Professional Documents
Culture Documents
2 ประวัติและบทวิเคราะห์
2 ประวัติและบทวิเคราะห์
บทเพลงนี้สร้างสรรค์อารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทาให้บทเพลง
ยังคงความนิยมอยู่เป็นเวลากว่าศตวรรษ
4
เทคนิคการในการซ้อม
ในบทเพลงนี้มีเทคนิคในการซ้อม ดังนี้
1.วอร์มนิ้วก่อนซ้อมบทเพลงทุกครั้งด้วยการเล่นสเกล ( scales ) และโคมาติคสเกล ( chromatic
scale ) และซ้อมแบบกระตุก เพื่อให้มีพลังของนิ้วที่แข็งแรง รวมทั้งในบทเพลงด้วย
2.ซ้อมแยกมือกับเครื่องให้จังหวะหรือเมโทรนอมช้าๆ และเพิ่มระดับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
3.เมื่อซ้อมแยกมือจนคล่องแล้วให้นาทั้งสองข้างมารวมกันเป็นข้อๆ โดยซ้อมกับเครื่องให้จังหวะหรือ
เมโทรนอม ช้าๆ และเพิ่มระดับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับความเร็วของบทเพลงโดยจะยังแบ่งซ้อมเป็น
ข้อๆเหมือนเดิม
4.เมือซ้อมแต่ละข้องจนคล่องแล้วให้นาแต่ละข้อมารวมกัน โดยการซ้อมจากข้อแรกถึงข้อสุดท้ายและ
ข้อสุดท้ายถึงข้อแรก
5.เมื่อคล่องแล้วให้ใส่ไดนามิค ( Dynamic ) ลงไปในบทเพลง
6.ถ่ายทอดอารมณ์ของบทเพลงอย่างลึกซึ้ง
การวิเคราะห์บทเพลง
จานวนท่อนของเพลง ประกอบด้วย 3 ท่อน คือ
ท่อนที่ 1 Growe - Allegro di molto e con brio อัตราส่วน (Time Signature) 4/4,2/2
ท่อนที่ 2 Adagio Cantablie อัตราส่วน (Time Signature) 2/4
ท่อนที่ 3 Rondo Allegro (Time Signature) 2/2
ความยาวของบทเพลงเป็นเวลา
- ท่อนแรก 8 นาที 33 วินาที
- ท่อนที่สอง 4 นาที 58 วินาที
- ท่อนที่สาม 4 นาที 39 วินาที
รวมเวลาทั้งหมดทั้ง 3 ท่อนเพลงใช้เวลา 18 นาที 10 วินาที
5
ความยาวของบทเพลง
- ท่อนแรก ยาว 312 ห้อง
- ท่อนสอง ยาว 73 ห้อง
- ท่อนสาม ยาว 210 ห้อง
- รวมทั้งหมด ยาว 595 ห้อง
วิเคราะห์ทานอง
ช่วงเสียง ( Range )
ท่อนที่ 1 - I. Grave. Allegro di molto e con brio
ในบทเพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor, ( Pathetique ) ท่อนที่ 1 นั้นจะมีช่วงเสียงต่าสุด
และสูงสุดอยู่หลายช่วง เสียงที่ต่าสุดคือเสียงตัว F# ซึ่งอยู่กลางเส้นน้อยเส้นที่ 4 ด้านล่าง ส่วนช่วงเสียงที่สูงสุด
คือ ตัว F ซึ่งอยู่บนเส้นน้อยเส้นที่ 3 ด้านบน ระยะห่างระหว่างโน้ตต่าสุดกับโน้ตสูงสุดคือระยะขั้นคู่ นับเป็น
ช่วงคู่แปดได้ สี่ช่วงคู่แปดกับอีก คู่แปด ดิมินิชท์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 1
Sonata Op.13 No.8 in C minor, ( Pathetique ) ห้องที่ 167-169 และห้องที่ 8
รูปประกอบที่ 2
Sonata Op.13 No.8 in C minor, ( Pathetique ) ห้องที่ 48-49 และห้องที่ 69
รูปประกอบที่ 3
Sonata Op.13 No.8 in C minor, ( Pathetique ) ห้องที่ 105-107 และห้องที่ 36
ขั้นคู่ ( Interval )
การดาเนินทานองว่าเป็นการเคลื่อนจากโน้ตตัวหนึ่งไปตัวหนึ่งมีการขยับมากน้อยเพียงใดด้วยวัดจาก การ
นับขั้นคู่
7
การเคลื่อนทานองแบบตามขั้น
การเคลื่อนทานองแบบตามขั้น ( Conjunct motion ) เคลื่อนทานองจากตัวโน้ตด้วยตัวหนึ่ง ไปยัง
อีกตัวหนึ่งเป็นคู่ 2 ซึ่งหมายรวมถึงการซ้าโน้ตหรือคู่ 1 เพอร์เฟค
ท่อนที่ 1 ตัวอย่างที่เห็นชัดในบทเพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor, ( Pathetique ) นี้
อยู่ในห้องที่ 118 - 119 ถึงจะมีการกระโดดขั้นคู่บ้าง แต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วทานองนี้ถือเป็นการ เคลื่อน
ที่ท านองแบบตามขั้นดังรูปต่อไปนี้
รูปประกอบที่ 4
Sonata Op.13 No.8 in C minor, ( Pathetique ) ห้องที่ 118-119
รูปประกอบที่ 6
เพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 25 – 28
การเคลื่อนทานองแบบข้ามขั้น
