You are on page 1of 134

แบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน

วิทยาศาสตร
และเทคโนโลยี

ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2

ฉบับ
เฉลย

เล่ม 2

ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)


ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ผูเรียบเรียง ผูตรวจ พิมพครั้งที่ 3


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
ผศ. ดร.กนก หวลกําเนิด นายธิติพัทธ ชุติวัฒนโสภณ รหัสสินคา 2238069
2248027
นางพัชรินทร แสนพลเมือง
คําแนะนําในการใช้สื่อ

แบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2


เรียบเรียงขึ้นสําหรับใชประกอบการเรียนการสอนตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด ในกลุมสาระการเรียนรู
วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 ออกแบบโดยเนนกระบวนการทางวิทยาศาสตรและกระบวนการสืบเสาะหาความรูและเสริมสรางทักษะแหง
ศตวรรษที่ 21 ดวยกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งมีองคประกอบเพื่อชวยอํานวยความสะดวกแกผูเรียนและผูสอน ดังนี้

4 หัวข้อและตัวชี้วัด
หน่วยการเรียนรู้ที่

ระบุตัวชี้วัดที่สอดคลองกับเนื้อหา เพื่อใหงายตอการวัดและ
แรง
ว 2.2 ม.2/1 ว 2.2 ม.2/2
ประเมินผล
ว 2.2 ม.2/3 ว 2.2 ม.2/4
ว 2.2 ม.2/5 ว 2.2 ม.2/6
ว 2.2 ม.2/7 ว 2.2 ม.2/8
ว 2.2 ม.2/9 ว 2.2 ม.2/10
ว 2.2 ม.2/11 ว 2.2 ม.2/12

แรงและการเคลือ่ นที่ ว 2.2 ม.2/13


การเคลื่อนที่
ว 2.2 ม.2/14 ว 2.2 ม.2/15

1 แรง
แบบฝึกหัด
แบบฝกหัดที่ 1.1
แบบฝกหัดที่ 1.1 พิจารณาเหตุการณตอไปนี้ แลวบอกวาวัตถุมีสภาพการเคลื่อนที่คงเดิมหรือเปลี่ยนแปลง
กิจกรรมที่ชวยทบทวนเนื้อหาตรวจสอบความรูความเขาใจ และ
ฉบับ
โดยขีด ✓ ลงใน แลวอธิบายสภาพการเคลื่อนที่ สงเสริมใหผูเรียนไดฝกทักษะกระบวนการคิด
เฉลย เหตุการณ คําอธิบาย

แบบบันทึกกิจกรรม
1. นันวางหนังสือไวบนโตะ
✓ สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม
หนังสือวางนิ่งอยูบนโตะไดเนื่องจากแรงลัพธที่
..............................................................................................................................
กระทํากับหนังสือเปนศูนย สภาพการเคลื่อนทีข่ อง
..............................................................................................................................
บันทึกกิจกรรม
ฉบับ
สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง
2. แกวปลอยลูกบอลลงมาจากชั้น 3 ของอาคาร
หนังสือจึงไมเปลี่ยนแปลง
..............................................................................................................................

แรงโนมถวงจะทําใหอตั ราเร็วเพิม่ ขึน้ ในทิศทางเดิม


..............................................................................................................................
กิจกรรมทีเ่ นนใหผเู รียนไดลงมือปฏิบตั ิ โดยใชกระบวนการสืบเสาะ
เฉลย สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม
✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง
คือ ทิศดิ่งลงเขาหาพิ้นโลก สภาพการเคลื่อนที่ของ
..............................................................................................................................
ลูกบอลจึงเปลี่ยนแปลง
..............................................................................................................................
หาความรู
3. บอยดีดลูกแกวเบา ๆ ใหกลิ้งไปบนพื้นคอนกรีตขรุขระ ตอนแรกลูกแกวจะกลิง้ ดวยความเร็วคาหนึง่ ซึง่ ตอ
Science Science in Real Life
..............................................................................................................................
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม มาจะกลิง้ ชาลง และสุดทายหยุดอยูก บั ที่ เพราะมีแรง
..............................................................................................................................

✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง ที่ตานการเคลื่อนที่กระทําตอลูกแกว
in Real Life
..............................................................................................................................

4. โบนํารถของเลนวางบนแผนฟเจอรบอรดที่วางบนพื้นราบ (วิท ยาศาสตร


จากเดิมทีอ่ ยูน งิ่ บนฟ ในชี เจอรวบต ิ อรจริด พอแผ ง) นฟเจอร-
..............................................................................................................................
บอรดเริ่มเอียง รถของเลนจะเริ่มเคลื่อนที่ หากมุม
จากนั้นคอย ๆ เอียงฟเจอรบอรดชา ๆ ใหทํามุมกับพื้นราบ ..............................................................................................................................
กิจกรรมบูรณาการความรูใ นเนือ้ หาตามตัวชีว้ ดั กับชีวติ ประจําวัน
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม เอียงมีคามากขึ้นรถของเลนจะวิ่งลงมาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
..............................................................................................................................

✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง ..............................................................................................................................
H.O.T.S.
HOTS
5. เอยกําลังขับรถอยูบนถนนดวยอัตราเร็วคงตัว เมือ่ เอยแตะเบรก รถยังคงเคลือ่ นทีไ่ ปขางหนาแต
..............................................................................................................................
แตมีหมาวิ่งตัดหนารถ เอยจึงเบรกรถกะทันหัน
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม
อัตราเร็วลดลงจนหยุดในชวงเวลาสั้น ๆ สภาพการ
..............................................................................................................................
เคลือ่ นทีข่ องรถเปลีย่ นแปลง จากผลของแรงเสียดทาน
..............................................................................................................................
กิจกรรมเพือ่ ใหผเู รียนพัฒนาการคิดวิเคราะห คิดริเริม่ สรางสรรค
✓ (คํ าถามท่อนทีาทายความคิ ดขั้นสูง) ..............................................................................................................................
สภาพการเคลื
2 แรงและการเคลื่อนที่
่เปลี่ยนแปลง
คิดอยางมีวิจารณญาณ
Unit Test
Unit Test 4 แบบทดสอบเพื่อใชประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประจํา
หนวยการเรียนรู
ส่วนท้ายเล่ม

แบบทดสอบทายเลม
S T E M Project คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
กิจกรรม STEM แบบทดสอบท้ายเล่ม
กิจกรรมบูรณาการความรูทางคณิตศาสตร วิทยาศาสตร และ ขอสอบเพื่อใชประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปลายภาคเรียน
เทคโนโลยีกับกระบวนการเชิงวิศวกรรม
แนวข้อสอบ O-NET
แนวขอสอบ O-NET แนวขอสอบเพื่อศึกษาตอในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
สารบัญ

หน่วยการเรียนรูท
้ ี่
4 แรงและการเคลื่อนที่ 2-29
1. แรง 2
2. การเคลื่อนที่ 21
Science in Real Life 20
กิจกรรมท้าทายความคิดขั้นสูง (H.O.T.S.) 23
Unit Test 24

หน่วยการเรียนรูท
้ ี่
5 งานและพลังงาน 30-49
1. งานและกําลัง 30
2. พลังงาน 36
Science in Real Life 43
ฉบับ
กิจกรรมท้าทายความคิดขั้นสูง (H.O.T.S.) 44 เฉลย
Unit Test 45

หน่วยการเรียนรูท
้ ี่
6 โลกและการเปลี่ยนแปลง 50-75
1. โครงสรางและการเปลี่ยนแปลงของโลก 50
2. ดิน 55
3. นํ้า 59
4. เชื้อเพลิงซากดึกดําบรรพ 65
Science in Real Life 69
กิจกรรมท้าทายความคิดขั้นสูง (H.O.T.S.) 70
Unit Test 71

STEM Project 76
แบบทดสอบทายเลม 81
แนวขอสอบ O-NET 90
4
หน่วยการเรียนรู้ที่

แรง
ว 2.2 ม.2/1 ว 2.2 ม.2/2
ว 2.2 ม.2/3 ว 2.2 ม.2/4
ว 2.2 ม.2/5 ว 2.2 ม.2/6
ว 2.2 ม.2/7 ว 2.2 ม.2/8
ว 2.2 ม.2/9 ว 2.2 ม.2/10
ว 2.2 ม.2/11 ว 2.2 ม.2/12

แรงและการเคลือ่ นที่ ว 2.2 ม.2/13


การเคลื่อนที่
ว 2.2 ม.2/14 ว 2.2 ม.2/15

1 แรง
แบบฝกหัดที่ 1.1 พิจารณาเหตุการณตอไปนี้ แลวบอกวาวัตถุมีสภาพการเคลื่อนที่คงเดิมหรือเปลี่ยนแปลง
โดยขีด ✓ ลงใน แลวอธิบายสภาพการเคลื่อนที่
ฉบับ
เฉลย เหตุการณ คําอธิบาย
1. นันวางหนังสือไวบนโตะ หนังสือวางนิ่งอยูบนโตะไดเนื่องจากแรงลัพธที่
..............................................................................................................................
✓ สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม กระทํากับหนังสือเปนศูนย สภาพการเคลื่อนทีข่ อง
..............................................................................................................................
สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง หนังสือจึงไมเปลี่ยนแปลง
..............................................................................................................................

2. แกวปลอยลูกบอลลงมาจากชั้น 3 ของอาคาร แรงโนมถวงจะทําใหอตั ราเร็วเพิม่ ขึน้ ในทิศทางเดิม


..............................................................................................................................
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม คือ ทิศดิ่งลงเขาหาพื้นโลก สภาพการเคลื่อนที่ของ
..............................................................................................................................
✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง ลูกบอลจึงเปลี่ยนแปลง
..............................................................................................................................

3. บอยดีดลูกแกวเบา ๆ ใหกลิ้งไปบนพื้นคอนกรีตขรุขระ ตอนแรกลูกแกวจะกลิง้ ดวยความเร็วคาหนึง่ ซึง่ ตอ


..............................................................................................................................
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม มาจะกลิง้ ชาลง และสุดทายหยุดอยูก บั ที่ เพราะมีแรง
..............................................................................................................................

✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง ที่ตานการเคลื่อนที่กระทําตอลูกแกว
..............................................................................................................................

4. โบนํารถของเลนวางบนแผนฟเจอรบอรดที่วางบนพื้นราบ จากเดิมที่อยูนิ่งบนฟเจอรบอรด พอแผนฟเจอร


..............................................................................................................................
จากนั้นคอย ๆ เอียงฟเจอรบอรดชา ๆ ใหทํามุมกับพื้นราบ บอรดเริ่มเอียง รถของเลนจะเริ่มเคลื่อนที่ หากมุม
..............................................................................................................................
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม เอียงมีคามากขึ้นรถของเลนจะวิ่งลงมาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
..............................................................................................................................

✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง ..............................................................................................................................

5. เอยกําลังขับรถอยูบนถนนดวยอัตราเร็วคงตัว เมือ่ เอยแตะเบรก รถยังคงเคลือ่ นทีไ่ ปขางหนาแต


..............................................................................................................................
แตมีสุนัขวิ่งตัดหนารถ เอยจึงเบรกรถกะทันหัน อัตราเร็วลดลงจนหยุดในชวงเวลาสั้น ๆ สภาพการ
..............................................................................................................................
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม เคลือ่ นทีข่ องรถเปลีย่ นแปลงจากผลของแรงเสียดทาน
..............................................................................................................................

✓ สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง ..............................................................................................................................

2 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.2 เขียนแผนภาพแสดงขนาดและทิศทางของแรงลัพธทเี่ กิดจากแรงหลายแรงทีก่ ระทําตอกลอง
(1 cm : 20 N)
แรงที่กระทําตอกลอง แผนภาพแสดงแรงลัพธ
1.
F1 F2
F1 = 20 N F2 = 40 N

Fลัพธ = 60 N

2.
F1 = 20 N F2 F1
F3 = 50 N
F2 = 30 N Fลัพธ = 0 N
F3

3. ฉบับ
เฉลย
F1 = 50 N F1 F2
F3 = 70 N
F2 = 60 N
Fลัพธ = 40 N F3

4.
F4 F1
F1 = 40 N F3 = 20 N

F2 = 30 N F4 = 50 N
F2 F3 Fลัพธ = 40 N

5. แนวระดับ แนวดิ่ง
F4 = 30 N F1
F2 = 20 N F5
F1 = 60 N F4
F2 F3 Fลัพธ = 10 N
F3 = 40 N
F5 = 20 N Fลัพธ = 0 N

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 3
แบบฝกหัดที่ 1.3 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให
1. รถเมลคันหนึ่งหนัก 3 ตัน จอดเสียอยูกลางถนนลื่น จําเปนตองใชคนงาน 4 คน ในการเคลื่อนยายรถเมล
โดยคนงาน 2 คน ใชเชือกสองเสนผูกดานหนาแลวลากในแนวระดับดวยแรง 550 นิวตัน และ 450 นิวตัน
ตามลําดับ ในทิศทางขนานกัน คนงานอีก 2 คน ผลักดานทายรถเมลดวยแรง 250 นิวตัน และ 300 นิวตัน
ตามลําดับ ในทิศทางขนานกัน จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธที่กระทําตอรถเมล
วิ............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา เนื่องจากคนงานทั้ง 4 คน ออกแรงไปในทิศทางเดียวกัน กําหนดให แรงลากและแรงผลักมีทิศทางไป
ทางขวาซึ่งแรงลัพธ หาจากผลรวมของแรงยอยทุก ๆ แรง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
Fลัพธ = F1 + F2 + F3 + F4
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 550 + 450 + 250 + 300
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 1,550 N
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงลัพธที่กระทําตอรถเมลมีขนาดเทากับ 1,550 นิวตัน และมีทิศทางไปทางขวา
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. การแขงขันชักเยอของนักกีฬา 2 ทีม โดยทั้ง 2 ทีม มีนักกีฬา 4 คน แตละคนออกแรงไมเทากัน ดังนี้


ฉบับ นักกีฬาคนที่ ทีม A (นิวตัน) ทีม B (นิวตัน)
เฉลย
1 15 10
2 20 35
3 40 25
4 20 15
จงหาแรงลัพธของแตละทีม และแรงลัพธที่ทํากับปมเชือกตรงกลางมีขนาดเทาใด พรอมกับบอกวาทีมใดเปน
ฝายชนะ
วิ............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา ในการแขงขันชักเยอ ทั้ง 2 ทีม ยอมออกแรงดึงเชือกไปในทิศทางตรงขามกัน
กําหนดให ทีม A ออกแรงดึงเชือกไปทางขวา แรงยอยของทีม A มีคาเปนบวก
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ทีม B ออกแรงดึงเชือกไปทางซาย แรงยอยของทีม B มีคาเปนลบ
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธของทีม A; FA = 15 + 20 + 40 + 20 = 95 N
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธของทีม B; FB = (-10) + (-35) + (-25) + (-15) = -85 N
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธที่ทํากับปมเชือกตรงกลาง; Fลัพธ = FA + FB = 95 + (-85) = 10 N
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงลัพธของทีม A เทากับ 95 นิวตัน แรงลัพธของทีม B เทากับ -85 นิวตัน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธที่ทํากับปมเชือกตรงกลางมีขนาด 10 N ทิศทางไปทางขวา ทางเดียวกับแรงลัพธของทีม A
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ทีม A เปนฝายชนะ
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................
4 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.4 ปฏิบัติกิจกรรมตอไปนี้
1. อธิบายความเหมือนและความแตกตางของแรงเสียดทานสถิตกับแรงเสียดทานจลน
ความเหมือน ความแตกตาง
กระทํากับวัตถุในทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ (แรง 1. แรงเสียดทานสถิตเกิดขึน้ ในตอนทีว่ ตั ถุยงั ไมเคลือ่ นที่
....................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................
เสียดทานจลน) หรือความพยายามทีจ่ ะเคลือ่ นทีข่ องวัตถุ ...........................................................................................................................................
....................................................................................................................................... แรงเสียดทานจลนเกิดขึ้นหลังจากวัตถุมีการเคลื่อนที่
(แรงเสียดทานสถิต)
....................................................................................................................................... แลว
...........................................................................................................................................
2. แรงเสียดทานสถิตมีคาไดหลายคา แรงเสียดทาน
....................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................
จลนมีคาคงตัว
....................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................
3. ขนาดของแรงเสียดทานจลนจะนอยกวาขนาดของ
....................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................
แรงเสียดทานสถิตสูงสุด
....................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................

....................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................

2. ยกตัวอยางเหตุการณที่มีแรงเสียดทานกระทําตอวัตถุและมีทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ อธิบายพรอมเขียน
แผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ที่กระทําตอวัตถุ
(แนวคําตอบ) การเดินหรือวิ่งบนพื้น ตองอาศัยแรงเสียดทานจึงจะสามารถกาวไปขางหนาได เมื่อเราพยายามกาว
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ไปข างหนา จมูกเทาของเราจะมีแรงดันพื้นไปดานหลัง แรงเสียดทานที่พื้นทํากับจมูกเทา จะดันไปดานหนาทําใหเรา
............................................................................................................................................................................................................................................................................................ ฉบับ
สามารถก าวเดินหรือวิ่งไปดานหนาได ดังภาพ เฉลย
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ทิศทางการเคลื่อนที่
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงที่จมูกเทาดันพื้น แรงเสียดทานที่พื้นดันจมูกเทา
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ยกตัวอยางประโยชนของการลดแรงเสียดทานในชีวิตประจําวันอยางนอยมา 3 ตัวอยาง พรอมอธิบาย


(แนวคํ าตอบ)
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
1. บานพับประตู หนาตาง เมื่อใชเปนระยะเวลานานอาจจะฝดทําใหเปด-ปดยาก ตองหยอดนํ้ามันหลอลื่นลงไปใน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แกนบานพับเพื่อชวยลดแรงเสียดทานทําใหเปด-ปดไดสะดวกขึ้น
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. การเคลื่อนยายวัตถุที่มีขนาดใหญ อาจมีนํ้าหนักมากสําหรับการยก อาจใชผารองใตวัตถุหรือแทงไมกลม ๆ วาง
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ใตวัตถุเพื่อลดแรงเสียดทาน ทําใหวัตถุสามารถเลื่อนไดงาย
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. กระดูกขอพับหรือขอตอภายในรางกาย มีการเสียดสีอยูตลอดเวลา จึงตองมีนํ้าหลอเลี้ยงเพื่อลดการเสียดสี
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระหวางกระดูกขอพับหรือขอตอ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 5
แบบบันทึกกิจกรรม
การหาขนาดของแรงเสียดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
ตารางบันทึกผลกิจกรรม

แรงดึงที่เริ่มออกแรง แรงดึงที่ถุงทรายเริ่มเคลื่อนที่ แรงดึงที่ถุงทรายเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว


(นิวตัน) (นิวตัน) (นิวตัน)
รรม
ขึ้นอยูกับผลการทํากิจก

อภิปรายผลกิจกรรม
ชวงที่ 1 เมือ่ เอาตะขอของเครือ่ งชัง่ สปริงเกีย่ วถุงทรายแลวคอย ๆ ออกแรงดึงดวยคานอย ๆ ถุงทรายจะยังไมเคลือ่ นที่
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เพราะมีแรงเสียดทานกระทํากับผิวสัมผัสระหวางถุงทรายกับโตะ ทิศทางตรงขามกับแรงดึง โดยขนาดของแรง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เสียดทานเทากับขนาดของแรงดึง แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นตอนที่วัตถุยังไมเคลื่อนที่นี้ เรียกวา แรงเสียดทานสถิต
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชวงที่ 2 เพิ่มแรงดึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ถาถุงทรายยังคงอยูกับที่ แสดงวา แรงเสียดทานสถิตมีคาเพิ่มขึ้นตามแรงดึง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนัน้ แรงเสียดทานสถิตมีไดหลายคา เมือ่ แรงดึงเพิม่ ขึน้ จนถึงคาทีถ่ งุ ทรายกําลังจะเคลือ่ นที่ ณ ขณะนัน้ แรงเสียด-
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ทานสถิตจะมีคาสูงสุด ซึ่งมีคาเทากับขนาดของแรงดึงที่ทําใหถุงทรายกําลังจะเคลื่อนที่
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ชวงที่ 3 หลังจากถุงทรายเริ่มเคลื่อนที่แลว ยังคงมีแรงเสียดทานกระทํากับถุงทราย เรียกแรงเสียดทานชวงนี้วา
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงเสียดทานจลน แรงเสียดทานจลนระหวางผิวสัมผัสของวัตถุคหู นึง่ มีคา เดียว ซึง่ มีคา เทากับแรงดึงทีท่ าํ ใหถงุ ทราย
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. ถุงทรายที่วางนิ่งอยูบนพื้นโตะ มีแรงใดมากระทําตอถุงทรายบาง อธิบายพรอมเขียนแผนภาพประกอบ
สิ่งสําคัญเวลาพิจารณาเรื่องแรง ตองระบุกอนวา “เรากําลังสนใจแรงที่กระทํากับสิ่งใด” สิ่งที่สนใจ คือ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ถุงทราย แรงที่สิ่งแวดลอมกระทํากับถุงทราย ไดแก แรงโนมถวง คือ แรงที่โลกดึงดูดถุงทราย มีทิศทางชี้ลง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ในแนวดิ่ง และแรงที่พื้นโตะดันถุงทราย มีทิศทางชี้ขึ้นในแนวดิ่ง โดยแผนภาพแสดงแรงที่กระทํากับถุงทราย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เปนดังนี้
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงโนมถวง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงที่พื้นโตะดันถุงทราย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

6 แรงและการเคลื่อนที่
2. ขณะที่ออกแรงดึงถุงทราย แตถุงทรายไมเคลื่อนที่ มีแรงใดมากระทําตอถุงทรายบาง อธิบายพรอมเขียน
แผนภาพประกอบ และแรงลัพธที่กระทําตอถุงทรายมีคาเทาใด
แรงในแนวดิ่ง แรงในแนวระดับ
มีแรงโนมถวงที่โลกกระทํากับถุงทราย และแรงที่ ......................................................................................................................................
......................................................................................................................................... มีแรงที่เครื่องชั่งสปริงดึงถุงทรายไปทางขวากับแรง
พื้นโตะดันถุงทราย ดังภาพ
......................................................................................................................................... เสียดทานสถิตที่พื้นโตะกระทํากับถุงทรายมีทิศทางไป
......................................................................................................................................
ทางซาย ดังภาพ
......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................
แรงโนมถวง แรงดึงโดยเครื่องชั่งสปริง
......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................
......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................
แรงทีพ่ นื้ โตะดันถุงทราย
......................................................................................................................................... แรงเสียดทานสถิตจากพื้นโตะ
......................................................................................................................................

ถาใชเครือ่ งชัง่ สปริงดึงถุงทรายแลวถุงทรายยังไมเคลือ่ นทีใ่ นแนวระดับ แสดงวา แรงลัพธในแนวระดับทีก่ ระทํา


.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กับถุงทรายมีคาเปนศูนย หรือกลาวอีกอยางหนึ่งวา แรงดึงโดยเครื่องชั่งสปริงมีขนาดเทากับแรงเสียดทานสถิต
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากพื้นโตะแตมีทิศทางตรงขามกัน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
3. เมือ่ ออกแรงดึงถุงทรายใหเคลือ่ นทีด่ ว ยความเร็วคงตัว มีแรงใดมากระทําตอถุงทรายบาง อธิบายพรอมเขียน
แผนภาพประกอบ และแรงลัพธที่กระทําตอถุงทรายมีคาเทาใด
แรงในแนวดิ่ง แรงในแนวระดับ
มีแรงทีเ่ ครือ่ งชัง่ สปริงดึงถุงทรายไปทางขวา กับแรง
มีแรงโนมถวงที่โลกกระทํากับถุงทราย และแรงที่ ......................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
พื้นโตะดันถุงทราย ดังภาพ
......................................................................................................................................... เสียดทานจลนที่พื้นโตะกระทํากับถุงทรายมีทิศทางไป
......................................................................................................................................
ทางซาย ดังภาพ
......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................
แรงโนมถวง ความเร็วคงตัว
......................................................................................................................................... แรงดึงโดยเครื่องชั่งสปริง
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................
แรงที่พื้นโตะดันถุงทราย
......................................................................................................................................... แรงเสียดทานจลนจากพื้นโตะ
......................................................................................................................................

ถุงทรายเคลือ่ นทีด่ ว ยความเร็วคงตัว แสดงวา แรงลัพธในแนวระดับเปนศูนย ดังนัน้ แรงทีเ่ ครือ่ งชัง่ สปริงดึง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ถุงทรายกับแรงเสียดทานจลนมขี นาดเทากัน แตมที ศิ ทางตรงขามกัน ซึง่ หากถุงทรายมีการเคลือ่ นทีแ่ ตในแนวระดับ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แสดงวา แรงลัพธในแนวดิ่งมีคาเปนศูนยดวยเชนกัน ดังนั้น ขนาดของแรงที่พื้นโตะดันถุงทรายเทากับขนาดของ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงโนมถวง จึงสรุปไดวา แรงลัพธทกี่ ระทําตอถุงทรายมีคา เปนศูนย ถาแรงดึงโดยเครือ่ งชัง่ สปริงมีขนาดมากกวา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดของแรงเสียดทานจลน แรงลัพธในแนวระดับจะไมเปนศูนย และถุงทรายจะเคลือ่ นทีไ่ ปในทิศทางของแรงดึง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากเครือ่ งชั่งสปริงดวยอัตราเร็วที่เพิ่มขึ้น (มีความเรง)
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 7
แบบบันทึกกิจกรรม
ปปจจัจยจัยทีที่ม่มีผีผลตลตอขนาดของแรงเสี
อขนาดของแรงเสียยดทาน
ดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม


ั เร ียนออ กแบบ
ขึ้น อ ย ก
 ู บ
ั น

ฉบับ อภิปรายผลกิจกรรม
เฉลย
จากกิจกรรม พบวา ขนาดของแรงเสียดทานขึน้ อยูก บั จํานวนถุงทรายหรือนํา้ หนักรวมของถุงทราย และลักษณะ
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
พื้นผิวสัมผัส โดยขนาดของแรงเสียดทานเพิ่มขึ้นตามนํ้าหนักรวมของถุงทราย และแรงเสียดทานจากพื้นผิวขรุขระ
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะมากกวาพื้นผิวเรียบ
......................................................................................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. มวลของวัตถุมีผลตอขนาดของแรงเสียดทานอยางไร
แรงเสียดทานจะเพิ่มขึ้นตามนํ้าหนักของวัตถุ โดยพิจารณาไดจากสมการ f = N ถานํ้าหนักของวัตถุมีคามาก μ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงปฏิกิริยาตั้งฉากระหวางผิวสัมผัส (N) จะมีคามากเชนกัน ฉะนั้น ขนาดของแรงเสียดทานจะแปรผันตรงกับ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
มวลของวัตถุ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. พื้นผิวสัมผัสมีผลตอขนาดของแรงเสียดทานอยางไร
พื้นผิวสัมผัสเรียบจะเกิดแรงเสียดทานนอยกวาพื้นผิวสัมผัสขรุขระ โดยพิจารณาไดจากสมการ f = N เพราะ μ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
พืน้ ผิวสัมผัสเรียบจะมีสมั ประสิทธิค์ วามเสียดทาน (μ) นอยกวาสัมประสิทธิค์ วามเสียดทานของพืน้ ผิวสัมผัสขรุขระ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

8 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.5 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให (g เทากับ 10 เมตรตอวินาที2)
1. ธิติออกแรงลากกลองไมหนัก 300 นิวตัน ใหเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัวไปบนพื้นราบ ที่มีสัมประสิทธิ์ความ
เสียดทานจลนระหวางกลองไมกับพื้นเปน 0.2 อยากทราบวา แรงเสียดทานจลนมีคาเทาใด พรอมวาดภาพ
ประกอบ
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ f = μkN
และ N = mg
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 300 N F
mg
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
fk
จะได f = (0.2)(300)
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
N
= 60 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงเสียดทานจลนมีคาเทากับ 60 นิวตัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ตนออกแรงในแนวระดับผลักกลองไมมวล 20 กิโลกรัม ใหเคลื่อนที่ไปบนพื้นราบ เมื่อออกแรง 50 นิวตัน


กลองไมจะเริ่มขยับ หลังจากนั้นกลองไมสามารถเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัวได ซึ่งตนออกแรงผลักนอยลง
เหลือ 30 นิวตัน
1) แรงเสียดทานสถิตสูงสุดและสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหวางผิววัตถุกับพื้นมีคาเทาใด พรอมวาด
ภาพประกอบ
วิธีทํา วัตถุยังไมเคลื่อนที่ แสดงวา แรงลัพธเทากับศูนย แรงผลัก F สมดุลกับแรงเสียดทานสถิตสูงสุด
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
fs, max (ขนาดเทากันแตทิศทางตรงขาม)
.................................................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
วัตถุเริ่มขยับ
จะได F = fs, max
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
fs, max = 50 N F mg
fs, max
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
fs, max
หา μs จากสมการ μs = N N
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
fs, max 50
จะได μs = mg = 20 × 10 = 0.25
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงเสียดทานสถิตสูงสุดมีขนาดเทากับ 50 นิวตัน และสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหวาง
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ผิววัตถุกับพื้นมีคาเทากับ 0.25
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) แรงเสียดทานจลนและสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลนระหวางผิววัตถุกับพื้นมีคาเทาใด พรอมวาดภาพ
ประกอบ
วิธีทํา วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว แสดงวา แรงลัพธเทากับศูนย แรงผลัก F สมดุลกับแรงเสียดทานจลน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
fk (ขนาดเทากันแตทิศทางตรงขาม)
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได F = fk
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ความเร็วคงตัว
fk = 30 N
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
f
หา μk จากสมการ μk = Nk F mg
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
fk
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
N
f
จะได μk = mgk = 20 30 10 = 0.15
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
×

ดังนั้น แรงเสียดทานจลนมขี นาดเทากับ 30 นิวตัน และสัมประสิทธิค์ วามเสียดทานจลนระหวางผิววัตถุ


....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กับพื้นมีคาเทากับ 0.15
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 9
แบบฝกหัดที่ 1.6 อานสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม
10 cm C
ครูสั่งใหนักเรียน 3 กลุม นําภาชนะ
B
มากลุมละ 1 ใบ ดังภาพ แลวนํามาบรรจุ

20 cm
20 cm
ของเหลวชนิดเดียวกันใหมรี ะดับความสูง 5

5 cm

10 cm
เซนติเมตร เทากัน แลวปดฝาดานบนไมให 5 cm 20 cm

5 cm
A 5 cm
ผิวนํ้าในภาชนะสัมผัสบรรยากาศ 5 cm 10 cm

1. ความดันของของเหลวที่กนภาชนะมีคาเทากันหรือไม อยางไร
ความดันของของเหลวที่กดกนภาชนะมีคาเทากัน เพราะระดับความสูงของของเหลวในภาชนะทั้ง 3 ใบ อยูระดับ
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เดียวกัน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. เรียงลําดับแรงดันของของเหลวที่กนภาชนะจากมากไปนอยไดอยางไร
(ρของเหลว เทากับ 1,000 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร และ g เทากับ 10 เมตรตอวินาที2)
หาความดันของของเหลวที่กนภาชนะ จากสมการ P = gh ρ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากระดับความสูงของของเหลวเทากับ 0.05 เมตร เทากัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ จะได PA = PB = PC = 1,000 × 10 × 0.05 = 500 N/m2
เฉลย .............................................................................................................................................................................................................................................................................................
หาแรงดัน จากสมการ F = PA
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
FA = 500 × 0.1 × 0.05 = 2.5 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
FB = 500 × 0.2 × 0.05 = 5 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
FC = 500 × 0.2 × 0.1 = 10 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น FC > FB > FA
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. เรียงลําดับแรงดันที่ภาชนะกดพื้นจากมากไปนอยไดอยางไร เมื่อภาชนะทั้ง 3 ใบ มีมวลเทากัน


แรงดันที่ภาชนะกดพื้นเกิดจากนํ้าหนักของของเหลวรวมกับนํ้าหนักภาชนะ โจทยกําหนดวา ภาชนะทั้ง 3 ใบ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีมวลเทากัน ฉะนั้น พิจารณาเฉพาะมวลของของเหลว
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ mของเหลว = ρของเหลว × Vของเหลว
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ของเหลวในภาชนะทั้ง 3 ใบ เปนชนิดเดียวกัน ฉะนั้น ความหนาแนนของของเหลวเทากัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
VA = 0.1 × 0.05 × 0.05 = 2.5 × 10-4 m3
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
VB = 0.2 × 0.05 × 0.05 = 5 × 10-4 m3
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
VC = 0.2 × 0.1 × 0.05 = 1 × 10-3 m3
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได VC > VB > VA ฉะนัน้ นํา้ หนักของของเหลวในภาชนะ C > นํา้ หนักของของเหลวในภาชนะ B > นํา้ หนัก
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ของของเหลวในภาชนะ A
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น FC > FB > FA
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

10 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.7 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให
1. ขวดนํ้ามวล 0.5 กิโลกรัม ภายในบรรจุนํ้ามวล 1 กิโลกรัม วางอยูบนโตะ ถาขวดนี้สูง 50 เซนติเมตร และมี
พื้นที่หนาตัดที่กนขวด 15 ตารางเซนติเมตร จงหาความดันที่ขวดนํ้ากระทําตอโตะ
(g เทากับ 10 เมตรตอวินาที2)
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา ความดันที่กระทํากับโตะเกิดจากนํ้าหนักของขวดและนํ้าที่กระทําตอพื้นโตะ
มวลรวมของขวดและนํ้าเทากับ 0.5 + 1 = 1.5 kg
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงกดที่กระทําตอโตะเทากับ mg = 1.5(10) = 15 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
พื้นที่ของโตะที่รับแรงกดเทากับ 15 cm2 = 1.5 × 10-3 m2
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ P = AF
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 1.5 ×1510-3
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 10,000 N/m2
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความดันที่ขวดนํ้ากระทําตอโตะมีคาเทากับ 10,000 นิวตันตอตารางเมตร
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
หมายเหตุ : ความดัน 10,000 N/m2 เกิดจากนํ้าหนักของนํ้าและขวด แตความดันทั้งหมดที่กระทําตอโตะ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ตองรวมความดันบรรยากาศ 101,325 N/m2 ดวย
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ถังใบหนึ่งบรรจุของเหลว 3 ชนิด มีความหนาแนน 103 0.68 × 103 และ 13.6 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศก-
เมตร ตามลําดับ ซอนกันอยูภายในถังเดียวกัน ถาของเหลวแตละชนิดสูง 10 เซนติเมตร ฉบับ
1) จงหาความดันรวมของของเหลวที่กนถัง เฉลย
วิ....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ P = ρgh
พิจารณา ความดันของของเหลวชนิดที่ 1 P = (103)(10)(0.1) = 103 N/m2
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา ความดันของของเหลวชนิดที่ 2 P = (0.68 × 103)(10)(0.1) = 0.68 × 103 N/m2
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา ความดันของของเหลวชนิดที่ 3 P = (13.6 × 103)(10)(0.1) = 13.6 × 103 N/m2
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ความดันรวมที่กนถังเทากับ 103 + (0.68 × 103) + (13.6 × 103) = 15.28 × 103 N/m2
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความดันรวมของของเหลวที่กนถังมีคาเทากับ 15.28 × 103 นิวตันตอตารางเมตร
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) ถาพื้นที่หนาตัดของกนถังเทากับ 25 ตารางเซนติเมตร แลวแรงดันของของเหลวที่กนถังมีคาเทาใด


วิธีทํา จากสมการ P = AF
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
F = PA
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
= (15.28 × 103)(2.5 × 10-3)
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 38.2 N
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงดันของของเหลวที่กนถังมีคาเทากับ 38.2 นิวตัน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 11
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจจัยทีความดั
่มีผลตอนขนาดของแรงเสี
ของของเหลว ยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
ตารางบันทึกผลกิจกรรม
ของเหลวชนิดที่ 1 คือ ...................................................................................................................................................................................................................................

อ ย ก
 ู บ
ั ข อ ง เหลวที่เตรีย
ของเหลวชนิดที่ 2 คือ ...................................................................................................................................................................................................................................
ขึ้น
ของเหลวชนิดที่ 1 ของเหลวชนิดที่ 2
ระยะทางของรูที่ 1 (เมตร) ระยะทางของรูที่ 2 (เมตร) ระยะทางของรูที่ 1 (เมตร) ระยะทางของรูที่ 2 (เมตร)

การ ทํากิจกรรม
ขึ้นอยูกับผล

อภิปรายผลกิจกรรม
ผลการทดลองที่สังเกตได พบวา สอดคลองกับหลักการ ดังนี้
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
1. ที่ระดับความสูงเดียวกัน ของเหลวที่มีความหนาแนนมากกวาจะมีความดันสูงกวา ซึ่งสังเกตไดจากระยะทาง
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย ของของเหลวที่พุงออกจากรูบนขวด 2 ขวด ที่ระดับความสูงเดียวกัน ของเหลวที่มีความหนาแนนมากกวาจะพุงได
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
ไกลกวา
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ส�หรับของเหลวชนิดเดียวกัน รูที่อยูตํ่าจากผิวของของเหลวมากกวาจะมีความดันสูงกวา สังเกตไดจากระยะ
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
ทางของของเหลวที่พุงออกจากรูที่อยูตํ่ากวาจะพุงไปไดไกลกวา
......................................................................................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. จากกิจกรรม ของเหลวพุงออกจากขวดที่รูใดไดระยะทางไกลกวา
ทีร่ ะดับความสูงรูที่ 2 ของเหลวจะพุง ออกจากขวดไปไดระยะไกลกวารูท่ี 1 เพราะความดันทีต่ าํ แหนงใกลกน ขวด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะมีคามากกวาความดันที่ตําแหนงใกลปากขวด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. จากกิจกรรม ที่ระดับความสูงเดียวกัน ของเหลวชนิดใดที่พุงออกจากขวดไปไดระยะทางไกลกวา


ของเหลวที่มีความหนาแนนสูงกวาจะพุงออกจากขวดไปไดระยะทางไกลกวา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

12 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.8 ปฏิบัติกิจกรรมตอไปนี้
1. ปลอยลูกเชอรรีลูกหนึ่งลงไปในแกวที่บรรจุนํ้าอยู ปรากฏวา ลูกเชอรรีเคลื่อนที่ ดังภาพ ใหอธิบายสาเหตุของ
การเคลื่อนที่ของลูกเชอรรี พรอมเขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทําตอลูกเชอรรี
(ความหนาแนนของลูกเชอรรีนอยกวานํ้า)
W FB
W
FB
Fr W

ชวงที่ คําอธิบาย
ในระหวางที่ลูกเชอรรีลอยอยูในอากาศ แรงที่กระทํากับลูกเชอรรี คือ แรงโนมถวง ทําใหลูกเชอรรี
.................................................................................................................................................................................................................................................................
ตกลงดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น
.................................................................................................................................................................................................................................................................
1.
.................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................

เมื่อลูกเชอรรีเคลื่อนที่ลงไปในนํ้า แรงโนมถวงยังคงกระทํากับลูกเชอรรีอยูเหมือนเดิม แตจะมีแรง 2


.................................................................................................................................................................................................................................................................
แรง เพิม่ ขึน้ มา คือ แรงพยุงทีน่ าํ้ กระทํากับลูกเชอรรี (ตามสมการแรงพยุง FB = ρนํา้ Vg) และแรงตานทีน่ าํ้
.................................................................................................................................................................................................................................................................
2. กระทําตอลูกเชอรรี (Fr) ในชวงทีล่ กู เชอรรกี าํ ลังเคลือ่ นทีล่ ง แรงพยุงและแรงตานของนํา้ มีทศิ ชีข้ นึ้ ทําใหลกู
ฉบับ
................................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
เชอรรเี คลือ่ นทีช่ า ลงเรือ่ ย ๆ จนมาถึงจุดตํา่ สุด
.................................................................................................................................................................................................................................................................

จากนัน้ ลูกเชอรรจี ะคอย ๆ ลอยขึน้ สูผ วิ นํา้ เพราะความหนาแนนของลูกเชอรรนี อ ยกวานํา้ จึงพยายามลอย


.................................................................................................................................................................................................................................................................
ขึน้ ไปเหนือนํา้ ในชวงนีแ้ รงพยุงมีทศิ ชีข้ นึ้ แตแรงโนมถวงและแรงตานจากนํา้ จะมีทศิ ชีล้ ง และเมือ่ ลูกเชอรรี
.................................................................................................................................................................................................................................................................
3. ลอยพนนํ้าจนอยูนิ่งจะมีเพียงแรงโนมถวงที่สมดุลกับแรงพยุง สวนแรงตานของนํ้าจะหมดไป
.................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................

