Professional Documents
Culture Documents
Rungthiwa 62
Rungthiwa 62
รุ่งทิวา วิบูลพันธ์
Rungthiwa Wiboonphun
สารนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
A Minor Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the Master of Education Degree in Educational Administration
Hatyai University
2562
ศึกษาขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานของครู
สังกัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
The Morale and Encouragement for Job Performance of Teachers
Under Yala Primary Educational Service Area Office 2
รุ่งทิวา วิบูลพันธ์
Rungthiwa Wiboonphun
สารนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
A Minor Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the Master of Education Degree in Educational Administration
Hatyai University
2562
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่
Copyright of Hatyai University
(3)
ชื่อสารนิพนธ์ ศึกษาขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานของครู
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ผู้วิจัย นางสาวรุ่งทิวา วิบูลพันธ์
สาขาวิชา การบริหารการศึกษา
ปีการศึกษา 2562
คำสำคัญ ขวัญกำลังใจ, การปฏิบัติงานของครู
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา และเปรียบเทียบขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานของครู
ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา
เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ผู้บริหารและครู จำนวน 318 คน ในปีการศึกษา 2561 จากการ
กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยการคำนวนจากสูตรของยามาเน่ จากนั้นทำการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified
Random Sampling) ตามเขตที่ตั้งของโรงเรียนตามแต่ละอำเภอในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 และกำหนดผู้ให้ข้อมูลในแต่ ละระดับนั้นโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)
ด้วยวิธีการจับฉลากแบบไม่ใส่คืน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scle) ที่
มีค่าสั มประสิ ทธิ์ แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) เท่ากับ 0.97 สถิ ติที่ ใช้ ในการ
วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( X ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบ
ค่าที (t-test) การทดสอบค่าเอฟ (F-test)
ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม และในรายด้าน ปัจจัยจูงใจ
และปัจจัยค้ำจุน อยู่ในระดับน้อย
2. ผู้บริหารและครูที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็น เกี่ยวกับขวัญและกำลังใจ
ในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .001
3. ผู้บริหารและครูที่นับถือศาสนาต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจใน
การปฏิ บั ติ งานของครูสั งกัด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ การศึ กษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05
4. ผู้บริหารและครูที่มีประสบการณ์การทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับขวัญ
และกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ในภาพรวม ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .001
(4)
Thesis Title The Morale for Job Performance of Teachers Under Yala
Primary Educational Service Area Office 2
Researcher Miss.Rungthiwa Wiboonphun
Major Program The Master of Education Degree in Education Administration
Academic Year 2019
Keywords Morale, job performance of teachers
ABSTRACT
This research aims to study and compare the morale for job
performance of school administrators and teachers under Yala primary educational
service area office 2. Consisting of 318 administrators and teachers in the academic
year 2018 from the sample size determination by calculating from Yamane's formula
after that, Stratified random sampling was performed according to the location of the
school according to each district in the Yala primary educational service area office
2., and Assigned the data provider at that level by simple random sampling with a
non-returnable raffle method. The instrument used as a 5-level rating scale with
Cronbach's Alpha Coefficient (0.97), the Statistics used for data analysis were
percentage, mean,Standard deviation, t-test and F-test
The results are as follows:
1. The opinions of the administrators and teachers about the morale
of the teachers in the office of Yala primary eEducation area office 2 in the overall
and the motivation factors and supporting factors at a low level.
2. Administrators and teachers with different positions there were
opinions about the morale in the performance of teachers under the office of Yala
primary education area office 2, in the overall, with statistical significance at the level
of .001.
3. Administrators and teachers with different religion there were
opinions about the morale in the performance of teachers under the office of Yala
primary education area Office 2, in the overall, with statistical significance at the level
of .05.
4. Administrators and teachers with different Experience there were
opinions about the morale in the performance of teachers under the office of Yala
primary education area office 2, in the overall, with statistical significance at the level
of .001.
(5)
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์เล่มนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยความพยายามอุตสาหะที่ผู้วิจัยได้ใช้
กระบวนการศึกษาค้นคว้าจนประสบความสำเร็จ โดยผู้ที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จครั้งนี้ คือ ครูผู้
ประสิ ทธิ์ป ระสาทความรู้ ให้ คำแนะนำ ตรวจแก้ไขวิทยานิ พนธ์และติดตามความก้าวหน้าอย่าง
ใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจารย์ ดร.ตรัยภูมินทร์ ตรีตรีศวร อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก ดร.วรชัย
ปานนิตยพงศ์ รองศาสตราจารย์ ดร.จรัส อติวิทยาภรณ์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ประภาศ
ปานเจี้ยง คณะกรรมการสอบที่ได้สละเวลาอันมีค่ายิ่งในการให้มุมมอง ข้อคิด และคำแนะนำต่างๆ
ทำให้วิทยานิพนธ์เล่มนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ขอขอบพระคุ ณ ดร.วรชั ย ปานนิ ต ยพงศ์ ตำแหน่ ง อาจารย์ พิ เ ศษ คณ ะ
ศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ นายสุริยัณ จันทร์ทบ ผู้อำนวยการสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 3 และนายอัมพร เพชรโชติ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้าน
พงกูแว จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่กรุณาตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือการวิจัยในครั้งนี้
ความสมบู ร ณ์ ข องวิ ท ยานิ พ นธ์ เล่ ม นี้ ไม่ อ าจสำเร็ จ ลุ ล่ ว งได้ หากไม่ ได้ รั บ การ
สนับสนุนและให้ความร่วมมือจากคณะครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึ กษายะลา
เขต 2 ที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ทำให้การวิจัยครั้งนี้ค้นพบสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการ
พัฒนาบุคลากรและการศึกษาต่อไป ซึ่งผู้วิจัยขอขอบคุณ ทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้
สุ ด ท้ ายนี้ ผู้ วิ จั ย ขอขอบคุณ อาจารย์ ทุ ก ท่ านในมหาวิท ยาลั ย หาดใหญ่ ที่ ให้ วิช า
ความรู้ แก่ผู้วิจัยจนกระทั่งมีวันนี้ ขอขอบคุ ณพระคุณบิดา มารดา และสมาชิกในครอบครัวทุกท่าน
และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจ ทำให้ผู้วิจัยมีแรงกายและแรงใจใน
การศึกษาวิจัยครั้งนี้
รุ่งทิวา วิบูลพันธ์
(6)
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ .......................................................................................................................................... (3)
กิตติกรรมประกาศ............................................................................................................................ (5)
สารบัญ ............................................................................................................................................. (6)
สารบัญตาราง ................................................................................................................................... (8)
สารบัญภาพ ................................................................................................................................... (10)
บทที่
1 บทนำ ..........................................................................................................................................1
ความเป็นมาของปัญหา ..........................................................................................................1
คำถามของการวิจัย ................................................................................................................4
วัตถุประสงค์ของการวิจัย .......................................................................................................4
สมมติฐานของการวิจัย ...........................................................................................................5
ประโยชน์ของการวิจัย............................................................................................................4
ขอบเขตของการวิจัย ..............................................................................................................6
นิยามศัพท์เฉพาะ ...................................................................................................................7
2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง .................................................................................... 10
ขวัญและกำลังใจ ................................................................................................................. 10
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ ......................................................... 24
ปัจจัยความปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ .................................................... 26
บริบทของสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ............................. 28
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ............................................................................................................. 37
กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย ............................................................................................... 41
3 วิธีดำเนินการวิจัย ..................................................................................................................... 42
พื้นที่ที่ใช้ในการวิจัย ............................................................................................................ 42
ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง ................................................................................................ 42
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย และการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ............................................ 43
การเก็บรวบรวมข้อมูล ........................................................................................................ 46
การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้ ........................................................................................ 46
4 ผลการวิจัย ............................................................................................................................... 48
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล......................................................................................................... 48
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ................................................................ 48
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 .......... 49
(7)
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
ตอนที่ 3 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจใน
การปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ............. 52
5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ .......................................................................................... 60
สรุปผลการวิจัย ................................................................................................................... 60
อภิปรายผลการวิจัย ............................................................................................................ 62
ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................... 66
