวีย่ เอ๋ อร์แล้ว ถ้าคนอื่นกล้าแตะต้อง
เชียนเอ๋ อร์เสวีย่ เอ๋ อร์กล็ องดู รับรองว่าเหมียวอี้เดือดเป็ นฟื นเป็ นไฟแน่!
เมื่อหาตัวคนสองคนที่จะมาทําหน้าที่ลงโทษคนในบ้านได้แล้ว อวิน๋ จือชิวจึงวางเรื่ องนี้ไว้ก่อนชัว่ คราว
แต่จะว่าไปแล้ว นี่กเ็ ป็ นเรื่ องโชคดีของนางเหมือนกัน ไม่เหมือนพวกฉิ นเวยเวยที่มีหญิงรับใช้เป็ นของ
ตัวเอง ข้างกายนางไม่มีหญิงรับใช้ที่แต่งงานเข้ามาพร้อมกัน ดังนั้นจึงให้เชียนเอ๋ อร์กบั เสวีย่ เอ๋ อร์รับ
ช่วงต่อมาตลอด ไม่อย่างนั้นถ้าข้างกายนางมีหญิงรับใช้ เกรงว่าหญิงรับใช้ของนางจะต้องเป็ นศัตรู กบั
เชียนเอ๋ อร์เสวีย่ เอ๋ อร์แน่ ตอนนี้นบั ว่าลดความยุง่ ยากไปได้ไม่นอ้ ย
“ข้าไปส่ งส่ วยประจําปี ที่แดนโพ้นสวรรค์มาครั้งนี้ ข้าได้เจอกับพ่อแม่ของพวกเจ้าแล้ว ข้าทักทายแทน
พวกเจ้าแล้วด้วย ตอนนี้พอ่ แม่ของพวกเจ้าแค่ขาดอิสระชัว่ คราว ส่ วนอย่างอื่นก็ยงั นับว่าสุ ขสบายดี
ไม่ได้ลาํ บากอะไร พวกเขาฝากให้ขา้ นําจดหมายมาให้พวกเจ้าด้วย” อวิน๋ จือชิวนําแผ่นหยกสองแผ่น
มาร่ ายอิทธิฤทธิ์ส่งให้ตรงหน้าทั้งสอง
ตอนที่ 990

ดึงคนจากทะเลดาวนักษัตร

ในจดหมายของอันหรู อวี้กบั โอวหยางกวง นอกจากบอกลูกสาวทั้งสองว่าให้เลิกเป็ นห่วง พ่อกับแม่


สบายดี ก็บอกอีกว่าให้ลูกสาวทั้งสองตั้งใจใช้ชีวติ ให้ดี เน้นยํ้าว่าให้เชื่อฟังสามีกบั อวิน๋ จือชิว
เห็นได้ชดั ว่าสิ่ งที่เน้นยํ้าไม่ได้ออกมาจากใจตัวเอง จดหมายนี้อวิน๋ จือชิวเป็ นคนถือว่า เกรงว่าคงเขียน
แบบนี้ให้อวิน๋ จือชิวเห็น
สองพี่นอ้ งอ่านจนนํ้าตาคลอ ในปี ก่อน ๆ ตอนที่พอ่ แม่ยงั มีตาํ แหน่งสู ง ก็เรี ยกได้วา่ ไม่มีอะไรต้อง
กังวล ที่แดนเซียนจะมีสกั กี่คนที่กล้าไม่เกรงใจพวกนาง? แต่ตอนนี้กลับโดนแม้กระทัง่ หญิงรับใช้ของ
คนอื่นชักสี หน้าใส่ แต่กจ็ าํ ต้องข่มความโกรธเอาไว้ เป็ นอนุภรรยาก็วา่ แย่แล้ว สามีที่แต่งงานด้วยดัน
หายไปไม่เห็นเงา ไม่รู้เหมือนกันว่าดูถูกดูแคลนพวกนางสองพี่นอ้ งหรื อเปล่า
ทั้งสองค่อนข้างคิดมาก สถานการณ์ของพ่อแม่บวกกับสิ่ งที่สองพี่นอ้ งกําลังเผชิญตอนนี้ เรี ยกได้วา่
ความเศร้าโศกออกมาจากหัวใจ
เมื่อเห็นทั้งสองเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อวิน๋ จือชิวก็เคาะโต๊ะเบา ๆ เบี่ยงเบนความสนใจของ
ทั้งสองคน “วางเรื่ องที่ทาํ ให้ร้องห่มร้องไห้เอาไว้ก่อน ตอนนี้พวกเรากําลังจะเผชิญหายนะแล้ว ถึง
ตอนนั้นพวกเจ้าสองพี่นอ้ งได้ร้องไห้แน่”
คําพูดนี้ฟังดูค่อนข้างร้ายแรง ทําให้สองพี่นอ้ งและหญิงรับใช้ท้ งั สี่ มองนางอย่างตกตะลึง ในใจรู ้สึก
หวาดกลัวขึ้นมา ไม่รู้วา่ มีเรื่ องอะไรที่ฟังดูร้ายแรงขนาดนั้น
“ฮูหยิน ไม่รู้วา่ เกิดเรื่ องอะไรขึ้น?” โอวหยางหลางลองถามหยัง่ เชิง
อวิน๋ จือชิวจ้องด้านนอกลพางพ่นเสี ยงทางจมูก “ผูช้ ายของพวกเราใกล้จะโดนนางจิ้งจอกนอกบ้าน
หลอกล่อไปแล้ว บ้านนี้ใกล้จะแตกแล้ว พวกเราคิดว่าเรื่ องอะไรล่ะ?”
พวกนางมองหน้ากันเลิกลัก่ สองพี่นอ้ งฝาแฝดร้องให้ไม่ออก โอวหยางหวนถามหยัง่ เชิงว่า “ฮูหยินห
มายความว่า นายท่านมีผหู ้ ญิงอื่นนอกบ้านหรื อคะ?”
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” อวิน๋ จือชิวทําหน้าเครี ยดขรึ ม ชี้พวกนางสองคนพร้อมตําหนิ “ข้าว่าพวกเจ้าสองพี่
น้องนี่ยงั ไงกัน? ให้นายท่านแต่งงานรับพวกเจ้ามาทําอะไร? เป็ นสองพี่นอ้ งฝาแฝดได้เปรี ยบขนาด
ไหน แต่กลับกุมหัวใจนายท่านไว้ไม่อยู่ ข้าว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าสองคนปรนนิบตั ินายท่านไม่ดี
ใช่ม้ ยั ?”
พออวิน๋ จือชิวตําหนิแบบนี้ สองพี่นอ้ งก็ยงั อับอายทั้งคับแค้นใจ ในใจรู ้สึกไม่ยตุ ิธรรมขนาดไหน นาย
ท่านเพิง่ จะแตะต้องพวกเราได้ไม่กี่ครั้งเอง อยูก่ บั พวกเราน้อยจนนับครั้งได้ พวกเราจะมีทางทําอะไร
ได้ล่ะ
“พวกเจ้าสี่ คนก็เหมือนกัน!” อวิน๋ จือชิวชี้ไปที่ ‘ฉิ นฉีซูฮว่า’ ถามว่า “พวกเจ้าตอบข้ามาเสี ยดี ๆ นายรับ
รับพวกเจ้าเข้าห้องหรื อยัง?”
หญิงรับใช้ททั้งสี่ หน้าแดง ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูดจา ในใจพึมพําว่า ขนาดหรู ฮูหยินนายท่านยังไม่มี
เวลาเลย จะเอาเวลาจากไหนมาแตะต้องพวกเราล่ะ
ที่จริ งในใจของพวกนางก็คบั แค้นมากเช่นกัน เพียงแต่คาํ พูดบางคําไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
“เงยหน้าขึ้นมา!” อวิน๋ จือชิวตบโต๊ะ “แต่งงานเข้ามาด้วยกันหมดแล้ว ยังจะเขินอายอะไรอีก ข้าถาม
พวกเจ้าอยูน่ ะ ไม่ได้ยนิ เหรอ?”
หญิงรับใช้ท้ งั สี่ รีบเงยหน้า แต่ละคนตอบเสี ยงเบาเหมือนแมลงวัน “ยังเจ้าค่ะ!”
อวิน๋ จือชิวถามสองพี่นอ้ งโอวหยางทันที “พวกนางสี่ คนไม่ใช่สาวใช้ร่วมห้องของเจ้านายหรอก
เหรอ?”
โอวหยางหลางพยักหน้า “เป็ นสาวใช้ร่วมห้องเจ้าค่ะ แต่…แต่นายท่านมาที่นี่ไม่บ่อย”
“นัน่ เป็ นเพราะพวกเจ้าไร้ประโยชน์เอง อย่าผลักความผิดไปให้นายท่าน” อวิน๋ จือชิวตบโต๊ะยืนขึ้น
แล้วกล่าวอย่างชอกชํ้าใจ “ขายหน้านัก! พวกเจ้าสองพี่นอ้ งกับสาวใช้ร่วมห้องสี่ คน แต่กลับกุมหัวใจ
นายท่านไม่อยู่ ผูห้ ญิงในบ้านเป็ นโขยงยังเอาชนะนางจิ้งจอกนอกบ้านคนเดียวไม่ได้ เจ้าคิดว่าพวกเจ้า
แต่งงานเข้ามาเพื่อทําประโยชน์อะไร? เป็ นเพราะไม่พอใจที่ในบ้านมีผหู ้ ญิงน้อย เลยอยากเพิม่ พวกเจ้า
สองพี่นอ้ งมาเพิ่มงั้นเหรอ?”
พวกนางเอาแต่กม้ หน้า เงยหน้าไม่ไหว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ตวั อย่างไรดี
อวิน๋ จือชิวบอกอีกว่า “ข้าตัดสิ นใจแล้ว ว่าจะพาพวกเจ้าสองพี่นอ้ งไปอยูข่ า้ งกายนายท่าน ข้าไม่เชื่อ
หรอกว่าผูห้ ญิงเป็ นโขยงจะเอาชนะนางจิ้งจอกตัวเดียวไม่ได้! ใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่ได้บงั คับพวกเจ้านะ
พวกเจ้าเต็มใจจะไปกับข้าหรื อเปล่า?”
สองพี่นอ้ งโอวหยางย่อมปรารถนาจะไปอยูข่ า้ งกายเหมียวอี้อยูแ่ ล้ว อยูท่ ี่นี่สุดแสนจะขมขื่นใจ ทั้งยัง
ต้องเกรงใจสายตาคนอื่นอีก จึงรี บพยักหน้าทันที
“อย่าเอาแต่พยักหน้าอย่างนั้น ข้ามองไม่เข้าใจ เต็มใจไปหรื อไม่กบ็ อกมาให้ชดั เจน” อวิน๋ จือชิวกลับไม่
อ้อมค้อม
“ยินดีติดตามฮูหยินไปเจ้าค่ะ!” สองพี่นอ้ งรี บเอ่ยรับ
“งั้นก็ไม่ตอ้ งชักช้าแล้ว เก็บข้าวข้องที่ควรจะนําไปด้วยแล้วไปกับข้า! มาพบข้าที่ปราสาททองภายใน
เวลาครึ่ งชัว่ ยามนี้!” อวิน๋ จือชิวพูดจบแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที
พวกนางรี บเดินตามหลังไปส่ ง หลังจากมองคล้อยหลังอวิน๋ จือชิวเหาะขึ้นฟ้ าไป หญิงรับใช้ท้ งั สองก็
ตื่นเต้นดีใจมาก จือฉิ นบอกว่า “คุณหนู ไปอยูข่ า้ งกายนายท่านก็ดีเหมือนกันนะเข้าคะ ไม่ตอ้ งคอย
เกรงใจตําหนักอินทนิลแล้ว”
“พวกเรารี บเก็บของเถอะ นําของใช้ในชีวติ ประจําวันไปด้วยให้หมด” จือซูกล่าว
พวกนางวิง่ วุน่ กันอยูพ่ กั หนึ่ง หลังจากเก็บของได้พอสมควรแล้ว ก็ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นอ้ ย ตามสองพี่
น้องฝาแฝดไปพบอวิน๋ จือชิวที่ปราสาททอง
ผ่านไปไม่นาน อวิน๋ จือชิวที่ออกมาจากปราสาททองก็มุดเข้าไปในเกี้ยว ช่างไม้กบั ช่างหิ นหามเกี้ยว
เหาะขึ้นไป โดยมีผหู ้ ญิงหลายคนเหาะตามอยูข่ า้ งหลัง แฉลบผ่านฟ้ าไปอย่างรวดเร็ ว
พวกเขาไม่ได้ไปที่พิภพใหญ่โดยตรง แต่ไปที่ตาํ หนักดาวบูรพาของทะเลดาวนักษัตรก่อน สงเวย
ประมุขถิ่นทิศตะวันออกได้ยนิ ข่าวแล้วออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง พอเห็นหน้าก็กมุ หมัดคารวะทักทาย
อย่างร่ าเริ ง “น้องสะใภ้ให้เกียรติมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับใกล้ ๆ ! เอ๋ ! น้องห้าไม่ได้มา
เหรอ?” เขายืน่ ศีรษะมองหาในขบวน ปรากฏว่าเห็นสองพี่นอ้ งโอวหยางร่ วมเดินทางมาด้วย ทําให้งง
นิดหน่อย จากนั้นก็กมุ หมัดทักทายทันที “น้องสะใภ้หลางกับน้องสะใภ้หวนก็มาด้วยเหรอ เป็ นโอกาส
ที่หาพบได้ยาก”
สองพี่นอ้ งโอวหยางคํานับทันที “คํานับพี่ใหญ่!” ทั้งสองย่อมเรี ยกตามเหมียวอี้
ทีแรกทั้งสองก็นึกว่าเหมียวอี้อยูท่ ี่นี่ แต่พอได้ยนิ คําพูดของสงเวย พวกนางก็รู้วา่ เหมียวอี้ไม่อยู่ ไม่รู้
เหมือนกันว่าอวิน๋ จือชิวพาพวกนางมาที่นี่หมายความว่าอย่างไร
อวิน๋ จือชิวออกจากเกี้ยวมาคํานับทักทาย แล้วบอกว่า “พี่ใหญ่สง ข้าจะไม่พดู จามากพิธีรีตองแล้ว
รบกวนเชิญพี่รอง พี่สาม พีส่ ี่ มาด้วยกันเลย น้องสาวมีเรื่ องจะปรึ กษากับพี่ ๆ ทั้งสี่ ท่าน” จากนั้นก็
เปลี่ยนเป็ นถ่ายทอดเสี ยง “เรื่ องเกี่ยวกับพิภพใหญ่!”
สงเวยฮึกเหิ มกระปรี้ กระเปร่ าทันที หันซ้ายหันขวาทั้งท่านทูตทั้งสองทันที “จินกวง หยินกวง พวกเจ้า
รี บออกไปสักเที่ยว เชิญพี่รอง พี่สาม พี่สี่มาที่นี่ บอกว่าน้องสะใภ้มาแล้ว ให้พวกเขารี บมาไว ๆ ”
“ขอรับ!” จินกวง หยินกวงเหาะขึ้นฟ้ าไปทันที
“น้องสะใภ้ เชิญข้างใน!” สงเวยยืน่ มือเชิญ
อวิน๋ จือชิวโบกมือ “มีญาติผหู ้ ญิงมาเป็ นกลุ่ม ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร หาที่พกั ก่อนเถอะค่ะ รอให้พี่รอง พี่
สาม พี่สี่มาถึงก่อน แล้วเราค่อย ๆ คุยกันก็ยงั ไม่สาย”
“ก็ดีเหมือนกัน!” สงเวยพยักหน้า แล้วหันกลับมาเรี ยก “เด็ก ๆ !”
เขารี บเรี ยกลูกน้องมา จัดเตรี ยมเรื อนพักที่ดีที่สุดให้แขกกลุ่มนี้
ในคืนนั้น ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และหงเทียนรี บร้อนมาที่นี่ พวกเขารอข่าวเรื่ องพิภพใหญ่มานานแล้ว เรี ยกได้วา่
พอได้ข่าวก็มาทันทีโดยไม่ชกั ช้า
เพื่อไม่ให้ตกเป็ นที่ตอ้ งสงสัย ในตอนดึกของคืนนั้น ผูห้ ญิงตัวคนเดียวอย่างอวิน๋ จือชิวไม่สะดวกจะอยู่
ห้องเดียวกับกลุ่มผูช้ าย จึงเลือกศาลาในลานบ้านของที่พกั จุดโคมไฟ วางนํ้าชา แล้วถ่ายทอดเสี ยงคุย
กัน
อวิน๋ จือชิวพูดเข้าประเด็นโดยตรง “หนิวเอ้อร์ปักหลักที่พิภพใหญ่ได้แล้ว เสี่ ยงชีวติ จนไต่เต้าขึ้น
ตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกของดาวเทียนหยวนที่พภิ พใหญ่”
ประมุขถิ่นสี่ ทิศได้ยนิ แล้วสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ทาํ สี หน้าตื่นเต้นดีใจ ในเมื่ออีกฝ่ ายสามารถพูดเรื่ อง
นี้ออกมาได้ นัน่ ก็แสดงว่าเรื่ องของพวกเขาเริ่ มมีความหวังแล้ว
“น้องสะใภ้ ไม่ทราบว่าเจ้าห้ามีเจตนาอะไร?” ฝูชิงถาม
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “เพื่อที่จะช่วงชิงตําแหน่งนี้ ก่อนหน้านี้หนิวเอ้อร์บาดเจ็บสาหัส เกือบเอาชีวติ ไม่
รอดแล้ว เขตเมืองตะวันออกกําลังเขตเมืองตะวันตกของตลาดสวรรค์ส่งนักพรตบงกชทองหกสิ บกว่า
คนไปปฏิบตั ิภารกิจ สุ ดท้ายตายหมด เหลือกลับมาสี่ คน หนิวเอ้อร์โชคดีที่รอดมาได้ เก็บชีวติ รอด
กลับมาจากเงื้อมมือของนักพรตบงกชทองขั้นหกได้ ถึงได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการของเขตเมืองตะวันออก
เรื่ องพวกนี้ ถ้าพี่ ๆ ได้ไปอยูท่ ี่นนั่ ก็จะได้ยนิ เรื่ องนี้เอง”
ประมุขถิ่นสี่ ทิศสูดหายใจอย่างตกตะลึง นักพรตบงกชทองหกสิ บกว่าคน แต่เหลือรอดกลับมาเพียงสี่
คน เจอกับนักพรตบงกชทองขั้นหก เรี ยกได้วา่ เก็บชีวติ กลับมาได้จริ ง ๆ
“เจ้าห้าลําบากแล้ว!” สงเวยถอนหายใจ
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “เพราะนักพรตบงกชทองของเขตเมืองตะวันออกตายหมดแล้ว เดิมทีตาํ หนักสวรรค์
ต้องการจัดกําลังพลมาเติม แต่หนิวเอ้อร์นึกถึงพวกพี่ ๆ จ่ายค่าตอบแทนไปมากมาย ถึงได้รับอนุญาต
จากเบื้องบนให้เลือกกําลังพลมาเติมด้วยตัวเอง ตอนนี้เขตเมืองตะวันออกขาดรองผูบ้ ญั ชาการสอง
ตําแหน่ง ผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการหกตําแหน่ง ผูบ้ งั คับการกองร้อยยีส่ ิ บสี่ ตาํ แหน่ง ตําแหน่งของนักพรต
บงกชทองสามสิ บสองคน หนิวเอ้อร์ฝืนแบกรับความกดดัน ไม่ยอมให้คนนอกมายึดตําแหน่งพวกนี้
เลยสักตําแหน่ง เขาเก็บตําแหน่งทั้งหมดไว้ให้พวกพี่ ๆ และก็ดว้ ยเหตุน้ ี เขาถึงมาที่นี่เองไม่ได้
ไม่อย่างนั้นถ้าเขาออกมา ไม่แน่วา่ เบื้องบนอาจจะยัดคนลงมาก็ได้ เขาก็เลยให้นอ้ งสาวมาด้วยตัวเอง
ถามความเห็นของพวกพี่ใหญ่ ว่าเต็มใจจะไปช่วยเหลือเขาอีกแรงหรื อไม่ หากยินดีจะไปก็เลือกคนมา
สามสิ บสองคน หากไม่เต็มใจไป ก็คิดเสี ยว่าข้าไม่เคยพูด”
“เจ้าห้าลําบากลําบนมากขนาดนี้ มีเจตนาดีให้พวกเรา พวกเราจะไม่รับนํ้าใจได้อย่างไร ย่อมเต็มใจไป
อยูแ่ ล้ว!” อิงอู๋ตี๋กล่าว
ฝูชิงกลับขมวดคิว้ “สามสิ บสองคน! อย่าบอกนะว่าพวกเราต้องทิ้งทะเลดาวนักษัตรไว้แล้วไม่สนใจ
คนอื่น?”
“เอ่อ อันนี้…” สงเวยและคนอื่น ๆ ไตร่ ตรองพักหนึ่ง รู ้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า ถ้าพวกเขาไปแล้ว ก็จะ
เฝ้ าคุมที่ทะเลดาวนักษัตรไม่ได้แล้วน่ะสิ ถ้าพาไปด้วยกันหมด ก็จะเป็ นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่เกินไป
แน่ ๆ แถมคนเยอะก็หลายปาก ยังไม่ตอ้ งพูดถึงว่าไปพิภพใหญ่แล้วจะมีคนปากมากหรื อเปล่า ก่อนอื่น
เลยก็คือความเคลื่อนไหวของที่นี่ปิดบังหกปราชญ์ไม่ได้แน่ ๆ
อวิน๋ จือชิววางถ้วยนํ้าชาลง กวาเสายตามองทุกคน แล้วบอกว่า “น้องสาวมีความคิดบางอย่าง ไม่รู้วา่
ควรจะพูดหรื อเปล่า!”
สงเวยพยักหน้า “ยินดีรับฟังความคิดเห็นอันสู งส่ งของน้องสะใภ้” อีกสามคนที่เหลือพยักหน้า
อวิน๋ จือชิวจึงบอกว่า “ทางพิภพเล็กพวกเราจะทิ้งไปไม่ได้ สถานการณ์ที่พิภพใหญ่ยากจะคาดเดา พวก
เราต้องเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้สองทาง หากพวกเราอยูท่ ี่พิภพใหญ่ต่อไปไม่ได้ จะได้กลับมาทางนี้ได้
สะดวก ดังนั้นพวกเราต้องกอดทะเลดาวนักษัตรเอาไว้ ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่คิดว่าสิ่ งที่นอ้ งสาวพูดมี
เหตุผลหรื อเปล่า?”
พวกเขาพยักหน้าช้า ๆ ฝูชิงบอกว่า “พูดไม่ผดิ หรอก เพราะเหตุผลนี้แหละ น้องสะใภ้พดู ต่อเถอะ”
“ดังนั้นในบรรดาพี่ใหญ่ท้ งั สี่ ตอ้ งเหลือคนไว้คุมทะเลดาวนักษัตรเพื่อตบตาคนอื่น ทางนั้นขาดรองผู ้
บัญชาการสองคน ในบรรดาพี่ใหญ่ท้ งั สี่ ไปแค่สองคนก็พอแล้ว ส่ วนผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการหกตําแหน่ง พี่
ใหญ่ท้ งั สี่ กเ็ ลือกมาหกคนจากทูตซ้ายและทูตขวาทั้งแปด ส่ วนผูบ้ งั คับการกองร้อยยีส่ ิ บสี่ คนที่เหลือ ก็
เลือกราชาปี ศาจอีกยีส่ ิ บสี่ คน แต่ตอ้ งระทัดระวังนะ ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ หากมีข่าวหลุดขึ้นมา แล้ว
ให้ตาํ หนักสวรรค์รู้วา่ มีพิภพเล็กอยู่ แบบนั้นพวกเราก็หมดทางหนีทีไล่แล้วจริ ง ๆ พาคนไปก่อนกลุ่ม
หนึ่ง รอให้บุกเบิกสถานการณ์ได้แล้ว ก็ยอ่ มมีตาํ แหน่งอื่นรออยู่ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อย ๆ ย้ายคนไป
ที่พิภพใหญ่กไ็ ด้” อวิน๋ จือชิวกล่าว
หลังจากได้ยนิ แบบนี้ พวกเขาก็ไตร่ ตรองเงียบ ๆ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ฝูชิงก็พยักหน้าบอกว่า “ข้า
ว่าแบบนี้กไ็ ด้นะ”
พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว ก็ตกลงกันตามนี้ เมื่อเจรจากันไป
ได้สกั พัก สงเวยก็บอกว่า “ในเมื่อต้องเหลือคนไว้เฝ้ าที่นี่ พี่ใหญ่อย่างข้าไปก็ไม่เหมาะสม จะทําให้คน
สงสัยได้ง่าย เจ้ารอง เจ้าสาม พวกเจ้าสองคนสมองไว พวกเจ้าสองคนไปแล้วกัน ข้ากับเจ้าสี่ ตะอยูท่ ี่นี่”
ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ปฏิเสธ แต่สุดท้ายสงเวยก็ตดั สิ นใจแบบนี้แล้ว ส่ วนผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการที่เหลืออีกหก
ตําแหน่ง หลังจากสี่ พี่นอ้ งปรึ กษาหารื อกัน ก็ตดั สิ นใจว่าจะให้คนที่ไม่ได้ไปส่ งคนไปเยอะ ๆ หน่อย
ทูตซ้ายทูตขวาของสงเวยกับหงเทียนไปด้วย ส่ วนฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ หากไปแล้วไม่เหลือลูกน้องไว้เฝ้ าก็จะ
ไม่เหมาะสม จึงต่างคนต่างเหลือทูตซ้ายและทูตขวาไว้คนหนึ่ง ตัวเลือกสําหรับตําแหน่งผูช้ ่วยผู ้
บัญชาการทั้งหกก็ตกตลงกันตามนี้ ส่ วนผูบ้ งั คับการกองร้อยที่เหลืออีกยีส่ ิ บสี่ ตาํ แหน่ง ก็จะเลือกราชา
ปี ศาจไปฝั่งละหกคน แต่เรื่ องนี้ตดั สิ นใจยาก ประมุขถิ่นสี่ ทิศขอเวลาพิจารณาหนึ่งคืน เพราะต้องเลือก
คนมีความสามารถที่ไว้ใจได้จริ ง ๆ ก้าวแรกที่เข้าไปพิภพใหญ่เกี่ยวข้องกับกาบุกเบิกช่องทาง จะเกิด
ความผิดพลาดไม่ได้
ตอนที่ 991

น้ องสาวไม่ รู้ ความ

อวิน๋ จือชิวไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่ องเลือกคน นางไม่ได้รู้จกั ลูกน้องของประมุขถิ่นสี่ ทิศดีดว้ ย ต่อให้