2. เหล็กลูกหนึง่ เมือ่ ชัง่ กับเครือ่ งชัง่ สปริงในอากาศมีนาํ้ หนัก 9.8 นิวตัน ถานําลูกเหล็กไปชัง่ ขณะจุม นํา้ เครือ่ งชัง่
สปริงอานคาได 6.2 นิวตัน (ความหนาแนนของนํ้าเทากับ 1 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร)
1) จงหาแรงพยุงที่กระทําตอลูกเหล็กนี้
วิธีทํา จากสมการ แรงพยุง = นํ้าหนักที่ชั่งในอากาศ - นํ้าหนักของวัตถุที่ชั่งในของเหลว
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 9.8 - 6.2 = 3.6 N
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงพยุงที่กระทําตอลูกเหล็กนี้มีคาเทากับ 3.6 นิวตัน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) จงหาปริมาตรของลูกเหล็ก
วิธีทํา จากสมการ F = Vg ρ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
B
F
จะได V = ρBg
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
= (1 × 3.6 3 = 0.36 × 10 m
-3 3
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
10 )(10)
ดังนั้น ปริมาตรของลูกเหล็กมีคาเทากับ 0.36 × 10-3 ลูกบาศกเมตร
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 13
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจแรงที
จัยที่มกีผระทํ
ลตาอตขนาดของแรงเสี
อวัตถุในของเหลว
ยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม

(รูปภาพ) (รูปภาพ)

พท ี่ครูแจกให
ขึ้นอยูกับภา
(รูปภาพ) (รูปภาพ)

อภิปรายผลกิจกรรม
(แนวคําตอบ)
ฉบับ จากภาพที่ครูแจกใหกับนักเรียน จะเห็นวาวัตถุที่อยูในของเหลวมีหลายลักษณะ ไดแก
เฉลย ......................................................................................................................................................................................................................................................................................
1. วัตถุจมอยูใ นของเหลวทัง้ หมดและติดกับพืน้ ดานลาง เชน เรือทีจ่ มอยูใ ตทะเล ในเหตุการณนี้ วัตถุมนี าํ้ หนัก
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
มากกวาแรงพยุงของของเหลว
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. วัตถุอยูในของเหลวทั้งหมด แตลอยนิ่งอยูในของเหลว ไมไดติดอยูกับพื้นดานลาง เชน แอปเปลที่ลอยนิ่งอยู
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
ในนํ้า ในเหตุการณนี้ วัตถุมีนํ้าหนักเทากับแรงพยุงของของเหลวพอดีและมีความหนาแนนเทากับของเหลว
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. วัตถุลอยโผลพน ผิวของเหลว เชน เรือกระดาษทีล่ อยอยูบ นนํา้ ในเหตุการณนี้ วัตถุมนี าํ้ หนักเทากับแรงพยุง
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
ของของเหลวพอดีและมีความหนาแนนนอยกวาของเหลว
......................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. แรงและขนาดของแรงที่มากระทําตอวัตถุในแตละภาพมีขนาดเทาใด และมีแรงชนิดใดบาง
มีแรงกระทํา 2 แรง คือ นํ้าหนักวัตถุ (แรงโนมถวงของโลก) ที่พยายามทําใหวัตถุจมลงกับแรงลอยตัว หรือ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงพยุง (FB) ที่ของเหลวพยายามพยุงใหวัตถุลอยในของเหลวได (มีทิศชี้ขึ้น) หากวัตถุมีนํ้าหนักมากกวาแรงพยุง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
วัตถุจะจมดิ่งลงในของเหลว หากวัตถุมีนํ้าหนักนอยกวาหรือเทากับแรงพยุง วัตถุจะสามารถลอยในของเหลวหรือ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลอยโผลพนผิวของเหลวได
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. เพราะเหตุใด ลักษณะการจมและการลอยของวัตถุในแตละภาพจึงแตกตางกัน
เพราะนํ้าหนักของวัตถุเทียบกับแรงพยุงจากของเหลวตางกัน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

14 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.9 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให
1. เมื่อมีแรงขนาด 50 นิวตัน กระทําในแนวตั้งฉาก F = 50 N
กับคานเบายาว 4 เมตร ดังภาพ ขนาดและทิศทาง
โมเมนตของแรงจะมีคาเทาใด 4m
วิธีทํา กําหนดจุดหมุนกอน โดยใหจุดกึ่งกลางคานเปนจุดหมุน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ M = F×l
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได M = 50 × 2
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 100 N m
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น โมเมนตรอบจุดกึ่งกลางคานมีคาเทากับ 100 นิวตัน เมตร ทิศทางตามเข็มนาฬกา
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. คานเบายาว 3 เมตร แขวนดวยเชือก 2 เสนกับ T 100 N


เพดาน มีวัตถุ 3 กอน ผูกติดกับคาน และอยูใน 1m A 1m B 1m
สภาวะสมดุลตอการหมุน ดังภาพ
0.5 m 0.5 m
(g เทากับ 10 เมตรตอวินาที2) 12 kg 8 kg m
1) จงหามวล m
วิธที าํ จากโจทย วัตถุอยูใ นสภาวะสมดุลตอการหมุน จะได M = M กําหนดให จุดคงทีจ่ ดุ หนึง่ เปนจุด Σ ทวน Σ ตาม
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
หมุนซึง่ หากระบบสมดุลตอการหมุนแลว นักเรียนสามารถกําหนดจุดใดเปนจุดหมุนก็ได แตจะมีบางจุด
.................................................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
หมุนที่ชวยใหการคํานวณคาโมเมนตมีความสะดวก หามวล m กําหนดให จุด A เปนจุดหมุน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
นํ้าหนักของมวล m และมวล 8 kg ทําใหเกิดโมเมนตตามเข็มนาฬการอบจุด A
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํ้าหนักของมวล 12 kg และแรงดึงในเสนเชือก 100 N ทําใหเกิดโมเมนตทวนเข็มนาฬการอบจุด A
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงดึงในเสนเชือก T ไมทําใหเกิดโมเมนตรอบจุด A เพราะแนวแรงผานจุด A
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ ΣMตาม = ΣMทวน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได (m × 10)2 + (8 × 10)0.5 = (12 × 10)0.5 + (100)1
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
20m + 40 = 60 + 100
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
m = 6 kg
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น มวล m ที่ผูกติดกับคานมีขนาดเทากับ 6 กิโลกรัม
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) จงหาแรงดึงในเสนเชือก (T)
วิธที าํ หาแรงดึงในเสนเชือก T กําหนดให จุด B เปนจุดหมุน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํา้ หนักของมวล m และแรงดึงในเสนเชือก T ทําใหเกิดโมเมนตตามเข็มนาฬการอบจุด B
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํา้ หนักของมวล 12 kg และ 8 kg ทําใหเกิดโมเมนตทวนเข็มนาฬการอบจุด B
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงดึงในเสนเชือก 100 N ไมทาํ ใหเกิดโมเมนตรอบจุด B เพราะแนวแรงผานจุด B
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ ΣMทวน = ΣMตาม
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได (12 × 10)1.5 + (8 × 10)0.5 = (6 × 10)1 + (T)1
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
T = 160 N
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนัน้ แรงดึงในเสนเชือกเทากับ 160 นิวตัน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 15
แบบฝกหัดที่ 1.10 ออกแบบการทดลอง แลวอธิบายโมเมนตของแรงและสมดุลตอการหมุน จากอุปกรณที่
กําหนดให
กระดาษ ดินสอ ไมบรรทัด

1. ใชดินสอขีดสวนของเสนตรงบนกระดาษ A4 แผนหนึ่ง จากนั้นวางไมบรรทัดใหขอบดานลางทาบไปกับสวนของ


.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตรงที่ขีดนั้น ดังภาพ
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ไมบรรทัด
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
สวนของเสนตรง
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ใชดินสอสัมผัสไมบรรทัดตรงตําแหนงกึ่งกลางความยาว แลวออกแรงดันไปขางหนาใหไมบรรทัดเคลื่อนไปชา ๆ
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
นั.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนจะเห็นวา ไมบรรทัดจะมีการเลื่อนตําแหนงไปจากที่เดิม แตแนวการวางตัวที่ตําแหนงใหมจะขนานกับแนวการวาง
ฉบับ
เฉลย ตั.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
วเดิม ดังภาพ
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. ใชดนิ สอสัมผัสไมบรรทัดตรงตําแหนงทีค่ อ นไปดานปลายซายมือ แลวออกแรงดันไปขางหนาชา ๆ นักเรียนจะเห็นวา
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ไม บรรทัดจะมีการเลือ่ นตําแหนงไปจากทีเ่ ดิม และมีแนวการวางตัวหมุนไปจากเดิมในทิศตามเข็มนาฬกา ดังภาพ ซึง่ เปนผล
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ของแรงที ่ทําใหเกิดโมเมนตของแรงในทิศตามเข็มนาฬกา
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
16 แรงและการเคลื่อนที่
4. ใชดินสอสัมผัสไมบรรทัดตรงตําแหนงที่คอนไปดานปลายขวามือ แลวออกแรงดันไปขางหนาชา ๆ นักเรียนจะเห็นวา
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ไม บรรทัดจะมีการเลื่อนตําแหนงไปจากที่เดิม และมีแนวการวางตัวหมุนไปจากเดิมในทิศทวนเข็มนาฬกา ดังภาพ ซึ่งเปน
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ผลของแรงที่ทําใหเกิดโมเมนตของแรงในทิศทวนเข็มนาฬกา
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. ใชดนิ สอ 2 แทง ขนาดเทากัน สัมผัสไมบรรทัดตรงตําแหนงทีห่ า งจากจุดกึง่ กลางไปดานซายมือและดานขวามือเปน
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระยะเทา ๆ กัน ออกแรงดันไปขางหนาชา ๆ พรอม ๆ กัน ดวยแรงที่เทา ๆ กัน นักเรียนจะเห็นวา ไมบรรทัดจะมีการเลื่อน
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ตําแหนงไปจากที่เดิม และมีแนวการวางตัวขนานกับแนวการวางตัวเดิม ดังภาพ ซึ่งเปนผลจากการหักลางของโมเมนตของ
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงในทิศตามเข็มนาฬกา และโมเมนตของแรงในทิศทวนเข็มนาฬกา ไมบรรทัดจึงไมมีการหมุนไปจากแนวการวางตัวเดิม
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

นักเรียนสามารถสรุปหลักการของโมเมนตของแรงและสมดุลตอการหมุนได ดังนี้
1. เมื่อมีแรงกระทํากับวัตถุ ถาแนวกระทําของแรงผานศูนยกลางมวลของวัตถุ วัตถุจะมีการเคลื่อนที่แบบเลื่อน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ตําแหนง (translation) เพียงรูปแบบเดียว
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ถาแนวกระทําของแรงไมผานศูนยกลางมวลของวัตถุ จะเกิดโมเมนตของแรงกระทําตอวัตถุ ทําใหวัตถุมีการ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เคลือ่ นทีแ่ บบหมุน (rotation) เพิม่ เติมขึน้ มา ในการอธิบายการหมุนจะระบุการหมุนเทียบกับจุดคงทีจ่ ดุ หนึง่ และการ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
หมุนบนระนาบจะแบงออกไดเปน การหมุนในทิศทวนเข็มนาฬกาที่เกิดจากโมเมนตทวนเข็มนาฬกา และการหมุนใน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ทิศตามเข็มนาฬกาที่เกิดจากโมเมนตตามเข็มนาฬการอบจุดหมุนที่กําหนด
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 17
แบบบันทึกกิจกรรม
สมดุ
ปจจัลยตทีอ่มการหมุ
ีผลตอขนาดของแรงเสี
นและโมเมนตของแรง
ยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม ตารางบันทึกผลกิจกรรม
มวล ระยะทางจากจุดหมุน โมเมนตของแรง
(กิโลกรัม) (เมตร) (นิวตัน เมตร)


ั เรียนออ กแบบ
ขึ้น อ ย ก
 ู บ
ั น
การท ํากิจกรรม
ขึ้นอยูกับผล

อภิปรายผลกิจกรรม
(แนวคําตอบ)
1. ถาแขวนถุงพลาสติกใสเหรียญ 1 ถุง ตรงกับจุดที่แขวนของไมแขวนเสื้อพอดี ไมแขวนเสื้อจะไมมีการเอียงไป
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดานใดดานหนึ่ง เพราะแนวแรงนํ้าหนักของเหรียญผานจุดหมุนพอดี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ถาแขวนถุงพลาสติกใสเหรียญ 2 ถุง ทีม่ มี วลเทากัน จะตองแขวนใหมรี ะยะในแนวราบอยูห า งจากจุดหมุนเทากัน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ไมแขวนเสื้อจึงจะไมเอียง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย 3. ถาแขวนถุงพลาสติกใสเหรียญ 2 ถุง ที่มีมวลไมเทากัน แตแขวนใหมีระยะในแนวราบอยูหางจากจุดหมุน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เทากัน ดานที่มีมวลมากกวาจะเอียงลง ดานที่มีมวลนอยกวาจะเอียงขึ้น
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ถาแขวนถุงพลาสติกใสเหรียญ 2 ถุง ทีม่ มี วลไมเทากัน แตตอ งการใหไมแขวนเสือ้ ไมเอียง จะตองจัดตําแหนง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ใหถุงที่มีมวลนอยกวามีระยะหางในแนวราบหางจากจุดหมุนมากกวา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
สรุปไดวา การเอียงหรือไมเอียงของไมแขวนเสื้อขึ้นอยูกับโมเมนตลัพธที่กระทํากับไมแขวนเสื้อ ซึ่งการแขวนถุง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
พลาสติกบรรจุเหรียญกับไมแขวนเสือ้ จะทําใหเกิดโมเมนต โดยมีขนาดเทากับผลคูณระหวางแรงทีก่ ระทําตอไมแขวน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เสื้อกับระยะทางในแนวตั้งฉากจากจุดหมุนไปถึงแนวแรง ซึ่งถาโมเมนตลัพธรอบจุดหมุนเทากับศูนย ไมแขวนเสื้อ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะสมดุลตอการหมุน (ไมเอียง)
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. โมเมนตของแรงคืออะไร
โมเมนตของแรง คือ ผลของแรงทีก่ ระทําตอวัตถุหนึง่ ซึง่ พยายามทําใหวตั ถุเกิดการหมุนรอบจุดคงทีห่ นึง่ ๆ เรียก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จุดคงที่นี้วา “จุดหมุน”
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. คานจะอยูในสภาพสมดุลไดอยางไร
คานจะอยูในสภาพสมดุลตอการหมุน เมื่อผลรวมของโมเมนตของทุก ๆ แรงที่กระทํากับคานมีคาเปนศูนย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กลาวคือ ผลรวมของโมเมนตทวนเข็มนาฬกามีคาเทากับผลรวมของโมเมนตตามเข็มนาฬกา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

18 แรงและการเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 1.11 เปรียบเทียบลักษณะของสนามโนมถวง สนามไฟฟา และสนามแมเหล็ก พรอมวาดภาพประกอบ
สนามของแรง
สมบัติ สนามโนมถวง สนามไฟฟา สนามแมเหล็ก
1. แหลงกําเนิด มวล ประจุไฟฟา แทงแมเหล็ก
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................

2. ทิศทางของแรง พุง เขาสูศ นู ยกลางมวลทีเ่ ปน สนามไฟฟาที่เกิดจากประจุ ภายนอกแทงแมเหล็ก เสน


............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
แหลงกําเนิดของสนาม
............................................................................ ............................................................................ แรงแมเหล็กมีทศิ พุง ออกจากขัว้
ไฟฟ า จะมี ทิ ศ อยู  ใ นแนวรั ศ มี ............................................................................
เหนือและโคงวนพุง เขาสูข วั้ ใต
ประจุ โดยประจุ บ วกสนาม ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
ภายในแทงแมเหล็ก เสนแรง
ไฟฟ า มี ทิ ศ พุ  ง ออก ประจุ ล บ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
สนามไฟฟามีทิศพุงเขา
............................................................................ ............................................................................ แมเหล็กมีทิศพุงจากขั้วใตผาน
............................................................................
ภายในแทงไปยังขัว้ เหนือ
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
+ -
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
S N
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................

3. ลักษณะของแรง เปนแรงดึงดูดระหวางวัตถุ ประจุตา งชนิดกันมีแรงดึงดูด แมเหล็กขัว้ เหมือนกัน (N - N,


............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
ฉบับ
2 วัตถุ
............................................................................ กันและกัน
............................................................................ S - S) จะมีแรงผลักกันและกัน
............................................................................ เฉลย
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
M m - + N N
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
F F
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
ประจุชนิดเดียวกันมีแรงผลัก แมเหล็กขั้วตางชนิดกัน
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
............................................................................ กันและกัน
............................................................................ (N - S, S - N) มีแรงดึงดูด
............................................................................
............................................................................ กันและกัน
............................................................................ ............................................................................
+ + N S
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................ ............................................................................

แรงดึงดูดระหวางกัน
4. ระยะหางระหวาง ............................................................................ แรงกระทําระหวางประจุ
............................................................................ แรงกระทําระหวาง
............................................................................
มีคา นอย
แหลงกําเนิด ............................................................................ มีคา นอย
............................................................................ ขัว้ แมเหล็กมีคา นอย
............................................................................
สนามมาก ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................

แรงดึงดูดระหวางกัน
5. ระยะหางระหวาง ............................................................................ แรงกระทําระหวางประจุ
............................................................................ แรงกระทําระหวาง
............................................................................
มีคา มาก
แหลงกําเนิด ............................................................................ มีคา มาก
............................................................................ ขัว้ แมเหล็กมีคา มาก
............................................................................
สนามนอย ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................

สนามไฟฟา
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 19
www.aksorn.com/interactive3D/RB841
Science
in Real Life (วิทยาศาสตร ในชีวติ จริง)
·ÓäÁ¼ÙŒªÒ¤¹¹Õé¶Ö§à«ä»
¢ŒÒ§Ë¹ŒÒ·Õ ¢ŒÒ§ËÅѧ·Õ

ฉบับ
เฉลย ตอบคําถามตอไปนี้
ขณะที่ฝนนั่งอยูบนรถไฟฟา สังเกตเห็นชายคนหนึ่งที่ยืนเลนโทรศัพทมือถือเซไปขางหนาเมื่อรถไฟฟาเบรก และ
เมื่อรถไฟฟาเคลื่อนตัวออกจากสถานี ชายคนนี้จะเซไปขางหลัง นักเรียนสามารถอธิบายเหตุการณนี้ไดอยางไร
เหตุการณที่เกิดขึ้นกับชายที่ยืนเลนโทรศัพทมือถือ สามารถอธิบายได ดังนี้
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขณะทีร่ ถไฟฟาเบรกเพือ่ หยุด (ความเร็วลดลง) แตชายคนนี้ยังมีความเร็วเทากับรถไฟฟาทีก่ าํ ลังวิง่ อยูด ว ยความเร็วคงตัว
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ซึ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ง่ เปนไปตามกฎขอที่ 1 ของนิวตัน หรือกฎของความเฉือ่ ย คือ การรักษาสภาพการเคลือ่ นทีเ่ ดิมเอาไว ทําใหชายคนนีเ้ ซไป
ข........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
างหนา
ขณะเดียวกัน เมือ่ รถไฟฟาเคลือ่ นทีอ่ อกจากสถานี (ความเร็วเพิม่ ขึน้ ) แตชายคนนีท้ เี่ ดิมมีความเร็วเปนศูนย เพราะรถไฟฟา
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
จอดอยู กับที่จะพยายามรักษาสภาพการเคลื่อนที่เดิมเอาไว ทําใหชายคนนี้เซไปขางหลัง
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

20 แรงและการเคลื่อนที่
2 การเคลื่อนที่
แบบฝกหัดที่ 2.1 ดูภาพ แลวตอบคําถาม
A 3m B 1. โบเดินทางจากจุด A ไป C โดยผานจุด B กอน จะไดระยะทาง A → B → C
เทาใด และเรียกปริมาณนี้วาอยางไร
4m AB + BC = 3 + 4 = 7 เมตร เรียกปริมาณนี้วา ระยะทาง
............................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................
C
2. ถาโบเดินทางจากจุด A ไป C โดยไมผานจุด B จะไดระยะทาง A → C เทาใด และเรียกปริมาณนี้วาอยางไร
AC = AB2 + BC2 = 32 + 42 = 5 เมตร และเรียกปริมาณนี้วา ขนาดของการกระจัด
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ปริมาณจากขอที่ 1. และ 2. แตกตางกันอยางไร


ระยะทาง คือ ความยาวตามเสนทางการเคลือ่ นที่ แตขนาดของการกระจัด คือ ระยะหางระหวางตําแหนงแรก (A)
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
กับตําแหนงสุดทาย (C) ของการเคลื่อนที่ โดยทั่วไประยะทางมักจะมากกวาขนาดของการกระจัด เพราะวัตถุมักจะ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เคลื่อนที่เปนเสนทางที่มีรูปรางใด ๆ ไมไดเคลื่อนที่จากตําแหนงเริ่มตนไปถึงตําแหนงสุดทายเปนแนวเสนตรง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
แบบฝกหัดที่ 2.2 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให
1. กริชปนจักรยานจากอําเภอ A ไปทางทิศเหนือ เปนระยะทาง 15 กิโลเมตร ถึงอําเภอ B ใชเวลาเดินทาง
ครึ่งชั่วโมง จากนั้นเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก แลวเดินทางตอไปเปนระยะทาง 8 กิโลเมตร ใชเวลา 15 นาที
จะถึงอําเภอ C ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทางเปนเทาใด พรอมวาดภาพประกอบ
วิธีทํา หาขนาดของการกระจัด (s)
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดของการกระจัดเทากับระยะ AC 8 km C
B
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระยะ AC = AB + BC 2 2
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 152 + 82 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 17 km 15 km
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
หาระยะเวลาทั้งหมดที่ใชเทากับ 0.5 + 0.25 = 0.75 hr
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ v = st
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 0.75 17
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
A
= 22.67 km/hr ทิศทางจากจุด A ไปจุด C
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทางเทากับ 22.67 กิโลเมตรตอชั่วโมง ทิศทางจากจุด A ไปจุด C
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 21
2. ชายคนหนึ่งวิ่งเปนเสนตรงดวยอัตราเร็ว 1 เมตรตอวินาที เปนเวลา 2 นาที ตอมาเขาเดินดวยอัตราเร็ว 0.5
เมตรตอวินาที เปนเวลา 1 นาที แลววิ่งดวยอัตราเร็ว 2 เมตรตอวินาที เปนเวลา 3 นาที อัตราเร็วเฉลี่ยใน
ชวงเวลา 6 นาที มีคาเทาใด
วิธีทํา จากสมการ v = st
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชวงเวลาที่ใชเทากับ (2 × 60) + (1 × 60) + (3 × 60) = 360 s
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไดเทากับ s1 + s2 + s3 = v1t1 + v2t2 + v3t3
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได sทั้งหมด = (1 × 2 × 60) + (0.5 × 60) + (2 × 3 × 60)
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 510 m
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น v = 360 510
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 1.42 m/s
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยในชวงเวลา 6 นาที เทากับ 1.42 เมตรตอวินาที
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. รถยนตคันหนึ่งวิ่งดวยอัตราเร็วเฉลี่ย 100 กิโลเมตรตอชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ไปยังขอนแกน เปนระยะทาง


445 กิโลเมตร ถาออกเดินทางเมื่อเวลา 06.00 น. รถยนตคันนี้จะถึงปลายทางเวลากี่นาฬกา
วิธีทํา จากสมการ v = st
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได t = vs
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ = 445 100
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
= 4.45 hr
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
0.45 ชั่วโมง เทากับ 0.45 × 60 = 27 นาที
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รถยนตคันนี้จะถึงปลายทางเวลา 10.27 นาฬกา
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

4. ปาขับรถออกจากบานไปซื้อของที่ตลาด ขาไปวิ่งไดระยะทาง 15 กิโลเมตร ใชเวลา 2 ชั่วโมง แตขากลับ


เกิดการจราจรติดขัด ปาจึงใชเวลา 3 ชั่วโมง ในการเดินทางกลับมายังบานดวยเสนทางเดิม อยากทราบวา
ปาขับรถดวยความเร็วเฉลี่ยเทาใด
วิธีทํา จากสมการ v = st
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากปาขับรถออกจากบานไปซื้อของที่ตลาด และขับกลับจากตลาดมาที่บาน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น ขนาดของการกระจัดเทากับศูนย
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได = 05
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 0 km/hr
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ปาขับรถดวยความเร็วเฉลี่ยเทากับ 0 กิโลเมตรตอชั่วโมง
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

22 แรงและการเคลื่อนที่
HOTS
(คําถามทาทายความคิดขั้นสูง)

พิจารณาสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม
เด็กชายคนหนึ่งกําลังเลนลูกบอลอยูในสนามหญา เขาไดลองโยนลูกบอล
ขึน้ ตรง ๆ ไปในอากาศ แลวลูกบอลก็ตกลงมา เด็กชายคนนีจ้ งึ เกิดคําถามขึน้ มา ดังนี้
1. ในระหวางที่เด็กชายกําลังโยนลูกบอล ในชวงที่ลูกบอลยังสัมผัสกับมือของเด็กชาย มีแรงอะไรบางที่กระทํากับ
ลูกบอล และแรงลัพธบนลูกบอลเปนอยางไร พรอมกับสงผลใหลูกบอลเคลื่อนที่อยางไร
ในชวงที่ลูกบอลยังสัมผัสกับมือของเด็กชาย จะมีแรงที่มือกระทํากับลูกบอล (F) ในทิศดันขึ้นดานบน แรงโนมถวง
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ที่โลกดึงดูดลูกบอล (W) มีทิศลงดานลาง และแรงตานจากอากาศหรือแรงเสียดทานของอากาศ (f) มีทิศลงดานลาง
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
พยายามตานการเคลื่อนที่ขึ้นดานบนของลูกบอล ดังภาพ
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงตานจากอากาศ (f)
กํ า หนดเครื อ
่ งหมายบวก แสดงทิ ศ ชี ข
้ น
้ ึ และเครื อ
่ งหมายลบ แสดงทิ ศ ชี ล
้ ง
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธ (Fลัพธ) ที่กระทํากับลูกบอล เปนผลรวมของแรงยอยทุกแรง
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะเขียนไดวา Fลัพธ = F + (-W) + (-f) = F - W - f
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ถา F = W + f ลูกบอลจะเคลื่อนที่ขึ้นดวยอัตราเร็วคงตัว แรงโนมถวงจากโลก (W)
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แตถา F > W + f ลูกบอลจะเคลื่อนที่ขึ้นดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
(มีความเรง) แรงดันขึ้นจากมือ (F)
................................................................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
2. หลังจากที่ลูกบอลหลุดพนมือไปแลว มีแรงอะไรบางที่กระทํากับลูกบอล และแรงลัพธบนลูกบอลเปนอยางไร
พรอมกับสงผลใหลูกบอลเคลื่อนที่อยางไร
หลังจากลูกบอลหลุดพนมือไปแลว จะไมมีแรงจากมือกระทํากับลูกบอลอีกตอไป จะมีแตแรงโนมถวงและแรงตาน
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากอากาศ ดังนั้น Fลัพธ = (-W) + (-f) = -(W + f)
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชวงการเคลื่อนที่ขาขึ้น ชวงการเคลื่อนที่ขาลง
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธมีทิศทางชี้ลงสวนทางกับการเคลื่อนที่ขึ้นของ แรงลัพธมีทิศทางชี้ลงทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ลง
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลูกบอล สงผลใหในการเคลือ่ นทีข่ าขึน้ ลูกบอลมีอตั ราเร็ว ...........................................................................................................................................
............................................................................................................................................ ของลูกบอล สงผลใหในการเคลื่อนที่ขาลง ลูกบอลมี
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลดลงเรือ่ ย ๆ และ ณ ความสูงทีส่ ดุ ลูกบอลจะมีอตั ราเร็ว ...........................................................................................................................................
............................................................................................................................................ อัตราเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกวาลูกบอลจะตกลงถึงพื้น
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เปนศูนย ณ ขณะหนึ่ง
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ความเร็วขาลง
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงตานจากอากาศ (f) (เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ)
ความเร็วขาขึ้น
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
(ลดลงเรื่อย ๆ) แรงลัพธ
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงลัพธ แรงโนมถวงจากโลก (W)
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แรงตานจากอากาศ (f)
แรงโนมถวงจากโลก (W)
............................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 23
Unit Test 4
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
20

ตอนที่ 1 เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. วัตถุในขอใดที่มีสภาพการเคลื่อนที่ไมเปนไปตามกฎของความเฉื่อย
1. หนังสือถูกวางนิ่งอยูบนโตะ
2. เด็กอนุบาลนั่งบนมาหมุนที่หมุนดวยอัตราเร็วคงตัว
3. นักสเกตนํ้าแข็งเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัวในแนวเสนตรง
4. ถุงทรายถูกดึงดวยเครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง ดวยแรงเทากันแตทิศทางตรงขามกัน
2. เมื่อออกแรงดันกลองที่วางอยูบนพื้นราบ ปรากฏวา กลองไมเคลื่อนที่ ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. กลองอยูในสภาวะสมดุล 2. แรงลัพธที่กระทําตอกลองเปนศูนย
3. มีแรงเสียดทานจลนตานการเคลื่อนที่ 4. มีแรงเสียดทานสถิตตานการเคลื่อนที่
3. มีแรง 4 แรง คือ F1 F2 F3 และ F4 กระทํากับวัตถุ F1 = 100 N F3 = 75 N
มวล 50 กิโลกรัม ที่วางอยูบนพื้นลื่น ดวยขนาด 50 kg
และทิศทาง ดังภาพ ขอใดกลาวถูกตอง F 2 = 75 N F4 = 25 N
ฉบับ
เฉลย 1. แรงลัพธมีขนาด 25 นิวตัน ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวราบไปทางซายมือ
2. แรงลัพธมีขนาด 25 นิวตัน ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวราบไปทางขวามือ
3. แรงลัพธมีขนาด 55 นิวตัน ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวราบไปทางขวามือ
4. แรงลัพธมีขนาด 55 นิวตัน ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวราบไปทางซายมือ
4. การแขงขันกีฬาชักเยอของนักกีฬา 2 ทีม โดยทั้ง 2 ทีม มีนักกีฬา 4 คน แตละคนออกแรงไมเทากัน ดังนี้
นักกีฬาคนที่ ทีมสีแดง (นิวตัน) ทีมสีน้ําเงิน (นิวตัน)
1 10 15
2 15 20
3 25 30
4 30 25

อยากทราบวา ทีมใดเปนฝายชนะ และแรงดึงลัพธที่กระทําตอปมเชือกตรงกลางมีขนาดเทาใด


1. ทีมสีแดง และมีแรงลัพธ 10 นิวตัน
2. ทีมสีแดง และมีแรงลัพธ 170 นิวตัน
3. ทีมสีนํ้าเงิน และมีแรงลัพธ 10 นิวตัน
4. ทีมสีนํ้าเงิน และมีแรงลัพธ 170 นิวตัน
24 แรงและการเคลื่อนที่
5. แกวทดลองใชเครื่องชั่งสปริงดึงถุงทรายมวล 2 g
2k
กิโลกรัม ที่วางอยูบนพื้นผิวที่แตกตางกัน ดังภาพ
จากขอมูลในตาราง พื้นผิวใดมีสัมประสิทธิ์ พื้นผิว ขนาดของแรงเมื่อถุงทรายเริ่มขยับ (นิวตัน)
ความเสียดทานสถิต (μs) มากที่สุด A 10
1. A
B 12
2. B
3. C C 13
4. D D 14
6. จากการทดลองในขอ 5. หากตองการหาคาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน (μk) ของพื้นผิวหนึ่งตองทําการ
ทดลองอยางไร และตองบันทึกขอมูลอะไรบาง
1. จํานวนถุงทรายเทาเดิม แตเปลี่ยนพื้นผิว ใชเครื่องชั่งสปริงดึงถุงทรายใหเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น
เรื่อย ๆ แลวบันทึกคาแรงจากเครื่องชั่งสปริง
2. จํานวนถุงทรายเทาเดิม ใชเครื่องชั่งสปริงดึงถุงทรายใหเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แลวบันทึก
คาแรงจากเครื่องชั่งสปริง
3. เพิ่มจํานวนถุงทราย เปน 2 ถุง ใชเครื่องชั่งสปริงดึงถุงทรายแลวบันทึกคาแรงจากเครื่องชั่งสปริงที่ทําให
ฉบับ
ถุงทรายเริ่มขยับ เฉลย
4. จํานวนถุงทรายเทาเดิม ใชเครื่องชั่งสปริงดึงถุงทรายใหเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงตัว แลวบันทึกคาแรงจาก
เครื่องชั่งสปริง
7. จากภาพ ถาผูชายคนนี้ตองการใหวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ ผูชายคนนี้จะตองออกแรงอยางนอยที่สุดเทาใด
1. 550 นิวตัน
2. 600 นิวตัน
150 kg 3. 650 นิวตัน
4. 700 นิวตัน
μs = 0.4

8. นําแท็งกนํ้าพลาสติกมาตอกับทอทรงกระบอกปลายดานบนเปดขึ้นไป
ซึง่ ทอมีพนื้ ทีห่ นาตัด 20 ตารางเซนติเมตร ปรากฏวา เมือ่ บรรจุนา้ํ จนมี 60 cm
ระดับนํา้ ในทอสูง 60 เซนติเมตร ความดันนํา้ จะทําใหแท็งกนาํ้ แตกออก
พอดี ถาเปลีย่ นเปนทอทรงกระบอกทีม่ พี นื้ ทีห่ นาตัด 30 ตารางเซนติเมตร
ความดันนํ้าจะทําใหแท็งกนํ้าเริ่มแตกอีกเมื่อบรรจุนํ้าในทอสูงเทาใด
1. 50 เซนติเมตร 2. 60 เซนติเมตร
3. 70 เซนติเมตร 4. 80 เซนติเมตร

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 25
9. ภาชนะบรรจุนํ้า 3 ใบ บรรจุนํ้าที่ระดับความสูงเทากัน ดังภาพ ขอใดกลาวถูกตอง
A B C

ก. ความดันนํ้าที่กนภาชนะทั้ง 3 ใบ เทากัน
ข. แรงดันนํ้าที่กนภาชนะทั้ง 3 ใบ เทากัน
ค. ถาพื้นที่กนภาชนะ A กับ B เทากัน แรงดันนํ้าที่กนภาชนะ A กับ B จะเทากัน
ง. แรงดันนํ้าที่กนภาชนะ C นอยที่สุด เพราะมีพื้นที่กนภาชนะมากที่สุดชวยใหแรงกระจาย
1. ก. และ ข. 2. ก. และ ค.
3. ก. และ ง. 4. ข. และ ค.
10. ลูกบอลขนาดใหญมีเสนผานศูนยกลาง 0.265 เมตร และมีความหนาแนนเฉลี่ย 0.5 × 103 กิโลกรัมตอ
ลูกบาศกเมตร ตองใชแรงประมาณเทาใดเพื่อกดใหลูกบอลจมนํ้าทั้งลูก
(ρนํ้า เทากับ 1 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร และ g เทากับ 9.8 เมตรตอวินาที2)
1. 20 นิวตัน 2. 28 นิวตัน
ฉบับ
เฉลย 3. 40 นิวตัน 4. 48 นิวตัน
11. เรือขนสงสินคาขนาดเล็กมีมวล 1 ตัน และมีความจุ 5 ลูกบาศกเมตร เมื่อเรือลํานี้ลอยอยูในทะเล จงหาวา
เรือลํานี้สามารถบรรทุกสิ่งของไดมากสุดกี่กิโลกรัม โดยที่เรือไมจม
(ρนํ้าทะเล เทากับ 1.024 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร)
1. 4,360 กิโลกรัม 2. 4,240 กิโลกรัม
3. 4,120 กิโลกรัม 4. 4,000 กิโลกรัม
12. ตองการใชคีมตัดวัตถุชิ้นหนึ่ง ถาวัตถุทนแรงตัดได 150 นิวตัน 5 cm 15 cm แรงกด
จะตองออกแรงกดที่ดามคีมเทาใด จึงจะสามารถตัดวัตถุได
1. 50 นิวตัน 2. 75 นิวตัน
3. 100 นิวตัน 4. 125 นิวตัน
13. คอนไมอนั หนึง่ มีหวั คอนรูปทรงกระบอกมีเสนผานศูนยกลางเทากับ 10 เซนติเมตร สวนดาม AB มีรูปรางเปน
ทรงกระบอกสมํ่าเสมอยาว 30 เซนติเมตร ถาหัว 10 cm 30 cm
คอนและดามมีมวลเทากัน แลวตองการวางดาม A B
คอนอันนี้ใหสามารถสมดุลอยูในแนวระดับบนลิ่ม
ได จะตองใหลิ่มหางจากจุด A กี่เซนติเมตร
1. 5 เซนติเมตร 2. 6 เซนติเมตร
3. 7 เซนติเมตร 4. 8 เซนติเมตร
26 แรงและการเคลื่อนที่
14. แรงในขอใดกระทํากับวัตถุไดโดยไมตองผานการสัมผัส
1. แรงสปริง 2. แรงโนมถวง
3. แรงลอยตัวที่นํ้าทํากับขอนไมที่ลอยอยูในนํ้า 4. แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะที่รถยนตเคลื่อนที่
15. เมื่อนําผามาถูกับลูกโปงที่ถูกเปาแลว แลวนําไปอยูใกลกับเศษกระดาษ จะเกิดผลอยางไร
1. ลูกโปงจะลอยขึ้น
2. ไมเกิดการเปลี่ยนแปลง
3. เศษกระดาษจะติดกับผิวลูกโปง
4. เศษกระดาษจะกระเด็นออกหางจากลูกโปง
16. แทงแมเหล็ก AB ถูกตัดแบงครึ่งตามยาวออกเปน 2 ทอน คือ PQ และ XY ตามลําดับ เมื่อนําแทงแมเหล็ก
PQ และ XY มาวางซอนกัน ดังภาพ
P Q
N S
N S
X Y
A B N S
ขอใดสรุปถูกตอง
1. แทงแมเหล็ก PQ กับ XY ผลักกัน ฉบับ
2. แทงแมเหล็ก PQ กับ XY ดึงดูดกัน เฉลย
3. ขั้ว P และ X ผลักกัน แตขั้ว Q และ Y ดูดกัน
4. ขั้ว Q และ Y ผลักกัน แตขั้ว P และ X ดูดกัน
17. รถยนตคันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 100 กิโลเมตรตอชั่วโมง เปนระยะทาง 20 กิโลเมตร ตอมาลดอัตราเร็ว
ลงเปน 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง เปนระยะทาง 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นเพิ่มอัตราเร็วขึ้นเปน 80 กิโลเมตรตอ
ชั่วโมง เปนระยะทาง 2 กิโลเมตร จงหาอัตราเร็วเฉลี่ยของรถคันนี้
1. 68 กิโลเมตรตอชั่วโมง
2. 78 กิโลเมตรตอชั่วโมง
3. 88 กิโลเมตรตอชั่วโมง
4. 95 กิโลเมตรตอชั่วโมง
18. นักเดินทางคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนตเดินทางจากเมือง A ไปยังเมือง B ซึ่งหางกันเปนระยะทางหนึ่ง โดยครึ่ง
ทางแรกเขาขี่รถจักรยานยนตดวยอัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง และครึ่งทางหลังเขาขี่รถจักรยานยนตดวย
อัตราเร็ว 120 กิโลเมตรตอชั่วโมง จงหาอัตราเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง
1. 100 กิโลเมตรตอชั่วโมง
2. 90 กิโลเมตรตอชั่วโมง
3. 80 กิโลเมตรตอชั่วโมง
4. 70 กิโลเมตรตอชั่วโมง
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 27
ดูภาพ แลวตอบคําถามขอ 19. - 20.

FINISH
N
100 m
80 m 60 m
60 m 100 m
40 m
20 m
START

19. นักกรีฑาวิ่งจากจุดเริ่มตนไปทางทิศเหนือเปนระยะทาง 100 เมตร แลววิ่งยอนกลับมาทางทิศใต 60 เมตร


ระยะทางและขนาดของการกระจัดมีคาเทาใด
ฉบับ 1. 160 เมตร และ 160 เมตร
เฉลย
2. 160 เมตร และ 40 เมตร
3. 100 เมตร และ 60 เมตร
4. 100 เมตร และ 0 เมตร
20. ถานักกรีฑาใชเวลาวิ่งทั้งหมด 50 วินาที อัตราเร็วและขนาดของความเร็วเฉลี่ยมีคาเทาใด
1. 3.2 เมตรตอวินาที และ 0.8 เมตรตอวินาที
2. 3.2 เมตรตอวินาที และ 1.2 เมตรตอวินาที
3. 2 เมตรตอวินาที และ 0.8 เมตรตอวินาที
4. 2 เมตรตอวินาที และ 0 เมตรตอวินาที

28 แรงและการเคลื่อนที่
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2 ตอบคําถามตอไปนี้ใหถูกตอง 10

1. ลูกบอลลูกหนึ่งมีมวล 900 กรัม มีรัศมี 11.1 เซนติเมตร ถานําลูกบอลนี้ไปโยนลงในสระนํ้าจะลอยหรือจม


เพราะเหตุใด (ρนํ้า เทากับ 1 กรัมตอลูกบาศกเซนติเมตร) (4 คะแนน)
วิธีทํา จากสมการ ความหนาแนน = ปริมวล มาตร
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
หาปริมาตรของลูกบอลไดจาก V = 3 πr3 = 34 π(11.1)3 = 5,731.03 cm3
4
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น ความหนาแนนของลูกบอลเทากับ 5,731.03 900 = 0.16 g/cm3
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เปรียบเทียบความหนาแนนของลูกบอลกับความหนาแนนของนํ้า
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํ้ามีความหนาแนนเทากับ 1 g/cm3
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะเห็นวา ลูกบอลมีความหนาแนนนอยกวานํ้า
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น หากนําลูกบอลไปโยนลงสระนํ้าจะลอยโผลพนผิวนํ้า
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. จินมีแทงแมเหล็กถาวรไมทราบขั้ว 1 แทง เข็มทิศ 1 อัน ถาจินอยากทราบขั้วแมเหล็กของแทงแมเหล็กถาวร


จินสามารถทดสอบไดอยางไร (6 คะแนน)
ฉบับ
เฉลย

BE
ขั้นตอนที่ 1 วางเข็มทิศลงบนโตะราบ เล็งแนวการวางตัวของ
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เข็มทิศ (ซึ่งเปนแนวทิศเหนือ-ใต) ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของสนาม
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แมเหล็กโลก (BE) ใชแนวการวางตัวของเข็มทิศแบงเปนฝง ซายและขวา ฝง ซาย N ฝงขวา
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขัน้ ตอนที่ 2 นําขัว้ ใดขั้วหนึ่งของแทงแมเหล็กถาวรมาวางทางดาน
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฝงขวาของเข็มทิศ หากปลายที่ชี้ทิศเหนือของเข็มทิศเบนไปทางฝงขวา
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แลว แสดงวา ขั้วนั้นของแทงแมเหล็กถาวรเปนขั้วใต เพราะปลาย
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เข็มทิศทีช่ ไี้ ปทางทิศเหนือเปนแมเหล็กขัว้ เหนือจะถูกดึงดูดโดยแมเหล็ก S
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้วใต แตหากปลายที่ชี้ทิศเหนือของเข็มทิศเบนไปทางฝงซาย แสดงวา ขั้วนั้นของแทงแมเหล็กถาวรเปนขั้วเหนือ
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เพราะถูกผลักโดยแมเหล็กขั้วเหนือ
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

สนามแมเหล็ก
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2
www.aksorn.com/interactive3D/RB842 29
5
หน่วยการเรียนรู้ที่

งานและกําลัง
ว 2.3 ม.2/1
ว 2.3 ม.2/2
ว 2.3 ม.2/3
พลังงาน
งานและพลังงาน ว 2.3 ม.2/4
ว 2.3 ม.2/5
ว 2.3 ม.2/6

1 งานและกําลัง
แบบฝกหัดที่ 1.1 ดูภาพ แลวเขียนลูกศรแสดงทิศทางของแรงที่คนกระทํากับวัตถุ และทิศทางการเคลื่อนที่
ของวัตถุ พรอมระบุวาเกิดงานของแรงที่คนกระทํากับวัตถุหรือไม
ฉบับ
เฉลย ทิศทาง การเกิดงาน
ภาพ
แรง การเคลื่อนที่ของวัตถุ (เกิดงาน/ไมเกิดงาน)
1. เกิดงาน
...............................................................

...............................................................

...............................................................

...............................................................

2. ไมเกิดงาน
...............................................................

...............................................................

...............................................................

...............................................................

3. เกิดงาน
...............................................................

...............................................................

...............................................................

...............................................................

30 งานและพลังงาน
แบบฝกหัดที่ 1.2 ดูภาพ แลววิเคราะหโอกาสที่จะเกิดงานของแรงที่นิ้วมือกระทํากับวัตถุ อธิบายพอสังเขป

1. 2.

