Professional Documents
Culture Documents
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
The Development of academic achievement in English grammar using skill-enhancing
exercises for Muttayom 1 Students
เกียรติยา อัษดร
เกียรติยา อัษดร
Keattiya Assadorn
(อาจารย์สุรีรัตน์ ตลับเงิน)
อาจารย์ที่ปรึ กษาการวิจยั อิสระ
วันที่ 18 เมษายน 2566
ก
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนโดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ครั้งนี้มีวตั ถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อพัฒนาแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนา
ทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่มีประสิ ทธิภาพตาม
เกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรี ยบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนของนักเรี ยนที่
เรี ยนด้วยแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 1 (3) เพื่อหาดัชนีประสิ ทธิผลของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยน
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่มีต่อการเรี ยนรู ้โดยใช้ แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยน
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 1/3 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2566 โรงเรี ยนปลาปากวิทยา จานวนนักเรี ยน 20 คน
ได้มาโดยการใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่ องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่แบบ
ฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่
1 จานวน 5 ชุดแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน เป็ นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
จานวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่มีต่อกิจกรรม
การเรี ยนรู ้โดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เป็ นแบบสอบถามแบบมาตราส่ วนประมาณค่า (Rating Scale) สถิติที่
ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิ ทธิภาพของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีประสิ ทธิภาพ 84.21/88.60
2. นักเรี ยนที่เรี ยนโดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะ มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนหลัง
เรี ยนสู งกว่าก่อนเรี ยน อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ก
ABSTRACT
The purpose of this study was (1) To develop academic achievement in English grammar
using skill-enhancing exercises for Muttayom 1 Students at Plapakwittaya school to be effective
80/80 (2) To compare the develop academic achievement in English grammar using skill-enhancing
exercises for Muttayom 1 Students before and after learning (3) To find the effectiveness index of
English grammar using skill-enhancing exercises for Muttayom 1 Students. (4) To study the
satisfaction of English grammar using skill-enhancing exercises for Muttayom 1 Students at
Plapakwittaya school. The sample was Mathayom 1/3 semester 1 academic 2023 with 20 students of
PlapakWittaya school; they were selected by Cluster Random Sampling. The tools used in the study
were English grammar using skill-enhancing exercises for Muttayom 1 Students, and 5 sets of
academic achievement tests. It is a 4-choice test with 30 questions and a questionnaire on the
satisfaction of Mathayom 1 students with learning activities using exercises to develop English
grammar skills. For Mathayom 1 students, it is a rating scale questionnaire. Statistics used in data
analysis include percentages, means, and standard deviations.
The results of the study found that.
1. The effectiveness of the exercises to develop English grammar learning skills. For
Mathayom 1 students, the efficiency was 84.21/88.60.
2. Students who study using skill enhancement exercises had higher academic achievement
scores after studying than before studying. Statistically significant at the .01 level.
3. Index of effectiveness of exercises to enhance skills in developing English grammar study
skills. For Mathayom 1 students, the value is equal to 0. 8087, indicating that students' knowledge has
increased by 0.830, or 83.00 per cent.
ข
4. Mathayom 1 students are satisfied with learning using exercises to enhance skills in
developing English grammar study skills. For Mathayom 1 students, overall and in each aspect, every
aspect is at a high level.
Keywords: (1) The English-speaking ability of the sample students increased after
Learned with exercises to enhance skills in developing skills in studying English
grammar.
(2) Satisfaction
ค
กิตติกรรมประกาศ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ฉบับนี้ สาเร็ จลงได้โดยได้รับได้รับข้อเสนอแนะจากอาจารย์
สุ รีรัตน์ ตลับเงิน ซึ่งได้ให้คาแนะนา ชี้แนะเกี่ยวกับแนวทางรู ปแบบขั้นตอนการเขียนรายงานโดย
ละเอียด
นอกจากนี้ยงั ได้รับความอนุเคราะห์จาก นายวินยั เปลี่ยมลาภโชติกลุ ผูอ้ านวยการโรงเรี ยน
ปลาปากวิทยา คณะครู นักเรี ยน ที่ได้ให้ความร่ วมมือในการเก็บรวบรวมเอกสาร หลักฐานและผลงาน
ด้านต่าง ๆ ทั้งหมด จนสาเร็ จด้วยดี หวังเป็ นอย่างยิง่ ว่ารายงานฉบับนี้คงเป็ นประโยชน์ต่อโรงเรี ยนปลา
ปากวิทยา อาเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม และผูส้ นใจศึกษาค้นคว้าพอสมควร ขอขอบคุณทุกท่าน ที่
ได้กล่าวนามมาข้างต้นเป็ นอย่างสู งยิง่
คุณค่าและประโยชน์อนั พึงมีจากการดาเนินการครั้งนี้ ผูศ้ ึกษาขอมอบแด่ บูรพาจารย์ ผูม้ ี
พระคุณทุกท่านด้วยความระลึกถึงพระคุณอย่างสู งยิง่
เกียรติยา อัษดร
ง
สารบัญ
หน้ า
บทคัดย่อภาษาไทย…………………………………………………………………………… ก
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ………………………………………………………………………… ข
กิตติกรรมประกาศ……………………………………………………………………………. ค
สารบัญ………………………………………………………………………………………... ง
สารบัญตาราง…………………………………………………………………………………. จ
บทที่ 1 บทนา
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา……………………………………………… 1
วัตถุประสงค์ของการศึกษา…………………………………………………………… 9
สมมติฐานของการศึกษา……………………………………………………………… 10
ขอบเขตการวิจยั ……………………………………………………………………… 10
นิยามศัพท์เฉพาะ……………………………………………………………………… 11
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ…………………………………………………………… 13
กรอบแนวคิดในการวิจยั ……………………………………………………………… 13
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
บทที่ 3 วิธีดาเนินการศึกษา
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง………………………………………………………………. 55
เครื่ องมือที่ใช้ในการศึกษา………………………………………………………………. 58
การสร้างและการหาคุณภาพของเครื่ องมือ………………………………………………. 58
แบบแผนและวิธีดาเนินการวิจยั ………………………………………………………… 63
การวิเคราะห์ขอ้ มูลและสถิติที่ใช้……………………………………………………….. 64
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
ตารางที่ 1 ตัวชี้วดั และมาตรฐานการเรี ยนรู ้…………………………………………………. 21
ตารางที่ 2 เกณฑ์การให้คะแนนแบบสอบถามวัดความพอใจ…............................................. 54