บรรณานุกรม .................................................................................................................................... 67
ภาคผนวก............ ............................................................................................................................. 72
ก รายนามผู้เชี่ยวชาญ ............................................................................................................ 73
ข เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ..................................................................................................... 74
ค การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ.......................................................................................... 82
ง ประวัติผู้วิจัย ....................................................................................................................... 88
(8)
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
1 ทฤษฎีปัจจัยอนามัยและปัจจัยจูงใจ ตามแนวคิดของเฮิร์ซเบิร์ก (Herzberg)..................... 22
2 แสดงจำนวนสถานศึกษาจำแนกตามขนาด และประเภท รายอำเภอ สังกัด สพป.ยล.2 ..... 34
3 จำนวนนักเรียนในความรับผิดชอบ (โรงเรียนสังกัด สพฐ.) ................................................. 35
4 แสดงจำนวนนักเรียนจำแนกตามระดับการศึกษาและเพศ (ตามอำเภอ) ปีการศึกษา 2560
สังกัด สพฐ. ....................................................................................................................... 35
5 แสดงจำนวนนักเรียนจำแนกตามระดับการศึกษาและเพศ (ตามอำเภอ) ปีการศึกษา 2560
สังกัด ตชด. ....................................................................................................................... 35
6 แสดงจำนวนบุคลากรจำแนกอำเภอ .................................................................................. 36
7 แสดงจำนวนประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำแนกตามอำเภอในสำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 .......................................................................... 36
8 แสดงจำนวนบุคลากรในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ............... 43
9 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม.................................................................................. 48
10 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม.................................. 49
11 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านปัจจัยจูงใจ ........................... 50
12 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญ และกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านปัจจัยค้ำจุน .......................... 56
13 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม จำแนก
ตามตำแหน่งหน้าที่ ........................................................................................................... 52
14 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนกตามตำแหน่ง
หน้าที่ ด้านปัจจัยจูงใจ ...................................................................................................... 53
15 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนกตามตำแหน่ง
หน้าที่ ด้านปัจจัยค้ำจุน .................................................................................................. 54
16 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม จำแนกตามศาสนา...... 55
17 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนกตามศาสนา
ด้านปัจจัยจูงใจ ................................................................................................................. 55
(9)
สารบัญตาราง (ต่อ)
ตารางที่ หน้า
18 เปรียบเทียบความแตกต่างของความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจ
ในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน ................................................................................. 56
19 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนกตาม
ประสบการณ์การทำงาน รายคู่ในภาพรวม ........................................................................ 58
20 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านปัจจัยจูงใจ
จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน ................................................................................. 58
21 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านปัจจัยค้ำจุน
จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน รายคู่ ..................................................................... 58
22 เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านปัจจัยค้ำจุน
จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน รายคู่ ..................................................................... 59
23 ผลการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาของแบบสอบถาม ตอนที่ 2 .................................... 83
24 ผลการหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยภาพรวม และรายด้าน ตอนที่ 2............... 87
(10)
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
1 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย ............................................................................................. 41
บทที่ 1
บทนำ
ควำมเป็นมำของปัญหำ
คำถำมของกำรวิจัย
เพื่อเป็นแนวทางในการหาคาตอบของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้กาหนดข้อคาถามสาหรับ
การวิจัยดังนี้
1. ขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2 อยู่ในระดับใด
2. ผู้บริหารและครูในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ที่มตี าแหน่งหน้าที่ ศาสนา และประสบการณ์การทางาน ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อขวัญ
และกาลังใจในการปฎิบัติงานของครูต่างกันหรือไม่
วัตถุประสงค์ของกำรวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
1. ศึกษาขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของครู ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร
และครูในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
2. เปรี ยบเทีย บขวัญ และกาลั งใจในการปฎิบัติงานของครู ตามความคิดเห็ นของ
ผู้บริหาร และครูในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จาแนก
ตามตัวแปร ตาแหน่งหน้าที่ ศาสนา และประสบการณ์การทางาน
5
สมมติฐำนของกำรวิจัย
1. ผู้บริหาร และครูในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ที่มีตาแหน่งหน้าที่ ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของครู
แตกต่างกัน
2. ผู้บริหาร และครูในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ที่ นั บถือศาสนาต่ างกั น มี ความคิ ดเห็ นต่ อขวัญ และก าลั งใจในการปฎิ บั ติ งานของครู
แตกต่างกัน
3. ผู้บริหาร และครูในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ที่มีประสบการณ์การทางานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงาน
ของครู แตกต่างกัน
ประโยชน์ของกำรวิจัย
1. ด้านความรู้
1.1 ทราบระดับขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
1.2 ทราบความแตกต่างของระดับความคิดเห็น ของผู้บริหารและครู ต่อ 2 ตาม
ตัวแปร ตาแหน่งหน้าที่ ศาสนา และประสบการณ์การทางาน
2. ด้านการนาไปใช้
2.1 เพื่อเป็นข้อมูลสาหรับสถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาไปใช้เป็นกรอบ
และแนวทางในการเสริมสร้างขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา สั งกัดส านั กงานเขตพื้น ที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 อันจะเป็ นประโยชน์ต่อการ
บริหารสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2.2 เพื่อเป็นแนวทางสาหรับผู้สนใจศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับขวัญและกาลังใจในการ
ปฎิ บั ติ งานของข้ า ราชการครู แ ละบุ ค ลากรทางการศึ ก ษา สั ง กั ด ส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2
ขอบเขตของกำรวิจัย
ในการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้กาหนดขอบเขตของการศึกษาในครั้งนี้
1. ขอบเขตด้านเนื้อหา
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของครูสังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 โดยใช้กรอบแนวคิดทฤษฎีการจูงใจ ของเฮอร์ซเบิร์ก
(Frederic Herzberg, 1959, pp. 44-49) ประกอบด้วย
6
3.2.1.2 การได้รับความยอมรับนับถือ
3.2.1.3 ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ
3.2.1.4 ความรับผิดชอบ
3.2.1.5 ความก้าวหน้าในตาแหน่งการงาน
3.2.1.6 โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าในอนาคต
3.2.2 ปัจจัยค้าจุน (Hygiene Factors) 9 ประการ เป็นปัจจัยป้องกันไม่ให้
เกิดความไม่พึงพอใจงานที่ปฏิบัติอยู่ ประกอบด้วย
3.2.2.1 นโยบายและการบริหารงานองค์กร
3.2.2.2 วิธีการปกครองบังคับบัญชา
3.2.2.3 สภาพการทางาน
3.2.2.4 ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา
3.2.2.5 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
3.2.2.6 ความมั่นคงและความปลอดภัย
3.2.2.7 ความเป็นอยู่ส่วนตัว
3.2.2.8 เงินเดือน
3.2.2.9 ฐานะของอาชีพ
นิยำมศัพท์เฉพำะ
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ให้ความหมายของนิยามศัพท์เฉพาะไว้ดังนี้
1. ขวัญและก าลั งใจในการปฎิ บั ติงาน หมายถึ ง สภาพจิตใจ ความรู้สึ กนึกคิดและ
สภาวะทางอารมณ์ของครู เป็นแรงจูงใจที่กระตุ้นให้ครูในโรงเรียนทุ่มเทการทางานและแสดงความสามารถ
อย่างเต็มที่ในการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้ วัดโดยแบบสอบถามความคิดเห็น
เกี่ ย วกั บ แรงจู ง ใจตามทฤษฎี จู งใจของเฮอร์ ซ เบิ ร์ ก (Herzberg, 1975, pp. 113-115 อ้ า งถึ ง ใน
สมยศ นาวีการ, 2549, น. 84-90) ประกอบด้วย ปัจจัยจูงใจและปัจจัยค้าจุน
2. ปัจจัยจูงใจ หมายถึง สิ่งที่สร้างความพึงพอใจในงานให้เกิดขึ้นรักและชอบงานที่
ปฏิบัติอยู่และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลือกที่จะศึกษาปัจจัยจูงใจที่สอดคล้องจานวน
6 ด้าน ประกอบด้วย
2.1 ความส าเร็จของงาน หมายถึง การที่ ข้ าราชการครู สามารถท างานที่ ได้ รับ
มอบหมายจนประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งยังสามารถให้คาชี้แจงที่ถูกต้องและแก้ไขปัญหา
ที่เกิดขึ้นในการทางานได้ด้วยตนเองจนงานสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อได้เห็นผลสาเร็จของงานจึงเกิดความ
พอใจและภูมิใจผลสาเร็จของงานนั้น
2.2 การได้รับความยอมรับนับถือ หมายถึง การที่ข้าราชการครู ได้รับการยอมรับ
นับถือในความรู้ความสามารถ และการทางาน รวมทั้งการยอมรับความคิดเห็น ตลอดจนการได้รับการ
ยกย่องชมเชยจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และบุคคลอื่นด้วย
8
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งการศึกษาสภาพปัญหาในการสร้างขวัญและกำลังใจต่อการ
ปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด
ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการวิจัย ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดใน
ประเด็นต่าง ๆ โดยแบ่งเป็นหัวข้อนำเสนอเรียงลำดับดังต่อไปนี้
1. ขวัญและกำลังใจ
1.1 ความหมายของขวัญและกำลังใจ
1.2 ความสำคัญของขวัญและกำลังใจ
1.3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
1.4 องค์ประกอบของขวัญและกำลังใจ
1.5 การเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ
1.6 วิธีการวัดขวัญ และกำลังใจ
1.7 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ
2. บริบทของสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
3. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
3.1 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องในประเทศ
3.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ
ขวัญและกำลังใจ
ความหมายของขวัญและกำลังใจ
ผดุง วุฒิ เอ้ย (2552, น. 10) ขวัญและกำลังใจ หมายถึง การแสดงออกทางภาวะ
จิตใจหรือความรู้สึก ทัศนคติของคนในหน่วยงานที่มีต่องาน ต่อบุคคล ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อองค์การที่
ตนปฏิบั ติอยู่ ต่อความสำเร็จ ตามจุดมุ่งหมายขององค์การ ความตั้งใจของคนที่จะอุทิ ศเวลา และ
แรงกายของคน เพื่อสนองความต้องการและวัตถุประสงค์ขององค์การ
10
11
7. กลุ่มมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อดำรงรักษาความเป็นอยู่อย่างเดิมไว้ส่วน
ลักษณะขวัญกำลังใจต่ำจะมีการแสดงออก ดังนี้
7.1. มีความแตกต่างกันภายในกลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย
7.2. ภายในกลุ่มมีการต่อสู้ถกเถียงกันและวิพากษ์วิจารณ์กัน
7.3. กลุ่มไม่สามารถแก้ปัญหาเมื่อมีการเผชิญหน้ากัน
7.4. ระหว่ า งสมาชิ ก ของกลุ่ ม จะไม่ ส นิ ท สนมกั น ซึ่ ง อาจทำให้ มี ค วาม
ยากลำบากเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ และมีความยุ่งยากในการที่จะมีมติใดๆออกมาเกี่ยวกับความจำเป็น
การดำรงอยู่ วัตถุป ระสงค์และคุณ ค่าของกลุ่มจะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สมาชิกแต่ล ะคนจะมี
วัตถุประสงค์แตกต่างกันไปจากวัตถุประสงค์ของกลุ่มและมีทัศนคติเป็นลบต่อวัตถุประสงค์ของกลุ่ม
โยเดอร์ (Yoder, 1959, p. 445 อ้างถึงในสมบัติ ปัญญาจิรพงศ์, 2556, น. 21) ได้
ให้ ค วามหมายว่ าขวั ญ หมายถึ ง เจตคติ ข องบุ ค คลหรือ กลุ่ ม บุ ค คลที มี ต่ อ สภาพแวดล้ อ มในการ