ถาออกแรงดันไมมากพอที่จะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ใน
....................................................................................................................................... นิว้ ออกแรงกดในแนวดิง่ กระทํากับวัตถุ จะไมเกิดงาน
.......................................................................................................................................
แนวราบได จะไมเกิดงานกับวัตถุ
....................................................................................................................................... เพราะวัตถุที่วางอยูบนโตะ ไมสามารถเคลื่อนที่ลงตาม
.......................................................................................................................................
ถาออกแรงดันมากพอจนวัตถุเคลื่อนทีไ่ ปในแนวราบ
....................................................................................................................................... แนวแรงกดได ดังนั้น ไมเกิดงานกับวัตถุ
.......................................................................................................................................
ได จะเกิดงานกับวัตถุ
....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

แบบฝกหัดที่ 1.3 จับคูขอความที่สอดคลองกัน ฉบับ


เฉลย
ค. 1. หนวยของอัตราการทํางาน ก. จูล
ฉ. 2. งานที่เกิดขึ้นในหนึ่งหนวยเวลา ข. งาน
ญ. 3. เครื่องกลที่มีโครงสรางเปนทรงกระบอก 2 อัน ที่มีแกนรวมกัน ค. วัตต
จ. 4. เครื่องกลที่ใชสําหรับยกของหนักขึ้นที่สูงหรือหยอนลงที่ตํ่า ง. คาน
ก. 5. หนวยของงานเนื่องจากแรง 1 นิวตัน กระทําใหวัตถุเคลื่อนที่ไปตาม จ. รอก
แนวแรงเปนระยะ 1 เมตร ฉ. กําลัง
ฌ 6. อุปกรณที่ทําใหเกิดความไดเปรียบเชิงกล ช. นิวตัน
ช 7. หนวยของแรง ซ. พื้นเอียง
ข 8. ผลของแรงที่ทําใหวัตถุมีการเคลื่อนที่ในแนวกระทําของแรง ฌ. เครื่องกล
ซ. 9. อุปกรณเพื่อความสะดวกในการขนยายวัตถุขึ้นที่สูงกวา หรือลงที่ ญ. ลอและเพลา
ตํ่ากวาโดยการออกแรงผลักหรือดึง
ง. 10. เครื่องกลที่มีลักษณะเปนแทงยาวทํางานบนพื้นฐานของการเกิด
โมเมนตรอบจุดหมุน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 31
แบบฝกหัดที่ 1.4 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให
1. ยิมออกแรง 100 นิวตัน ในแนวราบผลักวัตถุหนึ่งใหเคลื่อนที่ในแนวเสนตรงเปนระยะทาง 200 เมตร จะเกิด
งานของแรงผลักมีคาเทาใด
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ W = Fs
= 100 × 200
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 20,000 N m
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เกิดงานของแรงผลักมีคาเทากับ 20,000 นิวตัน เมตร
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. พลขับรถไถดันกอนหินกอนหนึ่งใหเคลื่อนที่เปนเสนตรงในแนวราบเปนระยะทาง 50 เมตร หากรถไถทํางาน


10,000 จูล แรงดันที่รถไถทํากับกอนหินมีคากี่นิวตัน
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ W = Fs
F = Ws
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย = 10,000 50
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 200 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงดันที่รถไถทํากับกอนหินมีคาเทากับ 200 นิวตัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. รุจออกแรงขนาด 150 นิวตัน ดันกลองเปนระยะทาง 30 เมตร ในเวลา 15 วินาที กําลังที่รุจใชดันกลอง


มีคาเทาใด
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ W = Fs
= 150 × 30
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 4,500 N m
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ P = Wt
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 4,500 15
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 300 W
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น กําลังที่รุจใชดันกลองมีคาเทากับ 300 วัตต
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
32 งานและพลังงาน
4. เครื่องจักร A B C และ D ทํางานออกมาในปริมาณและชวงเวลาตาง ๆ ดังตาราง
เครื่องจักร งาน (จูล) เวลาในการทํางาน (วินาที)
A 2,000 5
B 1,000 5
C 2,000 10
D 1,000 10
เครื่องจักรใดมีอัตราการทํางานสูงที่สุด
P = Wt
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ
อัตราการทํางานของเครื่องจักร A; PA = 2,000 5 = 400 W
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
อัตราการทํางานของเครื่องจักร B; PB = 1,000 5 = 200 W
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
อัตราการทํางานของเครื่องจักร C; PC = 2,000 10 = 200 W
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
อัตราการทํางานของเครื่องจักร D; PD = 1,000 10 = 100 W
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เครื่องจักร A มีอัตราการทํางานสูงที่สุด
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
5. แมนมีรถยนต ซึง่ เครือ่ งยนตของรถยนตคนั นีท้ าํ งานในอัตรา 4,000 จูลตอวินาที ถาตองการใหรถยนตเคลือ่ นที่ เฉลย
ไปในแนวเสนตรงดวยอัตราเร็ว 5 เมตรตอวินาที จงหาแรงที่ทําใหรถยนตเคลื่อนที่ไป
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธที าํ เครือ่ งยนตของรถยนตคนั นีท้ าํ งานในอัตรา 4,000 J/s หมายความวา กําลังของรถยนตคนั นีเ้ ทากับ 4,000 W
จากสมการ P = Wt
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= Fst
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
P = Fv
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
F = Pv = 4,000 5
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 800 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงที่ทําใหรถยนตเคลื่อนที่ไปเทากับ 800 นิวตัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

6. ชางไฟคนหนึ่งหนัก 70 กิโลกรัม ไตเสาไฟฟาขึ้นไปสูง 6 เมตร ถาอัตราเร็วเฉลี่ยในการไตของชางไฟเทากับ


0.2 เมตรตอวินาที อยากทราบวา ชางไฟมีกําลังเฉลี่ยเทาใด (g เทากับ 10 m/s2)
P = Wt
วิ.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากสมการ
= Fst
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= Fv
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= (mgh)v = 70 × 10 × 6 × 0.2
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 840 W
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ชางไฟมีกําลังเฉลี่ยเทากับ 840 วัตต
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 33
แบบฝกหัดที่ 1.5 จําแนกหลักการทํางานของอุปกรณหรือเครื่องมือที่กําหนดให โดยขีด ✓ ลงในตาราง
หัวขอ คานประเภทที่ 1 คานประเภทที่ 2 คานประเภทที่ 3
1. กรรไกร ✓
................................................................. ................................................................. .................................................................

2. ไมกวาด ✓
................................................................. ................................................................. .................................................................

3. เรือกรรเชียง ✓
................................................................. ................................................................. .................................................................

4. คอนตอกตะปู ✓
................................................................. ................................................................. .................................................................

5. รถเข็นดินลอเดียว ✓
................................................................. ................................................................. .................................................................

แบบฝกหัดที่ 1.6 ยกตัวอยางการนําความรูเรื่องเครื่องกลอยางงายมาใชประโยชนในชีวิตประจําวัน พรอม


อธิบายและติดภาพหรือวาดภาพประกอบ
ฉบับ
เฉลย

(ติดภาพ) (ติดภาพ)
กรรไกรเปนเครือ่ งกลอยางงายทีท่ าํ งานบนหลักการ
....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................
ของคานประเภทที่ 1 ซึ่งมีจุดหมุนอยูตรงกลางระหวาง
....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................
แรงพยายามกับแรงตานทาน
....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

34 งานและพลังงาน
แบบฝกหัดที่ 1.7 คํานวณหาผลลัพธจากโจทยที่กําหนดให
1. ตนใชขวานจามทอนไมดวยแรง 600 นิวตัน หัวขวานจมลงในเนื้อไมยาว 10 เซนติเมตร โดยเนื้อไมแยกออก
จากกัน 5 เซนติเมตร อยากทราบวา แรงตานจากเนื้อไมมีคาเทากับกี่นิวตัน
วิธีทํา จากหลักการ งานที่กระทํา = งานที่ไดรับ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
EH = WL
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
600 × 10 = W × 5
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
W = 1,200 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แรงตานจากเนื้อไมมีคาเทากับ 1,200 นิวตัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. แมแรงยกรถตัวหนึ่งมีดามยาว 50 เซนติเมตร ถาหมุนเกลียวสกรู 6 รอบ ระยะเกลียวสกรูหรือรถจะเคลื่อนที่


สูงขึ้น 18 เซนติเมตร ถารถมีมวล 2.5 ตัน ตองออกแรงเทาใด (g เทากับ 10 m/s2)
วิธีทํา จากหลักการ งานที่ใหกับสกรู = งานที่ไดจากสกรู
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
E × 2πR = mgh
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
E = 2mgh πR
............................................................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
พิ จ ารณาระยะเกลี ย วสกรู จ ากการหมุ น 6 รอบ ระยะเกลี ยวสกรูสูงขึ้น 18 cm
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได หมุน 1 รอบ ระยะเกลียวสกรูสูงขึ้น 3 cm
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
E = 2,500 × 10 × 0.03
2(3.14)(0.50)
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 238.85 N
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ตองออกแรงเทากับ 238.85 นิวตัน เพื่อยกรถมวล 2.5 ตัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. กลาออกแรง 150 นิวตัน ดึงถุงทรายมวล 30 กิโลกรัม ใหเคลื่อนที่ตามแนวพื้นเอียงเปนระยะทาง 2 เมตร


ถุงทรายจะอยูสูงจากพื้นดานลางกี่เซนติเมตร (g เทากับ 10 m/s2)
วิธีทํา จากหลักการ งานที่ใหกับพื้นเอียง = งานที่ไดจากพื้นเอียง
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
EL = mgh
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
150 × 2 = 30 × 10 × h
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
h = 300 300
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 1m
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 100 cm
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ถุงทรายจะอยูสูงจากพื้นดานลางเทากับ 100 เซนติเมตร
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 35
2 พลังงาน
แบบฝกหัดที่ 2.1 อานสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม

1. โจใชเครือ่ งชัง่ สปริงออกแรง 10 นิวตัน ดึงถุงทราย g


เครื่องชั่งสปริง
มวล 500 กรัม ใหเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัวบน 500
พื้นฝดเปนระยะทาง 100 เซนติเมตร ดังภาพ

1) ปจจัยที่มีผลตอพลังงานจลนไดแกอะไรบาง อธิบายพอสังเขป
พลังงานจลนขนึ้ อยูก บั มวลและความเร็ว แตเนือ่ งจากถุงทรายเคลือ่ นทีด่ ว ยความเร็วคงตัว ดังนัน้ พลังงานจลน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะขึ้นอยูกับมวลถุงทราย โดยถุงทรายมวลมากจะมีพลังงานจลนมากกวาถุงทรายมวลนอยที่เคลื่อนที่ดวยความเร็ว
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เทากัน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) ระหวางที่ถุงทรายเคลื่อนที่ พลังงานจลนมีคาเพิ่มขึ้นหรือไม เพราะเหตุใด


พลังงานจลนไมเพิ่มขึ้น เพราะถุงทรายเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3) พลังงานจลนมีคาเปนบวกหรือลบ เพราะเหตุใด
พลังงานจลนมีคาเปนบวก เพราะมวลและขนาดของความเร็วเปนปริมาณบวกทั้งคู
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

4) การดึงถุงทรายมวล 500 กรัม บนพื้นฝด เกิดพลังงานความรอนหรือไม อยางไร


เกิดพลังงานความรอนซึ่งมีที่มาจากงานของแรงเสียดทาน เพราะผิวสัมผัสระหวางถุงทรายกับพื้นมีการเสียดสี
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กัน พลังงานจลนบางสวนเปลี่ยนรูปไปเปนพลังงานความรอนทําใหผิวสัมผัสมีอุณหภูมิสูงขึ้น
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

5) ความสัมพันธระหวางแรง งาน และพลังงานจลนเปนอยางไร


งานของแรงลัพธที่กระทํากับวัตถุหนึ่งเทากับการเปลี่ยนแปลงพลังงานจลนของวัตถุ ถาถุงทรายในภาพถูก
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลากใหเคลื่อนที่ไปบนพื้นลื่น แรงลัพธในแนวราบ คือ แรงดึงจากเครื่องชั่งสปริง ทําใหถุงทรายมีความเรงหรือ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีความเร็วเพิ่มขึ้น พลังงานจลนของถุงทรายจะเพิ่มขึ้น แตถาถุงทรายในภาพถูกลากใหเคลื่อนที่ไปบนพื้นฝด
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะมีแรงเสียดทานกระทํากับถุงทราย หากแรงเสียดทานจลนเทากับแรงดึงของเครื่องชั่งสปริง แรงลัพธเปนศูนย
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ถุงทรายเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว พลังงานจลนของถุงทรายจะไมมีการเปลี่ยนแปลง
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

36 งานและพลังงาน
2. จอมปลอยลูกบอลจากยอดตึกลงยังพื้นดานลาง จอม
โดยมีจูนยืนสังเกตการเคลื่อนที่ของลูกบอลอยู
ระดับอางอิง
ดานลาง ดังภาพ

จูน
ระดับอางอิง

1) ปจจัยที่มีผลตอพลังงานศักยโนมถวงไดแกอะไรบาง อธิบายพอสังเขป
พลังงานศักยโนมถวงแปรผันตามมวลและตําแหนงของวัตถุเทียบกับระดับอางอิง โดยที่เรามีอิสระที่จะเลือกให
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระดับความสูงใดเปนระดับอางอิงก็ไดตามความเหมาะสมกับปญหา ระดับอางอิงของเราไมจําเปนตองเหมือนกับ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ของคนอื่น
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2) จากจุดที่จอมและจูนสังเกต คาพลังงานศักยโนมถวงของลูกบอลขณะปลอยลูกบอลแตกตางกันหรือไม
เพราะเหตุใด ฉบับ
เฉลย
แตกตางกัน เพราะจอมและจูนใชระดับอางอิงที่ตางกัน โดยจอมใชระดับอางอิงที่ความสูงของดาดฟา แตจูนใช
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระดับอางอิงที่พื้นดานลาง
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3) ระหวางที่ลูกบอลตกจากมือจอมลงสูพื้น มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยหรือไม อยางไร


มีการเปลีย่ นแปลงพลังงานศักย โดยระหวางทีล่ กู บอลตกลงมา คาพลังงานศักยของลูกบอลทีจ่ อมวัดไดจะมีคา
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ติดลบลงเรื่อย ๆ สวนคาพลังงานศักยของลูกบอลที่จูนวัดไดมีคาเปนบวกและนอยลงเรื่อย ๆ จนเทากับศูนย เมื่อ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลูกบอลตกถึงพื้น
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

4) ลูกบอลสามารถมีพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงเทากันที่เวลาเดียวกันไดหรือไม อยางไร
ลูกบอลสามารถมีพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงเทากันทีเ่ วลาเดียวกันได เชน จูน (ระดับอางอิงทีพ่ นื้ )
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
โยนลูกบอลขึน้ ไปดานบน ระหวางทีล่ กู บอลเคลือ่ นทีข่ นึ้ ไป ความเร็วและพลังงานจลนของลูกบอลจะลดลงเรือ่ ย ๆ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แตพลังงานศักยของลูกบอลจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีเวลาหนึ่งที่ลูกบอลมีพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวง
....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เทากัน
....................................................................................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 37
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจจัยที่มีผลตอพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวง
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
ตารางบันทึกผลกิจกรรม
ตอนที่ 1 ปจจัยที่มีผลตอพลังงานจลน
กิจกรรม ลักษณะการเคลื่อนที่ ระยะทางที่ลูกแกวเคลื่อนที่
ของลูกแกว (เซนติเมตร)
ลูกแกวเคลื่อนที่จากจุดวาง
1. ปลอยลูกตุมจากความสูง 4 เซนติเมตร .............................................................................. ..............................................................................
ดวยความเร็วเริ่มตนคาหนึ่ง
เหนือพืน้ โตะลงมาชนกับลูกแกวทีว่ างนิง่ .............................................................................. ..............................................................................
บนโตะ .............................................................................. ..............................................................................

ลูกแกวเคลื่อนที่จากจุดวาง
2. ปลอยลูกตุมจากความสูง 6 เซนติเมตร ..............................................................................

ํ ก จ
ิ ก รรม
..............................................................................
ด ว ยความเร็ ว เริ่ ม ต น มากกว า
เหนือพืน้ โตะลงมาชนกับลูกแกวทีว่ างนิง่ .............................................................................. ลการท
..............................................................................

 ู บ
ั ผ
บนโตะ ขอ 1.
.............................................................................. ขึ้นอย
..............................................................................

ลูกแกวเคลื่อนที่จากจุดวาง
3. เปลี่ยนลูกแกวที่วางนิ่งบนโตะใหมีขนาด .............................................................................. ..............................................................................
ฉบับ ด ว ยความเร็ ว เริ่ ม ต น น อ ยกว า
ใหญขึ้น แลวปลอยลูกตุมจากความสูง 4 .............................................................................. ..............................................................................
เฉลย ขอ 1.
เซนติเมตร เหนือพื้นโตะลงมาชน .............................................................................. ..............................................................................

ตอนที่ 2 ปจจัยที่มีผลตอพลังงานศักยโนมถวง
ความลึกที่ลูกแกวจม
การเปลี่ยนแปลง (เซนติเมตร)
กิจกรรม ของผิวดินนํ้ามัน
ลูกแกวลูกที่ 1 ลูกแกวลูกที่ 2
ผิวดินนํ้ามันยุบตัวลง
1. ปลอยลูกแกว 2 ลูก ทีม่ ขี นาดเทากันจาก ................................................................... ......................................... .........................................
เทา ๆ กัน
ระดับความสูง 25 เซนติเมตร พรอมกัน ................................................................... ......................................... .........................................

ผิวดินนํ้ามันยุบตัวลงไม
2. ปลอยลูกแกว 2 ลูก ทีม่ ขี นาดตางกันจาก ................................................................... รม
.........................................
ร ท า
ํ ิจกร
.........................................

เทากัน
ระดับความสูง 25 เซนติเมตร พรอมกัน ................................................................... ับผล กา
......................................... .........................................
ขึ้นอยูก
ผิวดินนํ้ามันยุบตัวลงไม
3. ปลอยลูกแกว 2 ลูก ทีม่ ขี นาดเทากันจาก ................................................................... ......................................... .........................................
เทากัน
ระดับความสูง 25 และ 50 เซนติเมตร ................................................................... ......................................... .........................................
ตามลําดับ พรอมกัน ................................................................... ......................................... .........................................

38 งานและพลังงาน
อภิปรายผลกิจกรรม
จากกิจกรรมตอนที่ 1 ขอ 1. และขอ 3. ลูกตุม ถูกปลอยจากระดับความสูงเทากัน (พลังงานศักยโนมถวงเทากัน)
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อลูกตุมเคลื่อนลงมาพลังงานศักยจะเปลี่ยนเปนพลังงานจลน เมื่อลูกตุมชนกับลูกแกวจะถายเทพลังงานจลนให
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลูกแกวในปริมาณเทากัน ลูกแกวที่มีขนาดใหญกวา (มวลมากกวา) จะมีอัตราเร็วเริ่มตนนอยกวา สวนขอ 2. ลูกตุม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ตกจากระดับความสูงมากกวาเดิม พลังงานจลนทถี่ า ยทอดใหลกู แกวจึงมากขึน้ ทําใหลกู แกวมีอตั ราเร็วเริม่ ตนมากขึน้
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น พลังงานจลนขึ้นอยูกับมวลและอัตราเร็ว
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากกิจกรรมตอนที่ 2 เมือ่ ปลอยลูกแกว พลังงานศักยโนมถวงจะเปลีย่ นเปนพลังงานจลน เมือ่ ลูกแกวตกกระทบ
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดินนํ้ามันจะถายเทพลังงานจลนใหดินนํ้ามันเกิดการยุบตัว พลังงานจลนที่ลูกแกวทําใหดินนํ้ามันยุบจะขึ้นอยูกับ
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานศักยตอนเริ่มตน ซึ่งลูกแกวที่ถูกปลอยจากระดับความสูงมากกวาหรือมีมวลมากกวาจะถายเทพลังงานจลน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ใหดินนํ้ามันไดมากกวา ดังนั้น พลังงานศักยขึ้นอยูกับมวลและตําแหนงของวัตถุเมื่อเทียบกับระดับอางอิง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
เฉลย
คําถามทายกิจกรรม
1. จากกิจกรรมตอนที่ 1 ปจจัยใดบางที่มีผลตอระยะทางที่ลูกแกวเคลื่อนที่ได
ปจจัยหลัก ไดแก ความสูงทีป่ ลอยลูกตุม มวลของลูกตุม และมวลของลูกแกว และมีปจ จัยรอง ไดแก ความเรียบ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ของพื้นที่ลูกแกวกลิ้งไป
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. จากกิจกรรมตอนที่ 2 ปจจัยใดบางที่มีผลตอความลึกที่ลูกแกวจมลงไปในดินนํ้ามัน
มวลของลูกแกวและระดับความสูงทีป่ ลอยลูกแกว
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 39
แบบฝกหัดที่ 2.2 อานสถานการณที่กําหนดให แลวเติมคําลงในชองวาง
รถยนตบังคับ A B C และ D กําลังเคลื่อนที่ขึ้นตามแนวพื้นเอียงลื่นเดียวกัน โดยมีมวลและอัตราเร็ว ดังภาพ
A B
2 m/s 4 m/s

2 kg 2 kg

C D
2 m/s 4 m/s

3 kg 3 kg

รถยนตบังคับ A และ B มีมวลเทากัน


นอยกวา รถยนตบงั คับ B เพราะ……………………………………………………………………………….
1. รถยนตบงั คับ A มีพลังงานจลน……………………………………
แตรถยนตบังคับ A มีอัตราเร็วตํ่ากวารถยนตบังคับ B
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ระหวางทีข่ นึ้ ไปบนพืน้ เอียงทีร่ ะดับความสูงเหนือพืน้ ราบเทากัน รถยนตบงั คับ B จะมีพลังงานศักยโนมถวงสะสม


นอยกวา รถยนตบังคับ D เพราะ……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………… รถยนตบังคับ B มีมวลนอยกวารถยนตบังคับ D
ฉบับ นอยกวา รถยนตบงั คับ
เฉลย 3. รถยนตบงั คับ C จะวิง่ ขึน้ ไปบนพืน้ เอียงไดระดับความสูงมากทีส่ ดุ เหนือพืน้ ราบ…………………………………
รถยนตบังคับ C มีพลังงานจลนเริ่มตนนอยกวารถยนตบังคับ D
D เพราะ ....................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดที่ 2.3 พิจารณาภาพ แลวบอกการถายโอนพลังงานที่เกิดขึ้น

1. 2.

กระทะมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากการสัมผัสกับไฟ และ
•....................................................................................................................................... • เราไดรับความรอนจากการแผรังสีความรอนจาก
.......................................................................................................................................
พลังงานความรอนจากกระทะถายเทใหกบั อาหารโดย
....................................................................................................................................... ดวงอาทิตยมายังโลก
.......................................................................................................................................
กระบวนการนําความรอน
....................................................................................................................................... • เราไดยินเสียงของเครื่องดนตรี ซึ่งเกิดจากการถาย
.......................................................................................................................................
แมครัวทีอ่ ยูห า งจากเตาไดรบั ความรอนผานกระบวนการ
•....................................................................................................................................... โอนพลังงานการสัน่ ของแหลงกําเนิดเสียงไปยังผูฟ ง
.......................................................................................................................................
แผรังสีความรอน
....................................................................................................................................... • อากาศถายโอนความรอนจากพื้นดินขึ้นไปในบริเวณ
.......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... ที่สูงโดยการพาความรอน
.......................................................................................................................................

40 งานและพลังงาน
แบบฝกหัดที่ 2.4 วิเคราะหสถานการณที่กําหนดให แลวอธิบายการเปลี่ยนรูปพลังงานโดยใชความรูเรื่อง
กฎการอนุรักษพลังงาน

1. หลอดไฟติดไฟ หมายเลข 1 เมื่อกระแสไฟฟาไหลผานสายไฟฟาที่ข้ัวตอหลอดไฟ


................................................................................................................................................................................
พลังงานไฟฟาบางสวนจะเปลี่ยนไปเปนพลังงานความรอนในสายไฟฟา
................................................................................................................................................................................
หมายเลข 2 เมื่อกระแสไฟฟาไหลผานไสหลอดซึ่งมีความตานทาน
................................................................................................................................................................................

3 2 ไฟฟาสูงกวาสายไฟฟาธรรมดา พลังงานไฟฟาสวนใหญจะเปลี่ยนเปน
................................................................................................................................................................................
พลังงานความรอน และพลังงานความรอนจะเปลี่ยนรูปอีกครั้งไปเปน
................................................................................................................................................................................
พลังงานแสง
................................................................................................................................................................................
หมายเลข 3 พลังงานความรอนบางสวนจากไสหลอดถายเทใหกับ
................................................................................................................................................................................
หลอดแกวที่ครอบไสหลอด ทําใหหลอดแกวรอน
................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

1 ................................................................................................................................................................................

ฉบับ
เฉลย
2. ลูกมะพราวกําลังรวงจาก ใหพื้นเปนระดับอางอิง
................................................................................................................................................................................
ตนลงสูพื้นดิน หมายเลข 1 ลูกมะพราวที่ติดอยูกับขั้วมีพลังงานศักยโนมถวงมาก
................................................................................................................................................................................
ที่สุดแตมีพลังงานจลนเปนศูนย เพราะไมเคลื่อนที่
................................................................................................................................................................................
หมายเลข 2 เมื่อลูกมะพราวหลุดจากขั้วตกลงมา จะมีพลังงานศักย
................................................................................................................................................................................
โนมถวงลดลง โดยพลังงานศักยโนมถวงที่ลดลงจะเปลี่ยนรูปไปเปน
................................................................................................................................................................................
พลังงานจลน
................................................................................................................................................................................

1 หมายเลข 3 ลูกมะพราวมีพลังงานศักยโนมถวงนอยกวาหมายเลข 2
................................................................................................................................................................................
แตมีพลังงานจลนมากกวา
................................................................................................................................................................................
2 หมายเลข 4 กอนทีล่ กู มะพราวจะกระทบพืน้ ดินพลังงานจลนจะมาก
................................................................................................................................................................................
ที่สุด (ความเร็วสูงสุด) เพราะพลังงานศักยโนมถวงสวนใหญเปลี่ยนรูป
................................................................................................................................................................................
ไปเปนพลังงานจลน และเมือ่ ลูกมะพราวตกลงมานอนนิง่ บนพืน้ ดิน ทัง้
................................................................................................................................................................................

3 พลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงเปนศูนย
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

4 ................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 41
3. เกงกําลังปนจักรยาน เริ่มจากพลังงานเคมีในเซลลกลามเนื้อเปลี่ยนรูปเปนพลังงานศักย
................................................................................................................................................................................
ยืดหยุนสะสมในกลามเนื้อที่อยูนิ่ง และเปลี่ยนรูปเปนพลังงานจลนใน
................................................................................................................................................................................
กลามเนื้อที่เคลื่อนไหว
................................................................................................................................................................................
พลังงานกล (พลังงานศักยยืดหยุน + พลังงานจลน) ในกลามเนื้อ
................................................................................................................................................................................
ถายเทใหกับบันไดจักรยานผานแรงที่เทากระทํา ทําใหบันไดจักรยาน
................................................................................................................................................................................
เคลื่อนที่หมุนรอบแกนซึ่งมีทั้งพลังงานศักยโนมถวงและพลังงานจลน
................................................................................................................................................................................
บันไดจักรยานจะถายเทพลังงานจลนใหกบั โซทพี่ าดกับเฟองผานแรง
................................................................................................................................................................................
กระทําระหวางซี่เฟองกับแตละหวงในสายโซ
................................................................................................................................................................................
โซจะถายเทพลังงานจลนใหกับเฟองลอหลังผานแรงกระทําระหวาง
................................................................................................................................................................................
หวงในสายโซกับซี่เฟองลอหลัง ทําใหจักรยานเคลื่อนไปขางหนา
................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
4. โบกําลังใชเครื่องเปาผม เมือ่ เปดสวิตชใหกระแสไฟฟาไหลเขาเครือ่ งเปาผม จะมีกระแสไฟฟาบาง
................................................................................................................................................................................
สวนไหลผานขดลวดในพัดลม ทําใหพดั ลมหมุน เปนการเปลีย่ นพลังงาน
................................................................................................................................................................................
ไฟฟาเปนพลังงานลม
................................................................................................................................................................................
กระแสไฟฟาบางสวนไหลผานขดลวดทําความรอน เปนการเปลี่ยน
................................................................................................................................................................................
พลังงานไฟฟาเปนพลังงานความรอน เมื่ออากาศจากพัดลมไหลผาน
................................................................................................................................................................................
ขดลวดทําความรอน ความรอนจากขดลวดจะถายเทใหกบั อากาศทําใหได
................................................................................................................................................................................
ลมรอนออกมาจากเครื่องเปาผม
................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

42 งานและพลังงาน
Science
in Real Life (วิทยาศาสตร ในชีวติ จริง)

áÁ‹¤ÃѺ ¼ÁÍÂÒ¡àÅ‹¹äÇ¡Ôé§

ฉบับ
ตอบคําถามตอไปนี้ เฉลย
1. การทํางานของเครื่องเลนไวกิ้งเกี่ยวของกับการเปลี่ยนรูปพลังงานอยางไรบาง
การทํางานของเครื่องเลนไวกิ้งเกี่ยวของกับการเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟาไปเปนพลังงานกล (พลังงานจลน +
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานศักยโนมถวง) โดยตองอาศัยพลังงานไฟฟาขับมอเตอรขนาดใหญที่แกนหมุนเพื่อใหเครื่องเลนเริ่มแกวงได
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากนั้นจะเปนการเปลี่ยนรูปไปมาระหวางพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงในระหวางที่เครื่องเลนแกวงไปมา
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
และการเปลี่ยนรูปจากพลังงานกลเปนพลังงานความรอนและพลังงานเสียงเนื่องจากความเสียดทาน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ในความเปนจริง ถานักเรียนคํานวณหาพลังงานกลทุกตําแหนงของเครือ่ งเลนไวกิง้ พลังงานกลจะคงตัวหรือไม


เพราะเหตุใด
ไมคงตัว เพราะขณะทีเ่ ครือ่ งเลนไวกิง้ เคลือ่ นทีจ่ ะมีความเสียดทานตานการเคลือ่ นทีข่ องเครือ่ งเลน ทําใหพลังงาน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
กลรวม (พลังงานจลน + พลังงานศักยโนมถวง) บางสวนของเครือ่ งเลนสูญเสียไปเปนพลังงานความรอน และทําให
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เครือ่ งเลนแกวงขึน้ ไปสูงสุดนอยลงเรือ่ ย ๆ หากตองการใหเครือ่ งเลนสามารถแกวงขึน้ ไปไดสงู สุดเทากันทุกรอบตอง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีการจายพลังงานไฟฟาใหกับเครื่องเลน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 43
HOTS
(คําถามทาทายความคิดขั้นสูง)

พิจารณาสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม
วัตถุหนึ่งมวล m วางอยูบนยอดเนินที่จุด A แลวถูกดันใหไถลลงมาตามผิวเนินซึ่งเปนผิวลื่นจนลงมาถึง
พื้นราบลื่นและไถลตอไปผานจุด D ดวยอัตราเร็ว v m/s ดังภาพ โดยกําหนดให W1 และ W2 เปนงานของ
แรงโนมถวงที่เกิดกับวัตถุในชวง A → B และ B → C ตามลําดับ และ E3 เปนพลังงานจลนของวัตถุในขณะ
ที่เคลื่อนผานจุด D
จงหาความสัมพันธระหวางงานและพลังงานเหลานี้ พรอมกับหาอัตราเร็วของวัตถุ (พลังงานจลนหาได
จากสมการ 12 mv2)
m
A
W1 h
B
v m W2 h
ระดับอางอิง
D E3 C
ฉบับ
เฉลย
วิ...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธีทํา จากภาพ จะได งานของแรงโนมถวงในชวง A → B คือ W1 = mgh
งานของแรงโนมถวงในชวง B → C คือ W2 = mgh
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ในการเดินทางจาก A → B → C แรงโนมถวงทําใหวัตถุมีพลังงานศักยโนมถวงลดลง โดยขนาดของพลังงานศักย
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
โนมถวงที่ลดลงเทากับงานเนื่องจากแรงโนมถวง = W1 + W2 = 2mgh
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
วัตถุไถลลงมาตามเนินลืน่ และไถลตอไปบนพืน้ ราบลืน่ จึงพิจารณาใหวตั ถุไมสญู เสียพลังงานเนือ่ งจากความเสียดทาน
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น จะไดความสัมพันธระหวางงานและพลังงาน ดังนี้
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดของพลังงานศักยโนมถวงที่ลดลง = พลังงานจลนของวัตถุที่เพิ่มขึ้น
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2mgh = E3
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
หาอัตราเร็วของวัตถุ แทนคา E3 = 2 mv 1 2
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 2mgh = 21 mv2
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
v = 4gh
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 2 gh m/s
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความสัมพันธระหวางงานและพลังงานเหลานี้ คือ 2mgh = E3
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
และอัตราเร็วของวัตถุเทากับ 2 gh เมตรตอวินาที
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................

44 งานและพลังงาน
Unit Test 5
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
20

ตอนที่ 1 เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. ขอใดไมเกิดงานตามความหมายของฟสิกส
1. กองเข็นรถใหเคลื่อนที่
2. แปงเดินจากชั้นลางขึ้นชั้นบนของบาน
3. กันตสะพายกระเปาเปแลวเดินไปขางหนา
4. นิวยกกองหนังสือจากพื้นขึ้นไปวางไวบนโตะ
2. แกมใชมอื ดันหนังสือทีว่ างอยูบ นโตะใหเคลือ่ นทีไ่ ปบนพืน้ โตะราบฝดดวยความเร็วคงตัว ปริมาณใดมีคา ไมคงตัว
1. แรงเสียดทานที่พื้นโตะทํากับหนังสือ
2. พลังงานศักยโนมถวงของหนังสือ
3. พลังงานจลนของหนังสือ
4. อุณหภูมิของหนังสือ
3. หญิงเดินถือกระเปาหนัก 20 นิวตัน เดินลงบันไดสูง 5 เมตร งานที่หญิงถือกระเปามีคาเทาใด
ฉบับ
1. -100 จูล 2. 0 จูล เฉลย
3. 20 จูล 4. 100 จูล
4. ชายคนหนึ่งมีมวล 75 กิโลกรัม เดินจากจุด A ขึ้นบันไดวนไปยังจุด B ของประภาคารแหงหนึ่ง ดังภาพ ถา
B จุด A และ B อยูหางกันในแนวดิ่งเปนระยะ 8 เมตร
กลามเนื้อขาของชายคนนี้จะทํางานเทาใด
1. 0 จูล
2. 60 จูล
3. 600 จูล
4. 6,000 จูล
A

5. คุณลุงมีมวล 60 กิโลกรัม ขึ้นลิฟตจากชั้น 1 ไปชั้น 6 ใชเวลา 30 วินาที โดยความสูงของแตละชั้นเทากับ 3


เมตร พลังงานศักยทเี่ ปลีย่ นไปมีคา เทาใด (งานทีล่ ฟิ ตทาํ ในการยกคุณลุงมีคา เทากับการเปลีย่ นแปลงพลังงาน
ศักยโนมถวงของคุณลุง)
1. 0 จูล 2. 9,000 จูล
3. 10,800 จูล 4. 18,000 จูล
6. กําลังที่ลิฟตใชในขอ 5. มีคาเทาใด
1. 600 วัตต 2. 500 วัตต
3. 300 วัตต 4. 0 วัตต
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 45
7. เตยกกลองบรรจุภัณฑหนัก 50 นิวตัน เดินขึ้นบันไดจากจุด A ถึงจุด B จํานวน 8 ขั้น สูงขั้นละ 20 เซนติเมตร
จากนั้นเดินจากจุด B ไปยังจุด C ระยะทาง 10 เมตร ดังภาพ จงหาวาเตทํางานทั้งสิ้นกี่จูล
B C 1. 80 จูล
10 m 2. 160 จูล
3. 400 จูล
A 4. 850 จูล

8. ชายคนหนึ่งขับรถยนตดวยความเร็วคงตัวไปตามถนนเปนระยะทาง 5 กิโลเมตร เปนเวลา 20 นาที ถาแรง


เสียดทานจลนรวมที่ถนนทํากับลอทั้งสี่ของรถยนตเทากับ 15,000 นิวตัน กําลังที่ทําโดยเครื่องยนตของรถ
มีคาเทาใด
1. 13,750 วัตต 2. 17,500 วัตต
3. 60,000 วัตต 4. 62,500 วัตต
9. รถยนตคันหนึ่งมวล 1.5 ตัน เครื่องยนตมีกําลัง 100 แรงมา ถูกขับใหเคลื่อนที่ไปบนถนนราบดวยความเร็ว
คงตัว 50 เมตรตอวินาที แรงเสียดทานเฉลี่ยที่พื้นถนนทํากับลอทั้งสี่ของรถยนตมีคาเทาใด (1 ตัน เทากับ
1,000 กิโลกรัม และ 1 แรงมา เทากับ 746 วัตต)
ฉบับ 1. 1,000 นิวตัน 2. 1,492 นิวตัน
เฉลย
3. 1,984 นิวตัน 4. 2,476 นิวตัน
10. พิจารณาเครื่องกลตอไปนี้
ก. กระดานหก ข. พวงมาลัยรถยนต
ค. ที่คีบนํ้าแข็ง ง. รอกพวง
จ. เครื่องยกเครื่องยนตในอู ฉ. กวานตักนํ้าจากบอ
ช. ลิ่ม ซ. ใบพายของเรือกรรเชียง

ขอใดจัดกลุมเครื่องกลประเภทเดียวกันไดถูกตอง
1. ก. ค. และ ซ. 2. ข. ง. และ ฉ.
3. ข. ง. และ จ. 4. ฉ. และ ซ.
11. แกวออกแรง 30 นิวตัน ดึงเชือกที่พันรอบลอรัศมี 60 เซนติเมตร เพื่อใชเครื่องกลลอกับเพลายกของหนัก 80
นิวตัน จงหาวารัศมีของเพลามีคาเทาใด
1. 18.5 เซนติเมตร
2. 20.5 เซนติเมตร
3. 22.5 เซนติเมตร
4. 24.5 เซนติเมตร
46 งานและพลังงาน
12. กองใชคอนตอกตะปู แนนใชคอนงัดตะปู อยากทราบวา คอนที่ทั้ง 2 คน ใชมีการทํางานแบบเครื่องกล
อยางงายประเภทใด ตามลําดับ
1. คานประเภทที่ 3 คานประเภทที่ 1
2. คานประเภทที่ 1 คานประเภทที่ 2
3. คานประเภทที่ 2 คานประเภทที่ 3
4. คานประเภทที่ 1 คานประเภทที่ 3
13. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับพลังงานศักยโนมถวงและระดับอางอิง
1. ระดับอางอิงอยูที่ใดก็ได และพลังงานศักยโนมถวงอาจมีคาเปนบวกหรือลบก็ได
2. ระดับอางอิงตองอยูที่พื้นโลกเทานั้น และพลังงานศักยโนมถวงมีคาเปนบวกเทานั้น
3. ระดับอางอิงตองอยูที่พื้นโลกเทานั้น และพลังงานศักยโนมถวงตองมีคาเปนลบเทานั้น
4. ระดับอางอิงตองอยูนอกชั้นบรรยากาศโลก และพลังงานศักยโนมถวงตองมีคาเปนลบเทานั้น
14. นักเรียนคนหนึ่งโยนลูกมะมวงในแนวดิ่ง ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง
1. ในระหวางที่ลูกมะมวงกําลังเคลื่อนที่ลง พลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงมีคาลดลง
2. ในระหวางที่ลูกมะมวงกําลังเคลื่อนที่ขึ้น พลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงมีคาลดลง
3. ในระหวางที่ลูกมะมวงกําลังเคลื่อนที่ขึ้น พลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงมีคาเพิ่มขึ้น
ฉบับ
4. ในระหวางที่ลูกมะมวงกําลังเคลื่อนที่ขึ้น พลังงานจลนลดลงแตพลังงานศักยโนมถวงมีคาเพิ่มขึ้น เฉลย
15. แนนยกวัตถุ A B และ C ทีม่ มี วลเทากันซึง่ เดิมวางอยูท พี่ นื้ ไปไวทต่ี าํ แหนงเดียวกันซึง่ อยูส งู กวาพืน้ ตามเสนทาง
ดังภาพ ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง
1. แรงโนมถวงทํางานบนวัตถุ A มากที่สุด
2. แรงโนมถวงทํางานบนวัตถุ C นอยที่สุด
3. แรงโนมถวงทํางานบนวัตถุ A B และ C เทากัน
12 m 6m 4. แรงโนมถวงทํางานบนวัตถุ B นอยกวาวัตถุ A
9m
ระดับอางอิง
แตมากกวาวัตถุ C
A B C

16. วัตถุ A มีมวล 2m กําลังเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว v เซนติเมตรตอวินาที อยูตามหลังวัตถุ B มีมวล m ที่กําลัง


เคลือ่ นทีไ่ ปทางเดียวกันดวยอัตราเร็ว 2v เซนติเมตรตอวินาที ดังภาพ ขอใดตอไปนีก้ ลาวถูกตอง (พลังงานจลน
(E) แปรผันตรงกับ mv2)
v 2v 1. วัตถุ A และ B มีพลังงานจลนเทากัน
2m m 2. วัตถุ A มีพลังงานจลนเปนสองเทาของวัตถุ B
A B 3. วัตถุ B มีพลังงานจลนเปนสองเทาของวัตถุ A
4. วัตถุ B มีพลังงานจลนเพียงครึ่งหนึ่งของวัตถุ A

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 47
17. เมื่อยกวัตถุขึ้นในแนวดิ่ง วัตถุในขอใดมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวงมากที่สุด
1. 2m 2. 3m

5N 4N

3. 3m 4. 4m

3N 2N

18. เด็กชายคนหนึ่งปลอยลูกบอลยางใหตกจากระเบียงหองที่อยูสูงจากพื้น 10 เมตร ลูกบอลยางตกลงมากระทบ


พืน้ แลวกระเดงขึน้ ไปไดสงู สุดทีร่ ะดับตํา่ กวาระเบียง จงเรียงลําดับการเปลีย่ นรูปพลังงานกลของลูกบอลยางใน
เหตุการณนี้
1. พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานจลน → พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานจลน → พลังงานศักย
โนมถวง
2. พลังงานจลน → พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานจลน → พลังงานศักย
ฉบับ
เฉลย โนมถวง
3. พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานจลน → พลังงานศักยยดื หยุน → พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานจลน
4. พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานจลน → พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานจลน → พลังงานศักย
โนมถวง
19. ไมที่กําลังถูกเผาเปนการเปลี่ยนพลังงานใดเปนพลังงานใด
1. พลังงานเคมี → พลังงานไฟฟา
2. พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานความรอน
3. พลังงานเคมี → พลังงานความรอนและพลังงานแสง
4. พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานเคมีและพลังงานแสง
20. แตวกําลังเดินขึ้นบันไดจากชั้น 1 ไปชั้น 2 พิจารณาพลังงานประเภทตาง ๆ ตอไปนี้ พลังงานเคมี พลังงาน
ศักยยืดหยุน พลังงานจลน พลังงานศักยโนมถวง พลังงานความรอน
ขอใดเรียงลําดับการเปลี่ยนรูประหวางพลังงานประเภทตาง ๆ ไดสมเหตุสมผลที่สุด
1. พลังงานความรอน → พลังงานเคมี → พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานจลน → พลังงานศักยโนมถวง
2. พลังงานเคมี → พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานความรอน → พลังงานจลน → พลังงานศักยโนมถวง
3. พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานเคมี → พลังงานความรอน → พลังงานจลน → พลังงานศักยโนมถวง
4. พลังงานความรอน → พลังงานศักยยืดหยุน → พลังงานเคมี → พลังงานศักยโนมถวง → พลังงานจลน

48 งานและพลังงาน
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2 ตอบคําถามตอไปนี้ใหถูกตอง 10

1. นักปนเขาคนหนึ่งหนัก 75 กิโลกรัม ตองการปนเขาสูง 560 เมตร


งานที่นักปนเขาตองใชในการปนเขามีคาเทาใด ถาอาหาร 1 กิโลกรัม
ใหพลังงานทั้งหมด 3 × 105 จูล และถารางกายของนักปนเขาสามารถ
นําพลังงานจากอาหารมาใชไดเพียง 30% เขาตองรับประทานอาหาร
ทั้งหมดกี่กิโลกรัม เพื่อใหมีพลังงานเพียงพอที่จะปนเขาไดสําเร็จ
(6 คะแนน)
วิธีทํา งานที่นักปนเขาตองทํา เทากับ พลังงานศักยโนมถวงที่เพิ่มขึ้น
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
กําหนดให พื้นราบดานลางเปนระดับอางอิง
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น งานที่นักปนเขาตองทํา = mgh
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 75 × 10 × 560
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 420,000 J
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น งานที่นักปนเขาตองใชในการปนเขามีคาเทากับ 420,000 J
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานที่นักปนเขาไดจากการรับประทานอาหาร 1 กิโลกรัม เทากับ 0.3 × 3 × 105
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 9 × 104 = 90,000 J
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
จะไดมาจากการรับประทานอาหารเทากับ 420,000 90,000 = 4.67 kg
................................................................................................................................................................................................................................................................................................ เฉลย
ดังนั้น งานที่นักปนเขาตองใชในการปนเขาเทากับ 420,000 จูล
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
และตองรับประทานอาหารเทากับ 4.67 กิโลกรัม
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. วัตถุชนิ้ หนึง่ มวล m กิโลกรัม เดิมวางนิง่ อยูบ นพืน้ ราบฝด ชวงแรกถูกแรง F1 F2


F1 ขนาด 10 นิวตัน ดึงใหเคลื่อนที่ในแนวราบไปทางขวาดวยอัตราเร็ว
คงตัวไดการกระจัดขนาด 2 เมตร ชวงที่สองถูกแรง F2 ขนาด 15 นิวตัน s1 = s2 = 2 m
ดึงใหเคลือ่ นทีใ่ นแนวราบไปทางซายดวยอัตราเร็วคงตัวจนกลับมาอยูท ตี่ าํ แหนงเดิม ดังภาพ จงหางานของแรง
F1 งานของแรง F2 งานของแรงเสียดทาน และงานสุทธิที่เกิดบนวัตถุ (4 คะแนน)
วิธีทํา งานของแรง F 1 W = F s = +(10)(2) = +20 J
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
1 11
งานของแรง F2 W2 = F2s2 = +(15)(2) = +30 J
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
(งานมีคาเปน + เพราะวัตถุเคลื่อนที่ไปในแนวกระทําของแรง)
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
งานของแรงเสียดทาน Wf = f1s1 + f2s2 = -(10)(2) - (15)(2) = -50
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
(งานมีคาเปน - เพราะแรงเสียดทานมีทิศตรงขามกับทิศการเคลื่อนที่)
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
งานสุทธิที่เกิดบนวัตถุ Wtot = W1 + W2 + Wf = (+20) + (+30) + (-50) = 0 J
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น งานของแรง F1 เทากับ 20 จูล งานของแรง F2 เทากับ 30 จูล
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
งานของแรงเสียดทานเทากับ -50 จูล และงานสุทธิที่เกิดบนวัตถุเทากับ 0 จูล
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 49
6
หน่วยการเรียนรู้ที่

โครงสรางและการเปลีย่ นแปลง
ของโลก
ว 3.2 ม.2/4 ว 3.2 ม.2/5
ดิน
ว 3.2 ม.2/6 ว 3.2 ม.2/7
นํ้า
ว 3.2 ม.2/8 ว 3.2 ม.2/9
ว 3.2 ม.2/10

โลกและการเปลีย่ นแปลง เชื้อเพลิงซากดึกดําบรรพ


ว 3.2 ม.2/1 ว 3.2 ม.2/2
ว 3.2 ม.2/3

1 โครงสรางและการเปลี่ยนแปลงของโลก
แบบฝกหัดที่ 1.1 พิจารณารูปโครงสรางของโลก แลวเติมชื่อโครงสรางตามองคประกอบทางเคมีลงใน
ชองวาง พรอมอธิบายสวนประกอบแตละสวนลงในตาราง
ฉบับ
เฉลย เปลือกโลก
................................................................

