You are on page 1of 17

สารบัญ

การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน
1.ปลูกพืชและดูแลใหแข็งแรงสมบูรณ
2.ลงสํารวจตรวจแปลงนาทุกอาทิตย
3.อนุรกั ษศตั รูธรรมชาติ
4.ใหเกษตรกรเปนผูจ ดั การทีด่ หี รือเปนผูเ ชีย่ วชาญในการดําเนินกิจการดวยตนเอง
ศัตรูธรรมชาติทพ่ี บในนาขาว ศัตรูขา วทีส่ าคั
ํ ญ
ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูขา ว ศัตรูธรรมชาติเปนสิง่ มีชวี ติ ทีม่ ปี ระโยชน
ภาคผนวก:พันธุข า วตานทานแมลงศัตรูขา วบางชนิด ภาคผนวก:พันธุตานทานโรคขาวบางชนิด
การทดลองใชพชื สมุนไพรในนาขาว การทดลองในพืน้ ทีแ่ ปลงในของเกษตรกร
วิธกี ารและอัตราการใช ผลการทดลอง
สรุปผลการทดลอง
การปองกันกําจัดเพลีย้ กระโดดสีน้ําตาลในนาขาว
โดยวิธผี สาน
เกษตรกรรมธรรมชาติดดั แปลงเพือ่ ควบคุม
เพลี้ยกระโดดสีนํ้าตาล
การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 2

การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน
1. ปลูกพืชและดูแลใหแข็งแรงสมบูรณ ซึ่งไดแก
- ใชเมล็ดพันธุด ี ปราศจากเมล็ดวัชพืชปะปน, ตานทานโรค-แมลง
- เตรียมดินและกัดวัชพืชอยางถูกตอง
- ใชปยุ ใหเหมาะสมกับชนิดดินและพันธุข า ว
- ระดับนําประมาณ
้ 15 ซม.

เพลี้ยกระโดดหลังขาว เพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้

2. ลงสํารวจตรวจแปลงนาทุกอาทิตย
จําเปนอยางยิง่ ทีเ่ กษตรกรจะตองลงตรวจแปลงนาอยางนอยอาทิตยละ 1 ครัง้ โดยสํารวจตรวจ
ตราอยางใกลชดิ วาสภาพของขาวเปนอยางไร ระดับนํา้ ปุย เพียงพอเหมาะสมแลวหรือยัง ปริมาณ
สัดสวนของศัตรูพืชและศัตรูธรรมชาติ สภาพดินฟาอากาศ เพือ่ ประกอบการพิจารณาตัดสินใจดําเนิน
การอย า งใดอย า งหนึ่ ง อย า งถู ก ต อ ง การสํ ารวจนี้ เ พื่ อ ประเมิ น สภาพนิ เ วศน วิ ท ยาในแต ล ะช ว ง
การเจริญเติบโตของขาว

เกษตรกรลงสํารวจนา

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 3

3. อนุรกั ษศตั รูธรรมชาติ


โดยปกติในนาขาวเขตรอนทั่วๆ ไป ปริมาณศัตรูธรรมชาติของศัตรูพชื เชน แมงมุม แมลงปอ มวน
ดูดไข จิงโจนาํ้ แตนเบียน เชือ้ จุลนิ ทรีย และสัตวอน่ื ๆ อีกมากมายหลายชนิด มีอยูอยางเพียงพอที่จะ
ควบคุมศัตรูขาว ซึ่งมีชนิดที่สําคัญอยูไมกี่ชนิดเทานั้น สมดุลของธรรมชาติน้ี จะถูกทําลายลงหาก
เกษตรกรใชสารเคมีอยางไมถกู ตอง โดยเฉพาะสารในกลุม ไพรีรอยสและออกาโนฟอสเฟต ซึ่งมีพิษกวาง
ขวาง ทําลายสิง่ ทีม่ ชี วี ติ ทุกชนิดในนาขาว ซึง่ ในทีส่ ดุ จะมีผลใหเกิดการระบาดเพิม่ มากขึน้ ในชวง 30 วัน
หลังจากปลูกขาวแลว ไมควรใชสารฆาแมลงใด ๆ ทั้งสิ้น

4. ใหเกษตรกรเปนผูจัดการที่ดีหรือเปนผูเชี่ยวชาญในการดําเนินกิจการดวยตนเอง
เมื่อเกษตรกรสามารถวิเคราะหสภาพนิเวศนวิทยา
ในนาขาวและมีการตัดสินใจอยางถูกตอง ก็จะมีผลใหการ
ผลิ ต ประสบผลสํ าเร็ จ ต นทุ นการผลิตลดลง ไมมีผล
กระทบต อ สุ ข ภาพและสิ่ ง แวดล อ มเนื่ อ งจากสารเคมี
เกษตรกรสามารถยืนอยูไดดวยตนเอง และประกอบการ
เกษตรกรรมที่ยั่งยืนในที่สุด