อยากจะก้าวก่ายก็กา้ วก่ายไม่ได้ อย่างไรเสี ยถ้าเข้าไปแทรกแซงทุกเรื่ องก็ไม่ดีเหมือนกัน ถ้าแทรกแซง
เยอะ ตอนหลังก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรแล้ว
เรื่ องราวก็ตกลงกันตามนี้แล้ว แต่ก่อนจะแยกย้ายกัน อวิน๋ จือชิวก็โยนประเด็นหนึ่งออกมาอีก “พี่ใหญ่
ทั้งสี่ มีอยูเ่ รื่ องหนึ่งที่นอ้ งสาวยากจะเอ่ยปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าควระพูดหรื อเปล่า น้องสาวเป็ นคนปาก
ตรงกับใจ ถ้าไม่พดู ก็เก็บกดแย่ แต่ถา้ พูดออกมา ก็กลัวว่าจะทําให้พี่ใหญ่ท้ งั สี่ ไม่พอใจ”
ประมุขถิ่นสี่ ทิศเพิ่งจะยืนขึ้น พอได้ยนิ แล้วก็มองอวิน๋ จือชิวที่ยงั นัง่ อย่างมัน่ คง พวกเขาสบตากับแวบ
หนึ่ง แล้วก็นงั่ ลงช้า ๆ อีกรอบ สงเวยบอกว่า “เป็ นคนกันเองทั้งนั้น มีอะไรที่พดู ไม่ได้ล่ะ? น้องสะใภ้
พูดมาได้เลย”
“พี่ใหญ่สงพูดถูก เป็ นคนกันเองทั้งนั้น ก็เพราะเป็ นคนกันเองนี่แหละ ข้าถึงไม่สะดวกที่จะพูดคําบาง
คําออกมา ถ้าไม่ใช่คนกันเอง ข้าก็คงไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้น ข้าเป็ นคนปากไม่มีหูรูด แล้วก็ไม่
ชอบอ้อมค้อมด้วย เกรงว่าจะต้องพูดออกมาตรง ๆ ตั้งแต่แรก” อวิน๋ จือชิวยืน่ มือไปรอบวง “พี่ชายทั้งสี่
ควรจะรู ้ เรื่ องที่พิภพใหญ่ นอกจากหนิวเอ้อร์จะเคยพาข้าไปแล้ว เขาก็เคยพาพี่ใหญ่ท้ งั สี่ ไปด้วย คนอื่น
ๆ ต่อให้เป็ นลูกน้องคนสนิทหรื ออนุภรรยา แต่กไ็ ม่เคยเปิ ดเผยให้รู้เลย ขอบังอาจถามพี่ใหญ่ท้ งั สี่ ว่าห
นิวเอ้อร์มองพวกท่านเป็ นคนนอกหรื อเปล่า?”
ทั้งสี่ ไม่รู้วา่ ทําไมนางถึงพูดแบบนี้ คําพูดพวกนี้หมายความว่าอะไร สงเวยจึงถามว่า “น้องสะใภ้กลัวว่า
พวกเราไปแล้วจะไม่ต้ งั ใจช่วยเหลือเจ้าห้าเต็มที่เหรอ? ถ้าเป็ นเรื่ องนี้ น้องสะใภ้ไม่ตอ้ งคิดมากเลย พี่
น้องของตัวเอง ย่อมช่วยโดยไม่พดู พรํ่าทําเพลงอยูแ่ ล้ว”
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้า “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น…ข้าจะพูดให้ชดั เจนแล้วกัน ที่ช่วยพวกพี่ ๆ ช่วงชิง
ที่ยนื ในพิภพใหญ่ครั้งนี้ เพราะตอนนั้นคนที่เป็ นพวกเดียวกันฉวยโอกาสใช้ทวนแทงข้างหลังตอนห
นิวเอ้อร์ไม่ทนั ระวังตัว ถ้าไม่ใช่เพราะหนิวเอ้อร์ไหวตัวได้เร็ ว เกรงว่าคงเอาชีวติ ไปทิ้งแล้ว ผูห้ ญิง
อย่างข้าไม่มีความคาดหวังอย่างอื่นหรอก หวังเพียงให้ผชู ้ ายของตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น
ถึงแม้หนิวเอ้อร์จะทําเหมือนไม่เป็ นอะไร แต่ขา้ กลับใจห่อเหี่ ยว หลังจากข้าได้ฟังเขาเล่า ข้าก็ตกใจจน
แข้งขาอ่อน พวกพี่ ๆ ลองพูดมาหน่อย ว่าถ้าหนิวเอ้อร์ตายแล้ว ข้าจะทําอย่างไร?”
ทั้งสี่ มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ไม่รู้วา่ นางคิดอยากจะพูดอะไรกันแน่ ฝูชิงจึงบอกว่า “น้องสะใภ้
พูดมาตรง ๆ ได้เลย ข้าจะล้างหูรอฟัง”
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “ไม่ซบั ซ้อนเลย เรื่ องที่หนิวเอ้อร์มองว่าไม่สาํ คัญ แต่ฮูหยินอย่างข้ากลับมองว่าไม่
สําคัญไม่ได้ เขาไม่สนใจใยดีจนชินแล้ว พวกท่านก็รู้วา่ เขานิสยั เป็ นอย่างไร เรื่ องเสี่ ยงอันตรายอะไรก็
ทํามาหมดแล้ว ยังไม่ตอ้ งพูดถึงอย่างอื่น แค่แย่งตัวข้ามาจากทะเลทรายม่านเมฆา นัน่ ก็แปลไม่รักชีวติ
แล้ว! เขาไม่รักชีวติ แต่ขา้ กลับไม่สามารถเห็นเขาไม่รักชีวติ ได้ หวังว่าพี่ใหญ่ทุกท่านจะเข้าใจ
ความรู ้สึกที่ขา้ อยากให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย ครั้งนี้ถา้ เปลี่ยนเป็ นหนิวเอ้อร์มา เขาก็จะต้องทํา
เหมือนครั้งก่อนแน่นอน พาพี่ใหญ่ทุกท่านเหาะข้ามท้องฟ้ าไปโดยตรง ระหว่างพวกท่านห้าพี่นอ้ ง
อาจจะรู ้สึกว่าไม่เป็ นอะไร ถึงแม้หนิวเอ้อร์จะไม่วา่ อะไร แต่จากที่ขา้ ดูแล้ว ทําแบบนั้นไม่เหมาะสม
เลยจริ ง ๆ ครั้งนี้ในเมื่อข้ามาจัดการเรื่ องนี้ ข้าก็ขอพูดสิ่ งที่ไม่น่าฟังเอาไว้เสี ยก่อน ข้าไม่อยากทําให้
เรื่ องวุน่ วายจนทุกคนรู ้เส้นทางไปกลับพิภพใหญ่กนั หมด เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับทางหนีทีไล่สุดท้ายของห
นิวเอ้อร์ ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือเกี่ยวข้องกับชีวติ ของเขา ข้าไม่อาจนิ่งดูดายไม่สนใจ ถ้าพี่ ๆ อยากจะพา
คนไปกับข้าด้วย ข้าก็รู้สึกว่าพี่ ๆ อยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์จะเหมาะสมกว่า แบบนั้นข้าจะสงบใจหน่อย”
“…” ทั้งสี่ คนสบตากันอย่างพูดไม่ออก ที่ยนิ ดีเหลือคนไว้ส่วนหนึ่งแล้วพาคนไปส่ วนหนึ่ง ก็เพราะ
อยากจะรู ้เส้นทางให้ชดั เจนก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่าง การนํากําลังพลที่ส่วนที่เข้มแข็งที่สุดของ
ทะเลดาวนักษัตรใส่ เข้าไปในกระเป๋ าสัตว์ของเจ้า หากเจ้าคิดไม่ซื่อฟันกระเป๋ าสัตว์ขาดขึ้นมา คนใน
กระเป๋ าสัตว์กไ็ ม่มีความสามารถที่จะป้ องกันได้ แบบนั้นจะไม่จบเห่กนั หมดเหรอ?
“น้องสะใภ้ เจ้าคิดมากไปหรื อเปล่า? นี่คือความประสงค์ของเจ้าห้าเหรอ?” หงเทียนขมวดคิ้ว
อวิน๋ จือชิวบอกว่า “ถ้าเป็ นความประสงค์ของเจ้าห้า ข้าก็คงไม่ตอ้ งมารับหน้าที่เป็ นคนร้าย ๆ แบบนี้
หรอก แล้วไม่ตอ้ งมาใส่ ใจเรื่ องนี้ดว้ ย ใช่วา่ พวกท่านจะไม่รู้จกั เจ้าห้าของพวกท่าน ถึงแม้จะไม่นบั ว่า
เป็ นคนดี พวกเราพูดไม่ได้วา่ เขาเป็ นสุ ภาพบุรุษ แต่กลับเป็ นคนที่มีคุณธรรมนํ้ามิตร เขาเป็ นคนที่
สามารถยอมทําทุกวิถีทางเพือ่ พี่นอ้ ง ในปี นั้นตอนที่เขายังเป็ นคนตําแหน่งเล็ก ๆ ตอนยังเป็ นมือใหม่ไร้
ประสบการณ์ เขาก็สูต้ ายเพื่อสหายที่ถ้ าํ ล่องนิภา สูต้ ายไม่ยอมแพ้ ตอนเข้าร่ วมการปราบจลาจลที่ทะเล
ดาวนักษัตร เพื่อที่จะให้สหายได้หนีไปไกล ๆ เขาเสี่ ยงชีวติ ล่อศัตรู บุกเข้าไปที่เขาเพลิงนภาของเลี่ย
หวนเพียงลําพัง ตัดขาตัวเองข้างหนึ่งแล้วกระโดดลงตําหนักบรมอัคคี ของที่ได้จากการปราบจลาจลก็
แบ่งกับสหายอย่างยุติธรรม แล้วก็เพราะการตายของผูห้ ญิงคนหนึ่ง หลังจากกลับมาเขาก็เต็มใจสละ
อาณาเขตที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ดันทุรังไปอยูท่ ี่ปราสาทดําเนินธารา ต่อให้โดนลงโทษจนอนาคต
ตัวเองพัง แต่กต็ อ้ งล้างแค้นเพื่อผูห้ ญิงคนนั้นให้ได้ ตอนหลังก็ทาํ เพื่อเพื่อน สามารปลีกตัวไปได้แต่ก็
ไม่ปลีกตัวไป ดันทุรังเข้าร่ วมสงครามใหญ่ของสามปราสาท เกือบจะเอาชีวติ ไม่รอดอยูแ่ ล้ว แล้วก็ยงั มี
เยียนเป่ ยหงนัน่ อีก พวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้ เขาถ่อไปก่อเรื่ องใหญ่โตที่นภาจอมมารเพือ่ เยียนเป่ ยหง ทั้ง
ยังโดนทําร้ายจนสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะข้าไปขอร้องให้ เขาคงจบชีวติ ไปแล้ว เรื่ องแบบนี้ยงั มีอีกนับไม่
ถ้วน เขามักจะเอาชีวติ ไปล้อเล่นเพื่อเพื่อนแบบนี้เสมอ เขาไม่มองว่าเป็ นเรื่ องสําคัญ แต่ขา้ กลัว! ถ้าเจ้า
ห้าของพวกท่านอยูท่ ี่นี่ ก็ไม่ตอ้ งพูดถึงเลย ในเมื่อเขาสามารถใจกว้างพาพวกท่านไปไปได้ครั้งหนึ่ง
แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ครั้งที่สองจะพาไปแบบปิ ดบัง เขาเป็ นผูช้ ายใจใหญ่ แต่ขา้ เป็ นแค่ผหู ้ ญิงตัวเล็ก ๆ
ความรู ้สึกของข้าใครจะเข้าใจได้ล่ะ? พี่ชายทั้งสี่ ท่านคะ ข้าไม่อยากเป็ นหม้ายหรอกนะ! เมื่ออยูต่ ่อหน้า
พี่ใหญ่ท้ งั สี่ ขา้ ก็จะไม่พดู โกหก หากยินดีจะตอบรับเงื่อนไขของน้องสาว พวกเราก็ไปด้วยกัน หากพวก
ท่านไม่ยนิ ดีตอบรับ ต่อให้ขา้ ต้องแปรพักตร์กบั เจ้าห้าข้าก็ไม่ยอมตอบตกลงเด็ดขาด!”!”
คําพูดนี้ทาํ ให้ท้ งั สี่ เงียบกริ บเถียงอะไรไม่ออก ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ พอได้ยนิ แบบนี้ท้ งั สี่ กค็ ่อนข้างทอด
ถอนใจ เมื่อฟัง ๆ ดูแล้ว ก็พบว่าเจ้าห้าเป็ นคนที่มีคุณธรรมนํ้ามิตรจริ ง ๆ เรื่ องบางเรื่ องพวกเขาก็เคยได้
ยินมาเหมือนกัน และแน่นอนว่ามีบางเรื่ องที่ไม่เคยได้ยนิ อย่างเช่นโดนซ้อมปางตายที่นภาจอมมาร
ทว่าในใจของทั้งสี่ กย็ งั มีสิ่งที่คา้ งคาอยูบ่ า้ ง เหมียวอี้เคยพาพวกเขาไปพิภพใหญ่ครั้งหนึ่งคือเรื่ องจริ ง
แต่ภายใต้การตบตาของเหมียวอี้ ทําให้พวกเขาไม่รู้เส้นทางชัดเจนเลย เจ้าห้ามันเจ้าเล่ห์มาก
แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นก็ชดั เจนมากว่าทุกคนใช้ประโยชน์ซ่ ึ งกันและกัน ไม่นบั เป็ นสหายด้วยซํ้า
ตอนนั้นยังไม่ได้สาบานเป็ นพี่นอ้ งกันด้วย เจ้าเองก็จะขอให้เจ้าห้าไม่เห็นแก่ตวั ไม่ได้
ตอนนี้โดนอวิน๋ จือชิวใช้ท้ งั ไม้อ่อนไม้แข็ง ใช้ฐานะของน้องสะใภ้มารํ่าร้องว่าไม่อยากเป็ นแม่หม้าย
แม้แต่คาํ พูดโต้ตอบพวกเขาก็พดู ไม่ออก ไม่อย่างนั้นจะตกเป็ นที่ตอ้ งสงสัยว่ารังแกเมียของพี่นอ้ งร่ วม
สาบาน
ทั้งสี่ มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา อวิน๋ จือชิวอธิบายเหตุผลที่เชื่อถือได้ แล้วก็เสนอเงื่อนไขที่โหดหิน
ถ้าไม่ตอบรับก็จะไม่พาพวกเขาไปด้วย อาศัยที่นางมาโวยวายขอร้องอยูท่ ี่นี่ สรุ ปก็คือนางพูดจามี
เหตุผล หรื อจะให้ท้ งั สี่ จบั เมียของพี่นอ้ งร่ วมสาบานมาซ้อมยกหนึ่ง แล้วบีบบังคับให้นางนําทางไป
เหรอ?
หลังจากแอบปรึ กษากันเงียบ ๆ พักหนึ่ง คาดว่าอวิน๋ จือชิวก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทําร้ายพวกเขา
เหมือนกัน สงเวยกล่าวอย่างหัวเราะมได้ร้องให้ไม่ออก “ก็ได้! จัดการตามความประสงค์ของ
น้องสะใภ้กแ็ ล้วกัน”
อวิน๋ จือชิวยืนขึ้นทันที หลังจากถอยหลังช้า ๆ ก็คาํ นับประมุขถิ่นทั้งสี่ ดว้ ยท่าทางจริ งจัง “น้องสาวของ
ขอบคุณที่พี่ใหญ่ท้ งั สี่ เห็นอกเห็นใจ เพียงแต่นอ้ งสาวยังมีคาํ ขอที่ไร้สาระอีกเรื่ องหนึ่ง เรื่ องที่เกิดขึ้น
วันนี้ พี่ ๆ ทั้งสี่ อย่าบอกหนิวเอ้อร์นะ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสยั อย่างหนิวเอ้อร์ เขาจะต้องเห็นข้าเป็ นศัตรู
แน่ ๆ เขาอาจจะทิ้งข้าด้วยซํ้า น้องสาวไม่อยากเป็ นแม่หม้ายสามีตาย แล้วก็ไม่อยากเป็ นแม่หม้ายสามี
ทิ้งด้วย”
คําพูดนี้…ถ้าให้เหมียวอี้ได้ยนิ เข้า คงจะต้องอยากเอาหัวโขกกําแพงตายแน่ มีความเป็ นไปได้ต่าํ มากที่
ท่านขุนนางเหมียวจะทิ้งนาง
ทั้งสี่ ยงั จะพูดอะไรได้อีก สงเวยถอนหายใจแล้วบอกว่า “น้องสะใภ้กล่าวเกินไปแล้ว พวกเราไม่ใช่คน
ปากมากพูดซี้ซ้ วั ย่อมหวังให้เจ้ากับเจ้าห้ารักใคร่ ปรองดองกันอยูแ่ ล้ว”
“น้องสาวไม่รู้ความ ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร ถ้ามีตรงไหนที่ล่วงเกินทําให้ไม่พอใจ ก็หวังว่าพี่ชายทั้งสี่
จะไม่เก็บมาใส่ ใจ น้องสาวจะเอาศีรษะโขกพื้นเพื่อขอโทษต่อพี่ชายทั้งสี่ ก่อน!” อวิน๋ จือชิวยกกระ
โปรง ทําท่าจะคุกเข่าลงตรงนั้น
ปาดเหงื่อ! คําขอโทษนี้แสดงออกใหญ่โตเกินไปหน่อยหรื อเปล่า ทั้งสี่ ไม่สะดวกจะเข้าไปแตะต้องนาง
ด้วย ถึงอย่างไรหญิงชายก็มีความแตกต่างกัน ทั้งยังเป็ นผูห้ ญิงของน้องชายร่ วมสาบานด้วย ทําเอาทั้งสี่
ทําอะไรไม่ถูก รี บร่ ายอิทธิฤทธิ์ขดั ขวางนางเอาไว้ จะยอมให้นางคุกเข่าเอาศีรษะโบกพื้นได้อย่างไร
ในเมื่อคุกเข่าไม่ได้แล้วจริ ง ๆ อวิน๋ จือชิวก็ไม่คุกเข่าแล้ว อย่างไรเสี ย ไม่วา่ จะเป็ นด้านเหตุผลหรื อ
ความรู ้สึกนางก็ทาํ เต็มที่แล้ว
เรื่ องราวกําหนดไว้ตามนี้ หลังจากทั้งสองฝ่ ายแยกย้ายกันแล้ว ประมุขถิ่นสี่ ทิศก็เดินไปบนลานกว้าง
ของตําหนักดาวบูรพา แต่ละคนเงียบงันพูดไม่ออก
จู่ ๆ อิงอู๋ตี๋กบ็ อกว่า “พวกเจ้าคิดว่า นี่เป็ นความประสงค์ของเจ้าห้าหรื อเปล่า?”
“ไหน ๆ ก็ตอบตกลงไปแล้ว มาพูดตอนนี้มีความหมายเหรอ?” สงเวยตอบ
ฝูชิงถอนหายใจ “มิน่าล่ะผูห้ ญิงคนนี้ถึงประคับประคองโรงเตี๊ยมเมฆาวายุที่ทะเลทรายม่านเมฆได้ดว้ ย
ตัวคนเดียว เจ้าห้าได้เมียดีจริ ง ๆ !”
หลังจากทั้งสี่ ปรึ กษากันที่ตาํ หนักดาวบูรพาเป้ นเวลาหนึ่งคืน รายชื่อของคนที่จะไปพิภพใหญ่กถ็ ู
กําหนดออกมาแล้ว
ในบรรดาประมุขถิ่นทั้งสี่ ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ถูกเลือกให้ไป ในบรรดาทูตซ้ายทูตขวาทั้งแปด จินกวงกับห
ยินกวงลูกน้องของสงเวย เปิ นเหลยกับฮัน่ เทียนลูกน้องของหงเทียน ชิงเฟิ งลูกน้องของฝูชิง โพ่คง
ลูกน้องของอิงอู๋ตี๋ สรุ ปว่าทั้งสี่ ตาํ หนักล้วนเหลือคนไว้เฝ้ าคุม้ ส่ วนอีกยีส่ ิ บสี่ คนก็เลือกราชาปี ศาจมาฝั่ง
ละหกคน
เมื่อรายชื่อทั้งสามสิ บสองรายชื่อถูกกําหนดแล้ว ก็ส่งคนไปเรี ยกตัวมาทันที
ตอนพลบคํ่าของวันถัดมา สมาชิกก็มากันครบแล้ว มารวมกันในตําหนักดาวบูรพา อวิน๋ จือชิวก็ถูกเชิญ
มาเช่นกัน ตอนนี้ยนื อยูข่ า้ งกายประมุขถิ่นทั้งสี่ แล้ว
กลุ่มปี ศาจไม่รู้วา่ มารวมตัวกันที่นี่ทาํ ไม สงเวยเผชิญหน้ากับทุกคนแล้วถามว่า “ให้พวกเจ้าตัดขาดงาน
ที่อยูใ่ นมือแล้ว จัดการเรี ยบร้อยหรื อยัง? ไม่ได้มีข่าวเล็ดลอดออกไปใช่ม้ ยั ?”
“ตัดขาดเรี ยบร้อยแล้วค่ะ! กําลังรักษาความลับ!” หูเฟย ฮูหยินของเลี่ยหวน และเป็ นราชินีจิ้งจอกหนึ่ง
ในเก้าราชาปี ศาจใต้บงั คับบัญชาของฝูชิงเช่นกัน นางถามว่า “นายท่าน เรี ยกพวกเรามาด้วยธุระอะไร
หรื อคะ!”
“ไปถึงที่แล้วเดี๋ยวก็รู้เอง รับรองว่าพวกเจ้าต้องดีใจมากแน่” สงเวยตอบ แล้วหันมาพยักหน้าให้อวิน๋ จือ
ชิว “น้องสะใภ้ งั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ!”
อวิน๋ จือชิวพยักหน้า แล้วนํากระเป๋ าสัตว์ออกมาสองใบ ชูข้ ึนพร้อมบอกว่า “ผูช้ ายเข้ามาทางซ้าย ผูห้ ญิง
เข้ามาทางขวา”
“ทําอะไรน่ะ?” กลุ่มราชาปี ศาจตกใจ แบบนี้ไม่ใช่การเอาชีวติ ไปไว้ในมือคนอื่นหรอกเหรอ แค่เอา
ดาบฟันทีเดียวก็หาที่หลบไม่ได้แล้ว
“จะเปลืองคําพูดมากมายขนาดนั้นทําไม?” อิงอู๋ตี๋หวั เราะเยาะด้วยสี หน้าเจ้าเล่ห์ ทําให้เสี ยงของลูกน้อง
เงียบลงทันที
ส่ วนเขาก็หนั ตัวมา ถลันตัวเข้าไปในปากกระเป๋ าทางซ้ายเป็ นคนแรก แล้วฝูชิงก็ตามเข้าไปเป็ นคนที่
สอง
ประมุขถิ่นทั้งสองกับทูตซ้ายและทูตขวาหกคนเข้าไปหมดแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว
เหมือนกัน ทําได้เพียงทยอยกันตามเข้าไป
“ท่านสามี! ข้าไปกับท่านดีกว่า” หูเฟยเป็ นฝ่ ายเข้ามาอยูข่ า้ งกายราชาปี ศาจเลี่ยหวน เลี่ยหวนพยักหน้า
ตอบรับ ภายใต้สถานการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ อยูก่ นั สองสามีภรรยาจะเหมาะสมกว่า อย่างน้อย
ก็มีคนดูแลกัน
ทว่าเมื่อทั้งสองเข้าไปได้ครู่ เดียว หูเฟยก็ร้องโวยวายอยูใ่ นกระเป๋ าสัตว์ “ใครลูบไล้ขา้ …ใครลูบข้า…”
นางอายที่จะบอกว่ามีคนลูบไล้กน้ นาง
“ไอ้เวรตัวไหนมันทํา?” เลี่ยหวนตะโกนถามอย่างโมโห
ข้างในมีเสี ยงหัวเราะทันที แต่กลับไม่มีใครยอมรับ
ผ่านไปไม่นาน หูเฟยก็โผล่ออกจากกระเป๋ าสัตว์ดา้ นซ้าย ออกไปอยูท่ ี่กระเป๋ าสัตว์อีกใบอย่าง
สะบักสะบอม
ตอนที่ 992

กลุ่มปี ศาจรายงานตัว

สายตาอวิน๋ จือชิวฉายแววระแวดระวัง ถึข้นั ทําท่ารังเกียจนิดหน่อยด้วย


สงเวยไอแห้ง ๆ แล้วบอกว่า “น้องสะใภ้อย่าถือสา เจ้าพวกนี้มุดหัวอยูท่ ี่ทะเลดาวนักษัตรนานเลยขาด
ความบันเทิง แกล้งแหย่กนั เล่นจนชินแล้ว”
ภายนอกอวิน๋ จือชิวเพียงยิม้ บาง ๆ แต่ในใจกลับแอบระแวดระวัง ปี ศาจพวกนี้สามารถล้อเล่นกันแบบ
นี้ได้ ลูบไล้เมียคนอื่นซี้ ซ้ วั ได้ แต่นางกลับล้อเล่นแบบนี้ไม่ไหว และเป็ นไปไม่ได้ที่จะให้ผชู ้ ายคนอื่น
มาลูบไล้ซ้ ีซ้ วั นางแต่งงานแล้ว เดิมทีกม็ ีชื่อเสี ยงว่าเป็ นผูห้ ญิงมือสองอยูแ่ ล้ว ถ้าให้เหมียวอี้เข้าใจผิด
อีก นางก็ไม่รู้จะใช้ชีวติ ต่อไปอย่างไรแล้ว
โลกเราก็เป็ นแบบนี้ ผูช้ ายมีภรรยาหลายคนเป็ นเรื่ องปกติมาก แต่ความบริ สุทธิ์ของผูห้ ญิงกลับเป็ น
เรื่ องราวใหญ่โตเท่าฟ้ า
ถึงแม้ในปี นั้นนางจะแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ แต่ลึก ๆ กลับเป็ นคนหัวโบราณ ไม่อย่างนั้นเรื่ องเสี ยตัวคง
ไม่ตกมาถึงมือเหมียวอี้หรอก คงจะเสร็ จเฟิ งเสวียนไปนานแล้ว ถึงแม้นางจะพูดต่อหน้าเหมียวอี้บ่อย ๆ
ว่าตัวเองเป็ นผูห้ ญิงมือสองเหมือนรองเท้าขาด แต่กแ็ ค่พดู ไปอย่างนั้นเอง ที่จริ งนางสนใจปฏิกิริยาของ
เหมียวอี้อยูเ่ สมอ ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือ นางกําลังทดสอบปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ที่จริ งแล้วสภาพจิตใจ
ของนางค่อนข้างอ่อนแอ
เรื่ องระหว่างนางกับเฟิ งเสวียน ภายนอกนางดูไม่คิดเล็กคิดน้อย ภายนอกดูเหมือนไม่เป็ นอะไร แต่ที่
จริ งแล้วในใจกําลังรู ้สึกต้อยตํ่า ถึงอย่างไรก็ไม่ได้แต่งงานกับเหมียวอี้อย่างสะอาดบริ สุทธิ์ขนาดนั้น ถ้า
ไม่ใช่เพราะแบบนี้ คนนิสยั แข็งกร้าวอย่างอย่างนางอาจจะไม่ยอมให้เหมียวอี้มีอนุภรรยาก็ได้ จิตใต้
สํานึกของนางคิดว่านี่คือการชดเชยให้เขาอย่างหนึ่ง เพียงแต่นางไม่รู้ตวั ก็เท่านั้นเอง
“ระหว่างทางยังต้องใช้เวลาอีก สามสิ บสองตําแหน่งใต้บงั คับบัญชาของหนิวเอ้อร์ที่ยงั ว่างอยู่ เกรงว่า
ถ้าถ่วงเวลาไว้นานแล้วจะอธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ น้องสาวต้องนําไปก่อนแล้ว!” อวิน๋ จือชิวกล่าว
พลางโค้งกาย
“เชิญ!” สงเวยกับหงเทียนยืน่ มือเชิญพร้อมกัน
อวิน๋ จือชิวหันตัวเดินออกไป แต่พอเดินมาถึงประตูนางก็หยุด แล้วก็เรี ยกฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ออกมาอีก
ประมุขถิ่นทั้งสี่ ไม่รู้วา่ นางหมายความว่าอย่างไร อวิน๋ จือชิวกลับนําระฆังดาราออกมาสี่ อนั แล้วแบ่งส่ ง
ให้ท้ งั สี่ สอนให้พวกเขาลงตราอิทธิฤทธิ์ของกันและกันเอาไว้ ส่ วนจะใช้จงั หวะเสี ยงของระฆังแบบ
ไหนติดต่อกัน นัน่ ก็เป็ นเรื่ องของพวกเขาเองแล้ว
ทั้งสี่ ดีใจมาก อวิน๋ จือชิวกุมช่องทางไปกลับระหว่างพิภพเล็กกับพิภพใหญ่เอาไว้แน่น ทั้งสี่ กาํ ลังกังวล
ว่าถ้าเกิดเรื่ องอะไรขึ้นพวกเขาคงไม่รู้แม้แต่สถานการณ์ เมื่อมีระฆังดารานี้กจ็ ดั การง่ายแล้ว อย่างน้อย
ถ้าเกิดเรื่ องขึ้นก็ยงั แจ้งข่าวได้บา้ ง
เพื่อที่จะสร้างวิธีการติดต่อสื่ อสารระหว่างกัน ทั้งสี่ ทาํ ให้อวิน๋ จือชิวเสี ยเวลาเดินทางไปแล้วเกือบหนึ่ง
ชัว่ ยาม
หลังจากจัดการเรี ยบร้อย ทั้งสี่ กก็ ล่าวขออภัยอวิน๋ จือชิว ส่ วนอวิน๋ จือชิวก็ถือโอกาสขอร้องพวกเขาว่า
“พี่ใหญ่ พี่สี่ หากเกิดปัญหาอะไรที่แดนเซี ยนสายมะโรง รบกวนช่วยรับมือให้หน่อยนะคะ นัน่ คือทาง
หนีทีไล่ของหนิวเอ้อร์ที่แดนเซียน”
“ได้อยูแ่ ล้ว มีเรื่ องอะไรแค่เรี ยกพวกเราก็พอก็พอ” สงเวยตอบรับ
อวิน๋ จือชิวกล่าวขอบคุณ แล้วฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋กเ็ ข้าไปในกระเป๋ าสัตว์อีก
“พี่ใหญ่ พี่สี่ไม่ตอ้ งไปส่ งหรอกค่ะ จะได้ไม่โดดเด่นในสายตาคนอื่น” อวิน๋ จือชิวขอให้ท้ งั สองไม่ตอ้ ง
ไปส่ ง จากนั้นก็กลับไปยังที่พกั คนเดียว เมื่อสัง่ ให้ช่างไม้กบั ช่างหิ นกลับยอดเขาหยกนครหลวงแล้ว
นางก็เก็บสองพี่นอ้ งโอวหยางกับหญิงรับใช้ของพวกนางใส่ ในกระเป๋ าสัตว์ใบหนึ่ง ตอนนี้ถึงได้เหาะ
ขึ้นฟ้ าไป หายไปในท้องฟ้ าอันกว้างใหญ่
สงเวยกับหงเทียนที่ยนื หน้าประตูตาํ หนักเงยหน้ามองตาม…
อวิน๋ จือชิวที่เหาะเพียงลําพังมุ่งตรงเข้ามาในเขตท้องฟ้ าของพิภพใหญ่ ถึงเหยียบลงบนดาวเคราะห์ที่
เปล่าเปลี่ยวดวงหนึ่ง แล้วปล่อยกลุ่มปี ศาจออกมา แต่ไม่ได้เปิ ดเผยตัวสองพี่นอ้ งโอวหยางและหญิงรับ
ใช้ของพวกนาง
เมื่อมาถึงที่นี่ ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ถึงได้บอกทุกคนถึงจุดประสงค์ที่มา
“พิภพใหญ่!” ฝูงปี ศาจร้องอุทานตกใจ เรี ยกได้วา่ ตกตะลึงมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงพิภพใหญ่ใน
ตํานานแล้ว!
แต่ละคนมองไปรอบ ๆ อยากจะเห็นว่าพิภพใหญ่กบั พิภพเล็กมีอะไรต่างกัน แต่เหมือนจะเป็ นดาว
เคราะห์แบบเดียวกัน มองไม่ออกว่าต่างกันตรงไหน
“ทุกคนกรุ ณาฟังข้า พิภพใหญ่อนั ตรายกว่าพิภพเล็ก…” อวิน๋ จือชิวเริ่ มอธิบายเรื่ องที่ตอ้ งระวังเมื่อมา
พิภพใหญ่ ส่ วนฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋กค็ อยพูดสนับสนุนอยูข่ า้ ง ๆ เป็ นระยะ เตือนพวกปี ศาจว่าอย่าทําเสี ยเรื่ อง
เมื่อรู ้วา่ คุณชายห้าเหมียวอี้บุกเบิกสถานการณ์ที่พิภพใหญ่ ได้เป็ นผูบ้ ญั ชาการของตําหนักสวรรค์แล้ว
เลี่ยหวนก็ถามเสี ยงดังว่า “ฮูหยินคุณชายห้า ผูบ้ ญั ชาการคือคําแหน่งขุนนางแบบไหนเหรอ?”
อวิน๋ จือชิวตอบพร้อมรอยยิม้ “เรื่ องนี้อธิบายยาก ขึ้นอยูก่ บั สถานการณ์ เดี๋ยวพวกเจ้าไปถึงก็จะรู ้เอง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ จะสามารถคุมดาวเคราะห์ได้หนึ่งดวงเหมือนพิภพเล็ก”
“ทุกคนจําไว้นะ เมื่ออยูใ่ นที่สาธารณะห้ามเรี ยกว่าคุณชายห้า ต้องเรี ยกว่าผูบ้ ญั ชาการ หนิวโหย่วเต๋ อ ผู ้
บัญชาการหนิว” ฝูชิงกล่าว
“หนิวโหย่วเต๋ อ?” หูเฟยพึมพําอย่างปละหลาดใจ “ทําไมชื่อนี้ฟังดูคุน้ ๆ ล่ะ? ประมุขถิ่น คดีนองเลือด
ค่ายฆ้องเหล็กในปี นั้น เหมือนจะเป็ นฝี มือคนที่ชื่อหนิวโหย่วเต๋ อนะ?”
“ต้องให้เจ้าเตือนด้วยเหรอ?” ฝูชิงหลอกตามองบน
“อย่าบอกนะว่าฝี มือคุณชายห้า?” หูเฟยแอบหัวเราะ
เรื่ องเกิดมาจนป่ านนี้แล้ว สื บสาวต่อไปก็ไม่มีความหมายแล้ว ฝูชิงเชิญให้อวิน๋ จือชิวที่ยมิ้ โดยไม่พดู
อะไรพูดต่อไป
เมื่อเห็นปี ศาจพวกนี้ทาํ ท่าตัวอิสระไม่เชื่อฟัง อวิน๋ จือชิวถึงได้เตือนเกี่ยวกับอันตรายของพิภพใหญ่
รวมทั้งกฎของตําหนักสวรรค์ บรรยายถึงนักพรตระดับบงกชรุ ้งและนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์
ระดับอนันตภาพในตํานาน พวกปี ศาจฟังจนสูดหายใจอย่างตกตะลึง ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าเมื่อตัวเอง
อยูท่ ี่พิภพใหญ่ ก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับนักพรตบงกชขาวที่พิภพเล็ก คนที่สามารถบีบคอให้ตนตายได้
อย่างง่ายดายมีเยอะเป็ นกอง เริ่ มรู ้สึกตึงเครี ยดในใจแล้ว
แต่รอจนกระทัง่ เริ่ มออกเดินทางอีกครั้ง คนพวกนี้กเ็ ริ่ มโห่ร้องโหวกเหวก ตื่นเต้นดีใจสุ ด ๆ !
ตอนที่มาถึงดาวเทียนหยวน อวิน๋ จือชิวก็แยกกับพวกเขาแล้ว ถ้าปรากฏตัวที่ดาวเทียนหยวนพร้อมกัน
จะไม่เหมาะสม นางใช้ระฆังดาราแจ้งให้เหมียวอี้รู้ล่วงหน้า กลุ่มปี ศาจเฒ่ามาถึงแล้ว เมื่อพากลุ่มปี ศาจ
เฒ่ามาถึงที่นี่ ก็ไม่มีธุระอะไรของนางแล้ว ที่เหลือก็ส่งต่อให้เหมียวอี้
ตอนที่กลุ่มปี ศาจมาถึงประตูเมืองตะวันออก ก็ยอ่ มมีทหารสวรรค์ที่เฝ้ าประตูมารับและนําทาง จําได้
ง่ายมาก เมื่อกลุ่มปี ศาจรวมตัวกัน ปราณปี ศาจก็อบอวล
เมื่อเห็นกลุ่มปี ศาจถูกพาเข้าเมืองไปแล้ว อวิน๋ จือชิวที่ปลอมตัวเสร็ จถึงได้โผล่หน้าออกมา แล้วเข้าไป
ในประตูเมืองตะวันออกเพียงลําพัง
นางไม่ได้กลับร้านโฉมเมฆา แต่ไปที่ร้านค้าเล็ก ๆ ตรงหัวมุมที่อยูเ่ ยื้องตรงข้ามกับร้านโฉมเมฆา
จะว่าไปก็บงั เอิญเหมือนกัน ขณะที่เหมียวอี้กาํ ลังครุ่ นคิดเรื่ องหาร้านค้า จู่ ๆ ทางตําหนักสวรรค์กม็ ีคน
ทําผิดกฎ บอกว่ามีสมคบคิดก่อกบฏอะไรสักอย่าง พอเริ่ มลงโทษ ก็มีการรายงานเบื้องบน จึงร่ วมกัน
ค้นร้านและยึดทรัพย์ ตลาดสวรรค์เพิง่ สัง่ ปิ ดร้านหลายร้าน ฝั่งเขตเมืองตะวันออกมีร้านว่างสองร้าน
พอดี
เหมียวอี้ยอ่ มพลาดไม่ได้อยูแ่ ล้ว แต่ดว้ ยความสามารถของเขา ถ้าอยากจะฮุบไว้เฉย ๆ ก็เป็ นไปไม่ได้
ยังต้องจ่ายเงินซื้ อ แต่จ่ายเงินซื้ อก็อาจจะซื้อไม่ได้ เหมียวอี้กเ็ ลยหน้าด้านไปหาโค่วเหวินหลาน ขอให้
โค่วเหวินหลานช่วย โดยให้เหตุผลว่าเถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆาอยากจะช่วยหาร้านค้าให้สหายของ
ตัวเอง
โค่วเหวินหลานยอมเขาแล้ว ถามเขาว่า : อีกฝ่ ายเป็ นผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว ครั้งก่อนปี้ เยว่ฮูหยินก็เคย
ตําหนิเจ้า เจ้ายังไม่ยอมวางมืออีกเหรอ?
เหมียวอี้ตอบว่า : เดิมทีนางจะไปขอให้ป้ ี เยว่ฮูหยินช่วย แต่ขา้ แย่งช่วยเอง ผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ท่านจะไม่
สนใจใยดีควาสุ ขชัว่ ชีวติ ของข้าน้อยไม่ได้นะ!
“ผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว ความสุขชัว่ ชีวติ บ้าอะไรล่ะ!” ถึงแม้โค่วเหวินหลานจะพูดเหน็บแนม แต่เก็ยงั
ช่วยเหลือเขาอยูด่ ี
ร้านใหญ่เหมียวอี้ไม่ตอ้ งไปคิดถึงแล้ว เหตุผลแรกเป็ นเพราะเหมียวอี้ซื่อไม่ไหว อีกเหตุผลก็คือมีคน
จ้องไว้แล้ว จึงขายร้านเล็ก ๆ ให้เหมียวอี้ในราคาถูก ลดลงเกือบครึ่ งราคา แต่กย็ งั ต้องจ่ายสามล้านล้าน
ผลึกแดงอยูด่ ี
เป็ นร้านค้าที่กินพื้นที่ไม่เกินสองหมู่[1] ปกติถา้ ไม่มีหา้ ล้านล้านผลึกแดงก็ไม่มีทางได้มา ของแบบนี้
ต่อให้มีเงินก็ครอบครองไม่ได้ บังเอิญจริ ง ๆ ที่โค่วเหวินหลานออกหน้าพูดให้ ไม่ใช่แค่ได้ร้านค้ามา
เท่านั้น อีกฝ่ ายยังลดราคาให้สองล้านล้านผลึกแดงเพราะเห็นแก่หน้าโค่วเหวินหลานด้วย ทั้งยังไม่ตอ้ ง
รี บจ่ายเงิน
ถึงแม้จะแพง แต่ถา้ ให้ซ้ือก็ยงั พอซื้ อไว้ พอเปลี่ยนมือก็ทาํ กําไรได้ เหมียวอี้ยอ่ มต้องซื้ อไว้อยูแ่ ล้ว ถึง
อย่างไรที่ต้ งั ของร้านค้าก็อยูห่ ่างกับร้านของอวิน๋ จือชิวแค่ถนนสายเดียว
หลังจากเข้ามาถึงร้านค้าที่ระเกะระกะและแน่ใจแล้วว่าข้างในไม่มีคน อวิน๋ จือชิวก็เลิกปลอมตัว แล้ว
เรี ยกสองพี่นอ้ งโอวหยางกับหญิงรับใช้ของพวกนางออกมา แล้วอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
เมื่อรู ้วา่ ได้มาถึงพิภพใหญ่แล้ว สองพีน่ อ้ งโอวหยางก็ตกตะลึงไม่หาย
“เรื่ องสถานการณ์ของที่นี่ เดี๋ยวค่อยให้เชียนเอ๋ อร์เสวีย่ เอ๋ อร์มาอธิบายให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด แล้วก็
พวกเจ้าสี่ คน ฟังข้าให้ดีนะ ที่นี่เกี่ยวข้องความเป็ นความตายของทุกคน ห้ามรับคนนอกเข้ามาเด็ดขาด
ถ้าภายในหนึ่งเดือนทําให้นายท่านรับพวกเจ้าเข้าห้องไม่ได้ พวกเจ้าก็ไตร่ ตรองผลลัพธ์เอาเองแล้วกัน
ถึงตอนนั้นอย่าโทษว่าฮูหยินอย่างข้าไร้น้ าํ ใจ ข้าไม่เอาชีวติ ของทั้งครอบครัวมาล้อเล่นแน่!” อวิน๋ จือชิ
วเตือนพร้อมกวาดมองฉิ นฉีซูฮว่าด้วยสายตาเย็นเยียบ
หญิงรับใช้ท้ งั สี่ ตกใจจนตัวสัน่ ทั้งหวาดกลัวทั้งอับอาย ภายในหนึ่งเดือนนี้กจ็ ะได้กลายเป็ นผูห้ ญิงของ
นายท่านแล้ว นี่คือเรื่ องที่พวกนางทั้งตื่นเต้นทั้งตั้งตารอ พวกนางแอบมองนายหญิงทั้งสองอย่างเงียบ

