You are on page 1of 2684

Trash of the Count’s Family

นิยายแปลไทย : ขยะแห่งตระกูลเคานต์
บทนำ
เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย
(กาเนิดวีรบุรุษ)
(กาเนิดวีรบุรษ)เป็ นนวนิยายที่เน้ นเรื่ องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน
เป็ นเด็กนักเรี ยนมัธยมปลายที่ถกู ส่งไปยังมิติที่ตา่ งออกไปจากโลกพร้ อมกับบททดสอบการ
เป็ นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก
ผมได้ กลายเป็ นส่วนหนึง่ ของนิยายเรื่ องนี ้ไม่ได้ เป็ นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็ นเพียงตัว
ขยะไร้ คา่ ของครอบครัวท่านเคานต์ซงึ่ เป็ นครอบครัวขุนนางที่ดแู ลพื ้นที่ของหมูบ่ ้ านแห่งแรก
ที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้ นบททดสอบการเป็ นวีรบุรุษ
ปั ญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนันหมู
้ บ่ ้ านที่เขาอาศัยอยูถ่ กู คนจากองค์กรลับลอบ
สังหาร คนที่เขารักล้ วนตายเกือบทังหมด้ ทาให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้ นและอาฆาต เขา
พร้ อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้ องกับเหตุการณ์ทงหมดให้
ั้ ตายตกตามกันไป
ปั ญหาใหญ่กว่านันคื ้ อขยะโง่เง่าเช่น คาร์ ล เฮนิตสั คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้ ร้ ู
เรื่ องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ ้น เขาเข้ าไปหาเรื่ อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่ องทาร้ าย
ร่างกายในที่สดุ
“… นี่มนั เป็ นปั ญหาแล้ ว”
ผมรู้สกึ ว่าเรื่ องที่เกิดขึ ้นมันไม่ได้ ตลกเลยสักนิด มันเป็ นเรื่ องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่
อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มนั ก็น่าจะพยายามลองดูกบั ชีวิตใหม่ที่ได้ เป็ นนี ้สักตังล่ ้ ะนะ..
บทที่ 2 เมื่อผมลืมตาตื่น 1

ชายหนุ่มรู้สกึ ว่ามีใครบางคนกาลังแตะร่างกายของเขาอย่าง
อ่อนโยน มือที่หยาบกระด้ างทาให้ เขารู้สกึ ถึงมือของพ่อแม่ที่
ทางานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อย มันทาให้ เขารู้สกึ อบอุน่ เป็ น
อย่างมาก

“นายน้ อย เช้ าแล้ วขอรับ..”

แต่เสียงนันช่
้ างกระด้ างและบาดลึกนักจนเขาอดรู้สกึ หนาวสัน่ ไป
ทังร่้ างกายไม่ได้ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะค่อยๆลืมขึ ้นพร้ อมๆกับที่
แสงแดดลอดผ่านหน้ าต่างเข้ ามาเพื่อให้ ดวงตาของเขาอบอุน่ และ
คุ้นชิน เขาค่อยๆปรับสายตาก่อนที่จะมองเห็นชายชราคนหนึง่ ยืน
ยิ ้มด้ วยความดีใจอยูต่ รงหน้ าของตน
“มันน่าทึง่ มากที่เห็นนายน้ อยตื่นขึ ้นมาหลังจากที่กระผมลองปลุก
แค่ครัง้ เดียว”

“ฮะ?”

“นายท่านต้ องการรับประทานอาหารเย็นกับนายน้ อยตังหลายครั


้ ง้
แล้ ว ดูเหมือนว่าวันนี ้จะเป็ นไปได้ แล้ วสินะขอรับ”

เขามองลอดผ่านไหล่ของชายชราไปยังกระจก ด้ านในกระจกนัน้
ปรากฏเห็นชายหนุ่มผมแดงมองกลับมาที่เขาด้ วยสายตาสับสน

‘นัน่ มัน….คือฉันใช่มย’
ั้

“นายน้ อยคาร์ ล”
เขาหันไปหาชายชราเจ้ าของน ้าเสียงกังวล ท่าทางเหมือนคนรับใช้
ของเจ้ าของร่างนี ้ ชายชราคงกังวลว่าเขาจะไม่ได้ ยินเสียงที่เรี ยก
แต่เปล่าเลยเขาได้ ยินอย่างชัดเจน นายน้ อยคาร์ ลรึ ? ช่างเป็ นชื่อที่
เขาคุ้นเคยก่อนที่จะค่อยๆโพล่งขึ ้นมา

“คาร์ ล เฮนิตสั ”

ชายชราผู้เป็ นพ่อบ้ านมองมาที่เขาเหมือนกาลังมองบุตรหลานของ


ตน

“ ใช่แล้ วนายน้ อย นัน่ คือชื่อของนายน้ อย กระผมเดาว่านายน้ อย


คงยังเมาค้ างอยู”่

เมื่อได้ ยินคาตอบ เขาก็นกึ ถึงสิ่งที่เกี่ยวข้ องกับชายชราคนนี ้ที่คนที่


น่าจะมีความสาคัญกว่าชื่อ คาร์ ล เฮนิตสั
“บารอค”

“นายน้ อยคงหมายถึงลูกชายของกระผมหรื อขอรับ?”

“พ่อครัว?”

“ใช่แล้ ว ลูกชายกระผมเป็ นพ่อครัว หรื อนายน้ อยต้ องการให้ เขาทา


อะไรแก้ อาการเมาค้ างของนายน้ อยขอรับ?”

เขารู้สกึ บรรยากาศรอบตัวของเขามืดมัวลงและรู้สกึ เวียนหัว เขา


ค่อยก้ มศีรษะลงก่อนเอามือจับรอบศีรษะไว้

“นายน้ อยท่านยังคงเมาค้ างอยูร่ ึไม่ ? ให้ กระผมตามหมอหรื อว่า


นายน้ อยอยากจะล้ างหน้ าตอนนี ้”
เขามองไปที่เส้ นผมสีแดงที่ตกลงปรกหน้ า มันเป็ นสีแดงสดซึง่ ต่าง
จากผมสีดาของเขายิ่งนัก

‘คาร์ ล เฮนิตสั ,บารอค และรอนพ่อของบารอค’

พวกเขาเป็ นตัวละครที่ปรากฏขึ ้นในตอนต้ นเรื่ องของนิยาย


“กาเนิดวีรบุรุษ”ซึง่ เป็ นนิยายที่เขากาลังอ่านอยูก่ ่อนที่จะเผลอ
หลับไปเมื่อคืนนี ้ เขาก้ มศีรษะมองไปรอบๆห้ องนอนซึง่ ถูกตกแต่ง
ต่างจากห้ องนอนสไตล์เกาหลีพอสมควร ภายในห้ องถูกประดับไป
ด้ วยเครื่ องใช้ ราคาแพงที่ดฟู มเฟื ุ่ อยและหรูหรา

“นายน้ อย”

เขามองไปยัง ’รอน’ ชายชราพ่อบ้ านที่กาลังแสร้ งทาอาการเป็ น


ห่วงเขาจนเกินความจาเป็ น
“น ้าเย็น”

“ขอรับ ?…อะไรนะขอรับ”

ในตอนนี ้เขาต้ องการอะไรที่หยุดความคิดฟุง้ ซ่านของตนเอง เขา


มองเห็นใบหน้ าของ คาร์ ล เฮนิตสั ที่อยูใ่ นกระจกด้ านหลังของ
ชายชรานามว่า ‘รอน’

‘ยังดูเป็ นปกติดี….ถ้ าให้ เดา คาร์ ลคงยังไม่ถกู พระเอกทาร้ าย’

หน้ าตาอันหล่อเหลาของคาร์ ล เฮนิตสั ถูกเรี ยกความสนใจไปจาก


เขาได้ พอสมควร เขากลายเป็ นคาร์ ล เพียงแค่ลืมตาตื่น คาร์ ล เฮ
นิตสั เป็ นเพียงตัวละครขยะไร้ คา่ ที่โดนทาร้ ายจากพระเอกของเรื่ อง
ในตอนต้ นของนิยายเรื่ องกาเนิดวีรบุรุษ ใช่แล้ วนัน่ คือสิ่งที่เขาเป็ น
“นายน้ อย กระผมคิดว่านายน้ อยคงไม่ได้ อยากอาบน ้าเย็น นาย
น้ อยต้ องการเพียงดื่มน ้าเย็นๆเท่านันใช่
้ หรื อไม่ขอรับ”

คาร์ ลหันไปทางรอนอีกครัง้ รอนอาจจะแกล้ งทาเป็ นตาแก่ใจดีผ้ ู


เป็ นมิตร แต่ดแู ล้ วเขาก็คงสามารถพยายามซ่อนตัวตนที่แท้ จริ ง
ของตนเองในฐานะบุคคลที่โหดร้ ายและโหดเหี ้ยมไว้ ได้ อย่าง
มิดชิดทีเดียว เขาเอ่ยความต้ องการแก่รอนอีกครัง้

“ขอน ้าดื่มเย็นๆให้ ข้าหน่อย”

ในตอนนี ้เขาต้ องการดื่มน ้าเย็นเพื่อดับความฟุง้ ซ่านที่เกิดขึ ้น

“กระผมจะเตรี ยมให้ เดี๋ยวนี ้ขอรับนายน้ อย”

“ดี…ขอบคุณ”
รอนสะดุดใจเป็ นครัง้ ที่สองพร้ อมกับแสดงสีหน้ าแปลกๆแต่คาร์ ล
ไม่ทนั ได้ สงั เกตเห็น

********************************************************************
***************

รอนต้ องออกไปเอาน ้าเย็นข้ างนอกเพราะในห้ องนอนมีเพียงน ้าอุน่


เท่านัน้ เมื่อคาร์ ลถูกทิ ้งให้ อยูค่ นเดียว เขาค่อยๆลุกขึ ้นยืนและเดิน
ไปในห้ องน ้า ถ้ าในตอนนี ้เขาคือคาร์ ลที่อยูใ่ นนิยายจริ งๆ เขารู้ดีวา่
ถ้ าเข้ าไปในห้ องน ้าจะต้ องเจอกระจกบานใหญ่ และเป็ นตามที่
คาดไว้ ภายในห้ องน ้ามีกระจกขนาดใหญ่ขนาดเต็มตัว คาร์ ล เฮ
นิตสั ผู้ที่มีความสนใจต่อรูปร่างหน้ าตาของตนเป็ นผู้สงั่ ให้ ติดตัง้
กระจกไว้ ในห้ องน ้านี ้ซึง่ ไม่มีใครในตระกูลมีเหมือนคาร์ ล ชายที่อยู่
ภายในกระจกมีผมสีแดงสดและมีรูปร่างที่พอดี มันไม่ผิดเลยที่จะ
บอกว่าไม่สามารถหาข้ อตาหนิร่างนี ้ได้ เลย

“นี่ฉนั คือคาร์ ลจริ งๆหรื อนี่?”


คนในกระจกคือ คาร์ ล เฮนิตสั จากนิยายเรื่ อง กาเนิดวีรบุรุษซึง่ ได้
บรรยายลักษณะตัวละครไว้ อย่างละเอียดและนัน่ ทาให้ เขาไม่มี
ทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมรับว่าตนได้ กลายเป็ นคาร์ ล เฮนิตสั
ไปซะแล้ ว คนส่วนใหญ่อาจจะต้ องการความสงบและเวลาเมื่อ
ต้ องเผชิญหน้ ากับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดใจและอาจตกใจ
จนช็อคได้ คาร์ ล ไม่สิ คิมร็อคโซ ปลอบใจตัวเองอย่างใจเย็นและ
ค่อยๆทบทวนเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืน มันเป็ นวันหยุดธรรมดา
วันหนึง่ ที่เขาคิดว่าเป็ นเวลานานแล้ วที่เขาไม่ได้ อา่ นหนังสือที่เป็ น
เล่มจริ งๆเพราะส่วนใหญ่อา่ นผ่านโทรศัพท์ทาให้ เขาตัดสินใจไปที่
ห้ องสมุดเพื่อหาหนังสือและได้ เลือกยืมหนังสือชุดนันกลั ้ บมาอ่าน
ที่บ้านและวางแผนเริ่ มอ่านตลอดทังวั ้ น หนังสือชุดนันชื ้ ่อ กาเนิด
วีรบุรุษ เขาพยายามจะอ่านนิยายกาเนิดวีรบุรุษเล่มที่ห้าให้ จบ
ก่อนที่จะเผลอหลับไป แต่พอเขาตื่นขึ ้นมากลับกลายว่าตน
กลายเป็ นคาร์ ล เฮนิตสั ตัวละครที่โดนพระเอกทาร้ ายทุบตีที่
ปรากฎขึ ้นในนิยายเล่มที่ 1
‘เหมือนมันไม่ได้ มีเหตุการณ์อะไรมากแต่ฉนั จะจาอะไรผิดไปมัย้
นะ?’