การฝกวินจิ ฉัยสิง่ มีชวี ติ ในนาขาว

เกษตรกรฝกวินจิ ฉัยสิง่ มีชวี ติ ในนาขาว


โดยมีเจาหนาทีช่ ว ยแนะนํา
หลังจากสํารวจแปลงนาเกษตรกรสามารถ
วิเคราะหสภาพนิเวศนวทิ ยาในนาขาว

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 4

ศัตรูธรรมชาติทพ่ี บในนาขาว
เมื่อลงไปในนาขาวจะพบสิ่งมีขีวิตหลายชนิดซึ่งประกอบดวยแมลงศัตรูขาวชนิดตาง ๆ และศัตรู
ธรรมชาติของแมลงศัตรูขา วพวกแมง, แมลงและสัตวอน่ื ๆ ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูขา ว ไดแก
ตัวหํ้า คือสัตวทค่ี อยจับสัตวอน่ื กินเปนอาหาร ทําใหเหยื่อตายทันทีเชน ดวยเตา แมงมุม แมลงปอเข็ม
ฯลฯ ตัวเบียน คือ สัตวที่อาศัยยังชีพบนเหยื่อ อาจจะอยูภายนอกหรือภายในรางกายของเหยื่อก็ได
คอย ๆ ดูดกินเลือดหรือนําเลี ้ ย้ งจากเหยือ่ คอย ๆ ตายไปในทีส่ ดุ ไดแกแตนเบียนตาง ๆ ซึง่ มีขนาดเล็ก
มากจนถึงขนาดใหญ

ศัตรูธรรมชาติเหลานี้เราแบงเปนพวกใหญ ๆ ไดดังนี้
1. แมงมุม มี 8 ขา พบหลายชนิดในนาขาว มีทั้งพวกที่ชักใยเพื่อใชเปนกับดักเหยื่อของมันและ
พวกที่ออกตามลาเหยื่อ มีตง้ั แตขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญกวาแมลงศัตรูขา ว ตัวอยางของแมงมุมพวกนี้
ไดแกแมงมุมสุนขั ปา Lycosapseudoannulata แมงมุมแปดตา Oxyopes javanus และแมงมุมขายาว
Tetragnatha spp.

ตัวผู แมงมุมสุนขั ปา ตัวเมีย

แมงมุมสุนขั ปา

แมงมุมแคระ, ตัวหํ้าของเพลีย้ กระโดด,


เพลีย้ จัก๊ จัน่ , หนอนแมลงวัน
แมงมุมขายาว

2. แมลงปอ เปนแมลงทีพ่ บบินไดรวดเร็ว คอยจับเหยื่อ ซึ่งไดแก แมลงศัตรูขา วชนิดตาง ๆ ในนา


ตัวอยางของแมลงปอที่พบในนาไดแก แมลงปอบาน Neurothomis tulliatullia และแมลงปอเข็ม
Agriocnemi ssp.คอยจับกินเพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้ เพลี้ยจั๊กจั่น และหนอนหอใบขาว

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 5

แมลงปอบาน แมลงปอ

3. ดวง เปนแมลงที่มีปกคูแรกแข็งแรงใชปองกันตัว ทัง้ ตัวออนและตัวแกของดวงหลายชนิดทีพ่ บ


ในนาเปนตัวหํ้าของแมลงศัตรูขา วหลายชนิด เชน เพลี้ยกระโดด, เพลีย้ ออน, หนอนหอใบ, เพลี๊ยจั๊กจั่น
หนอนกอ ฯลฯ ตัวอยางของแมลงกลุม นีไ้ ดแกดว งเตา Micraspis discolor ดวงดิน Oplionea sp. และ
ดวงกนกระดก Paederus fuscipes

ดวงคอยาว ตัวหํ้าหนอนหอใบขาว ดวงตัวหําของเพลี


้ ย้ กระโดดสีนาตาล
้ํ

4. มวน เปนแมลงทีม่ ปี ากแหลมใชดดู นํ้าเลีย้ งจากเหยือ่ ของมัน พบมวนตัวหํ้าของแมลงศัตรูขา ว


