You are on page 1of 595

Coin 37

ท้ องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่..

พอๆกับใจของผมตอนนีเลยครับ

“ทําไมวะ กูว่ามันก็ดีแล้ วนะเว้ ย”

“เชีย แปลนของมึงมันโคตรเน่าเลยไอ้ ตี ใช้ ไม้ บรรทัดหรือเปล่า ตรงนีก็ผิด มึงโดนแก้ บานตะไทเลย”

ขอบคุณทีซําเติมนะไอ้ โจ๋

“แม่ง กูก็เอาของไอ้ กล้ วยมาปรับแล้ วนะเว้ ย ทําไมของมันผ่านวะ”

“แบบ นีเขาเรียกจีนแดงหว่ะ” ไอ้ กล้ วยรีบเติม เอากระดาษงานมันมากางใหญ่ “ของกูแม่งยุโรป ของมึงมันก็


เป็ นได้ แค่ของสําเพ็งเท่านัน ไอ้ ลกู จีนเตีย”

“เดีย จีนแตกให้ ดเู ลยมึงนี” หมันไส้ เอากระดาษสแมชหัวไอ้ กล้ วยไปทีนงึ เลยเกิดศึกย่อมๆทีม้ านังอะเกน ไอ้ เคิล
กวักมือเรียก ชีให้ ดทู ีละจุดว่าทําไมถึงผิด เออ แบบนีหล่ะทีเรียกว่าเพือนดี มีประโยชน์ ไม่เหมือนเอ็งเว้ ย ไอ้ กล้ วย
เน่า

กลางวันก็ต้องรีบกินข้ าว หิวกีตาร์ ไปกับไอ้ โจ๋ มันจีบน้ องแป้งคณะเภสัชอยู่ครับ ผมไม่เข้ าใจมันจริ งๆเลยหว่ะ น้ อง


แป้งน่ารักผมเข้ าใจครับ แต่มีแฟนแล้ ว เอ็งจะไปเป็ นมือทีสามทําพยาธิไรวะ

แต่ผมไม่ปฏิเสธหรอก เพือนกันก็ช่วยกันก่อบาปนีแหละครับ ไปนังรอทีคณะ คนก็มองกัน เพราะมาแบบเหงือ


แตกท่วมตัว ร้ อนอบอ้ าวไปหมด เหมือนฝนจะตกแต่ก็อนไว้
ั ไอ้ โจ๋มาพร้ อมดอกไม้ ผมแบกกีตาร์ มุกจีบสาวเห่ยรุ่น
พ่อ แต่เอาอะไรแน่นอนได้ ทีไหนครับ สาวๆอาจชอบของแปลก ค้ างสต็อกแบบไอ้ โจ๋ก็ได้

มา รอไม่นาน ก็มาจริงๆครับ น้ องแป้งเดินอุ้มชีทกําลังมาทางม้ านังทีผมนังอยู่ ก็เริมเล่นกีตาร์ เลยครับ ไม่มีใคร


ร้ องเพลง ไอ้ เวร ไอ้ โจ๋แม่งแข็งเป็ นหินไปแล้ ว! ผมเลยใช้ เท้ ายันก้ นมันไปทีนงึ มันเลยยอมเดินไป กูก็อายนะเว้ ย
เอาทังทีเอาให้ ค้ มุ

ไม่ร้ ูมนั พูดอะไร แต่ผมก็หยุดเล่นกีตาร์ แม่ง ไอ้ นกั ร้ องนําเสือกป็ อด ล่ม ล่มเลยกู

น้ องแป้งไม่ได้ รับดอกไม้ ไปจากไอ้ โจ๋ ดูจะอึดอัดใจทีเจอมุกนีเขาไป รีบพูดขอโทษแล้ วเดินหนีไปกับเพือน

ผม หิวคอกีตาร์ เดินไปตบไหล่ไอ้ โจ๋ ไม่ต้องพูดอะไรต่อ นอกจากหิวซากสิงมีชีวิตกับคณะไปตังหลักครับ เพือนๆ


พีๆน้ องๆเข้ ามาปลอบใจกันใหญ่ ผมเลยได้ รับบทเพือนพระเอกยอดเยียมประจําวันไปโดยปริยาย

ไอ้ อกุ กี เดินมากับพวกไอ้ ปิก แต่มนั ยืนอยู่ตรงนัน ไม่ได้ เดินเข้ ามาพร้ อมปิ กหรือกึม มันมองมาทางกล้ วยแค่แว่บ
เดียว พอๆกับไอ้ กล้ วยทีหันหน้ าหนี

ยังไม่เลิกสงครามเย็นอีกหรอวะเนีย..

“ไอ้ เอกชาติ หยุดกระแดะแล้ วเดินเข้ ามาทักพีๆบ้ างได้ ป่าววะ”

“พีตีจะเรียกเต็มยศไปทําครูฝึกอะไรคะ? อุกกีอยากเดินเข้ าไปนะ แต่ไม่ร้ ู จะมีใครไม่ต้อนรับอุกกีหรือเปล่า?”

“ทีผ่านมาเคยมีใครต้ อนรับมึงด้ วยหรอวะ กูเอาข้ าวสารเสกมาปาใส่มงึ มึงยังไม่ยอมไปไหนเลย”

“หยาบคายกับสตรี เป็ นผีตายไประวังไม่ได้ ไปเกิดนะพีโจ๋”

“ก็เหมือนกับชือมึง เอกชาติ แปลว่าเกิดชาติเดียวก็พอแล้ วไง กร๊ ากกกก”

เห็นมันหน้ าบูดเอาเท้ ากระทืบพืนแล้ วพอจะเฮฮาได้ หน่อย “อย่าๆไอ้ กี ทําแล้ วทุเรศลูกกะตากูมาก อย่าทําๆ”

ไอ้ ปิกก็เข้ ามาทักทายตามปกติ ซือขนมมาฝากอย่างทีมันเคยทํา “เรียนหนักป่ าววะ?”

“พีก็เคยเรียนมาก่อน ทําไมยังถามอีก”

“วุ้ย คนเป็ นห่วง กวนตีนซะงันอะ”

เดียว นี มันดูเปลียนไปเยอะ รู้สกึ จะฮอทขึนด้ วย เริมมีสาวๆให้ ความสนใจ สร้ างไฟสุมตาให้ กบั พีรหัสเป็ นอย่าง
มาก “มึงตัดผมร้ านไหนวะ”
มันเลิกคิว “กูจะไปตัดบ้ าง อยากฮอท”

“พีไว้ แบบนี ดีแล้ ว น่ารักดี”

“ผิดจุดประสงค์กอู ย่างแรงเลยหว่ะ”

“เออ มึงเหมาะกับแบบนีแล้ วไอ้ ตี พอยาวกว่านีหน่อยมึงก็มัดแกละมามอ แล้ วเปลียนชือเป็ นไอ้ หมวยเลยนะ กร๊ า


กกก” ไอ้ กล้ วยคัมแบ็ค นึกว่าโดนสงครามเย็นแช่ปากไปแล้ ว “หมาในปากมึงคลังมาก กูแนะนําให้ พบสัตว์แพทย์
ด่วนเลย”

แล้ วก็ถกกันเรืองปากไอ้ กล้ วยกันซัก พักใหญ่ ผมเห็นไอ้ อกุ กีมันก็ลงมานังด้ วย แต่ก็ไม่ยกั จะพูดอะไร เอาเข้ าจริงๆ
ผมรู้ สกึ ว่าแป้งบนหน้ ามันจะดูน้อยลงหน่อย ผมว่าดูดีกว่าตอนมันโบ๊ ะหน้ าเค้ กมาเรียนซะอีก

โทรศัพท์ในกระเป๋ าสัน หน้ าจอเบอร์ ไม่ค้ นุ แต่ผมก็คิดไว้ แล้ วว่าน่าจะเป็ นใคร

“ครับ?”

“นัน ตีหรือเปล่า?”

เสียงก็ใช่แล้ ว

ไอ้ เสียงทีจะคล้ ายพีหมอกก็ไม่เชิง ดูน่มุ กว่า ดูเป็ นผู้ใหญ่กว่า

“มีอะไรครับ?”

“พอดีขบั ผ่านแถวมหาลัย อยากจะพาไปหาของว่างทานกัน คิดว่าน่าจะกําลังว่างอยู่ ใช่ไหม?”

ใครบอกพีแกวะว่าวันนีไม่มีเรียนบ่าย

“พีเมฆรู้ได้ ไง?”

“คิดว่าไงล่ะ”

ผมไม่ชอบคนทีพูดแบบนีเลย มันดูกํากวม ไม่ได้ คําตอบทีต้ องการ และคิดว่าต่อให้ ถามต่อ ก็ไร้ ประโยชน์


“ผมปฏิเสธไมได้ อยู่แล้ ว ใช่ไหม?”

“ว้ า ไม่อยากไปกับพีหรอกหรอ?”

“ของฟรีผมชอบครับ ฟรีหรือเปล่า”

“ไม่อน”

“พีอยู่ไหน?”

“หน้ ามอ เดินออกมาได้ เลย”

“ผมจะรู้ไหมเนีย?”

“เดียวก็เจอเอง”

แล้ วก็เจอจริงๆ เพราะพีแกออกมายืนพิงรถอยู่ ใส่เสือเชิตแขนยาวปล่อยกระดุมสองสามเม็ด เหมือนแค่ถอดสูท


นอกออก ผมเดินเข้ าไปหา

หน้ าเหมือนพีหมอก เลยทําให้ อดขําไม่ได้ เวลาพีเมฆแสดงออกท่าทางทีตรงข้ ามกับพีหมอกโดยสินเชิง อย่างไอ้


กวักมือเรียก ไม่มีทางทําหรอก

ขับเบนซ์ พีหมอกเคยเอามาขับช่วงนึง พอพีเมฆขับเลยรู้สกึ เหมาะอย่างบอกไม่ถกู

“พีรู้จกั ร้ านเค้ กอร่อยๆร้ านนึง เดียวพาไปกิน”

“พีอยากคุยอะไรครับ? เพราะผมไม่ได้ บอกพีหมอกไว้ ว่าผมจะมากับพี”

“ไม่เป็ นไร เพราะยังไงวันนีหมอกก็เลิกเย็นอยู่แล้ วไม่ใช่หรอ?”

“พีเช็คตารางมาหมดเลยหรอ?”

“ก็..ระดับนึงหล่ะนะ”

เห็นพีแกพึมพําเบาๆ “ไม่ถนัดขับฝั งนีเลยจริงๆ” คงเพราะอเมริกาขับรถคนละฝั งกับบ้ านเรา คงไม่ได้ กลับมานาน


แล้ ว

“ทําไมพีเมฆกลับมาหรอ?”

“กลับมาไม่ได้ หรอ?”

“เปล่า ผมแค่สงสัย”

“กลับมาแค่ช่วงเดียวเท่านัน มาแวะตรวจงานทีไทยนิดหน่อย แต่เดือนหน้ าคงจะต้ องไปอยู่ทีสิงค์โปร์ ต่อ”

“…คงคิดถึงบ้ านแย่เลยเนอะ”

“…บ้ าน หรอ…” ไม่ร้ ู ว่าทําสีหน้ าแบบไหนอยู่ เพราะไม่ได้ หนั ไปมอง พูดออกไปไม่ได้ คิด เลยลืมไปว่าบ้ านพีหมอก
กับบ้ านผม มีอะไรหลายๆอย่างทีแตกต่างกัน

ร้ าน เค้ กอยู่ไกลพอสมควร แต่รถไม่ติด เลยรู้ สกึ เหมือนไปได้ เรือยๆ ผมพกกล้ องมาด้ วย เลยได้ ถ่ายรูปบรรยากาศ
ร้ านเค้ กเก็บไป เพือเป็ นไอเดียเวลาคิดแบบ เพราะเขาตบแต่งสวย ธีมร้ านดูหรู แต่ก็ให้ ความรู้ สกึ บ้ านๆอยู่ด้วย ที
เก้ าอีก็เป็ นโซฟานุ่มๆ

ผมจิมเค้ กเลือกมัวๆไปก้ อนนึง ไม่ร้ ูหรอกว่าอะไรเป็ นอะไร ตังชือซะหรูเลิศขนาดนัน

“ทําไมถึงรู้จกั กับหมอกหล่ะ?”

“ก็..รุ่นพีรุ่นน้ องมหาลัยเดียวกัน”

“แค่นนหรอ?”

“อืม..”

“อยู่ด้วยกันมานานขนาดไหนแล้ ว”

รู้สกึ แปลกๆ เหมือนมาพบพีสะใภ้ ทีถามซ่อกแซ่กเกียวกับแฟนน้ องสาวตัวเอง

“อีกสองเดือนก็ครบปี ”
“นานพอสมควรเลยนะ..”

เค้ ก มาเสิรฟ พีเมฆกินเค้ กกาแฟ ผมได้ เค้ กบลูเบอรี มากิน อร่อย ไม่หวานมาก อยากซือไปฝากเฮียกับพีหมอก แต่
เห็นราคาแล้ วก็คิดเปลียนใจ สองคนนันโตแล้ ว คงหาซือกินเองได้ ถ้าอยากกิน

“..คบกันอยู่หรอ?”

“…คงจะเป็ นแบบนันล่ะมังครับ?”

“ทําไมถึงตอบแบบนันหล่ะ?”

“อืม ผมว่าคงคบกันอยู่หล่ะ”

“….พูดเหมือนไม่ใช่เรืองของตัวเองเลยนะ” พีเมฆยิมจางๆ ทําให้ ยิงเห็นชัดว่าต่างจากพีหมอก

“ผมว่าเรืองนีคงไม่สาํ คัญหรอกครับ ผมมีความสุข มันมีความสุข แค่นีก็น่าจะสําคัญทีสุดแล้ ว”

“แล้ วเรืองอนาคตหล่ะ?”

“มันยังเป็ นเรืองทียังมาไม่ถงึ ผมไม่ร้ ูเรืองในอนาคต ผมเลยเลือกทีจะอยู่กบั ปั จจุบนั มากกว่า”

พี เมฆสังโกโก้ ให้ ผมเพิมอีกแก้ ว ได้ ยินเสียงดังเปาะแปะ ฝนตกซะแล้ ว ไม่เข้ าใจเหมือนกันว่าทําไมปี นีถึงเป็ นหน้ า
หนาวทีไม่หนาว แล้ วยังฝนตกอีก

ใน ร้ านมีแค่พวกผมสองคน กับพนักงานทีนังคุยเรืองการเมืองอยู่หลังเคาน์เตอร์ อย่างเมามัน เสียงเพลงเปิ ดเบาๆ


แทบไม่ได้ ยินเสียงนักร้ อง

“หมอกหน่ะ..เหมือนอยู่ตวั คนเดียวตังแต่เด็กๆ”

ตักเค้ กเข้ าปาก เหลือบมองหน้ าพีเมฆ ไม่ร้ ูทําไมถึงต้ องแอบมองแบบนี พอพีเขาเงยหน้ าขึนมาจากเค้ กมอง ก็รีบ
หลบสายตา

“ตอนทีแม่เสีย หมอกก็เป็ นคนเดียวทีอยู่กบั แม่ นังอยู่ข้างๆ ไม่ได้ ร้องหรือเรียกใครจนป้าน้ อยเป็ นคนไปพบเอง “

เหมือนทีป้าน้ อยเคยเล่าให้ ฟังมาก่อน


พีเมฆถอนหายใจ สายตาดูอ่อนลง รู้สกึ ได้ ถึงความเป็ นพีทีแสดงออกมา แม้ จะไม่ชดั เจนแบบเฮีย เพราะแต่ละคน
มีการแสดงออกในแบบของตัวเอง

“หลัง งานศพแม่เสร็ จเรียบร้ อย ย่าก็ขอพวกเราคนใดคนนึงไปเลียง พีก็โตแล้ ว พึงจะสอบเข้ าได้ โรงเรียนมัธยมชือ


ดัง ฝนก็เด็กเกินไป หมอกเลยถูกส่งไปอยู่ทีอังกฤษกับย่าแทน”

“ทังๆทีเวลานันสมควรจะ อยู่กบั ครอบครัวแท้ ๆ แต่ถงึ ยังไงมันก็คงไม่ต่างกัน พ่อก็ย่งุ เพราพึงจะเปิ ดโรงงานใหม่


ไปอยู่ทีอังกฤษ ภาษา บรรยากาศทีไม่ค้ นุ ทําให้ หมอกมันไม่ยอมพูด ย่าก็หวั โบราณ เวลาทําผิดก็จะตีมนั ตลอด
หลังๆมันไม่ยอมกินข้ าว ไม่ยอมไปโรงเรี ยน ทํายังไงก็ไม่ยอมออกจากห้ อง จนพ่อต้ องไปรับเองถึงทีนัน”

ถึงทุกวันนีผมก็ยงั รู้สกึ ว่ามันยังพูดน้ อยอยู่ ไม่ค่อยแสดงออกในสิงทีตัวเองรู้ สกึ แม้ จะดีขนึ แต่มนั ก็ยังห่างจากคน
อืนอยู่มาก

“อยู่ ทีนันเกือบสองปี ตอนมันกลับมา แทบจะจํามันไม่ได้ มันเปลียนไปหมดจากเดิม ทําตัวเป็ นผู้ใหญ่ ไม่ยอมพูด


อะไรทีคิดออกมา บางทีก็ยงั อดคิดไม่ได้ ว่าน่าจะเป็ นพี ทีไปแทน แต่เพราะว่าพีก็ไม่อยากไปอยู่ทีอืนเหมือนกัน
ตอนนีก็ยงั รู้สกึ ผิดต่อมันอยู่”

“…มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอก”

“คิดแบบนันหรอ?”

“อืม”

ทุกคน น่าสงสารทังนัน

ไม่ มีใครผิด ทุกคนแค่ทําหน้ าทีไปตามบทบาททีถูกสร้ างขึน เป็ นไปตามเหตุผลทีมันสมควรจะเป็ น ต่อให้ พีหมอก


อยู่เมืองไทย ก็ไม่สามารถบอกได้ ว่าพีหมอกจะไม่ได้ โตขึนแล้ วเป็ นแบบนีอยู่ดี

แต่สงที
ิ ผมไม่เข้ าใจคือ พีเมฆจะเล่าให้ ผมฟั งทําไม?

ไม่ใช่ผมไม่อยากรู้ แต่ผมว่า มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนัน

“..พีไม่อยากให้ ใครมาทําร้ ายหมอก เพราะมันเจอเรืองหนักๆมาเยอะพอแล้ ว”


“……”

“พีเข้ าใจว่าหมอกเปลียนไปในทางทีดีขนก็
ึ เพราะตี แต่บางทีก็อยากจะให้ เข้ าใจเหตุผลของโลกความเป็ นจริง
ด้ วย”

“ไม่ ใช่ว่าผมไม่ร้ ูครับว่ามันไม่ถูกต้ อง แต่มันก็ไม่ได้ ผิด…ผมเข้ าใจทุกอย่าง แต่บางครัง ไอ้ เหตุผลของโลกนันมันก็


ใช้ ไม่ได้ กบั ทุกคน ผมกับพีหมอกไม่ได้ ไปทําร้ ายใคร..”

ฟั งแล้ วอาจจะดูเห็นแก่ตัว หรือเอาแต่ใจตัวเอง จะเรี ยกยังไงก็แล้ วแต่ ผมยอมทีจะรับมันทังหมด

ไม่ใช่แค่พีหมอกทีเปลียนไป แม้ แต่ตัวผมก็ยงั เปลียนไปด้ วย

ความรู้สกึ บางอย่างทีผมรู้ ว่ามันไม่ดี หรือแม้ แต่ความคิดทีผมคิดว่ามันร้ ายกาจ ก็ผดุ ขึนมาในหัวบ่อยๆ

ผมรู้ สกึ อิจฉา รู้สกึ หวง โมโห หรือเห็นแก่ตวั มันเป็ นอารมณ์พืนฐานทัวไปของมนุษย์ แต่มนั ก็ชดั เจนขึนจนผมยัง
กลัวใจตัวเอง

“..ไม่คิดบ้ างหรอ ว่าวันข้ างหน้ า หมอกจะอยู่ตําแหน่งผู้บริหารระดับสูงทีจําเป็ นต้ องได้ รับความไว้ วางใจจากผู้ถือ


หุ้นหน่ะ”

…คิด

คิดบ่อยๆ ตังแต่เจอพีเมฆ ก็คิดบ่อยขึนเรือยๆ

พยายามมองข้ ามความจริ ง ปลอบใจตัวเองว่ายังไม่ถงึ เวลา

“ไม่ ใช่ว่าพีเกลียดตีหรืออะไรนะ ตีเป็ นคนซือ ใครทีได้ ร้ ูจักก็คงจะรู้ สกึ เอ็นดู แต่ว่าทีพูดเรืองนีขึนมา เพราะใน
ฐานะผู้ใหญ่ พีชาย หรือแม้ แต่กรรมการผู้จดั การ”

“….ผมทราบครับ”

“…ตี…”

“ครับ?”
“ไม่ใช่ว่าพีไม่ร้ ูเรืองหนีสินของบ้ านเราหรอกนะ”

“….”

“หมอกโอนเงินเป็ นล้ านเข้ าบัญชีคนอืน ยังไงก็ต้องมีรายงานมาถึงพีอยู่แล้ ว จะรู้เรืองพวกนี ไม่ใช่เรืองยากหรอก”

“ผมจะคืนพีเขา แต่พีเขาไม่ยอมครับ งีผมจ่ายกับพีได้ ไหม?”

“เงิน หมอกก็สว่ นของหมอก ถ้ ามันไม่รับ ก็คงทําอะไรไม่ได้ แต่มนั ทําให้ พีไม่สบายใจ ไม่ร้ ู ว่าคนทีรับเงินเป็ นล้ าน
จากหมอกเป็ นคนแบบไหน เลยอยากมาเห็นด้ วยตาตัวเอง”

“แล้ วเป็ นไงครับ? ประทับใจเลยอ่ะดิ”

พี เขาหัวเราะออกมา ผมเลยรู้ สกึ ผ่อนคลายขึน “ผิดคาด นึกว่าจะเป็ นสาวสวยๆสักคน แต่ไหงเป็ นเด็กบ้ านๆแบบ
นียังไม่เข้ าใจไอ้ หมอกมัน ดูสิ กินเค้ กยังเลอะปากอยู่ อายุเท่าไหร่แล้ วถามจริงๆ”

“ยีสิบแล้ ว กินเลอะเป็ นเรืองปกติ ใครๆก็เป็ นกัน”

พีเมฆเลิกคิว สังเพิมมาอีกชิน แถมยังสังใส่กล่อง “เอาไปฝากไอ้ หมอกให้ ด้วย เดียวจะไปหาฝนต่อ”

“ได้ เลย แต่อาจจะหายไปสักชินสองชินนะพี”

กําลังจะลุกขึน อยากลุกขึนยืนก่อนทีจะลุกไม่ไหว เพราะกินจนแน่นกางเกงไปหมด “เดียว มีอีกเรืองสําคัญทีต้ อง


บอก”

“ครับ?”

พีเมฆพูดออกมา ท่ามกลางเสียงฝนทีกระทบกระจก

รู้สกึ เหมือนกล่องเค้ กจะหนักขึนกว่าปกติ ทรุ ดตัวลงนังโดยไม่ต้องให้ พีเมฆบอก


………………………
……………….

“พีหมอก”

“ไปไหนมา”

“ไปกินเค้ กมา”

“กับใคร?”

ไม่อยากโกหก จับได้ เดียวก็ทะเลาะกันอีก “พีเมฆ”

“มันมาหา? เมือไหร่ ”

“พึงขับมาส่งผมเมือตะกีเอง”

“พีเมฆพูดอะไรให้ มงึ ฟั ง”

“ก็ หลายเรืองอ่ะ ไม่ได้ สาํ คัญอะไรหรอก”

ฝน ยังตกอยู่ ตอนทีวิงกลับเข้ ามาก็เลอะรองเท้ าผ้ าใบไปหมด ร่ มทีพีเมฆให้ ยืม ก็กางแล้ วตากไว้ กบั พืน พีหมอก
มานังรอถึงคณะ แสดงว่าคงจะเรียนเสร็ จสักพักแล้ ว

“ทําไมไม่รับโทรศัพท์ ”

“หือ? งีแปลว่าเครืองดับแหง”

เหมือนฝนจะตกแรงมากขึนกว่าเดิม เพราะเริมเย็น คนเลยน้ อยลง อย่างพวกโจ๋ กล้ วย เคิลก็หายกันไปหมด คิด


ว่าน่าจะกลับบ้ านไปแล้ ว

ท้ องฟ้ามืด ทังๆทีพึงสีโมงกว่า

เป็ นบรรยากาศขมุกขมัว ทีผมไม่ชอบเอาซะเลย

“กลับบ้ านกันเถอะพี”

“เดียว..”

ถูกรังมือไว้ เลยหันกลับมามอง

พีหมอกก้ มลงมองข้ อมือผมทีพีเขาจับไว้ “…มึงอย่าอ่อนแอ”

“ผมไม่ได้ อ่อนแอ”

“มึงอย่าหนีปัญหา…อย่าหนีไปไหนนะ”

“…..”

“ทําไมมึงไม่ตอบ”

“กลับบ้ านกันเถอะพี ไป”

จะเดินไปหยิบร่ มทีกางไว้ อยู่ แต่ก็ยงั ถูกรังแขนไว้

อด ถอนหายใจไม่ได้ “กลับแล้ วไปกินเค้ กกันนะ” ยกกล่องเค้ กขึนแต่กลับถูกปั ดออก กล่องเค้ กตกลงกับพืน โชค
ร้ ายทีกล่องกระดาษเปิ ดออก เค้ กทีอยู่ภายในเลยหกออกมา

เสียดายเค้ ก แต่ผมไม่อยากเก็บมาเป็ นเรืองทะเลาะกัน เลยดึงข้ อมือออกมา ก้ มลงเก็บเค้ กทีพืนลงกล่อง อย่าง


น้ อยก็จะได้ เอาไปทิง ไม่ลาํ บากภารโรง

เดินไปทีถังขยะใกล้ ๆ พีหมอกก็เดินตามมา “ตี มึงตอบกูมาสิ”

“พีถามว่าอะไรหล่ะ?”
“….”

“ผมลืมไปแล้ ว พีถามว่าอะไร?”

“…กูไม่ได้ ถาม แต่กอู ยากฟั งให้ แน่ใจ”

“แน่ใจว่าอะไร”

“….มึงจะหนีกไู ปไหนอีก”

“….”

“ตอบมาสิ!!”

เสียงดังก้ องไปตามทางเดินทีไม่มีใครนอกจากเรา

เสียงฝนหยดลงแอ่งนําไม่หยุด ตอนนีฝนแรง แรงเสียจนมองไปตามทางข้ างนอกลําบาก

“….ผมไม่ร้ ูจะตอบอะไร”

“ทําไม”

ไม่กล้ ามองหน้ าพีหมอก

ไม่กล้ า..แม้ แต่จะเหลือบตามอง

มีสงที
ิ ผมรู้ และสิงทีพียังไม่ร้ ู แต่ไม่ว่ายังไง สักวันเราสองคนก็ต้องเจอเรืองแบบนีอยู่ดี

“ไอ้ เมฆบอกอะไรมึง”

พีหมอกก้ าวเท้ าเข้ ามา ผมเผลอถอยหนี

พี หมอกไม่หยุดเท้ า ผมวิงออกไปนอกทางเดิน ฝนตกต้ องกาย หนาว ลมพัดแรง เสือแนบลงกับตัว ผมไม่ร้ ู ต้องทํา


ยังไง ตอนนีก็แค่อยากจะหลุดออกจากช่วงเวลาแบบนีก่อน
หนาวจนปากสัน ไม่ได้ ยินเสียงเท้ าเวลาเหยียบลงแอ่งนําจนกระเซ็น ตอนนีเริมเปี ยกไปทังตัว เริมหาความ
แตกต่างระหว่างทีทีเปี ยกและแห้ งอยู่ไม่ได้

ถูกรังตัวไว้

ถูกกอดเอวไว้ แน่น เข้ าไปอยู่ในแขนของคนทีผมพยายามจะหนี

“..ปล่อยผม”

“ไหนมึงบอกจะไม่ไปไหน”

“…..”

“ทําไม”

เสียงมันเศร้ า

ทําให้ ผมยิงรู้สกึ เจ็บปวด

ความอบอุ่นทีอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็น ผมกอดมือทีโอบรอบเอวผมอย่างลืมตัว

รู้สกึ ทีปลายจมูกทีกดลงข้ างๆแก้ มผม ไม่ได้ จะหอมแก้ ม แต่เพราะว่าใกล้ ใกล้ เสียจนรู้สกึ แรงเต้ นใต้ แผ่นอก

“เพราะกูไม่ชัดเจนหรือเพราะมึงไม่เข้ มแข็งพอ…”

เสียงฝนดัง แต่ยังไม่เท่าเสียงทุ้มติดหู

หยดนําไหลผ่านดวงตา หยดลงทีแก้ ม ไม่ใช่นําตา แต่นนคื


ั อสายฝน

“…ทังคู่”

กระเป๋ าทิงไว้ ทีตึก ยังดีทีไม่ได้ พามาเปี ยกด้ วย เพราะตอนนี ผมรู้ สกึ เปี ยกไปทังตัว

มือรอบเอวคลายออก แต่ค่อยๆประคองมือผมขึนมา
มือข้ างหนึงของพีหมอก ปล่อยออกจากมือผม กดนิวเขียนไปตามฝ่ ามือทีมืออีกข้ างของพีหมอกประครองไว้ อยู่

ค่อยๆลากนิวไปตามฝ่ ามือ เน้ นทีละตัวอักษร หนักแน่น

ชาไปทังตัว

….รัก…

คําทีแม้ แต่ผม ยังไม่เคยพูดออกมา

คําว่ารัก

คําทีบรรยายความรู้ สกึ ทังหมด…ทังทีอยู่ในใจของผม และของพีหมอก

“..กูไม่ร้ ู จะพูดยังไง แต่กูร้ ูสกึ แบบนีจริงๆ”

พีหมอกกํามือ ทําให้ มือของผมทีอยู่ในฝ่ ามือนันกําลงด้ วย “เก็บคํานีของกูไว้ ดีๆ อย่าทิงมันไป ..อย่าทิงกูไป”

ตัวผมสัน

คําทีมีค่าแบบนี ผมจะดูแลคํานีไว้ ให้ พีได้ ยงั ไงถึงจะเหมาะสมกับมัน

“ผ…ผมอ่านไม่ออก”

“กูร้ ูมงึ อ่านออก…” โดนกอดไว้ แน่น ไม่ร้ ูมีคนมองอยู่หรือเปล่า แต่ตอนนี รู้สกึ หัวว่างเปล่าไปหมด ในใจ เต้ นแรง
จนปวด

รู้สกึ เหมือนอยากร้ องไห้ แต่ร้องไม่ออก

“แล้ วมึงหล่ะ..”

“พีขีโกง..”

“ยังไง?”

“…พีแย่งผมพูด”

“ก่อนจะพูดอะไร บอกกับกูก่อน ว่ามึงจะไม่ทิงกูไปไหน”

“ผมจะไป ถ้ าพีเป็ นฝ่ ายทิงผมก่อน”

“…มึงคงต้ องรอวันนันไปตลอดชีวิต..”

ถ้ ามันเป็ นแบบนัน…ก็คงจะดี

มันคงจะเป็ นสิงทีดีทีสุดในชีวิตของผม

คนทีไม่เหมาะสมกับคําว่ารักของพีเลยแม้ แต่น้อย

คนทีพูดได้ แต่คําว่าขอบคุณ โดยทีไม่อาจจะทําอะไรได้ สกั อย่าง

ผมจะอดทน

“ผมจะไม่ไปไหน”

จนกว่าจะเป็ นวันนัน ทีพีเดินไปจากผมเอง…


……………………………….
……………………

Coin 37.5

ฝนยังไม่หยุดตก

เบาะหนังทีเปี ยกชืน ไม่มีใครสนใจ พวกผมรีบวิงกันเข้ าลิฟท์ หยดนําหยดเป็ นทางตามรอยทีเราเดิน

ประตูห้องถูกเปิ ดออก ผมรีบถอดกางเกงยีนส์ทีหนักออกตังแต่หน้ าประตู พีหมอกรีบดันตัวผมเข้ าไป พูด “ยังไม่


ปิ ดประตูเลย จะรีบไปไหน”

“ผมหนาวอ่ะ”

“กูก็หนาว”

ถอดเสือทีชืนจนแนบไปกับตัว

ผมเราทังคู่ชีไม่เป็ นทรง กึงแห้ งกึงชืน ผมไม่ได้ ใส่บ็อกเซอร์ เลยยังไม่ถอดเสือออก ปล่อยให้ ชายเสือยาวปิ ดลงมา

“ทําไมไม่ถอดหมด?”

“ผ้ าม่านก็ไม่ได้ ปิด ไปถอดทีห้ องนําไม่ดีกว่าหรอพี”

พี หมอกไม่ตอบ แต่ก็ถอดจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ เหมือนกัน ดันตัวผมให้ เดินไปทีห้ องนํา รีบเปิ ดนําอุ่น เหวียงบ็อก


เซอร์ ทิงแล้ วเข้ าไปยืนแช่ ณ จุดนี ความอายหายไปกับความหนาวแล้ วครับ รีบถอดเสือกับกางเกงทีเหลืออยู่ แล้ ว
เข้ าไปยืนเบียดใต้ ฝักบัวด้ วยกัน

ไม่ร้ ูจะอายอะไร ยิงกว่านีก็เคยมาแล้ ว ผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีอะไรต่างกันซักหน่อย

อุ่นจนไม่อยากจะหนีไปไหน ยกมือขึนถูหน้ าแล้ วสะบัดหัวจนนํากระเซ็นไปหมด พีหมอกก็บ่น “สะบัดอย่างกับ


หมา”

“เดียวผมก็กดั ซะหรอก”

“ดุอย่างนีใครจะเอาไปเลียง”

“พีไง ขายขาดไม่รับคืนนะ ฮ่าๆๆ”

พอ หัวเราะ ก็ถกู เอาโฟมล้ างหน้ าปาดใส่ ไม่ร้ ูบีบใส่มือตังแต่ตอนไหน เลยรีบเอนตัวหนีออกจากนํา ถูเร็วๆแล้ วเข้ า
มาล้ างหน้ าต่อ “อะไร มึงออกไปยังไม่ถึงนาทีเลย”

“ล้ างหน้ าทําอย่างกับขูดหาเลข ต้ องนานแค่ไหนวะพี”

“ของมึงก็เร็วไป”

“พีก็เร็วเหมือนกัน แข่งกับผมหรอ?”

“ใครแข่งด้ วย คิดไปเอง”

“เอ้ า ก็ผมหันไปล้ างหน้ าแปปเดียว พีก็เสร็จแล้ วเหมือนกัน แล้ วมาบ่นคนอืน โคตรขีโม้ อ่ะคนเรา”

“ของกูมนั ดีอยู่แล้ ว แต่ของมึงยังต้ องพยายามอีกเยอะ”

“หมายความว่าไงวะพี? โคตรหยามกันเลย แข่งกันอาบนําไหมหล่ะ ผมรับรองว่าชนะชัวร์ ”

“คนอาบนําเสร็จก่อนคือคนทีสกปรกกว่าสินะ”

“เฮ้ ย หอมเหอะ พียังบอกเองเลย”


“วันนันกูคงเป็ นหวัด”

เห็น มันทําหน้ านิงๆแล้ วขํา เรี ยกว่าแถไปเนียนๆ ผมเลยเอาสบู่ป้ายมันคืนบ้ าง ก็เป็ นศึกทีทําให้ ห้องนําเปี ยกไปทัง
ห้ อง ผ้ าขนหนูมีสองผืนพอดี ก็รีบๆเช็ดไป จะวิงออกไปหยิบเสือมาใส่ก็โดนดึงผ้ าขนหนูไว้ บอกว่าข้ างนอกเปิ ด
แอร์ แล้ ว น่าจะหนาว พีหมอกเลยจะออกไปหยิบให้

“งีก็รอตัวแห้ งไปเลยไม่ดีกว่าหรอ พีก็ยงั ตัวเปี ยกอยู่ เดียวก็ไม่สบายหรอก”

“กูชอบหนาวๆอยู่แล้ ว”

“แต่ก็ไม่ได้ แปลว่าจะไม่เป็ นหวัดนิหน่า”

พึง รู้ว่าทีนีมีไดร์ เป่ าผมด้ วย ถูกเก็บไว้ นานจนแม้ แต่พีหมอกก็ยังลืม ผมปิ ดฝาชักโครกลงแล้ วนังอยู่บนนัน พี
หมอกกึงนังกึงยืนทีอ่างล้ างหน้ า เสียบปลักแล้ วถือไดร์ เป่ าผมให้

“หูยย อย่างอุ่น”

เป็ นความรู้ สกึ แปลกๆ

ผม พึงนึกขึนได้ ว่าผมใช้ ชีวิตร่วมกับพีหมอกมาเก้ าเดือนกว่าแล้ ว หลายๆอย่างทีไม่เคยนึกถึง หลายๆอย่างที


แตกต่างกันออกไป ก็ถกู ปรับเข้ าหากันอย่างช้ าๆ จนตอนนี ผมว่าทุกอย่างมันลงตัว

ผมอยากอยู่แบบนีไปนานๆ

ไม่ต้องหาอะไรทีแปลกใหม่หรือดินรนไปตามทางทีคนอืนต้ องการ มีชีวิตเรี ยบง่าย สุขไปกับสิงเล็กๆทีได้ ทําร่วมกัน

ตัว ผมแห้ งก่อน แต่พีหมอกก็ยงั ไม่ค่อยยอมฟั งอะไรผมเท่าไหร่ สุดท้ ายก็เหวียงเสือกับกางเกงเข้ ามาในห้ องนํา
แล้ วตัวเองก็ออกไปยืนเปลียนข้ างนอกตามปกติ เออ แล้ วจะดักกูไว้ ในห้ องนํานานๆทําไมวะ

โบ๊ ะแป้งเด็กจนแก้ มขาว กําลังจะถึงเวลาอาหารเย็นก็จริง แต่พออาบนําแล้ วเลยเผลอทาแป้งไปอย่างลืมตัว

ออก มาก็เห็นพีหมอกโทรสังอาหารอยู่ ลงไปนังบนเตียงข้ างๆ หยิบรีโมตหัวเตียงมาเปิ ดทีวีดู จําได้ ว่าช่วงเวลานีพี


หมอกจะดูข่าว เลยเปิ ดไปช่องประจําของพีเขา

ไม่อยากมองภาพน่าเบือบนจอ บางข่าวทีเป็ นเรืองดีก็อยากฟั ง แต่บางข่าวทีฟั งแล้ วหดหู่ใจ ก็อยากจะปิ ดหูปิดตา


ทําเป็ นมองไม่เห็น กล้ องวางอยู่ทีโต๊ ะข้ างๆ เอือมตัวไปหยิบขึนมาเปิ ดรูปดู มีแต่รูปผมกับพีหมอกเต็มไปหมด บาง
รูปก็เป็ นหน้ าไอ้ กล้ วยเต็มๆจอ มีรูปไอ้ โจ๋ รุ่นพีในคณะหลายๆคน มีบางรูปทีผมแอบถ่ายคนในคณะไม่ให้ ร้ ู ตวั
อย่างรูปไอ้ ฟ้านอนนําลายหกฟุบคอหักทีโต๊ ะเลกเชอร์ ก็โผล่มาให้ ขําเล่นเหมือน กัน

นึกอะไรขึนมาได้ เลยลุกไปทีโต๊ ะหนังสือพีหมอก หยิบปากกาเมจิกติดมือมา ทีหัวเตียงเคยมีปากกาเมจิกแท่งนึง


ตอนนีหมดไปแล้ ว พอๆกับกระดาษสกอร์ ตืนเช้ า ทีตอนหลังพีหมอกพลิกโผ ขีดคะแนนของตัวเองล้ นจนเต็มมาถึง
ฝั งผม ผลจริงๆเป็ นไงไม่ร้ ู แต่ผมเกรี ยนๆมันชนะครับ

“พีหมอก ขอแขนหน่อยดิ”

มันดูข่าวอยู่ พิงตัวกับหมอนทีหัวเตียง ไม่ได้ สนใจผม ยืนแขนออกมาให้

เปิ ดฝาปากกาเมจิกออก เสียงดังป็ อป มันเลยหันมามอง “จะทําอะไร?”

“ขอเขียนหน่อย”

“ทําไมถึงเขียนชือตัวเองลงไป?”

ผมเขียนคําว่า”ตี”ลงบนข้ อมือพีหมอก ตัวไม่ได้ ใหญ่มาก ขนาดประมาณเหรี ยญห้ า

“ตอนเด็กๆ เวลาผมเอาของอะไรไปใช้ ทีโรงเรียน ม๊ าจะเขียนชือผมไว้ เอาให้ ร้ ูว่าอันนีของผม เวลาผมทําหาย เพือ


คนเก็บได้ จะได้ เอามาคืน”

“แล้ วเคยได้ คืนไหม?”

“ไม่อ่ะ หายหมด กระติกนํา กล่องดินสอ กระเป๋ า รองเท้ า”

“ทําหายเองหรือว่าไง”

“ก็หายเองบ้ าง คนอืนเอาไปบ้ าง คงอิจฉาผมมัง หน้ าตาดีก็เงียะ ฮ่าๆๆ”

เห็นพีหมอกยิมอ่อนๆ ผมเลยสามารถหัวเราะให้ กบั อดีตของตัวเองได้ จากใจจริง

“หวังว่าคนทีเก็บของๆผมได้ คราวนี จะส่งคืนผมนะ”


“มึงก็อย่าทําหายสิ”

“ผมมันขีลืม ไม่ร้ ูจะเก็บไว้ กบั ตัวได้ ดีขนาดไหน”

พีหมอกไม่พดู อะไรต่อ ดึงตัวผมเข้ าไปใกล้ หยิบปากกาแล้ วเขียนลงไปบนข้ อมือผม ตัวใหญ่เท่าข้ อแขน “เฮ้ ยพี
ตัวใหญ่ไปเปล่า?”

“ไม่ใหญ่หรอก เขียนบนหน้ ามึงได้ ก็อยากจะเขียนด้ วยซํา”

หมอก..

เชียนชือตัวเองซะเบ้ อเริมแบบนี จะล้ างยังไงหมดกัน

“กูไม่ได้ เขียนเพือกูทําหาย แต่กเู ขียน เพือให้ คนอืนรู้ว่าอันนีของใคร”

“งีทําปลอกคอให้ ผมเลยดีกว่าไหมพี”

“อย่าท้ านะ กูเอาจริ ง”

หยิบกล้ องขึนมา ถ่ายรูปด้ วยมือเดียว สองแขนทีอยู่ข้างกัน ชือคนสองคนอยู่บนนัน ชัดเจน

ของๆผม

ถ้ าผมทํามันหายไป…

ไม่ว่าจะอยู่ทีไหน หรือยังไง ผมก็หวังว่าสักวันหนึง ของทีผมรัก มันจะกลับมาหาผมอีกครัง…

……………………………..
……………………
Coin 38

คิดหรอครับ ว่าฉลองปี ใหม่สบายๆชิวๆได้ สองคน จะเป็ นเรืองทีเกิดขึนได้ จริ ง

ถึงเมือวานมันจะเกิดไปแล้ ว แต่ไม่ใช่สาํ หรับวันนีครับ

“ไอ้ ตี อยู่ไหนวะ”

“ฮือ….มีอารายวา”

“เอ้ า มึงพึงตืนหรอ”

“เออ…” มองนาฬิกา ไอ้ เวร แม่งพึงเจ็ดโมงเช้ า “..ไอ้ เชีย เจ็ดโมงเช้ า โทรมาไมวะ”

“โทรชวนมึงมาทําบุญไง ไอ้ นีนิ วันๆเอาแต่นอนกกกับพีหมอกสองคน มีความสุขล่ะสิ คนมีคู่ ไม่ร้ ูหรอก”

“มึงพูดงีอีกกูวางสายแล้ วนะสัด จะนอน”

“เมือคืนทําไรดึกๆดืนๆจ๊ ะ คิดิคิคิ”

“กล้ วย กูพูดตรงๆนะ มึงแรดกว่าไอ้ อกุ กีอีก”

พูดดังไปหน่อย ไอ้ พีหมอกเลยพลิกตัวหันหลังให้ หูย บนหลังมันนีก็รอยเล็บกูเยอะอยู่นะเนีย ลองทาบรอยนิวลง


ไป เป๊ ะเลย

ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย …

“แล้ วตกลงมึงทําบุญกันทีไหน เดียวถ้ าไปทันกูจะไป”


“อ้ าว มึงเชือจริ งหรอวะ”

“เฮ้ ย นีพูดเล่นเรอะ! แล้ วโทรมาผลาญแบตกูทําไมวะเนีย”

“กูจะชวนก๊ ง”

“เออ แค่นีก็จบ กีโมง”

“แหม เรืองหาเหล้ ากระแทกปากนีไฟเขียวไม่ยงเลยนะ”


“เออดิ ของฟรีป่าวหล่ะ”

“มึงกลัวไร มีคนเลียงนิ”

“อย่ามาพูดหมาๆดิ กูกินกูก็ออกเอง จะไปกวนพีเขาทําไมวะ”

“เออๆ พ่อคนดี เย็นนีบ้ านไอ้ เคิล กูกะเปิ ดสตูดิโอรอเลย”

“พูดยังกะของมึง ใครไปบ้ าง”

“ก็ครบแก็งค์ ไอ้ พวกวิศวะก็จะมา ตอนนีกูอยู่กะไอ้ เคิล เก็บของรอพวกมึงแล้ ว”

“งันไว้ เย็นๆกูเข้ าไปหา แค่นีนะ กูจะนอน”

“นอนเยอะๆนะ หลานกูจะได้ แข็งแรง คลอดเมือไหร่กูคืนชือกล้ วยให้ ลกู มึงใช้ เลย”

“ไอ้ สาด ไร้ สาระแต่ต้นปี เลยนะมึง”

กระแทก สายเหวียงมือถือขึนไปหัวเตียงเลยครับ ง่วงมาก เมือคืนกว่าจะได้ นอนก็ตีสามแล้ ว นึกขึนได้ เลยมุดตัว


ออกมาปิ ดเครืองทิงไปเลย เช็คเครืองไอ้ พีหมอกด้ วย โอเค ปิ ดเรียบร้ อย กูจะได้ นอนต่อสักที

…….

เสียงโทรศัพท์บ้าน….
คราว นีไม่ใช่ผมทีลุกไปรับสาย ไอ้ พีหมอกลุกออกไปเองเลย หงุดหงิดพอๆกับผม หายออกไปข้ างนอกสักพักก็
กลับมา พอผมหรีตามองก็บอก “กูดงึ สายโทรศัพท์ออกแล้ ว” เออดีหว่ะ กูยงั ไม่พูดไรเลย รู้แล้ วกูคิดไรอยู่

พอมันล้ มตัวลงนอนข้ างๆก็เอาชาก่ายมันครับ มันเลยหันมาทางผม “พี วันนีมีแพลนไรป่ าว”

“เมือกีพีเมฆโทรมา”

“…..ว่าไงบ้ าง”

“จะชวนไปกินข้ าวกลางวันกัน เห็นบอกฝนก็ไปด้ วย”

“ฝากสวัสดีด้วยแล้ วกัน”

“หมายความว่าไง?”

“เอ้ า? แล้ วพีอ่ะหมายความว่าไง”

“มึงจะไปไหน”

“จะให้ ผมไปด้ วย?” มันพยักหน้ า ผมจะพูดต่อแต่หยุดหาวก่อน

“พีก็ไปกับครอบครัวของพีดิ ผมจะอยู่นอนทีนีอ่ะ”

“…มึงไม่ใช่ครอบครัวกูตรงไหน”

“….ผมแต่งเข้ าหรือพีแต่งเข้ าอ่ะ”

หัวเราะกันตังแต่เช้ า มีความสุขต้ อนรับปี ใหม่ทีพึงมาถึง

เห็นพีหมอกยิมแบบนี…ผมรู้สกึ เหมือนใบหน้ าบึงตึงไร้ ความรู้สกึ เริ มเลือนหายไปจากความทรงจํามากขึนทุกที

“กินข้ าวกลางวันอย่างนันหรอ…..”

เมือ วานวันทีหนึง ผมก็ไปกินข้ าวกับครอบครัวผมมาแล้ ว พาม๊ ากินภัตคารจีนดีๆเลยครับ เมือวานพีหมอกกับไอ้


พีฟิ นไม่ได้ ไปด้ วย มีพวกผมสามคนไปกินด้ วยกัน เป็ นการเริมต้ นปี ใหม่ทีดี ม๊ ามีความสุข ผมกับเฮียก็อิมใจ

วันนีทังวันผมเลยจะเก็บไว้ ให้ เพือนๆพีๆผมบ้ าง ไม่คิดว่ามันจะโทรมาชวนกันเร็วขนาดนี ปี ทีแล้ วกว่าจะไปนัง


ฉลองกันก็วนั ทีสามสีนู่น เทียวกันลืมเพือน ของฝากก็ไม่มี ไม่น่าให้ อภัยเลยจริงๆ

แต่ไอ้ ทีคาดไม่ถงึ สุดๆ…มันก็โผล่มาเซอร์ ไพรส์ตังแต่ต้นปี เลยแหะ

หวังว่าปี ใหม่ปีนีจะเป็ นปี ทีดีสาํ หรับผมนะครับ…

…………………………..
…………………….

ตืนกันอีกทีก็ตอนสายๆ พีหมอกปลุกผมให้ ไปอาบนําแต่งตัว มันให้ ผมกินโอวัลตินแก้ วนึงไปก่อนเป็ นการรองท้ อง

ความ จริงผมอยากให้ บ้านนีเขาฉลองกันทีบ้ านมากกว่า ไม่ร้ ูพวกป้าน้ อยลุงมีอยู่ด้วยหรือเปล่า อยากไปไหว้


ผู้ใหญ่ รับปี ใหม่ แต่ไม่ร้ ูพวกพีเมฆเอาไง เลยไม่ได้ พดู ออกไป

คิดถึงไอ้ หนึงด้ วย ป่ านนีคงหงอยตายไปแล้ ว เจ้ านายเล่นไม่ยอมไปหา เสียใจด้ วย คอนโดเขาไม่ให้ เลียงหมาวะ

“ไม่ร้ ูคิดไรอยู่..”

“หืม?”

“พวกกูสามคนไม่เคยกินข้ าวพร้ อมกันแบบนีมานานแล้ ว”

“อาจจะแค่ฉลองปี ใหม่มงั พีคิดมากหว่ะ”


หลบสายตาพีหมอก

เห็นว่าจ้ องมา เหมือนจะเค้ นอะไรอยู่ในคําพูด แต่ผมทําเป็ นไม่เห็น ไม่รับรู้

ร้ าน อาหารทีแทบไม่มีคน พนักงานใส่ชดุ เหมือนกันหมด ตัวร้ านสีนําตาลดํา พอติดไฟสีนวลลงไปเลยดูกว้ างขึน


อยากหยิบกล้ องขึนมาถ่ายเก็บไว้ แต่ก็ยงั ไม่ทํา เพราะยังไม่ร้ ูจะวางตัวยังไง

ฝนยกมือไหว้ ผมก่อน จนผมไหว้ กลับแทบไม่ทนั พีหมอกดันตัวผมให้ ลงไปนังข้ างๆกัน โชคดีทีพีเมฆกับฝนนังฝั ง


เดียวกัน ไม่งนมี
ั หวังต้ องโดนพีหมอกบังคับให้ ย้ายทีนังแหง

โดนนังประกบ บ้ านติวากุลล้ อมรอบตัวผมไปหมด ไม่เคยประหม่าก็ต้องประหม่าแล้ วครับ ปกติเจอเป็ นคนๆไม่


เท่าไหร่ พอมาเจอทีครบเซ็ตงี ไหงจัดหนักให้ กตู ังแต่ปีใหม่เลยวะ

คิดในแง่บวก

พีหมอกเวอร์ ชนผู
ั ้ หญิง

พีหมอกเวอร์ ชนผู
ั ้ ใหญ่

แอบถอนหายใจเบาๆจนพีหมอกหันมามอง

สบายใจขึนเยอะ

“จะกินอะไรเพิมไหม? พีมีสงไปก่
ั อนแล้ วนิดหน่อย”

อย่ามายิมครับ ผมกลัวรอยยิมพีโคตรๆเลย พนักงานจะเดินหยิบเมนูเข้ ามาให้ แต่พีหมอกส่ายหัวก่อน

เป็ น การกินข้ าวทีเงียบสุดๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันบนโต๊ ะเลย จะมีแต่เสียงพีหมอกทีถามว่า “เอาอันนีไหม?” บ้ าง


เป็ นระยะๆ นอกนันต่างคนต่างกิน เหมือนพวกผมนังแยกโต๊ ะสามโต๊ ะเลยครับ

ไม่เหมือนเวลาทีครอบครัวผมกินข้ าวด้ วยกัน กินไปคุยไป ติดคอ ข้ าวหกออกจากปากเป็ นเรืองปกติ

แต่นี..ถ้ ากูทําข้ าวหกออกจากปาก ต้ องโดนไล่ออกจากร้ านแหงเลยหว่ะ…

อยู่ดีๆก็มือสันเลยครับ ไอ้ ตระกูลนีทําไมมันกินกันเงียบเชียบสุภาพขนาดนี ผมไม่เคยทําหว่ะ ให้ อภัยผมนะ


พี หมอกขมวดคิว เอือมตัวมาหยิบทิชชู่ทีอยู่ในกล่องข้ างๆผม แล้ วปาดแรงๆเข้ าทีปากผม เออ สาบานได้ ว่าเช็ด
ปากให้ นึกว่าจะแทงทิชชู่เข้ าจมูกซะแล้ ว “มึงนีมันแก้ ไม่หายจริงๆเลยวะ กินอะไรก็เลอะไปหมด”

“เรืองธรรมชาติหว่ะพี”

“เคียวให้ หมดแล้ วค่อยพูดได้ ไหม ข้ าวกระเด็นออกมาหมด ทุเรศหว่ะ”

“เออ อย่าให้ พีทําบ้ างแล้ วกัน ผมจะถ่ายรูปแปะประจานทัวมอเลย”

พีหมอกหัวเราะหึหึ รู้สกึ คันทีปลายนิวเท้ าอย่างไร้ สาเหตุ

หันกลับมาก็พบว่าพีเมฆกับน้ องฝนกําลังมองอยู่..

ชะอุ้ย

คง เป็ นเพราะไอ้ พีหมอกทําอะไรไม่เคยสนใจโลก แถมเอาทิชชู่แผ่นเดียวกันเช็ดปากตัวเองด้ วย ทีอย่างนีมาทํา


เป็ นประหยัดนะ อะไร หันมายิมทําไม ผมไม่ขําหว่ะ

ผมเป็ นพวกเวลาใครจ้ องแล้ วจะทําตัวไม่ ค่อยถูก ตักอะไรก็หกล้ นปากไปหมด แต่ฝนกลับหัวเราะออกมา เลยได้


แต่หวั เราะเนียนๆไปด้ วย พีเมฆก็หวั เราะบ้ าง แต่ผมกลับรู้ สกึ ไม่ค่อยมันใจว่าตัวเองตีความเสียงหัวเราะพีเมฆถูก
หรือ เปล่า

พีเมฆไม่ใช่คนไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่คนดีจนเกินไป เพราะเป็ นผู้ใหญ่ เลยทําอะไรอยู่บนหลักของเหตุและผล ซึงทังคู่นนั


ก็ไม่ได้ จําเป็ นว่าจะให้ ผลลัพธ์ ทีดีเสมอไป

เผลอสบตาพีเมฆ ต่างฝ่ ายน่าจะต่างคิดเรืองเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

ผมกินจนเสร็จก็เกือบจะสามโมงแล้ ว ไม่ต้องรอพูดอะไร พีหมอกก็เป็ นคนบอก “ไปกันเถอะ”

“จะรีบไปไหนต่อหรอ?”

“ตีนัดเพือนไว้ ”

“แล้ วทําไมหมอกไปด้ วย”


“ยุ่งไร”

พีเมฆไม่ต้องตกใจไปครับ นีมันพูดสุภาพทีสุดแล้ ว

แต่พีเมฆก็ดูไม่ตกใจอะไร รวมถึงไม่แสดงท่าทีแปลกใจด้ วย

คิด ว่าคู่นียังทะเลาะกันไม่เลิกตังแต่งานการกุศลอะไรนัน ถึงจะไม่ชดั ก็เถอะ แต่ผมว่าคล้ ายกับหมาสองตัวแยก


เขียวคู่กนั เลยหว่ะ “พ..พีหมอก จะไปก็ไปเถอะครับ เดียวเพือนๆพีรอนาน”

“ไม่ใช่แค่เพือนตีหรอ?”

“เพือนผมเพือนมันก็กลุม่ เดียวกันหมดแหละครับ เอ้ า จะนังขวางทางทําไม กินเยอะลุกไม่ไหวหรอพี”

มันตวัดตามามอง อูย หนาวไปถึงขัวหัวใจเลยหว่ะกู “ฝน ไว้ เจอกันนะ พีเมฆหวัดดีค้าบ”

พี เมฆไม่ได้ พดู อะไร พอๆกับฝนทีแค่พยักหน้ า ดูเหมือนมีเรืองจะพูดอยู่ แต่พออยู่ต่อหน้ าพีเมฆก็กลายเป็ นคนพูด


น้ อยลงไป ผมรีบดันหลังไอ้ พีหมอกออกมา มันขืนตัวไว้ ครับ นีต้ องหานํามาสาดใช่ไหม ถึงจะหยุดยิงเขียวแบบนี
อย่าขยําตูนะเหวย

หลังจากนีคงต้ องไปแวะ ซือของก่อน ไม่มีกบั แกล้ มไม่ได้ เป็ นข้ อสําคัญเลยครับ ถ้ าพลาดนี ความผิดระดับชาติ
อาจจะต้ องนังสํานึกผิดซักชัวโมง

“วันนันมันพูดอะไรกับมึง”

“ห้ ะ? อะไรวันไหน”

“อาทิตย์ทีแล้ ว”

“…เรืองปี ทีแล้ วก็เรืองของปี ทีแล้ วสิ นีพีจําข้ ามปี เลยหรอ ไม่ไหวๆหว่ะ”

มันสตารท์ รถ แต่ก็ยังขมวดคิวอยู่ ดูจะไม่ยอมแพ้ ง่ายๆ

“ไอ้ ตี…กูบอกให้ พดู ก็พดู สิวะ”


“พี มันไม่มีอะไรจริงๆแล้ วพีจะฟั งอะไรวะ”

“มึงอย่ามาขึนเสียงกับกู”

“ผมเปล่า ก็แค่พดู ให้ พีฟั งเฉยๆ พีจะอยากรู้ ไปทําอะไร ฟั งไปมันก็ไม่ได้ ทําให้ พีรวยขึนสักหน่อย”

“…แล้ วถ้ ากูบอกว่ามันจะทําให้ กูสบายใจขึน มึงจะยอมบอกหรือเปล่า”

ผมอึดอัดใจ

มันไม่เข้ าใจหรือไงว่าผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ทีต้ องคอยตอบปั ดมันแบบนี

“…..ไม่ ผมไม่บอก….”

“…..”

ผมบอกพีไม่ได้ ไม่ว่าผมจะอยากพูดออกมาแค่ไหนก็ตาม…

“พีจะรู้ก่อนรู้หลังยังไงมันก็เรืองเดียวกัน พีไม่จําเป็ นจะต้ องได้ ยินมันจากปากของผมหรอก..”

พอมองหน้ ามันแล้ ว ผมก็อยากจะเรี ยกคืนคําพูดของตัวเองคืนมา

เพราะผมพูดอะไรพล่อยๆ ไม่คิดว่าคําพูดผม มันจะสามารถทําร้ ายใจคนฟั งได้ แค่ไหน…

มันคลายปมทีหัวคิวออก ลดสายตาลง จากทีจ้ องหน้ าผม

เสียงนันหลุดออกมาอย่างแผ่วเบา เหมือนพูดคุยกับตัวเอง

“….มึงสําคัญกับกูมากกว่าใครๆ แล้ วถ้ ากูไม่ฟังจากปากมึง จะให้ กูไปฟั งจากใคร”

…ผมขอร้ อง…ได้ โปรดอย่าพูดอะไรแบบนัน…

อย่าพูดในสิงทีทําให้ ผมต้ องรู้สกึ เสียใจ…

อย่าทําให้ ผมต้ องรู้ สกึ ทรมาน


ทังๆที….ผมมีคําว่ารักของพีอยู่ในมือ….

แต่ผมกลับยิงรู้ สกึ เหมือนทําอะไรไม่ได้ รู้ สกึ เหมือนผมถูกมัดเอาไว้ เสียจนไม่ร้ ูจะต้ องทําอย่างไรต่อไป

“…รีบไปเถอะ…”

………………………………
………………………

………………………………
………………………

“มาแล้ วเว้ ยยย”

“เออๆ ไหนของกินเพิมอยู่ไหน”

“ไปขนเอง หลังรถ”

“ขอบคุณครับพีหมอกกก”

สตูดิโอ ของไอ้ เคิล กว้ างเท่าโรงรถ แหงหล่ะ ก็เล่นใช้ โรงรถมาทําเลยนีหว่า แต่ไม่ใช่ว่าปรับเปลียนโรงรถใหม่


อะไรหรอกนะครับ ก็อย่างว่า บ้ านพวกคนรวยทําอะไรได้ ดงใจ ั ทุบโรงรถเก่าทิงแล้ วสร้ างสตูดิโอขึนใหม่ เข้ ามาก็
เห็นสไตล์ของไอ้ เคิลแล้ ว
ทังสตูนีมันทําเองคนเดียวหมด ลายติสต์ๆสีส้มตัดฟ้าบนผนัง วันนีไม่รกเหมือนปกติ เพราะเคลียร์ โต๊ ะตู้ของทีเคย
วางระเกะระกะออกไปหมดแล้ ว เหลือแต่ทีนังโล่งๆกลางห้ อง แอร์ เปิ ดเย็นฉํา ไปถึงก็เห็นพีบอมบ์พีแฟงนังเปิ ด
ขวดโซดาทําลายสถิติโลก บ้ านพีหรอครับ เปิ ดขวดโซดาล่อเข้ าไปจะสิบขวดแล้ ว ทังๆทียังไม่มีเหล้ าอะไรมา
ประเคน นีเอ็งเปิ ดเล่นนีหว่ะ!

“พีจะเปิ ดทําบ้ าไรเยอะแยะวะ”

“เอ้ า ก็พวกกูไม่มีแชมเปญไง อยากฉลอง ก็ใช้ ได้ แค่โซดากระจ๊ อกๆแบบนีนีแหละ”

“ผมว่าทีกระจ๊ อกอ่ะ สมองพีชัวร์ ”

“ไอ้ ตีแม่งยอกย้ อนเก่งหว่ะ วู้ย ถ้ ามาอยู่กบั กูจะประเคนบาทาให้ กินเช้ าเย็น”

“แล้ ว ผมจะไปอยู่กบั พีทํามาม่าไรวะครับ ขอบคุณครับ” พีโก้ เทเหล้ าให้ รีบยืนแก้ วไปรับไว้ แทบไม่ทนั หันไปมอง
แว่บๆ เห็นไอ้ พีหมอกลงไปนังข้ างๆพีบอล ไม่ได้ สนใจผม “ว่าแต่ไอ้ กล้ วยไปไหนวะพี”

“นู่น ไปเก็บศพเลย”

“เห้ ย ไรวะ นีพึงจะทุ่มกว่า กินจนน็อคแล้ วเรอะ”

“ไม่ร้ ูเป็ นไรของแม่ง บ่นพึมพําคนเดียวด้ วย กูโคตรกลัวเลยหว่ะ ไอ้ ตี พาเพือนมึงไปเช็คสมองด่วน กูว่าแม่งระยะ


สุดท้ ายแล้ ว”

“ผมว่ามันอกหัก มีปัญหาเรืองความรัก ดวงตก บอลแดก หวยกิน ครอบครัวทอดทิง…หรืออาจจะทุกอย่าง


รวมกันก็ได้ หว่ะ”

“…เออ เวลาไปเช็คสมองก็ไปด้ วยกันเลยนะเว้ ย” พีโก้ แม่ง ใครคุยด้ วยวะ “ไอ้ ตี มึงกินได้ เยอะแค่ไหน”

“ก็เยอะพอตัวอ่ะพี จัดเต็มอย่าให้ เสีย ปี ใหม่ๆ”

“เออ ไงคืนนีก็คงค้ างทีนีกันหมด เมาไม่ขบั จับยกแก็งค์ ”

นัง สักพักไอ้ ปิกก็โผล่หัวมา ตามมาพร้ อมกับคนงานบ้ านไอ้ เคิล เอาของกินมาเสริฟใหญ่ พวกผมนีอย่างกับแร้ ง


ลงเลยครับ ชือแม่งก็ไฮโซ ไหงบ้ านมึงแม่งทําแต่ลาภส้ มตําไก่ย่างหว่ะ ถามมันก็บอก “ก็เหมาะกับหน้ าพวกมึงดี
นิ” ไม่ต้องมาหัวเราะเลยไอ้ นีนิ

“อ้ าว ไอ้ พีแฟง ตัวกินไก่นีหว่า ฮ่าๆๆ”

“ตี มึงกล้ าพูดมาก พูดไปอมน่องไก่ไป กลับบ้ านไปวางไข่เลยเอ็งอ่ะ”

พอ คนเริมมาเยอะๆก็ต้องระเห็จออกไปกินกันทีสวน ยุงชุมยังกับกองทัพ แรกๆก็จุดยากันยุงกันดีหรอกครับ


หลังๆยุงแม่งเยอะจริงๆ พวกผมจะสําลักยากันยุงตาย ถึงต้ องรีบๆกินให้ หมด งดสังสรรค์แล้ วย้ ายกลับเข้ าสตู

ไม่ต้องมีคาราโอเกะ เพราะพวกผมคว้ ากีตาร์ นงเล่


ั นเอง ไอ้ โจ๋รีบวิงหากระป๋ องนําอัดลมกับถัวครัวไอ้ เคิลมาปิ ดส
ก็อตเทปใช้ ประกอบ จังหวะ โคตรสร้ างสรรค์ ผมดีดกีตาร์ ให้ ครับ แหกปากปนไปกับชาวบ้ าน เสียงไอ้ พีปิ งนีสุดๆ
จริงๆหว่ะ พึงรู้พีแกร้ องเพลงเพราะ ปกติเห็นแต่นอนจําศีล วันนีอย่างกับเปิ ดตัวแครอลี บลา บลา พีบอมบ์บี
ทบ็อกทีมีแต่นําลายกระเด็นเป็ นสาย ก็โดนตีนพีแฟงไปครับ

“อ้ าว ไอ้ กล้ วย ไงวะ เป็ นเชียไร มาหดหู่รับปี ใหม่แบบนีไม่ดีนะเว้ ย”

“ไอ้ ตี กูขอคุยด้ วยหน่อยดิ”

หน้ ามันแดงๆ ผมคิดว่ามันคงเมามากอยู่ ผมก็เริ มจะร้ อนๆแต่ไม่ถึงขันมัน เดินเป๋ มาเลย

“ลากกูไปไหนวะ”

ต้ อง ปล่อยกีตาร์ ให้ พีโก้ เสียบแทน โก้ มิสเตอร์ เอ็กซ์แมน ทําได้ ทุกอย่าง ร้ องด้ วยดีดกีตาร์ ด้วย เท้ าตบเป็ นเพลง
สามารถมาก ผมเดินตามมันออกมานอกสตู จะพากูมาบริจาคเลือดไมวะ

“มีไรอ่ะ เร็วๆ ยุงจะหามกูไปด้ วยรักแล้ ว”

มันไม่ตอบอะไร แต่มนั ยืนหน้ าเข้ ามาใกล้ ครับ

เพราะผมไม่คิดว่ามันจะทําอะไร รู้ตวั อีกทีมนั ก็โอบรอบคอผมไว้ ประกบปากมันเข้ าหาปากผม แล้ วแม่งยังเสือก


จะดันลินเข้ ามาอีก

“ไอ้ เอียยยย อําอะไออะ!!”

“ขอกูจบู มึงทีเหอะ”
“ไอ้ สดั เป็ นอะไรของมึง” ดันมันออก แต่ดเู หมือนตอนนีมันควบคุมตัวเองไม่ได้ แรงเลยเยอะกว่า

ตอนทีเผลอตะโกนด่า แม่งก็ดนั ลินเข้ ามา

บอกตรงๆโคตรอยากอ้ วกครับ กินเหล้ าหึงไปหมด มันหยาบโลน ไม่เหมือนจูบของพีหมอก ….

แต่ แล้ วไอ้ กล้ วยก็ถกู กระชากตัวออกจากผม ไม่ต้องเดาว่าใครครับ ไอ้ พีหมอก ผลักไอ้ กล้ วยแรงจนมันล้ มลงกับ
พืน แล้ วกระทืบเน้ นๆ เตะจนไอ้ กล้ วยร้ องดังไปหมด คนในสตูถึงได้ วิงออกมาดู

“เฮ้ ยพี เดียวมันก็ตายหรอก”

“พวกมึงทําเหียไรกัน” เวลามันพูดแบบนี น่ากลัวกว่าเวลาตะคอกเสียอีก

“พีหมอกไม่ต้องลงมือเองหรอก ไอ้ กล้ วย กูขอซักหมัดเหอะหว่ะ”

หมัดผมก็แรงจนไอ้ กล้ วยลุกไม่ขนเหมื


ึ อนกัน ดูเหมือนคนทีตกใจทีสุดจะเป็ นไอ้ โจ๋ครับ “เฮ้ ย พวกมึงทะเลาะไรกัน
วะ”

“มันแค่เมามากไปหน่อย กูเลยเรี ยกสติมนั ”

ผม ไม่มีโอกาสได้ พดู อะไรต่อ พีหมอกดูเหมือนจะโกรธจัด เดินตรงมาคว้ ามือผมลากตรงไปทีรถ เพราะว่าจอดไว้


นอกตัวบ้ าน ระยะทางเลยไกลพอสมควร มันลากผมไปตลอดทาง ผมพยายามจะยือตัวไว้ แต่ส้ แู รงไม่ได้

“พี..พีหมอก”

“มึงทําเหียไร..”

“…มันเมา มันเลยจูบผม”

“…..”

“พีเชือผมดิ มันมีแค่นนจริ
ั งๆ”

“…กู…กูจะเชือใจมึงได้ แค่ไหน”
เป็ นผม ทีพูดไม่ออกเสียเอง

“กูถามอะไรมึง มึงก็ไม่เคยตอบกู”

“เรืองแค่นีทําให้ พีไม่เชือใจผมเลยหรอ?”

“กูร้ ูสกึ ไม่มันใจ ทังๆทีกูก็แสดงออกไปชัดเจนขนาดนีแล้ ว มึงกลับยังดูลงั เล ทําไม…มึงบอกกูได้ ไหมว่าทําไม”

ผมไม่ได้ ตอบ

มัน ลากผมจนออกมาถึงด้ านนอก ต้ องเดินไปอีกสักพัก แถวนีมีแต่บ้านหลังใหญ่ๆ ระยะห่างแต่ละหลังจึงกว้ าง


ไม่มีใครวิงตามออกมา มีเพียงถนนทีไม่มีรถสักคัน กับไฟตามทาง ทีดูเงียบเหงา

ผมหยุดเดิน

มันก็ไม่ได้ ลากผมต่อ

มือทีจับรอบข้ อมือผมค่อยๆคลายออก ไม่ร้ ูทําไม แต่ผมกลับรู้ สกึ เหมือนผมจะปล่อยมือคู่นีไปไม่ได้ จึงกลายเป็ น


ผมทีคว้ ามือพีหมอกไว้ เอง

ค่อยๆเดินไปหามัน ซบหน้ าลงกับไหล่ ได้ ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ

“ผมขอโทษนะทีผมไม่ได้ บอกพี”

“…แล้ วจะบอกกูได้ ไหม”

หยุดคิด แต่หาคําตอบไม่ได้

เลยได้ แต่ตอบไปว่า

“ผมไม่ร้ ู ….”

“มันคงไม่ใช่เรืองดี”
ผมพยักหน้ า

ไม่ได้ กอดกัน ทําเพียงยืนนิงๆใต้ แสงไฟทีฉายลงมา

หลับตาลงช้ าๆ ได้ ยินเสียงหัวใจของพีหมอก

“เมือกีผมขอโทษแทนไอ้ กล้ วยด้ วย มันแค่เมา”

“…อืม”

“พีไม่โกรธใช่ไหม?”

“โกรธ”

“งันให้ อภัยผมนะ”

มันเงียบไปสักพัก จนผมใจหาย แต่ก็พูดตอบกลับมาเบาๆ “….เออ”

“ผมก็ไม่ร้ ูมันมีเรืองอะไรเหมือนกัน มันไม่ได้ บอกพวกผม มันคงจะไม่สบายใจ”

“แล้ วเกียวไรกับจูบมึง”

“เออ อันนีผมก็ไม่ร้ ูหว่ะ”

“กลับบ้ านไปบ้ วนปากซะ”

“โหย พีขนาดนันเชียว”

“มึงก็เหม็นกลินเหล้ าไปหมด คราวหลังไม่ต้องกิน กูไม่ให้ ”

“พียิงกว่าเฮียผมอีก เฮียมันยังไม่ว่าเลย”

“นันก็เรืองเฮียมึง กูก็สว่ นกู ไม่ต้องมาแบะปาก”

“งันผมยิมก็ได้ แฮ่”
“กลับบ้ านนะ..”

“…พีพูดคํานีแล้ วน่ารักดีวะ ผมชอบฟั ง”

“มึงเมาแล้ ว”

“มัง? พีพูดให้ ผมฟั งอีกรอบหน่อยดิ ผมอยากฟั ง”

“เหียไร”

“ไม่เอาคํานีอ่ะ”

“แล้ วมายืนซบกันกลางถนนนีมึงอายคนอืนไหม”

“พีอายหรอ?”

“ไม่”

“แล้ วจะพูดทําไม?”

“มึงจะกลับไหม? ไม่กลับกูกลับเอง”

“พีจะทิงผมหรอ?” พอเงยหน้ ามองก็ร้ ู สกึ แสบตา ไฟส่องเข้ ามาเต็มๆ รู้สกึ เห็นพีหมอกใกล้ กว่าปกติ

“….ก็ไม่”

“ผมชอบเวลาพีพูดคําว่านะลงท้ าย”

“เออ”

“นะ?”

มันขมวดคิว ทําหน้ าหงุดหงิด ผมเลยเอาหัวถูกลับไหล่มนั จนผมยุ่งไปหมด


มันก้ มลงมาใกล้ กว่าเดิม หน้ าทีคิดว่าร้ อนไปหมดร้ อนมากยิงขึน รู้ สกึ ถึงลมหายใจรดหู

เสียงหัวใจพีหมอก

เต้ นแรง และเร็ วจนรัวเหมือนเสียงกลอง

ดังยิงกว่าคําทีมันพูดต่อมาจากนีเสียอีก…

“กลับบ้ านกัน…นะ”

…………………………
…………………

Coin 39

ผมเคยคิด

คิดว่าอะไร เป็ นสิงทีผมอยากได้ มากทีสุดในชีวิต

ไม่ใช่เงินทอง ไม่ใช่มือถือหรูๆ หรือรถสักคันทีผมได้ แต่มองจนสุดสายตาตามท้ องถนน

แล้ วมันคืออะไรกันหล่ะ? ทีผมต้ องการ


สิงนันซือหามาไม่ได้ ด้วยเงิน หรือสิงของใดๆ

ใจ

มีเพียงใจเท่านัน ทีซือสิงทีผมต้ องการนีได้ …..

……………………………
…………………….

ผม นังมองมันมาสักพักแล้ ว มันนังนิง ไม่ขยับ แต่ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าอ่านหนังสือเขม็งอยู่ ใกล้ จะสอบอีกแล้ ว


ครับ จะหมดปี การศึกษานีแล้ ว พอๆกับผม ทีนังจมอยู่กบั โมเดลทีพืน งานเป็ นล้ านทียังแก้ ไม่เสร็จ แต่ก็ไม่มี
อารมณ์จะทําต่อ

“พี ไปเทียวกัน”

เงียบ

เงียบเสียจนผมต้ องพูดอีกครัง คิดว่ามันไม่ได้ ยิน

“มึงว่างนักหรือไง งานไม่มีหรอ ชวนกูอยู่ได้ ”

“โหยพี ผมทําจนมือหงิกแล้ วเนีย อยากไปพักบ้ าง นะนะนะ”

“อาทิตย์ทีแล้ วก็พงไปเชี
ึ ยงใหม่ อาทิตย์นีมึงอยากไปไหนอีก”

เห็นมันทําหน้ าเบือๆก็อดคิดไม่ได้ ว่าจริงของมันครับ

อาทิตย์ ทีแล้ ว พวกผมแอนด์เดอะแก็งค์พงจะไปแอ่


ึ วเชียงใหม่ก็หมาดๆ อากาศหนาวบ้ างไม่หนาวบ้ าง ชวนให้
มึนๆ ขากลับ ซือสตอเบอรรีกลับมาฝากทีบ้ าน เฮียกลับหาว่าผมซือมะนาวมา มันความผิดผมหรอวะทีสตอเบอรรี
เปรียวหน่ะ!!

“ไปไหนก็ได้ ”
“แล้ วทําไมไม่อยู่บ้าน”

“ผมอยากไปเทียว….กับพี”

“……”

มันไม่ตอบ วางปากกาในมือแล้ วลุกออกจากโต๊ ะไป

“พีจะไปไหนอ่ะ?”

“กูจะไปอาบนํา มึงอยากไปไหนก็คิดไว้ ”

ผมข้ างหลังพีหมอกเริ มยาว

ยืนมือออกไป หลับตาลงข้ างนึง เห็นพีหมอกตัวพอดีเท่ามือ ใช้ นิวสะกิดเอวตัวพีหมอกทีเดินไปมา ก็เห็นมันหันมา


มอง “เล่นอะไร?”

“เปล๊ า พีอย่าเดินโป๊ ไปมาดิ น่าเกลียดหว่ะ ฮ่าๆๆ”

“กู จะใส่แต่ผ้าขนหนูเดินในบ้ านตัวเองไม่ได้ หรอไง” เลยกลายเป็ นว่าแทนทีมันจะรีบๆเข้ าไปอาบนํา แต่กลับลงมา


นังข้ างๆผม พอจะพูดตอบก็ถกู กดจูบเบาๆ “พี…” ริมฝี ปากถูกเปิ ดออก ลินเกียวเข้ าหากัน ไม่อยากหลับตา เลย
เห็นว่าพีหมอกก็มองตอบกลับมาเหมือนกัน

“…กูว่าวันนีไม่ต้องออกไปไหนหรอก”

“พี ไปอาบนําไป”

มือลูบไปตามหลังพีหมอก กลินแบบนี สัมผัสแบบนี หลับตาลงก็ยงั จําได้

มีกลินแป้งติดอยู่อ่อนๆทีตัวพีเขา

พีหมอกทําหน้ าเบือ หอมแก้ มผมแรงๆจนตัวเอนลงแทบจะล้ มลงกับพืน ผมยิมตอบ ก่อนทีจะลุกออกไป

เฝ้ามองแผ่นหลังของพีหมอกแบบนี….
รอยยิมผมลดลงช้ าๆ โดยทีไม่ร้ ู ตวั

…………………………
………………….

“เชีย”

“ร้ อนหรอพี?”

“ทําไมต้ องมาทีแบบนีวะ โคตรร้ อน”

“พี ใจเย็นๆ เดียวผมพัดให้ ”

“…เหยิบมาใกล้ ๆหน่อยดิ”

ความผิดผมเองครับ ทีลากมันมาเทียวสวนสนุกแบบนี

แถม ไอ้ เครืองเล่นทีผมอยากเล่น ก็ต้องต่อคิวอย่างยาว ไม่แปลกหรอกทีพีหมอกจะหงุดหงิด เสือสีขาวของมันชืน


เหงือจนแนบติดตัว เห็นสาวๆมองอยู่หลายคน ผมใช้ ไอ้ โบว์ชวั ร์ ทีเขาแจกมานีแหละครับ พัดให้ พีหมอกมัน เหงือ
ไหลท่วม เปิ ดกระเป๋ าสะพายทีผมพกมาด้ วย หยิบทิชชู่ขนมาให้
ึ แต่มนั ไม่หยิบไป

“เช็ดให้ กู แล้ วกูจะยกโทษให้ ”

“ยกโทษเรืองไรอ่ะ?”

“เรืองทีมึงพากูมาร้ อนขนาดนี”

“…ผมว่านะ พีอยู่กบั ผมมากๆ สักวันพีต้ องเป็ นง่อยแหงเลย ไม่ทําอะไรเอง ผมทําให้ ตลอด”

มัน ไม่ตอบอะไร แต่พอมันกอดคอยืนด้ วยกันแบบนี ยิงรู้สกึ ว่ามาคงขีร้ อนเอามากๆ เช็ดปาดๆ จนทิชชู่ช่มุ พัด
กระดาษให้ มนั หน้ ามันแดงไปหมด
ได้ ยินเสียงพูดคุยซุบซิบดังมาจากข้ างหลัง ไม่ได้ สนใจอะไร “พีกินนําไหม?”

“มึงซือมา?”

“เปล่า เดียวผมไปซือให้ ”

มัน ส่ายหัว มองไปข้ างหน้ า แถวยังอีกยาว คนเยอะเพราะเป็ นวันอาทิตย์ ลูกเล็กเด็งแดงแห่กนั มาเล่นยังกะของ


ฟรี เสียงเด็กโวยวาย เสียงพ่อแม่ร้องโอ๋ดงั เต็มไปหมดตังแต่ทางเข้ า วัยรุ่นก็มี มาเทียวกันเป็ นกลุม่ บ้ าง มาเป็ นคู่
บ้ าง

เปิ ดดูในกล้ อง มีรูปผมกับมันเต็มไปหมด ป่ านนีคงจะเต็มคอมแล้ ว เพราะให้ มนั เอาลงคอมให้ ผมเริ มถ่ายรูปเก่ง


ขึน ว่างๆก็ให้ พีเต๋าสอนถ่ายรูปให้ พีหมอกบอกถ้ าถ่ายรูปสวยๆเมือไหร่จะซือเลนส์ใหม่ให้ เป็ นของขวัญ ทีห้ อง รูป
ทีมันไปอัดมา ผมใช้ คลิปหนีบกระดาษหนีบไว้ กบั เชือกเล็กๆ ขึงอยู่ทีผนังเหนือหัวเตียง ตอนแรกก็แค่ไม่กีรูป แต่
ตอนนีมันเยอะจนเต็มผนังไปหมด

จากห้ องทีเคยว่างเปล่า เริมมีของใช้ ของผมปนเข้ ามา จนตอนนี ห้ องทีมันเคยบอกว่ามีเพืออยู่เฉยๆ ไม่ใช่เป็ นบ้ าน


มันก็พดู ออกมาแล้ วว่าเป็ นบ้ านของมัน มีทีทีให้ กลับ ออกไปเรี ยนด้ วยกัน กลับบ้ านพร้ อมกัน หรือถ้ ามีใครคนใด
คนหนึงออกไปไหน ก็ร้ ูได้ ว่ามีอีกคนรออยู่

“…พีหมอก”

มันหันมามอง

เห็นหน้ าตัวเอง สะท้ อนออกมาทีแว่นกันแดดสีชานัน

สายตาทีกําลังบอกอะไรบางอย่าง ทีพูดออกมาไม่ได้

มันจะรู้หรือเปล่านะ? พีหมอกจะรู้ สกึ อะไรหรือเปล่า?

ผม…

ผมอยากพูดออกไป คําทีมันรอฟั งอยู่…

“ถึงคิวเราแล้ วพี ไปเล่นกันเถอะ…”


……………………………
…………………..

เล่น รถไฟเหาะ พีหมอกกลับบ่นแค่ว่าปวดคอ ไม่เหมือนกับผมทีโลกหมุนติวไปหมด พอลงมาถึง ก็ต้องวิงเข้ าไป


กอดม้ านัง นอนเอนตัวลง “มานอนตัวร้ อนๆทําไม ตรงนันร่ มทําไมไม่ไป”

อยากตอบว่าไกลไป แต่ร้ ูสกึ เหมือนถ้ าพูดอะไรออกไป คงได้ อ้วกพุ่งเป็ นนําพุ เลยสงบปากสงบคํา พีหมอกไม่นัง
แต่ยืนอยู่อย่างนัน อยากถามทําไม แต่พอคิดสักพักก็ร้ ูเหตุผล

เงาของพีหมอก ทาบลงมาบนตัวผม

พีหมอกทีขีร้ อน เหงือหยดลงมาจนถึงมือผมทีทิงออกไปนอกตัวม้ านัง ยืนใช้ ตวั เองบังแดดให้ ผม

“เอานําไหม…”

ผม พยักหน้ า พีหมอกดูเหมือนจะลังเลอยู่สกั พัก แต่ก็เดินออกไป มองเห็นแต่รองเท้ าทีกําลังเดินไกลออกไป ปวด


หัว ไม่น่าเล่นหาเรืองใส่ตวั เฮียเคยบอกไว้ ว่ารถไฟเหาะก็เหมือนมิวค์เช้ ค เข้ าไปหมุนอยู่ในเครืองปั น ออกมาก็
เขย่าต่อ กว่าจะได้ กิน ก็เละเสียจนนึกสภาพก่อนหน้ านีไม่เจอ

พีหมอกซือนําเปล่ามาให้ ผม ส่วนตัวเองก็เปิ ดกระป๋ องโค้ กกิน นังพักสักครู่จนหายดีก็ตะลุยเล่นอย่างอืนต่อ

ที น่าขําคือพีหมอกไปยืนหาวอยู่ในบ้ านผีสงิ พอๆกับผม ทีเดินผ่านเข้ าไปแล้ วเดินผ่านออกมา บางจุดแค่น่าตกใจ


ผมแค่อยากรู้เฉยๆว่าอะไรทําให้ บ้านผีสิงมีเสียงกรีดร้ องดังออกมาตลอดเวลา สาวๆกลุม่ ข้ างหน้ าผมแทบไม่ยอม
เดิน กอดกันกลมดิก ตัวสันเหมือนผีเข้ าซะเอง พีหมอกทําหน้ ารําคาญ เดินฝ่ าผู้หญิ งพวกนันมา เห็นบางคนเกาะ
ตามพีหมอกมาด้ วย ผมเอาแต่ขํา ขําหน้ าพีหมอกวะ ยิงกว่าปลิงเกาะตัว ฮ่าๆๆๆ

เล่นรถบัม บ์ พีหมอกแม่งโหดร้ ายทีสุด ไล่ขบั บีผมอย่างเดียว เล่นเอาผมคอเคล็ด ผมแค่ขบั หนีพีหมอกอย่างเดียว


ก็เหนือยแล้ ว หันไปตะโกน “พีโรคจิตหรอวะ ชนแต่ผมอ่ะ!!” มันไม่ตอบ หัวเราะหึหึ กว่าจะเล่นจบ ลงมาผมเอียง
หัวไปมา ได้ ยินเสียงกระดูกลันไปหมด

“พีแม่งใจร้ าย ผมไม่ได้ ชนคนอืนเลย หนีพีอย่างเดียว แค้ นไรผมหนักหนาวะ”


“คิดไรมากวะ”

“ผมเจ็บไหล่อ่ะ”

“ชนแรงขนาดนัน?”

“เออดิ พีนึกว่าพีขับเยลลีชนผมหรอ”

มัน ยกมือขึนบีบไหล่ผมเบาๆ ตอนแรกผมหดไหล่หนี ตกใจดิ อยู่ๆก็เอามือมาวาง พอหันไป เห็นมันทําหน้ าเฉยๆ


เหมือนไม่สนใจอะไร แต่บีบไหล่ตรงทีผมปวด “สบายหว่ะพี หาทีนังนวดเลยเหอะ ผมเมือย”

“ไรของมึง”

“พีนีนวดเก่งหว่ะ หลับตานีคงนึกว่าหมอนวดอ่ะ ฮ่าๆๆๆ”

“นวดด้ วยตีนไหม กูเก่งนะ”

“อย่าเลยหว่ะพี ผมยังอยากตืนมาดูโลกต่อ”

ท้ อง ฟ้ากลายเป็ นสีส้ม เล่นไปได้ ไม่กีอย่างเพราะคนเยอะ เลยไปต่อแถวยิงปื นกิกก็อกมาแทน ผมยิงแล้ วได้ แค่


สมุดกับดินสอกังๆมาสองแท่ง พีหมอกยิงได้ ต๊ กุ ตามาตัวหนึง กะเก็บไปฝากน้ องฝน โคตรเก่งเลยหว่ะ

ให้ พีหมอกถือตุ๊กตา แอบเต๊ ะท่าถ่ายรูปไปอีกรูป คนดูดีทําอะไรก็ไม่ผิดจริงๆ มันดูโดดเด่นกว่าคนอืนๆ ต่อให้ ยืน


อยู่เฉยๆก็หาตัวได้ ไม่ยาก

ผมแวะไป ทีบ้ าน ม๊ าชวนให้ กินข้ าวเย็นด้ วยกัน แต่ผมปฏิเสธไป เฮียนังอยู่ทีเก้ าอี อ่านหนังสืออยู่ คงใกล้ จะสอบ
แล้ วเหมือนกัน เห็นเฮียเงยหน้ าขึนมอง ผมมองตอบ แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

พีหมอกไม่ได้ เข้ าไปในตัวบ้ าน ยืนพิงรถรอ มองไปทีท้ องฟ้าซึงกลายเป็ นสีดําสนิท ผมมองภาพนันเงียบๆอยู่ทีหน้ า


บ้ าน รู้สกึ เหมือนพีหมอกกําลังจมอยู่กบั ความคิดตัวเอง เลยยังไม่ได้ เดินเข้ าไป

“ตี …ขอคุยอะไรหน่อยดิ”

“….ไปคุยกันทีห้ องได้ ไหม”


เฮียพยักหน้ า เลยเดินตามเฮียขึนไป

พีฟิ นไม่อยู่ เห็นว่าไปค้ างหอพีเพรช สงสัยจะช่วยกันทําโปรเจคต์ เฮียนังลงกับเตียง ผมเลยไปยืนพิงอยู่ทีเก้ าอี

“…ตีมีเรืองอะไรไม่สบายใจเปล่าวะ”

“…..”

“พูดออกมาเหอะหว่ะ เฮียอึดอัดแทนมึง”

“เฮีย ตีไม่ร้ ู จะพูดไงวะ”

“….เฮียไม่ร้ ูว่ามันเรืองอะไร แต่ตัดสินใจให้ ดีทีสุดก็แล้ วกัน”

ผม พยักหน้ า เฮียพูดต่อ “ตี บางปั ญหามึงใช้ สมองตอบไม่ได้ หรอกนะ ตีต้ องใช้ นี” เฮียจิมนิวเข้ าทีหน้ าอก
หมายถึงสิงทีเต้ นอยู่ ลึกลงไป “ต้ องใช้ ใจตอบ”

“เฮียรู้ได้ ไงวะ…ว่าตีมีเรืองไม่สบายใจ”

“เพราะเฮียเลียงมึงมา คิดอะไรทําไมเฮียจะไม่ร้ ู ”

“อืม…”

“ม๊ าบอกให้ เฮียดูตีให้ ดีๆ ม๊ ากลัวมึงเสียใจ”

“ม๊ ารู้ ?”

“ไอ้ หมอกเข้ าไปบอกเองเลย มันไม่เคยบอกมึงหรอ”

ผมส่ายหน้ า

“…เฮียว่ามันรู้ทกุ เรือง แต่แค่บางเรืองมันไม่เคยพูดออกมา”

ทัง ห้ องเงียบไปสักพักหนึง ได้ ยินเสียงทีคล้ ายกับเสียงจักจัน ไม่ได้ เปิ ดไฟ เหมือนรู้ว่ามันคงเป็ นการพูดคุยเพียง
สันๆ มองออกไปนอกหน้ าต่างเห็นรถสีดําจอดอยู่ แต่มองมุมนีไม่เห็นพีหมอก

“…ไม่ว่าเลือกอะไร เลือกให้ ดีทีสุด เลือกในทางทีตัวเองคิดว่าถูก ไม่ใช่ตามความคิดคนอืน ตี บางครังมึงก็ต้อง


เห็นแก่ตวั บ้ าง”

พีหมอกก็เคยพูดแบบนี

ให้ ผมเห็นแก่ตวั

ถึง ทุกวันนี บางครังผมก็ยงั ไม่ค่อยเข้ าใจว่าทําไมถึงมีแต่คนบอกให้ ผมทําแบบนัน เพราะทุกครัง ผมก็ทําตามสิงที


ตัวเองคิด อาจมีคิดถึงคนอืนบ้ าง แต่ก็เลือกตามสิงทีตัวเองถูกต้ อง

หรือสิงทีคิดว่าถูกต้ องมันยังไม่เพียงพอ..

“…เฮียหวังว่าคําตอบทีมึงคิดอยู่ ไม่ว่าจะเป็ นเรืองอะไร จะเป็ นสิงทีตีทําลงไปแล้ วไม่เสียใจทีหลัง”

คําตอบทียังลังเล วนอยู่ในความคิดผม..มันจะเป็ นสิงเดียวกับทีเฮียพูดถึงหรือเปล่า…

คําตอบนีคงมีแต่เวลาทีจะตอบผมได้ …

……………………………
………………..

……………………………
………………..

“ไอ้ ตี มึงมีเรืองอะไรรึเปล่าวะ”

“ห้ ะ? ไมวะ”

“หน้ ามึงเหนือยมาก”

“กูก็นงตั
ั ดโมถึงตีสอง แล้ วก็ตืนขึนมาสอบพร้ อมพวกมึงไง”
“เออ ก็เหมือนกันนันแหละ ต่างกันไงวะ แม่ง คณะนีโคตรบันทอนชีวิตกูเลย กูนกึ ว่าแม่งจะชิวกว่านีซะอีกตอนกู
สอบเข้ ามา ขอบอก กูคิดผิด แต่กกู ็ชอบหล่ะวะ”

“เออ มึงหน่ะมาโซไอ้ กล้ วย”

ปวดหัว

เห็นแสงสว่างจ้ าๆของตอนกลางวัน ก็ต้องหรีตาลง

ถือ บอร์ ดไว้ ในมือ ไม่ได้ นอนเต็มอิมมาหลายคืน เห็นข้ อสอบ บางทียงั อ่านโจทย์ไม่ร้ ูเรืองก็หมดเวลาสอบซะงัน
กินนํามากๆจะได้ สดชืนตามทีไอ้ โจ๋บอก เสือกปวดฉีในห้ องสอบอีก ยิงกว่านรกชัดๆวันนี

“เอาว่ะ ไม่เป็ นไร แม่ง สอบเสร็จเมือไหร่ กูจะได้ หมดเวรหมดกรรม ก้ าวขึนสูป่ ี หน้ าอย่างสงบสุข วุ้ย ขอให้ หลานกู
เป็ นผู้หญิงสวยๆขาวๆน่าเจียะหน่อยเถอะ เจอกระเทยลําๆมาจะปี แล้ วสาส”

“เอ้ า กูนกึ ว่ามึงชอบ” เสียงไอ้ เคิลดังขึนมา ไอ้ กล้ วยเลยย้ ายเป้าหมายไปปะฉะดะกับเจ้ าพ่อติสต์แทน ไอ้ โจ๋ไม่พดู
อะไร นังทํางานระยะสุดท้ ายอยู่ข้างๆ

จริงสิเนอะ กําลังจะขึนปี สามแล้ ว ช่วงชีวิตปี สองกําลังหมดลง

ยาวนาน เหมือนมากกว่าหนึงปี ด้ วยซํา

เกิดเรืองหลายๆอย่างในเวลาสันๆ เสียจนทุกอย่างในชีวิตเปลียนไปจนเกือบหมด จําเค้ าเดิมแทบไมได้

“ไป ไปสอบต่อกันเหอะวะ ใกล้ ถงึ เวลาแล้ ว”

เวลา..

เมือเวลานันมาถึง…

โทรศัพท์ดังขึนในความเงียบ มองหน้ าจอมือถือเก่าๆ ชือทีแสดงขึนบนนัน เร่งให้ ผมรีบตัดสินใจ

พีเมฆ….
………………………………….
………………………

นาฬิกา

กําลังหมุนกลับ…

“นอนไม่พอไปสอบ เป็ นไง”

“…..”

“กูบอกแล้ ว ให้ นอน เคยฟั งกูทีไหน”

“…..”

“ไอ้ ตี”

“……”

“…ทําไมไม่ตอบกู”

“พี”

ในห้ องดูอดึ อัด หรืออาจจะเป็ นแค่ความคิดของผมเพียงคนเดียว

พีหมอกขมวดคิว คงกําลังงง

ข้ างนอก ท้ องฟ้ากลายเป็ นสีดํา เพราะผมนังทํางานต่อกับไอ้ โจ๋ ถึงได้ กลับมาดึก พีหมอกก็ต้องอยู่รอ

…แบบนีหรือเปล่าทีเรียกว่าเห็นแก่ตวั

“….พีหมอก”
“อะไร”

“….”

“มีอะไรก็พดู มา”

“ผ…ผมไม่ร้ ูจะเริ มพูดยังไง”

“…..”

มองข้ ามไหล่พีหมอกไป เห็นรูปถ่ายเราสองคนเต็มไปหมด

ความทรงจําทีสร้ างร่วมกัน มากมายเสียจนจําทุกอย่างไม่ได้ หมด

ก้ มหน้ าลงตํา

“….ผมอยากหยุด”

“หยุดอะไร”

“หยุดทุกอย่าง”

“…….มึงหมายความว่ายังไง”

“ผมไม่อยากอยู่กบั พีแล้ ว”

“…มึงล้ อเล่นใช่ไหม?”

“ผมไม่ได้ ล้อเล่น”

เคยพูดประโยคนีออกไปครังหนึง

ตอนนันความรู้ สกึ มันยังไม่ชดั เจนเสียขนาดนี ความเจ็บปวดเมือครังนัน เทียบกันไม่ได้ เลย…กับ ณ เวลานี


“มึงพูดอะไร กูไม่เข้ าใจ”

“พีอย่าเดินเข้ ามานะ!”

พีหมอกหยุดเท้ าไว้

ถ้ าเป็ นเมือก่อน คงจะเดินก้ าวเข้ ามาถึงตัว บีบหัวไหล่ เค้ นหาคําตอบ แต่ถ้าเป็ นตอนนี อาจจะกอดผมเอาไว้

นันเป็ นสิงทีทําให้ ผมรู้สกึ ผิด

ผิด…ทุกอย่างมันผิดมาหมดตังแต่แรก

“…ผ..ผมอยากเลิกกับพี”

“..ทําไม? กูไม่เข้ าใจ นีมึงกําลังพูดอะไร”

“ผม…หมายความว่าแบบนัน”

พืนพร่ามัว

ร้ อนไปทังตา

โดยทียังไม่ทนั คิดอะไร นําตาก็หยดลงแก้ ม

ไม่ จะร้ องไห้ ไม่ได้ ต้ องไม่มีนําตา… ก้ มหน้ าลงตํา ซ่อนใบหน้ าไว้ ไม่อยากให้ เห็น ไม่อยากให้ ร้ ู ว่าคิดอะไรอยู่

ไม่อยากให้ ร้ ู …ว่าผม…

“…ผมอยากเลิกกับพี ผมไม่อยากอยู่กับพีอีกต่อไปแล้ ว”

“พูดแบบนี กูไม่ตลก”

“เลิกกันเถอะ…พีเลิกกับผมเถอะ”

“มึง พูดเหียไรออกมา!! เลิกหรอ? เลิกอะไร? จะบอกให้ กเู ลิกอะไร? เลิกรักมึงแบบนันหน่ะหรอ..คือสิงทีมึง


ต้ องการ… ตอบกูมาสิ กูบอกให้ ตอบไง!”

เสียงดังก้ องในห้ อง

ดังก้ องในใจ..

“…เลิกรักผม…เลิกทุกอย่าง”

“มึงพูดอะไรออกมามึงรู้ ไหม…”

“…ผมรู้ ”

“เพราะพีเมฆ? พีเมฆใช่ไหมทีทําให้ มงึ พูดแบบนีออกมา ใช่เรืองทีมันพูดกับมึงหรือเปล่า? มันพูดว่าอะไร บอกกู


มาสิ!”

พีหมอกลนลาน

พูดวนไปมาเหมือนคนเรียงความคิดไม่ได้

“มันไม่เกียวกับพีเมฆ ผมตัดสินใจเอง”

“มันบอกอะไรมึง! พูดมาสิ!”

ถูก คว้ าไหล่ไว้ พีหมอกขมวดคิว รู้ สกึ เหมือนกําลังจะร้ องไห้ แต่คงแค่คิดไปเอง ดูเหมือนคนทําอะไรไม่ถกู ผมเงย
หน้ าขึน หน้ าพีหมอก…มองเห็นไม่ชดั พยายามกลันเอาไว้ กลันนําตา

“…เรืองทีกูต้องไปเรียนต่อใช่ไหม”

ตัวเย็นไปหมด

“พีรู้?”

“ทําไมมึงคิดว่ากูไม่ร้ ู ”

“พีเมฆบอกไม่ได้ บอกพี”
“มันกลับมา มันต้ องมีเหตุผล บ้ านเราพีน้ องอยู่รวมหน้ ากัน มันแปลว่าต้ องมีอะไรเกิดขึน”

“…..”

“มันกลับมา..กูก็ต้องไป”

…พีต้ องไป

ไปในทีทีผมตามไปไม่ได้ ไปในทีของพี ทีห่างไกลจากผม

กลับไปอยู่ในสถานทีทีพีควรอยู่

“…นีใช่ไหม?! เหตุผลทีมึงจะขอเลิกกับกู”

ผมไม่ได้ พยักหน้ า ไม่ได้ สา่ ยหน้ า

พีหมอกรู้ทุกอย่าง แต่แค่ไม่พดู ออกมา เหมือนทีเฮียพูดไม่มีผิด พีหมอกรุ้ทุกอย่าง

เจ็บ..

เหมือนมือพีหมอก โอบรอบหัวใจผมอยู่ ค่อยๆบีบมือแรงขึน จนเจ็บ เจ็บไปเสียหมด

“กูไม่ไป”

“พีต้ องไป”

“กูไม่ไป กูจะไม่ไปในทีทีไม่มงึ ”

“….มันไม่ใช่เพราะเรืองนัน…ผม..ผมแค่อยากเลิกกับพี”

“มึงโกหก…มึงโกหกกู”

“ผมไม่ได้ โกหก”
“มึงพูดออกมาสิ…ว่าทีผ่านมาทังหมด ถ้ าไม่เรี ยกว่ารัก มึงเรียกว่าอะไร!”

ผมรักพี

ปากพูดออกไป…

“….ไม่ได้ รัก….”

นําตา…

ไม่มีนําตาไหลออกมา

มีเพียงมือทีสันเทา หมดแรงยืน ทรุ ดเข่าลงกับพืน ทรุดลงทีเท้ าของพีหมอก ราวกับอ้ อนวอน

“ผ..ผมไม่ได้ รักพี ไม่…. ไม่เคยรัก”

พีหมอกยืนอยู่ตรงนัน

ไม่ได้ ดึงผมขึนมา ไม่ได้ กดผมให้ จมลงไปกับคําโกหกทีแสนเจ็บปวดนี

“ผ…ผมก็แค่อยากได้ เงินใช้ หนี…ก็เท่านัน”

กํามือแน่น จิกจนเจ็บ กัดริ มฝี ปากไว้ บังคับไม่ให้ เสียงสัน

คําโกหกทีผมเจ็บปวด ราวกับคําพูดเหล่านัน มันย้ อนกลับมาทําร้ ายผมเอง

ทังๆทีผม..

รัก

รักพีเสียจนไม่ร้ ูจะบรรยายออกมายังไง

อาจฟั งเป็ นเรืองโง่ แต่นีคือความเห็นแก่ตวั ของผม

ผมอยากให้ พีหมอกกลับไปอยู่ในทีของตัวเอง
ถึงแม้ ตอนนีพีอาจจะคิดว่ามันเป็ นทางทีพีไม่ต้องการ แต่สกั วันหนึง ทางนัน จะเป็ นทางของพี

“…มึงโกหก”

เสียงนัน เหมือนลอยออกมาจากทีไกลๆ

“….กูร้ ู มึงโกหก….”

ผมโกหก…

แม้ กระทังตัวเอง

โกหกแม้ แต่ใจตัวเอง

ผมคงไม่มีคณ
ุ ค่าพอทีจะดูแลคําว่ารักของพีเอาไว้

“..เพราะกูเป็ นติวากุลหรอ? เพราะกูมีหน้ าทีทีกูต้องทํา มึงเลยทิงกูไปอย่างงันหรอ?”

“มันไม่ใช่แบบนัน”

“แล้ ว มันเป็ นแบบไหน! ถ้ าคําว่ารักไม่พอ แล้ วมึงยังต้ องการอะไรอีก แค่นามสกุลบ้ าๆนี มึงอยากให้ กทู ิงกูก็ทิงได้
แต่อย่ามาพูดว่าไม่รักกูแบบนี….”

“…พีทิงความเป็ นติวากุลไม่ได้ หรอก เพราะมันคือตัวของพี พีจะทิงความเป็ นลูกได้ หรอ? พีทิงความเป็ นน้ อง


ความเป็ นพีได้ หรอ?”

“….กูทิงได้ ทกุ อย่าง…”

ผมหลับตาลง ไม่อยากจะได้ ยินอะไรอีก

คําเหล่านัน กรีดลงไปช้ าๆบนใจของผม ทีกําลังเต้ นอ่อนลงทุกที

“….ถ้ ามึงต้ องการ…ไม่ว่าอะไรกูก็จะทํา”


เสียงพีหมอกสัน..

ผมไม่เงยหน้ าขึนไปมอง ไม่มีแรงพอทีจะทําอะไรแบบนัน..

“…ต่อให้ พีไป..ผมก็ไม่เสียใจ”

“หยุดโกหกกู…..หยุดโกหกกูซักที”

เสียงนัน สันขึนเรือยๆ…

“…ถ้ าพีรู้ว่าเป็ นคําโกหก ก็ได้ โปรดเชือคําโกหกของผมซักครังเถอะ….”

……………………………………
…………………………….

Coin 40

ลมพัดหน้ าจนหน้ าตึงไปหมด นําตาแห้ งเกรอะ หลบหน้ าลง ซ่อนให้ พ้นจากลมทีตีหน้ าอยู่ข้างหลังเฮีย

เฮียไม่ถามอะไร พอโทรเรียกให้ มารับก็มา

เสียงรถข้ างๆดังรอบไปหมด กลินท่อไอเสียแรงพอๆกับไอร้ อนทีถูกพ่นออกมา


พออยู่ด้วยกันสองคนแบบนี เลยอยากพูดเรืองทีค้ างคาอยู่ในใจมาโดยตลอด…

“เฮีย…เฮียมีเรืองจะบอกตีหรือเปล่า”

พิงแก้ มลงกับหลังเฮีย เหมือนเด็กๆ ได้ กลินเฮีย นึกถึงตอนทีเคยขาพลิกแล้ วให้ เฮียแบก

“…..เรืองอะไร”

“เรืองม๊ า เรืองทีเฮียบอกตีไม่หมด”

“เรืองไหน…อะไรของมึงไอ้ ตี”

“เรืองทีเฮียบอกตีว่าม๊ าผ่าตัดไม่ได้ เฮียจะโกหกตีทําไม”

“……”

“นีใช่ไหม ทีเฮียปล่อยให้ ตีไปอยู่บ้านพีหมอก โดยทีไม่ว่าอะไรตีสักคํา จะได้ พาม๊ าไปโรงพยาบาล ทํางานหนักๆ


โดยทีตีไม่ร้ ู ”

“…มึงรู้จากใคร”

“ตีไม่จําเป็ นต้ องบอก”

“…..เออ แล้ วมึงรู้แล้ วมึงจะทํายังไง ไอ้ ตี คิดหรอว่าเฮียสบายใจทีต้ องเก็บความลับกับมึง”

“แล้ วทําไมเฮียไม่บอกตีหว่ะ”

“เฮียอยากให้ มงึ เรี ยน ไม่ต้องทํางานหนัก ไอ้ เรืองทํางาน เฮียคนเดียวก็พอ”

“แล้ วมันพอหรือเปล่าหล่ะ? จะผ่าตัดวันไหน”

“เฮียขอเลือนหมอเขาไปก่อน..ไม่มีเงินหว่ะ”

“….ตีหามาให้ แล้ ว”
“…….”

รถ มอเตอร์ ไซค์เก่าๆถูกเลียวเข้ าจอดข้ างทาง เฮียก้ าวเดินจากรถ ตรงนีค่อนข้ างเงียบ มองออกไปหน่อยเห็นร้ าน


ก๋วยเตียวร้ านหนึงเปิ ดไฟสว่างโร่ แต่ไม่มีลกู ค้ า

“คราวทีแล้ วมึงขายตัว คราวนีมึงขายอะไรอีก”

“หึ..จะดูถกู ตีก็ทําไปเลย ตีไม่มีอะไรจะพูดหว่ะ”

“….ไอ้ ตี บอกกูมา”

“….”

หลบสายตา นังอยู่บนรถมอไซค์ไม่ได้ ลกุ ไปไหน

“ตียิงกว่าขายศักดิศรีตวั เองอีก”

“แบบนีใช่ไหม? มึงถึงเรียกกูมารับ”

“……..”

“ตี มึงขายใจตัวเอง…”

“…ตีไม่มีทางเลือก เป็ นเฮีย เฮียจะเลือกอะไร ความรัก หรือม๊ า”

“…….”

“เฮียคิดว่าตีเลือกได้ ตีอยากทําหรอวะ แม่ง ฮ…ฮึก…โคตรเจ็บ เจ็บจนไม่ร้ ู จะพูดยังไงเลย”

“ตี…”

แค่เฮียเรียกออกมา ก็เหมือนเก็บความรู้ สกึ ไม่ได้ อีกต่อไป

นําตา ทีกลันไว้ เลอะเสือเฮียเต็มไปหมด ป้ายหน้ าเข้ ากับอกเฮีย เฮียก็กอดไว้ โยกตัวไปมาเหมือนปลอบเด็ก


ร้ องไห้ หนัก หนักจนหายใจไม่ทนั
“…มึงทําแบบนี ไม่ใช่แค่มงึ ทีเสียใจนะตี”

“แล้ วจะให้ ตีทํายังไงวะ! ฮ..อึก..ฮึก..”

“ตี…มึงเสียใจ แต่กเู ชือว่าไอ้ หมอกก็คงเสียใจไม่แพ้ มงึ หรอก”

เฮีย ยกมือขึนปาดนําตาให้ ถอนหายใจยาว “น้ องกูมนั ไม่โตขึนเลย ทําอะไรไม่คิดให้ ดีๆ….ตี ถ้ ามึงมาปรึกษาเฮีย


สักคํา เฮียจะไม่มีวนั บอกให้ มงึ ทําแบบนี…”

เสียงนันแล่นเข้ ามา แล้ วผ่านออกไป

หน้ าของพีหมอกตอนทีผมเดินออกมาจากห้ อง..ผมไม่กล้ ามอง

…ผมทําร้ ายตัวเอง

ผมทําร้ ายพีหมอก

ผมไม่ร้ ูพีหมอกจะรู้เงือนไขของผมกับพีเมฆหรือเปล่า แต่ทีผมทําลงไป เพราะมันไม่มีทางเลือกอืน

ผมรักพีหมอกมากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง สุดท้ ายผมก็ต้องเลือกม๊ ามาก่อน ชีวิตของผู้ให้ กําเนิด ไม่ว่ายังไงก็สาํ คัญ


กว่า

พีเมฆรู้ รู้ในสิงทีผมไม่ร้ ู และใช้ จุดนันมาเป็ นข้ อต่อรอง

พี เมฆสัญญาว่าจะออกค่าผ่าตัด ค่าดูแลรักษาหลังจากนัน และจะหาหมอทีเชียวชาญมาให้ แม้ มนั จะเป็ น


เงือนไขทีฟั งแล้ วดูเลวร้ าย แต่เหตุผลทีพีเมฆยกตามมาก็ฟังขึน

บริษัททีใหญ่ขนาดนี ทํางานร่ วมกับหุ้นส่วนได้ ด้วยความเชือถือ แค่ข่าวลือนิดๆหน่อยๆก็สนคลอนความเชื


ั อใจใน
ตลาดได้ แล้ ว

พีหมอก ต่อไปในอนาคต ก็ต้องเป็ นหนึงในผู้บริหารทีต้ องได้ รับความไว้ วางใจจากทุกฝ่ าย รวมถึงความเชือถือ

อย่างน้ อย…ก็ทําให้ ผมรู้สกึ ผิดน้ อยลง ใช้ เป็ นเหตุผลทีปลอบใจตัวเอง…ไม่ให้ ผมดูเป็ นคนหิวเงินมากจนเกินไป
พีหมอก..จะไม่กลับมาอีก

มันทําให้ ข้อตกลงฉบับนีสมบูรณ์ …

“…ตี กูขอโทษ”

ได้ ยินแต่เสียงเฮียพรําขอโทษ ตามตัวเฮีย มีกล้ ามเนือเพิมมากขึน คงจะมาจากงานพิเศษทีทํา

เฮีย ต้ องทํางานหนักแค่ไหนกันนะ ต้ องแบกรับความรู้ สกึ นีมานานแค่ไหน ทุกครังทีเจอกัน เฮียก็เอาแต่ยิม ทําท่า


ทางร่าเริงไม่พูดอะไรออกมาให้ ผมหนักใจ

“เฮียไม่ผิด..ฮ..เฮียขอโทษตีทําไม..ฮึก…”

“…เฮียขอโทษทีทําให้ มงึ ลําบาก”

“เฮียก็ต้องอดทนเหมือนกัน ตลอดเวลาทีผ่านมา เฮียต้ องทํางานหนักแค่ไหน ตีไม่เคยรู้เลย”

“ไม่เหนือยหรอก…เฮียไม่เหนือยเลย”

เห็นรอยยิมแล้ ว ก็ร้ ูสกึ เหมือนคําโกหกนันเป็ นยิงกว่าคําสารภาพ

เหนือย เหนือยมาตลอด…

“ไม่เป็ นไรนะไอ้ ตี เฮียจะอยู่ข้างๆตีเอง…”

………………………………..
………………………..
….มึงเป็ นของกู

…กูจะไม่ปล่อยให้ มงึ ไปเป็ นของคนอืน

…มึงเท่านัน ทีกูจะรัก

….ตี

“….ตี”

เฮียพึงกลับมาบ้ าน ปิ ดเทอมเริมขึนโดยไม่ร้ ูตวั

เฮียลูบหัวผมเบาๆ ผมหลับตากลับ รับรู้สมั ผัสของเฮีย

“เฮียไปทําอะไรมา”

“งานพิเศษ”

“ทําอะไร?”

“ขับแท็กซี”

“…..”

เรืองของผมกลายเป็ นเรืองเด็กๆ ความรู้ สกึ ทีเทียบไม่ได้ กบั ภาระทีเฮียต้ องอุ้มอยู่

“ปิ ดเทอมแล้ ว เดียวตีช่วยเฮียเอง”

“มึงก็ทําหน้ าทีของมึงไป ไปขายโจ๊ กก็พอ เดียวนอกจากนันกูทําเอง”


“เฮีย ตี 20 แล้ ว ไม่เป็ นไรหรอก”

“มึงก็ชอบพูดไม่เป็ นไร ไม่เป็ นไร อย่าต้ องให้ มนั เกิดอะไรขึนมาแล้ วค่อยมาแก้ เลย”

“ตีไม่อยากให้ เฮียทํางานหนัก”

“…เฮียไหว”

“เฮียนอนนะ เดียวตีลงไปอาบนําแล้ ว”

ท้ องฟ้ายังมืดสนิท ลงมาก็เจอพีผ่องยืนอยู่หน้ าเตา ทุกวันนี ม๊ าไม่ต้องทําหน้ าทีตรงนี เลยมีเวลานอนพักต่อได้ ถงึ


ฟ้าสว่าง

เป็ นงานเหนือยและหนัก แต่คนไม่มีเงิน จะมีสทิ ธิไปพูดอะไร

มองมือถือทีไม่เคยมีใครโทรเข้ ามา…

จะหวังอะไรอีก..

ไม่ มีนําตาสําหรับครังนี ผมกัดฟั นแน่น ขนาดเฮียยังไม่แสดงด้ านอ่อนแอออกมา ผมก็ไม่มีสทิ ธิทําเช่นเดียวกัน


ยกหม้ อโจ๊ กขึนรถ ออกไปกับพีผ่องสองคน เปิ ดร้ าน ไม่นานพีสาก็ปันจักรยานมาถึง ไม่พดู ไม่จากับผม แต่หนั
ไปสปี คพม่ากับพีผ่องแทน

เราสามคนทํางานกันเงียบๆ ต่างคนต่างทําหน้ าทีของตัวเองให้ ดีทีสุด

เพราะผมกลับมาบ้ านแล้ ว หน้ าทีเก็บเงินผมเลยจะทําเอง ไม่ต้องให้ ม๊าออกมาเหนือยด้ วย

บางอย่างหายไป บางอย่างกลับมา ทุกอย่างหมุนเวียนกันไปแบบนีไม่ร้ ูจบ

ได้ แต่บอกตัวเอง มีพบเจอ มีพลัดพราก เป็ นเรืองธรรมดา

ไม่ รู้หวั ใจจะยอมรับฟั งหรือเปล่า ยังคอยเงียหูฟัง ยังคอยทีแต่จะมองหา ไม่เคยมีรถบีเอ็มสีดําขับผ่าน จะยังอยู่


เมืองไทยหรือเปล่าก็ไม่ร้ ู ต่อให้ ไปอยู่ทีไหน ผมก็อยากให้ พีมีความสุขได้ โดยไม่ต้องมีผม
วิงวุ่นเสริฟ นับตัง บางครังก็ถอนผิดบ้ าง จําทีลูกค้ าสังผิดๆบ้ าง หรื อบางทีก็ยืนนิงเฉย ทําไปโดยไม่ร้ ูตัว “ปะฟั กผ่อ
เธ๊ อะคห่ะ”

อ..อะไรวะ

“ผ่องบกว่าไปพักผ่อนก่องเถอะ ผีเห็งด้ วยนะตี” ตีครับ ไม่ใช่ตี

“ไม่เป็ นไรครับพีสา ผมไม่เป็ นไร”

ยกชามโจ๊ ก แต่กลับทําหกใส่ตวั ร้ อนจนมือแดงไปทังแถบ โจ๊ กหกลงทีเท้ า สะดุ้งไปทังตัว

พี ผ่องรีบเอานํามาราดให้ คนในร้ านมองกันใหญ่ อาอึมคนนึงรีบเดินถือนําชาเข้ ามา “อาตี เป็ นไรไหม เดียวอัวดู


ให้ อาหมวยไปทําอย่างอืนเถอะ”

“โจ่ยเซียะครับ”

“โบ่ยโจ๊ ะนี”

อา อึมดึงตัวให้ ออกมาข้ างนอกร้ าน พระอาทิตย์เริ มขึน หน้ าอาอึมคนนีทําให้ นกึ ถึงม๊ า เป็ นภาพลักษณ์คนจีนทีใจ
ดี รดนําในขวดทีพีผ่องเอามาให้ ล้ างโจ๊ กทีเลอะตัวผมอยู่ หันกลับไปมอง ต้ องเหนือยพีสาถูพืนให้ อีก

“แสบไหม?”

“นิดหน่อยฮะ”

“….อาม๊ าลือไปไหนหล่ะ”

“อยู่บ้านครับ ผมมาช่วยทํางานแทน”

“แล้ วตัวะตี?”

“เฮียฮ้ งทํางานดึกเมือคืน ผมเลยออกมาทํางานแทนครับ”

“คงจะเหนือยน่าดู…เด็กกตัญ แู บบนี ยังไงก็ได้ ดี…เข้ มแข็งไว้ นะอาตี …ไปทํางานต่อเหอะ อัวะไม่กวนแล้ ว”


“ขอบคุณนะครับ”

ผมอยากทํางานเยอะๆ หาเงินให้ ม๊าได้ ใช้ อยู่สบายๆ ไม่ใช่ต้องมาลําบากกับพวกผม

แขนแดงทังแขน รวมถึงเท้ า แต่เห็นพีสากับพีผ่องทํางานอยู่..จะมานังเฉยไม่ได้

ต่อไปนี…จะต้ องอยู่ด้วยตัวของตัวเอง ไม่ว่ายังไง ก็จะไม่อ่อนแอ

จะต้ องเข้ มแข็ง…

ใช้ คําพูดนีบอกกับตัวเอง ทีเจ็บแผลจนต้ องกัดฟั น

……………………..
…………….

ยก หม้ อกลับขึนหลังรถ ปวดทีแผลหน่อยๆ ยกแขนขวาขึนปาดเหงือ ขับรถกลับบ้ าน ยกของเข้ าเก็บทีครัว ม๊ าอยู่ที


โซฟา นังรอเหมือนรอผมอยู่

“อาตี ม๊ าขอคุยด้ วยหน่อย”

“ครับ?”

“…เฮียบอกม๊ าว่าโซ่ยตีเลิกกับอาหมอกแล้ ว”

“….ฮะ..”

“ม๊ าถามได้ ไหมว่าทําไม?”


“…..ผมไม่ได้ รักพีหมอก”

“อาตี สิงทีทรมานทีสุดคืออะไรรู้ไหม”

ผมส่ายหน้ า นังลงกับพืน ม๊ าเอือมตัวมาลูบหัวผมเบาๆ “โกหกตัวเอง”

ผมไม่เจ็บปวด

ผมไม่เสียใจทีตัดสินใจแบบนีลงไป

ผมโกหกตัวเองอยู่….

โทรศัพท์ สนั ผมรีบหยิบขึนมา เห็นขือพีบอลอยู่ทีหน้ าจอ ลังเลใจ แต่สดุ ท้ ายก็กดรับไป

“ครับ?”

“ไอ้ ตี มึงอยู่ไหนวะ ไอ้ หมอกจะไปแล้ วนะเว้ ย”

“..ป…ไปไหน”

“ไปอเมริกาไง เวรล่ะ ไอ้ พวกเพือนเวรทังหลายครับ ไอ้ ตีแม่งไม่ร้ ู ”

ได้ ยินเสียงโวยวายออกมาเต็มไปหมด เสียงพีโก้ ตะโกน “ไอ้ ตี มึงรี บมาเลยนะเว้ ย”

เสียง พีๆหลายๆคนดังปนกันไปหมด จนผมฟั งไม่ได้ ศพั ท์ พีบอลทีคิดว่าน่าจะอยู่ใกล้ โทรศัพท์มากทีสุดตะโกนเข้ า


มาในสาย “มึงรีบมาเลยไอ้ ตี กูให้ เวลาสิบนาที”

“บ..บ้ านผมไม่ได้ ใกล้ ขนาดนัน”

“บินมาเลยไอ้ ตี เชีย แม่ง เร็วๆสิวะ ไอ้ ตีมึงจะยืนคุยโทรศัพท์นิงๆอีกนานไหม?”

“ผ..ผมสมควรจะไปหรอ”

“เออ!!! สมควรทีสุดในโลกแล้ ว!!”


“…แค่นีนะ”

รีบกดวางสาย หันไปมองหน้ าม๊ า ไม่ได้ พดู อะไร แต่ม๊ายิมให้

“เดียวผมกลับมานะ”

ใส่ รองเท้ าผ้ าใบเฮียทีนอนอยู่หน้ าบ้ าน วิงออกไปข้ างนอกแล้ วก็ต้องวิงกลับมา ลืมมอเตอร์ ไซค์ครับ รีบขับออกไป
พีผ่องทีซักผ้ าอยู่ก็ออกมาเปิ ดประตูบ้านให้

รีบขับออกไปตามถนนทีรู้สกึ ทุกอย่างช้ าลง

ผมไม่ร้ ู ผมกําลังทําอะไรอยู่ ความคิดคิดไม่ทนั ร่างกาย

ตอนนีร่างกายผมขยับไปตามจิตใต้ สํานึก

บ้ าเอ้ ย

เร็ว เร็วกว่านีสิ

รถมอไซค์แก่ๆ ตอบผมไม่ได้ เห็นตํารวจเป่ านกหวีดใส่เลยนึกขึนได้ ว่าไม่ได้ ใส่หมวกกันน็อคออกมา แต่ก็ขบั ผ่าน


ไปเร็วจนตํารวจวิงตามไม่ทนั

สนามบิน จากตรงนีต้ องใช้ เวลาเกือบสีสิบนาที

ผมไม่ร้ ูพีหมอกไปกีโมง ไม่ร้ ูด้วยซําว่าเกทไหน

แต่ร้ ู รู้ว่าต้ องไป

สิงเดียวทีผมพกออกมาด้ วย ตอนเดินออกมาจากห้ องพีหมอกคือกล้ อง กล้ องทีมีรูปของเราเต็มไปหมด

รูป..เป็ นพันๆรูป อยู่ทีคอมอีกไม่ร้ ูเท่าไหร่ แต่ก็อยู่ในห้ องพีหมอก ไม่ร้ ูจะได้ เห็นภาพเหล่านันอีกไหม

รถไม่ติด
นันเป็ นสิงทียิงกว่าพระเจ้ าประทานมาให้ ผม ผมไม่ค่อยชํานาญทาง แต่ก็ขบั ไปตามทางทีคุ้นเคย

อีกหน่อย

ขอเวลาอีกหน่อย

เวลา ได้ โปรด เดินช้ าลงหน่อยเถอะ

สนามบินอยู่ไม่ไกล ตอนนีก็เลียวรถเข้ าทางเข้ าสนามบินแล้ ว

“ว..เวร ไม่เอาน่า ไอ้ แก่ ดีๆดิวะ”

นํามันหมด!!

วิง จากตรงนีไป ไกลพอสมควร แต่ผมไม่สนใจ ทําเพียงพิงมอไซค์ไว้ ข้างทางแล้ ววิง ความเร็ วทีผมมันใจ วิงสุด
แรง เหงือออกเต็มไปหมด รองเท้ าเฮียทีผมลืมไปเสียสนิทว่าแผ่นรองเท้ าใกล้ หลุดเต็มที พอเอามาใส่วิง แผ่น
รองเท้ าซ้ ายหลุดออกไป ผมเลยถอดรองเท้ าทังสองข้ างขึนมาถือไว้ ในมือแทน

วิงเท้ าเปล่าไปบนทางคอนกรีต

เมือ ก่อนตอนเด็กๆเคยวิงแบบนีมาก่อนแล้ ว ตอนนันเป็ นหินกรวดด้ วยซํา ถึงจะจําความรู้ สกึ ของร่างกายไม่ได้


แล้ ว แต่ก็ยังจําความคิดทีคิดตอนนันมาได้ ตลอด

ทําไมต้ องเป็ นเรา?

ทําไมต้ องถูกแกล้ งอยู่เสมอ

ตอนนีรู้แล้ วว่าทําไม

ทนมาตลอด เพือมาเจอสิงดีๆแบบนี

แต่ผมกําลังปล่อยให้ สิงทีผมรอคอยมานันหลุดมือไปด้ วยตัวผมเอง

ผม ไม่ร้ ูว่าถ้ าผมไปเจอพีหมอกตอนนีจะเกิดอะไรขึน พีเขาจะไม่ยงั ไปทีอืนอยู่ไหม? จะยอมฟั งคําพูดของผมหรือ


เปล่า ไม่ร้ ู ด้วยว่าเงือนไขของผมกับพีเมฆต่อจากนีจะเป็ นยังไง
ตอนนีมีแต่คําว่า อยากพบ อยากเจอ เต็มหัวไปหมด

เห็นคนมองผมทีถือรองเท้ าเก่าๆไว้ ในมือ เสือยังมีกลินโจ๊ กอยู่ แขนซ้ ายแดง พอๆกับขาซ้ าย

ขอให้ ทนั

ขอให้ ทนั เถอะ

นับจากเวลาทีพีบอลโทรมา ก็เกือบสีสิบนาที

ผม วิงไปดูตารางสีดําขนาดใหญ่ทีบอกว่าเทียวบินไหนไปเกทไหน ผมไม่ร้ ู แต่อาศัยดูจากจุดหมายปลายทางแทน


ข้ างในนีเป็ นพืนหินอ่อน เย็น ไม่เจ็บเท้ า แต่คนก็เยอะ

….พีแฟง?

เห็นหลังพีแฟงแว่บๆ ผ่านหลังใครต่อใครไม่ร้ ูทีเดินขวักไขว่ไปหมด กําลังหันไปคุยกับคนข้ างๆ..พีโก้ รีบวิงเข้ าไป


หา

“พ..พ..พี”

“…เฮ้ ย ทําไมเท้ าเปล่า แล้ วทําไมแขนแดงแบบนัน”

“ผ…ผ..ผม”

หายใจไม่ทนั

ใจเต้ นแรง ก้ องไปหมด เหงือท่วมตัว

“….พีหมอก?”

ความเงียบกินอยู่บริเวณนันอยู่ช่วงหนึง

ผมมองหน้ าพีแฟง ทีเม้ มปากเข้ าหากัน


“….มันไปแล้ ว”

“…….”

“มันเข้ าเกทไปแล้ ว”

“…นานหรือยัง…”

“เกือบสิบนาทีแล้ ว”

“….ผม..ผมมาไม่ทนั ”

พีบอล ทีพึงเห็น พยักหน้ า

รองเท้ าเฮียหล่นลงพืน ผมทรุดตัวลงนัง

“…ตี ไม่เป็ นไรนะเว้ ย”

“ผ..ผ..ผมมาไม่ทนั ผมมาไม่ทนั เจอ”

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

รู้สกึ ถึงมือพีโก้ ทีลูบหลังผมเบาๆ ผมก้ มมองเท้ าตัวเอง ไม่ร้ ู จะทําอย่างไรต่อ..

เสียงคนดังวุ่นวายไปมา แต่ในความรู้ สกึ กลับเงียบจนน่ากลัว

ความหวังเล็กๆของผม…

“…หมอกไม่ได้ บอกว่าตีจะมา พีนึกว่าเรารู้แล้ ว”

“ผ..ผมไม่ร้ ู …”

ไม่ร้ ูว่าพีหมอกออกเดินทางวันไหน พีเมฆบอกแค่เดือน แต่ไม่ร้ ูวนั ทีชัดเจน

มือถือสัน
รีบหยิบขึนมา เป็ นเมสเสจสันๆ ทีผมเห็นชือคนส่ง แล้ วก็อดไม่ได้ ทีจะต้ องกํามือถือไว้ แน่น ปล่อยโฮออกมาเสียง
ดังไม่อายคนรอบข้ าง

แทนคําทุกอย่าง คําตอบทุกอย่าง

พีตอบผมแล้ ว สําหรับคําขอร้ องทีผมขอพีไป…

เพราะฉะนัน..ผมก็จะรอ

รอ โดยทีไม่ร้ ูว่า การรอของผมจะสินสุดลงเมือไหร่ หรือทีจุดไหน

ผมจะรอ วันทีพีกลับมา..

กลับมาหาผม

ผมจะพูดคําทีผม ยังไม่เคยบอกให้ พีฟั ง ผมจะขอโทษในทุกๆสิงทีผมเคยทําพลาดไป

นําตาหยดหนึง หยดลงบนหน้ าจอแก้ ว ไหลผ่านข้ อความนันไป..

….มึงเป็ นของกู…ของกูคนเดียวเท่านัน
……………………………………….
…………………………

Special Coin

หนึงวัน

หนึงเดือน

หนึงปี

จนตอนนี มันก็ผ่านมาจะสามปี แล้ ว

เวลาหมุนพัดผ่าน ค่อยๆลบเลือนทุกอย่างให้ เลือนลาง

ตอนนี ผมจํากลินของพีไม่ได้ แล้ ว หลายๆอย่างรอบตัวของผมเปลียนไป แล้ วพีหล่ะ จะเป็ นยังไงบ้ าง

ยังจะใจดีกบั ผมคนเดียวอยู่อีกหรือเปล่า?

ผม อยากรู้..พีใช้ ชีวิตทีนันยังไง อากาศหนาวไหม ไม่สบายจะมีใครคอยดูแลพีไหม เพราะพีไม่ค่อยบอกคนอืนว่า


ไม่สบาย รอจนเป็ นหนักแล้ วถึงจะค่อยหายามาทาน

แต่ผมจะส่งคําถามเหล่านีไปหาพีได้ ยงั ไง ในเมือตอนนี ผมกับพี ห่างกันเสียจนแม้ แต่เงาของพี ผมยังไม่ได้ เห็น

เฮีย เรียนจบแล้ ว ทํางานอยู่ทีสํานักงานทนายเล็กๆ เห็นว่าอยากสอบเป็ นอัยการ อาจจะหนัก แต่เฮียอยากทีจะ


ทํางานรับใช้ ประเทศ ถึงมันจะไม่เท่แบบทหารก็เถอะ วันทีรับปริญญา วุ่นวายไปเสียหมด พีฟิ นดันเมาหนักใน
งานฉลอง ล้ มโต๊ ะเสียควํา จนคนอืนอดกิน

ต่อไปก็เป็ นคิวของผม ตอนนีงานหลายๆอย่างล้ นมือเต็มไปหมด ไม่ใช่งานมหาลัย แต่เป็ นงานรับปริ ญญา ไม่


เข้ าใจทําไมต้ องวุ่นวายขนาดนัน ม๊ าเสียอีกทีดูจะตืนเต้ นกว่าผม อย่างวันนีก็ตืนขึนมาแต่เช้ า ลากให้ ผมลุกขึน
จากทีนอน เฮียไม่ได้ ทํางานพิเศษอีก เพราะงานตอนนี ก็มีรายได้ พอทีจะอยู่กนั ได้ อย่างพอเพียง ตัวผมมีบริษัทมา
ติดต่อให้ ไปทํางานด้ วย ถึงจะพูดแบบนัน แต่ก็เพราะว่าเป็ นบริษัททีพีแบงค์เข้ าไปทํางานมาก่อน พีแกเลยแนะนํา
ให้ ผมเข้ ามาทํางานด้ วย

มหาลัยคนแน่นแต่เช้ า เห็นไอ้ โจ๋กงหลั


ึ บกึงตืนอยู่ทีตรงนัน โดนพีจัมพ์โบ๊ ะแป้งใส่หน้ าจนหนาไปหมด ดูแล้ วนึกถึง
อุกกีขึนมา พอพูดถึงชือนี ก็อดใจหายไม่ได้ ตอนนีมันไม่ใช่อุกกีแล้ วครับ มันกลับมาแมนซะแล้ ว ถึงจะยังไม่ครบ
ร้ อยเปอร์ เซนต์ก็ตาม คนทีกลับดูแมนน้ อยลงไปดันเป็ นไอ้ กล้ วย มองจากสายตาภายนอกมันก็ยังดูปกติ
ประชากรหมาในปากอัดแน่นเหมือนเดิม แต่อะไรบางอย่างบอกผมว่ามันเปลียนไป

แม่ ไอ้ กล้ วยเดินไปเดินมา ตอนนี แม่กล้ วยไม่ได้ ทํางานเป็ นแอร์ แล้ ว แต่ก็ยงั มีของฝากจากสายการบินมาฝาก
พวกผมไม่ขาด อย่างตอนนี ก็แจกนําพันช์เป็ นขวดให้ พวกผมได้ กินกัน เฮียเดินตามผมไม่ห่าง บอก “เดียวมึงก็ล้ม
ทําชุดครุยเลอะหมด” ทําเหมือนผมเป็ นเด็กสามขวบ หันไปมองก็เห็นม๊ านังคุยกับแม่ไอ้ โจ๋อยู่ เลยไม่ได้ เข้ าไปกวน

ฟ้า เริมสว่าง ผมต้ องขึนหอประชุมหลังจากทีซ้ อมมาแล้ วสองรอบ ถึงเวลาจริ ง ดูตืนเต้ นกว่าทีคิดไว้ ผมจะล้ มหรือ
เปล่า? จะทําอะไรน่าขายหน้ ากลางงานใหญ่ๆแบบนีไหม? หรือถ้ าเกิดทําหน้ าประหลาดๆต้ องช่างภาพถ่ายรูปห
ล่ะ? ดูเหมือนไอ้ เคิลจะรู้ ผมคิดยังไงเลยได้ แต่กระซิบบอกว่าให้ ใจเย็นๆ

งานทุกอย่างผ่านไปด้ วยดี

ผมจ้ องมองกระดาษเพียงแผ่นเดียวในมือ พยายามมาอย่างหนัก 5 ปี เพือกระดาษใบนีใบเดียว

เป็ น กระดาษทีบอกถึงความพยายามทังหมดทีผมพยายามมา อดหลับอดนอน นังทําโมเดล หลายครัง ก็เครียด


จนไมเกรนขึน คลานไปอ้ วกกันเลยก็มี แต่ทกุ อย่างทีดูลาํ บากจนไม่น่าเชือนัน ผมก็ผ่านมันมาทังหมดแล้ ว

“….เรียนจบแล้ วหว่ะ”

“เออ…ต่อไปนีแม่งก็ไม่ต้องปั นงานแล้ วไง”

“ไม่ต้องมาช็อคตอนนัดสอบอีก”
“…งีก็ต้องดีใจสิวะ…เย้ หน่อยเร็ว เย้ …”

“……”

“….ทําไมทําหน้ ากันแบบนันหว่ะ ไม่ตายเดียวก็ได้ เจอกัน”

อารมณ์ทงดี
ั ใจ เศร้ าใจปนกันไปหมด

วันทีดีใจทีสุด ก็เป็ นวันทีใจหายมากทีสุดด้ วยเช่นกัน

ผม กําลังจะก้ าวพ้ นจากรัวสถานแห่งนี สู่การเป็ นผู้ใหญ่เต็มตัว ใช้ ชีวิตในทีทีไม่มีคนตักเตือนด้ วยความหวังดี ไม่


มีเพือนทีร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอีกต่อไป

“ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้ นะเว้ ย..”

“…แล้ วใครวะ ทีวันก่อนกินส้ มตําแล้ วร้ องไห้ ”

“มัวแล้ วไอ้ กล้ วย นันมันมึงไม่ใช่หรอ”

“…วันนีกูก็กินส้ มตําเยอะไปหน่อย แสบถึงตอนนีเลยหว่ะ…”

“กูแอบตักของมึงไปเมือเช้ า เผ็ดเชียๆ ดูดิ นําตาไหลไม่หยุดเลย”

ได้ แต่มองหน้ ากัน ไม่มีใครพูดอะไร ยิม แต่นําตาก็ไหลออกมาเสียดือๆ

ลมพัดผ่านไป…ไม่เคยหวนกลับ

กล้ อง ทีตอนนี ตกรุ่นไป ผมไม่เคยเปลียน รักษามันไว้ เป็ นอย่างดี ผมซือเมมโมรีการ์ ดมาใหม่ ไม่อยากเอารูปที
เต็มไปด้ วยความทรงจําอันมีค่านันไว้ ห่างจากตัว กลัวมันจะหายไป

“เอ้ า ยิมหน่อยดิ วันนีช่างกล้ องมือโปรมาเอง อย่าทําหน้ าหงิดเป็ นหมาหงอยสิวะคุณเพือน”

“ไอ้ ตี ไม่ต้องมาเนียนยกกล้ องบังหน้ าเลย”

“..ไม่ได้ เนียนว้ อย เอาดีๆ จะได้ มีรูปเก็บไว้ ดไู ปเรือยๆไง จะแต่งหล่อครบสีคนแบบนีไม่ได้ มีบ่อยนะ”


ให้ เฮียมาถ่ายรูปให้ บ้าง ถ่ายกับม๊ าบ้ าง เพือนๆในคณะเต็มไปหมด ไอ้ ฟ้าเดียวนีสวยวิง มีแฟนใหม่ทียังไม่ร้ ูธาตุ
แท้ ของมันหลงเข้ ามาไม่ขาดสาย ไม่ได้ ร้ ูตัวเล้ ยว่าโดนมันหลอกใช้ ถือของอยู่ หอบของเต็มสองมือเดินตามมันไป
ทัว

ไอ้ พวกพีๆวิศวะมันแว่บกลับมากันครับ

ตอน แรกผมไม่คิดหรอกว่าพวกมันจะมา หายหน้ ากันไปตังปี นึงแล้ ว มีโทรคุยกันบ้ าง มาเจอกันบ้ าง แต่ไม่บ่อย


นัก เพราะยุ่งกันทังคู่ มันหอบดอกไม้ มาฝากพวกผมคนละช่อ ไม่ค่อยชอบดอกไม้ เท่าไหร่ เลยให้ เฮียถือไว้ แทน
ถ่ายรูปยิมจนเหงือกแห้ งก็ไม่หมดสักที

“อ้ าว…ไอ้ พีโก้ ไม่มาหรอ?”

“เดียวมาๆ อ้ าว นันไง เฮ้ ย ไอ้ โก้ ด้ านนีเว้ ย”

แทบ จําไม่ได้ พีโก้ เป็ นคนทีผมไม่ได้ เจอเลยตลอดหนึงปี มันไปอยู่นิวซีแลนด์ มาครับ พึงกลับมาเดือนนี แม่พีโก้
เปิ ดร้ านอาหารไทยอยู่ทีนัน พีโก้ แกเลยไปทํางานทีนันซะเลย

“..โหยพีโก้ ขาวขึนเยอะเลยหว่ะ ทําได้ ไงวะเนีย”

“เป็ นไง กูหล่อขึนเยอะเลยอ่ะดิ”

“…ผมไม่ได้ พดู แบบนันนะ”

“กวนตีนไม่เปลียนเลยหว่ะไอ้ ตี…อ่ะ นี กูให้ ”

“ไหงมีดอกเดียววะพี”

“ไม่ใช่ของกู”

“แล้ วของใคร?”

“…คิดว่าของใครล่ะ ตี?”

“……”
“แม่ง เสือกมาสังกูบอกให้ หาแค่ดอกเดียว หายากนะโว้ ย ใช้ งานเพือนตลอด ขนาดหายหัวไปอยู่ทีอืนยังใช้ งานกัน
ข้ ามทวีปได้ มีแค่คนเดียวจริ งๆ”

“…ทําไมต้ องดอกเดียว”

“คิดเอาเองดิวะ…อย่าให้ กพู ูดเลย มันก็ไม่ได้ บอกหรอก แต่กูร้ ูว่ามันจะหมายความว่ายังไง ยินดีด้วยไอ้ ตี ทีเรี ยน


จบแล้ ว”

“….ขอบคุณครับ”

“เออๆ ไม่เป็ นไร”

“….ข…ขอบคุณมากๆครับ”

“ตี…..”

ผมอยากได้ ยินพีเรียกชือผมออกมา.. ตอนนี เวลานี…

มีเพียงดอกไม้ ทีมาแทนความรู้สกึ นับล้ าน อัดแน่นไปหมด จนไม่ร้ ู จะพูดสิงไหนก่อน

ดอกกุหลาบสีขาว เพียงแค่ดอกเดียวในมือ..

มีค่ายิงกว่าดอกกุหลาบเป็ นพันๆดอกทังงานวันนีเสียอีก….

…………………………………….
………………………..
B.N. 1

“ตี เดียวฝากเอาข้ อมูลไปให้ ฝ่ายบัญชีด้วยนะ”

“อ่อ..ได้ ครับพี”

“เออ ไอ้ ตี เช็คลิสต์ ตามทีลูกค้ าต้ องการให้ หน่อยดิ แม่งตังงบซะตํา จะทําให้ ได้ ไหมวะเนีย”

“พีตัม รอแปปนะ เดียวผมเอาเอกสารพีเอ๋ไปทีฝ่ ายบัญชีก่อน”

“..เฮ้ ย อย่าพึงดิ เอางานกูก่อน รีบ จะเดดไลน์แล้ ว”

งานพีไม่ใช่หรอวะ? ทําไมพีไม่ทําเอง

แต่ ผมพูดไปไม่ได้ หรอกครับ เดียวโดนเขม่นเอา ทํางานในบริษัทแบบนี ถึงจะมองไม่เห็น แต่ก็เหมือนมี


ยศถาบรรดาศักดิตามศักดินาก่อนหลังทีเข้ าทํางาน

อย่าง พีโต้ ง หัวหน้ าแผนกครีเอทีฟ จะเป็ นเหมือนพระเจ้ าของพวกผมครับ ทุกคําบัญชาได้ แต่โค้ งหัวเคารพ แต่พี
แกเป็ นคนมีเหตุผล จริงจัง ทํางานเก่งมาก งานใหญ่ๆ พีแกคนเดียวก็เอาอยู่ นอกจากนัน ก็พวกลูกจ็อค ทํางาน
เล็กๆของลูกค้ าไป ผมพึงเข้ ามาใหม่ ได้ ไม่นาน พีๆเขาเลยให้ ผมดูงานไปก่อน อาจมีร่วมทีมกับมัณฑนากรคน
อืนๆบ้ าง แต่ก็ยงั ไม่ได้ ทํางานของตัวเองซักที

เป็ นเด็กฝึ กใหม่ ได้ ดทู ุกแผนก แผนกครีเอทีฟ แผนกจัดหาสินค้ า แผนกการตลาด แผนกช่าง แต่ละแผนกก็จะมี
งานทีต้ องดูแลรับผิดชอบต่างกันไป ทําตามทีตัวถนัดแหละครับ

ไม่ ต่างจากตอนเรี ยนเท่าไหร่เลยครับไอ้ เรืองงาน ทํางานหนักเหมือนเดิม ทีเพิมมาตอนนีคือผมรู้สกึ เหมือนทํางาน


ทุกอย่างตังแต่แม่บ้านยันสถาปนิก ชงกาแฟ เก็บกวาดงานบนโต๊ ะรุ่นพีคนอืนๆ หรือแม้ แต่เดินเอกสารยังต้ องทํา
บ่นไรไม่ได้ ครับ เพราะเงินเดือนดี สตารท์สงู มีโอกาสก้ าวหน้ าอีกเยอะ แถมยังรับจ็อบเสริ มได้ อีก สบายผม

ต้ องขอบคุณไอ้ พีเพรชทีตอนนีหนี ไปอยู่องั กฤษกับพ่อ ส่งโปสการ์ ดมาให้ ผมอยู่เนืองๆ อ่านออกบอก ไม่ออกบ้ าง


บ่นแต่ฝนตกอยู่อย่างเดียว ทนไม่ได้ ก็กลับไทยสิวะ แค่นีคิดไม่ได้ หรอไงวะพีขนนี
“….นีๆ ได้ ข่าวว่าเดือนนีจะมีเมกะโปรเจคต์เข้ ามานิ”

“แหงหล่ะ ก็เล่นจะสร้ างช็อปตามห้ างใหญ่ๆทุกที ฝ่ ายบริหารคงปิ ดฉลอง”

“ไรอ่ะครับพี”

“อ้ าวน้ องตี เปล่าหรอก พวกพีกําลังพูดถึงงานของเดือนนีอยู่หน่ะ เห็นพีโต้ งเขาเคลียร์ พวกตัวเป้งๆเพืองานนี


โดยเฉพาะเลย”

ผม พยักหน้ า ไม่ได้ ถามอะไรต่อ เพราะต้ องนังเช็คลิสต์ให้ พีตัมอีก ลูกค้ าชอบตังงบตํา แต่อยากได้ ของทีดีทีสุด ก็
ลําบากพวกผม ทีบางทีก็ต้องแก้ งานแล้ วแก้ งานอีกให้ ตรงกับความต้ องการลูกค้ า บางที ก็โดนบอกยกเลิกเอาเสีย
ดือๆ กระโดดเตะก้ านคอลูกค้ านีผิดรึเปล่าวะ?

“พีตัม ผมเช็คให้ เสร็จแล้ วนะ เดียวผมไปส่งเอกสารให้ พีเอ๋ก่อน”

“เออ แต้ งค์มากหว่ะไอ้ ตี มึงทํางานโคตรเร็วเลย”

“ผมชอบทํางานเดดไลน์ ความไวเป็ นเรืองจําเป็ นหว่ะพี”

“เออ มึงก็พกั บ้ างแล้ วกัน กูเห็นตังแต่มงึ เข้ ามาทํางาน ยังทํางานไม่หยุดเลย ใครให้ งานอะไรมาก็ทํา”

“ก็ผมเด็กใหม่นิหว่าพี ยังต้ องเรียนรู้งานอีกเยอะ ผมไม่เหนือยหรอก ผมชอบทํา เดียวผมไปส่งเอกสารให้ พีเอ๋ก่อน


นะ”

พี ตัมพยักหน้ ารับ บริษัทนีใหญ่ ครับ แค่ตัวตึกทํางานก็เกือบยีสิบชันแล้ ว ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ ามาทํางานได้


เหมือนกันถ้ าไม่ได้ พีเพรชแนะนํามา พอได้ โอกาสนีแล้ ว เลยต้ องทํางานให้ เต็มทีทีสุด

บริษัทคนเยอะ ผมไม่ค่อยรู้จกั ไปถึงฝ่ ายบัญชีก็ต้องอ่านตามป้ายชือไป ไม่กล้ าเข้ าไปถามป้าๆทีกําลังนังจิบ


กาแฟนินทาเรืองชาวบ้ าน เดียวจะโดนเขม่นเอาซะเปล่าๆ

“เอ้ า หนู มาทําอะไร?”

“เอ่อ ผมมาส่งเอกสารให้ พีเอ๋ แผนกครีเอทีฟครับ”


“…น้ องใหม่หรอจ๊ ะ”

“ครับ”

“ว้ ายยยย น่ารักอ่ะ ขอพีจับแก้ มหน่อยได้ ไหม”

“เ.อ…เอ่อ” ผม..ผมยังไม่ได้ พูดเลยนะครับว่าจะให้ แบบนีถามไม่ถามต่างกันยังไงวะครับ

“แก้ มนุ้มนุ่ม”

“เอ่อ..เอกสาร”

“ไว้ ก่อนสิ ไว้ ก่อน ชืออะไรนะเรา”

“อธิษฐานครับ”

“ชือ ก็น่ารักดีนะ เอาชือเล่นสิ พีๆจะได้ เรียกกันถูก” สาวมากสาวน้ อยในแผนกเริมมากองกันทีผม เคยได้ ยิน


เหมือนกันว่าแผนกนีน่ากลัวสําหรับเด็กใหม่ แต่ไม่คิดว่าในแง่นี น..น่ากลัวจริ งๆหว่ะ

“เฮ้ ย ไอ้ ตี ทําไรอยู่”

“พีเชน! โทษทีนะครับ ผมไปทํางานก่อนแล้ ว นีครับ เอกสาร”

รีบ ยัดๆใส่มือป้าปลาหมึกแล้ ววิงออกมา พีเชนเป็ นพีในแผนก แก่กว่าผมหกเจ็ดปี ทํางานเก่งมากครับ ตอนเข้ า


ทํางานใหม่ทีนีก็ได้ พีแกคอยแนะนําอะไรหลายๆอย่าง ใส่กรอบแว่นสีดําหนาๆหน่อย เลยทําให้ ดมู ีความรู้ แต่ถ้า
ถอดแว่นออกก็เหมือนไอ้ เถือนคนนึงดีๆ มีหนวดหยิมๆอยู่ตรงปลายคาง ดูแปลกๆ จะแก่ก็ไม่แก่ จะหนุ่มก็ไม่หนุ่ม
โดนพีเอ๋แอบหยอดอยู่บ่อยๆแต่ไม่เห็นจะสนใจ

“เป็ นไงไอ้ ตี โดนแทะเล็มมา สึกไปเยอะไหมวะ”

“โดนทึงแก้ มหว่ะพี โหย สาวๆพวกนี สุดสยอง”

“เออ พีเอ๋คงตังใจส่งมึงมาผจญอ่ะ”

“แย่หว่ะ เออ แล้ วนีพีจะไปไหนวะ แต่งตัวดูดีกว่าปกติ”


“เดียวจะออกไปดูงานกับพีโต้ งหน่อย”

“ใช่เรืองเมกะโปรเจคต์นนป่
ั ะ งานใครวะพี”

“T.K. Group รู้จักไหม?”

“…..”

“อ้ าว ไอ้ ตี เงียบไมวะ เป็ นไร ไม่ร้ ูจกั หรอ”

“คุ้นๆ แต่ไม่ร้ ูว่าใช่หรือเปล่า”

“อืม เดียวพีโต้ งก็คงเรี ยกประชุม น่าจะพรุ่งนีบ่าย มึงก็ไปทํางานของมึงก่อนเถอะ ถึงเวลาก็ร้ ูเอง”

“ครับ ผมไปก่อนนะ” พีเชนพยักหน้ า โบกมือ แล้ วเดินออกไปในทางตรงข้ ามกับผม

มองหลังทีไกลออกไป ซ้ อนทับกับแผ่นหลังของใครซักคนทีเคยเห็น เมือนานมาแล้ ว

ไม่ร้ ูทําไมมือสัน…

……………………………
……………………

“ม๊ า กลับมาแล้ วครับ”


“เอ้ า โซ่ยตี มาพอดีเลย ม๊ านึงหมันโถวไว้ ให้ มากินรองท้ องก่อนมา”

“ครับม๊ า แล้ วเฮียอ่ะ ไม่อยู่อีกแล้ วอ่ะดิ วันศุกร์ ทีไร หายหน้ าไปทุกที”

มันไปแพร่ครับ

ไม่ ต้ องบอกก็คงรู้ ว่าไปหาใคร ไอ้ พีฟิ นเรียนจบก็กลับแพร่ เห็นว่าคุยกับทางบ้ านรู้เรืองแล้ ว เลยจะไปรับช่วงต่อ


จากพ่อ ทํางานอยู่ทีนู่น เฮียก็ขยัน ทุกวันศุกร์ จะนังรถทัวร์ ขนไปหา
ึ นานๆที พีฟิ นจะเป็ นฝ่ ายลงมาซักครัง ก็จะมา
ไหว้ ม๊า นัดเพือนๆพีแกมาก๊ งกันแก้ คิดถึง

พีผ่องล้ างจานอยู่หลังบ้ าน ผมเดินถือหมันโถวเข้ าไป ช่วยพีผ่องเช็ดจานเก็บจานจนเรียบร้ อย ออกมาก็เห็นม๊ าเอา


หมันโถวใส่ถุง

“ไปฝากอีแดงให้ ม๊าหน่อยนะ เห็นอีบ่นว่าอยากกิน ม๊ าเลยทํามาเพือ”

“ม๊ าหยิบเพือไอ้ เค็งยัง เดียวมันก็บ่นอีก”

ม๊ า พยักหน้ า ตอนนีไอ้ เค็งมันมอหนึงแล้ ว ร้ ายกว่าเดิมเยอะ ต้ นไม้ แถวๆนีเริมรับนําหนักมันกับเพือนๆไม่ไหว มัน


เลยย้ ายไปปี นในโลกอินเตอร์ เนตแทน ตืนเช้ ามาก็วิงเข้ าร้ านเกม ก่อนไปเรียน เย็นก็กลับบ้ านมากินข้ าว แล้ วก็
ออกไปอีก แต่เป็ นแบบนีได้ ไม่นานหรอกครับ สุดท้ ายก็โดนจับมายืนฟาดขาอยู่หน้ าบ้ านเหมือนเดิม เจ๊ แดงร้ าย
มากครับ โทรเรี ยกเพือนมันออกมาดูด้วย จนเพือนๆหวาด ไม่กล้ าโทรชวน ไอ้ เค็งเลยงอนเจ๊ แดงไปสองสามวัน

ผมปั นจักรยานไปหาเจ๊ เค็งทีอยู่ เกือบๆกลางซอย มอเตอร์ ไซค์พงั ไปแล้ ว ยังไม่มีเงินซือใหม่เลยขอจักรยานป้า


เสริมมาใช้ เป็ นของลูกสาวแก แต่ลกู สาวแกสอบติดทีต่างจังหวัด ไม่ได้ เอาไปด้ วย เลยเสร็จผม

ท้ องฟ้าเริมจะเปลียนสี

เมือก่อน ผมใช้ ชีวิตในช่วงเวลาแบบนียังไงนะ?

ตอน นี ผมจําความรู้สกึ หลายๆอย่างไม่ได้ แล้ ว เหมือนอยู่กบั ชีวิตแบบนีจนชิน เวลาสันๆหนึงปี นัน กลายเป็ น


ความทรงจําทีเหมือนจะห่างออกไปเรือยๆ

ทุก วันทีตืนเช้ ามาไปทํางาน ถึงเวลาตอนเย็นกลับบ้ าน อยู่กบั ม๊ า กับเฮีย พีผ่อง ชีวิตเรียบลืนจนเรืองหลายๆอย่าง


เหมือนกับละครทีวีทีเคยเปิ ดผ่าน
“ไอ้ เค็ง ไอ้ เค็งเว้ ย อยู่ในนันหรือเปล่า”

“เออ ได้ ยินแล้ ว พีตีจะเรี ยกเสียงดังไปทําไม”

“เอาหมันโถวมาฝาก ให้ เจ๊ อย่ากินซะหมดหล่ะ”

มันเปิ ดประตูรัวมา แต่ผมก็ไม่ได้ ก้าวลงจากจักรยาน มันเลยเดินออกมาเอา

“…เออ พีตี วันก่อนผมเห็นบีเอ็มคันนึงขับผ่านแถวนีด้ วย”

“…..กรุงเทพมีบีเอ็มคันเดียวหรอวะ”

“ไม่ร้ ูดิพี ผมจําทะเบียนได้ ไม่หมด แต่น่าจะใช่”

“…หรอ กูว่ามึงตาฝาดหว่ะ ไปหล่ะ กูกลับก่อน จะรีบกลับไปกินข้ าวเย็น”

“เฮ้ ยพี ผมไปด้ วยดิ”

“เอ้ า แล้ วเจ๊ อ่ะ”

“นู่น ไปช่วยอาม่าบ้ านนู้นแก้ ปัญหาขาขาด เย็นนีไม่กลับหรอก บอกให้ ผมหาข้ าวกินเอง”

“เออ งีก็มาซ้ อนสองเป็ นสก็อยได้ เลยไอ้ น้อง”

ตัวมันหนัก ปั นจักรยานผมต้ องลุกขึนยืนเพือใช้ นําหนักตัวผมกดลงไป “ไอ้ เค็ง เคยมีใครบอกหรือเปล่า ว่าลด


นําหนักได้ แล้ ว”

“พีตีผอมไป โทษผมได้ ยงั ไง”

“เออ ไอ้ ห่นุ ดีมีสขุ ภาพ มึงมาปั นแทนกูแล้ วกันมา”

“ใช้ แรงงานเด็กหว่ะ”

ไอ้ เค็งตัวใหญ่ ผมเลยลุกให้ มนั ขึนมาปั นแทนจริงๆ มาจอดหน้ าบ้ านทีไม่ร้ ูจัก หมาวิงออกมาเห่าใหญ่ แลบลินใส่
หมาทีเห่าไม่หยุด น่าแปลก ทําให้ คิดถึงหมาตัวนึงทีไม่ยอมเห่า ไม่ร้ ูตอนนีจะเป็ นยังไง คงจะคิดถึงเจ้ านายมันไม่
แพ้ กบั ทีผมคิดถึง

“เฮ้ ยพี อย่าแหย่มนั มากดิ ผมกลัวหว่ะ”

“มันไม่โดดออกมาหรอก”

“บางแก้ วเลยนะพี วันไหนมันออกมา พีเสร็ จแน่”

ไอ้ เค็งทําหน้ าหวาดๆอยู่บนเบาะ ผมยังยืนเล่นกับไอ้ หมาตัวนันทีขู่จนน่ากลัว มันเดินถอยออกไป ผมเลยเดินก้ าว


เข้ าไปหาอีกก้ าวหนึง

ผมไม่เข้ าใจหรอกครับ ว่ามันถอยไปทําไม จนมันวิงเข้ าหารัวอีกครัง

“เวรหล่ะ! มันปี นรัวออกมา ปั น ปั นออกไปเลยไอ้ เค็ง!”

ทําไม หมายุคนีฉลาดถึงขันปี นรัวออกมาเลยวะ! ไอ้ เค็งปั นสุดชีวิตพอๆกับทีผมเกาะเอวมันแน่น ดึงขาขึนมาจาก


พืน “เร็ว เร็วอีกสิวะ มันจะกัดก้ นกูแล้ ว!”

“มาปั นเองไหมหล่ะวะพี!” มันหันมามองเป็ นพักๆ บางทีร้ ู สกึ เหมือนเขียวนันเข้ ามาใกล้ กว่าปกติจนน่าหวาดเสียว


แต่พอผ่านมาสักพัก มันก็เริมชะลอความเร็วลง ไอ้ เค็งทีมองอยู่เลยค่อยๆชะลอเท้ า

“พีตี พีนีหาเรืองจริ งๆหว่ะ เกือบแย่แล้ วไหมล่ะ”

“เออ กูขอโทษ กูไม่ร้ ูนิหว่าว่ามันปี นรัวเป็ น”

“ทีหลังก็อย่าทําอีกแล้ วกัน”

พยักหน้ าเงียบๆ รู้ สกึ แปลกๆ คํานีผมควรจะพูดไม่ใช่หรอไง

พิงหัวลงกับหลังไอ้ เค็งทีชืนเหงือ เห็นแสงไฟจากรถทีสวนมาฉายลงบนรองเท้ าแตะคู่ละห้ าสิบบาทจากตลาดนัด

เงยหน้ าขึนมอง…

บีเอ็มดับบลิวสีดําขับผ่านไป
พร้ อมๆกับลมหายใจของผมทีหยุดนิงไปสักพักหนึง

รถคันนันขับผ่านไป พร้ อมๆกับทีไอ้ เค็งปั นจักรยานด้ วยแรงทีเหลือไปข้ างหน้ า

..ไม่ใช่

ทะเบียนไม่ใช่

เหมือนแรงทีกลับคืนมา ถูกดึงไปพร้ อมๆกับไฟท้ ายรถทีห่างออกไป

ไม่ร้ ูทําไมถึงยังรอ ยังเชือในคําไม่กีคําทีแทนคําตอบทังหมด

ต้ องผิดหวังมาแล้ วไม่ร้ ู กีครัง ทีคอยแต่เฝ้ามองหาแผ่นหลังนันอยู่ตลอด

บางครังผมเหนือย บางครังผมอยากหยุด

แต่นนเป็
ั นแค่ความคิดในสมอง เพราะใจของผม มันไม่เคยฟั ง

ผมทําพลาดไปแล้ ว ผมไม่ต้องการทําพลาดอีกเป็ นครังทีสอง

“…พี ถึงบ้ านแล้ ว”

“อ่อ อืมๆ”

ลงจากเบาะหลัง พร้ อมๆกับไอ้ เค็งทีเข็นจักรยานเข้ ามาในบ้ าน

“พีตี พีโดนหมากัดตรงไหนหรือเปล่า”

“หือ? ทําไมวะ”

“…พีทําหน้ าเหมือนพีเจ็บ”

ได้ แต่ยิมตอบมัน รู้ สกึ ปลายริมฝี ปากสัน


“เจ็บสิวะ…เจ็บ…”

………………………………
…………………….