แกนโลก
................................................................ เนื้อโลก
................................................................

โครงสรางของโลก
www.aksorn.com/interactive3D/RB861

สวนประกอบ ลักษณะ ธาตุที่เปนองคประกอบหลัก


เปนชัน้ นอกสุด มีความบางทีส่ ดุ แตสาํ คัญมากทีส่ ดุ เนือ่ งจากมี .......................................................................
................................................................................................................................................................. - ซิลิคอน
เปลือกโลก สิง่ มีชวี ติ อาศัยอยู สวนทีเ่ ปนพืน้ ดิน เรียกวา เปลือกโลกทวีป และ .......................................................................
................................................................................................................................................................. - อะลูมิเนียม
สวนที่เปนพื้นนํ้า เรียกวา เปลือกโลกมหาสมุทร
................................................................................................................................................................. .......................................................................

เปนสวนที่อยูใตเปลือกโลกลงไป มีสถานะเปนของแข็ง
................................................................................................................................................................. - ซิลิคอน
.......................................................................

เนื้อโลก มีหินหลอมเหลว เรียกวา แมกมา


................................................................................................................................................................. - แมกนีเซียม
.......................................................................
- เหล็ก
................................................................................................................................................................. .......................................................................

เปนสวนทีอ่ ยูใ นสุด แบงออกเปน 2 ชัน้ ยอย คือ แกนโลกชัน้ นอก .......................................................................
................................................................................................................................................................. - เหล็ก
แกนโลก และแกนโลกชัน้ ใน โดยแกนโลกชัน้ นอกเปนของเหลวอุณหภูมสิ งู มาก .......................................................................
................................................................................................................................................................. - นิกเกิล
สวนแกนโลกชั้นในเปนของแข็งที่มีความดันและอุณหภูมิสูงมาก .......................................................................
.................................................................................................................................................................

50 โลกและการเปลี่ยนแปลง
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจจัแบบจํ
ยที่มีผาลองโครงสร
ลตอขนาดของแรงเสี
างของโลกยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม

ท ี่นักเรียน ออกแบบ

ั ผ ล ง า น
ขึ้นอยูก

อภิปรายผลกิจกรรม
โครงสรางของโลกตามองคประกอบทางเคมี สามารถแบงออกเปน 3 ชั้น ไดแก เปลือกโลก เนื้อโลก และ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แกนโลก โดยแตละชัน้ มีองคประกอบทางเคมีตา งกัน ดังนี้ เปลือกโลก ประกอบดวยสารประกอบของซิลคิ อนและ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
อะลูมิเนียมเปนหลัก เนื้อโลก ประกอบดวยสารประกอบของซิลิคอน แมกนีเซียม และเหล็กเปนหลัก แกนโลก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ประกอบดวยเหล็กและนิกเกิลเปนหลัก
..................................................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. โครงสรางของโลกตามองคประกอบทางเคมี แบงเปนกี่ชั้น อะไรบาง
3 ชัน้ ไดแก เปลือกโลก เนือ้ โลก และแกนโลก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. โครงสรางของโลกแตละชั้นมีองคประกอบทางเคมีแตกตางกันหรือไม อยางไร
แตกตางกัน เปลือกโลกมีองคประกอบหลักเปนสารประกอบของซิลิคอนและอะลูมิเนียม
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เนื้อโลกมีองคประกอบหลักเปนสารประกอบซิลิคอน แมกนีเซียม และเหล็ก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
แกนโลกมีองคประกอบหลักเปนเหล็กและนิกเกิล
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ประเมินแบบจําลองโครงสรางของโลกของกลุมอื่นวามีความถูกตองหรือไม อยางไร
เปรียบเทียบแบบจําลองของกลุมตัวเองกับกลุมอื่นในดานตาง ๆ เชน ความสมบูรณของทรงกลม หรือ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ครึ่งทรงกลม วัสดุที่ใช อัตราสวนความหนาของแตละชั้น สี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 51
แบบฝกหัดที่ 1.2 พิจารณารูปที่กําหนดให แลวระบุวาเปนการเปลี่ยนแปลงของโลกแบบใด พรอมอธิบาย
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงดังกลาว
รูป การเปลี่ยนแปลงของโลก ลักษณะ
1. การผุพังอยูกับที่ การผุ พั ง อยู  กั บ ที่ คื อ การที่ หิ น ผุ พั ง
.................................................................................... .........................................................................................................
(การผุพังทางกายภาพ)
.................................................................................... ทลายลงดวยการกระทําของนํ้า ธารนํ้าแข็ง
.........................................................................................................
ลม หรือการกระทําของมนุษย จากรูป
.................................................................................... .........................................................................................................
เปนการทําเหมืองแร ซึ่งเปนผลใหหินเกิด
.................................................................................... .........................................................................................................
การผุพังทางกายภาพเชนกัน
.................................................................................... .........................................................................................................

.................................................................................... .........................................................................................................

2. การกรอน การกร อ น เป น กระบวนการที่ ทํ า ให


.................................................................................... .........................................................................................................

.................................................................................... หินกรอนไปโดยมีตัวนําพาทางธรรมชาติ
.........................................................................................................

.................................................................................... ไดแก ลํานํา้ ธารนํา้ แข็ง ลม ซึง่ จากรูป ลม


.........................................................................................................

.................................................................................... คือ ปจจัยที่ทําใหเกิดการกรอน เนื่องจาก


.........................................................................................................

.................................................................................... กระแสลมพัดพาตะกอนมาเสียดสี ทําใหเกิด


.........................................................................................................

ฉบับ .................................................................................... ภูมิลักษณที่มีรูปรางตางๆ


.........................................................................................................
เฉลย

แบบฝกหัดที่ 1.3 พิจารณารูปที่กําหนดให แลวตอบคําถาม


เพราะเหตุใด ตะกอนบริเวณปลายนํา้ จึงมีลกั ษณะมน
และเล็กกวาหินตะกอนบริเวณตนกําเนิดซึ่งมีขนาดใหญ
และมีลักษณะเปนเหลี่ยมเปนมุม
ในระหวางทีต่ ะกอนถูกพาไปกับนํา้ ตะกอนจะเกิดการขัดสี
..................................................................................................................................................
กั..................................................................................................................................................
นเองและขัดสีกับวัตถุอื่น ๆ ที่อยูรอบขาง ทําใหตะกอนมี
ขนาดเล็ กลงเรื่อย ๆ และมีลักษณะมนมากขึ้นตามระยะทาง
..................................................................................................................................................
ที..................................................................................................................................................
่ถูกพัดพาไปจากหินตนกําเนิด ตะกอนบริเวณปลายนํ้าจะ
ถู..................................................................................................................................................
กพัดพาไปเปนระยะทางที่ยาวไกลกวาตะกอนที่อยูตนนํ้าจึง
ผ..................................................................................................................................................
านการเสียดสีมากกวา ทําใหเกิดการแตกตัวมากกวาตะกอน
บริ เวณตนนํ้า ดังนั้นตะกอนบริเวณปลายนํ้าจึงมีขนาดเล็ก
..................................................................................................................................................
และมี ความมนมากกวา
..................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................

52 โลกและการเปลี่ยนแปลง
แบบบันทึกกิจกรรม
จําลองการผุ
ปจจัพยทีังอยู
่มีผกลต
ับทีอ่ขขนาดของแรงเสี
องหินเนื่องจากนํยดทาน
้าเปนปจจัย
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
ตอนที่ 1 จําลองการผุพังทางกายภาพของหิน ตอนที่ 2 จําลองการผุพังทางเคมีของหิน
สิ่งที่สังเกต ระดับความสูงมากสุด การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแผนเหล็ก คือ
แผนเหล็กบางตําแหนงเกิดสนิม
ระดับนํ้ากอนแชตูเย็น (cm)
อ ย ู ก
 บ
ั ผลการ ..........................................................................................................................................
ขึ้น ิจกรรม ..........................................................................................................................................
ระดับนํ้าหลังแชตูเย็น (cm) ทําก ..........................................................................................................................................

อภิปรายผลกิจกรรม
ตอนที่ 1 นํา้ หลังแชตเู ย็นจนกลายเปนนํ้าแข็งจะมีระดับความสูงมากทีส่ ดุ สูงกวานํ้ากอนแชตเู ย็น แสดงวา นํ้า
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ที่กลายเปนนํ้าแข็งจะมีปริมาตรเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากนํ้าที่อยูในซอกหินหรือชองวางภายในกอนหินแข็งตัวกลายเปน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํ้าแข็งจะขยายตัวแลวดันหินใหปริหรือแตกเกิดการผุพังได
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ตอนที่ 2 แผนเหล็กจะทําปฏิกริ ยิ าเคมีกบั ออกซิเจนทีล่ ะลายอยูใ นนํา้ เกิดเปนสนิมซึง่ สามารถหลุดลอนออกจาก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ผิวแผนเหล็กไดหากถูกกะเทาะ ดังนัน้ ธาตุเหล็กทีอ่ ยูใ นกอนหินเมือ่ เกิดเปนสนิมจะหลุดลอนออกจากกอนหินทําให
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กอนหินผุพังได
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
คําถามทายกิจกรรม
1. นํ้าทําใหหินเกิดกระบวนการผุพังทางกายภาพไดอยางไร
เมื่ออุณหภูมิของอากาศลดตํ่าลงจนกระทั่งถึงจุดเยือกแข็ง นํ้าที่อยูในกอนหินจะเปลี่ยนสถานะเปนของแข็งและ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีปริมาตรเพิ่มขึ้น จึงดันใหหินเกิดรอยราวและแตกออก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ปจจัยใดบางที่ทําใหหินเกิดกระบวนการผุพังทางกายภาพ
ประเภทและชนิดของหิน ลักษณะโครงสรางทางธรณีวทิ ยา การกระทําของนํา้ ลม ธารนํา้ แข็ง แรงโนมถวงของ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
โลก สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. นํ้าทําใหหินเกิดกระบวนการผุพังทางเคมีไดอยางไร
นํา้ มีแกสออกซิเจนเปนองคประกอบ ซึง่ สามารถเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีกบั ธาตุเหล็กทีอ่ ยูใ นหิน เกิดเปนสนิมทีส่ ามารถ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
หลุดลอนได ทําใหหินผุพัง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ปจจัยใดบางที่ทําใหหินเกิดกระบวนการผุพังทางเคมี
การเกิดปฏิกิริยาเคมี ประเภทและชนิดของหิน สภาพภูมิอากาศ สารเคมีในบรรยากาศ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. นํ้าทําใหหินทุกชนิดเกิดสนิมหรือไม อยางไร
ไม เพราะสนิมเกิดจากการทําปฏิกิริยาเคมีระหวางแกสออกซิเจนที่อยูในนํ้ากับธาตุเหล็ก ซึ่งหินบางชนิดไมมี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธาตุเหล็กเปนองคประกอบ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 53
แบบบันทึกกิจกรรม
จําลองการกร
ปจอจันยทีการพั
่มีผลตดอพา
ขนาดของแรงเสี
และการสะสมตัยดทาน
วของตะกอน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
ตะกอนทีเ่ ทไวตอนเริม่ ตนเกิดการพังทลาย เมือ่ สังเกตอนุภาคตะกอน
การเปลี่ยนแปลงของตะกอนที่เกิดขึ้น คือ ...............................................................................................................................................................................
ที...............................................................................................................................................................................................................................................................................................
่กระจายในบริเวณตาง ๆ ในกลองพลาสติก พบวา อนุภาคตะกอนขนาดเล็กจะถูกนํ้าพัดพาใหเคลื่อนที่กอนและ
เคลื ่อนที่ไปไดไกลกวาอนุภาคตะกอนขนาดใหญ
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................

อภิปรายผลกิจกรรม
เมื่อนักเรียนสรางภูมิประเทศจําลองและเทตะกอนที่ผสมจากอนุภาคหลายขนาดเสร็จ จากนั้นรดนํ้าจากบัว
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
รดนํา้ นํา้ จะกัดเซาะรวมถึงพัดพาใหตะกอนพังทลายและเคลือ่ นที่ โดยทรายละเอียดจะเคลือ่ นทีไ่ ดงา ยทีส่ ดุ เพราะ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีมวลนอยที่สุด ลําดับตอมา คือ ทรายหยาบ และกรวด ตามลําดับ ที่บริเวณที่สูงของภูมิประเทศจําลอง ตะกอน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดใหญ (กรวด) จะคงเหลืออยูม ากทีส่ ดุ และบริเวณทีต่ าํ่ ของภูมปิ ระเทศจําลอง ตะกอนขนาดเล็กจะถูกพัดพามา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
มากที่สุด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
เฉลย
คําถามทายกิจกรรม
1. จงเรียงลําดับขนาดตะกอนที่ถูกพัดพา
ทรายละเอียด ทรายหยาบ กรวด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ภูมิประเทศจําลองที่มีระดับสูงจะมีการสะสมตัวของตะกอนขนาดใด
ตะกอนขนาดใหญ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ภูมิประเทศจําลองที่มีระดับตํ่าจะมีการสะสมตัวของตะกอนขนาดใด
ตะกอนขนาดเล็ก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

4. จงเรียงลําดับเหตุการณการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศจําลอง
เมื่อเทนํ้า ตะกอนจะถูกนํ้ากัดเซาะและพัดพาจากบริเวณที่สูงกวาไปสูบริเวณที่ตํ่ากวา โดยตะกอนของทราย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ละเอียดซึง่ มีขนาดเล็กทีส่ ดุ จะเคลือ่ นทีก่ อ นทรายหยาบและกรวดทีม่ ขี นาดใหญกวาตามลําดับ ซึง่ บริเวณภูมปิ ระเทศ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จําลองที่มีระดับสูงจะมีตะกอนขนาดใหญเหลืออยูมากกวา สวนบริเวณภูมิประเทศจําลองที่มีระดับตํ่าจะมีตะกอน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดเล็กถูกพัดพามาสะสมอยูมากกวา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

54 โลกและการเปลี่ยนแปลง
2 ดิน
แบบฝกหัดที่ 2.1 เขียนแผนผังแสดงกระบวนการเกิดดิน

พืช
หิน และ
แตกออกเปนขนาดตาง ๆ สัตว
เนื่องจากถูกแสงแดดและฝน พืชและสัตวที่เจริญตาม
รอยแตกของหิน เมื่อตายลง
วัตถุ สัตวที่อยูในดินจะเคลื่อนที่ จะถูกสลายโดยจุลินทรีย
ตนกําเนิด ฮิวมัส
ดิน เพื่อชวยใหฮวิ มัสผสมกับวัตถุ
ตนกําเนิดดิน
ดิน

แบบฝกหัดที่ 2.2 พิจารณาชั้นหนาตัดดิน แลวเติมคําตอบลงในชองวาง


ฉบับ
เฉลย
ชั้น O หรือชั้นอินทรียวัตถุ
ชั้นนี้ คือ ...................................................................................... ชั้น A หรือชั้นดินแร
ชั้นนี้ คือ ......................................................................................
เป น ชั้ น ที่ มี ก ารสะสมของสาร
ลักษณะ............................................................................................ เปนชั้นที่มีอินทรียวัตถุสลายตัว
ลักษณะ............................................................................................
อินทรียที่ไดจากซากพืชและซากสัตว เมื่อสาร
................................................................................................................. O ปนอยูกับแรธาตุในดิน มักมีสีคลํ้า
.................................................................................................................
อินทรียสลายจะกลายเปนฮิวมัส
................................................................................................................. A .................................................................................................................

ชั้น E หรือชั้นชะลาง
ชั้นนี้ คือ ...................................................................................... E ชั้น B หรือชั้นดินลาง
ชั้นนี้ คือ ......................................................................................
เปนชั้นดินที่มีสีซีดจาง มีปริมาณ
ลักษณะ............................................................................................ B เปนชั้นที่มีการสะสมของตะกอน
ลักษณะ............................................................................................
อินทรียวัตถุนอ ยกวาชัน้ A และมีเนือ้ หยาบกวา
................................................................................................................. และแรธาตุ เชน เหล็ก อะลูมิเนียม มีเนื้อแนน
.................................................................................................................
ชั้น B ที่อยูตอนลาง C ความชื้นสูง สวนมากเปนดินเหนียว
................................................................................................................. .................................................................................................................

R
ชั้น C หรือชั้นการผุพังของหิน
ชั้นนี้ คือ ...................................................................................... ชั้น R หรือชั้นหินพื้นฐาน
ชั้นนี้ คือ ......................................................................................
เปนชัน้ หินตนกําเนิดหรือหินดินดาน
ลักษณะ............................................................................................ เปนชัน้ ของหินแข็งชนิดตาง ๆ ทีย่ งั
ลักษณะ............................................................................................
เกิดการผุพังสลายตัว กลายเปนเศษหินที่มี
................................................................................................................. ไมผุพังสลายตัว
.................................................................................................................
ลักษณะเปนกอน
................................................................................................................. .................................................................................................................

ชั้นของดิน
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 55
www.aksorn.com/interactive3D/RB862
แบบฝกหัดที่ 2.3 ตอบคําถามตอไปนี้
1. ลักษณะดินที่พบในภาคใตสวนมากจะเปนดินที่อยูในสภาพคอนขางชื้น ลักษณะดินที่พบในภาคตะวันออก-
เฉียงเหนือสวนมากเนื้อดินคอนขางเปนทราย สวนภาคกลางสวนใหญจะเปนดินตะกอน ซึ่งเหมาะสมตอการ
เพาะปลูก เพราะเหตุใด ดินในแตละภูมิภาคจึงมีลักษณะไมเหมือนกัน
ดินในแตละภูมภิ าคมีลกั ษณะไมเหมือนกัน เนือ่ งจากมีลกั ษณะภูมอิ ากาศแตกตางกัน เชน ดินในภาคใตอยูใ นอุณหภูมิ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลี่ยไมมากนักและไดรับปริมาณนํ้าฝนมาก ดินจึงมีความชื้นสูง สวนดินในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยูในอุณหภูมิ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลีย่ สูงกวาและไดรบั ปริมาณนํา้ ฝนนอยกวา เนือ้ ดินจึงไมคอ ยเก็บความชืน้ เพราะมีลกั ษณะเปนดินทราย นอกจากนี้
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลักษณะภูมปิ ระเทศก็มผี ล เนือ่ งจากในภาคกลางมีสภาพพืน้ ทีท่ วั่ ไปเปนทีร่ าบลุม แมนาํ้ ตาง ๆ ดินทีพ่ บสวนมากจึงเปน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดินตะกอนที่มีความอุดมสมบูรณสูง
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ปจจัยใดบางที่ทําใหดินแตละทองถิ่นมีลักษณะและสมบัติแตกตางกัน
1. วัตถุตนกําเนิดดิน ดินจะมีกระบวนการผุพังแตกตางกัน ทําใหดินแตละบริเวณมีสมบัติตางกัน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ลักษณะภูมิประเทศ เชน ความลาดชัน ความเปนที่ลุมที่ดอน จะมีผลตอการชะลางพังทลายของหนาดิน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. เวลา ดินที่มีอายุยาวนานกวาจะมีหนาตัดดินสมบูรณกวาดินที่มีอายุนอยกวา
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ภูมิอากาศ เชน ปริมาณฝน อุณหภูมิ ลม
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. สิ่งมีชีวิต บริเวณที่มีความชื้น พืชจะเจริญเติบโตไดดี เมื่อพืชตายไปจะชวยเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ 3. เอยทําการตรวจสอบความเปนกรด-เบสของดินโดยใชกระดาษยูนิเวอรซัลอินดิเคเตอร จากผลการทดสอบ


เฉลย พบวา กระดาษยูนิเวอรซัลอินดิเคเตอรมีสีสม ดินชนิดนี้มีสมบัติเปนอยางไร และจะแกไขไดอยางไร
จากผลการทดสอบ กระดาษยูนเิ วอรซลั อินดิเคเตอรมสี สี ม แสดงวา มีความเปนกรด ซึง่ ดินทีม่ คี วามเปนกรดเปน
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดินที่มีสมบัติทางกายภาพและเคมีไมเหมาะสมตอการเจริญเติบโตของพืช วิธีการแกไขอาจใสปูนขาวลงไป
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

4. ดินแตละประเภทมีสมบัติอยางไร และเหมาะสําหรับการปลูกพืชแบบใด
ประเภทของดิน สมบัติของดิน การปลูกพืช
เม็ดดินไมเกาะตัวกัน ทําใหไมอุมนํ้า
....................................................................................................... เหมาะสําหรับปลูกพืชที่ตองการนํ้านอย
.........................................................................................................
ดินทราย ....................................................................................................... ทนแลงสูง เชน มะพราว
ระบายนํ้าและอากาศไดดี มีธาตุอาหารตํ่า .........................................................................................................
และถูกชะลางพังทลายไดงาย
....................................................................................................... .........................................................................................................

เหมาะสํ า หรั บ ปลู ก พื ช ส ว นใหญ เช น


เม็ดดินเกาะตัวกัน แตมีความรวนซุย .........................................................................................................
.......................................................................................................
ดินรวน ....................................................................................................... ฟกทอง พืชผักสวนครัว พืชสวนพืชไร
อุมนํ้าไดดี ระบายนํ้าไดดี และมีฮิวมัสอยู .........................................................................................................
เปนจํานวนมาก
....................................................................................................... .........................................................................................................

เหมาะสําหรับปลูกพืชที่ตองการนํ้ามาก
เม็ดดินเกาะตัวกันแนน ทําใหอุมนํ้าได .........................................................................................................
.......................................................................................................
ดินเหนียว ....................................................................................................... เชน ขาว
ดีมาก ระบายนํ้าและอากาศไดไมดี มีธาตุ .........................................................................................................
อาหารภายในดินพอสมควร
....................................................................................................... .........................................................................................................

56 โลกและการเปลี่ยนแปลง
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจจัยทีตรวจวั
่มีผลตอดขนาดของแรงเสี
สมบัติของดิน ยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
สิ่งที่สังเกต ลักษณะที่สังเกตได
สี
รรม
ความเปนกรด-เบส ขึ้นอยูกับผลการทํากิจก
ลักษณะเนื้อดิน

อภิปรายผลกิจกรรม
จากการสํารวจดินภายในบริเวณโรงเรียน พบดินทีม่ สี มบัตแิ ตกตางกันไป สามารถแบงได 3 ประเภท คือ ดิน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เหนียว ดินรวน และดินทราย โดยดินเหนียวจะมีเนื้อดินละเอียดที่สุด มีสีคอนขางคลํ้า เมื่อปนเปนรูปทรงตาง ๆ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะคงรูปไดดี ดินรวนจะมีเนื้อคอนขางละเอียด รวนซุย สีคลํ้า เหมาะตอการปลูกพืช แตเมื่อปนเปนรูปทรงตาง ๆ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
จะคงรูปไดไมดเี ทาดินเหนียว ดินทรายมีเนือ้ หยาบทีส่ ดุ เมือ่ สัมผัสจะรูส กึ สากมือ สวนใหญจะมีสนี าํ้ ตาลออน หาก
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เปนดินทรายทีไ่ มเปยกนํา้ จะปน ใหคงรูปไดยาก สวนคา pH เปนคาทีบ่ ง บอกถึงสมบัตคิ วามเปนกรด-เบสของดิน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
โดยถาคา pH นอยกวา 7 แสดงวา ดินเปนกรด คา pH เทากับ 7 ดินเปนกลาง แตถาคา pH มากกวา 7 ดิน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เปนเบส
..................................................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย

คําถามทายกิจกรรม
1. เนื้อของดินแบงออกเปนกี่ประเภท แตละประเภทมีลักษณะอยางไร
3 ประเภท ไดแก ดินทราย มีลักษณะเนื้อหยาบ ไมอุมนํ้า ระบายนํ้าและอากาศไดดี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดินรวน มีลักษณะเนื้อดินคอนขางละเอียด อุมนํ้าและระบายนํ้าไดดี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดินเหนียว มีลักษณะเนื้อละเอียด อุมนํ้าไดดีมาก แตระบายนํ้าและอากาศไดไมดี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ดินที่มีความเปนกรด-เบสจะมีคา pH เทาใด ตามลําดับ


ดินที่มีความเปนกรด จะมีคา pH นอยกวา 7
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ดินที่มีความเปนเบส จะมีคา pH มากกวา 7
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. จงยกตัวอยางสมบัติของดินและการนําไปใชประโยชน
(แนวคําตอบ) · สีของดิน ถาดินมีอินทรียวัตถุหรือฮิวมัสเปนองคประกอบมาก จะมีสีคลํ้า เหมาะตอการปลูกพืช
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
· เนื้อดิน ดินเหนียวมีเนื้อละเอียด อนุภาคดินยึดเกาะกันดีทําใหอุมนํ้า เมื่อถูกเผาไฟใหแหงดวย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กระบวนการที่เหมาะสมจะมีความแข็งแรง จึงมักถูกใชปนทําภาชนะ เชน โอง กระถาง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 57
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจจัยแบบจํ
ที่มีผลต
าลองชั
อขนาดของแรงเสี
้นหนาตัดดิน ยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
บริเวณที่สํารวจ......................................................................................................................................................................................................................................................
รรม
ขึ้นอยูกับผลการทํากิจก
ลักษณะของดิน......................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบจําลองชั้นหนาตัดดิน

รรม
ขึ้นอยูกับผลการทํากิจก
(วาดภาพ)

อภิปรายผลกิจกรรม

ฉบับ ดินในแตละบริเวณทีน่ กั เรียนสํารวจนัน้ จะมีลกั ษณะแตกตางกัน เมือ่ ทําการสังเกตดินในแนวลึก จะพบวา ดิน


.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย มีลักษณะเปนชั้น ๆ และมีสมบัติเปลี่ยนแปลงไปในทุกระดับชั้น ดินที่อยูชั้นบนสุดจะเปนดินที่เกิดจากการผุพังอยู
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กับที่จากหิน มีเศษใบไม และกิ่งไมผุพังทับถมรวมอยูดวย สวนดินชั้นที่ลึกลงไปจะมีสีจาง เนื้อดินหยาบ และมี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
สิ่งมีชีวิตจํานวนมาก ซึ่งมีลักษณะที่แตกตางจากดินชั้นบนอยางชัดเจน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. ชั้นหนาตัดดินแบงออกเปนกี่ชั้น แตละชั้นมีลักษณะอยางไร
ชัน้ หนาตัดดิน แบงออกเปน 6 ชัน้ ไดแก O A E B C และ R โดยชัน้ O เปนชัน้ ทีม่ กี ารสะสมของสารอินทรีย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ที่ไดจากพืชและซากสัตว ชั้น A มีสีจางและหยาบกวาดินชั้นบนสุดชัดเจน ชั้น E มีสีซีดจาง ชั้น B มีเนื้อแนน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ความชืน้ สูง มีสขี องแรธาตุชดั เจน ชัน้ C เปนหินตนกําเนิดดิน มีลกั ษณะเปนพืด มีเศษหินเปนกอน เปนผืน และ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชั้น R เปนชั้นของหินแข็งชนิดตาง ๆ ที่ยังไมผุพังสลายตัว
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ประเมินแบบจําลองชั้นหนาตัดดินของกลุมอื่นวามีความถูกตองหรือไม อยางไร
เปรียบเทียบแบบจําลองชั้นหนาตัดดินของกลุมนักเรียนกับกลุมอื่นในดานตาง ๆ เชน สีของหนาตัดดินแตละ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชั้น รูปภาพที่นักเรียนแตละกลุมวาดแสดงสวนประกอบของหนาดินแตละชั้น
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

58 โลกและการเปลี่ยนแปลง
3 นํ้า
แบบฝกหัดที่ 3.1 พิจารณารูปที่กําหนดให แลวตอบคําถาม

ไอนํ้ามีขนาดใหญขึ้น
จนกลายเปนฝน

ควบแนนกลายเปนเมฆ ฝนตกลงมาสูพื้นดิน

การคายนํ้า
ของพืช
ไอนํา้

นํ้าระเหยจาก
แหลงนํ้าตามธรรมชาติ

นํ้าไหลลงสูทะเล
นํ้าใตดิน
ฉบับ
เฉลย
1. กระบวนการเกิดนํ้าผิวดินและนํ้าใตดินเปนอยางไร
กระบวนการเกิดนํ้าผิวดิน กระบวนการเกิดนํ้าใตดิน
เกิดจากไอนํา้ ในบรรยากาศระเหยจากแหลงนํา้ ธรรมชาติ
......................................................................................................................................... เกิดจากการซึมของนํ้าผิวดินลงไปสะสมอยูใตพื้นดิน
..........................................................................................................................................
หรือจากการคายนํา้ ของพืช โดยไอนํา้ จะควบแนนเปนเมฆ
......................................................................................................................................... โดยนํ้าที่ซึมลงไปใตดินสวนหนึ่งจะซึมอยูตามชองวาง
..........................................................................................................................................
แลวตกลงเปนฝนไปสะสมอยูบ ริเวณผิวดิน และไหลลงมา
......................................................................................................................................... ระหวางเม็ดดิน เรียกวา นํา้ ในดิน เมือ่ นํา้ ในดินมีปริมาณ
..........................................................................................................................................
สูที่ตํ่ากลายเปนแองนํ้า เชน ทะเลสาบ แมนํ้า ทะเล ซึ่ง
......................................................................................................................................... มาก นํ้าจะซึมผานรูพรุนระหวางชั้นหินลงไปขังอยูใน
..........................................................................................................................................
บางสวนก็ไหลไปสะสมเปนนํ้าใตดิน
......................................................................................................................................... ชองวางระหวางหิน เรียกวา นํ้าบาดาล
..........................................................................................................................................

......................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................

......................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................

2. จากรูปวัฏจักรของนํ้า ถาในแตละฤดูกาลมีปริมาณนํ้าฝนไมเทากัน จะสงผลตอระดับนํ้าใตดินอยางไร


ระดับนํา้ ใตดนิ จะเปลีย่ นแปลงไปตามฤดูกาล เชน ในฤดูแลงระดับนํา้ ใตดนิ จะอยูท รี่ ะดับลึกกวาระดับปกติ นอกจากนี้
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ระดับนํ้าใตดินสวนใหญจะเทเอียงไปตามลักษณะภูมิประเทศ และจะไหลไปบรรจบกับระดับนํ้าในแหลงนํ้าตาม
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ธรรมชาติ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 59
แบบบันทึกกิจกรรม
จําลองการเกิ
ปจจัยที่มีผดลต
และป
อขนาดของแรงเสี
จจัยในการเกิดนํย้าดทาน
ผิวดิน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
ลักษณะรอง
กิจกรรม
กองกรวด กองทราย
เทนํ้าลงบนกองตะกอนของกรวดและทราย
ที่มีความสูงเทากัน ขึ้นอยูกับผลการทํากิจกรรม

ลักษณะรอง
กิจกรรม
กองทรายที่สูงกวา กองทรายที่เตี้ยกวา
เทนํ้าลงบนกองตะกอนของทรายที่มีความสูงตางกัน
ขึ้นอยูกับผลการทํากิจกรรม

กิจกรรม วาดภาพลักษณะธารนํ้าจําลอง
นําทรายและกรวดมาเกลี่ยลงในกระบะพลาสติก
แลวเทนํ้าลงไป ขึ้นอยูกับผลการทํากิจกรรม
ฉบับ
เฉลย
อภิปรายผลกิจกรรม
จากกิจกรรม พบวา กองกรวดและกองทรายจะถูกกัดเซาะเปนรองนํ้า โดยกองกรวดจะมีตะกอนที่หยาบ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กวา จึงตานทานตอการกัดเซาะไดมากกวา ดังนั้น รองนํ้าที่เกิดจากกองทรายจะถูกกัดเซาะมากกวารองนํ้าที่
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เกิดจากกองกรวด สวนรองนํ้าที่เกิดจากตะกอนชนิดเดียวกัน รองนํ้าที่เกิดจากกองทรายที่สูงกวาจะถูกกัดเซาะ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลึกกวา นอกจากนี้ กระแสนํ้าจะพัดพาตะกอนทรายไปไกลกวาตะกอนกรวด บริเวณตนนํ้าจะมีตะกอนกรวด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดใหญเหลือมากกวา สวนบริเวณปลายนํ้าจะมีตะกอนทรายสะสมตัวมากกวา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. รองนํ้าที่เกิดจากกองกรวดและทรายที่มีความสูงเทากัน มีลักษณะแตกตางกันหรือไม อยางไร
แตกตางกัน โดยรองนํ้าที่เกิดจากกองทรายจะถูกกัดเซาะมากกวารองนํ้าที่เกิดจากกองกรวด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. รองนํ้าที่เกิดจากกองทรายที่มีความสูงตางกัน มีลักษณะแตกตางกันหรือไม อยางไร


แตกตางกัน โดยรองนํ้าที่เกิดจากกองทรายที่สูงกวาจะถูกกัดเซาะลึกมากกวา
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ธารนํ้าจําลองที่เกิดขึ้นมีลักษณะอยางไร
ธารนํา้ จําลองทีเ่ กิดขึน้ จะมีตะกอนกรวดสะสมตัวอยูบ ริเวณตนนํา้ และมีตะกอนทรายสะสมตัวอยูบ ริเวณปลายนํา้
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

60 โลกและการเปลี่ยนแปลง
แบบบันทึกกิจกรรม
จําลองการเกิ
ปจจัยที่มีผดลต
และป
อขนาดของแรงเสี
จจัยในการเกิดยนํดทาน
้าใตดิน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
กิจกรรม การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได
เทนํ้าลงไปบนแบบจําลองพื้นผิวใตดิน ...............................................................................................................................................................
ในตูปลา ...............................................................................................................................................................

ขึ้นอยูกับผลการ ทํากิจกรรม
...............................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................

อภิปรายผลกิจกรรม
จากกิจกรรม พบวา นํา้ จะคอย ๆ ไหลซึมลงไปในชัน้ ทราย และสะสมอยูใ นชัน้ ทรายจํานวน 2 ชัน้ ระดับนํา้ ใน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
หลอดจะคอย ๆ เพิม่ ขึน้ จนกระทัง่ นํา้ ลนออกมาจากปลายหลอด โดยมีชนั้ ดินเหนียวจําลองเปนชัน้ ตะกอนทีร่ องรับ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชั้นที่กักเก็บนํ้าหรือชั้นทรายไวอีกที
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. หลังจากพรมนํ้าไปที่ตูปลา ระดับนํ้าในชั้นทรายและในหลอดกาแฟมีการเปลี่ยนแปลงอยางไร
เมื่อพรมนํ้าลงไปมากขึ้น ระดับนํ้าในชั้นทรายและในหลอดกาแฟจะคอย ๆ เพิ่มระดับสูงขึ้น หากใสนํ้ามากพอ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํ้าอาจลนจากปลายหลอดกาแฟ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. นํ้าที่เทลงไปถูกกักเก็บอยูในตะกอนชนิดใด จํานวนกี่ชั้น
นํ้าจะไหลซึมและสะสมอยูในชั้นตะกอนทรายจํานวน 2 ชั้น เนื่องจากตะกอนทรายมีลักษณะรวนและมีขนาด
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เทากัน ทําใหกักเก็บนํ้าได และแตละชั้นจะถูกขนาบดวยดินเหนียวดานใดดานหนึ่งหรือทั้งสองดาน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ชั้นตะกอนที่กักเก็บนํ้ามีลักษณะอยางไร
ชัน้ ตะกอนทีก่ กั เก็บนํา้ คือ ชัน้ ทราย โดยชัน้ ทรายจะมีลกั ษณะรวนและอนุภาคของเม็ดทรายมีขนาดใกลเคียงกัน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีชองวางระหวางอนุภาค ทําใหกักเก็บนํ้าไวได สวนชั้นตะกอนที่รองรับชั้นที่กักเก็บนํ้า คือ ชั้นดินเหนียว จะมี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ลักษณะของตะกอนที่เนื้อแนนละเอียด และมีชองวางระหวางอนุภาคนอย ทําใหไมสามารถกักเก็บนํ้าไวได
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 61
แบบฝกหัดที่ 3.2 พิจารณารูปทีก่ าํ หนดให แลวตอบคําถาม

1. เพราะเหตุใด แมนํ้าจึงมีรูปรางคดเคี้ยว
เกิดจากกระบวนการกัดเซาะดินบริเวณตลิง่ เนือ่ งจากกระแสนํา้
..............................................................................................................................................................
ทางฝง หนึง่ และการตกตะกอนสะสมของตะกอนทีถ่ กู นํา้ พัดพาใน
..............................................................................................................................................................
อีกฝงหนึ่ง ตลิ่งฝงทีถ่ ูกนํ้าปะทะอยูตลอดเวลาทําใหความโคงของ
..............................................................................................................................................................
ลํานํ้าลึกเขาไป สวนตลิ่งฝงที่อยูดานตรงขามซึ่งรับแรงปะทะของ
..............................................................................................................................................................
กระแสนํ้านอยกวาจะมีตะกอนดินสะสมตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทําให
..............................................................................................................................................................
ตลิ่งฝงนั้นยื่นออกมาในลํานํ้า อีกทั้งรองนํ้าที่ลึกมากที่สุดจะมี
..............................................................................................................................................................
ความเร็วการไหลมากที่สุดดวย
..............................................................................................................................................................

2. จากรูปแหลงนํ้าผิวดินที่กําหนดให ประโยชนจากแหลงนํ้า
ดังกลาวมีอะไรบาง
(แนวคําตอบ) ทะเลและมหาสมุทรถูกใชเปนเสนทางคมนาคม
..............................................................................................................................................................
สัญจร ขนสงสินคา เปนสถานที่ทองเที่ยว เปนแหลงที่อยูอาศัย
..............................................................................................................................................................

ฉบับ
ของสัตวนํ้านานาชนิด เปนแหลงขุดเจาะนํ้ามัน และเปนแหลง
..............................................................................................................................................................
เฉลย พลังงานคลื่นสําหรับผลิตกระแสไฟฟา
..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................

แบบฝกหัดที่ 3.3 พิจารณาสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม

บานของโอตั้งอยูในชุมชนแออัด ซึ่งอยูบริเวณริมแมนํ้า
ลําคลอง บานแตละหลังมีการอุปโภคและบริโภคนํ้า แลว
ปลอยนํ้าเสียที่ยังไมไดรับการบําบัดลงสูแมนํ้าลําคลอง สง
ผลใหแมนํ้าลําคลองเกิดการเนาเสียและสงกลิ่นเหม็นไปทั่ว
บริเวณ
นักเรียนมีวธิ กี ารแกไขปญหานํา้ เนาเสียในชุมชนอยางไร
(แนวคําตอบ) มีกระบวนการบําบัดนํ้าเสียใหเปนนํ้าที่สะอาดกอนปลอยทิ้งลงแมนํ้าลําคลอง เชน การใชจุลินทรีย
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
การใช พชื บําบัดนํา้ เสีย ลดปริมาณการใชนาํ้ ลดปริมาณขยะในบานเรือน หรือใชวธิ แี กไขปญหานํา้ เนาเสียตาง ๆ เชน ใชนาํ้ ดี
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ไล นํ้าเสียเพื่อผลักดันนํ้าเนาเสียออกไป ใชผักตบชวาซึ่งเปนวัชพืชที่ชวยดูดซับความสกปรก ใชเครื่องจักรกล เชน กังหัน
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
้าชัยพัฒนา เพื่อชวยเติมแกสออกซิเจนในนํ้า
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
62 โลกและการเปลี่ยนแปลง
แบบฝกหัดที่ 3.4 พิจารณารูปที่กําหนดให แลวเติมคําตอบลงในชองวาง
(แนวคําตอบ)
1. เกิดจากฝนตกหนักติดตอกันเปนเวลาหลาย
สาเหตุ.......................................................................................................................
วัน ทําใหเกิดนํ้าทวมขัง ประกอบกับการระบายนํ้าไมมี
.........................................................................................................................................
ประสิทธิภาพ
.........................................................................................................................................
นํา้ เนาเหม็นในพืน้ ทีท่ มี่ นี าํ้ ขัง ขยะทีเ่ กิดขึน้
ผลกระทบ .............................................................................................................
หลังนํ้าลด สรางความเสียหายแกพืชผลทางการเกษตร
.........................................................................................................................................
และอสังหาริมทรัพย เปนบอเกิดโรคระบาด
.........................................................................................................................................

.........................................................................................................................................

2. เกิดจากการแยกตัวของมวลดินหรือหิน และ
สาเหตุ.......................................................................................................................
เคลื่อนลงมาตามลาดเขาดวยแรงโนมถวงของโลก โดยมี
.........................................................................................................................................
ปจจัย เชน การชะลางเนื้อดินโดยนํ้า
.........................................................................................................................................
ทําใหโครงสรางของชัน้ ดินบริเวณนัน้ เสีย
ผลกระทบ .............................................................................................................
สมดุล ทําลายระบบนิเวศ และเปนอันตรายตอชีวิตและ
.........................................................................................................................................
ทรัพยสิน
......................................................................................................................................... ฉบับ
.........................................................................................................................................
เฉลย

3. เกิดจากการกัดเซาะของชั้นดินโดยนํ้าใตดิน
สาเหตุ.......................................................................................................................
ตามธรรมชาติทําใหชั้นดินเปนโพรงและขยายตัวใหญขึ้น
.........................................................................................................................................
เรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไมสามารถคงรูปอยูไดและยุบตัวลง
.........................................................................................................................................
สรางความเสียหายตออาคารบานเรือน
ผลกระทบ .............................................................................................................
ชีวิต และทรัพยสิน
.........................................................................................................................................

.........................................................................................................................................

.........................................................................................................................................

4. เกิ ด จากนํ้ า ทะเลที่ มี อุ ณ หภู มิ สู ง ขึ้ น กั ด เซาะ


สาเหตุ.......................................................................................................................
บริเวณฐานของหิง้ นํา้ แข็ง โครงสรางทีร่ บั นํา้ หนักดานลาง
.........................................................................................................................................
บางลง บริเวณดานบนที่เปราะเกิดการถลมลงมา
.........................................................................................................................................
เมื่อธารนํ้าแข็งละลายเรื่อย ๆ สงผลใหระดับ
ผลกระทบ .............................................................................................................
นํา้ ทะเลเพิม่ สูงขึน้ ทําใหความรุนแรงของอุทกภัยหนักขึน้
.........................................................................................................................................

.........................................................................................................................................