หลายชนิดอาศัยอยูบ นผิวนําและบนต
้ นขาว คอยจับกิน เชน เพลี้ยกระโดดสีนาตาล,
ํ้ เพลี้ยจั๊กจั่น และผี
เสื่อหนอนกอขาว ตัวอยางของมวนทีพ่ บในนาขาวไดแก จิงโจนาํ้ Limnogonus sp. และมวนดูดไข
Cyrtorhinus lividipennis (Reuter)

มวนดูดไขของเพลีย้ กระโดดสีนาตาล
้ํ มวนจิงโจนาํ้ ตัวหํ้าของเพลีย้ จั๊กจัน่ ,
เพลี้ยกระโดด, หนอนหอใบขาว

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 6

5. ตอแตน เปนกลุมของแมลงศัตรูธรรมชาติที่
สําคัญมีขนาดตัวตัง้ แตขนาดใหญเห็นไดดว ยตาเปลา จน
ถึงขนาดเล็กเทาปลายหัวเข็มหมุด มีทั้งตัวหําและตั
้ วเบียน
ทําลายแมลงศัวตรูขา วในระยะไข, ตัวออน, และดักแด ตัว
อยางของแมลงกลุมนี้ไดแก แตนเบียนไขของหนอนกอขาว
Telenomus sp. แตนเบียนตัวออนของเพลีย้ กระโดดสีนา้ํ
ตาล Pseudogonatopus spp. แตนเบียนตัวหนอนของ
หนอนหอใบขาว Xanthopimpla sp. และแตนเบียนดักแด แตนเบียนทําลายไขหนอนกอขาว
หนอนกอขาว Tetrastichus ayyari

แตนเบียนทําลายระยะตัวหนอนของหนอนหอใบขาว แตนเบียนทําลายตัวออนของ
เพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้

6. แมลงวัน เปนแมลงที่วมีปก 1 คู พบพวกทีเ่ ปนศัตรูธรรมชาติหลายชนิดบางชนิดเปนตัวเบียน


บางชนิดเปนตัวหํ้าทําลายแมลงศัวตรูขา วพวก หนอนกอ และเพลีย้ ตางๆ เปนตน ตัวอยางไดแกแมลงวัน
กนขนในวงศ Tachinidae, แมลงวันตาโต pipunculus sp. แมลงวันปกลาย Poecilotraphera taeniata
และแมลงวันแคระ Anatrichus pygmacus

แมลงวันกนขนทําลายระยะตัวหนอนของ แมลงวันตาโต ตัวเบียนของเพลีย้ จั๊กจัน่


หนอนกอขาว

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 7

7. ตั๊กแตนและจิ้งหรีด พบวาเปนศัตรูธรรมชาติที่คอยทําลายไขหนอนกอขาวและตัวออนของ
เพลี้ยชนิดตาง ๆ ในนาขาว ไดแกตั๊กแตนหนวดยาว Conocephalus longipennis และจิ้งหรีดหนวดยาว
Metioche yittaticollis

ตั๊กแตนหนวดยาว จิ้งหรีด

การรูจักชนิดของศัตรูธรรมชาติและปลอยใหศัตรูธรรมชาติชวยกําจัดแมลงศัตรูขาวเปนวิธีหนึ่งที่
ชวยลดตน ทุนการผลิต ทําใหสภาพแวดลอมคงสภาพเดิมมากที่สุดเปนการรักษาผลผลิตไมใหเสียไป
ผลผลิตขาวที่ได ก็ไมมีสารพิษตกคาง และที่สําคัญทีส่ ดุ คือชวยอนุรกั ษสง่ิ มีชวี ติ ทีม่ ปี ระโยชนในนาขาว
ตามธรรมชาติ ไดมากขึน้ รวมทัง้ มีผลดีตอ สุขภาพรางกายของเกษตรกรผูท ํานาซึง่ นับวามีความสําคัญ
มากที่สุด

ศัตรูขาวที่สําคัญ

เพลี้ยไฟ เพลี้ยจั๊กจัน่ สีเขียว เพลีย้ จัก๊ จั่นปกลายหยัก

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 8

เพลี้ยกระโดดหลังขาว เพลีย้ กระโดดสีนาตาลป


ํ้ กยาว ไขเพลีย้ กระโดดสีน้ําตาล

เพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้
หนอนหอใบ หนอนหอใบ
ปกสั้น

หนอนกอ

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 9

ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูขา ว
ตามปกติในนาขาวมีศัตรูธรรมชาติที่คอยกินและทําลายแมลงศัตรูขาวอยูมาก ไดแก ตัวหํ้า
ตัวเบียน และเชื่อโรคทําใหแมลงศัตรูขา วมีปริมาณตํ่า และไมทาความเสี
ํ ยหายใหกับขาว
1. ตัวหํา้ แมลงหรือสัตวอน่ื ทีก่ นิ แมลงศัตรูขา วไดแก

