Professional Documents
Culture Documents
http://www.msu.ac.th/satit/studentProj/2546/M105/BIOLOGY/page6.ht
ml
เป็ นกระบวนการสำาคัญทีพ
่ ืชสีเขียว ซึง่ มีรงควัตถุพวกคลอโรฟิ ลล์
เป็ นตัวนำาพลังงานแสงเปลีย
่ นเป็ นพลังงานเคมีมาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ในการสร้างอาหารจากโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์
และนำา
้ ไปเป็ นคาร์โบไฮเดรตคือนำา
้ ตาลหรือแป้ ง รวมทัง้ การปลด
ปล่อยออกซิเจนออกมา ปั จจัยทีม
่ ีผลต่อการสังเคราะห์แสง แบ่ง
ได้ 2 ประเภท คือ
1. ปั จจัยเกีย
่ วกับพืช
หมายถึง ชนิดของพืช สภาพทางสรีรวิทยาของพืช เช่น ในใบพืช
ทีอ
่ อ
่ นหรือแก่เกินไปพบว่าความสามารถในการสังเคราะห์แสงตำ่า
ใบทีอ
่ ่อนเกินไปการพัฒนาของคลอโรฟิ ลล์ยังไม่เต็มที ่ ส่วนใบทีแ
่ ก่
เกินไปจะมีการสลายตัวของรงควัตถุในคลอโรพลาสต์ การสูญเสีย
โครงสร้างทีส
่ ำาคัญนีม
้ ีผลทำาให้อัตราการสังเคราะห์แสงลดลง
2. ปั จจัยเกีย
่ วกับสิง่ แวดล้อม ได้แก่
2.1 แสง เป็ นสิง่ จำาเป็ นอย่างยิง่ เพราะการสังเคราะห์แสงเป็ นการใช้
พลังงานจากแสงมาสร้างเป็ นอาหาร และเก็บสะสมพลังงานนัน
้ ไว้
ในอาหารทีส
่ ร้างขึน
้ พลังงานธรรมชาติทีพ
่ ืชได้รับคือพลังงานจาก
แสงแดด เราอาจใช้แสงจากไฟฟ้าหรือตะเกียงก็ได้ แต่สู้แสงแดด
ไม่ได้ พืชแต่ละชนิดมีความต้องการความเข้มของแสงไม่เท่ากัน
ถ้าความเข้มของแสงมากเกินจุดอิม
่ ตัวแสง อาจทำาให้ใบไหม้
เกรียมตายได้ ถ้าปริมาณความเข้มของแสงตำ่า พืชก็จะมีอัตราการ
สังเคราะห์แสงตำ่า แต่พืชไม่สามารถลดอัตราการหายใจให้ตำ่าลง
ไปด้วย จะทำาให้พืชไม่เจริญและตายได้ในทีส
่ ุด
2.5 ปริมาณน้้าทีพ
่ ืชได้รับ นำา
้ เป็ นแหล่งของอิเล็กตรอนทีใ่ ช้ใน
กระบวนการสังเคราะห์แสงเมือ
่ พืชขาดนำา
้ อัตราการสังเคราะห์แสง
จะลดลงนอกจากนีน
้ ำา
้ มีผลต่อการปิ ด
เปิ ด ของปากใบ ซึง่ มีผลกระทบต่อการแพร่กระจายของก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในใบ ถ้าสภาพขาดนำา
้ ปากใบจะปิ ดเพือ
่
ลดการคาย
นำา
้ ทำาให้ขาดแคลนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการสังเคราะห์แสง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthetic Process)
การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็ นกระบวนการทีพ
่ ืชสีเขียวใช้
พลังงานแสงเปลีย
่ นเป็ นพลังงานเคมี โดยมีนำา
้ และ
คาร์บอนไดออกไซด์เป็ นวัตถุดิบ ปฏิกิริยาของการสังเคราะห์แสง
เขียนสรุปได้ดังนี ้
แสง
6CO2 + 12H2O ===> C6H12O6 + 6H2O + 6O2
คาร์บอนไดออกไซด์ นำา
้ นำา
้ ตาล นำา
้ ออกซิเจน
ผลจากการสังเคราะห์ด้วยแสงนอกจากออกซิเจนแล้ว จะได้
คาร์โบไฮเดรตเป็ นนำา ่ ีคาร์บอน 6 อะตอม คือกลูโคส, นำา
้ ตาลทีม ้
และพลังงานทีส
่ ะสมในรูปสารประกอบอินทรีย์ ซึง่ สิง่ มีชีวิตทัง้
หลายจะนำาไปใช้ในกระบวนการเมแทบอลิซึม เพือ
่ สร้าง
สารประกอบอืน
่ ๆ ทีจ
่ ำาเป็ นต่อการดำารงชีพ อาหารทีพ
่ ืชสร้างขึน
้
มานีน
้ อกจากจะเป็ นประโยชน์ต่อผู้ผลิตเองแล้ว ยังเป็ นประโยชน์
ต่อสิง่ มีชีวิตทัง้ มวลทีไ่ ม่สามารถสร้างอาหารโดยกระบวนการ
สังเคราะห์แสง ตลอดทัง้ เป็ นแหล่งพลังงานทีส
่ ำาคัญใน
กระบวนการเมแทบอลิซึมต่าง ๆ และการเจริญเติบโตของสิง่ มี
