Professional Documents
Culture Documents
2018
หลักการและทฤษฎี
ระบบปรับอากาศ หรือระบบปรับสภาวะอากาศ (Air Conditioning System) หรือที่เรียกโดยทั่วไป
ว่ า เครื่ อ งปรั บ อากาศ (แอร์ ) ปั จ จุ บั น มี ก ารใช้ กั น มากมาย ไม่ ว่ า จะเป็ น ในที่ อ ยู่ อ าศั ย อาคารสานั ก งาน
ศูนย์การค้า โรงพยาบาล โรงแรม ฯลฯ หน้าที่ของระบบปรับอากาศไม่ได้ครอบคลุมเพียงแค่การลดอุณหภูมิ
อากาศหรือการทาความเย็นตามที่เข้าใจกันโดยทั่วไปเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการเพิ่มอุณหภูมิอากาศหรือ
การท าความร้อน การควบคุม ระดับ ความชื้น ในอากาศ การควบคุม ความสะอาดของอากาศ การควบคุ ม
ความเร็วลมให้เหมาะสม ตลอดจนการควบคุมสภาวะของอากาศในด้านอื่น ๆ
หลักการทางานของเครื่องปรับอากาศแต่ละประเภท โดยเฉพาะในด้านการทาความเย็นนั้นมีหลักการ
ทางานคล้ายกัน คือกระบวนการเคลื่อนย้ายความร้อนออกจากพื้นที่ที่ต้องการทาความเย็น ด้วยการส่งผ่าน
ความร้อนออกสู่ภายนอกพื้นที่ทาความเย็น โดยใช้คุณสมบัติในการระเหย และความร้อนแฝงของการกลายเป็น
ไอของของเหลวที่เป็นสารทางาน ซึ่งในขณะที่ระเหยกลายเป็นไอนั้น สารทางานจะต้องใช้ความร้อน และความ
ร้อนนี้ก็จะได้มาจากการดูดซับมาจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
ตัวแปรควบคุมในการปรับสภาวะอากาศ
ในการปรับสภาวะอากาศให้เหมาะสมตามที่ต้องการนั้น มีตัวแปรที่จะต้องควบคุม ได้แก่
1. อุณหภูมิ (Temperature) - การปรับอุณหภูมิโดยการเพิ่มหรือลด
2. ความชื้น (Humidity) - การควบคุมปริมาณความชื้นของอากาศ
3. ความเร็วลม (Air Motion) - ความเร็วลมและทิศทางการไหลเวียนของอากาศ
4. ความสะอาด (Cleanliness) - การควบคุมสิ่งสกปรกภายในอากาศโดยการใช้ตัวกรอง
ความร้อนสัมผัสและความร้อนแฝง
การถ่ายเทความร้อนที่เกี่ยวข้องกับอากาศอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ความร้อนสัมผั ส
(Sensible Heat) และความร้อนแฝง (Latent Heat) ซึ่งในที่นี้หมายถึงความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอของ
น้า (ความร้อนสัมผัส หมายถึง ความร้อนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ซึ่ งสามารถสัมผัสและรู้สึกได้
ว่าร้อนหรือเย็น) ส่วนความร้อนแฝง หมายถึง ความร้อนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงปริมาณไอน้าในอากาศ
หรือความชื้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ย นแปลงสถานะของของเหลวในระบบ (สารท าความเย็น ) ระหว่าง
ของเหลวกับไอ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสารทาความเย็นนั้น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
รูปที่ 3 กระบวนการปรับสภาวะอากาศบนไซโครเมตริกชาร์ต
2. ค่ าประสิ ท ธิ ภ าพพลั ง งาน EER หรื อ Energy Efficiency Ratio เป็ น ค่ าอั ต ราส่ ว นระหว่ า ง ขี ด
ความสามารถในการทาความเย็น (Btu/hr) รวมสุทธิและกาลังไฟฟ้าที่ใช้สาหรับเครื่องปรับอากาศในการทา
ความเย็น (Watt) โดยค่า EER มีหน่วยเป็น Btu/hr/Watt
3. ค่ า ก าลั ง ไฟฟ้ า ต่ อ ตั น ความเย็ น (CHP) เป็ น ค่ า อั ต ราส่ ว นระหว่ า งก าลั ง ไฟฟ้ า ที่ ใ ช้ ส าหรั บ
เครือ่ งปรับอากาศในการทาความเย็น (kW) และความสามารถในการทาความเย็น (TR หรือตันความเย็น)
กฎหมายที่เกี่ยวของ
1. ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง การกาหนดค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่า ค่าประสิทธิภาพการให้ความ
เย็ น และค่ า พลั งงานไฟฟ้ าต่ อ ตั น ความเย็ น ของระบบปรับ อากาศที่ ติ ด ตั้ งใช้ งานในอาคาร พ.ศ. 2552 ได้
กาหนดค่าสมรรถนะไว้ดังนี้
ตารางการกาหนดค่าสมรรถนะขั้นต่า (COP) และค่าประสิทธิภาพการให้ความเย็น (EER)
เครื่องมือวัดและอุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. เครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer)
2. เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ (Thermometer และ Hygrometer)
3. เครื่องวัดก าลังไฟฟ้า (Power Meter)
4. ตลับเมตร
5. แผนภูมิไซโครเมตริก (Psychometric Chart)/ โปรแกรมการคานวณค่าเอนทาลปี (Enthalpy)
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจหลักการทางานของระบบปรับอากาศ
2. เพื่อให้นักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้ไซโครเมตริกชาร์ตกับงานในระบบปรับอากาศได้
3. เพื่อให้นักศึกษาสามารถนาหลักการปรับสภาวะอากาศไปใช้ในชีวิตประจาวันและชีวิตการทางานได้
การทดสอบประสิทธิภาพการทางานของระบบปรับอากาศ