ตารางที่ 3 จานวนประชากรของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรี ยนปลาปากวิทยา…….. 58
ตารางที่ 4 ความสอดคล้องของเนื้อหา และจานวนข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน…….. 61
ตารางที่ 5 ค่าเฉลี่ย ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับความพึงพอใจของนักเรี ยน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ศึกษา ที่มีต่อการเรี ยนโดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนา
ทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ……………………………………………………… 72
ตารางที่ 6 ประสิ ทธิภาพของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1………………………………………… 74
ตารางที่ 7 การศึกษาเปรี ยบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์
ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนด้วย แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยน
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1……………………………… 74
ตารางที่ 8 ดัชนีประสิ ทธิผลของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1………………………………………… 75
ตารางที่ 9 ค่าเฉลี่ย ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับความพึงพอใจของนักเรี ยน
ชั้นมัธยมศึกษา ปี ที่ 1 ที่มีต่อการเรี ยนโดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยน
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1……………………………… 75
บทที่ 1
บทนา
1.2 วัตถุประสงค์การวิจัย
1.2.1 เพื่อพัฒนาแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่มีประสิ ทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
1.2.2 เพื่อเปรี ยบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนของนักเรี ยนที่เรี ยนด้วย
แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษา
ปี ที่ 1
1.2.3 เพื่อหาดัชนีประสิ ทธิผลของ แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
1.2.4 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่มีต่อการเรี ยนรู ้ดว้ ยแบบฝึ กเสริ ม
ทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
4
1.3 สมมติฐานการวิจัย
นักเรี ยนที่เรี ยนด้วยแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ กลุ่ม
สาระการเรี ยนรู ้ภาษาต่างประเทศ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนสู ง
กว่านักเรี ยนที่เรี ยนตามปกติ
1.4 ขอบเขตการวิจัย
1.4.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรที่ใช้ในการวิจยั ในครั้งนี้คือนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่กาลังศึกษาอยูใ่ นภาคเรี ยน
ที่ 1 ปี การศึกษา 2566 โรงเรี ยนปลาปากวิทยา ตาบลปลาปาก อาเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจยั ในครั้งนี้คือนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1/3 จานวน 20 คนที่กาลัง
ศึกษาอยูใ่ นภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2566 โรงเรี ยนปลาปากวิทยา ตาบลปลาปาก อาเภอปลาปาก
จังหวัดนครพนม ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่ มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลาก
โดยใช้หอ้ งเรี ยนเป็ นหน่วยการสุ่ ม
1.4.2 ตัวแปรที่ใช้ ในการวิจัย
ตัวแปรต้น (Independent Variable) คือ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ องไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะ
ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ความสามารถในการใช้ไวย์กรณ์ภาษาอังกฤษที่สูงขึ้น
1.4.3 เนื้อหาที่ใช้ ในการวิจัย เป็ นเนื้อหาในกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ภาษาต่างประเทศ รายวิชา
ภาษาอังกฤษ ตามหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เรื่ อง จานวน 5 แผน เวลา
10 ชัว่ โมง
1.4.4 ระยะเวลาที่ใช้ ในการวิจัย ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2566
1.4.5 สถานที่ โรงเรี ยนปลาปากวิทยา ตาบลปลาปาก อาเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
1.7 กรอบแนวคิดในการวิจยั
ในการวิจยั เรื่ องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึ ก
เสริ มทักษะ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เรื่ อง WE’ RE FAMILY สาหรับนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 1/3 ผูว้ ิจยั ได้นาทฤษฎีการสอนภาษาอังกฤษมาใช้เพื่อให้นกั เรี ยนได้เรี ยนรู ้ไวย์กรณ์
ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง โดยมีกรอบแนวคิดการศึกษา ดังปรากฏในภาพที่ 1
ตัวแปรต้ น ตัวแปรตาม
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ อง ความสามารถในการใช้ไวย์กรณ์
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึ ก ภาษาอังกฤษที่สูงขึ้น
เสริ มทักษะ
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
การวิจยั เรื่ อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึ ก
เสริ มทักษะ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ซึ่งผูว้ ิจยั ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
ดังต่อไปนี้
2.1 หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551
2.2 หลักสู ตรแกนกลาง 2551 กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ภาษาต่างประเทศ
2.3 แบบฝึ กทักษะและการสร้างแบบฝึ ก
2.3.1 ขั้นตอนการสร้างแบบฝึ กเสริ มทักษะ
2.3.2 ลักษณะที่ดีของแบบฝึ กเสริ มทักษะ
2.3.3 ประโยชน์ของแบบฝึ กทักษะ
2.4 การหาประสิ ทธิภาพของแบบฝึ กทักษะ
2.5 ประสิ ทธิภาพของแผนการจัดการเรี ยนรู ้
2.6 ดัชนีประสิ ทธิผลของแผนการจัดการเรี ยนรู ้
2.7 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน
2.8 เอกสารเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ
2.9 งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
2.9.1 งานวิจยั ในประเทศ
2.9.2 งานวิจยั ต่างประเทศ
2.1.2 หลักการ
หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการที่สาคัญ ดังนี้
1. เป็ นหลักสู ตรการศึกษาเพื่อความเป็ นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการ
เรี ยนรู ้เป็ นเป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู ้ทกั ษะเจตคติและคุณธรรมบนพื้นฐานของ
ความเป็ นไทยควบคู่กบั ความเป็ นสากล
2. เป็ นหลักสู ตรการศึกษาเพื่อปวงชนที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอ
ภาคและมีคุณภาพ
3. เป็ นหลักสู ตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจให้สงั คมมีส่วนร่ วมในการจัด
การศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
4. เป็ นหลักสู ตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุน่ ทั้งด้านสาระการเรี ยนรู ้เวลาและการจัดการ
เรี ยนรู ้
5. เป็ นหลักสู ตรการศึกษาที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ
6. เป็ นหลักสู ตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย
ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรี ยนรู ้และประสบการณ์
2.1.3 จุดหมาย
หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผูเ้ รี ยนให้เป็ นคนดี มีปัญญา มีความสุ ข มี
ศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็ นจุดหมายเพือ่ ให้เกิดกับผูเ้ รี ยน เมื่อจบ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้
1. มีคุณธรรม จริ ยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินยั และปฏิบตั ิ
ตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรื อศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง
2. มีความรู ้ความสามารถในการสื่ อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและ มี
ทักษะชีวิต
3. มีสุขภาพกายและสุ ขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสยั และรักการออกกาลังกาย
4. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็ นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมัน่ ในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริ ยท์ รงเป็ นประมุข
5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา
สิ่ งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่ งที่ดีงามในสังคม และอยูร่ ่ วมกันในสังคมอย่าง
มี ความสุ ข
10
2.1.4 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ในการพัฒนาผูเ้ รี ยนตามหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผูเ้ รี ยนให้มี
คุณภาพตามมาตรฐานที่กาหนด ซึ่งจะช่วยให้ผเู ้ รี ยนเกิดสมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่ อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
2.1.5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์
หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผูเ้ รี ยนให้มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์
เพื่อให้สามารถอยูร่ ่ วมกับผูอ้ ื่นในสังคมได้อย่างมีความสุ ข ในฐานะเป็ นพลเมืองไทยและพลโลกดังนี้
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริ ย ์
2. ซื่อสัตย์สุจริ ต
3. มีวินยั
4. ใฝ่ เรี ยนรู ้
5. อยูอ่ ย่างพอเพียง
6. มุ่งมัน่ ในการทางาน
7. รักความเป็ นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตาม
บริ บทและจุดเน้นของตนเอง
2.1.6 มาตรฐานการเรียนรู้
การพัฒนาผูเ้ รี ยนให้เกิดความสมดุลต้องคานึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา
หลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกาหนดให้ผเู ้ รี ยนเรี ยนรู ้ 8 กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ ดังนี้
1. ภาษาไทย
2. คณิ ตศาสตร์
3. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
11
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้ าใจความสั มพันธ์ ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้ าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
2.3.2 ความสาคัญของแบบฝึ ก
(สาวิตรี สุ ภาพรม, 2553 : 28) ได้กล่าวถึงความสาคัญของแบบฝึ กว่า แบบฝึ กเป็ นสิ่ งที่จาเป็ น
สาหรับการเรี ยนวิชาภาษาไทย โดยเฉพาะการเขียนสะกดคา เพราะจะทาให้นกั เรี ยนเกิดความชานาญ
สามารถเขียนสะกดคายากได้ถูกต้อง และครู ควรสร้างแบบฝึ กให้เหมาะสมกับผูเ้ รี ยน โดยการสร้างแบบ
ฝึ กให้สอดคล้องกับจิตวิทยาการเรี ยนรู ้ ในแบบฝึ กควรมีรูปภาพประกอบเพื่อให้นกั เรี ยนไม่เกิดความ
เบื่อหน่ายต่อการเรี ยน ยังมีผลทาให้การเขียนสะกดคาของนักเรี ยนถูกต้อง และมีประสิ ทธิภาพยิง่ ขึ้น
( แน่งน้อย มงคลเลิศ, 2550 : 24 – 25) ได้กล่าวถึงความสาคัญของแบบฝึ กว่าแบบฝึ กมี
ความสาคัญและจาเป็ นต่อการเรี ยนทักษะทางภาษามาก เพราะช่วยให้ผเู ้ รี ยนเข้าใจบทเรี ยนดีข้ ึนสามารถ
จดจาเนื้อหาในบทเรี ยนและคาศัพท์ต่าง ๆ ได้คงทน ทาให้เกิดความสนุกสนานในขณะเรี ยน ทราบ
ความก้าวหน้าของตนเอง สามารถนาแบบฝึ กมาทบทวนเนื้อหาเดิมด้วยตนเองได้นามาวัดผลการเรี ยน
หลังจากที่เรี ยนแล้ว ตลอดจนสามารถทราบข้อบกพร่ องของนักเรี ยนและนาไปปรับปรุ งแก้ไขได้
ทันท่วงที ซึ่งจะมีผลทาให้ครู ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายและลดภาระได้มาก นอกจากนี้ ยังทาให้นกั เรี ยน
สามารถนาภาษาไปใช้ในการสื่ อสารได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ
( มะลิ อาจวิชยั , 2550 : 17) ได้กล่าวถึงความสาคัญของแบบฝึ กว่าแบบฝึ กที่ดีและมี
ประสิ ทธิภาพจะช่วยทาให้นกั เรี ยนประสบผลสาเร็ จในการฝึ กทักษะได้เป็ นอย่างดี แบบฝึ กที่ดี
เปรี ยบเสมือนผูช้ ่วยที่สาคัญของครู ทาให้ครู ลดภาระการสอนทาให้ผเู ้ รี ยนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่าง
เต็มที่และเพิ่มความมัน่ ใจในการเรี ยนเป็ นอย่างดี
สรุ ปได้วา่ แบบฝึ กมีความจาเป็ นต่อการเรี ยนภาษาอย่างยิง่ ซึ่งครู ผสู ้ อนสามารถที่จะผลิต
ขึ้นมาใช้เอง นับว่าแบบฝึ กนั้นเป็ นอุปกรณ์ในการเรี ยนการสอนอย่างยิง่ เพื่อฝึ กทักษะหลังจากได้เรี ยน
เนื้อหาจากแบบเรี ยนไปแล้ว ซึ่งจะส่ งผลให้ผเู ้ รี ยนมีความแม่นยาและเกิดความชานาญเพิ่มมากขึ้น ทาให้
ผูเ้ รี ยนทราบข้อบกพร่ องของตนเองและนามาปรับปรุ งแก้ไขนักเรี ยนได้เพิม่ พูนความรู ้และทักษะมาก
ยิง่ ขึ้น
2.3.3 ประโยชน์ ของแบบฝึ ก
(ประวิทย์ จิตดี ,2555 : 27) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของแบบฝึ กทักษะ สรุ ปได้ดงั นี้
1. เป็ นส่ วนเพิ่มเติมหรื อเสริ มหนังสื อเรี ยนในการเรี ยนทักษะ
2. ช่วยเสริ มทักษะการใช้ภาษาให้ดีข้ ึน แต่ท้งั นี้ตอ้ งอาศัยการส่ งเสริ มและความ
เอาใจใส่ จากผูส้ อนด้วย
24
4. คิดได้อย่างรวดเร็ ว
5. เร้าความสนใจ
6. เหมาะสมกับวัยและความสามารถ
7. ศึกษาได้ดว้ ยตนเอง
(กานดา จิระพงษา, 2555. : 24) ได้กล่าวว่าแบบฝึ กที่ดีควรมีลกั ษณะดังนี้
1. มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนว่าต้องการฝึ กทักษะในด้านใด
2. การใช้ภาษาให้เหมาะสมกับวัยของนักเรี ยน
3. มีรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจของนักเรี ยน มีหลายรู ปแบบเพื่อไม่ให้นกั เรี ยนเกิดความเบื่อ
หน่าย
4. เรี ยงลาดับความยากง่าย
5. ใช้เวลาในการฝึ กไม่นานจนเกินไป
(ประยุทธ เคนนาดีม 2555 : 55 – 56) ได้กล่าวว่า แบบฝึ กที่ดีควรมีลกั ษณะดังนี้
1. ประเภทเลือกตอบ
1.1 เลือกระบบสี คาพวกเดียวกัน
1.2 เลือกคาที่มีความหมายตรงกับข้อความ
1.3 เลือกพยัญชนะใส่ ในกลุม่ คา
1.4 เลือกคาที่สะกดการันต์ถูกต้อง
1.5 ขีดเส้นใต้คาพวกเดียวกัน
2. ประเภทเติมคา
2.1 เติมพยัญชนะในคาที่กาหนดไว้
2.2 เติมคาลงในข้อความที่กาหนดไว้
2.3 เติมส่ วนประกอบของคาให้เป็ นคาที่มีความหมาย
2.4 เติมอักษรลงในช่องว่างให้เป็ นคาซึ่งตรงกับคาอ่านที่กาหนดให้
2.5 เติมคาให้มีความหมายตรงกับภาพ
3. ประเภทจับคู่
3.1 จับคู่พยางค์ของคาที่อ่านต่อกัน
3.2 จับคู่กบั ข้อความที่มีความหมายตรงกัน
3.3 จับคู่คาพวกเดียวกัน
27
4. ประเภทสร้างคา
4.1 สร้างคาจากภาพ
4.2 สร้างคาจากภาพและความหมายที่กาหนดให้
4.3 สร้างคาโดยกาหนดส่ วนประกอบของคาบางส่ วนให้
4.4 การสร้างคาโดยกาหนดส่ วนประกอบของคาบางส่ วนให้
4.5 นาคามาประสมให้เกิดคาใหม่
4.6 สร้างคาจากตัวอักษรที่สลับที่กนั อยู่
5. ประเภทสร้างประโยค
5.1 สร้างประโยคจากคาที่กาหนดไว้
5.2 เลือกคาเติมลงในประโยคให้ได้ใจความ
5.3 สร้างประโยคจากภาพที่กาหนดให้
6. ประเภทเขียนคา
6.1 เขียนคาอ่านจากคาที่กาหนดให้
6.2 เขียนคาจากคาอ่านและความหมายที่กาหนดให้
6.3 แก้ไขคาที่เขียนสะกดผิด
7. ประเภทแยกส่วนประกอบ
8. ประเภทหาความหมายของคา
(สมพร พูลพันธ์, 2550 : 40) ได้กล่าวว่าแบบฝึ กหัดที่ดีควรมีลกั ษณะดังนี้
1. เกี่ยวข้องกับบทเรี ยนที่เรี ยนแล้ว
2. เหมาะสมกับระดับวัย และระดับความสามารถของเด็ก
3. มีคาชี้แจงสั้น ๆ ที่จะทาให้เด็กเข้าใจวิธีทาได้ง่าย คาชี้แจงหรื อคาสัง่ ต้องชัดเจนกะทัดรัด
4. ใช้เวลาเหมาะสมคือไม่ให้เวลานานหรื อเร็วเกินไป
5. เป็ นที่น่าสนใจและท้าทายให้แสดงความสามารถ
สรุ ปได้วา่ ลักษณะของแบบฝึ กที่ดี ต้องมีจุดหมายที่แน่นอนว่าจะทาการฝึ กทักษะด้านใด
ควรใช้ภาษาง่าย ๆ และมีความน่าสนใจ เรี ยงลาดับจากง่ายไปยากให้สมกับวัยและความสามารถของ
