Professional Documents
Culture Documents
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
(Rate of Chemical Reaction)
1
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
การศึกษาอัตราของปฏิกิริยาเคมีเปนวิชาหนึ่งของวิชาเคมี ไมเพียงแตวัดอัตราของปฏิกิริยา
เทานั้น ยังศึกษาถึงปจจัยตาง ๆ ที่มีอิทธิพลตออัตราของปฏิกิริยานั้น
Note
1. ปจจัยที่มีผลตออัตราการเกิดปฏิกิริยา ไดแก
1.1 ธรรมชาติของสารตั้งตน (reactant) และ
ผลิตผล (product) ปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นชาหรือเร็วขึ้นอยูกับ
ธรรมชาติของสาร เชน โดยทั่วไปสารที่ทําปฏิกิริยาเปน
สารไอออนิกทั้งคูจะเกิดปฏิกิริยาเร็วกวาสารที่เปนโควา
เลนท สารที่ทําปฏิกิริยาเปนกาซทั้งคูจะทําปฏิกิริยาไดเร็ว
กวาปฏิกิริยาที่สารอยูในสถานะตางกัน
2
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
3
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
2. การอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นไดอยางไร นักวิทยาศาสตรพยายามอธิบาย ทฤษฎีหนึ่งที่ตอบ
คําถามนี้ไดคือ ทฤษฎีการชน (Collision theory) และ ทฤษฎีทรานซิชันสเตด (Transition state
theory)
2.1 ทฤษฎีการชน (Collision theory)
มีหลักทั่วไปกลาววา การเกิดปฏิกิริยาเคมี โมเลกุลของ
สารตั้งตนหรือสารที่เขาทําปฏิกิริยาจะตองเกิดการชนกัน
กอน พิจารณาปฏิกิริยาระหวางโมเลกุลของสาร A กับ B
โดยตรง ถาเพิ่มความเขมขนของ A เปนสองเทา จํานวน
การชนระหวาง A – B ก็จะเพิ่มเปนสองเทาเนื่องจาก
จํานวนโมเลกุลของ A ที่จะชนกับ B เพิ่มเปนสองเทา
ดั ง นั้ น อั ต ราการเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย าก็ เ พิ่ ม เป น สองเท า ด ว ย ใน
ทํานองเดียวกันการเพิ่มความเขมขนของ B เปนสองเทาก็
จะทําใหอัตราเพิ่มเปนสองเทาเชนกัน นอกจากนี้โมเลกุล
ของสารตั้งตนจะตองชนกันในทิศทางที่เหมาะสมดวย เชน
ปฏิกิริยาระหวางกาซไฮโดรเจนกับกาซไอโอดีนเกิดกาซ
ไฮโดรเจนไอโอไดด โมเลกุลของกาซไฮโดรเจนและกาซ
ไอโอดี น หรื อ ปฏิ กิ ริ ย าของออกซิ เ จนกั บ ไนโตเจน
ออกไซด
Note
4
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
เมื่อพิจารณาการชนกันของโมเลกุล
Note
H2 และ I2 พบวาการชนกันแบบ ข. มีโอกาสที่จะ
เกิดปฏิกิริยาเคมีไดมากกวาแบบ ก เนื่องจากมีทิศทาง
ในการชนกั น ของทั้ ง สองโมเลกุ ล มี ค วามเหมาะสม
ทฤษฎีการชนมีหลักการที่สอดคลองกับหลักความเปน
จริง แตเราพบวาความสัมพันธระหวางอัตรากับการ
ชนของโมเลกุ ล ซับซ อ นกว า นี้ ในทางปฏิ บัติพ บว า
หลาย ๆ กรณีปฏิกิริยาไมไดเกิดขึ้นเพราะการชนกันแต
เพี ย งอย า งเดี ย ว จากการทดลองและคํ า นวณพบว า
จํานวนครั้งของการชนกันที่ไดผลเปนเพียงเศษสวน
นอยมากของจํานวนครั้งของการชนกันทั้งหมด จาก
การคํานวณพบวาในปฏิกิริยาทั่วไป การชนกันทีไ่ ดผล
มีเพียง 1 ใน 107 ครั้งเทานั้นโดยประมาณ
5
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
โมเลกุลที่เขาชนกันจะมีการเปลี่ยนแปลงของพลังงานจลนและพลังงานศักย เมื่อ
สองโมเลกุลเขาใกลกันและกันจะเกิดแรงผลักระหวางกลุมหมอกของอิเล็กตรอน เปนเหตุให
โมเลกุลเคลื่อนที่ชาลง พลังงานจลนของโมเลกุลจะลดลง ในขณะเดียวกันพลังงานศักยจะเพิ่มขึ้น
หรือกลาวอีกนัยหนึ่งวา พลังงานจลนเปลี่ยนไปเปนพลังงานศักยขณะที่โมเลกุลชนกัน ถาโมเลกุล
เคลื่อนที่ชา (พลังงานจลนต่ํา) เขาชนกัน พลังงานศักยที่ไดจากพลังงานจลนไมเพียงพอที่จะ
