Professional Documents
Culture Documents
1. อะตอมและการค้นพบอิเล็กตรอน
การพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างของสสาร สามารถสรุป โดยย่อได้ดังนี้ คือ
1. ทฤษฎีอะตอมของเดโมคริตุส (พ.ศ. 83-173) ดิโมคริตุส (Democritus) ได้เสนอโครงสร้างสสารเป็นครั้งแรกซึ่ง
สรุปได้ว่า
สสารทุกชนิดประกอบด้วยหน่วยที่ย่อยที่สุดซึ่ง แบ่งแยกต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เรียกว่า อะตอม ซึ่งไม่สูญหายไป
และไม่เกิดใหม่
ระหว่างอะตอมเป็นที่ว่าง ซึ่งอะตอมสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้
อะตอมของสสารทุกชนิดเหมือนกันหมด แต่การจัดเรียงตัวต่างกันจึงเป็นสารต่างชนิดกัน
การเปลี่ยนแปลงของสสารจากชนิดหนึ่งเป็นอีก ชนิดหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะการจัดเรียงตัว
ของอะตอม
2. โครงสร้างสสารของอาริโตเติ ล (พ.ศ.159-221) อาริสโตเติล (Aristotle) มีค วามคิ ดเกี่ยวกับโครงสร้างสสาร
ขัดแย้งกับดิโมคริตุส โดยเขาเสนอความคิดโดยสรุปได้ว่า
สสารจะถูกแบ่งให้เล็กเท่าไรก็ได้โดยไม่สิ้นสุด
สสารทุกชนิดเกิดจากองค์ประกอบมูลฐาน 4 ชนิด คือ ดิน น้้า ลม ไฟ
สสารชนิดเดียวกันจะมีองค์ประกอบมูลฐาน เหมือนกัน
การเปลี่ยนแปลงสสารเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบมูลฐาน
เนื่องจากสสารทุกชนิดมีองค์ประกอบมูลฐานเหมือนกัน จึงท้าให้นักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นพยายามเปลี่ยน
โลหะราคาถูกให้เป็นโลหะมีค่า เรียกยุคนี้ว่า ยุคเล่นแร่แปรธาตุ หรือ ยุคอัลเคมี
3. ทฤษฎี อ ะตอมของดอลตั น (พ.ศ.2309-2387) ดอลตั น (John Dalton) ได้ ส ร้ า งแบบจ้ า ลองอะตอม โดย
น้าข้อมูลการทดลองของนักวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คน เช่น บอยล์ คาเวนดิช ลาวัวซิเอ มาสรุปเป็นทฤษฎีอะตอม
ได้ดังนี้ คือ
อะตอมเป็นหน่วยย่อยที่สุดของสสาร และจะแบ่งแยกต่อไปไม่ได้
อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันเหมือนกัน อะตอมของธาตุต่างชนิดกันไม่เหมือนกัน
อะตอมของธาตุหนึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นอะตอมของธาตุอื่นไม่ได้
อะตอมจะรวมตัวเป็นโมเลกุลเกิดเป็น สารประกอบ
ในปฏิกิริยาเคมีใด ๆ อะตอมจะไม่สูญหายไปหรือเกิดขึ้นใหม่
จากการพั ฒ นาแนวความคิ ด เกี่ ย วกั บ โครงสร้ า งของสสารจนถึ งสมั ย ของดอลตั น พอจะสรุ ป ได้ ว่า สสาร
ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่สุด คือ อะตอม และอะตอมนี้จะแบ่งแยกอีกไม่ได้ แต่ในปัจจุบันทฤษฎีอะตอมของดอลตัน
ถูกคัดค้านโดยความรู้สมัยใหม่และการค้นพบอนุภาคตัว ใหม่ ๆ ท้าให้แบบจ้าลองอะตอมเปลี่ยนไป คือ
อะตอมสามารถแบ่งให้เล็กลงไปได้อีก
อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันอาจต่างกันได้
อะตอมของธาตุหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นอะตอมของ ธาตุอื่นได้
แบบฝึกทบทวนความรู้ความเข้าใจครั้งที่ 6
ค้าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค้าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค้าตอบเดียว
1. อะตอมมาจากภาษากรีก ที่แปลว่าอย่างไร
ก. ส่วนที่เล็กๆ
ข. ส่วนหนึ่งของสาร
ค. แบ่งแยกอีกไม่ได้
ง. แบ่งแยกต่อไปได้อีก
2. ทฤษฎีอะตอมของดาลตันกล่าวถึงอะตอมแตกต่างจากทฤษฎีอะตอมสมัยกรีกโบราณในข้อใด
ก. สสารทั้งหลายประกอบด้วยหน่วยเล็กที่สุดเรียกว่าอะตอม
ข. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันจะเหมือนกันทุกประการ
ค. อะตอมของธาตุต่างชนิดกันจะมีลักษณะแตกต่างกัน
ง. อะตอมไม่สามารถแบ่งแยกให้เล็กลงต่อไปได้อีก
3. ในทฤษฎีอะตอมของดาลตัน ข้อใดที่ยังเป็นจริงในปัจจุบัน
ก. สสารประกอบด้วยอะตอมซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุด
ข. ธาตุชนิดเดียวกันมีอะตอมเหมือนกัน
ค. อะตอมชนิดหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอะตอมชนิดอื่นไม่ได้
ง. สารประกอบเกิดจากการเรียงตัวของอะตอมของธาตุตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป
4. ตามทฤษฎีอะตอมของดิโมคริตุส
A. สารต่างชนิดกัน เพราะการเรียงตัวของอะตอมแตกต่างกัน
B. อะตอมของสารทุกชนิด เหมือนกันทุกประการ
ข้อใดถูกต้อง
ก. ข้อ A และ B กล่าวถูก
ข. ข้อ A กล่าวถูกแต่ ข้อ B กล่าวผิด
ค. ข้อ A กล่าวผิตแต่ ข้อ B กล่าวถูก
ง. ข้อ A และ B กล่าวผิด
5. อริสโตเติลให้แนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างของสสารไว้ว่าอย่างไร
ก. สสารทุกชนิดสามารถแบ่งออกไปเรื่อยๆ จนถึงระดับอะตอม
ข. องค์ประกอบมูลฐานของสสารได้แก่ ดิน น้้า ลม ไฟ
ค. สสารชนิดเดียวกันมีสัดส่วนขององค์ประกอบมูลฐานเท่ากัน
ง. ถูกเฉพาะข้อ ข และ ค
6. ความรู้ในข้อใดที่ไม่เป็นพื้นฐานให้ดอลตันเสนอทฤษฎีอะตอม
ก. บอยล์เสนอว่าสารประกอบทางเคมีเกิดจากการรวมตัวระหว่างอนุภาคของสาร
ข. ลาวัวซิเอได้เสนอกฎการอนุรักษ์มวลของสาร
ค. นิวตันอธิบายเกี่ยวกับความดันของแก๊สได้
ง. มิลลิแกนหาประจุไฟฟ้าบนหยดน้้ามัน
7. ข้อใดคือมโนภาพตามแบบจ้าลองอะตอมของดอลตัน
ก. อะตอมมีลักษณะเป็นวงรีกลวง มีขนาดเล็กมากและไม่สามารถแบ่งแยกได้อีก
ข. อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลมตัน มีขนาดเล็กมากและไม่สามารถแบ่งแยกได้อีก
ค. อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลมกลวง มีขนาดเล็กมากและไม่สามารถแบ่งแยกได้อีก
ง. อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลมกลวง มีขนาดเล็กมากและสามารถแบ่งแยกเป็นส่วนๆได้อีก
8. เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ท้าการศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับอะตอมมากขึ้น พบว่าแบบจ้าลองอะตอมของดอลตัน ไม่สามารถ
อธิบายได้ยกเว้นข้อใด
ก. อะตอมไม่สามารถท้าให้สูญหาย หรือท้าให้เกิดขึ้นใหม่ได้
ข. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน ย่อมมีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ
ค. สสารทุกชนิดประกอบด้วยอะตอมคืออนุภาคที่เล็กที่สุด ไม่สามารถแบ่งย่อยลงได้อีก
ง. สารประกอบเกิดจากการรวมตัวทางเคมีระหว่างอะตอมของธาตุ ตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป
9. ใครคือผู้ที่เสนอว่า อะตอม คือส่วนของสารที่ย่อยจนเล็กที่สุด จนไม่สามารถท้าให้เล็กลงได้อีก
ก. ดิโมคริตุส
ข. ดอลตัน
ค. ทอมสัน
ง. รัทเทอร์ฟอร์ด
10. ใครคือผู้เสนอทฤษฎีอะตอมเป็นคนแรก
ก. ดิโมคริตุส
ข. ดอลตัน
ค. ทอมสัน
ง. รัทเทอร์ฟอร์ด
การค้นพบอิเล็กตรอน
ในปี พ.ศ. 2398 ไกสส์เลอร์ (Heinrich Geissler) ได้ประดิ ษฐ์ห ลอดสุญ ญากาศ
โดยลดความดันภายในหลอดเหลือเพียง 0.01 เปอร์เซ็นต์ ของบรรยากาศปกติ และท้าการ
ทดลองต่อขั้วปลายหลอดแก้วทั้งสอง ด้วยความต่างศักย์สูง พบว่าจะมีกระแสไฟฟ้าไหลและ
เกิดการเรืองแสงเป็นสีเขียวที่ผนังหลอด
ต่ อ มาครู ก ส์ (Sir William Crookes, พ.ศ. 2375 - 2462) ได้ ท้ า การทดลองงอ
หลอดแก้วพบว่าการเรืองแสงจะเกิดมากที่สุดที่ผนังหลอดด้านที่อยู่ตรงข้ามกับขั้วลบ จึงเชื่อ
ว่าน่าจะมีรังสีออกจากขั้วลบและเรียกรังสีนี้ว่า รังสีแคโทด (cathode ray)
การค้นพบอิเล็กตรอนโดยการทดลองของทอมสัน
Sir Joseph John Thomson (พ.ศ. 2399 - 2483) นั ก ฟิ สิ ก ส์ ช าวอั งกฤษ
ได้ท้าการทดลองเพื่อวัดค่าประจุต่อมวล (q/m) ของอนุภาครังสีแคโทดจากหลอดรังสี
แคโทดโดยดัดแปลงลักษณะของหลอดรังสีแคโทดจากเดิมเล็กน้อย เช่น มีการเติมฉาก
เรืองแสงไว้ในหลอดรังสีด้วยดังในรูป
ท้าการทดลองโดยใช้หลอดสุญญากาศต่อเข้ากับ
แหล่ ง ก้ า เนิ ด ไฟฟ้ า ที่ มี ค วามต่ า งศั ก ย์ สู ง พบว่ า เมื่ อ
อิเล็กตรอนวิ่งผ่านแอโนดออกมา มันจะวิ่งต่อไปเป็นแนว
เส้นตรง
การทดลองที่ 2
ใส่สนามไฟฟ้าระหว่างแผ่นที่ตั้งฉากกับเส้นทาง
วิ่งของอิเล็กตรอน พบว่า เมื่อใช้ความต่างศักย์ไฟฟ้า(V)
ไปกระท้าต่อล้าประจุนี้มันจะเบนเข้าหาแผ่นบวกแสดงว่า
รังสี แ คโทดเป็ น ล้ า อนุ ภ าคที่ มี ป ระจุไฟฟ้ า ลบ และเมื่ อ
ทอมสันลองเปลี่ยนโลหะที่ใช้ท้าขั้วแคโทดก็พบว่าผลการ
ทดลองเหมือนกัน จึงสรุปว่ารังสีแคโทดที่ออกมาจากโลหะแต่ละชนิดเป็นอนุภาคชนิดเดียวกัน ภายหลังจึงเรียกอนุภาค
นี้ว่าอนุภาครังสีแคโทด ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าอิเล็กตรอน และเรียกหลอดแก้วที่ใช้ทดลองว่าหลอดรังสีแคโทด
การทดลองที่ 3