.........................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 63
แบบบันทึกกิจกรรม
ปจจัยจํทีา่มลองการกั
ีผลตอขนาดของแรงเสี
ดเซาะชายฝง ยดทาน
(ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสือเรียน)
บันทึกผลกิจกรรม
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได การแกไขปญหานํ้าทะเลกัดเซาะชายฝง
ตัวอยางการแกไขปญหานํ้าทะเลกัดเซาะชายฝง
เมื่อดันนํ้าไปตรงบริเวณชายฝงจําลอง เม็ดทราย ...............................................................................................................................
.........................................................................................................................................
เชน
จะกระเด็นไปตามแรงนํ้า และเมื่อดันนํ้าอยางตอเนื่อง ...............................................................................................................................
.........................................................................................................................................
เม็ดทรายก็จะกระเด็นอยางตอเนื่องเชนกัน
......................................................................................................................................... - การปกไมไผชะลอคลื่น
...............................................................................................................................
- การสรางกําแพงปองกันคลื่น
......................................................................................................................................... ...............................................................................................................................
- การสรางเขื่อนกันคลื่น
......................................................................................................................................... ...............................................................................................................................

......................................................................................................................................... ...............................................................................................................................

......................................................................................................................................... ...............................................................................................................................

อภิปรายผลกิจกรรม

ฉบับ เมื่อใชไมบรรทัดดันนํ้าเขามาตรงบริเวณชายฝงจําลองอยางตอเนื่อง จะเกิดคลื่นนํ้าไปกระทบกับทราย ทําให


.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย เม็ดทรายหลุดออกไปตามแรงนํ้า จึงสรุปไดวา การกัดเซาะชายฝงเกิดจากคลื่น หรือนํ้าที่ขึ้นสูง จนกระทบกับ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชายฝงทะเล ทําใหชายฝงทะเลมีการสึกกรอนไป สวนการแกไขปญหาการกัดเซาะชายฝง เชน การปลูกปาชายเลน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
การสรางกําแพงปองกันคลื่นจากวัสดุตาง ๆ เชน ไมไผ กอนหินขนาดใหญ คอนกรีต ซีเมนต เพื่อดูดซับและ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
กระจายแรงกระแทกจากคลื่น ทําใหชายฝงไดรับแรงกระแทกนอยลง
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

คําถามทายกิจกรรม
1. บริเวณชายฝงมีการเปลี่ยนแปลงอยางไร
เมื่อคลื่นนํ้ากระทบกับชายฝงจําลอง จะทําใหเม็ดทรายหลุดออกไปตามแรงนํ้า ทําใหชายฝงจําลองเกิดการ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
สึกกรอน และเมื่อเม็ดทรายหลุดออกเปนจํานวนมาก ชายฝงจําลองบางสวนจะเกิดการพังทลาย
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ประเมินวิธีปองกันและการแกไขปญหานํ้าทะเลกัดเซาะชายฝงจากกลุมอื่นวามีความเหมาะสม และสงผล
กระทบตอบริเวณขางเคียงหรือไม อยางไร
เปรียบเทียบแนวคิดและวิธีในการปองกันและแกไขปญหานํ้าทะเลกัดเซาะชายฝงของกลุมนักเรียนกับกลุมอื่น ๆ
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
อภิปรายขอดีและขอเสียของแตละแนวคิดและวิธี
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................

64 โลกและการเปลี่ยนแปลง
4 เชื้อเพลิงซากดึกดําบรรพ
แบบฝกหัดที่ 4.1 อานขอความตอไปนี้ แลวเรียงลําดับการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดําบรรพที่กําหนดให โดยใส
หมายเลข 1- 4 หนาขอความ
1. ถานหิน
2
................................ เกิดวงชีวติ วนตอเนือ่ ง เมือ่ สิง่ มีชวี ติ ตาง ๆ ตายลง จะกลายเปนซากพืช และเกิดการสะสมและ
ทับถมของซากพืชเปนจํานวนมาก
4
................................ ซากพืชเหลานี้ผานกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและฟสิกสจึงแปรสภาพไปเปนถานหิน
ตอมามีชั้นดินและหินมาทับถมคลุมชั้นถานหินจนอยูในสภาพปจจุบัน
1
................................ สิ่งมีชีวิตอาศัยอยูบริเวณที่มีสภาพแวดลอมเหมาะสมตอการเจริญเติบโต เชน บริเวณหนอง
บึง ริมแมนํ้า ริมทะเล
3
................................ หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณี แผนดินจะทรุดตัวลง สงผลใหซากพืชตาง ๆ ถูกกด
และดันลงไปสูชั้นดินที่ลึกขึ้น

2. หินนํ้ามัน
4
................................ สารประกอบเคอโรเจนเมือ่ ผสมกับตะกอนดินทีถ่ กู อัดแนนจะกลายเปนหินนํา้ มัน ซึง่ มีลกั ษณะ
เปนเนื้อละเอียด สีนํ้าตาลไหม ฉบับ
3
................................ เมือ่ เวลาผานไป ภายใตความรอนและความกดดันทีส่ งู ขึน้ นํา้ ทีอ่ ยูภ ายในซากพืชและซากสัตวจะ เฉลย
ระเหยออกไปจนหมด สารอินทรียใ นซากพืชและซากสัตวจะเปลีย่ นไปอยูใ นรูปของสารประกอบ
เคอโรเจน
1
................................ ซากพืชและซากสัตวจะจมลงสูใตแหลงนํ้าและสะสมพอกตัวเปนชั้นอยูในแหลงนํ้าที่มีปริมาณ
ออกซิเจนนอย
2
................................ เมื่อเวลาผานไปหลายลานป เปลือกโลกเกิดการทรุดตัวลง ซากพืชและซากสัตวรวมไปถึง
แรธาตุที่ผุพังจากชั้นหินจะถูกทับถมลึกลงไปมากขึ้น

3. ปโตรเลียม
2
................................ ซากสัตวถกู ทับถมดวยชัน้ กรวด ทราย และโคลนสลับกันเปนชัน้ ๆ จนเกิดเปนนํา้ หนักทีก่ ดทับ
กลายเปนชั้นหินตาง ๆ
1
................................ สัตวทะเลทีต่ ายเมือ่ หลายรอยลานปทแี่ ลวทับถมอยูใ ตมหาสมุทรเปนจํานวนมาก จนกลายเปน
หินตนกําเนิด
4
................................ แรงกดทับจากชั้นหินตาง ๆ บีบใหปโตรเลียมขึ้นไปสะสมอยูในหินอุมปโตรเลียมและมีหิน
ปดทับมาปดกั้นไวกลายเปนแหลงกักเก็บปโตรเลียม
3
................................ เมื่อเวลาผานไปภายใตความรอนและความดันสูง ทําใหไขมันจากซากพืชและซากสัตวที่อยู
ภายในหินตนกําเนิดสลายตัวเปนนํ้ามันปโตรเลียม
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 65
แบบฝกหัดที่ 4.2 พิจารณาความถูกตองของขอความตอไปนี้ พรอมใหเหตุผลประกอบ
ขอความ คําตอบ เหตุผล
1. บิทมู นิ สั เปนถานหินทีม่ ปี ริมาณคารบอน แอนทราไซตมีปริมาณคารบอน (%) มากกวาบิทูมินัส
................................................................................................................................................

(%) มากกวาถานหินชนิดอื่น ๆ ไมถูกตอง ................................................................................................................................................


.......................... เนื่องจากใชเวลาการเกิดนานกวาบิทูมินัส
................................................................................................................................................

2. ถานหินที่มีอายุการทับถมยาวนานจะมี ถานหินที่ถูกทับถมยิ่งเปนเวลานาน จะยิ่งมีปริมาณ


................................................................................................................................................
ความชื้นนอย ถูกตอง
.......................... คารบอนมาก สงผลใหความชื้นนอย
................................................................................................................................................

................................................................................................................................................

3. แฮโลเจนเปนสารประกอบที่พบใน สารประกอบที่พบในหินนํ้ามัน คือ เคอโรเจน สวน


................................................................................................................................................
หินนํ้ามัน ไมถูกตอง ................................................................................................................................................
.......................... แฮโลเจน คือ ธาตุหมู 7A ซึ่งเปนธาตุที่มีสมบัติเปนอโลหะ
................................................................................................................................................

4. นํ้ามันดิบที่สูบขึ้นมา จะเขาสูโรงกลั่น นํา้ มันดิบมีสารประกอบไฮโดรคารบอนทีม่ สี มบัตทิ างเคมี


................................................................................................................................................
นํ้ามันกอน ไมสามารถใชประโยชนได ถูกตอง
........................... และฟสกิ สตา งกัน ปะปนอยู จะตองแยกออกเปนกลุม ๆ กอน
................................................................................................................................................

ฉบับ ทันที เพื่อใชประโยชนตามชนิดของสาร


................................................................................................................................................
เฉลย
5. การเผาไหมเชื้อเพลิงซากดึกดําบรรพ การเผาไหมเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมตาง ๆ จะปลอย
................................................................................................................................................
ถูกตอง ................................................................................................................................................
เปนจํานวนมาก กอใหเกิดภาวะโลกรอน ........................... CO2 และ CH4 ทําใหเกิดปรากฏการณเรือนกระจก ซึง่ เปน
สาเหตุของภาวะโลกรอน
................................................................................................................................................

แบบฝกหัดที่ 4.3 พิจารณาขอความตอไปนี้ แลวระบุวาเปนถานหินประเภทใด


พีต ลิกไนต ซับบิทูมินัส บิทูมินัส แอนทราไซต
ขอความ ประเภทของถานหิน
1. ถานหินทีม่ อี ายุการทับถมยาวนานทีส่ ดุ แอนทราไซต
.........................................................

2. ขั้นแรกเริ่มของการเกิดถานหิน พีต
.........................................................

3. พีต
ถานหินที่ใหปริมาณความรอนที่ไดจากการเผาไหมตํ่าที่สุด ซึ่งตํ่ากวา 3,000 kcal/kg .........................................................
4. ถานหินทีม่ ปี ริมาณความชืน้ มากกวาบิทมู นิ สั แตนอ ยกวาลิกไนต ซับบิทูมินัส
.........................................................

5. ถานหินทีน่ าํ ไปใชประโยชนในการบมยาสูบและเปนเชือ้ เพลิงในการผลิตกระแสไฟฟา ลิกไนต


.........................................................

6. ถานหินที่มีปริมาณความชื้นตํ่าที่สุด แอนทราไซต
.........................................................

7. พีต
ถานหินทีม่ ซี ากพืชบางสวนยังสลายตัวไมหมด ยังคงมองเห็นซากพืชทีเ่ ปนลําตน กิง่ และใบ .........................................................
66 โลกและการเปลี่ยนแปลง
แบบฝกหัดที่ 4.4 ตอบคําถามตอไปนี้
1. เชื้อเพลิงซากดึกดําบรรพแตละชนิดมีประโยชนอยางไร
ถานหินสามารถใชเปนเชื้อเพลิงโดยตรง เมื่อถานหินถูกเผาไหมจะใหพลังงานความรอนซึ่งสามารถนําไปผลิต
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
กระแสไฟฟาได หินนํา้ มันจะถูกใชเปนเชือ้ เพลิงในการผลิตกระแสไฟฟา และผลิตภัณฑจากหินนํา้ มัน เชน นํา้ มันกาด
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
นํ้ามันตะเกียง พาราฟน ปโตรเลียม ซึ่งมีประโยชน เชน ใชในอุตสาหกรรมตาง ๆ เปนเชื้อเพลิงในยานพาหนะ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. เหมืองถานหินลิกไนตที่ใหญที่สุดในประเทศไทยตั้งอยูที่ใด และมีความสําคัญอยางไร
เหมืองแมเมาะเปนเหมืองถานหินลิกไนตที่ใหญที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยูในเขตพื้นที่ อ.แมเมาะ จ.ลําปาง มีความ
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
สําคัญตอการผลิตไฟฟา และระบบไฟฟาของประเทศในการรักษาความมั่นคงทางพลังงานไฟฟา รักษาระดับราคา
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................
คาไฟฟา ใหมีราคาตนทุนที่เหมาะสม รวมทั้งการจางแรงงานในทองถิ่น และสรางเสริมเศรษฐกิจอีกดวย
.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดที่ 4.5 อานสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม


(แนวคําตอบ)

1. เด็กชายวราคมชอบรับประทานอาหารที่บาน จึงซื้อ
อาหารตามสั่งใสกลองโฟมกลับบานเปนประจํา หลังจาก ฉบับ
รับประทานเสร็จก็ทิ้งกลองโฟมลงในถังขยะ เฉลย
นักเรียนมีความคิดเห็นเกีย่ วกับปญหาขยะจากกลอง
โฟมอยางไร และเราจะลดการสรางขยะไดอยางไร
โฟมผลิตมาจากเม็ดพลาสติก ซึง่ เปนผลิตภัณฑปโ ตรเลียม เปนวัสดุสงั เคราะหทใี่ ชเวลาในการยอยสลายนานหลายรอยป
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
และการทํ าลายโฟมทําใหเกิดมลพิษตาง ๆ หากนักเรียนตองการลดการสรางขยะ นักเรียนอาจใชหลัก 3R ไดแก การลด
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
การใช (reduce) การใชซํ้า (reuse) และการรีไซเคิล (recycle) เพื่อใชประโยชนจากขยะใหไดสูงสุด
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ในปจจุบันมลภาวะทางอากาศตามทองถนนไดกอตัวขึ้น
อยางรวดเร็วเนื่องมาจากการเผาไหมของนํ้ามันเบนซิน
หรือนํา้ มันดีเซลในเครือ่ งยนต เชน รถจักรยานยนต และ
ปลอยสารพิษ หรือแกสตาง ๆ ออกสูชั้นบรรยากาศ
นักเรียนมีแนวทางในการลดมลภาวะทางอากาศได
อยางไร
แนวทางการลดมลภาวะทางอากาศตามทองถนน เชน ลดการใชพาหนะทีใ่ ชนาํ้ มันเปนเชือ้ เพลิง เนือ่ งจากกอใหเกิดควัน
........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ซึ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
่งมาจากทอไอเสีย เพิ่มปริมาณการใชเชื้อเพลิงไบโอดีเซล หันมาใชบริการรถโดยสารสาธารณะแทนการขับรถยนตสวน
บุ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
คคล ขี่จักรยานเมื่อตองการไปซื้อของในระยะทางที่ใกล ๆ ปลูกจิตสํานึกใหเยาวชนหันมาใสใจสิ่งแวดลอมมากขึ้น
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 67
แบบฝกหัดที่ 4.6 เปรียบเทียบขอดีและขอจํากัดของพลังงานทดแทนที่กําหนดให แลวยกตัวอยางพลังงาน
ทดแทนที่พบไดในชีวิตประจําวัน
พลังงานทดแทน ขอดี ขอจํากัด
1. พลังงานแสงอาทิตย พลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ ความเขมแสงไมเพียงพอตอการผลิต
.......................................................................................................... ..........................................................................................................
ใชพลังงานแสงอาทิตยเพื่อผลิตกระแส
.......................................................................................................... กระแสไฟฟา และพลังงานแสงอาทิตย
..........................................................................................................
ไฟฟา มีไมจํากัด
.......................................................................................................... ขึ้นอยูกับสภาพอากาศ
..........................................................................................................

2. พลังงานลม ไมกอใหเกิดมลภาวะตอสิ่งแวดลอม กระแสลมตองมีความเร็วลม 21 กิโลเมตร


.......................................................................................................... ..........................................................................................................
ใชสูบนํ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟา และระบาย ..........................................................................................................
.......................................................................................................... ตอชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งจะพบในบางพื้นที่และ
อากาศ ไมตองใชเทคโนโลยีระดับสูง
.......................................................................................................... บางฤดูกาล
..........................................................................................................

3. พลังงานนํ้า สามารถหมุนเวียนกลับมาใชใหมได ตองใชพนื้ ทีม่ ากในการสรางเขือ่ น ซึง่


.......................................................................................................... ..........................................................................................................
ใชผลิตกระแสไฟฟา เรียกวา ไฟฟาพลังนํ้า ..........................................................................................................
.......................................................................................................... เปนการทําลายสิ่งแวดลอม และใชเงิน
ลงทุนสูง
.......................................................................................................... ..........................................................................................................

4. พลังงานชีวมวล มีที่มาจากวัสดุเหลือใชทางการเกษตร วัสดุชวี มวลมีความคลายเชือ้ เพลิง


.......................................................................................................... ..........................................................................................................
ปโตรเลียม จึงตองใชอณ
ตนทุนตํ่า เปนแหลงพลังงานความรอน ..........................................................................................................
.......................................................................................................... ุ หภูมสิ งู มากในการ
ฉบับ
เฉลย ในการผลิตกระแสไฟฟา
.......................................................................................................... เผาไหม เพือ่ ใหเกิดมลพิษนอยทีส่ ดุ
..........................................................................................................

5. พลังงานคลืน่ เปนแหลงพลังงานศักยขนาดใหญ อุปกรณอาจไดรับความเสียหายจากนํ้า


.......................................................................................................... ..........................................................................................................
สามารถนํามาผลิตกระแสไฟฟาได
.......................................................................................................... ทะเล สิง่ มีชวี ติ ในทะเลขัดขวางการทํางานของ
..........................................................................................................
อุปกรณ ปญหาลมพายุ ตนทุนสูง
.......................................................................................................... ..........................................................................................................

6. พลังงานความรอน ไมตองใชเชื้อเพลิงในการผลิตไอนํ้าเพื่อ พลังงานประเภทนีจ้ ะเกิดขึน้ เฉพาะ


.......................................................................................................... ..........................................................................................................
ใตพิภพ .......................................................................................................... ทองถิน่ ทีม่ แี หลงความรอนใตพภิ พเทานัน้
หมุนกังหันผลิตพลังงานไฟฟา ทําใหไม ..........................................................................................................
เกิดมลพิษ
.......................................................................................................... อาจมีปญ หากลิน่ จากแกสพิษ
..........................................................................................................

7. พลังงานไฮโดรเจน ใชเปนเชื้อเพลิงในการเผาไหมและให มีตนทุนในการผลิตสูง เนื่องจากแกส


.......................................................................................................... ..........................................................................................................
ความรอน เพื่อผลิตกระแสไฟฟา และ
.......................................................................................................... ไฮโดรเจนทีผ่ ลิตไดมรี าคาสูง
..........................................................................................................
ขับเคลื่อนรถยนต
.......................................................................................................... ..........................................................................................................

ยกตัวอยางพลังงานทดแทนที่พบไดในชีวิตประจําวัน
(แนวคําตอบ) โครงการชัง่ หัวมันตามพระราชดําริทมี่ กี ารสรางกังหันลมเพือ่ ใหเกิดประโยชนในโครงการ โดยนําพลังงาน
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากกังหันลมไปใชในการสูบนํ้า และยังสามารถใชผลิตไฟฟา โดยกังหันลมเปนกังหันที่เปลี่ยนพลังงานจลนจากการ
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เคลื่อนที่ของลมใหเปนพลังงานกล จากนั้นนําพลังงานกลมาหมุนเครื่องกําเนิดไฟฟา เพื่อผลิตเปนพลังงานไฟฟาตอไป
.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................................................................................................................................................
68 โลกและการเปลี่ยนแปลง
Science
in Real Life (วิทยาศาสตร ในชีวติ จริง)

Í‹ҨѺËÔ¹§Í¡ËԹŒÍ¹ÐÅÙ¡
¡Ç‹ÒÁѹ¨Ðà¡Ô´ÁÒä´Œ µŒÍ§ãªŒàÇÅÒ¹Ò¹

ฉบับ
ตอบคําถามตอไปนี้ เฉลย
1. หินงอกหินยอยเกิดจากกระบวนการใด
หิการเกิ
นงอกหิ ดฝุนนยควั อยนเป ทํานใหปรากฏการณ
สัดสวนของฝุชนินดละอองและแก หนึง่ ทีเ่ กิดตอเนื สอือ่ ่นงกัๆนมาเป มีการเปลี นเวลาหลาย ่ยนแปลงๆ พัเชนปนหรืแก อหมื สคาร น่ ป บสอนมอนอกไซด
วนใหญมกั เกิด
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขึหรื้นในถํ
อฝุน้าละอองที
หินปูน ่เโดยเกิ กิดจากการสั ดจากนํ้านฝนทํ ดาปจะเพิ าปฏิก่มิรขึิย้นากัจากปกติ บแกสคารทํบาให อนไดออกไซด
สวนประกอบของอากาศที กลายเปนกรดคาร บอนิก แลวไหลซึ
่ใชในการหายใจมี สัดสวมนที ไป ่
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ตามภู
ตางไปจากเดิ เขาหินปูมน ซึ่งจะทําปฏิกิริยาเคมีกับหินปูน ไดสารละลายแคลเซียมไฮโดรเจนคารบอเนต สารละลายนี้จะไหล
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
ซึมลงมาตามเพดานถํา้ และหยดลงสูพ นื้ ถํา้ เมือ่ เวลาผานไปนํา้ ในสารละลายจะระเหยจนหมดกลายเปนหินปูน เรียกวา
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
หินงอกหินยอย (หินยอยจะเกิดที่เพดานถํ้า หินงอกจะเกิดที่พื้นถํ้า)
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

(ตัวอยาง) 1. เกิดความระคายเคืองตอดวงตาและระบบหายใจ
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. หากนักเรีย2.นเขทําาใหไปเที ทัศนวิ สัยในการมองเห็


่ยวในถ้ ํา แลวเจอปนาลดลง ยวา “หจนอาจทํ ามเอามืาให อจัเกิบดหิอุนบงอกหิ ัติเหตุนยอย” การที่เราเอามือไปจับหินงอก
หินยอยจะส3.งผลอย เกิดปญาหาเกี งไร ่ยวกับการเดินทางและการคมนาคม
ปายเตือนวา หามแตะตองกลุมหินตาง ๆ ภายในถํ้า เชน หินงอกหินยอย เนื่องจากการจับ แตะ หัก ชนหินงอก
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
หินยอยภายในถํา้ อาจทําใหเกิดการแตกหัก ซึง่ จะทําลายความงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ มือของเรายังมีไขมันทีเ่ กิด
............................................................................................................................................................................................................................................................................................
จากเหงื
(ตัวอยาง) ่อซึ่งงดทํ จะทําากิปฏิจกรรมนอกบ
กิริยากับหินาเหล นหรืานีอ้ นอกอาคารจนทําใหมันหากต หยุดการเจริ องออกนอกบ ญเติบโตานให หรือใชทีห่เรีนยากว า หินตาย
กากอนามั ยปองกันฝุนควัน
............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 69
HOTS
(คําถามทาทายความคิดขั้นสูง)

พิจารณาบทความที่กําหนดให แลวตอบคําถาม
ป 2554 ประเทศไทยประสบปญหาอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดเปนประวัติการณ ตั้งแตตนปจนถึงปลาย
ป และมีพื้นที่ประสบภัยกระจายตัวในทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางที่เกิดนํ้า
ทวมหนักเปนระยะเวลานาน ยิ่งไปกวานั้นพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปนพื้นที่หนึ่งซึ่งเกิดนํ้าทวม
หนักในรอบ 70 ป หากนับจากเหตุการณนํ้าทวมกรุงเทพมหานครในป 2485 อุทกภัยครั้งนี้สงผลใหเกิดความ
เสียหายอยางหนัก ทั้งทางภาค การเกษตร อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม และสงผลกระทบเปนลูกโซไปยัง
ภาคสวนอื่นอีกเปนจํานวนมาก
พืน้ ทีป่ ระสบอุทกภัยและมีการประกาศเปนพืน้ ทีภ่ ยั พิบตั กิ รณีฉกุ เฉินตัง้ แตปลายเดือนกรกฎาคม 2554 จน
เดือนพฤศจิกายน รวมทัง้ สิน้ 65 จังหวัด ทัง้ นีม้ ผี เู สียชีวติ 657 ราย สูญหาย 3 คน ราษฎรเดือดรอน 4,039,459
ครัวเรือน 13,425,869 คน บานเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,329 หลัง บานเรือนเสียหายบางสวน 96,833 หลัง
พื้นที่การเกษตรคาดวาจะไดรับความเสียหาย 11.20 ลานไร ถนน 13,961 สาย ทอระบายนํ้า 777 แหง ฝาย
982 แหง ทํานบ 142 แหง สะพาน/คอสะพาน 724 แหง บอปลา/บอกุง/หอย 231,919 ไร ปศุสัตว 13.41
ลานตัว
ฉบับ ที่มา : http://www.thaiwater.net/current/flood54.html
เฉลย
สืบคนเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ใหนักเรียนบอกสาเหตุที่สงผลใหเกิดอุทกภัย และสืบคนวิธีการปองกันการเกิดอุทกภัย
(แนวคําตอบ)
สาเหตุที่สงผลใหเกิดอุทกภัย คือ ปจจัยทางธรรมชาติ เชน พายุ ฤดูมรสุม ฝนที่มาเร็วกวาปกติและปริมาณฝนสะสม
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
สู...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
งกวาคาเฉลี่ย ปริมาณนํ้าไหลลงอางสะสมของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์สูงสุดเปนประวัติการณ นํ้าทะเลหนุนบริเวณอาว
ไทย ทําใหการระบายนํา้ เปนไปอยางลาชา นอกจากนี้ พืน้ ทีป่ า ไมยงั ลดลง ทําใหไมมตี น ไมดดู ซับ สวนปจจัยทีไ่ มใชธรรมชาติ
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เช น ขอจํากัดดานเทคโนโลยีตรวจวัดปริมาณนํ้าฝนในพื้นที่ปาลึก ทําใหการคาดการณปริมาณนํ้าที่จะไหลเขาเขื่อนมีความ
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
คลาดเคลื ่อน การบริหารจัดการนํ้ายังทําไดไมดี
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
วิธกี ารตาง ๆ ทีพ่ ระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดําริ
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ในการแก ไขปญหานํ้าทวม เชน
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
1. การกอสรางคันกั้นนํ้า เพื่อปองกันนํ้าทวมซึ่งเปนวิธีการดั้งเดิมแตครั้งโบราณ
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. การกอสรางทางผันนํ้า เพื่อผันนํ้าทั้งหมดหรือบางสวนที่ลนตลิ่งใหออกไป
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. การปรับปรุงและตกแตงสภาพลํานํ้า เพื่อใหนํ้าที่ทวมสามารถไหลไปตามลํานํ้าไดสะดวก หรือชวยใหกระแสนํ้าไหลเร็ว
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ยิ่งขึ้น
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. สรางเขื่อนกักเก็บนํ้า
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
5. ทําโครงการแกมลิง
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................

70 โลกและการเปลี่ยนแปลง
Unit Test 6
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
20

ตอนที่ 1 เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. ธาตุใดเปนองคประกอบหลักของแกนโลก
1. นิกเกิลและเหล็ก
2. ซิลิคอนและเหล็ก
3. เหล็กและแมกนีเซียม
4. อะลูมิเนียมและนิกเกิล
2. โครงสรางโลกตามองคประกอบทางเคมีสวนใดบางที่สุด
1. เนื้อโลก
2. เปลือกโลก
3. แกนโลกชั้นใน
4. แกนโลกชั้นนอก
3. ดินชั้นใดเปนชั้นหินดินดาน
ฉบับ
1. ชั้นดินแร เฉลย
2. ชั้นดินลาง
3. ชั้นหินพื้นฐาน
4. ชั้นการผุพังของหิน
4. ขอใดไมไดเกิดจากการกรอน พัดพา และการสะสมของตะกอนจากกระแสนํ้า
1. หินงอกหินยอย
2. ทะเลสาบรูปแอก
3. เนินตะกอนรูปพัด
4. ดินดอนสามเหลี่ยม
5. ดินเปรี้ยวมีสิ่งใดอยูในชั้นหนาดิน และมีวิธีแกไขอยางไร
1. ธาตุฟอสฟอรัส แกไขโดยการใสสารแคลเซียมซัลเฟต
2. กรดคารบอนิก แกไขโดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว
3. กรดไนตริก แกไขโดยการใสผงกํามะถัน
4. กรดกํามะถัน แกไขโดยการใสปูนขาว

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 71
6. พิจารณาตารางแสดงขอมูลเกี่ยวกับดิน แลวบอกวา A B C และ D คือขอใด

ประเภทของดิน สมบัติของดิน วิธีแกไข


A ดินที่มีธาตุอาหารไมเพียงพอตอความตองการของพืช B
ดินเค็ม ดินที่มีความเขมขนของเกลือที่อยูภายในดินสูง C
ดินดาง D เติมกํามะถัน

ขอ A B C D
1. ดินจืด ปลูกพืชตระกูลถั่ว ใสสารแคลเซียมซัลเฟต คา pH มากกวา 7
2. ดินจืด ใสปูนขาว ปลูกพืชตระกูลถั่ว คา pH นอยกวา 7
3. ดินเปรี้ยว ใสอินทรียวัตถุ ใสปูนขาว คา pH ตํ่ากวา 5
4. ดินเปรี้ยว ใสอินทรียวัตถุ ปลูกพืชตระกูลถั่ว คา pH มากกวา 5
ฉบับ
เฉลย
7. วัตถุตนกําเนิดดินคืออะไร
1. ฮิวมัส
2. หินและแร
3. อินทรียวัตถุ
4. ซากพืชและซากสัตว
8. ปจจัยใดที่มีความสําคัญตอการกําเนิดและพัฒนาของดินมากที่สุด
1. ลักษณะภูมิประเทศ
2. วัตถุตนกําเนิดดิน
3. ภูมิอากาศ
4. ระยะเวลา
9. การกระทําในขอใดไมใชการปรับปรุงคุณภาพดิน
1. แนนปลูกพืชตระกูลถั่ว
2. แกวปลูกพืชหมุนเวียน
3. ตนใสปุยเพื่อเพิ่มแรธาตุในดิน
4. แมนเผาตอขาวกอนปลูกขาวรอบใหม

72 โลกและการเปลี่ยนแปลง
10. ลักษณะของดินชั้น O ตางกับดินชั้น E อยางไร
1. ชั้น O มีฮิวมัสนอยกวา
2. ชั้น O มีสีคลํ้ามากกวา
3. ชั้น E มีปริมาณอินทรียวัตถุมากกวา
4. ชั้น E เหมาะตอการเจริญเติบโตของพืชมากกวา
11. ขอใดไมสงผลตอขนาดและรูปรางของรองนํ้า
1. คุณภาพนํ้า
2. ปริมาณนํ้าฝน
3. ชนิดของตะกอน
4. ระดับสูงตํ่าของพื้นที่
12. แหลงนํ้าใดไมใชแหลงนํ้าผิวดิน
1. แมนํ้าบางปะกง
2. ทะเลสาบสงขลา
3. บึงหนองบอน
4. บอบาดาล
ฉบับ
13. ถาธารนํ้าแหงหนึ่งมีกระแสนํ้าไหลทิศทาง ดังภาพ การตกตะกอนทับถมและการกัดเซาะจะเปนไปตามขอใด เฉลย

ขอ กัดเซาะ ตกตะกอน


1. 2 1

1. 2. 1 2
2. 3. 4 3
4. 2, 4 3
3.
4.

14. แหลงนํ้าจืดใดมีปริมาณมากที่สุดในโลก
1. นํ้าใตดิน
2. นํ้าประปา
3. นํ้าผิวดิน
4. นํ้าในอากาศ
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 73
15. แหลงเก็บนํ้าบาดาลตองมีลักษณะอยางไร จึงจะสามารถกักเก็บนํ้าใตดินไดดีที่สุด
1. เปนชั้นหินดินดาน
2. เปนชั้นหินทรายแปง
3. เปนชั้นหินเนื้อละเอียดแนน ไมยอมใหนํ้าซึมผาน
4. เปนชั้นหินอุมนํ้าที่ถูกขนาบบนและลางดวยชั้นตะกอนขนาดเล็ก
16. บานของเกงมีการสูบนํา้ บาดาลขึน้ มาใชในปริมาณทีม่ ากและเปนเวลานาน นักเรียนคิดวา จะเกิดผลเสียอยางไร
1. แผนดินบริเวณบานของเกงจะทรุด
2. นํ้าทะเลเขามาแทนที่นํ้าใตดิน
3. นํ้าประปาจะมีคุณภาพตํ่าลง
4. แรธาตุในดินนอยลง
17. ปโตรเลียมที่อยูใตผิวโลกมีสถานะเปนแกส เมื่อขึ้นมาสูผิวโลกกลายเปนของเหลว เรียกวาอะไร
1. นํ้ามันดิบ
2. แกสธรรมชาติ
3. ปโตรเลียมเหลว
4. แกสธรรมชาติเหลว
ฉบับ
เฉลย 18. พลังงานในขอใดจัดอยูในกลุมเดียวกัน
1. พลังงานนํ้า หินนํ้ามัน
2. ถานหิน พลังงานไฮโดรเจน
3. พลังงานความรอนใตพิภพ ปโตรเลียม
4. พลังงานความรอนใตพิภพ พลังงานชีวมวล
19. หินนํ้ามันมีสารอินทรียใดประกอบอยู
1. ไฮโดรเจน
2. เคอโรเจน
3. โพรเพน
4. บิวเทน
20. ขอใดเรียงลําดับถานหินคุณภาพสูงไปยังคุณภาพตํ่ากวาไดถูกตอง
1. พีต บิทูมินัส ลิกไนต
2. ซับบิทูมินัส พีต ลิกไนต
3. แอนทราไซต บิทูมินัส พีต
4. ซับบิทูมินัส บิทูมินัส แอนทราไซต

74 โลกและการเปลี่ยนแปลง
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2 ตอบคําถามตอไปนี้ 20

1. นํ้าในดินมีขอเหมือนกันและขอแตกตางกับนํ้าบาดาลอยางไร (6 คะแนน)
สิ่งที่เหมือนกัน
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
• เปนนํ้าใตดิน
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
สิ่งที่ตางกัน
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
• นํ้าในดินมีปริมาณนอยมาก นํ้าบาดาลมีปริมาณมาก
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
• นํ้าในดินไมสามารถใชประโยชนได นํ้าบาดาลสามารถใชประโยชนได
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
• นํ้าในดิน คือ นํ้าที่ซึมลงไปใตดินสวนแรก ซึ่งแทรกอยูระหวางเม็ดดิน สวนนํ้าบาดาล คือ นํ้าที่ซึมลึกลงไปอีก
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ซึ่งจะถูกกักเก็บอยูตามชองวางระหวางตะกอนและตามรอยแยกที่มีอยางตอเนื่องจนกระทั่งอิ่มตัว
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. นักเรียนคิดวา ลักษณะตะกอนในภาพใดสามารถเก็บนํ้าไดดีที่สุด เพราะเหตุใด (6 คะแนน)

ฉบับ
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 เฉลย
ภาพที่ 2 สามารถเก็บนํา้ ไดดที ส่ี ดุ เพราะลักษณะตะกอนในภาพที่ 2 มีลกั ษณะมนกลมและมีขนาดใกลเคียงกัน ทําให
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
มีจํานวนชองวางมากกวาและขนาดของชองวางใหญกวาภาพที่ 1 ซึ่งตะกอนในภาพที่ 1 มีลักษณะเปนทรงเหลี่ยมและมี
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดคละกัน ทําใหมีจํานวนชองวางนอยกวาและมีขนาดของชองวางเล็กกวาตะกอนในภาพที่ 2
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ใหนักเรียนยกตัวอยางวิธีปองกันการกัดเซาะชายฝง (4 คะแนน)
(แนวคําตอบ) 1. เพิ่มพื้นที่ปาชายเลน ลดการทําลายพื้นที่ปาชายเลน
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ไมเคลื่อนยายทรายออกจากบริเวณชายฝง
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. สรางแนวกําแพงคลื่นจากวัสดุตาง ๆ เชน ไมไผ หินขนาดใหญ ซีเมนต
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ไมกอสรางสิ่งกอสรางรุกลํ้าพื้นที่ชายหาด
................................................................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................................................................

4. ใหนักเรียนยกตัวอยางแนวทางอนุรักษแหลงนํ้าผิวดินเพื่อใหสะอาดและมีใชอยางยั่งยืน (4 คะแนน)
(แนวคําตอบ) 1. แตละครัวเรือนวางแผนจัดการการใชนํ้าอยางประหยัดและไดประโยชนมากที่สุด
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2. ไมทิ้งขยะมูลฝอยและของเสียอื่น ๆ ลงในแหลงนํ้า
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3. บําบัดนํ้าเสียจากแหลงชุมชน สถานประกอบการ หรือโรงงานอุตสาหกรรมกอนระบายลง
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แหลงนํ้า
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4. ปรับปรุงคุณภาพนํ้าในนาขาว สวนผักผลไม กอนระบายลงสูแหลงนํ้า
................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 75
S T E M Project
เครื่องกลอยางงายกับยุทโธปกรณ
สถานการณ
เด็กชายเจนชอบศึกษาโบราณคดีตะวันตกมาก เขามีงาน
อดิเรก คือ การดูภาพยนตรตางประเทศยอนยุค โดยเฉพาะ
ภาพยนตรทมี่ เี นือ้ เรือ่ งเกีย่ วกับการทําสงครามในยุคโบราณที่
มีการใชเครื่องกลสําหรับตีเมือง เชน เครื่องเหวี่ยงกอนหิน
เขารูส กึ ประทับใจความรูท างวิศวกรรมทีถ่ กู ใชในการประดิษฐ
เครื่องมือดังกลาว และเขาสนใจจะลองสรางเครื่องเหวี่ยง-
กอนหินจําลองอันเล็ก ๆ ขึน้ มา พรอมกับทดสอบประสิทธิภาพ
ของเครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลอง
วัสดุและอุปกรณ
1. ไม 2. สกรู 3. ฝาพลาสติก 4. แถบยาง
ฉบับ
เฉลย 5. ปนกาวรอน 6. กาวรอน 7. ดินสอ 8. ไมบรรทัด
9. คัตเตอร 10. เลื่อย 11. ดินนํ้ามัน 12. ไมเสียบลูกชิ้น

ขั้นที่
1 ระบุปญหา

วิเคราะหสถานการณและระบุแนวทางในการแกปญ หา เพือ่ เปนแนวทางในการสรางสรรคชนิ้ งาน


ขอจํากัด สิ่งที่ตองการ แนวทางการแกปญหา
• เครือ่ งเหวีย่ งกอนหินจําลองทีส่ รางขึน้ ................................................................................................
• ความรูส�หรับการออกแบบอาวุธ ........................................................................................
................................................................................................ • ออกแบบเครื่องเหวี่ยงกอนหิน
สามารถเหวี่ยงวัตถุไปขางหนาได
................................................................................................ โดยใชแรงเหวี่ยง
................................................................................................ จําลองที่สรางจากไม โดยอาศัย
........................................................................................
• เครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลองมีความ ................................................................................................
................................................................................................ • ความรู เรื่อง เครื่องกล และ หลักการของเครื่องกลอยางงาย
........................................................................................
แมนยําในการโจมตีศัตรู
................................................................................................ พลังงานกล
................................................................................................ เชน คาน ลอกับเพลา
........................................................................................
• เครือ่ งเหวีย่ งกอนหินจําลองสามารถ ................................................................................................
................................................................................................ ........................................................................................
เคลื่อนที่ได
................................................................................................ ................................................................................................ ........................................................................................

................................................................................................ ................................................................................................ ........................................................................................

................................................................................................ ................................................................................................ ........................................................................................

(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
76 เครื่องกลอยางงายกับยุทโธปกรณ
ขั้นที่
2 รวบรวมขอมูลและแนวคิด

สืบคนความรู และรวบรวมขอมูลที่นําไปแกปญหา แลวสรุปขอมูลความรูที่ไดมาโดยสังเขป

เครื่องเหวี่ยงกอนหิน ถือเปนยุทโธปกรณอาวุธหนักที่จัดใหอยูในประเภทยานยนตสนับสนุน
การรบและการทําลายสิ่งกีดขวาง เครื่องกลทํางานบนหลักการของคาน ดีดเหวี่ยงกอนหินเพื่อ
ทําลายสิ่งปลูกสราง กําแพง หรือศัตรูที่เปนกลุมใหญ ๆ
กฎอนุรักษพลังงาน กลาววา พลังงานเปนสิ่งที่ไมสูญหายไปและไมสามารถสรางขึ้นใหมได
แตพลังงานสามารถเปลี่ยนรูปไปมาระหวางรูปแบบตาง ๆ ได ตัวอยางเชน เมื่อหนังยางถูกดึง
ใหยืดออกหรือถูกทําใหบิดเปนเกลียว พลังงานกลจากแรงดึงหรือแรงบิดจะถูกเปลี่ยนรูปไปเปน
พลังงานศักยยืดหยุนสะสมอยูในหนังยาง เมื่อหนังยางดีดตัวกลับหรือบิดตัวกลับ พลังงานศักย
ยืดหยุนที่สะสมในหนังยางจะเปลี่ยนรูปไปเปนพลังงานจลนของกานเหวี่ยงและกอนหิน ทําให
กอนหินถูกเหวี่ยงออกไป หลังจากกอนหินถูกเหวี่ยงไปแลวและกําลังเคลื่อนไปสูเปาหมาย
การเปลี่ยนรูปพลังงานจะเกิดขึ้นระหวางพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวง ในสถานการณ
ฉบับ
จริงผลรวมระหวางพลังงานจลนและพลังงานศักยมคี า ไมคงตัว เนือ่ งจากมีความเสียดทานในการ เฉลย
เคลื่อนไหวของเครื่องกล และในระหวางที่วัตถุเคลื่อนไปในอากาศจะมีความเสียดทานเนื่องจาก
เสียดสีกับอากาศ ทําใหวัตถุเคลื่อนที่ชาลง และงานของแรงเสียดทานจะกลายเปนพลังงาน
ความรอนจึงทําใหพลังงานกลของวัตถุหายไปสวนหนึ่ง

เครื่องเหวี่ยงกอนหิน (stone-throwing catapult)


หัวขอที่สืบคน : ............................................................................................................................................................................................................................................
สื่ออินเทอรเน็ต
อางอิงจาก : ............................................................................................................................................................................................................................................

(แนวคําตอบ) สรุปขอมูลเกี่ยวกับการออกแบบชิ้นงาน
.....................................................................................................................................................................................................................................................................................
หลักการของคานและพลังงานศักยยืดหยุน ทําใหเครื่องเหวี่ยงกอนหินสามารถเหวี่ยงกอนหินโจมตีทหาร
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
หรื อสิ่งปลูกสรางของฝายตรงขามได เมื่อออกแรงยืดแถบยางใหยืดออกจะเกิดการสะสมพลังงานศักยยืดหยุน
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
เมื......................................................................................................................................................................................................................................................................................
่อแถบยางดีดกลับพลังงานศักยยืดหยุนจะเปลี่ยนรูปไป เปลี่ยนเปนพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงของ
ก......................................................................................................................................................................................................................................................................................
อนหิน
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................................................................

(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
S T EM 77
Project
ขั้นที่
3 ออกแบบวิธีการแกปญหา
คิดวิธีการแกปญหาและออกแบบชิ้นงาน ตามแนวทางที่เตรียมไว

สรางเครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลองดวยอุปกรณที่เตรียมไว โครงสรางหลักประกอบดวยไม ยึดเขาดวยกันดวยสกรู


และกาวรอน มีหนังยางโยงระหวางคานเหวีย่ งกอนหินกับโครงของเครือ่ ง ใชฝาพลาสติกทําเปนลอและตะกราใสกอ น
หิน และใชดินนํ้ามันสมมติแทนกอนหิน ดังภาพ

ดินนํ้ามัน สกรู
คาน แถบยาง

ไม ลอกับเพลา
ไมเสียบลูกชิ้น (ฝาพลาสติกกับไมเสียบลูกชิ้น)

ฉบับ
เฉลย ขั้นที่
4 วางแผนและดําเนินการแกปญหา

รวมกันวางแผนการสรางสรรคชิ้นงานอยางเปนลําดับขั้นตอน แลวตรวจสอบการดําเนินการ หากไมตรงตามแผน


มีวิธีแกไขอยางไร
ขั้นตอนการทํางาน ผูรับผิดชอบ ผลการดําเนินงาน
1. รวบรวมขอมูลเกี่ยวกับเครื่อง
.......................................................................................... สมาชิกทุกคนภายในกลุม
.......................................................................................... หาขอมูลของเครื่องเหวี่ยงกอนหิน
..........................................................................................
เหวี่ยงกอนหิน
.......................................................................................... .......................................................................................... ไดแก โครงสราง และหลักการ
..........................................................................................
.......................................................................................... .......................................................................................... ทํางานไดครบถวน
..........................................................................................
2. ออกแบบเครื่องเหวี่ยงกอนหิน
.......................................................................................... สมาชิกทุกคนภายในกลุม
.......................................................................................... ไดแบบของเครื่องเหวี่ยงกอนหิน
..........................................................................................
3. เตรียมอุปกรณในการสรางเครือ่ ง
.......................................................................................... สมาชิกคนที่ 1 2 และ 3
.......................................................................................... จั ด หาอุ ป กรณ ไ ด ค รบถ ว นตามที่
..........................................................................................
เหวี่ยงกอนหินจําลอง
.......................................................................................... .......................................................................................... ตองการ
..........................................................................................
4. ลงมือประดิษฐชิ้นงาน
.......................................................................................... สมาชิกทุกคนภายในกลุม
.......................................................................................... ไดชิ้นงานที่มีโครงสรางตามแบบที่
..........................................................................................
.......................................................................................... .......................................................................................... ออกแบบไว
..........................................................................................
5. ทดสอบชิ้นงาน
.......................................................................................... สมาชิกทุกคนภายในกลุม
.......................................................................................... พบขอบกพรองของชิ้นงาน
..........................................................................................
6. แกไขชิ้นงาน
.......................................................................................... สมาชิกคนที่ 4 และ 5
.......................................................................................... ปรับปรุงแกไขชิ้นงาน
..........................................................................................
7. ประเมินผลชิ้นงาน
.......................................................................................... คุณครู
.......................................................................................... เรียบรอยดี
..........................................................................................

