Professional Documents
Culture Documents
36 กลศึกสามก๊ก (Thirty-Six Stratagems)
36 กลศึกสามก๊ก (Thirty-Six Stratagems)
36 กลศึกสามก๊ก (Thirty-Six Stratagems of Three Kingdoms , 三十六计) เป็ นการรวบรวมกลยุทธ์และกลอุบายต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำศึกสงคราม จำนวน
36 กลยุทธ์ โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ปรากฏในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่อง สามก๊ก
การวางแผน การศึกในเชิงรบระหว่างทัพ แม่ทัพ อัศวิน ผู้นำศึก ต้องมีความรู้ความสามารถ มีภูมิปัญญาอันเป็ นเลิศ มีความมั่นใจในตนเอง มีความเมตตา ความเด็ด
เดี่ยวแน่วแน่และความกล้าหาญชาญชัย รักไพร่พลของตนรวมทั้งมีการแม่นยำในสภาพภูมิศาสตร์ รู้สภาพดินฟ้าอากาศ ธรรมชาติและฤดูกาลต่าง ๆ อันส่งผลให้เกิด
ขอบเขตขีดจำกัดในการทำศึก ดั่งคำกล่าวของ จูกัดเหลียง ขงเบ้ง ที่ว่า
การวางแผน การศึก ในเชิงรบระหว่างทัพเรือ แม่ทัพผู้นำศึกต้องมีความรู้ความสามารถ มีภูมิปัญญาอันเป็ นเลิศ มีความมั่นใจในตนเอง มีความเมตตา ความเด็ด
เดี่ยวแน่วแน่และความกล้าหาญชาญชัย รักไพร่พลของตนรวมทั้งมีการแม่นยำในสภาพภูมิศาสตร์ ชำนาญในการเดินเรือ รู้สภาพดินฟ้าอากาศ โขดหินและร่องน้ำตาม
ธรรมชาติ รวมทั้งรู้จักฤดูกาลต่าง ๆ อันส่งผลให้เกิดขอบเขตขีดจำกัดในการทำศึก
ขงเบ้ง จิวยี่ สุมาอี้ ตันฮก ลิบอง ลกซุน ตั๋งโต๊ะ โจโฉ กุยแกและบุคคลอื่นอีกมากมาย ล้วนแต่ชำนาญกลศึกและตำราพิชัยสงครามในการทำศึก
36 กลศึกสามก๊ก
กลยุทธ์ชนะศึก (Winning Stratagems)
กลยุทธ์เผชิญศึก (Enemy Dealing Stratagems)
กลยุทธ์เข้าตี (Attacking Stratagems)
กลยุทธ์ติดพัน (Chaos Stratagems)
กลยุทธ์ร่วมรบ (Proximate Stratagems)
กลยุทธ์ยามพ่าย (Defeat Stratagems)
กลยุทธ์ปิ ดฟ้ าข้ามทะเล หรือ หมานเทียนกว้อไห่ (Deceive the heavens to cross the ocean, 瞒天过海) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่คิดหรือ
มองข้ามสิ่งใด ๆ ก็ตามที่คิดว่าตนเองนั้นได้ตระเตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว ก็มักจะมีความประมาทมองข้ามศัตรูไปอย่างง่ายดาย พบเห็นสิ่งใดที่มองเห็นเสมอในยาม
ปกติ ก็ไม่เกิดความติดใจสงสัยในสิ่งนั้น เกิดความชะล่าใจในตนเอง การบุกเข้าโจมตีศัตรูโดยที่ศัตรูไม่รู้ตัวนับว่าเป็ นการได้ชัยชนะมาแล้วครึ่งหนึ่ง สามารถเอาชนะได้
อย่างง่ายดาย การปกปิดอำพรางซ่อนเร้น จึงเป็ นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดในการทำศึกสงคราม ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 2 ล้อมเวยช่วยจ้าว
กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว หรือ เหวยเวยจิ้วจ้าว (Besiege Wèi to rescue Zhào, 围魏救赵) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่ศัตรูรวบรวมกำลังทหารและ
ไพร่พลไว้เป็ นจุดศูนย์กลางของกองทัพ ทำให้มีกำลังและความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ควรที่จะใช้กลยุทธ์ในการดึงแยกศัตรูให้แตกออกจากกัน เพื่อให้กำลัง
ไพร่พลทหารกระจัดกระจาย คอยเฝ้าระวังและมีความห่วงหน้าพะวงหลังในการทำศึกสงครามแล้วจึงบุกเข้าโจมตี ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าวไปใช้ได้
แก่
กลยุทธ์ที่ 3 ยืมดาบฆ่าคน
จิวยี่ยืมดาบฆ่าคน
กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน หรือ เจี้ยเตาซาเหริน (Kill with a borrowed knife, 借刀杀人) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการกำจัดศัตรูที่มีความเข้มแข็งและ
แข็งแกร่งในศึกสงคราม ไม่จำเป็ นที่จะต้องลงมือจัดการด้วยตนเอง พึงยืมกำลังและไพร่พลทหารของผู้อื่นเป็ นฝ่ ายกำจัดศัตรูโดยไม่ต้องออกแรง เพื่อเป็ นการรักษา
กำลังและไพร่พลทหารของตนเองไว้สำหรับการศึกอื่น ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนไปใช้ได้แก่
จิวยี่ ที่หลอกให้ โจโฉ ฆ่า ซัวมอ และ เตียวอุ๋น แม่ทัพเรือของตนเองในคราวศึกเซ็กเพ็ก จนทำให้ เรือรบ ถูกเผาพ่ายแพ้ย่อยยับ
โจโฉ คิดยืมดาบฆ่าคน เล่าเปียว มีแผนเหนือกว่า
