You are on page 1of 39

เคมีพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต

พรไพลิน สุวรรณพิทัก
ชีววิทยา

1
ษ์

• สารอนินทรี
1.1 น้ำ
1.2 คา บอนไดออกไซ (CO2)
1.3 ออกซิเจน (O2)
1.2 แ ธาตุ
• สารอินทรี
2.1 คา โบไฮเดรต
2.2 โปรตีน
2.3 ลิพิด
2.4 กรดนิวคลีอิก
2.5 วิตามิน
• ปฏิกิริยาเคมีในเซล ของสิ่งมีชีวิต




















ย์

ย์

ร่

ร์
ล์

ร์




ด์

Atom

Molecule

Organelle

Cell

Tissue

Organ

Organ System

Organism

Population

Community

Ecosystem

Biosphere

















สแตรนลี มิลเลอ
ย์
ร์
สิ่งมีชีวิตประกอบ วย
• อะตอมของธาตุ างๆ
• ธาตุที่มีความสำคัญซึ่งสิ่งมีชีวิต องการในการจัดลำดับโครงส างมี
ประมาณ 25 ธาตุ
• คา บอน (C) ไฮโดเจน (H) ออกซิเจน (O) และไนโตรเจน (N)
จะมีอ ประมาณ 95% ซึ่งถือเ นโครงส างหลักของสารชีวโมเลกุล
• ฟลูออรีน(F) ไอโอดีน(I) สังกะสี(Zn) แมงกานีส(Mn)
แมกนีเซียม(Mg) กำมะถัน(S) และ ฟอสฟอรัส(P)

ร์
ยู่
ต่

ด้
ต้
ป็
ร้

ร้

• Selenium(Se), ตะกั่ว ปรอท และอา เซนิก


เ นธาตุที่มีพิษทำไมถึงพบใน ากายเราไ ?
ป็
ร่
ร์
ด้
อะตอม
• อะตอม คือ ห วย อยที่สุดของสสารที่มีมวลและปริมาตร
• อะตอมไ สามารถถูกสลายไ โดยวิธีทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน
• โครงส างอะตอมประกอบ วย 3 ชนิด
– โปรตอน(proton) อนุภาคมีประจุไฟ าบวก
– นิวตรอน(neutron) อนุภาคเ นกลางหรือไ มีประจุ
– อิเล็กตรอน(electron) อนุภาคมีประจุไฟ าลบ
• โปรตอนและนิวตรอนจับตัวกันอ ตรงกลางเรียก า นิวเคลียส
ร้
ม่
น่
ย่
ด้
ด้
ป็
ยู่
ฟ้

ฟ้
ม่

ว่

พันธะเคมี(CHEMICAL BOND) แ งออกเ น 3 ชนิด คือ


1. พันธะไอออนิก (พันธะไอออน) (ionic bond)
• เกิดจากอะตอม 2 อะตอมขึ้นไปใ อิเล็กตรอนแ กัน กลาย
เ นไอออน
• เกิดขึ้นระห างโลหะกับอโลหะ อะตอมที่ใ อิเล็กตรอนมักเ น
โลหะ มีประจุบวก และอะตอมที่รับอิเล็กตรอนมักเ นอโลหะ
จึงมีประจุลบ
• ไอออนที่มีประจุตรงกัน ามกันจะดึงดูดกัน ทำใ เกิดพันธะ
ไอออน พันธะไอออนมีความแข็งแรงมากก าพันธะไฮโดรเจน
แข็งแรงพอๆ กับพันธะโคเวเลน
ป็
ว่

ข้
ต์
ห้
บ่
ห้
ว่
ป็
ก่
ห้

ป็
ป็
Ionic bond
เ น NaCl
• เกิดจากอะตอมของ Na ใ  electron
แ Cl กลายเ น Na+
• ขณะที่ Cl กลายเ น Cl- ทำใ
electron วงนอกของอะตอม Na และ
Cl ครบ 8 กลายเ นสารประกอบ
NaCl
ช่
ก่

