Professional Documents
Culture Documents
อัพเดต 8 5 66 เล่มเฉลย 4 - ลักษณะราชการที่ดี
อัพเดต 8 5 66 เล่มเฉลย 4 - ลักษณะราชการที่ดี
1 รัฐธรรมนูญ
2 พระรำชบัญญัติ
3 พระรำชกำหนด
4 พระรำชกฤษฎีกำ
5 กฎกระทรวง
6 ข้อบัญญัติทอ้ งถิ่น
การแบ่งแยกอานาจ
ส่วนที่ออกสอบ ก.พ.
วิชำควำมรูแ้ ละลักษณะกำรเป็ นข้ำรำชกำรที่ดี
จะอยู่ในส่วนนี ้ ไม่ว่ำจะเป็ น พ.ร.บ. พ.ร.ก พ.ร.ฏ กฎกระทรวงหรือข้อกำหนด
1. ประโยชน์สุขของประชำชน สุข
2. เกิดผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภำรกิจของรัฐ สัม
3. ควำมมีประสิทธิภำพ สิทธิ
กำรบริหำรรำชกำรตำมพระรำชบัญญัติ 4. ควำมคุ้มค่าในเชิงภำรกิจแห่งรัฐ คุ้มค่า
ระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดิน 5. กำรลดขัน้ ตอนกำรปฏิบตั ิงำน ลด ขัน้
ต้องเป็ นไปเพื่อ 10 หัวข้อ ดังนี ้ 6. กำรลดภำรกิจและยุบเลิกหน่วยงำนที่ไม่จำเป็ น ลด ยุบ
(มำตรำ 3/1) 7. กำรกระจายภารกิจและทรัพยำกรให้แก่ทอ้ งถิ่น กระจายภารกิจ
8. กำรกระจายอานาจตัดสินใจ กระจายอานาจ
9. กำรอานวยควำมสะดวก อานวย
10. กำรตอบสนองควำมต้องกำรของประชำชน สนอง
โดยกำรจัดสรรงบประมาณ การบรรจุและการแต่งตั้งบุคคลเข้ำดำรงตำแหน่งหรือปฏิบตั ิหน้ำที่ตอ้ งคำนึงถึงหลักกำรนีด้ ว้ ย
2 การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
การจัดระเบียบบริหารราชการ
แผ่นดิน
1. รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในสานักนายกรัฐมนตรี
2. เป็ นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในสานักนายกรัฐมนตรีรองจำก
อำนำจหน้ำที่ปลัดสำนัก นำยกรัฐมนตรี รองนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
นำยกรัฐมนตรี 3. เป็ นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
@ มีหน้าทีเ่ กี่ยวกับราชการทางการเมือง
@ มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็ นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในกำรปฏิบตั ิ
รำชกำรขึน้ ตรงต่อนำยกรัฐมนตรี โดยมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและ
รองเลขาธิ ก ารนายกรั ฐ มนตรี ฝ่ ายบริ ห ารเป็ น ผู้ช่ ว ยสั่ง และปฏิ บัติ ร ำชกำรหรื อ ให้มี
สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็ นผูช้ ่วยสั่งและปฏิบตั ิรำชกำรด้วยก็ได้
(กรม) @ ให้ เ ลขำธิ ก ำรนำยกรั ฐ มนตรี แ ละรองเลขำธิ ก ำรนำยกรั ฐ มนตรี ฝ่ ำยกำรเมื อ ง
เป็ นข้าราชการการเมือง
@ ให้ ร องเลขำธิ ก ำรนำยกรั ฐ มนตรี ฝ่ ำยบริ ห ำรและผู้ ช่ ว ยเลขำธิ ก ำรนำยกรัฐ มนตรี
เป็ นข้าราชการพลเรือนสามัญ
ผู้ตรวจราชการ
1. กระทรวง ทบวงหรือกรมใดโดยสภำพและปริมำณของงำนสมควรมีผตู้ รวจรำชกำรก็ให้กระทำได้
2. ผูต้ รวจรำชกำรของกระทรวง ทบวงหรือกรม มีอำนำจหน้ำที่ตรวจและแนะนำกำรปฏิบตั ิรำชกำรให้เป็ นไปตำมกฎหมำย
ระเบียบหรือข้อบังคับของกระทรวง ทบวงหรือกรม หรือมติของคณะรัฐมนตรีหรือกำรสั่งกำรของนำยกรัฐมนตรี
จาแบบสั้น
ข้าราชการการเมือง ข้าราชการพลเรือนสามัญ
- นำยก / รองนำยก - ปลัดต่ำงๆ - อธิบดีตำ่ งๆ
- รัฐมนตรีตำ่ งๆ - คณะรัฐมนตรีตำ่ งๆ
- เลขำธิกำรนำยก - ผูช้ ่วยเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
- รองเลขำธิกำรนำยกฝ่ ำยกำรเมือง - รองเลขำธิกำรนำยกฝ่ ำยบริหำร
2.2 การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
การจัดระเบียบบริหารราชการในจังหวัด
กำรตัง้ ยุบ และเปลี่ยนแปลง ให้ตรำเป็ นพระราชบัญญัติ
เขตจังหวัด
จังหวัด @ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็ นผูบ้ งั คับบัญชำข้ำรำชกำร โดยมีปลัดจังหวัดและหัวหน้าส่วน
ราชการเป็ นผูช้ ่วยเหลือผูว้ ำ่ รำชกำรจังหวัด
@ ผูว้ ่ำรำชกำรจังหวัด รองผูว้ ่ำรำชกำรจังหวัดและผูช้ ่วยผูว้ ่ำรำชกำรจังหวัดสังกัด
กระทรวงมหาดไทย
การจัดระเบียบบริหารราชการในอาเภอ
กำรตัง้ ยุบ และเปลี่ยนแปลง ให้ตรำเป็ นพระราชกฤษฎีกา
เขตอำเภอ
อำเภอ @ มีนายอาเภอเป็ นผูบ้ งั คับบัญชำข้ำรำชกำร โดยมีปลัดอาเภอและหัวหน้าส่วนราชการ
ประจาอาเภอซึ่งกระทรวง ทบวง กรมต่ำงๆ ส่งมำประจำเป็ นผูช้ ่วยสั่งและปฏิบตั ิรำชกำร
@ นำยอำเภอสังกัดกระทรวงมหาดไทย
กำรแบ่งส่วนรำชกำรของ 1. ส านั ก งานอ าเภอมี ห น้ำที่ เ กี่ ย วกับ รำชกำรทั่วไปของอ ำเภอนั้น ๆมี น ายอ าเภอเป็ น
อำเภอ ผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบ
2. ส่วนต่างๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึน้ ในอาเภอนั้น มีหน้ำที่เกี่ยวกับรำชกำร
ของกระทรวง ทบวง กรมนัน้ ๆ มีหัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอนั้นๆ เป็ นผู้ปกครอง
บังคับบัญชารับผิดชอบ
อำนำจของอำเภอ 1. อำนำจและหน้ำที่ตำมที่กำหนดในอำนำจหน้ำที่ของเขตจังหวัด
2. ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น และจัด ให้มี ก ำรบริ ก ำรร่ ว มกั น ของหน่ ว ยงำนของรัฐ ในลั ก ษณะ
ศูนย์บริการร่วม
3. ประสำนงำนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อร่วมมือกับชุมชนในกำรดำเนินกำรให้ มี
แผนชุมชน
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง
1. ตัง้ 1. เปลี่ยนชื่อ 1. แบ่งส่วนรำชกำร (สำนักงำน
2. รวม 2. ยุบ รัฐมนตรี / กรม)
3. โอน 3. รวมหรือโอน (กรณีไม่มีกำร
กำหนดตำแหน่งหรืออัตรำของ
ข้ำรำชกำรหรือลูกจ้ำงเพิ่มขึน้ )
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา
กำรตัง้ ยุบ และเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด กำรตัง้ ยุบ และเปลี่ยนแปลงเขตอำเภอ
การแบ่งส่วนราชการส่วนท้องถิ่น
ตาม พ.ร.บ ปั จจุบัน
1. องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด 1. องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด
2. เทศบำล 2. เทศบำล
3. สุขำภิบำล 3. องค์กำรบริหำรส่วนตำบล
4. รำชกำรส่วนท้องถิ่นอื่นตำมที่มีกฎหมำยกำหนด 4. กทม.