(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
78 เครื่องกลอยางงายกับยุทโธปกรณ
ขั้นที่
5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแกไขวิธีการแกปญหา

บันทึกรายละเอียดของชิ้นงาน แลวทดสอบเพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงชิ้นงาน
ตอนที่ 1 บันทึกรายละเอียดของชิ้นงานหรือแนวทางการแก้ปัญหา แล้วทดสอบเพื่อหาแนวทางในการปรับปรุง

จุดเดน จุดดอย
• เครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลองมีโครงสรางที่แข็งแรง
....................................................................................................................................... • ไมคานส�หรับเหวี่ยงกอนหินที่ยึดกับแถบยางอาจ
.......................................................................................................................................
คงทน สามารถเคลื่อนที่ไดดวยลอกับเพลา
....................................................................................................................................... หักเนื่องจากเกิดความเคน คือ แรงที่เกิดขึ้นภายใน
.......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... เนื้อไมจากแรงภายนอก
.......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... • จุ ด เชื่ อ มต อ ชิ้ น งานหลวม หลั ง ใช ง านอาจทํ า ให


.......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... โครงสรางบางสวนหลุด
.......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

แนวทางในการปรับปรุง ฉบับ
• เลือกใชไมเนื้อแข็งส�หรับใชเปนคานเหวี่ยงกอนหินและไมที่ถูกยึดติดกับแถบยาง เนื่องจากไมเนื้อแข็งมีความ
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
ทนทาน แข็งแรง
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
• เชื่อมตอชิ้นงานในสวนที่ไดรับแรงภายนอกมากระทําและแรงยืดหยุนเนื่องจากแถบยางดวยสกรู และมีการวัด
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดชิ้นสวนตาง ๆ ใหแมนยํา เพื่อใหโครงสรางของชิ้นงานไมหลวม
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................................................................................................................................

(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
ตอนที่ 2 นักเรียนประเมินผลชิ้นงานหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้จากกิจกรรม

ระดับคุณภาพ
เกณฑการประเมิน
1 2 3 4 5
1. ชิ้นงานมีความแข็งแรง คงทนตอการทดสอบ
2. ชิ้นงานสามารถเคลื่อนที่ไปขางหนาและถอยหลังได
3. ชิ้นงานมีความแมนยําในการโจมตีเปาหมาย
4. ชิ้นงานเรียบรอย สวยงาม และมีความคิดสรางสรรค
(ขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
S T EM 79
Project
ขั้นที่
6 นําเสนอวิธีการแกปญหา

ตอนที่ 1 รวบรวมแนวคิดที่ได้จากการทํากิจกรรม

S วิทยาศาสตร
หลักการอนุรักษพลังงาน พลังงานกล (พลังงานศักยยืดหยุน พลังงานจลน พลังงานศักยโนมถวง) และ
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
การเปลี่ยนรูปพลังงานระหวางพลังงานรูปแบบตาง ๆ
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................

T เทคโนโลยี
เครื่องกลอยางงาย การเลือกใชวัสดุและเครื่องมือชาง การคนหาขอมูล
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................

E วิศวกรรม
กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสรางชิ้นสวนของเครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลอง กระบวนการประกอบ
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
ชิ้นสวนตาง ๆ เขาดวยกัน การทดสอบการทํางานของเครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลอง
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ M คณิตศาสตร
เฉลย
การวัดขนาดความยาวของแตละชิ้นสวน การวัดมุมระหวางชิ้นสวนตาง ๆ ของเครื่องเหวี่ยงกอนหินจําลอง
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................................................................

ตอนที่ 2 ระบุปญ
ั หาทีพ่ บจากการทํากิจกรรมและนําแนวคิดทีไ่ ด้จากการทํากิจกรรมมาประกอบการวิเคราะห์
แล้วสรุปเป็นแนวทางการแก้ปัญหา

ปญหาที่พบ วิธีการแกปญหา
• เครือ่ งเหวีย่ งกอนหินจําลองยังขาดความแมนยํา • ทําการทดลองเหวีย่ งกอนหินหลาย ๆ ครัง้ บันทึก
.................................................................................................................................... ....................................................................................................................................
ในการโจมตีเปาหมาย ข อ มู ล โดยกํ า หนดให ร ะยะยื ด ของแถบยางเป น
.................................................................................................................................... ....................................................................................................................................

.................................................................................................................................... ตัวแปรตนและระยะยิงเปนตัวแปรตาม โดยขอมูล


....................................................................................................................................

.................................................................................................................................... เหลานีจ้ ะชวยใหปรับระยะยืดของแถบยางใหผลการ


....................................................................................................................................

.................................................................................................................................... โจมตีแมนยํามากขึ้น
....................................................................................................................................

(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)

80 เครื่องกลอยางงายกับยุทโธปกรณ
แบบทดสอบทายเลม
เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. แรง F1 F2 และ F3 กระทําพรอมกันตอกลองที่วาง F1
อยูน งิ่ บนพืน้ ลืน่ ดังภาพ อยากทราบวา ตัวเลือกใน F3
F2
ขอใดทีจ่ ะทําใหกลองเคลือ่ นทีใ่ นทิศทางเดียวกับ F3

ขอ F1 (นิวตัน) F2 (นิวตัน) F3 (นิวตัน)


1. 17 28 35
2. 26 19 45
3. 12 23 28
4. 21 19 44

2. คนงานคนหนึ่งมีมวล 76 กิโลกรัม กําลังยืนนิ่ง ๆ ถือกลองกระดาษมวล 0.5 กิโลกรัม ที่บรรจุขางในมวล


4 กิโลกรัม จงหาขนาดของแรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทําตอขาทั้ง 2 ขางของเขา
1. 800 นิวตัน 2. 805 นิวตัน ฉบับ
เฉลย
3. 810 นิวตัน 4. 815 นิวตัน
3. การทดลองการหาขนาดของแรงเสียดทานสถิต ขนาดแรง (นิวตัน) ผลการเคลื่อนที่
สูงสุดและแรงเสียดทานจลน โดยใชเครือ่ งชัง่ สปริง
10 ไมเคลื่อนที่
เกี่ยวหูถุงทรายมวล 3 กิโลกรัม แลวออกแรงดึง
ใหแนวแรงดึงขนานกับพื้นโตะ 3 ครั้ง ไดผลการ 15 เริ่มขยับ
ทดลอง ดังตาราง ขอใดตอไปนี้สรุปไดถูกตอง 12 เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงตัว

ก. แรงเสียดทานสถิตสูงสุดมีคา 10 นิวตัน แรงเสียดทานจลนมีคา 12 นิวตัน


ข. แรงเสียดทานสถิตสูงสุดมีคา 15 นิวตัน แรงเสียดทานจลนมีคา 12 นิวตัน
ค. สัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตเทากับ 0.33 สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลนเทากับ 0.50
ง. สัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตเทากับ 0.50 สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลนเทากับ 0.40
1. ก. และ ค. 2. ก. และ ง.
3. ข. และ ง. 4. ข. และ ค.
4. แรงเสียดทานในขอใดไมกอใหเกิดประโยชน
1. การเหยียบเบรกรถจักรยานยนต 2. คนเดินหรือวิ่งไปบนพื้นถนน
3. การเลี้ยวของรถยนตไปตามแนวถนนโคง 4. การเคลือ่ นที่ขึ้น-ลงของลูกสูบในเครื่องยนต
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 81
5. กลองวางอยูบนแผนกระดาษที่วางอยูบนพื้น เมื่อออกแรงดึงแผนกระดาษใหเคลื่อนที่ไปทางดานขวา พบวา
กลองเคลื่อนที่ไปกับแผนกระดาษโดยไมไถล แรงที่ทําใหกลองเคลื่อนที่โดยไมไถลคือแรงอะไร และมีทิศทาง
อยางไร
1. แรงเสียดทานจลน มีทิศไปทางซายมือ 2. แรงเสียดทานจลน มีทิศไปทางขวามือ
3. แรงเสียดทานสถิต มีทิศไปทางซายมือ 4. แรงเสียดทานสถิต มีทิศไปทางขวามือ
6. กลองไม 3 ใบ วางซอนกัน กลองทั้ง 3 ใบ ทําจากไมชนิดเดียวกัน มีขนาดเทากัน แตมวลไมเทากัน คือ m2
= 3m1 และ m3 = 0.5m1 ออกแรง F ขนาด 90 นิวตัน ดันกลองใบที่ 1 ในทิศขนานไปกับพื้นราบจะสามารถ
ทําใหกลองทั้ง 3 ใบ เคลื่อนที่ไปพรอมกันดวยอัตราเร็วคงตัว จงหามวลของกลองใบที่ 1 2 และ 3 ตามลําดับ
(สัมประสิทธิค์ วามเสียดทานจลนระหวางกลองกับพืน้ เทากับ 0.5 และสัมประสิทธิค์ วามเสียดทานสถิตระหวาง
กลองดวยกัน เทากับ 0.4)
1. 8 กิโลกรัม 24 กิโลกรัม และ 4 กิโลกรัม
m3 2. 6 กิโลกรัม 18 กิโลกรัม และ 3 กิโลกรัม
m2 3. 4 กิโลกรัม 12 กิโลกรัม และ 2 กิโลกรัม
F = 90 N
m1 4. 4 กิโลกรัม 6 กิโลกรัม และ 1 กิโลกรัม
ฉบับ 7. กลอง 2 ใบ ผูกติดดวยเชือกเบา ดังภาพ ออกแรง 30 นิวตัน
เฉลย F = 30 N
ดึงกลองใบใหญ ทําใหระบบกลองทัง้ 2 ใบ เคลือ่ นทีต่ ามแนว 1 kg 5 kg
แรงดวยความเร็วคงตัว ถาใหสมั ประสิทธิค์ วามเสียดทานจลน
ระหวางกลองทั้ง 2 ใบ กับพื้นเทากับ μk จงหาคาแรงดึงในเสนเชือกที่ผูกกลองทั้ง 2 ใบ เขาดวยกัน
1. 5 นิวตัน 2. 18 นิวตัน 3. 20 นิวตัน 4. 22 นิวตัน
8. ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับสมบัติของของเหลว
1. ความดันของของเหลวขึ้นอยูกับชนิดของเหลว
2. ความดันของของเหลวขึ้นอยูกับความลึกใตผิวหนาของของเหลว
3. แรงดันของของเหลวที่ทํากับผิวภาชนะมีทิศตั้งฉากกับผิวภาชนะเสมอ
4. แรงดันของของเหลวที่กนภาชนะขึ้นอยูกับระดับความสูงของของเหลวในภาชนะเทานั้น ไมขึ้นอยูกับ
รูปรางภาชนะ
9. พิจารณาภาชนะบรรจุนํ้า 3 ใบ มีปริมาตรไมเทากัน ดังภาพ
ถาความสูงของระดับนํ้าในภาชนะทั้ง 3 ใบ มีคาเทากัน
ขอใดกลาวถูกตองที่สุด
1. ความดันนํ้าที่กนภาชนะและนํ้าหนักของนํ้าในภาชนะทั้ง 3 ใบ เทากัน
2. แรงดันที่กนภาชนะไมเทากัน แตนํ้าหนักของนํ้าในภาชนะทั้ง 3 ใบ เทากัน
3. ความดันนํ้าที่กนภาชนะทั้ง 3 ใบ เทากัน แตนํ้าหนักของนํ้าในภาชนะทั้ง 3 ใบ ไมเทากัน
4. ความดันนํ้าที่กนภาชนะทั้ง 3 ใบ ไมเทากัน แตนํ้าหนักของนํ้าในภาชนะทั้ง 3 ใบ เทากัน
82 แบบทดสอบทายเลม
10. นําวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก 3 อัน ที่มีมวลและ
ปริมาตรเทากันไปหยอนลงในของเหลว 3 ชนิด
ดังภาพ ขอใดเรียงลําดับความหนาแนนของของเหลว
ไดถูกตอง
1. A > B > C
2. A < B < C ของเหลว A ของเหลว B ของเหลว C
3. B < A < C
4. A < C < B
11. ภาชนะทรงกระบอกกลวงมีฝาปดใบหนึง่ สูง 20 เซนติเมตร พืน้ ทีห่ นาตัด 0.02 ตารางเมตร มวล 0.5 กิโลกรัม
บรรจุของเหลวชนิดหนึ่งลงไปจนเต็ม จากนั้นปดฝาใหแนนแลวนําไปลอยนํ้า โดยใหภาชนะตั้งตรงในแนวดิ่ง
ภาชนะจะจมลงไปในนํ้ากี่เซนติเมตร (ρนํ้า เทากับ 1 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร และ ρของเหลว เทากับ
0.8 × 103กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร)
1. 15.5 เซนติเมตร 2. 16.5 เซนติเมตร
3. 17.5 เซนติเมตร 4. 18.5 เซนติเมตร
12. วัตถุชิ้นหนึ่งมีมวล 10 กิโลกรัม มีความหนาแนน 2 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร ถานําวัตถุชิ้นนี้ไปชั่ง
ฉบับ
นํ้าหนักในนํ้าดวยเครื่องชั่งสปริง ถาตอนชั่งนํ้าหนักวัตถุจมอยูในนํ้าทั้งชิ้น จะอานนํ้าหนักไดกี่นิวตัน เฉลย
(ρนํ้า เทากับ 1 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร)
1. 100 นิวตัน 2. 75 นิวตัน
3. 50 นิวตัน 4. 25 นิวตัน
13. คานเบายาว 3 เมตร แขวนดวยเชือกหนึ่งเสนกับเพดาน พบวา ภาพที่ 1 ระบบอยูในสภาวะสมดุลตอการหมุน
ถาเปลี่ยนมาแขวนมวลตามภาพที่ 2 แลวระบบยังอยูในสภาวะสมดุลตอการหมุน จงหาวาวัตถุ x มีมวล
กี่กิโลกรัม และระยะ L ยาวกี่เมตร
A 2m B L

x
30 kg 30 kg x
5 kg
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2
1. วัตถุ x มีมวล 5 กิโลกรัม และ L ยาว 2 เมตร
2. วัตถุ x มีมวล 10 กิโลกรัม และ L ยาว 2.25 เมตร
3. วัตถุ x มีมวล 7.5 กิโลกรัม และ L ยาว 1.5 เมตร
4. วัตถุ x มีมวล 12.5 กิโลกรัม และ L ยาว 0.5 เมตร
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 83
14. โมไบลอันหนึ่ง โครงสรางทําจากแทงกลมเบาและ A 10 cm
ลวดเบา ประดับดวยสิ่งของตาง ๆ ดังภาพ ถาเรือ 4 cm B 15 cm
ของเลน (m4) มีมวลเทากับ 150 กรัม จงหามวล
10 cm
m1 m2 และ m3 ทีท่ าํ ใหโมไบลยงั สมดุลตอการหมุน 2 cm m3
C
1. 100 กรัม 290 กรัม และ 350 กรัม m2 5 cm
2. 100 กรัม 375 กรัม และ 312.5 กรัม
3. 120 กรัม 350 กรัม และ 330.5 กรัม m1
4. 120 กรัม 362.5 กรัม และ 370 กรัม m4
15. คานสมํ่าเสมอยาว AB นํ้าหนัก W ยาว 6 เมตร วางพาดในแนวระดับอยูบนลิ่ม 2 อัน ที่จุด x และ y ซึ่ง
หางจากปลาย A เปนระยะ 1 เมตร และ 4 เมตร ตามลําดับ ถาออกแรงกดที่ปลายดานใดดานหนึ่ง (ปลาย
A หรือ B) เพื่อทําใหปลายอีกดานกระดก ปลายดานใดจะใชแรงนอยกวาและใชแรงเทาใด
1. ปลายดาน A และใชแรง W2 A x y B
2. ปลายดาน A และใชแรง W3
1m
3. ปลายดาน B และใชแรง 2 W 4m
6m
ฉบับ 4. ปลายดาน B และใชแรง W3
เฉลย
16. จากภาพ แสดงเสนแรงแมเหล็กของระบบทีป่ ระกอบดวยแทงแมเหล็กถาวร 2 แทง ทีว่ างขนานกัน ขอความใด
ตอไปนี้กลาวถูกตอง
ก. ขั้ว A และ D เปนขั้วแมเหล็กเหนือ สวนขั้ว B และ C
A B เปนขั้วแมเหล็กใต
ข. ขั้ว A และ C เปนขั้วแมเหล็กเหนือ สวนขั้ว B และ D
เปนขั้วแมเหล็กใต
C D ค. แทงแมเหล็กทั้งสองพยายามจะเคลื่อนที่ออกหางจากกัน
ง. แทงแมเหล็กทั้งสองพยายามจะเคลื่อนที่เขาหากัน
1. ก. และ ง. 2. ข. และ ค.
3. ก. และ ค. 4. ข. และ ง.
17. ถาตนนําวัตถุ A ที่มีประจุบวกมาอยูใกล ๆ บริเวณ +
+
+
แทงโลหะตัวนําปลาย B ที่เปนกลางทางไฟฟา + A + B C
+ + +
ดังภาพ จะเกิดการเปลีย่ นแปลงกับแทงโลหะตัวนํา
ฉนวน
อยางไร
1. ไมเกิดการเปลี่ยนแปลง 2. ทั้งแทงมีประจุบวก
3. ปลาย C จะมีประจุลบสวนเกิน 4. ปลาย B จะมีประจุลบสวนเกิน
84 แบบทดสอบทายเลม
18. เด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งออกกําลังกายในสวนสาธารณะครบ 1 รอบ ใชเวลา 4 นาที โดยเสนทางวิ่งออกกําลังกาย
ในสวนสาธารณะแหงนี้เปนรูปวงกลม มีเสนผานศูนยกลาง 420 เมตร อัตราเร็วเฉลี่ยและความเร็วเฉลี่ย
ของเด็กหญิงเมื่อวิ่งครบ 1 รอบ มีคาเทาใด
1. 4 เมตรตอวินาที และ 4 เมตรตอวินาที
2. 4.5 เมตรตอวินาที และ 0 เมตรตอวินาที
3. 5 เมตรตอวินาที และ 5 เมตรตอวินาที
4. 5.5 เมตรตอวินาที และ 0 เมตรตอวินาที
19. พิจารณาขอความตอไปนี้ แรงในขอใดไมทําใหเกิดงานขึ้นกับวัตถุ
ก. ออกแรงในแนวราบดันวัตถุแตวัตถุไมเคลื่อนที่
ข. แรงเสียดทานจลนที่กระทํากับวัตถุที่กําลังเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว
ค. แรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทํากับวัตถุในทิศตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ
ง. แรงเสียดทานสถิตที่กระทํากับวัตถุที่อยูนิ่งบนพื้น
1. ก. ข. และ ค.
2. ข. ค. และ ง.
3. ก. ค. และ ง. ฉบับ
4. ทุกขอไมทําใหเกิดงานขึ้นกับวัตถุ เฉลย
20. วัตถุกอนหนึ่งหนัก 10 นิวตัน ถูกเคลื่อนยายจากจุด A ไปจุด B ดวยวิธีการที่แตกตางกัน ดังตอไปนี้
- ใชแรง F1 ยกวัตถุจากพื้น A ขึ้นไปวางบนชั้น B ซึ่งสูง 2 เมตร ดังภาพที่ 1
- ใชแรง F2 ลากวัตถุขึ้นไปตามแนวพื้นเอียงดวยอัตราเร็วคงตัวเปนระยะ 3 เมตร และสุดทายวัตถุอยูสูงจาก
พื้น 2 เมตร ดังภาพที่ 2
- ใชแรง F3 แบกวัตถุขึ้นบันได 5 ขั้น ขั้นละ 40 เซนติเมตร ดังภาพที่ 3

B B B
3m
F1 2m F2 2m F3
θ
A A A
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3
ขอใดสรุปถูกตอง
1. แรง F2 มีขนาดนอยที่สุด แตทํางานมากที่สุด
2. แรง F2 มีขนาดนอยกวา F1 แตแรง F2 ทํางานมากกวาแรง F1
3. แรง F1 มีขนาดเทากับแรง F3 แตแรง F1 ทํางานนอยกวาแรง F3
4. แรงทั้งสามทํางานเทากัน แตแรง F2 มีขนาดนอยกวาแรง F1 และ F3
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 85
21. ถาออกแรงในแนวราบดึงกลองใบหนึ่งใหเคลื่อนที่เปนแนวเสนตรงบนพื้นฝดดวยอัตราเร็วคงตัว ขอความใด
ตอไปนี้กลาวถูกตอง
ก. งานของแรงเสียดทานจลนมีคาเปนลบ
ข. งานของแรงโนมถวงเทากับงานของแรงเสียดทานจลนระหวางกลองกับพื้น
ค. งานของแรงลัพธที่ทํากับกลองมีคาเปนศูนย
1. ก. และ ข. 2. ข. และ ค.
3. ก. และ ค. 4. ก. ข. และ ค.
22. W1 เปนงานในการเคลื่อนวัตถุมวล 10 กิโลกรัม ไปบนพื้นราบที่มีแรงเสียดทานจลนขนาด 30 นิวตัน ดวย
ความเร็วคงตัวเปนระยะทาง 2 เมตร และ W2 เปนงานที่ใชดึงวัตถุมวล 10 กิโลกรัม ใหเคลื่อนที่ข้ึนใน
แนวดิ่งดวยความเร็วคงตัวเปนระยะทาง 2 เมตร ขอใดสรุปถูกตอง
1. W1 มีคามากกวา W2 อยู 170 จูล 2. W2 มีคามากกวา W1 อยู 140 จูล
3. W2 มีคามากกวา W1 อยู 200 จูล 4. W1 มีคาเทากับ W2
23. จุด A อยูบนพื้นราบ จุด B อยูสูงกวาจุด A ในแนวดิ่งเปนระยะ 6 เมตร จุด C อยูที่ระดับความสูงเดียวกับ
จุด B แตอยูหางไปในแนวราบเปนระยะ 3 เมตร จงหาขนาดของงานของแรงโนมถวงของโลกที่เกิดกับกลอง
ฉบับ
เฉลย
หนัก 50 นิวตัน ที่ถูกเคลื่อนยายดวยความเร็วคงตัวจากจุด A ไปจุด B ไปจุด C
1. 300 จูล 2. 450 จูล
3. 3,000 จูล 4. 4,500 จูล
24. ออกแรงดึง 300 นิวตัน ดึงวัตถุหนัก 500 นิวตัน B
ใหเคลื่อนจากจุด A ขึ้นไปบนพื้นเอียงฝดถึงจุด B
F 3m
ดวยอัตราเร็วคงตัว จงหางานทีแ่ รงดึงทําตอวัตถุนี้
1. 600 จูล
2. 1,000 จูล A C
4m
3. 1,500 จูล
4. 2,000 จูล
25. ลิฟตมวล 1 ตัน สามารถบรรทุกนํ้าหนักไดมากที่สุด 600 กิโลกรัม มีแรงเสียดทานจลนตานการเคลื่อนที่
3,000 นิวตัน ถาลิฟตกําลังเคลื่อนที่ขึ้น จงหากําลังตํ่าสุดของมอเตอรที่ใชในการเคลื่อนที่ขึ้นดวยอัตราเร็ว
5 เมตรตอวินาที (1 ตัน เทากับ 1,000 กิโลกรัม)
1. 1 × 105 วัตต
2. 2 × 105 วัตต
3. 3 × 105 วัตต
4. 4 × 105 วัตต

86 แบบทดสอบทายเลม
26. วัตถุทรงกลมหนัก 10 นิวตัน กลิ้งโดยไมไถลไปบนพื้นระนาบฝดจากจุด A ไปจุด B ซึ่งอยูหางกัน 5π เมตร
จงหางานของแรงปฏิกิริยาแนวราบที่พื้นทํากับวัตถุ (แรงปฏิกิริยาแนวราบที่พื้นทํากับวัตถุมีขนาดเทากับแรง
เสียดทานสถิต และคาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหวางพื้นกับวัตถุเทากับ 0.2)
1. 10π จูล 2. 50π จูล
3. 100π จูล 4. 150π จูล
27. ในเหตุการณเพลิงไหมอาคารแหงหนึ่ง เจาหนาที่ดับเพลิงใชกระเชารับแมและลูก 2 คน จากชั้น 8 ลงมา โดย
กระเชาเคลือ่ นลงในแนวดิง่ ดวยอัตราเร็ว 3 เมตรตอวินาที ถาตัวกระเชาหนัก 850 นิวตัน แมหนัก 65 กิโลกรัม
และลูก 2 คน มีนํ้าหนักรวมกัน 50 กิโลกรัม ตามลําดับ มอเตอรที่ใชเคลื่อนกระเชาใชกําลังกี่วัตต
1. 5,500 วัตต 2. 6,000 วัตต
3. 7,500 วัตต 4. 8,500 วัตต
28. เรือยนตขา มฟากตองการขามฟากจากทา A ไปยังทา B B C

ซึ่งอยูฝงตรงขามกันพอดี ปรากฏวาเกิดกระแสนํ้าพัด
พาเรือขามฟากไปตําแหนง C ซึ่งหางจากตําแหนง B
เปนระยะ 300 เมตร ที่อยูฝงเดียวกับทา B ดังภาพ
กระแสนํ้า
ใชเวลา 3 นาที 20 วินาที ถาวัดระยะ AC ได 500 เมตร ฉบับ
และเครื่องยนตใชกําลัง 50,000 วัตต แรงที่เครื่องยนต เฉลย
ใชลากเรือยนตเปนกี่นิวตัน A
1. 10,000 นิวตัน 2. 15,000 นิวตัน
3. 20,000 นิวตัน 4. 30,000 นิวตัน
29. ตอมออกแรง F1 ลากกลองไปตามพื้นเอียงดวยอัตราเร็วคงตัวขึ้นไปบนทายรถบรรทุก ขณะที่แตวออกแรง F2
ยกกลองชิ้นเดียวกันกับตอม จากพื้นขึ้นทายรถบรรทุกที่ระดับความสูงเดียวกัน ถาใหงานที่ตอมทํามีคา W1
และงานที่แตวทํามีคา W2 ขอใดกลาวถูกตอง
1. W1 = W2 และ F1 < F2 2. W1 > W2 และ F1 < F2
3. W1 < W2 และ F1 = F2 4. W1 < W2 และ F1 > F2
30. จากภาพ แสดงการเคลือ่ นทีข่ องรถไฟเหาะ ถารางรถไฟเหาะมีความฝดนอยมาก ๆ อยากทราบวา ตําแหนงใด
ที่รถไฟเหาะมีพลังงานจลนสูงกวาตําแหนงอื่น ๆ
1. A และ E
A
E
2. B และ D
C 3. C และ E
B 4. B C และ D
D

แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 87
31. วัตถุ M N และ O มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ วางที่ตําแหนงตางกัน ดังภาพ กําหนดให EpM EpN และ
EpO เปนพลังงานศักยโนมถวงของวัตถุ M N และ O ตามลําดับ พิจารณาขอความตอไปนี้
M
ก. EpN > EpM > EpO
ข. EpM > EpN > EpO
ระดับอางอิง N ค. EpN เปนศูนย และ EpO มีเครื่องหมายบวก
ง. EpN เปนศูนย และ EpO มีเครื่องหมายลบ
O
ขอใดตอไปนี้สรุปถูกตองเกี่ยวกับพลังงานศักยโนมถวงของวัตถุ
1. ก. และ ง. 2. ข. และ ง.
3. ข. และ ค. 4. ก. และ ค.
32. รถยนตมวล M เดิมอยูนิ่งบนยอดเนินที่หนึ่งซึ่งสูง M
h1 เหนือพื้น ดังภาพ จากนั้นเคลื่อนจากยอดเนิน 1
ที่หนึ่งลงไปตามพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานนอยมาก 2
จงหาพลังงานจลนของรถยนต ณ ขณะที่ผานยอด h1
เนินที่สองซึ่งสูง h2 เหนือพื้น (พื้นเปนระดับอางอิง h2
ฉบับ
เฉลย ของพลังงานศักยโนมถวง พลังงานศักยโนมถวง (Ep)
เทากับ mgh และพลังงานจลน (Ek) เทากับ 12 mv2) ระดับอางอิง

1. 0 2. Mgh2
3. Mg(h1 - h2) 4. Mgh2 + 12 mv2
33. ชางกอสรางคนหนึ่งตองการใชรอกเดี่ยวตายตัวยกวัตถุ
โดยเขาออกแรงไดมากที่สุดเพียง 100 นิวตัน ดังภาพ
เขาจะยกวัตถุไดมวลมากที่สุดเทาใด (g เทากับ 10 m/s2)
1. 5 กิโลกรัม 2. 10 กิโลกรัม 100 N
3. 15 กิโลกรัม 4. 20 กิโลกรัม w
34. ชางทาสีมวล 70 กิโลกรัม ยืนอยูบ นแปนไมมวล 5 กิโลกรัม ทีผ่ กู โซและคลอง
กับเพลาของเครื่องกลลอกับเพลา ดังภาพ เพื่อนที่อยูดานลางออกแรง
300 นิวตัน ดึงโซที่พาดบนลอ ถาเพื่อนดึงโซเปนระยะ 3 เมตร ชางทาสี
และแปนไมจะถูกยกขึน้ ไปเปนระยะกีเ่ มตร (เครือ่ งกลลอกับเพลาไมมกี าร
สูญเสียพลังงานจากความเสียดทาน)
1. 1.5 เมตร 2. 1.4 เมตร
3. 1.3 เมตร 4. 1.2 เมตร

88 แบบทดสอบทายเลม
35. ถาตองการใชลอกับเพลาที่ไมมีความฝดยกวัตถุมวล 200 กิโลกรัม โดยเสนผานศูนยกลางของลอกับเพลา
เปน 50 และ 25 เซนติเมตร ตามลําดับ ตองออกแรงดึงเชือกเทาใด
1. 500 นิวตัน 2. 800 นิวตัน
3. 1,000 นิวตัน 4. 1,500 นิวตัน
36. พิจารณาขอความตอไปนี้ ขอใดกลาวถูกตอง
ก. วัตถุจะมีพลังงานจลนก็ตอเมื่อเคลื่อนที่เทานั้น
ข. ลูกบอลที่กลิ้งไปบนพื้นราบฝดมีพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงลดลงเรื่อย ๆ
ค. วัตถุใด ๆ ที่เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วเทากันจะมีพลังงานจลนเทากัน
ง. ลูกเปตองที่กลิ้งไปบนพื้นราบฝดจะมีพลังงานจลนลดลง เพราะพลังงานจลนเปลี่ยนรูปไปเปน
พลังงานศักยโนมถวง
1. ก. 2. ค.
3. ก. และ ข. 4. ข. ค. และ ง.
37. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับพลังงานทดแทน
1. เปนพลังงานที่ใชแลวหมดไป
2. สงผลกระทบตอระบบทางเดินหายใจ ฉบับ
เฉลย
3. เปนพลังงานสะอาดที่มีใหใชอยางสมํ่าเสมอ
4. สรางความเสียหายใหกับพืชผลทางการเกษตรและสิ่งกอสราง
38. ขอใดเกิดจากการผุพังทางเคมี
1. คาสต 2. ภูเขายอดราบ
3. ภูเขายอดปาน 4. เนินตะกอนรูปพัด
39. แมนํ้าที่มีทางนํ้าลักษณะโคงตวัดมาก ๆ มีโอกาสที่จะเกิดสิ่งใด
1. ซุมหิน 2. ทะเลสาบรูปแอก
3. เนินตะกอนรูปพัด 4. ดินดอนสามเหลี่ยม
40. พิจารณาการเกิดหินงอก หินยอย แลวบอกวา X Y และ Z คืออะไร ตามลําดับ
CO2 + X Y
Y+Z Ca(HCO3)2
Ca(HCO3)2 Z + H2O + CO2
1. นํ้า กรดคารบอนิก หินปูน
2. กรดคารบอนิก หินปูน นํ้า
3. แคลเซียมไฮโดรเจนคารบอเนต หินปูน กรดคารบอนิก
4. หินปูน แคลเซียมไฮโดรเจนคารบอเนต กรดคารบอนิก
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 89
แนวขอสอบ O-NET
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. ขอความใดตอไปนี้กลาวถูกตองเกี่ยวกับวัตถุที่อยูในสภาพสมดุลตอการเคลื่อนที่
ก. วัตถุตองหยุดนิ่งอยูกับที่เทานั้น
ข. วัตถุอาจอยูนิ่งกับที่หรือเคลื่อนที่ในแนวเสนตรงดวยอัตราเร็วคงตัว
ค. แรงสุทธิจากแหลงภายนอกที่กระทํากับวัตถุเปนศูนย
ง. วัตถุที่เคลื่อนที่เปนวงกลมดวยอัตราเร็วคงตัวถือวาสมดุลตอการเคลื่อนที่
1. ข. และ ค. 2. ก. และ ข.
3. ค. และ ง. 4. ข. ค. และ ง.
2. จากภาพ ออกแรงดึงวัตถุ 5 นิวตัน ในแนวราบ แตวัตถุยังไมเคลื่อนที่ ขอใดกลาวถูกตองที่สุดเกี่ยวกับ
สถานการณนี้
F
พื้น วัตถุ f
ฉบับ
เฉลย 1. แรงเสียดทานสถิตที่เปนไปไดมีคาเพียงคาเดียวเทากับ 5 นิวตัน
2. หากวัตถุมีการเคลื่อนที่แรงเสียดทานจลนจะมีคาเทากับ 5 นิวตัน พอดี
3. แรงเสียดทานสถิตที่เปนไปไดมีหลายคาอาจนอยกวาหรือมากกวา 5 นิวตัน ก็ได
4. หากวัตถุมีการเคลื่อนที่แรงเสียดทานจลนมีไดหลายคาแตจะมีคาไมเกิน 5 นิวตัน
3. ออกแรงในแนวราบผลักตูไมมวล 10 กิโลกรัม พบวา ตูไมเริ่มเคลื่อนที่เมื่อขนาดแรงผลักเทากับ 20 นิวตัน
สามารถใชขอมูลนี้หาคาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานชนิดใดระหวางพื้นกับตูไม และมีคาเทาใด
1. สัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต และมีคาเทากับ 0.1
2. สัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต และมีคาเทากับ 0.2
3. สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน และมีคาเทากับ 0.1
4. สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน และมีคาเทากับ 0.2
4. กลองใบหนึ่งวางอยูบนพื้นฝด ออกแรงดึงในแนวราบ ทําใหกลองเคลื่อนที่ในแนวราบดวยความเร็วคงตัว
ดังภาพ อยากทราบวา แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นกับกลองเปนแรงเสียดทานประเภทใด และถาตองการลดแรง
เสียดทานตองทําอยางไร
v
1. แรงเสียดทานสถิต เพิ่มมวลของกลอง
F 2. แรงเสียดทานสถิต ลดมวลของกลอง
f 3. แรงเสียดทานจลน เพิ่มมวลของกลอง
4. แรงเสียดทานจลน ลดมวลของกลอง
90 แนวขอสอบ O-NET
5. วัตถุหนึ่งชั่งนํ้าหนักในอากาศได 15 นิวตัน แตเมื่อนําวัตถุไปชั่งในนํ้า เครื่องชั่งสปริงอานคาได 6 นิวตัน
จงหาปริมาตรของวัตถุ (ρนํ้า เทากับ 1 × 103 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร)
1. 0.6 × 10-3 ลูกบาศกเมตร 2. 0.7 × 10-3 ลูกบาศกเมตร
3. 0.8 × 10-3 ลูกบาศกเมตร 4. 0.9 × 10-3 ลูกบาศกเมตร
6. วัตถุชนิ้ หนึง่ มีความหนาแนน 320 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร ถาชัง่ วัตถุในอากาศวัตถุจะหนัก 30 นิวตัน แตเมือ่
ชั่งในของเหลวโดยที่วัตถุจมอยูในของเหลวทั้งชิ้น วัตถุจะหนัก 24 นิวตัน จงหาความหนาแนนของของเหลว
1. 64 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร
2. 70 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร
3. 124 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร
4. 150 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร
7. คานเบาสมํ่าเสมอยาว 5 เมตร แขวนวัตถุมวล 4 และ 6 กิโลกรัม ที่ปลายทั้ง 2 ดาน จงหาวาตองผูกเชือก
ที่จุด A ใหหางจากปลายดานขวามือเปนระยะ x เทาใด จึงจะทําใหเมื่อหอยคานนี้ คานสามารถวางตัว
ในแนวระดับได
x
1. 2.5 เมตร
A 2. 2.7 เมตร
ฉบับ
5m 3. 3.0 เมตร เฉลย
6 kg 4 kg 4. 3.2 เมตร
8. รถแขงความเร็วสูงคันหนึ่งวิ่งในแนวเสนตรงจากจุด A ไป B จากนั้นเลี้ยวซายหักศอกจากจุด B ไป C โดยมี
ระยะทางและใชเวลาแตละชวง ดังภาพ ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตอง
C ก. ขนาดการกระจัดเทากับ 700 เมตร
ข. ระยะทางเทากับ 700 เมตร
400 m, 20 s ค. อัตราเร็วเฉลี่ยและความเร็วเฉลี่ยจากจุด A ถึง C เทากัน
300 m, 10 s ง. อัตราเร็วเฉลี่ยเทากับ 23.3 เมตรตอวินาที
A B จ. ความเร็วเฉลี่ยเทากับ 16.7 เมตรตอวินาที
1. ก. ค. และ ง. 2. ข. ง. และ จ.
3. ข. ค. และ จ. 4. ก. ข. และ ค.
9. แกมขี่จักรยานจากบานไปโรงเรียน บานของแกมหันหนาเขาหาทิศเหนือ เมื่อออกจากบานแกมขี่จักรยานไป
ทางทิศตะวันออกเปนระยะทาง 500 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวาและขี่จักรยานตอไปในทิศใตเปนระยะทาง 1,200
เมตร ก็ถึงโรงเรียน ใชเวลาทั้งหมด 10 นาที 50 วินาที แกมขี่จักรยานดวยความเร็วเฉลี่ยขนาดเทาใด
1. 1.50 เมตรตอวินาที 2. 2.0 เมตรตอวินาที
3. 2.50 เมตรตอวินาที 4. 3.0 เมตรตอวินาที
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 91
10. เด็กชายคนหนึ่งวิ่งรอบสนามรูปวงกลมรัศมี 14 เมตร โดยครึ่งรอบแรกใชเวลาในการวิ่ง 20 วินาที สวนครึ่ง
รอบหลังใชเวลาในการวิ่ง 25 วินาที จงหาอัตราเร็วเฉลี่ยและความเร็วเฉลี่ยของการวิ่งครบ 1 รอบ ตามลําดับ
1. 0 เมตรตอวินาที และ 0 เมตรตอวินาที
2. 0 เมตรตอวินาที และ 3.96 เมตรตอวินาที
3. 1.96 เมตรตอวินาที และ 0 เมตรตอวินาที
4. 3.96 เมตรตอวินาที และ 1.96 เมตรตอวินาที
11. แมใชใหเด็กชายปองวิง่ ไปซือ้ ของทีร่ า นคาใกลบา น เด็กชายปองวิง่ ออกจากบานตอนเวลา 17.10 น. วิง่ ไปได 5
เมตร นึกไดวาลืมเอาเงินไป จึงวิ่งกลับมาเอาเงินที่บาน จากนั้นวิ่งออกไปใหมไดระยะทาง 10 เมตร แมตะโกน
ใหกลับมากอนจะฝากขนมไปใหปา ศรีซงึ่ บานอยูถ งึ กอนรานคา เด็กชายปองจึงวิง่ กลับมาเอาขนม จากนัน้ วิง่ ออก
จากบานเปนครัง้ ที่ 3 ตรงไปบานปาศรีซงึ่ อยูห า งไป 30 เมตร และวิง่ ตอไปอีก 40 เมตร ถึงรานคา ซือ้ ของเสร็จ
แลวก็วิ่งกลับมาบานเสนทางเดียวกับขาไป ถึงบานเวลา 17.15 น. จงหาอัตราเร็วเฉลี่ยของเด็กชายปอง
1. 0.23 เมตรตอวินาที
2. 0.37 เมตรตอวินาที
3. 0.47 เมตรตอวินาที
4. 0.57 เมตรตอวินาที
ฉบับ
เฉลย 12. กิจกรรมในขอใดไมทําใหเกิดงาน
1. นกยกกระปองบรรจุนํ้าขึ้นจากสระนํ้า
2. โจเข็นรถเข็นที่บรรจุขาวสารไปตามถนน
3. เอกแบกกระสอบขาวสารแลวเดินไปตามถนน
4. หนุมยกกระสอบขาวเปลือกจากพื้นขึ้นรถบรรทุก
13. ปลอยลูกบอลมวล 500 กรัม จากดาดฟาตึกสูง 15 เมตร งานที่แรงโนมถวงทําบนลูกบอลตั้งแตปลอยลูกบอล
จนลูกบอลกระทบพื้นมีคาเทาใด
1. 7.5 จูล 2. 75 จูล
3. 750 จูล 4. 7,500 จูล
14. มีรถแขง 2 คัน รถแขง A มีกําลัง 200 แรงมา รถแขง B มีกําลัง 150 แรงมา ขอความใดตอไปนี้
กลาวถูกตองเกี่ยวกับรถแขง 2 คัน
ก. ภายในระยะเวลาเทากันนับจากเริ่มออกตัว รถแขง A จะมีความเร็วมากกวารถแขง B
ข. ถาออกตัวพรอม ๆ กัน รถแขง B จะมีความเร็วถึง 50 กิโลเมตรตอวินาที กอนรถแขง A
ค. รถแขง A มีกําลังมากกวารถแขง B 37,300 วัตต
ง. รถแขง A สามารถทําความเร็วไดสูงสุด 200 กิโลเมตรตอวินาที
1. ก. และ ค. 2. ก. และ ข.
3. ข. และ ง. 4. ก. ข. และ ค.
92 แนวขอสอบ O-NET
15. ภายในชวงเวลา 3 นาที แมนสามารถยกกระสอบทรายหนัก 10 กิโลกรัม จากพื้นขึ้นไปวางบนหลังรถบรรทุก
ซึ่งสูงจากพื้น 1.5 เมตร ไดจํานวน 12 กระสอบ จงหากําลังเฉลี่ยในการทํางานของแมน
1. 7 วัตต
2. 10 วัตต
3. 14 วัตต
4. 20 วัตต
16. อุปกรณหรือเครื่องมือในขอใดที่มีความไดเปรียบเชิงกลมากกวา 1 ทั้งหมด
1. ที่คีบนํ้าแข็ง รอกพวง พื้นเอียง
2. รอกเดี่ยวตายตัว แมแรงยกรถ ไมกวาด
3. รอกเดี่ยวตายตัว กวานตักนํ้าจากบอ ไขควง
4. รอกเดี่ยวเคลื่อนที่ แมแรงยกรถ พวงมาลัยรถยนต
17. การผลิตกระแสไฟฟาของพลังงานทดแทนในขอใดตองเปลี่ยนรูปพลังงานใหเปนพลังงานกลกอน แลวคอยนํา
ไปเปลี่ยนเปนพลังงานไฟฟา
1. กังหันลม
2. เซลลสุริยะ
ฉบับ
3. เตาปฏิกรณนิวเคลียร เฉลย
4. โรงงานผลิตไฟฟาจากเขื่อน
18. ขอใดเปนผลผลิตสวนใหญที่ไดจากการขุดเจาะปโตรเลียมในอาวไทย
1. นํ้ามันดิบ
2. แกส LPG
3. แกโซฮอล
4. แกสธรรมชาติ
19. ขอใดไมใชผลิตภัณฑที่ไดจากการกลั่นนํ้ามันดิบ
1. บิทูเมน
2. ไขนํ้ามันเตา
3. แกโซฮอล
4. นํ้ามันกาด
20. ขอใดไมใชสาเหตุของการผุพังทางกายภาพ
1. ฝนกรดที่กัดเซาะอาคาร
2. รากไมชอนไชลงไปในรอยหิน
3. นํ้าเกิดการขยายตัวเมื่ออุณหภูมิลดลง
4. อุณหภูมิของอากาศเปลี่ยนแปลงไปมาอยางรวดเร็ว
แบบฝกหัดวิทยาศาสตร ม.2 93
แบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ประจําวิชา วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.2 เลม 2
คะแนน ผลการประเมิน
เครื่องมือวัดและแสดงผลการเรียน
เต็ม ได ผาน ไมผาน
Unit Test 4 30
Unit Test 5 30
Unit Test 6 40
คะแนนรวมทั้งหมด 100 -

เกณฑการประเมิน เกณฑการตัดสินระดับคุณภาพ
ชวงคะแนน ระดับคะแนน ระดับคุณภาพ
ไดคะแนนไมนอยกวารอยละ 60
ผาน 76 - 100 4 ดีมาก
ของคะแนนเต็ม
51 - 75 3 ดี
ไดคะแนนนอยกวารอยละ 60 26 - 50 2 พอใช
ฉบับ ไมผาน
ของคะแนนเต็ม 1 - 25 1 ปรับปรุง
เฉลย

ขอเสนอแนะ
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ .........................................................................................................