ผูเ้ รี ยนมีเนื้อหาให้ตรง จัดกิจกรรมให้หลากหลายเพื่อดึงดูดความสนใจ เพื่อให้เกิดประสิ ทธิภาพต่อ
นักเรี ยนและการใช้ภาษาให้มากที่สุด
28
2.4.4 ความพึงพอใจ
5.1 ความหมายของความพึงพอใจ ได้มีผกู ้ ล่าวถึงความหมายของความพึงพอใจ ดังนี้
สเตราส์ และเซเลส (Strauss & Sayles, 2008, p. 5-6 อ้างถึงใน พิกลุ สิ งห์ศรี
35
เช่น E1/E2 = 75/75, E1/E2 = 80/80, E1/E2 = 85/85 เป็ นต้น ซึ่งคานวณได้จากสู ตร
สู ตรที่ 1
∑×
( N)
E1 = × 100
A
สู ตรที่ 2
∑×
( N)
E2 = × 100
B
คะแนนหลังเรี ยน − คะแนนก่อนเรี ยน
ดัชนีประสิ ทธิผล (E.I.) =
คะแนนเต็ม−คะแนนก่อนเรี ยน
ที่ทาให้เกิดการเรี ยนรู ้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ คือ กิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่จดั ให้กบั นักเรี ยนได้เรี ยนรู ้ดว้ ย
ความประทับใจ และยังได้กล่าวถึง ความพึงพอใจต่อการเรี ยนรู ้โดยใช้สื่อ/นวัตกรรม หมายถึง
ความรู ้สึกพอใจประทับใจ ความรู ้สึกที่ดี ชอบในใจการร่ วมปฏิบตั ิกิจกรรมการเรี ยนรู ้โดยมีสื่อ/
นวัตกรรม ที่สร้างขึ้นเป็ นองค์ประกอบสาคัญในการดาเนินกิจกรรมการเรี ยนรู ้จนบรรลุผลสาเร็ จในการ
เรี ยนรู ้ การทาให้ผเู ้ รี ยนเกิดความพึงพอใจในการเรี ยนรู ้ สื่ อ/นวัตกรรม
ที่สร้างขึ้นจึงเป็ นองค์ประกอบที่สาคัญที่ทาให้ผเู ้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู ้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ ตาม
วัตถุประสงค์ของการสร้างสื่ อ/นวัตกรรม
จากการศึกษาความหมายของความพึงพอใจ สรุ ปได้วา่ ความพึงพอใจในการเรี ยน หมายถึง
ความรู ้สึกของนักเรี ยนที่มีต่อการเรี ยน ที่แสดงออกมาในรู ปแบบชอบใจต่อสิ่ งที่ได้รับจากการเรี ยน
3.1.2 กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจยั ครั้งนี้คือ หรื อนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1/3
โรงเรี ยนปลาปากวิทยา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ตาบลปลาปาก อาเภอปลาปาก
จังหวัดนครพนม
53
ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2566 จานวน 7 ห้องเรี ยน มีนกั เรี ยนจานวนทั้งสิ้ น 193 คน ซึ่งได้มาจากการ
สุ่ มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลาก โดยใช้หอ้ งเรี ยนเป็ นหน่วยการสุ่ ม
ความหมายการตอบแบบสอบถาม
มีความพึงพอใจมากที่สุด หมายถึง 5 คะแนน
มีความพึงพอใจมาก หมายถึง 4 คะแนน
มีความพึงพอใจปานกลาง หมายถึง 3 คะแนน
มีความพึงพอใจน้อย หมายถึง 2 คะแนน
มีความพึงพอใจน้อยที่สุด หมายถึง 1 คะแนน
3.3.3 นาแบบวัดที่สร้างเสร็ จแล้วไปให้ผเู ้ ชี่ยวชาญด้านการวัดผลประเมินผลพิจารณา
ตรวจสอบความถูกต้อง แล้วนามาปรับปรุ งแก้ไข
3.3.4 นาแบบวัดความพึงพอใจในการเรี ยนรู ้ภาษาอังกฤษ ไป Try-out กับนักเรี ยน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1/3 โรงเรี ยนปลาปากวิทยา จานวน 20 คน
3.3.5 นาแบบวัดความพึงพอใจมาตรวจให้คะแนน และหาค่าอานาจจาแนกเป็ นรายข้อ
โดยใช้วิธีทดสอบค่า t-test (ภาควิชาวิจยั และพัฒนาการศึกษา, 2548 : 68-69) จากนั้นคัดเลือกข้อ
คาถามที่มีค่าอานาจจาแนกรายข้อ โดยพิจารณาจากค่าสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สนั มีค่าตั้งแต่
0.54 ถึง 0.93 นาแบบสอบถามทั้งฉบับมาหาค่าความเชื่อมัน่ มีค่าความเชื่อมัน่ ทั้งฉบับ (α) (เท่ากับ
0.97
3.3.6 พิมพ์แบบวัดความพึงพอใจในการเรี ยนรู ้ภาษาอังกฤษเป็ นฉบับจริ ง เพื่อนาไปใช้
เก็บข้อมูลต่อไป
3.4 แบบแผนและวิธีดาเนินการวิจยั
ขั้นตอนดาเนินการวิจยั ครั้งนี้แบ่งออกเป็ นขั้นตอน ได้แก่
58
3.4.1 แบบแผนในการดาเนินการทดลอง
การวิจยั ครั้งนี้เป็ นการวิจยั กึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Research)
ดาเนิ นการทดลองตามแบบแผนการวิจยั One Group Pretest - Posttest Design(Fitz-Gibbon 1987 :
113) ซึ่งมีรูปแบบการวิจยั ดังนี้
T1 X T2
ภาพที่ 3 แบบแผนการวิจยั
สัญลักษณ์ที่ใช้ในรู ปแบบการวิจยั
T1 หมายถึง การทดสอบก่อนการจัดการเรี ยนรู ้
X หมายถึง การจัดการเรี ยนรู ้ โดยเทคนิคการสอนภาษาเพื่อการสื่ อสาร
T2 หมายถึง การทดสอบหลังการจัดการเรี ยนรู ้
3.4.2 วิธีดาเนินการทดลอง
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็ นการศึกษาค้นคว้าแบบเชิงทดลอง ซึ่งผูศ้ ึกษาค้นคว้าได้ทดลองการสอน
ด้วยตนเองกับผูเ้ รี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรี ยนปลาปากวิทยา) ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2566
โดยมีกลุ่มประชากรที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1/3จานวน 20 คน โดย
ดาเนินการทดลองตามลาดับขั้นตอน ดังนี้
1.) ชี้แจงข้อตกลงในการเรี ยนการสอน ให้ผเู ้ รี ยนมีความเข้าใจและพร้อมที่จะ
ศึกษา
2.) ทาการทดสอบก่อนเรี ยน (Pre - test) กับผูเ้ รี ยนกลุ่มตัวอย่างด้วยการทา
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน จานวน 20 ข้อ เพื่อทดสอบความรู ้เดิมของผูเ้ รี ยนตรวจและ
บันทึกผลคะแนนไว้
3.) ดาเนินการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ตามแผนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่สร้างขึ้น
4.) เมื่อสิ้ นสุ ดการสอนครบทุกแผนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้แล้ว จึงทาการสอบ
หลังเรี ยน (Post – test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนชุดเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบ
ก่ อนเรี ยน (Pre – test) แต่สลับข้อคาตอบ จานวน 15 ข้อ ตรวจและบันทึ กผลคะแนนเพื่อน าไป
เปรี ยบเทียบ
กับคะแนนทดสอบก่อนเรี ยนและนาข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ต่อไป
5.) ประเมินความพึงพอใจของนักเรี ยน โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจสาหรับ
นักเรี ยนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้และนาข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ต่อไป
59
ชี้แจงข้อตกลงในการเรี ยนการสอน
ของการวิจยั ในครั้งนี้
สอบถามความพึงพอใจของนักเรียน
วิเคราะห์ผลและสรุปผลการวิจัย
ภาพที่ 4 ขั้นตอนวิธีการดาเนินการวิจยั
R
P =
N
U L
B = −
N𝟏 N𝟐
n ∑X − ∑X 2
rcc =1 −
(𝑛 − 1) ∑(X − ∁)2
N ∑ XY − ∑ X ∑ Y
rxy =
√[N∑X 2 − (∑x)2 ][N∑Y 2 − (∑Y)2 ]
𝑛 ∑𝑆𝑖 2
𝛼 = [1 − ]
𝑛−1 𝑆𝑡 2
2. สถิติพืน้ ฐาน
2.1 ร้อยละ (Percentage) ใช้สูตรดังนี้ (ประสาท เนืองเฉลิม, 2560: 224)
f
P = × 100
N
∑X
X̅=
N
N ∑ X 2 − (∑ X)2
S. D. = √
N(N − 1)
64
∑x
E1 = N × 100
A
∑x
E2 = N × 100
B
พลรวมคะแนนทดสอบหลังเรี ยน − ผลรวมคะแนนทดสอบก่อนเรี ยน
E.I. =
(จานวนนักเรี ยน × คะแนนเต็ม) − ผลรวมคะแนนทดสอบก่อนเรี ยน
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
2. ลาดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ผูศ้ ึกษาดาเนินการตามลาดับขั้นตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 ประสิ ทธิภาพของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ตามเกณฑ์ 80/80
ตอนที่ 2 การเปรี ยบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนโดยใช้ แบบฝึ ก
เสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
67
3. ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ตอนที่ 1 ประสิ ทธิภาพของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1ตามเกณฑ์ 80/80 ดังตาราง 4 – 5
ตารางที่ 5 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละของคะแนนกิจกรรมระหว่างเรี ยน คะแนน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนของนักเรี ยนหลังเรี ยนด้วย แบบฝึ กเสริ มทักษะการ
พัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
ระดับความ
รายการ X S.D.
