Professional Documents
Culture Documents
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ฟรันทซ์_ลิสท์#/media/
ไฟล์:Franz_Liszt_by_Adolphe_Braun_c1860-1877
รูปภาพประกอบที่ 1
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 19-20
ท่อน 2 (Development)
ในบทเพลง Concert Etudes No.3 Db Major ท่อน 2 (Development) นั้นจะมีช่วงเสียง
ต่ำสุดและสูงสุดอยู่หลายช่วง เสียงที่ต่ำสุดคือเสียงตัว F ซึ่งอยู่เส้นน้อยเส้นที่ 4 ด้านล่าง ส่วนช่วงเสียงที่สูง สุด
คือ ตัว A ซึ่งอยู่ในบนเส้นน้อยเส้นที่ 4 ด้านบน ระยะห่างระหว่างโน้ตต่ำสุดกับโน้ตสูงสุดคือระยะขั้นคู่ นับเป็น
ช่วงคู่แปดได้ ห้าช่วงคู่แปด กับอีก คู่สาม เมเจอร์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 2
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 34
ท่อน 3 (Recapitulation)
ในบทเพลง Concert Etudes No.3 Db Major ท่อน 3 (Recapitulation) นั้นจะมีช่วงเสียง
ต่ำสุดและสูงสุดอยู่หลายช่วง เสียงที่ต่ำสุดคือเสียงตัว Db ซึ่งอยู่ในเส้นที่ 5 ส่วนช่วงเสียงที่สูงสุดคือ ตัว Ab ซึ่ง
อยูบ่ นเส้นน้อยเส้นที่ 4 ด้านบน ดังนั้นระยะห่างระหว่างโน้ตต่ำสุดกับโน้ตสูงสุดคือระยะขั้นคู่ นับเป็นช่วงคู่แปด
ได้ ห้าช่วงคู่แปด กับอีก คู่หก เมเจอร์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 3
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 65 และห้องที่ 82-83
รูปภาพประกอบที่ 4
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 55
รูปภาพประกอบที่ 5
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 56
2.2.2.2 การเคลื่อนทำนองแบบข้ามขั้น
การเคลื่อนทำนองแบบข้ามขั้น ( Disjunct motion ) การเคลื่อนทำนองจากโน้ตตัว
หนึ่งไปยังโน้ตอีกตัวหนึ่ง เป็นคู่ 3 หรือกว้างกว่าคู่ 3 การขยับข้ามขั้น ซึ่งเรียกว่าขั้นคู่กระโดด มักนำหน้าหรือ
ตามหลังด้วยการขยับเพียงขั้นเดียวในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อให้เกิดสมดุล
ท่ อ น 1 (Exposition) ตั ว อย่ า งที ่เ ห็นชั ด ในบทเพลง Concert Etudes No.3 Db
Major นี้ มักมีการเคลื่อนที่แบบข้ามขั้นอยู่หลายที่ ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างมาในห้องที่ 21 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 6
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 21
รูปภาพประกอบที่ 7
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 49-50
รูปภาพประกอบที่ 8
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 59-60
2.2.2.3 ทิศทาง
การดำเนินทำนองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึ้น
ถ้าโน้ตตัวหลังมี ระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ ำกว่า แต่ถ้าโน้ตย้ำอยู่ที่ระดับ
เสียงเดิมก็เรียกว่า ทิศทางคงที่
ทิศทางขึ้น ทำนองที่มีทิศทางขึ้นมักมีการดำเนินทำนองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตอีก
ตัวหนึ่งในทางขึ้นบ้างลงบ้าง แต่จะมีทิศทางขึ้นบ่อยกว่า หรืออาจมีขั้นคู่กระโดดขึ้นหลายครั้งกว่าขั้นคู่กระโดด
ลง แต่ทำนองที่ดีไม่ว่าของชาติใดภาษาใด ควรมีทิศทางที่ชัดเจน