เอื้ออํานวยใหกลุมหมอกอิเล็กตรอนจัดเรียงตัวใหม โมเลกุลทั้งสองจะเคลื่อนที่ออกจากกันโดยไม
มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตรงกันขาม ถาโมเลกุลเคลื่อนที่ดวยความเร็วสูง (พลังงานจลนสูง) เขา
ชนกันพลั งงานศั ก ยที่ ไ ดจากพลังงานจลนสูงพอที่จะเอื้ออํานวยให ก ลุมหมอกอิเ ล็กตรอนทะลุ
ทะลวงกันและกัน เกิดการสลายของพันธะเดิมและสรางพันธะใหมเกิดผลิตผลขึ้น และเมื่อผลิตผล
ที่ไดเคลื่อนที่ออกไป พลังงานศักยจะลดลงขณะที่พลังงานจลนเพิ่มขึ้น โมเลกุลเหลานี้จึงเคลื่อนที่
เร็วขึ้น สรุปไดวาโมเลกุลที่มีพลังงานจลนสูง (พลังงานศักยสูงเมื่อชนกัน) เทานั้นที่เกิดปฏิกิริยาได
และพลังงานขั้นต่ําสุดที่โมเลกุลจะตองมีเพื่อเอื้ออํานวยใหเกิดปฏิกิริยาก็คือพลังงานกอกัมมันต
(activation energy , Ea) นั่นเอง ถามีพลังงานไมถึงคานี้โมเลกุลก็จะไมมีการเปลี่ยนแปลงหลังจาก
การชน
ภาพที่ 3 การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยสําหรับปฏิกิริยาคายความรอนและดูดความรอน
Note
6
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
A–A A A A A
B–B B B B + B
แอกติเวเตดคอมเพล็ก
7
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
ภาพที่ 5 Reaction energy diagram for the reaction between CH3Br and OH-
8
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
ภาพที่ 6 การเดินทางขามภูเขา
จากภาพคนที่จะเดินขามภูเขาไดจะตองแข็งแรกมาก เปรียบเสมือนอนุภาคของสารที่มี
พลังงานสูง ดังนั้นจํานวนคนที่จะขามภูเขาไดภายในเวลาที่กําหนดจึงขึ้นอยูกับองคประกอบที่
สําคัญ 2 ประการคือ (1) จํานวนคนที่แข็งแรงหรือมีพลังงานมาก และ (2) ความสูงของภูเขา เมื่อ
พลังงานกอกัมมันตมีคานอย อัตราการเกิดปฏิกิริยาจะมีคา…………. ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเร็วบาง
ปฏิกิริยาแทบไมมีพลังงานกอกัมมันตเลย อนุภาคของตัวทําปฏิกิริยามีพลังงานรวมกันแลวเกินคา
พลังงานกอกัมมันตไดงาย ถาพลังงานกอกัมมันตมีคามาก ปฏิกิริยาจะเกิดขึ้น……… การเพิ่ม
อุณหภูมิ ทําใหอัตราของการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มเร็วขึ้นเพราะเปนการเพิ่มพลังงานจลนใหแกอนุภาค
ของตัวทําปฏิกิริยา และเพิ่มจํานวนอนุภาคที่มีพลังงานสูงพอที่จะทําใหพลังงานศักยของระบบเกิด
กวาพลังงานกอกัมมันต ซึ่งทําใหปฏิกิริยาเกิดไดสําเร็จ
9
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
1. จงยกตัวอยางปฏิกิริยาที่เกิดชามาก (ใชเวลาหลาย ๆ วันจึงเกิดสมบูรณ) และปฏิกิริยาที่
เกิดขึ้นเร็วมาก (ปฏิกิริยาสิ้นสุดภายในไมกนี่ าทีหรือไมกวี่ ินาที) มาชนิดละ 2 ตัวอยาง
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
2. พลังงานกอกัมมันตคืออะไร มีบทบาทในจลนศาสตรเคมีอยางไร
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
3. จงระบุปจจัยทีท่ ําใหอนุภาคชนกันแลวเกิดปฏิกิริยาเคมีได
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
4. จงเขียนรูปแสดงการจัดตัวของโมเลกุลและทิศทางการชนกันของโมเลกุลที่นาจะทําให
เกิดปฏิกิริยาเคมีไดในปฏิกิรยิ าตอไปนี้
ก. H2O (g) + CO (g) H2 (g) + CO2 (g)
ข. NO2 (g) + CO (g) NO (g) + CO2 (g)
……………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
10
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
4. พลังงานกับการดําเนินไปของปฏิกิริยาเคมี
การเกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีพลังงานมาเกี่ยวของดวย เนื่องจากมีการสลายและสราง