ป็
ป็
ป็

ห้
ห้
2.พันธะโควาเลน (COVALENT BOND)
• เ น พันธะในโมเลกุลของ าซออกซิเจน (O2)
• พันธะโควาเลน เกิดจากอะตอม 2 อะตอมใ วาเลน
อิเล็กตรอน วมกัน
• อะตอมมักส างพันธะโควาเลน เพื่อเติมวงโคจรอิเล็กตรอนรอบ
นอกสุดของตัวเองใ เต็ม
• อะตอมที่ส างพันธะโควาเลน มักมีวาเลน อิเล็กตรอนอ มาก
เ น ธาตุห VI และห VII เ น น
• พันธะโควาเลน แข็งแรงก าพันธะไฮโดรเจน และมีความแข็ง
แรงพอๆ กับพันธะไอออนิก
ช่
ช่
ร้
มู่
ร่
ร้
ต์
ต์
ต์
ห้

มู่
ว่
ก๊

ต์
ต์
ป็
ต้

ซ์
ช้

ซ์
ยู่
• พันธะโควาเลน มักเกิดขึ้นระห างอะตอมที่มี าอิเล็ก
โทรเนกาติวิตีใก เคียงกัน
• ธาตุอโลหะมีแนวโ มที่จะส างพันธะโควาเลน
มากก าธาตุโลหะซึ่งมักส างพันธะโลหะ
• อิเล็กตรอนของธาตุโลหะสามารถเคลื่อนอ างอิสระ
ในทางกลับกัน อิเล็กตรอนของธาตุอโลหะไ สามารถ
เคลื่อนที่ไ อ างอิสระนัก การใ อิเล็กตรอน วมกัน
จึงเ นทางเลือกเดียวในการส างพันธะกับธาตุที่มี
สมบัติค ายๆ กัน
ป็
ว่
ล้
ด้
ย่
ต์
ล้
น้
ร้
ร้

ร้
ว่
ช้

ย่
ค่
ม่
ต์
ร่
3. พันธะไฮโดรเจน (HYDROGEN BOND)

• เ น แรงดึงดูดระห างโมเลกุลของน้ำ (H2O)


• เ นแรงยึดเหนี่ยวระห างโมเลกุลโควาเลน ที่มีขั้วรุนแรง
• แข็งแรงมากกก าแรงระห างโมเลกุลอื่นๆ แ แรงยึดเหนี่ยวมี
ความแข็งแรง อยก าพันธะโควาเลน และพันธะไอออนิก
• โมเลกุลที่จะเกิดพันธะไฮโดรเจน มีธาตุไฮโดรเจนเ นอง
ประกอบกับธาตุที่มี าอิเล็กโตรเนกาติวิตีสูง ไ แ ออกซิเจน
ฟลูออรีน และไนโตรเจน
ช่
ป็
น้
ว่
ค่
ว่
ว่
ว่
ว่
ต์
ต์
ต่

ด้
ก่
ป็
ค์

สารอินทรี และสารอนินทรี
• สารอินทรี (Organic substance) คือ สารประกอบที่มีธาตุ
คา บอน และไฮโดรเจน เ นอง ประกอบ สารอินทรี ในเซล สิ่ง
มีชีวิต วนให เ นโมเลกุลให เรียก า ชีวโมเลกุล
• สารอนินทรี (Inorganic substance) คือ สารประกอบที่ไ มีธาตุ
คา บอนเ นอง ประกอบ ไ แ น้ำและแ ธาตุ างๆ ซึ่งมีความ
สำคัญ อสิ่งมีชีวิตมากเ นเดียวกัน
ร์
ร์
ต่
ส่
ป็
ย์
ย์
ญ่
ค์
ย์
ป็
ช่
ป็
ด้
ญ่
ก่
ค์
ว่
ย์
ร่
ต่

ย์
ม่
ล์
สารอ นท
นิ
รี
ย์
น้ำ (H2O)
• เซล มีน้ำเ น วนประกอบอ ภายใน 95%
• น้ำพบมากปริมาณมากที่สุดใน างกาย
70-80% ของน้ำหนัก างกาย
• น้ำบริสุทธิ์ ไ มีสี ไ มีกลิ่น และไ มีรส
• อะตอมเรียงทำมุม 105 องศา ออกซิเจน
เ นขั้วลบ และไฮโดรเจนเ นขั้วบวก
ป็
ล์
ป็
ม่
ส่
ม่
ร่
ป็
ยู่
ร่