5. เมืองพัทยำ
3
กำรปฏิบตั ิรำชกำรแทน
@ มีการมอบอานาจ
การปฏิบัติราชการแทน
@ มีผู้ดารงตาแหน่ง แค่หาคนมาช่วยทางานแทน
1. ทำเป็ นหนังสือ
2. เพื่อสะดวกและรวดเร็วในกำรให้บริกำร
3. เพื่อกำรกระจำยอำนำจ
การรักษาราชการแทน
กำรรักษำรำชกำรแทน @ ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ต้องหาคนมาทางานแทน
@ ใช้กับหัวหน้าส่วนราชการหรือ ผอ.กอง ขึน้ ไป
นำยกรัฐมนตรี @ นายกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบตั ิรำชกำรได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีรกั ษำรำชกำรแทน
@ รองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รองนายกรัฐมนตรีคนใด
คนหนึ่งรักษำรำชกำรแทน
@ รองนายกรัฐมนตรีไม่อำจปฏิบตั ิรำชกำรได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีคน
ใดคนหนึ่งรักษำรำชกำรแทน
รัฐมนตรี @ รัฐมนตรีไม่อำจปฏิบตั ิรำชกำรได้ ให้รัฐมนตรีช่วยรักษำรำชกำรแทน
@ รัฐมนตรีช่วยหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมำยให้รัฐมนตรีช่วยคนใดคนหนึ่ง
รักษำรำชกำรแทน
4 คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
คณะกรรมกำรใน @ ประกอบด้วย
ก.พ.ร 1. นำยกรัฐมนตรีหรือรองนำยกรัฐมนตรี เป็ นประธาน
2. รัฐมนตรีท่นี ำยกรัฐมนตรีกำหนด เป็ นรองประธาน
3. ผูซ้ ่งึ คณะกรรมกำรกำรกระจำยอำนำจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมำย 1 คน
4. กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิไม่เกิน 10 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตัง้ จำกผูม้ ีควำมรูค้ วำมเชี่ยวชำญใน
ทำงด้ำนนิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์ การบริ หารรัฐกิจ การบริหารธุรกิจ การเงินการ
คลัง จิตวิทยา องค์การ และสังคมวิทยาอย่ำงน้อยด้ำนละหนึ่งคน
@ เลขาธิการ ก.พ.ร. เป็ นกรรมกำรและเลขำนุกำรโดยตำแหน่ง
ผูท้ รงคุณวุฒใิ น @ ในกรณี ท่ีมีควำมจำเป็ นเพื่อให้กำรปฏิบัติงำนบรรลุผล คณะรั ฐ มนตรี จะกำหนดให้กรรมกำร
ก.พ.ร. ผูท้ รงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 3 คนแต่ไม่เกิน 5 คน ต้องทำงำนเต็มเวลำ
@ กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิมีวำระกำรดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี ผูซ้ ่งึ พ้นจำกตำแหน่งแล้ว อำจได้รบั
แต่งตัง้ อีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
@ เมื่อตำแหน่งกรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิว่ำงลงก่อนวำระ ให้ ดำเนินกำรแต่งตัง้ กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิ
ภายใน 30 วัน เว้นแต่วำระของกรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิเหลือไม่ถึงหนึ่ง 180 วัน จะไม่แต่งตัง้
@ กำรประชุม ก.พ.ร. ต้องมีกรรมกำรมำประชุม ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนกรรมการทัง้ หมด
เท่ำที่มีอยู่
คุณสมบัติและ 1. มีสญ ั ชำติไทย
ลักษณะต้องห้ำมของ 2. ไม่เป็ นบุคคลล้มละลำย คนไร้ควำมสำมำรถหรือคนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
ผูท้ รงคุณวุฒิใน 3. ไม่เคยได้รบั โทษจำคุกโดยคำพิพำกษำถึงที่สดุ เว้นแต่โทษสำหรับควำมผิดที่กระทำโดยประมำท
ก.พ.ร. หรือควำมผิดลหุโทษ
4. ไม่เป็ นผูด้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง สมำชิกสภำท้องถิ่น กรรมกำร ผูบ้ ริหำร ที่ปรึกษำ เจ้ำหน้ำที่
พรรคกำรเมือง
122 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY
5. ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจำกเพรำะทุจริต ต่อหน้ำที่หรือประพฤติมชิ อบในวงรำชกำร
กำรพ้นจำกตำแหน่ง 1. ตำย
ของผูท้ รงคุณวุฒิใน 2. ลำออก
ก.พ.ร. 3. ขำดคุณสมบัติหรือมีลกั ษณะต้องห้ำมตำมหัวข้อ (คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ำมของผูท้ รงคุณวุฒิ
ใน ก.พ.ร.)
4. คณะรัฐมนตรีให้ออกเพรำะบกพร่องต่อหน้ำที่ มีควำมประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนควำมสำมำรถ
สำนักงำน ก.พ.ร. ให้มีสำนักงำนก.พ.ร. เป็ นส่วนรำชกำรในสานักนายกรัฐมนตรีทำหน้ำที่รบั ผิดชอบงำนธุรกำรของ
ก.พ.ร.และหน้ำที่อื่นตำมที่กฎหมำยหรื อก.พ.ร.กำหนด โดยมีเลขาธิการ ก.พ.ร. ซึ่งเป็ นข้าราชการ
พลเรือนสามัญเป็ นผูบ้ งั คับบัญชำข้ำรำชกำรและลูกจ้ำง ขึน้ ตรงต่อนายกรัฐมนตรี
อำนำจหน้ำที่ ก.พ.ร. อยู่ในมำตรำ 71/10
ตัวอย่างข้อสอบจริง
1. การตราพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ได้มีการยกเลิกประกาศของคณะปฏิวั ติ
พระราชบั ญ ญั ติ แ ก้ ไ ขเพิ่ ม เติ ม ประกาศของคณะปฏิ วั ติ ประกาศคณะรั ก ษาความสงบเรี ย บร้ อย
แห่งชาติ รวมทัง้ สิน้ กี่ฉบับ
1. 7 ฉบับ 2. 8 ฉบับ
3. 9 ฉบับ 4. 10 ฉบับ
2. การจะท าให้ พ ระราชบั ญ ญั ติ ร ะเบี ย บบริ ห ารราชการแผ่ น ดิ น บรรลุ ผ ลเพื่ อ ประโยชน์ ใ นการ
ดาเนินการจึงมีการตรากฎหมายฉบับใดเพื่อให้ส่วนราชการและข้าราชการได้ปฏิบัติ
1. พระรำชบัญญัติวิธีปฏิบตั ิรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539
2. พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
3. พระรำชบัญญัติมำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562
4. พระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรพลเรือน พ.ศ. 2551
3. การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ข้อใดถูกต้อง
1. ส่วนกระทรวง ส่วนจังหวัด ส่วนท้องถิ่น
2. ส่วนกลำง ส่วนท้องถิ่น ส่วนตำบล
3. ส่วนภูมิภำค ส่วนท้องถิ่น ส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
4. ส่วนกลำง ส่วนภูมิภำค ส่วนท้องถิ่น
5. สานักนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็ น
1. กระทรวง 2. ทบวง
3. กรม 4. ส่วนรำชกำรที่มีฐำนะเป็ นกรม
6. การรวมสานักนายกรัฐมนตรีเข้ากับส่วนราชการอื่นต้องตราเป็ น
1. พระรำชบัญญัติ 2. ประมวลกฎหมำย
3. พระรำชกฤษฎีกำ 4. กฎกระทรวง
7. การรวมกรมการปกครองเข้ากับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้ตราเป็ น
1. กฎกระทรวง 2. พระรำชกฤษฎีกำ
3. ประมวลกฎหมำย 4. พระรำชบัญญัติ
15. การปฏิบั ติ ราชการในสานั ก นายกรั ฐมนตรี ใครเป็ นผู้ ช่วยนายกรั ฐมนตรี ในการสั่ งและปฏิบัติ
ราชการ
1. รองนำยกรัฐมนตรี
2. รัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
3. รองนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี
4. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
17. อานาจหน้าที่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลข้อใดไม่ถูกต้อง
1. สั่งให้รำชกำรส่วนกลำง แสดงควำมคิดเห็น เกี่ยวกับกำรปฏิบตั ิรำชกำร
2. สั่งให้รำชกำรส่วนภูมิภำค แสดงควำมคิดเห็น เกี่ยวกับกำรปฏิบตั ิรำชกำร
3. สั่งให้รำชกำรส่วนท้องถิ่น ชีแ้ จง เกี่ยวกับกำรปฏิบตั ิรำชกำร
4. ส่วนรำชกำรซึ่งมีหน้ำที่ควบคุมรำชกำรส่วนท้องถิ่น ชีแ้ จง เกี่ยวกับกำรปฏิบตั ิรำชกำร
26. ข้อใดไม่ใช่อานาจภายในเขตจังหวัดของจังหวัด
1. จัดให้มีกำรคุม้ ครอง ป้องกัน ส่งเสริม และช่วยเหลือประชำชนและชุมชนที่ดอ้ ยโอกำส
2. จัดให้มีกำรส่งเสริม อุดหนุน และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้สำมำรถ ดำเนินกำร
ตำมอำนำจและหน้ำที่
3. ไกล่เกลี่ยหรือจัดให้มีกำรไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพำทเพื่อให้เกิดควำมสงบเรียบร้อยในสังคม
4. จัดให้มีกำรบริกำรภำครัฐเพื่อให้ประชำชนสำมำรถเข้ำถึงได้อย่ำงเสมอภำค รวดเร็วและมี
คุณภำพ
28. ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดสังกัดหน่วยงานใด
1. กรมกำรปกครอง 2. กระทรวงมหำดไทย
3. สำนักงำนรัฐมนตรี 4. สำนักนำยกรัฐมนตรี
2.1 ประโยชน์สุขของประชาชน
เป้ำหมำย 1. ควำมผำสุขและควำมเป็ นอยูท่ ่ดี ีของประชำชน
2. ควำมสงบและปลอดภัยของสังคม
3. ประโยชน์สงู สุดของประเทศ
ถือประชำชนเป็ นศูนย์กลำง 1. กำรกำหนดภำรกิจของรัฐและส่วนรำชกำรต้องสอดคล้องกับนโยบายแห่งรัฐและครม.
