Professional Documents
Culture Documents
9786160033560PDF PDF
9786160033560PDF PDF
ชื่อเสียงเลื่องลือ
ก่อนจะลูบศีรษะซูลั่วที่มุดอยู่กับอกของตนราวกับนกกระจอกเทศมุดดิน
ชายหนุ่มพยายามกลั้นหัวเราะยามที่เอ่ยปลอบอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน จังหวะ
เดียวกันนั้น องค์ชายจิ้นก็ปรายตาเตือนคนอื่นๆ พริบตานั้นบรรยากาศก็สงบ
นิ่งลงทันใด พวกของเป่ยเฉินอิ่งขันไม่ออกเลยแม้แต่คนเดียว
รอบด้านเงียบสงัดอย่างประหลาด
“เอาละ ไม่หวั เราะแล้วนะ” หนานกงหลิวอวิน๋ ปลอบพลางลูบศีรษะซูลวั่
“ตอนแรกเจ้าก็จงใจห้อยแผ่นหยกลายมังกรเพือ่ อ�ำพรางความสามารถมิใช่หรือ
แบบนี้ไม่ยิ่งดีใหญ่หรือไร”
ถึงจะเคยพูดไว้แบบนัน้ ก็เถอะ แต่นนั่ ...มันคือการแสร้งอ่อนแอต่างหาก
เล่า แม้ว่าผลจะเหมือนกัน แต่วิธีการกลับยากที่จะยอมรับได้
“ช่างเถอะๆ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวด�ำ
ขอเพียงจับหนูได้ล้วนแต่เป็นแมวทั้งสิ้น นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีการ
แบบใด ขอแค่หลอกคนเหล่านั้นได้จนบรรลุเป้าหมาย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
ไม่นานซูลั่วก็คิดได้ อันที่จริงนางก็หาใช่คนไร้เหตุผลไม่ เพียงแต่ก่อนหน้านี้
รู้สึกอารมณ์เสียอย่างยิ่งเพราะเจ้าหลี่เม่าไห่ผู้นั้น
“เอ่อนี่ หญิงชุดด�ำผู้นั้นดูแปลกๆ นะ...” เป่ยเฉินอิ่งเองก็สังเกตเห็น
หญิงชุดด�ำเช่นกัน แต่ไม่วา่ ลูกน้องของเขาจะสืบเสาะด้วยวิธใี ดก็ไม่พบเบาะแส
ของคนผู้นั้นเลย สิ่งเดียวที่รู้ก็คือหญิงชุดด�ำมิได้เป็นลูกหลานของหนึ่งในสิบ
ขัว้ อ�ำนาจใหญ่ แต่นางทะยานขึน้ มาได้จากการต่อสูใ้ นศึกมังกรทะยานสายนอก
ซ�้ำยังเป็นผู้คว้าชัยอันดับหนึ่งในศึกมังกรทะยานสายนอกเสียด้วย!
“รอบชิงชัยของศึกมังกรทะยานสายนอกไม่สนุกเลยสักนิด” หลังจาก
เป่ยเฉินอิง่ สาธยายออกมาจนจบ เขาก็เสริมขึน้ อีกประโยค “เพราะตอนนัน้ หญิง
ชุดด�ำผู้นี้ไม่ได้แสดงพลังยุทธ์ออกมาอย่างเต็มที่”
“ขนาดไม่ได้แสดงพลังยุทธ์ออกมาอย่างเต็มทีก่ ย็ งั เล่นงานผูท้ า้ ชิงอันดับ
สองจนแทบมอดม้วย ดูท่าแล้วฝีมือของนางก็น่าจะไม่เลวอยู่นะ” หลันเซวียน
เอ่ยออกมา
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
9
การแข่งขันรอบคัดเลือกผู้มียุทธ์สิบสามคนจะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือน
ให้หลัง
การต่อสู้ด�ำเนินถึงรอบนี้ได้ ผู้ที่ผ่านเข้ารอบมาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ
ชั้นเยี่ยมทั้งสิ้น ทว่าข่าวลือภายนอกที่กำ� ลังแพร่สะพัดอยู่ในเวลานี้กลับไม่เป็น
ผลดีตอ่ ซูลวั่ เอาเสียเลย สารพัดข่าวลือโหมกระพือไปทัว่ มีทงั้ คนคัดค้าน มีทงั้
ขบวนต่อต้าน ทว่ายุคนี้หาใช่ยุคที่ปกครองด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ ในโลก
ใบนี้ที่พลังยุทธ์เป็นใหญ่ ส�ำหรับยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งเฉกเช่นปรมาจารย์
หรงอวิ๋นแล้ว ค�ำวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่ต่างอะไรจากเสียงผายลม
หากอีกฝ่ายไม่พอใจ เพียงแค่สะบัดฝ่ามือเบาๆ เมืองทั้งเมืองก็ย่อม
อันตรธานหายไปได้ในพริบตาเดียว เพราะแบบนี้ค�ำพูดลอยลมทั้งหลายจึง
หาได้มีผลใดๆ ต่อปรมาจารย์หรงอวิ๋นไม่ ซ�ำ้ เจ้าตัวยังไม่แยแสหรือแสดงท่าที
ใดต่อการประท้วงของผู้คนเหล่านั้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้...การแข่งขันจึงยังด�ำเนินต่อไปตามก�ำหนดการเดิม
ส�ำหรับซูลั่ว ครั้งนี้เป็นการแข่งขันรอบที่สี่แล้ว ในสามรอบที่ผ่านมา ไม่
ว่าจะชนะมาได้ด้วยตนเองหรือถูกบังคับให้ได้รับชัยชนะ ก็ล้วนแต่เรียกได้ว่า
อาศัยโชคทั้งสิ้น รอบนี้ซูลั่วแทบไม่จ�ำเป็นจะต้องจับสลากด้วยซ�้ำ นางรอให้
เหลือสลากรายชื่อสุดท้ายตกมาถึงมือตัวเอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร นางก็
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
10
ยินดีทั้งนั้น
พอเห็นซูลั่วยังไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีประลองยุทธ์ ผู้คนด้านล่างก็เริ่ม
จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์
“ครั้งนี้คงไม่ขี้โกงอีกกระมัง”
“ใครจะรู้เล่า ไม่แน่ว่าสลากรายชื่อเปล่าอาจจะเป็นของซูลั่วอีกก็ได้”
“เป็นไปได้ ไม่แน่วา่ ผูต้ ดั สินรองพวกนัน้ อาจจะจงใจให้สลากรายชือ่ เปล่า
แก่ซูลั่วเพื่อประจบผู้ตัดสินหลักก็เป็นได้”
ความเคลือบแคลงสงสัยหลั่งไหลซัดสาดเข้ามาราวกับน�้ำบ่าที่แทบจะ
โถมทับซูลั่วให้จมมิด ทว่าหญิงสาวยังยืนสง่าประดุจเทพธิดาอยู่ท่ามกลางคน
หมู่มากเช่นนั้น นางยืนนิ่ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ สีหน้าราบเรียบ ดูเหมือน
ว่าไม่มีสิ่งใดที่จะท�ำให้หัวใจของนางสั่นไหวหรือคลอนแคลนได้
ณ ที่นั่งกิตติมศักดิ์ของสกุลหลี่แห่งวังสระหยก
“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ” มุมปากหลี่เหยาเหยายกยิ้มเย็นชา ครั้งนี้
นางใช้วธิ กี ารบางอย่างเพือ่ ท�ำให้ซลู วั่ โชคดีจบั ได้สลากรายชือ่ เปล่าอีกครัง้ เพราะ
นางรูด้ วี า่ หากจะสังหารใครสักคน สิง่ ทีต่ อ้ งท�ำก็คอื ยกอีกฝ่ายไปไว้ในจุดสูงสุด
จากนั้นก็ปล่อยให้ทิ้งดิ่งลงมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง การแก้แค้นแบบนี้ละที่
ท�ำให้รู้สึกดีที่สุด ยิ่งกว่านั้น...ถ้าซูลั่วจับได้สลากรายชื่อเปล่าอีกครั้ง...ผู้คนใน
สนามประลองต้องคลุ้มคลั่งขึ้นมาแน่ พอคิดเช่นนี้แล้วหลี่เหยาเหยาก็หัวเราะ
ลั่นออกมาด้วยความเบิกบานใจ
“คุณหนู” ผู้เฒ่าหลี่ที่อยู่ข้างกายหลี่เหยาเหยาเหลือบตามองหญิงสาว
นิดหนึ่ง
“อือ” หลี่เหยาเหยาหยุดหัวเราะ ดวงตาฉายแววอ�ำมหิตออกมา “ต้อง
ท�ำให้ซูลั่วจับรายชื่อเปล่าให้ได้!”
สีหน้าของผู้เฒ่าหลี่เผยแววประสงค์ร้ายออกมาเช่นกัน ส�ำหรับซูลั่วที่
ท�ำร้ายสกุลหลี่แห่งวังสระหยกให้ตกต�่ำลงถึงจุดนี้ ความตายยังนับว่าเป็น
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
11
บทลงโทษสถานเบาที่สุดด้วยซ�้ำไป ครั้งนี้จะต้องเล่นงานอีกฝ่ายให้ย่อยยับ
อับปางจนได้!
เวลานีซ้ ลู วั่ หาได้รถู้ งึ เจตนาของหลีเ่ หยาเหยาไม่ หากรู.้ ..เจ้าตัวคงไม่อาจ
มีสีหน้าสงบนิ่งเช่นนี้ได้
ผู ้ เ ข้ า แข่ ง ขัน พากัน เดิน ขึ้น บนเวทีป ระลอง ก่ อ นจะเรีย งล� ำ ดับ กัน
จับสลากรายชื่อ ซูลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย เวลานี้เหลือไม่กี่คนแล้ว จนกระทั่งถึง
ตอนนี้ยังไม่มีใครจับได้รายชื่อเปล่าแผ่นนั้นเลย จู่ๆ ซูลั่วก็เกิดสังหรณ์ไม่ดี
ขึ้นมา...
สลากรายชื่อเปล่าแผ่นนั้นคงไม่ตกเป็นของนางจริงๆ หรอกกระมัง สิ่ง
ที่อาจเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งส�ำหรับผู้อื่น ทว่าซูลั่วกลับคิดว่าย�่ำแย่อย่างถึงที่สุด
แม้ว่าหญิงสาวจะมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เช่นเดิม ทว่าในใจของนางกลับรุ่มร้อน
อย่างยิ่ง ดวงตาคู่นั้นคอยเหลือบมองไปทางเวทีประลองยุทธ์ตลอดเวลา
ตอนที่เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงแค่ห้าคนบนเวที รายชื่อเปล่าก็ยังคงอยู่
ที่เดิม แบบนี้มัน...ซูลั่วเริ่มกระสับกระส่ายในใจ
สี่คน...
สามคน...
สองคน...
เวลานี้เหลือสลากรายชื่อเพียงแค่สองแผ่นเท่านั้น แผ่นหนึ่งเป็นรายชื่อ
เปล่า อีกแผ่นเป็นชื่อของผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเจ็ดเพียงคนเดียวในการประลอง
ครั้งนี้ ชายหนุ่มที่ก้าวขึ้นไปบนเวทีประลองยกยิ้มเย็นชาฉายแววยโสออกมา
จากนั้นก็จับสลากแผ่นสุดท้าย
“คนผู้นั้นคือ...”
“สวรรค์! เขาคือลั่วฮ่าวหมิง! ลั่วฮ่าวหมิง ผู้คว้าชัยอันดับหนึ่งในศึก
มังกรทะยานครั้งก่อน”
“สวรรค์! เทพบุตรของข้า!”