โจโฉ วางแผนจับ ลิโป้ เล่าปี่ ยืมดาบ โจโฉ ฆ่า ลิโป้
กลยุทธ์ที่ 4 รอซ้ำยามเปลี้ย
กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย หรือ อี่อี้ไต้เหลา (Substitute leisure for labour, 以逸待劳) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่ศัตรูยังคงมีความเข้มแข็ง กำลัง
ไพร่พลทหารยังคงแข็งแกร่งยากจะต่อสู้ก็ไม่ควรจะเข้าปะทะโดยตรงด้วยกำลังที่มีอยู่ แต่ยามใดที่ศัตรูเกิดความอ่อนแอในกองทัพเมื่อใด ต้องรีบฉวยโอกาสบุกเข้า
โจมตีโดยเร็ว เพื่อเป็ นการข่มขวัญและป้องกันไม่ให้ศัตรูกลับมาแข็งแกร่งดั้งเดิม กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ยเป็ นการใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ให้ระยะเวลา
เป็ นการบั่นทอนกำลังและจิตใจของศัตรู ฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์จากเดิมที่กลายเป็ นรองหรือเสียเปรียบให้กลายเป็ นฝ่ ายได้เปรียบ ในสามก๊กยามเกิดศึกสงคราม
กองทัพทุกกองทัพต่างใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ยเพื่อหาโอกาสเหมาะในการบุกเข้าโจมตีศัตรูยามเพลี่ยงพล้ำอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์รอซ้ำยาม
เปลี้ยไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 5 ตีชิงตามไฟ
ตั๋งโต๊ะ ตีชิงตามไฟ
กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่ าตีประจิม หรือ เซิงตงจีซี (Make a sound in the east, then strike in the west, 声东击西) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการ
โจมตีศัตรู จะต้องเตรียมการและบุกโจมตีในจุดที่ศัตรูต่างคาดไม่ถึงเพื่อเป็ นการป้องกันไม่ให้ศัตรูวางแนวการตั้งรับได้ถูก โดยหลอกล่อศัตรูให้เกิดการหลงทิศกับการ
บุกโจมตีและนำกำลังทหารไปเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง เกิดการหละหลวมต่อกำลังทหารและเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ส่งเสียง
บูรพาฝ่ าตีประจิมไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 8 ลอบตีเฉินชาง
กลยุทธ์ลอบตีเฉินชาง หรือ อั้นตู้เฉินชาง (Openly repair the gallery roads, but sneak through the passage of Chencang, 暗渡陈仓) เป็ น
กลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้โอกาสที่ศัตรูตัดสินใจที่จะรักษาพื้นที่เขตแดนของตนไว้ และแสร้งทำเป็ นนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตีทางด้านหน้า แต่ลอบนำกำลัง
ทหารบุกเข้าโจมตีในพื้นที่เขตแดนที่ศัตรูไม่ทันคาดคิดและสนใจวางแนวกำลังป้องกัน ในการศึกสงครามการใช้กลวิธีการวกวนลอบเข้าโจมตีย่อมเป็ นฝ่ ายได้เปรียบ
สามารถบุกเข้าโจมตีศัตรูได้โดยที่ไม่ทันระวังตัวและเอาชนะมาเป็ นของตนได้โดยง่าย ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ลอบตีเฉินชางไปใช้ได้แก่
กุยแก ดูไฟชายฝั่งเข้าตีกิจิ๋ว
กลยุทธ์ดูไฟชายฝั่ง หรือ เก๋ออั้นกวนหว่อ (Watch the fires burning across the river, 隔岸观火) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้โอกาสที่ศัตรูเกิด
การแตกแยก วุ่นวายและปั่นป่ วนอย่างหนักภายในกองทัพ พึงรอจังหวะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ จับตาดูความเคลื่อนไหวของศัตรูทุกฝี ก้าว ถ้าศัตรูเกิดความ
ระแวงและใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันเอง เกิดการเข่นฆ่าแย่งชิงความเป็ นใหญ่ แนวโน้มความพินาศและวอดวายก็จะเกิดขึ้นภายในกองทัพ ในช่วงระยะเวลานี้มีความจำเป็ น
อย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของศัตรู เตรียมความพร้อมในกองทัพไว้ล่วงหน้า ช่วงชิงชัยชนะมาเป็ นของตนโดยใช้การเปลี่ยนแปลง
โดยฉับพลันของศัตรูให้เป็ นประโยชน์ ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ดูไฟชายฝั่งไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 10 ซ่อนดาบในรอยยิ้ม
ชีฮูหยิน สตรีผู้ซ่อนดาบในรอยยิ้ม
กลยุทธ์ที่ 11 หลี่ตายแทนถาว
อองเฮา ผู้ตายแทน