ปฏิ บั ติ ง าน การแสดงออกซึ่ ง ความเห็ น เมื่ อ ร่ ว มกั น แล้ ว ยอมสะท้ อ นให้ เห็ น ถึ ง ความรู้ สึ ก ของ
ผู้ปฏิบัติงานทีม่ ีตอ่ งาน ความสัมพันธ์ในการทำงานกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานอื่น ๆ
มิล ตั น (Milton, 1981, pp. 151-152 อ้ างถึงในสมบัติ ปั ญ ญาจิรพงศ์, 2556, น.
21) ให้คำนิยามไว้ว่า ขวัญกำลังใจ คือ ทัศนคติ ความพอใจ โดยปรารถนาที่ จะทำต่อไป และมีความ
ตั้งใจจะปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายของกลุ่มหรือองค์การ
เอ็ ด วิ น ฟลิ ฟ โป (Edwin Flippo, 1988, p.10 อ้ า งถึ ง ในสมบั ติ ปั ญ ญาจิ ร พงศ์ ,
2556, น. 21) ให้คำนิยามไว้วา ขวัญ คือ ท่าทีพฤติกรรมบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ ร่วมแรงร่วมใจกั น
ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยไม่ย่อท้อ และตั้งใจร่วมมือประสานกันในการทำงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งผล
ร่วมกัน
ไนโกร (Nigro, 1959, p. 383 อ้างถึงใน ธวัชชัย ฟักเทพ, 2551, น. 9) ให้คำ ขวัญ
และกำลังใจ คือความรู้สึก ท่าที หรือพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ทำงานอย่างใดอย่าง
หนึ่งโดยไม่ย่อท้อ ไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานร่วมกัน
ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่าขวัญและกำลังใจ หมายถึง สภาวะความพึงพอใจของแต่ละ
บุ คคล ที่ แสดงออกถึ ง ความรู้ สึ ก นึ ก คิ ด ความกระตื อ รือร้น ความตั้งใจที่ จะร่ว มมื อ ร่ว มใจในการ
ปฏิบัติงาน ภายใต้สภาพแวดล้อมหรือสิ่งต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปฏิบัติงาน ที่ซึ่งจะนำพางานที่ปฏิบัติ
ไปสู่ความสำเร็จ
ความสำคัญของขวัญและกำลังใจ
ขวัญมีความสำคัญต่อบุคคลในองค์การเป็นอย่างมากเพราะถ้าบุคคลในองค์การมี
ขวัญ ดี แล้ วจะก่อให้ เกิดความเป็ น อันหนึ่งอันเดียวกันของบุคลำกรในองค์การ เพื่อร่ว มมือร่วมใจ
ทำงานด้วยความเต็มใจ และมีสั มพันธภาพอันดีต่อกัน มีความรักความสามั คคี มีความซื่อสัตย์ต่อ
องค์การ ทำให้การทำงานบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นผู้บริหารต้องเอาใจใส่ดูแลรักษา
ขวัญของบุคลากรในองค์การให้มีขวัญดีอยู่เสมอ (จิรชาติ เชื้อภักดี, 2550, น. 15)
สมบัติ ปั ญญาจิรพงศ์ (2556, 22) กล่าวว่าในการปฏิบัติงานนั้นขวัญและกาลั งใจ มี
ความสำคัญต่อบทบาทในการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก และยังเป็นปัจจัยที่
13
ส่งผลโดยตรงต่อการปฏิบัติงานของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการที่ให้เกิด
ความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงาน หากขวัญและกำลังใจดี บุคคลย่อมมีความพอใจทีจะปฏิบัติงานสูงขึ้น
หากขวัญและกำลังใจไม่ดี บุคคลยอมเกิดความท้อแท้ เบื่อหน่าย ไม่พอใจที่จะปฏิบัติงาน อันจะส่งผล
กระทบต่อการบริหารงานในองค์การ ดังนั้นผู้บริหารควรรู้จักบำรุงขวัญของบุคลากรในองค์กร เพื่อให้
ได้ผลการปฏิบัติงานทีมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ซึ่งความสำคัญของขวัญและกาลังใจนั้น ได้มี
นักวิชาการและหน่วยงาน ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับความสำคัญของขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ต่ว นโรสณา โต๊ ะ นิ แ ต (2550, น. 13) ขวัญ และกำลั งใจเป็ น ปั จ จั ย สำคั ญ ในการ
ปฏิบัติงานของหน่วยงาน ซึ่งทุกหน่วยงาน ล้วนต้องการให้ผู้ปฏิบัติงานมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน
สูงก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงาน เกิดความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อองค์กร เกิดความสามัคคี
และพลังกลุ่มเสริมสร้างมนุษย์สัมพันธ์ในองค์กร เกิดความสร้างสรรค์ เพื่อการพัฒนาขององค์กร และ
สุดท้ายทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความเชื่อมั่นต่อองค์กรของตน ผลที่ตามมา คือความสำเร็จของงานที่มี
ประสิทธิภาพ
พระมหาวิวัฒน์ ปริชาโน พวกนิยม (2551, น. 35-36) ขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน
เป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการปฏิบั ติงาน ซึ่งการมีขวัญกำลังใจที่ดีจะก่อให้เกิด แรงจูงใจ กำลังใจความ
ร่วมมือร่วมใจและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเสริมสร้างความจงรักภักดี ความเข้าใจอันดีและ
ความสามัคคี ซึ่งส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานอุทิศสติปัญญา และกำลังความสามารถให้กับองค์การ ซึ่งจะทำ
ให้เกิดความภาคภูมิใจ เชื่อมั่นศรัทธาในองค์การที่ตนปฏิบัติงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การได้
อย่ามีประสิทธิภาพ ดังนั้น ผู้บริหารจึงต้องพยายามทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีขวัญกำลังใจดีต่อไป
โชติมา ธุวังควัฒน์ (2552, น. 28) กล่าวว่า ประโยชน์จากการที่พนักงานมีขวัญที่ดีมีดังนี้
1. ทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ
2. สร้างความจงรักภักดีซื่อสัตย์ต่อหมู่คณะ และองค์การ
3. เกื้ อ หนุ น ให้ ร ะเบี ย บข้ อ บั งคั บ เกิ ด ผลในด้ า นการควบคุ ม ความประพฤติ ข อง
พนักงานเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบแห่งระเบียบวินัย และมีศีลธรรมอันดีงาม
4. สร้างสามัคคีธรรมในหมู่คณะ และก่อให้เกิดพลังร่วม (Group Effort) ในหมู่คณะ
ทำให้เกิดสามัคคี
5. เสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างบุคคลในองค์การกับนโยบายและวัตถุประสงค์
ขององค์การ
6. เกื้อหนุนและจูงใจให้สมาชิกของหมู่คณะหรือองค์การ เกิดความคิดสร้างสรรค์ใน
กิจการต่าง ๆ ขององค์การ
7. ทำให้เกิดความเชื่อมั่น และศรัทธาในองค์การที่ตนปฏิบัติงานอยู่
เบญจมาศ แดงเพ็ง (2554, น. 14) ได้กล่าวถึงความสำคัญของขวัญว่า ขวัญกำลังใจ
จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการร่วมมือร่วมใจเพื่อปฏิบัติงานเสริมสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันในหมู่คณะ
เกิดความคิดสร้างสรรค์ในกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร ทำให้องค์การมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทำ
ให้ทราบความต้องการของบุคลากรในหน่วยงานตลอดจนถึงขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน
14
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
เบญจมาศ แดงเพ็ง (2554, น. 33) ได้กล่าวว่า องค์ประกอบและปัจจัยที่มีอิทธิพล
ต่ อ ขวัญ กำลั งใจในการปฏิ บั ติ งานนั้ น มี ค วามสำคั ญ ต่ อ การทำงานโดยเฉพาะความมั่ นคงในการ
ปฏิบัติงาน ทัศนคติที่มีองค์การ ทัศนคติที่มีต่อการบังคับบัญชา ความพอใจที่มีต่อมาตรฐานของงาน
การควบคุมบังคับบัญชาแบบคำนึงถึงพนังงาน ปริมาณงาน และความตึงเครียดของงาน การปฏิบัติตน
ต่อบุ คคลในองค์การ ความภาคภูมิใจในองค์การ ความพอใจในเงินเดือนทัศนคติที่มี ต่อระบบการ
ติดต่อสื่อสารแบบทางการภายในองค์การ ความพึงพอใจในงาน ความพึงพอใจในความก้าวหน้าและ
โอกาสในการก้าวหน้าของงาน ทัศนคติเพื่อนร่วมงานล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ผู้บริหารต้อง
พัฒนาให้ดีขึ้น
มัวร์ และเบริ์น (Moore & Burns, 1962, p. 72 อ้างถึงใน มนัส วงศ์สีใส, 2551, น. 14) ได้
กล่าวถึงกำลังขวัญในการทำงานไว้ว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำลังขวัญประกอบด้วย
1. ปริมาณงาน
2. สภาพในการทำงาน
3. ค่าจ้าง
4. ค่าตอบแทน
5. สัมพันธภาพกับเพื่อนร่วมงาน
6. สัมพันธภาพกับผู้บังคับบัญชา
7. ความเชื่อมั่นต่อระบบกำรบริหาร
8. ความสามารถของผู้บังคับบัญชา
9. ประสิทธิภาพของการบริหารงาน
15
10. การติดต่อสื่อสาร
11. สถานภาพและการยอมรับ
12. ความมั่นคงในงาน และสัมพันธภาพในการทำงาน
13. การได้รับการยอมรับ
14. โอกาสก้าวหน้า
เฮอร์ ซ เบอร์ ก และคณะ (Herzberg and et al.,1959, p. 240 อ้ างถึงในสมบั ติ
ปัญญาจิรพงศ์, 2556, น. 26-27) ได้กล่าวว่ามีปัจจัยทีช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดขวัญดีขึ้นอีก คือ
1. ลักษณะท่ าทางและบทบาทของหั วหน้างานทีมีต่อผู้ ปฏิบัติงาน หั วหน้างานมี
ความสำคัญเพราะเปรียบเสมือนผู้ประสานงานระหว่างองค์กรกับผู้ปฏิบัติงาน หัวหน้างานมีอิทธิพล
อย่างสูงต่อการปฏิบัติงานแต่ละวัน
2. ความพึงพอใจในหน้าที่การงานที่ ปฏิบัติอยู่ คนส่วนมากชอบที่จะทำงานที่ตน
ถูกใจและสามารถได้ดี เพราะทำให้มีโอกาสใช้ความสามารถทางสติปัญญาและพัฒนาบุคลิกภาพของ
ตนเอง
3. การเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ทุกคนจะรู้สึกพอใจก่อการทำงาน ถ้ารู้สึ กว่าเป็นที
ยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนร่วมงาน
4. ความพึงพอใจต่อวัตถุประสงค์หลักและประสิทธิภาพขององค์กร ถ้าทุกคนหรือ
ส่วนใหญ่เข้าใจซาบซึ้งถึงระบบ และวิธีดำเนินงานขององค์กรแล้ว ย่อมจะอุทิศเวลาให้แก่งานมีกำลังใจ
และขวัญในการปฏิบัติงานได้ดีขึ้น
5. ความพึงพอใจต่อสภาพเศรษฐกิจและการบำเหน็จรางวัล การให้รางวัลจะช่วยจูงใจให้
ผู้ปฏิบัติงานมีความกระตือรือร้นต้อการปฏิบัติงานหน้าทีอย่างขยันขันแข็ง มันใจและ มีกำลังขวัญดี
6. สุขภาพทางด้านร่างกายและจิตใจทีสัมพันธ์กัน เพราะจิตใจของผู้ปฏิบัติงานแต่
ละคนอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อันเป็นผลโดยตรงจากด้านร่างกาย จึงถือว่าปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ
ทางกายและจิตใจมีอิทธิพลอยางมากต่อการปฏิบัติงาน เพราะถ้ามีปัญหาอาจทำงานไม่ได้ดี
ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานนั้น
ขึ้น ทัศนคติที่มีต่อองค์การ ทัศนคติที่มีต่อการบังคับบัญชา ความพึงพอใจที่มีต่อมาตรฐานของงาน
ปริมาณงานที่ได้รับมอบหมาย ความตึงเครียดของงาน ตลอดจนความพึงพอใจในความก้าวหน้าและ
โอกาสในการก้าวหน้าของงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญที่พัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
องค์ประกอบของขวัญและกำลังใจ
ขวัญและกำลังใจมีความสำคัญในการบริหารทรัพยากรในองค์กร การมีขวัญกำลังใจ
ส่ ง ผลให้ เกิ ด ความสามั ค คี ร่ ว มแรงร่ ว มใจกั น ทำงาน แต่ ข วั ญ และกำลั ง ใจของบุ ค คลสามารถ
เปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ครูมีขวัญและ
กำลังใจไม่ดีหรือกำลังใจต่ำ แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามาดูแลและแก้ปัญหาทำให้ครูได้รับความอุ่นใจจึงมีขวัญ
และกำลั งใจมากขึ้ น ดั งนั้ น จึ งเป็ น สิ่ งที่ น่ าศึ ก ษาถึ งสิ่ งที่ ท ำให้ เกิ ด ขวัญ กำลั งใจว่า มี อ งค์ ป ระกอบ
อะไรบ้าง ซึ่งนักวิชาการได้กล่าวถึงในแนวทางคล้ายคลึงกันดังนี้
16
การเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ
ในการเสริมสร้างและบำรุงขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานนั้นมีนักวิชาการหลายท่าน
ได้กล่าวถึง ดังนี้
โชติมา ธุวังควัฒน์ (2552, น. 27-28) การเสริมสร้างขวัญในการปฏิบัติงาน
1. สร้างทัศนคติที่ดีในการทำงานให้ แก่ผู้ใต้บังคับบัญ ชา ให้ ทุกคนมีความหวังใน
โอกาสก้าวหน้า
2. สัมพันธภาพระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ตั้งอยู่บนฐานแห่งความ
เคารพนับถือซึ่งกันและกัน
3. วางมาตรฐานและสร้างเครื่องมือสำหรับวัดผลสำเร็จของการปฏิบัติงาน เช่น จัด
ให้มีระบบการประเมินผลงาน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือโยกย้าย
4. กำหนดเงินเดือนและค่าจ้างให้เหมามะสมกับค่าครองชีพ
5. สนั บ สนุ น ให้ ท ำงานที่ มี ค วามพึ งพอใจ และมี โ อกาสได้ ใช้ ค วามชำนาญ และ
ความคิดริเริ่ม
6. การจั ด สวั ส ดิ ก ารที่ ดี เพราะการให้ ส วั ส ดิ ก ารเป็ น การบำรุ ง ขวั ญ ทางหนึ่ ง
สวัสดิการ หมายถึง ประโยชน์เกื้อกูลต่า ง ๆ นอกเหนือจากเงินเดือน และค่าจ้างธรรมดา เช่น การมี
สหกรณ์เงินออมทรัพย์เงินช่วยเหลือบุตร ฯลฯ การให้สวัสดิการทำให้คนงานมีความรู้สึกมั่นคงและ
ปลอดภัย เมื่อเขาเกิดมีปัญหาที่เขาต้องการความช่วยเหลือ
7. จัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ได้รับความสะดวกสบาย
และความปลอดภั ย รวมทั้ งการปรับ ปรุงหำเครื่องมื อเครื่อ งใช้ ทั น สมั ย มาใช้ในองค์ ก ารขวัญ เป็ น
สิ่งจำเป็นที่ผู้บริหารจะต้องเอาใจใส่อยู่เสมอ เพราะถ้าการบำรุงขวัญที่ดีจะทำให้ผลงานออกมาอย่างมี
ประสิทธิภาพ ฉะนั้นผู้บริห ารงานที่ดีจะต้องคอยตรวจสอบถึงสถานะของขวัญอย่า งสม่ำเสมอ เพื่อ
รักษาเสถียรภาพของผู้ปฏิบัติงานให้อยู่ในระดับสูงตามความต้องการ เพื่อจะส่งผลไปถึงประสิทธิภาพ
ของงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ขององค์การ
ดนั ย กั ล ยาราช (2552, น. 34) การเสริ ม สร้ า งและบำรุ ง ขวั ญ กำลั ง ใจในการ
ปฏิบัติงานของบุคคลนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากในการดำเนินการ เพราะคนเป็นเรื่องที่สำคัญใน
การพัฒ นาองค์กร เป็นตัวจักรสำคัญของการพัฒ นา การจะทำให้คนมีความสุขและมีความพอใจ มี
ขวัญกำลังใจที่ดี ในการปฏิบัติงานนั้น ผู้บริหารต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารจัดการ
สมิต สัชฌุการ (2561) กล่าวว่า การสร้างขวัญกำลังใจให้แก่พนักงาน ต้องมีความ
เชื่อมั่นว่า "คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด" และปฏิบัติต่อพนักงานดังต่อไปนี้
18
วิธีการวัดขวัญและกำลังใจ
ขวั ญ และกำลั ง ใจมี ลั ก ษณะเป็ น นามธรรม เป็ น ความรู้ สึ ก นึ ก คิ ด หรื อ ทั ศ นคติ ที่
ผู้ป ฏิ บั ติงานมีต่อองค์กร ไม่สามารถมองเห็ นหรือจับ ต้องได้ หรือวัดได้โดยตรง เหมือนวัดปริมาณ
สิ่งของ ฉะนั้นการวัดขวัญนั้น ต้องอาศัยวิธีอื่นในการวัดความรู้สึกนึกคิดหรือทัศนคติที่ผู้ปฏิบัติงานมี
ต่อองค์กร (เบญจมาส สมศรี, 2553, น. 17)
เรวัต อุบลรัตน์ (2551, น. 16-17) กล่าวว่า เนื่องจากขวัญ มีความสำคัญต่อองค์กร
มาก การสร้า งปัจจัยที่ก่อให้เกิดขวัญที่ดี แก่ผู้ปฏิบัติงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก่อนอื่น ฝ่า ยจัดการ
จะต้องทราบว่า ผู้ปฏิบัติงานในองค์การของตนมีขวัญอยู่ในระดับใด โดยเห็นได้จากความกระตือรือร้น
ในการทำงาน การปฏิบัติงานตามระเบียบด้วยความเต็มใจ และพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้อื่นปฏิบัติงาน