มองนาฬิกาสลับกับทางเดิน เป็ นเวลาพักกินข้ าว แต่ไม่ใช่เวลาพักของพวกผม

พี โต้ งกับพีเชนเช็คพรูฟงานครังสุดท้ าย หัวหน้ าแผนกแต่ละฝ่ ายกําลังเดินมุ่งหน้ าไปทีห้ องประชุม มันไม่เกียว


อะไรกับผมหรอกครับ ผมจะไปนังกินข้ าวทอดหุ่ยในเวลาหนึงชัวโมงทีร้ านค้ าหลังตึกนีก็ได้ ป้าแกใจดีชอบแถม
ข้ าวให้ ผม แต่พอพีเชนถามหาแรงงานฟรี ไม่มีรายได้ เสริม ก็เหลือแต่ผมเท่านันแหละครับทีอยู่ช่วยงาน

“ตี เอาอันนีไปซีรอกส์ให้ หน่อย”

“ครับๆ มีไรอีกเปล่าพี ผมจะได้ ไปทีเดียวเลย”

“น่าจะอันสุดท้ ายแล้ ว เดียวกูเช็คไฟล์เพาว์เวอร์ พ้อยท์ก่อน”

“ได้ ครับ”

เดิน ไปห้ องสําเนาเอกสารทีชันอืน เครืองถ่ายเอกสารมีคนต่อคิวยาว แถมยังพิงเครืองซีรอกซ์คยุ กันอีก เล่นเอา


เซ็ง เลยต้ องลงลิฟท์ไปอีกสองชัน ไปใช้ เครืองเล็กแทน

โทรศัพท์ สนั ยังคงเครืองเดิมไม่เปลียน หน้ าจอขาวดําบอกชือพีโต้ ง “ครับ?”

“เฮ้ ยตี? เสร็ จยังวะ? อีกนานรึเปล่า แม่งจะถึงเวลาแล้ ว”

“โอ้ ย พวกพีคิดไงวะ มาประชุมใกล้ ๆพักเทียง เดียวผมเอาไปให้ จะให้ เอาไปให้ ทีไหนอ่ะพี”

“งีห้ องประชุมชันสิบหกเลยแล้ วกัน”


“เออๆได้ ”

รีบ รวบเอกสารทังหมดขึนมาอุ้มไว้ วิงไปทีลิฟท์ แต่ก็ดเู ลขแล้ วอีกนาน เลยวิงลงบันไดแทน ไม่เหนือยเท่าวิงขึน


หรอกครับ ใหม่ๆผมลองความฟิ ตตัวเอง วิงชึนลงบันได ได้ สองวัน รู้สกึ เหมือนเก๊ าท์จะกินขา อายุพงจะยี
ึ สิบสีแท้ ๆ
ไม่อยากจะเชือตัวเองเลย

ไหนวะ ห้ องประชุม ไม่เคยมาชันนี เป็ นชันของพวกผู้บริหาร คนน้ อยลงจนรู้ สกึ ได้ ตบแต่งดูดีกว่าชันอืนๆเพราะใช้
รับรองแขก

เดิน มาจนเกือบสุดทางเดิน เหลือเพียงห้ องเดียว เคาะประตูแล้ วเดินเข้ าไป เห็นพีโต้ งกวักมือเรียกอยู่ทีด้ านในสุด
ของโต๊ ะ รีบวิงเข้ าไปหา ย่อๆตัวเหมือนจะช่วยหลบไม่ให้ แขกของบริษัทเห็น ในห้ องค่อนข้ างมืด เห็นคนทีไม่ร้ ู จกั
กําลังพรีเซนท์งานอยู่ทีหน้ าห้ อง

“ผมไปแล้ วนะพี”

“เออ ใจมากเว่ย”

วิง ย่อตัวออกไป โต๊ ะห้ องประชุมนียาวจนรู้สกึ โหวงเหวง แต่คนก็นังเต็มทุกเก้ าอี มีเพียงเสียงพูดของคนทียืนอยู่


ข้ างหน้ า เหมือนกําลังจะอธิบายคอนเซปต์ให้ ลกู ค้ าฟั ง

เพราะมัวแต่ก้มตัวให้ ตํา ทีสุด ปากกาเลยหล่นออกจากกระเป๋ าเสือ ย่อตัวลง ก้ มเก็บปากกานันขึนมา เหน็บไว้ ที


กระเป๋ าเสือเหมือนเดิม ปากกาเป็ นปากกาเหล็กสะท้ อนแสง เลยเห็นชัดในความมืด

เงยหน้ าขึนมา มองไปทีโต๊ ะฝั งตรงข้ าม

รู้สกึ ถึงสายตาหนึงทีมองมาอยู่ เลยหันไปมองตอบสายตานัน

ช่วงเวลาสันๆทีใจ..

ใจ…เต้ นช้ าลง จนรู้สกึ เหมือนจะหยุดเต้ นในวินาทีต่อไปทีไม่ร้ ูจะมาถึงเมือไหร่

ขนลุก ยืนไม่ขนึ เหมือนถูกสายตานันตรึงไว้ อยู่กบั ที

พีโต้ ง กระซิบมาเบาๆ “ไอ้ ตี เป็ นอะไร”


รีบส่ายหัว ไม่ได้ ตอบอะไรกลับไป ปากสัน ไม่ร้ ูจะพูดอะไรก่อน

ห้ องมืดๆ ซ่อนความรู้ สกึ ทังหมดบนใบหน้ านันไว้ ได้ เห็นเพียงเงาลางๆ แต่ก็ยงั จําได้ จําได้ เสมอ

สายตาทีจ้ องมองตรงไปข้ างหน้ า ไม่เคยว่อกแว่ก มองไปทางไหน

เหมือนเดิม ยังเหมือนเดิมเสมอ….

ลุกขึนจากพืนทีนังอยู่ กําปากกาไว้ ในมือ รู้สกึ ถึงความเย็นทีแผ่มาถึงฝ่ ามือ

คําๆหนึงลอยอยู่ในหัว มันหายไปสักพัก และตอนนี มันกลับมาชัดเจนอีกครัง

….มึงเป็ นของกู…ของกูคนเดียวเท่านัน

เจ้ าของเมสเสจนัน

ตอนนี…กลับมาเพือทําให้ ข้อความนีเป็ นจริง….

……………………………….
…………………

B.N.2
ยกมือสองข้ างขึนดู ปลายนิวสันระริ ก ใช้ มืออีกข้ างกุมไว้ ก็ยงั สันอยู่

ชืนเหงือ รู้สกึ สมองว่างเปล่า ได้ ยินเสียงพีเอ๋เรียกตอนเดินผ่านมา แต่ไม่ได้ ตอบอะไรกลับไป

…พีหมอก

ไม่ ว่าจะด้ วยเหตุผลอะไรก็ตาม หรือจะเพราะอะไรทีเกิดขึนโดยทีผมไม่ร้ ู สิงเดียวทีทําให้ ใจผมแทบหยุดเต้ นได้ นนั


ก็คือการได้ เห็นพีหมอกอีกครัง หนึง

ในห้ องทีมืดเสียจนเห็นสีหน้ าไม่ชดั แต่ผมบอกได้ ทนั ที ว่าเป็ นพีหมอกอย่างแน่นอน กลับมาอีกครังในฐานะ


ผู้บริหารระดับสูงของ T.K.Group บริษัทเจ้ าของวงการอิเลกทรอนิกส์ ทีส่งออกฮาร์ ดแวร์ ให้ กบั บริษัทดังๆหลาย
บริษัทในเอเชีย

ต่างกันจนไม่ร้ ู จะใช้ อะไรมาเทียบนอกจากฟ้ากับดิน

แต่ ผมไม่อยากลังเล ไม่อยากจะเสียสิงสําคัญจากผมไปอีก สามปี ทีผ่านมา ยาวนานมากพอเกินกว่าทีผมจะทน


ไหว ในเมือพีหมอกกลับมาอีกครัง ผมอยากทีจะเชือในความรู้สกึ ตัวเอง บางครัง ก็อยากจะมองข้ ามเหตุผลของ
โลกความเป็ นจริงหลายๆอย่างไปให้ หมด

ไม่ได้ เดินวกกลับไปทีห้ องประชุม เพราะทีแห่งนัน มีไว้ ติดต่องาน ถึงเข้ าไป ก็คงจะไม่ได้ คุยต่อ

นัง ลงทีเก้ าอีตัวเอง งานกองสูงอยู่ตรงหน้ า เอกสารวางระเกะระกะเสียจนจะหาปากกาสักแท่งมาเขียนยังไม่ได้


ทํางาน ตอนนีต้ องทํางานก่อน ยังอยู่ในเวลางาน

ใจกระวนกระวาย

สุดท้ าย ทนไม่ไหว เดินออกมาจากแผนก บอกกับพีเอ๋ว่าจะลงไปกินข้ าว แต่ก็ไม่ได้ เดินไปทีห้ องอาหาร ผ่านฟ


ร้ อนท์ สาวๆประจําโต๊ ะตะโกนถามว่าจะไปไหน ไม่ได้ ตอบอะไรกลับไปนอกจากยิม

ไม่ร้ ูว่าไปหรือยัง หรือจะคุยอีกนานไหม

จะรอ…
สามปี ผ่านมาแล้ ว จะอีกแค่ชวโมง
ั ทําไมจะทําไม่ได้

กังวลกระวาย ไม่ร้ ูเวลาทีผ่านมา จะทําให้ พีหมอกเปลียนไปหรือเปล่า..

ถ้ าเปลียนไป…

ไม่ มันจะต้ องไม่เกิดอะไรแบบนัน

พีหมอกไม่โกหก เป็ นคนรักษาสัญญา ไม่เหมือนผม คราวนีผมจะรักษาคําพูดของผม

นัง รอทีโซฟา คนเดินเข้ าออกบริษัทเยอะแบบนีเป็ นปกติ ทังมาติดต่อธุรกิจ เมสเสนเจอร์ หรือพนักงานทีต้ อง


ออกไปดูงาน ผมนังมองภาพเหล่านัน มือบีบเข้ าหากัน บางครังก็เช็ดมือเข้ ากับกางเกง มองนาฬิกาสลับกับ
ทางเดิน

เกือบสามชัวโมงทีนังอยู่ตรงนัน

เข็มนาฬิกาเชืองช้ า ผมรู้สกึ เหมือนมันยาวนานเป็ นวัน

หลาย เรืองทีผมลืมมันไปแล้ ว ผมอยากได้ มนั คืน เรืองราวทีกล้ องไม่ได้ บนั ทึกไว้ ความรู้สกึ ในช่วงเวลาเหล่านัน
ผมอยากได้ ยินมันอีกครังจากปากพี เพือทีผมจะได้ จํามันได้ ซักที

เสียงลิฟต์เปิ ดออก หันไปมอง ไม่เห็นใคร แต่กลับเป็ นลิฟต์ ฝังเดียวกับทีผมนังมอง จึงไม่เห็นว่าประตูลฟิ ต์เปิ ด


ออก

เสียง รองเท้ าหนัง เหยียบลงบนพืนหินอ่อน เสียงดัง ตึก ตึก ตึก คล้ องไปกับเสียงหัวใจทีเต้ นแรงขึน แต่กลับรู้สกึ
ว่ามีบางอย่างทีแปลกไป

พี หมอกผมสันกว่าเดิม ไม่ใช่ทรงทีเคยทํา เพราะตัดแบบนีเลยทําให้ ดภู ูมิฐานมากขึน ดวงตาคู่นนมองไปยั ั งทาง


ข้ างหน้ า ดูเย็นชา แค่มองจากทีไกลๆแบบนีก็ร้ ู สกึ ได้ สูงขึนกว่าครังสุดท้ ายทีเคยเห็น ผิวขาว ไม่ร้ ู ว่าขาวกว่าเดิม
หรือเปล่า ไปทีนันอาจจะไม่ค่อยเจอแดด ผมไม่ร้ ู ผมไม่ร้ ูหรอกว่ามันเป็ นยังไง ชีวิตในทีห่างไกลนัน อยู่ในชุดสูท
พอดีตวั ภาพลักษณ์ของนักธุรกิจไฟแรงยุคใหม่ แต่ก็มีกลินอายทีทําให้ หลายคนต้ องยําเกรง ไม่คล้ ายกับพีเมฆ
เพราะบรรยากาศรอบตัวดูกดดันชัดเจนกว่า คงเป็ นเพราะไม่มีรอยยิมอยู่บนหน้ า

ดวง ตาคู่นนตวั
ั ดมาทางทีผมนังอยู่ ผมยืนไม่ขนึ เหมือนมีบางอย่างกดอยู่บนไหล่ คล้ ายกับทีเคยเป็ นมาก่อนใน
ห้ องประชุมนัน เหมือนได้ ยินสัญญาณอันตรายบางอย่างดังก้ องในความคิด
ไม่มีข้อความใดๆทีสือออกมาจากดวงตาคู่นน….

ทําเพียงมองชัวครู่ เหมือนทีตรงนีมีเพียงโซฟาเปล่า แล้ วมองผ่านไป ไร้ ตวั ตน

เสียงรองเท้ าดังห่างออกไป พร้ อมๆกับเสียงหัวใจผมทีเต้ นเบาลง

ยืน ยืนด้ วยใจทียังไม่กล้ าจะคิดถึงความจริ ง วิงเข้ าไปหา เห็นหลายๆคนมองมา เพราะรู้ ว่าเป็ นลูกค้ ารายสําคัญ
เป็ นเมกะโปรเจคต์ของปี ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนก้ มหัวให้ แต่ผม กลับสวนทางเดินของใครหลายๆคน
วิงเข้ าไปหาคนๆนัน คนทีผมรอมาตลอด

คนทีผม ทรยศหัวใจตัวเอง หักหลังเขามา..

ผมโกหกพีหมอก ด้ วยถ้ อยคําทีไม่น่าให้ อภัย

ใกล้ ใกล้ จนพีหมอกหยุดยืน คงได้ ยินเสียงรองเท้ าผม ยืนมือออกไป จะคว้ าแขนพีหมอกไว้ แต่กลับถูกแรงๆหนึง
ผลักออกมา ไปไม่ถงึ ตัวพีหมอก

ระยะ ทีอีกอึดใจก็ถงึ ไกลห่างออกไปเรือยๆ ถูกชายในชุดสูทอีกคนดันตัวไว้ ด้วยแรงทีทําให้ ผมต้ องเซไปข้ างหลัง


ขมวดคิวเงยหน้ าขึนมอง ดูเหมือนจะเป็ นเลขาหรืออะไรซักอย่าง

“คุณจะทําอะไรหน่ะ?”

“ผ..ผม…”

พีหมอกทียืนอยู่ห่างแค่ห้าหกก้ าว ได้ ยินทุกอย่าง ไม่ได้ หนั หลังมามอง แต่กลับมองไปด้ านข้ าง ก่อนจะหันหน้ า


กลับไป แล้ วก้ าวต่อ

“พ..พีหมอก…พีหมอก!”

ใช้ แรงทังหมดทีมี ผลักคนทีจับผมไว้ ออกไป

ช่วงเวลาทีอีกฝ่ ายเสียหลัก ผมวิง วิงสุดฝี เท้ า ผมไม่อยากให้ มนั เกิดขึนอีกแล้ ว ทีผม วิงไปไม่ทนั การก้ าวของพี

คว้ าแขนของพีหมอกไว้ ทีแขนนันมีนาฬิกาตัวเรือนสีเงิน ดูมีราคา ผมเงยหน้ าขึนมอง พีหมอกก็มองตอบกลับมา


ไม่เห็นเงาของตัวเองสะท้ อนในนัยน์ ตาคู่นน…

การรอสามปี เป็ นสิงน่าขบขันขึนมาในพริบตา

“…พีหมอก…”

“…คุณ จะทําอะไรหน่ะ ออกมาสิ รปภ.! รปภครับ!” ได้ ยินเสียงเรียกจากข้ างหลัง โดนดึงด้ วยแรงทีข้ อมือจนต้ อง
ปล่อยมือพีหมอกออกมา เห็นคนอืนเดินเข้ ามาถามพีหมอกทียืนมองอยู่ทีตรงนัน ไม่ได้ เดินเข้ ามาหาผม

“…รู้จกั กันหรอครับ”

ไม่ได้ ละสายตาจากทีตรงนัน ผมมอง มองด้ วยความหวังทีว่า คําตอบของพี จะไม่ได้ เปลียนไป

“คงจะทักคนผิด…”

เสียงนันเย็นชา…เหมือนเรืองราวทังหมดทีเกิดขึน เป็ นเพียงสายลมของความฝั น..

ผมเป็ นของพี ถ้ าพีทอดทิงผม แล้ วผมจะเป็ นอย่างไร…

รปภ.ลากตัวผมออกไป ผมไม่ดิน ไม่ต่อต้ าน ไม่ร้ ูว่ามองพีหมอกด้ วยสายตาแบบไหน รู้แต่ว่าหมดแรงทีจะผลัก


ตัวเองออกจากแรงของพีรปภ.

เสียงหัวเราะ รอยยิม สัมผัสทีฝ่ ามือเป็ นถ้ อยคํานัน

หายไปพร้ อมหลังของพี ทีห่างออกไปทุกที..

…………………………….
…………………
“ตี ไปไหนมา พีโทรตามก็โทรไม่ติด”

“…โทษทีครับพี ผ..ผมลงไปกินข้ าวมา”

“เออ ก็ดีแล้ ว พีก็ห่วงว่ามึงจะกินข้ าวรึยงั กินข้ าวแล้ วก็โอ…เป็ นอะไรหรือเปล่าตี”

“..เป็ น..เป็ นอะไร?”

“ตี…ทําไมทําหน้ าแบบนัน”

“ผ..ผมทําหน้ าแบบไหนหรอครับ? มีงานอะไรหรือเปล่า ผมจะได้ ทําให้ ”

“…ไปพักเถอะ”

“ผ..ผมก็พงกลั
ึ บมาจากพัก”

“เชือกูเหอะตี ไปพักเถอะนะ”

“พี..พีเชน ผมยังไหว”

พีเอ๋เดินเข้ ามาดู ผมจะเดินหลบพีเชนทีขวางอยู่เข้ าไปนังทีทีนังตัวเอง แต่กลับถูกดึงแขนไว้ เหมือนทีถูกรปภ.ดึง


แขนไว้ เมือกี

พีหมอก..

“ตี!..ร..ร้ องไห้ ทําไมวะ!?”

“..ผ..ผมร้ องไห้ หรอ..”

พีเชนไม่ตอบอะไร พยักหน้ าเงียบๆ “ผ…ผมร้ องไห้ ..ท..ทําไมร้ องไห้ วะพี..ฮึก…”

“…ไม่สบายหรอตี”

พีเชนปล่อยมือออก แขนทิงลงข้ างลําตัว นังลงกับเก้ าอีของตัวเอง


รู้สกึ เหมือนแรงโน้ มถ่วงมาก จนทนไม่ได้ เอนตัวลงจนหน้ าผากชนกับหัวเข่า ร้ องไห้ ร้ องไห้ จริงๆด้ วย กางเกงยีนส์
เปี ยกขึนเรือยๆ รู้ สกึ ตาหนักจนต้ องหลับตาลง ไหล่สนจนไม่
ั ร้ ู จะหยุดยังไง

ได้ ยินคนเรียกชือตัวเอง แต่ไม่อยากเงยหน้ าขึนไป เพราะรู้ รู้ว่าเสียงนันไม่ใช่ของพีหมอก แล้ วมันจะมีประโยชน์


อะไร

ไม่มีประโยชน์ พอๆกับการรอของผม

“ตีเป็ นอะไรวะ…”

“อ้ าว…พีโต้ ง มันบอกผมว่าปวดหัวหว่ะ”

“ไอ้ เชน มึงพาไอ้ ตีไปหาพีแหม่มดิ ให้ พีเขาหายาให้ มนั กินหน่อย ถ้ ามันไม่ดีก็พามันไปโรงพยาบาล ไอ้ ตี ปวดหัว
มากเปล่าวะ?”

กลันเสียงสะอืนไว้ จึงทําได้ เพียงแค่พยักหน้ า

มีแต่เสียงฝี เท้ าดังรอบๆตัวไปหมด แต่ไม่สนใจ ไม่สนใจอะไรทังนัน

ในวินาทีนนั ถึงได้ ร้ ูตัวขึนมา

ว่าเสียงฝี เท้ าทีผมเฝ้ารอนัน มันได้ เดินห่างออกไปจากผมแล้ ว…

………………………………….
………………………..

“..ตี นังแท็กซีดีไหม เดียวกูออกค่าแท็กซีให้ ”

“ไม่เป็ นไรครับพี ผมโอเคดี”


“อืม ดูแลสุขภาพด้ วยแล้ วกัน โทษทีนะทีกูไปส่งถึงบ้ านมึงไม่ได้ ”

“รีบไปเหอะพี..วันนีแม่พีกลับมาบ้ านไม่ใช่หรอ ยังไงก็ขอบคุณนะ ทีวันนีช่วยตอบพีโต้ งแทนผม”

พีเชนพยักหน้ า แต่ก็ยงั มีเค้ าของความกังวลอยู่

“ผมแข็งแรงจะตาย เคยไปช่วยพีช่างเค้ าทํางานมาด้ วยแล้ วด้ วยซํา…”

“อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลยไอ้ ตี เออ กูไปแล้ ว จอดนานไม่ได้ ”

ผมยิมตอบ ปิ ดประตูให้ พีเขา มองรถทีขับออกไป ยืนอยู่ทีป้ายรถเมล์ หลายๆคนคงกําลังรอรถสายเดียวกับผมอยู่

ฝน ตังเค้ าว่าจะตก เห็นเมฆดําลอยมาแต่ไกล ถอนหายใจ ถือแฟ้มเข้ าไปนังรอทีเก้ าอีประจําป้ายได้ ไม่นาน เห็น


ผู้หญิงยืนถือของพะรุงพะรังรอรถเมล์อยู่ไม่ไกล เลยเรี ยกให้ เธอมานังแทนทีผม

ได้ รับรอยยิมขอบคุณจากเธอ นึกถึงคําว่า แม้ แต่ในช่วงเวลาร้ ายๆ ก็ยงั มีเรืองดีๆเกิดขึนได้

รถ เมล์ไม่มาสักที โทรหาเฮีย ก็ยังอยู่ทีสํานักงาน เลยคิดจะเดินออกไปไกลหน่อย จะมีสองแถวผ่านไปถึงปาก


ซอย เพราะเป็ นซอยทางเข้ าใหญ่ของมหาลัยดัง จึงมีรถโดยสารเต็มไปหมด

เดินหนีบแฟ้มไว้ ในมือ พับแขนเสือขึน เจ็บตานิดหน่อย รู้ สกึ ได้ ว่าหนังตาตึงๆ แต่ทําอะไรได้ เสียใจไป ถ้ ามัวแต่จม
อยู่กบั ความเสียใจนันคงทําอะไรไม่ได้ สกั ที

ปลอบตัวเอง

ไม่เป็ นไร

ยังไงก็ต้องผ่านพ้ นไปให้ ได้

บอกตัวเอง ว่าสงสัยการรอคอยนียังจะไม่สนสุ
ิ ด อาจจะต้ องทนรออีกหน่อยก็เป็ นได้ ต่อให้ ตลอดชีวิต ก็อาจจะคุ้ม
ค่าทีต้ องรอ

ยิม ยิมเข้ าไว้ สักวันอาจจะได้ ยิมออกมาจากใจ โดยไม่ต้องฝื นยกมุมปากแบบนีอีก

โชค ไม่ดีอีกแล้ ว ฝนตก มองออกไปเห็นเซเว่นอยู่อีกไม่ไกล เลยรีบวิง ดันทําแฟ้มหลุดออกจากแขนทีหนีบไว้ อีก


เลยต้ องรีบเก็บ กระดาษปลิวออกมา ตะครุบเก็บกระดาษทีเปี ยกจนยุ่ย พอหยิบขึนมาก็ขาด แต่ยงั ไงก็ต้องเก็บ
กลับไป

บางแผ่นลอยไปตกอยู่ตรงแอ่งนํา บางแผ่นลอยลงไปทีถนน รถทีขับผ่านไปมาขับแรงจนผมทียืนมือออกไปเก็บ


เลอะไปหมด เอาน่า อย่างน้ อยเขาก็ไม่ได้ ขบั รถทํามือเอ็งซักหน่อย

เพราะนังย่อลงกับพืน มือถือจึงหล่นออกมา กลิงตกลงไปในช่องตะแกรงท่อนําแถวนัน พยายามจะจับไว้ แต่ไม่ทนั


ได้ ยินเสียงของตกลงไปในนํา มองสายนําสีดํา ไม่ร้ ูจะพูดอะไรออกมา

ข้ อความสําคัญทีทําให้ ทนรอมาตลอด หายไปในชัวพริบตาทีคิดว่าไม่เป็ นไร

“…เอาน่า..อย่างน้ อยตอนนี ก็ไม่มีเรืองเร่งรี บอะไรให้ ต้องหาเงินเป็ นเกลียวอีกแล้ ว ม๊ าก็หายดี อยู่สบายกันแบบนี


จะกังวลอะไรไปอีก”

พูดกับตัวเอง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝน ฝนตกแรง ฝนตกแรงจนไหลไปตามแนวแก้ ม มันเป็ นแค่หยาดฝนเท่านัน

ตัวเปี ยกขึนรถสองแถว คนมอง แต่ก็ไม่ได้ สนใจอะไร กลับบ้ านโดนม๊ าบนใหญ่

“ทําไมโซ่ยตีปล่อยให้ ตวั เองเปี ยกขนาดนันหล่ะ” ได้ แต่ยิมตอบ ไม่ร้ ู ปากจะยิมอยู่หรือเปล่า “ม๊ าเป็ นห่วงนะ”

“ม๊ า ตีขอกอดหน่อย”

“ได้ สิ…ไม่ต้องขอหรอก ม๊ ามีให้ โซ่ยตีเสมอ”

หลับตาลงในอ้ อมกอดของคนทีรักผมมากทีสุดบนโลกใบนี

รู้สกึ สงบ แต่ในความสงบนันก็ได้ ยินเสียงฝี เท้ า ทีเบาลงเรือยๆ

“มีเรืองอะไร..ถ้ าไม่สบายใจ จะบอก ม๊ าก็พร้ อมฟั ง..โซ่ยตีอย่าเก็บไว้ คนเดียวนะ ถ้ ามันหนักหนาเกินไป”

“..ฮะม๊ า เดียวผมขอไปหยิบเสือข้ างบนก่อนนะ”

ทําม๊ าตัวเปี ยกไปด้ วย แต่ม๊าไม่พดู อะไร ลูบหัวผมเบาๆ แล้ วบอกให้ ผมรีบไปอาบนําแต่งตัว

กล้ องตัวนัน..อยู่ในกระเป๋ าผ้ าของมัน


หยิบขึนมาดู ใช้ นิวปาดหน้ าจอ เลอะนําเป็ นหยดเล็กๆตามทางทีนิวผมผ่านไป

รูป ในนัน ผมกับพีหมอกยิม ยิมกว้ างจนไม่เห็นตาผม พีหมอกยิมเป็ นเอกลักษณ์ของตัวเอง แม้ จะไม่ได้ ยิมจนเห็น
ฟั นแบบผม แต่แค่ยิมมุมปากเล็กๆแบบนี ก็สมั ผัสได้ ว่ามีความสุข ยังอยู่ในชุดนอนทังคู่ ข้ างหลัง เห็นภาพทีมี
คลิปหนีบหนีบไว้ กบั เชือก มากมายเต็มไปหมด

อยากเห็น อยากเห็นอีกสักครัง แต่ไม่มีรูปไหนทีเห็นมุมนีของห้ องเต็มๆ ทังๆทีเป็ นทีๆอัดแน่นไปด้ วยความทรงจํา


แท้ ๆ

อยากกลับไปอยู่ในทีแห่งนัน..

ถ้ าผมไม่ได้ เดินจากพีแบบนันมา เรายังจะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า

ผมไม่มีคําตอบ ไม่คิดว่าใครจะมีคําตอบ เพราะเหตุการณ์นนไม่


ั ได้ เกิดขึน จึงเป็ นได้ แค่การคาดเดาเพียงเท่านัน

อากาศ หนาวแตะแผ่นหลัง เลยต้ องวางกล้ องลง เดินไปทีตู้ เสือผ้ าบางส่วนหายไป เพราะไม่ได้ กลับไปเอาของ
ของผมทีห้ องพีหมอก ไม่ร้ ูจะถูกทิงไปหรือยัง แต่ก็ทําให้ ผมกับเฮียต้ องไปเอาเสือเฮียพงศ์ทีบ้ านซาอีมาใช้

มองออกไป เห็นแสงไฟเป็ นลํายาวฝ่ าสายฝนมา ยืนหน้ าออกไปมอง ไม่ร้ ูมาจากรถคันไหน มองไม่ทนั เพราะรถ
คันนันผ่านหายไปแล้ ว

จนสุดสายตา ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็ไม่เห็นวีแว่วว่าการรอของผมจะจบลงแม้ แต่น้อย…

มีเพียงฝนเท่านัน…ทีทิงตัวลงมาโดยไม่สนใจผู้คนทีเปี ยกปอน

……………………….
……………….
“เฮ้ ยตี เป็ นไงบ้ างวะ”

“โอเคแล้ วหว่ะพี ขอบคุณครับ”

พี เชนหดตัวกลับไปกับงานของตัวเอง มีหลายงานทีต้ องส่งวันนี ผมมีหน้ าทีช่วยพีๆเขาเช็ครายละเอียด


ตรวจสอบเรืองหลายๆอย่าง งานยุ่งไม่แพ้ ใครในแผนก เสียงโทรศัพท์ดงั เป็ นระยะๆ ไม่เห็นหน้ าพีโต้ ง ถามก็ได้ รับ
คําตอบว่าออกไปดูงานข้ างนอกอีกแล้ ว แอบแซว “หนีเทียวป่ าววะเนีย”

เอกสารทีเมือวานทําตกนํา ก็ต้องปรินท์ ใหม่ พีเชนเดินเข้ ามาบอก “เดียวบ่ายนีออกไปดูงานด้ วยกันหน่อยสิ”

“ผมหรอ? เอาไอ้ จ่างไปไม่ดีกว่าหรอ”

“ไอ้ จ่างก็ต้องออกไปดูงานเหมือนกัน วันนีตอนบ่ายแผนกคงเงียบหล่ะ”

พยักหน้ าตอบไป พีเชนไม่ได้ เดินไปไหน เห็นยกมือเกาหัว ผมเลยเงยหน้ าขึนมอง “มีอะไรอีกเปล่าพี?”

“เออ กูซือนําเต้ าหู้มาฝาก ตอนนีมันเย็นหมดแล้ ว ตีจะกินเลยหรือเปล่า กูจะได้ ไปอุ่นให้ ”

“ไม่เป็ นไรพี เอามา เดียวผมไปอุ่นให้ เอง”

“เฮ้ ยๆ..ไม่ต้อง เดียวกูทําเอง”

ผม เห็นพีแกปฏิเสธเต็มเสียง เลยได้ แต่พยักหน้ า เห็นพีแกกึงเดินกึงวิง ทําท่าประหลาดๆหิวถุงนําเต้ าหู้หายไป


จากห้ อง รอไม่นาน ก็ได้ นําเต้ าหู้อ่นุ ๆหนึงแก้ วกินรองท้ อง เมือเช้ าตืนสาย ไม่ได้ กินข้ าวเช้ าหรอกครับ ไอ้ เฮียต้ อง
ขับกระบะมาส่งถึงที

พีเชนเดินวนไปวนมาแถวเก้ าอีผมหลายครัง “พีกินเปล่า?” ยืนแก้ วให้ พีเชนส่ายหัว “กินไปเหอะวะ กูกินมาแล้ ว”

“แล้ วจะไปกีโมง?”

“นีก็ใกล้ เทียงแล้ ว ไปกันเลยไหม? เดียวกูพามึงไปเลียงข้ าวด้ วย”

“พีพูดว่าเลียงผมแล้ วนะ”

แล้ วก็ได้ กินฟรี จริ งๆ แต่ผมกลับกินไม่ค่อยลง พอพีเชนถาม เลยได้ แต่บอกว่า “ก็เพราะนําเต้ าหู้พีนันแหละ ผมอิม
เลย”

พามากินทีห้ างใหญ่แถวทีทํางาน ผมไม่เคยเข้ ามาเดินดู พอถามว่าทําไมเป็ นทีนี ก็บอกว่างานของเราอยู่ทีชันสาม

ยังเป็ นพืนทีโล่งๆทีกันไม้ ขนมาจากทางเดิ


ึ นปกติ กว้ าง และสูง

“จะสร้ างไรวะพี”

“อ่อ ช็อปพวกเครืองมืออิเลกทรอนิกส์นะ เห็นบอกว่าจะมาทําแท็บเลทด้ วยตัวเองแทนทีจะผลิตชินส่วนขาย ทุ่ม


งบไม่อนั คงอยากได้ ความหรูหราลบภาพพจน์ของไทยผลิตหล่ะมัง”

“…อย่าบอกนะว่า T.K.Group?”

“ก็ กลุม่ เมือวานนันแหละ ทีพีไปคุยงานมา ตีก็น่าจะเห็น ตกใจเลย ไหงรองประธานบริษัทนีมันเด็กขนาดนีก็ไม่ร้ ู


จะถึงสามสิบหรือเปล่ากัน แต่ท่าทางน่ากลัวยังไงไม่ร้ ู พูดจาก็ดเู ป็ นผู้ใหญ่ พีโต้ งได้ แต่พูดครับๆอย่างเดียว แถม
ยังเงียบ ไม่ค่อยพูดจาอะไรเท่าไหร่ แต่พดู ทีก็เล่นเอาซะสะอึกเลยแหะ”

“…หรอ?”

“พูดแล้ วยังขนลุกอยู่เลย..เออ ว่าแต่เห็นทีจริ งแบบนีแล้ วตีคิดว่าไงบ้ าง”

“ผม ว่าน่าจะใช้ ไม้ นะ จะทําให้ ดหู รูหรา เรี ยบง่าย น่าจะใช้ โทนสีอ่อนๆ ติดไฟทีทําให้ ดูกว้ างขึน เดียวนีความเรียบ
ง่ายก็เป็ นจุดขายได้ อะไรทีเยอะเกินไปบางทีก็ดูรก”

“…คิดเหมือนพีโต้ งเลยแหะ พีโต้ งก็บอกว่าไม้ แต่มนั จะไปคล้ ายกับช็อปแบรนด์อืนหรือเปล่า”

“ไม่ ไม่หรอกพี ผมว่ามีอีกเป็ นล้ านวิธีทีทําให้ งานดูเป็ นเอกลักษณ์ได้ …แต่ผมแค่เสนอเฉยๆนะ แล้ วทําไมงานนีพี
โต้ งไม่คิดเองอ่ะ”

“พีเขาอยากได้ หลายๆไอเดีย เลยส่งพวกเราไปดูหลายๆที ร่างแบบ แล้ วส่งให้ ดไู ง”

“อ่อ…เออ แล้ วบริษัทเขาเปิ ดตัวแท็บเล็ทตัวนีไปแล้ วหรอ ทําไมผมไม่เคยเห็น”

“ยัง รอช็อปพร้ อม เห็นว่าจะเปิ ดตัวก่อนสักครึงเดือน ตอนนีเรามีเวลาสองเดือน ก่อนจะส่งงานให้ พวกอืนต่อ”


พยัก หน้ า มองไปตามมุมต่างๆ มีเพียงไฟสปอร์ ตไลท์ทีตังไว้ อยู่ทีมุมหนึง เหมือนกับเดินสํารวจในถํา แต่เป็ นถําที
เวลามองไปรอบๆต้ องเห็นไอเดียออกมา มุมนีสมควรจะแต่งอะไร เพิมอะไร ลดตรงไหน สีอะไร ปล่อยให้
จินตนาการผสมกับทฤษฎี และประสบการณ์ ต่างๆทีมี สร้ างสิงเหล่านีขึนมา

ต่างคนต่างจดไอเดียลงในสมุดเล่มเล็กๆทีพก มา ปลายดินสอสีดําจดเนือหาต่างๆ เห็นพีเชนก้ มหน้ าอยู่แต่กบั


สมุดเล่มเล็กๆนัน ตัวผมยังคิดเป็ นรูปร่างไม่ชัดนัก แต่พอจะนึกคร่าวๆได้ แล้ วว่าส่วนไหนน่าจะเป็ นอย่างไร
กลับไปคงต้ องเริมร่ างแบบ

อดตืนเต้ นไปกับความสําเร็จของพีหมอกไม่ ได้ ไม่ว่ามันจะเป็ นผลงานของพีโดยตรงหรือไม่ก็ตาม แต่ก็คงจะมี


ความพยายามของพีหมอกอยู่ในผลงานชินนีแน่นอน

พีกําลังก้ าวไปข้ างหน้ า

ผม เห็นหลังของพีจากทีตรงนี ระยะห่างมันไม่ได้ ลดลง แต่ผมก็จะไม่หยุดเดินหรือหันหลังกับ ไม่แม้ แต่จะเลือก


เส้ นทางใหม่ ไม่ร้ ูว่าจุดหมายของเส้ นทางนีเป็ นอย่างไหร่ แต่ผมจะไม่หยุดแค่การยืนอยู่ข้างหลังพี ผมอยากจะเดิน
ไปข้ างๆพีมากกว่า

ไม่มีประโยชน์อะไรกับการยอมแพ้

นี เป็ นสิงทีผมคิดได้ ใช้ เวลาเกือบทังคืนในการถามใจตัวเอง ต่อให้ ไม่มีเมสเสจนันอยู่กบั ตัว เมสเสจทีอยู่กบั มือถือ


ทีผมทํามันหล่นหายไปจากผม ก็ไม่เป็ นไร ข้ อความสันๆนัน ผมอ่านมาไม่ร้ ูกีพันครังในเวลาทีเหนือยหรือท้ อแท้ ใจ
ไม่สาํ คัญว่าตัวเมสเสจนีจะอยู่ทีไหน ในเมือผมจําได้ แม่นทุกตัวอักษร

ผม ยังเชือมันในความรู้ สกึ ทีมากับข้ อความเหล่านัน ไม่ว่าตอนนี พีหมอกจะยังมีมนั อยู่หรือไม่ มันก็ยงั มีตวั ตน


เสมอ ในความคิดของผม ในความทรงจําของผม

ผมจะวิง

วิง เท่าทีผมมีแรง เท่าทีใจผมจะสู้ไหว

อาจจะเหนือยหน่อย อาจจะนานหน่อย แต่ถ้าผมไม่ถอดใจ ผมเชือว่าสักวันหนึง ผมอาจจะถึง ถึงเส้ นชัยของผม


โดยมีพีเป็ นจุดหมาย

รู้สกึ เหมือนไอเดียไหลล้ นออกมาจากปลายดินสอไม่หยุด


ผมยืนอยู่ท่ามกลางพืนซีเมนต์เปื อนฝุ่ น ทีสักวัน ผมจะเปลียนมัน เป็ นทีของพี ทีๆความพยายามของพีสําเร็จ
ผล…

วันทีผมถึงตัวของพี ไม่ว่าผลลัพธ์ มนั จะออกมาเป็ นอย่างไหร่

ผมบอกตัวเอง

ว่าผมจะไม่มีวนั เสียใจ…

………………………………..
………………………..
…………………..

B.N.3

สีดํา

พีหมอกชอบสีดํา

สีดําทําให้ พืนทีดูกว้ างขึน ดูมีมิติ น่าค้ นหา

พืนไม้ สดี ํา ไฟสีส้มทิงระยะ เหมือนกับเดินไปตามทางทีไม่สนสุ


ิ ด แต่ก็ดงึ ดูด

เอ๊ ะ? แผ่นนันผมไว้ ไหนกันนะ ผมว่าแบบทีแล้ วน่าจะดีกว่า

รือกระดาษกองโต เส้ นดินสอขีดจนยุ่งไปหมด แสงไฟตกลงเฉพาะบนโต๊ ะตัวนี ปั ดแผ่นทีไม่ใช่ลงกับพืน แต่ก็ยัง


หาไม่เจอ

“ตี ทําอะไรอยู่?”

“อ้ าวพีเชน ผมลองร่ างแบบดูอยู่หน่ะ”

“…ดึกแล้ วนะ”

“อืม แต่ยงั อยากทํางานอยู่ ผมเลยไม่อยากกลับ”

“เดียวรอ..เดียวไปส่งให้ ”

“ไม่เป็ นไรพี ไม่ร้ ูด้วยซําว่าจะเสร็จเมือไหร่ ”

“…รอได้ ”

เอาอีกแล้ ว บรรยากาศแบบนีอีกแล้ ว

มีกลินอายบางอย่างทีคล้ ายกับปิ ก ผมหวังว่ามันจะเป็ นแค่การคิดไปเอง

“ไม่เป็ นไรพี อย่ารอเลย อีกนาน..”

“…แต่กรู อได้ เสมอนะ เดียวนังตรงนี ทํางานอย่างอืนรอไปก่อนก็ได้ ”

“งันก็ไม่ขดั ศรัทธา”

“เอากาแฟไหม?”

“ไม่เป็ นไรครับ”

พี เชนไม่พดู อะไรต่อเมือเห็นผมก้ มหน้ าลงทํางาน ทังแผนกมืดและเงียบ มีเพียงแสงไฟทีถูกเปิ ดเพิมเหนือโต๊ ะ


ทํางานพีเชน เงยหน้ าขึนมองก็เห็นว่าเดินออกไปชงกาแฟ แต่คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะกลับเข้ ามาอีก

อยากได้ อารมณ์ทีแสดงความเป็ นเอกลักษณ์ของสินค้ าออกมา


แท็บเล็ทสีดําสนิท ถ้ าไปอยู่ในห้ องสีดํา มันจะเด่นหรือเปล่า?

ไฟ เล่นไฟได้ แต่ถ้าเป็ นไม้ สนี ําตาลจะเด่นกว่า จะลดภาพลักษณ์ความหรูหราหรือเปล่านะ? นันเป็ นเรืองทีต้ อง


ลองคิดดูอีกที

เพราะ ยังไม่เปิ ดตัวสินค้ า เลยไม่ร้ ู จะหาแบบจากไหนมาดู เห็นว่าแม้ แต่พีโต้ งยังมีโอกาสเห็นแค่ในทีประชุม เป็ น


ความลับทางการค้ าทีไม่อยากให้ หลุดออกไปก่อนจะเปิ ดตัว

หยิบกล้ อง ทีอยู่ใกล้ มือขึนมา เปิ ดดูภาพ เป็ นภาพสถานที ได้ ยินมาจากพีคนอืนๆก็พดู คล้ ายๆกัน ว่ามีทีกว้ าง
กว้ างเสียจนบางครังก็น่าปวดหัวว่าสมควรจะเติมแต่งอะไรลงไป แต่คิดว่า ต่อจากแท็บเล็ทตัวนี อาจมีแก็ดเจ็ท
อืนๆเพิมเข้ ามาอีก หรืออาจจะรวมไปถึงสินค้ าตัวใหม่ๆ จึงต้ องทําเพือล่วงหน้ า ให้ พร้ อมเสมอ

จะมีการเช็คงานอีกสองอาทิตย์ข้างหน้ า เพือตกลงร่วมกันถึงแบบอีกครัง

ผมไม่ได้ คิดทําสีดําเพือเอาใจใคร แต่เพราะเป็ นสีทีผมคิดว่ามันมีเสน่ห์ และสือถึงอะไรหลายๆอย่างในความมืด


นัน

ระหว่าง ห้ องทีสว่างจ้ า กับห้ องทีมืดสนิท แค่นีก็เป็ นตัวอย่างทีชัดเจนแล้ วว่า ห้ องไหนจะทําให้ เรามีจินตนาการได้


มากกว่ากัน ไม่อย่างนันคงไม่มีเรืองเล่าผีให้ สาวๆได้ กลัวกันขนาดนีหรอก

พรุ่งนีเช้ าก็จะมีการประชุมร่วมในแผนกอีกที ถึงแบบแต่ละคน เพราะฉะนัน คืนนีไม่ว่ายังไงก็ต้องวางคอนเซปต์


ให้ เสร็จ

หลับตาลง

ได้ ยินเสียงรองเท้ า ตึก ตึก ตึก

พอรู้สกึ ถึงแรงมือเหนือไหล่ก็สะดุ้งตัว พีเชนเดินมา ทําหน้ าเซ็งๆ ชีไปทีประตู บอก “ยามมาไล่แล้ ว บอกจะปิ ดตึก”

“อ้ าว ผมยังไม่เสร็จเลย งันเดียวหอบกลับไปทําบ้ านแล้ วกัน”

พีเชนพยักหน้ า ช่วยผมเก็บของ จัดกระดาษกองสุมใหญ่ แต่ก็หยิบกระดาษแผ่นนึงออกมาจากกองนัน

“แผ่นนีใช้ ได้ เลยแหะ…”


“กําลังหาอยู่พอดีเลย พีว่าไง”

“อืม ถ้ าพูดจากมองภายนอก ยังต้ องแก้ ไอ้ เรืองการวาดรูปหว่ะ”

“เฮ้ ย ผมไม่ได้ จะให้ แนะนําเรืองนันสักหน่อย หมายถึงแบบดิ แบบ”

“กูว่านะ มึงลองทําในโปรแกรมดูไหม มันจะได้ ดงู ่ายกว่านี”

“ผมไม่ค่อยถนัดหว่ะพี”

“แต่มนั จะเห็นภาพชัดกว่า งีมึงก็ลองร่างดูก่อน แล้ วพรุ่งนีก็ให้ พีโต้ งลองดูอีกที ถ้ ามันโอ ค่อยมาลองปลํากับ


โปรแกรมดู โอเคป่ ะ”

“ต้ องลองปลําเลยหรอวะ ฮ่าๆๆ”

“…เออ ของแบบนีมันต้ องลอง กูก็ว่าจะลองดู แต่ยงั ไม่มีโอกาสได้ ลองสักที”

“ผมก็เห็นพีทํางานซีจีออกบ่อย อย่าคิดว่าผมไม่ร้ ูนะ พีรับงานฟรีแลนซ์ออกแบบเสืออ่ะดิ ทีบ้ านผมมีเสือพีตัวนึง”

“รู้ได้ ไงวะเนีย?”

“พีเอ๋บอก”

“….”

“พี เอ๋พดู แต่เรืองพีกับผมเต็มไปหมด โคตรเบือเลย ผมรู้หมดว่าโคตรเหง้ าวงศาตระกูลพีเป็ นใคร ตอนเด็กๆพีเป็ น


ยังไง มหาลัยเกรียนแค่ไหน ตอนนีผมก็ว่ายังเกรียนเหมือนเดิม”

“ลามปามแล้ วไอ้ ตี”

“ก็ไม่แปลกนีเนอะ พวกพีสองคนก็ร้ ูจกั กันมาตังแต่มหาลัยแล้ วนี”

“……”

“ผม ถ้ าไม่ได้ พีเอ๋ ก็ไม่กล้ าคุยกับพีหรอก คนอะไรวะ หน้ าตาโคตรน่ากลัว ไว้ หนวดยังกับโจร แต่เสือกใส่แว่นซะงัน
เลยหน้ าเหมือนโจรทีมีความรู้เลย”

“แล้ วหล่อไหมหล่ะ??”

ยิม แบบเจ้ าเล่ห์ เพราะไฟมีเปิ ดไว้ แค่สองดวงเลยรู้ สกึ เหมือนตาคู่นันเป็ นประกาย ผมยักไหล่ ไม่ทนั ได้ ตอบอะไรพี
ยามก็ตะโกนเรี ยก “ออกมาได้ แล้ วครับคุณ ผมจะล็อกห้ องแล้ วครับ!” เลยต้ องรีบโกยกระดาษทังหมดลงกระเป๋ า
แล้ วสะพายเดินออกมา มีพีเชนเดินตามหลัง ระหว่างทางก็เอาแต่ถาม

“แล้ วหล่อไหม?? ตอบมาก่อนดิวะ”

“เลียงข้ าวผมป่ าวหล่ะ ถ้ าเลียงผมจะบอกว่าโคตรหล่อเลย”

“เออ กูเลียง เลียงทังเดือนเลย”

“พีหล่อ…แต่น้อยกว่าผมหน่อยนึง”

“โถ ไม่ค่อยเลยนะไอ้ ตี หน้ าแบบมึงนีไม่มีเค้ าของความหล่อเลย”

“อะไร สาวๆติดผมตรึมตอนเรียนมหาลัย หนักใจมากๆ ไม่ร้ ู จะปฏิเสธยังไง”

ประตูลฟิ ต์เปิ ด เดินเข้ าไปข้ างไหน มองย้ อนกลับไป ทางเดินมีเพียงไฟทีถูกหรี ไว้ เป็ นแสงสลัวๆ เห็นเงาของยาม
เดินอยู่ไกลๆ

“…หึหึ รู้ไหม เวลาคนเราโกหกน่ะ จะกํามือไม่ร้ ูตวั นะ”

“ห้ ะ?”

รีบก้ มไปมองมือตัวเอง ก็ยงั เห็นมือตัวเองแนบข้ างลําตัวอยู่เหมือนปกติ “พีเชนแม่ง ชอบแกล้ งผมหว่ะ”

“มึงก็ดนั บ้ าจีอีก ตลกดี”

“อยากตลกก็ไปดูเดียวเหอะพี ผมไม่ใช้ วนั แมนโชว์ ”

“อย่าขีงอนดิวะ”
“ผมงอนพีตรงไหนวะ?” ประตูลฟิ ต์เปิ ดออก เดินตามพีเชนไปทีลานจอดรถ

บางครังผมรู้ สกึ อึดอัด แต่บางครังก็ร้ ู สกึ เหมือนคิดไปเอง

ผมไม่ได้ เป็ นคนรู้สกึ ช้ า หรือใสซือต่อโลกขนาดทีไม่ร้ ู ว่าพีเชนทําดีกับผม มันมากกว่าทีพีเชนทําดีกบั คนอืน

นําเต้ าหู้ซือมาสองถุง เพือผมหนึงถุง

ทุก ครังทีมีงาน พีเชนจะพยายามดึงผมไปด้ วยตลอด ต้ องขอบคุณพีเขาทีทําให้ ผมมีประสบการณ์ มากขึน แต่


บางครัง มันก็มากเกินไป บางคน เข้ ามาก่อนผม ยังไม่มีโอกาสได้ ทํางานมากเท่าผม

ขึนมาบนรถ ฝนตกอีกแล้ ว ทําไมกันนะ? แต่คิดอีกแง่ ก็จะเอาแน่เอานอนกับฟ้าฝนได้ ทีไหน ทังๆทีก่อนฟ้ามืด


ท้ องฟ้ายังเปิ ดอยู่แท้ ๆ ผมแอบออกไปถ่ายรูปท้ องฟ้ามาในเวลามือเย็น

“กินข้ าวหรือยัง?”

“มีกินแซนด์วิชพีตัมไปชินนึง พีเขาซือผิด พีเก๋ไม่ยอมกินเลยยกให้ ผม”

“งอนกันบ่อยจริงหว่ะคู่นนั เก๋รําคาญไอ้ ตัมนักทําไมไม่เลิกไปเลยหล่ะวะ”

“พีเชนขีอิจฉาหว่ะ ฮ่าๆๆ สร้ างความร้ าวฉานคืองานของเจ๊ หรอ? ฮ่ะฮ่ะ”

“แต่กกู ็รับสร้ างความสัมพันธ์ เหมือนกันนะ ถึงกูจะไม่ใช่วิศวกรโยธา แต่เรืองทอดสะพานของกูก็ไม่แพ้ ใคร”

“ผมก็ไม่ใช่วิศวกรโยธา แต่ผมก็รับทําลายสะพานได้ นะพี”

“รวมถึงคานด้ วยไหมล่ะ?”

“อันนีพีคงต้ องรอคนอืนมาทําแล้ ว ผมไม่ชอบทุบคานทองหว่ะ เสียดายของ”

รถ ติด จ้ องมองทีปั ดนําฝนส่ายไปทางซ้ าย ส่ายไปทางขวา ในรถเปิ ดวิทยุ เมือกียังเป็ นเพลงอยู่ แต่พอจ้ องวิทยุสกั
พักก็กลายเป็ นข่าวแทน พีเชนเลยกดเปิ ดซีดี เป็ นเพลงฝรัง ช้ าๆ ฟั งดูโรแมนติก ผมไม่ค่อยคุ้น เพราะปกติถ้าอยู่
บนรถ ไม่เป็ นเพลงร็อคหูแตกของพีหมอก ก็เป็ นเพลงจีนของม๊ าเสียมากกว่า

เงียบกันอยู่นาน ไม่มีใครพูดอะไร พีเชนเท้ าแขน มองออกไปนอกรถ คนละฝั งกับผม


ได้ ยินเสียงกระแอมเบาๆเลยหันไปมอง

“…ตีรู้จักคุณอัษฏาหรอ?”

“..เป็ นรุ่นพีมหาลัยผม”

“ดูไม่เหมือนจบถาปั ตย์เลยนะ”

“พีเขาจบวิศวะครับ วิศคอม”

“หืม? เรียนมาตรงเป๊ ะเลยนีน่า เขาชอบด้ านนีหรือว่ายังไง?”

พีหมอก ชอบหรือเปล่านะ?

ผม ไม่ร้ ู ไม่เคยถาม เคยได้ ยินครังหนึงตอนทีเกิดเรืองของฝนขึน ว่าทุกคนมีหน้ าทีทีต้ องทํา แต่พีหมอกก็ยังไม่เคย


พูดออกมาจริงจังสักที ว่าจริงๆแล้ วชอบอะไร

เห็นชอบเล่นเบส เล่นฟุตบอล แต่ก็เรี ยนเก่ง เลยไม่ร้ ูว่าถ้ าให้ เลือกจริงๆ พีหมอกจะเรียนคณะไหนกัน

“ผมไม่ร้ ู …”

“เออหว่ะ ตีจะไปรู้ได้ ยังไงกัน ก็คนละคณะกันเลยนีหน่า คงไม่ค่อยสนิทกันสินะ”

เป็ นเรืองทีพูดไม่ได้

จึงได้ แต่ตอบไปว่า “ผมเรียนถาปั ตย์นีน่า” ไม่ได้ ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ ยอมรับอะไร

รถ มาจอดหน้ าบ้ าน ไอ้ เฮียรีบกางร่ มออกมารับ หันไปยกมือไหว้ เห็นเฮียขมวดคิวมองพีเชน ประตูปิดไปแล้ ว รถ


กําลังจะขับออกไป ผมกับเฮียเลยถอยหลังออกมา

“ใครวะ?”

“หือ?”
“ไอ้ หมอนีมันใคร”

“พีทีทํางาน พีเชน”

“เออๆ เข้ าบ้ านเถอะ ม๊ าทํากับข้ าวรอไว้ กินกันหมดแล้ ว เหลือแต่ของมึง”

เฮีย ดันหลังผมเข้ าไปในบ้ าน เห็นมองกลับไปทางด้ านหลัง ไม่ร้ ูว่ามองอะไร ผมไม่ได้ หนั ไปมองตาม เพราะเห็นม๊ า
เดินออกมาหน้ าบ้ าน มารอผมแล้ ว เลยรีบเดินไปหา

แต่ก็ถกู เฮียดึงตัวไว้ กระซิบเบาๆ ได้ ยินเพียงแค่สองคน ปนไปกับเสียงฝนทีตกลงพืน

“มึงรู้แล้ วหรือยังว่าไอ้ หมอกกลับมาแล้ ว?”

“เฮียรู้ได้ ไง?..”

“กูเห็นคนทีทํางานคุยกัน มันลงหนังสือซุบซิบพวกไฮโซ”

“ผมรู้แล้ ว ผมได้ เจอแล้ ว”

ไม่ได้ พดู อะไรต่อ เฮียเห็นผมเงียบ เลยปล่อยให้ ผมเดินต่อไป

ทีผมไม่ตอบไม่ใช่เพราะอะไร…เพราะผมไม่ร้ ูต่างหาก ไม่ร้ ูว่าจะตอบเฮียยังไง…

……………………………..
…………………….

วันนี มีเรืองทีน่าแปลกใจอยู่สองข้ อ ข้ อแรก งานของผมได้ รับเลือกครับ ไม่เชิงว่าได้ รับเลือกขนาดนันหรอก แต่ก็


เอาไอเดียของผม ไปบวกกับข้ อดีของคนอืนๆ เพราะช็อปเปิ ดพร้ อมกันหลายสาขา ถึงจะทําให้ เหมือนกันได้ แต่ไม่
ว่ายังไงก็อยากให้ แต่ละทีมีเอกลักษณ์ภายใต้ รูปแบบเดียวกัน
พีโต้ งแอบบ่น “มึงก็ไอเดียดีน่ะ เสียอย่างเดียว ทําซีจีไม่ได้ เรืองเลย”

“แล้ วผมจะพยายามแล้ วกัน”

“เออ ก็ดีแล้ ว” พีโต้ งพยักหน้ าเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ หลายๆคนเริมออกไปจากห้ องประชุม เหลือแต่ผม ช่วย


พีโต้ งเก็บของ พับโน้ ตบุ๊ค ยัดลงกระเป๋ าหิว แล้ วยืนให้ “ขอบใจ”

“เออ ตี อย่าพึงไป กูมีเรืองจะถาม”

คน ทีออกจากห้ องคนสุดท้ ายคือพีเชน ประตูปิดลงไปแล้ ว แต่ผมกับพีโต้ งยังอยู่ในห้ อง พึงจะทํางานกันมาก็จริง


แต่ก็เป็ นคนทีผมเคารพและเอาเป็ นแบบอย่าง

พีโต้ งเดินก้ าวยาวๆไปกดล็อกประตู หันหน้ ามามองทางผม หลังยังพิงประตูอยู่

“มึงรู้จักกับคุณอัษฏาหรอ?”

“…ครับ”

“รู้จกั กันแบบไหน? ทําไมถึงรู้จัก?”

“เคยเรียนมอเดียวกันมาก่อน พีเขาเป็ นรุ่นพีผม แต่เรี ยนกันคนละคณะ”

“…..”

“ทําไมวะพี?”

“บอร์ ด บริหารเขาเพ่งเล่งมึงอยู่ เล่นไปฉุดแขนลูกค้ าคนสําคัญแบบนัน กูเป็ นเจ้ านายมึงก็จริ ง แต่กกู ็ห่วงมึงแบบ


พีน้ องด้ วย มึงมันขยันทํางาน เรียนรู้เร็ว ไม่เกียงงาน กูอยากมีลกู น้ องแบบมึงไปนานๆ กูเลยไม่สบายใจทีได้ ยิน
แบบนี”

“…ขอโทษครับทีทําให้ พีเป็ นห่วง”

“เออ มีอะไรทีมึงจัดการคนเดียวไม่ไหวก็บอกกูแล้ วกัน ช่วยได้ กจู ะช่วย”

“ขอบคุณมากครับพี”
พีโต้ งตบไหล่ผม กระชับสายสะพายกระเป๋ า แล้ วเดินออกไป

พิงตัวเข้ ากับโต๊ ะ อยู่คนเดียวในห้ อง อดกังวลไม่ได้

ไม่ ว่ายังไงก็อยากทํางานนีไปนานๆ เพราะไม่ใช่ว่าโอกาสนีจะหามาได้ ง่ายๆ ยังมีโอกาสเติบโตขึนได้ อีกเรือยๆ


อยากหาเงินเยอะๆ ให้ ม๊าอยู่สบายๆ ไม่อยากให้ เฮียต้ องลําบาก

ถ้ าทางเลือกทีต้ องการกับทางเลือกทีต้ องเลือก เป็ นสิงเดียวกัน ก็คงจะดีไม่น้อย

มัน ก็เป็ นแค่ความคิด เพราะในชีวิตจริง ทุกคนจําเป็ นต้ องเลือก เลือกในทางทีเหมาะสมทีสุด อาจจะไม่ใช่สงที


ิ ดี
ทีสุด แต่บางครังก็จําเป็ นต้ องทํา

เรืองน่าแปลกใจเรืองทีสอง ไอ้ โจ๋โทรชวนออกไปก๋งกันครับ คราวนีเห็นบอกพิเศษหน่อยเพราะรวมตัวกันครบ


แก็งค์ ก่อนหน้ านีไอ้ เคิลติดงานทีสตูฯ ออกมาด้ วยไม่ได้ มันได้ งานทีนิตยสารแห่งหนึง ทีติสต์ ตรงกับตัวมันด้ วย
ทุกอย่างเลยลงตัว บางครังมันก็ออกแบบหน้ าปก ได้ วาดภาพประกอบลงหนังสือ ไอ้ กล้ วยได้ งานทีบริษัทโฆษณา
ก็เหมาะกับมันดี ส่วนไอ้ โจ๋รับช่วงกิจการทีบ้ านต่อ เลยกลายเป็ นว่ามีแค่ผมคนเดียวทีเรียนจบมาแล้ วทํางานตรง
สาย นอกนัน แม้ จะยังอยู่ในขอบเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ เอาความรู้จากงานทีทําจนไม่ได้ หลับไม่ได้ นอนมาใช้ เท่าไหร่
นัก

เรา นัดเจอกันทีผับใกล้ ๆมอ เมือก่อนก็เคยมากินกันบ่อยๆ ไม่ได้ แพงไปหรือถูกไปจนเปิ ดเพลงคาราบาวให้ โยก


ตาม แต่ก็มีสาวๆเยอะเต็มไปหมด ไอ้ กล้ วยมองตาเป็ นประกาย ไปถึงก็เห็นไอ้ เคิลนังรออยู่แล้ ว ในมือถือไอแพด
เหมือนจะทํางานรอพวกผมอยู่

“โหย ขยันงีบอสรักตายเลยไอ้ เคิล”

“นิดหน่อย”

“ไม่เคยปฏิเสธคําชมเลยนะมึง”

มันพยักหน้ า เทเบียร์ ลงแก้ วให้ พวกผมคนละแก้ ว เก็บไอแพดลงกระเป๋ าทีพกมาด้ วย “ไอ้ กล้ วย คิดไงเปลียน
ทรงว่ะ แปลกๆหว่ะ”

“ไม? ดูดิเกิน? ไม่เป็ นไร กูเข้ าใจ”


“ถุยถุยถุยถุย”

“อี ไอ้ โจ๋ โคตรน่าเกลียด มึงเคยคิดไหมว่านําลายมึงกระเด็นออกมาจริงๆหน่ะ” ไอ้ กล้ วยรีบเอามือปาดหน้ าไอ้ โจ๋
กลับ

“มือมึงก็โคตรเค็มเลยวะ แหยะ”

“อ้ าว มึงแอบเลียมือกูหรอ ดีเลย กูพงเกาตู


ึ ดมาแหม็บๆเนีย ฮ่าๆๆๆ”

พอ มาอยู่กบั เพือน บรรยากาศเก่าๆก็กลับมา ผมนังฟั งพวกมันเล่าเรืองทีทํางาน นินทาเรืองเจ้ านายบ้ าง เพือน


ร่วมงานบ้ าง เรายังเป็ นมือใหม่ในชีวิตการทํางาน ถึงแม้ จะกลายเป็ นปู่ รหัสแล้ วก็ตาม

“เออ ไอ้ โจ๋ แอบคบกับน้ องฟ้าก็ไม่บอก”

“บ้ านเอ็งดิไอ้ กล้ วย ไม่ได้ เป็ นแฟนกันโว้ ย”

“มึงลองเปิ ดมือถือดูนะ ไอ้ พ่อคนปากหนัก แล้ วนับเลขให้ กฟู ั งดังๆว่ากีเมสเสจแล้ ว นับเลขเป็ นไหม? เดียวกูนบั
ให้ ”

“ไม่ต้องเลยไอ้ กล้ วย ว่าแต่มงึ เหอะ ไอ้ เมียตุ๊ด”

“เฮ้ ย พูดกันแบบนีต่อยกันเลยป่ าววะ?”

พอเห็นไอ้ กล้ วยทําหน้ าเครียด ผมทีนังอยู่ตรงกลางก็เครียดตามดิวะครับ แม่งฟาดกันมานีหัวกูเต็มๆเลยนะเว้ ย

“ใจเย็นๆดิวะไอ้ กล้ วย ไอ้ โจ๋ มึงมันปากไม่ดีหว่ะ”

“ไอ้ เอกแม่งเมียกูต่างหาก วะฮ่าฮ่าฮ่า”

“….”

“อะไร มองแบบนันหมายความว่ายังไง”

“เปล่า ไม่มีอะไร กินต่อเหอะว่ะ”


ผม ไม่ได้ ออกไปเต้ นเหมือนไอ้ เคิล หรือไอ้ กล้ วย นังอยู่กบั ไอ้ โจ๋สองคน พิงโซฟา มองดูบรรยากาศรอบๆ คุยกัน
ลําบากเพราะเสียงดัง สุดท้ ายเลยออกมาคุยกันข้ างนอก

ได้ ยินเสียงเพลงดังออกมาจากข้ างใน แต่ไม่ดงั นัก บางทีก็เห็นคนจากข้ างในเดินออกมาเหมือนกัน

“ตี สักตัวป่ ะ?”

“มึงสูบบุหรีด้ วยหรอ? กูไม่สบู หว่ะ”

“เออ งันกูไม่สบู แต่ขอคาบไว้ แล้ วกัน ติดนิสยั หว่ะ”

“เมือก่อนมึงไม่สบู นิ”

“เครียดก็สบู แต่พอสูบบ่อยๆเขาก็ติดเป็ นนิสยั ไป กูจะเลิกแต่เลิกไม่ได้ สกั ที”

“...อืม”

“เวลาผ่าน หลายๆอย่างก็เปลียนไปหว่ะ”

เปลียนไปจนบางครัง..ก็ยากทีจะเข้ าใจ

มี หลายเรืองทีตอนนี ผมสังเกตว่ามันเปลียนไป บางครังผมก็ร้ ูสกึ ว่าผมโตขึน เวลามองย้ อนกลับไปในสิงทีเคยทํา


พลาดมา จึงได้ แต่ร้ ู สกึ เสียใจ บางทีก็คิดว่า ถ้ าตอนนัน ไม่ได้ เลือกเส้ นทางทีเลือกไป ณ เวลานี ทุกอย่างจะเป็ น
อย่างไร

แต่ก็ได้ แค่คิด เวลา ผ่านมาแล้ วก็ผ่านไป ย้ อนกลับไปแก้ ไขอะไรไม่ได้ อยู่ดี

“…วันก่อนกูเจอพีหมอก”

“ห้ ะ?”

“มัน มีงานเปิ ดตัวแคมเปญใหม่ของห้ างเพือนแม่กู กูก็ไป เพราะเฮียจัมพ์ไม่อยู่ กูเห็นพีหมอกทีงานนัน ใส่สทู ดูโต


เป็ นผู้ใหญ่ ไม่ดิ พีแกก็ดเู ป็ นผู้ใหญ่ มานานแล้ ว แต่กวู ่า พีเขาดูโตขึนไปอีก…ดูเย็นชา”

“อืม…กูก็ได้ เจอแล้ วครังหนึง”


“แล้ วเป็ นไง?”

โจ๋มนั ดูตืนเต้ นกับคําทีผมพูดไป แต่ผมกลับตอบได้ แต่เสียงอ่อยๆ

“พีเขาบอกกับเลขาว่าทักคนผิดหว่ะ”

“…….”

“มีแค่นีหว่ะ แล้ วมึงไปเห็นพีเขา พีเขาทักมึงไหม”

“ก็ เห็นหันมามองกูแว่บหนึง แต่ก็ไม่ได้ พดู อะไร กูยกมือไหว้ เขาก็พยักหน้ าตอบ กูไม่กล้ าเดินเข้ าหาหว่ะ มีคนเดิน
ตามประกบซ้ ายขวา แถมยังมีคนเดินเข้ ามาคุยด้ วยตลอด พวกคุณนายทังนัน ดูท่าพีแกก็คงจะอึดอัดแต่ทําอะไร
ไม่ได้ ”

จําได้ ว่าเคยไปงานนึงกับพี หมอก พีหมอกทําหน้ าเบือตลอดงาน แต่พอมีคนเข้ ามาทักก็ต้องปั นหน้ านิงเฉย ตอบ
กลับไปด้ วยคําทีสร้ างขึนมา ไม่ได้ มาจากความรู้ สกึ ของตัวเอง

“ แม่กบู อกว่าพีเขาจะกลับมาดูแลกิจการทีไทย คิดว่าพีเมฆคงจะอยู่ทีสิงค์โปร์ แม่กบู อกว่าน่าสงสาร อายุแค่นี


กลับต้ องดูแลบริษัททีใหญ่ขนาดทีบางคนทังชีวิตยังสร้ างขึนมา ไม่ได้ คงจะกดดัน แล้ วก็เหนือยน่าดู”

“อืม…กูยงั คิดไม่ออกเลย ว่าถ้ ากูเป็ นพีหมอก กูจะรู้สกึ ยังไง”

จะเหงา ว้ าเหว่หรือเปล่า

ผมไม่ร้ ู

“เออ ไอ้ โจ๋ มึงยังไม่เมาใช่ไหม?”

“ทําไมวะ?”

“ขับรถพากูไปทีๆนึงหน่อยดิ”

“ห้ ะ?”
“เออน่า”

ไอ้ โจ๋ยงั ทําหน้ างง แต่ก็หยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ า

………………………………
……………………

คีย์การ์ ดทีมีอยู่ ยังใช้ ได้ เหมือนเดิม ผมโล่งใจ คิดว่าจะเปลียนเจ้ าของไปแล้ วเสียอีก

เปิ ด ประตูออกมา ตอนแรกคิดไว้ ว่าคงจะมีแต่ฝนเต็ ุ่ มไปหมด ผ่านมาตังสามปี แต่กลับกัน ห้ องกลับดูสะอาด


สะอ้ านเหมือนมีคนมาทําความสะอาดอยู่ตลอด ข้ าวของไม่ได้ อยู่ในกล่อง แต่มีของบางอย่างหายไป

ทุกอย่างยังตังอยู่ทีเดิม เหมือนรอเจ้ าของกลับมาใช้

รอให้ ประตูบานนันเปิ ดออก รอให้ คนสองคนทีเป็ นเจ้ าของห้ องนีกลับมาอีกครัง

ไอ้ โจ๋ไม่ได้ ตามเข้ ามา ยืนรออยู่ทีข้ างนอก ทําตัวเหมือนโจรปล้ นบ้ านทีต้ องมีต้นทางคอยดู ทีห้ องนังเล่น ทีวีไม่
เคยเปิ ดมานานเท่าไหร่แล้ วก็ไม่ร้ ู ยังอยู่ทีตรงนัน โซฟา ทีเคยนอนกลิง หลับไปบนนันไม่ร้ ู ตงกี
ั ครัง องศาเดิม

ผมชอบกระโดดลงบนโซฟา ทําให้ โซฟาเบียวออกจากทีเดิม บางครัง พีหมอกก็จะดันโซฟากลับทีเดิมทังๆทีมีผม


นอนอยู่บนนัน

ยังจําได้

เดิน เข้ าไปทีห้ องนอน ไม่มีพีหมอกอยู่ทีเตียงหรือห้ องนํา รูปทีผนัง มีบางรูปหายไป รูปพีหมอก รูปคู่ยงั อยู่ทีเดิม
แต่ไม่มีรูปเดียวของผมเหลืออยู่ มีเพียงคลิปหนีบกระดาษทียังอยู่กับเชือกเหล่านัน

แม้ แต่กระดาษทีจดแต้ มคะแนนตืนเช้ า ก็ยงั อยู่ทีหัวเตียง

ทิงตัวลงนัง ฟูกยุบลงไปหน่อย เอนตัวลงนอน กลิงหน้ าลงดมกับผ้ าห่ม มีแต่กลินนํายาซักแห้ ง ไม่เหลือกลินอืนใด

เหมือนสามปี ทีผ่านมา เป็ นเพียงแค่เรืองเมือวาน


โคมไฟทีโต๊ ะข้ างๆเตียงหายไป กรอบรูปบางอันก็ไม่อยู่

ผมซุกหน้ าลงกับหมอนใบเดิม ใบทีผมใช้ นอนประจํา เงียหูฟัง ไม่มีเสียงของนาฬิกาอีกต่อไป ถ่านคงจะหมดไป


นานแล้ ว

ประตูเปิ ดออก ผมรีบลุกขึนด้ วยความเคยชิน

หันไป

ไม่ใช่

ไอ้ โจ๋

“กลับกันหรือยัง?”

“..อืม กลับดิ”

“โห…รูปพวกนีมึงถ่ายเองหรอ?”

“กล้ องตัวนีไง พีเต๋าสอนกู”

“…มึงเสียใจไหมตี?”

ถอนหายใจ โจ๋นังลงข้ างๆ ถอดถุงเท้ า แล้ วขึนมานอนเต็มๆตัว หันหน้ าไปมอง มันก็มองตอบ

“ถามไรโง่ๆวะ เป็ นมึงมึงเสียใจไหม?”

“มาก”

“อืม ก็คําตอบเดียวกัน”

“แล้ วมึงทนได้ ไงวะ”

“พอ คิดว่าพีหมอกก็คงต้ องทนเหมือนกัน กูก็ไม่ร้ ู สกึ ว่ากูเป็ นฝ่ ายรอฝ่ ายเดียว ตอนนัน ทังกูทงพี
ั หมอก คงยังเด็ก
เกินไปกว่าจะทําอะไรได้ ด้วยตัวของตัวเอง กูไม่กล้ าพอทีจะพูดกับพีเขา พีหมอกก็รออยู่เงียบๆ รอให้ กพู ูดอะไร
ออกไป แต่สดุ ท้ าย กูก็ไม่ได้ พดู สักคํา”

“…คราวนี มึงคงไม่ลงั เลอีกแล้ วสินะ ตี”

“กูไม่ลงั เล แต่ไม่ร้ ูว่ามันจะมีโอกาสให้ กไู หมน่ะสิ”

“ตี มึงเชือกูไหม? ว่ามึงมีคําตอบอยู่ในใจไว้ แล้ ว”

แบบไหนกันนะ..คําตอบทีอยู่ในใจของผม?

“โอกาสหน่ะมันมีอยู่เสมอ ขึนอยู่กบั ทีมึง จะคว้ ามันไว้ หรือจะมองมันผ่านไป”

ผมไม่ได้ ตอบอะไรกลับไป มองหน้ าไอ้ โจ๋ มันก็พูดต่อ “คืนนีนอนทีนีได้ ไหม กูเจอเตียงแล้ ว คงขับกลับต่อไม่ไหว
วะ”

“ไม่ร้ ูเจ้ าของห้ องจะให้ หรือเปล่า”

“ก็มงึ ไม่ใช่หรอ? เจ้ าของห้ อง”

“…เอาจริงดิ?”

“เออ ไม่ได้ พดู เล่น”

“สักคืนก็ดี”

ผมหลับตาลง ไม่มีใครคิดจะลุกไปอาบนําก่อน ตอนนี มีแต่ความเหนือยเพลียทีปกคลุมไปหมด ทังร่างกาย และ


ความคิด

ฤทธิของเบียร์ ทําให้ ผมหลับลึก ไม่เหมือนหลายๆคืนทีผ่านมา

ใน ฝั น ฝั นเห็นพีหมอกยืนอยู่ตรงนัน ใส่ชดุ สูท มองด้ วยสายตาเย็นชา แต่พอหันหลัง กลับเห็นหลังพีหมอก ทียัง


อยู่ในชุดนักศึกษา ไม่ได้ เดินหนีไปไหน เหมือนรอให้ ผมเดินเข้ าไปหา

วิง วิงเข้ าไปหา แต่ระยะห่างก็ไม่ได้ ลดลง


จะต้ องทํายังไงกันนะ..ถึงจะลดระยะห่างนีได้

ในฝั น พีหมอกไม่ได้ ตอบคําถามของผม และคิดว่า ในชีวิตจริง ก็คงจะไม่ต่างกัน

………………………………….
………………………..
……………….

B.N.4

ตืนเช้ ามา

เพดานห้ องสีขาว แสงทีลอดผ่านผ้ าม่านนันไม่แรงมาก จนคิดว่าบางทีนีอาจจะเป็ นฝั น

ได้ ยินเสียงกรนของไอ้ โจ๋เลยหันไปมอง ขยีตา ก็ต้องแปลกใจ หน้ าเลอะนําตาเป็ นทาง ไม่ร้ ู ว่าร้ องไห้ เมือไหร่
เพราะพึงจะตืนมา อาจจะเป็ นฝั นละมัง ร้ องไห้ ในฝั นไม่ใช่เรืองน่าแปลก เพราะตอนเด็กๆบางครังก็เป็ น แต่อาจจะ
แปลกทีร้ องไห้ ในช่วงเวลาแบบนี ทังๆทีอยู่ทีบ้ านไม่เคยเป็ น

คิดถึง อาจจะเพราะคิดถึงมากเกินไปล่ะมัง มาอยู่ในทีๆอัดแน่นไปด้ วยความทรงจําแบบนี บางทีก็อาจจะส่งผล


เข้ าไปถึงความฝั นเลยก็ได้

ผม ลุกขึนมาจากเตียง เปิ ดตู้เสือผ้ าออก มีแต่เสือผ้ าผมทีอยู่ในนัน พับเก็บอย่างดี ดึงเสือตัวหนึงขึนมา กอดเสือ


ตัวนันไว้ แม้ จะเป็ นเสือผมแต่ไม่มีกลินของผมอยู่ มีแต่กลินเสือของพีหมอก ทีไม่ร้ ู ว่าหายไปนานเท่าไหร่แล้ ว

มองนาฬิกาข้ อมือ น่าจะถึงเวลาเตรียมตัวไปทํางานได้ แล้ ว ในห้ องนํา ไม่มีของใช้ อะไรเหลืออยู่ เหลือเพียงห้ องนํา
โล่งๆ ห้ องเก็บของทีอยู่ตรงข้ ามห้ องนอน กลายเป็ นห้ องว่าง ทิงตัวลงทีโซฟาจนโซฟาเลือนออกจากทีเดิม แต่คิด
ว่าคงไม่เป็ นไร เพราะพีหมอกก็คงจะไม่กลับมาทีนีอีก ไม่มีร่องรอยของการใช้ ห้องมานานแล้ ว คงเป็ นแม่บ้านที
คอยดูแล

เอนตัวลงกับโซฟา เคยหลับไปครังหนึงทีตรงนี พอลืมตาขึนก็เห็นพีหมอกยืนคําหัวอยู่ ทําสีหน้ าทีบอกไม่ถกู ว่า


รู้สกึ อะไร เหมือนกําลังข่มความรู้ สกึ ของตัวเอง นึกแล้ วก็ได้ ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้ นเร็วขึนกว่าเดิมหน่อย

ถ้ าคราวนีหลับไป บางทีตืนมาพีหมอกอาจจะมาปลุกก็ได้ แล้ วบอกว่า เรืองสามปี ทังหมดนัน เป็ นแค่ฝันไป

แต่ คนทีปลุกผมก็เป็ นแค่ไอ้ โจ๋ทีเดินงัวเงียออกมา ในนิวหมุนพวงกุญแจเล่น บอก “กินข้ าวเช้ าทีไหน?” เลยบอก
ให้ โทรสังขึนมา โทรศัพท์ในนียังใช้ ได้ แต่ผมจําเบอร์ ร้านข้ างล่างไม่ได้ แล้ ว สุดท้ ายเลยเป็ นไอ้ โจ๋ทีลงไปสังให้

ประตู ถูกเคาะแล้ วเปิ ดออก เงยหัวขึนมาดู ไม่ใช่ไอ้ โจ๋ แต่เป็ นแม่บ้าน ทําหน้ าประหลาดใจทีเห็นมีคนอยู่ในห้ อง
ผมรี บลุกขึนยกมือไหว้ เธอรับไหว้ แทบไม่ทนั

“เจ้ าของห้ องหรอคะ?”

อายุจะสีห้ าสิบ แล้ ว แต่กลับยังทํางานหนัก ผมก็เดินตามเธอทีเข้ ามาปั ดกวาดเช็ดถูไล่เป็ นจุดๆไป อย่างตอนนีก็


เริมทีห้ องนังเล่น เวลาจะดันของอะไรออกเพือกวาด ผมก็ช่วยดันให้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ นีมันหน้ าทีป้าเดียวป้าทํา
เอง” เห็นแล้ วก็นกึ ถึงป้าน้ อย ไม่ร้ ูจะกลับสุพรรณไปรึยงั เพราะเคยพูดให้ ฟังว่าถ้ าสักวันหนึง พีน้ องบ้ านติวากุลทุก
คนโตพอ ก็จะขอลากลับไปใช้ ชีวิตสงบๆทีบ้ านเกิด

ตอนนีฝนคงเรียนอยู่ปีสามแล้ ว ไม่ร้ ูว่าคณะอะไร เพราะหลังจากนันก็ไม่ได้ ติดต่อกันอีกเลย

“ผมช่วยหน่ะดีแล้ วครับ ไม่เป็ นอะไรหรอก”

“…ก่อน หน้ านีสองสามวันป้าเข้ ามาทําความสะอาดก็เจอคนอยู่ในห้ องเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเป็ นคนนันซะ


อีก แต่กลับไม่ใช่ ห้ องนีมีเจ้ าของห้ องสองคนหรอลูก แล้ วทําไมอีกคนนึงไม่มาด้ วยกันหล่ะ?”

“อีกคนนึง?”

“ผู้ชาย ตัวสูงๆ หน้ าตาหล่อๆ ป้านึกว่าเป็ นดาราซะอีก แต่ใส่สทู เหมือนคนทํางาน ป้าไม่กล้ าทักเพราะดูเขากําลัง
คิดอะไรอยู่ รู้จกั กันใช่ไหม? ป้าจะได้ โล่งใจว่าไม่ใช่โจร”

“ไม่ใช่โจรหรอกครับ รู้จกั กัน”

ในใจ รู้ สกึ บางอย่าง มันยังไม่ชัดเจน


ไม่ใช่มีแต่ผมคนเดียวทีคิดถึงทีแห่งนี…จะคิดแบบนีได้ หรือเปล่า

ไอ้ โจ๋เปิ ดประตูกลับเข้ ามา ป้าแม่บ้านรีบยืนหน้ ามองแล้ วพูด “ไม่ใช่คนนีนีหน่า” โจ๋คืนคีย์การ์ ดให้ ผม ผมเก็บลง
กระเป๋ าเงินเหมือนเดิม

ไม่ นานอาหารก็ขนมาส่ึ ง พีแอน พีทีเปิ ดร้ านอาหารอยู่ชนล่


ั าง มีเด็กตัวเล็กๆเดินตามมาด้ วย เจอกันครังสุดท้ าย
ยังท้ องป่ องอยู่ ตอนนีกลับเป็ นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆท่าทางขีอาย หลบอยู่หลังแม่ตอนทีผมเปิ ดประตูออกไป

“อ้ าว? ตีเองหรอ? พีนึกว่าไม่อยู่ทีนีซะแล้ ว ตอนทีเรียกให้ มาส่งห้ องนียังแปลกใจอยู่เลย หายไปไหนมาหล่ะ?”

“ไม่ได้ หายไปไหนหรอกครับ ก็เรียนจนจบแล้ วทํางานปกตินนแหละครั


ั บ”

“แล้ วทําไมพีไม่เคยเห็นหน้ าเลยหล่ะ? ดูสิ เจอกันครังทีแล้ วเอิรน์ยงั อยู่ในท้ องอยู่เลย ตอนนีจะวิงได้ แล้ วนะ”

มัดแกละเล็กๆสองข้ าง พอผมยิมให้ ก็ยิมอย่างไม่มนใจนั


ั กตอบกลับมา

“…วันก่อนพีเห็นหมอกกลับมา เปลียนไปเยอะเลยนะ”

“หรอครับ?”

“ก็..จะ ว่ายังไงดีหล่ะ ดูเป็ นผู้ใหญ่ขนกว่


ึ าเดิม ขรึมขึนด้ วยหล่ะมัง เห็นเข้ ามาแป็ ปเดียว ไอ้ เรืองทักทายคงจะ
คาดหวังจากหมอกไม่ได้ อยู่แล้ วใช่ไหมหล่ะ แต่ก็แปลกใจทีเจอ ไม่ได้ เห็นตังเกือบสามปี แหน่ะ ทังคู่เลย”

“แล้ วเป็ นไงพี หล่อขึนบ้ างไหม?”

“ไม่ ต้ องเลยไอ้ ตี กูอยากจะอ้ วก” พอโจ๋พดู คํานี แม้ แต่ป้าแม่บ้านทียืนอยู่ไกลๆยังหัวเราะออกมา เลยได้ แต่ยิงฟั น
ใส่ น้ องเอิรน์เห็นเลยหัวเราะตามด้ วย

พีแอนไม่ได้ ไปไหน นังลงทีโต๊ ะกินข้ าวด้ วยกัน น้ องเอิรน์ทีตอนแรกกล้ าๆกลัวๆก็เริมทีจะเข้ ามาเดินแถวๆตัวผม ดึง
ชายเสือจนผมหันไปมอง ก็รีบวิงไปหลบหลังแม่เหมือนเดิม “น่ารักจังครับน้ องเอิรน์ ”

“ไม่ได้ นะ คนนีพ่อเขาหวงมากๆ ฮ่าๆ กว่าจะขอมาส่งอาหารด้ วยนี ขอตังนานแหน่ะรู้ไหม”

“พ่อมือใหม่ จะขีเห่อก็ไม่แปลกหรอกครับ”
“บาง ครังมันก็น่ารําคาญเหมือนกัน..เออ จริงสิ ได้ ข่าวมาว่าหมอกกลับมาคราวนีเป็ นถึงรองประธานเลยหรอ? พี
ตกใจเลยหล่ะตอนอ่านเจอข่าวนีในหนังสือพิมพ์หน่ะ”

“ลงหนังสือพิมพ์ด้วยหรอครับ”

“ลง หน้ าพวกบรรดาไฮโซ ความจริ งน่าจะมีไปโผล่แถวหน้ าธุรกิจด้ วยนะ ก็บริษัทใหญ่ขนาดนี กลับมีผ้ บู ริหารอายุ
น้ อย ใครๆก็จบั ตามองกันทังนันแหละ คงจะยุ่งน่าดู”

“แล้ วตอนทีกลับมาทีคอนโดนี ประมาณกีโมงหล่ะครับ?”

“ก็เกือบสีทุ่ม พีจะปิ ดร้ านแล้ ว เลยจําเวลาได้ ”

คง จะทํางานจนดึก พีหมอกเวลาทําอะไรแล้ วจะไม่ขยับตัวไปไหนจนกว่าจะทําเสร็จ หรือถ้ าจําเป็ นต้ องลุก


ออกมาจากโต๊ ะ ก็จะคิดวนเวียนแต่เรืองนันไม่หยุด

ต่อให้ ไม่เห็นกับตาก็ร้ ูว่าคงจะพยายามอย่างหนักอยู่ในเวลานี

“น่า สงสารจังนะ พึงจะอายุยีสิบกว่าเอง ต้ องไปทํางานหนักขนาดนัน เป็ นพีพีไม่เอาหรอก ทํางานทีไม่ต้องเครียด


มาก แต่เลียงชีวิตเราได้ ไม่ลาํ บากดีกว่า มีเงินมากมายก็ใช่ว่าจะมีความสุขซะทีไหน เผลอๆ ทุกข์ใจอีก คนนู้นก็จะ
มาแย่ง คนนีก็จะเอา มีเงินแต่ไม่ได้ ใช้ เพือความสุข หรือความสุขทีหามาได้ แค่ชวคราวจะมี
ั ประโยชน์อะไร”

“…นันสินะ”

“ฝากบอกหมอกด้ วยแล้ วกัน ว่าให้ รักษาสุขภาพมากๆ อย่าพึงแก่เร็ วเกินอายุไปซะก่อนหล่ะ”

“ถ้ ามีโอกาสผมจะบอกให้ ครับ”

“แล้ วนีย้ ายไปอยู่ไหนกันหล่ะ?”

“……”

“…..พีขอโทษนะ พีไม่ร้ ู ”

“เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนัน คือผมแค่คิดอยู่ว่าจะตอบพียังไงดี”


“ยังไม่ได้ เลิกกันใช่ไหม?”

“ยัง ครับ ยังไม่ได้ เลิกกัน” ไม่ใช่ผมทีตอบ แต่กลับเป็ นไอ้ โจ๋ทีรีบพูดขึนมา จนผักทีอยู่ในปากกระเด็นลงชาม


ราดหน้ า เลยพอจะมีเสียงหัวเราะดังขึนมากลบความเงียบทีน่าอึดอัดได้

ผมยิมอ่อนๆไปให้ พีแอน แม้ แต่น้องเอิรน์ก็ยงั ยิมตอบกลับมา เป็ นรอยยิมทีเหมือนจะให้ กําลังใจผมกลายๆ โดยไม่


จําเป็ นต้ องพูดอะไรออกมา

ก่อน จะยกถาดอาหารออกไป ก็พดู ทิงท้ ายไว้ ว่า “กลับมาคราวหน้ า พาหมอกเข้ ามาทักพีด้ วยนะ” ก็ได้ แต่พยัก
หน้ า ไม่ร้ ูจะทําได้ จริงๆหรือเปล่า

ตอน นี รู้สกึ เหมือน ถ้ าสักวันเหนือยจนทนไม่ไหว ก็อยากทีจะเข้ ามานอนเล่น ค้ างในห้ องนีสักคืน แก้ เหนือย
เพราะคืนทีผ่านมา ทําให้ ร้ ู สกึ เหมือนชารจ์พลังขึนมาใหม่ พร้ อมทีจะทํางานหรือเจอเรืองหนักๆในวันนีได้ อย่างไม่
กลัวอะไร

แค่ห้องทีเคยอยู่ร่วมกัน ยังมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี….

จนอดกลัวไม่ได้ เวลาทีคิดถึงชีวิตทีไม่มีพีหมอก

ไม่ร้ ูเลย ว่าถ้ ามันเกิดขึนมาจริงๆ ผมจะผ่านช่วงเวลาเหล่านันไปได้ อย่างไร

……………………………..
………………………

“ตี แล้ วแผ่นร่างของมึงหล่ะ?”

“ผมให้ พีโต้ งไปแล้ วนิ”


“ไหน วะ? เวรกรรม” พีโต้ งรือกองกระดาษบนโต๊ ะไป มองนาฬิกามุมห้ องไป “จะได้ เวลาเต็มทีแล้ ว ยังหาไม่เจออีก
มีซีรอกซ์เก็บไว้ อีกชุดหรือเปล่า”

“มีครับ เดียวเอามาให้ ”

มอง นาฬิกา ใกล้ เวลาบ่ายโมงเต็มที ผมรีบวิง แต่ยงั ไม่ถึงโต๊ ะ ก็มีแฟ้มสีส้มยืนออกมากันทางไว้ เสียก่อน หันไป
เห็นพีเชนเอนเก้ าอีออกมา มืออีกข้ างถือแก้ วกาแฟ “ว่าแล้ วว่าต้ องหาไม่เจอ เลยเตรียมไว้ ให้ ก็เล่นเก็บของเป็ น
ระเบียบกันซะขนาดนัน”

เสียงโทรศัพท์ดังติดกันหลายๆสาย เห็นพีเก๋รีบเดินไปรับ ก่อนจะหันมาบอก “พีโต้ ง เขาเรียกแล้ ว”

“แต้ งค์มากพี พีเองก็รีบวางถ้ วยกาแฟแล้ วไปได้ แล้ วเหอะ ผมเตรี ยมของไว้ ให้ หมดแล้ ว”

“ก็รอแต่พีโต้ งกับตีพร้ อมนีแหละ กูพร้ อมตังแต่เมือวานแล้ ว”

“โห ขีอวดหว่ะพี ฮ่าๆๆ”

ถูก ขยีหัวแล้ วโยกหัวเอนไปมา พอพีโต้ งเรียก ก็ถกู ดันหลังเดินตามออกไป ผมแค่ช่วยหอบของไปเท่านัน ถึง


ไอเดียจะผ่าน แต่หน้ าทีพรีเซนต์ให้ กบั ลูกค้ าก็ไม่ใช่หน้ าทีของผมอยู่ดี

มองไป ตามทางเดิน หวังว่าจะได้ เห็นคนทีกําลังรออยู่ แต่ก็ไม่ได้ เจอ เข้ าไปในห้ องประชุม วางของไว้ บนโต๊ ะที
เรียงตัวเป็ นรูปตัวยู แล้ วเดินออกมา ในห้ องมืด พีสตาฟกําลังเตรียมความพร้ อมอยู่ เป็ นการพรีเซนต์งานครังแรก
เพือดูว่าตรงกับทีต้ องการหรือต้ องปรับตรงไหนเพิม

“ใจมากเว้ ยตี กลับไปทํางานได้ แล้ ว”

“ครับ งันผมไปก่อนนะ”

พีโต้ งพยักหน้ า ไม่ได้ หนั มามองผม แต่พีเชนยิมให้ ผมเลยยิมตอบกลับไป

เดิน ออกไปจากห้ อง ชันสิบสีมีเพียงห้ องไม่กีห้ องเพราะกินเนือทีเยอะ ส่วนมากจะเป็ นห้ องประชุมเสียมากกว่า


คนเลยน้ อย นานๆทีจะเดินผ่านมาสักคน และส่วนมากก็จะเดินเข้ าไปในห้ องทีผมพึงเดินออกมา

ยืนรอลิฟต์ รู้ สกึ ช้ า จอดค้ างอยู่ทีชัน 13 สักพัก ก่อนจะขึนมา ก้ มมองพืน รองเท้ าเริมเยิน เห็นทีวนั นีคงต้ อง
กลับไปซัก ฝนตกเกือบทุกวัน จึงทําได้ แค่ผงให้
ึ แห้ ง

ประตูลฟิ ต์เปิ ดออก แสงสว่างเป็ นลําค่อยๆกว้ างขึน จะเดินเข้ าไปแต่ก็เห็นกลุ่มรองเท้ าหนังสีดําเดินสวนออกมา


ก่อน เลยต้ องถอยหลังให้ เงยหน้ าขึนมอง

….สายตานันมองมา แล้ วหันกลับไปทางด้ านอืน

ไม่ร้ ูเพราะว่าเงยหน้ าช้ าหรือว่ายังไง จึงเห็นเพียงแค่ตอนทีพีหมอกหันหน้ าไปแล้ ว

ใกล้ เกือบชนกันด้ วยซํา

ยืน อยู่ท่ามกลางผู้คนทีใช้ ชดุ สูทสีห้ าคน ในมือพวกเขาถือเอกสาร แฟ้ม เต็มไปหมด พีหมอกเอามือซุกลงกระเป๋ า


กางเกง เหมือนจะทําจนเป็ นนิสยั ยืนหลังตรง ผมสีดําสนิท สัน ไม่ได้ ปล่อยให้ ไม่เป็ นทรงเหมือนเมือก่อน ถูกหวี
มาจนเป็ นระเบียบ ทีแปลกคือ แว่นบนใบหน้ านัน คราวทีแล้ วไม่เห็น แว่นไม่ได้ ทําให้ ภาพลักษณ์ของพีหมอกดู
อ่อนโยนขึน แต่กลับทําให้ สายตาทีดูเหมือนจะทิมแทงคนมองนันยิงหนักหน่วงเข้ าไปอีก ดูจริ งจังกับงาน ใช้ ลบ
ภาพพจน์ความอ่อนประสบการณ์ไปได้ มาก

ประตูลฟิ ต์ปิดลง โดยทียังไม่ทนั ได้ เข้ าไป

พอ จะรีบกดปุ่ ม กลับลงไปถึงชัน 9 เสียแล้ ว จึงได้ แต่ถอนหายใจ มองแผ่นหลังในชุดสูทนันหายเข้ าไปในห้ อง


ประชุม แล้ วจึงเปิ ดประตูบนั ไดหนีไฟ เดินลงบันไดแทน

ไม่ร้ ูว่าสายตานันคิดอะไร จึงไม่ร้ ูว่าสมควรจะรู้ สกึ แบบไหนดี

ได้ เจอกันสองครังแล้ ว แต่ก็เป็ นสองครังทียังไม่ได้ พดู คุยอะไรซักอย่าง ยังไม่ได้ ร้ ูในสิงทีทําให้ ไม่มนใจ


ั หรือแม้ แต่
คําทักทาย ยังไม่ได้ พดู ออกมาด้ วยซํา

มองนาฬิกา ทํางาน แต่หวั ไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่ อยากรู้ อยากรู้ ว่าไอเดียทีเสนอไปนันจะเป็ นยังไง ถูกแก้ หรือเปล่า
หรือว่าจะถูกเปลียนทังฉบับ

คิดว่าอํานาจการตัดสินใจทังหมดอยู่ทีพีหมอก..ว่างานนีจะผ่านหรื อไม่

เกือบ สองชัวโมง ค่อยเห็นพีโต้ งเดินลงมา หน้ าตาดูอ่อนเพลีย รีบถาม “เป็ นไงบ้ างพี” ดูท่าจะไม่ใช่ผมคนเดียวที
สนใจ ทังแผนกรี บลุกมายืนล้ อมโต๊ ะพีโต้ ง พีแกพิงหลังกับเก้ าอีจนเก้ าอีเอนไปข้ างหลัง ยกมือขึนนวดตา
ถอนหายใจยาว เล่นเอาคนมองกลันหายใจรอคําตอบแทบไม่ไหว

“…ยังต้ องแก้ อีก เขาบอกว่ามันเรียบไป ไม่ดงึ ดูดพอ”

“พีโต้ ง หนูว่านะ อยากให้ ดงึ ดูด เอาแค่คณ


ุ อัษฏามาเป็ นพรีเซนเตอร์ ก็พอแล้ ว คนอะไร้ หล่อขนาด”

“ใช่ๆ ฉันก็คิดแบบนัน”

ได้ ยินเสียงกระแอมมาจากพีตัม พีเก๋ถงึ ยอมเงียบลงหน่อย หลายๆคนได้ ยินแล้ วก็เดินออกไปทํางานของตัวเอง


ต่อ แต่พีโต้ งกวักมือเรี ยกผมไว้ เลยไม่ได้ ไปไหน

“คุณอัษฏาหน่ะ เห็นปุ๊ ปก็ถามเลยว่าใครเป็ นคนร่างแบบ”

“แล้ วพีตอบไปยังไง?”

“ก็ บอกชือเอ็งไปหน่ะสิ พอเขาได้ ยิน เลยคอมเพลนเป็ นจุดๆ จนชักไม่แน่ใจว่าใครกันแน่เป็ นคนจ้ าง ดูท่าจะรู้เรือง


พวกนีพอควรเลย ไหนบอกเรียนวิศวะไง?”

ก็คงเพราะการบ้ านทีบางครังมีพีหมอกมาช่วย นันแหละ ถึงได้ ร้ ูขนาดนี ไม่ใช่แค่งานสองงานหรอก เพราะถ้ าผม


ทํางานติดกันไม่นอนสักสองวัน พีหมอกก็จะเข้ ามาช่วยงานผม ปล่อยให้ ผมนอนพัก

ผมส่ายหน้ าให้ พีโต้ งไม่ได้ ถามอะไรต่อ แต่กลับบอกจุดผิดพลาดในแบบของผมออกมา ทีละจุด เหมือนเป็ นการ


สอนงานผมไปในตัว บางครังก็หยิบแบบทีซีรอกส์ไว้ อีกชุดมาวงตาม แล้ วเขียนว่าผิดตรงไหน

พี โต้ งพูดซําอีกครังว่าให้ ลองไปแก้ ใหม่ แล้ วทําเป็ นภาพซีจีลงในคอมไปเลย เพราะนอกจากจะดูง่ายแล้ ว ยังใช้


เวลาน้ อยกว่า ต้ องรอเฮียกลับมาบ้ าน เพือจะได้ ใช้ โน๊ ตบุ๊คเฮียดู

เลิกงาน ฝนไม่ตก แต่ท้องฟ้าก็ครึมๆ ไม่ร้ ู ฝนจะตกเมือไหร่ หลังจากวันนันผมก็พกร่ มไว้ กบั ตัวตลอด ไม่อยากให้
ของสําคัญต้ องเสียหายอีก มือถือหายไปก็ยงั ไม่ได้ ซือใหม่ เวลาติดต่องานก็ลาํ บาก คิดว่าคงต้ องซือใหม่เร็วๆนี

รถเมล์จอดลงที ป้ายหน้ าปากซอย มืดแล้ ว ร่มนอนหงอยอยู่ในกระเป๋ า ไม่ได้ เอาออกมาใช้ ได้ กลินไก่ทอดร้ าน


แถวนีก็อดใจไม่ไหว เพราะยังไม่ได้ กินอะไรตังแต่กลางวัน จึงยืนซืออยู่นาน แม่ค้าชวนคุย ดูเหมือนออร่าต่อผู้สงู
วัยจะยังไม่หมดไป

เดียว นีตอนกลางคืน จะมีตลาดนัดแถวมหาลัย เมือก่อนเป็ นแค่ร้านค้ าเรียงๆกัน แต่พอนานเข้ า ก็เริมจะยึดพืนที


ถนน ตํารวจต้ องคอยมาไล่ สุดท้ ายเลยรวมตัวกันเปิ ดเป็ นตลาดนัดตอนกลางคืน สบายนักศึกษารุ่นน้ อง ตอน
กลางคืนหิว ไม่ต้องขับรถมาไกลถึงแถวหน้ าปากซอยผมหาของกิน

เดิน เข้ ามาในซอย แวะทําความรู้จกั กับหมาบางแก้ วทีเคยไล่กดั ผมกับไอ้ เค็ง พอโยนกระดูกไก่ให้ ก็ทําเมิน อด
หัวเราะไม่ได้ เหมือนไอ้ หนึงไม่มีผิด แต่พอสักพักก็มากิน พอหมดไปอันก็กระดิกหางเข้ ามา เลยยกไก่ทียังมีเนือ
อยู่ไปให้ อีกชิน จนกระทังเจ้ าของบ้ านเปิ ดไฟหน้ าบ้ าน เลยต้ องรีบวิงออกมา คงกลัวหมาโดนวางยาเบือ เพราะได้
ยินมาว่าไอ้ ตวั นีมันซ่าพอตัว

ใกล้ ถึงบ้ านแล้ ว เห็นเสาไฟทีอยู่ตรงข้ ามหน้ าบ้ าน พึงเห็นว่าเสาข้ างๆ ไฟเสีย มืดไปบริเวณหนึง

ใต้ เสาไฟต้ นทีเสีย เห็นรถคันหนึงจอดอยู่ เจ้ าของรถหรือใครสักคนพิงรถหลังกับรถ มองไปทางตรงข้ าม ผมเห็น


เงาคนๆนันลางๆ ไม่ได้ เดินเข้ าไปต่อ แต่เพราะว่าผมยืนอยู่ใต้ เสาไฟ พอคนนันหันหน้ ามาเห็น เลยทําท่าเหมือนจะ
กลับเข้ าไปในรถ ผมรีบวิงเข้ าไปหา ในมือยังถือถุงไก่อยู่ วิงเร็วกว่านี อาจจะไก่หก แต่ไม่ใช่เรืองสําคัญในตอนนี

“พีหมอก!!”

เรียก เรียกออกไปแล้ ว

มีเพียงพีหมอก กับผม ได้ ยินเสียงหมาเห่ามาจากทีไกลๆ ผมวิงเข้ าไปหา ไม่มีใครเข้ ามาขวางเหมือนคราวทีแล้ ว

ถึงตัวพีหมอกก่อนทีพีหมอกจะจับประตูเปิ ดออก จับแขนไว้

“…พีจะหนีผมไปไหน”

“กูไม่ได้ หนี”

ยังเหมือนเดิม

ใช้ คําเรี ยกเหมือนๆเดิม ไม่ได้ เปลียนไป แบบนันใช่หรือเปล่า?

“แล้ วทําไมคราวทีแล้ ว…พีทําเหมือนไม่ร้ ูจักผม”

พีหมอกไม่ได้ ตอบ

พีหมอกไม่โกหก ถ้ าหลีกเลียงทีจะพูดความจริง ก็จะเงียบไว้


“ท..ทําไมไม่ตอบผมหล่ะ”

พีหมอกเบียงหน้ าหนีไปทางอืน ไม่ได้ หนั กลับมา ยังสูงกว่าผม ดูเหมือนจะสูงกว่าเดิม สูง จนอยู่ในทีๆผมไปไม่ถึง

“พีหายไปสามปี ..แต่พีกลับพูดกับผมว่าผมทักคนผิด มองผมเหมือนกับคนไม่ร้ ูจกั กัน”

มือ พีหมอกชืนเหงือ แถวนีมีแค่ลมเบาๆ อยู่ในชุดสูทแบบนัน คงจะร้ อน ต่อให้ ถอดเสือนอกออก ก็ยงั คงร้ อนอยู
ไม่มีไทอยู่ทีคอ ปลดกระดุมออกเม็ดบนๆ เหมือนพึงจะทํางานเสร็ จ

“ถ้ าพีไม่อยากเจอผมแล้ ว…พีจะขับรถมาทีนีทําไม”

“…กูมีเหตุผลของกู”

“แล้ วพีจะบอกผมไม่ได้ หรอ?”

มันขมวดคิว ไม่ได้ มองมาทางผม ผมเลยก้ มหน้ าลงตํา มองมือผมทีจับข้ อมือพีหมอกไว้

อยู่ตรงหน้ าแล้ ว

ทังๆทีอยู่ตรงหน้ าแล้ วแท้ ๆ แต่กลับรู้ สกึ เหมือนมีบางอย่างมาปิ ดกันเอาไว้

“ผม คิดถึงพี สามปี นี ผมไม่ได้ ยินแม้ แต่เสียงของพี ไม่ร้ ูด้วยซําว่าพีจะกลับมาหรือเปล่า รู้แค่พีไปอเมริกา รู้แค่นี
ผมถามเพือนพี ก็ไม่มีคนไหนยอมบอกผม เพราะพีบอกไว้ หรอ? ว่าไม่ให้ บอกผมว่าพีหายไปไหน”

“…ถ้ ามึงรู้แล้ วมึงจะตามไปหรือไง? รู้แล้ วทําอะไรได้ จะมีแต่ยิงทําให้ มงึ เสียใจเปล่าๆ”

เสียใจ

เสียใจเรืองอะไร

เรืองทีว่าต่อให้ ผมรู้ว่าพีอยู่ไหนก็ทําอะไรไม่ได้ หน่ะเหรอ?

“มัน ก็ดีกว่าทีพีทําหรือเปล่าหล่ะ! ผมไม่ร้ ูจะติดต่อพียังไง ไม่ร้ ู ด้วยซําว่าพีสบายหรือเปล่า ผมรอ พีบอกให้ ผมรอ


รอทังๆทีผมไม่ร้ ูอะไรเลย พีคิดว่าผมจะรู้สกึ ยังไง!!”
พีหมอกไม่ได้ พดู อะไรต่อ รู้ สกึ เหมือนจะหันมามอง แต่ผมไม่ได้ เงยหน้ าขึนไปดู ผมเห็นจากเงาทีฉายลงบนตัวผม

“…ผมอยู่กบั ความไม่แน่นอนแบบนี…ถึงทีพีพูดมันจะถูก แต่อย่างน้ อย..ผมก็อยากจะรู้บ้าง…”

ไม่อยากร้ องไห้

ผม ร้ องไห้ ให้ กบั พีหมอกมาหลายครังแล้ ว ถ้ าเป็ นไปได้ ผมอยากจะยิม ยิมให้ มนั มากกว่า เพราะตังแต่ผมเห็น
หน้ ามันคราวนี ผมยังไม่ได้ เห็นรอยยิมทีผมคิดถึงเลยสักครัง

ความแน่นอนนันแสนจะ น่ากลัว ไม่ร้ ูจะตกลงไปสูค่ วามท้ อแท้ เมือไหร่ ความหวัง ถึงจะมีไว้ แต่สกั วันหนึง มันก็
อาจจะหมดไป ผมอยู่กบั สภาพแบบนันมาสามปี แต่ทกุ อย่าง เรืองทุกอย่าง มันก็เกิดขึนมาจากตัวผม ทีไม่ได้ คิด
ตัดสินใจให้ รอบคอบก่อนทีจะทําอะไรลงไป

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก พีหมอกทําเพียงถอนหายใจเบาๆ

“ปล่อยมือ…”

“ไม่ ผมไม่ปล่อย ถ้ าปล่อย พีก็จะหนีผมไปอีก”

“ไม่ว่ายังไงกูก็ต้องไป”

“…ผมไม่อยากให้ พีไปไหนอีกแล้ ว อยู่กบั ผม…นะ อยู่กบั ผม”

ผมหลับตาแน่น ไม่อยากเห็น ไม่อยากรู้ ว่าพีหมอกทําสีหน้ าแบบไหนอยู่ ไม่ว่ามันจะเป็ นแบบไหน ก็ไม่อยากจะ


คิดถึง

ไม่ร้ ูนําเสียงของพีหมอกนัน ซ่อนความรู้สกึ แบบไหนอยู่ เพราะตอนนีมันเรียบเฉย นิง เสียจนไม่ร้ ู ผมจะทํายังไง


ต่อไป

“…ผมไม่อยากโกหกอีกแล้ ว ไม่ว่าจะเป็ นตัวผม หรือพี …”

ทีโกหกไปว่าไม่ได้ รัก

ทังๆทีทุกอย่างมันก็เห็นชัดอยู่ถงึ ขนาดนี
คําโกหกนัน ยิงทําร้ ายคนฟั งมากเท่าไหร่ คนพูดก็ยิงเจ็บมากขึนทวีคณ

“....ผม-“

“อย่า อย่าพูดมันออกมา”

เสียงพีหมอกขัดออกมาสียก่อน จึงได้ แต่กัดริมฝี ปากไว้

เงย หน้ าขึนมอง เห็นดวงตาคู่นนจ้


ั องมองผมอยู่ รู้สกึ เหมือนเป็ นดวงตาคู่เดิมทีเฝ้ามองผมมาตลอด นัยน์ ตาคู่นนั
พยายามทีจะซ่อนความรู้สกึ ไว้ ภายใต้ ความเย็นชา แต่มนั ไม่สาํ เร็ จ

พีก็เจ็บปวดใช่ไหม?

พีก็ร้ ู สกึ แบบผมด้ วยใช่หรือเปล่า?

ไม่ใช่แค่ผม ทีเจ็บปวดอยู่อย่างนี…

การรอคอยทียาวนาน ผมอยากให้ มนั จบลงสักที

“ปล่อย…กูจะกลับแล้ ว”

“….พีหมอก”

“…กูได้ ในสิงทีกูต้องการแล้ ว…”

“อะไร? อะไรคือสิงทีพีต้ องการ?”

พีหมอกไม่ได้ ตอบ

แต่ร้ ูว่าถามซําไปก็ไม่มีประโยชน์ พีหมอกออกแรงดึงเบาๆ ผมจึงปล่อยมือออก

รถคันนัน ไม่ใช่คนั เดิมกับทีเคยเห็น แม้ จะยังเป็ น BMW แต่ก็เป็ นคันใหม่ เป็ นคันทีผมไม่เคยเห็นมาก่อน

และก็เป็ นรถคันนี ทีพาพีหมอกไปจากผมอีกครัง…หายไปในความมืดจนมองไม่เห็น


ทิงผมไว้ กบั ความคิด….ว่าอะไรคือสิงทีพีหมอกต้ องการ….

……………………………….
……………………..

B.N.5

สิงทีพีต้ องการคืออะไร...

………………………….
………………..

มา ทํางานแต่เช้ า อาจจะเช้ าเกินไปหน่อยเลยต้ องนังรอยามเปิ ดประตูเหล็กให้ เข้ าไปในตัวตึก ไฟยังไม่เปิ ดดีนกั


พอๆกับทีท้ องฟ้าข้ างนอกเป็ นสีส้มเทา ตอนนีได้ มือถือเครืองใหม่ ถึงจะพูดแบบนันแต่ก็เป็ นมรดกตกทอดจากของ
เฮีย หน้ าจอสี มีรอยแตกร้ าวพอดูเก๋ไก๋ นังเล่นเกมงูรอเป็ นเพือนพียาม คุยเรืองสัพเพเหระตามประสาคนว่างงาน

ทีมาทํางานเช้ าแบบนี ไม่ใช่เพราะขยัน หรือหวังตําแหน่งพนักงานดีเด่น แต่เป็ นเพราะว่านอนไม่หลับ เอาแต่มอง


นาฬิกาว่าเมือไหร่จะเช้ าสักที สุดท้ าย ทนไม่ไหวเลยลุกขึนมาอาบนําแต่งตัวตังแต่ตีสี เลยถึงทีทํางานหกโมงเช้ า
แบบนี

พียามทีนังด้ วย มีปรัญชามุมมองชีวิตในแง่มุมแปลกๆ ไม่ได้ ร้ ูสกึ เสียใจทีทําหน้ ายาม เพราะเป็ นหน้ าทีสําคัญ พอ


ถามว่ายามมาจากคําว่าอะไร ก็ตอบอย่างภูมิใจว่า “ยามจําเป็ น เรี ยกหายาม” เหมือนจะเป็ นคติประจําใจในการ
ทํางาน แม้ จะเป็ นงานทีไม่ก้าวหน้ า หลายคนมองว่าเหนือย แต่พอเห็นว่าพีเขาทํางานด้ วยความสุข ทํางานด้ วย
ใจรัก ก็อดไม่ได้ ทีจะชืนชม

เมือ ก่อนตอนเด็กๆเคยดูซีรียส์ฝรังเรืองหนึง พระเอกถูกเลียงขึนมาในสถาบันวิจยั เด็กอัจฉริยะ พอโตขึนมา


พระเอกก็หนีออกมาจากสถาบันนัน เพราะไอคิวทีมากกว่าคนอืนทัวไปเกือบเท่าตัว เลยลองทํางานทุกอาชีพ
ตังแต่หมอ ตํารวจ พยาบาล คนขับเครืองบิน นักวิทยาศาสตร์ และอีกหลายๆงาน ทีบางครังก็หาความเชือมโยง
กันไม่ได้ เลย รู้ว่ามันเป็ นแค่เรืองทีเกิดจากจินตนการ แต่บางครังก็อยากจะลองทําดูจริ งๆซักครัง

ลองนังวาดแบบใหม่ คงคอนเซปต์เดิม แต่เปลียนจุดทีโดนติ ไม่ได้ เร่งรีบ ทําไปเรือยๆตามทีต้ องการ พอตืนเช้ าขึน


หน่อย ก็ร้ ูสกึ มีเวลามากขึน ทําอะไรหลายอย่างได้ มากขึน

“ตี”

“ห้ ะ? อ้ าว พีเชน หวัดดีครับ”

“มาทําอะไรแต่เช้ าวะ ปกติเห็นมาก่อนเวลาห้ านาทีเองนิ”

“ผมอยากตืนเช้ าบ้ าง แต่ดจู ะเช้ าไปหน่อยแหะ”

ยกนาฬิกาขึนมาดู พีเชนพูด “พึงจะเจ็ดโมงกว่าเอง”

“กินข้ าวมายังหน่ะเรา”

“รองท้ องมาแล้ วนิดหน่อย ผมกินเท่าไหร่ก็ไม่อิมหรอก”

“เด็กวัยกําลังโตนิ ไปกินข้ าวกันไหม? เดียวฝากกระเป๋ าไว้ ทีนีก็ได้ ”


“พีเลียงป่ ะ?”

“มาเกาะกูกินเลยดีกว่าแบบนี”

“ผมล้ อเล่น ไปดิพี”

แถว ทีทํางานก็มีตลาดอยู่ แต่ไม่ใช่ตลาดของสด ส่วนมากจะเป็ นร้ านข้ าวแกงมากกว่า เพราะอยู่ใกล้ ตกึ


สํานักงาน กลุ่มลูกค้ าก็จะเป็ นมนุษย์เงินเดือนแถวนีทีวนเข้ าออกตึกกันเป็ นชีวิตประจํา วัน

“กินโจ๊ กไหม?”

“ไม่ดีกว่า ผมรู้จกั เจ้ าทีอร่อยทีสุดในโลก แต่ตอนนีไม่ขายแล้ ว ไว้ ว่างๆจะพาไปกินสูตรต้ นตํารับกับมือสุดยอดแม่


ครัว”

“หือ? พูดแบบนีแล้ วยิงอยากรู้แหะ ร้ านไหน พูดมาดิ เพือรู้จัก”

“ไม่บอก ฮ่าๆๆ หลอกให้ งง”

พี เชนทําหน้ าหงอยๆ แต่สกั พักก็หวั เราะออกมา พอเจอกลินอาหารหอมๆก็อดไม่ได้ ทีจะเดินตามเข้ าไป สุดท้ าย ก็


ได้ กินก๋วยจับเจ้ าอร่อยกันคนชามครึง ชามทีสองสังมาหารกัน จะกินสองชามก็ได้ แต่กลัวเข้ าไปหลับตอนทํางาน
เลยหยุดท้ องตัวเองไว้ ก่อน

“วันนีว่างหรือเปล่า?”

“มีเคลียร์ งานลูกค้ าตอนเช้ า เดียวก็เสร็จแล้ ว ทําไมวะพี?”

“เดียวสอนทําซีจีให้ ”

“เอาจริงดิ? ใช้ คอมในห้ องหรอ?”

พีเชนพยักหน้ า บอก “โปรแกรมครบ ตีก็ทําได้ อยู่แล้ ว ขาดแต่เทคนิคดีๆ ไม่น่านานหรอก ช่วงบ่ายว่าง เดียวสอน


ให้ ”

ผม พยักหน้ า ยกช้ อนขึนตักเส้ นก๋วยจับเส้ นสุดท้ ายเข้ าปาก แต่กลับพลาด กระเด็นลงชาม จนนําก๋วยจับกระเด็น
เลอะหน้ าไปหมด พีเชนเห็น ก็หวั เราะ ก่อนจะหยิบทิชชู่ยืนให้ พอทําท่าจะไปรับ กลับยืนแขนออกมาจนสุด แล้ ว
เช็ดให้ ผม

เห็นภาพบางภาพทับซ้ อนมา เหมือนเคยเกิดเรืองแบบนีมาก่อน

คนๆ นัน ใช้ ทิชชู่เช็ดให้ ผม แรงจนเอนตัวไปข้ างหลัง อาจเพราะไม่เคยทําให้ ใครมาก่อนเลยไม่ร้ ูจะทํายังไง แรงกด
มากไป แต่ก็ไม่ได้ ออกแรงถูจนเจ็บ คงจะกะแรงไม่ถกู เป็ นเรืองเล็กๆทียังจําได้ นึกถึงทีไร ก็ยงั ยิมให้ กบั ความทรง
จําแบบนีเสมอ

คงจะหนีไม่พ้นคําว่าคิดถึง ใช่…คิดถึง

แล้ ว ก็อดคิดต่อไม่ได้ ว่าคนๆนันยังจะจําเรืองราวเล็กๆนีได้ อยู่หรือเปล่า ได้ แต่หวัง หวังว่าสามปี ทีผ่านมา พีคงจะ


ไม่ทําแบบนีกับใครคนอืนนอกจากผม

“…ตี”

“ครับ?”

“เป็ นอะไร? เหม่อเชียว”

“ผมนอนไม่พอ ง่วงจนเบลอนิดหน่อย”

“ก็รีบๆนอนสิวะ เด็กดีไม่นอนดึกนะเว้ ย”

“มีแต่คนชอบไล่ผมไปนอนจัง ตอนเรียน ไม่หลับไม่นอนติดกันสามสีวันยังทนได้ เลย”

“นันมันผ่านมาแล้ ว ตอนนีมึงก็แก่ขนแล้
ึ วนิ ฮ่าๆๆ ระวังเป็ นตาลุงก่อนวัยอันควรแล้ วจะหาว่ากูไม่เตือน”

…พีหมอกเคยไล่ผมไปนอนบ่อยๆ

บาง ครังจะไม่พดู ออกมาจากปากเอง แต่จะมาปิ ดไฟ ปิ ดแอร์ แล้ วก็เก็บงานทีผมทําอยู่ พอผมโวยวายก็หนั มา


ขมวดคิวให้ ถ้ าผมกระโดดขึนไปนอนบนเตียง ก็จะถูกดึงคอเสือขึน ลากไปถึงห้ องนํา เหมือนแม่แมวคาบลูกแมว
ไม่มีผิด

โอวัลตินอุ่นๆ จะมีพีหมอกชงมาให้ กินเสมอ เวลาผมไอเดียไม่แล่น งานไม่เดิน ก็จะมานังใกล้ ๆ ไม่ได้ พดู อะไร แต่
ถ้ าผมพูด ก็พร้ อมทีจะรับฟั ง

เคยไม่เข้ าใจ ว่าทําไมถึงต้ องทําขนาดนี

ทังทีพีหมอก ไม่เคยห่วงใคร แม้ แต่ตัวเอง ยังลืมทีจะเอาใจใส่ แต่กลับสังเกตเห็นทุกเรืองทีเกียวกับผม มากกว่าที


ผมมองตัวเอง

ผมมารู้คําตอบ ในช่วงเวลาทีไม่มีพีหมอก นังถามตัวเองทีละคําถาม จนทุกสิงมันชัดเจน

ใน ตอนนี พีหมอกก้ าวเดินไปข้ างหน้ า โตเป็ นผู้ใหญ่ และบางที ผมก็ด้วยเช่นกัน มุมมองบางอย่างทีเคยเห็นเริ ม


จะเปลียนแปลงไปทีละเล็กละน้ อย จนเรืองทีเคยเป็ นปริ ศนาในความคิด ก็เริ มทีจะเข้ าใจมัน

“…ทีเหม่อแบบนี เพราะเรืองความรักหรือเปล่า? ไปชอบใครมาหล่ะ บอกได้ ไหม?”

“ไม่ได้ ชอบใครมาหรอกพี แต่แค่กําลังรออยู่”

“รอ?”

“…ไม่ร้ ูว่าต้ องรอถึงเมือไหร่ แต่ก็รออยู่…”

พีเชนไม่ได้ ตอบอะไร ทําเพียงลดสายตาลงจากผมช้ าๆ

มองจากตรงนี เห็นเพียงกระจกของแว่นสะท้ อนภาพออกมา ไม่เห็นสายตาของพีเชน….

……………………………………..
…………………………
…………………

ตอน บ่ายก็ได้ ลองทําซีจีใหม่ดอู ีกครังหนึง ผมไม่ชอบทํางานในคอมเท่าไหร่ มันไม่สะดวกเหมือนทีเราทําเองกับ


มือ แต่พีเชนบอกเพราะว่าเรายังไม่ชิน ถ้ าชินเมือไหร่ น่าจะคล่องมือกว่านีแน่
“…ปรับ Layers นีเป็ น Multiply ก่อน อย่างทีบอกไปเมือกีนันแหละ แล้ วก็จะเหมือนเอาเลเยอร์ นีไปไว้ ข้างหลัง
แทน เออ แบบนัน ไหนดูดิ ว่าแบบร่างไรต่อ”

“อ่อ แล้ วก็ปรับแสงอันนีใช่ป่ะ”

“เออๆ แบบนันแหละ ก็เรียนรู้ไวดีนีหว่า แล้ วทําไมก่อนหน้ านีไม่ทํา?”

“ผมไม่ค่อยชอบอ่ะ”

“บาง ทีก็พดู แบบนีไม่ได้ หรอก ในชีวิตนี คงจะเลือกทําแต่สิงทีชอบไม่ได้ ยังไงเรืองนีก็ต้องหัด เพราะอนาคต มัน


จะจําเป็ นมาก เข้ าใจไหม?”

พยัก หน้ า พีเชนก็ยิมบางๆ ก่อนจะลุกออกไปจากเก้ าอีตัวข้ างๆก็หันหน้ ามาบอก “ทํางานไป เดียวไว้ เย็นๆจะเข้ า
มาเช็คอีกทีว่าตรงไหนทีต้ องปรับ ทีพีโต้ งบอกมาก็ลองดูว่าตรงไหนจะแก้ ได้ บ้าง”

“ครับ”

“…เอ่อ..ตี”

“ฮะ?”

พีเชนเงียบอยู่นาน ดูคล้ ายกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยงั ลังเล “คุณอัษฏาหน่ะ….”

แต่สดุ ท้ ายก็ไม่ได้ พดู อะไร กลับหันหลังให้ ผมเลยรีบดึงมือไว้ “พีจะพูดอะไร พูดออกมาดิ อย่ามาพูดแค่นี ผม


อยากรู้ ”

“…ช่างมันเหอะ”

“พีอยากถามอะไรผมหรอ? ถามมาดิ”

“..มันอาจจะเป็ นเรืองส่วนตัว ไม่อยากก้ าวก่ายเท่าไหร่ ”

“…..”

“แค่สงสัย…สงสัยไอ้ ปฏิกริยาของเขาตอนทีได้ ยินว่าเป็ นงานตี”


“ทําไมหรอ? เขาทํายังไง”

ได้ ยินมาจากปากพีโต้ ง แต่ก็ยงั ไม่พอ อยากรับรู้ทุกอย่างทีเกียวกับพีหมอก เพราะผมไม่ได้ เห็นด้ วยตาตัวเอง

“…ปก ติคณ ุ อัษฏาจะไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่ ถ้ าพูดก็จะพูดทีต้ องการจริงๆ อย่างหัวข้ อ ก็ไม่ได้ ให้ มา บอกแค่ว่า


ต้ องการแบบไหน แต่ไม่ได้ ละเอียด ทังๆทีตอนคอมเม้ นต์งานตีก็ดเู ป็ นคนมีความรู้ ด้านนีอยู่ จะพูดว่ายังไงดี
เหมือนเขารู้ว่างานตีบกพร่องตรงไหน อย่างทีพีโต้ งบอก มันก็เป็ นจุดทีตีมักจะทําซําๆเหมือนเป็ นนิสยั ทีไม่ร้ ูตัว”

ต้ องการจะสืออะไร

อยากพูดอะไรออกมา

“…เขารู้จกั ตีดี…ขนาดไหน?”

“ผมขอไม่บอกได้ ไหม?”

“…แค่ใบ้ ก็ยงั ดี”

“พีจะรู้ไปทําไม? หัวข้ อก็อสซิบหรอ? เอาผมไปพูดในชมรมแม่บ้านอาจจะดับก็ได้ นะ”

“ไม่หรอก อย่างน้ อยก็แผนกบัญชีหล่ะทีอยากรู้เรืองตีจนตัวสัน”

“ก็สนิทกัน…มากกว่าทีผมสนิทกับพี”

พี เชนเงียบ เหมือนกําลังหาคํามาพูดต่อ สุดท้ าย คงจะนึกไม่ออก จึงได้ แต่เดินออกไปเงียบๆ ไม่ร้ ูจะคิดได้ หรือ


เปล่าว่าผมต้ องการจะหมายถึงอะไร ผมต้ องการคนทีจะมาเป็ นพีให้ ผม ต้ องการเพือนร่วมงานทีดี แต่ถ้ามากกว่า
นี มีแค่พีหมอกคนเดียวเท่านันทีผมจะให้ ได้

ต่อให้ เป็ นคนทีดีกว่าพีหมอก รวยกว่า หล่อกว่า นิสยั ดีกว่า หรือทุกอย่างเท่าทีจะคิดได้ บนโลกใบนี คนทีหลุด
ออกมาจากอุดมคติ

ไม่ว่าแบบไหน ผมก็ไม่ต้องการ

ไม่ ได้ ตามออกไป ไม่ร้ ูถ้าออกไปปลอบใจจะเป็ นการให้ ความหวังอะไรหรือเปล่า ยังไงก็กนั ไว้ ดีกว่า ต่อให้ เป็ นแค่
ความคิดชัววูบ แต่ถ้าไม่ตดั ไฟแต่ต้นลม ปั ญหาก็ตามมาได้ ทังนัน

กลับมาจ้ องจอคอมอยู่ตรงหน้ า รู้ว่าต้ องทําอะไรต่อ แต่มือก็ไม่ได้ ขยับเมาส์แม้ สกั นิด

……………………………….
……………………….

วันนี ต้ องเสนองานรอบทีสอง แต่วนั นีเวลาทีอีกฝ่ ายเสนอมาคือช่วงเย็น ตอนนีเป็ นเวลาเทียง คนทีรับผิดชอบใน


โปรเจคต์นีเริมวิงวุ่น เห็นพีโต้ งนังนวดขมับอยู่ทีเก้ าอี โทรศัพท์หาลูกสาว บอกให้ กลับบ้ านเอง สักพัก เมียพีเขาก็
โทรมาด่าถึงที เห็นแบบนีแต่กลัวเมียอย่าบอกใคร เป็ นหนัก ระยะสุดท้ าย รักษาไม่ได้ รอวันตายลูกเดียว

งานทีนังทํา เลือดตากระเด็นเซฟไว้ ในคอม ยังไม่ได้ ปรินท์ออกมา คิดว่าเดียวปรินท์ ช่วงบ่ายก็น่าจะยังทัน เอา


ไอเดียเดิมบวกกับคอมเม้ นต์ของหลายๆคน พอมาทําเป็ นภาพซีจี เลยดูง่าย สวยกว่าตอนทีร่างด้ วยมือเสียอีก

แต่ก็ไม่ได้ ว่าง เพราะต้ องมาช่วยพีตัมเคลียร์ งานทีพีแกดองไว้ จนไหเริมแตก มีพีเก๋ยืนบ่น ถ้ าเจ๊ จะบ่นขนาดนีก็


อย่าเปลืองพลังงานเลย มาช่วยกันเถอะครับ พีตัมก็ทําหน้ าเซ็งๆ แต่คงจะเข้ าพรรคเดียวกับพีโต้ งไปแล้ ว จึงได้ แต่
สงบเสงียมเหมือนฟั งเทปธรรมมะยังไงชอบกล

ยืดตัวออกจนสุด จนเก้ าอีเอนหลังลง เห็นพีโต้ งลุกออกไปจากเก้ าอี มองตามไป เห็นกรรมการบริหารคนหนึงยืน


อยู่ตรงนัน ถ้ าจําไม่ผิด รู้สกึ จะเป็ นเพือนก๊ งกับพีโต้ ง เลยดูสนิทกันมากกว่าเจ้ านายลูกน้ อง ออกไปคุยเรืองอะไร
สักอย่างทีนอกห้ อง ดูจริงจังทังคู่ มองอยู่สกั พัก พอพีตัมส่งแฟ้มมาให้ เลยต้ องกลับมาทํางานต่อ

หันไปมองเป็ นระยะ ก็เห็นว่าผู้ชายคนนันมองเข้ ามาเหมือนกัน เผลอจ้ องตา แต่ก็ต้องรีบหลบสายตา เพราะไม่


อยากให้ คิดว่ากําลังแอบมองอยู่ รีบหันไปคุยเรืองไร้ สาระกับพีตัม โชคดี ทีพีแกเป็ นคนจุดติดง่าย เลยยาวเกินกว่า
ทีต้ องการไปหน่อย

เงย หน้ าขึนมาจากงานตรงหน้ า เห็นพีเชนยืนมองอยู่แถวโต๊ ะพีโต้ ง พอเห็นผมมอง ก็รีบหันไปคุยกับพีเอ๋ ตังแต่วนั


นัน ก็ยงั ไม่ได้ พดู คุยกันแบบเดิมนัก มีแต่คยุ กันเรืองงาน ผมรู้ สกึ อึดอัด แต่คิดว่าอีกไม่นาน มันก็น่าจะกลับมาเป็ น
ปกติ
“ไอ้ ตี ปรินท์แบบมึงยัง?”

“ยังหว่ะพี เดียวผมปรินท์ ให้ แป็ ป”

เดินไปทีคอม หาไฟล์งานทีเซฟไว้ ก็ต้องขมวดคิว ไม่อยู่ หายไปไหนวะ? ลองหาไฟล์ทีคิดว่าน่าจะมี แต่ก็ว่างเปล่า

“อะไร?ตี?”

“พีเชน ผมหาไฟล์ผมไม่เจออ่ะ”

“ไหน เช็คดีๆหรือยัง ดูอีกรอบดิ”

ไม่มี พีโต้ งเดินเข้ ามาถาม “ไหน? ปรินท์หรือยัง”

“..ยัง พีโต้ ง ผมหาไฟล์งานผมไม่เจออ่ะ”

“เอ้ า ไม่ใช่เมือวานแกนังทําอยู่ตรงนีหรอตี เห็นทํามาตังหลายวัน”

“เออดิพี ไปไหนวะ”

“กูบอกแล้ วไอ้ ตีให้ เซฟใส่แฟลชไดรฟ์ เวรแล้ ว ใครเผลอลบไปหรือเปล่า เดียวกูก้ ขู ้ อมูลให้ ไม่ร้ ูจะได้ หรือเปล่านะ”

ผมลุกให้ พีเชนนังแทน แต่ถงึ กู้ได้ ก็คงต้ องใช้ เวลาพอสมควร คงไม่น่าจะทัน

“…พีโต้ งคะ”

พีเมย์ พีในแผนกทีเข้ ามาก่อนผม ผมไม่ค่อยสนิทด้ วยเท่าไหร่ ทํางานดี แต่ไม่ค่อยคุยกับใคร

เธอเดินเข้ ามา ในมือถือกระดาษชุดหนึงไว้

“ใช้ อนั นีก่อนก็ได้ คะ หนูพงทํ


ึ าเสร็จเมือวาน”

“…เมย์ ?”
ผมทียืนอยู่ข้างๆพีโต้ ง เห็นภาพในกระดาษนันก็พดู ไม่ออก

มัน คืองานของผม ทีถูกปรับแต่งสีหลักออกไปหน่อย เพราะพีเขามีประสบการณ์มากกว่า พอเปลียนสีไป ทุก


อย่างเลยดูดีขนึ รูปแบบหลักยังอยู่ ดูก็ร้ ูว่าเอาภาพของผมไปแต่งเพิม

“พีเมย์? พีไปเอารูปนีมาจากไหน”

“….ทําเอง”

“…..”

“เมย์ ไม่คิดว่ามันน่าเกลียดไปหรอไง”

“น่าเกลียด? น่าเกลียดอะไร?”

พีเชนลุกขึนยืน กระชากกระดาษออกมาจากมือพีโต้ ง เปิ ดดูทีละแผ่น หลายๆคนทีทํางานอยู่เงยหน้ ามามอง


เพราะได้ ยินเสียงพีเชนพูดเสียงดัง

“ทําแบบนีไม่เรียกว่าน่าเกลียดแล้ วเรียกว่าอะไร ขโมยงานไอ้ ตีมา เห็นก็ร้ ูว่างานไอ้ ตีมัน ชัดซะขนาดนี”

“เอาทีไหนมาพูด พีมีหลักฐานหรือไง?”

“จะบอกว่าแค่เปลียนสีก็เรียกว่าทําเองแล้ วหรอ? แบบนีมันไม่ทเุ รศไปหน่อยหรือไง? ไอ้ ตี มึงพูดไปเลยดิว่างาน


ของมึง”

ผมมองหน้ าพีเมย์ เห็นพีเมย์จ้องกลับมา

กล้ าพอทีจะขโมยงานคนอืนถึงขนาดนี ต่อให้ พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์

ผมส่ายหน้ าให้ พีเชน แต่ดเู หมือนพีเชนจะไม่ยอม หันไปหาพีโต้ ง “พี พีพูดไปดิ ว่านีมันงานของไอ้ ตีชัดๆ พีก็เห็น”

“…เรืองนีต้ องคุยกันแน่ แต่ในเวลานีคงต้ องเก็บไว้ ก่อน เพราะใกล้ จะถึงเวลาประชุมเต็มทีแล้ ว”

“พีโต้ ง!!”
“ไอ้ เชน ขนาดตีมันยังนิงๆ มึงก็อย่าเดือดร้ อนแทนได้ ไหม”

“ตี มึงก็พดู อะไรไปดิ”

“พี คนทีถึงขนาดกล้ าลอกงานผมขนาดนี จะให้ ผมพูดอะไรไปอีก มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ ว พีเมย์ พีเข้ าทํางาน


ก่อนผม แต่พีลอกงานผมอย่างนี น่าขํานะ”

“พูดแบบนีหมายความว่ายังไง?”

“พี ได้ ยินแบบไหนผมก็หมายความแบบนันแหละ ผมนังคิด นานแค่ไหนกว่าจะได้ แบบนี โดนคอมเม้ นต์ โดนแก้


ต้ องมานังทํางานทีผมไม่ถนัดกว่าจะได้ ชินนีมา ถ้ าพีฟั งถึงขนาดนีแล้ วยังไม่ร้ ู สกึ อะไร ผมยกให้ ก็ได้ งานชินนี
เพราะผมยังไงก็ไม่มีสว่ นได้ สว่ นเสียอยู่แล้ ว งานชินนียังไงผมก็ยกให้ พีโต้ งอยู่ดี ถือว่าเป็ นประสบการณ์ ว่าเพือน
ร่วมงานดีๆยังมีได้ เพือนร่วมงานแย่ๆทําไมจะหาไม่มี”

“ตี!”

“พีเมย์ ผมไม่เคยทําอะไรให้ พี แต่ถ้าพีจะทําแบบนีกับผม ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่าให้ มีครังทีสอง”

พี เมย์กดั ฟั นแน่น ไม่ได้ โกรธ ดูเหมือนกําลังอดทนกับคําเสียดแทงของผม แต่ก็ยงั ยืนอยู่ตรงนันไม่ไปไหน พีโต้ งดึง


งานคืนออกจากมือพีเชน ส่ายหน้ า พีเชนดูโมโหมากกว่าผมเสียอีก เลยต้ องผลักให้ ออกจากมุมนีก่อน ดันออกไป
จนถึงระเบียง ปิ ดประตูลง ระเบียงแคบๆมีเพียงพวกผมสองคน ลมพัดแรง ได้ ยินเสียงแตรรถดังขึนมาถึงชันนี

“ตีจะไปยอมมันทําไม! ก็เห็นอยู่ว่าใครกันแน่ทีผิด”

“เอาเหอะน่าพีเชน ช่างมันเหอะ”

“ยอมอะไรง่ายๆขนาดนีเลยหรอตี ทังๆทีมันเป็ นงานของเราเนียนะ?”

“คน ไหนทําแล้ วงานมันดีกว่า ก็ดีไป เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็อยากเห็นงานของพวกเราในโปรเจคต์นีออกมาดีทีสุด


เขาทํางานออกมาได้ เนียบกว่าผม ผมก็ต้องยอมรับฝี มือ”

“แล้ วมันคุยงาน ร่วมกันไม่ได้ หรือไง เมย์จะเดินมาบอกความเห็นของตัวเองไม่ได้ หรือไง แบบนีมันเรียกว่าขโมย


ความคิด ตี? ทําไมยอมได้ ? กูไม่เข้ าใจ”

“…พีพอเหอะ เดียวผมโมโหมาก เผลอต่อยผู้หญิง ไม่ดีๆ”


“ตี…มึงหนีปัญหา มึงแค่ไม่กล้ าชนกับมัน”

“….”

“เพราะ หนีปัญหาแบบนี ถึงต้ องทําให้ ใครต่อใครเจ็บปวด เพราะไม่กล้ าชนกับมันสักที เลยทําให้ คนทีรอต้ องลังเล
กูพดู ถูกหรือเปล่าตี มึงเคยทําแบบนีกับใครหรือเปล่า”

“…พี”

“มึงเป็ นคนดี แต่บางครัง ความดีของมึงก็ทําร้ ายคนรอบข้ างไม่ร้ ู ตวั กูพดู เตือนด้ วยความหวังดีนะตี อย่าพึง
รําคาญอะไรกูเลย”

“ผมเข้ าใจครับ…ผมก็เป็ นแบบทีพีพูดจริงๆนันแหละ ไม่ได้ ผิดเลย”

ผมทําคนเสียใจ กับการตัดสินใจของผมมาหลายต่อหลายครังแล้ ว

ทางทีผมคิดว่าถูก ทางทีผมคิดว่ามันเหมาะสมทีสุด บางครัง ก็เป็ นทางทีผมทําร้ ายคนทีผมรักมากทีสุด


เช่นเดียวกัน

“อย่าง ครังนี ถ้ ามึงปล่อยมันผ่านไป มันจะมีครังทีสองอีกไหม? มึงตอบกูได้ หรอตี….มันกลายเป็ นสร้ างนิสยั แย่ๆ


ให้ เขาไป ถ้ าอนาคต เมย์ไม่ได้ รับการให้ อภัยแบบนีหล่ะ มันก็เท่ากับมึงทําร้ ายเขาทางอ้ อมด้ วย ไม่ร้ ูหรอ?”

“พี..ผมขอนะ ครังนีครังเดียว เพราะผมอยากให้ งานนีออกมาดีทีสุด”

“…ทําไม ถึงต้ องทุ่มเทให้ กบั งานนีมากขนาดนี กลับบ้ านดึก ไม่ยอมกินข้ าวกลางวัน มาบริษัทแต่เช้ า ถึงกับ…
ยอมให้ คนอืนเอางานของตัวเองไป..”

ทําไมต้ องเสียใจแทนผมขนาดนีด้ วย..

ผมไม่ได้ เสียใจสักหน่อย..ไม่ได้ เสียใจ

ไม่ ว่าใครทํางานนีก็ไม่สาํ คัญ เพียงแต่ขอให้ มนั เป็ นงานทีออกมา ดีทีสุดเท่าทีเคยมีมา ให้ เหมาะกับความตังใจ
ของพีหมอก ทีความสามารถของผม อาจจะมีมากไม่พอ
“เพราะผม…..”

ลมพัดแรงวูบหนึง จนต้ องยกมือขึนเสยผม พีเชนทีอยู่เบืองหน้ า รู้ สกึ ระยะห่างลดลงเรือยๆ

ใกล้ จนริมฝี ปากแทบจะชนกัน…

ผมรี บเอนตัวหลบ พีเชนไม่ได้ ตามมา

คงไม่ได้ จะทําอะไรแบบทีผมคิด แต่อาจจะแค่อยากกระซิบอะไรบางอย่าง

คิวนันขมวดเข้ าหากัน ใกล้ ขนาดนี แต่กลับเบนสายตามองไปทางด้ านข้ าง

“….ใช่คณ
ุ อัษฏาหรือเปล่า? ทีตีกําลังรออยู่?”

………………………………….
…………………….

B.N.6

บางครังมนุษย์ก็ โลภจนน่ากลัว ทําบางสิงบางอย่างไปจนลืมคํานึงถึงความถูกต้ อง เพียงเพราะอยากมี อยากได้


อยากเป็ น ยับยังช่างใจไม่อยู่ สุดท้ าย ความผิดพลาดนัน ก็จะวนกลับมาหาตัวเอง

ผมไม่อยากจะมองหน้ าพีเมย์ด้วยซําในเวลานี

เธอ นังอยู่ถัดจากพีโต้ ง วันนี พีโต้ งตัดสินใจพาผมกับพีเมย์ขนมาด้


ึ วย ความจริง ก่อนหน้ านีผมก็สมควรจะเข้ า
ร่วมการประชุม แต่บอร์ ดบริหารกลับคิดว่าน่าจะให้ พรีเซนต์ ผ่านพีโต้ งมากกว่า เพราะมากประสบการณ์ และด้ วย
วุฒิภาวะ อาจทําให้ งานนีดูน่าเชือถือมากกว่าพนักงานเข้ าใหม่อายุยีสิบสีแบบผม

ข้ าง ผมเป็ นพีเชน นังนิงๆ หมุนปากกาไปมาในมือ เหมือนกําลังคิดอะไรอยู่ ในขณะทีรอบๆตัวเรา พีๆคนอืนๆยัง


เดินไปเดินมาเตรียมงาน พวกเราสีคนกลับนังนิงเหมือนโดนแช่แข็ง อาจเป็ นเพราะความเย็นทีแผ่ออกมาจากตัว
พีโต้ ง พีเขานังเขียนลงอะไรบางอย่างลงสมุดมาสักพักแล้ ว ไม่ร้ ูว่าทําอะไร แต่ในหัวกลับนึกถึงประโยคทีเคยได้ ยิน
มาจากพีๆในแผนก ว่าอย่ามองแต่ภายนอก เพราะพีโต้ งบริหารงานเก่งอย่างไม่น่าเชือ

นาฬิกาอยู่ฝังตรงข้ าม เข็มเดินไปตามแรงหมุน ติก ติก ติก

ผมจับจ้ องมัน ราวกับรอเวลา

ประตู เปิ ดออก ทําให้ ทกุ คนหันไปมอง ความสว่างจากทางเดินข้ างนอกทําให้ เห็นกลุม่ ผู้บริหารของ T.K.group ที
เดินเข้ ามา หนึงในนัน อยู่ในชุดสูททีคล้ ายคลึงกับคนอืนทว่าโดดเด่นกว่า อาจเป็ นเพราะส่วนสูง หน้ าตา หรือกลิน
อายอะไรก็ตาม ตรึงสายตาคนทังห้ องประชุมนีให้ มองตามก้ าวจังหวะการเดิน พีหมอกกวาดสายตามองไปรอบๆ
หยุดทีผมเพียงครู่ แล้ วมองผ่านต่อไป

พีหมอก..ดูโทรมกว่าครังทีแล้ วทีเห็น

เหมือนจะทํางานหนัก เห็นรอยคลําใต้ ตานัน แม้ จะไม่ชดั แต่เพราะเป็ นรายละเอียดทีผมสังเกตเห็น เลยบอก


ความแตกต่างได้

ประตูปิดลง ในห้ องมืดมีเพียงแสงจากโปรเจคต์เตอร์ เงียบลงโดยปริยาย

ก่อน ทีจะนําเสนออะไร จะมีแบบให้ ลกู ค้ าได้ ดคู ร่าวๆก่อน แล้ วค่อยพรีเซนต์ ต่อ เพือนําเสนอจุดเด่นของแบบ
กระดาษในแฟ้มถูกดึงออกมา พีหมอกเอนตัวเข้ ากับเก้ าอี ทําให้ เก้ าอีรับแขกกลายเป็ นเหมือนเก้ าอีประจํา
ตําแหน่งได้ ในพริบตา

ก้ มหน้ ามองดูงานทีถูกทําสําเนาเพิม ได้ ยินแต่เสียงกระดาษถูกเปิ ดผ่าน เร็ว จนเหมือนดูผ่านๆ

หลายคนรอบโต๊ ะ คิดว่ามองภาพนัน แทบจะหยุดหายใจ หน้ าพีหมอกนิง ไม่ได้ แสดงออกถึงความรู้สกึ อะไร

“…..งานของใคร”

“…….”
เสียงพีหมอกดังขึนในห้ องประชุม ไม่มีใครตอบอะไรออกไป

“ผมถามว่างานของใคร”

“….ของฉันเองค่ะ”

“…ผม ไม่ได้ ถามคุณ” แทบจะพูดปิ ดท้ ายประโยคของพีเมย์ บรรยากาศดูเย็นขึนทันที แต่ผมกลับรู้ สกึ อยากขํา
ออกมา ไม่ร้ ูทําไม “ผมถามคุณประกิตต์ ”

“เป็ นโครงแบบของอธิษฐาน แต่ว่าอภิญชาเอาไปปรับแต่งเพิม-”

“มันคือการขโมยงานหรือเปล่า?”

“….”

แอบ เห็นตัวแทนของหน่วยอืนก้ มหน้ าซุบซิบกันจนมีเสียงเกิดขึนเบาๆไปทัว พีเมย์ดจู ะอําๆอึงๆพูดไรไม่ออก ส่วน


พีโต้ งก็ได้ แต่นิงเงียบ

“ทําไมไม่ตอบ การให้ ลกู ค้ านังรอคําตอบแบบนี เป็ นนโยบายของบริษัทคุณหรอ?”

สาย ตาพีหมอก เบนจากพีโต้ งออกมาช้ าๆ ก่อนจะมาหยุดทีผม รู้สกึ เหมือนจากทีหลบอยู่หลังผ้ าม่านแดงบนเวที


จู่ๆก็ถกู ถีบออกไปยืนอยู่กลางสปอรต์ไลท์ ไม่มีบทหรือการซ้ อมล่วงหน้ ามาก่อน

ได้ ยินเสียงพีเชนพึมพํา…ทําไมถึงรู้นะ?

“นีมันงานของคุณไม่ใช่หรือไง?”

“ครับ”

“แล้ วทําไมผู้หญิ งคนนันถึงบอกว่าเป็ นงานของเธอ”

“มันเป็ นงานของผม ทีพีเขาเอาไปทําต่อจนเสร็จครับ”

“….โกหก”
เสียงแบบนี เคยได้ ยินมาก่อน

เหมือนสามปี ทีแล้ ว ไม่มีอะไรเปลียนไป

คําว่าโกหกของพีหมอก ทีดังซําไปซํามา ตอนนี ผมได้ ยินมันก้ องอยู่ในหัว

“ถ้ า การขโมยงานเป็ นเรืองปกติ พวกคุณคงไม่จําเป็ นสําหรับผม เป็ นแบบนี ผมจะหาแบบทีผมชอบเองแล้ ว


เลียนแบบมา ปรับแต่งนิดหน่อย มันไม่ง่ายกว่าหรือยังไง?”

การพูดการจาทีดูเป็ นผู้ใหญ่ ตรงประเด็น กระชับ ถึงแม้ จะพูดเยอะขึนกว่าเมือก่อน แต่ก็คงเป็ นเพราะว่าตําแหน่ง


หน้ าที ทําให้ ต้องพูดออกมาในสิงทีต้ องการจะสืออย่างขัดไม่ได้

แม้ แต่ท่าทางก็ยงั ดูจะข่มคนอืนไม่ร้ ู ตวั กดให้ คนทีมองรู้สกึ ตํากว่า บางที ลักษณะแบบนีอาจจะเหมาะกับการเป็ น


ผู้นํา

“ในวงการนี ผลงานทีลอกมา …ผมเรียกว่าขยะ”

กระดาษ ทังแฟ้มถูกปั ดตกลงพืน ใจพวกผมถึงกับหล่นตามไปด้ วย มองหน้ ากันเลิกลัก เพราะว่าเป็ นลูกค้ าสําคัญ


เมกะโปรเจคต์ ไม่ว่ายังไงก็ต้องคว้ าเอาไว้

กระดาษ บางแผ่นปลิวว่อนมาถึงปลายเท้ า ผมไม่ได้ ก้มลงเก็บ เพราะอยากถูกสายตาคมกริบนันตรึงไว้ อยู่ รู้ สกึ


คล้ ายกับมีลวดหนามขึงไว้ จนเหลือเพียงช่องแคบๆให้ นงั ขยับตัวไปไหนไม่ได้

ถาม ด้ วยคําถามทีส่งตรงถึงผม

ตี ไม่ใช่อธิษฐาน ทีอยู่ในฐานะลูกน้ องบริษัท หรือบทบาทอะไรก็ตาม

“ทําไมถึงยอมให้ เขาขโมยผลงานไป…”

“…เพราะ เขาทําออกมาได้ ดีกว่าผม ยังไง งานนีมันก็ไม่ได้ เป็ นของผมอยู่แล้ ว ผมแค่เข้ ามาช่วย เสนอไอเดีย แล้ ว
จะส่งต่อให้ หวั หน้ าแผนกอยู่ดี ไม่สาํ คัญว่าใครทํา เพราะสุดท้ ายแล้ ว ผลงานทังหมดก็อยู่ภายใต้ ชือบริษัท
เดียวกัน”

พีหมอกไม่ได้ พดู อะไรต่อ เห็นแต่ถอนหายใจออกมา หันกลับไปทีบอร์ ดบริหารของบริษัทผม ทีนังตัวแข็งทือเป็ น


หิน

“อะไรทีสมควรจะจัดการก็จดั การซะ ผมไม่ชอบเห็นอะไรแบบนี”

“ครับ”

“ส่วนงานก็ให้ เขารับผิดชอบต่อ แต่อย่าให้ มนั เกิดครังทีสอง ความไว้ วางใจไม่ได้ สร้ างกันง่ายๆ หวังว่าจะเข้ าใจ”

พีโต้ งรีบพยักหน้ า พูดยํา “ครับ”

“จุดทีผมคอมเม้ นต์ ไปคุณก็แก้ มาหมดแล้ ว แต่ผมไม่ชอบสีสดแบบนี มันไม่เหมาะกับสินค้ าของผม”

ตลอด การประชุมยังมีการพูดเหน็บแนมให้ ได้ ยินเป็ นระยะๆ พีหมอกดูจริ งจัง ตังใจทํางาน พาลให้ นึกถึงตอน
ทํางานอยู่ทีบริษัท คงจะจริงจังไม่ต่างจากตอนนี ลูกน้ องคงได้ กลัวกันหัวหด

ดูดงึ ดูด ผ่านไปสามปี ยิงดูเป็ นผู้ใหญ่มากขึนเท่าไหร่ ยิงดูมีเสน่ห์มากขึนเท่านัน ผมคิดว่าผมเห็นรูปหัวใจในตา


ของผู้หญิ งแถวนีหลายคน

เหลือบไปเห็นพี เมย์นงคอตก
ั นําตาหยดลงกระดาษข้ างหน้ า ถึงจะรู้สกึ สงสาร แต่มนั ก็เป็ นผลทีตามมาจากการ
กระทําของเธอเอง ไม่ว่ายังไง ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ พอผ่านไปเกือบสีสิบนาที ก็เดินออกไปจากห้ องประชุมทัง
นําตา ทุกคนดูจะเงียบไปสักครู่ ก่อนจะหันมาสนใจธุระของตัวเอง

เกือบสองชัวโมง ผมนังจดรายละเอียดต่างๆลงสมุดเล่มทีพกไว้ ประจํา ยังมีหลายจุดทียังถูกตําหนิอยู่ พีหมอกพูด


สัน บางครังพูดออกมาแล้ วก็ไม่เห็นภาพ อาจจะทํางานลําบากหน่อย แต่ก็ต้องพยายาม บางครัง ก็จดคําพูดของ
พีหมอกลงไปด้ วย ไม่ร้ ู จะช่วยอะไรได้ บ้าง

บรรยากาศ รู้สกึ จะเปลียนไปในความคิดผม

ไม่ ได้ เงยหน้ าขึนมองรอบๆ จดจ้ องอยู่กบั กระดาษทีตรงหน้ า เลยรู้ สกึ คล้ ายกับว่าผมนังอยู่ทีพืน พีหมอกนังอยู่ที
โซฟา จิบกาแฟ ชีจุดผิดให้ ผมทีละจุด เป็ นสายตาทีมองจากคนทัวไป อาจจะมีความรู้ ด้านสถาปั ตย์บ้างนิดหน่อย
แต่กลับมองเห็นในจุดทีแม้ แต่ผมหรือเพือนๆไม่เห็น

มันเป็ นสิงทีเคยเกิดขึนบ่อยๆจนบางครังเป็ นสิงเคยชิน ไม่เคยรู้ว่ามันมีค่ามากขนาดไหน

ผมรู้ สกึ แบบนีขึนมาไม่ร้ ูตัว พอถูกเรียกชือเบาๆ เงยหน้ าขึน บรรยากาศแบบนันก็หายไปในพริบตา


“ตี…ตรงนียังไม่ได้ เขียนไว้ เลยว่าต้ องแก้ ”

“อ่อ ขอบคุณมากครับพี”

การ ประชุมจบลงแล้ ว ครังหน้ า พีหมอกพูดทิงไว้ ว่าคงไม่ว่างมา อาจจะส่งคนอืนมาฟั งแทน แต่ขอให้ ส่งแบบไป


ให้ ทางอีเมลล์ แต่ก็ไม่พดู ชือเมลล์ พีโต้ งคงจะมีรายละเอียดอยู่แล้ ว

ครังหน้ างานก็คงจะสมบูรณ์ ถ้ าพีหมอกไม่มา ก็คิดว่าอาจจะหมดโอกาสทีจะได้ เจอกันอีก

เผลอ กดดินสอแรงจนไส้ ดินสอหัก เงยหน้ ามาก็เห็นสายตาจากฝั งตรงข้ าม พออีกฝ่ ายเห็น ก็รีบเบือนหน้ าออกไป
ลุกขึนจากเก้ าอี คนลุกตามเป็ นพรวน พูดสันๆ “ขอตัว” แล้ วเดินออกไปจากห้ อง ทิงให้ ลกู น้ องบางคนเก็บของให้

อยากตามไป แต่จากคราวทีแล้ วก็โดนเตือนมาทีนึง เลยเลือกทีจะนังอยู่เฉยๆ ต่อให้ ไม่ได้ เจอกันในเวลาทํางาน


บางที อาจจะได้ เจอกันในเวลาทีเหลือ

เชือว่าพีหมอกก็กําลังรอ

ไม่ร้ ูว่ากําลังรออะไรอยู่ รอผม หรือว่ารอเวลา

ยังไม่ได้ คําตอบว่าพีหมอกต้ องการอะไร…ไม่อยากคิดเข้ าข้ างตัวเอง

“…ตี”

“ครับ?”

“เปล่า จะบอกว่าจะลงไปข้ างล่างกันแล้ วนะ”

“อ่อๆ ได้ ๆ”

ไม่ อยากอยู่กบั พีเชนแค่สองคน ยังมีคําถามทีผมไม่ได้ ตอบพีเชนอยู่ เพราะตอนนัน พีเอ๋มาเรียกไว้ ซะก่อน บอก


ว่าใกล้ เวลาประชุมให้ ไปเตรียมตัว

“พีจะทํายังไงกับพีเมย์ ?”
“ก็คงต้ องลงโทษกันตามกฏ แล้ วตีหล่ะ ยังยอมอยู่หรือเปล่า”

“…แล้ วบทลงโทษคืออะไร?”

“อาจจะโดนไล่ออก”

“ก็แล้ วแต่กรรมการจะพิจารณา ผมคงไม่มีสทิ ธิห้ามอะไร…”

“กฏมัน ก็คือกฏ ต่อให้ ตียอมหรือไม่ยอม ก็ไม่มีการผ่อนผันอะไรอยู่ดี ไม่ใช่พีไม่ร้ ูนะว่างานตี แต่บางครัง สถา


การณ์ก็บีบให้ คนเราต้ องเลือก เลือกทีจะขึนไปมือเปล่า ไม่มีงานให้ ลกู ค้ าดู หรือเก็บเรืองภายในไว้ เคลียร์ ทีหลัง”
เดินไปตามทางเดิน เหลือเพียงสามคน พีเชนยกมือถือขึนมากด เลยไม่ได้ ร่วมในวงสนทนา”แต่สงที ิ คิดไม่ถึงสุดๆ
ก็คงจะเป็ นคุณอัษฏา ฉลาดเป็ นกรด มองปราดเดียวรู้หมด คงจะคุ้นกับงานตีดี ถึงได้ ร้ ูเร็วขนาดนัน”

ผมพยักหน้ า ไม่ได้ ตอบอะไรกลับไป พีโต้ งกดลิฟต์ เพราะออกจากห้ องเป็ นกลุม่ สุดท้ าย จึงเหลือแค่สามคนทียืน
อยู่ตรงนี

“..เมือ ก่อนเคยสงสัย ว่าทําไมติวากุลถึงเลือกให้ คนหนุ่มขนาดนีขึนคุมบริษัททีไทย ตอนนีคิดว่าคงจะเริมเข้ าใจ


ขึนมาบ้ าง ถึงจะยังไม่เห็นอะไรชัดเจนก็เถอะ งานนีคงจะเป็ นเหมือนงานเปิ ดตัวเลยสินะ ว่าจะรุ่ งหรือร่วง”

“งานนีใหญ่ขนาดนันเลยหรอพี”

“จากบริษัท ทีส่งออกแต่ชินส่วน หันมาทําสินค้ าแบรนด์ตวั เอง ไม่บอกว่าบ้ าก็ต้องเรี ยกว่าโคตรบ้ าแล้ ว ทําแบบนี
กึงหนึงก็อาจจะเป็ นการหักคอลูกค้ าบริษัทตัวเองด้ วยซํา คงมีหลายบริษัททีย้ ายการลงทุนกับติวากุลไปทีอืนแทน
แถมงานนียังใช้ เงินทุนมหาศาล คงเป็ นการวัดลูกชายตัวเองเลยสินะ ว่าจะอยู่หรือไป ถึงให้ คมุ งานใหญ่ขนาดนี
เนีย”

“แล้ วทําไมเขากล้ าเสียงขนาดนี ทําไมพ่อ…คุณอัษฏา..ไม่มาทําเองเลยหล่ะ”

“ตลาด ใหม่ทีจีนหน่ะ มันมีมูลค่ามากกว่าทีนีซะอีก” เดินก้ าวเข้ าไปในลิฟต์ เหมือนกําลังฟั งเรืองเล่าของคนทีไม่


รู้จกั มันดูยิงใหญ่ ในขณะเดียวกัน ก็ร้ ูสกึ ถึงภาระทีมากขึนตามมา

จะเหนือยแค่ไหนกันนะ…

ไม่มีทางรู้ด้วยสายตา ยิงกับคนทีไม่แสดงออกถึงความรู้สกึ ของตัวเองออกมา ยิงไม่ต้องหวัง


เมือ ก่อนก็เคยคิด ว่าถ้ าพีหมอกโตขึนจะเป็ นแบบไหน แต่ภาพแบบนี ดูจะต่างไปจากความคิด ไม่ค้ นุ กับความ
เย็นชาของพีหมอก ไม่ค้ นุ กับภาพลักษณ์แบบนี การวางตัวทีกันคนอืนออกจากพืนทีข้ างๆของตัวเอง ทํางานหนัก
จนคิดว่าอาจจะเกินไปสําหรับมือใหม่ในโลกธุรกิจ

และก็ไม่ค้ นุ เคย กับสายตาไร้ ความรู้ สกึ แบบนันด้ วย…

………………………………
………………………

“อ้ าว ตี? วันนีก็มาหรอ”

“ครับลุง วันนีผมซือกล้ วยปิ งมาฝากพีๆด้ วย”

“ไม่ต้องซือมาให้ ก็ได้ เก็บตังไว้ เถอะ”

ลุงชัยถอดถุงมือออก ยกมือดําๆนันถูกบั กางเกงทีดูจะดํากว่า “มาดูบ่อยแบบนี จะเห็นความคืบหน้ าของงานชัด


แค่ไหนหล่ะเนีย?”