ชีวิตทัง้ หลายรวมทัง้ มนุษย์ด้วย ดังนัน
้ การศึกษาเกีย
่ วกับการ
สังเคราะห์แสงของพืชจะเป็ นแนวทางในการนำาไปประยุกต์ใช้ เพือ
่
ช่วยเพิม
่ ประสิทธิภาพของผลผลิตให้เพียงพอต่อการดำารงชีพของ
สิง่ มีชีวิตในระบบนิเวศ
ปั จจัย ทีเ่ กีย
่ วข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง
http://th.wikipedia.org/wiki
ความเข้มของแสง
ถ้ามีความเข้มของแสงมาก อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะ
เพิม
่ ขึน
้ เรือ
่ ยๆ อุณหภูมิกับความเข้มของแสง มีผลต่ออัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงร่วมกัน คือ ถ้าอุณหภูมิสูงขึน
้ เพียงอย่างเดียว
แต่ความเข้มของแสงน้อยจะไม่ทำาให้อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
เพิม
่ ขึน
้ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิม
่ ขึน
้ เรือ
่ ยๆ จนถึงขีด
หนึง่ แล้วอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดตำ่าลงตามอุณหภูมิและ
ความเข้มของแสงทีเ่ พิม
่ ขึน
้
ถ้าความเข้มของแสงน้อยมาก จนทำาให้การสังเคราะห์ด้วย
แสงของพืชเกิดขึน
้ น้อยกว่ากระบวนการหายใจ นำา
้ ตาลถูกใช้หมด
ไป พืชจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของ
พืชไม่ได้ ขึน
้ อยู่กบ
ั ความเข้มของแสงเท่านัน
้ แต่ยังขึน
้ อย่ก
ู ับ
่ (คุณภาพ) ของแสง และช่วงเวลาทีไ่ ด้รับ เช่น ถ้า
ความยาวคลืน
พืชได้รับแสงนานจะมีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงดีขึน
้ แต่ถ้า
พืชได้แสงทีม
่ ีความเข้มมากๆ ในเวลานานเกินไป จะทำาให้
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงชะงัก หรือหยุดลงได้ทัง้ นีเ้ พราะ
คลอโรฟิ ลล์ถูกกระตุ้นมากเกินไป ออกซิเจนทีเ่ กิดขึน
้ แทนทีจ
่ ะออก
สู่บรรยากาศภายนอก พืชกลับนำาไปออกซิไดส์ส่วนประกอบและ
สารอาหารต่างๆภายในเซลล์ รวมทัง้ คลอฟิ ลล์ทำาให้สีของคลอโร
ฟิ ลล์จางลง ประสิทธิภาพของคลอโรฟิ ลล์และเอนไซม์เสือ
่ มลง
ทำาให้การสร้างนำา
้ ตาลลดลง
ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์
คาร์บอนไดออกไซด์จะมีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
มากน้อยแค่ไหนขึน
้ อย่ก
ู ับปั จจัยอย่างอืน
่ ด้วย เช่น ความเข้มข้นสูง
ขึน
้ แต่ความเข้มของแสงน้อย และอุณหภูมิของอากาศก็ตำ่า กรณี
เช่นนี ้ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะลดตำ่าลงตามไปด้วย ในทาง
ตรงกันข้าม ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์มีความเข้มข้นสูงขึน
้ ความเข้ม
ของแสงและอุณหภูมิของอากาศก็เพิม
่ ขึน
้ กรณีเช่นนีอ
้ ัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงก็จะสูงขึน
้ ตามไปด้วย
นักชีววิทยาจึงมักเลีย
้ งพืชบางชนิดไว้ในเรือนกระจกทีแ
่ สง
ผ่านเข้าได้มากๆ แล้วให้ คาร์บอนไดออกไซด์มากขึน
้ เป็ นพิเศษ
ซึง่ มีผลทำาให้พืชมีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเพิม
่ มากขึน
้
อาหารเกิดมากขึน
้ จึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ออกดอกออกผล
เร็ว และออกดอกออกผลนอกฤดูกาลก็ได้
อุณหภูมิ
ออกซิเจน
ตามปกติในอากาศจะมีปริมาณของอออกซิเจน (O2)
ประมาณ 25% ซึง่ มักคงทีอ
่ ยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีผลต่อการสังเคราะห์