พริบตานั้น ทั่วทั้งลานประลองยุทธ์ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
12
ผู้ที่ซูลั่วต้องประฝีมือด้วยในรอบนี้มีพลังยุทธ์ขั้นเจ็ด อีกฝ่ายดูจะมี
ความเชือ่ มัน่ เป็นอย่างยิง่ เพราะเสียงทีเ่ ล่าลือกันนัน้ บอกว่าซูลวั่ มีพลังยุทธ์เพียง
แค่ขั้นห้าเท่านั้น นางเข้ามาถึงรอบนี้ได้เพราะอาศัยกลโกง หากเขาไม่ยอม
ยกธงขาวก็ย่อมต้องเอาชนะนางได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ชายหนุ่มยกมือขึ้นคารวะซูลั่ว “ผู้น้อย...เซวียนหยวนหลิน”
“ผู้น้อย...ซูลั่ว” ซูลั่วยิ้มเรียบๆ ออกมา
ในที่สุดก็ได้ประลองยุทธ์อย่างเป็นทางการเสียที ความรู้สึกเช่นนี้มันดี
ชะมัด ซูลั่วลิงโลดอยู่ในใจจนกระทั่งไม่ได้สังเกตด้วยซ�้ำว่าหนานกงหลิวอวิ๋น
เอาแต่ยืนปกป้องนางไม่ห่าง
ทว่าอันที่จริงแล้วในความคิดของซูลั่วนั้น นางสามารถเอาชนะเซวียน-
หยวนหลินได้ทั้งๆ ที่หลับตาต่อสู้ด้วยซ�ำ้ เพราะพลังยุทธ์ที่แท้จริงของนางอยู่
ในขั้นแปด ขณะที่เซวียนหยวนหลินมีพลังยุทธ์แค่ขั้นเจ็ดเท่านั้น
ความกดดันจากหนานกงหลิวอวิ๋นท�ำให้เซวียนหยวนหลินจู่โจมอย่าง
รุนแรงตั้งแต่ต้น เขาหวังจะปิดฉากการต่อสู้ให้รวดเร็วที่สุด ทว่าก็ไม่ได้คิดถึง
ขั้นสังหารซูลั่ว เพราะหากซูลั่วมอดม้วย ตัวเขาก็คงไม่รอดเช่นกัน
เซวียนหยวนหลินถนัดใช้พลังธาตุไฟในการโจมตีมากที่สุด ลูกไฟ เสา
เพลิง ธนูอัคคี และอาวุธต่างๆ ถูกปล่อยออกมาไม่หยุด แทบจะฝังซูลั่วเอาไว้
ในทะเลเพลิง
ทว่าสิ่งที่เซวียนหยวนหลินไม่รู้ก็คือ ซูลั่วเองก็เป็นผู้ครอบครองธาตุไฟ
เช่นกัน หากซูลั่วส�ำแดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาแล้วละก็ นางสามารถก�ำจัด
อีกฝ่ายได้ในฝ่ามือเดียวด้วยซ�้ำ เวลานี้บรรยากาศด้านล่างเวทีประลองเต็มไป
ด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ หลายคนพากันกู่ร้อง “ต่อสู้! ต่อสู้! ต่อสู้!”
“โจมตีซูลั่ว เอาชนะนาง!”
“เตะนางลงจากเวทีประลองยุทธ์ไปเลย!”
“ซูลั่วไม่มีคุณสมบัติพอจะยืนอยู่บนเวทีประลองยุทธ์!”
ท่ามกลางเสียงกู่ก้องนั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มโจมตีซูลั่วด้วยวาจา
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
16
“เฮอะ ใครจะคิดกันเล่า”
“พวกเจ้าคิดว่าองค์ชายจิ้นแอบยื่นมือช่วยเหลือซูลั่วหรือไม่”
“โอ๊ะโอ พอเจ้าพูดแบบนี้ก็อาจจะเป็นไปได้จริงๆ ด้วย”
“ข้าก็บอกแล้วอย่างไรเล่า ผู้มีพลังยุทธ์ขั้นห้าจะเอาชนะผู้มีพลังยุทธ์
ขัน้ เจ็ดได้อย่างไรกัน นีม่ นั ขัดกับหลักยุทธภพชัดๆ ข้าว่าเป็นไปได้ทอี่ งค์ชายจิน้
ลอบยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง”
กลายเป็นว่าผลงานในครานีข้ องซูลวั่ ถูกท�ำลายลงจนป่นปี้ไม่เหลือชิน้ ดี
หญิงสาวหันกลับไปก็เห็นหนานกงหลิวอวิ๋นยืนยิ้มให้ รอยยิ้มบนใบหน้าของ
เขางดงามน่าหลงใหลดั่งดอกอิงฮวาเดือนสาม สวยงามจนไม่อาจละสายตาไป
ไหนได้ วินาทีนั้น...แม้ว่าจะถูกใส่ร้ายป้ายสี ทว่าซูลั่วก็ไม่รู้สึกขุ่นเคืองใจเลย
แม้แต่นิดเดียว
“ขอโทษที ท�ำให้เจ้าพลอยเดือดร้อนไปด้วย” หนานกงหลิวอวิ๋นจูงมือ
ซูลั่ว นัยน์ตาฉายแววขอโทษขอโพยอยู่ในที
“ท่านเป็นห่วงข้า ข้าเองก็หาใช่สาวน้อยไร้เดียงสาไม่ เรื่องนี้จะโทษท่าน
ได้อย่างไรเล่า ซ�้ำท่านยังยืนอยู่ตรงนี้ตลอดโดยไม่ห่วงชื่อเสียงของตัวเอง
แบบนีข้ า้ ก็อบอุน่ ใจแล้ว” ซูลวั่ คล้องแขนชายหนุม่ เอาไว้โดยไม่สนใจสายตาของ
ผู้ใด นางยิ้มหวานกลับไปให้อีกฝ่าย
ท่าทางหวานฉ�ำ่ ชืน่ มืน่ ของคนทัง้ คูท่ ำ� ให้หวั ใจของหญิงสาวทัง้ หลายแตก
เป็นเสี่ยงๆ ซูลั่วรู้สึกได้ถึงสายตาริษยาที่จับจ้องมายังตัวเอง ทว่านางไม่ใส่ใจ
เลยแม้แต่นดิ เดียว กลับยิง่ กอดแขนหนานกงหลิวอวิน๋ แน่นขึน้ และแสดงความ
สนิทสนมกว่าเดิมเสียอีก
“ซูลวั่ คิดไม่ถงึ เลยว่าเจ้าจะดวงดีถงึ เพียงนี้ จนถึงบัดนีอ้ งค์ชายจิน้ ก็ยงั
ไม่รงั เกียจเจ้า” หญิงชุดด�ำเอ่ยเสียงต�ำ่ น�ำ้ เสียงของนางทัง้ แหบแห้งและแผ่วเบา
“จงดืม่ ด�ำ่ กับชีวติ ให้เต็มทีเ่ ถอะ แล้วข้าจะเป็นคนปลิดชีวติ เจ้าเอง!” พูด
จบนางก็หัวเราะเยือกออกมา ก่อนจะหายไปท่ามกลางผู้คน
หลี่เหยาเหยามองชายหญิงที่ยืนแนบชิดตรงหน้า รังสีสังหารในดวงตา
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
20
กลุ่มของซูลั่วพากันเดินทางกลับมายังเมืองหนานชาน หลังจากผ่าน
การเก็บตัวฝึกฝนมาได้ระยะหนึ่ง ซูลั่วก็ฝึกการโจมตีด้วยธาตุไฟมาถึงขั้น
สุดท้าย ก่อนหน้านีป้ รมาจารย์หรงอวิน๋ มอบเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทให้แก่ซลู วั่
เคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาสูงส่ง ล�้ำค่ากว่าสมบัติใดๆ ที่
ได้รบั มาจากวิหารเก้าชัน้ มากนัก มูลค่าของมันมิอาจประเมินเป็นราคาได้ เพราะ
เคล็ดวิชาลับเช่นนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของคนสกุลใหญ่ๆ ทั้งสิ้น
พอเห็นเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาท มุมปากของซูลวั่ ก็คลีย่ มิ้ สูงขึน้ ในทันที
มีท่านอาจารย์ที่เก่งกาจก็ดีแบบนี้นี่เอง
กระบวนท่าที่หนึ่งของเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทได้แก่ ก่อธาตุไฟเป็น
เสือดาวเพลิง
แค่กวาดตาอ่านคร่าวๆ ซูลั่วก็ทำ� หน้าอมทุกข์ทันทีเพราะไม่รู้ว่าควรจะ
เริม่ ต้นจากทีใ่ ด ปกติอย่างมากนางก็ทำ� ได้แค่สร้างอาวุธจากธาตุไฟเช่น ก่อผลึก
ไฟ เสาเพลิง ธนูเพลิงอะไรพวกนี้ แต่ตอนนี้จะให้นางใช้พลังวิเศษก่อเสือดาว
เพลิงขึ้นมา ความยากระดับนี้ดูจะเกินขีดความสามารถของนางไป
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
21
แต่ว่า...ใบหน้าของหญิงชุดด�ำผุดวาบขึ้นในความคิดของซูลั่ว อั้นเยี่ย-
หมิงบอกว่าอีกฝ่ายมีพลังยุทธ์ถึงขั้นเก้า ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเร็ว พละ
ก�ำลังในขัน้ นัน้ ก็หนักหนาเอาการไม่ใช่เล่น การต่อสูร้ ะหว่างผูม้ พี ลังยุทธ์ขนั้ เก้า
กับผู้มีพลังยุทธ์ขั้นแปด...โอกาสที่ซูลั่วจะเอาชนะได้น้อยเสียยิ่งกว่าปลายเล็บ
“ไม่! ข้าไม่มีทางแพ้นางเด็ดขาด” ซูลั่วก�ำหมัดแน่น ดวงตาฉายแวว
มุ่งมั่น
ส�ำหรับคนอืน่ อาจจะมีระยะเวลาเพียงแค่สบิ วัน แต่ส�ำหรับนางผู้มเี วลา
ในมิติที่ขยายออกไปได้ถึงสิบเท่าก็หมายความว่ามีเวลาให้ฝึกฝนถึงหนึ่งร้อย
วันเต็มๆ และในเวลาหนึ่งร้อยวันนี้เองที่ซูลั่วไม่กินไม่นอน นางจมอยู่กับการ
ฝึกเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาท
เคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทแบ่งออกเป็นสามขัน้ ขัน้ ทีห่ นึง่ ก่อเสือดาวเพลิง
ขัน้ ทีส่ อง เสือดาวเพลิงทีก่ ่อขึน้ มาต้องมีพลังในการโจมตีทแี่ ข็งแกร่ง ขัน้ ทีส่ าม
ก่อเสือดาวเพลิงที่มีพลังแข็งกล้าได้มากกว่าหนึ่งตัว
หลังจากฝึกฝนมาได้สามสิบวัน ซูลั่วก็ก่อเสือดาวเพลิงขึ้นได้ตัวหนึ่ง
มันเป็นเสือดาวเพลิงที่มีเปลวไฟลุกโชนไปทั่วร่าง ใบหน้าดุดัน ท่าทางเกรี้ยว
กราด ทว่าในความเป็นจริงเจ้าเสือดาวเพลิงตัวนัน้ กลับยืนทือ่ อยูก่ บั ที่ ไม่มพี ลัง
วิเศษหรือสัญญาณชีพใดๆ เลยแม้แต่นิด แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นซูลั่วก็หาได้
ยอมแพ้ไม่ นางต้องฝึกให้บรรลุขั้นที่สองและขั้นที่สามให้จงได้
ทว่าผ่านไปอีกสามสิบวัน เจ้าเสือดาวเพลิงของนางก็ยังเอาแต่ยืนนิ่ง
อย่างโง่งมอยู่แบบนั้น น�้ำกับไฟเป็นปฏิปักษ์ต่อกันฉันใด น�้ำแข็งกับไฟก็
ต้านทานซึง่ กันและกันฉันนัน้ เพราะรูว้ า่ หญิงชุดด�ำเป็นผูค้ รอบครองธาตุนำ�้ แข็ง
ด้วยเหตุนซี้ ลู วั่ จึงต้องฝึกฝนพลังธาตุไฟของนางอย่างเต็มทีเ่ พือ่ ใช้โจมตีอกี ฝ่าย
จนกระทั่งเหลือเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น...