“ผมก็แค่อยากมาดูทกุ วัน ตรงนีมันใกล้ ด้วย ห่างจากบริษัทนิดเดียว”

ลุง ชัยเป็ นโฟร์ แมนของแผนกช่างครับ ตอนนี จากทีเคยเป็ นเหมือนห้ องสีเทาโล่งๆ มีแต่ฝนุ่ ค่อยๆเปลียนไป เริมมี
การวางสายไฟให้ ว่นุ วายไปหมด พีๆหลายคนพอเห็นผมก็ยิมให้ ผมเดินไปหา แล้ วยืนกล้ วยให้ คนละไม้ สองไม้

“ตกลงนีมันบริษัทตีใช่ไหม? ใจดียังกับเจ้ านายมาเอง”

“ผมแค่มาเป็ นกําลังใจให้ เฉยๆ ยังไงนีมันก็งานผมส่วนนึง แถมยังเป็ นงานใหญ่ ด้วย ผมจะปลืมหน้ าบาน พีคงไม่
ว่าผมใช่ไหมหล่ะ”
อีกเกือบๆสองเดือน แท็บเล็ตตัวแรกก็จะถูกเปิ ดตัว งานของพวกผมทังหมด จบลงแล้ ว มีแผนกอืนรับหน้ าทีต่อ
จากพวกผม

ไม่ ได้ เจอพีหมอกอีกเลยหลังประชุมวันนัน ทีบอกไม่ว่าง ก็หมายความว่าแบบนันจริงๆ เห็นแต่เลขาพีหมอกมา


เข้ าประชุมแทน ได้ ยินมาว่าไปทีสิงค์โปร์ มาช่วงหนึง อาจจะไปหาพีเมฆ แต่ก็เป็ นแค่การคาดเดา

นังลงกับเก้ าอีพลาสติกตัวเตียๆ ลุงชัยบ่น “ออกไปรอข้ างนอกไม่ได้ หรือไงตี ทีนีมีแต่ฝน”


ุ่

“ก็ผมอยากดูนิน่า”

“อยากดูมากย้ ายมาอยู่ฝ่ายนีเลยไหม รับรอง ได้ ดทู งวั


ั นเลย… ออกไปเถอะ”

มาทุกวัน แล้ วก็โดนไล่แบบนีทุกวัน แรกๆก็เป็ นบ้ าง แพ้ ฝนจนนํ


ุ่ ามูกไหลไม่หยุด ไปทํางาน ก็มีแต่คนถามว่าไม่
สบายหรือยังไง

พูด ถึงทีทํางาน แล้ วก็นกึ ถึงเรืองพีเมย์ขนมาได้


ึ สุดท้ ายก็เป็ นพีเขาทีชิงลาออกก่อนทีบริษัทจะเชิญออก ไม่มีแต่
คําขอโทษ ไม่พดู อะไรด้ วยซํา มีแต่คนยืนมองเธอเก็บของ ทุกคนหมดคําพูดทีจะพูดกับพีเมย์ไปไม่ร้ ูตัว

สายตาทีหันกลับมามองผมนันดูจะเกรียวกราด แต่ก็เต็มไปด้ วยหลายอารมณ์เสียจนไม่ร้ ูว่าอารมณ์ไหนทีพีเมย์


รู้สกึ มากกว่า

…ผมไม่ได้ ผิด

ผมไม่ได้ ผิดทีเซฟงานของผมไว้ ในคอมบริษัท แล้ วก็ไม่ได้ ผิดด้ วย ทีเธอต้ องมาเก็บของออกไปจากโต๊ ะตัวเองแบบ


นี

แต่ถงึ อย่างนัน ผมก็ยงั ไม่อยากมองหลังเล็กๆทีหิวกล่องลังนันเดินออกไปอยู่ดี

อาจจะดูเหมือนเป็ นคนดี แต่ผมว่ามันคือกลไกลป้องกันจิตใจอย่างหนึง เพือให้ เราไม่ร้ ูสกึ ผิด

ผมไม่ใช่คนดี แค่อยากทําตัวให้ เป็ นคนดีเท่านัน

“ลุงว่าเสร็จแล้ วมันจะเป็ นยังไง”

“…สวยสิ ต้ องออกมาสวยแน่ๆ ทุกคนตังใจกันขนาดนี ไม่ว่ายังไงก็ต้องออกมาดี”


“อย่างงันก็ดีแล้ วครับลุง”

เพราะทํามาแล้ วไม่ร้ ูกีร้ อยครัง หลับตาลงก็ร้ ูว่ามุมไหนจะออกมาเป็ นยังไง

อยากให้ ออกมาเรี ยบร้ อยทุกอย่าง ไม่อยากให้ มีอปุ สรรคอะไร

อยากให้ ทีแห่งนี กลายเป็ นทีของพีหมอก ทีๆพีหมอกจะได้ เห็นผลของความทุ่มเท ความพยายามทังหมด

นัง เท้ าคาง พิงเข้ ากับผนังฝั งหนึง ไม่มีเสียงตัดกระจกหรือตัดกระเบืองเหมือนเมือวาน วันนีจึงมีแต่เสียงพูดคุย


ปกติ ในทีนี เงียบและมืดกว่าข้ างนอก จนดูไม่ออกว่าอยู่ในห้ างเดียวกัน

หลับ

หลับไปไม่ร้ ูเมือไหร่ ไม่ร้ ู ด้วยซําว่าเพลียเรืองอะไร ทังๆทีงานทุกอย่างก็จบหมดแล้ ว รับงานฟรีแลนซ์ ตามปกติ ใช่


คงเป็ นเพราะงานนีแหง ถึงได้ ง่วงขนาดนี

ตืน มา เพราะท้ องร้ อง เห็นลุงชัยกําลังเดินมาทางนี ทางเดินสว่างโร่ ถึงได้ ร้ ูว่ามานอนพิงอยู่กบั โซฟาของห้ าง ทีตัว


มีเสือนอกคลุมอยู่ เลยรู้ สกึ อุ่น คนเ◌ิ ◌ิ ริมบางตา เวลาคงจะผ่านไปสักพักแล้ ว

“อ้ าว ตืนสักที กะว่าถ้ าไม่ตืนจะทิงแล้ วนะเนีย”

“ผมหลับไปตังแต่เมือไหร่เนีย..” อ้ าปากหาวกว้ างจนนําตาไหลออกมา ยกมือขึนปาด มือเลอะฝุ่ นจริงๆด้ วย

“ทํางานหามรุ่งหามคําอีกแล้ วหน่ะสิเจ้ าตี ดึกแล้ ว ไปหาอะไรกินกันไหม?”

“เสือนี….”

กําลังจะถามว่าของใคร แต่ก็เงียบปากไว้

มุด หน้ าลงไปในเสือตัวนัน กลินชัด หลับตาลง รู้สกึ เหมือนหายเหนือยในพริบตา ไม่มีกลินเหงือ แต่เป็ นกลินทีจะ
มีอยู่กบั ของทุกอย่างทีถูกสวมใส่ไว้

เหมือนถูกกอด ..เป็ นเรืองทีคิดขึนมาก็อดทีจะรู้ สกึ ละอายใจขึนมาอย่างเสียไม่ได้ น่าอาย จะไม่มีวนั พูดคํานีให้


ใครฟั งเด็ดขาด คงต้ องเก็บไว้ เป็ นความลับ แม้ แต่เจ้ าของเสือตัวนีก็ตามที
“เมือกีเห็นคนหนุ่มๆเข้ ามา ไม่ร้ ูเหมือนกันว่าใคร แต่ก็ไม่กล้ าไล่เหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็ นผู้บริหารอะไรซักอย่าง
ไม่ร้ ู สิ มีกลินอายแบบนัน พอเดินเข้ ามาเห็นตีหลับอยู่ก็ไม่พูดอะไร แบกขึนหลังออกมา ลุงต้ องรีบวิงเข้ าไปช่วย
เพราะคิดว่าเจ้ าตีคงจะหนักน่าดู แต่กลับแบกออกมาได้ สบายๆ”

“แล้ วเขาไปไหนแล้ ว?”

“กลับไปซักชัวโมงแล้ วหล่ะมัง ไม่เห็นจะพูดอะไร พอแบกตีออกมานังทีนีก็เดินกลับเข้ าไปดูใหม่ ไม่นานก็ไป”

“เสียดายจังเนอะ ไม่ได้ เจอ”

“รู้จกั กันหรอ”

“ครับ ถ้ าลุงรู้ ว่าเขาเป็ นใคร ต้ องหงายหลังแน่”

“ใครกันๆ? พูดแบบนีลุงอยากรู้นะเจ้ าตี”

“ผมไม่บอกหรอก ปล่อยให้ ลงุ สงสัย เอาให้ คืนนีนอนไม่หลับเลย”

ถูกยีหวั จนผมยุ่ง ผมหัวเราะ รู้สกึ เหมือนได้ รับคําชมจากการทํางานหนัก

กอด เสือตัวนันไว้ แน่นในอ้ อมแขน สัญญาไว้ กบั เสือทีไม่ร้ ูจะรับฟั งได้ หรือเปล่า ว่าถ้ าเจอกันครังหน้ าเมือไหร่ จะ
ไม่ใช่แค่เสือตัวนีเท่านันทีผมจะกอดไว้

รอ

ไม่ร้ ูว่าเมือไหร่ วนั นันจะมาถึง

แต่ถงึ เวลานัน ผมก็จะไม่คืนเสือตัวนีให้ พีหรอก..

พีหมอก
…………………………………….
……………………..

คําเตือน ตอนนีไม่มีตี ไม่มีเรืองทีต้ องยกมือฮริว แต่มีพีหมอก(นิดนึง)กับเรืองการทํางาน

B.N.6.1

เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชันนําของประเทศ เกรียตินิยมเหรี ยญทองอันดับหนึง พอถึงกลางเทอมของปี สาม ก็มี


บริษัทมาจองตัวเข้ าทํางานทันที

เป็ น บริษัทฮาร์ ดแวร์ ชือดัง แต่ในเมืองไทยคนมักจะไม่ค่อยรู้จกั เพราะผลิตชินส่วนส่งออกให้ บริษัทต่างประเทศ


ไม่ได้ ผลิตสินค้ าภายใต้ แบรนด์ของตัวเอง ข้ อเสนอเงินเดือน โบนัส รถประจําตําแหน่ง วันหยุดทีไม่ต้องการ
มากมายไปหมด เหมือนกลัวว่าจะยึดตัวเขาไว้ ไม่อยู่ เลยตกปากรับคําไป

คาดหวังว่าจะ ได้ เจ้ านายเป็ นผู้มีประสบการณ์ทางการตลาด กลยุทธยอดเยียมทีดูฟาดฟั นราวกับดูหนังสงคราม


แต่พอรู้ว่าต้ องมาทํางานเป็ นเลขาให้ กบั ลูกชายของคุณธนินน์ ติวากุล ก็อดทีจะรู้ สกึ เบือขึนมาอย่างไม่ได้ คงไม่
พ้ นพวกอ่อนต่อโลก ทํางานไม่เป็ น ได้ แต่พงใบบุ
ึ ญพ่อ ได้ ยินเสียงซุบซิบในบริษัทว่าอาจจะมาเป็ นแค่ห่นุ เชิด
ให้ กบั คุณธนินน์ทีตอน นี ควบคุมการทํางานของสาขาจีนเป็ นหลัก

ใช้ เวลาหกเดือนในการรอเจ้ านาย คนใหม่ เรียนจบบริหารมา ทํางานเป็ นเลขา ฟั งอาจดูน่าตลก แต่ในเงือนไขระบุ


ไว้ ว่าเป็ นทีปรึกษาเลยตกลงไป ยังสงสัยว่าทําไมถึงเอาคนจบใหม่ไร้ ประสบการณ์อย่างนีมาเป็ นเลขา แต่ก็ยงั
ไม่ได้ คําตอบ ทีปรึกษาระดับสูงทําหน้ าทีดูแลกิจการชัวคราว รอเจ้ าของตําแหน่งนีกลับมา

จําได้ ว่าเป็ นคืนทีฝนตกหนัก รถก็ติด นังรถไปกับคนขับรถ เป็ นเวลาดึกแล้ ว กว่าจะถึงสนามบินก็คาบเส้ นยาแดง


ผ่าแปด โชคดีทีเครืองบินก็ดีเลย์ด้วยเช่นกัน ไม่อยากจะทําพลาดตังแต่วนั แรก เหมือนเป็ นศักดิศรีของคนทีทํางาน
เพอร์ เฟคมาตลอด

คนเยอะ แต่ร้ ูว่าจะเจอได้ ทีไหน เคยเห็นรูปมาก่อน ก็หน้ าตาหล่อเหลาดี แต่ส้ คู นพีไม่ได้ คนพีดูจะเหมาะกับธุรกิจ
การค้ ามากกว่า คุณอัษฏาชอบทําหน้ าบึงตึง อาจจะไม่เหมาะกับวงการนีเท่าไหร่นกั คิดว่าสมองก็อาจจะสู้คนพี
ไม่ได้ ด้วย คุณธนัตถ์ทํางานเก่ง เรียนจบจากมหาลัยเดียวกันกับทีคุณอัษฏาไปเรียน แต่ทีเจ้ านายคนใหม่ใช้ เวลา
ไปอยู่ต่างประเทศเพียงแค่สองปี กว่า คิดว่าอาจจะคว้ านําเหลวกลับมา

เริมเห็นคนเดินออกมาจากเกทหลังจากที เงียบไปสักพัก เสียงร้ องกันดังไปทัว แต่ก็หาตัวไม่อยาก ไม่ได้ เดิน


ออกมาต้ นๆ ต้ องชะเง้ อคอมองจนเกือบถึงคนสุดท้ าย ถึงได้ ยอมเดินออกมา

ขาว คิดว่าขาวเพราะไม่ได้ โดนแดดเท่าไหร่ แต่กลับดูเหมาะ เพราะผมสีดําสันๆนัน ทําให้ สีผิวดูเด่นขึนมา ใส่


แว่นตา ไม่เหมือนในรูปทีเห็น ในมือยังถือหนังสือเล่มนึงไว้ คิดว่าอ่านมาตลอดการเดินทาง ดวงตาคมกริบ จ้ อง
มองไปข้ างหน้ า ไม่ร้ ูเพราะอะไร แต่คิดว่าดูมีพลังในตัวอย่างน่าประหลาดใจ

เดินเข้ าไปหา แนะนําตัว แต่อีกฝ่ ายไม่แม้ แต่จะมองหรือถอดหูฟังออก ยังดูหนุ่มอยู่ อายุพงจะยี


ึ สิบสี สงสัยคงจะ
ยังไม่พร้ อมจริงๆ

มี กลินอายบางอย่างทีกีดกันคนออกไปและดึงดูดผู้คนเข้ ามาหาในเวลาเดียวกัน มีเสน่ห์ อาจจะต้ องพูดแบบนัน


เป็ นเสน่ห์ของผู้ชายทีดูจะแข็งกร้ าว ไม่ยอมอ่อนข้ อให้ ใคร

“จะกลับบ้ านเลยหรือเปล่าครับ”

“ไปทีบริษัท”

พึง ได้ ยินเสียง เสียงทุ้มตํา กดเสียงบางจังหวะเลยทําให้ คํานันบอกชัดว่าเป็ นคําสัง อดขมวดคิวไม่ได้ ไม่ได้ อยาก
ทํางานแบบนี เพราะเป็ นแค่ลกู จ้ าง ลูกน้ อง ไม่ใช่คนใช้ หรืออะไรทังสิน จึงไม่อยากจะฟั งคําทีบอกสถานะชัด
ขนาดนี

เวลา จะสามทุ่ม รถย้ อนฝ่ าฝนกลับไปทีตึกสูงทีพึงจะขับออกมาเมือสามสีชัวโมงก่อน รถติด แต่เพราไฟในรถเปิ ด


สว่าง เจ้ านายคนใหม่จงึ นังอ่านหนังสือเงียบๆ ไม่พดู จาอะไร และก็คิดว่าคงจะไม่ยอมพูดไปจนตลอดทาง

ได้ ยินโทรศัพท์ โทรเข้ ามา มองผ่านกระจกหลังเห็นขมวดคิวนิดหน่อย เป็ นการแสดงอารมณ์ครังแรกตังแต่เจอ


หน้ ากันมา เขากดรับเหมือนโดนบีบบังคับ คุยกันด้ วยภาษาอังกฤษทีพูดด้ วยสําเนียงราวกับเป็ นเจ้ าของภาษา
เสียเอง คิดว่าตัวเองเก่งภาษามากพอ แต่มาเจอของจริงแบบนี กลับรู้สกึ มีปัญหาติดขัดนิดหน่อย เพราะพูดเร็ว
แล้ วก็ใช้ ศพั ท์เฉพาะเยอะพอสมควร

เหมือนจะคุยถึงเรืองเสป็ คสินค้ า ตอนแรกนึกว่าเป็ นลูกค้ าต่างชาติ แต่ฟังไปฟั งมา กลับไม่ใช่ พูดคุยกันถึงระบบ


วงจรในตัวแท็บเล็ท ซึงไม่ใช่สนิ ค้ าของติวากุล

จะทําอะไร?

ได้ แต่เก็บความสงสัย คิดว่าสักวันอาจจะได้ ร้ ูเอง

พอ มาถึงบริษัท ก็ก้าวเร็วๆไม่รอใคร จนต้ องเร่งเท้ าตาม เวลาเดิน เสียงรองเท้ าจะหนักแน่นเสียจนคนทีเดินผ่าน


ไปมาต้ องมอง หน้ ามองตรง ดูท่านิสยั มองคนโดยกดสายตาลงมาจะทําจนเป็ นนิสยั เห็นทีไรก็อดรู้ สกึ ไม่ได้ ว่าถูก
กดให้ ตํากว่าจริงๆ

ห้ องใหม่ แต่กลับสร้ างความคุ้นเคยได้ อย่างรวดเร็วโดยการเหวียงกระเป๋ าหนังทีใส่ สัมภาระส่วนตัวไว้ บนโต๊ ะ นัง


ลงกับเก้ าอี เรียกหาเอกสารทีพูดออกมาไม่หยุด คล้ ายกับตลอดทางทีนังเงียบอ่านหนังสือนันคิดมาตลอด ขอ
ประวัติย้อนหลังว่าส่งอออกฮารต์แวร์ ตัวไหนให้ กบั บริษัทไหนมากทีสุดย้ อน หลังหกปี ข้ อมูลทางการตลาดของ
แท็บเล็ทในปั จจุบนั หรือแม้ แต่เสป็ คสินค้ าของบริษัทอืน ทีทําสินค้ านี ก็ต้องไปหามาให้ คนทียังเหลืออยู่มีไม่มาก
นัก แต่เพราะเจ้ านายใหม่ใจร้ อน และไม่รอใคร ขู่ชดั ไว้ ว่าขอภายในวันนี มองนาฬิกาดูก็เหลือเวลาอีกแค่สอง
ชัวโมง จึงทํางานหัวปั นกันจนถึงเช้ าวันใหม่

นังอยู่นอกห้ องทีเขียนชัดว่า ประธานกรรมการบริหาร ได้ ยินเสียงโทรศัพท์โทรคุยแบบนีตังแต่ตีสองจนมาถึง


ตอนนีแปดโมงเช้ าก็ยัง ได้ ยินอยู่ เผลอหลับไปบางช่วงก็ตืนมาเพราะได้ ยินสําเนียงอเมริกนั นันลอดออกมา ทําตัว
เป็ นเลขาทีไม่ดี ชงกาแฟก็ยังไม่เป็ น แม้ อยากจะเข้ าไปถามว่าต้ องการอะไรเพิมใหม่ แต่คณ ุ อัษฏากลับบอกไว้ ชดั
ว่าถ้ าต้ องการจะเรี ยกใช้ เอง พูดด้ วยนําเสียงทีคล้ ายจะบอกว่าอย่าสะเออะเข้ ามาเสียมากกว่า

ทํางานหนักไม่หยุดตังแต่วนั แรกทีเข้ ามา ขอให้ เป็ นแบบนีไปได้ ตลอดรอดฝั ง คิดแบบนันจริงๆ ไม่ได้ เป็ นการ
ประชดแม้ แต่น้อย

อยากติดตามเจ้ านายทีเก่ง ไอ้ เรืองไม่เอาไหน ก็อยากจะขีดฆ่าออกไปจากคุณอัษฏา แต่ยงั ต้ องรอเวลายืนยันอีก


เสียหน่อย

เห็น พนักงานคนอืนๆเดินทางเข้ าบริษัทมา ผิดกับพวกทีเหลือค้ างคืน ฟุบหน้ าหลับทีโต๊ ะไม่ขยับเขยือนไปไหน


หมดพลังในการเคลือนที บางคนหลับลึกจนได้ ยินเสียงกรน แต่ตวั เขายังนอนไม่ได้ แม้ จะแอบงีบเป็ นพักๆ

โทรศัพท์ ทีโต๊ ะดังครังหนึง ยังไม่ทนั ได้ รับสายก็เงียบไป เลยคิดว่าอาจเป็ นเพราะคนในห้ องข้ างๆโทรมา เคาะ
ประตูแล้ วเปิ ดเข้ าไปหา กระดาษปลิวว่อนเต็มพืน ในโต๊ ะนันก็เป็ นกองสูง โน้ ตบุ๊คถูกตังแทนทีคอมเครืองหรูบน
โต๊ ะ

“เรียกฝ่ ายพัฒนามา…พวกทีปรึกษาอาวุโสด้ วย”

“เอ่อ..แต่ตอนนีพึงจะแปดโมงกว่า เวลาเข้ าทํางานจริงๆเป็ นช่วงเก้ าโมงเช้ า รอให้ -“

“โทรตาม” ลดสายตากลับไปหากระดาษในมือตัวเอง ไม่สนใจเลขาทียืนไร้ ตัวตนอยู่เบืองหน้ า “อย่านาน ไม่ชอบ


รอ”

กัด ฟั นเดินออกมาจากห้ อง ดูท่าจะเอาแต่ใจเกินขีดจํากัดไปหน่อย ไอ้ พวกฝ่ ายพัฒนาก็ได้ อยู่หรอก แต่ทีปรึกษา


ระดับสูงนีสิ ทีสูงไม่ใช่แค่ตําแหน่ง แต่บางคนก็ยงั รวมถึงอายุด้วย จะให้ โทรกวนผู้สงู อายุทีหัวสูงพอๆกับเงินเดือน
ทีสูงตามประสบการณ์ ในเวลา เช้ าๆแบบนี เพือมาพบกับประธานบริษัทคนใหม่วัย 24 ไม่ใช่เรืองง่ายเลย

เป็ น ดังคาด ไม่มีใครยอมรับสาย ดูเหมือนจะไม่ยอมรับคุณอัษฏาด้ วยซํา หลายคนพอรับโทรศัพท์ พูดให้ ฟัง ก็


วางสายทิง ถ้ าไม่ได้ รับความไว้ วางใจจากคณะกรรมการทีต้ องพึงใบบุญคนพวกนี แม้ แต่ประธานบริษัทก็อาจจะ
โดนเฉดหัวส่งก็ได้

ยังไม่อยากตกงาน

คว้ า กุญแจรถ ส่งบลูทธู จากคอมพิวเตอร์ เข้ ามือถือ ข้ อมูลของคนพวกนีถูกเก็บไว้ เป็ นความลับ แต่เอาน่า สัก
วันนึง ไม่ตายหรอก ขับรถออกไป มือซ้ ายถือถ้ วยกาแฟ มือขวาจับพวงมาลัย ขับรถด้ วยความเร็วสูงสุดภายใต้
กฏหมายกําหนด อดคิดไม่ได้ ว่าเรานีมันช่างบ้ าระหําจริ งๆ เพราะเกิดมาไม่เคยตัดสินใจอะไรแบบนีมาก่อน

เริมต้ นจากบ้ านทีใกล้ ทีสุด กดกริง แม่บ้านออกมา พอบอกธุระไปก็ถกู บอกว่าให้ รอ ระหว่างรอก็กดต่อสายถึงคน


อืนๆอีกครัง อาจได้ รับความเห็นใจ แต่นอกจากถูกตัดสายแล้ วยังปิ ดเครืองหนีกนั อีก ไม่อยากจะเชือว่าคนทีทํา
ตัวอย่างนีจะเป็ นทีปรึกษาจริงๆ

“..นายท่านบอกไม่สะดวกจะให้ เข้ าพบนะคะ”

“เขาทําอะไรอยู่ครับ?”

“ดิฉนั คงไม่มีสทิ ธิบอกหรอกคะ”

“ไปบอกเขาใหม่เถอะครับ เป็ นเรืองสําคัญ กรุณาให้ ผมเข้ าพบด้ วยเถอะครับ”


อ้ อน วอนอยู่ถงึ สามครัง จนกระทังแม่บ้านคนนันเดินหายเข้ าไป ตะวันเริมขึน แสงแดดเมืองไทยทีเพิมอัตราการ
แผดเผามากขึนทุกวินาที ร้ อนจนเสือทีใส่มาตังแต่เมือวานส่งกลินเหงือขึนมา

แล้ วก็ได้ เข้ าพบ ยังอยู่ในชุดนอน รูปร่างอวบอูม นังอยู่บนเก้ าอีราคาแพง ทําหน้ าไม่ยีระต่อคําว่าเร่งด่วนแม้ สกั นิด

ถูกปฏิเสธ บอกซําด้ วยว่าต่อให้ ไปถามทีปรึกษาคนไหนๆก็คงจะตอบเป็ นเสียงเดียวกัน

“…พวกวิปริ ตหน่ะ”

“ครับ?”

“เมือ หลายปี ก่อนเคยได้ ยินข่าวว่าจิตบกพร่อง มีค่ขู าเป็ นผู้ชาย ข่าวแบบนีหน่ะ เสือมเสียมากเลยนะในวงการ


ธุรกิจ ทําลายความน่าเชือถือหลายๆอย่างไป”

ไม่ เคยรู้มาก่อน พูดกันอีกครังอาจจะต้ องบอกว่า ไม่เคยรู้อะไรเกียวกับเจ้ านายใหม่มาตลอด ฟั งแล้ วรู้ สกึ ตกใจ
เพราะท่าทางภายนอกไม่ได้ บอกว่าเป็ นแบบนัน แต่เป็ นคนทีพอเห็นแล้ ว ก็ร้ ู สกึ ว่าน่าจะมีคนเข้ ามาเกียวพันเยอะ
เพียงแต่ว่าไม่คิดถึงเพศชายเท่านัน

พูดอะไรไม่ออกไปสักพัก ได้ ยินอีกฝ่ ายทําเสียงหึออกมาจากลําคอ รู้สกึ โกรธ เพราะเห็นว่าเจ้ านายใหม่ก็ตงใจ ั


ทํางาน ถึงจะรู้จกั กันแค่เพียงไม่กีชัวโมง แต่ก็ร้ ู สกึ ได้ ถงึ ความตังใจ ไม่งนคงจะกลั
ั บบ้ านไปนอนพักผ่อนให้ สบาย
การเดินทางแม้ จะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็คงจะเหนือยไม่น้อย

“ผมไม่ เห็นว่ามันจะเกียวกันตรงไหนเลยครับ ไม่ว่าจะเป็ นเพศไหน รสนิยมแบบไหน มันไม่ได้ สง่ ผลอะไรเลยกับ


ผลงาน ผมอยากจะให้ ท่านลองเปิ ดใจดูสกั ครัง ลองไปพบหน้ าก่อนสักครังก็ยงั ดี…ผมขอร้ องหล่ะครับ”

อีกเหตุผลทีเลือกเดินทางมาทีนีก่อน

เพราะเป็ นทีปรึกษาอาวุโสทีมีอํานาจมากทีสุด ถ้ าทําให้ คนนีอ่อนลงได้ อาจจะสามารถพูดคุยกับคนอืนๆได้ ง่าย


ขึน

“…เป็ นอะไรกับเขา? คู่ขาใหม่หรอ”

เก็บความโกรธ ความรู้ สกึ ดูแคลนต่างๆไว้ ในใจ กัดฟั นพูดออกไป


“เป็ นเลขาของเขาครับ”

“ได้ ข่าวว่าพึงถึงเมืองไทยเมือคืนนี เช้ านีจะทํางาน ไม่ไฟแรงไปหน่อยหรือ?”

“คุณอัษฏาตังแต่กลับมาถึงก็ยงั ไม่ได้ พกั ผ่อน ยังอยู่ทีบริษัท โทรปรึกษางานอยู่ตลอด ไม่ได้ พกั ผ่อนเลยครับ”

“เดาว่าเธอก็เช่นเดียวกัน…”

รู้สกึ นําเสียงจะอ่อนลงหน่อย อยากยิม แต่เรืองยังไม่จบ

“จะยอมไปฟั งหน่อยก็ได้ ไม่ร้ ูว่าคิดจะทําอะไรหรอกนะ แต่ร้ ู ไหม ว่าการทีพวกทีปรึกษาระดับสูงอยู่พร้ อมหน้ า


กันหน่ะ มันอันตรายขนาดไหน”

“…ทํางานดีก็ได้ รับการชืนชม แต่ถ้าทํางานไม่ดี ก็อาจจะถูกถอดออกได้ ครับ”

“ก็ร้ ูอยู่แล้ ว ทําไมถึงยังมาทีนีอีก”

“เพราะผมเชือ…”

“เชือในเจ้ านายทีเจอหน้ ากันมาไม่ถงึ วันนีน่ะ?”

“ผมเชือว่าเขามีความตังใจมากพอทีจะทํางานออกมาดีครับ”

“แค่ ความตังใจบางครังก็ไม่พอ จําเป็ นต้ องมีความรู้ ประสบการณ์ ในวงการนีหน่ะ เป็ นการรบทีอาศัยเล่ห์เหลียม


ถ้ าไม่เก่งจริง นอกจากจะเอาตัวไม่รอดแล้ ว ยังจะพาผู้คนใต้ การดูแลของตนเองล้ มลงด้ วย คิดว่าเขาจะทําได้
หรอ?”

“….ผมไม่ร้ ูครับ”

“เธอก็เหมือนกัน ไฟแรง พึงเรียนจบมาหล่ะสิ เก่งวิชาการ แล้ วในชีวิตจริ งหล่ะ เก่งขนาดไหน”

“ผม ไม่ทราบว่าตัวผมจะเก่งแค่ไหน เช่นเดียวกันกับคุณอัษฏา เพราะเรายังไม่ได้ เริมทํางานกันเลยแม้ แต่น้อย


การทีคุณอัษฏาต้ องการพบพวกท่าน ก็คงไม่ได้ ต่างจากทีท่านพูดหรอกครับ ว่าคุณอัษฏายังขาดประสบการณ์
ดังนันจึงจําเป็ นต้ องมีกําลังหนุนทีสําคัญ ผมคิดว่านันคือสาเหตุทีผมมายืนอยู่ทีตรงนี ต่อให้ แม่ทพั เก่งทังบุ๋น
และบู๋มากเพียงใด แต่ถ้าขาดกําลังหนุนทีดี กุนซือทีดี ก็ไม่อาจจะชนะการรบได้ ผมเชือว่าแบบนัน”
“…ดูท่าจะชอบอ่านสามก๊ กนะ”

“ก็พอจะศึกษามาบ้ างครับ”

“กับ คนทีคําว่าศึกษากับวรรณกรรม แสดงว่ายังขาดจินตนการอยู่ บางครังการทํางานก็ต้องอาศัยความคิด


นอกเหนือวิชาการ ระวังข้ อผิดพลาดจุดนีให้ ดี”

พยักหน้ าตอบกลับไป ชายตรงนันดันตัวขึนจากเก้ าอี รีบลุกขึนไปช่วยแต่กลับถูกบอกปั ด “ฉันยังลุกเองไหว” เดิน


อย่างอุ้ยอ้ ายไปทีบันได หันมาบอก

“กลับไปเถอะ เดียวฉันจะโทรหาพวกทีเหลือให้ ”

“ขอบพระคุณมากครับ”

“ฝากบอกเจ้ าหนูนนด้
ั วย ว่าระวังตัวให้ มาก อย่าทําการณ์ ใหญ่เกินตัว เพราะถ้ าเสียหาย เป็ นเรืองยากทีจะฟื นฟู
บาดแผลในพวกมือใหม่”

“แต่ถ้าไม่ล้ม บางทีก็ไม่ร้ ูจกั ลุกหรอกครับ”

“ดี ทีสุดคือไม่ต้องล้ ม” เห็นรอยยิม ดูก็ร้ ูว่าเสแสร้ ง “ถ้ ามีเวลาว่างก็มานังคุยด้ วยกันหน่อยสิ อยากจะชวนคุยเรือง


สามก๊ กเสียหน่อย เป็ นเรืองโปรดเหมือนกัน แต่กบั คนแก่ทีหลงๆลืมๆไปแล้ ว พูดคุยด้ วยอาจจะไม่ถงึ รสชาติ
เท่าไหร่ ”

“ด้ วยความยินดีครับ”

หวังว่างานคงเป็ นไปได้ ด้วยดี

แต่ ก็แค่ความคิด ถูกต่อต้ าน ยืนอยู่หน้ าห้ องประชุม เพราะเป็ นการประชุมลับ ได้ ยินเสียงโวยวายดังออกมาเต็ม
ไปหมด แต่พอคุณอัษฏาพูด ทังห้ องก็เงียบเสียงลงเป็ นพักๆ

ดูมีอํานาจเหมือนคนพ่อ เวลาพูดทีไร จึงไม่ค่อยมีใครกล้ าพูดตัดขึนมา

ไม่ รู้ว่าจะทําอะไร แต่หนทางข้ างหน้ าคงจะมีแต่ความลําบาก แม้ แต่คยุ กันแค่นี ทีประชุมสิบกว่าคน ยังโดน
ต่อต้ านเสียจนหลายๆคนเดินออกมาด้ วยอารมณ์หงุดหงิด
คุณอัษฏาเดินออกมาคนสุดท้ าย ทําหน้ าเบือหน่าย บ่นเบาๆ “น่าหงุดหงิด..”

นีหล่ะมัง ถึงได้ เลือกเขาเข้ ามาทํางาน ดูท่าจะไม่ชอบพวกคนแก่หวั โบราณเข้ าจริงๆ เอกสารกองหนึงถูกโยนมา


จนต้ องรีบอุ้มไว้ ในสองแขน

“…ผมอ่านได้ ไหมครับ?”

“ตามใจ”

เห็นแล้ วก็ต้องตกใจ เหมือนกับทีเคยคิด

“คุณจะทําแท็บเล็ตหรอ?”

“อ่านไม่ออกหรือไง”

“….”

มนุษย์สมั พันธ์ ยําแย่ คงต้ องเขียนลงไปในสมุด ดูท่าจะต้ องหาเลขาอีกคนมาช่วยรับมือเพิม

“แต่ว่าบริษัทของเรา-“

“ไม่ต้อง ได้ ยินมามากแล้ ว”

กลับเข้ ามาในห้ อง วางเอกสารบนโต๊ ะ คงจะมีคนมาช่วยเก็บกระดาษทีอยู่บนพืนหมดแล้ ว “คิดว่าไง”

“ครับ?”

“เรืองทีว่า”

“ผมว่ามันมีความเสียงมากเกินไป บริษัทเราปกติก็เป็ น-“

“อย่าพูดเรืองซําๆ”

“ผมว่าน่าสนใจครับ”
คุณอัษฏาพยักหน้ าตอบ นังลงกับเก้ าอี แต่ก็ไม่ได้ นงพั
ั ก ดึงโน้ ตบุ๊คเข้ าหาตัว

อยากไปพัก

ง่วงนอนเสียจนกาแฟก็เอาไม่อยู่ พอทําหน้ าทีของตัวเองเสร็จ ก็ร้ ู สกึ โล่งใจ

“ผม – “

“ไปเรียกหัวหน้ าแผนกมาให้ หมด”

“…..”

“สิบนาที”

ไม่ต้องทํามันแล้ ว

ขอลาออก ขอลาออกเดียวนีเลย

คุณอัษฏาเลิกคิว

ก็ได้ ครับ!

……………………………
……………………

อังเปา
มือเล็กๆกําปากกาเมจิก ไว้ แน่น เห็นรอยยิมบนใบหน้ านัน แก้ มแดงๆ เหมือนสีเสือทีใส่อยู่ เสือทีนอกจากจะสีซีด
แล้ วยังมีคราบนํามูกนําลายทีเด็กยกเช็ดตรงคอเสือ อยู่ พีชายเด็กคนนันเห็นทีไร ก็กอดอกบ่นทุกที

“บอกตังกีครังแล้ ว ว่าให้ ไปสังนํามูกทีก็อกนําหน่ะ แล้ วดูสิ เป็ นคราบ กลัวคนอืนไม่ร้ ูหรือไงว่าตีนํามูกยืด”

“ก็ตี..ซู้ดด.. เป็ นหวัดนีน่า”

“อี ตีกินนํามูกตัวเอง”

“ตีไม่ได้ กิน!!”

“กินซิ ซู้ดเข้ าไปเบ้ อเริมอย่างนัน”

“ตีไม่ได้ กินซักหน่อย เฮียมัว”

“เฮียเปล่า ม๊ าคร้ าบ ตีกินนํามูก”

หญิง วัยกลางคนเดินยกจานกับข้ าวออกมาจากห้ องครัว เด็กตัวเล็กๆสองคนเห็นก็รีบวิงไปหา คนพีดึงชายเสือ ชี


ไปทางน้ องเล็กทีวิงตามมาทีหลัง ฟ้องแม่ใหญ่ “ตีกินนํามูก ตีกินนํามูก”

“ตีเปล่า!!”

ตามมาด้ วยเสียงซู้ดยาว คนเป็ นแม่หวั เราะ วางจานกับข้ าวลงบนโต๊ ะ เดินไปหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ กบั ลูกชายคนเล็ก
ได้ ยินเสียงเพลงเบาๆลอยล่องอยู่ในบ้ าน ไม่ร้ ูดงั มาจากทางไหน อาจจะเป็ นข้ างบ้ าน เด็กตัวเล็กคิดในขณะทีหัว
เอนไปเอนมาจากแรงผ่านกระดาษทิชชู่แผ่นบาง

“ไม่น่าเป็ นหวัดช่วงนีเลยนะ โซ่ยตี”

“คนไหนเป็ นหวัดอดแต๊ ะเอีย”

“ไม่เอานะม๊ า ตีอยากได้ ”

“จะเอาไปทําอะไรหืม?”

“ตี…ตี ไม่บอก” แล้ วก็หวั เราะอยู่กบั ตัวเองจนตาหยี มองตามแม่ทีลุกขึนยืนตามความสูงอีกครัง แอบเดินตามไป


เอามือทาบลงบนหัวแล้ วเทียบกับความสูงของหญิงข้ างหน้ า ยังแค่สะโพกเองเท่านัน พีชายสูงเลยสะดือแม่ไปนิว
หนึงแล้ ว ได้ แต่มองด้ วยความหงุดหงิด อยากสูงเร็วๆ

“ม๊ าฮะ ทําไม่ต้องเป็ นคําว่าแต๊ ะเอียอ่ะ ฮ้ งอยากรู้ ”

“มาจากคําว่าแต๊ ะโต๋เอีย แปลว่าเด็กโตเร็ว สุขภาพแข็งแรง แต่คนไทยเรียกแค่แต๊ ะเอีย”

“อ่อ…”

“อาฮ้ งออกไปข้ างนอกก่อนนะ ม๊ าจะผัดกับข้ าว”

ได้ กลินธูป เด็กตัวเล็กกว่าเดินถอยหลังออกไปหน่อย เงยหน้ าขึนมอง หน้ ารูปบนหิงทียังดูใหม่มีธูปปั กอยู่ หญิง


คนนันบอกกับเด็กๆของเธอว่าจุดเพือเรี ยกให้ ป๊ามาฉลองปี ใหม่ด้วยกัน ตี สีห้ าขวบ พูดจาบางคํายังไม่ชดั แต่ก็
ชอบพูด เลียนแบบพี เลียนแบบแม่ เอียงคอสงสัยว่าทําไมต้ องฉลองปี ใหม่ตงสองครั
ั ง บ้ านแถวนีส่วนมากก็ฉลอง
แค่ครังเดียวเท่านัน ยกเว้ นอาอีทีทอดเกียวกรอบขายอยู่ปากซอย เห็นไปซือของไหว้ กบั แม่มาเมือวาน

ฮ้ ง คนพี หกขวบ กําลังซ่าพอดี เดินออกมา ใช้ เท้ ายันสีข้างเบาๆจนต้ องเขยิบจากเก้ าอีให้ นงั ตีนํามูกไหลย้ อยจน
เกือบถึงปาก ใช้ หลังมือปาดก็เลอะไปถึงแก้ ม

“ตีอย่าเล่นนํามูกตัวเองนะ เฮียหยะแหยง”

ตี หันไปทําปากยืนใส่ฮ้ง ก็ถกู บิดแก้ มโยกหัวไปมาเหมือนเล่นตุ๊กตา เพราะตัวเล็กกว่า แขนสันกว่า ถึงต้ องยอม


ตลอด โดนจีเอวนิดหน่อยก็ตวั งอเป็ นกุ้ง มือฮ้ งเหมือนหนวดหมึกในสายตาน้ องเล็ก พอดินมากๆ ก็ตกจากเก้ าอี
หัวกระแทกขอบโต๊ ะไม้ ทีอยู่ใกล้ ๆ โชคดีไม่ได้ เป็ นมุมแหลมอะไร แต่ก็แรงจนหัวโน นังแปะกับพืน ร้ องไห้ เสียงดัง
จนคนเป็ นแม่รีบวิงออกมาจากห้ องครัว ปิ ดแก๊ สแทบไม่ทนั

“อาตี!”

พออุ้มลูกคนเล็กขึนมาในอ้ อมแขน ก็มองลูกอีกคนทียังอึงอยู่บนเก้ าอี “อาฮ้ ง..ทําอะไรน้ อง”

“ฮ้ งแค่จีเอวตีเอง”

“..อาตี เจ็บมากไหม”

ไม่ มีคําตอบนอกจากเสียงร้ องไห้ ซุกหน้ าลงเช็ดกับเสือตรงไหล่เธอจนเปี ยกไปหมด เสียงร้ องไห้ ดัง ดูท่าจะไม่
หยุดร้ องไห้ ง่ายๆ เธอต้ องโยกตัวลูกชายไปมา ปลอบ “อาตี ร้ องไห้ นานเจ็บตาหมดนะ วันนีวันตรุษจีน วันดี อย่า
ร้ องไห้ แต่ต้นปี ซิอาตี”

พูดไม่เป็ นคําว่าเจ็บ “อาฮ้ ง…” พอพูดแค่นี ฮ้ งก็กอดอก มองไปทางอืน พูดชัด “ฮ้ งไม่ผิด”

“แต่ยงั ไงก็ควรจะพูด เพราะเราเป็ นต้ นเหตุ”

“ก็ถ้าตีมันไม่ดิน มันก็ไม่ตกลงไปหรอก”

หัวรันไม่มีใครเกิน ได้ แต่ถอนหายใจ ลูกชายคนโตหัวดี แต่บางครังก็มีทิฐิมากเกินไป

อุ้ม ลูกชายคนเล็กไปด้ วย ทําอาหารด้ วยความลําบากทีมากขึน เสียงสะอืนยังดังอยู่ติดหู รู้ สกึ หัวไหล่เปี ยก ไม่ได้


รังเกียจ ความรู้สกึ ของคนเป็ นแม่ยิงใหญ่เกินกว่าจะสนใจเรืองแค่นี เป็ นห่วงแต่ว่าจะหายใจไม่ออกก็เท่านัน

อาหารอย่างสุดท้ ายทําเสร็จ แล้ ว เธอยกออกมา มองไปไม่เห็นฮ้ ง เลยวางเด็กขีแยลงกับเก้ าอี บอก “ไปหาอาเฮีย


เขาหน่อยไป บอกว่ากับข้ าวเสร็จแล้ ว รีบมากินจะได้ ไปไหว้ เจ้ ากันต่อ นะอาตี”

“..ฮะ”

ตอบทังๆที ยังตาชืน หลังมือเช็ดนําตา แก้ มทีแดงแล้ วยิงแดงเข้ าไปใหญ่ ลูกชายคนเล็กตาโต ไม่เหมือนพีชายที


จะตาเล็กกว่าหน่อย ผิวขาวแล้ วบางจนเห็นสีเลือด น่ารักจนหลายๆคนชอบขออุ้ม เวลาพาออกนอกบ้ าน

เดิน ออกไปนอกบ้ าน ตีไม่เคยฝึ กเดิน พอยืนได้ ก็ฝึกวิง ข้ ามขันตอนไปเสียหน่อย ตอนสามขวบเลยปวดหัวหนัก


มุมโต๊ ะต้ องติดกระดาษ ผ้ าเพิม กันลูกชายแสนซนวิงชน

เดินต้ วมเตียมออกไป สูดนํามูกไปตามทาง เห็นหลังพีชายอยู่ทีสวน ใช้ มือเล็กนันขุดดินขึนมา ใต้ ต้นวาสนาทียัง


ไม่โตมากนัก พอเดินเข้ าไปใกล้ พีชายก็รีบกลบดินกลับทีเดิม เลยถาม

“อะไรอ่ะ”

“ไม่มีอะไร”

“เฮียฮ้ ง ม๊ าบอกกินข้ าว”

พี ชายพยักหน้ าตอบ แต่ยงั ไม่ลกุ ไปไหน คนน้ องเลยไม่ได้ เดินไปไหนด้ วย ฮ้ งก้ มลงมองดูทีเท้ าน้ องชาย ไม่มี
รองเท้ าอยู่ เลยถอดของตัวเองออก กัดฟั น คิดว่าจะใส่ให้ แต่เพราะยังโกรธน้ องอยู่ ถึงจะไม่ร้ ูว่าอะไรก็เถอะ เลย
ไม่ยอมใส่ให้ สกั ที

ถึงไม่ใส่รองเท้ าให้ ตี แต่ก็ไม่ได้ ใส่ให้ ตวั เองด้ วย เท้ าเปล่าเป็ นเพือนน้ อง

“…เฮียไม่ชอบตี”

เห็นตีทําตาโต เลยรีบพูดต่อให้ จบ

“ตังแต่ตีมา ม๊ าก็โอ๋แต่ตีตลอด”

เด็กน้ อยไม่พูดอะไร ตาหลุบตํา เห็นแต่ขนตา

“ตีขอโทษ..”

“..ฮึย..ทําไมต้ องขอโทษเฮียด้ วย ตีไม่ผิดสักหน่อย”

“ก็เฮียไม่ชอบตี”

“มันก็ไม่ใช่ความผิดของตี”

“หรอ?”

สงสัยอีกแล้ ว เวลาสงสัยชอบเลิกคิวทําตาโตมองอย่างกับจะหาคําตอบ

เลยหันกลับไปทีกองดินนัน เอาเท้ าเขียๆหน่อย หยิบของทีถูกฝั งไว้ ใต้ ดินออกมา

“ไพ่ของตี!”

“เฮียเอามาเอง”

“เฮียฝั งทําไม? เป็ นปุ๋ยได้ หรอ?”

“เออ เป็ นได้ ”


“ตีหาตังนาน”

“….”

“ขอบคุณคร้ าบเฮีย”

ประกบมืออูมๆยกไหว้ ตามทีแม่สอนทุกอย่าง พีชายขมวดคิว รู้ สกึ ผิดขึนมาในใจอย่างควบคุมไม่ได้ พูดส่งๆ “เออ


เคารพเฮียให้ มากๆหล่ะ”

“ครับ!!”

“ไปกินข้ าวกัน”

ยืนมือไปทังๆทียังมองทางอืน มือนันก็ยืนมาจับ อุ่น อุ่นจนยิม ยิมทังๆทีกลันยิมนันแหละ “หิวจนท้ องร้ อง


หมดแล้ ว”

“..ตีก็หิว”

“งันก็รีบๆเดินสิ”

น้ องชายยังหันไปมองกองดินนัน แต่ก็เดินไปตามแรงของพีชายด้ วย ชินิวตะโกน “อ๊ า นันรถแข่งตีนีน่ะ”

“เดียวค่อยมาเอาก็ได้ หน่า!!”

พี ชายทําหน้ ามุ่ย ปี นีได้ แต๊ ะเอียเท่าปี ทีแล้ ว ห้ าสิบบาท แม่บอกว่าเป็ นเด็กไม่ต้องใช้ เงินเยอะ ก็เข้ าใจ แต่ก็อยาก
ได้ ของเล่นใหม่ๆ จะได้ เอามาแทนของเล่นทีเก่าเลอะดินนัน

จะได้ เอามาเล่นพร้ อมๆกัน ไม่มีการเอาไปซ่อนอีก

นอกจากอังเปา ข้ าวเช้ ากลางวันเย็นทีแสนอร่อยแล้ ว ตรุษจีนปี นีรู้สกึ เหมือนได้ อะไรมากกว่านัน

“ตีให้ ”

“ไหนบอกอยากได้ แต๊ ะเอียไง”


“ตีอยากให้ เฮียมากกว่า”

เปิ ดซองมา ในนันว่างเปล่า ไม่มีแบงค์ห้าสิบอยู่ เงยหน้ ามองน้ องชายตัวดีทียิมแป้น ตาหายไปเป็ นแค่ขีดเล็กๆ

“ให้ ซองเปล่าเฮียทําไม”

“ความรักเต็มซอง”

ไม่ รู้ไปจําจากหนังเรืองไหนมา แต่คนฟั งก็ยิม ยิมกว้ างไม่ต่างกัน กอดคอน้ องชายคนเล็กหัวเราะเสียงดัง คลอไป


กับเพลงจีนทีเปิ ดต้ อนรับวันปี ใหม่

ในซองอังเปาสีแดงเล็กๆนัน คําอวยพรทีเปี ยมด้ วยความรักแทบจะล้ นออกมา..

……………………….
…………………

B.N.7

ผมได้ รับโทรศัพท์จากฟ้าตอนบ่ายๆวันเสาร์

ก็ ตามเดิม ประสาขาเม้ าท์ ขาจร โทรมาเล่าโปรเจคต์ ใหญ่ทีบอกฟั งแล้ วต้ องหูผงึ แล้ วมันก็เป็ นดังทีพูดเป๊ ะ มันคือ
งานเปิ ดตัวของบริษัทติวากุล งานเปิ ดตัวสินค้ าตัวใหม่ ฟ้าทํางานอยู่ทีบริษัทจัดอีเวนท์ทีมีชือเสียง แต่ก็ไม่ต้อง
แปลกใจ เพราะประธานบริษัทก็นามสกุลเดียวกับฟ้าเป๊ ะ

แล้ ว ก็นกึ ต่อถึงฟ้าน้ องรหัสโจ๋ ได้ ข่าวว่าตอนนีคบกับไอ้ ปิกอยู่ แต่ข่าวทีได้ ยินมานีก็จะสีห้ าเดือนแล้ ว ไม่ร้ ูตอนนี
เปลียนไปถึงไหน ไม่ได้ กลับไปเยียมทีมหาลัย แม้ จะใกล้ บ้านมากแค่ไหนก็ตาม ถ้ ามีความสุข ก็ยินดีด้วย อยาก
ให้ ปิกมันมีความสุข โดยทีไม่จําเป็ นต้ องได้ รับความสุขแบบนันจากผม

“ไม่ใช่ว่าเปิ ดตัวเดือนหน้ าหรือไง?”


“ตอน แรกก็เป็ นแบบนัน ตี มึงนีตกข่าวสุดๆ” ยังใช้ พูดจาหยาบคายไม่เปลียน ตอนนีเป็ นสาวยสวยวิง แต่ก็พดู จา
เหมือนผู้ชายเข้ าไปมากทุกที “มือดีปล่อยคลิปไอ้ แทบเล็ทตัวนีลงเน็ทยัวเยียไปหมด ปั ญหาโลกแตกหล่ะทีนี
ขนาดตัวบริษัทเองยังไม่เคยปล่อยโฆษณาออกมาเลย งานเปิ ดตัวถึงต้ องร่นขึนมาให้ เร็วขึน ได้ ยินมาว่าพวกช็อป
เสร็จหมดแล้ ว ก็โชคดีไป”

“เออ..แล้ วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“จะไปรู้ได้ ยงั ไง กูก็ทํางานส่วนของกูเท่านันแหละ ตอนนียังปวดหัวอยู่เลย ไอ้ นกั แสดงทีจองไว้ ตอนแรกดันติดคิว


ถ่ายละคร ยังหาคนใหม่มาแทนไม่ได้ สกั ที โทรไปหาใครก็มีแต่บอกว่างานเต็มแล้ ว ไม่ร้ ูโดนใครแกล้ งหรือเปล่า
เนีย”

“….”

“ฮัลโหล?”

“ฮะ?”

“เออ จะโทรมาโม้ แค่นีแหละ ว่าได้ ทํางานกับพีหมอกสุดหล่อด้ วย แค่นีน– “

“อย่าเพิงวางสายดิ..”

เพราะพูดรังไว้ สักพักจึงได้ ยินเสียงตอบกลับ คงกําลังจะวางสายแล้ ว

“..ทําไมอีก อย่าบอกนะว่าคิดถึง”

“เปล่าหรอก…แค่-”

อยากไป…

…………………………………..
………………………
ฟ้า บ่นตังแต่ขบั ออกจากหน้ าบ้ านไปจนถึงโรงแรม ดูเหมือนจะวกรถไปทีโรงแรมมาแล้ วรอบนึงแต่กลับมาเพือรับ
ผม อยากจะขอบคุณ แต่ยงั ไม่มีโอกาส เพราะนอกจากหันมาบ่นผมแล้ ว ยังคุยโทรศัพท์ไม่หยุด

“บ้ า เอ้ ย เฮงซวย ไอ้ พวกกร๊ วก นึกว่าเป็ นดารานักร้ องนักแสดงแล้ วเป็ นเทพเจ้ าได้ หรอวะ! หาแม่งมาสักคนดิ เกา
หลงเกาหลีเอามาให้ หมด ใส่จํานวนเงินไปเยอะๆเดียวก็มาเองแหละ”

ผมไม่กล้ าแม้ แต่จะเปิ ดวิทยุ เบาะหลังยิงกว่าวินาศกรรม เอกสาร รองเท้ า กระเป๋ า ปนกันเป็ นกอง รถเบรกที ของ
ก็จะไหลจากเบาะลงไปทีพืน

“ฮึย น่าโมโหทีสุดเลยว่ะ ไอ้ คนพวกนี”

“หาพรีเซนเตอร์ ไม่ได้ หรอ”

“ก็เออสิ”

ยิง ขยีหัวแบบนัน ยิงดูเหมือนยักษ์ อวตารเข้ าไปใหญ่ รถเลียวกระชากตัวไปมาจนกระทังมาถึงโรงแรม ยกมือไหว้


พระไปหลายที ลงมาจากรถ คิดแทบจะทันทีว่าสินปี นียังไงก็ต้องมีรถเป็ นของตัวเองให้ ได้ แต่ดเู หมือนจะ
สินเปลืองไปเสียหน่อย

ผมเดินแยกทางกับฟ้าทีต้ องหิว แฟ้มไปทํางานต่อ เห็นสตาฟหลายคนวิงกันวุ่น โรงแรมใหญ่ อยู่กลางเมือง ได้ รับ


บัตรสตาฟมาใบหนึง ไว้ ใช้ เวลาเข้ าไปในงาน เห็นสือมวลชนจากหลายสํานักข่าวเริมเดินทางมา ไม่เคยมาโรงแรม
นีมาก่อน ลองเดินไปดูทีร้ านเค้ กดู ก็ต้องเบ้ หน้ า ชินแค่นีไหงคิดตังร้ อยกว่าบาท ไม่แพงไปหน่อยหรือไง

“อ้ าวเฮ้ ย ไอ้ ตี มาทําอะไรวะ”

“พีบอล?”

“เออ ไม่น่าถามว่ามาทําอะไร มานีๆ”

พี บอล ไม่ได้ เจอหน้ ากันสักพัก ดูจะผิวคลําลงหน่อย กรอบแว่นใหญ่เหมือนจานรองแก้ ว เข้ าใจว่าเป็ นเทรนด์


สมัยใหม่ แต่เพราะหน้ าโบราณอยู่แล้ ว ยิงใส่เลยยิงดูน่าอนุรักษ์ มากขึนไปอีก กะจะทัก แต่กลัวเสียความมันใจ
จะทําเป็ นไม่เห็นก็แล้ วกัน

“แล้ วพีอ่ะ มาทําอะไรแล้ วนี?”


“ก็เป็ นวิศวะอยู่บริษัทไอ้ หมอกมันน่ะสิ เรียนมาด้ วยกัน สุดท้ ายก็กลายเป็ นลูกน้ องมันไม่ร้ ูตวั ”

“เหมาะดีออก”

“กวนตีนๆ ฮ่ะฮ่ะ แต่ก็นะ จริ งๆไม่ได้ คิดอะไรแบบนันหรอก ก็ช่วยมันนีแหละ มาเพือโปรดสัตว์แท้ ๆ”

“ผมว่าพีทํางานหนักไปหว่ะ เออ แล้ วตกลงเรืองมันเป็ นยังไงกันแน่ว่ะพี ทําไมต้ องเลือนวันเปิ ดงานซะขนาดนี”

“ก็ อย่างทีได้ ยินมานันแหละ โดนคนในชิงเปิ ดตัวไปก่อน แล้ วถ้ าเปิ ดตัวช้ ากว่านี ความสนใจของลูกค้ าก็อาจจะ
ลดลง เลยต้ องใช้ ช่วงทียังเป็ นกระแสอยู่ ปล่อยสินค้ าออกมา เล่นเอาวุ่นกันไปทัว ตอนนีก็ยงั จับตัวไม่ได้ สกั ทีว่า
ใครทํา”

พีบอลสังเค้ กชินหนึงมาให้ ผม พอถามว่าเลียงใหม่ก็ทําหน้ าเบือๆ “งกเหมือนเดิมเลยนะ ไอ้ ตี”

“ไม่ได้ งกซักหน่อย เขาเรี ยกว่าใช้ เงินอย่างประหยัดต่างหาก”

“เออๆ ครับ ไอ้ คนประหยัด คนขยัน รวยแล้ วหล่ะสิตอนนี”

“ก็ กลางๆอ่ะพี ไม่มีหนีให้ ต้องจ่าย ตอนนี ผมกับเฮียก็ทํางาน แล้ วให้ ม๊าพักผ่อน ต่อจากนีก็อาจจะเก็บเงินเพิม
ซ่อมแซมบ้ านหน่อย ซือของใช้ ใหม่ๆบ้ าง แทนอันเก่าทีเสียไป”

พีบอลไม่ได้ ตอบอะไร มองไปยังทางทีหลายๆคนกําลังเดินไป คนเริ มเยอะขึนเรือยๆ ป้ายต่างๆถูกตังขึน ทํางานใต้


เวลาทีเร่งรีบ และความกดดันมหาศาล

กําลังห่วง

ห่วงคนๆเดียวกัน

“กูคงอยู่ช่วยทางนีได้ อีกไม่นาน ยังไงก็ฝากมึงดูไอ้ หมอกด้ วยแล้ วกัน”

“พีบอลจะไปไหนอ่ะ ไหนบอกจะช่วยพีหมอกทํางาน”

“ก็นะ คนมันเก่ง โดนดึงตัวไปอยู่สงิ ค์โปร์ หว่ะ ซวยเลยซะงัน”


“ไป หาประสบการณ์ ได้ ใช้ ความรู้ของพีเต็มที ซวยตรงไหนวะ? ผมว่าดีจะตายไป ผมยังอยากไปต่างประเทศบ้ าง
เลย แต่ภาษาอังกฤษทําท่าจะไม่รอดแหะ”

“เออ แล้ วนีจะต่อโทไหม”

“คิดอยู่ ผมอยากทํางานอีกสักพัก เอาให้ มีเงินมากกว่านีหน่อย”

พีบอลพยักหน้ า คนรอบๆเริ มซาลง มองดูนาฬิกา เหลือเวลาอีกสองชัวโมงกว่า ยังชวนคุยได้ อีกแยะ “พีต้ องไป


ทํางานต่อหรือเปล่า?”

“ไม่มีแล้ ว งานตรงนีก็ฝ่ายออกาไนเซอร์ กูแค่มาดูเฉยๆ”

“กะโดดงานอ่ะดิ มาซะเร็ ว”

“เกลียดคนรู้ทนั จัง ฮ่ะฮ่ะ”

เงียบกันไปซักพัก ผมเห็นโอกาสเหมาะเลยเลียบเคียงถามขึนมา

“แล้ ว ช่วงนีงานทีบริษัทเยอะหรือเปล่า?”

“จะถามถึงไอ้ หมอกก็พดู มาเหอะ”

“….เออ เกลียดคนรู้ทนั ว่ะ ฮ่าฮ่า”

“งานเยอะ แล้ วก็หนัก เพราะยังเป็ นงานทีใหม่สาํ หรับมัน ถึงจะเรียนมาก็เถอะ”

“เรียน? พีหมอกไปต่อวิศวะไม่ใช่หรอ”

“ก็ ใช่ แต่ก็ไปเรียนบริหารเพิมด้ วย ไม่งนไม่


ั นานตังสามปี หรอก ให้ อาจารย์พีเมฆสอน ไม่ได้ เข้ าเรียนมหาลัย แต่
ไอ้ สาขาวิศคอม ไอ้ หมอกจัดหนัก เล่นซะเอาเกรียตินิยมเหรี ยญทองเชียว”

“….คงจะเหนือยน่าดูเลยเนอะ”

“แม้ แต่หน้ ามันยังไม่เคยเห็นโผล่มาเลย สามปี โทรหากันแค่ครังเดียว”


เคยคิดว่าหนัก แต่ฟังดูแล้ ว น่าจะหนักกว่าทีเคยคิดเสียอีก

“ตอน นีมันแทบจะนอนทีบริษัทอยู่แล้ ว ทําแต่งาน ถ้ าไม่ออกไปคุยธุระ ก็อยู่ในห้ อง ลงมาคุมงานบ้ าง ถึงจะอยาก


ทําเองทุกอย่างก็เป็ นไปไม่ได้ หรอก องค์กรใหญ่ขนาดนี”

ถ้ าเป็ นผม ม๊ าคงจะห้ าม หาของกินมาบํารุงไม่หยุด เฮียคงจะบ่นจนกว่าผมจะยอมเข้ านอน

แต่พีหมอกไม่มีใคร

อยู่ตวั คนเดียว กับกองงานมหาศาล ทีหนักหนาเกินไป สําหรับคนทียังอ่อนประสบการณ์

เรา คุยกันจนใกล้ ถงึ เวลาเริ มงาน เห็นผู้คนจากหลากหลายวงการ “ตรงนันประธานบริษัทตีไม่ใช่หรอ?” ผมพยัก


หน้ า เป็ นบอร์ ดบริหารทีเคยเห็นลงมาคุยกับพีโต้ ง เห็นไฮโซหลายคน รู้จกั บ้ าง ไม่ร้ ูจักบ้ าง ตามประสาคนไม่สนใจ
โลกปั จจุบนั เท่าไหร่

เดินเข้ าไป เป็ นห้ องโถงใหญ่ กว้ างเสียจนมองจากตรงนีเห็นแต่คนยุ่บยับไปหมด สือมวลชนตังกล้ องจนเหมือนรัว


กันระหว่างเวทีกบั ทีนังแถวหน้ า

ผมหิว แต่พีบอลบอกว่าอย่าพึงไปไหน นีเป็ นรอบเปิ ดตัวสือมวลชน พรุ่งนีถึงจะเปิ ดตัวให้ ผ้ สู งจองรั


ั บสินค้ า

“ไม่เห็นจะคิดเลยว่าใหญ่ขนาดนี”

“ก็นะ ระดับติวากุล เล็กๆทําเป็ นทีไหน”

“เพือนผมบอกว่าคนทีเป็ นพรีเซนเตอร์ ไม่ว่าง พีจะทํายังไง?”

“ก็คงให้ ประชาสัมพันธ์ ของบริษัททําหน้ าทีนันไปก่อน ไม่ต้องหวังให้ ไอ้ หมอกมันพูดหรอก เจ๊ งพอดี”

นึกภาพแล้ วก็ขําตาม ถ้ าพูดเหมือนตอนทํางาน มีหวัง คนคงเดินหนีกนั หมด

“…นันไง”

มองไปตามนิวของพีบอล

ที ปลายนิว พีหมอกอยู่ตรงนัน เดินด้ วยความเร็วทีทําให้ เลขาต้ องเร่งสับเท้ าให้ เร็วขึน มองตรงไปข้ างหน้ า ไม่ได้
สนใจคนรอบข้ าง น่าแปลก คนรอบๆทางนันพากันหลีกให้ เดินไปทางข้ างหลังเวที จึงเห็นแค่เพียงชัวเวลาสันๆ

“ไม่ได้ นอนมาสักสามคืนแล้ วมัง”

“ทําไมถึงทํางานหนักขนาดนัน ไม่มีใครห้ ามเลยหรือไง”

“ไอ้ ตี ใจเย็น อย่าลืม นันประธาน ใครจะเหนือกว่า”

“ก..ก็คนอืน ใครก็ได้ เลขาหรืออะไรก็ได้ แล้ วพีหล่ะ พีไม่ได้ บอกเลยหรอ?”

“คิดว่ามันฟั งหรือไง”

“…..”

ผม…

จะเห็นแก่ตวั เกินไปไหม ทีผมจะพูดว่า ผมไม่ต้องการอะไรทังนัน ทังเงินหรือความสะดวกสบาย

ผมอยากได้ พีหมอก ทีเป็ นพีหมอกคืนมา

ไม่ใช่คุณอัษฏา ทีทํางานหนัก ไม่สนใจใคร อยู่บนโลกธุรกิจทีหมุนไปข้ างหน้ าอย่างไร้ ความรู้ สกึ แบบนี

ผมไม่ต้องการ…

ไฟ ในห้ องโถงมืดลง เสียงผู้คนในนีเลยเบาลงตามด้ วย ไฟสปอร์ ตไลท์ฉายไปทีเวที หน้ าจอใหญ่ตรงนันเปิ ด CF


ตัวล่าสุดของสินค้ าออกมา ดูทนั สมัย ฟั งก์ชนที
ั ประยุกต์ใช้ ได้ มาก ดูใช้ ได้ จริงในชีวิตประจําวัน รูปลักษณ์ ทีผมคิด
ว่าโดดเด่นและบ่งบอกความเป็ นตัวตนออกมา

จบตัวโฆษณา ไฟมืดลง จนกระทังพิธีกรก้ าวขึนมาบนเวที คงจะเป็ นฝ่ ายประชาสัมพันธ์ อย่างทีพูดจริงๆ แต่ก็ดดู ี


ทังคู่ ผู้หญิ งนีเสียงหวานมากครับ แต่พีบอลกับกระซิบบอกว่าอย่าตัดสินจากสายตามอง คงหนีไม่พ้นแบบฟ้า
แหงๆ

“ขอเสียงปรบมือให้ กบั นวัตกรรมแห่งเทคโนโลยียุคใหม่ คุณอัษฏา ติวากุลด้ วยค่ะ! “

พี หมอก..ไม่สิ คุณอัษฏาเดินก้ าวขึนมาบนเวที เห็นรอยยิมทีมุมปากนิดๆ แต่ก็ร้ ู ว่าพยายามยกมุมปากขึน เพราะ


ตาบอกชัดว่าเหนือย แม้ แต่เสียงยังติดแหบนิดๆ

ไม่ร้ ู ว่าจะเห็นผมหรือเปล่า

ผมทียืนอยู่ในความมืด ..พีหมอก ทีอยู่ใต้ แสงสปอร์ ตไลท์นนั

เห็น มองกวาดสายตาไปทัวระหว่างทีพูดไปด้ วย คงเป็ นสคริปต์ทีถูกเขียนไว้ แต่ก็พดู ได้ ออกมาอย่างเป็ น


ธรรมชาติ ข้ อดีของการเป็ นผู้ใหญ่ หน้ ากากทีพีหมอกเคยบอกว่าเกลียด วันนี พีหมอกใส่มนั และก็ทําให้ พีหมอก
ดูโดดเด่นเหนือคนอืน

เหงือออกเยอะ เห็นมือทียืนออกไปรับทิชชู่จากสตาฟสัน ตืนเต้ น? ผมไม่ร้ ู ไม่ร้ ูว่าเป็ นเพราะอะไร

คง จะไม่เห็น คนเกือบห้ าร้ อยคนอยู่ในห้ องนี ผมยืนอยู่เกือบหลังสุดกับพีบอล ทีจับจ้ องภาพบนเวที ไม่ร้ ู คิดอะไร
ต่างคนต่างจมไปกับความคิดของตัวเอง

“..กูขอออกไปข้ างนอกก่อนนะ”

“พีจะไปไหน? ห้ องนําหรอ?”

“ทนดูไม่ไหวว่ะ…”

ผมดึงแขนเสือพีบอลไว้ ขมวดคิว พีบอลหลบสายตาผม

“มันทรมานตัวเอง กูไม่อยากเห็นแบบนี”

ทําในสิงทีไม่ใช่ตวั ของตัวเอง

พีหมอกเป็ นคนตรงไปตรงมา คิดอย่างไหนก็ทําแบบนัน ไม่ค่อยชอบพูด เกลียดการเสแสร้ ง สังคมทีจอมปลอม

ตอน นี พีเป็ นหนึงในนันอย่างกลมกลืน ผมได้ ยินแม้ กระทังเสียงหัวเราะ ผมไม่ได้ หนั ไปมองบนเวทีอีก


เช่นเดียวกับพีบอล ทีหลุบมองลงพืน เห็นรองเท้ าของเราแค่ลางๆ

“ผมก็ไม่อยากดู แต่นีคือความสําเร็ จของทังพีทังพีหมอก พีสมควรจะจําเวลานีไว้ ”

“ส่งกูไปสิงค์ โปร์ เถอะ เดียวนีเลย กูไม่อยากเห็นเพือนกูทรมานตัวเองแล้ ว”


“พีไปแล้ วได้ อะไร…”

เสียงพีหมอก ดังผ่านลําโพง

ได้ ยินชัดไปทุกทาง รู้สกึ เหมือนเสียงนันเข้ ามาผ่านหู และวิงลึกลงไปอีก

เสียงทีผมคิดถึง

แต่ผมไม่ได้ ต้องการมันในรูปแบบนี

“กูเป็ นเพือนไอ้ หมอก ไม่ใช่คุณอัษฏาอะไรนัน”

“ผมคิดว่าพีเข้ าใจ..เพราะพีก็โตพอแล้ ว”

เห็นพีบอลถอนหายใจ ยิมอ่อนๆ เป็ นรอยยิมทีดูเศร้ าอย่างบอกไม่ถูก

“ต้ องให้ มงึ มาสอนกูนีไม่ค่อยเหมาะเลยนะ ตี”

ผมยิมตอบ คิดว่าคงจะไม่ต่างกัน

เวลา ผ่านไป หลายอย่างเปลียนไป

บางอย่างพัฒนาไปทางทีดีขนึ แต่ลกึ ๆ ภายใต้ ความสําเร็จนัน ผมเห็นแผลบางอย่าง ค่อยๆขยายใหญ่ขนึ

ผม กับพีบอลยืนอยู่ทีตรงนัน มองภาพบนเวที เหมือนกับเป็ นละครฉากหนึง จุดทีคิดว่าพรีเซนเตอร์ ต้องจัดการ ก็


เป็ นพีหมอกสลับกับพิธีกรคู่นนั ดูเหมือนจะได้ ผล พีหมอกเดิมทีก็ดูไม่ต่างจากพวกดาราเท่าไหร่

ผมมองภาพนัน ขมวดคิว

ไม่ร้ ูทําไม ผมรู้ สกึ เจ็บปวด

เหมือนผม เป็ นคนผลักพีไปยืนทีจุดนันด้ วยตัวเอง

“…เพราะผมหรือเปล่าพีบอล พีหมอกถึงต้ องไปยืนทีจุดนัน”


“ทุกคน ไม่ว่ายังไงก็ต้องก้ าวไปข้ างหน้ า ไม่ว่าจะอยากหรือไม่ก็ตาม คิดว่ายังไงซักวัน เรืองแบบนีก็ต้องเกิดขึนอยู่
แล้ ว…”

ต้ องโตขึน ทังๆทีบางทีก็ยงั อยากจะเป็ นเด็ก อยากจะเล่น วิงไปรอบๆ ไม่ต้องมีภาระ ความรับผิดชอบบนบ่า

แต่ ทําไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครทีจะสามารถหยุดเวลาได้ ถึงเราจะหยุดเข็มนาฬิกาได้ ก็จริง แต่นนก็


ั เป็ น
การหลอกตัวเองได้ เพียงแค่ชวครัั งชัวคราว

งานจบลง สินค้ าถูกเปิ ดตัวอย่างเป็ นทางการ คิดว่าวันนีคงได้ เห็นโฆษณาตัวทีได้ ดไู ปทุกช่องของโทรทัศน์ ป้าย
ประกาศ หรืออินเตอร์ เนท

เรือง ทีถูกเปิ ดตัวก่อนเป็ นข้ อผิดพลาดใหญ่ทีทําให้ พีหมอกถูกเพ่งเล่งจากคณะ กรรมการ พีบอลบอกว่า ทางทีดี


ไม่ควรจะมีข้อบกพร่องใดๆอีก หนอนบ่อนไส้ ก็ควรจะรีบจับออกมา ก่อนทีสินค้ าตัวถัดไปจะเปิ ดตัว

“ตอน แรก พวกนันบอกให้ หยุดเปิ ดตัวสินค้ าตัวนี แล้ วหันไปพัฒนารุ่นอืนแทน แต่หมอกมันไม่ยอม บอกให้ มา
เลือนงานเปิ ดตัวแทน เลยวุ่นกันไปหมด ถึงสินค้ า ช็อป จะพร้ อมแล้ วก็เถอะ”

วันนีอาจจะเป็ นตัวอย่างความวุ่นวายได้ นึกดู เห็นความวุ่นวายทีมากกว่านีสองสามเท่าในตัวบริษัทติวากุล

ประตูบานใหญ่ถกู เปิ ดออกอีกครัง หลายๆคนเดินออกไปตามทางนัน พีบอลกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุด


เมือได้ รับโทรศัพท์

“เออ..อยู่ในงาน มีไร…ห้ ะ? ตรงไหน? เดียวไปๆ แค่นีนะ”

พีบอลรีบยัดมือถือลงกางเกง ดึงมือผมให้ วิงสวนไปกับคนอืนๆ “อะไรพี? มีอะไร?”

ตะโกนถาม แต่ดเู หมือนเสียงจะไปไม่ถงึ หลายๆคนโวยวายทีผมกับพีบอลวิงสวนไป ทําไมต้ องรีบแย่งกัน


ออกแบบนีนะ

คนเริมซา พีบอลดึงผมมาทีหลังเวที ตรงนัน ผมเห็นคนกําลังมุงกันอยู่ ได้ ยินเสียงตะโกน “อย่ามุงครับ อย่ามุง”


แต่ไม่ได้ ผล

เราพยายามแทรกตัวเข้ าไป ซักพักจึงถึงในวงนัน


ผม เห็นคนในชุดสูทคุ้นตา นอนอยู่ทีพืน เลขา เคยเห็นหน้ า แต่นกึ ไม่ออกว่าเคยเจอกันทีไหน พยายามสันไหล่
ของผู้ชายตรงนัน ดึงตัวขึนมา พยายามจะดันตัวขึน แต่ก็มีแรงมากไม่พอ จึงทําได้ แค่ให้ ยืมตักเท่านัน

พีบอลรีบคุกเข่าลงกับพืน ช่วยเขย่าร่ างผู้ชายคนนัน ตะโกนกับคนทีอยู่รอบๆ “โทรเรี ยกรถพยาบาลที! อย่ามุงได้


ไหม พวกบ้ าเอ๊ ย!”

คนรอบข้ างถอยออกไป ได้ ยินเสียงคนวิง

“ทําไมถึงเป็ นแบบนี?”

“ผมไม่ทราบครับ เห็นก็แต่ตอนล้ มลงไปแล้ ว”

พีหมอก…

ทีอยู่ตรงนัน ..พีหมอก

เหงือออกท่วมไปหมด ขีร้ อน เพราะขีร้ อนนิ แสงเมือกีคงจะแรงไป

“พี…พีหมอก”

เรียกแล้ ว เขย่าตัวก็แล้ ว ไม่เห็นจะขยับตัว

ปลดกระดุมสองเม็ดบนออกด้ วยมือทีสัน ใช้ เวลานาน นานกว่าทีควรจะเป็ น เลขาใช้ เอกสารทีอยู่ในมือพัด จนผม


สันๆของพีหมอกพัดไปมา

เรียกชือนีซําแล้ วซําเล่า

นิงเงียบ

รอบตัวเงียบลง จนผมอดทีจะหนาวไม่ได้

มือพีหมอก ชืนเหงือ เย็น ไม่อบอุ่นเหมือนทีผมเคยกุมมือนีไว้

เหมือนหลับไป
เพราะฉะนัน ต้ องตืน ตืนขึนมา

“รถพยาบาลมาแล้ วครับ!”

ผู้ชายหลายคนเข้ ามาช่วยพยุงตัวพีหมอก ผมรีบลุกตามไป

เหมือนเคยเกิดเรืองแบบนีมาก่อน

“ตี ไม่เป็ นไรแล้ ว…ทุกอย่างจะเรียบร้ อย”

พีบอลพูด คําเดียวกันกับทีพีหมอกเคยพูด

เหมือนกับครังทีเรืองแบบนีเกิดขึนกับม๊ าผม

พี หมอกถูกวางตัวลงกับเตียง บุรุษพยาบาลลองเรียกดู เหมือนจะวัดระดับการรู้ สกึ ตัว ก่อนจะเรียกให้ พยาบาล


ใส่หน้ ากากออกซิเจนให้ เตียงถูกยกขึนไปบนตัวรถพยาบาลอีกที ประตูปิด ก่อนจะขับออกไป

เสียง หวอดัง เรียกให้ สอมวลชนที


ื เหลืออยู่เดินเข้ ามา ไฟสีแดงนําเงินหมุนวนไปรอบๆ คําคืนทีมืดสนิท สวนอินโด
ทีจัดอยู่หน้ าโรงแรม เปลียนสีจากสีเขียวกลายเป็ นสองสีนี

พนักงานหลายคนถูกดักขอสัมภาษณ์ แต่ถกู กําชับไว้ แล้ ว ว่าห้ ามพูดอะไรทังสิน

ผมไม่ได้ ขนตามรถพยาบาลไป
ึ แต่นงไปกั
ั บคันพีบอล ทังรถไม่มีใครพูดอะไร

มือผมกุมเข้ าหากัน ชืนเหงือ สัน สันด้ วยซํา

แต่พีหมอกไม่เป็ นไร ต้ องไม่เป็ นอะไร…

ได้ ยินเสียงผู้หญิงคนนึงทีเบาะหลังพึมพําอะไรบางอย่างไม่หยุด ดูเหมือนเธอจะกลัว ความกลัวทีผมไม่ร้ ูว่าคือ


อะไร เป็ นผู้หญิงทีผมไม่ค้ นุ ตา ดูเหมือนไม่ใช่พนักงานบริษัทนี และเป็ นคนรู้จกั ของพีหมอก

เธอเริมร้ องไห้

ใบหน้ าสวยๆนันบิดเบียว ในรถทีเงียบสนิท ได้ ยินเสียงร้ องไห้ คลอไปตลอดทาง


เสียงร้ องไห้ ทีทําให้ แม้ แต่พีบอลก็ยงั คิดหาคําปลอบใจดีๆไม่เจอ…

…………………………………….
……………………………

“คน ไข้ มีอาการความดันโลหิตสูง ทีหมดสติแบบนีคงพักผ่อนไม่พอ คืนนี ก็ปล่อยให้ คนไข้ พกั สักคืน คิดว่าพรุ่ งนี
คงจะหายดีปกติ ต่อจากนีก็อย่าปล่อยให้ ทํางานหนักขนาดนีอีก ความดันโลหิตสูง อาจทําให้ เป็ นโรคทีร้ ายแรง
กว่านีได้ ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ ต้ องบอกให้ เขาดูแลตัวเองมากๆนะครับ”

“ขอบคุณมากครับ”

หัวใจกลับมาเต้ นปกติ เมือกี เหมือนถูกบางอย่างบีบไว้ จนผมหายใจไม่คล่อง

คุณ หมอเดินออกไปแล้ ว พวกผมถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ ทีอยู่ตรงนีมีกนั ไม่กีคน เลขาทีดูว่นุ ตอนนีดูว่นุ เข้ าไป


ใหญ่ โทรศัพท์ ดงั ไม่หยุด จนพวกผมถูกนางพยาบาลไล่ออกจากบริ เวณนัน

“…บอกไปเลยว่าไม่ให้ สมั ภาษณ์ ไม่ต้องโทรมาอีกนะ ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องให้ ทงนั


ั น”

พอกดวางสายไปทีนงึ ก็มีสายเข้ ามาใหม่

“ครับ ครับ ท่านเห็นข่าวแล้ วหรอครับ? ถ้ าเป็ นแบบนัน อีกไม่นานคงมีนกั ข่าวมาทีนี ครับ คงต้ องปิ ดข่าวไว้ ก่อน
ไม่ต้องลําบากท่านหรอกครับ ครับ ขอบคุณครับ”

พูดครับติดกันหลายๆครัง ผมกุมมือเข้ าหากัน นังลงกับเก้ าอีแถวทีจ่ายยา โรงพยาบาลทีดูเหมือนโรงแรม แม้ แต่


พืนยังเป็ นพืนไม้ สอี ่อนขัดเงา

เห็นเลขาคนนันเหลือบมองพีบอล แล้ วมองมาทีผม พีบอลยักไหล่ตอบ เลยยังไม่ได้ พดู คุยอะไรกัน

ฟ้า โทรมา โวยวายใหญ่ เพราะตอนแรกทีคุยกัน ผมจะไปกับพร้ อมเธอ แต่กลับกลายเป็ นว่าผมปล่อยเธอรออยู่


นาน ลืมติดต่อกลับไป ได้ แต่ขอโทษ และบอกให้ กลับไปก่อน คงต้ องหาซือของไปเซ่นหลังจากนี
ผู้หญิงคนนัน ผมไม่ร้ ู ว่าเธอเป็ นใคร เธอยังไม่ยอมเดินมานังตรงนี ยืนอยู่แถวหน้ าลิฟต์ ผมมอง คิดว่าถ้ าพวกเรา
เผลอ เธอคงจะกดลิฟต์ขนไปหาพีึ หมอก แต่ก็คงไม่ได้ อะไรขึนมา หมดเวลาเยียม แถมหมอยังฉีดยานอนหลับเพิม
ให้ หลับสบายๆ

“จะกลับหรือยัง เดียวไปส่ง”

“ไม่เป็ นไรครับ เดียวผมกลับเองก็ได้ ”

“ลุกตามมาเหอะน่า”

เดินผ่านหน้ าลิฟต์ ตรงนัน ผมมองเธอจนสุดสายตา รู้ ว่าอาจจะเสียมารยาทสักหน่อย แต่เธอก็ดไู ม่สนใจผม


เช่นเดียวกัน

“พี..คนนันใคร?”

“มินท์? พูดถึงมินท์หรือเปล่า?”

“คนทีอยู่หน้ าลิฟต์ตรงนัน”

พีบอลหันกลับไปมอง “เออ คนนันหล่ะ มินท์ ไปเรียนพร้ อมกับหมอกนีแหละ”

“…แค่นี?”

“ก็ร้ ูมาแค่นี ไม่ร้ ู จะตอบอะไรเพิมอีก”

“….”

ทังผมทังพีบอลนังเงียบตลอดทาง จนกระทังรถมาจอดอยู่ทีหน้ าบ้ าน

“หวังว่าจะได้ เจอกันอีกนะตี”

“คิดถึงผมก็มาหาผมทีบ้ านก็ได้ ”

“คงไม่ว่างขนาดนัน ยังต้ องเตรียมเรืองไปสิงค์โปร์ อีก”


“ไม่ว่ายังไง พีบอลก็ต้องไปใช่ไหม?”

พีเขาพยักหน้ า ไม่ใช่เรืองทีลังเล แต่เป็ นเรืองทีต้ องทํา

“ฝากมันด้ วยนะ”

“ไม่ร้ ู ผมจะได้ สทิ ธินนหรื


ั อเปล่า”

“ได้ สิ…ไม่ดิ มันเป็ นของตีมานานแล้ ว และก็ไม่เคยเปลียนไปให้ ใคร”

พอผมยิมออกมา พีบอลก็ยิมตาม ยืนมือมาขยีหัวผมจนยุ่งไปหมด “ผมไปล่ะนะ”

“เออ ดูแลตัวเองดีๆหล่ะ”

“ผมไม่บ้างานหรอก ขีเกียจด้ วยซํา”

รถขับออกไป

พอเงียบลงแบบนีเลยนึกขึนได้ ว่ายังไม่ได้ กินข้ าว ท้ องร้ องออกมาจนได้ ยินเสียงชัด หัวเราะขืนๆกับตัวเอง

ไม่ชอบเวลามองหลังของใครสักคน หรือรถทีขับออกไป

…ไม่อยากรออีก

มันนาน นานเกินไปแล้ ว นานเกินกว่าทีใจผมจะรับไว้ แต่ก็ต้องทน บางสิง ถ้ าไม่อดทน ก็ไม่มีวนั ได้ มา

ไม่ใช่สงที
ิ จะต้ องต่อสู้กบั ใคร แต่ใจตัวเองต่างหาก ศัตรูตัวฉกาจ

ดูท่า การรอของผม คงจะยังไม่สนสุ


ิ ดลง

หายเร็วๆ แล้ วมาไล่ตามความฝั นทีพีต้ องละทิงความเป็ นตัวเอง

ผมไม่ร้ ูว่าทีปลายทางของฝั นนัน จะมีแค่พีหมอกคนเดียวหรือมีผมอยู่ด้วย แต่ผมก็อยากให้ ทางๆนันเป็ นทางทีพี


หมอกมีความสุขมากทีสุด
ไม่ใช่แบบนี…

…………………………….
…………………

B.N.8

รู้สกึ เหมือนตัวเองเป็ นโจรทีแอบย่องเข้ าบ้ านคนอืน

ทุ่มกว่า หมดเวลาเยียมไข้ ไปสองสามนาทีแล้ ว แต่เพราะเสน่ห์ต่อสาวสูงวัย ทําให้ ผมอ้ อนวอนจนขอเข้ ามาในนีได้

ม๊ า ทําโจ๊ กอุ่นๆไว้ ตอนแรกก็ร้อนจนลวกหน้ าตักผมทีนังรถแท็กซีมา เอาเถอะครับ ยอมเสียเงินเพิมหน่อย อย่าง


น้ อย โจ๊ กก็ไม่เย็นชืดก่อนทีคนไข้ จะได้ กิน

มีเวลาแค่สบิ ห้ านาที ป้าพยาบาลให้ ได้ แค่นี โดยทีจะไม่มีใครเดือดร้ อน

ทาง เดินเงียบกริ บ ผมไม่ได้ กลัวผี แต่คิดว่าถ้ าคนทีกลัวคงจะต้ องมองซ้ ายมองขวาไม่หยุด ถึงจะเป็ นโรงพยาบาล
ระดับสูงทีดูคล้ ายกับโรงแรม แต่ยงั ไง โรงพยาบาลก็ยงั เป็ นโรงพยาบาล ทีๆได้ กลินนํายาฆ่าเชือแรงกกว่าทีอืน

ทีทีผมเกลียด

อ่านเลขห้ องไล่ไป แต่ละห้ องกว้ าง เดินหลายสิบก้ าวกว่าจะเห็นประตูของอีกห้ องหนึง


มือผมสัน ผมรู้ สกึ ได้ ไม่ร้ ูประหม่าอะไร

ห้ องนี…

ประตูลอ็ ก…ผมควรจะฉลาดกว่านี

เดินถอยหลังพิงตัวเข้ ากับกําแพง ถุงโจ๊ กติดกับขา เงาสัน เพราะไฟอยู่เหนือหัว

พีหมอกอาจจะพักผ่อนอยู่ มาก็กวนเปล่าๆ

หยิบถุงโจ๊ กขึนมา ยิมจางๆ คงต้ องลงท้ องผมแล้ วแหง ก็ดี กําลังหิวอยู่พอดี

ประตูเปิ ดออก ผมรีบหันไปมอง

เลขาพีหมอกยืนอยู่ตรงนัน

ขมวดคิวมองผม ไม่ได้ พูดอะไร ยืนจับลูกบิดประตูอยู่อย่างนัน ไม่ได้ ปิดประตูลง

เห็น ยกมืออีกข้ างทีมีสมุดบันทึกในมือขึนนวดหัวคิว ทําท่าทางเหมือนไม่ร้ ูจะตัดสินใจยังไง มองหน้ าผม ดูท่าจะ


โตกว่าผมสักหน่อย เป็ นคนทีดูกระฉับกระเฉง เปี ยมไปด้ วยพลัง

ถอนหายใจยาว ได้ ยินเสียง

ก่อนจะเดินออกไป ทังๆทีประตูยงั ไม่ปิด

ประตูทีถูกเปิ ดค้ างไว้ อย่างนัน เห็นเข้ าไปถึงห้ องข้ างใน เพราะไฟจากทางเดินส่องเข้ าไป

เสียงรองเท้ าหนังคู่นนห่
ั างออกไปไกลแล้ ว และเจ้ าของก็ไม่ได้ หนั กลับมามอง

ผมมองนาฬิกา เหลือเวลาอยู่อีกไม่นาน

ก้ าวเดินเหมือนไม่ค่อยมันใจเข้ าไป ก้ าวหนึง ตามด้ วยอีกก้ าวหนึง

เข้ าไปในห้ องโดยทีไม่ดนั ประตูเพิม สอดตัวไปในช่องทีเหลือ แล้ วค่อยๆปิ ดลงอย่างเบามือ


ห้ องนําอยู่ติดประตูทางด้ านซ้ าย ด้ านขวาเป็ นตู้เสือผ้ า

เพราะมีห้องนําอยู่ เลยทําให้ มองจากตรงนีไม่เห็นเตียง ผมค่อยๆเดินเข้ าไปมากขึนอีก ห้ องมืด แต่ก็เห็นแสงสว่าง


เล็กๆมาจากทางเตียงนัน

ยืนหัวออกไปทีตรงมุม หลับอยู่งนหรอ
ั เห็นโน๊ ตบุ๊คตังอยู่ข้างๆ ไม่แม้ แต่จะพับเครืองลง ผมย่องเข้ าไป วางโจ๊ กไว้ ที
โซฟา

เดินเข้ าไป จนชิดกับขอบเตียง

ได้ กลิน กลินทีบอกว่าเป็ นพีหมอก กลินทีอบอุ่น ผมจํามันได้ เคยหลับไปในความอบอุ่นนี

มันเป็ นวันคืนทีเต็มไปด้ วยความสุข และมันก็ผ่านมาแล้ ว…

ไม่จําเป็ นทีจะต้ องยึดติดกับอดีต ปั จจุบนั เราสามารถทํามันได้ หรื อแม้ แต่อนาคต ทียังไม่แน่นอน

ต่อให้ เรืองนีจบแบบไม่แฮปปี แอนด์ ดิง แต่ผมเชือว่าสักวัน ผมก็จะสามารถมีความสุขกับมันได้

..ผอมลงไปเยอะ..

เพราะดูสงู ขึนด้ วยหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ

ขาว

ยืนมือออกไป ใกล้ จนรู้ สกึ ถึงความร้ อนทีแผ่ออกมา แต่ไม่ได้ แตะลงไป

ยิงใกล้ มากขึนเท่าไหร่ …

ยิงทําให้ ผมรู้ว่า ผมคิดถึงพีหมอกมากแค่ไหน

ไล่มาถึงมือ เงาของผมทาบลงบนมือพีหมอก

เงียบสงบ รู้ สกึ เหมือนความกังวลถูกปั ดเป่ าออกไป

แค่นี ก็อาจจะพอแล้ ว..


จังหวะทีกําลังจะผละมืออออก กลับถูกคว้ าไว้ ก่อนจะถูกปล่อยในวินาทีต่อมา เหมือนทําไปตามสัญชาติญาณ

รู้สกึ ได้ เลยว่าใจเต้ นแรง ตกใจ เหมือนได้ ยินเสียงดังท่ามกลางความมืด

ผมมองกลับไป เห็นพีหมอกจ้ องมองมาทีผม

“….มาทําอะไรทีนี”

“ผมมาไม่ได้ งนหรอ…”

“ไม่ได้ พดู แบบนัน”

ความเข้ มแข็ง เหมือนจะถูกทุบลงด้ วยคําเพียงไม่กีคํา

เสียงยังติดแหบ แต่ดูดีกว่าเมือวานก่อน

ยังพูดติดห้ วน เสียงเรียบเฉย เหมือนกับทีเคยได้ ยินในห้ องประชุม

ทีทีพีหมอกไม่จําเป็ นต้ องไป แต่ก็ยงั ลงมาประชุมด้ วยตัวเอง ผมสงสัย แต่ไม่ได้ ถามอะไรออกไป

“ผมเก็บนะ”

ไม่ได้ ตอบอะไรกลับมา ผมพับและวางโน๊ ตบุ๊คนันทีโต๊ ะข้ างเตียง

คําเป็ นล้ าน ทีอยู่ในใจมาตลอด กําลังโวยวาย อยากจะหลุดออกมาจากทีๆเล็กเท่ากําปั น ทีๆกําลังเต้ นแรงจนรู้ สกึ


อึดอัด

“…ผ..ผมเอาโจ๊ กมาฝากด้ วย”

ผมรอคําตอบรับ แต่มนั ก็ไม่มีอะไรทําลายความเงียบนีสักที

“ต..ตอน มาทีนี ฝนทําท่าจะตก โชคดีจงั ทีฝนไม่ตก เพราะถ้ ารถติด โจ๊ กคงจะเย็นไปแล้ ว ผมเห็นว่าทีนีไม่มี
ไมโครเวฟด้ วย คง คงต้ องไปหานางพยาบาลตรงนันให้ อ่นุ ให้ ไม่งน--”

“หยุดพูดได้ แล้ ว”

ขมวดคิว

เบือนหน้ าหนี

พีกําลังทําร้ ายผมอยู่ โดยทีพีอาจจะไม่ร้ ู ตวั

“ผ..ผมไม่อยากเห็นพีเป็ นแบบนีอีกแล้ ว”

ถ้ าผมบังคับเสียงตัวเอง ไม่ให้ แสดงความรู้สกึ จริงๆอย่างทีพีทําได้ มันคงจะดีกว่านี

“พี ไม่เหนือยบ้ างหรอ? พ..พีต้ องทําตัวเป็ นคนอืน ทังๆทีพีไม่ต้องการ ผมไม่ร้ ู ว่าพีกําลังทําเพืออะไร แต่ผมไม่
อยากเห็นมันอีกแล้ ว…ผม….ผมไม่อยากเห็นพีเป็ นแบบนีอีก ผมรู้ ว่ามันเป็ นหน้ าที รู้ว่าพีก็มีภาระทีต้ องแบกรับ
อยู่ แต่ แต่มนั มากจนพี…ต้ องใส่หน้ ากาก ทําตัวเป็ นคนอืน คนทีไม่ใช่พี เป็ นคุณอัษฏา ประธานบริษัทอย่าง
นันหน่ะหรอ? กับทีพีเคยบอกกับผมว่าพีเกลียดเรืองแบบนัน พีทนมันได้ ยงั ไง? เพราะผมยังทนเห็นภาพแบบนี
ไม่ได้ เลย”

ผมหอบหายใจ พูดวนไปวนมา แม้ แต่ตวั เอง ยังไม่ร้ ูว่าต้ องการจะสืออะไรออกไป เอาเป็ นว่า บางทีผมก็แค่
อยากจะระบายสิงทีอยู่ในใจออกไป

ไม่ร้ ูด้วยซําว่าพีหมอกฟั งรู้เรืองหรือเปล่า

“…ผมก็แค่…เป็ นห่วงพี”

อยาก จะทุบหัวตัวเองสักที ทังๆทีเรืองไร้ สาระนันกลับพูดออกมาได้ เสียงดัง แต่พอเรืองทีต้ องการจะสือจริงๆ กลับ


เหมือนเรียวแรงหายไปหมด จนเหมือนเสียงกระซิบ

ยกนาฬิกาขึนมอง ดูเหมือนจะเลยเวลามาหน่อยแล้ ว เวลาทีตกลงเอาไว้

ไม่ มีนาฬิกาคุณปู่ ตีเสียงกังวาลตอนเทียงคืน แต่ผมก็คงต้ องหิวรองเท้ าโทรมๆของผมกลับกระท่อมเก่าๆเสียที


เจ้ าชายดูจะมีธุรกิจรัดตัวให้ ต้องคิดเยอะ

“ผมคงต้ องไปแล้ ว หมดเวลาเยียมมาสักพัก แต่ผมขอนางพยาบาลไว้ ”


ไม่หนั กลับมา นันแหละ จะให้ ทํายังไง หันหน้ าพีหมอกกลับมาก็คงไม่ใช่อยู่ดี บางที อาจเป็ นผมทีเดินออกไปเอง
ง่ายกว่า

ถูกดึงแขนไว้ ผมขมวดคิว คงเข้ าใจว่าผมเจ็บ จึงผ่อนแรงลง

ไม่เข้ าใจความคิดของพีหมอก

เหมือนไม่ต้องการผม แต่บางครัง ก็เหมือนยังเรียกหา

ถ้ อย คําทีไม่ได้ พดู ออกมา ผมได้ ยิน แต่ครังนีมันเบาเสียจนผมเงียหูฟังแล้ ว ก็ยงั ยากทีจะได้ ยิน ไม่เหมือนเมือก่อน
ทีผมได้ ยินเสียงเรียกของพีหมอกชัดเจน เสียงเรียกขอความช่วยเหลือ ต้ องการคนทีจะยืนอยู่ข้างๆเวลาทีรู้ สกึ โดด
เดียว ผมสัมผัสได้ ถงึ ความรู้ สกึ นี แม้ พีจะไม่บอก

ถูกดึงเข้ าไปใกล้ มือของผม ถูกดึงขึนสูง

จนกระทังมือแนบเข้ ากับแก้ มพีหมอก

พีหมอกหลับตาลง

เอียงหน้ าเข้ าหา เหมือนกับเด็ก ทีต้ องการแค่มือใครสักคน ยืนเข้ ามา ฉุดรังขึนจากความเงียบเหงา

ใน สถานการณ์ทีเปลียนไป เราโตขึน มีภาระทีต้ องรับผิดชอบ ไม่อาจจะหนีออกจากพวกนันได้ อยู่บนโลกของ


เหตุและผล ไม่ใช่ตามใจของพวกเราอีกต่อไป

ความอบอุ่นถูกส่งผ่าน รู้ได้ ว่าประหม่า มือพีหมอกสัน ผมก็คงไม่ต่างกัน

แทนคําพูดทียังคลุมเครือ แทนคําถาม ทียังไม่ได้ คําตอบ

“คําทีพีพูดไว้ …มันยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ผมอยากรู้แค่นี แค่นีจริงๆ ทีผมต้ องการ”

ผมจะลอง ลองทีจะเสียง

เสียง ทีจะรู้ คําตอบนัน ไม่สนว่าสิงทีจะได้ ยินต่อจากนี เป็ นคําตอบเหมือนทีผมหวังไว้ หรือไม่

มือถูกกุมไว้ แน่น บางครังก็ร้ ูสกึ ชาทีปลายนิว นิวสอดเข้ าหากัน ดูเป็ นธรรมชาติ


อบอุ่น จนรู้สกึ ร้ อน ร้ อนทีขอบตาไปหมด เหมือนนํามูกจะไหล

ไม่มีความรู้ สกึ อึดอัดหรืออะไร แต่พวกเรากลับขมวดคิว

รู้สกึ เจ็บปวด แต่หาคําตอบไม่ได้ ว่าเพราอะไร

“เวลาจะตอบทุกอย่าง”

“แต่เวลาก็ทําให้ หลายๆอย่างมันเปลียนไปด้ วย”

“..แล้ วเปลียนไปหรือเปล่า”

“ไม่ ผมไม่เคยเปลียน”

“…แค่นนั แค่นนก็
ั พอ”

เสียงทีเหมือนจะพูดออกมาพร้ อมนําตา ไม่.. ไม่มีนําตาอะไรทังนัน อาจจะเป็ นสิงทีอยู่ลกึ ลงไปกว่านัน ทีกําลัง


ร้ องไห้ อยู่

“นีหรือเปล่าคือสิงทีพีต้ องการรู้ สิงทีพีบอกว่าต้ องการ”

มือผมถูกบีบแน่น แทนคําตอบ ผมกระชับมือนันตอบ อยากเข้ าไปใกล้ มากกว่านี แต่ก็ทําไม่ได้

พีหมอกกําลังอดทน และผม ต้ องไม่ทําลายความอดทนนันลง

ใกล้ กันจนได้ ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

พีอยู่ตรงนี ผมไม่อยากปล่อยพีไป พีก็คงเหมือนกัน เป็ นความจริงทีเราทังคู่ต่างก็ร้ ู

“…ผมไปแล้ วนะ.. หมดเวลาแล้ ว พีแอบทํางานเมือกี ไม่ได้ หลับหรอก ผมรู้ ”

มือค่อยๆคลายออก รู้สกึ เชืองช้ า อ่อยอิง

“ดูแล ตัวเองให้ ดีๆ ผมไม่อยากเห็นพีเป็ นแบบนีอีก เพราะไม่ใช่พีเท่านัน ทีรู้สกึ ไม่สบายไปพร้ อมๆกับพี ทังผม ทัง
พีบอล หรือคนอืนๆก็คงเหมือนกัน”

แม้ แต่ผ้ หู ญิงคนนัน..ก็ร้องไห้ เพือพีหมอกเหมือนกัน

“…รีบกลับมาหาผม ไม่งนจะเป็
ั นผม ทีวิงไปหาพีเอง”

ต่อให้ ตอนนัน พีมีเหตุผลอะไร สําคัญแค่ไหน ผมก็อาจจะไม่ฟัง

เหตุผล …

คํานี ทีเคยทําร้ ายทังตัวผมและพีมาแล้ ว

ถ้ าเหตุการณ์ทีเกิดขึนทําให้ ผมต้ องเลือกอีก ผมจะไม่มีวนั คําตอบทีทําลายความรู้ สกึ ของผมอย่างแน่นอน

……………………….
…………………

ประตูห้องปิ ดลง โจ๊ กถูกทิงไว้ ไม่ร้ ูจะได้ กินหรือเปล่า

ความ สุขทีมาพร้ อมความเจ็บปวด บางทีผมอาจจะเป็ นมาโซ โค้ งหัวขอโทษคุณป้าพยาบาลทีกําลังโมโหได้ ที คิด


ว่าถ้ าครังหน้ ามาอีก ก็คงต้ องเอาของมาฝาก แต่มนั ก็ไม่มีครังหน้ า และผมก็ไม่ต้องการให้ มนั เป็ นแบบนัน

เช้ าวันรุ่งขึน พีหมอกออกจากโรงพยาบาล ทีหน้ าตึก มีแต่นกั ข่าวเต็มไปหมด เอาแต่พดู ว่าเป็ นผลจาก
ความเครียดทีเกิดจากการถูกตัดหน้ าชิงตัวนัน กลายเป็ นเรืองทอค ออฟ เดอะ ทาวน์ ประธานบริษัทคนใหม่ กับ
เรืองใหม่ๆมากมายทีเอาไว้ ให้ ขุดคุ้ย ต่อจากเรืองวุ่นวายในบริษัท ทีถูกสร้ างขึน โจมตี เหตุผลทางธุรกิจทีผมไม่ร้ ู
เรือง เต็มไปหมด มันทําให้ ผมเบือแทนเลยด้ วยซํา

แต่เพราะรู้ รู้ ว่าการรอคอยครังนีจะไม่เปล่าประโยชน์ ความกังวลของผม มันหมดลงไปอย่างช้ าๆ


ก็ไม่เชิง

ผมเห็นข่าวมินท์ในทีวี ไม่ร้ ูจะเรี ยกพีมินท์ หรือน้ องมินท์ หรือจะอะไรก็ตาม พีเชนนังบ่นอยู่หน้ าจอคอม

“ให้ ตายเหอะ ถ้ าจะมีเพือนร่วมงานสักคนแบบนี ชีวิตคงจะดีขนเยอะ”


“พีก็ได้ แต่บ่นอ่ะ ทีนีสาวๆน่ารักก็เต็มไปหมด ไม่เห็นจะเคยมอง”

พีเอ๋ยิมอยู่ข้างๆ ขยิบตาให้ ผม ผมเลยตอบกลับด้ วยการยิมยิงฟั น หวังว่าจะได้ รับแพ็คเกจมือเทียงฟรีๆสําหรับ


กลางวันนี

“หลบอยู่รูไหนกัน อยากเห็นจะแย่อยู่แล้ ว”

มองมาทางผมทําไมวะ พีเอ๋อยู่ด้านซ้ ายนู่น “แล้ วนีการงานมีไม่ทําหรอวะพี มานังเล่นเน็ทผลาญค่าไฟทีนีจะ


ชัวโมงแล้ ว”

“งาน หน่ะมันมี…” ท่าทางเคร่งขรึม ประกอบกับแว่นนัน เลยดูเหมือนกับอาจารย์ สอนพิเศษเถือนๆ “..แต่ยงั ไม่


อยากทํา แถมบ่ายนีต้ องออกไปเจอลูกค้ าอีก”

“ครับ ครับ”

“ไม่สนใจเลยหรอ”

“จะให้ ผมสนใจอะไรอ่ะ?”

“ไปกับใคร ไปทีไหน ลูกค้ าเป็ นยังไง”

“แล้ วผมจะรู้ ไปทําไมวะเนีย งานของผมก็มีเหมือนกัน”

“งานพิเศษหล่ะสิ ชอบแอบเอามาทําในบริษัทแบบนี ไม่ค่อยดีเลยนะ”

ถึงปลายเสียงจะเบาลงก็ตามเถอะ แต่พดู อย่างนี มันก็ทําให้ ผมอดตกใจไม่ได้ “พูดเบาๆหน่อยสิวะพี”

“มันต้ องมีข้อแลกเปลียน”
“เรืองแค่นีอ่ะนะ?”

“มีอีกหลายเรืองทีรู้ แต่ไม่อยากจะทําให้ ดเู ป็ นคนเลวมากจนเกินไป”

“ไม่เลวแล้ วครับพี ชัวเลย ฮ่าฮ่า”

พอผมหัวเราะ พีเชนก็หวั เราะด้ วย เอนตัวกับเก้ าอีจนน่ากลัว ในมือถือถ้ วยกาแฟจนติดเป็ นนิสยั

สไลด์เก้ าอีล้ อเลือนมาจนใกล้

“มันคือการแบล็คเมลล์ ไม่กลัวหรือไงคุณอธิษฐาน”

“แล้ วคุณปิ ยนันต์ต้องการอะไรหล่ะครับ?”

“หึห”ึ หัวเราะแบบชายทีเปี ยมเสน่ห์ แต่พอเป็ นพีเชน เลยดูเหมือนโจรป่ าหน่อยๆ

“ทํางานดีกว่า..”

“อะไรกัน ขยันทํางานขึนมาทันตา?”

“…เพราะรู้น่ะสิ ว่ามีเวลาพูดเรืองนีอีกนาน”

………………..
…………..

“ทําไมครังนีมาไกลจังแหะ”

“อยากได้ บ้านกลางป่ าหล่ะมัง?”


รถซีอาร์ วีทีนังอยู่ส่ายไปมา ความรู้ สกึ คล้ ายกับเครืองเล่นในสวนสนุก

ไม่อยากจะเชือว่าลูกค้ าซือบ้ านลึกขนาดนี หน้ าปากซอยดูแทบจะไม่น่าเชือว่าจะมีคนสร้ างบ้ านหลงใหญ่ๆในนีได้

ซอย นีไม่ได้ เป็ นป่ าอย่างทีพีเชนพูด แค่มีท่งุ หญ้ าสองข้ างทาง ไม่ได้ อยู่แถวเขตกลางเมือง ค่อนมาทางปริ มณฑล
มากกว่า ทางยังเป็ นทางดินลูกรัง ฝนคงตกเมือคืน ถนนถึงเละเทะขนาดนี

“อย่างกับอยู่ตะเข็บชายแดน”

“ตี อย่ายืนหัวไปติดหน้ าต่าง”

“ทําไม..โอ๊ ย!”

ไม่ทนั ขาดคํา หัวผมโขกเข้ ากับหน้ าต่างเต็มๆ พีเชนไม่ได้ จอดรถ แต่ถาม “ไง หัวโนเลยหรือเปล่า?”

“แค่เจ็บๆ”

พอ พ้ นกลางซอยมา กลับเห็นบ้ านหลังใหญ่ๆปลูกทิงระยะห่างกัน หลายหลังสวยจนผมอยากจะหยิบกล้ องขึนมา


ถ่ายรูปเก็บไว้ แถมตรงนีถนนยังดูดีกว่าต้ นซอย คิดว่าอาจจะมีทางเข้ าซอยนีสองทาง และทางทีพีเชนพามา คือ
ท้ ายซอยเสียมากกว่า

รถจอดทีหน้ าบ้ านหลัง หนึง บ้ านทียังไม่ได้ แต่งเติมอะไรทังนัน มันยังไม่พร้ อมสําหรับการเข้ าอยู่ ผมเห็นรถอีกคัน
จอดอยู่หน้ ารัว รถสปอร์ ตทีล้ อเปื อนโคลนไปหมด

“ไหนดูดิ”

พีเชนเดินเข้ ามา ปั ดผมทีปรกหน้ าผากขึน “โอ๋ๆ หายเร็วๆนะตีเล็ก” เป่ าหัวผมฟู่ ๆจนเส้ นผมปลิวขึน

“พีเรียกผมหรือเรียกสาหร่ายวะเนีย”

“อย่าขําดิ จริ งจังนะเว้ ย”

ผมหัวเราะกับหน้ าตาจริงจัง ถูกโยกหัวไปมา ทําเหมือนผมเด็กกว่าสักสิบปี ทังๆทีจริ งแล้ ว ก็อาจจะแค่หกเจ็ดปี


เท่านัน
พวก ผมกดกริง มีผ้ ชู ายคนหนึงเดินมาเปิ ดประตูให้ ดูผิวขาว ตาสีฟ้า อาจจะเป็ นลูกครึง พีเชนทักทายเหมือนเคย
เจอกันมาก่อน แหงหล่ะ ต้ องเคยเจออยู่แล้ ว ก่อนทีจะนัดเจอลูกค้ ากันทีสถานทีจริ งแบบนี

ลูกครึงคนนันพูดไทยได้ คล่องปรือ แถมยังมีชือไทยๆ “เรียกผมว่าวิลก็ได้ ”

ถูก พาเข้ าไปข้ างในบ้ าน ข้ างนอกคงจะมีสวน แต่ยงั ไม่ได้ เตรียมอะไรจึงเป็ นแค่ลานดิน เป็ นเรืองน่ามหัศจรรย์
สําหรับการเห็นบ้ านก่อนและหลังการสร้ าง เพราะมันแทบจะไม่เหมือนทีเดียวกันเลยด้ วยซํา

ในบ้ านหลังนัน มีผ้ หู ญิ งอีกคนกําลังยืนหันหลังให้ ผม มองผนังไม้ ทีว่างเปล่า รอการตบแต่งอยู่

มอง จากข้ างหลัง ผมสีนําตาลอ่อนทีถูกดัด รูปร่างสูง จนเหมือนนางแบบ หุ่นดี อย่างน้ อยก็ไม่เป็ นเอวตรงแด่ว
หาวีแววซิกส์แพ็คไม่เจอ หรือกล้ ามข้ างเดียวแบบผม

ค่อยๆหันมา รองเท้ าส้ นสูงทีไม่ได้ ดเู ปรียวจนเกินไปบิดเข้ ากับพืนไม้ อยากจะบอกว่าไม่ควรใส่เข้ ามา แต่ก็ไม่ได้
พูด ไม่สิ พูดไม่ออกเลยต่างหาก

….มินท์

ฮะฮะฮะ

หน้ าผมตอนหัวเราะแบบนี คงจะตลกน่าดู

………………………..
……………..

B.N.9
ผมนังลงข้ างๆพีเชน มีสายตาจับจ้ องอยู่ ปกติ ผมไม่ค่อยชอบสายตาแบบนีเท่าไหร่อยู่แล้ ว เป็ นสายตาจ้ องจับผิด
ถ้ าเป็ นสายตาลูกค้ า ก็พอจะทนได้ แต่นีเป็ นสายตาของคนทีผมกําลังสงสัย ไม่สิ หวาดระแวง ไม่ร้ ู จะอธิบายยังไง
เหมือนกัน เอาเป็ นว่าผมกระอักกระอ่วนจนแทบคลัง เมือรู้ว่าทุกการเคลือนไหวของผม มีสายตาสวยๆคู่หนึงมอง
ตาม

หยิบปากกาในกระเป๋ ากางเกง เงยหน้ าขึนมา ก็สบตาเข้ ากับเธอ

เรา ยืนคุยกันอยู่ตรงพืนทีโล่งกลางบ้ าน ตรงนีเป็ นเหมือนส่วนกลาง ไม่มีหลังคา เดาจากโครงสร้ าง คงคิดจะสร้ าง


บ่อเลียงปลาตรงนี เดินต่อเข้ าสูห่ ้ องทีอยู่ตรงข้ ามกับห้ องทีพึงผ่านมา ตรงนี อีกไม่นานคงมีประตูกระจกเข้ ามา
เป็ นบ้ านทีสวย..เจ้ าของคงจะรวยมากอย่างไม่ต้องสงสัย

ดูดีๆแล้ ว เหมือนอายุจะมากกว่าผมหน่อย เป็ นผู้หญิ งเจ้ าเสน่ห์ ดูมาดมัน ปราดเปรือง ผู้หญิงทํางาน เลยนึกไม่
ออกว่าเหตุผลทีเธอร้ องไห้ ในวันนัน มันเป็ นเพราะอะไร ดูเหมือนนําตาของเธอ จะหยดออกมาได้ ยากจริงๆ

ครัง นี ส่วนมากเป็ นพีเชนทีคอยพูด ถามเรืองความต้ องการของลูกค้ า ผมจะเป็ นคนจดรายละเอียด เก็บข้ อมูลให้


ได้ มากทีสุด แต่เท่าทีดูแล้ ว น่าจะใช้ เฟอร์ นิเจอร์ ทีมีสสี ว่าง เพราะถ้ าประกอบกับสีของไม้ แล้ ว จะยิงทําให้ บ้านดู
กว้ างขึน

มินท์จะเป็ นคนพูดเกือบทังหมด มีวิลเสริมบ้ าง แต่ถ้าอีกฝ่ ายไม่เห็นด้ วย ก็จะถูกปั ดตกลงไปได้ ง่ายๆ ไทยคําฝรัง


คําจนเล่นเอาผมมึน แต่สาํ หรับพีเชน ดูจะไม่ใช่ปัญหา

“..แล้ วทีนี บ้ านใครหล่ะครับเนีย?”

“อ่อ..บ้ านหลังนีก็ของ—“

ได้ ยินเสียงดังอัก ดังจนผมกับพีเชนสะดุ้งพร้ อมกัน วิลงอตัวลงจนเสียวว่าจะหัวทิมลงกับพืน ต้ นเหตุคงเป็ นศอก


ทีกระทุ้งเข้ าเต็มสีข้าง ได้ ยินแต่เสียงโอดครวญลอดออกมา ผมกับพีเชนซีดปากเบาๆ

“…คงไม่มีความจําเป็ นทีจะต้ องรู้ มงคะ?”


“ไม่เป็ นไรครับ ผมแค่ลองถามดูเฉยๆ แต่คงจะเป็ นของคุณมินท์ สนิ ะครับ?”

“ก็…ส่วนนึง”

ผมกลืนนําลายลงคอ ไอ้ สว่ นนึงทีว่าหมายถึงครึงหนึงหรือเปล่า แล้ วถ้ าเป็ นอย่างนันจริ ง อีกครึงหนึงของใคร?


“ผมขอเสนอสีสว่างมากกว่า อย่างโซฟา ผมก็แนะนําให้ ใช้ เป็ นสีเนือ ไม่ก็สขี าวครับ มันจะทําให้ ตัวห้ องดูกว้ างขึน”

“ไม่ เอาสีมืดจะดีกว่า เจ้ าของอีกครึงหนึงชอบสีมืดๆ อย่างสีดํา สีโปรด”

“……”

เหมือนจะจดอะไรไม่ทนั ไปช่วงหนึง อะไรนะ ต้ องการโซฟาสีครีมหรือครับ? หรือผมได้ ยินไม่ชัดเอง

“เฮ้ ยไอ้ ตี สีดําเว้ ยสีดํา”

“..เอ้ า หรอ?”

“ก็เออน่ะสิ เหม่ออะไรอยู่หึ?”

“เมือคืนนอนน้ อยไปหน่อย”

ไม่ ได้ คยุ ต่อ เพราะพอมินท์..ไม่สิ อาจจะต้ องเรียกว่าพีมินท์ เพราะดูโตกว่าผมจริ งๆ พีมินท์พดู ต่อ พีเชนจึงเบน
ความสนใจออกจากผม เห็นอยู่ว่ามองผมเป็ นระยะๆ ดวงตากลมๆสีดําเข้ มนัน จ้ องมองด้ วยกลินอายทีดูกดดัน
ค้ นหาอะไรบางอย่างในตัวผม

ผมคิดว่าบางที เธออาจจะรู้เรืองระหว่างผมกับพีหมอก

นี ผมต้ องระวังว่าเธอเป็ นคู่หมันอะไรของพีหมอกหรือเปล่า? แต่ผมไม่คิดว่ายุคนีแล้ ว ยังมีการคลุมถุงชนเพือ


เหตุผลทางธุรกิจอีก และถึงจะเป็ นอย่างนันจริงๆ ผมก็คงไม่ต้องกลัวอะไร นิสยั เกลียดการโดนบังคับของพีหมอก
น่ากลัวกว่าอะไรทังหมด ต่อให้ มีสบิ ชีวิต คิดจะบังคับพีหมอก ก็คงจะไม่พอ

ผมเชือใจ เชือในคําพูดทีพีเขาพูดกับผม คําพูด ทีสือผ่านออกมาทางการกระทําของพีหมอก

ตอนนี หลายๆสิงทีผมเคยค้ างคา มันชัดเจนขึน บางเรือง ผมใช้ ความรู้ สกึ ของผมตอบ โดยไม่จําเป็ นต้ องรอ
เหตุผลอะไร

“วิล..พาคุณปิ ยนันต์ไปดูชนสองหน่
ั อยสิ พาไปดูเฉยๆ ไม่ต้องทําอะไร”

แค่พดู แค่นี วิลก็พยักหน้ ารับ เดินนําพีเชนทีดูไม่เต็มใจขึนบันไดไป บันไดไม้ ดแู ข็งแรงเสียจนอยากทดสอบความ


ทนทานดู

เสียงรองเท้ า หายไปแล้ ว ผมได้ ยินเสียงลมหายใจตัวเองชัดขึน พอๆกับเสียงใจเต้ น บรรยากาศกดดันจนไม่กล้ า


เงยหน้ าออกจากสมุดจด

ไม่

ไม่ได้

ถ้ าทําแบบนี ก็เท่ากับผมหนีปัญหาอีก ผมจะต้ องเผชิญหน้ ากับมัน ไม่ใช่วิงไปเรือยๆแบบนี

มินท์มีเรืองจะคุยกับผม กลับกัน มันก็หมายความว่าผมได้ คยุ กับเธอ อาจจะพอคลายเรืองทีสงสัยอยู่ได้

“…รู้จกั กับหมอกมานานหรือยัง”

“นานแล้ วครับ”

“เมือไหร่ ”

“ตังแต่พีหมอกปี สาม”

“…จะสีปี แล้ วสินะ”

“ครับ”

ถ้ าเธอรู้หมดแล้ ว ปิ ดบังไปก็เท่านัน ผมไม่ชอบโกหกใคร เพราะรู้ ผลของการโกหก เคยต้ องทรมานเพราะมัน


มาแล้ ว

“ถ้ าบอกให้ เลิกยุ่งกับหมอก จะทําได้ ไหม?”

“ผมก็คงต้ องบอกตรงๆว่า ผมไม่อยากทําแบบนันครับ”

เธอเลิกคิว จากทีจ้ องมองผนังว่างเปล่า เปลียนกลับมามองทีผมแทน

“ทําไม?”
“คุณรู้เรืองทังหมดแล้ วใช่ไหมครับ?”

“รู้ แต่ก็อยากได้ ยินจากปากอยู่ดี…ห้ องนีอยากได้ สว่างๆหน่อย”

“ผมแนะนําว่าน่าจะเป็ นเฟอร์ นิเจอร์ สีสว่างมากกว่า แต่ถ้ายังอยากได้ สดี ํา ผมก็ปรับให้ ได้ ครับ”

“สีดํา..สีโปรดของหมอก”

“….ครับ”

“ตรงนี ขอผ้ าม่านหนาๆหน่อย ไม่ชอบแสงมากเท่าไหร่ ”

นึกถึงผ้ าม่านในคอนโด ถึงจะดูบาง แต่ก็กนั แสงไว้ ได้ มาก ต่อให้ นอนถึงเทียง ก็ไม่มีทางรู้สกึ ตัวตืนเพราะแสงส่อง

ติดอยู่กบั อดีต บางครัง ก็ร้ ูสกึ อย่างนัน

เห็นอะไร ก็นกึ ถึงสิงทีเคยเกิดขึน เหตุการณ์ทีอยู่ร่วมกัน คําพูด รอยยิม หรือความอบอุ่นในเวลานัน ยังสัมผัสได้


อยู่เสมอ

“…ฟั งอยู่หรือเปล่า”

“ครับ?”

“ทํางานอย่าเหม่อ”

“ขอโทษด้ วยครับ”

หลัง จากนัน ส่วนมากก็เป็ นเนือหางานเสียส่วนใหญ่ พีเชนก็ยงั ไม่กลับมา มองชันบนผ่านช่องว่างของราวบันได


ก่อนจะต้ องรีบเดินตามพิมินท์ไปทีห้ องต่อไป

“…เหมือนเด็กเลยนะ”

“ครับ?”
“ชืออะไร”

“อธิษฐานครับ”

“ชือดี…ดูเป็ นคนจริงใจ แต่แค่ไหนกัน?”

“ผมบอกไม่ได้ หรอก มันต้ องขึนอยู่กบั แต่ละคนว่าจะมองผมยังไง”

“ปากเก่ง”

“นันก็ผม”

“เถียงกับลูกค้ า ไม่ร้ ูหรือไงว่ามันไม่ดี”

“เพราะ ลูกค้ าเอาเรืองส่วนตัวมาพูด ผมจึงมีสทิ ธิ ตอบโต้ เหมือนคนทัวไป แต่ถ้าคุยเรืองงาน พีก็เป็ นลูกค้ าผม ที
ผมจะให้ คําแนะนําในฐานะมัณฑนากร”

เธอเงียบไปสักพัก ไม่ได้ ตอบอะไร รองเท้ าส้ นสูงยังเดินไปตามพืนไม้

“ผมไม่แนะนําให้ ใส่รองเท้ าส้ นสูงเข้ ามาในบ้ านทีมีพืนไม้ ครับ เพราะอาจจะทําให้ เกิดรอยทีไม้ ”

“ขอบคุณ”

หลังจากนันไม่นาน พีเชนก็ถกู เดินตามวิลลงมา เราออกมาจากบ้ านหลังนัน พิมินท์มีธุระต่อ ทําให้ เวลาของพวก


เราตรงนีหมดลง

ผมคิดว่า พีมินท์ ไม่ใช่คนไม่ดี แต่ก็เป็ นแค่ความรู้สกึ เท่านัน ในความเป็ นจริงแล้ ว ยังไม่มีอะไรทีผมจะตอบได้


เลย….

………………………..
………………….
“…เอ้ า! ป้าน้ อย”

“..คะ?”

ผู้หญิงทีอยู่ในชุดสีขาวสะอาด คุ้นตาผม เห็นหลังไวๆในตลาด ก็รีบวิงตามไป

“ป้าครับ จําผมได้ หรือเปล่า”

“….ตี? ใช่ตีหรือเปล่าลูก?”

“ครับ ผมเอง”

ป้า แกยิมกว้ างเลยครับ ดึงผมเข้ าไปกอด เอ็นดูผมไม่เปลียนจากทีเคยทํา รู้สกึ เย็นๆทีหลัง มารู้เข้ าก็ตอนทีเห็นถุง
ปลาสดแช่นําแข็งนันในมือป้าแกอีกที

“มาครับป้า เดียวผมถือให้ ”

“แล้ วน้ องตีมาทําอะไรลูก?”

“ผมกะมาหาของกินซักหน่อยครับ แต่ดูจะดึกไปหน่อย แล้ วป้าทําไมมาซือดึกซะขนาดนี”

“ป้าแกงแกงส้ มไว้ แต่ปลาช่อนมันไม่พอหน่ะ จะให้ ทําครึงๆกลางๆก็ร้ ู สกึ ไม่สบายใจ ป้าเลยต้ องนังแท็กซีออกมา”

“แล้ วป้ายังทํางานอยู่บ้านพีหมอกหรอครับ”

“อืม คงยังกลับสุพรรณตอนนีไม่ได้ หรอก”

“ทําไมหล่ะครับป้า”

“ทังเรืองคุณหมอก คุณฝน ป้าเป็ นห่วงเสียจนไม่กล้ ากลับบ้ าน สบายไปคนเดียวเลย”

ทังๆทีไม่ใช่ลกู หลานแท้ ๆ แต่กลับรัก เป็ นห่วงอยู่อย่างเงียบๆ

พีหมอก พีไม่ได้ อยู่ตวั คนเดียวสักหน่อย


เพียงแต่พียังไม่เปิ ดใจให้ กว้ างพอ ก็เท่านัน

ผม ได้ แต่คิดว่าจะดีแค่ไหน ถ้ าพีหมอก สามารถโตขึนมาได้ ด้วยความรักจากป้าน้ อย ไม่ถูกทอดทิงอยู่คนเดียว


ท่ามกลางเงินทองหรือของทีไม่มีเสียงตอบโต้ แบบนัน

อดีต ทีได้ แต่คิดว่า “ทําไม?” มันไม่มีประโยชน์

แต่คํานี ถ้ าใช้ ในปั จจุบนั มันอาจจะใช้ เปลียนอนาคตได้

“ทําไมครับป้า”

“น้ องตีรู้เรืองคุณหมอกเข้ าโรงพยาบาลหรือเปล่า”

“รู้ครับ”

“ป้า เป็ นห่วงคุณหมอก ตังแต่กลับมาเมืองไทย เข้ ามาเหยียบบ้ านแค่ครังเดียว มาหยิบของใช้ ทีจําเป็ นออกไป
เสือผ้ าตอนนี ก็มีคนเอามาเปลียนให้ กินนอนทีบริษัท แทบไม่ได้ พักผ่อน ป้าฝากคุณแพนเขาดูแล แต่คณ ุ แพน
กลับบอกว่า เขาดูแลได้ ในส่วนของงานเท่านัน ป้าเลยได้ แต่ห่วง”

“คุณแพน?”

“เลขาคุณหมอกน่ะ บอกว่าตัวเขาเองก็ทํางานหนักไม่ต่างกัน ตอนนีงานก็มีปัญหา อีกสักพักใหญ่ๆจึงจะเสร็ จ”

“ทังๆทีพึงออกมาจากโรงพยาบาล ก็ต้องทํางานหนักแบบนันหรอครับ?”

ป้าน้ อยพยักหน้ า พูด “เหมือนคุณท่านไม่มีผิด ทํางาน จนไม่มีเวลาให้ ใคร”

แม้ แต่เวลาให้ ตวั เอง ยังถูกช่วงชิง ไม่ต้องพูดถึงเวลาทีจะใช้ ร่วมกับคนอืน คนทีพูดน้ อยอย่างพีหมอก วันๆนึง คง
แทบจะไม่ได้ พดู อะไรกับใครเลยด้ วยซํา

ผมแกว่งมือเบาๆ รู้ได้ ว่าถุงของสด ปนกับของกินอืนๆทีผมช่วยป้าเขาถือนัน แกว่งไปมาเช่นเดียวกัน

เสียงตลาด ค่อยๆเงียบลง ทังทีเป็ นตลาดทีแสนจะคึกคักทังกลางวัน กลางคืนแล้ วแท้ ๆ

“ป้าครับ วันนีผมขอไปฝากท้ องทีบ้ านสักวันได้ ไหมครับ?”


…………………………
………………….

ไม่คิดว่าจะเจอ

แล้ วก็ไม่ได้ เจอจริงๆ

จาก ทีพูดว่าทํางานหนัก ก็คงจะหมายถึงแบบนันจริ งๆ แอบย่องขึนไปดูทีห้ อง ผ้ าปูทีนอนเรียบ ในห้ อง ไม่มีกลิน


เจ้ าของห้ องแม้ สกั นิด ห้ องนําแห้ ง เหมือนนานเกินกว่าจะนึกได้ แล้ วว่าครังสุดท้ ายทีก็อกนํานีถูกหมุนใช้ คือ
เมือไหร่

ไอ้ หนึง โตมากทีสุดเท่าทีสุนขั พันธุ์นีจะโตได้ ผมคิดว่ามันจะเมินใส่ผมซะอีก เป็ นเรืองน่าดีใจ ทีอย่างน้ อย มันก็ยงั


จําผมได้ รวมถึงพีๆหลายๆคนทีนังจับกลุ่มคุยในห้ องครัว มีสองคน ทีผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่เจอหน้ าสามปี หล่อขึนเป็ นกองเลยนะน้ องตี”

“อย่าพูดความจริงมากครับลุง ผมรู้แล้ วแต่เขิน”

“มุกจ๊ ะมุก ไม่ต้องรับหน้ าชืนขนาดนันก็ได้ ”

“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”

ยกชามตักกับ คนเข้ าหากันจนมัวไปหมด ตักเข้ าปาก ยังอร่อยเหมือนเดิม คิดถึงฝี มือนีจะแย่แล้ ว พอได้ กลินแกง
ส้ ม ท้ องก็ร้องใหญ่

นัง อยู่ทีประตู ยืนเท้ าออกไปข้ างนอกเหมือนเดิม ทีตรงนัน มีหนึงนอนอยู่ คราวนี มันนอนทับเท้ าผม รู้ สกึ แปลกๆ
แต่สกั พักก็ชิน ไม่ได้ ร้ ู สกึ หนักอะไร นอกจากรู้สกึ ว่าตัวมันอุ่น อุ่นทดแทนความอุ่นข้ างตัวทีหายไป ถ้ ามันทดแทน
กันได้ ก็คงจะดี

“สามปี ทีผ่านมา…สบายดีหรือเปล่า น้ องตี”

“สบายดีครับป้า ไม่มีเรืองอะไรเลย ออกจะเรี ยบเฉยเกินไปด้ วยซํา”


ผมเห็นสายตาทีบอกว่าสงสารของป้าแล้ วก็เผลอหลบตา ไม่อยากให้ ใครรู้สกึ สงสาร ผมไม่อยากให้ ใครมองผม
แบบนัน

“มีเรืองอะไรบอกป้าได้ นะ”

“ครับ ถ้ ามีเรืองอะไร ผมจะบอก”

“แล้ วได้ เจอคุณหมอกบ้ างหรือยัง?”

“ได้ เจอบ้ างแล้ วครับ”

ที แห่งนี มีแต่อดีตเต็มไปหมด มองออกไปนอกประตูห้องครัว คิดว่าจะเห็นหลังของพีหมอกแถวๆโต๊ ะกินข้ าว แต่ก็


ไม่มี รวมถึงบันได สวน หรือแม้ แต่ห้องนอน ก็ไม่มี

สามปี ทีผมไล่ตามหาเงาพีหมอก จบลงด้ วยความผิดหวังมาตังไม่ร้ ู กีครัง สมควรจะรู้ได้ แล้ ว ว่ามันไม่ได้ อะไร แต่
ถึงจะพูดไปก็เท่านัน ตาผมก็ยังจะคอยมองหาแต่แผ่นหลังนันอยู่เสมอ

มีเรืองบางเรืองทีต่อให้ เราเข้ าใจ ก็ทําอะไรไม่ได้ อยู่ดี

ตักข้ าวคําใหญ่เข้ าปาก “ระวังติดคอ อย่ากินคําใหญ่แบบนันสิ”

พอ ตอบกลับไปว่าไม่เป็ นไร ก็ติดคออย่างทีว่าจริงๆ มีเสียงร้ องโวยวาย ผมรับแก้ วนําทียืนมาให้ นําในนัน


กระฉอกเลอะหน้ าผมเพราะแรงตบทีหลัง ใครกันตบแรงขนาดนี เดียวก็ได้ ตายเพราะชําในแทนทีจะติดคอหรอก
ไอจนนําตาไหล ไหลออกมาสักพักใหญ่

ป้าน้ อยถอนหายใจ ไม่ทําอะไรนอกจากลูบหลังผมต่อไป แม้ แต่ไอ้ หนึง ยังกระดิกหาง ปั ดขนฟูไปมาทีเท้ าผม จักจี
จนนําตาหยุดไหลไปเอง

“อดทนนะตี ไม่ว่ามีเรืองอะไร ถ้ าอดทน มันจะต้ องดีขนแน่


ึ นอน ป้าเชือแบบนัน”

“ผมขอเชือด้ วยคนนะป้า”

อาหารหมดลง โต๊ ะถูกเก็บ ผมยืนช่วยป้าล้ างจาน เสียงพีๆคนอืนๆร้ องโอดครวญอยู่ข้างๆ “อย่าเลยคะคุณตี ให้


พีๆล้ างเองเถอะ”
“ผมมากิน ผมก็ล้าง ผมไม่จ่ายเงินหรอกนะ ขอบอกไว้ ก่อน”

เถียง ไปด้ วย ล้ างจานไปด้ วย เดียวก็เสร็ จ เช็ดมือกับผ้ าจนแห้ ง เดินออกมาข้ างนอก สวนเงียบ มีไฟเปิ ดเป็ นจุดๆ
เลยดูสว่างแบบนวลๆ หนึงเดินตาม กระดิกหางมาด้ วย พอมายืนข้ างๆผมก็ยืนมือออกไปลูบหัว

มาบ้ านพี แต่ก็ไม่เจอพี ทีๆเดียวทีจะได้ เจอกัน คงเป็ นบริษัทใหญ่ๆนัน

จะเข้ าไปในสถานะอะไร

ตอนนีรอบตัวพีหมอกมีแต่นกั ข่าวทีคอยจับจ้ อง แล้ วยังมีผ้ บู ริหารระดับสูงอะไรมากมายนันอีก ทีเอาผม มาใช้


เป็ นจุดอ่อนของพีหมอก

ทีพูดว่ากําลังอดทน คงหมายถึงสิงนี

ถ้ า ทํางานออกมาดี ไม่มีข้อบกพร่อง ทุกอย่างก็อาจจะง่ายขึน แต่เพราะหนอนบ่อนไส้ คนทีปล่อยคลิปออกมา


ก่อน ก็คงจะเป็ นอีกสาเหตุหนึงทีทําให้ พีหมอกยังต้ องทํางานหนักถึงตอนนี

ไม่สิ

อย่างทีป้าน้ อยบอก งานหนักตลอดชีวิต องค์ กรใหญ่ คงไม่มีวนั เห็นประธานออกมาเดินเล่นไปมาเหมือนอย่าง


เมือก่อน

ผมอยากเจอ อยากเจอพีหมอกอีก

สัมผัสทีอยู่ทีมือ ผมยกขึนแนบหน้ า เหมือนกับว่าจะหลงเหลืออะไรอยู่บนมือนัน ไม่มี ไม่มีเหลือหรอก มันก็แค่


ความคิดของผมเท่านัน

มี แต่ความเงียบตรงนี ผมนังลงกับขอบบ่อปลาคาร์ พทีรีบว่ายเข้ ามาหา หยิบกระปุกอาหารปลาทียังถุกเก็บไว้ ที


เดิม หย่อนลงไปสองสามเม็ด ปลาทีไม่ร้ ู มองเห็นอาหารเม็ดนันหรือเปล่า แย่งกันอ้ าปากขึนมา

“โหย แย่งกันกินใหญ่เลย ไม่ต้องๆ เดียวให้ เพิมอีก”

ผม เทอาหารเม็ดในกระป๋ องลงบนมือ หย่อนลงไปเพิม จําได้ ว่าใต้ ขอบบ่อนีมีสวิสต์ไฟอยู่ เปิ ดแล้ วจะให้ ปลาใน
บ่อชัดขึน ใช้ เท้ าเขียๆ จนเจอสวิสต์ รู้สกึ สนุก ยิงให้ มากเท่าไหร่ ปลาก็ยิงโผล่ขนมามากขึ
ึ นเท่านัน
“ให้ แบบนันเดียวปลาก็ตายหมดหรอกครับ”

ถูก ดึงกระป๋ องออกจากมือ ปิ ดฝา แล้ วเก็บเข้ าทีเดิมภายในเวลาสันๆ เลขาพีหมอก หรือคุณแพนอะไรทีป้าน้ อย


พูดถึง มือข้ างหนึงยังหนีบแท็บเล็ทไว้ กบั ตัว พูดเร็วๆ

“เดียวผมกําลังจะกลับบริษัท จะติดรถกลับบ้ านด้ วยเลยหรือเปล่า?”

“ไม่เป็ นไรครับ”

“ผมแนะนําว่าคุณไม่ควรปฏิเสธ”

“..ง…งันก็ได้ ครับ”

ผมเนียบ ไม่ได้ ใส่แว่น แต่ร้ ู สกึ จะเหมาะกว่าถ้ าใส่ ดูจริงจัง มีไฟล้ นเหลือตลอดเวลา แม้ แต่กระดุมทีแขนเสือก็ยงั
ติด

ในรถเงียบแค่เฉพาะตอนก้ าวขึนเท่านัน พอประตูปิดลง อีกฝ่ ายก็เปิ ดฉากทันที

“คุณคงทราบแล้ วว่าผมเป็ นเลขาคุณอัษฏา”

“ค..ครับ”

“ผม มีหน้ าทีรับผิดชอบแค่สว่ นทีเกียวข้ องกับงานเท่านัน เรืองนอกเหนือจากความรับผิดชอบนัน ผมไม่


จําเป็ นต้ องยุ่งเกียว รวมถึงเรืองสุขภาพของเจ้ านายด้ วย แต่ก็อยากบอกให้ ร้ ูว่าผมก็ไม่ได้ อยากเปลียนเจ้ านาย
บ่อยๆ เพราะผมรู้สกึ ไม่มนคง”

ผมพยักหน้ า พอนึกขึนได้ ว่าถ้ าคนขับหันมามอง อาจเกิดความวิบัติได้ จึงรีบตอบครับกลับไป

“ผม ได้ ยินเรืองระหว่างคุณกับคุณอัษฏามาจากปากทีปรึกษาระดับสูงคนหนึง เขาพูดถึงเรืองนีว่าเป็ นความ


บกพร่องทางจิต ผมไปหาข้ อมูลเพิมนิดหน่อย เลยพอจะรู้เรืองคุณมาบ้ าง ระดับหนึง”

“…ความบกพร่องทางจิต? ขนาดนันเลย”

“ผมไม่เห็นเหตุผลอืนๆนอกจากความคิดเห็นส่วนตัวในนัน มันเป็ นแค่คําพูดทีใช้ กระทบจิตใจคู่เจรจามากกว่า”


มันได้ ผล

ผมรู้ สกึ แย่ ทีกลายเป็ นต้ นเหตุของคํานัน

“เรือง ส่วนตัวของเจ้ านาย ผมไม่มีความเห็น ในเวลานี ผมคิดว่าคุณอัษฏาต้ องการเวลาพักบ้ าง แต่สถานการณ์


อาจจะยังไม่เอืออํานวยเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนัน การทํางานหนักหลังพักฟื น ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรืองทีดี”

“แล้ วอยากให้ ผมทําอะไรครับ”

“ตอน นีผมก็ยังไม่ทราบครับ ผมไม่ร้ ู ว่าคุณกับคุณอัษฏาสนิทกันขนาดไหน คราวก่อนทีผมปล่อยคุณเข้ าไปใน


ห้ องพัก เพราะผมคิดว่ามันจะเปลียนอะไรได้ บ้าง แต่ก็เปล่า คุณอัษฏายังทํางานหนัก หนักกว่าเก่าด้ วยซํา
เหมือนเร่งบางอย่างให้ เร็วขึน ซึงก็รวมถึงสุขภาพด้ วย”

“ถ้ าผมเข้ าไปยุ่งเรืองนี ไม่เท่ากับว่า สร้ างความไม่พอใจหรือความยุ่งยากอะไรให้ กบั ทีปรึกษาพวกนันหรอครับ?”

“ก็ ช่างหัวพวกเขาเถอะครับ ไม่ ไม่ ผมไม่ควรพูดแบบนัน ถึงพวกเขาจะหูตากว้ างไกล รู้แม้ กระทังเรืองทีคุณมา


ร่วมงานเปิ ดตัวนัน แต่ผมคิดว่า เวลาส่วนตัวของคุณอัษฏา พวกเขาคงไม่ใจร้ ายถึงขันเข้ ามาก้ าวก่ายหรอกครับ”

รถชะลอความเร็ว จอดทีหน้ าบ้ านผม “รู้จกั บ้ านผมด้ วยหรอ?”

“นันก็เป็ นหนึงในข้ อมูลทีผมหามาครับ”

ได้ แต่โค้ งหัวพูดขอบคุณอย่างงงๆ “แล้ วผมจะลองคิดดู ว่ามีเรืองอะไรทีผมพอจะทําได้ บ้าง”

“ขอบคุณมากครับทีช่วย ขอบคุณทังในฐานะเลขา และเพือนร่วมงาน”

“ผมต่างหากล่ะครับ ทีต้ องขอบคุณ”

เห็นรอยยิมทีดูเหน็ดเหนือย คงไม่ใช่แค่เจ้ านายเท่านัน ทีถ่านใกล้ หมดเต็มที

“คุณแพนก็ดแู ลสุขภาพด้ วยหล่ะ พักผ่อนเยอะๆนะครับ

ได้ ยินเสียงหัวเราะประชดประชันออกมา
“ขอบคุณทีเป็ นห่วง แต่ผมเกรงว่าผมคงทําไม่ได้ หรอกครับ”

…………………..
…………..

Special : Bite

ได้ ยินเสียงวิงตึกตัก ดังอยู่ในห้ อง เลยหยุดเท้ าไว้

ทังๆทีการ์ ดกําลังจะเคลือนตัวผ่านช่องอ่านด้ านหน้ าประตูแล้ ว แต่ก็ชะงักไว้ สักพัก จึงเลือนการ์ ดลง

ผลัก ประตูเข้ าไป เห็นเท้ าไอ้ ตีแว่บๆจากตรงนี เลยเอนตัวมอง เห็นมันรีบตะครุบอะไรบางอย่างบนโซฟา หันมา


ยิมแหย แล้ วพูด “กลับมาแล้ วหรอพี?”

“ทําอะไร”

“เปล๊ า” ตอบเสียงสูง ผิวปาก มองซ้ ายมองขวา เอนตัวควําลงกับโซฟา ขาสองข้ างยังอยู่พืน ไม่ใช่ท่าทีคนทัวไปนัง


บนโซฟา

“ลุกขึนมา”

“ผมกําลังสบาย พีอย่ากวนผมดิ”

“…ซ่อนอะไรไว้ ?”
ไอ้ ตีเป็ นคนอ่านง่าย พอทักแบบนี ก็เห็นคิวกระตุก เสือมันคลุมอะไรไว้ บางอย่าง ดึงเสือทียืดอยู่แล้ วให้ ยืดขึนอีก
คลุมอะไรทีมันพยายามยันตัวไว้ ไม่ให้ ทบั

พอเดินเข้ าไปใกล้ ไอ้ ตีก็ลกุ ลีลุกลน “พ…พี ไปอาบนําก่อนไป กลับมาเหนือยๆ”

“กูแค่ไปเอาของ”

“ก..ก..ก็ขบั รถไง! เหนือยสุดๆเลยใช่ไหม พีไปอาบนํา เดียวผมหานําเย็นๆมาให้ กิน เป็ นไง แหล่มเลยใช่ไหม?”

ดึง คอเสือ ตีหดคอ เหมือนดึงหลังคอลูกหมาขึนมา ได้ ยินเสียงพูดเบาๆ “พีหมอกอย่าโกรธผมนะ” ใต้ เสือยืดๆนัน


ลูกหมาตัวเล็กๆ ขดตัวอยู่ มองตาแป๋ ว

“หมาใคร”

“ข้ างห้ อง พีเอเขาไม่อยู่ เลยฝากผมไว้ ”

“ไปรับมาทําไม”

“ผ..ผมสงสารมัน”

“สงสารมันทําไม ทําไมไม่บอกให้ ไปฝากทีอืน”

“ก็..ก็ผมก็ว่างอยู่ แล้ วก็เห็นว่ามันน่ารักดีด้วย พีหมอกก็เลียงหมา เลยคิดว่าไม่น่าจะไม่ชอบ”

“ถ้ าคิดอย่างงันแล้ วจะซ่อนมันทําไม?”

“..เออว่ะ”

แล้ วก็ทําหน้ าเหมือนพึงคิดได้ จริงๆ

บางครังก็เหนือยใจกับมัน ดูไม่ทนั คนอืน ซือ ซือเกินไป จะโดนหลอกเข้ าเอาง่ายๆ

“เอามันไปคืน”

“พีหมอก!”
“เอาไป ยังเห็นคนข้ างห้ องอยู่ รีบเอาไปคืนก่อนทีเขาจะไป”

“มันเป็ นแค่ลกู หมาเอง แล้ วพีจะให้ อยู่ตัวคนเดียวหรอ?”

“เออ”

มันคอตก บ่นงึมงํา ลูบหัวลูกหมา ไอ้ หมานันก็ดจู ะชอบตีอีก เลียมือ กระดิกหางไม่หยุด

“ถ้ ามึงไม่รีบเอามันออกไป อย่าหาว่ากูใจร้ าย”

“พี…”

“อย่ามาเรี ยกแบบนัน”

“อย่างมากก็…” มันหันคอไปมองนาฬิกา นับเลขไม่ออกเสียงแต่เห็นปากขยับ สาม สี ห้ า หก “หกชัวโมง”

“ไม่”

“นะ พีนะ” พอมันลุก ไอ้ หมานันก็กระโจนลงจากโซฟา กระโดดกัดขากางเกงบอล ตีขมวดคิว จับขอบกางเกง


ย้ วยๆไว้ หลุดลงมาจนเห็นเอว มองอยู่สกั พัก จนมันจ้ องกลับ เลยรู้ ตวั ว่าเผลอมองอยู่ แล้ วดูเหมือนมันก็ร้ ูตัวด้ วย
ว่าเผลอมองอะไรอยู่

“…อิจฉาหมาอ่ะดิ”

“ใคร”

“ก็พีอ่ะ”

“พูดแบบนีหมายความว่าไง”

“ก็พีมองผมตาไม่กระพริบเลยอ่ะ”

“อย่าหลงตัวเอง”
“แล้ วมันถูกไหมหล่ะ? พีกลัวผมเล่นกว่าหมามากกว่าพีหรอ”

มัน ปล่อยมือออกจากขอบกางเกง ไอ้ หมานันก็กระชากกางเกงมันไม่หยุด เลยต้ องรีบไปจับขอบกางเกงไว้ ให้ แทน


ใกล้ ใกล้ เกินไป ใกล้ เสียจนรู้สกึ ได้ ว่ากําลังจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง

ไม่มีกําลังมากพอ ทีจะหลุดพ้ นจากความรู้ สกึ นีได้

หน้ ามันก็แดง แต่ก็ร้ ู ว่าเสียงหัวใจทีเต้ นอยู่ในตัว ก็ไม่ได้ เบาไปกว่าของมันเลย

หลงใหล เกินกว่าจะต้ านทาน

อยู่ ใกล้ จนเห็นหน้ าสะท้ อนในตาของไอ้ ตี รู้ รู้แทบจะทันที ว่าคงจะรู้สกึ แบบนีกับใครไม่ได้ อีก มันมากกว่าคําที
เคยบอกมันไป มันมากไปกว่าคํานันเยอะ ในตัว คงมีแต่คํานีบินว่อนไปหมด

ไอ้ หมานัน เดินแทรกเข้ ามาระหว่างเท้ า เหยียบจนน่าเบือ ใช้ เท้ าเขียตัวน่ารําคาญออก กดปากเข้ าหาปากนุ่มๆ
รู้สกึ เหมือนกินของหวาน ไม่ชอบของหวาน แต่กลับชอบริ มฝี ปากนี

เชืองช้ า ไม่ได้ รุนแรงเหมือนทีเคยทํากับคนอืน ความรู้ สกึ มันต่างกัน

ละ ริมฝี ปากออก คว้ ามือมันไว้ ลากไปทีห้ องนอน เหลืออีกไม่กีก้ าว แต่มนั กลับดึงตัวไว้ หันไปมอง มันยิมแหยอีก
รอบ ชีนิวไปทีไอ้ หมาเวรนันทีวิงตามมา

“ช่างหัวมัน”

“มันยังเด็ก”

“แล้ วไง”

“..เดียวพีเอเขาก็มาเอาคืนแล้ ว”

“นานเท่าไหร่ ? หกชัวโมง คือคําว่าเดียวของมึงหรอ?”

“พีทนไม่ได้ หรือไง”

“ทน ไม่ ได้ ”


พูดช้ าๆ เน้ นๆทีละคํา แทนทีมันจะโมโห กลับหัวเราะออกมา

“หัวเราะอะไร”

“เปล่าๆ”

ปล่อย แขนทีดึงออก หงุดหงิด ถอนหายใจออกมาแรงๆ ขยีหัวตัวเอง อะไรก็ดเู กะกะไปหมด กลับกัน บรรยากาศ


รอบตัวไอ้ ตีกลับดูสบายๆ มีหมาตัวนึงมาวิงรอบๆให้ รําคาญตาอีก

มันอุ้มลูกหมานันขึนมา กอดไว้ ในแขน ในแขนของมัน ลูบหัวเบาๆ

มองตามทุกการเคลือนไหวนัน

รําคาญ ตัวเอง อยากเห็นมันในสายตาอยู่ตลอด อยากรู้ว่ามันกําลังทําอะไร กําลังคิดอะไร เป็ นไปไม่ได้ แต่ก็คิด


อยู่เสมอทุกครัง ทุกครังทีมอง ในทุกๆมุม

อยาก ประกาศให้ ทกุ คนรู้ ว่ามันเป็ นของใคร ไม่อยากให้ มนั มีเพือน ไม่อยากให้ มนั ต้ องกลับไปหาครอบครัว อยาก
ให้ โลกของมัน ทังใบ ไม่ต้องมีใครเข้ ามาเป็ นส่วนเกิน

อยากให้ ห้องๆนี เป็ นเหมือนโลกทังใบ

“ผมอุ้มพีไม่ไหว แล้ วผมก็ไม่กล้ าลูบหัวพีด้ วย”

ไม่ตอบ รอฟั งว่ามันจะพูดอะไรต่อ

ดูท่าฟั นจะพึงขึน เห็นมันงับนิวไอ้ ตี แต่ดจู ะไม่เจ็บอะไร

หงุดหงิดขึนมา มันเคยบอกว่าไม่ชอบให้ กัด

“ไหนมึงบอกไม่ชอบให้ กัด”

“ก็พีกัดเจ็บ”

“…..”
“..ก…ก็..ถ้ าพีกัดผมเบาๆ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่พีเล่นกัดจนผมห้ อเลือด แบบนีผมก็ไม่ไหวว่ะพี”

กําลังโดนยัว รู้สกึ แบบนัน

ไม่ได้ ทําตาเชิญชวน หรือคําส่อไปทางนัน ก็ร้ ู สกึ เหมือนถูกกระตุ้น

หกชัวโมง น่าขํา

ต่อให้ หกนาที ก็ยังคิดว่าทนไม่ได้ ด้วยซํา

ไม่

ถ้ าทําหน้ าแบบนัน ต่อให้ หกวินาที ก็ไม่คิดจะทน

“…ตี มึงทําตัวเองนะ”

“ห้ ะ? ทํา?..ทําอะไร?”

ก้ มหน้ า แล้ วมองขึน

ทําให้ นกึ ถึงเวลาตอนมันเขิน ตอนมันอาย รู้สกึ ทนไม่ได้ ทีจะยืนเฉยๆ ไม่กอดมันไว้ แน่นๆ

ลูก หมาตัวนัน สุดท้ ายก็เหวียงมันไปทีโซฟา ตีร้ องโวยวาย แต่เป็ นเรืองของมัน ไอ้ หมาตัวนันก็ไม่ได้ ดเู จ็บอะไร รีบ
ดึงตัวมันเข้ าห้ อง ก่อนทีไอ้ หมาเวรนันจะตังหลักทัน ปิ ดประตูลอ็ กห้ อง ได้ ยินเสียงตะกรุยเท้ าทีประตู อยากจะ
เหวียงออกไปนอกหน้ าต่างด้ วยซํา แต่คิดว่าไอ้ ตีมันคงไม่ยอม

ดันตัวไอ้ ตีติดประตู มันก็ยิมจางๆ เหมือนคิดไว้ แล้ ว ว่าเรืองแบบนี คงจะต้ องเกิดขึน ก็ดี ขีเกียจพูดยืดยาว

เวลา ช้ าลง อยากหยุดเวลาลงด้ วยซํา

ไม่อยากมีอนาคต ไม่อยากสนอดีต อยากอยู่แค่ปัจจุบนั ทีมีแต่มนั เท่านัน ไม่อยากทะเยอทะยาน ไม่อยากสน


อะไรทังนัน

อยู่บนโลกทีกฏเกณฑ์ทุกอย่าง ขึนอยู่กบั ตัวมัน โดยทีมันไม่ร้ ู


โลกทังใบ หมุนไป มีมนั เป็ นจุดศูนย์กลาง

ถ้ ามันไม่อยู่ โลกใบนีก็คงจะหมุนต่อไม่ได้ คงจะต้ องพังทลายลง

อย่าไปไหนนะ

อย่าไปจากกู

อยากจะพูด

แต่นนหมายความว่
ั า จะต้ องเป็ นช่วงเวลาทีมันจากไป

จะเก็บคําพูดนีไว้ ไม่อยากให้ วนั นันมาถึง

ถูกปั ดเป่ าความวุ่นวายในใจออกไป ด้ วยจูบเบาๆทีทําให้ ร้ ู สกึ เหมือนลอยในอากาศ

“พีหมอก…”

ได้ ยินเสียงมันเรี ยกชือเบาๆ คิดเอาเอง ว่าเป็ นทุกสิงทุกอย่างสําหรับมันเหมือนกัน

ความสุข

มันคือความสุข สิงทีอยู่ในตัวตอนนี

ได้ ร้ ูจักกับสิงนีแล้ ว ก็ไม่อยากจะปล่อยมันไป อยากจะรังมันไว้ ด้ วยแรงทังหมดทีมี

แต่ถ้า ต่อให้ ยังไงก็ต้องไปสิงนีไป สิงทีอยู่ในอ้ อมแขนนี

สิงทีเรี ยกว่า โลกทังใบไป

จะทําทุกอย่าง ทุกวิถีทาง ยอมแลกด้ วยทุกๆสิง หรือจะต้ องอดทนต่อสายตาคนทังโลก ก็จะทํา


เพือให้ ได้ สงมี
ิ ค่านี …
กลับคืนมา…..

……………………………………..
…………………………..

Bloom

คืนก่อนวันวาเลนไทน์ ฝั นประหลาดๆ ฝั นเห็นพีหมอกใส่สทู แต่งตัวดูดีตงแต่ั หวั จรดเท้ า อย่างรองเท้ านัน ก็


สะท้ อนหน้ าผมออกมาตอนยืนเข้ าไปมองใกล้ ๆ ตัวหอม หอมแบบทีไม่มีกลินเหงืออยู่ด้วย เป็ นกลินเวลาอาบนํา
เสร็จใหม่ๆ ในมือถือดอกไม้ ดอกหนึงอยู่ ไม่ได้ ดขู ัดตา ดูเหมาะ อย่างกับดาราเท่ๆถ่ายรูปลงปกนิตยสาร

มีอะไรแปลกๆ…

พอเอนตัวออกมามอง ก็ถกู รังต้ นแขนไว้ รอบตัวขาวโพลน มองไม่ออกว่ายืนอยู่ทีไหน ไม่มีลมพัด ไม่มีทางออก


ถ้ านีเป็ นห้ องสีขาว พีหมอกสูทดําจึงดูโดดเด่นออกมา
“เป็ นอะไรไป”

“เปล่าๆ”

“ทําไมทําหน้ าแบบนัน”

แปลก รู้ สกึ แปลกมาก

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

“พีแหละทีเป็ นอะไรหรือเปล่า พูดจาแปลกๆ”

“ก็พดู ปกติ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”

“แปลก แปลกสิ ผมว่าแปลกมาก”

“หรอ ตรงไหนล่ะ?”

ยิม มียิมด้ วย แบบนีมันโคตระแปลกอย่างไม่ต้องสงสัย ไอ้ ท่าทางยิมกรุ่ มกริ มแบบนีนะ ให้ พดู จริงๆเอาแบบไม่
อายเลย ก็มีให้ เห็นเฉพาะอยู่บนเตียงเท่านันแหละ แถมยังไม่ยิมกว้ างแบบนีด้ วย ผมเริ มเดินถอยหนี แต่แขนก็ยงั
ถูกจับไว้

“วันนีวันวาเลนไทน์นะ”

“นีมันคืนก่อนวันวาเลนไทน์ ต่างหาก”

“มันผ่านมาแล้ ว นีก็ตีหนึงกว่าแล้ ว”

“…ห…หรอ”

รู้สกึ เหมือนแค่เป็ นคนทีหน้ าเหมือนพีหมอกเท่านัน ยิมทีทําให้ ผมขนลุกซู่ เหมือนกลืนพลาสติกลงคอ เป็ น


ความรู้สกึ แบบเดียวกัน

“…นีดอกไม้ ”
“ขอบคุณครับ”

รีบๆรับมา อีกฝ่ ายก็ปล่อยมือออก แต่กลับรังเอวเข้ ามาหาแทน ไม่มีทาง ในชีวิตจริ งไม่มีทางทําอะไรแบบนีแน่ๆ


บรรยากาศมันเลียนแบบแปลกๆ พอทีเถอะครับ ผมอยากตืนจากความฝั นนีเต็มทีแล้ ว ปล่อยผมออกไปจาก
ฝั นพิเรนท์ๆแบบนีเถอะ

“ตี”

วูบหนึง คุ้นเคยกับเสียงนี เลยเงยหน้ าขึนมอง

ดอกไม้ ในมือ บานออก เพราะเป็ นฝั น ดอกไม้ ถึงบานออกในมือได้ ชูช่อสะพรังจนน่ากลัว

พีหมอกขยับปาก พูด ไม่ร้ ูพดู อะไร ผมไม่ได้ ยินเสียง ขมวดคิว แต่พีหมอกพูดแค่รอบเดียว เสียงรอบๆตัวหายไป
รวมถึงพีหมอกทีปล่อยแขนออกจากผมแล้ วค่อยๆเดินถอยห่างออกไปด้ วย

“เดียวๆ อย่าทิงผมดิ”

โบกมือลาแบบนัน หมายความว่าอะไรกัน ถึงจะเป็ นพีหมอกเก๊ ๆ แต่ก็อย่าทิงผมในทีเงียบๆแบบนีคนเดียวสิ

พยายามวิงตามไป แต่ไม่เห็นพีหมอกแล้ ว ได้ แต่ตะโกนเรียกชือพีเขาซําๆ ได้ ยินแม้ กระทังเสียงเอคโค่ของพีหมอก


เว่อร์ ซะไม่มี ฝั นผมเองทังนัน

แล้ วก็ได้ ตืนสมใจอยาก

เหงือท่วมตัวทังๆทีแอร์ ก็ไม่ได้ เสีย ผมรีบลุกขึนจากทีนอน ผ้ าห่มร่นลงไปอีกฝั ง หันไปมองหน้ าพีหมอก ก็ยงั


เหมือนเดิม ไอ้ ท่าหลับนิงๆเหมือนจําศีลแบบนี ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ หรอก

มองนาฬิกา น่าจะถึงเวลาทีตืนได้ แล้ ว สะกิดเรียก ไม่ใช้ มือหรอกครับ ใช้ ขาทียังอยู่ใต้ ผ้าห่มสะกิดแข้ งพีหมอก “พี
ตืนได้ แล้ ว” พอเรียกแบบนีถึงจะยอมลืมตาขึนมา

“พีหมอก”

“….”

