You are on page 1of 31

กลยุทธ์แห่ง จูเลียส ซีซาร์

พลเดช ปิ่ นประทีป


12 สิ งหาคม 2561

1. จุดกาเนิดกรุงโรม

บริเวณที่ตงและภู
ั้ มิประเทศของกรุงโรม ตังอยู ้ ่ทางตอนกลางของคาบสมุทรอิตาลี เป็ นหุบเขาขนาด
ใหญ่ มีเนื ้อที่ประมาณ 3 ตารางไมล์ ประกอบด้ วยเนินเขา 7 ลูกและแม่น ้า 2 สายมาบรรจบกัน มี
ชุมชนขนาดใหญ่ตงอยู ั ้ ่บนฝั่ งแม่น ้าไทเบอร์ Tiber และแม่น ้าอานีอาเน่ Aneane ห่างจากฝั่ งทะเล
เมดิเตอร์ เรเนียน 24 กิโลเมตร การศึกษาทางโบราณคดียืนยันว่าในบริเวณนี ้เคยมีมนุษย์ตงถิ ั ้ ่นฐาน
อยู่มานานตังแต่ ้ ครัง้ ดึกดาบรรพ์ ไม่ต่ากว่า 14,000 ปี

ตามตานานกล่าวว่า กรุงโรมตังขึ ้ ้นเมื่อ 753 ปี ก่อนคริสตกาล โดยพี่น้องฝาแฝดชื่อ รอมิวรุสและ


รี มสั ซึง่ เป็ นบุตรของเทพเจ้ ามาร์ ซึง่ เป็ นเทพเจ้ าแห่งสงคราม เมื่อตอนเป็ นทารกทังสองถู
้ กลุงจับ
ลอยน ้าในแม่น ้าไทเบอร์ เพื่อให้ จมน ้าตาย แต่หมาป่ าได้ ช่วยเหลือและนาไปเลี ้ยงดู เมื่อทังสอง

เจริญเติบโตขึ ้นจึงกลับมาฆ่าลุงและสร้ างกรุงโรม

นักประพันธ์ ชื่อซิเซโร บรรยายจุดเริ่มต้ นของกรุงโรมไว้ ดงั นี ้ “ในทีส่ ดุ แล้วดูเหมื อนว่ารอมิ วรุสคงได้


นิ มิตจากสวรรค์ ตงั้ แต่แรกว่าเมื องนีใ้ นวันหนึ่งจะเป็ นทีต่ งั้ และเป็ นบ้านของจักรวรรดิ ทีย่ ิ่ งใหญ่
เพราะมี นอ้ ยนักทีเ่ มื องจะตัง้ อยู่ในตาแหน่งใดๆ ของอิ ตาลี ทีจ่ ะทาให้การบารุงรักษาดิ นแดนในการ
ปกครองอันกว้างใหญ่ไพศาลของเราในปัจจุบนั ทาได้อย่างง่ายดายไปกว่านี ้”
ต่อมาบ้ านเมืองเจริ ญขึ ้น จึงมีผ้ คู นเข้ ามาตังรกรากสมทบขึ
้ ้นเรื่ อยๆ จนกลายเป็ นเมือง กรุงโรม
ศูนย์กลางของอานาจการปกครองจักรวรรดิโรมันที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ โลก มีบนั ทึกว่ากรุงโรม
ก่อตังในวั
้ นที่ 21 เมษายน ปี -752 B.C. หรื อ 752 ปี ก่อนค.ศ. มีประชากรอาศัยอยู่ในบริเวณรอบๆ
นันประมาณ
้ 2.5-4.3 ล้ านคน

กรุงโรม ในประเทศอิตาลี ครัง้ หนึง่ เคยมีกษัตริย์ปกครอง ต่อมา 509 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์


ทาควิน ผู้เย่อหยิ่งถูกขับออกจากเมืองทาให้ โรมกลายเป็ นสาธารณรัฐ ตังแต่
้ นนมาโรมก็
ั้ เข้ มแข็งขึ ้น
และมีอานาจปกครองประเทศเพื่อนบ้ าน จากนันจั ้ กรวรรดิโรมันก็ขยายอาณาเขตไปทัว่ ทังยุ ้ โรป
แอฟริกาเหนือและทัว่ ทังเอเชี
้ ย ปั จจุบนั การใช้ กาลังเพื่อยึดครองประเทศอื่นถือเป็ นสิ่งที่ไม่ถกู ต้ อง
แต่ชาวโรมันเชื่อว่าการนาเอาอารยธรรมไปสู่คนป่ าเถื่อน

2. การปกครองของอาณาจักรโรมัน

แม้ ว่าจะไม่สามารถระบุได้ ว่า ระบอบการปกครองโรมเริ่มตังแต่ ้ เมื่อไรและผู้ปกครองคนแรกคือใคร


แต่กล่าวกันว่า กรุงโรมครัง้ หนึง่ เคยมีกษัตริย์ปกครอง ต่อมา 509 ปี ก่อนคริสตกาล กษัตริ ย์ทาควิน
ผู้เย่อหยิ่งถูกขับออกจากเมืองทาให้ โรมกลายเป็ นสาธารณรัฐ ตังแต่
้ นนมาโรมก็
ั้ เข้ มแข็งขึ ้นและมี
อานาจปกครองประเทศเพื่อนบ้ าน จากนันจั ้ กรวรรดิโรมันก็ขยายอาณาเขตไปทัว่ ทังยุ ้ โรป แอฟริกา
เหนือและทัว่ ทังเอเชี
้ ย ปั จจุบนั การใช้ กาลังเพื่อยึดครองประเทศอื่นถือเป็ นสิ่งที่ไม่ถกู ต้ อง แต่ชาว
โรมันเชื่อว่าเป็ นการนาเอาอารยธรรมไปสู่คนป่ าเถื่อน

ระบอบราชาธิปไตยของกรุงโรมมาสิ ้นสุดในปี -509 ก่อนคริสตกาล (B.C.) เมื่อกรุงโรมเปลี่ยนมา


เป็ นระบอบสาธารณรัฐ (republic) ปกครองโดยสภา senate หรื อ วุฒิสภา อันเป็ นคณะพรรคที่
ประกอบด้ วยตัวแทนจากกลุ่มผู้ปกครองที่เป็ นชนชันสู
้ ง ซึง่ จะเข้ ามาใช้ อานาจบริหารและปกป้อง
ผลประโยชน์ของชันชั
้ นสู
้ งและส่วนรวม

และยุคของสาธารณรัฐของโรมัน ซึง่ ประชาธิปไตยของชนชันสู้ งและคณะพรรค ก็มาสิ ้นสุดลงจาก


การจุดประกายและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของบุรุษผู้มีชื่อว่า จูเลียส ซีซาร์ ในปี -44 B.C. เมื่อ
เขาได้ ประกาศตนเป็ นผู้เผด็จการ dictator ตลอดพระชนม์ชีพ ตามมาด้ วยการถูกลอบสังหารและ
การพ่ายแพ้ ของมาร์ ค แอนโทนี ผู้เป็ นทายาททางการเมือง ที่สมรภูมิแอคตาวิอมุ และการประกาศ
ของสภาซีเนท สถาปนาอ็อกตาวิอสุ ผู้ชนะสงครามกลางเมือง เป็ นจักรพรรดิออกุสตุสพระองค์แรก
ในปี -27 B.C. นับเป็ นจุดเปลี่ยน จากสาธารณรัฐสู่ยคุ จักรวรรดิโรมัน

จักรวรรดิโรมันที่มีกรุงโรมเป็ นศูนย์กลางอานาจ ได้ ครองความยิ่งใหญ่เรื่ อยมาจนถึงศตวรรษที่ 5 จึง


เปลี่ยนไปเป็ นจักรวรรดิไบแซนไทม์และย้ ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิ ล ซึง่ ยังคง
ความเจริญรุ่งเรื องต่อมาอีกหนึง่ พันปี จนถึงศตวรรษที่ 15 ก็ถกู จักรวรรดิอ็อตโตมานของชาวเติร์ก
เข้ ามาแทนที่ (ค.ศ.1453)

สภาพสังคมโรมัน

กรุงโรมมีพลเมืองมากกว่า 1 ล้ านคน ชาวโรมเป็ นทาสเสียประมาณร้ อยละ 5 พวกชนชันสู ้ งสุด


ได้ แก่ ตระกูลเซเนเตอร์ มีความเป็ นอยู่โอ่อ่า คนจนมีความเป็ นอยู่แร้ นแค้ น ชาวโรมันนิยมที่
อาบน ้าสาธารณะและการกีฬา กีฬาที่นิยมกันมากได้ แก่การแข่งขันรถศึกที่ CircusMaximus ซึง่
เป็ นสถานที่จคุ นดูประมาณ 150,000 คน
กีฬาที่นิยมกันแต่ถือว่าป่ าเถื่อนคือการต่อสู้แบบกลาดิเอเตอร์ ตามสนามแข่งขันสนามใหญ่ที่สดุ
ได้ แก่ โคลอสเซียมในกรุงโรม ในการบันเทิงแบบนี ้มีการต่อสู้ระหว่างสัตว์กบั นักสู้ถืออาวุธ หรื อ
แม้ แต่ชายกับหญิงมือเปล่าซึง่ ถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ วต่อสู้กนั ถึงตาย

Circus Maximus

3. จูเลียส ซีซาร์

จูเลียส ซีซาร์ เป็ นวีรบุรุษนักรบที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันในสมัยโบราณ ชื่อเสียงของซีซาร์ ถกู


เล่าขานและบันทึกไว้ ในประวัติศาสตร์ โลกกว่า 2000 ปี มาแล้ ว

ข้ อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) เป็ นทังรั้ ฐบุรุษ แม่ทพั และผู้ประพันธ์ร้อย
แก้ วอันเลื่องชื่อชาวโรมัน เขามีบทบาทสาคัญในเหตุการณ์อนั นาไปสู่การสิ ้นสุดสาธารณรัฐโรมัน
และความเจริญของจักรวรรดิโรมัน ในยุค 60 ปี ก่อนคริสตศักราช

ชัยชนะของซีซาร์ ในสงครามกอล ทาให้ สามารถขยายดินแดนของโรมันไปจนถึงช่องแคบอังกฤษ


และแม่น ้าไรน์ ซีซาร์ เป็ นแม่ทพั โรมันคนแรกที่สร้ างสะพานข้ ามแม่น ้าไรน์และบุกครองบริเตน
ความสาเร็จเหล่านี ้ทาให้ เขามีอานาจทางทหารซึง่ ไม่มีผ้ ใู ดเทียม แต่เมื่อสงครามกอลยุติ วุฒิสภา
สัง่ ซีซาร์ ให้ ลงจากตาแหน่งบังคับบัญชาทหารของเขาและกลับกรุงโรม
ซีซาร์ ปฏิเสธคาสัง่ นันและท้
้ าทายโดยการข้ ามรูบิคอนพร้ อมด้ วยทหารหนึง่ ลีเจียน ทิ ้งมณฑลของ
เขาและเข้ าอิตาลีภายใต้ อาวุธอย่างมิชอบด้ วยกฎหมายจึงเกิดสงครามกลางเมืองตามมาและชัย
ชนะของซีซาร์ ในสงครามทาให้ เขามีฐานะอานาจและอิทธิพลโดยไร้ ค่แู ข่ง

หลังเข้ าควบคุมรัฐบาล ซีซาร์ เริ่มโครงการปฏิรูปสังคมและรัฐบาล รวมทังการสถาปนาปฏิ


้ ทินจู
เลียน เขารวมระบบข้ าราชการประจาของสาธารณรัฐเข้ าสู่ศนู ย์กลางและสุดท้ ายประกาศตนเป็ น
"ผูเ้ ผด็จการตลอดชี พ" ทาให้ เขายิ่งมีอานาจมากขึ ้นไปอีก แต่ความขัดแย้ งทางการเมืองใต้ น ้ายังไม่
สงบ

ในที่สดุ ซีซาร์ ถกู กลุ่มสมาชิกวุฒิสภากบฏลอบสังหาร มีบรูตสุ บุตรบุญธรรมของเขาร่วมอยู่


ด้ วย จึงปรากฏคาพูดของเขาเป็ นประโยคสุดท้ าย ที่ถกู จารึกในประวัติศาสตร์ เป็ นภาษาละติน
ว่า "Et tu Brute" (เจ้ าเองหรื อ บรูตสุ )