พลังวิญญาณ...จะท�ำอย่างไรให้เจ้าเสือดาวเพลิงมีพลังวิญญาณได้เล่า
ซูลั่วคิดจนหัวแทบจะระเบิด จังหวะนั้นเอง น�้ำเสียงผยองของหินวิเศษก็ดัง
เนิบนาบขึ้นมา “พลังจิตของเจ้าอ่อนแอเกินไป”
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
22
“ที่แท้ข้าก็ไม่ได้คิดไปเองคนเดียว” ดวงตาของหลันเซวียนเองก็เป็น
ประกายวาววับปานดวงดาวเช่นกัน “เป็นเพราะอะไรกัน”
“เพราะฝึกฝนวิชาอะไรหรือเปล่า” เป่ยเฉินอิง่ มองมายังซูลวั่ ด้วยแววตา
สงสัย ทันใดนั้นซูลั่วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เกี่ยวกับเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทหรือไม่” ซูลั่วส่งเคล็ดวิชาเพลิง
กัมปนาทที่ท่านอาจารย์มอบให้นางให้คนอื่นๆ ดู
“เคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาท! นี่มันของดีเลยนี่นา!” เป่ยเฉินอิ่งอุทานออก
มาอย่างตกใจ “อ๊ะ! แต่วิชานี้จะฝึกได้เฉพาะผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเก้าไม่ใช่หรือไร
พี่สะใภ้ ท่านเพิ่งจะอยู่ขั้นแปดเองนี่”
“เจ้าว่าอะไรนะ ขั้นเก้าถึงจะฝึกได้?” ซูลั่วเบิกตากว้าง! ท่านอาจารย์
หาได้บอกเรื่องนี้กับนางไม่
“ก็ขั้นเก้าน่ะสิ รับรองไม่ผิดแน่” เป่ยเฉินอิ่งกล้าสาบานด้วยชีวิต ท่านปู่
เคยเอ่ยกับเขาเช่นนี้จริงๆ
ซูลั่ว “...”
ท่านอาจารย์มอบเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทส�ำหรับผู้มพี ลังยุทธ์ขนั้ เก้าให้
นาง! ซูลั่วแทบจนค�ำพูด นี่มันเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ�ำ้ หากไม่ใช่
เพราะสุดท้ายหินวิเศษมอบพลังวิญญาณให้แก่นาง นางก็คงไม่อาจบรรลุขั้น
วิชานี้ได้เป็นแน่ หนานกงหลิวอวิ๋นที่เห็นซูลั่วท�ำสีหน้าฉงนฉงายอยู่แบบนั้น
ก็ยื่นมือมาลูบศีรษะนางเบาๆ
“ผมเผ้ายุ่งหมดแล้ว” ซูลั่วรีบปัดมืออีกฝ่ายออก
“คิดอะไรเพ้อเจ้ออีกเล่า” หนานกงหลิวอวิ๋นจูงมือซูลั่วแล้วพาไปนั่งบน
เก้าอี้ไม้หวงฮวาหลี
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะจับได้รายชื่อของผู้ใด” นัยน์ตาของซูลั่วฉายแวว
กลัดกลุ้ม เวลานี้คนที่เหลือล้วนมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งกันทั้งสิ้น ด้อยที่สุดก็
ขั้นแปด หากจะวัดกันด้วยพลังยุทธ์อย่างเดียวละก็ ตัวนางนับว่าเป็นไก่
รองบ่อนที่สุด
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
25
ก็คือหลี่เหยาเหยา”
“พรืด...” ซูลั่วแทบจะส�ำลักน�ำ้ ลาย นางมองจื่อเหยียนอย่างไม่อยากจะ
เชื่อสายตา “ไม่จริงกระมัง”
“เป็นความจริง” จื่อเหยียนเอ่ยออกมาด้วยน�้ำเสียงจริงจัง “ศิษย์พี่รอง
ดีกับหลี่เหยาเหยาเท่าไร ศิษย์พี่ใหญ่ยิ่งดีกับนางเป็นเท่าตัว ถึงขั้นเอาใจจน
ก�ำเริบเสิบสานเลยทีเดียว”
ซูลั่วงุนงงไม่น้อย “เขาจะยื่นมือเข้าแทรกเรื่องระหว่างหลี่เหยาเหยากับ
ข้าอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยละ” จื่อเหยียนลากเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วทรุดตัว
ลงนั่งตรงหน้าซูลั่ว จากนั้นก็สาธยายออกมาช้าๆ “ก่อนหน้านี้เขาไม่ยอม
เปิดเผยตัว อย่าว่าแต่พวกเราเลย แม้แต่หลี่เหยาเหยาก็คงไม่รู้ด้วยซ�ำ้ ว่าศิษย์
พี่ใหญ่จะมาร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย”
“ตงฟางเสวียน เขา...” ซูลวั่ รู้สกึ เหมือนไม่ยากจะเชือ่ กับสิง่ ทีไ่ ด้ยนิ “เจ้า
คงไม่ได้หมายความว่าที่ตงฟางเสวียนร่วมการแข่งขันในครานี้ก็เพื่อจะสังหาร
ข้าหรอกกระมัง”
ทว่าจื่อเหยียนกลับเป็นฝ่ายพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ต้องเป็นเช่นนั้น
แน่”
ซูลวั่ ผายมือออกด้วยท่าทางจนใจ “หญิงชุดด�ำ หลีอ่ ้าวเฉิน แล้วไหนจะ
ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า ทุกคนมาเพื่อสังหารข้า?”
“หญิงชุดด�ำนั้นไม่แน่ แต่สองคนหลังใช่แน่” จื่อเหยียนเอ่ยอย่างมั่นใจ
คนอืน่ อาจจะไม่รจู้ กั หญิงชุดด�ำ ทว่าซูลวั่ กลับรูอ้ ยูแ่ ก่ใจดีและก็แน่ใจเป็นอย่าง
ยิ่งว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาร่วมศึกครานี้เพื่อเล่นงานนางอย่างแน่นอน
“ก็ไม่แน่หรอกนะ” เป่ยเฉินอิง่ เห็นซูลวั่ ท�ำท่าหดหูแ่ บบนัน้ ก็รบี เอ่ยปลอบ
ใจ “ตงฟางเสวียนอาจจะอยากเข้าร่วมการแข่งขันเอง และไม่เกีย่ วข้องอะไรกับ
หลี่เหยาเหยาก็เป็นได้”
จือ่ เหยียนมองค้อนอีกฝ่าย “ไม่มสี ญ ั ชาตญาณระแวงภัยเอาเสียเลย เจ้า
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
27
“พวกเจ้าจะหุบปากได้หรือยัง” ซูลั่วโอดครวญออกมาแล้วทิ้งร่างลง
พิงอกหนานกงหลิวอวิ๋น
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจับได้สลากรายชื่อเปล่าอีกครั้ง” นางแค่นเสียง
ออกมา
“หากท่านคิดจะท�ำให้ศึกมังกรทะยานมีลับลมคมในขึ้นกว่าเดิมละก็
นะ...” เป่ยเฉินอิ่งยิ้มกว้างดูเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ข้าจะสู้แล้วกัน” ยามนี้ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือล้วน
แต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น หากนางยังไม่ต่อสู้อย่างเต็มที่อีกละก็ หลายคนต้อง
คิดว่านางขี้โกงแน่ๆ
หนานกงหลิวอวิ๋นจับมือซูลั่วเอาไว้ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ปลายนิ้ว
ขาวนวลเนียนดุจหิมะ ดวงตาของเจ้าตัวหลุบต�ำ่ ลง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเห็น
ประกายวาววับที่ผุดวาบขึ้นมา
ในเมื่อรับปากปรมาจารย์หรงอวิ๋นแล้วว่าจะช่วยให้ซูลั่วคว้าชัยเป็น
อันดับสองในศึกมังกรทะยาน เช่นนั้นเขาก็ต้องท�ำให้ได้
หนานกงหลิวอวิน๋ ลูบไล้ใบหน้าเกลีย้ งเกลาของซูลวั่ อย่างเอ็นดู รอยยิม้
ของเขาน่ามองเฉกเช่นทุกครั้ง “ตงฟางเสวียนจะเก่งกาจไปกว่าบุรุษของเจ้าได้
หรือไรกัน”
การแข่งขันคัดเลือดยอดฝีมือรอบสิบสามคน
ซูลั่วยืนสงบอยู่ ณ มุมหนึ่งบนเวทีประลองยุทธ์ เพื่อความปลอดโปร่ง
ยุตธิ รรม นางจึงไม่ได้จบั สลากรายชือ่ เช่นเคย ไม่วา่ สลากแผ่นสุดท้ายจะดีหรือ
เลว มันก็ต้องตกเป็นของนางอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
ในบรรดารายชือ่ ผูเ้ ข้าประลองทัง้ สิบสามคน หนึง่ ในนัน้ คือสลากรายชือ่
เปล่า ก่อนหน้านี้ผู้ที่จับได้รายชื่อเปล่าก็คือหนานกงหลิวอวิ๋นและลั่วฮ่าวหมิง
ไม่รู้ว่ารอบนี้จะตกถึงมือของผู้ใด
ยอดฝีมือต่างก้าวขึ้นมาอยู่บนเวที ขณะที่ผู้คนด้านล่างก็เริ่มวิพากษ์
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
29
วิจารณ์กันเซ็งแซ่
“สวรรค์! พวกเจ้าดูสิ ซูลั่วผู้นั้นยังจะขึ้นมาบนเวทีประลองจริงๆ ด้วย”
“นัน่ สิ รอบๆ ตัวนาง ผูท้ มี่ พี ลังยุทธ์ตำ�่ สุดก็ยงั อยูใ่ นขัน้ แปด มีนางเพียง
คนเดียวที่มีพลังยุทธ์เพียงขั้นห้า”
“ท่านอาจารย์ของใครเหนือกว่า ผู้นั้นก็ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว”
ค�ำวิจารณ์เหล่านัน้ ต่างพุง่ เป้ามาทีซ่ ลู วั่ ทว่าหญิงสาวหาได้ใส่ใจแต่อย่าง
ใดไม่ นางยังคงยืนสงบอยู่ที่เดิม เวลานั้นเอง ผู้มียุทธ์ทั้งหมดก็เริ่มเข้าไป
จับสลาก
คนแรกที่จับสลากรายชื่อก็คือ ตงฟางเสวียน ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือ
โชคร้ายที่อีกฝ่ายจับได้สลากรายชื่อเปล่า ซูลั่วหันไปมองอีกฝ่ายทันที วินาที
เดียวกันนัน้ เองทีต่ งฟางเสวียนสัมผัสได้ถงึ สายตาของนาง ชายหนุม่ หันขวับมา
ตอนที่ดวงตาสบกัน ซูลั่วก็รู้สึกเย็นยะเยียบไปทั้งร่าง ราวกับตกอยู่ในนรก
อเวจี!