นีแหละตัวจริง ถอนหายใจออกมายาวๆ เห็นอีกฝ่ ายขมวดคิวมอง ไม่ได้ สนใจ จะลุกขึนไปอาบนําแปรงฟั น แต่ก็


ถูกรังไว้ แขนพีหมอกยาว แทบไม่ต้องยันตัวขึนจากทีนอนด้ วยซํา

เอนตัวลงกลับไปนอนด้ วยใหม่ กลินอายรอบตัวพีหมอกตอนเช้ าๆ ถ้ าได้ หลับเต็มอิม จะเป็ นบรรยากาศสบายๆ


ตอนนีจะเล่นจะแหย่อะไรก็ได้ เต็มที แต่ถ้าเป็ นเวลาอืน ต้ องแน่ใจว่าวิงเร็วพอ

“วันนีวันอะไร”

“..ห้ ะ?...”

พีหมอกไม่พดู ไรต่อ เลยต้ องเป็ นฝ่ ายตอบคําถาม

“วันอังคาร?”

ขมวดคิว แปลว่าผิด “งันวันวาเลนไทน์ ?”

ไม่พยักหน้ า แต่มือข้ างทียังจับแขนผมอยู่ก็เปลียนเป็ นลูบเบาๆ น่าจะแปลว่าถูก

“พีอยากได้ ดอกไม้ จากผมหรอ?”

“ไม่”

“แล้ วถามเรืองนีขึนมาทําไมอ่ะ”

“….”

เงียบ เงียบอีกแล้ ว วันนีมาแปลก ไม่สิ ปกติก็แปลกอยู่แล้ ว แต่พอเจอความเงียบเข้ าไปเลยทําอะไรไม่ถูก “ไป


แปรงฟั นกันเหอะพี เดียวไปเรียนสาย” ถึงจะยอมลุกขึนจากเตียงดีๆ แต่ก็มีอะไรแปลก เดียวสิ แปลกอีกแล้ วหรอ
วันนีมันวันอะไรกันแน่เนีย ทําไมต้ องเจอแต่เรืองแปลกๆด้ วย

แปลกทีไม่ยอมพูดอะไรด้ วย จากทีพูดน้ อย เลยกลายเป็ นเช้ าทีเงียบเสียจนหนาวเหน็บ ผมนังนึกตลอดทางทีอยู่


บนรถว่าเมือวานทําอะไรผิดหรือเปล่า แต่ก็นึกไม่ออกสักที

มาถึงคณะ ก็แอบถามไอ้ โจ๋ดู มันกลับหัวเราะ ไม่ยอมบอกอะไร

วันนีมีดอกไม้ ขายทัวไปหมด แฟชันเด็กประถมอย่างแปะสติกเกอร์ รูปหัวใจให้ กนั ก็ยงั พอมีให้ เห็นบ้ าง ผมเองก็ได้


ดอกไม้ จากรุ่นน้ องบ้ าง น่าเสียดาย ทีส่วนหนึงมาจากสาวๆกลุม่ ไอ้ อกุ กี ไม่เป็ นไร อย่างน้ อยปี นีผมก็จะได้ ยืดอก
โม้ กบั เฮียได้ บ้าง ว่าไม่ได้ เดินมือเปล่ากลับบ้ าน เฮียตอนอยู่มธั ยม สุดจะป็ อปปูลา่ สาวๆชอบแห่กนั มาให้ ดอกไม้
อย่างกับแก้ บนศาลเจ้ า ผมทีกลับด้ วยกันต้ องมาช่วยถือของตลอด

“สาวๆจ๊ ะ ดอกไม้ ทางนีล้ นแล้ ว ขอเป็ นช็อคโกแลตจะดีมาก”

“พูดแบบนีใครจะให้ มงึ วะไอ้ กล้ วย”

“อ๊ ะๆ หนุ่มๆครับ อย่าดูถูกไป เดียวคอยดู”

แล้ วก็มีคนวิงไปซือช็อกโกแลตมาให้ ไอ้ กล้ วยด้ วยจริงๆ โต๊ ะหินอ่อนเต็มไปด้ วยของๆมัน ปี ทีแล้ วมันฮอต แต่ปีนีดู
จะฮอตกว่า ได้ เยอะก็ดี เพราะช็อกโกแลตยังไงผมก็มีสว่ นร่ วมอยู่แล้ ว ดอกไม้ ไม่ร้ ูจะเอาไปทําไม เดียวก็เหียว ซือ
ไปก็เปลืองเงินเปล่าๆ ยิงวันนี ราคาแพงขึนเท่าตัว ผมเสียดายเงิน ไม่ซือหรอก

“ว่าแต่มงึ เหอะ ไม่ซือให้ พีหมอกหรือไง”

“ซือทําไมวะ ดอกไม้ เดียวก็เหียว”

“ไอ้ ขีงก มึงคิดว่ามันแพงก็พดู มาเหอะ” ได้ แต่พยักหน้ า ปฏิเสธไปก็โกหกเปล่าๆ พีหมอกก็บอกเองแล้ วด้ วยว่าไม่
อยากได้ ดอกไม้ ซือไป ก็อาจจะถูกโยนทิง ผมไม่อยากเห็นภาพแบบนัน สงสารทังดอกไม้ ทังเงินผม

“มันไม่เกียวหรอกว่าดอกไม้ จะเหียวไม่เหียว สิงทีซ่อนอยู่ในดอกไม้ ทีมึงว่าไม่จําเป็ นน่ะ มันคือคําพูดนับล้ านเว้ ย”

“แล้ วให้ อย่างอืนทีมันคงทนหน่อยไม่ได้ หรือไงวะ”

“วันวาเลนไทน์ ถามจริงๆ นอกจากดอกไม้ กับช็อกโกแลต มึงจะซืออะไรให้ รองเท้ าแตะหรือไง”

“เออว่ะ…ก็ดี”

“กูประชดเว้ ย!”

“กูก็แค่รับมุกไปเฉยๆเหมือนกันนันแหละ! แป้กขนาดนี พูดตรงๆนะกล้ วย ถ้ ากูไม่ใช่เพือนมึง กูทนมึงไม่ไหว


หรอก”

ไอ้ โจ๋หวั เราะออกมาเสียงดัง อย่างไอ้ เคิล ก็เขียนเพลง ไม่ร้ ู จะให้ ใคร แต่อย่างผม แค่เล่นกีตาร์ ได้ นีก็เรียกว่าทีสุด
ของทีสุดแล้ ว อย่าหวังเลยว่าจะเขียนเพลงอะไรให้ ได้ เต้ นโชว์ กาก? เต้ นมาจะสามรอบแล้ ว ยังไม่เห็นพีหมอก
หัวเราะเลย

“มึงขีงกนักกูบริจาคดอกไม้ ให้ ก็ได้ เลือกไปซักดอก กูมีเยอะ โนพลอบเบ้ ม”

“ไม่สงสารคนให้ หรอไงวะ”

“กูรับนําใจเขามาแล้ ว ต่อจากนัน ขึนอยู่กบั กูตัดสินใจเอง”

ดอกกุหลาบทีอยู่บนโต๊ ะ มีทงแบบช่
ั อ หรือมาเป็ นดอกเพียวๆ อวดกลีบเรี ยกมือผมไปหยิบ

แต่ผมก็ไม่ได้ หยิบดอกไหนไปสักดอก

พีหมอกบอกว่าไม่อยากได้ ดอกไม้ ไม่ร้ ูเพราะว่าแพ้ ดอกไม้ หรือเปล่า เลยไม่ได้ เลือกไว้ สกั ดอก ตอนเลิกเรี ยน เดิน
ไปหาทีคณะ ถือดอกกุหลาบทีได้ หกเจ็ดดอกไปด้ วย ช็อกโกแลตส่วนมากแบ่งกันกินจนเกือบหมดแล้ ว ไอ้ พีโก้ ไม่
อยู่ เห็นว่ารีบไปเดท ทิงพีบอลนังทํางานคนเดียว น่าสงสาร เพือนๆในกลุ่มคนอืนก็ไม่อยู่

“เอ้ า? แล้ วพีหมอกล่ะพี?”

“ไม่ร้ ูมนั หายไปไหนไม่ร้ ู เอ้ า มานันแล้ วไง”

เดินหน้ าบูดมาเชียว พอเห็นดอกกุหลาบในมือผมยิงรู้สกึ มาคุกว่าเดิม “กลับ” พูดสันๆ สะพายกระเป๋ าแล้ วเดินนํา


แปลก ไม่เห็นดอกกุหลาบสักดอก อย่างพีหมอก ผมว่าคงจะต้ องได้ เยอะ เยอะกว่าใครๆทีผมรู้ จกั แต่นีกลับไม่มี
สักอัน แปลกอีกแล้ ว

“พีหมอก พีไม่ได้ ดอกไม้ เลยหรอ”

“กูไม่เอา”

“….หล่อเลือกได้ เนอะ”

“พูดอะไร”

“เปล่าครับ”
สตาร์ ทรถ ผมรีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกมา เตรี ยมตัวคาด รู้สกึ วันนีอาจได้ เล่นรถไฟเหาะด้ วย BMW คันนี กําลังจะ
ขับรถออกไป พวกพีๆทีเหลือก็รีบวิงมา พีแฟง พีต้ น แม้ แต่พีปิ งก็ยงั มา ยกกล่องกระดาษคนละกล่องใหญ่ๆ พี
หมอกเห็นก็รีบออกรถ “เฮ้ ยๆ เดียวดิพี” แต่ก็ไม่ฟัง พีแฟงรีบมาขวางหน้ ารถแบบไม่กลัวตาย รถน่ะเบรคทัน แต่ไอ้
ทีเบรคไม่ทนั นะผมครับ หัวกระแทกคอนโซลรถ เจ็บเป็ นบ้ า

พีหมอกทุบพวงมาลัย เสียงแตรดังไปช่วงหนึง ไอ้ พวกพีๆบ้ าระหําเปิ ดประตูรถ ยัดกล่องพวกนันเข้ ามาเต็มท้ าย


เบาะ “โทษทีตี ไอ้ หมอกมันรีบซะจนคิดว่าจะไม่ทนั แล้ ว”

“อะไรวะพี”

“ดอกไม้ กบั ช็อกโกแลตของมัน”

“กูบอกว่ากูไม่เอา”

“เอาไปเหอะ ให้ ไอ้ ตีมันกินก็ได้ ดูดิ จ้ องใหญ่แล้ ว”

“อย่าเอาผมมาอ้ างเลยพี” แต่พอพีปิ งยืนห่อช็อกโกแลตมาให้ ก็รีบไปคว้ า สัญชาติญาณครับ ยังไม่ทนั คิดด้ วยซํา

“รีบๆไปได้ แล้ ว”

ยกมือลาพวกพีๆ รถขับออกมาต่อ ลูบหัวตัวเองป้อยๆ เจ็บว่ะ อาจจะหัวโน พีหมอกมัวแต่หงุดหงิดจนไม่สนอะไร


แต่สดุ ท้ าย ก็ชะลอรถข้ างทาง พิงตัวเข้ ากับประตูรถ แล้ วยืนมือข้ างหนึงมา

“ไหนดูดิ”

ปั ดผมทีปรกหน้ าอยู่ขนึ บางครังก็ดหู ยาบกระด้ าง แต่นิวโป้งทีลูบตรงหน้ าผากผมก็เบาเสียจนไม่ร้ ูสกึ ถอนหายใจ


เฮือกใหญ่ รู้ สกึ เหมือนได้ ยินคําขอโทษทีไม่ได้ พูดออกมา

“ไม่เป็ นไร ผมไม่เจ็บหรอก”

มือทีลูบอยู่ เลือนลงมาประครองทีแก้ มแทน เขินนิดหน่อย แต่ผมก็เอียงหน้ าเข้ าหามือนัน เหมือนกับทุกครัง อุ่น

“กุหลาบจากใคร”

“อืม…ดอกนีของอุกกี สามดอกนีของเพือนมัน ดอกนีของน้ องปี หนึง ดอกนี อ๊ ะ ดอกนีด้ วย แล้ วก็นีของพีๆปี สาม
ส่วนช็อกโกแลตผมกินหมดแล้ ว”

พูดจบ พีหมอกก็เอาดอกไม้ ทีอยู่บนตักผมไปหมด เปิ ดหน้ าต่าง กว่าจะคิดได้ ว่าพีหมอกจะทําอะไร มือทีกํารอบ


ก้ านดอกไม้ ก็ปล่อยออก ทิงดอกไม้ ของผมหน้ าตาเฉย แล้ วขับรถออกไป ผมหันไปมองย้ อน โดนล้ อรถพีหมอกทับ
ซะเละ

“พีทิงของผมทําไมอ่ะ!”

“ทําไม ชอบหรือไง”

“มันไม่ใช่แบบนัน คนอืนอุตส่าห์เอามาให้ ”

“นันมันเรืองของมึง”

“แต่พีก็ไม่น่าทิงของผมเลย”

“ไม่พอใจจะเอาของกูไปทิงก็เชิญ”

“พีหมอก พีทิงของผมแล้ วจะให้ ผมเอาของพีไปทิง มันไม่เหมือนกันหรอก”

“แล้ วจะไปรับมาทําไม”

“ก็เขาเอามาให้ อ่ะ”

เสียงผมอ่อยลง ไม่อยากให้ ทะเลาะกัน ยังไม่ถงึ คอนโด พีหมอกเวลาหงุดหงิดจะขับรถเร็ ว อย่างตอนนีผมก็จบั


สายคาดแน่นแล้ ว ไม่อยากให้ บินฉิวออกจากผิวถนนซะก่อน

จอดรถเสร็ จ ก็เปิ ดประตูเดินออกไป ไม่สนอะไรทังนัน ผมมองเบาะหลังแล้ วก็หยิบแต่กล่องทีมีช็อกโกแลตออกมา


ก่อน แล้ วกล่องทีเป็ นดอกกุหลาบค่อยหยิบออกมาทีหลัง น่าสงสารคนให้ ถ้ าผมเป็ นผู้หญิงทีชอบพีหมอก แล้ ว
เอาดอกไม้ หรือช็อกโกแลตพวกนีมา มันก็คงจะลงไปอยู่ในกล่องนีเหมือนกับคนอืนๆ ถึงผมจะบ่นว่ามันแพง
หรือไม่มีประโยชน์ แต่การทีทิงๆขว้ างๆของทีเต็มไปด้ วยความรู้สกึ แบบนี ผมทนมองเฉยๆไม่ได้ อยู่ดี

เปิ ดประตูห้องมา ไม่เห็นพีหมอก ได้ ยินเสียงนําในห้ องนํา เลยวางกล่องช็อกโกแลตไว้ ทีพืนหน้ าโซฟา ลงไปเอา
กล่องดอกไม้ ทีเหลือ บางดอก กลีบร่วง บางดอกหักออกจากก้ าน ทีเก็บมาคงเป็ นพวกเพือนๆ คงไม่ได้ รับกับมือ
เอง
ผมนังลงกับพืน หยิบดอกไม้ ทีละดอกออกมาดู ทีนีไม่มีแจกัน แต่ถ้าเป็ นกะละมังก็คงจะใหญ่พอทีแช่ดอกไม้ พวก
นี ให้ เหียวช้ าลงได้ ช็อกโกแลตก็เอาเข้ าตู้เย็น แอบกินโดยไม่ขอก่อนไปหนึงชิน ดูมีราคาทังนัน

ประตูห้องนอนเปิ ดออก ไม่ได้ หนั ไปมอง เสียงเท้ าเดินเข้ ามาใกล้ หน้ าต่าง ผ้ าม่านไม่ได้ ปิด แสงตอนเย็นๆส่อง
ผ่านเข้ ามา ผมเห็นเงาพีหมอกทีพืนไม้ ข้างหน้ าผม

“พี”

มองดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ ดอกนอก คงจะดอกละไม่ตํากว่าห้ าสิบบาท เสียดาย

“ถ้ าผมเป็ นหนึงในคนพวกนี เอาของอย่างนีมาให้ พี ก็คงจะต้ องมาลงกล่องนีด้ วยหรือเปล่า”

พีหมอกนังลงทีพืน

เป็ นครังแรกหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ปกติพีหมอกจะนังทีโซฟาตัวนัน ไม่เหมือนผม ทีชอบนังพืนเป็ นประจํา มันเย็น


กว่า ยืดตัวได้ เต็มที

หยดนําหยดลงทีไหล่

หันไปมอง หน้ าพีหมอกอยู่ใกล้ จนต้ องถอยหลังออก ถึงพึงรู้ ว่านังซ้ อนกันอยู่ ขาพีหมอกชันขัน อยู่ทีข้ างเอวผม

“มันไม่เหมือนกัน”

หันหน้ ากลับมา มองกุหลาบดอกนันทียังอยู่ในมือ ไม่มีสกั ดอกทีมีหนาม ถูกตัดทิงออกหมดแล้ ว

ดอกกุหลาบทีเคยชูคออยู่บนต้ น มีกิงแหลมคม กันตัวเองออกจากมือของมนุษย์ ถูกตัดเครืองป้องกันเหล่านัน


ออก และจบด้ วยการถูกทิงอย่างไม่ใยดี..แบบนี

“ยังไง?”

“…..เพราะเป็ นมึง?”

แม้ แต่คนพูดเองยังขมวดคิวมาด้ วย เหมือนไม่แน่ใจ


ผมหัวเราะออกมา เสียงทีพูดจาออกมาอู้อีนัน ดูน่ารักเกินกว่าทีผมจะโกรธเรืองอืนลง ต้ องมองย้ อนกลับไปที
พืนฐานของแต่ละคนว่ามีความแตกต่างกันไป ให้ เหตุผลแบบนีก็พอจะฟั งขึนหน่อย

ยืนดอกกุหลาบดอกนันให้ “อ่ะ ผมให้ ” ไม่ร้ ูจะรับไว้ หรือเปล่า แต่ก็ยืนมือออกมารับ ลุกขึน เห็นเดินไปทีห้ องครัว
หยิบแก้ วทรงสูงทีเทนําไว้ ครึงหนึงออกมาด้ วย วางแก้ วนันกับโต๊ ะกินข้ าว แล้ วค่อยหย่อนดอกไม้ ดอกนันลงไป

“โหย…พีสองมาตรฐาน”

“…ดอกนีมึงให้ ”

“ของคนอืน ผมแค่สง่ ให้ พีเฉยๆ”

ขมวดคิวหันมามอง เหมือนจะพูดว่ารู้อยู่แล้ ว ผมไม่พดู อะไรต่อ ไปหยิบกะละมังออกมาเทนํา แล้ วค่อยๆเรียง


ดอกไม้ ทีเหลือในกล่องนันลงไป ไม่ร้ ูจะอยู่ได้ นานเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่า ความรู้สกึ ทีซ่อนอยู่ในแต่ละกลีบ คงไม่
หมดลงในเวลาสันๆแบบนี

นังยองๆมองดอกไม้ หลากสี พีหมอกใช้ ผ้าขยีหัวเดินตามมาดูทีริมประตูกระจก ผมตังกะละมังนันไว้ ทีระเบียงนอก


ห้ องนอน เป็ นมุมทีเห็นชัดทีสุดถ้ ามองมาจากทีเตียง คงจะอยู่ให้ มองได้ อีกสักพัก

“ตี”

หันไปตามเสียงเรี ยก บางอย่างถูกโยนมาทางผม ใช้ มือรับไว้ เกือบไม่ทนั มองของทีอยู่ในมือแล้ วก็ขมวดคิว

“ยังเหลืออยู่อีกช่อนึงหรอ?”

“….”

ถ้ าจะพูดอะไรออกมาก็ช่วยพูดออกมาเถอะ ผมไม่ร้ ูจะแปลหน้ านิงๆแบบนันยังไง

เป็ นช่อดอกสีขาว ห่อด้ วยกระดาษสีแดง มัดด้ วยโบว์เส้ นเล็กสีดํา ดูเรียบ แต่ดูสวยกว่าช่ออืนๆ เงยหน้ ามองคนที
โยนดอกไม้ มาให้ ก็หนั หลังเดินกลับเข้ าไป ผมรีบเดินตาม

“พีซือให้ ผมหรอ?”

“ใบเสร็จอยู่ในกระเป๋ าเงิน”
“ไหนบอกไม่อยากได้ ดอกไม้ ? ไม่ใช่ว่าไม่ชอบดอกไม้ หรอ?”

ทําไมต้ องเดินหนีไปเรือยๆ พอจะวิงไปดักข้ างหน้ าก็หนั หลังกลับ เอาแต่เช็ดหัวอยู่นนั ผมว่ามันเริมแห้ งจนไม่ต้อง


ใช้ ผ้าเช็ดแล้ วด้ วยซํา

ผมไม่ชอบดอกไม้ ก็แค่มองว่าเป็ นดอกไม้ ทวไปเท่


ั านัน

แต่ช่อนี…พิเศษกว่า

เป็ นดอกไม้ ช่อแรกทีผมได้ แต่มนั ไม่ใช่แค่นนั

“เลิกตามสักที”

“ก็พีไม่ยอมหยุดเดิน ผมก็เดินตามดิ ผมอยากรู้ คําตอบ”

หยุดกระทันหัน ชนอีกแล้ ว หัวโนๆ ชนไหล่พีหมอกเต็มๆ เจ็บ แต่ถ้าส่งเสียงร้ องออกไปว่าเจ็บ พีหมอกจะรู้สกึ แย่


เลยไม่ทํา

หันมาเร็วจนผมเผลอถอยหลังไปก้ าวหนึง แต่ไม่ได้ หนีไปไหน

ริมฝี ปากแตะกันเบาๆ

แค่นนั ไม่มีการรุ กลําเข้ ามา กลับรู้ สกึ ประหลาดๆยิงกว่า ไม่ชอบแบบนีเลย รู้ สกึ เหมือนผมจะยืนไม่อยู่ โลกหมุน
ไปเสียหมด

ดึงมือพีหมอกขึนแนบอก “ผมใจเต้ นไปหมดเลย”

เห็นรอยยิมเล็กๆทีมุมปากนัน ยิมทีเป็ นเอกลักษณ์ ยิมทีดูแทบไม่ออก ถ้ าไม่ได้ สนิทมากพอทีจะรับรู้อารมณ์


มากมายไปหมด ทีซ่อนอยู่ใต้ ใบหน้ าเรี ยบเฉย

เสียงกระซิบเบาๆ แต่ก็ทําให้ ร้ ู สกึ เหมือนช่อดอกไม้ ทีอยู่ในมือ กําลังบานออกเหมือนในความฝั น ต่างกันแค่ในฝั น


เห็นแค่ดอกเดียว แต่นีมาเป็ นช่อ คิดว่าอาจจะให้ เพือนเลือก เพราะพีหมอกไม่ละเอียดอ่อนขนาดนัน

เงยขึนมอง กลับจ้ องตรงมา เหมือนตกอยู่ในมนต์ สะกด ไม่เกินความจริง เพราะตอนนี กลันหายใจไว้ ด้วยซํา กลัว
ภวังค์นีจะหายไป

ณ เวลาทีแยกระหว่างโลกแห่งความจริงกับความฝั นไม่ออก

ห้ องๆนี คือโลกแห่งฝั น ทีอยู่ในความเป็ นจริง

“แค่มงึ เท่านัน…ทีจะได้ ทงหมดนี


ั ”

…………………………………………
…………………………….

[Bloom : complete]
[14.02.12]

3..2..1...

◌้เมือไหร่จะสอบเสร็จว้ าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ยังตกในห้ วงปสด.ปสด.และปสด. โปรดทําใจถ้ าท่านพบว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็อยากมาต่อให้
พ่อแม่พีน้ อง จึงมาด้ วยประการฉะนีแล

B.N.10

ยกแก้ วโกโก้ ขนตั


ึ งฉาก อ้ าปากรอหยดสุดท้ าย

มองนาฬิกา
เช้ าอีกแล้ ว

ผมยังไม่ได้ นอนพักเลยแม้ สกั นิด

ปิ ดพับโน้ ตบุ๊ค เซฟไฟล์ใส่ทมั พ์ไดรฟ์ ลุกขึนจากเก้ าอี รู้สกึ เหมือนโลกจะเอนนิดหน่อย เดินออกมานอกห้ อง เฮีย
กําลังกินข้ าวเช้ าอยู่ ทักด้ วยสีหน้ าเรียบเฉย “ไม่ได้ นอนอีกแล้ วหล่ะสิ” ได้ แต่พยักหน้ าตอบไป แค่คิดคําพูดที
จะต้ องตอบกลับไปก็ปวดหัวจีด

“ไม่กินข้ าวเช้ าหรอตี?”

“ไม่ทนั แล้ ว”

“ประชุมกีโมง”

นีจะแปดโมง ต้ องไปเตรี ยมตัวอีก เลยส่ายหัวให้ แทนคําตอบ นึกไม่ออก รู้ว่าเก้ าโมงครึง แต่ไม่ร้ ูจะพูดยังไง

เดินออกมาตามซอย รู้ว่าเฮียอยากมาส่งแต่ต้องไปทํางานเช้ าเหมือนกัน แวะซือเยลลีถุงทีร้ านโชว์ห่วย เดินดูดมา


เรือยๆจนเกือบถึงปากซอย ได้ ยินเสียงแตรบีบตามหลังมาเลยหันไปดู

รถซีอาร์ วีทีอยู่ตรงนัน มองไปยังเห็นรอยโคลนเลอะตังแต่คราวไปบ้ านพีมินท์ ซกมกอย่างแสดงออกชัดเจนขนาด


นี ไม่ต้องมองทะเบียนก็ร้ ูว่าใคร รถชะลอมาจอดอยู่ข้างๆ หน้ าต่างฝั งข้ างคนขับก็ลดลง

“ขึนมาดิ เดียวไปส่ง”

ไม่ทนั คิดอะไร เหมือนหัวจะช้ าลง ขึนรถ เหมือนพีเชนจะถามอะไรอีกสักสองสามข้ อ ไม่ร้ ูว่าตอบไปฟั งรู้เรืองหรือ


เปล่า แต่ไม่นาน ผมก็เผลอหลับไปบนเบาะแข็งๆทียังมีเศษขนมอยู่

หลับลึก แต่ก็ยงั ฝั น ฝั นในแบบเดิมๆ

จําฝั นได้ แค่ลางๆ แผ่นหลังของใครสักคน กําลังห่างออกไป วิงตามเท่าไหร่ ระยะนันก็ไม่ได้ ลดลง

เขาคนนันหันกลับมา เห็นรอยยิม รอยยิมทีทําให้ ร้ ู สกึ ชาวาบไปทังตัว

ใจรู้ สกึ เจ็บ ไม่ร้ ูทําไม

มองไปด้ านหลัง เห็นผู้หญิงอีกคนหนึงยืนอยู่

รอยยิมนันไม่ใช่ของผม

เธอเดินเข้ าไปหาชายทีรออยู่ข้างหน้ า ก้ าวออกไปพร้ อมกัน ไม่สนใจผมทีถูกทิงไว้ อยู่ข้างหลัง

เป็ นฝั นทีแสนเหน็บหนาว ผมย่อตัวลง กอดตัวเอง ซุกหน้ าลงกับหัวเข่า ไม่มีนําตา เหมือนต่อมนําตาแค่หยุด


ทํางานไปเสียเฉยๆ

ชือหนึงลอยเข้ ามาในหัว….

ผมอ้ าปาก แต่ไร้ ซงเสี


ึ ยงใดๆ

“ตี …ตี”

ลืมตาตืน เห็นหน้ าพีเชนอยู่ใกล้ จนรู้ สกึ ลมหายใจทีรดบนแก้ ม พอดันตัวขึน พีเชนก็เอนตัวหลบ


อยู่ทีลานจอดรถของบริษัท ผมยกมือขยีตา มองไปรอบๆ ไม่เห็นใครอยู่ทีลานจอดรถซักเท่าไหร่

“อ้ าว ถึงแล้ วหรอ”

พีเชนแค่พยักหน้ าให้ ขมวดคิว เหมือนจะถามอะไรแต่ก็ปิดปากเงียบ

“…ไปกันเหอะพี จะสายแล้ ว”

ถูกดึงมือไว้ เลยไม่ได้ ลกุ ไปไหน พึงเห็นว่าถุงเยลลีทีกินอยู่นนั ถูกโยนไปทีถุงพลาสติกข้ างหลัง ดูคล้ ายกับขยะ แต่
ก็เห็นไทเส้ นหนึงอยู่ในนัน ดีกรี ความสะอาดทําให้ ผมไม่แน่ใจในความคิดตัวเอง

“เมือกี…”

“ฮะ?”

“….เมือกีตีฝั นถึงอะไร?”

“…ผมจําไม่ได้ …”

“อืม…”

นาฬิกาทีแผงคอนโซลบอกเร่งเวลา ผมกับพีเชนรีบลงจากรถ

จังหวะหนึงทีผมชะลอฝี เท้ าลง เห็นหลังของพีเชนเดินไปข้ างหน้ า

ฝั น

เหมือนกับในฝั น..

ผิดกันตรงที พีเชนไม่ได้ เร่ งฝี เท้ าเดินหนีไปไหน

แต่กลับหยุดนิง หันมารอผมเดินไปด้ วยกัน….


…………………………
………………

สิงทีหนุ่มออฟฟิ ศต้ องการมากทีสุดในเวลางานคืออะไร?

ก.สาวสวยๆในแผนก

ข.กาแฟ

ค.หมอนสักใบ

ง.แอร์ เย็นๆ

เอาล่ะครับ เป็ นคุณ คุณจะตอบอะไร?

ของผมขอตอบ จ.ถูกทุกข้ อ เหมือนเด็กนักเรียนทุกคน ทีกาข้ อถูกทุกข้ อ หรือไม่มีข้อถูก เวลาทีนึกอะไรไม่ออกใน


ห้ องสอบ

ตอนนีนอกจากกาแฟกับเสียงสาวๆเจ๊ าะแจ๊ ะจะช่วยอะไรผมไม่ได้ แล้ ว ยังมีแอร์ เย็นๆมาช่วยกล่อมผมอีก นอนใน


เวลางานไม่ได้ หรอกครับ นู่น หัวหน้ าแผนกเขาจ้ องตาเป็ นมันอยู่ทีตรงนู้น ถ้ าผมหลับ อาจจะตืนมาอีกทีแล้ ว
พบว่าตัวเองกลายสถานภาพทางการงานแล้ วก็ได้

โลกนี ความยุติธรรมไม่มีจริง ทําไมคอมไอ้ พีเชนต้ องตังในมุมอับ แล้ วทําไมถึงนังดูบอลได้ สบายใจอย่างนัน งาน


การพีท่านไม่ต้องทําเลยหรืออย่างไร? อ่อ ผมตอบได้ คําถามนี มันมาอยู่ทีผมหมดแล้ วไงครับ

“พีเชน ผมทําไม่ไหวแล้ ว”

“เออ พรุ่งนีค่อยมาทําต่อ”

“มันงานพีไม่ใช่หรอวะ?”
“นี ตี เอ็งนีไม่เข้ าใจอะไรเลย” เลือนเก้ าอีมา ถีบซะแรงจนเก้ าอีล้ อเลือนกระแทกเข้ ากับของผม “ทีมอบงานให้ ทํา
เนีย ไม่ใช่ว่าเพราะจงเกลียดจงชังอะไรสักหน่อย แต่เพือให้ ฝึกงานต่างหาก ประสบการณ์เนีย มีค่ามากเลยนะ
ทํางานหนักแบบเนีย ฝรังเขาชอบ”

“ผมไม่ทํางานกับฝรังหรอก ภาษาอังกฤษตายด้ าน”

“ก็ไปฝึ กสิวะ นีมันยุคอะไรแล้ ว เอ็งพูดอังกฤษไม่ได้ เนีย ก็ไม่ต่างกับแรงงานต่างด้ าวหรอก” รีบๆเอนตัวกลับไป


เลยไอ้ พีเชน ช่วยถีบล้ อส่งให้ ด้วย

“แล้ วนีไปติดพูดข้ าเอ็งมาจากไหนอ่ะ? ก่อนนียังพูดกูๆมึงๆกับผมเลย”

“…ก็ไม่อยากพูด มันโหลแล้ ว”

“หรอออ?”

“เออน่า ทํางานไป”

พยักหน้ ารับชะตากรรม ยังไม่ทนั ได้ หยิบปากกาขึนมาใหม่ พีเชนก็สไลด์ตวั มาอีก อยากจะตะโกน “พีโต้ งคร้ าบ
ผมเจอแล้ วคร้ าบ พนักงานเงินเดือนดีแต่ทงปี
ั ไม่ทํางาน” แต่ก็แค่คิด ขืนพูดจริง มีหวังตายแหง

“เย็นนีมีนดั คุยงานนะ”

“ห้ ะ? ทําไมตอนเย็น?”

“คุณมินท์เขาว่างแค่ช่วงนันน่ะ”

พยักหน้ า แต่หวั ยังเหมือนเรียบเรียงไม่ค่อยได้

บ้ านหลังนัน ของใครกันนะ?

แต่ไม่ว่ามันจะเป็ นของใคร หน้ าทีของผม คือการทําให้ บ้านหลังนัน เป็ นบ้ านทีสมบูรณ์ทีสุด งานก็สว่ นงาน
ความรู้สกึ ส่วนตัว มันก็อีกเรืองหนึง

ผมว่านีคือข้ อแตกต่างระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่
ถ้ าเป็ นผมเมือก่อน ป่ านนีคงเอาสเปรย์ ไปพ่นทังบ้ าน ยกพวกไปกินเหล้ าในนัน อาศัยแค่ไอ้ กล้ วยไอ้ โจ๋ตอนเมา
บ้ านคงราบเป็ นหน้ ากลอง

แต่ตอนนี มันไม่ใช่

อาจเป็ นเพราะผมรักงานทีผมทําอยู่ ผมจึงไม่มีวนั คิดทําลายสิงทีผมชอบเด็ดขาด

เช่นเดียวกันกับทีผมจะปกป้องสิงทีผมรัก ด้ วยแรงทังหมดของผม…

…………………………..
…………………….

สถานทีนัดทําให้ ผมต้ องย่นคิว ทังๆทีวันนีอยากจะกระโจนลงทีนอน แต่กลับต้ องมาทีโรงแรมกลางเมืองทีรถติด


จนผมหลับไปได้ อีกรอบขนาดนี วันนีพีเอ๋ก็มาด้ วย ผมเลยได้ นอนเหยียดเบาะหลังเต็มๆ เสือทีใส่แล้ วไม่ได้ ซกั เต็ม
ไปหมด เจ้ าตัวบอกปั ดอายๆว่าไม่มีเวลาเอาไปซักซะที ขอทีเถอะครับ ข้ อแก้ ตวั เกลือนๆแบบนัน ก็เห็นชัดอยู่ว่าพี
ว่างขนาดไหน

พีเอ๋ เห็นแบบนียังทันทีจะเปลียนใจ คนดีๆสะอาดเอียมมีอีกเป็ นล้ านคนทัวโลก ผมไม่เห็นจะหาข้ อดีในตัวตาลุง


ซกมกนีเจอเลยซักนิด

นอนทับเสือพวกนัน เอามาใช้ เป็ นหมอน ได้ กลินเหงือออกมาจากเสือ ผมขดตัว รู้ สกึ แอร์ จะถูกปั ดมาทางเบาะ
หลังมากเกินไป

เดียวนีเวลาหนาวทีไร ทําไมชอบคิดถึงเสือตัวนันทุกที

เสือสูทตัวนัน ผมไม่ได้ เอามาใส่อีก

เพราะถ้ าผมเหงือออก กลินทีมีแต่เดิมมันจะหายไป เลยแขวนไว้ ทีหน้ าตู้ เฮียชอบบ่นว่าของแพงเอามาแขวนก็ไม่


ต่างจากซือของสําเพ็ง ก็อาจจะจริ ง

พีเอ๋ปลุกผมตืนตอนทีรถจอด ท้ องฟ้าเริ มมืด แต่กลับเป็ นเวลาทีกระเพาะผมเริมทํางาน พอพีเชนได้ ยินเสียงท้ อง


ผม ก็หวั เราะออกมาเสียงดัง ทําหน้ ามุ่ยใส่ ก็ถกู ปาเสือเหม็นๆเข้ าหน้ า
“อี ซกมกว่ะ”

“เมือกียังนอนซุกได้ เลย จะโดนปาใส่อีกหน่อยจะเป็ นไร”

“ก็ตอนเมือกีผมง่วง แต่ตอนนีผมหายง่วงแล้ ว เลยพึงจะได้ กลินไง”

“ป่ านนีคงติดไปทีหัวแล้ วล่ะมัง” พีเชนเดินลงจากเบาะหน้ า เปิ ดประตูข้างๆผม ขยีหัวผม แล้ วยิมโชว์ฟันขาว

“ไปเหอะไอ้ ตี ใส่เสือกันหนาวไปด้ วยดิ ในนันหนาว”

“ตัวนีหรอ?”

“เอาตัวนีดีกว่า ตัวนีไม่ได้ ซกั มาจะสองอาทิตย์แล้ ว”

“นีผมนอนทับสลัมเชือโรคหรอวะเนีย?”

“กวนว่ะไอ้ ตี ไปกันเถอะ เอ๋”

“ค่ะ….”

พีเอ๋เงียบเกือบตลอดทางจากลานจอดรถ ผมเลยรู้ สกึ อึดอัดขึนมา

ผมกับพีเชนเล่นกันแบบนีเป็ นปกติ ก็เหมือนกับทีผมเล่นกับพีโต้ ง พีบอล หรือพีๆคนอืนๆ ไม่ต่างกันตรงไหน ผม


เล่นกับไอ้ ปิกก็เล่นแบบนี แต่บางที ผู้หญิงอาจจะไม่เข้ าใจ

ยิงเป็ นผู้หญิ งทีมองพีเชนด้ วยสายตาแบบนันด้ วย ยิงแล้ วใหญ่

พีเชนโทรหาพีมินท์อีกที ดูเหมือนจะรออยู่ทีล็อบบี คนเยอะเต็มไปหมด บางคนก็เคยเห็นบนหน้ าหนังสือพิมพ์

“เห้ ยพี นันมันดารานีหว่า”

“เอ้ า เก็บอาการบ้ านนอกหน่อยดิ โชยหึงเลย”

“กลินเสือพีนันแหละ โหย โคตรสวยเลย”


“ตี เรามาทํางานนะ ไม่ได้ มาเล่น”

“……”

ผมไม่สาํ นึกหรอกครับ อยากจะขําด้ วยซํา เพราะเสียงดุนนั แม้ แต่พีเชนยังหงอยด้ วยซํา ก่อนจะปรับสีหน้ า หันมา
ชีนิวเหมือนตักเตือน ผมเห็นหรอกน่าว่าเมือกีพีก็มอง แต่พอเจอพีเอ๋สกัดดาวรุ่ง ผมกับพีเชนเลยได้ แต่เดินกับ
เงียบๆ

พีมินท์นงอยู
ั ่ทีโซฟาตัวใหญ่ ตรงหน้ ามีแฟ้มเอกสารเยอะเต็มไปหมด ดูเหมือนกําลังทํางานอยู่ในขณะทีรอพวกผม
วันนีสวยกว่าคราวทีแล้ วทีได้ เจอ แต่งหน้ าอ่อนลง ใส่เดรสสีฟ้า บอกได้ แค่ว่าสวยเป็ นบ้ า

สวย จนคิดว่าไม่ว่าใครก็ต้องตกอยู่ใต้ มนต์ สะกด

เป็ นคนทีดูทํางานเก่ง ฉลาด แล้ วก็มองอะไรทะลุปรุโปร่ง เป็ นคนทีคล้ ายกับไม่มีข้อเสียอะไรสักนิด

“มาสายนะคะ”

เอ่อ นีล่ะมัง ข้ อเสีย

“ขอโทษครับ รถติดนิดหน่อย”

แฟ้มถูกยืนให้ พีมินท์ เป็ นงานทีแก้ มาแล้ ว แต่ต้องมาให้ ลกู ค้ าเช็คอีกครัง ดูว่าต้ องปรับเปลียนอะไรอีกหรือเปล่า

กําลังจะหยิบสมุดโน้ ตขึนมา พีเอ๋ก็หยิบของเธอขึนมาเสียก่อน

พีเชนถาม พีเอ๋จด

กลายเป็ นว่าผมไม่มีงานอะไรทีจะทําตรงนีอีก เลยฟั งบ้ าง มองไปรอบๆบ้ าง ทีคนมุงกันเยอะๆตรงนันอาจเป็ นงาน


แต่งงาน รู้ สกึ ถึงความวุ่นวายแต่ก็ได้ ยินเสียงพูดคุยทีดูเป็ นกันเองออกมา

สังคมทีพีหมอกเรียกว่าสังคมจอมปลอม อยู่ใกล้ แค่เอือม

“…ตี”
“ครับ?”

“มองอะไรอยู่ ทําไมไม่จด”

“อ้ าว พีเอ๋จดแล้ ว-“

“จดไปซะ เพือตกหล่น”

พยักหน้ า แต่เพราะรีบไปหน่อย เลยทําดินสอกดหล่น ก้ มลงเก็บ เงยหน้ าขึนมา มองไป ก็เห็นคนหน้ าคุ้นๆคนหนึง


กําลังเดินเข้ าไปในฮอลล์นนั

เลขาพีหมอก…

จําชือไม่ได้ ชืออะไรกันนะ?

แต่มาโผล่ตวั ทีนี อาจหมายความว่า….

ถูกสะกิดทีแขน เห็นพีเชนขมวดคิวมองอยู่ เลยต้ องก้ มลงมองสมุดตรงหน้ า

ไม่ได้ สนใจเรืองอืนนอกจากงานอีก อยากหาว แต่ก็กลันเอาไว้ รู้ สกึ เหมือนจะหลับให้ ได้ เสียงรอบตัวเริมไกล


ออกไป

โดนพีเชนสะกิดเรียกอีกตังหลายรอบ พีมินท์พูดเร็ว พูดด้ วยเสียงโทนเดียว ไม่ต่างจากอาจารย์ในมหาลัยสักนิด


แค่คิดแบบนีก็ร้ ูสกึ เหมือนการลืมตาขึนเป็ นเรืองยาก มือหนัก จนตวัดดินสอไม่ออก

นิสยั เก่าเริมออกลาย หลับได้ ทุกที เป็ นสกิลเทพทีผมเชือว่าชาวถาปั ตย์ทกุ คนมี

ตืนขึนมา ยังงัวเงียเกินกว่าจะตกใจ ล็อบบีเงียบลง พีมินท์ไม่อยู่แล้ ว มองไปก็ไม่เห็นพีเอ๋

แต่พีเชนยังอยู่ข้างๆ นังจิมมือถือ มองดู ทําประโยชน์ ให้ ชาติอยู่ครับ….เล่นเกม

“..พี ขอโทษ”

“เรืองอะไร?”
“ผมเผลอหลับ”

“ไม่แปลกหรอก เมือคืนก็ไม่ได้ นอนไม่ใช่หรอ”

ผมพยักหน้ า ยังไม่ได้ ยนั ตัวขึนจากเบาะทีนอนเหยียดไปตามความยาวแบบนี ความวุ่นวายหายไป ประตูฮอลล์


นันปิ ดลง แล้ วพิธีคงกําลังดําเนินอยู่

อากาศเย็นแบบทีพีเชนพูดไม่ผิด เสือทีใส่มา อุ่น

“หิวไหม?”

“หิว แต่ง่วงมากกว่า”

“กินเค้ กไหม ตรงนันขาย กินรองท้ องไปก่อน แล้ วค่อยออกไปกินข้ างนอก”

“กลับเลยไม่ได้ หรอพี?”

“รอเอ๋อยู่น่ะ หายไปกับคุณมินท์ อารมณ์ สาวๆคุยกันล่ะมัง”

คุยเรืองอะไรกันนะ?

ถ้ าเป็ นเรืองงาน ทําไมไม่คยุ กับผม กับพีเชน ทีเป็ นคนคุมงานนี

“งันเอาเค้ กช็อคโกแลต”

พีเชนพยักหน้ า แถวนีมีเบเกอรีอยู่ คงจะไปซือจากร้ านนัน

ขีเกียจแม้ แต่จะพลิกตัว ง่วงจนไม่อยากลืมตา

ดึงเสือพีเชนขึนคลุมหน้ า แสงทีแยงตาอยู่จางลง

กําลังจะหลับ ก็ถกู ดึงเสือออก ยืนมือไปดึงขึน ไม่อยากลืมตา ถ้ าพลิกตัวหนีก็อยากทํา แต่อาจจะตกโซฟา

บ้ าเอ้ ย ไอ้ พีเชน แกล้ งอะไรกันเนีย


“เฮ้ ย พีเอาคืนมาดิ”

เสือถูกโยนคืน แต่ไม่ใช่เสือตัวเดิม

ผมรี บลืมตาขึน

“พีหมอก?”

ยืนอยู่ตรงนัน

ไม่แน่ใจว่าฝั นหรือเรืองจริง

แต่คนทีกําลังตกอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ยืนขมวดคิวอยู่ตรงนี คิดว่าต่อให้ เป็ นในฝั น ก็อาจจะลอกเลียนแบบ


ท่าทางแบบนีได้ ไม่หมด

มองเห็นเสือของพีเชนถูกทิงอยู่ทีพืน สภาพไม่ต่างจากผ้ าขีริวสักนิด ไม่สิ ก่อนหน้ านีมันก็คล้ ายอยู่แล้ ว แค่กลับ


ทีๆเหมาะสมเท่านัน

ผมลืม ลืมบางอย่างไป ข้ อเสียทีร้ ายทีสุดข้ อหนึงของพีหมอก

“เสือนันของใคร?”

ขมวดคิว แสงจ้ าจนต้ องหรีตา ไมเกรนขึน อาจเป็ นเพราะนอนไม่พอด้ วยประกอบกัน

“….ของรุ่นพีทีทํางาน”

“พีเอาคืนไปเถอะ ผมไม่หนาวหรอก”

ไม่รับคืนไป จนกระทังผมยัดเข้ ามาเอง ถึงยอมถือไว้ เสือสูทพีหมอกดูเหมือนซือไว้ เป็ นชุด ขาดตัวใดตัวหนึงไป จะ


ดูร้ ูทนั ที

“หึ”

หัวเราะในลําคอ ผมสังเกตว่าออร่ากดดันรอบตัวพีหมอกข้ นขึนกว่าเมือก่อน มันทําให้ แม้ แต่ผม ก็ยงั รู้ สกึ เกร็ง
มันทําให้ ผมนึกถึงเรืองทีเคยเกิด…พีหมอกทีไม่สนใจแม้ แต่น้องสาวตัวเอง

เป็ นคนแบบนัน และไม่ได้ เปลียนเลยแม้ สกั นิด

“ผมไม่ได้ โกหก”

“แล้ วทําไมเมือเช้ ามันไปรับมึงทีบ้ าน?”

“..ผมไม่ร้ ู ”

พีเชนเคยแต่มาส่งแถวหน้ าปากซอย แต่ไม่เคยขับเข้ ามา เมือเช้ าก็สงสัยอยู่ แต่ความง่วงทีมีก็มากกว่า

“…..”

คิวขมวดจะชนกันอย่างนัน ตาทีมองเหมือนกดลงมา ทําให้ ผมก้ มลงมองพืน เห็นรองเท้ าหนังทีถูกขัดจนมันแปล็บ


ใช้ แทนกระจกได้ แหง ทังทีเวลานีผมควรจะหาคําพูดเหมาะๆมารับกับอารมณ์โมโหแบบนี แต่หวั กลับคิดอะไร
แปลกๆขึนมาได้

“แล้ วทําไมพีรู้ ?”

เงียบ

พีหมอกปิ ดปากเงียบ

มองตรงมานิงๆ ทําให้ นกึ ถึงเด็กทําผิดแล้ วถูกจับได้ มองแล้ วรู้สกึ เหมือนพีหมอกจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พดู ไม่


ออก ก่อนจะหันหน้ าหนีผมไปซะเฉยๆ

“เดียว! พี จะไปไหน?”

ไม่มีคําตอบ แค่เดินออกไปจากทีๆยืนอยู่

เหมือนในฝั น ไม่ต่างกัน

บางทีนีอาจจะเป็ นฝั นอยู่ เพราะไม่ได้ อยู่ในสิงทีคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ คยุ กันแบบนี เหมือนเป็ นเรืองบังเอิญ


บังเอิญเกินไป
ผมไม่ยืนนิง ลุกขึนจากโซฟา เดินตามไป

“เฮ้ ยตี? จะไปไหน? เค้ กได้ แล้ ว”

หันกลับไปมอง พีเชนชูจานเค้ กขึน เลิกคิวมองเลยไหล่ผมไป เห็นพีหมอกทีกําลังจ้ องเขม็งกลับมา

“ไหนบอกหิว กลับมานีสิ มากินได้ แล้ ว”

“มินท์ให้ มาตาม”

เสียงทีพูดนันไม่ได้ ดงั มาก หันไป ได้ เห็นสีหน้ าทีพีหมอกทําไม่บ่อย หน้ าเซ็งๆทีนานๆจะได้ เห็นสักทีทําให้ ผมอยาก
ขํา

“รวมผมด้ วยหรือเปล่า?”

ไม่มีคําตอบให้ พีเชน พีหมอกทําแค่หนั หลังให้ แล้ วเดินต่อเท่านัน

…………………………..
…………………….

โต๊ ะอาหารอึดอัดอย่างทีคิด

ทําไมต้ องมีช้อนสอง ซ้ อมหนึง มีดหนึง แต่ละอันต่างกันยังไง ขอตะเกียบได้ ไหม ใครจะกล้ าพูดออกมา

ภัตตาคารในโรงแรมทีพีมินท์พดู ไว้ ว่าเลียง แต่ก็ไม่ทําให้ ผมกล้ าสังอะไรทีเป็ นการถล่มเจ้ าภาพสักนิด เห็นหลัง


เลขาพีหมอกเดินไปมาหลายรอบ เดินเข้ ามาก็กระซิบกับพีหมอกสองสามคํา พอพีหมอกพยักหน้ า ก็เดินออกไป
ไม่นานก็เดินกลับมาใหม่ จนอดสงสัยไม่ได้ ว่าจะมีมือถือไว้ ทําไมกัน

“สังสิคะ”
เมนูทีไม่มีรูป กับภาษาพิลกึ กึกกือ จึงต้ องอาศัยทักษะเฉพาะตัว จิมมัวก็ได้ ผักโขมอบชีสมากิน ไม่เหมือนคนอืนที
เหลือ พีเชนแอบขําตอนทียกผ้ าขึนมาเช็ดปาก ตอนทีมองผมเขียผักโขมออกอย่างสลดใจ

“มือนีในโอกาสอะไรครับ?”

“แทนคําขอบคุณค่ะ”

ทีเหลือแก้ ก็แค่ปรับโทนสีนิดหน่อย นอกนันก็ผ่านเกือบหมดแล้ ว พีเชนนังข้ างๆยืนช้ อนทีดูผอมกว่าให้ ผม เหลือบ


ขึนมอง คิวพีหมอกเป็ นเส้ นตรงเส้ นเดียว จึงใช้ มกุ เดียวกับพีเชน แอบขําหลังผ้ าเช็ดปาก

สปาเกตตีจานนัน พีหมอกเอือมมือมา ก็เผลอหยิบขวดชีสส่งไปให้

มีแต่ความเงียบเกิดขึนบนโต๊ ะ

ก่อนหน้ านีก็ใช่ว่าจะมีบทสนทนาอะไรเยอะแยะ แต่พอดันมาหยิบขวดชีสจากเครืองปรุงในตะกร้ าใหญ่ๆนัน ยิง


ทําให้ ทกุ คนได้ แต่ปิดปากเงียบ

“อ..โอ๊ ะ ผมหยิบถูก?”

แม้ แต่หน้ าพีหมอกยังบอกชัดว่าสิงทีผมพูด สินคิดสุดๆ

“….แล้ วบ้ านหลังนีของคุณมินท์กบั …คุณอัษฏาหรอครับ?”

ไม่มีใครตอบอะไรกับพีเชน น่าสงสาร เก็บเศษหน้ าแทบไม่ทนั

พิมินท์ทําหูทวนลม พีหมอกก็มวั แต่นงกดอะไรในมื


ั อถือไม่หยุด ดูเหมือนกําลังส่งเมลล์อยู่

“ทานเสร็จแล้ ว หมอกจะไปก่อนก็ได้ ”

“ไม่ต้องรอให้ พดู หรอก”

“…..”

ทําไมถึงพูดกันสนิทขนาดนันกัน?
พีมินท์เอนตัวไปทางเก้ าอีพีหมอก มองสิงทีพีหมอกกําลังพิมพ์อยู่

ไม่เข้ าใจว่าทําไมผมถึงทนเห็นภาพนันต่อไม่ได้ ก้ มลงสนใจศึกษาผักโขมแทนทีจะเงยหน้ ามองไปทางอืน

ไม่ไหวแหะ

ท่าจะไม่ไหวจริงๆ

บางครังฝื นทําตัวเข้ มแข็งเกินไป มันก็เท่านัน ในเมือจริงๆก็ร้ ูกนั อยู่

ในใจผมมีคําตอบไว้ แล้ ว แค่ยังไม่อยากฟั ง ยังไม่อยากจะเชือเท่านัน ละครก็มีออกบ่อย ไอ้ อธิษฐานเอ้ ย มันก็


แค่…แค่คิดไปเอง

“ตี ไม่ชอบก็ไม่ต้องกินก็ได้ เดียวค่อยออกไปกินข้ างนอกก็ได้ ”

“ผมนึกว่าพีจะเลียงสปาเกตตีผมซักจานซะอีก”

“แพงกระเป๋ าฉีกอย่างนีจ่ายเองเถอะ”

ได้ ยินเสียงเหมือนแก้ วนําหกลงกับโต๊ ะ นําผลไม้ ปันทีพีมินท์เป็ นคนสังให้ หกเลอะมาทางผม เปรอะลงบนเสือสี


ขาวทีใส่อยู่ คนปั ดแก้ วอย่างจงใจนัน กําลังขมวดคิวมองมาทางผม ปั ดแก้ วเก่งชะมัด แทนทีจะหกไปทางพีเชนที
นังตรงข้ าม กลับหกมาทางผมทีนังเยืองอยู่แทน

“ไม่ได้ ตงใจ”

“…..”

“ตามมา เดียวพาไปซักออก”

“ไม่เป็ นไรหรอกครับ เลอะแค่นิดเดียว”

“….ลุก”

ทังโต๊ ะมองพีหมอกทียืนขึน ผมจึงต้ องลุกตาม ก้ มหน้ าเดินตามฝี เท้ าทีก้ าวไปข้ างหน้ า เร็ว เมือก่อนก็เดินเร็วอยู่
แล้ ว แต่ตอนนีดูเหมือนจะเดินเร็วมากขึนกว่าไปอีก

ประตูห้องนําถูกผลักเปิ ด ภัตตาคารนีแต่เดิมก็เงียบเชียบ มีคนนังอยู่ไม่กีโต๊ ะ มาห้ องนํายิงเงียบใหญ่ มีเสียงเพลง


เบาๆกล่อม ก้ องไปมาในห้ องหินอ่อนทีพ่นแอร์ ซะเย็น

“….ไปอยู่ทีไหนก็ต้องมีคนมาตามติดทุกทีเลยหรือไง?”

“พีกําลังโมโห ผมพูดไป พีจะฟั งหรือเปล่า”

“กูไม่ได้ โมโห…”

แต่เสียงพีมันบอกชัดว่าโมโห

เพียน เพียนไปแล้ วแน่ๆ เพราะผมนอนไม่พอแหง เลยอยากจะยิมออกไป

“ยิมทําไม”

“อยู่ดีๆผมก็อยากยิม ไม่ร้ ูทําไมเหมือนกัน”

“…..”

“พีหมอก…”

พีหมอกพิงเข้ ากับอ่างล้ างมือ ไม่มีนําอยู่ทีขอบอ่าง เหมือนไม่ได้ ถูกใช้ นาน ไม่ก็คงแม่บ้านชันโปร

“ตอนนี ผมจะพูดอย่างทีผมอยากพูดได้ หรือเปล่า”

เงียบไปพักใหญ่ พีหมอกขมวดคิว คลายออก แล้ วก็ขมวดคิวใหม่

ไม่ได้ ผอมลงอีกแล้ ว คอตังตรงอยู่ตลอดเวลา แบกอะไรกันอยู่นะ? ไหล่ทีดูหนักอึงนัน ผมไม่ร้ ู เพราะพีหมอกไม่


บอกอะไร ผมจะไม่ถามอีก เพราะถึงเวลา ผมก็คงจะได้ ร้ ูเอง

เวลายังมีอีกเยอะ

เชือว่าแบบนัน….
“…พูดมา”

“อ…เอ่อ”

อะไรกัน ทังๆทีเคยคิดไว้ แล้ วว่าจะพูด ไหงเวลาจริง ลินมันพันกันขนาดนี ไม่เห็นมีใครเคยบอก ว่าเวลาจะพูดอะไร


บางอย่างออกไปตรงๆ มันเหมือนจะกระโดดข้ ามหน้ าผาอย่างไงอย่างงัน

ผมอยากจะพูดออกไป อะไรจะเกิดตามมา ค่อยว่ากันอีกที

“ผ…ผม…”

หวา หวา

บ้ าเอ้ ย

หัวใจเต้ นมัวไปหมด รู้ สกึ หน้ ามืด

พีหมอกกอดอก ท่ายืนดูหยิงจนคิดว่าคนอืนมองคงจะอยากเตะสักที แต่บรรยากาศกลับดูผ่อนคลายลง

“พีหมอก ผม-“

“คุณอัษฏา?”

ประตูถกู เปิ ด พีหมอกหันไปมอง ผมยังได้ ยินเสียงหัวใจเต้ นอยู่ หันไปมองช้ าๆ เลขาพีหมอกอยู่ตรงนัน

“อีกครึงชัวโมง…”

“รู้แล้ ว”

“….”

“ออกไปก่อน”

ได้ ยินเสียงครับ พูดเบาๆ ประตูค่อยๆปิ ดกลับลงทีเดิม


“…พีจะไปไหนหรอ?”

“ฮ่องกง”

“ห้ ะ?”

“…ต้ องไปแล้ ว”

“ผมจะได้ เจอพีอีกหรือเปล่า?”

“อีกไม่นาน…”

เสียงรองเท้ าหนัง เหยียบลงพืนหินอ่อน ได้ ยินเสียงนี ก้ องไปทังหู

ใกล้ ใกล้ เข้ ามา

รู้สกึ ถึงลมหายใจ ทีใกล้ จนผมเผลอกลันลมหายใจไปไม่ร้ ูตัว

หลับตาลงช้ าๆเหมือนสัญชาตญาณ

เวลาผ่านไป ไม่ร้ ูว่านานเท่าไหร่ จนกระทังผมหรีตาขึนมอง

สายตาคู่นนั ไม่ร้ ูว่าคิดอะไรอยู่

หลายอารมณ์ จนผมไม่ร้ ูจะบรรยายออกมาอย่างไร คิดถึง ผมได้ ยินคํานีในความเงียบนัน อาจเพราะรู้สกึ


เหมือนกัน ถึงรู้ ไม่ได้ ต่างกันเลย

…ไม่มีจบู หรือคําบอกลา

มีแค่คําว่า

“แล้ วกูจะกลับมา…”

ประตูทีถูกผลักออก ปิ ดลงช้ าๆ เสียงรองเท้ าดังไกลออกไป


ในแสงสีส้มนวลของไฟในห้ องนํา กระจกสะท้ อนเห็นหน้ าผม เห็นแล้ วอดคิดไม่ได้

เป็ นไข้ หรือเปล่านะ?.....

……………………………………
………………………….

[B.N.10 : complete]
[8.3.55]

ถึง ผู้อ่านทีรัก

เชิญ

... .
..คนแต่งได้ ตามสบาย

ขอโทษษษษษษษษษษษษษษษษษ
หนีไปทําภารกิจหลายอย่าง สอบ รอผล สัมภาษณ์ จองหอ อ่านการ์ ตนู (?) บลาๆๆ แต่หลังๆมันเริ มกลายเป็ น
ความขีเกียจ ป๋ มขอโต้ ดดดดดดด จะไม่ทําอีกแล้ วคร้ าบบบบบบ
ต่อไป จะตังใจมารีบต่อ ไม่ปล่อยให้ รอเกือบเดือนแบบนีอีกแล้ ว ตอนนีคอมก็หายดี อิดออดนิดหน่อยแต่ยังคุยกัน
อยู่ร้ ูเรือง สํานวนการเขียนหรืออะไรอาจะจยังแปลกๆ เพราะไม่ไ◌้ด้เขียนนิยายนานมากกกกกกกกกกกกก
อาจจะเจอช่วงนีไปอีกสักพัก โปรดให้ อภัยคนเขียนด้ วย หลังจากนีอาจจะต้ องมีจดั คิว เรืองไหนก่อนหลัง (555)

เจอกันวาระต่อไป เร็วๆนี(มัง?)

B.N.11

ฝนตก

ทําไมฝนถึงตกกลางหน้ าร้ อน ผมว่าคนทีสงสัยมากทีสุดอาจเป็ นกรมอุตกุ ็ได้ คนธรรมดาอย่างผม อย่างมากก็แค่


บ่น เพราะไม่ได้ หยิบร่มติดมา

เกือบอาทิตย์ งานพิเศษพึงเสร็จเมือคืน เช้ านี ถึงจะรู้สกึ ง่วง รู้สกึ เหนือย แต่ก็โล่งใจทีงานทุกอย่างเสร็จทัน

ไม่ครับ

มันไม่ได้ เป็ นแบบนัน ไอ้ คําอย่างทีว่า“พีเชน วันนีผมขอกลับก่อนได้ ป่ะ?” กลายเป็ นคําต้ องห้ าม งานใหม่โผล่มา
ปุ๊ ปปั บ พวกผมทีดันโอ้ เอ้ เก็บของช้ า เลยมีอนั เป็ นไป

ง่วง อยากนอน

ในจังหวะทีหัวผงกไปข้ างหน้ า แสงสว่างก็วาบเข้ ามาผ่านกระจกบานใหญ่ ก่อนจะตามมาด้ วยเสียงดังอึกทึก ผม


สะดุ้งตืน เผลอคิดบ้ าๆว่าเป็ นเสียงนาฬิกาปลุก

พีๆผู้หญิงบางคนเผลอกับอุทาน ฝนตกหนัก ลมแรง เห็นต้ นไม้ ทีอยู่ชนล่


ั างเอนจนคล้ ายกับมีนิวทีมองไม่เห็นกดไว้
อยู่

พีกิฟ จะเรียกพีก็อาจจะไม่ถกู เท่าไหร่ แต่ถ้าเรียกป้า ปาท่องโก๋ตอนเช้ าๆอาจหายไป เดินเข้ ามาในแผนก อุตส่าห์


เดินไกลมาจากแผนกบุคคลากร ถลาเข้ าหาโต๊ ะทํางานทีอยู่ตรงข้ ามผม ดูท่าทางรีบร้ อน มีเรืองซุบซิบแหง ถึงได้
กระตือรือร้ นขนาดนัน

“นีๆ ขอคุยด้ วยหน่อยสิ”

“อะไรหรอพีกิฟ? บุ๋มเคลียร์ งานอยู่”

“ได้ ยินว่าเราซือหุ้นของ T.K.Group อยู่หรอ?”

“..ก็มีบ้าง”

“รีบขายซะนะ วันก่อนพีไปงานประชุมผู้ถือหุ้นมา คนทีเชือถือได้ กระซิบมาว่าหุ้นตัวนีจะร่วงล่ะ”

“เชือได้ หรอพี?”

“เชือได้ สิ คนทีไปประชุมวันนันเขาก็ร้ ู กนั หมดแหละ ตัวพีน่ะ ขายไปเมือเช้ า อย่างน้ อยก็ยงั กําไรอยู่ ไอ้ ตวั สินค้ า
ใหม่นะ ทําให้ ห้ นุ ตัวนีขึนเยอะ แต่ถ้าข่าวออกมาชัดขนาดนี ยังไงก็ต้องขอบายก่อนล่ะ”

ชมรมแม่บ้านสร้ างสรรค์แตกฮือเมือเห็นพีโต้ งขมวดคิวเดินหนีบแฟ้มเข้ ามา ตบท้ ายด้ วยการพยักหน้ าเสริ มความ


มันใจให้ กบั พีบุ๋มทียังลังเล

ผมได้ แต่ขมวดคิว นึกถึงคนทีไม่ร้ ูจะอยู่เมืองไทยหรือเปล่า พีหมอกพึงบริหารงานก็จริ ง แต่แท็บเล็ทตัวนันก็ออก


จะไปได้ สวย แถมได้ ยินข่าวมาว่าจะออกรุ่นใหม่เร็ วๆนี…..

บริษัทคู่แข่งหรือไง?

ได้ แต่มองตามพีกิฟทีเดินออกไป ไม่ร้ ูจะพูดอะไรได้ ผมไม่ใช่หนึงในสมาชิกชมรมแม่บ้าน แถมยังตกเป็ นข่าว


ซุบซิบอยู่บ่อยๆ ไม่ร้ ูไปขุดเรืองไหนของผมขึนมาจิกทึงเหนือจานส้ มตํากันได้ หนึงในเรืองทีโดนบ่อยๆ ก็คงจะเป็ น
เรืองตาหนวดทีนังอยู่ตรงนัน

“เฮ้ ย เหม่อไรอยู่ รีบๆทํางาน จะได้ กลับบ้ านกันซักที”

“พีคิดหรอว่ามันจะเสร็จวันนี?”

“ไม่มีทาง”
หาวหวอดใหญ่อีกรอบหนึง ช่วงนีรู้สกึ เหมือนทํางานหนักเกินไปหน่อย แต่ก็ต้องทํา ไม่ว่ายังไงก็จะต้ องเก็บเงินไป
คืนพีเมฆให้ ได้ เป็ นเรืองทีผมว่าทุกคนในบ้ านรู้อยู่ แต่แค่ยังไม่พูดออกมา

ผมว่าม๊ าเป็ นคนทีเข้ าใจความรู้ สกึ ผมดีทีสุด แต่ก็ไม่ได้ พดู อะไรออกมา บางครัง เป็ นห่วงแค่ไหนก็พดู ออกมาไม่ได้

“เดียวเสร็ จแล้ วไปกินข้ าวเย็นกัน”

“บ้ านผมมีทํากับข้ าว จะกลับไปกินบ้ าน”

“ขอไปฝากท้ องด้ วยดิ”

“บ้ านผมมีเด็กวัยเจริญเติบโตสองคน แค่นีก็แย่งกันกินจะแย่แล้ ว พีไปเพิมอีกคน เฮียมันคงเอาส่วนของผมให้ พี


แทน”

“ก็ถงึ บอกไงให้ ไปกินด้ วยกัน”

“ไม่อ่ะ…ผมขีเกียจ อยากกลับไปนอนด้ วย”

เชิญคนทีอยากไปดีกว่า…

มองเห็นพีเอ๋ทีมองมาอยู่ พอเห็นสายตาผม ก็ก้มลงทํางานต่อ รีบใช้ เท้ าดันล้ อเก้ าอีพีเชนกลับทีเดิม “ตาลุงเอ้ ย


ทํางานก็ช้า ทํางานไปเถอะ อย่าชวนผมคุยมาก เดียวโดนหักเงินเดือน” ช่วงนียิงรู้ สกึ เหมือนโดนจับตามองอยู่
บ่อยๆ ไม่อยากให้ ถงึ ขันโดนดักตบ เคยมีประสบการณ์มาก่อน เลยไม่อยากจะเจออีก

นังทําเกือบอีกชัวโมง ไม่ไหว ผมทนเสียงท้ องร้ องของตัวเองไม่ไหว กวาดเอกสารยัดลงแฟ้ม ใส่กระเป๋ าสะพาย

“เฮ้ ยพี ผมกลับก่อนนะ”

“รอก่อนดิ”

“ไม่รอแล้ ว ผมกลับแล้ วนะ”

“ไอ้ ตี”

“…..”
ทําหน้ าเหมือนจะพูดอะไรบ้ างอย่าง แต่ก็ไม่ได้ พูดออกมา

พยายามทําหน้ าแสดงออกว่าหิวจัด สุดท้ ายพีเชนเลยแค่พยักหน้ าให้ ผมเดินออกมา

เดินผ่านโต๊ ะพีเอ๋ หลบสายตากัน ไม่ร้ ูทําไม ก่อนหน้ านียังพูดคุยกันได้ อย่างสบายใจแท้ ๆ

ถึงจะเดินออกมาจากแผนกคนแรกของคนทียังเหลืออยู่ แต่ก็ปาไปเกือบหกโมง ยามชอบทําหน้ าเบือใส่พวกผม


เดียวสิ ลุง คนทีน่าเบือกว่าผมมันพวกบอร์ ดบริหารอะไรพวกนันต่างหาก ทีชอบอยู่เลยเวลา แล้ วลําบากลุงปิ ดตึก
ไม่ใช่พวกผมกลุ่มเดียวซักหน่อย แต่เพราะขืนทําหน้ าฮึดฮัดใส่พวกผู้บริหาร มีหวังโดนเด้ ง กรรมจึงตกสูพ่ วกผม
โดยดุสดี

ฝนยังไม่หยุดตก ลุงยามทีรู้จักถาม “มีพกร่มมาหรือเปล่า?” ได้ แต่ยักไหล่

“ไม่เป็ นไรครับ ผมขึนรถเมล์ ป้ายอยู่แค่นีเอง”

ประตูกระจกเลือนออกอัตโนมัติ หยิบกระเป๋ าสะพายขึนบังหัว ฝนตกเบาลงแล้ ว เริ มเห็นคนกางร่มออกมาเดิน ไม่


เหมือนเมือครู่ ทีมีแค่รถขับผ่านไปมา ถนนแฉะ แอ่งนํายังเห็นวงคลืนซ้ อนทับกัน

มองไป เห็นป้ายรถเมล์ทีมีผ้ คู นยืนเบียดกันใต้ ทีหลบฝนแคบๆ ยิงอากาศชืน พอจะจินตนาการกลินอับตรงนันได้ ดี


จากประสบการณ์ทีผ่านๆมา

ยืนเท้ าออกไปก้ าวหนึงข้ างหน้ า ยังไม่ทนั จะได้ ก้าวอีกข้ างตามไป ฝนก็หยุด

ไม่ ฝนไม่ได้ หยุด

แต่เป็ นร่มสีดําต่างหาก ทีบังฝนไว้

“….อากาศดี”

คําพูดทีมาพร้ อมกับเสียงฟ้าร้ อง

เห็นคํานิยามว่าอากาศดีชัดเสียจนไม่ต้องอธิบายเพิม

เกือบหลุดขํากับสีหน้ านิงเฉยทีดูออกว่าลึกๆกําลังประหม่า พีหมอกมองไปทางอืน แต่พอได้ ยินเสียงผมขํา ก็มอง


กลับมา หน้ านิวคิวขมวดกลายเป็ นสีหน้ าทีเห็นบ่อยทีสุด แต่ครังนีรู้ ว่าไม่ได้ จริงจังขนาดนัน

อย่างทีพูดไว้ ว่าจะกลับมา …

“ฝนตกนีอากาศดีหรอ?”

ไม่มีคําตอบ ร่มคันเดียวทีไม่ได้ กว้ างมาก ทําให้ ช่องว่างค่อยๆลดลง

ถ้ าไม่ร้ ูว่าจะทักยังไง ก็น่าจะเริ มด้ วยคําว่า “วันนีเป็ นไงบ้ าง?” หรือทีเคยทํา “เฮ้ ย” ไม่ คํานีอาจทําให้ ยามทียังอยู่
แถวนีตกใจก็ได้ เดียวจะเป็ นเรืองใหญ่

เสือแขนยาวถูกพับแขนเสือขึน ใส่แว่น รู้สกึ ไม่ค้ นุ ตาเท่าไหร่ เคยเห็นก่อนหน้ านีครังหนึง แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยงั ไม่ร้ ู สกึ
ชิน

“พึงกลับมาหรอ?”

“สองชัวโมงทีแล้ ว”

“พีไปฮ่องกงทําไมอ่ะ?”

“ไปหาคนๆนึง”

“…..”

รู้สกึ เหมือนมีคําพูดเป็ นล้ านคํา แต่กลับไม่ร้ ูจะสือสารออกมายังไง

เดินไปด้ วยกันช้ าๆ บรรยากาศทีแทบจะลืมไปแล้ ว

เดินผ่านป้ายรถเมล์ คิดว่าพีหมอกอาจไม่ค้ นุ แต่ละคน ตัวเปี ยกปอนฝน วิงสวนทางกับพวกผมทีเดินไปด้ วยกัน


ภายใต้ ร่มคันเล็กๆ ทีทําให้ ไม่ต้องเปี ยกชุ่มเหมือนคนทีกําลังแย่งกันขึนรถเมล์

ไม่ใช่เวลาทีจะพูดเรืองราวมากมายขนาดนัน แต่เป็ นช่วงเวลาสันๆ ทีต่างรู้ กนั

เป็ นเวลาพักเหนือย ท่ามกลางทางมาราธอนทีวิงมานาน เก้ าอีเล็กๆทีให้ พวกผมนังพัก พูดคุยกัน ก่อนจะวิงต่อไป


ไปตามเส้ นทางของตัวเอง
ทีสักวันนึง จะมาบรรจบกันในทีสุด..

เวลาสอนให้ ผมรู้ว่าเราไม่จําเป็ นต้ องอยู่ในเส้ นทางเดียวกัน ทุกคนย่อมมีทางเลือกของตัวเอง ไม่จําเป็ นต้ องให้ คํา
ว่ารัก มัดพวกเราไว้ ด้วยกัน เราต่างมีอิสระทีจะทําในสิงทีเราเลือก เพราะรู้ เพราะเชือใจ

ผมจะเชือใจพี

ไม่ร้ ูว่าการเดินทางนีเดิมพันคืออะไร แต่ผมก็พร้ อมเทหมดหน้ าตัก ถ้ าพียืนยัน

มองไปทีถนน เห็นบีเอ็มคันหนึงกําลังหาทีจอดอย่างทุลกั ทุเล ในรถ เลขาพีหมอกทีโดนผมลืมชือไปสักพัก พีแพน


กําลังทําหน้ าซังกะตาย ทีจอดรถริ มทางทีเลือกไว้ ยาวไม่พอสําหรับจอด Series 7 คันนี

“พีแพนนีน่าสงสารชะมัด”

“นันเป็ นหน้ าที”

“แต่ผมว่าก็ยงั น่าสงสารอยู่ดี”

พีหมอกหันไปมองแค่ปรายตา แล้ วหันกลับไปมองตรง รถต้ องถอยออก ท่ามกลางเสียงบีบแตรของรถคันอืนๆ ฝน


ตก รถติด ทําให้ บีเอ็มคันนันขับตามมาเรือยๆตามทีพวกเราเดินอยู่

“ไปกินข้ าวเย็นด้ วยกันไหม วันนีม๊ าผัดผักบุ้งด้ วย”

“เดียวต้ องกลับไปทํางาน”

“แต่นีมันเวลาเลิกงานแล้ ว”

“ไม่มีเวลาเลิกงานสําหรับประธานบริษัท”

“….พีก็น่าจะพักหน่อย”

“นีก็พกั อยู่”

“ผมดูแลคนป่ วยไม่เป็ นหรอกนะ จะบอกให้ ”


ดวงตาคู่นนดู
ั อ่อนลง ทําเอาผมเผลอยิมออกมา

“ขีเก็กว่ะ”

“อะไร”

“ถ้ าอยากยิมก็ยิมดิ พีจะทําหน้ าบูดทําไม ไม่เห็นจะเท่เลย”

“ยิมทําไม มีอะไรน่าขํา”

“ก็เมือกีก็ยงั เห็นอยู่เลย”

“ตาฝาด”

“ไม่ได้ ตาฝาดซักหน่อย ก็เห็นอยู่ชดั ๆ-“

“จะเดินไหม? ไม่เดินจะได้ ทิงตากฝน”

“รู้ไหมเวลาพียิม มีลกั ยิมด้ วย”

“เออ”

ทังโวยวาย คุยเรืองไม่เป็ นเรือง หัวเราะบ้ าง เงียบบ้ าง

เดินไปตามทางจนท้ องฟ้ากลายเป็ นสีเทา

ไม่ร้ ูว่าเดินไกลมาจากหน้ าตึกนันเท่าไหร่แล้ ว

ตลาดของกินอยู่ห่างจากตรงนีไม่ไกลนัก แต่ป้ายรถเมล์กลับเงียบเหงา มีเพียงแสงไฟจากป้ายโฆษณาข้ างหลัง


รถเริ มน้ อยลง ทุกครังทีรถขับผ่าน นําก็จะกระเซ็นขึนมาถึงขอบฟุตบาท

ร่มคันนันอยู่ในมือผม หมุนเล่นไปมา ฝนหยุดตก กลายเป็ นอากาศทีเหนียวหนืดตัวแทน ร้ อน รู้สกึ ความร้ อนอยู่ที


ผิว แต่ไม่ไปไหน
นังลงอยู่ข้างกัน เพราะไม่มีทีนังทีอืน ไม่อยากแวะตามร้ าน และก็ดูเหมือนจะไม่มีเวลามากขนาดนัน

“…พี”

“…..”

“ทําไมตอนนันถึงบอกว่าผมทักคนผิด?”

ถูกเว้ นจังหวะนานเสียจนลืมเรืองทีจะถามไป เพราะมัวแต่มองหมาสีขาวตัวนึง พยายามจะข้ ามถนนจากฝั งตรง


ข้ าม ไม่เห็นจะมีรถคันไหนยอมชะลอให้ ซักที

“….กูไม่อยากลากมึงเข้ ามาในเกมนี”

“เกม?”

พีหมอกไม่ตอบอะไร

“อีกอย่าง….เห็นหน้ ามึงแล้ วกูทํางานต่อไม่ได้ ”

“?”

“ทุกอย่างมันปั นป่ วน…เหมือนกูทําอะไรก็ผิดไปซะหมด”

ขมวดคิว หงุดหงิดตัวเอง มองตําไปทีรองเท้ า รองเท้ าพละเก่าๆของผม อยู่ข้างรองเท้ าราคาแพง

ผมว่าผมเข้ าใจความรู้ สกึ นันดิ เพราะผมก็เป็ นแบบนัน ไม่ได้ ต่างกัน

“แต่บางครัง ก็แค่อยากจะพัก…."

ผมไม่ร้ ูหรอก ว่าพีทําอะไรบ้ าง แต่แค่มองจากสายตาคนภายนอกอย่างผม ผมก็ร้ ูว่าพีกําลังพยายามอย่างหนัก


หนักมากกว่าใคร...

"...มีเหนือย มีท้อเหมือนคนทัวไป”

กางร่ ม พีหมอกหันมามองหน้ า ผมเลิกคิวทําหน้ านิงเหมือนไม่มีอะไร


ลดระดับร่ มลง

รู้ว่าบังได้ ไม่หมดหรอก…

“ผมให้ ยืมไหล่…”

“ให้ เอาไปทําอะไร?”

ปั ดโธ่

ก็หดั ดูสถานการณ์หน่อยสิ

อย่าให้ ผมต้ องพูดทุกอย่างได้ รึเปล่า?

ถึงกับลนลานนึกหาคําพูดต่อไม่ออก จะให้ พดู ออกไปตรงๆบางครังก็ยงั รู้ สกึ แปลกๆ พออ้ าปากจะพูด ก็ได้ ยิน
เสียง “หึ…” เบาๆ ถึงได้ ร้ ู ว่าพลาดเสียแล้ ว

“พีหลอกผมหรอ?”

“ใครจะโง่ไม่ร้ ู ”

นําหนักบนไหล่มากขึน ผมเผลอเอนตัวไปอีกทาง ก่อนทีจะกลับมานังหลังตรงได้ ปกติ

ทีอยู่บนไหล่ของพี คงมากกว่าผมหลายเท่า

ไม่ได้ ใกล้ กนั แบบนี…นานเสียจนผมจําสัมผัสของพีไม่ได้ แล้ ว

ถ้ าบอกว่าผ่านมาสามปี แล้ วยังจะจําทุกอย่างได้ มันคงเป็ นเรืองโกหก หลายอย่าง ผมลืมไป ความทรงจําใหม่


แทนทีสิงมีค่าเหล่านันไป

แต่ผมคิดว่าไม่เป็ นไร เราสร้ างความทรงจําแบบนันใหม่ก็ได้ ไม่จําเป็ นต้ องโหยหาเรืองเก่าๆ ในเมือเราหายใจอยู่


ในปั จจุบนั ไม่ใช่อดีต

เส้ นผมเกลียอยู่ทีต้ นคอ รู้สกึ จักจีจนอยากจะหดคอหนี พอถูกจับได้ ก็สา่ ยหัวใส่จนผมต้ องเอนตัวหลบ


มืออีกข้ างโอบจากเอวขึนมา รังตัวเข้ าไปจนหนีไม่ได้ “เฮ้ ย ฮะ..ฮ่า พีอย่าดิ จักจีอ่ะ”

…เลือนขึนมาเรือยๆ จนกุมอยู่ทีอกซ้ าย

รู้สกึ เหมือนถูกกอดด้ วยมือข้ างเดียวแน่น จนรู้สกึ ว่าขยับตัวไม่ได้

“…เต้ นแรง”

“อืม”

“ตืนเต้ น?”

“แหงดิ โดนจับนมอยู่อย่างงีอ่ะ”

ไม่เห็น แต่ได้ ยินเสียงเบาๆ เห็นไหล่ของพีหมอกทีสัน ไอ้ ความอายทีตัดสินใจพูดออกไปก็ร้ ู สกึ ว่าคุ้มค่ากับเสียง


หัวเราะนี

“ตี”

“หืม?”

“กูร้ ูเรืองสัญญานันแล้ ว”

“….”

“เมฆรู้ว่ากูคงไม่ยอมไป ถ้ าไม่ใช่มงึ เป็ นคนไล่กไู ปซะเอง”

“ผมขอโทษ---“

“กูไม่ยกโทษให้ ”

“……”

“มึงต้ องชดใช้ ”
“ด้ วยอะไร?”

“เวลาของมึง…ทังหมด หลังจากนี ต้ องเป็ นของกู ทุกอย่าง…”

เสียงแตรรถบีบดัง แต่ไม่มีใครขยับตัว

เหมือนถูกตัดออกมาสูโ่ ลกอีกโลกหนึง โลกทีสิงรอบข้ างเข้ ามาไม่ถึง

รู้สกึ ได้ ว่ากําลังตกใจ ไม่ร้ ูทําไม แต่ถ้อยคํานันดูมีพลังเสียจนคิดว่าอนาคตทังหมด คงอยู่ในมือของพีจริงๆ

หันกลับไปมอง จังหวะเดียวกับทีพีหมอกโน้ มตัวมาข้ างหน้ า

…ต่างคนต่างจ้ องมองริมฝี ปากของอีกฝ่ าย

ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ รุนแรง แต่เป็ นอารมณ์ทีคล้ ายกับเสียงไวโอลิน เชืองช้ า มีกลินอายดึงดูด แฝงไว้ ด้วยความเศร้ า


ทีถูกกลบเกลือนไว้

มือของผม เลือนขึนไปจับทับกับมือของพีหมอกไว้

กุมเข้ ากันช้ าๆ

ในใจ เหมือนบางอย่าง พังทลายลง

สิงทีแสร้ งว่าเข้ มแข็ง ทีสิงทีแสร้ งว่าจะอดทนได้ ถ้ อยคําเหล่านัน ถูกทําลายลงด้ วยริมฝี ปากทีประกบเข้ าหากัน
รอบแรกไม่ดีเท่าไหร กรอบแว่นนัน ทําให้ ทกุ อย่างดูง่มุ ง่าม “ถอดแว่นได้ รึเปล่า” พยักหน้ าแทนคําตอบ ถูกยัดเข้ า
กระเป๋ าเสือลวกๆ ไม่มีอารมณ์ทีจะมาสนใจเรืองนี

มือข้ างทีจับร่มไว้ สนั แต่ก็มีอีกมือ เข้ ามาช่วยประครองไว้

“คิดถึงพีเป็ นบ้ าเลย….”

พีหมอกพึมพําอะไรสักอย่างตอบมา แต่ผมฟั งไม่ร้ ูเรือง เหมือนเสียงหายไปเสียเฉยๆ

หัวว่างโพลน
ทีรู้ มีเพียงแต่ความอุ่นจากหยดนํา ทีวิงลงมาตามแก้ มเท่านัน….

………………………………………….
………………………………..

[B.N.11 : complete]
[12.3.55]

B.N.11

ชีวิตกลับมาราบเรี ยบ

พีเชนขยันขายขนมจีบ พีเอ๋ขยันส่งสายตาอาฆาต งานในงานนอก วุ่นวายเต็มไปหมด งานทีบริษัทก็ดี แต่คิดว่า


อยากจะออกมาทํางานของตัวเองเสียมากกว่า

เกือบเดือน ทีชีวิตหมุนไปวัฏจักร ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด

จนกระทัง…ถูกลักพาตัวไปในบ่ายวันเสาร์

บ่ายทีแสนร้ อนระอุ จนแม้ แต่เสือกล้ ามก็ยงั ไม่อยากใส่ เสียงกริงก็ดงั ขึนอย่างไม่ได้ คาดหมาย

มองไปรอบๆ สงสัยเฮียจะหลับอยู่ข้างบน ม๊ ากับพีผ่องออกไปข้ างนอก ไม่ร้ ูไปไหน เพราะตืนมาก็ไม่เห็น ยันตัวขึน


จากโซฟา รู้สกึ เหมือนเป็ นเรืองยากทีสุดในชีวิต เดินลากแตะออกไปหน้ าบ้ านทังๆอย่างนัน
เงยหน้ ามองก็เห็นสายตาตําหนิ

รีบจับขอบกางเกงทีย้ วยป่ วยเกินแกงขึน ยิมแหยๆ แล้ วรีบหันหลังกลับ แต่โดนเรี ยกรังไว้ “อย่าพึงไปสิ”

“แหะ แหะ สวัสดีครับ”

“อืม”

พีมินท์ ยืนอยู่ หลังรัวเก่าๆขึนสนิม มีรถยุโรปจอดอยู่ มองไปก็เห็นคนขับรถอยู่ในนัน

“มาทําอะไรหรอครับ? ขับรถหลงทางหรอ? เดียวผมบอกทางให้ ”

“เปล่า ไม่ใช่”

“แล้ ว..เอ่อ”

ไม่ร้ ูว่าต้ องทําอะไรก่อน ต้ องเชิญเข้ ามาในบ้ านหรือเปล่า เสริฟนําเปล่าต้ องใส่นําแข็งด้ วยไหม พอเห็นแล้ วก็ร้ ู สกึ
ตาลาย เหมือนทําอะไรไม่ถกู

ใจเย็นๆสิวะ ไอ้ ตี

ถ้ าเขามาร้ ายจริง ป่ านนีคงดับอนาถหน้ าลานบ้ านไปแล้ ว แต่ทีเขายังยืนทําหน้ ามุ่ยท่ามกลางอากาศร้ อนของ


เมืองไทยอยู่แบบนี แสดงว่ามีเรืองต้ องคุยแหง

“จ..จะเข้ ามาในบ้ านก่อนไหม?”

“ไม่เป็ นไร จะรออยู่ในรถ”

“งัน ผมขอตัวไปเปลียนเสือก่อน?”

เธอพยักหน้ า รีบสะบัดตัวหันกลับเข้ าไปนังในรถทีคงจะเปิ ดแอร์ จนเย็นชํา ผิดกับผมทีโกยตีนหมา เปิ ดตู้ตงึ ตังจน


เฮียตืน “ไรของมึงวะ ไอ้ ตี”

“ศัตรูบกุ ”
“ศัตรู ?”

“อยู่หน้ าบ้ านเนีย”

เฮียทีนอนหมกอยู่กบั เตียงจนรากงอกค่อยๆชะเง้ อคอมองออกไปนอกหน้ าต่าง ผมถอดเสือกล้ าม เหวียงลงพืน ไอ้


เฮียก็หนั มาบ่นอีก รีบใส่เสือเชิตลงไปลวกๆ กางเกงก็เหวียงไปอีกทาง ไม่ต้องมาบ่นเลยเฮีย เหวียงไปก็ทบั
กางเกงในใบ้ หวยของเฮียเหมือนกัน

“ศัตรูบ้าอะไรวะ รถเนียนะ? ดูหนังมากเกินไปแล้ วมัง?”

“ตีหมายถึงคนทีอยู่ข้างในนันต่างหาก?”

“เออๆ…” ดูเหมือนจะหมดความสนใจ ทิงตัวลงนอน หันหลังให้ “จะกลับเองหรือให้ ไปรับก็โทรบอกแล้ วกัน”

“ไปแล้ วนะเฮีย เก็บข้ าวเย็นเผือให้ ด้วย”

“จะโยนให้ หมาข้ างบ้ านกินแล้ ว”

“เฮ้ ย!”

ปิ ดประตูปัง รีบวิงลงมาแทบไม่ทนั กล้ องวางอยู่บนโต๊ ะ ทังๆทีเดินผ่านไปแล้ ว แต่เดินกลับมาคว้ าติดตัวไปด้ วย

ทําไมกันนะ?

“อ่า ขอโทษครับ”

แอร์ เย็นปะทะหน้ า เผลอเคลิมอยากหลับอีกรอบ พอปิ ดประตู รถก็ออกตัว ไม่ร้ ูจะขับไปทีไหน

“นีจะไปไหนหรอครับ?”

“…นันสินะ”

จะปรัญชากับผมหรอ? ขอบอกไว้ ก่อนเลยนะ ว่าผมไม่เข้ าใจหรอกครับ

“ไปกินข้ าวด้ วยกันซักมือไหม?”


“ถ้ าจะให้ ผมเลียง แนะนําร้ านหน้ าปากซอยครับ”

“ไม่เป็ นไร”

ในมือถือแท็บเล็ทคุ้นตา เห็นอยู่เกือบทุกวันในโฆษณา ภาษาอังกฤษขึนเป็ นแผง เหมือนจะเฝ้าดูอะไรบางอย่าง


อยู่ ผมเบียงหน้ ามองไปทางกระจก

เงาสะท้ อนทีเห็น พีมินท์ไม่ได้ เงยหน้ ามามองผมเลยสักนิด

รถขับไปเรือยๆเหมือนมีการคุยเรืองจุดหมายกันมาก่อนหน้ านีแล้ ว

สุดท้ าย ก็ไปจอดทีร้ านอาหารร้ านหนึง อยากจะบอกว่า “ผมพึงกินมาม่าไปเมือกีเอง” แต่ก็พดู ไม่ออก ได้ แต่เดิน
ตามหลังไป

สีหน้ าเรี ยบนิงนันเงยหน้ าขึนนิดหน่อย เป็ นสัญลักษณ์ว่าห้ ามพูดคุยอะไรทังสิน ก้ มเป็ นระยะ มองแท็บเล็ทบ้ าง
สลับกับบรรยากาศข้ างนอกร้ าน

แม้ แต่รายการอาหาร ก็ถกู สังเตรียมไว้

เดินมาทีโต๊ ะ อาหารก็มาเสริฟ พนักงานใส่ชุดกิโมโนหน้ าไทยเดินไปมา ถูกสังไว้ สองที อีกไม่นาน ก็คงจะเข้ า


ประเด็น

“…..”

ไม่ได้ เป็ นแบบนัน

ไม่มีการพูดคุยอะไรบนโต๊ ะอาหาร โชคดีทีเกิดมาเป็ นชายไทยสุขภาพเยียม การจะกินซูชิลงไปอีกจานสองจาน


เลยไม่ใช่ปัญหา

จนเหลือแต่จานทีว่างเปล่า ก่อนหน้ านี พอรู้ สกึ ไม่มีอะไรทํา ก็จะยกแก้ วชาขึนดืม แต่เพราะว่าเป็ นระบบรีฟิว เลย
เริมรู้ สกึ ว่าท้ องเต็มไปด้ วยนํา

เห็นป้ายห้ องนําอยู่ไกลๆ ไม่กล้ าลุกขึน


เงยหน้ าขึนมาจากแท็บเล็ทซักที…

แล้ วก็เงยขึนมาจริงๆ แต่กลับกวักมือเรี ยกพนักงานทียืนอยู่แถวนันให้ เดินมาหา ยืนบัตรเครดิตให้ พนักงานหญิ ง


คนนันเดินหายออกไป

“เอ่อ…”

“จริงสิ”

พูดแค่นนั แล้ วก็วางแท็บเล็ทลงกับโต๊ ะ

หยิบกระเป๋ าสะพายทรงสุดฮิตขึนมา รืออยู่ซกั พัก ก็ดงึ ซองจดหมายฉบับหนึงจากกระเป๋ า ยืนให้ ผม

“…อาทิตย์หน้ า จะมีเปิ ดตัวแท็บเล็ทตัวใหม่ มาด้ วยกันสิ”

“เอ๋ ผมหรอครับ?”

“คิดว่ามีคนอยากจะเห็นเธอทีงานนันนะ..”

ทําไมเหมือนเห็นสายตาคู่นนั ยิมอยู่

ทังๆทีทําหน้ านิงเฉย แต่กลับรู้ สกึ ว่ากําลังฉีกยิมกว้ าง

คนทีอยากเจอ…

ใครกันนะ…จะใช่คนเดียวกับทีผมคิดหรือเปล่า?

เปิ ดซองจดหมายออก เป็ นบัตรเชิญ

“…จะทําอะไรกันแน่ครับ?”

“ลองดูไปก่อนสิ”

“ถ้ าผมไม่ไป…”
“นันก็สทิ ธิของเธอ ฉันก็ไม่ได้ บงั คับอยู่แล้ ว”

กระดาษมัน ดีไซน์มาอย่างน่าดึงดูด มีข้อความไม่กีประโยคนัน แต่ก็ทําให้ คนได้ รับรู้สกึ ว่าพลาดไม่ได้

“ห้ องนําอยู่ทางนัน จะไปก็ได้ นะ”

“อ่า ขอบคุณครับ”

“วางของไว้ ก็ได้ จะเอาไปทําไมหมด”

มองกระเป๋ า มองกล้ อง ไม่น่ามีอะไร เลยรีบลุกเดินไปตามพนักงานทีนําทางให้ ห้ องนําทีนี ทางลึกเลียวไปเลียว


มา แถมยังอยู่นอกตึกอีก ถึงจะสร้ างได้ บรรยากาศ แต่สาํ หรับคนทีตกอยู่สภาวะวิกฤต อาจจะคิดโทษบรรยากาศ
แบบนีก็ได้

เดินกลับมาทีโต๊ ะ ก็ยังเห็นพีมินท์ย่งุ อยู่การดูอะไรบางอย่างในแท็บเล็ท

นังลง เธอกลับลุกขึน ผมเลยต้ องลุกขึนตาม

รถมาจอดส่งทีสวนกลางเมือง บอก “กลับเองได้ ใช่ไหม? เดียวต้ องไปทําธุระทีอืนต่อ”

“อ่อ ได้ ครับ ขอบคุณทีเลียงอาหารวันนีนะครับ”

“คิดดูดีๆแล้ วกัน”

รถขับออกไป อากาศเริ มเย็นขึน สวนดูร่มรืน เห็นหลายๆคนยืนถ่ายรูปอยู่ อย่างทีคิดไว้ เป๊ ะ ว่าจะต้ องได้ ใช้ กล้ อง
แหง โทรหาเฮีย พอบอกว่าอยู่ทีไหน ก็บ่นไม่หยุด “ไกลเป็ นบ้ า กลับเองแล้ วกัน” ใครมันพูดวะเนีย ว่าจะมารับ
“กลับถูกหรือเปล่า?”

“กลับถูกดิ เดียวตีแวะหาเพือนแป็ ปนะ”

“อือ อย่ากลับดึกแล้ วกัน”

ไอ้ โจ๋ไม่อยู่บ้าน ก็เลยต้ องแบกของกลับ ซือหมูปิงจะเอามาฝาก ก็เดินกินเองแทน

ยกไม้ หมูปิงขึนมอง เคยมีคนบ่นว่าสกปรก ไม่ชอบกินของข้ างทาง ไม่ถกู ปาก แต่สดุ ท้ ายก็ขอเบิลแล้ วเบิลอีก จน
กลายเป็ นแบ่งกันครึงๆ

ตอนนีกลับต้ องมาเดินกินคนเดียว…

ไม่เป็ นไร

สักวันนึง ถ้ าได้ กลับมาอยู่ด้วยกันอีกเมือไหร่ จะลงทุนสับหมูเสียบไม้ เอง ไม่ต้องให้ บ่นยืดยาวก่อนจะเข้ าปากอีก

เอาเข้ าปาก เคียว รสชาติไม่เลว

อยากให้ ได้ กินด้ วยกัน…

แล้ วก็อดคิดไม่ได้ ว่าถ้ าบัตรเชิญนีพีหมอกฝากมา แต่ไม่ได้ ไป จะทําหน้ าแบบไหนกันนะ?

…………………………………..
………………………………

นีก็รอบสองแล้ วทีมางานเปิ ดตัว แต่ก็ยงั ไม่ร้ ู สกึ ชิน

อดเป็ นห่วงไม่ได้ ว่าจะทํางานหนัก จนเกิดเรืองอย่างคราวทีแล้ วขึนอีกหรือเปล่า เพราะเป็ นคนทีจะทําอะไรสัก


อย่างนึงแล้ ว ต่อให้ คนรอบข้ างจะพูดยังไง ก็ไม่ฟัง เลยยากทีจะยังไว้ ได้

“เฮีย..โอเคแล้ วหรอ?”

“เอ้ า ก็บอกเองว่าจะมา”

“…ไม่ร้ ูว่ะ ตีรู้สกึ แปลกๆ”

“แปลกๆยังไง?”
คุยกันทีลานจอดรถ ในรถกระบะคันเก่า

เฮียทียอมพักงานไว้ ชวคราวเพื
ั อมาส่งทําหน้ าไม่เข้ าใจ ก็ร้ ูอยู่หรอกว่าไม่เข้ าใจ เพราะแม้ แต่ตัวเอง ยังไม่ค่อย
เข้ าใจเท่าไหร่

“ตีรู้สกึ เหมือนทุกอย่างมันง่ายเกินไป”

“งันกลับบ้ านไหม?”

“….เฮียไปด้ วยหน่อยดิ”

“ไปแล้ วทําอะไรได้ เฮียไม่มีบตั รเชิญซักหน่อย”

“เออว่ะ”

“ถ้ ามี ก็จะไปเป็ นเพือน อย่างน้ อยก็คงจะมีสาวสวยๆ อาหารอร่อยๆอยู่หรอก มีอะไรก็โทรมาแล้ วกัน เฮียอยู่แถวนี
รอรับกลับ”

พยักหน้ า เฮียขยีหัวจนผมทีเซ็ตไว้ ย่งุ ไปหมด หันไปชกกับพุงเฮียเบาๆ เดียวนีเฮียผอม ไม่มีหมอนให้ หนุนอีก หุ่นดี


มีไปทําไมวะเฮีย ท้ วมๆนีแหละ สุดฮิต

แบกกระเป๋ าสะพายข้ างมาด้ วย หยิบของบ้ าๆบอๆมาเต็มไปหมด แม้ แต่ขนมค้ างปี ก็ยังอยู่ในนัน ประหม่า อาจ
เป็ นเพราะคราวนี มาแค่ตัวคนเดียว ไม่มีพีบอลพามาด้ วยเหมือนครังก่อน

ดูเหมือนจะเป็ นรอบสือ

เห็นแต่คนทีมีกล้ องแบกอยู่บนบ่าเต็มไปหมด ยืนอยู่เป็ นกลุม่ ๆ คู่กับคนทีดูเหมือนจะทําหน้ าทีพิธีกร เดินแหวก


เข้ าไปคนเดียว บัตรเชิญถูกเก็บคืนไป ตรงดิงไปมุมอาหารเพือความสบายใจ

ค…คิดไปเองรึเปล่าหว่า?

รู้สกึ ว่า จะโดนมองตังแต่เข้ ามาทีนีแล้ ว…

พอมองตอบกลับไป คนทีจ้ องอยู่จะรีบก้ มหน้ าก้ มตาหรือหันกลับไปคุยต่อทันที บางคนทําหน้ าตกใจก่อน เลยเริม


รู้สกึ ตัวขึนมาจริ งๆ
มองนาฬิกา อีกห้ านาที ก็เปิ ดงานแล้ ว ทนอีกนิดหน่อย ไม่น่าจะมีอะไร…

ใครจะมาสนใจ ไม่ใช่คนดัง จะว่าหล่อก็อาจจะหล่อมาก แต่ก็ไม่ได้ เตะตาคนขนาดนัน

ไฟหรีลง เปิ ดตัวด้ วย VTR ตามมาด้ วยพรีเซนเตอร์ คนใหม่ อาจเป็ นนักร้ องหรืออะไรสักอย่าง ตังแต่ทีวีชนล่ ั างเสีย
ก็ไม่ได้ ดทู ีวีอีก ต่อมาเป็ นส่วนของพิธีกรทีทําหน้ าทีพรีเซนต์สนิ ค้ าตัวใหม่ ดึงดูดนักข่าวแย่งพืนทีทีดีทีสุดหน้ าเวที
กันจนวุ่นวาย

ไม่เห็นพีหมอก

พยายามชะเง้ อมอง แต่ก็ยงั ไม่เห็น

ยืนอยู่หลบมุม ถนัดอยู่แล้ วเรืองทําตัวกลมกลืน

บนเวที กําหนดการทังหมดจบลงแล้ ว เปิ ดโอกาสให้ สอได้


ื ยิงคําถามกับพรีเซนเตอร์ คนใหม่

มองเห็นพีหมอกอยู่ในกลุ่มคนใส่สทู ทีน่าจะเป็ นผู้บริหารเหมือนกัน เห็นพีมินท์อยู่ไม่ไกล กําลังพูดคุยกับ


ชาวต่างชาติคนหนึงอยู่

พีหมอกกวาดตาไปรอบๆ แต่ดทู ่าจะไม่เห็นผม

ส่งข้ อความหาเฮีย … เฮียตอบกลับว่าอยู่ไม่ไกล เก็บมือถือลงกระเป๋ ากางเกง เตรียมเดินออกจากทีแห่งนีอย่าง


เงียบๆ

“…น้ อง! เดียวก่อน!”

“ครับ?”

“พีขอสัมภาษณ์อะไรหน่อยได้ ไหม?”

พีผู้หญิง เห็นป้ายสตาฟช่องข่าวอยู่ทีกระเป๋ าเสือ ข้ างหลังเป็ นผู้ชายตัวใหญ่ แบกกล้ องไว้ ทีไหล่ เดินตรงดิงมา


ทางนี

“น้ อง..น้ องใช่คนในภาพนีหรือเปล่าคะ?”


มือถือนันเปิ ดรูปหนึงขึนมา

เป็ นรูปคู่ทีถูกถ่ายเก็บไว้ ในกล้ อง...ของผม

“ได้ ภาพนีมาจากไหนครับ?”

“มันว่อนอยู่ในอินเตอร์ เน็ต วันนีหลายๆคนก็มาเพราะว่าเรืองนี น้ องไม่ร้ ูหรอคะ?”

“เอ่อ..ผม..ผมขอตัวก่อนนะครับ”

พอจะเดินหนี กลับเจออีกคู่มาดักข้ างหน้ า ยิงถูกปิ ดทางไว้ เท่าไหร่ ยิงเพิมเวลาให้ ค่อู ืนเดินเข้ ารุมมากเท่านัน แฟล
ชกล้ องกระหนําอย่างไม่มีคําว่าเกรงใจ รู้สกึ สงสารพวกดาราขึนมา แค่เจอกล้ องทีอยู่ตรงหน้ ากดชัตเตอร์ ใส่แค่
ครังเดียว ผ่านมาเกือบนาที ยังตาพร่าไม่หาย เดินไม่ถูกทาง

“น้ อง-!”

“น้ องคะ-!”

“น้ องมีความสัมพันธ์ แบบไหนกับคุณอัษฏาหรอคะ?!”

“ใช่ทีเคยเป็ นข่าวสองสามปี ทีแล้ วหรือเปล่า?!”

รู้สกึ เป็ นยิงกว่าเซเลป วงทีแคบอยู่แล้ วถูกเบียดเข้ ามา กระเป๋ าสะพายถูกหนีบติดอยู่กบั คนพวกนัน พยายามดึง
แต่ก็ดงึ ไม่ออก เลนส์กล้ องกระแทกหัว หงุดหงิดจนอยากจะโวยวายใส่ แต่คิดว่าเดินหนีออกไป น่าจะดีทีสุด

แต่ทางไหนคือทางออก

เหมือนปลาตัวเล็กๆในวงปิ รันย่า คําถามตะโกนเข้ าใส่หู ชัตเตอร์ ทําร้ ายสายตา โดนเบียด รู้สกึ หายใจยากขึน

ยืนมือออกไป พยายามจะแหวกทางออก

ไม่ได้ ไม่ไหว อะไรจะแรงเยอะขนาดนี พวกพีแข็งแรงขนาดซูโม่ชิดซ้ าย เปลียนอาชีพเถอะครับ

ถูกดันไปมา จนคล้ ายกับจะล้ มลง


…บ้ าเอ้ ย

ข้ อมือถูกคว้ าไว้

เงยหน้ าขึนมอง แต่เพราะเห็นแต่แขนทีดึงไว้ เลยไม่ร้ ูว่าใคร

ได้ ยินเสียงโวยวาย ดูเหมือนเจ้ าของมือทีคว้ าข้ อแขนผมไว้ กําลังพยายามดันคนออก เสียงฮือฮาดังขึน

ทางเปิ ดออก

แม้ แต่แสงชัตเตอร์ ยงั หยุดลง

นักข่าวพวกนันเงียบไปพักหนึง ก่อนจะเริมรัวคําถามซําอีกครัง

ตัวละครหลักครบ ฉากก็ถูกเปิ ดขึน วิงไปตามบทละครทีถูกวางไว้

ได้ ยินเสียงตะโกนเรียกพนักงานของพีแพนแทรกเข้ ามา

ถูกกระตุกข้ อมืออีกครังนึง ..แรงดึงทําให้ ต้องวิงไปข้ างหน้ า

กระเป๋ าทีถูกหนีบไว้ แรงผ่อนลงในเวลาสันๆ กระตุกด้ วยแรงเบาๆก็หลุดออกมา

มือทีจับอยู่ตรงข้ อมือ บีบแน่นจนเจ็บขึนมาจังหวะหนึง มองไม่เห็นหน้ าพีหมอก เห็นแต่แผ่นหลัง ทีรู้ สกึ เหมือน


กว้ างขึนตามภาระหน้ าทีทีต้ องแบกรับ

วิง

วิงหนีออกจากเรืองยุ่งยาก

วิงหนีออกจากทุกอย่าง ทีกันเราไว้

ผมรู้ สกึ แบบนัน

แต่ในใจลึกๆ รู้ว่าการวิงหนีแบบนี ไม่ได้ ช่วยอะไร


กลับจะสร้ างปั ญหาให้ ย่งุ ยากมากขึนเท่านัน…

วิงออกไปด้ วยกัน โดยทียังมีเสียงโวยวายตามมาจากข้ างหลัง ถูกวิงตาม รู้ สกึ เหมือนเป็ นในหนัง ทีพระเอกมี
กองทัพลูกกระจ็อกวิงตามเป็ นพรวน แต่ทีไม่ขํา คงเป็ นเพราะนีไม่ใช่หนัง

“พีจะวิงทําไม!!”

“แล้ วจะอยู่ทําไม!”

“แต่ถ้าวิง…มันก็เท่ากับว่าเราหนี”

“…ตี มันไม่ใช่การหนี”

ถ้ าพียืนยันแบบนัน….

พูดคุยเหมือนตะโกน วิงออกมาตามทางเดิน ยังรู้ สกึ ว่าถูกวิงตามไม่ห่าง เหมือนยิงวิง ยิงถูกตาม โดนดักทีทาง


แยก ถูกบีบให้ วิงไปทางลานจอดรถ เสียงรองเท้ าก้ องทางเดินไปหมด คนทีเดินแกร่วตามล็อบบีรีบหลบไปข้ างๆ

“พีหมอก! กุญแจรถ”

ไม่มีคําตอบ

กลัวว่าจะทิงกุญแจรถไว้ กบั คนอืน

พยายามจะหยิบมือถือขึนมาโทรหาเฮีย แต่กลับทําหลุดมือ จะย้ อนกลับไปเก็บคงไม่ได้ ถูกดึงไปข้ างหน้ าไม่หยุด


ได้ แต่มองมือถือเครืองเก่าทีนอนอยู่ตรงพืน ห่างออกไปเรือยๆ หายไปกับกลุ่มรองเท้ า เสียดายของสุดๆ

หวังว่าจะได้ เห็นเฮียทีลานจอดรถ แต่ก็ไม่เห็น วิงผ่านอิแก่ประจําบ้ านไป

เห…

วิงเลยลานจอดรถไป

“พี?!”
“กุญแจรถอยู่กบั แพน”

ตูว่าแล้ ว!!

เสียงตะโกนเรียกยังตามหลังมา ถึงจะน้ อยลง เห็นบางทีมถือโอกาสกระโดดขึนรถ วิงออกมาจนถึงหน้ าโรงแรม


แค่นีก็ร้ ู สกึ เหนือยสุดๆแล้ ว รีบดึงพีหมอกทีได้ แต่ยืนคิด กระโดดขึนรถเมล์คนั ทีกําลังชะลอความเร็วเพือรับ
ผู้โดยสาร แทรกรวมไปกับคนทีแย่งกันขึนในเวลาเลิกงานแบบนี

ไม่มีทีนัง

ยืนโหนไปมา เหงือออกท่วม วิงแค่นี แต่กลับเหนือย อายุไม่ใช่เรืองตลกจริงๆ หยุดหายใจได้ นิดหน่อยก็ต้องขยับ


ตัวเรือยๆ คนขึนมาไม่หยุด จนตัวชิดกับคนข้ างๆ

“พ..พี…”

เค้ าประธานถูกทําลาย กลายเป็ นมนุษย์เงินเดือนหนีงาน เห็นแล้ วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“…ถูกไล่ออกแหง..ฮะฮะ…”

พีหมอกเสยผมขึน เหงือไหลไปตามแนวแก้ ม ใส่แขนยาวมา เลยยกแขนเสือขึนไปเช็ดให้

ผละออกไปช่วงหนึง… แล้ วยืนหน้ าเข้ ามาใกล้ กว่าเดิม

จ้ องมองกันเงียบๆ จมไปกับความคิดของตัวเอง โดยทีมีคนตรงหน้ าเป็ นเหตุผลหลักในการตัดสินใจ

คนทีนังอยู่เงยหน้ าขึนมามอง แต่คิดว่าชีวิตนีคงจะได้ เจอกันแค่ครังเดียว เลยไม่สนใจ

นังไปเรือยๆ ไม่ร้ ูปลายทางของรถเมล์นีจะไปทีไหน จากทียืนโหน จนคนค่อยๆน้ อยลง ได้ ทีนังหลังสุด พีหมอกไม่


เคยนังรถเมล์ เลยดูเก้ ๆกังๆ เรืองหงุดหงิด กลายเป็ นเรืองธรรมดาสําหรับคนทีไม่เคยเจอสภาพแบบนีมาก่อน
กระเป๋ าเงินเปิ ดมาก็มีแต่แบงค์กบั บัตร ชุดสูทราคาแพง เหมือนหลุดมาจากอีกโลก นังอยู่ข้างๆกับคุณป้าจ่าย
ตลาด เป็ นภาพทีอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้

“…พีรู้ไอ้ เรืองรูปนันหรือเปล่า”
“รู้กระทังฝี มือใคร”

“…..”

“…ร้ ายเป็ นบ้ า…ยัยนัน”

“พีมินต์ ?”

มีเพียงความเงียบ

นีเป็ นครังแรก ทีพีหมอกวิงออกจากวงของปั ญหา แทนทีจะหันหน้ าเข้ าชน

เพราะผม…หรือเปล่านะ?

อาจจะเป็ นตอนทีลุกไปเข้ าห้ องนํา จะเอา SD card ถ่ายข้ อมูลลงแท็บเล็ต คงไม่ใช่เรืองยาก

เหลือบมองหน้ าคนข้ างกาย

ใบหน้ าเคร่งขรึมทีคิดว่าจะได้ เห็น…แต่มนั กลับไม่ได้ เป็ นเช่นนัน

ยิมปากพีหมอกยกขึน ไม่ใช่การยิมแบบค่อนแคะทีชอบทํา

แต่เป็ นรอยยิม ยิมทีเหมือนจะพอใจกับเรืองบางอย่าง…

………………………….
…………………..
[B.N.12 : complete]
[15.3.55]

อืม จะพูดไงดีแหะ...
เนืองจากภาค B.N. เป็ นภาคผู้ใหญ่ เพราะฉะนัน ถ้ ามีเรืองเเบบผู้ใหญ่เข้ ามาปน หวังว่าคงจะไม่ขิดขวงทะลวงใจ

กันนะ◌ั◌ัคบั
ทีภาค Coin เขียนอารมณ์นกั ศึกษาไม่เต็มที เพราะยังไม่เคยเป็ นนันเอง (กําลังจะเป็ น..ซูน)

อ่อ อีกเรือง
นิสยั ของตัวละครเรืองนี ตังอยู่บนพืนฐานความเป็ นจริง ดังนัน อาจจะมีนิสยั ปะแหล่มๆมาให้ เห็น ว้ าก จะสือ
อะไรฟร่ะ? เอาเป็ นว่า รออ่านแล้ วกัน หวังว่าผู้อ่านจะเข้ าใจ (คนอ่านคิดในใจ ไรของเอ็งฟร่ะ)

B.N.13

ล้ อหมุนไปตามทางทีเราไม่ร้ ูจัก

ในรถทีมีแต่คนแปลกหน้ า ทีวีในรถเปิ ดรายการตลก ได้ ยินเสียงหัวเราะเบาๆเป็ นช่วงๆ เด็กประถมกับแม่กําลัง


เดินทางกลับบ้ าน

ไปทํางาน ไปเทียวในช่วงวันหยุด ไปหาญาติผ้ ใู หญ่

แต่ละคนมีจดุ หมายทีเดียวกันด้ วยจุดมุ่งหมายทีต่างกัน


“ไม่ชอบก็ข่มตานอนเลยหรอพี?”

“น่ารําคาญ”

“นังแป็ ปเดียวเอง”

พยักหน้ าตอบ

ปลายทางคือทีๆเป็ นเหมือนป้อมหลบภัยชัวคราว

เป็ นทีๆม๊ าแนะนํา ตอนโทรกลับไป ม๊ าบอกว่าผมเคยไปทีนีตอนเด็กๆ จําไม่เห็นจะได้

เบาะนังไม่สบาย พีหมอกตืนขึนมามองบ้ าง สลับกับหลับ ไม่ได้ เป็ นคนหลับง่าย แต่คงเพราะเหนือย ทําให้ หลับได้


เป็ นงีบๆ

มองไปตามทางข้ างนอก ดวงอาทิตย์อยู่บนหลังคาบ้ านหลังหนึง ดูคล้ ายกับหลังคานันแบกดาวเคราะห์ทีใหญ่


กว่าโลกหลายล้ านเท่าไว้

บางทีคนๆนึงก็แบกรับเรืองทียิงใหญ่มากกว่าตัวเยอะ

เห็นพีหมอกแล้ วก็นกึ ถึงม๊ าขึนมา

กําลังพยายามอย่างหนักเพือสิงทีตัวเองต้ องการหวัง

สําหรับม๊ า เป้าหมายนัน ผมคิดว่ามันสําเร็จแล้ ว

แต่สาํ หรับพีหมอก ผมยังไม่ร้ ูว่าเป้าหมายนันคืออะไร และจะทําให้ มนั เป็ นจริงด้ วยวิธีไหน

แต่ไม่ว่าจะเป็ นยังไง ผมก็อยากให้ ทุกอย่างเป็ นไปตามทีพีหวัง

เกือบสองชัวโมง

ตัวเมืองทีคึกคักยามกลางคืน ฝรังหัวทองหัวแดงเดินกันขวักไขว่ ท้ องฟ้ามืดลง แต่แสงไฟตามท้ องถนนก็ทําให้


เมืองนีดูเหมือนไม่ร้ ูจกั ความเหน็ดเหนือย
แวะซือโรตี บังถึงกับส่ายหัวเมือเจอแบงค์พนั กําลังจะปริปากบ่น ผมก็ยืนแบงค์ยีสิบให้ ก่อน

“พีเก็บไว้ เถอะ ผมเลียงอันนึง”

“กูไม่ชอบของหวาน”

“เดียวหิว อันนีก็ได้ ไม่ค่อยหวาน”

แม้ แต่อาบังก็ยงั มองหน้ าพีหมอกเหมือนลุ้นคําตอบ ยืนมือมารับ จึงได้ เดินกันต่อ

นังรถต่อออกไป ถึงริมหาด ตึกแถวสีเขียวซีดทีตกจนคล้ ายกับสาหร่ายเกาะเต็มทังตึก ป้ายเล็กๆทีเขียนว่า


“อาบนําจืด” ถูกซ่อนอยู่ใต้ ผ้าใบโฆษณา

ประตูเหล็กถูกเปิ ดแง้ มไว้ หน่อย ตามซีเหล็กเห็นอาม่าหลังโค้ งเดินถือชามข้ าวต้ มไปทีโต๊ ะ

“อาม่าคร้ าบ”

ต้ องเรียกอยู่สองสามครัง กว่าจะได้ ยิน กวักมือเรียกพวกผมเข้ าไปข้ างใน

“สวัสดีครับ”

ไม่มีเสียงตอบ

อาม่ายิมกว้ าง พยักหน้ าหลายๆครัง ชีไปทีโต๊ ะกับข้ าว ข้ าวต้ มสองถ้ วย กับข้ าวง่ายๆสองอย่างจัดวางไว้

“ของผมหรอครับ?”

พยักหน้ าอีก

อาม่าเดินไปทางโต๊ ะทีเหมือนเป็ นเคาน์เตอร์ หยิบกระดาษทีฉีกมาจากปฏิทินรายวันออกมาเขียนอะไรบางอย่าง


แล้ วยืนมาให้ อ่าน

ภาษาจีนถูกเขียนหวัดๆบนนัน

“ม่าครับ ผมอ่านภาษาจีนไม่ออก”
พีหมอกนังลง หยิบตะเกียบขึนมาเอง ดูเหมือนจะหิว ถึงยอมกินเงียบๆไม่บ่นอะไรอีก

อาม่านังข้ างๆผม ยืนมือมาตบทีหน้ าตัก ยิมกว้ างจนเห็นฟั นทีหายไปหลายซี ชีมาทีผม แล้ วทําท่าเหมือนวัดระดับ
จากความสูงไม่มากนัก เท่ากับเด็กสามสีขวบ

“จําผมได้ ด้วยหรอครับ?”

พยักหน้ าตอบ

อาหารมือนัน พูดไม่ได้ ว่าอร่อย แต่ความรู้ สกึ กลับเต็มอิม

ข้ างบน ห้ องหนึงว่าง เป็ นห้ องทีจะให้ พวกผมนอน เตียงไม้ แคบ เห็นของเล่นเก่าๆสองสามชินวางอยู่ทีหัวเตียง


เสียหมดแล้ ว แม้ จะไขลานแต่ต๊ กุ ตาพวกนันก็ไม่ขยับ ของทุกอย่าง อยู่ในทีของมัน รอเจ้ าของห้ อง

มีรูปวางอยู่

อากงอาม่า กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึง รูปเหล่านันมีแต่รอยยิม ภาพเก่าจนสีซีดลง แต่กลับไม่มีฝนุ่

“ทําไมอาม่าถึงอยู่คนเดียวก็ไม่ร้ ูเนาะ”

บ้ านนีเงียบเหงา

ถึงจะเป็ นใบ้ แต่หกู ็ยังได้ ยินอยู่

การอยู่ในทีเงียบๆแบบนี อาจทําให้ บางครังเผลอคิดว่าตัวเองหูหนวกแล้ วก็ได้

“…แต่ตอนนีพวกเราก็อยู่ทีนี”

“ก็แค่ชวคราว”

“แต่บางครัง ชัวคราวก็ยงั ดีกว่าไม่มีเลยนะพี”

พัดลมเก่าๆตัวนัน เปิ ดไม่ได้ แล้ ว


ดันหน้ าต่างออก ลมก็พดั เข้ าหน้ า ได้ ยินเสียงคลืน

“มาทะเลคราวนีเงียบกว่ามาคราวทีแล้ วเยอะเลย”

“ไอ้ โก้ แต่งงานเดือนธันวา”

“ห๊ ะ? จริงดิ? หาแฟนได้ ด้วยหรอวะนัน?”

“สมกับมันดี”

“แล้ วคนอืนล่ะ?”

“เหมือนเดิม”

“…ถ้ าทุกอย่างเหมือนเดิมก็คงจะดี เวลามาเทียวด้ วยกันเยอะๆสนุกจะตาย ไม่ต้องทํางาน ไม่ต้องเจอลูกค้ า


ประหลาดๆ ไม่ต้องเจอเสียงบ่นเจ้ านาย…”

“ทุกอย่างมันก็ต้องเปลียนไป…ทีละนิด”

บางที อาจจะน้ อยนิดจนไม่อาจสังเกต เผินๆคล้ ายกับทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ทังๆทีมันเปลียนไปทีละน้ อย

“ผมว่าพีก็ดเู ปลียนไปหน่อยๆนะ?”

“ตรงไหน?”

“หน้ าดุขน”
ึ ทําหน้ าเข้ มโชว์ พีหมอกเอนตัวนังกับเตียง มุมปากยกขึนนิดๆ “เป็ นผู้ใหญ่ทีดูเป็ นศัตรู ต่อทังโลก
เหมือนพวกตัวร้ ายในการ์ ตนู ฮีโร่เลย ถ้ าผมเป็ นเด็กนะ ผมจะรีบวิงหนีไปจากพีเลย”

พีหมอกยิม ยิมหน่อยๆทีเห็นจากแสงไฟข้ างนอกลอดผ่านหน้ าต่างเข้ ามา

รอยยิมแบบนัน

ทําให้ บางครัง ก็เหมือนพวกเรากําลังติดอยู่ในอดีต


“แล้ วถ้ ากูเป็ นศัตรูต่อคนทังโลกจริ งๆ…”

ไม่ต้องลังเลทีจะตอบ

“….โลกก็จะมีศตั รู สองคนไง”

…………………………………………..
………………………………..

แดดเลียปลายเท้ าจนร้ อน หดขาหนี หมุนตัว ก็ร้ ูสกึ เหมือนปวดไปทังตัว

เตียงไม้ นีถ้ าไม่ชิน ก็ปวดหลังเป็ นบ้ า

ลุกขึนช้ าๆ บิดตัวซ้ ายขวาได้ ยินเสียงกร็อบแกร็บดังมาจากกระดูก ใช้ เท้ าเขียเสือขึนมาใส่ ถึงลมจะเย็น แต่พอ


นอนเบียดๆกันสองคน ก็ร้อนเสียจนทนไม่ไหว

เมือคืนหลังจากอาบนําแปรงฟั นเสร็ จ ต่างคนก็ต่างหลับเป็ นตาย พึงมารู้ สกึ ตัวอีกทีก็เช้ า เหมือนเดินทางข้ ามเวลา


มา

ลงไปชันล่าง นาฬิกาทีแถมมาจากนําอัดลมบอกเวลาหกโมงกว่า เห็นอาม่ากําลังหุงข้ าว ทําอาหาร ดู


กระฉับกระเฉง บางจังหวะเดินโยกเยกบ้ าง แต่ก็เดินคล่องแข็งแรง

ผมเข้ าไปช่วยทํางานในครัว อย่างเก่งก็หนผั


ั ก ล้ างผัก ล้ างจาน เป็ นสุดยอดพ่อครัวก็เฉพาะเมนูมาม่า ไข่เจียว
นอกเหนือจากนันได้ แค่ให้ กําลังใจ

ข้ าวเช้ าเป็ นข้ าวต้ มกับผัดผักบุ้ง

รสชาติคล้ ายๆกับของม๊ าจนแปลกใจ

เกือบครึงจานเลยหมดไปกับพีหมอก ทีติดใจฝี มือม๊ าเป็ นพิเศษ

…………………………………
………………………..

พีหมอกอาบนํา

เหมือนสาวๆแถวนีจะเห็นพีหมอกเมือเช้ า ตอนนีเลยตามเข้ ามาอาบนํากันเป็ นแถว โทษทีเถอะน้ อง เขาอาบแยก


หญิงชายครับ

“คนเยอะเลยเนอะ”

อาม่ายิมๆ ยืนมือออกไปรับแบงค์ยีสิบ แล้ วหยิบเหรี ยญทอนให้ ไป อีกมือโบกพัด พัดลมอยู่ห่างไม่ไกล แต่พอเริม


สาย อากาศก็ร้อนขึนเรือยๆ

แดดแรงจนมองออกไปก็ต้องหรีตา

หลายๆครัง พอได้ ยินเสียงแตร แกก็จะเอนตัวบนเก้ าอีทีไม่มีพนัก มองออกไปด้ านนอก

“..ม่าครับ”

หันกลับมามอง

“อาม่าไม่เหงาหรอ อยู่คนเดียว”

ส่ายหัว ชีปลายพัดไปทีรูปบนหิง

รูปอากง ยิมอยู่ในนัน ในตําแหน่งทีรอยยิมส่งมาให้ คนนังทางนีอย่างน่าประหลาด

…………………………
………………………………..
“พี ไปขีจักรยานกัน ผมเห็นเขาให้ เช่าอยู่”

“ร้ อน”

“มันก็ร้อนทังวัน ไปเถอะ”

“ไม่”

“ไปเหอะน่า เดียวหาซือหมวกแถวนีก็ได้ ”

“….”

“กู…”

“ห้ ะ?”

ไม่ได้ พดู อะไรออกมา หรือจะหูแว่ว?

ดึงคนทีทําหน้ าบึงไปร้ านจักรยานใกล้ ๆ เช่าคนละคัน “จะลองขีก่อนไหม? จะลองขีก็ไปด้ านนันนะ”

“ไม่เป็ นไรครับ ขับเป็ นแล้ ว พีหมอกขีจักรยานเป็ นป่ ะ?”

“…เป็ น”

ขึนนังบนจักรยาน ไม่ได้ ปันมาสักพัก แต่ก็ยงั ปั นคล่องอยู่ ขีหมุนไปรอบๆ

“ขึนจักรยานดิพี”

ทําไมหน้ าบึงกว่าเมือกีอีก

พีหมอกเริมปั น แต่เหมือนจะคุมแฮนด์ไม่อยู่ รถส่ายไปมา ก่อนจะต้ องเอาขายันกับพืน ไม่ให้ จกั รยานล้ ม

“ไม่ชอบขีจักรยาน”

“ฮ…ฮ..ฮ่าๆๆๆ นี นีมันไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ ฮ..ฮ่าๆๆๆ”


หน้ าบึงจนยิงทําให้ ขําหนักเข้ าไปอีก

“..ป ฮ่าๆๆๆ เปล่า ขําคนข้ างหลังพีคนนู้น ดูดิ พีคนนู้นหัวเราะไม่หยุดเลย”

แม้ แต่คนให้ เช่ายังหัวเราะไม่หยุด อีกคนเอามือถือขึนมาถ่ายคลิป ดูเหมือนจะเป็ นคนทีเมือกีขอถ่ายรูปแล้ วโดน


ปฏิเสธอย่างหยาบคาย

ลองขับใหม่ ตัวรถก็ยงั ส่ายยิงกว่างูเลือย เครียดจนรู้สกึ จะเห็นจุดเดือดเริมปะทุ

“เฮ้ ยพี นีขับจักรยาน อย่าเครี ยดเหมือนขับฟอร์ มูลา่ วันดิ สบายๆ”

“คันนีห่วย”

“ไม่ได้ ห่วย แลกคันกันเลยอ่ะ”

พอลุก เดินมาคันทีพีหมอกนังอยู่ ดันให้ หลบไปแล้ วขึนขีแทน เริมปั น รถหนักกว่าปกติ หันไปมองก็เห็นนังอยู่เบาะ


หลัง ทําหน้ าตาไม่ร้ ูเรืองนิงๆอยู่

“เฮ้ ยพีไปขับเองดิ ผมหนัก”

ทําเป็ นไม่ได้ ยินอีก

“เฮ้ ยพี”

“สอนกูขบั สิ”

“พีก็ไปอีกคันดิ”

“ไม่ จะเอาคันนี”

แถมยังเอามือจับแฮนด์ทังสองข้ าง “ล็อกผมไว้ ในนีซะแล้ ว”

สนใจคนอืนให้ น้อยลง เพือมีความสุขกับตัวเองให้ มากขึน


แน่นอนว่าเราทําแบบนันไม่ได้ ไปตลอดเวลา แต่ถ้าสักครัง ในทีๆไม่มีใครรู้จักก็อยากจะทํา

“หนีไปไหนไม่ได้ แล้ วนะ…”

“ไม่หนีหรอก….” ยิมให้ จนเห็นพีหมอกยิม ใกล้ จนคิดว่าคนอืนคงไม่มีทางได้ เห็นรอยยิมนี “แต่ไอ้ เรืองปั นจักรยาน


ลงไปปั นเองเหอะพี หนัก”

รอยยิมนันหายวับไปไหนพริบตา

……………………………….
………………………

แวะซือของกลับไปฝากอาม่า แล้ วนังรถต่อไปในตัวเมือง

การเดินทางต่างจังหวัดค่อนข้ างลําบากถ้ าไม่ได้ เอารถมาเอง บางครังก็ต้องเดิน เรียกมอไซค์บ้าง แต่ฝันเถอะครับ


ว่ามากับคุณอัษฏาแล้ วจะได้ นงมอเตอร์
ั ไซค์ พีแกยอมเดินดีกว่านังพาหนะสองล้ อเสียอีก

“ปวดขา”

“ไม่ค่อยออกกําลังกาย”

“พีหนักต่างหาก นังเกาะเป็ นปลิง ปั นตังเกือบสองชัวโมง”

“….”

“ผมล้ อเล่นน่า”

แต่เรืองปวดขาน่ะจริ งๆ ไม่ค่อยได้ ออกกําลังกายอย่างทีว่าน่ะถูกทุกอย่าง

เดินเข้ าไปในถนนทีคนเริมเยอะขึน ร้ านอาหารทีขายทุกอย่างเหมือนกันตังเรี ยงเป็ นแถบ ผัดกระทะ ปิ งหมูสเต๊ ะ


กันให้ สะใจ ส่วนควันก็ลอยออกมารมนักท่องเทียวทีเดินกันอยู่ตามทาง

“กินร้ านไหน?”

“ร้ านไหนก็ผดั ไทย”

เดินเข้ าร้ านทีใกล้ ทีสุด สังแบบสินคิดไปสองจาน

พอมาส่ง ก็เริมกิน ผมพึงสังเกตว่าเอาจริงๆแล้ ว พีหมอกดูจะกินง่ายขึนกว่าเมือก่อนเยอะ พอลองถามดู ก็บอกว่า

“ทีนัน ไม่ใช่ว่าจะเลือกกินอะไรก็ บางที พายุหิมะเป็ นอาทิตย์ ออกไปไหนไม่ได้ มีอะไรก็ต้องกิน”

ถึงจะลดลงบ้ าง แต่ก็ไม่ได้ หายไปซะทีเดียว

เบิลคนละสอง จนอิม นังดูดนําปั นทีพีหมอกไม่ชอบกิน มองถนนรอบๆ เก้ าอีตรงข้ ามมีคนมานัง ร้ านไม่ได้ ใหญ่
มากถึงขันจะให้ ลกู ค้ านังแยกโต๊ ะกันได้ ทังหมด

“ยกขามา”

“ห๊ ะ?”

ไม่รอพูดรอบสอง ดึงขาผมขึนไปไว้ บนหน้ าตัก เผลอดึงหนี หัวเข่าก็ชนโต๊ ะจนจานผัดไทยกระดอนขึนหน่อย


ผู้หญิงวัยคุณป้าสองคนตรงข้ ามมองด้ วยสายตาตําหนิ “ขอโทษครับ”

“พีจะทําอะไร”

แล้ วก็บีบมือเข้ ากับขาผม แรงเสียจนร้ อง “โอ้ ย” พีหมอกรีบปล่อยมือ เงยหน้ าขึนมามอง “แรงไป?”

“น่องแตกคามือ ไม่ต้องก็ได้ ผมล้ อเล่น”

“มึงเดินไม่เต็มเท้ า…”

สังเกตขนาดนันเชียว?

ลองใหม่อีกครัง แต่เบาขึน
เสียงเคาะกระทะจากแม่ครัวดังลัน เห็นว่ามองมาทางนี แล้ วมองสลับไปทีลูกค้ าคนอืนทีรออยู่

รู้น่าว่าร้ านคุณแคบ รู้น่าว่าทีไม่พอ

…แต่พวกผมขอเวลาสักแป็ ปนึง

ดูดนําปั น มองหน้ าคนทีเห็นขาชาวบ้ านเป็ นงานสําคัญ จริงจังกับทุกเรืองเกินไปหรือเปล่า จนบางครัง ก็ร้ ู สกึ ว่า
ผ่อนคลายกับตัวเองน้ อยเกินไป

“ไง”

“ก็ดี…”

“….”

“สบายมากเลยครับ สุดยอดหมอนวดเลยครับ”

“หมายความว่าไง”

เอ้ า ก็นกึ ว่าอยากได้ คําชม ไหงถึงขมวดคิวลงไปอีกแล้ ว

รองเท้ าถูกถอดออก เท้ าสองข้ างอยู่บนหน้ าตัก ต้ องเอนตัวมาข้ างหน้ าหน่อย เพือไม่ให้ หงายหลังลงไป คนมอง
เยอะ แต่จะทําเป็ นว่าไม่อาย คนทีตังใจนวดอยู่ตรงหน้ าจะได้ ไม่เขินไปด้ วย ไม่สิ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ค่อยสนใจ
ชาวบ้ านอยู่แล้ วนีนา

“ไปเดินเล่นกัน ผมหายเมือยไปเยอะเลย ขอบคุณนะพี”

“เออ”

ขายเสือผ้ าหน้ าตาแปลกๆ ของฝากประหลาดๆ มีเสือทีสกรีนเป็ นรู ปบิกินี เห็นคนหยิบจับหลายคนแต่ไม่มีใคร


กล้ าซือ ถึงจะซือไปฝากก็ไม่ร้ ูจะเอาไปฝากใคร นึกภาพพีผ่องใส่ชุดนืทํางานบ้ าน ก็อดสงสารสายตาม๊ าไม่ได้

“พี ร้ อนทําไมไม่ซือเสือกล้ ามใส่”


“ตัวไหน”

“อย่างพีต้ องตัวมวยไทย เหมาะ หน้ าตาแบบ หาเรืองเดียวเจอก้ านคอ ฮ่าๆๆ”

“อยากลอง?”

“ไม่ครับ”

แล้ วก็ซือตัวนันจริงๆ

จ่ายเงิน ถอดเสือยืดทียืมมาออก ไฟจากร้ านส่องลงบนหลังทีพอชืนเหงือแล้ วก็สะท้ อนแสงออกเป็ นประกาย พอๆ


กับสายตาสาวๆทีเดินผ่านไปมา ก่อนจะใส่เสือกล้ ามตัวนันไปแทน

เผลอยกมือขึน อยากถ่ายรูป อยากถ่ายมุมมองแปลกๆของพีหมอกทีไม่ค่อยมีใครเห็นนัก นานๆทีจะทําตัวติดดิน


ขนาดนี บางทีทีอเมริ กาก็อาจจะเป็ นแบบนีก็ได้

“สาวๆมองนําลายหกแล้ ว”

“เช็ดปากหน่อย”

จู่ๆก็ปาดมุมปากผม เลยทําท่ายกมือทําท่าเช็ดอีกข้ าง “ไหลเป็ นนําตกเลย”

“เป็ นไง สบายตัวกว่าไหม?”

“งันๆ”

แต่อารมณ์ดีขนเห็
ึ นๆ

เขียนโปสการ์ ดใบหนึงส่งกลับบ้ าน อีกใบ พีหมอกให้ เขียนอะไรก็ได้ ลงไป แต่ทีอยู่ขอกรอกเอง ไม่ร้ ู ว่าส่งไปไหน


เพราะหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ไปเสียก่อน

นังรถกลับริมหาดก่อนทีรถจะหมด

เดินเอือยๆไปตามหาด มาทะเลทังๆทีแต่กลับยังไม่ได้ ลงไปเล่นทะเล เล็งๆไว้ ตงแต่


ั เช้ า แต่แดดก็ร้อนเกินกว่าจะ
กล้ ากระโจนลงนํา เล่นตอนกลางคืนก็อนั ตราย เลยไว้ ดจู งั หวะพรุ่งนีใหม่
หิวรองเท้ าไว้ ในมือ เดินแตะเท้ าไปตามทรายทียิงขุดลึกจะยิงเย็น

พีหมอกเห็นเปลทีผูกไว้ เป็ นคนทีไม่สนใจธรรมชาติอยู่เท่าไหร่ เลยไปนอนอยู่ทีตรงนัน ส่วนผมเห็นปูลมกําลังวิง


สนุก อดไม่ได้ ทีจะเข้ าไปแจม

ลมแรงจนผมตังเป็ นแถบ เสือพริวๆจนคิดว่าถ้ าใส่เสือยาวๆจะมาเต๊ ะท่าแปลกๆริมทะเล

ยกมือขึน กล้ องอากาศมองไม่เห็นกําลังเก็บภาพทีตามอง กล้ องดีแค่ไหน ก็ไม่สวยเท่าตามาเห็นเอง อยากจะ


สร้ างอะไรสักอย่างทีสามารถเก็บความรู้ สกึ ณ ตอนนีได้ แต่คงเป็ นแค่จินตนาการแปลกๆ

วิงกลับไปหาคนทีหลับตาเหมือนนอนอยู่ แต่พอได้ ยินเสียงลุยทรายเข้ ามาใกล้ ก็คิวกระตุก

“พี เหยิบหน่อย นอนด้ วย”

“ระวังควํา”

“งันนอนตรงกลางก็ได้ ”

นังลงระหว่างขา เอนตัวทับเต็มๆ ตีเท้ าเข้ ากับเท้ าพีหมอก

อุ่น

รู้สกึ ถึงหัวใจทีเต้ นผ่านหลัง ตึก ตึก ตึก เร็วขึนหรือเปล่า? อาจจะเป็ นของผมเองก็ได้ ทีเต้ นเร็วขึน

“หนัก”

“หนักขึนกว่าเมือก่อนอีกหรอ?”

“ดีแล้ ว”

ถูกลูบไปตามแขน ก่อนจะกํารอบข้ อมือ เหมือนจะวัดว่าอ้ วนขึนจริ งหรือเปล่า

“ลมเย็นเนอะ”
แอบสงสัยว่าเปลรับนําหนักได้ มากขนาดไหน พวกผมนอนสองคนแบบนีจะขาดไหม ไม่อยากลองล่ะครับ ทีแน่ๆ

คนทีใกล้ ทีสุด อยู่ห่างออกไปจนเป็ นจุดดํา อาจมีพวกข้ างหลังอีก แต่ผมไม่ได้ มีตาหลังซักหน่อย เลยไม่ได้ สนใจ

“สามปี ทีผ่านมาเป็ นไง?”

นอนฟั งเสียงหัวใจ รอคําตอบไปพลางๆ

“เป็ นสามปี ทีอยากให้ ผ่านไปเร็ วๆ”

“…อย่างงันหรอกหรอ?”

“นึกว่าเป็ นแบบไหน”

“ผมอยากให้ พีมีความสุข สนุกกับหลายอย่างใหม่ๆ”

“แล้ วของมึง”

“เหมือนได้ เจออะไรแปลกๆเยอะ ชีวิตในรัวมหาลัย กับชีวิตทํางาน ผมรู้ สกึ ว่าบางทีมนั ก็เหมือนกัน บางทีก็ต่างกัน


จนแยกไม่ออก”

“….”

เงียบเหมือนรอให้ พูดต่อ

“งานยังเยอะเหมือนเดิม เจอเสียงบ่นเหมือนเดิม แต่ผมว่าสังคมมันเปลียนไป มันไม่ค่อยสนุกเหมือนก่อน มีคน


ทําเรืองไม่ดีกบั เรา ไม่ร้ ู ดิ ผมว่าสังคมมันไม่เหมือนเดิม”

“มันเรียกว่าผู้ใหญ่ ”

“ผมต้ องเป็ นแบบนันด้ วยหรอ?”

“บางที”

พลิกตัว อยากนอนควํา แต่กลับทําให้ เปลโยก ถูกรังเอวไว้ แน่น แต่พอยิงขยับ เปลยิงไกว สุดท้ ายเปลก็หมุนพวก
เราลงมาทีทราย ยังดีทีเป็ นทรายนุ่มๆ ไม่งนก็
ั คงเป็ นโรงพยาบาลทีใกล้ ทีสุดทีอยู่ในตัวเมือง

นอนแผ่หลากับทรายอยู่ซกั พัก เซลล์สมองสลายตัวไปอีกล้ านกว่าเซลล์ จะดันตัวขึน แต่ก็ไม่ทนั

เร็วไม่ทนั พีหมอก

ริมฝี ปากทีกดลงเข้ าหากัน เหมือนกับแม่เหล็กขัวเหนือขัวใต้

ได้ ยินเสียงชืนแฉะ เหมือนคนกระหายนํา ยิงดืมเท่าไหร่ ยิงอยากได้ เพิมมากขึนเท่านัน

มือข้ างหนึงลูบทีหัวผม แล้ วเลือนลงมาประครองแก้ ม พยายามลืมตาขึน แต่กลับหมดแรงต้ านทาน

“กูทดสอบตัวเองว่าไม่แตะต้ องมึงได้ นานขนาดไหน…”

“แล้ ว…คําตอบล่ะ? หนึงวัน? อือ….หรือนานกว่านัน”

พูดคุย แต่ก็ยังไม่ผละออกจากกัน

เหมือนจะกลืนกินคําพูดพวกนันไปด้ วย

“…หึ” ตาวิบวับ แม้ จะมีแสงแค่จากดาวดวงเล็กๆนัน ไฟข้ างทางตรงนีเสีย จึงมืดสนิท

“แค่นีกูก็จะบ้ าแล้ ว…ตี”

…………………………………….
……………………………..

[B.N.13 : complete]
[31.3.55]

หลบตรีนประชาชน

แถม

ริมทะเล หาดทรายเนียนเท้ า

พระอาทิตย์หายไป เหลือแต่เมฆทีสว่างด้ านท้ อง เลยขึนมาหน่อยกลายเป็ นสีนําเงินเข้ ม

ไม่มีใคร

เหมือนหาดส่วนตัว

“พี ลองจับมือเดินกันไหม?”
“จับทําไม?”

“ผมเห็นคนอืนเขาทํากัน”

“ไม่เอา จับมือมึงทีไร มีแต่เหงือ”

เอามือถูกบั กางเกง แบให้ ดู พีหมอกยังส่ายหัว

“ก็…”

“ก็อะไร”

“เวลาตืนเต้ น เหงือมันก็ออกอ่ะ”

พีหมอกลืมตากว้ าง คิวเลิกขึน แล้ วรีบหันไปมองทางอืน

เงียบไปสักพักใหญ่

“เอามือมา”

“ไม่ให้ จบั แล้ ว บอกเปี ยกเหงือไม่ใช่หรอ”

“เอามา!”

ยืนมือให้

ผมหัวเราะออกมา

“มือพีก็-“

“ไม่ต้องพูด!”

ถูกกํามือแน่น บางครังก็อยากบอกว่าแน่นไปหน่อย แต่ไม่ได้ พดู ออกไป

พีหมอกกระแอมคอเบาๆหนึงครัง ยังไม่หนั กลับมา หูแดง ผมก็หนั หน้ าหนีไปอีกทางนึง หน้ าเหมือนโดนไฟสุม


ความร้ อน ถูกส่งผ่านเข้ าหากัน

เหมือนตรงกลางระหว่างมือนัน เป็ นเครืองทําความร้ อน

หลอมให้ บางอย่าง รวมเข้ าเป็ นหนึงเดียวกันช้ าๆ…..

……………………………….
………………….

[Sometime I can be shy, too. : complete]


[31.3.55]

B.N.14

เดินมาถึงบ้ านหลังนีได้ ยงั ไงนะ?

ในความรู้ สกึ ทีเหมือนรู้สกึ ตัวเพียงครึง พยายามจะนึกให้ ออก

คงต้ องเริ มจากวิงข้ ามถนนมา


ถนนทีไม่มีรถสักคัน แต่กลับสับเท้ าเร็วจนคล้ ายกับวิง สลับกันไป คล้ ายมีเวลาจํากัด

ไฟชันสองปิ ดลงไปแล้ ว ประตูเหล็กข้ างล่าง ถูกไขด้ วยกุญแจทีอยู่กับผม

เหมือนคนเมาทีไขกุญแจบ้ านตัวเองไม่ได้ ทํากุญแจหล่น เก็บขึนมา ก็ยงั ทําหล่นอีก

“อ๊ ะ”

เหมือนเสียบกุญแจเข้ าไปยังไม่ดีนัก ประตูก็ถกู กระชากให้ เลือนออก

ชันล่างมีแสงสลัว เหมือนเปิ ดไว้ รอพวกผม

“ด..เดียว ปิ ดประตูก่อน”

ถูกดันเข้ าไป พีหมอกหันหลังให้ ประตูแต่ก็ดึงประตูให้ เลือนมาจนปิ ดสนิทได้

เดินไม่ถกู

ไม่ชินทางด้ วยหนึง และทีไม่ได้ ถกู สัมผัสแบบนีมานาน ก็อาจจะเป็ นอีกปั ญหา

พอถูกลูบเข้ าไปใต้ เสือ จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ยกมือปิ ดปากไว้ แทบไม่ทนั

พีหมอกยิม เลือนมือขึนไปอีก คราวนีถึงกับดิน แต่แขนอีกข้ างทียังล็อคตัวไว้ อยู่ ทําให้ ไปไหนไม่ได้

เอวชนกับบางอย่าง หันไปมอง โต๊ ะทีมีไว้ วางของลูกค้ าเวลาเข้ ามาอาบนํา

ตอนนีจึงเป็ นโต๊ ะว่าง เป็ นโต๊ ะไม้ ยาว เด็กห้ าหกขวบอาจนอนได้ สบายๆ

“พ..พี?”

“อะไร?”

“นีมันโต๊ ะ?”

“ดูก็ร้ ู ”
ยังไม่ทนั ได้ พดู ต่อ ก็ถูกปิ ดปากไว้ ด้วยริมฝี ปากทีล่วงลําเข้ ามา

บางทีก็เป็ นกดจูบเบาๆ บางทีก็ทําท่าเหมือนจะขยําผมลงไปทังตัว

หลังรู้ สกึ ถึงความเย็นของโต๊ ะ

ถูกลูบหัวเบาๆ ถ้ าผมมีหาง คงกระดิกไม่หยุด พอถูกลูบแก้ ม ก็เผลอเอียงหัวเข้ าหา

“ชอบให้ ลบู แก้ มหรอ?”

“หือ?ผมหรอ?”

“เอียงคอเข้ าหาแบบนีตลอด”

เพราะเป็ นแบบนีตังแต่เด็กๆ ไม่ใช่แค่พีหมอก ต่อให้ เป็ นม๊ าหรือเฮีย ก็จะทําแบบนีตอบ

งับริมฝี ปากผมเบาๆ

ถูกหอมแก้ ม

ยืนแขนออกไปดึงพีหมอกมากอดไว้ ซุกหน้ าเข้ ากับไหล่ ไม่อยากให้ เห็นหน้ า

เขินกว่าจูบกันเสียอีก

เพราะดูไม่ใช่คนทีจะทําเรืองอ่อนโยนอะไรแบบนีได้ ไม่ว่าจะเจอกีครัง ก็ยงั ทําใจให้ ชินไม่ได้ เสียที

ถูกหอมตรงกระหม่อม รู้สกึ เหมือนโดนไล่จบู ไปทัว ตรงไหนอยู่ใกล้ ก็จะกดริมฝี ปากลงตรงนัน

“…พีอ่อนโยนขึนเยอะเลย”

“หรอ?”

“พีไม่สงั เกตเลยหรอ?”
“ไม่ เพราะปกติไม่เป็ นแบบนี”

นีคงเรียกว่าเคสผิดปกติ

คนทีทําหน้ าเหมือนไม่ได้ ร้ ูสกึ ตืนเต้ นอะไรด้ วย กําลังจ้ องมองมา ถึงไม่ใช่คนแสดงออกอะไรมากนัก ปากก็หนักไม่


ค่อยยอมพูด แต่พอคิดอะไร ก็จะแสดงความรู้สกึ นันออกผ่านทางสายตาชัดเจน

“ตี”

“หือ?”

เอาแต่จ้อง เสียจนรู้ สกึ อยากจะโปร่งแสงเสียเดียวนัน

“….แค่อยากเรียก”

เผยอปากขึนหน่อย ดูเหมือนจะเข้ าใจว่านันเป็ นคําขอ

จูบทีเท่าไหร่ก็ร้ ู สกึ ไม่พอ

ต้ องจูบเท่าไหร่กนั ถึงจะชดเชยสิงทีขาดไปสามปี ได้ ต้ องจูบเท่าไหร่ ถึงจะลบล้ างความรู้สกึ เจ็บทียังอยู่ตรงนีได้

แผลนันยังอยู่

เราทังคู่ร้ ู ว่าไม่มีทางลบหาย คําโกหก นําตา หลายๆเรืองนัน ไม่มีวันลบหายไปได้

เพราะเราไม่ได้ ต้องการทีจะลืม

ชีวิตไม่ได้ มีแต่เรืองน่าจดจําเสมอไป บางครัง สิงทีน่าจดจําทีสุด กลับเป็ นเรืองทีเราลืมมันไปแล้ ว แต่ความทรงจํา


แย่ๆเหล่านี บางครัง พยายามลืมแค่ไหนกลับยิงฝั งลึกลงไป

ในเมือลืมไม่ได้ ทําไมไม่เก็บมันไว้ เป็ นบทเรียน

บทเรียนทีสอนให้ เราซือสัตย์ ซือตรงต่อความรู้สกึ ของตัวเอง แบบนัน มันมีประโยชน์กว่าการลืม ทีทําให้ ยิงเจ็บ


มากกว่า
“พีหมอก”

“อะไร?”

“แค่อยากเรี ยกด้ วย ฮะฮ่า”

พอหัวเราะก็ถูกงับทีคอ รู้ สกึ ถึงฟั นทีกดลงมาบนผิวหนัง ตรงนันเป็ นเส้ นเลือดใหญ่ กลันหายใจจนกระทังไล่เลีย


ตําลงมา รู้ สกึ เปี ยกทีต้ นคอ แล้ วก็เปลียนเป็ นเม้ มเบาๆ

เสียงซิปดังขึน

สายตานันไม่เคยละออกจากผม ไม่สนใจแม้ แต่ซิปทีตัวเองกําลังรูดลงซักนิด กางเกงของผมถูกดึงออกช้ าๆ

“เฮ้ ยพี เดียว”

“อะไรอีก?”

“…..”

“พูดมา”

ทําท่าเหมือนจะกระชากลงถ้ าไม่รีบพูด

“คือ…อึก!”

พีหมอกขมวดคิว พร้ อมๆกับทีผมทํา

“อะไร?”

“ผม…อึก!”

พยายามจะพูด แต่ก็มีเสียงสะอึกคันจังหวะไม่หยุด สะอึกจนไอ ได้ ยินแต่เสียง “อึก!” ดังในหูก้องไปหมด

พีหมอกค่อยๆคลายหัวคิวออก
“ผม-อึก!-“

“จะพูดอะไร?”

“ผมจะบอกว่า-อึก!”

พีหมอกหัวเราะออกมาเบาๆ ก้ มหน้ าจนผมไม่เห็นว่ากําลังทําสีหน้ าแบบไหนอยู่ เห็นแค่ไหล่สองข้ างทีสัน เหมือน


จะกลันเสียงหัวเราะเอาไว้

เงยหน้ าขึนมา รอยยิมก็ยงั อยู่ ไม่ได้ หายไปไหน ถูกดึงตัวให้ ลกุ ขึน เดินไปหยิบนําเปล่าจากตู้เย็นให้ แกะกินทัง
ขวด พีหมอกนังลงข้ างๆ

“แม่กเู คยบอก ถ้ าสะอึกทําให้ ตกใจแล้ วจะหาย”

“อึก!”

ผมหันไปมอง ไม่เข้ าใจสิงทีได้ ยิน

“….มินท์เป็ นคู่หมันกู”

บรรยากาศเงียบลงทันที ไม่สิ จากทีเงียบอยู่แล้ ว ก็ยิงเงียบเข้ าไปใหญ่

“ร้ องไห้ แทน?”

แก้ มเปี ยก ภาพตรงหน้ าไม่ชดั รู้ว่านําตาไหล ก็ตอนทีพีหมอกพูดขึนมา

รู้สกึ เหมือนเป็ นคนอ่อนแอ ได้ ยินแค่นนก็


ั นําตาเอ่อขึนมาเต็มไปหมด ทังๆทีปกติไม่ใช่แบบนีแท้ ๆ

พีหมอกดึงขวดนําทีผมกําอยู่ออก

รวบตัวผมเข้ าไปกอดช้ าๆ

กอดแน่น จนได้ ยินเสียงหัวใจ กลินพีหมอกอยู่รอบๆไปหมด จนรู้ สกึ เหมือนทังโลกมีแค่นี

ทีๆจะอยู่ได้ คงมีแต่ทีนีเท่านัน
“..ตี..ไอ้ ตี”

เสียงพีหมอกตํา ไม่ว่าจะพูดตอนไหน ก็จะใช้ เสียงโทนตําๆแบบนี แต่ก็ยงั มีสงที


ิ ต่างออกไปจากเวลาพูดปกติ เมือ
กระซิบแบบนี

บอกไม่ได้ ว่าคืออะไร

แต่ฟังแล้ ว ก็ร้ ูสกึ เหมือนถูกปลอบ ถูกกล่อมเหมือนตอนเด็กๆเวลาตืนขึนมาจากฝั นร้ าย

อยากจะผลักออก แต่มือกลับยิงโอบแผ่นหลังนันไว้

“…ตี กูล้อเล่น”

“เรืองนี..ฮึก…พีล้ อเล่นได้ หรอ?”

“มึงสะอึก”

“ก็ไม่เห็นจะเป็ นไรเลย..ฮึก.. ทําไมต้ องล้ อเล่นแบบนีด้ วย”

“….”

ถึงยังไงก็ยงั เป็ นคนทีพูดคําว่าขอโทษไม่เป็ น

“มินท์เป็ นลูกพีลูกน้ องกู ลูกป้ากู”

ได้ ยิน แต่ก็ยังรู้ สกึ เหมือนนําตายังไหลออกมาไม่หยุด

เคยคิด ว่าสักวันหนึง ถ้ าเกิดต้ องแยกกันไปจริงๆ แบบทีหวนกลับมาแบบนีไม่ได้

ผมจะมีชีวิตอยู่แบบไหนกัน?

รัก ไม่เคยพรากชีวิตไปจากใคร มีแต่คนรักไม่เป็ นเท่านัน ทีจะต้ องตายเพราะมัน

ผมคงไม่ตาย ถ้ าไม่มีพีหมอกอยู่ข้างๆ แต่ชีวิตแบบนัน มันจะต่างกันยังไง?


ชีวิตทีไม่มีเป้าหมายของการรอคอย ผมจะอยู่ในสภาพแบบนันได้ ยังไง?

กําเสือทีจับอยู่ไว้ แน่น

“..กลัว”

“กลัวอะไร?”

พูดไม่ออก

เงียบไปพักใหญ่

ได้ ยินเสียงหายใจ เสียงหัวใจ เสียงความคิดดังในความเงียบนัน

พอละออกมา มือยังจับเสืออยู่ พีหมอกยกมือขึนปาดนําตาทีเลอะอยู่บนแก้ มให้ พูดขึนมาดือๆว่า

“หายสะอึกแล้ ว”

“….”

อยากต่อยหน้ าคนขึนมากะทันหัน

“สักวันพีจะเจอเตะก้ านคอแบบในเสือนี”

“หึ”

ยกยิมมุมปาก

“คงมีคนอยากทําเป็ นร้ อย แต่ไม่ได้ ทํา”

ดึงทิชชู่แถวนันส่งให้ ผมรับไว้ สังนํามูกแรงจนเจ็บหู แล้ วก็โยนทิงลงถังขยะทีอยู่ข้างๆ

“ขีกลัวกว่าเดิมนะ”
“ถ้ าผมบอกอาทิตย์หน้ าผมแต่งงาน พีจะทําไงล่ะ?”

อยากจะให้ ร้ ูสกึ ทุกข์ ร้อนบ้ าง แต่กลับตอบหน้ าตายว่า “ถล่มงานแต่ง” เลยต้ องขอยอมแพ้

ต่อไปไม่นานก็คงจะถึงวัยทีเพือนๆทยอยแต่งงานกัน

อย่างตอนนี เฮียก็โดนป้าๆถามกันประจํา ว่ามีแฟนหรือยัง จะมีหลานให้ อ้ มุ เมือไหร่ โชคดีมีพีชาย เป็ นตัว


เบียงเบนความสนใจหลัก เฮียก็ตอบกลับแค่ว่ายังยุ่งอยู่กบั งาน ไม่มีเวลาหาแฟน

“ไม่มีทางหรอกตี ทีกูจะยอมให้ มงึ หนีไปแต่งงานแบบนัน”

“….”

“เจ้ าสาวมึงจะไม่มีวนั มีความสุข เพราะมึงจะรักเขาไม่ได้ ”

“…..”

“ชีวิตมึง ไม่มีกไู ม่ได้ หรอก”

เหมือนพูดกับตัวเอง

พูดเบา แต่เพราะความเงียบ จึงได้ ยินชัด

ความมันใจ ทียังเห็นความไม่หนักแน่นในสายตา

จูบช้ าๆ แทนคําขอโทษทีไม่เคยพูดออกมา

ผมหลับตาลง

รู้สกึ ถึงความนุ่มของเส้ นผมทีลูบอยู่ ผมด้ านหลังทีถูกตัดสัน ดูเหมาะกับภาพลักษณ์

สามปี

จากนักเรียนมหาลัย สูผ่ ้ ใู หญ่ ทีต้ องมีความรับผิดชอบเพิมมากขึน บทบาทชีวิตทีเปลียนจนเหมือนพลิกด้ าน


เหรียญ
ไม่ใช่เวลานัน แต่ก็ไม่ได้ สนจนถึ
ั งขันมองไม่เห็นถึงความเปลียนแปลง

เรายังคงนังอยู่ตรงนี

ตรงทียังได้ ยินเสียงหัวใจทีเต้ นรัว แยกจังหวะไม่ออกว่าเป็ นของใคร

“คิดอะไรอยู่?”

“…คิดเรืองของพี”

“เรืองไหน?”

“อยากรู้ทุกอย่างเลยหรอ?”

“ทังหมด”

“งีคงต้ องเล่าทังคืน”

“ขอแบบสรุป”

คนทีแทบจะอดใจรอไม่ไหว ดึงเสือกล้ ามออกจากตัว โยนทิงเหมือนเป็ นขยะราคาถูกๆ

“ก็ยงั ยาวอยู่ดี”

ขมวดคิวช่างใจ

ผมยิมรอ

ได้ ยินเสียงถอนหายใจเบาๆทีทําให้ ผมอยากหัวเราะออกมา

ตามมาด้ วยคําทีเหมือนกระซิบแก้ เก้ อ

“กูไม่อยากรู้แล้ ว….”
…………………………….
…………………….

เช้ ามืด

ทีต้ องเรียกแบบนี เพราะยังมืดอยู่จริงๆ ท้ องฟ้ายังเป็ นสีนําเงินเข้ ม คล้ ายกับตืนมาอีกทีก็กลายเป็ นเวลาเย็น

ยืนชูแขนสองข้ างรับลม มองดูซ้ายขวาแล้ วไม่เห็นใคร เลยตะโกนเสียงดัง “ยะฮู้!!” ได้ ยินเสียงดังกร็อบดังมาจาก


หลังตัวเอง ได้ แต่งอตัวลงกับพืนทราย

พีหมอกยังหลับสนิท ไม่เห็นทีท่าว่าจะตืนเร็วๆนี

ลุกขึนแล้ วเดินออกไปตามหาด ทรายเปี ยกติดเท้ า เลยเดินลึกลงไปหน่อย นํายังสูง คลืนมา นําก็สงู ถึงตาตุ่ม

ปลายท้ องฟ้าเริมสว่าง นังลงกับทราย ยืนเท้ าออกไปให้ โดนนํา อยากให้ ม๊ากับเฮียมาด้ วย อากาศแบบนี คงจะทํา
ให้ พอเหม็นเบือมลพิษเมืองกรุงได้ บ้าง

เห็นสีส้มทีปลายสุด อีกไม่นานก็คงจะได้ เห็นไข่แดงต้ มดวงโต

กดนิวลงแรงหน่อย ทรายก็เป็ นรูปมือ

มองดูอีกรอบ ยังไม่มีใคร

กดนิวเขียนลงไป

ตี

ลายมือโย้ เย้ เหมือนเด็กหัดเขียน พอนําพัดขึนมา ก็กลบตัวหนังสือทีเขียนไว้ เขียนชือตัวเองลงไปใหม่ ลายมือสวย


กว่าเดิม ตัวบรรจงเต็มบรรทัด ในทีทีนําตามมาไม่ถึง
หาดยังมีแต่ตวั ผม แอบเขียนลงไปอีกชือ

หมอก

เขียนไว้ ทีข้ างๆชือผม ไม่ได้ ตงใจจะเขี


ั ยนข้ างกันนะ ผมไม่ได้ คิดแบบนันซักหน่อย แต่แค่คิดว่าอยากจะเขียนชือนัน
ขึนมา แล้ วมืออยู่ข้างๆชือทีเขียนไว้ ก่อนก็เท่านัน หาดทรายมันกว้ าง จะคลานไปเขียนตรงนันก็ได้ แต่แหม มันก็มี
ขีเกียจกันบ้ าง

“…ตีหมอก?”