กลยุทธ์หลี่ตายแทนถาว หรือ หลี่ไต้เถาเจียง (Sacrifice the plum tree to preserve the peach tree, 李代桃僵) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้
ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เสียบเปรียบในศึกสงคราม ซึ่งไม่เป็ นผลดีแก่ตนเองและกองทัพ เกิดความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อที่จะแปรเปลี่ยนจาก
สถานการณ์ที่เป็ นฝ่ ายเสียเปรียบให้เป็ นการได้เปรียบ จำต้องยินยอมเสีย "มืด" เพื่อที่จะได้ประโยชน์จาก "สว่าง" ซึ่งหมายความถึงการจะได้ประโยชน์จากการเสีย
เปรียบในสถานการณ์ขับคัน จำต้องเสียสละส่วนหนึ่งส่วนใดของกองทัพหรือของตน เสียค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็ นการแลกเปลี่ยนกับชัยชนะในทุก ๆ ด้าน
ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์หลี่ตายแทนถาวไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 12 จูงแพะติดมือ
ขงเบ้งตีหญ้าให้งูตื่น
กลยุทธ์ตีหญ้าให้งูตื่น หรือ ต๋าเฉ่าจิงเสอ (Startle the snake by hitting the grass around it, 打草惊蛇) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่มีสิงใดพึง
สงสัย ผิดแผกไปจากเดิม ควรจักส่งคนไปทำการสอดแนมให้รู้ชัดแจ้งเพื่อเป็ นการกุมสภาพศัตรูเอาไว้ เมื่อได้ข่าวคราวศัตรูแล้วจึงนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตีให้พ่าย
แพ้ย่อยยับ เรียกว่า "สงสัยพึงแจ้ง สังเกตจึงเคลื่อน" คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "ใช้มรรควิธีเดิมกลับไปมา 7 วัน เมื่อละเอียดแล้วจึงเข้าใจสิ่งนั้นได้ หากศัตรูสงบนิ่งก็พึงสร้าง
สถานการณ์ให้ศัตรูเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดช่องโหว่ จากนั้นจึงหาโอกาสเอาชัย" ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ตีหญ้าให้งูตื่นไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 14 ยืมซากคืนชีพ
ขงเบ้งยืมซากคืนชีพ หลอกสุมาอี้
กลยุทธ์ยืมซากคืนชีพ หรือ เจี้ยซือหวนหุน (Borrow a corpse to resurrect the soul, 借尸还魂) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่ผู้ที่มีความสามารถ
และมีบทบาทในหน้าที่ต่าง ๆ จะใช้ความสามารถนั้นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างผลีผลามไม่ได้ ส่วนผู้ที่ไร้ซึ่งความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ ก็มักจะขอความช่วยเหลือ
อยู่เป็ นนิจ การที่ใช้ผู้ที่ไร้ซึ่งความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ มิใช่เป็ นการที่จะมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติ หากแต่เป็ นเพราะผู้ที่ไร้ซึ่งความสามารถต้องการความ
พึ่งพายามต้องการความช่วยเหลือ ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ยืมซากคืนชีพไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 15 ล่อเสือออกจากถ้ำ
กลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ หรือ เตี้ยวหู่หลีซาน (Entice the tiger to leave its mountain lair, 调虎离山) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่ใช้ภาพลวง
ที่จงใจสร้างขึ้นเพื่อหลอกล่อให้ศัตรูเกิดความประมาท ชะล่าใจในการทำศึกสงคราม ละทิ้งแนวฐานการป้องกันของกองทัพซึ่งเป็ นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ฉกฉวย
จังหวะและโอกาสที่ศัตรูเกิดความอ่อนแอหลงเชื่อในภาพลวงที่สร้างขึ้น นำกำลังบุกเข้าโจมตีหรือทำลายเสียให้สิ้นซากช่วงชิงชัยชนะมาเป็ นของตน ดั่งคำกล่าวว่า
"อันธรรมดาเสือเมื่ออยู่ในถ้ำย่อมอันตราย จะจับเสือได้ก็ต่อเมื่อล่อให้มาตกในหลุมพรางที่ดักไว้" ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 16 แสร้งปล่อยเพื่อจับ
ขงเบ้ง แสร้งปล่อย เบ้งเฮ็ก แล้วจับถึง 7 ครั้ง
กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ หรือ อวี้ฉินกู้จ้ง (In order to capture, one must let loose, 欲擒故纵) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้สติปัญญาในการ
วางแผน การจับเชลยศึกสงครามได้นั้นถ้าหากบีบคั้นจนเกินไปจนไม่สามารถรีดเอาความต่าง ๆ ได้ เปรียบประหนึ่ง "สุนัขที่จนตรอก ย่อมต่อสู้จนสุดชีวิต" การปล่อย
