Professional Documents
Culture Documents
1518037TM คู่มือครูวิทยาศาสตร์ ป5 2 (211111)
1518037TM คู่มือครูวิทยาศาสตร์ ป5 2 (211111)
Teacher Script
วิทยาศาสตร์ ป. 5
และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปที่ 5
เล่ม 2
ตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด
กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ผูเรียบเรียงคูมือครู บรรณาธิการคูมือครู
นางสาวสุวิภา วงษแสง นายวันเฉลิม กลิ่นศรีสุข
นางสาวอภิญญา อินไรขิง นางสาวอัญชลี คําเหลือง
พิมพครั้งที่ 41
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 1548041
1448047
ค� ำ แนะน� ำ กำรใช้
คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 จัดท�าขึน้
ส�าหรับให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการประกันคุณภาพผู้เรียน
ตามนโยบายของส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.)
5
กระตุน ความสนใจ หน่วยการเรียนรู้ที่
ิ่ม
เพ คําอธิบายรายวิชา แสดงขอบขายเนื้อหาสาระของรายวิชา
1. ครูทักทายกับนักเรียน จากนั้นแจงจุดประสงค
การเรียนรูใหนักเรียนทราบ
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเปลีย่ นแปลง
ซึง่ ครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั ตามทีห่ ลักสูตร การเรียนรูที่ 5 การเปลี่ยนแปลง
3. ครูใหนักเรียนอานสาระสําคัญและดูภาพ จาก
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสสาร คือ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะทางกายภาพ โดยไม่ทา� ให้
เกิดสารใหม่ และท�าให้สารกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
กําหนด หนังสือเรียนวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 หนานี้
จากนั้นถามคําถามนักเรียนวา ภาพนี้เกิดการ
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร คือ การที่
สารเปลี่ยนแปลงไปโดยท�าให้เกิดสารใหม่ และจะ
เปลีย่ นแปลงทางกายภาพหรือทางเคมี แลวให ท�าให้กลับมาเป็นสารเดิมได้ยากหรือไม่ได้
ิ่ม Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกัน เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเปลี่ยนกลับ
เพ
มาเป็นสารเดิมได้ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงที่
(แนวตอบ นํา้ เดือดจนกลายไปเปนไอนํา้ คือ การ ผันกลับได้ ส่วนสารที่ ไม่สามารถเปลี่ยนกลับมา
เปลีย่ นแปลงทางกายภาพ สวนการเผาไหม คือ เป็ น สารเดิ ม ได้ เรี ย กว่ า การเปลี่ ย นแปลงที่
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี การเปลี่ยนแปลงทางเคมี) ผันกลับไม่ได้
ประสิทธิภาพ
ิ่ม Teacher Guide Overview ชวยใหเห็นภาพรวมของการ
เพ
จั ด การเรี ย นการสอนทั้งหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ
สอนจริง
ิ่ม Chapter Overview ชวยสรางความเขาใจและเห็นภาพรวม
เพ
ในการออกแบบแผนการจัดการเรียนรูแตละหนวย ตัวชี้วัด
1. อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อท�าให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (มฐ. ว 2.1 ป.5/1)
2. อธิบายการละลายของสารในน�้า โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (มฐ. ว 2.1 ป.5/2)
เพ
Concept และเนื้อหาสําคัญของหนวยการเรียนรู
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
กอนเขาสูบ ทเรียน ครูสามารถใชแบบทดสอบกอนเรียนหนวยการเรียนรูท ี่ 5 ขอใดกลาวเกี่ยวกับสสารไดถูกตอง
ิ่ม
เพ ขอสอบเนนการคิด/ขอสอบแนว O-NET เพื่อเตรียม
การเปลี่ยนแปลง จากทายแผนการจัดการเรียนรูของหนวยการเรียนรูที่ 5 ได 1. มีนํ้าหนักเทานั้น
เพื่อวัดความรู ความเขาใจของนักเรียนกอนเรียน ดังภาพตัวอยาง 2. สัมผัสสสารไมได
3. สสาร คือ สิ่งที่มองไมเห็นดวยตาเปลาเทานั้น
ความพรอมของผูเรียนสูการสอนในระดับตาง ๆ แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเปลี่ยนแปลง
คาชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
โซน 3
ของสสาร 4) การเผาไหม้
เพ
3. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานะ
ของสสารโดยการระเหิด
1) ของแข็ง -> แก๊ส
2) ของแข็ง -> ของเหลว
3) การเกิดตะกอน
4) ถูกทุกข้อ
8. ข้อใดเป็นคุณสมบัติของการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร
1) ไม่เกิดสารใหม่
ทุกสิ่งทุกอยางที่อยูรอบตัวเรา จัดเปนสสารทั้งสิ้น ดังนั้น ขอ 4.
3) แก๊ส -> ของแข็ง
4) ของเหลว -> ของแข็ง
4. สารข้อใด ไม่สามารถละลายน้้าได้
1) ลูกเหม็น
2) สารที่เปลี่ยนแปลงมีสมบัติคงเดิม
3) เมื่อสารเปลี่ยนแปลงแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้
4) เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายนอกของสาร
9. ข้อใดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ผันกลับได้
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
2) เกลือ 1) การหลอมเหลว
ผูเรียนใหมีทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต
3) แอลกอฮอล์ 2) การกลายเป็นไอ
4) แก๊สออกซิเจน 3) การละลาย
5. ข้อใดไม่ถูกต้อง 4) ถูกทุกข้อ
1) ตัวท้าละลาย + ตัวละลาย = สารละลาย 10. ข้อใดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ผันกลับได้ของสาร
โซน 2
2) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ละลายน้้าได้ 1) การเกิดสนิมของเหล็ก
3) สีผสมอาหารละลายน้้าได้ 2) การเปลี่ยนสีของดอกอัญชัน
4) ผงตะไบเหล็กละลายน้้าได้ 3) การเผาไหม้กระดาษ
4) การสุกของสตอว์เบอร์รี่
ในโลกแหงศตวรรษที่ 21
เฉลย 1. 3) 2. 2) 3. 1) 4. 1) 5. 4) 6. 2) 7. 4) 8. 3) 9. 4) 10. 2)
T6
ิ่ม
เพ โครงงานวิทยาศาสตร ตัวอยางโครงงานเพื่อสงเสริมให
ผูเรียนประยุกตใชความรู และฝกทักษะแหงศตวรรษที่ 21
บทที่ 1 การเปลี่ยนแปลง·างกายÀา¾ 4. นักเรียนดูภาพในหนาบทที่ 1 การเปลีย่ นแปลง ประกอบด้ ว ยแนวทางส� า หรั บ การจั ด กิ จ กรรมและ
ทางกายภาพ จากหนังสือเรียนหนานี้ จากนั้น
ศัพทนารู
ชวยกันตอบคําถามสําคัญประจําบทวา
• การเปลี่ ย นแปลงทางกายภาพของสสาร
เสนอแนะแนวข้อสอบ เพือ่ อ�านวยความสะดวกให้แก่ครูผสู้ อน
คําศัพท คําอาน คําแปล
physical change 'ฟซิคัล เชนจ การเปลี่ยนแปลงทาง ที่พบเห็นไดในชีวิตประจําวันมีอะไรบาง
กายภาพ (แนวตอบ นํ้าเดือดจนกลายเปนไอ ไอนํ้า
vaporisation
condensation
'เวเพอไรเซชัน
ค็อนเด็น 'เซชัน
การกลายเปนไอ
การควบแนน
ควบแน น จนกลายเป น หยดนํ้ า ลู ก เหม็ น
ระเหิดกลายเปนไอ)
กิจกรรม 21st Century Skills
physical change 5. นักเรียนรวมกันอานคําศัพททเี่ กีย่ วของกับการ
เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ จากหนังสือเรียน กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ประยุกต์ ใช้ความรู้ที่เรียนรู้มาสร้าง
หนานี้
vaporisation
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
ชิ้นงาน หรือท�ากิจกรรมรวบยอดเพื่อให้เกิดทักษะที่จ�าเป็น
ในศตวรรษที่ 21
condensation
ขอสอบเนนการคิด
ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม
¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ เฉลยอย่างละเอียด
·Ò§¡ÒÂÀÒ¾¢Í§ÊÊÒÃ
·Õ辺àËç¹ä´Œã¹
? ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ
ÁÕÍÐäúŒÒ§ ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET
ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิดวิเคราะห์ และสอดคล้องกับ
3
แนวข้อสอบ O-NET มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อมเฉลยอย่าง
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ละเอียด
ขอใดจัดเปนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ นักเรียนเรียนรูและฝกอานคําศัพทวิทยาศาสตร ดังนี้
1. ทํานํ้าแข็ง
2. แกสระเบิด
คําศัพท
physical change
คําอาน
ฟซิคัล 'เชนจ
คําแปล
การเปลี่ยนแปลงทาง
กิจกรรมทาทาย
3. ทํานํ้าเตาหู
4. การผลิตยารักษาโรค
(วิเคราะหคําตอบ แกสระเบิด การทํานํ้าเตาหู และการผลิตยา melting 'เม็ลทิง
กายภาพ
การหลอมเหลว
เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรม เพือ่ ต่อยอดส�าหรับนักเรียน
โซน 3
รักษาโรค เปนการเปลีย่ นแปลงทางเคมี สวนการทํานํา้ แข็ง เปนการ
เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
vaporisation
condensation
'เวเพอไรเซชัน
ค็อนเด็น'เซชัน
การกลายเปนไอ
การควบแนน
ทีเ่ รียนรูไ้ ด้อย่างรวดเร็ว และต้องการท้าทายความสามารถใน
solidification ซึลิดิฟ'เคชัน การแข็งตัว ระดับที่สูงขึ้น
dissolution ดิสโซ'ลูชัน การละลาย
โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม
T7
เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมซ่อมเสริมส�าหรับนักเรียนที่
ควรได้รับการพัฒนาการเรียนรู้
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่ ความสัมพันธ์ระหว่าง
สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์กับสิ่งไม่มีชีวิต โซ่อาหารและบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคใน
โซ่อาหาร ตระหนักในคุณค่าของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อการด�ำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดจาก
พ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์ ลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเองกับพ่อแม่ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนว
เดียวกันที่กระท�ำต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่ง การเขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระท�ำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่
กระท�ำต่อวัตถุ การใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่กระท�ำต่อวัตถุ ผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่
ของวัตถุ การเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระท�ำต่อวัตถุ การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง
การเกิดเสียงสูง เสียงต�ำ ่ การเกิดเสียงดัง เสียงค่อย การวัดระดับเสียงโดยใช้เครือ่ งมือวัดระดับเสียง และเสนอแนะแนวทางใน
การหลีกเลีย่ งและลดมลพิษทางเสียง การเปลีย่ นสถานะของสสารเมือ่ ท�ำให้สสารร้อนขึน้ หรือเย็นลง การละลายของสารในน�ำ ้
การเปลีย่ นแปลงของสารเมือ่ เกิดการเปลีย่ นแปลงทางเคมี การเปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับได้และการเปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับไม่ได้
ปริมาณน�้ำในแต่ละแหล่งและปริมาณน�้ำที่มนุษย์สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้ ตระหนักถึงคุณค่าของน�้ำโดยเสนอแนวทาง
การใช้น�้ำอย่างประหยัดและการอนุรักษ์น�้ำ สร้างแบบจ�ำลองที่อธิบายการหมุนเวียนของน�้ำในวัฏจักรน�้ำ กระบวนการเกิด
เมฆ หมอก น�้ำค้าง น�ำ้ ค้างแข็ง ฝน หิมะ และลูกเห็บ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาวระบุ
ต�ำแหน่งและเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า รวมทั้งแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บน
ท้องฟ้าในรอบปี
โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่สามารถน�ำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญหา หรือสร้างสรรค์พัฒนางานในชีวิต
จริงได้ ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ และ
ให้มีทักษะส�ำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการแก้ปัญหาที่หลากหลาย
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะการคิด และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน รวมทั้งส่งเสริมให้
ผู้เรียนเกิดจิตวิทยาศาสตร์และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์
ตัวชี้วัด
ว 1.1 ป.5/1 บ รรยายโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการด�ำรงชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวของ
สิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่
ว 1.1 ป.5/2 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตเพื่อ
ประโยชน์ต่อการด�ำรงชีวิต
ว 1.1 ป.5/3 เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคในโซ่อาหาร
ว 1.1 ป.5/4 ตระหนักในคุณค่าของสิง่ แวดล้อมทีม่ ตี อ่ การด�ำรงชีวติ ของสิง่ มีชวี ติ โดยมีสว่ นร่วมในการดูแลรักษาสิง่ แวดล้อม
ว 1.3 ป.5/1 อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์
ว 1.3 ป.5/2 แสดงความอยากรู้อยากเห็น โดยการถามค�ำถามเกี่ยวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเองกับพ่อแม่
ว 2.1 ป.5/1 อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อท�ำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.1 ป.5/2 อธิบายการละลายของสารในน�ำ ้ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.1 ป.5/3 วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.1 ป.5/4 วิเคราะห์และระบุการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้
ว 2.2 ป.5/1 อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระท�ำต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่งจากหลักฐาน
เชิงประจักษ์
ว 2.2 ป.5/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระท�ำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระท�ำต่อวัตถุ
ว 2.2 ป.5/3 ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่กระท�ำต่อวัตถุ
ว 2.2 ป.5/4 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.2 ป.5/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระท�ำต่อวัตถุ
ว 2.3 ป.5/1 อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.3 ป.5/2 ระบุตัวแปร ทดลอง และอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสียงต�่ำ
ว 2.3 ป.5/3 ออกแบบการทดลองและอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงดัง เสียงค่อย
ว 2.3 ป.5/4 วัดระดับเสียงโดยใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง
ว 2.3 ป.5/5 ตระหนักในคุณค่าของความรู้เรื่องระดับเสียง โดยเสนอแนะแนวทางในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทางเสียง
ว 3.1 ป.5/1 เปรียบเทียบความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์จากแบบจ�ำลอง
ว 3.1 ป.5/2 ใช้แผนทีด่ าวระบุตำ� แหน่งและเส้นทางการขึน้ และตกของกลุม่ ดาวฤกษ์บนท้องฟ้า และอธิบายแบบรูปเส้นทาง
การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี
ว 3.2 ป.5/1 เปรียบเทียบปริมาณน�ำ้ ในแต่ละแหล่ง และระบุปริมาณน�้ำที่มนุษย์สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้ จากข้อมูลที่
รวบรวมได้
ว 3.2 ป.5/2 ตระหนักถึงคุณค่าของน�้ำ โดยน�ำเสนอแนวทางการใช้น�้ำอย่างประหยัดและการอนุรักษ์น�้ำ
ว 3.2 ป.5/3 สร้างแบบจ�ำลองที่อธิบายการหมุนเวียนของน�้ำในวัฏจักรของน�้ำ
ว 3.2 ป.5/4 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น�้ำค้าง และน�้ำค้างแข็ง จากแบบจ�ำลอง
ว 3.2 ป.5/5 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ จากข้อมูลที่รวบรวมได้
รวม 27 ตัวชี้วัด
Pedagogy
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน
วิ
ทยำศำสตร์
และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 รวมถึงสือ่ การเรียนรูร้ ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้น ป.5 ผู้จัดท�าได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เปียมด้วย
ประสิทธิภาพและมีความหลากหลายให้กบั ผูเ้ รียน เพือ่ ให้ผเู้ รียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิต์ ามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ดั
รวมถึงสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรก�าหนดไว้ โดยครูสามารถน�าไปใช้จัดการเรียนรู้ใน
ชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในรายวิชานี้ผู้จัดท�าได้น�ารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional
Model) มาใช้ในการออกแบบการสอน ดังนี้
ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วย
ุนความสนใจ
ให้ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ กระต
คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส�าคัญในการค้นคว้าหาความรู้ และมี Eennggagement
1
สาํ xploration
eEvvaluatio ล
ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ผู้จัดท�าจึงได้เลือกใช้
รวจ
ผ
eE
ตรวจสอบ
n
และคนหา
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู ้ (5Es Instructional Model) 2
5
ซึ่งเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้าง
องค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือท�า โดย
5Es
ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือส�าคัญ เพื่อการ
bo 4 3
n
El a
tio
พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้ ratio ana
ขย
รู
คว pl
าม
n E x ว
าย
Chapter
Chapter Teacher
Chapter Title Overview
Concept
Script
Overview
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 กำรเปลี่ยนแปลง T2 T4 T6
บรรณำนุกรม T136
Chapter Overview
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. อธิบายการเปลีย่ น- - แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเปลี่ยน - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ แปลงสถานะของ หาความรู้ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการทดสอบ - ใฝ่เรียนรู้
สถานะของสสาร ป.5 เล่ม 2 สสารเมื่อเพิ่มหรือ (5Es หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ สมมติฐาน - มุ่งมัน่ ใน
4 - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 2
ลดความร้อนให้ Instructional
สสารได้ (K) Model)
- การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม
- ตรวจใบงาน
- ทักษะการสรุป การท�ำงาน
อ้างอิง
ชั่วโมง
- วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง 2. ทดลองการเปลี่ยน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน - ทักษะการระบุ
กิจกรรมที่ 1 สถานะของสสารได้ รายบุคคล - ทักษะการท�ำงาน
- ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยน (P) - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม ร่วมกัน
สถานะของสสาร 3. รับผิดชอบต่อหน้าที่ - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- PowerPoint ที่ได้รับมอบหมาย
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน (A)
T2
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 4 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. วิเคราะห์การ - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเปลี่ยนแปลง ป.5 เล่ม 2 เปลี่ยนแปลงของ หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการทดสอบ - ใฝ่เรียนรู้
ทางเคมี - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ สารเมื่อเกิดการ (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม สมมติฐาน - มุ่งมัน่ ใน
ป.5 เล่ม 2 เปลี่ยนแปลง Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการส�ำรวจ การท�ำงาน
3 - วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง ทางเคมีได้ (K) Model) - การน�ำเสนอชิ้นงาน/ผลงาน ค้นหา
ชั่วโมง กิจกรรมที่ 1 2. ทดลองการ - ตรวจชิ้นงาน/ผลงาน - ทักษะการสรุป
- ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยน- เปลี่ยนแปลงทาง (สมุดบันทึกการสังเกตการ อ้างอิง
แปลงทางเคมีของสาร เคมีได้ (P) เปลี่ยนแปลงของผักหรือผลไม้) - ทักษะการระบุ
- PowerPoint 3. มีความรับผิดชอบ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน - ทักษะการท�ำงาน
- สื่อดิจิทัล (QR Code ในการส่งงาน รายบุคคล ร่วมกัน
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี) ตรงเวลา (A) - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
- ลูกอม - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน
แผนฯ ที่ 5 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. วิเคราะห์และระบุ - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเปลี่ยนแปลง ป.5 เล่ม 2 การเปลี่ยนแปลง หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการทดสอบ - ใฝ่เรียนรู้
ทางเคมีทผี่ นั กลับ - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ทางเคมีที่ผันกลับ (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม สมมติฐาน - มุ่งมั่นใน
ได้และผันกลับ ป.5 เล่ม 2 ได้ได้ (K) Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการส�ำรวจ การท�ำงาน
ไม่ได้ - วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง 2. วิเคราะห์และระบุ Model) - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน ค้นหา
กิจกรรมที่ 1 การเปลี่ยนแปลง รายบุคคล - ทักษะการสรุป
2 - ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยน- ทางเคมีที่ผันกลับ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม อ้างอิง
ชั่วโมง แปลงที่ผันกลับได้และ ไม่ได้ได้ (K) - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ทักษะการระบุ
ผันกลับไม่ได้ของสาร 3. ทดลองการ - ทักษะการท�ำงาน
- PowerPoint เปลี่ยนแปลง ร่วมกัน
- สื่อดิจิทัล (QR Code ทางเคมีที่ผันกลับ
การเปลี่ยนแปลงที่ผัน ได้ได้ (P)
กลับได้) 4. ให้ความร่วมมือ
- กระดาษสีขนาด 5 × 10 ในการท�ำกิจกรรม
เซนติเมตร กลุ่มและมีความ
- บัตรภาพ รับผิดชอบในการ
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน ส่งงานตรงเวลา
(A)
แผนฯ ที่ 6 - แบบทดสอบหลังเรียน 1. ระบุการเปลี่ยน- - แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเปลี่ยนแปลง - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ แปลงที่ผันกลับได้ หาความรู้ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการทดสอบ - ใฝ่เรียนรู้
ทางกายภาพ ป.5 เล่ม 2 ได้ (K) (5Es หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ สมมติฐาน - มุ่งมั่นใน
ที่ผันกลับได้ - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ 2. รับผิดชอบต่อหน้าที่ Instructional - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม - ทักษะการสรุป การท�ำงาน
ป.5 เล่ม 2 ที่ได้รับมอบหมาย Model) - ตรวจใบงาน อ้างอิง
2 - ใบงาน เรื่อง การเปลี่ยน- (A) - การน�ำเสนอชิ้นงาน/ผลงาน - ทักษะการระบุ
ชั่วโมง แปลงทางกายภาพที่ - ตรวจชิ้นงาน/ผลงาน (ใบความรู้ - ทักษะการท�ำงาน
ผันกลับได้ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับ ร่วมกัน
- กระดาษสีขนาด 5 × 10 ได้ของสารหรือการเปลี่ยนแปลง
เซนติเมตรที่มี ที่ผันกลับไม่ได้ของสาร)
เครื่องหมาย ✓ และ ✗ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์
T3
Chapter Concept Overview
1. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ คือ การเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพ โดยไมทําใหเกิดสารใหม และทําใหสารกลับคืนสูสภาพเดิมได
1. การเปลี่ยนสถานะของสสาร คือ การเปลี่ยนแปลงของสสารจากสถานะหนึ่งไปอีกสถานะหนึ่ง โดยอาศัยการเพิ่มหรือลดความรอน
ดังนี้
การ
วาม
การแข อน
ระ
มร
รอน
สถานะจากของเหลวเปนแกส
ง็ ตวั
เพิ่ม ระเหิด
การหลอ มรอน
ลดควา
ว
ความ
การ • การระเหิด คือ การเปลีย่ นสถานะ
ล
า
มเห
เพมิ่ คว
รอ น
จากของแข็งเปนแกส
• การระเหิดกลับ คือ การเปลี่ยน
สถานะจากแกสเปนของแข็ง
• การควบแนน คือ การเปลี่ยน
สถานะจากแกสเปนของเหลว
ของเหลว แกส • การแข็งตัว คือ การเปลีย่ นสถานะ
จากของเหลวเปนของแข็ง
เพิ่มความรอน
การกลายเปน ไอ
ลดความรอน
การควบแนน
การเปลี่ยนสถานะของสสาร
การเผาไหม้ ท�าให้มีแสงหรือเสียงเกิดขึ้น
3. การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไมได้ของสาร
1. การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได คือ เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้ เช่น
การหลอมเหลว การกลายเป็นไอ
T5
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
5
กระตุน ความสนใจ หน่วยการเรียนรู้ที่
1. ครูทักทายกับนักเรียน จากนั้นแจงจุดประสงค
การเรียนรูใหนักเรียนทราบ
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเปลีย่ นแปลง
การเรียนรูที่ 5 การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสสาร คือ
3. ครูใหนักเรียนอานสาระสําคัญและดูภาพ จาก การเปลีย่ นแปลงลักษณะทางกายภาพ โดยไม่ทา� ให้
หนังสือเรียนวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 หนานี้ เกิดสารใหม่ และท�าให้สารกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร คือ การที่
จากนั้นถามคําถามนักเรียนวา ภาพนี้เกิดการ สารเปลี่ยนแปลงไปโดยท�าให้เกิดสารใหม่ และจะ
เปลีย่ นแปลงทางกายภาพหรือทางเคมี แลวให ท�าให้กลับมาเป็นสารเดิมได้ยากหรือไม่ได้
นักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกัน เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเปลี่ยนกลับ
มาเป็นสารเดิมได้ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงที่
(แนวตอบ นํา้ เดือดจนกลายไปเปนไอนํา้ คือ การ ผันกลับได้ ส่วนสารที่ ไม่สามารถเปลี่ยนกลับมา
เปลีย่ นแปลงทางกายภาพ สวนการเผาไหม คือ เป็ น สารเดิ ม ได้ เรี ย กว่ า การเปลี่ ย นแปลงที่
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี) ผันกลับไม่ได้
ตัวชี้วัด
1. อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อท�าให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (มฐ. ว 2.1 ป.5/1)
2. อธิบายการละลายของสารในน�้า โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (มฐ. ว 2.1 ป.5/2)
3. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (มฐ. ว 2.1 ป.5/3)
4. วิเคราะห์และระบุการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ (มฐ. ว 2.1 ป.5/4)
คาชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
เฉลย 1. 3) 2. 2) 3. 1) 4. 1) 5. 4) 6. 2) 7. 4) 8. 3) 9. 4) 10. 2)
T6
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
condensation
¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§
·Ò§¡ÒÂÀÒ¾¢Í§ÊÊÒÃ
·Õ辺àËç¹ä´Œã¹
? ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ
ÁÕÍÐäúŒÒ§
T7
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
6. ครูใหนกั เรียนจับคูก บั เพือ่ น จากนัน้ ชวยกันทํา
กิจกรรมนําสูการเรียน โดยอานสถานการณ
กิจกรรม
จากหนังสือเรียนหนานี้ แลวเขียนคําตอบลงใน
นําสูก ารเรียน
สมุดหรือทําลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 ͋ҹʶҹ¡Òó áŌǵͺ¤íÒ¶ÒÁ
เลม 2 จากนั้นนําเสนอคําตอบหนาชั้นเรียน
ทีละคู เพื่ออภิปรายและสรุปคําตอบรวมกัน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
·Ø¡¤¹ ¨Ò¹ÃͧᡌÇ
ÁÒáŌǤ‹Ð à¾ÃÒÐᡌǹíéÒ·ÕèÁÕ
¹íéÒàÂç¹ àÁ×è͵Ñ駷Ôé§äÇŒ
¨Ðà¡Ô´Ë´¹íéÒ·Õ袌ҧᡌÇ
·íÒäÁàÃÒµŒÍ§ãªŒ¨Ò¹ ·íÒãËŒ¼ŒÒ»ÙâµÐໂ¡¨ŒÐ
ÃͧᡌǹíéÒ´ŒÇÂÅФÃѺ
1
1. ¨Ò¡Ê¶Ò¹¡Òó ËÒ¡à»ÅÕÂè ¹¹íÒé ã¹á¡ŒÇ¹íÒé ¨Ò¡¹íÒé àÂç¹à»š¹¹íÒé ·ÕÍè ÂÙã‹ ¹ÍسËÀÙÁËÔ ÍŒ § ¨Ðà¡Ô´
Ë´¹íéÒàËÁ×͹¡Ñ¹ËÃ×ÍäÁ‹ Í‹ҧäÃ
2
แนวตอบ กิจกรรมนําสูการเรียน 2. ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò Ë´¹íéÒ໚¹ÊÊÒ÷ÕèÍÂÙ‹ ã¹Ê¶Ò¹Ðã´
1. ไมเกิดหยดนํ้า เพราะนํ้าไมไดถูกเพิ่มหรือ
4
ลดความรอน นํ้าจึงไมเกิดการเปลี่ยนสถานะ
2. หยดนํ้าอยูในสถานะของเหลว
T8
นํา สอน สรุป ประเมิน
T9
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3. ครูถามคําถามนักเรียนเพิ่มเติมวา นักเรียน
คิดวา สสารชนิดใดที่สามารถเกิดการเปลี่ยน
กÔ¨กรรÁ·ี่ 1 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรที่ใช้
สถานะได จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดง การเปลี่ยนสถานะของสสาร 1. การสังเกต
2. การทดลอง
ความคิดเห็นอยางอิสระ โดยครูแจงนักเรียน 3. การพยากรณ์
ใหทราบวา นักเรียนจะไดคําตอบจากการทํา จุดประสงค 4. การตั้งสมมติฐาน
5. การลงความเห็นจากข้อมูล
กิจกรรมที่ 1 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของ ก�าหนดปญหา สังเกต และอธิบายการเปลี่ยนสถานะของ 6. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
7. การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา
สสาร และกิจกรรมที่ 2 เรื่อง การระเหิดและ สสารเมื่อเพิ่มหรือลดความร้อน
การระเหิดกลับ
ตองเตรียมตองใช
(แนวตอบ นํ้า การบูร ลูกเหม็น เกล็ดไอโอดีน
พิมเสน นํ้าแข็งแหง) 1. ชาม 1 ใบ 6. เกลือ 1 ถุง
4. นักเรียนแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอนการ 2. น�้าแข็งก้อน 5-6 ก้อน 7. กระจกนาฬิกา 1 อัน
ทํากิจกรรมที่ 1 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของ 3. หลอดทดลอง 1 หลอด 8. น�้าแข็งปน 34 ของชาม
สสาร โดยศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรม จาก 4. ตะแกรงวางหลอดทดลอง 1 อัน 9. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด
หนังสือเรียน หนา 6-7 5. บีกเกอร์ขนาด 250 มิลลิลิตร 1 ใบ
ลองทําดู
1. แบ่งกลุ่ม จากนั้นช่วยกันสังเกตน�้าแข็งก้อน แล้วช่วยกันก�าหนดปญหาและตั้งสมมติฐาน
เกี่ยวกับการเพิ่มหรือลดความร้อนให้น�้าแข็งก้อน และบันทึกผลลงในสมุด
2. พยากรณ์ว่า เมื่อเพิ่มหรือลดความร้อนให้น�้าแข็งก้อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
แล้วบันทึกผล
3. ท� า การทดลอง เพื่ อ ตรวจสอบผลการ
พยากรณ์ ดังนี้
1) ใส่นา�้ แข็งก้อนลงในบีกเกอร์ 2-4 ก้อน
จากนั้นตั้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของน�้าแข็ง
และบันทึกผล
2) น�าบีกเกอร์จาก ข้อ 1) มาตัง้ ไฟอ่อน ๆ
เปนเวลา 5 นาที สังเกตบริเวณปาก
บีกเกอร์ และบันทึกผล
ภาพที่ 5.2 ทดลองเพิม่ ความร้อนให้กบั น�า้
6
T10
นํา สอน สรุป ประเมิน
สังเกตน้ำแข็งกอน
อันตราย
ในการจุดตะเกียงแอลกอฮอล์ นักเรียนห้ามน�า
ตะเกียงแอลกอฮอล์ ไปต่อไฟกันโดยตรงเด็ดขาด
ต้องใช้กา้ นไม้ขดี จุด และห้ามถือตะเกียงทีจ่ ดุ ไฟแล้ว
เดินไปมา เพราะจะท�าให้เกิดอันตราย
หนูตอบได
1. การเปลี่ยนสถานะของสสารต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับปจจัยใดบ้าง แนวตอบ หนูตอบได
2. การเปลีย่ นสถานะของสสารจะท�าให้เกิดสารชนิดใหม่หรือไม่ เพราะเหตุใด
ขอ 4.
3. เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับน�้าแข็งปนและน�้าแข็งก้อน นักเรียนคิดว่าจะท�าให้เกิดการ
• วางในนํ้ารอน เพราะเปนการเพิ่มความรอน
เปลี่ยนสถานะได้เหมือนกันหรือไม่ เพราะอะไร
แก ช็ อ กโกแลต ทํ า ให ช็ อ กโกแลต ซึ่ ง มี ส ถานะ
4. หากต้องการหลอมเหลวช็อกโกแลตเพื่อน�าไปท�าขนม ควรเลือกใช้วิธีการใดระหว่าง
ของแข็งเกิดการหลอมเหลวกลายเปนของเหลว โดย
น�าช็อกโกแลตใส่ภาชนะโลหะแล้ววางในน�้าร้อน หรือใส่ช็อกโกแลตในภาชนะโลหะ
จะใชเวลาในการหลอมเหลวไมนาน
แล้วน�าไปตากแดด เพราะอะไร
• นําไปตากแดด เพราะเปนการเพิม่ ความรอน
(หมายเหตุ : คําถามขอสุดทายของหนูตอบได เปนคําถามที่ออกแบบใหผูเรียนฝกใชทักษะการคิดขั้นสูง 7 แกชอ็ กโกแลต ทําใหชอ็ กโกแลตเกิดการหลอมเหลว
คือ การคิดแบบใหเหตุผล และการคิดแบบโตแยง ซึ่งผูเรียนอาจเลือกตอบอยางใดอยางหนึ่งก็ได ใหครู กลายเปนของเหลว ซึ่งเปนวิธีการที่ประหยัดและ
พิจารณาจากเหตุผลสนับสนุน)
ไมมีอันตรายจากการจุดไฟ
เฉลย กิจกรรมที่ 1
ตาราง บันทึกผลการทํากิจกรรม
การเปลี่ยนแปลงของนํ้าแข็งกอน
การทดลอง
การพยากรณ ผลการทดลอง
1. ใสนํ้าแข็งกอนในบีกเกอร 2-4 กอน แลวตั้งทิ้งไว 10 นาที นํ้าแข็งกอนกลายเปนของเหลว นํ้าแข็งกอนคอยๆ กลายเปนของเหลว
2. นําบีกเกอรจาก ขอ 1. มาตั้งบนไฟออนๆ เปนเวลา 5 นาที มีไอนํ้าเกิดขึ้น นํ้าในบีกเกอรเดือด และมีไอนํ้าลอยขึ้นขางบน
3. นํากระจกนาฬกาวางบนปากบีกเกอรในขอ 2. จากนั้นนํา มีหยดนํ้าเกาะอยูดานลางของกระจกนาฬกา มีหยดนํ้าเกาะอยูดานลางของกระจกนาฬกา
นํ้าแข็งวางไวขางบน
4. นําหลอดทดลองที่บรรจุนํ้า แชลงในชามนํ้าแข็งที่ผสม นํ้าในหลอดทดลองกลายเปนนํ้าแข็ง นํ้าในหลอดทดลองเริ่มกลายเปนนํ้าแข็ง
เกลือแกงทิ้งไว 20 นาที
สรุปผล จากการทํากิจกรรม พบวา การเพิ่มหรือลดความรอนมีผลทําใหสสารเปลี่ยนสถานะ ดังนี้
• เมื่อเพิ่มความรอนกับของแข็ง ทําใหเกิดการเปลี่ยนสถานะเปนของเหลว เรียกวา การหลอมเหลว
• เมื่อเพิ่มพลังงานความรอนกับของเหลว ทําใหเกิดการเปลี่ยนสถานะไปเปนไอนํ้าหรือแกส เรียกวา การกลายเปนไอ
• เมื่อลดความรอนในไอนํ้าลง ทําใหเกิดการเปลี่ยนสถานะกลับมาเปนของเหลว เรียกวา การควบแนน
• เมื่อลดพลังงานความรอนในของเหลวลง ทําใหเกิดการเปลี่ยนสถานะกลับมาเปนของแข็ง เรียกวา การแข็งตัว
T11
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
6. ครูถามคําถามนักเรียนเพิ่มเติมวา นักเรียน
คิดวา การระเหิดและการระเหิดกลับเปนการ
กÔ¨กรรÁ·ี่ 2 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรที่ใช้
เปลี่ ย นแปลงทางกายภาพหรื อ ไม อย า งไร การระเหิดและการระเหิดกลับ 1. การวัด
2. การสังเกต
จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น 3. การทดลอง
อยางอิสระ โดยครูแจงนักเรียนใหทราบวา จุดประสงค 4. การพยากรณ์
5. การตั้งสมมติฐาน
นักเรียนจะไดคําตอบจากการทํากิจกรรมที่ 2 อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อเพิ่มหรือลดความร้อน 6. การลงความเห็นจากข้อมูล
7. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
เรื่อง การระเหิดและการระเหิดกลับ
(แนวตอบ การระเหิดและการระเหิดกลับเปน ตองเตรียมตองใช
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เพราะสสาร 1. ช้อนตวง 2 อัน 9. จุกยาง 2 อัน
สามารถเปลี่ยนกลับไปเปนสถานะเดิมได) 2. เกลือแกง 2 ช้อน 10. ไม้ขีดไฟ 1 กลั2ก
7. สมาชิกของแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอน 3. นาฬิกาจับเวลา 11เรือน 11. เกล็ดไอโอดีน 2 ช้อน
การทํากิจกรรมที่ 2 เรื่อง การระเหิดและการ 4. ที่จับหลอดทดลอง 1 อัน 12. น�้าอุณหภูมิห้อง 150 มิลลิลิตร
ระเหิดกลับ โดยศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรม 5. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด 13. บีกเกอร์ใส่น�้าผสมน�้าแข็ง 1 ใบ
จากหนังสือเรียน หนา 8-9 6. ตะแกรงวางหลอดทดลอง 1 อัน 14. บีกเกอร์ขนาด 250 มิลลิลิตร 1 ใบ
8. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 2 7. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 2 หลอด 15. กระบอกตวงขนาด 150 มิลลิลิตร 1 ใบ
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด 8. ขาตั้งและที่จับหลอดทดลอง 1 ชุด
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ลองทําดู
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) 1. แบ่งกลุ่ม แล้วสังเกตลักษณะทางกายภาพ เช่น สถานะ กลิ่น ของเกล็ดไอโอดีนและ
เกลือแกง จากนั้นบันทึกผลลงในสมุด
2. ช่วยกันตั้งสมมติฐานว่า เมื่อเพิ่มหรือลดความร้อนให้กับเกล็ดไอโอดีนและเกลือแกงจะ
ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แล้วบันทึกผล
3. ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันพยากรณ์และบันทึกผลว่า เมื่อน�าเกล็ดไอโอดีนและเกลือแกง
ใส่หลอดทดลองที่ 1 และ 2 ตามล�าดับ จากนั้นน�าไปแช่ในน�้าเดือด แล้วต่อด้วยน�าไปแช่
ในน�้าเย็น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
4. ท�าการทดลองเพื่อตรวจสอบผลการพยากรณ์ โดยใช้ช้อนตวงเกล็ดไอโอดีนใส่ลงใน
หลอดทดลองประมาณ 1-2 ช้อน แล้วปิดปากหลอดทดลองด้วยจุกยาง
5. ตวงน�้าปริมาตร 150 มิลลิลิตร ใส่ลงในบีกเกอร์ แล้วน�าไปตั้งไฟ
T12
นํา สอน สรุป ประเมิน
แนวตอบ หนูตอบได
ขอ 3.
• นําไปวาง เพราะเมื่อเราวางลูกเหม็นในตู
ภาพที่ 5.4 ทดลองเพิ่มและลดความร้อนให้แก่เกล็ดไอโอดีนและเกลือแกง เสือ้ ผาไวสกั ระยะหนึง่ ความรอนในตูเ สือ้ ผาจะทําให
ลูกเหม็นเปลีย่ นสถานะจากของแข็งเปนไอหรือแกส
หนูตอบได โดยไอของลูกเหม็นจะสงกลิ่นและสามารถชวยไล
1. การระเหิดและการระเหิดกลับของสสารคืออะไร แมลงตางๆ ใหออกไปจากตูเสื้อผาได
2. ยกตัวอย่างสสารในชีวิตประจ�าวันที่มีการเปลี่ยนสถานะโดยการระเหิดมา 3 ชนิด • ไมนําไปวาง เพราะเมื่อเราวางลูกเหม็นในตู
3. “ลูกเหม็นช่วยดับกลิน่ และไล่แมลงในทีต่ า่ ง ๆ ได้” จากข้อความ นักเรียนคิดว่าจะน�าลูกเหม็น เสือ้ ผาไวสกั ระยะหนึง่ ความรอนในตูเ สือ้ ผาจะทําให
ไปวางไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อดับกลิ่นและไล่แมลงหรือไม่ เพราะอะไร ลูกเหม็นเปลีย่ นสถานะจากของแข็งเปนไอหรือแกส
(หมายเหตุ : คําถามขอสุดทายของหนูตอบได เปนคําถามที่ออกแบบใหผูเรียนฝกใชทักษะการคิดขั้นสูง 9 ทําใหลูกเหม็นมีกลิ่นที่รุนแรงติดเสื้อผาได หากเรา
คือ การคิดแบบใหเหตุผล และการคิดแบบโตแยง ซึ่งผูเรียนอาจเลือกตอบอยางใดอยางหนึ่งก็ได ใหครู สูดดมเปนเวลานานๆ อาจทําใหเกิดอันตรายตอ
พิจารณาจากเหตุผลสนับสนุน) ระบบทางเดินหายใจ
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก 1.1 การเปลี่ยนสถานะของสสาร
หนังสือเรียน หนา 7 ลงในสมุดหรือทําลงใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
การเปลี่ยนสถานะของสสารเปนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ สสาร
2. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก แต่ละชนิดจะปรากฏให้เห็นในสถานะใดสถานะหนึง่ ซึง่ อาจเปนของแข็ง ของเหลว
หนังสือเรียน หนา 9 ลงในสมุดหรือทําลงใน หรือแกส สสารแต่ละสถานะสามารถเปลี่ยนเปนสถานะอื่นได้โดยมีความร้อน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 เปนปจจัยส�าคัญ เมื่อมีการเพิ่มหรือลดความร้อนให้กับสสารในระดับหนึ่ง
3. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษาข อ มู ล เกี่ ย วกั บ การ จะท�าให้สสารเกิดการเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด ปริมาตร และสถานะไปแต่ยังคงเปน
เปลี่ ย นสถานะของสสาร จากหนั ง สื อ เรี ย น
หนา 10-13
สสารชนิดเดิม และสสารนั้นสามารถกลับคืนสู่สถานะเดิมได้อีกครั้ง เมื่อมี
4. นักเรียนศึกษาขอมูลเกีย่ วกับการเปลีย่ นสถานะ การลดหรือเพิ่มความร้อน ดังนี้
ของสสารเพิ่มเติม จาก PowerPoint เรื่อง
การเปลี่ยนสถานะของสสาร ความร้อนเพิ่มขึ้น
การระเหิด
การหลอมเหลว การกลายเปนไอ
การแข็งตัว การควบแน่น
การระเหิดกลับ
ความร้อนลดลง
ภาพที่ 5.5 การเปลี่ยนสถานะของสสาร
10
T14
นํา สอน สรุป ประเมิน
¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢Ñé¹ÊÙ§
นักเรียนคิดว่า หากเพิม่ ความร้อนให้กบั น�า้ แข็งแห้งและน�า้ แข็งปนเท่า ๆ กัน การเปลีย่ นสถานะ
ที่เกิดขึ้นจะเหมือนกันหรือไม่ เพราะอะไร
11
T15
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
7. นักเรียนศึกษาขอมูลเกี่ยวกับผลที่เกิดจากการ การระเหิด (sublimation) การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเปนแกส
เปลีย่ นสถานะของสสาร จากหนังสือเรียน หนา
14 จากนั้นรวมกันอภิปรายถึงผลดีและผลเสีย เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับสสารที่อยู่
ที่เกิดจากการเปลี่ยนสถานะของสสาร ในสถานะของแข็งบางชนิดจนถึงระดับ
8. ครู ถ ามคํ า ถามท า ทายการคิ ด ขั้ น สู ง จาก หนึ่งจะท�าให้สสารนั้นเปลี่ยนสถานะจาก
หนังสือเรียน หนา 14 กับนักเรียนวา ภาวะ ของแข็งเปนแกส โดยไม่ผ่านการเปน
โลกรอน (global warming) คือ ภาวะที่ ของเหลว
อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น นักเรียนคิดวา
การระเหิด
ภาวะโลกรอน ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของ ของแข็ง แกส ภาพที่ 5.8 การระเหิดของเกล็ดไอโอดีน
สสารอยางไร จากนัน้ ใหนกั เรียนแตละคนตอบ (เพิ่มความร้อน)
คําถามลงในสมุด นักวิทยาศาสตร์ได้นา� ประโยชน์จากการระเหิดของสสารมาใช้เปนวิธกี ารแยกสาร
(แนวตอบ เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น จะ ที่อยู่ในสถานะของแข็งที่ระเหิดได้กับของแข็งที่ระเหิดไม่ได้ออกจากกัน เช่น การแยก
ทํ า ให นํ้ า แข็ ง ขั้ ว โลกเกิ ด การเปลี่ ย นสถานะ สารผสมระหว่างทรายกับผงลูกเหม็น โดยการเพิ่มความร้อนให้กับสารผสม จะท�าให้
จากสถานะของแข็งเปนของเหลว หรือเรียกวา
ผงลูกเหม็นระเหิดกลายเปนแกสเหลือแต่ทรายอยู่ในภาชนะ ดังภาพ
การหลอมเหลว)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
การระเหิด
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
(เพิ่มความร้อน)
สารผสม
(ทราย + ผงลูกเหม็น) ทราย
ภาพที่ 5.9 การแยกสารผสมโดยการระเหิด
ตัวอย่าง สสารที่สามารถเปลี่ยนสถานะโดยการระเหิดได้
1 2
ภาพที่ 5.10 น�้าแข็งแห้ง ภาพที่ 5.11 ลูกเหม็น ภาพที่ 5.12 การบูร
12
T16
นํา สอน สรุป ประเมิน
การควบแน่น
แกส ของเหลว
(ลดความร้อน)
ภาพที่ 5.14 การควบแน่นของไอน�า้
T17
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน 1.2 ผลที่เกิดจากการเปลี่ยนสถานะของสสาร
เพื่อตรวจสอบความเขาใจกอนเรียน
2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมนําสูการเรียน การเปลี่ยนสถานะของสสารมีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
เลม 2 ผลดี ผลเสีย
3. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมที่ 1 เรื่ อ ง • เกิดวัฏจักรของน�า้ ท�าให้สงิ่ มีชวี ติ ต่าง ๆ • ถ้าเกิดลูกเห็บขนาดใหญ่ อาจท�าให้
การเปลี่ยนสถานะของสสาร ในสมุดหรือใน
สามารถด�ารงชีวิตอยู่ได้ อาคารบ้านเรือนเสียหายได้
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
4. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมที่ 2 เรื่ อ ง
การระเหิดและการระเหิดกลับ ในสมุดหรือใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
5. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมหนู ต อบได
กิจกรรมที่ 1 เรือ่ ง การเปลีย่ นสถานะของสสาร
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 ภาพที่ 5.16 ใช้น�้าล้างจาน ภาพที่ 5.18 ลูกเห็บท�าให้หลังคาเสียหาย
เลม 2 • น�ามาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวัน • ถ้าเกิดการละลายของน�้าแข็งบริเวณ
6. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมหนู ต อบได เช่น สร้างเครื่องจักรไอน�้า การท�า ขั้วโลก เนื่องจากภาวะโลกร้อน อาจ
กิจกรรมที่ 2 เรื่อง การระเหิดและการระเหิด น�้าแข็ง การท�าไอศกรีม ท�าให้เกิดน�้าท่วมโลก
กลับ ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร
ป.5 เลม 2
7. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรือ่ ง การเปลีย่ น
สถานะของสสาร
¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢Ñé¹ÊÙ§
ภาวะโลกร้อน (global warming) คือ ภาวะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น นักเรียนคิดว่า
ภาวะโลกร้อน ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสสารอย่างไร
14
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............./.................../..............
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ............./.................../..............
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
14-15 ดีมาก
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-13 ดี
14-15 ดีมาก
8-10 พอใช้
11-13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 8-10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
T18
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ÊÒÃÅÐÅÒ¤×ÍÍÐäà áÅÐà¡Ô´¢Öé¹ä´Œ
Í‹ҧäÃ
15
T19
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. ครูใหนักเรียนเลนเกมจับกลุม เพื่อแบงกลุม
นักเรียนออกเปนกลุมละ 5 คน โดยครูอธิบาย
กÔ¨กรรÁ·ี่ 3 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรที่ใช้
วิธีการเลนใหนักเรียนฟง ดังนี้ การละลายของสารในนํ้า 1. การสังเกต
2. การทดลอง
1) ครูเตรียมบัตรพยัญชนะและสระไทยมาให 3. การพยากรณ์
นักเรียน โดยในบัตร 1 ชุด จะประกอบไป จุดประสงค 4. การตั้งสมมติฐาน
5. การลงความเห็นจากข้อมูล
ดวย ล 2 ใบ, ย 1 ใบ, ะ 1 ใบ และ ทดลองและอธิบายการละลายของสารในน�้า 6. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
า 1 ใบ ตองเตรียมตองใช
2) นักเรียนสุม หยิบบัตรพยัญชนะหรือสระไทย
คนละ 1 ใบ แลวจับกลุมกัน กลุมละ 5 คน
1. ดินร่วน 1 ถุง 7. น�้าส้มสายชู 1 ขวด
โดยจะตองรวมตัวสะกดตามบัตรที่หยิบได
2. แปงมัน 1 ถุง 8. น�้าปริมาตร 600 มิลลิลิตร
ใหเปนคําวา ละลาย
3. เกลือปน 1 ถุง 9. สีผสมอาหารชนิดน�้า 1 ขวด
(หมายเหตุ : บัตร 1 ชุด จะแบงนักเรียนได
4. น�้ามันพืช 1 ขวด 10. ตะแกรงวางหลอดทดลอง 1 อัน
เปน 1 กลุม กลุมละ 5 คน) 5. ช้อนตักสาร 6 อัน 11. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 6 หลอด
2. นักเรียนแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอนการ 6. แท่งแก้วคนสาร 6 อัน
ทํากิจกรรมที่ 3 เรือ่ ง การละลายของสารในนํา้ ลองทําดู
โดยศึ ก ษาขั้ น ตอนการทํ า กิ จ กรรมให เ ข า ใจ 1. แบ่งกลุ่ม จากนั้นช่วยกันตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการทดลองการละลายของสารที่มีสถานะ
จากหนังสือเรียน หนา 16-17 ต่างกันในน�้า แล้วบันทึกผลลงในสมุด
3. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 3 2. สังเกตสมบัติทางกายภาพของสารแต่ละชนิด เช่น รูปร่าง สถานะ สี แล้วพยากรณ์ว่า
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด เมื่อเติมน�้าลงในสารแต่ละชนิดที่น�ามาทดลองจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 และบันทึกผล
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
น้ำมัน
พืช
T20
นํา สอน สรุป ประเมิน
น้ำมัน
พืช
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก การละลายของสารในน�้า คือ การน�าสารมาผสมกับน�้า แล้วสารชนิดนั้น
หนังสือเรียน หนา 17 ลงในสมุดหรือทําลงใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
สามารถผสมรวมเปนสารเนื้อเดียวกันกับน�้าได้ทั่วทุกส่วน เรียกสารผสมที่ได้ว่า
2. นักเรียนแตละคนศึกษาขอมูลจากสื่อดิจิทัล สารละลาย ซึ่งการละลายไม่ท�าให้เกิดสารใหม่ เพราะสารละลายนั้นยังคงแสดง
เพิ่มเติม จากหนังสือเรียนหนานี้ โดยใหใช สมบัติเดิมของสารอยู่ การละลายจึงเปนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
โทรศัพทมือถือสแกน QR Code เรื่อง การ
ละลายในนํ้าของสาร แลวรวมกันสรุปความรู ตัวอย่าง การละลายในน�้าของสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง
ที่ไดจากการศึกษาภายในชั้นเรียน สารที่อยู่ในสถานะของแข็งบางชนิดสามารถละลายในน�้าได้ เช่น เกลือ
3. ครูถามคําถามนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวา มีสารชนิดใดอีกบางทีส่ ามารถ
เกล็ดด่างทับทิม น�้าตาลทรายแดง
ละลายในนํ้าได
(แนวตอบ เชน แอลกอฮอล แกสออกซิเจน การละลายเกล็ดด่างทับทิมในน�้า
แกสคารบอนไดออกไซด นํ้าตาลทราย)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) เปนของเหลวเหมือนน�้า
มีสีม่วงเหมือน
1 ด่างทับทิม
น�้า เกล็ดด่างทับทิม
น�้าด่างทับทิม (สารละลาย)
การละลายน�้าตาลทรายแดงในน�้า
เปนของเหลวเหมือนน�้า
มีสีน�้าตาลเหมือน
น�้า น�้าตาลทรายแดง น�้าตาลทรายแดง
น�้าเชื่อม (สารละลาย)
18 การละลายในนํ้าของสาร
T22
นํา สอน สรุป ประเมิน
ตัวอย่าง การละลายในน�้าของสารที่อยู่ในสถานะแกส
สารที่อยู่ในสถานะแกสสามารถละลายในน�้าได้ เช่น แกสออกซิเจน
แกสคาร์บอนไดออกไซด์
แกสออกซิเจนละลายอยู่ในน�้า ท�าให้ปลามีอากาศใช้ในการหายใจ
19
T23
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
7. นักเรียนแตละคนศึกษาขอมูลเพิ่มเติม จาก การละลายของสารในน�้าท�าให้เกิด
หนั ง สื อ เรี ย นหน า นี้ และศึ ก ษาข อ มู ล จาก
PowerPoint เรื่อง การละลายของสารในนํ้า สารละลาย ซึ่งจัดเปนสารเนื้อเดียว เช่น
8. ครูถามคําถามนักเรียนเพิ่มเติมวา น�้ า เกลื อ น�้ า เชื่ อ ม ในสารละลายจะมี
องค์ประกอบ 2 ส่วน คือ ตัวท�าละลาย น�้า เกลือ
• จากการทํากิจกรรมที่ 3 เมื่อนําเกลือแกง (ตัวท�าละลาย) (ตัวละลาย)
ละลายกับนํ้า จากนั้นไดสารละลายที่เปน และตัวละลาย โดยสารทีม่ ปี ริมาณมากกว่า
เนื้อเดียวกัน นักเรียนคิดวา สารใดที่เปน และมีสถานะเดียวกับสารละลาย เรียกว่า
ตัวทําละลายและสารใดที่เปนตัวละลาย
เพราะเหตุใด
ตัวทําละลาย และสารทีม่ ปี ริมาณน้อยกว่า
(แนวตอบ นํ้า เปนตัวทําละลาย เนื่องจาก เรียกว่า ตัวละลาย เช่น น�้าเกลือเปน
สารละลายที่มีน�้าเปนตัวท�าละลาย และ น�้าเกลือ (สารละลาย)
การทดลองดังกลาว นํ้ามีปริมาณมากกวา
เกลื อ แกง และนํ้ า ยั ง มี ส ถานะเดี ย วกั บ เกลือเปนตัวละลาย ภาพที่ 5.24 การละลายของเกลือในน�้า
สารละลายที่ได สวนเกลือแกง จัดเปน
ตัวละลาย เนื่องจากมีปริมาณนอยกวานํ้า) ¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢Ñé¹ÊÙ§
9. ครู ถ ามคํ า ถามท า ทายการคิ ด ขั้ น สู ง กั บ
“น�้าเปนตัวท�าละลาย แต่ไม่สามารถละลายสารได้ทุกชนิด” นักเรียนคิดว่าสารชนิดใดบ้างที่ไม่
นักเรียน จากหนังสือเรียนหนานี้วา “นํ้าเปน
สามารถละลายในน�้าได้
ตัวทําละลาย แตไมสามารถละลายสารได
ทุกชนิด” นักเรียนคิดวาสารชนิดใดบางที่ไม
กิจกรรม สรุปความรูป ระจําบทที่ 1
สามารถละลายในนํ้าได จากนั้นใหนักเรียน
แตละคนตอบคําถามลงในสมุด ตรวจสอบตนเอง
(แนวตอบ เชน นํ้ามันพืช ดินทราย) หลังเรียนจบบทนี้แล้ว ให้นักเรียนบอกสัญลักษณ์ที่ตรงกับระดับความสามารถของตนเอง
10. นักเรียนแตละคนเขียนสรุปความรูเกี่ยวกับ เกณฑ
เรือ่ งทีไ่ ดเรียนมาจากบทที่ 1 ในรูปแบบตางๆ รายการ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
เชน แผนผังความคิด แผนภาพลงในสมุด 1. เข้าใจเนือ้ หาเกีย่ วกับเรือ่ งการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
2. สามารถท�ากิจกรรมและอธิบายผลการท�ากิจกรรมได้
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
3. สามารถตอบค�าถามจากกิจกรรมหนูตอบได้ได้
4. ท�างานกลุ่มร่วมกับเพื่อนได้ดี
5. น�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้
20
T24
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ÊรØป ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
»ÃШíÒº··Õè 1 ขยายความเขาใจ
11. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษา สรุ ป สาระสํ า คั ญ
ในหนังสือเรียนหนานี้
ว ควบแน่ น 12. ครูสมุ นักเรียน 4-5 คน ใหสรุปความรูท ไี่ ดจาก
ม เห ล การ
ลอ การศึกษาขอมูล แลวใหเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
รห ตัว
ะเห
ย การแข็ง
กา
จากสถานะหน่ึ ง
ข อ งส ส า ร
น แ ปล ง หรือลดความ
่ ี ย ศัยการเพ่ิม
การ
เป ล โด ย อ า
ร้อน
การ ห น่ ึ ง
เพ
คว า น ะ
สถ
ม่ิ
าม
รอ้ น ไ ปอีก
งส
ส าร
ขอ
านะ
มฐ. ว 2.1 ป.5/1-ป.5/2
่ี นสถ
การเปลย
การเปลี่ยนแปลง
ทางกายภาพ
การละ
ลายของสาร
การนาํ ั้
น
สารมาผสมกั นิดน
บน้ าํ แลว้ สารช
รวมกบ ั น้ าํ เป็นสาร
เนื้ อเดียวกน ุ สว่ น
ั ทก
เชน
่ + =
21
T25
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
กิจกรรม º··ี่ 1
13. นักเรียนแตละคนทําใบงาน เรื่อง การละลาย
ของสารในนํ้า
ฝกทักษะ
14. นั ก เรี ย นแต ล ะคนไปทํ า กิ จ กรรมฝ ก ทั ก ษะ 1. เขียนแผนภาพแสดงการเปลี่ยนสถานะของสสารที่พบในชีวิตประจําวันมา 1 สสาร
บทที่ 1 จากหนังสือเรียน หนา 22-23 เปน
การบาน โดยใหทําลงในสมุดหรือทําลงใน
2. อ่านข้อมูล แล้วตอบคําถาม
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 แลวนํา การเปลี่ยนสถานะของสสาร
มาสงครูในชั่วโมงถัดไป เมือ่ เพิม่ ความร้อนให้กบั สสารถึงระดับ
15. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมทาทายการคิด หนึง่ จะท�าให้สสารทีอ่ ยูใ่ นสถานะของแข็ง
ขั้ น สู ง ลงในแบบฝ ก หั ด วิ ท ยาศาสตร ป.5 เปลี่ยนสถานะไปเปนของเหลว เรียกว่า
เลม 2 การหลอมเหลว และเมื่อเพิ่มความร้อน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ต่ อ ไปจนถึ ง อี ก ระดั บ หนึ่ ง สสารที่ อ ยู ่
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ในสถานะของเหลวจะเปลี่ยนเปนแกส
เรียกว่า การกลายเปนไอ แต่เมื่อลด
ความร้อนลงจนถึงระดับหนึ่ง สสารที่
อยู่ในสถานะแกสจะเปลี่ยนสถานะเปน ภาพที่ 5.25 การเปลี่ยนสถานะของสสาร
ของเหลว เรียกว่า การควบแน่น และถ้าลดความร้อนต่อไปอีกจนถึงระดับหนึ่ง สสารที่อยู่
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ
ในสถานะของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเปนของแข็ง เรียกว่า การแข็งตัว นอกจากนี้ สสาร
ขอ 1. บางชนิดยังสามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเปนแกสโดยที่ไม่ผ่านการเปนของเหลว
ตัวอยางคําตอบ การเปลี่ยนสถานะของนํ้าแข็ง
เรียกว่า การระเหิด ส่วนสสารที่อยู่ในสถานะแกสบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจากแกส
ไปเปนนํ้า
เปนของแข็งโดยไม่ผ่านการเปนของเหลว เรียกว่า การระเหิดกลับ
นํ้าแข็ง หลอมเหลว นํ้า
(ของแข็ง) เพิ่มความรอน (ของเหลว) 1) “เมื่อน�าก้อนน�้าแข็งวางตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 10 นาที ก้อนน�้าแข็ง
ขอ 2. จะเปลีย่ นสถานะเปนของเหลว เรียกว่า การควบแน่น” ข้อความนีก้ ล่าวถูกต้อง
1) กลาวไมถูกตอง เพราะการเปลี่ยนสถานะ หรือไม่ เพราะเหตุใด
ของสสารจากสถานะของแข็งกลายเปนของเหลว 2) การเปลี่ยนสถานะของสสารจะท�าให้เกิดสารชนิดใหม่หรือไม่ เพราะเหตุใด
เรียกวา การหลอมเหลว 3) นักเรียนคิดว่า การเปลี่ยนสถานะของสสารต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับปจจัยใด
2) ไมทําใหเกิดสารชนิดใหม เพราะสารที่ไดจะ
ยังมีสมบัติเหมือนเดิม และสามารถเปลี่ยนกลับมา
เปนสารเดิมได
22
3) ความรอนเปนปจจัยสําคัญของการเปลี่ยน
สถานะของสสาร
ความรอนใหกับดินรวนที่ผสมกับผงลูกเหม็น ผงลูกเหม็นจะเกิด
ลูกเหม็น .......................................................................................
ผงตะไบเหล็ก .......................................................................................
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ .......................................................................................
สีผสมอาหาร .......................................................................................
ทราย .......................................................................................
การระเหิดกลายเปนไอ จึงสามารถแยกดินรวนออกมาได ดังนั้น
ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
T26
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
16. นักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมสรางสรรค
3. ตอบคําถามต่อไปนี้ ผลงาน เรื่อง เครื่องดื่มที่สวนผสมสามารถ
1) นักเรียนคิดว่า การละลายของสารในน�้ามีผลดีหรือไม่ เพราะอะไร ละลายในนํ้าได โดยแตละกลุมชวยกันศึกษา
2) ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสารหรือไม่ เพราะอะไร รายละเอียดในกิจกรรมสรางสรรคผลงาน
3) ยกตัวอย่างสารที่สามารถละลายน�้าได้มาอย่างน้อย 3 ตัวอย่าง จากหนังสือเรียน หนา 24 แลวรวมกันทํา
4) การเปลี่ยนสถานะท�าให้สมบัติของสสารเปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไร กิจกรรมและนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
5) หากน�าน�้าใส่พิมพ์แล้วไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง 1 วัน น�้าจะมีการเปลี่ยนสถานะ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
หรือไม่ เพราะอะไร
4. สังเกตภาพแล้วตอบว่า สสารมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพจากกระบวนการใด
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ
1. 2. 3.
ขอ 3.
1) มีผลดี เพราะทําใหเกิดเปนอาหาร เชน การ
ทํานํ้าเชื่อม
2) มี เพราะปจจัยสําคัญที่ทําใหเกิดการเปลี่ยน
สถานะของสสาร คือ ความรอน
4. 5. 6. 3) เกลือแกง แอลกอฮอล แกสออกซิเจน
4) ไมเปลีย่ น เพราะสมบัตขิ องสสารจะยังคงเดิม
5) เปลี่ยนสถานะ เพราะเปนการลดความรอน
ใหกับนํ้าที่อยูในสถานะของเหลว เมื่อนํ้าถูกลด
ความรอนจนถึงระดับหนึง่ นํา้ จะเปลีย่ นสถานะจาก
ของเหลวเปนของแข็ง
7. 8. 9. ขอ 4.