“เฮ้ ย!”

ใช้ มือกวาดปื ดเดียวเกลียง แต่ก็ยงั ทิงรอยไว้ เป็ นขีดยึกยือ พีหมอกยืนคําหัวอยู่ข้างหลัง ทําหน้ าไม่ร้ ูไม่ชี แต่ก็เห็น
อยู่ว่าตากําลังยิม

“แฟชันเด็กประถม”

“เปล่าซักหน่อย”

“ลบทําไม?”

อ้ าปากจะเถียงกลับ แต่จะเถียงอะไร? เลยได้ แต่พะงาบๆ

“นันเรียกว่าลายมือ?”

“ก็เขียนบนทราย”

“เถียงไม่หยุด”

“แค่พดู ความจริ ง”

“ข้ อเสียเยอะ”

“ผมขอโทษคร้ าบ”
“…ก็ไม่ได้ ว่าอะไร”

นังลงข้ างๆ ไม่คิดว่าพีหมอกจะนังกับทราย ถ้ าไม่ได้ ล้มแบบเมือคืน คิดว่าทังชาติก้นพีหมอกก็คงไม่เคยสัมผัสกับ


เม็ดทรายแท้ ๆ

ยกมือขึนเสยผม ในความทีดูเป็ นผู้ใหญ่ ก็เห็นความเท่ในรูปแบบของวัยรุ่นทียังเหลืออยู่ ดูโตขึนเยอะ เสน่ห์คนละ


แบบกับตอนเรียนมหาลัย

ไข่ต้มลอยขึนฟ้า กระทบลงบนผิว ถึงจะไม่อยากพูดแบบนี แต่ก็ร้ ู สกึ เหมือนกําลังนังในมิวสิควิดีโอเพลงรักสัก


เพลง แต่อาจจะเป็ นเพลงร็อคในแบบของพีหมอก มองไปข้ างหลัง อาจเห็นคนทาตาสีดํา กําลังสยายผมเหวียงไป
มาก็ได้ เลยไม่กล้ าหันไปมอง

“ข้ อเสียเยอะแบบนี….แล้ วเสียใจไหมทีเป็ นผม?”

หลุดปากถามไป

พีหมอกไม่ได้ หนั มามอง มองไปทีทะเล คลืนซัดเข้ ามา เหมือนพยายามจะมาให้ ถงึ ปลายเท้ า ไม่ถงึ ดูเหมือนพี
หมอกจะต้ องการแบบนัน

“ถ้ าไม่เป็ นมึง..อาจเสียใจมากกว่านี”

ตรงไปตรงมากับความรู้ สกึ มากขึน…

ผมรู้ สกึ ได้ จากคําพูดหลายๆคําของพีหมอก

เล่นเอาบางครัง รู้ สกึ เหมือนตามคําพูดเหล่านันไม่ทนั โดนเล่นงานเสียจนได้ แต่ยืนอยู่เฉยๆ

บีบทีของผมให้ แคบเข้ ามาเรือยๆ

“ห…หูย ผมขนลุกเลยอ่ะ ดูดิ …. เอ้ า? นังกับผมก่อนดิ พีจะไปไหนอ่ะ?”

พีหมอก

คนทีลุกหนีไป แต่พอตะโกนเรี ยก กลับชะลอฝี เท้ า ทําเป็ นเหมือนไม่สนใจ


รีบวิงตามให้ ทนั มุดหัวเข้ าไปทีใต้ แขนนัน พีหมอกก็โอบคอเดินสบายๆ ชอบเอนหัวพิงไหล่แบบนี ไม่ได้ ว่าอะไร
ด้ วย

“พี ผมก็อยากพูดคําเท่ๆบ้ างเหมือนกัน”

หันมามอง อยู่ใกล้ ขนาดนีแล้ ว แต่ก็ร้ ู สกึ ว่ายังต้ องเงยหน้ ามองอยู่ดี

“ผมก็คงเสียใจเหมือนกัน ถ้ าไม่เป็ นพี”

แล้ วก็ต้องขํากับใบหน้ าทีไม่ร้ ูจะทําหน้ ายิมหรือทําหน้ าเรียบเฉยต่อไปดี

……………………………………………..
…………………………………….

หยุดแวะกินข้ าวเช้ าทีร้ านอาหารตามสังแถวหาด

กว่าจะเดินกลับ แดดก็สอ่ งลงมาจนร้ อน เสือตราห่านคู่ส้ เู หงือไม่ไหว แนบไปกับหลังพีหมอก ดึงเสือทีชุ่มนัน


สะบัดเล่น ได้ ยินเสียงแฉะไปตลอดทาง

รู้งีน่าจะเช่าจักรยานมาซักคัน คิดแล้ วก็ขํา คนอย่างพีหมอกก็มีอีกหลายมุมทีไม่เคยเห็น แล้ วก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็ น


แบบนันอยู่เยอะไปหมด รู้ สกึ เหมือนเป็ นหน้ าหนังสือทีไม่ร้ ู ว่าหน้ าต่อไปจะมีอะไร ทําให้ เปิ ดอ่านได้ เรือยๆ ไม่
เบือ…

แต่การเดินขากลับทีกินเวลาเกือบครึงชัวโมงกลายเป็ นเงียบกว่าปกติ พีหมอกเอามือล้ วงกระเป๋ า ไม่พดู อะไร

หน้ าบ้ านหลังนัน มีรถบีเอ็มคุ้นตาจอดอยู่ ข้ างรถ พีแพนยืนอยู่ตรงนัน กําลังกดหน้ าจอมือถือไม่หยุด สักพัก ก็เงย
หน้ าขึนมา

“คุณอัษฎา…”
“ช้ า”

“ขอโทษครับ” คําขอโทษทีเหมือนกัดฟั นพูด พีแพนขอบตาดําปี มองมาทางผมด้ วยสายตาทีอ่านไม่ออก “ผมรีบ


ทีสุดแล้ ว”

“ตี กลับไปกับรถคันนี”

“อ้ าว แล้ วพีอ่ะ?”

“เดียวจะมีอีกคันมารับ”

“…”

“ไปสิ”

ไม่ยอมมองหน้ า พูดแค่นนั แล้ วรับเสือสูททีพีแพนยืนมาให้ ใส่ทบั เสือทีเปี ยกจนชุ่ม อาม่าเดินออกมา ได้ แต่ตอบ
ว่า “เดียวพวกผมจะกลับกันแล้ ว ขอโทษนะครับทีมารบกวน” แกส่ายหัวยิมๆ ตบบ่าผมสองสามทีแล้ วเดินเข้ าไป
ในตัวบ้ าน

“..ผมไม่อยากเป็ นคนเดียวทีไม่ร้ ูเรืองทีเกิดขึน”

“ไม่จําเป็ นต้ องรู้ ”

“แต่-”

“เข้ าไปซะ แพน เตรียมออกรถ”

“ไปเถอะครับ”

พีแพนขมวดคิว ดูเหนือยและอยากพัก

ผมไม่ได้ เดินไปทางประตูรถ

“ผมจะไปกับพี”
“….”

“ไม่ว่าจะไปไหน ผมก็อยากไปด้ วย”

“…..”

“เอาไงครับ?”

พีแพนเร่ง งานทีนีคงไม่ใช่งานสุดท้ ายก่อนวันหยุดยาว

ยังไม่มีคําตอบ รถคันหนึงทีเหมือนจะขับผ่านไปอย่างหลายๆคันก่อน กลับชะลอลง แล้ วจอดต่อท้ ายบีเอ็มคันทีพี


แพนขบมา

คนทีผม หรือแม้ กระทังพีหมอกไม่ค้ นุ หน้ าก้ าวลงมาจากรถ “คุณอัษฎาครับ ผม-”

“รู้แล้ ว”

เหมือนพูดดักไว้ คนขับรถหยุดเท้ าอยู่แค่นนั ไม่ได้ เดินก้ าวเข้ ามาอีก

“ถึงไม่ร้ ู ว่าปลายทางจะเป็ นทีไหน ก็ยงั จะไปด้ วยกันอย่างงันน่ะหรอ?”

“อืม”

“….”

“ทีไหนไม่สาํ คัญ สําคัญว่าไปกับใครต่างหาก”

เห็นรอยยิม ทีคนอืนบอกว่ายากทีจะเห็น ยิมมุมปากนิดๆทีทําจนเป็ นเอกลักษณ์

ผมเห็นมันบ่อย แต่มนั ไม่ใช่เรืองปกติ ยังเป็ นเรืองทีผมรู้ สกึ ว่ามันพิเศษอยู่เสมอ

และเป็ นรอยยิม ทีผมไม่อยากให้ หายไปจากหน้ าพีหมอก

ประตูรถเปิ ดออก ก่อนจะถูกปิ ดในเวลาต่อมา


รถเคลือนออกไป โดยทีเราไม่ร้ ูเส้ นทาง มองย้ อนกลับไปเห็นแต่พีแพนทีปิ ดประตูรถแรงเสียจนเด็กแถวนันร้ องไห้
เป็ นภาพทีไกลออกไปเรือยๆจนสุดท้ ายเห็นเป็ นเพียงจุดเล็กๆ

ในรถทีกลินไม่ค้ นุ เคย

ปลายนิวทีชนกัน กระตุ้นให้ สองมือกระชับเข้ าหา

จะไม่ปล่อยมือนีอีก…

ผมบอกตัวเองว่าอย่างนัน

………………………………………….
……………………………….
…………………………

[B.N.14 : complete]
[6.4.55]

เป็ นตอนทีเขียนแล้ ว ทําแบบนีไปตลอด---

>

ว้ าก ทําไมหัวกระป๋ มมันไม่แล่นเลยฟร่ะ เเล่นสิโว้ ย เอาแบบปรื ดๆสิโว้ ย


ตอนหน้ า ป๋ มจะทําให้ ดีกว่านีคับ

Missing.

หิมะตก

ทุกคนรีบเร่งเท้ า เพราะไม่ใช่คืนแรกทีตกหนักแบบนี

อีกไม่นาน อากาศจะเย็นลง ท้ องถนนจะเงียบสนิท

ใกล้ คริ สต์มาส ต้ นไม้ ประดับไฟสีทีไร้ ประโยชน์ ส่องแสงอยู่ในความมืดของร้ านค้ า ไม่มีร้านไหนเปิ ดตลอดยีสิบสี
ชัวโมงเหมือนเมืองไทย ทุกคนแย่งกันซือของตุนไว้ เพราะถ้ าเกิดหิมะนีกลายเป็ นพายุเมือไหร่ การฝ่ าออกมาจาก
บ้ านหาร้ านค้ าสักร้ าน จะกลายเป็ นเรืองทีขําไม่ออก

กระชับเสือโค้ ท

ทาวน์เฮ้ าส์ทีอยู่เพียงลําพัง ไฟห้ องโถงถูกเปิ ดขึน โยนถุงกระดาษทีหิวติดกลับมาด้ วยลงบนโซฟา ทิงตัวลงนังตัว


ถัดไป

ใกล้ บรรยากาศของปี ใหม่เข้ าไปทุกที เวลาแห่งการเฉลิมฉลอง

ในทีวี มีแต่รอยยิมเต็มไปหมด รอบข้ างวุ่นวาย แม้ แต่ในมหาลัย วันนีได้ ถงุ คุกกีมาหลายถุง รับไว้ ไม่อยากต้ องกิน
อาหารสําเร็ จรูปติดๆกันอีกอย่างปี ทีแล้ ว

หลับตาลงสักพัก ฮีตเตอร์ ทํางานของมันไปเรือยๆ ได้ ยินเสียงเครืองเบาๆ

มือถือสัน
อีเมลล์ใหม่

เปิ ดผ่านหน้ าจอโฮมเดิมๆ ทีเห็นมาไม่ร้ ูกีครัง แต่ก็ยงั ไม่มีความรู้ สกึ เบือ

รอยยิม

ทีสว่างจ้ า

ในมือมีต๊ กุ ตาตัวทีได้ มาจากสวนสนุกอยู่ อุ้มด้ วยแขนเดียว

ไม่ร้ ูว่าตอนนีตุ๊กตาตัวนีอยู่ทีไหน ไม่ได้ สนใจ สนใจแค่คนทีอุ้มตุ๊กตาตัวนีอยู่เท่านัน

ถอดใจไม่ได้

บางทีก็อยากกลายเป็ นคนทีไม่เอาไหน ไม่อยากต้ องพยายามในสิงทีรู้ว่ากําลังฝื นอยู่

แต่ก็ต้องทํา

ยังไงก็ต้องกลับไป

ไม่ใช่อย่างหมาขีแพ้ แต่จะกลับไป เพือทวงสิงทีสําคัญทีสุดกลับมา

บอลเป็ นคนส่งเมลล์มา

ในขณะทีกําลังโหลดไฟล์ทีแนบติดมาด้ วย มองออกไปนอกหน้ าต่าง เห็นเพียงเงาตัวเองทีสะท้ อนกลับมา โปรย


หิมะสีขาวลอยตัวลงมาช้ าๆ

รูป ยังโหลดไม่เสร็ จสักที

ทิงมือถือไว้ บนโซฟา ถอดเสือโค้ ท ผ้ าพันคอออก เดินกลับขึนไปบนห้ องตัวเอง

หนังสือวางอยู่เป็ นกอง เต็มทัวห้ องเต็มไปหมด

ยังไม่รวมถึงชีทกองโต ทีต้ องอ่านให้ จบ และจําทังหมดนัน เวลาเหลือไม่มาก เพราะต้ องเรียนเท่ากับคนอืน ใน


เวลาทีน้ อยกว่า ดังนันจึงต้ องให้ ความสําคัญกับเรืองนี
ชีวิตไม่ใช่เรืองง่าย อยากสําเร็จ ก็ต้องพยายาม เป็ นกฎง่ายๆของโลก ไม่เกียวข้ องว่าเป็ นใคร ทุกคนหนีพ้นกฎข้ อนี
ไม่ได้

อาจารย์ทีนีบางคนยังจําเมฆได้ อยู่ ชืนชมด้ วยซํา

เพราฉะนัน ไม่ใช่แค่ต้องทําได้ แต่ต้องทําให้ ดีกว่า จะต้ องเหนือกว่าทุกอย่าง

ไม่มีการหยุดเทียว ตังแต่มาทีนี นอกจากซับเวย์ มหาลัย Walmart ก็แทบไม่ได้ ไปทีอืน

หยุดคิดเรืองไร้ สาระ เริมไล่สายตาไปตามบรรทัดล่าสุดทีอ่านค้ างไว้

………………………………..
…………………………..

ตีสาม

พักสายตา ดันขอบแว่น ไม่ร้ ูว่านังตรงนีมานานแค่ไหน

หาสักทีให้ สายตาได้ หนีออกจากตัวหนังสือ แม้ แต่บนผนังก็ยงั มีโพสอิตแปะอยู่

ลงไปชันล่าง กาต้ มนําว่างเปล่า เติมนําลงกา ยืนพิงรอนําเดือด

ต้ มกาแฟกินกลางดึก ไม่สิ นีก็คงใกล้ เช้ าแล้ ว

มหาลัยหยุดยาว ไปจนถึงปี ใหม่

ต้ องใช้ เวลาช่วงนีให้ เป็ นประโยชน์ทีสุด

ได้ กาแฟไปซักแก้ ว รู้ สกึ อุ่นขึน


มองไปทีโซฟา นึกขึนได้ ถงึ มือถือทีเปิ ดค้ างไว้

เปิ ดหมอนขึน มือถืออยู่ทีตรงนัน เปิ ดหน้ าจอขึนมา

รูปภาพรูปหนึงปรากฏขึนบนจอ

ขยายภาพขึน

ตี

อยู่กบั เพือนๆ ไม่แน่ใจว่างานอะไร นัดกันทําท่าชีมาทีกล้ องทังกลุม่ มีแค่ตีคนเดียวทียืนเอ๋ออยู่ ไม่ร้ ูว่าไม่สงั เกต


เพือนหรือต้ องการเด่น แต่ก็พอนึกออกว่าเป็ นตัวเลือกไหน

รูปต่อมา ถูกโปะแป้งขาวกระจาย บอลทิงข้ อความใต้ ภาพไว้ ว่างานรับน้ อง เป็ นพีปี สาม แต่กลับถูกน้ องเล่นเสีย
จนดูไม่ได้ มีรอยลิปสติกเขียนชืออยู่บนหน้ า ผมถูกมัดหลายจุก ยิมแหยๆ ข้ างๆเป็ นหลานรหัสผู้หญิง เห็นแล้ วก็
รู้สกึ หงุดหงิดหลังจากขํากับสภาพแบบนัน

หลายต่อหลายรูป

ถูกส่งมาเป็ นประจํา

ทุกเดือน

เคยต่อรองว่าทุกวัน แต่เพราะวิศวะปี สุดท้ าย ไม่ได้ มีเวลามากพอขนาดนัน จากวัน เลือนเป็ นสัปดาห์ และลงท้ าย


ทีเดือน

ยังดี… ทียังมีรอยยิมอยู่

อาจเป็ นโรคติดต่อ ทีทําให้ คนเห็นยิมได้ เป็ นคนทียิมออกมาได้ อย่างธรรมชาติ

ไม่เหมาะกับนําตาสักนิด คนทีสดใสขนาดนี

อยากได้ ยินเสียง

อยากสัมผัส
คิดถึง เวลาทีอยู่ใกล้ กนั

เป็ นคนอ่อนแอ ทีต้ องการจะเข้ มแข็งขึนเพือปกป้องใครสักคน

เพือทีสักวันหนึง จะเข้ มแข็งพอ ทีจะก้ าวผ่านคําโกหกเหล่านัน เพือเข้ าถึงตัวคนทีสันเทาด้ วยนําตาได้

กํามือถือไว้ แน่น เบอร์ ทีอยู่บนหน้ าจอ เร้ าเร่งให้ กดโทรออก

ไม่…

จะทําแบบนันไม่ได้

ถ้ าเป็ นแบบนันแล้ วล่ะก็

ความอดทนทังหมดคงพังทลายลง

เพราะฉะนัน ต้ องอดทน

โยนมือถือกลับไปทีโซฟา สภาพเหมือนคนทีหมดแรง พิงหัวลงกับเบาะ ขมวดคิว หลับตาลง ครองสติไม่ให้ หลับ

หวังว่าจะได้ ยิน “พี ไปนอนทีเตียงดิ” หรือไม่ก็ “วันนีผมนึกมุกตลกได้ อยากฟั งรึเปล่า?”

ท่าเต้ นทีไม่คิดว่ามีอยู่บนโลกอยู่ หรือรูปประหลาดๆทีวาดตอนเรียน

ไม่มี

เอนหัวขึนจากเบาะ มีเพียงห้ องกว้ างๆทีเชือมเข้ าหากัน มุมหนึง หายไปในความมืด และเสียงฮีตเตอร์ เท่านันที


หลงเหลืออยู่

เป็ นเหตุการณ์ ทีเกิดขึนซําแล้ วซําเล่า

กระซิบบอกตัวเอง

“อีกเพียงนิดเดียว”
อีกแค่นิดเดียวเท่านัน…

ได้ แต่หวัง ว่าเมือเวลานันมาถึง

จะไม่มีความรู้สกึ ของใคร…ทีเปลียนแปลงไป

ส่วนคืนนี ก็คงมีเพียงหนังสือกับถ้ วยกาแฟเท่านัน ทีจะทําให้ ผ่านเวลาเหล่านีไปได้ ….

…………………………………
……………………….

[Missing : complete]
[6.4.55]

300k views!

Diary

บันทึกประจําวัน
วันที 14 เมษายน

แม่ครับ วันนีผมไม่อยากตืนนอนเลย
กว่าจะนอนเมือคืน แม่ต้องไม่เชือผมแน่ๆ ตีสาม ใช่ ตีสามโดยทีงานยังไม่เสร็จ เป็ นสงกรานต์ทีผมรู้สกึ ว่าหนัก
ทีสุดในชีวิต ยิงได้ ยินเสียงเพลงดังกระหึมจากข้ างนอกแล้ ว ก็ยิงอยากออกไปเต้ นกับสาวๆทีตัวเปี ยกนําอยู่
ข้ างล่างนัน แต่ก็ทําไม่ได้ ครับ

ไอ้ แฟง ไอ้ ต้น ไอ้ โก้ ก็จะตายเหมือนกัน

ผมทิงมันไปไม่ได้ ในฐานะคนดีมากๆ

ไอ้ พวกผมว่าเหนือยแล้ ว แต่คนทีเหนือยสุด ผมว่าอาจจะเป็ นไอ้ หมอก

นอกจากพรูฟงานแล้ ว มันยังต้ องนังแปลจากสิงทีไม่เป็ นภาษาจากพวกผม เป็ นภาษาอังกฤษ ผมเห็นมันทํางาน


ไม่ขยับมาสักเกือบสีชัวโมงแล้ ว กลัวมันจะฟุบตายไปเสียเฉยๆแบบไอ้ แฟง แต่มนั ก็ไม่เป็ น

มันดู…หงุดหงิดแปลกๆ

ตังแต่เช้ าแล้ ว ตืนมาก็ไม่เห็นไอ้ ตี พวกผมมาตอนเมือวานบ่ายๆ หมอกบอกไอ้ ตีกลับบ้ าน ดึกๆก็กลับเข้ ามา มัน


เห็นพวกผมนังทํางานอยู่ก็ไม่มากวน แต่วนั นียังไม่เห็นแม้ แต่เงา

ตืนไม่ทนั มือเช้ า จึงยืดชีวิตควบเช้ าเทียงไว้ ด้วยพิซซ่าถาดใหญ่ กินไปทํางานไป เลอะก็ป้ายเสือไอ้ ต้น แต่ไอ้ โก้ ที
นังอยู่ข้างหลังกลับกลายเป็ นแพะแทน นังดูเงียบๆตามวิสยั คนดี

โทรศัพท์ เป็ นสิงเดียวทีมันจับนอกจากโน้ ตบุ๊ค

กดโทรกระหนํา โทรตังแต่เช้ า เดาว่าตอนนี อาจจะเกินห้ าสิบมิสคอลแล้ ว

ไอ้ หมอกลุกจากเก้ าอีเป็ นครังแรก หายไปเข้ าห้ องนํา เป็ นเวลาดีให้ ได้ จบั กลุม่ นินทา

“เฮ้ ย กูว่านะ ไอ้ ตีกลับดึกวันนี กูคงได้ เห็นหนังบู๊เลือดสาดว่ะ”

“เออ กูเห็นด้ วย ต้ องเตรียมอะไรเผือไว้ หรือเปล่าวะ ยาธาตุนําขาว? ว่านชักมดลูก?”

“ไอ้ แฟง กูว่ามึงทํางานหนักเกินไปแล้ วว่ะ” ไอ้ โก้ รีบยืนหน้ าเข้ ามาในวง “ไอ้ ตีอาจจะโดนอ่วมเลยก็ได้ ทังเตะทัง
ต่อย ไอ้ หมอกแม่งโมโหร้ ายจะตาย” ทําท่าประกอบกันซะสมจริง ไอ้ สองคนทีเหลือพยักหน้ าหงึกๆ
ไม่ร้ ูอะไรซะแล้ ว เด็กน้ อยเอ๋ย

ขอบอลแถลงไข

“ไอ้ หมอก แม่งก็ป๋าไอ้ ตีดีๆอีกคนต่างหาก”

“มึงพูดไรวะไอ้ บอล กูนึกภาพไม่ออก”

“เดียวมึงคอยดูเองแล้ วกัน ไอ้ หมอกออกมาแล้ ว สลายม็อบๆ เปลียน”

เห็นสายตาหมอกแล้ วถึงกลับขนลุกไปตามๆกัน กลัวมันได้ ยิน เรืองนีแซวไม่ได้ แตะไม่ได้ ไม่งนจะโดนเตะเป็


ั นของ
กํานัล

นังหลังตรงแด่วตอนทีหมอกเดินผ่าน พวกผมมันสัตว์เลือยคลาน ไปนังตรงๆบนโต๊ ะบนเก้ าอีอย่างคุณชายแบบ


นันไม่เป็ น ต้ องปล่อยให้ กลิงไปกลิงมากับพืนห้ อง อย่างดีก็แค่นงกั
ั บพืนแล้ วเอาแลปทอปวางบนโต๊ ะเตียๆนี

“ไอ้ บอล วันนีหมอกลงจัดทีกรุงเทพและกูหนาวมาก”

“ไอ้ แฟง นีมึงกระซิบแล้ วหรอวะ?”

“ไม่เบาหรอ?”

“กูได้ ยิน”

“โห…. กูกระซิบทีดังไปถึงไอ้ หมอกเลยหรอวะ …….เฮ้ ย!”

สะดุ้งกันเป็ นแถบ

ไอ้ หมอกเงยหน้ ามามอง ขมวดคิวเหมือนจะถามว่าคุยอะไรกัน รีบส่ายหัวกันยิกๆ

ทํางานกันเงียบๆ มีแอบอู้ตอนช่วงบ่ายกันอีกหน่อย แต่พอหมอกทวงงาน ก็ต้องรีบมาเปิ ดโรงงานนรกกันต่อ

สองทุ่ม

ทุกคน ณ ทีแห่งนีเป็ นพยาน ร่างอวตารบังเกิดแล้ ว


ไอ้ หมอกปิ ดฝาแลปทอปลง เสียงดังจนต้ องเขยิบไปติดกับไอ้ แฟง ไอ้ โก้ ไอ้ ต้นหลับไปแล้ ว แต่เพราะเมือคืนมันเป็ น
คนเดียวทีไม่ได้ นอน เลยไม่มีใครพูดอะไร

สองทุ่มครึง

หมอกหยุดทํางาน ออกไปยืนกดโทรศัพท์ทีริมประตู กดโทร แนบหู รอ กดวาง กดโทรใหม่ วนเป็ นวัฎจักร

“ถ้ ามีเรืองจริงๆ มึงจะเข้ าไปห้ ามรึเปล่าวะ?”

“ไอ้ ตีก็น้องกูเหมือนกันนะเว้ ย กูก็ต้องช่วยมันอยู่แล้ ว แต่ต้องดูก่อนว่ะ ว่าไอ้ หมอกมันระดับไหน”

“แล้ วตกลงนีแปลว่าช่วยหรือไม่ช่วยวะไอ้ โก้ กูงง”

“เฮ้ ยๆ ไอ้ ตีกลับมาแล้ ว”

ลูกบิดเขย่าไปมาหลายครัง ก่อนประตูจะถูกไอ้ หมอกกระชากออก ไอ้ ตีทีมือยังจับลูกบิดอยู่เลยถูกกระชากเข้ ามา


ด้ วย เซตามแรง เกือบล้ มลงกับพืน แต่หมอกดึงคอเสือไว้ อยู่

“ไปไหนมา?!”

“ห..หือ?”

“กูถามว่าไปไหนมา?”

เสียงเบาลงกว่ารอบแรก แต่ดุกว่า

ไอ้ ตีเมา เมาแอ๋ เมาแบบยืนไม่ตรง ยืนไม่อยู่ ตาเยิม ยังยิมได้ เพราะคงไม่สงั เกตเห็นออร่าดุๆนัน

“ไปเล่นนํามา”

“ทําไมไม่บอกกู”

ตัวเปี ยกโชก นําหยดติงๆ หน้ าขาววอก เห็นรอยลิปสติกชัดทีแก้ มหลายรอย เดาว่าตุ๊ด ตุ๊ดจูบมาชัวร์ เพราะสาวๆ
สมัยนีถึงใจกล้ า แต่ก็ไม่ขนาดนี ไอ้ ตีมันยิงน่าหยิกอยู่ คงจะโดยลวนลามมาเยอะ
“บอกแล้ ว โพสอิทไง?”

“…”

“เอ๋? แปะไว้ หือ? ทีไหน?”

มีลนพั
ิ นกัน พูดไปนึกไป

“ใครมาส่งมึง?”

“ไอ้ …เอ่อ? ชืออะไร? ตีจําไม่ได้ อ่ะ?”

อีกหนึงเรืองทีพึงรู้ เวลามันเมา ไอ้ ตีแทนตัวเองด้ วยชือ

“เฮ้ ย แม่ง น่ารักว่ะ เหมือนเด็กเลย”

“ไอ้ หมอกยิงโมโหอยู่ เดียวนิวเคลียร์ ก็ลงหรอกสัตว์ เบาๆหน่อย”

แล้ วก็ถูกดึงคอเสือไปทังแบบนัน ไอ้ ตียังอารมณ์ดี หันมาเห็นพวกผมก็โบกมือให้ เออ โชคดีเว้ ยไอ้ น้อง

โดนเหวียงเข้ าไปในห้ องนํา แล้ วปิ ดประตู

“เวรแล้ ว ไอ้ ตีโดนขังในห้ องนํา ทําโทษแหง แบบนีไม่ปอดบวมตายหรอวะ”

“เดียวมึงคอยดูดิ”

ไม่เห็นหรือไงว่าไอ้ หมอกไม่ได้ เดินมาทางนีสักหน่อย

มันเดินไปทีห้ องนอน

หายไปสักพัก ก็ออกมาพร้ อมกับผ้ าเช็ดตัวผืนใหญ่ๆ ชุดนอนของไอ้ ตีมัน ไอ้ กางเกงบอลแบบนี หมอกมันไม่ใส่


หรอก

มันเปิ ดประตูห้องนํา แล้ วปิ ด เสียงดังตึง สะดุ้งกันใหญ่


“เอาไงวะ”

“ตามไปเสือกดิ มึงจะนังเฉยๆหรือไง”

“เบาๆแล้ วกัน”

ย่องกันไป ไอ้ ต้นขอแอบนอน ไอ้ โก้ เลยเป็ นคนเดินนําไป หูแนบห้ องนํา แหม ขอโทษนะครับ บางทีผ้ ชู ายก็ชอบ
เรืองของชาวบ้ านเหมือนกันนะครับ

ได้ ยินเสียงนําจากฝั กบัวดังอยู่ตลอด

“ไปเล่นกับใคร”

“ถามยังกับพ่อถามลูกสาว”

“ นีแค่เริมเถอะ”

“เพือ--น”

เสียงไอ้ ตีฟั งไม่ค่อยรู้เรือง เพราะพูดเบา แถมยังพูดแบบยานคางอีก

“กูบอกแล้ ว ว่าอย่ากินเหล้ า มึงเมาง่าย”

“เอ้ า ก็ตีกินเหล้ า ตีก็เมาสิ ไม่ได้ ดืมนมสักหน่อย”

“หูยๆ ดูมนั เถียง หลักวิชาการฉิบหาย ฮ่าๆๆ”

“ไอ้ โก้ เบาๆ”

“เออๆ”

“อย่ากวนกู”

“ตีไม่ได้ กวนนะ ตีพูดความจริง พีหมอกกินนม พีเมาหรอ ฮ่าๆๆ”


อันนีขํากันเกือบทุกคน ปิ ดปากแทบไม่ทนั ไม่เคยเจอคนสวนไอ้ หมอกขนาดนี เลยขํากันใหญ่

“อย่าดิน กูเปี ยก”

“อือ”

“เฮ้ ยๆ ทําอะไรวะ”

“Sexy time”

ทุกคนหันไปมองหน้ าไอ้ แฟง แต่ก็ได้ ยินเสียงพูดต่อ เลยรีบเอาหูกลับไปแนบ

“ยกแขนขึนดิ”

“ไชโย---”

“นีรอยอะไร?”

“หือ? อันนีหรอ….พีๆเขาบอกตีว่า จะแถมอีกขวด แต่ให้ เอาแก้ มไปแลก”

ฟ้าผ่าดังครืน

“โอ้ ย!”

“นันไง กูบอกแล้ ว ไอ้ ตีอ่วมแน่ โดนต่อยแหง”

“กูทนไม่ได้ แล้ วว่ะ”

“เดียว ไอ้ โก้ ใจเย็น”

“พีหมอกอย่าถูแรงสิ ตีเจ็บแก้ ม”

แป่ ว
“อย่าทําแบบนีอีก”

“ทํา? ทําอะไรหรอ?”

“มึงไม่ได้ สาํ นึกเลยหรือไง?”

“สํานักอะไรหว่า”

ก…ก…

กร๊ ากกกกกกกกก

ไอ้ ตีนีท่าจะรุ่งกับคาเฟ่ ตลก

เล่นเอาทางนีอยากตีฉาบตีกลองรับกับเศษหน้ าไอ้ หมอกซะทันที

“ล้ างไม่ออก”

“ลิปสติกกันนํา ฮ่าๆๆ”

“กูไม่ขํา”

“แต่ตีขํานิน่า”

“…..”

“พีหมอกอย่าทําหน้ าเครี ยดสิ”

“ดูมงึ ทําตัว”

“….”

“ตีขอโทษ”

“แล้ วไง? เดียวมึงก็ทําอีก”


“ตีขอโทษนะ”

เสียงเงียบไปพักใหญ่

“ทําอะไรกันวะ?”

“กูก็ไม่เห็นเหมือนมึงนีแหละ”

“หรือมันจะออกมาแล้ ว?”

“แต่กยู งั ไม่ได้ ยินเสียงไอ้ ตีมันอาบนําเลย”

เอาหูแนบประตูกนั ใหม่

“กูบอกแล้ วว่าอย่าดิน”

“นําเย็น”

เงียบไปพักหนึง คิดว่าไอ้ หมอกคงปรับอุณหภูมินําอยู่

“โอเคยัง”

“กูว่าไอ้ หมอกมันพูดมากว่ะ”

“ทีกบั พวกเรา แม่งยังกับมนุษย์หิน ง่อยการสือสาร”

“ถูตวั ดิ”

“ตีไม่อยากอาบนําอ่ะ”

“อะไรของมึงอีก”

“ตีขีเกียจอ่ะ โปะแป้งนอนเลยได้ ไหม?”


“ซกมกได้ ใจเลยวะ ไอ้ ตีเนีย”

“ไอ้ โก้ กูได้ กลินบ็อกเซอร์ มงึ เน่าว่ะ อาทิตย์ ละครังใช่ไหม ของมึง”

“สาดด อย่าเปิ ดเผยความจริ ง ฮ่าๆๆ”

“เฮ้ ยๆ เงียบๆ ช็อตเด็ดๆ”

“พีหมอกถูเบาๆดิ ตีเจ็บ”

“ก็มงึ เล่นเยอะเอง ล้ างออกไม่ง่ายหรอกนะ”

เสียงนําดังซ่าๆ ปนไปกับจินตนาการ

พวกทีสอดรู้ สอดเห็นอยู่ตรงนี ได้ แต่เงียบ

สันดานผู้ชาย รู้ๆกันอยู่ แค่จะเดาเรืองทีจะเกิดต่อจากนี

มองหน้ ากันเอง กําลังลังเลว่าจะเอาหูออกดีไหม

“ตู้มมม”

“ไอ้ ตี!”

“สงกรานต์ ก็ต้องเล่นนําดิพี ฮ่าๆๆ ตัวแห้ งแบบนีได้ ยงั ไง”

“กูยงั ต้ องทํางานอีก”

เสียงมันเบาลง

บอกแล้ ว คุณพ่อ คุณพ่อชัดๆ

เหมือนลูกชวนเล่น โดนจูงมือออกมาลานหน้ าบานขนาดนี จะทําหน้ าเศร้ าบอก “เดียวพ่อต้ องทํางาน” เด็กทีไหน


จะฟั ง
“เดียวค่อยเปลียนเสือก็ได้ นีน่า ตู้ม วะฮ่าๆๆๆ”

“แม่ง หัวเราะน่าเกลียดจริงๆ ไอ้ ตีเนีย”

“หัวเราะแบบมึงไง”

“ไอ้ เวร”

“ปี หน้ าพีก็ออกไปเล่นกับตีดิ”

“คนเยอะ กูไม่ชอบ”

“สนุกดีออก”

เสียงหงุงหงิงเหมือนพูดในคอ จนต้ องเถียงกับไอ้ แฟงว่าตกลงตีมันพูดอะไร

“ไม่”

“ปี หน้ าไปเล่นด้ วยกันนะ”

“ฟั งไม่ร้ ูเรืองหรอไง กูบอกว่าไม่”

“โอเค พีสัญญานะ”

ไอ้ ตีอยู่กบั หมอกนาน เริมมีปัญหาในการสือสารพอๆกัน

โรคติดต่อ โรคติดต่อชัวร์ ๆ

เงียบไปสักพักใหญ่ จนไอ้ โก้ หวั เราะออกมา

“กูไม่อยากเชือเลย ว่าไอ้ หมอกจะมายอมเด็กเพียนๆแบบไอ้ ตีมัน”

“นีมันแค่เสียวหนึงเองทีมึงเห็น”

“มึงไปรู้มาจากไหนเยอะแยะวะไอ้ บอล”
“กูมีตาก็มองสิวะ”

“อูย”

ได้ ยินเสียงกระแอมในคอ ก่อนจะตามมาด้ วย

“เออๆ”

คนทีปากหนักทีสุดในโลก พูดออกมาเหมือนรําคาญ

ได้ ยินเสียงผ้ าเปี ยกๆกระทบลงกับพืน กางเกงไอ้ ตีหรือเสือไอ้ หมอก? แนบหูติดประตูจนแทบจะหลอมเป็ นส่วน


หนึงของกันและกัน ก็ยงั ได้ ยินไม่ชดั พอ

เสียงนําค่อยๆเงียบลง แล้ วหายไป

“พีหมอก…”

“เอาแล้ ว เรียกแบบนี”

“เอาไงดีวะ ฟั งต่อดีไหม?”

“เดียวๆ อีกนิด”

“แสบตา แชมพูเข้ าตาอ่ะ”

“เชีย กูคิดไปถึงโลกนู้นแล้ วเนีย”

“หัวไหนของมึงคิดวะเนีย?”

ไอ้ โก้ ไม่ตอบ ยักคิว ยิมเจ้ าเล่ห์ หยึย หยะแหยง

เอาจริงๆ ก็เผลอคิดไปเหมือนกัน แต่เรืองนีจะไม่บอกใครเด็ดขาด

สักพัก เสียงนําก็ดงั ขึน ไม่มีเสียงพูดอะไรดังตามออกมาอีก


“ฟั งดีดิๆไอ้ โก้ มึงอยู่หน้ าสุด”

“กูได้ ยินแต่เสียงนํา”

เสียงนําเงียบลงอีกครัง

เหมือนมีคนนังลงกับอะไรสักอย่าง

“แปรงฟั นดิ”

“อ้ า”

ตีทําอะไรวะ?

“….”

“อ้ า”

มันพูดซํา

พวกผมขมวดคิว

“แม่งทําไรวะ?”

“อย่าบอกนะเว้ ย ว่า…?”

“อ้ าปากกว้ างๆดิ”

“พรืดดดดดดด”

“นีมันเนิรส์เซอรรีนิหว่า ฮ่าๆๆๆๆ”

“ดังเกินไปแล้ วเว้ ย!!”


“มึงดังสุดเลยไอ้ โก้ ”

“อ้ าว พูดงีอยากมีเรืองหรอวะ”

“ชู่ว เดียวก็ตายใต้ ตีนไอ้ หมอกเหมือนกันหมดหรอก”

“บ้ วนปาก”

“อือ”

เสียงนําตรงอ่างล้ างหน้ า

“ทาแป้งด้ วย”

“ทาเอง”

“ไหนๆทําให้ แล้ ว ก็ทําให้ ตีหมดเลยดิ”

ได้ ยินเสียงเหมือนคนตบหน้ ากันในห้ องนํา เงียบกันไปหมด

“หมอกโมโหตบหน้ าไอ้ ตีหรอวะ?”

“มันจะโหดร้ ายเกินไปแล้ วนะเว้ ย”

“ชู่ววว”

อีกครัง

เสียง ”ฮัดชิ----ว!” ดังคันไอ้ โก้ ทีดึงแขนเสือขึนหลายต่อหลายครัง

“เมือกีเสียงโปะแป้งหรอวะ น่ากลัวศาสตร์ ”

“กูเคยสงสัยว่าหัวอย่างมันทําไมไม่เรียนหมอ ตอนนีกูเข้ าใจแล้ ววะ แทนทีจะไปช่วย กลายเป็ นตัวด่วนถึงนรก”

ฟั งมาตังนานพึงถูกใจมึงพูดครังนีแหละไอ้ โก้
ได้ ยินเสียงผ้ า เลยรีบอพยพ กลับไปนังหน้ าแลปทอป ทําหน้ าเครียดใส่จออย่างไร้ เหตุผล เงยขึนมาสบตากันเป็ น
ระยะ จนประตูห้องนําเปิ ดออก

ไอ้ หมอกพันผ้ าขนหนูรอบเอวไว้ เปี ยกทังตัวอย่างทีคิดไว้ เป๊ ะ ไอ้ ตีอยู่บนหลังไอ้ หมอก ไม่ต้องให้ ใช้ มือดันตัวไว้
ไอ้ ตีก็เกาะแน่นยิงกว่าลูกลิงขีหลังแม่ หลับตาพิงอยู่แถวคอหมอก

“อาบนําหรอวะ?”

“เออ”

มันตอบแค่นนั แล้ วเดินเข้ าไปในห้ องนอน ตีแก้ มแดงจัด คงจะโดนถูแบบผสมความแค้ นลึกๆ

ไม่ได้ ก่อม็อบแม่บ้านหน้ าประตูห้องนอนไอ้ หมอกอีก ดูก็ร้ ู ว่ามันได้ ยินเสียงคุยหน้ าประตูตลอด แต่แค่ไม่สนใจ


เรืองทีเสือกได้ ก็เสือก แต่ถ้าส่วนตัวมากเกินไป ก็ปล่อยให้ มนั อยู่ของมันแบบนีน่าจะดีทีสุด

“ถ้ ากูมีลกู ฝากไอ้ หมอกเลียงได้ ไหมวะ”

“มึงอยากให้ ลกู มึงนิสยั แบบไอ้ หมอกหรือไงวะ?”

“โอยยย ไม่เอาไม่เอาเด็ดๆ”

“แต่กวู ่าบางที บ้ าๆแบบมัน เจอเพียนๆแบบไอ้ ตี ก็คงจะเป็ นหยินหยางกันแบบแปลกๆล่ะวะ”

เงียบกันไปพักใหญ่

ก่อนจะหลุดพูด “อืม” พร้ อมกันอย่างไม่ตงใจ


หัวเราะเสียงดัง ไม่สนสิงทีเกิดในห้ องนอน

เพือน

เป็ นคนทีจะมีความสุข เมือเพือนมีความสุข โดยไม่สนว่าความสุขนันจะมาในรูปแบบไหน

ยินดีด้วยวะ ทีหาความสุขของตัวเองเจอ
"หิวข้ า----ว"

เห็นที วันนีหน้ าทีพีเลียงมึงไม่จบง่ายๆหรอกวะ ไอ้ หมอก

…………………………………………
……………………………….

[Diary : complete]
[13.4.55]

สุขสันต์วนั สงกรานต์ ดังใจปรารถนาทุกประการนะคับ

สําหรับเพือนๆ เลือกคณะไหนก็ขอให้ ได้ คณะนันเถิดดด

เอามาส่งตาม Request !

B.N.15

บ้ านหลังใหญ่
รถขับเข้ ามาจอดถึงหน้ าตัวบ้ าน เพราะระยะห่างจากประตูรัว อาจทําให้ เสียเวลาเดินเข้ ามา

สวนทีถูกจัดแต่ง ความเงียบแบบชนบท อากาศทีไม่ร้ ูสกึ ถึงควันพิษ

“…นีบ้ านใครอ่ะ?”

“เดียวก็ร้ ู ”

“อย่าให้ ผมเดานะ…”

“ทําไม”

“เดียวผมเดาผิด แล้ วหน้ าแตก แหะๆ”

ได้ ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนขับรถ พีหมอกกลับขมวดคิว

“เอ้ า ไม่ตลกหรอ? เห็นพีเครียดๆอยู่”

“ไม่ได้ เครี ยด”

“ก็ขมวดคิว”

ไม่ร้ ูตัว พอถูกทักก็คลายหัวคิวออก

ประตูถกู เปิ ดออกด้ านทีพีหมอกนัง “ไม่ต้องเปิ ดให้ ก็ได้ ครับ เดียวผมลงด้ านนีก็ได้ ” เหมือนพีคนขับรถจะยังงง แต่
ก็พยักหน้ า

กลับมาใส่เสือตัวเดิม โชคดีทีซักตากไว้ ไม่งนอาจมี


ั แผนทีเกลือบนหลัง ก้ าวเดินเร็วๆตามพีหมอกเข้ าไปในบ้ าน ที
เหมือนจะรู้จกั ทีแห่งนีดี

“คุณหมอก?”

“กลับมาตังแต่เมือไหร่ ”
“วันอาทิตย์ทีผ่านมาคะ”

ผู้หญิงวัยกลางคน แต่งตัวในชุดทางการเรียบร้ อย รอยยิมบางๆถูกมอบมาทางผม ได้ แต่ยิมกลับ

“แล้ วเขาอยู่ไหน?”

“ทางนีคะ”

เดินนําไป

เดินหลังตรงแน่ว ทังพีหมอกทังผู้หญิงคนนัน มองตรง ไม่ก้มหน้ าหรือเดินด้ วยท่าทีทีไร้ ความมันใจ

ค่อยๆเห็นสภาพแวดล้ อมทีกลันกรองออกมาเป็ นพีหมอกอย่างช้ าๆ ทีนี มีเพียงความเงียบ ข้ าวของเครืองใช้


หรูหรา แต่ไม่ใช่ของทีใช้ ได้ อย่างสบายใจ ดูคล้ ายของตังโชว์เสียมากกว่า

ห้ องถูกเรี ยงอยู่ทางขวา ทางซ้ ายจะเป็ นกระจกบานใหญ่ ให้ ได้ เห็นบรรยากาศข้ างนอก ภูเขาทีเขียวชะอุ่ม มองเห็น
เขือนอยู่ไกลๆ แต่อยู่ดไู ด้ ไม่นาน เพราะแค่เป็ นทางเดินผ่านเท่านัน

บ้ านสวยแบบนี เห็นแล้ วก็อยากจะจัดปาร์ ตีบาร์ บีคิว เห็นหน้ าเฮียกําลังครํ าเคร่งปิ งหมู ก็อยากจะขําออกมา แต่ก็
คงไม่เหมาะ

ประตูสดุ ทาง มีเพียงบานเดียว

เธอเลือนประตูเปิ ดออก พอเดินเข้ าไป ประตูก็ปิดลง เธอไม่ได้ ตามเข้ ามาด้ วย

ห้ องทีโค้ งเป็ นครึงวงกลม เป็ นกระจกทังหมด มองเห็นบรรยากาศรอบนอก มีระเบียงยืนออกไป

นอกจากโต๊ ะทํางานทีตังอยู่ ยังมีชดุ โซฟาหน้ าทีวีจอใหญ่ ดูผ่านตาก็ร้ ูว่าพืนทีในห้ องส่วนใหญ่ ถูกใช้ แค่เพียงโต๊ ะ
ไม้ นนเท่
ั านัน

“เรียกมาทําไม?”

หันไปมองหน้ าพีหมอก

ไม่ได้ แสดงออกอารมณ์ใดๆนอกจากความนิงเฉย กดเสียงตํา


“นันคําพูดสําหรับพ่อของแกหรือไง”

ชายทีนังอยู่ตรงนันเงยหน้ าขึนมา จ้ องมองพีหมอกด้ วยสายตาทีไม่ร้ ูจะจํากัดความด้ วยคําไหน

“….”

ช่วยทําเป็ นไม่เห็นผมต่อไปแบบนีก็ดี

แต่พอคิดแบบนัน สายตาทีถอดแบบมาเป๊ ะ ไม่สิ ต้ องบอกว่าพีหมอกถอดแบบมาน่าจะถูกกว่า ก็ตวัดมองมาทาง


ผม มองไล่ตงแต่
ั หวั จรดเท้ า เป็ นสายตาแบบทีผมคุ้นเคยดี

ดูถกู

สองคํา ทีบรรยายทุกอย่างได้

กลับมาสูแ่ บบเดิม ทุกอย่างทีใช้ นิยามผม คือคําว่า “จน” หรือจะอะไรก็ตามแบบทีเขาจะคิดในแง่ลบ

คุณค่าทีตัดสินด้ วยเงิน

มองเพียงรอบเดียวแล้ วก็หนั สายตาไปทางอืน นังอยู่บนเก้ าอีหนังทีดูมีราคา บนโต๊ ะมีกระดาษเอกสารเต็มไปหมด


แม้ จะอยู่ในชุดทีเหมาะกับการอยู่บ้าน แต่ก็ไม่ลดภาพพจน์ผ้ บู ริหารบริษัทใหญ่ ไม่ได้ มีรูปร่างอ้ วนเทอะทะเหมือน
อาเสีย เป็ นคนทีดูก็ร้ ูว่าดูแลตัวเองดีพอสมควร ยังมีเสน่ห์ พูดแบบนันได้ ถึงแม้ อายุอาจจะก้ าวไปถึงห้ าสิบกว่าก็
ตาม

บางทีไม่ต้องบอกก็ร้ ูว่าคนตรงหน้ าเกียวข้ องยังไงกับพีหมอก

เทียบกันแล้ ว พีเมฆหรือฝนยังไม่เหมือนขนาดนี

สายตาทีดือดึง ไม่เชือฟั งใคร ไม่ยอมทําตามใคร ความทะเยอทะยานทีซ่อนอยู่ ผมไม่เห็นความต่างระหว่างคน


ตรงหน้ ากับคนทียืนอยู่ข้างๆผม

ก้ มหน้ าลงมองกระดาษในมือ แต่ก็พดู ต่อออกมา ด้ วยนําเสียงทีไม่ให้ ความสนใจกับเรืองทีพูดอยู่นกั

“แกทิงงาน”
“……”

“อยู่ระหว่างงาน งานสําคัญ แต่แกกลับหนีออกไป”

“แล้ วทําไม?”

“แกแยกงานออกจากเรืองส่วนตัวไม่ได้ หรือไง?”

“ผมทํางานเพราะเรืองส่วนตัว”

แม้ จะฟั งแล้ วดูแปลก แต่ผมก็คิดแบบนันเหมือนกัน

ทุกคนก็ล้วนทํางานเพือเรืองส่วนตัวทังนัน

เพือครอบครัว เพือคนทีรัก เพือเพือนพ้ อง และเพือสิงทีเราต้ องการ

ยังไงเราก็ยงั ทิงความต้ องการพืนฐานในฐานะมนุษย์ไม่ได้

“ถ้ าคิดแบบนี หมอก แกไม่เหมาะกับงานบริหาร บางที ตําแหน่งนีอาจจะเร็วเกินไป”

“จะทําแบบนันก็ได้ แต่ถ้าคนๆเดียวผมยังดูแลไม่ได้ แล้ วกับคนอีกพันกว่าคน ผมจะดูแลพวกเขาได้ ยงั ไง?”

“หมอก….แกกําลังทําบ้ าอะไร?”

เสียงนันกดตําลง บรรยากาศเริมอึดอัด พีหมอกดูเหมือนไม่สนเรืองนันด้ วยซํา

ไม่แม้ แต่กดหน้ าลง ทังๆทีปกติ เวลาเผชิญกับพ่อแม่ เราจะกดหน้ าลงบางครัง ถ้ ารู้ สกึ เหมือนเถียงสู้ไม่ได้ หรือรู้สกึ
ผิด

ไม่ใช่บทสนทนาของครอบครัว

แต่เหมือนเป็ นบทสนทนาธุรกิจเสียมากกว่า

“ทําในสิงทีผมต้ องการ”
“แกไม่สนใจภาพพจน์ของบริษัทบ้ างหรือไง หรือแกคิดจะฉีกหน้ าฉัน?!”

“แล้ วผมทําสําเร็จหรือเปล่า?”

แฟ้มทีถืออยู่ถูกปามาทางนี พีหมอกไม่ได้ หลบ ชนเข้ าเต็มๆ แต่ก็ยังไม่ได้ ขยับไปไหน ทําเหมือนไม่ร้ ู สกึ ไม่สนใจ

“….กําลังยัวโมโหฉันอยู่ใช่ไหม?”

“ผมไม่สนว่าคุณโมโหหรือเปล่า เพราะนันไม่ใช่เรืองของผม ถ้ าคุณเรียกผมมาเพือคุยเรืองแค่นี ธุระคงจบแล้ ว”

“แกลองกล้ าเดินออกไปสิ”

ฝี เท้ านันหยุด

แต่ไม่ใช่หยุดเพราะคําพูดนันแน่ๆ

“คุณคงคิดผิด ผมไม่เหมือนเมฆ” หันมาทางผม ทีเหมือนจะกลายเป็ นของตบแต่งห้ องนีไปช่วงหนึง “ไป กลับ”

“ตอนทีแกมัวผู้หญิงจนต้ องให้ ฉนั ตามปิ ดข่าว ฉันไม่เคยบ่นแกสักคํา แต่ถ้าถึงขันนี ฉันไม่คิดจะอยู่เฉยหรอกนะ”

“แล้ วสิงทีผมทํามันผิดตรงไหน?”

“แกมันก็แค่เด็กทีไม่ร้ ูอะไรเลย ไม่ร้ ูหรือไง ว่าสังคมกําลังจับตามองแกขนาดไหน”

“……”

“แกจะปิ ดตาไม่สนใจสายตาคนภายนอกได้ ขนาดไหน? ตอนนีแกคิดว่าไม่เป็ นไร แกไม่สนว่าโลกภายนอกจะคิด


กับแกยังไง แกยังอวดดี แต่สกั วันนึง แกจะคิดว่าสิงทีฉันพูด มันเป็ นเรืองจริ งทังนัน”

“ผมไม่สนว่าคนอืนจะคิดยังไง ไม่สนว่าโลกนีจะคิดยังไง เพราะนันมันไม่ใช่ตวั ผม หรือไอ้ ตี ทีทําให้ ผมต้ องใส่ใจ”

ก้ าวเท้ าต่อ

จนกระทังเสียงนัน ดึงความสนใจพีหมอกเอาไว้
“ฉันทําทุกอย่าง ทุกวันนีก็เพือครอบครัว เงินทีแกใช้ มา มันก็ของฉันหมด แต่แกกลับคิดจะตอบแทนฉันด้ วยการ
คิดจะพังบริษัทฉันหมด! อย่างนันน่ะหรอ?”

ขาชะงัก

แม้ แต่ผม ยังรู้ สกึ ว่าหยุดกลันหายใจไปพักหนึง

หันกลับไปมอง คราวนีผมเห็นความเสียใจอยู่ในสีหน้ านัน

ความเสียใจของคนเป็ นพ่อแม่ มีหลายเรืองทีคนเป็ นลูกไม่มีวนั ได้ ร้ ู ไม่มีวนั สนใจ

“…..”

“อย่าคิดว่าฉันไม่ร้ ู ว่าแกไปฮ่องกงทําไม”

มือทีกําข้ อมือผมไว้ บีบเข้ าหากัน

ผมเจ็บ แต่ไม่ได้ พดู อะไรออกไป

“แกยังใหม่ในวงการ ฉันทีก้ าวขึนมาถึงจุดนีได้ ทําไมจะไม่ร้ ูว่าแกคิดอะไรอยู่”

“ผมขอตัว”

“ฉันผิดเอง ทีไม่เคยสอนแก แกถึงโตมาอย่างนีไง!”

ประตูถกู เปิ ดออก แรงจนได้ ยินเสียงประตูกระแทกเข้ ากับกรอบ ไม่มีเสียงใดไล่ตามหลังมา ผมไม่ได้ หันกลับไป


มอง

“พี…เดียวๆ”

“อะไรอีก?!”

เพราะไม่ค่อยเจอพีหมอกโมโหใส่ เลยไม่ร้ ูจะทํายังไง


“ร…รองเท้ าผมหลุด”

เดินตามไม่ทัน พอเดินสะดุดขาตัวเองเข้ าหน่อย รองเท้ าเผือไซส์ก็บอกลาเท้ าทันที

“ปล่อยมือหน่อยพี”

มือนันถึงปล่อยออก รอบข้ อมือเป็ นสีแดง เดินกลับไปเขียรองเท้ ามาใส่

หันกลับไป ก็เห็นว่ามองมาทางนีเหมือนกัน แต่ไม่ได้ พูดอะไร

เดินตามกลับไปทีรถเงียบๆ

รู้สกึ ทางยาวขึนอย่างไร้ สาเหตุ

เดินพ้ นตัวบ้ าน มองไป ไม่มีใคร

รถรออยู่ข้างหน้ า คนขับรถเปิ ดประตูไว้ แล้ วกลับไปนังทีเบาะคนขับของตัวเอง

“…พี”

ดึงปลายเสือไว้ โชคดี ทีดึงทัน ก่อนทีจะหายเข้ าไปในรถเสียก่อน

เพราะทําแบบนัน พีถึงหยุดเท้ าไว้

โอบสองแขนไว้ รอบเอวพีหมอก บางทีตอนกระโจนเข้ าหาอาจจะแรงไปหน่อย ตัวพีหมอกถึงเซไปข้ างหน้ า

ซุกหน้ าเข้ ากับแผ่นหลัง

ได้ กลินทีคุ้นเคยจางๆ

เป็ นหลังทีผมมักจะมองตามอยู่ห่างๆ จนหลายครัง ก็กลัวว่าหลังนีจะหายไป ถ้ าผมไม่เริมออกวิงบ้ าง

ถึงแล้ ว ถึงสักที

มือทีโอบรอบพีหมอกอยู่ ถูกจับไว้ ด้วยมือข้ างหนึง มือนันอุ่น แต่บางครังก็สนั


“รู้สงที
ิ กูทําหรือยัง”

“มันคือสิงทีพ่อพีหมอกพูดน่ะหรอ”

“ถ้ ากูบอกว่าใช่ละ่ ….มึงจะทํายังไง จะยังอยู่กบั กูหรือเปล่า”

ไม่ต้องลังเล

เพราะคําตอบมีเพียงคําเดียวเท่านัน

“อยู่ส.ิ .”

……………………………………..
……………………………

กลับบ้ านด้ วยรถคนละคันกัน

พีหมอกเรียกรถอีกคันทีไม่ใช่พีแพนมารับ ส่วนรถคันนัน เป็ นผมทีนังกลับมาก่อน บอกว่ามีงานทีต้ องไปจัดการต่อ


ดูรีบร้ อน ทําให้ ได้ แต่พยักหน้ าตอบ

หูชา

โดนเฮียบ่นเสียจนหูชา ถ้ าเป็ นตอนเด็กกว่านี อาจจะโดนตีด้วย แต่เพราะไม้ ทีใช้ ตี ถูกเอาไปโยนทิงตังแต่ม.4 เฮีย


เลยได้ แต่บ่นถึงไม่นนั นานๆครัง

“มือถือก็ทําหล่นหาย แล้ วจะติดต่อยังไง หายไป เคยคิดถึงคนทีบ้ านบ้ างไหมฮะ? ไอ้ ตี”

“มันเป็ นเหตุฉกุ เฉินน่า”


“ไม่ต้องมาอ้ างเลย ไอ้ น้องนรก เฮียหามึงแทบบ้ า กว่าจะรู้ว่ามึงหนีไปกับไอ้ หมอก ต้ องให้ เฮียรู้จากคนอืนหรือไง
วะ”

“ม๊ าก็ร้ ู ”

“แต่นนมั
ั นทีหลังเว้ ย”

บ้ านแทบแตก

เหมือนเดิม นังลงกับพืน ขัดสมาธิ ฟั งเฮียเทศน์ ไม่ต้องถึงม๊ าหรอกครับ เรืองทุกอย่าง เฮียจัดการหมด

“อ่ะนี มือถือมึง เก็บดีๆล่ะไอ้ ตี หายซือใหม่เอง”

“เฮ้ ย? เฮียซือใหม่ให้ ตีหรอ”

“เออ ใช้ ดีๆล่ะ”

ใหม่แกะกล่อง

“ไหนตีขอดูมือถือเฮียหน่อยดิ”

“ทําไม”

“เออน่า”

เฮียดึงออกมาจากกางเกง โยนให้ ผม ของเฮียมองหน้ าจอแทบไม่เห็นแล้ ว คงเพราะไว้ กระเป๋ าเดียวกันกับกุญแจ


เลยเป็ นรอยไปหมด

“มือถือเฮียมันเอ๋อบ่อยๆไม่ใช่หรอ เฮียก็เอาเครืองนีไปใช้ ดิ”

“ก็เฮียซือให้ มึง ก็เอาไปใช้ สวิ ะ”

“เฮียต้ องใช้ มากกว่าตี ตีเอามาก็เล่นเกมอ่ะ ไม่ต้องหรอก”


แต่เฮียพูดคําไหนก็คํานัน เฮียยืนยันทีจะใช้ เครืองเดิม “เฮียจะใช้ จนมันตายจากเฮียไปข้ าง” เว่อร์ ว่ะ

ม๊ าเตรี ยมกับข้ าวไว้ ให้ ถาม “อาม่าเป็ นยังไงบ้ าง”

“สบายดีครับ แล้ วลูกหลานแกไปไหนหมด ตีไม่เห็นสักคน”

“เห็นว่าเข้ ามากรุงเทพ ส่งลูกชายเข้ ามาเรียน พอแต่งงานแล้ ว ก็ให้ เลียงหลานต่อ พอหลานโต ก็เข้ ามาเรียนที
กรุงเทพ ไม่เคยมีใครกลับไปสักคน”

“เฮียรู้ได้ ไง?”

“ม๊ าเล่าให้ ฟัง”

ม๊ านังลงข้ างๆ จ้ องหน้ าผมเงียบๆ

“ม๊ า”

“หืม?”

“แล้ วอาม่าแกไม่โกรธหรอ ทีทํางานหนัก ส่งลูกหลานให้ อยู่สบายๆ แต่ไม่เคยมีใครกลับไปหาแกสักคน”

“เห็นลูกหลานสบาย คนเป็ นพ่อแม่ก็ดีใจทีสุดแล้ ว”

“แต่ผมว่าไม่เห็นมันจะยุติธรรมตรงไหน”

“โซ่ยตี”

“ครับ”

“ถ้ าลูกๆทุกคน คิดได้ แบบอาโต้ ยตี โซ้ ยตี ก็คงจะดี แต่ถงึ อย่างนัน คนเป็ นพ่อแม่ก็โกรธลูกตัวเองไม่ลงหรอก”

“ถึงแม้ ลกู บางคนจะคิดไม่ดีต่อพ่อแม่…แบบนันหรือฮะ?”

“พ่อแม่หวังในสิงทีดีทีสุดให้ ลกู ตัวเอง ไม่ว่าจะได้ อะไรตอบกลับมา ยังไงลูกก็ยงั เป็ นลูก ทีพ่อแม่รักทีสุด”


ม๊ าลูบหัวผมเบาๆ เฮียเห็นแล้ วก็รีบเอียงหัวพิงเสียจนม๊ าเอนตัว “เฮียแม่ง หนักแล้ วยังไม่ร้ ู ตวั ”

“อะไรไอ้ ตี มีแต่มึงเท่านันแหละ ทีกินเอาๆ”

บ้ านทีไม่ได้ กว้ างนัก ของใช้ บางอย่างเก่า บางอย่างซ่อมได้ ก็ซ่อม ซ่อมไม่ได้ ก็ยงั วางอยู่กบั ทีจนไร้ ระเบียบ

ผมรู้ สกึ ว่าทีแห่งนีมันเป็ นบ้ าน มากกว่าทีอืนๆ

เพราะมีสิงทีเรียกว่าครอบครัวรออยู่

นึกไม่ออก

ว่าถ้ าผมเป็ นพีหมอก ผมจะคิดแค้ นพ่อตัวเองแบบนันหรือเปล่า

ถึงขัน…ล้ มบริษัทพ่อตัวเองอย่างนันเลยน่ะหรอ?

ถึงผมจะตกใจมากแค่ไหน แต่ก็ร้ ู ว่าจะถอยออกห่างไม่ได้

เห็นรอยยิมของป๋ าทีอยู่ในรูป ไม่ร้ ูว่าป๋ าจะให้ คําตอบไหนถ้ าผมถาม ออกไป

……………………………………………
……………………………….

“ผมขอโทษจริ งครับพี”

“เออๆ กลับมาทํางานก็ดีแล้ ว อย่ามัวแต่พดู มากเลย นู่น ไอ้ ตี งานเต็มโต๊ ะแล้ ว คูณสอง”

“โหย พีโต้ ง”

“อย่าบ่นๆ ทํางานไป”
“ผมขอโทษนะพี”

พีโต้ งพยักหน้ าส่งๆแล้ วก้ มหน้ าทํางานต่อ

ทีโต๊ ะทํางาน มีงานกองอยู่ ผมหยุดไปหนึงวันโดยทีไม่ได้ มาแจ้ งด้ วยตัวเอง ลากเก้ าอีออก นังลง ข้ างๆ พีเชนเอน
ตัวมามอง

“อะไรพี”

“เปล่า”

“แล้ วมองอะไร?”

“มองไอ้ หนุ่มหน้ าตีทีจู่ๆก็หายไป แต่ดนั มาโผล่บนหน้ าปกนิตยสารซุบซิบไงล่ะ”

“หือ?”

“ไม่ร้ ูหรือไง”

“ก็มีคิดไว้ บ้าง แต่ขนาดนันเลยหรอ?”

“ก็แหงล่ะ อีกฝ่ ายใช่ดงั น้ อยทีไหน”

“….”

“เอางานนีไปส่งให้ ไอ้ กนั หน่อย”

“พีกัน?”

“อือ แผนกบุคลากรนันแหละ”

รับเอกสารมาจากพีในแผนก ตรงไปทีลิฟต์ ประตูกําลังจะปิ ดลง แต่ก็แทรกตัวเข้ าไปทัน

ในตัวลิฟท์ทีเป็ นกระจก มองเห็นสายตาของผู้หญิงอีกสองคนในตัวลิฟต์


หนึงในสองคนนันสะกิดเพือน เรียกให้ หนั มามองผม กระซิบกระซาบกัน

ตัวเลขบอกชันลดลงเรือยๆ จนถึงชันหนึง พวกเธอก็ออกไป

ประตูลฟิ ต์ปิดลง ตัวเลขเริมนับถอยหลังใหม่อีกครัง

ประตูลฟิ ต์เปิ ดในชันทีผมกด เดินออกไป ผ่านหลายๆแผนก เห็นบางคน ส่วนมากผู้หญิ ง หันมามองหน้ าผม ต่อ
ให้ ทมขนาดไหน
ึ ก็เริมรู้ สกึ ตัว ว่าทีมองมา ไม่ใช่เพราะว่าผมหล่อถึงขันต้ องมองแล้ วตามด้ วยซุบซิบกับเพือน
ข้ างๆ

ห..เห?

แล้ วแบบนี มองเรืองอะไรกันหว่า

ผมคงจะทึมจริงๆ แล้ วทึมเสียจนคาดไม่ถงึ

พีกันรับเอกสารเงียบๆ มองหน้ าผม แล้ วไม่ชวนคุยเรืองลีกฟุตบอลแบบทีทําประจํา เลยได้ แต่เดินคอตกกลับ


แผนก

เสียงลอยมาแว่วๆ “ก็คณ
ุ อัษฏานันไงล่ะ” ถึงได้ เข้ าใจ

แม้ แต่คนในแผนก ก็ร้ ู สกึ ได้ ว่าสายตาบางคนเปลียนไป ถึงจะเป็ นแค่สว่ นน้ อย

หลายคน ยังเข้ ามาพูดคุยปกติ ไปกินข้ าวกลางวันด้ วยกัน

“เดียวผมไปซือนํา มีใครเอาอะไรหรือเปล่า?”

เสียงแย่งกันพูดไม่หยุด จนจําแทบไม่ไหว

“แล้ วพีปั น พีเอาไร เดียวผมไปซือให้ ”

“ไม่เอา”

“อ่อ ครับ”
ไม่แม้ แต่จะยอมมองหน้ า

ซือชามะนาวแบบทีพีเขากินประจํากลับไปให้ พอวางแก้ วพลาสติกนันตรงหน้ า ก็ถกู ดันออก

“กูไม่กิน”

“อะไรของมึง ไอ้ ปัน โกรธอะไรไอ้ ตีมัน”

“กูไม่ได้ โกรธ กูแค่รังเกียจ”

“…”

“พวกมึงก็ทนกินเข้ าไปได้ ยงั ไง มันใส่อะไรให้ พวกมึงกินหรือเปล่าก็ไม่ร้ ู ”

“พูดอะไรของมึงวะไอ้ ปัน”

“ก็ร้ ูอยู่! ข่าวก็เห็นชัดขนาดนัน”

“…พีไม่กินก็ไม่เป็ นไร ผมกินเองก็ได้ ”

ดึงชามะนาวแก้ วนันมากินเองแทน

มองไมโลแก้ วของตัวเอง ทีนําแข็งละลายเสียจนนมแยกชันกับนํา

พูดกับคนทีไม่เข้ าใจไปก็เท่านัน เดียวจะยิงกลายเป็ นเรืองใหญ่

เรืองไหนไม่จําเป็ น อดทนได้ ก็ต้องทน

เพราะผมเชือว่าพีหมอกก็กําลังอดทนอยู่ ไม่ต่างจากผม

รู้สกึ เหมือนเข้ าใกล้ คําว่าเป็ น”ผู้ใหญ่ ”ขึนอีกก้ าวหนึง


…………………………………………….
……………………………………

[B.N.15:complete]
[17.4.55]

แถม...เนืองใน…เอ่อ เรียกว่า เขียนตามเพือนแล้ วกัน

เกรียน 9095 Pictures Present : Beauty&the Beast ฉบับ เงินน่ะ..มีไหมวะ?!

เขียนและกํากับบทโดย : cn9095

ไม่ใกล้ ไม่ไกลกับสิงทีเรียกว่าความเจริญ หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึงในเชิงเขาตังอยู่ ณ ทีแห่งนัน

เป็ นหมู่บ้านทีขึนชือเรืองความสงบเสียจนชีวิตเรี ยบเฉย ผู้คนทักทายกันด้ วยเสียงเพลงเป็ นบางครัง แม้ แต่ฝูงนก


ยังช่วยสอดประสานเสียงเพลงเหล่านันให้ ไพเราะจับใจ

ช่างเป็ นเสียงทีน่ารํ าคาญ

ลูกชายเจ้ าของร้ านขายหนังสือ เป็ นเพียงผู้เดียวทีคิดเช่นนัน ทุกๆเช้ า เขาต้ องตืนนอนเพราะเสียงร้ องเพลงนัน ไม่
มีอะไรจะทํากันหรือไง หรือไม่ ถ้ าอยากร้ องเพลงนัก ป่ าหลังหมู่บ้านก็มีทีตังกว้ าง ทําไมไม่ร้ ูจกั หาทีแสดงออก
เสียงห่วยๆนันอย่างเป็ นระบบ

ทังหมดนัน คือข้ อความในใจของเขา ทีเขาไม่ได้ พูดออกมา

ปากของเขาปิ ดสนิทเสียจนเด็กๆในหมู่บ้านพนันกันว่า ถ้ าหากใครทําให้ เขาเปิ ดปากพูดออกมาได้ แล้ วล่ะก็ จะ


ได้ รับเงินพนันก้ อนโต และยังมีอีกหลายๆเรือง แต่ทว่าเรืองเหล่านันก็ไม่ได้ จําเป็ นต้ องนิทานเรืองนี จึงถูกตัดออก
อย่างน่าเสียดาย

สิงทีเขามีดี คือความหล่อเหลา และความฉลาดเฉลียวทีหาตัวจับยาก ทีพูดว่าหาตัวจับยากนัน คงเป็ นเพราะเขา


มักจะอยู่ไม่เป็ นที มีบ้านไว้ เป็ นทีซุกหัวนอน และเวลาทีเหลือ จะหมดไปกับการเดินทางสํารวจป่ า

ป่ าขนาดใหญ่ ทีมองจากชันสองของบ้ านแล้ ว มันจะทอดยาวไปจนถึงสุดขอบฟ้า

วัยเด็ก เขาอ่านหนังสือเกือบทุกเล่มทีมีอยู่ในร้ าน ดังนัน เขาจึงเป็ นผู้ทีแสวงหาความรู้ และอยากจะเขียนหนังสือ


เล่าเรืองราวทีเขาได้ พบ เขาเชือว่า การทีเขาออกเดินทางนี จะสามารถเติมเต็มหน้ ากระดาษทีว่างเปล่าอยู่ได้

แต่ทว่าในป่ าก็ไม่มีอะไรให้ น่าสนใจนอกไปจากการล่าสัตว์ ต้ นไม้ นานาพันธุ์ทีเขาไม่แม้ แต่จะชายตามอง

เขาต้ องการอะไรทีมันพิเศษ ลึกลับและน่าค้ นหามากกว่านัน

ในทีสุด…สิงทีเขารอ ก็มาถึง

มันคือข่าวลือเรืองปราสาทลึกลับกลางป่ า ชายขีเมาประจําร้ านเหล้ าพูดด้ วยท่าทีโอ้ อวด เขาประกาศก้ องว่าสัตว์


ประหลาดร้ ายใช้ ทีแห่งนันเป็ นรังซ่อนตัวอยู่ และจะเป็ นอันตรายสําหรับเด็กๆในหมู่บ้าน ถ้ าไม่กําจัดสิงมีชีวิตที
ผิดเพียนแบบนันออกไป

เป็ นแค่ข่าวลือหรือเรืองเล่าขนหัวลุกสําหรับเด็กๆในตอนแรก แต่หลังจากนัน ข่าวลือก็ลกุ ลามยิงกว่าไฟ


นายพรานป่ าเล่าด้ วยริมฝี ปากทีสันเทา ว่าเขาได้ ยินเสียงร้ องโหยหวนดังมาจากในปราสาทนัน

ชายหนุ่มเคยเดินทางไปจนถึงหน้ าปราสาท จําเป็ นทีจะต้ องข้ ามแม่นําไป แต่เขาในตอนนัน ไม่มีความสนใจใดๆ


ในสิงก่อสร้ างเก่าๆนัน

เขาจึงกลับไปอีกครัง

พร้ อมกับกริชเล็กๆ ทีมีไว้ เพือปกป้องตัวเอง

เดินทางเข้ าไปในป่ า ใช้ เวลาเกือบทังวันกว่าจะถึงตัวปราสาท แสงอาทิตย์เปลียนท้ องฟ้าให้ กลายเป็ นสีส้ม


อากาศเริ มเย็นลงเรือยๆ

เขาไม่สนใจ
อันทีจริงนันน่าจะเป็ นข้ อดี เพราะมันทําให้ เขาปราศจากซึงความกลัวใดๆ

ประตูไม้ สงู สองเท่าของความสูงเขาถูกล็อกไว้ มันหนักและหนาเกินกว่าจะกระแทกตัวเข้ าไป เขาจึงใช้ หินทีอยู่


ใกล้ ๆนัน ทุบเข้ ากับหน้ าต่างหรูๆแทน

เสียง”เพล้ ง”ดังขึน ไม่มีเสียงใดๆตามมา

ชายหนุ่มไม่ได้ มีความพยายามมากพอทีจะสอดมือไปในช่องแคบๆจากรอยแตกเพือเอือมไปเปิ ดหน้ าต่างออก


เขาเลือกทีจะทุบหน้ าต่างเกือบทังบานเพือความสะดวกสบาย เศษกระจกร่วงเต็มพืนทีดูปราดเดียวก็ร้ ูว่าขาดการ
ดูแล ตามมุมห้ อง ใยแมงมุมกินพืนทีเสียเกือบหมด เครืองเรือนฝุ่ นเกาะ ไม่มีรอยเท้ าบนพืนมานานแล้ ว

เดินผ่านห้ องทีดูคล้ ายห้ องนังเล่นไป เคยเข้ าใจว่าเป็ นแค่ปราสาทเก่าๆทีถูกสร้ างทิงไว้ นานแล้ ว แต่เครืองเรือน
บางอย่าง ถึงแม้ สภาพจะทรุดโทรมแต่เป็ นของใช้ ทีเกิดในยุคนี เขาเดินผ่านมันไป

เป้าหมายคือสิงทีสันประสาทคนในหมู่บ้านอยู่

เดินมาถึงห้ องโถงใหญ่ จุดศูนย์รวมของตัวปราสาทชันหนึง ประตูไม้ อยู่ด้านหลัง โคมไฟห้ อยระย้ าอยู่เหนือศีรษะ


ของเขา บันไดโอ่อ่าเกินความจําเป็ น อยู่ทีเบืองหน้ า

เขาเดินขึนชันบนอย่างไม่ลงั เล ทุกก้ าวย่างทีเหยียบลงไป ฝุ่ นจะลอยตัวขึนเหนือพืนผิวน้ อยๆ

ฟุ่ บ

ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมอง

ไม่มีอะไรอยู่ทีบันไดนัน

ขาเดินก้ าวข้ ามขันสุดท้ ายออกมา ยืนอยู่นิงๆ รอให้ ศตั รูเป็ นฝ่ ายออกมา

ดึงกริ ชออกจากกระเป๋ าหลัง

ฟุ่ บ ฟุ่ บ

คราวนีไม่ใช่เสียง เห็นเงาตะคุ่มๆหายเข้ าไปในห้ องหนึง รีบเดินตามไปทันที


เป็ นห้ องนอนทีสะอาดต่างจากชันล่าง เตียงหลังใหญ่ ผ้ าม่านถูกแง้ มออกเพียงเล็กน้ อย จนในห้ อง แทบจะมืด
สนิท

สิงแรกทีเขาทําคือการเปิ ดผ้ าม่านออก

สังเกตเห็นตู้ทีอยู่มมุ ห้ อง ประตูแง้ มออกมาอย่างน่าสงสัย

ก้ าวเข้ าไปช้ าๆ กริชยืนไปข้ างหน้ า นําทางไป

มือหนึงจับเข้ ากับกรอบประตู ค่อยๆดึงออก

สิงแรกทีเห็นคือดวงตากลมๆทีมองมา

กระพริบปริบๆสองสามที….

“เหวอออออ!!!!!”

แน่นอน ว่าไม่ใช่เสียงของลูกชายร้ านขายหนังสือแน่นอน

………………………………..
…………………………..

“อย่าทําผมเลย ผมกลัวแล้ ว ว้ าก เฮีย เฮียช่วยด้ วย”

“จะไปไหน”

“ม๊ าคร้ าบ ม๊ าอยู่ไหน มีคนบุก คน! คนเชียวนะ!”

เสียงร้ องดังจนเจ็บหู พลิกตัวเด็กหนุ่มทีพยายามวิงลอดช่องแคบๆระหว่างตัวเขากับตู้เสือผ้ าลงกับพืน ร้ อง


โวยวายไม่พอ ยังตวัดมือไปมาในอากาศ ฟาดเข้ ากับหัวไหล่เขาในบางที

“หยุด หยุดสิ ก็บอกให้ หยุดไง!!”


สาบานได้ ว่านีคือต้ นเสียงทีทําให้ ชาวบ้ านกลัว

นีมัน…

อะไรกันเนีย

แค่เจอตะคอกใส่แบบนีก็ตวั สันง่กๆ ตอนนียกมือปิ ดปากไว้ เพราะถูกตะคอกให้ เงียบ สิงเดียวทีทําให้ ร้ ูว่าต่างจาก


คนทัวไป คงเป็ นหาง ทีตอนนีงอขดอยู่ข้างใต้ สะโพก

“นีแกเป็ นตัวอะไร”

“อ๋มอูดไอ้ แอ้ วอ่อ”

ดึงมือออกจากปาก เห็นเขียวเล็กๆในนัน

“ตอบมาสิ”

“ผม…อือ จะเรียกว่ายังไงดีน้า”

“ใช่อสูรหรือเปล่า”

“เออ นันแหละ! อสูรนันแหละ”

ไม่เห็นความน่ากลัวในนันเลยสักนิด

ทีชาวบ้ านกลัว คิดไปเองทังนัน บ้ างก็บอกสูงหกฟุต หนักสองตันครึง เขียวแหลมยาวเท่าดาบ ขนฟู หางใช้ รัดคน


จนกระดูกหักได้

ไหนล่ะ? ความน่ากลัวนัน

“มีแค่หาง…กับเขียว แค่นี?”

“อ…อือ ถึงผมจะมีแค่นี แต่เฮียน่ะ แปลงร่างเป็ นอสูรได้ ทงตั


ั วเลยนะ”

“แล้ วทําไมแกได้ แค่นี”


“ก็ คําสาปมันไม่สมบูรณ์น่ะสิ”

“….”

“พวกผมไม่ได้ เป็ นอสูรมาตังแต่แรกซักหน่อย แต่เพราะว่าโดนคําสาป แต่ตอนทีเขาโดนสาปกัน ผมดันอยู่ข้างบน


นีนอนอยู่น่ะสิ คําสาปเลยมาไม่ถงึ บ้ าจริงๆ!”

“…แล้ วเสียงทีชาวบ้ านได้ ยินกัน”

“เอ๋?เสียง? อ่อ ดึกๆผมชอบร้ องเพลงน่ะ”

เสียงร้ องน่ากลัวถึงขันชาวบ้ านกลัวกันหัวหด

บางทีอาจจะไร้ พรสวรรค์ด้านการร้ องเพลงพอๆกับคนในหมู่บ้าน

ความตืนเต้ นทังหมด หายไปในพริบตา

“กลับล่ะ”

“อ้ าว เดียวสิ จะรีบไปไหนน่ะ”

“ไม่มีอะไรในน่าสนใจ”

“อะไรกัน!หาว่าผมไม่น่าสนใจอย่างนันน่ะหรอ? ผมมีหางเชียวนะ คุณมีหรือเปล่า หางน่ะ”

“…จะมีไปทําไม”

“ก็…ก็…มันกระดิกได้ นะ!”

แล้ วก็กระดิกหางโชว์

“…..”

“มัน..มันใช้ ปัดกวาดได้ ด้วย แต่ผมไม่ทําหรอก เดียวขนเลอะ”


ความน่าสนใจติดลบ

เดินออกจากห้ องไปสูบ่ นั ไดโดยไร้ ความลังเล กลับเป็ นเจ้ าอสูรน้ อยเสียอีกทีวิงตามมา

“เฮ้ !เดียว!คุณจะไปไหนน่ะ”

“บอกแล้ วไง..ว่าจะกลับ”

“….จะกลับแล้ วหรอ?”

“…..”

“จะไปกันอีกแล้ ว สุดท้ าย ก็ไม่เห็นมีใครจะกลับมาสักคน”

หางงอลงอีกครัง ทังๆทีเมือครู่ยงั กระดิกจนน่ารําคาญ

“อยู่ทีนีมาจะร้ อยปี แล้ ว ไม่เห็นมีใครจะมาเลย อยู่ตวั คนเดียว มันน่าเบือจะแย่แล้ ว”

“ก็ออกไปข้ างนอก”

“ไม่ได้ หรอก ถ้ าเฮียกับม๊ ากลับมาแล้ วไม่เจอใคร จะทํายังไง”

“….หรอ”

ชายหนุ่มเดินต่อ ไม่สนใจอสูรตัวน้ อยทียืนอยู่ตรงนัน

“เดียวสิ….”

เสียงนันเบาลงเรือยๆ

“อย่าพึงไปนะ..อย่าพึงสิ อยู่เป็ นเพือนกันหน่อย อย่างน้ อย แค่คยุ ก็ได้ คุยกันหน่อยสิ”

“ไม่ รําคาญ”
“ผ…ผมชือตีนะ แล้ วคุณล่ะ เฮ้ เดินช้ าๆหน่อยสิ”

“…..”

“ผม…ผมไม่ให้ คณ
ุ ออกหรอก”

กระโดดมาขวางหน้ าประตู เชิดหน้ าขึน

ชายหนุ่มขมวดคิวมอง “หูโผล่น่ะ”

“ห้ ะ?”

พอยกมือขึนจับเหนือหัว ก็ถูกผลักออกจากทาง ประตูถกู เปิ ดออก

“เฮ้ อย่าไปนะ”

เสียงทีเบาจนเหมือนครางหงิงๆในคอ

เขาไม่แม้ แต่จะสนใจ

เดินเหยียบผ่านกองใบไม้ ไป จนกระทังลับตา

…………………………………………….
……………………………..

“ไม่เห็นจะมีหเู ลย”

เสียงบ่นเบาๆ

นอนแทะแอปเปิ ลเล่นอยู่บนเตียง

“เฮ้ คุณตู้ กินรึเปล่า ผมเก็บแอปเปิ ลมาเพียบ เพือคุณด้ วยนะ”


“……”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เอาไปสิ”

โยนแอปเปิ ลใส่ต้ ู กระแทกไม้ เสียงดังสันๆ อสูรใช้ เสียงนันแทนคําว่าขอบคุณ “ไม่เป็ นไร คุณเป็ นเพือนผมนิ” แอป
เปิ ลกลิงอยู่บนพืน ไม่นาน ก็หยุดนิง

มีเขียวแหลมก็ใช่ว่าดี

ปั ญหากัดลินตัวเอง กลายเป็ นเรืองใหญ่ไปเลยทันที

มีหางก็ใช่ว่าจะสนุก

นอนหงายก็ทบั หาง นอนควําก็หายใจไม่ออก

ถ้ าเลือกได้ ก็อยากจะเป็ นฝั งใดฝั งหนึงไปเลย ไม่ใช่ครึงๆกลางๆแบบนี ไม่เห็นจะดีสกั นิด

มองออกไปนอกหน้ าต่าง

มีแต่ต้นไม้ ทียืนกิงก้ าน เหมือนมือผอมๆ เวลาลมพัด ใบไม้ ก็จะปลิวว่อนเป็ นพายุ เสียงดังหวืดๆ เลยต้ องร้ องเพลง
กลบ ไม่อยากให้ บรรยากาศวังเวงไปกว่านี

เสียงดังตุบ

เพราะหูดีกว่าคนปกติหน่อย เลยได้ ยิน

ผู้บกุ รุก..อีกแล้ วหรอ?

ถึงยังไงก็ต้องหลบไว้ ก่อน

กลินของผู้บกุ รุกชัดขึน

นันมัน…
รีบวิงออกไป พอเห็นหน้ าผู้บกุ รุก หางก็กระดิกไม่หยุด

“กลับมาแล้ ว!กลับมาจริ งๆด้ วย!!”

“เสียงดังทําไม”

“ข..ขอโทษ”

รู้สกึ เหมือนผมแถวท้ ายทอยจะปลิวขึนหน่อยๆ ก็หางเล่นกระดิกไม่หยุดแบบนี คงไม่แปลก

“ด..ดีใจ ดีใจจังเลย”

อีกฝ่ ายไม่แม้ แต่จะพยักหน้ า หรือทําท่าทีรับฟั งคําพูดนันสักนิด

โยนไก่ป่าตัวหนึงมาทางนี รอยมีดรอยใหญ่ทีคอไก่ตวั นัน

“อสูรกินแต่ผลไม้ น่าขําชะมัด”

“สัตว์เดียวนีวิงเร็วจะตาย ผมตามไม่ทนั หรอก”

ไม่ได้ กินเนือนานๆเข้ า พอเห็นก็อดดีใจไม่ได้ แถมวันนียังมีเพือนร่วมโต๊ ะอีก “มีไวน์ดีๆอยู่ กินด้ วยกันนะ”

“ก็..ว่างอยู่”

“อือ!”

นานเท่าไหร่แล้ วนะ เกือบร้ อยปี ทีไม่มีใคร

“นําตาไหล”

“ผมแพ้ ขนไก่ต่างหาก”

“หึ”

รอยยิมในมนุษย์นนน่
ั าฉงน
อสูรน้ อยรู้ สกึ เหมือนโดนเวทย์มนต์ในรอยยิมน้ อยๆนัน สะกดไว้

…………………………………..
…………………………

ชายร้ านหนังสือมาทีปราสาทนีบ่อยๆ ไม่ถึงกับทุกวัน แต่ก็แทบจะทุกวันเว้ นวัน

เป็ นทีรู้กนั ถ้ าวันไหนเขามา อสูรตัวนัน จะแอบออกไปเก็บผลไม้ แปลกๆในช่วงเวลาสันๆ เพือเป็ นเหมือนกับ


ของขวัญต้ อนรับ พยายามทําเวลาให้ เร็ วทีสุด แต่ก็ไม่เร็วพอทีจะหลุดออกจากสายตานายพรานแถวนัน

เบอร์ รีนันอยู่สงู จนต้ องปี นต้ นไม้ ขนไป


เอือมมือ แต่ก็ยงั ไม่ถงึ มองพืนทีอยู่ด้านล่าง ก็กอดต้ นไม้ ไว้ แน่น

เขย่ากิงไม้ แรงๆ เบอร์ รีก็ร่วงลงกับพืน

ไม่ทนั ทีจะระวังตัว นายพรานทีซุ่มมองอยู่ห่างๆ ก็ขนธนู


เล็งไปยังอสูร ทีดูคล้ ายกับมนุษย์จนไม่น่าเชือ มันต่างจากทีได้ ยินมา เขาคิดจะเอาสัตว์ประหลาดตัวนีกลับไปที


หมู่บ้าน คิดถึงสิงทีจะตามมา ทังชือเสียง เกีรยติยศ ตัวนีคงขายได้ หลายตัง อาจมีคนอยากได้ เป็ นสัตว์เลียง ถ้ า
ขายเป็ นๆไม่ได้ ก็อาจแล่ขาย

ปล่อยปลายนิวทีขึงธนูไว้ ลูกธนูวิงแหวกอากาศ ปั กเข้ าทีกลางตัวอสูรเต็มๆ

“โอ๊ ย!”

ร้ องเสียงดัง แล้ วร่ วงลงจากกิงไม้ เสียงดังตุ๊บ

นายพรานไม่ปล่อยให้ อีกฝ่ ายลุกขึน วิงเข้ าไป กระชับมีดสันในมือ แต่เมือไปถึง ก็ว่างเปล่า

ฟุ่ บ
เขาวิงตามรอยเท้ า เห็นได้ ชัดจากพุ่มไม้ ทีถูกเหยียบ ตะโกนเรี ยกนายพรานคนอืนๆให้ ตามเขาไป

เสียงใบไม้ โดนเหยียบกรอบแกรบ อสูรวิงไม่หยุดเท้ า มีแค่สองเท้ า ไม่ได้ แตกต่างจากมนุษย์ตรงไหน เสียงตะโกน


ดังไล่ตามหลังมา ได้ ยินเสียงจากข้ างหน้ าไกลออกไปไม่มากนัก ต้ องหลบ เมือกีประมาทเกินไป ทีอยู่ต้นลม

สู้ไม่ได้ อยู่แล้ ว ยังไงก็ต้องถูกจับแน่

ในหัว คิดแต่ใบหน้ าเรียบๆของหนุ่มร้ านหนังสือ

เขาคนนันฉลาด ถ้ าอยู่ด้วยคงจะคิดหาวิธีได้

สะดุด

ล้ มหน้ ากระแทกกับพืนเสียจนหมดรูป พยายามลุกขึน แต่ขาทังสองข้ างกับถูกจับไว้ ถูกดึงลากไปตามทาง

“อ..อือ ปล่อย ปล่อยสิ!”

“ชู่ว”

หนุ่มร้ านหนังสือส่งสัญญาณให้ เงียบ

“ขนกันมาทังหมู่บ้าน”

“..ทําไม ไม่เห็นเคยรู้มาก่อน”

เขาส่ายหัว คงจะไม่ร้ ูเรืองนีมาก่อนเช่นกัน

“ผ..ผมทําอะไรผิดงันหรอ?”

“….”

“แค่ต่างกันนิดเดียว อยู่ร่วมกันไม่ได้ งนหรอ?”


“ถ้ าออกไปตอนนี คงจะโดนยิง…”


ทีปราสาท คงจะมีคนพวกนันมารอเต็มไปหมด

“ไม่ต้องกลับไป….”

“แต่ว่า..ม๊ า เฮีย”

“เขาไม่กลับมาแล้ ว”

“…ไม่ เขาต้ องกลับมาสิ”

“ประเด็นไม่ได้ อยู่ทีว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ แต่มนั อยู่ตรงทีว่ากลับไปไม่ได้ แล้ ว”

“…..”

“ตามมา”

“ห้ ะ?”

“ในเมือกลับไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับ”

“แล้ วผมจะไปอยู่ทีไหน?”

“…อยู่ด้วยกัน”

พูดแค่นนั

มือเลือนขึนมือจับทีข้ อแขน ดึงเบาๆ ก็ออกเดินตาม

เสือคลุมทีชายหนุ่มใส่มานัน ถูกใส่ให้ กบั อสูรตัวนันแทน

………………………………..
………………………..
“เอ้ า ลุง ลูกชายลุง คนกลางหายไปไหนแล้ วล่ะ?”

“คงโดนอสูรทีปราสาทนันกินไปแล้ วมัง”

ถึงจะพูดเรืองทีควรหดหู่ แต่เขากลับดูมีท่าทีเฉยชา

“เออ แต่เรืองอสูรนันก็หายไปเหมือนกัน พวกนายพรานบางคนเล่าว่าอสูรนัน อาจจะโดนลูกชายลุงฆ่าก็ได้ นะ”

เจ้ าของร้ านหนังสือยักไหล่ ละสายตาออกจากลูกค้ าช่างพูด หรือหนังสือตรงหน้ า มองออกไปนอกหน้ าต่าง ถนน


ยังคึกคักเหมือนทุกวัน ถึงแม้ เด็กๆทุกวันนีจะอ่านหนังสือน้ อยลง แต่ในบรรดาผู้ใหญ่ก็ยงั ขายได้ อยู่

วางหนังสือลงกับโต๊ ะ

หนังสือปกสีเขียว ตัวหนังสือสีทอง ลายมือในนัน คนเป็ นพ่อรู้ทนั ทีทีรับหนังสือเล่มนี มาจากพ่อค้ าร่อนเร่ทีผ่าน


เมืองมา

คงอยู่ทีไหนสักทีสินะ….

เหมือนจะอ่านเรืองราวในนีมากไปหน่อย ถึงได้ พาลมองเห็นหางทีโผล่พ้นออกมาจากเสือคลุมของเด็กหนุ่มนัน

“ลุงๆ”

“หือ?”

“นีหนังสืออะไรน่ะ เห็นลุงอ่าน น่าสนดีนะ”

“เรืองนีนะหรอ? ไม่ขายหรอก แต่ถ้าสนใจ จะเล่าให้ ฟังดีไหม?”

“เอาสิๆ”

เด็กทีตัวเล็กจนต้ องยืนขึนจากเคาน์เตอร์ เพือมอง กวักมือเรียกเพือนๆเข้ ามาในร้ าน เกาะขอบโต๊ ะ มองตาแป๋ ว

“อะแฮ่ม…”
ทําเสียงแบบนัน เด็กๆก็หวั เราะคิกคัก

“กาลครังหนึง…….”

…………………………………………………….
…………………………………………..

[Special Project : Beauty&the Beast]


[18.4.55]

B.N.16

เก็บกระเป๋ า ลุกขึนจากเก้ าอี แล้ วดันเก็บเข้ าที

อีกหนึงวันทํางาน ทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

อยากกลับบ้ านเร็ วๆชะมัด

แต่พอเห็นถนนทีรถติดแบบนีก็ต้องถอนหายใจ ไม่น่าแปลกเลยสําหรับวันศุกร์ แบบนี ยืนรอทีป้ายรถเมล์ คน


ชะเง้ อคอกันใหญ่ เหมือนว่ายิงมองบ่อย จะยิงทําให้ รถสายทีตัวเองรออยู่มาเร็วขึน

ใส่หฟู ั ง เปิ ดเพลง หยิบการ์ ตนู ออกมาอ่าน เขย่งมองบ้ างถ้ าเห็นคนข้ างๆขยับตัว

“ฮ่ะฮ่า ไอ้ นีมันตลกเป็ นบ้ าเลยวะ”

พอพูดแบบนี ป้าข้ างๆก็หนั มามอง ทําเป็ นมองไม่เห็น ก้ มมองการ์ ตนู ต่อ วันนีต้ องรีบแวะไปคืน ไม่งนจะโดนปรั
ั บ
เพิมอีก

ช่วงนีมีความคิดอยากจะทําบ้ านทีวอลเปเปอร์ เป็ นนารูโตะบ้ าง บลีชบ้ าง หลายเรืองเต็มไปหมด แต่ขืนไปทําจริง


มีหวังเฮียคงพ่นไฟ กระชากวอลเปเปอร์ หลุดทังแผงแหง เลยได้ แต่คิด

ได้ ยินเสียงกระเป๋ ารถเมล์ตะโกนด่า เสียงบีบแตรดังลัน ทําเป็ นไม่สนใจ แต่พอนานเข้ า ก็ต้องเงยหน้ าขึนมอง

ไอ้ คนหน้ าตาคุ้นๆ ยืนหน้ าจากเบาะคนขับ ข้ ามมาสูห่ น้ าต่างอีกเบาะ ตะโกนเสียงดังจนทุกคนหันไปมอง

“ไอ้ ตีโว้ ยย หูหนวกหรอวะ!!”

“หือ? ไอ้ กล้ วย?”

“เออดิ รีบขึนมาเร็วๆ ก่อนทีรถเมล์จะขับทับกู!!”

รีบกระโดดขึนเบาะหลังรถ รถไอ้ กล้ วยคันใหม่ ไอ้ คนั นี มันเล่นอวดไปทัว โธ่เอ้ ย ผ่อนหมดแล้ วค่อยมาพูดเหอะว่ะ

“มาทําไรแถวนีวะ?”

“มารับมึงไงไอ้ ตี โง่ป่ะเนีย?”

“อ้ าว ด่ากูเฉย”

คุยสักพักก็พงเห็
ึ นผู้หญิ งทีเบาะข้ างคนขับ เลยขยับตัวไปนังหลังเบาะไอ้ กล้ วย กระซิบถาม

“ใครวะ?”

“แม่ก”ู
“ห้ ะ?”

“แม่ยอดขมองอิม จิมลิมไฉไล อะฮึย!”

ขอกูอ้วกด่วน

พูดตรงๆ โคตระเลียนเลยครับ ผมได้ แต่เอนหน้ าหากระจกทําท่าอ้ วกแก้ ขดั ไปก่อน

ทีน่าแปลก คือมุกแก่ๆแบบนียังทําแต้ มในสาวคนนีได้ ผมไม่เคยเห็น น่าจะทํางานทีเดียวกับไอ้ กล้ วยมัน

ท่าทางผู้หญิงคนนีคงเกิดได้ ดาวมหาซวย น่าจะพาไปทําพิธีแก้ ชงโดยด่วน

“แล้ วนีจะพากูไปไหนวะ อย่าบอกนะเว้ ยว่าลักพาตัว”

“ถุย ลักพาตัวมึง? เฮียมึงคงปิ ดซอยเลียง ส่งเงินให้ กใู ช้ ไปตลอดชีวิต”

“พอๆกับทีพ่อมึงบอกกูเลยว่ะกล้ วย”

“อ้ าว แบบนีกูเรียกเวรกรรม 3G”

“ขําพอแล้ ว ตอบกูซักที จะไปไหนวะ”

“เดียวก็ร้ ู ”

เกลียดประโยคแบบนีชะมัด

ขมวดคิวมองมันผ่านกระจกหลังก็ดไู ม่สนใจ ก่อกวนมัน? อย่าเลยครับ ผมเห็นยมทูตโบกมืออยู่ไกลๆแล้ ว ถ้ าผม


ทําแบบนัน

สุดท้ ายรถก็มาจอดทีร้ านอาหารร้ านนึง ผมทีมัวแต่นงอ่


ั านการ์ ตนู ไม่ร้ ูทิศทาง ก็ได้ แต่มองซ้ ายขวาอย่างจน
ปั ญญา

“ไอ้ กล้ วย ขากลับมึงไปส่งกูด้วยนะเว้ ย”


“ไม่ต้องห่วง มีคนไปส่งมึงอยู่แล้ ว”

“ห้ ะ? อย่าบอกว่าพีแท็กนะเว้ ย กูไม่มีตัง”

“เออๆ”

เดินตามมันเข้ าไป เรี ยกว่าเดินตาม ถูกทีสุดแล้ ว เล่นตัวติดกับสาวเสียจนจะหลอมเป็ นแฝดสยาม มีแฟนลืมเพือน


ทันที

เหมาทังร้ าน ไม่ก็ ร้ านนีคงใกล้ เจ๊ ง

เห็นพีโก้ พีเต๋า ไอ้ โจ๋ ไอ้ เคิล พีแฟง พีปิ ง พีต้ น ไอ้ ปิก น้ องฝน หลานรหัสผม แล้ วก็เหลนรหัสผู้ชายทีหน้ าบอกบุญ
ไม่รับ รวมๆน่าจะประมาณยีสิบคน เรียกว่าเกือบครบทีม เว้ นก็แต่พีบอลทีไม่อยู่ ทีบอกว่าคงจะไปนาน ท่าจะจริง

เห็นผมก็ร้องวีดวิว ยกแก้ วขึน ก๊ งกันตังแต่พระอาทิตย์ ยงั ไม่ตก

“ไอ้ ตีมาแล้ วโว้ ย!”

“วู้วว”

ไหนๆก็สง่ เสียงแบบนีแล้ ว ทุบอก เกาหัว กินเห็บ นีก็ใช่เลย ครบเซ็ต

“เลียงอะไรกันวะ วันนีวันอะไร?”

พอถามแบบนัน ทุกคนก็เงียบเสียงลง ได้ ยินเพลงลูกทุ่งประหลาดๆดังเบาๆเป็ นเพลงแบล็คกราวด์

“..ไอ้ ตี มึงจําไม่ได้ หรอวะ?”

“แล้ วมันวันอะไรล่ะพี?”

“เอ้ า มาดูหน้ าคนทีมันลืมวันเกิดตัวเองหน่อยดิ”

“วันเกิดผม?”

“เออ!”
ดูเหมือนจะลืมไปจริงๆ

ทําหน้ างง ไอ้ เคิลรีบควักมือถือออกมาถ่ายรูป เป็ นเรืองสนุกกันใหญ่

“คืนนีกูจะแท็กไอ้ พวกทีไม่มาให้ หมด เอาลงสเตตัส บอกว่ามึงลืมวันเกิดตัวเอง”

เก็กเสียงเข้ ม “กูทํางานหนัก ไม่มีเวลายุ่งเรืองพวกนีหรอก”

“ถุยถุย ทีกูชวนเล่นวินนิง บอกว่างตลอด”

“เวลาสําหรับเพือนกูมีเสมอ เป็ นไง โคตรหล่อเลย ฮ่าๆๆ”

ทีขําคือ พอเหมาทังร้ าน เวทีก็ว่าง เสร็จพวกขีเมาสิครับ ไปยืนเกาหูกนั เป็ นแทบ ไอ้ พวกแอ็บเมา ก็ไปยืนเป็ นหาง
เครือง เต้ นท่าวิวฒ
ั นาการหนอนผีเสือกันเป็ นแถว

เอาวันเกิดผมขึนมาอ้ างชัดๆ ทีแท้ ก็แค่อยากก๊ งกันนิหว่า

พอยืนแก้ วไปขอ ก็บอก “ไม่ได้ ๆ อย่างมึงไปกินนมไป๊ ” ดูดิ คนเรา คําว่าเพือน สะกดกันเป็ นหรือเปล่า

นังกินไปเรือยๆตังแต่หกโมงกว่า จนเกือบสามทุ่ม ฝนก็ขอตัวกลับ ผู้หญิงทีมางานนีมีไม่กีคน กลับเร็วก็ดีครับ ไม่


อันตรายด้ วย กลับดึกแล้ วหวังจะหนีบพวกผมไปเพือความปลอดภัย อาจกลายเป็ นฝั นร้ าย เพราะพวกผมคงทํา
อะไรไม่ได้ นอกจากอ้ วกกับเมาแอ๋นนแหละ

ยิงดึก ยิงเห็นมนุษย์กลายพันธุ์

เหล้ าไม่มาถึงผมจริงๆ

ไอ้ กล้ วยทะเลาะกับแฟนอยู่ตรงโต๊ ะห่างๆ เล่นเมาจนขับกลับไม่ได้ เห็นที ต้ องมีสกั คนขับพากลับ

เริมเห็นแววว่าเป็ นผม แต่พีโก้ ปลอบใจว่า “เหมาไว้ น่าจะค้ างสักคืนเพือความคุ้มนะ”

พีโก้ ผมพูดตรงๆ คนอย่างพีไม่เหมาะจะทําประกันชีวิตทีสุดเลยว่ะ

“แล้ วแฟนพีไม่มาหรอ?”
“ไม่อยากพามาว่ะ มาเห็นสภาพหมาๆแบบนี คงไม่ดีมัง”

“เอ้ า จะได้ ร้ ูไง ว่าตัวตนพีจริงๆเป็ นยังไง ชีวิตไม่ใช่ช่องสารคดีน่ะพี ทีจะได้ ไปดิสคัฟวอรีกันทีหลังน่ะ”

“มึงบางครังก็เหมือนจะเข้ าใจเลยนะไอ้ ตี แต่บางที ก็โง่เกินเยียวยา” เหมือนจะเข้ าใจว่าโดนด่า แต่ก็เหมือนไม่


เข้ าใจ “พอคนเรามีความรัก มันก็มีบางอย่างทีไม่อยากให้ คนรักเราเห็นนันแหละ เมาเป็ นหมาแบบนีน่ะ มันก็ไม่ดี
ใช่ไหมล่ะ?”

“แต่ถ้าแต่งกันไปแล้ วพีจะทําไงวะ?”

“กูก็จะเลิกเมาไง”

“ยากส์เหอะพี”

“บางครังก็ต้องทําว่ะ เพือคนสําคัญ”

“….เออ โคตรเท่เลยว่ะพี ผมนับถือๆ”

“อย่าตกหลุมรักกูนะ ไม่อยากเป็ นเพือนรักหักเหลียมโหด”

เบ้ หน้ าใส่

พูดถึงแล้ วก็พงคิ
ึ ดได้ ไม่ได้ เจอเกือบสัปดาห์ ไม่ร้ ูจะเป็ นยังไงบ้ าง

“แล้ วใครเป็ นคนต้ นคิดงานนีวะพี?”

“เพือนมึงทีกลิงอยู่น่นู ” ไอ้ โจ่หมุนตัวไปกลับพืน อีกนิดนึง ก็จะทับกับนําทีหก แต่เบรกทัน

“ไอ้ โจ๋! ไอ้ โจ๋เว้ ย”

“หา?หือ?”

“ขอบใจนะเว้ ย”
“ไม่เป็ นไร เพือนกัน”

มีแต่คําว่าขอบใจ ต่อให้ พดู กีครังก็มีแค่นนั

เลยเพิมออปชันให้ ดึงให้ มนั กลับมานังบนเก้ าอี ส่งนําเปล่าให้ มนั กิน หน้ ามันแดงหน่อยๆ

“แล้ วเค้ กวันเกิดไม่มีเลยหรือไงวะ?”

“หือ…เออว่ะ ไอ้ กล้ วย ไอ้ กล้ วย! เมือไหร่คนส่งเค้ กจะมาวะ?”

“มึงก็โทรไปตามสิ กูละกลัวหัวหด”

“คนส่งเค้ กอิมพอร์ ตจากอิรักหรือไงวะ? กลัวอะไรขนาดนัน?”

“เดียวมึงคอยดู แล้ วจะขนลุก”

ขมวดคิวมองหน้ าไอ้ กล้ วยกับไอ้ โจ๋ทีส่งซิกซ์กนั เบาๆ

คุยกันอีกสักพัก ข้ าวผัดจานใหม่ลงโต๊ ะ บางคนถลากลับมาแทบไม่ทนั

ไฟในร้ านดับลง

หลายๆคนทีดินอยู่หน้ าทีวี ร้ องคาราโอเกะโวยวายกันใหญ่

ประตูร้านเปิ ด ก่อนจะปิ ดลง

ใครสักคนเดินเข้ ามาในร้ าน วางกล่องลงกับโต๊ ะ เปิ ดกล่องออก เพราะมืด เลยมองไม่เห็นว่ากล่องอะไร

ไฟแช็ค เขาหยิบไฟแช็คออกมาจากกระเป๋ ากางเกง เสียงแกร็ กๆดังขึนหลายทีก่อนเปลวไฟจะติด

ค่อยๆจุดไฟลงบนเทียนทีละเล่ม วนจนครบเป็ นวงกลม

พีแฟงเห็นแล้ วทนไม่ได้ ตะโกนด่า “ทําไมมึงไม่จุดเทียนมาจากข้ างนอกเลยวะ มาจุดข้ างไหนให้ ไอ้ เจ้ าของวันเกิด
มันเห็นได้ ไงเนีย?”
“ข้ างนอกลมแรง มึงจุดได้ รึไง?”

ถึงฟั งดูดุ แต่ก็ได้ ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนฟั งหลายๆคน

คนส่งเค้ กดุจริงๆ สมคํารําลือ

มาในเสือยืดสีดํา กับกางเกงยีนส์ ดูเหมือนคนปกติทวไป


ั วัยรุ่นทีสนุกกับชีวิต ไม่มีหน้ าทีภาระอะไร

“กูไม่ร้องเพลง พวกมึงร้ องดิ”

“เออๆ ก็ได้ วะ เอ้ า ฟั งไอ้ คณ


ุ ชายพูดแล้ วก็ทําตามคําขอร้ องสุดสุภาพของมันหน่อยดิ”

เพลงทีโหลทีสุดในโลกดังขึน

ผมได้ แต่หวั เราะเสียงคอรัส เสียงยิงกว่าจ่อไมค์ทะลุลาํ โพง

คนถือกล่องเค้ กเดินมา ไม่เดินช้ าๆตามเพลง แต่เดินก้ าวเท้ าเร็วๆตามนิสยั “เอียงหัวหน่อย” ให้ ผมหลบ แล้ วก็วาง
เค้ กลงตรงหน้ า

อยากจะพูดเรืองการทําตัวไม่กลมกลืนกับบรรยากาศ แต่เก็บไว้ ก่อน

“รีบๆเป่ าเทียนดิ อยากกินเค้ กแล้ วโว้ ย”

“อย่าพึงดิ อธิษฐานอยู่”

“แค่ชือมึงก็พอแล้ ว ขอเยอะ มึงไม่สงสารพระเจ้ าบ้ างหรอวะ ให้ พรกันไม่ทนั ”

“เออๆ งันกูย่อๆก็ได้ วะ”

เป่ าเสร็จ ตามพิธี ต้ องเผ่นสิวะครับ ขืนนังต่อ ปากอาจไม่ใช่ทางเข้ าเดียวสําหรับเค้ กอีกต่อไป

“เฮ้ ย เค้ กซือมากินดิวะ”

“วันเกิดกู กูก็พดู แบบนี พวกมึงฟั งทีไหน ไม่ต้องหนีเลยไอ้ ตี”


“หวา…” หลบมือทางซ้ ายได้ ก็ต้องมาเจอกับไอ้ โจ๋ทีพกความแค้ นมาเต็มกระเป๋ า

“ศาสนาพุทธสอนไว้ อย่าจองเวร”

“กูไม่จอง กูขอเดียวนีเลยแล้ วกัน”

“นันไม่นบั ว่าเป็ นมุกนะเว้ ย!”

โดนรุมจับ เห็นคนส่งเค้ กยืนทําหน้ าตาดีอยู่ไกลๆ ไม่สนใจเข้ ามาช่วย

“พี-!! อือ!!!”

เต็มๆ

สมกับเป็ นเพือนอธิษฐานจริงๆ แต่ละคน จัดเต็ม

พีต้ นให้ เอามาเล่นได้ แค่สว่ นนึง ทีเหลือ เก็บไว้ กินตามนิสยั ขีเหนียว

“เฮ้ ย ยิมดิ ยิม”

“กูยิมมันต่างกับไม่ยิมยังไงวะ”

ขํากันใหญ่

ยิมยังไง กล้ องก็ผ่าทะลุเค้ กบนหน้ าเข้ ามาไม่ได้ หรอกครับ

ตอนถ่ายรูป ใครเผลอก็ปาดเค้ กบนหน้ า ป้ายคืน เหม็นกลินครี มทังหัว เล่นเสร็ จก็เดินตามพีหมอกทียืนรออยู่แล้ ว


ไป

“ผมนึกว่าพีจะไม่มาแล้ วซะอีก”

“ก็ไม่ได้ อยากมา”

“….”
“แค่กกู บั มึงก็พอ จะมีตวั แถมทําไม”

บ่นกระปอดกระแปดเบาๆ

ฟั งแล้ วก็ยิมแฉ่ง แต่ก็คงเห็นแค่ฟัน

เดินมาทีห้ องนํา พีหมอกเปิ ดก๊ อกให้ แล้ วยืนพิงอยู่ข้างๆ ล้ างหน้ าแต่เปี ยกไปทังหัวทังเสือ

ปั ดผมทีปรกหน้ าขึน ชีจนเหมือนมีเม่นมานอนบนหัว

“พีดูดิ เซนต์เซย่า”

ถูกขยีหัวจนกลับมาลีบเหมือนเดิม

พอมองใกล้ ๆแบบนี ถึงพึงเห็นว่าพีหมอกมีไรหนวดเล็กๆขึน หน้ าเลยดุกว่าเดิมหน่อย

“พีน่าจะไปเป็ นนายแบบนะ”

“….”

“ลงหน้ าปกสีสนั สัตว์เลียง ฮ่าๆๆๆ”

“มุกมึงก็ยงั ไม่ขําเสมอต้ นเสมอปลาย”

แบะปาก ก็เห็นรอยยิมเล็กๆ ชอบมองรอยยิมแบบนี

“พี”

“เดียว”

ประครองแก้ มข้ างนึงไว้ แล้ วใช้ นิวโป้งปาดทีแก้ มผม ดูเหมือนจะมีเค้ กติดอยู่

พีเขามองเค้ กทีเลอะอยู่กบั นิว แล้ วจ้ องตากับผม

ดูเหมือนจะเดาลางๆได้ แล้ ว ว่าพีหมอกจะทําอะไร


มือละออกจากแก้ มผม ผ่านหน้ าไปช้ าๆ

รีบอ้ าปาก ตะครุบนิวโป้งนันไว้ พีหมอกทําอย่างเดียวกัน แต่ไม่เร็วเท่าผม

รสของเค้ ก รสอ่อน

ผมยักคิวตอบ

ระหว่างริมฝี ปากของผมกับพีหมอก มีนิวโป้งของพีขวางอยู่

เลียสิงทีอยู่ในปากช้ าๆ

แม้ แต่ตวั เองยังรู้ สกึ ว่าลามกชะมัด

นิวนันกดแรงเบาๆ ให้ ผมอ้ าปากออกกว้ างขึน

สองลินพันเข้ าหากัน

จูบทีทําให้ ร้ ู ว่าทนนานกว่านีคงไม่ไหว

เป็ นจูบทีทําให้ ร้ ู สกึ เมายิงกว่าเครืองดืมไหนๆ

“…ผมอยากกลับแล้ ว”

“กูเหมือนกัน”

“ฮะฮ่า วันเกิดผมปี นี พีคือของขวัญสินะ”

“เซอร์ ไพรส์ไหม?”

ได้ แต่หวั เราะ

“ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ”
“…”

“..ถ้ าเป็ นพีคงตอบแบบนีอ่ะดิ”

“ถ้ ามึงเป็ นของขวัญ?”

“อืม”

“ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ …”

“….”

“คงเพราะ….” ยืนหน้ าเข้ ามาใกล้ แล้ วซุกอยู่ทีซอกคอผมแทน ริมฝี ปากชิดกับหู จูบเบาๆ แล้ วกระซิบ “ชอบมาก”

เสียงกระซิบทีเหมือนพูดไปงันๆ ไม่มีอะไรสําคัญ

ไอ้ โรคขีเก็กนี คงแก้ หายขาดลําบาก เรือรังระยะสุดท้ ายจริ งๆ

เอาหน้ าผากโขกกับไหล่ตรงหน้ า

อยู่ดีๆก็ร้ ู สกึ เหมือนมือเกะกะ แกว่งไปแกว่งมาหาทีวางไม่ได้

ตัวเอนไปด้ านหลังนิดหน่อย ตามนําหนักทีพักอยู่ตรงไหล่ผม

“แล้ วมึงล่ะ จะตอบยังไง”

พูดด้ วยเสียงหงุดหงิด ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

เห็นหูทีขึนสีกลายเป็ นสีแดงอยู่ทีปลายสายตา

“โคตรชอบเลยว่ะพี”

……………………………………..
…………………………..

“คราวนี กูไม่ยอมให้ หยุดกลางทางอีกหรอกนะ”

ตอนไปเทียวทะเล ถามตรงๆ ใครจะไปกล้ าทําเรืองแบบนันในบ้ านอาม่าล่ะครับ แถมยังมีรูปอากงมองอยู่ เตียงก็


เป็ นเตียงไม้ แค่นอนอย่างเดียว ก็ปวดหลังเดาะแล้ ว

“มาเลยพี ผมไม่กลัวแล้ ว”

ทําไมดูเป็ นคําเชือเชิญทีฟั งดูพิลกึ ๆชอบกล

“หัดพูดให้ มนั เซ็กซีหน่อย”

“เอ่อ เอาแบบไหนดี…อาฮ่า มาทางนีเลยเบบี?”

หน้ าพีหมอกบึงสนิท

ไม่ชอบหรอกหรอ?

“เอ…แล้ วปกติเขาพูดยังไงกันอ่ะ”

“ไม่พดู แต่ถอดเสือออก”

“ไม่เอาอ่ะ ถอดตรงนีเดียวยุงกัด ขีเกียจเกา”

กลับมาทีบ้ านพีหมอก

ไม่มีใครอยู่บ้าน ไฟปิ ดมืดสนิท

โดนเพือนๆพีๆบ่น แต่พอเห็นว่าจะกลับกับใคร ก็เปลียนเป็ นโบกมือลาอย่างเข้ าใจแทน ทําหน้ า”สู้เข้ านะ!” มัน


หมายความว่ายังไงล่ะนัน?

“ด..เดียว ถอดรองเท้ า”
พูดแค่นนั รองเท้ าพีหมอกสองข้ างก็ถกู เหวียงออกจากเท้ า ท..ทําไมมันหลุดออกไปง่ายดังใจสังขนาดนัน?

ผมพยายามจะใช้ เท้ าถอดเหมือนกัน แต่เพราะเป็ นรองเท้ าผ้ าใบ มัดเชือกไว้ แน่น จึงดึงไม่ออก

“ผมถอดไม่ออกอ่ะ พีออกไปก่อนแป็ ป”

พีหมอกถอยออก

แล้ วย่อตัวลง เข่าข้ างหนึง แตะพืน

“พี?”

ถอยขาหนี ก็ถกู ดึงไว้ พีหมอกดึงเชือกรองเท้ าทีมัดเป็ นโบว์ออก ถอดมันออกช้ าๆ ทังสองข้ าง แล้ วเก็บเข้ าตู้
รองเท้ า

ถุงเท้ า ไม่ใช่ดงึ จากตรงปลาย แต่เป็ นดึงจากตรงยางยืดออกมา จับทีข้ อเท้ าของผมไว้ เก็บไว้ กบั รองเท้ า

ยืนขึนช้ าๆ หน้ าไม่บอกอารมณ์

“……”

“อะไร”

“ผม…ผมไม่คิดว่าพีจะทํา”

“ทําไม”

แล้ วพีดูเหมือนคนทีทําเรืองพวกนีได้ หรือไง?

“เลิกอ้ าปากค้ างแบบนันได้ แล้ ว”

“ผม..ผมงง”

“งง?”
“เฮ้ ย งงตัวเอง ผมจะพูดอะไร งงไปหมดแล้ ว”

“หึ”

ยิมอ่อนๆ ดึงมือให้ ผมเดินเข้ าไปในบ้ าน

ประตูปิดลง

เดินตรงดิงไปทีห้ อง

ดูเหมือนจะต่างไปจากเดิมหน่อย

แฟ้มเป็ นตังๆ เรียงเต็มห้ อง จุดศูนย์กลางคือโต๊ ะเขียนหนังสือ บนโต๊ ะยังมีโน๊ ตบุ๊คทีไฟยังติดอยู่ แต่หน้ าจอมืด
สนิท

เพราะห้ องกว้ าง เลยทําให้ ของรกแค่ไหนก็ยงั แบ่งมุมในห้ องได้

“อาบนําก่อนไหม?”

“ไม่ ไม่ไหว”

“ผมเหนียวเค้ กอ่ะ”

“…..”

“ห้ านาที”

“สาม”

“สามนีแค่เข้ าห้ องนํา ถอดกางเกงใน เปิ ดฝั กบัวก็ครบแล้ วพี”

“180”

“ห้ ะ?”
“179”

ได้ ยินแบบนันก็รีบวิงเข้ าห้ องนํา ปิ ดประตูปัง

อาบนํามาราธอนเหมือนไปโรงเรี ยนตอนเช้ า ช่วงประถม

ต้ องแปรงฟั นด้ วยหรือเปล่า?

อาบนํา ต้ องสะอาดขนาดไหน?

เปิ ดฝั กบัว ก็เปิ ดแรงไป นําไหลกระแทกหน้ าเสียจนแสบไปหมด มีสบู่ก้อน สบู่นํา ก็เลือกใช้ สบู่ก้อน บีบไว้ ในมือ
บีบแรงไปก็พ่งุ ออกจากมือ ลอยขึนฟ้า แล้ วหล่นแรงจนสบู่เปลียนรู ป ไล่จบั สบู่ทีดินเป็ นปลาไหล ได้ ยินเสียงดังมา
จากข้ างนอก

“109”

“ขอ..ขอต่อเวลา!”

“ไม่อนุญาต!”

“สบู่มนั ดิน ฝั กบัวนําแรง พีต่อเวลาให้ ผมเหอะ”

ขนาดคุยกันแบบนียังต้ องถูตวั ไม่หยุด

ทําไมไม่แค่ล้างหน้ าวะ?

มานึกขึนได้ ก็ตอนล้ างฟองสบู่

“42”

“แป็ ปๆ จะเสร็จแล้ ว”

ค่ายทหาร นีคือค่ายทหารชัดๆ
ถึงว่า บอกอย่าเก็บสบู่ เพราะมันจะทําให้ อาบนําไม่ทนั ล่ะสิ เห็นกับตาชัดๆก็วนั นีเลย

“5”

วิงออกมาจากฝั กบัว ลืนนิดหน่อย เปิ ดประตู เห็นพีหมอกเดินวนอยู่หน้ าประตู

“เสร็จแล้ ว! ทันด้ วย สามนาที”

“เช็ดตัวก่อน”

“เออ ผมลืม”

ผ้ าเช็ดตัวทีห่มผมได้ ทงตั
ั ว

ยืนเช็ดหน้ ากระจก พืนทียืนอยู่ เปี ยกเป็ นวง

เช็ดหน้ า ตาโผล่พ้นขอบผ้ า เห็นเงาสะท้ อน อีกคนทียืนจ้ องมาทางนี

“…ลามกว่ะ ฮ่าๆ”

“มานีดิ”

“พรากผู้เยาว์ ”

“24 ไม่ถือว่าเป็ นผู้เยาว์ ”

“ผมไม่กล้ าเดินไปหาอ่ะ หน้ าพีน่ากลัว มีหนวดด้ วย”

ถูกดึงชายผ้ าเช็ดตัว ดึงยือกันอยู่สกั พัก ก็ต้องเดินเข้ าไปหา

“พีสูงขึนหรือเปล่า?”

“มึงเตียลง”

“พืนเอียงแหง?”
บรรยากาศทีดูซอฟต์ ลง

เอาหัวซบ พีหมอกก็เช็ดผมทีเปี ยกให้ เงียบๆ

“ได้ ยินเสียงหัวใจพีด้ วย”

มีกลินเหงืออ่อนๆ

“ความจริงมีของขวัญให้ แต่สง่ มาวันนีไม่ทนั ”

“หือ? อะไรอ่ะ”

“เดียวก็ร้ ู ”

“งันเดียวค่อยบอกดิ บอกตอนนีก็อยากรู้อ่ะ”

“ไม่ใช่แก้ วแตก”

“เลิกแซวซักทีเหอะน่า”

ทําไมเรืองแบบนีถึงจําได้ แม่นเชียว

มือทีแกว่งไปแกว่งมา เริมหาทางทีจะเกาะได้ สกั ที

โอบรอบเอวนันแน่นๆ ซุกลงไป อยากจะหายเข้ าไปในนันด้ วยซํา จะได้ ร้ ู ว่าในตัวคนทีคิดว่าแปลกทีสุดในโลก ข้ าง


ในนันเป็ นยังไงบ้ าง

“ตี”

“หือ”

“…..”

“มีอะไรหรอ”
“…สุ-“

“หือ?”

“สุขสันต์ วนั เกิด”

พูดออกมาพรวดเดียวจบ เร็วๆ แล้ วมองไปทางอืน

“พูดไม่เห็นเท่เลย”

ตวัดตากลับมามอง ขมวดคิว

“แล้ วต้ องพูดยังไง”

“อะแฮ่ม…สุขสันต์วนั เกิด ขอให้ มีความสุขมากๆนะ รักนะครับ….อะจึย เลียนชะมัด”

แค่คิดก็เห็นหน้ ากล้ วยลอยออกมาวับๆ ยิมเสียวๆให้ จนขนลุก

คงมีแต่สาวๆสมาคมมุกเสียวเท่านัน ทีชอบเหมือนกัน

“……”

อ้ าว เวรแล้ วครับ

มีสมาคมมุกเสียวอยู่ตรงนีคนนึง

ถึงกับเงียบไป ทําหน้ าไม่ถูกอยู่พกั ใหญ่ ลังเล สลับกับขมวดคิว

แล้ วพูดเบาๆ

“อยากได้ ยิน...แบบนันหรอ?”

“หือ แบบไหน?”
“ก็แบบทีมึงพูด”

“….พีจะพูด?”

“กูไม่พดู หรอก”

ลองแหย่เล่นๆ

“แต่ผมอยากได้ ยิน วันเกิดผม พูดให้ ฟังหน่อยดิ”

“…..”

แล้ วก็ขมวดคิวจนหัวคิวแทบติดกัน

กลันขําแทบแย่ รู้สกึ เหมือนเส้ นเลือดจะแตกถ้ าไม่ได้ หวั เราะออกไปเร็วๆนี

“สุขสันต์ วนั เกิด”

“…..”

เอาจริงหรอ?

“มีความสุขมากๆนะ…”

คําว่า’ครับ’หายไป หายไปแบบตังใจตัดชัดเจน แต่ผมก็ไม่ได้ ท้วงออกไป

เพราะรอลุ้นกับคําสุดท้ ายอยู่

สายตาทีเบียงไปทางอืน วกกลับมา พอเห็นผมมองอยู่ ก็หนีไปทางอืน

“หมดแล้ วหรอ”

“อืม”

“…..สันจัง เหมือนหายไปอันนึงอ่ะ”
“หมดแล้ ว”

มือพีหมอกอ้ อมไปข้ างหลัง ดึงมือผมออก

เดาว่าจะใช้ มกุ เดิม เลยรีบดึงมือหนี ผ้ าขนหนูหลุดออกไปสักพัก ไม่ได้ สงั เกต เลยใช้ ดึงผ้ าขนหนูทีกองอยู่ทีพืน
ขึนมา กอดไว้ แทน

อย่าหวังจะใช้ มกุ เดิมเลยพี

“เอามือมา”

“ไม่อ่ะ เดียวผ้ าหลุด”

“กูจบั ให้ ”

“คันพุง”

เกาแกร่กๆ ยักคิวให้ กลายเป็ นสงครามย่อมๆ

บางทีอาจจะต้ องถึงเวลาเลิกเล่นแล้ ว

“ผมล้ อเล่น ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้ คําแบบนี บังคับให้ พูดก็ไม่ดีอ่ะ”

“….”

“ออกไปข้ างนอกเหอะ ผมหนาวไส้ ติงแข็งหมดแล้ ว”

ข้ างนอกอาจจะหนาวกว่าหน่อย ห้ องนอนพีหมอกไม่เคยปราณีใคร

แต่ก็ร้ ูวิธีทีจะทําให้ ร้อนขึนมาอยู่ เลยไม่กลัวเท่าไหร่

“…เดียว”

“หือ?”
“……รัก”

เบาจนแทบไม่ได้ ยินถ้ าเทียบกับเสียงหัวใจทีเต้ นดังตู้ม ตู้ม ตู้ม

“พอแล้ วใช่ไหม?”

“อือ”

“เลิกมองหน้ าได้ แล้ ว”

“ครับ”

บางที ก็ร้ ู สกึ ทําตัวไม่ถกู กับสถานการณ์แบบนีเหมือนกัน

ปลายผ้ าขนหนูทีกอดอยู่ มีมืออีกคนทีกําแน่น คงจะผ่านมาทางนัน โรคติดต่อทีทําให้ หน้ าแดงลามไปถึงคอ

กระตุกเบาๆ ผ้ าขนหนูก็ร่วงลงกับพืน คราวนีไม่เห็นแววทีจะได้ เก็บ เพราะถูกเท้ าเขียหายไปพ้ นทาง

เวลากําลังนับถอยหลัง

...
..
.

“เฮ้ ยพี ผมลืมคืนการ์ ตนู !!”

……………………………………
………………………….
[B.N.16 : complete]
[25.4.55]

เดียวมาต่อ 16.5 ให้


คืนนี Mission Complete ขอไปนอนอย่างสงบก่อนนะค้ าบบบบ

weird

มีอะไรแหม่งๆ

รู้สกึ แปลกๆ เป็ นความรู้ สกึ ทียากนักเกินกว่าตัวผมจะอธิบายเป็ นภาษาคนออกมาให้ พวกคุณเข้ าใจได้

เหมือนมีสายตา..จ้ องอยู่

แต่มนั จะสายตาคู่ไหนกันละ หมา แมว แมลงสาป หรือผู้คนเป็ นร้ อยทีอยู่รอบตัวผม ในเมือทีนีมันไม่ใช่ทีบ้ าน


หรือทีคอนโดอะไรทังนัน อยู่ในทีโล่งแจ้ งเหมาะแก่การเป็ นเป้าสายตา

มองไปทางซ้ าย ก็รีบหนีไปมองทางอืน เดียวนีกางเกงขาสันสตรีก็ตอบรับอากาศหน้ าร้ อนได้ ดีเกินเหตุ พาลเอาใจ


สันได้ ง่ายๆ

ค่อยๆมองไปทางขวา

บ๊ ะ

เจอเข้ าให้

พอรู้ตวั ว่าถูกจับได้ ก็รีบเบือนสายตาหนี

“พีมองไรอ่ะ”
“เปล่า”

“อือ”

มาทีนีทําไมยังไม่ร้ ูเหตุผล

ทังๆทีเป็ นวันหยุดสบายแท้ ๆ กลับลากตัวออกมาเดินห้ างทีผู้คนวุ่นวาย แปลก นันก็เป็ นอีกเรืองทีรู้สกึ แปลก แต่


ความแปลกทีมาเป็ นแพคเกจดูเหมือนจะไม่ได้ หยุดอยู่แค่นนั

“เฮ้ ย”

“หือ?”

“มึงจะไปไหน?”

“อ่อ ทางนู่นเครปท่าทางน่ากิน ผมอยากจะไปดูอ่ะ”

คนยืนมุงกันเยอะ บังป้ายราคา เลยยังไม่แน่ใจ

“ไปทางนี”

“ทางนู้นก็มีขายหรอ?”

“เปล่า”

“อ้ าว แล้ วผมจะไปทางนู้นทําไม”

“ไม่ต้องถาม มึงต้ องไป”

“พีไม่สบายหรอ?”

“ทําไมกูต้องไม่สบายด้ วย”

“เอ้ า ก็แยกกันแค่นีเอง”
“ไม่”

“งันไปกับผม”

“ไม่ กูจะไปทางนัน”

“…..”

“มองหน้ าทําไม”

“พียังมองหน้ าผมได้ แล้ วทําไมผมจะมองหน้ าพีไม่ได้ ”

“กูจะมองมึงทําไม?”

“เมือกีก็มอง ก็เห็นๆอยู่”

“ไม่ใช่กู มึงคงมองผิด”

“จะไปผิดได้ ยงั ไงล่ะ? ก็อยู่ข้างๆแท้ ๆ”

“…กูไม่ได้ มองมึง”

“ครับครับ ไม่ได้ มองก็ไม่ได้ มอง แล้ วจะไปกินเครปได้ รึยงั ”

พอยอมให้ ก็จะดีใจอยู่ลกึ ๆ แต่ไม่ยอมแสดงความดีใจออกมา มีแต่จะยืดตัวให้ สงู ขึนเรือยๆ น่าโมโหลึกๆ แต่


เพราะทําอะไรไม่ได้ เลยปล่อยวาง

สังมัวๆไปสองอัน พีหมอกอัน ผมอัน เดินเคียวเครปทีครี มเยอะจนล้ นไประหว่างทาง พอยืนเครปให้ พีหมอกตอน


กลับมา อีกฝ่ ายก็ทําหน้ าหงุดหงิดใส่

“กูจะกินช็อคโกแลต”

“ทีพีถืออยู่ก็มี”
“มันไม่เท่ากัน”

“ตรงไหน”

ยืนหน้ าเข้ าไปมองใกล้ ๆ อีกฝ่ ายก็ถอยเท้ ากลับไปก้ าวหนึง เพราะไม่เคยเห็นทําแบบนี เลยตกใจพร้ อมๆกัน

“พีถอยทําไม”

“….”

พอก้ าวเข้ าไปหา คราวนีก็ถอยเท้ าชัดเจน หมุนตัวแล้ วเดินหนีไป โยนเครปทียังไม่ถูกแตะลงถังขยะ ผมเผลอร้ อง


เสียงดังตอนเห็นของกินดีๆลงไปนอนในถัง เด็กผู้ชายคนนันก็คงคิดเหมือนผม ถึงได้ รีบวิงมาดูทีขอบถัง

“พี พีหมอก พีเป็ นไรอ่ะ?”

รีบดึงแขนไว้ ก็ถกู สะบัดออก

ไม่ยอมหันหน้ ามามอง แต่ก็ไม่ได้ เดินหนีไปไหน

ยืนมือออกไปอีกครัง พอจะแตะถูกแขนพีหมอก ก็หยุดมือตัวเองไว้ ไม่อยากถูกปฏิเสธแบบนันอีก รู้ สกึ แปลกๆ กับ


การถูกปฏิเสธจากคนๆนี

ถอยมือออกห่างเอง คิดว่าพีหมอกคงจะหงุดหงิด ไม่อยากให้ หงุดหงิดเท่าไหร่ เพราะยังไง ก็เป็ นคนทีทําให้


สถานการณ์ตอนนีทุกอย่างเป็ นไปได้ ด้วยดี

“?”

ถูกคว้ าข้ อมือไว้ แล้ วดึงเข้ าหาตัว แขนถูกกระตุกเข้ าไปแบบนัน เลยต้ องเดินเท้ าเข้ าไปใกล้ อีกก้ าวหนึง พอ
ระยะทางลดลง จึงก้ มหน้ ามองเท้ าแทน รองเท้ าหนังสีนําตาล แฟชัน ถึงจะพูดแบบนัน แต่รองเท้ าแบบนีกับเลข
ห้ าหลักก็ยงั รู้สกึ ว่าแพงเกินไป

“…แปลก”

“….”
“กูร้ ูสกึ แปลกๆ”

“แปลกยังไง”

“..ตอบไม่ได้ ”

ข้ อมือถูกจับแน่นขึนอีกหน่อย

ในสถานการณ์ทีมีความอึดอัดอยู่เบาบาง ทําให้ ไม่กล้ าพูดอะไรออกไป เสียงพีหมอกดูสบั สน คงจะตอบไม่ได้


จริงๆ

แปลก

ทังๆทีพีหมอกเองก็ไม่ใช่คนแบบนี ไม่ใช่คนทีจะลังเลกับความคิดของตัวเอง

“ทีจับข้ อมือมึงตอนนีอยู่”

“….”

“หรือเรืองทีมึงอยู่กบั กูก็เหมือนกัน…มันแปลก”

“ทีว่าแปลก..นีเป็ นแบบไหนหรอ?”

“กูไม่ร้ ู ”

“ลองพูดมาดูสิ เพือผมจะรู้ ”

“มึงจะไปรู้ ได้ ยงั ไง”

“…ถ้ าผมเป็ นแบบพี ผมก็อาจจะรู้ก็ได้ ”

ขมวดคิวอีกแล้ ว

“กูหงุดหงิด แต่หาเหตุผลไม่ได้ ”
ดึงแขนออกจากมือนันช้ าๆ พีหมอกก็ยอมปล่อย ใช้ นิวโป้งสองข้ าง กดลงบนคิวทีมุ่นเข้ าหากัน

“บางที กูร้ ู สกึ เหมือนกูอารมณ์ดี แต่มนั ก็ไม่ใช่ เหมือนกูอยู่เฉย แต่ก็วิงตามอะไรอยู่”

แยกออกช้ าๆ ดูแปลก เอาอีกแล้ ว แปลกอีกแล้ ว แต่พอเห็นหน้ าทียังดูหงุดหงิด แต่คิวกลับห่างกันแบบนี ก็


อยากจะหัวเราะ อดกลันยิมไม่ได้

บรรยากาศรอบตัวพีหมอกดีขนฉั ึ บพลัน อารมณ์พีหมอก คงเป็ นเรื องทีแม้ แต่กรมอุตุก็คงต้ องขอบาย ผมเองอยู่


ด้ วยบ่อยๆ ยังเดาใจไม่ได้ สกั ที

“คําตอบคืออะไร?”

“ผมไม่ร้ ูเหมือนกัน แต่เป็ นเรืองทีแปลกดีเนอะ เพราะผมก็เป็ นแบบนัน พีว่าแปลกไหม?”

“แปลก”

“เออ ผมก็ว่างัน ช่างมันเหอะพี คิดมากไป ก็คงหาคําตอบไม่ได้ เหมือนกัน เดียวนานๆเข้ า ก็คงจะชิน แล้ วหาย
แปลกไปเองล่ะมัง”

พีหมอกไม่ได้ ตอบอะไร หรือแสดงออกให้ ร้ ูว่าเห็นด้ วย แต่ก็คิดว่าคงจะฟั งอยู่

“…อีกนานไหม?”

“หือ?”

“อีกนานไหมกว่าจะชิน”

“ผมไม่ร้ ู คงมีแต่เวลาทีตอบได้ แต่น่าเสียดาย เวลาดันไม่มีปากซะงัน”

และสุดท้ ายก็คงจะกลายเป็ นคําตอบทีไม่มีใครล่วงรู้

มีแต่ต้องรอให้ ถงึ จุดทีทังเวลา และตัวเราพร้ อม คําตอบทีถูกซ่อนไว้ บางทีอาจจะถูกซ่อนไว้ แค่ด้วยกระดาษแผ่น


บางๆ ประสบการณ์ทียังน้ อยเกินไป ทําให้ มนั กลายเป็ นกําแพง จนเรามองว่ามันเป็ นเรืองยาก

เห? ฟั งดูแปลกๆ
แต่ก็เอาเหอะ ผมก็แปลก พีหมอกก็แปลก จะอยู่กนั แบบแปลกๆก็คงไม่เป็ นไรล่ะเนอะ

……………………………
………………….

[Weird : complete]
[5.5.55]

รับน้ องสะบักสะบอม

เหลืออีกสองวัน

เขียนคันเวลาก่อน กลัวพีๆน้ องๆจะรู้ สกึ เหมือนถูกทอดทิง


ทังๆทีวันนีสมควรจะ ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่า แท้ ๆ TT

พรุ่งนีต้ องตืนเช้ าอีกแล้ ว TT แคะขีหูไปเตรียมฟั งรุ่นพีว้ ากแบบเสียงSurroundอีกวัน ว้ ากกกกกก

BN.17

แสงไฟสลัว

ลมเย็นทีตกลงกับผิว ทําให้ หนาวจนเกร็ งไปทังหลัง

เสียงลมหายใจ ปนไปกับเสียงทีคล้ ายกับเสียงกลอง เร็ว แต่ไม่เป็ นจังหวะ ดัง ตึก ตึก ตึก จนไม่แน่ใจว่าเป็ นเสียง
หัวใจของคนแค่คนเดียว

ถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา เหมือนวางมือลงบนโครงกระดาษ

บรรยากาศแบบนี..

ผมไม่ชอบสักนิด

บรรยากาศทีไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้

หัวคิวทีขมวดเข้ าหากัน เส้ นด้ ายของความรู้ สกึ ทียุ่งเหยิง ถูกพันไว้ ด้วยอดีต ความคิดมากมายทียังคงเงียบอยู่

ดวงตาคู่ทีฟ้องความรู้สกึ ออกมาหมด

พีหมอกหลุบตาลง ซ่อนไว้ ไม่ให้ ผมได้ เห็น ในความมืดทีเห็นเพียงแสงสะท้ อนจากนําหล่อเลียงในตา

ผมพยายามทีจะยิม

มุมปากยกขึน แต่ไร้ แรงทีจะทํามากกว่านัน ได้ แค่ยกมุมปากขึนนิดๆ

รอยยิมทีผมจะสร้ างขึนได้ ณ ตอนนี

ไม่แน่ใจว่าหัวใจจะยิมตามหรือเปล่า

ความรู้สกึ ทีอัดแน่นจนล้ นออกมานอกร่างกายของพีหมอก กดรอยยิมผมไว้

นังลงกับเตียง

ทีๆร่างกายบอกว่าต้ องการกันและกัน

เข็มนาฬิกา เดาวินาทีได้ จากเสียงหัวใจ บางที อาจเต้ นถีกว่าการเคลือนทีของเข็มด้ วยซํา

เวลา เลือนไป

เวลาทีจะทดแทนหลายๆอย่าง เวลาทีจะปล่อยให้ ได้ พดู คุยกันด้ วยความเงียบเหล่านี


อุ่น

มือทียกขึนประครองแก้ มผมไว้ เบาๆ รับนําหนักทีผมเอนหน้ าเข้ าหาไว้ ผมกุมมือนันไว้ อีกที นิวสอดเข้ าหากัน

จูบโดยทีไม่ได้ เปิ ดริมฝี ปากออก

หน้ าผากแนบกัน หลับตาลง ผมยกมือโอบกอดหลังพีหมอกไว้ ทําแบบนันก็ถกู กอดกลับ แน่น ซุกตัวเข้ ากับตัวพี


หมอก พีหมอกดึงตัวผมเข้ าไป นังลงกับตัก ทิงนําหนักลงไป

กอดแน่นกว่าเดิม รู้ สกึ ได้ ถงึ หัวใจอีกดวงทีเต้ นแนบอยู่แถวหน้ าท้ องผม

คิดถึง คิดถึง คิดถึง

ได้ ยินเสียงนีดังลัน โดยทีไม่มีใครปริปากออกมาสักคํา

พิงแก้ มเข้ ากับต้ นคอ ลมหายใจอุ่นของพีหมอกรดลงบนหัวไหล่ผม รู้สกึ จักจีเมือถูกกดจูบทีนันเบาๆ

ถูกกล่อม

ไม่ใช่การหลับเข้ าสูห่ ่วงนิทรา แต่เป็ นการตืนขึนอย่างแผ่วเบา

ยังมีอีกหลายๆเรือง ทีชีวิตยังต้ องเจอ เป็ นเรืองทีเราคงหนีไม่ได้ มีแต่ต้องเดินหน้ าชนเท่านัน

ไม่มีประโยชน์กบั การหลับอยู่ในฝั นแสนหวาน การลืมตาอยู่ในโลกทีเจ็บปวดนัน คือเรืองจริง

ถูกสํารวจทุกๆทีบนร่ างกาย มือลูบนําทางไปก่อน ตามด้ วยริมฝี ปากทีกดจูบเบาๆ

จูบกันหลายต่อหลายครัง ในเวลาทีคําว่า”พอ”ถูกลืมไปชัวขณะ

ร่างกายพีหมอกทีกําลังจะก้ าวข้ ามวัยรุ่น กล้ ามเนือทีจับก็ร้ ูสกึ ได้ ถึงความแข็งแรง โครงร่ างกาย ทีดูสงู ขึนกว่าเดิม
รวมถึงแก้ มทีเหมือนเด็กๆนันด้ วย ผอมลง แม้ จะชอบแบบก่อนมากกว่า แต่ทีเป็ นอยู่ตอนนี กลับยิงทําให้ พีหมอก
ดูมีสเน่ห์มากขึน

ผ่านไปตังสามปี …
เวลาสามปี จะพูดว่าสัน ก็คงจะเป็ นเช่นนัน แต่ถ้าหากต้ องรอคอยสิงสําคัญอะไรบางอย่างแล้ ว ผมว่า มันช่าง
ยาวนานจนดูเหมือนกินเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไป

เวลาทีทําให้ ผมเป็ นผู้ใหญ่

เวลาทีผมรู้ สกึ เหมือนต้ องพยายามอย่างหนัก เพือทีจะก้ าวไปข้ างหน้ าให้ ได้

พีหมอกก็คงไม่ต่างกัน

ละมือจากผม ดึงเสือตัวเองออกทางศีรษะ

พีหมอกยืนแขนออกไป แค่ปล่อยมือออก เสือก็ร่วงลงกับพืน เป็ นภาพทีเหมือนจะเกิดขึนอย่างช้ าๆ

เข็มขัด ดึงรวดเดียวก็ออกมา วางทิงลงกับเตียง กางเกงทีถูกปลดแค่ซิปลง

เวลาทีถูกยืดยาวเมือครู่ กลับเข้ าสู่สภาวะปกติ ก่อนจะถูกเร่ง บีบอัดเวลาให้ ผ่านไปไวจนเราต้ องเร่งตาม

ผมก้ มหน้ าลง พีหมอกเงยหน้ าขึน

จูบอีกครัง

จูบทีผลักดันอารมณ์ บอกให้ ร้ ู ส่งตรงความรู้สกึ นันไปถึงจุดทีแสนจะอ่อนไหว

คล้ ายกระดูกทังตัวถูกหลอมเหลว ร่างกายอ่อนยวบเมือถูกจูบนันมอมเมา

แค่จบู …

ก็ร้ ู สกึ เหมือนจะทนไม่ไหว

ไม่ถกู สัมผัสแบบนีมานาน

มือผมเลือนขึนจากต้ นคอพีหมอกทีดึงทังตัวผมเอาไว้ ให้ ทรงตัวอยู่ได้ ขึนไปตามแนวคอ เลือนไปจนอยู่ในกลุ่มเส้ น


ผมนุ่มมือ เผลอขยําเบาๆโดยทีไม่ร้ ูตวั
ริมฝี ปากทีแสนจะหิวโหย

เคลือนตัวเข้ าหากัน ละออก เลือนไปยังแก้ ม ดวงตา หน้ าผาก เหมือนกับพายุทีพัดผ่านไปรอบๆ ไม่หยุดอยู่ใดที


หนึง แต่หมุนไปรอบๆ ต้ องการสัมผัสในทุกๆส่วน เน้ นยําความทรงจําทีเริมเลือนลาง

จูบเต็มไปด้ วยความน่าหลงใหล เป่ าทุกความคิดในหัวหายไปเสียหมด เหลือเพียงแต่แสงสีขาวในความคิด ที


แม้ แต่หลับตาก็ยังเห็น

ละออกมา เห็นริ มฝี ปากทีชุ่มอยู่ตรงหน้ า เล่นเอาผมเขินจนพูดไม่ออก

ความร้ อนวิงพล่านไปทัว จากทีแก้ ม ไล่ลงไปถึงส่วนนัน และคงจะส่งผ่านไปให้ พีหมอกด้ วย รู้สกึ ถึงไอความร้ อน


ในลมหายใจ เหงือเริ มออก ทังๆทีในห้ อง ไม่ได้ เย็นน้ อยลงเลยสักนิด

มีบางครัง ทีรู้ สกึ คิดถึงจนทนไม่ไหว อารมณ์ทีทําให้ ร่างกายต้ องรู้ สกึ ร้ อนผ่าว

เรืองทีทังชาตินีก็จะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าผ่านปั ญหาแบบนันมาได้ ด้วยมือตัวเอง

ผมไม่ได้ จอมสํานวนหรอกครับ แต่มนั เป็ นแบบนีจริงๆ

โดนขัดจังหวะความคิดด้ วยริมฝี ปากทีกดเบาๆปลายคาง เลือนลงมาช้ าๆ ถึงต้ นคอ ก็กลายเป็ นลินแทน

พอถูกเลีย ก็เผลอจินตนาการไปถึงไอศกรี ม

ตัวผมทีเริมละลาย ถูกเลียอย่างช้ าๆ

ดูน่ากลัว แต่ก็อดคิดไม่ได้ ว่าถ้ าหากถูกกินไปทังแบบนี ก็คงจะดีเหมือนกัน

ถ้ าเป็ นพีหมอก..ก็คงไม่เป็ นไร

จะยอมให้ ถูกกินอย่างละโมบ หิวกระหาย

อยากทีจะละลายจนหมด ในความร้ อนทีอารมณ์ สร้ างขึนมา

ลมหายใจถีหอบ
“…ตี”

เสียงกระซิบติดหู

เหมือนถูกเล่นงานถึงส่วนสังการ สมองตือไปชัวขณะ

กดจูบเบาๆทีใบหู เพราะเป็ นส่วนทีบอบบาง จึงไวสัมผัสเสียจนน่าอาย ส่งสัญญาณไปถึงกลางลําตัว สันระริ ก ดี


ทีพีหมอกไม่ได้ สงั เกต ยังคงหมกหมุ่นอยู่แถวริมฝี ปาก จูบซําแล้ วซําเล่า จนได้ กลินเลือดจางๆในโพรงปาก

โน้ มคอผมลงมา ทังๆทีให้ ผมนังคุกเข่า

รู้สกึ เมือยได้ ไม่นาน ความรู้ สกึ อืนก็แทรกเข้ ามา มองข้ ามไหล่ไป เห็นขวดเจลทีไม่ร้ ูว่าถูกหยิบออกมาเมือไหร่ เปิ ด
ฝาวางไว้ อยู่ในรอยย่นของผ้ าปูเตียง

ร่างกายต่อต้ านนิวเปื อนเจลนัน แม้ จะถูกกระซิบบอกให้ ผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ใช่เรืองทีจะทําได้ ง่ายๆ

“..ขอโทษ..”

ไม่ร้ ูว่าจะฟั งรู้เรืองหรือเปล่า เสียงผมปนไปกับเสียงหายใจ เหงือหยดลงกับหลังพีหมอก กอดแน่นกว่าเดิม เมือนิว


แรกเข้ าไปในตัว

“..ขอโทษเรืองอะไร”

ไม่ได้ ตอบ แต่กอดแน่นขึนอีก ขมวดคิวแน่นจนต้ องหลับตาลง

ร่างกายกําลังพยายามทําความคุ้นชินใหม่ รู้สกึ เหมือนเป็ นครังแรก

“อย่างน้ อยมันก็ทําให้ กูร้ ู ว่ามึงไม่ได้ มีใคร”

“จะไปมีได้ ยังไงล่ะ”

ยิมบางๆตอบเท่าทีจะทําได้

รู้ว่าไม่ได้ พดู ด้ วยความสงสัยข้ องใจ ตังใจจะหยอกเล่น เลยไม่ร้ ู สกึ ตะขิดตะขวงใจอะไร


“กูก็มีแต่มึง..”

“รู้อยู่แล้ วน่า”

“มึงไม่ดีใจหรือไง? ทําไมพูดเหมือนไม่สนใจ”

“ผมดีใจนะ แต่ผมรู้อยู่แล้ วว่าพีจะไม่ทําแบบนันกับผมไง”

พีหมอกเงยหน้ าขึนมองแบบนี ผมรู้สกึ เหมือนกําลังถูกออดอ้ อนอยู่เล็กๆ เลยเป็ นฝ่ ายเริ มจูบเอง

จูบทีสองมือของผม รวมกับของพีหมอก ก็คงนับไม่จํานวนไม่พอ

อยากจูบอีก ละออกมาก็คิดแบบนี

เจลไหลลงมาตามแนวขา เย็น มือสองข้ างทีเคล้ นสะโพกผมไปมา ไม่ค้ นุ ชิน อยู่ในมุมมองทีสูงกว่า เรืองแบบนีไม่


ค่อยเกิดขึนเท่าไหร่

“…ได้ รึยัง?”

“อืม”

“ไม่เจ็บ?”

“ไม่ร้ ู ต้ องลองก่อน”

ตอบแบบนันออกไป พีหมอกก็ยกหลังมือขึนปาดเหงือบนหน้ าผากผมออกให้ ยิมบางๆ แค่นนั ก็พอแล้ วทีจะทําให้


ผมยิมตาม

พีหมอกทีตอนนี เติบโตขึน และก้ าวไปสูข่ นที


ั สูงขึน

ผมต้ องพยายามอีกเท่าไหร่กนั นะ ถึงจะดีพอ สําหรับคนๆนีได้

อยากเป็ นคนทีเก่ง ยืนหยัดและพร้ อมทีจะช่วยเหลือพีหมอกกลับได้ อย่างน้ อย ก็ให้ คําปรึกษาหรือมีประโยชน์


มากกว่านี
ถ้ าถามออกไป คงจะถูกต่อว่ากลับมา เลยได้ แต่อบุ ปากเงียบ

อย่างน้ อย สิงนีก็เป็ นสิงทีคอยผลักดันผมมาตลอด

“…อึก!”

เจ็บ

ไล่ขนมาจากแนวหลั
ึ ง เหมือนข้ อต่อแตกออก เจ็บ ร่างกายต่อต้ าน ไม่ค้ นุ ชิน

นําหนักทีผมทิงลงไป ช่วยให้ พีหมอกเข้ ามาได้ แต่ต้องใช้ เวลาอีกพักใหญ่ กว่าร่างกายจะปรับตัว

น่าแปลก

ร่างกายจดจําพีหมอกได้

ทีต่อต้ าน เพราะห่างจากเรืองนีไปนาน แต่พอเชือมต่อกันแล้ ว ทุกอย่างก็ดเู หมือนสิงทีเคยเกิดขึนมาก่อน จดจําได้


ทุกอย่าง แม้ กระทังสิงทีถ้ าให้ นกึ ก็คงต้ องบอกว่าลืมไปแล้ ว

ยอดอกถูกดูดเม้ มจนเปลียนสี เบียงเบนความสนใจออกจากส่วนทียังเจ็บอยู่ ทิงตัวจนต้ นขาแนบอยู่กบั ตักพี


หมอก ถูกรังตัวไว้ เห็นเพียงกลุ่มผมจากมุมมองนี

เสียงค่อยๆหลุดออกมาจากลําคอ

เหมือนฟองสบู่ทีลอยขึนจากผิวนํา บังคับไม่ได้

เริมจากเสียงสันๆ ลมหายใจทีดังเป็ นบางจังหวะ

พีหมอกเริมขยับตัว

เสียงเหล่านันลอยออกมาไม่หยุด เหมือนฟองสบู่ทีแตกออก หยดสบู่เล็กๆกระจายตัวออกคล้ ายพลุ ทีสว่างพร่า


จนต้ องหลับตาลง

แรงทีดันขึนมา นําหนักตัวผมทีกดลงไป
เสียงเนือทีแสนหยาบโลน วิงแตะทีใบหู ความอายถูกลืมทิงไป ขยับตัวเข้ าหากันเหมือนเป็ นสิงเดียวทีร่างกาย
สามารถทําได้ ในเวลานี

มือเลือนสัมผัสไปตามร่ างกาย สํารวจทุกพืนทีของกันและกัน

จากต้ นคอ เลือนมาทีแผ่นอกพีหมอก สัมผัสได้ ถงึ กล้ ามเนือหน้ าท้ อง เรียงตัวสวยจนน่าอิจฉา ไล่กลับไปทีต้ นแขน
ตรงนีก็มีกล้ ามเนืออีก ทําได้ ยงั ไงกันนะ

คําถามถูกดันออกไป ตัวลอยสูงขึนในเวลาสันๆ รู้สกึ ว่าถูกไล่ต้อนเข้ ามา ลึกเข้ ามาเรือยๆ ทุกครังทีสวนตัวกลับไป


จุดไหวสัมผัส ถูกกระตุ้นซําแล้ วซําอีก

มือทีวางอยู่บนแผ่นอกพีหมอกถูกคว้ าออกมา กุมแน่น ทังๆทีเป็ นคนไม่ชอบกุมมือใครแท้ ๆ ในเวลานี จับไว้ แน่น


เหมือนผมจะหายไป

“..ไม่ใช่..”

เสียง ได้ ยินไม่ชัด

ผมเงียหูฟัง สติเหลือเพียงน้ อยนิด จับคําได้ เป็ นห้ วงๆ

พีหมอกพิงศีรษะเข้ ากับผม มือข้ างทีเหลือโอบเอวไว้ แน่น แรงกระแทกไม่ได้ ลดลง แต่เพราะสมาธิอยู่กบั คําพูดนัน


จึงรู้ สกึ เหมือนทุกอย่างช้ าลง

“..ไม่ใช่ฝัน..”

สันเครือ

แผ่วเบา

“ไม่ใช่ฝัน…ใช่ไหม?”

หยุดนิง

การเคลือนไหวทังหมด ถูกหยุดไว้
รู้สกึ ถึงความชืนทีอยู่ติดกับผิวหนัง มือถูกบีบ ปลายนิวนันสัน

“พีหมอก…”

“ตอบกูมาสิ มึงไม่ใช่ฝันอีกใช่ไหม? กูจะต้ องตืนขึนมา พบว่ากูแค่ฝันไปเองอีกหรือเปล่า?”

ไม่ยอมเงยหน้ าขึนมามอง

กอดผมแน่น เหมือนเด็กตัวน้ อย น่าสงสาร น่าเอ็นดูเสียจนทนไม่ไหว

“ไม่ใช่ฝันสิ..” รู้สกึ หายใจไม่ออก ทีตา ร้ อนไปหมด “ต่อให้ ฝันเก่งขนาดไหน ก็ฝันให้ หล่อเท่าผมตัวจริงไม่ได้ หรอก
..”

“..หึ”

วางมือลงกับผมพีหมอกช้ าๆ ลูบช้ าๆ

ผมไม่เคยทําแบบนีมาก่อน พีหมอกไม่เคยแสดงด้ านอ่อนแอออกมาให้ เห็น ต่อให้ ร้ ู สกึ เจ็บแค่ไหน ก็จะแค่ขมวด


คิว สือผ่านสายตาเท่านัน

เสียงลมหายใจไม่สมําเสมอนันลดลง หยดนําไหลลงจากหน้ าท้ องผม ลงตํา

ในใจลึกๆ ดีใจ ทีได้ เห็นพีหมอกมุมนี มุมทีไม่เคยมีใครได้ เห็น

จะอ่อนแอก็ได้

เหนือยจะหยุดพักหรือร้ องไห้ บ้างก็ดี

เพราะผมก็อยากทีจะปกป้องพีเหมือนกัน

“อย่าบอกนะ..ว่าพีฝั นถึงผมทุกคืน”

“…มึงมันเหมือนหนังผี”

“ห๊ ะ?”
“เห็นครังนึง ก็ติดตาไปตลอด แม้ แต่ฝัน ก็ยงั ตามไป”

ไม่ร้ ูจะตอบคําพูดแบบไหนดี

งง แล้ วก็ร้ ูสกึ แปลกๆ จะเขินก็ไม่เชิง

“พีไม่ได้ กลัวผีนิ”

“กูเปรียบเทียบ”

ยอมเงยหน้ าขึนมา ผมยกมือปาดรอยนําจางๆรอบตาให้ กดจูบลงไปเบาๆทีเปลือกตา ละออกไป พีหมอกก็พูด

“ตรงนีด้ วย”

ชีทีริมฝี ปาก ผมก็กดจูบลงไป ตอบสนองอย่างเร่าร้ อน บอกให้ ร้ ูว่ากําลังจะต่อในสิงทีค้ างคาอยู่ พีหมอกดันตัว


ขึนมา ลินไล่ต้อนลิน จนผมเสียการทรงตัว

“เหวอ!”

เอนตัวล้ มลงไปกับเตียง ตกใจจนเผลอกอดพีหมอกไว้ แน่น

มือข้ างนันยังไม่ถกู ปล่อยออก วางอยู่เหนือหัวผม เหงือชุ่มจนลืนไปหมด

เท้ ายืนเลยออกไปจากขอบเตียง หดกลับเข้ ามา พีหมอกอยู่กลางระหว่างหัวเข่าสองข้ าง เริมขยับตัว เหมือนนอน


อยู่บนเตียงทีเกิดแผ่นดินไหว ภาพขึนลง คล้ ายดูหนังจากกล้ องในมือทีถ่ายเอง ในโฟกัสเบลอนันๆ มีเพียงพี
หมอก ทีชัดเจน

หยดนําหล่นมาจากข้ างบน

ไม่ใช่นําตา เป็ นแค่เหงือ

เงยขึนมองตา ถูกเข้ าใจว่าเป็ นการอ้ อนว้ อน ริมฝี ปากประกบเข้ าหากันอีก

เสียงชุ่มชืน ไม่ร้ ูดงั จากการจูบ หรือเป็ นสิงทีอยู่ข้างล่างนัน


“อือ..อึก…อือ!”