พึงพอใจ
3. แบบฝึ กเสริ มทักษะเรี ยงลาดับจากง่ายไปหายาก 3.96 1.03 มาก
4. เครื่ องมือวัดผลประเมินผลชัดเจนและมีประสิ ทธิภาพ
รวม 3.85 0.95 มาก
1. วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.1 เพื่อพัฒนาแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ภาษาต่างประเทศ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1ที่มีประสิ ทธิภาพตาม
เกณฑ์ 80/80
1.2 เพื่อเปรี ยบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนของนักเรี ยนที่เรี ยน
ด้วย แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 1
1.3 เพื่อหาดัชนีประสิ ทธิผลของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
1.4 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1ที่มีต่อการเรี ยนรู ้ดว้ ยแบบฝึ ก
เสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษสาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
73
2. สมมติฐานของการศึกษา
นักเรี ยนที่เรี ยนด้วยแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนสู งกว่านักเรี ยนที่เรี ยนตามปกติ
3. สรุปผลการศึกษา
3.1 ประสิ ทธิภาพของ แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีประสิ ทธิภาพ 89.80/81.67
3.2 นักเรี ยนที่เรี ยนโดยใช้ แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนหลังเรี ยนสู งกว่า
ก่อนเรี ยน อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ ระดับ .01
3.3 ดัชนีประสิ ทธิผลของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.8470 แสดงว่านักเรี ยนมีความรู ้เพิม่ ขึ้น 0.8470 หรื อ
คิดเป็ นร้อยละ 84.70
3.4 สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรี ยนโดยใช้ แบบฝึ กเสริ ม
ทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โดยรวม
และเป็ นรายด้านทุกด้านอยูใ่ นระดับมาก
4. อภิปรายผลการศึกษา
จากรายงานการพัฒนาแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ผลการศึกษาเป็ นไปตามสมมติฐานที่ผศู ้ ึกษาได้ต้งั ไว้ ทั้งนี้อาจ
เนื่องมาจากการที่ผศู ้ ึกษาได้มีการศึกษาเอกสาร หลักการ แนวคิด ทฤษฎี ในการที่จะใช้สื่อนวัตกรรมที่มี
ความเหมาะสม ผ่านการสร้าง ทดลอง และตรวจสอบคุณภาพของเครื่ องมือที่นามาใช้อย่างถูกต้องเป็ น
ระบบก่อนที่จะนาเครื่ องมือดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยนที่เป็ นกลุ่มตัวอย่างจริ ง ดัง
ปรากฏผล ดังนี้
4.1 ประสิ ทธิภาพของแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีประสิ ทธิภาพ 89.80/81.67 หมายความว่า นักเรี ยนได้คะแนน
เฉลี่ยจากการทดสอบย่อยและการทาแบบฝึ กทักษะ คิดเป็ นร้อยละ 0.8470 และคะแนนเฉลี่ยจากการทา
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนหลังเรี ยน คิดเป็ นร้อยละ 84.70 แสดงว่าผลการจัดการเรี ยนรู ้
74
5. ข้ อเสนอแนะ
5.1 ข้อเสนอแนะในการนาไปใช้
5.1.1 ผลการศึกษาพบว่าแบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษ สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1โดยใช้วิธีการสร้างชุมชนการเรี ยนรู ้ทางวิชาชีพ
(PLC) ในโรงเรี ยน มีประสิ ทธิภาพ ผูเ้ รี ยนมีความก้าวหน้าทางการเรี ยนเพิ่มขึ้น ดังนั้น ครู ผสู ้ อนที่ทาการ
สอนวิชาภาษาอังกฤษ สามารถนาไปใช้สอนได้
5.1.2 ในการนา แบบฝึ กเสริ มทักษะการพัฒนาทักษะการเรี ยนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โดยใช้วิธีการสร้างชุมชนการเรี ยนรู ้ทางวิชาชีพ (PLC) ในโรงเรี ยน
ไปใช้ ครู ผสู ้ อนควรศึกษาขั้นตอนให้เข้าใจมีการวางแผนและทาแบบฝึ กทักษะอย่างต่อเนื่องสม่าเสมอ
และสร้างหลายๆ รู ปแบบ เพือ่ ให้นกั เรี ยนเกิดความสนใจ ครู ควรหาสื่ อการสอนที่แปลกใหม่น่าสนใจ
และเหมาะสมกับผูเ้ รี ยน
75
5.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป
5.2.1 ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับผลการจัดการเรี ยนรู ้ภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะ
ในเนื้อหาสาระและระดับอื่นๆ แล้วนาไปสอนเปรี ยบเทียบกับการสอนแบบอื่น
5.2.2 ควรมีการพัฒนาผลการจัดการเรี ยนรู ้โดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะไปทดลองใช้เพื่อ
ศึกษาความก้าวหน้าและเจตคติทางการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน
5.2.3 ควรมีการศึกษาความคงทนในการเรี ยนรู ้ภาษาอังกฤษ ระหว่างการใช้แบบฝึ กเสริ ม
ทักษะ กับการจัดการเรี ยนรู ้แบบอื่น
76
บรรณานุกรม
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. การประเมินผลการเรียนตามหลักสู ตรการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
พุทธศักราช 2545. กรุ งเทพฯ. :โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2545.
กรมวิชาการ. กรอบความคิดและแนวทางการประเมินผลด้ วยทางเลือกใหม่ ตามหลักสู ตร
การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544. กรุ งเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว,
2546.
กมลรัตน์ หล้าสุ วงษ์ . จิตวิทยาสั งคม. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ
ประสานมิตร. 2528.
กระทรวงศึกษาธิการ. การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ตามหลักสู ตรการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544. กรุ งเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.2546.
กระทรวงศึกษา . หลักสู ตรการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544 . กรุ งเทพฯ : อักษรเจริ ญทัศน์.
2544.
ก่อ สวัสดิพาณิ ชย์. แนวการสอนภาษาไทย. กรุ งเทพฯ : หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมการฝึ กหัดครู ,
2514.
จานง พรายแย้มแข . เทคนิคการสอนกลุ่มสร้ างเสริมประสบการณ์ ชีวติ . กรุ งเทพมหานคร :
ไทยวัฒนาพานิช. 2529.
จิ้มลิม้ โกวิทางกูล.การศึกษาผลสั มฤทธิ์ทัศนะคติและการพัฒนาการด้ านความคิดสร้ างสรรค์ของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ที่เรียนโดยใช้ แบบฝึ กการเขียนอย่างสร้ างสรรค์และแบบ
ฝึ กอย่างเอกนัย. ปริ ญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิตบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรี นคริ
นทรวิโรฒประสานมิตร. 2530.
ชวลิต ชูกาแพง. การประเมินการเรียนรู้. มหาสารคาม: สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 2548.
ชัยยงค์ พรหมวงศ์. การพัฒนาการสอน. กรุ งเทพฯ : สุ วีริยาสาส์น.มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ
มหาสารคาม. 2537.
ณัฐชญา เอื้อมอุ่น. ผลการใช้ แบบฝึ กทักษะการการอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปี ที่
2. ปริ ญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุ งเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
ศรี นคริ นทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร, 2544.
ถนอมศรี เหลาหา. เปรียบความสามารถในการอ่านออกเสี ยงร้ อยแก้วภาษาไทย ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปี ที่ 5 โดยใช้ แบบฝึ กกับการสอนปกติ. ปริ ญญานิพนธ์ กศ.ม.
ชลบุรี : มหาวิทยาลัยบูรพา, 2535.
บุญชม ศรี สะอาด. พัฒนาการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุ งเทพฯ : สุ วีริยาสาสน์, 2545.
77
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ผูเ้ รี ยนมีความรู ้ ความสามารถ
- ใช้คาศัพท์เรี ยกสมาชิกในครอบครัวได้ถูกต้อง
- พูดสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลของตนเองและผูอ้ ื่นได้ถูกต้อง
- เปรี ยบเทียบการใช้คาแสดงความเป็ นเจ้าของในภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้
2. ผูเ้ รี ยนมีสมรรถนะที่สาคัญ
- ความสามารถในการสื่ อสาร
- ความสามารถในการคิด
3. ผูเ้ รี ยนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
- มีวินยั ใฝ่ เรี ยนรู ้ มุ่งมัน่ ในการทางาน
3. สาระสาคัญ/ ความคิดรวบยอด
การรู ้คาศัพท์ที่ใช้เรี ยกสมาชิกในครอบครัว ช่วยให้สามารถพูดขอและให้ขอ้ มูลส่ วนตัวได้
และสื่ อสารตามโครงสร้างภาษาได้อย่างถูกต้อง
4. สาระการเรียนรู้
Vocabulary: aunt, brother, cousin, father, grandfather, grandmother, mother, sister, uncle
Listening: Identify family members
Speaking: Ask and answer personal questions
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
- ความสามารถในการสื่ อสาร / ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
6. การบูรณาการจัดการเรียนรู้
6.1 การบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอประมาณ
- นักเรี ยนสามารถวางแผนการทากิจกรรมให้เสร็ จภายในเวลาที่กาหนดเป็ นการ
พอประมาณ
2. ความมีเหตุผล
- นักเรี ยนได้มีทกั ษะในการทากิจกรรม ซึ่งเป็ นการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง
3. การมีภูมิคุม้ กันในตัวที่ดี
-นักเรี ยนได้ตระหนักเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ใช้คาศัพท์เกี่ยวกับ Family
relationships ได้ถูกต้อง
- นักเรี ยนให้ความสาคัญและมีส่วนร่ วมในการแก้ปัญหาด้านการสื่ อสารและทักษะการ
แก้ปัญหาโดยเริ่ มพัฒนาจากตนเอง
1. เงื่อนไขความรู ้
-รู ้แหล่งศึกษาหาความรู ้เพิ่มเติม เพื่อนาไปประยุกต์ใช้
- น้ าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปแก้ไขปัญหาด้านการเรี ยน
2. เงื่อนไขคุณธรรม
- นักเรี ยนใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งความสามัคคี ความรับผิดชอบความขยัน
อดทนความพอประมาณ และความมีน้ าใจในการเรี ยนและการทากิจกรรมจนบรรลุเป้าหมาย
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- แบบฝึ กหัด Exercise 1-3 Family
8. การวัดและการประเมินผล
วิธีการวัด เครื่ องมือ เกณฑ์ การผ่าน
10. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเข้าสู่ บทเรียน (Warm up)
1. นักเรี ยนดูภาพหน้า 8 อ่านคาศัพท์เกี่ยวกับครอบครัว
2. ครู ถามคาถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับครอบครัวนักเรี ยน ดังนี้
How many people are there in your family? What are they?