คนรู้จกั ชีวิตส่วนมากของซีซาร์ จากบันทึกการทัพของเขาเองและจากแหล่งข้ อมูลร่วมสมัยอื่น ส่วน


ใหญ่เป็ นจดหมายและสุนทรพจน์ของกิแกโรและงานเขียนประวัติศาสตร์ ของแซลลัสต์ (Sallust)
นักประวัติศาสตร์ หลายคนถือซีซาร์ เป็ นผู้บญั ชาการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สดุ ในประวัติศาสตร์ คนหนึ่ง
นามของซีซาร์ ถกู ใช้ ในความหมายถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเป็ นแรงบันดาลใจที่นาไปใช้ เรี ยกตาแหน่ง
จักรพรรดิซาร์ ร์ แห่งจักรวรรดิรัสเซีย และจักรพรรดิไกเซอร์ แห่งจักรวรรดิปรัสเซียหรื อเยอรมัน

จูเลียส ซี ซาร์ มีกลยุทธ์ อะไร และสามารถสร้าง


ความยิ่ งใหญ่เช่นนี ้ ขึ้นมาได้อย่างไร
จูเลียส ซีซาร์ เป็ นลูกผู้ดี เป็ นชนชันปกครองของกรุ
้ งโรม แต่ต้องมาตกอับเพราะผู้เป็ นพ่อเลือกข้ าง
ผิดในสงครามกลางเมืองของโรมในยุคนัน้ เมื่อพ่ายแพ้ จงึ ทาให้ ถกู ยึดทรัพย์สินทังหมด
้ ครอบครัว
ถูกดูถกู เหยียดหยาม สู้ทน รับสภาพความขมขื่น และยากลาบากจนถึงที่สดุ

ซีซาร์ ในวัย 16 ปี มีความเจ็บแค้ น ขมขื่นฝั งลึกอยู่ในจิตใจ และมีความทะเยอทะยานที่จะฟื น้ คืน


ชื่อเสียง เกียรติภมู ิของวงศ์ตระกูลอยู่ตลอดเวลา เมื่อบวกกับลักษณะนิสยั ที่มีความกล้ าหาญเด็ด
เดี่ยว เขาเลือกเส้ นทางสร้ างความสาเร็จโดยผ่านการเป็ นนักรบที่ห้าวหาญในกองทัพโรมัน และไต่
เต้ าขึ ้นมาจากทหารชันเลว

เมื่ออายุ 26 ปี เขามีผลงานการรบมากมายจนได้ รับการยอมรับและไว้ วางใจ รับแต่งตังให้ ้ เป็ น


นายทหารผู้กมุ กองกาลัง พอดีในช่วงนันมี
้ สถานการณ์กบฏทาสทางภาคใต้ ที่กาลังคุกคามความ
มัน่ คงของกรุงโรม เป็ นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่โด่งดังมาก นาโดยสปาร์ ตาคัส วีรบุรุษนักรบของ
ชนชันทาสยุ
้ คโบราณ

4. กบฏทาส

กองทัพโรมัน เป็ นเครื่ องจักรสงครามที่ทรงพลานุภาพมาก สาหรับการรุกรานและขยายอาณาจักร


ทาให้ อานาจกรุงโรมขยายออกไป จากพื ้นที่ 3 ตารางไมล์ในหุบเขา กลายเป็ น 720,000 ตารางไมล์
ในยุคแรก และ 3.2 ล้ านตารางไมล์รอบฝั่ งทะเลเมดิเตอร์ เรเนียบนจนถึงตะวันออกกลาง ในระยะ
ต่อมา

นอกจากทรัพย์สินสงครามที่ปล้ นสะดมกลับมาเข้ าท้ องพระคลัง และที่ดินทากินที่นามาแจกจ่าย


เป็ นรางวัลแก่บรรดาแม่ทพั นายกองและทหารที่ไปร่วมรบแล้ ว ยังมีเชลยสงครามและชาวบ้ านฝ่ าย
ตรงข้ ามที่ถกู กวาดต้ อนมาเป็ นทาส อีกราว 2 ล้ านคน

ทาสเหล่านี ้ เมื่อมาอยู่ที่กรุงโรม มีงานในสามอย่างที่ให้ ทา คือ 1) เป็ นคนรับใช้ เป็ นทาสรับใช้ ใน


บ้ าน 2) เป็ นแกลดิเอเตอร์ รับใช้ สงั คมด้ วยการสร้ างความบันเทิง เพื่อแลกกับชีวิตและอิสรภาพ 3)
เป็ นแรงงานก่อสร้ างโบสถ์ วิหาร บ้ านเมืองและถนนหนทาง
ถนนเป็ นโครงสร้ างพื ้นฐานสาคัญของอาณาจักร กองทัพโรมันได้ ใช้ กาลังแรงงานทาสในการสร้ าง
ถนน เพื่อใช้ เป็ นเส้ นทางยุทธศาสตร์ ในการเคลื่อนพลออกรบ ส่งกองกาลังทหารไปควบคุมดูแล
และใช้ ขนส่งพืชพันธุ์ธญ ั ญาหารส่งมาหล่อเลี ้ยงกรุ งโรม

กล่าวกันว่าวิศวกรรมการสร้ างถนนแบบโรมันมีความก้ าวหน้ ามาก สามารถสร้ างถนนได้ โดยไม่ต้อง


ปรับพื ้น ซึง่ ประมาณว่า ถนนที่กองทัพโรมันได้ สร้ างไว้ เพื่อการเหล่านี ้ มีความยาวรวมทังสิ
้ ้นถึง
50,000 ไมล์เลยทีเดียว

81 ปี ก่อนคริสตกาล ทาสกลุ่มหนึง่ ที่ทนต่อการกดขี่ข่มเหงไม่ไหว ลุกฮือขึ ้นมาก่อกบฏ มีผ้ นู าเป็ น


ทาสนักต่อสู้แกลดิเอเตอร์ ที่เก่งฉกาจ ชื่อสปาร์ ตาคัส การลุกขึ ้นสู้ของกองทัพทาสได้ ปลุกเร้ าให้ ทาส
คนอื่นๆลุกขึ ้นมาร่วมต่อสู้เพื่ออิสรภาพและศักดิ์ศรีความเป็ นมนุษย์ กองกาลังจึงเพิม่ ขึ ้นเรื่ อยๆ จน
มีกาลังรวมราว 100,000 คน จนเป็ นที่หวาดผวาของบรรดาทหารโรมัน

กองทัพกบฏทาส เริ่มก่อตัวจากคาบสมุทรอิตาลีตอนใต้ ขยายพื ้นที่การต่อสู้ออกไป ยกกาลังเข้ า


โจมตีกองทหารโรมันจนแตกพ่ายครัง้ แล้ วครัง้ เล่า มีจดุ มุ่งหมายรุกคืบหน้ ามุ่งเข้ าสู่กรุงโรมด้ วย
ความฮึกเหิม แต่ทว่าระหว่างทางยังมีกองทัพโรมัน 35,000 คนขวางทางอยู่ มีแม่ทพั ใหญ่คือแคร็ก
ซุส Craxus ส่วนจูเลียส ซีซาร์ ก็เป็ นทหารประจาการในระดับนายกอง

5. การศึกที่ไซลาริ อสุ

73 ปี ก่อนคริสตกาล กองทัพทาสได้ รุกคืบมาถึงเมือง Silalius ฝ่ ายทหารโรมันซึง่ กาลังขวัญเสียจาก


การพ่ายแพ้ ฝ่ายกบฏอย่างต่อเนื่อง กาลังต้ องตัดสินใจเลือกว่า จะตังมั
้ น่ ปะทะกองทัพทาสเพื่อสกัด
กันไว้
้ ที่นนั่ ป้องกันไม่ให้ บกุ เข้ าถึงกรุงโรมกับการยกกาลังถอยกลับไปสมทบกาลัง ร่วมกันปกป้อง
กรุงโรมจากการบุกเข้ าตีเมืองหลวงของกองทัพทาส
แม่ทพั ใหญ่ แคร็กซุส เรี ยกประชุมแม่ทพั นายกอง ส่วนใหญ่เห็นว่าคงสู้กองทัพทาสไม่ไหว ควรถอย
กลับไปตังหลั
้ กป้องกันกรุงโรม รวมทังแคร็
้ กซุสด้ วยที่เห็นเช่นนัน้ แต่ซีซาร์ กลับเห็นต่าง โดยให้
เหตุผลว่า “ ที่ผ่านมาโรมันรบในเกมที่สปาร์ ตาคัสกาหนด เราต้ องเปลี่ยนเป็ นฝ่ ายรุกเข้ าโจมตีบ้าง”

เขาจึงเสนอยุทธวิธีใหม่ ให้ เข้ าโจมตีกองทัพกบฏแบบสายฟ้าแลบ แบบไม่ทนั ให้ ตงตั ั ้ ว พร้ อมกันนัน้


ก็เสนอตัวที่จะขอเป็ นผู้นากองกาลังที่แข็งแกร่ งจานวนน้ อย บุกเข้ าจู่โจมในเวลากลางดึก

ด้ วยเคยเห็นในผลงานและความห้ าวหาญของซีซาร์ ทาให้ แม่ทพั แคร็กซุสเปลี่ยนใจ ยอมทาตาม


ยุทธวิธีของซีซาร์ จึงเป็ นที่มาของศึกครัง้ สาคัญที่จารึกไว้ ในประวัติศาสตร์ ที่ชื่อ Silalius Battle

ก่อนออกปฏิบตั ิการรบ ซีซาร์ ผู้มีภรรยาและลูกสาวสุดที่รักอายุ 15 ปี รออยู่ที่บ้าน ได้ กล่าวปลุก


ขวัญทหารว่า “ กองทัพทาสไม่มีอะไรจะสูญเสีย แต่พวกเรามี ภรรยา ลูกสาว และครอบครัวอยู่ที่
โรมเป็ นเดิ มพัน ถ้าเราแพ้ พวกเขาจะถูกข่มเหง ทุกข์ ทรมานถึงทีส่ ดุ พวกเจ้าจะไปสูก้ บั ข้าไหม เรา
จะสูเ้ พือ่ ภรรยาของเรา ลูกสาวของเรา และกรุงโรมของเรา”

และแล้ ว ซีซาร์ ได้ เคลื่อนกาลังอย่างเงียบเชียบในเวลากลางคืน บุกเข้ าจู่โจมกองทัพของสปาร์ ตาคัส


แบบไม่ให้ ตงตั
ั ้ วทัน ในเวลาก่อนรุ่งสาง จนกองทัพทาสแตกพ่าย บาดเจ็บล้ มตายจานวนมาก ที่
เหลือถูกจับกุมเป็ นเชลย ส่วนสปาร์ ตาคัสถูกฆ่าตายแต่ไม่มีใครเห็นศพเขา จึงมีข่าวลือหนาหูว่าเขา
สามารถหนีรอดไปได้ ทหารโรมันพยายามค้ นหาตัวเท่าไร เค้ นถามนักรบทาสคนไหน ต่างก็บอกว่า
ตัวเองคือ สปาร์ ตาคัสทังสิ
้ ้น

เมื่อจนปั ญญาที่จะหาตัวสปาร์ ตาคัสมาลงโทษ ดังนันเพื ้ ่อเป็ นการลงโทษทัณฑ์ ตัดรากสปาร์ ตาคัส


และข่มขู่มิให้ พวกกบฏทังหลายเอาเยี
้ ่ยงอย่าง แคร็กซุสจึงสัง่ ให้ ประหารนักรบทาสทุกคนที่จบั ตัวได้
ด้ วยการตอกแขนขาตรึงไม้ กางเขนไปตลอดเส้ นทางที่เข้ าสู่กรุงโรม จานวน 6,000 คน เว้ นระยะห่าง
ทุก 100 ฟุต เป็ นระยะทางยาว 60 ไมล์พอดี เรื่ องนี ้ซีซาร์ เห็นต่าง แต่ขดั แคร็กซุสไม่ได้

6. การเมืองในกรุงโรม

ยังมีแม่ทพั ใหญ่อีกคนหนึ่ง คุมกองทัพโรมันทางภาคตะวันออก ชื่อปอมปี ย์ แมกนุส Pompey


Maxnus เขาผู้นี ้ก็มีเป้าหมายที่อยากจะสร้ างผลงานเพื่อเป็ นกงสุลแห่งกรุงโรม(นายกรัฐมนตรี ) เป็ น
คู่แข่งกับแคร็กซุส