พันธะระหวางอะตอมของสารในปฏิกิริยา อาจแสดงไดดวยกราฟดังรูป
ภาพที่ 7 Reaction energy diagrams and possible transition states for three
reaction(silberberg.2003)
Note
11
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
พลังงาน
ก ข
ภาพที่ 8 การเปลี่ยนพลังงานในแบบคายพลังงานและดูดพลังงาน
ภาพที่ 9 พลังงานกอกัมมันตของ
ปฏิกิ ริย าไปข างหนา และของปฏิกิ ริย า
ผันกลับ
12
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
5. จากสมการ O3 (g) + O (g) 2O2 (g)
พลังงานกอกัมมันตของปฏิกิริยาไปขางหนาเทากับ 19 kJ และพลังงานของปฏิกิริยานี้เทากับ – 392
kJ จงวาดกราฟแสดงความสัมพันธของพลังงานกับการดําเนินไปของปฏิกิริยา และคํานวณหาคา
พลังงานกอกัมมันตของปฏิกิริยายอนกลับ
6. จากภาพที่กําหนดให
2 OH
78 kJ + 72 kJ
O + H2O
13
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
4. อัตราการเกิดปฏิกิริยาและการวัดอัตราการเกิดปฏิกิริยา
อัตราของปฏิกิริยา (rate of chemical reaction) คืออัตราซึ่งสารตั้งตน (reactant)
ทําปฏิกิริยาไป หรืออัตราซึ่งผลิตผล (product) ปรากฏขึ้นหรือเกิดขึ้นจากปฏิกิริยา ในการศึกษา
จลนศาสตรเคมี มักระบุอัตราเปนการลดลงความเขมขนของสารตั้งตนหรือการเพิ่มขึ้นของผลิตผล
กับเวลา ซึ่งสามารถวัดไดจากการทดลองไดแก
(1) ปริมาณกาซที่เกิดขึ้น
กรณีที่การวัดความเขมขนโดยตรงของสาร
(2) ความดันที่เปลี่ยนแปลง
ทําไดยาก นักเคมีมักวัดสมบัติที่สัมพันธ
(3) การเปลี่ยนสี
โดยตรงกับความเขมขน เชน ความดัน สี
(4) การเกิดตะกอน
แลวจึงเปลีย่ นเปนความเขมขน
(5) การเกิดกรดหรือเบส
ในวิชาจลนศาสตรเคมี ปริมาณของสารตั้งตนที่ลดลงหรือผลิตภัณฑที่เกิดขึ้นนิยม
ระบุหนวยเปนความเขมขน โมล/ลิตร หรือ M เสมอ และเขียนแทนดวยวงเล็บ [ ] ดังนั้นความ
เขมขนเปนโมล/ลิตรของ N2O5 จึงเขียนแทนดวย [N 2O 5 ] เชน [N 2O 5 ] = 0.1 หมายความวา
N2O5 มีความเขมขน 0.1 โมล/ลิตร
อัตราการเกิดปฏิกิริยาระบุใหทราบวาการเปลี่ยนแปลงของปฏิกิริยาเกิดรวดเร็ว
เพียงใด ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุในเทอมของการเปลี่ยนแปลงความขมขนของสารตั้งตนหรือผลิตผลที่
เกิดในชวงเวลาที่กําหนด เชน สมการ A + 2B C
อัตราการเกิดปฏิกิริยา = ความเขมขนของ C ที่เปลี่ยนไป
เวลาที่เปลี่ยนไป
อัตราการเกิดปฏิกิริยา = Δ (ความเขมขนของ C)
ΔT
Δ[P ]
=
Δt
เนื่องจากอัตราการเกิดปฏิกิริยาที่เวลาตาง ๆ ไมเทากัน จึงควรเขียนวา
d [C ]
อัตราการเกิดปฏิกิริยา =
dt
หรือถาเขียนในรูปของการเปลี่ยนความเขมขนของสารตั้งตน A และ B จะเขียนได
ดังนี้
d [A] d [B ]
อัตราการเกิดปฏิกิริยา =− =−
dt dt
14
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
จากสมการ A + 2B C
ดวยเหตุที่วาอัตราการลดลงไปของ A เปนครึ่งหนึ่งของการลดลงไปของ B
เพราะฉะนั้น จึงเขียนความสัมพันธระหวางอัตราการเกิดปฏิกิริยาในรูปของสารตาง ๆ ได จะตอง
คิดตอ 1 โมลของสารนั้น ๆ จึงเขียนไดดังนี้
d [ A] 1 d [B ] d [P ]
อัตราการเกิดปฏิกิริยา =− =− =
dt 2 dt dt
ภาพที่ 10 การหาอัตราการเกิดปฏิกิริยา
15
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
ตัวอยาง
ปฏิกิริยาระหวางแมกนีเซียมกับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก ดังสมการ
Mg (s) + 2 HCl (aq) MgCl2 (aq) + H2 (g)
สามารถวัดความเขมขนของสารละลายกรดไฮโดรคลอริกในระหวางเกิดปฏิกิริยา ไดดังนี้