1) การละลายของสารในนํ้า
2) การเปลี่ยนสถานะของสสาร
3) การละลายของสารในนํ้า
4) การเปลี่ยนสถานะของสสาร
5) การเปลี่ยนสถานะของสสาร
(ที่มาภาพ : https://pixabay.com)
กิจกรรม ทาทายการคิดขัน้ สูง 6) การละลายของสารในนํ้า
7) การเปลี่ยนสถานะของสสาร
23
8) การเปลี่ยนสถานะของสสาร
9) การเปลี่ยนสถานะของสสาร
T27
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
ทักÉะแห่งÈตวรรÉที่ 21
1. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ตามเลขที่ จากนั้นให ✓การสื่อสาร ✓ ความร่วมมือ การแก้ปญหา
สรุปความรูจากการเรียนในบทที่ 1 ✓การสร้างสรรค์ ✓ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
2. ครูใหนักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเองจาก การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หนังสือเรียน หนา 20 จากนั้นถามนักเรียน กิจกรรม
รายบุคคลตามรายการขอ 1-5 เพื่อตรวจสอบ สร้างสรรคผลงาน
ความรู ความเขาใจของนักเรียนหลังเรียน
แบงกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวชวยกันทําเครื่องดื่มที่
ขัน้ ประเมิน สวนผสมสามารถละลายในนํ้าได จากนั้นนําเสนอหนาชั้นเรียน
ตรวจสอบผล โดยระบุ ส ารที่ นํ า มาผสมกั บ นํ้ า พร อ มบอกว า ใช ส่ิ ง ใดเป น
ตัวทําละลายและตัวละลาย แลวใหเพื่อนกลุมอื่น ๆ
1. ครูประเมินผล จากการสังเกตพฤติกรรมการ
ลองชิมเครื่องดื่มของกลุมตนเอง
ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทํางานกลุม และจากการนํา
เสนอหนาชั้นเรียน ตัวอย่าง ผลงาน¢Íง©ัน
2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมที่ 3 เรื่อง การ
ละลายของสารในนํา้ ในสมุดหรือในแบบฝกหัด
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
3. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดในสมุด
หรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
4. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรือ่ ง การละลาย
ของสารในนํ้า
5. ครูตรวจสอบผลการสรุปความรูเกี่ยวกับการ
เปลี่ยนแปลงทางกายภาพจากสมุด
6. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 1
ในสมุด หรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
เลม 2
7. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทาทายการคิด
ขั้นสูงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
ภาพที่ 5.26 เครื่องดื่ม
8. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงานเครื่องดื่มที่สวนผสม (ที่มาภาพ : https://pixabay.com)
สามารถละลายในนํ้ า ได และการนํ า เสนอ
ชิ้นงาน/ผลงานหนาชั้นเรียน 24
5. นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียนดวยวิธีการสื่อสารที่หลากหลาย
ล้าดับที่ รายการประเมิน 3 2 1
สร้างสรรค์ มีรสชาติดี ให้เครื่องดื่มมีรสชาติดี เครื่องดื่มออกมาได้
(ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง)
สามารถรับประทานได้ สามารถรับประทานได้ รสชาติไม่ดี
1 การเลือกใช้วัตถุดิบเพื่อสร้างชิ้นงาน
2. ความถูกต้องของ ระบุสารที่เป็นตัวทา ระบุสารที่เป็นตัวทา ระบุสารที่เป็นตัวทา
2 ความถูกต้องของเนื้อหา
เพื่อใหผูอื่นเขาใจผลงานไดดีขึ้น
เนื้อหา ละลาย และตัวละลายได้ ละลายได้ถูกต้อง แต่ระบุ ละลาย และตัวละลาย
3 การสร้างสรรค์ชิ้นงาน
ถูกต้อง ตัวละลายไม่ถูกต้อง ไม่ได้ถูกต้อง
4 กาหนดเวลาส่งงาน
3. การสร้างสรรค์ ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม
รวม
ชิ้นงาน ดีมาก ดี น้อย
4. ก้าหนดเวลาส่งงาน ทาชิ้นงานเสร็จทันเวลาที่ ทาชิ้นงานเสร็จช้ากว่า ทาชิ้นงานเสร็จช้ากว่า
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
กาหนด กาหนด 1 - 5 นาที กาหนด 5 บาทีขึ้นไป
............./.................../..............
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
8-10 ดี
5-7 พอใช้
ต่้ากว่า 5 ปรับปรุง
T28
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
? ·Ò§à¤ÁÕËÃ×ÍäÁ‹
à¾ÃÒÐà˵Øã´ chemical change
( แนวตอบ เกิ ด การเปลี่ ย นแปลงทางเคมี
เพราะมีสนิมเกิดขึน้ ทําใหสขี องเหล็กเปลีย่ น
ไปจากเดิม และไมสามารถทําใหสนิมกลับมา
เปนโลหะไดเหมือนเดิม)
3. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา มีสงิ่ ของ
ใดอีกบางทีเ่ กิดสนิมได โดยครูใหนกั เรียนแสดง
rust ความคิดเห็นอยางอิสระ
4. นักเรียนรวมกันอานคําศัพททเี่ กีย่ วของกับการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี จากหนังสือเรียนหนานี้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
change of color
25
T29
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
5. นักเรียนทํากิจกรรมนําสูการเรียน โดยอาน
สถานการณจากหนังสือเรียนหนานี้ แลวตอบ
กิจกรรม
คําถามลงในสมุดหรือแบบฝกหัดวิทยาศาสตร
นําสูก ารเรียน
ป.5 เลม 2 ÈÖ¡ÉÒʶҹ¡Òó·Õè¡íÒ˹´ãËŒ áŌǵͺ¤íÒ¶ÒÁ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) Çѹ¹Õé¤Ø³áÁ‹¢Í§»ŒÍ§·íÒÍÒËÒÃઌҧ‹Ò æ ãËŒ»ŒÍ§¡Ô¹
«Öè§Çѵ¶Ø´Ôº·Õè㪌ã¹Çѹ¹Õé 䴌ᡋ
1. 䢋䡋 2 ¿Í§
2. äÊŒ¡ÃÍ¡ 2 ªÔé¹
3. ¢¹Á»˜§ 2 Ἃ¹
4. áÂÁÊѺ»Ðô 1 ¢Ç´
»ŒÍ§ Çѹ¹ÕéÍÂÒ¡¡Ô¹
ÍÐäúŒÒ§ÅÙ¡ ¼Á¢ÍäÊŒ¡ÃÍ¡ 䢋´ÒÇ
áÅТ¹Á»˜§»œ§
¹Ð¤ÃѺ¤Ø³áÁ‹
1. ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§·Ò§à¤ÁբͧÊÒà 1. ครูแบงกลุมใหนักเรียนออกเปนกลุมละ 4 คน
2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษา เรื่อง การ
การเปลี่ ย นแปลงทางเคมี ข องสารอาจเกิ ด จากการเปลี่ ย นแปลงของ เปลีย่ นแปลงทางเคมีของสาร จากหนังสือเรียน
สารชนิดเดียว หรือเกิดจากการน�าสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป มาท�าปฏิกิริยากัน หนานี้ จากนั้นครูถามคําถามนักเรียนแตละ
แล้วท�าให้เกิดสารใหม่ ซึ่งมีสมบัติเปลี่ยนไปจากเดิม กลุมวา การเปลี่ยนแปลงใดบาง ที่เปนการ
เราสามารถสังเกตสารใหม่ที่เกิดขึ้นได้ เช่น เมื่อย่างอาหารบนเตาไฟจน เปลีย่ นแปลงทางเคมี แลวใหนกั เรียนแตละกลุม
อาหารเริ่มสุก อาหารจะเปลี่ยนสีไปจากเดิมและมีกลิ่นเกิดขึ้นด้วย โดยที่เราไม่ ชวยกันระดมความคิดเห็นเพื่อตอบคําถาม
(แนวตอบ เชน การเผากระดาษ การหุงขาว
สามารถท�าให้อาหารกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก เรียกการเปลี่ยนแปลงของสาร
การทําไขเจียว กลวยสุก มะมวงสุก)
ในลักษณะเช่นนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
การเผาไหม้ การเกิดสนิม
การทําขนมครก ไข่ต้ม
¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ã´ºŒÒ§ ·Õè໚¹
¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§·Ò§à¤ÁÕ
27
T31
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3. นักเรียนแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอนการ
ทํากิจกรรมที่ 1 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทาง
กÔ¨กรรÁ·ี่ 1 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรที่ใช้
เคมีของสาร โดยศึกษาขัน้ ตอนการทํากิจกรรม การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร 1. การสังเกต
2. การทดลอง
จากหนังสือเรียน หนา 28-29 3. การพยากรณ์
4. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 1 จุดประสงค 4. การตั้งสมมติฐาน
5. การลงความเห็นจากข้อมูล
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด สังเกต วิเคราะห์ และอธิบายการเปลี่ยนแปลงของสาร 6. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) ตองเตรียมตองใช
1. ช้อนโลหะ 1 คัน 8. ผงฟู 1 ซอง
2. กระดาษ 1 แผ่น 9. ลูกโปง 1 ใบ
3. ไม้ขีดไฟ 1 กลัก 10. น�า้ ส้มสายชู 1 ขวด
4. ผงชูรสแท้ 1 ซอง 11. กรวยกรอกน�้า 1 อัน
5. กระปองโลหะ 1 ใบ 12. หลอดดูดน�้า 1 หลอด
6. ขวดแก้วปากแคบ 1 ใบ 13. หลอดทดลองขนาดเล็ก 1 หลอด
7. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด 14. น�้าปูนใส 12 ของหลอดทดลองขนาดเล็ก
ลองทําดู µÍนที่ 1
1. แบ่งกลุม่ จากนัน้ ช่วยกันสังเกตลักษณะของกระดาษและผงชูรสแท้ แล้วบันทึกผลลงในสมุด
2. ช่วยกันพยากรณ์ว่า เมื่อน�ากระดาษและผงชูรสไปเผาไฟจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
แล้วบันทึกผล
3. ท�าการทดลองเพื่อตรวจสอบผลการพยากรณ์ ดังนี้
1) ฉีกกระดาษเปนแผ่นเล็ก ๆ ใส่ลงในกระปองโลหะ ใช้ไม้ขีดไฟจุดไฟใส่ลงในกระปอง
แล้วสังเกตลักษณะของกระดาษและบันทึกผล
2) น�าผงชูรสแท้ใส่ลงในช้อนโลหะประมาณ 12 ช้อน จากนั้นน�าไปตั้งบนตะแกรงที่อยู่บน
ตะเกียงแอลกอฮอล์ที่จุดไฟไว้ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผงชูรสแท้ แล้วบันทึกผล
4. เปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูลกับกลุ่มอื่น แล้วร่วมกันสรุปผล
28
T32
นํา สอน สรุป ประเมิน
T33
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก
หนังสือเรียน หนา 29 ลงในสมุดหรือทําลงใน
1.1 การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 การเปลี่ยนแปลงทางเคมี คือ การเปลี่ยนแปลงของสารชนิดเดียว หรือ
2. นักเรียนทุกคนชวยกันศึกษาขอมูลเกีย่ วกับการ การทําปฏิกิริยาระหวางสาร 2 ชนิดขึ้นไป แลวเกิดสารใหมขึ้น ซึ่งมีสมบัติตางไป
เปลี่ยนแปลงทางเคมี จากหนังสือเรียน หนา จากสารเดิม และเมือ่ เกิดการเปลีย่ นแปลงแลวจะทําใหกลับมาเปนสารเดิมไดยาก
30-31 และศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อ PowerPoint การเปลี่ยนแปลงทางเคมีหรือการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทําใหเกิดสารใหม
เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร แลว
อาจสังเกตไดจากการเปลี่ยนแปลงของสาร เชน
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 4-5 คน สรุปเนื้อหา
ที่ศึกษาใหเพื่อนในชั้นเรียนฟง
3. ครูถามคําถามนักเรียนเพิ่มเติมวา
• นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได
จากอะไรบาง
(แนวตอบ เกิดตะกอน เกิดฟองแกส มีสีตาง
จากสารเดิม มีกลิ่นตางจากสารเดิม มีแสง
หรือเสียงเกิดขึน้ มีการเพิม่ ขึน้ หรือลดลงของ ภาพที่ 5.29 มีสีตางจากสารเดิม ภาพที่ 5.30 มีกลิ่นตางจากสารเดิม
อุณหภูมิ)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
T34
นํา สอน สรุป ประเมิน
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี 31
T35
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
6. นักเรียนทุกคนชวยกันศึกษาขอมูลเกี่ยวกับ
การเปลีย่ นแปลงทางเคมีมคี วามแตกต่างกับการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ
ความแตกตางระหวางการเปลี่ยนแปลงทาง
เคมีกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ จาก ของสาร ดังนี้
หนังสือเรียนหนานี้ จากนั้นครูขออาสาสมัคร การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
นักเรียน 4-5 คน ใหสรุปเนือ้ หาทีศ่ กึ ษาใหเพือ่ น
ในชั้นเรียนฟง 1. เกิดสารใหม่ 1. ไม่เกิดสารใหม่
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช 2. สมบัติของสารเปลี่ยนไปจากเดิม 2. สมบัติของสารคงเดิม
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) 3. เปนการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ 3. เปนการเปลีย่ นแปลงรูปร่างภายนอก
ภายใน 4. เปลีย่ นแปลงแล้วกลับคืนสูส่ ภาพเดิม
4. เปลีย่ นแปลงแล้วกลับคืนสูส่ ภาพเดิม ได้ หรือเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้
ไม่ได้ หรือท�าได้ยาก 5. ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนสถานะของ
5. ตัวอย่างเช่น การสุกของผลไม้ น�้า การระเหิดของลูกเหม็น
การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
T36
นํา สอน สรุป ประเมิน
1. เข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
2. สามารถท�ากิจกรรมและอธิบายผลการท�ากิจกรรมได้
3. สามารถตอบค�าถามจากกิจกรรมหนูตอบได้ได้
4. ท�างานกลุ่มร่วมกับเพื่อนได้ดี
5. น�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้ 33
T37
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
9. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษา สรุ ป สาระสํ า คั ญ ÊรØป ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
»ÃШíÒº··Õè 2
ในหนังสือเรียนหนานี้
10. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ใหสรุปความรูที่ได การเปลี่ยนแปลงที่ทําให
จากการศึกษาขอมูล จากนั้นใหเพื่อนๆ ใน และจะทําให้กลับมาเป ้เกิดสา
็ นสา
ร เ ด รให ม
ชั้นเรียนรวมกันเสริมในสวนที่บกพรอง ิมไ ่
ม่ไ
ด
11. แตละคนทําใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนแปลง ี เช่น ้
ผลด
หร
ทางเคมีของสาร ทาํ ยารักษาโรค
ือก
ลับ
12. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ ผลเสีย
ม
เ ช่
าได้ย
2 จากหนังสือเรียน หนา 35-36 เปนการบาน
น
ทาํ ให าศ
ิ มลพิษทางอาก
เ้ กด
าก
โดยทํ า ลงในสมุ ด หรื อ ทํ า ลงในแบบฝ ก หั ด ผลจา
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 แลวนํามาสงครูใน กก
ชั่วโมงถัดไป า
ย
หม
ารเ
ดป ม
ควา
กิ
้ งั เกต
จุดทีใ่ ชส
กส๊
ิ แ
เกด
เชน
่ นิม
ิ ส
เกด น
ต ะกอ
เก ิ
ด
ึ
้น
ดิ ข
ี
ก ล ิ เก
่น
ม มิ
กเด
น ไปจา
่ี
ย
มสี เี ปล
ิ ข้น
อาจมีแสงหรือเสียงเกด ึ
34
อ่านข้อความที่กาหนดให้ แล้วตอบคาถาม
สุชาดาซื้อแกงกะทิจากตลาดช่วงเช้า จากนั้นสุชาดาตั้งแกงกะทิทิ้งไว้บนโต๊ะอาหาร
เมื่อถึงช่วงเย็น สุชาดานาแกงกะทิมาเทใส่จานเพื่อรับประทาน พบว่า แกงกะทิเกิดการ
จากภาพ เปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีหรือไม เพราะอะไร
1. เปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เพราะมีสีเปลี่ยนไปจากเดิม
เปลี่ยนแปลง คือ มีกลิ่นเหม็น
จากข้อมูล นักเรียนคิดว่า การเปลี่ยนแปลงของแกงกะทิ เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
หรือไม่ สังเกตได้จากอะไร
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
ให้นักเรียนนาคาในสี่เหลี่ยมด้านล่างนี้ เติมลงในช่องว่างด้านล่าง
2. เปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เพราะกลับมาเปนสารเดิมได
เกิดสารใหม่
เปลี่ยนแปลงแล้ว
ไม่เกิดสารใหม่
เปลี่ยนแปลงแล้ว
เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ภายนอก
สมบัติของสาร
สมบัติของสาร
คงเดิม
เปลี่ยนแปลง
3. ไมใชการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เพราะไมเกิดปฏิกิริยาเคมี
4. ไมใชการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เพราะการเปลี่ยนสีเปนการ
กลับคืนสู่สภาพ กลับคืนสู่สภาพเดิม เปลี่ยนแปลงไป องค์ประกอบภายใน
เดิมได้ ไม่ได้ หรือทาได้ยาก จากเดิม
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
(วิเคราะหคําตอบ การสุกของมะเฟองเปนการเปลี่ยนแปลงทาง
เคมี เพราะมีสีตางไปจากเดิม และไมสามารถทําใหกลับไปเปน
สีเดิมได ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
T38
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
กิจกรรม º··ี่ 2 ขยายความเขาใจ
7. 8. 9.
(ที่มาภาพ : https://pixabay.com)
2. อ่านข้อมูลที่กําหนด แล้วตอบคําถามต่อไปนี้
ต่ายซื้อนมจากร้านขายของหน้าบ้านมา 1 กล่อง ต่ายดื่มนมกล่องนั้นไป
ครึ่งกล่องแล้วรีบไปเล่นกับเพื่อน ๆ จึงลืมนมทิ้งไว้ในห้องครัว เมื่อกลับมาดู
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ
ในวันรุ่งขึ้นต่ายพบว่า นมกล่องนั้นมีกลิ่นเหม็น ขอ 1.
นักเรียนคิดว่า การเปลี่ยนแปลงของนมเปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีหรือไม่ ภาพที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี คือ ภาพ
สังเกตได้จากสิ่งใด หมายเลข 1 3 4 7 และ 8
ขอ 2.
35
เปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี สังเกตจากนมมีกลิ่น
เปลี่ยนไปจากเดิม
(วิเคราะหคําตอบ การตมนํ้าจนเดือดเปนการเพิ่มความรอนให
กับนํา้ ทําใหนาํ้ เกิดการเปลีย่ นสถานะจากของเหลวกลายเปนแกส
(ไอนํา้ ) และเมือ่ ลดความรอน แกส (ไอนํา้ ) จะเปลีย่ นสถานะกลับมา
เปนของเหลวเหมือนเดิม ซึ่งการเปลี่ยนสถานะของนํ้าเปนการ
เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ดังนั้น ขอ 1. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
T39
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
1. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ตามเลขที่ จากนั้นให
สรุปความรูจากการเรียนบทที่ 2 3. ดูภาพ แล้วระบุว่าจากภาพสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้อย่างไร
2. ครูใหนักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จาก 1. 2.
หนังสือเรียน หนา 33 จากนั้นถามนักเรียน
รายบุคคลตามรายการขอ 1-5 เพื่อตรวจสอบ
ความรู ความเขาใจของนักเรียนหลังเรียน
มะละกอสุก รถเกิดสนิม
3. 4.
เผากระดาษ ขนมจาก
(ที่มาภาพ : https://pixabay.com)
4. ขีด ✓ หน้าข้อความที่กล่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้ถูกต้อง
....................... 1) การเปลี่ยนแปลงทางเคมีท�าให้เกิดสารใหม่
....................... 2) การท�าขนมปงอบไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
....................... 3) สมบัติของสารยังคงเดิมหลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ุด 4) การเผาไม้ให้เปนถ่านเปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
นสม
.......................
ง ใ
ล ตัว)5) การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสารท�าให้เกิดสารละลาย
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ ทึก.......................
บ( ัน ประจ�า
....................... 6) การเปลี่ยนแปลงที่ท�าให้สีของสารบางชนิดเปลี่ยนไปได้
ขอ 3.
1) มีสีเปลี่ยนไป ....................... 7) การท�าให้น�้ากลายเปนน�้าแข็งไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
5) ✗ 6) ✓
36
7) ✓ 8) ✓
9) ✗ 10) ✗
T40
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
ทักÉะแห่งÈตวรรÉที่ 21
✓การสื่อสาร ✓ ความร่วมมือ การแก้ปญหา
1. ครูประเมินผล จากการสังเกตพฤติกรรมการ
✓การสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
✓การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พฤติกรรมการทํางานกลุม และจากการนํา
กิจกรรม เสนอหนาชั้นเรียน
สร้างสรรคผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมนําสูการเรียน
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
แบงกลุม แลวเลือกผักหรือผลไมกลุมละ 1 ชนิด จากนั้น เลม 2
ชวยกันสังเกตและบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางเคมี 1 สัปดาห 3. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมที่ 1 เรื่อง การ
แลวนําขอมูลที่ ไดจากการสังเกตมาจัดทําเปนแผนภาพหรืออืน่ ๆ เปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร ในสมุดหรือใน
ลงในสมุดพรอมตกแตงใหสวยงาม จากนัน้ นําเสนอผลงาน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
หนาชั้นเรียน พรอมอธิบายวาสังเกตการเปลี่ยนแปลง
จากอะไร 4. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดในสมุด
หรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
5. ครู ต รวจสอบผลการทํ า ใบงาน เรื่ อ ง การ
ตัวอย่าง ผลงาน¢Íง©ัน
เปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร
6. ครูตรวจสอบผลการสรุปความรูเกี่ยวกับการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมีจากสมุด
7. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 2
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
แบบบันทึก
วันที่ 1 เลม 2
8. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทาทายการคิด
การสังเกต ขั้นสูงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
ของกล้วย 9. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงานสมุดบันทึกการสังเกต
การเปลี่ยนแปลงของผักหรือผลไม และการ
นําเสนอชิ้นงาน/ผลงานหนาชั้นเรียน
37
รายการประเมิน
คาอธิบายระดับคุณภาพ/ระดับคะแนน
แผนใหญ โดยแบงหนาที่ความรับผิดชอบของสมาชิกแตละคน
ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
ระดับคุณภาพ
1. แผนภาพ/การสร้าง ตกแต่งแผนภาพได้ ตกแต่งแผนภาพได้ ตกแต่งแผนภาพได้
ลาดับที่ รายการประเมิน 3 2 1 ผลงาน สวยงาม มีความคิด สวยงาม มีความคิด สวยงาม มีความคิด
(ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) สร้างสรรค์ดีมาก ทางาน สร้างสรรค์ดี สร้างสรรค์ ทางาน
ใหชัดเจน
1 แผนภาพ/การสร้างผลงาน สะอาดและเรียบร้อยดี ทางานสะอาดและ สะอาดและเรียบร้อย
2 ความสมบูรณ์ของเนื้อหา มาก เรียบร้อยดี น้อย
3 ความถูกต้องของเนื้อหา 2. ความสมบูรณ์ของ วาดภาพ และระบุการ วาดภาพ หรือระบุการ วาดภาพ หรือระบุการ
4 กาหนดเวลาส่งงาน เนื้อหา เปลี่ยนแปลงทางเคมีของ เปลี่ยนแปลงทางเคมีของ เปลี่ยนแปลงทางเคมีของ
5. นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียนดวยวิธีการสื่อสารที่หลากหลาย รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน 3. ความถูกต้องของ
ผักหรือผลไม้ได้ พร้อม ผักหรือผลไม้ได้
ตกแต่งให้สวยงาม
ผักหรือผลไม้ได้
เพื่อใหผูอื่นเขาใจผลงานไดดีขึ้น
............./.................../.............. เนื้อหา เปลี่ยนแปลงทางเคมีของ เปลี่ยนแปลงทางเคมีของ เปลี่ยนแปลงทางเคมีของ
ผักหรือผลไม้ได้ถูกต้อง ผักหรือผลไม้ได้ถูกต้อง ผักหรือผลไม้ได้ไม่ถูกต้อง
ครบถ้วนทุกวัน บ้าง
4. กาหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด
กาหนด 1-2 วัน เกิน 3 วันขึ้นไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ากว่า 6 ปรับปรุง
T41
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
1. ครู ส นทนากั บ นั ก เรี ย น โดยถามคํ า ถามว า
นั ก เรี ย นทราบหรื อ ไม ว า วั น นี้ จ ะได เ รี ย นรู บทที่ 3 การเปลี่ยนแปลง·ี่¼ันกลัºäดŒแลÐ
เกีย่ วกับเรือ่ งอะไร แลวใหนกั เรียนชวยกันตอบ ¼ันกลัºäÁ‹äดŒ¢ÍงÊาร
คําถาม จากนั้นครูแจงชื่อเรื่องที่จะเรียนรูและ ศัพทนารู
ผลการเรียนรูใหนักเรียนทราบ คําศัพท คําอาน คําแปล
2. นักเรียนดูภาพในหนาบทที่ 3 การเปลีย่ นแปลง irreversible change อิริ'เวอซึบึล เชนจ การเปลีย่ นแปลง
ที่ผันกลับไมได
ที่ผันกลับไดและผันกลับไมไดของสาร จาก
reversible change ริ'เวอซึบึล เชนจ การเปลีย่ นแปลง
หนังสือเรียนหนานี้ แลวชวยกันตอบคําถาม ที่ผันกลับได
สําคัญประจําบทวา melting 'เม็ลทิง การหลอมเหลว
• การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไมไดคืออะไร dissolution ดิสโซ' ลูชัน การละลาย
(แนวตอบ การเปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับไมได คือ
สารที่เกิดการเปลี่ยนแปลง แลวไมสามารถ
เปลี่ยนกลับเปนสารเดิมได) reversible change
3. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา จากภาพ
หนานี้ สิ่งใดเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได
และผันกลับไมได โดยครูใหนักเรียนรวมกัน
แสดงความคิดเห็นอยางอิสระ
4. นักเรียนรวมกันอานคําศัพททเี่ กีย่ วของกับการ
เปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับไดและผันกลับไมไดของ
สาร จากหนังสือเรียนหนานี้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§
·Õè¼Ñ¹¡ÅѺäÁ‹ä´Œ
¤×ÍÍÐäà ?
irreversible change
38
T42
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
5. นักเรียนทํากิจกรรมนําสูการเรียน โดยอาน
กิจกรรม สถานการณจากหนังสือเรียนหนานี้ แลวตอบ
นําสูก ารเรียน คํ า ถามลงในสมุ ด หรื อ ทํ า ลงในแบบฝ ก หั ด
¹íéÒµÒÅ·ÃÒÂÁÕÃÊËÇÒ¹ ʋǹãËÞ‹àÃҨйíÒÁÒ»ÃСͺÍÒËÒà ઋ¹ ¹íéÒàª×èÍÁ ã¹¹íéÒàª×èÍÁ วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 โดยครูใชการเรียนรู
¨ÐÁÕ¹íéÒ໚¹µÑÇ·íÒÅÐÅÒ áÅйíéÒµÒÅ·ÃÒÂ໚¹µÑÇÅÐÅÒ àÁ×è͹íéÒµÒÅ·ÃÒÂÅÐÅÒÂã¹¹íéÒ¨Ð໚¹ แบบรวมมือเทคนิคคูคิด (Think-Pair-Share)
ÊÒÃà¹×éÍà´ÕÂǡѹ¡Ñº¹íéÒ àÃÕÂ¡Ç‹Ò ÊÒÃÅÐÅÒ 6. ครูสุมนักเรียน 4-5 คู ใหออกมาเฉลยคําตอบ
หน า ชั้ น เรี ย น จากนั้ น ให เ พื่ อ นๆ ที่ อ ยู ใ น
ชั้นเรียนรวมกันอภิปรายคําตอบจนไดคําตอบ
ที่ถูกตอง โดยมีครูคอยแนะนําสวนที่บกพรอง
¹íéÒµÒÅ·ÃÒÂÊÒÁÒö (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ÅÐÅÒÂã¹¹íéÒä´Œ¹Ð ¨ÃÔ§àËÃÍà¨ÁÊ แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
ä˹¢Í´ÙºŒÒ§ÊÔ
แนวตอบ กิจกรรมนําสูการเรียน
39
จากการชวยกันสืบคน พบวาการละลายของ
นํ้าตาลทรายเปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได
T43
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลและ
ภาพเกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับไดและ
1. การเปลีย่ นแปลง·ี¼่ นั กลัºäดŒแลмันกลัºäÁ‹äดŒ¢ÍงÊาร
ผันกลับไมไดของสาร จากหนังสือเรียนหนานี้ เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วสามารถเปลี่ยนกลับเปนสารเดิมได้
จากนั้นชวยกันตอบคําถาม ดังนี้ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ เช่น การกลายเปนไอ การละลาย
• การหลอมเหลวของนํ้าแข็งขั้วโลกเปน ส่วนสารที่เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วไม่สามารถเปลี่ยนกลับเปนสารเดิมได้
การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไดหรือไม เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ เช่น การเผาไหม้ การสุกของผลไม้
เพราะเหตุใด ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้
(แนวตอบ การหลอมเหลวของนํ้าแข็งขั้วโลก
เปนการเปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับได เพราะเมือ่
ของสารจากบทเรียนนี้
บริเวณขั้วโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนถึงระดับ ภาพที่ 5.46 การหลอมเหลวของน�้าแข็งขั้วโลก
หนึ่ง จะทําใหนํ้าแข็งเกิดการหลอมเหลว
หากบริเวณขั้วโลกมีอุณหภูมิที่ลดลงจนถึง
ระดับหนึ่ง จะทําใหนํ้าเกิดการแข็งตัวกลับ
มาเปนนํ้าแข็งเหมือนเดิม)
• นั ก เรี ย นคิ ด ว า การเปลี่ ย นแปลงใดบ า ง
เปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไมได
(แนวตอบ เชน การเผาไหม การสุกของผลไม
การเกิดสนิม)
40
T44
นํา สอน สรุป ประเมิน
T45
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
1. นักเรียนแตละกลุม รวมกันอภิปรายและสรุปผล
จากการทํากิจกรรมภายในกลุม
1.1 การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ของสาร
2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับเปนสารเดิมได้
ผลการทํากิจกรรมหนาชั้นเรียน โดยครูสุมจับ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ เช่น
สลากเลือกนักเรียนทีละกลุม
3. นั ก เรี ย นทุ ก กลุ ม ร ว มกั น อภิ ป รายผลการทํ า การหลอมเหลว การกลายเปนไอ
กิจกรรมจนไดขอสรุปวา การเปลี่ยนแปลง
สี ข องนํ้ า ดอกอั ญ ชั น เป น การเปลี่ ย นแปลงที่
เมือ่ สสารทีอ่ ยูใ่ นสถานะของแข็ง เช่น เมื่อสสารที่อยู่ในสถานะของเหลว
ผันกลับได น�า้ แข็ง ถูกเพิม่ ความร้อนจนถึงระดับหนึง่ เช่ น น�้ า ถู ก เพิ่ ม ความร้ อ นไปจนถึ ง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช จะเกิดการหลอมเหลวเปนน�้า เรียกว่า ระดับหนึ่งจะเปลี่ยนเปนไอน�้า เรียกว่า
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) การหลอมเหลว และเมื่อลดความร้อน การกลายเปนไอ และเมื่อลดความร้อน
จนถึ ง ระดั บ หนึ่ ง น�้ า จะกลั บ มาเป น จนถึงระดับหนึ่ง ไอน�้าจะกลับมาเปนน�้า
ขยายความเขาใจ
น�้าแข็งได้อีก เรียกว่า การแข็งตัว ได้อีก เรียกว่า การควบแน่น
1. ครูใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได
จากหนังสือเรียน หนา 41 ลงในสมุดหรือทํา
ลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
2. นักเรียนแตละคนศึกษาขอมูลเพิ่มเติม จาก
หนังสือเรียน หนา 42-44 และศึกษาเพิ่มเติม
จากสื่อดิจิทัลในหนังสือเรียนหนานี้ โดยใหใช
โทรศัพทมือถือสแกน QR Code เรื่อง การ
เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได จากนั้นรวมกันสรุป
ความรูที่ไดจากการศึกษาภายในชั้นเรียน
ภาพที่ 5.47 การหลอมเหลวของน�้าแข็ง ภาพที่ 5.48 การกลายเปนไอของน�้า
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢Ñé¹ÊÙ§
นักเรียนคิดว่า การท�าไอศกรีมเปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้หรือไม่ อย่างไร
42 การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได
T46
นํา สอน สรุป ประเมิน
¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢Ñé¹ÊÙ§
พีช่ ายของบีมไปเทีย่ วทะเลน�าน�า้ ทะเลมาฝากบีม 1 ขวด บีมอยากได้เกลือจากน�า้ ทะเล
บีมควรจะใช้วิธีใดระหว่างน�าไปตากแดดให้น�้าระเหยกับน�าไปต้มให้แห้ง เพราะเหตุใด
43
T47
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
5. นักเรียนชวยกันยกตัวอยางการเปลี่ยนแปลง 1.2 การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไมไดของสาร
ที่ผันกลับไมได ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน
(แนวตอบ เชน การสุกของผลไมตางๆ การ สารบางชนิดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแลวไมสามารถกลับเปนสารเดิมได
เนาเสียของอาหาร) เรียกวา การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไมได เชน
6. นักเรียนแตละคนเขียนสรุปความรูเ กีย่ วกับเรือ่ ง
ที่ไดเรียนมาจากบทที่ 3 ในรูปแบบตางๆ เชน
การเผาไหม การเกิดสนิม
แผนผังความคิด แผนภาพลงในสมุด การเผาไหม เปนการเปลี่ยนแปลง การเกิดสนิมเปนการเปลี่ยนแปลง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ทางเคมี เมือ่ สารเกิดการเผาไหมแลวจะ ทางเคมี เมื่อสารเกิดสนิมจะไมสามารถ
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ไมสามารถกลับมาเปนสารเดิมได กลับมาเปนสารเดิมได
1. เขาใจเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได
และผันกลับไมไดของสาร
2. สามารถทํากิจกรรมและอธิบายผลการทํากิจกรรมได
3. สามารถตอบคําถามจากกิจกรรมหนูตอบไดได
4. ทํางานกลุมรวมกับเพื่อนไดดี
5. นําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวันได
44
T48
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ÊรØป ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
»ÃШíÒº··Õè 3 ขยายความเขาใจ
7. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษา สรุ ป สาระสํ า คั ญ
ในหนังสือเรียนหนานี้
8. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ใหสรุปความรูที่ได
จากการศึกษาขอมูล จากนั้นใหเพื่อนๆ ใน
การ
ละล
าย
ชั้นเรียนรวมกันเสริมในสวนที่บกพรอง
เช่น
9. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่
การหลอมเหลว 3 จากหนังสือเรียน หนา 46 เปนการบาน
หมาย
ค วา ม โดยทํ า ลงในสมุ ด หรื อ ทํ า ลงในแบบฝ ก หั ด
ว้
งแล วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 แลวนํามาสงครูใน
เม่อ
ื สารเกิดการเปลย ่ี นแปล ม ได้
สามารถ ็ นสารเดิ ชั่วโมงถัดไป
ั เป
่ นกลบ
เปลีย
10. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมทาทายการคิด
ขั้ น สู ง ลงในแบบฝ ก หั ด วิ ท ยาศาสตร ป.5
ได้
นั ก เลม 2
ลบั
ท่
ผ ี
ลง 11. ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรม
เปลยี ่ นแป
การ สร า งสรรค ผ ลงาน โดยให นั ก เรี ย นศึ ก ษา
มฐ ว. 2.1 ป.5/4 รายละเอียดในกิจกรรมสรางสรรคผลงาน
การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ จากหนังสือเรียน หนา 47 จากนัน้ ใหนกั เรียน
และผันกลับไม่ได้ของสาร แตละกลุมรวมกันทํากิจกรรม แลวนําเสนอ
ผลงานหนาชั้นเรียน
กา 12. นักเรียนทําทบทวนทายหนวยการเรียนรูท่ี 5
รเป
ลย
ี่ นแปลงทีผ
่ น
ั กลับไม่ได้ การเปลี่ยนแปลง ในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร
เชน ป.5 เลม 2
ความหมาย
่ ิ สนิม
การเกด 13. ครูใหนกั เรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย
ว้ าร
แล การเรียนรูที่ 5 การเปลี่ยนแปลง
ปลง มิ ไ เผา
ก
ด้
่
ย ี นแ ด ไหม
ิ การเปล
เมื่อสารเกด ารเ ้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ล ั
บ เป็นส
่ี นก
ย
ไม่สามารถเปล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
45
ที่ถูกตอง)
4. ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่สถานะของสสาร 4) ถูกทุกข้อ
1) แก๊ส 9. ข้อใดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ผันกลับได้ของสาร
2) ของหนืด 1) การสุกของสตอว์เบอร์รี่
3) ของเหลว 2) การเกิดสนิมของเหล็ก
4) ของแข็ง 3) การเปลี่ยนสีของดอกอัญชัน
5. ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทางเคมี 4) การเผาไหม้กระดาษ
ของสาร 10. ข้อใดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ผันกลับได้
1) การเกิดฝน 2) การเผาไหม้ 1) การละลาย 2) การกลายเป็นไอ
3) การเกิดสนิม 4) การสุกของผลไม้ 3) การหลอมเหลว 4) ถูกทุกข้อ
เฉลย 1. 3) 2. 1) 3. 4) 4. 2) 5. 1) 6. 3) 7. 2) 8. 4) 9. 3) 10. 4)
T49
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
กิจกรรม º··ี่ 3
1. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ตามเลขที่ จากนั้น
ใหสรุปความรูจากการเรียนบทที่ 3 จนได
ฝกทักษะ
ขอสรุปวา การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไดของ 1. ตอบคําถามต่อไปนี้
สาร คือ การที่สารเกิดการเปลี่ยนแปลงแลว 1) การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้คืออะไร
สามารถเปลี่ยนกลับเปนสารเดิมได เชน การ
หลอมเหลว การกลายเปนไอ การเปลี่ยนสี
2) การเปลี่ยนสถานะของน�้าเปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ของนํ้าดอกอัญชัน สวนการเปลี่ยนแปลงที่ 3) ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ในชีวิตประจ�าวัน
ผันกลับไมไดของสาร คือ การที่สารเกิดการ มาอย่างน้อย 2 ตัวอย่าง
เปลี่ยนแปลงแลว ไมสามารถเปลี่ยนกลับเปน
2. ดูข้อมูล แล้วระบุว่าข้อใดกล่าวถูกหรือผิด
สารเดิมได เชน การเผาไหม การสุกของผลไม
การเกิดสนิม
2. ครูใหนักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จาก สุภาพรทดลอง โดยแช่แท่งเหล็ก
หนังสือเรียน หนา 44 จากนั้นถามนักเรียน แท่งเหล็ก ประมาณครึ่งแท่งไว้ในน�้าสะอาดเปน
รายบุคคลตามรายการขอ 1-5 เพื่อตรวจสอบ เวลา 1 สัปดาห์ แล้วน�าแท่งเหล็ก
ความรู ความเขาใจของนักเรียนหลังเรียน มาตั้งทิ้งไว้ในด้านนอกอีก 1 สัปดาห์
น�้าสะอาด สุภาพรพบว่า แท่งเหล็กเกิดสนิมเปน
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ จ�านวนมาก
ขอ 1.