ศัตรูให้เป็ นฝ่ ายหลบหนีก็จักเป็ นการทำลายขวัญและกำลังใจ ความเหิมเกริมของศัตรูได้ การปล่อยศัตรูหลบหนีจะต้องนำกำลังไล่ติดตามอย่าลดละ เพื่อเป็ นการ
บั่นทอนกำลังทหารของศัตรูให้อ่อนแรง กะปลกกะเปลี้ยน ครั้นเมื่อหมดสิ้นเรี่ยวแรง มิได้มีใจคิดต่อสู้ด้วยก็จะยอมจำนนสวามิภักดิ์ เมื่อนั้นจึงจับเอาเป็ นเชลยได้โดย
ง่าย ซึ่งเป็ นการทำศึกสงครามที่ไม่เสียเลือดเนื้อและกำลังทหาร อีกทั้งยังเป็ นเหตุให้ศัตรูแตกพ่ายยับเยินไปเอง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับไป
ใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 17 โยนกระเบื้องล่อหยก
กลยุทธ์โยนกระเบื้องล่อหยก หรือ เพาจวนอิ่วอวี้ (Tossing out a brick to get a jade gem, 抛砖引玉) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้สิ่งใดที่มี
ความคล้ายคลึงกันในการหลอกล่อศัตรู ให้ศัตรูเกิดความสับสนและต้องกลอุบายแตกพ่ายไป การใช้กลยุทธ์โยนกระเบื้องล่อหยกนี้ เป็ นกลยุทธ์ที่กำหนดขึ้นตาม
สภาพรูปธรรมของศัตรู ในยามทำศึกสงครามเมื่อได้รบพุ่งกับศัตรู แม่ทัพหรือขุนศึกฝ่ ายตรงข้ามมีแต่ความโง่เง่า มิรู้จักการพลิกแพลงกลยุทธ์ในเชิงรบ จักหลอกล่อ
ด้วยผลประโยชน์ อำนาจวาสนา ถ้าศัตรูหลงในลาภยศต่าง ๆ มิรู้ผลร้าย ขาดการไตร่ตรองใคร่ครวญในกลอุบาย ก็สามารถลอบซุ่มทหารโจมตีเอาชนะมาเป็ นของตน
ได้โดยง่าย ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์โยนกระเบื้องล่อหยกไปใช้ได้แก่
จูกัดเหลียง ที่พึงพอใจฝี มือ เกียงอุย จึงอยากได้ตัวไว้ จึงยอมเสีย แฮหัวหลิม ซึ่งมีตำแหน่งเป็ นถึงบุตรเขยของ โจยอย เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งนายทหารที่มีสติ
ปัญญาเป็ นเลิศ
เตียวหุย โยนกระเบื้องที่อวนเทาก๋วน รบชนะ เตียวคับ ได้หยกงามมา
เตียวหุย โยนกระเบื้องล่อหยก เงียมหงัน ยอมสวามิภักดิ์ด้วย
กลยุทธ์ที่ 18 จับโจรเอาหัวโจก
สุมาอี้ ต้องกล จับโจรเอาหัวโจก
กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก หรือ ฉินเจ๋ยฉินหวาง (Defeat the enemy by capturing their chief, 擒贼擒王) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการทำศึก
สงคราม จักต้องบุกเข้าโจมตีศัตรูในจุดที่เป็ นจุดยุทธศาสตร์ของกองทัพ เพื่อสลายกำลังของศัตรูให้แตกกระจาย ศัตรูที่มีแม่ทัพฝี มือดีในการทำศึกสงครามย่อมเป็ น
ขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร การวางแผนใช้กลอุบายหลอกล่อเอาชนะแม่ทัพที่มีฝี มือในเชิงยุทธ์ที่เก่งกาจ จักให้ต้องกลอุบายที่สับสน หลอกล่อให้หลงทิศและ
ขจัดไปเสียให้พ้น เสมือน "มังกรสู้บนปฐพี ก็อับจนหมดหนทาง" ซึ่งเปรียบประหนึ่งดุจมังกรในท้องทะเล อาจหาญขึ้นมาต่อสู้กับศัตรูบนผืนแผ่นดิน ก็ย่อมได้รับความ
ปราชัยแก่ศัตรูได้โดยง่าย ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจกไปใช้ได้แก่
จูกัดเหลียง ที่มีความกริ่งเกรงต่อ สุมาอี้ ในการทำศึกสงครามกับวุยก๊กจึงวางกลอุบายขจัด สุมาอี้ ซึ่งเมื่อปราศจาก สุมาอี้ แล้ว จูกัดเหลียง ก็ไม่เกรงกลัวต่อ
ความยิ่งใหญ่ของ อาณาจักร วุยก๊กอีกต่อไป
โลซก วางแผนฆ่า กวนอู กวนอู ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึง
ม้าเฉียว ไล่จับ โจโฉ ที่ตงก๋วน โจโฉ ถอดเกราะตัดหนวดรอดไปได้
กลยุทธ์ถอนฟื นใต้กระทะ หรือ ฝูตี่โชวซิน (Remove the firewood under the cooking pot, 釜底抽薪) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการพิเคราะห์
เปรียบเทียบกำลังของศัตรูในการทำศึกสงคราม ถ้ากองทัพมีน้อยกว่าควรพึงหาทางบั่นทอนขวัญและกำลังใจ ความฮึกเหิมของศัตรูให้ลดน้อยถอยลง คัมภีร์อี้จิงกล่าว
ว่า "ดุจฟ้าอยู่เหนือน้ำ" โดยคำว่า "น้ำ" หมายถึงความแข็งแกร่ง คำว่า "ฟ้า" หมายถึงความอ่อนแอ เมื่อรวมกันแล้ว "ดุจฟ้าอยู่เหนือน้ำ" หมายความถึงความอ่อนชนะ
ความแข็ง คือการพึงใช้วิธีอ่อนพิชิตแข็ง ฉกฉวยจังหวะและโอกาสในการทำลายกองทัพส่วนหนึ่งของศัตรูให้แตกพ่ายย่อยยับในภายหลัง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์