ด้วยแสง แต่ถ้าปริมาณออกซิเจนลดลงจะมีผลทำาให้อัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงสูงขึน
้ แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำาให้เกิดปฏิกร
ิ ิยา
ออกซิเดชัน ของสารต่างๆ ภายในเซลล์ โดยเป็ นผลจากพลังงาน
แสง (Photorespiration) รุนแรงขึน
้ การสังเคราะห์ด้วยแสงจึงลดลง
น้้า
นำา
้ ถือเป็ นวัตถุดิบทีจ
่ ำาเป็ นต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วย
แสง (แต่ต้องการประมาณ 1% เท่านัน
้ จึงไม่สำาคัญมากนักเพราะ
พืชมีนำา
้ อยู่ภายในเซลล์อย่างเพียงพอ) อิทธิพลของนำา
้ มีผลต่อ
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงทางอ้อม คือ ช่วยกระตุ้นการ
ทำางานของเอนไซม์
เกลือแร่
อายุของใบ
สมการเคมีในการสังเคราะห์แสงเป็ นดังนี ้
สรุปสมการเคมีในการการสังเคราะห์แสงของพืชสีเขียวเป็ น
ดังนี ้ :
เฮกโซส นำา
้ ตาล และ แป้ ง เป็ นผลผลิตขัน
้ ต้นดังสมการดัง
ต่อไปนี ้:
ปฏิกิรย
ิ ำที่เกิดขึ้นในกระบวนกำรสังเครำะห์แสง
ปฏิกิรย
ิ าที่ใช้แสง
ปฏิกิรย
ิ ำที่ใช้แสงในขณะมีแสง โมเลกุลของคลอโรฟิ ลล์จะรับ พลังงำนไว้
ทำำให้ e- ในโมเลกุลของคลอโรฟิ ลล์เคลื่อนที่หลุด ออกไปโดยมีสำรเป็ นตัว
รับอิเลคตรอนและส่งอิเลคตรอนเป็ น ทอด ๆ คลอโรพลำสต์มีกลุ่มโมเลกุล
ของรงควัตถุทำำหน้ำที่รบ
ั พลังงำน กำรถ่ำยทอดอิเลคตรอนแบบไม่เป็ น
วัฏจักร คือ กำรถ่ำยทอด e- ไปทำงเดียว ให้ผลิตผลออกมำในขณะมีแสง
แต่ไม่ย้อนกลับ กำรถ่ำยทอดอิเลคตรอนแบบเป็ นวัฏจักรคือ กำรถ่ำยทอด
e- ในลักษณะที่ย้อนกลับได้
โฟโตไลซิส (Photolysis) คือกำรสลำยโมเลกุลของนำ้ำในปฏิกิรย
ิ ำที่ใช้แสง
ทั้ง ATP และ NADPH + H+ ที่เกิดขึ้นใน ปฏิกิรย
ิ ำใช้แสงจะถูกนำำไปใช้
ในปฏิกิรย
ิ ำที่ไม่ใช้แสงต่อไป ปฏิกิรย
ิ ำไม่ใช้แสง ปฏิกิรย
ิ ำที่เกิดขึ้นนั้ นมี
ลักษณะที่ต่อเนื่ องเป็ นวัฏจักร เรียกว่ำ วัฏจักรของคัลวิน (Calvin cycle)
ปฏิกิรย
ิ าขั้นที่ 1
ปฏิกิรย
ิ าขั้นที่ 2 เปลี่ยนแปลงจำก PGA จะได้ PGAL ได้รบ
ั ไฮโดรเจน
จำก NADPH + H+ และพลังงำนจำก ATP PGA 12 โมเลกุล จะเปลี่ยน
เป็ น PGAL 12 โมเลกุล
ปฏิกิรย
ิ าขั้นที่ 3
PGAL 10 โมเลกุล เปลี่ยนแปลงไปเป็ น RuDP 6 โมเลกุล ต้องใช้
พลังงำนจำกกำรสลำยตัวของ ATP
แหล่งทีเ่ กิดการสังเคราะห์แสง
รงควัตถุที่ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง
คลอโรฟิ ลล์
แคโรทีนอยด์
ไฟโคบิลิน
ไฟโคบิลิน เป็ นรงควัตถุท่ีมีอยู่เฉพำะสำหร่ำยสีแดงและสี เขียวแกมนำ้ำเงิน
ประกอบด้วยรงควัตถุ 2 ชนิ ดคือ
- ไฟโคอีรท
ี ริน (Phycoerythrin) เป็ นรงควัตถุสีแดง
ปฏิกิรย
ิ ำเทอร์โมเคมิคัล (thermochemical reaction) คือปฏิกิรย
ิ ำ เคมีที่มี
ควำมสัมพันธ์กับอุณหภูมิ
ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
4. ออกซิเจน - ปริมำณออกซิเจนลดลงจะทำำให้อัตรำกำรสังเครำะห์แสง
เพิ่มขึ้น
5. นำ้ำ - ช่วยกระตุ้นกำรทำำงำนของเอนไซม์
- เทรคีดเซล (tracheid)
- เวสเซล (Vessel)
กลุ่มโฟเอม ประกอบด้วย
กำรคำยนำ้ำของพืช หมำยถึงกระบวนกำรที่พืชกำำจัดนำ้ำออกมำในรูปของไอ
นำ้ำซึ่งจะเกิดขึ้นที่ปำกใบมำกสุด เซลคุม (Guard cell) เป็ นเซลมีรูปร่ำง
คล้ำยเม็ดถัว่ จะมีเม็ดคลอ โรพลำสต์ ระหว่ำงเซลคุมจะมีช่องเล็ก ๆ คือ
ปำกใบ
การลำาเลียงอาหารของพืช