โอวหยางหลางจึงรี บบอกว่า “ฮูหยินโปรดระงับโทสะ รอให้พวกเราสองพีน่ อ้ งเจอนายท่านก่อน แล้ว
พวกเราจะจัดเตรี ยมให้ค่ะ!”
อวิน๋ จือชิวจึงบอกว่า “เลิกพูดเรื่ องไร้สาระได้แล้ว การหาร้านค้าในตลาดสวรรค์ไม่ใช่เรื่ องง่าย ข้าจะ
ไปหานายท่านที่จวนผูบ้ ญั ชาการเพื่อลงทะเบียนก่อน ทําเรื่ องนี้ให้เป็ นรู ปเป็ นร่ างก่อน พวกเจ้าสี่ คนรอ
อยูท่ ี่นี่ ยังไม่คุย้ เคยกับชีวติ ข้างนอก อย่าเพ่นพ่านไปทัว่ เดี๋ยวข้าให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์พาคนมาช่วย
พวกเจ้าเก็บกวาดที่นี่”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ท้ งั สี่ เอ่ยรับอย่างว่าง่าย เมื่ออยูต่ ่อหน้าฮูหยินที่เป็ นภรรยาเอก พวกนางไม่กล้าขัด
คําสัง่ อะไรทั้งนั้น
จากนั้นอวิน๋ จือชิวก็นาํ สองพี่นอ้ งโอวหยางออกไป
ในตําหนักใหญ่ของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก เหมียวอี้นงั่ อยูเ่ บื้องบน กลุ่มปี ศาจเฒ่าที่เข้ามา
เห็นเขาต่างก็ตาเป็ นประกาย
หลังจากเหมียวอี้โบกมือบอกให้พวกลูกน้องออกไป ถึงได้ดินลงบันไดมากุมหมัดคารวะ “พีร่ อง พี่
สาม คิดถึงน้องชายล่ะสิ !”
“เจ้าห้า! ลําบากแล้ว!” ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋เข้ามาประคองแขนเขา
ส่ วนกลุ่มราชาปี ศาจก็คาํ นับพร้อมกัน “คํานับคุณชายห้า!”
“มากันแล้วเหรอ!” เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เวลาไม่มีคนนอกก็เรี ยกขานกันแบบนี้ได้ แต่เมื่ออยู่
ต่อหน้าคนนอกยังต้องเรี ยกข้าว่าผูบ้ ญั ชาการนะ”
“รับทราบ!” กลุ่มปี ศาจเอ่ยรับ
“ไป! ไปยืนยันตัวตนให้เป็ นรู ปธรรมก่อน ตามข้าไปตําหนักคุม้ เมือง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง”
หลังจากเหมียวอี้พาทุกคนเดินก้าวยาวออกจากตําหนักใหญ่ ก็มีคนไปเชิญเป่ าเหลียนที่ร้านขายของชํา
ซื่อตรงทันที
พอออกจากจวนผูบ้ ญั ชาการ ถนนที่เจริ ญรุ่ งเรื องด้านนอกและประเพณี ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทําให้กลุ่ม
ปี ศาจรู ้สึกอัศจรรย์ใจมาก โดยเฉพาะหูเฟยและผูห้ ญิงคนอื่น ๆ เรี ยกได้วา่ เห็นแล้วตาลุกวาว พวกนาง
กําลังคิดว่าวันหลังต้องมาเดินเล่นสักหน่อยแล้ว
พอมาถึงตําหนักคุม้ เมืองและเห็นโค่วเหวินหลาน กลุ่มปี ศาจก็พึมพําในใจ ว่าผูบ้ ญั ชาการใหญ่ดาํ จริ ง ๆ
มีแค่ฟันกับตาที่ขาว รอจนกระทัง่ โค่วเหวินหลานสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมาเหมือนผูห้ ญิง พวกเขาก็
ตกใจมาก ยืน่ งงอยูอ่ ย่างนั้น
โค่วเหวินหลานเห็นกลุ่มปี ศาจแล้วก็กลัดกลุม้ เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็ นปี ศาจ แต่
เป็ นเพราะเกินครึ่ งดูมีอายุมากเกินไป อย่างเช่นฝูชิง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ทรัพยากรฝึ กตนที่พิภพเล็กมี
ไม่พอ ไปเทียบกับนักพรตบงกชทองของพิภพใหญ่ที่ดูอ่อนเยาว์มากไม่ได้
“วรยุทธ์เท่าไรกันแล้ว?” โค่วเหวินหลานอดไม่ได้ที่จะถาม อย่าเอานักพรตบงกชรุ ้งกับนักพรตพลัง
อิทธิฤทธิ์อนันตภาพมาขู่ขา้ เชียวนะ
…………………………
[1] หมู่(亩) คือหน่วยวัดของจีน มีขนาดประมาณ 666.667 ตารางเมตร
ตอนที่ 993

ภารกิจเสร็จสิ้น

ั ญาณกับทุกคน กลุ่มปี ศาจเฒ่าก็เผยวรยุทธ์บงกชทองตรงหว่างคิว้ ทันที


พอเหมียวอี้พยักหน้าให้สญ
เมื่อเห็นว่าทั้งหมดมีวรยุทธ์ระดับบงกชทองขั้นหนึ่ง สอง สาม โค่วเหวินหลานถึงได้วางใจ ขอเพียง
เป็ นเรื่ องที่รับปากไว้แล้ว เขาก็จะจัดการอย่างรวดเร็ วมาก มีมาดของลูกชายจากตระกูลใหญ่
ลงทะเบียนสร้างรายชื่อทันที บันทึกตราอิทธิฤทธิ์ไว้สาํ หรับตรวจสอบ รวบรวมใส่ เข้าไปในทะเบียน
ของตําหนักสวรรค์ ส่ วนเรื่ องของเป่ าเหลียนก็ยอ่ มถือโอกาสดําเนินการไปด้วยเลย
หลังจากทําตามระเบียบข้อบังคับเสร็ จแล้ว ก็ร่างรายการอาวุธและเกราะรบที่ทุกคนต้องใช้ออกมา แล้ว
สัง่ ให้คนไปนํามาแจกจ่าย
หลังจากชายหญิงทุกคนสวมเกราะรบแล้ว ก็ดูสง่าผ่าเผยเหมือนกัน
โค่วเหวินหลานย่อมไม่อยูก่ ินดื่มคุยเล่นกับทุกคนอยูแ่ ล้ว โบกมือให้เหมียวอี้รีบจัดการเรื่ องกําลังคน
ให้เข้าที่
อวิน๋ จือชิวที่อยูอ่ ีกด้านก็พาสองพี่นอ้ งโอวหยางไปที่ร้านโฉมเมฆาก่อน ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์นาํ
คนงานสองสามคนไปเก็บกวาดที่พกั ให้สองพี่นอ้ งโอวหยาง จากนั้นค่อยพาพวกนางไปที่จวนผู ้
บัญชาการเขตเมืองตะวันออก
ตอนที่มาถึงจึงได้รู้วา่ เหมียวอี้ไม่อยู่ เพราะไปที่ตาํ หนักคุม้ เมืองแล้ว แต่เถ้าแก่เนี้ยก็หน้าใหญ่มาก
ทีเดียว เมื่อพวกลูกน้องรู ้วา่ นายท่านผูบ้ ญั ชาการกําลังจีบนาง ก็เชิญเข้าไปนัง่ ข้างในก่อนทันที ไม่กล้า
ให้รอที่ประตู
เหมียวอี้นาํ กลุ่มปี ศาจเหาะลงมาจากฟ้ า พอเหยียบลงพื้น พอนักพรตบงกชทองสวมเกราะทองหลาย
สิ บคนก็ปรากฏตัว เหล่าทหารสวรรค์มากมายในจวนผูบ้ ญั ชาการก็ร่ าํ ร้องในใจ หัวใจตายไปแล้ว
ครึ่ งหนึ่ง ไม่มีโอกาสเลื่อนขั้นเป็ นกรณี พิเศษแล้ว
เบื้องล่างย่อมมีคนมารายงานให้ทราบว่าเถ้าแก่เนี้ยมาแล้ว
เหมียวอี้กาํ ชับให้ลูกน้องพากลุ่มปี ศาจเฒ่าไปพักผ่อนก่อน แล้วก็สงั่ ให้คนให้เชิญเถ้าแก่เนี้ยมาที่จวน
ขุนนางของตน
เมื่อได้เจอเหมียวอี้อีกครั้ง โอวหยางหลางกับโอวหยางหวนก็ตื่นเต้นหวัน่ ไหวมาก แทบจะโผเข้าไป
กอดเขา แต่กงั วลที่อวิน๋ จือชิวอยูด่ ว้ ย ทั้งยังมีลูกน้องของเหมียวอี้มาวางนํ้าชาให้ พวกนางจึงข่มใจ
เอาไว้
เหมียวอี้สงั่ ให้ลูกน้องออกไปก่อน เมื่อเห็นสองพี่นอ้ งโอวหยางผอมลงไม่นอ้ ย และไม่หยิง่ ยโสเหมือน
ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ทะเลทรายม่านเมฆา เขาก็มองพวกนางด้วยแววตาสับสน นึกอยากโอ้อวดฝี มือ
แต่กลับกลายเป็ นปล่อยไก่ ถึงไม่ถึงว่าจะเป็ นการกําหนดชีวติ การแต่งงานของตัวเอง ถึงจะบอกว่า
ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกนาง แต่ตอนนี้ในใจก็นึกเป็ นห่วงขึ้นมาในบางครั้ง คํากล่าวที่วา่ ‘เป็ นสามี
ภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน’ ไม่ใช่แค่คาํ พูดลอย ๆ เพราะเป็ นอย่างนั้นจริ ง ๆ
ทิ้งทั้งสองไว้ที่พภิ พเล็กตลอดโดยไม่สนใจถามไถ่ ในใจเขาก็รู้สึกผิดอยูบ่ า้ งเหมือนกัน
อวิน๋ จือชิวมองดูปฏิกิริยาของทั้งสองฝั่ง แล้วถามหยอกล้อว่า “ต้องให้ขา้ หลบไปก่อนรึ เปล่า?”
เหมียวอี้ไอแห้ง ๆ ทีหนึ่ง แล้วพูดกับทั้งสองว่า “หลางหลาง หวนหวน คืนนี้ขา้ จะไปหาพวกเจ้า”
ไปหาพวกนางเพื่อทําอะไร ก็ยอ่ มไม่ตอ้ งบอกแล้ว ทั้งสองเอ่ยรับอย่างเขินอาย “ค่ะ!” ต้องเตรี ยมตัว
ล่วงหน้าแล้ว
“ไปที่ร้านข้าแล้วกัน พวกเจ้าไปมาหาสู่กนั แบบเปิ ดเผยไม่สะดวก” อวิน๋ จือชิวขมวดคิ้วบอก
เหมียวอี้ปฏิเสธว่า “เดี๋ยวข้าปลอมตัวไปก็แล้วกัน” รู ้สึกแปลกจริ ง ๆ ที่ตอ้ งทําเรื่ องแบบนั้นอยูใ่ ต้หนัง
ตาอวิน๋ จือชิว
“งั้นเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน ด้วยฐานะของเจ้าในตอนนี้ โผล่ไปไหนทีกด็ ึงดูดความสนใจได้ง่าย เดี๋ยว
ข้าให้ผจี วินจื่อขุดหลุมให้” อวิน๋ จือชิวเอ่ยอย่าไม่ใส่ ใจ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่ องสําคัญ “รี บ
ดําเนินการเรื่ องร้านค้าให้เป็ นรู ปธรรมเถอะ คํ่าคืนยาวนานกลัวความฝันจะเปลี่ยน!”
เหมียวอี้พยักหน้า แล้วตะโกนเรี ยกเสี ยงดัง “ทหาร!”
มีคนวิง่ เข้ามาจากด้านนอกทันที หลังจากได้รับคําสัง่ ก็วงิ่ ไปเรี ยกคนที่รับหน้าที่ดาํ เนินการด้านนี้มา
อีกฝ่ ายไม่กล้าบ่นอะไรต่อหน้าเหมียวอี้ ดําเนินการให้ตรงนั้นอย่างรวดเร็ ว แต่เงินก็ยงั ต้องจ่าย อวิน๋ จือ
ชิวจ่ายเงินครบในรวดเดียว เหมียวอี้เป็ นตัวแทนของทางการเพื่อลงนามกับสองพี่นอ้ งโอวหยาง
จากนั้นเหมียวอี้กส็ งั่ ให้คนเชิญอิงอู๋ตี๋มาหา ให้อิงอู๋ตี๋นาํ กําลังคนคุม้ กันส่ งเงินไปให้ตาํ หนักคุม้ เมือง
เหมียวอี้ไม่ได้ควบคุมเงินส่ วนนี้
หลังจากจัดการธุระเรี ยบร้อย อวิน๋ จือชิวก็พาสองสาวออกไป นางคิดว่าเหมียวอี้ไม่อยากไปพบกับสอง
สาวเป็ นการส่ วนตัวที่ร้านของนาง จึงซื้อชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์หนึ่งหลังกับค่ายกลป้ องกันตัวขนาดเล็กให้
พวกนาง เสร็ จแล้วถึงได้กลับไปหาพวกนาง ส่ วนเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กก็ าํ ลังนําคนไปเก็บกวาดพอดี
หลังจากอวิน๋ จือชิวตรวจดูอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่ายังต้องซ่อมแซมตกแต่งใหม่สกั หน่อย ต่อไปก็ตอ้ ง
ย้ายผลึกสกัดที่มีความบริ สุทธิ์สูงของร้านโฉมเมฆามาที่นี่ ในเมื่อสองพี่นอ้ งโอวหยางมาที่นี่แล้ว นางก็
ต้องหางานให้ท้ งั สองทํา ไม่อย่างนั้นถ้าเบื่อเซ็งเกินไปจะเกิดปั ญหาได้ง่าย
พอนางกลับไปที่ร้านโฉมเมฆา ก็กาํ ชับให้คนงานไปจัดการเรื่ องนี้ทนั ที พร้อมทั้งไปหาผีจวินจื่อ ให้ผจี
วินจื่อวางแผนขุดทางใต้ดิน สิ่ งที่ตอ้ งการเป็ นอันดับแรกคือความปลอดภัย ผีจวินจื่อรับประกันอย่าง
เต็มปากเต็มคํา เพราะเขาถนัดเรื่ องนี้ที่สุด จึงไปเลือกสถานที่เพื่อสํารวจลักษณะพื้นภูมิทนั ที
ส่ วนเหมียวอี้กเ็ รี ยกพวกฝูชิงให้มาหา พอคุยกันถึงเรื่ องบางอย่าง ถึงได้รู้วา่ อวิน๋ จือชิวได้พดู สิ่ งที่ควรจะ
พูดกับพวกเขาไปแล้ว ทําให้เขาหมดเรื่ องกังวลใจไปหลายเรื่ อง จากนั้นก็จดั แบ่งหน้าที่และความ
รับผิดชอบของรองผูบ้ ญั ชาการ ผูช้ ่วยผูบ้ ญั ชาการและผูบ้ งั คับการกองร้อยลงไป ให้พวกเขาต่างคนต่าง
พาลูกน้องไปทําความคุน้ เคยกับสถานการณ์
ในบรรดาพวกเขายังเหลืออยูห่ นึ่งคน นัน่ ก็คือเป่ าเหลียน บนตัวนางสวมเกราะรบสี ดาํ ทหารสวรรค์
หญิงที่ระดับยังไม่ถึงล้วนสวมเกราะดํา เป็ นทหารสวรรค์สี่แถบ ชัว่ คราว ยังไม่มีภาระหน้าที่อะไร
เหมียวอี้เองก็ไม่รู้วา่ ควรจัดภาระหน้ที่อะไรให้นาง ถ้าให้นางไปรวมอยูใ่ นกลุ่มผูช้ ายเขาก็ไม่วางใจ จึง
ถามหยัง่ เชิงว่า “เป่ าเหลียน เจ้าคอยฟังคําสัง่ อยูข่ า้ งกายข้าดีไหม รับหน้าที่คอยถ่ายทอดคําสัง่ ชัว่ คราว
รอให้วรยุทธ์เจ้าสูงขึ้นก่อน แล้วข้าค่อยหมอบหมายงานอย่างอื่นให้ เจ้าว่าดีม้ ยั ?”
นี่คือสิ่ งที่ตรงกับใจนางพอดี จึงพยักหน้าเอ่บรับทันที “ข้าน้อยน้อมรับคําสัง่ !”
เมื่อเห็นว่านางไม่มีความเห็นอะไร เหมียวอี้กก็ ล่าวกลั้วหัวเราะว่า “งั้นเจ้าก็เลือกห้องพักในนี้ได้ตาม
สบายเลยนะ”
“รับทราย!” เป่ าเหลียนเอ่ยรับ ยังคงไม่คดั ค้าน กลับเป็ นคนที่คุยง่ายคนหนึ่ง
หลังจากท้องฟ้ ามืดลง ในร้านค้าของสองพี่นอ้ งโอวหยางก็มีแขกสวมชุดดําคนหนึ่งมาหา นอกจาก
เหมียวอี้กไ็ ม่มีใครแล้ว จือฉินกับจือซูที่ได้รับแจ้งล่วงหน้าออกมาเฝ้ าอยูท่ ี่ประตูตลอด หลังจากแน่ใจ
แล้วว่าผูท้ ี่มาคือเหมียวอี้ จือฉินก็รีบวิง่ ขึ้นไปรายงานชั้นบน ส่ วนจือซูกน็ าํ เหมียวอี้ข้ ึนไปชั้นบนด้วย
ความระมัดระวังและเคารพ
เหมียวอี้ถอดเครื่ องปลอมตัวขณะกําลังเดินขึ้นไปชั้นบน สองพี่นอ้ งหลางหลางและหวนหวนกําลัง
ชะเง้อหน้าคอยอยูช่ ้ นั บน พอเห็นหน้าเขาก็เผยแววตาดีใจ แล้วย่อเข่าคํานับพร้อมกัน “นายท่าน!”
เหมียวอี้ยนื่ มือไปประคองให้ท้ งั สองยืนตรง เมื่อได้กลิ่นกายหอมกรุ นจากตัวทั้งสอง ก็รู้วา่ อาบนํ้ารอ
ล่วงหน้าแล้ว จึงทักทายพร้อมรอยยิม้ บาง ๆ “ปล่อยให้รอนานแล้ว!”
ความดีอกดีใจที่ฉายอยูใ่ นดวงตาสองพี่นอ้ งยากจะปิ ดบังได้ โอวหยางหลางกําชับลงไปทันที “รี บไป
เตรี ยมสุ ราอาหาร!”
หญิงรับใช้ท้ งั สี่ เริ่ มวิง่ เต้นทํางานทันที และไม่นานก็ยกอาหารมาวางบนโต๊ะ เห็นได้ชดั ว่าเตรี ยมไว้
นานแล้ว
นาน ๆ ทีจะได้อยูด่ ว้ ยกัน เหมียวอี้หนั ไปสัง่ ว่า “พวกเจ้าสี่ คนออกไปก่อน”
โอวหยางหวนโบกมือให้ท้ งั สี่ ออกไปทันที แล้วยกกานํ้าชาริ นให้ดว้ ยตัวเอง ทั้งสามชนถ้วยนํ้าชาดื่ม
ร่ วมกัน สองสาวอารมณ์ชื่นมื่นเบิกบาน ปรนนิบตั ิอย่างสุ ดจิตสุ ดใจ ในเมื่อฮูหยินบอกมาแล้ว ว่าข้าง
นอกอาจจะกําลังมีนางจิ้งจอกมาล่อหลอกนายท่าน แบบนี้กแ็ ย่น่ะสิ สองสาวเรี ยกได้วา่ ตัวฮึกเหิ ม
กระปรี้ กระเปร่ า วางความอับอายที่ทาํ ให้สาํ รวมท่าทีเอาไว้ก่อน ประจบเอาใจอย่างฉลาดน่ารักมาก
ตอนกําลังรับประทานอาหาร เหมียวอี้ไม่แคล้วต้องถามว่าทั้งสองเป็ นอย่างไรบ้างตออยูพ่ ิภพเล็ก ทั้ง
สองไม่กล้สพูดอะไรมาก กลัวจะโดนสงสัยว่าเสี้ ยมให้แตกคอกัน บอกเพียงว่าสบายดี
เหมียวอี้ขมวดคิว้ “ข้าได้ยนิ ฮูหยินบอกว่า ตอนอยูท่ ี่ยอดเขาหยกนครหลวง พวกเจ้าแทบจะไม่กา้ วขา
ออกจากตําหนักเลย เป็ นเพราะมีใครกลัน่ แกล้งหรื อเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ พวกเราตั้งอกตั้งใจฝึ กตนมาโดยตลอด” โอวหยางหลางตอบด้วยเสี ยงตํ่าเบา
เหมียวอี้เงียบไปครู่ หนึ่ง ที่จริ งอวิน๋ จือชิวก็เคยเอ่ยให้เข้าได้ยนิ มาก่อน บอกว่าหงเหมียน ลู่หลิ่วทํากับ
ตําหนักคู่แฝดเกินไป เพียงแต่อวิน๋ จือชิวก็ไม่อยากให้เหมียวอี้รู้สึกว่านางกําลังเสี้ ยมให้แตกคอกัน จึง
ไม่ได้พดู อะไรมาก ทว่าเหมียวอี้มีพ้นื เพมาจากตลาด ได้ยนิ เรื่ องแบบนี้มาไม่นอ้ ยเหมือนกัน ถ้าเป็ น
ตระกูลใหญ่ที่มีภรรยาเยอะ ก็ไม่มีบา้ นไหนที่ไม่เกิดการหึ งหวงกัน มีหยิงมารวมตัวอยูด่ ว้ ยกัน เป็ นไป
ไม่ได้ที่จะอยูอ่ ย่างสงบ หัวใจของคนเรานี้ ไม่วา่ จะเป็ นมนุษย์ธรรมดาหรื อคนในแดนฝึ กตน ที่จริ งแล้ว
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เขาใช้สมองคิดนิดเดียวก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์คร่ าว ๆ แล้ว
คืนนี้บรรยากาศดี สองสาวเพิ่งมาเป็ นครั้งแรก อารมณ์ดีไม่เบา เหมียวอี้เองก็ไม่อยากทําลายอารมณ์อนั
สุ นทรี ยข์ องทั้งสอง ดังนั้นจึงไม่พดู เรื่ องนี้เยอะ เพียงบอกว่า “ถ้าได้รับความไม่ยตุ ิธรรมอะไรก็บอกฮู
หยิน ฮูหยินน่ะเป็ นคนปากร้าย แต่มีอาํ นาจตัดสิ นใจภายในบ้าน ข้าเองก็ให้เกียรตินาง ถ้าในบ้านมีเรื่ อง
อะไรที่ไม่สะดวกจะเอ่ยปากบอกข้า พวกเจ้าก็สามารถบอกฮูหยินได้เลย ฮูหยินจะจัดการให้อย่าง
เหมาะสมแน่นอน”
“ค่ะ!” ทั้งสองเอ่ยรับ
“เอาล่ะ คืนนี้ไม่พดู เรื่ องอื่นแล้ว พวกเราคุยเรื่ องเบา ๆ กันก็พอ! มา แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็ไม่เคยได้อยู่
กับพวกเจ้าดี ๆ เลย ข้าจะทําโทษตัวเองเพื่อภรรยา จะดื่มสุ ราให้พวกเจ้าสามจอกเพื่อขอโทษ”
สองสาวรี บบอกว่าไม่ตอ้ งทําอย่างนั้น แต่กลับห้ามไว้ไม่อยู่ เหมียวอี้รินดื่มเองเสี ยเลย ทําโทษตัวเอง
สามจอกแล้วจริ ง ๆ
ตอนหลังก็นบั ว่าทําตามคําสัง่ ของอวิน๋ จือชิวแล้ว บนปากราวกับป้ ายนํ้าผึ้งหวานเอาไว้ พยายามใช้
คําพูดที่น่าฟังพูดเอาอกเอาใจให้ท้ งั สองชื่นมื่น ชมว่าพวกนางยิง่ นับวันยิง่ สวยขึ้น ทั้งยังนําของสวยงาม
ที่รวบรวมได้ในพิภพใหญ่มามอบให้ท้ งั สองเป็ นของขวัญ ปะเหลาะให้สองสาวหน้าชื่นตาบานได้จริ ง
ๆ พวกนางเลิกสํารวมท่าทีแล้ว ดื่มเป็ นเพื่อนเขาหลายจอกด้วยอารมณ์อนั นุ่มนวลหวานชื่น
หลังจากสุ ราอาหารบนโต๊ะเย็นลง บรรยากาศกําลังดี เหมียวอี้กถ็ ามพร้อมรอยยิม้ ว่า “หรู ฮูหยินทั้งสอง
คืนนี้ใครจะปรนนิบตั ิให้ขา้ ดีล่ะ?”
“น้องสาวแล้วกันค่ะ!” โอวหยางหลางตอบอย่างขวยเขิน
“พี่สาวค่ะ!” โอวหยางหวนรี บปฏิเสธ
เหมียวอี้จึงหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่สูป้ รนนิบตั ิดว้ ยกันเลยเป็ นไง?” เมื่อเห็นทั้งสองกัดริ มฝี ปาก
ไม่พดู อะไร หน้าแดงเรื่ อด้วยความเขินอาย ก็พดู เสริ มอีกว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเราเสี ยหน่อย
นึกถึงปี นั้นตอนที่อยูท่ ี่ทะเลทรายม่านเมฆา พวกเจ้าสองคนก็ไม่ได้เกรงใจข้านี่นา!”
คําพูดนี้ยงิ่ ทําให้ท้ งั สองอับอายจนทําอะไรไม่ถูก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่ งที่อวิน๋ จือชิวสัง่ ไว้ก่อนหน้านี้
เกิดผลแล้วหรื อเปล่า สุ ดท้ายโอวหยางหลางก็ตอบอย่างขวยเขินว่า “ทุกอย่างตามใจนายท่านค่ะ”
เช่นนั้นเหมียวอี้กไ็ ม่เกรงใจแล้ว เป็ นฝ่ ายจูงมือทั้งสองเดินออกไปด้วยกันเองเลย…
ว่ากันว่าอิจฉาเพียงนกยวนยางที่ได้เคียงคู่ ไม่อิจฉาเทพเซียนผูโ้ ดดเดี่ยว ความสุ ขของการได้อยูพ่ ร้อม
หน้าพร้อมตาย่อมยอดเยีย่ มอยูแ่ ล้ว หลังจากพายุฝนสงบ ขณะกําลังนอนกอดซ้ายกอดขวาขบคิดถึง
รสชาติ โอวหยางหลางก็ไม่ลืมที่จะเตือน นางถามหยัง่ เชิงว่า “นายท่าน ฉี ฉินซูฮว่าติดตามรับใช้พวก
เรามาหลายปี แล้วมีไตรี จิตต่อพวกเราสองพี่นอ้ ง แต่งงานติดตามมาด้วย แต่นายท่านกลับไม่รับพวก
นางเข้าห้องเสี ยที ไม่ทราบว่านายท่านจะไปเชยชมพวกนางเมื่อไรเจ้าคะ?”
พอพูดถึงเรื่ องนี้ ก็นบั ว่ายังเป็ นเรื่ องสําคัญ คําสัง่ ของอวิน๋ จือชิวใช่วา่ จะไม่มีเหตุผล เหมียวอี้ตอบอย่าง
อึดอัดเก้อเขินนิดหน่อยว่า “พวกนางเป็ นคนของพวกเจ้า เรื่ องนี้ให้พวกเจ้าเตรี ยมการให้แล้วกัน”
พวกเขาย่อมเหมือนปลาที่ได้น้ าํ ทั้งคืน กลิ้งเกลือกอยูใ่ นกระแสคลื่นหลายรอบ…
เป็ นอย่างที่อวิน๋ จือชิวบอก เหมียวอี้ไม่สะดวกจะวิง่ มาที่นี่บ่อยจริ ง ๆ สักวันหนึ่งอาจจะโดนคนจับตา
มองได้
โชดีที่ผจี วินจื่อทํางานได้อย่างมีประสิ ทธิภาพสูง ใช้เวลาเพียงสามวัน ทางอุโมงค์ใต้ดินที่คดเคี้ยวก็ถูก
ขุดสร้างเสร็ จแล้ว เริ่ มจากบ่อนํ้าในจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก บ่อนํ้าของร้านโฉมเมฆา บ่อ
นํ้าของร้านผลึกสกัด สามจุดถูกเชื่อมต่อเป็ นส้นทางเดียวกันแล้ว ที่จริ งถ้าอิงตามกฎของตลาดสวรรค์
ข้างล่างห้ามขุดช่องทางใต้ดิน แต่นี่เป็ นอาณาเขตของเหมียวอี้ เขาไม่มีอะไรให้กลัว
ปากทางล้วนอยูใ่ นบ่อนํ้า ทั้งยังอยูบ่ นข้างกําแพงในบ่อนํ้าด้วย ตอนที่ขดุ สามจุดนี้ ก็ถือโอกาสปิ ดค่าย
กลป้ องกันของร้านโฉมเมฆากับร้านผลึกสกัดร่ วมด้วย
เหมียวอี้กระโดดลงช่องทางลับในบ่อนํ้า เดินขึ้นไปบนเนิน พอเริ่ มเดินลงเนินอีกครั้งถึงได้พบว่า
เพื่อที่จะสร้างฉากกําบัง ไม่น่าเชื่อว่าผีจวินจื่อจะขุดลึกลงไปใต้ดินหนึ่งพันเมตร ไม่น่าเชื่อว่าจะ
หลีกเลี่ยงเส้นทางนํ้าใต้ดินได้อย่างแม่นยํา อาศัยทางนํ้าใต้ดินช่วยกําบัง ก็ยงั ทําให้คนสังเกตพบ
ช่องทางใต้ดินได้ยาก ฝี มือช่างน่าทึ่งจริ ง ๆ สมกับเป็ นผูท้ ี่มีพรสวรรค์ดา้ นการขุดรู โดยธรรมชาติ
พิถีพิถนั ในหลักการจริ ง ๆ
เพียงแต่ถา้ เป็ นแบบนี้ การอ้อมไปอ้อมมาก็ยงั ทําให้ออ้ มหลายเส้นทาง
ขระที่เดินอยูใ่ นทางใต้ดิน จู่ ๆ ก็พบว่าในทางใต้ดินมีแสงสว่าง พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าผีจวินจื่อขุด
ห้องใต้ดินเอาไว้หอ้ งหนึ่ง
“เจ้าหลบทําอะไรอยูข่ า้ งใน?” เหมียวอี้แปลกใจ
ผีจวินจื่อหัวเราะแห้ง ๆ แล้วตอบว่า “เถ้าแก่เนี้ยสัง่ เสี ย ว่าถ้าข้าไม่มีธุระอะไรก็ให้ฝึกตนอยูใ่ นนี้ ถ้า
พบว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็ให้ขา้ ทําลายทางใต้ดินนี้ซะ จะได้ไม่โดนคนพบเบาะแสอะไร”
ทําแบบนี้กเ็ หมาะสม เหมียวอี้รู้สึกว่าอวิน๋ จือชิวคิดได้ละเอียดถี่ถว้ น จึงไม่ได้พดู อะไรมากอีก
เมื่อมีทางใต้ดินก็ไปมาหาสู่กนั ได้สะดวกแล้ว ภายใต้การไปมาหาสู่กนั ในเส้นทางใต้ดิน ฉี ฉินซูฮว่า
หญิงรับใช้ท้ งั สี่ กเ็ ป็ นบุปผาบานสะพรั่งที่ถูกเหมียวอี้เด็ดให้เหี่ ยวเฉาแล้วเช่นกัน ทุก ๆ สองวันจะอยู่
กับหนึ่งคน สุ ดท้ายก็ทาํ ให้สี่สาวกลายเป็ นผูห้ ญิงของตัวเองอย่างแท้จริ งเสี ยที เหมียวอี้นบั ว่าได้เสพสุ ข
กับวาสนา แต่ในใจก็ยมิ้ เจื่อนเหมือนกัน นี่ไม่ใช่ความรักที่เขาใฝ่ ฝันเหมือนเมื่อก่อน ทว่าเมื่อเดินมา
จนถึงระดับหนึ่ง ความรักระหว่างชายหญิงก็ยงั ต้องหลีกทางให้กบั สิ่ งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ จะ
ว่าเขาไม่จริ งใจก็ได้ จะว่าเขาดัดจริ ตก็ได้ เขามองว่าสิ่ งนี้คือการทําภารกิจให้เสร็ จสิ้ นอย่างแท้จริ ง ตอน
ที่อยูด่ ว้ ยกันยังต้องปฏิบตั ิตวั อย่างอ่อนโยนด้วย ทําให้ฉีฉินซูฮว่าจจําความดีของเขาเอาไว้ ส่ วนต้องรอ
อีกนานแค่ไหนถึงจะได้แตะต้องพวกนางอีกครั้ง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตอนที่ 994

การโต้ กลับของเซี่ยโห้ ว

ผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองคนหนึ่งของตลาดสวรรค์ วัน ๆ แทบจะไม่ตอ้ งทํางานอะไร ยามปกติมีปัญหา