1) คือ การเปลี่ยนแปลงของสารที่เมื่อเกิดการ
เปลีย่ นแปลงแลว สามารถเปลีย่ นกลับเปนสารเดิมได
1) แท่งเหล็กไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้
2) เปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได เพราะเมื่อ
นํ้าเกิดการเปลี่ยนสถานะแลว เราสามารถทําใหนํ้า 2) จากข้อมูลเปนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
เปลี่ยนกลับไปเปนสถานะเดิมได 3) การเกิดสนิมของแท่งเหล็กเปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้
3) ตัวอยางคําตอบ ตัวอยางการเปลี่ยนแปลงที่ 4) การเกิดสนิมเปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้เช่นเดียวกับการเผาไหม้
ผันกลับได เชน นํ้าแข็งหลอมเหลวเปนนํ้า นํ้ากลาย 5) การเกิดสนิมเปนการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้เช่นเดียวกับการหลอมเหลว
เปนไอนํ้า ของสสาร
ตัวอยางการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไมได เชน
จุดประทัด เหล็กมีสนิมเกิดขึ้น กิจกรรม ทาทายการคิดขัน้ สูง
ขอ 2.
46
1) ถูก 2) ถูก 3) ถูก
4) ผิด 5) ผิด
T50
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
ทักÉะแห่งÈตวรรÉที่ 21
✓การสื่อสาร ✓ ความร่วมมือ การแก้ปญหา
1. ครูประเมินผล จากการสังเกตพฤติกรรมการ
✓การสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
✓การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พฤติกรรมการทํางานกลุม และจากการนํา
กิจกรรม เสนอหนาชั้นเรียน
สร้างสรรคผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมนําสูการเรียน
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
แบงกลุม แลวชวยกันสํารวจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ เลม 2
ผันกลับไดของสารหรือการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไมไดของสาร 3. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมที่ 1 เรื่อง
ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน จากนั้นรวบรวมขอมูลและจัดทําเปน ดอกอั ญ ชั น เปลี่ ย นสี ในสมุ ด หรื อ ตรวจใน
ใบความรู พรอมตกแตงใหสวยงาม และนําเสนอผลงาน แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
หนาชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมกัน 4. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดในสมุด
หรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
ตัวอย่าง ผลงาน¢Íง©ัน 5. ครูตรวจสอบผลการสรุปความรูเกี่ยวกับการ
เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไดและผันกลับไมได
ของสารจากสมุด
6. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 3
ใบความรู้ ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
เรื่อง การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ของสาร เลม 2
เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับ 7. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทาทายการ
เปนสารเดิมได้ เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ เช่น คิ ด ขั้ น สู ง ในแบบฝ ก หั ด วิ ท ยาศาสตร ป.5
1. การหลอมเหลว 2. การกลายเปนไอ เลม 2
8. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงานใบความรู เรื่อง การ
เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไดของสารหรือการ
เปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลับไมไดของสาร และการ
นําเสนอชิ้นงาน/ผลงานหนาชั้นเรียน
9. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทบทวนทาย
ภาพที่ 5.55 ตัวอย่างใบความรู้ หนวยการเรียนรูที่ 5 การเปลี่ยนแปลง ใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
10. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
หนวยการเรียนรูที่ 5 การเปลี่ยนแปลง
47
ของสมาชิกแตละคนใหชัดเจน
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) (แผนฯ ที่ 6)
ที่ผันกลับไม่ได้ของสาร (แผนฯ ที่ 6)
แบบประเมินใบความรู้ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ของสารหรือการเปลี่ยนแปลงที่ผัน
คาอธิบายระดับคุณภาพ/ระดับคะแนน
กลับไม่ได้ของสาร รายการประเมิน
4. นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียนดวยวิธีการสื่อสารที่หลากหลาย
ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. ใบความรู้/การสร้าง ตกแต่งใบความรู้ได้ ตกแต่งใบความรู้ได้ ตกแต่งใบความรู้ได้
ระดับคุณภาพ
ผลงาน สวยงาม สวยงาม สวยงาม มีความคิด
ลาดับที่ รายการประเมิน 3 2 1
มีความคิดสร้างสรรค์ดี มีความคิดสร้างสรรค์ดี สร้างสรรค์ ทางาน
เพื่อใหผูอื่นเขาใจผลงานไดดีขึ้น
(ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) มาก ทางานสะอาดและ ทางานสะอาดและ สะอาดและเรียบร้อย
1 ใบความรู้/การสร้างผลงาน เรียบร้อยดีมาก เรียบร้อยดี น้อย
2 ความสมบูรณ์ของเนื้อหา 2. ความสมบูรณ์ของ สารวจการเปลี่ยนแปลงที่ สารวจการเปลี่ยนแปลงที่ สารวจการเปลี่ยนแปลง
3 ความถูกต้องของเนื้อหา เนื้อหา ผันกลับได้ของสารหรือ ผันกลับได้ของสารหรือ ที่ผันกลับได้ของสารหรือ
4 กาหนดเวลาส่งงาน การเปลี่ยนแปลงที่ผัน การเปลี่ยนแปลงที่ผัน การเปลี่ยนแปลงที่ผัน
รวม กลับไม่ได้ของสารที่ กลับไม่ได้ของสารที่ กลับไม่ได้ของสารที่
เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน มากกว่า 15 ตัวอย่าง 10 - 15 ตัวอย่าง น้อยกว่า 10 ตัวอย่าง
............./.................../.............. 3. ความถูกต้องของ จาแนกการเปลี่ยนแปลง จาแนกการเปลี่ยนแปลง จาแนกการเปลี่ยนแปลง
เนื้อหา ที่ผันกลับได้และการ ที่ผันกลับได้และการ ที่ผันกลับได้และการ
เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับ เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับ เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับ
ไม่ได้ของสารได้ถูกต้อง ไม่ได้ของสารได้ถูกต้อง ไม่ได้ของสารได้ถูกต้อง
ครบถ้วน บ้าง น้อยมาก
4. กาหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด
กาหนด 1-2 วัน เกิน 3 วันขึ้นไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ากว่า 6 ปรับปรุง
T51
Chapter Overview
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. เปรียบเทียบ - แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
แหล่งน�้ำบนโลก - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ปริมาณน�ำ้ ใน หาความรู้ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
ป.5 เล่ม 2 แต่ละแหล่งได้ (K) (5Es หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ค้นหา - มุ่งมั่นใน
2 - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ 2. ให้ความร่วมมือ Instructional - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม - ทักษะการสรุป การท�ำงาน
ชั่วโมง
ป.5 เล่ม 2 ในการท�ำกิจกรรม Model) - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน อ้างอิง
- วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง กลุ่ม (A) รายบุคคล - ทักษะการรวบรวม
กิจกรรมที่ 1 - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม ข้อมูล
- แผนที่โลก - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ทักษะการท�ำงาน
- PowerPoint ร่วมกัน
- แผนภาพแหล่งน�้ำต่าง ๆ
- ลูกอมสีต่าง ๆ
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน
T52
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 4 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. อธิบายการเกิด - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเกิดเมฆ ป.5 เล่ม 2 เมฆและหมอกได้ หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
หมอก - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ (K) (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ค้นหา - มุ่งมั่นใน
2 ป.5 เล่ม 2 2. ทดลองเกี่ยวกับ
- วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง การเกิดเมฆและ
Instructional
Model)
- ตรวจใบงาน
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
- ทักษะการสรุป การท�ำงาน
อ้างอิง
ชั่วโมง
กิจกรรมที่ 1 หมอกได้ (P) รายบุคคล - ทักษะการรวบรวม
- ใบงาน เรื่อง เมฆและ 3. ให้ความร่วมมือ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม ข้อมูล
หมอก ในการท�ำกิจกรรม - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ทักษะการท�ำงาน
- PowerPoint กลุ่มและมีความ ร่วมกัน
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน รับผิดชอบในการ
ส่งงานตรงเวลา
(A)
แผนฯ ที่ 5 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. อธิบายการเกิด - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเกิดน�้ำค้าง ป.5 เล่ม 2 น�้ำค้างและ หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
และน�้ำค้างแข็ง - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ น�ำ้ ค้างแข็งได้ (K) (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ค้นหา - มุ่งมัน่ ใน
2 ป.5 เล่ม 2
- วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง
2. ทดลองเกี่ยวกับ Instructional
น�้ำค้างและ Model)
- ตรวจใบงาน
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
- ทักษะการสรุป การท�ำงาน
อ้างอิง
ชั่วโมง
กิจกรรมที่ 2 น�ำ้ ค้างแข็งได้ (P) รายบุคคล - ทักษะการรวบรวม
- ใบงาน เรื่อง น�ำ้ ค้าง 3. ให้ความร่วมมือ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม ข้อมูล
และน�้ำค้างแข็ง ในการท�ำกิจกรรม - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ทักษะการท�ำงาน
- PowerPoint กลุ่ม (A) ร่วมกัน
- ภาพน�้ำค้างและ
น�้ำค้างแข็ง
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน
แผนฯ ที่ 6 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. เปรียบเทียบการ - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเกิดเมฆ ป.5 เล่ม 2 เกิดเมฆ หมอก หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
หมอก น�้ำค้าง - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ น�ำ้ ค้าง และน�ำ้ แข็ง (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ค้นหา - มุ่งมั่นใน
และน�้ำค้างแข็ง ป.5 เล่ม 2 จากแบบจ�ำลองได้ Instructional - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน - ทักษะการสรุป การท�ำงาน
1 - ภาพเมฆ หมอก น�้ำค้าง (K)
และน�้ำค้างแข็ง 2. มีความรับผิดชอบ
Model) รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
อ้างอิง
- ทักษะการรวบรวม
ชั่วโมง
- กระดาษแข็ง ในการส่งงาน - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ข้อมูล
- ปากกาเคมี ตรงเวลา (A) - ทักษะการท�ำงาน
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน ร่วมกัน
T53
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 7 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. อธิบายการเกิด - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การเกิด ป.5 เล่ม 2 หยาดน�ำ้ ฟ้าได้ (K) หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
หยาดน�้ำฟ้า - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ 2. เปรียบเทียบ (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ค้นหา - มุ่งมั่นใน
3 ป.5 เล่ม 2 กระบวนการ
- วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง เกิดฝน หิมะ และ
Instructional
Model)
- ตรวจใบงาน
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
- ทักษะการสรุป การท�ำงาน
อ้างอิง
ชั่วโมง
กิจกรรมที่ 3 ลูกเห็บได้ (P) รายบุคคล - ทักษะการรวบรวม
- ใบงาน เรื่อง หยาดน�ำ้ ฟ้า 3. แสดงความสนใจ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม ข้อมูล
- PowerPoint และมีความ - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ทักษะการท�ำงาน
- สื่อดิจิทัล (QR Code กระตือรือร้นในการ ร่วมกัน
กระบวนการเกิดฝน) ท�ำกิจกรรม (A)
- ภาพข่าวลูกเห็บตก
ภาพข่าวฝนตกหนัก
และภาพข่าวหิมะตก
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน
T54
Chapter Concept Overview
หนวยการเรียนรูที่ 6
แหลงนํ้าเพื่อชีวิต
1. แหลงน�้ำบนโลก
น�า้ บนโลกมีปริมาณมากกว่าพืน้ ดิน หากก�าหนดให้พนื้ ทีโ่ ลก แหล่งน�้าบนโลกมีทั้งน�้าเค็มและน�้าจืด ถ้าสมมติให้น�้าบนโลก
ทั้งหมดมี 4 ส่วน จะมีน�้า 3 ส่วน และมีพื้นดิน 1 ส่วน มีทั้งหมด 100 ส่วน พบว่า น�้าประมาณ 97.5 ส่วน เป็นน�้าเค็ม
และอีกประมาณ 2.5 ส่วน เป็นน�้าจืด
แหล่งน�้าผิวดิน เช่น น�้าจืด 2.5 ส่วน
ทะเล แม่น�้า จากแหล่งน�้าจืดทั้งหมด
มนุษย์สามารถน�าน�้าจืด
พื้นดิน มาใช้ประโยชน์ในการ
1 ส่วน
อุปโภคและบริโภคได้
พื้นน�้า
3 ส่วน บางส่วนเท่านั้น
น�้าเค็ม
97.5 ส่วน
แหล่งน�้าใต้ดิน เช่น
น�้าบาดาล น�้าในดิน
เปรียบเทียบปริมาณพื้นดินและพื้นน�้าบนโลก เปรียบเทียบปริมาณน�้าเค็มและน�้าจืดบนโลก
2. กำรประหยัดน�้ำและกำรอนุรักษน�้ำ
น�้าที่มนุษย์สามารถน�ามาใช้ในการอุปโภคและบริโภคมีปริมาณน้อยมาก ดังนั้น เราจึงควรช่วยกันประหยัดและอนุรักษ์น�้า ดังนี้
µÑÇÍ‹ҧ ¡ÒÃ㪌¹íéÒÍ‹ҧ»ÃÐËÂÑ´áÅФ،Á¤‹Ò
ปดกอกน�้าให้สนิทหลังใช้งาน ใช้ภาชนะรองน�้าขณะแปรงฟัน
โดยไม่เปดน�้าทิ้งไว้
µÑÇÍ‹ҧ ¡ÒÃ͹ØÃѡɹíéÒ
ช่วยกันปลูกป่า ไม่ทิ้งขยะและสารพิษลงในแหล่งน�้า
T55
ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ
1. เมฆ หมอก น�้ำค้าง และน�้ำค้างแข็ง
1) เมฆ
เมฆ เกิดจากไอน�้ำในอากาศควบแน่นเป็นละอองน�้ำขนาดเล็ก
จ�ำนวนมาก โดยมีละอองลอย เช่น ฝุ่นละออง เป็นอนุภาคแกนกลาง
เมื่อละอองน�้ำจ�ำนวนมากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่สูงจากพื้นดินมาก
เรียกว่า เมฆ
2) หมอก
หมอก เกิดจากไอน�้ำในอากาศควบแน่นเป็นละอองน�้ำขนาดเล็ก
จ�ำนวนมาก โดยมีละอองลอย เช่น ฝุ่นละออง เป็นอนุภาคแกนกลาง
เมื่อละอองน�้ำจ�ำนวนมากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่ใกล้พ้ืนดินมาก
เรียกว่า หมอก
3) น�้ำค้าง
น�้ำค้าง เกิดจากไอน�้ำบริเวณใกล้พื้นดินควบแน่นเป็นละอองน�้ำ
เกาะอยู่บนพื้นผิวของวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ พื้นดิน
4) น�้ำค้างแข็ง
น�้ำค้างแข็ง เกิดจากไอน�้ำบริเวณใกล้พื้นดินควบแน่นกลายเป็น
ละอองน�้ำเกาะอยู่บนพื้นผิววัตถุในบริเวณที่มีอุณหภูมิใกล้พื้นดิน
ต�่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
T56
2. หยำดน�้ำฟำ คือ น�้ำในสถำนะตำง ๆ ที่ตกจำกฟำลงมำสูพื้นโลก เชน ฝน หิมะ ลูกเห็บ
1) ฝน
ฝน เกิดจากไอน�้าในอากาศควบแน่นเป็นละอองน�้าขนาดเล็ก
จ�านวนมาก โดยมีละอองลอย เช่น ฝุ่นละออง เป็นอนุภาคแกนกลาง
เมื่อละอองน�้าจ�านวนมากเกาะกลุ่มรวมกันจนอากาศไม่สามารถพยุง
ไว้ได้ จึงตกลงสู่พื้นโลกในลักษณะที่เป็นของเหลว
2) หิมะ
หิมะ เกิดจากไอน�้าในอากาศระเหิดกลับเป็นผลึกน�้าแข็ง จากนั้น
รวมตัวกันจนหนักมาก และเมือ่ ตกลงมาในเขตอากาศเย็นจะตกลงมา
ถึงพื้นโลกเป็นหิมะ
3) ลูกเห็บ
ลูกเห็บ เกิดจากหยดน�้าเปลี่ยนเป็นน�้าแข็ง แล้วถูกพายุพัดวนใน
เมฆฝนฟ้าคะนอง จนหยดน�า้ กลายเป็นก้อนน�า้ แข็ง แล้วตกลงพืน้ โลก
3. วัฏจักรน�้ำ
กำรเกิดวัฏจักรน�้ำ
2) ไอน�้าควบแน่นเป็นละอองน�้าเล็ก ๆ และรวมตัวเป็นเมฆ
4) น�้าฝนไหลกลับสู่แหล่งน�้าต่าง ๆ หรือซึมลงใต้ดิน
T57
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
6
กระตุน ความสนใจ หน่วยการเรียนรู้ที่
1. ครูทักทายกับนักเรียน จากนั้นแจงจุดประสงค
การเรียนรูใหนักเรียนทราบ แหล่งน�ำ้ และลมฟ้ำอำกำศ
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรียนรูท ี่ 6 เรือ่ ง แหลงนํา้ และลมฟาอากาศ โลกของเรามี น�้ า ปกคลุ ม เป็ น ส่ ว นใหญ่ ข อง
3. ครูใหนักเรียนอานสาระสําคัญและดูภาพ จาก พื้ น ผิ ว โลกทั้ ง หมด โดยมี ทั้ ง แหล่ ง น�้ า เค็ ม และ
หนังสือเรียนวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 หนานี้ แหล่งน�้าจืด ซึ่งน�้ามีความส�าคัญต่อการด�ารงชีวิต
ของสิ่งมีชีวิต เราจึงต้องใช้น�้าอย่างประหยัดและ
และครูอาจนําบัตรภาพแหลงนํ้าอื่นๆ มาให คุ้มค่า
นักเรียนดูประกอบ จากนั้นถามนักเรียนวา ในบรรยากาศมีไอน�้าเป็นส่วนประกอบส�าคัญ
ภาพใดเปนภาพแหลงนํ้าจืดและภาพใดเปน จึ ง ท� า ให้ ส ภาพอากาศเกิ ด การเปลี่ ย นแปลงอยู ่
ตลอดเวลา
ภาพแหลงนํ้าเค็ม แลวใหนักเรียนทุกคนแสดง วัฏจักรน�า้ เกิดจากการหมุนเวียนอย่างต่อเนือ่ ง
ความคิดเห็นรวมกัน ระหว่างน�้าในบรรยากาศ น�้าผิวดิน และน�้าใต้ดิน
(แนวตอบ คําตอบขึน้ อยูก บั บัตรภาพทีค่ รูนาํ มา)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
ตัวชี้วัด
1. เปรียบเทียบปริมาณน�้าในแต่ละแหล่ง และระบุปริมาณน�้าที่มนุษย์สามารถน�ามาใช้ประโยชน์ได้จากข้อมูลที่รวบรวมได้
(มฐ. ว 3.2 ป.5/1)
2.ตระหนักถึงคุณค่าของน�้าโดยน�าเสนอแนวทางการใช้น�้าอย่างประหยัดและการอนุรักษ์น�้า (มฐ. ว 3.2 ป.5/2)
3.สร้างแบบจ�าลองที่อธิบายการหมุนเวียนของน�้าในวัฏจักรน�้า (มฐ. ว 3.2 ป.5/3)
4.เปรียบเทียบกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น�้าค้าง และน�้าค้างแข็ง จากแบบจ�าลอง (มฐ. ว 3.2 ป.5/4)
5.เปรียบเทียบกระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ (มฐ. ว 3.2 ป.5/5)
เกร็ดแนะครู
กอนเขาสูบทเรียน ครูสามารถใชแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรู
ที่ 6 แหลงนํ้าและลมฟาอากาศ จากทายแผนการจัดการเรียนรูของหนวยการ
เรียนรูที่ 6 ได เพื่อวัดความรู ความเขาใจของนักเรียน ดังภาพตัวอยาง
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6
ค้าชีแจง : ให้นักเรียนเลือกค้าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
เฉลย 1. 3) 2. 3) 3. 4) 4. 1) 5. 2) 6. 4) 7. 4) 8. 1) 9. 2) 10. 2)
T58
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
marine
freshwater sea
¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò
¹íéÒÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ
? ¡ÑºÁ¹ØÉÂËÃ×ÍäÁ‹
Í‹ҧäÃ
49
T59
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
6. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมนําสูก ารเรียน โดย
ศึกษาภาพและขอมูล จากหนังสือเรียนหนานี้
¡Ôจ¡รรม
จากนั้ น ตอบคํ า ถามลงในสมุ ด หรื อ ทํ า ลงใน
น�าสู¡‹ ารเรีÂน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 ÈÖ¡ÉÒÀÒ¾ áŌǵͺ¤íÒ¶ÒÁ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ก ใช้น�้าประมาณ 30 ลิตร ข ใช้น�้าประมาณ 60 ลิตร
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
1. ¹Ñ¡àÃÕ¹¨ÐàÅ×Í¡»¯ÔºÑµÔµÒÁÀҾ㴺ŒÒ§ à¾ÃÒÐÍÐäÃ
แนวตอบ กิจกรรมนําสูการเรียน
1. ภาพ ก และภาพ ค เพราะเปนภาพการใชนํ้า 2. ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò 㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹàÃÒÊÒÁÒö㪌¹íéÒ·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁã´ä´ŒºŒÒ§
อยางประหยัด 3. 㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹàÃÒÊÒÁÒö㪌¹íéÒÍ‹ҧ»ÃÐËÂѴ䴌͋ҧäúŒÒ§
2. ตัวอยางคําตอบ รดนํ้าตนไม ลางจาน ลางรถ
ลางผัก ซักผา ใชดื่ม
3. ตัวอยางคําตอบ ปดนํา้ ใหสนิทหลังใชงาน สํารวจ
50
ทอนํ้าภายในบานเปนประจํา รวบรวมเสื้อผาให
มีจํานวนเยอะๆ ตอการซัก 1 ครั้ง
T60
นํา สอน สรุป ประเมิน
àÃÒÊÒÁÒö㪌»ÃÐ⪹¨Ò¡áËÅ‹§¹íÒé
䴌͋ҧäúŒÒ§
51
ลําคลอง
T61
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3. ในชั่วโมงนี้ครูใชรูปแบบการสอนแบบรวมมือ
เทคนิค L.T. หรือ Learning Together มาจัด
กÔ¨กÃÃม·ีè 1 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้
กิจกรรมการเรียนรู เพื่อกําหนดใหสมาชิกของ แหลงนํ้าบนโลก 1. การสังเกต
2. การใช้จ�านวน
นักเรียนแตละกลุมมีหนาที่ของตนเอง และให 3. การลงความเห็นจากข้อมูล
ทํางานรวมกัน จุดประสงค 4. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
5. การจัดกระท�าและสื่อความหมายข้อมูล
4. สมาชิกของแตละกลุมรวมกันทํากิจกรรมที่ 1 1. ระบุสัดส่วนของน�้าที่ปกคลุมผิวโลก
แหลงนํ้าบนโลก ตอนที่ 1-2 จากหนังสือเรียน 2. สืบค้นและเปรียบเทียบปริมาณน�้าจืดและน�้าเค็มบนโลก
หนา 52-53 แลวบันทึกผลลงในสมุดหรือใน 3. ระบุปริมาณน�้าที่มนุษย์สามารถน�ามาใช้ประโยชน์ได้
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
ตองเตรียมตองใช
1. สีไม้ 1 กล่อง 5. ดินสอ 1 แท่ง
2. ไม้บรรทัด 1 อัน 6. กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ 1 แผ่น
3. แผนที่โลกขนาด 10 × 15 เซนติเมตร (ครูเตรียมให้)
4. แหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต
ลองทําดู ตอนที่ 1
1. แบ่ ง กลุ ่ ม แล้ ว ช่ ว ยกั น ศึ ก ษาสั ด ส่ ว นพื้ น ดิ น และพื้ น น�้ า บนแผนที่ โ ลกที่ ค รู เ ตรี ย มให้
จากนั้นระบายสีแผนที่โลก พร้อมระบุสีที่ใช้ระบายพื้นดินและพื้นน�้าลงในแผนที่โลก
ที่ครูเตรียมไว้
2. ช่วยกันตีตารางทับแผนที่โลกให้มีขนาด
ช่องละ 1 × 1 เซนติเมตร จนเต็มแผนที่
โลก
3. ช่วยกันนับช่องที่เป็นพื้นดินและพื้นน�้า
บนแผนที่ เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วนของ
พื้นดินและพื้นน�้ากับพื้นที่ผิวโลกทั้งหมด
แล้วบันทึกผลลงในสมุด
4. น�าผลที่ได้จากการท�ากิจกรรมมาร่วมกัน
แสดงความคิดเห็น ภาพที่ 6.2 ศึกษาสัดส่วนพื้นดินและพื้นน�้า
บนแผนที่
52
T62
นํา สอน สรุป ประเมิน
T63
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก
หนังสือเรียน หนา 53 ลงในสมุดหรือทําลงใน
1.1 แหล่งน�้าบนโลก
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 น�้าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีมากที่สุดบนโลก พื้นดิน
2. นักเรียนแตละคนศึกษาขอมูลเกีย่ วกับแหลงนํา้ โดยครอบคลุ ม พื้ น ที่ 3 ใน 4 ส่ ว นของพื้ น ผิ ว โลก 25%
1
บนโลก จากหนังสือเรียน หนา 54-55 และจาก ส่วนใหญ่เป็นน�้าเค็ม เช่น ทะเล มหาสมุทร ส่วนน�้าจืด พื้นน�้า
PowerPoint เรื่อง แหลงนํ้าบนโลก จากนั้นครู เช่น บึง แม่น�้า น�้าในดิน น�้าบาดาล จะมีปริมาณ 75%
ขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาสรุปความรูท ไี่ ด น้อยมากเมือ่ เทียบกับปริมาณน�า้ เค็มบนโลก น�า้ บนโลก
จากการศึกษาขอมูล เปรียบเทียบปริมาณพื้นดิน
3. ครูจับสลากเลือกเลขที่ของนักเรียน 2 คน ให
จะอยู่ในแหล่งต่าง ๆ ดังนี้ และพื้นน�้าบนโลก
ยกตัวอยางแหลงนํ้าบนโลก ดังนี้ 1) แหล่งน�้าผิวดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง แม่น�้า คลอง ล�าธาร
• คนที่ 1 ยกตัวอยางแหลงนํา้ ผิวดิน 2 ตัวอยาง
• คนที่ 2 ยกตัวอยางแหลงนํา้ ใตดนิ 2 ตัวอยาง
4. ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน โดย
จับสลากชื่อนักเรียน แลวถามคําถาม ดังนี้
• ถาสมมติใหนํ้าบนโลกมีทั้งหมด 100 สวน
จะมีนํ้าเค็มและนํ้าจืดอยางละกี่สวน
(แนวตอบ นํ้าเค็มมีประมาณ 97.5 สวน และ
นํ้าจืดมีประมาณ 2.5 สวน)
ภาพที่ 6.4 ทะเล ภาพที่ 6.5 แม่น�้า
• แหลงนํ้าที่มนุษยสามารถนํามาใชในการ
อุปโภคและบริโภคไดมาจากแหลงใดบาง 2) แหล่งน�้าใต้ดิน เช่น น�้าในดิน น�้าบาดาล
(แนวตอบ เชน แมนํ้า ลําคลอง หนอง บึง)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
54
T64
นํา สอน สรุป ประเมิน
55
กิจกรรม ทาทาย
3 2 1 การแสดง การยอมรับ ส่วนร่วมใน รวม
ชื่อ–สกุล ตามที่ได้รับ ความมีน้าใจ
1 การแสดงความคิดเห็น ลาดับที่ ความคิดเห็น ฟังคนอื่น การปรับปรุง 15
ของนักเรียน มอบหมาย
ผลงานกลุ่ม คะแนน
2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
3 การทางานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
4 ความมีน้าใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
บนโลกที่มนุษยนํามาใชประโยชนได จากนั้นใหนําเสนอผลงาน
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ............./.................../..............