ถอนฟืนใต้กระทะไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 20 กวนน้ำจับปลา
อ้วนเสี้ยว กวนน้ำจับปลาหลอก กองซุนจ้าน
กลยุทธ์กวนน้ำจับปลา หรือ หุนเสว่ยออวี๋ (Catch a fish while the water is disturbed, 混水摸鱼) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการรู้จักฉกฉวยจังหวะที่
ศัตรูเกิดความปั่นป่ วนภายในกองทัพให้เป็ นประโยชน์ แย่งยึดเอาผลประโยชน์นั้นมาเป็ นของตน นำกำลังทหารบุกเข้าโจมตีเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ การเอาชัยชนะจาก
ศัตรูโดยอาศัยความปั่นปวนภายในกองทัพ เป็ นดุจดั่งพายุฝนที่พัดกระหน่ำในยามค่ำคืน ภูมิประเทศที่ต่ำกว่าก็จักขังน้ำฝนไว้เป็ นแอ่ง ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อสัมผัส
กับไอเย็นและละอองฝนจักเข้าสู่ห้วงนิทรา การเฝ้าระวังเวรยามย่อมหละหลวม กองกำลังป้องแนวสำคัญย่อมเพิกเฉยต่อหน้าที่ ทำให้สามารถบุกเข้าโจมตียึดครองได้
โดยง่าย ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์กวนน้ำจับปลาไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 21 จักจั่นลอกคราบ
กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ หรือ จินฉานทวอเชี่ยว (Slough off the cicada's golden shell, 金蝉脱壳) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการรักษาไว้ซึ่งตาม
แบบแผนการจัดแนวรบในรูปแบบเดิม ให้แลดูสง่าและน่าเกรงขาม เป็ นการหลอกล่อไม่ให้ศัตรูเกิดความสงสัย ไม่กล้าผลีผลามนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตี เมื่อรักษา
แนวรบไว้เป็ นตั้งมั่นแล้วจึงแสร้งถอยทัพอย่างปกปิด เคลื่อนกำลังทหารให้หลบหลีกไป คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "เลี่ยงเพื่อสลายลวง" โดยคำว่า "เลี่ยง" หมายถึงการหลบ
หลีก คำว่า "ลวง" หมายถึงการทำให้เกิดความสับสนงงงวย เมื่อรวมกันแล้ว "เลี่ยงเพื่อสลายลวง" หมายความถึงการหลบหลีกโดยมิให้ผู้ใดล่วงรู้ ซึ่งนับว่าเป็ นกลยุทธ์
ในการถอยทัพโดยไม่เกิดความกระโตกกระตาก เพื่อให้บรรลุยังเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ หรือเป็ นการหลีกเลี่ยงความสูญเสียเลือดเนื้อหรือการปะทะที่อาจเกิดขึ้นใน
กองทัพ ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์จักจั่นลอกคราบไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 22 ปิ ดประตูจับโจร
ลิบอง ผู้ปิ ดประตูจับโจร
กลยุทธ์ปิ ดประตูจับโจร หรือ กวนเหมินจวอเจ๋ย (Shut the door to catch the thief, 关门捉贼) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่
มีความอ่อนแอแลด้วยจำนวนที่น้อยนิด พึงตีโอบล้อมแล้วบุกทำลายเสียให้สิ้นซาก เพื่อเป็ นการป้องกันไม่ให้เป็ นภัยต่อไปในภายหลัง คัมภีร์อี้จิ้งกล่าวว่า "ปล่อยมิเป็ น
คุณซึ่งติดพัน" โดยคำว่า "ปล่อย" หมายความถึงการแตกกระจายออกเป็ นกองเล็กกองน้อยของศัตรู พละกำลังย่อมอ่อนเปลี้ย ไร้สมรรถนะ เสียขวัญและกำลังใจใน
การต่อสู้ คำว่า "ติดพัน" หมายความถึงการติดตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละทั้งระยะทางใกล้หรือไกล ซึ่งคำว่า "มิเป็ นคุณติดพัน" ก็คือเมื่อแม้นศัตรูจะแตกออกเป็ นกองเล็ก
กองน้อย หากในการทำศึกสงครามแล้วปล่อยให้หลบหนีไปได้ด้วยเหตุอันใดก็ตาม แม้จะเป็ นเพียงกองเล็ก ๆ แต่อาจนำภัยหวนย้อนกลับมาสร้างความยุ่งยากได้ใน
ภายหลังจนต้องไล่ติดตามเพื่อทำลายเสีย เช่นนี้มิเป็ นประโยชน์ในการทำศึกสงคราม ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ปิดประตูจับโจรไปใช้ได้แก่
ลิบอง ที่วางกลอุบายดักจับ กวนอู และ กวนเป๋ ง ที่นำกำลังทหารหวนกลับมาตีเกงจิ๋วคืน หลังจาก กวนอู พลาดท่าเสียทีให้แก่ ซุนกวน
กวนอู ทดน้ำท่วมเจ็ดทัพ อิกิ๋ม แม่ทัพตกเป็ นเชลย
โจโฉ ปิดประตูเมืองแห้ฝื อ ลิโป้ สิ้นชื่อบนเชิงเทิน
กลยุทธ์ที่ 23 คบไกลตีใกล้
กลยุทธ์คบไกลตีใกล้ หรือ เหวี่ยนเจียวจิ้นกง (Befriend a distant state while attacking a neighbour, 远交近攻) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงเมื่อ