ชีวิตของเขาในฐานะคิมร็อกโซ จริ งๆไม่มีอะไรมาก เขาเป็ นเด็ก


กาพร้ าและมีเงินไม่มาก นอกจากนี ้เขายังไม่มีคนรักที่พร้ อมจะแก่
ตายไปด้ วยกันหรื อแม้ แต่เพื่อนสนิทที่เขาพร้ อมจะให้ การช่วยเหลือ
เขายังใช้ ชีวิตต่อไปเรื่ อยๆเพราะเขายังตายไม่ได้ ใช่!!! เขาไม่
อยากตาย เขาเกลียดการคิดถึงความตายหรื อความเจ็บปวดอย่าง
สิ ้นเชิง เขากลายเป็ นเด็กกาพร้ าหลังจากพ่อแม่ตายด้ วยอุบตั ิเหตุ
ทางรถยนต์เมื่อครัง้ เขายังเป็ นเด็ก เขาไม่ชอบความเจ็บปวดหรื อ
ความตายต่อให้ เขาต้ องกลิ ้งตัวอยูใ่ นกองอึของสุนขั ก็ยงั ดีกว่าตาย

‘เพราะฉะนันฉั
้ นต้ องแน่ใจว่าฉันจะต้ องไม่ถกู ทาร้ าย’ คาร์ ลไม่
ทราบว่าตอนนี ้เป็ นวันอะไรในนิยายแต่เขาแน่ใจว่าเขายังไม่ได้ พบ
กับพระเอกในตอนนี ้ เหตุผลง่ายๆคือ ‘ฉันไม่มีรอยแผลเป็ นอยู่
ด้ านข้ าง’
คาร์ ล เฮนิตสั เป็ นขยะไร้ คา่ ของตระกูลเฮนิตสั ไม่กี่วนั ก่อนหน้ าที่
เขาจะพบกับพระเอก คาร์ ลกาลังดื่มเหล้ าและพบว่าเหล้ ารสชาติ
ไม่อร่อย เขาโมโหอาละวาดทาลายข้ าวของทุกอย่างและใช้ ไม้ จาก
โต๊ ะที่หกั แทงไปที่สีข้างของตนเองและส่งผลให้ เกิดรอยแผลเป็ น
ขึ ้น ช่างเป็ นตัวละครที่น่าสนใจอะไรอย่างนี ้ เขาไม่ได้ รับแผลเป็ น
จากการต่อสู้กบั คนอื่นแต่เขาได้ รับมันเพราะเขาโกรธที่เหล้ า
รสชาติไม่ดีอย่างที่คาดไว้ ก่อนจะระบายความโกรธด้ วยการ
ทาลายข้ าวของและร่างกายของตนเอง เขาจะได้ พบกับพระเอก
หลังจากได้ รับแผลเป็ นนี ้และมีเพียงบทสนทนาสันๆก่ ้ อนที่คาร์ ลจะ
ถูกทุบตีทาร้ ายร่างกาย

“อืม……” คาร์ ลก้ มลงมองแขนของตนก่อนเริ่ มคิด เขาไม่ร้ ูวา่ เกิด


อะไรขึ ้นกับคาร์ ลหลังจากถูกตีเพราะบทบาทของคาร์ ลมีเพียงแค่
เล่ม 1 เท่านัน้ เขารู้แต่วา่ พระเอกของเรื่ องอย่าง เชว ฮันมีการปะ
ลองฝี มือผ่านด่านทดสอบต่างๆและสามารถเอาชนะการปะลอง
ได้ เป็ นจานวนมากเพื่อที่จะกลายเป็ นวีรบุรุษที่แข็งแกร่งร่วมกับ
สมาชิกในทีมของเขา ซึง่ จุดเริ่ มต้ นที่จะทาให้ เชวฮันการเป็ น
วีรบุรุษจะเริ่ มต้ นในเมืองที่คาร์ ลอาศัยอยูใ่ นขณะนี ้ ตลอดจนเมือง
อื่นๆอีกมากมายในเขตตะวันออกและตะวันตกมันจะเต็มไปด้ วย
สงครามการประลอง มันจะกลายเป็ นเวทีให้ เหล่าวีรบุรุษได้ แสดง
ให้ เห็นถึงความศักยภาพของพวกเขา

คาร์ ลเริ่ มขุน่ เคืองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้น คิมร็อกโซผู้ที่กลายเป็ น


คาร์ ล เฮนิตสั เขาเป็ นเพียงผู้ที่มีคติที่วา่ ..เพียงปรารถนาจะมีชีวิตที่
เรี ยบง่าย อยูไ่ ด้ นานโดยปราศจากอาการบาดเจ็บ มีความสุขและ
เพลิดเพลินไปกับความสุขเล็กๆน้ อยของตนเอง หวังเพียงแค่ มี
ชีวิตที่เงียบสงบเท่านัน้

“ตราบเท่าที่ฉนั ใช้ ชีวิตอย่างปกติ ไม่ให้ ตวั เองโดนพระเอกทาร้ าย


ที่เหลือก็แค่ก็ให้ พวกตัวเอกทังหลายด
้ าเนินเรื่ องไปตามปกติแล้ ว
กัน”
ด้ วยเหตุผลบางอย่างทาให้ เขาสามารถจดจาเหตุการณ์ที่อยูใ่ น
หนังสือได้ อย่างไม่ตกหล่น คาร์ ลเริ่ มผ่อนคลายตนเองในน ้าอุน่
ก่อนที่มาถึงข้ อสรุปสุดท้ าย…….
“มันจะคุ้มค่ากับความพยายาม….” ต้ องพยายามเลี่ยงสงคราม
ที่จะเกิดขึ ้นและใช้ ชีวิตอย่างสงบสุข ในตอนนี ้สถานการณ์ของเจ้ า
ขยะอย่างคาร์ ลอาจจะดีกว่าเดิมเมื่อตอนนี ้เขาได้ กลายเป็ น คิม
ร็อกโซ ตาแหน่งที่ตงของเมื
ั้ องที่เขาอยูต่ งอยู
ั ้ เ่ ขตตะวันตกทาให้
เป็ นสถานที่ที่เหมาะสาหรับการหลีกเลี่ยงสงคราม ในนิยายได้
กล่าวถึงขุนนางส่วนใหญ่ที่ใช้ พื ้นที่ของเขตตะวันตกเพื่อเลี่ยง
สงคราม แม้ วา่ ตัวเขาไม่สามารถเลี่ยงได้ อย่างร้ อยเปอร์ เซ็น เขาก็
ควรจะลดความเสียหายให้ มนั เกิดน้ อยที่สดุ แล้ วกัน

“นายน้ อยอยูใ่ นห้ องน ้าหรื อไม่ขอรับ?” เขาได้ ยินเสียงเรี ยกของ


รอนจากด้ านนอก คาร์ ลคิดถึงตัวตนที่แท้ จริ งของรอน รอนเป็ น
ฆาตกรที่ข้ามมาจากทวีปยุโรปโดยอาศัยเรื อข้ ามทะเลเข้ ามา รอน
แกล้ งทาเป็ นชายชราผู้ใจดีแต่แท้ จริ งแล้ วรอนกลับเป็ นคนที่
โหดร้ ายและไร้ เมตตา

“ใช่….เดี๋ยวออกไป” การโต้ ตอบโดยอัตโนมัติทาให้ เขาตอบด้ วย


น ้าเสียงกระด้ างใส่ชายชรา คาร์ ลได้ ตระหนักถึงสิ่งที่เขากาลังทา
อยูแ่ ละตัดสินใจว่าจะทาอย่างไรในอนาคต เขาจาเป็ นต้ องผลักดัน
ชายชราให้ พระเอกและส่งเขาออกไปให้ ไกลตน รอนสามารถฆ่า
เขาได้ เพียงพริ บตาแต่ถือว่าเขายังเป็ นลูกสุนขั เชื่องๆที่รอนเลี ้ยงไว้
เพราะไม่อาจฆ่าเขาได้ ลง เขายกยิ ้มจางๆแต่มนั ก็ไม่ได้ ทาให้ เขา
สนใจเท่ากับเรื่ องของคาร์ ลตัวจริ ง ในนิยายรอนแยกตัวออกจาก
พระเอกและลูกชายของเขาหลังจากที่เชวฮันได้ ลงมือทาร้ ายคาร์ ล

เขารี บใส่เสื ้อคลุมอาบน ้าก่อนออกมาจากห้ องน ้า รอนกาลังยืนอยู่


ที่นนั่ ด้ วยรอยยิ ้มพร้ อมกับถาดใส่แก้ วน ้าเย็นในมือ

“นายน้ อยนี่ขอรับ น ้าเย็น” คาร์ ลหยิบแก้ วน ้าและเดินผ่านชาย


ชราไป เขาไม่ต้องการที่จะอยูใ่ กล้ กบั ชายแก่ที่เป็ นอันตรายเช่นนี ้

“ขอบคุณมาก” ท่าทางของรอนกลับผิดแปลกไปอีกครัง้ แต่


คาร์ ลก็เดินผ่านเขาไปแล้ ว คาร์ ลค่อยๆดื่มน ้าเย็นในขณะที่เริ่ มคิด
‘มีพวกนันอยู
้ ท่ ี่นี่มากเกินไป’ ในความเป็ นจริ งคนพวกนันมี ้ มาก
เกินไป ไม่วา่ เหล่าพระเอกจะไปที่ไหนต่างก็มีบคุ คลที่เก่งกาจหรื อ
บุคคลที่มีความลับที่ซอ่ นเร้ นแฝงตัวอยูท่ กุ ที่ บุคคลเหล่านี ้มีทงั ้
เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆ

‘ฉันต้ องการกาลังอย่างน้ อยก็เพื่อปกป้องตัวเอง’ เพื่อที่จะได้ อยูไ่ ด้


นานโดยปราศจากความเจ็บปวดในดินแดนที่เต็มไปด้ วยสงคราม
การประลอง คุณจะต้ องแข็งแกร่งพอสมควร แน่นอนจะแกร่ง
เกินไปก็ไม่ได้ เพราะอาจเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ ้นได้ คาร์ ลคิดถึง
การเผชิญหน้ ากับการประลองต่างๆและการเสริ มสร้ างพลังของ
พระเอกและสมาชิกของเขา คาร์ ลกาลังคิดถึงคนที่จะสามารถช่วย
ให้ เขามีชีวิตอยูไ่ ด้ ยาวนานโดยปราศจากการเจ็บปวด เขามีคนที่
คิดไว้ แล้ วภายในใจและเขาเพียงต้ องการเลือกใครสักคนในกลุม่
พระเอกนี ้

“นายน้ อย เริ่ มแต่งตัวได้ แล้ วขอรับ”


“อ้ อ..ใช่..ขอบคุณ” ทันใดนันประตู
้ ห้องก็ถกู เปิ ดขึ ้นมีคนรับใช้ 2
คนที่เป็ นลูกมือช่วยรอนแต่งตัวให้ เขา เขาไม่ทนั ได้ สงั เกตเห็นว่า
รอนมีทา่ ทางฝื นตนเองซึง่ แตกต่างจากภาพที่เขาแสดงออกให้ คน
อื่นเห็น คาร์ ลมองไปยังชุดที่คนรับใช้ กาลังนาเข้ ามา

“วันนี ้ชุดมันเรี ยบง่ายดี” เขาเกลียดเครื่ องแต่งกายที่ยงุ่ ยาก


ซับซ้ อนจริ งๆ เสื ้อผ้ าที่เรี ยบง่ายต่างหากที่จะช่วยให้ คณ
ุ ผ่อนคลาย
และสบายที่สดุ

“ ใช่แล้ วนายน้ อย”

ข้ ารับใช้ ที่รับผิดชอบการแต่งกายของคาร์ ลทางานได้ อย่าง


คล่องแคล่วว่องไวเนื่องจากเป็ นชุดที่เรี ยบง่ายที่สดุ ที่พวกเขาเคย
แต่งให้ คาร์ ล แต่สาหรับคาร์ ลนันต่
้ อให้ เป็ นชุดที่เรี ยบง่ายขนาด
ไหนก็ยงั สร้ างความอึดอัดและขุน่ เคืองให้ กบั เขาอยูด่ ี อันนี ้คือง่าย
แต่ก็ชา่ งฟุ่ มเฟื อยหรูหราเกินรสนิยมของเขาไปไกลโข อย่างไรก็
ตามใบหน้ าที่สะท้ อนในกระจกก็ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน
‘เขาหล่อมากทาให้ เสื ้อผ้ าพวกนี ้ดูดีขึ ้นเป็ นกอง’ ใบหน้ าที่ดดู ีถือ
ว่าเป็ นเครื่ องประดับชิ ้นสุดท้ ายสาหรับแฟชัน่ สินะ เขามองตัวเอง
ในกระจกและพับแขนเสื ้อก่อนหันหน้ าไปพูดกับรอน

“ไปกันเถอะ รอน”

“ขอรับ นายน้ อย”

คาร์ ลเดินตามหลังรอน เป็ นเรื่ องที่ดีที่เขาไม่จาเป็ นต้ องจา


โครงสร้ างภายในคฤหาสน์ เขาเพียงแค่เดินตามรอนไปทุกที่ที่
ตนเองต้ องการ ข้ ารับใช้ ที่คาร์ ลเดินผ่านต่างสะดุ้งสุดตัวก่อน
คานับอย่างสุภาพก่อนที่พวกเขาจะพากันวิ่งหนีไป ทาไมพวกเขา
ถึงกลัว? คาร์ ลไม่เคยตีคน? เขาชอบดื่มและอาละวาดรุนแรงเป็ น
บางครัง้ เมื่อเขาเมาราน ้าและนัน่ เป็ นเหตุผลที่เขากลายเป็ นขยะไร้
ค่าของตระกูล นอกจากนันยั
้ งปฏิบตั ิตอ่ ผู้อื่นอย่างก้ าวร้ าวและ
รุนแรงนอกจากจะเป็ นคนที่เขารู้สกึ ชื่นชอบจริ งๆ

‘ดีกว่าไม่มีใครพูดถึงเราละกัน’ คาร์ ลคิดถึงเรื่ องนี ้อย่างสงบ มันจะ


ยากกว่านี ้ถ้ าเขาอยูใ่ นร่างของชาวบ้ านธรรมดาๆอย่างน้ อยถังขยะ
ไร้ คา่ คนนี ้ก็สามารถทาอะไรตามใจตนเองไม่ต้องกังวลถึงเงินทอง
ที่ต้องใช้ สอย อืม…….เขาไม่ปรารถนาที่จะเป็ นชาวบ้ านธรรมดา
จริ งๆนัน่ ล่ะ

“ตอนนี ้กระผมจะเปิ ดประตูแล้ วนะขอรับ….นายน้ อย”

“ได้ ” คาร์ ลพยักตอบรับรอน ในนิยายได้ กล่าวว่ารอนรักเขา


เหมือนเป็ นลูกหลานของตนเพราะเลี ้ยงกันมาแต่เล็กๆและรอนก็
ยังปฏิบตั ิกบั พ่อของคาร์ ลไม่ตา่ งกัน ทาให้ คาร์ ลปฏิบตั ิตวั กับรอน
เหมือนพ่อคนหนึง่ ไม่ใช่เป็ นแค่ข้ารับใช้
“ขอให้ มีความสุขกับการรับประทานอาหารเช้ านะขอรับ”

“ขอบใจมากรอน หวังว่าจะได้ กินอาหารดีๆเช่นกัน”

