You are on page 1of 19

2.

การทางานด้ วย Quick CMC Module

1. ให้ Click ที่ Quick CMC Module ตามรูป

2. หน้ าแรกของ Quick CMC Module มี Icon ต่างๆดังนี ้


2.1 Test Object ใช้ สาหรับกาหนด Parameter ของ Object ที่จะ Test เข่น Voltage,Current,Frequency
2.2 Hardware Configuration ใช้ สาหรับกาหนด Configuration ในการทางานของ Omicron CMC
2.3 Start ใช้ สาหรับการป้อนค่า Voltage และ Current จากOmicron CMC ไปยัง Test Object
3. Click ที่ Test Object เพื่อเข้ าไปกาหนดค่า Parameter ต่างๆของ Test Object

4. Mark ทีต
่ าแหน่ง Device และ Click Edit เพื่อเข้ าไปตังค่
้ า Parameter ของ Test Object
5. ให้ ใส่รายละเอียดของ Test Object เช่น ชื่ออุปกรณ์,ผู้ผลิต,Serial No.,Substation , Bay ของ Test Object

6. ให้ ใส่คา่ Parameter ทางไฟฟ้ าเช่น Frequency,Voltage Secondary,Voltage Primary,I Secondary,


I Primary,Limit Vmax(Line-line), Limit Imax ตามช่องต่างๆ เพื่อเป็ น Parameter ที่จะใช้ ในการทดสอบ
7. เมื่อตังค่
้ าเสร็ จแล้ วให้ Click OK
8. Click OK อีกครัง้ เพื่อกลับไฟหน้ า Test View

9. Click ที่ Hardware Configuration เพื่อารตังค่


้ า Setting ของ Omicron CMC
10. Click ที่ Detail เพื่อตังค่
้ า Voltage และ Current Setting จาก OMICRON CMC

11. Default Setting ที่ 4x300 V และ 6x32 A แบบนี ้จะจ่ายกระแสได้ สงู สุด 32 A/Phase
12. เลือก Setting ที่ 4x300 V และ -3x64 A ถ้ าต้ องการจ่ายกระแสสูงสุด 64 A/Phase

13. Click Tab Analog Output ของ OMICRON CMC ปกติจะ Enable Source เป็ น VL1-E,VL2-E และ VL3-E
เป็ น Voltage 3 Phase และ IL1,IL2 และ IL3 เป็ น Current 3 Phase
14. กรณีต้องการ Enable Source อื่นที่เหลือให้ Click เปลีย่ นช่องจาก Not Used เป็ นชื่อ Source นันๆ

15. Click เลือ่ น Tab เป็ น Binary/Analog Input เพื่อ ตังค่
้ ารับ Trip Contact จาก Test Object หรื อ Relay
กรณีรับเป็ น Dry Contact(NO/NC) ให้ Tick Checkbox เป็ น Potential Free ตามรูป

16. กรณีรับเป็ น Voltage ให้ Tick Checkbox ออกและป้อนค่า Nominal Voltage และ Threshold Voltage ตามรู ป
ทังนี
้ ้ Maximum Voltage จะต้ องไม่เกิน 300 VDC
17. สาหรับ Tab Binary Output และ Analog DC Input ให้ ใช้ คา่ ตาม Default Setting ได้
18. เมื่อตังค่
้ าทังหมดแล้
้ วให้ Click Apply และ OK เพื่อกลับไปหน้ า Test View
19. หน้ า Test View มีสว่ นประกอบดังนี ้
19.1 ส่วนที่แสดงค่า Voltage และ Current ขณะที่ทาการทดสอบ
19.2 ส่วนที่แสดง Vector View
19.3 ส่วนที่สามารถใช้ ในการควบคุมปรับ Voltage และ Current ระหว่างทาการทดสอบ
19.4 ส่วนที่แสดงผลการทดสอบซึง่ รับ Trip Contact จาก Test Object(Relay) พร้ อมทังแสดงเวลา

Trip Time จาก Relay

20. สามารถตังค่
้ าขนาด Voltage และ/หรื อ Current ที่จะใช้ ทดสอบโดย Click ขวาเลือกค่าที่ Nominal Value
หรื อป้อนค่าตัวเลขตามต้ องการก็ได้ จากนันท
้ าการกด Start เพื่อป้อนค่าให้ Relay กรณี Stop ให้ กด ปุ่ ม Stop
21. สามารถตังค่
้ ามุมของ Voltage และ/หรื อ Current ได้ ตามรูป

22. สามารถตังค่
้ าความถี่ของ Voltage และ/หรื อ Current ได้ ตามรูป จากนันท
้ าการกดปุ่ ม Start ตามรูปเพื่อจ่าย
Voltage และ Current ตามที่เรากาหนดให้ Test Object เช่น Relay
23. ทาการเลือก Source ที่จะปรับค่าเช่น VL1-E,VL2-E,VL3-E,IL1,IL2,IL3 หรื อในรู ปแบบใดก็แล้ วแต่ตามที่เราต้ องการ