เมื่อทราบข่าวว่าสปาร์ ตาคัสแตกพ่ายแล้ ว และมีทหารทาสจานวนหนึง่ แตกทัพออกมา ปอมปี ย์จงึ


สัง่ ให้ ทหารรี บสืบข่าวและส่งกาลังไปตามตีซ ้า เข่นฆ่าและจับกุมทหารทาสไว้ ได้ จานวนหนึง่
จากนันจึ ้ งรี บคว้ าเป็ นผลงานแล้ วยกกองทัพกลับเข้ ากรุงโรม เคลมว่าตนเป็ นผู้ปราบปรามกบฏทาส
ได้ สาเร็จ สามารถรักษาโรมไว้ ได้ ขอให้ จดั งานเฉลิมฉลอง

เมื่อแคร็กซุสและซีซาร์ กลับมาถึงกรุงโรม ทราบข่าวถูกปล้ นชัยชนะ แคร็กซุสเดือดดาลเป็ นที่สดุ จน


เกือบจะเปิ ดศึกฆ่ากันกลางงาน แต่ซีซาร์ เห็นว่าเป็ นฝ่ ายเสียเปรี ยบจึงห้ ามศึกไว้ ทนั และต้ องเล่นบท
คนกลางเจรจา mediator ระหว่างแม่ทพั ผู้ทรงอานาจทังสองของกรุ
้ งโรม เป็ นที่มาของศึกการเมือง
สาคัญในวุฒิสภา senate ในยุคนัน้

จากชัยชนะทางการทหารไซลาริอสุ เมื่อประกอบเข้ ากับการเป็ นตัวกลางระหว่างพยัคฆ์สองตัวใน


ศึกการเมืองในศูนย์กลางอานาจของอาณาจักรโรมัน ทาให้ ซีซาร์ สามารถฟื น้ สถานะของตัวเองและ
วงศ์ตระกูลขึ ้นมาได้ อีกครัง้
7. อานาจสามเส้ า

ระบอบสาธารณรัฐแห่งโรม เป็ นระบอบที่ปกครองโดยมีวฒ ุ ิสภา หรื อ senate เป็ นองค์กรปกครอง


สูงสุด ซึง่ สมาชิกประกอบไปด้ วยตัวแทนของชนชันสู
้ ง ผู้ปกครอง ผู้มีอนั จะกิน และขุนศึกแม่ทพั
ของโรม เป็ นศูนย์กลางอานาจบริหาร ซึง่ ผิดกับระบอบราชาธิปไตยที่อานาจทุกอย่างอยู่ที่
พระบรมมหาราชวัง โดยพระมหากษัตริย์เป็ นผู้ถืออานาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว

การแต่งตังแม่
้ ทพั โรมัน เพื่อออกไปทาศึก หรื อ ไปดูแลรักษาดินแดนอาณานิคม จะต้ องผ่านการ
นาเสนอ อภิปรายและมีมติแต่งตังจากสภาsenate
้ แม่ทพั ที่ได้ รับการแต่งตังจะมี
้ สถานะเป็ น
สมาชิกไปด้ วย หรื อ ส่วนใหญ่มกั จะเป็ นสมาชิกอยู่แล้ ว

แม่ทพั แคร็กซุส เป็ นผู้มงั่ คัง่ มีธุรกิจการค้ าขายมากมายอยู่ในกรุงโรม เขามุ่งหวังที่จะให้ วฒุ ิสภา
ออกกฎหมายลดภาษี ให้ กบั ธุรกิจของตน แต่ทาไม่สาเร็จเพราะในรัฐสภาแบ่งเป็ นสองขัวชั ้ ดเจน
เช่นเดียวกับแม่ทพั ปอมปี ย์ ซึง่ ต้ องการออกกฎหมายจัดสรรที่ดินทากินในดินแดนที่รบชนะมา
เพื่อให้ เป็ นรางวัลตอบแทนครอบครัวทหารที่ร่วมรบก็ทาไม่ได้ เพราะอีกฝ่ ายจะคอยคัดค้ าน จนทา
ให้ การเมืองมาถึงทางตัน ถึงขันที ้ ่แคร็กซุสตัดสินใจจะก่อสงครามกลางเมืองกับฝ่ ายปอมปี ย์เพื่อ
ตัดสินชี ้ขาด จึงยื่นคาขาดกับซีซาร์ วา่ “เจ้ าจะอยู่ข้างใด”

ซีซาร์ บัดนันมี
้ เครดิตในทางการเมืองขึ ้นมาแล้ ว ในวันพิธีศพของภรรยาสุดที่รักซึง่ เกิดป่ วยและ
เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ทังแคร็
้ กซุสและปอมปี ย์ต่างมาร่วมงานศพด้ วย ซีซาร์ จงึ เกิดแรงบันดาล
ใจที่จะผ่าทางตันทางการเมืองในครัง้ นันด้
้ วยวิถีทางของตน

เขาเขียนจดหมายลับถึงแต่ละคน โดยนัดหมายให้ มาพบกับเขากลางดึกในที่ลบั แห่งหนึง่ โดยไม่


บอกว่าเป็ นเรื่ องอะไร เมื่อเสือสองตัวมาถึงจุดนัด เห็นอีกฝ่ ายหนึง่ เข้ าก็ตกใจ ซีซาร์ จงึ เผยความใน
ใจถึงสภาพทางตันทางการเมืองของทุกฝ่ าย พร้ อมกับข้ อเสนอว่า “ ขื นสูก้ นั ต่อไปจะมี แต่สูญเสีย
และไม่มีใครได้อะไรเลย...สูม้ าร่ วมกันแก้ปัญหาและจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัวจะดี กว่า”
จากจุดนันเอง
้ จึงเป็ นที่มาของยุค “อานาจสามเส้ า” triumvirate ประกอบด้ วย ปอมปี ย์ แคร็กซุส
และซีซาร์ โดยมีซีซาร์ เป็ นคนกลางไกล่เกลี่ย mediator จนทาให้ สามารถคลี่คลายวิกฤติทางการ
เมือง หลีกเลี่ยงสงครามกลางเมืองมาได้ หวุดหวิด ในขณะที่ตวั ซีซาร์ เองก็มีบทบาท สถานะและ
ความมัง่ คัง่ กลับคืนมาอีกครัง้ ภายหลังความพ่ายแพ้ ล้มเหลวในยุคพ่อ

8. กงสุลแห่งโรม

เมื่อจัดการความขัดแย้ งทางการเมืองระหว่างสองเสือกรุงโรมได้ แล้ ว ซีซาร์ ยงั มีความทะเยอทะยาน


ที่จะขึ ้นสู่ตาแหน่งอานาจบริหารสูงสุด เขาขอร้ องให้ สองเสือสนับสนุนให้ เขาได้ เป็ นกงสุลแห่งโรม
เพื่อที่จะช่วยผลักดันกฎหมายของทังสองฝ่
้ ายให้ ผ่านรัฐสภาได้ สะดวกขึ ้น

ระบบอานาจการปกครองของโรมในสมัยนัน้ ประกอบด้วย 3 อานาจใหญ่ที่คอยถ่วงดุลกัน ได้แก่


1) รัฐสภา senate เป็ นสภาขุนนาง ขุนศึกและชนชันสู ้ งของโรม เป็ นสภาตัวแทนของคณะ
พรรค ที่กลุ่มอานาจต่างๆ ส่งคนเข้ ามาดูแลรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาที่เป็ นส่วน
ประชากร 10% ของกรุงโรม มี สว.จานวน 300 คน
2) สภาสามัญ pleabian council เป็ นสภาตัวแทนของพวกชนชันล่ ้ าง ซึง่ เป็ นตัวแทนส่วน
90% ของประชากรโรม สภานี ้มีสมาชิกเพียงแค่ 10 คนเท่านัน้ แต่มีอานาจในการวีโต้
กฎหมายและการแต่งตังกงสุ
้ ล
3) กงสุล consul เป็ นหัวหน้ าฝ่ ายบริหาร คือนายกรัฐมนตรี นนั่ เอง มี 2 คน เป็ นระบบให้
สามารถดุล-คานกันได้

ในที่สดุ เมื่อซีซาร์ ได้ รับการแต่งตังเป็


้ นกงสุลแห่งโรมจริง เขาพยายามเสนอกฎหมายเพื่อช่วยแคร็ก
ซุส แต่ไม่สาเร็จ เสนอกฎหมายเพื่อช่วยปอมปี ย์ ก็มีเสียงคัดค้ านตลอดเวลา ทังสองเสื
้ อซึง่ อยู่ใน
รัฐสภาด้ วยกันก็เริ่มทาใจได้ แต่ซีซาร์ บอก “ข้ามี วิธีแก้ปัญหาของข้าเอง”

ซีซาร์ เลือกใช้ วิถีอนั ธพาลการเมือง โดยส่งนักเลงไปข่มขู่ ซ้ อมและทาร้ ายร่างกายบรรดา สว .ที่


คัดค้ าน จนถึงขันคางเหลื
้ อง ในที่สดุ การประชุมพิจารณากฎหมายของสองเสือในครัง้ ต่อๆมาจึง
ผ่านฉลุย
แต่จากจุดนันเป็
้ นต้ นมา ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของซีซาร์ ก็กลายเป็ นผู้เผด็จการและนักเลง
อันธพาล เขามีศตั รูในรัฐสภาเพิม่ ขึ ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่กลัว เพราะมีทงก
ั ้ าลังกองทัพและ
อานาจกงสุลอยู่ในมือแล้ ว

9. แม่ทพั ปราบกอล

เมื่อจูเลียส ซีซาร์ เริ่มมีอานาจมากขึ ้น มีความมัง่ คัง่ กลับคืนมา ภรรยาก็เสียชีวิต เขาได้ ยกลูกสาว


สุดที่รักให้ แต่งงานกับปอมปี ย์เป็ นการผูกสัมพันธ์ทางสายเลือด เขาจึงอยู่โดดเดี่ยว มีความสัมพันธ์
กับสตรี มากหลาย รวมทังกั ้ บภรรยาผู้อื่น โดยเฉพาะนางเซอร์ วิเลีย Servilia ซึง่ เป็ นนักการเมืองสตรี
ผู้มีบทบาททางการเมืองหลังฉากในกรุงโรม ในที่สดุ ได้ มาอยู่ด้วยกันอย่างเปิ ดเผยพร้ อมกับลูกชาย
ที่ติดมาด้ วยคนหนึง่ ซึง่ กลายมาเป็ นบุตรบุญธรรมของเขา ชื่อ บรูตสุ Brutus (ผู้นี ้เป็ นผู้ซงึ่ เข้ าร่วม
การลอบสังหารซีซาร์ ในภายหลัง)

เมื่อศัตรูทางการเมืองในรัฐสภามีมากขึ ้น ทุกคนทุกฝ่ าย รวมทังแคร็


้ กซุสและปอมปี ย์ ต่างก็กลัวว่าซี
ซาร์ จะมีอานาจมากเกินและเป็ นเผด็จการอันธพาลที่ควบคุมไม่ได้ ในที่สดุ จึงใช้ อานาจรัฐสภาบีบ
ให้ เขาพ้ นตาแหน่งกงสุลแห่งโรม โดยออกไปรับผิดชอบสร้ างกองทัพอยู่นอกเมือง มีภารกิจขยาย
อาณาจักรไปทางภาคเหนือ อันเป็ นพื ้นที่ที่กาลังมีปัญหากับชนเผ่ากอล Gaul หรื อ ชาวฝรั่งเศส

เขายอมรับสภาพแต่โดยดี ตัดสินใจออกไปตังกองทั้ พทางทิศเหนือของโรม ด้ วยกาลังทหาร 20,000


คน แบ่งเป็ น 4 กองทัพ รับภารกิจบุกดินแดนที่ยากที่สดุ ในเวลานัน้ เพื่อปราบกองกาลังของพวก
กอล ชนเผ่าที่เป็ นอริกบั กองทัพโรมันมาอย่างยาวนานและทหารโรมันก็กลัวพวกกอลอยู่ในกระแส
เลือดหรื อจิตใต้ สานึก

ข้ อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า ปรกติกองทัพโรม 1 กองทัพหรื อ legion จะมีกาลังรบ