คาร์ ลเดินผ่านรอนไปยังห้ องอาหาร เขาได้ เห็นครอบครัวของเขา


นัง่ อยูท่ ี่นนั่ พ่อของเขาเป็ นประมุขคนปั จจุบนั ของตระกูลเฮนิตสั
‘เคานต์เดอรัช เฮนิตสั ’ ถัดมาคือแม่เลี ้ยงพร้ อมกับลูกชายและลูก
สาวของเธอ ทังสี ้ ่คนหันมามองที่คาร์ ลอย่างพร้ อมเพรี ยง

“มาสายอีกแล้ วนะ” สายตาของคาร์ ลหันไปที่พอ่ ของเขา ในนิยาย


กาเนิดวีรบุรุษอธิบายถึงความรู้สกึ ของคาร์ ลที่มีตอ่ พ่อของตนว่า
เขาเป็ นคนที่คาร์ ลเชื่อฟั งมากที่สดุ สาเหตุที่ขยะไร้ คา่ ไม่ถกู ขับออก
จากเมืองแห่งนี ้ก็เพราะพ่อสามารถบันดาลทุกอย่างตามความ
ต้ องการของเขา แต่น่าเสียดายที่พอ่ ของเขาไม่เหมือนพ่อที่
แข็งแกร่งเหมือนคนอื่นๆในนิยายเรื่ องนี ้ เขาไม่มีพลังพิเศษหรื อ
อิทธิพลมากนักเพียงแต่มีเงินจานวนมากเท่านัน้ แต่อย่างไรก็ตาม
คาร์ ลกลับชอบเรื่ องนี ้มากเป็ นสภาพของครอบครัวที่เหมาะกับการ
ใช้ ชีวิตที่เรี ยบง่ายอะไรเช่นนี ้

และอีกสามคนที่เหลือ แม่เลี ้ยงของเขารู้วา่ เขาไม่ชอบเธอจึงพยาม


เลี่ยงการเผชิญหน้ าอยูเ่ สมอ คนต่อมาน้ องชายที่สดุ แสนเพอร์ เฟ็ ค
ที่ยากจะต่อกร และคนสุดท้ ายน้ องสาวคนเล็กที่เลี่ยงหนีพี่ชายอยู่
ตลอดเวลา แต่นนั่ ล่ะมันไม่ได้ หมายความว่าคาร์ ลจะใส่ใจพวกเขา
หรื อพวกเขาจะใส่ใจคาร์ ลพวกเราต่างปฏิบตั ิตอ่ กันอย่างคนแปลก
หน้ า นี่ละคือสภาพแวดล้ อมที่ยอดเยี่ยมกับการอยู่เงียบๆๆซะ
เหลือเกิน

“นัง่ สิ”

“ขอรับท่านพ่อ” คาร์ ลมองไปที่อาหารบนโต๊ ะที่มีมากเกินไปยังกับ


มีงานเลี ้ยงสังสรรค์ไม่ใช่เพียงแค่การรับประทานอาหารเช้ ากัน
ธรรมดา เขานัง่ ลงบนที่นงั่ ของเขาก่อนที่จะรู้สกึ แปลกๆและเงย
หน้ าขึ ้น
“มีอะไรหรื อขอรับ ท่านพ่อ”

“เปล่า ไม่มีอะไร” คาร์ ลหันกลับไปที่โต๊ ะอาหาร

เคานต์เดอรัช กาลังจ้ องมองไปที่คาร์ ลพร้ อมๆกับคนที่เหลือใน


ครอบครัวต่างก็ทาเช่นกัน คาร์ ลมองตอบกลับก่อนที่คนที่เหลือจะ
หันหน้ าหนีอย่างรวดเร็ ว พวกเขายังคงแอบลอบมองมายังคาร์ ลที่
ยังคงนัง่ กินอย่างเงียบๆ

‘นี่คงหาเรื่ องจับผิดกันสินะ’ คาร์ ลหันศีรษะไปยังโต๊ ะอาหารที่


หรูหราดัง่ งานเลี ้ยงซึง่ ต่างจากอาหารเช้ าที่เขาเคยทานเพียงแค่ให้
อิ่มท้ องไปวันๆเท่านัน้ และนัน่ ทาให้ เขายิ ้มออกมาได้ ก่อนจะ
ค่อยๆหัน่ ไส้ กรอกด้ วยมีดในมือ
‘อร่อยจัง’ เขาไม่ร้ ูวา่ น ้าที่ไหลออกมาจากไส้ กรอกนัน่ เป็ น
เพราะว่ามันเป็ นของที่ทาอย่างพิถีพิถนั หรื อเป็ นเพราะมันสุกกาลัง
พอดี แต่สีสนั บนไส้ กรอกทาให้ เขาเริ่ มหิวขึ ้นมาอีกครัง้ ก่อนที่จะยิ ้ม
ออกมาอย่างไม่ร้ ูตวั

“เคร้ ง!” เขาได้ ยินเสียงบางอย่างตกลงมาและได้ หนั ไปมอง บา


เซ็น น้ องชายของเขาก่อนที่เจ้ าตัวจะลดส้ อมในมือของตัวเองลง

“ ขอโทษขอรับ” บาเซ็นเอ่ยขอโทษอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกับ


บุคลิกที่อธิบายไว้ ในนิยาย ข้ ารับใช้ ได้ นาช้ อนคันใหม่มาเปลี่ยน
พร้ อมกับหยิบช้ อนที่ตกลงพื ้นไปเก็บอย่างรวดเร็ว คาร์ ลมองการ
ทางานของขอรับใช้ อย่างชื่นชมก่อนที่จะจดจ่อกับอาหารตรงหน้ า
อีกครัง้ เขาพบว่าข้ อดีข้อแรกของนิยายเรื่ องนี ้คืออาหารเช้ าที่
หรูหราและอร่อยจนกระเพาะอาหารของเขามีความสุขมากที่สดุ
และนัน่ ทาให้ รอยยิ ้มบนใบหน้ าของเขาไม่สามารถหายไปจาก
ใบหน้ าได้
“โอ้ ???” และนัน่ เป็ นเหตุผลที่ทาให้ เขาไม่ได้ ยินคาอุทานอย่าง
ตกใจจากน้ องชายของตนเอง
บทที่ 3 เมื่อผมลืมตาตื่น 2

คาร์ ลมองไปยังจานที่อยูบ่ นโต๊ ะก่อนที่จะเลือกตักสลัดผลไม้


หลังจากที่เติมกระเพาะด้ วยซุปและขนมปั งไปก่อนหน้ านี ้แล้ ว และ
ตอนนี ้กาลังจะเลือกลองชิมอาหารใหม่ๆดู ผลไม้ ที่อยูใ่ นสลัดจาน
นี ้มีผลคล้ ายส้ มแต่สีคล้ ายกับองุ่นเขาพิจารณาอยูค่ รู่ก่อนที่จะตัก
เข้ าปากไป

“อืมมม….” รสหวานจากผลไม้ ที่ละลายในปากทาให้ เขาอุทาน


ด้ วยความพอใจ เขาเกลียดผลไม้ รสเปรี ย้ วมากพอได้ เจอผลไม้ ที่มี
รสหวานแบบนี ้จึงทาให้ ร้ ูสกึ น ้าลายไหลอยากกินเรื่ อยๆจนกว่าจะ
พอใจ ก่อนที่จะหันไปสบตากับท่านเคานต์เดอรัชพ่อของตน

“ คาร์ ล”เคานต์เดอรัชเรี ยกชื่อเขาเบาๆก่อนที่จะเงียบไป เขารู้สกึ


เริ่ มอึดอัดและขุน่ เคืองก่อนที่จะเริ่ มขยับปากพูด
“มันอร่อยมากขอรับ…”

“ใช่…รสชาติมนั เหมือนขยะ…ฮะ? เมื่อกี ้ลูกบอกว่าอร่อยงัน้


หรื อ?”

“ใช่อร่อยทุกอย่างเลย” คาร์ ลหยิบผลไม้ ชนิดอื่นทานต่อไปและ


เริ่ มเพลิดเพลินกับความหวานที่ละลายในปากของตนจนไม่ได้ ใส่
ใจมารยาทบนโต๊ ะอาหารอย่างที่ควรเป็ น เขารู้วา่ ไม่ควรทากิริยา
แบบนี ้กับพ่อของตนแต่จะเป็ นไรไปในเมื่อเขาก็คือคาร์ ล เฮนิตสั
ขยะผู้ไร้ คา่ ของตระกูลตังแต่
้ แรกอยูแ่ ล้ ว

‘เป็ นเรื่ องดีจริ งๆที่เป็ นเพียงแค่ขยะ…..’ เขาคาดว่าคงไม่มีใคร


กล้ าวิจารณ์กบั กริ ยาที่ดขู าดมารยาทของเขาแต่ก็คงมีเพียงท่าน
เคานต์เดอรัชเท่านันที ้ ่สนใจตน
“ใช่ มันอร่อยจริ งๆ พ่อดีใจที่เห็นลูกกินได้ อย่างเอร็ ดอร่อยเช่นนี ้”
ท่านเคานต์คงเป็ นคนเดียวที่ใส่ใจและมองข้ ามกับกริ ยาที่ขาด
มารยาทของเขา เป็ นพ่อที่หว่ งใยลูกอย่างแท้ จริ งและตัวท่าน
เคานต์เองก็คงจะพยายามแก้ ไขมารยาทเช่นนี ้ของคาร์ ลอยู่ แต่
ช่างปะไรเขาไม่ใช่คาร์ ล เฮนิตสั ตัวจริ งสักหน่อย

“ขอรับ คุณพ่อก็ทานให้ อร่อยเช่นกันนะขอรับ”

“ ฮึ ” บาเซ็นส่งเสียงผ่านลาคออีกครัง้ และครัง้ นี ้คาร์ ลได้ ยิน แต่ก็


เพียงแค่หนั ไปมองจานอาหารบนโต๊ ะเท่านัน้ บาเซ็นเป็ นเด็กหนุ่ม
อายุเพียง 15 ปี ซงึ่ มีอายุน้อยกว่าคาร์ ล 3 ปี และเป็ นคนที่เขา
ยากที่จะจัดการได้ บาเซ็นมีความแตกต่างกับขยะไร้ คา่ อย่างคาร์ ล
มาก บาเซ็นเป็ นคนฉลาด จริ งใจ และมีความรับผิดชอบสูงเป็ นคน
ที่ครอบครัวต่างผลักดันให้ เขาเป็ นประมุขคนต่อไปของตระกูลเฮ
นิตสั และนัน่ ก็ทาให้ คิมร็ อกโซเห็นด้ วยเป็ นอย่างยิ่งแม้ วา่ ในตอนนี ้
เขาจะอยูใ่ นร่างของคาร์ ลก็ตาม
‘แทนที่จะใช้ ชีวิตวุน่ วายในการดูแลเมืองแห่งนี ้ฉันขอใช้ ชีวิตใน
ฐานะพี่ชายของท่านเคานต์ ที่จะสุดแสนขี ้เกียจและใช้ ชีวิตอย่าง
สงบในแผ่นดินนี ้ก็พอ’

คาร์ ลไม่ได้ ตอบโต้ อะไรต่อบาเซ็น เขาได้ ยินบาเซ็นกระซิบอะไร


บางอย่างและมองมาทางเขา แล้ วเขาต้ องทาอย่างไร? เมื่อบาเซ็น
กลายเป็ นประมุขคนต่อไปของตระกูลด้ วยบุคลิกของบาเซ็นแล้ ว
เขาเชื่อมัน่ เป็ นอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่โดนบาเซ็นฆ่า แต่ก็อาจจะ
ได้ รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้ อยก่อนถูกไล่ออกจากเมืองแห่งนี ้ เขา
จะต้ องทาตัวไม่ให้ เป็ นเป้าหมายของบาเซ็นก็พอแล้ ว

‘ถ้ าเป็ นไปได้ ฉนั จะต้ องหาเงินให้ ได้ มากที่สดุ แล้ วหาทางหนีไปที่
ไหนสักแห่งก่อนสงครามการประลองจะเริ่ มขึ ้น’

คาร์ ลแสร้ งทาเป็ นไม่ได้ ยินเสียงของบาเซ็นพูดต่อไป เขายังคงตัง้


หน้ าตังตากิ
้ นต่อไปเรื่ อยๆ เมื่อมื ้อเช้ าจบลงเคานต์เดอรัชเป็ นคน
แรกที่ลกุ ขึ ้นท่าทางท่านเคานต์จะพอใจกับอาหารเช้ าในมื ้อนี ้มาก
เพราะใบหน้ ายังคงประดับไปด้ วยรอยยิ ้ม

‘อ่า…มันช่างอร่อยจริ งๆ’ ถ้ าอาหารเช้ าเป็ นเช่นนี ้ทุกวันคาร์ ลเลย


รู้สกึ ว่าตนจะต้ องนอนแต่หวั วันเพื่อตื่นแต่เช้ ามาให้ ทนั กินมื ้อเช้ า
ท่านเคานต์มองไปยังสมาชิกในครอบครัวก่อนที่จะหยุดลงที่คาร์ ล
ลูกชายคนโตของเขา

“มีอะไรที่ลกู อยากได้ หรื อไม่? คาร์ ล”

คาร์ ลกาลังลังเลกับท่าทางของเคานต์เดอรัชแต่ก็เอ่ยตอบอย่าง
ตรงไปตรงมา

“กระผมอยากได้ เงินขอรับ”

“แน่นอน พ่อจะให้ มนั กับลูก” ท่านเคานต์ตอบอย่างไม่ลงั เล


นี ้มันเป็ นครอบครัวที่ยอดเยี่ยม เมืองนี ้เป็ นเมืองที่ทาเหมืองหิน
อ่อนและปลูกองุ่นสาหรับทาไวน์ตอนนี ้เงินของพวกเขาคงมีมาก
จนล้ นมือกระมัง

“เยี่ยม….ขอให้ กระผมเยอะเท่าที่จะให้ ได้ เลยนะขอรับท่านพ่อ”


คาร์ ลรู้สกึ ว่าน้ องทัง้ 2 คนต่างมองมาที่เขา แต่เรื่ องอะไรที่เขา
จะต้ องอายเพียงแค่ขอเงินไม่ได้ ไปหาเรื่ องดื่มแล้ วสร้ างความ
เดือดร้ อนให้ ตระกูลสักหน่อย นอกจากนี ้เขาต้ องการเงินจานวน
มากเพื่อแผนการของเขา หากเขาต้ องเผชิญหน้ ากับพระเอกของ
เรื่ อง เขาจะต้ องแน่ใจว่าตัวเขาแกร่งมากพอที่จะทาให้ ตวั เอง
ปลอดภัย เขาต้ องการเงินเพื่อใช้ จดั การกับอุปสรรคในวันข้ างหน้ า

