You are on page 1of 54

Page | 85

ณฐานวิทยาของ
ส่วนประกอบของ ดอก
Page | 86

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Complete flowers
ดอกที่มีส่วนประกอบของดอกครบ 4 ส่วนใน 1 ดอก
ตัวอย่างพืช : ชบา, กุหลาบ
Page | 87

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Incomplete flowers
ดอกที่มีส่วนประกอบของดอกขาดหายไปอย่างน้ อย 1 ส่วน ใน 1 ดอก
ตัวอย่างพืช : พวงชมพู, เฟื่ องฟ้ า
Page | 88

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Perfect flowers
ดอกที่มีทงั ้ ชัน้ androecium และ gynoecium ครบใน 1 ดอก
ตัวอย่างพืช : พวงชมพู
Page | 89

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Imperfect flowers
staminate flowers : ดอกที่มีเฉพาะ stamen (หรือมีเฉพาะชัน้ androecium) ใน 1 ดอก
ตัวอย่างพืช : ละหุ่ง, สบูแ่ ดง, ตาลึง (ดอกตัวผู)้
Page | 90

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Imperfect flowers
Pistillate flowers : ดอกที่มีเฉพาะ pistil (หรือมีเฉพาะชัน้ gynoecium) ใน 1 ดอก
simple dichasium
อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้
: ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : ละหุ่ง, สบูแ่ ดง, ตาลึง (ดอกตัวเมีย)


Page | 91

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Imperfect flowers
Monoecious plants :
simple

ตัวอย่างพืช
dichasium
พืชที่ดอกแบบ imperfect flower โดยดอกแบบ staminate flower และ
อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้าย-ขวาบานลาดับต่อมา
: มะลิ
: ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

pistillate flower อยู่บนต้นเดียวกัน


ตัวอย่างพืช : ละหุ่ง, สบูแ่ ดง
ดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย
Page | 92

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types : Imperfect flowers
Dioecious plants : พืชที่ดอกแบบ imperfect flower โดยดอกแบบ staminate flower และ
simple

ตัวอย่างพืช
dichasium
อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้าย-ขวาบานลาดับต่อมา
: มะลิ
: ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

pistillate flower อยู่ต่างต้นกัน


ตัวอย่างพืช : กัญชา
ดอกตัวเมีย
Page | 93

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types
Actinomorphic flowers : ดอกที่มีส่วนประกอบของดอกทุกส่วนสมมาตรตามแนวรัศมี
ตัวอย่างพืช : แพงพวยฝรัง,่ บานเช้า, มิกกี้เม้าส์
Page | 94

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types
Zygomorphic flowers : ดอกไม้ที่มีส่วนประกอบของดอกอย่างน้ อย 1 ส่วนที่มีสมมาตรแบบ
ซ้าย-ขวา
ตัวอย่างพืช : ชงโค, กล้วยไม้
Page | 95

ณฐานวิทยาของ
General features and floral types
Asymmetric flowers : ดอกที่มีส่วนประกอบของดอกอย่างน้ อย 1 ส่วนที่ไม่มีระนาบ
simple

ตัวอย่างพืช
dichasium
อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้าย-ขวาบานลาดับต่อมา
: มะลิ
: ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

สมมาตรใดๆ
ตัวอย่างพืช : พุทธรักษา
Page | 96

ณฐานวิทยาของ
Bracts
Epicalyx :
simple dichasium : ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก

bract ลักษณะเป็ นริ้วเกาะอยู่บนชัน้ calyx


มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : ชบา
Page | 97

ณฐานวิทยาของ
Bracts
Involucre :
simple
อยู่
dichasium : ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย

bract ลักษณะเป็ นริ้ว เกาะที่ใต้ฐานรองช่อดอกชนิด capitulum


3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : บานชื่น
Page | 98

ณฐานวิทยาของ
Bracts
Petaloid bract : bract ที่มีสีสนั สวยงาม ลักษณะคล้ายส่วนของ corolla
simple dichasium
อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้าย-ขวาบานลาดับต่อมา
: ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : เฟื่ องฟ้ า


Page | 99

ณฐานวิทยาของ
Bracts
Spathe : bract ที่มีลกั ษณะเป็ นกาบหรือแผเ่ ป็ นแผน่ รูปร่างคล้ายเรือ ส่วนใหญ่พบรองรับ
ช่อดอกแบบ spadix
ตัวอย่างพืช : หน้ าวัว, มะพร้าว
Page | 100