ม่

• เกิด hydrogen bond ระห าง


โมเลกุลของน้ำ แรงดึงดูดระห าง
โมเลกุลของน้ำ เรียก า cohesion
ซึ่งจะทำใ น้ำเคลื่อนที่จากรากไปยัง
วน างๆ พืชไ ขณะที่มีการคายน้ำ
(Transpiration) าน้ำเกิด hydrogen
bond กับสารอื่น เ น ผนังเซล พืช
เรียก า adhesion
ส่
ต่
ว่
ห้
ด้
ถ้
ช่
ว่
ล์
ว่
ว่
• โครงส างโมเลกุลของน้ำทำใ เกิดพันธะไฮโดรเจนกับโมเลกุล างๆไ ดี
โดยเฉพาะสารเคมีที่มีขั้วและสามารถแตกตัวเ นไอออนไ จะละลายน้ำไ ดี
• ไฮโดร ลิก (Hydrophilic) คือสารที่เ นโมเลกุลมีขั้วหรือสามารถแตก
ตัวเ นไอออนไ ดี (ละลายน้ำไ ดี)
• ไฮโดรโฟบิก (Hydrophobic) คือสารที่เ นโมเลกุลไ มีขั้วหรือไ
สามารถแตกตัวเ นไอออนไ จะไ ละลายน้ำ

แสดงโครงส างของโมเลกุล NaCl ที่แตกตัวเ นอิออน Na+ และ Cl-


จับตัวกับโมเลกุลของน้ำ
ป็
ฟิ
ร้
ร้
ด้
ป็
ด้
ห้
ด้
ม่

ป็
ป็
ป็
ป็
ม่
ด้
ต่
ม่
ด้
ด้

• โมเลกุลของน้ำสามารถแตกตัวใ ไอออนไ เ นไฮโดรเจนไออน(H+)


และไฮดรอกซิไอออน(OH-) ทำใ เกิดสมบัติในการเ นกรดและ
เบสในสิ่งแวด อมที่มีน้ำเ นอง ประกอบ วนน้ำบริสุทธิ์มีสภาพ
เ นกลาง
• น้ำสามารถแตกตัวไ อ างรวดเร็วและมีคุณสมบัติในการเก็บความ
อนไ ดี
•  มีความ อนจำเพาะสูง จึงทำใ อุณหภูมิภายในเซล สิ่งมีชีวิต
เปลี่ยนแปลงไ มากนัก มีผลทำใ metabolism ภายในเซล ยัง
คงปกติ
• ความ อนแฝงกลายเ นไอสูง เมื่อ างกายสูญเสียเหงื่อ
หรือการที่พืชคายน้ำ จึง วยลดความ อนภายในสิ่งมีชีวิตไ
ร้
ป็
ด้
ร้
ร้

ล้
ม่
ด้
ย่
ป็
ป็
ช่
ค์
ห้
ห้
ห้
ห้
ร้
ร่
ด้
ป็
ส่
ป็
ล์
ด้
ล์
• โมเลกุลแ ละโมเลกุลของน้ำเชื่อม อกัน วย Hydrogen
bonds เรียงตัว อกันเ นรูปจัตุรมุข
• ทำใ น้ำ องใ ที่ างมากเมื่อเปลี่ยนสถานะเ นน้ำแข็ง
• เมื่อเพิ่มความ อนใ กับน้ำแข็ง พันธะไฮโดรเจนที่เชื่อม
ระห างโมเลกุลจะถูกทำลาย (พันธะโควาเลน มีความ
แข็งแก งก าพันธะไฮโดรเจน) ทำใ น้ำแข็งละลายเ น
ของเหลว
• โครงส างผลึกยุบตัวลง น้ำในสถานะของเหลวจึงใ เนื้อที่
อยก าน้ำแข็ง คือสาเหตุใ น้ำแข็งจึงมีความหนาแ นต่ำก า
น้ำ
น้