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน
T65
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
1. ครูทักทายกับนักเรียน จากนั้นแจงจุดประสงค
การเรียนรูใหนักเรียนทราบ
กÔ¨กÃÃม·ีè 2 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้
2. ครูใหนักเรียนสงตอลูกบอล พรอมเปดเพลง คุณคาของนํ้า 1. การลงความเห็นจากข้อมูล
2. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
ประกอบ เมื่อครูหยุดเพลง หากลูกบอลอยู 3. การจัดกระท�าและสื่อความหมายข้อมูล
ที่ใครใหนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น จากนั้นบอก จุดประสงค
วิธีการแปรงฟนในชีวิตประจําวันใหกับเพื่อน สืบค้นข้อมูล และน�าเสนอแนวทางการใช้น�้าอย่างประหยัดและการอนุรักษ์น�้า
ในชั้นเรียนฟง (ทําซํ้า 5 รอบ) ตองเตรียมตองใช
3. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา การแปรงฟน
ของเพื่อนๆ ทั้ง 5 คน เปนการแปรงฟนที่ชวย
1. กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ 1 แผ่น 3. สีไม้ 1 กล่อง
ประหยัดนํ้าหรือไม โดยมีครูคอยแนะนําใน
2. แหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต 4. กระดาษ A4 10-20 แผ่น
สวนที่บกพรอง ลองทําดู ตอนที่ 1
4. ครูถามคําถามนักเรียนตอวา นักเรียนคิดวา มี
1. แบ่งกลุ่ม จากนั้นช่วยกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้น�้าอย่างประหยัดให้ได้มากที่สุด
วิธีการประหยัดนํ้าอยางอื่นอีกหรือไม โดยให
แล้วบันทึกผลลงในสมุด
นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นอยางอิสระ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
2. ส�ารวจพฤติกรรมการใช้นา�้ อย่างประหยัดของตนเองและคนในครอบครัวตามความเป็นจริง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) แล้วบันทึกผล
3. ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อเลือกวิธีการใช้น�้าอย่างประหยัดมา 2 วิธี จากนั้นน�ามา
ขัน้ สอน จัดท�าเป็นแผ่นพับความรู้ เรื่อง วิธีการใช้น�้าอย่างประหยัด
สํารวจคนหา 4. ร่วมกันเดินรณรงค์และแจกแผ่นพับเกี่ยวกับวิธีการใช้น�้าอย่างประหยัดภายในบริเวณ
1. ครูแบงกลุม ใหนกั เรียน กลุม ละ 3-4 คน จากนัน้ โรงเรียน
ใหนกั เรียนแตละกลุม ชวยกันศึกษาขัน้ ตอนการ
ทํากิจกรรมที่ 2 เรือ่ ง คุณคาของนํา้ ตอนที่ 1-2
โดยใหชวยกันศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรม
จากหนังสือเรียน หนา 56-57
การอนุรักษ์น�้า
ช่วยกันปลูกต้นไม้
T67
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
1. นักเรียนแตละกลุม รวมกันอภิปรายและสรุปผล
จากการทํากิจกรรมที่ 2 ภายในกลุม
1.2 การประหยัดน�้าและการอนุรักษ์น�้า
2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมใหออกมา น�้าเป็นสิ่งที่จ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์ในการท�ากิจกรรมต่าง ๆ
นําเสนอผลการทํากิจกรรมที่ 2 หนาชั้นเรียน เช่น ใช้ในการอุปโภคและบริโภค ใช้ในการคมนาคม ซึ่งน�้าในโลกส่วนมาก
โดยครูจับสลากเลือกหมายเลขกลุม จากนั้น เป็นน�้าเค็ม จึงท�าให้น�้าจืดในโลกที่มนุษย์สามารถน�ามาใช้ได้นั้นมีปริมาณ
ใหสงตัวแทนออกมานําเสนอตามลําดับ น้อยมาก ดังนั้น เราจึงควรใช้น�้าอย่างประหยัดและคุ้มค่า รวมทั้งร่วมกัน
3. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธี อนุรักษ์น�้าเพื่อป้องกันภาวะขาดแคลนน�้า
การใชนํ้าอยางประหยัดและวิธีการอนุรักษนํ้า
ภายในชั้นเรียน โดยมีครูคอยแนะนําสวนที่ ตัวอย่าง การใช้น�้าอย่างประหยัดและคุ้มค่า
บกพรอง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบไดจาก
หนังสือเรียน หนา 57 ลงในสมุดหรือทําใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ภาพที่ 6.10 น�าน�้าที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก เช่น ภาพที่ 6.11 ใช้ภาชนะรองน�้าขณะแปรงฟัน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) น�าน�้าสุดท้ายจากการซักผ้าไปรดต้นไม้ โดยไม่เปิดน�้าทิ้งไว้
58 การใช้นา�้ อย่างประหยัด
T68
นํา สอน สรุป ประเมิน
ตรวจสอบตนเอง
หลังเรียนจบบทนี้แล้ว ให้นักเรียนบอกสัญลักษณ์ที่ตรงกับระดับความสามารถของตนเอง
เกณฑ์
รายการ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
1. เข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องแหล่งน�้าเพื่อชีวิต
2. สามารถท�ากิจกรรมและอธิบายผลการท�ากิจกรรมได้
3. สามารถตอบค�าถามจากกิจกรรมหนูตอบได้ได้
4. ท�างานกลุ่มร่วมกับเพื่อนได้ดี
5. น�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้
59
T69
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
5. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษา สรุ ป สาระสํ า คั ญ ÊÃØ» ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
»ÃШíÒº··Õè 1
น้ ําใต้ดิน แม
่ น้ ํา บึ
ในหนังสือเรียนหนานี้ ท ะ เล ส า บ
ง
6. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ใหสรุปความรูที่ไดจาก ความชื้นในดิน
การศึกษาขอมูล แลวใหเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
น้ ําในสิ่งมีชีวิต
รวมกันเสริมในสวนที่บกพรอง
7. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 1 ความชื้นในบรรยากาศ
ม
สม ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวและน
ลงในสมุดหรือทําลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ทุ ร ้ ําแข็งใ
น้ ําเค็ม เ ช ต้ดิน
ป.5 เลม 2 แลวนํามาสงครูในชั่วโมงถัดไป ทะเล ่น
8. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมทาทายการคิด
ขัน้ สูง ลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
ล ่งน้ ําบนโลก ื เช
น่
น้ าํ จด
9. นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ กลุมละ แห
3-4 คน จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมชวยกัน
ทํากิจกรรมสรางสรรคผลงาน โดยใหนักเรียน
มฐ. ว 3.2 ป.5/1-ป.5/2
ศึ ก ษารายละเอี ย ดในกิ จ กรรมสร า งสรรค ผลลัพธ์
ผลงานจากหนังสือเรียน หนา 62 จากนั้น แหล่งนํ้ าเพื่อชีวิต
การ
ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ร ว มกั น ทํ า กิ จ กรรม ปลก
ู ปา่
พรอมทั้งนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน ตวั ั น้ ํา ้ ํา
ะหยด
อย
ารป ร ั ษน์
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
า่ งก
ารอน ก
ะก ารอนรุ ก
รุ ก
ั ษน
์ ้ าํ แ ล
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
น้ าํ
ิ ของ
ั น
้ าํ
ลพษ
ด
หย
ระ
ิ ม
ารป
ด
งก
รเก
า ตวั อยา่
งกนั ก
การปอ้
ปิดก
อ๊ กน้ าํ ให
ส้ นิทเมื่อไม่ใช้งาน
ห้ามทิ้งขยะ ใช
ภ้ าช
นะรอ
งน้ าํ ขณะแปรงฟัน
60
T70
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
¡Ôจ¡รรม º··ีè 1 ตรวจสอบผล
2. ขีด ✓ หน้าข้อความที่กล่าวเกี่ยวกับน�้าได้ถูกต้อง
................ 1) น�้าบนโลกร้อยละ 97.5 คือ แหล่งน�้าจืด
ใ น สมุด 2) น�้าบนโลกมีปริมาณของน�้าเค็มมากกว่าน�้าจืด
................
ลง ตัว) 3) แหล่งน�้าใต้ดินเป็นแหล่งน�้าที่มนุษย์สามารถน�ามาใช้ประโยชน์ได้
ทึก ................
บ( ัน ประจ�า
................ 4) การใช้ขันตักน�้าเพื่ออาบน�้าแทนการใช้ฝักบัวเป็นการใช้น�้าอย่างประหยัด
T71
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
ทักÉะแห่งศตวรรÉที่ 21
1. ครูประเมินผล จากการสังเกตพฤติกรรมการ ✓การสื่อสาร ✓ ความร่วมมือ ✓ การแก้ปัญหา
ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ✓การสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
พฤติกรรมการทํางานกลุม และจากการนํา ✓การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เสนอหนาชั้นเรียน ¡Ôจ¡รรม
2. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมที่ 2 เรื่อง คุณคา สร้างสรรคผลงาน
ของนํ้าในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร
ป.5 เลม 2 แบงกลุม กลุมละ 3-4 คน จากนั้นชวยกันออกแบบและ
3. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมหนู ต อบได ประดิษฐเครื่องกรองนํ้าเสีย เพื่อนํานํ้าเสียกลับมาใช ใหมได แลว
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 นําเสนอผลงานและแนวคิดในการประดิษฐหนาชั้นเรียน
เลม 2
4. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมสรุปความรู
ประจําบทที่ 1 ในสมุด
5. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมฝ ก ทั ก ษะ ตัวอย่าง ผลงานของ©ัน
บทที่ 1 ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร
ป.5 เลม 2
6. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทาทายการคิด ตัวอย่าง เครื่องกรองน�้าเสียของฉัน
ขั้นสูง ในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
7. ครู ต รวจชิ้ น งาน/ผลงานเครื่ อ งกรองนํ้ า เสี ย
และการนําเสนอชิ้นงาน/ผลงานจากการทํา น�้าสกปรก
กิจกรรมสรางสรรคผลงาน ทรายละเอียด
กรวดละเอียด
กรวดหยาบ
ถ่านละเอียด
ดินน�้ามัน ถ่านหยาบ
ส�าลี
62
ล้าดับที่ รายการประเมิน 3
(ดี)
ระดับคุณภาพ
2 1
(พอใช้) (ปรับปรุง)
1. การออกแบบชินงาน ชิ้นงานมีความถูกต้อง
ตามที่ออกแบบไว้
มีขนาดเหมาะสม
ชิ้นงานมีความถูกต้อง
ตามที่ออกแบบไว้
มีขนาดเหมาะสม
ชิ้นงานมีความถูกต้อง
ตามที่ออกแบบไว้
มีขนาดเหมาะสม
ตาราง
4. นําเสนอผลงานหนาชัน้ เรียนดวยวิธกี ารสือ่ สารทีห่ ลากหลาย เพือ่
1 การออกแบบชิ้นงาน รูปแบบน่าสนใจ รูปแบบน่าสนใจ รูปแบบน่าสนใจ
2 การเลือกใช้วัสดุเพื่อสร้างชิ้นงาน แปลกตา และสร้างสรรค์ และสร้างสรรค์
3 ความถูกต้องของชิ้นงาน 2. การเลือกใช้วัสดุเพื่อ เลือกใช้วัสดุมาสร้าง เลือกใช้วัสดุมาสร้าง เลือกใช้วัสดุมาสร้าง
ใหผูอื่นเขาใจผลงานไดดีขึ้น
4 การสร้างสรรค์ชิ้นงาน สร้างชินงาน ชิ้นงานตามที่กาหนดได้ ชิ้นงานตามที่กาหนดได้ ชิ้นงานไม่ตรงตามที่
5 กาหนดเวลาส่งงาน ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถูกต้อง และวัสดุมีความ กาหนด แต่วัสดุมีความ
รวม เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง
ชิ้นงานดีมาก ชิ้นงานดี ชิ้นงาน
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน 3. ความถูกต้องของ กรองน้าเสียได้ดีมาก กรองน้าเสียได้ดี กรองน้าเสียได้น้อยหรือ
............./.................../.............. ชินงาน ไม่ได้
4. การสร้างสรรค์ ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม
ชินงาน ดีมาก ดี น้อย
5. ก้าหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด
กาหนด 1-2 วัน เกิน 3 วันขึ้นไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่้ากว่า 8 ปรับปรุง
T72
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
fog
¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò
àÁ¦áÅÐËÁÍ¡
? ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹
Í‹ҧäÃ
river
63
T73
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
4. ครูใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน จากนั้นชวยกัน
ทํากิจกรรมนําสูการเรียน โดยวิเคราะหภาพ
¡Ôจ¡รรม
และข อ ความจากหนั ง สื อ เรี ย นหน า นี้ แล ว
น�าสู¡‹ ารเรีÂน
เขียนคําตอบลงในสมุดหรือทําลงในแบบฝกหัด ÇÔà¤ÃÒÐËÇ‹ÒᵋÅÐÀÒ¾ÁÕ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸¡Ñº¢ŒÍ¤ÇÒÁã¹¢ŒÍã´ à¾ÃÒÐÍÐäÃ
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 จากนั้นใหนําเสนอ
คําตอบหนาชั้นเรียนทีละคู เพื่ออภิปรายและ ก ข
สรุปคําตอบรวมกัน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
ค ง
1. ¤ÇÒÁª×é¹ã¹ÍÒ¡ÒȤǺṋ¹à»š¹Ë´¹íéÒà¡ÒÐÍÂÙ‹º¹¾×é¹¼ÔÇÇѵ¶Øã¡ÅŒ æ ¾×é¹´Ô¹
1
2. ä͹íéÒã¹ÍÒ¡ÒȤǺṋ¹à»š¹ÅÐÍͧ¹íéÒ áÅŒÇÅÐÍͧ¹íéÒà¡ÒСÅØ‹ÁÃÇÁ¡Ñ¹ÅÍÂÍÂÙ‹ã¡ÅŒ
¾×é¹´Ô¹ÁÒ¡
3. ä͹íéÒã¹ÍÒ¡ÒȤǺṋ¹à»š¹ÅÐÍͧ¹íéÒ áÅŒÇÅÐÍͧ¹íéÒ¨Ðà¡ÒСÅØ‹ÁÃÇÁ¡Ñ¹ÅÍÂÍÂÙ‹ÊÙ§¨Ò¡
¾×é¹´Ô¹ÁÒ¡
แนวตอบ กิจกรรมนําสูการเรียน 4. ä͹íéÒã¹ÍÒ¡ÒȤǺṋ¹à»š¹ÅÐÍͧ¹íéÒ áÅŒÇÅÐÍͧ¹íéÒà¡ÒСÅØ‹ÁÃÇÁ¡Ñ¹¨¹ÍÒ¡ÒȾÂاäÇŒ
1. สัมพันธกับภาพ ง äÁ‹äËÇ áŌǵ¡Å§ÁÒº¹¾×é¹âÅ¡
2. สัมพันธกับภาพ ก
64
3. สัมพันธกับภาพ ค
4. สัมพันธกับภาพ ข
T74
นํา สอน สรุป ประเมิน
65
T75
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
2. นักเรียนแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอนการ
ทํากิจกรรมที่ 1 เรือ่ ง กระบวนการเกิดเมฆและ
กÔ¨กÃÃม·ีè 1 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้
หมอก โดยศึกษาขั้นตอนการทํากิจกรรม จาก กระบวนการเกิดเมฆและหมอก 1. การวัด
2. การสังเกต
หนังสือเรียน หนา 66-67 3. การทดลอง
จุดประสงค 4. การตั้งสมมติฐาน
5. การสร้างแบบจ�าลอง
สร้างแบบจ�าลองและใช้แบบจ�าลองอธิบายและเปรียบเทียบ 6. การลงความเห็นจากข้อมูล
7. การก�าหนดและควบคุมตัวแปร
การเกิดเมฆและหมอก 8. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
9. การจัดกระท�าและสื่อความหมายข้อมูล
ตองเตรียมตองใช
1. น�้าแข็ง 1 แก้ว 7. ธูป 2 ดอก
2. น�้าร้อน 200 มิลลิลิตร 8. ไม้ขีดไฟ 1 กลัก
3. บีกเกอร์ขนาด 250 มิลลิลิตร 2 ใบ
4. กระบวกตวงขนาด 100 มิลลิลิตร 1 ใบ
5. แหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ อินเทอร์
1 เน็ต
6. จานกระเบื้องหรือกระจกนาฬิกา (ขนาดปิดปากบีกเกอร์ได้) 2 ใบ
ลองทําดู
1. แบ่งกลุ่ม จากนั้นร่วมกันตั้งสมมติฐานว่า การเกิดเมฆและหมอกแตกต่างกันหรือไม่
แล้วบันทึกลงในสมุด
2. สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดเมฆและหมอกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แล้วร่วมกัน
ออกแบบแบบจ�าลองการเกิดเมฆและหมอก โดยใช้อปุ กรณ์ทคี่ รูกา� หนดให้ จากนัน้ ร่วมกัน
แสดงความคิดเห็น ดังนี้
1) สิ่งใดบ้างที่มีผลท�าให้เกิดเมฆและหมอก (ตัวแปรต้น)
2) สิ่งใดบ้างที่เราจะต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงตลอดการทดลอง โดยใช้อุปกรณ์ข้างต้น
(ตัวแปรตาม)
3) นอกจากตัวแปรต้นแล้วสิ่งใดบ้างที่จะมีผลกระทบต่อการทดลอง ซึ่งอาจท�าให้ข้อมูล
คลาดเคลือ่ น จึงต้องควบคุมให้เหมือนกัน (ตัวแปรควบคุม)
66
T76
นํา สอน สรุป ประเมิน
เปรียบเทียบการเกิดเมฆและหมอก
การเกิดเมฆ การเกิดหมอก
เมฆ เกิดจากไอนํ้าที่อยูในอากาศ หมอก เกิ ด จากไอนํ้ า ในอากาศ
ควบแน น เป น ละอองนํ้ า ขนาดเล็ ก ควบแน น เป น ละอองนํ้ า ขนาดเล็ ก
เกาะกลุม กันลอยอยูส งู จากพืน้ ดินมาก เกาะกลุมกันลอยอยูใกลพื้นดิน
T77
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
4. นักเรียนแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอนการ
ทํากิจกรรมที่ 2 เรื่อง กระบวนการเกิดนํ้าคาง
กÔ¨กÃÃม·ีè 2 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้
และนํ้ า ค า งแข็ ง โดยศึ ก ษาขั้ น ตอนการทํ า กระบวนการเกิดนํา้ คางและนํา้ คางแข็ง 1. การสังเกต
2. การทดลอง
กิจกรรม จากหนังสือเรียน หนา 68-69 3. การตั้งสมมติฐาน
5. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 2 จุดประสงค 4. การสร้างแบบจ�าลอง
5. การลงความเห็นจากข้อมูล
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด สร้างแบบจ�าลองและใช้แบบจ�าลองอธิบายและเปรียบเทียบ 6. การก�าหนดและควบคุมตัวแปร
7. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 การเกิดน�้าค้างและน�้าค้างแข็ง 8. การจัดกระท�าและสื่อความหมายข้อมูล
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ตองเตรียมตองใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
1. เกลือ 1 ถุง 5. น�้าแข็ง 1 แก้ว
2. ช้อนโต๊ะ 1 คัน 6. แหล่งข้อมูล เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต
3. แก้วสแตนเลส 2 ใบ
4. บัตรภาพน�้าค้างและน�้าค้างแข็ง 1 ชุด (ครูเตรียมให้)
ลองทําดู
1. แบ่งกลุ่ม แล้วสังเกตบัตรภาพน�้าค้างและน�้าค้างแข็งที่ครูเตรียมไว้ และตั้งสมมติฐานว่า
น�้าค้างและน�้าค้างแข็งเกิดจากสาเหตุเดียวกันหรือไม่ จากนั้นบันทึกผลลงในสมุด
2. สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดน�้าค้างและน�้าค้างแข็งจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แล้ว
ร่วมกันออกแบบแบบจ�าลองการเกิดน�้าค้างและน�้าค้างแข็งโดยใช้อุปกรณ์ที่ครูก�าหนดให้
จากนั้นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ดังนี้
1) สิ่งใดบ้างที่จะมีผลท�าให้เกิดน�้าค้างและ
น�้าค้างแข็ง (ตัวแปรต้น)
2) สิง่ ใดบ้างทีเ่ ราต้องสังเกตการเปลีย่ นแปลง
ตลอดการทดลอง โดยใช้อุปกรณ์ข้างต้น
(ตัวแปรตาม)
3) นอกจากตัวแปรต้นแล้ว สิ่งใดบ้างที่จะ
มีผลกระทบต่อการทดลอง ซึ่งอาจท�าให้
ข้อมูลคลาดเคลื่อน จึงต้องควบคุมให้
เหมือนกัน (ตัวแปรควบคุม) ภาพที่ 6.20 สืบค้นข้อมูลการเกิดน�้าค้างและ
น�้าค้างแข็ง
68
T78
นํา สอน สรุป ประเมิน
แนวตอบ หนูตอบได
ขอ 3.
หนูตอบได
• นํ้ า ค า ง เพราะอุ ณ หภู มิ ตํ่ า สุ ด ของประเทศ
1. น�้าค้าง น�้าค้างแข็ง เมฆ และหมอก มีกระบวนการเกิดแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร สวนใหญสูงกวาจุดเยือกแข็ง จึงทําใหเกิดนํ้าคาง
2. นักเรียนคิดว่า เพราะเหตุใดในบางพื้นที่เกิดน�้าค้าง แต่บางพื้นที่เกิดน�้าค้างแข็ง ไดทุกจังหวัด ดังนั้น การเกิดนํ้าคางเปนเรื่องที่อยู
3. ถ้าครูให้นักเรียนเลือกน�าเสนอความรู้ระหว่างเรื่องน�้าค้างกับเรื่องน�้าค้างแข็ง นักเรียน ใกลตัวที่ทุกคนควรรู
จะเลือกน�าเสนอเรื่องใด เพราะเหตุใด • นํา้ คางแข็ง เพราะโอกาสในการเกิดนํา้ คางแข็ง
ในประเทศไทยมี น อ ย เนื่ อ งจากอุ ณ หภู มิ ตํ่ า สุ ด
(หมายเหตุ : คําถามขอสุดทายของหนูตอบได เปนคําถามที่ออกแบบใหผูเรียนฝกใชทักษะการคิดขั้นสูง 69 ของประเทศไทยสวนใหญสูงกวาจุดเยือกแข็ง ซึ่ง
คือ การคิดแบบใหเหตุผล และการคิดแบบโตแยง ซึ่งผูเรียนอาจเลือกตอบอยางใดอยางหนึ่งก็ได ใหครู นํ้าคางแข็งจะเกิดในอุณหภูมิตํ่ากวาจุดเยือกแข็ง
พิจารณาจากเหตุผลสนับสนุน)
นํ้าคางแข็งจึงเปนเรื่องที่สนใจ
T79
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. ครูถามคําถามนักเรียนเพิ่มเติม ดังนี้ แต่ละช่วงเวลาภายใน 1 วัน สภาพอากาศอาจแตกต่างกัน เช่น ช่วงเช้า
• จากการทดลอง เมื่อตั้งแกวสแตนเลสใส
นํ้าแข็งทิ้งไวสักครูจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
ท้องฟ้าแจ่มใส แต่ตอนบ่ายท้องฟ้ามีเมฆมาก มีลมแรง พอตอนเย็นมีเมฆมาก
อยางไร เพราะอะไรจึงเกิดการเปลีย่ นแปลง และฝนตก ซึ่งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ณ ที่เฉพาะแห่ง
เชนนั้น เหล่านี้ เรียกว่า ลมฟ้าอากาศ โดยปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศที่เกิดขึ้นในแต่ละ
(แนวตอบ เกิดหยดนํ้าเกาะที่บริเวณขางแกว ช่วงเวลานั้น มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสถานะของน�้า ซึ่งอากาศมีไอน�้า
สแตนเลส เนื่องจากไอนํ้าในอากาศกระทบ เป็นส่วนประกอบส�าคัญ ท�าให้เกิดปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศต่าง ๆ ดังนี้
กับความเย็นของแกวสแตนเลสใสนํ้าแข็ง
ทําใหควบแนนเปนหยดนํ้า) 1.1 เมฆ
• จากการทดลอง เมื่อนักเรียนใสเกลือลงใน เกิดจากไอน�้าในอากาศควบแน่นเป็นละอองน�้าขนาดเล็กจ�านวนมาก
แกวสแตนเลสที่มีนํ้าแข็ง และใชชอนคน โดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง ละอองเรณูของดอกไม้ เป็นอนุภาค
มี ก ารเปลี่ ย นแปลงอย า งไร เพราะอะไร แกนกลาง เมื่อละอองน�้าจ�านวนมากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่สูงจากพื้นดินมาก
จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเชนนั้น เรียกว่า เมฆ เมฆชนิดต่าง ๆ จะมีรูปร่างแตกต่างกันและอยู่ในระดับความสูงที่
(แนวตอบ หยดนํ้าขางนอกแกวสแตนเลส
กลายเปนหยดนํ้าแข็ง เพราะเกลือจะดูด
แตกต่างกัน ดังภาพ
ความรอนจากนํา้ แข็งทําใหอณ ุ หภูมลิ ดตํา่ ลง
12 กม.
มาก ทําใหหยดนํ้าเกิดการแข็งตัวกลายเปน
เซอรัส
หยดนํ้าแข็งได) เซอโรคิวมูลัส 10 กม.
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) เซอโรสตราตัส
8 กม.
อัลโตคิวมูลัส 6 กม.
อัลโตสตราตัส
4 กม.