จากขอมูล สามารถหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาไดดังนี้
1. อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเฉลี่ย วัดจากการเปลี่ยนแปลงปริมารสารตั้งตน
ทั้งหมด หรือสารผลิตภัณฑทั้งหมดตอเวลาทั้งหมดที่ใชในการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเฉลี่ย = ปริมาณสารตั้งตนที่ลงลงทั้งหมด
เวลาทั้งหมดทีใ่ ชในการเกิดปฏิกิริยาเคมี
หรือ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเฉลี่ย = ปริมาณสารผลิตภัณฑที่เกิดขึ้นทัง้ หมด
เวลาทั้งหมดที่ใชในการเกิดปฏิกิริยาเคมี
1 . 80 − 0 . 85
=
250
16
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในชวงเวลาหนึง่ = ปริมาณสารผลิตภัณฑที่เพิ่มขึ้นในชวงเวลานั้น
เวลาในชวงนัน้ ๆ
อัตราการเกิดปฏิกิริยาของปฏิกิริยานี้จึง
= ปริมาณสารตั้งตนที่ลดลงในชวงวินาทีที่ 150-200
เวลาในชวงวินาทีที่ 150 - 200
1 . 30 − 1 . 00
=
200 − 150
= 6 × 10 −3 mol dm-3 s-1
ภาพที่ 11 การหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาที่เวลาหนึ่ง ๆ
Note
17
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
1 เมื่อสาร A ทําปฏิกิริยากับสาร B ไดผลิตภัณฑเปนสาร C เพียงชนิดเดียวจากการทดลอง
พบวาอัตราการเกิดปฏิกิริยาถาคิดจากสาร A จะเทากับ ½ เทาของอัตราการลดลงของสาร A ถาคิด
จากสาร B จะเทากับ 2 เทาของอัตราการลดลงของสาร B และถาคิดจากสาร C จะเทากับ 1/3 เทา
ของอัตราการเพิ่มขึ้นของสาร C จงเขียนสมการเคมีที่ใชแสดงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
2. จากปฏิกิริยาตอไปนี้
2 Al + 3 H2SO4 Al2(SO4)3 + 3 H2
จากการทดลองพบวาในเวลา 10 นาที ใช Al หมดไป 13.5 กรัม จงคํานวณ
ก. จงคํานวณอัตราการเปลี่ยนแปลง H2SO4 และ H2 เปนโมลตอนาที
ข. จงคํานวณอัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ยจากการทดลองนี้
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
18
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
3. จงเขียนอัตราการเกิดปฏิกิริยาตอไปนี้ในรูปของการลดความเขมขนของสารตั้งตนและ
การเพิ่มความเขมขนของสารผลิตภัณฑ
CH4 (g) + 2O2 (g) CO2(g) + 2H2O(g)
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
Note
19
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
5. กฎอัตราและลําดับของปฏิกิริยา
Note
การศึ ก ษาผลของความเข ม ข น ของ
สารตั้งต น ตออั ตราการเกิด ปฏิ กิริย าวิธีห นึ่งคือหาวา
ความเขมขนเริ่มตนมีผลตออัตราเริ่มตน (initial rate)
อย า งไรบ า ง โดยทั่ ว ไปเรามั ก นิ ย มวั ด อั ต ราเริ่ ม ต น
เพราะเมื่ อ ปฏิ กิ ริ ย าดํ า เนิ น ไปสารตั้ ง ต น จะมี ค วาม
เขมขนลดลง และอาจทําใหการวัดการเปลี่ยนแปลง
ความเขมขนไดยากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดปฏิกิริยา
ยอนกลับจากผลิตภัณฑไปเปนสารตั้งตน ทําใหการวัด
อัตราผิดพลาดไดแตที่เริ่มตนปฏิกิริยาจะไมมีปญหา
ดังกลาวนี้ ในทางปฏิบัติอาจติดตามความเขมขนของ
สารตั้ งตน หรื อผลิ ตผลที่ เ วลาตาง ๆ แลว นํามาเขีย น
กราฟระหวางความเขมขนกับเวลา จากนั้นจึงคํานวณ
ความเขมขนที่เวลา t = 0 ดังแสดงในภาพ
ความเขมขน
อัตราเริ่มตน
คิดจากสารเริ่มตน ผลิตภัณฑ
สารเริ่มตน
อัตราเริ่มตน
คิดจากผลิตภัณฑ
เวลา
20
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
สมการแสดงความสัมพันธระหวางอัตราการเกิดปฏิกิริยากับความเขมขนของสารตั้งตนที่มี
ผลตออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี เรียกวา กฎอัตรา (rate law) คา k เปนคาคงที่เรียกวา คาคงที่
อัตรา (rate constant) คา k จะมีคาเทากับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเมื่อสารตั้งตนทุกชนิดมีความ
เขมขนเทากับหนึ่งหนวย และ k จะมีคามากหรือนอยขึ้นกับปจจัยตาง ๆ เชน ธรรมชาติของสารตั้ง
ตน อุณหภูมิ ฯลฯ
d [ A] d [B ] d [C ] d [D ]
− =− = = = k [ A][ B ]
dt dt dt dt
สําหรับปฏิกิริยาตอไปนี้
3A + 2B C+D
สามารถเขียนกฎอัตราในเทอมของผลคูณของความเขมขนของสารตั้งตนยกกําลังดวยเลข
บางตัวไดดังนี้
1 d [ A] 1 d [B ] d [C ] d [D ]
− =− = = = k [ A]m [B ]n
3 dt 2 dt dt dt
สําหรับเลขยกกําลัง m และ n อาจมีคาเทาใดก็ได จะเปนบวกหรือลบก็ได โดย
m คือ อันดับ (order) ของปฏิกิริยา เมื่อถือ A เปนหลัก
n คือ อันดับ (order) ของปฏิกิริยา เมื่อถือ B เปนหลัก
m + n คือ อันดับรวมของปฏิกิริยา (overall order of reaction)
(คา m และ n ไมจําเปนตองเทากับคาสัมประสิทธิ์ในสมการปริมาณสัมพันธ ดังนั้นคา
ของ m และ n จะตองหาจากการทดลองเทานั้น)
21
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
ตัวอยางเชน การทดลองปฏิกิริยาระหวางออกซิเจนและไนโตรเจนออกไซด
m
Rate 4 ⎛ [O 2 ] 4 ⎞
=⎜ ⎟⎟
Rate 1 ⎜⎝ [O 2 ]1 ⎠
6.40 x 10-3 mol dm-3s-1 = 2.20 x 10-2 mol dm-3s-1 m
22
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
1.99 = (2.00)m
2 = 2m ดังนั้น m = 1
[ ]
m
Rate 2 k O 2 2 [NO ] 2
n
=
Rate 1 kO [ ]
m
2 1 [NO ] 1
n
n
Rate 2 ⎛ [NO ]2 ⎞
=⎜ ⎟⎟
Rate 1 ⎜⎝ [NO ]1 ⎠
12.8 x 10-3 mol dm-3s-1 = 2.60 x 10-2 mol dm-3s-1 n
3.99 = (2.00)n
4 = 2m ดังนั้น n = 2
Note
23
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
1. Determining Reaction Orders from Initial Rate Data
Many gaseous reactions occur in a car engine and exhaust system. One of these
is NO2(g) + CO (g) NO(g) + CO2(g) rate = k[NO2]m[CO]n
Experiment Initial Rate (mol/L.s) Initial [NO2](mol/L) Initial [CO](mol/L)
1 0.0050 0.10 0.10
2 0.0800 0.40 0.10
3 0.0050 0.10 0.20
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
24
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
3 . 21 x 10 −3 mol / L.s
= = 1 . 73 x 10 3 L2 / mol 2 .s
−6 3 3
1 . 86 x 10 mol /L
นักเรียนสามารถตรวจสอบไดจากการทดลองครั้งอื่น ๆ ไดดวยวิธีเดียวกันนี้ จะสังเกตเห็น
ไดวาคา k นี้จะมีหนวยขึ้นอยูกับอันดับของปฏิกิริยา ดังนั้นคา k จึงไมนิยมเขียนหนวยไว นักเรียน
ลองตรวจสอบหนวยของคา k ในเมื่อเวลามีหนวยเปน s ในตารางนี้
สามารถสรุปเปนสูตรทั่วไปไดวา
(L/mol)order – 1
Unit of k =
unit of t
Note
25
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
6. กลไกของปฏิกิริยาและอัตราการเกิดปฏิกิริยา
6.1 กระบวนการปฐม
สมการแสดงปฏิกิริยาเคมีไมไดบอกใหเราทราบวาปฏิกิริยาเกิดขึ้นอยางไร ใน
หลาย ๆ กรณี สมการเคมีแสดงผลรวมของปฏิกิริยายอยหลาย ๆ ขั้น และปฏิกิริยาสวนใหญมิได
เกิดขึ้นภายในขั้นเดียว เชน
2 O3 (g) 3 O2 (g)
ปฏิกิริยานี้ไมไดหมายความวา 2 โมเลกุลของ O3 เขามาชนกัน แลวได O2 3
โมเลกุลเปนผลิตผลในทันที ปฏิกิริยานี้ดําเนินไปโดยมี 2 ขั้นตอน ดังนี้
O3 (g) O2 (g) + O (g)
O3 (g) + O (g) 2 O2 (g)
แตละขั้นของปฏิกิริยาที่เชื่อวาเกิดขึ้นนี้ เรียกวา กระบวนการปฐม (elementary