ให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ งานดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยถูกต้องเชื่อถือ ได้ การมีขวัญต่ำ
หรือขวัญเสื่อม เห็นได้จากการทำงานเหมือนคนสิ้นหวัง การไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ความไม่ชอบงาน
องค์การ หรือเพื่อนร่วมงาน มีความเฉื่อยชา ความล่าช้าของการปฏิบัติงาน มีความผิดพลาด เชื่อถือ
ไม่ได้และมีการขาดลามากกว่าปกติ นอกจากนี้ฝ่ายบริหารยังอาจทราบระดับขวัญของพนักงานได้อีก
วิธีหนึ่ง ด้วยการตรวจสอบดัชนีกำลังขวัญ ได้แก่
1. อัตราการเข้า-ออกงานของผู้ปฏิบัติงาน
2. การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผลงานหรือผลผลิต
3. จำนวนผลผลิตที่สูญเปล่า หรือไม่ได้คุณภาพ
4. บันทึกการทำงาน
5. ทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจองค์กำรดีขึ้น
6. รายงานของหน่วยให้คำปรึกษาแนะนำ
7. อัตราการร้องทุกข์
8. การสัมภาษณ์ผู้ลาออกจากงาน
9. รายงานอุบัติเหตุ
10. ข้อเสนอแนะของผู้ปฏิบัติงาน
11. บันทึกการฝึกอบรม
ขวัญและกำลังใจเป็นสภาพของจิตใจ ไม่สามารถวัดได้โดยตรง ต้องใช้การวัดโดย
ทางอ้อม การตรวจสอบสภาพขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานควรทำเป็นประจำ เนื่องจากส่งผล
กระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติ และประสิทธิผลของงาน องค์กรใดประกอบด้วยบุคคลที่มีขวัญ
ดี ย่อมจะปฏิบัติงำนอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ในทางตรงกันข้ามองค์กรใดมีบุคคลมีขวัญ
ต่ำ องค์กรนั้นย่อมจะบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของงานตกต่ำในการวัดขวัญ ได้มีผู้
กำหนดตัวชี้วัดขวัญแตกต่ำงออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ศึกษาว่าเป็นการศึกษาขวัญของใคร
โชติ ม า ธุ วั ง ควั ฒ น์ (2552, น. 22) กล่ า วว่ า วิ ธี ก ารวั ด ขวั ญ และกำลั ง ใจของ
ผู้ปฏิบัติงานมีวิธีที่สำคัญ 3 วิธี ได้แก่
1. การสั งเกตการณ์ (Observation) เป็ น วิธี ก ารที่ ง่า ยและใช้ ได้ ผ ลมากที่ สุ ด ซึ่ ง
ผู้บริหารสามารถปฏิบัติการได้อย่างกว้างขวาง เพราะผู้บังคับบัญชามีอำนาจปกครองบังคับบัญชาและ
ควบคุ ม งำนอยู่ แ ล้ ว การสั งเกตอาจจะกระทำได้ โดยอาศั ย การร่ ว มสนทนา หรือ สั งเกตจากกา ร
20
ปฏิบัติงานดูพฤติกรรมที่แสดงออกแล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ จะทำให้ทราบถึงภาวะของขวัญและ
กำลังใจของผู้ปฏิบัติงานได้อย่างแน่นอน แต่ข้อควรระวังก็คือการแสดงออกหรือพฤติกรรมของคนบาง
คนอาจเป็นการเสแสร้งไม่ได้ทำออกมาด้วยความจริงใจ
2. การสัมภาษณ์ (Interview) เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถวัดระดับขวัญ
และกำลังใจของพนักงาน รวมทั้งเป็นเครื่องมือของผู้บริหารที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองได้มากการ
สัมภาษณ์เป็นแบบมาตรฐานคือ เป็นแบบสอบถามหรือคำถาม เพื่อใช้การสัมภาษณ์ ใช้แบบฟอร์ม
บันทึกการสัมภาษณ์หรือสัมภาษณ์โดยไม่ต้องมีฟอร์ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม
3. การออกแบบสอบถม (Questionnaires) วิธีนี้ เรียกว่าเป็น การสำรวจทั ศนคติ
(Attitude survey) ของผู้ป ฏิบัติงานโดยอาศัยแบบสอบถามที่กำหนดขึ้นมาล่ วงหน้า เพื่อให้รู้ท่าที
ของขวัญและกำลังใจของพนักงาน อาจมีทางเลือกทำได้ 2 ทางคือ อาจจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก
มาทำการสำรวจ หรืออาจทำเองโดยพนักงานในหน่วยงานเป็นผู้รับผิดชอบ และระยะเวลาที่นิยมทำ
กันควรมีการสำรวจปีละครั้ง โดยมากองค์การจะจ้างผู้ เชี่ยวชาญจากภายนอกมาทำการสำรวจ เพราะ
ผู้ตอบแบบสอบถามจะเกิดความเชื่อมั่น และไม่เกรงใจที่จะตอบคำถามตามความเป็นจริง เนื่องจากจะ
รู้สึกปลอดภัยว่าคำตอบของเขาจะถูกเก็บเป็นความลับ แต่ความยุ่งยาก ก็คือการสร้างแบบสอบถาม
จะต้องให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง และมีความประสงค์จ ะให้ผู้ตอบอย่างไร ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความ
นิยมอย่างกว้างขวางอีกวิธีหนึ่ง
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ
ทฤษฎีความต้องการของมนุษย์ของอัลเดอร์เฟอร์ (Alderfer)
ทฤษฎีความต้องการของมนุษย์ของอัลเดอร์เฟอร์ (Alderfer, 1972, p. 97 อ้างถึงใน
พณิณญา นาตาแสง, 2550, น. 32) เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้เสนอแนวความคิดว่าด้วยความต้องการของ
มนุ ษ ย์ ใช้ ชื่อ ว่า ทฤษฎี อี .อาร์.จี . (E.R.G.: Existence, Relatedness, Growth Theory) ทฤษฎี นี้
คล้ายคลึงกันกับทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์ แต่มีข้อแตกต่างกันอยู่ตรงที่ว่า ความต้องการของ
มนุษย์ตามแนวคิดทฤษฎีของอัลเดอร์เฟอร์ จัดกลุ่มความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. ความต้ อ งการยั งชี พ (Existence Needs) ได้ แ ก่ ความต้ อ งการทางกายภาพ
(ความหิวกระหาย อารมณ์) และทางวัตถุ (ค่าจ้าง สภาพแวดล้อมทางกายภาพในการทำงาน)
2. ความต้องการด้านความสัมพันธ์ (Relatedness Needs) ได้แก่ ความปรารถนา
จะมีความสั มพัน ธภาพบางประการกับคน ซึ่งมีความสำคัญ ต่อผู้ต้องกา เช่น สมาชิกในครอบครัว
หัวหน้างาน
3. ความต้ อ งการการเติ บโต (Growth Needs) เป็ น ความต้ อ งการที่ จ ะใช้
ความสามารถของตนให้เต็มตามศักยภาพที่มี และต้องการพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ
ปัจจัยความปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
บริบทของสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
สำนั กงานเขตพื้ นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 มีหน้ าที่รับผิดชอบบริห ารจัด
การศึกษาโรงเรียนประถมศึกษาในเขตพื้นที่จังหวัดยะลา เขต 2 ซึ่งผู้วิจัยได้ประมวลข้อมูลบริบทของ
สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษาสตู ล ตลอดจนข้ อ มู ล สารสนเทศของโรงเรี ย นสั งกั ด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2, 2561) ไว้ดังต่อไปนี้
ความเป็นมาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2 จั ด ตั้ งขึ้ น ตามประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการเรื่อง กำหนดเขตพื้น ที่การศึกษา ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2546 และตามประกาศ
กระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร ลงวั น ที่ 9 กุ ม ภาพั น ธ์ 2550 ได้ ป ระกาศแบ่ ง เขตพื้ น ที่ ตามประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ปรับปรุงแก้ไข การกำหนดพื้นที่การศึกษาและกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
เพิ่ ม เติ ม พ.ศ. 2550 โดยในส่ ว นของสำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2
กำหนดให้รับผิดชอบจัดการศึกษาในท้องถิ่นจังหวัดยะลา ในท้องที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอบันนังสตา
อำเภอยะหา และอำเภอกาบัง ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การจัดตั้งสำนักงานเขตพื้นที่
การศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2 ลงวัน ที่ 18 สิ งหาคม 2553 (สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
สถานที่ตั้ง
สำนั กงานเขตพื้ นที่ การศึ กษาประถมศึ กษายะลา เขต 2 (Yala Primary Educational
Service Area Office 2) ตั้งอยู่ หมู่ที่ 2 บริเวณโรงเรียนบันนังสตาอินทรฉัตร มิตรภาพที่ 200 ที่ระลึก ส.ร.อ.
ถนนสุ ขยางค์ ตำบลบั นนั งสตา อำเภอบั นนั งสตา จังหวัดยะลา 95130 เว็บไซต์ http://www.yala.go.th
E-mail address: yala_goth@hotmail.com,yala2.go.th@gmail.com หมายเลขโทรศัพท์ 073- 289412
โทรสาร 073- 289165 (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
วิสัยทัศน์ (Vision)
มุ่งสร้างโอกาสในการจัดการศึกษา ประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนา
คุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน บนพื้นฐานความเป็นไทย พร้อมก้าวสู่สากล
(สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
คำนิยาม (Definition)
1. มุ่งจัดการศึกษาเพื่อสร้างโอกาส หมายถึง ประชากรวัยเรียนในเขตพื้นที่บริการ
ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง
29
2. ประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อพัฒ นาคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐาน
การศึกษา ขั้นพื้นฐาน หมายถึงมีคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ดังนี้
2.1. การจั ด การศึ ก ษาและพั ฒ นาศั ก ยภาพของผู้ เรีย นเพื่ อ ให้ มี คุ ณ ภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มสูงขึ้น
2.2. การบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ มีภูมิทัศน์และแหล่งเรียนรู้
ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน
2.3. การส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความเข้มแข็งตาม
มาตรฐานวิชาชีพ มีขวัญกำลังใจและความปลอดภัย
2.4. การบริหารจัดการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ให้มีคุณภาพตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่ อการบริหารจัด
การศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. บนพื้ น ฐานความเป็ น ไทย พร้ อ มก้ า วสู่ ส ากล หมายถึ ง ผู้ เรี ย นมี คุ ณ ธรรม
จริยธรรม มีวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รักความเป็นไทย ห่างไกลยาเสพติด มี
คุณลั กษณะและทักษะทางสั งคมที่เหมาะสม มีทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาประเทศสมาชิก
อาเซียน สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาเซียน การยอมรับในความแตกต่างหลากหลายในลักษณะ
พหุสังคมวัฒนธรรม (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
พันธกิจ (Mission)
1. จัดการศึกษาให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้น
พื้นฐาน ก้าวสู่สากล
2. ส่งเสริม สนับสนุน กำกับดูแลและจัดบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่ประชากรวัย
เรียนอย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ
3. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา สู่มาตรฐานวิชาชีพ
4. จัดระบบบริหารการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ประสานความร่วมมือจากทุกภาค
ส่วนในการพัฒนาการศึกษา (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
เป้าประสงค์ (Goals)
1. ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานก้าวสู่สากล
2. ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับโอกาสเรียนรู้ ทั่วถึงและมีคุณภาพ
3. ครูและบุคลากรทางการศึกษามีมาตรฐานวิชาชีพ
4. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 มีการบริหารจัดการที่มี
คุณภาพโดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2,
2561)
ยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 1 หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนาครู
30
หลักการทำงาน
คุ ณ ภาพ รวดเร็ ว ถู ก ต้ อ ง โปร่ งใส เป็ น ธรรม (สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
เงื่อนไขความสำเร็จ
1. เร่งระดมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการศึกษาในเขตพื้นที่
การศึกษาให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง
2. บุคลากรทุก ภาคส่ วนให้ ความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน ในการจัดการศึกษา
อย่างเป็นระบบ
3. นำเทคโนโลยี นวัตกรรมและสื่อมัลติมีเดีย มาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน
การบริหารอย่างทั่วถึง ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา
เขต 2, 2561)
ค่านิยมร่วม
จิตบริการ สานความร่วมมือ มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ ยึดติดธรรมาภิบาล
1. จิ ต บริ ก าร หมายถึ ง มี จิ ต สำนึ ก การบริ ก าร ด้ ว ยการลงมื อ ปฏิ บั ติ จ ริ ง มุ่ ง สู่
เป้าหมาย การบริการเป็นเลิศ ด้วยการคิดบวก ปฏิบัติงานบริการด้วยความจริงใจอย่างมืออาชีพ มุ่ง
ปฏิบัติจริงเพื่อนำไปสู่การเป็นหน่วยงานราชการ ที่มีการให้บริการที่เป็นเลิศ
2. สานความร่วมมือ หมายถึง บุคลากรที่เกี่ยวข้องในด้านการศึกษาทุกภาคส่วนให้
ความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน ในการจัดการศึกษาอย่างเป็นระบบ
3. มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ หมายถึง การจัดการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนเพื่อให้
มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มสูงขึ้น
4. ยึดติดธรรมาภิบาล หมายถึง บริหารจัดการการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโดย
อยู่บนพื้นฐานของหลักสำคัญ 6 ประการ คือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการ
มี ส่ ว นร่ ว มหลั ก ความรั บ ผิ ด ชอบ และหลั ก ความคุ้ ม ค่ า คุ้ ม ทุ น (สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
ภาพแห่งความสำเร็จ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 มีสมรรถนะในการบริหาร
จัดการสูง นำสู่การบริการที่เป็นเลิศ สถานศึกษามีความเข้มแข็ง ครูมีความเป็นมืออาชีพ ประชากรวัย
31
เรียนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง นักเรียนมีความรู้และคุณลักษณะตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รักการเรียนรู้ ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง บนพื้นฐานความเป็นไทย พร้อมก้าว
สู่สากล (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
อำนาจหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
พระราชบั ญ ญั ติ ก ารศึ ก ษาแห่ งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 36 กำหนดให้ เขตพื้ น ที่
การศึกษา โดยคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล จัดตั้ง ยุบรวม หรือ
เลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา ประสานส่งเสริมและสนับสนุ นการศึกษาเอกชน ใน
เขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประสาน และส่ งเสริ ม องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น ให้ ส ามารถจั ด การศึ ก ษา
สอดคล้องกับนโยบาย และมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา ของบุคคล
ครอบครัว องค์ กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิช าชีพ สถาบั นศาสนา สถานประกอบการ และ
สถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา และการปฏิบัติหน้าที่
เกี่ ย วข้ อ งกั บ อำนาจหน้ า ที่ ตามกฎหมายว่ า ด้ ว ยระเบี ย บบริ ห ารราชการกระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร
ดังต่อไปนี้ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
1. จัดทำนโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ให้
สอดคล้องกับนโยบาย มาตรฐานการศึกษา แผนการศึกษา แผนพัฒ นาการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ
ความต้องการของท้องถิ่น
2. วิเคราะห์การจัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไปของสถานศึกษาและหน่วยงาน
ในเขตพื้นที่การศึกษา และแจ้งจัดสรรงบประมาณที่ได้ รับให้หน่วยงานข้างต้นรับทราบ และกำกับ
ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าว
3. ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
4. กำกับ ดูแล ติดตาม และประเมินผลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและในเขตพื้นที่การศึกษา
5. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยและรวบรวมข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา ในเขตพื้นที่การศึกษา
6. ประสานการระดมทรัพยากรด้านต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรบุคคล เพื่อส่งเสริม
สนับสนุน การจัดและพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
7. จัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา และประเมินผลสถานศึกษา ในเขตพื้นที่การศึกษา
8. ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาของเอกชน องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นรวมทั้งบุคคล องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันอื่น
ที่จัดรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา
9. ดำเนินการและประสาน ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการศึกษาในเขต
พื้นที่การศึกษา
10. ประสาน ส่งเสริม การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ด้านการศึกษา
11. ประสานการปฏิ บั ติ ราชการทั่ ว ไปกั บ องค์ ก ร หน่ ว ยงานภาครัฐ เอกชน และ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะสำนักงานผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการในเขตพื้นที่การศึกษา
12. ประสาน ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาตามนโยบาย
ด้านความมั่นคงของรัฐบาล
32
สภาพทางภูมิศาสตร์ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ด้านการปกครอง ครอบคลุ ม เขตการปกครองในท้ อ งที่ 3 อำเภอ 15 ตำบล 112
หมู่บ้าน และมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วย เทศบาล 3 แห่ง และองค์การบริหารส่วน
ตำบล 15 แห่ง
ด้ า นภู มิ ป ระเทศ สถานศึ ก ษาในเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2
กระจายอยู่ในพื้น ที่ 1,580 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นสัดส่วนปริมาณ 2 ใน 6 ของพื้นที่จังหวัดยะลา
พื้น ที่ส่ว นใหญ่ มีลักษณะเป็ น ภูเขา ปกคลุมด้วยป่าดงดิบ โดยมีเทื อกเขาสั นกาลาคีรี เป็นแนวกั้น
พรมแดนระหว่างประเทศไทย กับประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีภูมิประเทศที่สำคัญ คือ เทื อกเขา
ตะโล๊ะเว อยู่ทางทิศตะวันตก กั้นระหว่างอำเภอยะหากับบันนังสตา เทือกเขากาโสด อยู่ทางทิศใต้กั้น
ระหว่างอำเภอธารโตกับอำเภอบันนังสตา เทือกเขาฮาลา-บาลา อยู่ทางทิศตะวันออก กั้นระหว่าง
อำเภอบันนังสตา กับอำเภอศรีสาคร
ด้านสั งคมวัฒ นธรรม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 มี
ประชากร 3 อำเภอ ในส่วนของการบริหารจัดการประชากรวัยเรียนอายุระหว่าง 3 – 18 ปี จำนวน
42,715 คน เป็นที่ที่มีความหลากหลายด้านสังคม วัฒนธรรม ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
ศาสนสถาน
มัสยิด 116 แห่ง
วัด/สำนักสงฆ์ 17 แห่ง
ภาษา
ประกอบด้วย ภาษาไทย ภาษามลายูท้องถิ่น และภาษาจีน
จากสภาพแวดล้ อ มทั้ งด้านภู มิ ป ระเทศที่ ทุ รกั น ดาร ความหลากหลายทางสั งคม
วัฒ นธรรม การปกครองที่ มี ส ถานการณ์ รุน แรง ประชาชนชาวไทยยั งมี ฐ านะยากจน เศรษฐกิ จ
ประกอบกับการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐาน ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำนโยบายไปสู่ การปฏิบัติ
แต่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ยังคงมุ่งมั่นจัดการศึกษาให้แก่เด็กและ
เยาวชนให้ทั่วถึง และมีคุณภาพ ทั้งนี้ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศในส่วนรวมตามปณิธานที่ว่า เราจะ
ทำในสิ่งที่บุคคลอื่นเห็นว่ายากให้สำเร็จ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
ลักษณะการจัดการศึกษา
สืบเนื่องจากเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 เป็นพื้นที่มีสภาพแวดล้อม
ทั้งด้านกายภาพและด้านสังคม วัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ กล่าวคือ ประชากรมีความหลากหลาย
ทางภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ดังนั้น แนวทางการจัดการศึกษาจึงต้องให้สอดคล้องกับสภาพของสังคม
ท้องถิ่น ซึ่งสำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561) ได้จัดการศึกษาใน 4 ลักษณะ คือ
33
บุคลากรอื่น/ ช่วย
ลูกจ้างประจำ/ สพป.ยล./
ที่ กลุ่ม/หน่วย/ศูนย์ ข้าราชการ รวม หมายเหตุ
ลูกจ้าง หน่วยงาน
ชั่วคราว อื่น
1 ผอ.สพป. - - - -
2 รอง ผอ.สพป. 2 - - 2
3 อำนวยการ 3 3 3 9
4 บริหารการเงินและสินทรัพย์ 4 2 1 7
5 บริหารงานบุคคล 11 - - 11
6 ส่งเสริมการจัดการศึกษา 8 1 1 10
7 นิเทศติดตามและประเมินผล 5 - 5 10
การจัดการศึกษา
8 นโยบายและแผน 5 - 2 7
9 หน่วยตรวจสอบภายใน 1 - 1 2
รวม 39 6 13 58
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จากการศึกษาวิจัยเรื่อง สภาพปัญหาในการสร้างขวัญและกำลังใจต่อการปฏิบัติงาน
ของครู สั ง กั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2 ผู้ ท ำการวิ จั ย ได้ ร วบรวม
ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อนำมาเป็นแนวความคิดในการศึกษาดังต่อไปนี้
งานวิจัยในประเทศ
ต่วนโรสณา โต๊ะนิแต (2550, น. 125-120) ทำการวิจัยเรื่องขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบั ติงานของครูเขตพื้ น ที่ การศึกษาจังหวัด ยะลา ผลการวิจัยพบว่า 1) ขวัญ และกำลั งใจในการ
ปฏิบัติงานโดยรวมของครูในเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดยะลาอยู่ในระดับปานกลาง ยกเว้นด้านความ
เจริ ญ เติบ โตและการพัฒ นามี ระดับขวัญ และกำลั งใจอยู่ในระดับ มาก 2) ขวัญ และกำลั งใจในการ
ปฏิบัติงานโดยรวมของครูในเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดยะลาตามตัวแปรด้านประชากรศาสตร์และด้าน
สถานการณ์ ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพการสมรส ศาสนา ประสบการณ์ในการทำงาน เขตพื้นที่การ
ปฏิบัติงาน สถานที่ตั้งของโรงเรียน การเกิดเหตุการณ์กับ คนใกล้ชิดและเกิดเหตุการณ์ในโรงเรียน มี
ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ในด้าน ภูมิลำเนา วุฒิ
ทางการศึกษา รายได้ที่ได้รับต่อเดือน การใช้ภาษามลายูท้องถิ่นและการมีเจ้าหน้าที่รักษาความสงบใน
37
โรงเรียนมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน 3) ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงาน
โดยรวมของครู ในเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาจั งหวัด ยะลาที่ ค้ น พบ คื อ ปั ญ หาทางด้ านมั่ น คงและความ
ปลอดภัย และปัญหาทางด้านสวัสดิการ
รอมือลี มัสกอตอ (2551, น, 67-70) ได้ทำการศึกษาขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของผู้บริหาร สถานศึกษาสั งกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 2 พบว่าโดยภาพรวมอยู่ใน
ระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านความสำเร็จของการ
บริหาร มีระดับขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก ด้านเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบ
แทนอยู่ในระดับปานกลาง และด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อยู่ในระดับปานกลาง
ธวัช ชั ย ฟั กเทพ (2551) ศึ กษาเรื่อ งปั จจัยที่ มีอิ ทธิพ ลต่ อขวัญ และกำลั งใจในการ
ปฏิบั ติงำนของข้าราชการกรมเสมียนตรา สำนักงานปลั ดกระทรวง พบว่า ข้าราชการมีขวัญ และ
กำลังใจในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็ นรายด้าน พบว่า ด้านความมั่นคงในการ
ปฏิบัติงานอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ด้านโอกาสความก้าวหน้าด้าน
ความสัมพันธ์ระหว่ างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน
ด้านสวัสดิการของหน่วยงำนอยู่ในระดับมาก และด้านความเพียงพอของรายได้อยู่ในระดับปานกลาง
การเปรียบเทียบขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามปัจจัย ส่วน
บุคคลที่แตกต่างกัน พบว่า ผู้ ตอบแบบสอบถามที่มีชั้นยศที่แตกต่างกันมีขวัญและกำลังใจ ในการ
ปฏิบัติงานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดั บ .05 ส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่มี เพศ อำยุ
ระดับ การศึกษา และจำนวนปี ที่รับราชการที่แตกต่างกัน มีขวัญ และกำลั งใจในการปฏิบั ติงานไม่
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
วชรกานต์ นุ่นเกลี้ยง (2552, น. 95-97) ได้ศึกษาเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติงานของข้าราชการในจังหวัดปัตตานี ภายใต้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ผลการศึกษาพบว่า 1) ขวัญและกำลังใจของข้าราชการในจังหวัดปัตตานีอยู่ในระดับปาน
กลาง 2) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ สายอาชีพ ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และภูมิลำเนา ส่งผลต่อ
ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการ ส่วนศาสนา และภาษา ไม่ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจ
ในการปฏิ บั ติ งานของข้าราชการ 3) แนวทางเสริม สร้างขวัญ และกำลั งใจขององค์ก รทหาร ด้ าน
สวัสดิการทางการเงิน องค์กรตำรวจ ด้านสวัสดิการทางการเงิน องค์กรครู ด้านสิทธิพิเศษ อื่นๆ และ
องค์ ก รข้ าราชการทั่ ว ไป ด้ า นสิ ท ธิ พิ เศษ อื่ น ๆ ส่ ง ผลต่ อ ขวัญ และกำลั งใจในการปฏิ บั ติ งานของ
ข้าราชการ ส่วนแนวทางเสริมสร้างขวัญและกำลังใจขององค์กรแพทย์/พยาบาล ไม่ส่งผลต่อขวัญและ
กำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการ 4) นโยบายภาครัฐเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านนโยบายการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบ และด้านนโยบาย
การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการใน
จังหวัดปัตตานี
วรรณภา กลับคง (2552, น. 67-70) ได้ทำการศึกษาขวัญและกำลังใจของครูในการ
ปฏิ บั ติ ง านในสามจั ง หวั ด ชายแดนภาคใต้ ผลการศึ ก ษาพบว่ า ขวั ญ และกำลั งใจของครู ในการ
ปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ครูมี
ระดับขวัญและกำลังใจระดับมาก 7 ด้าน คือ ด้านความสำเร็จ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้าน
38
งานวิจัยต่างประเทศ
คุ๊ก (Cook, 1981, p. Abstrac อ้างถึงใน วรรณภา กลับคง, 2552, น. 48) ได้ทำการวิจัยเรื่อง
ขวัญของโรงเรียนรัฐบาล พบว่าครูที่มีอายุ 46 ปีขึ้นไปมีขวัญสูงสุด ครูเพศหญิงมีขวัญสูงกว่าครูเพศชาย
ครูที่ไม่ใช่ชนผิวขาวสูงกว่าครูผิวขาว ขนาดของโรงเรียนมีความสัมพันธ์กับขวัญของครูไม่ปรากฏความ
แตกต่ างกั น ระหว่ างขวั ญ กั บ สภาพสมรส ประสบการณ์ ในการสอน จำนวนปี ที่ ส อน และระดั บ
การศึกษาของครู
ฟิ นเกอร์ (Finger, 1985, pp. 3494-A อ้ างถึ งใน เกี ยรติ พั นธ์ หนู ทอง, 2549, น. 64) ได้
ศึกษาวิจัยเรื่องภาวะผู้นำของผู้บริหารและความพึงพอใจในการทำงานของครู ผลการวิจัยพบว่าครูที่
ทำงานกับผู้ช่วยบริหารที่เน้นทั้งงานและความสัมพันธ์ในระดับสูง มีความพึงพอใจในการทำงานสูงกว่า
ครูที่ทำงานกับผู้ช่วยบริหารที่เน้นทั้งงานและความสัมพันธ์ในระดับต่ำ
วิลดอร์ก (Wilcox, 1993, p. 79) ได้ศึกษาวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรม
ผู้นำของผู้บริหารกับความพึงพอใจในการทำงานและขวัญของครูในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
โดยศึกษาจากครูโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนในโคลัมเบียและโอไฮโอ จำนวน 285 คน จาก 29 โรงเรียน
ผลการวิจัยพบว่าพฤติกรรมผู้นำของผู้บริหาร สามารถทำนายความพึงพอใจในการทำงานและขวัญ
ของครูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พฤติกรรมผู้นำของผุ้บริหารแบบการมีส่วนร่วมหรือเป็นทีมส่งผลต่อ
ความพึงพอใจในการทำงาน ผู้บริหารที่แสดงพฤติกรรมผู้นำทางการศึกษาหรือศึกษาค้นคว้าอยู่เสมอ
จะมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจและขวัญในการทำงาน ผู้บริหารที่มีความรู้ ความเข้าใจในทฤษฎี
พฤติกรรมผู้นำมากๆ จะทำให้มีความสามารถลดความคับข้องใจ ความขุ่นข้องหมองใจและกลับเพิ่ม
บรรยากาศของขวัญและความพึงพอใจมากขึ้น
โฮเวลล์ (Howell, 1974, p. 7488-A) ได้ทำการศึกษาเรื่องขวัญ ในการปฏิบัติงาน
ของครูโรงเรียนประถมศึกษา พบว่า ขวัญ ในการทำงานของครูอยู่ในระดับสู ง เมื่ อครูใหญ่ ยึดหลั ก
ประชาธิปไตย สนับสนุนให้ครูอาจารย์ตัดสินใจและปฏิบัติโดยไม่ด่วนตัดสินใจเสียเอง และพบว่าขวัญ
ในการปฏิบัติงานของครูอาจารย์อยู่ในระดับสูง เมื่อครูใหญ่แสดงว่ามีคุณสมบัติในทางวิชาชีพนับถือค่า
และความสำคัญของคนทุกคน ให้ความนับถือและสรรเสริญแก่ผู้ สอนทีสมควรจะได้รับและไม่ลังเลที่
จะให้ความช่วยเหลือทีจะให้เด็กประสบความสำเร็จ
ซูซานเน่ (Suzanne, 1986, p. 361-A อ้างถึงใน สมบัติ ปัญญาจิรพงศ์ , 2556, น.
55) ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาขวัญในการปฏิบัติงานของครู โดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อวัดระดับ
40
กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย
การวิ จั ย ครั้ งนี้ มุ่ ง การศึ ก ษาสภาพปั ญ หาในการสร้ า งขวั ญ และกำลั ง ใจต่ อ การ
ปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 โดยศึกษาแรงจูงใจใน
การทำงานของครูตามแนวคิดและทฤษฎี ของ เฮอร์ซเบิร์ก (Herzberg, 1959, p. 113-115) ประกอบด้วย
แรงจูงใจ 2 ด้าน คือ ปัจจัยจูงใจ และปัจจัยค้ำจุน แยกเป็น 15 ด้าน คือ 1) ความสำเร็จในชีวิต 2) การได้รับ
ความยอมรับนับถือ 3) ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ 4) ความรับผิดชอบ 5) ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน 6)
โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าในอนาคต 7) นโยบายและการบริหารงานองค์กร 8) วิธีการปกครองบังคับ
บัญชา 9) สภาพการทำงาน 10) ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา 11) ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน 12)
ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา 13) ความเป็นอยู่ส่วนตัว 14) เงินเดือน และ15) ฐานะของอาชีพ โดยมี
กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย แสดงดังภาพที่ 1
ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) ตัวแปรตาม (Dependent Variables)
ข้อมูลทั่วไปของข้าราชการครู แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
1. ตำแหน่งหน้าที่
ปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors)
1.1 ผู้บริหารสถานศึกษา
1. ความสำเร็จในชีวิต
1.2 ครู 2. การได้รับความยอมรับนับถือ
2. ศาสนา 3. ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ
2.1 ศาสนาพุทธ 4. ความรับผิดชอบ
2.2 ศาสนาอิสลาม 5. ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน
3. ประสบการณ์การทำงาน 6. โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าในอนาคต
3.1 ต่ำกว่า 5 ปี ปัจจัยค้ำจุน (Hygiene Factors)
3.2 ตั้งแต่ 5-10 ปี 1. นโยบายและการบริหารงานองค์กร
3.3 ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป 2. วิธีการปกครองบังคับบัญชา
3. สภาพการทำงาน
4. ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา
5. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
6. ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา
7. ความเป็นอยู่ส่วนตัว
8. เงินเดือน
9. ฐานะของอาชีพ
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย
บทที่ 3
วิธีดำเนินกำรวิจัย
การวิ จั ย ครั้ ง นี้ เป็ น การวิ จั ย เชิ ง ส ารวจ (Survey Research) มุ่ ง ศึ ก ษาขวั ญ และ
กาลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 โดยมี
ขั้นตอนในการดาเนินการวิจัย ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่ที่ใช้ในการวิจัย
2. ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง
3. เครื่องมือในการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
5. การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้
พื้นที่ที่ใช้ในกำรวิจัย
สถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ปีการศึกษา 2561
ประชำกร และกลุ่มตัวอย่ำง
1. ประชากร
ประชากร ที่ ใช้ ในการวิ จั ยครั้ งนี้ ได้ แก่ ครู สั งกั ดส านั กงานเขตพื้ นที่ การศึ กษา
ประถมศึ กษายะลา เขต 2 ปี การศึ กษา 2561 จานวนโรงเรียน 68 โรงเรียน จ านวนประชากรทั้ งหมด
1,544 คน (สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2, 2561)
2. กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2 ปีการศึกษา 2561 จานวนโรงเรียน 68 โรงเรียน จานวน 318 คน โดยการ
กาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยการใช้สูตรของยามาเน่ (พิสณุ ฟองศรี, 2551, น.109) จากนั้นทาการ
สุ่ ม แบบแบ่ งชั้ น (Stratified Random Sampling) ตามเขตที่ ตั้ ง ของโรงเรีย นตามแต่ ล ะอาเภอใน
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 และกาหนดผู้ให้ข้อมูลในแต่ละระดับนั้น โดย
การสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีการจับฉลากแบบไม่ใส่คืน
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ปีการศึกษา 2561 จานวนโรงเรียน 68 โรงเรียน จานวน 318 คน โดยการกาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง
ด้วยการใช้สูตรของยามาเน่ (พิสณุ ฟองศรี, 2551, น.109) จากนั้นทาการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified
Random Sampling) ตามเขตที่ตั้งของโรงเรียนตามแต่ล ะอาเภอในสานั กงานเขตพื้นที่ การศึกษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2 มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
42
43
เครื่องมือในกำรวิจัย และกำรตรวจสอบคุณภำพเครื่องมือ
คะแนน ระดับแรงจูงใจในกำรปฏิบัติงำน
5 มากที่สุด
4 มาก
3 ปานกลาง
2 น้อย
1 น้อยที่สุด
กำรตรวจสอบคุณภำพเครื่องมือ
การสร้ า งแบบสอบถาม ผู้ วิจั ย ได้ ส ร้า งเครื่อ งมื อ ที่ เป็ น แบบสอบถามเพื่ อ ในการ
รวบรวมข้อมูลมีขั้นตอนดังนี้
1.1 ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีและความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ ขวัญและกาลังใจ
หรือแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ตามทฤษฎี ก ารจู งใจ ของเฮอร์ ซ เบิ ร์ก (Frederic Herzberg, 1959, pp. 44-49) และวิ ธีก ารสร้ าง
แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จากตารา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาและดัดแปลงจากเครื่องมือของ ศิริวรรณ อินทสโร (2561, น. 116-121)
1.2 กาหนดวัต ถุป ระสงค์แ ละกรอบแนวคิด ในการวิจัย เพื่ อ กาหนดขอบเขต
คาถามสร้างแบบสอบถามตามวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดในการวิจัย
1.3 นาแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม
1.4 น าแบบสอบถามที่ ป รั บ ปรุ งแล้ ว เสนอต่ อ ผู้ เชี่ ย วชาญจ านวน 3 ท่ า น
ประกอบด้วย อาจารย์ ในระดั บมหาวิทยาลั ยที่ มี ความเชี่ยวชาญด้ านสถิ ติหรือการวัดและประเมิ นผล
ผู้บริหารในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 และผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด
ส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2 เพื่ อ ตรวจสอบความตรงตามเนื้ อ หา
(Content Validity) หาค่าดัช นี ความสอดคล้ องระหว่างข้อคาถามกับนิ ยามศัพ ท์ (Index of Item
Objective Congruence: IOC) โดยผลการตรวจสอบพบว่าแบบสอบถามค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่
ระหว่าง 0.67-1.00 ซึ่งผ่านเกณฑ์การพิจารณาทุกข้อ รายละเอียดดังภาคผนวก ค)
1.5 นาแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไขตามคาแนะนาของผู้ เชี่ยวชาญเสนอต่อ
อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
1.6 น าแบบสอบถามที่ ทาการปรับปรุงแก้ไขแล้ ว ไปทดลองใช้ (Try-out) กั บ
ผู้บริหารและครู สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างที่
จะศึกษา จ านวน 30 คน และน าแบบสอบถามที่ ท ดลองใช้ มาวิเคราะห์ ห าค่าความเชื่ อมั่ น ของ
แบบสอบถาม (Reliability) โดยใช้สูตรการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s
Alpha Coefficient) พิจารณาค่าสัมประสิทธิ์ของความเชื่อมั่นของแบบสอบถามตอนที่ 2 มีค่าเท่ากับ
0.97
1.7 นาแบบสอบถามที่ผ่านการทดลองใช้ทาการแก้ไข ปรับปรุงแบบสอบถาม
และเสนออาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความสมบูรณ์อีกครั้งก่อนนาไปใช้จริง
46
กำรเก็บรวบรวมข้อมูล
กำรวิเครำะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้
สถิติที่ใช้ใน
กำรวิเครำะห์ข้อมูล
1. สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพของเครื่องมือ ได้แก่
1.1. ตรวจสอบความตรงของเนื้อหา โดยการหาค่า IOC
1.2. หาค่ าความเชื่ อมั่ น ของแบบสอบถาม โดยใช้ สู ต รการหาค่ าสั ม ประสิ ท ธิ์
แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient)
2. สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน
3.1. การท ดสอบ ค่ า ที (t-test) แบ บ กลุ่ ม ตั ว อย่ า งที่ เป็ น อิ ส ระจากกั น
(Independent Samples) สาหรับเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูต่อสภาพปัญหาใน
การสร้างขวัญและกาลังใจต่อการปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 จาแนกตามตัวแปรตาแหน่งหน้าที่ และศาสนา
3.2. การทดสอบค่าเอฟ (F-test) เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ ย
ระหว่าง 2 กลุ่มขึ้นไป ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนรายกลุ่ม (One-Way Analysis of Variance:
ANOVA) สาหรับเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูต่อสภาพปัญหาในการสร้างขวัญและ
กาลังใจต่อการปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จาแนก
ตามตัวแปร ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และหากพบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ
ผู้วิจัยทาการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยแบบรายคู่โดยใช้วิธีของ Scheffe’ ต่อไป
บทที่ 4
ผลการวิจัย
การวิ จั ย ครั้ ง นี้ เป็ น การวิ จั ย เชิ ง สำรวจ (Survey Research) มุ่ ง ศึ ก ษาขวั ญ และ
กำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 โดย
ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างของผู้บ ริห ารและครู จำนวน 318 คน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิ เคราะห์
ข้อมูล และนำเสนอผลการวิจัยตามลำดับ ดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห ารและครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ตอนที่ 3 เปรียบเทียบขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามความคิดเห็น
ของผู้ บริห าร และครูในสถานศึกษาสั งกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
จำแนกตามตัวแปร ตำแหน่งหน้าที่ ศาสนา และประสบการณ์การทำงาน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผลการศึกษาข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ ตำแหน่งหน้าที่ และขนาด
ของสถานศึกษา รายละเอียดแสดงในตารางที่ 9
ตารางที่ 9 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
(n = 318)
ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน (คน) ร้อยละ
ด้านตำแหน่งหน้าที่
ผู้บริหารสถานศึกษา 54 17.00
ครู 264 83.00
รวม 318 100.00
ศาสนา
ศาสนาพุทธ 141 44.30
ศาสนาอิสลาม 177 55.70
รวม 318 100.00
48
49
ตารางที่ 9 (ต่อ)
(n = 318)
ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน (คน) ร้อยละ
ประสบการณ์การทำงาน
ต่ำกว่า 5 ปี 85 26.7
5-10 ปี 128 40.30
สูงกว่า 10 ปีขึ้นไป 105 33.00
รวม 318 100.00
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ผลการศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวมและรายข้อในแต่ละด้าน
แสดงไว้ในตารางที่ 10 – 12
ตารางที่ 10 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม
(n = 318)
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ข้อความ ปฏิบัติงาน
X S.D. ระดับ
1. ด้านปัจจัยจูงใจ 2.23 0.50 น้อย
2. ด้านปัจจัยค้ำจุน 2.16 0.50 น้อย
รวม 2.20 0.46 น้อย
ตารางที่ 11 ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้านปัจจัยจูงใจ
(n = 318)
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ข้อความ ปฏิบัติงาน
X S.D. ระดับ
ด้านปัจจัยจูงใจ
1. ความสำเร็จของงาน 2.40 0.52 น้อย
2. การได้รับความยอมรับนับถือ 2.24 0.70 น้อย
3. ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ 2.23 0.63 น้อย
4. ความรับผิดชอบ 2.14 0.70 น้อย
5. ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน 2.15 0.62 น้อย
6. โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าในอนาคต 2.24 0.52 น้อย
รวม 2.23 0.50 น้อย
(n=318)
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ข้อความ ปฏิบัติงาน
X S.D. ระดับ
ด้านปัจจัยค้ำจุน
1. นโยบายและการบริหารงานองค์กร 2.15 0.61 น้อย
2. วิธีการปกครองบังคับบัญชา 2.20 0.72 น้อย
3. สภาพการทำงาน 2.20 0.62 น้อย
4. ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา 2.14 0.60 น้อย
5. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน 2.20 0.50 น้อย
6. ความมั่นคงและความปลอดภัย 2.20 0.60 น้อย
7. ความเป็นอยู่ส่วนตัว 2.20 0.60 น้อย
8. เงินเดือน 2.13 0.63 น้อย
9. ฐานะของอาชีพ 2.10 0.50 น้อย
รวม 2.20 0.50 น้อย
ผลการความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนกตาม ตำแหน่งหน้าที่ และ
ศาสนา รายละเอียดดังตารางที่ 13 – 22 ดังนี้
ตารางที่ 13 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิ บั ติงานของครู สั งกัดสำนั กงานเขตพื้ นที่ ก ารศึก ษาประถมศึ กษายะลา เขต 2 ใน
ภาพรวม จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่
(n=318)
ผู้บริหารสถานศึกษา ครู
แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน n=54 n=264 t P
X S.D. X S.D.