ห้
ว่
ว่
ร่
ร้
ต้
ต่

ว่
ร้
ช้
ว่
ต่
ห้
ป็
ห้
ต่
ห้
ด้

ป็
ท์
น่
ป็
ช้

ว่
น้ำในสภาพที่เ นของเหลว และของแข็งประกอบ วยโมเลกุล
ของน้ำหลายโมเลกุลยึดติดกัน วยพันธะไฮโดรเจน
ป็
ด้
ด้
• มีโครงส างโมเลกุลขนาดเล็ก ทำใ แทรกซึม เซล ไ อ างมี
ประสิทธิภาพ และสามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไป
เลี้ยง วน างๆ ของ างกาย
• มีความกระ างของน้ำปานกลาง มีประจุไฟ าสูงและเ นสื่อนำ
ความ อนที่ดี
• มีความเ น าง อน ๆ โดยมี าความเ นกรด - างระห าง
pH 7.25 - 8.50 เพื่อ วยกำจัดความเ นกรด และของเสียใน
างกาย ทำใ างกายมีภาวะที่สมดุล
ร่
ส่
ร้
ป็
ร้
ต่
ด้
ด่
ห้
อ่

ร่
ร่
ช่
ค่

ห้
ป็
ป็
ฟ้
สู่
ล์
ด่
ป็
ด้
ย่
ว่
คา บอนไดออกไซ (CO2)
• CO2 มีความสำคัญสำหรับสาห ายและพืช เพราะเ นวัตถุดิบ
ที่ใ ในการสังเคราะ วยแสง เพื่อใ ในการสังเคราะ สาร
อินทรี างๆ เ น คา โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เ น น
• สารอินทรี เมื่อ านการ อยสลายจะปลดป อย
คา บอนไดออกไซ ออก บรรยากาศหมุนเวียนเ นวัฎจักร อ
ไป
ช้
ร์
ร์
ย์
ต่
ย์
ผ่
ช่
ด์
ห์
ด้
ร์
ย่
สู่
ด์
ร่
ช้
ล่
ป็
ป็
ห์
ป็
ต้
ต่

ออกซิเจน O2
• O2 เ นสานอนินทรี ที่พบในเซล ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
• มีบทบาทสำคัญในกระบวนการหายใจระดับเซล
• ออกซิเจนมีคุณสมบัติละลายน้ำไ ดี
ป็
ย์
ด้
ล์
ล์

แ ธาตุ (minerals)
แ ธาตุแ งออกเ น 2 ประเภท
• 1. แ ธาตุหลัก (major / macro minerals) แ ธาตุที่ างกาย
องการมากก า 100 มิลลิกรัม อวัน ไ แ แคลเซียม (Ca)
ฟอสฟอรัส (P) โซเดียม (Na) โปตัสเซียม (K) คลอรีน (Cl)
แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S)
• 2. แ ธาตุรองหรือแ ธาตุปลีก อย (minor / micro minerals)
แ ธาตุที่ างกาย องการ อยก า 100 มิลลิกรัม อวัน ไ แ
เหล็ก (Fe) ทองแดง (Cu) แมงกานิส (Mn) ไอโอดีน (I)
สังกะสี (Zn) ฟลูออลีน (F) โคบอล (Co) โมลิบดีนัม (Mo)
ซีลีเนียม (Se) ซิลิกอน (Si) และนิเกิล (Ni) เ น น
ต้
ร่
ร่
ร่
ร่
ร่
บ่
ร่
ว่
ป็
ต้
ร่
น้
ย่
ว่
ต่

ท์
ด้
ก่
ต่
ป็
ร่
ต้
ร่
ด้
ก่
ห าที่ของแ ธาตุ
• 1 เ น วนประกอบของโครงส าง างกายสัต ในสัต ที่กำลังเจริญ
เติบโต แคลเซียมมีความจำเ นในการส างกระดูก ในไ แคลเซียม
จำเ นในการส างเปลือกไ
• 2 เ นตัวเ งปฏิกิริยาชีวเคมี โดยเ นอง ประกอบของน้ำ อย
• 3 เ นอง ประกอบของของเหลวใน างกาย
• 4 มีความจำเ น อระบบการทำงานของประสาท
• 5 เ น วนประกอบของฮอ โมนและวิตามิน
• 6 รักษาสมดุลของน้ำใน างกายและความเ นกรดเ น างใน างกาย
• 7 ควบคุมการหดรัดตัวของก ามเนื้อ
• 8 วยในการแข็งตัวของเลือด
น้
ช่
ป็
ป็
ป็
ป็
ป็
ส่
ส่
ค์
ร่
ป็
ร่
ร้
ต่
ร่
ข่
ร์
ป็

ล้
ร้
ป็
ร่
ร่

ร้
ค์
ป็

ว์

ป็
ด่
ว์
ก่
ย่
ร่

You might also like