(ก.พ.ร. กำหนด 5 ประกำร) 2. ส่วนรำชกำรต้องปฏิบัตโิ ดยสุจริตและตรวจสอบได้
3. ส่วนรำชกำรต้องศึกษาและวิเคราะห์ผลดีผลเสีย
4. ส่วนรำชกำรต้องรับฟั งความคิดเห็นของประชาชน
5. ส่วนรำชกำรต้องแก้ปัญหาและอุปสรรค
2.2 ผลสัมฤทธิ์ภารกิจรัฐ
ให้ส่วนรำชกำรปฏิบตั ิ ดังนี ้ 1. จัดทาแผนปฏิบตั ิรำชกำรล้วงหน้ำ
2. กาหนดแผนปฏิบตั ิรำชกำร ขัน้ ตอน ระยะเวลำ งบประมำณ เป้ำหมำย ตัวชีว้ ดั
ผลสัมฤทธิ์
3. ติดตามและประเมินผลกำรปฏิบตั ิตำมแผนปฏิบตั ิรำชกำร สอดคล้องกับมำตรฐำนที่
ก.พ.ร. กำหนด
4. แก้ไขหรือเปลี่ยนแผนปฏิบตั ิรำชกำร กรณีเกิดผลกระทบต่อประชำชน
2.7 ประเมินผลสม่าเสมอ
1. กำรประเมินผลส่วนรำชกำร
- โดยประชำชน
กำรประเมินผล - โดยคณะผูป้ ระเมินอิสระ
2. กำรประเมินภำพรวมผูบ้ งั คับบัญชำ (กระทำเป็ นควำมลับ)
3. กำรประเมินผลข้ำรำชกำร
@ ก.พ.ร.เสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินเพิ่มได้
1. กำรจัดสรรเงินเพิม่ พิเศษ
- กรณีทำได้ตำมเป้ำ
กำรจัดสรรเงิน - ประชำชนพอใจ
2. กำรจัดสรรเงินรำงวัล
- กรณีทำได้เกินเป้ำ ไม่เพิม่ ค่ำใช้จ่ำย
- ประชำชนพอใจ
3 บทเบ็ดเตล็ด
@ อ.ป.ท. ต้องจัดทาหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองทีด่ ี อย่างน้อย 2 ข้อ
1. ลดเวลำขัน้ ตอนกำรปฏิบตั ิงำน (หมวด5)
2. ใส่ใจ อำนวยควำมสะดวกประชำชน (หมวด7)
อ.ป.ท. องค์กำรมหำชนหรือ เป็ นหน้ำที่กระทรวงมหาดไทยดูแล
รัฐวิสำหกิจ @ องค์การมหาชนหรือรัฐวิสาหกิจ ต้องจัดทาหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมือง
ทีด่ ี
กรณีท่ี ก.พ.ร. เห็นว่ำองค์กำรมหำชนหรือรัฐวิสำหกิจใดไม่จดั ทำ ให้แจ้งรัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่
กากับดูแล เพื่อพิจำรณำสั่งกำรให้องค์กำรมหำชนหรือรัฐวิสำหกิจนัน้ ดำเนินกำรถูกต้อง
3. ข้อใดไม่ใช่เป้ าหมายของการบริหารกิจการบ้านเมืองทีด่ ี
1. มีกำรปรับปรุงภำรกิจของส่วนรำชกำรให้ทนั ต่อสถำนกำรณ์
2. ก่อนจะดำเนินกำรตำมภำรกิจใด ส่วนรำชกำรต้องจัดทำแผนปฏิบตั ิรำชกำรไว้เป็ นกำรล่วงหน้ำ
3. ประชำชนได้รบั กำรอำนวยควำมสะดวกและได้รบั กำรตอบสนองควำมต้องกำร
4. มีกำรประเมินผลกำรปฏิบตั ิรำชกำรอย่ำงสม่ำเสมอ
4. การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะต้องดาเนินการโดยถือว่า
1. ประชำชนเป็ นศูนย์กลำงที่จะได้รบั กำรบริกำรจำกรัฐ
2. ประชำชนมีควำมเป็ นอยู่ท่ีดี
3. ประชำชนได้รบั กำรอำนวยควำมสะดวก
4. ประชำชนและประเทศมีควำมสงบและปลอดภัย
5. ข้อใดเป็ นแนวทางการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
1. กำรกำหนดภำรกิจของรัฐและส่วนรำชกำรต้องสอดคล้องกับนโยบำยของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อ
รัฐสภำ
2. มีกำรปรับปรุงภำรกิจของส่วนรำชกำรให้ทนั ต่อสถำนกำรณ์
3. ถ้ำแผนปฏิบตั ิรำชกำรเกิดผลกระทบต่อประชำชน ให้เป็ นหน้ำที่ของส่วนรำชกำรที่จะต้องดำเนินกำร
แก้ไขหรือบรรเทำผลกระทบนัน้
4. ประชำชนได้รบั กำรอำนวยควำมสะดวกและได้รบั กำรตอบสนองควำมต้องกำร
7. ใครเป็ นผู้ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการ
1. คณะรัฐมนตรี 2. นำยกรัฐมนตรี
3. รัฐมนตรี 4. เลขำธิกำร ก.พ.ร.