“ได้ สิ พ่อจะให้ ลกู ให้ มากที่สดุ เท่าที่พอ่ จะทาได้ ” คาร์ ลเริ่ มยิ ้ม
พอใจกับคาตอบที่ได้ รับจากพ่อของตนแต่เขาก็ไม่ได้ พดู อะไร
ออกไป หลังจากกลับไปที่ห้องไม่นานเขาก็ได้ รับเช็คจาก ฮันส์ ที่
เป็ นรองพ่อบ้ านของตระกูล เป็ นเช็คที่ถกู ออกโดยการเป็ นหุ้นส่วน
กับกระทรวงคลังและกระทรวงเวทมนต์ทาให้ หวั ใจของคาร์ ลนัน่
ลิงโลดเป็ นอย่างมาก

‘เงินเยอะมาก’ ตระกูลนี ้ดูภายนอกเหมือนไม่มีเงินแต่ความจริ ง


แล้ วพวกเขามีเงินที่มากเหลือเกิน นิยายเรื่ องนี ้ได้ กล่าวว่าคาร์ ล
ได้ รับเงินเป็ นจานวนมากแต่ไม่ได้ ระบุวา่ เป็ นจานวนเท่าใดแต่
ตอนนี ้เขารู้แล้ วว่ามันเยอะเท่าไหร่เพราะตัวเลขที่ถกู ระบุไว้ ในเช็ค
นี ้

‘ 10 ล้ าน แกลอน’ นี่มนั เทียบได้ กบั 10 ล้ านวอน


(292,164.02 บาท)ถ้ าเช่นนันเขาสามารถปรั
้ บเปลี่ยนแผน
ของเขาได้ คาร์ ลเริ่ มคิดถึงแผนการของเขาอย่ารวดเร็ว

“กระผมขอตัวก่อนนะขอรับ นายน้ อย” รองพ่อบ้ านฮันส์เอ่ยขึ ้น


หลังจากมอบเช็คให้ กบั คาร์ ลเสร็ จเรี ยบร้ อย แต่คาร์ ลไม่ได้ กล่าว
อะไรออกมาซึง่ ฮันส์ก็ได้ รับการปฏิบตั ิแบบนี ้จากคาร์ ลเป็ นปกติ
แต่เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อคาร์ ลลุกขึ ้นและกล่าวบางอย่างกับรอน

“รอน..เตรี ยมตัวไปเรี ยนกันเถอะ” ฮันส์ร้ ูสกึ ตกใจและเป็ นกังวล


กับคาพูดของคาร์ ลเช่นเดียวกับรอนที่คงสับสนเช่นกัน

“นายน้ อยว่าไปเรี ยนหรื อขอรับ?”

คาร์ ลรู้สกึ แปลกๆกับปฏิกิริยาที่ได้ รับจากพ่อบ้ านทัง้ 2 คน นี่มนั


เป็ นเรื่ องแปลกอย่างนันหรื
้ อ คนอย่างเขาไปเรี ยนไม่ได้ อย่างนัน้
หรื อ?

“ใช่”

คาร์ ลต้ องการที่จะเรี ยนรู้ด้วยตนเองผ่านหนังสือในห้ องของตนเพื่อ


เตรี ยมทาตามแผนการของเขา แต่ในห้ องนอนของเขาไม่มีโต๊ ะหรื อ
กระดาษมีเพียงแค่ขวดเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ราคาแพงประดับห้ อง
ไว้ เท่านัน้

“ต้ องขอโทษด้ วยขอรับ นายน้ อย”

“มีอะไรอย่างนันหรื
้ อ?” คาร์ ลมองไปยังรองพ่อบ้ านฮันส์

“เรายังไม่สามารถเตรี ยมพร้ อมสาหรับการเรี ยนของนายน้ อยได้ ”

“เป็ นเช่นนันเหรอ
้ ? ฉันยังเรี ยนไม่ได้ สินะ”

“ไม่ขอรับนายน้ อย เราไม่ยอมให้ เรื่ องนี ้เกิดขึ ้นได้ ” รองพ่อบ้ าน


ฮันส์เอ่ยขึ ้นอย่างสับสนแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับยิ ้มขึ ้น
อย่างสดใสพลางยกนิ ้วขึ ้น
“กรุณารอสัก 1 ชม.ครับนายน้ อย กระผมรับประกันว่าการเรี ยน
ของนายน้ อยจะเป็ นไปอย่างสะดวกราบรื่ นไม่วา่ จะเป็ นเนื ้อหาที่มี
ประโยชน์ในอีก10ปี ข้างหน้ าหรื อเมื่อวานนี ้ขอรับ”

“อืม..ให้ ได้ อย่างนันสิ


้ ” เขาไม่ต้องกังวลอะไรแค่ต้องรอเวลาสัก
เล็กน้ อย

“เยี่ยม..ถ้ าอย่างนันกระผมขอไปรายงานนายท่
้ านด้ วยนะขอรับ”

“ไม่ต้องขนาดนันก็
้ ได้ แต่ก็แล้ วแต่เจ้ าเถอะ….”

“ถ้ าอย่างนันกระผมขอตั
้ วก่อนนะขอรับ” ฮันส์เดินออกจากห้ อง
พร้ อมกับการปิ ดประตูที่ไร้ เสียง เขาดูรีบร้ อนและกระตือรื อร้ นเกิน
ความจาเป็ น คาร์ ลรู้วา่ ในคฤหาสน์แห่งนี ้มีพอ่ บ้ านหลายคนที่
อยากเป็ นพ่อบ้ านคนพิเศษของตระกูลเฮนิตสั คงเป็ นเหตุผลนี ้
กระมังที่ฮนั ส์ดกู ระตือรื อร้ นเป็ นพิเศษ
“รอน”

“ ขอรับ นายน้ อย”

“ทาไมเงียบไป มีอะไรหรื อเปล่า?”

“ขอโทษด้ วยขอรับ นายน้ อย”

“ไม่ต้องขอโทษข้ าหรอกนะ” รอนมีสีหน้ าที่ดแู ปลกไป แต่คาร์ ล


ไม่ได้ สนใจเขาเพียงแค่เก็บเช็คที่ได้ ใส่กระเป๋ าก่อนจะนึกได้ วา่ เขา
ยังไม่ทราบวันเดือนปี ตงแต่
ั ้ เข้ ามาอยูใ่ นนิยายนี ้

“วันนี ้วันที่เท่าไหร่?” คาถามนี ้อาจจะดูน่าแปลกหากคนอื่นได้ ยิน


แต่ไม่ใช่สาหรับรอน เขาเพียงตอบด้ วยน ้าเสียงอ่อนโยน

“ วันที่ 29 เดือน 3 ปี เฟลิกซ์ที่ 781 ขอรับ”


“อืม….มีปัญหาแล้ วสิ”

“อะไรนะขอรับนายน้ อย”

“ไม่มีอะไร”

คาร์ ลจับเช็คที่มีมลู ค่า 10 ล้ านแกลลอนในกระเป๋ าอย่างแน่น


หนา เขารู้สกึ ว่ามีเพียงเงินเท่านันที
้ ่เขาวางใจได้ เมื่อวานคือวันที่
28 เดือน 3 ปี เฟลิกซ์ที่ 781 นัน่ เป็ นวันที่ชาวบ้ านในหมูบ่ ้ าน
แฮร์ ริส ซึง่ เป็ นหมูบ่ ้ านที่พระเอกชื่อว่า เชว ฮัน อาศัยอยู่
หลังจากที่สามารถหนีออกจากป่ าแห่งความมืดได้ หมูบ่ ้ านแห่งนี ้
เป็ นหมู่บ้านที่ทาให้ เชว ฮันสัมผัสได้ ถึงความเป็ นมนุษย์ และ
มิตรภาพหลังจากที่หลุดเข้ ามาในมิติแห่งนี ้ ก่อนที่คนในครอบครัว
ที่เชว ฮันนับเป็ นครอบครัวที่ 2 ของเขาถูกลอบสังหารโดยกลุม่ นัก
ฆ่าที่ไม่ร้ ูจกั แม้ กระทัง่ เขาผู้ที่อา่ นหนังสือนิยายเล่มนี ้จนถึงเล่มที่
5 ก็ยงั ไม่ร้ ูวา่ ใครคือผู้ที่อยูเ่ บื ้องหลังในการฆาตกรรมชาวบ้ านตา
ดาๆนี ้ มีนกั อ่านบางคนที่อาจพูดถึงเรื่ องที่เกิดขึ ้นนี ้ว่า

‘เขาคือคนที่แข็งแกร่งมาก ไม่แปลกที่เขาจะเป็ นเช่นนันหลั ้ ง


ครอบครัวบุญธรรมที่เขารักถูกฆ่า’ มันเป็ นเรื่ องปกติที่จะคิด
เช่นนันแต่
้ ถึงอย่างไรก็ตามมันมีเหตุผลที่ทาให้ นิยายเรื่ องนี ้ชื่อ
กาเนิดวีรบุรุษแทนที่จะชื่อว่าวีรบุรุษผู้แข็งแกร่งหรื อสงครามแห่ง
วีรบุรุษ

กาเนิดวีรบุรุษ

นิยายเรื่ องนี ้เป็ นเรื่ องราวของพระเอกที่เอาชนะอุปสรรคต่างๆและ


จากความเจ็บปวดในอดีตทาให้ เขาสามารถฝ่ าฟั นอุปสรรคต่างๆ
เพื่อพิสจู น์ความเป็ นวีรบุรุษ เรื่ องราวของความรักและมิตรภาพที่
เกิดขึ ้นระหว่างที่เขาได้ เจอกับศัตรูและเพื่อนๆในทีม มีบางสิ่งที่ไม่
สามารถหายไปจากนิยายนี ้ได้ คือ แรงกระตุ้น พระเอกอาจจะมี
พรสวรรค์และมีชีวิตอยูไ่ ด้ นานนับสิบปี ในป่ าแห่งความมืด แต่
เพราะเหตุนี ้จึงทาให้ เชวฮันยังคงเป็ นคนที่ไร้ เดียงสาและอ่อนโยน
เขาอาจสามารฆ่าเหล่าปี ศาจได้ แต่เขาไม่เคยแม้ แต่จะทาร้ ายใคร
ได้ เพื่อที่จะเปลี่ยนให้ เขาเป็ นคนที่แข็งแกร่งและเหมาะสมกับการ
เป็ นวีรบุรุษ นิยายจึงสร้ างสถานการณ์กระตุ้นให้ เชวฮันพบกับ
ผู้หญิงที่เขารักและเคารพเปรี ยบดังแม่คนที่ 2 เชวฮันได้ เดิน
ทางเข้ าป่ าแห่งความมืดเพื่อหาสมุนไพรที่มีคณ ุ ค่าราคาแพง เขา
ต้ องเดินทางลึกเข้ าไปในป่ าแห่งความมืดและใช้ เวลาหลายวันใน
การหาสมุนไพร ครัน้ เมื่อเขากลับมายังหมูบ่ ้ านอีกครัง้ เขาก็ได้ พบ
กับซากศพของชาวบ้ าน พร้ อมกับบ้ านที่ถกู เพลิงเผาไหม้ เป็ นจุณ
และได้ เจอกับเหล่านักฆ่าที่กาลังจะเดินทางจากไป เชวฮันถูก
ความโกรธเข้ าครอบงาและได้ เรี ยนรู้ในการฆ่าคนเป็ นครัง้ แรก
แน่นอนคนที่เขาฆ่าคือสมาชิกของเหล่านักฆ่านัน่ เองและนักฆ่าใน
องค์กรลับแห่งนี ้ต่างต้ องปะทะกับเชว ฮันตลอดทังเรื ้ ่ อง เมื่อเชว
ฮันกลับมาเป็ นปกติหลังจากลงมือฆ่าเหล่านักฆ่าตายทังหมด ้ เขา
พยายามรวบรวมข้ อมูลทังหมดแต่
้ ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่ได้ ข้อมูลที่
มากพอเพื่อจะสืบหาว่าใครคือผู้ที่อยูเ่ บื ้องหลังเหตุการณ์สงั หาร
หมูใ่ นครัง้ นี ้ เขาค่อยๆฝังร่างของชาวบ้ านก่อนที่จะปฏิญาณกับ
ตนเอง

‘ฉันจะฆ่าพวกมันให้ หมด ฉันจะฆ่าพวกมันไม่วา่ พวกมันจะเป็ น


ใครก็ตาม พวกมันต้ องรับผิดชอบกับสิ่งที่มนั ทา’

เชวฮัน ได้ เข้ าใจถึงความเศร้ าและความตาย แต่การฆ่าคนในครัง้


แรกทาให้ ใจเขาแกร่งขึ ้นพร้ อมกับความโหดที่เพิ่มขึ ้นแต่เขาก็
สามารถกับมาเป็ นคนที่ออ่ นโยนได้ อีกครัง้ หลังจากที่ได้ พบกับ
สมาชิกคนอื่นๆในนิยายและเติบโตขึ ้นเพื่อเป็ นวีรบุรุษอย่างแท้ จริ ง

“รอน”

“ขอรับนายน้ อย”
“ขอน ้าเย็นให้ ข้าแก้ วหนึง่ สิ”

“ได้ ขอรับ นายน้ อย”

หลังจากที่รอนทิ ้งเขาให้ อยูค่ นเดียวตามลาพังเขาถึงกับต้ องเอามือ


กุมขมับ ปั ญหาคือเมืองที่เชวฮันผู้ที่มาพร้ อมกับความโกรธเกรี ย้ ว
จะเดินทางมาถึงคือเมืองเวสเทิร์นซึง่ เป็ นเมืองที่ตงอยู ั ้ ใ่ จกลาง
เมืองเฮนิตสั แห่งนี ้ คาร์ ลผู้โง่เขลาได้ เข้ าไปหาเรื่ องเชวฮันจนโดน
ทาร้ ายร่างกายพร้ อมกับการปะทะที่ร้ายแรงในที่สดุ และเขาก็ได้
พบสมาชิกในทีมเป็ นคนแรกนัน่ คือ บารอค พ่อครัวผู้น่าเกรงขาม
บุตรชายของรอนนัน่ เอง

‘ฉันต้ องไปที่นนั่ ล่วงหน้ าและต้ องช่วยพวกเขาให้ เจอกัน’


สถานการณ์ในการหลบเลี่ยงการทาร้ ายจากเชวฮันไม่ใช่ประเด็น
สาคัญแต่เขาสนใจเรื่ องการช่วยเหลือคนในเมืองให้ รอดพ้ นจาก
การปะทะนี ้ต่างหาก แต่เขาไม่สามารถทาอะไรได้ เลย ตอนนี ้สิ่งที่
ทาได้ คือเขาต้ องแน่ใจว่าเขาจะต้ องไม่ทาอะไรที่ไปกระตุกต่อม
ความโกรถของเชวฮัน จนโดยอีกฝ่ ายทาร้ ายร่างกายได้

‘การหลีกเลี่ยงจากพระเอกไม่ใช่สิ่งที่ถกู ต้ อง’ เขาจาเป็ นต้ องเข้ า


หาเชวฮันเพื่อให้ รอนและบารอคก้ าวเข้ าไปช่วยเหลือเขาเพื่อให้
เป็ นจุดเริ่ มต้ นให้ คนทัง้ 3 ได้ พบกันและกลายเป็ นจุดเริ่ มต้ นการ
ผจญภัยของพระเอกต่อไป

‘ให้ พวกเขาได้ เริ่ มต้ นเดินทางและออกจากวงจรชีวิตของฉันสักที’


ต้ องสร้ างสถานการณ์ที่น่าประทับใจและหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวให้
ได้ มากที่สดุ สินะ

“นายน้ อย”
“อา…ขอบใจนะ”

คาร์ ลหยิบแก้ วน ้าขึ ้นจิบก่อนอารมณ์โกรธจะเริ่ มปะทุขึ ้น

“ไม่ใช่น ้าเย็น?”