ณฐานวิทยาของ
ส่วนประกอบของ ช่อดอก
Page | 101

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Scape and solitary flowers
Scape : คาศัพย์เรียกก้านดอกหรือก้านช่อดอกรูปร่างสูง ยาว งอกจากลาต้นใต้ดินโดยตรง
ตัวอย่างพืช : บัวดิน, บัวสาย,พลับพลึง, ว่านสี่ทิศ
Page | 102

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Scape and solitary flowers
Solitary flower : ดอกเดี่ยว บน 1 ก้านของ peduncle มีดอกเพียง 1 ดอก
ตัวอย่างพืช : บัวสาย, ชบา
Page | 103

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
ช่อดอกที่ rachis สามารถยืดตัวต่อไปได้ ตัง้ แต่เริ่มติดช่อจนถึงเวลาที่ ดอกย่อยดอกสุดท้ ายบาน
หรือติดผล ดอกย่อยบานจากโคนช่อดอกไปหาปลายช่อ หรือจากวงนอกของช่อเข้ามากลางช่อ
Page | 104

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Raceme : ช่อดอกมี rachis 1 แกน ดอกย่อยแยกออกจากแกน rachis เมื่อดอกย่อยบานเต็มที่
ก้าน pedicel ยาวเท่ากัน
ตัวอย่างพืช: กล้วยไม้
Page | 105

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Spike : ช่อดอกมี rachis 1 แกนคล้ายกับ raceme แต่ดอกย่อยไม่มี pedicel หรือมี แต่ขนาด
สัน้ มาก
ตัวอย่างพืช : กระถินณรงค์
Page | 106

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Catkin : ช่อดอกมี rachis 1 แกนและดอกย่อยไม่มี pedicel ช่อดอกห้อยเป็ นพวงคล้ายหาง
แมว ดอกย่อยเป็ น staminate หรือ pistillate flower ชนิดเดียวทัง้ ช่อ
ตัวอย่างพืช : หางกระรอก
Page | 107

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Spadix : ช่อดอกมี rachis 1 แกนและดอกย่อยไม่มี pedicel คล้ายกับ spike ส่วน rachis
ขยายและอวบน้า ทาให้ช่อดอกเป็ นรูปแท่ง ส่วนใหญ่มี bract ชนิด spathe รองใต้
ช่อ
ตัวอย่างพืช : หน้ าวัว, เศรษฐีเรือนนอก
Page | 108

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Corymb : ช่อดอกมี rachis 1 แกน ก้าน pedicel ดอกที่บานก่อนยืดตัวยาวกว่าดอกที่บานที่
หลังดอกย่อยทัง้ หมดบานในระนาบเดียวกัน
ตัวอย่างพืช : หางนกยูงฝรัง่
Page | 109

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Umbel : ช่อดอกไม่มี rachis ก้านดอกย่อยแยกออกจากโคนช่อที่ตาแหน่งเดียวกันเหมือน
ซี่ร่ม ดอกบานจากวงนอกเข้าหาศูนย์กลาง
ตัวอย่างพืช : กุ้ยช่าย, พลับพลึง
Page | 110

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Indeterminate inflorescences
Head (capitulum) : ช่อดอกที่ rachis อัดตัวลงมาเป็ นรูปหัวกลมหรือเป็ นแป้ นรูปจาน ดอกบาน
จากวงนอกเข้าหาศูนย์กลาง
ตัวอย่างพืช : ผกากรอง, บานไม่ร้โู รย, บานชื่น, ไมยราบ
Page | 111

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Determinate inflorescences
ช่อดอกที่ rachis ไม่ยืดตัวต่อไปอีกหลังจากที่ดอกแรกที่อยู่ตรงกลางบานแล้ว ดอกย่อย บานจาก
กลางช่อดอกไปหาวงนอกของช่อดอก
Page | 112

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Determinate inflorescences
Simple dichasium : ช่อดอกที่มีดอกย่อยตรงกลาง 1 ดอก และดอกย่อยแยกออกไปทางขวา
และซ้ายข้างละ 1 ดอก ดอกย่อยตรงกลางบานก่อน
ตัวอย่างพืช : มะลิ
Page | 113

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Determinate inflorescences
Helicoid cyme : ช่อดอกที่มีดอกย่อยตรงกลาง 1 ดอก ดอกย่อยดอกถัดไปแยกออกไปเพียง ด้านเดียว
และต่อไปในทิศเดิมตลอดช่อ ทาให้เห็นเป็ นช่อวนรูปเกลียว ดอกที่ติดโคนช่อบานก่อน
ตัวอย่างพืช : หญ้างวงช้าง
Page | 114