24. ทาการเลือกสิง่ ทีจ่ ะปรับค่าเช่น Magnitude(ขนาด) หรื อ Angle(มุม) หรื อ Frequency(ความถี่) ตามที่เราต้ องการ
25. เลือกขนาดที่จะปรับตามต้ องการเช่น 0.1 V หรื อ 1 V หรื อ ค่าใดก็แล้ วแต่ตามต้ องการ
26. กรณีต้องการปรับค่าขึ ้นให้ กดปุ่ มขึ ้น กรณีต้องการปรับค่าลงให้ กดปุ่ มลง
27. กรณีต้องการปรับค่าแบบ Automatic ให้ Tick Checkbox ตามรู ป
28. ทังนี
้ ้กรณีการปรับค่าแบบ Automatic ให้ ใส่คา่ เวลาทีจ่ ะปรับแบบ Auto ในช่อง Time ด้ วยเช่น 1 s,2 s หรื อค่าใดก็
แล้ วแต่ตามต้ องการ
29. กรณีต้องการปรับค่า Automatic แบบ Pulse Ramp ให้ Tick Checkbox และใส่คา่ Reset Time ตามรู ป

30. เมื่อทาการทดสอบจน Relay มีการ Trip จะมีคา่ เวลา(Time) ปรากฏขี ้นตามรู ป


ให้ ทาการบันทึกค่า Voltage และ/หรื อ Current และค่าเวลา(Trip Time) ของ Relay
31. กรณีที่ให้ เคริ่ อง OMICRON CMC หยุดการจ่าย Voltage/Current เมื่อมี Trip Contact(Trigger)
จาก Relay มาให้ Tick Checkbox ที่ Switch off ที่ช่อง On Trigger ตามรูป เป็ นการใช้ งานตามปกติ

32. กรณีที่ไม่ให้ เคริ่ อง OMICRON CMC หยุดการจ่าย Voltage/Current เมื่อมี Trip Contact(Trigger)
จาก Relay มาต้ องไม่ Tick Checkbox ที่ Switch off ที่ช่อง On Trigger ตามรูป กรณีนี ้จะใช้ เมื่อต้ องการหาค่า
Pickup และ Dropoff ของ Relay ไปในขณะเดียวกัน
33. นอกจากนี ้เราสามารถปรับค่า Set Mode ในรู ปแบบอื่นๆ เพือ่ ให้ Software แสดงผลในรู ปแบบที่เราต้ องการ
เช่น Voltage Line-Line,Symmetrical Components,Powers และ Fault Values ตามรูป

34. ในกรณีต้องการให้ Software ทาการบันทึกค่าเป็ นผลการทกสอบใน File ข้ อมูลด้ วย ให้ Click Add to Report
35. ทาการพิมพ์ชื่อการทดสอบทีเ่ ราต้ องการ,พิมพ์ Comment แล้ วกด Passed ตามรู ปเพื่อบันทึกข้ อมูลเก็บใน File

36. ทาการ Set รปแบบ Report ที่เราต้ องการจาก Report Setting


37. Click ที่ Define เพื่อกาหนดรู ปแบ Report

38. กาหนดรู ปแบบ Report จากการ Tick Checkbox ในหัวข้ อที่เราต้ องการ
กรณีต้องการรูปแบบ Report ใหม่ให้ Click Add เพื่อสร้ างรูปแบบ Report ใหม่ตามที่เราต้ องการ
-39. ให้ ตงชื
ั ้ ่อ Report ใหม่ของเราและทาการ Edit ปรับเปลีย่ นรูปแบและ save ไว้ ตามที่เราต้ องการ

40. Report รู ปแบใดที่ใช้ งานบ่อยสามารถ Set as default ได้ ตามรู ป


41. ทังนี
้ ้เราสามารถบันทึกข้ อมูลทังหมดทั
้ ง้ Test Object,Hardware Configuration และ Test Result ไว้ เป็ น
ไฟล์ข้อมูลได้ โดย Click ที่ File ตามรูป แล้ วเลือก Save As
42. สามารถตังชื
้ ่อไฟล์ได้ ตามต้ องการแล้ วกด Save

43. นอกจากนี ้เรายังสาม่รถ Export ผลการทดสอบออกไปแสดงในรู ปแบบ Microsoft Word ได้ โดยเลือก
Export Report ตามรู ป
44. สามารถตังชื
้ ่อไฟล์ตามทีเ่ ราต้ องการและเลือก Rich Text Format(*.rtf) แล้ วกด Save ตาม Folder ที่เราต้ องการ
เป็ นอันเสร็ จสิ ้นการทางาน ทังนี
้ ้ไฟล์ในรูปแบบ *.rtf จะสามารถเปิ ดจาก Microsoft Word ได้
และสามารถแปลงไฟล์จาก Microsoft Word เป็ น *pdf File ได้ ตอ่ ไป

You might also like