What is your favorite / least thing to do with your family?
ขั้นนาเสนอ (Presentation)
1. ครู ให้นกั เรี ยนจับกลุ่ม ๆ ละ 4 คน รวบรวมคาศัพท์ที่ใช้เรี ยกสมาชิกในครอบครัว
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มนาเสนอคาศัพท์ที่รวบรวมได้
3. ครู เปิ ดยูทูปสอนคาศัพท์ Family members และให้นกั เรี ยนฝึ กออกเสี ยงตาม
https://www.YouTube.com/watch?v=FHaObkHEKHQ
4. ครู เปิ ดยูทูปอีก 1 ครั้ง แต่ไม่เปิ ดเสี ยง ให้นกั เรี ยนออกเสี ยงตาม
5. ครู เขียนคาต่อไปนี้บนกระดานให้นกั เรี ยนเรี ยงให้เป็ นคาศัพท์ที่ถูกต้อง
unat / rtbeoh / insouc / erahft / aandergraht / rerodnamght / ohtrem / iserts / ulecn
aunt / brother / cousin / father / grandfather / grandmother / mother / sister / uncle
ขั้นฝึ กฝน (Practice)
1. นักเรี ยนเปิ ดหนังสื อหน้า 8 ฝึ กออกเสี ยงคาศัพท์ใต้ภาพในกิจกรรมที่ 1
2. ครู เปิ ด CD 1-01 ให้นกั เรี ยนฝึ กออกเสี ยงตาม 1 ครั้ง
3. ครู เปิ ด CD 1-01 นักเรี ยนเขียนหมายเลขของคาศัพท์ที่ได้ยนิ ในช่องวงกลม
4. ครู ช้ ีภาพสมาชิกต่าง ๆ ใน family tree ให้นกั เรี ยนบอกคาศัพท์ให้ตรงกับภาพ
5. ครู เปิ ด CD 1-02 ให้นกั เรี ยนฟังและตอบคาถามกิจกรรมที่ 2
ขั้นการสร้ างผลงาน การใช้ ภาษาเพื่อการสื่ อสาร (Production)
1. ครู ช้ ีภาพสมาชิกต่าง ๆ ใน family tree ฝึ กนักเรี ยนถาม-ตอบ โดยใช้โครงสร้างดังนี้
T. Who is he? (point at brother)
S1: He is my brother.
T: Who is she? (point at mother)
S2: She is my mother.
T: Who is he? (point at uncle)
S3: He is my uncle.
2. นักเรี ยนจับคู่ฝึกถาม-ตอบ เกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวจนครบทุกคน
3. ให้นกั เรี ยนทุกคนทา family tree ของตนเอง โดยใช้คาศัพท์ในบทเรี ยน
4. ให้นกั เรี ยนนา family tree ที่เสร็ จแล้วออกมาแนะนาสมาชิกในครอบครัวให้เพื่อนรู ้จกั เช่น
I am…………….….This is my family. He's my………………... She's my…………………
ขั้นสรุป (Wrap up)
1. นักเรี ยนสรุ ปคาศัพท์ที่ใช้เรี ยกสมาชิกในครอบครัว
2. นักเรี ยนทาแบบฝึ กทักษะ present simple tense
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “มีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน”
คาชี้แจง
ให้ ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมนักเรียนเกีย่ วกับความมีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทางาน
โดยพิจารณาจากเกณฑ์ ที่กาหนด แล้วเขียนผลการประเมินเป็ นตัวเลขใส่ ลงในช่ องตามหัวข้ อที่ประเมิน
กรณีที่ต้องการบันทึกพฤติกรรมที่สังเกตพบเพิม่ เติมให้ บันทึกในช่ องหมายเหตุ
มุ่งมั่นในการ หมาย
เลขที่ ชื่ อ – สกุล มีวินัย ใฝ่ เรียนรู้
ทางาน เหตุ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
เกณฑ์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “มีวนิ ัย”
พฤติกรรมบ่ งชี้ ไม่ ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม (3)
ปฏิบตั ิตาม ไม่ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม
ข้อตกลง ของ ข้อตกลง และไม่ ข้อตกลงได้บาง ข้อตกลงได้ดี ข้อตกลงได้ดี
กิจกรรม และ รับผิดชอบต่อ ประเด็น และไม่ รับผิดชอบใน และรับผิดชอบ
รับผิดชอบในงาน งานที่มอบหมาย รับผิดชอบต่องาน งานที่มอบหมาย ในงานที่
ที่มอบหมาย ที่มอบหมาย เพียงบางส่ วน มอบหมาย
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ผูเ้ รี ยนมีความรู ้ ความสามารถ
- พูดสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลของตนเองและผูอ้ ื่นได้ถูกต้อง
- เปรี ยบเทียบการใช้คาคุณศัพท์ที่ใช้แสดงความเป็ นเจ้าของในภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทยได้
2. ผูเ้ รี ยนมีสมรรถนะที่สาคัญ
- ความสามารถในการสื่ อสาร
- ความสามารถในการคิด
3. ผูเ้ รี ยนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
- มีวินยั ใฝ่ เรี ยนรู ้ มุ่งมัน่ ในการทางาน
3. สาระสาคัญ/ ความคิดรวบยอด
การรู ้คาศัพท์ที่ใช้บอกข้อมูลของตนเอง ช่วยให้สามารถพูดขอและให้ขอ้ มูลส่ วนตัวได้ และ
สื่ อสารตามโครงสร้างภาษาได้อย่างถูกต้อง
4. สาระการเรียนรู้
Vocabulary: address, age, birthday, email, eye, hair, name, phone number
Grammar and Structure: Possessive adjective
Speaking: Ask and answer personal question
Pronunciation: Introduction to vowel sounds (1)
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
- ความสามารถในการสื่ อสาร / ความสามารถในการคิด /ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. การบูรณาการจัดการเรียนรู้
6.1 การบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอประมาณ
- นักเรี ยนสามารถวางแผนการทากิจกรรมให้เสร็ จภายในเวลาที่กาหนดเป็ นการ
พอประมาณ
2. ความมีเหตุผล
- นักเรี ยนได้มีทกั ษะในการทากิจกรรม ซึ่งเป็ นการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง
3. การมีภูมิคุม้ กันในตัวที่ดี
- เรี ยนได้ตระหนักเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ใช้คาศัพท์เกี่ยวกับ Family
relationshipsได้ถูกต้อง
- นักเรี ยนให้ความสาคัญและมีส่วนร่ วมในการแก้ปัญหาด้านการสื่ อสารและทักษะการ
แก้ปัญหา โดยเริ่ มพัฒนาจากตนเอง
1. เงื่อนไขความรู ้
- รู ้แหล่งศึกษาหาความรู ้เพิ่มเติม เพื่อนาไปประยุกต์ใช้
- น้ าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปแก้ไขปัญหาด้านการเรี ยน
2. เงื่อนไขคุณธรรม
- นักเรี ยนใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งความสามัคคี ความรับผิดชอบ ความขยัน
อดทน ความพอประมาณ และความมีน้ าใจในการเรี ยนและการทากิจกรรมจนบรรลุเป้าหมาย
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- การพูดให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง Talking with classmate and fill in the form
8. การวัดและการประเมินผล
วิธีการวัด เครื่ องมือ เกณฑ์ การผ่าน
10. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเข้าสู่ บทเรียน (Warm up)
1. ครู ให้นกั เรี ยนจับคู่เขียนคาศัพท์หวั ข้อที่เป็ นข้อมูลส่ วนตัวของบุคคลเช่น name, age, address
2. นักเรี ยน 2 คู่ จับกลุ่มเป็ น 4 คน แลกเปลี่ยนคาศัพท์ที่ตนไม่มีและช่วยกันคิดเพิ่มเติม
3. จับกลุ่ม 4 คนอีกครั้ง แต่ไม่ให้คู่ซ้ ากัน และทากิจกรรมเหมือนเดิม
4. ครู สุ่มเรี ยกนักเรี ยนเพื่อพูดคาศัพท์ที่ตนมีคนละ 1 คา โดยไม่ซ้ ากัน
ขั้นนาเสนอ (Presentation)
1. ครู เปิ ด CD 1-09 ครั้งที่ 1 นักเรี ยนฟังและฝึ กออกเสี ยงตาม