(……………………………………………………………………………)

94 ตารางคะแนน
เฉลยละเอียด
สำ�หรับผู้สอน
ฉบับ
เฉลย
แบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน

วิทยาศาสตร์ ม.2
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2
สารบัญ

Key Unit Test 4


แรงและการเคลื่อนที
่ 1

Key Unit Test 5


งานและพลังงาน 8

Key Unit Test 6


โลกและการเปลี่ยนแปลง 13

Key แบบทดสอบท้ายเล่ม 16

ฉบับ Key แนวข้อสอบ O-NET 30


เฉลย
Key Unit Test 4
1. ตอบ ขอ 2. จากกฎของความเฉื่อย “วัตถุทุกชนิดจะอยูในสภาพหยุดนิ่ง หรือเคลื่อนที่เปน
เสนตรงดวยความเร็วคงตัวตลอดไป ตราบเทาที่แรงลัพธจากภายนอกที่กระทํากับวัตถุมีคา
เปนศูนย”
ขอ 1. หนังสืออยูนิ่งบนโตะ
ขอ 2. แมมา หมุนจะหมุนดวยอัตราเร็วคงตัว แตทศิ ของเวกเตอรความเร็วเปลีย่ นแปลง
ตลอดเวลา จึงไมอยูในสภาพการเคลื่อนที่ที่เปนไปตามกฎของความเฉื่อย
ขอ 3. นักสเกตนํ้าแข็งเคลื่อนที่ในแนวเสนตรงดวยความเร็วคงตัว
ขอ 4. แรงลัพธจากภายนอกที่กระทํากับถุงทรายมีคาเปนศูนย
2. ตอบ ขอ 3. ผิด เพราะแรงเสียดทานจลนเกิดขึ้นในสภาวะที่วัตถุมีการเคลื่อนที่
ขอ 1. ถูกตอง กลองอยูในสภาวะสมดุล คือ สภาพที่กลองไมเปลี่ยนแปลงสภาพการ
เคลื่อนที่ เมื่อถูกแรงยอยหลายแรงกระทําตอกลอง ฉบับ
ขอ 2. ถูกตอง เมื่อแรงลัพธที่มากระทําตอกลองเปนศูนย กลองจะรักษาสภาพหยุด เฉลย
นิ่ง คือ ไมเกิดการเคลื่อนที่
ขอ 4. ถูกตอง มีแรงเสียดทานสถิตตานการเคลือ่ นที่ แรงเสียดทานดังกลาวเกิดขึน้ ใน
ขณะที่วัตถุไมเคลื่อนที่หรือกําลังจะเริ่มเคลื่อนที่ โดยจะมีคามากหรือ
นอยตามขนาดของแรงภายนอกที่มากระทําตอกลอง
3. ตอบ ขอ 2. กําหนดให เครื่องหมาย + แทนทิศชี้ไปทางขวา เครื่องหมาย - แทนทิศชี้ไป
ทางซาย
จาก ขนาดของแรงลัพธ = ผลรวมของแรงยอยที่กระทําตอวัตถุ
จะได ขนาดของแรงลัพธ = 75 + 75 - 100 - 25 = 25 N
ดังนั้น แรงลัพธมีขนาดเทากับ 25 นิวตัน มีทิศชี้ไปทางขวา กลองจะเคลื่อนที่ไปทางขวา
(โจทยกําหนดใหพื้นลื่นจึงไมคิดผลของแรงเสียดทาน)

เฉลย 1
4. ตอบ ขอ 3. ในการแขงขันชักเยอ ทัง้ 2 ทีมออกแรงดึงกระทําตอปมเชือกในทิศตรงขามกัน
สมมติใหทีมสีแดงออกแรงดึงไปทางขวา ทีมสีนํ้าเงินออกแรงดึงไปทางซาย
จาก ขนาดของแรงลัพธ = ผลรวมของแรงยอยที่กระทําตอวัตถุ
พิจารณาทีมสีแดง ; ขนาดของแรงลัพธ = 10 + 15 + 25 + 30 = 80 N
ทิศไปทางขวา
พิจารณาทีมสีนํ้าเงิน ; ขนาดของแรงลัพธ = 15 + 20 + 30 + 25 = 90 N
ทิศไปทางซาย
ดังนั้น ทีมสีนาํ้ เงินเปนฝายชนะ เพราะมีขนาดแรงดึงมากกวา และแรงลัพธทกี่ ระทําตอปม
เชือกตรงกลางมีขนาดเทากับ ขนาดแรงดึงเชือกทีมสีนํ้าเงิน - ขนาดแรงดึงเชือก
ทีมสีแดง = 90 - 80 = 10 นิวตัน ทิศไปทางซาย
5. ตอบ ขอ 4. แรงเสียดทานสถิตสูงสุด (fs,max) มีขนาดแปรผันตรงกับแรงปฏิกิริยาที่พื้น
กระทํากับวัตถุ (N) โดยคาคงตัวของการแปรผัน เรียกวา สัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต
(μs) ดังสมการ fs,max = μsN
ฉบับ จากขอมูลในตาราง ดึงถุงทรายมวลเทากัน (N คาเดียวกัน) บนพื้นผิวราบตางกัน 4
เฉลย พื้นผิว ขนาดของแรงดึงเมื่อถุงทรายเริ่มขยับจะเทากับขนาดของแรงเสียดทานสถิตสูงสุด
ดังนั้น พื้นผิวที่ตองใชแรงดึงสูงสุดจะมีสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตมากที่สุด ซึ่งคือ
พื้นผิว D
6. ตอบ ขอ 4. จากสมการ fk = μkN
โดย fk คือ ขนาดแรงเสียดทานจลน
μk คือ สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน

N คือ แรงปฏิกิริยาที่พื้นกระทํากับถุงทราย
f
หาคา μk จาก μk = Nk
คา N หาไดจากขอมูลมวลของถุงทราย (N = mg) สวนขนาดแรงเสียดทานจลน
fk หาไดจากแรงดึงของเครื่องชั่งสปริงที่ดึงใหถุงทรายเคลื่อนที่ในแนวราบเปนเสนตรงดวย
ความเร็วคงตัว

2 เฉลย
7. ตอบ ขอ 2. หากตองการใหวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ แรงดัน F ในแนวราบตองมีขนาดอยางนอย
เทากับแรงเสียดทานสถิตสูงสุด
จากสมการ fs,max = μsN
= μs(mg)
= (0.4)(150 × 10)
= 600 N
ดังนั้น ผูชายคนนี้จะตองออกแรงอยางนอยที่สุดเทากับ 600 นิวตัน
8. ตอบ ขอ 2. เนือ่ งจากทอทรงกระบอกมีปลายดานบนเปด ผิวนํา้ ดานบนภายในทอจึงสัมผัส
กับบรรยากาศ ทําใหความดันที่จุดจุดหนึ่งบนผนังดานในของแท็งกนํ้าจะมีสวนของความ
ดันบรรยากาศอยูดวย แตความดันบรรยากาศสวนนี้จะถูกหักลางโดยความดันบรรยากาศ
ที่กระทํากับผนังดานนอกของแท็งกนํ้า ฉะนั้น ความดันสุทธิที่จุดจุดหนึ่งบนผนังแท็งกนํ้าที่
อยูใตผิวนํ้าในทอทรงกระบอกเปนระยะ h มีคาตามสมการ P = ρgh
เมื่อ ρ คือ ความหนาแนนของนํ้า (คาคงที่)
g คือ ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก (คาคงที่) ฉบับ
จะเห็นวา ความดันสุทธิบนผนังแท็งกนํ้าแปรผันตามความลึก h ใตผิวนํ้าในทอทรง เฉลย
กระบอกเทานั้น แตไมขึ้นกับพื้นที่หนาตัดของทอทรงกระบอก
ดังนัน้ ความดันนํา้ จะทําใหแท็งกนาํ้ เริม่ แตกเมือ่ บรรจุนาํ้ ในทอสูงเทาเดิม คือ 60 เซนติเมตร
9. ตอบ ขอ 2.
ก. ถูกตอง เพราะความดันนํ้าแปรผันตามความลึกใตผิวนํ้า
ข. ผิด เพราะขนาดของแรงดัน F = PA ขึ้นอยูกับความดัน (P) และพื้นที่ (A)
เนื่องจากความดันนํ้าที่กนภาชนะเทากัน แตหากพื้นที่กนภาชนะไมเทากัน
แรงดันนํ้าที่กนภาชนะยอมไมเทากัน
ค. ถูกตอง อาศัยเหตุผลในขอ ก. และ ข.
ง. ผิด เพราะหากพื้นที่กนภาชนะ C มากที่สุด จะทําใหแรงดันนํ้าที่กนภาชนะ C
มากที่สุด

เฉลย 3
10. ตอบ ขอ 4. เมื่อกดลูกบอลใหจมลงไปในนํ้า จะมีแรงพยุงกระทํากับลูกบอลในทิศตรงขาม
กับแรงกดและนํ้าหนักของลูกบอล สามารถเขียนแผนภาพแรงที่กระทํากับลูกบอลเมื่อถูก
กดใหจมนํ้าทั้งลูก ดังนี้
ในแผนภาพ F คือ แรงกด W คือ นํ้าหนัก
F ลูกบอล FB คือ แรงพยุงที่นํ้ากระทํากับลูกบอล เมื่อ
ผิวนํ้า ลูกบอลถูกกดใหจมอยูนิ่ง ๆ ในนํ้าทั้งลูก ลูกบอลจะอยูใน
สภาวะสมดุล ใหแรงที่มีทิศขึ้นมีเครื่องหมาย + สวนแรง
ลูกบอล
W ที่มีทิศลงมีเครื่องหมาย -
เขียนความสัมพันธของแรงในสภาวะสมดุล
FB ไดวา
ΣF = 0
FB + (-F) + (-W) = 0
หรือ FB - F - W = 0
ฉบับ F = FB - W
เฉลย จากแรงพยุง FB = ρนํ้าVบอลg นํ้าหนักลูกบอล W = mบอลg = ρบอลVบอลg
จะได F = (ρนํ้า - ρบอล) Vบอลg
ลูกบอลมีเสนผานศูนยกลาง D = 0.265 m ฉะนั้น รัศมี r = 13.25 × 10-2 m
ปริมาตรลูกบอล Vบอล = 43 πr3 = 43 π(13.25 × 10-2)3= 9.75 × 10-3 m3
จะได F = (1.0 - 0.5) × 103 × 9.75 × 10-3 × 9.8
= 47.8 ≈ 48 N
ดังนั้น ตองใชแรงประมาณ 48 นิวตัน
11. ตอบ ขอ 3. เมื่อเรือบรรทุกสิ่งของไดมากที่สุดโดยยังไมจม ขอบเรือจะปริ่มนํ้า ฉะนั้น
ปริมาตรเรือทั้งลําจะจมอยูในนํ้า
แรงพยุง FB = ρนํ้าทะเลVเรือg = (1.024 × 103)(5)(10) = 51,200 N
แรงพยุง FB นี้จะสมดุลกับนํ้าหนักเรือ Wเรือ = mเรือg
และนํ้าหนักสิ่งของ Wสิ่งของ = mสิ่งของg
ฉะนั้น เขียนสมการสมดุลแรงไดวา
4 เฉลย
FB = mเรือg + mสิ่งของg
(F - m g)
จะได mสิ่งของ = B g เรือ
= 51,200 - (1,000
10
× 10)

= 4,120 kg
ดังนั้น เรือลํานี้สามารถบรรทุกสิ่งของไดมากที่สุดเทากับ 4,120 กิโลกรัม โดยที่เรือไมจม
12. ตอบ ขอ 1. จากสมการสมดุลของโมเมนต
โมเมนตของแรงพยายาม = โมเมนตของแรงตาน
แรงพยายามในที่นี้ คือ แรงกดที่ดามคีม (F) แรงตาน คือ แรงตานจากเนื้อวัตถุ
ซึ่งในสภาวะที่วัตถุกําลังขาด แรงตานมีขนาดเทากับแรงตัดที่ทนได
จะได F × 15 = 150 × 5
F = (15015× 5)
= 50 N
ดังนั้น จะตองออกแรงกดที่ดามคีมเทากับ 50 นิวตัน จึงจะสามารถตัดวัตถุได ฉบับ
เฉลย
13. ตอบ ขอ 1. หัวคอนและดามคอนมีรูปรางทรงกระบอก ซึ่งเปนรูปทรงที่มีสมมาตรและ
มวลกระจายสมํ่าเสมอ ดังนั้น จุดศูนยถวงหรือตําแหนงของนํ้าหนักจะอยูตรงกลางหัวและ
ตรงกลางดามคอน ใหวางดามคอนบนลิ่มหางจากปลาย A เปนระยะ y ดังภาพ
5 cm 15 cm
N
A y 15 - y
หัวคอน

ดามคอน
ลิ่ม
W W
จากภาพ W คือ นํ้าหนักของหัวคอนและดามคอนซึ่งเทากัน
N คือ แรงปฏิกิริยาที่ลิ่มกระทํากับดามคอน
คิดสมดุลโมเมนตของแรงรอบจุดหมุนตรงทีป่ ลายลิม่ สัมผัสกับดามคอน (โมเมนตของ
แรง N เปนศูนย เพราะแนวแรงผานจุดหมุน)
ΣMตาม = ΣMทวน
W × (15 - y) = W × (5 + y)
15 - y = 5 + y เฉลย 5
y + y = 15 - 5
2y = 10
y = 5 cm
ดังนั้น จะตองใหลิ่มหางจากจุด A เทากับ 5 เซนติเมตร
14 ตอบ ขอ 2. ในตัวเลือกทั้ง 4 ขอ แรงโนมถวงสามารถกระทํากับวัตถุไดแมไมตองสัมผัส
ในทางฟสิกสจัดแรงโนมถวงเปน “แรงที่สามารถกระทําที่ระยะหาง” (action at a distance)
ซึง่ แรงโนมถวงทีโ่ ลกกระทําตอวัตถุหนึง่ ทีอ่ ยูเ หนือผิวโลกมีทศิ พุง เขาสูจ ดุ ศูนยกลางโลกเสมอ
15. ตอบ ขอ 3. เมือ่ ถูผา กับลูกโปงจะทําใหลกู โปงมีประจุไฟฟาสวนเกินและมีอาํ นาจทางไฟฟา
ลูกโปงจะมีแรงไฟฟาดึงดูดเศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ใหติดกับผิวลูกโปงได
16. ตอบ ขอ 1. จากภาพ ลักษณะการวางแทงแมเหล็ก PQ และ XY วางขั้วเหมือนกันใกล
กัน ตามสมบัติแรงกระทําระหวางขั้วแมเหล็ก ขั้วเหมือนกันจะมีแรงผลักกัน
ดังนั้น แทงแมเหล็ก PQ และ XY จะผลักกัน
ฉบับ
เฉลย 17. ตอบ ขอ 4.
ชวงที่ (1) รถยนตแลนดวยอัตราเร็ว v1 = 100 km/hr เปนระยะทาง s1 = 20 km
s 20
จะสามารถหา ชวงเวลา t1 = v1 = 100 = 0.200 hr
1
ชวงที่ (2) รถยนตแลนดวยอัตราเร็ว v2 = 60 km/hr เปนระยะทาง s2 = 1 km
s
จะสามารถหา ชวงเวลา t2 = v2 = 601 = 0.017 hr
2
ชวงที่ (3) รถยนตแลนดวยอัตราเร็ว v3 = 80 km/hr เปนระยะทาง s3 = 2 km
s
จะสามารถหา ชวงเวลา t3 = v3 = 802 = 0.025 hr
3
ระยะทางทั้งหมด s = s1 + s2 + s3 = 20 + 1 + 2 = 23 km
ชวงเวลาทั้งหมด t = t1 + t2 + t3 = 0.200 + 0.017 + 0.025 = 0.242 hr
จากสมการ v = st
23
= 0.242
= 95 km/hr
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยของรถยนตคันนี้เทากับ 95 กิโลเมตรตอชั่วโมง
6 เฉลย
18. ตอบ ขอ 3. กําหนดใหระยะทางทั้งหมดเปน S km
ชวงที่ (1) อัตราเร็ว v1 = 60 km/hr เปนระยะทาง s1 = S2 km
s1 ( S2 ) S
จะสามารถหา ชวงเวลา t1 = v = 60 = 120 hr
1
ชวงที่ (2) อัตราเร็ว v2 = 120 km/hr เปนระยะทาง s2 = S2 km
s2 ( S2 ) S
จะสามารถหา ชวงเวลา t2 = v = 120 = 240 hr
2
S ) + ( S ) = 3S = S hr
ชวงเวลาทั้งหมด t = t1 + t2 = (120 240 240 80
จากสมการ v = st
= SS = 80 km/hr
( 80 )
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทางเทากับ 80 กิโลเมตรตอชั่วโมง
19. ตอบ ขอ 2. ระยะทาง = ระยะการเคลื่อนที่ทั้งหมดตามเสนทาง = 100 + 60 = 160 m ฉบับ
เฉลย
ขนาดการกระจัด = ระยะหางระหวางจุดเริม่ ตนและจุดสุดทายของการเคลือ่ นที่ = 40 m
ดังนั้น ระยะทางเทากับ 160 เมตร และขนาดการกระจัดเทากับ 40 เมตร
20. ตอบ ขอ 1. หาอัตราเร็วเฉลี่ย ; v = st
= 160
50
= 3.2 m/s
หาขนาดความเร็วเฉลี่ย ; v = st
= 40
50
= 0.8 m/s
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยเทากับ 3.2 เมตรตอวินาที
และขนาดความเร็วเฉลี่ยเทากับ 0.8 เมตรตอวินาที

เฉลย 7
Key Unit Test 5
1. ตอบ ขอ 3.
แรงทีก่ ระทํากับกระเปาเปมที ศิ แนวดิง่ แตกระเปาเปเคลือ่ นทีใ่ นแนวราบซึง่ ตัง้ ฉากกับ
แนวแรง ดังนั้น งานของแรงที่หัวไหลกระทํากับกระเปาเปมีคาเปนศูนย สวนตัวเลือกอื่น
แรงและการกระจัดของวัตถุอยูในแนวเดียวกัน จึงเกิดงานในทางฟสิกส
2. ตอบ ขอ 4.
หนังสือเคลือ่ นทีไ่ ปบนพืน้ ฝดดวยความเร็วคงตัว แสดงวา แรงเสียดทานจลนทกี่ ระทํา
กับหนังสือคงตัว
หนังสือเคลื่อนที่ในแนวราบ แสดงวา พลังงานศักยโนมถวงของหนังสือคงตัว
หนังสือเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงตัว แสดงวา พลังงานจลนของหนังสือคงตัว
เนื่องจากพื้นฝดมีความเสียดทาน จะทําใหมีพลังงานกลบางสวนที่มือใชดันหนังสือ
ฉบับ เปลี่ยนรูปไปเปนพลังงานความรอน ทําใหอุณหภูมิของหนังสือเพิ่มขึ้น
เฉลย
3. ตอบ ขอ 1.
แรงที่ผูหญิงถือกระเปาขนาด 20 นิวตัน ทิศชี้ขึ้น แตการกระจัดของกระเปาขนาด 5
เมตร ทิศชี้ลง
ฉะนั้น แรงและการกระจัดมีทิศตรงขามกัน
จากสมการ W = -Fs
= -(20 × 5) = -100 J
ดังนั้น งานที่เกิดบนกระเปาเทากับ -100 จูล
4. ตอบ ขอ 4.
กลามเนื้อขาตองออกแรงอยางนอยเทากับนํ้าหนักของชายคนนี้ เพื่อที่จะดันพื้นให
แรงปฏิกิริยาจากพื้นยกใหทั้งตัวเคลื่อนที่ขึ้นไปได
ฉะนั้น งานที่ทําโดยกลามเนื้อขาเทากับงานของแรงปฏิกิริยาจากพื้น
จากสมการ W = Fs
= 75 × 10 × 8 = 6,000 J
ดังนั้น กลามเนื้อขาของชายคนนี้จะทํางานเทากับ 6,000 จูล

8 เฉลย
5. ตอบ ขอ 2.
การเปลีย่ นแปลงพลังงานศักยโนมถวงของคุณลุงเทากับงานทีล่ ฟิ ตกระทําเพือ่ ทีจ่ ะยก
ตัวคุณลุง ซึ่งแรงปฏิกิริยาที่พื้นลิฟตกระทํากับคุณลุงตองเทากับนํ้าหนักตัวของคุณลุง
ลิฟตยกตัวคุณลุงจากชั้น 1 ไปชั้น 6 เปนระยะ 5 ชั้น ชั้นละ 3 m
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวงของคุณลุงเทากับ
mgh = 60 × 10 × (5 × 3) = 9,000 จูล
6. ตอบ ขอ 3.
กําลังที่ลิฟตใช = งานที ่ลิฟตทํา 9,000
ชวงเวลา = 30 = 300 W
ดังนั้น กําลังที่ลิฟตใชเทากับ 300 วัตต
7. ตอบ ขอ 1.
งานของแรงที่เตยกกลองจะเกิดขึ้นในชวง A → B เทานั้น เปนงานจากการยกกลอง
ใหมีการกระจัดในแนวดิ่ง สวนในชวง B → C ไมเกิดงาน เพราะแรงยกในแนวดิ่งตั้งฉาก
กับการกระจัดในแนวราบของกลอง ฉบับ
จากสมการ WAB = Fs เฉลย
= 50 × (8 × 0.2) = 80 J
ดังนั้น เตทํางานทั้งหมดเทากับ 80 จูล
8. ตอบ ขอ 4.
รถยนตเคลือ่ นไปดวยความเร็วคงตัว ฉะนัน้ แรงทีเ่ ครือ่ งยนตขบั เคลือ่ นมีขนาดเทากับ
แรงเสียดทานจลนรวมที่กระทํากับลอทั้งสี่ คือ 15,000 N
จากโจทย เวลา 20 นาที = 20 × 60 = 1,200 s
หากําลังที่ทําโดยเครื่องยนต
จากสมการ P = Wt = Fst
= 15,0001,200
× 5,000

= 62,500 W
ดังนั้น กําลังที่ทําโดยเครื่องยนตของรถมีคาเทากับ 62,500 วัตต

เฉลย 9
9. ตอบ ขอ 2.
เนือ่ งจากรถยนตเคลือ่ นทีด่ ว ยความเร็วคงตัว แรงทีเ่ ครือ่ งยนตขบั เคลือ่ นมีขนาดเทากับ
แรงเสียดทานจลนรวมที่กระทํากับลอทั้งสี่
จากสมการ P = Wt = Fst
= Fv
F = Pv = 100 50 × 746

= 1,492 N
ดังนัน้ แรงเสียดทานเฉลีย่ ทีพ่ นื้ ถนนกระทํากับลอทัง้ สีข่ องรถยนตมคี า เทากับ 1,492 นิวตัน
10. ตอบ ขอ 1.
กระดานหก ที่คีบนํ้าแข็ง และใบพายของเรือกรรเชียง เปนเครื่องกลประเภทคาน
พวงมาลัยรถยนตและกวานตักนํ้าจากบอ เปนเครื่องกลประเภทลอกับเพลา
รอกพวงและเครื่องยกเครื่องยนตในอู เปนเครื่องกลประเภทรอก
ฉบับ ลิ่ม เปนเครื่องกลประเภทลิ่ม
เฉลย
11. ตอบ ขอ 3.
หลักการทํางานของลอกับเพลา คือ งานที่ใหกับลอ = งานที่ไดจากเพลา
ER = Wr
30(60) = 80(r)
r = 22.5 cm
ดังนั้น รัศมีของเพลามีคาเทากับ 22.5 เซนติเมตร
12. ตอบ ขอ 1.
คอนตอนที่ถูกใชตอกตะปูจัดเปนคานประเภทที่ 3 เพราะแรงพยายามอยูระหวางจุด
หมุนกับแรงตานทาน โดยที่จุดหมุนอยูที่ขอศอก แรงพยายามอยูที่ดาม สวนแรงตานทาน
อยูที่หัวคอน
คอนตอนทีถ่ กู ใชงดั ตะปูจดั เปนคานประเภทที่ 1 เพราะจุดหมุนอยูร ะหวางแรงพยายาม
กับแรงตานทาน โดยทีจ่ ดุ หมุนอยูท หี่ วั คอน แรงพยายามอยูท ดี่ า ม สวนแรงตานทานอยูต รง
หัวคอนที่สัมผัสกับตะปู

10 เฉลย
13. ตอบ ขอ 1.
การกําหนดระดับอางอิงของพลังงานศักยโนมถวงจะใหอยูที่ระดับใดก็ได หากวัตถุอยู
เหนือระดับอางอิงจะมีพลังงานศักยโนมถวงเครื่องหมายบวก แตหากวัตถุอยูตํ่ากวาระดับ
อางอิงจะมีพลังงานศักยโนมถวงเครื่องหมายลบ
14. ตอบ ขอ 4.
วัตถุทเี่ คลือ่ นทีภ่ ายใตอทิ ธิพลของแรงโนมถวง หากไมคดิ ผลกระทบจากแรงอืน่ ๆ เชน
แรงตานอากาศ ผลรวมของพลังงานจลนและพลังงานศักยโนมถวงของวัตถุจะคงตัว
ดังนั้น หากพลังงานชนิดหนึง่ ลดลง พลังงานอีกชนิดหนึง่ จะเพิม่ ขึน้ ใหพนื้ เปนระดับอางอิง
ระหวางที่ลูกมะมวงถูกโยนขึ้นไป พลังงานศักยโนมถวงเพิ่มขึ้น แตพลังงานจลนจะ
ลดลง โดยทีจ่ ดุ สูงสุด ลูกมะมวงจะมีพลังงานศักยโนมถวงมากทีส่ ดุ แตพลังงานจลน
เปนศูนย (หยุดนิ่งชั่วขณะ)
15. ตอบ ขอ 3.
วัตถุทั้งสามมีมวลเทากัน นํ้าหนักยอมเทากัน ถูกยกจากพื้นใหไปอยู ณ ตําแหนงที่ ฉบับ
อยูสูงเหนือพื้นเทากัน เฉลย
ดังนั้น งานของแรงโนมถวงที่กระทํากับวัตถุทั้งสามจึงมีคาเทากัน
หมายเหตุ ในขอนี้งานของแรงโนมถวงมีเครื่องหมายลบ เพราะแรงโนมถวงมีทิศชี้ลง
แตการกระจัดของวัตถุมีทิศชี้ขึ้น
16. ตอบ ขอ 3.
โจทยกําหนดให พลังงานจลน (E) แปรผันตรงกับ mv2
EA mA vA 2
จะได EB = mB ( vB )
= 2m (
v )2 = 1
m 2v 2
EB = 2EA
ดังนั้น วัตถุ B มีพลังงานจลนเปนสองเทาของวัตถุ A

เฉลย 11
17. ตอบ ขอ 2.
งานของแรงภายนอกทีย่ กวัตถุหนึง่ ใหมกี ารกระจัดในแนวดิง่ จะเทากับการเปลีย่ นแปลง
พลังงานศักยโนมถวงของวัตถุนั้น
ขอ 1. การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวง = 5 × 2 = 10 J
ขอ 2. การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวง = 4 × 3 = 12 J
ขอ 3. การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวง = 3 × 3 = 9 J
ขอ 4. การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวง = 2 × 4 = 8 J
ดังนั้น วัตถุขอ 2. มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานศักยโนมถวงมากที่สุด
18. ตอบ ขอ 1.
ลูกบอลอยูนิ่งกอนปลอย มีพลังงานศักยโนมถวง → เมื่อปลอยลูกบอล พลังงานศักย
โนมถวงเปลีย่ นไปเปนพลังงานจลน ลูกบอลจะมีพลังงานจลนสงู สุด ณ ขณะทีก่ าํ ลังจะกระทบ
พื้น → เมื่อลูกบอลกระทบพื้นจะเกิดการยุบตัว ทําใหพลังงานจลนบางสวนเปลี่ยนรูปเปน
พลังงานศักยยืดหยุน และบางสวนสูญเสียจากความเสียดทานในการยุบตัว → หลังจากยุบ
ฉบับ ตัวลูกบอลจะคืนตัวกลับ พลังงานศักยยืดหยุนจะเปลี่ยนรูปเปนพลังงานจลน และลูกบอล
เฉลย จะกระดอนขึ้นจากพื้น → เมื่อลูกบอลกระดอนขึ้นจากพื้น พลังงานจลนจะเปลี่ยนรูปเปน
พลังงานศักยโนมถวง
19. ตอบ ขอ 3.
ในไมจะมีพลังงานเคมีสะสมอยู เมือ่ นํามาเผาไหม การเผาไหมในไมเปนปฏิกริ ยิ าเคมี
ที่เปลี่ยนรูปพลังงานเคมีไปเปนพลังงานความรอนและพลังงานแสง
20. ตอบ ขอ 2.
พลังงานเคมีในเซลลกลามเนือ้ จะเปลีย่ นรูปเปนพลังงานศักยยดื หยุน ทีส่ ะสมในกลามเนือ้
เมื่อกลามเนื้อออกแรงจะมีพลังงานความรอนเกิดขึ้นในกลามเนื้อ (รางกายจึงตองระบาย
ความรอนออกทางเหงือ่ ) กลามเนือ้ ออกแรงทําใหรา งกายมีการเคลือ่ นที่ พลังงานจึงเปลีย่ น
รูปเปนพลังงานจลน และเมื่อขึ้นไปยืนดานบนสุดของบันได พลังงานจลนจะเปลี่ยนรูปเปน
พลังงานศักยโนมถวง

12 เฉลย
Key Unit Test 6
1. ตอบ ขอ 1.
แกนโลกเปนสวนที่อยูใจกลางของโลก มีองคประกอบหลักเปนเหล็กและนิกเกิล
2. ตอบ ขอ 2.
เปลือกโลก อยูชั้นนอกสุด เปนสวนที่บางที่สุด แตสําคัญที่สุด เนื่องจากมีสิ่งมีชีวิต
อาศัยอยู
3. ตอบ ขอ 4.
ชั้นการผุพังของหิน (ชั้น C) เปนชั้นหินตนกําเนิดหรือชั้นหินดินดาน ซึ่งเกิดจากการ
ผุพังสลายตัว กลายเปนเศษหินที่มีลักษณะเปนกอน เปนผืน
4. ตอบ ขอ 1. หินงอก หินยอย เปนการเปลี่ยนแปลงทางภูมิลักษณที่เกิดจากกระบวนการ
สะสมตัว เนื่องจากการตกตะกอนจากปฏิกิริยาเคมี ฉบับ
เฉลย
5. ตอบ ขอ 4.
ดินเปรี้ยว เปนดินที่มีคา pH ตํ่ากวา 5.5 เนื่องจากมีกรดกํามะถันอยูในชั้นหนาตัด
ของดิน การแกไขปญหาดินเปรี้ยวทําไดโดยการใสสารที่มีฤทธิ์เปนดาง เชน ใสปูนขาวดวย
ปริมาณเทากับความเปนกรดทั้งหมดของดิน
6. ตอบ ขอ 1.
ดินจืด คือ ดินทีม่ ธี าตุอาหารไมเพียงพอตอความตองการของพืช แกไขโดยการปลูกพืช
ตระกูลถั่ว
ดินเค็ม คือ ดินที่มีความเขมขนของเกลือที่อยูภายในดินสูง แกไขโดยการใชนํ้าจืด
ชะลางหรือใสสารแคลเซียมซัลเฟตลงในดิน
ดินดาง คือ ดินที่มี pH มากกวา 7 เนื่องจากมีเกลือโซเดียมคลอไรด หรือเกลือ
โซเดียมคารบอเนตปนอยูในดิน แกไขโดยการเติมกํามะถันผงลงไป
7. ตอบ ขอ 2.
ดินมีตนกําเนิดหลักมาจากการผุพังอยูกับที่ของหิน ทําใหดินแตละบริเวณมีปริมาณ
แรธาตุ สีดิน เนื้อดิน และโครงสรางของดินแตกตางกัน
เฉลย 13
8. ตอบ ขอ 3.
ลักษณะภูมิอากาศมีความสําคัญตอการกําเนิดและการพัฒนาของดินมากที่สุด โดย
องคประกอบทางภูมิอากาศที่เกี่ยวของกับการเกิดดิน มีดังนี้ ปริมาณนํ้าฝน อุณหภูมิ
และลม
9. ตอบ ขอ 4.
การเผาตอขาวกอนปลูกขาวรอบใหม มีผลทําใหดินเสื่อมเนื่องจากมีการเผาทําลาย
ความอุดมสมบูรณภายในดินและฮิวมัสที่อยูในดิน
10. ตอบ ขอ 2.
ชัน้ O เปนชัน้ ทีม่ กี ารสะสมของสารอินทรียท ไี่ ดจากซากพืชและซากสัตว เมือ่ สารอินทรีย
ถูกยอยสลายจะกลายเปนฮิวมัส จึงทําใหดินมีสีคลํ้ากวา และเหมาะสมตอการเจริญเติบโต
ของพืชมากกวาชั้น E
11. ตอบ ขอ 1.
ฉบับ ขนาดและรูปรางของรองนํ้า เกิดจากกระบวนการกัดเซาะของนํ้าอยางตอเนื่อง ทั้งนี้
เฉลย ขนาดและรูปรางจะแตกตางกันขึ้นอยูกับปริมาณนํ้าฝน ระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดของ
ตะกอน และลักษณะภูมิประเทศ
12. ตอบ ขอ 4.
นํ้าผิวดินเปนที่อยูอาศัยและเปนแหลงอาหารของมนุษยและสิ่งมีชีวิต รวมถึงใชเปน
เสนทางคมนาคมและเปนแหลงพักผอนหรือสถานที่ทองเที่ยว ตัวอยางแหลงนํ้าผิวดินใน
ประเทศไทย เชน เขื่อน ทะเลสาบ แมนํ้า บึง สวนนํ้าใตดิน เชน นํ้าบาดาล
13. ตอบ ขอ 2.
การกัดเซาะจะเกิดบริเวณฝงที่ถูก ตะกอนสะสม นํ้ากัดเซาะ
กระแสนํ้าปะทะอยูตลอดเวลา จนทําให
ตลิ่งลึกเขาไปดานนั้น
การตกตะกอนทั บ ถมจะอยู  ฝ   ง
ตรงขามที่รับแรงปะทะนอยกวา จนมี
ตะกอนดิ น สะสมตั ว ขึ้ น เรื่ อ ย ๆ ทํ า ให
ฝงนั้นยื่นเขามาในธารนํ้า
14 เฉลย
14. ตอบ ขอ 1.
นํ้าใตดินเปนแหลงนํ้าจืดที่มีปริมาณมากที่สุดบนโลก เกิดจากการซึมของนํ้าผิวดินลง
ไปสะสมตัวอยูใตพื้นดิน
15. ตอบ ขอ 4.
แหลงกักเก็บนํา้ บาดาล เปนชัน้ หินตะกอนทีม่ สี มบัตยิ อมใหนาํ้ ซึมผานไดงา ย เนือ่ งจาก
มีชองวางระหวางอนุภาคกวาง จึงทําใหกักเก็บนํ้าไดปริมาณมาก เรียกวา ชั้นหินอุมนํ้า
ถัดจากชัน้ หินอุม นํา้ จะมีชนั้ ตะกอนขนาดเล็ก เนือ้ ละเอียดแนน มีสมบัตไิ มยอมใหนาํ้ ซึมผาน
ซึ่งจะสามารถกักเก็บนํ้าใตดินไดดีขนาบชั้นหินอุมนํ้าไวทั้งบนและลาง
16. ตอบ ขอ 1.
การสูบนํ้าบาดาลขึ้นมาใชอุปโภคหรือบริโภค เปนผลทําใหระดับนํ้าใตดินลดลงอยาง
รวดเร็ว และเปนสาเหตุที่ทําใหเกิดแผนดินทรุดตัวตามมา
17. ตอบ ขอ 4. แกสธรรมชาติเหลว ไดแก โพรเพน เพนเทน และเฮกเซน โดยแกสเหลานี้จะ
กลายเปนของเหลวไดงายที่อุณหภูมิตํ่าและความดันสูง ฉบับ
เฉลย
18. ตอบ ขอ 4.
พลังงานนํา้ พลังงานไฮโดรเจน พลังงานความรอนใตพภิ พ พลังงานชีวมวล เปนพลังงาน
ทดแทนทีเ่ ปนพลังงานสะอาด ชวยลดมลพิษ สามารถหมุนเวียนนํามาใชไดอกี สวนหินนํา้ มัน
ถานหิน ปโตรเลียม จัดเปนพลังงานที่ใชแลวหมดไป กอใหเกิดมลพิษทางอากาศ
19. ตอบ ขอ 2.
หินนํ้ามัน เปนเชื้อเพลิงธรรมชาติ เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตวภายใต
แหลงนํ้าเปนเวลานาน ประกอบดวยอินทรียวัตถุในรูปของสารที่เรียกวา เคอโรเจน
20. ตอบ ขอ 3.
แอนทราไซต เปนถานหินที่มีการทับถมยาวนานที่สุด ทําใหมีความชื้นนอย เมื่อนํา
มาเผาไหมจะใหความรอนสูงที่สุด รองลงมา คือ บิทูมินัส ซับบิทูมินัส ลิกไนต และพีต
ตามลําดับ

เฉลย 15
Key แบบทดสอบท้ายเล่ม
เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1. ตอบ ขอ 4. แรงลัพธของแตละขอหาได ดังนี้ (กําหนดให เครื่องหมาย + แทนทิศชี้ไป


ทางขวา เครื่องหมาย - แทนทิศชี้ไปทางซาย)
ขอ 1. (17 + 28) - 35 = +10 N แรงลัพธมีทิศชี้ไปทางขวา กลองจะเคลื่อนที่ไป
ทางขวา
ขอ 2. (26 + 19) - 45 = 0 N แรงลัพธเปน 0 กลองไมเคลื่อนที่
ขอ 3. (12 + 23) - 28 = +7 N แรงลัพธมีทิศชี้ไปทางขวา กลองจะเคลื่อนที่ไป
ทางขวา
ขอ 4. (21 + 19) - 44 = -4 N แรงลัพธมีทิศชี้ไปทางซาย กลองจะเคลื่อนที่ไป
ทางซาย (ทิศทางเดียวกับแรง F3)
2. ตอบ ขอ 2. ขนาดของแรงปฏิกิริยา N ที่พื้นกระทําตอขาเทากับนํ้าหนักรวมของคนงาน
ฉบับ กลอง และของที่บรรจุในกลอง
เฉลย
ดังนั้น N = (mคนงาน + mกลอง + mของ)g = (76 + 0.5 + 4) × 10 = 805 นิวตัน
3. ตอบ ขอ 3. ออกแรง 15 N แลวถุงทรายเริม่ ขยับ แสดงวา แรงเสียดทานสถิตสูงสุดเทากับ 15 N
แตเมื่อออกแรง 12 N แลวถุงทรายเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงตัว
แสดงวา แรงเสียดทานจลนเทากับ 12 N
ถุงทรายมีมวล 3 กิโลกรัม ฉะนั้น มีนํ้าหนัก W = mg = (3)(10) = 30 N ถุงทราย
วางอยูบนพื้นโตะ จะไดวา ขนาดแรงปฏิกิริยาที่พื้นโตะกระทํากับถุงทราย N = W = 30 N
จากสมการ fs,max = μsN จากสมการ fk = μkN
15 = μs(30) 12 = μk(30)
μs = 0.5 μk = 0.4
ดังนั้น ขอความขอ ข. และ ง. ถูกตอง

16 เฉลย
4. ตอบ ขอ 4.
ขอ 1. แรงเสียดทานเปนประโยชน ทําใหรถจักรยานยนตเคลือ่ นทีช่ า ลงหรือหยุดลงได
ขอ 2. แรงเสียดทานเปนประโยชน ทําใหคนสามารถเดินหรือวิ่งไปบนถนนได
ขอ 3. แรงเสียดทานเปนประโยชน ทําใหรถยนตเกาะถนนและไมหลุดโคง
ขอ 4. แรงเสียดทานเปนโทษ ทําใหเครื่องยนตเสียกําลังสวนหนึ่งเพื่อเอาชนะแรง
เสียดทาน และทําใหเครื่องสูบเกิดการสึกกรอน
5. ตอบ ขอ 4. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทําระหวางกลองกับกระดาษ
เคลื่อนที่ไปทางขวา

fs1 เคลื่อนที่ไปทางขวา
fs2 กระดาษ
จากภาพ fs1 คือ แรงเสียดทานสถิตที่กระดาษกระทํากับกลองมีทิศไปทางขวา ทําให
กลองสามารถเคลื่อนที่ไปพรอมกับกระดาษโดยไมไถลได สวน fs2 เปนแรงเสียดทานสถิตที่
กลองกระทํากับกระดาษเปนแรงปฏิกิริยาของ fs1 ฉบับ
เฉลย
6. ตอบ ขอ 3. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทํากับระบบกลองทั้ง 3 ใบ
แรงตาง ๆ ที่กระทํากับระบบกลอง ไดแก แรง F = 90 N
m3 W3 นํ้าหนัก W1 W2 และ W3 ของมวล m1 m2 และ m3
m W แรงปฏิกิริยา N ที่พื้นกระทํากับระบบกลอง
F = 90 N 2 2
m1 W1 fk = μkN แรงเสียดทานจลน fk ทื่พื้นกระทํากับระบบกลอง
พิจารณาสมดุลแรงในแนวดิ่ง
N
N = W1 + W2 + W3
N = (m1 + m2 + m3)g
โจทยกําหนด m2 = 3m1 และ m3 = 0.5m1
จะได N = (m1 + 3m1 + 0.5m1)g = 4.5m1g
พิจารณาสมดุลแรงในแนวราบ
ระบบกลองทั้ง 3 ใบ เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงตัว
จะไดวา f k = μ kN
90 = (0.5)(4.5)m1(10) = 22.5m1
เฉลย 17
m1 = 22.590 = 4 kg
และ m2 = 3m1 = 3 × 4 = 12 kg
m3 = 0.5m1 = 0.5 × 4 = 2 kg
ดังนั้น m1 = 4 กิโลกรัม m2 = 12 กิโลกรัม และ m3 = 2 กิโลกรัม
7. ตอบ ขอ 1. พิจารณาระบบกลองทัง้ 2 ใบ เขียนแผนภาพแรงตาง ๆ ทีก่ ระทํากับระบบกลองนี้
ดังภาพ