การเคลื่อนทานองแบบข้ามขั้น ( Disjunct motion ) การเคลื่อนทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ต
อีกตัวหนึ่ง เป็นคู่ 3 หรือกว้างกว่าคู่ 3 การขยับข้ามขั้น ซึ่งเรียกว่าขั้นคู่กระโดด มักนาหน้าหรือตามหลังด้วย
การขยับเพียงขั้นเดียวในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อให้เกิดสมดุจ
ท่อนที่ 1 ตัวอย่างที่เห็นชัดในบทเพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique )
นี้ มักมีการเคลื่อนที่แบบข้ามขั้นอยู่หลายที่ ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างมาในห้องที่ 52 ดังรูปต่อไปนี้
รูปประกอบที่ 7
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 52
รูปประกอบที่ 8
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 3
รูปประกอบที่ 9
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 79 – 81
ทิศทาง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึ้นถ้าโน้ตตัวหลังมี
ระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ากว่า แต่ถ้าโน้ตย้าอยู่ที่ระดับเสียงเดิมก็เรียกว่า
ทิศทางคงที่
ทิศทางขึ้น ทานองที่มีทิศทางขึ้นมักมีการดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตอีกตัวหนึ่งในทางขึ้น
บ้างลงบ้าง แต่จะมีทิศทางขึ้นบ่อยกว่า หรืออาจมีขั้นคู่กระโดดขึ้นหลายครั้งกว่าขั้นคู่กระโดดลง แต่ทานองที่ดี
ไม่ว่าของชาติใดภาษาใด ควรมีทิศทางที่ชัดเจน
10
รูปประกอบที่ 10 เพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 140 – 141
รูปภาพประกอบที่ 11
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 1 – 3
รูปภาพประกอบที่ 12
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 41
ทิศทางลง ทานองที่มีทิศทางลงจะมีการเคลื่อนทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตอีกตัวหนึ่ง ใน
ทิศทางลงบ้างขึ้นบ้างเช่นกัน แต่จะมีทิศทางลงบ่อยครั้งมากกว่า
ท่อนที่ 1 ทานองมีทิศทางลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนที่ในทิศทางลงจาก
โน้ต Eb ไปจนถึงโน้ตตัว Bb ในห้องที่ 11 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 13
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 11
ท่อนที่ 2 ทานองมีทิศทางลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนที่ในทิศทางลงจาก
โน้ต F ไปจนถึงโน้ตตัว F ในห้องที่ 22 ดังรูปต่อไปนี้
รูปภาพประกอบที่ 14
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 22
12
รูปภาพประกอบที่ 15
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 36
ทิศทางคงที่ ทานองจานวนไม่น้อย ทิศทางคงที่ คือไม่มีทิศทางชัดเจนว่าขึ้นหรือลง ในตัวอย่างที่ 2.1 ในท่อนที่
2 ทานองมีทิศทางคงที่
การวิเคราะห์จังหวะ
อัตราจังหวะ ( Meter )
อัตราจังหวะ อันได้แก่ อัตราจังหวะสอง อัตราจังหวะสาม อัตราจังหวะสี่ อัตราจังหวะธรรมดา อัตรา
จังหวะผสม และอัตราจังหวะซ้อน เป็นตัวชี้นาเรื่องความคิดทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวกับจังหวะของเพลง
เครื่องหมายประจาจังหวะที่อยู่ถัดจากกุญแจและเครื่องหมายประจากุญแจเสียงในช่วงต้นเพลง จะแสดงถึง
อัตราจังหวะ
ชีพจรจังหวะ โดยหลักการแล้ว อัตราจังหวะเป็นตัวกาหนดชีพจรจังหวะหรือการเน้นจังหวะตาม
ธรรรมชาติ ซึ่งในบทเพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) มีการใช้อัตราจังหวะอยู่ 3
จังหวะ ได้แก่ 4/4 , 2/4 , 2/2
15
ในท่อนที่ 1 มีอัตราจังหวะ 4/4 และ 2/2 อัตราจังหวะ 4/4 เป็นอัตราจังหวะสี่ธรรมดา จึงมี 4 ชีพจร
จังหวะ ซึ่งโดยปกติแล้วจังหวะที่ 1 และ 3 จะเป็นจังหวะที่หนักและสาคัญ ส่วนจังหวะที่ 2 และ 4 จะ เป็น