เกิดขึ้นน้อยมาก นอกจากคนบ้าอย่างโค่วเหวินหลานกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง โดยทัว่ ไปก็ไม่มีใครกล้าก่อ
เรื่ องที่ในสถานที่แบบตลาดสวรรค์แล้ว ดังนั้นสถานการณ์จึงสงบมัน่ คง พวกงานเบ็ดเตล็ดหยุมหยิม
ย่อมมีลูกน้องระดับล่างไปจัดการ ส่ วนใหญ่เหมียวอี้จะอยูใ่ นสภาวะฝึ กตนอย่างสงบใจ
“สุ รานี้รสชาติใช้ได้เลยนะ เป็ นสุ ราอะไร?” อิงอู๋ตี๋ถาม
เวลาไม่มีธุระงานการอะไร ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋กจ็ ะมาดื่มสุ รากับเหมียวอี้ ก็เหมือนในตอนนี้ เก้าอี้นอนสาม
ตัวถูกจัดวางเป็ นสามมุม ตรงกลางวางโต๊ะไว้ตวั หนึ่ง ทั้งสามคนนอนเอนกาย ดื่มสุ ราดูดาวกันอย่าง
เกียจคร้าน รู ้สึกเบื่อหน่ายมากทีเดียว
ว่ากันตามจริ ง นี่ไม่ใช่ชีวติ ในพิภพใหญ่แบบที่ฝชู ิงกับอิงอู๋ตี๋จินตนาการไว้ เพราะสุ ขสบายจนไร้
เหตุผล เทียบไม่ติดกับความตื่นเต้นเร้าใจยามปล้นเกาะศักดิ์สิทธิ์ เทียบไม่ติดกับความระมัดระวังตัว
ตอนอยูท่ ะเลดาวนักษัตร อยูท่ ี่นี่แทบจะไม่มีภยั คุกคามอะไรเลย
“ภัตตาคารที่อยูท่ างฝั่งเหนือส่ งมาให้ ถ้ารู ้สึกว่าอร่ อยเดี๋ยวข้าจะให้คนสัง่ มาให้พวกท่านเยอะ ๆ ”
เหมียวอี้ตอบอย่างเกียจคร้าน
“ช่างเถอะ!” อิงอู๋ตี๋บ่นพึมพํา ใช้มือข้างหนึ่งยันหนุนศีรษะ พร้อมจิบสุ ราเบา ๆ
“เป่ าเหลียน ตรงนี้ไม่ตอ้ งรับใช้หรอก เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” เหมียวอี้หนั ไปมองเป่ าเหลียนที่ช่วยริ นสุ รา
ให้
“ไม่เป็ นไรค่ะ!” เป่ าเหลียนเอ่ยรับเบา ๆ แต่พอเห็นเหมียวอี้โบกมือ ก็ยงั ต้องถอยออกไป
จากนั้นเหมียวอี้กโ็ ยนแหวนเก็บสมบัติสองวงให้ฝชู ิงกับอิงอู๋ตี๋ “เอาไปใช้ก่อนแล้วกัน”
เขามอบยาแก่นเซี ยนให้คนละหนึ่งล้านเม็ด
หลังจากแยกย้ายกันตอนเที่ยงคืน อาศัยอารมณ์อนั สนุกสนานที่เกิดจากฤทธิ์สุรา เหมียวอี้แอบดําเข้าไป
ในบ่อนํ้าอย่างเงียบ ๆ ออกไปจากจวนผ่านทางใต้ดิน
เมื่อมีทางใต้ดินแล้ว เขาก็ไปที่ร้านโฉมเมฆาได้สะดวกเช่นเดียวกัน พอไปถึงทางแยก ก็ใช้ระฆังดารา
ติดต่อกับอวิน๋ จือชิว หลังจากปิ ดค่ายกลป้ องกันของร้านโฉมเมฆาชัว่ คราวแล้ว เขาถึงได้ล่วงลํ้าเข้าไป
พอเขาผ่านเข้าไป ค่ายกลป้ องกันก็ถูกเปิ ดใช้งานทันที
เมื่อปี นออกจากบ่อนํ้าของร้านโฉมเมฆา ก็เจอพ่อครัวที่กาํ ลังนัง่ สมาธิเฝ้ าอยูใ่ นตึกด้านหลังและหรี่ ตา
มองเขาแวบหนึ่ง จึงยิม้ ให้อีกฝ่ ายแล้วขึ้นไปบนตึกโดยตรง เขาไม่เกรงใจเลยสักนิด ร่ ายอิทธิฤทธิ์เปิ ด
ประตูหอ้ งของอวิน๋ จือชิวโดยตรง
ประตูมายาของชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์กาํ ลังเปิ ดรอเขาแล้ว เขาจึงบุกเข้าไปโดยตรง เจอกับอวิน๋ จือชิวที่กาํ ลัง
รอเขาอยูใ่ นลานบ้าน
เมื่อพบหน้ากัน อวิน๋ จือชิวก็ขมวดคิ้วถาม “ทําไมไม่สงบจิตสงบใจฝึ กตน จะวิง่ มาที่นี่ซ้ ี ซ้ วั ทําไม?”
“มาหาฮูหยินของตัวเองที่นี่ นับว่าวิง่ มาซี้ ซ้ วั ได้เหรอ?” เหมียวอี้กา้ วเข้ามาแล้วไม่พดู พรํ่าทําเพลง อุม้
นางเดินก้าวยาวเข้าไปในห้องนอนใหญ่ทนั ที
อวิน๋ จือชิวที่ถูกเขาอุม้ กลอกตามองบน “กลิ่นสุ ราเต็มตัว นี่เจ้ารู ้จกั อายบ้างรึ เปล่า มีคนมองอยูน่ ะ?”
เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ที่อยูข่ า้ ง ๆ กลั้นขํา เหมียวอี้จึงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “กลัวอะไร ไม่ใช่คนนอกเสี ย
หน่อย”
พอเข้ามาในห้องนอน เหมียวอี้ที่อาศัยฤทธิ์สุราก็อดใจรอไม่ไหว ซุกศีรษะเข้าไปในหน้าอกขาวอวบ
อิ่มของอวิน๋ จือชิว…
หลังจากทั้งสองได้ผอ่ นคลาย ก็นอนกอดกันอยูบ่ นเตียง เหมียวอี้ง่วงนอนอยากจะหลับ อวิน๋ จือชิวกลับ
ผลักเขาแล้วถามว่า “เป่ าเหลียนที่พกั อยูใ่ นเรื อนของเจ้านี่ยงั ไงกันปน่? พวกเจ้าสองคนคงไม่ได้นอน
ด้วยกันหรอกใช่ม้ ยั ?”
เหมียวอี้พึมพําตอบว่า “พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า เจ้าสํานักอวี้หลิงฝากฝังให้ขา้ ดูแล ถ้าปล่อยนางไว้
ในฝูงผูช้ ายจะไม่เหมาะสมไง”
อวิน๋ จือชิวพ่นเสี ยงทางจมูกแล้วบอกว่า “เอาไว้ขา้ งกายหมาป่ าอย่างเจ้าจะเหมาะเหรอ? สักวันก็ตอ้ ง
โดนเจ้าเขมือบ!”
“อย่ามาใส่ ร้ายกันสิ นอนเถอะ!” เหมียวอี้กอดเนื้อขาว ๆ ของนาง แล้วเริ่ มนอนกรนเบา ๆ ดูท่าทางจะ
สงบใจไร้ที่เปรี ยบ
ที่จริ งแล้วร้านที่เขามาบ่อยที่สุดก็คือที่นี่ ถึงแม้ร้านของสองพี่นอ้ งโอวหยางจะมีคนสวยเยอะและมี
เสน่ห์หลากหลาย แต่ที่มานอนกอดบ่อยที่สุดก็ยงั เป็ นที่นี่ มาทุก ๆ สามวันห้าวัน บอกไม่ถูกเหมือนกัน
ว่าเพราะอะไร ผูห้ ญิงคนอื่นต่อให้เย้ายวนใจและสวยแค่ไหน แต่สถานที่พกั ผ่อนที่แท้จริ งของเขาก็ยงั
เป็ นที่นี่ ตอนที่ได้กอดเรื อนร่ างหอมและอ่อนโยนของอวิน๋ จือชิว ดมกลิ่นหายหอมที่คุน้ เคยของนาง ก็
ให้ความรู ้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ทําให้เวลาพักผ่อนรู ้สึกสบายใจและสงบใจเป็ นพิเศษ
อวิน๋ จือชิวก็รู้สึกได้ถึงความคิดของเขาเช่นกัน นางมองเขาด้วยสี หน้าเอ็นดูทะนุถนอม ยืน่ มือไปลูบผม
เขาเบา ๆ จูบบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน แล้วก็มุดศีรษะไปในอ้อมอกของเขา ก่อนจะหลับตา
ลงอย่างหวานชื่น…
คนที่คุมตําหนักพ่อบ้านของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกในตอนนี้กค็ ือชิงเฟิ ง ลูกน้องที่ทาํ ธุระ
ประจําวันให้กค็ ือหูเฟย ผูห้ ญิงคนนี้เป็ นนางจิ้งจอกช่างยัว่ โดยธรรมชาติอย่างแท้จริ ง เวลาพูดจาก็
ออเซาะ ไม่วา่ จะเดินไปไหน หน้าอกขาวอวบอิ่มก็โผล่ออกมาครึ่ งหนึ่งเพือ่ ดึงดูดสายตาผูช้ ายเสมอ
ดังนั้นพวกเพื่อน ๆ ของเลี่ยหวนจึงชอบลวนลามนางเป็ นพิเศษ เลี่ยหวนไม่ไว้วางใจสุ ด ๆ จึงขอร้องให้
จัดหูเฟยให้เข้าไปอยูใ่ นตําหนักพ่อบ้าน ให้อยูแ่ ยกกับผูช้ ายพวกนั้น
เวลาหูเฟยไม่มีกิจธุระต้องทํา นางก็จะนัง่ อยูห่ ลังโต๊ะยาวหน้าตําหนักพ่อบ้าน วางเท้าเปลือยสองข้าง
พาดบนโต๊ะ ปากก็พึมพําร้องเพลงเบา ๆ ในมือถือตะไบอันเล็กถูเล็บที่นิ้วมือ ทําเอาทหารสวรรค์ที่เฝ้ า
อยูด่ า้ นนอกแอบมองมาบ่อย ๆ
หลังจากตะไบเล็บเสร็ จแล้ว ถ้ายังไม่มีเรื่ องอะไรมาให้จดั การอีก หูเฟยก็จะไม่ทาํ งานของทางการแล้ว
จะสัง่ ลูกน้องลงไปว่า มีธุระอะไรพรุ่ งนี้เช้าค่อยมาหาใหม่ ส่ วนนางก็จะแต่งตัวสวยออกไปเดินเล่นที่
ตลาด พอเดินเล่นเสร็ จกลับมา ถึงได้สงบจิตสงบใจฝึ กตน
นี่คือชีวติ อันเอ้อระเหยลอยชายหลังจากได้มาที่จวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออก แต่หูเฟยก็ชอบ
ชีวติ แบบนี้ นางรู ้สึกว่านี่ต่างหากถึงจะเรี ยกว่าชีวติ น่าสนใจกว่าอยูท่ ี่ป่าเขารกร้างอย่างทะเลดาว
นักษัตรตั้งเยอะ
ผูช้ ายอยูห่ ่างจากผูห้ ญิงไม่ได้ กลุ่มปี ศาจเฒ่าแทบจะไม่ได้พาคนในครอบครัวมาด้วยเลย ส่ วนใหญ่ยงั
ไม่มีครอบครัว คู่สามีภรรยาแบบเลี่ยหวนหาพบได้นอ้ ยมาก แต่ตอนอยูท่ ี่พภิ พเล็ก พวกเขาก็ไม่ได้ขาด
ผูห้ ญิงเช่นกัน แต่หลังจากมาที่พิภพใหญ่ จวนผูบ้ ญั ชาการก็หา้ มไม่ให้ไปนอนค้างอ้างแรมซี้ซ้ วั ตอน
หลังมีทหารสวรรค์คนอื่น ๆ แนะนํา กลุ่มปี ศาจเฒ่าจึงกลายเป็ นแขกประจําของหอโคมเขียว นี่กเ็ ป็ น
เรื่ องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน แม้แต่ฝชู ิงกับอิงอู๋ตี๋กไ็ ปเป็ นแขกในบางครั้ง รวมทั้งพวกบัณฑิตกับพ่อ
ครัวของร้านโฉมเมฆาด้วย อวิน๋ จือชิวก็ทาํ เป็ นปิ ดตาข้างเดียวเหมือนเดิม ตอนอยูท่ ี่ทะเลทรายม่าน
เมฆาก็เป็ นแบบนี้ ผูช้ ายในโลกนี้เข้าออกหอโคมเขียวกันเป็ นเรื่ องปกติมาก ไม่มีใครรู ้สึกว่ามีอะไรไม่
ถูกต้อง
ถึงแม้จะใจกว้างกับผูช้ ายคนอื่น แต่ไม่ได้แปลว่าจะใจกว้างกับผูช้ ายของตัวเอง อวิน๋ จือชิวเรี ยกได้วา่
เตือนเหมียวอี้ซ้ าํ แล้วซํ้าอีกว่าอย่าเอาเยีย่ งอย่าง ถ้ากล้าไปแตะต้องผูห้ ญิงสกปรกที่ใช้งานได้สาธารณะ
ที่หอโคมเขียวล่ะก็ ต่อไปก็อย่าได้มาแตะต้องนางอีกเลยตลอดชีวติ แถมนางยังจะสู ต้ ายกับเหมียวอี้
ด้วย ถึงอย่างไรก็ใช่วา่ ในบ้านจะไม่มีผหู ้ ญิง แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็ไม่เคยห้ามเวลาที่เจ้าไปหาสองพี่นอ้ ง
โอวหยาง สรุ ปก็คือไม่อนุญาตให้เหมียวอี้ไปที่หอโคมเขียว ขีดเส้นตายไว้ให้เหมียวอี้ชดั เจน
ที่จริ งนับว่าเหมียวอี้ควบคุมตัวเองได้ดีกบั เรื่ องพวกนี้ แต่กเ็ กิดเรื่ องกับบางคนแล้ว เกิดเรื่ องกับเลี่ยหวน
แล้ว!
ถึงแม้หูเฟยจะเป็ นคนสวยเย้ายวนใจ แต่เมื่ออยูด่ ว้ ยกันนาน ๆ ก็เบื่อเหมือนกัน ทั้งยังไม่ขาดผูห้ ยิงเท่า
ตอนอยูห่ ุบเขาเพลิงนภาด้วย เลี่ยหวนจึงทนการชักชวนของพวกเพื่อน ๆ ทหารไม่ไหว คุยว่าดานเด่น
ร้านไหนเป็ นยังไง คุยจนเลี่ยหวนเกือบนํ้าลายไหล จึงออกไปมัว่ กับเขาด้วยเหมือนกัน
เขาเองก็เจ้าเล่ห์เหมือนกัน เป็ นกระต่ายที่ไม่กินหญ้าในรัง วิง่ ไปที่หอโคมเขียวเขตเมืองตะวันตก เขต
เมืองเหนือ เขตเมืองใต้โดยเฉพาะ คิดว่าทําแบบนี้แล้วจะหลบพ้นสายตาคนรู ้จกั จะได้ไม่ให้ฮูหยินของ
ตัวเองจับได้ แต่ผลปรากฏว่าไม่รู้ใครทําเสี ยเรื่ อง ข่าวหลุดไปถึงหูหูเฟย โดนหูเฟยจับได้คาหนังคาเขา
ที่เขตเมืองเหนือ เกิดเรื่ องราวใหญ่โตทันที!
หูเฟยประสาทเสี ยแล้ว! นอกจากฆ่าผูห้ ญิงที่กาํ ลังร่ วมรักกับเลี่ยหวนตายคาที่ นางกับต่อสู ก้ บั เลี่ยหวน
อีกด้วย ทําให้หอโคมเขียวของคนอื่นพัง
แบบนี้กแ็ ย่น่ะสิ คนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือก็ไม่ใช่เล่น ๆ จับตัวสองสามีภรรยาไปทันที
หลังจากยืนยันตัวตนแล้ว ก็ให้คนของจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกไปรับตัวเอง เรื่ องนี้
กลายเป็ นเรื่ องตลกไปแล้ว เหมียวอี้ไม่สะดวกจะออกหน้า แบบนี้มนั ใช่เรื่ องเหรอ? เขาให้ฝชู ิงไปรับ
ตัวลูกน้องเอง
ทว่าให้ฝชู ิงไปกลับไม่มีประโยชน์ อีกฝ่ ายไม่ยอมปล่อย จะให้เหมียวอี้ไปรับด้วยตัวเองให้ได้
“ผูบ้ ญั ชาการมู่หรง เป็ นคนกันเองทั้งนั้น เรื่ องแบบนี้ไม่จาํ เป็ นต้องให้ผบู ้ ญั ชาการใหญ่โค่วออกหน้า
ด้วยตัวเองหรอกมั้ง?”
หลังจากมาถึงจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือ และได้พบกับผูบ้ ญั ชาการมู่หรงซิงหัวแล้ว เหมียวอี้ก็
เรี ยกได้วา่ หน้าด้านขอร้อง อีกฝ่ ายต้องการจะจัดการตามกฏระเบียบ การฆ่ากันตายในตลาดสวรรค์
ไม่ใช่เรื่ องเล็ก ๆ ในฐานะที่เขาเป็ นคุณชายห้าของทะเลดาวนักษัตร เป็ นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจ!
มิหนําซํ้าเรื่ องนี้กไ็ ม่ใช่เรื่ องเล็ก ๆ คนที่สามารถเปิ ดหอโคมเขียวตลาดสวรรค์ได้ แสดงว่าอํานาจที่
หนุนหลังไม่ใช่นอ้ ย ๆ ถ้าเขาไม่ออกหน้าเองก็จดั การเรื่ องนี้ไม่ได้
เมื่อเห็นเขาอ้างชื่อโค่วเหวินหลาน มู่หรงซิ งหัวก็แสยะยิม้ แล้วบอกว่า “เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก!”
เหมียวอี้พดู ไม่ออก รู ้วา่ อีกฝ่ ายกําลังว่าเรื่ องที่ตนไปชอบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว แต่กน็ บั ว่ายังไว้หน้าโค่วเห
วินหลาน มู่หรงซิงหัวรับปากว่าจะปล่อยคน แต่ความเสี ยหายที่เกิดขึ้นก็ยงั ต้องชดใช้ แถมทางหอโคม
เขียวก็ตอ้ งการให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง ขอเพียงหอโคมเขียวไม่เอาเรื่ อง นางถึงจะปล่อยผ่านไปได้
ดังนั้นเหมียวอี้จึงต้องไปหาแม่เล้าของหอโคมเขียวด้วยตัวเอง ว่ากันตามจริ ง ดูจากอํานาจที่หนุนหลัง
อีกฝ่ ายแล้ว อีกฝ่ ายก็ไม่จาํ เป็ นต้องไว้หน้าเหมียวอี้เหมือนกัน แถมนี่กไ็ ม่ใช่อาณาเขตของเหมียวอี้
เหมียวอี้ควบคุมไม่ได้ อีกฝ่ ายมีอะไรให้กลัวล่ะ สุ ดท้ายก็ยงั พิจารณาว่าเหมียวอี้มีโค่วเหวินหลานคุม้
กะลาหัวอยู่ นับว่าเห็นแก่หน้าโค่วเหวินหลาน ให้ชดใช้เงินเพื่อจบเรื่ อว
หลังจากรับตัวเลี่ยหวนกับหูเฟยกลับมาแล้ว เหมียวอี้กต็ ะคอกด้วยสี หน้าบึ้งตึง “ข้าเสี ยหน้าหมดแล้ว นี่
เป็ นครั้งแรกที่ขา้ ต้องไปขอโทษที่หอโคมเขียว วันหลังเรื่ องนี้ตอ้ งแพร่ ไปทั้งตลาดสวรรค์แน่นอน พี่
รอง คนของท่าน ท่านจัดการเอาเองเถอะ!”
ฝูชิงก็โมโหเหมือนกัน ไม่นานก็สืบได้วา่ คนที่ช้ ีนาํ ให้หูเฟยไปหาเลี่ยหวนคือใคร เรื่ องราวใหญ่โต
ขนาดนี้ หูเฟยก็ไม่กล้าปิ ดบังเช่นกัน : ราชากระดูกขาว!
ราชากระดูกขาวกับเลี่ยหวนมีความสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างดี นี่เป็ นการหาความบันเทิงเพราะเบื่อ
หน่ายแท้ ๆ แต่ใครจะคิดว่าหูเฟยจะทําให้เรื่ องราวใหญ่โตขนาดนี้ ผลก็เลยแย่มาก!
ชิงเฟิ งลงโทษตามคําพิพากษาด้วยสี หน้าเย็นเยียบ ซ้อมทั้งสามจนสาหัสปางตาย ทั้งหมดโดนซ้อมจน
มือเท้าหัก ห้ามไม่ให้ท้ งั สามติดต่อกันเลยภายในหนึ่งเดือน ต้องให้ท้ งั สามได้รับความเจ็บปวดทรมาน
เป็ นเวลาหนึ่งเดือน ลดเงินเดือนเพื่อลงโทษทั้งสามก็ยงิ่ หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากจบเรื่ องนี้ หูเฟยก็ยงิ่ เปิ ดกว้างขึ้น พูดจาออเซาะยิง่ กว่าเดิม ถึงขั้นโอบไหล่กบั ผูช้ ายคนอื่นอย่าง
โจ่งแจ้ง เลี่ยหวนรู ้สึกกลัวขึ้นมาทันที ขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์ ทําได้เพียงเฝ้ าดูอย่างใกล้ชิด กลัว
ตัวเองจะโดนสวมเขา
นี่คือเรื่ องน่ารําคาญใจที่เกิดขึ้นเพราะว่างเกินไป แต่สาํ หรับการฝึ กตน สภาพแวดล้อมแบบนี้เหมาะสม
ที่สุดแล้ว แต่ความยุง่ ยากที่ควรจะมาก็ยงั ต้องมา
ในจวนผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ผูบ้ ญั ชาการทั้งสี่ รวมตัวกันรออยู่ พวกเขากระซิ บกระซาบคุยกัน ไม่รู้วา่ จู่ ๆ ผู ้
บัญชาการใหญ่เรี ยกพบด้วยเรื่ องอะไร
เมื่อเห็นโค่วเหวินหลานออกมา ทุกคนก็ทาํ สี หน้าจริ งจังทันที แล้วคํานับพร้อมกัน “คํานับผูบ้ ญั ชาการ
ใหญ่!”
ไม่กี่ปีมานี้ ใบหน้าของโค่วเหวินหลานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็ นขาวขึ้นแล้ว แต่ในตอนนี้เหมือนจะสี หน้า
ค่อนข้างจริ งจังหนักแน่น กวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วกล่าวเสี ยงตํ่าว่า “คาดว่าพวกเจ้าคงจะรู ้แล้ว
ปี หน้าตําหนักสวรรค์จะสุ่ มทดสอบครั้งแรกในรอบพันปี ข้ารู ้สถานการณ์มาล่วงหน้าจากแหล่งข่าว
ระดับที่จะต้องสุ่ มทดสอบครั้งนี้คือระดับผูบ้ ญั ชาการอย่างพวกเจ้า จะสุ่ มผูบ้ ญั ชาการหนึ่งพันคนจากที่
ต่าง ๆ มาทําการทดสอบ ดูวา่ สามารถปฏิบตั ิหน้าที่ได้ดีหรื อเปล่า!”
ทั้งสี่ ตะลึงงัน การสุ่ มทดสอบแบบนี้ สุ่ มเฉพาะระดับผูบ้ ญั ชาการใหญ่ข้ ึนไปไม่ใช่เหรอ ผูบ้ ญั ชาการ
เล็ก ๆ อย่างพวกเรามีอะไรน่าทดสอบ? มู่หรงซิงหัวผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองเหนือกุมหมัดถามว่า “ฟังจาก
ที่ผบู ้ ญั ชาการใหญ่กล่าว หรื อว่าหนึ่งในพวกเราสี่ คนจะมีคนโดนสุ่ มแล้ว?”
“ในบรรดาพวกเจ้าสี่ คน โดนเลือกกันทั้งหมด!” โค่วเหวินหลานตอบอย่างชัดถ่อยชัดคํา
ทั้งสี่ พดู ไม่ออกไปครู่ หนึ่ง เรื่ องนี้ผดิ ปกติเกินไปแล้ว
“ผูบ้ ญั ชาการจากที่ต่าง ๆ มีเยอะจนนับไม่ถว้ น สุ่ มเลือกจากหนึ่งพันคน ทําไมบังเอิญสุ่ มได้พวกเราสี่
คนพอดีเลยล่ะขอรับ?” หยางไท่ผบู ้ ญั ชาการเขตเมืองใต้ถาม
โค่วเหวินหลานตอบด้วยเสี ยงทุ่มตํ่าว่า “เรื่ องนี้ขา้ สื บมาชัดเจนแล้ว เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเล่นไม่ซื่ออยู่
เบื้องหลัง หลังจากเขาถูกคุมตัวไปรับโทษที่ตาํ หนักสวรรค์เสร็ จ ก็เข้าร่ วมเป็ นที่ปรึ กษาในการสุ่ ม
ทดสอบครั้งนี้ ครั้งนี้เลยสุ่ มระดับผูบ้ ญั ชาการ เจ้าบ้านี่มนั สร้างผลงานอยูเ่ บื้องหลังไม่นอ้ ยเลย!”
ตอนที่ 995

ภูมหิ ลังสู งทะลุฟ้า

เซี่ยโห้วหลงเฉิง? ที่แท้กเ็ ป็ นเจ้าบ้านี่เองเหรอ! เหมียวอี้กบั สวีถงั หรานรํ่าร้องในใจพร้อมกัน ทําไมไอ้