1.1 มวนดูดไข ตัวเต็มวัยสีเขียว หัวและอกสีดาํ ลําตัวยาว 2.5-3.3 มม. กินไขและตัวออนของเพลีย้


กระโดดและเพลี้ยจั๊กจั่น 7-10 ฟอง หรือ 1-5 ตัวตอวัน

1.2 ดวยเตาสีสม ดวงเตาลายหยัก ดวงเตาสายสมอ ทัง้ ตัวออน และตัวเต็มวัยเปนตัวหํา้ กินไข


ตัวออน และตัวเต็มวัยของเพลีย้ กระโดด เพลี้ยจั๊กจั่น และเพลี้ยอื่น ๆ 5-10 ฟอง ตอตัวตอวัน

ดวงเตาสีสม ตัวออนของดวงเตา

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 10

1.3 แมงมุม แมงมุมหมาปา แมงมุมเขีย้ วยาว กินเพลี้ยกระโดด เพลี้ยจั๊กจั่น หนอนหอใบ-มวนใบขาว


หนอนปลอก หนอนแมลงวัน ขาว 5-15 ตัวตอวัน และ 2-3 ตัวตอวัน ตามลําดับ

1.4 มวนจิงโจนํา้ ตัวดําเปนมัน ลําตัวยาว 1.5 มม. อยูเ ปนกลุม ตามผิวนําหรื


้ อโคนตนขาว กินเพลีย้
กระโดดและเพลี้ยจั๊กจั่น 4-7 ตัวตอวัน

1.5 ดวงดิน ทั้งตัวออนและตัวเต็มวัยกินเพลีย้ กระโดด และหนอนหอใบขาว 3-5 ตัวตอวัน

1.6 แมลงปอเข็ม ตั วออนแมลงปอเข็มจะคอยจับตัว


ออนเพลี้ยกระโดดกิน อยูบ ริเวณโคนกอขาว ตัวเต็ม
วั ย ชอบบิ น วนอยู  บ ริ เ วณร มใบข าวคอยจั บ ผี เสื้ อ
หนอนหอใบขาว และผีเสือ้ หนอนศัตรูขา วอืน่ กิน

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 11

2. ตัวเบียน แมลงหรือสัตวอื่นที่เกาะอาศัยกินอยูภายในหรือภายนอกลําตัวของแมลงศัตรูขา ว ไดแก

2.1แตนเบียนอะนากรัส ตัวเล็กมาก ยาว 0.8 มม. ตัวสีสมแดง เปนตัวเบียนทําลายไขของ


เพลี้ยกระโดดและเพลี้ยจีกจั่น 15-30 ฟองตอวัน ไขเพลี้ยกระโดดและเพลี้ยจั๊กจั่น 15-30 ฟองตอ
วัน ไขเพลี้ยกระโดดและเพลี้ยจั๊กจั่นที่ถูกทําลายแลวจะเปลีย่ นสีเปนสีสม แดง

2.2เชื้อรา ไดแก เชือ้ ราขาว ราเขียว ราเฮอรซเุ ทลลา ทําลายเพลี้ยกระโดดและเพลี้ยจั๊กจั่น

ศัตรูธรรมชาติเปนสิง่ มีชวี ติ ทีม่ ปี ระโยชน


เกษตรกรตองชวยกันอนุรกั ษศตั รูธรรมชาติไวควบคุมแมลงศัตรูขา ว โดยการปฏิบตั ดิ งั นี้
1. ใชพันธุต า นทานในแหลงทีม่ ศี ตั รูขา วระบาด
2. เก็บรักษาตนพืชทีอ่ ยูบ นคันนาไวบา ง เพื่อใหเปนทีอ่ ยูอ าศัยและอาหารของตัวหําและตั
้ วเบียน
3. ไมเผาตอซังหลังเก็บเกีย่ ว
4. ปลูกพืชหมุนเวียนหลังเก็บเกี่ยว
5. เลือกใชสารเคมีทม่ี คี วามเฉพาะเจาะจงตอชนิด
ของศัตรูขา ว เมือ่ ศัตรูขา วมีปริมาณถึงระดับทีจ่ ะทําความ
เสี ย หายเท า นั้ น โดยพิจารณาจากการวิเคราะหระบบ
นิเวศนวิทยาและสมดุลของศัตรูพชื และศัตรูธรรมชาติ