“มันคือน ้ามะนาวขอรับ”

ช่างเป็ นคนที่ร้ายกาจจริ งๆพ่อบ้ านคนนี ้ก็น่าจะรู้เหมือนดังที่ คิม


ร็อกโซ รู้วา่ คาร์ ลตัวจริ งนอกจากจะเกลียดในสิ่งที่น่ากลัวแล้ ว เขา
ยังเกลียดรสชาติเปรี ย้ วอีกด้ วย แต่เขาก็ยงั เลือกทาน ้ามะนาว
ให้ แก่คาร์ ล เขาอยากระบายความโกรธนี ้ออกมาแต่ทาได้ แค่กลัน้
ใจดื่มน ้ามะนาวต่อไปช้ าๆ เขายังไม่อยากต่อกรกับนักฆ่าอย่าง
รอนในตอนนี ้
“ขอบคุณมากนะ…มันวิเศษมาก”

“ไม่มีปัญหาขอรับนายน้ อย เราควรเตรี ยมตัวเพื่อไปเรี ยนได้ แล้ ว


นะขอรับ”

“ดีเลย”

รอยยิ ้มที่แสนอ่อนโยนของรอนทาให้ เขาขนลุกอีกครัง้ เขาจับเช็ค


มูลค่า 10 ล้ านแกลลอนว่ายังคงอยูก่ บั ตัวเองอีกครัง้ หนึง่ คงมี
เพียงเงินเท่านันล่
้ ะที่จะทาให้ เขาเชื่อมัน่ มันได้
บทที่ 4 ได้ พบกัน 1

คาร์ ลมักจะคิดอะไรไม่ออกเมื่อมีอาหารที่แสนอร่อยวางอยู่
ตรงหน้ า เขาไม่สามารถแม้ แต่จะห้ ามปากของตนเองในการชื่นชม
รสชาติของอาหารที่ละลายอยูใ่ นปากของเขาเลยสักครัง้

“อื ้ม….อร่อยมาก” รองพ่อบ้ านฮันส์ร้ ูสกึ ตกใจกับประโยคที่


ออกมาจากปากของคาร์ ล ในตอนนี ้คาร์ ลนัง่ อยูเ่ พียงลาพังบนโต๊ ะ
อาหารพร้ อมกับฮันส์ที่คอยยืนรับใช้ อยูข่ ้ างๆ นอกเหนือจากมื ้อ
อาหารหลักของครอบครัวเฮนิตสั แล้ ว เหล่าข้ ารับใช้ อาจต้ องดูแล
มื ้ออาหารในคาบอื่นๆตามที่คนในตระกูลต้ องการ นอกจากการ
ทางานที่ได้ รับมอบหมายได้ อย่างครบถ้ วนสมบูรณ์แล้ วความ
ซื่อสัตย์ยงั เป็ นอีกสิ่งหนึง่ ที่คนในการปกครองของท่านเคานต์เดอ
รัชจาเป็ นต้ องมีกนั ทุกคน การเป็ นข้ ารับใช้ ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่มกั
ไม่ใช่เรื่ องง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ าคุณเป็ นข้ ารับใช้ ของเจ้ านายที่
มีตาแหน่งสาคัญในอาณาจักรหรื ออยูใ่ นแวดวงการเมืองแล้ ว การ
ทาตามกาหนดเวลาจึงเป็ นสิ่งที่เข้ มงวดและต้ องละทิ ้งทุกสิ่งหาก
เจ้ านายมีคาสัง่ เร่งด่วนอื่นๆให้ คณ
ุ จัดการ

ท่านเคานต์เดอรัชเป็ นผู้ปกครองเมืองทาให้ เขามีงานรัดตัวจึงยาก


ที่จะร่วมรับประทานอาหารในมื ้อต่างๆกับคนในครอบครัวได้
ในขณะที่น้องสาวและน้ องชายก็คงจะมัวยุ่งอยูก่ บั การเรี ยนของ
พวกเขา ส่วนภริ ยาของพ่อก็ต้องสร้ างปฏิสมั พันธ์อนั ดีกบั ภริ ยา
ของครอบครัวผู้อิทธิพลในเมืองแห่งนี ้

‘ตอนนี ้ฉันนึกเรื่ องนี ้ออกแล้ วสิ’ คาร์ ลวางช้ อนส้ อมลงหลังจากจา


เรื่ องราวบางอย่างได้ ฮันส์เริ่ มเป็ นกังวลเมื่อเห็นปฏิกิริยาอันเป็ น
ปกติที่ค้ นุ ชินของคาร์ ล ‘อีกสักพักส้ อมจะเขวี ้ยงไปยังทิศไหนกัน
นะ’ คาร์ ลไม่ได้ สนใจกับอาการของฮันส์เขายังจมอยูก่ บั ความคิด
ของตนต่อไป

‘มีคนที่เก่งๆมีฝีมือแฝงตัวเป็ นศิลปิ นและช่างฝี มือเป็ นจานวนมาก


ทีเดียว’
อาณาจักรโรมันเป็ นอาณาจักรที่มีการก่อสร้ างและศิลปะที่
สวยงามโดยเฉพาะฝี มือการแกะสลัก เป็ นเพราะอาณาจักรแห่งนี ้
เต็มไปด้ วยหินอ่อนและต้ องขอบคุณเมืองเฮนิตสั ที่กลายเป็ น1ใน
5ของเหมืองแร่หินอ่อนชันดี ้ ทาให้ สร้ างรายได้ แก่เมืองเป็ นจานวน
มาก นอกจากนี ้ยังมีเทือกเขาในพื ้นที่ของเมืองเฮนิตสั ถึงแม้ จะ
ตังอยู
้ ท่ างตะวันตกเฉียงเหนือแต่ก็มีภเู ขาที่อดุ มสมบูรณ์ทาให้
ชาวเมืองสามารถปลูกองุ่นในเขตภูเขาสาหรับการทาไวน์ชนดี ั้
และจะไม่ได้ ผลิตไวน์ออกมาเป็ นจานวนมากแต่ไวน์ที่มาจากเมือง
เฮนิตสั ก็ยงั เป็ นไวน์ที่ดีแห่งหนึง่ ในอาณาจักร อย่างไรก็ตามใน
ความคิดของคาร์ ลในตอนนี ้ล้ วนเต็มไปด้ วยข้ อมูลของบุคคลที่
แข็งแกร่งและเป็ นเพราะเหตุนี ้เขาจึงเลือกที่หยุดทานอาหารเที่ยงที่
แสนอร่อยนี ้ไปก่อนเมื่อเริ่ มคิดถึงเรื่ องนี ้อย่างจริ งจัง

‘ทาไมคนเก่งๆถึงอยูใ่ นเมืองโง่ๆนี ้เต็มไปหมดนะ นี่มนั ไม่ใช่พรรคบู๊


ลิ ้มสักหน่อย’
มีคนเก่งกาจมากมายรวมตัวกันอยูท่ ี่นี่ทาให้ คาร์ ลได้ ข้อสรุปว่าที่นี่
คือ บู๊ลิ ้ม นัน่ เอง

เราไม่ควรไปยุง่ กับคนอื่นมากนักเพราะอาจจะมีพอ่ ครัวจานวน


มากที่เก่งเรื่ องการใช้ พิษและคนที่ทางานในร้ านซ่อมต่างๆอาจฆ่า
คนได้ ด้วยสายไฟในร้ านของเขา ใช่แล้ วนี่คือสิ่งที่เมืองนี ้เป็ น

“เฮ้ อ” ลมหายใจลึกๆที่มาจากเสียงถอนหายใจของคาร์ ล เขาเพิ่ง


เสร็ จสิ ้นการวางแผนการที่จะป้องกันไม่ให้ ตวั เองตายและสามารถ
ใช้ ชีวิตได้ อย่างสงบสุข

“นายน้ อย”

คาร์ ลต้ องการที่จะทอดถอนหายใจอีกครัง้ ก่อนหันไปจ้ องมองยัง


ที่มาของเสียงอย่างระมัดระวัง รองพ่อบ้ านฮันส์นี่เอง
“อะไร”

“เดี๋ยวกระผมให้ พวกนางไปทาอาหารมาให้ ใหม่นะขอรับ”

“หืม?”

ฮันส์ยืนกลันหายใจหลั
้ งจากเห็นคาร์ ลเบิกตากว้ าง เขากาลังคิดว่า
คาร์ ลจะต้ องคว่าโต๊ ะอาหารอย่างแน่นอน ไม่ร้ ูทาไมท่านดยุคจึง
มอบหมายให้ เขาดูแลนายน้ อยด้ วยนะ เขาคงหมดหวังที่จะได้ เป็ น
พ่อบ้ านผู้ยอดเยี่ยมเสียแล้ วสิ เขากลันใจรอฟั
้ งคาร์ ลต่อไป

“ทาไมต้ องทาใหม่ด้วย”

“อะไรนะขอรับ?”
คาร์ ลหยิบช้ อนส้ อมและมีดก่อนจะเริ่ มหัน่ สเต็กเนื ้อช้ าๆตอนนี ้
อาหารมันเริ่ มเย็นแล้ ว มันอาจจะดูแย่หากเทียบกับอาหารในมื ้อ
เช้ าแต่ท่าจะให้ เทียบในตอนที่เขาเป็ นคิมร็อคโซนัน้ อาหาร
ในตอนนี ้ก็ดหู รูขึ ้นมาทีเดียว เขาไม่ร้ ูวา่ คาร์ ลตัวจริ งเติบโตมา
อย่างไรแต่ก็ไม่แปลกหากเติบโตมาในตระกูลเช่นนี ้ก็ต้องเลือกสิ่งที่
ดีที่สดุ ให้ กบั ตนเองอยูแ่ ล้ ว คาร์ ลเอาสเต็กเข้ าปากช้ าๆถึงแม้ มนั
อาจจะเย็นอยูบ่ ้ างแต่มนั ยังมีความฉ่าหวานของเนื ้อจนทาให้ เขา
ลืมเรื่ องมารยาทการกินไปเลย

“ฮันส์…ใครเป็ นคนทาอาหารนี ้”

“อ่า..เป็ นเชฟบารอคขอรับนายน้ อย” คาร์ ลรู้สกึ ว่าความอยาก


อาหารของเขาลดฮวบทันที

บารอคเป็ นคนที่เชี่ยวชาญในการใช้ ดาบ เขาเป็ นบุตรชายของ


พ่อบ้ านรอนแต่อย่างไรก็ตามถึงเขาจะเชี่ยวชาญในการใช้ ดาบแต่
เขาก็ไม่ลอบสังหารใคร บารอคยังคงมุง่ มัน่ กับการฝึ กดาบและ
หมัน่ ลับคมดาบของเขาให้ คมอยูเ่ สมอเรี ยกได้ วา่ เขาสามารถตัด
หัวศัตรูได้ เพียงดาบเดียว

‘อ่า……เขาเชี่ยวชาญในการทรมานคนด้ วย…..’

เมื่อครัง้ ที่บารอคได้ เห็นทักษะการใช้ ดาบของเชวฮันทาให้ ยกย่อง


เชวฮันเป็ นอย่างมากและเลือกที่จะติดตามเชวฮันไปทุกที่ ทาให้
รอนต้ องทาข้ อตกลงเพื่อช่วยลูกชายของเขาก่อนที่จะเลือกจากทัง้
2 ไปเพื่อผลประโยชน์ของลูกชายตน ถึงแม้ เขาทัง้ 2 จะไม่มีอะไร
เหมือนกันแต่ก็กล่าวได้ วา่ รอนรักลูกชายของเขาไม่น้อยเลย

คาร์ ลมองไปยังสเต็กที่เนื ้อของมันยังคงมีสีชมพูเล็กน้ อยก่อนที่จะ


หัน่ เข้ าปากไปอีก 2-3 คา
‘ฉันไม่ยอมให้ เลือดไหลออกจากตัวเหมือนสเต็กชิ ้นนี ้อย่าง
แน่นอน’ เขาหันไปทางฮันส์ที่ยงั คงมองมาทางเขาอยูก่ ่อนที่จะ
หัน่ สเต็กเข้ าปากอีกคา

“มันอร่อยมาก เขาเป็ นลูกชายของรอนใช่มย?