8. เมื่อแผนปฏิบัติราชการได้รับความเห็นชอบแล้วหน่วยงานใดต้องดาเนินการจัดสรร งบประมาณ
เพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสาเร็จในแต่ละภารกิจตามแผนปฏิบัติราชการ
1. สำนักเลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
2. สำนักเลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรี
3. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
4. สำนักงบประมำณ
13. ในการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานต้องมีการกระจายอานาจการตัดสินใจโดยมุ่งผลในข้อใด
1. เกิดประโยชน์สขุ ของประชำชน
2. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภำรกิจของรัฐ
3. มีประสิทธิภำพและเกิดควำมคุม้ ค่ำในเชิงภำรกิจของรัฐ
4. ควำมสะดวกและรวดเร็วในกำรบริกำรประชำชน
18. เพื่ออานวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะสามารถติดต่อสอบถามหรือขอข้อมูลหรือแสดง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการให้ส่วนราชการจัดทาอะไร
1. คอนเทนต์ดจิ ิทลั แพลตฟอร์ม 2. แพลตฟอร์มดิจิทลั กลำง
3. แอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม 4. ระบบเครือข่ำยสำรสนเทศ
1. รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
2. องค์กรที่ใช้อำนำจตำมรัฐธรรมนูญโดยเฉพำะ
3. กำรพิจำรณำของนำยกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในงำนทำงนโยบำยโดยตรง
4. กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลและกำรดำเนินงำนของเจ้ำหน้ำที่ในกระบวนกำร
พิจำรณำคดี กำรบังคับคดี และกำรวำงทรัพย์
พระรำชบัญญัตวิ ิธีปฏิบตั ิ 5. กำรพิจำรณำวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์และกำรสั่งกำรตำมกฎหมำยว่ำด้วยคณะกรรมกำร
รำชกำรทำงปกครอง ไม่ กฤษฎีกำ
บังคับใช้กับ 6. กำรดำเนินงำนเกี่ยวกับนโยบำยกำรต่ำงประเทศ
7. กำรดำเนินงำนเกี่ยวกับรำชกำรทหำรหรือเจ้ำหน้ำที่ซง่ึ ปฏิบตั ิหน้ำที่ทำงยุทธกำร ร่วมกับ
ทหำรในกำรป้องกันและรักษำควำมมั่นคงของรำชอำณำจักรจำกภัยคุกคำมทัง้ ภำยนอกและ
ภำยในประเทศ
8. กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
9. กำรดำเนินกิจกำรขององค์กำรทำงศำสนำ
การยกเว้น หน่วยงำนใดนอกจำกที่กำหนดไว้ ไม่ตอ้ งกำรนำมำบังคับใช้ให้ตรำเป็ นพระรำช
กฤษฎีกำ
2 คณะกรรมการวิธีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง
@ ประกอบด้วย
1. ประธำนกรรมกำร
2. ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี
3. ปลัดกระทรวง มหำดไทย
4. เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี
5. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน
คณะกรรมกำรวิธีปฏิบตั ิ
6. เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
รำชกำร ทำงปกครอง
7. ผู้ทรงคุณวุฒิอกี ไม่น้อยกว่า 5 คนแต่ไม่เกิน 9 คนเป็ นกรรมการ
@ ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตัง้ ประธำนกรรมกำรและกรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิ โดยแต่งตัง้ จำกผูซ้ ง่ึ
มีควำมเชี่ยวชำญในทำงนิติศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์หรือ
การบริหารราชการแผ่นดิน แต่ผนู้ นั้ ต้องไม่เป็ นผูด้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง
@ ให้กรรมกำรซึง่ คณะรัฐมนตรีแต่งตัง้ มีวำระดำรงตำแหน่งครำวละ 3 ปี กรรมกำรซึง่ พ้นจำก
ตำแหน่งสำมำรถได้รบั กำรแต่งตัง้ อีกได้
3 คาสั่งทางปกครอง
3.1 เจ้าหน้าที่
@ บุคคล คณะบุคคลหรือนิติบคุ คล
ซึ่งมีอำนำจทำงปกครองหรือได้รบั มอบให้ใช้อำนำจทำงปกครองในกำรดำเนินกำรอย่ำงหนึ่ง
อย่ำงใดตำมกฎหมำย เช่น ข้ำรำชกำร คณะกรรมกำรต่ำงๆ หรือหน่วยงำนของรัฐก็ได้
เจ้ำหน้ำที่ (ผูอ้ อกคำสั่งทำง
@ องค์ประกอบเจ้าหน้าทีผ่ ู้ใช้อานาจทางปกครอง
ปกครอง)
1. จะต้องเป็ นผูม้ ีอำนำจหน้ำที่ในเรื่องนัน้
2. จะต้องเป็ นผูท้ ่ไี ด้รบั แต่งตัง้ โดยชอบด้วยกฎหมำย
3. มีควำมเป็ นกลำงต่อทุกฝ่ ำย
1. เป็ นคู่กรณีเอง
2. เป็ นคู่หมัน้ หรือคู่สมรสของคู่กรณี
เจ้ำหน้ำที่ดงั ต่อไปนีจ้ ะทำกำร 3. เป็ นญำติของคูก่ รณี คือ เป็ นบุพกำรีหรือผูส้ ืบสันดำนไม่วำ่ ชัน้ ใดๆ หรือเป็ นพี่นอ้ งหรือ
พิจำรณำทำงปกครองไม่ได้ ลูกพี่ลกู น้องนับได้เพียงภำยในสำมชัน้ หรือเป็ นญำติเกี่ยวพันทำงแต่งงำนนับได้เพียงสองชัน้
4. เป็ นหรือเคยเป็ นผูแ้ ทนโดยชอบธรรมหรือผูพ้ ิทกั ษ์หรือผูแ้ ทนหรือตัวแทนของคู่กรณี
5. เป็ นเจ้ำหนีห้ รือลูกหนี ้ หรือเป็ นนำยจ้ำงของคูก่ รณี 6. กรณีอื่นตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง
กรณีเป็ นดังข้อ 1-5 หรือคู่กรณี @ กรณีเป็ นเจ้ำหน้ำที่
คัดค้ำน จะต้องดำเนินกำรดังนี ้ 1. เจ้ำหน้ำที่ผนู้ นั้ หยุดกำรพิจำรณำเรื่องไว้ก่อน
3.2 คู่กรณี
บุคคล คณะบุคคลหรือนิตบิ ุคคล
1. ผูย้ ่ืนคำขอหรือผูค้ ดั ค้ำนคำขอ
คู่กรณี 2. ผูอ้ ยู่ในบังคับหรือจะอยูใ่ นบังคับของคำสั่งทำงปกครอง
3. ผูซ้ ่งึ ได้เข้ำมำในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองเนื่องจำกสิทธิของผูน้ นั้ จะถูก
กระทบกระเทือนจำกผลของคำสั่งทำงปกครอง
1. ผูซ้ ่งึ บรรลุนิติภำวะ
ผูม้ ีควำมสำมำรถกระทำกำรใน 2. ผูซ้ ่งึ มีบทกฎหมำยเฉพำะกำหนดให้มคี วำมสำมำรถกระทำกำรในเรื่องที่กำหนดได้
กระบวนกำรพิจำรณำทำง 3. นิติบคุ คลหรือคณะบุคคล โดยผูแ้ ทนหรือตัวแทนแล้วแต่กรณี
ปกครอง 4. ผูซ้ ่งึ มีประกำศของนำยกรัฐมนตรีหรือผูซ้ ่งึ นำยกรัฐมนตรีมอบหมำยในรำชกิจจำนุเบกษำ
กำหนดให้มีควำมสำมำรถกระทำกำรในเรื่องที่กำหนดได้