ท่อน 1 (Exposition) จะเห็นว่าทำนองมีทิศทางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าทำนองจะ
มีการหักลงบ้างในระหว่างทาง ทำนองเริ่มต้นที่ Ab บนเส้นบรรทัดที่ 2 และดำเนินสูงไปจนถึงโน้ตตัวสุดท้าย F
บนเส้นบรรทัดเส้นน้อยที่ 3 ในห้องที่ 13-14 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 9
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 13-14
รูปภาพประกอบที่ 10
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 43-44
ท่อน 3 (Recapitulation) จะเห็นว่าทำนองมี ท ิศ ทางขึ ้นอย่ างเห็นได้ ช ั ด แม้ ว่ า
ทำนองจะมีการหักลงบ้างในระหว่างทาง ทำนองเริ่มต้นที่ Ab ในเส้นน้อยบรรทัดที่ 2 ด้านล่างและดำเนินสูงไป
จนถึงโน้ตตัวสุดท้าย Db บนเส้นบรรทัดเส้นน้อยที่ 2 ด้านบน ในห้องที่ 62 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 11
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 62
ทิศทางลง ทำนองที่มีทิศทางลงจะมีการเคลื่อนทำนองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตอีก
ตัวหนึ่ง ในทิศทางลงบ้างขึ้นบ้างเช่นกัน แต่จะมีทิศทางลงบ่อยครั้งมากกว่า
ท่ อ น 1 (Exposition) ทำนองมี ท ิ ศ ทางลงอย่ า งเห็ น ได้ ช ั ด แสดงให้ เ ห็ น ถึ ง การ
เคลื่อนที่ในทิศทางลงจาก โน้ต Eb ไปจนถึงโน้ตตัว Bb ในห้องที่ 7 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 12
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 7
รูปภาพประกอบที่ 14
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 57
รูปภาพประกอบที่ 15
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 31
2.2.2.4 โน้ตประดับ
โน้ตประดับเป็นสิ่งที่เพิ่มชีวิตชีวาให้กับทำนองเพลง โน้ตประดับตัวเดียวสามารถ
สร้างความสนใจได้ไม่น้อย โน้ตประดับเปรียบเสมือนเครื่องประดับของผู้หญิง ต้องใช้ในการที่เหมาะสม ไม่ใช้
มากจนเกินไป
ท่อน 1 (Exposition) จะมีโน้ตประดับอยู่ ซึ่งจะมีโน้ตประดับ เขบ็ต 1 ชั้น ดังนั้นจะ
ขอ ยกตัวอย่างห้องที่ 11 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 16
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 11
รูปภาพประกอบที่ 17
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 25
รูปภาพประกอบที่ 18
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 77
2.2.2.5 การวิเคราะห์จังหวะ
อัตราจังหวะ ( Meter )
อัตราจังหวะ อันได้แก่ อัตราจัง หวะสอง อัตราจัง หวะสาม อัตราจัง หวะสี่ อัตรา
จังหวะธรรมดา อัตราจังหวะผสม และอัตราจังหวะซ้อน เป็นตัวชี้น ำเรื่องความคิดทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวกับ
จังหวะของเพลง เครื่องหมายประจำจังหวะที่อยู่ถัดจากกุญแจและเครื่องหมายประจากุญแจเสียงในช่วงต้น
เพลง จะแสดงถึง อัตราจังหวะ
ชีพจรจังหวะ โดยหลักการแล้ว อัตราจังหวะเป็นตัวกาหนดชีพจรจังหวะหรือการเน้น
จังหวะตามธรรรมชาติ ซึ่งในบทเพลง Concert Etudes No.3 Db Major มีการใช้อัตราจังหวะอยู่ 1 จังหวะ
ได้แก่ อัตราจังหวะ 4/4
ท่อน 1 (Exposition) มีอัตราจังหวะ 4/4 ซึ่งเป็นอัตราจังหวะสี่ธรรมดา จึงมี 4 ชีพ
จรจังหวะ ซึ่งโดยปกติแล้วจังหวะที่ 1 และ 3 จะเป็นจังหวะที่หนักและสำคัญ ส่วนจังหวะที่ 2 และ 4 จะ เป็น