ดวงตาคู่นั้นด�ำขลับ แค่สบตาก็ท�ำเอาซูลั่วขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้
ความหวาดกลัวโถมเข้าใส่ร่างอย่างหนักหน่วง หญิงสาวกุมขมับด้วยความ
ปวดร้าว เม็ดเหงื่อผุดซึมที่หน้าผาก
หนานกงหลิวอวิน๋ ขยับกายมายืนอยู่เบือ้ งหน้าซูลวั่ สีหน้าของเขาทะมึน
ดวงตาฉายแววกระหายเลือดคู่นั้นจ้องมองตงฟางเสวียน พริบตานั้นเวที
ประลองยุทธ์ก็ไม่ต่างจากทะเลเพลิงอันร้อนแรง ท�ำเอาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
รู้สึกอึดอัดทรมานราวกับถูกเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทงไปในสมอง เหงื่อเม็ดโต
ไหลรินลงจากขมับ
“คนผูน้ นั้ คือใครกัน” โม่เซียวซวิน๋ ข่มกลัน้ ความปวดแปลบพลางกระซิบ
ถามต�่ำๆ สีหน้าของลั่วฮ่าวหมิงก็ย�่ำแย่ไม่ต่างกัน เขาจ้องมองไปยังบุรุษที่อยู่
ภายใต้หมวกตาข่ายสีด�ำ
น�้ำเสียงของอั้นเยี่ยซิ่นฉายแววจนใจออกมา “ผู้ที่ต่อกรกับหนานกง
หลิวอวิ๋นได้ ใต้หล้านี้คงมีไม่กี่คน” อย่างน้อยคนผู้นี้ก็มีพลังยุทธ์สูงกว่าตัวเขา
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
30
แววตาของตงฟางเสวียนที่มองซูลั่วสาดประกายอ�ำมหิต เขาลูบศีรษะ
หลี่เหยาเหยาเบาๆ พลางเอ่ยปลอบ “เด็กดี รออยู่ที่นี่นะ ศิษย์พี่ใหญ่ต้อง
แก้แค้นให้เจ้าแน่”
“อือ” หลีเ่ หยาเหยาพยักหน้าหนักๆ “เหยาเหยารักศิษย์พใี่ หญ่ทสี่ ดุ เลย”
ซูลวั่ ฟังแล้วรูส้ กึ ขนลุกขนพองขึน้ มา ‘แหวะ! อยากจะอาเจียน’ นางแอบ
บริภาษในใจเงียบๆ...
ก่อนผละไป หลี่เหยาเหยาหันกลับมา สายตาของนางจับนิ่งอยู่ที่ซูลั่ว
แววตาคูน่ นั้ ทัง้ ล�ำพองและแฝงแววยัว่ ยุในที จากนัน้ เจ้าตัวก็กา้ วลงจากเวทีอย่าง
คนมีอ�ำนาจเหนือกว่า
การปรากฏตัวขึ้นของตงฟางเสวียนส่งผลดีต่อหลี่เหยาเหยาอย่าง
ใหญ่หลวง เพราะหากมีอีกฝ่ายหนุนหลังเช่นนี้ นางย่อมจัดการซูลั่วได้ ซ�ำ้ ยัง
ทวงคืนสถานะนายน้อยของสกุลหลี่แห่งวังสระหยกกลับมาได้อีกด้วย
บนเวทีประลองยุทธ์ ซูลั่วและกลุ่มของเป่ยเฉินอิ่งล้วนยืนอยู่ด้านหลัง
หนานกงหลิวอวิ๋นทั้งสิ้น แม้แต่จื่อเหยียนก็ยังยืนหยัดข้างศิษย์พี่สามของนาง
“จื่อเหยียน...มานี่” ตงฟางเสวียนกวักมือเรียกจื่อเหยียน แม้ว่าในใจ
ลึกๆ หญิงสาวจะรูส้ กึ กริง่ เกรง ทว่าเจ้าตัวยังคงท�ำสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม “ศิษย์
พี่ใหญ่ ข้ายืนอยู่ตรงนี้จะดีกว่า”
ตงฟางเสวียนมีสหี น้าไม่พอใจทันที “ศิษย์พใี่ หญ่ดแู ลเจ้าไม่ดหี รือไรกัน”
“ศิษย์พี่ใหญ่ดีกับหลี่เหยาเหยาที่สุด จื่อเหยียนมิกล้าอาจเอื้อม” จื่อ-
เหยียนหัวเราะเอื่อยๆ
ใบหน้าของตงฟางเสวียนย�่ำแย่ เจ้าตัวทิ้งค�ำพูดอาฆาตเอาไว้เพียง
“หนานกงหลิวอวิ๋น เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
ดวงตาเรียวของหนานกงหลิวอวิน๋ หรีล่ งน้อยๆ น�ำ้ เสียงของเขาแฝงแวว
ดูแคลน “หากเจ้าฉลาดพอละก็ จงรีบไปจากที่นี่เสียตั้งแต่ตอนนี้”
ตอนนีท้ า่ นอาจารย์ไม่ได้อยูใ่ นจักรวรรดิปล้ี วั่ เพราะเหตุนที้ า่ นจึงยังไม่รู้
เรื่องของซูลั่ว แต่ถ้าท่านอาจารย์กลับมาเมื่อใด และรู้ว่าตงฟางเสวียนคิดจะ
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
32
สังหารซูลั่วแล้วละก็...หนานกงหลิวอวิ๋นนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
“หึๆ” ตงฟางเสวียนท�ำท่าเหมือนได้ยนิ เรือ่ งตลกทีน่ า่ ขันทีส่ ดุ ในชีวติ เขา
ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ท�ำไมเล่า”
ไฉนหนานกงหลิวอวิ๋นถึงได้มั่นอกมั่นใจนักว่าเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขา
ยังไม่ได้ประลองยุทธ์กันเลยด้วยซ�้ำ
“เพราะเจ้ามันเขลาและไม่ประสีประสาอย่างไรล่ะ” หนานกงหลิวอวิ๋น
ยิ้มร้าย รอยยิ้มของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์
ตงฟางเสวียนเกิดโทสะขึ้นในทันที บังอาจด่าเขาว่าเขลาและไม่ประสี
ประสาเชียวหรือ!
ทันใดนัน้ ตงฟางเสวียนก็แผ่รงั สีกดดันออกมา นัยน์ตาของเขาคมปลาบ
“เจ้ารนหาที่ตายนัก!”
ตอนทีส่ ถานการณ์กำ� ลังตึงเครียดถึงขีดสุดนัน้ ลมวูบหนึง่ ก็พดั กระโชก
ขึ้นมา สายลมบางเบา ทว่ากลับบีบตงฟางเสวียนให้ต้องถอยหลังกรูดไปถึง
สามก้าว ประกายไฟลุกโชนขึ้นในดวงตาตงฟางเสวียน เขาปรายตามองไปยัง
แท่นประทับของกรรมการ
ณ ต�ำแหน่งนั้น ปรมาจารย์หรงอวิ๋นนั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือตัวกลาง
ดวงตาทั้งสองข้างปิดลง ดูเหมือนจะไม่สนใจกับเรื่องอึกทึกครึกโครมรอบๆ
กาย
“นับว่าเจ้ายังโชคดีที่มีท่านอาจารย์คอยคุ้มหัว” ตงฟางเสวียนเชิดหน้า
ขึ้นอย่างโอหังพลางเหลือบมองซูลั่วด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นก็หมุนตัวกลับ
ไปอีกทาง
หนานกงหลิวอวิ๋นลูบศีรษะซูลั่วเบาๆ “เป็นอะไรไป ตกใจหรือไร”
ซูลั่วยิ้มบาง “ก็มีท่านอยู่ด้วยทั้งคนไม่ใช่หรือ” ทว่าก็ต้องยอมรับว่า
พลังยุทธ์ของตงฟางเสวียนนัน้ แข็งแกร่งยิง่ นัก เขาหาใช่คนทีน่ างจะต่อกรด้วย
ในเวลานี้ไม่
“ตงฟางเสวียนน่ะหรือ ให้เวลาข้าสักสามปีเถอะ” ซูลั่วหรี่ตามอง
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
33
แผ่นหลังของตงฟางเสวียนที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“ฮึ!” เสียงหยันหนักๆ ดังลอยมาเข้าหู ซูลั่วหันไปยังทิศทางนั้นในทันที
หญิงชุดด�ำ!
“คิดจะสังหารตงฟางเสวียนหรือไร ซูลวั่ ...ไฉนเจ้าถึงไม่ปสั สาวะออกมา
แล้วลองชะโงกดูเงาหัวตัวเองบ้าง ด้วยความสามารถกระจอกๆ อย่างเจ้า คิด
จะสังหารตงฟางเสวียนเชียวหรือ” น�้ำเสียงของหญิงชุดด�ำแฝงแววเยาะหยัน
ดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง
“พ่ายแพ้ด้วยน�ำ้ มือข้ามาแล้ว ไฉนยังกล้าเอ่ยวาจาโอหังอีกเล่า” ซูลั่วมี
สีหน้าเรียบเฉย ท่าทางของนางสงบนิ่งดังเดิม “ซูชิง...เจ้าว่าจริงหรือไม่”
ซูชิง?
ตอนทีซ่ ลู วั่ เอ่ยค�ำสองค�ำออกมา ทุกคนทีอ่ ยูบ่ ริเวณนัน้ ก็พากันตะลึงงัน
ไป
“ซูชิง?” เป่ยเฉินอิ่งเกาใบหูแกรกๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ “คงไม่ใช่ซูชิง
ที่หนีตายในสงครามชี้เป็นชี้ตายครั้งนั้นหรอกกระมัง”
หลันเซวียนนิ่วหน้านิดๆ “ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนี้”
อั้นเยี่ยหมิงเองก็ขมวดคิ้วแน่น “ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่
ตอนนีม้ นั่ ใจแล้วว่าต้องใช่นาง” พอชายหนุม่ เอ่ยออกมาเช่นนี้ หญิงชุดด�ำก็ตอ้ ง
เป็นซูชิงอย่างไม่ต้องสงสัยเป็นแน่
ในเมื่ออีกฝ่ายจ�ำได้ ซูชิงก็ไม่มีความจ�ำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป
ปลายนิว้ เรียวของนางขยับปีกหมวกเบาๆ ก่อนทีห่ มวกตาข่ายจะร่วงลงบนพืน้
หลังจากทุกคนมองเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นอย่างชัดเจน ด้านล่างเวที
ประลองก็อลหม่านขึ้นมาทันที
“ซูชิง! เป็นซูชิงจริงๆ ด้วย!”