ประมาณ 5,000 คน แต่ละลีเจียนจะมีผ้ บู ญ ั ชาการคือ legate และมี tribune ถูกเลือกให้ เป็ น
ผู้บงั คับบัญชากองทัพอีกหกคน ทหารลีเจียนนี ้จะต้ องเป็ นพลเมืองโรมันแท้ และรับราชการ
อยู่ 20 ปี เมื่อลาออกก็จะได้ บาเหน็จเป็ นดินแดนที่ตนตีได้
กองทหารลีเจียน ถือเป็ นกระดูกสันหลังของกองทัพ พวกทหารเหล่านี ้จะได้ รับการฝึ กฝนอย่าง
ดี นอกจากถือดาบและใส่เสื ้อเกราะแล้ ว พวกนี ้ยังจะต้ องถือหอกซัดอีกคนละสองอัน ซึง่ จะได้ รับ
การฝึ กหัดให้ ขว้ างได้ ทงสองอั
ั้ นภายใน 30 วินาที นอกจากนี ้พวกนี ้ก็จะได้ รับการฝึ กหัดวิธีการ
ตรวจสอบภูมิประเทศ สร้ างถนนและสะพาน รวมทังการเพาะปลู
้ กและเก็บเกี่ยวพืชผลด้ วย

ชาติพนั ธุ์กอล เป็ นชนเผ่าที่แยกกระจายกันอยู่เป็ นแคว้ นๆ มี 30 ชนเผ่า ทหารโรมันกลัวพวกกอล


เป็ นพื ้นฐาน ซีซาร์ ใช้ ยทุ ธวิธี ”ตี ทีละเผ่า” หรื อ “กิ นทีละคา” จนพวกกอลรวมตัวกันไม่ติด
ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ ถึงกับสรุปไว้ ว่า ยุทธวิธีนี ้ของซีซาร์ เป็ นต้ นตารับของกลยุทธ์ ”
แบ่งแยกแล้วปกครอง” ของโลกในปั จจุบนั

10. การศึกที่อเล็กเซีย

หลังจากถูกแยกตีจนเสียขบวน ชาวกอลเริ่มรวมตัวกันได้ โดยมีแม่ทพั ชื่อเวอร์ ซนิ เกอเรรักซ์


Verzingerarux เป็ นผู้นา ชาวกอลเริ่มตีโต้ ด้วยการดักซุม่ โจมตีกองทัพโรมัน ทาให้ เป็ นอุปสรรค สู้
กันไปมาอย่างนี ้จนกระทัง่ ในที่สดุ กองกาลังของชาวกอลก็ถกู ไล่ต้อนไปรวมกันอยู่ที่เมืองอเล็กเซีย
Alesia จึงเป็ นที่มาของการศึกครัง้ สาคัญที่ชี ้ขาดแพ้ ชนะระหว่างโรมันกับฝรั่งเศส ที่เรี ยกว่า Alesia
Battle

แม่ทพั เวอร์ ซินใช้ ยทุ ธศาสตร์ ตงรั


ั ้ บ โดยยึดเมืองอเล็กเซียเอาไว้ ใช้ ยทุ ธวิธี”อึดเอาไว้ ในนาน 1 ปี “
เพราะรู้ดีว่าซีซาร์ มีจดุ อ่อนอยู่ที่ไม่เคยสนใจการส่งเสบียงของกองทัพจากแนวหลัง เพราะมัน่ ใจว่า
กองทัพสามารถ ”ตีไป สะสมเสบียงไป” ก็เพียงพอแล้ ว กลยุทธ์ตงมั ั ้ น่ 1 ปี ของเวอร์ ซนิ จึงมี
เป้าหมายให้ กองทัพซีซาร์ ต้องอดตาย ยอมแพ้ หรื อ ถอยทัพกลับบ้ านไปมือเปล่า

ฝ่ ายซีซาร์ ซึง่ มักจะเป็ นคนคิดแบบนอกกรอบ สวนกระแส และทาสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึงอยู่เสมอ เขา


ใช้ ยทุ ธวิธี “ก่อกาแพง ปิ ดล้อมเมื องทัง้ เมื อง”อย่างแข็งแรง มีบนั ทึกไว้ ว่า กาแพงที่ซีซาร์ สร้ างมี
ความยาวถึง 11 ไมล์ เป้าหมายคือไม่ให้ ใครเข้ า-ออกเมืองได้ เลย
เวอร์ ซนิ มีกาลังทหารอยู่ในเมือง 60,000 คน เป็ นจานวนที่เท่าๆกับทหารโรมันของซีซาร์ จึงต้ องส่ง
ข่าวไปและรอคอยเวลาที่กองทัพกอลส่วนอื่นๆจะมาหนุน ในที่สดุ กองกาลังของเผ่ากอลก็มาจริง มี
จานวนมากถึง 230,000 คน แต่แทนที่จะตกใจกลัว ซีซาร์ กลับสัง่ ให้ ทหารโรมันตังก ้ าแพงขึ ้นอีก
ชันหนึ
้ ง่ ปิ ดล้ อมเมืองอเล็กเซียไว้ เป็ นวงที่สอง โดยมีช่องว่างระหว่างวงขนาดกว้ างครึ่งไมล์ และมี
ทหารโรมัน 60,000 คนอยู่ระหว่างกาแพงสองวงนัน้

ซี ซาร์ นาการรบในสภาวะทีถ่ ูกขนาบด้วยกาลัง


ฝ่ ายกอลทัง้ สองด้านได้อย่างไร
ซีซาร์ ใช้ ยทุ ธวิธีตงมัั ้ น่ อยู่ภายในกาแพง ใช้ กาแพงเป็ นเกราะกาบังและใช้ พลธนูเป็ นแนวต้ านทานทัง้
สองฝาก แต่ในที่สดุ กองทัพกอลด้ านนอก สามารถพบจุดอ่อนของกาแพงและบุกทะลวงเข้ ามาได้
สาเร็จ ในนาทีนนซี ั ้ ซาร์ ตดั สินใจใช้ กลยุทธ์ กองกาลัง “ทหารม้ าอัจฉริยะ” บุกตีฝ่าออกไป แล้ ว
วกกลับมาตีตลบหลังทหารกอลจากด้ านหลัง จนแตกพ่ายและยอมจานนทังหมด ้

จากชัยชนะในการรบที่อเล็กเซีย ทาให้ ซีซาร์ สามารถเอาชนะชนเผ่ากอลที่เหลือได้ ทงหมด


ั้ ณ จุด
เดียว ทาให้ สามารถแผ่ขยายดินแดนยึดครองไปจรดมหาสมุทรแอตแลนติคและเกาะอังกฤษ รวม
เนื ้อที่ 230,000 ตารางไมล์

ในสมรภูมิกอล ได้ เกิดแม่ทพั คู่ใจของซีซาร์ ที่โดดเด่นขึ ้นมาอีกคนหนึ่ง ชื่อมาร์ ค แอนโทนี่ Mark


Antony

ทางฝ่ ายแคร็กซุส ก็ถกู รัฐสภาบีบให้ ออกไปตังกองทั


้ พนอกเมืองเช่นกัน เขาเลือกไปทางภาค
ตะวันออกและตะวันออกกลาง ที่เป็ นฐานเดิมของปอมปี ย์ แต่ประสบความพ่ายแพ้ หลายครัง้
สูญเสียทหารไปถึง 20,000 คน จนควบคุมกองทัพไม่ได้ ถูกทหารของตนจับตัวไว้ ด้วยความเคียด
แค้ น เอาทองหลอมละลายเทกรอกใส่ปาก จนถึงแก่ความตายอย่างน่าอเน็จอนาจ
11. นักรบ นักสื่อสาร

เป็ นที่น่าสังเกตว่า ในตาราประวัติศาสตร์ โลก นอกจากสรรเสริญซีซาร์ ในฐานะวีระบุรุษนักรบ และ


ความเป็ นนักการเมืองแห่งกรุงโรมแล้ ว ยังได้ ระบุสถานภาพของจูเลียส ซีซาร์ ไว้ อีกบทบาทหนึง่ ที่
คนมักไม่จดจา คือเป็ น ”นักกวีร้อยแก้ ว”

เนื่องเพราะเขาเป็ นผู้ใช้ การเขียนเล่าเรื่ องราวจากแนวหน้ า ส่งข่าวมาให้ ชาวเมืองในกรุงโรมได้


ติดตามรับรู้อยู่อย่างต่อเนื่อง ด้ านหนึง่ เป็ นการสร้ างสัมพันธภาพผูกพันกับประชาชนที่อยู่แนวหลัง
อีกด้ านหนึง่ เป็ นการเขียนบันทึกประวัติศาสตร์ และเรื่ องราวการทางานด้ วยตัวเอง

บทรายงานข่าวสถานการณ์จากแนวหน้ า มักมีเรื่ องราวที่น่าสนใจให้ ชาวบ้ านชาวเมืองติดตาม


มากกว่าเรื่ องราวที่จาเจของนักการเมืองในกรุงโรม ข่าวชัยชนะที่เล่ามาจากแนวรบปราบปราบพวก
กอลกลุ่มต่างๆ ปั ญหาอุปสรรคและการผจญภัย รวมทังเรื ้ ่ องราวแปลกๆของชาวบ้ านในต่างเมือง
สิ่งเหล่านี ้ล้ วนมีผลทาให้ ซีซาร์ ได้ รับความนิยมจากประชาชนชาวโรมเพิม่ ขึ ้นเรื่ อยๆ

นี่คืออีกกลยุทธ์หนึง่ ของซีซาร์ ที่น่าสนใจ เป็ นกลยุทธ์ทางการสื่อสารสาธารณะ public


communication เมื่อยุค 2500 ปี ล่วงมาแล้ ว

12. ปอมปี ย์ทิ ้งกรุ งโรม

ข้ างฝ่ ายปอมปี ย์ เสืออีกตัวผู้ได้ รับแต่งตังเป็


้ นกงสุล ครองอานาจอยู่ในโรม คุมกาลังทหารในโรม
ทังหมดไว้
้ ในมือ ในขณะที่สองเสือถูกผลักออกไปทาสงครามอยู่ภายนอก เขาโน้ มน้ าวให้ รัฐสภาโรม
ลงมติเป็ นเอกฉันท์ตามข้ อเสนอของเขา ที่ให้ ปลดจูเลียส ซีซาร์ ออกจากการคุมกองทัพ โดยตังข้ ้ อ
กล่าวหามากมาย และสัง่ ให้ กลับมารับโทษในกรุงโรม ซึง่ ในเกมนี ้ บรูตสั บุตรบุญธรรมของซีซาร์ ก็
เลือกที่จะอยู่ข้างปอมปี ย์
ในเชิงกาลังอานาจ ปอมปี ย์ ในฐานะกงสุลแห่งโรม เป็ นผู้มีอานาจสูงสุด เขามีจานวนทหาร
มากกว่าซีซาร์ ถึง 3 เท่าตัว แต่ให้ เกิดหวัน่ ไหว เกรงกลัวว่าซีซาร์ จะกลับมาคิดบัญชีแค้ นและยึดกรุง
โรม เขาจึงเรี ยกประชุมแม่ทพั เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมือกับกองทัพของซีซาร์

ในที่สดุ ด้ วยเหตุผลความเป็ นวีระบุรุษสงครามหมาดๆและนิสยั ความห้ าวหาญของซีซาร์ ทาให้


ปอมปี ย์ต้องตัดสินใจ “ทิ ้งเมือง” โดยถอยกาลังทหารส่วนสาคัญออกจากกรุงโรม นับเป็ นกลยุทธ์
“ทิ ้งโรม”อันลือลัน่ ที่ได้ รับการจารึกไว้ ในประวัติศาสตร์ โรมันอีกเช่นกัน

ทางด้ านซีซาร์ เมื่อได้ รับทราบคาสัง่ ปลดและเรี ยกตัวให้ กลับไปรับโทษ ในฐานที่ก่อศึกสงครามโกล


ไปโดยพลการ ทังๆที้ ่รัฐสภายังไม่ได้ มีมติให้ ทากระทาการ ซีซาร์ ร้ ูตวั ดีว่าอะไรกาลังเกิดขึ ้นกับตน
เขาจึงยกพลเคลื่อนกลับกรุงโรม จนได้ มาถึงแม่น ้ารู บิคอน Rubicon ทางตอนเหนือของโรม ห่าง
ออกไป 200 ไมล์ และหยุดตังสติ ้ ตรงฝั่ งแม่น ้าดังกล่าว