T80
นํา สอน สรุป ประเมิน
นอกจากนี้ เมฆยังถูกใช้เป็นข้อมูลในการพยากรณ์ลมฟ้าอากาศในแต่ละวัน
เนือ่ งจากลักษณะรูปร่างของเมฆแต่ละชนิดมีความสัมพันธ์กบั สภาพลมฟ้าอากาศ
ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ที่ประจ�าอยู่ตามสถานีอวกาศทั่วโลกจะสังเกตลักษณะของ
เมฆในแต่ละวัน เพื่อน�ามาเป็นข้อมูลในการพยากรณ์สภาพอากาศ หน่วยงานที่
มีหน้าทีพ่ ยากรณ์อากาศของไทย1 และแจ้งข่าวเตือนภัยจากธรรมชาติให้ประชาชน
ได้ทราบ คือ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ภาพที่ 6.23 เมฆ
71
T81
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
4. นักเรียนแตละคนเขียนสรุปความรูท ไี่ ดจากการ ตัวอย่าง ลักษณะของเมฆชนิดต่าง ๆ
ศึกษาขอมูลลงในสมุดของตนเอง
5. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 4-5 คน แลวให
ออกมาชวยกันนําเสนอความรูที่ไดจากการ
ศึกษาขอมูล
6. ครูและนักเรียนทุกคนรวมกันปรบมือขอบคุณ
อาสาสมัคร
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ภาพที่ 6.24 เมฆเซอรัส (cirrus) เป็นริ้วคล้าย ภาพที่ 6.25 เมฆสตราตัส (stratus) เป็นแผ่น
ขนนก มักเกิดในวันที่อากาศดีมองเห็นท้องฟ้า คล้ายผ้าห่ม ทอดตัวใกล้กับพื้นผิวโลก มักเกิด
มีสีน�้าเงินเข้ม ในช่วงเช้าหรือหลังจากฝนตก
72
T82
นํา สอน สรุป ประเมิน
73
T83
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
ครูใหนักเรียนสรุปความรูจากการเรียนจนได
ข อ สรุ ป ร ว มกั น ว า เมฆ หมอก นํ้ า ค า ง และ
1.3 น�้าค้าง
นํ้ า ค า งแข็ ง มี ลั ก ษณะและกระบวนการเกิ ด เกิดจากเมื่ออากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินในเวลากลางคืนเย็นลงเร็วกว่าอากาศ
แตกตางกัน คือ บนท้องฟ้า จึงท�าให้ ไอน�้าควบแน่นเป็นละอองน�้าเกาะอยู่บนพื้นผิววัตถุใกล้ ๆ
• เมฆ มีลักษณะเปนกลุมกอนสีขาว เกิดจาก พื้นดิน เช่น เกาะอยู่บนใบหญ้า เมื่อถึงตอนเช้าตรู่ เราจะสังเกตเห็นละอองน�้า
ไอนํ้ า ในอากาศควบแน น เป น ละอองนํ้ า เกาะอยู่ตามใบหญ้าทั้งที่ไม่มีฝนตก ละอองน�้าเหล่านั้น คือ น�้าค้าง และหากมี
ขนาดเล็กจํานวนมาก โดยมีละอองลอยเปน น�้าค้างเกาะอยู่บนใยแมงมุมที่ขึงอยู่ตามต้นไม้ จะมีลักษณะเหมือนเพชรเม็ดเล็ก
อนุภาคแกนกลาง เมือ่ ละอองนํา้ จํานวนมาก
เกาะกลุมรวมตัวกันลอยอยูสูงจากพื้นดิน
ร้อยกันเป็นพวง
เรียกวา เมฆ ตัวอย่าง น�้าค้าง
• หมอก มีลักษณะคลายควันสีขาว เกิดจาก
ไอนํ้ า ในอากาศควบแน น เป น ละอองนํ้ า
ขนาดเล็กจํานวนมาก โดยมีละอองลอยเปน
อนุภาคแกนกลาง เมือ่ ละอองนํา้ จํานวนมาก
เกาะกลุมรวมกันลอยอยูใกลพื้นดิน เรียกวา
หมอก น�้าค้างเกาะอยู่บนใยแมงมุม
• นํ้าคาง มีลักษณะคลายละอองนํ้า เกิดจาก
ไอนํา้ ควบแนนเปนละอองนํา้ แลวเกาะอยูบ น
้า
• นํ้าคางแข็ง มีลักษณะคลายเกล็ดนํ้าแข็ง
างบ
74
T84
นํา สอน สรุป ประเมิน
น�้าค้างแข็งบนใบพืช
น�้าค้างแข็งบนใบพืช
à¡Ãç´ ÇԷ¹ҋ ÃÙŒ
ในชวงฤดูหนาวทางภาคเหนือของ
ประเทศไทยจะเกิ ด นํ้ า ค า งแข็ ง หรื อ ที่
เรียกวา เหมยขาบ (ภาษาเหนือ) หรือ
ภาพที่ 6.31 ตัวอย่างน�้าค้างแข็ง แมคะนิ้ง (ภาษาอีสาน) บนยอดดอยสูง ๆ
(ที่มาภาพ : https://pixabay.com) ทําใหมีนักทองเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชม
เปนจํานวนมาก
75
T85
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
1. นักเรียนศึกษาขอมูลและดูภาพในหนังสือเรียน
หนานี้ จากนั้นรวมกันแสดงความคิดเห็นวา
2. หÂำดน�้ำฟ้ำ
เคยเห็นหยาดนํ้าฟาในภาพใดบาง ฝน หิมะ และลูกเห็บ เป็นสิ่งที่ตกลงมาจากฟ้าถึงพื้นดิน เราเรียกว่า
2. ครูถามคําถามเพื่อกระตุนนักเรียนกอนเขาสู หยาดน�้าฟ้า ซึ่งเป็นน�้าที่มีสถานะต่าง ๆ โดยฝนเป็นหยาดน�้าฟ้าที่มีสถานะเป็น
เนื้อหาวา ฝน หิมะ และลูกเห็บ เกิดขึ้นได ของเหลว ส่วนหิมะและลูกเห็บเป็นหยาดน�้าฟ้าที่มีสถานะเป็นของแข็ง ส่วนเมฆ
อยางไร จากนั้นครูใหนักเรียนรวมกันแสดง หมอก น�้าค้าง และน�้าค้างแข็ง ไม่เป็นหยาดน�้าฟ้า เนื่องจากเมฆไม่ได้ตกลงมา
ความคิดเห็นอยางอิสระในการตอบคําถาม
(แนวตอบ
ถึงพื้นดิน ส่วนหมอก น�้าค้าง และน�้าค้างแข็ง ไม่ได้เกิดจากการตกลงมาจากฟ้า
ฝน เกิดจากไอนํ้าในอากาศควบแนนเปน หิมะตก หิมะ
ละอองนํ้าขนาดเล็ก โดยมีละอองลอย เชน
ฝุน ละออง เปนอนุภาคแกนกลาง เมือ่ ละอองนํา้
จํานวนมากเกาะกลุมรวมตัวกันจนอากาศไม
สามารถพยุงไวได จึงตกลงสูพ นื้ โลกในสถานะ
ที่เปนของเหลว
หิมะ เกิดจากไอนํ้าในอากาศระเหิดกลับ
เปนผลึกนํา้ แข็ง จากนัน้ รวมตัวกันจนหนักมาก ลูกเห็บตก ลูกเห็บ
และตกลงพื้นโลกในเขตอากาศเย็น
ลูกเห็บ เกิดจากหยดนํา้ ทีเ่ ปลีย่ นเปนนํา้ แข็ง
แลวถูกพายุพัดวนในเมฆฝนฟาคะนอง จน
ทําใหหยดนํ้ากลายเปนกอนนํ้าแข็ง แลวตกลง
พื้นโลก)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ฝน ภาพที่ 6.32 ตัวอย่างฝน หิมะ และลูกเห็บ
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
76
ลูกเห็บ ลูกเห็บ
T86
นํา สอน สรุป ประเมิน
T87
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
1. ครูจับสลากเลือกลําดับของแตละกลุมเพื่อให
แตละกลุมออกมานําเสนอผลการทํากิจกรรม
เพื่อตรวจสอบความรูของนักเรียนหลังการทํา ตอนที่ 2
กิจกรรมที่ 3 การเกิดหยาดนํ้าฟา
1. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ แล้วบันทึกผล
2. แตละกลุม สงตัวแทนออกมานําเสนอผลการทํา
2. น�าข้อมูลทีไ่ ด้มาเขียนเป็นแผนผัง แผนภาพ หรืออืน่ ๆ เพือ่ เปรียบเทียบกระบวนการเกิดฝน
กิจกรรมหนาชั้นเรียนทีละกลุม
หิมะ และลูกเห็บ ลงในกระดาษแข็งแผ่นใหญ่ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
3. นั ก เรี ย นทุ ก กลุ ม ร ว มกั น อภิ ป รายผลการทํ า
3. น�าเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน จากนัน้ ร่วมกันอภิปรายและสรุปเกีย่ วกับกระบวนการเกิดฝน
กิจกรรมที่ 3 จนไดขอสรุปวา
หิมะ และลูกเห็บ ภายในชั้นเรียน
• ฝน เกิดจากไอนํ้าในอากาศควบแนนเปน
ละอองนํ้ า ขนาดเล็ ก จํ า นวนมาก โดยมี
ละอองลอย เชน ฝุนละออง เปนอนุภาค กระบวนการเกิดหิมะ
แกนกลาง เมื่อละอองนํ้าจํานวนมากเกาะ
กลุมรวมกันจนอากาศไมสามารถพยุงไวได
จึงตกลงสูพ นื้ โลกในลักษณะทีเ่ ปนของเหลว
• หิมะ เกิดจากไอนํา้ ในอากาศระเหิดกลับเปน
ผลึกนํ้าแข็ง จากนั้นรวมตัวกันจนหนักมาก
และตกลงพื้นโลกในเขตอากาศเย็น
• ลูกเห็บ เกิดจากหยดนํา้ ทีเ่ ปลีย่ นเปนนํา้ แข็ง
แลวถูกพายุพัดวนในเมฆฝนฟาคะนอง จน
หยดนํ้ากลายเปนกอนนํ้าแข็ง แลวตกลงพื้น
โลก
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ภาพที่ 6.34 น�าเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
หนูตอบได
1. หยาดน�้าฟ้าคืออะไร อธิบายมาพอสังเขป
แนวตอบ หนูตอบได 2. ฝน หิมะ และลูกเห็บมีลักษณะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
ขอ 3. 3. หากในประเทศไทยมีหิมะเกิดขึ้นและตกเป็นจ�านวนมาก นักเรียนคิดว่าจะก่อให้เกิดผลดี
• ผลดี เพราะสามารถทําใหเปนแหลงทองเที่ยว หรือผลเสีย เพราะเหตุใด
ได
• ผลเสีย เพราะหากหิมะตกในจํานวนมากเกิน 78 (หมายเหตุ : คําถามขอสุดทายของหนูตอบได เปนคําถามที่ออกแบบใหผูเรียนฝกใชทักษะการคิดขั้นสูง
ไป อาจทําใหปดเสนทางการจราจร และอาจทําให คือ การคิดแบบใหเหตุผล และการคิดแบบโตแยง ซึ่งผูเรียนอาจเลือกตอบอยางใดอยางหนึ่งก็ได ใหครู
พิจารณาจากเหตุผลสนับสนุน)
พืชผลทางการเกษตรเสียหายได
T88
นํา สอน สรุป ประเมิน
T89
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
3. ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ศึ ก ษาข อ มู ล จากสื่ อ แผนภาพ แสดงกระบวนการเกิดฝน
ดิจิทัลเพิ่มเติมในหนังสือเรียนหนานี้ โดยให
ใช โ ทรศั พ ท มื อ ถื อ สแกน QR Code เรื่ อ ง การเกิดฝน 1 เม็ด ต้องอาศัยละอองน�้าในเมฆนับล้านละอองรวมตัวกัน
กระบวนการเกิดฝน แลวรวมกันสรุปความรู ซึ่งกระบวนการเกิดฝนมีขั้นตอน ดังนี้
ที่ไดจากการศึกษาภายในกลุม
เมฆ
2. เมื่อไอน�้าในอากาศเจออากาศเย็น
ไอน�้า
จะควบแน่นเป็นละอองน�า้ เล็ก ๆ จากนัน้
ละอองน�้าจะเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็น
ไอน�้า
ก้อนเมฆ
ไอน�้า
ไอน�้า
ไอน�้า
ไอน�้า
ไอน�้า
ไอน�้า
T90
นํา สอน สรุป ประเมิน
รุงกินนํ้า
การเกิดรุง
www.aksorn.com/interactive3D/RK561 T91
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
5. ครูใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน 2.2 หิมะ
6. ครูถามคําถามทาทายการคิดขัน้ สูงกับนักเรียน
จากหนังสือเรียน หนา 84 วา นักเรียนคิดวา
เกิดจากไอน�้าในอากาศระเหิดกลับเป็นผลึกน�้าแข็ง แล้วรวมตัวกันจนมี
การเกิดลูกเห็บมีผลตอสิ่งมีชีวิตตางๆ หรือไม น�้าหนักมากขึ้นเกินกว่าอากาศจะพยุงไว้ จึงตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก
อย า งไร โดยครู ใ ห นั ก เรี ย นแต ล ะคนเขี ย น โดยในเขตอากาศเย็นหิมะจะตกมาถึงพื้น แต่ในเขตอากาศร้อนหิมะจะเกิดการ
คําตอบของตนเองลงในสมุด หลอมเหลวเปลี่ยนสถานะกลายเป็นของเหลว หรือกลายเป็นฝนก่อนตกถึงพื้น
(แนวตอบ มีผล เพราะลูกเห็บอาจกอใหเกิด หิมะมีลักษณะเป็นผลึกสวยงาม จะพบในประเทศที่มีอุณหภูมิของอากาศ
อันตรายตอสิ่งมีชีวิตตางๆ ได)
7. ให นั ก เรี ย นแต ล ะคนนํ า คํ า ตอบมาร ว มกั น
ลดลงต�่ากว่า 0 องศาเซลเซียส และเมื่อหิมะตกลงบนพื้นโลกที่มีความเย็น
อภิปรายภายในคูของตนเองจนไดคําตอบที่ จึีงยังแข็งตัวอยู่ ท�าให้สามารถน�ามาปันเป็นตุ๊กตาหิมะเล่นได้
ถูกตองที่สุด ภาพที่ 6.39 การน�าหิมะมาปันเป็นตุ๊กตาหิมะ
8. ครูสุมตัวแทน 4-5 คู ใหออกมาเฉลยคําตอบ
หน า ชั้ น เรี ย น โดยมี ค รู ค อยแนะนํ า ส ว นที่
บกพรอง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
ธารนํ้าแข็ง
T92
นํา สอน สรุป ประเมิน
3. เมื่อผลึกน�้าแข็งตกลงมาบน
ไอน�้า
โลกจะไม่ละลายจึงกลายเป็นหิมะ
T93
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมที่ 3 เรื่อง การ 2.3 ลูกเห็บ
เกิ ด หยาดนํ้ า ฟ า ในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
เกิ ด จากหยดน�้ า ที่ เ ปลี่ ย นสถานะเป็ น น�้ า แข็ ง แล้ ว ถู ก พายุ พั ด วน
2. ครูตรวจผลการทําแผนภาพการเปรียบเทียบ ซ�้ า ไปมาในเมฆฝนฟ้ า คะนองที่ มี ข นาดใหญ่ แ ละอยู ่ ใ นระดั บ สู ง จนหยดน�้ า
การเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ กลายเป็นก้อนน�้าแข็งขนาดใหญ่ขึ้นแล้วตกลงมาเป็นลูกเห็บ ลูกเห็บมีลักษณะ
3. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมหนู ต อบได เป็นก้อนคล้ายกับก้อนน�้าแข็ง บางก้อนมีน�้าหนักเกือบ 2 กิโลกรัม จนอาจก่อ
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 ให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือ
เลม 2
พืชผลทางการเกษตรได้
ตัวอย่าง ลูกเห็บ
84
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............./.................../..............
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ............./.................../..............
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
14-15 ดีมาก
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-13 ดี
14-15 ดีมาก
8-10 พอใช้
11-13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 8-10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
T94
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
3. วั¯¨ักÃน�้ำ 1. นักเรียนศึกษาขอมูลและดูภาพในหนังสือเรียน
หนานี้
น�้าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส�าคัญต่อสิ่งมีชีวิต พื้นผิวโลกประมาณ 3 2. ครูถามคําถามเพื่อกระตุนนักเรียนกอนเขาสู
ใน 4 ส่วน เป็นพื้นน�้า น�้าจากฟ้าที่ตกลงมาสู่พื้นผิวโลก จะถูกกักเก็บในแหล่งน�้า เนื้อหาวา นักเรียนคิดวา แหลงนํ้าตางๆ มี
ผิวดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร แม่น�้า ล�าธาร ทะเลสาบ บึง คลอง ซึ่งน�้าผิวดิน ความสํ า คั ญ ต อ การเกิ ด วั ฏ จั ก รนํ้ า หรื อ ไม
บางส่วนจะไหลลงสู่ใต้ดินแล้วกลายเป็นแหล่งน�้าใต้ดิน และยังมีส่วนที่ระเหย อยางไร จากนั้นครูใหนักเรียนรวมกันแสดง
กลายเป็นไอน�้าขึ้นไปในบรรยากาศอีกด้วย เราจะพบว่าน�้าจากแหล่งน�้าต่าง ๆ ความคิดเห็นอยางอิสระในการตอบคําถาม
(แนวตอบ แหลงนํ้าตางๆ มีความสําคัญตอการ
ทั้งบนดิน ใต้ดิน และในบรรยากาศ จะมีการหมุนเวียนของน�้าอยู่ตลอดเวลาหรือ เกิดวัฏจักรนํ้า เพราะวัฏจักรนํ้าเกิดมาจาก
ที่เรียกว่า วัฏจักรน�้า แหลงนํา้ ทีไ่ ดรบั ความรอนจากแสงอาทิตย แลว
ภาพที่ 6.42 แหล่งน�้าตามธรรมชาติ ระเหยเปนไอนํา้ ลอยขึน้ ไปในอากาศ เมือ่ ไอนํา้
ควบแนนเปนละอองนํ้าขนาดเล็ก และรวมตัว
เปนเมฆ เมือ่ ละอองนํา้ ในเมฆมีจาํ นวนมากขึน้
จนอากาศไมสามารถรับนํ้าหนักหรือพยุงไวได
จะตกลงมาเปนฝน จากนั้นนํ้าฝนไหลกลับสู
แหลงนํา้ ตางๆ หรือซึมลงใตดนิ และเมือ่ นํา้ จาก
แหลงนํา้ ตางๆ ไดรบั ความรอนจากแสงอาทิตย
ก็จะระเหยกลายเปนไอนํา้ ลอยขึน้ ไปในอากาศ
และจะตกลงมาเปนฝนอีก หมุนวนเวียนเชนนี้
ไมสิ้นสุด)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò áËÅ‹§¹íéÒµ‹Ò§ æ
ÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¡ÒÃà¡Ô´Çѯ¨Ñ¡Ã¹íéÒ
ËÃ×ÍäÁ‹ Í‹ҧäÃ
85
เกร็ดแนะครู
ครูอาจกระตุนนักเรียน โดยการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม เชน ใหนักเรียนดู
แผนภาพการเกิดวัฏจักรนํ้า แลวตั้งคําถามถามนักเรียน เพื่อใหนักเรียนชวยกัน
ตอบคําถามอยางอิสระ เชน
• นักเรียนรูหรือไมวา แผนภาพนี้คือแผนภาพการเกิดอะไร
• นักเรียนคิดวา มีปจจัยใดบางที่ทําใหเกิดวัฏจักรนํ้า
T95
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. ครูแบงกลุมใหนักเรียน กลุมละ 3-4 คน
2. นักเรียนแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอนการ
¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè 4 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรที่ใช
ทํากิจกรรมที่ 4 เรื่อง วัฏจักรนํ้า โดยศึกษา วัฏจักรนํ้า 1. การสังเกต
2. การทดลอง
ขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน หนา 3. การตั้งสมมติฐาน
86-87 จุดประสงค 4. การสรางแบบจําลอง
5. การลงความเห็นจากขอมูล
3. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 4 สรางแบบจําลองและใชแบบจําลองอธิบายการเกิดวัฏจักรนํ้า 6. การตีความหมายขอมูลและลงขอสรุป
7. การจัดกระทําและสื่อความหมายขอมูล
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด ตองเตรียมตองใช
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช 1. หนังยาง 1 ถุง 7. นํ้า 2 ขวด
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) 2. ถุงพลาสติกใส 1 ใบ 8. นํ้าแข็ง 1 ถุง
3. กลองพลาสติกใสใบเล็ก 1 ใบ 9. สีไม 1 กลอง
อธิบายความรู 4. กลองพลาสติกใสใบใหญ 1 ใบ 10. ดินทราย 1 ถุง
1. นักเรียนแตละกลุม รวมกันอภิปรายและสรุปผล 5. กระดาษแข็งแผนใหญ 1 แผน 11. ดินเหนียว 1 ถุง
จากการทํากิจกรรมภายในกลุม 6. แหลงขอมูล เชน หนังสือ อินเทอรเน็ต
2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ
แบบจํ า ลองการเกิ ด วั ฏ จั ก รนํ้ า หน า ชั้ น เรี ย น ลองทําดู µÍ¹·Õè 1
โดยครูสุมจับสลากเลือกนักเรียนทีละกลุม 1. แบงกลุม จากนัน้ ชวยกันสืบคนขอมูลเกีย่ วกับการเกิดและปจจัยทีม่ ผี ลตอการเกิดวัฏจักรนํา้
แลวบันทึกผลลงในสมุด
2. รวมกันแสดงความคิดเห็น จากนั้นนําขอมูลมาเขียนแผนภาพแสดงการเกิดวัฏจักรนํ้า
ลงในกระดาษแข็งแผนใหญ พรอมตกแตงใหสวยงาม
3. นําเสนอแผนภาพแสดงการเกิดวัฏจักรนํ้าหนาชั้นเรียน
µÍ¹·Õè 2
1. รวมกันตั้งสมมติฐานวา วัฏจักรนํ้าเกิดขึ้นได
อยางไร
2. ทํ า การทดลองเพื่ อ ตรวจสอบสมมติ ฐ าน
โดยใส ดิ น เหนี ย วลงในกล อ งพลาสติ ก ใส
ดินทราย
ใบใหญตรงกลางกลอง โดยปน ใหดนิ เหนียวมี
ลักษณะเปนภูเขาสูงขึน้ มาเกือบถึงปากกลอง
ภาพที่ 6.43 ปนดินเหนียวใหมี
ลักษณะเปนภูเขา
86
T96
นํา สอน สรุป ประเมิน
เฉลย ผลการทํากิจกรรมที่ 4
ตาราง บันทึกผลการทํากิจกรรม (ตอนที่ 2)
แบบจําลอง ผลการสังเกต
มีหยดนํ้าเกิดขึ้นบริเวณกนถุง
พลาสติก และมีนํ้าอยูภายใน
กลองพลาสติกใสใบเล็ก
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก การเปลี่ยนสถานะของนํ้าทําใหเกิดการหมุนเวียนจนเกิดเปนวัฏจักรนํ้า
หนังสือเรียน หนา 87 ลงในสมุดหรือทําลงใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
โดยเริ่มจากเมื่อนํ้าจากแหลงนํ้าตาง ๆ เชน มหาสมุทร ทะเล แมนํ้า ไดรับ
2. นักเรียนทุกคนชวยกันศึกษาขอมูลเกี่ยวกับ ความรอนจากแสงอาทิตย แลวระเหยกลายเปนไอนํ้าลอยขึ้นไปในอากาศ
วัฏจักรนํ้า จากหนังสือเรียน หนา 88-90 และ เมื่อไอนํ้าไปกระทบกับความเย็นในอากาศจะควบแนนกลายเปนละอองนํ้าเล็ก ๆ
ศึกษาขอมูลจาก PowerPoint เรื่อง วัฏจักรนํ้า รวมตัวกันเปนเมฆ เมื่อละอองนํ้าในเมฆมีจํานวนมากขึ้นจนอากาศไมสามารถ
จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียน 4-5 คน ให รับนํ้าหนักไดจะตกลงเปนฝน ซึ่งบางสวนจะระเหยกลับสูบรรยากาศ บางสวน
สรุปเนื้อหาที่ศึกษาใหเพื่อนในชั้นเรียนฟง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ไหลลงสูแหลงนํ้าตามธรรมชาติหรือซึมลงใตดิน บางสวนมนุษย สัตว หรือพืช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) นํานํ้าไปใชในการบริโภคหรืออุปโภค และนํ้าจากแหลงตาง ๆ ก็จะระเหยกลาย
เปนไอนํ้าขึ้นไปในอากาศ และจะตกลงมาเปนฝนอีก หมุนวนเวียนกันอยูเชนนี้
ไมสิ้นสุด ปรากฏการณดังกลาวนี้ เรียกวา วัฏจักรนํ้า
ไอนํ้า
ไอนํ้า
ไอนํ้า
ไอนํ้า
ไอนํ้า
88
T98
นํา สอน สรุป ประเมิน
ไอน�้า
1. น�้าในแหล่งน�้าได้รับความร้อน
จากแสงอาทิตย์ แล้วระเหยเป็น 4. น�้าฝนไหลกลับสู่แหล่งน�้าต่าง ๆ
ไอน�้าลอยขึ้นไปในอากาศ หรือซึมลงใต้ดิน
89
T99
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
6. นักเรียนแตละคนเขียนสรุปความรูเ กีย่ วกับเรือ่ ง ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดวัฏจักรน�้ามีหลายประการ ดังนี้
ที่ไดเรียนมาจากบทที่ 2 ในรูปแบบตางๆ เชน
แผนผังความคิด แผนภาพลงในสมุด 1. ความร้อน 2. ลม 2. ป่าไม้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช เมื่ อ น�้ า ได้ รั บ ความร้ อ น ถ้ า น�้ า ในแหล่ ง น�้ า ระเหย บริเวณป่าไม้จะมีการสะสม
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) จากแสงอาทิ ต ย์ จ ะเปลี่ ย น กลายเป็ น ไอน�้ า และลอยขึ้ น น�้าไว้ในปริมาณมาก เพราะ
สถานะกลายเป็นไอน�้า เมื่อ ไปในอากาศ จะท�าให้อากาศ ต้นไม้ช่วยชะลอการไหลของ
ไอน�้ากระทบความเย็นจะคาย มีไอน�้าจ�านวนมาก และเมื่อ น�้าฝน ท�าให้พื้นดินดูดซับน�้า
ความร้อน แล้วเปลี่ยนสถานะ มีลมพัดไอน�้าไปยังบริเวณอื่น ได้ดี จึงมีปริมาณน�า้ ใต้ดนิ มาก
กลายเป็นของเหลว คือ น�้า น�้ า ในแหล่ ง น�้ า ก็ จ ะระเหยได้ เกิดเป็นแหล่งต้นน�้าล�าธาร
มากขึ้น
1. เข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ
2. สามารถท�ากิจกรรมและอธิบายผลการท�ากิจกรรมได้
3. สามารถตอบค�าถามจากกิจกรรมหนูตอบได้ได้
4. ท�างานกลุ่มร่วมกับเพื่อนได้ดี
5. น�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้
90
ปาไม
T100
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ÊÃØ» ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
»ÃШíÒº··Õè 2 ขยายความเขาใจ
7. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษา สรุ ป สาระสํ า คั ญ
ในหนังสือเรียนหนานี้
เกิดจากไอนํ้ าควบแน่ นเป็น
ละอองนํ้ าเกาะอยู่บนพื้นผิว
8. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ใหสรุปความรูที่ไดจาก
หมอก การ
เกิด ของวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ พื้นดิน การศึกษาขอมูล จากหนังสือเรียนหนานี้ แลว
เมฆ ไอน�้า
หม ใหเพื่อนๆ ในชั้นเรียนรวมกันเสริมในสวนที่
อ
คา้ ง
บกพรอง
ก
ไอน�้า
แม่น�้า
น้ าํ
การเกิดเมฆ รเ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
กดิ
กา
แม่น�้า แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
เกิดจากไอนํ้ าควบแน่ น
ก
ฆ หมอ ้ าํ คา้ งแขง็ เป็นละอองนํ้ าเกาะอยูบ ่ น
เม ง และน พื้นผิววัตถุในบริเวณที่มี
คา้ อุ ณ หภู มิ ใ กล้ พ้ื น ดิ น ตํ่ า
น้ าํ กว่าจุดเยือกแข็ง
การ
ิ น้ าํ คา้ งแขง็
เกด
ลมฟ้าอากาศ
เก
ดิ ว
ไอน�้า
ฝน
ฏั จก
ั รน้ าํ
แม่น�้า
การ
เกด
ิ ฝน หยาดน้ าํ ฟา้
ฝน
เมฆ
หิมะ
การเ
กิด กด
ิ ลูกเห็ บ
รเ
กา
ไอน�้า
91
T101
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
¡Ôจ¡รรม º··ีè 2
9. แตละคนทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 2 จาก
หนังสือเรียน หนา 92-94 เปนการบาน โดย
½ƒ¡ทÑ¡Éะ
ทําลงในสมุดหรือลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร 1. ตอบค�าถามต่อไปนี้
ป.5 เลม 2 แลวนํามาสงครูในชั่วโมงถัดไป 1) ฝนจัดเป็นหยาดน�้าฟ้าหรือไม่ เพราะเหตุใด
2) การเกิดน�้าค้างและน�้าค้างแข็งแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
3) น�้าค้างแข็งส่งผลต่อการด�าเนินชีวิตประจ�าวันหรือไม่ อย่างไร
4) จากการศึกษาเรื่องการเกิดเมฆสรุปได้ว่า เมฆเกิดขึ้นได้อย่างไร
5) “น�า้ และน�า้ ค้างแข็งถูกจัดเป็นหยาดน�า้ ฟ้า” จากข้อความนักเรียนเห็นด้วยหรือไม่
เพราะเหตุใด
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ 2. ดูภาพ แล้วอธิบายการเกิดมาพอสังเขป
ขอ 1.
1) ฝนเปนหยาดนํ้าฟา เพราะฝนตกจากฟาลง 1 2
มาสูพื้นโลกในสถานะของเหลว
2) แตกต า งกั น เพราะนํ้ า ค า งเกิ ด จากไอนํ้ า
ควบแนนเปนละอองนํ้าเกาะอยูบนพื้นผิวของวัตถุ
ที่อยูใกลๆ พื้นดิน สวนนํ้าคางแข็งเกิดจากไอนํ้า
ควบแน น เป น ละอองนํ้ า เกาะอยู บ นพื้ น ผิ ว วั ต ถุ ที่ เมฆ หมอก
อยูใกลๆ พื้นดินในบริเวณที่มีอุณหภูมิใกลพื้นดิน
ตํ่ากวาจุดเยือกแข็ง
3) มี เพราะหากเกิดนํ้าคางแข็งเปนเวลานาน
3 4
อาจสงผลทําใหพืชผลทางการเกษตรเสียหาย เชน
หยุดการเจริญเติบโต มีใบหงิกงอ ใบแหงและรวง
4) เมฆ เกิดจากไอนํ้าในอากาศควบแนนเปน
ละอองนํ้าขนาดเล็กจํานวนมาก โดยมีละอองลอย
เชน เกลือ ฝุนละออง เปนอนุภาคแกนกลาง เมื่อ น�้าค้างเกาะบนใยแมงมุม น�้าค้างแข็งบนใบไม้
ละอองนํ้าจํานวนมากเกาะกลุมรวมกันลอยอยูสูง (ที่มาภาพ : https://pixabay.com)
จากพื้นดิน
5) ไมเห็นดวย เพราะนํ้าและนํ้าคางแข็งไมใช
92
หยาดนํ้าฟา เนื่องจากไมไดตกลงมาจากฟา สวน
นํ้าฝน หิมะ และลูกเห็บถูกจัดเปนหยาดนํ้าฟา
T102
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
10. ใหแตละคนทํากิจกรรมทาทายการคิดขั้นสูง
3. ขีด ✓ หน้าข้อความที่กล่าวถูก และกา ✗ หน้าข้อความที่กล่าวผิด ลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
....................... 1) ลูกเห็บอาจท�าให้ทรัพย์สินเสียหายได้
11. นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ กลุมละ
3-4 คน แลวนักเรียนแตละกลุมชวยกันทํา
....................... 2) หยาดน�้าฟ้าทุกชนิดมีลักษณะเป็นของแข็ง
กิจกรรมสรางสรรคผลงาน โดยใหนักเรียน
....................... 3) หมอกหนาจัดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ
ศึ ก ษารายละเอี ย ดในกิ จ กรรมสร า งสรรค
....................... 4) เมฆคิวมูโลนิมบัสท�าให้เกิดพายุและฝนฟ้าคะนอง
ผลงาน จากหนังสือเรียน หนา 95 จากนั้น
น
ลงใ ตัว) 5) เมฆนิมโบสตราตัสและเมฆคิวมูลัสเป็นเมฆชั้นกลาง
ึก....................... ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ร ว มกั น ทํ า กิ จ กรรม
ท จ�า
(บัน .......................
ประ 6) เมื่อน�้าได้รับความร้อนจะเกิดการระเหยเป็นไอน�้าเล็ก ๆ พรอมทั้งนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
สม ด
ุ
....................... 7) น�้าค้างแข็งมีชื่อในภาษาถิ่นทางภาคเหนือว่า “แม่คะนิ้ง” 12. นั ก เรี ย นทํ า ทบทวนท า ยหน ว ยการเรี ย นรู
....................... 8) ละอองน�้าที่เกาะอยู่บนพื้นผิววัตถุใกล้ ๆ พื้นดิน คือ น�้าค้าง ที่ 6 แหลงนํา้ และลมฟาอากาศ ในแบบฝกหัด
....................... 9) การเกิดฝนมีกระบวนการเหมือนการเกิดหยดน�้าบนฝาหม้อหุงข้าว วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
.................. 10) ในเขตอากาศร้ อ น หิ ม ะจะหลอมเหลวกลายเป็ น ของเหลวก่ อ นตก
13. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อ
ถึงพื้นโลก ตรวจสอบความรูที่ไดจากการเรียนในหนวย
การเรียนรูที่ 6 แหลงนํ้าและลมฟาอากาศ
4. จับคู่ตัวอักษรด้านขวามือกับข้อความด้านซ้ายมือให้สัมพันธ์กัน
1) มองเห็นเป็นละอองน�้าที่เกาะอยู่ตามใบไม้ ใบหญ้า
บริเวณใกล้พื้นดินทั้ง ๆ ที่ไม่มีฝนตก ก. ฝน
2) เป็นหยาดน�้าฟ้าที่อยู่ในสถานะของเหลว เกิดจาก ข. หิมะ
ละอองน�้าที่อยู่ในเมฆรวมตัวกันจนตกลงสู่พื้นโลก ค. เมฆ
3) เกิดจากไอน�้าในอากาศระเหิดกลับเป็นผลึกน�้าแข็ง
จากนัน้ รวมตัวกันจนมีนา�้ หนักมาก แล้วตกลงสูพ่ นื้ ง. หมอก
4) เกิดจากไอน�า้ ในอากาศควบแน่นเป็นละอองน�า้ เล็ก ๆ จ. น�้าค้าง
แล้วละอองน�า้ เกาะกันลอยอยูส่ งู จากพืน้ ดินมาก ฉ. ลูกเห็บ
5) เกิดจากหยดน�้าเปลี่ยนเป็นน�้าแข็ง แล้วถูกพายุพัด แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ
วนซ�า้ ไปซ�า้ มาในเมฆฝนฟ้าคะนอง จนน�า้ กลายเป็น ช. น�้าค้างแข็ง
ขอ 3.
น�้าแข็ง แล้วตกลงสู่พื้นโลก 1) ✓ 2) ✗ 3) ✓ 4) ✓ 5) ✗
6) ✓ 7) ✗ 8) ✓ 9) ✓ 10) ✓
93
ขอ 4.
1) จ 2) ก 3) ข 4) ค 5) ฉ
4. นํ้าคางแข็ง
ค้าชีแจง : ให้นักเรียนเลือกค้าตอบที่ถูกต้ องที่สุดเพียงข้อเดี ยว
1. ข้อใดคือแหล่งน้้าที่มนุษย์ไม่สามารถน้ามาอุปโภคและ 6. ลักษณะอากาศในข้อใดท้าให้แหล่งน้้าตามธรรมชาติระเหยได้เร็ว
บริโภคได้ ที่สุด
1) มหาสมุทร 1) ฝนตก
2) ล้าธาร 2) มีหมอก
แลวถูกพายุพัดวนในเมฆฝนฟาคะนอง จนหยดนํ้ากลายเปนกอน
2) ช่วยให้ไอน้้ากลายเป็นหยดน้้าเร็วขึ้น 2) ทะเล
3) ช่วยให้ไอน้้าควบแน่นกลายเป็นหยดน้้า 3) น้้าบาดาล
4) ช่วยพัดพาไอน้้าในอากาศไป ท้าให้น้าระเหยได้เร็วขึ้น 4) มหาสมุทร
3. เมื่อไอน้้ากระทบความเย็นจะเกิดการเปลีย่ นแปลงอย่างไร 8. ปรากฏการณ์ใดที่มีสถานะเป็นของแข็ง
1) ลอยขึ้นไปในอากาศ 1) เมฆ
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
2) ออฟปิดก๊อกน้้าให้สนิทหลังใช้งาน 2) เมฆเป็นละอองน้้า หมอกเป็นไอน้้า
3) แหวนอาบน้้าโดยใช้ขันตักน้้าแทนการใช้ฝักบัว 3) เมฆเกิดตอนเย็น หมอกเกิดตอนเช้า
4) นุ้ยน้าน้้าสุดท้ายของการซักผ้าไปทิ้งลงท่อระบายน้า้ 4) เมฆเกิดในระดับสูง หมอกเกิดในระดับต่้าใกล้พื้นดิน
5. วีรพงษ์สังเกตเห็นหยดน้้าบนใบไม้ในตอนเช้าทั้ง ๆ ที่ไม่มี 10. หากก้าหนดให้น้าบนโลกมี 100 เปอร์เซ็นต์ ข้อใดคือปริมาณ
ฝนตก นักเรียนคิดว่า หยดน้้าที่วีรพงษ์สังเกตเห็น คือ สิ่งใด ของน้้าจืด
1) หิมะ 1) 2.5 เปอร์เซ็นต์
2) 25.5 เปอร์เซ็นต์
2) น้้าค้าง
3) 75.5 เปอร์เซ็นต์
3) ลูกเห็บ
4) 97.5 เปอร์เซ็นต์
4) แม่คะนิ้ง
เฉลย 1. 1) 2. 4) 3. 4) 4. 2) 5. 2) 6. 3) 7. 3) 8. 2) 9. 4) 10. 1)
T103
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
1. ครูใหนักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จาก
หนังสือเรียน หนา 90 จากนั้นถามนักเรียน
รายบุคคลตามรายการขอ 1-5 เพื่อตรวจสอบ
5. ดูภาพ แล้วอธิบายว่ามีประโยชน์หรือมีโทษต่อชีวิตประจ�าวันหรือไม่ อย่างไร
ความรู ความเขาใจของนักเรียนหลังเรียน 1 2
2. ครูใหนักเรียนสรุปความรูจากการเรียนจนได
ขอสรุปรวมกันวา วัฏจักรนํา้ เปนการหมุนเวียน
ของนํา้ ทีม่ แี บบรูปซํา้ เดิม และตอเนือ่ งระหวาง
นํ้าในบรรยากาศ นํ้าผิวดิน และนํ้าใตดิน โดย
พฤติกรรมการดํารงชีวติ ของพืชและสัตวสง ผล
ตอวัฏจักรนํ้า
6. ดูแผนภาพ แล้วเขียนอธิบายการเกิดวัฏจักรน�้ามาพอสังเขป
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ
ขอ 5.