2. ครู เปิ ด CD 1-09 ครั้งที่ 2 นักเรี ยนใส่ หมายเลขตามที่ได้ยนิ ในกิจกรรมที่ 1
3. ครู เปิ ด CO 1-10 ครั้งที่ 1 นักเรี ยนใส่ หมายเลขตามที่ได้ยนิ ในกิจกรรมที่ 2 What is the
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ผูเ้ รี ยนมีความรู ้ ความสามารถ
- พูดสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลของตนเองและผูอ้ ื่นได้ถูกต้อง
- เปรี ยบเทียบการใช้คาคุณศัพท์ที่ใช้แสดงความเป็ นเจ้าของในภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทยได้
2. ผูเ้ รี ยนมีสมรรถนะที่สาคัญ
- ความสามารถในการสื่ อสาร
- ความสามารถในการคิด
3. ผูเ้ รี ยนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
- มีวินยั ใฝ่ เรี ยนรู ้ มุ่งมัน่ ในการทางาน
3. สาระสาคัญ/ ความคิดรวบยอด
การรู ้คาศัพท์ที่ใช้บอกข้อมูลของตนเอง ช่วยให้สามารถพูดขอและให้ขอ้ มูลส่ วนตัวได้ และ
สื่ อสารตามโครงสร้างภาษาได้อย่างถูกต้อง
4. สาระการเรียนรู้
Vocabulary: address, age, birthday, email, eye, hair, name, phone number
Grammar and Structure: Possessive adjective
Speaking: Ask and answer personal questions
Pronunciation: Introduction to vowel sounds (1)
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
- ความสามารถในการสื่ อสาร / ความสามารถในการคิด /ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. การบูรณาการจัดการเรียนรู้
6.1 การบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
1. ความพอประมาณ
- นักเรี ยนสามารถวางแผนการทากิจกรรมให้เสร็ จภายในเวลาที่กาหนดเป็ นการ
พอประมาณ
2. ความมีเหตุผล
- นักเรี ยนได้มีทกั ษะในการทากิจกรรม ซึ่งเป็ นการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง
3. การมีภูมิคุม้ กันในตัวที่ดี
- นักเรี ยนได้ตระหนักเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ใช้คาศัพท์เกี่ยวกับ Family
relationships ได้ถูกต้อง
- นักเรี ยนให้ความสาคัญและมีส่วนร่ วมในการแก้ปัญหาด้านการสื่ อสารและทักษะการ
แก้ปัญหาโดยเริ่ มพัฒนาจากตนเอง
1. เงื่อนไขความรู ้
- รู ้แหล่งศึกษาหาความรู ้เพิ่มเติม เพื่อนาไปประยุกต์ใช้
- น้ าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปแก้ไขปัญหาด้านการเรี ยน
2. เงื่อนไขคุณธรรม
- นักเรี ยนใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งความสามัคคี ความรับผิดชอบ ความ ขยัน
อดทน ความพอประมาณ และความมีน้ าใจในการเรี ยนและการทากิจกรรมจนบรรลุเป้าหมาย
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- การพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง Asking for personal information
8. การวัดและการประเมินผล
วิธีการวัด เครื่ องมือ เกณฑ์ การผ่าน
3. สาระสาคัญ/ ความคิดรวบยอด
การรู ้คาศัพท์ที่ใช้บรรยายลักษณะ ช่วยให้สามารถพูดและเขียนบอกข้อมูลส่ วนตัวได้ และ
สื่ อสารตามโครงสร้างภาษาได้อย่างถูกต้อง
4. สาระการเรียนรู้
Vocabulary: big, funny, kind, old, short, shy, small, smart, tall, young
Grammar and Structures: Present be verbs (affirmative)
Writing: Write about family members
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
- ความสามารถในการสื่ อสาร / ความสามารถในการคิด / ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. การบูรณาการจัดการเรียนรู้
6.1 การบูรณาการโรงเรียนมาตรฐานสากล
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- แบบฝึ กหัด Verb to be และ Common Pronoun
8. การวัดและการประเมินผล
วิธีการวัด เครื่ องมือ เกณฑ์ การผ่าน
3. สาระสาคัญ/ ความคิดรวบยอด
การรู ้คาศัพท์ที่ใช้บรรยายลักษณะ ช่วยให้สามารถพูดและเขียนบอกข้อมูลส่ วนตัวได้ และ
สื่ อสารตามโครงสร้างภาษาได้อย่างถูกต้อง
4. สาระการเรียนรู้
Vocabulary: big, funny, kind, old, short, shy, small, smart, tall, young
Grammar and Structures: Present be verbs (affirmative)
Writing: Write about family members
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
- ความสามารถในการสื่ อสาร / ความสามารถในการคิด / ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. การบูรณาการจัดการเรียนรู้
6.1 การบูรณาการโรงเรียนมาตรฐานสากล
6.2 การบูรณาการโรงเรียนสุ จริต
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- การเขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเองและสมาชิกในครอบครัว
8. การวัดและการประเมินผล
วิธีการวัด เครื่ องมือ เกณฑ์ การผ่าน
1. การทาแบบฝึ กหัด แบบฝึ กหัด ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป
2. การประเมินพฤติกรรม การประเมินพฤติกรรมรายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะ
9. สื่ อและแหล่ งเรียนรู้
1. หนังสื อเรี ยน New Frontiers 1
2. Class Audio CD
3. YouTube
10. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ขั้นนาเข้าสู่ บทเรียน (Warm up)
1. ครู ทกั ทายนักเรี ยน สุ่ มนักเรี ยน 3 คน ให้บรรยายลักษณะของคนใกล้ตวั โดยใช้คา adjective
2. ครู เขียนคาเหล่านั้นบนกระดาน และทบทวนการใช้คา adjective บรยายลักษณะเกี่ยวกับคน
อีกครั้ง
ขั้นนาเสนอ (Presentation)
1. นักเรี ยนเปิ ดหนังสื อเรี ยนหน้า 14 ดูกิจกรรมที่ 4 แล้วช่วยกันวิเคราะห์วา่ ในแต่ละประโยคมี
ข้อผิดที่ใด
ผิดเพราะอะไรและแก้ไขให้ถูกต้อง
2. ครู เปิ ด CD 1-16 นักเรี ยนฟังรอบที่ 1 วงกลมสิ่ งที่ผดิ
3. ครู เปิ ด CD 1-16 นักเรี ยนฟังรอบที่ 2 แก้ไขสิ่ งที่ผดิ
ขั้นฝึ กฝน (Practice)
1. นักเรี ยนเปิ ดหนังสื อเรี ยนหน้า 15 ทากิจกรรมที่ 5
2. ครู เปิ ด CD 1-17 นักเรี ยนฟังและพูดตาม รอบที่ 1
3. ครู ปิด CD และให้นกั เรี ยนอ่านเองอีกครั้ง
4. นักเรี ยนเติม Verb to be ในแบบฝึ กหัดข้อ 6
5. นักเรี ยนฝึ กเขียนประโยคบรรยายภาพในกิจกรรมที่ 7
1. My grandfather is old.
2. I am old.
3. My sister is tall.
4. I am short.
5. My dad is smart.
6. My uncle is funny.
ขั้นการสร้ างผลงาน การใช้ ภาษาเพื่อการสื่ อสาร (Production)
1. ครู ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมเพิ่มเติม ดังนี้
1.1 แบ่งนักเรี ยนกลุ่มละ 4-5 คน
1.2 ครู กาหนดให้แต่ละกลุ่มมีขนมกลุ่มละ 5 อัน
1.3 ครู จะเขียนประโยคบนกระดาน นักเรี ยนแต่ละกลุ่มใช้ขนมประมูลเพื่อแก้ประโยคให้
ถูกต้อง
1.4 กลุ่มที่แก้ไขถูกต้องจะได้ขนมสะสมเพิม่ ตามขนมที่ประมูล ถ้าไม่ถูกต้องจานวนขนมจะ
ลดลง
1.5 กลุ่มที่ได้ขนมสะสมมากที่สุดเมื่อจบเกมเป็ นผูช้ นะ
My grandparents is old.