หมีควายนัน่ ไม่ไปตายซะ ช่างเป็ นผีที่วญ
ิ ญาณไม่สูญสลาย!
ทุกคนเข้าใจในชัว่ พริ บตาเดียว ไม่ตอ้ งพูดแล้ว ถึงแม้อีกฝ่ ายจะเป็ นแค่ที่ปรึ กษาที่ทาํ งานแทนคนอื่น
แต่กช็ ่วยไม่ได้ที่มีอาํ นาจหนุนหลังแข็งแกร่ ง! ทําให้เกิดการสุ่ มทดสอบระดับผูบ้ ญั ชาการได้ ก็ชดั เจน
แล้วว่าพุง่ เป้ ามาทางนี้ ครั้งก่อนโดนโค่วเหวินหลานกดดันให้ออกไป ครั้งนี้อีกฝ่ ายกลับมาโต้ตอบแล้ว
ถ้าไม่ได้ชาํ ระแค้นก็ไม่ยอมเลิกรา!
พอได้ยนิ ชื่อเซี่ยโห้วหลงเฉิง มู่หรงซิงหัวกับหยางไท่กม็ องไปทางเหมียวอี้กบั สวีถงั หรานแทบจะ
พร้อมกัน หลังจากเหมียวอี้เห็นสายตาของทั้งสอง ตัวเองก็ไม่อยากเป็ นตัวการเพียงคนเดียวในสายตา
ทุกคน จึงหันไปมองสวีถงั หราน ราวกับกําลังบอกว่าไม่เกี่ยวกับข้านะ ทั้งหมดเป็ นเพราะสวีถงั หราน
ที่จริ งเซี่ยโห้วหลงเฉิ งจะมาคิดบัญชีกบั เหมียวอี้หรื อไม่ เขาเองก็ไม่มีความมัน่ ใจเลยสักนิด ทําได้เพียง
รํ่าร้องในใจ เจ้าหมีควายเซี่ยโห้วหลงเฉิ งนัน่ เรี ยนรู ้จนฉลาดแล้ว เมื่อก่อนใช้กาํ ลังปะทะตรง ๆ แล้ว
เสี ยเปรี ยบบ่อย ตอนนี้รู้จกั เล่นสกปรกลับหลังแล้ว อาศัยภูมิหลังของเจ้าบ้านัน่ ถ้าเล่นสกปรกขึ้นมา ก็
จะเล่นถึงขั้นมีคนตายแน่นอน
เหมียวอี้สงสัยว่าเรื่ องนี้มีใครออกความคิดให้เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งอยูเ่ บื้องหลังหรื อไม่ ไม่อย่างนั้นอาศัย
สมองอย่างเซี่ ยโห้วหลงเฉิง ก็ไม่มีทางอดทนรอเวลาอย่างช้า ๆ เพื่อล้างแค้นแบบนี้ได้เลย
ถึงแม้แขนของสวีถงั หรานจะงอกออกมาแล้ว แต่ในใจกลับเป็ นทุกข์มาก เขายังจดจําดาบนั้นของ
เซี่ ยโห้วหลงเฉิงได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้น มันแทบจะฟันเขาขาดครึ่ งท่อนแล้ว
ที่จริ งเขารับตําแหน่งผูบ้ ญั ชาการนี้ได้อย่างน่าสงสารมากทีเดียว เมื่อเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งบุกมาคราวนั้น
ประกอบกับคําเตือนตอนที่เซี่ยโห้วหลงเฉิ งโดนจับไป หลังจากเขาได้นงั่ รักษาการณ์ที่จวนผูบ้ ญั ชาการ
เขตเมืองตะวันตก ยามปกติกแ็ ทบจะไม่กล้าออกจากประตูจวนเลย กลัวว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งจะโผล่มา
เอาดาบฟันอีก คนบ้าอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น เป็ นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุข้ ึน
ซํ้าอีกครั้ง สิ่ งนี้แทบจะกลายเป็ นอาการป่ วยจิตของเขา ตอนนี้พอได้รู้วา่ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งเล่นแบบนี้ ก็
ขนหัวลุกจนสติไม่อยูก่ บั เนื้อกับตัว ความคิดแรกก็คือพุง่ เป้ ามาที่เขา ดีไม่ดีถา้ ไม่เล่นงานเขาจนถึงตาย
อีกฝ่ ายก็อาจจะไม่เลิกรา!
หลังจากสบตากับหยางไท่แวบหนึ่ง ในที่สุดมู่หรงซิ งหัวก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ข้าน้อยกับหยางไท่ไม่
มีความแค้นกับเซี่ ยโห้วหลงเฉิง เขาจะนับพวกเราสองคนไปด้วยทําไม?”
โค่วเหวินหลานตอบว่า “คิดบัญชีหนิวโหย่วเต๋ อกับสวีถงั หรานเป็ นแค่ส่วนหนึ่ง ที่นบั พวกเจ้าสองคน
ไปด้วยก็ยอ่ มเป็ นเพราะพุง่ เป้ ามาที่ขา้ ลองคิดดูสิ ถ้าใต้สงั กัดข้าไม่มีผบู ้ ญั ชาการที่เหมาะสมกับ
ตําแหน่งเลยสักคน นัน่ ก็แปลว่าผูบ้ ญั ชาการใหญ่อย่างข้าก็ไม่เหมาะสมกับตําแหน่งเหมือนกัน ไม่
เข้าใจว่าจะเป็ นผูบ้ ญั ชาการที่ดีได้ยงั ไง จะได้ฉวยโอกาสดึงข้าลงจากตําแหน่งเพื่อล้างความอัปยศ!”
มู่หรงซิ งหัวกับหยางไท่สบตากันแวบหนึ่ง ได้แอบทอดถอนใจ พวกเราไปมีเรื่ องกับใครเสี ยที่ไหนล่ะ
อยูด่ ี ๆ ก็ลาํ บากไปด้วยแบบนี้ ไม่ได้รับความเป็ นธรรม!
“ในเมื่อผูบ้ ญั ชาการใหญ่รู้วา่ เซี่ยโห้วหลงเฉิ งพุง่ เป้ ามาที่ท่าน เหตุใดท่านจึงไม่หา้ มล่ะ?” หยางไท่ถาม
โค่วเหวินหลานตอบว่า “แต่ไหนแต่ไรมา ถ้าเซี่ ยโห้วหลงเฉิงมีความแค้นก็จะล้างแค้นทันที พอเรื่ องนี้
เปิ ดเผยออกมา ก็ดูไม่เหมือนนิสยั ของเซี่ ยโห้วหลงเฉิงเลย ตอนแรกข้ายังไม่สงั เกต แต่หลังจากรอจน
แน่ใจเรื่ องนี้แล้ว รอจนชื่อของพวกเจ้าถูกรายงานขึ้นไปรวมกับหนึ่งพันรายชื่อ จนได้รับการอนุมตั ิ
จากราชันสวรรค์แล้ว คําสัง่ ของราชันสวรรค์จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ต่อให้มีคนสามารถโน้มน้าว
ราชันสวรรค์ให้ยกเลิกคําสัง่ ได้ แต่คงไม่เอ่ยปากเพื่อคนตํ่าต้อยไร้ความสําคัญอย่างพวกเราหรอก
ดังนั้นเรื่ องนี้จึงหลีกเลี่ยงได้ยากแล้ว!”
พวกลูกน้องพูดไม่ออก โดยเฉพาะสวีถงั หราน สี หน้าซีดเผือดไปแล้ว กําลังหวาดกลัวว่าเซี่ ยโห้วหลง
เฉิงจะใช้วธิ ีการอะไรทําให้เขาตาย
จู่ ๆ โค่วเหวินหลานก็ยนื ขึ้น “ข้ารู ้วา่ ทุกคนเดาประวัติภูมิหลังของข้าออก วันนี้ผบู ้ ญั ชาการคนนี้จะ
บอกความจริ งให้ทุกคนรู ้ อ๋ องสวรรค์โค่ว หนึ่งในอ๋ องสวรรค์ของตําหนักสวรรค์คือปู่ ของข้าเอง!”
ทุกคนอึ้งทันที แต่กลับไม่แปลกใจ ที่จริ งทุกคนเดาออกตั้งนานแล้วว่าเขามาจากตระกูลโค่ว คนที่มี
อํานาจหนุนหลังใหญ่ขนาดนั้นที่ตาํ หนักสวรรค์ ทั้งยังแซ่โค่ว ก็คงจะมีแค่ท่านนั้นแล้ว เพียงแต่นึกไม่
ถึงว่าโค่วเหวินหลานจะเป็ นหลานชายของอ๋ องสวรรค์โค่ว แต่กไ็ ม่รู้เหมือนกันว่าในบรรดาหลานของ
อ๋ องสวรรค์โค่ว เขามีฐานะเป็ นอย่างไร
“ภูมิหลังของเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าข้า อาหญิงของเขาเป็ นราชินีสวรรค์ เป็ นมารดาแห่ง
ใต้หล้า ไม่ได้อยูใ่ นลําดับอาวุโส แต่เป็ นอาแท้ ๆ !” โค่วเหวินหลานกล่าวเสริ มอย่างช้า ๆ
เรื่ องนี้ทุกคนก็เดาได้แล้วเหมือนกัน ราชินีสวรรค์คนปั จจุบนั แซ่เซี่ยโห้ว ทุกคนสงสัยนานแล้วว่า
เซี่ยโห้วหลงเฉิงมาจากตระกูลเซี่ ยโห้ว เพียงแต่เดาไม่ถูกว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร และนึกไม่ถึงจริ ง ๆ
ว่าเซี่ ยโห้วหลงเฉิงจะเป็ นหลานชายแท้ ๆ ของราชินีสวรรค์ ภูมิหลังแบบนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว นี่เป็ น
ภูมิหลังที่อยูร่ ะดับสูงสุ ดแล้ว สวีถงั หรานตกใจจนแทบเข่าอ่อน
แต่สิ่งที่ท้ งั สี่ สงสัยก็คือ ถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีคนหนุนหลังใหญ่ขนาดนั้น ทําไมโค่วเหวินหลานถึงกล้า
สูก้ บั เซี่ ยโห้วหลงเฉิงล่ะ?
สุ ดท้ายก็ยงั เป็ นโค่วเหวินหลานที่เปิ ดเผยเบื้องลึกของตัวเอง “ข้ารู ้วา่ ทุกคนกําลังคิดอะไร ที่จริ ง
เรื่ องราวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด ราชินีสวรรค์กค็ ือราชินีสวรรค์ ตระกูลเซี่ ยโห้วก็คือตระกูล
เซี่ ยโห้ว ถึงอย่างไรเซี่ ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้รับความเอ็นดูจากตระกูลเซี่ ยโห้วสักเท่าไร เหตุผลก็ไม่
ซับซ้อนเลย ทุกคนก็รู้จกั นิสยั เซี่ยโห้วหลงเฉิงดี เป็ นไปไม่ได้ที่ตระกูลเซี่ ยโห้วจะใช้ให้ปฏิบตั ิหน้าที่
ในตําแหน่งสําคัญ ดังนั้นทุกคนจึงไม่ตอ้ งกลัว ถึงแม้เรื่ องสุ่ มทดสอบครั้งนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว แต่
ข้าก็หาคนไปเข้าร่ วมด้วยเหมือนกัน ไม่ให้เซี่ยโห้วหลงเฉิ งทําอะไรพวกเจ้าอย่างโจ่งแจ้งแน่ แต่พวก
เจ้าต้องพยายามอย่างสุ ดความสามารถเพื่อให้ผา่ นการทดสอบครั้งนี้…ข้าจะพูดให้ชดั เจนกว่านี้อีก
หน่อยแล้วกัน การทดสอบของพวกเจ้าครั้งนี้สาํ คัญกับข้ามาก ถ้าถ่วงขาให้ขา้ ถอยหลัง ในภายหลังถ้า
เซี่ยโห้วหลงเฉิ งจะทําอะไรกับพวกเจ้า นัน่ ก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว แต่ถา้ ใครสามารถทดสอบได้อนั ดับดี ๆ
ไม่ชา้ ก็เร็ วที่ตาํ แหน่งผูบ้ ญั ชาการใหญ่ของข้าจะเป็ นของเขา แล้วข้าจะบรรจุเขาให้เป็ นข้ารับใช้ของ
ตระกูลโค่วด้วย ในภายหลังถ้าพบปัญหาความยุง่ ยากอะไร ตระกูลโค่วของข้าจะไม่นิ่งดูดายแน่!”
เมื่อได้ยนิ แบบนี้ ทุกคนก็ท้ งั ตกใจทั้งดีใจ! เหมียวอี้พึมพําในใจ สงสัยว่าระหว่างโค่วเหวินหลานกับ
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็ นอย่างไรกันแน่ ดูจากที่พวกเขาสองคนสู ก้ นั เหมือนจะไม่ใช่เพราะหวงฝู่ จวินโหร
วอย่างเดียว เมื่อใช้เวลาอยูด่ ว้ ยกันนาน ๆ เขาก็มองออก ว่าที่จริ งโค่วเหวินหลานไม่ได้สนใจหวงฝู่ จวิน
โหรวสักเท่าไรเลย เป็ นเพราะรู ้วา่ เซี่ยโห้วหลงเฉิงชอบหวงฝู่ จวินโหรว เขาถึงได้มาแย่งชิง แต่พอ
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่าโค่วเหวินหลานจะไปมาหาสู่กบั หวงฝู่ จวินโหรวอีก ในนั้นมีเบื้อง
ลึกเบื้องหลังอะไรกันแน่?
“ผูบ้ ญั ชาการใหญ่ ไม่ทราบว่าจะทดสอบอะไรขอรับ?” เหมียวอี้กมุ หมัดถาม แล้วบอกว่า “ถ้ารู ้แต่เนิ่น
ๆ พวกเราจะได้เตรี ยมตัวล่วงหน้า”
โค่วเหวินหลานตอบว่า “ที่บอกให้พวกเจ้ารู ้ล่วงหน้าตอนนี้ ก็เพราะอยากให้พวกเจ้าเตรี ยมตัวได้อย่าง
เต็มที่ ส่ วนจะทดสอบหัวข้ออะไร ตอนนี้ยงั ไม่มีหวั ข้อออกมา หลัก ๆ เป็ นเพราะป้ องกันไม่ให้มีคน
โกง หัวข้อทดสอบเป็ นเรื่ องสําคัญ เกรงว่าคงรอให้ใกล้ถึงเวลาค่อยตัดสิ นใจ ตอนนี้ยงั เหลือเวลาอีก
หนึ่งปี ก่อนทดสอบ พวกเจ้าเตรี ยมใจไว้ก่อนเถอะ ข้าจะคอยช่วยเฝ้ าสื บข่าวให้พวกเจ้าตลอดเวลา จะ
ช่วยพวกเจ้าเตรี ยมตัวจากอีกด้านหนึ่ง ไม่ให้พวกเจ้าแพ้ต้ งั แต่เริ่ มต้น”
“ขอบคุณผูบ้ ญั ชาการใหญ่!” ทุกคนทําได้เพียงกล่าวขอบคุณแบบปากไม่ตรงกับใจ จากนั้นก็แยกย้าย
กันไป
แต่เหมียวอี้กลับยังไม่รีบไป
โค่วเหวินหลานเหมือนดูออกว่าเขามีอย่างอื่นจะพูด จึงถามว่า “ยังมีคาํ ถามอะไรอีก?”
เหมียวอี้ตอบอย่างลังเลว่า “ผูบ้ ญั ชาการใหญ่ เพื่อที่จะรับมือกับการทดสอบ ข้าอยากจะหาที่ที่
เหมาะสมเพื่อเก็บตัวฝึ กฝนทักษะการต่อสู ้ อาจจะต้องจากที่นี่ไปสักระยะหนึ่ง อยากจะลาหยุดก่อน
ขอรับ”
“ฝึ กฝนทักษะการต่อสูเ้ หรอ?” โค่วเหวินหลานสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมาลูบหน้าอย่างสงสัยครู่ หนึ่ง
แล้วพยักหน้าตอบทันที “วรยุทธ์ของเจ้าตํ่าไปหน่อย การทดสอบครั้งนี้ทาํ ให้เจ้าลําบากจริ ง ๆ ถ้า
อยากจะบรรลุวรยุทธ์ภายในเวลาสั้น ๆ ก็เป็ นไปไม่ได้ เพิ่มพูนทักษะการต่อสู ก้ เ็ ป็ นวิธีที่ดีเหมือนกัน
เพียงแต่เวลาหนึ่งปี จะได้ผลเหรอ?”
“พอจะหาต้นสายปลายเหตุได้บา้ งแล้ว อาจจะต้องใช้สภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อช่วยกระตุน้ ไม่วา่
อย่างไรก็ตอ้ งลองดูก่อนขอรับ” เหมียวอี้ตอบ
“ไปเถอะ! ก่อนไปอย่าลืมจัดการงานของเขตเมืองตะวันออกให้เรี ยบร้อย” โค่วเหวินหลานตอบรับ
อย่างสบายใจแล้ว
“ขอบคุณที่ผบู ้ ญั ชาการใหญ่ช่วยให้สมปรารถนา!” เหมียวอี้กล่าวขอบคุณแล้วขอตัวออกมา
หลังจากออกจากตําหนักคุม้ เมือง กลับพบว่าสวีถงั หรานยังไม่กลับไป เหมียวอี้ยงั นึกว่าเขามีธุระกับผู ้
บัญชาการใหญ่ แต่ตอนที่กมุ หมัดอําลากลับโดนสวีถงั หรานดึงแขนไว้ “ผูบ้ ญั ชาการหนิว คืนนี้วา่ ง
มั้ย?”
“ไม่วา่ ง!” เหมียวอี้ไม่สนใจว่าเขาจะมีธุระอะไร ปฏิเสธไปอย่างนั้นเสี ยเลย แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคย
เกรงใจสวีถงั หรานอยูแ่ ล้ว ตอนแรกไม่ได้ฆ่าเจ้าเวรนี่ทิ้ง โรงภัยแฝงที่จะกําเริ บตอนหลังยังคงอยู่
“เฮ้อ! น้องชาย…น้องชาย…” สวีถงั หรานรี บดึงแขนเขาไว้ แล้วยิม้ สู ้ “ไว้หน้าสักครั้งเถอะ คืนนี้ใน
จวนของข้าจัดงานเลี้ยง แถมยังเชิญผูบ้ ญั ชาการหรงมู่กบั ผูบ้ ญั ชาการหยาง พวกเขาตอบตกลงที่จะไป
ร่ วมงานเลี้ยงแล้ว จะขาดเจ้าไปสักคนได้อย่างไร สามขาดหนึ่งจะดูไม่ดีใช่ม้ ยั ล่ะ? เดี๋ยวข้าเชิญเสวีย่
หลิงหลงจากหอกลิ่นสวรรค์มาช่วยเพิ่มความบันเทิง เป็ นอย่างไร?”
“เจ้าคิดจะทําอะไรกันแน่?” เหมียวอี้สงสัย
“ย่อมเกี่ยวข้องกับเรื่ องการทดสอบครั้งนี้ของพวกเราอยูแ่ ล้ว”
“การทดสอบ?” เหมียวอี้พมึ พํา มองเขาศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ก็ได้ ถ้าถึงเวลาแล้วว่างข้า
จะไป” พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วเดินก้าวยาวออกไป
“ถึงตอนนั้นข้าจะส่ งคนไปเชิญน้องชายนะ!” สวีถงั หรานรี บตะโกนเสริ มอย่างร่ าเริ ง
เมื่อกลับมาที่เขตเมืองตะวันออก เหมียวอี้กย็ งั ไม่กลับจวนผูบ้ ญั ชาการ ขณะที่กาํ ลังครุ่ นคิดถึงเรื่ องนี้
เขาก็เดินมาถึงร้านโฉมเมฆาโดยไม่รู้ตวั
ขณะกําลังจะเดินเข้าไป เขาหันกลับมาแล้วพบว่าเป่ าเหลียนที่ทาํ หน้าที่ถ่ายทอดคําสัง่ อยูข่ า้ งกายเขา
ยังคงติดตามเขาอยู่ จึงยิม้ พร้อมบอกว่า “ที่ขา้ ไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“ค่ะ!” เป่ าเหลียนเอ่ยรับ ขณะมองร่ างเขาเดินเข้าร้านโฉมเมฆาไป ในดวงตาก็ฉายแววสับสน เรื่ องที่
เหมียวอี้กาํ ลังตามจีบเถ้าแก่เนี้ยร้านนี้ นางเองย่อมได้ยนิ ข่าวมาแล้วเหมือนกัน
พอเข้ามาข้างในแล้วถามบัณฑิตที่อยูห่ ลังโต๊ะคิดเงินว่าเถ้าแก่เนี้ยอยูห่ รื อไม่ ถึงได้รู้วา่ หวงฝู่ จวินโหรว
ก็อยูเ่ หมือนกัน เหมียวอี้หนั เลี้ยวเตรี ยมจะหนี แต่กห็ ยุดฝี เท้ากะทันหัน คิดไปคิดมาก็ตดั สิ นใจว่าเข้าไป
ด้านหลังดีกว่า
ในศาลาของลานบ้านด้านหลังที่มีภูเขาปลอมเป็ นฉากกั้น อวิน๋ จือชิวกําลังพูดคุยยิม้ แย้มกับหวงฝู่ จวิน
โหรว
เหมียวอี้เดินอ้อมภูเขาปลอมเข้ามา แล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิม้ “เถ้าแก่เนี้ย…ผูจ้ ดั การ
ร้านหวงฝู่ ก็อยูด่ ว้ ยเหรอ?”
หลังจากสองสาวยืนขึ้นแล้ว อวิน๋ จือชิวก็แสร้งคํานับอย่างสงบเสงี่ยม “คํานับผูบ้ ญั ชาการหนิวค่ะ”
“ผูบ้ ญั ชาการหนิว!” หวงฝู่ จวินโหรวยิม้ หยอกเย้า ทําให้เหมียวอี้คอ่ นข้างอึดอัด
อวิน๋ จือชิวที่หางตากําลังสังเกตปฏิกิริยาของทั้งสองเลิกคิ้วเล็กน้อย จาดนั้นก็เชิญให้นงั่ แล้วสัง่ ให้เชียน
เอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์นาํ นํ้าชามาวาง
“สาวสวยสองคนกําลังคุยอะไรกันอยูท่ ี่นี่ ดูท่าทางเบิกบานใจเชียว?” เหมียวอี้นงั่ ลงพร้อมกล่าวกลั้ว
หัวเราะ
หวงฝู่ จวินโหรวยิม้ อย่างสนิทสนมพร้อมตอบว่า “กําลังถามว่าสามีของพี่อวิน๋ จะมาเมื่อไร อยากจะชื่น
ชมความสง่างามสักครั้ง”
อวิน๋ จือชิวหัวเราะแล้วพูดต่อว่า “น้องหวงฝู่ สนใจสามีของข้าขนาดนี้ ข้าไม่กล้าพาเขามาแล้วล่ะ ถ้า
น้องหวงฝู่ ถูกใจเขาขึ้นมาจะทําอย่างไรล่ะ?”
คําพูดนี้…เหมียวอี้กาํ หมัดแล้วไอแห้ง ๆ แต่ใครจะคิดว่าหวงฝู่ จวินโหรวกลับพูดเสริ มอีกว่า “ข้าร้อน
ใจแทนผูบ้ ญั ชาการหนิว ใคร ๆ ก็รู้ถึงความจริ งใจที่ผบู ้ ญั ชาการหนิวมีให้พอี่ วิน๋ ”
อวิน๋ จือชิวส่ ายหน้า “น้องสาวเล่นมุขแล้ว ข้าเป็ นคนที่มีสามีแล้ว ไม่มีความคิดจะแต่งงานอีกรอบ
หรอก”
“แบบนี้จะไม่ทาํ ให้ผบู ้ ญั ชาการหนิวหดหู่ใจหรอกเหรอ” หวงฝู่ จวินโหรวเอามือป้ องปากหัวเราะ แต่
ใต้โต๊ะกลับใช้ปลายเท้าสะกิดเหมียวอี้เบา ๆ ราวกับกําลังบอกว่า ได้ยนิ หรื อยัง ได้ยนิ คําพูดของอีกฝ่ าย
หรื อยัง อีกฝ่ ายไม่มีทางยอมรับที่โดนเจ้าจีบ รี บถือโอกาสตัดใจซะเถอะ!
ตอนที่ 996

กําลังพลร่ วมฝึ ก

การสะกิดเท้าเบา ๆ นี้ทาํ ให้เหมียวอี้ตกใจ เขารี บมองไปทางเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ หลังจากแน่ใจว่าจาก
มุมของพวกนางมองไม่เห็น เขาถึงได้แอบโล่งใจ แต่กลับเอนตัวเล็กน้อย ย้ายสองเท้าหลีกเลี่ยงปั ญหา
ความยุง่ ยาก แล้วกล่าวพร้อมรอยยิม้ ว่า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ข้ามีธุระจะคุยกับเถ้าแก่เนี้ยตามลําพังนิด
หน่อย”
ไอ้เวรนี่บงั อาจมาไล่ขา้ ! หวงฝู่ จวินโหรวแค้นจนกัดฟันกรอด แต่กย็ งั ยืนขึ้นด้วยรอยยิม้ สดใส “พี่อวิน๋
งั้นข้าไม่รบกวนเวลาของพวกท่านสองคนแล้ว”
ดังนั้นอวิน๋ จือชิวจึงลุกเดินไปส่ ง พอส่ งนางออกจากร้านไปแล้วถึงได้กลับมา พอเดินเข้ามาในศาลา
นางก็ตบบ่าเหมียวอี้พลางถามหยอกล้อ “ผูห้ ญิงคนนี้สวยไม่แพ้เทพธิดาหงเฉินเลยนะ? จะให้ขา้ ช่วย
เป็ นแม่สื่อให้ม้ ยั แต่งเข้ามาเป็ นอนุภรรยาของเจ้า?”
“อย่าพูดเหลวไหล” เหมียวอี้แกล้งโมโห “นางมาหาเจ้าทําไม?”
อวิน๋ จือชิวเหล่ตามองเขา รอยยิม้ ค่อนข้างแข็งทื่อ นางเข้ามานัง่ ข้างเขา แล้วพลิกมือเรี ยกกล่องใบหนึ่ง
ออกมา หลังจากเปิ ดกล่อง แผ่นหยกกล่องหนึ่งก็เผยออกมา นางผลักไปตรงหน้าเขา ตบกล่องพร้อม
บอกว่า “สมาคมวีรชนยอดเยีย่ มจริ ง ๆ นี่คือแผนที่ดาวหลักที่เจ้าต้องการ หลังจากข้าขอให้นาง
ช่วยเหลือ นางก็ตกปากรับคําทันที ใช้เวลาไม่ถึงครึ่ งเดือนก็รวบรวมอาณาเขตของพิภพใหญ่คร่ าว ๆ
ได้แล้ว”
“ไม่ได้ทาํ ให้นางสงสัยอะไรใช่ม้ ยั ?” เหมียวอี้ขมวดคิ้ว
อวิน๋ จือชิวปิ ดกล่อง แล้วบอกว่า “เปล่า ครั้งก่อนคุยเล่นกันแล้วบังเอิญพูดถึงเรื่ องนี้ ข้าเลยแกล้งทําเป็ น
สนใจอยากจะศึกษา ถือโอกาสไหว้วานนาง แล้วนางก็ตอบตกลง ใครจะไปรู ้ล่ะว่าพวกเรากําลังคิดจะ
ทําอะไร”
“ถ้าเชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์มีเวลาว่าง เจ้าก็ให้พวกนางช่วยหาหน่อย ยืนยันทิศทางคร่ าว ๆ ให้ได้ก่อน”
เหมียวอี้นาํ ก้อนโลหะกลมสี ดาํ ออกมาแล้วผลักไปตรงหน้านาง
เมื่อเห็นเขาทําท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเรื่ องหาสมบัติ ทั้งสองเป็ นสามีภรรยากันมาหลายปี อวิน๋ จือชิ
วมองออกทันทีวา่ ในใจเขามีเรื่ องบางอย่าง “เป็ นอะไรไปล่ะ ทําท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเลย?”
“ข้าเตรี ยมจะหาสถานที่เก็บตัวฝึ กตน ไม่มีเวลามาทําเรื่ องนี้” เหมียวอี้หาข้ออ้าง ยังไม่ได้บอกนางเรื่ อง
การทดสอบ นางแบบนี้นางช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ไม่อยากให้นางอกสัน่ ขวัญแขวนไปทั้งปี
เรื่ องนี้เหมียวอี้บอกนางไว้ต้ งั นานแล้ว อวิน๋ จือชิวรู ้อยูแ่ ก่ใจ จึงถามว่า “ไปที่ไหน? จะไปเมื่อไร? จะ
กลับเมื่อไร?”
“หาทะเลลึก ๆ สักแห่งก็พอ ข้าไม่ได้คิดจะไปไกลหรอก อยูท่ ี่ดาวเทียนหยวนนี่แล้วกัน พรุ่ งนี้จะออก
เดินทางแล้ว จะกลับมาภายในหนึ่งปี นี้” พออธิบายให้นาง เหมียวอี้กถ็ ามอีกว่า “ของที่เยารั่วเซียน
หลอมสร้างให้ ทําไมยังไม่เสร็ จอีกล่ะ?”
อวิน๋ จือชิวตอบว่า “เรื่ องนี้กโ็ ทษเขาไม่ได้ ข้ากําชับให้เขาเน้นคุณภาพมากกว่าปริ มาณ อาศัยที่ตอนนี้ยงั
ไม่มีเรื่ องอะไร ไม่สูท้ าํ เกราะรบดี ๆ ให้เจ้าสักชุดดีกว่า กอปรกับผลึกแดงบริ สุทธิ์สูงไม่เหมือนผลึก
อย่างอื่น เวลาจะหลอมให้ละลายก็เปลืองแรงเปลืองเวลามาก เขาทุ่มกําลังความคิดกับเรื่ องนี้อยู่ แต่เจ้า
ไม่ตอ้ งห่วงหรอก คํานวณจากความคืบหน้าแล้ว สิ้ นปี นี้กน็ ่าจะเสร็ จแล้ว”
สิ้ นปี ก็ดี ถ้าทําเสร็ จก่อนการทดสอบปี หน้าก็ไม่มีปัญหาอะไร! เหมียวอี้วางใจ แล้วลุกขึ้นบอกว่า “ได้!
งั้นข้ากลับก่อนนะ ที่จวนผูบ้ ญั ชาการยังมีงานต้องเตรี ยมนิดหน่อย ตอนกลางคืนค่อยมาอยูก่ บั เจ้า”
อวิน๋ จือชิวลุกขึ้นยืนตามเขา ถือโอกาสช่วยเขาจัดเสื้ อผ้าที่ยบั ตอนนัง่ ให้เรี ยบร้อย “พรุ่ งนี้กจ็ ะไปแล้ว
คืนนี้ไปค้างกับสองพี่นอ้ งโอวหยางเถอะ เจ้ามาหาข้าบ่อยแล้ว ได้ยนิ ว่าเจ้าไม่ได้ไปทางนั้นมาหลาย
เดือนแล้วนี่ แม้แต่เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์กย็ งั ได้อยูก่ บั เจ้าเยอะกว่าพวกนางสองพี่นอ้ งอีก ทําเกินไป
หน่อยมั้ง คนก็มาอยูข่ า้ งกายแล้ว ถ้าเจ้าไม่ไปหาบ่อย ๆ ก็คงจะฟังไม่ข้ ึน ครั้งนี้เจ้าออกไปข้างนอก
เกือบหนึ่งปี หัวใจคนเรามีเลือดมีเนื้อนะ เป็ นผูห้ ญิงน่ะไม่ง่ายเลย ไม่ได้เสพสุ ขเหมือนผูช้ ายอย่างพวก
เจ้าที่ได้มีเมียหลายคนหรอก”
“รู ้แล้ว ๆ ข้าจะไปคืนนี้แหละ!” เหมียวอี้พยักหน้า แล้วกอดจูบนางอย่างอ่อนโยนครู่ หนึ่ง เสร็ จแล้วถึง
ได้หนั ไปยิม้ ให้เชียนเอ๋ อร์ เสวีย่ เอ๋ อร์ “ดูแลฮูหยินให้ดีนะ เรื่ องที่ควรทําให้ชาํ นาญก็ตอ้ งทํา อย่าให้ฮูหยิ
นต้องกังวลทุกเรื่ อง!”
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ท้ งั สองโค้งกายส่ งเขา
อวิน๋ จือชิวคล้องแขนเขาเดินไปส่ งตรงข้างภูเขาปลอม แล้วก็ไม่ได้ตามออกไปอีก เพียงบอกว่า “รี บไป
รี บกลับนะ ถ้าหายตัวไปอย่างไร้ข่าวคราวอีก กลับมาก็อย่าโทษว่าข้าแปรพักตร์กแ็ ล้วกัน”
เหมียวอี้ยนื่ มือไปลูบใบหน้างามของนางครู่ หนึ่ง แล้วหันตัวจากไป
พอออกจากร้านโฉมเมฆ ก็พบว่าข้างหลังมีคนเดินตาม พอหันไปมองก็เห็นเป่ าเหลียนเดินตามหลังมา
อีกแล้ว จึงถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้ายังไม่กลับอีกเหรอ?”
“ข้าเดินเล่นอยูแ่ ถว ๆ นี้พอดี นึกไม่ถึงว่านายท่านจะออกมาเร็ วขนาดนี้” เป่ าเหลียนตอบ
เหมียวอี้พดู ไม่ออก อีกฝ่ ายจงรักภักดีต่อหน้าที่ เขาเองก็วา่ อะไรไม่ได้เหมือนกัน ขี้คร้านจะพูดแล้ว จึง
กวักมือเรี ยกให้กลับพร้อมกัน
พอมาถึงประตูจวนผูบ้ ญั ชาการ เหมียวอี้กข็ นหัวลุกอีกครั้ง เกี้ยวงามที่คุน้ ตาหลังหนึ่งมาจอดอยูข่ า้ ง
ประตูอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เกี้ยวของหวงฝู่ จวินโหรวแล้วจะเป็ นของใครไปได้
เมื่อเห็นม่านเกี้ยวขยับเล็กน้อย เหมียวอี้กไ็ ม่พดู พรํ่าทําเพลง ถลันตัวเข้าจวนผูบ้ ญั ชาการทันที แล้ว
ถ่ายทอดเสี ยงบอกทหารยามว่า “ผูบ้ ญั ชาการคนนี้มีธุระสําคัญ วันนี้ไม่พบใครทั้งนั้น!”
จะมาโทษว่าเขาเด็ดขาดไม่ได้ เขาตัดสิ นใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับผูห้ ญิงคนนี้
อีก ไม่อย่างนั้นถ้าให้โอกาสนางอีก เขาก็จะปลีกตัวไม่พน้ แล้ว
พอหวงฝู่ จวินโหรวโผล่ออกมาจากเกี้ยวแล้วไม่เห็นอะไร ในใจก็เหมือนจะเป็ นบ้า สัง่ ให้ทหารยามไป
รายงานทันที ทหารยามย่อมบอกสิ่ งที่เหมียวอี้สงั่ ไว้ ทําเอานางโมโหจนกําหมัดแน่น กลับเข้าไปใน
เกี้ยวพร้อมใบหน้างามที่แฝงความเย็นเยียบ แล้วสัง่ เสี ยงเย็นว่า “กลับ!”
เหมียวอี้ที่กลับถึงจวนผูบ้ ญั ชาการเตรี ยมงานไว้สาํ หรับตอนที่ตวั เองไม่อยูท่ นั ที เขาเรี ยกฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋
มาพบก่อน
ในชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ เหมียวอี้ถามว่า “พี่รอง ในบรรดากลุ่มคนที่พาตัวมาจากทะเลดาวนักษัตร ใครที่
โจมตีได้รวดเร็ วที่สุด?”
ฝูชิงชี้ไปทางอิงอู๋ตี๋ “ย่อมต้องเป็ นเจ้าสามอยูแ่ ล้ว”
เหมียวอี้ยมิ้ แห้ง ๆ แล้วบอกว่า “พี่สามข้าย่อมรู ้อยูแ่ ล้ว ข้าหมายถึงนอกจากพี่สามแล้ว ยังมีใครอีกมั้ยที่
โจมตีได้รวดเร็ ว?”
“โพ่คงทูตขวาของเจ้าสาม” ฝูชิงตอบ
อิงอู๋ตี๋ส่ายหน้าและพูดต่อว่า “ถ้าพูดถึงเรื่ องความเร็ วอย่างเดียว ชิงเฟิ งทูตขวาของพี่รองคงจะเร็ วกว่าข้า
หนึ่งระดับ”
“ความเร็ วของทูตขวาชิงเหนือกว่าพีส่ ามอีกเหรอ?” เหมียวอี้ตกใจ
อิงอู๋ตี๋ตอบกลั้วหัวเราะว่า “ทะเลดาวนักษัตรก็นบั ว่าเป็ นสถานที่ที่ซ่อนมังกรเสื อหมอบไว้ บางคนแค่
ไม่ได้มีประสบการณ์และวรยุทธ์สูงเท่าพวกเราเฉย ๆ หรอก ถ้าพูดถึงความสามารถอาจจะไม่ได้ดอ้ ย
ไปกว่าพวกเราเลย ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนพวกเราจะต่อต้านหกปราชญ์ได้อย่างไร อาศัยแค่พวกเราสี่ คน
คงเป็ นไปไม่ได้ เกรงว่าชิงเฟิ งคงจะเป็ นคนที่ทาํ ให้ลูกน้องหกปราชญ์กลัวจนตัวสัน่ ที่สุด ยอดฝี มือที่ได้
เจอกับเขา ส่ วนใหญ่จะตายภายในหนึ่งท่าสังหาร คนที่ได้สูก้ บั เขาถอยหลบได้ไม่เกินสามฉื่ อหรอก!”
“ตายภายในหนึ่งท่าสังหาร?” เหมียวอี้ทาํ สี หน้าเหลือเชื่อ นึกไม่ถึงว่าทูตขวาชิงที่โหดเหี้ ยมเย็นชาจะมี
ความสามารถแบบนี้
ในปี นั้นตอนที่เขาอยูท่ ี่การปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ก็ไม่เห็นว่าเลี่ยหวนออกมาตามตัวคิดบัญชี
กับคนที่ทาํ ตําหนักบรมอัคคีพงั ตอนนั้นชิงเฟิ งก็ลงมือกับไต้ซือศีลเจ็ดแล้ว ถ้าการโจมตีครั้งนั้นเขา
หยุดมือไม่ทนั ไต้ซือศีลเจ็ดอาจจะหลบไม่พน้ เลยก็ได้
ฝูชิงโบกมือ “จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ ตายภายในหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ งร้ายกาจจริ ง ๆ แต่ปัญหามัน
อยูท่ ี่ ‘หนึ่งท่า’ นี่แหละ สิ่ งที่ชิงเฟิ งต้องการคืออานุภาพการของหนึ่งท่า มันเฉพาะทางเกินไป ก่อนจะ
ลงมือต้องรวบรวมพลัง ถ้าโจมตีท่านี้แล้วไม่โดนคู่ต่อสู ้ ก็ตอ้ งรวบรวมพลังอีกครั้ง ถ้าไปเจอคู่ต่อสูท้ ี่
ไม่สามารถปลิดชีพได้ในครั้งเดียวก็ลาํ บากแล้ว ดังนั้นจึงเทียบกับความเร็ วที่เปลี่ยนท่าได้หลากหลาย
และต่อเนื่องของเจ้าสามไม่ได้ ถ้าชิงเฟิ งสู ก้ บั เจ้าสามจะต้องเสี ยเปรี ยบแน่นอน!”
“ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้!” เหมียวอี้พยักหน้าช้า ๆ ในใจเขาตัดสิ นใจได้แล้ว ถึงได้บอกเรื่ องเข้าร่ วมการ
ทดสอบปี หน้าให้ท้ งั สองได้รู้ เรื่ องฝึ กฝนทักษะการต่อสู ย้ อ่ มต้องบอกให้ชดั เจน เพราะต้องให้พวก
อิงอู๋ตี๋ช่วยเขาอีกแรง
สําหรับปัญหาความยุง่ ยากที่กาํ ลังจะมาถึงนี้ ทั้งสองต่างก็ทาํ สี หน้าจริ งจังและหนักแน่น ย่อมไม่ปฏิเสธ
อยูแ่ ล้ว
ดังนั้นจึงส่ งต่อจวนของผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันออกให้ฝชู ิงคุมชัว่ คราว ส่ วนอิงอู๋ตี๋ ชิงเฟิ ง โพ่คง
ราชาปี ศาจทะเลครามและเลี่ยหวนล้วนถูกเหมียวอี้เลือกตัว เรื่ องการฝึ กฝนครั้งนี้เขาครุ่ นคิดเงียบ ๆ มา
หลายปี แล้ว ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ตอ้ งพูดให้ชดั เจน
สุ ดท้ายก็เรี ยกทั้งสี่ ออกมาด้วยกัน ให้ท้ งั สี่ เตรี ยมตัว พรุ่ งนี้ตอ้ งติดตามเหมียวอี้ออกเดินทาง ชิงเฟิ ง โพ่
คงและราชาปี ศาจทะเลครามไม่มีความคิดเห็นแย้งอะไร แต่เลี่ยหวนกลับทําหน้าเหมือนอยากจะ
ร้องไห้ “คุณชายห้า ข้าไม่อยากไป ท่านเปลี่ยนให้คนอื่นไปได้ม้ ยั ?”
“เลี่ยหวน นับวันเจ้าชักจะกล้าขึ้นทุกวันแล้วนะ!” ฝูชิงสี หน้าเครี ยดขรึ ม
ชิงเฟิ งหันกลับมาจ้องเลี่ยหวนอย่างเย็นเยียบ เลี่ยหวนโดนเขาซ้อมจนหวาดกลัว จึงหัดคอตอบว่า
“ประมุขถิ่น ไม่ใช่วา่ ข้าไม่เชื่อฟังคําสัง่ นะ แต่คนในครอบครัวข้าออกเที่ยวหาความสําราญอยูข่ า้ งนอก
ทุกวัน ถ้าข้าไม่เฝ้ าดูนางไว้ ถ้ากลับมาก็ยงั ไม่รู้เลยว่าจะโดนนางสวมเขากี่เขา”
หลังจากเกิดคดีหอโคมเขียว เลี่ยหวนก็โดนหูเฟยทําให้กลัวแล้วจริ ง ๆ หูเฟยไม่ได้กลัวเขาเลย นางเองก็
เป็ นหนึ่งในราชาปี ศาจเหมือนกัน ไม่จาํ เป็ นต้องใช้ชีวติ โดนอาศัยเลี่ยหวน ถ้าผูห้ ญิงสามารถพึ่งพา
ตัวเองได้ข้ ึนมา ระหว่างสามีภรรยาก็จะเกิดการแข่งขันกันได้ง่ายมาก นางยืน่ คําขาดมาแล้วว่า : เลี่ย
หวน เจ้ากล้าทําเรื่ องผิดต่อข้า ข้าก็กล้าทําเรื่ องผิดต่อเจ้า!
“เรื่ องนี้จะโทษใครได้ล่ะ? ถ้าไม่ไหวจริ ง ๆ ก็ทิ้งไปสิ ต่างคนต่างใช้ชีวติ ของตัวเอง เจ้าเป็ นชายชาตรี
จะกลัวอะไร!” อิงอู๋ตี๋พดู เหน็บแนม
“คุณชายสาม จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ เป็ นสามีภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน นี่
เราเป็ นสามีภรรยากันมาหลายแสนปี แล้วนะ บทจะเลิกก็เลิกได้ยงั ไง” เลี่ยหวนตอบด้วยสี หน้าขื่นขม
เหมียวอี้รู้สึกบันเทิงทันที “ข้าว่านะเลี่ยหวน ควากล้าหาญตอนอยูใ่ นเจดียง์ ามวิจิตรปี นั้นหายไปไหน
แล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลัวเมีย!”
เลี่ยหวนก้มหน้าก้มตาตอบ “คุณชายห้า ฮูหยินของท่านก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“…” คําพูดนี้ทาํ ให้เหมียวอี้สาํ ลัก ทุกคนก็แย่พอ ๆ กัน ไม่ตอ้ งหัวเราะเยาะใครทั้งนั้น พอพูดถึงตรงนี้
เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกเชื่อมโยงไป ถ้าโดนอวิน๋ จือชิวจับได้เรื่ องเขากับหวงฝู่ จวินโหรวขึ้นมา ต่อไปอวิ๋
นจือชิวจะล้างแค้นแบบหูเฟยหรื อเปล่า จะออกเที่ยวหาความสําราญไปทัว่ หรื อเปล่า?
พอคิดเรื่ องนี้แล้วก็กลัวจนตัวสัน่ ขึ้นมาทันที ในใจยิง่ มีความแน่วแน่ ว่าจะไม่ให้อวิน๋ จือชิวจับได้เรื่ อง
ตัวเองกับหวงฝู่ จวินโหรวเด็ดขาด!
ในฐานะที่เปป็ นพี่ใหญ่ ฝูชิงก็ไม่อาจละเลยปั ญหาที่เป็ นกรณี พิเศษของลูกน้อง เลี่ยหวนกับภรรยา
ติดตามรับใช้เขามาหลายปี แล้ว ทนมองทั้งสองเลิกกันง่าย ๆ ไม่ได้จริ ง ๆ เดิมทีหูเฟยก็ไม่ได้รักษา
คุณธรรมของสตรี อยูแ่ ล้ว เป็ นอีกาสองตัว ไม่ตอ้ งชี้ด่าว่าใครดํา ถ้าไม่ใช่เพราะมีเขาคอยควบคุม สอง
คนนี้กค็ งจะเลิกกันไปนานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าห้า เจ้าต้องการให้เลี่ยหวนไปทําอะไร?”
เหมียวอี้ตอบว่า “ในปี นั้นตอนที่ขา้ บุกเข้าตําหนักบรมอัคคี ข้าชอบค่ายกลเพลิงที่เขาวางไว้ คาดว่าคงมี
ประโยชน์กบั การฝึ กตนครั้งนี้”
ฝูชิงหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกว่า “งั้นก็จดั การสะดวกแล้ว ที่จริ งหูเฟยคือวิญญาณจิ้งจอกไฟ นางฝึ กเคล็ด
วิชาธาตุไฟเหมือนกัน ถ้านางกับเลี่ยหวนร่ วมมือกัน อานุภาพจะเพิม่ ขึ้นเยอะมาก ในปี นั้นปราชญ์ผซี ื อ
ถูเซี่ยวยังสะบักสะบอมด้วยนํ้ามือสองสามีภรรยาคู่น้ ี เจ้าพาไปด้วยกันก็สิ้นเรื่ องแล้ว”
และนี่กค็ ือเหตุผลที่เขาควบคุมสองสามีภรรยาคู่น้ ีไม่ให้เลิกกันมาโดยตลอด สองคนนี้เป็ นคู่หูที่ดีโดย
กําเนิด ถ้าแยกกันจะทําให้กาํ ลังรบของตําหนักดาวประจิมเสี ยหาย!
เลี่ยหวนพยักหน้าซํ้า ๆ ทันที “คุณชายห้า พาไปด้วยกันเลยเถอะ ไม่มีธุระอะไรก็เรี ยกให้นางซักผ้า
ทํากับข้าวได้ เรี ยกใช้ได้เลย ไม่ตอ้ งเกรงใจข้า” ขณะที่พดู เขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย เหมือน
อยากจะยืมมือเหมียวอี้มาระบายความโมโหในช่วงนี้
เพิ่มมาอีกคนก็ไม่นบั ว่าเป็ นเรื่ องใหญ่อะไร ถึงอย่างไรก็ยงั มีขอ้ ดี เหมียวอี้พยักหน้าตกลงทันที
เรื่ องราวก็ถูกกําหนดอย่างนี้แล้ว
ตอนที่ 997