ในขณะที่เขาตังทั ้ พชัว่ คราวอยู่ที่ริมฝั่ งแม่น ้า ในใจต้ องเผชิญกับทางสองแพร่งของชีวิต ทางหนึง่ คือ


การหยุดอยู่ที่ฝั่งแม่น ้านัน้ เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามกลางเมืองระหว่างทหารโรมันทังสองฝ่
้ าย ส่วนอีก
แพร่งหนึง่ เป็ นการยกพลข้ ามแม่น ้ารูบิคอน มุ่งเข้ าสู่กรุงโรม อันจะเป็ นการเปิ ดฉากสงครามกลาง
เมือง ทาศึกยึดกรุงโรม และตังตั ้ วเป็ นจักรพรรดิ

ฝ่ ายปอมปี ย์ เมื่อหันหลังทิ ้งโรมแล้ ว มีแผนมุ่งหน้ าข้ ามทะเลไปปั กหลักที่กรี ซและทาการสัง่ การ


กองทัพอยู่นอกโรม และเรี ยกระดมกองทัพโรมันจากส่วนภูมิภาคอื่นๆ ให้ มารวมตัวสู้กบั ซีซาร์ แต่ซี
ซาร์ ร้ ูทนั จึงรี บนากาลังเคลื่อนที่เร็ว เดินทางทังวั
้ นทังคื
้ น ใช้ เวลาสามเดือนเต็มๆ จึงมาถึงเมืองท่าบ
รุนดีเซีย Brundesia จุดที่จะข้ ามทะเลไปฝั่ งกรี ซ แต่ไปไม่ทนั ปอมปี ย์เสียแล้ ว

13. ศึกโรมสู้โรม

ปอมปี ย์เป็ นฝ่ ายข้ ามฟากไปได้ ก่อน มาตังมั


้ น่ อยู่ที่เมืองฟาซาร์ ลสุ Phasalus เขาส่งคาสัง่ เรี ยก
กองทัพโรมันทัว่ ภูมิภาคให้ มาสมทบกาลัง ระหว่างนันก็ ้ ฝึกทหารเตรี ยมทาศึกแตกหัก
ฝ่ ายซีซาร์ สัง่ ให้ มาร์ ก แอนโทนี เร่งต่อเรื อ แล้ วยกกาลังไปตามตีจนถึงฝั่ งกรี ซ มีทหารติดตามไป
ด้ วย 22,000 คน โดยให้ มาร์ ค แอนโทนี ตังทั ้ พรออยู่ที่นนั่

ปอมปี ย์ เมื่อชัง่ กาลังดูแล้ ว เขามีทหาร 45,000-65,000 คน ซึง่ มากกว่าซีซาร์ ในสัดส่วน 3:1 แต่ก็
คิดว่าคงกินกันไม่ลง เพราะทหารซีซาร์ แม้ จะมีจานวนน้ อยกว่า แต่ก็มีระเบียบวินยั สูง ยิ่งเพิง่ ชนะ
ศึกใหญ่มาหมาดๆ ขวัญสู้รบจึงสูงกว่ากันมาก จึงเสนอเจรจา แต่สดุ ท้ ายการเจรจาครัง้ นันล้ ้ มเหลว
เพราะต่างฝ่ ายต่างไม่ยอมกัน ศึกโรมสู้โรมจึงระเบิดขึ ้นที่นนั ้ เรี ยก Phasalus Battle

ในด้ านยุทธวิธี ยกแรกปะทะกันโดยตรง ซีซาร์ เป็ นฝ่ ายมีชยั พอยกสองปอมปี ย์เปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้


กาลังทหารม้ า 2,000 คน บุกเข้ าตีจากด้ านข้ าง แต่ซีซาร์ พลิกเกมสู้ด้วยการใช้ กองกาลังอีกปี กหนึง่
ให้ เคลื่อนมาโอบล้ อม เหมือนกับบานประตูที่หนีบเข้ ามา ในที่สดุ ซีซาร์ เป็ นฝ่ ายชนะศึก ปอมปี ย์
สูญเสียชีวิตทหารไป 50,000 คน ถูกจับอีก 20,000 คน ในจานวนนัน้ มีบรู ตสุ ลูกบุญธรรมของซี
ซาร์ ถกู จับมาด้ วย ส่วนปอมปี ย์สามารถหนีไปที่เมืองอเล็กซาร์ นเดรี ย เมืองหลวงของอิยิปต์ และถูก
ฆ่าตายในสถานการณ์ศกึ แย่งชิงอานาจภายในของที่นนั่ เมื่อซีซาร์ ได้ รับชัยชนะเหนือปอมปี ย์ที่
สมรภูมิฟาซาร์ ลสุ ได้ กล่าวคาพูดที่โด่งดัง เป็ นวาทะทางประวัติศาสตร์ ว่า “ ข้ ามาถึง ข้ าได้ เห็น
และข้ ได้ ชยั ชนะ” ซีซาร์ เป็ นห่วงเหตุการณ์ในกรุงโรม จึงสัง่ การให้ มาร์ ก แอนโทนี กลับไปคุม
สถานการณ์ไว้ ก่อน ส่วนตนเองคุมกองทัพไล่ล่าปอมปี ย์ไปถึงอียิปต์

ที่กรุงโรม เมื่อขาดอานาจรัฐปกครอง บ้ านเมืองอยู่ในสภาพไร้ ขือแป อยู่ภายใต้ อิทธิพลของกลุ่ม


นักเลงอันธพาล ประชาชนอดอยาก ขาดอาหาร เกิดจราจลปล้ นจี ้กันทุกวัน มาร์ ค แอนโทนี่ไม่
สามารถปกครองได้ เพราะขาดประสบการณ์ทางการเมืองและชอบใช้ กาลังควบคุมแบบทหาร จน
ทาให้ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ ายลงไปอีก

14. ติดหล่มศึกภายในอียิปต์

จูเลียส ซีซาร์ สัง่ การให้ ไว้ ชีวิตบรูตสุ ก่อนที่จะยกกาลังตามตีปอมปี ย์ไปจนถึงเมืองอเล็กซาร์ นเดรี ย


แต่แล้ วต้ องติดหล่มอยู่ที่นนั่ ด้ วยสถานการณ์ศกึ แย่งชิงอานาจกันเองระหว่างพี่สาวกับน้ องชายใน
อาณาจักรอียิปต์ อียิปต์เป็ นอาณาจักรโบราณ มีอารยธรรมความเจริญมาเก่าแก่กว่าโรมและเป็ น
ประเทศเพื่อนบ้ านที่พงึ่ พาอาศัยกันมานาน พืชพันธุ์ธญ
ั ญาหารที่หล่อเลี ้ยงชาวกรุงโรม ล้ วนนาเข้ า
มาจากที่นนั่

กษัตริย์อียิปต์ในขณะนันชื
้ ่อ ปโตเลมี Ptoleme อายุเพียง 14 ปี ขึ ้นครองราชย์ค่กู นั กับพี่สาว คือ
พระนางคลีโอพัตรา ทังคู้ ่แต่งงานกันระหว่างพี่น้องตามราชประเพณีโบราณ แต่ต่อมาเกิดแตกแยก
และกาลังต่อสู้แย่งชิงอานาจกันเอง

เมื่อปอมปี ย์ไปถึงก่อน ได้ เข้ าเฝ้าปโตเลมี จึงทูลขอกาลังทหารอียิปต์มาช่วยรบกับซีซาร์ แต่ปโตเลมี


กลับรู้ทนั ว่า ปอมปี ย์คือผู้ที่เคยปล้ นชัยชนะในสงครามปราบทาสสปาร์ ตาคัส และเพิง่ พ่ายแพ้ ศกึ
ที่ฟาซาร์ ลสุ แตกหนีมา จึงสัง่ ให้ จบั ตัวไว้ แล้ วตัดหัวเอามาส่งมอบให้ ซีซาร์ เพื่อหวังเอาใจและขอแรง
ช่วยปราบคลีโอพัตรา แต่ซีซาร์ ไม่ยอมร่วมมือ จึงถูกกักตัวไว้ เป็ นเวลาเนิ่นนาน

ต่อมาคลีโอพัตรา ได้ ส่งคนบุกเข้ าไปช่วยเอาตัวซีซาร์ ออกมาจากที่กกั บริ เวณ ซีซาร์ จงึ ตัดสินใจช่วย
คลีโอพัตราปราบกษัตริย์ปโตเลมีลงได้ สาเร็จ พระนางคลีโอพัตราได้ เสด็จขึ ้นครองราชย์แทน เป็ น
พระราชินีคลีโอพัตรา

และด้ วยเสน่ห์ที่เย้ ายวนขององค์ราชินี พระนางคลีโอพัตรา สองคนจึงได้ ครองรักครองบัลลังก์


ร่วมกันอยู่ที่อียิปต์ จนกระทัง่ ได้ รับทราบข่าวจากกรุงโรมว่า ที่นนั่ เกิดเหตุการณ์จลาจลวุ่นวาย
อย่างต่อเนื่อง จนมาร์ ค แอนโทนี่ ไม่สามารถจัดการได้ ซีซาร์ จงึ ขอตัวกลับกรุงโรมเพื่อแก้ ปัญหา

15. ผู้เผด็จการแห่งโรม

เมื่อซีซาร์ กลับถึงโรมแล้ ว เรื่ องแรกที่เขาต้ องทาคือการฟื น้ อานาจการปกครองของระบบรัฐสภา


senate เพื่อเป็ นกลไกการบริหารบ้ านเมืองและขับเคลื่อนระบอบสาธารณรัฐ เขาตังตนเองเป็้ น
กงสุลแห่งโรมและต่อมาได้ สถาปนาตนเองเป็ นผู้เผด็จการถาวรตลอดชีพ นับเป็ นการสร้ างระบอบ
จักรพรรดิ(emperor)ขึ ้นมาแทนที่ระบอบสาธารณรัฐ(republic)เดิม ที่ใช้ ปกครองยาวนานเกือบ
500 ปี
ในระบอบสาธารณรัฐของโรมัน โดยปกติรัฐธรรมนูญของเขาจะออกแบบให้ มีกงสุลระบบคู่ คือมี
กงสุล 2 คนในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ สามารถถ่วงดุล-คานอานาจและเกื ้อหนุนกันได้ แต่บางคราว ใน
ยามที่เกิดวิกฤติ รัฐสภาสามารถตังกงสุ
้ ล คนใดคนหนึง่ ให้ เป็ นตาแหน่งผู้เผด็จการ dictator แต่ก็
เป็ นเพียงระยะสันๆเท่
้ านัน้ คือ 6 เดือน หรื อ มีกงสุลเพียงคนเดียว

แต่ซีซาร์ ไม่หยุดอยู่แค่นนั ้ เขากลับให้ รัฐสภาแต่งตังเขาเป็


้ นผู้เผด็จการที่ยืดยาวออกไปเรื่ อย เป็ น 10
ปี และเป็ นตลอดชีพในที่สดุ

นี่จงึ เป็ นสาเหตุหนึง่ ที่ทาให้ กลุ่มคนที่มีอดุ มการณ์แห่งระบอบสาธารณรัฐจะเกิดความหวาดระแวง


ว่าจะเป็ นการทาลายระบอบสาธารณะ ซึง่ บรูตสั ลูกบุญธรรมของเขา ก็ร่วมอยู่ในจานวนนันด้ ้ วย

16. การปฏิรูปของซีซาร์

ต่อคาถามที่น่าสนใจว่า ในช่วงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผู้เผด็จการถาวร จูเลียส ซีซาร์ ในฐานะ


รัฏฐาธิปัตย์แห่งโรม ซึง่ สามารถออกกฎหมายได้ ทกุ ชนิดโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา ช่วงนันเขาได้
้ สร้ าง
อะไรที่เป็ นชิ ้นเป็ นอันบ้ างหรื อไม่

เรื่ องนี ้ นักวิชาการด้ านประวัติศาสตร์ คอ่ นข้ างผิดหวังที่ไม่ค่อยเห็นผลงานอะไรมากนัก


แต่ก็ไม่ถึงกับจะไม่มีมรดกตกทอดอะไรเสียเลย เพราะสิง่ ที่นกั ประวัตศิ าสตร์ รวบรวมไว้
เรื่ องใหญ่ๆและสามารถหยิบยกมาเป็ นตัวอย่างได้ ก็เช่น