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 12

ภาคผนวก
พันธุข า วตานทานแมลงศัตรูขา วบางชนิด >เพลีย้ กระโดดสีนาตาล,
้ํ ปูนา

พันธุ ชนิดขาว แหลงปลูกและฤดูปลูก ตานทานแมลงศัตรู


กข 2 เหนียว ทุกภาคนาป, ปรัง เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
กข 3 เจา ทุกภาคนาป, ปรัง เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
กข 4 เหนียว ทุกภาคนาป, ปรัง แมลงบั่ว, เพลี้ยกระโดดสีนาตาล ํ้
กข 9 เจา ทุกภาค นาป, ปรัง เพลี้ยกระโดดสีนาตาล, ํ้ แมลงบั่ว และ
คอนขางตานทานเพลีย้ จั๊กจัน่ สีเขียว
กข 23 เจา ทุกภาคนาป, ปรัง เพลี้ยกระโดดสีนาตาล ํ้
กข 25 เจา ทุกภาคนาป, ปรัง เพลีย้ กระโดดสีน้าตาล ํ และตานทาน
หนอนกอ ปานกลาง
เหมยนอง 62 เอ็ม เหนียว ภาคเหนือ นาป แมลงบัว่
นําสะกุ
้ ย 19 เจา ตะวันออกเฉียงเหนือ นาป เพลีย้ จั๊กจั่นสีเขียวและคอนขางตานทาน
เพลี้ยกระโดดสีนาตาล ํ้
เการวง 88 เจา ภาคกลาง นาป เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
ขาวตาแหง 17 เจา ภาคกลาง นาป ตานทานแมลงบั่วปานกลาง
พวงไร 2 เจา ภาคใต นาป เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
กูเ มืองหลวง เจา ภาคใต นาป เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
ชุมแพ 60 เจา ตะวันออกเฉียงเหนือ
(นานําฝน)

พิษณุโลก 60-1 ภาคกลาง นาป แมลงบัว่
สุพรรณบุรี 90 เจา ภาคกลางนาป, ปรัง เพลี้ยกระโดดสีนาตาล,
ํ้ เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
สุพรรณบุรี 2 เจา ภาคกลาง, ตะวันออกและตก เพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้
นาป, นาปรัง
(เขตชลประทาน)

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 13

พันธุขา วตานทานโรคขาวบางชนิด
พันธุ ชนิดขาว, ฤดูปลูก ตานทานโรคขาวไดดี
สุพรรณบุรี 2 เจา, นาป-ปรัง ไหม, ขอบใบแหง, จู
สุพรรณบุรี 90 เจา, นาป-ปรัง ไหม, ขอบใบแหง
พัทลุง 60 เจา, นานําฝน
้ ขอบใบแหง
นํารู
้ เจา, ขาวไร เมล็ดตาง
กข 2 เหนียว, นาป-ปรัง (กลายพันธุเ ปนขาวเจาได)
ใบจุดสีนาตาล
้ํ
กข 7 เจา, นาป-ปรัง ขอบใบแหง
กข 9 เจา, นาป-ปรัง ตานทานโรคจูดีกวาทุกพันธุ
กข 21 เจา, นาป-ปรัง จู, ขอบใบแหง
กข 23 เจา, นาป-ปรัง จู, ขอบใบแหง
กข 25 เจา, นาป-ปรัง จู, ขอบใบแหง
กข 27 เจา, นาป จู
หันตรา 60 เจา, นาป ไหม
นางฉลอง เหนียว, นาป (ขาวฟางลอย) ไหม

การทดลองใชพชื สมุนไพรในนาขาว
พืชสมุนไพรทีใ่ ชในนาขาวเปนสารทีม่ ฤี ทธิใ์ นการดูดซึมจากทีไ่ ดมรี ายงานไว ซึ่งมีความเหมาะสม
ที่จะใชในนาขาวไดแก
สะเดา มีสารออกฤทธิ์ที่ถูกทําลายงายโดยแสงแดด (ใชสวนของเมล็ด) ปองกันกําจัด เพลี้ย
กระโดดสีนาตาล,
้ํ หนอนกอ,หนอนกระทู, หนอนมวนใบ โดยฉีดพนในตอนเชาตรูห รือตอนเย็น
บอระเพ็ด มีสารออกฤทธิป์ ระเภทดูดซึมทีอ่ อกฤทธิม์ ากขึน้ เมือ่ ถูกแสงแดด ใชควบคุมหนอนกอ,
หนอนกระทู และเพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว
สูตรใบสะเดา, ขาและตะไครหอม ใชควบคุมหนอนมวนใบ, เพลี้ยกระโดดสีนาตาลและเพลี ํ้ ้ยจั๊ก
จั่นสีเขียว ควรฉีดพนในตอนเชาตรูห รือเย็น