ั ้ ข้ าไม่เคยรู้มาก่อน
ว่าเขาเป็ นพ่อครัวที่มีพรสวรรค์มาก”

“กระผมจะนาคาชมของนายน้ อยไปบอกเชฟบารอคนะขอรับ
กระผมมัน่ ใจว่าเขาจะต้ องมีความสุขมากๆที่ได้ รับคาชมจากนาย
น้ อย”

“อย่างนันหรื ้ อ? บอกเขาด้ วยแล้ วกันว่าข้ ามีความสุขกับอาหาร


มื ้อนี ้จริ งๆ”

“ขอรับนายน้ อย” ฮันส์รับปากคาร์ ลด้ วยท่าทางขึงขัง เขาคิดขึ ้นได้


ว่าเขาควรจะเลี่ยงการเป็ นศัตรูกบั บารอคแล้ วทาให้ พอ่ ครัวคนนี ้
ประทับใจในตัวเขาให้ มากที่สดุ คาร์ ลเพลิดเพลินกับอาหารอีกครัง้
ด้ วยใจที่ผอ่ นคลายทุกอย่างจะเป็ นไปด้ วยดีเมื่อเขาได้ เจอกับเชว
ฮัน และพวกเขาจะได้ ออกจากเมืองนี ้ไปตามที่เขาคาดไว้
เช่นเดียวกับอาหารในมื ้อเช้ าคาร์ ลจัดการอาหารทังหมดด้
้ วย
รอยยิ ้มพึงใจเต็มหน้ าก่อนลุกขึ ้นเพื่อหันไปหาฮันส์

“ทาไมเจ้ าถึงได้ มาดูแลข้ าล่ะ ฮันส์”

ฮันส์ได้ แจ้ งแก่คาร์ ลเมื่อใกล้ เวลารับประทานอาหารเย็นว่าท่านด


ยุคได้ สงั่ ให้ ตนเข้ ามาดูแลมื ้ออาหารและจัดการทุกเรื่ องตามความ
ต้ องการของคาร์ ล เขาก็ไม่ทราบถึงสถานการณ์ในตระกูลเฮนิตสั
มากนักแต่จะว่าไปถ้ าหากรอนและบารอคออกจากที่นี่ไปพร้ อม
เชวฮัน รองพ่อบ้ านอย่างฮันส์ก็น่าจะเป็ นตัวเลือกที่ดีที่สดุ ในการ
ดูแลรับใช้ ตนต่อไป

ฮันส์โค้ งศีรษะให้ กบั คาร์ ลเล็กน้ อยและตอบคาถาม


“นายท่านเป็ นกังวลยิ่งนักเมื่อทราบว่านายน้ อยพลาดการ
รับประทานอาหารในขณะที่ยงั มุง่ มัน่ กับการเรี ยนเช่นนี ้ ท่านทรง
กาชับให้ กระผมเข้ ามาดูแลอาหารการกินของนายน้ อย และ
กระผมจะเป็ นคนดูแลมื ้ออาหารในทุกๆมื ้อของนายน้ อยเองขอรับ”

“อย่างนันหรื
้ อ? ท่านพ่อกังวลเกินไปแล้ วข้ าดูแลอาหารการกิน
ของข้ าได้ แต่พอดีอา่ นหนังสือเพลินไปหน่อยเลยลืมว่าถึงเวลา
อาหารเย็นแล้ วถ้ าเจ้ าไม่มาบอกข้ า”

‘ให้ ฮนั ส์เป็ นคนดูแลเขาหรื อ?….’

คาร์ ลกาลังนัง่ เขียนเรื่ องราวที่เกิดในนิยายทัง้ 5 เล่มเพื่อวางแผน


หาทางหนีทีไล่ คาร์ ลยิ ้มให้ ฮนั ส์พลางเอ่ยขึ ้น

“ฮันส์ดแู ลข้ าเป็ นอย่างดี”


“อ่า…ขอรับ…ฝากตัวด้ วยนะขอรับนายน้ อยกระผมจะทาให้ ดี
ที่สดุ ” ฮันส์สะดุ้งเล็กน้ อยในขณะที่ตอบคาร์ ลแต่คาร์ ลก็ปล่อยให้
เป็ นเช่นนัน้ เขาเห็นรอนยืนอยูห่ น้ าห้ องทันทีที่ฮนั ส์เปิ ดประตู
ออกไปก่อนจะเริ่ มชักสีหน้ า

“รอน….ข้ าไม่ได้ บอกให้ เจ้ าไปทานข้ าวเหรอ?” คาร์ ลสัง่ ให้ รอน
ไปทานข้ าวเพราะไม่อยากเห็นหน้ า แต่รอนก็ไม่ยอมไปไหนไกล
เขาเพียงแค่อยูน่ อกห้ องบริ เวณใกล้ ๆห้ องที่คาร์ ลใช้ เรี ยนและอ่าน
หนังสือเพียงแค่ไม่สง่ เสียงหรื อทาอะไรรบกวนสมาธิของคาร์ ล
เท่านัน้

“มันเป็ นหน้ าที่ของกระผมที่ต้องดูแลนายน้ อยนะขอรับ”

คาร์ ลเดาะลิ ้นไม่พอใจเมื่อเห็นรอนยิ ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะระงับ


ความโกรธตัวเองให้ ผอ่ นคลายลง
“พอ….ข้ าไม่ได้ ต้องการให้ นายมาดูแล ถ้ าข้ าบอกให้ นายไปกินก็
คือไปกิน อย่าขัดคาสัง่ ข้ า…เจ้ าคงรู้นะว่าถ้ าข้ าโกรธจะเป็ นยังไง”
คาร์ ลพยายามข่มขูร่ อนด้ วยสายตาเพื่อเป็ นการยืนยันว่าเขา
ต้ องการให้ รอนทาตามความต้ องการของตน ก่อนจะมุง่ ไปยังโต๊ ะ
ตัวเองเพื่อเขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นในนิยายต่อไป รอนยังคนยืน
อยูท่ ี่เดิมและมองเขาด้ วยท่าทางไม่พอใจ ในขณะที่ฮนั ส์มองมา
ทางเขาด้ วยความตกใจ

‘ฉันไม่ควรแสดงความโกรธออกมาขนาดนี ้?’ คาร์ ลรู้สกึ กลัวตา


แก่ฆาตกรคนนี ้ก่อนจะส่ายหัวเบาๆและเดินกลับไปที่โต๊ ะเพื่อทา
การเขียนเรื่ องราวที่เกิดในนิยายต่อ
ตอนนี ้บนโต๊ ะมีแต่ความว่างเปล่า

กระดาษที่ถกู เขียนด้ วยตัวอักษรเกาหลีอย่างเป็ นระเบียบได้ ถกู เผา


เป็ นจุณไปหมดแล้ ว เขาจาเป็ นต้ องเผากระดาษพวกนี ้เพื่อป้องกัน
ตนเอง ในที่แห่งนี ้อาจไม่มีใครรู้ภาษาเกาหลีแต่เขาก็ต้อง
ระมัดระวัง เขาสัง่ ให้ ข้ารับใช้ ทกุ คนห้ ามเข้ าห้ องก่อนได้ รับ
อนุญาตด้ วยเช่นกัน

‘ฉันจาได้ ทกุ อย่างแล้ ว’

คิม ร็อคโซรู้สกึ ดีกบั การเป็ นคนช่างจดจาในสิ่งที่ตนชอบ ไม่วา่ จะ


เป็ นการ์ ตนู นิยายหรื อภาพยนตร์ อะไรก็ตามที่เขารูสกึ ชื่นชอบ เขา
จะจดจาได้ ไม่เคยลืมไม่วา่ จะเป็ นชื่อหรื อลักษณะของตัวละครหรื อ
แม้ แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบเขาก็ยงั สามารถจาได้ เช่นกัน

คาร์ ลเอนหลังพิงกับพนักเก้ าอี ้และคิดถึงสิ่งที่ตนจะทาในอนาคต


‘สิ่งแรกที่ฉนั ต้ องทา…พรุ่งนี ้ฉันต้ องเจอเชวฮันก่อนแล้ วค่อยทา
ตามแผน’

มุมปากถูกยกยิ ้มขึ ้นช้ าๆ

‘ต้ องหาทางป้องกันให้ ดี……’ เขาจะต้ องไม่ตายจะต้ องมีชีวิตอยู่


ให้ นานที่สดุ และไม่คิดที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครด้ วย เพื่อให้
บรรลุเป้าหมาย อันดับแรกเขาจะต้ องมีโล่ห์นิรันดร์ กาล สองต้ อง
ฟื น้ ตัวให้ เร็วที่สดุ สามต้ องเร็วกว่าคนอื่นหนึง่ ก้ าวเสมอและสี่
จะต้ องมีพลังที่ไม่สามารถทาร้ ายตนเองแต่ใช้ ฆา่ คนอื่นได้ คาร์ ล
วาดแผนการของตนอย่างมีความสุขก่อนจะค่อยหลับตาลงถึงแม้
จะหลับไปเขาก็ยงั คงคิดถึงแผนการอยูต่ ลอดเวลา

‘อย่างน้ อยฉันจะต้ องไม่โดนใครตีแม้ เหตุการณ์นนจะมาถึ ั้ งในไม่


ช้ านี ้แล้ วก็ตาม’เขาจะต้ องมีโล่นิรันดร์ กาลที่ขึ ้นชื่อว่าเป็ นโล่ห์ที่
แข็งแกร่งที่สดุ ที่ไม่วา่ อะไรก็ไม่สามารถทาลายมันได้ และถึงแม้ เขา
จะหลับไปแล้ วแต่ริมฝี ปากที่ถกู ยกขึ ้นก็ไม่มีทีทา่ ว่าจะถูกยกลงเลย
‘การเผชิญหน้ ากับศัตรูโดยปราศจากข้ อผิดพลาดมักเป็ นสิ่งที่เรา
ได้ เปรี ยบก่อนเสมอ’

**********************************
**********************************
*****************

วันสาคัญใกล้ เข้ ามาถึง เขาต้ องหาอะไรทาเพื่อดับความฟุง้ ซ่าน


ของตนเพื่อไม่ให้ แผนผิดพลาด ใช่แล้ ว…สิ่งแรกที่ต้องทาคือการ
กินมื ้อเช้ าที่แสนอร่อย เขารู้สกึ ว่าสิ่งเดียวที่เขาทาอยูต่ ลอดเวลา
เมื่อเข้ ามาอยูใ่ นนี ้คือการสนุกไปกับการกินอาหารที่แสนอร่อย
เหล่านี ้ เขาต้ องสนุกไปกับมันก่อนลุยกับศึกใหญ่ที่จะต้ องสู้ในวัน
พรุ่งนี ้

“อื ้ม….พ่อได้ ยินว่าลูกหลับไปตอนที่กาลังอ่านหนังสือเหรอ?”


“ก็อย่างนันล่
้ ะขอรับ” คาร์ ลตอบคาถามต่อท่านเคานต์เดอรัช
อย่างไม่เป็ นทางการและไม่คยุ ตอบโต้ อะไรกับท่านเคานต์เดอรัช
ต่อ เขายังคงตังหน้
้ าตังใจทานอาหารต่
้ อไปจะเป็ นไรไปในเมื่อ
ความจริ งที่วา่ เขาเป็ นเพียงขยะไร้ คา่ ของตระกูลยังคงค ้าคอเขาอยู่
เขากินอาหารเสร็ จก่อนจะลุกขึ ้นยืน เสียงดังของพื ้นที่โดนเก้ าอี ้
ครูดอย่างแรงทาให้ ทกุ สายตาจ้ องมาที่เขา

“กระผมขอตัวก่อนนะขอรับ” แม้ ไม่ใช่มารยาทที่ที่ดีนกั แต่ดู


เหมือนท่านเคานต์จะเข้ าข้ างลูกชายของเขาทุกครัง้ ไป ท่านเคา
นต์มองมาที่เขาก่อนยิ ้มให้

“ได้ สิลกู ”

“ขอบคุณขอรับ”
คาร์ ลจาเป็ นต้ องออกจากห้ องอาหารก่อนเพราะมีสิ่งต่างๆ
มากมายที่เขาจาเป็ นต้ องจัดการภายในวันนี ้แต่เคานต์เดอรัชหยุด
คาร์ ลไว้ ก่อนที่จะได้ เดินออกไป

“วันนี ้อยากได้ อะไรมัยลู


้ ก?”

“…กระผมอยากได้ บางอย่าง…..” จะแปลกอะไรครอบครัวนี ้มีเงิน


มากมายถ้ าเขาจะขอเพิ่มอีกสักหน่อยขนหน้ าแข้ งคงไม่ร่วงหรอก
เขายกยิ ้มเล็กน้ อยเมื่อพ่อของเขาตกลงที่จะให้ เงินเขาโดยจะมอบ
เช็คผ่านฮันส์ เขาสัมผัสได้ ถึงความไม่พอใจจากบาเซ็นแต่คาร์ ลก็
ไม่ได้ สนใจรี บเดินออกจากห้ องอาหารทันที ซึง่ เป็ นขณะเดียวกับที่
รอนจะตามเขาออกไป

“รอน…ข้ ากาลังออกไป…ไม่ต้องมองหาข้ า” ไม่ต้องมองหาข้ าที่


คือสัญญาณลับที่คาร์ ลใช้ เมื่อจะไปผ่อนคลายด้ วยการดื่มเหล้ าที่
ร้ านหลังเมือง เมื่อใดก็ตามที่เขาต้ องการอย่างนันรอนจะท
้ าเพียง
แค่ยิ ้มและอวยพรให้ เขาเดินทางปลอดภัย
“แล้ ววันนี ้นายน้ อยไม่เรี ยนหรื อขอรับ”

ก็นนั่ ล่ะรอนมักจะทาให้ เขาอารมณ์ขนุ่ มัวทุกครัง้ ไป..

“ข้ าว่า…ข้ าไม่จาเป็ นต้ องตอบคาถามเจ้ าหรอกนะ”

“ขอรับนายน้ อย กระผมจะรอนะขอรับ”

หน้ าผากของคาร์ ลเริ่ มย่นเข้ าหากันด้ วยความไม่พอใจเมื่อได้ ยินว่า


รอนจะรอเขา

“ก็บอกว่าไม่ต้องรอ….”