W1 W2 F = 30 N
N1 fk1 = μkN1 N2 fk2 = μkN2
ระบบเคลือ่ นทีใ่ นแนวราบดวยความเร็วคงตัว แรงตาง ๆ ทีก่ ระทํากับระบบกลองสมดุล
กันทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ
สมดุลแรงในแนวดิ่ง N1 + N2 = W1 + W2 = (m1 + m2)g (1)
ฉบับ สมดุลแรงในแนวราบ F = fk1 + fk2 =μkN1 + μkN2
เฉลย = μk(N1 + N2) (2)
แทน N1 + N2 จากสมการ (1) ลงในสมการ (2)
จะได F = μk(m1 + m2)g
ดังนั้น μk = F
(m1 + m2)g
= (1 +305)(10) = 0.5
พิจารณาแรงตาง ๆ ที่กระทํากับกลองใบใหญ โดยใหแรงดึงในเสนเชือกเปน T
W2 F = 30 N
T
N2 fk2 = μkN2
กลองเคลื่อนที่ในแนวราบดวยความเร็วคงตัว แรงตาง ๆ ที่กระทํากับกลองใบใหญ
สมดุลกันทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ
สมดุลแรงในแนวดิ่ง N2 = W2 = m2g (1)
สมดุลแรงในแนวราบ F = T + fk2 = T + μkN2 = T + μkm2g (2)
18 เฉลย
จากสมการ (2) จะได T = F - μkm2g
= 30 - (0.5)(5)(10)
=5N
ดังนั้น แรงดึงในเสนเชือกเทากับ 5 นิวตัน
8. ตอบ ขอ 4. จากสมการ F = PA และ P = ρgh จะได F = ρghA จะไดวา แรงดันของ
ของเหลวที่กนภาชนะขึ้นอยูกับความหนาแนนของของเหลว (ρ) ความลึกใตผิวหนาของ
ของเหลว (h) และพื้นที่รับแรงดัน (A) ซึ่งขึ้นอยูกับรูปรางภาชนะ
ดังนั้น ตัวเลือก 4. ไมถูกตอง
9. ตอบ ขอ 3. จากสมการ P = ρgh ภาชนะทั้ง 3 ใบ บรรจุนํ้าเหมือนกัน (ρ เทากัน) และ
ความสูงของระดับนํ้าเทากัน (h เทากัน) ดังนั้น ความดันนํ้าที่กนภาชนะทั้ง 3 ใบ จึงเทากัน
จากสมการ W = mg = ρVg ภาชนะทั้ง 3 ใบ บรรจุนํ้าเหมือนกัน (ρ เทากัน) แต
รูปรางตางกันจึงมีปริมาตรไมเทากัน (V ไมเทากัน) ดังนัน้ นํา้ หนักของนํา้ ทีบ่ รรจุจงึ ไมเทากัน
ฉบับ
10. ตอบ ขอ 2. วัตถุทั้ง 3 มีมวลและปริมาตรเทากัน ฉะนั้น มีความหนาแนน (ρวัตถุ) เทากัน เฉลย
พิจารณาของเหลว A พบวา วัตถุจมอยูในของเหลวทั้งกอน แสดงวา ρA < ρวัตถุ
พิจารณาของเหลว B พบวา วัตถุลอยเสมอผิวหนาของของเหลวพอดี แสดงวา
ρB = ρวัตถุ
พิจารณาของเหลว C พบวา วัตถุลอยเหนือผิวหนาของของเหลว แสดงวา ρC > ρวัตถุ
ดังนั้น ρA < ρB < ρC
11. ตอบ ขอ 4. เมื่อนําภาชนะบรรจุของเหลวแลวนําไปลอยนํ้า จะมีแรงพยุง FB ที่นํ้าพยุง
ภาชนะไว ในสภาวะสมดุล แรงพยุง FB มีขนาดเทากับนํ้าหนักรวมของภาชนะกับของเหลว
แตมีทิศตรงขามกัน
FB = mรวมg
ตามหลักอารคมิ ดี สี แรงพยุง FB มีขนาดเทากับนํา้ หนักของของเหลวทีม่ ปี ริมาตรเทา
วัตถุสวนที่จม
ρนํ้าVจมg = (mของเหลว + mภาชนะ)g (1)
โดย Vจม คือ ปริมาตรภาชนะที่จมในนํ้า
กําหนดให y คือ ความยาวของภาชนะที่จมอยูในนํ้า
เฉลย 19
ฉะนั้น Vจม = พื้นที่หนาตัด × ความยาวของภาชนะที่จมอยูในนํ้า
= (0.02)y m3
mภาชนะ = 0.5 kg
mของเหลว = ρของเหลว × ปริมาตรภาชนะทั้งใบ
= (0.8 × 103)(0.02)(0.2) = 3.2 kg
แทนคาตาง ๆ ลงในสมการ (1) จะได
(1 × 103)(0.02)y(10) = (0.5 + 3.2)(10)
y = (3.7)
(1 × 103)(0.02)
= 0.185 m = 18.5 cm
ดังนั้น ภาชนะจะจมลงไปในนํ้าเทากับ 18.5 เซนติเมตร
12. ตอบ ขอ 3. เมือ่ นําวัตถุแขวนกับตาชัง่ สปริงแลวนําไปชัง่ นํา้ หนักในนํา้ แรงทีก่ ระทํากับวัตถุ
ไดแก
ฉบับ แรงโนมถวง W ซึ่งเทากับนํ้าหนักวัตถุเมื่อชั่งในอากาศ
เฉลย แรงพยุง FB ที่นํ้าพยุงวัตถุ
แรง T ที่ตาชั่งสปริงดึงวัตถุ ซึ่งเทากับนํ้าหนักวัตถุเมื่อชั่งในนํ้า
เขียนแผนภาพแรงตาง ๆ ที่กระทํากับวัตถุตอนชั่งในนํ้าได ดังภาพ

FB
นํา้
W

สมดุลแรงในแนวดิ่ง T + FB = W
ดังนั้น T = W - FB
นํ้าหนักวัตถุ W = mg = 10 × 10 = 100 N
จากหลักอารคิมีดีส แรงพยุง = นํา้ หนักของของเหลวทีป่ ริมาตรเทาวัตถุสว นทีจ่ ม
FB = ρนํ้าVวัตถุg
Vวัตถุ คือ ปริมาตรวัตถุที่จมในของเหลว (ในขอนี้ คือ ปริมาตรทั้งกอน) ซึ่งหาไดจาก

20 เฉลย
mวัตถุ 10
Vวัตถุ = ρวัตถุ =
(2 × 103)
= 5 × 10-3 m3
จะได FB = ρนํ้าVวัตถุg
= (1 × 103)(5 × 10-3)(10) = 50 N
และจะได T = W - FB
= 100 - 50
= 50 N
ดังนั้น จะอานนํ้าหนักวัตถุเมื่อชั่งในนํ้าไดเทากับ 50 นิวตัน
13. ตอบ ขอ 2. ในภาพที่ 1 : หามวลวัตถุ x ; คานอยูในสภาวะสมดุลตอการหมุน
ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด A เปนจุดหมุน)
30(10)(1) = (x + 5)(10)(2)
x = 10 kg
ในภาพที่ 2 : หาระยะ L ; คานอยูในสภาวะสมดุลตอการหมุน
ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด B เปนจุดหมุน) ฉบับ
เฉลย
(30)(10)(3 - L) = x(10)(L)
90 - 30L = 10L
L = 90 40
= 2.25 m
ดังนั้น วัตถุ x มีมวลเทากับ 10 กิโลกรัม และ L ยาวเทากับ 2.25 เมตร
14. ตอบ ขอ 2. หา m1 ; ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด C เปนจุดหมุน)
(0.15)(10)(0.02) = m1(10)(0.03)
m1 = 0.10 kg = 100 g
หา m2 ; ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด B เปนจุดหมุน)
m2(10)(0.04) = (0.15 + 0.10)(10)(0.06)
m2 = 0.375 kg = 375 g
หา m3 ; ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด A เปนจุดหมุน)
(0.375 + 0.10 + 0.15)(10)(0.05) = m3(10)(0.1)
m3 = 0.3125 kg = 312.5 g
ดังนั้น m1 เทากับ 100 กรัม m2 เทากับ 375 กรัม และ m3 เทากับ 312.5 กรัม
เฉลย 21
2 cm 1 cm 2 cm
15. ตอบ ขอ 3. A x y B

1m
4m
6m
กรณีที่ 1 : ออกแรง F กดที่ปลายดาน A เมื่อปลายดาน B กระดกคานจะไมสัมผัส
กับลิ่มที่จุด y แรงที่ทําใหเกิดโมเมนตรอบจุด x คือ แรงกด F และนํ้าหนัก W ของคาน
ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด x เปนจุดหมุน)
(F)(1) = (W)(2)
F = 2W N
กรณีที่ 2 : ออกแรง F กดที่ปลายดาน B เมื่อปลายดาน A กระดกคานจะไมสัมผัส
กับลิ่มที่จุด x แรงที่ทําใหเกิดโมเมนตรอบจุด y คือ แรงกด F และนํ้าหนัก W ของคาน
ΣMทวน = ΣMตาม (ใหจุด y เปนจุดหมุน)
(W)(1) = (F)(2)
ฉบับ F = W2 N
เฉลย
ดังนั้น กดปลายดาน B จะใชแรงนอยกวา และใชแรงเทากับ W2 นิวตัน
16. ตอบ ขอ 1.
ก. ถูกตอง ขั้ว A และ D เปนขั้วเหนือ เพราะเสนแรงแมเหล็กพุงออก
ขั้ว B และ C เปนขั้วใต เพราะเสนแรงแมเหล็กพุงเขา
ข. ผิด ใชเหตุผลจากขอ ก.
ค. ผิด ขั้ว A และ C เปนชนิดตรงขามกันและอยูใกลกัน จะดึงดูดเขาหากัน
ขัว้ B และ D เปนชนิดตรงขามกันและอยูใ กลกนั จะดึงดูดเขาหากัน
ง. ถูกตอง ใชเหตุผลเดียวกับขอ ค.
17. ตอบ ขอ 4. เดิมแทงโลหะตัวนําเปนกลางทางไฟฟา หมายความวา มีประจุบวกและลบ
ปริมาณเทากันโดยประจุลบ คือ อิเล็กตรอนอิสระ และประจุบวก คือ อะตอมโลหะที่สูญเสีย
อิเล็กตรอน ประจุลบจะกระจายสมํา่ เสมอทัว่ เนือ้ ของแทงโลหะตัวนํา แตพรอมทีจ่ ะเคลือ่ นที่
ไปทางใดทางหนึ่งไดหากถูกกระทําโดยแรงไฟฟา เมื่อนําวัตถุ A ที่มีประจุบวกมาอยูใกล ๆ
ปลาย B ของแทงโลหะตัวนํา ประจุบวกจะสงแรงไฟฟาดึงดูดประจุลบในแทงโลหะตัวนํา
ใหมาอยูหนาแนนที่ปลาย B ดังนั้น ปลาย B (ซึ่งเดิมมีประจุบวกและลบปริมาณเทากัน)
จะมีประจุลบสวนเกิน สวนปลาย C ซึ่งประจุลบพรองลงจะมีประจุบวกสวนเกิน
22 เฉลย
18. ตอบ ขอ 4. ระยะทาง (s) เทากับ 2πr = 2 × 227 × 210 = 1,320 m
หาอัตราเร็วเฉลี่ย จากสมการ v = st = 41,320 × 60
= 5.5 m/s
วิ่งครบ 1 รอบ จะไดขนาดการกระจัดเทากับ 0 m (ตําแหนงเริ่มตนและสุดทายเปน
ตําแหนงเดียวกัน)
หาความเร็วเฉลี่ย จากสมการ v = st = 4 ×0 60 = 0 m/s
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยเทากับ 5.5 เมตรตอวินาที และความเร็วเฉลี่ยเทากับ 0 เมตรตอ
วินาที
19. ตอบ ขอ 3. งานในทางฟสิกสเกิดเมื่อมีแรงกระทําตอวัตถุ แลวทําใหวัตถุมีการเคลื่อนที่
ในทิศที่ไมตั้งฉากกับแนวแรง
ก. วัตถุไมเคลื่อนที่ ฉะนั้น ไมเกิดงาน
ข. แรงเสียดทานจลนกระทํากับวัตถุที่กําลังเคลื่อนที่ โดยปกติจะมีทิศสวนทางกับการ
เคลื่อนที่ของวัตถุ ทําใหงานของแรงเสียดทานจลนมีเครื่องหมายลบ
ค. แนวแรงปฏิกิริยาตั้งฉากกับแนวการเคลื่อนที่ของวัตถุ ฉะนั้น ไมเกิดงาน
ฉบับ
ง. แรงเสียดทานสถิตเปนแรงที่พยายามตานการเคลื่อนที่ขณะที่วัตถุอยูนิ่ง ฉะนั้น เฉลย
ไมเกิดงาน
20. ตอบ ขอ 4.
จากภาพที่ 1 : แรง F1 ตองมีขนาดอยางนอย 10 N จึงจะยกวัตถุได งานที่ทําโดย
แรง F1 ในการยกวัตถุจาก A → B มีคาเทากับ 10 × 2 = 20 J
จากภาพที่ 2 : แรง F2 ทีใ่ ชลากวัตถุขนึ้ ไปตามพืน้ เอียงดวยอัตราเร็วคงตัวตองมีขนาด
เทากับ 10 × ( 23 ) = 203 = 6.67 N และงานที่ทําโดยแรง F2 มีคาเทากับ ( 203 )3 = 20 J
จากภาพที่ 3 : แรง F3 ตองมีขนาดอยางนอย 10 N จึงจะยกวัตถุได งานที่ทําโดย
แรง F3 ในการแบกวัตถุขึ้นบันไดแตละขั้น เทากับ 10 × 0.4 = 4 J งานทั้งหมดของแรง
F3 ในการแบกวัตถุขึ้นบันได 5 ขั้น เทากับ 5 × 4 = 20 J
ดังนั้น ขอความที่ถูกตอง คือ ตัวเลือกที่ 4.
21. ตอบ ขอ 3.
ก. แรงเสียดทานจลนมีทิศตรงขามกับการกระจัดของวัตถุ ดังนั้น งานของแรง
เสียดทานจลนมีคาเปนลบ

เฉลย 23
ข. แรงโนมถวงมีทิศในแนวดิ่งซึ่งตั้งฉากกับการกระจัดที่มีทิศในแนวราบ ดังนั้น
งานของแรงโนมถวงมีคาเปน 0
ค. กลองเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงตัว แสดงวา แรงลัพธที่กระทํากับกลองเปน 0
ดังนั้น งานของแรงลัพธที่กระทํากับกลองมีคาเปน 0
22. ตอบ ขอ 2. วัตถุถกู เคลือ่ นไปบนพืน้ ราบดวยความเร็วคงตัว ดังนัน้ แรงลัพธทกี่ ระทําบนวัตถุ
เปน 0 งานของแรงลัพธบนวัตถุจงึ เปน 0 ให W1 เปนงานของแรงทีเ่ คลือ่ นวัตถุ (มีเครือ่ งหมาย +)
และ Wfk เปนงานของแรงเสียดทานจลน (มีเครื่องหมาย -) จะเขียนความสัมพันธไดวา
W1 + Wfk = 0
W1 + [-(30)(2)] = 0
W1 - 60 = 0
W1 = 60 J
คาของงาน W2 = mgh
= (10)(10)(2) = 200 J
ฉบับ ดังนั้น W2 มีคามากกวา W1 อยู 140 จูล
เฉลย
23. ตอบ ขอ 1.
ขนาดของงานของแรงโนมถวงในการเคลือ่ นวัตถุ
3m จาก A ไป B
B C |WA B| = (mg)h = (50)(6) = 300 J

ขนาดของงานของแรงโนมถวงในการเคลือ่ นวัตถุ
6m
จาก B ไป C มีคาเปน 0 เนื่องจากจุด B และ C อยูที่ระดับ
A 50 N ความสูงเดียวกัน
|WB C| = 0 J

ดังนั้น |WA → B→ C| = |WA B| + |WB C| = 300 + 0 = 300 จูล


→ →

24. ตอบ ขอ 3. จากภาพที่กําหนดมาให แนวแรง F ขนานไปกับแนวพื้นเอียง ฉะนั้น งานของ


แรง F นี้ หาไดจาก WF = Fs เมื่อ s คือ การกระจัดตามแนวพื้นเอียง จากภาพในโจทย
โดยการใชทฤษฎีบทพีทาโกรัสของสามเหลี่ยมมุมฉาก จะได s = 5 m
ดังนั้น จะได WF = 300 × 5 = 1,500 จูล

24 เฉลย
25. ตอบ ขอ 1. แรงที่ลิฟตตองกระทําเพื่อยกนํ้าหนักของตัวมันเองรวมกับนํ้าหนักที่บรรทุก
มากสุดเพื่อเอาชนะแรงเสียดทาน และสามารถเคลื่อนที่ขึ้นดวยอัตราเร็วคงตัว เทากับ
F = (1,000 × 10) + (600 × 10) + 3,000 = 19,000 N
หากําลังของมอเตอร
จากสมการ P = Wt = Fst = Fv
= 19,000(5) = 95,000 W
กําลัง 95,000 W นี้ เพือ่ เอาชนะแรงเสียดทานจลน ซึง่ เปนสภาวะทีล่ ฟิ ตกาํ ลังเคลือ่ นที่
ขึ้นดวยอัตราเร็วคงตัว แตกอนที่ลิฟตจะเคลื่อนที่ ลิฟตตองเอาชนะแรงเสียดทานสถิตสูงสุด
กอน ซึ่งแรงเสียดทานสถิตสูงสุดมีคาสูงกวาแรงเสียดทานจลน ดังนั้น กําลังของมอเตอร
ทีใ่ ชในการเคลือ่ นทีข่ นึ้ จะตองสูงกวา 95,000 W หรือ 0.95 × 105 W ตัวเลือกทุกตัวสามารถ
เปนไปได แตตัวเลือกที่ 1. มีคาตํ่าสุด
26. ตอบ ขอ 1. พิจารณาใหวัตถุมีรูปรางเปนทรงกลมสมบูรณตลอดเวลาระหวางการกลิ้ง คือ
ไมมีการยุบตัว ดังนั้น วัตถุและพื้นสัมผัสกันที่จุดจุดหนึ่งบนผิววัตถุ ในระหวางที่กลิ้งไป
จุดสัมผัสมีการเปลี่ยนไปตลอดเวลา สําหรับการกลิ้งโดยไมไถลนั้น แรงเสียดทานที่เกิดขึ้น ฉบับ
เฉลย
ตรงจุดสัมผัสเปนแรงเสียดทานสถิตซึง่ สามารถมีไดหลายคาและไมเกินคาแรงเสียดทานสถิต
สูงสุด fs,max = μsN เขียนแรงตาง ๆ ที่กระทํากับวัตถุได ดังภาพ

W
fs,max
N
จากภาพ สมมติวัตถุกลิ้งไปทางขวา ณ จุดที่วัตถุสัมผัสกับพื้นฝด ผิววัตถุจะพยายาม
ครูดพื้นไปทางซาย
ฉะนั้น พื้นจะมีแรงปฏิกิริยาแนวราบกระทํากับผิววัตถุไปทางขวา โดยขนาดของแรง
ปฏิกิริยาแนวราบนี้เทากับแรงเสียดทานสถิตนั่นเอง ซึ่งเราจะใชคาแรงเสียดทานสถิตสูงสุด
จากสมดุลแรงในแนวดิ่ง N = W = 10 N
(N คือ แรงปฏิกิริยาจากพื้นในแนวดิ่ง)
ขนาดแรงเสียดทานสถิตสูงสุด fs,max = μsN = 0.2 × 10 = 2 N
ขนาดของแรงปฏิกริ ยิ าแนวราบทีพ่ นื้ กระทํากับวัตถุ F เทากับขนาดแรงเสียดทานสถิต
ดังนั้น งานของแรงปฏิกิริยาแนวราบที่พื้นกระทํากับวัตถุเทากับ
W = Fs = 2 × 5π = 10π จูล เฉลย 25
27. ตอบ ขอ 2. แรงที่กระเชาตองกระทําเทากับ [850 + (65 + 50)(10)] = 2,000 N
จากสมการ P = Wt = Fst = Fv
= 2,000(3)
= 6,000 W
ดังนั้น มอเตอรที่ใชเคลื่อนกระเชาใชกําลังเทากับ 6,000 วัตต
28. ตอบ ขอ 3. จากสมการ P = Wt = Fst
50,000 = (3 ×F(500)
60) + 20
F = 20,000 N
ดังนั้น แรงที่เครื่องยนตใชลากเรือยนตเทากับ 20,000 นิวตัน
29. ตอบ ขอ 1. พื้นเอียงเปนอุปกรณชวยผอนแรง ดังนั้น แรง F1 ที่ตอมลากกลองขึ้นไปตาม
พื้นเอียงจะมีขนาดนอยกวาแรง F2 ที่แตวยกวัตถุขึ้นในแนวดิ่งไปที่ระดับความสูงจากพื้น
เทากัน สรุปไดวา F1 < F2 N
ฉบับ F1
เฉลย
L
W sin θ h
θ
W cos θ พื้น
θ
W
พิจารณาการลากวัตถุขนึ้ ไปตามพืน้ เอียงเปนระยะ L โดยปลายพืน้ เอียงสูงกวาระดับพืน้
เปนระยะ h
จากภาพ W คือ นํ้าหนักของกลอง
N คือ แรงปฏิกิริยาตั้งฉากที่พื้นกระทํากับกลอง
θ คือ มุมที่พื้นเอียงกระทํากับพื้นราบ
W cos θ คือ องคประกอบของ W ที่ตั้งฉากกับพื้นเอียง
W sin θ คือ องคประกอบของ W ที่ขนานกับพื้นเอียง
สมดุลแรงในแนวขนานกับพื้นเอียง จะได F1 = W sin θ = W × Lh = Wh L
ฉะนั้น งานที่กระทําบนกลองโดยแรง F1 คือ W1 = F1L = Wh L × L = Wh J
แรง F2 ยกกลองขึ้นในแนวดิ่ง ฉะนั้น ขนาด F2 = W
ฉะนั้น งานที่กระทําบนกลองโดยแรง F2 คือ W2 = F2h = Wh J
ดังนั้น จึงสรุปไดวา F1 < F2 และ W1 = W2
26 เฉลย
30. ตอบ ขอ 2. โจทยกําหนดใหรางรถไฟเหาะมีความฝดนอยมาก ๆ ดังนั้น ในระหวางที่
รถไฟเหาะเคลื่อนที่ไปบนรางจะสูญเสียพลังงานกลนอยมาก ๆ สามารถประมาณใหผลรวม
ระหวางพลังงานจลนกบั พลังงานศักยโนมถวงของรถไฟเหาะคงทีท่ กุ จุดบนราง หากพลังงาน
ศักยโนมถวงลดลง พลังงานจลนจะเพิม่ ขึน้ โดยขนาดการเปลีย่ นแปลงพลังงานศักยโนมถวง
จะตองเทากับขนาดการเปลี่ยนแปลงพลังงานจลน
ใหพื้นเปนระดับอางอิงของพลังงานศักยโนมถวง กําหนดสัญลักษณ K แทน
พลังงานจลน และ U แทนพลังงานศักยโนมถวง จะเขียนความสัมพันธพลังงานได ดังนี้
UA + KA = UB + KB = UC + KC = UD + KD = UE + KE
ในระหวางทีร่ ถไฟเหาะเคลือ่ นทีไ่ ปบนราง จะมีการเปลีย่ นรูปไปมาระหวางพลังงานจลน
และพลังงานศักยโนมถวง แตเนื่องจากจุด B และ D อยูตํ่ากวาจุดอื่น ๆ ที่ 2 จุดนี้จึงมี
พลังงานศักยโนมถวงนอยกวาจุดอื่น ๆ แตจะมีพลังงานจลนมากกวาจุดอื่น ๆ
31. ตอบ ขอ 2. พลังงานศักยโนมถวงของวัตถุหนึ่งมีคาดังสมการ Ep = mgh เมื่อ m คือ มวล
วัตถุ g คือ ขนาดความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลกในบริเวณที่สนใจ และ h คือ ระยะ
จากระดับอางอิง โดย ฉบับ
กรณีที่ 1 : หากวัตถุอยูสูงกวาระดับอางอิง ระยะ h มีเครื่องหมายบวก ทําให Ep เฉลย
มีเครื่องหมายบวก
กรณีที่ 2 : หากวัตถุอยูที่ระดับอางอิง ระยะ h มีคาเปน 0 ทําให Ep มีคาเปน 0
กรณีที่ 3 : หากวัตถุอยูตํ่ากวาระดับอางอิง ระยะ h มีเครื่องหมายลบ ทําให Ep
มีเครื่องหมายลบ
จากภาพในโจทย จะได EpM มีเครื่องหมายบวก EpN มีคาเปน 0 EpO มีเครื่องหมาย
ลบ และ EpM > EpN > EpO ดังนั้น ขอที่ถูกตองคือ ข. และ ง.
32. ตอบ ขอ 3. โจทยระบุวา รถยนตเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานนอยมาก ดังนั้น
ประมาณไดวา ผลรวมระหวางพลังงานจลนกับพลังงานศักยโนมถวงของรถยนตมีคาคงที่
ตลอดการเคลื่อนที่ ใหหมายเลข 1 และ 2 แทนตําแหนงยอดเนินที่ 1 และ 2 ตามลําดับ
จะเขียนความสัมพันธของพลังงานไดวา
Ek1 + Ep1 = Ek2 + Ep2 (1)
โจทยกําหนดพื้นเปนระดับอางอิงของพลังงานศักยโนมถวง
บนยอดเนินที่ 1 : Ek1 = 0 (เดิมรถอยูนิ่ง) และ Ep1 = Mgh1
บนยอดเนินที่ 2 : Ek2 = ? (ตองการทราบ) และ Ep2 = Mgh2
เฉลย 27
แทนคาพลังงานตาง ๆ ลงในสมการ (1)
จะได 0 + Mgh1 = Ek2 + Mgh2
Ek2 = Mg(h1 - h2)
ดังนั้น พลังงานจลนของรถยนต ณ ขณะที่ผานยอดเนินที่ 2 เทากับ Mg(h1 - h2)
33. ตอบ ขอ 2. รอกเดี่ยวตายตัว เปนเครื่องกลที่ชวยใหทํางานสะดวกขึ้น (ผอนงาน) แตไม
ผอนแรง
แรงดึงวัตถุ = นํ้าหนักวัตถุ
F =W
จะได 100 = W
นํ้าหนักวัตถุ W = mg ฉะนั้น m = Wg = 10010 = 10 kg
ดังนั้น ชางกอสรางจะยกวัตถุไดมวลมากที่สุดเทากับ 10 กิโลกรัม
34. ตอบ ขอ 4. โจทยกําหนดใหเครื่องกลไมสูญเสียจากความเสียดทาน
ฉบับ จะได งานที่ใหกับเครื่องกล = งานที่ไดรับจากเครื่องกล
เฉลย Fs = Wh
300(3) = (70 + 5)(10)h
h = 1.2 m
ดังนั้น ชางทาสีและแปนไมจะถูกยกขึ้นไปเปนระยะเทากับ 1.2 เมตร
35. ตอบ ขอ 3. โจทยกําหนดใหลอกับเพลาไมมีความฝด ฉะนั้น ไมมีการสูญเสียพลังงานกล
จากความเสียดทาน สามารถเขียนความสัมพันธไดวา
งานที่ใหกับเครื่องกล = งานที่ไดรับจากเครื่องกล
งานที่ใหกับลอ = งานที่ไดจากเพลา
FR = Wr
FR = mgr
จากโจทย R = 502 = 25 cm และ r = 252 = 12.5 cm
จะได F(25) = (200)(10)(12.5)
F = 1,000 N
ดังนั้น ตองออกแรงดึงเชือกเทากับ 1,000 นิวตัน
28 เฉลย
36. ตอบ ขอ 1.
ก. ถูกตอง เพราะพลังงานจลนของวัตถุหนึง่ หาไดจากสมการ 12 mv2 ถาวัตถุมอี ตั ราเร็ว
เปนศูนย พลังงานจลนจะมีคาเปนศูนย
ข. ผิด เพราะลูกบอลที่กําลังกลิ้งไปบนพื้นราบจะอยูในระดับความสูงเทาเดิม ดังนั้น
พลังงานศักยโนมถวงจะไมเปลี่ยนแปลง (ไมเพิ่มขึ้นและไมลดลง)
ค. ผิด เพราะพลังงานจลนของวัตถุขนึ้ อยูก บั มวลและอัตราเร็ว วัตถุทมี่ อี ตั ราเร็วเทากัน
แตหากมวลตางกัน พลังงานจลนจะไมเทากัน
ง. ผิด พืน้ ราบฝดมีความเสียดทาน พลังงานจลนของลูกเปตองลดลง เพราะสวนหนึง่
สูญเสียไปเปนพลังงานความรอนเนื่องจากความเสียดทาน สวนอื่น ๆ อาจเปลี่ยนรูปไปเปน
พลังงานเสียง
37. ตอบ ขอ 3. พลังงานทดแทนเปนพลังงานทางเลือกใหมที่ใชแทนพลังงานที่ไดจากการ
เผาไหมเชือ้ เพลิงซากดึกดําบรรพ ในปจจุบนั พลังงานทดแทนไดรบั ความนิยมเปนอยางมาก
เนื่องจากเปนพลังงานที่มีอยูตามธรรมชาติ ซึ่งเปนพลังงานสะอาดที่มีใหใชอยางสมํ่าเสมอ
จึงนําพลังงานกลับมาใชไดใหมไดอยางไมจํากัด สวนตัวเลือกอื่นเกี่ยวกับเชื้อเพลิง ฉบับ
ซากดึกดําบรรพที่เปนพลังงานสิ้นเปลือง เฉลย

38. ตอบ ขอ 1. คาสต คือ ผลจากการผุพงั ทางเคมี โดยมีลกั ษณะเปนหินทีก่ รอนลง หรือเวาแหวง
ตะปุม ตะปา โดยเกิดจาก CO2 ทําปฏิกริ ยิ ากับนํา้ ฝน กลายเปนกรดคารบอนิก ซึง่ กรดนีจ้ ะทํา
ปฏิกริ ยิ ากับหินทีม่ สี ารประกอบแคลเซียมคารบอเนตเปนองคประกอบ ปฏิกริ ยิ าเคมีทเี่ กิดขึน้
จะทําใหหนิ กรอนลง และถานํา้ ทีม่ สี มบัตเิ ปนกรดคารบอนิกไหลลงใตดนิ และทําปฏิกริ ยิ าเคมี
ซึ่งปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นจะกรอนหินจนกระทั่งกลายเปนโพรงหรือถํ้าใตดิน
39. ตอบ ขอ 2. ทะเลสาบรูปแอก เปนทะเลสาบ หรือบึงที่เกิดจากลํานํ้าที่โคงตวัดเปลี่ยน
เสนทางการไหลตามแนวโคงเดิมเปนเสนตรง ทําใหลํานํ้าโคงเดิมถูกตัดขาดกลายเปน
ทะเลสาบรูปแอก
40. ตอบ ขอ 1.
CO2 + H2O H2CO3
H2CO3 + CaCO3 Ca(HCO3)2
Ca(HCO3)2 CaCO3 + H2O + CO2
ดังนั้น X คือ นํ้า (H2O) Y คือ กรดคารบอนิก (H2CO3) และ Z คือ หินปูน (CaCO3)
เฉลย 29
Key แนวข้อสอบ O-NET
1. ตอบ ขอ 1. วัตถุจะอยูในสภาพสมดุลตอการเคลื่อนที่ ก็ตอเมื่อผลรวมแรงจากแหลง
ภายนอกที่กระทํากับวัตถุมีคาเปน 0 วัตถุที่อยูในสภาพสมดุลตอการเคลื่อนที่ อาจอยูนิ่ง
กับที่ หรือเคลื่อนที่ในแนวเสนตรงดวยความเร็วคงตัวทั้งขนาดและทิศทาง
ดังนั้น ขอ ข. และ ค. ถูกตอง
2. ตอบ ขอ 3. เมือ่ ออกแรงในแนวราบดึงวัตถุแตวตั ถุยงั ไมเคลือ่ นที่ แสดงวา แรงลัพธในแนว
ราบที่กระทําตอวัตถุเปนศูนย แรงลัพธในแนวราบเปนผลรวมระหวางแรงดึง (F) กับแรง
เสียดทานสถิต (fs) ซึ่งมีขนาดเทากันแตทิศทางตรงขามกัน ตราบใดที่วัตถุยังไมเคลื่อนที่
แรงเสียดทานสถิตมีขนาดไดหลายคาเทากับขนาดแรงดึงทีอ่ าจแปรเปลีย่ นไป แรงเสียดทาน
สถิตคาสูงสุดเกิดขึ้น ณ ขณะเวลาที่วัตถุกําลังจะเริ่มเคลื่อนที่ เมื่อวัตถุเคลื่อนที่แลว แรง
เสียดทานที่กระทํากับวัตถุจะเปนแรงเสียดทานจลน ซึ่งมีคาคอนขางคงที่และนอยกวา
ฉบับ แรงเสียดทานสถิตคาสูงสุด
เฉลย
3. ตอบ ขอ 2. ออกแรงแลววัตถุเริม่ เคลือ่ นทีพ่ อดี ฉะนัน้ จากขอมูลสามารถใชหาสัมประสิทธิ์
ความเสียดทานสถิต ไดจากสมการ fs,max = μsN
f
μs = s,max = 20 = 0.2
N 10(10)
ดังนั้น เปนสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต และมีคาเทากับ 0.2
4. ตอบ ขอ 4. แรงเสียดทานที่กระทํากับกลองที่กําลังเคลื่อนที่เปนแรงเสียดทานจลน (fk)
ซึ่งมีความสัมพันธกับขนาดแรงปฏิกิริยา N ที่พื้นกระทํากับวัตถุ ดังสมการ fk = μkN
เมื่อ μk คือ สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน
สําหรับวัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวราบ ขนาดแรงปฏิกิริยา N แปรผันตามมวล m
ของวัตถุ ดังความสัมพันธ N = mg
ดังนั้น การลดมวล m ของวัตถุ จะทําใหคา N ลดลง
และทําใหขนาดแรงเสียดทานจลนลดลง

30 เฉลย
5. ตอบ ขอ 4. จากภาพ
กําหนดสัญลักษณ
T
FB แทนแรงพยุงที่นํ้าพยุงวัตถุ
FB W แทนนํ้าหนักวัตถุตอนชั่งในอากาศ
T แทนนํ้าหนักวัตถุตอนชั่งในนํ้า
นํ้า (T คือ แรงที่ตาชั่งสปริงดึงวัตถุตอนชั่งวัตถุในนํ้า)
W สมดุลแรงในแนวดิ่งเมื่อชั่งวัตถุในนํ้า จะได
T + FB = W
FB = W - T = 15 - 6
=9N
จากหลักอารคมิ ดี สี แรงพยุง = นํา้ หนักของเหลวทีม่ ปี ริมาตรเทาวัตถุสว นทีจ่ ม
FB = ρVg
เมื่อ ρ คือ ความหนาแนนของของเหลว (นํ้า)
V คือ ปริมาตรวัตถุที่จมในของเหลว (ทั้งกอน)
F 9 ฉบับ
จะได V = ρgB = เฉลย
(1 × 103)(10)
= 0.9 × 10-3 m3
ดังนั้น วัตถุมีปริมาตรเทากับ 0.9 × 10-3 ลูกบาศกเมตร
6. ตอบ ขอ 1. ใชหลักการคิดและใชสัญลักษณแบบเดียวกับขอ 5.
จะได ขนาดแรงพยุง FB = W - T = 30 - 24 = 6 N
จากหลักอารคิมีดีส FB = ρlVg
เมื่อ ρl คือ ความหนาแนนของของเหลว
F
จะได ρl = B
Vg
หา V ของวัตถุ จากความสัมพันธ m = ρoV
เมื่อ ρo คือ ความหนาแนนของวัตถุ
โดย m ของวัตถุ = นํ้าหนักวัตถุตอนชั
g
่งในอากาศ = 30 = 3 kg
10
ฉะนั้น V = ρm = 3
2 = 0.9375 × 10-2 m3
o (3.2 × 10 )

เฉลย 31
แทนปริมาตรของวัตถุลงในความสัมพันธ
F
ρl = B
Vg
จะได ρl = 6 = 64 kg/m3
-2
(0.9375 × 10 )(10)
ดังนั้น ของเหลวมีความหนาแนนเทากับ 64 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร
7. ตอบ ขอ 3. ตองการใหคานสามารถวางตัวในแนวระดับได หรือสมดุลตอการหมุน
ฉะนั้น ΣMทวน = ΣMตาม
6(10)(5 - x) = 4(10)x
30 - 6x = 4x
30 = 10x
x =3m
ดังนั้น ตองผูกเชือกที่จุด A ใหหางจากปลายดานขวามือเปนระยะ x เทากับ 3 เมตร
ฉบับ 8. ตอบ ขอ 2. จากโจทย ระยะทาง 300 + 400 = 700 m
เฉลย
ขนาดการกระจัดเทากับ AB2 + BC2 = 3002 + 4002 = 500 m
หาอัตราเร็วเฉลี่ย ; v = st = 700
30 = 23.3 m/s
หาความเร็วเฉลี่ย ; v = st = 500
30
= 16.7 m/s ทิศจาก A ชี้ไปยัง C
ดังนั้น ข. ง. และ จ. ถูกตอง
9. ตอบ ขอ 2. จากโจทยสามารถวาดภาพได ดังนี้
A 500 m B
N

1,200 m

C
ขนาดการกระจัดเทากับ AB2 + BC2 = 5002 + 1,2002 = 1,300 m
32 เฉลย
ใชเวลาทั้งหมด 10 นาที 50 วินาที = 600 + 50 = 650 s
หาขนาดความเร็วเฉลี่ย ; v = st = 1,300650 = 2 m/s
ดังนั้น แกมขี่จักรยานดวยความเร็วเฉลี่ยขนาดเทากับ 2 เมตรตอวินาที
10. ตอบ ขอ 3. ระยะทางทั้งหมดเทากับ 2πr = 2 × 227 × 14 = 88 m
ขนาดการกระจัดเทากับ 0 เพราะเมื่อวิ่งครบ 1 รอบ ตําแหนงสุดทายจะอยูที่เดียวกับ
ตําแหนงเริ่มตน
หาอัตราเร็วเฉลี่ย ; v = st = 88
45 = 1.96 m/s
หาความเร็วเฉลี่ย ; v = st = 450 = 0 m/s
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยเทากับ 1.96 เมตรตอวินาที
และความเร็วเฉลี่ยเทากับ 0 เมตรตอวินาที
11. ตอบ ขอ 4. ระยะทางทั้งหมดที่เด็กชายปองวิ่งเทากับ
(2)5 + (2)10 + 2(30 + 40) = 170 m (ตัวคูณ 2 แตละตัวมาจากการวิ่งไปและกลับ) ฉบับ
เด็กชายปองใชเวลาเดินทางทั้งหมด 5 นาที = 5 × 60 = 300 s เฉลย
หาอัตราเร็วเฉลี่ย ; v = st = (5 170
× 60)
= 0.57 m/s
ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยเทากับ 0.57 เมตรตอวินาที
12. ตอบ ขอ 3. แรงที่แบกกระสอบขาวสารมีขนาดเทากับนํ้าหนักของกระสอบขาวสารมีทิศ
ในแนวดิ่ง แตกระสอบขาวสารมีการกระจัดในแนวระดับ แนวแรงกับการกระจัดตั้งฉากกัน
จึงไมเกิดงาน
13. ตอบ ขอ 2. งานของแรงโนมถวงที่ทําบนลูกบอล หาไดจากสมการ
W = mgh
= 0.5(10)15 = 75 J
ดังนั้น งานของแรงโนมถวงที่ทําบนลูกบอลมีคาเทากับ 75 จูล
14. ตอบ ขอ 1. เนื่องจากรถแขง A มีกําลังมากกวารถแขง B ทําใหรถแขง A สามารถเรง
ความเร็วไปสูความเร็วสูง ๆ ไดโดยใชเวลานอยกวารถแขง B ดังนั้น ก. ถูกตอง
จาก 1 แรงมา เทากับ 746 W ซึ่งรถแขง A มีแรงมามากกวารถแขง B อยู 50
แรงมา จึงมีกําลังมากกวา 50 × 746 = 37,300 W ดังนั้น ค. ถูกตอง
เฉลย 33
15. ตอบ ขอ 2. งานที่แมนทําในการยกกระสอบทรายหนัก 10 kg จํานวน 12 ใบ จากพื้นไป
วางไวบนหลังรถบรรทุกที่อยูสูงจากพื้น 1.5 m มีคาเทากับ
W = 12 × (10 × 10) × 1.5 = 1,800 J
เวลาทํางานทั้งหมด 3 นาที ฉะนั้น t = 3 × 60 = 180 s
หากําลังเฉลี่ย P = Wt = 1,800
180 = 10 W
ดังนั้น กําลังเฉลี่ยในการทํางานของแมนเทากับ 10 วัตต
16. ตอบ ขอ 4. การไดเปรียบเชิงกล พิจารณาไดจากอัตราสวน งานที่ไดรับจากเครื่องกล หรือ
งานที่ใหกับเครื่องกล
แรงตานทาน ซึง่ อุปกรณทมี่ คี วามไดเปรียบเชิงกลมากกวา 1 (แรงตานทาน > แรงพยายาม)
แรงพยายาม
เชน แมแรงยกรถ รอกเดี่ยวเคลื่อนที่ พวงมาลัยรถยนต กวานตักนํ้าจากบอ
17. ตอบ ขอ 3. กังหันลม เปนการเปลี่ยนพลังงานกล (พลังงานจลน) ไปเปนพลังงานไฟฟา
โดยตรง
เซลลไฟฟา เปนการเปลี่ยนพลังงานแสงไปเปนพลังงานไฟฟา
ฉบับ
เฉลย เตาปฏิกรณนิวเคลียร จะใหพลังงานความรอนทําใหนํ้าเดือดกลายเปนไอไปขับกังหัน
นํ้าของเครื่องกําเนิดไฟฟา เพื่อไปผลิตกระแสไฟฟา ฉะนั้น เปนการเปลี่ยนจากพลังงาน
นิวเคลียร → พลังงานความรอน → พลังงานกล → พลังงานไฟฟา
โรงงานผลิตไฟฟาจากเขือ่ น เปนการเปลีย่ นพลังงานกลไปเปนพลังงานไฟฟาโดยตรง
18. ตอบ ขอ 4. แกสธรรมชาติ
19. ตอบ ขอ 3. ผลิตภัณฑที่ไดจากการกลั่นนํ้ามันดิบ มีดังนี้ (เรียงลําดับจากสารประกอบ
ไฮโดรคารบอนที่มีมวลโมเลกุลและจุดเดือดตํ่า) แกสปโตรเลียม แนฟทาเบา แนฟทาหนัก
นํ้ามันกาด นํ้ามันดีเซล นํ้ามันหลอลื่น ไขนํ้ามันเตา บิทูเมน
ดังนั้น แกโซฮอล ไมใชผลิตภัณฑจากการกลั่นนํ้ามันดิบ
20. ตอบ ขอ 1. ฝนกรดเปนสาเหตุทางเคมีของการผุพัง ฝนกรดเกิดจากแกสซัลเฟอรได-
ออกไซด (SO2) และออกไซดของไนโตรเจน (NOx) ซึ่งถูกปลดปลอยจากกระบวนการผลิต
ไฟฟาและอุตสาหกรรมทั่วไปของมนุษยมาทําปฏิกิริยากับนํ้าในชั้นบรรยากาศเกิดเปนกรด
ซัลฟวริก (H2SO4) และกรดไนตริก (HNO3) แลวตกกลับลงมาสูพื้นผิวโลกในรูปของฝน
เรียกวา ฝนกรด ซึ่งสรางความเสียหายใหกับพืชผลทางการเกษตรและสิ่งกอสราง อาคาร
บานเรือนตาง ๆ สวนตัวเลือกอื่น ๆ เปนสาเหตุทางกายภาพของการผุพัง
34 เฉลย

You might also like