การทดลองในพื้นที่แปลงนาของเกษตรกร
การทดลอง 1 หวานบอระเพ็ด
การทดลอง 2 หวานบอระเพ็ด และพนใบสะเดา, ขา และตะไครหอม (สูตร 1)
การทดลอง 3 หวานเมล็ดสะเดา
การทดลอง 4 หวานเมล็ดสะเดา และพนใบสะเดา, ขา และตะไครหอม (สูตร1)
การทดลอง 5 พนใบสะเดา, ขา และตะไครหอม (สูตร 2)
การทดลอง 6 ควบคุม (ไมใชอะไรเลย)

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 14

วิธีการและอัตราการใช
วิธีหวาน บอระเพ็ดและเมล็ดสะเดา หวานครัง้ แรก หลังจากหวานขาวได 7 วันและอีกครัง้
เมื่อขาวอายุ 60 วัน
อัตราการใช บอระเพ็ด 10 กิโลกรัม/ไร สับเปนชิน
้ เล็ก ๆ หวานทั่วแปลง เมล็ดสะเดา
6 กิโลกรัม/ไร บดใหละเอียดหวานทั่วแปลง
วิธีพน ใบสะเดา ขา และตะไครหอม พนครัง้ แรกเมือ่ ขาวอายุ 15 วัน และพนอีกทุกๆ 14 วัน
จนขาวอายุ 60 วัน
อัตราการใช
สูตร 1 ใบสะเดา 1 กก. ขา 1 กก.ตะไครหอม 1 กก. นํ้า 10 ลิตร
สูตร 2 ใบสะเดา 2 กก. ขา 1 กก.ตะไครหอม 1 กก. นํ้า 10 ลิตร
โดยนําสวนผสมดังกลาวบดใหละเอียด แชนํ้าไว 1 คืน แลวกรองเอากากออก นํานําที
้ ไ่ ดผสมนํา้
200 ลิตรฉีดพนการทดลองนี้ ทําการตรวจนับแมลงกอนการพนสารสมุนไพร 1 วัน และหลังการพน
2 วัน ทําการตรวจนับ 6ครัง้ ครั้งแรกเมื่อขาวอายุ 27 วัน

ผลการทดลอง
การทดลอง ใชสมุนไพร ผลผลิต (กก./ไร)
1 หวานบอระเพ็ด 894
2 หวานบอระเพ็ดและพนใบสะเดา, ขา, ตะไครหอม (สูตร 1) 909
3 หวานเมล็ดสะเดา 851
4 หวานเมล็ดสะเดา และพนใบสะเดา, ขา, ตะไครหอม (สูตร 1) 868
5 หวานใบสะเดา, ขา, ตะไครหอม (สูตร 2) 727
6 ไมไดใชอะไรเลย 771

1. การทดลองที่ 2 ที่ใชหวานบอระเพ็ดและพนใบสะเดา-ขา-ตะไคหอม (สูตร 1) ใหผลผลิตขาว


สูงสุด ใกลเคียงกับการหวานบอระเพ็ดเพียงอยางเดียว
2. จํานวนเพลีย้ กระโดดสีนาตาล ้ํ (ตรวจนับ 6 ครัง้ ) ของการทดลองที่ 2 มีจานวนน
ํ อยทีส่ ดุ และ
การทดลองใชสมุนไพรตางๆ (การทดลองที่ 1, 2, 3, 4, 5) นับจํานวนเพลีย้ กระโดดสีนาตาลได ้ํ นอ ย
กวา การทดลองทีไ่ มใชอะไรเลย (การทดลองที่ 6)
3. การระบาดของโรคใบจุดสีนาตาล ํ้ (ตรวจนับ 6 ครัง้ ) ของการทดลองที่ 2 มีการระบาดนอยทีส่ ดุ
และการทดลองที่ 1, 3,4, 5 มีการระบาดนอยกวาการทดลองทีไ่ มใชอะไรเลย
4. จํานวนเพลีย้ จัก๊ จัน่ สีเขียว (ตรวจนับ 6 ครัง้ ) ของการทดลองที่ 1 มีจานวนน
ํ อยทีส่ ดุ และ
การทดลองที่ 2, 4, 5 นับจํานวน เพลีย้ จั๊กจั่นสีเขียวไดนอ ยกวาการทดลองทีไ่ มใชอะไรเลย