“ซูชิงที่ไหนกัน มีชื่อเสียงหรือไร” ผู้ชมที่มาจากแดนไกลและไม่รู้
เบื้องลึกเบื้องหลังมาก่อนเอ่ยถามขึ้น
“ซูชิง...คุณหนูรองสกุลซูอย่างไรล่ะ! คนที่ทำ� สงครามชี้เป็นชี้ตายกับ
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
34
ต่อไปไม่ไหว ชายหนุ่มหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ซูลั่ว
ทว่าหญิงสาวกลับมองค้อนใส่อีกฝ่าย “รีบจับสลากเสียที”
“อ้อๆๆ” หลันเซวียนวิ่งเหยาะๆ ไปจับสลากทันที
หลันเซวียนโชคไม่ดีนัก เพราะสลากรายชื่อที่เขาจับได้คือนายน้อย
คนใหม่ของวังสระหยก...หลี่อ้าวเฉิน
หลี่อ้าวเฉินยิ้มมุมปากอย่างยั่วยุ จากนั้นก็แค่นยิ้มหยัน ความโกรธขึ้ง
ปะทุขึ้นในดวงตาหลันเซวียน อีกฝ่ายกล้าดูแคลนเขาเยี่ยงนี้หรือ
ซูลั่วปลอบใจหลันเซวียน “อันที่จริงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อย
เจ้าก็ไม่ได้ชื่อหนานกงและลั่วฮ่าวหมิงนะ เจ้าควรจะดีใจแล้ว”
จากนั้นเป่ยเฉินอิ่งก็วิ่งไปจับสลากบ้าง ดูเหมือนสองสหายจะโชคร้าย
ไม่ต่างกันสักเท่าไร เพราะรายชื่อที่ชายหนุ่มจับได้ก็คือ...โม่เซียวซวิ๋น
โม่เซียวซวิน๋ มีพลังยุทธ์ขนั้ เก้าเชียวนะ...เป่ยเฉินอิง่ เดินหน้าม่อยคอตก
กลับมาทันที
ล�ำดับต่อไปก็คืออั้นเยี่ยหมิง ซูลั่วภาวนาในใจขอให้อีกฝ่ายจับได้สลาก
ดีๆ ทว่าดวงของอั้นเยี่ยหมิงกลับกุดยิ่งกว่าหลันเซวียนและเป่ยเฉินอิ่งเสียอีก
เรียกว่าซวยสุดๆ ได้ด้วยซ�ำ้
“ลัว่ ฮ่าวหมิง” อัน้ เยีย่ หมิงมองสลากในมือ ชายหนุม่ ทีข่ นึ้ ชือ่ ว่าเยือกเย็น
มาตลอด บัดนี้เส้นเอ็นที่ขมับปูดโปน
ซูลั่วกลอกตามองฟ้าอย่างจนค�ำพูด ทว่าก็ยังอุตส่าห์เอ่ยปลอบใจ
ชายหนุ่ม “ยังดีที่ไม่จับได้พี่ชายของเจ้าเอง พี่น้องเข่นฆ่ากันเอง แบบนั้นสิที่
เรียกว่าทารุณกรรมของจริง”
จื่อเหยียนหยิบสลากแล้วเดินเนิบนาบมาหยุดอยู่ข้างๆ ซูลั่วเห็นท่าทาง
เป็นกังวลของอีกฝ่ายก็อดกระวนกระวายขึน้ มาไม่ได้ “คงไม่ได้จบั ได้ชอื่ ของเรา
สองคนหรอกกระมัง”
จื่อเหยียนมองซูลั่วด้วยสายตาล�ำบากใจ ท�ำเอาหญิงสาวต้องยื่นมือไป
คว้าสลากแผ่นนั้นมา
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
36
ต้องเจอกับหนานกงหลิวอวิ๋นละก็ แบบนั้นก็ยกธงขาวเลยดีกว่า
“รีบจับเร็ว” ซูลั่วเร่งหนานกงหลิวอวิ๋น
“เจ้าต้องการแผ่นไหน” หนานกงหลิวอวิ๋นเลิกคิ้วให้ซูลั่ว
“หมายเลขสิบเอ็ด” ซูลั่วหัวเราะคิก
“เจ้าจะสมปรารถนา” หนานกงหลิวอวิ๋นยื่นมือออกไปหยิบสลากขึ้นมา
แผ่นหนึ่ง ทว่าตอนนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็ออกแรงในมือ เสียง ‘ผัวะ’ ดังขึ้น
ก่อนที่สลากแผ่นนั้นจะแหลกละเอียดเป็นผุยผง
“องค์ชายจิ้น!” โฆษกอุทานลั่น “ไฉนท่านถึงได้หักสลากป่นปี้แบบนั้น
เล่า แล้วจะจัดการแข่งขันต่อไปได้อย่างไรกัน”
“ยังเหลืออีกแผ่นมิใช่หรือไร” หนานกงหลิวอวิ๋นคว้าสลากแผ่นสุดท้าย
ในกล่องขึ้นมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง ก่อนจะโยนไปให้ซูลั่ว
ตอนทีเ่ ห็นว่าสลากแผ่นนัน้ แหลกคามือหนานกงหลิวอวิน๋ ซูลวั่ ก็ร้ทู นั ที
ว่าต้องมีคนเล่นลูกไม้กับนางอย่างแน่นอน หญิงสาวพลิกสลากในมือของตน
ขึ้นดู
หมายเลขสิบเอ็ด!
“ซูลั่วจับได้หมายเลขสิบเอ็ด ถ้าเช่นนั้นองค์ชายจิ้นก็ต้องได้หมายเลข
เจ็ดแน่นอน!” หลายคนตะโกนลั่นออกมา
ยามนี้ไม่มีใครสังเกตว่าโฆษกผู้นั้นก�ำลังเหงื่อกาฬแตกพลั่กอย่างหนัก
ยามที่สายตาเยือกเย็นของหนานกงหลิวอวิ๋นมองปราดมายังเขา เพราะแท้จริง
แล้วสลากสองแผ่นที่เหลืออยู่ในกล่องนั้นล้วนติดหมายเลขสิบเอ็ดทั้งคู่ เช่นนี้
แล้วไม่วา่ หนานกงหลิวอวิน๋ จะจับได้แผ่นไหน คูแ่ ข่งของเขาก็ตอ้ งเป็นซูชงิ ขณะ
ที่คู่ต่อสู้ของซูลั่วก็จะกลายเป็นอั้นเยี่ยซิ่นแทน
ด้วยพลังยุทธ์ของซูลั่ว หากต่อสู้กับอั้นเยี่ยซิ่นย่อมไม่อาจเอาชนะ
อีกฝ่ายได้ นางต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน มีเพียงซูชิงเท่านั้นที่อีกฝ่ายจะยัง
พอเหลือทางรอดได้
สัมผัสที่เฉียบไวของหนานกงหลิวอวิ๋นท�ำให้เขารับรู้ได้ทันทีถึงความ
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
38
ผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะท�ำลายสลากแผ่นหนึ่ง
ไปเสีย แบบนี้สลากหมายเลขสิบเอ็ดอีกแผ่นที่เหลือก็จะตกเป็นของซูลั่ว นั่นก็
เท่ากับว่าก่อนหน้านี้หนานกงหลิวอวิ๋นจับได้หมายเลขเจ็ดนั่นเอง
ใครกันที่อยู่เบื้องหลังแผนการในครั้งนี้ ใครที่คิดจะให้นางประมือกับ
อั้นเยี่ยซิ่น ซูลั่วกวาดตามองไปรอบๆ ทว่ากลับไม่แน่ใจเท่าไรนัก มีผู้คน
มากมายทีอ่ ยากให้นางมอดม้วย แต่คนทีจ่ ะยืน่ มือเข้าแทรกแซงการแข่งขันได้
น่าจะมีเพียงแค่ไม่กี่คน
ขณะที่ซูลั่วก�ำลังสับสนอยู่นั้น ซูชิงกลับลิงโลดใจอย่างยิ่ง นางเดินมา
หยุดอยู่ตรงหน้าซูลั่วด้วยท่าทางผยอง นัยน์ตาฉายแววยั่วยุ “ซูลั่ว เจ้าคงไม่
หลบหนีไปกลางคันหรอกกระมัง”
“หลบหนีกลางคัน? ซูชิง เจ้าพูดถึงตัวเองอยู่หรือไร” แม้จะใจลอย
ไปไกล ทว่าซูลั่วก็ยังสามารถตอบโต้กลับได้อย่างคมกริบ
“เจ้า!” ซูชงิ โมโหจนใบหน้าแดงก�ำ่ ก่อนจะสะบัดแขนเสือ้ แล้วแค่นเสียง
ฮึหนักๆ “ซูลั่ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้มีชีวิตรอดอีกวัน” หลังเอ่ยจบ นางก็เดิน
จากไปด้วยท่าทางโอหังล�ำพอง
หลังเดินลงมาจากเวทีประลองยุทธ์ ซูชิงก็เห็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง
มาหยุดอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายท่าทางตื่นเต้นยินดีอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“ชิงเอ๋อร์! ชิงเอ๋อร์! เป็นเจ้าจริงๆ ใช่หรือไม่” ซูจื่ออันขอบตาแดงก�่ำ
ด้วยความตื่นเต้น ซูชิงบุตรสาวผู้เป็นดั่งดวงใจของเขา นางกลับมาพร้อมกับ
ชื่อเสียงเกียรติยศ สิ่งนี้เองท�ำให้ซูจื่ออันที่ต้องกล�้ำกลืนฝืนทนจากการกระท�ำ
ของซูลั่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ริมฝีปากของซูจื่ออันสั่น “ชิงเอ๋อร์ หลายปีมานี้ท�ำไมเจ้าถึงไม่กลับบ้าน
เล่า ที่จวนของเราเกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย เจ้า...”
“เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าของซูชิงเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง ที่ผ่านมานางจมอยู่กับ
ความเคียดแค้นชิงชังและใช้เวลาไปกับการฝึกฝนอย่างสาหัส ไม่รบั รู้ข่าวคราว
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
39
ของคนในครอบครัวเลยแม้แต่นิด นางเข้าใจว่าทุกคนคงใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุข
มาโดยตลอด
“มารดาและพี่ชายของเจ้าถูกซูลั่วท�ำร้ายจนเป็นอัมพาต เลี้ยงไข้กันมา
สองปี เห็นทีจะฝืนอีกไม่ไหวแล้ว รีบตามพ่อกลับไปดูใจพวกเขาเร็ว” ซูจื่ออัน
ไม่พูดไม่จา รีบลากซูชิงกลับจวนสกุลซูทันที
พลังยุทธ์ของท่านอาจารย์ข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าปรมาจารย์หรงอวิ๋น”
ค�ำกล่าวนี้ของซูชิงท�ำให้ซูจื่ออันลิงโลดขึ้นในใจทันที ท่านอาจารย์ของ
ซูชิงมีพลังยุทธ์ไม่ด้อยไปกว่าปรมาจารย์หรงอวิ๋น? ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแข็งแกร่ง
มากน่ะสิ
“ท่านอาจารย์ของเจ้าคือใครกัน” ผู้ที่เอ่ยค�ำถามนี้ออกมาเป็นชายชรา
ผมขาวที่เดินเข้ามาใหม่
“เหลาจู่...ท่านมาแล้วหรือ” ซูจื่ออันเห็นบิดาของตนเองเดินเข้ามาก็รีบ
ท�ำความเคารพทันที
ซูเหลาจู่โบกมือไล่ซจู อื่ อัน ดวงตาจับนิง่ มายังซูชงิ “ท่านอาจารย์ของเจ้า
คือใคร”
“ท่านปู่...” ซูชิงมองซูเหลาจู่ที่ไม่ได้พบเจอนานด้วยแววตาประหลาดใจ
เล็กน้อย ตอนที่ท่านปู่เริ่มเก็บตัวฝึกฝน นางเพิ่งจะมีอายุเพียงเจ็ดแปดขวบ
เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าแค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว
“ตกลงท่านอาจารย์ของเจ้าเป็นใครกันแน่” ซูเหลาจูย่ งั คงเค้นเอาค�ำตอบ
นี้ ทว่าซูชิงกลับหลุบตาลงต�ำ่ ไม่พูดไม่จาใดๆ
“บอกไม่ได้หรือ” ซูจื่ออันเห็นท่าทางล�ำบากใจของซูชิงก็หันไปมองซู-
เหลาจู่แทน เห็นๆ อยู่ว่าซูชิงบอกไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดบิดาของเขาถึงต้อง
คาดคั้นเอาค�ำตอบจากนางด้วย
ซูชิงเหลือบตาขึ้นมอง ก่อนจะพยักหน้า “ท่านอาจารย์กล่าวไว้ว่าจะให้
ใครรู้ความเป็นมาของท่านไม่ได้เป็นอันขาด แต่ว่าพลังยุทธ์ของท่านอาจารย์
ก็ร้ายกาจมากจริงๆ”
“เรือ่ งนีต้ อ้ งแน่อยูแ่ ล้ว” สีหน้าของซูเหลาจูฉ่ ายแววซับซ้อน “ผูท้ สี่ ามารถ
ผลักดันให้เจ้ามีพลังยุทธ์สูงขึ้นสี่ระดับได้ในระยะเวลาสองปีนั้นจะต้องเป็น
ยอดฝีมอื ทีแ่ ข็งแกร่งเพียงใดกัน หากผู้มยี ทุ ธ์ท่านนัน้ ช่วยหนุนหลังจวนสกุลซู