1) แก้ ปัญหาความยากจนในช่วงสงครามกลางเมืองและยุคบ้ านเมืองเกิดจลาจล


2) การให้ แว่นแคว้ นบริวารทั ้งหลาย มีการปกครองและการบริหารจัดการที่เป็ นอิสระ
3) สร้ างบ้ านแปลงเมืองขนานใหญ่ มีการขับเคลื่อนโครงการก่อสร้ างขนาดใหญ่เพื่อจ้ าง
งานประชาชน
4) การออกกฎหมายที่จาเป็ น
5) การใช้ มหกรรมการต่อสู้ของเหล่าทาสแกลดิเอเตอร์ เพื่อเป็ นเครื่ องมือสร้ างความ
บันเทิง ประชานิยม และสร้ างประชามติหนุนระบอบการปกครอง
6) เปลี่ยนระบบปฏิทินจากจันทรคติ มาเป็ นสุริยคติ ปฏิทินจูเลียน

17. จุดจบของซีซาร์

1 ปี หลังจากที่ซีซาร์ กลับกรุงโรม พระนางคลีโอพัตราได้ เดินทางมาเยี่ยมพระสวามี พร้ อมด้ วยพระ


ราชบุตรที่เกิดด้ วยซีซาร์ ชื่อซีซาร์ เรี ยน เหตุการณ์ครัง้ นันได้
้ เปลี่ยนสถานการณ์ความขัดแย้ งภายใน
โรมให้ ยิ่งเลวร้ ายลงไปอีก จนถึงขันที ้ ่ สว.กลุ่มหนึง่ ทนต่อไปไม่ไหว เดินหน้ ารวมกาลัง วางแผน
อย่างจริงจัง เพื่อลอบสังหารซีซาร์ และยุติสถานการณ์

สาเหตุที่ต้องวางแผนฆ่า เพราะยิ่งนานวันเข้ า คะแนนนิยมของซีซาร์ ยิ่งเพิม่ มากขึ ้น จนวุฒิสมาชิก


หรื อ สว.เริ่มพากันร้ อนรน อยู่ไม่เป็ นสุข เพราะมันหมายถึง การลดทอนอานาจของรัฐสภาและ
จากัดระบอบอภิสิทธิ์ชนของพวกเขาไปในตัว จึงต้ องหาทางกาจัดซีซาร์ ให้ จงได้
บรูตสุ บุตรบุญธรรมของเขาก็เป็ นหนึง่ ในพวกอุดมการณ์สาธารณรัฐนิยม ที่ต้องการโค่นล้ มระบอบ
เผด็จการถาวรหรื อระบอบจักรพรรดิของซีซาร์ อันอยู่ตรงข้ ามกับระบอบสาธารณรัฐของพวกเขา

ซีซาร์ เองเสียอีก ที่เป็ นฝ่ ายให้ ความรักและฝากความหวังไว้ ที่ตวั บรูตสุ ในฐานะเป็ นทายาททาง
การเมืองของเขา ในด้ านหนึง่ คงเป็ นเพราะซีซาร์ ไม่มีลกู ชาย ส่วนหลานตาของเขาที่เกิดจากลูก
สาวกับปอมปี ย์ แม้ ทราบว่าเป็ นผู้ชายแต่ก็ไม่เคยได้ เห็นหน้ ากัน อีกด้ านหนึ่งน่าจะเป็ นเพราะความ
รักผูกพันที่มีต่อนางเซอร์ วิเลีย แม่ของบรูตสุ

ในวันที่เขาประกาศเป็ นผู้เผด็จการตลอดชีพหรื อนัยหนึง่ จักรพรรดิแห่งโรม นันเอง


้ โรคลมชักหรื อ
ลมบ้ าหมู epilepsy เกิดกาเริบขึ ้นกระทันหัน ซีซาร์ มีอาการชักกระตุกต่อหน้ าที่ประชุมรัฐสภา เป็ น
การเผยจุดอ่อนแอต่อหน้ าศัตรูและสาธารณชน ทาให้ ฝ่ายต่อต้ านมัน่ ใจว่า ใกล้ ถึงกาลอวสานของ
เขาแล้ ว

ต่อมาในวันที่ 15 มีนาคม ปี 44 ก่อนคริสตกาล ซีซาร์ มีแผนที่จะประกาศสงครามบุกตะวันออก


กลาง จึงเรี ยกประชุมรัฐสภา เพื่อจะให้ มีมติส่งทหารบุกฟาเถียน Phatian ซึง่ เป็ นดินแดนใน
อาณาจักรแถบเอเชียกลางวันนันจึ ้ งกลายเป็ นวันทีนดั หมายปฏิบตั ิการ D-Day ของเหล่าบรรดา
วุฒิสมาชิกฝ่ ายตรงข้ าม

ในขณะที่เขากาลังเดินเข้ าสู่ห้องประชุมรัฐสภา กลุ่ม สว.ที่เตรี ยมอาวุธซ่อนติดตัวมา พากันรุมกัน


จ้ วงแทงซีซาร์ ด้วยมีดปลายแหลม คนละหมุบละหมับ รวม 23 แผล จนถึงแก่ความตาย ซึง่ บรูตสุ ก็
ลงมือกับเขาด้ วย เป็ นที่มาของประโยคสุดท้ ายของซีซาร์ ที่กล่าวว่า “บรู ตสุ เจ้าก็เอากับเขาด้วยรึ ”

เหตุการณ์รุมสังหารซีซาร์ ในวันนัน้ ส่งผลให้ เกิดสุญญากาศขึ ้นอีกครัง้ ในกรุงโรม เหตุการณ์เลวร้ าย


ลงจนรัฐสภาไม่สามารถแก้ ปัญหาได้

บรูตสุ กับ มาร์ ก แอนโทนี่ ต่อสู้กนั อย่างหนักทังต่


้ อหน้ าและลับหลัง ในที่สดุ บรูตสุ เป็ นฝ่ ายแพ้ จน
ต้ องฆ่าตัวตายหนีความอัปยศ ส่วนโรมเข้ าสู่ยคุ อานาจสามเส้ าอีกครัง้ คราวนี ้มี”เสือสามตัว”ชุด
ใหม่ เข้ ามาอยู่ในสมการอานาจ คือ Mark Antony, Lapidus และ Octavius ซึง่ คนหลังนี ้เป็ น
หลานของซีซาร์ เอง

อ็อกตาวิอสุ มีเชื ้อสายมาจากสายขุนนางเก่าแก่และมัง่ คัง่ เดิมเป็ นตระกูลสามัญชน มีศกั ดิ์เป็ น


หลานตาของซีซาร์ กล่าวกันว่าเมื่อซีซาร์ ถกู ลอบสังหาร อ็อกตาวิอสุ ได้ รับการแต่งตังให้
้ เป็ นบุตร
บุญธรรมและทายาททางการเมืองตามพินยั กรรมของซีซาร์

อ็อกตาวิอสุ เข้ าร่วมกองกาลังกับมาร์ ก แอนโทนี และมาร์ กสุ แลปิ ดสุ ในการปกครองระบอบเผด็จ


การทหารซึง่ รู้จกั กันในชื่อคณะผู้สาเร็จราชการชุดที่สอง

ในฐานะที่เป็ นหนึง่ ในคณะผู้สาเร็จราชการ อ็อกตาวิอสุ มีอานาจปกครองเหนือโรมและอีกหลาย


จังหวัดของสาธารณรัฐ แต่ในที่สดุ คณะผู้สาเร็จราชการดังกล่าวก็ล่มสลายลงเพราะความ
ทะเยอทะยานของผู้ร่วมคณะทังสามเอง

Mark Antony พลาดท่าเสียทีจนต้ องหนีไปอยู่ที่อียิปต์และได้ แต่งงานกับพระนางคลีโอพัตรา


รวบรวมกองทัพกลับมาต่อสู้ใหม่ แต่ในที่สดุ กลับมาพ่ายแพ้ สงครามทางทะเลครัง้ ใหญ่ต่อกองทัพ
โรมที่อยู่ภายใต้ บญ ั ชาการของ Octavius ที่สมรภูมิ แอคตาวิอมุ Actavium ประเทศกรี ซ จนทาให้
ต้ องฆ่าตัวตายสังเวยความพ่ายแพ้ ไปด้ วยกันทังคู ้ ่ ส่วนลูกชายของซีซาร์ กบั คลีโอพัตรา ที่ชื่อซีซาร์
เรี ยน ได้ ขึ ้นครองราชย์แต่เยาว์วยั แต่อยู่ได้ เพียง 2 สัปดาห์ก็ถกู Octavius สาเร็จโทษ

ส่วนแลปิ ดสุ เสืออีกตัวหนึง่ ก็ถกู เนรเทศไปแล้ ว ดังนัน้ เมื่อฝ่ าย Octavius มีชยั ชนะแบบเบ็ดเสร็จ
แล้ ว จึงได้ รับการสถาปนาอย่างเป็ นทางการโดยสภาซีเนท senate ให้ ขึ ้นดารงตาแหน่งเป็ น
จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน เรี ยกตาแหน่งนี ้ว่า ออกุสตุส Augustus

จากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงในช่วงนี ้ นักประวัติศาสตร์ เกิดความเห็นที่ไม่ลงตัวว่า ยุคจักรวรรดิ


โรมันควรเริ่มนับตังแต่
้ ปีไหน ระหว่างปี 44 ก่อนคริสตศักราช ที่ซีซาร์ ประกาศตนเป็ นผู้เผด็จการ
ถาวร หรื อปี 31 ก่อนคริสตศักราช 2 กันยายน ที่อ็อกตาวิอสุ มีชยั ชนะเหนือมาร์ ก แอนโทนี ในการ
ศึกที่แอคตาวิอมุ หรื อปี 27 ก่อนคริสตศักราช 16 มกราคม ที่สภาซีเนทมีพธิ ีประกาศสถาปนาอ็อก
ตาวิอสุ เป็ นจักรพรรดิหรื อออกุสตุสพระองค์แรก

ในช่วงเวลาที่อ็อกตาวิอสุ ปกครองโรมัน สภาซีเนตได้ มอบชื่อออกุสตุสให้ เขา พร้ อมกับตาแหน่ง อิม


เพอเรเตอร์ หรื อ "จอมทัพ" ด้ วย ซึง่ ต่อมาภายหลังได้ กลายเป็ น เอ็มเพอเรอร์ ' หรื อ "จักรพรรดิ" ใน
ที่สดุ
ตาแหน่งออกุสตุสมัก จะถูกเรี ยกแทนว่า ซี ซาร์ ซึง่ เป็ นนามสกุลของเขา นอกจากนัน้ คาว่าซีซาร์ ยงั
ถูกใช้ เรี ยกจักรพรรดิในราชวงศ์อื่นๆ ในภายหลัง เช่น ราชวงศ์จลู ิโอ-คลอเดียน ราชวงศ์ฟลาเวียน
จักรพรรดิเวสปาเซียน จักรพรรดิทิทสุ และจักรพรรโดมิเชียนด้ วย และยังเป็ นรากศัพท์ของคา
ว่า ซาร์ ร์ (รัสเซีย:czar) และ ไกเซอร์ (เยอรมัน:kaiser)

18. สรุปประเด็นกลยุทธ์ที่น่าศึกษา

จากเรื่ องราวโดยสังเขปของจูเลียส ซีซาร์ ตามที่เล่ามา มีประเด็นมุมมองส่วนตัวในเชิงกลยุทธ์ หรื อ


ยุทธศาสตร์ -ยุทธวิธีของนักรบนักปกครองยุคโบราณหนึง่ เดียวคนนี ้ที่มีความยิ่งใหญ่มาก ดังนี ้