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 15

สรุปผลการทดลอง
สารสกัดจากใบสะเดา, ขา และตะไครหอมจะออก
ฤทธิ์กับแมลงใหเห็นหลังจากการใชไปแลว 2-3 วัน และ
สามารถฆาเพลี้ยกระโดดสีนํ้าตาลในระยะตัวออนไดอยาง
เห็นไดชัด
การใชพืชสมุนไพรในการควบคุมโรคและแมลงศัตรู
ขาว ใหไดผลควรจะตองมีการใชหลายวิธคี วบคูก นั ไป เชน
การใชวิธีหวานควบคูกับวิธีพน เปนตน นอกจากนี้ ควร
เพิ่มจํานวนครัง้ ในการฉีดพนใหถม่ี ากขึน้ จากทุก 2 สัปดาห เปน 1 สัปดาห) เมือ่ ขาวอายุมาก
ขึน้ และตามชวงของการระบาดทีร่ นุ แรงของแมลงจึงจะสามารถ ควบคุมแมลงศัตรูขา วไดอยางไดผล
แตถาแมลงศัตรูขาวระบาดรุนแรงเพื่อปองกันไมใหผลผลิตเสียหาย ควรใชสารฆาแมลง เพราะจะออก
ฤทธิ์ในเวลาอันรวดเร็ว

การปองกันกําจัดเพลี้ยกระโดดสีนํ้าตาลในนาขาวโดยวิธผี สาน
การแกปญหาเพลี้ยกระโดดสีนํ้ าตาลที่เกษตรกรปฏิบัติกันอยูโดยใชสารฆาแมลงเพียงวิธีเดียว
นอกจากเสียคาใชจา ยสูงและเปนอันตรายตอผูใ ชและสิง่ แวดลอมแลว ยังกอใหเกิดปญหาอื่น ๆ ตามมา
การปองกันกําจัดที่ถูกตองก็คือ ใชวธิ ปี อ งกันกําจัดแบบผสาน โดยกําหนดขัน้ ตอนการปฏิบตั ทิ ถ่ี กู ตอง
เหมาะสม กลาวคือ
1. ในแหลงปลูกขาวเดียวกัน ชาวนาควรปลูกขาวพรอม ๆ กัน
2. พันธุขาวที่ปลูกควรเปนพันธุตานทานตอเพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้ เชน กข 23, สุพรรณบุรี 90,
สุพรรณบุรี 2 แตไมควรใชพันธุเดียว เพราะแมลงอาจปรับตัวทําลายขาวพันธุต า นทานนัน้ ไดในเวลา
ตอมา
3. ใสปุยใหพอเหมาะตามคําแนะนําของทางราชการ
4. หลังปลูกขาวแลว ชาวนาควรหมัน่ ลงไปสํารวจตรวจนับแมลงศัตรูขา วในนาอยางสมําเสมอ ่
ทุก 3-5 วัน โดยสุม ตรวจกอขาว 10 กอ หรือ 10 กลุม (ขาว 1 กลุม = ตนขาวทีอ่ ยูช ดิ กัน 10 ตนใน
นาหวานนําตม)
้ ตอพื้นที่ 1 ไร การตรวจแตละแปลง สามารถเปนตัวแทนพืน้ ทีแ่ ละขาวพันธุเ ดียวกันได
5-10 ไร เมื่อตรวจพบวามีเพลี้ย กระโดดสีนาตาลในนามากถึ
้ํ งขัน้ ตองใชสารฆาแมลงก็ใชสารฆาแมลง
ตามชนิดและอัตราทีท่ างกรมวิชาการ เกษตรแนะนะ
5. เมื่อการระบาดของเพลีย้ กระโดดสีนาตาลลดความรุ
้ํ นแรงลง ถาพบแมงมุมหรือมวนเขียวดูด
ไขซึ่งเปน ศัตรูธรรมชาติทส่ี าคั
ํ ญของเพลีย้ กระโดดสีนาตาลในปริ
้ํ มาณมาก ควรชะลอการใชสารฆาแมลง
เพื่ออนุรักษศัตรู ธรรมชาติเหลานีไ้ วชว ยในการควบคุมปริมาณเพลีย้ กระโดดสีนาตาล้ํ ในธรรมชาติตอ
ไป
6. ในสภาพทีม่ กี ารระบาดของเพลีย้ กระโดดสีนาตาลรุ ้ํ นแรงมาก ควรงดปลูกขาวในฤดูนาปรัง
หรือปลูกพืช อื่นทดแทนทัง้ นีเ้ พือ่ เปนการตัดวงจรชีวติ ของแมลงทําใหการระบาดลดความรุนแรงลงได