ได้ สกุลของเราก็จะทะยานไปไกลและชิงอันดับหนึง่ ในสิบขัว้ อ�ำนาจส�ำคัญแห่ง
จักรวรรดิมาได้อย่างแน่นอน”
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
41
การแข่งขันรอบถัดไปจะจัดขึ้นในอีกสิบวัน ระหว่างนี้ซูลั่วเอาแต่ขัง
ตัวเองอยู่ในห้องและใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝน เวลาสิบวันของผู้อื่น
ส�ำหรับนางแล้วก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าเป็นสิบเท่า หมายความว่าซูลั่วมีเวลาฝึกฝนถึง
หนึ่งร้อยวันเต็มๆ
เดิมทีนางปล่อยเสือดาวเพลิงออกมาได้เพียงครัง้ ละหนึง่ ตัวเท่านัน้ ทว่า
บัดนี้นางสามารถปล่อยพลังเสือดาวเพลิงออกมาได้พร้อมกันถึงสี่ตัวในครา
เดียว ซ�ำ้ เวลานี้นางยังมีพลังยุทธ์ขั้นแปดระดับสูง อีกเพียงแค่นิดเดียว หาก
ได้โอกาสเมื่อไร นางย่อมบรรลุพลังยุทธ์ถึงขั้นเก้าอย่างแน่นอน
เรื่องนี้เองที่ท�ำให้ซูลั่วฉงนอย่างหนัก
“หลังจากวันนี้แล้วข้าคงต้องถามท่านอาจารย์ดูสักที” ซูลั่วรู้สึกว่าการ
หายตัวไปของซูชิงนั้นพิลึกพิลั่นเหลือเกิน ซ�ำ้ อีกฝ่ายยังบรรลุพลังยุทธ์ได้ถึง
ขั้นเก้าในระยะเวลาเพียงสองปีอีกด้วย ซูลั่วสะกดกลั้นความสงสัยเอาไว้แล้ว
เดินช้าๆ ไปหยุดอยู่ตรงกลางเวทีประลองยุทธ์
“ซูลั่ว สงครามชี้เป็นชี้ตายครั้งก่อนต้องยุติลงกลางคัน บัดนี้ถึงเวลา
ที่เราจะสะสางปัญหากันเสียที” ซูชิงยืดตัวตรงอย่างโอหังด้วยสีหน้าเย็นชา
ซูลั่วหัวเราะหยัน “เจ้ายังมีหน้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาอีกหรือ”
ซูชิงไม่ได้โกรธขึ้งเพราะค�ำพูดของซูลั่ว แต่นางเลือกที่จะรวบรวมพลัง
วิเศษในกายขึน้ มา แล้วโจมตีเข้าใส่ซลู วั่ อย่างรวดเร็วโดยไม่เปลืองค�ำพูดแม้แต่
ค�ำเดียว
ยังดีที่ซูลั่วเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้พร้อมอยู่แล้ว ทันทีที่ซูชิงโจมตี
เข้าใส่ นางก็วาดผนึกสัญลักษณ์ซับซ้อนขึ้นมา พริบตานั้นเอง คมน�้ำแข็ง
มากมายก็พุ่งเข้าใส่บริเวณล�ำคอของซูลั่ว
“ทะเลเพลิงพิโรธ!” ซูลั่วค�ำรามต�ำ่ ๆ งูเพลิงสี่สายทะยานขึ้นจากพื้นดิน
ก่อนจะโอบล้อมพายุคมน�้ำแข็งเหล่านั้นเอาไว้ กระบวนท่านี้ของซูลั่วท�ำให้
ผู้ชมด้านล่างต้องมองนางในมุมใหม่อีกครั้ง
“เดิมทีคดิ ว่าซูลวั่ คงสิน้ ท่าตัง้ แต่กระบวนท่าแรกทีป่ ะทะกับผูม้ พี ลังยุทธ์
ขั้นเก้าเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะตั้งรับเอาไว้ได้”
“แค่กระบวนท่าแรกเท่านั้น ใครจะไปรู้เล่า ไม่แน่ว่าซูชิงอาจจะไม่ได้
ออกแรงเลยก็เป็นได้”
“ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น”
หลายคนยังคงคลางแคลงในความสามารถของซูลั่ว ทว่าก็มีคนอีก
ส่วนหนึ่งที่เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ เพราะกระบวนท่าที่ซูลั่วปล่อยออกมา
เมื่อครู่ท�ำให้เกิดคลื่นพลังหนักหน่วงที่ผู้มีพลังยุทธ์ขั้นห้าไม่น่าจะส�ำแดง
ออกมาได้ เพราะแบบนี้ซูลั่วต้องไม่ได้มีพลังยุทธ์แค่ขั้นห้าอย่างแน่นอน นาง
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
45
น่าจะมีพลังสูงกว่าขั้นแปดด้วยซ�ำ้
บนเวทีประลองยุทธ์
สีหน้าของซูชิงเย็นยะเยือก
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะต้านพลังสามส่วนสิบจากข้าเอาไว้ได้ ซูลั่ว ข้า
ประเมินเจ้าต�ำ่ เกินไปแล้ว” ทันทีที่เอ่ยจบ ดวงตาของซูชิงก็ฉายแววเย็นชาและ
น่ากลัวออกมา
ซูลวั่ หัวเราะเอือ่ ยๆ “ถึงต่อให้ทมุ่ พลังของเจ้าออกมาจนหมดแล้วอย่างไร
เล่า”
“ได้! ในเมื่อรนหาที่ตายเองก็อย่าโทษข้าแล้วกัน” นัยน์ตาคู่นั้นสาด
ประกายอ�ำมหิต ซูชิงวาดฝ่ามือไปมา ทันใดนั้นกรงขังน�้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นล้อม
ร่างของซูลั่วเอาไว้
ซูลั่วถูกกักเอาไว้ในกรงขังน�้ำแข็ง และกรงขังน�้ำแข็งนี้ก็หาได้อยู่นิ่งไม่
มันหมุนคว้างไปมาจนท�ำให้หญิงสาวรู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้น
ซูลวั่ ทีต่ ดิ อยูใ่ นกรงขังน�ำ้ แข็งตกอยูใ่ นสถานการณ์เป็นรองทันที อุณหภูมิ
ด้านในลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ซูลวั่ ปล่อยพลังธาตุไฟออกมาไม่หยุด ทว่าซูชงิ
เป็นผูม้ พี ลังยุทธ์ขนั้ เก้า พลังทีห่ า่ งกันหนึง่ ขัน้ นีแ้ ตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชดั
แม้ว่าซูลั่วจะพยายามส่งพลังธาตุไฟเพื่อต้านทานอย่างต่อเนื่อง ทว่า
อุณหภูมิที่หนาวเย็นลงเรื่อยๆ ก็ท�ำให้นางเกิดสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
มุมปากซูชิงยกยิ้มอ�ำมหิตเหี้ยมเกรียม “ซูลั่ว...เจ้าตายเสียเถิด!”
สองปีก่อนซูลั่วบีบคั้นนางเสียแทบจนตรอก ซูชิงต้องแบกรับความ
อัปยศอดสูจากการถูกย�่ำยีแบบนั้นมาเป็นเวลาสองปีเต็ม ความคั่งแค้นนี้เองที่
ท�ำให้นางยืนหยัดฝึกฝนตนเองอยู่ในต�ำหนักอันมืดมิดแห่งนั้นได้ หากไม่ใช่
เพราะความเคียดแค้นเข้ากระดูกด�ำแล้วละก็ นางมีหวังพังพินาศย่อยยับไป
เพราะความทรมานที่ได้รับแล้วเป็นแน่
ซูลั่วที่อยู่ด้านในกรงขังน�้ำแข็งขมวดคิ้วแน่น ความแตกต่างระหว่าง
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
46
เป่ยเฉินอิ่งนึกต�ำหนิในใจ
“ไม่จ�ำเป็นต้องกังวล” แววตาของหนานกงหลิวอวิ๋นเผยให้เห็นความ
โล่งใจ “นั่งลง ชมละครสนุกๆ ไปเถอะ”
“เอ๋?” พอเห็นว่าหนานกงหลิวอวิน๋ ยังคงสงบนิง่ อยูไ่ ด้แบบนี้ เป่ยเฉินอิง่
ก็สะกดกลั้นความกลัดกลุ้มลงได้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งนิ่งๆ ตามเดิม
เป็นไปตามค�ำกล่าวของหนานกงหลิวอวิ๋น สถานการณ์ของซูลั่วดูจะ
เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะแม้จะปล่อยพลังไประลอกแล้วระลอกเล่า
ทว่านางก็สามารถบ�ำรุงร่างกายให้ฟื้นคืนได้ดังเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ซูลั่วจะ
พบว่าจู่ๆ พลังของนางก�ำลังจะบรรลุอีกระดับหนึ่งแล้ว
นางใกล้จะแตะเส้นขีดสุดท้ายสู่พลังยุทธ์ขั้นเก้าแล้ว!
ต้องขอบคุณการกระตุ้นจากกรงขังน�้ำแข็งของซูชิง ไม่เช่นนั้นเส้นทาง
ข้างหน้าของนางคงเป็นไปอย่างยากล�ำบากเต็มที แต่เห็นได้ชดั ว่าซูชงิ ก็หาใช่คน
โง่เขลาไม่ พอเห็นลักษณะเช่นนั้นของซูลั่ว นางก็เดาเหตุการณ์ได้อย่างแม่นย�ำ
ไม่รอให้ซลู วั่ ก้าวข้ามเส้นแบ่งพลังยุทธ์ได้ เสียงผัวะดังขึน้ ก่อนทีก่ รงขังน�้ำแข็ง
จะสลายหายวับไป
“ฮึ! สังหารเจ้าแบบนี้ดูจะง่ายดายไปหน่อย” ซูชิงเอ่ยวาจาออกไป ทว่า
ซูลั่วกลับท�ำเพียงแค่ปรายตาดูแคลนอีกฝ่าย
ซูชงิ จู่โจมอีกครัง้ อย่างรวดเร็ว เพราะหากให้เวลาอีกฝ่ายเพียงแค่สบิ ห้า
นาทีเท่านั้น ซูลั่วต้องเลื่อนพลังยุทธ์ไปถึงขั้นเก้าแน่ๆ
สายตาอ�ำมหิตของซูชิงกวาดมองซูลั่วตั้งแต่หัวจดเท้า นัยน์ตาฉายแวว
ฉงนออกมา อันที่จริงนางสัมผัสได้ตั้งแต่ที่ประมือกันแล้วว่าพลังยุทธ์ของซูลั่ว
นั้นหาได้อ่อนด้อยเลยแม้แต่นิด ไม่ใช่ขั้นห้าอย่างที่เห็นภายนอกเป็นแน่
เมื่อครู่นางใช้พลังไปถึงเก้าส่วน แต่ก็ยังแค่เกือบจะเล่นงานซูลั่วได้
เท่านั้น เรื่องนี้เองที่ท�ำให้ความรู้สึกหยิ่งผยองในตัวเองของซูชิงลดฮวบลงใน
ทันที
“เสือดาวน�ำ้ แข็ง...โจมตี!” ซูชิงสะบัดมือ เสือดาวน�ำ้ แข็งดุดันสองตัวก็
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
48
กระโจนเข้าใส่ซูลั่วในพริบตา
เสือดาวน�้ำแข็ง? ซูลั่วยกยิ้มเย็นที่มุมปาก ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์มีความ
สามารถในการคาดเดาหรืออย่างไร ท่านถึงได้มอบเคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาท
ให้แก่นาง ตอนนี้ก็เป็นเวลาเหมาะเจาะที่จะใช้มันเพื่อเอาชนะเสือดาวน�ำ้ แข็ง
ของซูชิงไม่ใช่หรือไร
“เสือดาวเพลิง!” ซูลวั่ ปัน้ หน้าขรึม แค่พริบตาเดียวก็ปล่อยเสือดาวเพลิง
ไฟลุกโชนสองตัวออกมา จากนัน้ เจ้าเสือดาวเพลิงก็พงุ่ ทะยานใส่เสือดาวน�้ำแข็ง
ทันที ก่อนจะเข้าขย�ำ้ กันอย่างดุเดือด
ไฉนจึงเป็นเช่นนี้ได้ สีหน้าซูชิงเปลี่ยนเล็กน้อย สายตาคลางแคลง
มองปราดมาที่ซูลั่ว
เวลานี้บรรยากาศด้านล่างเวทีประลองก็อลหม่านขึ้นมาทันที
“เสือดาวเพลิง? ไฉนถึงเป็นเสือดาวเพลิงได้” สีหน้าของหลายคนที่อยู่
ในที่นั่งกิตติมศักดิ์ฉายแววลึกลับซับซ้อนออกมา เคล็ดวิชาเพลิงกัมปนาทนั้น
มีแต่ผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเก้าที่สามารถศึกษาได้ เพราะแบบนี้ซูชิงที่อยู่ในขั้นเก้าจึง
ฝึกฝนเสือดาวน�้ำแข็งได้อย่างไรเล่า
แต่เหตุใดซูลวั่ ...เหตุใดนางถึงก่อเสือดาวเพลิงขึน้ มาได้ ต่อให้นางไม่ได้
มีพลังยุทธ์แค่ขนั้ ห้า ถึงอย่างนัน้ ก็ไม่มที างเป็นผูม้ พี ลังยุทธ์ขนั้ เก้าอย่างแน่นอน!