ถูกจำกัดโดยสภาพภูมิศาสตร์ ควรจักตีเอาศัตรูที่อยู่ในบริเวณใกล้ตัวจึงจะเป็ นประโยชน์ การบุกโจมตีศัตรูที่อยู่ห่างไกลออกไป จักกลายเป็ นผลร้ายแก่กองทัพ คัมภีร์อี้
จิงกล่าวว่า "เปลวไฟลอยขึ้น น้ำบึงไหลลง บุรุษจักร่วมกันเพราะความผิดแผก" หมายความถึงในการหยิบยื่นไมตรีเพื่อผูกมิตรสัมพันธ์นั้น แม้นความคิดเห็นแต่ละฝ่ าย
อาจไม่ตรงกัน ก็สามารถที่จะยุติความขัดแย้ง และสามารถที่จะจับมือร่วมกันทำศึกสงครามได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแม้ใกล้ไกล พึงมีน
โยบายที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็ นกลยุทธ์ที่ผูกมิตรกับแคว้นไกลเพื่อเอาชัยชนะต่อแคว้นใกล้อย่างหนึ่ง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์คบใกล้ตีไกลไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 24 ยืมทางพรางกล
จิวยี่ โดนยืมทางพรางกล
กลยุทธ์ยืมทางพรางกล หรือ เจี่ยเต้าฝากว๋อ (Obtain safe passage to conquer the State of Guo, 假道伐虢) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการทำศึก
สงคราม ประเทศเล็กที่ตั้งอยู่ในระหว่างประเทศใหญ่สองประเทศ เมื่อถูกศัตรูบีบบังคับให้ยอมแพ้ด้วยความจำใจ ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจ ถูกกดขี่ข่มเหงก็ควรจะ
ให้การช่วยเหลือโดยฉับพลัน เพื่อให้ประเทศเล็กที่ถูกข่มเหงรังแก มีความเชื่อถือต่อประเทศที่ยอมช่วยเหลือประเทศที่ตกอยู่ภายใต้ความยากลำบาก หากการช่วย
เหลือแต่เพียงการเจรจามิได้มีการกระทำที่แท้จริง ย่อมจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ที่เฝ้ารอคอยรับความช่วยเหลือ ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ยืมทางพรางกลไป
ใช้ได้แก่
เทียหยก ใช้อุบายลักขื่อเปลี่ยนเสา
กลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสา หรือ โทวเหลียงห้วนจวู้ (Replace the beams with rotten timbers, 偷梁换柱) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการต่อกำลังที่
ร่วมทำศึกด้วยหรือต่อศัตรู จักต้องหาหนทางเปลี่ยนแปลงการจัดเตรียมแนวรบของศัตรูอยู่เสมอ การถอดถอนเคลื่อนย้ายจุดยุทศาสตร์และกองกำลังสำคัญของศัตรู
ไป รอให้ศัตรูเกิดความอ่อนแอเสียขวัญและกำลังใจ ประสบกับความพ่ายแพ้ จึงฉกฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์ที่ศัตรูเกิดความย่ำแย่ให้เป็ นประโยชน์แก่ตน นำกำลัง
บุกเข้าโจมตียึดครองและควบคุมกองทัพของศัตรูไว้ภายใต้การบังคับบัญชาเพื่อประโยชน์ต่อไปในภายหน้า ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสาไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 26 ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว
สุมาอี้ ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว
กลยุทธ์ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว หรือ จวื่อซ่างม่าไหว (Point at the mulberry tree while cursing the locust tree, 指桑骂槐) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความ
หมายถึงเมื่อฝ่ ายที่มีความเข้มแข็งมากกว่า หรือแคว้นที่มีกองกำลังทหารภายใต้สังกัดมากมาย ข่มเหงรังแกแคว้นเล็กหรือผู้ที่มีกำลังทหารน้อยกว่า ควรที่จะใช้วิธีการ
ตักเตือนให้เกิดความเกรงกลัวและยำเกรง แม้นหากแสดงความเข้มแข็งให้ได้ประจักษ์ ก็จักได้รับความสนับสนุนจากผู้ที่อ่อนแอกว่า ถ้าหาญกล้าใช้ความรุนแรง ก็จัก
ได้รับความยอมรับนับถือจากผู้ที่อ่อนแอกว่า คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "แกร่งจึงต้อนรับ เสี่ยงจึงยอมสยบ นี่ถือหนทางปกครองแผ่นดินราษฏรจึงขึ้นต่อ" ตัวอย่างการนำเอา
กลยุทธ์ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหวไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 27 แสร้งทำบอแต่ไม่บ้า
กลยุทธ์แสร้งทำบอแต่ไม่บ้า หรือ เจี่ยชือปู้ เตียน (Feign madness but keep your balance, 假痴不癫) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการแสร้งยอมทำ