รอขายตอนราคาดี

ถ้าสามารถพาหูเฟยไปด้วยกันได้ เลี่ยหวนย่อมดีใจมากอยูแ่ ล้ว


ส่ วนเหมียวอี้กเ็ ขียนคําสัง่ ให้ฝชู ิงฉบับบหนึ่ง มอบอํานาจของผูบ้ ญั ชาการให้เขาชัว่ คราว ที่จริ งต่อให้
ตอนที่ตวั เขาอยูท่ ี่นี่ งานเบื้องล่างก็ส่งต่อให้ฝชู ิงกับอิงอู๋ตี๋จดั การอยูด่ ี แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เคยชินกับ
การโยนงานให้คนอื่นทําอยูแ่ ล้ว ถ้าให้สนใจเรื่ องทุกอย่างไม่วา่ เล็กหรื อใหญ่ นัน่ ไม่ใช่นิสยั การทํางาน
ของเขา เมื่อมอบอํานาจตัดสิ นใจให้ท้ งั สองแล้ว เขตเมืองตะวันออกก็ยอ่ มตกอยูใ่ นความดูแลของพวก
เขาสองคน
การทําแบบนี้กม็ ีขอ้ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยในสายตาฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ น้องชายคนนี้กไ็ ม่ได้มองพวกเขา
สองคนเป็ นลูกน้อง แต่เชื่อใจพวกเขาอย่างเต็มเปี่ ยม สงสัยน้องสะใภ้จะพูดไว้ไม่ผดิ ว่าเจ้าห้าคนนี้เป็ น
คนมีคุณธรรมนํ้ามิตรจริ ง ๆ ก็เพราะอย่างนี้ เมื่อมาใช้เวลาอยูด่ ว้ ยกันที่นี่ ทั้งสองฝ่ ายจึงมีความสบายใจ
ต่อกันมาก
เมื่อพวกเขาออกจากชัยภูมิถ้ าํ สวรรค์ พวกฝูชิงก็ออกไปข้างนอก ส่ วนเหมียวอี้กไ็ ปหาเป่ าเหลียนแล้ว
บอกว่า “ข้าจะต้องออกไปข้างนอกสักระยะ เจ้าจะฝึ กตนอยูท่ ี่นี่หรื อจะกลับไปที่สาํ นักลมปราณก็ได้”
เป่ าเหลียนอึ้งนิดหน่อย ก่อนจะกุมหมัดตอบว่า “ข้าน้อยยินดีติดตามรับใช้นายท่าน จะไปกับนายท่าน
ด้วย”
“ข้าจะไปหาที่เก็บตัวฝึ กฝน เจ้าไปด้วยไม่เหมาะหรอก พวกเราก็เป็ นคนกันเอง เจ้าไม่ตอ้ งเกรงใจเลย
เจียดเวลากลับสํานักลมปราณไปเยีย่ มปู่ ของเจ้าเถอะ!” เหมียวอี้โบกมือ ตัดสิ นใจแบบนี้แล้ว เข้าไม่
สะดวกจะพาเป่ าเหลียนไปด้วยจริ ง ๆ ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวกฝูชิงอาจจะเปิ ดเผย
ได้
ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกก็มีคนมารายงานอีกแล้ว ผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตกส่ งคนมาเชิญเหมียวอี้
ไปร่ วมงานเลี้ยง
ถ้าไม่พดู ถึงเรื่ องนี้ เหมียวอี้กแ็ ทบจะลืมไปแล้ว เขายังเตรี ยมจะไปสัมผัสความอ่อนโยนละมุนละไม
ของสองพี่นอ้ งโอวหยางสักคืนอยูเ่ ลย
เหมียวอี้เองก็อยากจะดูวา่ สวีถงั หรานต้องการจะทําอะไรกันแน่ ถึงได้ไปร่ วมงานเลี้ยง
โคมไฟประดับสวยงาม หลังจากมาถึงจวนผูบ้ ญั ชาการเขตเมืองตะวันตก พอเข้ามาในสวนดอกไม้
ของสวีถงั หราน เหมียวอี้กเ็ กิดความคิดอยากจะเลี้ยวหนีกลับทันที เหตุผลไม่ใช่เพราะอะไรหรอก
ถึงแม้มู่หรงซิงหัวกับหยางไท่จะมาถึงแล้ว แต่สิ่งที่ทาํ ให้เขารู ้สึกเหมือนเห็นผีกค็ ือ หวงฝู่ จวินโหรวก็
อยูท่ ี่นี่ดว้ ยเหมือนกัน กําลังเหล่ตามองเขาด้วยสี หน้าเย้ยหยัน
“น้องหนิว!” เมื่อเห็นเขากําลังจะเลี้ยวหนี สวีถงั หรานก็รีบดึงแขนเขาเอาไว้
เหมียวอี้จึงถ่ายทอดเสี ยงบอกว่า “เจ้าไม่เคยได้ยนิ เหรอว่าข้ากับหวงฝู่ จวินโหรวมีความแค้นต่อกัน? รู ้
อยูแ่ จ่มแจ้งว่าข้ากับนางไม่ถูกกัน เจ้ายังจะเชิญนางมาทําไมอีก?”
สวีถงั หรานยิม้ เจื่อนพร้อมตอบว่า “ข้าก็ไม่ได้เชิญนางเหมือนกัน แต่นางมาเองโดยไม่ได้รับเชิญ นาง
มากับเสวีย่ หลิงหลงของหอกลิ่นสวรรค์ คาดว่าเป็ นเพราะก่อนหน้านี้ขา้ บอกหอกลิ่นสวรรค์ไว้ ว่าจะ
เชิญนางมาทําการแสดงในงานรวมตัวของผูบ้ ญั ชาการทั้งสี่ ทางหอกลิ่นสวรรค์คงปล่อยข่าวให้หวงฝู่
จวินโหรวรู ้ ในเมื่ออีกฝ่ ายมาแล้วข้าก็ไม่สะดวกจะไล่ไป ถึงอย่างไรข้าก็เคยไหว้วานให้นางไกล่เกลี่ย
กับเซี่ ยโห้วหลงเฉิ งให้ ถ้าไปทําให้ผหู ้ ญิงคนนี้ไม่พอใจ เซี่ ยโห้วหลงเฉิ งก็จะยิง่ อาละวาด น้องชาย ไว้
หน้าข้าเถอะ อดทนไว้เดี๋ยวก็ผา่ นไปแล้ว”
เจ้ามีหน้าให้ขา้ ไว้ดว้ ยเหรอ! เหมียวอี้พดู ดูถูกในใจ แต่จะหนีไปก็คงไม่ดี เพราะมู่หรงซิ งหัวกับหยาง
ไท่เห็นเขาแล้ว จึงเดินเข้าไปกุมหมัดคารวะทักทายด้วยรอยยิม้ “มู่หรง หยางไท่ ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ก็มา
ด้วยเหรอ?”
หยางไท่ยมิ้ พลางกุมหมัด ส่ วนมู่หรงซิงหัวก็ตอบ “อืม” ด้วยสี หน้าไม่สบอารมณ์ แต่ไหนแต่ไรมานาง
ก็ไม่เคยทําสี หน้าดี ๆ ให้เหมียวอี้เห็นเลย
เหมียวอี้เองก็รู้อยูแ่ ก่ใจ ว่าผูห้ ญิงคนนี้ดูถกู เหยียดหยามคนเลวที่ไปชอบผูห้ ญิงที่มีสามีแล้ว เขาพอจะ
เข้าใจได้
หลังจากทักทายกันตามมารยาท สุ ราอาหารถูกนํามาวางขึ้นโต๊ะ สวีถงั หรานก็เชิญทุกคนให้นงั่ ประจํา
ที่ หวงฝู่ จวินโหรวเหมือนจงใจผ่อนฝี เท้าเดินช้า ๆ หลังจากเดินเคียงคู่กบั เหมียวอี้ นางก็ถ่ายทอดเสี ยง
ถามเงียบ ๆ “หนิวโหย่วเต๋ อ พอเห็นข้าเจ้าก็วงิ่ หนี เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เหมียวอี้พน่ เสี ยงทางจมูก แล้วตอบว่า “ครั้งก่อนเจ้าโยนเสื้ อชั้นในไว้บนเตียงข้า ข้ายังอยากจะถามเจ้า
อยูเ่ ลยว่าหมายความว่าอย่างไร!”
หวงฝู่ จวินโหรวอึ้งทันที รู ้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าบ้ารึ เปล่า ตอนนั้นฉุกละหุก ก็แค่ลืม
หยิบไปเท่านั้นเอง ร่ างกายข้าเจ้าก็เห็นหมดแล้ว ผลประโยชน์อะไรเจ้าก็ฉวยไปหมดแล้ว แค่เสื้ อชั้นใน
ตัวเดียวมีค่าพอที่จะทําให้เจ้าหลบหน้าข้าเลยเหรอ?”
“…” เหมียวอี้ลาํ บากที่จะพูดออกไป ไม่สามารถบอกนางถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับอวิน๋ จือชิวได้
ทําได้เพียงตอบอย่างขอไปที “ไม่ใช่เรื่ องเสื้ อชั้นใน ข้าบอกแล้วไง ว่านัน่ คือครั้งสุ ดท้าย เจ้าเองก็
รับปากแล้ว! พวกเรารักษาระยะห่างกันหน่อยเถอะ แบบนี้จะดีท้ งั กับเจ้าและกับข้า”
“รักษาระยะห่างเหรอ? ข้าว่าเจ้ากลัวข้าจะเป็ นอุปสรรคในการจีบเถ้าแก่เนี้ยมากกว่ามั้ง?” หวงฝู่ จวิน
โหรวพูดเหน็บแนม “เจ้าก็อย่ายกยอตัวเองมากเกินไปหน่อยเลย ข้าก็ไม่ได้คิดจะอยูก่ บั เจ้าแบบนี้ไป
ตลอดหรอก ด้วยฐานะอย่างข้า จะหาผูช้ ายที่มีปัจจัยพร้อมกว่าหนิวโหย่วเต๋ อไม่ได้เชียวเหรอ?”
“งั้นก็ดี! ขอให้เจ้าเจอกับสามีในอุดมคติในเร็ ววัน!” เหมียวอี้พดู ทิ้งท้ายแล้วรี บเดินไปข้างหน้า ปลีกตัว
ออกจากนาง ทําตามที่สวีถงั หรานบอก รี บเข้าไปนัง่ ประจําที่
“เลือดเย็นไร้หวั ใจ!” หวงฝู่ จวินโหรวพ่นคําพูดออกมาจากซอกฟัน
คนตรงนี้เพิ่งนัง่ ลง การร้องระบําของหอกลิ่นสวรรค์กเ็ ริ่ มต้นแล้ว แสดให้คนดูเพียงโต๊ะเดียว แต่สมาธิ
ของคนโต๊ะนี้ดนั ไม่ได้อยูก่ บั การร้องระบํา พวกเขากําลังพูดคุยอะไรบางอย่างกัน สําหรับคนที่กาํ ลัง
ทุ่มเทร้องระบําอยูบ่ นเวที สิ่ งนี้ทาํ ให้พวกเขาปวดใจมาก สิ่ งที่ตวั เองพยายามฝึ กซ้อมอย่างยากลําบาก
ในสายตาของคนข้างล่างเป็ นเพียงสิ่ งที่ช่วยเสริ มให้เด่น แต่กช็ ่วยไม่ได้ คนเราแบ่งระดับชั้นอาชีพไว้
หลากหลาย พวกเขาเป็ นแค่คนเต้นกินรํากิน
ที่โต๊ะนี้กาํ ลังคุยกันเรื่ องการทดสอบ และไม่ได้หลบเลี่ยงหวงฝู่ จวินโหรวด้วย
ตอนนี้หวงฝู่ จวินโหรวถึงได้รู้จุดประสงค์ที่พวกเขามารวมตัวกัน และเข้าใจว่าเรื่ องนี้เป็ นฝี มือของ
เซี่ ยโห้วหลงเฉิ ง นางกับมู่หรงซิ งหัวนัง่ อยูด่ ว้ ยกัน ทั้งสองคุยกันเยอะหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็ นผูห้ ญิง
ด้วยกันทั้งคู่
พอสวีถงั หรานพูดเปิ ดเผยชัดเจน พวกเหมียวอี้กเ็ ข้าใจจุดประสงค์ที่สวีถงั หรานเชิญมาเป็ นแขกแล้ว
สงสัยจะกลัวตาย เขากําลังโน้มน้าวทุกคนว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะต้องสามัคคีกนั ไว้ ถ้าจะพูดให้ชดั ก็คือ
กําลังอยากจะหาผูช้ ่วยตอนทําการทดสอบ เขาคนเดียวกําลังอ่อนด้อย แบบนั้นน่าหวาดกลัว!
จู่ ๆ หยางไท่กบ็ อกว่า “สวีถงั หราน ยังไม่รู้เลยว่าต้องทดสอบเดี่ยวทีละคน หรื อว่าต้องทดสอบเป็ น
กลุ่ม มาพูดแบบนี้ตอนนี้ไม่เร็ วไปหน่อยเหรอ?”
เหมือนโดนนํ้าเย็นสาดหน้า สวีถงั หรานเอ๋ อนิดหน่อย ใช่แล้ว! ถ้าให้ทดสอบเดี่ยวทีละคนขึ้นมาจะทํา
อย่างไรล่ะ? ตอนนี้จิตใจของเขาเหี่ ยวเฉาไปแล้วครึ่ งหนึ่ง
บนเวที รอจนกระทัง่ เสี ยงของเสวีย่ หลิงหลงดังบนเวที หวงฝู่ จวินโหรวก็นาํ ทุกคนปรบมือ ทุกคน
สรรเสริ ญเยินยอตามนาง ในที่สุดความสนใจก็ไปรวมอยูบ่ นเวทีแล้ว
จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ การได้ดูเสวีย่ หลิงหลงร้องระบําถือเป็ นการเสพสุ ขอย่างหนึ่งจริ ง ๆ แม้แต่สวีถงั
หรานก็ยงั โยนความห่อเหี่ ยวใจเอาไว้ชวั่ คราวแล้ว
ระหว่างที่พกั และเปลี่ยนคนขึ้นแสดงบนเวที ท่านแม่สวีกน็ าํ เสวีย่ หลิงหลงเดินเข้ามาดื่มฉลองกับพวก
เขา ในสถานการณ์ทวั่ ไปเสวีย่ หลิงหลงจะไม่ออกมาดื่มเป็ นเพื่อน ทว่าคนที่นงั่ อยูต่ รงนี้ลว้ นไม่ใช่คน
ทัว่ ไป หอกลิ่นสวรรค์อยูบ่ นอาณาเขตผืนนี้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะฝากเนื้อฝากตัวกับท่านผูบ้ ญั ชาการ
หยางไท่ชูจอกสุ ราพร้อมกล่าวด้วยรอยยิม้ “พวกเราดูแลอะไรไม่ได้หรอก คนที่ดูแลได้จริ ง ๆ คือ
ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ ต่างหาก”
เรื่ องนี้ทุกคนต่างก็รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ คนที่ดูแลได้จริ ง ๆ ก็คือหวงฝู่ จวินโหรว ถ้าไม่ใช่เพราะหวงฝู่ จวินโหรว
คนสวยระดับเสวีย่ หลิงหลงคงโดนคนจับขึ้นเตียงไปนานแล้ว จะได้เสนอหน้ามาขายศิลปะเหรออยู่
ที่นี่เหรอ
หลังจากพูดคุยตามมารยาทไปครู่ เดียว ท่านแม่สวีกพ็ าเสวีย่ หลิงหลงถอยออกไป เตรี ยมทําการแสดง
เพลงต่อไป
หยางไท่ถามหวงฝู่ จวินโหรวว่า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ เสวีย่ หลิงหลงคนนี้ เจ้าคงจะปกป้ องนางไปทั้ง
ชีวติ ไม่ได้หรอกมั้ง เวลาในแดนฝึ กตนยาวนานเชื่องช้า เป็ นไปไม่ได้ที่นางจะขายศิลปะไปทั้งชีวติ คน
ที่หน้าตางามล่มเมืองอย่างนาง คงจะมีสกั วันที่ได้เจอกับคนที่ผจู ้ ดั การร้านหวงฝู่ ไม่มีทางขัดขวางไหว”
สวีถงั หรานส่ ายหน้าบอกว่า “ผูห้ ญิงที่หน้าตาสวยเกินไป บางครั้งก็เป็ นการสร้างความยุง่ ยากให้
ตัวเอง”
“ก็เพราะผูช้ ายอย่างพวกเจ้าไม่น่าไว้วางใจไม่ใช่หรอกเหรอ!” มู่หรงซิ งหัวพูดเหยียดหยาม
หวงฝู่ จวินโหรวยิม้ พร้อมตอบว่า “เป็ นเพื่อนกัน ถ้าขัดขวางได้อีกสักวันก็ขดั ขวางไป ถ้าเจอคนที่ขา้
ขัดขวางไม่ไหวจริ ง ๆ ก็แสดงว่าฐานะต้องไม่แย่แน่นอน อย่างน้อยชีวติ นี้นางก็ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ อง
ทรัพยากรฝึ กตนแล้ว”
“รอให้ราคาดีแล้วค่อยขายนี่นา! แต่คนที่ผจู ้ ดั การร้านหวงฝู่ ขัดขวางไม่ไหวจะต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์
แน่ เสวีย่ หลิงหลงทําอาชีพเปื้ อนฝุ่ น เกรงว่าคงยากที่จะมีโอกาสได้เป็ นภรรยาเอกของตระกูลใหญ่ ๆ ”
หยางไท่กล่าวกลั้วหัวเราะ
เหมียวอี้พดู หยอกว่า “พี่หยางยังไม่แต่งงาน ถ้ายินดีรับเสวีย่ หลิงหลงเป็ นภรรยาเอก ไม่แน่วา่ ผูจ้ ดั การ
ร้านหวงฝู่ อาจจะช่วยให้สมหวังก็ได้นะ!”
หยางไท่ยมิ้ แห้ง “ข้าไม่ฝันกลางวันแบบนั้นแล้ว เมื่ออยูใ่ นตําแหน่งแบบเจ้ากับข้า เรื่ องผูห้ ญิงก็มีมาไม่
ขาดหรอก สาวงามที่ยนิ ดีกระโดดเข้าอ้อมกอดมีต้ งั มากมาย ไม่ตอ้ งแต่งงานกันเสมอไป แบบนี้จะได้
ประหยัดทรัพยากรฝึ กตน” เมื่อกล่าวแบบนี้ออกมา เหมียวอี้กบั สวีถงั หรานก็ไม่ได้วา่ อะไร แต่กลับทํา
ให้ผหู ้ ญิงที่นงั่ ร่ วมโต๊ะไม่พอใจแล้ว จึงพูดเสริ มทันทีวา่ “นี่ไม่ใช่ความคิดของข้าคนเดียวนะ คนใน
แดนฝึ กตนส่ วนใหญ่กเ็ ป็ นแบบนี้กนั ทั้งนั้น ขนาดน้องหนิวยังไม่ถือสาผูห้ ญิงที่มีสามีแล้วเลย คาดว่า
คงไม่ถือสาคนทําอาชีพเปื้ อนฝุ่ นอย่างเสวีย่ หลิงหลงเหมือนกัน ไปขอให้ผจู ้ ดั การร้านหวงฝู่ ช่วยให้สม
ปรารถนาได้นะ”
หวงฝู่ จวินโหรวพูดเหน็บทันที “เขาหลงใหลเถ้าแก่เนี้ยท่านนั้นจนโงหัวไม่ข้ ึนไปแล้ว ถ้าเขากลับตัว
ได้ ข้าก็จะเป็ นคนกลางช่วยให้เขาสมหวังกับเสวีย่ หลิงหลง!”
หยางไท่ลูบไม้ลูกมือหัวเราะทันที แล้วถามต่อว่า “ผูจ้ ดั การร้านหวงฝู่ พูดจริ งหรื อเปล่า?”
หวงฝู่ จวินโหรวเหล่ตามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง หยิบจอกสุ ราขึ้นมา แล้วหันตัวสาดสุ ราลงพื้น “คําพูดที่
พูดออกไปแล้ว ก็เหมือนนํ้าที่สาดออกไป!”
หยางไท่ตบบ่าเหมียวอี้อย่างแรงทันที “น้องหนิว พลาดโอกาสไม่ได้นะ หญิงงามล่มเมืองขนาดนี้จะ
พลาดได้อย่างไร!”
เหมียวอี้พน่ เสี ยงทางจมูก ในบ้านเขามีคนสวยน้อยไปหรื อไงล่ะ? บนโต๊ะนี้กม็ ีหญิงงามล่มเมืองอยูค่ น
หนึ่งเหมือนกัน มีอะไรกันแล้วเหมือนกัน แต่แล้วยังไงล่ะ?
จะสวยหรื อจะไม่สวย สําหรับเขานั้นไม่มีความหมายอะไรแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยูก่ บั อารมณ์ของเขาว่า
อยากหรื อไม่อยาก! แต่แน่นอนว่าจะพูดออกมาแบบนั้นไม่ได้ เพียงยิม้ ตอบให้เรื่ องผ่านไป “จะกวางตุง้
หรื อผักกาดเขียว ต่างก็มีคนชอบทั้งนั้น ลางเนื้อชอบลางยา!”
หยางไท่กบั สวีถงั หรานถอนหายใจอย่างเสี ยดายทันที
แต่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาดแบบนี้ทาํ ให้มู่หรงซิงหัวประหลาดใจอยูบ่ า้ ง จะเห็นได้วา่ หนิวโหย่วเต๋ อ
ไม่ใช่คนไร้ยางอายบ้าผูห้ ญิงเสี ยทีเดียว ขนาดคนสวยระดับเสวีย่ หลิงหลงยังไม่อยากได้ จะเห็นได้วา่
เขาชอบเถ้าแก่เนี้ยท่านนั้นจากใจจริ ง
แต่สาํ หรับหวงฝู่ จวินโหรว ในใจเรี ยกได้วา่ รู ้สึกซับซ้อนสับสน ด้วยปั จจัยนางที่นางมี ไม่น่าเชื่อว่าจะ
เทียบกับผูห้ ญิงที่มีสามีแล้วไม่ติด!
เหมียวอี้ยงั มีธุระ ก่อนหน้านี้บอกสองพี่นอ้ งโอวหยางไว้แล้วว่าจะไปค้างคืนด้วย คงไม่ดีถา้ จะให้รอ
นาน และเขาก็ไม่ใช่คนมีอารมณ์สุทรี ยอ์ ะไร ไม่ค่อยสนใจการร้องรําทําเพลงสักเท่าไร มานัง่ เสี ยเวลา
กับเรื่ องแบบนี้ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าตรงนี้ไม่เลิกพูดเรื่ องไร้สาระเสี ยที ถึงได้ขอตัวกลับก่อน
เมื่อกลับถึงจวนผูบ้ ญั ชาการ เขาก็เดินทางไปจนถึงร้านขายผลึกสกัดโดยใช้เส้นทางใต้ดิน
เหมียวอี้เองก็ไม่อยากทําเรื่ องแบบนั้นกับสองพี่นอ้ งทุกครั้งที่มาที่นี่ จึงเสนอให้ไปเดินเล่นด้วยกัน
สองพี่นอ้ งย่อมดีใจมากอยูแ่ ล้ว จะว่าไปก็น่าสงสาร เพราะพวกนางไม่เคยออกไปเที่ยวเล่นกับเหมียวอี้
มาก่อน ทั้งสามจึงปลอมตัวแล้วออกไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้พาคนอื่นไปด้วย
เอ้อระเหยลอยชายอยูท่ ี่ตลาดสวรรค์ภายใต้ทิวทัศน์ยามราตรี เหมียวอี้ตามใจทั้งสองสุ ด ๆ บางครั้งก็
กล่าวคําหวานไพเราะ ทําให้ท้ งั สองร่ าเริ งเบิกบานใจ หลังจากกลับมาแล้วก็ปรนนิบตั ิเขาอย่างสุ ดจิต
สุ ดใจ เป็ นฝ่ ายรุ กก่อน…
วันต่อมาตอนพระอาทิตย์ส่องสว่าง เหมียวอี้กล็ ุกออกจากแขนของสองพีน่ อ้ งที่กอดพัวพันตัวเองอยู่
หลังจากกลับมาที่จวนผูบ้ ญั ชาการ ก็เรี ยกพวกอิงอู๋ตี๋ที่มารออยูก่ ่อนแล้วให้ออกเดินทางไปด้วยกัน พอ
ออกจากเมืองก็เหาะไปทางทิศใต้ตลอดทางด้วยความเร็ วสู ง
ตอนที่ 998

หนึ่งท่ าสังหาร

ทะเล! ทะเลที่กว้างไกลสุ ดลูกหูลูกตา!