ฝีมือของซูลั่วเกินกว่าความเข้าใจของใครหลายๆ คน เพราะเหตุนี้
ทุกสายตาจึงจับนิง่ มายังนางเป็นตาเดียวกัน ความตกตะลึงภายในใจของพวก
เขานั้นไม่อาจบรรยายออกมาเป็นค�ำพูดได้เลย
“ทีแ่ ท้ซลู วั่ หาใช่คนไร้ฝมี อื ไม่ ทีแ่ ท้นางก็ไม่ได้มพี ลังยุทธ์เพียงแค่ขนั้ ห้า!”
“ที่แท้ก่อนหน้านี้นางก็ไม่ได้โกงการแข่งขัน ซูลั่วมีความสามารถจริงๆ
ด้วย!”
“หรือว่าพวกเราทัง้ หมดจะใส่รา้ ยนาง หรือว่านางแสร้งแต่งเป็นหมูหลอก
1
กินเสือ มาตลอด?”
ผู้คนบนอัฒจันทร์ต่างก็ตะลึงพรึงเพริดไป สถานการณ์พลิกผันไปเร็ว
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
49
จนพวกเขาไม่ทันตั้งตัว
“ให้ตายเถิด” ประมุขวังเว่ยยังส่ายหน้า “นังเด็กผูน้ แี้ ข็งแกร่งขึน้ กว่าเมือ่
ครั้งที่เดินทางมายังวังเว่ยยังมากนัก นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น...” ยามนี้
หลายคนผุดลุกขึน้ แล้วจับจ้องไปบนเวทีประลองยุทธ์อย่างชนิดไม่คลาดสายตา
การต่อสู้ในครั้งนี้เหนือความคาดคิดไปมากพอดู
แต่ไม่ว่าผู้ชมจะตกใจหรือส่งเสียงอึกทึกครึกโครมแค่ไหน ซูลั่วและ
ซูชิงที่อยู่บนเวทีก็ยังคงต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เช่นนั้น
เสือดาวเพลิงสองตัว เสือดาวน�้ำแข็งสองตัว พลังยุทธ์ไม่ดอ้ ยไปกว่ากัน
ทั้งสองฝ่ายห�ำ้ หั่นกันอย่างสูสี
ซูชงิ ขมวดคิว้ แน่น ทัง้ ๆ ทีเ่ ห็นชัดว่าซูลวั่ มีพลังยุทธ์ไม่ถงึ ขัน้ เก้า แต่นาง
กลับปล่อยเสือดาวเพลิงออกมาได้ ซ�ำ้ เสือดาวเพลิงของนางยังต้านรับการโจมตี
จากเสือดาวน�้ำแข็งได้เสียอีก แบบนี้ไม่เท่ากับว่าความสามารถของอีกฝ่าย
พอๆ กับตนเองหรอกหรือ ซูชิงไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้เลย
“เงาน�ำ้ แข็ง ทะยานไป!” ซูชิงค�ำรามลั่น จากนั้นเงาน�ำ้ แข็งก็ปรากฏขึ้น
เบื้องหลังของนาง
“ซูลั่ว เจ้าบีบให้ข้าแสดงกระบวนท่านี้ออกมาได้ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว”
ซูชิงแค่นเสียงเยือก วินาทีที่เงาน�ำ้ แข็งโถมทับร่างเสือดาวน�ำ้ แข็งนั้น...
“โฮก!”
พลันนั้นเสือดาวน�ำ้ แข็งร่างกายก�ำย�ำสองตัวก็คำ� รามก้องออกมา ก่อน
ที่ร่างของมันจะขยายใหญ่เป็นเท่าตัวในพริบตา พลังการโจมตีก็เพิ่มขึ้นอีก
เท่าตัวเช่นกัน ร่างของเสือดาวน�้ำแข็งขาวโพลน รังสีเย็นยะเยือกแผ่ออกมา
รอบด้าน พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของมันกลายเป็นชั้นน�ำ้ แข็งหนาในทันใด
“โฮก!”
เสือดาวน�้ำแข็งสองตัวค�ำรามลั่น แสยะปากแดงฉานออกกว้าง จากนั้น
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน จะเลื่อนจากขั้นห้าไปเป็นขั้นเก้าได้อย่างไร
บ้าไปแล้วกระมัง!”
“หรือว่าก่อนหน้านีซ้ ลู วั่ จะปิดบังพลังยุทธ์ของตัวเองมาโดยตลอด จริงๆ
แล้วนางมีความสามารถแก่กล้ายิ่งนัก”
ข้อสงสัยมากมายผุดขึ้นในความคิดผู้ชม ใบหน้าของคนเหล่านั้นเผย
แววตกใจและสงสัยใคร่รู้ คนที่รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านมากที่สุดในเวลานี้ก็คือ
ซูชิง นางคิดไม่ถึงเลยว่าซูลั่วจะบรรลุขั้นพลังยุทธ์เอาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
เช่นนี้ เรื่องนี้ท�ำให้นางเคียดแค้นชิงชังจนปวดปลาบไปทั้งหัวใจ
“คลื่นพลังวิเศษที่แข็งแกร่งยิ่งนัก สวรรค์! พวกเจ้ารีบดูเสือดาวเพลิง
สองตัวนัน้ เร็ว” ไม่รวู้ า่ ใครเป็นคนกรีดร้องขึน้ มา พริบตานัน้ ทุกสายตาก็เบนไป
จับที่ร่างของเสือดาวเพลิง
ยามนี้เสือดาวเพลิงสองตัวก่อรูปร่างขึ้นมาแล้ว หากเทียบกับก่อนหน้า
นี้ เจ้าเสือดาวเพลิงก็มรี ปู ร่างใหญ่โตขึน้ กว่าเดิมมาก ล�ำตัวของมันเปล่งประกาย
เพลิงสีสม้ ลุกโชน ก่อนจะแปรเปลีย่ นเป็นสีแดงเข้มจนเกือบจะกลายเป็นสีมว่ ง
เสือดาวน�ำ้ แข็งของซูชงิ ผงะถอยหลังไปสองก้าวทันทีทเี่ ห็นเสือดาวเพลิง
สัญชาตญาณของมันสัมผัสได้ถึงพลังอ�ำนาจอันแข็งกล้าที่แผ่ออกมาจากร่าง
ของเสือดาวเพลิง ในใจของมันเกิดความกริ่งเกรงขึ้นมาทันที
“โจมตี! ปะทะ!” ซูชิงตะโกนก้อง ทว่าเสือดาวน�้ำแข็งของนางเอาแต่
ถอยหลัง ไม่กล้ากระโจนไปข้างหน้าอยู่แบบนั้น ซูชิงโมโหจนเส้นเลือดปูดโปน
ไปหมด นางยื่นมือออกมา จากนั้นแส้ยาวสีนิลก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ
“บุก!” ซูชิงสะบัดแส้ออกไปอย่างไม่ลังเล เสือดาวน�ำ้ แข็งสองตัวรับรู้ได้
ถึงจิตใจอันฮึกเหิมของผู้เป็นนาย แม้ว่ามันจะหวั่นเกรง แต่ก็จ� ำใจกัดฟัน
ดาหน้าเข้าหาศัตรู
ซูลั่วยกยิ้มเย็นชาอ�ำมหิต นางยังไม่ได้ขยับตัวท�ำอะไร ทันใดนั้นเอง
เสือดาวเพลิงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกสอง...สี่ตัว! ซูลั่วก่อเสือดาวเพลิงได้ถึงสี่ตัว!