1.ตัง้ เป้าหมายชี วิตไว้สูง ทะเยอทะยานไม่ลดละ


มองในด้ านหนึง่ นี่อาจเป็ นเพียงแค่บคุ ลิกนิสยั ส่วนตัวของซีซาร์ ที่เกิดจากความรู้สกึ เก็บกดส่วนตัว
อันเป็ นผลมาจากชะตาชีวิตของครอบครัวที่พลิกผันจากความพ่ายแพ้ ของรุ่ นพ่อ ในเกมการต่อสู้
ทางการเมืองในกรุงโรม แต่ในอีกแง่หนึง่ การใครสักคนตังเป้ ้ าหมายชีวิตทางการเมืองเอาไว้ สงู และ
มุ่งมัน่ ที่จะไปให้ ถึงนัน้ ย่อมมีความหมายต่อยุทธศาสตร์ -ยุทธวิธีการทางานและการใช้ ชีวิตของเขา
ผู้นนด้
ั ้ วยเช่นกัน เพราะการกาหนดเป้าหมายที่มีความยิ่งใหญ่ ท้ าทายและอยู่ในวิสยั ที่เป็ นไปได้
ย่อมทาให้ เกิดความใฝ่ ฝัน ความหวัง และแรงบันดาลใจที่จะไปให้ ถึง เมื่อประกอบเข้ ากับความ
ทะเยอทะยานที่ไม่ลดละ ไม่จานน ไม่ยอมแพ้ ก็ยิ่งเป็ นปั จจัยของความสาเร็ จ

2.คิ ดนอกกรอบ ทาสวนกระแส


ซีซาร์ เป็ นคนที่ชอบคิดนอกกรอบ จึงทาให้ เขาประเมินสิ่งต่างๆในมุมมองที่แตกต่างไปจากคนอื่น
ยิ่งไปกว่านัน้ เขายังชอบทาอะไรในสิ่งที่ดเู หมือนจะเป็ นการสวนกระแส คนทัว่ ไป โดยเฉพาะคู่ต่อสู้
จึงมักคาดการณ์เขาได้ ยาก กรณีเสนอกลยุทธ์กลวิธีปรามกองทัพทาสที่กาลังแข็งแกร่ง หรื อกรณี
นัดหมายปอมปี ย์กบั แคร็กซุสมาเจรจาตกลงยุติศกึ หรื อกรณีการตังก ้ าแพงปิ ดล้ อมเมืองฟาซาร์ ลสุ
และการตังรั้ บกองทัพกอลตีขนาบในเวลาเดียวกัน

3.โจมตีแบบสายฟ้าแลบ ทาลายจุดแข็งคู่ต่อสู้
ตัวอย่างการศึกที่ไซลาลิอสุ ด้ วยความที่ซีซาร์ เชื่อมัน่ ในกลยุทธ์การโจมตีแบบสายฟ้าแลบและ
ความแข็งแกร่งของกองทหารม้ าของตน เมื่อลงมือปฏิบตั ิการ จึงทาให้ เขาสามารถบุกทะลวงถึง
ศูนย์บญ
ั ชาการของสปาร์ ตาคัสโดยไม่ทนั ให้ ตงตัั ้ ว ทาเอานักรบแกลดิเอเตอร์ ที่เก่งฉกาจในการต่อสู้
แบบประชิดตัว ไม่สามารถพลิกเกมสู้ได้ เลย กองทัพจึงแตกพ่ายกระเจิดกระเจิงแบบไม่เป็ นท่า

4.มีรุก มี ถอย ยืดหยุ่นพลิ กแพลง


ในชีวิตการต่อสู้ ทังในสนามรบและในเวที
้ ทางการเมือง ซีซาร์ มกั ประเมินสถานการณ์ได้ แม่นยา
เขามีความกล้ าหาญเด็ดเดี่ยว แต่ไม่ใช่คนมุทะลุดดุ นั ในคราวที่ถกู ปอมปี ย์ปล้ นชิงชัยชนะต่อ
กองทัพกบฏทาส แคร็กซุสเก็บความแค้ นไม่ไหว จะเปิ ดศึกฆ่าแกงกลางงานเลี ้ยงฉลอง แต่ซซี าร์
เป็ นฝ่ ายที่ห้ามปรามและบอกให้ ยอมถอย

หรื อ เมื่อตอนที่เป็ นกงสุลโรมช่วงแรก เมื่อรู้ตวั ว่าเป็ นที่เกลียดชังและหวาดระแวงของนักการเมือง


ในสภาซีเนท จนถูกบีบให้ พ้นจากตาแหน่ง และให้ ออกไปตังกองทั ้ พทางภาคเหนือเพื่อปราบพวก
ชาติพนั ธุ์กอลและขยายดินแดน เขายอมรับความพ่ายแพ้ ทางการเมืองในสภา ถอยไปอยู่นอกเมือง
แต่โดยดี แต่เขาไม่ลดเป้าหมายสูงสุดของตน มุ่งหน้ าบุกเบิกงานกองทัพจนประสพความสาเร็จที่
ยิ่งใหญ่ในอีกแนวรบหนึง่ ก่อนที่จะหวนกลับมากรุงโรมในสถานะใหม่

5.ถือดุลในอานาจสามเส้า
ในสภาวะของอานาจสามเส้ า ด้ านหนึง่ เป็ นแคร็กซุส ผู้ร่ ารวย มีกองทัพอยู่ในมือ และเป็ น
ผู้บงั คับบัญชาเก่า กับอีกด้ านหนึง่ คือปอมปี ย์ ผู้เป็ นแม่ทพั เกรี ยงไกรจากภาคตะวันออกและทรง
อิทธิพลในโรม ซีซาร์ เป็ นตัวกลาง เป็ นกันชน และเป็ นผู้คอยถ่วงดุลระหว่างสองขัวอ ้ านาจ
แต่ด้วยความที่ เป็ นผู้เข้ าใจในบทบาทของคนกลางและสามารถแสดงบทถ่วงดุลได้ อย่าง
เหมาะเจาะ เขาจึงเติบโตแข็งแรงขึ ้นทุกวัน จนในที่สดุ กลายเป็ นผู้ถือดุลอานาจขึ ้นมาในระดับที่
เสมอกันหรื อเป็ นฝ่ ายที่เหนือกว่า

6.กล้าได้ กล้าเสีย
กล้ าได้ กล้ าเสีย เป็ นเรื่ องของการตัดสินใจ ในสถานการณ์ปกติ คนส่วนใหญ่มกั ตัดสินใจเมื่อมี
ความมัน่ ใจและความแน่นอนในระดับที่สงู แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ก็มกั จะไม่
กล้ าเสี่ยง แต่ซีซาร์ ไม่ใช่คนแบบนัน้ ความกล้ าได้ กล้ าเสียน่าจะเป็ นนิสยั ส่วนตัวของเขาอยู่แล้ ว ดู
จากที่เขาสามารถไต่เต้ าขึ ้นมาจากพลทหารเลวในกองทัพของแคร็กซุสได้ ก็เพราะนิสยั ที่กล้ าได้ กล้ า
เสียในการตัดสินใจ เมื่อบวกกับความห้ าวหาญและทักษะฝี มือการต่อสู้ รวมทังความสามารถใน

การนากองทหารเข้ าสู้รบ จึงส่งให้ เขามีความก้ าวหน้ าในตาแหน่งขึ ้นมาอย่างรวดเร็ว

7. เขี ยนประวัติศาสตร์ ดว้ ยตัวเอง


ในประวัติศาสตร์ นอกจากบันทึกว่าซีซาร์ เป็ นวีระบุรุษนักรบแล้ ว ยังระบุว่าเขาเป็ นกวีร้อยแก้ วอีก
ด้ วย แต่คนมักไม่สงั เกตหรื อจดจาเขาในเรื่ องหลังเอาเสียเลยก็ว่าได้

กวีร้อยแก้ ว คือการเป็ นศิลปิ น ประเภทนักเขียนเรื่ องราว เป็ นนักสื่อสาร เป็ นนักบันทึกเหตุการณ์

เขาใช้ วิธีการเขียนเล่าเรื่ องราวของชุมชน สังคม วิถีชีวิตวัฒนธรรม สิ่งแวดล้ อม ฯลฯในบ้ านเมือง ใน


แนวหน้ า ที่เขาเคลื่อนกองทัพผ่านไป โดยส่งมาถึงกรุงโรมเพื่อให้ ชาวโรมได้ อ่านได้ ติดตาม
สถานการณ์ที่กองทัพบุกขยายดินแดนออกไป

ในคราวที่เขาถูกสภาซีเนทบีบให้ ออกไปทาศึกปราบพวกชนเผ่ากอลทางภาคเหนือ เรื่ องราวจาก


แนวหน้ าของเขาที่รายงานตรงต่อสาธารณชน ช่วยทาให้ เขาสามารถรักษาคะแนนนิยมในกรุงโรม
เอาไว้ และยิ่งเมื่อได้ รับชัยชนะครัง้ ใหญ่ๆก็ยิ่งมีกระแสสนับสนุนเพิม่ ขึ ้น

การเขียนเรื่ องเล่าจากชีวิตจริง ในสถานการณ์จริง ด้ านหนึง่ เป็ นการสื่อสารสาธารณะ ส่วนอีกด้ าน


หนึง่ เป็ นการบันทึกประวัติศาสตร์ ในส่วนที่ตนเกี่ยวข้ องด้ วยตนเอง แทนที่จะรอให้ ใครมาบันทึกให้
และเกิดความบิดเบี ้ยวไปตามข้ อจากัดของคนที่อยู่นอกวงและส่วนใหญ่จะมีอคติส่วนตัวของ
ผู้เขียนมาเจือปน
8. สือ่ สารสาธารณะ
การสื่อสาร หมายความว่า การส่งข้ อมูลหรื อสาร จากผู้ส่งสาร ผ่านสื่อและช่องทางหรื อเครื่ องมือ
การสื่อสาร ไปสู่ผ้ รู ับสาร ซึง่ ผู้รับสารก็มีปฏิกิริยาสะท้ อนกลับมายังผู้ส่งสารได้ ด้วย

การสื่อสารสังคม หมายความว่า การสื่อสารระหว่างบุคคล หรื อกลุ่มคน ซึง่ มีผ้ รู ิเริ่มเป็ ดประเด็น


และโน้ มน้ าวให้ ผ้ อู ื่นคล้ อยตามไปในทิศทางใดทิศทางหนึง่

การสื่อสารสาธารณะ หมายความว่า การสื่อสารกับกลุ่มคนขนาดใหญ่ กว้ างขวาง หรื อเป็ นสื่อสาร


ทางไกล โดยผ่านเครื่ องมือหรื อเทคโนโลยีการสื่อสารที่เหมาะสม

ซีซาร์ เป็ นนักสื่อสารที่มีทงศาสตร์


ั้ และศิลป์ เขาสามารถสื่อสารสังคมและสื่อสารสาธารณะได้ อย่าง
มีประสิทธิผล เขาเป็ นคนที่มีวาทศิลป์ มาก ดูจากการที่เขาพูดกับนักรบโรมันที่อยู่ใต้ บงั คับบัญชา
ก่อนออกรบ ทังพู ้ ดในที่ประชุมของแม่ทพั นายกองและการพูดปลุกระดมคนทังกองทั ้ พ เขาสามารถ
เลือกใช้ คาพูดที่กินใจ สร้ างความฮึกเหิม แรงบัลดาลใจและพลังสู้รบไปพร้ อมๆกัน

ส่วนเรื่ องการเป็ นนักเขียนเล่าเรื่ องราวชีวิตความเป็ นอยู่และสถานการณ์จากแนวหน้ านัน้ สะท้ อน


ถึงความเป็ นนักสื่อสารสาธารณะที่มีทกั ษะพื ้นฐานที่ดี มีความรอบรู้ในเรื่ องที่จะสื่อ และมีความ
เชี่ยวชาญในการเลือกใช้ เทคโนโลยีและช่องทางการสื่อสารได้ อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย

9.กิ นทีละคา แบ่งแยกแล้วปกครอง


กล่าวกันว่า การปราบชนเผ่ากอล 30 เผ่า ที่กระจัดกระจายอยู่เป็ นหย่อมๆ ด้ วยวิธีการตีกินไปทีละ
เผ่า เข้ าปกครองทีละหย่อม นับเป็ นยุคแรกของกลยุทธศาสตร์ “แบ่งแยก แล้ วปกครอง” ที่ซีซาร์
นามาใช้ ก่อนเป็ นยุคแรกๆ การตัดแบ่งทีละส่วน ทาให้ ชนเผ่ากอลรวมตัวกันไม่ติด กว่าจะรู้ตวั ก็ถกู
ยึดครองไปมากแล้ ว การยึดครองทีละส่วนของซีซาร์ ยงั ทาให้ เขาสามารถสะสมกาลังและเสบียง
อาหารเพื่อรุกไปข้ างหน้ าได้ อีกด้ วย เพราะวิสยั ของซีซาร์ เขาจะไม่คิดเรื่ องการส่งกาลังบารุงไปจาก
โรม เขาไปหาเอาข้ างหน้ าทังสิ้ ้น