คาร์ ลสะบัดมือเรี ยกข้ ารับใช้ คนหนึง่ ที่ยืนอยูห่ น้ าประตูก่อนจะเดิน


ออกไปพร้ อมกัน อารมณ์โกรธของคาร์ ลปะทุขึ ้นจนข้ ารับใช้ ที่เดิน
ตามไม่กล้ าพูดอะไรออกมา เมื่อเขาออกมาจากห้ องอาหารจะ
มองเห็นสวนหย่อมขนาดใหญ่และประตูทางออกไกลออกไปจน
ลับจากสายตา เขาถอนหายใจช้ าๆก่อนหันกลับไปมองทาง
ด้ านหลัง เขาทันเห็นสีหน้ าของรอนก่อนที่ประตูจะปิ ดลง

‘ดีนะที่ฉนั สลัดนายออกไปได้ ’ เขาดีใจที่รอนทาตามคาสัง่ เขาแต่


เขาก็กงั วลกับการแสดงออกที่แข็งกระด้ างของตนเองเช่นกันอย่าง
น้ อยรอนก็คือนักฆ่า เอาเป็ นว่าเขาจะแสดงออกต่อรอนให้ ดีกว่านี ้
ไม่ใส่อารมณ์จนเกินไปแล้ วกัน ก่อนจะก้ าวไปนัง่ รถม้ าเพื่อไปยัง
จุดหมายที่ตนตังใจ้

ใช้ เวลาไม่นานคาร์ ลก็ถึงที่หมาย

“นายน้ อย ใช่ที่นี่หรื อไม่ขอรับ” คนบังคับรถม้ าระมัดระวังก่อนที่


จะเปิ ดประตูรถม้ าให้ สายตาจ้ องมองไปยังหน้ าร้ านด้ วยความไม่
แน่ใจ
“ใช่แล้ วที่นี่ละ่ ” คาร์ ลสวมชุดที่คอ่ นข้ างแฟนซีจา๋ และเป็ นจุดเด่น
สาหรับคนอื่น..แต่มนั ก็เป็ นชุดที่เด่นน้ อยที่สดุ ในตู้เสื ้อผ้ าของคาร์ ล
แล้ ว คาร์ ลเดินออกจารถม้ าทันทีซงึ่ ตอนนี ้ไม่มีใครอยูบ่ ริ เวณนัน้
ก่อนจะเดินเข้ าไปภายในร้ าน

[ร้ านกลิ่นชากับบทกวี]

มันเป็ นร้ านชาที่อนุญาตให้ คณ ุ อ่านบทกวีพลางจิบชาไปอย่าง


สบายอารมณ์ อาคารสามชันที ้ ่สะอาดสะอ้ านหรู หรา เจ้ าของร้ าน
เป็ นคนที่มีฐานะร่ ารวย ที่จริ งแล้ วเจ้ าของร้ านแห่งนี ้เป็ นบุตรนอก
สมรสของหัวหน้ าสมาคมการค้ าที่มีฐานะมัง่ คัง่ กว่าคาร์ ลเป็ น
เท่าตัว และสิ่งเดียวที่ทาให้ เขาเลือกอยูท่ ี่นี่ก็คือการปกปิ ดตัวตน
นัน่ เอง
‘ถ้ าจาไม่ผิด ในนิยายเล่มที่ 3 เจ้ าของร้ านจะไปยังเมืองหลวงเพื่อ
พบเชวฮันก่อนจะกล่าวว่าตนคือลูกชายนอกสมรสของหัวหน้ า
สมาคมการค้ าผู้ชวั่ ร้ าย และเขาจะต้ องกลายเป็ นหัวหน้ าสมาคม
การค้ าที่ยิ่งใหญ่แทน’

คนที่ยืนตะโกนและสาบานต่อหน้ าเชวฮันว่าจะเป็ นหัวหน้ าสมาคม


การค้ าให้ ได้ นนั ้ คาร์ ลไม่ร้ ูวา่ เจ้ าของร้ านแห่งนี ้จะกลายเป็ น
หัวหน้ าสมาคมการค้ าจริ งๆหรื อไม่เพราะเขาอ่านนิยายเล่มที่ 5
ได้ เพียงบทแรกๆเท่านันแต่
้ เนื่องจากเขาเป็ นส่วนหนึง่ ของสมาชิก
ทีมของเชวฮัน เจ้ าของร้ านคนนี ้ก็อาจประสบความสาเร็จดังที่
ตัวเองต้ องการก็เป็ นได้ คาร์ ลหันกลับไปมองคนบังคับรถม้ าที่
ตอนนี ้เหงื่อเริ่ มออกจนกลายเป็ นหมูทอดเสียแล้ วก่อนออกคาสัง่

“เจ้ ากลับไปก่อน”

“อะไรนะขอรับ”
“ทาไมต้ องให้ ข้าพูดย ้าสองรอบด้ วย?”

“เอ่อ…ไม่ขอรับ กระผมไม่ต้องรอนายน้ อยขอรับ”

“ใช่..ข้ าจะอยูท่ ี่นี่อีกพักใหญ่”

คาร์ ลมองคนขับรถม้ าด้ วยสีหน้ าไม่บง่ บอกอารมณ์ใดๆก่อนเปิ ด


ประตูเพื่อพาตัวเองเข้ าไปในร้ าน

ตึงตึงตึงตึง…เขาได้ ยินเสียงเคลื่อนตัวของรถม้ าทางด้ านหลังเขา


แต่เสียงกระดิ่งที่สนั่ ขึ ้นเมื่อเขาเปิ ดประตูเข้ าไปในร้ านคือสิ่งที่คาร์ ล
สนใจมากกว่า เป็ นเสียงกระดิ่งที่ดงั ขึ ้นท่ามกลางความเงียบทาให้
เสียงมันดังจนน่าตกใจ คาร์ ลยังยืนอยูห่ น้ าทางเข้ าอาจเป็ นเพราะ
ตอนนี ้ยังเป็ นเวลาที่เช้ าเกินไปคนในร้ านจึงมีไม่คอ่ ยมาก แต่ก็นนั่
ล่ะทุกคนที่อยูใ่ นร้ านต่างตกใจที่เห็นเขาที่นี่ รู้สกึ นิยายจะให้ บท
เด่นเขาเหลือเกินที่คนในเมืองแห่งนี ้ต่างก็ร้ ูจกั ชื่อเสียงเขาเป็ น
อย่างดีโดยเฉพาะเหล่าพ่อค้ าที่หมายหัวเขาไว้ เพราะกลัวว่าคาร์ ล
จะโมโหทาร้ ายข้ าวของในร้ านของตน

“ยินดีต้อนรับขอรับ” ถึงอย่างไรก็ตามเจ้ าของร้ านก็ให้ การต้ อนรับ


เขาเป็ นอย่างดีจากเคาน์เตอร์ ของร้ านที่เขายืนอยู่

‘นี่คงเป็ นเจ้ าของร้ านสินะ’บิลอสเศรษฐี ผ้ มู งั่ คัง่ เขามีใบหน้ ากลม


และรูปร่างเต็มไปด้ วยไขมันเขาดูคล้ ายหมูน้อยเหมือนกับที่นิยาย
กล่าวไว้ ไม่มีผิด เสน่ห์ของบิลอสก็คงจะเป็ นรอยยิ ้มอันแสนสดใส
ของเขานี่ละ่

‘เขาดูคล้ ายหมูน้อยจริ งๆ’ คาร์ ลหยิบเหรี ยญทองวางไว้ บน


เคาน์เตอร์ ก่อนเอ่ยปากบอกความต้ องการ
“ข้ าตังใจเลื
้ อกโต๊ ะที่อยูบ่ นชัน้ 3 ตลอดทังวั้ นนี ้นะ” บิลอสจ้ อง
มองไปยังคาร์ ลด้ วยรอยยิ ้มก่อนผายมือชี ้ไปยังชันหนั
้ งสือโดยที่
คาร์ ลแสร้ งไม่สนใจ

“ชากลิ่นหอมดี….ท่าทางร้ านนี ้จะมีหนังสือเยอะมีหนังสือนิยาย


บ้ างหรื อเปล่าหรื อมีแต่หนังสือกวี”

“แน่นอนนายน้ อยคาร์ ล ร้ านเรามีหนังสือนิยายจานวนมาก


เช่นกัน”

“งันเหรอ..หาหนั
้ งสือที่น่าสนใจให้ ข้าสักเล่มและก็ชาสักถ้ วยแล้ ว
กัน”

“ได้ ขอรับ…” เหรี ยญทองในมือคาร์ ลถูกยัดใส่มืออวบอ้ วนของบิ


รอสอย่างรวดเร็ว เขาทาท่าชะงักไปสักครู่
“ข้ ายังต้ องดื่มชาอีกเยอะเลย”

“แต่นี่มนั มากเกินไป นายน้ อยคาร์ ล” เหรี ยญทองมูลค่า 1 ล้ าน


แกลลอนก็เทียบได้ กบั 1ล้ านวอน(29109.92 บาท) คาร์ ลมี
เหตุผลบางอย่างที่ทาเช่นนี ้

“ข้ ามีเงินเยอะมาก แค่นี ้ถือว่าเป็ นน ้าใจเล็กๆน้ อยจากข้ าแล้ วกัน”


ถ้ าพูดถึงว่าใครมีเงินมากกว่าคาตอบก็คงเป็ นบิลอส เขายังรู้ถึง
กิจการต่างๆที่บิลอสจะทาต่อไปในอนาคตและนัน่ จะทาให้ บิลอส
สร้ างเงินได้ อย่างมหาศาล คาร์ ลเพียงแค่ทาตัวสบายๆก่อนส่ง
สายตาไปยังลูกค้ าที่อยูภ่ ายในร้ านทังหมด

“ถ้ ามันมากเกินไปก็ปฏิบตั ิกบั คนที่อยูใ่ นร้ านนี ้เหมือนที่ปฏิบตั ิตอ่


ข้ าล่ะกัน”
บิงโก!! เขาอยากจะทาอะไรแบบนี ้สักครัง้ หลังจากที่เขาเอ่ย
ปากขอเงินจากพ่อเขาก็ได้ รับเงินเป็ นจานวน 3 เหรี ยญทองที่มี
มูลค่ากว่า 3 ล้ านแกลลอน(87329.77 บาท)

“แต่นายน้ อยคาร์ ล…มัน”

“พอแล้ ว ไปเอาชามาให้ ข้าได้ แล้ ว” ข้ อดีของการเป็ นขยะก็คือไม่


ต้ องสนใจเรื่ องมารยาทใดๆ ในขณะที่เขาเดินขึ ้นชัน้ 3 เขาก็ได้ ยิน
เสียงกระซิบกระซาบตามหลังมาเป็ นระยะแต่เขาก็ไม่เป็ นกังวล
เพราะยังไงเขาก็มีชื่อเสียงมากพอตัวอยูแ่ ล้ ว(ในด้ านที่ไม่ดีด้วย
นะ)

‘เป็ นอย่างที่คิด…’ ตอนนี ้ไม่มีใครอยูบ่ นชัน้ 3 เลยเพราะนี่มนั


เป็ นเวลาที่เช้ ามาก เขาเลือกนัง่ มุมข้ างในสุดของชัน้ 3 ก่อนที่จะ
หันมองออกนอกหน้ าต่าง
‘มุมดีซะด้ วย’ ถ้ ามองจากจุดนี ้เขาสมารถมองเห็นประตูเข้ าเมือง
ได้ อย่างชัดเจน และเขาก็มีแผนที่จะมองดูเชวฮันจากจุดๆนี ้นัน่ เอง
บทที่ 5 ได้ พบกัน 2

‘เขาจะถูกไล่ออกจากประตูเมืองในตอนเช้ า’

เชวฮัน มุ่งหน้ าไปยังทิศทางตามที่ชาวบ้ านผู้รอดชีวิตได้ บอกเอาไว้


หลังจากที่เขาฝังศพชาวบ้ านอันเป็ นที่รักเสร็ จสิ ้นเขาก็มงุ่ หน้ าเข้ าสู่
เมืองเวสเทิร์นทันที

เชวฮัน ถูกส่งเข้ ามายังโลกใบนี ้ในขณะที่เขายังเรี ยนชันมั


้ ธยม แต่
เขาก็อยู่ที่นี่เป็ นเวลาหลายสิบปี แล้ ว แน่นอนว่าการใช้ ชีวิตอยูใ่ น
ป่ าแห่งความมืดอาจจะทาให้ เขาโตมาแบบผิดเพี ้ยนเล็กน้ อยและ
ด้ วยเหตุนี ้เขาจึงมีความหวังกับสิ่งที่จะทาหลังจากเหตุการณ์นี ้
เกิดขึ ้น

‘ข้ าต้ องไปรายงานเรื่ องนี ้ให้ ทา่ นเจ้ าเมืองทราบ’


หมูบ่ ้ านแฮร์ ริสอาจเป็ นหมูบ่ ้ านที่หา่ งไกลแต่ก็ยงั อยูใ่ นอาณาเขต
การปกครองของเฮนิตสั นัน่ เป็ นสาเหตุที่ทาให้ เชวฮันมุง่ หน้ ามายัง
เมืองเวสเทิร์น อย่างน้ อยก็ต้องมีการจัดพิธีศพให้ กบั ชาวบ้ านที่
ตายไป เขายังวางแผนที่จะตามหาตัวฆาตกรที่อยูเ่ บื ้องหลังการ
ฆาตกรรมในครัง้ นี ้เพราะหมูบ่ ้ านที่เคยสงบสุขต้ องหายไปด้ วย
น ้ามือของพวกมัน เขาแค้ นใจยิ่งนักแต่การส่งคนตายให้ ไปอย่าง
สงบต้ องมาก่อนความแค้ น

‘ถ้ าจะให้ พดู จริ งๆเชวฮันเป็ นคนที่น่ารักคนหนึง่ ’ แต่การสูญเสีย


บุคคลอันเป็ นที่รักอีกทังการใช้
้ ชีวิตในป่ าแห่งความมืดมานับสิบปี
ก็ทาให้ เขามีวิธีคิดและอารมณ์ที่ตา่ งจากคนอื่นพอสมควร ใน
นิยายเรื่ องนี ้เกิดขึ ้นเมื่อคาร์ ลได้ เจอกับเชวฮันก่อนจะปะทะคารม
กันขึ ้น เขายังจาได้ ดีถึงประโยคที่คาร์ ลพูดกับเชวฮัน

[“พ่อของข้ าทาไมต้ องมาสนใจชาวบ้ านที่ไร้ ประโยชน์พวกนี ้


ด้ วย?เหล้ าในมือของข้ ายังมีคา่ มากกว่าชีวิตของพวกเจ้ ารวมกัน
เสียอีก ]
เชวฮันเริ่ มหัวเราะไปกับคาพูดของคาร์ ล ขณะที่เขาถามกลับ
ในทันที

[“เป็ นความคิดที่น่าสนใจอะไรเช่นนี ้ ข้ าอยากรู้วา่ เจ้ าจะเปลี่ยน


ความคิดหรื อไม่? ”]

[“’งันมาสู
้ ้ กนั สักตังเป็
้ นไง”?]