มีแต่เสียงแบบนีหลุดออกมาจากลําคอ ทุกครังทีกักเสียงไว้ พีหมอกก็จะเพิมแรง จนต้ องเผลอเปล่งเสียงออกมา

ได้ ยินเสียงครางตําๆจากพีหมอก

ดีใจ ทีไม่ได้ มีแต่ผม ทีรู้ สกึ ดีแทบบ้ าไปแบบนีแค่คนเดียว

ดี ดีเป็ นบ้ า

เป็ นการเมคเลิฟทีคิดว่าอีกสิบปี ต่อจากนีไป ก็ยังจะจําได้

ทังแรง หรือสติ ถูกกร่อนออกไปช้ าๆ

มีแต่อารมณ์ทีควบคุมทังร่างกายให้ เคลือนไหวไปตามจังหวะ สอดคล้ องกัน

สิงทีเห็นได้ ด้วยตา กับสิงทีสัมผัสได้ ด้วยใจ หลอมรวมกันช้ าๆ

สุดท้ ายก็เป็ นผม ทีทนไม่ไหว ไปถึงปลายทางก่อน

ตัวสัน แรงเฮือกสุดท้ ายถูกสูบออกไป มองหน้ าท้ องทีเปี ยกชืนของตัวเอง ของเหลวทีไม่ไหลไปไหน สีข่นุ ราวกับ
นํานม

ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ ว

ร่างกายบอกไม่ไหว แค่นีก็ร้ ู สกึ เหมือนจะเป็ นลมเสียให้ ได้

พีหมอกขมวดคิว ดึงมือผมขึนไป กดริ มฝี ปากลงข้ อนิวชี ก่อนจะฝั งรอยฟั นลงไปช้ าๆ เร่ งจังหวะกระแทกเข้ ามาอีก
สองสามที ก็หยุดลง

ลมหายใจทีแรงเหมือนไปวิงรอบใหญ่ๆมาสักรอบ ดังสอดประสานกันไปอีกสักพัก แล้ วค่อยๆเบาลง

ถอนตัวออกช้ าๆ
เหนือยและอิมเกินกว่าจะทําติดกันสองรอบ โดยทีไม่หยุดพัก

หน้ าผาก แก้ ม จมูก ริ มฝี ปาก พีหมอกกดริ มฝี ปากเน้ นๆ

อยากจะจูบกลับ

แต่ตอนนีคงต้ องขอนอนสักรอบก่อน ตืนเมือไหร่ จะจูบหรือจะทําอะไร ก็จะปล่อยให้ ทําเต็มที

ผมหลับตาลง

แสงสีขาวหลังเปลือกตา สีดําค่อยๆกลืนลง ไม่ได้ เหน็บหนาว ร่ างกาย ถูกโอบกอดไว้ แน่น ความนุ่มของเนือผ้ า ที


ห่มคลุมเราทังคู่ ผมรู้ สกึ คุ้นเคยกับสิงเหล่านี

“ตี อย่าพึงหลับ..กูยงั มีเรืองทียังไม่ได้ บอกมึง”

อะไรกันนะ เรืองทีจะบอก

ประครองสติไว้ สาบานได้ ว่าผมพยายามแล้ ว

“..คิ..ถึง…”

ฟั งไม่ได้ เป็ นคํา

เสียงทีเบาจนแทบจะไม่ได้ ยิน ดูห่างไกลจากผม ทังๆทีผมอยู่ในอ้ อมแขนนี

รู้น่าว่าพูดอะไร ไม่ต้องพ่นลมหายใจหงุดหงิดแบบนันก็ได้

ผมยังไม่ได้ หลับสักหน่อยตอนทีพีพูด แค่เหนือยจนไม่อยากขยับตัวหรือลืมตาขึนมาเท่านันเอง

ผมก็คิดถึงพีมากเหมือนกัน

คิดถึงจนถึงขันทีว่า ถ้ าพีรู้ พีคงจะต้ องตกใจ

ผมยิมออกไป ยิมทังๆทีหลับตา และกําลังจะหลับแบบนี


ใช้ เวลาสันๆ สติทีเหลือก็หลุดออกไป

…………………………………
…………………………….

[B.N.17 : complete]
[16.6.55]

ฮัลโหล

ยังมีใครจําป๋ มได้ อยู่หรือไม่


หายไปเหมือนหลบภัยอยู่นอกประเทศ
ยังไงก็ขอฝากไว้ ถ้ าไม่ดี ก็คงจะไม่ได้ แก้ แล้ ว ตอนนี เท่าทีสังเกตดู จะไม่ว่างไปอีกสักพักใหญ่ๆ อย่างเร็วก็อาทิตย์
สองอาทิตย์ต่อตอน TT ว้ ากกก แข่งกีฬาทําไมเยอะแยะขนาดนี TT เวลาพักไม่มี เรียน ทํางาน ว้ ากกกกกกกก

ตอนนีขอลาไปนอนแล้ วล่ะท่าน กราบขอประทานอภัยทุกท่านทีปล่อยให้ รอนาน TT งานก็ไม่แน่ใจว่าดีทีสุดด้ วย


หรือเปล่า ตรงไหนข้ องใจอะไร ขอโทษ ณ ทีนีเลยนะคับ TT

Exam

สอบมิดเทอมใกล้ เข้ ามา


แอบเห็นหมอก คนขยัน นังตัวแข็ง มองจากมุมนี เห็นไม่ชดั เหมือนตังใจจดเลค แต่ความจริงไม่ใช่ เขานังท่านีเกิน
ห้ านาทีแล้ ว เป็ นคนไม่ค่อยจะขยับตัวก็จริ ง แต่นีถึงขันไม่จด ดูจะเกินไป

นังอยู่เก้ าอีชันสูงกว่า แล้ วก็นงมองแบบนี


ั มาสักพักแล้ วด้ วย หมอกเป็ นคนทีอยู่ด้วยกันมาสามปี แต่ก็ยังไม่เคยคุย
ฟั งดูประหลาดแต่ก็เป็ นอย่างงันจริง

เป็ นคนทีดูเข้ าไม่ถงึ

ตอนเข้ ามาในคณะ เป็ นคนทีรุ่นพีทาบทามไปเป็ นหลีดคณะ แต่ก็ปฏิเสธจนเสียรุ่นพีรุ่นน้ องไป เหลือแค่รุ่นพีไม่กี


คนทีคุยกันถูกคอ ดูเหมือนเจ้ าตัวก็จะแฮปปี ดีกบั การอยู่กบั คนคอเดียวกันเท่านัน ไม่ค่อยคุย หน้ าดูเหมือนใส่
หน้ ากากไว้ ตลอดเวลา มีแค่สหี น้ าเรียบเฉย

หาวหวอด มองเนือหาบนโปรเจคเตอร์ ในห้ องเลคใหญ่ขนาดนี พนันเลยเถอะ ว่ามีคนเข้ าใจไม่เกินหกคนหรอก

เผลอเตะเท้ าไปโดนเก้ าอีทีเขานังอยู่ ยังไม่ขยับ นังกลันหายใจมองไปทางอืนอยู่สกั พัก เขาก็ยังไม่ร้ ูสกึ ตัว เลยลอง
เตะดูอีกรอบ

นําหนักทีเขาพิงอยู่กบั แขนสินสมดุล เป็ นครังแรกทีเห็นมุมหลุดๆของเขา เหมือนตกจากทีสูงในเวลาสันๆ เขาตืน


ขึนมา เงยหน้ าขึนมองโปรเจคเตอร์ ก่อนจะหันหน้ ามองไปทางซ้ ายเพียงครึงเดียว ก็รับรู้ได้ ว่าเขากําลังมองมาทาง
นี

“ขอโทษค่ะ”

หลุดพูดออกไป

เขาไม่ได้ ตอบกลับ วางปากกาทีอยู่ในมือ มันอยู่อย่างนันมานานจนคิดว่าคงจะเปี ยกเหงือในมือเขา

หมอกหยิบมือถือออกมา หน้ าจอเป็ นรูปใครสักคนทีมองเห็นไม่ชดั เขาใช้ ตวั ทังตัวบังมือถือนันไว้ เพือนข้ างๆเขา


หลับกันหมด คนทีชือโก้ หงายหน้ ามาข้ างหลัง อ้ าปากหวอ เห็นเพือนทีนังข้ างๆถ่ายรูปเก็บไว้ แบลค์เมลล์ตงแต่

ต้ นคาบ

เสียงเมสเสจ
หมอกรีบคว้ ามือถือทีวางอยู่บนโต๊ ะเล็กๆ เหมือนเขารอมันอยู่ตงแต่
ั ว่าง แม้ เห็นแค่หลัง แต่ก็ร้ ู สกึ ได้ ถงึ ความมี
ชีวิตชีวาในตัวเขาทีไม่เคยเห็นมาก่อน หมอกถือมือถือไว้ แบบนัน ข้ อความสันๆ มีแค่ประโยคเดียว ถ้ ามองไม่ผิด
รู้สกึ แย่ทียุ่งเรืองของชาวบ้ าน แต่เพราะยังมีความสนใจอยู่มาก เลยเพิกเฉยจริยธรรมไป

เห็นมุมปากนันยกขึน

เวลาสันๆ เพียงแค่ชววิ
ั นาทีจนคล้ ายกับว่าแค่ตาฝาดไป

ยิม

เขาคนนีน่ะหรอ จะยิม ฟั งดูเป็ นเรืองขํา

ดูท่าจะต้ องขําออกมาเสียงดัง

เขายิมอีกครังให้ กบั หน้ าจอมือถือของเขา ยิมทีแสนจะมีค่าและหายากเช่นนัน เขากลับถ่ายทอดออกมาได้ อย่าง


อ่อนโยนจนแทบไม่น่าเชือ

อยากจะเห็นจริงๆ ว่ารูปทีหน้ าจอนันคือใคร

ไม่มีใครรู้ข่าวคราวเรืองรักๆของเขา เพือนๆทีปิ ดปากเงียบ หรือเรืองซุบซิบทีไม่เคยเกิดขึน

ดูท่าวันนี คงมีเรืองให้ คุยกับเพือนตอนเลิกเรี ยนแล้ วล่ะ

……………………………………….
…………………………..

สอบมิดเทอมผ่านไปแล้ ว
ทีเหลือ คงมีแต่ความพินาศทีรออยู่ข้างหน้ า

สถาปั ตย์ คณะทีไม่ต้องกังวลเรืองสอบข้ อเขียนข้ อกาเท่าชาวบ้ าน แต่หมดเวลาชีวิตทังหมดไปกับการนังตัดโม


แทบไม่น่าเชือตัวเองว่าผ่านจุดนันมาได้ อย่างไร ช่วงเวลาสันตายทีสุดแสนจะน่าหวาดเสียวแบบนัน

เห็นไอ้ ตีวิงออกไปอ้ วก ท่าไม่ดีแต่เช้ า ไม่ได้ นอนพอๆกัน แต่มีไอ้ ตีทีดูจะหนักสุด

“ไงบ้ างวะ”

“เกือบตายสิวะถามได้ ”

หน้ าซีด เพือนรีบโยนนําให้ มนั กิน มันล่อทีเกือบทังขวด

“ทําไมต้ องเรี ยนด้ วยวะ? ประวัติศาสตร์ ถาปั ตย์ กูไม่เห็นจะเห็นประโยชน์ ”

พยักหน้ ากันหงึกหงัก

ขอบตาแต่ละคนแทบจะเรียกได้ ว่าถุงกาแฟ คณะนีโหดขริงๆ ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ คุณสมบัติ คือการอดนอนขันเทพ


ปั นโมทีไม่ใช่แค่ของกลุม่ เราเท่านัน แต่ยงั ทังของรุ่นพีรุ่นน้ องอีก

“จะไปไหนต่อวะ”

“กะกลับไปนอนว่ะ อยากอาบนําด้ วย ไม่ได้ อาบมาสักพักละ”

ตีพยักหน้ า ไม่ได้ พดู ต่อ เดินเข้ าไปใกล้ ได้ กลินเหงือจางๆ คงเพราะไม่ได้ อาบนําพอๆกัน

“แล้ วมึงอ่ะ จะไปไหน”

“กลับบ้ านเหมือนกันวะ”

“กลับไง”
“ต้ องรอว่ะ พีกูยังสอบไม่เสร็จ”

“บ้ านมึงอยู่แถวไหน เดียวกูไปส่ง”

“เฮ้ ย ไม่เป็ นไร”

“กูก็ไม่เป็ นไร”

“ไป ไอ้ ตี หน้ ามึงไม่ไหวแล้ วเนีย เดียวกูโบกแท็กซีพามึงไปส่งบ้ านเอง”

“กูบอกไม่เป็ นไรก็ไม่เป็ นไรสิวะ..มึงไม่เข้ าใจคําว่าไม่เป็ นไรของกูแหง”

ยืนๆอยู่ก็เซ เพือนๆรีบเข้ ามาพยุง ยังแปลกใจทีมันทนสอบจนจบได้ ยงั ไง

“มึงก็โทรบอกพีมึงไป ว่าเดียวมีคนไปส่ง”

“ก็กบู อกว่าพีกูสอบอยู่ไง”

“พีมึงไม่ว่าอะไรหรอก ไปเหอะ”

เพือนรอบๆพยักหน้ าเห็นด้ วย เห็นมันทําหน้ าแบบนัน เข้ าใจว่ามันจะอ้ วก แต่ไม่ใช่ มันแค่ลําบากใจ

ไม่ได้ สนิทกันเท่าไหร่ ได้ ทํางานกลุม่ ด้ วยกันครังแรก งานเมือคืนก็ปันข้ ามคืนมาด้ วยกัน อยากตอบแทนการ


ทํางานหนักของมันสักนิดก็ดี

ไอ้ ตีดูเหมือนจะกากเกรียนไปวันๆ แต่ก็เอาจริ งกับงาน ถึงเวลากลับดูเป็ นผู้ใหญ่ กว่าทีคิด ตัดสินใจเมือทุกคน


เงียบ คิดทางเลือกให้ เมือทุกคนลังเล

มันเป็ นคนปั นจักรยานออกไปซือข้ าวให้ ทกุ คนมาเมือคืน ตอนทีคิดว่าจะตายซะแล้ ว ก็มีกลินข้ าวผัดลอยมา

ถามมันบ้ านอยู่ไหน ได้ ยินทีอยู่ก็ตกใจ เคยได้ ยินมา เรืองเกียวกับมัน แต่ไม่ใช่แบบนี

ยิงพอรถแท็กซีไปจอดถึงตัวคอนโด ก็ยิงตกใจ คนแถวนันก็ดรู ้ ูจักมันดี ถึงขันหยิบคียการ์ ดออกมา รู้ สกึ เหมือนเป็ น


คนโง่ตลอดๆ
มันคงเห็นหน้ างงๆ เลยพูด “บ้ านพีกูอ่ะ”

“…พีมึงนีสุดยอดเลยว่ะ เรียนคณะอะไรอ่ะ”

“วิศวะ ปี สามแล้ ว”

มีเพือนเรียนวิศวะ เลยลองถามดู “ชืออะไร เพือกูร้ ูจกั ”

“หมอก อัษฏา มึงไม่ร้ ูจักหรอก”

“เดียว เดียว กูร้ ู จกั ใช่ทีเป็ นนักบอลตอนงานเกียร์ สมั พันธ์ หรือเปล่า”

มันทําหน้ างงๆ ตอบ “เออ คนนันแหละ”

บ้ าน่า

คนแบบนัน อยู่บ้านหลังเดียวกับตีอ่ะนะ?

นีอาจเป็ นเรืองตลกก็ได้

ตอนทีคิดแบบนัน ตีก็รีบวิงไปทีห้ องนําชันล่าง ได้ ยินเสียงก็พอรู้ว่าอาการหนักอยู่ ตะโกนถาม “เดียวกูไปซือยาให้


นะ” มันไม่ตอบอะไร มีแต่ตบผนังห้ องนํากลับมา เลยวิงไปซือให้

วิงผ่านรถบีเอ็มคันหนึงทีสวยจนต้ องมองตาม

ไม่สิ มันก็สวยเหมือนกันทุกคันนันแหละ แต่คนั นีดูมีราคาตังแต่ล้อแม็ก ตัวรถสีดํา ไม่มีรอยขีดข่วน ไม่เห็นหน้ า


คนขับเพราะใส่แว่นกันแดดไว้ รถคันนันมุดหายเข้ าไปในลานจอดรถชันใต้ ดิน มองจนหายลับไป ก็นึกธุระที
ออกมาทําได้ ต่อ จึงเดินไปถามแม่ค้าทีอยู่แถวนัน

กลับมาพร้ อมยา เดินไปหาในห้ องนํา ไม่อยู่ เดินออกมา ก็ไม่เห็น เลยโทรหา

“เฮ้ ย ตี อยู่ไหนวะ กูซือยามาให้ ”

“…นันใคร”
“ห้ ะ?” มองหน้ าจอมือถือ ก็เขียนว่า’ตี’ชัด “กูไง”

“กูไหน ไม่ร้ ูจัก”

ไม่ใช่เสียงตี

“มึงเป็ นใคร”

“แล้ วนันใครล่ะ? ตีอยู่ไหน”

“ตีอยู่กบั กู”

ได้ ยินเสียงตีพูด ’เฮ้ ย อย่าดิ’ ดูร้อนรน แล้ วตามด้ วยเสียงไอของมันยกใหญ่

“ผมเพือนตี ซือยาแก้ อ้วกมาให้ มนั แต่หามันไม่เจอ มันอยู่ไหน”

พูดจบ แต่ยงั ไม่ได้ ยินเสียงอะไรตอบกลับมา

สายถูกตัดไปแล้ ว

โทรเข้ าไปใหม่ ติดต่อไม่ได้ มือถือถูกปิ ดทิง

รีบกดโทรหาเพือนมันคนอืน ยังอยู่ในสภาวะงงงวย

“เฮ้ ย ไอ้ โจ๋” เล่าเรืองคร่าวๆให้ มนั ฟั ง “ใครไม่ร้ ูแม่งรับสายว่ะ ตอนนีกูหาไอ้ ตีไม่เจอ ไม่ร้ ู มนั ขึนห้ องไปหรือยัง โทร
ตอนนีก็ไม่ติด ปิ ดเครืองไปแล้ ว”

ไอ้ โจ๋กลับตอบมาด้ วยเสียงเนือย “เสียงทีตอบมึงห้ วนๆดุๆป่ ะ”

“…เออว่ะ” นึกขึนได้ “ทําไมวะ มึงรู้ ได้ ไงเนีย”

“เฮ้ อ”มันถอนหายใจยาว “หมดหน้ าทีมึงแล้ ว กลับบ้ านไปเถอะ”

“เฮ้ ย เรืองอะไรเนีย กูตามไม่ทนั ”


“พ่อมันเองอ่ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอก มึงกลับบ้ านไปนอน แล้ วอย่าพึงโทรหาช่วงนีน่ะ ไม่งนจะเป็
ั นมึงเองทีดวงกุด
“ พูดยาวยืดด้ วยเสียงเนือยๆ แล้ วก็พดู ต่อเป็ นการจบประโยคว่า “โชคดีละ่ มึง กูนอนต่อละ”

ยังอยู่กบั ความงงงวย

พ่อหรอ?

คงเป็ นพ่อทีหนุ่มและไร้ มนุษย์ สมั พันธ์ ทีสุดคนนึง ไหนบอกว่าอยู่กับพี หรือว่าชีวิตทียากลําบากคือตอนอยู่กบั แม่


แล้ วชีวิตสุขสบายคือตอนอยู่กบั พ่อทีเป็ นคนระดับไฮคลาส อย่างนันน่ะหรอ?

รู้สกึ ชีวิตซับซ้ อนขึนทุกวัน

กําลังจะเดินออกไปด้ วยความงง ก็ถกู เรียกไว้ “เดียว”

หันหน้ ากลับไปมอง นักศึกษาสถาบันเดียวกัน ดูจากหัวเข็มขัด หน้ าตาดูค้ นุ ๆ แต่นึกไม่ออก เดินมาหา ตัวสูง หุ่น
ดูมีกล้ ามเนือ สิงทีโดดเด่นสุดคงเป็ นดวงตา ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถกู ถึงจะบอกว่าเป็ นพี แต่คิดว่าอาจเป็ นแค่
ญาติห่างๆ ห่างมากๆ ไม่มีกลินอายทีเหมือนกันสักนิด

หมอก

คนนีคือหมอก?

“เพือนตีหรอ?”

“ครับ”

“ซือยาแก้ อ้วกมาหรือเปล่า”

“อ่อ..ฮะ”

เขาหยิบกระเป๋ าตังค์ขนมา
ึ คว้ าแบงค์ สมี ่วงออกมา คว้ าถุงยาออกไปจากมือ ไม่สนใจอะไร แล้ วยัดแบงค์ห้าร้ อย
นันมาแทน

“เดียว ทังถุงนีแค่-“
หันหลังกลับไปแล้ ว เดินตามไป ทังถุงนียังไม่ถงึ ร้ อยนึงด้ วยซํา

เดินเร็วมากจนต้ องรีบสาวเท้ าตามไป เข้ าไปในส่วนทีต้ องใช้ คีย์การ์ ด ประตูปิดลงก่อนทีจะคว้ าไว้ ได้ ทนั

เขาดูไม่สนใจอะไรทังนัน ถือถุงยาไว้ กดลิฟท์ แล้ วเดินหายไปในนัน

ได้ แต่ยืนอึง มองแบงค์ทีอยู่ในมืออย่างไม่เข้ าใจ

……………………
…………….

สองวันถัดมา หลังจากนอนเต็มอิม เปิ ดมือถือขึนก็เจอเมสเสจสันๆจากเบอร์ ทีไม่ร้ ู จกั ว่า

อย่ายุ่งกับตี ถ้ าไม่อยากมีเรือง

………….
………………………..

[Exam:complete]
[19.8.55]

ชีแจ้ ง
cn9095 ดองจริง ยอมรับผิด ไม่ดิน ไม่อะไรทังสิน
แต่ก็ไม่ได้ ทิงไปไหนนะ ไม่ร้ ูจะทํายังไง เลยเขียนพิเศษสันๆมาให้ อ่านคันเวลาไปก่อน เป็ นตอนทีดูไม่ค่อยมีอะไร
แถมอยู่ภาค Coinด้ วย

เนืองจากพึงสอบเสร็จหมาด ความปวดร้ าวยังเหลืออยู่

แต่ไม่ได้ ทิงตีหมอกไปไหนนะ ตอนนีงานทีทําก็เกียวตีหมอกล้ วนๆด้ วย

โทษทีค้าบ

B.N. 18

ผมได้ รับข้ อความแรกตังแต่หกโมงเช้ า

ละสายตาออกจากโน้ ตบุ๊ค คว้ ามือถือทีวางอยู่บนโต๊ ะข้ างเตียงขึนมา

‘ตี วันนีเข้ าออฟฟิ สด้ วยนะ 9.50’

วันเสาร์ ปกติไม่ต้องเข้ าบริษัทถ้ าไม่ใช่งานเร่ งด่วน เบอร์ ทีส่งมาคือพีโต้ ง คิดว่าน่าจะงานสําคัญ อาจจะเกียวกับ


หนึงในสามงานทีทําอยู่ตอนนีก็ได้

วางมือถือลงข้ างตัว ยังไม่ปล่อยมือออกจากมันดีด้วยซํา ก็ถกู หยิบ ลอยหวือเข้ าไปอยู่ในมือคนทีผมคิดว่ายังหลับ


อยู่

“..โต้ ง…ใคร?”

“หัวหน้ าผมเอง”

พีหมอกหรี ตามอง แสงจากมือถือขาวดําก็ดจู ะแรงไปหน่อยสําหรับคนพึงตืน

“…วันนีก็ต้องไปทํางาน?”
“อืม นิดหน่อย”

“ตืนตังแต่กีโมง”

“ตีสามกว่าๆ”

ตืนขึนมาเข้ าห้ องนํา แล้ วก็นกึ ขึนได้ ว่ายังมีงานค้ างอยู่

อดหลับอดนอนเป็ นเรืองธรรมดา ตอนนีได้ นอนมากกว่าตอนเรี ยนด้ วยซํา ไอ้ พวกผมเหมือนจบคอร์ สแพนด้ าค้ าง
คืน แค่นี เด็กๆ

“ไม่ง่วงหรอ”

พอได้ ยินเสียงถามเบาๆแบบนัน ฟั งแล้ วก็ร้ ูสกึ ง่วงขึนมาจริงๆ

ล้ มตัวลงนอน พีหมอกไม่ได้ หลบ เลยนอนทับแขนพีหมอกเต็มๆ เมือก่อนชอบบ่นว่าทําแบบนีแล้ วแขนจะเป็ น


ตะคริว ไม่เป็ นไร เป็ นตะคริวแล้ วบอก เดียวผมช่วยนวด

โน้ ตบุ๊คอยู่บนตักเลือนตามตัว พีหมอกเอือมตัวไปพับฝาโน้ ตบุ๊คลง แล้ วเลือนมันลงจากตัก หล่นตุ้บลงบนเตียง

“ขีเกียจจัง”

“....ลาออกสิ”

“หา?”

ทําหน้ านิงๆ ไม่ ก็ทําหน้ าแบบนีมาตลอดอยู่แล้ วนีน่า เล่นเอาผมคิดว่าหูฝาดไปเอง พีหมอกพูดซํา

“เลียงเด็กอย่างมึง แค่นีไม่ใช่เรืองลําบาก”

“แต่ผมไม่ได้ ทําเพือเลียงตัวผมคนเดียวหรอกนะ”

“จะม๊ ามึง เฮียมึง หรือเพือนมึงกีสิบคน ก็บอกมา กูไม่เดือดร้ อนสักนิด”

“พูดแบบนีอีกแล้ ว”
“เรืองจริ ง”

“ครับๆ ป๊ า ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็ นไรหรอก เรืองแค่นี สําหรับผมก็ยงั ได้ สบายๆเหมือนกัน”

“ไม่ไหวก็บอก”

“อือ”

“มีอะไรต้ องบอกกูก่อนคนแรก”

“แม้ แต่ม๊าก็ไม่ได้ หรอ?”

“ไม่ได้ ”

“ใจแคบจัง”

“ใจกว้ างไม่เป็ น และไม่คิดจะทํา”

“หัวใจพีแค่นีหรือเปล่า?” เว้ นช่องว่างระหว่างนิวโป้งกับนิวชีขนาดเท่ายางลบชินเล็กๆ พีหมอกก็พูดต่อ “แคบกว่า


นันอีก” เลยหลุดหัวเราะออกมา

“ผมไม่ลาออกหรอก ไม่คิดจะทําด้ วย”

พีหมอกเงียบ ไม่พดู อะไร แต่ก็ไม่ได้ ไม่ฟังอยู่

“งานนีสนุกจะตาย ได้ เจอคนหลายๆแบบ งานหลายๆสไตล์ ผมรู้ สกึ ว่าถ้ ายิงทํางานมากเท่าไหร่ ก็จะยิงเก่งขึน


เท่านัน เลยอยากทําอีก ทําเยอะๆ”

“ลาออกซะ”

“ห้ ะ?”

อยู่ๆก็ขมวดคิว ทําท่าทางฮึดฮัด ดึงแขนออกไปจนผมต้ องกลิงลงนอนกับหมอน ลุกขึนนังแล้ วหันหลังให้ แบบนัน


มองจากมุมผมทีเป็ นภาพตะแคง ดูพีหมอกตัวใหญ่ปกติ แต่ทีว่าใจแคบนิดเดียวนันคงเป็ นเรืองจริง พูดแต่ละคํา
เล่นเอาต้ องรีบแกล้ งฮัดชิว แก้ บรรยากาศจักกะดึย

“เดียวมึงจะสนใจงานจนลืมกู”

ยิมโชว์ฟันเลยครับ เหมือนเสือตัวใหญ่ ใส่ทีคาดผมเป็ นรูปหูกระต่าย เป็ นความน่ารักทีซ่อนไว้ ลกึ นานๆออกมาโชว์


ทีแบบนี พีหมอกส่งทิชชู่มาให้ เอามาซ่อนรอยยิม กลัวจะเป็ นพีหมอกทีเขินเอง

“ขําไร”

“ปล่าวว— อึ” ทําเสียงสูงตอนเช้ าๆ เสียงก็แปร่งแถมยังเพียนหลบในอีก แม้ แต่พีหมอกยังหลุดขํา

ทิชชู่ถกู ดึงออกไป ขาดอยู่ทีมือผมส่วนหนึง ผมปล่อยออก เอาแขนสองข้ างยกขึนปิ ดรอยยิมไว้ แทน

“เอาแขนออก”

“ไอ่อ่ะ เอียวอีโอด”

ถูกดึงแขนออก ผมรังไว้ พีหมอกเลยกลิงตัวลงมานอนด้ วย

“พูดอะไร ฟั งไม่ร้ ูเรือง”

ผมส่ายหน้ า

เห็นพีหมอกใกล้ ๆ อยู่บนเตียงทีนุ่มแล้ วอุ่นขนาดนี

เช้ านีไม่น่าลุกไปทํางานเลยจริ งๆ

…………………………………………………..
…………………………………….
พีหมอกอาบนําก่อน พอผมอาบนําเสร็ จ ออกมาก็ไม่เห็นอยู่ในห้ องซะแล้ ว

เดินตามลงไป พีหมอกยืนอยู่ตรงนัน กับ..มองจากบันไดไม่เห็น เดินลงมาอีกหน่อย พอเห็นหน้ าก็นกึ ขึนมาได้

ผู้หญิงทีอยู่กบั พ่อพีหมอก เคยเจอกันแค่ครังเดียวก็จําได้

เห็นผม เธอก็มองตอบกลับมาแทบจะทันที เล่นเอาผมหลบไปมุมอืนแทบไม่ทนั

เผ่นเข้ าห้ องครัว ไม่เร็วพอเสียงเรียก

“คุณอธิฐาน…”

“ครับ!”

เพราะไม่ใช่วยั สาวเอ๊ าะ เสียงเธอเลยดูตํา คล้ ายๆกับครูใกล้ เกษี ยณตอนมัธยม เล่นเอาผมเผลอสะดุ้งยืนตรงด้ วย


สัญชาติญาณ

เธออ้ าปาก กําลังจะพูด แต่ก็ถกู พีหมอกยกแฟ้มทีอยู่ในมือบังหน้ าเธอไว้ ไม่ให้ มองมาทางผมได้ อีก อยู่มมุ นีไกล
พอสมควร พีหมอกพูดอะไรสักอย่าง ผมเลยไม่ได้ ยิน พอเห็นทางสะดวก ก็รีบเผ่นแน่บออกมา

จะมาเรืองผมหรือเปล่านะ?

ไม่ มาคุยงานแหง เห็นแฟ้มงานเป็ นตังทีเธออุ้มอยู่ ทํางานสิ พีหมอกก็บอกว่าวันนีมีประชุมเช้ า คงจะมาเพือคุย


อะไรบางอย่างกันก่อนสินะ อย่างนันแน่นอน ไม่มีทางพลาดหรอก พยักหน้ าเพิมความมันใจ

ในครัว เห็นพีแพนนังอยู่ เหมือนจะมารออยู่สกั พักแล้ ว อ่านหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจอยู่ มีถ้วยกาแฟเล็กๆอยู่

“ข้ าวเช้ าหรอครับนัน?”

“อ้ าว…คุณอธิฐาน”

“พีกินแค่นนอิ
ั มหรอ?”
ไม่ได้ พยักหน้ าหรือส่ายหน้ า แต่พบั หนังสือพิมพ์เก็บลง

ยกแก้ วกาแฟขึนดืม ควันฉุย “มาค้ างทีนีหรอครับ?”

“มาเข้ าค่ายลูกเสือครับ”

แถมได้ ประสบการณ์อยู่กบั พ่อเสือทังคืนแบบนี หาทีอืนไม่ได้ แล้ วนะเนีย

“……”

“แหะๆ”

ไม่ขําเลยหรอ ปั ดโถ่

ไอ้ สายตาทีจ้ องเหมือนมองหน้ าผมแล้ วเห็นอดีตย้ อนหลังของผมยีสิบชัวโมงนัน พอเถอะครับ

“รู้หรือเปล่าครับ ว่าหุ้นของT.K. Groupร่วงไม่หยุดมาสักพักแล้ ว”

“……”

“แต่ถงึ อย่างนัน ผมก็รับประกันได้ ว่ามันไม่เกียวข้ องกับเรืองของผู้บริหารโดยตรงสักเท่าไหร่หรอก ถ้ าไม่ใช่เรือง


ป่ วยถึงขันชีวิต หรือการโกงในบริษัท”

เงยหน้ าขึนมามองพีแพน อีกฝ่ ายเหมือนโดนจับได้ ว่ามองอยู่ก็รีบกางหนังสือพิมพ์ พูดต่อ

“ไม่ต้องลําบากใจไปหรอกครับ ไม่มีใครโทษคุณเรืองนีหรอก”

ตกลงพีจะเป็ นฝ่ ายพระเอกหรือยังไงกันแน่ครับ ผมสับสน แต่ก็รีบตอบกลับไป

“…ขอบคุณครับ”

“ไม่ต้องขอบคุณผมด้ วย ผมไม่ได้ ทําอะไรเลย แค่พดู ไปตามเรืองเท่านัน”

“อ้ าว..ครับ”
“แต่ถ้าอยากตอบแทนจริงๆ ช่วยไปบอกคุณอัษฎา ลดงานผม หรือเพิมเลขาอีกสักคนก็คงจะดี”

ผมหลุดหัวเราะออกมา เอามือปิ ดปาก แต่ไหล่ก็ยงั สันจนคิดว่าพีแพนคงจะรู้

ยังไม่ทนั รู้ว่าหน้ าหลังหนังสือพิมพ์นนเป็


ั นแบบไหนตอนพูดประโยคนีออกมา หนังสือพิมพ์ก็ถูกปิ ดลง กลับมาเป็ น
หน้ าของคนทีมันใจของตัวเอง กระดกกาแฟจนหมดแก้ ว แล้ วลุกขึน มองนาฬิกา ทําท่าเหมือนจะเดินออกไป แต่ก็
ยังขาไว้

ในห้ องครัวไม่เหลือใคร เหลือแค่พวกผมสองคน จู่ๆก็พดู ออกมา

“ผมยังสงสัยด้ วยซํา ว่าคนอย่างคุณ ทําไมถึงอยู่กบั คุณอัษฏาได้ ทังๆทีไม่มีอะไรเหมือนกัน แม้ แต่นิสยั ก็ยังดูเข้ า


กันไม่ได้ สกั นิด”

“…..”

“ตอนนีผมอาจจะเข้ าใจขึนมาหน่อยๆบ้ างแล้ ว แต่ก็คิดว่าเรืองทุกอย่างคงไม่ง่ายแบบนัน คุณก็ร้ ูใช่ไหม?”

ผมไม่ร้ ูหรอก

แต่ด้วยลุคอาจารย์แบบนัน ทําให้ ผมเลือกตอบด้ วยคําตอบเดียวกันกับทีทําประจําตอนเรี ยน

“ครับ”

แล้ วก็เงียบ

ผมไม่ร้ ูจะพูดอะไร เพราะจะให้ เริมบทสนทนาใหม่จากเรืองนี ก็คงพูดกันได้ ไม่สนุกเท่าไหร่ แล้ วพีแพนก็ดเู หมือน


จะหมดเรืองพูดแล้ วซะด้ วย แถมทําหน้ าเหม็นเบือเหมือนมีกลินหนูตายอยู่ใต้ จมูก

“ผมต้ องไปแล้ ว ขอให้ โชคดี…” คําอวยพรทีทําให้ ผมขมวดคิว “สวัสดี”

มองตามแผ่นหลังทีเดินตรงเหมือนพีหมอกเป๊ ะ จนสุดสายตาแล้ ว ก็ยงั รู้ สกึ ติดใจกับคําพูดนัน

คงไม่ง่าย…

ใช่
แต่ก็หวังว่าคงไม่ยากเกินไปหรอกนะ

……………………………………….
………………………………..

เกมส์ทีผมชอบเล่นน่ะหรอ?

ถ้ าถามตอนเด็ก ก็คงจะตอบว่ามาริโอ เกมสมัยรุ่นฟามิคอม ทีตัวละครยังเป็ นช่องสีเหลียมรวมร่างกันอยู่ โต


ขึนมาหน่อย ก็เป็ นโปเกมอนรุ่นแรกๆ พอเป็ นวัยรุ่น ก็คงต้ องเรี ยกว่ายุคทองของเกม ทังเกมส์ออนไลน์ ออฟไลน์
สร้ างรังหน้ าจอได้ สบายๆ

มีแค่เกมส์เดียวเท่านัน ทีผมเล่นได้ ไม่ได้ เรืองสักนิด ห่วยบรม หนีทกุ ครังทีต้ องเจอ

เกมส์จิตวิทยา

สงครามเย็น

หรือจะชืออะไรก็ตามทีทําให้ ร้ ู สกึ กระอักกระอ่วน ระสําระส่าย คล้ ายหน้ ามืดจะเป็ นลม ก็แล้ วแต่จะเรียกเถอะครับ

ถ้ ามีคนเอาข้ อสอบมาให้ ทําเวลานี คงจะเลือกตอบ ง.ถูกทุกข้ อ อย่างไม่ลงั เล คิดอะไรไม่ออกหรอก

“…เอ่อ มีอะไรหรอครับ?”

“ตี…”

“พีเรียกชือผมมาจะสิบรอบแล้ วเนีย มีอะไรหรอ?”

“..คือ”

“เอ้ า พูดไม่ได้ เขียนก็ได้ พี ส่งซิกมาก็ได้ ถ้ าไม่มีอะไรผมจะได้ กลับไปทํางานต่อ”


“…งานมึงโดนแคนเซิลว่ะ”

“….”

“…อืม”

“ไหงงัน?”

“ไม่ร้ ูเหมือนกัน ลูกค้ าไม่ได้ บอกอะไรไว้ ”

“…หรอ..”

“เอาน่า อย่างน้ อยก็มีเงินมัดจํานิ”

“…ไม่เป็ นไรพี เรืองแค่นี ผมไม่ฟมู ฟายหรอก”

“แล้ ว..เรืองไอ้ ปัน มีเรืองอะไรกับมันหรือเปล่า?”

“ไม่อ่ะพี ผมว่าพีแกคงแค่เครียดๆมัง ได้ ยินมาว่าเคลียร์ บัญชีผิด ผมคงเป็ นแค่เหยืออารมณ์พีแกเฉยๆว่ะ”

“เออ คิดงีได้ กกู ็สบายใจ”

พีโต้ งหน้ าดูแก่ขนเยอะ


ึ พอถามดู ก็บอกว่า “เมียท้ องแล้ วว่ะ”

“เอ้ า แล้ วไหงทําหน้ าแบบนันวะพี? ต้ องดีใจดิ”

“ไอ้ ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกว่ะ แต่พอคิดเรืองทีจะตามมา .. เฮ้ อ”

“เครียดมากหน้ าแก่เร็ว แค่นีก็เดาอายุพีไม่ถกู แล้ ว อย่าเครียดเลยพี”

พีโต้ งยิมมุมปากให้

บนโต๊ ะพีแกมีงานท่วมไปหมด คงยุ่งไม่ต่างจากผม ไม่สิ ต้ องยุ่งมากกว่าอยู่แล้ ว


“..ไอ้ ตี มึงนีน่าอิจฉาจริงๆ”

“หือ? ยังไง? อย่าชมผมหล่อนะ ฟั งจนเบือแล้ ว”

“…..มุกนีกูก็ฟังจนเบือแล้ วเหมือนกัน เออ แต่ก็ดีว่ะ ฟั งกีครังแม่งก็ยงั ฮา เพราะหน้ ามึงไม่เหมาะกับมุกนีจริงๆ”

ทีพีพูดก็มกุ ใช่ไหมครับ? มุกสินะ?

“มึงไม่เครียดกับอะไรทังนัน…จัดการกับปั ญหา ปั ญหาทีมีเยอะด้ วยซํา อย่างกับมันเป็ นเรืองง่ายๆ มึงดูมี


ความสุขกับทุกเรือง ตลอดชีวิตกูก็มีมงึ คนแรกนีแหละ ทีเป็ นแบบนี”

“เครียดไปก็เท่านันว่ะพี เดียวจะผอมเสียเปล่าๆ” ถอนหายใจพูด ใครมันจะไม่เครียดบ้ างล่ะวะพี? มันก็มีบ้าง แต่


แค่เป็ นช่วงสันๆ “เครียดมากเดียวเมนส์มาไม่ปกติ แล้ วม๊ าจะหาว่าผมท้ อง ท้ องก่อนวัยอันควร เดียวจะเป็ น
ปั ญหาสังคม” พูดแบบนื พีโต้ งก็ฮาเงิบ ดีทีมุกสําเร็จ ไม่งนถ้
ั าเงียบ มันคงเป็ นมุกไม่ฮาพาเครี ยด

“แทนทีจะเอาเวลาไปเครียด เอาไปนังจัดการปั ญหาน่าจะเวิรค์ กว่า ถ้ าผมเป็ นพี ผมจะคิดว่าทํายังไงถึงจะให้ ลกู


เป็ นลูกแฝด ช่วงนีของซือหนึงแถมหนึงมันเยอะ จะได้ ค้ มุ เลียงไปเลยทีเดียว ไม่ต้องรอทีละคน”

“ความคิดดีนะมึง แต่ถ้าให้ ต้องเลียงทีสองคน กูคงตายก่อนลูกโต” สงสัยจะจินตนาการชีวิตแบบนันเอาไว้ แล้ ว ถึง


ได้ ทําหน้ าแหยงแบบนี “เอางานนีไปทําต่อไป ไอ้ เชนมันไม่ทําแล้ ว”

“อู้อีกแล้ ว รายนัน”

“อืม เรียกมาก็เพราะงานนีนีแหละ”

งานร้ านอาหาร รักเลย ทําทีไรได้ กินฟรีทกุ ที

“…โชคดีนะไอ้ ตี”

ตอนจะเดินออกมาจากออฟฟิ ส พีโต้ งก็พดู คํานีออกมา

ไม่เข้ าใจว่าทําไมวันนีถึงมีคนพูดคํานีตังสองครัง แต่ก็พยักหน้ ารับไป


……………………………………….
……………………………..

แวะไปเจอไอ้ โจ๋มา มันบ่นเรืองพีโก้ ไม่หยุด จะหมันอยู่แล้ ว กลับทําตัวตืนเต้ นเหมือนเด็กประถมออกเดท โทรมา


ถามทุกคนเท่าทีจะจิกได้ ซืออะไรให้ ดี งานจัดยังไงดี เชิญใครดี แขกกีคน ต้ องทําบัตรไหม บัตรลายไหน ชุดยังไง
ขนาดทีว่าเห็นเบอร์ นีโชว์บนหน้ าจอเมือไหร่ ก็ต้องนังนึกถึงบุญบารมีทีพีโก้ ได้ เคยก่อ ถึงจะกดรับด้ วยความกลํา
กลืนลง

ผมทีโดนไปแค่สองสามครัง ไม่ร้ ูความทุกข์ของไอ้ โจ๋หรอก แต่หลังจากฟั งมันบ่นสักชัวโมง ก็เริมจะเข้ าใจ

“ชีวิตหลังเรียนจบ ไม่เห็นเป็ นอย่างทีกูคิดซักนิด ตอนนันก็มวั แต่อยากเรียนให้ จบ ตอนนีก็พดู แค่ว่านีแม่งมันเชีย


อะไรวะ? มหาลัยงานหนักแค่ไหน กูก็โอเคนะ แต่นีมันไม่ใช่ว่ะ”

“เออ กูเข้ าใจ”

เล่นจะเมาตังแต่ฟ้ายังไม่มืด ห้ ามไปสองสามครัง ถึงยอมเลิกแผนเมาโลกควํา

“กูกลับละ”

“อ้ าว? รีบไปไหนวะ”

“นัดฟ้าไว้ เดียวสาย”

“เออ เดียวนีมึงเห็นแฟนดีกว่าเพือนแล้ วใช่ไหมวะ? กูงอนเลย”

“คนนีกูขอคนเหอะ”

“จริงจัง?”

“ก็..นิดหน่อย”
“อย่าบอกนะว่าหลังงานพีโก้ จะเป็ นของมึง”

“คงไม่เร็วขนาดนัน ทํางานเก็บเงินก่อนสิวะ ใครแม่งจะอยากมาจนแกลบกับกูวะ?”

ก็คงจะจริง

“ก็ดี กูไม่มีตงั ซือของขวัญวันแต่งให้ มงึ เหมือนกันว่ะ แค่ของพีโก้ กกู ็แดกดินแล้ ว”

ผมลุกออกมาก่อน มันยังเถียงกับฟ้าไม่จบ ไม่ร้ ู ว่าเรืองอะไร ป้องปากคุยกับโทรศัพท์ไม่หยุด

ชีวิตผู้ใหญ่มนั หน้ าตาแบบนีเองหรอ? ถ้ าสนุกกับมันได้ มากกว่านีคงจะดี

ไอ้ พีฟิ นไม่อยู่แล้ ว การ์ ตนู ต้ องเช่า บางทีก็ซือเก็บเอง การ์ ตนู เริมเยอะขึนเรือยๆจนเฮียบ่นเปลือง แหม เฮียตอนบ่น
แล้ วเท้ าเอวบ้ าง กอดอกบ้ าง แบบนีนีน่ารักไม่หยอกเลยนะ เห็นภาพนีบ่อยๆก็ชินตา วันไหนผมอ่านการ์ ตนู แล้ ว
เฮียไม่บ่นสิแปลก

โกยกระดาษบนโต๊ ะลงกระเป๋ า รู้ สกึ เหมือนช่วงนีหาของยากกว่าปกติ ตัวรถเมล์เต็มกระเป๋ าเงิน ในกระเป๋ า


สะพายมีแต่ขยะ เห็นแบบนีผมก็รักสะอาดนะครับ แต่ไอ้ แซนวิชตะไคร่ขนอั ึ นนีนีของใครเนีย ไม่ใช่ของโพ้ ม—ม

เอาใบเสร็จทีเก็บๆไว้ ออกมาทิง มีตังแต่ใบเสร็จร้ านราเม็งทีไปกินต้ นปี ทีแล้ ว ยันตัวหนังทีไปดูกับไอ้ โจ๋เดือนก่อน


ไม่คิดว่าจะเจอก็เจอ อย่างรูปโพราลอยด์ทีถ่ายไว้ ตอนเลียงวันจบ ก็ดนั มาอยู่ในนีซะได้

ตอนนันหัวเราะกันเหมือนพวกบ้ า ดีใจนําตาจะไหล เรียนกว่าจะจบ ตอนนีไม่มีคําว่าทํางานจนจบมาให้ รอแล้ ว ก็


อดรู้สกึ เซ็งๆไม่ได้

วางภาพใบนันลงบนโต๊ ะ ข้ างๆ มีรูปทีผมถ่ายตอนรับปริญญา น่าเสียดาย ไม่มีพีหมอกในรูปนีด้ วย ถ้ าเอามาตัด


ต่อเสียบเข้ าไป คงจะฮาน่าดู

พลาดแล้ วล่ะพีหมอกเอ้ ย วันนันผมน่ะ เท่ระเบิดเลยนะจะบอกให้

หล่อจนใครๆก็ชม อาจเป็ นอานิสงค์ จากการเซ็ทผมขันเทพของกล้ วย เล่นเอาผมหน้ าตาโกอินเตอร์ ข้ ามชาติไป


เป็ นนักร้ องเกาหลีได้ สบายๆ

โทรศัพท์ สนั
เบอร์ แปลก ผมขมวดคิวแต่ก็กดรับ

“ครับ?”

“…นันอธิษฐาน ใช่หรือเปล่า?”

“…ครับ”

“คิดว่าไม่ใช่คนทีจะสนเรืองเงินเท่าไหร่ แต่ถ้าจํานวนเยอะอยู่ ก็คงจะสนสินะ”

ถ้ านีเป็ นหนัง ให้ ผมเดานะ

“นันใครครับ?”

“อยากได้ เท่าไหร่ ละ่ ?”

“ค่าอะไรล่ะเนีย ถ้ าเป็ นค่างานผม ติดต่อทีหัวหน้ าผมนะครับ”

“เรืองคุณอัษฏา…อยากได้ เท่าไหร่ ละ่ ถึงจะยอมออกไปจากชีวิตเขาสักที”

ตกใจ

ตกใจเป็ นบ้ า

อย่างทีผมคิดไว้ ไม่มีผิด ถ้ าเอาชีวิตไปเขียนนิยาย คงต้ องตบเข่าฉาดด้ วยความเก่งทีเดาถูกแหง

เสียงเป็ นผู้หญิง ผมเดาไม่ได้ หรอกว่าโทรศัพท์นีปลายสายเป็ นใคร โทรมาจากไหน

“แทนทีจะให้ ผมออกไป ขายคุณอัษฏาให้ ผมแทนเถอะครับ จะเอาเท่าไหร่คุณบอกมาได้ เต็มทีเลย แต่ผมไม่มนใจ



หรอกว่าผมจะมีเงินจ่าย”

“นีไม่ใช่เรืองล้ อเล่นหรอกนะ”

“ผมก็ไม่ได้ พดู เล่น ถ้ าคิดจะขายพีหมอกให้ ผมจริงๆผมก็พร้ อมจะซือ บ้ านผมกว้ างพอจะเลียงได้ อีกคน แล้ วผม
เชือว่าอย่างพีหมอกเอาไปขายคนอืน ต่อให้ เซลล์ครึงราคา ก็ไม่มีใครบ้ าทนพีเขาได้ เท่าผมหรอกครับ”
ได้ ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากปลายสาย รู้ สกึ แปลกชะมัด ผมกลับพูดออกไปด้ วยอารมณ์สนุกด้ วยซํา

ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ ว

มาสิ ปั ญหาพวกนันนะ จะวิงเข้ ามาหา ผมก็พร้ อมทีจะชน

ไม่ได้ ชนแบบธรรมดาด้ วยนะ ดับเครืองแทรกเตอร์ ชนนีแหละ

ผมคิดว่าชีวิตเด็กถาปั ตย์แบบผม ไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนฝั นร้ ายเท่าไฟนอลโปรเจคต์แล้ วล่ะครับ ความเจ็บปวด


ตอนโดนล้ มงาน อย่างอืนอีกเยอะแยะ ถ้ าเกิดผมแต่งกลอนเปรียบเทียบความเจ็บปวดนันล่ะก็ พวกคุณคงซับ
นําตากันแทบไม่ทนั

“พูดถึงขึนนี….เลขเจ็ดหลักพอหรือเปล่าล่ะ?”

“ต่อให้ มาเป็ นหลักกิโลก็ไม่เอาครับ” อ้ าว ไม่ฮาไม่เป็ นไร เดียวไว้ จดั หนักไม่มกุ หน้ า “ถ้ ารวยขนาดนัน เอาไป
บริจาคเถอะครับ ได้ ประโยชน์กว่าเยอะ เชือผม”

“….ก็คิดอยู่แล้ วล่ะนะ ว่ามันคงจะไม่ได้ ผล”

“ครับ แต่ยงั ไงก็ขอบคุณทีโทรมา”

“คงต้ องใช้ วิธีอืนสินะ”

“ถ้ าไม่ ผมจะขอบคุณมากเลยครับ”

ยัง ยังจะมีอย่างอืนอีกหรอ?

นีสินะ ไอ้ ทีบอกว่าขอให้ โชคดี จะมายังไงก็ได้ แต่อย่าจับผมไปนังรมควันเล่นจะเป็ นพระคุณอย่างสูง

“ปั ญหาไม่ได้ อยู่ทีคู่แข่งบริษัทหรืออะไรหรอก”

“…ครับ?”

“ปั ญหามันอยู่ทีตัวคุณอัษฏาเองต่างหาก”
“เดียว หมายความว่าอะไร ผมไม่เข้ าใจ?”

สายถูกตัดออกไปแล้ ว

ผมจ้ องมองเบอร์ นนอี


ั กครัง เอาเถอะ ไม่ว่าจะมาจากพ่อพีหมอกหรื อพีเมฆ ก็ไม่ได้ ต่างกันเท่าไหร่นัก

นอนลงกับเตียง ได้ กลินเหงือเฮียออกมา คิดว่าคงต้ องเอาผ้ าปูเตียงไปซัก แต่ก็ขีเกียจเกินกว่าจะทําอะไร

เหลืออีกสองงานให้ ทํา

อยากเจอพีหมอก กดดูเบอร์ โทรศัพท์ พีหมอกยังใช้ เบอร์ เดิมไม่เปลียน โทรล่าสุด เมือเช้ า โทรมาไม่ได้ คยุ อะไร
มาก ก็แค่ถามว่าทําอะไรอยู่ ทีไหน กับใคร แล้ วก็วางสายไป

เลือนนิวไปปุ่ มสีเขียว อีกแค่อึดใจก็กดลงไป แต่ก็ปล่อยออก เหวียงมือถือกลิงออกไปตามเตียง

คิดว่าจะบอกเรืองนีกับพีหมอก เห็นกําชับมาแบบนัน ขืนฝื นคําสัง อาจจบไม่สวย

แต่ไว้ ตอนไหนดีนะ?

หันไปมองมือถือ

มือถือไม่ได้ ตอบอะไร แถมยังดับแสงหน้ าจอใส่อีก

……………………………………………
……………………………………
[B.N.18 : complete]
[12.10.55]

B.N.19

ขอเพียงแค่เชือ ทุกสิงก็จะเป็ นจริง

ผมชอบคํานีนะ มันดูหรู ถึงจะไม่ค่อยเข้ าใจนักว่ามันต้ องการจะสืออะไร แต่ไม่เห็นหรอ ว่ามันเป็ นคําพูดทีเท่และ


ชวนให้ ฮกึ เหิมชะมัด

แต่บางที ดูเหมือนแค่ความเชืออย่างเดียวคงไม่พอ

งานสองชินทีทําอยู่ ถูกแคนเซิล…อีกแล้ ว

ได้ กลินตะหงิดๆ

ถึงอย่างงันก็ไม่ได้ ว่างงานถึงขันนอนกระดิกเท้ ารอรับเงินเดือนหรอกครับ ยังมีงานทีต้ องทําอีกเยอะ มีหลายงานที


ไม่ได้ ทําแค่คนเดียว งานส่วนนันก็ยงั ยุ่งอยู่ มีเวลามากขึน ก็ใส่ลงไปในงานพวกนีมากขึน

“ตี สงสัยดวงเกิดมึงจะตกตําขันวิกฤต”

“ดวงซวยสุดขีด”

“ซวยโคตร”

“ซวยมาก”

มองหน้ าไอ้ โจ๋กบั ไอ้ กล้ วยทีพูดซํากันไปซํากันมา ถ้ าทางชีวิตพวกมึงคงหนักสินะ พวกมันพูดจบ ก็กระดกแก้ วขึน
ดืมรวดเดียวหมดเหมือนนัดกันมา ส่งเสียง”อา—“เหมือนโฆษณานําอัดลม

“มึงไปทําอะไรกับใครไว้ หรือเปล่าวะ?”
รวมหัวกันคิด ก็ยงั ไม่ได้ คําตอบ

นัดเจอกันในบาร์ ข้างมอ ได้ เจอเด็กรุ่นใหม่ ทําท่าทางเหมือนตอนทีเราเรียนอยู่เป๊ ะๆ เพียนชะมัด ไม่อยากยอมรับ


ว่าเมือก่อนก็คงจะเคยทําท่าแบบนีเหมือนกัน

“แล้ วพีหมอกตอนนีหายไปไหนวะ?”

“ล่าสุดทีได้ ยินมา อยู่ญีปุ่ นล่ะมัง?”

“ทําไมถึงเป็ นคําว่าล่าสุดวะ? กูนกึ ว่ามึงจะติดต่อเขาตลอด”

“พีเขาโคตรยุ่งเลยนิหว่า บางครังโทรไปก็ไม่รับ กว่าจะโทรกลับ ตีหนึงตีสอง เห็นพีแพนบอกว่าตอนนีใช้ สองเครือง


คงจะคุยงานเยอะล่ะมัง”

“อย่าให้ หนีไปมีกิกล่ะมึง”

“…จะมีทีไหนล่ะวะ?”

“แต่อย่างพีหมอกก็คงไม่คลาดสายตาจากมึงหรอกมัง เหมือนพวกในหนัง ทีส่งคนมาตามดูตลอดเวลา”

อย่างกับสตอกเกอร์ เคยคิดเล่นๆ แต่หวังว่าคงไม่ทําจริงหรอก ใช่ไหม?

หันไปดูรอบๆ เห็นผู้ชายโต๊ ะนันทีมองมา เห็นผมมองตอบก็รีบหันหน้ าหนีพร้ อมกัน

ไม่ใช่ม๊าง

“ก็นะ ระดับนันแล้ ว จะมาว่างแบบพวกเราได้ ไงวะ”

“คงมีมงึ ว่างคนเดียวว่ะกล้ วย”

ไอ้ เรืองทีพีหมอกยุ่งขนาดนัน คงไม่เกินจริง

อย่าว่าแต่จะมีเวลาให้ ผม เวลาให้ ตวั เอง คงยังไม่มีด้วยซํา


เสียงทีได้ ยินเมือสามวันก่อน ดูเหนือย พูดด้ วยเสียงตําจนจับคํายาก ได้ ยินเสียงพูดคุยภาษาญีปุ่ นอยู่ข้างหลัง คุย
ได้ ไม่นานก็ต้องวางสาย

เรืองในบริษัท คงมีเรืองยุ่งยากเยอะ

ตอนนี ไม่ว่าใครก็ต้องดินรนทังนัน ทังผม ทังพีหมอก

ถ้ าบอกว่าไม่คิดถึงเลยคงเป็ นคําโกหก แต่ก็นะ จะทําอะไรได้ ซะทีไหนล่ะ

“บินไปหาเลยดิ”

“ถ้ าติดปี กแล้ วบินไปได้ กูคงไปนานแล้ ว แดกชาเขียวจนตัวม่วงแล้ ว ส่งยังไงแม่งก็ยงั ไม่จบั ชือกูสกั ที”

“ฮะฮ่าฮ่า พูดซะกูเห็นภาพเลยว่ะ”

ได้ มาเจอครบแก็งค์แบบนี ก็แอบรู้ สกึ เหมือนอายุน้อยลงไปหน่อย

ไอ้ เคิลจะบินกลับแคนาดาสินปี นี ไม่ร้ ู จะกลับมาอีกเมือไหร่ เห็นบอกพ่อร่างกายไม่แข็งแรง ต้ องกลับไปดูแล

มันก็ยงั นังเงียบๆอย่างนัน เรืองข่าวนีก็ต้องให้ ได้ ยินจากปากคนอืน ไม่คิดจะพูดเองสักนิด อย่างวันนีก็รออยู่ว่ามัน


จะพูดอะไรออกมา ก็ไม่พูดสักที เล่นนังเงียบเป็ นรูปปั น สงสัยจะติดเชือพีหมอกดีซีส

“มึงเคยคิดป่ าววะ? ว่าไอ้ เรืองทีเกิดขึน มันจะเกียวกับไอ้ โทรศัพท์พิลกึ ทีโทรมาหา”

“ถ้ าเกียวกูจะฮาให้ ” ยกแก้ วขึนดืม ไอ้ กล้ วยรีบกินไปหน่อย ถึงกับติดคอ ตาเหลือก พอมันไอออกมา ก็ฮากันยก
ใหญ่ “ชีวิตอะไรแม่งจะบังเอิญขนาดนันวะ”

“ชีวิตทีไม่มีเรืองบังเอิญแม่งคงน่าเบือน่าดู สมมติว่า เป็ นแผนพ่อพีหมอกอะไรแบบนี มึงไม่คิดบ้ างหรอวะ?”

“ถ้ าทําถึงขันชีวิตการทํางานกูเดือดร้ อน กูคงไม่อยู่เฉยๆว่ะ”

งานไม่ใช่เรืองง่ายทีจะหามาได้ ถึงจะให้ ลองจินตนาการว่าออกมาจากงานทีทําอยู่ ไปลองทําสิงทีตัวเองต้ องการ


จริงๆ ผลลัพธ์ ก็ยงั ไม่แน่ว่าจะออกมาทางไหนกันแน่

เฮียก็ยงั ทํางานหนัก แถมเร็วๆนีก็จะสอบอัยการ ผมจะอยู่เฉยไม่ได้ ต้ องก้ าวไปข้ างหน้ า ให้ ทนั เฮีย ให้ ทนั พีหมอก
ทีพยายามกันสุดแรง ไปให้ ถงึ เป้าหมายทีวางไว้

โทรศัพท์ สนั แค่เห็นชือคนโทรมา ผมก็รีบเดินออกจากโต๊ ะ ได้ ยินเสียงตะโกนแซวจากข้ างหลัง “กิว กิว”

“กิวพ่อง”

ออกมาข้ างนอก เงียบลง มีแค่คนสองคนทียืนสูบบุหรีอยู่ มองมาทางผมแวบเดียวก็หนั ไปทางอืน ส่งเสียง


กระแอมในคอสองสามครัง จนมันใจว่าคงไม่เผลอไอระหว่างคุย ก็กดรับ

“ครับ”

“…ทําไมไม่โทรมา”

“อ้ าว ผมนึกว่าพียุ่ง”

“ยุ่ง แต่ก็คยุ ได้ ”

“..งันไว้ เดียวครังหน้ าผมโทรไปหา”

“เก็บค่าโทรปลายสายซะ แล้ วนีอยู่ไหน”

“เมืองไทย”

“….”

“อยู่กบั เพือนอ่ะ”

“เพือนกลุม่ ไหน?”

“ไอ้ โจ๋ ไอ้ กล้ วย ไอ้ เคิล”

“…ตี”

อยู่ดีๆก็เรี ยกชือผมออกมา ทําให้ สงที


ิ จะพูดต่อจากนัน ผมต้ องเงียบไว้ ก่อน
“พรุ่งนีกูกลับกรุงเทพ มาหาหน่อย”

พีหมอกไม่ค่อยพูดแบบนีเท่าไหร่ มาหาหน่อย อยู่ทีนีนะ มารับหน่อย ปกติจะโผล่มาให้ เห็นเอง ยิงกว่าหนังผีต๊ งุ


แช่

“แล้ วให้ ผมไปหาทีไหน สนามบินหรอ?”

ถ้ าขับมอไซค์ไปแล้ วพีหมอกจะกลับด้ วย คงต้ องให้ พีหมอกซ้ อน นึกภาพยังไงก็นกึ ไม่ออก ยิงนึกหน้ าบึงๆใน


หมวกกันน็อคแล้ วก็ยิงอยากจะหัวเราะออกมา รีบเอามือปิ ดปากไว้ หัวเราะหึๆ ไม่อยากให้ พีหมอกได้ ยิน

“มาหาทีบริษัท เดียวกูโทรไปอีกที”

“ครับ” รู้สกึ แปลกๆ นําเสียงพีหมอกเย็นเชียบ เล่นเอาผมทียืนเหงือซ่กเริมหลงฤดู “เอ่อ งันแค่นีนะ”

ปลายเสียงเงียบ ไม่ตอบกลับมาอะไรหลายวินาที

ผมมองหน้ าจอโทรศัพท์ สายยังไม่ถูกตัดออกไป แต่พีหมอกก็ไม่ได้ กดวาง

จ้ องหน้ าจอทีตัวเลขวินาทีเดินไปเรือยๆ เกือบอีกนาทีต่อมา ถึงถูกตัดสายออกไป

………………………………………….
………………………………..

“ทําไมตรงนีพีไม่ทําสีนีแทนวะ? ผมว่าสีนีน่าจะดีกว่า”

“เออว่ะ”

ผมนังขมวดคิวมองภาพทีอยู่ในจอ หมุนโน้ ตบุ๊คมาแล้ ว ก็ยังโดนดันกลับไปอีก อยู่ในมุมทีมองเห็นภาพชัดน้ อยสุด


ขยับเข้ าไปใกล้ หน้ าจอมากขึน ก็โดนปากกาเขกหัวกลับมา

“เด็กๆป๊ าม๊ าไม่บอกหรอวะ ว่าอย่าเข้ าใกล้ จอเกินหนึงเมตร”


“พีพูดอย่างกับพีนังห่างหนึงเมตรนันแหละ” บ่นอีก ก็โดนปากกาเขกหัวอีก พีเชนดูเหมือนจะมีความสุขดีกบั การ
แกล้ งผม ไม่สิ อาจจะเป็ นเรืองสนุกทีสุดของทีนีเลยมัง ทีน่าแปลกคือ ใครๆก็ชอบเห็นผมโดนแกล้ ง เอ้ า มี
ความสุข ขํากันใหญ่ เห็นผมชะเง้ อคอมองภาพกลับหัวแบบนี ขําหรอครับ?

วันนีไม่เห็นพีโต้ ง คิดว่าคงจะแอบอู้งานไปสูบบุหรีตามเคย แต่ผิดคาดครับ เจอพีแกวิงเร็วเสียจนเห็นหัวล้ านที


ซ่อนมานาน วิงมาทางมุมทีพวกผมนังอยู่ ยังไม่ทนั ได้ แซวเรืองเหม่งทีเห็นกันทุกคน พีโต้ งก็ตะโกนออกมาเสียก่อน

“ไอ้ ตี!”

“คะ..ครับ?”

เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ก็เหนือยเกินไป โค้ งตัวลงไป หอบหายใจแรง

ผมรู้ สกึ เหมือนเห็นเทพเจ้ าแห่งความซวยปรากฏร่าง กอดอก ยิมทีคิดว่าเท่เต็มทีอยู่ข้างๆ

“มึงไปทําอะไรไว้ ?!”

“ผม..ผมเปล่า เปล่าทําอะไรนิ”

“มานีดิ”

ดูท่าจะยังหายใจไม่ค่อยออก ยกมือกวักเรียกผมให้ เดินเข้ าไปใกล้

ในมือพีโต้ ง ถือกระดาษอยู่แผ่นหนึง ผมมองกลับไป พีเชน พีเอ๋ คนอืนๆ มองไม่วางตา

“มึงไปทําไรกวนๆใส่บอร์ ดเขารึเปล่า?”

ผมนึก แต่นกึ ไม่ออก ส่ายหัวไปมา

“แน่ใจ”

ส่ายหัวเร็วขึน พีโต้ งยังหายใจหอบไม่หยุด ตบมือลงบนไหล่ผม เพราะไม่ได้ เตรียมใจไว้ ก่อน เลยเผลอสะดุ้ง

“มึง…”
……………………………………….
……………………………..

“ผมโดนไล่ออกโว้ ยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!”

เจ็บใจเป็ นบ้ า

ไอ้ บริษัทแบบนี ไม่เจริ ญก็เพราะผู้บริหารแบบนีนีล่ะ

แบกข้ าวของตัวเองทีอยู่ในลังกระดาษ มันเยอะจนผมต้ องกลับมาเอาอีกรอบ แต่แค่ยงั ไม่ร้ ูว่าเมือไหร่เท่านันเอง พี


เชนบอกให้ นงอยู
ั ่ต่ออีกสักพัก คิดว่าจะทําอะไรต่อ แต่ผมไม่อยู่หรอก อยู่ไปก็ไม่ได้ เงินเดือนเพิม

เฮงซวย!!

เตะเท้ าออกไป ก็ชนเสาทีไม่ได้ มองอีก อะไรจะซวยได้ ป่านนัน ไอ้ เทพเจ้ าแห่งความซวยครับ ได้ โปรดไปสิงสถิตคน
อืนบ้ างเถอะ อยู่กบั ผม กินไม่อิม แถมตอนนีตกงาน ไม่มีอะไรจะเลียงท่านหรอกนะครับ ไม่ต้องรักกันมากก็ได้

เดินมาทีป้ายรถเมล์ ยังมีคนมองผมด้ วยสายตาไม่ไว้ ใจอยู่อีก เมือกีเล่นตะโกนเสียงดังไปหน่อย เล่นเอาพียามที


จะเดินเข้ ามาคุยด้ วยถอยหลังไปหลายก้ าว แล้ วรีบหายไปทีซอกตึกแทบไม่ทนั

คิดจะไล่ใครก็ไล่หรอไงวะ? แบบนีนีแหละ ถึงได้ เกลียดพวกนีชะมัด

มีเงิน คิดจะทําอะไรก็ได้ สนิ ะ

ตอนเรียนอยู่ ผมไม่ค่อยได้ เห็นความแตกต่างนีเท่าไหร่ แต่พอมาทํางานเท่านัน ทุกอย่างชัดเสียจนน่าเกลียด โลก


นีไม่สวยครับทุกคน เพือพวกคุณยังติดอยู่ในฝั น ตืนเถิดชาวไทย

ไม่มีคําอธิบายอะไรสักคํา ถามยังไง ก็มีแต่คําตอบเดิมว่า “ข้ างบนเขาตัดสินใจมาแล้ ว”

ตัดสินจากอะไร? บริษัทตกตําจนถึงต้ องจับไม้ สนไม้


ั ยาวออกแล้ วหรอ? ผมไม่ได้ ฝีมือห่วย ถึงผมไม่ได้ เก่ง แต่ผมก็
ขยันทํางาน แถมยังชงโอวัลตินอร่อยอีก หรือเพราะกินโอวัลตินของบริษัทเยอะไปหรอ…. บ้ าชะมัด ผมคิดเรืองไร้
สาระแบบนีออกมาได้ ไง
พีเชนอาสาจะขับรถไปส่งผม ก็ถูกเรียกประชุมงานด่วนพร้ อมกันยกก๊ ก ซวยกันไป ไอ้ ผมจะกลับรถเมล์ แท็กซี
หรือเรือบินก็ได้ ไม่เกียงหรอกครับ

รถเมล์มา ทุกคนวิงกรูกนั ขึนไป สังเกตดูดีๆจะมีพวกป้าๆเยอะหน่อย ยังไม่เป็ นเวลาเลิกงาน ถือของกันพะรุงพะรัง


ไม่มีทีนัง ผมยืนโหน ว่างกล่องไว้ ทีเท้ า แล้ วยืนหนีบไว้ แทน

ทีบ้ านไม่มีใครอยู่ มีกบั ข้ าวทีม๊ าทําเผือไว้ ผมเอาออกมาอุ่น อุ่นไม่ได้ เรืองเลย ข้ างในยังเย็นชืด เป็ นกะหลําแช่แข็ง
ทีรสชาติอร่อยแบบแปลกๆ

เปิ ดข่าวดู บอลทีเชียร์ อยู่ก็โดนถล่มหางตกคาบ้ าน มีทําลูกเด็ดแค่ลกู เดียว ภาพข่าวกําลังจะรี รันให้ ดู ทีวีร่างทรงก็


ดันสัญญาณอ่อน วิญญาณหลุดกลางอากาศ เล่นเอาผมได้ แต่นงจ้ ั องตัวเองนังอืดอยู่หน้ าจอดําสนิทนันแทน

“ข่าวจบ ละครหลังข่าวก็มาเชียว พระเอกหล่อชะมัด”

ชีไปทีตัวเองในจอ ขยิบตา หล่อบาดใจ

กล่องลังนัน มีงานทีผมทําไว้ เต็มไปหมด มันยังไม่เสร็ จ แต่คงไม่มีความจําเป็ นทีจะต้ องทําต่อ หลายงานผมข่มตา


ไม่หลับไม่นอน ไอเดียใช่ว่าจะมาง่ายๆ มาช้ ายิงกว่า 3G เสียอีก รือออกมาดู ในเวลานี กลับเห็นข้ อบกพร่องทีไม่
เคยเห็นเต็มไปหมด ตอนแรก แค่กะจะทําฆ่าเวลาเฉยๆ ไปๆมาๆ ผมนังใช้ ดินสอ นันวงข้ อผิดพลาด เขียน
ความคิดใหม่ๆเต็มไปเสียหมด

เพราะมัวแต่ม่งุ ไปข้ างหน้ าเร็วเกินไป เลยไม่เคยเห็นข้ อผิดพลาดตัวเอง ผมอาจจะเป็ นแบบนันก็ได้

ได้ ยินเสียงรถไอติมวิงผ่านหน้ าบ้ าน รีบวิงออกไปซือ ตอนทีแกะห่อไอติมออกแล้ วรับเงินทอนจากคนขาย ก็นกึ ถึง


คําพูดของไอ้ กล้ วยเรืองความบังเอิญของโลกขึนมา

บังเอิญว่า อยู่ดีๆผมก็ถกู แคนเซิลงานติดๆ

และก็บงั เอิญ บังเอิญ ทีผมถูกไล่ออกอีก

ไอติมหยดติงๆ หยุดคิด แล้ วรีบกินไอติม ก่อนทีจะละลายหมดก่อน

……………………………………………
………………………………
ไปตามนัดทีนัดไว้ ทังๆทีไม่อยากลุกจากเตียง

ใส่แค่กางเกงเดินป่ าเก่าๆ กับเสือยืดคอกลม ตัวนีเคยมีลายมิกกีมาก่อน แต่วนั นีผมหยิบมาใส่ ไม่ร้ ูมิกกีหนีไปอยู่


ทีเสือตัวไหนแทน ทิงไว้ แต่รอยจางๆ ทีดูแล้ ว เหมือนหนูในท่อมากกว่า

สะพายกระเป๋ า พึงตืน ผมเผลอหลับไปหลังจากนังแก้ งานเก่าๆของตัวเอง รีบออกมา ผมยังไม่ได้ หวีด้วยซํา

หนีบแตะ เพราะบอกให้ ไปเจอทีบริษัทพีหมอก หยิบหมวกไปด้ วย ผมไม่ได้ ตงใจทํ


ั าตัวให้ มีพิรุธหรอกนะครับ แค่
รู้สกึ ว่ากันไว้ ก่อนก็ดี

ยังเป็ นมุมทีวุ่นวายสุดๆ

บริษัทพีหมอก ผมไม่เคยมาหรอก เคยแต่ผ่านไปมาหลายครัง เป็ นตึกสูง ทีถ้ าจะมองชันบนสุด ก็ต้องเงยสุดคอ

เวลาเกือบหกโมง

“ครับ?”

หน้ าจอ เป็ นเบอร์ พีแพน

“ตีถึงหรือยัง? ตอนนีพีไม่ว่าง แต่จะมีรถขับไปส่ง จอดอยู่ข้างล่าง เห็นหรือเปล่า”

ผมมองรอบๆ มีรถเป็ นร้ อยคัน ทังทีจอดข้ างทางกับจอดชัวคราวเพราะพิษจราจรหลังเลิกงาน พีแพนบอก


ทะเบียนมาด้ วย ผมก็หาเจอ

เข้ าไปในรถ พีคนขับรถทีไม่เคยเห็นหน้ าก็มองผมผ่านกระจกหลัง สักพัก ก่อนจะขับออกไป

ไม่คิดว่าจะต้ องมาเจอคนอืนด้ วยนิหว่า ถึงได้ แต่งตัวแบบนีมา ผมคิดว่าแค่จะมาเจอพีหมอก ก็อยากใส่ชดุ ทีผม


ใส่แล้ วสบายทีสุด ไม่ต้องแต่งตัวอะไรจริงจัง

ผมคิดผิดโคตรๆเลยครับ

รถมาจอดทีหน้ าโรงแรม ไฟส่องชือโรงแรมทีทําด้ วยตัวอักษรสีทอง ผมถูกเดินนําเข้ าไป ถอดหมวกเก็บลงกระเป๋ า


พยายามเดินด้ วยรองเท้ าแตะให้ เกิดเสียงเบาสุดบนพืนหินอ่อน

ห้ องอาหารทีกว้ าง แต่มีเพียงโต๊ ะเดียว ทีมีคนนังอยู่

พีหมอก ใส่สทู สีดํา นังอยู่ตรงนัน คอเสือไม่มีเนกไท ใต้ ไฟสีส้ม พีหมอกดูขาวกว่าปกติ สวมแว่นกรอบดํา ทีทําให้
ทุกคนทีเห็นต้ องเชือว่าพีหมอกชอบสีดําจริงๆ

กําลังนังอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ มือหนึงถือแท็บเล็ต ในหูมีบลูทธู คุยกับปลายสาย หน้ าเครียด

ผมตามพนักงานทีเดินนําเข้ าไป คงมีคนบอกก่อนอยู่แล้ วว่าผมจะมา ไม่งนั คงไม่ได้ เข้ าตังแต่หน้ าโรงแรมด้ วย


การแต่งตัวแบบนี แอร์ หนาว ใส่กางเกงขาสันกับเสือยืดมาแบบนี ก็ร้ ูสกึ หนาวแปลกๆ

พีหมอกไม่ได้ ร้ ู สกึ ตัวเลย จนกระทังผมเข้ าไปยืนใกล้ ๆ

เงยหน้ าขึนมามองผมแว่บหนึง “นังไปก่อน” พูดแค่นนั แล้ วก็พดู กึงเถียงกับปลายสายต่อ เดียวก็เงียบ แล้ วคุ้ย
กองแฟ้มทีวางอยู่บนเก้ าอีอีกตัว บางที ก็เลือนนิวไปบนแท็บเล็ตเร็ วๆ แค่เห็นแค่นีผมก็หัวหมุนแล้ ว

เกือบสิบนาที ผมมองวิวนอกหน้ าต่าง เพราะนีเป็ นห้ องอาหารทีอยู่ชนล่


ั าง ผมคิดว่า ก่อนหน้ านีคงมีคนนังตรงที
ผมนังมาก่อน คุยบางอย่างกับพีหมอก เสร็จแล้ วกลับไป เพราะเหมือนพีหมอกนังอยู่ก่อนสักพักแล้ ว

บลูทธู ถูกถอดออกจากหู วางลงกับโต๊ ะ

ผมเงยหน้ าขึนมอง พีหมอกไม่ได้ มองกลับมาทางผม หันไปมองพนักงานเสริฟทีเดินผ่าน เขาพยักหน้ า แล้ วเดิน


หายไปในครัว

“พีหมอกงานยุ่งเนอะ”

“เพราะยังมือใหม่” พูดห้ วนๆ “มีหลายเรืองทีไม่ร้ ู ไม่เข้ าใจอยู่ เลยต้ องทํางานหนักกว่าคนอืน”

ก็คงจะเป็ นแบบนัน

พีหมอกไม่ได้ เรียนสายบริหาร แต่ต้องมาทํางานส่วนนี คงยากอยู่

“พี…”
“พรุ่งนีย้ ายมาซะ”

“ห้ ะ?”

“ย้ ายมาอยู่กบั กู”

“เดียวดิ..พรุ่งนีเลยหรอ?”

“มึงว่างแล้ วไม่ใช่หรือไง?”

“..พีหมายความว่าอะไร?”

“ก่อนหน้ านีมึงบอกบ้ านมึงใกล้ ทีทํางานมากกว่า” อาหารถูกทยอยวางลงบนโต๊ ะ ดูเหมือนจะเป็ นอาหารจีน


ซีโครงหมูตรงนันน่ากินชะมัด แต่ผมมองมันแค่แวบเดียว “ตอนนี ไม่ต้องแล้ วนิ”

“พีหมอก…”

“ทําไม?”

“พีรู้แล้ วหรอ?”

“แล้ วทําไมกูจะไม่ร้ ู ”

“…..”

พีหมอกไม่ได้ มองผม

ตอนนีก็กลับไปสนใจงานในมืออีก ทังๆทีอาหารวางอยู่ตรงหน้ า กลินหอมฉุย

“พรุ่งนี กูจะไปรับ”

พีหมอกพูดอะไรต่อจากนันสองสามคํา แต่ผมไม่ได้ ฟัง

ลองถามออกไป คําถามทีไม่อยากให้ คําตอบ เป็ นอย่างทีผมคิดไว้


“พีเป็ นคนทําหรอ?”

“กูไม่อยากให้ พ่อกูบีบมึงไปเรือยๆ กูเลยตัดปั ญหา”

“ตัดปั ญหา…“

“ไล่มงึ ออก ใช่ กูให้ เขาไล่มงึ ออก”

“……..”

“ไม่งนจะยิ
ั งมีแต่ปัญหาตามมา”

“พี..พีจะปล่อยให้ ผมเจอกับปั ญหานันก่อนไม่ได้ งนหรอ?”


“ไม่” ตอบเร็วพอๆกับทีผมพูดจบประโยค “มึงเก็บทุกอย่างไว้ คนเดียว ไม่เคยบอกกูสกั คํา”

ถอดแว่นออก พูดมาจนถึงตอนนี พีหมอกยังไม่เงยหน้ ามองผมสักครัง

“….มึงเห็นกูไม่สาํ คัญหรือไง”

“ไม่ใช่แบบนัน…”

“เรืองโทรศัพท์นนั จนถึงตอนนี ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ มึงก็ยงั ไม่เคยบอกกู”

“ทําไมพีถึงรู้ ?”

“เพราะกูเป็ นคนบอกให้ มินท์ทําเอง”

“…..”

“กูรอ คิดว่ามึงจะบอกกู แต่ก็ไม่มี ไม่มีสกั สาย”

“พีทําแบบนีทําไม?”

“…….”
“พีไม่เชือใจผมหรอ?”

“ถ้ ามึงเชือใจกู มึงก็คงจะบอกกูคนแรก”

ตอนนีผมงงไปหมด

ผมไม่ได้ มาทีนี มาเจอพีหมอกทีนี เพือเจอเรืองแบบนี

เร็ว ทุกอย่างเกิดขึนเร็วจนผมไม่ทนั จะตังตัว

พีหมอก กลายเป็ นอีกคนหนึงทีผมเหมือนไม่เคยรู้จัก

“ปั ญหามันอยู่ทีตัวคุณอัษฏาเองต่างหาก”

ผมจําคําพูดนีได้ คําพูดทีผมได้ ยินในโทรศัพท์ วนั นัน

“พีล้ อผมเล่นหรือเปล่า?”

อีกฝ่ าย เงยหน้ า สบตาผมเป็ นครังแรก

“กูไม่ได้ ล้อเล่น มันไม่ใช่สงที


ิ กูคิดจะทําก็ทํา กูคิดมาหมดแล้ ว”

“โดยทีไม่ได้ ถามผมสักคํา”

“มึงก็ไม่ได้ บอกอะไรกูเหมือนกัน”

“ผมว่า…วันนีผมคงฟั งพีไม่ร้ ูเรืองแหง” คว้ าสายกระเป๋ าสะพายผมขึนมา ลุกขึนยืน “ถึงอาหารจะน่ากินมากๆ


แต่ม๊าทําอาหารไว้ แล้ ว ผมว่าผมกลับไปกินบ้ านดีกว่า”

“ใครบอกให้ มงึ ไป”

“เรืองนีผมก็ต้องขออนุญาตจากพีด้ วยหรือไง?”

“ถ้ ากูจะตอบว่าใช่ละ่ …”
ผมไม่ได้ หลบสายตา

รู้สกึ เหมือนตอนนี กําลังกํามือแน่น จนปลายนิวชา

บอกไม่ถกู ว่าตอนนีรู้สกึ แบบไหนกันแน่

ผิดทังคู่ ทังผม ทีไม่ได้ บอกอะไร กับ พีหมอกคนทีจัดการทุกอย่าง ไม่สนใครทังนัน

ผมไม่สน เดินหมุนตัวออกมา รู้สกึ ปวดหัวเป็ นบ้ า คิดว่า อยากกลับไปนอนต่อให้ เร็วทีสุด คงจะเบลอ แหงเลย
เป็ นเพราะนอนกลางวันแหง แบบนีต้ องแก้ ด้วยนอนกลางคืนต่อ

เสียงรองเท้ า ทีราคาแพงสูงลิว เหยียบลงบนพืนหินอ่อน เสียงดังแต่ก็ทําให้ ดนู ่าเกรงขาม ดังสลับกับเสียงรองเท้ า


แตะผม ทีแตะลงพืนที ก็มีเสียงตลกๆ เหมือนพร้ อมจะลืนล้ มหน้ าหงายให้ ผมได้ อายตลอดเวลา

พีหมอกเดินตามมา ผมรู้ ผมเดินก้ าวให้ เร็ วขึน เร็วอีก พีหมอกก้ าวยาวขึนอีก หันไปมองข้ างๆ ผนังทีเป็ นหินอ่อน
ดูท่าจะเย็นนิวถ้ าจับลงไป สะท้ อนให้ เห็นเงาคนทีเดินตามผมมา ท่าทางรีบร้ อนไม่แพ้ กนั

มือพีหมอกคว้ าข้ อศอกผมได้ ผมสะบัดเร็ วๆก็หลุด คงไม่คิดว่าผมจะดินหนี ถึงได้ ก้าวหนักๆเข้ ามาอีกก้ าว เสียง
เท้ านันทําให้ ผมรู้ว่าพีหมอกก็โมโห ใกล้ ถึงขีดจํากัดแล้ วเหมือนกัน

ผมยังไม่อยากคุยตอนนี ไม่ใช่เวลาทีดีเลย เวลาทีผมใกล้ จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ และผมก็ไม่คิดว่าพีหมอกจะเป็ น


ฝ่ ายเย็นลงเพือรับฟั งผมด้ วย

ประตูอตั โนมัติ เซนเซอร์ เปิ ดช้ า ทําให้ ผมต้ องหยุดเท้ าสักพัก พีหมอกเข้ ามาใกล้

ข้ างนอก ท้ องฟ้าสีดํา ภายในโรงแรมไม่ค่อยมีคน แต่ถ้ามองออกไปข้ างนอก คนเยอะ เพราะแถวนีมีสถานีรถไฟ


ใต้ ดินอยู่ แถมยังเป็ นย่านการค้ า

ผมรี บเร่งเท้ า ถนนสันๆแค่นี ทําไมมันดูไกลจังวะ

“มึงจะไปไหน?!”

เสียงรองเท้ าพีทีเหยียบลงบนพืนไม่น่าฟั งเลย เสียงอย่างกับพีจะซ้ อมเหยียบกระดูกใครสักคน


“ไปไกลๆจากพีก่อน ตอนนีผมกําลังโมโห พีไม่อยากเจอใช่ไหมล่ะ ตอนผมโมโหน่ะ น่ากลัวนะ”

นีผมพูดบ้ าอะไรอยู่วะเนีย? โมโหใช่ไหม? ใช่ ผมกําลังโมโหอยู่

ผมโมโหจนรู้ สกึ เหมือนมีควันออกมาจากหู อาจจะฟั งดูเว่อร์ ไปหน่อย แต่ก็ร้ ู สกึ เหมือนผมตังขึนด้ วย

“หยุด ไอ้ ตี กูบอกให้ หยุดไง”

“พีก็หยุดก่อนดิ แล้ วผมจะหยุด”

เสียงรองเท้ าพีหมอกเงียบลง

ผมเดินต่ออีกสองสามก้ าว ช้ าลง แล้ วก็หยุด

หันไปมอง เดินไม่ไกลหนัก แต่ก็เหนือยทังคู่

“ผมไม่ชอบวิธีการของพี ไม่ร้ ูว่าพีคิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่เห็นด้ วย”

“กูไม่สนว่ามึงจะคิดยังไง ในเมือมันเป็ นทางทีดีทีสุด”

“ดีหรอ? ฮ่ะ ดีกบั พีคนเดียวงันล่ะสิ? พีไม่เคยถามผมสักคําว่าคิดยังไง ผมรักงานของผม ผมอยากทํางานของผม


ต่อ มันเป็ นงานทีทําให้ ผมรู้สกึ ขอบคุณตัวเองทีเรียนด้ านนีมา มันไม่ใช่งานง่าย แต่เพราะผมรักมัน แล้ วผมก็อยาก
ทําต่อด้ วย”

“ทําไมมึงไม่ลองอยู่เงียบๆแล้ วฟั งสิงทีกูพูดบ้ าง แล้ วมึงจะให้ กทู ํายังไง?”

เสียงบีบแตรจากรถข้ างนอกดังเข้ ามาถึงตรงนี อย่างน้ อย ก็ไม่ทําให้ มีเพียงแค่เสียงลม ผมทีเริมยาวปั ดไปมาจน


รําคาญ ไม่ได้ ดดู ีแบบในเอ็มวีหรอกครับ ผมรับประกัน

“ถ้ าไม่ทําแบบนี กูก็จะปกป้องมึงไม่ได้ ” เสียงเบาลง แต่เพราะว่าเสียงนันหนักแน่น ผมเลยไม่ได้ ร้ ูสกึ ว่ามันลด


เสียงลงเลย

“กูจะไม่ยอมให้ เกิดเรืองแบบคราวทีแล้ วอีก แบบทีมึงหายไป โดยทีไม่ยอมให้ กชู ่วยอะไรเลย”

ความโกรธผมลดฮวบ
ถอนหายใจ รู้ว่าไอ้ ทีพีหมอกทํามันก็แรงไปหน่อย แต่พอฟั งเหตุผล ก็เล่นเอาโกรธจริงๆจังๆไม่ลง

“แต่พีก็น่าจะคุยกับผมสักคํา”

“คุยไปแล้ วจะเกิดอะไรขึน มึงก็พูดว่าจัดการได้ แล้ วเป็ นยังไง?”

“เฮ่ย นีพีจะพูดดีเกินสามนาทีเป็ นไหมเนีย?”

“ทําไม กูพดู ผิดตรงไหน?”

ผมหันขวับกลับไปมอง ชนเข้ ากับลุงฝรังพุงพลุ้ยคนหนึงโดยไม่ได้ ตังใจ รีบหันกลับมา ก้ มหน้ าก้ มตาเดินต่อ ผมพึง


สังเกตว่าเดินออกมาจากรัวโรงแรมนันแล้ ว ฟุตบาทริมถนนคนเยอะ เสียงพีหมอกก็ยงั อุตส่าห์ ฝ่าเสียงพูดคุย
รอบๆตัวมาถึงผมได้ อีก

“ไอ้ ตี นันมึงจะเดินไปไหน ไหนมึงบอกจะหยุด”

“ผมไม่หยุดแล้ ว ผมโคตรโมโหพีเลย!”

“โมโหเรืองอะไร ทําไม? มึงโมโหเรืองอะไร บอกมาสิ”

ยังต้ องบอกอีกหรอ ว่าโมโหเรืองอะไร?

ตอนนี ผมหันไป เห็นพีหมอกอยู่ท่ามกลางคน ดูหงุดหงิดจนน่ากลัวแทนคนรอบๆ แถมยังเร่งฝี เท้ าขึนมาเรือยๆ


จนผมต้ องวิงอีกครัง

“ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ ขอโทษครับ”

เด็กเงยหน้ าขึนมามองผม สักพักก็มองพีหมอกทีวิงตามมา เหมือนดูการ์ ตนู หนูวิงไล่แมวเรืองดัง

ต้ องยืนมือออกไปก่อน เพือให้ คนทีขวางอยู่ร้ ู ตวั และขยับให้ ต่อจากนี คนจะเยอะขึน ถ้ าวิงต่อ อาจโดนจับทัน ผม


วิงแทรกไปเรือยๆ หันไป พีหมอก อีกแค่ก้าวเดียว จะถึงตัวผม

ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี เลยเร่งเท้ าขึนกว่าเดิม หลบออกไปทางถนนแทน มอเตอร์ ไซค์เบรกรถ ตะโกนด่าผมยาว ผม


ได้ แต่ผงกหัวขอโทษ
รถกําลังเคลือนตัว สัญญาณไฟเปลียนเป็ นสีเขียว

แท็กซีคันหนึง ป้ายไฟสีแดงสว่างว่า”ว่าง” ผมรีบโบก กระโดดขึนไป ไม่บอกจุดหมายปลายทาง แต่รีบพูดว่า “ออก


รถเลยครับ”

แค่ปิดประตู มือสองข้ างก็ตบเข้ ากับหน้ าต่าง เสียงดัง จนคนขับรถเหยียบเบรก รถกระตุกไปทังคัน

โชคดีทีคนขับรถล็อครถทันทีทีผมขึนมา พีหมอกพยายามเปิ ดประตู เปิ ดไม่ออก ทุบกระจกหน้ าต่างดังจนน่ากลัว

“น้ อง นีน้ องไปทําอะไรเขามาหรือเปล่าเนีย?”

“ปะ..เปล่าครับ”

พีหมอกตะโกนอยู่ข้างนอก “เปิ ดประตู เปิ ดประตูสวิ ะ!” ทุบจนเสียวว่ากระจกจะแตกขึนมาจริ งๆ

“พี ขับออกไปเลย ถ้ าพีไม่ขบั ออกไปตอนนี ผมตายแน่ ตายเป็ นผีไม่มีหลุมเลย”

“ขะ..ขนาดนันเลยหรอ?” พูดไปปากสันไป พีคนขับรถเลือนมือไปทีเกียร์ “งันออกรถเลยนะ”

ผมพยักหน้ า มองตอบพีคนขับผ่านกระจกมองหลัง หันไปมองกระจกหลังฝั งตรงข้ ามกับทีผมนัง พีหมอกยังทุบ


กระจก ตะโกนไม่หยุด จนคนรอบๆเริมมุงดู

รถเคลือนออกมา พีหมอกเดินตามสองสามก้ าว ดึงประตู เขย่าไปมาจนได้ ยินเสียงกึงๆ พอความเร็วเพิมขึน ถึงได้


ปล่อยมือ ไม่ได้ วิงตามมา

ผมมองผ่านกระจกหลัง ระยะทางห่างมาเรือยๆ จนมองไม่เห็นพีหมอกอีก

“สมัยนีเด็กหล่อๆก็ไว้ ใจไม่ได้ เลยนะเนีย น้ องไปแย่งแฟนเขามาละสิ โมโหขนาดนี”

พีแท็กซีช่างคุยอย่างคิดไม่ถงึ

ผมได้ แต่หวั เราะแหะๆตอบไป โทรศัพท์ ผมกําไว้ คิดว่าพีหมอกจะโทรมา

แต่มนั ก็ไม่ได้ สนเลยแม้


ั แต่ครังเดียว
……………………………………
…………………………….
………………………

[B.N.19 : complete]
[19.10.55]

B.N.20

ตายแหง ตายแหงแก๋ ตายแน่ไม่ต้องให้ ใครฟั นธง

นี นายอธิษฐาน รู้ไหมว่ายัวโมโหใครไป?

แน่นอน คําตอบทําให้ ผมขนลุกไปทังตัวเลยทีเดียว

พีหมอกไม่ค่อยได้ โมโหบ่อยนัก ถึงจะมีเดือดปุปอุ ยู่ แต่ถงึ ขันปะทุหนักๆ คราวนีเป็ นครังแรกทีผมได้ เห็นด้ วย


ตัวเอง ก่อนหน้ านี เคยได้ ยินพีบอลเล่าให้ ฟังว่า คนทีทําให้ พีหมอกฟิ วส์ขาด ถึงขันไปนอนโรงบาลเลยทีเดียว คนๆ
นัน ผมไม่ร้ ูว่าเป็ นใคร แต่ทีแน่ใจ คือผมไม่อยากเจริ ญรอยตามพีคนนันชัวร์ ๆ

ผมมองซ้ าย มองขวา ไม่เห็นรถบีเอ็มอยู่ในระยะห้ าร้ อยเมตร รีบเปิ ดปิ ดประตูบ้านด้ วยความเร็วทีไม่เคยทํามา


ก่อน ถอดรองเท้ าวางเงียบๆ เดินย่องเข้ าบ้ านไป หวังว่าไม่มีใครเจอ

เฮียทีกําลังจะเดินเข้ าไปในห้ องนํา เห็นผม เลยเดินออกมาใหม่ แปรงฟั นไปถามไป เล่นเอาผมต้ องเอาผ้ าเช็ดเท้ า
มาเช็ดคราบยาสีฟันทีเฮียพ่นออกมา

“หนีไรมาวะ ไอ้ ตี”


“ฮะ? ฮะ? ตีหรอ?”

“เออ ไม่ถามมึง ถามหมาทีไหนวะ?”

“งันไปถามไอ้ ด่างแล้ วกัน ตีไปละ”

“อ้ าว นีแม่งน้ องใครวะเนีย จับถ่วงนําตังแต่เล็กก็คงจะดี” บ่นยาวไปจนปิ ดประตูห้องนํา ผมเดินขึนบันไดมาแล้ ว


ยังได้ ยินเสียงพึมพําอยู่

ผมทําอะไรไปวะเนีย?

คิดแล้ วโมโห

มองกองงานทียังทําไม่เสร็จ อยากจะเข้ าไปเตะให้ กระจุย ฉีกแล้ วพ่นไฟใส่ แต่ขืนทําแบบนันลงไป ต้ องมานัง


เสียใจทีหลัง เลยได้ แต่นงคิ
ั ด ทําให้ สบายใจได้ หน่อย

ขยีผมจนฟู กระจกหน้ าต่างสะท้ อนเงา เห็นผมตังขึนมา หน้ าตาคล้ ายเขาพอดี เออ วันนีผมจะยอมเป็ นสัตว์สเท้
ี า
กินหญ้ าซักวันนึงแล้ วกัน

แต่ใจนึงก็บอกว่าดีแล้ วทีกลับมาก่อน

ถ้ าอยู่ตรงนันต่อ ผมอาจจะทนไม่ไหว เผลอต่อยพีหมอกไปจริ งๆก็ได้ เพราะฉะนัน กลับมาตังสติทีบ้ านน่าจะดี


ทีสุด

มองนาฬิกา สีทุ่ม ต้ องรีบนอน พรุ่งนี—

ไม่สิ ผมไม่มีงานต้ องทําแล้ วนิ

นอนสบายอยู่บ้าน ทีไม่ได้ ทํามาตังนาน จะกลิงจะนอนถึงเมือไหร่ก็ได้

ถ้ าผมจะยิมตอนนี มันก็เป็ นแค่การยิมเก๊ ๆ ไม่มีประโยชน์เลย

ทิงตัวลงนอนกับเตียง หลับตาลง หน้ าพีหมอกทีผมเห็นก่อนรถจะขับออกมา หรือไอ้ การทียืนขวางถนนแบบนัน


จนได้ ยินเสียงแตรดังมาถึงผม ยังเห็นภาพนีซําๆ
เหตุผลของพีผมพอจะเข้ าใจ แต่วิธีการแบบนี แค่คิดผมก็โมโหจนจะพ่นไฟออกมาแล้ ว

ตังแต่เด็กยันโต สิงทีผมอยากทํามากทีสุด ก็คือการได้ ทํางานในสิงตัวเองรัก หารายได้ เก็บเงินซักก้ อน ช่วยเหลือ


ค่าใช้ จ่ายในบ้ าน ไม่ต้องงอมืองอเท้ าเกาะเฮียเกาะม๊ าไปเรือยๆ

“โว้ ยยยยยยยยยย”

“อย่าโวยวายได้ ไหมวะ? เดียวม๊ าก็ตืนหรอก”

“…..”

เฮียเข้ ามาตอนไหน ผมไม่ทนั ได้ ยิน ใส่แต่กางเกงเดินในบ้ าน สระผม เลยดูหวั ลีบลงไปหน่อย เข้ าห้ องมา เฮียก็พ่งุ
ไปทีโต๊ ะหนังสือ คงจะนังอ่านหนังสือกองนันให้ จบ

“เฮีย”

“มึงยังไม่ได้ อาบนํา อย่ามานอนกลิงบนเตียงดิ”

“อืม…” เฮียเปิ ดหนังสือ ก่อนจะเข้ าโลกส่วนตัว ถ้ าผมไม่ทกั คงไม่มีโอกาสได้ คุยกันพอดี “เฮีย ตีมีเรืองจะบอกว่ะ”

“อะไรล่ะ”

“หันมามองหน้ าตีก่อนดิ”

เฮียขมวดคิว แต่ก็ยอมหันหน้ ามา “ว่ามา”

“ตีโดนไล่ออก”

“…..ห้ ะ?”

“เซ็งว่ะ”

เฮียเงียบไปสักพัก ปล่อยให้ ผมหลับตา จนช่วงทีคิดว่าอาจจะหลับจริงๆ เฮียก็พูดขึนมา

“ไม่เป็ นไรหรอก”
“หืม?”

“ตกงานน่ะ ไม่เป็ นไรหรอก”

“เฮียคิดอย่างนันหรอ?”

“อืม” เฮียปิ ดโคมไฟลง เหลือแต่ไฟดวงทีอยู่บนเพดาน “ตกงาน ก็หางานใหม่ อย่าไปกลัวทีจะต้ องเปลียนสถานที


หรือเปลียนเพือนร่วมงาน ตอนเรียน มึงก็เปลียนมาหลายทีแล้ วใช่ไหมล่ะ? มันไม่ต่างกันหรอก”

พอจะนึกภาพตามได้

เพือนม.ต้ น ยังคุยอยู่แค่ไม่กีคน จําได้ แค่ว่ามีเรืองดีๆเกิดขึน แต่กลับนึกรายละเอียดได้ ไม่ชดั นัก เพือนม.ปลาย


เพือนทีคิดว่าอยากให้ อยู่ด้วยกันไปจนแก่ อยากไปเทียวด้ วยกันบ่อยๆ อยากตืนเช้ าไปลอกการบ้ าน โดดเรียน
ด้ วยกัน เป็ นวัยของคําว่า”ด้ วยกัน” กับเพือนมหาลัย ทีให้ ความรู้ สกึ ต่างกันไป

ต้ องปรับตัว

แค่คําเดียวเท่านัน ทีเฮียจะบอก

“แต่งานมันหายาก”

“หายากก็ต้องหา กูไม่เลียงเด็กโข่งแบบมึงหรอก กินก็เยอะ แถมไม่ได้ โตขึนเลย ยังนอนเปิ ดพุงเหมือนตอนเด็กๆ


ไม่เปลียน”

“ผมไม่ชอบคํานีเลยว่ะ คําว่าเด็ก”

เฮียหัวเราะเบาๆ

“หวังว่าน้ องเฮียมันจะโตด้ วยตัวเองซักที เฮียทังเลียงทังลุ้นจนเหนือยแล้ ว”

……………………………………………….
…………………………………

ใส่สทู ทีไม่ได้ เข้ ากับผมสักนิด เซ็ตผม หยิบพอร์ ททีนังทําเมือคืน เฮียเห็นหน้ าผมตอนเช้ า หัวเราะหึหึ ไม่พูดอะไร
ม๊ าบอก”โชคดีนะ อาตี” มายืนส่งถึงหน้ าประตูบ้าน

หลังจากทีเช็คสภาพไอ้ แก่แล้ วเมือวาน มันผ่านการซ่อมมาแล้ วแปดครัง ตอนนีแตรเสีย แถมเวลาขับยังมีเสียง


หึงๆ ควันดําเหมือนไฟไหม้ ถ้ าใส่เสือขาวอาจมีการเปลียนสีได้ สําหรับวันสัมภาษณ์งาน ผมเลยคิดว่า รถเมล์
อาจจะปลอดภัยกว่า

ทีทียืนใบสมัคร มีรถไฟฟ้าไปถึง

ชีวิตนีขอบคุณมาตลอดทีไม่ต้องสัญจรด้ วยรถไฟฟ้าบ่อยนัก รถเมล์ต่อให้ แย่แค่ไหน ผมว่าก็ยงั สู้รถไฟฟ้าไม่ได้ ยิง


ตอนเลิกเรี ยนร.ด.วันไหน เราขาดกันเถอะครับ เคยผ่านช่วงนันมาก่อน เข้ าใจทังหัวเกรี ยน ร.ด. และจมูกตัวเอง

คนเยอะ ผมยืนอยู่ตรงทีๆจับไม่ถงึ ทังเสาและราวข้ างบน คนเบียด ไอ้ หนูตรงนัน เก่งเป็ นบ้ า ขึนมาถึงก็ยืนหลับ พิง
เสาโดยไม่ใช่มือจับ พอรถออกจากสถานี ตัวผมก็โน้ มไปข้ างหน้ า ชนเข้ ากับผู้หญิ งข้ างๆ “ขอโทษครับ” เธอกับ
เพือนกลับมองผมอย่างกับผมเป็ นนักข่มขืน แล้ วรีบเดินหนีไป ทิงผมไว้ กบั นักกล้ ามผิวสีแทน เกิดเป็ นผู้ชาย อยู่
ยากชะมัด

ถึงสถานีทีผมต้ องลง คนแทบจะไม่ยอมขยับตัวให้ ถึงตัวผมจะออกมานอกรถได้ แต่กระเป๋ าก็ยงั โดนหนีบอยู่ จน


รปภ.ทียืนอยู่ข้างเส้ นเหลืองต้ องเป่ านกหวีดให้ รถรอ ทังขบวนมองผมอย่างตําหนิ แต่ถงึ อย่างนัน ก็ไม่มีใครคิดจะ
ช่วยดันกระเป๋ าผมทีติดอยู่ออกมาสักคน

เด็กคนทีคิดว่าหลับอยู่ ลืมตาขึน ไม่ได้ ถอดหูฟังออกจากหู ยืนมือมา ผ่านหลังนักธุรกิจทีคุยโทรศัพท์เสียงดัง


ตังแต่เข้ ามา ช่วยดันกระเป๋ าจนขยับ ผมดึง กระเป๋ าถึงหลุดออกมาได้

เสียงสัญญาณทีบอกว่าประตูจะปิ ดดังขึน ผมยิมขอบคุณ แต่เด็กคนนันก็ทําหน้ าเฉย ประตูปิดเสียงดัง กึง! แล้ ว


ตัวรถก็เคลือนออกไป

ตึกทีอยู่ห่างออกไปจากสถานีนี คือเป้าหมายของผม เห็นทันทีทีเงยหน้ าขึน

กําสายกระเป๋ าแน่นขึน เดินก้ าวไปข้ างหน้ า


…………………………………..
…………………………

“นีไปมากีทีแล้ ววะ?”

“4”

“แล้ วเป็ นไง?”

ผมยักไหล่

บอกว่าจะติดต่อไป ผ่านมาเดือนกว่า ไม่เห็นมีอะไรสักนิด

วางสายจากไอ้ โจ๋ ตังแต่วนั นี คิดว่าจะอยู่บ้านซักพัก

ไม่ใช่งานทีจะหาได้ ง่ายขนาดนัน ระหว่างทีรอ ได้ แต่ฝึกงาน ผมซือโน้ ตบุ๊คเครืองใหม่ ใช้ แยกกับเฮีย สมควรจะมี
นานแล้ ว แต่เพราะกลัวว่ามีเรืองฉุกเฉินทีจะต้ องใช้ เงิน จึงเก็บไว้

ลองฝึ กในสิงทีไม่เคยทํา ผมรืองานเก่าออกมาดูทงหมด


ั เห็นข้ อผิดพลาดบางอย่างทียังทําซําๆ

ไอ้ กล้ วยชวนไปฝึ กงานด้ วยกัน ผมปฏิเสธไป ตอนนีหมกหมุ่นกับการแก้ งานเสียจนไม่สนใจอะไร

คิดว่าบางที เราอาจจะต้ องเริ มจากเข้ าใจปั ญหาเราก่อน ถ้ าผมดีจริ ง ต่อให้ เป็ นพีหมอก พ่อพีหมอก หรือเทพเจ้ า
หน้ าไหน ก็คงจะเอาผมออกจากตําแหน่งนีไม่ได้

เอาจริงๆ การแก้ แบบเข้ ามากๆ ทําให้ ผมรู้ สกึ เหมือนติดกับ ขยับไปไหนไม่ได้ เมือเช้ าม๊ าเจอผมยังไง ตอนบ่าย
ทีม๊ ากลับมาบ้ าน ก็ยงั เห็นผมนังอยู่ทีเดิม ทีโต๊ ะหน้ าทีวี กระดาษเยอะขึนเรือยๆ โน้ ตบุ๊คเปิ ดจนร้ อนทุกวัน

ถ้ าจะหางาน วงการนีต้ องมีเส้ นสาย

เคยได้ ยินรุ่นพีพูดคํานีสมัยเรี ยน งานก่อนหน้ านี ก็ได้ การแนะนําจากพีเพรช แต่ตอนนี นอกจากผมจะไม่มีเส้ น


สายอะไร ยังมีเจ้ าพ่ออํานาจมืดกันผมออกจากงานอีก
คิดว่าพีหมอกจะหยุด และเปลียนความคิด แต่ก็ไม่ใช่

รืองานเก่าๆตอนทีเรียนอยู่ออกมาดู เปรียบเทียบกัน งานเหมือนจะพัฒนาขึน เหมือนจะ ผมบอกไม่ได้ ว่าตรงไหน


แต่ยงั รู้ สกึ ขัดๆอยู่

ตอนเย็น ลากแตะออกไป เดินเล่นแถวๆบ้ าน ออกไปเจอเพือนบ้ านทีไม่ได้ เจอหน้ านาน ผมมัวแต่ทํางาน แค่ปี


เดียว แทบจะลืมบรรยากาศตอนเย็นๆแบบนีไปแล้ ว ปกติตอนนีคงจะต้ องเบียดอยู่บนรถเมล์ เจอกลินจักกะแร้ ที
ผมไม่ร้ ูจะทําหน้ าแบบไหนให้ ทําร้ ายจิตใจเจ้ าของน้ อยทีสุด

ม๊ าบอกทํางานมากไป สมองจะไม่แล่น ให้ ออกมาพัก

แถวบ้ านมีคลองทีตอนเด็กๆเคยมาเล่นอยู่ นําสีทบึ สมัยผมก็ไม่ใส แต่นําไม่ได้ เน่าแบบนี ไม่ร้ ู ระหว่างนันเกิดอะไร


ขึน คนใส่ใจแม่นําน้ อยลงหรือเปล่า อันนีคงเป็ นคําถามทีมีคําตอบอยู่ตําตา

กลุม่ สิบแปดอรหันต์ตอนนีวงแตก เหลืออยู่แค่หกตัว เจอหน้ าผมก็กระดิกหางใหญ่ ได้ แต่แบมือบอก เสียใจ


ด้ วยว่ะ

ไม่ค่อยได้ เห็นเด็กออกมาวิงเล่นเหมือนแต่ก่อน พลาดแล้ ว เด็กน้ อยเอ๋ย ชีวิตวิงเล่นน่ะ เป็ นชีวิตทีเด็กทุกคน


สมควรจะได้ รับตอนเป็ นเด็ก ไอ้ เรืองเอานิวจิมพวกหน้ าจอทัชสกรีนยังมีเวลาอีกทังชีวิต แต่ถ้าจะวิงเล่น จะให้ ไป
วิงตอนวัยทํางานมันก็พดู ยากอยู่

แวะนังเล่นทีร้ านขายของชํา พูดคุยสารทุกข์ สขุ ดิบ คิดว่าจะจบอยู่แค่นนั แต่กลับได้ รับการอัพเดตข่าวสารหมู่บ้าน


ฉบับย่อตลอดปี ให้ ฟัง บวกเวลาไปอีกเกือบครึงชัวโมง

เป็ นการออกนอกบ้ าน ทีพูดจริงๆแล้ วก็ทําอยู่ทุกวัน แต่ต่างกัน วันนีกลับบ้ าน ผมรู้ สกึ เหมือนได้ ชารจ์แบต ไม่ใช่
กลับมาแบบผีไร้ วิญญาณ

ท้ องฟ้ากลายเป็ นสีนําเงินตรงท้ ายซอย แต่เหนือหัวผมกลายเป็ นสีดําไปแล้ ว เข้ าบ้ านก็กลับไปหมกหมุ่นอยู่กบั


งานของตัวเอง

ถึงตอนนี ผมก็ยงั ไม่ร้ ู ว่าการทําตัวเป็ นผู้ใหญ่คืออะไร

แต่คิดว่า อาจจะกําลังเริ มเข้ าใกล้ สงที


ิ ว่านันทีละเล็กละน้ อย
…………………………………..
………………………..
..............................
......................

เดินกลับเวลาเดิม ทําแบบนีมาเกือบจะครึงเดือนแล้ ว

เป็ นครึงเดือน ทีผมแทบจะไม่ได้ ติดต่อกับใคร

อย่างพวกไอ้ โจ๋ ไอ้ กล้ วย ล่าสุดก็ร้ ูแค่ว่ายังไม่มีบริษัทไหนติดต่อผมกลับมา แต่ก็แค่นนั มีติดต่อมาถามสารทุกข์


ดิบๆสุกๆอย่างทีทําปกติ แต่คงเห็นว่าผมกําลังหมกหมุ่นกับงานตัวเอง เลยลดจํานวนการโทรลง

และอีกคน ทีจนถึงป่ านนี ยังไม่ได้ คุยกันอีกสักคํา

จนถึงตอนนี ความโกรธทีโดนไล่ออกนันหายไปแล้ ว ทีผมยังโมโหอยู่นิดหน่อย คงเป็ นเรืองทีพีหมอกทําอะไรไม่


บอกผมก่อนสักคํา แต่ต่อให้ พีหมอกบอกผม ผมก็คงจะยังไม่เปลียนความคิด สุดท้ ายก็อาจจะจบลงแบบเดียวนี
เหมือนกัน

หลายๆคําของพีหมอก ทีผมฟั งแล้ วก็ร้ ู สกึ น้ อยใจ โมโห เสียใจ หลายๆอารมณ์ปนๆกันไป

พอมานังคิดดีๆแล้ ว มันทําให้ ผมพบข้ อบกพร่องตัวเอง

นิสยั เด็กๆทีซ่อนไว้ ผมไม่ค่อยจะเห็นมันเท่าไหร่ กลายเป็ นความชินชา ทีทําให้ ลืมมันไป ช่วงชีวิตวัยยีสิบ ผมว่า


เป็ นช่วงทีสับสนสุด แค่ข้ามวัน วันทีเรียนจบ กับวันต่อมา เราก็ถูกผลักเข้ าสูโ่ ลกของผู้ใหญ่โดยทียังไม่ทนั ได้
เตรียมใจ

วันนีผมอาจจะมาถึงช้ ากว่าเดิมหน่อย แต่ก็ได้ เห็นสุภาพสตรีลกู สีข้ างบ้ าน ปั จจุบนั คุณสามีสาบสูญไปสามเดือน


แล้ ว และคุณภรรยา ก็ไม่ปรารถนาทีจะได้ เห็นหน้ าคุณสารมีอีก เห็นออกมาตากผ้ าหน้ าบ้ าน ดูเหมือนจะดึกไป
หน่อยสําหรับการซักผ้ า

“เออ ตีๆ”

“ครับ?”
เกือบจะเข้ าบ้ านไปแล้ วก็ต้องโผล่หน้ าออกมาใหม่ เห็นพีแกกวักมือ ผมเลยเดินเข้ าไปใกล้ จนติดรัว กิงไม้ สะกิดขา
จักจีแปลกๆ

“ช่วงนีรู้ สกึ ไม่ค่อยปลอดภัยเลย”

“ห้ ะ? ทําไมครับ”

“ก็ตอนช่วงดึกๆน่ะสิ มีรถมาจอดแถวนีบ่อยๆ” ผมขมวดคิว ซอยนีเป็ นซอยลึก แต่เพราะข้ างหน้ าเป็ นถนนใหญ่


จะมีเข้ ามาจอดบ้ างก็ไม่แปลก “บางทีก็จอดหน้ าบ้ านพี บางทีก็จอดฝั งนัน มาจอดแบบนีเกือบสิบนาทีแล้ วขับ
ออกไปเกือบทุกวันเลย ตอนแรกพีกลัวสิ ว่าจะเป็ นเจ้ าหนีของไอ้ บ้าผัวพี แต่เห็นยีห้ อรถแล้ วไม่ค่อยแน่ใจ”

“ยีห้ อ? ยีห้ ออะไรครับ”

พีแกวาดนิวกลางอากาศ วงกลม ขีดแบ่งครึงซ้ ายขวา แล้ วขีดครึงบนล่างอีกที

“แบบนี รถมันท่าจะแพงใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่ทีคันใหญ่ๆ แล้ วเลขทะเบียนสวยๆหรือเปล่าครับ?”

“อืม คันใหญ่น่ะใช่ แต่เลขทะเบียนไม่เคยเห็น พีแค่เห็นคันนีเลียวเข้ ามาก็รีบเก็บของเข้ าบ้ าน ปิ ดไฟหมดแล้ ว”

“เดียวนะ พี ใช่สดี ําหรือเปล่า”

“ใช่ๆ ตีรู้จกั หรอ?”

“รถคันนีเริ มมาจอดแถวนีตังแต่เมือไหร่ ทําไมผมไม่เคยได้ ยินเสียงเลย”

“ตีคงหลับไปแล้ วมัง ช่วงหลังๆนีจะมาดึกหน่อย พีน่ะยังไม่ได้ นอนหรอก ดูละครอยู่ ได้ ยินเสียงรถก็เลยเปิ ด


หน้ าต่างออกมาดู เจอประจํา แอบคิดว่าสายตาคนในรถมองมาทางนีด้ วย น่ากลัว โรคจิตชะมัด”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่มีเรืองแบบนันหรอก ผมไม่ยอมปล่อยเจ้ าหนูเราหายไปไหนหรอก”

หนึงในสามลูกสาว น่าจะเป็ นคนทีสอง เพราะก็สห้ี าขวบแล้ ว วิงออกมา บอก “แม่ๆ น้ องทําข้ าวหก”
“อะไรกัน ทําข้ าวหกอีกแล้ ว พึงซักผ้ าขีริ วเองนะ”

เธอพยักหน้ า มองหน้ าผม ผมยิมให้ เธอยิมเขินกลับ น่ารักชะมัด

ผมรี บเข้ าบ้ าน อาบนํา แบกคอมขึนไปทํางานชันสอง ปิ ดไฟทังบ้ าน ม๊ าไม่อยู่บ้าน เฮียท่าจะกลับดึก

ทํางานไปเรือยๆ พัดลมจ่ออยู่ตรงหน้ าแต่ก็ร้อนเป็ นบ้ า เปิ ดหน้ าต่าง มองนาฬิกา ใกล้ ห้าทุ่ม แต่ยงั ไม่ง่วงนอนสัก
นิด

เสียงเครืองยนต์ ทีดังขึนเรือยๆ ผมยืนหน้ าขึนไปมอง พับฝาโน้ ตบุ๊คลง

รถทีขับเข้ ามาช้ าๆ จนความเร็วแทบจะเหมือนเข็นรถเอง สีดํา พอเจอแสงจากไฟข้ างทาง ก็ดูสวยเหมือนใน


โฆษณา ขับเลียบฝั งตรงข้ าม จอดลงทีเดิมกับทีทีพีข้ างบ้ านบ่นมา ผมมองนาฬิกาอีกครังหนึง

รถดับเครืองลง

ไม่มีใครก้ าวลงมาจากรถ

เป็ นใครใครก็กลัวล่ะว่ะ แบบนี มาจอดเฉยๆ แล้ วก็ขบั ไป ก่อนหน้ านีก็เคยทําแบบนีครังหนึง คิดว่าตอนนัน พีสาว
ข้ างบ้ านคงมัวแต่ทะเลาะอยู่กบั สามีในตํานานแหง ถึงไม่ได้ สงั เกต

ในรถก็ปิดไฟ มืดไปหมด มองไม่เห็นข้ างใน

ผมอยู่ชนสอง
ั หามุมทีมองเห็นข้ างล่างชัดๆไม่มี แต่ก็ไม่อยากลงไปข้ างล่าง ไหนๆอยากทําให้ ดเู ป็ นความลับ ผมก็
จะช่วยทําเป็ นไม่ร้ ูอีกแรง

ประตูรถเปิ ดออก

พีหมอกเดินออกมาจากรถ วันนีใส่แต่เสือเชิตสีขาวแขนยาวทีพับแขนขึน กางเกงรองเท้ าสีเดียวกัน รองเท้ ามัน


ขลับพอๆกับตัวกระโปรงรถ ออกมาพิงรถ สูบบุหรี เหมือนแค่มาชมวิวในซอยแคบทีไม่มีอะไรเลยเฉยๆ

พอเงยหน้ าขึนมามอง ผมก็ร้ ู สกึ เหมือนถูกจับได้ ว่าแอบอยู่ รีบมุดลงใต้ โต๊ ะจนเก้ าอีหงายหลังลงกับพืน ผมรีบยืน
มือไปรองไว้ ไม่มีเสียงก็จริง แต่เจ็บมือแทน ได้ ยินเสียงหัวใจเต้ นดังตึกๆ ยืนเท้ าออกไปปิ ดพัดลม อารมณ์เดียวกัน
กับโจรบุกบ้ าน
ไม่ร้ ูว่านังอยู่ตรงนันนานแค่ไหน เงยหน้ าขึนมามองทีขอบหน้ าต่าง ไม่เห็นพีหมอกแล้ ว แต่ในรถก็ไม่มี เลยยืนหัว
ออกไปมองอีก

อยู่ไหนวะ?

ได้ ยินแต่เสียงหมาเห่าอยู่ไกลๆ พีหมอกคงไม่ไปเล่นกับมันหรอก หายไปเฉยๆเล่นเอาผมงง ยืนขึนมา มองไป ซ้ าย


ขวา ไม่มีพีหมอกทังสองฝั งถนน

“ไอ้ ตี!”

“เหยย!!”

พีหมอกอยู่หน้ ารัว ข้ างล่าง ตะโกนเรียก พอเห็นผมตกใจ ก็หลุดหัวเราะออกมา ถึงผมจะพูดแบบนัน แต่ก็อย่าไป


จินตนาการไว้ มากครับ แค่ไหล่กระตุก มุมปากยกขึนหน่อยๆ

พีหมอกเอาบุหรีทีถือไว้ เข้ าปาก พอนิวทีคีบบุหรีนันห่างออกมา ก็มีกลุม่ ควันลอยอยู่รอบๆตัวพีหมอกแทน

มันพูดต่อ เสียงไม่ได้ ดงั มาก แต่เพราะแถวนีเงียบ ผมถึงได้ ยิน

“ลงมา”

“เฮ้ ย วันนีมันเสียงอะไรวะเนีย? น่ากลัวชะมัด หูฝาดๆ”

มองซ้ าย มองขวา ไม่เห็นมีใครเลยนิหว่า ยืนมือออกไป รีบๆปิ ดหน้ าต่างดีกว่า คืนนีสยองประหลาด

“กูบอกให้ ลงมาไง”

“พูดแบบนีใครจะลงไปวะ?”

“แล้ วจะให้ พดู ยังไง?”

ตกหลุมเต็มๆ

บางที พีหมอกอาจจะไม่เคยขุดหลุมพรางทีว่านันจริงๆ แต่เป็ นผมเองเสียมากกว่า ทีเห็นเต็มๆตา ก็ยังกระโดดลง


ไปโง่ๆ
“พีกลับไปเหอะว่ะ”

“….”

ไอ้ หน้ านิงๆแบบนี

ถ้ าไม่ได้ เห็นชัดๆคงบอกไม่ได้ ว่ามันคิดอะไรอยู่

พีหมอกถอยหลัง ไปยืนกลางถนน แถวนีตอนดึกๆไม่ค่อยมีรถผ่าน มาทุกวัน คงรู้ดี

“จะลงมาดีๆหรือให้ กเู ข้ าไป”

“ผมล็อคประตูแล้ ว พีเขามาไม่ได้ หรอก”

ไม่มนใจหรอก
ั ทีผมพูดไป

พีหมอกเลยนะ คนทีเรากําลังพูดถึงอยู่

มันคาบบุหรี ไว้ เอามือล้ วงกระเป๋ า

ผมกลืนนําลาย เริ มรู้ สกึ ไม่ดีเท่าไหร่ เสือชืนเหงือ

เดินเข้ ามาใกล้ รัวบ้ านผม กําลังจะไขกุญแจบ้ าน เล่นเอาผมตัวแข็งทือ

“พ..พีหมอก!”

เงยหน้ าขึนมอง ผมรีบพูด “ด..เดียวผมลงไปเอง”

“แค่นีก็จบ”

ผมรี บวิงลงไป แบบชนิดทีว่าถ้ าม๊ าเห็นคงตะโกนบอก “อย่าวิงลงบันไดสิ เดียวก็ล้มหรอก” แต่ตอนนีน่ะ ช่างมัน


ก่อนเถอะ

ผมวิงเท้ าเปล่าออกไปถึงหน้ าบ้ าน


ประตูยงั ไม่เปิ ด รัวบ้ านยังอยู่ดี ไม่มีร่องรอยถูกทุบ งัด หรือทําลาย

พีหมอกอยู่อีกฟากของรัว

“พีเอากุญแจบ้ านผมมาจากไหน?”

“ไม่มีหรอก”

“อ้ าว—“

พีหมอกหยิบขึนมาให้ ดชู ัดๆอีกรอบ กุญแจทังพวงนัน ไม่ใช่กญ


ุ แจบ้ านผมสักดอก

“หลอกผมนิหว่า”

“ไม่คิดว่าจะได้ ผลด้ วยซํา”

“….”

“ทําไมไม่ใส่รองเท้ า?”

ผมก้ มมองเท้ าตัวเอง พอเงยหน้ าขึนมา ก็เห็นว่าพีหมอกมองตามขึนมาเหมือนกัน

“ลืม”

“ไปใส่ซะ”

“ใส่ทําไม? เดียวผมจะเข้ านอนแล้ ว”

“มึงต้ องไปกับกูก่อน”

“ผมไม่ไป”

“อย่าดือ”
“ผมไม่ได้ ดือ ก็ผมไม่อยากไป”

“ทําไม?”

“พีอาจจะพาผมไปทิงทะเลก็ได้ ใครจะอยากไป”

“หึ”

พอได้ ยินพีหมอกทําเสียงแบบนี ก็โมโหขึนมาจริงๆ

ชอบมาบังคับให้ ทํานู่นทํานี ไม่เคยบอก หรือไม่เคยให้ เหตุผลผมซักคํา

คาบบุหรีไว้ ไม่อยากเข้ าไปใกล้ ผมไม่ชอบกลินบุหรีซักเท่าไหร่ เคยสูบ ผลทีได้ นําตาไหลเป็ นนางเอกหนังดราม่า

“บุหรีผมก็เกลียด รถพีหมอกนังไม่สบายตูด แถมเปิ ดแต่เพลงร็อคอีก”

สองนิวทีคีบบุหรีอยู่ กางออกจากกัน บุหรี ทีหมดไปส่วนหนึง ร่วงลงกับพืน พีหมอกเหยียบ ควันก็หมดไป

“กูปิดเพลงได้ ” ตอบนิงๆ เหมือนแม่ถามวันนีใช้ เงินไปเท่าไหร่ “ชอบนังคันไหน?”

“ไม่ชอบซักคัน”

“เดิน”

“ผมขีเกียจ”

“มึงจะเอาไงกันแน่? จะให้ กแู บกไปหรือไง”

“ไม่เอาหรอก”

“บอกมา…” ล้ วงกระเป๋ า หยิบกล่องบุหรีขึนมาอย่างลืมตัว แต่เห็นว่าผมมองอยู่ ก็เปลียนใจ เหวียงลงถังขยะหน้ า


บ้ านผมแทน “ต้ องการอะไร?”

“ผมอยากทํางาน”
“ตอนนียังไม่ได้ ”

“แล้ วเมือไหร่ ได้ ”

“ไม่ร้ ู ”

“….ผมไปนอนละ”

“อย่าคิดว่ารัวจะช่วยอะไรมึงได้ นะ”

พีหมอกพูดแบบนันผมก็หยุดเท้ า ห่วงรัวเหล็กด้ วยส่วนหนึง แต่อีกส่วน คงเป็ นเพราะไม่ชอบนําเสียงแบบนีของพี


หมอก ไม่ชอบเลยสักนิด

“พีก็แบบนีตลอด บังคับผมทุกอย่าง หยุดสักทีเถอะ”

“หยุด? มึงบอกให้ กหู ยุดหรอ?”

“ไม่ใช่มง?”

“กูไม่ใช่เพือนเล่นมึง ตี”

“แล้ วพีเป็ นอะไร?”

“แล้ วมึงจะให้ กเู ป็ นอะไร?”

“…..”

พีหมอกขมวดคิว สถานการณ์ ไม่ดี

ผมกําลังทําให้ มนั เข้ าใจผิดอย่างร้ ายแรง

ไม่ได้ ต้องการพูดอะไรแบบนันไป อยากจะชกตัวเองแรงๆสักที

มันหงุดหงิดและเริ มโมโห
ผมรู้

พีหมอกกําลังเสียใจอยู่

“มึงกําลังเล่นตลกอะไรอยู่ ตี กูไม่ขําสักนิด-”

“ผมรักพี”

คําพูดหลุดออกไปก่อนทีผมจะคิดทันด้ วยซํา

เหมือนอยู่ดีๆก็กลายเป็ นฟองอากาศทีลอยออกไป จะห้ ามไว้ ไม่ทัน และผมก็ไม่อยากทําแบบนัน

พีหมอกนิงไป จนผมไม่แน่ใจว่ามีใครไปเผลอกดสต็อปไว้ หรือเปล่า

ก่อนทีจะหลุดแค่คําสันๆ ตอบผมมา

“…ห้ ะ?”

“ผมบอกว่าผมรักพี”

“…..”

รู้ตวั อีกที

ผมก็เห็นหน้ าพีหมอกค่อยๆแดงไล่ขนมาจากคอ
ึ ทังๆทีสีหน้ ายังนิงอยู่แบบนัน แม้ แต่หยู งั กลายเป็ นสีแดงกํา

จ้ องหน้ าผม ไม่กระพริบตา ไม่ขยับตัว เหมือนโดนแช่แข็งอยู่ตรงนัน

นําแข็งคลายตัว พีหมอกรีบยกมือข้ างหนึงขึนปิ ดหน้ า ก้ มหน้ าลง แต่ก็ซ่อนใบหูสองข้ างไว้ ไม่ได้

พูดด้ วยเสียงสันๆ

“ก..กูไม่ได้ ยิน”

เสียงแบบนัน เล่นเอาผมอยากจะบินหนีไปไกลๆ
“ผะ ผม ว่าพีได้ ยินแล้ ว”

“ไม่ชดั ”

“ก็..” ไม่น่าเชือ ว่าเมือกียังทะเลาะกัน เหมือนหนังคนละม้ วน “นะ นันแหละ”

“…บ้ าเอ้ ย”

สบถเบาๆ แต่ขอโทษที ทีผมได้ ยิน

ผมไม่เข้ าใจคําสบถนัน เลยถามออกไป

“ทะ..ทําไม?”

พีหมอกไม่ตอบ เลือนมือทีปิ ดหน้ าอยู่ ไปทีตําแหน่งเดียวกันกับกระเป๋ าเสือข้ างซ้ าย กําเสือจนยู่ยี

กระซิบกับตัวเอง ผมไม่ได้ ยิน แต่อ่านจากปากเอา

“หยุดสักที”

พีอาจจะบังคับได้ ทกุ อย่าง ทังสถานการณ์รอบตัว คนรอบๆข้ าง แต่สงหนึ


ิ งทีพีเอาชนะมันไม่ได้ ควบคุมมันไม่ได้

หัวใจ

อย่างตอนนี ทีผมบอกให้ มนั เต้ นช้ าๆหน่อย เดียวแกจะตายเอานะ มันก็ไม่ยอมทําตาม

ได้ ยินเสียงตึกตึกตึก เหมือนมีคนมาวิงอยู่ในหู

รู้สกึ ร้ อนเป็ นบ้ า แต่มือผมกลับเย็นเชียบ

“ผะ..ผมบอก มะ ไม่ได้ ผะ เพือให้ พี ยะ หยุดโกรธ หรอกนะ”

“แล้ ว..ทําไม?”
ขมวดคิว มองไปทางอืน ไม่ได้ เงยหน้ าขึนมา มือยังไม่ปล่อยจากเสือ เงาทําให้ เห็นไม่ชดั

แต่ตอนนี แม้ แต่มือพีหมอกยังกลายเป็ นสีชมพูอ่อนๆ

“ผม มะ..ไม่อยากให้ พีเข้ าใจผิด ว่ะ ว่าทีผมโมโห หรือไม่ติดต่อไป เพราะผม..เอ่อ ไม่ ไม่ได้ นันแหละ”

“กูฟังไม่ร้ ูเรือง”

“ผมไม่ได้ ตงใจ
ั ผม ผม…ผมพูดเรืองอะไรอยู่วะเนีย?”

“..แต่กเู ข้ าใจ”

“อืม นันแหละ” ไม่ร้ ูจะเอามือไปไว้ ไหน เลยแกว่ง แต่ดนั แกว่งไปทางเดียวกัน ข้ างหน้ า ข้ างหลัง ดูพิลกึ “ผมแค่ไม่
ชอบแนวคิดพีเฉยๆ”

พีหมอกไม่ได้ ตอบอะไร ไม่ร้ ู ด้วยซําว่ายังฟั งอยู่หรือเปล่า

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมไม่ร้ ู แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา กระอักกระอ่วนเหมือนเด็กมอ.ต้ นทีขนหน้ าแข้ งพึง


ขึน ได้ ยินเสียงยุงบินไปมา ส่งเสียง กิว กิว เหมือนจะแซว

“ผ..ผมไปนอนแล้ วนะ”

พีหมอกเงยหน้ าขึนมอง อย่าไป แต่ก็ไม่ได้ พูดออกมา

ผมค่อยๆเดินถอยหลังทีละก้ าว สองก้ าว จังหวะทีกําลังจะกลับหลังหัน

“….ขอบคุณ”

เสียงทีเบา เหมือนตังใจไม่ให้ ผมได้ ยิน

ผมไม่ได้ หนั กลับไป เดินช้ าๆเข้ าไปในบ้ าน ปิ ดประตู วิงไปทีตู้เย็น หยิบขวดนําออกมาดืม

มองออกไปข้ างนอก เห็นแสงสว่างจากไฟหน้ าของรถติดขึน ใช้ เวลาสักพัก ก่อนจะเคลือนตัวออกไปช้ าๆ แล้ ว


หายไปจากมุมทีผมจะมองเห็น
เผลอปิ ดประตูหนีบมือตัวเองเต็มๆ

……………………………………….
…………………………….

[B.N.20 : complete]
[22.10.55]

กินผงชูรสจนผมร่ วงกันหมดรึยงั ? 555

B.N.21

เป็ นอีกเดือนทีวุ่นวาย วุ่นวายมาก ทังๆทีผมก็ไม่มีงานทํา และเรืองทีว่าก็ไม่ใช่พีหมอก สงสัยไหมละครับ? ว่ามัน


เรืองของใคร? เดียวผมจะเล่าให้ ฟัง

นันไง พูดยังไม่ทนั จบ โทรศัพท์ ก็ดงั อีกแล้ ว


“ไอ้ ตี ไอ้ ตี กูทําไงดีวะ”

ปลายสายเสียงสัน แต่ไม่ได้ ชวนให้ คิดว่ากําลังตกอยู่ในอันตราย สันด้ วยความประหม่า ทีผมยังหาวิธีแก้ ให้ เขา


ไม่ได้

“ใจเย็นๆพี ผมกําลังจะไปแล้ วเนีย”

ได้ ยินเสียงถอนหายใจ ผมแอบทําตามเบาๆ

“จะมากับใครวะ?”

“ทีไปกับผมก็มีไอ้ เคิล ไอ้ โจ๋ ไอ้ กล้ วย ส่วนไอ้ ปิก ไอ้ กล้ วย ไอ้ กมจะตามไปที
ึ หลัง”

“รีบๆมาเลย กูจะตายห่าอยู่แล้ ว”

พีโก้ พีช่วยรวบรวมสติทีแตกกระจุยของพีด้ วยเถอะครับ พีเล่นเคาะหัวผมจนจะประสาทไปด้ วยคนแล้ ว

“พีเลิกโทรหาผมสักทีเถ้ อ”

“ทําไม มึงไม่รักกูหรอวะ?”

“ถ้ าตอบว่ารัก เจ้ าสาวจะงอนเอาน่ะ พีโทรหาผมวันนีแปดสายแล้ ว ผมบอกแล้ วว่าใจเย็น ผมนึกภาพพีวันเมียพี


คลอดลูกไม่ออกเลย”

“เออว่ะ…เฮ้ ย แล้ วถ้ ากวางท้ องขึนมาจะทํายังไงดีวะ? กูไม่เคยคิดมาก่อนเลย”

“ท้ องก็ไปคลอดสิครับ พีจะยัดลูกพีกลับไปหรือไง ผมวางสายก่อนนะ ไอ้ เคิลมารับแล้ ว”

นันแหละ ชีวิตทีผ่านมาเดือนนึงของผมทังหมด อย่างกับไม่ร้ ูจะโทรหาใคร ไม่ใช่ว่าไม่มีใครไม่รับสายพีโก้ หรือพีโก้


มีเพือนน้ อยหรอกนะครับ แต่พีแกเล่นโทรหาทุกคน ทุกวัน “ทําไงดีวะ วันนีจะพากวางไปเดทครังสุดท้ าย ทีไหนดี
วะ เตรียมอะไรดี มึงคิดว่าทําแบบไหนกวางจะประทับใจวะ?” ขนาดวันเดททีว่านัน ยังแอบหนีไปโทรศัพท์ขอ
คําปรึกษาในห้ องนํา เข้ าใจเลยเหตุผลทีได้ ยินข่าวมาว่าพีหมอกไปดูงานทีเยอรมัน ไม่ร้ ู จะมางานด้ วยหรือเปล่า พี
ฉลาดเป็ นบ้ า ไอ้ ผมทีตกงานเตะฝุ่ นอยู่บ้าน เลยตกไปเหยือรายแรกๆในลิสต์อย่างหนีไม่ได้

งานหมันจัดไปก่อนแล้ วทีกรุงเทพ เพือให้ ญาติผ้ ใู หญ่สงู วัยทังหลายไปต้ องลําบากเดินทางมา ส่วนทีต้ องมาจัด


งานแต่งทีริมทะเลแบบนี เห็นว่าเป็ นไอเดียของเจ้ าสาว ทีเจ้ าบ่าวต้ องปิ ดปากเงียบ ไม่ยอมฟั งเสียงกระเป๋ าเงินกับ
บัญชีธนาคาร เชือเถอะครับว่าไอ้ พีโก้ มนั ไม่ได้ จนหรอก แต่ก็ไม่ได้ รวยถึงขันว่าจะไม่บ่นเรืองค่าใช้ จ่ายเลย

เก็บมือถือ แบกกระเป๋ าเดินทางออกไปหน้ าบ้ าน รถไอ้ เคิลเป็ นรถแจ๊ สคันเล็กๆ ตอนแรกผมคิดว่าผู้ชายโตเต็มวัยสี


คนพร้ อมสัมภาระจะยัดกันไปไม่พอ แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้ นงแคบอะไรเลย

“ของมีแค่นีหรอ?”

“เออ กูไม่ได้ ย้ายบ้ าน ไม่ขนเยอะ”

ไอ้ เคิลอุตส่าห์ ลงจากรถมาช่วยยัดของเข้ าท้ าย ตอนนีเลยทําหน้ าเซ็งไปตามระเบียบ

“ไอ้ ตี”

“ห้ ะ?”

“เรืองงาน…”

“ตอนนีกูก็กําลังพยายามในแบบของกูอยู่ ไม่เป็ นไรหรอกว่ะ”

“แน่ใจนะ”

“แน่ใจสิวะ ขอบใจมากไอ้ เคิล กูร้ ู มงึ เป็ นห่วง แต่ปากหนักเกินกว่าจะบอกกูตรงๆ”

ถ้ าเป็ นไอ้ กล้ วยคงมีสวนกลับ หรือเป็ นไอ้ โจ๋อาจทําหน้ าเลียนๆ แต่พอเป็ นไอ้ เคิล กลับนิงจนผมไม่แน่ใจว่ามันคิด
ยังไงกับคําพูดผม ขึนประจําตําแหน่งคนขับเสียดือๆ

ไอ้ พีโก้ แค่ชือนีก็การันตีความไม่ธรรมดา เล่นไปจัดงานแต่งถึงเกาะสมุย ต้ องนังเครืองบินกันไปลงทีสุราษก่อน


แล้ วต่อรถต่อเรือไปอีกที เหนือยหน่อย แต่ก็อยากไป พีแกทุ่มเต็มที ออกค่าห้ องให้ กบั แขกทุกคน ระหว่างการ
เดินทาง อย่าหวังว่าจะเงียบ เหมือนแม่บ้านสินหวังจับกลุม่ ชิทแชท

ไอ้ กล้ วยมีข่าวมาเล่าให้ ฟังเต็มไปหมด เม้ าท์ทุกอย่างยกเว้ นเรืองมัน เห็นคบๆเลิกๆมาหลายคนแล้ ว ไม่ร้ ูจะเอาไง
กับชีวิตซักที พอถาม ก็บอกแบบรําคาญว่า “เดียวกูก็หาใหม่ได้ น่า” เออๆ เอาเถอะ เดียวจะรอดู

ออกจากบ้ านตังแต่เช้ า กว่าจะถึงก็เย็น เดินทางเกือบเจ็ดชัวโมง เล่นเอาพวกผมบิดเอวเสียงดังกร็อบคล้ ายกลุม่


อากงหลังรําไทเก็ก

นังเรียงกันบนม้ านังทีสนามบิน รอรถตู้ของโรงแรมมารับ เพราะคุยกันมาตลอดทาง เลยคอแห้ ง ซือนําขวดมาแบ่ง


กันกิน ไอ้ กล้ วยยึกยัก ไม่ยอมส่งขวดนํามาให้ ซกั ที พอจะยืนมือไปคว้ า มันก็ถอยมือหนี

มองหน้ า มันมองตอบ เห็นไอ้ โจ๋สะกิดไอ้ กล้ วยยิกๆ ทําให้ มนั พูดออกมา

“ไอ้ ตี…กูขอถามอะไรตรงๆหน่อยดิ ถือว่าไงก็เป็ นเพือนกันหมด กูถามตรงนีเลยแล้ วกัน กูขีเกียจไปเล่าต่อ”

ถึงจะยังงง แต่ก็พยักหน้ าตอบไป

“มีเรืองอะไรกับพีหมอกหรือเปล่าวะ?”

“…..”

“ว่าไง”

“ไม่มีไรว่ะ เดียวก็เคลียร์ ”

“ไอ้ คําว่าเคลียร์ ของมึงนีแบบไหน ถ้ าเคลียร์ แบบตอนทีมึงทะเลาะกับเฮียมึง กูว่านันไม่เรียกว่าเคลียร์ หรอก เล่น


จนปากแตก บ้ านเกือบระเบิด” ก็นนไอ้ั เฮียมันเริมก่อนนิหว่า “ไม่ต้องมาทําหน้ าแบบนัน มึงตอนดีก็ดีนะ แต่ตอน
โมโห กูละ่ ไม่อยากเจอ อย่างกับมีคนเผาบ้ านมึง”

“…เชือกูเหอะ ว่าไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ไอ้ ข่าวนีเนีย มึงไปได้ ยินมาจากใคร?”

“พรายกระซิบ”

ถ้ าไอ้ กล้ วยแย่งตอบคํานี แปลว่าถามต่อคงไม่ได้ ประโยชน์อะไร แหล่งข่าวลับระดับทีผมไม่ร้ ู แม่นเสียจนน่ากลัว

นังเงียบๆสักพัก ไอ้ เคิลก็สะกิด รถตู้มารับพวกเรา พาไปส่งรี สอรท์ ปลายทาง แค่ทางเข้ าก็ทําให้ พวกผมเข้ าใจถึง
ราคาทีพีโก้ ชอบบ่นบ่อยๆ หรูจริ งไม่อิงค่าโฆษณา ไม่ต้องออกไปดูหาดข้ างนอกเลย แค่เห็นตัวรีสอร์ ทก็อยากจะ
อยู่ในนีทังวัน

ตามประสาถาปั ตย์ เห็นแบบนีพวกผมก็ตาวาว อดถ่ายรูปไม่ได้ ลืมไปเลยว่ามาทําอะไร ไปยืนเก็กหล่อเป็ นบอย


แบนด์ ไอ้ เคิลเต็มใจเป็ นตากล้ องให้ ทีขําสุดคงเป็ นตอนทีไอ้ โจ๋เท้ าแขนไว้ กบั กระจก แต่ดนั หงายหลังเพราะเป็ น
ประตูผลักได้ ถ่ายติดไว้ พอดี รูปนีต้ องเอาไปขยายต่อ ฮะฮ่า

ไอ้ เคิลเป็ นคนรับกุญแจห้ องมาให้ ผมนอนกับไอ้ กล้ วย ห้ องนอนกว้ างขวาง เชือมต่อกันได้ ระหว่างห้ องผมกับห้ อง
เคิล เห็นแววว่าคืนนีมีบ่อนชัวร์ ตังแต่เด็กยันโต ไม่มีค่ายไหนทีเราลืมพกไพ่ไปหรอกครับ ของสําคัญ อย่างอืนมัน
ยืมกันได้ แต่สาํ หรับไพ่ หายาก

เข้ าห้ อง แยกย้ ายกันแต่งตัว ไอ้ กล้ วยตัดผมใหม่ สันจนไม่ต้องเซ็ท แค่หวีให้ ดดู ีหน่อยก็พร้ อม ส่วนไอ้ เคิลคงเป็ น
สไตล์ของมันทีไม่ต้องทังหวีทงเซ็ั ท ไอดอลมันคงทําทรงแอฟโฟร่ แต่ผมมันยังไม่ยาวพอ

ไอ้ โจ๋แย่งห้ องนําไปแล้ ว เลยต้ องออกมาเซ็ทข้ างนอก ไอ้ กล้ วยนอนดูบอลอยู่ข้างหลัง นัดนีมันดูไปแล้ ว แต่ก็ยงั บ่น
ไม่หยุด ไอ้ เคิลนังอ่านหนังสืออยู่อีกห้ อง

“ไอ้ ตี มึงเซ็ทผมอะไรของมึงวะ?”

“ห้ ะ?”

“หัวมึงเนีย ทรงไรของมึง อย่างกับโงกุน”

“โงกุนทีไหน มึงดูผิดแล้ ว ดูยังไงกูก็ดงบังชินกิชัดๆ มึงมาดูใกล้ ๆได้ กูไม่หวง”

“มึงเซ็ททรงนีออกไป กูไม่เดินกับมึงนะว้ อย”

“ไอ้ กล้ วย มึงก็ไม่เคยเดินกับกูอยู่แล้ ว มีงานแบบนีทีไร มึงก็ชิงไปหม้ อสาวทุกที”

ประตูห้องนําเปิ ด ไอ้ โจ๋เดินออกมา “กูเห็นด้ วยกับไอ้ กล้ วยว่ะ ตี มึงทําไรวะ ทรงหัวเกาลัดไรของมึงเนีย?”

“กูมนั กูหล่อ”

“กูว่ามันไม่ไหวว่ะ”

“อย่าเอามือมาจับนะโว้ ย!!” ยิงเอามือปั ด มันก็ยิงขยันยืนมือกันเข้ ามาจะขยีหัวผม หนีไปหาไอ้ เคิลอีกห้ องหนึง


พอมันเห็นพวกผมเข้ ามา ก็บอก “เสร็จแล้ วก็ไปเถอะ เดียวสาย”

งานเริมตังทุ่มกว่า แต่ก็เริ มหิว ถ้ ามีของกินก่อนก็ไปกินก่อนท่าจะดี


เพราะบอกว่าเป็ นงานทีมีแต่คนสนิทมา เลยแต่งสบายๆ แต่ไหงทุกคนแต่งดูดีกนั แบบนี? หักหลังผมหรอ? หลอก
ผมอยู่คนเดียวใช่ไหม? ทําไมถึงมีแค่ผมทีใส่เชิตกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน(ของไอ้ เคิล)มา? ทําไมสาวๆถึงใส่ชุด
ผ่าหน้ าผ่าหลัง กระโปรงยาวพริวถึงตาตุ่มกันแบบนี?

“อ้ าว ไอ้ เด็กเสริฟ ไปหลังงานเลยไป!”

“พีโก้ พีหลอกผมหรอวะ?”

มีแค่ไอ้ กล้ วยทีการแต่งตัวพอไปรอด นอกนันถือถาด ใส่เสือทับอีกตัว คงเข้ าท่า แต่ทีฮากว่า คือมีใส่สทู มาด้ วย
ยืนเอ๋ออยู่คนเดียวหลังบู้ทนู่น

“หลอกเชียไร ไอ้ ตี ธีมงานสบายๆ แต่งแบบมึงก็ดีแล้ ว กูแซวเล่นเฉยๆ ว่าแต่หวั มึงทรงอะไรวะเนีย ทุเรศโคตร” พี


โก้ วนั นีแต่งตัวหล่อ เห็นแอบทาหน้ าบางๆ หล่อวิงกว่าปกติ รอบล่าสุดทีเห็น ตาโหล ตัวดําปี เห็นบอกว่านอนไม่
หลับ ตืนเต้ นอะไรของพีแกไม่ร้ ู แต่หล่อขนาดไหน ปากจัญไรแบบนีก็ติดลบว่ะ “มาก็ดี มานีเลยๆ”

คนในงานยังบางตา แต่ถ้าเทียบกว่าแขก ก็ถือว่าใกล้ ครึงหนึงของงานแล้ ว ทีเดินมาถึงตรงนีเป็ นทางเดินจากตัวรี


สอร์ ท ทางเดินไม้ ทีมีช่องสลับกัน ท้ องฟ้ากลายเป็ นสีนําเงินเข้ ม ลมพัดแรง หัวไอ้ โจ๋ผมไม่พดั เลย หัวแข็งปั ง ผิดกับ
ไอ้ เคิลทีแทบมองไม่เห็นตา หมวกทีมันใส่ปลิวออกไปหลายรอบจนมันรําคาญ เลิกใส่

พวกเราถูกลากไปหาผู้หญิ งคนหนึง ผมไม่เห็นหน้ าหรอก เพราะเธอยืนหันหลัง แต่เห็นชุดก็เดาได้ เลยว่าใคร


เจ้ าสาวชัวร์ แต่งสวยกว่าคนอืนขนาดนี หันมาที เล่นเอาพวกผมใจเต้ น ไม่แน่ใจว่าเป็ นฤทธิเครืองสําอางหรือ
เปล่า เพราะคราวทีแล้ วทีเห็น ไม่ได้ สวยขนาดนี เล่นเอาพวกผมพูดไม่ออก ลินอุดตันไปพักใหญ่

“นีกวาง ว่าทีเจ้ าสาว ส่วนนี ไอ้ ตี ไอ้ เคิล ไอ้ โจ๋ ไอ้ กล้ วย รุ่นน้ องมอเดียวกัน”

เธอพูดทักทาย ไอ้ กล้ วยจ้ องไม่วางตา จนพวกผมต้ องสะกิดให้ ทกั ทายพร้ อมกัน “วันนีก็ตามสบายเลยนะคะ
อาหารเป็ นบุฟเฟต์ หวังว่าคงจะถูกใจ”

“ไม่ต้องห่วงเรืองอาหารพวกเราหรอกครับ ยังไงก็ยินดีด้วยนะครับ”

“ได้ ไอ้ พีโก้ ไปเป็ นสามี พีกวางโชคดีมา---ก”

“ทําไมพีฟั งแล้ วรู้ สกึ มันแปลกๆ หรือพีคิดไปเองคะเนีย?”

แปลกไม่แปลก ไอ้ พีโก้ ก็ตบหลังขอบคุณไอ้ กล้ วยจนแทบปอดฉีกกันไปแล้ ว เล่นเอาหลบไปไอหลังไอ้ เคิล “มันพูด


เล่นน่ะ ใครๆก็อิจฉาไง ผมได้ ภรรยาสวยขนาดนี”

“ฮู้วววว”

พวกผมพูดออกมาพร้ อมกัน อดขนลุกไม่ได้ ว่าไอ้ พีโก้ ก็พดู อะไรแบบนีเลียนๆเป็ น ไม่สิ เหนือไอ้ เรืองขนลุกนันคง
ต้ องเป็ นเรืองตกใจก่อน แม้ แต่คนอย่างไอ้ พีโก้ ทีคิดว่าชาตินีคงไม่ได้ แต่งงานยังขายออกไปแล้ ว โลกนีชักอยู่ยาก

ยืนพูดคุยได้ ไม่นาน ก็มีแขกกลุม่ อืนมาอีก พวกผมเลยเดินลงไปตรงชายหาด ทีจัดงานแทน ตรงนีขอถอดรองเท้ า


ทรายไม่มีเปลือกหอยให้ ตําเท้ าเจ็บใจ เหยียบลงไปก็เป็ นทรายเย็นๆ ขุดเท้ าลงไปในทราย แช่ไว้ ดูคล้ ายกับรูปปั น
โง่ๆสามตัวยืนเรียงกัน ไอ้ เคิลไม่สนใจ เดินไปถ่ายรูปดอกไม้ ในงานแทน

“ถ้ าไม่มีคน กูอยากยืนเย้ เขียนเป็ นชือตัวเองว่ะ”

ไอ้ กล้ วยพูดขึนมาลอย ผมไอ้ โจ๋หนั ไปมองพร้ อมกัน ก่อนจะพบว่า ทําเป็ นไม่ได้ ยินดีทีสุด

ความจริงก็สมควรเข้ าไปช่วยงานอยู่หรอก แต่ก็เห็นครอบครัวเจ้ าบ่าวเจ้ าสาวยืนตามติดไม่ห่างขนาดนัน ต่อให้ ไม่


มีผม ก็สบาย

ตรงทีจัดงาน เว้ นทีระหว่างซุ้มทีคิดว่าคงใช้ ควบเป็ นเวทีด้วยกับโต๊ ะอาหารไว้ พอสมควร เป็ นคอกเทลแต่ก็ยงั ใจดีมี
โต๊ ะให้ นงั คงเป็ นเพราะไอ้ ขวดแบล็คทีซ่อนไว้ ในลังนําแข็งนัน ถ้ าไม่มีเก้ าอีให้ นงั อาจเห็นคนคลานลงทะเล ไอ้ พีโก้
รอบคอบเป็ นพิเศษกับเรืองแบบนี เพราะตัวพีโก้ ตอนเมา ก็เรือนไม่แพ้ ใคร

“เฮ้ ยๆ อาหารมาแล้ วว่ะ”

รีบหิวรองเท้ าขึนจากทราย วิงตามไอ้ กล้ วยทีแทบพุ่งไป ตังแต่ยืนอยู่ตรงนันก็เห็นคนรู้จกั หลายคน ได้ ไม่ทักจริ งๆก็
ตอนเดินเข้ าไปในงาน หลายคนหิวแบบผม ถึงได้ ยืนคุยกันเหนือโต๊ ะค็อกเทลแบบนี เจอหลายคนทีไม่คิดว่าจะได้
เจออีก ไอ้ พีปิ ง หลังจากเรียนจบ ก็โดนพ่อแม่เข็นไปลดหุ่น ตอนนี ยังเหลือเค้ าจํามํา แต่ก็ไม่ได้ อ้วนจนโดนแซวว่า
เป็ นหมีแบบเมือก่อนอีก พีเพรช พีบอล ส่งมาแต่ของขวัญ พีบอลบอกกลับมาได้ อีกที คงเป็ นช่วงกลางปี หน้ า
สิงคโปร์ อยู่ไม่ไกล แต่ก็ไม่ได้ มีเวลามากพอทีจะกลับมาได้ ดูท่า งานคงไปได้ สวย

.
ไอ้ พีฟิ นไม่ได้ มา

ติดต่อไม่ได้ อีกแล้ ว กลายเป็ นเรืองไม่น่าแปลกใจ ถ้ าวันไหนพีฟิ นโทรหาใคร ทุกคนจะติดต่อหากันทันที คุยว่าเกิด


เรืองอะไรขึน แม้ แต่ผมหรือเฮียก็ยงั ติดต่อยาก รู้แค่ว่ายังอยู่เมืองไทย มีชีวิตอยู่ แค่นีก็เป็ นข่าวสารทีมากพอ
สําหรับพวกเรา

พีต้ นก็หนีบสาวมาด้ วย ดูท่า สมมติได้ แต่งกันจริง ชีวิตคงลําบาก “ต้ น ทําไมเมือกีไม่รับสาย” “ก็ฉีอยู่” “แล้ วฉี
เสร็จทําไมไม่โทรกลับ” “ล้ างมือไง” “แล้ วล้ างมือเสร็จ-“ “อาหารมาแล้ ว รีบๆไปกินเถอะ” “นีหมายความว่ายังไง
ห้ ะ?..” บลา บลา บลา แต่ดทู ่าแล้ ว คงไม่น่าจะรอด ถึงจะน่ารักขนาดไหนก็เถอะ

งานเริม พิธีกรเป็ นวิศวะคอมรุ่นเดียวกับพีโก้ แต่ไม่ร้ ูชืออะไร พูดในสไตล์โคตรเป็ นกันเอง คําหยาบหลุดออกมา


บ้ าง แต่เพราะเหลือแค่เพือนๆ กับครอบครัวพีโก้ พีกวางเท่านัน เลยไม่ต้องพิธีการมาก พีโก้ ก็ออกมาเล่าเรืองว่า
เจอพีกวางได้ ยงั ไง เจ้ าสาวเขินจนแทบตกเก้ าอีอยู่แล้ ว ก็ยงั ขยันหยอดนิดหยอดหน่อย เห็นแล้ วรู้ สกึ เลียนอย่าง
บอกไม่ถกู

เชิงเทียนทําให้ บรรยากาศดูอ่อนโยน ช่วยล้ างตาหลังจากเห็นหน้ าพีโก้ เขินได้ บ้าง ไอ้ กล้ วยหายไปแล้ ว ไอ้ เคิลนัง
กินเงียบๆ ฟั งพิธีกรเป็ นอย่างดี ไอ้ โจ๋ก็ออกมาช่วยกันตักค็อกเทล ไหนๆก็เป็ นบุฟเฟต์แล้ ว ต้ องช่วยให้ ค้ มุ สาวๆ
เขาไม่ค่อยตักกันหรอก พวกเบคอน พวกแฮมตรงนี บ่นว่ากลัวอ้ วน แต่ก็ไม่ยืนจ่อกันตรงมุมเค้ ก ตรรกะลําลึกเกิน
บรรยาย

ในงานน่าจะมีสกั ร้ อยคนเห็นจะได้ มากพอทีจะทําให้ กระเป๋ าฉีกด้ วยค่าห้ อง

“ไอ้ เรืองพีโก้ พีกวางเจอกันทีไหน กูจําจนกูแทบจะหลอน เข้ าใจว่าเป็ นเรืองของกูกบั สาวในฝั นแล้ วด้ วยซํา”

“เอาน่าๆ กําลังอินเลิฟ ฟั งๆไปเถอะ”

“มึงคิดดูสิ นีแค่แต่งงาน ถ้ าลูกคนแรกคลอดเมือไหร่ พวกเราไม่หเู ปื อยเท้ าเปื อยตายกันพอดีหรอวะ?”

เออ ก็จริง

แต่ถงึ ตอนนัน อาจจะไม่พดู มากแบบนีแล้ วก็ได้ ไอ้ พีโก้ หน้ าแดงตอนเจ้ าสาวยิมให้ ทําตัวยังกับเด็กประถม จูงมือ
ยังอิดออด ทังๆทีเข้ าหอคืนนีแล้ วแท้ ๆ

“กูเห็นแก็งค์พีแกเกือบครบและ หายไปคนนึง คนนันไปไหนวะ?”


“เห็นว่าไปเยอรมัน ไม่ร้ ูกลับเมือไหร่ว่ะ”

“มึงติดต่อกับพีเขาครังสุดท้ ายเมือไหร่เนีย?”

“…อืม..เดือนทีแล้ วมัง ไม่ร้ ูว่ะ กูยงั โมโหหลายๆเรืองอยู่ คุยเดียวก็ชวนทะเลาะ เลยเว้ นช่วงสักพักดีกว่า”

“แล้ วไอ้ ข่าวนีได้ ยินมาจากใครวะ?”

“พีแพน เลขาพีหมอกโทรมาบอก ทําไมถึงโทรมา กูก็ยงั ไม่เข้ าใจเหมือนกัน”

“ไม่ใช่ว่าพีหมอกใช้ โทรมา เพือให้ มงึ ตามเขาไปเยอรมันหรอวะ?”

“…..มึงติดหนังเกาหลีมากไปแล้ ว ไอ้ โจ๋”

ในชีวิตจริง จะมีเรืองอะไรแบบนันด้ วยหรอ?

ถึงจะอยากไปด้ วย แต่ผมก็มีงานของผม พีหมอกก็มีงานของพีหมอก ถึงผมกับพีหมอกจะไม่ทะเลาะกันก็ตาม แต่


ไปด้ วยก็คงเป็ นภาระเสียเปล่าๆ เห็นว่าต้ องไปดูงาน สมควรจะได้ อยู่เงียบๆ ทบทวนเรืองงานมากกว่าต้ องมายุ่ง
เรืองผม

“เดียวกูไปตักเพิม มึงเอาอะไรหรือเปล่า?”

“เอาแซลมอนว่ะ อร่อยโคตร”

แล้ วไอ้ โจ๋ก็นงลู


ั บพุงอยู่ทีเดิม มีผมทีลุกออกมา ลากเท้ าไปตามทราย โต๊ ะทีตังอาหารปูด้วยผ้ าสีขาว ลมพัดตลอด
เลยดูพริวเหมือนโต๊ ะลอยอยู่ ทีน่ารําคาญใจคงมีแค่เรืองยุงนิดหน่อย กรุ๊ปโอยุงชอบตอม เดินไปก็เกาแขนไป ไหน
แซลมอนไอ้ โจ๋วะ?

“เฮ้ ย? ไอ้ ฝัน?”

“อ้ าว ไอ้ ตี มึงก็มาหรอวะ?”

“เออดิ นีมึงหายไปไหนมาวะเนีย?”
ไม่คิดว่าจะได้ เจอก็เจอ เดินเข้ าไปคุย ได้ ยินเสียงพิธีกรจากข้ างหลัง เหมือนว่าพีโก้ จะร้ องเพลงให้ พีกวางอะไร
ทํานองนี แต่ไม่ได้ สนใจเท่าไหร่ เดินเข้ าไปคุยกับไอ้ ฝันแทน มันเป็ นผู้ชายตัวเล็ก แต่ไม่มีใครล้ อเพราะมันเกลียด
คํานีเข้ าไส้ ยกเว้ นอยากกินหมัดหนักๆของมัน ไอ้ นีเล่นกล้ ามอยู่ด้วย ถึงตอนนีมันจะสูงขึนนิดหน่อย ก็ได้ แค่ตวั
ใกล้ ๆกับผมเท่านัน

“ก็ทํางานอยู่แถวนีแหละ กูไม่ได้ อยู่กรุ งเทพ กลับมาทํางานแถวบ้ าน”

“โหย ไม่ได้ เจอกันนานโคตรเลยวะ”

“แล้ วมึงล่ะไอ้ ตี สบายดีหรือเปล่า”

“ดีดิ ดีโคตรๆเลย กินอิมนอนหลับย่อยง่ายถ่ายคล่อง มึงก็คงจะเหมือนกันใช่ไหม ไอ้ ฝัน”

“ก็ไม่ดีเท่าไหร่ว่ะ”

“อ้ าว ทําไมวะ?”