process or elementary steps or elementary reactions) เปนการแสดงขั้นตอนการเกิดปฏิกิริยา
ในระดับโมเลกุล เราเรียกการแสดงขั้นตอนการเกิดปฏิกิริยายอยเหลานี้ตามลําดับวา กลไกของ
ปฏิกิริยา (reaction mechanism)
O3 (g) O2 (g) + O (g) กระบวนการปฐม
O3 (g) + O (g) 2 O2 (g) กระบวนการปฐม
2 O3 (g) + O (g) 3 O2 (g) + O (g) ปฏิกิริยารวม
Note
26
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
Note
27
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
6.2 ขั้นกําหนดอัตรา
การเขียนปฏิกริ ิยาเคมี ถาแยกออกเปนกระบวนการปฐมแสดงวาเราทราบ
กลไกหรือวิถีทางของการเกิดปฏิกิริยา อัตราการเกิดปฏิกิริยาในกระบวนการปฐมแตละขั้นนัน้ มีคา
ไมเทากัน และอัตราของปฏิกิริยารวมยอมขึ้นอยูก ับกระบวนการปฐม ในทางปฏิบัติเราศึกษา
กลไกของปฏิกิริยาโดยเริ่มจากการรวบรวมขอมูล (จากการวัดอัตราการเกิดปฏิกิรยิ า) นําขอมูล
เหลานี้มาวิเคราะหเพื่อหาคาคงที่อัตราและอันดับของปฏิกิริยา เขียนกฎอัตรา แลวจึงเสนอกลไก
ของปฏิกิริยาในรูปของกระบวนการปฐมโดยมีหลักการ 2 ขอ
- กระบวนการปฐมทั้งหมดตองรวมกันไดสมการแสดงปฏิกิริยารวม
- ขั้นกําหนดอัตรา (rate determining step) ซึ่งหมายถึงกระบวนการ
ปฐมขั้นที่ชาที่สุดในกลไกจะตองใหกฎอัตราที่เหมือนกับกฎอัตราที่ไดจากการทดลอง
นอกจากนี้ในการเสนอกลไกของปฏิกิริยาเคมี จะตองมีวิธีตรวจสอบได
วาสารมัธยันตรในกระบวนการปฐมแตละขั้นเกิดขึ้นจริงดังแสดงในกลไก
ปฏิกิริยาระหวางไนโตรเจนไดออกไซดกับคารบอนมอนนอกไซด
ดังสมการ NO2 (g) + CO (g) NO (g) + CO2 (g)
ถาเราเขียนกฎอัตราโดยดูจากปริมาณสัมพันธทันที ก็จะผิด ซึ่งนักเรียน
ไดเคยหากฎอัตราของปฏิกิริยานี้แลวจากแบบฝกหัดขอที่ 10 และคําตอบคือ
Rate = k[NO2]2
กลไกของปฏิกิริยานี้เปนดังนี้
(1) NO2(g) + NO2(g) NO3(g) + NO(g) [slow;rate determining]
(2) NO3(g) + CO (g) NO2(g) + CO2(g) [fast]
พิจารณาจากกลไกของปฏิกิริยาจะเห็นวา NO3 (g) เปนสารมัธยันตร หรือ
สารอินเทอรมิเดียต และสามารถเขียนกฎอัตราของกระบวนการปฐมไดดังนี้
(1) Rate1 = k1[NO2][NO2] = k1[NO2]2
(2) Rate2 = k2[NO3][CO]
28
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
11. เชื่อกันวาการสลายตัวของไนตรัสออกไซด (N2O) เกิดขึ้นดวยกลไก 2 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 N2O N2 + O
ขั้นที่ 2 N2O + O N2 + O2
กฎอัตราที่ไดจากการทดลองคือ r = k[N2O]
(ก) จงเขียนสมการแสดงปฏิกิริยารวม
(ข) สารใดเปนสารมัธยันตร
(ค) กระบวนการปฐมทั้งสองขั้นมีอัตราการเกิดตางกันอยางไร
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
29
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
7. อุณหภูมิกับอัตราการเกิดปฏิกิริยา
ทําไมเราจึงเก็บอาหารไวในตูเย็น คําตอบคือเนื่องจากสารบางชนิดในอาหาร
สามารถทําปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศได น้ํามันและไขมันในอาหารหลายชนิดมีกลิ่นเหม็น
หืนเมื่อตั้งทิ้วไวในอากาศ อุณหภูมิต่ําในตูเย็นจะชวยใหปฏิกิริยาที่เปนสาเหตุใหอาหารบูดชาลง
อนุภาคมีการเคลื่อนที่อยางไรเมื่อไดรับความรอน อนุภาคที่มีพลังงานมากขึ้น มี
การเคลื่อนที่รอบ ๆ ไดเร็วขึ้น เมื่อมีการเคลื่อนที่เร็วขึ้น ทําใหมีการชนกันเพิ่มมากขึ้นภายในเวลาที่
กําหนด ดังนั้นปฏิกิริยาจะเกิดไดเร็วขึ้นเมื่อเราเพิ่มอุณหภูมิใหสูงขึ้น ในบางครั้งการชนกันของ