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Determinate inflorescences
Scorpioid cyme : ช่อดอกที่มีดอกย่อยตรงกลาง 1 ดอก ดอกย่อยที่ 2 แยกไปด้านซ้าย (หรือ
ขวา) ของดอกแรก ดอกย่อยที่ 3 แยกไปด้านขวา (หรือซ้าย) ของดอกที่ 2 สลับไปเรื่อยๆ ทาให้
ก้านช่อเป็ นเส้นสลับฟันปลา ดอกที่ติดโคนช่อบานก่อน
ตัวอย่างพืช : คล้าน้า
Page | 115

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Compound inflorescences
Panicle : ช่อดอกผสม ช่อดอกหลักบานจากโคนช่อไปหาปลายช่อเหมือน raceme และช่อ
ดอกรองบานจากโคนไปปลายช่อเหมือน raceme เช่นกัน
ตัวอย่างพืช : นนทรี
Page | 116

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Compound inflorescences
Thyrse : ช่อดอกผสม ช่อดอกหลักบานจากโคนช่อไปหาปลายช่อเหมือน raceme แต่ช่อดอก
รองบานจากกลางช่อย่อยออกไปวงนอกช่อเหมือน dichasium
ตัวอย่างพืช : อินทนิล, ตะแบก
Page | 117

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Compound inflorescences
Compound dichasium : ช่อดอกผสมของ dichasium บน dichasium ช่อดอกย่อยที่กลางช่อ
หลักบานก่อน และดอกย่อยในกลางช่อย่อยบานก่อน
ตัวอย่างพืช : เข็ม
Page | 118

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Compound inflorescences
Verticillaster : ช่อดอกรูปฉัตร ช่อดอกหลักบานจากโคนช่อไปหาปลายช่อ ดอกย่อยติดเป็ น
กระจุกออกตรงข้ามกัน เรียงเป็ นชัน้ ชัน้ ละ 1 คู่ ดอกย่อยกลางกระจุกบานก่อน
ตัวอย่างพืช : กะเพรา, โหระพา
Page | 119

ณฐานวิทยาของ
ช่อดอก : Compound inflorescences
Cyathium : ช่อดอกที่มี pistillate flower ตรงกลางช่อ 1 ดอก ล้อมรอบด้วยช่อดอกแบบ
compound dichasium ของ staminate flower หลายช่อ
ตัวอย่างพืช : คริสต์มาส

staminate flower

pistillate flower
Page | 120

ณฐานวิทยาของ
Calyx
Polysepalous flower : ดอกที่มี sepal ทุกกลีบแยกจากกันตลอดความยาวของกลีบ
simple dichasium : ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : หางนกยูงฝรัง่
Page | 121

ณฐานวิทยาของ
Calyx
Synsepalous flower : ดอกที่มี sepal เชื่อมติดกัน อย่างน้ อยเป็ นช่วงสัน้ ๆ ของความยาวกลีบ
simple dichasium
อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้าย-ขวาบานลาดับต่อมา
: ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : ชบา
Page | 122

ณฐานวิทยาของ
Calyx
Pappus
simple dichasium : ช่อดอกที่ก้านช่อดอกหลักไม่ยืดออก

: sepal ที่ลดรูปลงเป็ นเส้นขนบาง เรียงรอบฐานรองดอก


อยู่ตรงกลางบานก่อน และดอกย่อยซ้าย-ขวาบานลาดับต่อมา
มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกที่

ตัวอย่างพืช : ตีนตุก๊ แก, สาบเสือ


Page | 123

ณฐานวิทยาของ
Calyx
Spur : sepal ที่เปลี่ยนรูปหรือยืดตัวออกมาเป็ นรูปเดือยหรือจงอย
ตัวอย่างพืช : เทียนบ้าน
Page | 124

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Aestivation
valvate : petal ในดอกตูมเรียงแบบขอบกลีบชนขอบกลีบถัดไปเป็ นวงตลอดทัง้ ดอก
ตัวอย่างพืช : รักดอก
Page | 125

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Aestivation
Imbricate : petal ในดอกตูมเรียงซ้อนกัน โดยมี 1 กลีบอยู่ด้านในสุด และ 1 กลีบอยู่ด้านนอก
สุด กลีบอื่นซ้อนเป็ นวงตลอดทัง้ ดอก
ตัวอย่างพืช : กาหลง, โยทะกา
Page | 126