ได้ ยินเสียงดนตรีจากข้ างหลังดังขึน เพราะลําโพงอยู่ใกล้ ๆ เลยย้ ายทีคุย มีแค่เสียงกีตาร์ ดูท่าจะเป็ นอินโทร ทัง
เพลงมีแต่กีตาร์ กบั เสียงคนร้ อง ท่าจะไม่ค่อยเวิรค์ พีโก้ ถือไมค์ ในคาราโอเกะทีไร ต้ องมีคนกลับทุกที ถ้ าเป็ นผม
จะเลือกเอาฆ้ องวงใหญ่ ระนาด ขิม ฉาบมาเล่น เพือจะกลบเสียงไอ้ พีโก้ ได้ บ้าง

“ย้ ายงานมาสองสามทีแล้ ว กูปรับตัวไม่ค่อยเก่งว่ะ”

“อะไรนะ? กูไม่ได้ ยิน”

“กูบอกว่ากูย้ายงานมาสองสามทีแล้ ว” ไอ้ ตรงนี ลําโพงเสียงก็ยังดังตามมา เลยต้ องเข้ าไปใกล้ มนั มากหน่อย ไอ้
ฝั นเลยยืนหน้ ามาใกล้ ๆหู คุยบ้ าง “ปรับตัวไม่ค่อยได้ วะ”

“เออ กูก็เหมือนกัน” ไอ้ ฝันหันหน้ าตรง ผมยืนเข้ าไปใกล้ แทน เสียงดังจนต้ องอุดหูข้างหนึง เสียงไอ้ พีโก้ เพียนหลง
คีย์จนนึกหน้ าเจ้ าสาวไม่ออก แถมกีตาร์ ยงั เล่นๆหยุดๆสลับกัน จนเห็นหลายๆคนเริมซุบซิบ เกิดอะไรกับมือกีตาร์
ไม่ใช่แอมป์เสียแน่นอนเพราะกีตาร์ คลาสสิค อยากจะหันไปดู แต่เพราะคุยกับไอ้ ฝันอยู่ “กูก็ตกงานเหมือนกัน”

“เฮ้ ย จริงดิ แล้ วมึงทําไงเนีย? ตี ไอ้ ตี”

หันหน้ าไปมองเจ้ าสาว มองเลยมาหน่อย เลยได้ เห็นไอ้ มือกีตาร์ ทีว่าด้ วย


มือกีตาร์ มองตอบผม วางกีตาร์ ลงกับพืน พูดอะไรสักอย่าง ทีอ่านปากจับได้ แค่ว่า “กูไม่เล่นแล้ ว” ไอ้ พีโก้ ตะโกน
ลืมตัวใส่ไมค์ “เฮ้ ย ไอ้ หมอก? ทําไมวะ? มึงจะไปไหน”

“มึงร้ องห่วย กูไม่อยากเล่น”

“เฮ้ ย เดียว เดียวดิวะ!”

ตะโกนเรียกไปก็ไร้ ประโยชน์ เพราะพีแกเล่นเดินออกมาจากเวทีซะแล้ ว

ทุกสายตาจับจ้ องไอ้ พีหมอกคนดัง ทีเดินหน้ าบึง ไม่สิ ก็หน้ าปกตินันแหละ เดินไปหาทีนัง ซึงก็เป็ นทีนังข้ างไอ้
พีปิ งทีไม่คิดสงสัยถามอะไร ทําตัวเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึน ไม่ได้ เห็นหน้ าเหวอๆของพีโก้ ทียังอยู่กลางไฟ
สปอร์ ตไลท์ สกั นิด ไอ้ เคิลเลยลุกไป ช่วยเล่นกีตาร์ ให้ ใหม่ มีผิดบ้ าง แต่ก็ดีกว่าทิงไว้ แบบนี

รู้เลย แม้ ไฟจะไม่ชัดเพราะมีแค่เชิงเทียน แต่ก็เห็นว่ากําลังมองมาทางนีอยู่

“นันเขาทําอะไรวะเนีย? เห็นหน้ าพีโก้ ไหมเนีย เหวอสัสๆ”

ไม่ได้ หนั ไปตอบไอ้ ฝัน ตอนนีหลบสายตาทีว่านัน เดินหนีไปทีโต๊ ะค็อกเทลอืน

“ไปไหนวะตี?”

“กู กูหาแซลมอนไม่เจอว่ะ”

“แซลมอน? อยู่โต๊ ะนู้นไง”

โต๊ ะหลังโต๊ ะพีหมอก

ฝั นไปเถอะว่าตูจะเดินไป ไม่ต้องกินมันแล้ วไอ้ โจ๋

เลยต้ องหลบมาอยู่มมุ ทีไกลสุดอย่างมุมเค้ กแบบทีต้ องพูดว่าช่วยไม่ได้ ยืนอยู่กลางดงสาวๆทีปากก็หาเรืองวิธีลด


ความอ้ วนมาพูด แต่ก็ยงั จ้ วงเค้ กเข้ าปากไม่หยุด คงจะผอมหรอกนะแม่คณ ุ ลองจิมเค้ กชินใกล้ มือทีสุดขึนมากิน
ก็ตกอยู่ในวังวนเค้ กพอๆกับสาวๆทีว่านันเลย

ไอ้ ชีสเค้ กนีก็อร่อย พายแอปเปิ ลก็เจ๋ง มีศกึ แย่งกับไอ้ ฝ้าย(ทีพึงรู้เหมือนกันว่ารู้จกั พีโก้ ด้วย) แย่งเค้ กอยู่บนถาด
ค็อกเทล

เฮ้ ย นีมันเค้ กช็อคโกแลต ไม่ อาจจะเป็ นเค้ กกาแฟ มองได้ ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ร้ ูว่าน่ากินชะมัด ยืนส้ อมไป ก็ถกู
ส้ อมอีกคันดักจิมไปก่อน

ผมเงยหน้ ามองทันที เห็นไอ้ หน้ าไม่ร้ ู ร้อนรู้หนาวแบบนีก็ร้ ูสกึ หงุดหงิด ไอ้ คนเกลียดของหวานอย่างพีมาทําอะไร
ตรงนี แล้ วรู้ไหม? ไอ้ เค้ กทีพึงกินเข้ าไปน่ะ มันควรจะลงท้ องใครมากกว่ากัน ระหว่างท้ องผมทียืนมานาน กับท้ อง
พี ทีเพิงโฉบผ่านมา

พอจะกลับไปหาชีสเค้ ก ก็ถูกแย่งตัดหน้ าไปอีก ถึงจะรู้ ว่ามันมีหลายชิน แต่ความรู้ สกึ เหมือนโดนหยาม บอกว่า


ต้ องเป็ นชินนี แบบนีเท่านัน

พีหมอกยืนอยู่อีกฝั งตรงข้ ามของโต๊ ะ ใส่สทู มา แต่ไม่ดขู ดั ตา น่าจะเป็ นสูททีใส่ตอนไปทํางาน คงไม่มีเวลาเปลียน


อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

พอพีหมอกย้ ายส้ อมจากพายแอปเปิ ลทีถูกแย่งไปแล้ ว ไปหาขนมไทย ผมก็รีบย้ ายส้ อมตาม มองว่าส้ อมของพี
หมอกจะชีไปทางไหน จะได้ รีบพุ่งไปก่อน ตัดหน้ าซะบ้ าง จะได้ ร้ ูว่าโดนแย่งแล้ วรู้ สกึ ยังไง

ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง

แค่สามอย่าง ก็หวานไปทังปาก

ถึงจะรู้ สกึ ดีทีพีหมอกแย่งไม่ทนั สักอัน แต่พอเงยหน้ ามอง ถึงได้ ร้ ู

“พีหลอกผมหรอ?”

แค่ยกั ไหล่ให้ ไม่ได้ มีรอยยิมบนหน้ า แต่เห็นตาเป็ นประกายอยู่แว้ บๆ

“นันพีจะไปไหน?”

“กลับไปนัง”

“แหวะ หวานทังปากเลย”

แก้ วนําถูกยืนมาให้
พีหมอกส่งนําเปล่าทีหยิบจากถาดบริกรทีเดินผ่านมา ในจังหวะทีผมบ่น คว้ าแก้ วนํามา กลืนอึกๆ ลืมเรือง
แซลมอนไอ้ โจ๋ไปสินเชิง

“ตัดสินใจได้ หรือยัง?”

พูดโดยทีไม่ได้ หนั มามองผม มองไปทีคู่บ่าวสาว เดินเข้ าทักทายแขก พีกวางกอดคอเพือน หัวเราะเสียงดัง พีโก้


ยืนมอง ยิมเยิม

“เรืองอะไร?”

“เรืองทีจะไปอยู่กบั กู”

“…ผมว่ายังไม่ใช่ตอนนี”

“แล้ วเมือไหร่ ?”

“ผมตอบไม่ได้ ”

“กูไม่ต้องการคําตอบนัน”

“ผมก็ร้ ู ผมต้ องการเวลา ผมอยากจะโตขึน อยากจะยืนด้ วยตัวเองให้ แกร่งพอก่อน ถ้ าวันนันมาถึงเมือไหร่ ผมจะ


ไปหาพีเองเลย เป็ นไง?”

“ขอปฏิเสธ” คําพูดนีทําให้ ผมขมวดคิว “เวลาทีมึงว่า อีกเมือไหร่ อีกกีนาที อีกกีวัน อีกกีเดือน หรืออีกกีปี มึงตอบ
ได้ หรือเปล่า?”

ผมยืนนิง ก่อนจะส่ายหัวช้ าๆ

“กูไม่อยากรอกับความไม่แน่นอน”

“…..”

“กูบอกมึงไปแล้ ว ว่ากูเลียงมึงได้ มึงจะกินเยอะ ใช้ เงินเยอะแค่ไหน ไม่ใช่ปัญหา”


“ปั ญหาไม่ได้ อยู่ทีตรงนัน”

“แล้ วทีตรงไหน?”

บรรยากาศแย่ลงเรือยๆ

ด้ านหลัง สาวๆอีกกลุ่มจับกลุม่ เม้ าท์กนั มา ได้ ยินชัดว่าในประโยคสนทนา มีคําว่า “คุณอัษฏา”ชัดเจน พีหมอก


เป็ นคนดัง บวกกับหน้ าตา ฐานะ ไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก แต่ทีไม่กล้ าเข้ ามาขอถ่ายรูป ปกติก็ทําหน้ าไม่รับแขก ยิง
ตอนนี แม้ แต่ผม ถ้ าก้ าวพลาดก็คงเป็ นกับระเบิด

“ผมตอบไม่ได้ ”

“เลิกคิดซะ กูไม่อยากรออีก”

“พีต้ องการผมแบบไหนกันแน่? ผมอยากอยู่กบั พี ใช่ แต่ว่าถ้ าผมไปอยู่กบั พี พีก็คงไม่ยอมให้ ผมทํางาน แล้ วจะให้
ผมทําอะไร”

“อยู่เฉยๆ มึงไม่ชอบหรือไง”

“ไม่ชอบไง! พีคิดว่าผมชอบอยู่เฉยๆหรอ?”

เพราะพูดเสียงดังไปหน่อย ทําให้ ร้ ูสกึ ว่าสายตาหลายคู่กําลังมองอยู่

เดินหนีออกมา รู้ว่าพีหมอกไม่ว่ายังไงก็จะเดินตาม พีหมอกถ้ าเรืองไม่จบ จะไม่ปล่อยให้ ค้างคา แต่จะเคลียร์ ให้ ได้


ในเวลาเร็ วทีสุด เรืองนียืดเยือมาถึงเดือนกว่า ผมยังแปลกใจทีพีหมอกอดทนได้ นานขนาดนี

“กูให้ เวลามึงไปเดือนนึงแล้ ว”

“นันยังไม่พอ”

“เท่าไหร่ถงึ จะพอ?”

ออกมาไกลจนมีแค่ชายหาดส่วนตัว เสียงพีหมอกดังขึน ผมพึงรู้ตวั ว่าถือแก้ วนําออกมาด้ วย

“พีอยากให้ ผมเป็ นตุ๊กตาอยู่เฉยๆหรือไง ไม่ต้องทําอะไร นังรอพีทังวันน่ะหรอ?”


“มึงก็ไปหาอะไรทําซะสิ แต่กไู ม่ให้ มงึ ทํางาน”

“พีคิดอะไรอยู่วะเนีย?”

“แล้ วมึงล่ะ คิดอะไรอยู่? จะบอกงันหรอ ว่าแค่กยู งั ไม่พอ”

“โลกผมไม่ได้ มีแค่พีสักหน่อย!”

“….”

“ผมยังต้ องมีเพือน มีเรืองทีผมอยากเจออีกตังเยอะแยะ ผมชอบทํางาน มันเหนือยก็จริง ผมไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าผม


ข้ ามความเหนือยนันไปได้ มันก็เท่ากับว่าผมเก่งขึน ผมโตขึนไม่ใช่หรอ?”

“ก็สงที
ิ กูจะทําคือปกป้องมึงจากเรืองพวกนี ทําไมมึงยังไม่เข้ าใจอีก?! จะปล่อยให้ กูรอไปอีกนานแค่ไหน?”

“แล้ วมีแค่พีคนเดียวหรือไงทีต้ องรอ? ผมก็รอพีอยู่เหมือนกันนันแหละ!”

“มึงยังมีครอบครัว ยังมีเพือน กูไปอยู่ทีนัน ไม่มีแม้ สกั คนทีกูร้ ูจัก กูต้องทนกับหลายๆอย่าง เพือใคร มึงไม่เข้ าใจ
หรือไง?!”

“พีก็ไม่เข้ าใจผมเหมือนกันนันแหละ!!”

“บอกมาสิ ว่ากูไม่เข้ าใจมึงตรงไหน? บอกมา! กูไม่ชอบแบบนี มันงีเง่า ทําไมกูต้องมาทะเลาะกับเด็กอย่างมึง


ด้ วย!”

“พีหาว่าผมเป็ นเด็กหรอ!”

“ถ้ าไม่ใช่เด็ก แล้ วจะเป็ นอะไรอีก! โตขนาดนียังคิดไม่อีกหรือไง?!”

“ผมไม่อยากคุยด้ วยแล้ ว”

“ถ้ ามึงกล้ าแม้ แต่จะก้ าวเดียว เดินหนีกูไป..”

“ทําไม? พีจะทําอะไร?”
“มึงก็ลองดูสิ ตี เดียวมึงก็ร้ ู ”

ผมก้ าวถอยหลังทันที

พีหมอกเดินก้ าวเร็วๆมาหา คว้ าแขนผมไว้ ผมดิน แต่ไม่หลุด ยือไว้ ด้วยแรงทีทําให้ พีหมอกลากผมไปไม่ได้ จน


ต้ องนังลงกับพืน ไม่ให้ ถกู ลากออกไป กางเกงเลอะทราย ปลายเท้ ามุดหายลงไปแล้ ว แรงเยอะจนน่ากลัว เจ็บ
ตรงทีถูกจับอยู่

“มึงกล้ าหนีอย่างงันหรอ?”

“ทําไมผมจะทําไม่ได้ ?”

“มานี มากับกู!”

“ไม่! ผมไม่ไป!”

แก้ วนําทีอยู่ในมือ ถูกยึดออกไป ผมคว้ ากลับมา แต่พอเห็นว่ามือพีหมอกยืนกลับมาอีกครัง ก็สาดนําในนัน


ออกไป ไม่คิดว่าจะโดน แต่พีหมอกกลับเปี ยกเต็มๆ เพราะไม่หลบสักนิด พีหมอกใช้ มืออีกข้ างปาดนําทีเลอะหน้ า
ออก เค้ าหน้ าทีดูโมโหเมือครู่ กลับกลายเป็ นเพียงความนิงเฉย

หยดนําหยดลงมา เปี ยกตังแต่ผมถึงปลายคาง คงเป็ นเพราะนําเหลือเกือบทังแก้ ว ถูกแย่งแก้ วนํานันไป เขวียง


หายไปในคลืนทีเหมือนวิงขึนมาหาเพือรับเศษขยะนีออกไป

“อย่าคิดว่าแรงแค่นีจะช่วยมึงได้ ”

“พีก็ลากผมไม่ไปเหมือนกัน”

พีหมอกทีมองจากมุมทีสูงกว่า รู้สกึ น่ากลัวจนเหมือนผมเป็ นเพียงแค่เด็กเล็กๆ นําเย็นหยดลงบนมือพีหมอกทีจับ


แขนผมไว้ นําไหลลงตามข้ อนิว เลอะเสือผม

อีกฝ่ ายเงียบไป แรงหยุดลง ทําให้ ผมแอบหายใจออก หลังจากทีสูดหายใจเข้ าแล้ วกลันไว้ นาน

จังหวะทีผมผ่อนแรง เพราะมัวแต่คิดว่าคงไม่มีอะไรอีก ก็ถกู ดึงตัวให้ ลกุ ขึน ถูกแบกขึนไหล่ ร้ อง”เหวอ!!” ดังจนได้


ยินแต่เสียงนีในหัว เดินเหมือนผมเป็ นแค่หมอนข้ างเบาๆทีแบกบนบ่าได้ สบาย โลกหมุนกลับ ไม่ร้ ูสกึ ถึงลมทะเล
พัดหน้ าอีก เพราะหลังพีหมอกบังไว้ หมด เดินไปทางรีสอรท์ เลือดลงหัวจนต้ องดันตัวขึนมา

“ปล่อย ปล่อยผมดิ! จะพาผมไปไหน! ไอ้ กล้ วย! ไอ้ กล้ วย!”

เห็นหน้ าไอ้ กล้ วยยืนออกมามองจากงานแว่บๆ แล้ วก็ต้องผิดหวังกับมันอีก มันแค่มองหาห้ องนํา วิงไปอีกทาง

ปลายเท้ าถีบไปมา เตะได้ แต่อากาศ ไม่กล้ าทุบหลังพีหมอก ก็ได้ เอาจริงๆ ผมก็กลัวพีหมอกเจ็บนันแหละ แต่ก็
โมโหจนไม่อยากอยู่ใกล้

“มึงบอกให้ กปู ล่อย มึงแน่ใจหรอ?”

พอถูกพูดแบบนันใส่ มองพืนทีเป็ นพืนหินอ่อนแบบนี ก็ต้องหยุดดิน เปลียนใจ

มองรองเท้ าพีหมอกทีเห็นสลับข้ างกันไป มองพืน ด้ วยมุมมองทีไม่เคยมองมาก่อน

โดนแบกด้ วยท่าแปลกๆ ทีทําให้ พนักงานรี สอรท์ ต้องมอง ไม่ร้ ู จะไปไหน เสียงร้ องคาราโอเกะทีเพียนไม่เหลือเค้ า
เดิมห่างออกไปเรือยๆ

“มึงบอกรักกู มึงโวยวายใส่กู มึงหนีกู แล้ วต่อไปจะเป็ นอะไรอีก? มึงต้ องการอะไรกันแน่? อยากให้ กเู สียใจ? หรือ
โกรธทีกูทิงมึงไป ทังๆทีมึงไล่กไู ปอย่างนันน่ะหรอ?”

ได้ ยินเสียงทีพูดเหนือยๆแบบนีออกมา ก็ร้ ูสกึ ตาร้ อนผ่าว ความโกรธเหมือนโดนนําสาดใส่

ดึงชายเสือสูทพีหมอกขึนมา ปิ ดหน้ า ใช้ ผ้านันเช็ดนําตาทีไหลลงไปทีคิว คงเป็ นครังแรกทีคิวได้ สมั ผัสนําตา

“ผม..ผมไม่ได้ หมายความว่าแบบนันซักหน่อย”

เสียงสัน ไม่ร้ ู คนฟั งจะรู้เรืองกับผมไหม

พอได้ ยินเสียงสะอืนจากผม มือพีหมอกทีจับขาผมไว้ ก็บีบแน่นขึน

“มึงบอกโลกของมึงไม่ได้ มีแค่กู…”

กลันหายใจ กลัวเสียงสูดนํามูกผมจะทําให้ พลาดอะไรไป


“มึงคงไม่ร้ ู ว่าโลกของกู..มีแต่มงึ เท่านัน”

…………………………………….
…………………………

[B.N.21 : complete]
[11.11.55]

B.N.22

“ปล่อย”

ได้ ยินแค่เสียง ก่อนหน้ านีเป็ นเสียงรองเท้ าทีเดินไปมาหลายคู่ แสดงว่าคงจะเดินผ่านมุมทีคนเยอะ คิดว่าน่าจะ


เป็ นล็อบบีของรี สอรท์ เสียงสายไฟดังคล้ ายจักจัน เสียงล่าสุดทีได้ ยินก่อนเสียงพีหมอก เป็ นเสียงเปิ ดประตูรถ

พีหมอกย่อตัวลง ดันตัวเข้ ามาในรถ ผมพิงเข้ ากับเบาะ เบาะหลัง แต่เพราะยังไม่ปล่อยชายเสือสูททีใช้ ปิดหน้ าอยู่


ทําให้ พีหมอกปล่อยแขนออกจากผมไม่ได้

“หรือจะอยู่แบบนีทังคืน?”

ส่ายหน้ า แต่มือก็ยังจับแน่น

บางครังก็ร้ ูสกึ เหมือนตัวเองตัวเล็กลงเสียจนไม่มีค่าอะไร ถ้ าปล่อยให้ เสือสูทตัวนีหลุดออกไป พีหมอกก็คงจะเห็น


ใบหน้ าผม ทีซ่อนความรู้ สกึ มากมายเหล่านันไว้ ไม่อยู่แน่
ผมไม่อยากให้ เห็น ไม่อยากเพิมเรืองลําบากใจให้ มากกว่านี เท่านี ผมก็รับรู้ ถงึ ความรู้สกึ เหน็ดเหนือยบนบ่านัน
แล้ ว เราสองคนเหมือนนักวิง ทีวิงออกมาไกลเสียจนจําจุดสตาร์ ทไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมองไม่เห็นเส้ นชัย

พีหมอกถอดเสือออก ทิงเสือสูททีกลับหัวไว้ กบั ผม ถอยห่างออกไป ทังหมดผมเดาเอาจากเสียง ปิ ดประตู เดิน


อ้ อมฝั งมา ประตูรถเปิ ด และปิ ดอีกครัง

ไม่ได้ สตาร์ ทลดออกไป ทังหมดมีแต่เพียงความเงียบ

ผมเงียหูฟัง

นานเกือบห้ านาทีทีไม่มีอะไรเกิดขึน ก่อนทีตัวจะได้ ยินเสียงเครืองยนต์ ดังพอทีจะกลบเสียงๆหนึงได้ ถ้ าผมไม่ได้


อยู่ใกล้ เพียงเบาะคัน

นึกถึงใบหน้ าเย็นชาแบบนัน ถอนหายใจ คล้ ายคนหมดแรง แตกต่างจากตัวตนของพีหมอก


ทําอะไรไม่ได้ นอกจากหลับตาลง

………………………
………………..

เสียงโลหะกระทบกันไปมา ฟั งคล้ ายเสียงกุญแจ ดังสักพักก็เงียบลง

รู้สกึ ถึงลมเบาๆ

ความรู้สกึ อึดอัดหายไป แปลกใจ จึงลืมตาขึน

พีหมอกดึงเสือสูทนันออกไป

ไม่ได้ แปลกใจทีเห็นผมตืนขึนในตอนนี พีหมอกไม่ได้ พูดอะไรนอกจากทําสีหน้ านิงเฉย ดูเหมือนหน้ ากากทีสวมขึน


ผมไม่ร้ ูว่าพีหมอกจะถอดมันออกเมือไหร่
เดินลงจากรถ ผมขยับตัวเดินออกไปตาม

ท้ องฟ้ายังมืด ไม่ร้ ูเวลาผ่านไปแค่ไหน รู้เพียงว่าอีกนาน กว่าทีฟ้าจะสว่าง

ได้ กลินเกลือของทะเลจางๆ เสียงคลืนชัด

รถจอดอยู่หน้ าสวน ต้ นไม้ เยอะเสียจนทีพืนมืดสนิท ทางเดินทีเป็ นอิฐปู มองดูก็ร้ ูว่าสวนนีมีคนดูแลอย่างดี

บ้ านไม้ อยู่ทีปลายสุดของสวน ต้ องขึนบันไดไปสีห้ าก้ าว จึงถึงระเบียงบ้ าน สวนโอบรอบตัวบ้ าน ทะเลอยู่ห่างไป


ไม่ไกลอย่างทีคิดไว้ เป็ นบ้ าน ทีมีกลินอายบางอย่างอยู่ ไม่ร้ ูทําไม นึกถึงม๊ าขึนมา

เดินตามเงียบๆ พีหมอกเดินนําอยู่แค่สห้ี าก้ าว บรรยากาศรอบตัวบอกว่าอย่าเข้ าใกล้

เปิ ดกุญแจเข้ าไป ห้ องโถงกว้ าง เพดานสูงขึนไป เป็ นบริเวณเดียวทีกินเนือทีสองชัน เหมือนไม่มีคนพักอยู่ทีนีนาน


แล้ ว มีเพียงเฟอร์ นิเจอร์ ไม่เห็นโทรทัศน์ พีหมอกเดินขึนไปบนชันสอง พอเห็นผมไม่เดินตาม ก็หยุดยืนอยู่ตรง
บันได

“….ทีนีทีไหน?”

“….”

เห็นผมถามแบบนัน ก็เดินต่อ จนมองไม่เห็น

ล้ วงมือลงกระเป๋ ากางเกง ไม่มีโทรศัพท์ กระเป๋ าเงินก็ไม่อยู่ กระเป๋ าอีกใบทิงไว้ ทีรีสอร์ ท สิงเดียวทีบอกตําแหน่งได้


ตอนนีคือทะเลเท่านัน

ถ้ าเป็ นแบบนี ผมก็ไปไหนไม่ได้ พีหมอกถึงไม่กลัวว่าผมจะหนีไปเมือพ้ นสายตา

เดินตามขึนไป ชันสอง ตลอดทางเดินมีประตูอยู่หลายบาน มีเพียงบานเดียวทีแง้ มเปิ ดอยู่ แสงจากพระจันทร์


คล้ ายสปอร์ ตไลท์ดวงโต ลอดผ่านประตูบานนันออกมา ไม่เห็นพีหมอก

เดินเข้ าไป เห็นเงาคนผ่านผ้ าม่านทีพัดตามลมอยู่ด้านนอกระเบียง กลินบุหรี พัดเข้ ามา

เตียงคู่อยู่ตรงนัน ผมนังลงกับเตียง ในมุมทีเห็นพีหมอกยืนอยู่ สูบบุหรี มองออกไปทีทะเล เป็ นทะเลทีกว้ างจนหา


จุดสินสุดไม่ได้ ถ้ าไปตรงสุดขอบเส้ นตรง จุดบรรจบของท้ องฟ้ากับผืนนํา ไม่ร้ ูว่าจะเจอสิงแปลกมหัศจรรย์ หรือทํา
ให้ สงที
ิ อธิษฐานอยู่เป็ นจริ งได้ หรือเปล่า

เวลาทีเงียบ เงียบจนได้ ยินเสียงเข็มนาฬิกา อีกไม่นาน จะตีสอง แต่เราดูเหมือนยังไม่พร้ อมทีจะข่มตาลงนอนได้

จมอยู่กบั ความคิดตัวเอง

เพราะได้ นกึ ถึงได้ ร้ ูสกึ ถึงความผิดพลาดอะไรหลายอย่าง และในขณะเดียวกัน ก็มีหลายเรืองทีคิดว่าดีแล้ ว ทีทํา


มันลงไป สิงทีผมทําไม่ใช่สงที ิ พึงคิด แต่เป็ นเรืองทีคิดมาโดยตลอด ตังแต่พีหมอกกลับมา หลายครังละเลยมันไป
แต่เมือเวลาผ่าน สิงนัน ชัดเจนขึนเรือยๆ

ปั ญหาทีพวกเราไม่ได้ สนใจ กว่าจะรู้ตัว ก็ใหญ่เกินกว่าทีเราจะตังรับได้ ทนั

พืนทีทีเคยเป็ นของเรา ตอนนี มันต่างออกไป พืนทีพีหมอกยืนอยู่ สูงเสียจนผมแหงนคอมองไม่เห็นอีกแล้ ว

“ตี”

ผมสะดุ้ง เงยหน้ าขึนมอง พีหมอกอยู่ตรงหน้ า กลินยังอยู่รอบตัว แม้ จะไม่เห็นบุหรีแล้ วก็ตาม

เห็นหน้ าพีหมอกเพียงครึงเดียว แต่ก็มากพอทีจะรับรู้ ความรู้ สกึ ทังหมดของคนทีปิ ดปากเงียบกริบมาโดยตลอด

“มึงคิดอะไรอยู่กนั แน่?”

“…..”

“ถ้ ามึงไม่บอก กูก็ไม่มีวนั รู้ กูไม่ใช่คนละเอียดอ่อนพอ ทีจะแค่มองก็ร้ ูว่ามึงคิดอะไร”

“ผมรู้ ว่าพีไม่ใช่คนแบบนัน…”

“แล้ วจะเงียบไว้ ทําไม?”

“ผมไม่ร้ ูจะบอกออกมายังไง”

“…..”
“ปั ญหาทังหมด..มันเกิดจากผม”

ผ้ าม่านสีครีมปลิวเบาๆ ยืนปลายผ้ าเข้ ามาสู่ความมืดของห้ อง ดูคล้ ายกับแมงกะพรุนในทะเลลึก

“ตอนทีเราเรียนอยู่ ผมไม่เคยคิดถึงเรืองนีเลย ไม่สิ ผมคิด แต่ตอนนันเราเป็ นนักศึกษา ต่อให้ เรืองจะเยอะขนาด


ไหน ก็ยงั อยู่ในรัวมหาลัย ยังมีคนปกป้องเรา ยังมีเพือนๆ ใช้ ชีวิตให้ สนุกทีสุดในแต่ละวัน ไม่ต้องกังวลอะไร”

“…..”

“แต่ตอนนีมันต่างออกไป เราอยู่ในโลกของผู้ใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงเรืองนันเลย ตัวผม ต่อให้ จะอยู่ทีไหน อยู่กบั


ใคร ก็เป็ นแค่คนธรรมดา ไม่มีอะไรสะดุดตา คนภายนอกมอง แล้ วก็ผ่านไป ต่อให้ ผมทําอะไรพลาด เป็ นตัว
ประหลาดแค่ไหน แค่ข้ามวันนัน ทุกคนก็จะลืมมันไป ไม่มีใครคิดจะสนใจผม”

ได้ ยินเสียงเพียนแปร่ งออกจากคอตัวเอง กลืนนําลาย กดเสียงลง ไม่ให้ สนั

“สุดท้ าย เรืองทีผมกลัวยังไงก็เกิด พีต่างจากผม ไม่ว่าไปไหนก็ถูกสายตาจับจ้ อง ฐานะพี บทบาทของพีทําให้ ถกู


คนรอบข้ างตัดสินอยู่ตลอด ผมทําให้ พีต้ องลําบาก เป็ นเรืองนินทาในสังคม ผมไม่ร้ ูหรอก ว่าคนรอบข้ างพีมอง
แบบไหน เพราะคนแบบนัน เขาอยู่สงู กว่าผมมาก มากเสียจนพวกเขาไม่ชายตามองผมด้ วยซํา”

หนึงหยด ร่วงลงไปทีฝ่ ามือ

บ้ าชะมัด

เสียงอย่าสันสิ

ทําไมต้ องมาทําตัวแบบนี ให้ พีหมอกทีกําลังหนักใจอยู่เห็นด้ วย

ผมไม่อยากทําให้ พีหมอกเห็นว่าผมอ่อนแอ

เรืองทีผมพูดอยู่ตอนนี เหมือนไหลออกมาจากหัวใจผม สมองคิดไม่ทนั ไม่ร้ ูว่าคําไหนจะบอกให้ เห็นหรือเปล่าว่า


ผมกําลังอ่อนแอเสียขนาดนี แต่ร่างกายทีผมยังบังคับได้ ก็อยากจะพยายามมากทีสุดทีจะแสดงออกว่าเข้ มแข็ง
ให้ เห็น

“…ซักวัน ต่อให้ ตอนนีมันยังไม่เกิด แต่อนาคต ไม่ว่ายังไงผมก็คงจะเป็ นตัวปั ญหาในงานของพีมากขึน ต่อให้ ผม


จะพยายามแค่ไหน ผมก็ร้ ูดี ว่าผมไม่มีวนั จะยกฐานะขึนไปเท่าพีได้ จะทํางานหนักแค่ไหน หรือว่าจะรอนาน
เท่าไหร่ สิบปี ยีสิบปี หรือทังชีวิต ผมคงไม่มีปัญญาซือบ้ านหลังใหญ่ แม้ จะแค่ครึงเดียวของบ้ านพี ใช้ ชีวิตอยู่ใน
สังคมเดียวกัน หรืออยู่ในตําแหน่งทีคนภายนอกมองแล้ ว ไม่คิดว่าผมไม่เป็ นปลิง หรือจะเป็ นคําอะไรทีแย่กว่านัน
ทีเขาจะใช้ เรียกผม เกาะติดพีเพือเงิน เพือความสบายของผม”

“ผมคิด คิดอยู่ตลอด จนผมสลัดมันออกจากหัวไม่ได้ ว่าจะต้ องทํายังไงให้ คนพวกนัน คนทีพีจําเป็ นต้ องติดต่อ


ทํางานด้ วยในสังคม มองพีในแง่บวก มองว่าผมเป็ นคนเลว หลอกใช้ พี โทษสิงแย่ๆทังหมดทีเขาจะพูดกับพีมาที
ผม แต่เพราะว่าผมไม่ใช่คนดัง ไม่มีใครรู้ จกั เขาเลยย้ ายคําเหล่านันไปทีพีแทน ทังๆทีมันไม่ใช่ความผิดพี”

“แล้ วผมก็คิดได้ ว่า ผมทําผิดอะไรกัน?”

“เพราะผมรักพีอย่างงันน่ะหรอ?”

“การทีผู้ชายคนนึง จะรักผู้ชายอีกคน ต่อให้ ฐานะต่างกันเสียจนเทียบไม่ติดแบบนี มันเป็ นความผิด ถึงขันต้ องรับ


โทษจากสังคมเลยหรือ?”

“คงเป็ นเพราะผมไม่ได้ เป็ นผู้หญิง…นันสิ ทําไมผมไม่เกิดมาเป็ นผู้หญิง? ไม่งนคงจะไม่


ั มีปัญหาเกิด อย่างมาก
ทีสุด เขาก็คงพูดกันว่าหนูตกถังข้ าวสาร ถ้ าเป็ นแบบนัน ผมอาจจะได้ อยู่กบั พี แต่งงาน มีลกู สักคน สร้ าง
ครอบครัวทดแทนสิงทีพีขาดไป เราอยู่ด้วยกันทีไหน ก็จะไม่เป็ นข่าว ไม่ถกู ตามถ่ายรูปลงนิตยสารไร้ สาระนัน”

หนึงหยด

สองหยด

ก่อนจะทยอยทิงตัวกันออกจากต่อมนําตาเสียจนปาดยังไงแก้ มก็ไม่แห้ ง

ปากยังไม่ยอมหยุด ถ้ อยคําในหัวใจพองตัวขยายออก แย่งกันออกมาเสียจนผมไม่แน่ใจว่าพีหมอกจะฟั งรู้เรือง

“ผม…ผมขอโทษทีเกิดมาเป็ นผู้ชาย เกิดมาในฐานะทีแม้ แต่ค่าเทอมยังต้ องลําบาก”

มีอีกหลายเรืองทีคนอย่างพีหมอกไม่มีวนั จินตนาการได้

คนทีเห็นบ้ านผมครังแรก ไม่คิดว่าเป็ นบ้ านคนด้ วยซํา

จําได้ เด็กสองคนทีได้ แต่จ้องมองขนม อยากกิน อยากมีของเล่นอย่างทีเพือนมี ก็ต้องอดทน เดินไปกลับโรงเรียน


ใช้ เสือผ้ าสลับกัน รองเท้ าขาด ต้ องเย็บ ลําบากแค่ไหน ก็ต้องคอยยิมอยู่เสมอ ไม่ให้ ม๊าเสียใจ เรืองทีทําให้ พวกเรา
มีอย่างทีเด็กคนอืนมีไม่ได้ เพราะว่าม๊ าไม่ได้ ทําอะไรบกพร่องไป เป็ นแม่ทีสมบูรณ์แบบและดีทีสุดเท่าทีตัวผู้หญิง
คนเดียวจะทําได้

พวกผมลําบาก ลําบากกันมามาก แต่ก็ไม่ได้ เป็ นเด็กสองคนทีลําบากทีสุดบนโลกใบนี เรืองนอกเหนือจากนัน พี


หมอกคงไม่สนใจ และไม่มีวนั เข้ าใจ

“ขอโทษทีทําให้ พีต้ องมาเจอกับผม ขอโทษผู้หญิงดีๆทีรอพีอยู่ แต่ก็ไม่ได้ เจอพีสักที ขอโทษทีผมอ่อนแอ ขอโทษที


ผมพูดทําร้ ายจิตใจพี โลกของผม มีแค่พีไม่ได้ ผมขอโทษ เพราะผมยังต้ องดูแลหม่าม๊ าผม ผู้หญิงทีผมรักทีสุดใน
โลก ผมขอโทษทีผมยังอยากอยู่กบั เฮีย ผมทิงครอบครัวผมไม่ได้ และไม่มีวนั ทําได้ ขอโทษทีผมเสียสละทุกอย่าง
เพือพีไม่ได้ ไม่เหมือนกับทีพีเสียสละเพือผม ผมรู้ ผมรู้ว่าพีต้ องเจออะไร เหงาแค่ไหน ผมขอโทษทีผมคิดแต่เรือง
ของตัวเอง ผมขอโทษทีผมคอยแต่ก่อเรืองเดือดร้ อนให้ พีตลอด ไม่ว่าผมจะทําอะไร มันก็แย่ไปเสียหมด ต่อให้ ผม
จะพยายามเท่าไหร่ อดทนแค่ไหน ก็ดเู หมือนว่าผมจะทําอะไรไม่ได้ เลย ผมคงเป็ นแค่เด็กทียังไม่โตเป็ นผู้ใหญ่ สกั ที
….”

“…ผมขอโทษทีพีต้ องมารักผม คนทีแม้ แต่จะรักษาความรักของตัวเองก็ยงั ทําไม่ได้ …ขอโทษครับ ผมหยุดร้ องไห้


ไม่ได้ แต่ผมจะหยุดเดียวนี พีจะได้ ไม่ต้องลําบากใจกับผม”

แต่ยิงทําเท่าไหร่ ก็ยิงล้ มเหลว

สิงทีรออยู่ต่อจากคําพูด คือนําตาทีไหลออกมาไม่หยุด

พีหมอกยืนทิชชู่มาให้

บางทีก็ร้ ู สกึ เหมือนไม่ใช่ผมทีโง่เป็ นอยู่แค่คนเดียว

“ผม…ไม่ได้ อยากได้ ทิชชู่”

พูดแค่นนั ก็ดเู หมือนจะเข้ าใจ

อ้ อมแขนทีห่างหายไปนาน อบอุ่นกว่าผ้ าห่มผืนไหนบนโลก

“ผมอยากเป็ นคนเห็นแก่ตวั ไม่สนใจใคร หนีไปกับพีแค่สองคน แต่ก็ทําไม่ได้ ผมเป็ นคนขีขลาด ผมอยากจะ


เผชิญหน้ ากับปั ญหา แต่ผมกลับหาทางแก้ ไม่ได้ …ผมควรทํายังไงดี?”

ไม่มีคําตอบใดๆกลับมา
มีแค่แรงกอดแน่นเท่านัน ทีทําให้ ร้ ูว่าพีหมอกยังรับฟั งอยู่

ไม่ใช่คนทีจะใช้ มือลูบเพือให้ ผ่อนคลาย หรือพูดคําปลอบใจอะไรเป็ น

เพราะฉะนัน อ้ อมกอดนีถึงเป็ นสิงมีค่ายิงกว่าสิงใด

ผมไม่อยากเสียมันไป

ถึงจะรู้ ดีกว่าใคร ไม่ว่ากอดแน่นสักเท่าไหร่ แต่เมือถึงเวลา ก็ต้องคลายออกจากกัน

อยากซึบซับช่วงเวลานีให้ ได้ มากทีสุด จดจําทุกอย่าง ทุกวินาทีทีได้ อยู่ด้วยกัน มันไม่ได้ ราบรืน แต่ทงหมดนั


ั น ก็
เป็ นความทรงจําของเรา

“ตี”

ผมไม่ได้ เงยหน้ า

ประครองสติขนจากความคิ
ึ ดทีพันกันจนยุ่งเหยิง ได้ ยินเสียงพีหมอกกระซิบติดหู ในคืนทีแสงจันทร์ ยังดูห่อเหียว
เสียงทะเล คลืนซัดให้ เราออกจากปลายทางไกลขึนไปอีก

“…กูไม่อยากเลิกกับมึง”

ก้ องไปทังหู

หลับตาลง ทวนคํานีซําไปมาในหัว

“ผมก็ไม่..ไม่อยากเลิกกับพีเหมือนกัน”

“อย่าแม้ แต่จะคิด”

“ผมไม่ได้ คิดแบบนัน ผมแค่กําลังหาทาง…”

“แล้ วถ้ าหาไม่ได้ มึงจะทํายังไง?”


“…ผมไม่ร้ ู ”

ผมไม่ร้ ูจริงๆ

ต่อให้ ถามผมอีกกีสิบรอบ ผมก็ตอบได้ เพียงคํานีเท่านัน

ในอ้ อมกอดนี ผมเป็ นทังคนโลภ คนเห็นแก่ตวั คนขีขลาด คนอ่อนแอ

พีหมอกเป็ นคนทีมีความรับผิดชอบสูง พูดแค่นี ก็เพียงพอทีจะทําให้ เข้ าใจเหตุผลของผม ตอนนีพีหมอกไม่ใช่ตวั


คนเดียวเช่นกัน ยังมีบริษัททีต้ องรับผิดชอบ เป็ นตัวแทนองค์กรทีมีพนักงานให้ ต้องดูแล ผมยังจําคําทีพีหมอกพูด
กับฝนได้ เป็ นคําพูดทีแสดงให้ เห็นว่า พีหมอกในตอนนัน รู้ ตวั อยู่แล้ ว ว่าในอนาคตต้ องเจอเรืองอะไร เป็ นเรืองทีรู้
มาก่อนและได้ รับการวางแผนไว้ แล้ ว

สิงเดียวทีทําให้ ทงหมดผิ
ั ดพลาดคงเป็ นผม

.......................................
…………………………

แสงสว่างแยงตา

ยืนมือไปทีเหนือหัว คิดจะปิ ดม่าน แต่ไม่มีหน้ าต่างอยู่ทีหัวเตียง ลืมตาขึนมอง

หัวเตียง มีเพียงกรอบรูปตังอยู่

มองไปรอบๆ ไม่ใช่ห้องผม ไม่ใช่ห้องทีรู้ จกั

ผ้ าม่านทิงตัวลงกับพืน คงเป็ นเพราะประตูถกู ปิ ดลง จึงไม่มีลมพัดเข้ ามา แสงแรงเกินกว่าผ้ าม่านจะกันแดดอยู่


ผมหรีตา ก็ไม่เชิงว่าหรีตา ถ้ าพูดว่าตาบวมคงเหมาะกว่า

ลุกขึนมา ยังอยู่ในชุดเมือวาน เดินเข้ าไปในห้ องนําทีอยู่ในห้ องเดียวกัน ล้ างหน้ า ใช้ มือทีเปี ยกลูบผม ทีตอนนีชีไม่
เป็ นทรง ห่างไกลจากคําว่าดูได้ อยู่มาก ตาแดง สูดนํามูกไม่หยุด
ออกจากห้ องนํา กลับมาทีเตียง ติดใจกรอบรูปทีเห็น

หยิบขึนมาดู ผู้หญิงคนหนึงยืนอยู่ทีหน้ าบ้ านหลังเดียวกันนี ยิมให้ กล้ อง เป็ นยิมทีดูเขินอาย เธอใส่กระโปรงสี


ชมพู เสือสีขาว สีของภาพซีดลง แต่ยงั เห็นเค้ าลางอ่อนๆ ต้ นไม้ ในสวนยังมีไม่เยอะนัก อะไรบางอย่างในตัวเธอทํา
ให้ ผมนึกถึงพีหมอก ผมคิดว่าเธอคงเป็ นแม่ของพีหมอก

สวัสดีครับ

เธอยิมตอบ คงเป็ นแบบนัน ถ้ ารูปทําหน้ าบึงใส่ คงจะเป็ นผมทีต้ องตกใจ

เดินออกมาจากห้ อง ไม่ได้ เดินค้ นห้ องอืน ไม่ใช่มารยาททีดี เดินลงบันได พืนไม้ เย็นจนเท้ ารู้สกึ ไม่ได้ ยินเสียงรถ
สักคันขับผ่าน มีเพียงเสียงลมพัดต้ นไม้ คลืนทีกลายเป็ นสิงโดดเด่นของทีนี เสียงนก เท่านันทีได้ ยิน

นาฬิกาทีแขวนอยู่ บอกให้ ร้ ูว่านีเลยเวลาข้ าวเช้ ามามาก ใกล้ เคียงกับข้ าวกลางวันเต็มที

พีหมอกไม่อยู่ทีนี

บนโต๊ ะอาหาร มีกบั ข้ าววางอยู่ ปิ ดฝาไว้ คิดว่าไม่น่าใช่พีหมอกทีเตรียมกับข้ าวนีไว้ ให้ บนฝา กระดาษแผ่นเล็ก
เขียน ‘กินซะ’ แปะอยู่

ดึงกระดาษแผ่นนันออก กินข้ าว ไม่ร้ ูสกึ ถึงรสชาติใดๆในปาก เคียวละเอียดพอ แต่ก็ไม่อยากกลืนลงไป ท้ องหิว


แต่ไม่อยากกินอะไรทังนัน ตักข้ าวเข้ าปากไปครึงจาน มองไป เห็นกระดาษโพสอิตอีกแผ่นแปะอยู่โต๊ ะ

‘เดียวกูกลับมา’

อาบนํา มีเสือผ้ าทีเตรี ยมไว้ ให้ แปรงสีฟันใหม่ ยาสีฟันเต็มหลอด เป็ นสิงทีพึงถูกเตรี ยมขึน

คิดจะเดินออกไปข้ างนอก บิดลูกบิดประตู เปิ ดไม่ได้ ลองกับประตูชนล่


ั างทุกบาน รวมถึงหน้ าต่าง ถูกล็อคไว้ หมด

ไม่มีอะไรให้ ทํา ไม่มีวิทยุ หรืออะไรก็ตามทีจะทําให้ ติดต่อกับโลกภายนอกได้ มีโทรศัพท์บ้าน แต่เมือเสียบ


สายโทรศัพท์เข้ าแล้ ว กลับไม่ได้ ยินเสียงอะไรดังตอบกลับมา

กลับไปทีห้ องนอน แม้ จะเสียมารยาท แต่ก็ค้นของในห้ องนัน ไม่เจอโทรศัพท์มือถือของผม เป็ นห้ องทีเดาไม่ถกู ว่า
ก่อนหน้ านีใครเคยอยู่ในห้ องนี
เริมเข้ าใจอะไรบางอย่าง

ทีผมภาวนา ขอให้ มนั ไม่ได้ เป็ นแบบนัน

เสียงประตูปิดลง ทําให้ ผมรีบวิงไปทีชันล่าง พีหมอกมองตามผมทีวิงลงไป

“พีหมอก ผมขอมือถือคืนได้ ไหม?”

“กูทิงไปแล้ ว”

“ห้ ะ?”

“กูบอกว่ากูทิงมือถือไปแล้ ว”

“ทําไม?”

“มึงไม่จําเป็ นต้ องโทรหาใคร”

“ผมอยากโทรหาม๊ า”

“จะคุยอะไร กูมีเบอร์ ”

“ผมอยากคุยเอง”

เงียบไปเหมือนลังเล แล้ วตอบ “ไม่”

เดินตามพีหมอก ทีก้ าวเดินออกจากหน้ าประตู

“พีกําลังทําอะไรอยู่?”

“แล้ วมึงคิดว่ากูกําลังทําอะไรอยู่”

“ผมไม่อยากทะเลาะกับพี ตอบผมมาดีๆเถอะ”

เงียบกริบ ทําเหมือนไม่ได้ ยินเสียงผม


“พีจะขังผมไว้ ทีนี?”

“แล้ วแต่มงึ จะเลือกคํา”

“ผมต้ องอยู่แบบนีไปนานแค่ไหน?”

“กูตอบไม่ได้ ” พีหมอกนังลงกับโซฟา หยิบซองบุหรีออกมาจากกระเป๋ ากางเกง “เหมือนทีมึงบอกกูไม่ได้ ว่ากูต้อง


รอไปนานแค่ไหน”

ผมขมวดคิว พีหมอกไม่สนใจ

แท็บเล็ตทีหยิบติดมือมา พีหมอกอ่านอะไรสักอย่างทีกําลังแสดงอยู่บนหน้ าจอ ดูเหมือนไม่ใช่เรืองดีนกั


บรรยากาศแย่ลง

เข้ าไปพูดตอนนี คงไม่มีประโยชน์

นังขันทีบันได ห่างออกไป ผมไม่ชอบกลินบุหรี พีหมอกตอนนีสูบมากทีจะทําให้ ตวั มีกลินนีติดอยู่ กลินของพี


หมอกเปลียนไปทีละนิด บางอย่างข้ นขึน ในขณะทีกลินบางอย่างทีผมคิดถึง จางลง

พีหมอกเดียวก็เลือนนิวไปตามหน้ าจอ เดียวก็คยุ โทรศัพท์ เดินไปรอบๆ หยิบโทรศัพท์ขนมาบ่


ึ อย ไม่เคยห่างเกิน
สิบนาที

หลายครังทีพีหมอกคุยอยู่ เงยหน้ ามา สบตากับผม จ้ องอยู่นาน ก่อนจะหันไปมองทางอืน

ไม่ได้ อยู่ไกลจนไม่ได้ ยิน แต่เรืองทีพูดนันเป็ นเรืองงานของพีหมอกเสียทังหมด ผมไม่เข้ าใจ

จะมีใครกําลังหาผมอยู่หรือเปล่า?

อย่างน้ อยก็ต้องไอ้ โจ๋ ไอ้ กล้ วย ไอ้ เคิล ทีสังเกตว่าผมหายไปจากงาน แต่ถ้ารู้ว่าหายไปพร้ อมพีหมอก ก็อาจจะทํา
ให้ มนั หยุดหาผม

มือเย็น

มีแม่บ้านเข้ ามาตังแต่ช่วงสีโมง ทําอาหารปริมาณทีพอสําหรับเราสองคน ก่อนทีจะกลับไป บนโต๊ ะอาหารเงียบ


กริบ พีหมอกนังลงเก้ าอีฝั งตรงข้ าม ได้ ยินแต่เสียงช้ อนส้ อมกระทบจาน

“ผมเบือ…”

“อยากทําอะไร”

“ออกไปข้ างนอก”

ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

“ผมอยากออกไปข้ างนอกบ้ าง วันนีผมอยู่แต่ในนีทังวัน”

“ทําตัวให้ ชินซะ”

“ผมไม่เข้ าใจ”

“ไม่เข้ าใจอะไร?”

“ทําไมพีถึงทําแบบนี…”

พีหมอกไม่ตอบ จนกระทังมือเย็นจบลง

ผมยืนรอคําตอบ แต่พีหมอกก็เดินขึนไปชันบนก่อนผม

เดินตามไป พีหมอกเข้ าไปอีกห้ องทีไม่ใช่ห้องนอน เป็ นห้ องอ่านหนังสือ เอกสารคงถูกขนมาตอนทีผมหลับอยู่ พี


หมอกย้ ายห้ องทํางานมาเป็ นทีแห่งนี

ในห้ องเหม็นกลินบุหรี

มีแต่บหุ รีทุกที บนโต๊ ะ จานเขียบุหรี ทําให้ เห็นว่าพีหมอกไม่ได้ สบู น้ อยๆเลย

เมือคืนหลังจากทีผมหลับไป คงมาอยู่ทีนี

“มึงถามว่าทําไมกูทําแบบนี”
ผมไม่ได้ ปิดประตู

ในห้ องไม่ได้ เปิ ดไฟ มีแค่หน้ าต่างบานใหญ่หลังโต๊ ะไม้ เท่านัน เป็ นท้ องฟ้าสีนําเงิน แสงสุดท้ ายของพระอาทิตย์
หมดแรง

“กูไม่อยากรออะไรอีก ในเมือมึงไม่หากูเอง กูคงต้ องทําแบบนี”

พีหมอกไม่ได้ นงลงกั
ั บเก้ าอี ยืนพิงอยู่ทีโต๊ ะ ไม่ได้ มองมาทีผม

“กูรักมึงก็จริง แต่ไม่ได้ หมายความว่ากูจะให้ โอกาสมึงบ่อย”

“….”

“ทีกูยอมให้ มึง ไม่ได้ หมายความว่ากูจะยอมทุกอย่าง”

ปลายนิวเคาะเบาๆ

เถ้ าจากปลายบุหรี ร่วงลงจานแก้ ว

ผมก้ าวเท้ าถอย เดินออกจากห้ อง มือยังจับค้ างทีลูกบิด แสงยังส่องลอดผ่านช่องว่างนัน แม้ แต่กลินบุหรี ยังตาม
ติด ได้ ยินอีกคําทีถูกพูดออกมา

“เพราะถ้ ากูปล่อยมึงไปอีกครัง มึงคงจะหนีกไู ปจริงๆ”

ผมปิ ดประตูบานนันลง

………………………………….
………………………..
[B.N.22 : complete]
[17.11.55]

B.N.23

ผมนอนไม่หลับ

อย่าว่าแต่ปิดตาลง จ้ องมองเพดาน สลับกับนาฬิกา รอช่วงเวลาทีร่ างกายจะเหนือยจนหลับไปเอง

เสียงคลืนในเวลานี รุนแรง น่ากลัว จินตนาการไปถึงคลืนทีซัดตัวอย่างบ้ าคลัง กลืนกินทุกอย่างทีขวางทางลงไป


ในความหนาวเย็นของท้ องทะเล

ความคิด วนเวียน เหมือนเป็ นแผนผังความคิดทีจัดการไม่เป็ นระเบียบ

ไม่ว่าจะทางเลือกไหนทีเหลืออยู่ มันไม่ได้ นําไปสู่การแก้ ปัญหาทีดีเลยซักทาง

หลับตาลงในช่วงเวลาสันๆ ย้ อนกลับไปถึงช่วงเวลาทีมีความสุขมากกว่าตอนนี ช่วงเวลาทีเฝ้ารอ วันทีเราเติบโต


เป็ นผู้ใหญ่ คนเรานีก็แปลก ตอนเด็กอยากโตเป็ นผู้ใหญ่ แต่พอถึงช่วงนันจริ ง กลับอยากหนีกลับไปเป็ น
เหมือนเดิม

วัยทีไม่ต้องรับผิดชอบกับอะไรทังนัน ใช้ สิงทีเรียกว่า”ชีวิต”ได้ ค้ มุ ทีสุด

ผมสูญเสียมันไปแล้ ว

นึกถึงคนทีใช้ ชีวิตได้ แตกต่างจากคนอืนมากทีสุดอย่างพีฟิ น แล้ วก็เดาทางไม่ได้ ว่าตอนนี จะอยู่ทีไหน หรือทํา


อะไรอยู่ กับใคร ในเวลาแบบนี คนๆนันจะให้ คําปรึกษากลับมาแบบไหนนะ?

ไม่ว่ายังไง ให้ เลือกในทางทีตัวเองเป็ น

ประโยคนีซ่อนอยู่ในทุกการกระทําของพีฟิ น มันชัดเจน ไม่อาจทํานายล่วงหน้ าได้ ผมไม่ร้ ูว่าพีเขามีความสุขกับ


ชีวิตแค่ไหน แต่เท่าทีเห็นจากเปลือกนอก รอยยิมยียวนจะมีอยู่บนใบหน้ าเสมอ
ต้ องยิม ควรจะยิมสินะ

ยกมุมปากขึน รู้ สกึ หนักอย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่อยากอยู่ทีนี

ในเวลานี เวลาทีทุกอย่างคลุมเครือ และอึดอัดเสียจนหายใจไม่ออก เหมือนอยู่ใต้ นํา ทุกวินาทีทีผ่านไป ผมรู้สกึ


ได้ ถงึ บางอย่างทีอ่อนแรงลง

ผมไม่อาจทําตามสิงทีพีหมอกต้ องการได้

ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ทําไม่ได้

เสียงประตูเปิ ด มองนาฬิกา กําลังจะข้ ามผ่านเทียงคืน

หลับตา นอนนิงไม่ขยับตัว

ได้ ยินเสียงเท้ าเดินเข้ ามาใกล้ กลันหายใจ ของบางอย่างถูกลากไปกับพืน เสียงเท้ าเงียบลง

กลินบุหรีอ่อนๆ บอกให้ ร้ ู ไม่สิ ไม่จําเป็ นต้ องบอกก็ร้ ูว่าใคร แต่แค่ยืนยันว่าใช่แน่นอน ผมไม่ร้ ูว่าพีหมอกสูบยีห้ อ
ไหน เพราะมันเป็ นกลินทีผมไม่เคยเจอมาก่อน บรรยายไม่ถกู

เสียงฝี เท้ าเงียบลง เงียหูฟังเท่าไหร่ก็ไม่ได้ ยินเสียงเพิมอีก

เตียงยุบลงไปฝากหนึง ข้ อมือถูกดึงขึนไป ผมรังไว้ พีหมอกจ้ องหน้ า ถึงจะใกล้ ขนาดนี แต่แสงก็น้อยเกินกว่าจะ


เห็นหน้ าพีหมอกได้ ชัดเจน

“ทําไม?”

“….”

“กูกอดมึงไม่ได้ หรือไง?”

“เปล่า..ไม่ใช่แบบนัน”
“แล้ วเป็ นแบบไหน?”

ส่ายหน้ า ไม่ร้ ูคําตอบ มืออีกข้ างคว้ าเสือผมไว้ พยายามจะถอดออก จับคอเสือตัวเองไว้ ยิงทําให้ เนือผ้ าถูก
กระชากแรงขึน

“ตอบกูมาสิ”

“ถ้ าจะทํา ก็อย่าทําด้ วยอารมณ์โกรธแบบนี”

“กูไม่ได้ โกรธ”

“พีหงุดหงิด”

“มึงรู้ด้วยหรอว่ากูหงุดหงิด?”

ทุกการเคลือนไหวหยุดนิง มีแต่คําพูด

“กูถาม ทําไมไม่ตอบ”

“คําถามพีไม่ต้องการคําตอบ”

“อย่ากวนกู ไอ้ ตี”

“ผมว่าผมพูดส่วนทีผมควรพูดไปแล้ ว เมือไหร่พีจะพูดส่วนของพีบ้ าง”

“…..”

“เพราะเห็นว่าผมทําอะไรไม่ได้ หรอ พีอาจจะคิดถูก ผมก็ได้ แค่ฟังเท่านันแหละ ผมไม่มีอํานาจอะไรพอทีจะช่วยพี


ได้ สกั นิด”

“มึงกําลังประชดกูอยู่หรือไง?”

“ผมเปล่า”

“มึงรู้แล้ วเรืองจะเปลียนไปหรือไง?”
“พีกําลังซ่อนอะไรอยู่?”

ไม่มีคําตอบกลับมา

ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมพูดต่อ เป็ นเรืองทีต้ องลังเล คิวมุ่นเข้ าหากัน สายตาลอยออกไปไกล ไปสูเ่ รืองที
กังวลใจ ไม่ได้ อยู่ทีตัวผม

“เรืองนัน บอกผมไม่ได้ หรือไง?”

“บอกไปมึงก็ไม่เข้ าใจ”

“อย่างน้ อยก็ลอง ผมไม่อยากอยู่กบั บรรยากาศอึดอัดแบบนีอีก มันเหมือนไม่ใช่..ไม่ใช่เราเลยว่ะพี”

“….”

“หรือนีคือสิงทีเรียกว่าผู้ใหญ่ งนหรอ?”

โลกทีเคยหลอมรวม แยกออกจากกัน

ถ้ าไม่มีใครทําอะไรสักอย่าง สิงสุดท้ ายทีเชือมเราไว้ คงจะขาดลงจริงๆ

“พีไม่ยอมให้ ผม งันผมจะเป็ นฝ่ ายยอมเอง ยอมเท่าทีทําได้ …แบบนันหรือเปล่าทีพีต้ องการจากผม ให้ ผมทําตาม


โดยทีไม่ร้ ูอะไรเลย”

“มันอาจจะดีทีสุด”

“ถ้ าพีจะคิดแบบนัน…” ปล่อยมือทียึดมือพีหมอกไว้ ออก “ผมก็คงทําอะไรไม่ได้ ”

เสือถูกดึงออก กางเกงนอน ถูกจับพลิกตัวลง นอนควํา นีจะเป็ นครังแรก ทีผมจะไม่ได้ เห็นหน้ าพีหมอก ในทาง
กลับกัน นีเป็ นครังแรกทีพีหมอกเลือกจะหลบหน้ าผม ในช่วงเวลาแบบนี

ไม่มีความสุขอะไรซ่อนอยู่

เป็ นเพียงการเคลือนไหวของร่างกายไปตามสัญชาติญาณ เจ็บ กอดหมอนแน่น ไม่อยากให้ ถกู เห็นว่าข้ อมือทีกํา


แน่น ข้ อต่อกลายเป็ นสีขาวจาง ผมไม่ร้ ูพีหมอกคิดอะไรอยู่ แต่บรรยากาศรอบๆ ถ้ ากลันสิงทีล่องลอยอยู่ อาจได้
นําตา

สองมือนันจับแค่ทีเอวผม แค่นนั เหมือนรีบทําให้ จบๆไป คล้ ายสัตว์ติดฤดู ไม่มีความต้ องการจากข้ างในออกมา

ตลอดเวลาทีเจ็บ ได้ แต่คิดว่า บางทีพีหมอกกําลังเจ็บมากกว่า

เรืองทีผมไม่ร้ ู เรืองทีถูกปิ ดไว้ ผมไม่ร้ ูหรอก และก็คิดว่าถ้ าไม่ได้ ร้ ู จากพีหมอกเอง ทังชีวิตก็คงไม่มีทางรู้ ได้ ด้วย
ตัวเอง

เรืองระหว่างผมกับพีหมอก ต่อให้ เก็บเป็ นความลับ ก็ได้ แค่เพียงเวลาหนึง ในเวลาทีเรืองทังหมดถูกแพร่กระจาย


ออกไปแล้ ว การขุดคุ้ยความลับทีเหลือ เป็ นเรืองทีทําได้ ไม่ยาก

มือถือพีหมอกส่งเสียง ปนไปกับเสียงหายใจ เสียงทีล่อแหลม

ไม่ได้ หยุดการเคลือนไหว ผมหมดแรงทีจะต่อต้ าน ร่างกายหยุดนิง ขาดการติดต่อกับความคิด

“….รู้แล้ ว”

พูดตอบกับโทรศัพท์ เสียงพีหมอกตํากว่าปกติ แต่ไม่ใช่เสียงทีจะฟั งแล้ วรู้สกึ อะไร ไม่มีอารมณ์ใดๆทังสินอยู่ใน


เสียงนัน เย็นชา ก็คงพูดแบบนันได้ อยู่ “ถ้ าปิ ดข่าวไม่ได้ ก็ประโคมข่าวไปซะ ไม่…ไม่ได้ ฟังผิดหรอก”

ขมวดคิวฟั ง ได้ ยินแต่เสียงหายใจของตัวเอง และเสียงจากลําคอคล้ ายเสียงแมว

ไม่ได้ รุนแรง แต่ร่างกายต่อต้ าน ห่างหายกับเรืองแบบนีไปพักใหญ่ ไม่ได้ เตรียมพร้ อม เป็ นครังแรกทีเจ็บเสียจน


พูดอะไรไม่ออก ถ้ าเอวไม่ถกู จับไว้ เข่าก็คงไม่มีแรงพอจะหยัดตัวไว้

ดูเหมือนพีหมอกไม่สนใจ

ความรู้สกึ ของอีกฝ่ าย เป็ นเรืองทีเราสนใจมันน้ อยลง

นันเป็ นสัญญาณเตือนของอะไรสักอย่างหรือเปล่า? คําถามนีดังก้ องขึนมา ผมยืนจ้ องอย่างงุนงง สรรหาคําตอบ


ดีๆไม่ได้

“ไม่ต้องเบลอรูปตี เอาให้ ทกุ คนรู้ ว่ามันเป็ นใคร ไม่จําเป็ นต้ องปิ ด”


พลิกตัวหันมอง ก็ถูกกดไหล่ไว้ จนต้ องหันหน้ ากลับไป กดแน่นจนไหล่ข้างนันยุบลงไปในฟูก ผมดินแรงขึน
ร่างกายขยับ ส่วนทีเชือมต่อกันคล้ ายจะหลุดออก พีหมอกจึงดันตัวเข้ ามาสุด เจ็บจนกัดกรามแน่น

“ไม่ ไม่พอ ลงรู ปเฮียมัน ม๊ ามันลงไปด้ วย เขียนชือลงไปชัดๆ”

“พีหมอก!”

มืออีกข้ างยันตัวขึน ก็ถกู กระชากข้ อมือ กดแนบทีเหนือบันท้ าย บีบจนรู้สกึ ปลายนิวชา ขยับตัวพยายามจะดินให้


หลุด ก็ถูกตรึงไว้ ด้วยแรงทีมากกว่า อยู่ในท่าทีขัดขืดไม่ได้ คล้ ายปลาติดอวน

“แค่นนแหละ”

เสียงพูดทิงท้ าย ผมจ้ องมองริ มฝี ปากทีพูดคํานันออกมา สีหน้ าพีหมอกนิง ไม่ร้ ูสกึ เหมือนทําเรืองอะไรผิดลงไป

โทรศัพท์ถูกตัดสาย พีหมอกถือโทรศัพท์ออกห่างจากหู ไม่วางมันลง สายตาอยู่ทีผม

เสียงหายใจแรงขึน ผมโมโหเสียจนคิดอะไรไม่ออก

“พีคิดจะทําอะไร? แค่ผมคนเดียวผมไม่ว่า ทําไมต้ องเอาม๊ ากับเฮียมายุ่งด้ วย”

“ทีผ่านมาทังหมด ไม่ใช่ว่าข่าวไม่ร้ ูหรอกนะว่ามึงเป็ นใคร เพราะมีกูอยู่ ข่าวถึงไม่หลุดออกไป แต่ตอนนีมันไม่มี


ประโยชน์แล้ ว ให้ ร้ ูกนั ให้ หมดนันแหละดี ว่ามึงเป็ นใคร และเป็ นของใคร”

ปลายเสียงเบาลง พีหมอกเงียบไป นานจนผมคิดว่าคงไม่มีคําพูดอะไรหลุดออกมาอีก มองเห็นหัวคิวนันมุ่นเข้ า


หากันจนแทบเป็ นเส้ นตรง

“…สิงนีไม่ใช่หรอ? ทีมึงพยายามปกป้องอยู่ มึงจะได้ ร้ ูว่าทีผ่านมา มึงทําอะไรไม่ได้ เลย ถ้ าไม่มีกู”

“อย่าทําแบบนี”

“ขอร้ องสิ”

“…..”
“ขอร้ องกับกู กูหยุดข่าวนันได้ กูทําได้ ทุกอย่าง จะสร้ าง หรือทําลายมึงก็ได้ มันไม่ใช่เรืองยากเลย ทีต้ องใช้ ก็แค่
เงินเท่านัน”

คนตรงหน้ า เหมือนเป็ นแค่คนทีหน้ าตาคล้ ายกัน ชือเหมือนกันเท่านัน สิงทีอยู่ข้างใน เวลาค่อยๆเปลียนแปลงไป


ช้ าๆ

“มึงเคยบอกกู ว่าเงินซือทุกอย่างไม่ได้ ตี กูจะทําให้ มงึ เห็น”

“ถ้ ารักกู อย่าหนีไปไหน ไม่ต้องคิดเผือกู กูไม่สนว่าโลกนีจะคิดยังไง กูไม่แคร์ ด้วยซํา ว่าใครจะอยู่ ใครจะตาย”

“กูคงใจดีกบั มึงมากเกินไป อาจทําให้ มงึ เข้ าใจผิด กูไม่ได้ โง่ ตี ไม่ได้ โง่มากพอทีจะให้ ใครต่อต้ านกูซําซากอย่างที
มึงทํา”

“กูก็มีกฎของกู และมันจะไม่เปลียนแปลงไปเพือใคร ต่อให้ จะเป็ นมึงก็ตาม”

“พูดมาสิ คําทีมึงต้ องพูด”

“คําไหนล่ะ…ทีพีอยากจะฟั ง”

เงียบ

ทุกอย่างเหมือนถูกกดปุ่ มหยุดนิงไว้ ไม่ได้ ยินเสียงลมหายใจด้ วยซํา

“คําว่ารักหรือเปล่า ทีพีอยากฟั งตอนนี?”

……………………….
………………..

ผมเบือเรืองทีจะต้ องบอกให้ ฟังว่าผมมีเวลาคําคืนทีหลับตาลงยากแค่ไหน หรือน้ อยกว่าปกติเท่าไหร่ สําหรับ


ชัวโมงนอนของผม เบือทีจะต้ องมาบรรยายให้ ฟัง ว่าเช้ านี เป็ นเช้ าทีติดสีอันดับเช้ าทีห่วยแตกทีสุด นับตังแต่เช้ า
ทีป๊ าเสีย เช้ าทีม๊ าป่ วย จนพวกผมไปเรียนไม่ได้ และเช้ าทีผมวิงไล่ตามคนๆนึงไปถึงสนามบิน แต่กลับไม่ได้ เจอ

ถ้ าให้ เรียงลําดับยอดแย่ เช้ าวันนีคงจะได้ ทีสองไปครองอย่างแน่นอน


ไม่ใช่แค่คําว่าปวดเมือย แต่เป็ นคําว่าเจ็บ แค่คิดจะเดินก็เหนือยเกินกว่าจะก้ าวเท้ าลงจากเตียง เตียงทีกว้ าง แต่มี
เพียงผมแค่คนเดียว ปลอบตัวเองในใจ น่า คนเราก็ต้องมีการมีงานทําบ้ าง แถมยังตืนสายจนนาฬิกาเกือบทําทิศ
90 องศาตังฉากกับระนาบ จะไปคาดหวังอะไรกับสิงทีเกินจริงได้ ยังไง

แต่ถงึ อย่างนันก็ยังแอบคิดเล็กๆ ในวินาทีก่อนทีจะลืมตา

เขาจะยังอยู่หรือเปล่า?

ผมไม่ร้ ูว่าตัวผมต้ องการคําตอบแบบไหนกันแน่ แต่ถ้าถามตัวเองตอนนี อาจได้ คําว่าโล่งอกทีเห็นอีกฝากของเตียง


ว่างเปล่า เอามือจับดูก็พบว่ามันเย็นเฉียบ ในใจยังตังคําถามอีกไม่หยุดหย่อน แต่ผมก็เหนือยเกินกว่าจะไล่ตอบ
พวกมันไหว

มันไม่ได้ เป็ นอาชญากรรมหรอกเรืองเมือคืน ถึงยังไงผมก็เต็มใจไปเสียเกือบครึง เรืองหลังจากนัน เป็ นเรืองชวนให้


ปวดหัว คิดไปก็เหนือยเปล่า จนไม่อยากจะรือความทรงจําทีไม่ค่อยประติดประต่อมาเพิมความดันในเส้ นเลือด
ขณะทียืนแปรงฟั นอยู่อย่างนี ไม่เลย

คนในกระจก วันนี ดูแทบไม่ได้

นันใครกันน่ะ คงไม่ใช่ผมหรอกใช่ไหม? ก็แหงสิ ตัวผมจะไปทําหน้ าแห้ งเหียวซังกะตายแบบนันได้ ยงั ไง แต่น่า


แปลก พอผมยกมือ ไอ้ หมอนีก็ยกตาม จับรอยแตกทีปาก เลือดแห้ งกรัง บอกให้ เพิมเติม ผมกัดมันเองนันแหละ
แต่ในเวลานันไม่คิดว่าฟั นจะงับเพือนร่วมงานแรงถึงขนาดนี แล้ วไอ้ หน้ าซอมบีนีเป็ นใคร ถึงมีแผลทีเดียวกับผม
เลย

ดวงตากระทบกับแสง เห็นว่ามีนําคลออยู่ ก็รีบกวักนําขึนล้ างหน้ า

ไม่ได้ เลยนะไอ้ ตี ยิงตอนแบบนีสิ ถึงจะเป็ นบทพิสจู น์ ว่าแกน่ะ แกร่ งจริง ไม่ใช่เสแสร้ งไปงันๆ

ต้ องยิม ยิมแบบทีแกทํามาตลอด ทําเหมือนว่าไม่มีเรืองหนักใจ หนึงเดือนทีผ่านมา แกก็ทํามาตลอดไม่ใช่หรอ?


วางลงสักพักเรืองทีครุ่นคิดมาตลอดจนทําให้ ไม่มีทีว่างในหัวมากพอจะปั นไปให้ เรืองงาน เรืองสําคัญของตัวเอง
เรืองทียิงคิดมากเท่าไหร่ ก็ยิงชนเข้ ากับทางตัน จนผมอดสงสัยไม่ได้ คําพูดทีว่า”ทุกปั ญหามีทางแก้ ” บางทีอาจ
เป็ นเรืองโกหก

ลองสมมติ ว่าผมไม่ใช่ตวั ผม
เป็ นบุคคลภายนอก บุคคลทีสาม ทีไม่มีอะไรเกียวข้ องกันเลย ไม่เคยรู้จกั ทังผม และคุณอัษฎามาก่อน ไม่เคยเห็น
หน้ า เป็ นบุคคลอายุปานกลาง ฐานะปานกลาง การศึกษายังไงก็ได้ คงไม่สาํ คัญ เล่าสถานการณ์ทีผมเจอ เล่า
สถานการณ์ทีคุณอัษฎาต้ องรับมือ ผมสงสัยนักเชียว ว่าเขาจะให้ คําตอบผมยังไง

ทิงไปเลยสิ ครอบครัวไม่สาํ คัญขนาดนันหรอก ความรักแบบนีน่ะ คว้ าไว้ ก่อน มันมีแค่หนเดียวนะ

ผมคงจะเมินเฉยต่อคําแนะนํานันทันที ไม่ว่ายังไง สิงทีสมควรจะคิดนํามาก่อนเสมอก็คือครอบครัว ถ้ าไม่มีพวก


เขา ผมก็คงจะไม่ได้ มายืนพูดกับตัวเองอย่างเป็ นตุเป็ นตะขนาดนีแน่ ต่อให้ ไม่ถกู สอนมาเรืองกตัญ มู า เราก็จะ
ไม่มีวนั ทําเรืองอย่างนันแน่ ม๊ าลําบากเพือพวกผมมาก ไม่มีทาง ทีผมจะทิงคนทีทุ่มเทเพือให้ ผมเติบโตมาได้ อย่าง
เด็ดขาด

ถ้ าลําบากขนาดนันก็ปล่อยมือเถอะ ยิงรังไว้ เท่าไหร่ ก็มีแต่จะเหนือยมากขึนเท่านัน

ผมยังไม่เหนือย แต่ถ้าผมจะปล่อยมือ ก็มาจากเหตุผลของผมเอง ไม่ใช่เกิดจากเหนือยอะไรทังนัน

อย่าโกหกตัวเองเลย เหนือยจนแทบจะไม่ไหวแล้ วไม่ใช่หรอ?

ไม่ ผมไม่ได้ โกหก ผมยังทนได้ อีก ผมยังเจอได้ อีก ผมทําได้ ทงนั


ั น ถ้ ามันจะทําให้ พีหมอกก้ าวไปข้ างหน้ า คนอย่าง
พีหมอกเป็ นคนทีทําได้ ทกุ อย่างเพือเป้าหมายทีวางไว้ ผมไม่อยากเป็ นตัวเกะกะ

คิดแบบนันน่ะ แน่ใจหรอ?

ผมไม่แน่ใจหรอก

พีหมอกเปลียนชีวิตผมไปเสียจนผมนึกชีวิตทีไม่มีพีหมอกไม่ออกแล้ ว ใครจะอยากไปเสียใจ คิดในฐานะมนุษย์


ธรรมดา ไม่ว่าใครก็อยากอยู่กบั คนทีตัวเองรักอยู่แล้ ว แต่ความรักก็ไม่ใช่ทกุ อย่าง ผมต้ องยอมรับเรืองนันด้ วย ไอ้
เรืองความรู้ สกึ ของผมมันเยอะเสียจนพูดออกมายังไงก็ไม่หมดหรอก มันเหมือนผมทําผิดซําซาก แต่เมือถึงคราวที
ผมเลือก ผมก็ต้องเลือกทางทีดีทีสุดสําหรับพีหมอก สําหรับผม ยังไงก็ได้ อยู่แล้ ว ไม่ว่าจะเป็ นยังไง ก็ได้ ถ้ าไม่
เดือดร้ อนครอบครัวผม ตัวผมจะต้ องเจออะไร หนักแค่ไหน หรือมีชีวิตทีเหลืออยู่ทังหมดกับความเสียใจ ผมก็โอเค
กับมัน

คนอย่างพีหมอกไม่มีวนั หยุดอยู่แค่นีหรอก ถึงมันจะเป็ นตําแหน่งทีสูงสุดในบริษัท แต่ผมรู้ ว่าพีหมอกไม่มีวัน


พอใจกับมัน ยิงพีหมอกไปได้ ไกลมากกว่าตรงทียืนอยู่ตรงนี ผมก็จะยิงเป็ นตัวเกะกะมากขึน

ผมไม่ร้ ูพีหมอกจะเข้ าใจเรืองนีหรือเปล่า เพราะพีหมอกไม่สนใจใคร มีความคิดเป็ นเส้ นตรงโดยไม่สนว่ามันจะไป


ทับเข้ ากับเส้ นของคนอืน นันทําให้ ผมยิงทําตามใจตัวเองไม่ได้ สักวันพีหมอกจะถูกสังคมรอบข้ างบีบมากกว่านี
จนอยู่ในจุดทีทําอะไรไม่ได้ อีก

บางทีอาจจะต้ องมีสกั คนยอมถอยออกมา

ผมไม่ได้ อยากเลิกกับพีหมอก ไม่เคยเลยสักวินาที จากหัวใจของผมทีคิดแบบนัน แต่สมอง ปฏิเสธไม่ได้ ว่ามันมี


ตัวเลือกนันอยู่เสมอ ผมสับสน มีชีวิตอยู่บนความสับสนนีนานเกินกว่าทีมันควรจะเป็ น

พีหมอกต้ องเสียใจ แน่อยู่แล้ ว แต่สกั วันพีหมอกก็จะหลุดพ้ นจากความรู้ สกึ นี เราอาจจะกลายเป็ นเพือน เพือนทีดี
ต่อกัน บางที ผมอาจจะยิมให้ พีเขาได้ ในวันทีพีเขาแต่งงานกับใครสักคน

ไม่มีทางหรอก ผมคงไม่มีวนั ทําแบบนันได้

ให้ ยิมหรองันหรอ? แค่จินตนาการ ก็ยากทีจะหายใจแล้ ว

ถ้ าอย่างนัน มันจะมีทางอืนไหมนะ?

ทางทีเป็ นกลาง ทางทีเราสองคน จะยังเดินไปด้ วยกันได้ ไกลกว่านี

กลับลงไปนอน จมลงกับเตียง เสียงคลืน หลับตาคิด ท้ องฟ้าแดดไม่แรงแบบนี ถ้ าได้ มีโอกาสออกไปข้ างนอก


อาจจะดีกว่านีหน่อย สูดหายใจให้ เต็มปอด เท้ าเหยียบลงกับทราย นําทีถูกซัดขึนมา ชนกับปลายนิวเท้ าผม

ได้ แต่หลับตาคิดภาพเหล่านัน

ถ้ าอยากจะทําจริงๆ คงต้ องกระโดดลงจากชันสอง ไม่ต้องห่วงครับ ผมยังไม่บ้าพอทีจะทํา

ข้ าวเช้ าอยู่บนถาดอาหาร โต๊ ะข้ างเตียง เห็นตังแต่ตอนลืมตา ผมไม่หิว ท้ องส่งเสียงร้ องนิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก
พอทีจะเอาชนะอาการเบืออาหารนีได้ ลุกพรวดขึนมาเพราะนึกอะไรได้ บางอย่าง ก็ต้องหงายหลังลงไปใหม่ ปวด
ขมับ เหมือนถูกบีบ ผมหลับตาลง พยายามนึกถึงเรืองอืน พาตัวเองในความคิดไปยืนอยู่ริมหาด แม้ แต่ในหัว ทีๆ
สมควรจะเป็ นของผม ก็ยังเห็นพีหมอกยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่งตัวสบายๆทําให้ นกึ ถึงพวกนายแบบใน
วันหยุดพักผ่อน นันทําให้ ยิงปวดหัวหนักกว่าเดิม

ขอผมพักบ้ างเถอะ

ปล่อยผมให้ เป็ นอิสระจากปั ญหาสักวินาทีนงึ ก็ยงั ดี


เดินไปทีห้ องนํา เซชนโต๊ ะไม้ เล็กๆอีกตัวจนล้ ม เสียงดังกึง ผมเดินผ่านไป ประตูห้องนําถูกผลักออก เกาะทีฝาชัก
โครก มีแต่นําย่อยเท่านันทีออกมา ไม่มีอาหารเหลืออยู่

ปวดหัว ปวดจนนําตาไหลพราก ทังๆทีเมือคืนไม่มีนําตาซักหยด ตอนนีกลับมาร้ องไห้ ต่อหน้ าชักโครก เหมือนเด็ก


สาวเมาหัวทิมในผับ คิดว่าดีขนึ เอือมมือจะกดชักโครก ท้ องก็ปันป่ วนจนร้ อน อาเจียนอีกรอบใหญ่จนหมดแรง

กอดชักโครกเหมือนเป็ นทีพึงสุดท้ ายในชีวิต เวลารู้ สกึ แย่ทีไร ก็มีแต่แกเท่านันแหละทีอยู่เป็ นเพือน มันตอบรับ


คําพูดผมด้ วยการปิ ดฝากระแทกหัวผมเต็มๆ

เสียงนําไหล มองนําวนเล็กๆทีถูกดูดลงไป ลุกขึนยืน คว้ าขอบอ่างล้ างหน้ าไว้ ได้ เมือเซ ยกนํากวักล้ างหน้ า รอบนี
แทบจะคลานกลับเตียง

โต๊ ะทีชนล้ ม เดินเข้ าไปใกล้ เพือตังมันให้ กลับมาอยู่ทีเดิม

หลังโต๊ ะตัวนันไป เป็ นชันหนังสือ ดูท่าจะอยู่มานานแล้ ว บ้ านนีแม้ จะดูใหม่ แต่ถ้ามองจากเฟอร์ นิเจอร์ บางชินจะ
บอกได้ ว่าอายุมากกว่ายีสิบปี ได้ รับการดูแลอย่างดี ชันหนังสือ ครึงบนเรียงอัดแน่น สันปกหนังสือเป็ นปกแข็ง
เขียนชือภาษาอังกฤษไว้ เกือบทังหมด ครึงล่าง เป็ นตู้ไม้ ประตูปิดอยู่ พอลองเปิ ดออก ก็พบว่าไม่ได้ ลอ็ ค

อัลบัมภาพสองสามเล่มอยู่ในนัน แทรกอยู่ในกองหนังสือทีเหมือนไม่ถกู เปิ ดบ่อยเท่าเล่มทีอยู่บนชันนัน ผมดึงมัน


ออกมาดู นังลงกับพืน ก้ มนานก็ปวดขมับตุ้บ ตุ้บ ไม่ร้ ูจะแก้ ยงั ไง ไม่มียา ไม่มีเฮียทีจะบ่นไปแต่ก็ยังหายามาให้ ใน
เวลาเดียวกัน

ภาพแม่พีหมอก ในรูปอายุไม่น่าเกินสามสิบ ดูท่าจะเป็ นคนยิมเก่ง ส่วนมากเป็ นรูปเดียว ถ่ายเต็มความสูงของ


เธอ สถานทีข้ างหลัง เปลียนไปเรือยๆ ในสวนบ้ าง ห้ างบ้ าง บางรูปดูร้ ูว่าไม่ใช่เมืองไทยแต่บอกไม่ได้ ว่าประเทศ
ไหน รูปผ่านไป อายุมากขึน ภาพใบหนึง หน้ าท้ องขยายโต เว้ นช่วงระยะห่างจากภาพใบก่อนหน้ าอยู่มาก มีวนั ที
อยู่ แต่ภาพก็สซี ีดเสียจนมองยาก

ภาพต่อไป เด็กทารกในแขน ภาพนีเป็ นภาพแรกทีได้ เห็นเธอใกล้ ขนาดนี ยิมจนเห็นฟั น มองกล้ อง เด็กในนัน


หลับตาหยี ผมเดาว่าเป็ นพีเมฆ นอนอยู่ในผ้ าห่มทีพันรอบตัวดูคล้ ายดักแด้ ใบหน้ าตอนหลับดูสงบ

รูปต่อมา วันแรกทีพีเมฆเข้ าโรงเรียนอนุบาล หน้ ายิม ต่างจากเด็กคนทีอยู่ข้างหลัง ร้ องไห้ จนตาหยี ดึงมือพ่อจน


ตัวเอน เห็นภาพนีแล้ วผมก็พงนึ
ึ กได้ ว่ายังไม่เห็นรูปพ่อพีหมอกเลยสักรูป คงมัวแต่เป็ นตากล้ อง ไม่เคยปรากฏตัว
หน้ าเลนส์
รูปถัดมาเว้ นช่วง เด็กผู้ชายคนแรก อายุซกั เจ็ดแปดขวบ แต่งตัวเรียบร้ อย ยืนขาประกบ ข้ างๆ เป็ นภาพทีดูคล้ าย
กับเคยเห็นมาแล้ ว แม่พีหมอกอุ้มเด็กอีกคนในแขน แต่รอยยิมทีเคยเห็นเหมือนในครังแรก ลดลงเป็ นแค่ยิม
ธรรมดา ตอนนี ผมของเธอสันลง อาจจะเหมาะกับแฟชันสมัยนัน เด็กในอ้ อมแขนร้ องไห้ งอแง ชูมือขึนฟ้า เหมือน
จะต่อยความหงุดหงิดออกไป

หน้ าถัดมาของอัลบัมรูป เด็กทีพยายามจะลุกยืน เป็ นท่ากึงนังกึงยืน เห็นหน้ าแค่เสียวเดียวแต่ก็ร้ ูสกึ ได้ ถึงความ
มุ่งมันเกินเด็ก ดูท่านิสยั นีคงมีมาแต่เกิด รูปใบทีถ่ายในบ้ านหลังนี ก็ยืนขมวดคิวแยกอยู่คนเดียว ในขณะทีพีชาย
กับแม่ ยืนกอดคอกันอยู่อีกฝั ง คงจะกวักมือหลายรอบแต่ยงั ไม่สน ถึงได้ กดชัตเตอร์ โดยไม่รอให้ ยืนพร้ อมกันก่อน
รูปเดียว รูปคู่ของพีน้ อง สลับกันไป แปดในสิบรูปของพีเมฆ มีรอยยิม ดูเป็ นคนยิมเก่ง เข้ าสังคมง่าย ต่างกับคน
น้ อง ทีไม่ค่อยจะเห็นยิมเท่าไหร่

รูปหมู่ครอบครัวเพียงรูปเดียว ในทีทีผมไม่ร้ ู จกั แม่พีหมอกนังตรงกลาง จับหมวกไม่ให้ ปลิว สวมแว่นกันแดด การ


แต่งตัวดูดีขนตามลํ
ึ าดับ นาฬิกาเรือนนันก็ดแู พง พ่อพีหมอกยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ ยิม หรีตามองกล้ อง คงเป็ นเพราะ
แดดในเวลานัน พีหมอกทําท่าเดียวกันเหมือนถอดออกมา หน้ าบึงสนิท จ้ องมองกล้ องเหมือนไม่พอใจ ผิดกับพี
เมฆทีโชคดีอยู่ในมุมร่ ม ยิมคล้ ายถอดแม่มา

รูปสุดท้ าย เด็กคนนันกลายเป็ นเด็กห้ าหกขวบ ในขณะทีพีชายเริ มเข้ าสูว่ ยั รุ่น ตัวสูงจนดูเก้ งก้ าง เด็กทารกอีกคนก็
โผล่มา หน้ าแม่พีหมอก ไม่มีรอยยิมอีก

เป็ นรูปทีดูแล้ วชวนให้ อึดอัด อัลบัมจบลงแค่นี

ช่วงเวลาสันๆ ยีสิบนาที ได้ ทําความรู้จักกับพีหมอกวัยเด็ก รูปเล่าเรืองราวอย่างเงียบเชียบ

ผมหยิบรูปใบหนึงออกมา แล้ วเก็บอัลบัมทังหมดนันเข้ าทีเดิม

………………………………….
…………………………

เวลาทีนี เดินช้ ากว่าปกติ อาจเป็ นเพราะผมว่างเกินไป

เดินรอบบ้ านดู ทุกสิงเหมือนเดิม ไม่มีประตูหรือแม้ แต่หน้ าต่างบานไหนทีไม่ถกู ล็อค บางทีแม่บ้านอาจจะมีกุญแจ


แต่เมือเห็นหน้ าผม ก็เดินหลบไปอีกทาง เหมือนถูกห้ ามไว้ ไม่ให้ คยุ กับผม

นังมองบรรยากาศข้ างนอกผ่านกระจก ทะเลส่งเสียงเรียกอยู่ทกุ วัน ชายหาดกว้ าง ก็ยังไม่เคยเห็นใครยืนอยู่บน


ทรายนัน สวนอยู่ห่างออกไปแค่หกก้ าว แต่ถกู กันไว้

ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีโทรศัพท์ ทีแห่งนีเลยดูคล้ ายเกาะร้ าง ผมเผลอหลับไปหลายครัง หูเงียฟั งเสียงเครืองยนต์ BMW


คันนันหายไป

แม่บ้านกลับออกไปในช่วงทีผมหลับ ลืมตาขึนมาอีกครัง ท้ องฟ้าก็เปลียนสี

เดินลงมาชันล่าง เห็นพีหมอกเงยหน้ าขึนมามอง ผมหยุดเดิน ยืนอยู่ทีบันได

“ทําไมไม่ยอมกินข้ าว”

พูดแล้ วก็หนั ไปทางอืน บนโต๊ ะ กับข้ าวพร้ อมแล้ ว พีหมอกไม่ได้ แตะต้ องมันสักนิด

“ผมไม่หิว”

“มานี”

คิดจะส่ายหัวตอบ แต่กลับเปลียนใจ เดินเข้ าไปหาแทน

นังลงทีเก้ าอีตรงข้ ามอย่างทีบอก พีหมอกเลือนจานเข้ ามาให้

บนโต๊ ะ มีกบั ข้ าวสองสามอย่าง ผมเห็นพวกมันแล้ วก็ได้ แต่ก้มหน้ า ความรู้ สกึ ทีบรรยายไม่ถกู วิงวนอยู่ในตัว

ของโปรดผมทังหมด

หยิบช้ อนส้ อมขึนมา รู้ สกึ ว่าถูกมองอยู่ แต่ยังไม่พร้ อมทีจะมองตอบ

กับข้ าวถูกตักลงในจานผม คงเพราะเห็นว่าไม่ยืนช้ อนออกมาสักที

“..เยอะไปแล้ ว”

“มึงไม่ยอมตักเอง”

“ก็ผมบอกแล้ วว่าผม-“
“มึงบอก แต่กไู ม่สน”

“…..”

เงยหน้ าขึนมอง พีหมอกตักกับข้ าวเข้ าจานตัวเองบ้ าง กินเงียบๆ

ผมจ้ องมองกับข้ าวทีอยู่ในจาน ผมไม่ได้ ดือหรือรู้สกึ ต่อต้ านอะไรทังนัน แค่ไม่อยากกินจริงๆ

“อย่าให้ กตู ้ องบังคับมึงนะ ตี”

“ผมบอกพีไปแล้ ว ว่าผมไม่หิว”

พีหมอกลุกขึนจากเก้ าอี เดินมาทางผม ผมเหนือยเกินกว่าจะลุกหนีไปไหน ไม่ร้ ูทําไม ตอนนี ต่อให้ นําท่วมหรือไฟ


ไหม้ ผมก็คิดว่าผมคงจะนังตรงนีต่อไป ไม่คิดทําอะไร

ช้ อนตักข้ าวจนพูน มีหมูแปะอยู่ประหลาดๆด้ านบน คงเพราะตักทีหลัง ดูไม่มนคงเสี


ั ยจนคิดว่าน่าจะหล่นลงมา
อีกไม่นาน เป็ นเรืองน่าแปลกใจทีว่า ตอนทีช้ อนนันมาอยู่ทีปากผม หมูยงั เกาะแน่นบนนัน

“อ้ าปาก”

แค่ได้ กินอาหาร ก็อยากอาเจียน ทังๆทีมันเป็ นของโปรดผมทังนัน

“มึงฟั งไม่ร้ ูเรืองหรือไง”

อ้ าปากออกช้ าๆ ริมฝี ปากแห้ งผาก ในคอแห้ งเป็ นผง

อาหารเข้ าไปในปาก ช้ อนถูกดึงออก พีหมอกกําลังจะตักคําต่อไป แต่ผมกลับรู้สกึ แย่เสียจนทนไม่ไหว โดนจ้ อง


เหมือนบังคับให้ เคียว

“อุก”

วิงออกไป พีหมอกไม่ทนั ได้ ตงตั ั วจึงจับผมไม่ทนั ดีแล้ วทีเป็ นแบบนัน วิงเข้ าไปในห้ องนํา อาเจียนอาหารออกมา
หมด ไม่นาน ก็ร้ ูสกึ ถึงมือทีลูบหลังอยู่ ผมไม่ได้ เงยหน้ าไปมอง ไม่มีแรงพอทีจะทําอะไรแบบนัน
เสียงนําดังขึน ผมเงยหน้ าขึนมา แก้ วนําถูกยืนมาให้ ดืม ผมดืมได้ แค่ไม่กีคําก็คืนไป

“ลุกไหวหรือเปล่า?”

ไม่รอคําตอบ ดึงแขนผมขึน เพราะผมเบาหรือพีหมอกแรงเยอะกันแน่นะ? ถึงถูกดึงขึนมาง่ายๆแบบนี

ล้ างหน้ าทีอ่างล้ างหน้ า รู้ สกึ ว่าอย่างน้ อยพีหมอกก็ดโู มโหน้ อยลง

มือจับเข้ าทีหน้ าผากผม ไม่มีไอร้ อนอะไร พีหมอกก็ละมือไป

“มึงเดินไม่ไหวหรอก ขึนมาสิ”

พูดแบบนันแล้ วก็ย่อตัวลง แผ่นหลังอยู่ข้างหน้ าผม เอนตัวเข้ าไปหา โอบมือไว้ รอบคอนันหลวมๆ ขาสองข้ างก็ถูก
ยกขึน ได้ กลินพีหมอกทีปนอยู่กบั กลินบุหรีชัดเจน แต่กลินนันไม่ได้ ฉนุ จนต้ องเบือนหน้ าหนี ผมทีไม่ชอบกลินบุหรี
ตอนนีเริมชิน รู้ สกึ กลินบุหรีนีเข้ ากับพีหมอกอย่างน่าแปลกใจ

ปวดหัว

นึกถึงหน้ าพีหมอกทีเห็นก่อนทีจะหันหลังแบกผมอย่างนี ทําให้ ร้ ูสกึ เหมือนต้ องพูดออกมา

“พี…”

“…..”

“ทําไมถึงทําหน้ าแบบนัน…”

“กูทําหน้ าแบบไหน?”

“….”

“บอกมาสิ”

“….ผมอยากให้ พียิมมากกว่า”

“มึงอยากให้ กยู ิม ทังๆทีกูอยากร้ องไห้ อย่างนันน่ะหรอ?”


ถึงห้ อง พีหมอกจะปล่อยขาผมลง โดยทีไม่ร้ ูตวั ผมกอดพีหมอกแน่นขึน

ได้ ยินเสียงถอนหายใจอย่างทีไม่ร้ ูจะทํายังไง สุดท้ าย พีหมอกก็นังลงกับเตียง

ผมกอดหลังพีหมอกทีดูกว้ างกว่าปกติในตอนนีไว้ แล้ วหลับไปทังอย่างนัน

………………………………………
……………………………..
……………………….

[B.N.23 : complete]
[24.11.55]

เขียนตอนนีไว้ สองเวอร์ ชนั

อีกอันช่างมันเถอะ

B.N.24

ข้ างเตียง สิงทีวางไว้ คือกล่องสีทีผมคุ้นตา กับสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่


อาหารเช้ าในถาดวางอยู่ถดั ไป ถึงจะไม่อยากกิน แต่ท้องร้ องไม่หยุด กินไปได้ แค่ครึงหนึง ก็ต้องวางชามลง ยอม
แพ้

ห้ องเงียบเชียบ ไม่ใช่แค่ห้องนีเท่านัน แต่เป็ นทังบ้ านทีเงียบกริบ ผมไม่เห็นแม้ แต่แม่บ้านทียังไม่เคยทักทาย

เอามือผลักหน้ าต่างทีบันไดเบาๆ จังหวะทีคิดว่าคงถูกล็อคไว้ บานหน้ าต่างก็เปิ ดออก ลมจากข้ างนอกพัดเข้ ามา


ผมตืนสาย แดดจึงแรงแสบตา มีไอร้ อนเข้ ามาด้ วย

เดินลงบันได ประตูทางออกอยู่ห่างอีกแค่ไม่กีก้ าว

ยืนมอง คิดว่าอาจจะเปิ ดออกไปได้ แต่ก็ตดั ใจแค่นนั หมุนตัวเดินกลับขึนไป

ดินสอยังไม่ถูกเหลา หยิบขึนมา เหลาด้ วยกบเหลาดินสอ น่าแปลกทีไม่ใช่คทั เตอร์ เปิ ดหน้ าสมุดออก วางลงกับ
เตียง ไม่ได้ จบั ดินสอแบบนีมาสักพักใหญ่ นึกถึงสิงทีอยากวาดออก แต่ยงั ไม่ชัดเจนพอทีจะร่ างเส้ นลงไปได้

ร่างเร็ วๆแค่สบิ นาที ก็วาดเต็มแผ่นแรก วางดินสอ นังมองซักพักก็ฉีกกระดาษออกมา หน้ ากระดาษใหม่ว่างเปล่า


ร่างภาพเดิมทับลงไป แต่เปลียนมุมมอง รู้ สกึ เหมือนยังไม่เข้ าใกล้ ภาพทีคิดไว้ สกั นิด

ฉีกแผ่นแล้ วแผ่นเล่า บางทีก็นกึ เสียดายว่าน่าจะลองวาดด้ านหลังดู สมุดมีแค่เล่มเดียว เผลอๆก็เทียง มีแต่


กระดาษเต็มพืน

วาดไม่ออก

ไอ้ เรืองแบบนีเคยเป็ นมาก่อน จะรู้ สกึ เหมือนตกนรกถ้ าใกล้ วนั เดตไลน์ แต่นี ทังๆทีมีภาพทีอยากวาดคิดอยู่ในหัว
แล้ ว แต่พอวาดไปได้ สว่ นหนึง ก็ไม่ร้ ู สกึ อยากวาดต่อ

ยืนดินสอออกไป นอนแผ่กบั เตียง ปิ ดตาลงหนึงข้ าง วัดระยะด้ วยดินสอแท่งนัน

ทังๆทีวาดรูปมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยคิดว่าได้ วาดสิงทีตัวเองต้ องการจริงๆลงไปเสียที ได้ แต่วาดตามสิงทีต้ อง


ทํา วาดตามสิงทีควรเป็ น

แล้ วจริงๆทีผมอยากจะวาดลงไป คืออะไรกันแน่?

เส้ นดินสอทีถูกลากยาว หยุดลง วาดเส้ นขมุกขมุยเหมือนยังตัดสินใจไม่ได้ ลงไปแทน


ฟุบหน้ าลงกับกระดาษ ได้ กลินเฉพาะตัวของกระดาษวาดรูปออกมา คิดถึง เหมือนได้ เจอเพือนเก่าทีไม่ได้ เจอมา
นาน

ถ้ าให้ สารภาพตามตรง ผมคงต้ องยอมรับว่าผมวาดรูปไม่เก่งเลยสักนิด ทีเอาตัวรอดมาได้ อาจคงเป็ นเพราะไอ


เดีย กับเส้ นบูดๆเบียวๆ ผสมด้ วยโชคนิดหน่อย

หลับตาลงสักพัก ก็ลมื ตาขึน คว้ าสมุด ดินสอลงไปทีชันล่าง ทะเลอยู่แค่ข้างหน้ านี แต่ผมไม่ได้ เปิ ดประตูออกไป
มองดูตอนนี มันใจแล้ วว่ามันไม่ถกู ล็อคเหมือนวันอืน ลากเก้ าอี เลือนจนแทบติดกับกระจก นังลง ยกเท้ าสอง
ข้ างขึนมาบนเก้ าอี วางสมุดพิงกับหัวเข่า

เส้ นทับกันจนกลายเป็ นสีดํา เส้ นเล็กๆหลายเส้ น สร้ างรูปร่ างขึนมา

ภาพทะเลเหมือนจะซ้ อนทับเข้ าไปในหัว ผมมองรูปทีตัวเองวาด มันไม่ใช่ภาพวิวทีมองอยู่ แต่กลับเป็ นภาพทีดูไม่


ออกว่าคืออะไร เป็ นแบบนีซําไปมาอยู่หลายแผ่น ผมฉีกหน้ ากระดาษออก ปล่อยมันทิงลงกับพืน แล้ ววาดรูปใหม่
ลงไป

ท้ องฟ้าสีเข้ มขึน

แม่บ้านเข้ ามาตอนกลางวัน ช่วงเวลาสันๆทีผมไม่ได้ สนใจ เข้ ามาเตรียมอาหารกลางวันแล้ วออกไป เธอไม่แม้ แต่


จะสบตาผม แต่นนไม่ั สําคัญ เมือทังหมดทีผมสนใจคือภาพทีวาดอยู่ ภาพทีไม่ร้ ูจะสืออะไรออกมา มันยุ่งเหยิง ไม่
เป็ นรูปทรง นังมองแล้ วก็ต้องฉีกทิง กระดาษแผ่นสุดท้ าย ปลิวออกจากมือของผม ลงไปทับกระดาษแผ่นอืน

เวลาผ่านไป จนถึงตอนนีต่อให้ เพ่งสายตามองดู ก็ไม่เห็นทะเลแล้ ว

ด้ านนอกมืดสนิท ไม่มีแสงไฟใดๆทีชายหาด มีเพียงโคมไฟรอบสวนทีติดขึนอัตโนมัติ เป็ นเวลาเดียวกันกับทีได้ ยิน


เสียงประตูเปิ ด

พีหมอกย่นหัวคิวทันทีทีเห็นหน้ าผม ปิ ดประตูลง ทําหน้ าเหมือนกําลังสับสนกับความคิดตัวเอง มองกระดาษทีอยู่


รอบตัวผม น่าจะเดาได้ ว่านังอยู่ตรงนีมานานเท่าไหร่แล้ ว

ยกนาฬิกาข้ อมือขึนมอง เหวียงกระเป๋ าถือลงกับโซฟา แล้ วทิงตัวลงนังตาม ผมนังมองเงียบๆ ไม่ร้ ูว่าควรจะพูด


อะไรออกไปในเวลานีหรือเปล่า

พีหมอกยกมือขึนปิ ดหน้ า ไม่เห็นว่าทําสีหน้ าแบบไหนอยู่ ก้ มลงมองกระดาษทีปลายเท้ าตัวเอง พิงหน้ าเข้ ากับเข่า


อีกข้ าง เขียกระดาษเบาๆ ส่งเสียงไม่ให้ ทีแห่งนีเงียบเกินไป
“…กูคิดว่ากลับมา คงไม่ได้ เห็นมึงแล้ ว แต่มงึ ก็ยังนังอยู่ตรงนี…”

“ทําไม…”

“ผมก็ไม่ร้ ูเหมือนกัน”

ตอบได้ แค่นนจริ
ั งๆ

อาหารเย็น เย็นชืดสมชือ ไม่ร้ ู ผ่านไปเท่าไหร่ ผมกับพีหมอกนังอยู่ทีตําแหน่งของตัวเอง จ้ องมองไปคนละทาง

หลับตาลง เปลียนตําแหน่งทีแก้ มพิงอยู่ รู้สกึ ถึงเสียงฝี เท้ าทีเดินเข้ ามาใกล้ ผมลืมตามอง เพราะก้ มหน้ าอยู่ เลย
เห็นกระจกสะท้ อนแค่สว่ นเดียว พีหมอกยืนอยู่ข้างหลัง ยืนมือออกมา คิดว่าในอีกไม่กีวินาทีข้างหน้ า ปลายนิว
นันอาจสัมผัสทีต้ นคอผม

เสียงออดดังขึน โดยทีไม่มีใครคิด

มือนันลดลง พีหมอกถอยเท้ าไป ผมเงยหน้ าขึน หันไปมองตอบเงียบ

อ้ าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ พดู มันออกมา หมุนตัว เดินไปตามเสียงออดทีกดรัวๆ

ได้ ยินเสียงโวยวายทีหน้ าบ้ าน ลุกขึนช้ าๆ ปวดขาไปเสียหมด คงเพราะนังหดขาอยู่ท่าเดิมทังวัน ประตูเปิ ดอยู่ ผม


เดินผ่านออกไป

อากาศข้ างนอก ลมแรงกว่าทีคิด เดินผ่านสวน เท้ าเปล่า รู้สกึ ถึงความเย็นของก้ อนหินทีเหยียบผ่าน

ได้ ยินเสียงทีคุ้นหู เร่งเท้ าออกไป

ท่าทางทียืนหลังโก่งๆ ทรงผมไม่ค้ นุ ตา สีนําตาลอ่อน ซอยสัน หูทียังเต็มไปด้ วยต่างหูเล็กใหญ่นนั แต่งตัวโดดเด่น


กว่าชาวบ้ าน ดูแค่นีก็ร้ ูว่าใคร

“พีฟิ น?”

“นันใคร กูไม่ร้ ูจัก”


พีฟิ นหันไปถามพีหมอกทียืนอยู่ข้างประตูรัว ดูเหมือนคนฟั งไม่คิดจะตอบคําถาม

“พีมาทําอะไรทีนีวะ?”

“…กูมารับมึงกลับบ้ าน”

“…..เฮียบอกให้ พีมารับผมหรอ?”

“ไม่ใช่เฮียมึงหรอก” มีรอยสักรอบข้ อมือเพิม ตอนนีพีฟิ นดูโตขึน ผมไม่ได้ เห็นหน้ าพีเขามาเกือบสองปี ได้ เจอใน
เวลานี เหนือความคาดหมายของผมไปเยอะ “คนนันต่างหาก ทีเรี ยกกูมารับมึง”

“…..”

พีหมอกหลบสายตาไปทางอืน

“ถ้ ามึงไม่รีบ อาจพลาดรถเทียวสุดท้ ายของคืนนีนะ”

“…..”

หันไปมองพีหมอก รอคําพูดอะไรสักอย่างให้ หลุดออกมา แต่ก็ไม่มี ตอบผมด้ วยไฟแช็คทีจุดขึนในความมืด บุหรี


ปล่อยควันลอยขึนไปในอากาศ แผ่วบาง แต่กลินชัดเจนจนผมแทบสําลักออกมา บางที อาจมีแค่ผมคนเดียว ที
รู้สกึ แบบนัน

“กูออกไปสูบบุหรีก่อนแล้ วกัน”

ไม่ใช่พีหมอก เป็ นพีฟิ นทีพูดออกมา

ปล่อยทิงเหลือแต่ความเงียบ

พีหมอกเดินออกไป ผมหันมองตาม ยืนมองจนแผ่นหลังนันหายไปกับความมืดของสวน ประตูรัวอยู่ห่างจากผม


ไม่ไกลนัก แต่กลับรู้ สกึ เหมือนผมมีแรงไม่มากพอทีจะเดินไปถึงทีตรงนัน

ขมวดคิว มองเท้ าตัวเอง ลมพัดแรงจนผมปลิววุ่นวาย ได้ กลินเกลือของทะเลทียังไม่เคยได้ ลงไปเล่นนํา

พีหมอกเดินกลับมาอีกครัง
ในมือถือรองเท้ าคู่หนึงออกมา เดินเข้ ามาใกล้ ควันบุหรี ถูกพัดไปในทางเดียวกับทีเส้ นผมนันปลิวตาม

ย่อตัวลงตรงหน้ า วางรองเท้ าคู่นนไว้


ั กบั พืน ดึงข้ อเท้ าของผมทียังยืออยู่ สอดลงไปในรองเท้ า เป็ นรองเท้ าของผม
ทีใส่มา ดูใหม่ขนึ อาจเป็ นเพราะถูกขัดมาแล้ ว ผมไม่สนว่าใครจะทํา เพราะมันไม่ได้ สําคัญเลย

มือทีจับอยู่ทีข้ อเท้ าผม ใช้ เวลานาน ก่อนจะปล่อยออกไป เลือนไปทีข้ อเท้ าอีกข้ าง สวมรองเท้ าให้ เหมือนเป็ นเด็ก
เล็กๆ ดีทีพีหมอกก้ มอยู่ หยดนําร่ วงจากตาผม ลงบนรองเท้ า ห่างจากมือพีหมอกไม่มาก ได้ ยินเสียงพูดเบาๆ

“ฝนตกหรือไง…”

อีกหยด ทีไม่ได้ มาจากตัวผม ร่วงลงไม่ห่างกัน ไหลรวมเป็ นหยดนําเล็กๆ กลิงตัวไปตามผิวรองเท้ า

“ตกสิ ตกแรงด้ วย”

ฝนคงพัดกระหนํา เสียจนพวกผมโงหน้ ากันไม่ขนึ

“บ้ านหลังนี เป็ นของขวัญชินเดียวทีแม่ได้ จากพ่อ กูร้ ู มึงชอบทะเล กูถงึ พามาทีนี คิดว่ามันอาจจะทําให้ เรืองดีขน”

มันไม่ได้ เป็ นแบบนัน

เราทังคู่ร้ ูดี

“คิดว่าคงจะเปลียนความคิดมึงได้ แต่มงึ ก็ยังเป็ นมึง ต่อให้ กจู ะเข้ มแข็งแค่ไหน ก็ไม่มีวนั ชนะมึงได้ ”

พูดแบบนันโดยทีไม่ยอมเงยหน้ าขึนมา

“ถ้ ายังฝื น บางทีทงกู


ั ทังมึง อาจจะก้ าวไปข้ างหน้ าไม่ได้ จริงๆ”

“….มันแปลว่าเลิกกันหรอ?”

“มึงต้ องการแบบนันหรือเปล่า”

“ผมแค่อยากให้ พีมีความสุข…ถ้ าเป็ นแบบนันได้ ก็คงจะดี”


เสียงถอนหายใจยาว ควันสีเทาลอยออกมา คล้ ายความหนักใจถูกปล่อยตามลม

“…มึงนีมันไม่เคยเข้ าใจอะไรเลยสินะ”

เพราะผมไม่เข้ าใจอะไรเลย เลยหวัง อยากให้ พีอธิบายให้ ผมฟั ง

แม้ แต่ในเวลาแบบนี ก็ยงั ไม่ยอมบอกเรืองทังหมดออกมา เก็บไว้ แค่คนเดียว ถ้ าผมอยู่ต่อไป สักวัน ปั ญหาทีอยู่


บนบ่าพีหมอกคงจะหนักจนแบกรับไว้ ไม่ไหว

เสียงผมออกไปแค่คําเดียว ก็ถกู เสียงอืนแทรก

“ขอโทษทีต้ องขัดจังหวะ..”

หันไปมองพีฟิ น เห็นรอยยิมทีอยู่บนหน้ านัน เหมือนยิมปลอบใจ

“ไปกันเถอะ”

พูดแค่นนแล้
ั วเดินไป หลังของพีฟิ น มองจากช่องว่างประตูรัวตรงนี ไม่เห็นแล้ ว ขาแข็งเสียจนคิดว่าจะเดินก้ าว
ต่อไปไม่ได้ แต่ทุกครังทีคิดแบบนี ก็จะเข้ าใกล้ ประตูบานนันมากขึนหนึงก้ าว

ไม่เห็นหน้ า

พีหมอกก้ มหน้ าตํา หยดนําอีกหยด ไม่ร้ ู ว่าเป็ นของใคร ร่วงหล่น ดูคล้ ายกับฝนจริ งๆ เงยหน้ าขึนมองท้ องฟ้า ไม่มี
ดาว แม้ แต่พระจันทร์ ยงั มาแค่เสียวเดียว ฝนอาจจะตกจริงๆก็ได้ แก้ มถึงได้ เปี ยกขนาดนีตอนเงยหน้ าขึน

มือพีหมอกผลักขาผม มือนันสัน ผมรู้ สกึ ได้

“ไปสิ”

เสียงนันเบาจนแทบไม่ได้ ยิน
…………………………………..
…………………………..

.............................
.......................................

“ตี เอาถาดนีไปอบให้ หน่อย”

“ครับๆ”

“อ่ะ เดียว เอาจานนีไปด้ วย”

“ครับ ครับ”

ยกจานทีเหลือแต่ฟรอยด์เข้ าไปหลังร้ าน ทีตรงนัน มีพีกิฟ พีสาวพีกวางอยู่อีกคน ผมยกถาดให้ พีเขาก็ยิม แล้ วยืน


มือมารับถาดไป

“เดียวผมเอาจานไปล้ างก่อนนะ”

“ขยันเกินไปหรือเปล่า?”

“ไม่หรอก ผมว่าง”

ได้ ยินเสียงหัวเราะตามมา

ร้ านเบเกอรี ร้ านเล็กๆ แต่อยู่ติดถนนใหญ่ มีลกู ค้ าไม่ขาด แต่ทีคิดว่าขาดจริงๆอาจเป็ นพนักงาน ผมเลยกลายเป็ น


หนุ่มฮ็อตของร้ านไปทันที

“อ้ าว พีโก้ มาอีกแล้ ว งานการไม่ทําหรอครับ?”


“แหม คุณตีครับ พูดจาสุภาพกับลูกค้ าจังนะครับ”

ไอ้ พีโก้ เซ็ตผมซะเป็ นหัวเกาลัด ดูเหมือนทุกคนยังถนอมนําใจพีโก้ อยู่มากโขจนไม่กล้ าพูดออกไปว่ามันไม่ได้


เหมาะเลย พักเทียงก็ลงมาหา ถัดไปไม่ไกลมีออฟฟิ ศของพีโก้ อยู่ มองผมได้ ซักสามนาที ก็หนั ไปมองพีกวางต่อ

“กวาง วันนีเราหิวจังเลย ไปกินข้ าวกลางวันกับเรานะ คืนนีเราต้ องทํางานเลิกดึก เราคิดถึง”

ก่อนหน้ านีเห็นแทนตัวเองว่าผม ไม่ร้ ูทําไมตอนนีกลายเป็ นคําว่าเรา ดูสยองพิลกึ

“ไม่ได้ หรอก ต้ องอยู่ทํางานสิ ถ้ าอยากกินอะไร ก็ออกไปซือกินเองแล้ วกัน”

“ใจร้ ายจังเบย”

ทําปากยืน ผมเห็นแบบนันก็อดแซวไม่ได้ “เบยพ่อง! ฮะฮ่าฮ่า”

พีกวางเดินวกกลับไปทีหลังร้ าน พีโก้ ยืนขวางแคชเชียร์ เลยโดนลูกค้ าสะกิด ผมทําหน้ าทีตังแต่เก็บเงิน เสริฟ เก็บ


จาน ล้ างจาน ถ้ าว่าง ก็จะมีโอกาสได้ อบเค้ ก แต่นอกจากนัน ทําไม่เป็ นซักกะอย่าง พีกวางบอกเสาร์ นีจะสอนทํา
มาการูน ผมจ้ องไอ้ ขนมชินเล็กๆทีอยู่ในตู้ ตอนกินมันง่าย แต่ไอ้ ทําน่ะ ไม่ได้ เหมือนอย่างทีเห็นสักนิด

“ขอบคุณครับ”

ยิมให้ ลกู ค้ า เธอเป็ นสาวออฟฟิ ศแถวนี อายุสีสิบกว่าแล้ ว ยังไม่ได้ แต่งงาน แต่ถึงอย่างนันก็ยงั แต่งตัวสวยทุกวัน
จะมาทีร้ านทุกวันพุธ เจอประจํา

“ยิมหวานเชียวนะ”

“ผมอัธยาศัยดีต่างหาก”

“….ยิมก็ดีแล้ วล่ะ”

ไอ้ พีโก้ ยิมมุมปาก พิงตู้โชว์เค้ ก คิดว่าเท่ แต่พอตู้เลือน ก็รีบเด้ งตัวออกมา ดึงตู้ มองซ้ ายขวา กลัวเมียจนตัวสัน
ผมเอามือช่วยดัน

“ผมไม่เป็ นไรหรอก”
“เป็ นแบบนันก็ดี”

ครึงปี ทีแล้ ว พีกวางคิดจะเปิ ดร้ านเบเกอรี แน่นอน ว่าพีโก้ สนับสนุนเต็มที มีพีสาวมาช่วย แต่คนก็ยงั น้ อยเกินไป

พีโก้ ขบั รถมาชวนผมถึงบ้ าน ไอ้ เรืองตอนนันน่ะช่างมันเถอะ แต่อย่างน้ อย ก็เปิ ดโอกาสให้ ผมได้ ทําสิงใหม่ๆ ทีผม
คิดว่ามันสนุกเป็ นบ้ า ถึงตอนนีผมก็ยงั วาดรูปอยู่ แต่แนวอาจเปลียนไปบ้ าง จากห้ อง ตึก บ้ าน เปลียนเป็ น
โปสการ์ ดใบเล็กๆ มันไม่ใช่ความคิดผมตอนแรก เป็ นพีกิฟท์ทีเห็นผมนังวาดรูปเค้ กอยู่ เลยออกปากชวน

“มีข่าวมาบอกน่ะ”

“ข่าว? ข่าวบันเทิง? ข่าวกีฬา? หรือข่าวพระราชสํานัก”

“ข่าวไอ้ หมอก”

“…….”

“ตอนนีน่ะ มันปลดพวกคณะกรรมการเก่าๆทีอยู่มานานออกไปหลายคน ได้ ยินมาว่าจะปรับโครงสร้ างบริษัท แต่


ทําแบบนี เผลอๆจะโดนพวกตาแก่ทีเหลือล็อบบี ถอดออกจากตําแหน่งเอา ถึงจะกว้ านซือหุ้นมาก่อนหน้ านีแล้ วก็
เถอะ”

“…อืม”

“เห็นว่าทีผ่านมาก็พยายามจะขุดเรืองพวกทีโดนเด้ งมาตลอด ไอ้ แท็บเล็ตตัวก่อนหน้ านีทีภาพหลุดออกไปก่อน ก็


มาจากพวกนีทังนัน พวกนันเป็ นตัวร้ ายก็จริง แต่ในโลกเรา ก็ใช่ว่าพระเอกจะอยู่ได้ จนจบ”

“พี แป็ ปนะ เดียวค่อยคุยต่อ สวัสดีครับ”

เดินออกมาข้ างหน้ าเคาน์เตอร์ ยิมให้ กบั เด็กทีจูงมือแม่มา “ไปเลือกเค้ กก่อนไหม?” “ครับ!” แม่นงลงกั
ั บเก้ าอี
ปล่อยให้ เด็กไปกับผม สังสีก้ อนติด จนคนเป็ นแม่ทนไม่ไหว ต้ องออกมาเลือกเองจนได้

ใกล้ หมดเวลาพักของพนักงานบริษัท แต่ลกู ค้ าก็ยังไม่ลดลง ทํางานเต็มเวลา ผมไม่ได้ เป็ นแค่พนักงานในร้ านนี


เป็ นเจ้ าของร้ านนีส่วนหนึง เลยอยากทําให้ เต็มที

พีกิฟถูกผู้ชายจีบอีกแล้ ว ทีไม่ค่อยมีใครมาขายผลิตภัณฑ์หงุ ต้ มกับพีกวางเท่าไหร่คงเป็ นเพราะพีโก้ กร่างไว้ เยอะ


ลูกค้ าบางตาลงก็ตอนบ่ายสอง พีโก้ ยงั ไม่ไปไหน คุยกับพีกวางไม่หยุด ทําอย่างกับพึงจีบกัน

ผมเดินออกมาส่งพีโก้ ทีหน้ าร้ าน จะออกมาลบป้ายกระดานดําทีหน้ าร้ านด้ วย มัฟฟิ น เมนูพิเศษวันนี หมดตังแต่


ครึงวัน ลูกค้ าเข้ ามาถามคงเสียเวลาเปล่า

“ตี”

“ครับ”

“บางที สิงทีตีคิดตอนนัน อาจจะถูกแล้ วก็ได้ ”

“…เรืองไหน?”

“ถ้ ายังคบกันอยู่ หมอกอาจจะ แค่อาจจะนะ อาจจะไม่ได้ อยู่ในตําแหน่งนานจนถึงตอนนี แค่นีก็นานเกินกว่าใคร


ทํานายไว้ แล้ ว”

“…..”

ทีถนน คนเดินผ่านไปมา ไม่มีใครสนใจเราสองคนสักนิด เป็ นเพียงแค่คนธรรมดา ในเมืองใหญ่ๆ บทบาทเล็กๆที


เราดําเนินไป แทบไม่มีใครรู้ สกึ

ต่างกัน

ผมต่างกันกับคนๆนัน บางทีอาจจะมากเกินไปหน่อย

ผมเปลียนเบอร์ โทรศัพท์ ถึงจะพูดแบบนัน แต่อีกฝ่ ายก็เปลียน เราไม่เคยติดต่อกันอีก จนถึงทุกวันนี ผมก็คง


อาจจะเห็นบ้ าง ถ้ ามีโอกาสได้ ดขู ่าว ยังคงเป็ นคนดัง ข่าวฉาว ข่าวดี หรือไอ้ เรืองทีเป็ นไอดอลของวัยรุ่นนันน่ะ ถ้ า
ไม่ได้ เปิ ดทีวีหรืออ่านหนังสือซุบซิบ ผมก็ไม่มีทางรู้เลย

นีเป็ นครังแรกในรอบหลายเดือน ทีมีใครบางคนพูดชือของเขาออกมาชัดๆขนาดนีกับผม

“เดียว พีโก้ อย่าพึงไป”

“หืม?”
ทังๆทีเดินออกไปแล้ ว แต่พอได้ ยินเสียงผมเรียก ก็หยุดเท้ า วิงเข้ าไปในร้ าน หยิบกล่องกระดาษ ตักเค้ กชินเล็กๆ
วางลงไป ใส่ถงุ แล้ ววิงกลับออกมา ยืนถุงนันให้ พีโก้ เลิกคิว แต่ก็รับไป

“เค้ กนี ผมอบเองเลย”

“ไว้ แต่งหน้ าเค้ กเองค่อยมาอวดเหอะ ไอ้ เด็กน้ อย”

“ล้ างปากรอไว้ เลย อีกไม่นานหรอก”

พีโก้ ยกถุงขึนชู เดินหันหลังออกไป เท่ซะไม่มีเหลือ ผมได้ แต่หวั เราะ

ไอ้ เคิลไปแคนาดาแล้ ว สัปดาห์ก่อนพึงส่งรูปมา เป็ นรูปทีสามตังแต่ไปอยู่ทีนันทีพวกเราได้ รับ ยิมอยู่กบั สาวผมบ


ลอนด์ ตอนแรกเข้ าใจไปไกล ทีแท้ ก็แค่ลกู พีลูกน้ อง พวกผมเกือบตัวเต้ นด้ วยความอิจฉา

ถ้ ามันจะเป็ นแบบนันล่ะนะ

ไอ้ โจ๋ ขยันทํางาน ได้ เลือนขึนอย่างรวดเร็ว ต่างจากไอ้ กล้ วย ทีเข้ าทํางานสายหวิดใบแดงมาหลายรอบ ยังทําตัว
น่าหวาดเสียวแบบนีตังแต่เรียนยังทํางาน ติดลึกยิงกว่าสันดาน แก้ ยงั ไงก็ไม่หาย ได้ แต่พกเอาความกลุ้มใจมานัง
คุยในวงเหล้ า ผลทีได้ คือการตืนเทียงในวันถัดไป

กลับไปสูช่ ีวิตราบเรียบปกติ บางครังได้ แต่หวังว่าวันพรุ่งนีอาจมีเรืองน่าตืนเต้ นอะไรเกิดขึนบ้ าง ซึงมันก็มี’บ้ าง’


จริงๆ อย่างตอนทีต้ องวิงตามลูกค้ าทีลืมจ่ายเงิน ทําจานเค้ กควําตอนเสริฟ หรือตอนทีแก้ วนําตกแตก

ม๊ าดูจะชอบงานใหม่ผมมากกว่า กลับบ้ านเป็ นเวลา ไม่มีทํางานข้ ามคืน ไม่ได้ หลับไม่ได้ นอน เฮียก็ปลืมทีจะได้
กินเค้ กฟรี อ้ วนเอาอ้ วนเอา จนพุงกลับมาเป็ นเหมือนเดิม

เห็นเฮียแล้ วก็อดนึกสงสัยไม่ได้

พีฟิ นหลบหน้ าเฮีย

วันนัน พีฟิ นไม่เดินเฉียดเข้ าตัวบ้ าน บอกแค่ว่า “กูเข้ าไปไม่ได้ หรอก พระบ้ านมึงแรง” แล้ วก็เดินหายไปเงียบๆ
จนถึงตอนนี ต่อให้ จะพยายามติดต่อแค่ไหน ก็ไร้ ประโยชน์

ร้ านทีกําลังจะปิ ด ไฟดวงสุดท้ าย อยู่เหนือโต๊ ะทีกลางร้ าน


โทรศัพท์ในร้ านดังขึน พีกวางรีบออกมารับ ผมมองพีกวางทีมองหันซ้ ายหันขวา เลยยืนกระดาษให้ เธอคว้ า
ปากกาจากอีกฝั ง จดลงไป

“ค่ะ เท่าเดิม ทีเดิมนะคะ เดียวไปส่งให้ ค่ะ”

วางสาย เห็นผมมองอยู่ ก็รีบอธิบายให้ ฟัง

“ลูกค้ าโทรมาสังเค้ กน่ะ”

“โทรสังดึกจัง”

“สังเวลานีเกือบทุกวันนันแหละ ปกติตีกลับเร็ว อยู่ไม่ทนั ลูกค้ าคนนี พีก็ไม่ได้ บอกให้ ฟังด้ วย โทษทีนะ”

ยีสิบชิน สังทุกวัน สังไปเลียงช้ างทีไหนวะเนีย?

“ตี พีวานอะไรหน่อยสิ”

แบกกระเป๋ าขึนหลัง กําลังจะเดินออกจากร้ านก็ถกู เรียกไว้

“วันนีโก้ เขาไม่วางไปส่งพร้ อมพี ทางนันเป็ นทางกลับบ้ านตี พีฝากไปด้ วยเลยได้ ไหม?”

“ได้ ครับ ไม่มีปัญหา จดทีอยู่มาให้ ผม เดียวผมไปเอง”

เธอยิม แค่เห็นรอยยิมนีก็เข้ าใจว่าทําไมพีโก้ ถึงเรืองแต่งงานกับผู้หญิงคนนี

ยกถุงเค้ กอย่างระมัดระวัง ปากคาบกระดาษทีอยู่ไว้ กวักมือเรี ยกแท็กซีตังแต่หน้ าร้ าน ตอนกลางวันถนนแถวนี


พลุกพล่าน ตอนกลางคืนกลับเงียบกริบ ให้ พีกวางพีกิฟท์ รีบกลับบ้ านน่ะดีแล้ ว ดึกๆอันตราย

วางถุงเค้ กเข้ าไปก่อนแล้ วยืนกระดาษทีอยู่ในพีแท็กซี รถขับออกไป กระดาษแผ่นนันไม่ได้ ถกู ส่งคืนให้ ผม พีแท็ก


พับแล้ วเสียบมันไว้ ตรงเกียร์

สโลนแกนร้ านส่งฟรี จึงได้ แต่ขอให้ รถไม่ติด

โชคเข้ าข้ างผม แค่สบิ นาทีก็ถึง เห็นตึกแล้ วก็ได้ แต่ยืนหน้ าไปถาม “ตรงนีจริงๆหรอครับ” ตึกสูง แต่ไฟยังเปิ ดสว่าง
จ้ า ผมจําได้ ทีพีกวางบอก “ชันยีสิบสี” ปลายทางของผม
“จริงสิ อ่ะ ดูนี”

กางกระดาษแผ่นนันให้ ผมดู

ดีครับดี ถ้ าจะบังเอิญขนาดนี

ผมเดินลงจากแท็กซี เค้ กอยู่ในมือสองข้ าง ไม่มีทางอืน นอกจากเดินเข้ าไป

ผ่านป้ายหินอ่อนแผ่นใหญ่ทีติดไฟสีอ่อน ดูคล้ ายกับป้ายหน้ าโรงแรมหรูๆสักแห่ง

‘T.K.Group’

……………………………………..
………………………..

[B.N.24 : complete]
[25.11.55]

หลุดออกมาหายใจ เฮ้ ออ

B.N.25
ลมพัดวูบใหญ่ ทรงผมทีตัดมาใหม่สนั เป็ นทรงผมทีเจ๊ เจ้ าของร้ านคะยันคะยอให้ ตดั บอกว่าอยากลองทรงผม
เกาหลีใหม่ๆ ได้ ราคาพิเศษมา หน้ ามาไม่ปรกลงมา ต่อให้ ลมแรงแค่ไหน ผมก็ไม่ปรกเข้ าตา รู้ สกึ ดีอย่างบอกไม่
ถูก

ยกถุงเค้ กสองถุง เดินขึนบันไดไป ยังไม่ได้ เข้ าไปในตัวตึก เห็นรปภ.ยืนอยู่ไม่ห่างนัก พอเห็นผมจ้ อง ก็หนั กลับมา
มอง เดินมองซ้ ายมองขวาเข้ าไปหา พีแกหลบสายตา เลยแกล้ งไอเบาๆ ให้ ปลายสายตานันกลับมา

“พีครับ รบกวนหน่อยนะครับ คือ ผมมาส่งเค้ กครับพี—“

“งันเข้ าไปเลย แต่ต้องแลกบัตรประชาชนนะ”

“เอ่อ ไม่ใช่แบบนันครับ คือตอนนีผมรีบม้ าก---มาก ฝากพีเอาขึนไปส่งหน่อยได้ ไหมครับ?”

“อ้ าว ทําไมน้ องไปขึนเองล่ะ พีก็ต้องทํางานตรงนีเหมือนกัน”

“เดียวผมยืนเฝ้าตรงนีให้ แลกงานกันแป็ ปนึง”

“….แต่….”

“ร้ อยนึง”

“มา ส่งถุงมา”

ถึงจะเสียดายค่าส่งทีถูกขูดรี ด พยักหน้ าอย่างลังเล ถุงเค้ กก็ถกู ดึงออกไป

“ชัน 24 นะพี”

พียามขมวดคิว จ้ องมองถุงเค้ กสลับกับหน้ าผมรอบหนึง แม้ จะยังดูสงสัย แต่ก็พดู ตอบกลับเบาๆ

“เออๆ ได้ ”

มองแผ่นหลังพียามทีหายเข้ าไปในประตูบานเลือนอัตโนมัติ รู้สกึ หายใจไม่ทวท้


ั องสักนิด
………………………………….
……………………….

“ขอโทษจริงๆนะตี”

“ไม่เป็ นไรครับ ผมเข้ าใจ”

พีกิฟท์แขนหัก ตกบันไดเมือคืน สาเหตุคลุมเครือ แต่ไม่กล้ าพอทีจะถามต่อ วันนีงานส่วนทีพีกิฟท์ทํา จึงต้ องแบ่ง


กันระหว่างผมกับพีกวาง

ทํางานจนดึก พร้ อมปิ ดร้ าน นังกันอยู่ทีโต๊ ะตัวเดิม พีกิฟท์ใช้ มือซ้ ายทํางาน ไม่ถนัด พีกวางจึงเข้ าไปช่วย ยก
กระเป๋ าผมทีวางบนเก้ าอีตัวนันออก เห็นของในกระเป๋ าก็หนั มาถาม

“พีเปิ ดดูได้ ไหม?”

ยืนหน้ าจากหลังครัวออกมามอง เห็นพีกวางชูสมุดวาดเขียน ผมพยักหน้ า “แต่อาจไม่ค่อยสวยนะ ผมกําลังลอง


แบบใหม่อยู่”

ได้ ยินเสียง “ว้ าว” เบาๆ ทําเป็ นไม่ได้ ยิน แอบยิมอยู่คนเดียว ตอนดันถาดเข้ าไปในตู้

“พีขอถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับ?”

“….ตีไม่กลับไปเป็ นสถาปั ตย์ ต่อแล้ วหรอ?”

เงียบไปพักใหญ่ เสียงแอร์ เบาๆ ไฟสีส้มอ่อน ทําให้ ร้านเค้ กนีดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถกู พีกวางไม่ใช่คนแปลกหน้ า


ถือว่าเป็ นคนทีผมต้ องขอบคุณด้ วยซํา ยกเก้ าอีขึนพลิกแล้ ววางบนโต๊ ะ เห็นเงาของสองคนนันผ่านกระจกร้ าน
ด้ านนอกมืด เลยดูคล้ ายกระจกสะท้ อน

“ผมว่าผมก็ยงั เป็ นอยู่นะ แต่อาจจะแค่พกั งาน ตอนนีผมกําลังชอบเค้ กพวกนีเลย ใครจะไปคิดว่าไอ้ ทีกินอยู่ทกุ วัน
จะทํายากแบบนี”

พีกวางไม่ได้ ตอบอะไรกลับ ผมเดินออกไปหยิบสมุดบัญชี ยืนให้ ถงึ โต๊ ะ ก็เจอรอยยิมทีแปลความหมายไม่ออกอยู่


“อย่ายิมหวานให้ ผมนะ เดียวผมจะกลายเป็ นมือทีสามเอา”

“ถ้ าเป็ นตี พีอาจจะลองคิดดูนะ”

“อย่าเลยพี ผมกลัวพีโก้ ตะปบเอา” ได้ ยินเสียงหัวเราะจากพีกิฟท์ หัวเราะคิกคัก พีกวางรีบพูดต่อ

“พีกิฟท์ก็ยงั ว่างนะ”

“ครับ?”

“กวาง ไม่เอาน่า”

ไม่เข้ าใจว่าสาวๆเล่นอะไรกัน ได้ แต่ทําหน้ างง เอาขยะออกไปทิง กลับเข้ ามาก็เห็นพีกวางรับโทรศัพท์อยู่ ในเวลา


แบบนี มองนาฬิกาไม้ ทีพอเทียงวันจะมีนกบินออกมาจากเหนือแป้นนาฬิกานัน สีทุ่มครึง เดาปลายสายได้

“ตี ไปส่งให้ พีหน่อยสิ”

“เจ้ าเดิม?”

“ใช่ จําได้ ใช่ไหม?”

เงียบไปสักพักจนพีกวางเอียงคอมอง เลยได้ แต่พยักหน้ าช้ าๆ

“คืนนีพีคงต้ องไปนอนดูแลพีกิฟท์ ….เฮ้ อ ซุ่มซ่ามแบบนีรีบๆหาคนมาดูแลสักทีเถอะ”

“เงียบไปเลยกวาง!”

“กวางแค่พดู เล่นเฉยๆเอง พีกิฟท์จะร้ อนตัวทําไม?”

เห็นพีกิฟท์อมลมจนแก้ มป่ อง คิดจะแซวอะไรออกไป ก็ถกู พีกวางดึงแขนเสือ มาช่วยหยิบเค้ กใส่ถุง

“ลูกค้ าได้ บอกชือไว้ หรือเปล่าพี ผมอยากรู้จริง ใครมันจะสังดึกขนาดนี ไม่อ้วนตายหรือไง?”

“พีว่าไม่น่าใช่ เป็ นเสียงผู้หญิง ออกสําเนียงภาษาอังกฤษชัดสุดๆ ตอนแรกนึกว่าฝรัง” ผมนึก ใครกันวะ ไม่เห็นจะ


มีในตัวเลือกสักคน บางทีอาจจะไม่ใช่คนทีรู้จกั ไม่น่าใช่อยู่แล้ ว “สังเยอะขนาดนีคงกินกันทังแผนก” แต่ละวัน จะ
สังแตกต่างเมนูกนั ไป แต่ทียังไม่เปลียนคือเค้ ก Double chocolate cake ทีต้ องมีอย่างน้ อยหนึงชิน

นึกถึง….ไม่ ผมไม่ได้ นกึ ถึงใคร พีกวางสะกิดแขน ผมยืนมือไปรับถุงเค้ กใหญ่ๆนัน

“ฝากไปส่งด้ วยนะจ๊ ะ”

เห็นรอยยิมนันแล้ ว ผมก็กลืนนําลายทีฝื ดคอลงไป

…………………………….
………………………..

ไม่น่าเชือว่าวันนีเป็ นวันทีสิบแล้ วทีผมมาส่งเค้ ก แต่นีเป็ นครังแรกทีพียามส่ายหัวตอบ

“ไม่ได้ หรอกน้ อง หัวหน้ าพีบ่นแล้ ว”

“อีกครังเดียวเอง จริ งๆ”

“เมือวานน้ องก็พดู แบบนี ขึนไปเลย เดียวพีไปส่งพีลิฟท์ ”

เดินตามเข้ าไป รู้ สกึ เหมือนขึนเขียง

ผมไม่เคยเข้ ามาในตึกนี เห็นบางครังตอนนังรถเมล์ผ่าน ได้ แต่แหงนคอมองดูยอดตึก ถึงภาพลักษณ์จะหรูหรา แต่


ถ้ าเป็ นตอนกลางวันก็จะมีมนุษย์เงินเดือนเดินหิวโหย พุ่งมาร้ านยํารถเข็นสุดฮิต ถัดออกไปอีกสองบล็อกถนน มี
ตลาดนัดไซส์มินิอยู่ แน่นหนาตลอด จึงไม่เคยรู้ มาก่อนว่าในตึกนีจะมีอณ ุ หภูมิทีแสนจะหนาวเหน็บ พ่นแอร์ ชนิด
ทีว่าไม่ร้ ูจกั วิกฤตการณ์โลกร้ อน พืนหินอ่อน แต่แข็งโป้กจนได้ ยินเสียงพืนรองเท้ าส้ นสูงของสาวๆทีเดินหน้ าเซ็ง
ดึกแบบนียังต้ องทํางาน ไม่ว่าใครก็คงจะเบือ

ในลิฟท์ กระจกสามด้ าน ประตูลฟิ ท์ถ้าขัดมันกว่านี คงจะกลายเป็ นกระจกสีมุม กล้ องวงจรปิ ดทีผนังบนซ้ าย เงย
หน้ าขึนมอง นึกถึงหน้ าคนทีกําลังมองตอบอีกฝาก คงจะเป็ นหัวหน้ ายามทีถูกพูดถึง

ชัน 24 ไม่ใช่ชนสู
ั งสุด เสียงดังกิง ประตูลฟิ ท์เปิ ด ทางเดินยาว ตรงไปทีห้ องสุดปลายทางเดิน สองข้ างทางเป็ น
ห้ องประชุม ถ้ าให้ ผมเดา พียามไม่ยอมออกมา ส่ายหน้ า ถึงจะลากแขนก็ยงั เกาะแน่น บอก “ชันนีพีไม่เคยมา”
แล้ วหน้ าอย่างผมพีคิดว่าเคย? อย่าครับ อย่าปฏิเสธผม พียามสลัดมือผมออกแล้ วผลักผมออกมาเบาๆ ประตู
ลิฟท์ปิดทันที

เหมือนโดนทิงไว้ คนเดียว

ไม่ได้ ยินเสียงใคร เรี ยกเบาๆ “ขอโทษนะครับ” เสียงก้ องไปมา ตอนนีใครก็ได้ ตอบผมสักคนก็ยงั ดี

สงสัยว่าปกติเค้ กเดินทางมาถึงชันนีได้ ยังไง เดินไปอีกก้ าว ก้ าวแล้ วก้ าวเล่า ก็ยงั ไม่ไปถึงห้ องตรงปลายทางซักที
ผมไม่ร้ ูหรอกว่าห้ องสุดทางเดินใช้ จดุ หมายของผมหรือเปล่า แต่ตอนนี ถ้ าผมเจอใครสักคนเข้ าล่ะก็ ผมจะยัดเค้ ก
สองถุงนีให้ อย่างไม่ลงั เล

เปิ ดประตูกระจกสุดทางเดินเข้ าไป ห้ องกว้ างทีมีสองโต๊ ะตังตรงข้ ามกัน กระดาษไหลลงมาจนถึงพืน เห็นวิวพืน


ข้ างล่างผ่านกระจกทีสูงเกือบเท่าคนยืน ชันหนังสือ กรอบรูป มองดู ไม่เห็นอะไรนอกจากรูปตึกๆนีกับโรงงานอีก
สองสามแห่ง ผู้ก่อตังบริษัท โน๊ ตบุ๊ค จอคอมพิวเตอร์ อย่างตําสีจอ ทําให้ ร้ ู สกึ เหมือนเหยียบเข้ ามาในห้ องทํางาน
ขององค์กรลับ ตบแต่งห้ องทีกว้ างอยู่แล้ ว ให้ ดูกว้ างอีกจนดูวงั เวง

มีประตูไม้ ทบึ อีกบาน ลึกไปอีก ทียังไม่ถูกเปิ ด

เริมระแคะระคายในระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทนี คนแปลกหน้ าเดินโต๋เต๋มาจนถึงห้ องชันสูงขนาดนี


แล้ ว ยังไม่มีใครสนใจสักคน

หน้ าห้ องเขียนตําแหน่งไว้ ผมไม่ได้ ยืนใกล้ พอทีจะอ่านตัวอักษรสีเงินนันเห็น คงต้ องเลือกแล้ วว่าจะวางทีโต๊ ะไหน
สักโต๊ ะ เดินเข้ าไปทางโต๊ ะทีใกล้ เท้ ามากกว่า กองแฟ้มวางกะเทเร่ ถ้ าลองวางอะไรผิดแรงทางฟิ สิกส์ลงไปอีกชิน
คงได้ ล้มโครม

“ขอโทษครับ”

“ครับ?”

“อ้ าว”

แค่นนที
ั หลุดออกมา

“ผ..ผมเอาเค้ กมาส่งนะครับ”
พีแพน ใช่ ผมจําได้ ทําหน้ าไม่ถกู ตอนทีเห็นผมอยู่ทีนี มองถุงเค้ กทีถืออยู่ “อ่อ”

ไม่มีคําพูดอะไรออกมาอีก ไม่มีคําทักทาย กลายเป็ นแค่คนไม่ร้ ูจักกัน

“งันผมไปแล้ วนะครับ ขอบคุณมากครับ”

“…..”

แทบจะวิงออกจากตรงนัน

กดลิฟท์ รอไม่นาน เหมือนมีลฟิ ท์ สว่ นตัวของชันนี วิงลงไปถึงชันหนึงอย่างรวดเร็ว

หัวใจแทบจะระเบิดออกมา

นีไม่ใช่แม้ แต่เขาคนนันด้ วยซํา แค่เห็นสถานทีทีเขาต้ องมาทํางานทุกวัน คนทีอยู่รอบๆตัว แค่นี ก็เล่นเอาตัวสัน


นึกไม่ออกว่าถ้ าเจอกันตรงๆ ผมจะทําตัวยังไง หัวตอนนันคงจะว่างเปล่า หยุดการทํางานลงดือๆ

ประตูลฟิ ท์เปิ ดทีชันล่างสุด มองซ้ ายขวา เห็นพียามทียังยืนรออย่างเป็ นห่วง “ไง โอเคไหม?”

“โอเค?”

“ไม่เจอใช่ไหม? พายุบนนันนะ”

“พายุ?”

“ท่านประธานไง ใครๆก็ร้ ู เวลาทํางาน ถ้ ารักตัวกลัวตายอย่าเฉียดเข้ าไปใกล้ ”

“…ผมไม่เจอ”

ถอนหายใจ ยิมแล้ วตบไหล่ให้ ผม “ดีแล้ วๆ โชคดีชะมัด ปกติจะฝากพีคนสวยคนนันไป แต่วนั ก่อน..เฮ้ อ ช่างมัน


เถอะ เป็ นแค่ยามก็โดนสาวออฟฟิ ศอกหักอย่างนีแหละ”

ตบไหล่คืน “ไม่เป็ นไรพี ผมเข้ าใจ” หรอ เข้ าใจหรอ? พยักหน้ าตอบกลับอีก “ผมกลับแล้ วนะ” ออกมายืนโบกมือ
ลาจนถึงตอนทีผมเดินไปป้ายรถเมล์ มองจากข้ างนอกแบบนี จะเห็นว่าไฟบางชันปิ ดไปแล้ ว แต่ชนที ั นับลงมาจาก
บนสุดสองชัน ยังเปิ ดไฟสว่าง และคิดว่าคงจะเปิ ดแบบนีทังคืน
รถเมล์ เปิ ดเพลงลูกทุ่งอกหักเสียงดังลันจนกระเป๋ ารถเมล์ต้องตะโกนคุยกับคนขับ รถเอียงไปมา เอาเท้ ายันพืนไม้
ไว้ ดูไม่น่าไว้ ใจจนเหมือนจะหักลงไป แทบไม่มีคนบนนี นานๆทีจะมีคนโบกขึนมา

มองเห็นแค่ปลายผมตัวเองในบานกระจกทีดึงลงมาไม่ได้

……………………………….
………………………

“ตี”

“ไม่ ไม่ครับ อย่ามาอ้ อน”

“นะ”

“พีให้ พีโก้ ขบั ไปส่งดิ”

“โก้ คืนนีมีติดเลียงลูกค้ า”

เป็ นวิศวะมีงานเลียงลูกค้ าอะไรกันวะ? ขมวดคิวนึก นึกไม่ออก พีกวางเขย่าแขนผม มองนาฬิกา เวลาเดิมเป๊ ะ

“นะ นะ ตีนะ”

“ผมไม่อยากไป”

“ทําไม? บอกมาสิ ถ้ าฟั งขึนค่อยว่ากัน”

“ตียังทํางานไม่เสร็จ”

“งานอะไร?”

ดึงสมุดวาดรูปออกมาจากกระเป๋ า พีกวางยังดูงงๆ เลยอธิบายต่อ


“ผมเรียนวาดรูปกับรุ่นพีอยู่”

“แล้ ว…”

“ต้ องทํางานไปส่งทุกวันเสาร์ แต่ช่วงนีงานเยอะขึนเพราะพีกิฟท์แขนยังไม่หายดี ผมเลยไม่มีเวลาวาด ฟั งขึนไหม


ครับ?”

“แต่ก็แค่ไปส่งแป็ ปเดียวเอง”

“….”

อย่ามาทําสายตาแบบนันกับผม

พีก็แค่ตาโต น่ารัก ริมฝี ปากสีชมพูบลิงค์ๆ เพราะฉะนัน ใช้ กบั ผมไม่ได้ หรอก

“ครังสุดท้ ายแล้ วนะ”

“ได้ เลย คราวหน้ าเดียวพีกับโก้ ไปเอง”

เป็ นเหมือนหนังฉายซํา ลิฟท์เปิ ดทีชันเดิม เวลาเดิม เงียบวังเวงเหมือนเดิม

ผมรี บเดินเข้ าไป รู้แล้ วว่าต้ องวางของตรงไหนยังไง บรรยากาศเงียบกริบสิงสู่ชนนี


ั ดูเหมือนจะเป็ นเวลาประชุม
รอบดึก ถ้ าจะขยันทํางานรับอาเซียนกันขนาดนี มารับถ้ วยรางวัลกับผมเลยครับ

วันนี โต๊ ะตัวทีใช้ วางของจิปาถะเป็ นประจํา ดันมีของวางกองอยู่กนั ทีเต็มไปหมด ใช้ ถงุ เขียกระดาษพวกนันไป
ทางซ้ าย ทางขวา ให้ ทีมากพอจะวางได้ ห้ องนีผมล่ะสงสัยจริงๆ เคยมีคนมาเคลียร์ ของจัดให้ เป็ นระเบียบบ้ างหรือ
เปล่า มันสมควรจะเป็ นระเบียบกว่านีหน่อย ถ้ าจะให้ หาเอกสารอะไรได้ ง่าย—

โครม

เพราะมองแต่รอบห้ อง เลยไม่เห็นว่าแฟ้มทีวางสุมอยู่ทางด้ านขวามือของโต๊ ะล้ มระนาวลงไปแล้ ว ไม่ต้องสงสัย


ปลายถุงเค้ กยังดันแฟ้มทีเขียไอ้ เจ้ ากองนันล่มสลายอยู่ชดั ๆ

ปล่อยมือออกจากถุงเค้ กเมือคิดว่ามันไม่ล้มแน่ ย่อตัวลง กวาดแฟ้มเข้ าหาตัว พยายามจัดเป็ นตังๆ ขึนไปวางเรียง


ก่อนหน้ านีมันวางสุมลงไปได้ ไงวะ พอผมจัดแฟ้มแบบนีแล้ ว ดูเป็ นระเบียบขึนเยอะ แต่ไหงกลับทรงตัวคาน
นําหนักกันไม่อยู่ ตกลงมากันอีก ฟิ สิกส์ทําDให้ ม๊าดูอย่างผม จนปั ญญาจะหาคําตอบ

ก้ มลงเก็บรอบสอง ดึงแฟ้มทีอยู่ไกลตัวสุดเข้ ามา ก็ได้ ยินเสียงเท้ าอยู่ข้างหลัง ผมหยุดมือ เงาของอีกฝ่ ายทาบลง


มา เห็นเป็ นเงาอยู่ตรงพืนข้ างหน้ าผม

ผมไม่ได้ หนั ไปมอง

“ขอ ขอโทษครับ ผมมะ ไม่ได้ ตงใจทํ


ั าของตก”

“คุณเป็ นใครน่ะ?”

ได้ ยินเสียงผู้หญิงเลยหันไปมอง

พีมินท์…

โว้ ย ผมไม่ได้ อยากจําเลย เพราะเขาไม่ได้ เกียวข้ องกับผมอีกแล้ วซักนิด แต่สมองก็ยังจะจําอยู่นนั

“…Lemme think…จําไม่ได้ แล้ ว ชืออะไรน่ะ? เหมือนเคยเจอกันมาก่อน”

ลุกขึนจากพืน เธอดูเปลียนไปนิดหน่อย การแต่งตัวสบายๆชิคๆไม่เหมือนมาทํางาน แต่งหน้ าคล้ ายมาเดินแบบ


แต่เพราะว่าสวย ทําอะไรก็คงไม่ผิด

“ผ ผมไปแล้ วนะครับ”

“เดียวก่อนสิ”

ถูกดึงแขนไว้ หันไปมอง พีมินท์ก็ปล่อยมือออก

“คุ้นหน้ ามาก…โทษทีนะ ฉันจําหน้ าคนไม่เก่งเท่าไหร่ ”

“จําคนผิดแล้ วมังครับ”

“ไม่ ฉันจะเสียงนีได้ ”

เธอกําลังจะพูดชือผมออกมา แต่ก็เปลียนไปมองทางอืน ผ่านตัวผมไป


“หมอก คนนีใคร ฉันนึกไม่ออก”

ตัวผมแข็งทือ ประสาทส่งเสียงไซเรน

“…..”

“ปากมีไว้ ทําไม? พูดเป็ นหรือเปล่า?”

ได้ ยินเสียงเท้ าเดินผ่านไป พีมินท์เดินตามเสียงนันไป

ผมหันไปอีกด้ าน ด้ านทีเป็ นประตู รีบเดินออกไปให้ เร็วทีสุดเท่าทีจะทําได้

“เดียวก่อน”

เสียงเรี ยกนัน แช่แข็งเท้ าผมไว้ เสียงทุ้มตํา เย็นชา เรียบเฉย

อีกแค่ก้าวเดียว

“พรุ่งนีไม่ต้องมาส่งแล้ ว”

“ทําไม? ไหนบอกจะตามใจ ทําอะไรก็ได้ แค่เค้ กแค่นี กินไม่ได้ หรือไง?”

ได้ ยินเสียงผู้หญิงยังบ่นปอดแปด แต่อีกเสียงเงียบไปแล้ ว

รีบวิงออกมา ทังๆทียังไม่เห็นหน้ าของเจ้ าของชือ”หมอก”นันเลยสักนิด

ประตูลฟิ ต์ปิดลง มองผ่านกระจกทีสะท้ อนให้ เห็นช่องว่างระหว่างประตูทีแคบลงเรือยๆ ไม่เห็นเงาใครทังสิน

………………………………………
………………………………

............................
....................
“รสชาติเป็ นยังไง?”

“ก็เหมือนเดิม”

“เหมือนเดิมคืออะไรล่ะ?”

“หอม หวาน ได้ กลินโกโก้ ชดั ดี”

“หรอ? ไม่ได้ เปลียนไปเลยหรอ”

ผมพยักหน้ าตอบ พีกวางยังดูสงสัย

“จริงหรอ?”

“ทําไมล่ะ”

“ก็ลกู ค้ าทีชอบโทรมาสังตอนดึกๆน่ะสิ ไม่ได้ โทรมาอีกแล้ ว”

ไม่ใช่แค่อาทิตย์กว่า แต่เป็ นครึงเดือน ทีเสียงโทรศัพท์ตอนกลางคืนเงียบหายไป

“……”

“เขาได้ พดู อะไรหรือเปล่า? ตอนไปส่งรอบสุดท้ ายน่ะ”

“เปล่า เขาไม่ได้ พดู อะไร”

“งันหรอกหรอ”

“…..”

บรรยากาศร้ านเงียบเหงา
นีพึงเดือนมิถนุ าเองแท้ ๆ ฝนกลับตก ได้ ยินเสียงเพลงฝรังเบาๆ โต๊ ะทีมีลกู ค้ าติดฝนอยู่ นังดืมช็อคโกแลตร้ อน
เงียบๆคนเดียว

อยู่แบบเย่อหยิงแบบนันต่อไปเถอะ แบบนันล่ะ ดีแล้ ว

คนนันเหมาะกับเสียงห้ วนๆ การเชิดคางเก้ าสิบองศา มากกว่าเสียงเบาๆทีฟั งแล้ วรู้สกึ หนักไปทังตัว

นําหยดลงบนกระดาษ รีบเอามือปาด ไม่อยากให้ กระดาษวาดรูปเลอะไปมากกว่านี แค่นี ลายเส้ นก็ย่งุ เกินกว่าจะ


ทําอะไร

ถึงคนภายนอกจะยังมองว่าเป็ นภาพปกติ แต่ผมรู้ตัวดี ว่าบางอย่างในรูปมันหายไป สิงทีผลักดันให้ อยากวิงไป


ข้ างหน้ าอยู่เสมอ หล่นหายระหว่างทางทีผมพยายาม

จนถึงคํา ท้ องฟ้าสีเทา มืดสนิท ฝนหยุดลงแล้ ว แต่ทางเท้ าชุ่มนําเลอะเทอะ ต้ องออกมาถูพืนไม่ให้ เลอะไป


มากกว่านี คนในร้ านหนาตาขึนนิดหน่อย แถวนีคงมีโรงเรี ยนอนุบาล มีเด็กส่งเสียงในร้ านทุกเย็นวันธรรมดา จน
ในร้ านมีโหลลูกอมตังไว้

เสียงกระดิงทีแขวนไว้ เหนือประตูดงั ขึน จัดชันวางเค้ ก เพิมบลูเบอรรีชีสเค้ กลงไป มองผ่านกระจกทีขึนฝ้าเพราะ


ความเย็นไม่ชดั เห็นแค่ลกู ค้ าทียืนอยู่หน้ าตู้ เห็นนิวทีชีอยู่ในชินทีพึงวางลงไปผ่านกระจกตู้ “ชินนีหรือครับ?” นิว
นันจิมซํา

“ทานนีหรือจะใส่ห่อค-”

เงยหน้ าขึนมอง รอยยิมรับลูกค้ าค่อยๆลดลง

“ทานนี”

“…..”

“…ได้ ยินทีผมพูดหรือเปล่า?”

พอถูกกระทุ้งแบบนัน เลยต้ องรีบหยิบจาน หนีบเค้ กชินนันออกจากตู้

“ส่งจานนันมา”
ยืนให้ ตามทีสัง

เหมือนจะหูฝาด บางที ตาอาจจะกําลังสร้ างภาพขึนมาเองด้ วย

เห็นเขาอยู่ตรงนี ได้ ยินเขาพูดคําว่า’ผม’ อย่างนันหรอ? ฝั นสินะ ยังเห็นเด็กอนุบาลกลิงตัวอยู่ทีพืนเหมือนห้ านาที


ก่อนหน้ านี ไม่ได้ ร้ ูสกึ มีอะไรผิดเพียนไป นีคงเป็ นการอินเซปชันความฝั น ชัวร์

เขารับจานเค้ กไป ถือด้ วยความสูงระดับเอว มือข้ างเดียว อยู่ในร้ านเค้ กแบบนี บรรยากาศรอบตัวเขาไม่ได้ ดู
แปลกแยก แม้ จะใส่สทู รองเท้ า ราคาแพง คงเป็ นเพราะพวกแม่ๆนัน วุ่นกับการเลียงลูกมากกว่าจะสนใจเรืองอืน
แน่นอน มีคนสังเกตเห็น พวกเธอก้ มหัวตําลง ยกมือขึนบังทีปาก สุมหัวกันเหมือนชมรมแม่บ้าน

ไม่เห็นพีกวางกับพีกิฟท์ ใช่ ทังคู่ออกไปซืออะไรสักอย่างทีหมดพอดี อะไรกันล่ะ? ผมนึกไม่ออก ก่อนหน้ านียังรู้อยู่


เลย พีกวางยังบอกผมด้ วยซําออกไปแล้ วนะ จะไปซือ…. นันแหละ ผมลืมไปเสียสนิท

“ขอโทษนะคะ”

“คะ..ครับ”

รีบเดินออกไปหาคุณแม่ยงั สาวทีตรงนัน แขนข้ างนึงดึงตัวลูกชายไว้ “เมือกีบอกว่าจะกินอะไรนะครับ?” หันไปคุย


กับลูกชาย เด็กยกนิวขึนอม ส่ายหัวไปมา อ้ าว “แต่เมือกีหนูบอกนิ ว่าอยากกินเค้ กอีก” ดูท่าจะดีดดินกันอีกนาน
หันไปมองโต๊ ะทีอยู่ถดั ออกไปหน่อย เขาไม่ได้ มองมาทางผม แต่มองเบียงออกไปนอกหน้ าต่างแทน

เค้ กทีอยู่ตรงนัน ยังไม่ถกู แตะ

ถึงจะยังไง ก็คงเป็ นเรืองเสียมารยาทถ้ าจะไม่เข้ าไปถามในฐานะผู้ให้ บริการ เครืองดืมไหมครับ? ง่ายๆ แค่นี ไม่ได้
พูดยากสักนิด แต่พอเดินไปใกล้ อีกแค่ก้าวเดียว เท้ าซ้ ายก็หมุนกลับ จะพาตัวไปหลบทีอืนอยู่เรือย

อีกหกก้ าว ประมาณด้ วยสายตา

พืนร้ านเป็ นพืนไม้ เอาจริงๆทังร้ านนีก็เป็ นไม้ เกือบหมด เป็ นไอเดียของผม เค้ กทีอารมณ์เหมือนคุณแม่ทําเองจาก
เตา สมควรจะมีบรรยากาศร้ านทีคล้ ายบ้ านอยู่ พอเดิน เลยเกิดเสียงดังขึน เท้ าทีเดินหมุนไปหมุนมาทําตัวไม่ถกู
เลยทําให้ เขาเบนหน้ ากลับมา

ยกมือขึนช้ าๆ ไม่สงู มองทางซ้ ายทางขวาแล้ ว ไม่มีตัวช่วย บังคับผมให้ เดินเข้ าไป


“…มี มีอะไรครับ?”

“ร้ านนีไม่มีเครืองดืมหรือไง?”

“อ่ะ..อ่อ มีครับ เมนูแนะนํา เป็ นช็อคโกแล็ตร้ อน”

เขาพยักหน้ า ผมมุ่นหัวคิวมอง

“ครับ?”

“ช็อคโกแลตร้ อน”

แล้ วก็ได้ แก้ วทรงสูงวางอยู่ข้างจานเค้ ก

มองอยู่ห่างๆจากมุมทีคล้ ายปราการรบ ไม่เห็นจะแตะเค้ กสักนิด มีแต่ดืมช็อคโกแลตร้ อนเป็ นระยะๆ ถ้ าว่างจาก


งานทีเริมหยิบมากองบนโต๊ ะ เดียวก่อน ผมไม่เห็นจะมีใครมากับเขาเลยสักคน ดูเวลา ชัวโมงกว่าผ่านไป เด็กๆ
หายไปหมดแล้ ว สองทุ่ม เขายังไม่ไปไหน

ฝนตกลงมาอีกรอบ หลังจากส่งเสียงฮึมๆอยู่สกั พัก

พายุเข้ า จําได้ จากข่าวเมือเช้ าทีเห็นในทีวีก่อนออกจากบ้ าน

เห็นผ่านกระจกนาฬิกา ลูกตุ้มหลังกระจกบานนันแกว่งไปมา เขากําลังเก็บงานทีกางอยู่บนโต๊ ะ เค้ กนันหายไปแค่


ส่วนเดียว ลุกขึนยืน ทังร้ านเหลือแค่สองคน เป็ นบรรยากาศแปลกๆ เพลงแจ๊ ส เสียงแซ็กโซโฟนกําลังโซโล่ ปนกับ
เสียงนาฬิกา ติก ติก

เดินไปถึงหน้ าประตู กําลังจะผลักออกไป ยังไม่เห็นร่ มสักคันทีถูกกาง

“เดียว…”

ประตูถกู ผลักออกจากบานแล้ วหน่อย เขาดันตัวกลับมา ประตูปิดลงตาม

หันกลับมามองผม

ผมยาวกว่าครังล่าสุดทีเห็น นับครังทีได้ ยินแต่เสียงนันไม่ได้ เวลาสันๆ ค่อยๆเปลียนไปอย่างช้ าๆ


มองมือสองข้ างของเขา ข้ างหนึงมีแต่งาน หนีบไว้ กบั ตัวแล้ วซุกมือลงกระเป๋ ากางเกง มืออีกข้ าง ว่างเปล่า

“มีร่มหรือเปล่าครับ?”