3.3 การพิจารณา
@ เอกสำรที่ย่ืนต่อเจ้ำหน้ำที่ให้จดั ทำเป็ นภาษาไทย
@ ถ้ำเป็ นเอกสำรที่ทำขึน้ เป็ นภำษำต่ำงประเทศ ให้คกู่ รณีจดั ทำคาแปลเป็ นภาษาไทยมำ
ให้ภำยในระยะเวลำที่เจ้ำหน้ำที่กำหนด
เว้นแต่เจ้ำหน้ำที่จะยอมรับเอกสำรที่ทำขึน้ เป็ นภำษำต่ำงประเทศและในกรณีนใี ้ ห้ถือวันที่ได้
ยื่นเอกสำรฉบับที่ทำขึน้ เป็ นภำษำต่ำงประเทศเป็ นวันที่เจ้ำหน้ำที่ได้รบั เอกสำร
กำรยื่นเอกสำร
@ เจ้ำหน้ำที่ผรู้ บั คำขอจะต้องดำเนินกำรตรวจสอบความถูกต้องของคำขอและความ
ครบถ้วนของเอกสาร
- หำกคำขอไม่ถกู ต้อง ให้เจ้ำหน้ำที่แนะนำให้ผยู้ ่ืนคำขอดำเนินกำรแก้ไขให้ถกู ต้อง
- หำกมีเอกสำรใดไม่ครบถ้วนให้แจ้งผูย้ ่ืนคำขอทรำบทันทีหรือภำยในไม่เกิน 7 วันนับแต่
วันที่ได้รบั คำขอ
@ เจ้ำหน้ำที่แจ้งสิทธิและหน้ำที่ในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองให้คกู่ รณีทรำบ
@ ในกำรพิจำรณำทำงปกครอง เจ้ำหน้ำที่อำจตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตำมควำมเหมำะสม
@ เจ้ำหน้ำที่ตอ้ งพิจำรณำพยำนหลักฐำนที่ตนเห็นว่ำจำเป็ นแก่กำรพิสจู น์ ข้อเท็จจริง
1. แสวงหำพยำนหลักฐำนทุกอย่ำงที่เกี่ยวข้อง
เจ้ำหน้ำที่ 2. รับฟั งพยำนหลักฐำน คำชีแ้ จงหรือควำมเห็นของคูก่ รณีหรือของ พยำนบุคคลหรือพยำน
ผูเ้ ชี่ยวชำญที่ค่กู รณีกล่ำวอ้ำง
3. ขอข้อเท็จจริงหรือควำมเห็นจำกคู่กรณี พยำนบุคคลหรือพยำนผูเ้ ชี่ยวชำญ
4. ขอให้ผคู้ รอบครองเอกสำรส่งเอกสำรที่เกี่ยวข้อง
5. ออกไปตรวจสถำนที่
@ กรณีท่คี ำสั่งทำงปกครองอำจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้ำหน้ำที่ตอ้ งให้ คู่กรณีมีโอกำสที่
คู่กรณี จะได้ทรำบข้อเท็จจริงอย่ำงเพียงพอและมีโอกำสได้โต้แย้งและแสดงพยำนหลักฐำนของตน
ยกเว้น
3.4 รูปแบบและผลของคาสั่งทางปกครอง
รูปแบบของคำสั่ง 1. หนังสือ 2. วำจำ 3. กำรสื่อควำมหมำยในรูปแบบอื่น
@ ต้องระบุ
1. วัน เดือน และปี ที่ทำคำสั่ง
2. ชื่อและตำแหน่งของเจ้ำหน้ำที่ผูท้ ำคำสั่ง
3. ลำยมือชื่อของเจ้ำหน้ำที่ผูท้ ำคำสั่ง
@ ต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ดว้ ยและเหตุผลต้องประกอบด้วย
1. ข้อเท็จจริงอันเป็ นสำระสำคัญ
2. ข้อกฎหมำยที่อำ้ งอิง
3. ข้อพิจำรณำและข้อสนับสนุนในกำรใช้ดลุ พินิจ
แต่จะไม่บังคับใช้กับ
1. เป็ นกรณีท่มี ีผลตรงตำมคำขอและไม่กระทบสิทธิและหน้ำที่ของบุคคลอื่น
2. เหตุผลนัน้ เป็ นที่รูก้ นั อยู่แล้วโดยไม่จำต้องระบุอีก
คำสั่งที่เป็ นหนังสือ
3. เป็ นกรณีท่ตี อ้ งรักษำไว้เป็ นควำมลับ
4. เป็ นกำรออกคำสั่งทำงปกครองด้วยวำจำหรือเป็ นกรณีเร่งด่วนแต่ตอ้ งให้เหตุผลเป็ นลำย
ลักษณ์อกั ษรในภำยหลัง
@ กำหนดเงื่อนไขเท่ำที่จำเป็ นเพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์ของกฎหมำย
1. กำรกำหนดให้สิทธิหรือภำระหน้ำที่เริ่มมีผลหรือสิน้ ผล ตำมเวลำ
2. กำรกำหนดให้สิทธิหรือภำระหน้ำที่เริ่มมีผลหรือสิน้ ผล ตำมเหตุกำรณ์ในอนำคต
3. สงวนสิทธิท่จี ะยกเลิกคำสั่งทำงปกครอง
4. กำรกำหนดหน้ำที่ของผูร้ บั ประโยชน์ตอ้ ง กระทาหรืองดเว้นกระทา มีภาระหน้าที่
ความรับผิดชอบบางประการ หรือการจัดทาข้อกาหนดในการเปลี่ยนแปลง
@ คำสั่งที่อำจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ ให้ระบุกรณีท่อี ำจอุทธรณ์หรือโต้แย้ง กำรยื่นคำ
อุทธรณ์หรือคำโต้แย้งและระยะเวลำสำหรับกำรอุทธรณ์หรือกำรโต้แย้ง ไว้ดว้ ย
ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 147
@ คำสั่งที่ไม่ปฏิบตั ติ ำมหลักเกณฑ์ แต่ยงั ถือว่ำสมบูรณ์
1. ออกคำสั่งโดยยังไม่มีผยู้ ่ืนคำขอ ต่อมำภำยหลังได้มีกำรยื่นคำขอ
2. ออกคำสั่งโดยไม่แจ้งเหตุผล ต่อมำภำยหลังได้มกี ำรแจ้งเหตุผล
3. ออกคำสั่งโดยยังไม่รบั ฟั งคูก่ รณี ต่อมำในภำยหลังได้มกี ำรรับฟั ง
4. ออกคำสั่งโดยยังไม่มีเจ้ำหน้ำที่อื่นเห็นชอบ ต่อมำในภำยหลังเห็นชอบ
@ กำรออกคำสั่งหำกมิได้มีกฎหมำยหรือกฏกำหนดระยะเวลำในกำรออกคำสั่ง ให้
เจ้ำหน้ำที่ออกคำสั่งนัน้ ให้แล้วเสร็จภำยในสำมสิบวันนับแต่วนั ที่เจ้ำหน้ำที่ได้รบั คำขอและ
เอกสำรถูกต้องครบถ้วน
@ คำสั่งทำงปกครองให้มีผลใช้ยนั ต่อบุคคลตัง้ แต่ผนู้ นั้ ได้รบั แจ้งเป็ นต้นไป คำสั่งทำง
ปกครองย่อมมีผลตรำบเท่ำที่ยงั ไม่มีกำรเพิกถอนหรือสิน้ ผลลงโดยเงื่อนเวลำหรือโดยเหตุอื่น
กรณีท่สี ่งั ด้วยวำจำ ถ้ำผูร้ บั คำสั่งนัน้ ร้องขอให้ออกเป็ นหนังสือ ผูอ้ อกคำสั่งต้องยืนยันคำสั่ง
คำสั่งที่เป็ นวำจำ
นัน้ เป็ นหนังสือภำยใน 7 วัน
3.5 การอุทธรณ์คาสั่งทางปกครอง
@ คู่กรณีอทุ ธรณ์คำสั่งทำงปกครองนัน้ โดยยื่นต่อเจ้ำหน้ำที่ผู้ทาคาสั่งภำยใน 15 วันนับแต่
วันที่ตนได้รับแจ้งคาสั่ง
@ คำอุทธรณ์ตอ้ งทำเป็ นหนังสือโดยระบุขอ้ โต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย
ประกอบด้วย
@ กำรอุทธรณ์ไม่เป็ นเหตุให้ทุเลากำรบังคับตำมคำสั่ง
@ ให้เจ้ำหน้ำที่ผทู้ าคาสั่ง พิจำรณำคำอุทธรณ์และแจ้งผูอ้ ทุ ธรณ์ โดยไม่เกิน30 วันนับแต่
วันทีไ่ ด้รับอุทธรณ์
1. กรณีท่เี ห็นด้วยกับคำอุทธรณ์
รำยละเอียดกำรอุทธรณ์
- ให้ดำเนินกำรเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนคำสั่ง
2. กรณีไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์
- ให้เร่งรำยงำนควำมเห็น พร้อมเหตุผลไปยังผูม้ ีอำนำจพิจำรณำคำอุทธรณ์ภำยใน
กำหนดเวลำ
- ผูม้ ีอำนำจ พิจำรณำคำอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วนั ทีไ่ ด้รับรายงาน
- ถ้ำไม่อำจพิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยในระยะเวลำดังกล่ำว ให้ผมู้ ีอำนำจพิจำรณำ
อุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผอู้ ทุ ธรณ์ทรำบก่อนครบกำหนดเวลำดังกล่ำว ในกำรนีใ้ ห้ขยำย
ระยะเวลำพิจำรณำอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกิน 30 วัน
3.7 การขอพิจารณาใหม่
@ คู่กรณีมีคำขอให้เจ้ำหน้ำที่อำจเพิกถอนหรือแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่ง แม้จะพ้นกำหนดอุทธรณ์
ไปแล้ว ถ้ำมีกรณีดงั นี ้
1. มีพยำนหลักฐำนใหม่ อันอำจทำให้ขอ้ เท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป
2. คู่กรณีท่แี ท้จริงมิได้เข้ำมำในกระบวนกำรพิจำรณำหรือถูกตัดโอกำสโดยไม่เป็ นธรรมในกำร
มีส่วนร่วมในกระบวนกำรพิจำรณำ
กำรขอพิจำรณำใหม่ 3. เจ้ำหน้ำที่ไม่มีอำนำจที่จะทำคำสั่งทำงปกครองในเรื่องนัน้
4. ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมำยนัน้ เปลี่ยนแปลงไปในสำระสำคัญในทำงที่จะเป็ นประโยชน์แก่
คู่กรณี
@ กำรยื่นคำขอตำม (1) (2) หรือ (3) ให้กระทำได้เฉพำะเมื่อคูก่ รณีไม่ทรำบ ถึงเหตุนนั้ ในกำร
พิจำรณำครัง้ ที่แล้วและกำรยื่นคำขอให้พจิ ำรณำใหม่ตอ้ งกระทำภำยใน 90 วันนับแต่ผนู้ นั้ ได้รู ้
ถึงเหตุ
3.8 การบังคับทางปกครอง
5 การแจ้ง
กำรแจ้ง บังคับใช้กบั กำรแจ้งที่เป็ นคำสั่งที่สำมำรถกระทำโดยวำจำหรือเป็ นหนังสือ
@ กำรแจ้งเป็ นหนังสือโดยวิธีให้บคุ คลนำไปส่ง
1. มีคนรับถือว่ำได้รบั แจ้งแล้ว
2. ไม่มีคนรับ หำกได้วำงหนังสือนัน้ หรือปิ ดหนังสือ ณ สถำนที่นนั้ ต่อหน้ำเจ้ำพนักงำนก็ให้ถือ
ผูร้ บั 1 ถึง 15 คน ว่ำได้รบั แจ้งแล้ว
@ กำรแจ้งโดยวิธีส่งทำงไปรษณียต์ อบรับ
1. สำหรับกรณีภำยในประเทศ ให้ถือว่ำได้รบั แจ้งเมื่อครบกำหนด 7 วันนับแต่วนั ส่ง
2. สำหรับกรณีส่งไปยังต่ำงประเทศ ให้ถือว่ำได้รบั แจ้งเมื่อครบกำหนด 15 วันนับแต่วนั ส่ง
จะกระทำโดยวิธีปิดประกำศไว้ ณ ที่ทำกำรของเจ้ำหน้ำที่และที่วำ่ กำรอำเภอที่ผรู้ บั มี
ผูร้ บั 16 ถึง 100 คน ภูมิลำเนำ ในกรณีนใี ้ ห้ถือว่ำได้รบั แจ้งเมื่อล่วงพ้นระยะเวลำ 15 วัน นับแต่วนั ที่ได้แจ้งโดยวิธี
ดังกล่ำว
กำรแจ้งเป็ นหนังสือจะกระทำโดยกำรประกำศในหนังสือพิมพ์ซ่งึ แพร่หลำย ในท้องถิ่นนัน้ ใน
ผูร้ บั ตัง้ แต่ 101 ขึน้ ไป
กรณีนใี ้ ห้ถือว่ำได้รบั แจ้งเมื่อล่วงพ้นระยะเวลำ 15 วันนับแต่วนั ที่ได้แจ้งโดยวิธีดงั กล่ำว
8. ถ้าเกิดกรณีตามข้อใดเจ้าหน้าที่ จะทาการพิจารณาทางปกครองไม่ได้
1. เจ้ำหน้ำที่เป็ นคู่กรณีเอง 2. เจ้ำหน้ำที่เป็ นคู่หมัน้ ของคู่กรณี
3. เจ้ำหน้ำที่เป็ นคู่สมรสของคู่กรณี 4. ถูกทุกข้อ
9. ถ้าคู่กรณีไม่ประสงค์จะเข้ามาดาเนินการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองสามารถตั้งผู้ทาการ
แทนได้หรือไม่
1. ไม่ได้ 2. ได้
3. ไม่ได้ค่กู รณีตอ้ งมำเอง 4. กฎหมำยไม่ได้เปิ ดช่องไว้
10. ตัวแทนร่วมต้องมีคู่กรณีตั้งแต่กี่คนขึน้ ไป
1. 20 คน 2. 30 คน
3. 40 คน 4. 50 คน
18. เจ้าหน้าที่ผู้ทาคาสั่งทางปกครองต้องมีหนังสือเตือนให้ผู้อยู่ในการบังคับตามคาสั่งทางปกครอง
ไม่น้อยกว่ากี่วันก่อนจะบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สิน
1. 7 วัน 2. 15 วัน
3. 30 วัน 4. 60 วัน
22. รู ปแบบคาสั่งทางการปกครองในข้อใดไม่ถูกต้อง
1. ทำเป็ นหนังสือ
2. เป็ นคำสั่งด้วยวำจำก็ได้
3. สั่งทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์
4. คำสั่งทำงปกครองอำจใช้รูปแบบได้ทงั้ ข้อ 1 , 2 และข้อ 3
28. เมื่ อ คู่ ก รณี มี ค าขอ เจ้ า หน้ า ที่อ าจเพิ กถอนหรื อ แก้ ไ ขเพิ่ ม เติ ม ค าสั่ งทางปกครองที่พ้นก าหนด
อุทธรณ์ได้ในกรณีใดบ้าง
1. มีพยำนหลักฐำนใหม่อนั อำจทำให้ขอ้ เท็จจริงที่ฟังเป็ นข้อยุติแล้วนัน้ เปลี่ยนแปลงไปในสำระสำคัญ
2. คู่กรณีท่แี ท้จริงไม่ได้เข้ำมำในกระบวนกำรพิจำรณำทำงปกครองหรือได้เข้ำมำในกระบวนกำร
3. เจ้ำหน้ำที่ไม่มีอำนำจที่จะทำคำสั่งทำงกำรปกครอง
4. ถูกทุกข้อ
@ หน่วยงำนของรัฐต้องรับผิดต่อผูเ้ สียหำยในผลแห่งละเมิดที่เจ้ำหน้ำที่ของตนได้กระทำใน
กำร ปฏิบตั ิหน้ำที่ ในกรณีนผี ้ เู้ สียหำยอำจฟ้องหน่วยงำนของรัฐดังกล่ำวได้โดยตรง แต่จะ
ฟ้องเจ้ำหน้ำที่ไม่ได้
ถ้ำกำรละเมิดเกิดจำกเจ้ำหน้ำที่ซง่ึ ไม่ได้สงั กัดหน่วยงำนของรัฐแห่งใดให้ถือ ว่ำ
กระทรวงกำรคลังเป็ น หน่วยงำนของรัฐที่ตอ้ งรับผิดชอบ
@ ถ้ำกำรกระทำละเมิดของเจ้ำหน้ำที่มิใช่กำรกระทำในกำรปฏิบตั ิหน้ำที่ เจ้ำหน้ำที่ตอ้ งรับ
ผิดใน กำรนัน้ เป็ นกำรเฉพำะตัว ในกรณีนผี ้ เู้ สียหำยอำจฟ้องเจ้ำหน้ำที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้อง
หน่วยงำนของรัฐไม่ได้
@ ในคดีท่ผี เู้ สียหำยฟ้องหน่วยงำนของรัฐ ถ้ำหน่วยงำนของรัฐเห็นว่ำเป็ นเรื่องที่เจ้ำหน้ำที่
กำรฟ้องร้อง ต้องรับ ผิดหรือต้องร่วมรับผิด หรือในคดีท่ผี เู้ สียหำยฟ้องเจ้ำหน้ำที่ถำ้ เจ้ำหน้ำที่เห็นว่ำเป็ น
เรื่องที่หน่วยงำนของรัฐต้องรับ ผิดหรือต้องร่วมรับผิด หน่วยงำนของรัฐหรือเจ้ำหน้ำที่
ดังกล่ำวมีสิทธิขอให้ศำลที่พิจำรณำคดีนนั้ อยู่เรียกเจ้ำหน้ำที่ หรือหน่วยงำนของรัฐ แล้วแต่
กรณี เข้ำมำเป็ นคู่ควำมในคดี
ถ้ำศำลพิพำกษำยกฟ้องเพรำะเหตุท่หี น่วยงำนของรัฐหรือเจ้ำหน้ำที่ท่ถี กู ฟ้องมิใช่ผตู้ อ้ งรับผิด
ให้ขยำยอำยุควำมฟ้องร้องผูท้ ่ตี อ้ งรับผิดซึ่งมิได้ถกู เรียกเข้ำมำในคดีออกไปถึง 6 เดือนนับแต่
วันที่คำพิพำกษำนัน้ ถึงที่สดุ
@ เมื่อได้มกี ำรจัดตัง้ ศำลปกครองขึน้ แล้วสิทธิรอ้ งทุกข์ต่อคณะกรรมกำรวินจิ ฉัยร้องทุกข์ต่อ
หน่วยงำนรัฐ ให้ถือว่ำเป็ นสิทธิฟอ้ งคดีต่อศาลปกครอง
3 การชดใช้ค่าสินไหม