ด้านปัจจัยจูงใจ 2.20 0.21 2.24 0.54 -.499 .618
ด้านปัจจัยค้ำจุน 2.24 0.54 2.19 0.49 -4.249*** .000
รวม 2.10 0.20 2.22 0.49 -2.881** .004
** p≤ .01, *** p≤ .001
จากตารางที่ 13 พบว่า ผู้บริห ารและครู ที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็ น
เกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบั ติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ในภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .001 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านปัจจัยค้ำจุน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ส่วนด้านปัจจัยจูงใจ ผู้บริหารและครูที่มี
ตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน
53
ตารางที่ 14 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิ บั ติ งานของครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2
จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ ด้านปัจจัยจูงใจ
(n=318)
ผู้บริหาร ครู
สถานศึกษา
แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน t P
n=54 n=264
X S.D. X S.D.
ด้านปัจจัยจูงใจ
1. ความสำเร็จของงาน 2.46 0.55 2.39 0.51 0.909 .364
2. การได้รับความยอมรับนับถือ 2.08 0.45 2.27 0.70 -2.450* .016
3. ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ 2.17 0.40 2.24 0.67 -.756 .450
4. ความรับผิดชอบ 2.17 0.38 2.13 0.73 .317 .752
5. ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน 2.11 0.37 2.16 0.66 -.546 .586
6. โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าใน 2.22 0.37 2.24 0.55 -.258 .797
อนาคต
รวม 2.20 0.21 2.24 0.54 -.499 .618
* p≤ .05
จากตารางที่ 14 พบว่า ผู้บริหารและครูที่ มีตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็น
เกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ด้านปัจจัยจูงใจ โดยภาพรวม และรายด้านทุกด้านไม่แตกต่างกัน ยกเว้นด้านการได้รับ
ความยอมรับ นั บ ถือ ผู้ บ ริห ารและครูที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็ น แตกต่างกัน อย่างมี
นัยสำคัญที่ระดับ .05
54
ตารางที่ 15 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิ บั ติ งานของครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2
จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ ด้านปัจจัยค้ำจุน
(n=318)
ผู้บริหาร ครู
แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน สถานศึกษา n=54 n=264 t P
X S.D. X S.D.
ด้านปัจจัยค้ำจุน
1. นโยบายและการบริหารงาน 2.17 0.36 2.15 0.64 .236 .813
องค์กร
2. วิธีการปกครองบังคับบัญชา 2.35 0.46 2.18 0.76 2.171* .032
3. สภาพการทำงาน 2.07 0.51 2.21 0.67 -1.503 .134
4. ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา 2.00 0.41 2.17 0.62 -2.524* .013
5. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน 1.90 0.27 2.26 0.52 -7.422*** .000
6. ความมั่นคงและความปลอดภัย 1.92 0.38 2.24 .56 -5.144*** .000
7. ความเป็นอยู่ส่วนตัว 2.08 0.63 2.22 0.55 -1.625 .105
8. เงินเดือน 1.93 0.56 2.17 0.63 -2.732** .008
9. ฐานะของอาชีพ 1.55 0.26 2.16 0.44 -13.857*** .000
รวม 1.20 0.26 2.20 0.49 -4.249*** .000
* p≤ .05, ** p≤ .01, *** p≤ .001
ตารางที่ 16 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิ บั ติงานของครู สั งกัดสำนั กงานเขตพื้ นที่ ก ารศึก ษาประถมศึ กษายะลา เขต 2 ใน
ภาพรวม จำแนกตามศาสนา
(n=318)
ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม
แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน n=141 n=177 t P
X S.D. X S.D.
ด้านปัจจัยจูงใจ 2.27 0.36 2.19 0.58 1.321 .187
ด้านปัจจัยค้ำจุน 2.23 0.37 2.10 0.51 2.723** .007
รวม 2.25 0.33 2.15 0.53 2.149* .032
* p≤ .05, ** p≤ .01
จากตารางที่ 16 พบว่า ผู้ บ ริ ห ารและครู ที่ นั บ ถื อ ศาสนาต่ างกั น มี ค วามคิ ด เห็ น
เกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ในภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านปัจจัยค้ำจุน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ส่วนด้านปัจจัยจูงใจ ผู้บริหารและครูที่มี
ตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน
ตารางที่ 17 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิ บั ติ งานของครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2
จำแนกตามศาสนา ด้านปัจจัยจูงใจ
(n=318)
ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม
แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน n=141 n=177 t P
X S.D. X S.D.
ด้านปัจจัยจูงใจ
1. ความสำเร็จของงาน 2.46 0.50 2.35 0.53 2.007* .046
2. การได้รับความยอมรับนับถือ 2.30 0.56 2.20 0.73 1.323 .187
3. ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ 2.34 0.51 2.14 0.50 2.901** .004
4. ความรับผิดชอบ 2.14 0.47 2.14 0.81 .003 .998
5. ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน 2.20 0.41 2.12 0.74 .268 1.111
6. โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าใน 2.22 0.43 2.26 0.59 -.725 .469
อนาคต
รวม 2.27 0.37 2.20 0.58 1.321 .187
* p≤ .05, ** p≤ .01
56
จากตารางที่ 17 พบว่า ผู้ บ ริห ารและครู ที่ นั บ ถือ ศาสนาต่างกั น มี ค วามคิ ด เห็ น
เกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติ งานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ด้านปัจจัยจูงใจ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน และรายด้านการได้รับความยอมรับนับถือ
ด้านความรับผิดชอบ ด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน และด้านโอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้า
ในอนาคต ผู้บริหารและครูที่นับถือศาสนาต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน แต่ด้านลักษณะของ
งานที่ป ฏิบัติ แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และด้านความสำเร็จของงาน แตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
ตารางที่ 18 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิ บั ติ งานของครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษายะลา เขต 2
จำแนกตามศาสนา ด้านปัจจัยค้ำจุน
(n=318)
ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม
แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน n=141 n=177 t P
X S.D. X S.D.
ด้านปัจจัยค้ำจุน
1. นโยบ ายและการบริ ห ารงาน 2.27 0.40 2.06 0.71 3.316*** .001
องค์กร
2. วิธีการปกครองบังคับบัญชา 2.42 0.62 2.03 0.74 5.195*** .000
3. สภาพการทำงาน 2.33 0.56 2.07 0.64 3.868*** .000
4. ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา 2.13 0.45 2.15 0.68 .280 .770
5. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน 2.23 0.40 2.17 0.57 1.020 .290
6. ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา 2.22 0.49 2.15 0.59 1.268 .196
7. ความเป็นอยู่ส่วนตัว 2.30 0.55 2.12 0.56 2.840** .005.
8. เงินเดือน 2.20 0.58 2.07 0.65 1.721 082
9. ฐานะของอาชีพ 2.01 0.50 2.08 0.44 1.294 .204
รวม 2.23 0.37 2.10 0.52 2.723** .007
* p≤ .05, ** p≤ .01, ** p≤ .001
จากตารางที่ 18 พบว่า ผู้ บ ริห ารและครู ที่ นั บ ถือ ศาสนาต่างกั น มี ค วามคิ ด เห็ น
เกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ยะลา เขต 2 ด้านปัจจัยค้ำจุน โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณา
เป็นรายด้านพบว่า ด้านนโยบายและการบริหารงานองค์กร ด้านวิธีการปกครองบังคับบัญชา ด้าน
สภาพการทำงาน และด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาปฏิบัติ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ
.001 และด้ านความเป็นอยู่ส่วนตัว แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ส่วน ด้านความสัมพันธ์
57
แรงจูงใจในการ แหล่ง
df SS MS F p
ปฏิบัติงาน ความแปรปรวน
ด้านปัจจัยจูงใจ ระหว่างกลุ่ม 2 3.80 1.90 7.96*** .000
ภายในกลุ่ม 315 75.10 .238
รวม 317 78.90
ระหว่างกลุ่ม 2 6.83 3.42 17.94*** .000
ด้านปัจจัยค้ำจุน ภายในกลุ่ม 315 60.00 .190
รวม 317 66.84
ระหว่างกลุ่ม 2 4.54 2.27 11.68*** .000
รวม ภายในกลุ่ม 315 61.23 .19
รวม 317 65.77
*** p≤ .001
จากตารางที่ 19 ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญ
และกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ในภาพรวม จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า ผู้บริหารและครูที่มีประสบการณ์การทำงาน
ต่างกัน มีความคิดเห็ นเกี่ยวกับ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ต่างกัน ทั้งในภาพรวม และรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมี
นั ย สำคั ญ ที่ ร ะดั บ .001 จึ งต้ อ งทำการทดสอบความแตกต่ างของค่ าเฉลี่ ย เป็ น รายคู่ ด้ ว ยวิธี ข อง
Scheffe' ผลปรากฏ ดังตารางที่ 20
58
ตารางที่ 20 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จำแนก
ตามประสบการณ์การทำงาน รายคู่ในภาพรวม
ตารางที่ 21 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิบั ติงานของครูสั งกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้าน
ปัจจัยจูงใจ จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน
ตารางที่ 22 เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของผู้ บ ริ ห าร และครู เกี่ ย วกั บ ขวั ญ และกำลั ง ใจในการ
ปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ด้าน
ปัจจัยค้ำจุน จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน รายคู่
สรุปผลการวิจัย
ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานของครู
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 สามารถสรุปได้ดังนี้
1. ขวัญและกาลังใจในการปฎิบัติงานของครู ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร และ
ครูในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
ผลการศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับขวัญและกาลังใจในการ
ปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวม อยู่ใน
ระดับน้อย ( X =2.20, S.D.= 0.46)
เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ปัจจัยจูงใจ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อย ( X =2.23, S.D.=0.50) เมื่อพิจารณาเป็น
รายข้อ พบว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยทุ กข้อ โดยสามารถเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย
คือ ด้านความส าเร็จในชีวิต ( X =2.40, S.D.=0.52) ด้านโอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าในอนาคต
และ การได้รับความยอมรับนับถือ มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน คือ ( X =2.24, S.D.=0.70) ด้านลักษณะของงาน
ที่ปฏิบัติ ( X =2.23, S.D.=0.63) ด้าน ความก้าวหน้าในตาแหน่งการงาน ( X =2.15, S.D.=0.62) และ
ด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือด้านความรับผิดชอบ ( X =2.14, S.D.=0.70)
60
61
2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับขวัญและกาลังใจใน
การปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 จาแนกตาม
ตาแหน่งหน้าที่ และ ศาสนา ดังนี้
อภิปรายผลการวิจัย
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
1. จากการวิจัย พบว่า ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับขวัญและกาลังใจใน
การปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวมและ
ในด้านปัจจัยจูงใจ มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับน้อยทุกด้าน ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรเห็นความสาคัญถึง
สภาพปั ญหาในประเด็นดังกล่ าว ด้วยวิธีการเปิดโอกาสให้ ครูได้ แสดงความคิดเห็ นอย่างอิสระ หา
แนวทางร่วมกันในการบริหารสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมขวัญกาลังใจในการปฏิบัติงานของครู โดยเน้น
ความสาเร็จของงานโดยร่วมกันตั้งเป้าหมายในการบรรลุความสาเร็จ ผู้ บริหารสถานศึกษาต้องเน้น
ความส าคั ญ ต่อ การบริ ห ารงานบุ คลากร ที่ จ ะต้อ งมี การส่ งเสริม ให้ ค รู มี ความรับ ผิ ดชอบ มีก าร
มองเห็นเส้นทางความก้าวหน้าในตาแหน่งการงานตามวิชาชีพ เป็นต้น
2. จากการวิจัย พบว่า ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับขวัญและกาลังใจใน
การปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในภาพรวมและใน
ด้านปั จจั ยค้ าจุ นมี ค่ าเฉลี่ ย อยู่ ในระดั บ น้ อ ยทุ ก ด้ าน ผู้ บริหารในระดั บเขตพื้ นที่ การศึ กษา ผู้ บริหาร
สถานศึกษา จึงควรเห็นความสาคัญถึงสภาพปัญหาในประเด็นดังกล่าว ด้วยการส่งเสริมนโยบาย แผนงาน
66
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบสภาพขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 กับสถานศึกษาในสังกัดอื่นๆ เช่นสถานศึกษา
เอกชน สถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่มัธยม เป็นต้น
2. เพื่อเป็ นการศึกษาข้อมูล ในเชิงลึ ก ควรมีการทาวิจัยเชิงคุณ ภาพเรื่อง ขวัญ และ
กาลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
3. ควรศึกษาปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
บรรณานุกรม
67
68
บรรณานุกรม (ต่อ)
บรรณานุกรม (ต่อ)
บรรณานุกรม (ต่อ)
บรรณานุกรม (ต่อ)
72
73
รายนามผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือมีรายนาม ดังนี้
74
75
แบบสอบถามเพื่อการวิจัย
เรื่อง ศึกษาขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของผู้บริหารสถานศึกษา
และครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
................................................................................................................................................................