จังหวะเบา ในตัวอย่างที่ 3.1 ในห้องที่ 3 และ 4 แต่ส่วนของอัตราจังหวะ 2/2 เป็นอัตราจังหวะที่มี 2 ชีพ จร
จังหวะ ซึ่งจังหวะที่ 1 จะหนักและส าคัญ ส่วนจังหวะที่ 2 จะเบา ในตัวอย่างที่ 3.2 ในห้องที่ 54 - 55 ทุก
จังหวะที่เป็นจังหวะตกมีความหนักเพราะจะท าให้เพลงรู้สึกมีพลัง ดังรูปต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 3.1
รูปภาพประกอบที่ 23
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 3 – 4
ตัวอย่างที่ 3.2
รูปภาพประกอบที่ 24
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 54 – 55
16
ตัวอย่างที่ 3.3
รูปภาพประกอบที่ 25 - Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 48
ตัวอย่างที่ 3.4
รูปภาพประกอบที่ 26 Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 9 – 10
การวิเคราะห์เสียงประสาน
เสียงประสานเป็นส่วนประกอบของเพลงที่มีการจัดระบบของเพลงที่มีการจัดระบบได้ดีที่สุดและเป็น
ส่วนประกอบอย่างเดียวของเพลงที่มีการสอนเป็นวิชาสาคัญในศาสตร์ของดนตรีตะวันตก
17
วิเคราะห์ประโยคเพลง
บทเพลงแต่ละบทประกอบด้วย ประโยคหลายประโยคมาเรียงต่อกันจนสิ้นสุดกระบวนการ เพลงไม่ว่าจะ
สั้นหรือยาวเพียงใด ก็สามารถตัดย่อยเพลงออกเป็นประโยคได้ ในประโยคเพลงจะมีความคิดที่จะจบภายใน
ตัวเอง แต่ละประโยคยังสามารถย่อยลงไปหน่วยทานองต่างๆ
หน่วยทานอง
ทานองเพลงซึ่งประกอบไปด้วยประโยคเพลงอย่างน้อย 1 ประโยค สามารถซอยย่อยเป็น หน่วย
ทานองสั้นๆได้ หน่วยทานองเหล่านี้มีบทบาทและความสาคัญไม่เท่ากัน อาจแบ่งหน่วยทานองได้ ออกเป็น 2
ประเภท
หน่วยทานองย่อยเอก ( Motifx ) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของทานองและมีควาสาคัญในการผูกเพลง
ทั้งหมดหรือในช่วงหนึ่งอันเดียวกัน หน่วยทานองย่อยเอกมักปรากฏเป็นอีกระยะๆ ในรูปแบบที่ เหมือนเดิม
หรือแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตัวอย่างที่เห็นชัดในบทเพลง Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique )
ที่มีหน่วยทานองย่อยเอก ( MotiFX ) ที่มักจะปรากฎให้เห็นอยู่เป็นระยะอยู่ในท่อนที่ 1 ดังรูปต่อนี้
รูปภาพประกอบที่ 28
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 1 – 18
เคเดนซ์ ( Cadence )
ดนตรีเมื่อจบประโยคเพลงจะมีเคเดนซ์หรือจุดพัก ซึ่งหมายถึง จุดพักวรรคเพลง หรือเคเดนซ์ (Cadence)
มาจากคาว่า คาโด (Cado) เป็นภาษาละติน แปลว่า ตกลงสู่เบื้องล่าง เนื่องจากในระบบอิงโมดของ
คริสต์ศตวรรษที่ 16 ทานองในตอนท้าย ของประโยคเพลงจะเคลื่อนลงตามขั้นในแนวล่าง สวนทางกับทานองที่
เคลื่อนขึ้นตามขั้นในแนวบน หลังจากนั้นจุดพักวรรคเพลงจะถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิม โดยคงไว้แต่เพียง
แนวความคิดที่ให้ จุดพักวรรคเพลงเป็นจุดพักประโยคเพลง ณัชชา โสคติยานุรักษ์ ( 2548 : 131 และ 2550 :
23 ) เคเดนซ์จะเกิดขึ้นที่ 2 คอร์ดสุดท้ายของประโยค แม้ว่าเคเดนซ์เป็นตัวกาหนดการสิ้นสุดของประโยคเพลง
19
รูปภาพประกอบที่ 29
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 310 – 312
รูปภาพประกอบที่ 30
Sonata Op.13 No.8 in C minor,(Pathetique) ห้องที่ 73)
20
รูปภาพประกอบที่ 31
Sonata Op.13 No.8 in C minor , ( Pathetique ) ห้องที่ 210
21
ภาคผนวก ก
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
บรรณานุกรม
ณัชชา โสคติยานุรักษ์. (2542). สังคีตลักษณ์และการวิเคราะห์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
______. (2548). การเขียนเสียงประสานสี่แนว. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Taylor E. (1994). The AB guide to music theory, Part I. London: Associated
of the Royal School of Music
45
ประวัติผู้แสดง