@ ค่าสินไหมทดแทน หมำยถึง "เงินที่ตอ้ งชดใช้เพื่อทดแทนควำมเสียหำย ที่เกิดขึน้ แก่
ทรัพย์สินหรือแก่บคุ คลอันเนื่องมำจำกกำรละเมิดหรือกำรผิดสัญญำ
@ กรณีทเี่ จ้าหน้าทีล่ ะเมิดต่อผู้เสียหาย
1. กรณีท่หี น่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผเู้ สียหำยเพื่อกำรละเมิด
ของเจ้ำหน้ำที่ ให้หน่วยงำนของรัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้ำหน้ำที่ผทู้ ่ลี ะเมิดชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน
ดังกล่ำวแก่หน่วยงำนของรัฐได้ ถ้ำเจ้ำหน้ำที่ได้กระทำกำรนัน้ ด้วยความจงใจหรือประมาท
เลินเล่ออย่างร้ายแรง
2. ถ้ำกำรละเมิดเกิดจำกควำมผิดหรือควำมบกพร่องของหน่วยงำนของรัฐหรือระบบกำร
ดำเนินงำนส่วนรวม ให้หักส่วนของความรับผิดดังกล่าวออกด้วย
3. ในกรณีท่กี ำรละเมิดเกิดจำกเจ้ำหน้ำที่หลำยคนเจ้ำหน้ำที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้คำ่ สินไหม
ทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น และมิให้นำหลักลูกหนีร้ ่วมของประมวลกฎหมำยแพ่ง
และพำณิชย์มำบังคับ
กำรชดใช้ค่ำสินไหม 4. ถ้ำหน่วยงำนของรัฐหรือเจ้ำหน้ำที่ได้ใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่ผเู้ สียหำย สิทธิท่จี ะเรียกให้อีก
ฝ่ ำยหนึ่งชดใช้คำ่ สินไหมทดแทนแก่ตนให้มีกาหนดอายุความ 1 ปี นับแต่วันทีห่ น่วยงาน
ของรัฐหรือเจ้าหน้าทีไ่ ด้ใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นแก่ผู้เสียหาย
5. ถ้ำมิใช่กำรกระทำในกำรปฏิบตั ิหน้ำที่ให้บงั คับตำมบทบัญญัตแิ ห่งประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์
6. เมื่อหน่วยงำนของรัฐมีคำสั่งเช่นใดแล้วหำกผูเ้ สียหำยยังไม่พอใจในผลกำรวินิจฉัยของ
หน่วยงำนของรัฐก็ให้มีสิทธิรอ้ งทุกข์ต่อ คณะกรรมกำรวินิจฉัยร้องทุกข์ได้ภายใน 90 วันนับ
แต่วันทีต่ นได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย หน่วยงานของรัฐต้องพิจารณาคาขอทีไ่ ด้รับให้
แล้วเสร็จภายใน 180 วัน หำกเรื่องใดไม่อำจพิจำรณำได้ทนั จะต้องรำยงำนปั ญหำและ
อุปสรรคให้รฐั มนตรีเจ้ำสังกัดหรือกำกับหรือควบคุมดูแลหน่วยงำนของรัฐแห่งนัน้ ทรำบและ
ขออนุมัตขิ ยายระยะเวลาออกไปได้แต่ไม่เกิน 180 วัน
@ กรณีทเี่ จ้าหน้าทีเ่ ป็ นผู้กระทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ
1. สิทธิเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทนให้มีกาหนดอายุความ 2 ปี นับแต่วนั ทีห่ น่วยงานของ
รัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าทีผ่ ู้ทตี่ ้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
ตัวอย่างข้อสอบจริง
1. เจ้าหน้าทีต่ ามข้อใดทีต่ ้องรับผิดทางละเมิด หากตนเองได้กระทา
1. ข้ำรำชกำร 2. พนักงำน
3. ลูกจ้ำง 4. ถูกทุกข้อ
3. ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าทีซ่ ึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใดหน่วยงานใดต้องรับผิดชอบ
1. สำนักนำยกรัฐมนตรี 2. กระทรวงกำรคลัง
3. กระทรวงมหำดไทย 4. กระทรวงยุติธรรม
6. ถ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย สิทธิที่จะเรียกให้อีกฝ่ าย
หนึ่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนให้มีกาหนดอายุความกี่ปี
1. 1 ปี 2. 3 ปี
3. 5 ปี 4. 10 ปี
8. วิ ธี ก ารชดใช้ ค่ า เสียหายที่เ กิ ดจากการละเมิ ด ของเจ้ าหน้ า ที่ต ามพระราชบั ญญั ติ ค วามผิ ด ทาง
ละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ข้อใดถูกต้อง
1. ชดใช้เป็ นเงิน
2. ซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหำยให้คงสภำพเดิม
3. ชดใช้เป็ นทรัพย์สินที่มีคณ
ุ ภำพ สภำพและปริมำณอย่ำงเดียวกับที่เสียหำย
4. ถูกทุกข้อ
1 ข้อมูลเบือ้ งต้น
ผูใ้ ห้ ร.10
ผูร้ บั พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ (นำยกรัฐมนตรี)
ตรำโดย สภำนิติบญ
ั ญัติแห่งชำติ
ให้ 14 เม.ย. 2562
ประกำศ 16 เม.ย. 2562
บังคับใช้ 17 เม.ย. 2562 (วันถัดไปจำกวันประกำศ)
มำตรำ 22 มำตรำ
ผูร้ กั ษำกำร นำยกรัฐมนตรี
2 มาตรฐานทางจริยธรรม และประมวลจริยธรรม
3 คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม
@ เรียกโดยย่อว่ำ “ก.ม.จ.” ประกอบด้วย
1. นำยกรัฐมนตรีหรือรองนำยกรัฐมนตรีซง่ึ นำยกรัฐมนตรีมอบหมำย เป็ นประธำนกรรมกำร
2. ผูแ้ ทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนที่ได้รบั มอบหมำย เป็ นรองประธำนกรรมกำร
3. กรรมกำรโดยตำแหน่งจำนวนห้ำคน ได้แก่
- ผูแ้ ทนที่ได้รบั มอบหมำยจำกคณะกรรมกำร ข้ำรำชกำรพลเรือนใน
สถำบันอุดมศึกษำ
- ผูแ้ ทนที่ได้รบั มอบหมำยจำกคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
- ผูแ้ ทนที่ได้รบั มอบหมำยจำกคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรตำรวจ
- ผูแ้ ทนที่ได้รบั มอบหมำยจำกคณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบริหำรงำนบุคคลส่วนท้องถิ่น
คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำง - ผูแ้ ทนที่ได้รบั มอบหมำยจำกสภำกลำโหม
จริยธรรม 4. กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิซ่งึ นำยกรัฐมนตรีแต่งตัง้ จำนวนไม่เกินห้ำคนเป็ นกรรมกำร
@ ให้เลขำธิกำร ก.พ. เป็ นกรรมกำรและเลขำนุกำรและให้เลขำธิกำร ก.พ. แต่งตัง้ ข้ำรำชกำร
ในสำนักงำน ก.พ. เป็ นผูช้ ่วยเลขำนุกำร
@ ให้สำนักงำน ก.พ. มีหน้ำที่ปฏิบตั ิงำนธุรกำร งำนประชุม งำนวิชำกำร กำรศึกษำหำข้อมูล
และกิจกำรต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ ก.ม.จ.