1) ฝนมีประโยชน เชน ทําใหมคี วามหลากหลาย 3
ทางชีวภาพ มีนํ้าหมุนเวียนในวัฏจักรนํ้า มีโทษ 2
เชน หากตกเปนเวลานานจะทําใหเกิดนํ้าทวมได
2) ลูกเห็บมีโทษ เชน ทําใหผลผลิตทางการ
เกษตรและทรัพยสินเสียหาย นอกจากนี้ อาจเกิด
อันตรายตอรางกายของมนุษยหรือสัตว
ขอ 6.
การเกิดวัฏจักรนํ้า
1. นํ้าในแหลงนํ้าตางๆ ไดรับความรอนจาก 4 1
แสงอาทิตย แลวเกิดการระเหยกลายเปนไอนํ้า
ลอยขึ้นไปในอากาศ
2. ไอนํ้ า ควบแน น เป น ละอองนํ้ า เล็ ก ๆ และ
รวมตัวเปนเมฆ
3. เมื่ อ ละอองนํ้ า ในเมฆมี จํ า นวนมากขึ้ น จน
กิจกรรม ท้าทา¡ารคÔ´¢Ñนé สูง
อากาศไมสามารถรับนํา้ หนักหรือพยุงไวไดจะตกลง
มาเปนฝน
94
4. นํ้าฝนไหลกลับสูแหลงนํ้าตางๆ หรือซึมลง
ใตดิน
T104
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
ทักÉะแห่งศตวรรÉที่ 21
✓การสื่อสาร ✓ ความร่วมมือ การแก้ปัญหา
1. ครูประเมินผล จากการสังเกตพฤติกรรมการ
✓การสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
✓การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พฤติกรรมการทํางานกลุม และจากการนํา
¡Ôจ¡รรม เสนอหนาชั้นเรียน
สร้างสรรคผลงาน 2. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมที่ 4 เรือ่ ง วัฏจักรนํา้
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
แบงกลุม จากนั้นใหแตละกลุมนําความรูเกี่ยวกับการเกิด เลม 2
วัฏจักรนํ้ามาออกแบบและประดิษฐจิกซอวการเกิดวัฏจักรนํ้า 3. ครูตรวจสอบแผนภาพการเกิดวัฏจักรนํ้า
เพื่อใชเปนสื่อการเรียนรู จากนั้นนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 4. ครูตรวจสอบแบบจําลองการเกิดวัฏจักรนํ้า
โดยเลือกการสื่อสารเพื่อใหผูอื่นเขาใจไดงายที่สุด 5. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดในสมุด
แลวจัดประกวดภายในชั้นเรียน
หรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
6. ครู ต รวจสอบผลการสรุ ป ความรู เ กี่ ย วกั บ
ตัวอย่าง ผลงานของ©ัน
ปรากฏการณลมฟาอากาศจากสมุด
7. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 2
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
เลม 2
8. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทาทายการ
คิ ด ขั้ น สู ง ในแบบฝ ก หั ด วิ ท ยาศาสตร ป.5
เลม 2
9. ครู ต รวจชิ้ น งาน/ผลงานจิ ก ซอว ก ารเกิ ด
วัฏจักรนํ้า และการนําเสนอชิ้นงาน/ผลงาน
หนาชั้นเรียน
10. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมทบทวน
ทายหนวยการเรียนรูที่ 6 แหลงนํ้าและลมฟา
อากาศ ในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
11. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
ภาพที่ 6.49 ตัวอย่างจิกซอว์การเกิดวัฏจักรน�้า หนวยการเรียนรูที่ 6 แหลงนํ้าและลมฟา
อากาศ
95
ค้าอธิบายระดับคุณภาพ/ระดับคะแนน
เพื่อใหผูอื่นเขาใจผลงานไดดีขึ้น
รายการประเมิน
ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
ระดับคุณภาพ 1. การออกแบบชินงาน ชิ้นงานมีความถูกต้อง ชิ้นงานมีความถูกต้อง ชิ้นงานมีความถูกต้อง
ล้าดับที่ รายการประเมิน 3 2 1 ตามที่ออกแบบไว้ ตามที่ออกแบบไว้ ตามที่ออกแบบไว้
5. แตละกลุมผลัดกันทดลองเลนเกมของกลุมอื่นๆ
(ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) มีขนาดเหมาะสม มีขนาดเหมาะสม มีขนาดเหมาะสม
1 การออกแบบชิ้นงาน รูปแบบน่าสนใจ รูปแบบน่าสนใจ รูปแบบน่าสนใจ
2 การเลือกใช้วัสดุเพื่อสร้างชิ้นงาน แปลกตา และสร้างสรรค์ และสร้างสรรค์
3 ความถูกต้องของเนื้อหา 2. การเลือกใช้วัสดุเพื่อ เลือกใช้วัสดุมาสร้าง เลือกใช้วัสดุมาสร้าง เลือกใช้วัสดุมาสร้าง
4 การสร้างสรรค์ชิ้นงาน สร้างชินงาน ชิ้นงานตามที่กาหนดได้ ชิ้นงานตามที่กาหนดได้ ชิ้นงานไม่ตรงตามที่
5 กาหนดเวลาส่งงาน ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถูกต้อง และวัสดุมีความ กาหนด แต่วัสดุมีความ
รวม เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง
ชิ้นงานดีมาก ชิ้นงานดี ชิ้นงาน
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน 3. ความถูกต้องของ แสดงการเกิดวัฏจักรน้า แสดงการเกิดวัฏจักรน้า แสดงการเกิดวัฏจักรน้า
............./.................../.............. เนือหา ได้ถูกต้องครบถ้วน ได้ถูกต้องบ้าง ได้ถูกต้องน้อยหรือ
ไม่ถูกต้อง
4. การสร้างสรรค์ ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม
ชินงาน ดีมาก ดี น้อย
5. ก้าหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด
กาหนด 1-2 วัน เกิน 3 วันขึ้นไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่้ากว่า 8 ปรับปรุง
T105
Chapter Overview
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. เปรียบเทียบความ - แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
ความแตกต่าง - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ แตกต่างระหว่าง หาความรู้ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
ของดาวเคราะห์ ป.5 เล่ม 2 ดาวเคราะห์และ (5Es หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ค้นหา - มุ่งมั่นใน
และดาวฤกษ์จาก - แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ดาวฤกษ์จากแบบ Instructional - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม - ทักษะการสรุป การท�ำงาน
แบบจ�ำลอง
ป.5 เล่ม 2 จ�ำลองได้ (K) Model) - ตรวจใบงาน อ้างอิง
2 - วัสดุ-อุปกรณ์การทดลอง 2. สร้างแบบจ�ำลอง - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน - ทักษะการรวบรวม
ชั่วโมง กิจกรรมที่ 1 เพื่ออธิบายการ รายบุคคล ข้อมูล
- ใบงาน เรื่อง ดาวฤกษ์ มองเห็นดาวฤกษ์ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม - ทักษะการท�ำงาน
และดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์ได้ - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ร่วมกัน
- สื่อดิจิทัล (QR Code (P) - ทักษะการ
ความแตกต่างระหว่าง 3. ให้ความร่วมมือ เปรียบเทียบ
ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์) ในการท�ำกิจกรรม
- PowerPoint กลุ่ม (A)
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน
T106
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 4 - หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 1. ระบุต�ำแหน่งและ - แบบสืบเสาะ - ตรวจการท�ำกิจกรรมในสมุด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
การใช้แผนที่ดาว ป.5 เล่ม 2 เส้นทางการขึ้น หาความรู้ หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
- แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ และตกของกลุ่ม (5Es - การน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ค้นหา - มุ่งมั่นใน
2 ป.5 เล่ม 2 ดาวฤกษ์ได้ (K) Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการสรุป การท�ำงาน
ชั่วโมง
- ใบงาน เรื่อง การใช้ 2. ใช้แผนที่ดาว Model) - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน อ้างอิง
แผนที่ดาว ระบุต�ำแหน่งและ รายบุคคล - ทักษะการรวบรวม
- PowerPoint เส้นทางการขึ้น - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม ข้อมูล
- สมุดประจ�ำตัวนักเรียน และตกของกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ทักษะการท�ำงาน
ดาวฤกษ์ได้ (P) ร่วมกัน
3. ให้ความร่วมมือ
ในการท�ำกิจกรรม
และมีความ
รับผิดชอบในการ
ส่งงานตรงเวลา
(A)
T107
Chapter Concept Overview
1. ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์
ความแตกตางระหวางดาวฤกษและดาวเคราะห
ดาวฤกษ ดาวเคราะห
ดาวที่เปนแหล่งก�าเนิดแสง ดาวที่ไม่เปนแหล่งก�าเนิดแสง
ดาวที่มีแสงสว่างในตัวเอง ดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
มองเห็นเปนจุดสว่างและมีแสงระยิบระยับ มองเห็นเปนแสงนิ่งไม่กะพริบ
ตัวอย่างดาวฤกษ์ เช่น ดวงอาทิตย์ ดาวเหนือ ตัวอย่างดาวเคราะห์ เช่น ดาวศุกร์ ดาวพุธ ดาวอังคาร
ดวงอาทิตย์ ดาวศุกร์
2. กลุมดาวฤกษ์บนท้องฟา
1. รูปรางของกลุมดาวฤกษ
ดาวฤกษ์ในแต่ละกลุ่มจะมีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ซึ่งกลุ่มดาวฤกษ์ต่าง ๆ จะมีการเรียงตัวของดาวฤกษ์อย่างคงที่ จึงท�าให้มี
รูปร่างเหมือนเดิมทุกคืน และในรอบ 1 ปี เราจะสามารถมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์ได้ในเวลาแตกต่างกัน ตัวอย่างกลุ่มดาวฤกษ์ ดังภาพ
กลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวหมีเล็ก
กลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวสิงโต
T108
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7
2. การขึ้นและตกของกลุมดาวฤกษ
เมื่อเราสังเกตทองฟาในชวงเวลาตาง ๆ ในคืนเดียวกัน เราจะมองเห็นดวงดาวบนทองฟาเคลื่อนที่และเปลี่ยนตําแหนงจากทาง
ทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเอง เราจึงมองเห็นกลุมดาวฤกษขึ้นทางทิศตะวันออกและตกลับขอบฟาไปทาง
ทิศตะวันตก ซึ่งดาวฤกษและกลุมดาวฤกษมีเสนทางการขึ้นและตกตามเสนทางเดิมทุกคืน และจะปรากฏตําแหนงเดิมเสมอ
3. การบอกตําแหนงของกลุมดาวฤกษ
1) การใชแผนที่ดาว
การสังเกตเพื่อบอกตําแหนงของกลุมดาวฤกษ สามารถทําไดโดยการใชแผนที่ดาวแบบหมุน ซึ่งจะบอกตําแหนงของกลุมดาวเปน
มุมทิศและมุมเงยได ซึ่งแผนที่ดาวแบบหมุนมีลักษณะ ดังภาพตัวอยาง
กลุมดาว
วันที่และเดือน
เสนแสดง
คามุมเงย
เสนแสดง
คามุมทิศ
ตัวเลขบอกเวลา
สัญลักษณบอก
อันดับความสวาง
สัญลักษณอื่น ๆ
แผนที่ดาวดานทิศใต แผนที่ดาวดานทิศเหนือ
(ทีม่ าภาพ : สมาคมดาราศาสตรไทย)
2) การกําหนดคามุมทิศและการประมาณคาของมุมเงย
ตัวอยางการใชนิ้วหรือมือประมาณคาของมุมเงย
จุดเหนือศีรษะ (zenith)1 ํ 1ํ 2.5 ํ
เสนขอบฟา
(horizon)
ทิศตะวันออก 90 ํ มุม
เงย
ทิศเหนือ 0 ํ มุมทิศ ตัวเรา ทิศใต 180 ํ
2.5 ํ 5ํ 10 ํ
ทิศตะวันตก 270 ํ
มุมทิศ คือ มุมที่วัดตาม มุมเงย คือ มุมที่วัดจาก
แนวระนาบกับพื้นดิน เสนขอบฟาขึน้ ตามแนวดิง่
ไปหาดวงดาวที่สนใจ
10 ํ 10 ํ 10 ํ 10 ํ T109 15 ํ
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
7
กระตุน ความสนใจ หนวยการเรียนรูที่
1. ครูทักทายกับนักเรียน จากนั้นแจงจุดประสงค
การเรียนรูใหนักเรียนทราบ
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
´ÒǺ¹·ŒÍ§¿‡Ò
การเรียนรูที่ 7 เรื่อง ดาวบนทองฟา ´ÒÇÄ¡É ÁÕáʧÊNjҧ㹵ÑÇàͧ à¾ÃÒдÒÇÄ¡É
3. ครูใหนักเรียนอานสาระสําคัญและดูภาพ จาก ໚¹áËÅ‹§¡íÒà¹Ô´áʧ àÃÒ¨Ö§ÁͧàËç¹´ÒÇÄ¡Éä´Œ
หนังสือเรียนวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 หนานี้ ʋǹ´ÒÇà¤ÃÒÐË äÁ‹ÁÕáʧÊNjҧ㹵ÑÇàͧ à¾ÃÒÐ
äÁ‹ãª‹áËÅ‹§¡íÒà¹Ô´áʧ ᵋàÃÒÊÒÁÒöÁͧàËç¹
จากนั้นครูถามคําถามนักเรียน ดังนี้ ´ÒÇà¤ÃÒÐËä´Œ à¹×èͧ¨Ò¡áʧ¨Ò¡´Ç§ÍÒ·ÔµÂ
• นักเรียนเคยดูดาวหรือไม µ¡¡Ãзº´ÒÇà¤ÃÒÐËáÅŒÇÊзŒÍ¹à¢ŒÒÊÙµ‹ Ò
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน) ¡ÅØÁ‹ ´ÒÇÄ¡ÉÁÃÕ »Ù Ëҧᵡµ‹Ò§¡Ñ¹ «Ö§è ´ÒÇÄ¡É
ÁÕàÊŒ¹·Ò§¡ÒâÖé¹áÅе¡µÒÁàÊŒ¹·Ò§à´ÔÁ·Ø¡¤×¹
• นักเรียนดูดาวอยางไร áÅШлÃÒ¡¯·Õµè Òí á˹‹§à´ÔÁ
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน)
• นักเรียนรูหรือไมวา ดาวที่นักเรียนดูมีชื่อวา
อะไร
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
µÑǪÕéÇÑ´
1. เปรียบเทียบความแตกตางของดาวเคราะหและดาวฤกษจากแบบจําลอง (มฐ. ว 3.1 ป.5/1)
2. ใชแผนที่ดาวระบุตําแหนงและเสนทางการขึ้นและตกของกลุมดาวฤกษบนทองฟา และอธิบายแบบรูปเสนทางการขึ้นและตกของ
กลุมดาวฤกษบนทองฟาในรอบป (มฐ. ว 3.1 ป.5/2)
1. ดวงดาวใดมีประโยชน์ในการหาทิศ
1) ดาวพุธ
2) ดาวเสาร์
3) ดาวเหนือ
6. เครื่องมือที่ช่วยในการสังเกตตาแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า คืออะไร
1) แผนที่ดาว
2) แว่นขยาย
3) กล้องจุลทรรศน์
(วิเคราะหคําตอบ ดาวพุธ เปนดาวเคราะห เพราะดาวพุธไมมี
4) ดาวลูกไก่
2. ถ้าสังเกตกลุม่ ดาวตอนใกล้รุ่งสาง จะเห็นกลุ่มดาว
เคลื่อนที่ไปทางทิศใด
1) ทิศใต้
4) เทอร์มอมิเตอร์
7. ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ได้ถูกต้อง
1) ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์มีแสงสว่างในตัวเอง
2) ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ไม่มแี สงสว่างในตัวเอง
แสงสวางในตัวเอง และมองเห็นดาวพุธมีแสงนิง่ ไมกะพริบ ดังนัน้
ขอ 4. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง)
2) ทิศเหนือ 3) ดาวเคราะห์มีแสงสว่างในตัวเอง ส่วนดาวฤกษ์ไม่มีแสงสว่าง
3) ทิศตะวันตก ในตัวเอง
4) ทิศตะวันออก 4) ดาวฤกษ์มีแสงสว่างในตัวเอง ส่วนดาวเคราะห์ไม่มีแสงสว่าง
3. การขึ้น-ตกของกลุ่มดาวฤกษ์เกีย่ วข้องกับข้อใด ในตัวเอง
1) โลกหมุนรอบตัวเอง 8. ที่ระดับสายตา มุมเงยมีค่าเท่ากับเท่าใด
2) ดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1) 0 องศา 2) 30 องศา
3) โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 3) 60 องศา 4) 90 องศา
4) ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเอง 9. มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นแหล่งกาเนิดแสง จากข้อความหมายถึง
4. ข้อใดคือดาวฤกษ์ ข้อใด
1) ดาวพุธ 1) ดาวพุธ
2) ดาวศุกร์ 2) ดาวยูเรนัส
3) ดาวพลูโต 3) ดาวเนปจูน
4) ดวงอาทิตย์ 4) ดวงอาทิตย์
5. การดูดาวเป็นการฝึกทักษะด้านใด 10. ถ้าต้องการมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าให้ชัดเจน เราควร
1) การมีวินัย เลือกดูกลุ่มดาวฤกษ์ในคืนใด
2) การสังเกต
1) คืนเดือนมืด
3) การแก้ปัญหา
2) คืนที่มีฝนตก
4) ความรับผิดชอบ
3) คืนที่มีเมฆมาก
4) คืนที่มีพระจันทร์เต็มดวง
เฉลย 1. 3) 2. 3) 3. 1) 4. 4) 5. 2) 6. 1) 7. 4) 8. 1) 9. 4) 10. 1)
T110
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò
àÃÒÊÒÁÒöÁͧàËç¹
´ÒÇà¤ÃÒÐËä´ŒËÃ×ÍäÁ‹
? Í‹ҧäÃ
97
T111
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
6. ครูใหนกั เรียนจับคูก บั เพือ่ น จากนัน้ ชวยกันทํา
กิจกรรมนําสูการเรียน โดยศึกษาขอมูลจาก
กิจกรรม
หนังสือเรียนหนานี้ แลวเขียนคําตอบลงใน
นําสูก ารเรียน
สมุดหรือทําลงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 ÈÖ¡ÉÒ¢ŒÍÁÙÅ áŌǵͺ¤íÒ¶ÒÁ
เลม 2 จากนั้นนําเสนอคําตอบหนาชั้นเรียน 1
ทีละคู เพื่ออภิปรายและสรุปคําตอบรวมกัน àÃÒ¨ÐÁͧàËç¹´ÒÇÈØ¡Ã໚¹áʧ¹Ôè§äÁ‹¡Ð¾ÃÔº ´ÒÇÈءèТÖé¹·Ò§·ÔȵÐÇѹÍÍ¡µÍ¹àªŒÒ¡‹Í¹
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ÊÇ‹Ò§ 3 ªÑèÇâÁ§ àÃÕÂ¡Ç‹Ò ´ÒÇ»ÃСÒ¾ÃÖ¡ áÅШÐÁͧàËç¹ÍÂÙ‹·Ò§¢Íº¿ŒÒ´ŒÒ¹·ÔȵÐÇѹµ¡¡‹Í¹
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) ´Ç§ÍҷԵµ¡ 3 ªÑèÇâÁ§ àÃÕÂ¡Ç‹Ò ´ÒÇ»ÃШíÒàÁ×ͧ
´ÒǴǧ¹Ñé¹ÁÕª×èÍÇ‹Ò
´ÒÇÈءä‹Ð
¤Ø³áÁ‹¤Ð ´ÒÇ·ÕèÊÇ‹Ò§
·ÕèÊØ´ã¹·ŒÍ§¿ŒÒµÃ§¹Ñé¹
ÁÕª×èÍÇ‹ÒÍÐääÐ
T112
นํา สอน สรุป ประเมิน
ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี
àÃÒÊÒÁÒöÁͧàËç ¹ ´ÒÇà¤ÃÒÐË
ä´ŒËÃ×ÍäÁ‹ à¾ÃÒÐà˵Øã´
99
ดวงอาทิตย
www.aksorn.com/interactive3D/RK571
T113
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3. สมาชิกของแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอน
การทํากิจกรรมที่ 1 เรื่อง ความแตกตางของ
¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè 1 ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรที่ใช
ดาวฤกษและดาวเคราะห โดยชวยกันศึกษา ความแตกตางของดาวฤกษและ 1. การสังเกต
เฉลย ผลการทํากิจกรรมที่ 1
บันทึกผลการทํากิจกรรม (ตัวอยาง)
อุปกรณที่ใช แผนภาพแบบจําลองการมองเห็นดาวฤกษและดาวเคราะห
กลองปดฝา แทน อวกาศ
ลูกบอลยาง แทน ดาวเคราะหตางๆ กลองเจาะรู ตัวเรืองแสง
ตัวเรืองแสง แทน ดาวฤกษดวงอื่นๆ ที่อยูไกล
ไฟฉาย แทน แสงของดวงอาทิตย ไฟฉาย
ลูกบอลยาง
วิธีการสรางแบบจําลอง
1. ใชเทปกาวติดเชือกกับลูกบอลยางและตัวเรืองแสง แนวคิดในการสรางแบบจําลองการมองเห็นดาวฤกษและดาวเคราะห
2. นําลูกบอลยางและตัวเรืองแสงที่ติดเชือกมาแขวนในกลอง แลวปดฝากลอง ดาวฤกษเปนดาวที่มีแสงสวางในตัวเอง เราจึงมองเห็นเปนแสงสวาง
3. สังเกตเขาไปในกลองผานรูที่เจาะไว และบันทึกผล ระยิบระยับอยูบนทองฟา สวนดาวเคราะหเปนดาวที่ไมมีแสงสวางในตัวเอง
4. นําไฟฉายวางไวในกลอง แลวเปดไฟสองไปที่ลูกบอลยางและตัวเรืองแสง แตเราสามารถมองเห็นดาวเคราะหเปนแสงนิ่งได เนื่องจากแสงสวางจาก
แลวปดฝากลอง จากนั้นสังเกตผานรูเดิม ดวงอาทิตย ซึ่งเปนดาวฤกษที่อยูใกลโลกมากที่สุดสองแสงไปกระทบกับ
พืน้ ผิวของดาวเคราะหแลวสะทอนกลับมาทีโ่ ลก จึงทําใหเรามองเห็นดาวเคราะห
มีแสงนิ่ง คงที่ และไมกะพริบ
T114
นํา สอน สรุป ประเมิน
T115
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก ดาวที่เรามองเห็นบนทองฟา จะเปนบริเวณที่อยูนอกบรรยากาศของโลก
หนังสือเรียน หนา 101 ลงในสมุดหรือทําลงใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
มีทั้งดาวฤกษและดาวเคราะห ซึ่งมีความแตกตางกัน ดังนี้
2. ใหนักเรียนศึกษาขอมูลเกี่ยวกับดาวฤกษและ 1.1 ดาวฤกษ
ดาวเคราะห จากหนังสือเรียน หนา 102-103 ดาวฤกษ เปนดาวที่มีแสงสวางในตัวเอง จึงจัดเปนแหลงกําเนิดแสง
และศึ ก ษาข อ มู ล จากสื่ อ ดิ จิ ทั ล เพิ่ ม เติ ม ใน เราสามารถมองเห็นเปนจุดสวางและมีแสงระยิบระยับบนทองฟา ดวงอาทิตย
หนังสือเรียนหนานี้ โดยใหใชโทรศัพทมือถือ เปนดาวฤกษทอี่ ยูใ กลโลกของเรามากทีส่ ดุ ทําใหมองเห็นดวงอาทิตยมขี นาดใหญ
สแกน QR Code เรือ่ ง ความแตกตางระหวาง และสวางมาก สวนดาวฤกษดวงอื่น ๆ ในจักรวาลมีอยูมากมายแตอยูหางไกล
ดาวฤกษและดาวเคราะห ทําใหเรามองเห็นเปนจุดสวางระยิบระยับบนทองฟาเทานั้น แตเมื่อเทียบขนาด
3. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 1-2 คน ใหอธิบาย
ความแตกตางของดาวฤกษและดาวเคราะห
ของดวงอาทิตยกับดาวฤกษดวงอื่น ๆ ที่อยูนอกระบบสุริยะจะพบวา ดวงอาทิตย
โดยใหเพื่อนๆ ชวยอธิบายเพิ่มเติมในสวนที่ มีขนาดเล็กมาก ดังภาพ
บกพรอง ภาพที่ 7.4 ตัวอยางการเปรียบเทียบขนาดของดวงอาทิตยกับดาวฤกษดวงอื่น ๆ
4. ครูถามคําถามทาทายการคิดขัน้ สูงกับนักเรียน
ทุกคน จากหนังสือเรียนหนานี้วา เราสามารถ
มองเห็นดาวฤกษหรือดาวเคราะหดวงอื่นๆ
ในเวลากลางวันเหมือนดวงอาทิตยไดหรือไม
เพราะอะไร โดยครูใหนักเรียนแตละคนตอบ
คําถามลงในสมุด ซีรีอุส
(แนวตอบ มองไมเห็น เพราะแสงของดวงอาทิตย
บดบังดาวฤกษและดาวเคราะหดวงอื่นๆ)
5. นักเรียนแตละคนทําใบงาน เรือ่ ง ดาวฤกษและ
ดาวเคราะห ที่ครูแจกให จากนั้นนํามาสงใน
ดวงอาทิตย พอลลักซ อารคตุรุส
ชั่วโมงถัดไป
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢Ñé¹ÊÙ§
เราสามารถมองเห็นดาวฤกษหรือดาวเคราะห
ดวงอืน่ ๆ ในเวลากลางวันเหมือนดวงอาทิตย
ไดหรือไม เพราะอะไร
102 ความแตกตางระหวางดาวฤกษและดาวเคราะห
T116
นํา สอน สรุป ประเมิน
แนวทางการวัดและประเมินผล
ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน จากการตอบคําถาม การทํางาน
รายบุคคล การทํางานกลุม และการนําเสนอผลการทํากิจกรรมหนาชั้นเรียนได
โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูของ
หนวยการเรียนรูที่ 7 ดาวบนทองฟา
T117
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กระตุน ความสนใจ
ครูแจงนักเรียนวา ในชั่วโมงนี้นักเรียนจะได
เรียนรูเกี่ยวกับรูปรางของกลุมดาวฤกษ จากนั้น
2. ¡ÅØ‹Á´ÒÇġɺ¹·ŒÍ§¿‡Ò
ครูถามคําถามนักเรียน ดังนี้
ท อ งฟ า มี ลั ก ษณะคล า ยครึ่ ง ทรงกลม ซึ่ ง ในเวลากลางวั น เราจะมอง
• เมื่อคืนมีใครดูดาวบนทองฟาบาง เห็ น ท อ งฟ า เป น สี ฟ า ส ว นในเวลากลางคื น เราจะมองเห็ น กลุ ม ดาวฤกษ
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน ) ตาง ๆ ทีอ่ ยูบ นทองฟามีรปู รางแตกตางกันออกไป และกลุม ดาวฤกษจะมีเสนทาง
• นักเรียนรูห รือไมวา กลุม ดาวฤกษบนทองฟา การขึ้นและตกในทิศเดิมเสมอ โดยเราสามารถใชแผนที่ดาวในการสังเกต
มีชื่อวาอะไรบาง ตําแหนงการขึ้นและตกของดาวฤกษและกลุมดาวฤกษได นอกจากนี้ ยังสามารถ
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน )
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ใชมือในการประมาณคามุมเงยได
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ภาพที่ 7.7 ตัวอยางกลุมดาวบนทองฟา
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. นักเรียนศึกษาขอมูลและดูภาพในหนังสือเรียน
หนานี้ แลวถามคําถามนักเรียนวา
• นักเรียนสังเกตและจินตนาการกลุม ดาวฤกษ
บนทองฟาเปนรูปรางอะไรบาง
(แนวตอบ ตัวอยางคําตอบ หมี นายพราน)
2. สมาชิกของแตละกลุมชวยกันศึกษาขั้นตอน
การทํากิจกรรมที่ 2 เรื่อง สังเกตรูปรางของ
กลุ ม ดาวฤกษ โดยศึ ก ษาขั้ น ตอนการทํ า
กิจกรรม จากหนังสือเรียน หนา 105
3. ในชั่วโมงนี้ครูใชรูปแบบการสอนแบบรวมมือ
เทคนิค L.T. หรือ Learning Together มาจัด
กิจกรรมการเรียนรู เพื่อกําหนดใหสมาชิกของ
นักเรียนแตละกลุมมีหนาที่ของตนเอง และให ¹Ñ¡àÃÕ¹ÊѧࡵáÅШԹµ¹Ò¡ÒÃ
ทํางานรวมกัน ¡ÅØ‹Á´ÒǺ¹·ŒÍ§¿ŒÒ໚¹ÃٻËҧ
4. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 2 ÍÐäúŒÒ§
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 104
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
T118
นํา สอน สรุป ประเมิน
T119
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ตามเลขที่ จากนั้นให
สรุปความรูจ ากการเรียนจนไดขอ สรุปวา ดาวฤกษ
2.1 รูปรางของกลุมดาวฤกษ
ในแตละกลุมมีรูปรางแตกตางกันออกไป ซึ่งกลุม ในคืนเดือนมืดเราสามารถมองเห็นดวงดาวไดชัดเจน เพราะไมมีแสง
ดาวฤกษตางๆ ที่ปรากฏอยูบนทองฟาแตละกลุม สวางของดวงจันทรมาบดบังแสงของดาว เมื่อเราสังเกตและลองโยงเสนกลุม
จะมีการเรียงตัวของดาวฤกษอยางคงที่ จึงทําให ดาวฤกษโดยใชจินตนาการจะพบวา ดาวฤกษในแตละกลุมมีรูปรางแตกตาง
มีรูปรางเหมือนเดิมทุกคืน กันออกไป ซึ่งกลุมดาวฤกษตาง ๆ ที่ปรากฏอยูบนทองฟาแตละกลุมจะมีการ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช เรียงตัวของดาวฤกษอยางคงที่ จึงทําใหมีรูปรางเหมือนเดิมทุกคืน และใน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
รอบ 1 ป เราจะสามารถมองเห็นกลุมดาวฤกษไดในเวลาแตกตางกัน เชน
ขัน้ ประเมิน กลุมดาวนายพราน สามารถมองเห็นไดทั่วกันทั้งโลก แตผูที่อาศัยอยูทาง
ตรวจสอบผล ซีกโลกเหนือในเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคมจะมองเห็นไดในชวงเย็น และชวง
1. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมที่ 2 เรื่ อ ง ปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายนจะสามารถมองเห็นไดในชวงเชามืด
สังเกตรูปรางของกลุมดาวฤกษในสมุดหรือใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
2. ครู ต รวจสอบผลการทํ า กิ จ กรรมหนู ต อบได
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
เลม 2
106
ลาดับที่
ตรงกับระดับคะแนน
รายการประเมิน
ระดับคะแนน
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน
การทางาน
การมี
4. คืนพระจันทรเต็มดวง
3 2 1 การแสดง การยอมรับ ส่วนร่วมใน รวม
ชื่อ–สกุล ตามที่ได้รับ ความมีน้าใจ
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
เกณฑ์การให้คะแนน
............./.................../..............
