Professional Documents
Culture Documents
ประวัติความเป็ นมาของภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษมีความน่าสนใจที่ใช้แพร่หลายในหลายประเทศ อาจฟั ง
เข้าใจกันบ้างและไม่เข้าใจกันบ้าง เหตุนี้เป็ นเพราะผู้ใช้ภาษาอังกฤษได้อพยพ
จากเกาะบริเตนใหญ่ออกไป และเป็ นเจ้าอาณานิคมของหลาย ๆ ประเทศ
ทำให้เกิดภาษาอังกฤษหลากหลายรูปแบบ เช่น ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน
ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ภาษาอังกฤษแบบอินเดีย ภาษาอังกฤษแบบ
ออสเตรเลีย เป็ นต้น
ภาษาอังกฤษมีความสำคัญ คือ เป็ นภาษาของการศึกษา ภาษากลางใน
การสื่อสาร ภาษาธุรกิจ และภาษาของเจ้าอาณานิคม
ลักษณะทางหน่วยเสียงในภาษาอังกฤษ
ความเป็ นมาของภาษาอังกฤษในภาษาไทย
ไทยติดต่อกับอังกฤษมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว แต่มีความสัมพันธ์กับ
ฝรั่งเศสและโปรตุเกสมากกว่า ทำให้ปรากฏคำยืมภาษาฝรั่งเศสและโปรตุเกส
มากกว่าภาษาอังกฤษในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และภาษาอังกฤษเพิ่งมา
เป็ นที่สนใจมากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 จากหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ของ
หมอบรัดเลย์
การเปลี่ยนแปลงของคำยืมภาษาอังกฤษในภาษาไทย
การเปลี่ยนแปลงด้านรูปคำ
การเปลี่ยนแปลงทางหน่วยเสียงพยัญชนะ
- หน่วยเสียงพยัญชนะต้นประสมที่ไม่มีในภาษาไทย จะเกิดการแทรก
เสียงเสียง /ə/ ระหว่างเสียง
- หน่วยเสียงพยัญชนะต้นที่ประสมกับเสียง /r หรือ l/ จะออกเสียงเพิ่ม
ขึ้นมาได้โดยไม่แทรกเสียงสระ /ə/
- หน่วยเสียงพยัญชนะท้ายในภาษาอังกฤษที่เป็ นเสียง released กลาย
เป็ นเสียง unreleased ในภาษาไทย เช่น /-p, -t, -k/ กลายเป็ นเสียง
/-p ̚, -t ̚, -k ̚/ ในภาษาไทย
- หน่วยเสียงพยัญชนะท้ายที่ไม่ปรากฏในภาษาไทย จะเกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางเสียงให้เป็ นหน่วยเสียงพยัญชนะท้ายทั้ง 9 หน่วย
เสียง ดังนี้
/b, f, v/ ปรับเป็ นเสียง /p/ ในภาษาไทย
/d, tʃ, dʒ, θ, ð, s, z/ ปรับเป็ นเสียง /t/ ในภาษาไทย
/g/ ปรับเป็ นเสียง /k/ ในภาษาไทย
/l/ ปรับเป็ นเสียง /n, w/ ในภาษาไทย
/r/ ไม่ออกเสียงในภาษาไทย
- หน่วยเสียงพยัญชนะท้ายบางหน่วยเสียงที่ไม่ปรากฏในภาษาไทย
ได้แก่ /f, s, l/ จะออกเสียงเมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย
- หน่ยเสียงพยัญชนะท้ายประสมหลายเสียงจะตัดให้เหลือเสียงเดียวใน
ภาษาไทย และเสียงที่ถูกตัดมักเป็ นเสียงท้ายสุด หรือถ้ามีเสียง /r, l/ ก็
จะตัดทิ้งเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงทางหน่วยเสียงสระ
- หน่วยเสียงสระเดี่ยวจะเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับหน่วยเสียงสระเดี่ยวใน