กลุ่มคนเหาะลงมาจากฟ้ า มาเหยียบลงบนเกาะแห่งหนึ่ง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ มาเหยียบลงบนภูเขาไฟ
บนเกาะ เกาะแห่งนี้มีขนาดไม่เล็ก
กลุ่มคนที่ยนื อยูต่ รงปากภูเขาไฟก้มมองลงไปที่ทอ้ งภูเขาไฟ เห็นได้ชดั ว่าเลี่ยหวนกับหูเฟยรู ้สึกคุย้ เคย
กับลักษณะพื้นภูมิแบบนี้มาก เหมียวอี้จึงถามว่า “ที่นี่เหมาะจะให้พวกเจ้าวางค่ายกลเพลิงอัคคีหรื อ
เปล่า?”
สองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วกระโดดลงไปสํารวจโดยตรง
หลังจากขึ้นมาแล้ว เลี่ยหวนก็ส่ายหน้าบอกว่า “ปัจจัยสู เ้ ขาเพลิงนภาไม่ได้ แต่ถา้ ให้วางค่ายกลอย่าง
เดียว ก็ยงั พอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้อยู”่
“ได้ งั้นพวกเราก็พกั กันที่นี่แหละ พวกเจ้าวางค่ายกลได้เลย”
เหมียวอี้เพิ่งจะออกคําสัง่ ตรงนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีเสี ยงตะโดนดังมาจากที่ไกล ๆ “ใครมันบุกเข้ามาในอาณา
เขตของตาแก่คนนี้วะ?”
ทุกคนเอียงหน้ามองตามเสี ยง เห็นเงาคนสามคนเหาะมาจากใต้หน้าผาตรงจุดไกล ๆ ตอนนี้กาํ ลังลอย
อยูบ่ นฟ้ า ผูท้ ี่นาํ หน้ามาคือชายชราผมเขียวคนหนึ่ง ตรงหว่างคิ้วเผยวรยุทธ์บงกชทองขั้นสอง ทางซ้าย
และขวาคือ ข้างซ้ายและข้างขวาคือสตรี วยั กลางคนที่สวมชุดเขียวสองคน หน้าตาเหมือนฝาแฝด ให้
ความรู ้สึกเดียวกับสองพี่นอ้ งโอวหยาง บนกายทั้งสามมีปราณปี ศาจเหมือนกัน กําลังจ้องทุกคนที่อยู่
บนปากภูเขาไฟเบื้องล่างด้วยสายตาเกรี้ ยวโกรธ
เหมียวอี้กล่าวเสี ยงเรี ยบว่า “ข้าไม่สนหรอกว่าเกาะนี้จะเป็ นของใคร ตั้งแต่วนั นี้เป็ นต้นไป ข้าจะยึด
เกาะนี้ไว้ใช้งาน ปี หน้าพวกเจ้าค่อยกลับมาก็แล้วกัน”
ชายชราชุดเขียวตะคอกถามอย่างดุดนั “เป็ นใครกันมาพูดจาอวดดี เจ้าบอกว่าจะยึดก็แปลว่าจะยึดได้
เหรอ?”
เหมียวอี้ส่งสัญญาณให้ทางซ้ายทางขวาเล็กน้อย บนตัวของทุกคนมีหมอกสี ทองลอยขึ้นมา ชัว่
พริ บตาเดียวเกราะรบสี ทองของตําหนักสวรรค์กค็ ลุมร่ างกายแล้ว สี ทองระยิบระยับจ้าตาอยูภ่ ายใต้
แสงอาทิตย์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เกราะรบบนตัวเหมียวอี้สะดุดตาที่สุด เกราะรบห้าแถบสี ทองอร่ ามกึ่ง
โปร่ งแสง ทําให้นกั พรตปี ศาจทั้งสามตกตะลึงอ้าปากค้าง
เหมียวอี้ตะคอกว่า “พวกเราได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาทํางาน ใครกล้ามาขัดอํานาจสวรรค์ ฆ่าไม่ละ
เว้น! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ชายชราชุดเขียวหัวหด ใบหน้าฉายแววหวาดกลัว รี บกุมหมัดคารวะซํ้า ๆ แล้วรี บอุม้ สตรี วยั กลางคน
สองคนที่ตกใจจนหน้าถอดสี หนีไป หายไปยังท้องฟ้ าที่อยูไ่ กล ๆ ไม่กล้าพูดมากเลยสักคํา
เลี่ยหวนหัวเราะเบา ๆ พลางตบเกราะทองบนร่ างกายตัวเอง “สงสัยหนังเสื อบนตัวจะมีอานุภาพน่า
หวาดกลัวมากจริ ง ๆ ”
เหมียวอี้หนั ซ้ายหันว่า “พวกเจ้าห้าคนค้นหาให้ทวั่ เกาะ ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด ใครขัด
คําสัง่ ฆ่า!”
“รับทราบ!” ชิงเฟิ ง โพ่คง ราชาปี ศาจทะเลคราม เลี่ยหวนและหูเฟยกุมหมัดน้อมรับคําสัง่ จากนั้นก็
แยกกันค้นหาไปทัว่ ทั้งสี่ ทิศโดยใช้ปากภูเขาไฟเป็ นจุดศูนย์กลาง
มีเพียงอิงอู๋ตี๋ที่ยงั ยืนเอามือไขว้หลังอยูข่ า้ งเหมียวอี้ ถามว่า “สถานที่น้ ีมีประโยชน์ต่อการฝึ กตนของเจ้า
เหรอ? ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนะ!”
เหมียวอี้ตอบว่า “ไม่กี่ปีมานี้ขา้ คอยสื บข่าวมาตลอด สถานที่ที่เหมาะสมกว่านี้กม็ ีเหมือนกัน เพียงแต่อยู่
ห่างจากดาวเทียนหยวนมากเกินไป นอกจากจะไปกลับลําบากแล้ว ดีไม่ดีอาจจะโดนศัตรู จบั จ้องได้ ยัง
เป็ นที่นี่ที่พอถูไถไปได้”
ที่จริ งเขาต้องการหาบริ เวณที่น้ าํ ทะเลลึกเพื่อฝี กตน แต่จนใจที่อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ทะเลลึก
ทัว่ ไปใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร แต่เมื่อมีกลุ่มปี ศาจเฒ่าของทะเลดาวนักษัตรมาด้วย ก็ยงั พอถูไถฝึ กตนที่นี่
ได้ เขาสื บข้อมูลมาแล้ว ว่าจุดที่ห่างจากตรงนี้ไม่ไกลมากคือน่านนํ้าที่ลึกที่สุดของดาวเทียนหยวน
ดังนั้นถึงได้พาคนมาที่นี่ เจ้าของเดิมของเกาะนี้โชคร้ายไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
“ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปี จะฝึ กอะไรได้เป็ นเรื่ องเป็ นราวเหรอ?” อิงอู๋ตี๋ถาม
“ลองดูก่อนแล้วกัน ข้าก็เลยเชิญพี่สามมาช่วยเป็ นเพื่อนตอนฝึ กนี่ไง” เหมียวอี้ตอบ
“ถ้าต้องการความร่ วมมืออะไร เจ้าก็บอกมาได้เลย” อิงอู๋ตี๋พยักหน้า
หลังจากนั้นประมาณครึ่ งชัว่ ยาม พวกชิงเฟิ งก็ทยอยกันกลับมา กลับมารายงานว่าไม่พบคนอื่นบนเกาะ
แล้ว
จกานั้นพวกเขาก็ขดุ ห้องถํ้าหลายห้องบนหน้าผารอบ ๆ ปากภูเขาไฟ เอาไว้หลบแดดหลบฝน
พวกเขาไม่รีบฝึ กตนในวันนั้น เหมียวอี้ตอ้ งการสํารวมจิตใจก่อน เก็บสํารวมร่ างกายและจิตใจออกมา
จากความสับสนอลหม่านของโลกภายนอก ที่เหล่าไป๋ เคยชี้แนะว่าให้เขาอยูใ่ นสภาพตัดขาดจากโลก
ภายนอกยามฝึ กตน เขายังคงจําได้ ทุก ๆ วันในตอนนั้นในใจของเขามีแต่เรื่ องการฝึ กตนเท่านั้น เรี ยก
ได้วา่ จิตใจไม่วอกแวก
และสิ่ งที่เขาอยากจะเรี ยนรู ้ให้บรรลุกม็ ีสองอย่าง
อย่างแรก หนึ่งทวนสิ บสังหารของตัวเองสามารถแยกออกจากันได้หรื อไม่? ไม่อย่างนั้นถึงแม้มนั จะมี
อานุภาพเยอะมาก แต่พอลงมือครั้งเดียวตัวเองก็หมดแรง ไม่มีกาํ ลังไว้ใช้ตอนหลังอีก กระบวนท่านี้ไม่
เหมาะจะนํามาใช้ต่อสูเ้ ลย เหมาะจะเอาไว้ใช้ตอนต้องสูส้ ุ ดกําลังเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะเป็ นการ
รนหาที่ตาย โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากได้ประมือกับปี ศาจโลหิ ตครั้งก่อน เขาก็พบว่าอานุภาพของ
หนึ่งทวนสิ บสังหารเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทั้งยังมีตวั แปรใหม่ปรากฏขึ้นมา ยิง่ กระตุน้ ให้เขาอยากจะใช้
กระบวนท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารได้อย่างอิสระยิง่ ขึ้น หลายปี มานี้เขาครุ่ นคิดและเตรี ยมตัวมาตลอด
อย่างที่สอง เขาอยากจะรู ้วา่ จุดสี ดาํ บนหัวทวนที่เกิดขึ้นตอนใช้ท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารครั้งก่อนคือ
อะไรกันแน่ เหตุใดจึงทําให้อานุภาพยามออกทวนเพิม่ ขึ้นหลายเท่า ในเมื่อในโผล่อยูบ่ นหัวทวนได้
แล้วจะควบคุมให้มนั อยูบ่ นหมัดของตัวเองได้หรื อเปล่า? ถ้าหากทําอย่างนั้นได้ อาศัยการตอบสนองที่
รวดเร็ วของเขาบวกกับอานุภาพนี้ ก็สามารถจินตนาการถึงลัพธ์ได้เลย
สําหรับเขา สิ่ งเหล่านี้ลว้ นเป็ นประสบการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน เหล่าไป๋ ไม่เคยชี้แนะเรื่ องนี้ เขาจึง
อยากจะบุกเบิกมันสักหน่อย
“คุณชายสาม คุณชายห้า รี บมาดูสิ พวกเราเจอสถานที่ดี ๆ แล้ว” หูเฟยพลันโฉบผ่านท้องฟ้ าเข้ามา แล้ว
ตะโกนโหวกเหวกอย่างตื่นเต้นดีใจอยูต่ รงนั้น
คนอื่น ๆ ไม่รู้วา่ นางค้นพบอะไร พอวิง่ ตามนางไปดู ทุกคนก็พดู ไม่ออกทันที ที่แท้กเ็ ป็ นหาดทรายผืน
หนึ่ง
แต่หาดทรายผืนนี้งดงามมาก ทรายเหมือนกับหยกขาวที่โดนบดให้ละเอียด สะอาดบริ สุทธิ์ คลื่นสี
เขียวครามที่ข้ ึน ๆ ลง ๆ ซัดฟองคลื่นสี ขาวบริ สุทธ์ ให้ไหลขึ้นและไหลลง ต้นมะพร้าวที่อยูห่ ลังฝั่งราว
กับภาพวาด ทิวทัศน์สวยงามมากจริ ง ๆ
“ประสบการณ์นอ้ ยเลยเห็นเป็ นเรื่ องแปลก!” ราชาปี ศาจทะเลครามพูดจาดูถูก เขาบุกตะลุยไปทัว่
มหาสมุทรมาทั้งชีวติ แค่หาดทรายผืนเดียวไม่นบั ว่าแปลกใหม่อะไร
หูเฟยกลับเตะรองเท้าปักลายออก เดินเท้าเปล่าพร้อมยกกระโปรงขึ้น โห่ร้องอย่างตื่นเต้นเบิกบานใจ
เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง ทิ้งรอยเท้าสองข้างไว้บนหาดทรายสี ขาวบริ สุทธิ์ เพียงแต่ตอนที่วงิ่
กลับมา หน้าอกของนางก็เรี ยกได้วา่ โดนคลื่นลูกใหญ่ซดั ทําให้คนกังวลว่าเนื้อกลม ๆ สองก้อนที่โผล่
ออกมาครึ่ งหนึ่งของนางจะกระโดดเด้งออกมา
เห็นเพียงนางพุง่ ตัวไปทางทะเลสี เขียวคราม กระโดดโลดเต้นอย่างเริ งร่ าแล้วกระโจนลงไปในฟอง
คลื่น
เหมียวอี้และคนอื่น ๆ ส่ ายหน้าพูดไม่ออก เป็ นปี ศาจที่มีชีวติ อยูม่ าตั้งกี่ปีแล้ว ยังมีนิสยั ประหลาดแบบ
นี้อีกเหรอ
ก็แค่หาดทรายผืนเดียวเอง! เลี่ยหวนอับอายนิดหน่อย กังวลว่าเหมียวอี้และคนอื่น ๆ จะเข้าใจผิดสงสัย
ว่าเมียตัวเองกําลังตบตาทุกคนอยู่ จึงอธิบายว่า “คุณชายสาม คุณชายห้า ผูห้ ญิงคนนี้กแ็ ค่คึกคะนอง
พวกท่านเป็ นผูใ้ หญ่อย่าถือสาผูน้ อ้ ยเลย อย่าไปถือสาคนอ่อนด้อยประสบการณ์อย่างนาง”
ใครจะไปไปถือสาคนอ่อนด้อยประสบการณ์อย่างนางล่ะ! เหมียวอี้หนั กลับมาถามว่า “ชิงเฟิ ง ได้ยนิ ว่า
หนึ่งท่าสังหารของเจ้ามีอานุภาพไม่ธรรมดา ให้ขา้ ได้เปิ ดหูเปิ ดตาสักหน่อยได้ม้ ยั ไม่แน่วา่ อาจจะมี
ประโยชน์กบั การฝึ กตนในครั้งนี้ของข้า”
“คุณชายห้าอยากจะเปิ ดหูเปิ ดตาอย่างไรล่ะ?” ชิงเฟิ งถาม
เหมียวอี้ยนื ตรงหน้าเขา แล้วจู่ ๆ ก็ขยับร่ างเสี ยงดังพรึ่ บ เท้าสองข้างไถลถอยหลังแนบหาดทราย
ออกไปไกลหลายจั้ง “เจ้าโจมตี ข้าตั้งรับ ดูวา่ ข้าจะต้านทานได้หรื อไม่!”
เมื่อชิงเฟิ งได้ยนิ ดังนั้น ก็ดูลงั เลนิดหน่อย
อิงอู๋ตี๋รู้ถึงความลําบากใจของเขา จึงเตือนว่า “น้องชาย ข้ารู ้วา่ การตอบสนองของเจ้าก็รวดเร็ ว
เหมือนกัน แต่หนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ งมีอานุภาพไม่ธรรมดา ถ้าหากหลบไม่ทนั ขึ้นมา ต่อให้เป็ น
ปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียนก็ตา้ นทานไม่ไหว! ระยะห่างของพวกเจ้าสองคนใกล้กนั เกินไปแล้ว!”
ชิงเฟิ งบอกเช่นกันว่า “คุณชายห้า ถ้าข้าลงมือด้วยกําลังทั้งหมดที่มี พอได้เริ่ มลงมือ ยังไม่ทนั รอให้ใช้
พลังจนหมด ตัวข้าเองก็ควบคุมไม่ได้แล้ว ถ้าหากข้ายั้งมือปลดปล่อยไม่เต็มที่ ก็จะแสดงอานุภาพ
ออกมาไม่ได้”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้กต็ าเป็ นประกาย ราวกับค้นพบความรู ้สึกร่ วมเวลาป่ วยโรคเดียวกัน
เลี่ยหวนกับราชาปี ศาจทะเลครามก็พยักหน้าเช่นกัน “คุณชายห้า หนึ่งท่าสังหารของทูตขวาชิงไม่ใช่
เล่น ๆ นะ จะทดสอบซี้ ซ้ วั ไม่ได้ หาอย่างอื่นมาทดสอบเถอะ!”
เหมียวอี้ครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง แล้วชี้ที่ขา้ งหัวไหล่ บอกใบ้วา่ อย่าโจมตีโดนตัวเขา ให้โจมตีมาข้าง ๆ เขา “ดู
ว่าข้าจะหยุดยั้งได้หรื อเปล่า!”
ทุกคนพยักหน้า แบบนี้กพ็ อได้
ชิงเฟิ งก็พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พดู อะไรมากอีก ในชัว่ พริ บตาเดียวก็ยนื นิ่งสงบ ท่าทางเปลี่ยนเป็ นเย็น
เยียบดุร้าย อากาศที่อยูร่ อบข้างราวกับแข็งตัวในชัว่ อึดใจเดียว ยังไม่ทนั ได้ลงมือ ลักษณะพลังที่แสดง
ออกมาก็ทาํ ให้คนสะเทือนใจแล้ว นี่คือสิ่ งที่สะท้อนออกมายามรวบรวมจิงชี่เสิ น[1]ให้อยูใ่ นจุดสู งสุ ด
เหมียวอี้รู้สึกฮึกเหิ มกระปรี้ กระเปร่ า เอียงหน้าเล็กน้อย หลับตาลงช้า ๆ รวบรวมจิงชี่เสิ นของตัวเองให้
อยูใ่ นจุดสูงสุ ดเช่นกัน
ทุกคนประหลาดใจ เมื่อเผชิญกับหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ ง ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายห้ายังจะกล้าหลับตา
แบบนี้ประมาทไปหน่อยหรื อเปล่า
แต่มีเพียงคนมีทกั ษะที่เข้าใจเรื่ องนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าใจอะไรบางอย่างได้ ตอนนี้ในดวงตาชิง
เฟิ งฉายแววเย็นเยียบแล้ว
คนที่ยนื อยูท่ ้ งั สองฝั่งพลันรู ้สึกได้ถึงแรงดึงดูดกลุ่มหนึ่ง ราวกับต้องการจะดูดตัวเองเข้าหาชิงเฟิ ง ทาง
ฝั่งชิงเฟิ งเหมือนกับมีหลุมดําของอากาศหลุมหนึ่ง แล้วก็เหมือนมีพลังที่แข็งแกร่ งกลุ่มหนึ่งที่ทาํ ให้ทุก
คนนิ่งชะงัก พวกเขายังไม่ทนั รู ้ตวั ว่ามันคืออะไร ชิงเฟิ งก็หายไปจากฉากที่กาํ หนดไว้แล้ว เงาสี เขียว
พร้อมกับกลิ่นอายสังหารที่ทาํ ให้คนต้องกลั้นหายใจมาปรากฏอยูต่ รงข้างกายเหมียวอี้ในชัว่
พริ บตาเดียว
ทุกคนอ้าปากค้าง เรี ยกได้วา่ ตกตะลึงมาก จับได้แล้ว! ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร แทบจะไร้ซ่ ึงสุ ม้ เสี ยง
ไม่น่าเชื่อว่าเหมียวอี้จะคว้าแขนของชิงเฟิ งไว้ได้!
ถึงแม้เหมียวอี้จะคว้าแขนของชิงเฟิ งเอาไว้ได้ แต่กลับโดนแรงโจมตีมหาศาลกลุ่มหนึ่งพาให้ไถลไป
ข้างหลังพร้อมกัน
ไถลออกไปไกลสิ บกว่าจั้ง ตอนนี้เงาร่ างของชิงเฟิ งถึงได้ปรากฏขึ้นจากภาพลวงตา เงาร่ างทั้งสองที่
ไถลออกมาหยุดนิ่งพร้อมกัน
เหมียวอี้กลับเบิกตากว้าง เขาหันไปมองชิงเฟิ งและปลายนิ้วสองนิ้วที่ช้ ีออกมา พบว่าปลายนิ้วอีกฝ่ ายมี
แสงกระบี่ที่มีพลังน่าเกรงขามปรากฏออกมา และตรงยอดของแสงกระบี่กม็ ีจุดสี ดาํ เล็ก ๆ จุดหนึ่ง
กําลังหมุนวน สภาพเหมือนตอนที่เขาใช้ท่าหนึ่งทวนสิ บสังหาร
ตามที่จุดสี ดาํ เล็ก ๆ นัน่ ค่อย ๆ หายไป ลมพายุที่หมุนวนก็กาํ ลังเริ งระบําอยูท่ ่ามกลางฟ้ าดิน
ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงสิ่ งที่อิงอู๋ตี๋บอกแล้ว ต่อให้ปราชญ์มารอวิน๋ อ้าวเทียนให้กาํ ลังปะทะกับชิงเฟิ ง แต่
ก็ตา้ นทานท่านี้ของชิงเฟิ งไม่ไหวอยูด่ ี เพราะเป็ นแบบนั้นจริ ง ๆ ตอนนั้นนักพรตบงกชทองขั้นเจ็ด
อย่างจงหลีค่วยก็รับมือกับจุดดํานี้ไม่ไหวเหมือนกัน
สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้หวั ใจเต้นรัวอย่างบ้าคลัง่ แบบนี้กห็ มายความว่า ตัวเองอาจจะสร้างสิ่ งนี้ข้ ึนมาได้
เหมือนกัน สามารถควบคุมจุดสี ดาํ นี้ไว้บนหมัดเท้าของตัวเองได้
ส่ วนชิงเฟิ งก็มองเหมียวอี้ดว้ ยสี หน้าตื่นตะลึง เหมือนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง!
“ว้าว! ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายห้าจะต้านทานหนึ่งท่าสังหารของทูตขวาชิงได้!” จู่ ๆ ก็มีเสี ยงร้องอุทานที่
ชัดใสดังมาจากริ มทะเล
ทุกคนหันไปมอง เห็นหูเฟยวิง่ ออกมาจากฟองคลื่น แล้วถลันตัวมาอยูข่ า้ งกายทุกคน เพียงแต่ร่างกายที่
เปี ยกนํ้าได้เผยความสะโอดสะองและส่ วนเว้าส่ วนโค้งออกมาจนหมด เสื้ อผ้าโปร่ งแสงมาก เห็นส่ วน
เว้าส่ วนนูนข้างในอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ทําให้คนที่เห็นเลือดกําเดาไหล เรื อนร่ างของปี ศาจจิ้งจอกคนนี้
เร่ าร้อนเย้ายวนเกินไปแล้ว สมกับป็ นนางปี ศาจอย่างแท้จริ ง!
เลี่ยหวนหน้าบึ้งทันที ตบฝ่ ามือไปหนึ่งที ลมที่ร้อนจี๋กลุ่มหนึ่งทําให้มีไอสี ขาวลอยขึ้นจากตัวหูเฟย
เสื้ อผ้าที่แนบเนื้อนางคลายออกทันที ปิ ดบังเรื อนร่ างอันสุ ดยอดของหูเฟยเอาไว้แล้ว
แต่ในเวลานี้ทุกคนไม่มีอารมณ์มาชื่นชมความงามของหูเฟย แต่รีบถลันตัวเข้ามา มองดูเหมียวอี้คลาย
มือออกจากแขนของชิงเฟิ งอย่างช้า ๆ
อิงอู๋ตี๋ตกตะลึงที่สุด “เจ้าห้า ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะตอบสนองเร็ วขนาดนี้!” เห็นได้ชดั ว่าทําให้ให้เชื่อได้
ยาก
ในดวงตาชิงเฟิ งฉายแววปรารถนาการต่อสู อ้ ย่างชัดเจน กล่าวด้วยแววตาคมกริ บว่า “คุณชายห้า ลอง
อีกสักครั้งมั้ยล่ะ!”
เหมียวอี้โบกมือ “ไม่ตอ้ งลองแล้ว ข้าต้านไม่ไหว”
“ทําไมล่ะ?” หูเฟยแปลกใจ “ข้าเห็นอยูช่ ดั ๆ ว่าท่านต้านทานไหว!”
เหมียวอี้ยมิ้ ขื่นขม “ข้าอยากจะจับข้อมือของเขา แต่กลับจับได้แขนของเขาแทน ถ้าโจมตีเข้ามา
ข้างหน้าตรง ๆ ระยะห่างเท่านี้กส็ ามารถทําอันตรายข้าถึงชีวติ ได้ ถ้าทั้งสองฝ่ ายประมือกันใน
ระยะไกลอีกสักสิ บจั้ง ข้าก็อาจจะต้านทานไหว หนึ่งท่าสังหารของทูตขวาชิงยอดเยีย่ มตามชื่อเสี ยง ไม่
น่าเชื่อว่าอาศัยแค่กายเนื้อโจมตีกย็ งั สามารถแสดงอานุภาพออกมาได้ขนาดนี้!”
…………………………

[1] จิงชี่เสิ น 精气神 ในทางเต๋ าจัดว่าเป็ นหัวใจหลักของมนุษย์ จิง คือสารสําคัญในร่ างกาย เช่น
ฮอร์โมน สารอาหาร เชื้ออสุจิ ชี่ คือพลังปราณ เสิ น คือ จิตวิญญาณ หรื อจิตสํานึก ถ้าขาดอย่างใดอย่าง
หนึ่งในสามอย่างนี้ไป ก็ไม่อาจเรี ยกว่าเป็ นมนุษย์ได้
ตอนที่ 999

พลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทําร้ าย

ทุกคนเข้าใจในทันที ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้ แต่การตอบสนองที่รวดเร็ วแบบนี้กเ็ พียงพอที่จะทําให้ทุกคน


ตกใจแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นใครสามารถจับชิงเฟิ งได้มาก่อน
แต่กลับเห็นชิงเฟิ งส่ ายหน้าบอกว่า “คุณชายห้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าทําแบบนี้กลับแสดงอานุภาพได้เต็มที่
ถ้าใช้อาวุธกลับจะเป็ นตัวถ่วง อาวุธคือของใช้เสริ มสําหรับข้า ท่านต่างหากล่ะคุณชายห้า วรยุทธ์ของ
ท่านตํ่ากว่าข้าขั้นเดียว แต่ยงั ตอบสนองได้รวดเร็ วขนาดนี้เลย ถ้าวรยุทธ์อยูใ่ นระดับเดียวกับข้า ท่าน
ต้องต้านทานได้แน่นอน!”
เหมียวอี้โบกมือ “เรื่ องนี้ไม่ตอ้ งเถียงกันแล้ว ในการเข่นฆ่าที่แท้จริ งไม่มีคาํ ว่า ‘ถ้าหาก’ หรอก”
เมื่อพูดถึงการเข่นฆ่าที่แท้จริ ง อิงอู๋ตี๋กถ็ ามว่า “พวกเราอยูท่ ี่นี่ไม่เคยเจอคู่ต่อสู ท้ ี่ร้ายกาจ เจ้าห้า เจ้าคิดว่า
หนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ งเป็ นอย่างไรบ้างเมื่ออยูท่ ี่นี่?”
สายตาของทุกคนไปรวมอยูบ่ นตัวเหมียวอี้ทนั ที ต่างก็อยากอาศัยสิ่ งนี้ประเมินศักยภาพของตัวเองสัก
หน่อย
หลังจากเหมียวอี้ลงั เลงอยูค่ รู่ หนึ่ง ก็บอกว่า “ข้าก็สร้างท่าไม้ตายของตัวเองมาแล้วเหมือนกัน ข้าจะ
แสดงฝี มืออันตํ่าต้อยให้ทุกคนได้ดูสกั หน่อยก็ได้”
“งั้นก็ตอ้ งเปิ ดหูเปิ ดตาสักหน่อยแล้ว ดูความสามารถที่คุณชายห้าใช้ลงหลักปั กฐานที่นี่สกั หน่อย” หูเฟ
ยร้องดีใจ ตบหน้าอกที่ขาวจัว๊ ของเอง พร้อมกล่าวอาสา “ข้าขอคําชี้แนะสักหน่อย!”
เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ “เกรงว่าเจ้าจะต้านทานไม่ไหว นักพรตที่วรยุทธ์ระดับเดียวกับข้าไม่มีใคร
ต้านไหวหรอก”
“อ้อเหรอ!” อิงอู๋ตี๋กล่าวอย่างนึกสนุก “งั้นให้ขา้ ลองก็ได้นะ”
เหมียวอี้ตอบอย่างอึ้ง ๆ ว่า “ถ้าพี่สามมัน่ ใจว่าตัวเองต้านทานหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ งยามโจมตีพร้อม
กันสิ บครั้งไหว งั้นลองดูกไ็ ด้”
“…” อิงอู๋ตี๋พดู ไม่ออก โจมตีพร้อมกันสิ บครั้งเหรอ? ล้อเล่นอะไรกัน แบบนี้ใครจะไปต้านไหวล่ะ?
ทุกคนตกตะลึงมาก ชิงเฟิ งขมวดคิ้ว เหมือนไม่ค่อยเชื่อคําพูดนี้ เพราะเขารู ้ถึงอัตราความเป็ นไปได้ที่อยู่
ในนั้น แต่กร็ ู ้สึกว่าเหมียวอี้ไม่น่าจะเอาเรื่ องแบบนี้มาพูดขี้โม้โอ้อวด
ดังนั้น เขาจึงถลันตัวไปยืนแยกอยูค่ นเดียว ยืนหันหลังให้ทะเลกว้าง แล้วชี้ที่ขา้ งหัวไหล่ตวั เอง
เหมือนกับที่เหมียวอี้บอกใบ้ก่อนหน้านี้ บอกให้ลงมือข้าง ๆ ตัวเองดูสกั หน่อย เขาต้องการจะรับคํานี้
แนะด้วยตัวเองแบบต่อหน้า ดูวา่ จะเป็ นอย่างที่พดู จริ งหรื อไม่
เหมียวอี้พลิกฝ่ ามือ คว้าทวนขั้นสี่ ออกมาด้ามหนึ่ง แล้วก้าวช้า ๆ อยูต่ รงข้ามกับชิงเฟิ ง ไม่ได้อยูไ่ กลเท่า
ตอนที่ลงมือกับชิงเฟิ งก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งสองยืนอยูต่ รงข้ามกัน เหมียวอี้คอ่ ย ๆ ถือทวนเฉี ยงลง ชัว่ พริ บตาเดียวทั้งตัวก็เปลี่ยนอยูใ่ นสภาพดุ
ร้าย จิงชี่เสิ นเพิ่มขึ้นถึงระดับสู งสุ ดแล้ว
ชิงเฟิ งที่อยูต่ รงข้ามพลันหรี่ ตา รู ้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว
ทันใดนั้น ก็เกิดเงามายาในมือของเหมียวอี้ ทุกคนยังไม่ทนั รู ้ตวั ว่ามันคืออะไร แสงเย็นที่แวววาวสิ บ
ดอกก็เฉี ยดผ่านข้างกายชิงเฟิ งไปแล้ว ถึงขั้นทําให้คนมองไม่ชดั ว่าแสงเย็นสิ บสายนัน่ โผล่มาได้
อย่างไร มันกะพริ บอยูท่ างซ้ายและขวาของชิงเฟิ งแล้วหายไปเร็ วมาก
แต่ชิงเฟิ งที่อยูต่ รงข้ามกลับมองเห็นบางสิ่ งที่ทาํ ให้เขาต้องหดรู ม่านตาจนเล็กเท่าเข็ม บนหัวทวนของ
เหมียวอี้มีจุดสี ดาํ ที่เล็กเท่าเม็ดถัว่ เหลืองเช่นเดียวกัน สิ บทวนที่แทงออกมาเป็ นแบบนี้เหมือนกันหมด
ทวนที่แทงออกมาครั้งสุ ดท้ายหยุดอยูข่ า้ งหัวไหล่ของชิงเฟิ ง ชิงเฟิ งเอียงหน้ามองเหมียวอี้ที่กาํ ลังเก็บ
ทวนกลับไปอย่างช้า ๆ บนหน้าผากมีเหงื่อกาฬซึมออกมาแล้ว เขาเข้าใจดี ถ้าหากเมื่อครู่ น้ ีเหมียวอี้ลง
มือสังหารเขาจริ ง ๆ เขาก็ไม่มีทางหลบพ้นเลย!
ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าสิ่ งที่เหมียวอี้พดู ไม่ได้หลอกลวง หนึ่งท่าสังหารของเขา สามารถใช้พร้อมกัน
สิ บครั้งได้จริ ง ๆ !
คนที่อยูใ่ นเหตุการณ์ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน พวกเขามองเหมียวอี้ดว้ ยสายตาแปลก ๆ วรยุทธ์ของทุก
คนไม่ได้ต่าํ ย่อมเข้าใจว่าการออกทวนเมื่อครู่ น้ ีของเหมียวอี้น่ากลัวขนาดไหน เมื่อลองถามตัวเอง ก็
พบว่าไม่มีใครสามารถหลบพ้นได้สกั คน แม้แต่อิงอู๋ตี๋กย็ งั ถอนหายไปออกมาอย่างช้า ๆ ถ้าสูก้ นั ขึ้นมา
จริ ง ๆ เมื่อครู่ น้ ีเขาก็จะหลบเหมียวอี้ได้เพียงสามท่าเท่านั้น ขีดจํากัดสู งสุ ดคือหลบได้ไม่เกินสี่ ท่า หรื อ
พูดได้อีกอย่างว่า เขาเองก็ไม่สามารถหลบท่าไม้ตายของเหมียวอี้ได้เช่นกัน!
ทุกคนรู ้สึกเหลือเชื่อจริ ง ๆ นึกไม่ถึงว่าศักยภาพของคุณชายห้าจะน่ากลัวขนาดนี้ นี่เพิง่ วรยุทธ์บงกช
ทองขั้นหนึ่งเองนะ!
เห็นได้ชดั ว่าเหมียวอี้ยงั ควบคุมพลังได้ไม่ดีเท่าชิงเฟิ ง หนึ่งท่าที่ชิงเฟิ งใช้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทาํ ให้เกิด
ความเคลื่อนไหวใหญ่โตเท่าใดนัก แต่ในตอนนี้ผวิ ทะเลกลับมีคลื่นใหญ่ซดั สาดแล้ว คลื่นยักษ์สูงร้อย
จั้งโผเข้ามา
“ราชาปี ศาจทะเลครามถลันตัวขึ้นกลางอากาศ พอกางแขนสองข้าง ก็ดึงคลื่นยักษ์สูงเสี ยดฟ้ าให้สูงขึ้น
อีก แต่กลับทําให้พลังงานจลน์
ของคลื่นยักษ์หมดไป จากนั้นคลื่นก็จมลงอย่างช้า ๆ หลอมรวมเป็ นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร เมื่อทําให้
คลื่นคลัง่ ในทะเลสงบลงแล้ว ราชาปี ศาจทะเลครามถึงได้เหาะกลับมา”
แต่ร่างของเหมียวอี้กลับโซเซ ต้องใช้ทวนคํ้ายันไว้บนหาดทราย ถึงจะรักษาสมดุลให้ร่างกายได้
เมื่อเป็ นแบบนี้ ทุกคนก็สงั เกตเห็นทันทีวา่ อาการของเขาไม่ปกติ สี หน้าซี ดขาว ดวงตาสองข้างไร้แวว
ทําสี หน้าเหมือนคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ทุกคนตกใจ อิงอู๋ตี๋รีบถลันตัวเข้ามา ใช้มือข้างหนึ่งประคองแขนเขาเอาไว้ “เจ้าห้า เจ้าเป็ นอะไรไป?”
เหมียวอี้ยมิ้ อย่างขื่นขม “ถึงแม้ท่าไม้ตายนี้จะร้ายกาจ แต่พอได้ลงมือครั้งเดียว กลับสิ้ นเปลืองจิงชี่เสิ น
กับพลังอิทธิฤทธิ์ของข้ามาก ตอนนี้อาการของข้าเหมือนคนแก่ใกล้ตาย ต่อให้เป็ นนักพรตบงกชขาว
ขั้นหนึ่งก็ทาํ ให้ขา้ ตายได้”
ทุกคนตกใจมาก นี่มนั เรื่ องอะไรกัน?
มีแค่ชิงเฟิ งที่เข้าใจ เขาบอกว่า “คุณชายห้า ที่จริ งท่านไม่ตอ้ งใช้ท่านี้สิบครั้งติดต่อกันก็ได้ ต่อให้ท่าน
ใช้หา้ ครั้งข้าก็หลบไม่ทนั อยูด่ ี รักษาพลังไว้ที่หา้ ท่า แบบนั้นท่านคงจะไม่เป็ นอะไร”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่วา่ ข้าไม่อยากจะออมมือนะ แต่มนั ถูกกําหนดตายตัวไว้ต้ งั แต่ท่าแรกแล้ว พอ
ได้ลงมือครั้งหนึ่ง แม้แต่ขา้ เองก็ควบคุมไม่อยู่ ถ้าไม่ใช้พลังที่ปะทุออกมาให้หมด ข้าก็ไม่มีทางหยุดได้
เลย นี่กค็ ือจุดประสงค์ที่ขา้ มาฝึ กตนครั้งนี้ ข้าอยากจะลองดูวา่ จะสามารถแบ่งแยกกระบวนท่าหนึ่ง
ทวนสิ บสังหารนี้ได้ม้ ยั ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางนําท่านี้ออกมาใช้ได้เลย ทําได้เพียงเก็บไว้ใช้สูต้ ายยาม
หน้าสิ่ วหน้าขวานเท่านั้น!”
ที่แท้กเ็ ป็ นเช่นนี้! ทุกคนเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันที
“เมื่อครู่ พี่สามถามข้าว่าหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิ งเป็ นอย่างไรที่พภิ พใหญ่!” เหมียวอี้มองไปทางชิงเฟิ ง
แล้วตอบพร้อมยิม้ อย่างหมดแรง “ตอนแรกข้าสูก้ บั ผูห้ ญิงที่ชื่อว่า ‘ปี ศาจโลหิ ต’ นางมีวรยุทธ์บงกช
ทองขั้นเจ็ด ข้าสู ส้ ุ ดชีวติ โดยใช้ท่าเมื่อครู่ น้ ี ปรากฏว่านางต้านทานข้าได้สองทวน ดังนั้น หนึ่งท่า
สังหารของชิงเฟิ ง ถ้าจะสู ก้ บั นักพรตที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นห้าขึ้นไป ก็เกรงว่าจะต้องระวังตัวไว้สกั
หน่อย!”
ทุกคนหวาดผวาในใจ วิชาทวนที่ร้ายกาจขนาดนั้น มีคนสามารถต้านทานได้สองท่าเลยเหรอ? ที่น่า
ตกใจกว่านั้นก็คือ ถ้าเหมียวอี้สูก้ บั คนที่พิภพเล็ก ก็ไม่มีนกั พรตบงกชทองขั้นเจ็ดคนไหนสามารถรอด
ชีวติ ไปได้เลย!
วันนี้พวกเขาได้รับรู ้ถึงศักยภาพของคุณชายห้าท่านนี้แล้ว!
“คุณชายห้า หลังจากปี ศาจโลหิ ตนัน่ ต้านทานท่านได้สองทวน แล้วแปดมวนหลังจากนั้นนางเป็ น
อย่างไรบ้าง?” ชิงเฟิ งถาม
“ข้าใช้ไปทั้งหมดสิ บทวน ถึงแม้จะทําให้นางบาดเจ็บ แต่กลับปล่อยให้นางหนีรอดไปได้!” เหมียวอี้
ตอบ
พอพูดถึงเรื่ องนี้เขาก็กลุม้ ใจนิดหน่อย ตอนสูก้ บั ปี ศาจโลหิ ตครั้งนั้นเขาใช้เปลวเพลิงไร้รูปร่ าง เดิมที
นึกว่าปี ศาจโลหิ ตจะรอดชีวติ ได้ยาก แต่เปลวเพลิงไร้รูปร่ างที่ไม่เคยทําพลาดมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าจะ
พลาดท่าให้ปีศาจโลหิ ต ตอนหลังที่ได้ติดต่อกับศีลแปด เขาถึงได้รู้วา่ ปี ศาจโลหิ ตยังไม่ตาย!
ทุกคนนิ่งเงียบ เมื่อได้เห็นความน่ากลัวของกระบวนท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารที่เหมียวอี้ใช้ ถึงได้รู้จกั
ความน่ากลัวของนักพรตบงกชทองขั้นเจ็ด นัน่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานไหวเลย
“เจ้าห้า เจ้าสูญเสี ยจิงชี่เสิ นกับพลังอิทธิฤทธิ์ไปเกือบหมด ไม่ตอ้ งพูดมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
อิงอู๋ตี๋หนั กลับมาบอกใบ้ให้เลี่ยหวนกับภรรยาประคองแขนเหมียวอี้คนละข้าง แล้วเหาะไปยังห้องถํ้าที่
ขุดไว้ขา้ ง ๆ ปากภูเขาไฟ
เหมียวอี้แทบจะหลับทันทีที่หวั ถึงพื้น อิงอู๋ตี๋จดั คนมาล้อมเฝ้ าเอาไว้รอบ ๆ แล้ว
การหลับครั้งนี้ ใช้เวลาไปสิ บวันเต็ม ๆ กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนตื่นได้ยนิ เสี ยงคนพึมพําเถียงกัน
“เจ้าจะเข้ามาอีกทําไม?” เป็ นเสี ยงของเลี่ยหวน
เสี ยงของหูเฟยดังขึ้นตามมา “ทําไมข้าจะเข้ามาไม่ได้? ข้าจะมาดูแลคุณชายห้าบ้างไม่ได้เหรอ?”
“อย่ามาอ่อยผูช้ ายที่นี่ อนุภรรยาของคุณชายห้ามีแต่สวยใสบริ สุทธิ์ เขาจะชอบนางจิ้งจอกช่างยัว่ อย่าง
เจ้าเหรอ?” เลี่ยหวนถาม
หูเฟยหัวเราะคิกคัก “ก็ไม่แน่หรอกนะ ในปี นั้นที่ตาํ หนักบรมอัคคี คุณชายห้าก็เคยใช้อ่างอาบนํ้าของ
ข้ามาแล้ว ทั้งยังฉี กกระโปรงของข้าด้วย เขาอาจจะชอบคนแบบข้าก็ได้ ถึงตอนนั้นถ้าคุณชายห้าไปเอ่ย
ปากขอกับประมุขถิ่น ข้าก็ยนิ ดีจะแต่งงานเป็ นอนุภรรยาของคุณชายห้า ไม่มาคอยปรนนิบตั ิคนหน้า
ไม่อายที่เข้าหอโคมเขียวอย่างเจ้าหรอก!”
ตอนที่พดู ออกไปแบบนี้ ที่จริ งนางกําลังนัง่ อยูข่ า้ งกายเหมียวอี้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ผดิ ปกติของ
เหมียวอี้ รู ้วา่ เหมียวอี้ตื่นแล้ว จึงได้จงใจพูดแบบนี้ออกมา
เมื่อได้ยนิ นางพูดแบบนี้ เหมียวอี้กเ็ หงื่อแตกนิดหน่อย สงสัยอีกฝ่ ายจะรู ้ต้ งั แต่แรกแล้วว่าเขาทําอะไร
ไว้ที่ตาํ หนักบรมอัคคี เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากจริ ง ๆ
พอเป็ นแบบนี้ เขากลับไม่กล้าตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอธิบายเรื่ องนี้ให้ชดั เจนได้เลย
หลังจากรอให้สองสามีภรรยาเถียงกันเสร็ จและออกไปแล้ว เหมียวอี้ถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเงียบ ๆ แล้ว
ลุกขึ้นนัง่ ขัดสมาธิ กํายาเม็ดโลหิ ตฟื้ นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ให้ตวั เอง ตอนนี้จิงชี่เสิ นฟื้ นตัวกลับมาแล้ว
เพียงแต่ตอนหลับลึกไม่เคยได้ฟ้ื นฟูพลังอิทธิฤทธิ์เลย
ตอนที่ออกมาจากถํ้าอีกครั้ง เมื่อเจอหูเฟย ก็ไม่เห็นว่าหูเฟยจะทําตัวซี้ ซ้ วั อะไร สิ่ งนี้ทาํ ให้เหมียวอี้โล่ง
ใจ
แต่จะว่าไปแล้ว หูเฟยก็กล้ายัว่ ยวนผูช้ ายคนอื่น แต่กลับไม่กล้ามาทําให้เหมียวอี้เสื่ อเสี ยชื่อเสี ยง ถ้าทํา
แบบนั้นจริ ง ๆ ถึงตอนนั้นถ้าฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ไม่ลงโทษนางก็คงแปลกแล้ว และแน่นอน ถ้าเหมียวอี้เป็ น
ฝ่ ายสนใจนางก่อน นางก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยจริ ง ๆ
“ถ้าควบคุมไม่ได้ ให้ฝืนทดลองอีกรอบก็คงจะอันตราย!”
ยังคงเป็ นที่หาดทรายผืนเดิม เหมียวอี้ถือทวนไว้ในมือ แต่ครั้งนี้กลับถือทวนเงินธรรมดา ทุกคนกําลัง
ยืนอยูข่ า้ งหลัง ชิงเฟิ งเป็ นคนที่กล่าวเตือนเขา
“ข้าเองก็รู้ แต่ถา้ ไม่ลองแล้วจะรู ้ได้อย่างไรว่าปั ญหาอยูต่ รงไหน?” เหมียวอี้ตอบ แล้วหยิบสมุนไพร
เซี ยนซิงหัวต้นหนึ่งออกมา อ้าปากกัดกลืนลงท้องไปแล้ว
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลัก่ นี่คือการเตรี ยมตัวก่อนได้รับบาดเจ็บ!
แสงสี เงินพลันกะพริ บวับวาบ ราวกับมีฝนดาวตกสายหนึ่งยิงออกมาจากมือเหมียวอี้ แต่กลับ
หยุดชะงักกะทันหัน
ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏจุดสี ดาํ บนหัวทวน วรยุทธ์ของเขายังไม่สูงพอ ต้องอาศัยอาวุธขั้นสู งถึงจะแสดง
มันออกมาได้
หนึ่งทวนสิ บสังหาร เหมียวอี้แทงออกมาได้ทวนเดียว ก็หกั ดิบหยุดไว้กลางคันแล้ว
บึ้ม! เสี ยงระเบิดดังขึ้น! เนื่องจากไม่อยากให้เกิดอานุภาพมากเกินไปยามลงมือ เขาถึงได้เลือกใช้อาวุธ
ระดับตํ่า ผลก็คือมันระเบิดกลายเป็ นผุยผงภายในชัว่ พริ บตาเดียว
แรงระเบิดกระจายไปทัว่ ทิศ ทุกคนร่ วมมือกันร่ ายอิทธิฤทธิ์ระงับไว้
“พลัก่ !” เหมียวอี้กลับเงยหน้ากระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลัง่ ภาพตรงหน้าพลันกลายเป็ นสี ดาํ ชัว่
พริ บตาเดียวก็ไม่รู้เรื่ องอะไรแล้ว หงายหลังล้มลงไปขณะเผชิญหน้ากับทะเลกว้าง เลือดทะลักออก
ปากออกจมูก!
อิงอู๋ตี๋และคนอื่นรี บถลันตัวเข้ามา พอร่ ายอิทธิฤทธิ์ตรวจอาการ พวกเขาก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เหมียวอี้ที่
โดนพลังอิทธิฤทธิ์ยอ้ นทําร้ายจนชีพจรขาด อวัยวะภายในเสี ยหาย!
ถึงแม้เหมียวอี้จะกินสมุนไพรเซียนซิงหัวเตรี ยมไว้ก่อนแล้ว แต่อิงอู๋ตี๋กย็ งั รี บนําสมุนไพรเซียนซิ งหัวอ
อกมาอีกต้น รี บเป่ าหมอกดาวเข้าในร่ างกายเหมียวอี้ พร้อมทั้งร่ ายอิทธิฤทธิ์ระงับอาการบาดเจ็บใน
ร่ างกายเขา
อาการบาดเจ็บสาหัสมาก! บาดเจ็บสาหัส!
แต่ภายใต้การเยียวยาของโอสถเทวดา อาการบาดเจ็บก็บรรเทาเร็ วมาก ใช้เวลาไม่กี่วนั ก็ฟ้ื นตัวแล้ว
หายเร็ วกว่าจิงชี่เสิ นที่เสี ยไป สมุนไพรเซียนซิงหัวไม่ค่อยได้ผลอะไรกับจิงชี่เสิ นที่เสี ยหาย
หลังจากนั้นหลายวัน เหมียวอี้กก็ ย็ นื ถือทวนอยูบ่ นหาดทรายอีกครั้ง เขาหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง
ต้องการตามหาความรู ้สึกบางอย่างต่อไป!
ทุกคนพูดไม่ออก วิธีการฝึ กตนแบบบนี้ช่างเสี่ ยงชีวติ จริ ง ๆ เพราะไม่มีการชี้แนะใด ๆ จากคนรุ่ นก่อน
นักพรตโดยทัว่ ไปล้วนใช้ประโยชน์จากเคล็ดวิชาที่ฝึกจนสุ กงอม ถึงได้ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น ถึงได้
ฝึ กตนได้อย่างสงบใจ การฝึ กแบบเหมียวอี้ หากพลาดทําเกินไปก็จะทําให้ตวั เองเกิดอันตรายถึงชีวติ ได้
แต่เกลี้ยมกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง! ถ้าคุณชายห้าท่านนี้จะโหดขึ้นมา แม้แต่กบั ตัวเองก็ไม่เว้น!
ชิงเฟิ งก็ดนั ติดปั ญหาอยูท่ ี่ด่านนี้เหมือนกัน พอได้ใช้ท่านี้แล้วหยุดไม่ได้ จึงไม่มีประสบการณ์ที่มี
ประโยชน์อะไร เขาโจมตีได้ครั้งละท่าเท่านั้น ไม่อาจใช้ท่านี้อีกจนพลังตัวเองหมด!
เลี่ยหวนถามอย่างสงสัยว่า “คุณชายห้า กดวรยุทธ์ให้ต่าํ แล้วค่อยใช้ท่านี้ไม่ได้เหรอ? แบบนี้พลัง
อิทธิฤทธิ์ที่ยอ้ นทําร้ายจะได้ลดอานุภาพลงหน่อย”
ชิงเฟิ งส่ ายหน้า “ไม่ได้! ถ้าควบคุมไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ไม่สามารถใช้กระบวนท่านี้ได้!”
เหมียวอี้ยมิ้ พร้อมตอบว่า “ชิงเฟิ งเข้าใจดีที่สุด!”
ตอนที่ 1000