T120
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
T121
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรมที่ 3
แล ว บั น ทึ ก ผลลงในสมุ ด หรื อ ในแบบฝ ก หั ด
วิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
2. นักเรียนรวมกันวางแผนการสังเกตตําแหนง และเสนทางการขึ้นและตกของกลุมดาวฤกษ
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
โดยปฏิบัติ ดังนี้
• กําหนดวันที่ตองการสังเกตจํานวน 1 วัน และกําหนดเวลาที่ตองการ 3 เวลา คือ
หลังดวงอาทิตยตก กอนนอน และกอนดวงอาทิตยขึ้นในวันถัดไป
• หมุนแผนที่ดาวใหตรงกับวันและเวลาที่กําหนด แลวเลือกกลุมดาวฤกษที่สนใจ 1 กลุม
• สังเกตตําแหนงและเสนทางการขึ้นและตกของกลุมดาวฤกษตามกําหนดการที่วางไว
จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาวาดแผนภาพแสดงการขึ้นและตกของกลุมดาวฤกษลงในสมุด
3. นําเสนอขอมูลที่ไดจากการทํากิจกรรมหนาชั้นเรียน เพื่อเปรียบเทียบขอมูลกับกลุมอื่น ๆ
แลวรวมกันอภิปรายและสรุปผลภายในชั้นเรียน
T122
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
1. นักเรียนแตละกลุม รวมกันอภิปรายและสรุปผล
จากการทํากิจกรรมที่ 3-4 ภายในกลุม
2. ใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอ
ผลการทํากิจกรรมที่ 3-4 หนาชั้นเรียน โดย µÍ¹·Õè 2
ครูจับสลากเลือกหมายเลขกลุม จากนั้นให 1. สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการใชนิ้วหรือมือประมาณคามุมเงย (มีหนวยเปนองศา หรือใช
แต ล ะกลุ ม ส ง ตั ว แทนเพื่ อ ออกมานํ า เสนอ สัญลักษณ o) ของวัตถุบนทองฟา แลวบันทึกผล
ตามลําดับ 2. ประมาณคามุมเงยของวัตถุบริเวณโรงเรียนมา 3 ชนิด เชน หนาตางอาคารเรียน
3. นักเรียนรวมกันสรุปเกีย่ วกับการขึน้ และตกของ หลังคาอาคารเรียน ยอดเสาธง จากนั้นรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคามุมเงย
กลุมดาวฤกษและการหาคามุมทิศและมุมเงย แลวบันทึกผล
โดยมีครูคอยอธิบายในสวนที่บกพรอง 3. นํ า เสนอผลการทํ า กิ จ กรรมหน า ชั้ น เรี ย น เพื่ อ ร ว มกั น อภิ ป รายและสรุ ป เกี่ ย วกั บ วิ ธี
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช การประมาณคามุมเงยภายในชั้นเรียน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) การใชนิ้วหรือมือประมาณคามุมเงย
1ํ
หนูตอบได
1. ยกตัวอยางสถานการณในชีวิตประจําวันที่ตองอาศัยมุมทิศมาอยางนอย 3 สถานการณ
2. หากตองการประมาณคามุมเงยของยอดไม โดยยืนในตําแหนงมุมทิศเดียวกัน แตยืนหาง
แนวตอบ หนูตอบได
ตนไมในระยะหางที่แตกตางกัน คามุมเงยจะเทากันหรือไม อยางไร
ขอ 3. 3. นักเรียนคิดวา มุมเงยหรือมุมทิศ ที่สําคัญตอการกําหนดตําแหนงของวัตถุมากกวากัน
• มุมเงย เพราะวัตถุที่อยูมุมสูง หากไมทราบ เพราะเหตุใด
คามุมเงยก็ไมสามารถบอกตําแหนงของวัตถุได
• มุมทิศ เพราะวัตถุสวนใหญอยูในแนวราบ 110 (หมายเหตุ : คําถามขอสุดทายของหนูตอบได เปนคําถามที่ออกแบบใหผูเรียนฝกใชทักษะการคิดขั้นสูง
หากทราบคามุมทิศก็สามารถบอกตําแหนงของวัตถุ คือ การคิดแบบใหเหตุผล และการคิดแบบโตแยง ซึ่งผูเรียนอาจเลือกตอบอยางใดอยางหนึ่งก็ได ใหครู
พิจารณาจากเหตุผลสนับสนุน)
ตางๆ ได
เฉลย ผลการทํากิจกรรมที่ 4
ตาราง บันทึกผลการทํากิจกรรม (ตอนที่ 2) (ตัวอยาง)
การใชนิ้วหรือมือประมาณคามุมเงย วัตถุที่สังเกต วาดภาพสัญลักษณมือเพื่อหาคามุมเงย คามุมเงย
นาฬกาติดผนัง 45 ํ
1ํ 2.5 ํ 5ํ 10 ํ ยอดเสาธง 60 ํ
หลังคาอาคารเรียน 55 ํ
15 ํ 20 ํ 30 ํ 44 ํ ยอดไม 45 ํ
T124
นํา สอน สรุป ประเมิน
T125
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
5. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมหนูตอบได จาก 2.3 การบอกตําแหนงของกลุมดาวฤกษ
หนังสือเรียน หนา 110 ลงในสมุดหรือทําลงใน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
ทองฟาที่เราเห็นนั้นมีลักษณะคลายครึ่งทรงกลม มีแนวเสนที่บรรจบ
6. แตละคนศึกษาขอมูล จากหนังสือเรียน หนา กันระหวางทองฟา และผืนนํ้าหรือแผนดิน เรียกวา เสนขอบฟา สวนจุดที่อยู
112-113 และศึกษาเพิ่มเติมจาก PowerPoint สูงสุดของทองฟาและอยูตรงศีรษะพอดี เรียกวา จุดเหนือศีรษะ จุดยอดฟา หรือ
เรื่อง การใชแผนที่ดาว จุดจอมฟา ซึ่งเสนขอบฟาและจุดเหนือศีรษะไมมีจริง เนื่องจากเปนตําแหนงที่
สมมติขึ้นมาจากการมองเห็น
ในการสังเกตตําแหนงของกลุมดาวฤกษบนทองฟาดวยวิธีการตาง ๆ
เปนการฝกทักษะในการสังเกต ฝกความอดทน รวมทั้งยังกอใหเกิดความสนใจ
ในเชิงวิทยาศาสตร ซึ่งการสังเกตตําแหนงของดาวฤกษและกลุมดาวฤกษ
สามารถทําไดโดยใชแผนที่ดาว ซึ่งระบุมุมทิศและมุมเงยที่กลุมดาวนั้นปรากฏ
และเมื่อเราสังเกตดาวบนทองฟา เราสามารถระบุมุมเงยไดโดยใชมือในการ
ประมาณคาของมุมเงย
จุดเหนือศีรษะ จุดยอดฟา หรือจุดจอมฟา
เสนขอบฟา
T126
นํา สอน สรุป ประเมิน
µÑÇÍ‹ҧ แผนที่ดาว
กลุมดาว
วันที่และเดือน
เสนแสดง
คามุมเงย
เสนแสดง
คามุมทิศ
ตัวเลขบอกเวลา
สัญลักษณบอก
อันดับความสวาง
สัญลักษณอื่น ๆ
แผนที่ดาวดานทิศใต แผนที่ดาวดานทิศเหนือ
(ทีม่ าภาพ : สมาคมดาราศาสตรไทย)
ภาพที่ 7.19 แผนที่ดาว
113
วิธีการ การใช้แผนที่ดาวในการดูดาว
1. มองท้องฟ้าจริงแล้วเปรียบเทียบกับแผนที่ดาว
2. หมุนแผนที่ดาวให้วันที่และเดือนตรงกับวันและเวลาที่ต้องการดู
3. ยกแผนที่ดาวขึ้นเหนือศีรษะ
4. มองแผนที่ดาวตามทิศและค่ามุมเงยที่ระบุไว้ในแผนที่
5. เมื่อต้องการดูดาวด้านทิศเหนือ ให้ใช้แผนที่ดาวด้านทิศเหนือ แล้วหันหน้าไปทางทิศเหนือ
วิธีการใช้แผนที่ดาวในการดูดาวที่ถูกต้อง
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
T127
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
9. ครูแบงกลุมใหนักเรียน กลุมละ 3-4 คน โดย 2) การกําหนดคามุมทิศและการประมาณคาของมุมเงย มุมทิศที่วัดตาม
คละความสามารถ (เกง ปานกลางคอนขาง
เกง ปานกลางคอนขางออน และออน)
แนวระนาบกับพืน้ ดินมีคา อยูร ะหวาง 0-360 องศา สวนการบอกตําแหนงของดาว
10. แตละกลุมชวยกันศึกษาขอมูลเกี่ยวกับการ ดวยคามุมเงย คือ มุมทีว่ ดั จากเสนขอบฟาขึน้ ไปหาดาวทีส่ งั เกตในแนวดิง่ มีคา อยู
กําหนดคามุมทิศและการประมาณคาของ ระหวาง 0-90 องศา ดังภาพ
มุมเงย จากหนังสือเรียน หนา 114-115
มุมทิศ จุดเหนือศีรษะ จุดยอดฟา หรือจุดจอมฟา มุมเงย
ทิศเหนือมีคา มุมทิศ 0 หรือ จุ ด ที่ เ รามองเห็ น ดาวที่ อ ยู
360 องศา แลววนไปตาม ตรงกั บ ระดั บ สายตาหรื อ
เข็มนาฬกา (ทิศตะวันออก) เสนขอบฟา มุมเงยจะมีคา
ตามแนวของเสนขอบฟา ประมาณ 0 องศา แตถา
ทิศตะวันออกจะมีคามุมทิศ มองเห็นดาวปรากฏอยูตรง
90 องศา ทิศใต 180 องศา เหนือศีรษะพอดี โดยเวลา
และทิศตะวันตก 270 องศา ดูจะตองเงยหนามากที่สุด
มุมเงยจะมีคา 90 องศา
ทิศตะวันออก 90 ํ
มุมเงย
เสนขอบฟา
อ0ํ
ทิศเหนื มุมทิ2.5ศ ํ ตัวเรา 5 ํ 1 ํ ํ ํ
ทิศใต 180 2.5
1ํ 1ํ 2.5 ํ 5ํ
ทิศตะวันตก 270 ํ
ภาพที่ 7.20 มุมทิศและมุมเงย
การใชนิ้วและมือประมาณคามุมเงย
1ํ 10 ํ 1ํ 10 ํ 2.5 ํ 101 ํ ํ 2.5 ํ 10 ํ 5ํ 15 ํ 102.5ํ ํ 5 15ํ ํ 105 ํ ํ
22 22 ํ 15 ํ
10 ํ 10 ํ 10 ํ 10 ํ 10 ํ 15 ํ 10 ํ 15 ํ 22 ํ 15 ํ 22 ํ 22 ํ
T128
นํา สอน สรุป ประเมิน
1. เขาใจเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทองฟาและกลุมดาวฤกษ
2.5 ํ 2. สามารถทํ
2.5 ํ ากิจกรรมและอธิบายผลการทํ 5 ํ ากิจ5กรรมได
ํ
3. สามารถตอบคําถามจากกิจกรรมหนูตอบไดได
4. ทํางานกลุมรวมกับเพื่อนไดดี
5. นําความรูไปใช10ประโยชน
ํ 10ในชี
ํ วิตประจําวันได 10 ํ 10 ํ 15 ํ 15 ํ 22 ํ 22 ํ
115
10 ํ 15 ํ 15 ํ
กิจกรรม สรางเสริ
22 ํ
ม22 ํ เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนแบงกลุม แลวชวยกันสืบคนขอมูลเกี่ยวกับการใช วิธีสอนโดยการลงมือปฏิบัติ (Practice) เปนวิธีสอนที่ใหประสบการณตรง
นิ้วและมือประมาณคามุมเงยเพิ่มเติม จากนั้นชวยกันจัดทําเปน กับผูเ รียน โดยใหผเู รียนลงมือปฏิบตั จิ ริง ซึง่ เปนการสอนทีม่ งุ ผสมผสานระหวาง
สมุดภาพเลมเล็ก พรอมตกแตงใหสวยงาม แลวนําสงครู ดังภาพ ทฤษฎีกับการปฏิบัติ วิธีสอนนี้มีขั้นตอนสําคัญ ดังนี้
ตัวอยาง 1. ขั้นเตรียม ผูสอนกําหนดจุดมุงหมายของการปฏิบัติและรายละเอียด
ของการทํางาน
2. ขัน้ ดําเนินการ ผูส อนใหความรูแ ละทักษะทีเ่ ปนพืน้ ฐานในการปฏิบตั แิ ละ
มอบหมายงานเปนกลุมหรือรายบุคคล
3. ขั้นสรุป ผูสอนและผูเรียนชวยกันสรุปกิจกรรมการปฏิบัติงาน
4. ขัน้ ประเมินผล ผูส อนสังเกตพฤติกรรมการเรียนรูแ ละผลการทํางานของ
ผูเรียน
44 ํ
T129
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
14. นั ก เรี ย นแต ล ะคนศึ ก ษา สรุ ป สาระสํ า คั ญ ÊÃØ» ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
»ÃШíÒº··Õè 1
ในหนังสือเรียนหนานี้
ดาวเสาร์
15. นักเรียนแตละคนออกไปเขียนความรูที่ได เช่น
คนละขอลงบนกระดานดําหนาชั้นเรียน งอ าทิตย์
มแี ดว
ไม เพรา าว
16. ครูอานขอความบนกระดานดําใหนักเรียนใน สงส
เ ช่ น
มีแสงสว่างในตัวเอง
่
ะแ วา่ งในตวั เอง แตม ่ องเหน็ ได้
ชัน้ เรียนฟง แลวใหนกั เรียนชวยกันตรวจสอบ สงจ บ มองเห็นได้
ากดวงอาทิตยต ์ กกระท
ด
เค
วา เปนความรูที่ถูกตองหรือไม พรอมทั้ง ราะ
ห์ แลว้ ส ดาวเคราะ ห์
ะท้อนเข้าสตู่ า
รวมกันแกไขความรูที่ไมถูกตองใหถูกตอง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ราะห์ ดาวฤก
ษ์
ะ ด า วเ ค
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ษ์แล
วฤก
ดา
·ŒÍ§¿‡ÒáÅСÅØ‹Á´ÒÇÄ¡É
่
มด
กล
าวน
ุ่
ายพ
ราน รปู
กล รา่ งข
ม
ุ่ ด อ
าวฤ ง
กษ์ ฟา้
์ นทอ้ ง
่ ดาวฤกษบ
กลุม
ะตก ์
การขน ้ึ แล วฤกษ
ของกลม ุ่ ดา
10 ํ 1ํ 10 ํ 1ํ 2.5 ํ 15 ํ 2.5 ํ 5ํ
ข้น
ึ ท
ตก างทศ ิ
ทาง ตะวน ั ออกและ
ทศ
ิ ตะวน
ั ตก
กา
ร
อง บอกตาํ แ
าว
ทด่ี
ข
ดาว หน่ง ผน
บนทอ้ งฟา้ ใชแ้ ุ เงย
มม
า ณ ค า่ ของ
ใช้น้ิวหรือมือประม
กา ื ดนิ
รกาํ
หนดมม ั 10ตํ ามแนวระนาบกบ
วด ั พ้น
ุ ทิศ า 15 ํ
องศ
10 ํ 10 ํ 10 ํ
มคี า่ ระหว่าง 0-360
116
T130
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
กิจกรรม º··Õè 1 ขยายความเขาใจ
18. นักเรียนแตละคนทํากิจกรรมทาทายการคิด
ประ ลงในส
............ 4) เราสามารถมองเห็นดาวเคราะหเปนแสงนิ่งไมกะพริบ
19. ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ช ว ยกั น ทํ า กิ จ กรรม
............ 5) ดาวเคราะหเปนดาวทีม่ แี สงสวางในตัวเอง ทําใหเรามองเห็นดาวเคราะหได สรางสรรคผลงาน โดยครูใหนักเรียนศึกษา
2. ดูภาพ แลวตอบคําถามตอไปนี้ รายละเอียดในกิจกรรมสรางสรรคผลงาน
จากหนังสือเรียน หนา 119 แลวใหนักเรียน
แตละกลุมรวมกันทํากิจกรรม และนําเสนอ
ผลงานหนาชั้นเรียน
20. นักเรียนทําทบทวนทายหนวยการเรียนรูท่ี 7
ดาวบนทองฟา ในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร
ป.5 เลม 2
21. ครูใหนกั เรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
การเรียนรูที่ 7 ดาวบนทองฟา
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ
ขอ 1.
1) หากลากเสนเชื่อมดาวฤกษแตละดวงจะมองเห็นกลุมดาวฤกษเปนรูปอะไร
1) ✓ 2) ✓ 3) ✓ 4) ✓ 5) ✗
2) กลุม ดาวฤกษทกี่ าํ หนดใหจะมีรปู รางเปลีย่ นแปลงไปในแตละคืนหรือไม อยางไร
3) ถาเวลาหัวคํ่า กลุมดาวนี้อยูบริเวณขอบฟาดานทิศตะวันออก นักเรียนคิดวา ขอ 2.
1) มองเห็นกลุมดาวฤกษมีรูปคลายหมี
พอเชามืดวันถัดมา กลุมดาวนี้จะอยูบริเวณใด
2) กลุ ม ดาวฤกษ ที่ กํ า หนดให จ ะมี รู ป ร า งไม
เปลี่ยนแปลงไปในแตละคืน เพราะจะมีการ
เรียงตัวของดาวฤกษอยางคงที่ จึงทําใหมี
117
รูปรางเหมือนเดิมทุกคืน
3) บริเวณขอบฟาดานทิศตะวันตก
ดาวฤกษ
คาชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ได้ถูกต้อง 6. ดวงดาวใดมีประโยชน์ในการหาทิศ
1) ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์มีแสงสว่างในตัวเอง 1) ดาวพุธ
ดาวเคราะห
2. การขึ้น-ตกของกลุ่มดาวฤกษ์เกีย่ วข้องกับข้อใด 2) แว่นขยาย
1) โลกหมุนรอบตัวเอง 3) กล้องจุลทรรศน์
2) ดวงจันทร์โคจรรอบโลก 4) เทอร์มอมิเตอร์
3) โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 8. ถ้าสังเกตกลุม่ ดาวตอนใกล้รุ่งสาง จะเห็นกลุ่มดาวเคลื่อนทีไ่ ปทาง
4) ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเอง ทิศใด
ดาวเคราะห
2) ดาวศุกร์ 1) การมีวินัย
3) ดาวพลูโต 2) การสังเกต
4) ดวงอาทิตย์ 3) การแก้ปัญหา
5. ถ้าต้องการมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าให้ชัดเจน 4) ความรับผิดชอบ
เราควรเลือกดูกลุ่มดาวฤกษ์ในคืนใด 10. มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นแหล่งกาเนิดแสง จากข้อความหมายถึง
ที่ถูกตอง)
T131
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบผล
1. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน ตามเลขที่ จากนั้นให
สรุปความรูเกี่ยวกับการขึ้นและตกของกลุม 3. ระบุวา สถานการณที่กําหนดใหใชมุมทิศหรือมุมเงย
ดาวฤกษ และการบอกตํ า แหน ง ของกลุ ม 1) ดูแผนที่โลก
ดาวฤกษ 2) เดินทางไกลในปา
2. ครูใหนักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเองจาก
3) ดูแผนผังที่นั่งสอบ
หนังสือเรียน หนา 115 จากนั้นถามนักเรียน
รายบุคคลตามรายการขอ 1-5 เพื่อตรวจสอบ
4) บอกความสูงของภูเขา
ความรู ความเขาใจของนักเรียนหลังเรียน 5) หาตําแหนงของกลุมดาว
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช 6) วาดแผนผังของหองนอน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) 7) บอกตําแหนงของผลไมบนตนไม
8) อธิบายเสนทางใหแกนักทองเที่ยว
9) ลองเรือกลางทะเลเพื่อหาทางเขาฝง
แนวตอบ กิจกรรมฝกทักษะ 10) วาดแผนที่ทางไปบานของนักเรียนใหแกเพื่อน
ขอ 3.
1) มุมทิศ 2) มุมทิศและมุมเงย 4. สังเกตภาพ แลวระบุคามุมเงยลงในสมุด
3) มุมทิศ 4) มุมเงย
5) มุมทิศและมุมเงย 6) มุมทิศ
7) มุมเงย 8) มุมทิศ
9) มุมทิศและมุมเงย 10) มุมทิศ
ขอ 4.
ภาพที่ 1 คือ 1 องศา ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4
ภาพที่ 2 คือ 2.5 องศา
ภาพที่ 3 คือ 5 องศา 5. ตอบคําถามตอไปนี้
ภาพที่ 4 คือ 10 องศา 1) ถาตองการมองเห็นดาวฤกษชัดเจน ควรเลือกดูดาวในคืนที่มีลักษณะอยางไร
ขอ 5. 2) นักเรียนคิดวา การศึกษาเกี่ยวกับแผนที่ดาวมีประโยชนหรือไม อยางไร
1) คืนเดือนมืด 3) กลุมดาวฤกษมีเสนทางการขึ้นและตกตามเสนทางเดิมหรือไม อยางไร
2) มีประโยชน เพราะแผนที่ดาวเปนเครื่องมือ
ที่ใชประกอบการสังเกตกลุมดาวบนทองฟา
กิจกรรม ทาทายการคิดขัน้ สูง
สามารถใชหาตําแหนงของกลุมดาวได
3) กลุมดาวฤกษมีเสนทางการขึ้นและตกตาม
118
เสนทางเดิมทุกคืน คือ ขึ้นทางทิศตะวันออก
และตกทางทิศตะวันตก
T132
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
·Ñ¡ÉÐáË‹§ÈµÇÃÃÉ·Õè 21
✓การสื่อสาร ✓ ความรวมมือ การแกปญหา
1. ครูประเมินผล จากการสังเกตพฤติกรรมการ
✓การสรางสรรค การคิดอยางมีวิจารณญาณ ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
✓การใชเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พฤติกรรมการทํางานกลุม และจากการนํา
กิจกรรม เสนอหนาชั้นเรียน
ÊÌҧÊÃä¼Å§Ò¹ 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมที่ 3 เรื่อง การ
ขึ้นและตกของกลุมดาวฤกษ และกิจกรรมที่ 4
แบงกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวชวยกันสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ เรื่อง การหาคามุมทิศและมุมเงยในสมุดหรือ
กลุมดาวฤกษรูปรางตาง ๆ จากนั้นนํามาจัดทําเปนแบบจําลอง ในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
ของกลุมดาวฤกษบนทองฟา และนําเสนอผลงาน 3. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดในสมุด
หนาชั้นเรียน หรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
4. ครูตรวจสอบผลการสรุปความรูเ กีย่ วกับทองฟา
และกลุมดาวฤกษจากสมุด
µÑÇÍ‹ҧ ¼Å§Ò¹¢Í§©Ñ¹ 5. ครูตรวจผลการทํากิจกรรมฝกทักษะบทที่ 1
ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5
เลม 2
6. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทาทายการคิด
ขั้นสูงในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
7. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงานแบบจําลองของกลุม
ดาวฤกษบนทองฟา และการนําเสนอชิ้นงาน/
ผลงานหนาชั้นเรียน
8. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมทบทวนทาย
หนวยการเรียนรูที่ 7 ดาวบนทองฟา ในแบบ
ฝกหัดวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2
9. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
หนวยการเรียนรูที่ 7 ดาวบนทองฟา
119
รายการประเมิน
คาอธิบายระดับคุณภาพ/ระดับคะแนน
ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
ระดับคุณภาพ 1. การออกแบบชิ้นงาน ชิ้นงานมีความถูกต้อง ชิ้นงานมีความถูกต้อง ชิ้นงานมีความถูกต้อง
ลาดับที่ รายการประเมิน 3 2 1 ตามที่ออกแบบไว้ ตามที่ออกแบบไว้ ตามที่ออกแบบไว้
(ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) มีขนาดเหมาะสม มีขนาดเหมาะสม มีขนาดเหมาะสม
1 การออกแบบชิ้นงาน รูปแบบน่าสนใจ รูปแบบน่าสนใจ รูปแบบน่าสนใจ
2 การเลือกใช้วัสดุเพื่อสร้างชิ้นงาน แปลกตา และสร้างสรรค์ และสร้างสรรค์
3 ความถูกต้องของเนื้อหา 2. การเลือกใช้วัสดุเพื่อ เลือกใช้วัสดุมาสร้าง เลือกใช้วัสดุมาสร้าง เลือกใช้วัสดุมาสร้าง
สร้างชิ้นงาน ชิ้นงานตามที่กาหนดได้ ชิ้นงานตามที่กาหนดได้ ชิ้นงานไม่ตรงตามที่
4 การสร้างสรรค์ชิ้นงาน
ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถูกต้อง และวัสดุมีความ กาหนด แต่วัสดุมีความ
5 กาหนดเวลาส่งงาน
เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง
รวม
ชิ้นงานดีมาก ชิ้นงานดี ชิ้นงาน
3. ความถูกต้องของ ทาแบบจาลองกลุ่ม ทาแบบจาลองกลุ่ม ทาแบบจาลองกลุ่ม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน เนื้อหา ดาวฤกษ์ได้ถูกต้อง ดาวฤกษ์ได้ถูกต้องบ้าง ดาวฤกษ์ได้ถูกต้องน้อย
............./.................../.............. ครบถ้วน
4. การสร้างสรรค์ ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม
ชิ้นงาน ดีมาก ดี น้อย
5. กาหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากาหนด
กาหนด 1-2 วัน เกิน 3 วันขึ้นไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
T133
โครงงาน วิทยาศาสตร
สมุนไพรไลยงุ
โครงงานสํารวจและรวบรวมขอมูล ✓ โครงงานทดลอง
โครงงานสิ่งประดิษฐ โครงงานทฤษฎี
สถานการณ ถ้าอย่างนั้นเราต้องมาท�า
สมุนไพรไล่ยุงกันอีกแล้วล่ะสิ
คุณแม่คะ ที่บ้านเรา
ยุงเยอะจังเลยค่ะ
คุณแม่คะ เราจะใช้
สมุนไพรอะไรมาไล่
ยุงดีคะ
นักเรียนคิดวา
สมุนไพรชนิดใด
ที่สามารถนํามาทํา
สมุนไพรไลยุงไดดีที่สุด
เราจะใชสมุนไพร
ชนิดใดมาทําการทดลอง
เราวาลองใชตะไคร
¨Ò¡Ê¶Ò¹¡Òó ¹Ñ¡àÃÕ¹ เพื่อเปรียบเทียบ
ดวยก็ไดนะ
คุณแมเคยบอกวา
การไลยุงดีละ ใบขี้เหล็กก็สามารถ
à¡Ô´¢ŒÍʧÊÑÂÍÐäà นํามาทําไดนะ
ลองใชใบนอยหนา
ดีไหม เพราะมีกลิ่น
เหมือนกัน
T134
ขั้นตอนการทําโครงงานตามกระบวนการบันได 5 ขั้น
ขั้นตอนที่ 1 นักเรียนอ่านสถานการณ์ที่ก�าหนด แล้วช่วยกันตั้งค�าถาม
ตั้งคําถาม ระบุสมมติฐาน ก�าหนดตัวแปร และประโยชน์ที่คาดว่า
(Question)
จะได้รับจากการท�าโครงงาน
ขัน
้ ตอนที่ 2 นักเรียนสืบค้นข้อมูลได้จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย
สืบคน เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด สื่อต่าง ๆ รวมทั้งแสวงหา
(Search)
ข้อมูลจากการส�ารวจ หรือการสอบถาม
ขัน
้ ตอนที่ 3 นักเรียนน�าความรู้ ข้อมูล และสารสนเทศต่าง ๆ ที่ ได้
สรุปองคความรู จากการอภิปราย การส�ารวจ การทดลอง มาวิเคราะห์
(Construct)
สังเคราะห์ แล้วสรุปเปนองค์ความรู้
ขัน
้ ตอนที่ 4 นักเรียนมีวิธีน�าเสนอผลงานที่ได้จากโครงงานอย่างไรบ้าง
นําเสนอ เพื่อท�าให้เกิดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และท�าให้ผู้อื่น
(Communicate)
เกิดความเข้าใจได้ง่าย
ขัน
้ ตอนที่ 5 นักเรียนน�าความรู้ที่ได้จากการท�าโครงงานไปประยุกต์ ใช้
ประยุกตใช ให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ได้อย่างไร
(Serve)
เกณฑการประเมิน
รายการประเมิน ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (พอใช) 1 (ปรับปรุง)
1. ตั้งค�าถามและตั้งสมมติฐานได้
2. บอกแหล่งการเรียนรู้ได้
3. สรุปองค์ความรู้และน�าเสนอข้อมูลได้
4. น�าความรู้จากผลงานไปใช้ประโยชน์
T135
บรรณานุ ก รม
กุณฑรี เพ็ชรทวีพรเดช และคณะ. 2550. สุดยอดวิธีสอนวิทยาศาสตร์ น�ำไปสู่การจัดการเรียนรู้ของครูยุคใหม่. กรุงเทพฯ :
อักษรเจริญทัศน์.
คาน, ซาราห์ และกิลเลสพี, ลิซา เจน. 2558. พจนานุกรมภาพวิทยาศาสตร์ ประถม-มัธยมต้น. แปลโดย กฤติกา ชินพันธ์.
กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์.
งานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ส�ำนัก. 2549. หนังสือชุดกิจกรรมส่งเสริม
การเรียนรู้ “การสืบค้นทางวิทยาศาสตร์” ระดับมัธยมศึกษา. ปทุมธานี : ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แห่งชาติ.
ชุติมา วัฒนะคีรี. 2549. กิจกรรมวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ทิพย์สุดา บัวแก้ว และคณะ. 2559. คู่มือครูวิทยาศาสตร์ เพื่อศตวรรษที่ 21 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
ทิศนา แขมมณี. 2556. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 17. กรุงเทพฯ :
ด่านสุทธาการพิมพ์.
พลอยทราย โอฮาม่า. 2559. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม วิทยาศาสตร์เพื่อศตวรรษที่ 21 ป.4. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี :
ไทยร่มเกล้า.
. 2560. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม วิทยาศาสตร์เพื่อศตวรรษที่ 21 ป.5. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์. 2544. การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการสอนแบบสืบสวน. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ปแมเนจเม้นท์.
ภพ เลาหไพบูลย์. 2542. แนวการสอนวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
แรมสมร อยู่สถาพร. 2538. เทคนิคและวิธีการสอนในระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิจารณ์ พานิช. 2555. วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : ตถาตาพับลิเคชั่น.
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ส�ำนัก. 2553. แนวทาง
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
. 2560. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
ศิริรัตน์ วงศ์ศิริ และคณะ. 2560. คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. พิมพ์ครั้งที่ 3. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
. 2560. คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. พิมพ์ครั้งที่ 10. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
. 2560. คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. พิมพ์ครั้งที่ 5. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
. 2560. คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. พิมพ์ครั้งที่ 3. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
. 2560. คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. พิมพ์ครั้งที่ 9. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, สถาบัน. 2558. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
. 2559. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
. 2561. คูม่ อื การใช้หลักสูตรรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2561.
จาก http://www.scimath.org/e-books/8922/flippingbook/index.html#2.
สุวิทย์ มูลค�ำ และอรทัย มูลค�ำ. 2547. 21 วิธีจัดการเรียนรู้ : เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
ส�ำนักบริหารวิชาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์, แผนกบริหารหลักสูตร. 2557. เอกสารเผยแพร่ความรู้วิชาการศึกษา :
วิธีการสอน (Teaching Methodology). กรุงเทพฯ : วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์.
Marshall Cavendish Education. 2012. My Pals are Here! Science (International Edition) Teacher’s Guide 5A. Singapore:
Times Printers Pte Ltd.
. 2010. My Pals are Here! Science (International Edition) Teacher’s Guide 6A. Singapore: Times Printers
Pte Ltd.
T136