Professional Documents
Culture Documents
พลังงานนิวเคลียร์
นิวเคลียส (โปรตอน+นิวตรอน)
อิเล็กตรอน
10.2 นิวเคลียสและชนิดของนิวเคลียส
A
XN หรื อ ZA X หรื อ Z X A แทนนิวเคลียสของธาตุ X
10.2.3 คุณสมบัติบางประการของนิวเคลียส
E mc 2 (10.1)
1.492412 10 10
หรื อ MeV
1.602189 10 19 10 6
931.48 Mev
นัน่ คือมวล 1u สามารถเปลี่ยนเป็ นพลังงานได้ 931.48 MeV เมื่อ 1 eV
เป็ นพลังงานที่ทาํ ให้อิเล็กตรอน 1 ตัว สามารถเคลื่อนที่ผา่ นความต่างศักย์ขนาด 1 โวลต์ได้
10.2.3.2 แรงนิวเคลียร์ (nuclear force) เป็ นที่น่าสนใจว่าในนิวเคลียสซึ่ง
ประกอบด้วยนิวตรอนซึ่งไม่มีประจุและโปรตอนซึ่งมีประจุบวกรวมอยูด่ ว้ ยกันได้อย่างไร น่าจะเกิด
แรงผลักทางไฟฟ้ าระหว่างประจุบวกของโปรตอนแต่ละตัวทําให้ไม่น่าจะอยูร่ วมกันได้ ซึ่งการที่
นิวคลีออนสามารถอยูร่ วมกันได้ แสดงว่าต้องมีแรงอีกชนิดหนึ่งที่มีอาํ นาจมากกว่าแรงผลักของ
โปรตอนได้ โดยแรงนี้เรี ยกว่า แรงนิวเคลียร์ ซึ่งมีคุณสมบัติดงั นี้
(1) แรงนิวเคลียร์เป็ นแรงดึงดูดทําให้นิวคลีออนอยูร่ วมกันได้
(2) เป็ นแรงที่เกิดขึ้นในระยะใกล้ๆ เท่านั้น
(3) เป็ นแรงที่ไม่เกี่ยวกับชนิดของประจุ
(4) เป็ นแรงที่มีค่ามากกว่าแรงคูลอมบ์หรื อแรงระหว่างประจุ
10.2.3.3 พลังงานยึดเหนี่ยว (binding energy, B.E.) เป็ นพลังงานที่ทาํ หน้าที่ยดึ
เหนี่ยวนิวคลีออนในนิวไคลด์ไว้ดว้ ยกัน ซึ่งสามารถหาได้จากสูตร
B.E. Zm p A Z mn m 931.5 MeV (10.2)
B.E. Z m p me A Z mn M 931.5 MeV (10.3)
10.3 กัมมันตภาพรังสี
10.4.1 กฎการสลายตัวของธาตุรังสี
dN
N (10.4)
dt
หรื อ A = N (10.5)
โดยที่ N N 0 e t (10.6)
ln 2
T1 2 0.693 (10.7)
90Th232 88 Ra228 + 2 4
253
0
79 Au198 80 Hg198 + 1
0
7N13 C13 +
6 1
14 Si28* Si28 +
14
254
49 In113m 49 In113+
Hg198
80 (0.41 MeV) X – rays
Cs141
55 55Cs140 + 0n1
Cf252
98 Z1 XA1 + Z2YA2 + (2 ถึง 3) n
Co53
27 26Fe52 + 1p1
255
4
81 Tl208 + 2
Bi212
83
84Po212 + 1 0
aA1 + Z2XA2
Z1 Z3 YA3 + Z4bA4 + Q (10.8)
A1 + A2 = A3 + A4 (10.8)
Z 1 + Z2 = Z3 + Z4 (10.9)
Eint = E fi (10.10)
1H2 + 1H3 2
4
+ 0n1
10.6 ความหมายและประเภทของพลังงานนิวเคลียร์
U235+ 0n1
92 56Ba138 + 36Kr95 + 3(0n1)
การนําเอาพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยนั้น ถือว่ายังน้อยมากเมื่อ
เทียบกับประเทศที่พฒั นาแล้ว ทั้งๆ ที่มีการเริ่ มนํามาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า
40 ปี โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเรื่ องของการนํามาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้ าซึ่งในปัจจุบนั นี้ไม่มีเลยแม้แต่โรง
เดียว แต่กม็ ิใช่ปัญหาใหญ่สาํ หรับประเทศไทยในสภาวะปั จจุบนั เพราะยังมีกาํ ลังการผลิตไฟฟ้ าจาก
แหล่งพลังงานอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งที่เป็ นแหล่งพลังงานที่ใช้ซากดึกดําบรรพ์เป็ นเชื้อเพลิง และ
แหล่งพลังงานหมุนเวียนหรื อพลังงานทดแทน ซึ่งรัฐบาลพยายามส่ งเสริ มและสนับสนุน อย่างไร
ก็ตามเมื่อมองถึงอนาคตเมื่อประเทศมีความเจริ ญเติบโตมากขึ้น ความจําเป็ นต้องใช้พลังงานไฟฟ้ า
จะมากขึ้นเรื่ อยๆ การใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้ าจะมีความจําเป็ นอย่างยิง่ เพราะเป็ นแหล่ง
ที่ให้พลังงานได้อย่างมหาศาล เช่น การใช้ยเู รเนียม 235 เพียง 1.23 กรัม สําหรับเป็ นเชื้อเพลิงเพื่อให้
เกิดปฏิกิริยาฟิ สชันในเครื่ องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ จะได้พลังงานออกมาถึง 1 เมกะวัตต์ต่อวัน (นวลฉวี
รุ่ งธนเกียรติ. 2545 : 242) ซึ่งถือว่ามีอตั ราการเปลี่ยนเป็ นพลังงานที่สูงมากเมื่อเทียบกับแหล่ง
พลังงานอื่นๆ ดังนั้นหากคิดถึงความจําเป็ นในการใช้ไฟฟ้ าในอนาคตแล้ว สิ่ งที่ควรคํานึงคือการ