ทุกคนพากันตะลึงงัน เพราะตามหลักทั่วไปแล้ว ผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเก้าระดับต้น
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
52
จะก่อเสือดาวเพลิงได้สองตัว มีพลังยุทธ์ขั้นเก้าระดับกลางจะก่อเสือดาวเพลิง
ได้สี่ตัว ขณะที่มีพลังยุทธ์ขั้นเก้าระดับสูงจะก่อเสือดาวเพลิงได้หกตัว...ตอนนี้
แม้แต่ซูชิงยังก่อเสือดาวน�้ำแข็งได้ไม่ถึงสี่ตัวด้วยซ�้ำ แต่ซูลั่วกลับก่อเสือดาว
เพลิงขึ้นสี่ตัวได้อย่างง่ายๆ แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน หมายความว่า
พลังยุทธ์ของซูลั่วนั้นเหนือกว่าซูชิงไปแล้ว
จากคนขี้โกงที่ใครๆ ก็ดูแคลน มาบัดนี้กลับมีพลังยุทธ์เหนือกว่าซูชิง
ความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นกับซูลั่ว ท�ำให้หลายคนแทบจะ
ตั้งรับไม่ทัน
บนเวทีประลองยุทธ์ เสือดาวเพลิงสี่ตัวโอบล้อมเสือดาวน�ำ้ แข็งสองตัว
เอาไว้ เสือดาวน�ำ้ แข็งเดิมทีกเ็ กรงในอ�ำนาจอีกฝ่ายมากอยู่แล้ว บัดนีด้ ้วยก�ำลัง
ที่ด้อยกว่าถึงหนึ่งเท่า พวกมันจะเอาชนะศัตรูได้อย่างไรกัน
“หงิงๆๆ” แค่พริบตาเดียว เสือดาวน�้ำแข็งก็ถูกเสือดาวเพลิงกลืนกิน
และก�ำจัดลงจนหมดสิ้น
ซูลวั่ ยืนสง่าอยูบ่ นเวที สายลมพัดเส้นผมสีดำ� สลวยของนางพลิว้ ใบหน้า
นั้นงดงามอย่างไร้ที่เปรียบ หญิงสาวหัวเราะเอื่อยๆ รอยยิ้มเจิดจ้าดั่งดอกไม้
ในฤดูร้อน “ซูชิง...เจ้ารู้สึกเช่นไรเล่า”
“ซูลั่ว!” แส้สีนิลในมือซูชิงถูกบีบจนป่นปี้เป็นผุยผง ตอนที่เสือดาว
น�ำ้ แข็งถูกกลืนกินไปเมือ่ ครูน่ ี้ ส่งผลกระทบต่อพลังยุทธ์ของนางอย่างหนักหน่วง
เพราะพวกมันทั้งสองตัวก่อขึ้นจากพลังวิเศษในกายนาง
“ซูชงิ ...เจ้าบาดเจ็บแล้ว ซ�้ำยังไม่ใช่เบาะๆ อีกด้วย” ซูลวั่ หัวเราะแผ่วเบา
ทว่าในสายตาของซูชิง ท่าทางเช่นนี้กลับเป็นการเย้ยหยันกันซึ่งๆ หน้า
“ซูลวั่ หากไม่เอาชีวติ เจ้าวันนี้ ข้า...ซูชงิ จะฆ่าตัวตายบนเวทีประลองยุทธ์
แห่งนี้เอง!” ใบหน้าของซูชิงบิดเบ้น่าเกลียด นางเอ่ยค�ำสบถสาบานออกมา
ทันทีทสี่ ิ้นเสียง เจ้าตัวก็กลืนโอสถสีขาวราวหิมะลงไปหนึ่งเม็ด จากนั้นก็พุ่ง
ทะยานเข้าใส่ซูลั่วด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า
การโจมตีจากซูชิงแข็งแกร่งกว่าที่ซูลั่วคิดเอาไว้มากนัก ต้องเป็นเพราะ
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
53
กดดันโถมทับขึ้นเป็นเท่าตัว
ตอนทีพ่ ลังกดดันโถมเข้าใส่รา่ งนัน้ ซูชงิ ก็ได้สติกลับมาในทันที นางรูส้ กึ
ว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีเสียแล้ว ระยะสิบเมตรรอบตัวซูลั่วนี้ดูแปลกพิลึก ทว่า
กว่าจะคิดได้ก็สายไป ไม่มีใครรู้ว่าซูลั่วมีอาวุธชั้นเทพอย่างมิติว่างเปล่า และก็
ไม่มีใครรู้ด้วยว่าในมิติว่างเปล่านี้ ซูลั่วคือเจ้า หากนางคิดจะลดทอนความเร็ว
ของผู้อื่น ก็สามารถท�ำได้อย่างง่ายดาย ตอนที่ซูลั่วลดความเร็วของซูชิงลง
ก็ทำ� ให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองเรียบร้อยแล้ว
“เหนือกว่าผู้มีพลังยุทธ์ในขั้นเดียวกันอย่างนั้นหรือ” ซูลั่วหัวเราะเยือก
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอพิสูจน์ดูสักหน่อยว่า เจ้าจะเหนือกว่าใครในผู้มีพลังยุทธ์
ขั้นเดียวกันจริงหรือไม่” ทันทีที่สิ้นเสียง ซูลั่วก็โจมตี
เปลวเพลิงขนาดใหญ่หกสายพุง่ ทะยานออกมาและย้อมท้องฟ้าจนกลาย
เป็นสีแดงฉาน สีแดงปานโลหิตนั้นสาดสะท้อนไปบนใบหน้าของซูชิง เจ้าตัว
สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเทพเจ้าแห่งความตายก�ำลังจะมาเยือน
“ไม่! ไม่! ข้าจะตายไม่ได้!” ซูชิงถอยกรูดไปด้านหลัง นางได้สติคืนมา
ทันที พื้นที่สิบเมตรรอบกายซูลั่วนี้แปลกประหลาดนัก แต่หากนางพ้นจาก
บริเวณนี้ไปได้ เช่นนั้นก็คงรอดพ้นสถานการณ์นี้ใช่หรือไม่
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ ไม่ง่ายขนาดนั้น!” ซูลั่วสังเกตเห็นว่าซูชิง
พยายามจะหนีออกจากมิติว่างเปล่าของนาง เจ้าตัวก็รีบออกกระบวนท่าโจมตี
ในทันที
ยามนี้ซูชิงอัดอั้นใจยิ่งนัก เดิมทีนางเป็นฝ่ายไล่ล่าซูลั่ว เดิมทีนาง
ต้องการสังหารซูลั่วให้ตายไปเสีย แต่บัดนี้นางกลับเป็นฝ่ายถูกสังหารเสียเอง
เรื่องนี้ท�ำให้ซูชิงแทบจะกระอักเลือดตายเพราะความแค้นเคือง
“ซูชิง...เจ้าคิดจะสังหารข้าไม่ใช่หรือไร หนีอะไรกันเล่า” เสียงเย้ยหยัน
ของซูลั่วดังลอยมาไม่หยุด ซูลั่วรู้ดีว่าครั้งนี้นางจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปไม่ได้
เป็นอันขาด เพราะซูชงิ เห็นมิตวิ า่ งเปล่าของตนเองเข้าให้แล้ว ถ้านางไม่ตาย นาง
ต้องโพนทะนาเรือ่ งนีอ้ อกไปแน่ๆ ซูลวั่ ไม่ตอ้ งการให้เกิดปัญหาใดๆ ตามมาอีก
ทรราชตื๊อรัก เล่ม 7
56
ฝ่ามือข้างล�ำตัวของซูชิงก�ำเข้าหากันแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
จังหวะที่เปลวเพลิงก�ำลังจะเข้าปะทะศีรษะของนาง วินาทีนั้นเอง...เสียงฟึ่บก็
ดังขึ้น จากนั้นซูชิงก็หายวับไปจากมิติว่างเปล่าของซูลั่ว
เกิดอะไรขึน้ กันแน่ เครือ่ งหมายค�ำถามตัวใหญ่ผดุ ขึน้ ในหัวของซูลวั่ แต่
พอเห็นก้อนหินที่อยู่ในมือของซูชิง หญิงสาวก็เดือดดาลขึ้นมา หินข้ามมิติ
อีกแล้วหรือ! หินข้ามมิตเิ ป็นมิตเิ คลือ่ นที่ ไม่มใี ครรูว้ า่ ระยะทางทีห่ นิ ข้ามมิตสิ ง่
ออกไปว่าจะใกล้หรือไกลแค่ไหน ครั้งก่อนหลี่เหยาเหยาก็อาศัยหินข้ามมิตินี้
หนีเอาตัวรอดไปได้ ตอนนี้ซูชิงก็คิดจะหนีอีกอย่างนั้นหรือ
แต่ไม่รู้ว่าซูชิงโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เพราะครั้งนี้หินข้ามมิติส่งนาง
ออกไปไม่ไกลพอ นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ขอบเวทีประลองยุทธ์ ทว่าก็
รอดพ้นจากมิตวิ ่างเปล่าของซูลวั่ ไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย ยามนีซ้ ชู งิ ต้องเผชิญ
หน้ากับทางเลือกทีย่ ากจะตัดสินใจ หนึง่ ก็คอื ฉวยจังหวะทีซ่ ลู วั่ ยังตามมาไม่ทนั
กระโดดหลบหนีไปท่ามกลางคนหมูม่ าก สองก็คอื หันกลับไปโรมรันกับซูลวั่ ให้
ตายกันไปข้างหนึ่ง สถานการณ์บีบคั้น หากเลือกผิดย่อมหมายถึงชีวิต ยามนี้
ซูชิงได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่กับที่เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกเส้นทางใดดี
หินข้ามมิติ...ตอนที่ซูชิงมองหินข้ามมิติในมือของตนเอง จู่ๆ ความคิด
หนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมา สวรรค์! นางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดบริเวณรอบกายซูลั่ว
ถึงได้พลิ กึ พิลนั่ นัก มิต!ิ ซูลวั่ ต้องเป็นผูค้ รอบครองธาตุมติ แิ น่ๆ! จากข่าวทีน่ าง
สืบทราบมาก่อนหน้านี้ ซูลวั่ รูว้ ชิ าเคลือ่ นไหวไร้เงา แล้วไหนจะคลืน่ พลังแปลกๆ
รอบกายนางอีกเล่า หากเดาไม่ผิดละก็ สิ่งนั้นต้องเป็นมิติว่างเปล่าแน่ๆ! พอ
คิดได้แบบนี้ ซูชิงก็เหมือนคนฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
นางหันมาหัวเราะเยาะลัน่ ใส่ซลู วั่ “ซูลวั่ ถึงข้าสังหารเจ้าไม่ได้ แต่ใต้หล้า
นีม้ คี นมากมายทีส่ งั หารเจ้าได้ เพราะเจ้าครอบครองสิง่ ล�้ำค่าทีช่ วนให้ผอู้ นื่ ริษยา
มากเกินไป!”
หัวใจของซูลั่วกระตุกวูบ หรือว่าซูชิงจะรู้ความลับของนาง หากซูชิงรู้
ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่ได้การเสียแล้ว! ครั้งนั้นท่านอาจารย์ยอมสละมิติของตนเอง
ซูเสี่ยวหน่วน : เขียน ยูมิน : แปล
57
สร้างถุงเฉียนคุนขึ้นมา และน�ำออกไปประมูลสู่ตลาดก็เพื่อปกปิดเรื่องสถานะ
ของนาง หากเรื่องที่นางเป็นผู้ครอบครองธาตุมิติแพร่ออกไป ถึงตอนนั้น
ต้องยุ่งยากเป็นแน่ เงื่อนไขที่ท่านอาจารย์ตกลงเอาไว้กับบรรดาผู้อาวุโสจาก
สกุลใหญ่เหล่านั้นก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เหมือนกับที่ซูชิงกล่าวไว้
จริงๆ สิง่ ล�ำ้ ค่าทีซ่ ลู วั่ ครอบครองและชวนให้ผคู้ นปรารถนาทีจ่ ะแย่งชิงนัน้ มีมาก
จนเกินไป
เลือดของนาง มิติของนาง สัตว์วิเศษของนาง ทุกอย่างล้วนแต่ชวนให้
ผูค้ นริษยาตาร้อน ทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ ก็คอื หากข่าวการเป็นผูค้ รอบครองธาตุมติ ขิ อง
นางเล็ดลอดออกไปละก็ เรือ่ งทีซ่ ลู วั่ ปล้นสะดมวังเว่ยยังก็จะถูกจับได้ในทันที!
ถึงตอนนัน้ คนของวังเว่ยยังก็จะร่วมกันเล่นงานนาง นอกเสียจากว่าปรมาจารย์
หรงอวิน๋ จะสังหารคนของวังเว่ยยังได้หมดสิน้ ไม่เช่นนัน้ คนเหล่านัน้ ต้องไล่ล่า
สังหารนางไม่หยุดเป็นแน่ ด้วยเหตุผลนานาประการทั้งหลาย มิติของนางจะ
ถูกเปิดโปงในเวลานี้ไม่ได้เป็นอันขาด!
ไม่รอให้ซูชิงได้เอ่ยจนจบ ซูลั่วก็สะบัดแขนเสื้อ จากนั้นเถาวัลย์สีทอง
ก็พุ่งทะยานเข้าหาซูชิงในทันที ด้านหลังของซูชิงคือริมเวทีประลองยุทธ์ จะหนี
ก็หนีไม่พ้น ตอนที่เจ้าตัวก�ำลังตะลึงงันอยู่นั้น เถาวัลย์เส้นยาวก็ก่อตัวเป็น
กรงขังและกักซูชิงเอาไว้ด้านใน
ซูชงิ กลิง้ เกลือกไปมากับพืน้ นางทัง้ ดิน้ รน ทัง้ พยายามทลายกรงขัง ทว่า
ต้นเซียงซือที่กลายพันธุ์มาแล้วถึงสามระยะหาใช่พันธนาการที่ซูชิงจะหลบหนี
ออกมาได้ง่ายๆ ยิ่งดิ้นรนนานเท่าไร กรงขังต้นจวี้หลิงก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าเถาวัลย์ของมันมีหนามแหลมงอกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร หนามเล็กๆ
เหล่านั้นเรียวแหลมยิ่งกว่าเข็มปักผ้า ทิ่มแทงเข้าไปที่ผิวกายของซูชิง กรง
เถาวัลย์ก็บีบตัวแน่นแทบจะผสานเป็นร่างเดียวกับนักโทษของมันที่อยู่ด้านใน
“อ๊า!” หนามแหลมทิ่มแทงไปทั่วร่าง พวกมันหาใช่หนามธรรมดาๆ ไม่
แต่ยังปนไปด้วยพิษร้ายแรงที่มาจากต้นจวี้หลิง เป็นพิษที่ท�ำให้ปวดร้าวไปทั้ง
ระบบประสาท ด้วยเหตุนี้แม้ว่าซูชิงจะเป็นถึงผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเก้า แต่นางก็ยัง