My grandparents are old.
My brother's legs is long.
My brother's legs are long.
They're hair are black.
Their hair is black.
My father's eyes is brown.
My father's eyes are brown.
My mother is phone number is 232-5556.
My mother's phone number is 232-5556.
ขั้นสรุป (Wrap up)
1. นักเรี ยนสรุ ปคาคุณศัพท์ที่ใช้ในการบรรยายลักษณะ
ชั่วโมงที่ 2
ขั้นนาเข้าสู่ บทเรียน (Warm up)
1. ครู ให้นกั เรี ยนทบทวนคาศัพท์เกี่ยวกับอาชีพและคาคุณศัพท์นกั เรี ยนจับกลุ่ม 3 คน กาหนด
นักเรี ยนแต่ละคนเป็ น A B C แล้วช่วยกันเขียนคาศัพท์เกี่ยวกับอาชีพและคาคุณศัพท์ลงในกระดาษ
2. เมื่อครบ 3 นาที ให้ทุกคนหยุดเขียน พยายามจาคาศัพท์ของตน
3. ให้คนที่เป็ น A ในกลุ่มยืนขึ้น และย้ายสลับไปอยูก่ ลุ่มอื่น
4. ให้คนที่เป็ น B ในกลุ่มยืนขึ้น และย้ายสลับไปอยูก่ ลุ่มอื่นแต่หา้ มไปอยูก่ ลุ่มเดียวกับ A ที่ยา้ ย
ไปครั้งแรก โดยเน้นความซื่อสัตย์สุจริ ตในการทากิจกรรม
5. ในกลุ่มที่มีสมาชิกใหม่ให้ระดมสมองช่วยกันหาคาศัพท์เกี่ยวกับอาชีพและคาคุณศัพท์อีก
ครั้ง
ขั้นนาเสนอ (Presentation)
1. ครู นาเสนอการใช้ am/is/are ในประโยค
2. นักเรี ยนดูตารางในข้อ 5 หน้า 15
3. ครู เปิ ด audio track 1-17 นักเรี ยนอ่านตามในใจ
4. ครู เปิ ด audio track 1-17 ให้นกั เรี ยนอ่านออกเสี ยง
5. ครู ให้นกั เรี ยนสังเกตและขีดเส้นใต้คาที่ทาหน้าที่ประธานของ am/is/areในประโยค
6. ครู เปิ ด audio 1-17 อีกครั้ง เฉลยคาตอบในข้อ 3. จากนั้นครู และนักเรี ยนช่วยกันสรุ ปการใช้
am/is/are
ขั้นฝึ กฝน (Practice)
1. นักเรี ยนรายบุคคลอ่านประโยค แล้วทาแบบฝึ กเติมคา am/is/areลงในช่องว่างในแบบฝึ กหัด
ในข้อ 6 หน้า 15 จากนั้นจับคู่ตรวจคาตอบแล้วครู เฉลย พร้อมอธิบายหากมีนกั เรี ยนสงสัย
2. นักเรี ยนจับกลุ่ม 3-4 คน ครู แจกชุดบัตรคาที่ครู เตรี ยม (มีคา am/is/are/ a/an/the คานามทั้ง
เอกพจน์และพหูพจน์ คาสรรพนามรู ปประธาน ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ และคาคุณศัพท์) เพื่อให้
นักเรี ยนเรี ยงเป็ นประโยค โดยครู เดินตรวจตราและชมเชยพร้อมแก้ไขข้อผิด
ขั้นการสร้ างผลงาน การใช้ ภาษาเพื่อการสื่ อสาร (Production)
นักเรี ยนเขียนถึงบุคคลในครอบครัวของตนเอง
1. กรอกข้อมูลในตารางแบบฝึ กในข้อ 8 หน้า 15
2. เรี ยบเรี ยงเป็ นประโยค
3. นักเรี ยนจับคู่ตรวจประโยค โดยครู ช้ ีนา ตรวจประธานและการใช้'s ตรวจการใช้ is/are และ
ตรวจการ
เลือกใช้คาคุณศัพท์ที่เหมาะสม
4. ครู เดินตรวจคาตอบ และสุ่ มเรี ยกนักเรี ยนให้อ่านหรื อเขียนประโยคบนกระดาน
ขั้นสรุป (Wrap up)
1. นักเรี ยนและครู ช่วยกันสรุ ปโครงสร้างประโยคและการใช้ Verb to be
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “มีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน”
คาชี้แจง
ให้ ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมนักเรียนเกีย่ วกับความมีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทางาน
โดยพิจารณาจากเกณฑ์ ที่กาหนด แล้วเขียนผลการประเมินเป็ นตัวเลขใส่ ลงในช่ องตามหัวข้ อที่ประเมิน
กรณีที่ต้องการบันทึกพฤติกรรมที่สังเกตพบเพิม่ เติมให้ บันทึกในช่ องหมายเหตุ
มุ่งมั่นในการ หมาย
เลขที่ ชื่ อ – สกุล มีวินัย ใฝ่ เรียนรู้
ทางาน เหตุ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
เกณฑ์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “มีวนิ ัย”
พฤติกรรมบ่ งชี้ ไม่ ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม (3)
ปฏิบตั ิตาม ไม่ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม
ข้อตกลง ของ ข้อตกลง และไม่ ข้อตกลงได้บาง ข้อตกลงได้ดี ข้อตกลงได้ดี
กิจกรรม และ รับผิดชอบต่อ ประเด็น และไม่ รับผิดชอบใน และรับผิดชอบ
รับผิดชอบในงาน งานที่มอบหมาย รับผิดชอบต่องาน งานที่มอบหมาย ในงานที่
ที่มอบหมาย ที่มอบหมาย เพียงบางส่ วน มอบหมาย
แบบตรวจสอบคุณภาพแบบทดสอบของผู้เชี่ยวชาญ
การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ (Index of Item Objective Congruence : IOC)
การพัฒนาผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนเรื่ องไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษโดยใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนปลาปากวิทยา
อาเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
(ลงชื่อ).....................................................ผูป้ ระเมิน
(..............................................................)
ภาคผนวก ค
แบบสอบถามความพึงพอใจ
129
แบบตรวจสอบคุณภาพแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญ
การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ (Index of Item Objective Congruence : IOC)
การพัฒนาผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนเรื่ องไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษโดยใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนปลาปากวิทยา
อาเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
ข้ อ รายการพิจารณา เหมาะสม ไม่ แน่ ใจ ไม่ เหมาะสม ข้ อเสน
+1 0 -1 อแนะ
11 การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้เป็ นไปตามลาดับขั้นตอน
12 ผูเ้ รี ยนมีส่วนร่ วมในการทากิจกรรมร่ วมกัน
13 ผูเ้ รี ยนได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
14 ผูเ้ รี ยนได้ฝึกทักษะการพูดสื่ อสารภาษาอังกฤษ
15 การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ องไวยากรณ์
ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึ กเสริ มทักษะ ทาให้นกั เรี ยนใช้
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษถูกต้องมากขึ้น
ด้ านการวัดและการประเมินผล
16 การวัดและประเมินผลได้ครอบคลุมและหาที่เรี ยน
17 การวัดและประเมินผลความยุติธรรม
18 ผูเ้ รี ยนทราบผลการเรี ยนของตนและกลุ่ม
19 มีการวัดและประเมินผลการเรี ยนของนักเรี ยนเป็ นรายบุคคล
20 มีการวัดและประเมินผลการเรี ยนของนักเรี ยนเป็ นรายกลุม่
ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
(ลงชื่อ)......................................................ผูป้ ระเมิน
(..............................................................)
ภาคผนวก ง
ภาพกิจกรรมการเรียนการสอนประกอบการวิจัย
132
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
133
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
134
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
135
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
136
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
137
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
138
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
139
ภาคผนวก จ
เครื่ องมือในการทาวิจัย
140
\
148
149
150
151
Comparison
167
168
169
170
171
172
173
174
Preposition
175
176
177
178
179
ภาคผนวก ฉ
ประวัติผู้วจิ ัย
181