เคล็ดวิชาเพลิงใจ

ผลปรากฏว่า จบลงด้วยการที่เขากระอักเลือดออกมา บาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว!


กลุ่มปี ศาจรี บพุง่ ตัวเข้ามาอีกครั้ง เพราะสําหรับทุกคนแล้ว เจ้าหนุ่มนี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่ องสําคัญ จะ
ตายไม่ได้!
รอจนกระทัง่ เหมียวอี้หายจากอาการบาดเจ็บ แล้วออกมาอีกครั้ง ทุกคนก็เรี ยกได้วา่ เกลี้ยกล่อมอย่าง
ยากลําบาก ไม่ตอ้ งเล่นแล้ว ใครเขาฝึ กตนกันแบบนี้บา้ ง อย่างน้อยเจ้าก็ตอ้ งจับต้นชนปลายได้บา้ งสิ
ขนาดจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ยงั จะเล่นแบบนี้อีก แบบนี้ไม่ใช่การเอาชีวติ มาล้อเล่นหรอกเหรอ!
เขาดื้อดึงที่จะทดลอง ห้ามไม่อยู่ คนที่เหลือทําได้เพียงตามเขามาที่หาดทราย มายืนอยูข่ า้ งหลังเขาเพื่อ
คอยเตรี ยมตัวกับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เมื่อเห็นเขากําลังรวบรวมจิงชี่เสิ น จู่ ๆ ชิงเฟิ งก็บอกว่า “คุณชายห้า ท่านไม่ลองเปลี่ยนวิธีการดูหน่อย
ล่ะ เก็บพลังในรวดเดียวกะทันหันเกินไป ท่านทนรับไม่ไหว ไม่ลองเก็บพลังให้นอ้ ยลงล่ะ ปล่อย
ออกมาเก้าทวนก่อน แล้วเก็บพลังทวนสุ ดท้ายเอาไว้ พลังอิทธิฤทธิ์ที่ยอ้ นทําร้ายจะได้ไม่รุนแรงขนาด
นั้น”
เหมียวอี้ตะลึงงัน นี่คือวิธีที่ดี จากนั้นก็รวบรวมจิงชี่เสิ นอีกครั้ง
ชัว่ พริ บตาเดียวที่เคลื่อนไหว แสงเย็นที่ดุร้ายไร้ที่เปรี ยบเก้าสายถูกยิงออกมา สายสุ ดท้ายถูกบังคับหยุด
เอาไว้ได้
บึ้ม! ทวนในมือระเบิดกลายเป็ นผุยผงอีกครั้ง “พลัก่ !” ไม่ใช่แค่กระอักเลือดสดออกมา แต่เหมียวอี้ก็
กระเด็นถอยหลังกลับมาเช่นกัน แม้แต่เสื้ อผ้าบนตัวก็ระเบิดกลายเป็ นฝุ่ นผงเช่นกัน เขาตกกระแทกลง
บนหาดทราย สลบเหมือนตายอีกครั้ง!
ทุกคนพุง่ เข้ามาตรวจดูอาการทันที ผลก็คือพบว่าครั้งนี้บาดเจ็บสาหัสยิง่ กว่าเดิม แม้แต่กระดูกใน
ร่ างกายก็หกั หลายจุด
นี่มนั เรื่ องอะไรกัน? ทําไมอานุภาพลดลงแล้ว แต่กลับบาดเจ็บสาหัสยิง่ กว่าเดิมล่ะ?
อิงอู๋ตี๋รีบร่ ายอิทธิฤทธิ์รักษา ส่ วนชิงเฟิ งก็ขมวดคิ้วโดยไม่พดู อะไร เหมือนกําลังครุ่ นคิดว่าปั ญหาอยู่
ตรงไหน
ส่ วนหูเฟยก็เอามือปิ ดปาก ดวงตาฉายแววแปลกพิลึก มองดูท่อนล่างที่เปลือยเปล่าของเหมียวอี้หลาย
ครั้ง ตอนแรกคนอื่นยังไม่สนใจ แต่เลี่ยหวนกลับสังเกตเห็นแล้ว ตอนนี้เขาอ่อนไหวกับเรื่ องแบบนี้
มาก รี บเอาตัวเข้ามาขวางทันที ปิ ดบังสายตาของหูเฟยเอาไว้ ทําให้หูเฟยกลอกตามองบน
ครั้งนี้เลี่ยหวนเริ่ มปรนนิบตั ิรับใช้อยูข่ า้ งเตียงคุณชายห้าเหมียวทั้งวันทั้งคืน ไม่ออกห่างแม้แต่กา้ ว
เดียว! บางครั้งก็ออกจากถํ้ามาดูขา้ งนอกบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นหูเฟยกับราชาปี ศาจทะเลครามกําลัง
เล่นนํ้าตัวเปี ยกอยูร่ ิ มทะเลด้วยกัน เขาคํารามอย่างเดือดดาลทันที ตะคอกถามราชาปี ศาจทะเลครามว่า
“ไอ้สตั ว์เดรัจฉาน เจ้ากําลังเอามือลูบไล้อะไรอยู!่ ”
นึกถึงเมื่อก่อน ถึงอย่างไรเขาก็คือราชาปี ศาจเลี่ยหวนผูม้ ีชื่อเสี ยงโด่งดังของพิภพเล็ก อํานาจบารมีแผ่
ไปทัว่ ทิศ เมื่ออยูใ่ นบ้านก็พดู จามีน้ าํ หนักน่าเชื่อถือ แต่เพราะเรื่ องที่หอโคมเขียวครั้งนั้น การล้างแค้น
ของหูเฟยทําให้เขาทรมานจนแทบจะเป็ นบ้าแล้วจริ ง ๆ คาดว่าคงใกล้ถึงเวลาที่จะได้คุกเข่าขอร้อง
แล้ว!
หลังจากเหมียวอี้ฟ้ื นตัวกลับมาอีกครั้ง ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าปั ญหาอยูต่ รงไหน
เมื่อหยุดออกทวนหนึ่งครั้ง อานุภาพของพลังที่ยอ้ นทําร้ายก็ลดลงแล้ว แต่ประเด็นสําคัญก็คือเก้าทวน
ก่อนหน้าได้ทาํ ให้เขาสูญเสี ยจิงชี่เสิ นไปเกือบหมด การที่จิงชี่เสิ นเซื่องซึมแบบนี้ ทําให้เขาไม่สามารถ
รวบรวมสมาธิเพื่อร่ ายอิทธิฤทธิ์ตา้ นทานได้ทนั เวลา ถึงแม้อานุภาพจะลดลง แต่เป็ นครั้งที่กายเนื้อต้อง
ทนรับกับพลังย้อนทําร้ายเข้าอย่างจัง
อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ถ้าประมาทเพียงนิดเดียว ก็สามารถทําให้กายเนื้อฉี กขาดได้เลย เคราะห์
ดีที่ยงั มีการป้ องกันไว้บา้ งนิดหน่อย ไม่อย่างนั้นครั้งนี้คงอันตรายถึงชีวติ แล้ว
หลังจากได้ยนิ คําอธิบายนี้ ทุกคนที่กาํ ลังล้อมอยูข่ า้ งเตียงก็มองชิงเฟิ งด้วยสายตาแปลก ๆ เหมือนกําลัง
บอกว่า ดูความคิดโง่ ๆ ที่เจ้าเสนอขึ้นมาสิ
ชิงเฟิ งเงยหน้ามองอย่างพูดไม่ออก ใครจะไปรู ้วะ!
แต่เหมียวอี้กลับตื่นเต้นดีใจมาก คิดว่าสามารถจับต้นชนปลายได้บา้ งแล้ว ในเมื่อหนึ่งทวนไม่สาํ เร็ จ
เก้าทวนไม่สาํ เร็ จ เช่นนั้นก็แบ่งที่ตรงกลางแล้วกัน คาดว่าห้าทวนคงจะเหมาะสมที่สุด
เหมือนที่เขาเดาไว้ไม่มีผดิ พอได้ทดลอง เขาก็กระอักเลือดเซถอยหลังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้สลบ
เป็ นตาย เพียงแค่ยนื โซเซอยูอ่ ย่างนั้น อาการบาดเจ็บก็ไม่ได้รุนแรงเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจแทนเขา คิดว่าในที่สุดเขาก็จบั ต้นชนปลายได้แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ตอ้ งกังวลว่าเขา
จะเสี ยชีวติ
ดังนั้นเขาจึงบาดเจ็บอย่างนี้ซ้ าํ แล้วซํ้าเล่า หลังจากผ่านไปเกือบครึ่ งปี ก็พบว่าตัวเองเริ่ มทนไม่ไหว ไม่มี
สมุนไพรเซี ยนซิงหัวมาให้เขาผลาญเล่นมากมายขนาดนั้น แต่ถา้ ไม่ใช้สมุนไพรเซียนซิ งหัว การฟื้ นตัว
ก็จะเชื่องช้า เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปี จะเอาเวลาว่างจากไหนมากมายเยียวยาให้เขา
ยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือ ต่อให้ควบคุมกระบวนท่าหนึ่งทวนสิ บสังหารให้กลายเป็ นหนึ่งทวนห้าสังหาร
ก็ไม่มีความหมาย ทําให้ตวั เองบาดเจ็บจนเดินโซเซ จะต่างอะไรกับการสิ้ นเปลืองจิงชี่เสิ นล่ะ? ยามสู ้
กับศัตรู จะมีอะไรแตกต่างกันเหรอ?
อิงอู๋ตี๋เองก็มองเบาะแสออกเหมือนกัน รอจนกระทัง่ เหมียวอี้ฟ้ื นตัวและออกจากถํ้าอีกครั้ง เขาก็มารออ
ยูท่ ี่ปากถํ้าแล้ว “เจ้าห้า เจ้าทําแบบนี้ซ้ าํ ๆ แล้วสังเกตเห็นอะไรบางหรื อยัง?”
ตรงจุดไกล ๆ คือคลื่นสี ครามหมื่นลี้ ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะหน้า เหมียวอี้ยมิ้ เจื่อนขณะทอดสายตา
มองไปไกล ๆ ได้แต่ส่ายหน้าอยูอ่ ย่างนั้น
อิงอู๋ตี๋ “เรื่ องแบบนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เคยมีใครประสบ
มาก่อน ถ้าอยากจะบุกเบิกช่องทางใหม่กไ็ ม่ง่าย จําเป็ นต้องมีจงั หวะดี ๆ เมื่อนํ้ามาคลองเกิด
ความสําเร็ จก็ยอ่ มมาถึงเอง ถ้าหลับหูหลับตาพุง่ ชน โอกาสสมหวังก็มีนอ้ ยมาก มิหนําซํ้าเวลายังสั้น
เกินไป สําหรับคนในแดนฝึ กตน เวลาหนึ่งปี นับว่าสั้นเกินไปจริ ง ๆ ”
เหมียวอี้ที่ด้ือหัวชนฝาครั้งแล้วครั้งเล่าได้รับคําชี้แนะจากเข ไม่รับคําชี้แนะก็คงไม่ได้แล้ว สมุนไพร
เซี ยนซิงหัวเหลือไม่เยอะ ทุกคนนําสมุนไพรซิ งหัวที่อยูใ่ นมือตัวเองมาให้เขาใช้อย่างสิ้ นเปลือง
เขาจึงหยุดวิธีการฝึ กแบบนี้เอาไว้ชวั่ คราว แล้วพาราชาปี ศาจทะเลครามออกทะเลไปไกลร้อยลี้
ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล หลังจากทั้งสองหยุดเหยียบบนคลื่น เหมียวอี้กก็ าํ หมัดสองข้าง เสื้ อผ้าบน
ตัวฉีกขาด เปลือยร่ างกายโดยใส่ กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว แล้วกระโดดดําลงไปในทะเลลึกก่อน
จากนั้นราชาปี ศาจทะเลครามก็ตามลงไปทันที
เมื่อจมลึกลงไปที่กน้ ทะเลหนึ่งหมื่นจั้ง อาศัยแรงดันมหาศาลของทะเลลึก บวกกับการร่ ายอิทธิฤทธิ์
ของราชาปี ศาจทะเลคราม ความน่ากลัวของแรงดันมหาศาลก้นทะเลทําให้เหมียวอี้กา้ วเท้าลําบากมาก
“เริ่ มเลยเถอะ!” เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยงบอก
ภายใต้ร่ายอิทธิฤทธิ์ของราชาปี ศาจทะเลคราม ที่กน้ ทะเลมีคลื่นแฝงกลุ่มหนึ่งซัดขึ้นมาทันที กลายเป็ น
ธนูน้ าํ ยิงโจมตีไปทางเหมียวอี้
เหมียวอี้ที่กาํ ลังหลับตาออกแรงชกโจมตีหนึ่งหมัด ทําให้ธนูน้ าํ พลังทลาย
ตอนที่เหล่าไป๋ ชี้แนะเขาในปี นั้น สิ่ งที่เขาใช้คืออาวุธ แต่ตอนนี้กลับชกมือเปล่า สาเหตุที่ใช้หมัดเปล่า
วิธีคิดของเขาก็เรี ยบง่ายมาก ในเมื่อใช้ทวนแล้วเกิดจุดสี ดาํ เช่นนั้นถ้าหลังจากหมัดของเขามีอานุภาพ
เพียงพอแล้ว ก็จะสามารถเพิ่มอานุภาพแบบนี้ให้หมัดและเท้าได้เหมือนกัน?
ความจริ งที่เกิดขึ้นบนดรรชนีกระบี่ของชิงเฟิ ง ได้มอบความมัน่ ใจให้เขาสูงมาก!
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ราชาปี ศาจทะเลครามพบว่าเหมียวอี้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ของแรงดันในทะเล จนทําให้ร่างกายตัวเองปรับตัวได้ไว เรี ยกได้วา่ ก้าวหน้ารวดเร็ วมาก สิ่ งนี้ทาํ ให้เขา
ตกตะลึง จุดที่สาํ คัญก็คือ เขาพบว่าความสามารถในการแยกแยะของเหมียวอี้ยามอยูใ่ นความมืดน่าทึ่ง
มาก เพราะเหมียวอี้หลับตาเสี ยเป็ นส่ วนใหญ่
เริ่ มจากการโจมตีดว้ ยธนูน้ าํ จํานวนประปราย จนกระทัง่ เพิ่มเป็ นสิ บเป็ นร้อย การออกหมัดโจมตีของ
เหมียวอี้ภายใต้แรงดันก็ยงิ่ เร็ วขึ้นเรื่ อย ๆ
ทุกครั้งที่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้น เหมียวอี้กจ็ ะเข้าไปในภูเขาไฟ เข้าไปในค่ายกลเพลิงอัคคีที่เลี่ยหวน
กับหูเฟยวางไว้
เขายังคงเปลือยร่ างและสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ส่ วนท่าทางประหลาดของหูเฟย เขามองข้ามมันไป
ตั้งนานแล้ว เขากําลังอยูใ่ นสภาวะฝึ กตน จิตใจไม่วอกแวก ในสายตาเขาตอนนี้ คนที่อยูร่ อบกายไม่มี
การแบ่งแยกชายหญิง เขาถึงขั้นบอกพวกอวิน๋ จือชิวไว้แล้วด้วย ว่าถ้าไม่มีเรื่ องสําคัญก็หา้ มรบกวนเขา
ในค่ายกลเพลิงอัคคี ดาบเพลิงนับไม่ถว้ นล้อมโจมตีเขาด้วยความเร็ วสู ง จํานวนเริ่ มจากน้อยไปมาก
เหมียวอี้ที่อยูข่ า้ งในออกหมัดออกเท้าโจมตีอย่างรวดเร็ ว
ตอนที่ดาบเพลิงสามารถโจมตีฝ่าการป้ องกันของเขาได้ เขาก็จะหยุดมือ เมื่อรู ้สึกว่าตัวเองลงมือได้ไม่
เร็ วพอ ก็จะลงไปฝึ กฝนอย่างหนักโดยอาศัยแรงดันจากก้นทะเลต่อ
“แรงดันยังไม่พอ! ขอแรงดันที่แรงที่สุด!” เหมียวอี้ถ่ายทอดเสี ยงอยูท่ ี่กน้ ทะเล
ดังนั้น ทุกครั้งที่เหมียวอี้เหนื่อยจนหมดแรงและโผล่ข้ ึนมาที่ผวิ ทะเล ราชาปี ศาจทะเลครามก็เหนื่อย
ปางตายเหมือนกัน พยายามใช้พลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมไม่หยุด เมื่อเวลานานไปเขาก็ทนไม่ไหว
เหมือนกัน
หลังจากเริ่ มมีความก้าวหน้า การโจมตีของค่ายกลเพลิงอัคคีกบั การโจมตีของธนูน้ าํ ก็ทาํ ให้เหมียวอี้
พอใจไม่ได้
ไม่ใช่วา่ เหมียวอี้สามารถรับทุกการโจมตีไหว สาเหตุที่รับไม่ไหว ก็เพราะการโจมตีของดาบเพลิงและ
ธนูน้ าํ มีความหนาแน่นมากเกินไป แบบนั้นต่อให้ตอบสนองได้เร็ วกว่านี้กย็ ากที่จะรับมือได้ ถ้าตัด
ปัจจัยเรื่ องความหนาแน่นในการโจมตีออก การโจมตีที่พงุ่ เป้ ามาหาเขาจริ ง ๆ กลับไม่ได้รวดเร็ ว
วิธีการฝึ กความเร็ วหมัดสองแบบนี้ยงั คงดําเนินต่อไป แต่เหมียวอี้ไม่พอใจ จึงจ้องอิงอู๋ตี๋อีกครั้ง
ราชาปี ศาจทะเลครามสร้าง ‘พายุหมุน’ ที่ผวิ ทะเล ใช้น้ าํ ทะเลก่อพายุหมุนขึ้นมา
อิงอู๋ตี๋และเหมียวอี้เข้าไปในพายุหมุนพร้อมกัน เหมียวอี้หลับตาตอนอยูข่ า้ งใน เสี ยงลมพัดรุ นแรงเคล้า
กับเสี ยงคลื่น ดังเซ็งแซ่ไร้ที่เปรี ยบ อิงอู๋ตี๋กลายร่ างเป็ นเงามายาร้อยร่ างและล้อมโจมตีเหมียวอี้อย่างบ้า
คลัง่ และรวดเร็ ว
เหมียวอี้ที่กาํ ลังหลับตารี บลงมือโต้ตอบ เสี ยงของหมัด กรงเล็บ นิ้ว ฝ่ ามือที่ปะทะกันดังราวกับเสี ยงรัว
ตีกลอง
เมื่อหยุดพักสนามแรก ‘พายุหมุน’ ก็พงั ตกลงในนํ้าทะเล เหมียวอี้ที่อยูก่ ลางอากาศก็หอบหายใจพลาง
ตะโกนบอกว่า “พีส่ าม ข้าโดนท่านโจมตีหกร้อยยีส่ ิ บสามนิ้ว!”
บนร่ างเปลือยท่อนบนและขาสองข้างของเขา ทุกที่มีแต่รอยนิ้วมือของอิงอู๋ตี๋
อิงอู๋ตี๋กลับทั้งตกตะลึงทั้งประหลาดใจ เขาโจมตีต่อเนื่องกันไม่หยุด ลงมือไปอย่างน้อยเป็ นหมื่นครั้ง
แต่กลับโดนเหมียวอี้แค่หกร้อยกว่าครั้ง
และแน่นอน เขาไม่ได้อาศัยความได้เปรี ยบของพลังอิทธิฤทธิ์มาควบคุม ไม่อย่างนั้นเหมียวอี้จะโดน
แค่หกร้อยกว่าครั้งได้อย่างไร แค่โดนครั้งเดียวก็คงแพ้แล้ว
แต่เหมียวอี้หลับตาประมือกับเขาตั้งแต่ตน้ จนจบ ภายใต้สถานการณ์ที่ตามองไม่เห็น แถม
สภาพแวดล้อมยังเสี ยงดังวุน่ วายขนาดนั้น รวมทั้งผลกระทบจากลมแรง ภายใต้เงื่อนไขที่ซบั ซ้อน
ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถหลับตารับกระบวนท่าได้เยอะมาก ยากจะบรรยายความตกตะลึงในใจ
อิงอู๋ตี๋ได้
ดังนั้น อิงอู๋ตี๋จึงหน้าบึ้งเล็กน้อย “เจ้าห้า หรื อว่าเจ้าดูถูกข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะหลับตาตอนประมือกับข้า
ทําไม?”
เหมียวอี้ตอบพร้อมยิม้ ขื่นขม “พี่สาม ถ้าข้าลืมตาสู ้ ข้าคงไม่ได้โดนแค่หกร้อยนิ้วหรอก เกรงว่าหกพัน
นิ้วยังน้อยไปด้วยซํ้า”
“ทําไมล่ะ?” อิงอู๋ตี๋สงสัย
เหมียวอี้เอามือกดที่หวั ใจ แล้วตอบว่า “ข้ากําลังใจหัวใจตระหนักรู ้ การโจมตีของพี่สามเร็ วขนาดนั้น
สายตาทําให้ตดั สิ นพลาดได้ง่าย”
“แบบนี้…” อิงอู๋ตี๋พึมพํา ทําท่าทางครุ่ นคิด
หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันฝึ กฝนสามวิธีอย่างหนัก เงื่อนไขการฝึ กที่ดีขนาดนี้ เป็ นสิ่ งที่เหมียวอี้ไม่เคย
กล้าใฝ่ ฝันถึงมาก่อน ตอนนี้เรี ยกได้วา่ หมกมุ่นกับมันอย่างหิ วกระหาย
ตอนที่จาํ นวนครั้งที่อิงอู๋ต๋ีโจมตีโดนเหมียวอี้ลดลงตํ่ากว่าหกร้อย ตอนที่ทุกคนรู ้สึกถึงความก้าวหน้า
ขอเหมียวอี้ได้อย่างชัดเจน แต่ละคนก็แอบตกตะลึงในใจ หรื อว่าวิธีการฝึ กแบบนี้จะได้ผลตามคาดจริ ง
ๆ ? ดูแล้วเหมือนจะเป็ นวิธีการที่ดีมาก…
วิธีการที่ดีขนาดนี้ ย่อมไม่มีใครอยากพลาดอยูแ่ ล้ว ดังนั้นตอนที่เหมียวอี้ไปฝึ กโดยใช้วธิ ีการอื่นหรื อ
ตอนพักผ่อนฟื้ นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ คนอื่น ๆ ก็ถือโอกาสฝึ กตามด้วยเหมือนกัน
ที่กน้ ทะเลฝั่งนี้ เลี่ยหวนถูกธนูน้ าํ โจมตีจนตาเหลือกและพ่นฟองอากาศออกมา
อีกสักประเดี๋ยวเดียว ราชาปี ศาจทะเลครามก็ร้องโวยวายอยูท่ ่ามกลางค่ายกลเพลิงอัคคี
สําหรับเรื่ องนี้ เหมียวอี้ไม่เก็บมาใส่ ใจ และไม่กลัวว่าจะมีคนลอกเลียนแบบด้วย ยิง่ วรยุทธ์สูงขึ้น เขาก็
ยิง่ ตระหนักอะไรบางอย่างได้ วิธีการแบบเดียวกันใช่วา่ จะได้ผลกับทุกคน กุญแจสําคัญอยูท่ ี่จิตใจ ใน
จุดนี้ตอ้ งยกความดีความชอบให้เคล็ดวิชาอัคนีดารา
เมื่อการรุ มล้อมโจมตีมาถึง ในใจเจ้ารู ้หรื อไม่วา่ มีวตั ถุจาํ นวนเท่าไรกําลังรุ กโจมตีเจ้า เจ้ารู ้หรื อไม่วา่
พวกมันมาจากทิศทางไหน การตัดสิ นให้ถูกต้องแม่นยําคือสิ่ งที่สาํ คัญมาก นี่คือเงื่อนไขสําคัญในการ
โจมตีโต้ตอบของเจ้า เจ้าต้องรู ้ก่อน ถึงจะไล่ตามได้อย่างรวดเร็ ว จิตใจต่างหากที่สามารถนําทางให้เจ้า
ตอบสนองได้รวดเร็ ว ถ้าเจ้าไม่รู้แม้แต่สิ่งเหล่านี้ ต่อให้หลับหูหลับตาฝึ กไปมัว่ ๆ ก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าพูดจากในบางมุม เหมียวอี้รู้สึกว่า ‘เคล็ดวิชาอัคนีดารา’ นี้ ถ้าเรี ยกว่า ‘เคล็ดวิชาเพลิงใจ’ จะ
เหมาะสมกว่า ไม่อย่างนั้นมันจะเผาทําลายเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้เหรอ? นี่กเ็ ป็ นสาเหตุวา่ ทําไม
วิธีการฝึ กแบบนี้จึงสามารถทําให้เขาสงบใจท่ามกลางความวุน่ วายและตอบสนองออกมาได้
ตอนที่จาํ นวนครั้งที่อิงอู๋ตี๋โจมตีโดนเหมียวอี้ลดลงเหลือห้าร้อยครั้ง ก็ครบกําหนดเวลาหนึ่งปี พอดี
ถึงแม้ความก้าวหน้าจะไม่มาก แต่กเ็ ป็ นเพราะมีเวลาสั้นเกินไป แค่น้ ีกน็ บั ว่ามีพฒั นาการรวดเร็ วมาก
แล้วในสายตาคนอื่น
“คุณชายสาม ท่านกําลังดูแลข้าเป็ นพิเศษอยูห่ รื อเปล่า? คุณชายห้าต้านทานได้นานขนาดนั้น แต่ขา้
ต้านทานการโจมตีของท่านไม่ได้เลยสักรอบ? ท่านแน่ใจนะว่าความเร็ วในการลงมือกับพวกเราสอง
คนเท่ากัน?”
ตอนที่เลี่ยหวนร้องโอดครวญและเหาะออกมาจากพายุหมุน เหมียวอี้กถ็ ลันตัวเหาะเข้ามา แล้วประกาศ
อยูบ่ นท้องฟ้ าว่า “กลับกันเถอะ โค่วเหวินหลานส่ งข้อความมาบอกข้า การทดสอบของข้ากําลังจะเริ่ ม
ขึ้นแล้ว!”

You might also like