จังหวะเบา ยกตัวอย่างในห้องที่ 1 ทุกจังหวะที่เป็นจังหวะตกมีความหนักเพราะจะทำให้เพลงรู้สึกมีพลัง ดังรูป
ต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 19
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 1
รูปภาพประกอบที่ 20
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 24
ท่อน 3 (Recapitulation) มีอัตราจังหวะ 4/4 ซึ่งเป็นอัตราจังหวะสี่ธรรมดา จึงมี 4
ชีพจรจังหวะ ซึ่งโดยปกติแล้วจังหวะที่ 1 และ 3 จะเป็นจังหวะที่หนักและสำคัญ ส่วนจังหวะที่ 2 และ 4 จะ
เป็นจังหวะเบา ยกตัวอย่างในห้องที่ 56-57 ทุกจังหวะที่เป็นจังหวะตกมีความหนักเพราะจะทำให้เพลงรู้สึกมี
พลัง ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 21
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 56-57
2.2.2.5 การวิเคราะห์ประโยคเพลง
บทเพลงแต่ละบทประกอบด้ วย ประโยคหลายประโยคมาเรี ยงต่อ กันจนสิ ้ น สุ ด
กระบวนการ เพลงไม่ว่าจะสั้นหรือยาวเพียงใด ก็สามารถตัดย่อยเพลงออกเป็นประโยคได้ ในประโยคเพลงจะมี
ความคิดที่จะจบภายในตัวเอง แต่ละประโยคยังสามารถย่อยลงไปหน่วยทำนองต่างๆ
หน่วยทำนอง
ทำนองเพลงซึ่งประกอบไปด้วยประโยคเพลงอย่างน้อย 1 ประโยค สามารถซอยย่อย
เป็น หน่วยทำนองสั้นๆได้ หน่วยทำนองเหล่านี้มีบทบาทและความสำคัญไม่เท่ากัน อาจแบ่งหน่วยทานองได้
ออกเป็น 2 ประเภท
หน่วยทำนองย่อยเอก ( Motive ) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของทำนองและมีความสำคัญ
ในการผูกเพลงทั้งหมดหรือในช่วงหนึ่งอันเดียวกัน หน่วยทำนองย่อยเอกมักปรากฏเป็นอีกระยะๆ ในรูปแบบที่
เหมือนเดิมหรือแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตัวอย่างที่เห็นชัดในบทเพลง Concert Etudes No.3 Db Major ที่มี
หน่วยทำนองย่อยเอก ( Motive ) ที่มักจะปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ ยกตัวอย่างในท่อนที่ 1 ดังรูปต่อนี้
รูปภาพประกอบที่ 22
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 3-4
หน่ ว ยทำนองย่ อ ยรอง ( Figure ) เป็ น หน่ ว ยย่ อ ยของทำนองเช่ น กั น แต่ ไ ม่ มี
ความสำคัญเท่ากับหน่วยทำนองเอก มักมีลักษณะการขึ้นลงของทำนองรวมถึงลักษณะจังหวะที่น่าสนใจ อาจมี
ความสำคัญ เพียง ชั่วขณะและมีผลกับการพัฒนาเพลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่ง ในเพลง Nocturne in C-
sharp minor มักพบหน่วยทำนองย่อยรองได้หลายประเภทครั้งในบทเพลงนี้ ดังนั้นจะขอยกตัวอย่างหน่วย
ทำนองย่อยรองประเภท Sequence (การซ้ำส่วนทำนองก่อนหน้าเป็นลำดับขั้นคู่ ) (กรอบสีฟ้า) และประเภท
Repetition (การซ้ำส่วนทำนองก่อนหน้า) (กรอบสีแดง) ในห้องที่ 13-14 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 23
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 13-14
รูปภาพประกอบที่ 25
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 1-2
2. บันไดเสียง A Major ซึ่งจะพบอยู่ในท่อน 2 (Development) ยกตัวอย่างบันได
เสียง A Major ในห้องที่ 19-20 ดังรูป
รูปภาพประกอบที่ 26
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 19-20
รูปภาพประกอบที่ 27
Concert Etudes No.3 Db Major ห้องที่ 41-42
ภาคผนวก
บรรณานุกรม