คำชี้แจง
แบบสอบถามฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการศึกษาเกี่ยวกับ ศึกษา
ขวั ญ และกำลั งใจในการปฏิ บั ติ งานของผู้ บ ริห ารสถานศึ ก ษา และครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่
การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 โดยข้อมูลที่ได้จะนำไปวิเคราะห์และนำเสนอในภาพรวมเท่านั้น
ซึ่งจะไม่มีผลต่อการตอบของท่านแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้วิจัยจึงใคร่ขอความร่วมมือจากท่านโปรดตอบให้
ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด แบบสอบถามชุดนี้ แบ่งเป็น 2 ตอน คือ
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็น ของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับศึกษา
ขวั ญ และกำลั งใจในการปฏิ บั ติ งานของผู้ บ ริห ารสถานศึ ก ษา และครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่
การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ประกอบด้วย ข้อคำถาม จำนวน 64 ข้อ
ขอขอบพระคุณที่กรุณาให้ข้อมูลในการตอบแบบสอบถาม
รุ่งทิวา วิบูลพันธ์
นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
76
แบบสอบถามเพื่อการวิจัย
เรื่อง ศึกษาขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของผู้บริหารสถานศึกษา และครู
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2
แบบสอบถามแบ่งออกเป็น 2 ตอน
ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
คำชี้แจง โปรดกาเครื่องหมาย ลงในช่องว่างให้ตรงกับความเป็นจริง
1. ตำแหน่งหน้าที่ในสถานศึกษา
ผู้บริหารรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน)สถานศึกษา ( ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือ
รองผู้อำนวยการโรงเรียน
ครูและบุคลากรทางการศึกษา
2. นับถือศาสนา
พุทธ
อิสลาม
3. ประสบการณ์การทำงาน
ต่ำกว่า 5 ปี
5 - 10 ปี
10 ปี ขึ้นไป
ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับ ศึกษาขวัญและกำลังใจใน
การปฏิ บั ติ งานของผู้ บ ริ ห ารสถานศึ ก ษา และครู สั งกั ด สำนั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ประถมศึกษายะลา เขต 2
คำชี้ แ จง โปรดให้ ข้อมูล ของขวัญ และกำลั งใจในการปฏิ บัติงานของครูสั งกัด สำนัก งานเขตพื้น ที่
การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 ในสถานศึกษาของท่าน ว่ามีการสภาพปัญหา หรือเป็น
จริงตามที่บรรยายไว้มากน้อยเพียงใด และทำเครื่องหมาย ลงในช่องว่างตามความเป็น
จริงว่าท่านรู้สึกอย่างไร โดยมีให้เลือก 5 ระดับ ดังนี้
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติงาน
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สดุ กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ปัจจัยกระตุ้น (Motivator Factors)
ความสำเร็จของงาน
ท่านมีสามารถในการปฏิบัติงานได้เสร็จสิ้นตามระยะเวลา
1
ที่ตั้งไว้
2 ท่านมีผลงานที่ปฏิบัติเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย
3 ผลงานของท่านสามารถปฏิบัติได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ท่านสามารถแก้ปัญหาระหว่างการปฏิบัติงานให้สำเร็จ
4
ลุล่วงไปได้
การได้รับความยอมรับนับถือ
ท่านได้รับการยกย่องชมเชยในความรู้ความสามารถของ
5
ท่านจากบุคคลในหน่วยงาน
6 ท่านได้รับการชื่นชมยินดีในผลงานจากบุคคลในหน่วยงาน
7 ท่านได้รับโอกาสเสนอแนะความคิดเห็นต่อการดำเนินงาน
8 ท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำ
ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ
ท่านได้รับมอบหมายงานที่ตนเองชอบและตรงกับความ
9
ถนัด
ท่านได้รับมอบหมายงานที่น่าสนใจ น่าทำ และท้าทาย
10 ความสามารถ
ท่านได้รับโอกาสใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการ
11
ปฏิบัติงานที่ตนเองรับผิดชอบ
12 ท่านสามารถปฏิบัติงานให้สำเร็จได้ด้วยตนเอง
ความรับผิดชอบ
ท่านได้รับมอบหมายอำนาจในงานที่รับผิดชอบงานอย่าง
13
เต็มที่
ท่านได้รับความไว้วางใจในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดย
14
ไม่ถูกควบคุมมากเกินไป
ท่านรู้สึกถึงความรับผิดชอบและเป็นเจ้าของงานที่ได้รับ
15
มอบหมาย
78
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติงาน
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู มาก ปาน น้อย
มาก น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ท่านได้รับความรู้ ความสามารถ ทักษะ และความมีวินัย
16
จากงานที่ได้รับมอบหมาย
ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน
17 ท่านได้รับการอบรมในหลักสูตรเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ท่านได้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในระดับอำเภอ หรือ
18
ระดับจังหวัด หรือระดับประเทศ
ท่านได้รับการคัดเลือกให้เป็นครูผู้สอนดีเด่นในระดับต่าง ๆ
19
อย่างสม่ำเสมอ
โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้าในอนาคต
ท่านได้รับโอกาสเข้ารับการฝึกอบรม และศึกษาดูงานเพื่อ
20
พัฒนาความรู้ความสามารถอยู่เสมอ
ท่านการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในการศึกษาต่อ
21
เพื่อเพิ่มพูนความรู้
งานทีท่ ่านปฏิบัติอยู่ ส่งเสริมให้ได้รับโอกาสในการเลื่อน
22
ตำแหน่งที่สูงขึ้น
ปัจจัยค้ำจุน (Hygiene Factors)
นโยบาย และการบริหารงานองค์การ
หน่วยงานของท่านได้กำหนดนโยบายอย่างชัดเจน เป็น
23
ลายลักษณ์อักษร
หน่วยงานของท่านได้กำหนดโครงสร้างการบริหารงาน
24
อย่างชัดเจน
ท่านได้รับรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง และดำเนินการได้
25
อย่างถูกต้อง
26 หน่วยงานของท่านมีการบริหารงานอย่างเป็นระบบ
ท่านได้รับข้อมูล ข่าวสาร นโยบาย และแนวปฏิบัติ
27
จากหน่วยงานอย่างชัดเจน และต่อเนื่อง
วิธีการปกครองบังคับบัญชา
ท่านได้รับมอบหมายงานที่เหมาะสมกับความรู้
28
ความสามารถของท่าน
29 ท่านได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคจากผู้บังคับบัญชา
79
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติงาน
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู มาก ปาน น้อย
มาก น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
30 ท่านได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชา
31 ท่านได้รับการอำนวยความสะดวกสบายในการปฏิบัติงาน
สภาพการทำงาน
32 ท่านมีห้องทำงาน โต๊ะ เก้าอี้ ที่สะดวกสบาย
33 ท่านมีวัสดุสำนักงานที่ใช้ในการปฏิบัติงานอย่างเพียงพอ
34 สถานที่ทำงานของท่านปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน
สภาพแวดล้อมที่ทำงานของท่านร่มรื่น ปลอดโปร่ง
35
ปราศจากมลพิษ
ท่านได้รับความสะดวกสบายในการใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมของ
36 ที่ทำงาน
ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา
ท่านได้มีโอกาสได้พูดคุย และแสดงกริยาที่เป็นกันเอง
37
จากผู้บังคับบัญชา
38 ท่านได้รับการใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่จากผู้บังคับบัญชา
ท่านได้รับการดูแล เอาใจใส่ และให้กำลังใจในการ
39
ปฏิบัติงานจากผู้บังคับบัญชา
ท่านได้รับความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากผู้บังคับ
40
บัญชา
ความมั่นคงและความปลอดภัย
41 ท่านรู้สึกปลอดภัยในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ
42 ท่านรู้สึกปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานในสถานศึกษา
43 ท่านรู้สึกปลอดภัยในขณะที่อยู่บ้านพักอาศัย
ท่านได้รับการดูแลความปลอดภัยจากผู้บังคับบัญชาและ
44
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ท่านรู้สึกมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยจากหน่วยงาน
45
ด้านความมั่นคง
ผู้บริหารสถานศึกษาของท่านมีการติดต่อประสานงานกับ
46 หน่วยงานด้านความมั่นคง
80
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติงาน
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู มาก ปาน น้อย
มาก น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ผู้บริหารสถานศึกษาของท่านจัดทำแผนรักษาความ
47
ปลอดภัยในสถานศึกษาร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง
ผู้บริหารสถานศึกษาของท่านได้เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วน
48
ร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา
49 ท่านได้รับการยกย่องนับถือจากผู้ปกครอง และชุมชน
ท่านได้รับความไว้วางใจในการอบรมสั่งสอนบุตร
50
หลานจากผู้ปกครอง และชุมชน
ท่านได้รับความเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถ และ
51
คุณงามความดีจากผู้ปกครองและชุมชน
52 ท่านความรู้สึกภูมิใจในอาชีพที่สร้างประโยชน์แก่สังคม
ความเป็นอยู่ส่วนตัว
ท่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ที่มีความสามารถเหมาะสมกับงาน
53
ที่ปฏิบัติ
54 ท่านได้รับสวัสดิการต่าง ๆ เพียงพอต่อความต้องการ
ท่านได้รับเงินเดือนเพียงพอที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่
55
ท่านและครอบครัว
56 ท่านความรู้สึกมั่นใจในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ท่าน ดำรงอยู่
เงินเดือน
57 ท่านได้รับเงินเดือนประจำ
ท่านได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าการศึกษา
58
บุตร ค่าเช่าบ้าน อย่างเหมาะสม
59 ท่านได้รับสิทธิการลา วันหยุดชดเชย อย่างเหมาะสม
ท่านได้รับสวัสดิการ และเงินช่วยเหลือต่างๆ จาก
60
หน่วยงานอย่างเหมาะสม
61 ท่านได้รับสิทธิการลา วันหยุดชดเชย อย่างเหมาะสม
ฐานะของอาชีพ
ท่านมีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพที่ปฏิบัติทั้งในปัจจุบันและ
62
อนาคต
63 ท่านมีความรู้สึกเชื่อมั่นในหน่วยงานที่ปฏิบัติงานอยู่
81
ระดับขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติงาน
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู มาก ปาน น้อย
มาก น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ท่านรู้และเข้าใจลักษณะหน้าที่งานของตนเอง และของ
64
เพื่อนร่วมงาน
ภาคผนวก ค
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
82
83
การหาตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู แปลผล
1 2 3 IOC
ปัจจัยกระตุ้น (Motivator Factors)
ความสำเร็จของงาน
1 ท่านมีสามารถในการปฏิบัติงานได้เสร็จสิ้นตามระยะเวลา +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ที่ตั้งไว้
2 ท่านมีผลงานที่ปฏิบัติเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
3 ผลงานของท่านสามารถปฏิบัติได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
4 ท่านสามารถแก้ปัญหาระหว่างการปฏิบัติงานให้สำเร็จ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ลุล่วงไปได้
การได้รับความยอมรับนับถือ
5 ท่านได้รับการยกย่องชมเชยในความรู้ความสามารถของ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ท่านจากบุคคลในหน่วยงาน
6 ท่านได้รับการชื่นชมยินดีในผลงานจากบุคคลในหน่วยงาน +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
7 ท่านได้รับโอกาสเสนอแนะความคิดเห็นต่อการดำเนินงาน +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
8 ท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำ +1 0 +1 0.67 นำไปใช้ได้
ลักษณะของงานที่ปฏิบัติ
9 ท่านได้รับมอบหมายงานที่ตนเองชอบและตรงกับความ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ถนัด
10 ท่านได้รับมอบหมายงานที่น่าสนใจ น่าทำ และท้าทาย +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ความสามารถ
11 ท่านได้รับโอกาสใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ปฏิบัติงานที่ตนเองรับผิดชอบ
12 ท่านสามารถปฏิบัติงานให้สำเร็จได้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ความรับผิดชอบ
ตารางที่ 23 (ต่อ) 84
ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า
ข้อ ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครู แปลผล
1 2 3 IOC
48 ผู้บริหารสถานศึกษาของท่านได้เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วน +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา
49 ท่านได้รับการยกย่องนับถือจากผู้ปกครอง และชุมชน +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
50 ท่านได้รับความไว้วางใจในการอบรมสั่งสอนบุตร +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
หลานจากผู้ปกครอง และชุมชน
51 ท่านได้รับความเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถ และ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
คุณงามความดีจากผู้ปกครองและชุมชน
52 ท่านความรู้สึกภูมิใจในอาชีพที่สร้างประโยชน์แก่สังคม +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ความเป็นอยู่ส่วนตัว
53 ท่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ที่มีความสามารถเหมาะสมกับงาน +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ที่ปฏิบัติ
54 ท่านได้รับสวัสดิการต่าง ๆ เพียงพอต่อความต้องการ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
55 ท่านได้รับเงินเดือนเพียงพอที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่ท่าน +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
และครอบครัว
56 ท่านความรู้สึกมั่นใจในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ท่าน ดำรงอยู่ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
เงินเดือน
57 ท่านได้รับเงินเดือนประจำ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
58 ท่านได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าการศึกษา +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
บุตร ค่าเช่าบ้าน อย่างเหมาะสม
59 ท่านได้รับสิทธิการลา วันหยุดชดเชย อย่างเหมาะสม +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
60 ท่านได้รับสวัสดิการ และเงินช่วยเหลือต่างๆ จาก +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
หน่วยงานอย่างเหมาะสม
61 ท่านได้รับสิทธิการลา วันหยุดชดเชย อย่างเหมาะสม +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
ฐานะของอาชีพ
62 ท่านมีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพที่ปฏิบัติทั้งในปัจจุบันและ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
อนาคต
63 ท่านมีความรู้สึกเชื่อมั่นในหน่วยงานที่ปฏิบัติงานอยู่ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
64 ท่านรู้และเข้าใจลักษณะหน้าที่งานของตนเอง และของ +1 +1 +1 1 นำไปใช้ได้
เพื่อนร่วมงาน
87
88
89
ประวัติผู้วิจัย