อนุภาคทําใหเกิดการเดงกลับ เนื่องจากการชนกันไมมีความรุนแรงเพียงพอที่จะเริ่มปฏิกิริยาได
เพราะอนุภาคไมมีพลังงานเพียงพอ อยางไรก็ตามอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทําใหอนุภาคมีการเคลื่อนที่
เร็วขึ้น ทําใหเกิดการชนที่รุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการชนที่ทําใหเกิดปฏิกิริยามากขึ้น
ดังนั้น การเพิ่มอุณหภูมิ
1. ทําใหอนุภาคมีการชนกันบอยครั้งขึ้นในชวงเวลาทีก่ ําหนด
2. การชนกันชองอนุภาคที่มากขึ้นเปนผลใหเกิดปฏิกิริยามากขึ้น
เนื่องจากมีการชนที่บอยครั้งขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อุณหภูมิมีอิทธิพล
เปนอยางมากตออัตราการเกิดปฏิกิริยา ถาเพิ่มอุณหภูมิขึ้น 10°C จะประมาณไดวาอัตรา
เกิดปฏิกิรยิ าเพิม่ ขึ้นเปน 2 เทา
30
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
k = A e-Ea / RT
k = คาคงตัวอัตรา
A = อารเรเนียสแฟกเตอร (เกีย่ วกับจํานวนการปะทะ การหัน
เหทิศทาง และอื่น ๆ )
e = 2.718 (ฐานของลอการิทึมธรรมชาติ)
Ea = พลังงานกอกัมมันต
R = คาคงตัวของกาซ เทากับ 8.314 JK-1 mol-1 หรือ
1.98 คอลอรี /โมล-องศา หรือ 0.0821 l atm mol-1K-1
T = อุณหภูมิสัมบูรณ
จากสมการของแอรเรเนียส
Ea
ln k = ln A −
RT
ทําใหเปน log10
Ea
log k = log A −
2 . 303 RT
31
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
⎛ 1
Ea 1 ⎞
log k 2 − log k 1 = − ⎜⎜ − ⎟⎟
⎝T 2 T 1 ⎠
2 . 303 R
k Ea ⎛ 1 1 ⎞
log 2 = ⎜⎜ − ⎟
k1 2 . 303 R ⎝T1 T 2 ⎟⎠
Note
32
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
1. การศึกษาการสลายตัวของ N2O5 ที่อุณหภูมิตาง ๆ ผลที่ไดบันทึกในตาราง และเมื่อวาด
1
กราฟระหวาง log k กับ พบวาผลที่ไดคือเสนตรง มีความชัน – 5400 องศา-1 ใหคํานวณหาคา
T
พลังงานกระตุนของปฏิกิริยานี้
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….
33
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
Note
34
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
8. ตัวเรงและตัวหนวงปฏิกิริยากับอัตราการเกิดปฏิกิริยา
ในหลายกรณี ที่ พ บว า มี ค วามจํ า เป น ที่ ต อ งการเพิ่ ม อั ต ราการเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย า
โดยเฉพาะในทางอุตสาหกรรมการเพิ่มผลิตผลมีความจําเปนอยางมาก ในบางครั้งการเพิ่มอัตรา
การเกิดปฏิกิริยาอาจทําไดโดยการเพิ่มอุณหภูมิ แตการไดมาซึ่งพลังงานตองเสียคาใชจายมาก
และความรอนทําใหสารหลายตัวอาจเกิดการสลายหรือเปลี่ยนสภาพไดงาย เราจึงไดยินคําวา
การเรงปฏิกิริยา (catalysis) เปนกลไกที่ชวยเพิ่มอัตราการเกิดปฏิกิริยาโดยตัวเรงปฏิกิริยา
(catalyst) ตัวเรงปฏิกิริยา หมายถึงสารซึ่งทําใหอัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้นโดยตัวเรง
ปฏิกิริยาเองไมเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีอยางถาวรในปฏิกิริยา ดังนั้น เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดลง
แลวจะไดตัวเรงปฏิกิริยากลับคืนมา ตัวเรงปฏิกิริยามีความสําคัญเปนอยางมากในกระบวนการ
ผลิ ต ทางอุ ต สาหกรรม และประเทศที่ ผ ลิ ต ตั ว เร ง ปฏิ กิ ริ ย าสํ า หรั บ ปฏิ กิ ริ ย าต า ง ๆ คื อ
สหรัฐอเมริกา
สิ่งสําคัญเกี่ยวกับตัวเรงปฏิกิริยามี 2 ประการดังนี้
1. ตัวเรงปฏิกิริยาสามารถทําใหปฏิกิริยาเกิดไดเร็วขึ้น แตผลผลิตไมไดเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเทียบกับไมไดใชตัวเรงปฏิกิริยา เพียงแตผลผลิตเกิดขึ้นไดเร็วกวาเทานั้น เมื่อเปนเชนนี้
พลังงานของปฏิกิริยาที่มีตัวเรงปฏิกิริยาและไมมีตัวเรงปฏิกิริยาจะมีคาเทากันดวย ถึงแมวา
พลังงานกอกัมมันตของปฏิกิริยาจะเปลี่ยนไปก็ตาม
2. ตัวเรงปฏิกิริยาสามารถทําใหปฏิกิริยาเกิดไดเร็วขึ้น โดยตัวเรงปฏิกิริยาจะทําให
เกิดกลไกใหมที่มีพลังงานกอกัมมันตต่ํากวากลไกที่มิไดมีตัวเรงปฏิกิริยา
35
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
36
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
37
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
38
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
แบบฝกหัด
1. ตัวเรงปฏิกิริยาชวยเพิ่มอัตราการเกิดปฏิกิริยาอยางไร
……………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2. จงบอกความแตกตางระหวางการเรงปฏิกิริยาเอกพันธกับการเรงปฏิกิริยาวิวิธพันธ และ
ยกตัวอยางกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่ใชการเรงปฏิกิริยาวิวิธพันธมา 1 ตัวอยาง
……………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
3. ตัวเรงปฏิกริ ิยามีผลอยางไรตอสิ่งตอไปนี้
3.1 ความรอนของปฏิกิริยา
3.2 พลังงานศักยของสารตั้งตน
3.3 ทรานซิชันสเตด
3.4 พลังงานกอกัมมันต
3.5 กลไกของปฏิกิริยา
……………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
39
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ (องคการมหาชน) โรงเรียนวิทยาศาสตรของรัฐ
เอกสารประกอบการเรียน วิชาเคมี 3 (ว40123) ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2549
สรุปทายบท
1. อั ต ราการเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย า คื อ การเปลี่ ย นแปลงความเข ม ข น ของสารตั้ ง ต น หรื อ สาร
ผลิ ต ภั ณ ฑ ต อ หนึ่ ง หน ว ยเวลา อั ต รามี ค า ไม ค งที่ แต จ ะเปลี่ ย นไปเรื่ อ ย ๆ เมื่ อ ความเข ม ข น
เปลี่ยนแปลง
2. กฎอัตรา คือสมการที่แสดงความสัมพันธระหวางอัตราการเกิดปฏิกิริยากับคาคงที่
อัตราและความเขมขนของสารตั้งตน คาคงที่อัตรา (k) เปลี่ยนแปลงไดตามอุณหภูมิ
3. อันดับรวมของปฏิกิริยา คือผลรวมของเลขชี้กําลังของความเขมขนของสารตั้งตนใน
กฎอัตรา ทั้งกฎอัตราและอันดับของปฏิกิริยาจะหาไดจากการทดลองเทานั้น จะหาจากสัมประสิทธิ์
ปริมาณสัมพันธในสมการที่ดุลแลวไมได สําหรับปฏิกิริยาอันดับศูนยอัตราการเกิดปฏิกิริยามีคา
เทากับคาคงที่อัตรา
4. ทฤษฎีการชน ปฏิกิริยาเกิดขึ้นไดเมื่อโมเลกุลชนกันดวยพลังงานสูงพอที่จะทําให
พันธะสลายแลวเกิดปฏิกิริยาตอไป พลังงานนี้เรียกวาพลังงานกอกัมมันต
5. ปจจัยที่มีผลตออัตราการเกิดปฏิกิริยาไดแก ธรรมชาติของสารตั้งตน ความเขมขน
ของสารตั้งตนและผลิตผล พื้นที่ผิว อุณหภูมิ ตัวเรงปฏิกิริยาและตัวหนวงปฏิกิริยา และ ความ
ดัน
6. คาคงที่อัตราและพลังงานกอกัมมันตมีความสัมพันธกันตามสมการของอารเรเนียส คือ
-Ea/RT
k=A
7. สมการแสดงปฏิกิริยารวมที่ดุลแลวอาจแบงออกเปนขั้นตอนยอย ๆ ไดมากกวา 1 ขั้น
เรียกวากระบวนการปฐม กระบวนการปฐมทั้งหมดรวมกันเรียกวากลไกของปฏิกิริยา
8. กระบวนการปฐมขั้นที่ชาที่สุดในกลไกเรียกวา ขั้นกําหนดอัตรา
9. ตัวเรงปฏิกิริยาทําใหปฏิกิริยาเกิดไดเร็วขึ้นโดยการลด Ea ของปฏิกิริยา เมื่อปฏิกิริยา
สิ้นสุดลงแลวจะไดตัวเรงปฏิกิริยากลับคืนมา
10. ในการเรงปฏิกิริยาวิวิธพันธ ซึ่งมีความสําคัญมากในอุตสาหกรรม ตัวเรงมักเปน
ของแข็งและสารตั้งตนเปนของเหลวหรือกาซ ในการเรงปฏิกิริยาเอกพันธ ตัวเรงและสารตั้งตนอยู
ในวัฏภาคเดียวกัน
40