เตรี ยมความพร้อมทั้งทางด้านกําลังคน ความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจ ความพร้อมทางด้านแหล่ง
เชื้อเพลิง และความพร้อมในการป้ องกันปั ญหาที่อาจเกิดขึ้นทั้งเรื่ องของสิ่ งแวดล้อม การรั่วไหลของ
กัมมันตภาพรังสี การกําจัดกากนิวเคลียร์ เป็ นต้น สิ่ งเหล่านี้เป็ นสิ่ งที่จะต้องมีการเตรี ยมความพร้อม
ส่ วนปัญหาทางด้านเทคโนโลยีของโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์มิใช่ปัญหาใหญ่ เพราะในต่างประเทศได้มี
266
10.10 บทสรุ ป
พลังงานนิวเคลียร์เป็ นพลังงานที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นภายในนิวเคลียสที่ไม่
เสถียร ซึ่งอาจเกิดจากนิวเคลียสที่ไม่เสถียรโดยธรรมชาติหรื อนิวเคลียสที่ถูกทําให้ไม่เสถียร โดย
การให้อนุภาคอื่นวิ่งเข้าไปชน ไม่วา่ จะเป็ นกรณี ใดก็ตามการปรับตัวเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะเสถียรของ
นิวเคลียสเหล่านี้จะมีการปลดปล่อยพลังงานออกมา ทั้งในรู ปของการแผ่รังสี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า
เช่น รังสี แกมมา รังสี เอกซ์ หรื อในรู ปของพลังงานจลน์ของอนุภาคที่มีประจุ เช่น อนุภาคแอลฟา
หรื อ บีตา เป็ นต้น การนําเอาพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์น้ นั สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางทั้ง
ทางด้านการแพทย์ ทางอุตสาหกรรม การเกษตร การศึกษาวิจยั นอกจากนี้ยงั ใช้เป็ นแหล่งผลิตไฟฟ้ า
ที่เรี ยกว่าโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ ซึ่งจะเป็ นแหล่งผลิตพลังงานที่สาํ คัญในโลกอนาคต ซึ่งประเทศไทย
เองต้องตระหนักถึงความจําเป็ นที่จะต้องใช้โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ในอนาคต และควรมีการเตรี ยมความ
พร้อมทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี แหล่งเชื้อเพลิง และงบประมาณต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการ
ใช้พลังงานในวันข้างหน้า
10.11 คําถามทบทวน
1. จงอธิบายถึงลักษณะของโครงสร้างของอะตอม
2. จงอธิบายถึงการจําแนกนิวไคลด์ตามเสถียรภาพทางนิวเคลียร์
3. จงอธิบายและบอกคุณสมบัติของแรงนิวเคลียร์
4. จงบอกความหมายของค่าพลังงานยึดเหนี่ยว
5. จงอธิบายถึงแหล่งที่มาของไอโซโทปกัมมันตรังสี
6. จงให้ความหมายของคําว่ากัมมันตภาพรังสี
7. จงบอกความหมายของคําว่าครึ่ งชีวิตของสารรังสี
8. จงให้ความหมายและอธิบายพลังงานนิวเคลียร์มาพอสังเขป
9. จงบอกถึงประเภทและหลักการทํางานพื้นฐานของโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์
10. จงอธิบายถึงข้อดีและข้อเสี ยในการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์
269
เอกสารอ้างอิง
ชัยวัฒน์ คุประตกุล. (2545). วิทยาศาสตร์ กบั มนุษย์ . พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุ งเทพฯ : สารคดี.
นวลฉวี รุ่ งธนเกียรติ. (2545). วิทยาศาสตร์ นิวเคลียร์ . กรุ งเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
วราวุธ ขจรฤทธิ์ และ สมพร จองคํา. (2542). พลังงานนิวเคลียร์ และการใช้ ประโยชน์ . กรุ งเทพฯ :
สํานักงานพลังงานปรมาณูเพือ่ สันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่ งแวดล้อม.
สํานักงานพลังงานปรมาณูเพือ่ สันติ. (2547). เครื่องปฏิกรณ์ นิวเคลียร์ . [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา:
http://www.oaep.go.th.
สุ รพงษ์ พิมพ์จนั ทร์. (2539). การป้องกันอันตรายจากรังสี . กรุ งเทพฯ : สํานักงานพลังงานปรมาณู
เพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่ งแวดล้อม.
The Virtual Nuclear Tourist. (2004). Nuclear Plants Around the World. [On-line]. Available:
http://www.nucleartourist.com.