ภาษาไทย เนื่องจากจริง ๆ แล้ว หน่วยเสียงสระในภาษาอังกฤษมีสัท
ลักษณ์ที่แตกต่างจากไทย
- สระประสม เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
/eɪ/ เป็ นเสียง /eː/ /oʊ/ เป็ นเสียง /ow, oː/
/au/ เป็ นเสียง /aw/ /ɔɪ/ เป็ นเสียง /ɔj/
/aɪ/ เป็ นเสียง /aj/ /jʊ/ เป็ นเสียง /iw/
เสียง /i/ และ /u/ ในภาษาไทยจะตีความว่าเป็ นเสียงพยัญชนะเปิ ด
/j/ และ /w/ ซึ่งทั้งสี่เสียงแตกต่างกันเพียง duration ของเสียงเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงทางการลงน้ำหนักในพยางค์
ในภาษาอังกฤษการลงน้ำหนักพยางค์จะแตกต่างกันออกไปและมี
ผลต่อขนิดของคำและความหมาย เมื่อภาษาไทยยืมมา การลงน้ำหนักคำ
จะไปอยู่ที่ท้ายพยางค์ทั้งหมด และมีการเพิ่มหน่วยเสียงวรรณยุกต์เข้ามา
ด้วย ถ้าเป็ นพยางค์เป็ นส่วนใหญ่จะเป็ นเสียงโท เพราะภาษาอังกฤษเป็ น
ทำนองเสียงตกคล้ายกับในภาษาไทย ถ้าเป็ นพยางค์ตายส่วนใหญ่จะเป็ น
เสียงตรี
การเปลี่ยนแปลงด้านอักขรวิธี ส่วนใหญ่คำยืมในภาษอังกฤษจะคงรูป
พยัญชนะไว้ตามต้นทาง แต่จะใส่ทัณฑฆาตบนพยัญชนะที่ไม่ออกเสียง
และคำที่มีหลายพยางค์มักตัดพยางค์ลงให้เหลือเพียงพยางค์หน้า
การเปลี่ยนแปลงด้านความหมาย
ศัพท์บัญญัติ
การบัญญัติศัพท์เกิดขึ้นอย่างเป็ นทางการในสมัยจอมพล ป. ที่ตั้งคณะ
กรรมการบัญญัติศัพท์ขึ้น โดยมีพระองค์วรรณเป็ นประธาน และส่งต่อให้
ราชบัณฑิตยสถานรับผิดชอบต่อ สาเหตุที่ต้องมีกรรมการบัญญัติศัพท์ เนื่องจาก
ความก้าวหน้าทางวิชาการทำให้ภาษาอื่นเข้ามาสู่ภาษาไทยอย่างรวดเร็ว ใน
สมัย ร.5-6 ก็มีการบัญญัติศัพท์ขึ้นอย่างเป็ นทางการและประกาศใช้เช่นกัน
ศัพท์บัญญัติหลาย ๆ คำ ถ้าคนยอมรับใช้หรือติดก็ไม่มีปั ญหา แต่ถ้าคนไม่
ยอมรับใช้หรือไม่ติดในภาษาก็อาจจะต้องพิจารณาบัญญัติขึ้นมาใหม่
สาเหตุของการบัญญัติศัพท์
- เพื่อรับมโนทัศน์ใหม่เข้ามา
- เพื่อเลี่ยงคำภาษาต่างประเทศ
- เพื่อเผยแพร่ความรู้ในวงกว้าง : การใช้ภาษาต่างประเทศแต่ไม่มีผู้รู้
ภาษานั้น ๆ เท่าที่ควรทำให้การเผยแพร่ความรู้นั้นเป็ นไปได้ลำบาก ดัง
นั้นการบัญญัติศัพท์จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้
การบัญญัติศัพท์ เกิดขึ้นจากแรงกดดันทางวัฒนธรรเพื่อธำรงรักษา
ภาษาของตนให้บริสุทธิ์ การรับวัฒนธรรมใหม่เข้ามาในสังคมหมายถึงการ
รับมโนทัศน์ใหม่เข้ามาด้วย เมื่อมีมโนทัศน์ใหม่ ๆ แล้ว เราก็ต้องการคำที่
จะใช้สื่อมโนทัศน์นั้น ดังนั้น จึงมีการสร้างคำเพื่อสื่อมโนทัศน์ใหม่ ดังนี้
ในช่วงแรกของการบัญญัติศัพท์โดยคณะกรรมการบัญญัติศัพท์มี
ลักษณะหลายรูปแบบ ได้แก่
วิธีบัญญัติศัพท์ในปั จจุบัน
การบัญยัติศัพท์ในปั จจุบันจะพิจารณาการสร้างคำจากการหาคำไทยก่อน
แล้วจึงพิจารณาภาบาลี-สันสกฤตเป็ นลำดับต่อมา ก่อนที่จะใช้ทับศัพท์ไปเลยใน
กรณีที่บัญญัติคำที่เหมาะสมไม่ได้