@ ก.ม.จ. จัดให้มีกำรทบทวนมำตรฐำนทำงจริยธรรมทุก 5 ปี
@ กำรประชุม ก.ม.จ. ต้องมีกรรมกำรมำประชุมไม่นอ้ ยกว่ำกึ่งหนึง่ ของจำนวนกรรมกำร
ทัง้ หมดเท่ำที่มีอยู่จงึ จะเป็ นองค์ประชุม ส่วนกำรวินิจฉัยชีข้ ำดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้ำง
มำก
@ คุณสมบัติของกรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิ
1. มีสญั ชำติไทย
2. มีอำยุไม่ต่ํำกว่ำ 45 ปี
กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒิ 3. ไม่เป็ นบุคคลล้มละลำย
4. ไม่เป็ นคนไร้ควำมสำมำรถหรือคนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
5. ไม่เคยได้รบั โทษจำคุกโดยคำพิพำกษำถึงที่สดุ ให้จำคุกเว้นแต่เป็ นโทษ ที่ได้กระทำโดย
ประมำท
สิ่งที่หน่วยงานของรัฐต้องดาเนินการเพือ่ ประโยชน์ในการรักษาจริยธรรม
หน่วยงานของรัฐ
2. ข้อใดเป็ นมาตรฐานทางจริยธรรม
1. ยึดมั่นในสถำบันหลักของประเทศอันได้แก่ ชำติ ศำสนำ พระมหำกษัตริย์ และกำร ปกครองระบอบ
ประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริยท์ รงเป็ นประมุข
2. ซื่อสัตย์สจุ ริต มีจิตสำนึกที่ดีและรับผิดชอบต่อหน้ำที่
3. กล้ำตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถกู ต้องชอบธรรม
4. ถูกทุกข้อ
4. ในกรณี ที่ผู้ บ ริ หารและพนั ก งานรั ฐวิ สาหกิ จ ไม่ มี อ งค์กรกลางบริ หารงานบุ ค คลที่รับ ผิด ชอบให้
องค์กรใดเป็ นผู้จัดทาประมวลจริยธรรม
1. สำนักกำกับและประเมินผลรัฐวิสำหกิจ
2. สำนักนโยบำยและแผนรัฐวิสำหกิจ
3. สำนักงำนปลัดกระทรวงกำรคลัง
4. สำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยรัฐวิสำหกิจ
5. ในกรณีท่ีมีปัญหาว่าองค์กรใดเป็ นผู้จัดทาประมวลจริยธรรมสาหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทใด
ใครมีอานาจวินิจฉัย
1. คณะรัฐมนตรี 2. ก.ม.จ.
3. ก.พ.ร. 4. องค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคล
7. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒใิ นคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมมีจานวนไม่เกินกี่คน
1. 3 คน 2. 5 คน
3. 7 คน 4. 9 คน
1 ข้อมูลเบือ้ งต้น
เจ้ำพนักงำน บุคคลซึ่งกฎหมำยบัญญัติวำ่ เป็ นเจ้ำพนักงำนหรือได้รบั กำรแต่งตัง้ ตำมกฎหมำยให้ปฏิบตั ิ
หน้ำที่รำชกำร ไม่วำ่ จะเป็ นประจำหรือชั่วครำวและไม่วำ่ จะได้ค่ำตอบแทนหรือไม่
ควำมแตกต่ำงระหว่ำง เจ้ำ @ เจ้ำพนักงำน ไม่เจำะจงหน้ำที่รบั ผิดชอบ
พนักงำนและเจ้ำพนักงำนมี @ เจ้ำพนักงำนมีหน้ำที่ เจำะจงหน้ำที่รบั ผิดชอบ
หน้ำที่
กระทำโดยทุจริต กำรกระทำอันเกิดจำกกำรแสวงหำประโยชน์ท่มี คิ วรได้ โดยชอบด้วยกฎหมำยสำหรับ
ตนเองหรือผูอ้ ื่น
กระทำโดยมิชอบ กำรกระทำอันก่อให้เกิดควำมเสียหำย
กลุ่มควำมผิด @ มำตรำ 147 – 156 กระทำโดยทุจริต
@ มำตรำ 157 กระทำโดยมิชอบและโดยทุจริต
@ มำตรำ 158 – 166 กระทำโดยมิชอบ
จำคุกตัง้ แต่ 1 ปี ถงึ 10 ปี และ @ มำตรำ 152 เจ้ำ พนัก งำนมีห น้ำที่ จัด กำรหรื อ ดูแ ลกิจ กำรใด เข้ำ ไปมี ส่ว นได้เสี ยเพื่อ
ปรับตัง้ แต่2000 บำทถึง 20000 ประโยชน์สำหรับตนเองหรือผูอ้ ื่นเนื่องด้วยกิจกำรนัน้
บำท @ มำตรำ 153 เจ้ำ พนัก งำนมี ห น้ำ ที่ จ่ ำ ยทรัพ ย์ จ่ ำ ยทรัพ ย์นั้น เกิ น กว่ ำ ที่ ค วรจ่ ำ ยเพื่ อ
ประโยชน์สำหรับตนเองหรือผูอ้ ื่น
2. ข้อใดมีอัตราโทษประหารชีวิต
1. เป็ นเจ้ำพนังงำนมีหน้ำที่ซือ้ ทำ จัดกำรหรือรักษำทรัพย์ใด เบียดเบียนทรัพย์นนั้ เป็ นของตนโดยทุจริต
2. เป็ นเจ้ำพนักงำน ใช้อำนำจในตำแหน่งข่มขืนใจเพื่อให้บคุ คลใดหำมำให้ซ่งึ ทรัพย์สิน
3. เป็ นเจ้ำพนังงำนดูแลกิจกำรใด เข้ำไปมีสว่ นได้เสียกับกิจกำรนัน้
4. เป็ นเจ้ำพนักงำนมีหน้ำที่จ่ำยทรัพย์ จ่ำยทรัพย์มำกเกินกว่ำที่ควรจ่ำย
3. นายปวินเป็ นปลัดอาเภอมีหน้าที่รับคาขอและสอบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับการขออนุญาตให้และมี
อาวุธปื น แล้วทาความเห็นเสนอต่อนายอาเภอ ได้เอาเงินค่าธรรมเนียมการขออนุญาตให้และมีอาวุธ
ปื น ไว้เป็ นของตนเองส่วนหนึ่ง นายปวินมีความผิดฐานใด
1. เรียกรับสินบน
2. ยักยอกทรัพย์
3. ขืนใจเอำทรัพย์
4. เข้ำไปมีสว่ นได้เสียในกิจกำรหน้ำที่
4. ข้อใดถือเป็ นการกระทาโดยทุจริต
1. นำยเอ เจ้ำพนักงำนมีหน้ำที่ในกำรไปรษณียเ์ ปิ ดจดหมำยที่สง่ ทำงไปรษณีย์
2. นำยบี เจ้ำพนักงำนทำลำยและซ่อนเร้น เอกสำรของทำงรำชกำร
3. นำยซี เจ้ำพนักงำนมีหน้ำที่ทำเอกสำร กรอกข้อควำมลงใน เอกสำรกระทำกำรปลอมเอกสำร
4. นำยดี เจ้ำพนักงำนมีหน้ำที่จดั กำรหรือดูแลกิจกำร เข้ำไปมีสว่ นได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง