Professional Documents
Culture Documents
3. หมู่ฟังก์ชั่น
แอลกอฮอล์ -OH O
R-OH CnH2n+2O
(Alcohol) (ไฮดรอกซิล) H C H
อีเทอร์ -O-
R-O-R’ CnH2n+2O
(Ether) (แอลคอกซี)
แอลดีไฮด์ -COH
R-COH CnH2nO
(Aldehyde) (คาร์บอกซาลดีไฮด์)
คีโทน -CO-
R-CO-R’ CnH2nO
(Ketone) (คาร์บอนิล)
กรดคาร์บอกซิลิก -COOH
R-COOH CnH2nO2
(Carboxylic acid) (คาร์บอกซิล)
เอสเทอร์ -COO-
R-COO-R’ CnH2nO2
(Ester) (แอลคอกซีคาร์บอนิล)
เอมีน -NH2
R-NH2 CnH2n+3N
(Amine) (อะมิโน)
เอไมด์ -CONH2
R-CONH2 CnH2n+1NO
(Amide) (เอไมด์)
กิจกรรมที่ 3
การแบ่งประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนตามหมู่ฟังก์ชัน
สารประกอบอิ่มตัว สารประกอบไม่อิ่มตัว
(Saturated hydrocarbon compound) (Unsaturated hydrocarbon compound)
9. สารประกอบอะโรมาติก
เบนซีนจัดเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอีกประเภทหนึ่งที่แตกต่างจากแอลเคน แอลคีน และ แอล
ไคน์ โมเลกุลของเบนซีนประกอบด้วยคาร์บอน 6 อะตอมต่อกันเป็นวง คาร์บอนทุกๆอะตอมอยู่ในระนาบ
เดียวกันและต่อกับไฮโดรเจนอีก 1 อะตอม ทั้งนี้เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปมาภายในวงเบนซีน เบนซีนจึงมี
โครงสร้างเรโซเนนซ์ เขียนแสดงได้ดังนี้
H
H
H C H
C C H H
C C
H H H H
C
H H
หรือเขียนเป็นโครงสร้างแบบใช้เส้นและมุมดังนี้
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีเบนซีนเป็นองค์ประกอบเรียกว่า ……………………………………………….
อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนคือสารที่เมื่อทาปฏิกิริยาแล้ว พยายามรักษาลักษณะของพันธะให้เหมือนเดิม
เกิดปฏิกิริยาการแทนที่ได้ดีกว่าการรวมตัว ดังนั้น เบนซีนจึงจัดว่าเป็นสารอะโรมาติกเพราะ เมื่อทาปฏิกิริยา
แทนที่(Substitution reaction) แล้วก็ยังรักษาลักษณะของพันธะไว้เป็นพันธะคู่และเดี่ยวสลับกันอยู่เหมือนเดิม
H ในเบนซีนสามารถถูกแทนที่ได้ด้วยอะตอมหรือหมู่อะตอมตั้งแต่ 1 หมู่ขึ้นไป ถ้าถูกแทนที่ด้วยหมู่แอลคิล (R)
จะยังคงเป็นอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน แต่ถ้าถูกแทนที่ด้วยด้วยหมู่ฟังก์ชันอื่น เช่น –OH , –COOH , –NH2 , –
Cl จะเรียกว่า…………………………………………………………………………………….
สูตรและสมบัติของอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนบางชนิด
ชื่อ /
โครงสร้างลิวอิส จุดหลอมเหลว (OC) จุดเดือด (OC)
สูตรโมเลกุล
เบนซีน(Benzene)
C6H6
5.5 80.1
แนฟทาลีน
C10H8
80.3 217.9
แอนทราซีน
\ 216.0 340.0
ฟีแนนทรีน
99.2 340.0
เรโซแนนซ์ (resonance)
หมายถึงการสลับตาแหน่งของพันธะต่างชนิดที่เกิดขึ้นในโมเลกุลเดียวกัน โดยอะตอมของทุกธาตุใน
โมเลกุลอยู่ในตาแหน่งเดิม ทาให้ปรากฏการณ์ที่ทาให้สามารถเขียนโครงสร้างลิวอิสได้มากกว่า 1 แบบ ซึ่งการ
เกิดเรโซแนนซ์จะทาให้โมเลกุลมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น
สรุป
ไฮโดรคาร์บอน หมายถึง สารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยคาร์บอนและไฮโดรเจนเท่านั้น
อะลิฟาติก (aliphatic) หมายถึง สารอินทรีย์ที่คาร์บอนไม่ได้ต่อกันเป็นวงหรือ เรียกว่าต่อกันแบบโซ่เปิด อาจ
เป็นโซ่ตรง หรือโซ่กิ่ง และมีได้ทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่และพันธะสาม
อะลิไซคลิก (alicyclic) หมายถึง สารอินทรีย์ที่คาร์บอนต่อกันเป็นวง
อะโรมาติก (aromatic) หมายถึง สารอินทรีย์ที่มีคาร์บอนต่อกันเป็นวงโดยมีวงแหวนเบนซีนเป็นโครงสร้างหลัก
เช่น โทลูอีน
กิจกรรมที่ 4 หมู่ฟังก์ชัน
ผลการเรียนรู้ข้อที่ 3 วิเคราะห์โครงสร้างและระบุประเภทของสารประกอบอินทรีย์จากหมู่ฟังก์ชัน
คาชี้แจง ระบุประเภทและหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่กาหนดให้ต่อไปนี้
ข้อ สูตรโครงสร้าง ประเภทของสาร หมู่ฟังก์ชัน
1
5 CH3CH2CHO
6 CH3(CH2)2OH
7 CH3(CH2)2COOH
8 CH3COOCH2CH3
9 CH3CO(CH2)2CH3
10 CH3CH2OCH2CH3
4. ชื่อของสารประกอบอินทรีย์
4.1 ชื่อของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
ก. การเรียกชื่อระบบสามัญ
ตัวอย่างชื่อสามัญของสารอินทรีย์
HCOOH เรียกว่า formic acid (กรดฟอร์มิก หรือกรดมด) มาจากภาษาละตินคาว่า formica
ซึ่งแปลว่ามด กรดฟอร์มิก สามารถเตรียมได้จากมด โดยนามาบดรวมกับน้าแล้วกลั่นแยกออกมา
morphine (มอร์ฟีน) ซึ่งใช้เป็นยาแก้ปวดและยานอนหลับ เรียกชื่อตามเทพเจ้าแห่งการนอนหลับ
ของกรีก คือ Morpheus
ชื่อสามัญส่วนใหญ่จะใช้เรียกชื่อโมเลกุลที่มีจานวนอะตอมของคาร์บอนน้อย ๆ (ส่วนมากไม่เกิน 5
อะตอม) ซึ่งยังไม่มี ไอโซเมอร์หรือมีไอโซเมอร์จานวนน้อยและมีโครงสร้างโมเลกุลที่ไม่ซับซ้อน
* บางกรณีอาจจะต้องเติมคานาหน้าบางอย่าง เช่น n- , iso- , neo- , เพื่อบอกความแตกต่างของ
สูตรโครงสร้าง n- มาจากคาว่า normal ใช้นาหน้าชื่อสามัญของสารประกอบของคาร์บอน เพื่อแสดงว่า
คาร์บอนอะตอมทั้งหมดของสายนั้นต่อกันเป็นสายยาว ไม่มีกิ่งก้านหรือสาขา เช่น
CH3 - CH2 - CH2 - CH3 เรียกว่า n - butane
CH3 - CH2 - CH2 - OH เรียกว่า n -propyl alcohol
iso- ใช้นาหน้าชื่อสารประกอบของคาร์บอนที่มีโครงสร้างเป็น เช่น
ข. การเรียกชื่อระบบ IUPAC
หลักเกณฑ์การเรียกชื่อสารอินทรีย์ตามระบบ IUPAC โดยทั่ว ๆ ไปมีหลักดังนี้
ให้แบ่งการเรียกชื่อสารอินทรีย์ออกเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 เป็นชื่อโครงสร้างหลัก (basic unit หรือ parent name)
ส่วนที่ 2 เป็นคาลงท้าย (suffix)
ส่วนที่ 3 เป็นคานาหน้า (prefix)
1. ชื่อโครงสร้างหลัก เป็นส่วนที่แสดงลักษณะโครงสร้างหลักของคาร์บอนที่ต่อกันเป็นสายตรงยาวที่สุด
การเรียกชื่อโครงสร้างหลักจึงเรียกตามจานวนอะตอมของคาร์บอนที่ต่อกันเป็นสายยาวที่สุด โดยกาหนด
การเรียกชื่อดังนี้
จานวน C ที่ต่อกันเป็นสายยาวที่สุด โครงสร้างของ C ชื่อโครงสร้างหลัก
1 C meth-
2 C-C eth-
3 C-C-C prop-
4 C-C-C-C but-
5 C-C-C-C-C pent-
6 C-C-C-C-C-C hex-
7 C-C-C-C-C-C-C hept-
8 C-C-C-C-C-C-C-C oct-
9 C-C-C-C-C-C-C-C-C non-
10 C-C-C-C-C-C-C-C-C-C dec-
หมู่ฟังก์ชันนัล คานาหน้า
(Functional group) ตัวอย่าง การออกเสียง
(Prefix)
- OR Alkozy -OCH3 Methoxy
- OH Hydroxy - hydroxy
- NH2 Amino - amino
- NO2 Nitro - nitro
Cl Chloro
-X Halo Br Bromo
F Fluoro
I Iodo
การเรียกชื่อแอลเคนที่เป็นโซ่กิ่ง
หลักการอ่าน
1) หาสายจานวนคาร์บอนที่ยาวสุด
2) ระบุตาแหน่งหมู่แอลคิล (โซ่กิ่ง) ที่มีตาแหน่งน้อยสุด
โซ่หลักมีคาร์บอน............อะตอม โซ่หลักมีคาร์บอน............อะตอม
1. นับจานวนคาร์บอนที่ต่อกันเป็นโซ่ที่ยาวที่สุดเป็นโซ่หลัก แล้วพิจารณาให้ส่วนที่เหลือคือหมู่แอลคิลเป็นกิ่ง
สาขาที่มาแทนที่ไฮโดรเจนในโซ่หลัก อ่านชื่อสูตรหลักตามหลักการเรียกชื่อเป็นแบบแอลเคนโซ่ตรงคืออ่านชื่อ
สูตรหลักตามจานวนคาร์บอน ลงท้ายด้วย (ane-) เป็นชื่อหลัก ดังนี้
CH3
CH3--CH--CH2--CH2--CH2 สูตรหลักมี 5 ตัว = ………………………………………………..
2. กาหนดตาแหน่งคาร์บอนในโซ่หลักโดยเริ่มต้นจากด้านที่มีหมู่แอลคิลที่เกาะอยู่เป็นตัวเลขค่าน้อย ดังนี้
CH3
CH3--CH--CH2--CH2--CH2
1 2 3 4 5
3. บอกตาแหน่งพร้อมทั้งชื่อของหมู่แอลคิลที่เกาะโซ่หลัก นาหน้าชื่อหลัก โดยใช้ขีดขั้นระหว่างเลขกับชื่อ ดังนี้
CH3
CH3--CH--CH2--CH2--CH2 ……………..…………………………………………………………………………
1 2 3 4 5
4. กรณีที่สามารถเลือกโซ่หลักที่มีอะตอมของคาร์บอนต่อกันยาวที่สุดได้หลายแบบ ให้เลือกแบบที่มีจานวนหมู่
แอลคิลมากกว่าเป็นโซ่หลัก
5. เมื่อมีหมู่แอลคิลมาจับที่สูตรหลักสองหมู่ขึ้นไปและเป็นหมู่ที่แตกต่างกันให้อ่านชื่อโดย เรียงตามลาดับตัวอักษร
ภาษาอังกฤษและบอกตัวเลขแสดงตาแหน่งไว้หน้าชื่อหมู่แอลคิล ดังนี้
CH3 CH2--CH2
CH3--CH2--CH--CH--CH2--CH2--CH3 …………………………………………………………………………
1 2 3 4 5 6 7
6. ถ้าหมู่แอลคิลสองหมู่มาต่อที่คาร์บอนสูตรหลักของอะตอมเดียวกันให้บอกตัวเลขแสดงตาแหน่งซ้า ดังนี้
CH2-CH3
CH3--CH2--C--CH2--CH2--CH2--CH3 …………………………………………………………………………
1 2 CH3 4 5 6 7
โครงสร้ำง ชื่อ
4,5,6-triethyl-3-methylnonane
1,3,5-trimethylcycloheptane
สูตรโมเลกุล
ชื่อ สูตรโครงสร้ำง
Alkene
C3H6
3-Isopropyl-2,4-dimethyl -2-pentene
EX.
สูตรโมเลกุล
ชื่อ สูตรโครงสร้ำง
Alkene
C3H6
4,4-Dimethyl-2-pentyne
Ex. 2
ชื่อ สูตรโครงสร้ำง
1,3,5-trimethylcycloheptane
กำรเรียกชื่อแอโรมำติก
โครงสร้างเป็นวงแบนราบ
พันธะคูส่ ลับเดี่ยว (Conjugated bond)
จานวนอ็เล็กตรอนของพันธะคู่ (Pi-electron) มีค่าเท่ากับ 4n+2 , n= 1,2,3 ...
กำรเรียกชื่อแอโรแมติก
2) ถ้ามีหมู่แอลคิลสร้างพันธะกับวงแหวนเบนซีนมากกว่า 1 หมู่
- ให้กาหนดตาแหน่งอะตอมของ C โดยเริ่มจากอะตอมที่มีหมู่แอลคิล (R) ต่ออยู่เป็นตาแหน่งที่ 1
- ตาแหน่งต่อ ๆ ไป ให้นับต่อไปทางด้านที่มีหมู่แอลคิลต่ออยู่ใกล้กับตาแหน่งที่ 1 มากที่สุด
- อ่านชื่อตามหลักการอ่านชื่อของแอลเคนที่มีโซ่กิ่ง แต่เปลี่ยนท้ายเสียงเป็นเบนซีน หรือให้ระบุ ดังนี้
ใช้ ortho (o)- ระบุตาแหน่งหมู่แทนที่ที่ ………………
ใช้ meta (m)- ระบุตาแหน่งหมู่แทนที่ที่ ………………
ใช้ para (p)- ระบุตาแหน่งหมู่แทนที่ที่ ...…………….
R
ตัวอย่ำง
Br NO2
Br
F COOH
CH3
o-dibromobenzene m-nitrotoluene p-fluorobenzoic acid
1,2-dibromobenzene 3-nitrotoluene 4-fluorobenzoic acid
Br CH3
Br O2N NO2 NO2
F OH
Br NO2
1,2,4-tribromobenzene 2,4,6-trinitrotoluene 4-fluoro-2-nitrophenol