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Aestivation
Twisted : petal เรียงซ้อนทับกลีบที่อยู่ถดั ไป 1 กลีบ บิดเป็ นเกลียวตลอดทัง้ ดอก
ตัวอย่างพืช : ราเพย
Page | 127

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Aestivation
Vexillary : petal รูปดอกถัว่ มี 1 กลีบขนาดใหญที่สดุ อยู่ด้านนอกสุด ซ้อนทับอีก 2 กลีบ
ขนาดรองทัง้ 2 ข้าง และกลีบรองซ้อนทับกลีบขนาดเล็กอีก 2 กลีบ ด้านในสุด
ตัวอย่างพืช : แค, อัญชัน
Page | 128

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape
polypetalous (apopetalous) flower ดอกที่มี petal ทุกกลีบแยกออกจากกันตลอด
ความยาวของกลีบ
Page | 129

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape
Cruciform : petal 4 กลีบ เรียงเป็ นรูปกากบาทหรือรูปไม้กางเขน
ตัวอย่างพืช : ผักกวางตุ้ง
Page | 130

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape
Papilionaceous : ดอกรูปปี กผีเสื้อ มี petal 5 กลีบ กลีบที่ขนาดใหญ่ที่สดุ (standard หรือ banner)
อยู่ด้านนอกสุด กลีบขนาดรองลงมา 2 กลีบ (wing) เรียงถัดมา และ กลีบขนาดเล็ก 2 กลีบ (keel)
เรียงด้านล่างสุด
ตัวอย่างพืช : แค, อัญชัน

standard

wing

keel
Page | 131

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape
Caesalpiniaceous : petal 5 กลีบ กลีบขนาดเล็กที่สดุ 1 กลีบ อยู่ด้านในสุด กลีบดอกถัดไปอีก
4 กลีบ ขนาดเกือบเท่ากัน แผอ่ อกคล้ายดอกกล้วยไม้
ตัวอย่างพืช : ชงโค, หางนกยูงฝรัง่
Page | 132

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape
Sympetalous (gamopetalous) flower : ดอกที่มี petal เชื่อมติดกันตัง้ แต่ 2 กลีบขึน้ ไป และเชื่อม
ติดกันอย่างน้ อยเป็ นช่วงสัน้ ๆ ของความยาวกลีบ
Page | 133

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape : Sympetalous (gamopetalous) flower
Funnel-form: petal เชื่อมติดกันเกือบตลอดความยาวกลีบ แผเ่ ป็ นรูปกรวย
ตัวอย่างพืช : ต้อยติ่ง, ผักบุง้ ฝรัง่
Page | 134

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape : Sympetalous (gamopetalous) flower
Salver-form : petal เชื่อมติดกันเป็ นหลอดเกือบตลอดความยาวกลีบ ปลายกลีบแผอ่ อกแนวตัง้
ฉากกับหลอดกลีบดอก
ตัวอย่างพืช : เข็ม, แสนประสะ
Page | 135

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape : Sympetalous (gamopetalous) flower
Rotate : petal เชื่อมกันเป็ นรูปถ้วยตื้นๆ แล้วแผอ่ อกเป็ นแนวระนาบ เป็ นรูปล้อเกวียน
ตัวอย่างพืช : มะเขือ, มะแว้ง
Page | 136

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape : Sympetalous (gamopetalous) flower
Bilabiate : petal เชื่อมติดกันและแยกเป็ น 2 ชุด อ้าออกเหมือนริมฝี ปาก 2 ข้าง
ตัวอย่างพืช : เสลดพังพอน, กะเพรา
Page | 137

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape : Sympetalous (gamopetalous) flower
Ligulate : petal เชื่อมติดกันเป็ นแผน่ ชิ้นเดียว และแผอ่ อกไปด้านเดียวกันเหมือนลิ้น
ตัวอย่างพืช : บานชื่น

tubular flower

ligulate flower
Page | 138

ณฐานวิทยาของ
Corolla : Corolla type & Floral shape : Sympetalous (gamopetalous) flower
Tubular : petal เชื่อมติดกันเป็ นท่อชิ้นเดียว ตลอดความยาวจากโคนไปถึงปลายกลีบ
ตัวอย่างพืช : บานชื่น

tubular flower

ligulate flower

You might also like