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 16

สารสกัดจากสะเดา, ขา, ตะไครหอมจะออกฤทธิ์


กับเพลีย้ กระโดดสีน้ําตาลภายใน 2-3 วัน

เกษตรกรรมธรรมชาติดัดแปลงเพื่อควบคุมเพลี้ยกระโดดสีนาตาล
ํ้
เกษตรธรรม ชาติมีหลักการใชธรรมชาติของสิง่ มีชวี ติ ตางชนิดควบคุมกันเอง ใหแตละอยางปรับตัว
ลงไปสุส มดุล คือพอเหมาะพอดีโดยการหลีกเลีย่ งการใชสารเคมีทจ่ี ะฆาแมลงแบบครอบจักรวาล ที่จริง
ในนาขาวของไทยขณะนีจ้ ะรอแมงมุม แมลงปอ เชือ้ รา มาคุมเพลี้ยใหหยุดการทําลายขาว ผลผลิตอาจจะ
เสียหายรุนแรงมาก

เพลี้ยกระโดดสีนํ้าตาล มีนิสัยชอบเกาะอาศัยอยูบริเวณโคนตนขาวเหนือระดับนํ้าเพียงเลกนอย
เปนจุดเดนทีพ่ น สารกําจัดแมลงลงไปไมคอ ยถึง แตเปนจุดออนของแมลงถามีปลากินแมลงจูโ จมมาจาก
ในนําทั
้ ง้ จากปลาเสือและปลาตะเพียน

ปลาเสือ มีเหลือนอยแลวในธรรมชาติของไทย ถามีอยูใ นนาทีร่ ะดับนําสู


้ งพอใหออกไปหากินใน
ทองนาไดสะดวก ปลาเสือจะใชวิธีเล็งที่เพลี้ยแลวพน หรือยิงนํ้าใหถกู ตัวเพลีย้ ตกลงในนํ้าแลวตอดกิน
ปลาเสือหลายตัวอาจรวมเล็งพนนํา้ เพลี้ยตัวเดียวกัน แลวพนนําขึ
้ น้ ไปพรอม ๆ กันเหมือนมีภาษารูน ดั
แนะกันได

ทีห่ ามาเลีย้ งไดงา ยกวา คือ ปลาตะเพียน ปลาชนิดนีช้ ว ยกินหญาจอก แหน วัชพืชนํามิ
้ ใหนารกเกิน
ไป แลวยังชวยกินเพลี้ยโดยไปเล็งอยูใตนาํ้ แลวกระโดดขึน้ งับกินเพลีย้ แถวโคนตนได การเสริมการควบ
คุมแมลง โดยใชปลาตะเพียนยังทําไดโดยทําบอปลาเล็ก ๆ บริเวณหัวมุมนา ติดไฟแบล็คไลทที่จุดนี้จะ
ชวยลอแมลง ทีบ่ นิ ไดใหมาเลนไฟแลวตกลงในนํา้ ซึ่งปลาตะเพียนก็จะกินแมลงเปนอาหารควรทําตัง้ แต
แมลงมีนอยยังไมทัน ระบาด ดีกวาระบาดแลวเริม่ เลีย้ งปลาในนา จะไมทนั ตอเหตุการณ

หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ


การปองกันกําจัดศัตรูขาวโดยวิธีผสาน 17

ตัวอยางที่ประสบความสําเร็จ
ป 2531 มีการระบาดของเพลีย้ กระโดดสีนาตาล ้ํ ชาวนาเพือ่ นบานใชสารเคมีปราบกันทัว่ แตนา
ของ คําเดือ่ ง ภาษี เกษตรกรบานดอนแขวง ต.ดอนมนต อ.สตึก จ.บุรรี มั ย ไมไดใชสารเคมีใด ๆ
เพลี้ยกระโดดสีนาตาลจึ
้ํ งมาลงทีน่ าของ คําเดือ่ ง จํานวนมากแตปรากฏวาเกิดมีแมงมุมเขามาชักใยในนา
ของเขาเต็มไปหมด เพลีย้ กระโดดสีน้าตาลจะถู
ํ กแมงมุมจับกินไปจํานวนมาก ภายหลังทัง้ แมงมุมและ
เพลี้ยกระโดดสีนาตาลก็
้ํ ลดจํานวนลง โดยกลไกตามธรรมชาติ

การเลีย้ งปลาในนาขาวรูปแบบหนึ่งของระบบการเกษตร
แบบผสมผสานเพือ่ ควบคุมเพลีย้ กระโดดสีน้ําตาลไดอีกทางหนึ่ง

หน
จัดทํากาเอกสารอิ
อนนี้ เล็กทรอนิกสโดยหน
: สําานั
ถัดกไปสงเสริมและฝกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร สารบัญ

You might also like