เป็ นโง่ มิเคลื่อนไหวอย่าอวดทำเป็ นสู่รู้ทำบุ่มบ่าม การอวดรู้ย่อมกลายเป็ นผลเสียแก่ตนเองได้ในภายหน้า คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "ดุจดั่งอสนีบาตหยุดฟาดฟัน" โดยคำว่า
"หยุด" หมายความถึง "อสนีบาตฤดูหนาวแฝงกายอยู่ใต้พื้นพสุธา จักแผดร้องก้องนภาคราฤดูใบไม้ผลิ" ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ที่มีสติปัญญามิพึงแสดงตัว แต่พึงเตรียม
การทั้งปวงอย่างลับ ๆ มิให้ผู้ใดล่วงรู้ ประหนึ่งคมดาบที่แอบซ่อนอยู่ภายในฝัก มิปรากฏให้ผู้ใดได้เห็น ครั้นเมื่อถึงเวลาอันสมควรก็จักคำรนคำรามเสมือนสายฟ้า ที่จะ
กระหน่ำพสุธาให้แตกสลายไป ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์แสร้งทำบอแต่ไม่บ้าไปใช้ได้แก่
อุยเอี๋ยน รอดเพราะกลขึ้นบ้านชักบันได
กลยุทธ์ขึ้นบ้านชักบันได หรือ ซ่างอูโชวที (Remove the ladder when the enemy has ascended to the roof, 上屋抽梯) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความ
หมายถึงการจงใจปกปิดซ่อนเร้นจุดอ่อนเพื่อมิให้ศัตรูมองเห็น สร้างเงื่อนไขและหลอกล่อให้ศัตรูเป็ นฝ่ ายบุกเข้าโจมตี แล้วตัดขาดส่วนหน้าที่คอยวางกำลังสมทบและ
ส่วนหลังที่วางกองกำลังไว้เป็ นกองหนุน ตีโอบศัตรูให้หลบหนีเข้าไปภายในกองทัพ เสมือนถุงที่อ้าปากไว้รับหรือวงล้อมหลุมพรางที่วางดักไว้ คัมภีร์อี้จิงกล่าวไว้ว่า
"เจอพิษ มิควรที่" การขบเปรียบประดุจการบดเคี้ยวกระดูกหรือเนื้อที่มีความเหนียว รังแต่จะทำให้ฟันเกิดการชำรุดเสียหาย หรือเสมือนดั่งมักได้ในสิ่งที่มิควรได้ฉันใด
ย่อมจักนำมาซึ่งความวิบัติฉันนั้น ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ชักบ้านขึ้นบันไดไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 29 ต้นไม้ผลิดอก
กลยุทธ์ต้นไม้ผลิดอก หรือ ซู่ซ่างไคฮวา (Deck the tree with false blossoms, 树上开花) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้แนวรบของพันธมิตร มาส
ร้างแนวรบป้องกันที่จะกลายเป็ นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ตนเอง แม้กองกำลังทหารจะเล็กน้อยก็สามารถทำให้แลดูเสมือนกองกำลังทหารที่ใหญ่โตได้ ดุจเดียวกับนก
อินทรีที่ผกผินบินอยู่ในอากาศ เมื่อกางปีกทั้งสองข้างออกก็ช่วยทำให้นกอินทรีแลดูมีท่วงท่าที่สง่าและน่าเกรงขราม เฉกเช่นเดียวกับต้นไม้ที่ไร้ซึ่งดอกแลผล เมื่อนำ
ดอกไม้มาเสียบติดไว้ทำให้ดูสวยงามขึ้น ผู้ที่ไม่ทันสังเกตก็จะไม่รู้ว่าดอกไม้ไม่ใช่ของจริง เป็ นเพียงการสร้างสิ่งบังหน้าเพื่อสบโอกาสในการเคลื่อนไหว ตัวอย่าง
การนำเอากลยุทธ์ต้นไม้ผลิดอกไปใช้ได้แก่
เตียนอุยตายเพราะกลสลับแขกเป็ นเจ้าบ้าน
กลยุทธ์สลับแขกเป็ นเจ้าบ้าน หรือ ฝ่ านเค่อเหวยจวู่ (Make the host and the guest exchange roles, 反客为主) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงเมื่อ
ฝ่ ายหนึ่งฝ่ ายใดเปิดช่องสบโอกาสให้สอดแทรก ควรสอดแทรกเพื่อกุมจุดสำคัญหรือหัวใจของอีกฝ่ ายไว้ คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "ค่อยผันสู่ชัยชนะ" โดยคำว่า "รุก"
หมายความถึง "สรรพสิ่งใดในใต้หล้า เคลื่อนอย่าใจร้อนจักเสีย สงบแต่คล้อยตามจักได้ ค่อย ๆ ผันไปช้า ๆ จักเป็ นคุณ เคลื่อนดังนี้จึงจะมีผล" โดย "ค่อยผันสู่ชัยชนะ"
หมายความถึงการตอกลิ่มเข้าไปในฝ่ ายตรงข้ามเพื่อยึดครองอำนาจการบังคับบัญชานั้น จักต้องค่อยเป็ นค่อยไปจึงจะบรรลุซึ่งชัยชนะ การใช้อารมณ์วู่ว่ามบุ่มบาม
ทำการใหญ่ไม่เป็ นผลดีในการทำศึกสงคราม นอกจากจะเป็ นการเปิดช่องโหว่ให้ศัตรูแล้ว ยังเสี่ยงต่อการพ่ายแพ้ในการศึกอีกด้วย ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์สลับแขก
เป็ นเจ้าบ้านไปใช้ได้แก่
กลสาวงาม เตียวเสี้ยน
อ้องอุ้น ที่วางกลอุบายทำลายความสัมพันธ์ของ ตั๋งโต๊ะและลิโป้ บุตรบุญธรรมด้วยการยก เตียวเสี้ยน ให้เป็ นภรรยา ทำให้ทั้งสองฝ่ ายผิดใจกันจนเป็ นเหตุให้ ลิ
โป้ ฆ่า ตั๋งโต๊ะ
กลยุทธ์ที่ 32 อุบายเมืองร้าง
อุบายเมืองร้าง หรือ คงเฉิงจี้ (The empty fort strategy, 空城计) เป็ นกลยุทธ์ที่หมายความถึงในยามศึกสงคราม หากกำลังทหารไพร่พลเกิดความอ่อนแอ