“…ยังต้ องการคําตอบอีกหรอ?”

“ผมมีร่ม รอก่อนนะ”

วิงเข้ าไปในหลังร้ าน ร่มพกสีดําสนิทในกระเป๋ า พึงได้ มาจากเฮีย ไม่ได้ คิดเลยตอนนัน ว่าคืนนีจะกลับบ้ านยังไง


คิดแต่ว่า ตอนนีฝนแรงเกินกว่าจะฝ่ าออกไป

เขายังยืนรออยู่ทีหน้ าประตู หลังพิงกับบานประตู ทีคิดว่าคงไม่มีใครเปิ ดเข้ ามาในเวลานี เวลาทีฝนตกหนัก ความ


จริงจะรอนานกว่านีหน่อย ฝนก็คงซาลง แต่คงมีงานต้ องไปทําต่อ หยุดได้ แล้ ว ไม่จําเป็ นต้ องคิดต่อเรืองอืนสัก
หน่อย

ยืนร่มให้

“ผมให้ ยืม”

“….”

“ครังหน้ าไว้ มากินเค้ กใหม่ ค่อยมาคืนแล้ วกัน”

ยืนไปอีก เขาถึงยืนมืออกมารับ ปลดสายทีรัดรอบๆร่มออก สะบัดเบาๆให้ มนั กาง มาถึงจุดนีคงเห็นคุณภาพของ


ร่มจีนแดงชัดเจนขึนแล้ ว เชือกห้ อยทีปลายร่ มขาดออกจากกัน พึงซือมาแท้ ๆ

ใช้ ไหล่ขวาดันประตู จังหวะทีคิดว่าคงกางร่ มแล้ วเดินออกไป กลับยังเท้ า หันหน้ ามาพูด

“หวาน”

“ครับ?”

“เค้ ก หวานไป”
“ก็ไม่ชอบกินหวานนิ”

“รู้ด้วยหรอ? ว่าผมชอบกินอะไร”

นันสินะ

ก็ไม่ได้ เป็ นอะไรกันนิน่า

“ผมเดาเอา ถูกด้ วยหรอครับ”

พอเขาพยักหน้ า ผมก็เผลอยิมออกมา รู้ สกึ หายใจยาก

“ช็อคโกแลตร้ อน พอกินได้ ”

มองตรงออกไปนอกประตู ยังไม่ทนั ได้ ตอบอะไร เสียงกระดิงเหนือประตูก็ดังขึน ลมพัดเข้ ามาแรงๆจนรู้สกึ ถึง


นําฝน

ร่มสีดําเคลือนออกไปจากใต้ กนั สาด ฝนสาดแรง หนาจนมองไม่เห็นอีก

…………………………..
………………….

[B.N.25 : complete]
[30.11.55]

BN.26
สองวันต่อสัปดาห์

เป็ นวันทีกระดิงเหนือประตูจะส่งเสียงดัง และเป็ นเวลาทีเขาเข้ ามาในร้ านนี

บางครังก็มาจิบกาแฟเงียบๆ บางครังก็หอบงานมาด้ วย หลายครังทีมีนกั เรียนอยู่ในร้ าน พวกเธอส่งเสียงกรี ด


กร๊ าดไม่พอ ยังแอบยกมือถือขึนมาถ่ายรูป และมีไม่น้อย ทีกลับมาทีร้ านอีกครัง ถามเรืองเขาจากผม เพราะจํา
ข่าวพวกนันได้ หรือไปหาข้ อมูลเจอทีหลัง

“พีใช่คนในภาพนีหรือเปล่า? ดูเหมือนมากเลย”

ได้ แค่ยิมเล็กๆตอบ เบียงคําถามไปทีเรืองอืน “ลองทานแอปเปิ ลเค้ กดูไหม?” เด็กๆพวกนันก็จะโวยวาย “โถ่ พีตี พี


เบียงประเด็นตลอด”

“แน่นอน ถ้ าพีอยู่ร้านนี ไม่เชียร์ เค้ ก ก็ตกงานดิ”

“แต่นีก็เป็ นร้ านของพีเหมือนกัน ไม่ตกงานหรอก”

“เออ ถ้ าพีตีไม่ใช่คนในภาพ แกคิดว่าสองคนนียังคบกันอยู่ไหมวะ?”

“ฉันจะไปรู้ ได้ ยังไง แต่ถ้าเป็ นฉันนะ ไม่มีวนั ปล่อยหรอก หล่อก็หล่อ รวยก็รวย นิสยั ก็คงจะเพอร์ เฟค อ่อนโยนราว
กับเทพบุตร กรีดดด อย่างกับหลุดมากจากนิยาย”

ผมแอบหัวเราะออกมาตรงคําว่านิสยั อ่อนโยนราวกับเทพบุตร น้ องๆทีดูจะเลิกสนใจผมไปแล้ วเลยหันกลับมามอง


กันใหญ่ ผมเปี ยสองข้ างกับคอซอง ก่อนหน้ านีผมมองว่าเป็ นข้ อดีของการตังร้ านแถวนี แต่ตอนนีกลับรู้ สกึ เฉยๆ

“ฉันว่ามีลบั ลมคมใน”

“ทังหมด 216 บาทครับ”

“คราวหน้ านะพีตี ระวังตัวไว้ เลย”

“ฮะฮ่า มาสิ กลับมาถาม แล้ วกินเค้ กด้ วย”

“หนูอ้วนตายพอดี”
บ่นหงุมหงิมแล้ วเดินออกไปจากร้ าน อยากจะบอกว่ากระโปรงนันดูสนไปหน่
ั อยนะ แต่ก็ไม่ได้ พูดออกไป คงเป็ นเท
รนด์ใหม่ในรัวโรงเรียน ผมห่างจากเวลานันมามากแล้ ว น่าแปลกใจทีกฎหัวเกรี ยนยังไม่ถกู ยกเลิกเสียที

“ครับ?” “เมนูแนะนําวันนี…” “ทังหมด…บาทครับ” “ขอบคุณครับ” นันคือทังหมดทีผมพูดคุยกับเขา ไม่มีอะไร


มากมายไปกว่าครังแรกทีได้ เจอกันในร้ านนี ช่องว่างทีเรารักษาไว้ ยังกว้ างเท่าเดิม

วันนีพีกวางพาพีกิฟท์ไปถอดเฝื อก ผมเฝ้าร้ านคนเดียว

วันพฤหัสตอนเย็น คิดว่าช่วงนีคงมีละครยอดฮิตอะไรสักอย่าง ทําให้ ช่วงดึกเงียบเหงา มีแต่แวะซือเค้ กกลับบ้ าน


แล้ วก็ออกไป ในร้ านเหลือผมนังดูทีวีเงียบๆ งานทีต้ องเอาไปส่งวันเสาร์ นียังไม่เสร็ จ ถึงจะได้ หวั ข้ อ รายละเอียด
มา แต่ก็ขาดความคิดสร้ างสรรค์ ห่อเหียวอย่างกับผักบุ้งหน้ าร้ อน

“ตี เทียบกับงานก่อนหน้ านีทีตีทํา พีว่ามันขาดอะไรไปว่ะ”

“ผมวาดเหมือนเดิมเป๊ ะเลยนะ”

“นันสิ แล้ วมันขาดไรไปวะ?”

การบ้ านทีให้ เอางานเก่ามาวาดใหม่ มองโดยรวม สวยขึน แต่กลับต้ องขมวดคิวมองกัน

“พีต้ า เดียวผมเอาไปแก้ ใหม่ให้ ”

“ไม่ต้องๆ วาดรูปใหม่ไปเรือยๆนันแหละ ลองเอาเล่มนีไปอ่านดู”

โยนหนังสือเล่มหนาให้ ผมจําเล่มนีได้ เคยเห็นทีร้ านหนังสือ ในห้ างหรูๆทีเคยมีคนพาผมไป และไม่ใจร้ าย รับผม


กลับ ผ่านมานานเสียจนรู้สกึ เหมือนตอนนีผมอายุสกั สามสิบ คงเพราะระหว่างนันเกิดเรืองเยอะแยะเต็มไปหมด

กางหนังสือเล่มนันกับโต๊ ะ หน้ าร้ อยกว่า ไม่มีตวั อักษรในเล่มนี มีแต่ภาพ ผมว่าดีกว่าเรียนทฤษฎีให้ ว่นุ วาย เสียง
กระดิงดังขึน เงยหน้ ามอง

เงาทีเห็นไม่ชดั เจนอยู่หลังกระจก เปิ ดประตูเดินเข้ ามาช้ าๆ นังเก้ าอีตัวโปรด หรืออาจจะเพราะชอบมุมตรงนัน


เป็ นเรืองแปลกทีทีตรงนันจะว่างเสมอเมือเขามา บางทีอาจเป็ นคนโปรดของเก้ าอีตัวนันด้ วย

“สวัสดีครับ…”
เขาพยักหน้ า ทิงตัวนังกับเก้ าอี ถอนหายใจ แบกแฟ้มมาสองแฟ้ม แท็บเล็ตเครืองหนึงทีเคสถูกเปิ ด หน้ าจอยัง
สว่างอยู่ตรงนัน แท่งกราฟทีผมเห็นแล้ วเวียนหัว อยู่บนจอ ผมใช้ มือข้ างเดียวจับกระดาษกับสมุดออเดอร์ ไว้ อีก
มือเช็ดเข้ ากับผ้ ากันเปื อน ชืนเหงือไปหมด

“อะไรก็ได้ ”

“ครับๆ”

บางครังก็จะสังแบบนี ทีชอบคงเป็ นกาแฟ แต่ไม่อยากจะชงกาแฟให้ บ่อย เพราะถ้ าแบบนันจะหมายความว่า


ทํางานได้ ถงึ ดึกโต้ รุ่งยันเช้ า ถ้ าง่วงก็ควรจะนอน เหนือยก็ควรจะพัก ถึงบางครัง จะยากทีจะทําแบบนันได้ แต่ก็
ควรจะมีเส้ นลิมิตของตัวเองทีขีดไว้ ชดั เจน

ช็อคโกแลตร้ อน เค้ กทีหวานน้ อยทีสุดในร้ าน วางลงกับโต๊ ะ เขาไม่ได้ เงยหน้ ามอง

“ผมขออีกแก้ ว”

“ครับ?”

“ช็อคโกแลตอีกแก้ ว”

แม้ จะงง แต่ก็ทําอีกแก้ ว คงจะนัดคนไว้ ทีร้ านนี

ยกไปวาง ก็ถกู บอกว่า “นังสิ” นังลงทีเก้ าอีตรงข้ าม เพราะยังไงก็ไม่มีลกู ค้ าคนอืน รู้ สกึ เหมือนเก้ าอีตัวนีดึงผมไว้
เข้ าใจความสบายทีนังบนเก้ าอีนุ่มๆแบบนีทันที

นังอยู่ตรงข้ ามกัน

สายตาเขาคงวุ่นอยู่กบั การมองข้ อมูลพวกนัน ช็อคโกแลตร้ อน มีควันอยู่เหนือหน้ าผิว หอม ถึงจะเป็ นคนทําอยู่ทกุ


วัน แต่ก็ใช่ว่าจะได้ กินอยู่ตลอด นันอาจเป็ นเรืองทีหลายคนเข้ าใจผิด

“แก้ วนัน ดืมสิ”

“ของผมงันหรอ?”
พยักหน้ า ผมเลยยกแก้ วช็อคโกแลตขึนดืม วันนีรสเข้ มไปหน่อย แต่กลินก็ชดั ขึน

นังเงียบๆ ไม่มีคําพูดระหว่างกัน ผมจ้ องมองออกไปนอกหน้ าต่าง ความคิดถึงจะวุ่นวาย แต่ก็ผลักมันออกไป


ความรู้สกึ ก่อนหน้ านีทีนังอยู่คนเดียวในร้ าน กับความรู้ สกึ ตอนนี ทีมีคนนังอยู่ตรงข้ าม ถึงจะไม่มีคําพูด
บรรยากาศก็เปลียนไป

เพลงในร้ านทําให้ ง่วงนอน ความขีเกียจทําให้ อยากนังอยู่ในท่าทีสบายกว่าการนังเข่าชิดหลังตรง พิงตัวเข้ ากับ


หมอนใบใหญ่ แขนสองข้ างวางอยู่กบั ทีวางแขน เปลียนวิวจากมองนอกหน้ าต่างเป็ นมองคนฝั งตรงข้ าม แก้ วนัน
พร่องไปแค่นิดเดียว

เขาเป็ นคนทีไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ร้ ู สกึ ห่างไกล เหมือนเป็ นโลกทีข้ ามไปไม่ถงึ

แค่คิดว่าเคยใช้ เวลาร่วมกันเยอะขนาดนัน ในตอนนี รู้สกึ เหมือนกับเป็ นแค่ฝันทีแสนยาวนาน

ตังแต่ตอนไหนกันทีเขาลดกระดาษตรงหน้ าลง เอือมตัวออกมา ยืนทิชชู่ทีดึงออกมาจากกล่องบนโต๊ ะให้ ผมทีร้ อง


“เห?” ยืนรับมาแบบงงๆ เขาชีมาทีหน้ าผม เอามือจับแก้ มตัวเอง พึงรู้ว่ามันเปี ยก

"ร้ องไห้ ทําไม?"

“…ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่แพ้ อากาศนิดหน่อย”

ได้ ยินเสียงถอนหายใจ

ยกช็อคโกแลตขึนดืมจนหมด รู้ สกึ ดีขนึ เขาเก็บของ ผมเลยดันตัวขึนนังหลังตรง

ลุกขึน เดินตามไปส่ง เพราะเป็ นลูกค้ าคนเดียวในร้ าน และคิดว่าน่าจะเป็ นคนสุดท้ ายแล้ วสําหรับวันนี คงต้ อง
เตรียมเก็บร้ าน

เสียงกระดิงดัง

ประตูทีกําลังจะปิ ดลงเพราะเขาเดินออกไปแล้ ว ผมหมุนตัว คิดจะเก็บจานก่อนเป็ นอย่างแรก ก็ถกู เรียกไว้

“เดียว”

“ครับ?”
“….ผมชืออัษฏา อัษฏา ติวากุล”

“ห้ ะ?”

“คุณล่ะ ชืออะไร?”

เสียงตํา สีหน้ านันดูจริ งจัง ไม่เหมือนเรืองล้ อเล่น คิดว่าถ้ าไปพูดแบบนีกับคนอืน อาจโดนค้ อนใส่ได้ ผมตอบ
กลับไป มือจับผ้ ากันเปื อนไว้

“อธิษฐาน พิชญพานิชย์ ”

“…หรอ”

“เรียกผมว่าตีก็ได้ ”

เขาพยักหน้ า ใบหน้ าบึงตึง ยากทีจะเห็นรอยยิม มีเพียงหัวคิวนันทีคลายลงหน่อย

“จะมาใหม่”

“ครับ”

โน้ มตัวไปดึงประตูเปิ ดให้ เขายังไม่ยอมเดินออกไป ก้ มลงมองผม ไม่ได้ อยู่ใกล้ ขนาดนัน แต่ก็ร้ ูสกึ ว่าใกล้ ในระดับ
ทีเริมอันตราย กลันหายใจ แยกยิมไปให้ ถ้ าตอนนีหัวเราะ คงได้ ยินเสียง แหะ แหะ

“ยินดีทีได้ ร้ ูจกั ครับ”

ทําความรู้จักกันใหม่อีกครัง ในฐานะทีต่างออกไป

ดวงตาคู่นนอ่
ั อนลง

เสียงกระดิงเหนือประตูใสเหมือนระฆัง รองเท้ าหนังสีดําก้ าวพ้ นจากกรอบประตูออกไป

มองมือตัวเองทียังวางอยู่ทาบอยู่กบั ประตูไม้ ผลักเบาๆ แค่นนก็


ั เหมือนมีแรงลมช่วยเปิ ดประตูให้ วิงออกไป เห็น
หลังเขาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่กลัวว่าจะขึนรถคันไหนออกไปเสียก่อน ตะโกนเรียก “เดียว! เดียว!” เขาหัน
กลับมาแค่ครึงตัวบน เงาของเขาทอดยาวออกมา ถ้ าเงาของผมไม่อยู่ทางด้ านหลัง คงกลายเป็ นเส้ นตรงเส้ น
เดียวกัน

“จะให้ ผมเรียกคุณว่าอะไรดี”

ไม่ต้องรอนาน เหมือนมีคําตอบเตรี ยมมาไว้ อยู่แล้ ว

เห็นมุมปากนันยกขึน เขายกยิมบางๆ แค่มมุ ปาก แทบจะไม่เห็นถ้ าไม่สงั เกตดีๆ บางทีผมอาจมีประสาทสักส่วนที


ตรวจจับรอยยิมเขาได้ ช็อคโกแลตในท้ องวิงวนไปทังตัว อุ่น

“หมอก…”

…………………………….
………………………

“ตี”

“ครับ? อ้ าว พีกวาง? ทําไมหรอครับ?”

“ออกไปรับออเดอร์ หน่อย ลูกค้ าเรี ยก”

“หือ? ลูกค้ าคนไหนล่ะ?”

นึกถึงหน้ าเด็กผู้หญิงกลุม่ นันทีตามตือประจําจนเริมกลัว ถ้ าเป็ นกลุม่ นัน ขอเลือกหลบอยู่หลังร้ าน ขอขัดหม้ อต่อ


ดีกว่า

“…คนนันนันแหละ”

“…อ้ อ”

“เดียวนีมาบ่อยขึนนะ”

พีกวางรู้จกั พีหมอก แต่ถงึ อย่างนัน กลับไม่ค่อยพูดอะไรกันเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเป็ นเพือนพีโก้ เป็ นคนทีทําคอนเสริ ต์ใน
งานแต่งงานตัวเองล่ม แค่นนั ไม่ร้ ูอะไรไปมากกว่านี

เช็ดมือเข้ ากับผ้ ากันเปื อน เดินออกมา ว่าแล้ ว เด็กผู้หญิงกลุม่ นันอยู่ด้วยจริงๆ หัวหน้ าแก็งค์ชือบิว เรียนอยู่ม.4
โรงเรี ยนหญิงล้ วนแถวนี กลายเป็ นลูกค้ าประจํา เหมือนมาดักรออะไรสักอย่าง วันนีทําหน้ าบาน เพือนอีกหกคน
สุมหัวกันกรี ดกร๊ าด “ฉันว่าแล้ ว ฉันว่าแล้ วแก!!” พูดถึงอะไรกัน อยากรู้ด้วยคน

“สวัสดีครับ”

“อืม”

ตอบแบบนัน เงยหน้ าขึนมามองนิดหน่อย

“วันนีไม่เอาเค้ ก”

“อ่า ครับ ได้ แล้ วอย่างอืน?”

“มอคค่า”

ผมพยักหน้ า จดลงไปในเล่ม คิดว่าคงหมดแค่นี แต่เขาก็พูดต่อ

“อยากกินอะไร?”

“ครับ?”

“….ตี..อยากกินอะไร”

เหมือนจะไม่ถนัดทีต้ องเรี ยกชือผมออกมา เห็นความอึดอัดตลกๆนี เล่นเอาผมเกือบหลุดหัวเราะออกมา

“ผมไม่อยากกินอะไรหรอก ในร้ านนีผมกินมาหมดแล้ ว”

“แล้ ว…”

เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ผมไม่แน่ใจว่าได้ ยินไม่ชดั เองหรือเป็ นเขาทีหยุดพูด

“ครับ?”
“เลิกงานกีโมง?”

“…อืม น่าจะสักสีทุ่ม วันนีถ้ าเก็บร้ านเร็วก็น่าจะเสร็จทัน”

มองนาฬิกา ตอนนีกําลังจะทุ่มครึง

“จะมารับตอนสีทุ่ม”

“ห้ ะ?”

“ร้ านทีอยากกิน ร้ านไหน?”

พอเจอคําถามแบบนีก็ไปไม่ถกู เขาจ้ องหน้ า รอคําตอบจากผม ส่วนสายตาข้ างหลังเป็ นสิบคู่นนั ไม่นบั แล้ วกัน

“ตายแล้ วแก เขาขอพีตีออกเดต”

“ฉันบอกแล้ ว จริงๆด้ วย คนในรูปคือพีตีจริ งๆด้ วย”

“แก ถ่ายรูปเลย ทวิต ทวิตมันเดียวนี กรีดดดด”

แหม เสียงเบาจนไม่ได้ ยิน แม้ แต่เขายังมองเด็กผู้หญิงกลุ่มนัน สายตาไม่เป็ นมิตร แต่ในวินาทีนี ดูเหมือนพวกเธอ


จะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ ว

“คืนนีผมคงไปไม่ได้ หรอก”

“…..งันหรอ”

แปลกใจกับคําตอบทีได้ ยิน

มองยังไง คนตรงหน้ าก็คือพีหมอก แต่กลับไม่ได้ ร้ ูสกึ หงุดหงิดโมโหกับคําตอบของผม ไม่มีบงั คับ แค่รับรู้

“แต่พรุ่งนีผมว่างนะ”

“กีโมง?”
“น่าจะเวลาเดิม”

“ครับ”

ครับ?

แก้ วมอคค่าวางลง อยู่ตรงนันไม่นาน ก็ถูกดืมจนหมด เขาเดินออกไปจากร้ าน

“พีตี เล่าออกมาเลยๆๆ เคยคบกันใช่ไหม?”

“ห้ ะ?”

“พีเหม่อไปถึงไหนแล้ วเนีย เขาเดินออกไปเป็ นชาติแล้ ว”

“อ้ าว หรอ?”

ได้ ยินเสียงของเด็กผู้หญิ งพวกนันอีกสักพักใหญ่ ไม่ได้ ตอบอะไรไป แม้ แต่ตอนเก็บจาน ก็ยงั ไม่ร้ ูตัว

………………………………….
………………………….

พีบอลจะกลับจะสิงค์โปร์ วนั เสาร์ นี ฝากบอกผ่านไอ้ กล้ วยมา

เป็ นเรืองทีผมรอคอยพอๆกับตอนเย็นวันนี

เด็กกลุ่มนันยังไม่ยอมกลับไป วันนีมีลกู ค้ าฝรังโต๊ ะหนึง ถึงจะรู้ จกั กับภาษาอังกฤษมานานจนคล้ ายกับญาติเก่า


แต่ก็เป็ นเพียงญาติห่างๆ เวลาคับขัน ต้ องพูดจริ งๆ ก็ต้องเอาตัวรอดแบบงูๆปลาๆ

“จะปิ ดร้ านแล้ ว กลับไปเถอะ”

“ไม่ หนูไม่กลับ”
กอดเอวมอง ขมวดคิวก็แล้ ว แต่กลับโดนล้ อกลับ ทังโต๊ ะทําท่าเดียวกันกับผม

“พวกหนูไม่กลัวพีหรอก”

“ขอล่ะ จะปิ ดร้ าน”

พีกวางกลับเห็นเป็ นเรืองตลก ดูผมทะเลาะกับเด็กม.ปลาย ทังร้ านเหลือเพียงแค่โต๊ ะเดียว ห้ าคน ไม่ยอมกลับ นัง


สถิตเป็ นรูปปั น

“จะรอเจอพีหมอกก่อน”

“นียังไม่ร้ ูเลยว่าจะมาจริ งหรือเปล่า? กลับบ้ านดึก พ่อแม่ไม่เป็ นห่วงหรือไง?”

“ยังไงก็กลับบ้ านเองอยู่แล้ ว ไม่ต่างกันหรอก”

“แล้ วไม่ต้องกลับไปทําการบงการบ้ านบ้ างหรือไง? ไปเล่นเกมเล่นเฟซทีบ้ านก็ได้ ”

“ทีนีก็เล่นได้ โทษที มือถือหนูมี 3G”

ดีครับดี

ทําอะไรไม่ได้ อย่างน้ อยก็เก็บจานไปให้ หมด ถึงเวลาทีต้ องปิ ดร้ านจริงๆ ถ้ ายังอยู่ต่อ คงต้ องให้ ค้างนีสักคืน

ปิ ดไฟทีตู้เค้ ก พีกิฟท์ จดั การบัญชี ยกเก้ าอีไม้ ขนบนโต๊


ึ ะ วันนีร้ านไม่เงียบ ดังกว่าปกติ

“นันๆ มาแล้ วๆ”

ตามมาด้ วยเสียงกระดิง

ยังใส่สทู อยู่ เดินเข้ ามาในร้ าน เห็นผมยืนมอง ก็พดู “เสร็จรึยงั ?”

“ใกล้ แล้ ว รอแป็ ปนึงครับ”

เขาพยักหน้ าตอบ ยืนพิงโต๊ ะใกล้ ๆ หยิบมือถือออกมา กดนิวพิมพ์ข้อความ


พีกวางเดินออกมาจากหลังร้ าน ยังไม่ทนั ทักอะไร พีหมอกก็พดู ก่อน “โก้ ฝากบอกว่ากลับดึก”

“กลับดึกอีกแล้ ว? งีต้ องโทรคุยล่ะ”

ถอดผ้ ากันเปื อนออก แขวนไว้ กบั ตู้ หยิบกระเป๋ ากับหนังสือทียืมมา เดินไปหา เด็กๆพวกนันก็เก็บของตามใหญ่
หวังไว้ ในใจว่าคงไม่ตามมา

พีหมอกเดินนําออกไปก่อน คลายปมเนกไท เลือนลง

“กินร้ านไหน?”

“อะไรก็ได้ ”

“คิดสิ”

“ให้ ผมเลือกหรอ”

พยักหน้ าตอบ

มองไปข้ างหลัง จากร้ านเดินออกมาสักพักแล้ ว ยังเห็นเด็กกลุม่ นันตามมา แต่ห่างออกไป มากพอทีจะไม่ได้ ยิน


เสียงผม

“ร้ านหมีเป็ ดตรงนันไหม? ปิ ดดึก น่าจะอร่อยดี”

“….”

“ผมนึกออกแต่ร้านข้ างถนนแบบนี กินได้ หรือเปล่า?”

พยักหน้ าตอบ

เข้ าไปในร้ าน แม้ แต่อาแป๊ ะทีลวกเส้ นอยู่ยงั มองตามพีหมอกมา เก้ าอีเป็ นแค่เก้ าอีไม้ กลม ขาสีข้ างไม่เท่ากัน ทิง
นําหนักไปอีกข้ าง เก้ าอีก็เอียง ขาไม้ เคาะพืน โต๊ ะไม่ต่างกัน คนแน่นร้ าน มีแค่พดั ลมเก่าๆตัวเดียวส่ายหน้ าไปมา
ไอนําเหนือหม้ อซุบทําให้ ทังร้ านยิงร้ อนกว่าเดิม ลูกสาวเถ้ าแก่เดินมารับเมนูเอง

“ผมเอาหมีเป็ ดเพิมเส้ นพิเศษชามนึงครับ”


“สองชาม”

ถึงจะพูดว่าเป็ นลูกสาวแต่ก็เลยเลขสีไปพักใหญ่ เธอยิมเขินๆให้ คนตรงข้ ามผม ทีไม่ได้ ร้ ูสกั นิดว่าถูกมองอยู่

เสียงโต๊ ะข้ างๆดัง หันไปมอง เป็ นผู้ชายสองคน สวมเสือสีฟ้าทังคู่ คนขับแท็กซี คนนึงกินเสร็จแล้ ว แคะฟั น พิงกับ
ผนังสีนําตาล ฟั งอีกคนพูดอย่างสนุกปาก เล่าเรืองลูกค้ าทีเจอในวันนี เพราะบนโต๊ ะผมยังไม่มีคําพูดอะไร เลย
แอบฟั งเขาพูดไปด้ วย

ชามสีชมพูสองชาม ช้ อนกับส้ อมอยู่ในกล่องสีเงิน ไม่มีตะเกียบ คิดว่าหมดไปแล้ ว หยิบคู่หนึงส่งให้ เขา ยืนมือ


ออกมารับในจังหวะเดียวกันกับทีผมยืนไปให้

“ขอตะเกียบด้ วย”

ไม่ใช่ผมทีเป็ นคนขอตะเกียบ แต่พอได้ จากเด็กเสริฟ์แล้ ว ก็ยืนให้ ผม

“กินไม่ถนัดไม่ใช่หรอ?”

“ขอบคุณครับ”

ผมหิว คีบเส้ นทีชอบดินไหลกลับลงไปในชามจนนําซุปกระเด็นเข้ าปาก เส้ นในชามทีกินไปคงเท่ากับสองชามปกติ


แต่ก็ไม่ได้ ถงึ ขันอิมจนเดินไม่ไหว

“เอาอีกหรือเปล่า?”

“คงไม่ แล้ ว…คุณล่ะ จะเอาอีกหรือเปล่า?”

“ผมไม่ได้ ชือคุณ”

“…..”

“เรียกชือสิ”

“อ..อายุมากกว่าผม คงต้ องเรี ยกว่าพีสินะ”


เหมือนเขากําลังรอ

รอทีจะได้ ยินคํานันอีกครัง

“พีหมอก….”

ผมกํามือแน่น

เห็นมือของเขาข้ างหนึงทีวางอยู่บนโต๊ ะนันกําแน่นไม่ต่างกัน

“กลับเถอะ”

“อืม”

ลุกขึนตามเขาออกไปนอกร้ าน ถนนทีไม่มีใครหยุดเดิน เขากดมือถือ ไม่ใช่เครืองเดิม ส่งข้ อความ เรายืนอยู่เงียบๆ


มองนาฬิกา คิดว่ารถเมล์เทียวสุดท้ ายคงจะหมดไปแล้ ว อาจจะต้ องมองหาวินมอเตอร์ ไซค์

รถบีเอ็มสีดํา นีคงเป็ นสิงเดียวทีไม่เปลียน จอดเทียบฟุตบาท ทีทาสีขาวแดงไว้ พีหมอกไม่ได้ เดินไป หันมามองผม


ดูเหมือนจะรู้ว่าผมมีเรืองทีอยากจะพูดอยู่ และนีเป็ นโอกาสสุดท้ ายของวัน

“….คราวนีบอกผมได้ ไหม ว่ากําลังทําอะไรอยู่”

“ได้ สิ…. กูจะบอกทุกอย่างทีมึงอยากรู้ ”

เสียงรถเมล์บีบแตรยาว เกือบทีจะกลบเสียงนีไป

“กูอยากเริ มต้ นใหม่ ทังหมด ทังกู ทังมึง”

สรรพนามทีเปลียนไป ทําให้ ผมรู้ว่าผมคุยกับใครอยู่

“พีไม่กลัวว่ามันจะวนกลับทีเดิมหรอ?”

“เรืองนันมันขึนอยู่กบั มึง ว่าจะทําอะไรต่อไป”

“…..”
“มึงต้ องเลือกแล้ ว ตี….”

ถามทิงไว้ แบบนัน แล้ วก็ขนรถไปก่


ึ อนทีจะได้ คําตอบจากผม

……………………….
…………………

[B.N.26 : complete]
[2.12.55]

ขอบคุณคับทีติดตาม
วันนียังไม่ได้ มาลงตอนใหม่ แต่เอาตอนพิเศษมาฝาก
ไปดูคอนเสิรต์เมทัล ออเคสตร้ ามา เลยอยากเขียนอะไรทีนึกขึนได้ แว้ บๆหน่อย อาจะไม่เกียวข้ องอะไรกันเลย แต่
ก็ถือว่า ช่างเถอะ คนอ่านได้ กําไร 555

...............................
.................
12.12.12

มันคือโค้ ดอะไรหว่า?

จ้ องมองหน้ าจอมืดๆมัวๆ มองหน้ าจอสีขาวดําขึนฝ้าใต้ แสงอาทิตย์ แบบนี ยากยิงกว่าแกะลายแทง ยิงเจอ


ข้ อความแบบนีเข้ าไป ยิงทําให้ ผมขมวดคิวหนักขึนเรือยๆ

“12.12.12?”

“อะไรวะ?”

“เออ กูก็งงเหมือนกัน”

แม้ แต่ไอ้ โจ๋ยังงงงวย

จ้ องมองชือคนส่ง From:P’Mhok อืม คนนีปกติก็สง่ สันๆห้ วนๆอยู่แล้ ว แต่มาวันนี ดูเหมือนจะห้ วนเกินไปจนผมไม่


เข้ าใจ ใบ้ หวยหรือ? หรือจะส่งซิกสือสารอะไรกับผม?

“เขาหมายถึงวันนีหรือเปล่า?”

“ห้ ะ?”

“ก็วนั นีไง”

มองเหนือข้ อความไปอีก บอกวันที เวลา เย็นๆแล้ ว พีหมอกไม่โทรมาหา กลับส่งข้ อความประหลาดๆมาแทน จะ


บอกว่าอะไร ให้ ผมกลับไปก่อนได้ เลยหรอ?

“โทรไปดิวะ”
“กําลังโทรอยู่”

ไอ้ โจ๋เกาะติดสถานการณ์แถวหน้ า ยืนตัวเข้ ามาใกล้ สนใจเรืองชาวบ้ านประหนึงงานของตัวเอง

“เฮ้ ย เอ็งเป็ นใครวะ? มารับโทรศัพท์พีหมอกได้ ไง?”

“อะไร? ใครวะ? ใครรับสาย? พูดว่าอะไร”

“เสียงผู้หญิงว่ะ…”

ผมตัดสายทิง ขมวดคิวหนักกว่าเดิม ไอ้ โจ๋ขมวดคิวด้ วย

“พูดว่าอะไร?”

“ไม่มีสญ
ั ญาณตอบรับจากหมายเลขทีท่านเรี ยก”

“…กูไปละ”

“เฮ้ ย เดียวดิวะ!!”

……………………………………………………
……………………………………….

พยายามโทรอยู่หลายครังก็ไม่ติด เดินไปทีคณะ ตึกวิศวะวันนีก็เงียบเหงาเสียจนวังเวง

เกิดอะไรขึนวะเนีย?

เดินไปมาหลายรอบ เจอแค่ยามทีนังหาวอยู่บนเก้ าอีพับ ข้ างๆ มีหมาตัวหนึง ทีเห็นผมก็เงยหน้ าขึนมามอง แล้ วก็


หันไปนอนเหมือนเดิม

โทรหาพีบอล ก็ไม่รับโทรศัพท์
เมสเสจส่งมาอีก อย่างกับจะเล่นอะไรกับผม

ชือโรงแรม

จะสืออะไรวะเนีย? ให้ ผมไปหรอ? ให้ ผมไปทําไม?

โทรกลับไปหา โดนตัดสาย อะไรจะวุ่นวายป่ านนี? เฮ้ ย เดียวดิ หรือว่า? นีคือการลักพาตัว…ไม่ ไม่ ถ้ าผมเป็ นโจร
เรียกค่าไถ่ ผมไม่จบั พีหมอกไปแน่ ถึงจะได้ เงินเยอะ แต่ถ้าพลาด มีหวังโดนลูกเตะตัดก้ านคอ ไม่ค้ มุ

แล้ วก็นงรถเมล์
ั ไป ถึงจะช้ าหน่อยสายหน่อย แต่ในเมือไม่บอกเวลามา ก็เลยไม่เข้ าใจว่าจะรีบไปเพืออะไร

รถดันติด

ได้ ยินคนขับรถตะโกนคุยกับกระเป๋ าว่าข้ างหน้ ารถชนกันยาวหลายคัน แถมนีเป็ นกลางเมือง เวลา โดยไม่ต้อง


เสียเวลามองนาฬิกา ก็บอกได้ ทนั ทีว่าเป็ นช่วงเวลาทีรถติดทีสุดของวัน หลังเลิกงาน

แทบจะไม่ขยับ ไม่มีอะไรทําก็ต้องหยิบมือถือออกมาเล่นเกมงูฆ่าเวลา ทําลายคะแนนสูงสุดเดิมของตัวเอง ที


คะแนนเท่ากันเป๊ ะๆ กว่าจะถึงป้ายรถเมล์ทีใกล้ ไอ้ โรงแรมนีมากทีสุดแล้ ว ท้ องฟ้าก็มืดตึดตือ

เดินไปหยุดอยู่หน้ าประตูโรงแรม ยามเดินเข้ ามาหา นึกว่าจะโดนห้ ามไม่ให้ เข้ าไปใกล้ มากกว่านี แต่กลับเข้ ามา
ถาม “ใช่ทีมางานของพวกนักศึกษาหรือเปล่าน้ อง?”

“ครับ?”

“งานฉลองพีบัณฑิตวิศวะคอม” ชือมหาลัย ยืนยันได้ ดี ผมพยักหน้ างงๆ พีเขาเลยนําทางไปแบบงงๆเหมือนผม


“ขึนลิฟต์ตวั นันไปเลยน้ อง ชัน 12”

ระหว่างอยู่ในลิฟต์ คิดว่าจะโทรหาพีหมอก แต่เพราะมองออกไปเห็นวิวผ่านลิฟต์แก้ ว เลยให้ สนใจกับภาพนัน


ก่อน

ตัวลิฟต์เปิ ด ทําให้ ผมคิดว่า ไม่น่าขึนมาเลยว่ะ

มีผมคนเดียว ตอนทีเดินออกมาจากลิฟต์แล้ วปนไปกับคนอืน ทีใส่ชดุ นักศึกษา เคยมางานแบบนี แต่ก็ร้ ู สถาปั ตย์


นะคุณ จะแต่งตัวติสต์หรือเอาติสต์บงั หน้ า ก็ไม่มีใครสนใจหรอก
สมกับเป็ นวิศคอม ภาควิศวะทีคะแนนสูงสุดจริงๆ โอ้ ก็อด! ทําไมผู้หญิงคณะผมไม่มีแบบนีบ้ าง บอกไปว่าเป็ นวิศ
วะจะมีคนเชือหรือเปล่า? ทําไมเดียวนีสาวๆวิศวะถึงได้ สวยขนาดนี

“อ้ าว ไอ้ ตี”

“พีต้ น?”

“มาทําไรเนีย”

“พีหมอกบอกให้ มา”

“อ่อ คงจะเรียกมาดูสนิ ะ ฮะฮ่า”

“ดูไรวะพี”

“รอดูน่นู ๆ”

เห็นในมือพีต้ นถือจานคอกเท็ลอยู่ หยิบกินโดยทีไม่ต้องเชิญให้ เมือยปาก “ขอนะพี ผมโคตรหิว”

“อ่ะ กูแถมนีให้ เลย”

พีต้ นหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋ าเสือสูท ทีสวมทับเสือคอปกไว้ อีกชัน กางเกงยาวครึงแข้ ง ขนหน้ าแข้ งยาว


เฟื อย

“คิดหรอว่าผมจะไม่เอา”

ยัดลงกระเป๋ ากางเกง พีต้ นพยักเพยิดหน้ าให้ มองเข้ าไปในฮอลล์ บนเวที วงดนตรี กําลังเช็คซาวดน์อยู่

“วงไอ้ หมอก วงต่อไป”

“ห้ ะ?”

“มันเล่นกีตาร์ มัง? หรือเบสวะ? จําไม่ได้ ”

“เขาล่อไงพีหมอกถึงยอมขึนไปเล่นให้ วะ?”
พีต้ นยักไหล่สองข้ าง ผมเห็นพีหมอกอยู่ข้างแอมป์ เสียบสายกีตาร์ ลงไป ปรับปุ่ มเสียง ลองดีดเบาๆ ไฟบนเวทีเป็ น
สีม่วงเข้ ม ด้ านล่าง โต๊ ะ ซุ้มอาหาร คนอดยากกําลังยึดครองพืนที

นักร้ องนํากับมือกลองผมไม่ร้ ูจัก มือเบสพีแฟง มือคีย์บอรด์ พีโก้

“ก่อนหน้ านี น้ องปี หนึงขึนมาเต้ น เสียดายมึงมาไม่ทนั มีน้องตกเวทีด้วย”

แถมยังมีหน้ ามาสะกิดให้ ดู “คนนันไง” เออแหะ หน้ าเขียวไปแถบหนึง ไม่เป็ นไรนะไอ้ น้อง

เสียงกลองดัง

นักร้ องนําพูดทักทาย “เอ้ า สวัสดีครับมิตรรักแฟนเพลงแอนตีแฟน อย่ากรี ดร้ องกันขนาดนันครับ ผมเขิน อ้ าว


สาวๆตรงนู้น อย่ามัวแต่กินอยู่นะจ๊ ะ พีๆจะร้ องเพลงแล้ ว” โดนแซวตรงๆแบบนี มุมนันถึงกลับสลายม็อบ “พีๆครับ
ผมอยากจะร้ องเพลงรักให้ พี แต่มนั จะเลียนไป ขอแสดงออกแบบแนวของพวกเราดีกว่า”

“เพลงอะไรวะพี?”

ถามพีต้ น ในฮอลล์ปิดไฟ ผมกับพีต้ นยืนอยู่ตรงประตูพอดี เงาเราชัดกว่าปกติ

“The miracle and the sleeper ของ Dream Theater”

“ผมไม่เห็นรู้จกั ”

“เพลงโคตรเก่า แต่ทีเอามาเล่น คงเป็ นเพราะพวกพีๆเคยเล่นเพลงนีตอนรับน้ องมัง”

เสียงกีตาร์ หนักๆดังขึน เสียงกรีดตอบรับพีหมอกทันที ไอ้ หน้ านิงๆแบบนันนี ผมเดาว่ามันคงเป็ นสเน่ห์ละ่ มัง


สาวๆถึงได้ ละลายกันแบบนัน เล่นเอาพีนักร้ องนําโดนเมินนิมๆไป จะเรียกคะแนนกลับได้ ก็ตอนเริมร้ อง

พีหมอกถูกกรีดไม่หยุด ดูท่าจะฮิตในหมู่รุ่นน้ องจริงๆ วันนีใส่สทู ทับเสือคอวี กางเกงขาเด็ปสีดําติดขา ดูสงู กว่า


ปกติ รองเท้ าหนัง แค่นีผมว่าก็ดูดีกว่าคนนู้นทีเหมือนหัวตกถังเจลแล้ ว

ท่อนโซโล่ ผมกับพีต้ นหลุดหัวเราะออกมา พีหมอกหันหลังเล่นให้ คนดู พีๆผู้ชายถึงกับหลุดฮา ตะโกนเรี ยกพี


หมอก “หล่อโว้ ย แค่ตดู มึง กูยงั ใจละลายเลย!!” กล้ าพูดแบบนี แสดงว่าซีกันสินะ
เล่นแค่เพลงเดียว ก็เรี ยกเสียงโฮ่หิวได้ ดี เดินลงเวที หิวกีตาร์ ลงมาด้ วย ถูกดันหลัง “ไปหาไอ้ หมอกดิ”

“เอ้ า พีเขาไม่อยู่คยุ กับเพือนต่อหรอ?”

“ดูหน้ ามันดิ”

“ไหน…ผมไม่เห็น”

“เออน่า ไปเหอะ”

เดินฝ่ าคนไปหา โดนมองหน้ าหลายรอบ คงเพราะไม่ค้ นุ แหงละ ใครจะไปคุ้นหน้ าผมกันวะ อยู่คณะนีซะเมือไหร่


อ่ะ อันนันน่ากินชะมัด ขออยู่ด้วยคนสักห้ านาทีแล้ วกัน

ฉกติดมือมาชินสองชิน เดินเข้ าไปถึง พีหมอกเก็บกีตาร์ เข้ าซอง สะพายกระเป๋ าพาดบ่า ไม่ร้ ูว่าผมอยู่ข้างหลัง

ผู้หญิงเดรสสีชมพู ผมประบ่า ม้ วนกลมๆ ผมไม่ร้ ูเรี ยกอะไรแต่เรี ยกทรงหอยหลอด

“พ..พีหมอกคะ ค..คือ เพือนหนูฝากมาขอเฟสค่ะ”

“…..”

“เอ่อ…” เธอพูดไม่ออก โดนแค่พีหมอกจ้ อง ก็ปิดปากเงียบไป เดาไม่ออกว่าอยู่อารมณ์ไหนถึงได้ เบิกตาค้ างแบบ


นัน มองพีหมอกนิงๆ

“…พี”

ผมลองเรียกไป พีหมอกก็หนั กลับมา ยังรู้สกึ ถึงไอเย็นๆทีอยู่รอบตัว แต่พอหันมาเห็นผม ก็ดูจะจางลงหน่อย

“ท่อนโซโล่โคตรเท่เลย”

“กูร้ ู ”

จะปฏิเสธหน่อยก็ได้ “ไม่ถงึ ขนาดนันหรอกน่า” “ก็ยงั ต้ องฝึ กอีก” หรืออะไรก็ได้ แต่ไอ้ การตอบรับเฉยๆแบบนี ก็


เหมาะกับเป็ นพีหมอกดี
“พ..พีหมอกคะ”

พีหมอกหันไปมอง ในปากผมว่าง เลยฉีกลูกอมเข้ ามากิน เหมือนพีหมอกจะเห็น ผมหลบคนทีเดินสวนไปจากข้ าง


หลัง เรียก “กูไปละไอ้ หมอก ไปถ่ายรูปกับพีรหัสกูก่อน” พีหมอกแค่พยักหน้ า ดึงแขนผมทีจะถอยกลับไปไว้

“อ้ าปาก”

“ห้ ะ?”

“กูบอกให้ อ้าปาก”

ผมอ้ าปากตาม

“คายออกมา”

แล้ วก็แบมืออยู่ทีหน้ าผม

ผู้หญิงคนนันยังอยู่ ทําหน้ างงๆ เพือนเธอวิงมาสมทบข้ างหลัง ไม่ร้ ู มาเป็ นกองหนุนหรือเรียกให้ เดินออกไปด้ วยกัน

“ลูกอม..คายออกมา”

“เหอะ”

ปิ ดปากแน่น ก็ถกู บีบแก้ ม

“ใครให้ มงึ กินลูกอม”

“อือ”

โดนบีบจนปวดแก้ ม พยายามจะดึงมือออก แต่พอยิงขืนยิงเจ็บ เลยหยุด

“ฟั นผุ มึงยอมไปอุดไหม?”

“อืออือออ”
“คายออกมา”

ส่ายหัว ตอนทีผมขยับตัวหนี หลายๆคนก็เริมหันมามอง

มืออีกข้ าง พีหมอกปล่อยจากทีประครองซองกีตาร์ ทีสะพายไหล่ บีบจมูกผม เล่นทําซะแบบนี จะให้ ทํายังไงได้ ถูก


ล้ วงเอาลูกอมออกไปจากปาก ห่อใส่ทิชชู่ โยนลงบนโต๊ ะใกล้ ๆ ผมได้ แต่ยืนนิง ไม่แพ้ สองสาวนันสักนิด

พีหมอกเดินนําออกมา ผมไม่มีความจําเป็ นต้ องยืนต่อตรงนี เดินตามพีเขาออกไป

“…พีไม่ร้ ู สกึ อะไรเลยหรอ?”

“อะไร?”

“ก็…นําลายผม”

“มากกว่านีก็ยงั เคย”

“…อืม มันก็จริง”

พยักหน้ าเห็นด้ วย ถูกกอดไหล่ เดินเข้ าไปใกล้ อย่างช่วยไม่ได้ โดนสายตามอง แต่ก็ไม่เป็ นไร ไม่ร้ ูจักผม ก็จงไม่
รู้จกั ต่อไป

“พีหมอก”

หันมามอง ประตูลฟิ ต์เปิ ด ผมเดินเข้ าไปก่อน พอประตูลฟิ ต์ปิดลง ก็ไปพิงตัวทีกระจก มองออกไปข้ างนอก

“ดูน่นู ดิ”

“อะไร”

“คอนโดเราไง”

“หึ”
“ขําไร ผมพูดจริ ง ผมดูทางมาแล้ ว จริงๆมันก็ห่างจากคอนโดเราไม่เท่าไหร่เอง”

“เรา…”

“ครับ?”

“มึงพูดว่าคอนโด’เรา’”

“เอ่อ ความจริงผมก็ไม่ได้ เป็ นเจ้ าของห้ องหรอกนะ แต่ว่า-“

“เปล่าหรอก”

พูดแบบนัน แล้ วก็เห็น ด้ วยไฟอ่อนๆ พีหมอกยืนพิงกระจก ไม่ได้ สนใจวิวข้ างนอก มองไปทีตัวเลขบอกชันลิฟต์ ที


นับถอยหลังลงเรือยๆ

แอบยิมนิน่า

ผมทีกําลังจะถามต่อว่าตกลงแล้ ววันนีเรียกผมมาทําไม? หรือไอ้ ข้อความทีว่า มันคืออะไร? ก็ลมื ไปเสียหมด ยิม


ในส่วนทีพีหมอกขีอายเกินกว่าจะยิมออกมา หันมามองผม ผมเป็ นฝ่ ายยืนหน้ าเข้ าไปหาเอง ติง! ลิฟต์เปิ ดประตู
ออก ผมกับพีหมอกยืนอยู่คนละฝากของลิฟต์ ผมยิมให้ กบั ฝรังทีเดินเข้ ามาในนีอย่างน่าประทับใจในฐานะเจ้ า
บ้ าน

“Thank you”

“No problem”

กดประตูลฟิ ต์ ค้าง

เขาค่อยๆลากกระเป๋ าเดินทางกันออกไปจนหมด ไม่มีใครเข้ ามาในลิฟต์ ชัน G พวกผมต้ องออกแล้ ว คิดจะให้ พี


หมอกเดินออกไปก่อน แล้ วผมค่อยเดินตามออกไป

เงาทาบลงมาบนตัว

ก่อนจะหันไปมองคนทียืนอยู่ข้างหลัง ก็เห็นนิวทีเอือมมากดปิ ดลิฟต์ ผมหัวเราะ “ยังไงก็จะจูบให้ ได้ ใช่ไหม?”


“รู้แล้ วก็หยุดพูดซักที”

“ครับ ครับ”

ประตูลฟิ ต์ปิดลง แสงไฟด้ านนอกถูกบีบเป็ นเส้ นเล็กๆ

เห็นคนวิงมาแต่ไกล อาจจะเป็ นเพือน รุ่นพี รุ่นน้ องของพีหมอกทีลงมาถ่ายรูปชันล่าง แต่ตอนนีอยากกลับเข้ าไป


ในงานแล้ ว ดูรีบอยู่หน่อย แต่ยงั ไงก็ช่างเถอะ

รอเทียวหน้ าแล้ วกันนะ

……………………………………..
…………………………….

[ Code : complete ]
[12.12.12]
B.N.27

หายไปจากร้ านนี นานกว่าสิบวัน

คนทีหายไป ไม่ใช่ผมทีเป็ นพนักงานประจําแน่ ยังทํางานอย่างขยันขันแข็งเหมาะกับตําแหน่งพนักงานดีเด่นอยู่


เหมือนเคย

ผมมองทีนังตรงนัน ไม่ค่อยมีใครนังซักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพียงแค่ผม แต่ดเู หมือนว่าเก้ าอีตัวนันจะแอบรอเขาอย่าง


เงียบๆอยู่เช่นเดียวกัน

กุมหัวตัวเอง ขยีจนยุ่ง มองนาฬิกา อย่างเร็วทีสุด สมมติว่าเขาจะมา ก็ยงั ต้ องรออีกห้ าชัวโมง

ทีร้ านงานยุ่ง ดูเหมือนไม่มีเวลาให้ คิดอย่างอืนแท้ ๆ แต่ในหัวกลับวุ่นอยู่กบั เรืองอืน ยืนเอ๋อทีเคาน์เตอร์ จนลูกค้ า


ต้ องสะกิดก็ยังมี

พีบอลทีเจอเมือวันเสาร์ ดูเปลียนไปจากครังล่าสุดทีเจอเยอะจนไม่อยากเชือว่าไม่เจอกันแค่ปีเดียว ตอนนีไม่ใส่


แว่นแล้ ว หันไปเล่นคอนแท็กส์ เลยเหมือนได้ เห็นมุมทีไม่เคยเห็น ผมตัดสัน หล่อจนสาวเหลียว มาหาถึงทีร้ าน
เพราะนัดกับพีโก้ ไว้ ด้วย

ได้ แว้ บเข้ าไปในวงบ้ างบางที แต่สว่ นมากก็ได้ แค่โฉบผ่าน ได้ ฟังเรืองเล่าความยากลําบากในต่างแดนฉบับย่อ
ต่างจากพีโก้ ทีเป็ นฉบับไตรภาค เสียงหัวเราะดังเป็ นระยะ

พีบอลหนีออกไปสูบบุหรี ทิงพีโก้ หลีแฟนเก่า (ปั จจุบนั ภรรยา) “ไม่ไปทํางานหรือไง?” “อีกหน่อยน่า” ระวังจะอีก


หน่อย เหลือระยะเวลาทํางานได้ อีกหน่อยเข้ าจริงๆหรอกพี

โดนกวักมือเรียกผ่านกระจกนอกร้ าน มองดูแล้ ว พีกวางยังอยู่ เลยลุกตามออกไป

“ได้ ข่าวว่าเลิกกับไอ้ หมอกไปแล้ วหรอ?”

“เอ่อ….”

“คงไม่เชิงสินะ”

“ก็งนอ่
ั ะพี”

“ก่อนกลับมา เพือนคนฮ่องกงคนนึง เขาย้ ายมาฝึ กงานทีสิงค์โปร์ เขาเล่าข่าวๆนึงให้ ฟัง”

หยิบบุหรีออกมา แต่ไม่ยักจะสูบ บอก “โทษที อยู่ทีนู่นสูบหนักหน่อย” พอจะนึกบรรยากาศออก “ไม่เป็ นไร อยาก


สูบสูบเลยพี ลมพัดไปด้ านนู้นพอดี” เลยหยิบไฟแช็คออกมา

“ก่อนหน้ านีอาจจะเคยได้ ยินเรืองทีแท็บเล็ตตัวแรกของ TK-Group ทีสเป็ คหลุดออกมาบ้ างใช่ไหมล่ะ? ความจริง


ปั ญหามันไม่ได้ มีแค่สเป็ คหลุดหรอก เห็นว่าหนอนบ่อนไส้ ไอ้ หมอกมันเลยเข้ าไปเคลียร์ เอง แต่ปรากฏว่าดันไม่ใช่
แค่พนักงานเล็กๆไม่กีคน กลับเป็ นคนในบอร์ ดบริหารเอง” ตอนนีเหมือนฟั งเรืองย่อของหนังจีนทีเคยดูตอนเด็กๆ
เรืองหุ้น การบริหาร วงการการค้ าทีต้ องรู้ทนั เล่ห์เหลียมตลอดเวลา “พวกนันเขาไม่ร้ ูหรอก ว่าไอ้ หมอกมันเป็ น
เพือนกับลูกชายไอ้ บริษัทนัน แข่งกันช้ อนหุ้น ไอ้ หมอกน่ะมือใหม่ ไม่มีเส้ นสาย ถ้ าไม่ได้ ทีปรึกษาเก่งๆคงไม่รอดมา
หรอก ทีพลาดคงเป็ นเรืองไม่ได้ ประกาศเรืองนีออกไป เลยกลายเป็ นว่าพนักงานส่วนใหญ่ เกลียดขีหน้ ามันซะงัน
แล้ วพวกทีปลดไป ก็เส้ นสายใหญ่ๆทังนัน”
“พึงเข้ ามา กลับทําตัวเด่น ถอดผู้บริหารเก่าๆออกจนหมด จะโดนหมันไส้ ก็คงไม่แปลกหรอก” พีบอลบ่นพึมพําต่อ
“แต่อีกฝ่ ายเป็ นถึงลูกชายนักธุรกิจตัวเอ้ แบบนัน คงไม่ช่วยฟรีๆหรอก เรืองเอาอะไรไปแลกนันน่ะ ในวงซุบซิบเขา
ยังเถียงกันไม่เลิกซักที”

“…..อืม”

เหมือนฟั งเรืองเล่าของคนทีไม่ร้ ูจักเป็ นการส่วนตัว

รู้ว่าพีหมอกทํางานหนัก แต่นกึ ภาพรวมๆไม่ออก ทีพีบอลเล่าให้ ฟัง พนันได้ ว่าเป็ นแค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึงเท่านัน

“ได้ ยินเรืองจากไอ้ โก้ หมดแล้ ว ทังเรืองทีเลิกกัน หรือเรืองทีช่วงนีมันมาป้วนเปี ยนแถวนีบ่อยๆน่ะ” พีบอลไม่เปิ ด


โอกาสให้ ผมพูดคําสันๆอย่าง เอ่อ อืม นันอีก พูดต่อ “ตีคิดว่าไงล่ะ”

“……”

“ไม่ได้ เค้ นคําตอบหรอกนะ อันนีเป็ นเรืองของคนสองคน พีไม่ย่งุ หรอก แต่แค่อยากมาเตือน ว่าอยากให้ ตัดสินใจ
อะไรเด็ดขาดมากกว่า อย่างทีไอ้ หมอกมันทํา มันกลับมารอบนี คงคิดอะไรอยู่แน่ๆ”

“พีคิดว่าพีหมอกจะทําอะไร?”

“ใครจะไปเดาไอ้ หมอกออก” นันสิ ผมก็คิดแบบพีเปี ยบ “แต่คิดว่าไม่ว่าแบบไหน ก็คงจะทําให้ ทุกคนอึงเหมือน


เคย”

“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะทีค่อยๆเบาลง พีโก้ เคาะกระจกเรี ยกให้ กลับไปข้ างใน

“แล้ วทีนู่น พีทํางานเป็ นไงบ้ าง”

“หนัก บอกได้ คําเดียวเลย อย่างวันหยุดทังปี นีก็ขอได้ แค่อาทิตย์เดียว แต่สนุกดี ได้ เจออะไรหลายๆอย่าง ระบบ
เขาต่างกับไทยเยอะ ต้ องปรับตัว”
พีโก้ กําลังจะหันมาชวนพีบอลคุย แต่ช้ากว่าผมทีถามออกไปก่อน“พีจะกลับมาอีกเมือไหร่ ?” ทังวงสนทนาทีมีพี
กวางมาจอยด้ วยก็เงียบลง รอคําตอบ

“….ไม่ร้ ูสิ”
พีบอลยิมจางๆ ยิมทีดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ นังลงกับโซฟาแล้ วก็ยกถ้ วยกาแฟขึนดืม

…………………………………….
…………………………….

กําลังจะเทียงคืน

ผมยังอยู่ทีร้ าน เปิ ดไฟอยู่แค่โคมไฟด้ านบนหัว ภาพทียังวาดไม่เสร็ จ รู้สกึ เหมือนถ้ ากลับบ้ านไปก่อน อาจเหนือย
เกินกว่าจะจับดินสอขึนมาได้ ยังไม่ได้ คิดวิธีกลับบ้ าน เอาจริงแล้ ว มันไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกทีผมยังไม่กลับ

เมือยกับเก้ าอีจนต้ องลุกขึนมาเดิน เปิ ดประตูออกมานอกร้ าน อากาศเย็นกว่าข้ างในหน่อย มองซ้ ายมองขวา


เหลือแค่ไม่กีร้ านทียังเปิ ดไฟอยู่ ไฟถนนสว่างเป็ นจุดๆ ยังมีรถขับผ่านตลอด บิดเอวไปมา ได้ ยินเสียงกร็อบแกร็บ
ประท้ วงจากกระดูก

กลับเข้ าไปในร้ าน ได้ ยินเสียงปิ ดประตูรถ หันกลับไป เห็นพีหมอกกําลังเดินมาทีร้ าน แสงด้ านนอกสลัว เมือมอง
จากด้ านใน

ตังใจจะเดินไปเปิ ดประตูให้ แต่ดนั มาถึงตัวประตูพร้ อมกัน ทังมือผม ทังมือพีหมอก จับอยู่ทีลูกบิดประตู ประตู


บานนีเปิ ดเข้ าออกได้ ทงสองด้
ั าน

มองเห็นพีหมอกทีมองตอบมาผ่านกระจก วันนีผมสันๆนัน ดูย่งุ นิดหน่อย เหมือนรีบร้ อนทีจะมาทีนี

เราปล่อยมือออกจากลูกบิดพร้ อมกัน

นันเป็ นเรืองทีผมแปลกใจอยู่นิดหน่อย พีหมอกก็คงไม่ต่างกัน

ผมชีนิวไปทางพีหมอก เขาจึงเป็ นฝ่ ายบิดลูกบิดประตู แล้ วเดินเข้ ามา

“คิดว่ากลับไปแล้ ว”

“ผมไม่ได้ รออยู่พีอยู่นะ แค่นงวาดรู


ั ปอยู่”
พีหมอกไม่ตอบ มองหาหลักฐาน แล้ วก็เห็นสมุดวาดเขียนอยู่บนโต๊ ะ หันกลับมา

“เดียวไปส่ง”

“อืม..เฮ้ ย เดียว ผมลืม”

วิงกลับไปทีหลังเคาน์เตอร์ ในตู้เย็น คว้ าถุงในนันมา วิงกลับมาหา เห็นพีหมอกกําลังคุยโทรศัพท์อยู่ ขยีหัวอย่าง


หงุดหงิด เลยเดินเลียงไปทางอืนแทน เก็บหนังสือลงกระเป๋ า สมุดนียัดไม่ลง ต้ องหนีบไป

“รอก่อน”

บอกแค่นนแล้ั วก็เดินออกไป ผมปิ ดไฟ ปิ ดร้ าน เดินทิงช่วงอยู่ห่างๆ พีหมอกเปิ ดประตูรถ เข้ าไปแล้ วปิ ดประตูรถ
เสียงดังปั ง เล่นเอาผมไม่กล้ าขึนรถ อยู่ด้านนอก ไม่ได้ ยินเสียง แต่พอพีหมอกเอามือทุบพวงมาลัยรถ เสียงแตรก็
ดังไปทัว จบด้ วยการเขวียงมือถือไปเบาะหลัง ไม่ทราบชะตากรรม

เดินตัวหนีบขึนรถ บนนันเงียบกริ บจนอดหนาวไม่ได้ เสียงโทรศัพท์ ดงั ตอนแรกผมนึกว่าเป็ นไอ้ เครืองทีกระเด็น


หายไปแล้ ว จนพีหมอกหยิบโทรศัพท์อีกเครืองออกมาจากกระเป๋ ากางเกง “อะไร?” “เดียวกลับไป” “รอไม่ได้ หรือ
ไง?” “ช่างหัวมัน” ไม่ร้ ูว่าอะไร แต่ร้ ู ว่าการทีพีหมอกมาอยู่ทีตรงนีกับผม คงจะสร้ างปั ญหาให้ ใครอยู่แน่นอน ช่าง
หัวมันน่ะ จะดีเรอะ? แหม่ ได้ ยินคํานีทีไร อยากเล่นมุกสมัยพระเจ้ าเหาทุกที ช่างหัวมัน? พวกพีเป็ นเกษตรกรหรอ
ครับ?

“เอ่อ…ถ้ าติดงาน ส่งผมลงตรงนีก็ได้ เดียวผมนังรถต่อไปเอง”

“ไม่ต้อง”

“….”

“ตี”

“ครับ?”

ยืนโทรศัพท์ มาให้ แป้นตัวเลขอยู่บนหน้ าจอ “เบอร์ ”

รีบกดเบอร์ ลงไปให้ กดโทรออก มือถือผมก็สนั ยืนคืนให้ ด้วยสองมือ นึกว่าจะโดนกระชากมือถือกลับไป ยังดีทีรับ


นิมๆไปจากมือผม

รถจอดทีหน้ าบ้ าน ไฟเปิ ดแค่หน้ าประตูด้านใน ทุกคนคงหลับไปแล้ ว เปิ ดประตูจะลงจากรถ พีหมอกก็พูดขัด

“นีไม่ใช่รถสาธารณะ”

“ห้ ะ?”

กระชับสายกระเป๋ า หันมามอง ไม่เข้ าใจว่าต้ องการจะสืออะไร

“…ผมจะบอกว่าไม่ได้ นงฟรี
ั ”

ไม่ค้ นุ กับคําว่าผมของพีหมอกซักที ฟั งแล้ วเหมือนโดนหนอนไต่อยู่บนคอ พีหมอกอาจจะชินกับการพูดคํานี


มากกว่าทีผมเวลาได้ ยิน

“พีจะคิดค่านํามันหรอ?”

“ใช่”

“……”

รถพีก็ผลาญนํามันได้ กระชากใจด้ วย แท็กซีทัวไปรถญีปุ่ น เริ มต้ นที 35 บาท แต่รถยุโรปคันนี ผมมันใจว่าเกินสอง


หลักไปนานโข

พีหมอกขยับตัว นังหันมาทางผม แขนข้ างหนึงเท้ าเบาะไว้ อีกมือเลือนออกจากพวงมาลัย ชีนิวมาทีผม ผมชีนิว


เข้ าหาตัวเอง พีหมอกชีนิวเข้ ามาใกล้ มากขึน ผมชีปากตัวเอง พีหมอกพยักหน้ า ผมส่ายหัว

“เฮ้ ย พึงรู้จกั กัน ยังไม่ทนั ได้ จีบ จะขอจูบเลยหรอ?”

“นีก็ทําอยู่”

“พีจีบผมอยู่?”

“ดูไม่ออกหรือไง”
นึกย้ อนกลับไป พยักหน้ า “ถ้ าไม่ใช่ผมคงดูไม่ออกอ่ะ”

เงียบกันไปสักพัก พีหมอกก็ตอบขึนมาเร็วๆรัวๆ เหมือนไม่ได้ ตงใจพู


ั ดให้ ฟัง

“ไม่ได้ จะทําเพือคนอืนอยู่แล้ ว”

“…..เฮ้ ย พี! อย่าเปิ ดไฟ”

“ทําไม?”

“ป..เปล่า เดียวรถก็ขบั ไปแล้ วใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องเปิ ดหรอก”

หมาเห่าจากทีไกลๆ ขัดจังหวะ ผมส่งเสียงไอเบาๆ คอแห้ งฝื ดไปหมด

“เร็วๆ”

“อย่าเร่งดิ”

“ยืนหน้ ามา”

“ผมให้ ได้ แค่นี”

เอานิวชีแก้ ม จิมสองสามที พีหมอกก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ขยับตัวเข้ ามาใกล้ อีกหน่อย ผมเอียงตัวเข้ าไปหา

คิดว่าหลับตาหรือลืมตาดี ก็เข้ ามาใกล้ จนลมหายใจเกลียหูแล้ ว รีบเป็ นฝ่ ายยืนแก้ มไปชนก่อน พีหมอกนําไปอีก


ก้ าว ใช้ มือข้ างหนึงจับคางผมไว้ มืออีกข้ างเอือมไปเปิ ดไฟ อะไรจะเคลือนไหวได้ พร้ อมกันขนาดนี

“เฮ้ ย! ไม่ให้ จบู ”

“ทําไม จะต่างกันยังไง?”

“ต่างครับ”

หมดคําพูด เงียบไปซักพัก แล้ วก็พึมพําออกมา เหมือนไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือเปล่า “….ทีนันจูบเป็ นการ


ทักทาย”
“พีจูบกับคนอืนหรอ?”

“…..”

“ตอบมาดิ”

“เปล่า…” ตอบแบบนัน เอนตัวกลับไปทีเบาะตัวเอง หยิบมือถือออกมาเช็คแต่ก็ไม่เห็นจะทําอะไร เก็บลงไป


“ไม่ได้ ทํา แค่ยกตัวอย่าง”

“เออ”

“….”

“ผมไม่เคยจีบใคร”

พูดออกมาเก้ อๆ ผมไม่ได้ หนั ไปมอง แต่เห็นผ่านเงากระจก เห็นพีหมอกขยีผมตัวเองเบาๆ เหลือบไป เห็นว่าขมวด


คิวจนยุ่งอยู่

“…จะไปรู้ได้ ยงั ไง ว่าต้ องทําอะไร?”

“ทําไมไม่ร้ ู แต่ผมรู้ สกึ เหมือนผมรู้ว่าพีไม่เคยจีบใครมาแน่ๆ” ระหว่างทีพูด ก็ค่อยๆหลุดหัวเราะออกมา พอจบ


ประโยค ก็เผลอหัวเราะดังๆออกมา

“เคยคบกับใครมาก่อนหรือเปล่า?”

หันไปมอง พีหมอกมองตอบกลับมา “เคยสิ ครังนึง”

“แล้ ว…”

“ผมงีเง่า เราเลยเลิกกัน”

“…คงไม่ใช่คณ
ุ ฝ่ ายเดียว”

“พีคิดว่าแบบนันหรอ?”
“รักไม่ใช่เรืองของคนๆเดียว”

“ผมว่านีไม่ใช่พีคิดเอง ใครบอกคํานีมา?”

พีหมอกเคาะนิวกับพวงมาลัย เหลือบมามองสันๆ แล้ วหันกลับไปมองด้ านหน้ าเหมือนเดิม “ผู้หญิงคนนึง ที


เอาชนะไม่ได้ ”

ใครกันนะ?

บนรถเงียบไป เสียงสันของโทรศัพท์ดังจากเบาะหลัง เครืองทีบินร่อนไปนันแหละ พีหมอกไม่สนใจ สักพักก็เงียบ


ไป เครืองทีพีหมอกเก็บไว้ ในกระเป๋ ากางเกงสันแทน

หยิบออกมาดู เหมือนจะเป็ นเมสเสจ

“งันผมลงแล้ วนะ”

คว้ าข้ อมือไว้ เร็ ว เร็วกว่าทีมือผมจะถึงประตูรถซะอีก “ยังจ่ายค่าโดยสารไม่ครบ”

“แล้ วต้ องจ่ายอีกเท่าไหร่ ละ่ ครับ?”

ชีทีเดิม เพิมเติมเพือใครไม่ร้ ู คนๆนี ถ้ าอยากได้ อะไร ต้ องได้ ไม่มีคําว่า “ไม่เป็ นไร” “ครังหน้ าลองใหม่” เขาไม่ใช่
คนแบบนัน ปลายนิวแตะลงบนริมฝี ปาก เป็ นปลายนิวโป้ง โดนผมจ้ อง เลือนไปเกลียข้ างแก้ มแทน

“จ่ายไม่ครบ คงให้ ลงไม่ได้ ”

“…พีนีร้ ายจริงๆว่ะ”

“คุณคงไม่ร้ ู ว่าผมเคยร้ ายกว่านีเยอะ”

“อาจจะรู้ก็ได้ ละ่ มัง?”

“หึ” ยิมมุมปาก ยิมแบบนัน ปี ศาจชะมัด “แล้ วไง คุณกลัวหรือเปล่า? ผมไม่อยากฟั งคําว่าใช่หรือไม่ร้ ู ”

หลุดหัวเราะออกมา “ผมว่าไม่ใช่เคยร้ ายแล้ วมัง ก็มนั ก็เหลืออยู่แค่คําตอบเดียว”


“ตอบมาสิ”

“…..”

“ผมไม่ใช่คนใจเย็น”

“อันนีผมรู้ ”

ปลายนิวผมแตะลงทีชายแขนเสือพีหมอก เลือนขึนมา ถึงมือ จับมือนันไว้ กดจูบลงบนนิวโป้ง เสียงหายใจพี


หมอกหายไป ถึงตอนทีนิวโป้งนันกดเข้ ากับริมฝี ปากพีหมอก ก็ไม่มีปฏิกิริยาอืน นอกจากกระพริบตาสองสามที
เท่านัน

“ครบแล้ วใช่ไหมครับ?”

“…ครบแล้ ว”

“งันผมลงแล้ วนะ”

แค่พยักหน้ าตอบ

“เดียว”

“ครับ?”

“ไม่มีอะไรจะให้ หรือไง?”

“หือ?ให้ ?อ่อ…” ยกถุงทีอยู่ในมือขึน ถุงบัตเตอร์ เค้ ก “อันนีไม่ใช่ของพีสักหน่อย”

“….”

“ผมพึงลองทําครังแรก เลยกะจะเอามาฝากม๊ ากับเฮีย”

“…รีบๆลงไป”
“อย่าพึงดิ ผมยังพูดไม่จบเลย”

“….”

“มีมาฝากชินนึงแต่มีข้อแม้ นะ”

“อะไร?”

“ตกลงผู้หญิ งคนนันคือใคร?”

มองตามปลายนิวพีหมอกทีชีออกไปนอกรถ ขมวดคิวมองตามงงๆ

เห็นม๊ ายืนอยู่ทีประตูรัว ผมยิมแหยตอบ

……………………………………..
………………………….

“อาตี โซ่ยตี”

“ม๊ าคร้ าบ ตีง่วงม๊ ากกมากเลย ขอตีไปนอนก่อนนะครับ ม๊ านอนดึกก็ไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกัน เพราะฉะนัน-“

“มาคุยกันก่อนเถอะ เรืองโซ่ยตีทําม๊ านอนไม่หลับ”

“ครับ”

เดินตามม๊ าไป กําลังจะนังกับพืน ม๊ าตบทีนังข้ างๆ ขึนไปนังทีตรงนัน

“เดียว ก่อนทีม๊ าจะถามอะไรตี ขอตีถามม๊ าก่อน”

ม๊ าพยักหน้ า “ม๊ าไปคุยกับพีหมอกตอนไหน?”

“โซ่ยตีหมายถึงล่าสุดทีคุยใช่ไหม?”
ผมพยักหน้ า “ม๊ าบอกไม่ได้ หรอก หมอกไม่ให้ บอก”

“หมอกของม๊ าสําคัญกว่าผมอีกหรอ?”

“ใครรักตี ม๊ าก็รักทังนัน” ม๊ ายิม “ม๊ าอยู่กบั ตีได้ อีกไม่นาน เฮียฮ้ งก็ดแู ลโซ่ยตีไม่ได้ ทงชี
ั วิต คนทีจะต้ องอยู่กบั โซ่ยตี
ไปตลอด ไม่ใช่อาหมอกเหมือนกัน แต่เป็ นตัวโซ่ยตีเอง”

“ม๊ าอย่าพูดแบบนันดิ ม๊ ายังอยู่กบั ตีไปอีกนาน”

“ม๊ าแค่พดู ความจริง คิดถึงคนรอบข้ างน่ะ ดีแล้ ว ถูกต้ องแล้ ว แต่บางครังก็ต้องคิดถึงตัวเองด้ วยเช่นกัน ม๊ าไม่
อยากให้ โซ่ยตีต้ องเสียใจเพียงเพราะคิดมากเกินไป”

“อืม…”

“แต่โซ่ยตีโตพอทีจะตัดสินใจ แก้ ปัญหา แล้ วก็ยอมรับเรืองทีจะตามมา ม๊ าคงไม่เข้ าไปยุ่งด้ วยเหมือนตอนโซ่ยตี


เด็กๆหรอก อาจจะทําได้ แค่แนะนําแบบนี…”

“ตีชอบ ตีขีเกียจคิดเอง” พูดแบบนันก็โดนตีเผียะเบาๆ “เออ ม๊ า ตีถามหน่อย” ม๊ าเงียบ รอผมพูดต่อ

“ม๊ า..ม๊ าชอบพีหมอกป่ ะ”

“หือ?”

“ไม่ คือ แบบ โอ้ ย คือ คือคิดยังไง ไม่ใช่ คือ ตีจักจีชะมัด คือ ม๊ าเข้ าใจทีตีพูดใช่ไหม?”

ยังดีทีม๊ าพยักหน้ า ม๊ ายิมแบบนี ถึงม๊ าจะแก่ขนึ แต่ก็ยงั สวยสุดในสายตาผม เข้ าใจแล้ ว ว่าทําไมพีหมอกถึงเรี ยก
ม๊ าว่าผู้หญิงทีเอาชนะไม่ได้

“ตอนแรกม๊ าห่วงเรืองนิสยั คิดว่าจะเข้ ากันได้ หรือเปล่า เพราะอาหมอกถูกเลียงมาต่างจากโซ่ยตีเยอะ ยังมีเรืองที


ทังโซ่ยตีกับอาหมอกไม่เข้ าใจอยู่อีกเยอะ ต่างคนต่างถือทิฐิตวั เอง บางครังเหมือนจะรับฟั งกันและกัน แต่บางครัง
ก็เหมือนจะไม่สนใจอีกฝ่ ายเลย”

“….รักไม่ใช่เรืองของคนๆเดียว?”

“และรักไม่ได้ มีแค่ความรักอย่างเดียว”
“ผมเข้ าใจแล้ ว แป็ บนึงนะม๊ า”

ดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ ากางเกง แงะยาก กางเกงดันลีบติดขา วิงออกมาหน้ าบ้ าน ไม่เห็นเงารถบีเอ็มคัน


นันแล้ ว กดเบอร์ โทรหา เบอร์ ลา่ สุดทีผมยังไม่ได้ เม็มไว้

“ฮัลโหล?ฮัลโหล?”

“อะไร…”

“พีหมอกอยู่ไหน? ขับออกไปไกลหรือยัง?”

“ทําไม? ยังอยู่ในซอย”

“จอดรถก่อน! รอผมแป็ ปนึง!”

ไม่อยากเสียอีกวินาทีทีผมตัดสินใจพลาดอีก

วิงหนีบแตะไป พึงนึกได้ ลืมถามว่าไปด้ านไหน หยุดวิง กําลังจะโทร บ้ าเอ้ ย เขาก็ต้องออกไปหน้ าปากซอยสิวะ


จะไปท้ ายซอยทําไม รองเท้ าแตะตบพืนดังแปะๆ เหมือนเสียงตบมือให้ กําลังใจ ผมได้ เห็นหน้ าไอ้ หมาตัวทีเห่า
หอนทําลายบรรยากาศชัดๆ เข้ าไปเตะรัวบ้ านทีมันอยู่ มันดันฉลาด งับรองเท้ าแตะไว้ ยือกับมันสักพัก สุดท้ ายมัน
ก็ได้ ไป ของเล่นใหม่ทีเอาไปเคียวไม่นานก็คายทิงไว้ ให้ ผมเสียดายเล่น

“ทําอะไรอยู่?”

“เหยย”

มองเห็นรถพีหมอกอยู่ไม่ไกล พีหมอกไม่ได้ เดินมาหา ยังยืนอยู่ทีข้ างประตูรถ ไฟท้ ายสีแดงส่องทักทายผม เล่น


จอดซะกลางถนน แต่กลางคืนก็ไม่ค่อยมีรถผ่านอยู่แล้ ว

“มีอะไร?”

“เฮ้ ย! คุณน่ะ!!”

“…..”
“อย่าเดินเข้ ามา! ไม่งนมั
ั นจะไม่เท่” ทําไมตอนพูดคํานีผมต้ องเอามือขยุ้มเสือตัวเองด้ วย

“…จะเล่นอะไร-“

“โสดอยู่ใช่ไหม?!”

พีหมอกเงียบไป ผมเผลอเอามือเกาะรัว โดนหมากระโจนใส่กระแทกรัวปั ง ปล่อยมือสะดุ้งโหยงออกมา

ได้ ยินพีหมอกตอบ ทําหน้ าเหมือนไม่แน่ใจว่าผมจะเล่นอะไร “….ใช่”

“ผมก็โสดอยู่!!”

“รู้แล้ ว! จะพูดอะไรกันแน่?”

“งันเราลองมาคบกันไหมละ?!!”

“….”

“….”

“อย่าเงียบดิ!รีบๆตอบมา!”

“แล้ วจะตะโกนทําไม….”

“ก็พีอยู่ไกล…ผมกลัวไม่ได้ ยิน”

“พูดว่าอะไรนะ”

“พีอยู่ไกล! ผมกลัวไม่ได้ ยิน!”

“แล้ วทําไมไม่เดินมา?”

เออว่ะ
หันไปมองหน้ าหมาหลังรัว มันมองตอบ แลบลินใส่ อย่างกับจะล้ อเลียน

วิงเข้ าไปหา “ขอผมกอดแป็ ปนึง” มันไม่แป็ ปเดียวอย่างทีผมพูดหรอก ถูกจับไว้ ได้ ปลาว่ายเข้ าแหอย่างนี มีหรือ พี
หมอกจะปล่อยไป “พอแล้ ว พอแล้ ว ผมจะกลับไปหาม๊ าละ”

“…ขออีกห้ านาที”

“สอง”

“…สองนาที”

เสียงพีหมอกตํา กว่าครึง หายอยู่ในคอ ผมชอบเสียงแบบนี มันเป็ นเสียงคล้ ายเสียงกระซิบ ซึงหมายความว่ามีแค่


ผมทีได้ ยิน

ทีตัวพีหมอกไม่มีกลินผม และทีตัวผม ก็ไม่มีกลินพีหมอกอีก

ผมไม่ค้ นุ ชินกับกลินแบบนีเท่าไหร่ แต่มนั ก็ทําให้ เรานึกขึนได้ ว่าทีจริงแล้ ว เราก็ยังมีข้อแตกต่างทียังไม่เคยหาวิธี


จะอยู่กบั มันจริงๆจังๆอยู่หลายเรือง เรืองทีบางครังเหมือนจะสนใจแต่ความจริงแล้ วกลับมองข้ ามมันไป…สําหรับ
พีหมอกแล้ ว มันมีเรืองอะไรอยู่บ้า ผมคงต้ องลองนึกดู

“…มีปัญหาอะไรต้ องบอกผมนะ”

“อืม”

“ถ้ ามีอะไร ผมก็จะบอกพีเหมือนกัน”

“ตี”

“ครับ”

“กู-“

“ไหงเป็ นกูอีกแล้ ว”

“ขีเกียจ”
“ขีเกียจอะไร..พูดว่าผมก็ดีออก”

“ไม่ชอบ”

“….หมดช่วงโปรโมชันแล้ ว ผมขอต่อโปรได้ ไหม?”

“มึงชอบแบบนัน?”

“เปล่าหรอก…สําหรับผม แบบไหนก็ได้ ทงนั


ั น”

สักพักใหญ่ กว่าจะพูดออกมาต่อ

“…กูอยากให้ มงึ จําไว้ ทังเงิน ชือเสียง ตําแหน่ง หรืออะไรพวกนัน สําหรับกู มันไม่สาํ คัญ”

“…….”

“อย่าสนใจมันก่อนกูเด็ดขาด”

“อืม”

“กูเกลียดเวลามึงสนใจคนอืนมากกว่ากู กูร้ ูว่าบางทีกูก็เกินไปหน่อย แต่กไู ม่อยากให้ ความคิดแบบนัน ผลักกูไป


ในทีทีกูไม่ต้องการ”

“อือ…ผมเข้ าใจแล้ ว”

พีหมอกหลังชุ่ม เงียบไปอยู่นาน โทรศัพท์สนั ผละออก มือพีหมอกไล่ตงแต่


ั กลางหลังจนถึงข้ อศอก ถึงจะยอม
ปล่อย หยิบมือถือขึนมาอ่านข้ อความ เงยหน้ ามองผม

“ขับรถปลอดภัยนะครับ”

“อืม”

“ตอนนีพีชอบงานทีพีทําอยู่หรือเปล่า?”
“….ยังตอบไม่ได้ ” พูดแบบนัน แล้ วก็ทํางานเต็มที มีร้อยทุ่มให้ ร้อยกับงาน บริษัทนีคงโชคดีทีได้ พนักงานแบบนี พี
หมอกมีหลายอย่างทีผมไม่มี และผม สมควรจะมี

ความทะเยอทะยานทีไม่สนสุ
ิ ด ของพีหมอก มีมากเกินไป ผมมีน้อยเกินไป

“ผมกลับบ้ านก่อนนะ”

“เดียวกูไปส่ง”

“ไม่เป็ นไร ใกล้ นิดเดียว”

มองอยู่แบบนัน ไม่ได้ พูดอะไร แค่พยักหน้ าตอบ สุดท้ าย พีหมอกขับรถออกไปก่อน ผมยืนมองทะเบียนบ้ านหลัง


ทีเจ้ าหมานันอยู่ ได้ แต่คิดว่าพรุ่ งนีต้ องตืนมาเอารองเท้ าคืนให้ ได้

ทางเดินข้ างหน้ าอีกไกล มองด้ วยสายตาว่าไกลแล้ ว แต่ในความรู้สกึ คิดว่าไกลกว่า บางที อาจจะต้ องเดินให้ ช้าลง
มองซ้ ายมองขวาไม่เห็นใคร เลยเดินร้ องเพลงตลอดทาง

…………………………………………
……………………………….

[BN27 : complete]
[1.1.56]

ขอยังไม่อีดิท แก้ ตัวเอียงตัวหนาอะไรทังนัน


ไปนอนก่อนละเด้ อ พรุ่ งนีต้ องจรลีกบั หอแต่เช้ า

สวัสดีปีใหม่
B.N.28

มือถือสัน ผมไม่ได้ หยิบออกมาทันที พอมือว่าง ค่อยหยิบออกมา พีกวางตบไหล่เบาๆ ไม่เชิงติเตียน เห็นรอยยิม


บนหน้ านัน โดนแซวอีกแล้ ว

ผมยิมแหะๆ เบียงตัวหลบ ป้องมืออ่านข้ อความ

Mhok:
18.45
วันนีไปหาไม่ได้

กดข้ อความกลับ “ง..งันห..” ก็โดนอีกเมสเสจส่งเข้ ามาหา ลบข้ อความทียังพิมพ์ไม่หมดออกไป

Mhok:
18.47
ติดประชุมดึก

“ผมรอได้ นะ..”

กดส่งไป คราวนีรออยู่นาน ก็ไม่เห็นจะตอบอะไรกลับมา มองมือถือได้ อีกสักพักก็ต้องเก็บลง เมือได้ ยินเสียงเรียก

ก้ มหน้ าลงคิดเงิน รู้สกึ หงุดหงิด ผมยาวจนต้ องใช้ ทีคาดผม ยืนเกาหัวแกรกๆ ยิมโบกมือให้ กบั แก็งค์หวั เปี ย ชอบ
เอาของมาฝาก นังแช่ในร้ านนานๆ รอจนร้ านเกือบปิ ด นังทําการบ้ าน ถ้ าเป็ นโต๊ ะแบบนีต้ องรีบเก็บจานเค้ ก ไม่งนั
อาจได้ ยินเสียงแตกของจานได้ ง่ายๆ

นาฬิกาวิงทวนกับคนทีเดินเท้ าอยู่ด้านนอก ตัวเลขเพิมขึน คนบางตา


“อ้ าว ไม่กลับหรอตี?”

“หืม?”

“เก็บร้ านเสร็จแล้ วนิ”

“เดียวผมกลับ พีกลับไปก่อนได้ เลยครับ”

“รอใครล่ะสิ?..”

“ลูกค้ าสังเค้ กไว้ ไม่ยอมมาเอา สงสารเค้ กว่ะพี”

พีกวางแค่หัวเราะ พูด “งันพีกลับก่อนนะ” เห็นเงาพีโก้ อยู่ด้านนอก โบกมือเข้ ามาในร้ าน ผมตอบกลับ รถคันนัน


ขับหายไป เดียวนีไอ้ พีโก้ ขบั เบนซ์แล้ ว ได้ ยินเสียงรถกร่างๆ ให้ ความรู้สกึ ต่างกับรถเยอรมันคันนัน

ไม่ได้ ลอ็ คประตูร้านไว้

มองนาฬิกา ค่อนข้ างดึก ผมนอนดึกเป็ นนิสยั งานกองอยู่บนโต๊ ะ กลับสูว่ งจรค้ างคาว เห็นแล้ วรู้ สกึ ขีเกียจจนต้ อง
หนีไปหาของกิน

แปลกใจทียังนังอยู่ทีตรงนี

ในร้ านเพียงลําพัง แสงสลัว ผมไม่ได้ รอใครอยู่ ทีพูดแบบนีเพราะรู้ว่าอีกฝ่ ายก็ติดงาน คงไม่ว่างมา แต่ก็ยงั นังเล่น
เปิ ดเพลงในร้ านอยู่เบาๆ เป็ นเพลงเกาหลี ไม่ร้ ูคําแปลหรอกครับ แต่เห็นพีกวางชอบเปิ ดบ่อยๆ ฟั งบ่อยเข้ า ก็เริ ม
คุ้นหู

ยกแก้ วโกโก้ ขนดื


ึ ม นังคู้เข่าอยู่บนเก้ าอี ยืนมือออกไป ค้ างอยู่ในท่านันนาน ถ้ าเอนตัวไปข้ างหน้ าอีกนิด ก็คงจะ
ล้ มแน่

ได้ ยินเสียงฝี เท้ าเดินเข้ ามาใกล้ คิดจะเงยหน้ าขึนมองเงาสะท้ อนในกระจกตรงข้ าม แต่กลับเผลอยิมออกมาก่อน


ซะอีก

เย็นเชียบ!

สัมผัสทีหลังคอ เล่นเอาผมยกไหล่ พอตัวหงายล้ มไปข้ างหน้ าช้ าๆ ก็ถกู ดึงไหล่กลับมา จนนังพิงกับพนัก


เหมือนเดิม เล่นเอาหยุดหายใจไปช่วงหนึง

เงยหน้ าขึนมอง

“ถ้ าไม่ใช่กู มึงคงตายไปแล้ ว”

“เพราะรู้หรอกน่าว่าเป็ นใคร”

“หึ” ถ้ าไม่ใช่คนนี คงโดนต่อยไปสามสิบสองครังต่อนาทีแล้ ว ท่าทีหยิงยะโสแบบนี ระบุตวั ชัดกว่าลายเซ็นซะอีก

“มือพีเย็นว่ะ”

“ตัวมึงอุ่นเกินไป”

วันนีมาแปลก ตัวเย็นเฉียบ เหมือนอุณหภูมิในตัวจะตําลงหน่อย ไม่ใช่สิงทีจะเจอได้ บ่อยๆในตัวคนขีร้ อนแบบนัน


หรอก

ผมยืนแก้ วช็อคโกแลตให้ พีหมอกไม่สนใจ มือเลือนช้ าๆ มาทีข้ างแก้ ม ผมเอียงคอหนีบไว้ มองเห็นพีหมอกทีก้ ม


มองตอบกลับมา ไม่ได้ ยิม แต่เงียบเหมือนใช้ ความคิดอยู่

มือเลือนออก ผมเอนคอกลับ พีหมอกนังลงทีเก้ าอีตรงข้ าม เก้ าอีตัวประจํา “แป๊ ปนะ เดียวผมมา” เค้ กทีเก็บไว้ ไม่
รู้กินบ่อยแบบนีจะอ้ วนบ้ างหรือเปล่า จะว่าไป ไม่เคยเห็นกล้ ามเนือหน้ าท้ องนันหายไปไหนเลยแหะ มองผ่านเสือ
แบบนี เหมือนทักทายกับมันอยู่กลายๆ

จ้ องนานๆเข้ า พีหมอกก็ขยับตัว ไม่มาก แต่ก็เยอะพอทีจะทําให้ ผมหลุดจากความคิดได้ เห็นความมีชีวิตชีวาใน


ตาคู่นนั เล่นเอาผมขนลุกซู่

“วันนีเป็ นเค้ กส้ ม ผมทําเอง”

“มึงทําอะไร?”

“ปาดหน้ าครีม”

“…”
“…ล้ อเล่นน่า ผมทําเยอะกว่านัน แต่ลองกินก่อน แล้ วค่อยบอก ว่าเป็ นไง”

ยืนจานให้ พีหมอกยืนมือออกมารับ จ้ องมองเค้ ก แล้ วก็มองหน้ าผม คิดว่าถ้ าไม่ทําแบบนีคงไม่ยอมกินแหง ใช้


ช้ อนตักเค้ ก ส่งไปถึงปาก

“ไง เป็ นไง?”

“…เค็ม”

“ห้ ะ?”

“เค้ กเค็ม เชียไรเนีย”

“จริงดิ? เฮ้ ย ผมไม่เชืออ่ะ ก่อนหน้ านีชิมยัง…” พีหมอกตักเค้ ก โดยใช้ ช้อนทียังอยู่ในมือผม ย้ อนกลับมาป้อนให้


“ชิน-ชินใหญ่ไปป่ าววะพี”

“มึงลองชิมดู”

อ้ าปากเถียง ก็ถกู ยัดเค้ กชินนันเข้ ามาเต็มๆ ผมใช้ มือรองไว้ “ไง?” ไม่เห็นจะเค็มเลย มองเค้ กทีอยู่ในจาน เหลือนิด
หน่อย เริมเข้ าใจอะไรมากขึน คงหวานไป ทีเลอะอยู่รอบปาก ผมใช้ หลังมือเช็ด พีหมอกคว้ าทิชชู่ใกล้ ๆ ดึงมือผม
ไปเช็ดให้

ใช้ มืออีกข้ างส่งช็อคโกแลตร้ อนให้ ดืมแทน ทิชชู่กลิงลงขยะ พีหมอกรับแก้ วนันไป เอนตัวดืม นังอยู่ตรงข้ ามกัน
ผมหย่อนขาลงจากเก้ าอี แกว่งขาเล่น เงยขึนจากกระดาษเมือขาผมเตะเข้ ากับเท้ าพีหมอก

เปล่านะ ผมขอแก้ ตวั ก่อน ความจริงไม่ใช่ผมทีเป็ นฝ่ ายเตะไปถึงอีกฝั ง พีหมอกต่างหากทียืนมา

รองเท้ าหนัง ผมวางเท้ าลงไป เพราะพีหมอกนังไขว้ ห้าง ผมพักเท้ าลงบนนัน

มองเท้ าเปล่าของตัวเองบนรองเท้ าหนังราคาแพง นึกถึงเรืองเก่าๆทีเคยผ่านมา ผมยังจําได้ ดี

เงาทาบทับลงบนเท้ าของพวกเราสองคน พีหมอกเข้ ามาใกล้ ใกล้ ชนิดทีว่า อีกสามเซนต์ ถ้ าใกล้ กนั มากกว่านี เรา
คงจะได้ ทําในสิงทีพวกเราอยากทําทีสุดในเวลานี

จังหวะทีได้ ยินเสียงแก้ วกระทบไม้ ริมฝี ปากพบกันเร็วๆแล้ วแยกออกจากกัน “กูแค่จะวางแก้ ว” พูดแค่นนั ตีหน้ า


ขรึม เอนตัวกับไปนังไขว่ห้างเหมือนเดิม ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึน หยิบมือถือออกมากด

“ผมก็ไม่ได้ ทําอะไรซักหน่อย”

“ดูเงามึงทีกระจกข้ างหลังกู” มองตาม “ยิมทําไม?”

“ผม..” กําลังจะเถียง กลับมาเห็นหน้ าพีหมอก ตอบ “พีหมอกนันแหละ ยิมทําไม?”

“กูเปล่า”

“หรออออ”

“กูเปล่ายิม”

พูดแบบนันแล้ วรอยยิมก็ยิงเห็นชัดขึน เสียงเพลงเบาๆ ท่อนฮุกทีร้ องเป็ นภาษาอังกฤษ ‘have you ever fallen in
love?’ เสียงเบาๆต่อท้ ายมาในเพลงนัน ‘I do.’ ยิงเล่นเอารู้สกึ เขินจนยิมกว้ างออกมาจนหมด

กระโดดลงไปนังบนพนักวางแขนข้ างๆ พีหมอกแค่ยกมือหลบ นังจากมุมสูงกว่า เห็นว่าหันมามองด้ านนีแต่ไม่ได้


เงยหน้ าขึนมอง เอือมตัวหยิบกระดาษจากบนโต๊ ะ งานร่างแบบของผม พีหมอกมองมันเงียบๆ

“มึงชอบงานทีทําอยู่ตอนนีหรือเปล่า?”

“แล้ วพีคิดว่าไงล่ะ?”

“กูอยากได้ ยินคําตอบจากมึงก่อน”

“…ก็ชอบมัง แต่ผมคงเหมาะกับงานเลอะสีแบบนีมากกว่า”

“……”

“แล้ วพีล่ะ ว่าไง?”

“…กูทําผิดมาตลอด”

พลิกเปิ ดกระดาษหน้ าใหม่ ผมยกเข่าขึนข้ างหนึง พิงหัวเข้ ากับเข่านัน มองลายเส้ นบนกระดาษไปพร้ อมพีหมอก
“สิงทีกูควรทํา ไม่ใช่ห้าม แต่ควรจะสนับสนุนมึง”

“พีก็ทํามาตลอด…” ผมพูดแทรก “บางทีก็…ในแบบแปลกๆบ้ าง อาจมีบางครังทีพีทําผิด แต่ไม่เป็ นไรหรอก”

พีหมอกหันหน้ าควับขึนมามอง ผมยิมตอบกลับ

“ผมไม่เรืองมาก ไม่ร้ ู จะโกรธไปให้ ได้ อะไร ตอนนันผมอาจจะขีโมโหไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเจ๊ ากันไปแล้ วกัน”

“……”

“ทําไมทําหน้ าแบบนันอ่ะ?”

“มึงนีมัน…”

“มันอะไร? อย่าจักจีผมนะ”

“…หึ”

“ยิมแบบนีอีกแล้ ว ไอ้ ยิมนีผมแปลไม่ออกเลยว่ะ ในภาษาพีหมอก มันแปลว่าอะไรเนีย?”

“คิดเองดิ”

อย่างกับตัวพีเป็ นคนทีดูออกง่ายๆ พูดเหมือนเรืองทีพีพูด จะทําให้ คนอืนเข้ าใจพีได้ หมด สิงทีพีคิด สิงทีพีทํา


แม้ แต่ผม พียังไม่ค่อยจะยอมบอกเท่าไหร่

บางครังผมกลัวว่าสิงทีพีหมอกแบกอยู่ จะหนักเกินไปหน่อยสําหรับตัวคนเดียว

ผมพูดไปหลายรอบ บอกไปหลายอย่าง แต่เพราะจุดยืนทีแตกต่างกัน ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน ช่องว่างนัน


โดยทีเราไม่ร้ ู ตวั มันอาจจะไม่เคยลดลงเลยก็ได้

ผมคิดแบบนีมาตลอด

ตังแต่ก่อนหน้ านี จนถึงตอนนีก็ยงั คิดอยู่ แต่ก่อนหน้ านีบางที ผมอาจจะคิดผิดไปอย่าง


ถึงช่องว่างไม่เคยลด แต่ถ้าอย่างน้ อย เราพยายาม รักษาระยะห่างไม่ให้ กว้ างไปมากกว่านี มันอาจจะมี
ความหมายอะไรบ้ างก็ได้

นึกถึงคําพูดของม๊ า

ตอนนัน ผมจําไม่ได้ หรอกว่าปี ไหน งานครบรอบ กลินธูปในบ้ าน อาหารเรี ยงอยู่บนจาน ม๊ าพูดเบาๆเหมือนจะ


ตังใจให้ เฮียได้ ยิน มากกว่าผมทีนังไกลออกไป

‘เราไม่เคยรู้เลยว่าเวลาทีเราจะได้ อยู่ด้วยกันมันสันยาวแค่ไหน’

ไม่มีใครรู้ คนทีนังข้ างผม ตอนนี เวลานี ทีนี จะอยู่กบั ผมไปอีกนานเท่าไหร่ นันคือสิงทีผมควรจะกลัวทีสุด


มากกว่าอะไรทังสิน ผมมัวแต่คิดถึงอนาคต อนาคตทีไม่มีใครรู้ว่ามันจะกินเวลาเท่าไหร่ของชีวิต

ถึงตอนนีผมก็ยงั กลัว แต่ความกลัวนันมันก็มีระดับของมัน ผมก็ยงั กลัวเรืองเดิมๆซําๆ แต่สงที


ิ ผมกลัวทีสุด
ในตอนนี มันเปลียนไป

ความกลัวไม่ได้ เปลียนแปลงอะไร ถึงกระนัน มันก็ยงั มีประโยชน์

ความกลัวเหล่านี จะผลักดันเราไปในสิงทีเราต้ องการจริงๆ มันทําให้ เราค้ นหาเส้ นทางทีจะแก้ ไขปั ญหาได้ หาทาง
ทีไม่ใช่ทางหนี ทางหนีไม่เคยนําพาเราไปยังทางออกทีถูกต้ อง มันยิงพาเราหลงไกลไปจากจุดหมายเดิมทีเราเคย
ตังไว้

พีหมอกพูดพึมพําเบาๆ

“กูจะไม่หนีอีกแล้ ว…”

…………………………………..
……………………………..
.
.
.
โทรศัพท์ดังขึนในวันอาทิตย์ ตอนเย็นทีพร้ อมแล้ วสําหรับมือเย็น

วันทีผมรู้สกึ เหนือยจนไม่อยากลุกขึนจากทีนอน กระดาษงานหายไปสองสามแผ่น ยิงทําให้ งานร่ างทีคิดไว้ ลา่ ช้ า


ออกไปอีก ความรู้ สกึ คล้ ายไม่สบายอยู่หน่อยๆ แต่ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างป่ วยกับขีเกียจ ร่ างกายผมค่อนไปทาง
ไหนมากกว่ากัน

ควานหาโทรศัพท์อยู่ไม่นาน กดรับโดยทียังไม่ลมื ตาตืน ท้ องก็ร้องขึนก่อนทีผมจะพูดคําแรก

“….ตี”

“ครับ?”

“มาหากูหน่อย”

“พีอยู่ไหน?” ลุกขึน ตืนเต็มตา “มีเรืองอะไรหรือเปล่า?”

พีหมอกอยู่ทีบ้ าน เสียงพีหมอกแปลกกว่าทุกครัง ไม่ตวั เสียง นําเสียง แต่สงที


ิ มาพร้ อมเสียงนันเปลียนไป

ขมวดคิวฟั งคําทีกําลังจะดังออกต่อจากเสียงถอนหายใจนี

“รีบมา”

แค่ได้ ยินคํานี ก็ทําเอาผมลุกขึนจากเตียง คว้ าเงินทีถูกขยุ้มเป็ นก้ อนจากบนโต๊ ะ เป็ นแบงค์ทีถูกยัดรีบๆลงกระเป๋ า


คิดว่าม๊ าคงจะดึงออกมาให้ ก่อนเอาไปซัก คีบแตะหน้ าบ้ าน วิงออกไปกระโจนขึนแท็กซีคันทีวิงผ่านมาพอดี บอก
ทีอยู่ปลายทางพีแท็กซีก็รีบบอกกลับ “จะไปทําอะไรทีนันน่ะ?” มองผมผ่านกระจกหลัง ผมได้ แต่ตอบกลับ “รีบๆ
เถอะน่าพี”

ความรู้สกึ ตอนนี มันคล้ ายกับเคยเกิดขึนมาก่อน

กําเสือตัวเองแน่น จับดูทีหน้ าอก หัวใจเต้ นแรงเหมือนวิงไกล ผมก้ มลงมองรองเท้ า สภาพดี ไม่น่าจะเจ๊ งง่ายๆ
เร็วๆนี นังตรงกลางเบาะหลัง เท้ าแขนไว้ กบั สองเบาะหน้ า สันขาไม่หยุด

เลขมิเตอร์ วิงไหลไปเหมือนหยดนํา ทางทีคุ้นเคย ผมมองมันสลับกับนาฬิกาบนหน้ าปั ด

ครึงชัวโมง ผมใช้ เวลาครึงชัวโมง เทียบกับคําว่ารีบมา ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมาทันหรือเปล่า

“พีครับ..” พีรปภ.หน้ าใหม่ ผมไม่เคยเห็นหน้ า “ผม..ผมมาหาคุณอัษฏา”

“..น้ อง ผิดบ้ านหรือเปล่า”

“บ้ านนีแหละ อัษฏา ติวากุล แล้ วก็ขอเถอะ อย่ามองผมด้ วยสายตาแบบนัน….”

พีรปภ.คนนันไม่ตอบอะไร กําลังจะหันตัวกลับหนี ผมกระโดดคว้ าเสือไว้ รองเท้ าแตะเกือบหลุดถ้ าหนีบไว้ ไม่ทนั

“ผมขอล่ะ นีเรืองด่วน”

“พีปล่อยคนเข้ าไปง่ายๆไม่ได้ หรอก น้ องก็ร้ ู พีทําตามหน้ าที”

“….”

เห็นพีคนหนึงทีเคยคุ้นหน้ าในห้ องครัว ผมตะโกนหา “พีต่าย!” เธอตกใจ วิงมาทีหน้ ารัว “คุณตี มาได้ ยังไงคะเนีย?
แล้ วทําไมแต่งตัวแบบนี”

“เรืองมันไม่ยาวมากแต่ยังเล่าไม่ได้ ตอนนีเกิดอะไรขึนครับ?”

“…คือ-”

“ขอผมเข้ าไปเถอะ”

พีต่ายมองหน้ าพีรปภ.เงียบๆ เธอพยักหน้ า เขาถึงยอมขยับตัว

“รีบเข้ ารีบออกล่ะ”

“ครับ!”
ประตูรัวเล็กเปิ ด ช่องพอดีให้ คนเดินผ่านเข้ าไป กึงเดินสลับวิงบนทาง กว่าจะถึงตัวบ้ านเล่นเอาเหงือท่วมตัว

เสียงดังมาจากชันบน ผมวิงขึนบันได ขัน ทีละขัน เสียงนันยิงดังชัดเจน ผมจําได้ ทนั ทีว่าเสียงใคร มือทีจับราว


บันได สันไม่ร้ ูตวั

กรอบรูปลอยเวิงมาอย่างไร้ ทิศทาง ชนผนัง ตกลงแตก เศษกระจกโปรยพืน รูปเก่าปลิวออกจากกรอบ ผมหยิบ


ขึนมา ครอบครัวในกระดาษยิมตอบกลับมา

ในห้ องพีหมอก

ผู้ชายคนนัน ยืนอยู่นิง

กีตาร์ เบสตัวโปรดสองตัว คอหักอยู่ทีพืน ข้ าวของเละเทะราวกับโดนพายุกระหนําในห้ อง สินเค้ าโครงเดิมทีเป็ น


ระเบียบด้ วยฝี มือแม่บ้าน พีหมอกยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก ผมยุ่ง ดูเหมือนจะเห็นเท้ าเปล่าของผมก่อน เงยหน้ า
มอง

“แกเรียกมันมาหรอ?”

“….”

“ฉันถาม แกตอบ จํากฎของเราไม่ได้ หรือไง?”

“….ผมเรียกมันมา”

“เรียกมันมาทําไม?” พีหมอกเงียบ ผมเดินเข้ าไปหา เห็นรอยชําทีหลังมือ กลายเป็ นรอยชําม่วง “ตอบสิ!”

“มันมาเพือรับผมไป”

“…..”

“ไปอยู่ ในทีทีเป็ นของผม”

“นีคือทีของแก”

“นีคือทีทีคุณยัดเยียดให้ ผมยืนอยู่”
“…แกนีพูดจาไม่ร้ ูเรือง ใครยัดเยียดให้ แก ฉันบอกหรอ ให้ แกทํางานตรงนี”

“……”

“ฉันบังคับแกหรอ? แกตอบฉันสิ ส่วนหนึงมันก็มาจากความทะเยอทะยานของแกทังนัน แล้ วตอนนีเป็ นยังไงล่ะ?


แกกําลังจะพังบริษัททีพ่อแกสร้ างมากับมืองันหรอ?”

“พังบริษัท?” ผมเงยหน้ ามองพีหมอก พีหมอกไม่ได้ มองกลับ จ้ องเขม็งไปทีบุคคลทีสาม

“แกเอาหุ้นบริษัทแกไปแลก เพียงแค่อยากลากคอหนอนบ่อนไส้ ออกมางันหรอ?”

“มันไม่ใช่แค่นน”

“แล้ วยังไง แกอธิบายมาสิ!!”

“คุณอยากรู้เรืองทังหมด คุณก็อ่านจากรายงานเอา ผมบันทึกไว้ ละเอียดแล้ ว” หันหน้ าไปทางอืนเหมือนไม่สนใจ


“ตอนนีมูลค่าหุ้นเรามากกว่าก่อนหน้ านีด้ วยซํา”

มือพีหมอกควานหา ผมยืนมือเข้ าไปจับ ถูกเดินนําไปทีตู้เสือผ้ า เปิ ดตู้บน หยิบกระเป๋ าเดินทางหนังใบใหญ่


ออกมา โยนมันลงกับพืน ปล่อยมือออกจากผม ย่อตัวลง เปิ ดซิบกระเป๋ าออก

ผมแตะเข้ ากับหลังพีหมอก

เขาหันกลับมา คุยกันเงียบเชียบผ่านสายตา สายตาคู่นนหั


ั นกลับมามอง ท่ามกลางสิงของต่างๆทีถูกทําลายลง
แบบนี กลับดูแน่วแน่กว่าครังไหนๆ

พยักหน้ าให้ ผม

ผมเปิ ดตู้ออก โกยเสือผ้ าพีหมอกลงกระเป๋ าใบนัน

“แกทําอะไร?”

“ผมจะไปจากทีนี”
“แกคิดว่าชีวิตมันง่ายอย่างนันน่ะหรอ? อยากเริ มต้ นใหม่เมือไหร่ก็ได้ สนิ ะ?”

“ใช่” หันกลับไปตอบ ผมไม่เห็นหน้ า มุมนี เห็นแต่แผ่นหลังกว้ าง “ผมคิดแบบนัน ผมจะไม่เปลียนความคิดตัวเอง”

“ถ้ าแกจะออกไป ก็ทิงทุกอย่างไว้ ทีนีซะ ฉันไม่อนุญาตให้ แกเอาไป”

“……”

“นีเป็ นเงินของฉัน ถึงแกจะบอกแกหามา แต่มนั งอกเงยจากกองเงินทีฉันหามาด้ วยตัวฉันเอง แกไม่มีสทิ ธิ ถ้ าแก


พูดว่าแกจะเริมใหม่ หมอก แกต้ องทิงทุกอย่างไว้ ทีนี”

ตอนทีพ่อพีหมอกพูดคํานี ผมเชือว่าส่วนหนึง ผู้ชายคนนันต้ องเชือว่าพีหมอกจะลังเล หรือหยุดคิดเป็ นครังทีสอง

ถ้ าเขาทําแบบนันจริง ผมภาวนาว่าเขาจะไม่ เพราะนันแปลว่าเขาไม่ร้ ูจกั พีหมอกเลย ไม่เลยสักนิด

“ถ้ าคุณต้ องการแบบนัน” มือปล่อยออกจากกระเป๋ า ยืนขึน ปลดไทรอบคอออก โยนทิง อยู่บนเตียงเป็ นเส้ นยาว
คล้ ายเชือก นาฬิกาเรือนนัน ไม่ใช่เรือนทีจะหาได้ ง่ายๆ พีหมอกได้ มาตอนวันเกิด ผมไม่ร้ ูใครให้ มา แต่เป็ นสิงทีถ้ า
เสียไปแล้ ว ยากทีจะได้ คืน

พีหมอกปานาฬิกาเรือนนันใส่โต๊ ะกระจก โต๊ ะกระจกร้ าวแตกคล้ ายแมงมุมขึงใย เสียงนาฬิกาเรือนหนักกระทบกับ


พืนจบพิธี ผมฟั งแล้ วขนลุกซู่ พ่อพีหมอกยืนนิง ไม่คิดจะห้ ามอะไร กลับกัน เหมือนจะยิมเยาะ เหมือนในสิงที
ผู้ใหญ่ ชอบทําข่มเด็ก

กระเป๋ าเงิน พีหมอกหยิบออกมาจากกางเกง เปิ ดมา เห็นรูปผมอยู่ในนัน แต่เห็นแค่ชวเวลาสั


ั นๆ ดึงปึ กแบงค์ใหม่
ออกมา โปรยมันไปรอบๆห้ อง กระเป๋ าเงินแบนลง ถูกเขวียงออกไป อาจจะหลุดออกไปนอกระเบียง ผมไม่ร้ ู
เพราะไม่ได้ ยินเสียงตอนมันตก

แบงค์สเี ทาร่วงลงช้ าๆ หนึงใบนัน ตกลงทีปลายเท้ าผม ไม่มีความคิดจะเก็บมันไว้ ในความคิดผม แค่จ้องมอง


สงสัยในกระดาษแผ่นเดียว ทีมีอํานาจราวกับพ่อมดใหญ่ หมุนเวียนชะตากรรมใครหลายๆคนอย่างไม่น่าเชือ

“ตี…ไป”

“อย่าคลานกลับมา”

“….”
“ถ้ าแกเดินข้ ามกรอบประตูนนไปแล้
ั ว ต่อให้ แกตาย หรือฉันตาย ก็อย่ากลับมาให้ เห็นหน้ า”

พีหมอกหยุดเท้ าทีกรอบประตู มีผมยืนอยู่ข้างๆ หันหน้ ากลับไปบอก

เห็นกําหมัดแน่น ผมเดินไปยืนในทางทีพ่อพีหมอกยืนอยู่

“….ผมไม่ตายง่ายๆหรอก”

แล้ วก็ชนู ิวกลางหราจนผมตกใจ

………………………….
………………….

สายตาหลายคนมอง เงียบกริบ เหมือนว่าได้ ยินบทสนทนาทังหมด ทุกคนหลบสายตาเมือเราหันไปมอง

พียามเหลือกตามอง รีบวิงมาเปิ ดประตูให้ ถาม “ไม่เอารถออกหรอครับ เดียวผมไปเอาให้ ” พีหมอกเขวียงกุญแจ


รถบีเอ็มคันโปรดใส่ บอก “ให้ ” เดินลอดผ่านประตูออกมา ผมหันกลับไปมอง หน้ าพียามกึงดีใจกึงงง สับสนยืน
อยู่ตรงนันมองกุญแจรถทีอยู่ในมือ

แม้ แต่ระหว่างพวกเราสองคนยังเงียบกริ บ ผมไม่ร้ ูจะพูดอะไรก่อน ส่วนหนึง ผมรู้ ว่านีไม่ใช่สิงทีพีหมอกพึงคิด


อาจมีสิงทีนอกเหนือแผน หรือเป็ นไปตามแผนอยู่ แต่ทงหมดั เป็ นสิงทีพีหมอกยังไม่เคยบอกใครมาก่อน ผมเชือ
แบบนัน

เราเดินออกมาจากซอย ระหว่างทาง มีร้านมินิมาร์ ตเล็กๆ ผมเห็นเหงือพีหมอกแล้ วก็อดไม่ได้ ทีจะลากเข้ าไป


ด้ วยกัน ซือนําเย็นยืนให้ ขวดหนึง พีหมอกยกมือกันตอนทีผมจะหยิบเงินออกจากกระเป๋ า แต่ล้วงเข้ าไปในกางเกง
แล้ วขมวดคิว ผมวางเหรียญสิบลงกับเคาน์เตอร์ พนักงานมองพีหมอกตาไม่กระพริบ

“พีพึงโปรยเงินเล่นไปเอง”

“…”
“เอาน่า ผมเลียง”

พีหมอกซัดคนเดียวไปครึงขวด รับขวดนําต่อมา กินจากปากขวดเหมือนกัน “ถึงผมจะยังไม่เห็นด้ วยหลายๆอย่าง


แต่ตอนนีผมยังไม่พดู หรอก…”

“กูอยากให้ มงึ พูด”

“…ถ้ าพีอยากฟั ง ไว้ รอกลับถึงบ้ านกันก่อนนะ”

เสียงออดเมือเดินผ่านประตูออกมา ผู้หญิงสองคนเดินสวนเข้ าไป เดินนําออกมาก่อน มองถนนทีรถเริมติด จะ


ก้ าวต่อ แต่พีหมอกเดินตามหลังมา ดึงแขนผมไว้

“มึงเสียใจหรือเปล่า?”

“เสียใจ เสียใจเรืองอะไร?”

“…ทีกูทําลงไป”

“ผมไม่ร้ ูว่าผมควรจะดีใจหรือเสียใจดี..”

ยอมรับว่าผมไม่ชอบทีพีหมอกทําแบบนี ไม่ว่าผู้ชายคนนันจะทําตัวแบบไหน ก็ยงั มีศักดิเป็ นพ่ออยู่ ผมเห็นแล้ ว


หงุดหงิด จนอยากจะชกพีหมอกแรงๆสักที แต่ยังไม่ใช่ตอนนี ผมว่า เวลานียังเปราะบางเกินไป

“ตอนนีมึงต้ องรับผิดชอบกู”

“หือ?”

“กูทิงทุกอย่างเพือมึง” แย่งขวดนําไปดืมอีก หมดเกลียง เหวียงลงขยะใกล้ ๆ ไม่ใส่ใจ “ตอนนีกูไม่เหลืออะไรแล้ ว


นอกจากมึง ถ้ ามึงทิงกูอีก ตี มึงแย่แน่”

“ผมรู้แล้ ว…”

“กูไม่ได้ ล้อเล่น ตี ถ้ ามันมีอีกครังนึง ทีมึงคิดจะหันหลังให้ กอู ีก--”

เข้ ากอดพีหมอกแน่น ไม่รอให้ พดู จบ พีหมอกยกมือค้ าง ตัวนิง สักพัก ก็กอดตอบ


ยืนขวางอยู่หน้ าประตูร้าน เสียงออดดังติดกันหลายครัง ประตูจะปิ ดลง เซนเซอร์ ก็เจอเราซะก่อน เปิ ดค้ างสักพัก
พยายามปิ ดลง วนลูปเดิม

“พีหมอก”

“หืม”

“เอาตรงๆ ผมไม่กล้ าสัญญาว่ะพี”

“…..”

“แต่ผมรู้ว่าครังนีมันมีอะไรเปลียนไป”

“ยังไง?”

“ผมดีใจมากๆ”

“…..”

“ผมรู้ สกึ ไม่ดีเลยทีผมดีใจ เหมือนไม่ใช่เรืองทีผมควรยินดีเลย แต่ทําไมผมรู้ สกึ เหมือนจะหัวเราะแล้ วก็ร้องไห้


ออกมาเลย”

“ทําสิ”

“ไม่เอา เหมือนคนบ้ าเลย”

“มึงก็ไม่ต่างอะไรอยู่แล้ วนิ”

“พีหมอก..” ขมวดคิวใส่ ผมทียาวจนถึงหัวไหล่ พีหมอกลูบเบาๆ ก็ร้ ู สกึ เหมือนกลับไปเป็ นเด็ก ซุกกอดแน่น “ผม
มันคนเห็นแก่ตวั ชัดๆ”

“ทุกคนก็เห็นแก่ตวั ทังนัน” กลินชืนในอากาศรู้ สกึ คล้ ายอีกไม่นานฝนจะตก จะตกหรือเปล่านะ ร้ อนมาหลายวัน


ขนาดนี “กูอยากให้ มงึ เห็นแก่ตัว นีไม่ใช่ครังแรกทีกูพดู เรืองนี กูอยากให้ มงึ รักตัวเองให้ มากกว่านี”
“…ถ้ าผมรักตัวเองมากกว่าพีละ”

“ถ้ ามึงทําแบบนันจริง มึงจะรักกูมากกว่านีอีก ตี”

อยากจะจูบ

พีหมอกก็ดเู หมือนจะดูออก เบียดตัวเข้ าซอกแคบๆของตู้เอทีเอ็ม จูบเร็วๆ นันคือความคิดแรกทีจะทํา แต่เมือได้


ลองแล้ ว ก็ร้ ูเลยว่าความคิดนัน ไม่มีวนั จะทําให้ เป็ นจริงได้

“สัญญาของมึง ไม่ใช่สงที
ิ กูอยากได้ มันไม่มีประโยชน์เท่าสิงทีมึงทํา”

บนรถแท็กซี เรานังตัวพิงกัน ไม่สนใจสายตาแท็กซีทีมองผ่านกระจกหลัง เราไม่แน่ใจอะไร ผมไม่แน่ใจด้ วยซําว่า


ผมจะมีเงินพอค่าแท็กซีตอนนีหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าทางนีใช่ทางกลับบ้ านของเราไหม ไม่แน่ใจว่าเมือไหร่
ไฟสัญญาณสีแดงจะกลายเป็ นสีเขียว หรือเรืองทีว่า ฝนจะหยุดตกเมือไหร่ เมือมันเริ มตกแรงราวกับพายุแบบนี

ไม่มีเรืองอะไรทีเราแน่ใจ

ไม่สิ

มีสงหนึ
ิ งทีผมมันใจ

“กูเคยพูดหรือเปล่า”

“พูด? พูดอะไร?”

“ขอโทษ”

“…ยังไม่เคย”

“มีอีกคํานึง”

“คําว่าอะไร?”

“ขอบคุณ”
“คํานี…พีก็ยงั ไม่เคยพูดเหมือนกัน”

พีหมอกถอนหายใจ “ร้ องไห้ ทําไม?” ตอนนี แสงมีแค่แสงจากด้ านนอก เห็นชัดบ้ างไม่ชดั บ้ างเป็ นบางครัง หน้ าพี
หมอกกลับดูอ่อนโยนจนผมว่าเป็ นพีมากกว่า ทีกําลังร้ องไห้ อยู่

“ผมเปล่า”

“ก็เห็นอยู่ว่าร้ อง”

“ผมร้ องไห้ เพราะอยากให้ พีปลอบไง”

“งีก็เข้ ามาใกล้ ๆหน่อย”

ผมทําตาม

พิงเข้ าทีหัวไหล่ มือพีหมอกอ้ อมหลังผมไป ไม่ร้ ูทบั ลงไปแบบนีจะหนักหรือเปล่า แต่ไม่น่าจะเป็ นอะไร

“..ไอ้ ขีแย”

“ผมตังใจทํา”

“งันหรอ” ถอนหายใจอีกแล้ ว เวลาชีวิตลดลงไปอีก 7 วินาที เพลงทีเปิ ดในรถแท็กซีเป็ นเพลงเก่ายุคม๊ าสาวๆ เสียง


นักร้ องชาย เพลงไทยโบราณดังผ่านลําโพงทีแตก “ทําบ่อยๆ ใส่กูคนเดียวก็พอ”

นิวโป้งอ้ อมมาปาดนําตาให้ ผมคว้ ามือนัน จับไว้ หันไปมองหน้ าพีหมอก

พีแท็กซีอาจจะต้ องตะลึงหน่อย แต่ได้ โปรด อย่าสนใจพวกเราเลยครับ

ตอนทีลินพีหมอกสอดเข้ ามา ผมได้ แต่หวังว่าอีกไม่นาน ก็จะถึงบ้ าน แหล่งกําบังของเรา ทีจะกันพวกเราจากพายุ


ทีรุนแรง ราวจะปิ ดท้ ายเรืองทีแสนวุ่นวาย

………………………………………..
……………………………….

[B.N.28 : complete]
[13.5.56]

มาช้ าอีกแล้ ว ; -; คิดถึงนะตัว

พรุ่งนีเปิ ดเทอมล่ะ ปิ ดเทอมมีแต่เรืองยุ่ง หวังว่าต่อไปนีคงจะมีเวลา..บ้ าง

อยากพูดอะไรเม้ นต์อะไรเชิญเต็มที อยากอ่าน

.
.

B.N.29

ยําเท้ าเปี ยกเข้ าบ้ านทีมืดสนิท

แสงจากทีไกลๆ ไฟจากด้ านนอก ย้ อนกลับไปมอง เห็นรอยนําชืนบนพืน เป็ นรอยเท้ าของคนสองคน สักพักก็เลือน


หายไป

ถอดเสือออก ปล่อยทิง ไม่ได้ สนใจว่าจะหายไปทีไหน จูบรีบร้ อน ตืนเต้ น ความรู้ สกึ คล้ ายกับครังแรกทีก้ าวสูป่ ระตู
วัยรุ่น โลกใหม่ เรืองเพศเป็ นเรืองปกปิ ดทีเปิ ดเผย มือข้ างหนึงของทุกคนปิ ดปาก ส่วนอีกข้ าง กําอยู่ทีเป้ากางเกง
ขนลุก เราทังคู่ร้ ู ดี ว่านันไม่ใช่แค่สงเดี
ิ ยวทีกําลัง ’ลุก’ อยู่ ผมรู้ ได้ จากการทีเห็นพีหมอกเลียริ มฝี ปากแบบนี แสง
สะท้ อนอยู่บนกลีบปากล่าง ผมจ้ องมองราวกับเห็นขนมหวาน

ลุกขึนจากตัวพีหมอก รังกางเกงยางยืดขอบยานออก เลือนลงมาได้ แค่ระยะหนึง ก็ถกู หยุดมือไว้

เลิกคิวมอง พีหมอกแตะนิวชีทีริ มฝี ปาก ผมเงียหูฟัง

เสียงเท้ าเหยียบลงกับบันไดไม้

เอียด..

ฟั งจากเสียงทุ้ม เดานําหนัก

กระซิบบอก “..เฮียมา”

“ตี” มือพีหมอกจับอยู่ทีหลังผม ด้ านซ้ าย “มึงตืนเต้ น”

“แน่นอนดิ พีไม่ตืนเต้ นหรือไง?”

กระซิบเบา คิดว่าเสียงฝนกระทบหลังคาจะช่วยกลบ พีหมอกมองหน้ าผม ไม่พูดอะไร

เอียด เอียด

ผมแปลกใจทีผมไม่เด้ งตัวหนีออกจากตักพีหมอก สําหรับเรืองทีพีหมอกรัดตัวผมไว้ แน่น ไม่ปล่อยไปไหน นันไม่


ไกลจากความคาดหมายเท่าไหร่

จับจ้ องไปทีบันได เห็นเงาเฮียทอดลงมาบนผนังด้ านหนึง

มือทีวางอยู่บนไหล่พีหมอก กําแน่น หางตา เห็นพีหมอกยิม ยิมคล้ ายท้ าทาย เป็ นยิมทีทําให้ ผมกระตุก

ใจผมหยุดเต้ นไปช่วงหนึง เป็ นช่วงเดียวกันกับทีเฮียหยุดเท้ า เงาสีเทาแช่เข็ง สักพักใหญ่ทียกบทเด่นทังหมดให้


เสียงเม็ดฝน โสตประสาททํางานหนัก รู้ สกึ กระทังเหงือทีผุดออกมาจากไรผม

เฮียกลับหมุนตัวเดินขึนไป ในเงานัน เห็นว่าเฮียส่ายหัว แต่จะยิมเหมือนทีพีหมอกทําอยู่หรือเปล่า ผมไม่ร้ ู คําตอบ


เงียหูฟังจนเสียงเท้ าไกลออกไป

หันหน้ ากลับมามองเพราะสัมผัสทีหลังคอ เหงือทีผมยังไม่เห็นถูกปาดออก ชืนไปตามวงทีนิวโป้งขยับ พีหมอกไม่


พูดอะไรต่อ เช่นเดียวกันกับผม

แค่แรงรังเบาๆบวกกับแรงโน้ มถ่วงมหาศาล แสงสว่างวาบผ่านมาตอนทีริมฝี ปากจรด เสียงดังครืนกลบเสียงลม


หายใจของพวกเราไว้ จนเงียบเชียบ

……………………………
……………………..

หลังเปลือยแตะกับพืน นอนหลับไปทังแบบนัน

พอรู้สกึ ตัวขึนหน่อย ก็พลิกกลิงไปเรือยๆ หาความอุ่นทีอยู่ใกล้ ทีสุด เจอแต่ขาเก้ าอี เกียวไว้ เงียหูฟังเสียงรอบตัว

ได้ ยินเสียงฝี เท้ า

เดินผ่านไปครังหนึง หยุดนิง เสียงนันเดินขึนไปบนบันได ผมรอเสียงต่อไปอยู่นานมาก จนเผลอหลับไปอีกครัง ตืน


ขึนมา ก็พบตัวเองกลิงเป็ นดักแด้ อยู่ในผ้ าห่ม

แหงนหน้ ามองจนสุด คราวนีได้ ยินเสียงพูดคุย เดาจากแสงอาทิตย์ ตอนนี น่าจะยังไม่แปดโมง

ขานัน ของม๊ า เห็นไม่ชดั เพราะโต๊ ะบัง อีกขาหนึง เห็นขอบกางเกงไหวๆอยู่ ก็ร้ ูว่าของผม พีหมอกใส่แล้ วสันขึนมา
เหนือเข่า ขาขาวก็จริง แต่เห็นกล้ ามเป็ นมัดทีต้ นขาแบบนีตังแต่ยงั ไม่ต้องเกร็ง ก็อดกลืนนําลายเอือกไม่ได้ ถ้ าขืน
โดนเตะด้ วยขาแบบนัน มีหวังได้ นอนเห็นดาวทีโรงพยาบาล หยอดนําข้ าวต้ มในสภาพน่าเวทนาเป็ นเดือนแหง

ได้ ยินเสียงพูดคุยค่อนไปทางกระซิบ เปิ ดลินชักเบามือ เดินย่องไปมา ผมขยีตา พลิกตัวหมุนอีกรอบ ยังรู้ สกึ นอน
ไม่เต็มอิม ปวดเมือยตัว ตอนนอนควําถึงพึงรู้ สกึ ว่าพืนแข็งแค่ไหน เย็นเชียบ ชวนให้ นกึ ถึงสิงทีนอนหนุนมาทังคืน
มากกว่า

ผู้ชายคนนัน ยืนอยู่ในครัว คล้ ายจะยืนอยู่เฉยๆ แต่ก็มองสิงทีม๊ าทําอยู่ไม่ห่าง ม๊ าขยับปากพูดยาวเฟื อย เขากลับ


ตอบสันๆแค่คําสองคํา แต่ไม่ได้ มีสายตาต่อต้ านอยู่ในนัน
พีหมอกเหลือบมองมาเร็ วๆแล้ วมองผ่านไป ก่อนจะมองกลับมาอีกครัง เห็นผมมองอยู่ ก็คลายหัวคิวทีมุ่นเข้ าหา
กัน หมุนตัวเดินไปหยิบของตามทีม๊ าชี เป็ นภาพทีมองแล้ วแปลกตา ไม่ใช่ครังแรกทีพีหมอกเข้ าครัวพร้ อมม๊ า แต่
ยังไงก็ไม่ค้ นุ ไม่ชิน เดินเชืองๆ ส่งจานให้ แล้ วไปยืนพิงอีกมุม กอดอก เก็กเท่ ก่อนหน้ านีไม่เห็นจะทํา ก็มายืนทํา
โชว์ใส่ซะงัน

เสือสีเทาทีพีหมอกใส่ ก่อนหน้ านียังเคยเป็ นสีดําเข้ ม ตัวเล็กกว่าไซส์ทีสวมประจําหน่อย จนรู้สกึ แค่มองเฉยๆก็ร้ ูว่า


รัดตัว ผมยุ่ง ผมด้ านหลังชีประหลาดๆ คงเป็ นเพราะนอนหงายกับพืนอยู่ข้างๆผมเมือคืน

ม๊ าเอนตัวมอง ผมแกล้ งหลับต่อไม่ทนั โดนเรียกให้ ลกุ ขึนมา “ไปอาบนําแปรงฟั นก่อน แล้ วค่อยมากินข้ าว”
พยายามลุกขึนจากพืน ขีเกียจเกินกว่าจะทําแบบนัน กลิงไปมา ทําตัวแทนไม้ กวาด อาจโดดเวรกวาดพืนไปได้ อีก
คืน ยิงคิดก็ยิงหมุนตัวไปมา

“ตีลุกไม่ขนอ่
ึ ะม๊ า”

“โตแล้ วยังเล่นเป็ นเด็กๆอีก โซ่ยตี ลุกเร็ว กับข้ าวจะเสร็จแล้ วนา”

“ลุก—ฮึด” กล้ ามเนือหน้ าท้ องเกร็งเป็ นก้ อนสามชัน “-ไม่ขนนน”


ได้ ยินม๊ าพูด “หมอกไปช่วยอาตีหน่อย” แหงนมอง เห็นเท้ าเดินเข้ ามาใกล้ ไม่รีบร้ อน นังยองๆอยู่เหนือหัวผมไม่
ไกลนัก ก้ มหน้ าลงมา ผมเงยหน้ าขึนไป นันแหละ ทีทําให้ ผมลุกขึนได้ เร็วปรือ

วิงขึนบนบันได ม๊ ายังตะโกนตามมา “อย่าวิงบนบันไดสิ โซ่ยตี!” หันกลับไป ยังเห็นพีหมอกนังอยู่ทีเดิม มอง


ตามมา ยิม มือผมทีจับราวบันไดหน่วงตัวผมไว้ ในเวลาสันๆ

รู้สกึ ได้ ว่ารอยยิมทีเห็น มีบางอย่างเปลียนไป

กว่าจะนึกได้ ว่าคืออะไร ก็วิงหนีพ้นรอยยิมนันมาเสียแล้ ว

………………………
……………….

พีหมอกมักจะตืนเช้ าก่อน เข้ านอนทีหลัง ทีนอนว่าง เฮียกลับไปอยู่ทีหอ บางครังจะกลับมาบ้ างเพือมาเอาแฟ้ม


งาน มองหน้ าผมเพียงช่วงเวลาสันๆ ไม่ได้ พดู อะไร บ่อยครังจนผมเริมหงุดหงิด เฮียก็จะรีบหันไปคุยกับม๊ า แล้ ว
เร่งรีบออกจากบ้ านไป

ทีโปรดของพีหมอกคือหน้ าพัดลม บางครัง จะเอาโน้ ตบุ๊คผมไปนังเสียบปลักไฟใกล้ ๆ ติดต่อเมลล์กบั ใครสักคน


ผมเห็นแล้ วว่าไม่ได้ log out ออก แต่ผมก็ไม่ได้ สนใจจะดู

ทุกคนย่อมมีเรืองส่วนตัว และไม่ใช่ทกุ เรือง ทีเราจะเข้ าไปก้ าวก่าย หรือไปเป็ นส่วนหนึงในนัน

“โคตรร้ อน”

“พีขีร้ อนมากกว่า ผมไม่เห็นว่ามันจะร้ อนสักเท่าไหร่ ไปทีร้ านกับผมดิ แอร์ เย็น”

พีหมอกหันหน้ าหนีกลับไปทางอืน ทําเป็ นไม่ได้ ยิน ผมด้ านหน้ าปลิวตัง เพราะแรงพัดลม เสือชุ่มเหงือแนบหลัง

แน่นอน พีหมอกเคยไปกับผม ไปในสภาพเสือยืดกางเกงยีนส์ขาเต่อ ทีมองยังไงก็ไม่เสร่อเท่าผมใส่ หลังจากสลัด


คราบเสือสูททางการนันออกไป ลูกค้ าหลายคนก็จ้องตาเป็ นมัน นียังไม่ได้ พดู ถึงพวกแก๊ งค์เปี ยนันเลยนะ ยิมเยิม
ส่งเสียงกรีดกร๊ าดยังกับโดนนําร้ อนสาด เล่นเอาคนขีรําคาญเดินหนีออกจากร้ านแทบไม่ทนั

ดูเด็กลงเยอะ

ไม่ร้ ูว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ร้ ู สกึ แบบนันจริงๆ

บางทีคนทีไม่ต้องทํางานอะไร อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ ยาวนานกว่าใคร ภาระ งาน ความรับผิดชอบ สังคม ค่อยๆดึง


ชีวิต วิญญาณ ความเป็ นเรา ออกไปช้ าๆโดยทีไม่ทนั ได้ ตงตั
ั ว แต่ถึงจะเป็ นอย่างนัน ก็ยังไม่ใช่ข้ออ้ างทีจะอยู่เฉยๆ
โดยไม่พฒ ั นาอะไร

พอหลายวันเข้ าก็เหลือแต่เสือกล้ าม แค่ออกไปยืนนอกบ้ านแว้ บๆตอนเช้ า ผมชะโงกหน้ าไปอีกที ก็เห็นแก๊ งค์


แม่บ้านหยุดจอดจักรยาน ตังแหล่งชุมนุมฉุกเฉินทันที แต่ก็แตกกลุ่มไปเมือเห็นผมวิงออกมา

“พีหมอกออกมาทําอะไรอ่ะ?”

“เบือ” หน้ านิงๆ ไม่ร้ ูพูดจริ งพูดเล่น

“อยากออกไปข้ างนอกไหม? เดียวผมเอากุญแจมาให้ "


“มึงต้ องไปกับกู” มองไปด้ านอืน “กู…”

“อ่อ..” พยักหน้ าหงึกๆ รู้ว่าพูดถึงเรืองอะไร “ความจริง ผมติดเงินพีอยู่ เงินนันก็ยงั อยู่ทีผม พีจะเอาไปเลยไหม


ล่ะ?”

“นันกูให้ มงึ ไม่ได้ ให้ ยืม”

“ผมก็อาจจะให้ พียืมก่อนก็ได้ ”

“ตี” หันกลับมา พอถูกเรียกชือ เลยรู้สกึ จริ งจังขึนอย่างอดไม่ได้ “มึงคิดว่ากูไม่ได้ เตรียมอะไรไว้ เลยหรอไง?”

“ก็พีไม่บอกผม”

“…..”

เห็นยังปิ ดปากเงียบ ผมก็ไม่ได้ สนใจต่อ

“จะไปตลาดกับผมไหม?”

……………………………..
……………………

ตลาดเช้ าคนเยอะ และน่าอึดอัด เสียงเรียกของแม่ค้า เสียงพูดคุยของคนรอบข้ าง เรืองราวข่าวใหม่จากเจ๊ ใหญ่


ประจําซอยทีกําลังกระจายออกไปเป็ นรากแขนง ทีแผงขายปลา เช้ ามากๆของวันเสาร์ แบบนี ปลากลับเหลืออยู่
ไม่กีตัว ไม่ใช่เรืองน่าแปลกใจจากประสบการณ์หลายสิบปี

“พีครับ…” เรียกไม่หนั เห็นว่ายังติดภารกิจเม้ าท์ ผมยืนแบงค์ยีสิบให้ พีหมอก ชีไปทีแผงใกล้ ๆกัน ผัก คิดว่าอย่าง
น้ อยก็คงไม่หลงกัน “ไปซือคะน้ าตรงนันให้ หน่อยดิ เอายีสิบเลยนะ”

“เดียวนีมึงใช้ กแู ล้ วหรือไง”

“วันๆเอาแต่นงจนจะกลายเป็
ั นหมูแล้ ว ไปเดินผลาญไขมันหน่อยพี”
“….” เหงือไหลตามโครงหน้ า เสือผ้ าไม่เป็ นทางการ ลดความน่ากลัวลงไปกว่าครึง สุดท้ ายก็ยอมหมุนตัวกลับ
เดินไปได้ ไม่ไกล มีอาซิมเข้ ามาทัก เล่นเอาผมงงไปด้ วย พีหมอกเงยหน้ าตรง ทําเป็ นไม่ได้ ยิน เดินสวนไป

“อ้ าว ไอ้ ตี เอาอะไร?”

“วันนีเอาปลาช่อนพี” ตามสัง สับทีหวั ปลาพุ่งคล้ ายกระสุน

“โทษที เมือกีคุยเพลินเลย รู้รึยงั ข่าวเด็ดวันนีน่ะ”

“ข่าวไรฮะ?”

“บ้ านซอยตรงนันนะ เห็นเขาเม้ าท์กนั ว่าลูกชายบ้ านไหนไม่ร้ ู พึงเรี ยนจบกลับมาจากนอก หล่อสุดๆ ถึงขันดับณ
เดชเฉดหัวมาริ โอ้ ”

“โหวขนาดนัน? ตาฝาดกันรึเปล่า” พีคนขายรีบส่ายหัว ลืมส่งถุงปลาทีสับเสร็จแล้ วให้ ผม ผมยืนเงินค้ างเก้ อ พีแก


เล่นเท้ าเอว “จริงๆ” สะบัดมือ “ป้านิดก็ไปเห็นมา แกทําตาโตเชียวล่ะ”

ป้านิดทียังพิงตัวกับแผงขายปลาไม่ยอมไปไหนพยักหน้ าหงึกๆ เสริ มมาอีกยาว ผมฟั งแล้ วชักตะหงิดๆ “ผิวขาว


คิวเข้ ม สูง แขนนีกล้ ามเห็นชัดเลย ใส่เสือกล้ ามมายืนอยู่หน้ าบ้ าน ฉันล่ะเกือบขับชนเจ้ าหน่อยเลยล่ะ”

เจ้ าหน่อยคือเด็กทียืนทําหน้ าเซ็ง เขย่าแขน “ยาย รีบไปเถอะ หนูหิว” แต่ยายกลับหันไปสนใจอย่างอืนแทน “นัน


ไงๆ คนนัน!”

คุณแทบไม่ต้องเดาเรืองต่อจากนีเลยใช่ไหมละ?

ทีผมต้ องพูดเพิมขึนหน่อยคือนอกจากพีหมอกจะทําหน้ าหงุดหงิด พยายามผลักคุณป้าสูงวัยออกอย่างหยาบคาย


ทําหน้ าโมโห ขมวดคิว บ่นพึมพําคําหยาบเบาๆ แต่เพราะเห็นว่าทีทําไปไม่ค่อยจริ งจังเท่าไหร่ ยิงจะทําให้ พวก
ป้าๆรู้สกึ สนุกขึนทีได้ เห็นหนุ่มหล่อตัวเป็ นๆ ผมเลยเลือกทีจะยืนมอง

“เขากําลังจะเดินมาแล้ ว เขากําลังจะเดินมาแล้ ว!”

พีทีแผงขายปลาดีใจจนมือสันปั ดเขียงแทบหล่น พีหมอกเข้ ามาใกล้ ยืนมือออกมา จะคว้ ามือผมดันคว้ าพลาดได้


ถุงพลาสติกทีใส่ปลาสับอยู่ข้างในแทน เลิกคิว แล้ วก็ขมวดคิว เดินนําออกไป

“แถวบ้ านมึงมันบ้ า” กัดฟั นกรอด เดินนํา พวกป้าๆไม่เดินตามมาแล้ วตอนทีก้ าวลงจากเขตตลาด “กูเรียนทีไหน


มา อยู่บ้านไหน พ่อแม่เป็ นใคร ทําไมจะต้ องอยากรู้ เรืองของกู”

“ก็เขาอยากรู้จกั พี เขาก็ต้องถามดิ”

“แล้ วมึงจะหัวเราะทําไม?”

“โอ้ ย ผมฮาว่ะ” เดินออกมาย่านทีคนไม่พลุกพล่าน หยุดซือนําเต้ าหู ปาท่องโก๋ “พีบ่นไม่หยุดเลย ผมไม่เคยเห็น


ผมก็เลยฮาดิ”

“…..”

“บ่นดิ ผมว่าดีออก ฟั งดูแล้ วเหมือนลุงแก่ๆดี เอาปาท่องโก๋ไปกิน ครบเลย”

“…..”

หันกลับไปมอง คิดว่าจะเห็นขมวดคิวอยู่ ทําหน้ ายุ่ง กลับทําหน้ าเฉยๆลอยหน้ าลอยตาเสียจนผมแปลกใจ

“อะไร?”

“เปล่า”

“พีจะยิม ผมเลยถาม ว่าตกลงพีขําไรอ่ะ”

“เรืองของกู”

“เรืองของพีก็เรืองของผม”

คราวนีก็เห็นหลุดยิมออกมาหน่อยๆ เล่นเอาผมรู้สกึ เหมือนเท้ าลอยขึนจากพืนขึนนิดนึง

“ทําไมอ่ะ? ผมไม่เห็นจะเข้ าใจเลย” พีหมอกเดินกลับหลัง ผมรีบจ่ายเงินแล้ วเดินตามไป เห็นรอยยิมบนหน้ าพี


คนขาย ผมได้ แต่ยิมตอบเขินๆ วิงเข้ าเบียดพีหมอก “อธิบายหน่อยดิ ผมอยากรู้ ”

“อยากรู้ มาก?”

“อยากดิ” ยืนหน้ าออกมาหน่อย “แต่ถ้าพีไม่อยากให้ ผมรู้ ก็ไม่เป็ นไรนะ ผมไม่ได้ งอน”


จะเขยิบตัวออกมาด้ วย แต่มืออีกข้ างทีไม่ร้ ู มาตอนไหน ก็โอบไหล่ผมไว้ “ไรของพีเนีย” ทําหน้ านิง ล้ วงมืออีกข้ าง
ลงกระเป๋ า ยืนปาท่องโก๋ให้ ก็แค่อ้าปากเฉยๆ เลยยัดเข้ าไปทังชิน “อะไรวะเนีย ฮอร์ โมนขึนลงตามอากาศเรอะ
ผมงงพี”

ปาท่องโก๋ชินนันหมดลง ผมแวะซือนําอ้ อยคันสดทีม๊ าชอบกิน พีหมอกเดินไปมาอยู่ด้านหลัง ไม่หนั ไปมองก็ร้ ูสกึ

ยืนเหรียญสิบไป กําลังรับถุงกลับมา พีหมอกเดินเข้ ามาใกล้ ๆ กระซิบ เล่นเอาถุงนําอ้ อยแทบหลุดจากมือ

“กูคิดว่า” พ่นลมหายใจแรงจนสะดุ้ง “ตอนทีกูแก่ กูก็คงเห็นมึงแก่เหมือนกัน” ผมหันกลับไปมอง พีหมอกหูแดง


ส่งเสียงกระแอมในคอ ขมวดคิว เตะพืน “ก็แค่นนั ไม่มีเชียไร”

ผมเผลอยิมแฉ่ง ยืนถุงนําอ้ อยให้ พีหมอก “เอาไปถือเลยไป” พีหมอกเผลอตอบนิมๆ “อืม” อย่างทีไม่เคยได้ ยินมา


ก่อน

……………………………
……………………

วันนี ก็ครบสองอาทิตย์หลังเกิดเรืองแล้ ว

มันยังไม่มีอะไรเกิดขึน ตืนนอนมาด้ วยความรู้สกึ คล้ ายวันนีจะต้ องเกิดอะไรขึนแน่ๆ แต่ก็จบวันลงอย่างธรรมดา

ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ ว สิบสีวันทีผม พีหมอก และบ้ านหลังนียังอยู่ในความสงบ ทุกคนใช้ ชีวิตราวกับเรืองราวที


แสนยากลําบาก ความวุ่นวายทังหลายเป็ นเพียงควันจาง ไม่มีอะไรแปลกใหม่นอกจากไปรษณีย์มาหาทีบ้ านหลัง
นี จดหมายสําคัญทีแสตมป์เยอะแยะไปหมดสองสามฉบับเป็ นของพีหมอก ผมเห็นของในซองนันครังหนึง
พาสปอร์ ต

มองหน้ าพีหมอกทีจ้ องสมุดเล่มนันนิง ผมไม่ร้ ู ว่าพีหมอกคิดอะไรอยู่ และไม่มีวนั เข้ าใจ ถ้ าคําพูดนันไม่ถกู พูด
ออกมา

“พีหมอก”

เงยหน้ าขึนมอง เก็บพาสปอร์ ตเล่มนันลงไป ผมรู้ดี ว่าพีหมอกรู้ว่าผมเห็น แต่ก็เก็บลงเข้ าซอง ในนันยังเห็นมี


เอกสารหลายฉบับ

“ออกไปเดินเล่นกันไหม?”

“มึงอยากคุยอะไรกับกูหรือเปล่า?”

“ผมชวนไปเดินเล่น ก็เดินเล่นดิ”

จ้ องหน้ ากันนิงๆ สุดท้ ายพีหมอกก็ลกุ จากเก้ าอี เดินมาหาผม ยกมือขยีหัวผมเบาๆ แค่นนั ผมก็ร้ ูสกึ สบายใจขึน
เดินตามออกไป สวมรองเท้ า ท้ องฟ้ามืด มีเสียงสายไฟทีคล้ ายกับเสียงจิงหรี ดสีขาตลอดเวลา แวะซือไอติม พี
หมอกไม่ยอมกิน ส่ายหัว ยืนรออยู่นอกร้ าน ผมชอบความรู้สกึ แบบนี เวลาทีอยู่ในร้ าน มองเห็นเสียวหนึงของแผ่น
หลังทียืนพิงอยู่ มองอะไรสักอย่างทีผมไม่เห็นจากมุมนี เป็ นความรู้ สกึ ทีผมรู้ สกึ ว่ามันห่างหายจากเราไปนาน

ไม่จําเป็ นต้ องไปอยู่ทีทีดีทีสุด เป็ นมูลค่าไม่ใช่สงที


ิ วัดกันด้ วยเงินอีกต่อไป

ความธรรมดาทีมันพิเศษ ผมไม่ร้ ูจะอธิบายออกมายังไงให้ เข้ าใจได้ ลมพัดเย็นสบาย เสียงโทรทัศน์ทีได้ ยินแว่วมา


จากบ้ านหลังทีเราเดินผ่าน เงาสลัวของเราสองคน ตัดผ่านกันไปมาเมือผมเดินตวัดซ้ ายขวา ในซอยแทบไม่มีรถ
ขับผ่านมา ต้ นไม้ บางต้ น เพ่งมองเหมือนเห็นอะไร แต่สดุ ท้ ายก็เป็ นแค่กิงไม้ ไหว

“จะเดินไปถึงไหน”

“เรือยๆ พีไม่รีบใช่ไหม?”

ส่ายหัว “ไม่มีเรืองให้ รีบ” ผมพยักหน้ าเชืองช้ า ไอติมหยดลงนิว เช็ดลงกับกางเกง รีบกินให้ หมด ไอเย็นออกจาก
ปาก ทําท่าเหมือนเป่ าลมให้ มืออุ่น พีหมอกก็หวั เราะหึออกมา

“อยู่ทีนัน ชอบอากาศแบบนันหรือเปล่า”

“ก็ดี” พูดสันตรงคอนเซปต์ไม่เปลียน “แต่ตอนนีก็ไม่แย่”

“ตอนกลางวันผมเห็นพีบ่นตลอดอ่ะ”

“นันมันกลางวัน” พีหมอกมองออกไป ไม่ร้ ูไกลแค่ไหน “นีมันไม่ใช่”

พ้ นเขตทีเป็ นบ้ านเรือน ทางเดินสองข้ างเป็ นทุ่งหญ้ า น่าประหลาด ในย่านกลางเมืองแบบนีก็ยงั มีอยู่ คลองสาย
เล็กๆทีผมวิงเล่นแต่เด็กยังอยู่ตรงนัน ข้ างๆมีโกลฟุตบอลสนิมจับ พืนหญ้ าหน้ าโกลเตียน คงจะมีคนเล่นอยู่ตลอด

ผมนังลงกับพืนหญ้ าข้ างคลอง ยังโชคดีทีมันห่างจากผู้คนมากพอ พีหมอกยืนอยู่ข้างๆ สักพักกว่าจะยอมนังลง


ด้ วย

“ผมเคยมาวิงเล่นแถวนีบ่อยๆกับเฮีย”

“มีอะไรให้ เล่น?”

“เยอะแยะ” เตะขาไปมากับพืน มือลูบเร็วๆ หญ้ าก็ดินหลุดออกมาจากพืน “อย่างตรงนันก็ปีนต้ นไม้ วิงเล่นไป


เรือยๆ แถวนีมีเด็กเยอะเต็มไปหมด แต่พวกรุ่นเดียวกับผมก็หายไปหมดแล้ ว ไม่ร้ ูไปอยู่ทีไหนกันหมดแล้ ว”

รู้สกึ ได้ ว่าพีหมอกพอใจ ผมใช้ ศอกสะกิด “พีนีไม่อยากให้ ผมมีสงั คมเลยใช่ไหม?”

“มึงไม่อยากฟั งหรอก” พีนันแหละทีดูเหมือนไม่อยากพูดซะมากกว่า ผมเห็นพีหมอกมองทีนีไปรอบๆ “มึงโตมาใน


ทีแบบนีตลอดเลยหรอ?”

“แล้ วจะให้ ผมไปโตทีไหน? ทีนีแหละ และผมก็มีความสุขมากๆด้ วย”

“…ดีแล้ ว” พูดแบบนัน “มึงมีความสุข…”

“อืม ตอนนีด้ วย”

“หรอ”

“พีทําเหมือนพีไม่อยากรู้ ”

“กูจะต้ องถามมึงอีกทําไม” พีหมอกชันเข่า วางข้ อศอกลงบนหัวเข่า พิงหน้ าลงกับแขน ผมมองเห็นตาพีหมอกแค่


ข้ างเดียว “ก็กรู ้ ูอยู่แล้ ว”

“พีพูดงีผมทําหญ้ าตายเป็ นแถบเลย”

“มึงก็หยุดดิ”

“ผมหยุดแล้ ว เจ้ าล่ะ หยุดหรือยัง”


“ใครจะไปเล่นแบบมึง” รอยยิมบนหน้ าพีหมอก เห็นบ่อยขึนเรือยๆ ไม่ได้ ลดสิงทีกําลังพองอยู่ในใจผม
ลง “ปั ญญาอ่อน”

“ผมทําให้ พีขําต่างหาก” แลบลิน ส่ายหัว พีหมอกหลุดเสียงหัวเราะออกมา ผมแทบตาถลน หัวเราะตามเสียงดัง

เสียงหัวเราะเงียบลง เรามองหน้ ากัน รอยยิมผุดขึนมา ผมไม่แปลกใจกับรอยยิมในครังนีแล้ ว บางอย่าง บอกผม


ว่า ต่อจากนี ผมจะเห็นรอยยิมนีต่อไปเรือยๆ แค่เพียงผมอยู่ทีตรงนี ทีของผม ทีจะอยู่ข้างๆพีหมอก

“ผมถามได้ ไหม?”

พีหมอกไม่ลงั เล พยักหน้ า “พาสปอร์ ตนันคงเป็ นของพี แต่ทีผมอยากรู้คือมันมาจากไหน แล้ วพีเอามันมาทํา


อะไร?”

“มึงคงไม่คิดว่ากูทําอะไรลงไปโดยไม่คิดก่อนหรอกใช่ไหม?”

“อืม”

“กูคิดจะไปอยู่ฮ่องกง แค่ชวคราว
ั คิดจะพามึงไปด้ วย”

“…..”

“แต่ตอนนีมันไม่จําเป็ นแล้ ว”

“ทําไมล่ะ?”

“มึงไม่อยากไป” พูดเหมือนไม่แคร์ ตัวเครืองบินเฟริสคลาสสองใบนัน

“ใช่ ผมไม่อยากไป”

“กูเตรียมทุกอย่างไว้ ทีนัน บ้ าน รถ เงินมากพอทีจะไม่ต้องทํางานไปอีกตลอดชีวิต”

ผมเงียบ รอทีจะฟั งต่อ พีหมอกมองไปทางอืน “กูจะมีชีวิตทีสุขสบายอยู่ทีนัน ไม่ต้องอยู่ใต้ กฎเกณฑ์ของใคร ถ้ ากู


อยากทํางาน ก็มีงานให้ กทู ําตามทีกูอยากได้ ”
“แล้ วทําไม-”

“ไม่ใช่แค่เพราะมึงหรอก ทีทําให้ กไู ม่ไป” หัวคิวย่นเข้ าหากัน “กูไม่อยากยอมแพ้ อะไรง่ายๆ”

ตอนทีได้ ยินคํานัน ผมรู้ สกึ ขนลุก นึกถึงหลายเรืองทีผ่านมา นึกถึงเรืองราวของตัวเอง ผมได้ กลินสี รู้ สกึ ถึงสัมผัส
ของกระดาษทีปลายนิว นันยิงทําให้ ผมกํามือแน่นขึน

“กูไม่จําเป็ นต้ องมีเงิน ไม่จําเป็ นต้ องมีนามสกุลนี แค่ตวั กูเอง แค่นันก็พอ ทีจะทําให้ เขาต้ องเปลียนความคิด” พูด
ต่อ เสียงเบาลง “…มองกูทีเป็ นกู”

ผมยืนมือไป พีหมอกจับตอบ คว้ าไว้ ก่อนทีผมจะคิดว่าพีหมอกจะทํา หันกลับมา ตอนนีผมรู้สกึ ดีอย่างบอกไม่ถกู


ไม่ใช่แค่ตวั พีหมอกเอง แต่ผมก็ร้ ู สกึ เหมือนทีจะต้ องทําอะไรสักอย่างเหมือนกัน

ไม่มีเหตุผลอะไรทีจะทําให้ ผมคิดว่าพีหมอกจะทําไม่ได้ ไม่สําคัญว่าเรืองทีพีหมอกจะทํานันยากแค่ไหน

คนทีพยายามมากกว่าใคร ไม่ว่ายังไง หรืออะไร ผมเชือว่าถ้ าไม่ได้ เล่นกันสกปรก ยังไงก็ไม่ผิดหวัง

“ก็เอาดิ ทําเลย ผมหนุนเต็มที จะเอาให้ เหมือนเชียร์ ลกู ชายข้ างสนามเลย”

“มึงก็เคยทําแล้ วไม่ใช่หรอไง?”

“ใช่แล้ ว ไอ้ ลกู ชาย” หัวเราะออกมา พีหมอกถอนหายใจ อมยิมหน่อยๆ บีบมือผมแน่น

“ผมเชือว่าพีทําได้ ” ยิงกว่าคําว่าเชือ มันคือความมันใจทีมากจนน่าประหลาด “พียังหนุ่ม จะเปิ ดบริษัทใหม่เองยัง


ได้ เลย” ผมยิมออกไป ไม่ร้ ู รอยยิมนันจะจริงใจแค่ไหน

ความทะเยอทะยานของพีหมอก ไม่ร้ ูว่าตัวพีเองจะรู้ สกึ ถึงมันหรือเปล่า สิงทีทําให้ พีหมอกมองข้ ามตัวเองไปเสมอ


ความรู้สกึ สองอย่าง ทังสนับสนุน ต่อต้ านเมือถึงจุดๆหนึง ขัดแย้ งกันเองในหัวของผม

ในตอนทีไม่เหลืออะไร ไหล่ชนไหล่ ความอบอุ่น กลินหญ้ า โอบล้ อมผมและพีหมอกไว้

ความสําเร็ จอย่างหนึงของพวกเรา อยู่ในมือกันและกัน


……………………….
……………….

[B.N.29 : complete]
[2.6.56]

ยังไม่จบ รีพลายล่างยังมีอีกตึงนึงงงง

ตอนนีเรียนหนักแต่คิดว่าอนาคตน่าจะหนักกว่าเลยรีบปั นมาให้ อ่านดีกว่า แหะแหะ

รักและคิดถึง

Delete scene

“ผมมีแปรงสีฟันสํารองอันนึง ใช้ อนั นีไปก่อนแล้ วกัน”

“…..”
“ยาสีฟัน ใช้ ได้ เลย ตามสบาย สบู่ก็น่นู พีอาจจะไม่เคยใช้ สบู่ก่อน ก็ถงึ เวลาอันประจวบเหมาะแล้ ว ลองใช้ ดู
อาจจะอาบเร็ วกว่าสบู่เหลวด้ วยซํา พีวางไว้ ตรงไหล่ เดียวมันก็ลนลงมาถึ
ื งหลังเอง ไง สารพัดลูกเล่น”

“….”

“อันนีเสือผม อาจจะตัวเล็กไปหน่อย แต่ก็ทนหน่อยแล้ วกัน”

พีหมอกกางเสือออก มองมันสลับหน้ าผม “แล้ วเสือเฮียมึง?”

“…ไม่ใช่ว่าเฮียหวงหรืออะไรหรอก” ยักไหล่ ย้ ายทียืนอยู่ ตอนนียืนเบียดอยู่ในห้ องนํา “แต่..แหะๆ” ผมยิมแหย

“อะไรของมึง”

ทําเหมือนไม่สนใจ กวักนําขึนล้ างหน้ า เปี ยกจนถึงคอเสือ ผมยืนผ้ าเช็ดตัวให้ พีหมอกเช็ดหน้ าไปก่อน ผ้ าผืนนัน
เริมเปี ยก มองผมผ่านกระจก

“ไม่มีไร เรืองเล็กน้ อย อย่าสนใจเลย”

“ไอ้ ตี”

“ไม่กล้ าบอกว่ะ ผมว่ามันอะจึยๆแปลกๆ”

“มึงจะอายเชียไร มีอะไรทีกูยงั ไม่ร้ ูเกียวกับมึงอีก?” พีหมอกขมวดคิว โยนผ้ าเช็ดตัวคลุมหัวผม ดูเหมือนจะรู้ สกึ ถึง
เค้ าลางความโมโหอยู่ในนําเสียง บรรยากาศรอบๆ “กูร้ ูจกั เพือนมึงทุกคน รู้เรืองครอบครัวมึง ประถม มัธยม มหา
ลัย กูร้ ู มงึ เรี ยนทีไหน ห้ องไหน กับ—“

“เฮ้ ย พอๆ ยาวเป็ นมหากาพย์เลย ทีอย่างงี พูดเอาๆ ไม่หยุดเลย”

“มึงรีบๆบอกมา”

เผ่นออกจากห้ องนํา รีบดึงประตูปิด พีหมอกคว้ าลูกบิดทัน ดึงยือกัน เหลือช่องนิดหน่อย พอจะมองเห็นหน้ ากัน


ได้ “ใจเย็นๆ เดียวประตูพงั ”

“มึงปล่อยสิ”
ผมขมวดคิว พีหมอกก็ปล่อยมือออก ไม่ได้ เตือนก่อน ผมหงายไปข้ างหลัง พีหมอกรีบคว้ าลูกบิดไว้ อีกรอบ แล้ ว
ค่อยปล่อยออกตอนเห็นว่าผมตังหลักได้ แล้ ว

“ผมอยากให้ พีใส่เสือผมมากกว่า” เสียงเบาลง ผมพยายามหายใจเข้ าลึกๆ ทําให้ เสียงดังกว่าเดิม แต่กลับพูด


ออกมาเหมือนเด็กขาดความมันใจ ใช่ ขันวิกฤต หัวเราะกลบเกลือน “…ไง เลียนไหม?”

“เลียน”

“ประมาณนันล่ะ”

“กูจะอาบนําแล้ ว”

“ได้ เลย”

ประตูทีแง้ มไว้ เพียงนิดๆ ปิ ดลง ตรงนี ผมแทบจะมองไม่เห็นในห้ องนําอีก บานประตูกําลังจะงับปิ ดลง ได้ ยินเสียง
เรียก

“เลียน…” รู้สกึ เหมือนประตูฝากนันคงมีคนพิงอยู่ ผมไม่ได้ พิงอีกด้ านหนึง สงสารประตูบานเก่าๆนี ลืมผ้ าเปี ยกใน
มือ ลืมไปว่าถ้ าคว้ าติดตัวมาแบบนี พีหมอกจะใช้ อะไรเช็ดตัวหลังจากอาบเสร็จ ผมลืมเรืองนีไปเลย จนกระทังพี
หมอกเดินตัวชุ่มออกมาจากห้ องนํา

“…แต่กอู ยากได้ ยินอีก”

......................................
.................................

[Delete scene : complete]


[2.6.56]

You might also like