10. ตัง้ รับแรงกระหนาบ ด้วยวงแหวนสองชัน้


ในคราวศึกที่อเล็กเซีย กลยุทธ์ที่เอาชนะศึกของซีซาร์ น่าสนใจมาก จะเป็ นการวางแผนแบบรู้
ล่วงหน้ า ทานายสถานการณ์ได้ ถกู ต้ องแม่นยา หรื อว่าเป็ นการไหลตามสถานการณ์ ก็สดุ คาดเดา
แต่เขาเอาชนะการศึกครัง้ นันมาได้
้ และนามาสู่การชนะสงครามปราบชนเผ่ากอลได้ ทงหมดจากจุ ั้ ด
เดียว เมื่อแม่ทพั เวอร์ ซนิ ของเผ่ากอล เข้ าไปปั กหลักในเมืองอเล็กเซียได้ และใช้ ปัจจัยด้ านเสบียง
อาหารที่ได้ เปรี ยบ มาเป็ นตัวแปรกดดันกองทัพโรมันที่ไร้ ระบบส่งกาลังบารุงให้ อดอยากและพ่าย
แพ้ แต่ซีซาร์ กลับใช้ กลยุทธ์ตงก ั ้ าแพงปิ ดล้ อมเมืองไว้ ทงเมื
ั ้ อง ไม่ให้ มีใครเล็ดลอดออกไปได้

ระหว่างนันต่
้ างฝ่ ายต่างหาวิธีที่จะเอาชนะกัน ทางเวอร์ ซนิ รี บส่งข่าวให้ กองทหารกอลจากเมือง
ต่างๆเข้ ามาช่วย หวังเข้ าตีกระหนาบ ซึง่ เมื่อทหารกอลจากเมืองอื่นมาสมทบจริงตามนัดหมายและ
มีจานวนมากเสียด้ วย ซีซาร์ กลับสัง่ ให้ สร้ างกาแพงวงแหวนล้ อมอีกชัน้ โดยทหารโรมันอยู่ระหว่าง
นันและใช้
้ กาแพงเป็ นที่กาบังศาสตราวุธ สู้ด้วยอาวุธธนูเป็ นหลัก จนเมื่อกาแพงแตก ข้ าศึกบุกเข้ า
มาได้ จึงตัดสินใจส่งกองทหารม้ าที่แข็งแกร่งตีฝ่าออกไป แล้ วกลับมาตีตลบหลัง กองทัพกอลไม่ทนั
ต่อกลศึกของซีซาร์ จงึ เป็ นฝ่ ายปราชัย ทังที
้ ่มีกาลังพลเหนือกว่ามาก

19. จักรวรรดิโรมัน หลังยุคจูเลียส ซีซาร์


Octavius ได้ ครองอานาจเป็ นจักรพรรดิแห่งโรม หรื อ ออกุสตุส อยู่นานถึง 41 ปี ในยุคของออกุส
ตุส ได้ รับการยกย่องว่าเป็ นยุคทองของโรมัน ฐานะของจักรพรรดิได้ รับการยกย่องเชิดชูขึ ้นเป็ น
เหมือนกษัตริย์ มีสิทธิเลือกรัชทายาทด้ วยพระองค์เอง ในรัชสมัยของออกุสตุสพระองค์นี ้ ในมณฑล
จูเดียมีเหตุการณ์สาคัญอันหนึง่ เกิดขึ ้นคือ พระเยซูคริสต์ประสูติ ที่นครเบธเลเฮม

โรมมัง่ คัง่ ขึ ้นมากในสมัยออกุสตุส มีความสงบสุขทัว่ ทังจั


้ กรวรรดิเป็ นเวลาประมาณ 200 ปี
กษัตริย์ออกุสตุสได้ ทรงจัดวางระเบียบการเงินอันมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการลงทุนการค้ า สร้ าง
ถนนใหม่ เพิม่ จานวนประชาชนโรมัน (citizenship )และกาหนดให้ มีองค์การด้ านตารวจและการ
ดับเพลิงขึ ้น

จักรวรรดิโรมัน มีการสืบสันตติวงศ์เรื่ อยมา จากจักรวรรดิโรมันที่ 1 ที่มีกรุงโรมเป็ นศูนย์กลาง มา


เป็ นจักรวรรดิโรมันที่ 2 หรื อ ไบแซนไทม์ ที่มีศนู ย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิ ล ต่อมาในปี
A.D.1453 ก็ถกู โค่นลงและแทนที่โดยจักรวรรดิOttoman ของชาวเติร์ก
ข้ อมูลในวิกิพีเดียระบุไว้ ว่า จักรวรรดิ โรมันเคยมี ดินแดนอยู่ในการครอบครองมากมาย
ได้แก่ อังกฤษและเวลส์ ยุโรปส่วนใหญ่ (ฝั่งตะวันตกของแม่น้าไรน์และทางใต้ของเทือกเขาแอลป์ )
ชายฝั่งของแอฟริ กาเหนือ บริ เวณมณฑลใกล้เคี ยงของอียิปต์ แถบบอลข่าน ทะเลดา เอเชี ยไม
เนอร์ และส่วนใหญ่ของบริ เวณลี แวนท์ ซึ่งดิ นแดนเหล่านีจ้ ากตะวันตกสู่ตะวันออกในปัจจุบนั
ได้แก่ โปรตุเกส สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส อิ ตาลี แอลเบเนียและกรี ซ แถบบอลข่าน ตุรกี ภาค
ตะวันออกและภาคตะวันตกของเยอรมนี

ทางภาคใต้จกั รวรรดิ โรมันได้รวบรวมตะวันออกกลางไว้ซี่งในปัจจุบนั ก็ได้แก่ซีเรี ย เลบานอน


อิ สราเอล จอร์ แดน จากนัน้ ในภาคตะวันตกเฉี ยงใต้ จักรวรรดิ ได้รวบรวมอียิปต์ โบราณไว้ทงั้ หมด
และได้ทาการยึดครองต่อไปทางตะวันตกซึ่งเป็ นบริ เวณชายฝั่งทะเลซี ่งในปัจจุบนั คื อประเทศ
ลิ เบี ย ตูนิเซี ย แอลจี เรี ยและโมร็ อกโก จนถึงตะวันตกของยิ บรอลตาร์

ประชาชนทัว่ ไปที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิโรมันเรี ยกว่าชาวโรมัน และดาเนินชีวิตภายใต้ กฎหมาย


โรมัน

การขยายอานาจของโรมันได้ เริ่มมานานตังแต่
้ ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็ นระบบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเรื องอานาจสูงสุดในสมัยจักรพรรดิทราจัน ด้ วยชัยชนะเหนือดา
เซีย (ปั จจุบนั คือประเทศโรมาเนียและมอลโดวา และส่วนหนึง่ ของประเทศฮังการี บัลแกเรี ยและ
ยูเครน) ในปี ค.ศ.106 และเมโสโปเตเมียในปี ค.ศ. 116 (ซึง่ ภายหลังสูญเสียดินแดนนี ้ไปในสมัย
จักรพรรดิฮาเดรี ยน)

ถึงจุดนี ้ จักรวรรดิโรมันได้ ครอบครองแผ่นดินประมาณ 5,900,000 ตร.กม. (2,300,000 ตร.ไมล์)


และห้ อมล้ อมทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน ซึง่ ชาวโรมันเรี ยกทะเลนี ้ว่า mare nostrum “ทะเลของเรา”
อิทธิพลของโรมันได้ ส่งผลต่อการพัฒนาทางด้ านภาษา ศาสนา สถาปั ตยกรรม ปรัชญา กฎหมาย
และระบบการเมืองมาจนถึงทุกวันนี ้
จักรวรรดิถกู แบ่งออกเป็ นฝั่ งตะวันตกและฝั่ งตะวันออกในสมัยของจักรพรรดิไดโอคลีเชียน และถือ
ว่าจักรวรรดิโรมันล่มสลายลงในช่วงเวลาประมาณวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 476 เมื่อจักรพรรดิโรมิว
ลุส ออกุสตุสจักรพรรดิพระองค์สดุ ท้ ายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกถูกขับไล่และเกิดการจลาจลขึ ้น
ในโรม

อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรื อที่ร้ ูจกั กันในชื่อจักรวรรดิไบแซนไทน์ ก็ได้ รักษา


กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีแบบกรี ก-โรมัน รวมถึงศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ไว้ ได้ ในอีก
สหัสวรรษต่อมา จนถึงการล่มสลายเมื่อเสียกรุงคอนแสตนติโนเปิ ลให้ กบั จักรวรรดิออตโตมัน ในปี
ค.ศ. 1453.

20. เปรี ยบเทียบยุคกรี ก

จักรวรรดิโรมันขณะมีความเจริญสูงสุดนันมี
้ ประชากรประมาณ 75,000,000 คน ไม่เคยปรากฏมา
ก่อนหน้ านี ้ว่าคนจานวนมากขนาดนี ้จะสามารถอยู่รวมกันอย่างดี นับเป็ นประวัติศาสตร์ การเกิด
สากลรัฐ ซึง่ ประกอบด้ วยชนหลายชาติ อยู่กนั โดยสันติและราบรื่ น นับเป็ นความสาเร็จอันยิ่งยอด
ที่สดุ ของโรม อารยธรรมโรมัน สืบทอดต่อมาจากอารยธรรมกรี กในหลายๆ ด้ าน โดยมีการพัฒนา
ต่อยอดกันมา

กองทัพโรมันสืบทอดวิธีการรบโดยใช้ หอกยาวและการจัดกาลังรบแบบกองทหารฟาลังส์ของกรี ก
ต่อมาเปลี่ยนมาเป็ นกองทหารลิเจียนแทนในช่วงราว 405 ปี ก่อนคริสตกาล ถึง 395 ก่อนคริสตกาล

กองทหารฟาลังส์
ทหาร 256 คนเข้ าแถวเป็ นรูปสี่เหลี่ยม อาจจะรบตามลาพังหรื ออาจจะเป็ นส่วนหนึง่ ของ
กองทหารฟาลังส์ที่มีจานวนหลายพันก็ได้ เวลารบนับ 5 แถวแรกข้ างหน้ าจะยื่นหอกออกไป
ข้ างหน้ า ส่วนพวกข้ างหลังที่เหลืออยู่ก็จะยกหอกของตนขึ ้นประสานกัน เป็ นการคุ้มกันลูกธนูให้ กบั
พวกที่อยู่ข้างหน้ าด้ วย พระเจ้ าฟิ ลปที่ II ได้ นาเอากองทัพแบบนี ้มาใช้ เพื่อเปิ ดทางให้ กบั พวกทหาร
ม้ า
ลักษณะของโรมันเปรี ยบเทียบกับกรี ก

โรมันจะเคารพในอานาจ เข้ มงวดเรื่ องความยุติธรรม การลงโทษอย่างโหดร้ าย ไม่ค่อยมีเมตตา


ส่วนกรี กจะบูชาเหตุผล กรี กจะเรี ยกร้ องความรู้สกึ ส่วนตัวและสิทธิเสรี ภาพส่วนบุคคล แต่โรมันจะ
ให้ ความสาคัญพิเศษในเรื่ องความสารถควบคุมตัวเอง และความอยู่ในระเบียบแบบแผน กรี กจะ
เป็ นนักทฤษฎีและศิลปิ นที่ปราดเปรื่ อง ในขณะที่โรมันสนใจทางนิติธรรมศาสตร์ และทฤษฎี
รัฐศาสตร์ โรมันเป็ นผู้วางรากฐานการปกครองให้ กบั ยุโรปตะวันตกปั จจุบนั กล่าวคือ เขตปกครอง
ในยุโรปมีต้นตอมาจาก Rome เช่น province นอกจากนี ้ ก็มีคาว่า fiscal, senate, plebiscite,
citizen, municipal, census เป็ นต้ น

นอกจากนันยั
้ งมี ทฤษฎีสญ
ั ญาสังคม (ที่ว่ารัฐบาลถือกาเนิดจากการตกลงโดยสมัครใจในหมู่
ประชาชน) และความคิดเกี่ยวกับอธิปไตยของปวงชน หลักที่ว่าด้ วยการแบ่งอานาจ (ดังเช่นใน
รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา) และ ความคิดที่ว่ากฎหมายเป็ นหลักสูงสุดในการปกครองประเทศ

You might also like