หรือมีกำลังน้อย ยิ่งจงใจแสดงให้ศัตรูเห็นว่าในการศึกมิได้มีการวางแนวป้องกัน ทำให้ศัตรูเกิดความฉงนสนเท่ห์ ไม่กล้าผลีผลามนำกำลังเข้าบุกโจมตี ในสถานการณ์
ที่ศัตรูมีกำลังมากกว่า การใช้กลยุทธ์ปิดเมืองเพื่อป้องกันกองทัพตนเองเป็ นการเลือกใช้กลยุทธ์ที่มีความพิสดารพันลึกเป็ นทวีคูณ คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "ท่ามกลางแข็ง
กันอ่อน" โดยคำว่า "แก้" ใช้ควบคู่กับคำว่า "พิสดาร ซ่อนพิสดาร" ซึ่งหมายความว่า ในขณะที่ศัตรูมีกองกำลังแข็งแรง หากแต่กองกำลังแลไพร่พลอ่อนแอให้จัดกำลัง
ทหารโดยใช้กลยุทธ์ "กลวงยิ่งทำกลวง" เพื่อเป็ นการแสดงให้เห็นถึงความพิสดารในกลศึกที่ศัตรูคาดการณ์ไม่ถึง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ปิดเมืองไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 33 ซ้อนแผนไส้ศึก
จิวยี่ ใช้กลยุทธ์ไส้ศึก
กลยุทธ์ซ้อนแผนไส้ศึก หรือ ฝ่ านเจี้ยนจี้ (Let the enemy's own spy sow discord in the enemy camp, 反间计) เป็ นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงเมื่อ
ศัตรูแสร้งวางกลอุบายหลอกล่อให้เกิดการแตกแยกภายในกองทัพ ขาดความไว้ใจ พึงซ้อนกลอุบายสร้างแผนลวงให้ศัตรูเกิดความแตกแยกร้าวฉาน ให้ศัตรูเกิดความ
ระแวงสงสัยซึ่งกันและกัน ใช้ประโยชน์จากความระแวงแล้วฉกฉวยโอกาสบุกเข้าโจมตีแย่งชัยชนะมาเป็ นของตน คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "มีผู้แฝงอยู่ภายใน ไม่เสียหายแก่
เรา" โดยคำว่า "ช่วย" หมายความถึงเมื่อมีการช่วยเหลือจากภายในของศัตรู ย่อมเป็ นประโยชน์ในการทำศึก จึงเป็ นการสร้างขวัญและกำลังใจในการบุกเข้าโจมตีศัตรู
ให้ย่อยยับสิ้นซาก ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ไส้ศึกไปใช้ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 34 ทนทุกข์กาย
ทุกข์กาย แบบ อุยกาย
กลยุทธ์ทนทุกข์กาย หรือ ขู่โร่วจี้ (Inflict injury on one's self to win the enemy's trust, 苦肉计) เป็ นกลยุทธ์ที่หมายความถึงโดยสามัญสำนึกของ
มนุษย์ทั่วไป ย่อมไม่มีผู้ใดยากทำร้ายตนเอง หากบาดเจ็บก็เชื่อว่าคงเกิดจากการถูกทำร้าย ถ้าหากแม้นสามารถทำเท็จให้กลายเป็ นจริง หลอกให้ศัตรูหลงเชื่อโดยไม่
ติดใจสงสัย กลอุบายย่อมจะสัมฤทธิ์ผล การแสร้งทำให้ศัตรูหลงเชื่อ ก็พึงเข้าใจในจุดอ่อนของศัตรู ทำเท็จให้จริงจัง ให้เชื่อจริงแท้ คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "อาศัยจุดอ่อน
แห่งจิต ลู่ตามจึงพิชิต" โดยคำว่า "ปิด" หมายความถึงการอาศัยความไร้เดียงสาของทารก หลอกล่อโดยโอนอ่อนผ่อนตามไป ก็จักลวงให้ศัตรูหลงเชื่อและบรรลุตาม
ความประสงค์ที่ตั้งไว้ ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ทุกข์กายไปใช้ได้แก่
อุยกาย ที่ยอมเสียสละร่างกายให้ จิวยี่ โบยหนึ่งร้อยที และแสร้งทำเป็ นยอมสวามิภักดิ์ต่อ โจโฉ เพื่อให้ จิวยี่และจูกัดเหลียง ใช้ไฟทำลายกองทัพเรือของโจโฉ
ในคราวศึก เซ็กเพ็ก
กลยุทธ์ที่ 35 ห่วงโซ่สงคราม
โจโฉ ใช้กลยุทธ์ลูกโซ่รบอ้วนเสี้ยว
กลยุทธ์ที่ 36 หนีคือยอดกลยุทธ์
ขงเบ้ง หนีเอาตัวรอดจาก จิวยี่
หนีคือยอดกลยุทธ์ หรือ โจ่วเหวยซ่าง (If everything else fails, retreat, 走为上) เป็ นกลยุทธ์ที่หมายความถึงเมื่อทำการศึกสงครามกับศัตรู หากศัตรูมี
กองกำลังทหารที่เข้มแข็ง มีกองทัพที่แข็งแกร่ง ชำนาญภูมิศาสตร์ อาจจะถอยร่นหลบหนีอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการปะทะและการเผชิญหน้า คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า
"ถอยหนีมิผิด เป็ นวิสัยแห่งสงคราม" ซึ่งเป็ นการชี้ชัดว่าการถอยหนีในการทำสงครามนั้น มิใช่ความผิดผลาด หากแต่เป็ นเรื่องธรรมดาสามัญในการทำศึก ที่มักจะ
พบเห็นเสมอ การถอยหนีเป็ นการถอยเพื่อหาหนทางหลีกเลี่ยงความเสียหาย แลหาโอกาสชิงตอบโต้ในภายหลัง มิใช่เป็ นการถอยหนีอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างการนำเอา
กลยุทธ์หลบหนีไปใช้ได้แก่
© 2022
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy
All rights reserved.