การต่อสู้จบลงด้ วยการที่คาร์ ลถูกตียบั เยินจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด


แต่สิ่งที่น่าทึง่ กว่านันคื
้ อคาร์ ลไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนความคิดของ
ตนแม้ จะถูกตียบั เยินเพียงใดก็ตาม

‘อา….รู้สกึ ขนลุกขึ ้นมาเลย’ คาร์ ลเริ่ มถูมือตัวเองไปมาก่อนเรี ยก


กาลังใจให้ ตวั เองเพื่อหยุดอาการจิตตกที่เกิดขึ ้น ก่อนจะหยิบชาที่
บิลอสนามาเสริ์ ฟขึ ้นจิบช้ าๆพลางมองออกไปนอกหน้ าต่างอีกครัง้
เพื่อเพ่งมองเป้าหมายของตนต่อไป

‘นัน่ มันเรื่ องเหลวไหลอะไรกัน’ ในตอนที่ประตูเมืองถูกเปิ ดออกจะ


ปรากฏเห็นชายคนหนึง่ ที่เนื ้อตัวสกปรกมอมแมมตามเสื ้อผ้ าเต็ม
ไปด้ วยคราบเขม่าควันไฟ ผู้ชายคนนันคื้ อ เชวฮัน

คาร์ ลไม่ได้ ลกุ ขึ ้นแสดงอาการใดๆเมื่อเขามองเห็นเชวฮัน ถือว่า


ชายคนนี ้เก่งมากเขาสามารถเดินทางเหมือนคนบ้ าด้ วยระยะทาง
ที่คนปกติต้องใช้ เวลาเดินทางเป็ นสัปดาห์ด้วยเวลารวดเร็วขนาดนี ้
แต่จะว่าไปด้ วยรูปลักษณ์ของเชวฮันตอนนี ้ก็ยากที่จะผ่านเข้ า
เมืองมาได้

ทหารเฝ้าประตูเมืองทาหน้ าที่ในการบุกรุกเข้ าเมืองของเชวฮันทุก


วิถีทาง คาร์ ลไม่ร้ ูวา่ พวกเขาพูดอะไรกันเห็นเพียงแต่เชวฮันสัน่
ศีรษะต่อหน้ าทหารจนคอแทบหัก
‘สงสัยจะถามหาบัตรประจาตัว’ เจ้ าหน้ าที่ของเมืองเวสเทิร์นมัก
เป็ นคนอ่อนโยนใจดี แต่พวกเขาก็เคร่งครัดกับกฎที่ต้องปฏิบตั ิ
เช่นกันเพราะพวกเขายึดมัน่ กับกฎระเบียบที่ทา่ นเคานต์เดอรัชวาง
ไว้

“ไล่เขาออกไปซะแล้ ว”

ตามที่คาดไว้ เชวฮันยอมทาตามความต้ องการของทหารเฝ้าประตู


เมือง ถึงแม้ ความยากลาบากในการเดินทางตลอดทังวั ้ นและ
ความบอบช ้าในจิตใจที่เขาได้ รับอาจทาให้ อารมณ์โกรธเคือง
เพิ่มขึ ้นแต่จิตใต้ สานึกด้ านดีของเขาสัง่ ไม่ให้ ทาร้ ายผู้บริ สทุ ธิ์

‘เชวฮัน คงรอให้ ถึงเวลากลางคืนก่อนจะลอบปี นกาแพงเมืองเข้ า


มา’ จากนันเขาจึ
้ งไปเจอคาร์ ลที่กาลังยุง่ อยูก่ บั การดื่มเหล้ าจนเกิด
การปะทะคารมกันในที่สดุ
ครื ดดด……เสียงลากของเก้ าอี ้ที่ถกู ผลักออกก่อนที่คาร์ ลจะลุก
เดินออกไปอย่างรวดเร็ ว เขาเดินลงบันไดเพื่อแจ้ งความต้ องการ
ต่อบิลอสที่ยงั อยูห่ น้ าเคาน์เตอร์

“เดี๋ยวข้ ากลับมา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนไหน”

“ได้ ขอรับนายน้ อยคาร์ ล หวังว่าท่านจะกลับมาเร็ วๆนี ้”

คาร์ ลไม่ได้ สนใจรอยยิ ้มที่ถกู ประดับบนใบหน้ ากลมแป้นของ


บิลอสขณะที่เดินออกมาจากร้ าน

“เขาไม่ได้ ทาลายข้ าวของอะไรเลย!” คาร์ ลได้ ยินเสียงใครบางคน


ดังลอดออกมาจากภายในร้ านแต่เขาไม่ได้ สนใจ เขาต้ องการที่จะ
ไปหาโล่ห์นิรันดร์ กาลภายในวันนี ้

โล่ห์นิรันดร์ กาล
มันอาจไม่ได้ ถกู กล่าวว่าเป็ นอาวุธที่ดีที่สดุ อาจจะเทียบไม่ได้ กบั
เหล่าอาวุธของเหล่านักเวทย์แต่อย่างไรก็ตามความพิเศษที่มนั มี
เหนือกว่าอาวุธใดๆก็คือโล่ห์นี ้ถูกสร้ างด้ วยนักเวทย์ระดับสูงที่มี
พลังเหนือกว่านักเวทย์ธรรมดา สิ่งที่น่าตลกกว่านันก็ ้ คือผู้ที่สร้ าง
โล่ห์นี ้ขึ ้นมาต่างต้ องจบชีวิตลงด้ วยความตาย บ้ างก็เลือกไปเป็ น
บุตรรับใช้ พระเจ้ าแต่ก็มีเหตุให้ ถกู ขับไล่ออกมาจนได้

‘มีแต่เรื่ องแปลกๆในนิยายเรื่ องนี ้’

เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์ ในโลกของจินตนาการ โลกนี ้ยังมี


ประวัติศาสตร์ อนั เก่าแก่ ในยุคอดีตนันพวกเขาไม่
้ ได้ มีการพัฒนา
เวทย์มนต์หรื ออาวุธใดๆ แทนที่จะเป็ นยุคที่มีการพัฒนาพลังเวทย์
หรื อพลังที่เกิดจากการสร้ างสรรค์ของธรรมชาติ แต่กลับกลายเป็ น
ยุคที่ผ้ มู ีอานาจสูงสุดคือพระเจ้ าและพลังศักดิ์สทิ ธิ์เหนือธรรมชาติ
ถึงแม้ ในโลกนิยายแห่งนี ้จะมีพลังศักดิ์สทิ ธิ์เหล่านันซ่
้ อนอยูท่ ี่ใดสัก
แห่งบนโลกใบนี ้ แต่มนั ก็ไม่ได้ ตอบโจทย์เสมอไปว่าเราจะสามารถ
ใช้ พลังเหล่านันได้
้ โดยไม่มีเงื่อนไข

พลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ

เหล่าวีรบุรุษพวกนี ้จะสามารถหาพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเหล่านี ้พบ


ได้ หรื อไม่อย่างไรนันแต่
้ พลังเหล่านี ้มันก็ไม่เพียงพอที่จะเป็ นผู้นา
ของเหล่าวีรบุรุษคนอื่นๆได้

นี่คือพลังที่คาร์ ลกาลังมองหา

‘ทุกๆอย่างยกเว้ นพลังของพระเจ้ า’ ไม่วา่ จะเป็ นพระเจ้ า เทวดา


หรื อปี ศาจ คาร์ ลไม่ต้องการมีสว่ นร่วมอะไรกับพวกเขา นัน่ คือ
เหตุผลที่คาร์ ลมองหาพลังที่มนุษย์พฒ ั นาขึ ้นเองหรื อมาจาก
ธรรมชาติสร้ างขึ ้น
‘นัน่ คงเป็ นทางเดียวที่ฉนั จะแน่ใจว่าจะมีพลังโดยไม่ต้องใช้ ความ
พยายามใดๆเลย’

พลังนัน่ คือสิ่งที่เขาต้ องการ เขาไม่ต้องการที่จะต้ องมาฝึ กจับดาบ


หรื อฝึ กเวทย์มนตร์ ใดๆ เขารู้วา่ อารยะธรรมโบราณในนิยายเรื่ อง
กาเนิดวีรบุรุษไม่ได้ มีความเข็งแกร่งมากพอ อารยะธรรมที่อาจ
มุง่ เน้ นการพัฒนาพลังเวทย์และการรวมกาลังพลของผู้มีพลังเวทย์
โดยทิ ้งพลังที่ถกู สร้ างมาจากธรรมชาติไว้ ข้างหลัง มหาอานาจก็
เช่นกันหากมหาอานาจใดอ่อนแอก็ถกู กาจัดทิ ้ง มันไม่ได้ มีเหตุผล
อะไรที่เขาจะทาเหมือนเหล่าวีรบุรุษพวกนันอาจเพี
้ ยงแค่จะใช้ พลัง
เหล่านันเท่
้ าที่จาเป็ นเพียงเล็กน้ อย

‘เป้าหมายของฉันคือการรวบรวมพลังเหล่านันให้ ้ แข็งแกร่งขึ ้น’


มันเป็ นเป้าหมายที่นา่ พอใจเพราะเขารู้วา่ พลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ
สามารถเสริ มพลังในยุคนี ้ให้ แข็งแกร่งขึ ้นได้ เพื่อที่จะทาตาม
แผนการแรกได้ เขาจะต้ องเริ่ มหาพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่ซอ่ นอยูใ่ น
เมืองเวสเทิร์นแห่งนี ้ เขารู้ดีวา่ ทาอย่างไรเขาจะได้ รับพลังเหล่านัน้

“นายท่านคาร์ ล ยินดีต้อนรับขอรับ” คาร์ ลเพียงพยักหน้ าตอบรับ


แก่พอ่ ค้ าขายขนมปั งที่ก้มโค้ งต่าให้ ตน ดูเหมือนว่าถ้ าก้ มมากกว่า
นี ้หัวของเขาต้ องล้ มกระแทกพื ้นเป็ นแน่ คาร์ ลได้ ยินเสียงอุทาน
อะไรบางอย่างจากพ่อค้ าขนมขนมปั งแต่เขายังคงแสร้ งทาเป็ นไม่
สนใจท่าทางที่หวาดกลัวตนเองจนเกิดเหตุ จนรู้สกึ ไม่ดีตอ่ สิ่งที่ไอ้
ขยะคนนี ้ทากับพ่อค้ าขนมปั งคนนี ้เสียแล้ ว

“เอาขนมปั งให้ ข้าด้ วย”

“อะไรนะขอรับ??”

คาร์ ลชี ้ไปยังขนมต่างๆภายๆในร้ านก่อนเอ่ยเสียงเข้ ม


“ทุกๆอย่างจากตรงนี่ไปถึงตรงนัน” ้ เสียงกระทบของเหรี ยญที่
คาร์ ลวางไว้ บนโต๊ ะเริ่ มหมุนกระทบกันเป็ นระยะๆ

“ห่อให้ เรี ยบร้ อยด้ วย……”

พ่อค้ าขนมปั งดูเหมือนจะตัวแข็งค้ างไปในทันทีขณะที่คาร์ ลเริ่ มพูด


ต่อ

“ต้ องใช้ ประมาณ 2 หรื อ 3เหรี ยญทองถึงจะพอกับค่าขนมตลอด


ทังอาทิ
้ ตย์นี ้ใช่มย?”
ั้

พ่อค้ าขนมปั งเหลือบมองเหรี ยญทองที่อยูใ่ นมือของคาร์ ล นี่มนั


มากเกินไปด้ วยซ ้าสาหรับค่าขนมปั งแค่อาทิตย์เดียว คาร์ ลมอง
สบตาที่สนั่ ไหวของอีกฝ่ ายอย่างใจเย็น

“ถ้ าเช่นนันข้
้ าจะไปร้ านอื่น ถ้ าเจ้ าทาตามที่ข้าสัง่ ไม่ได้ ”
“ไม่!…ไม่! นายน้ อยคาร์ ลเดี๋ยวกระผมจะห่อให้ เร็ วที่สดุ ขอรับ”

พ่อค้ าขนมปั งเปลี่ยนท่าทีจากการหวาดกลัวเป็ นเคารพคาร์ ลอย่าง


สุดซึ ้งขณะที่รีบไปจัดการห่อขนมปั งให้ คาร์ ลอย่างรวดเร็ว ใช้ เวลา
ไม่นานคาร์ ลก็ได้ ขนมปั งเต็มห่อใหญ่ที่มีจานวนเยอะแทบจะสูง
พ้ นไหล่เขาไปแล้ ว แต่ถึงมันจะเป็ นเพียงขนมปั งแต่ก็มีน ้าหนักไม่
น้ อย น ้าหนักของมันเริ่ มทาให้ เขาเหงื่อตกและเร่งเดินออกจากร้ าน
โดยไม่สนใจมองพ่อค้ าขนมปั งที่มองตามหลังเขาจนลับสายตา
คาร์ ลเดินไปตามถนนอย่างสบายๆ หากผู้ใดสังเกตเห็นว่าเป็ นเขา
ต่างก็รีบหันหลังและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่นี่ตา่ ง
หลีกเลี่ยงที่จะเข้ าใกล้ เขากันทังนั
้ น้

‘มันต่างจากเกาหลีจริ งๆสมกับที่เป็ นเมืองแห่งจินตนาการ’ คาร์ ล


มองไปรอบๆถนนที่เต็มไปด้ วยร้ านค้ าย่อมๆเรี ยกว่าเป็ นตลาดที่อยู่
ในโลกจินตนาการอย่างแท้ จริ ง

“อืมมม…” “เฮ้ ย..” “ห๊ ะ..” เมื่อใดก็ตามที่เขาหยุดทักทายพ่อค้ า


ตามร้ านค้ าต่างๆก็มกั จะได้ ยินเสียงอุทานด้ วยความตกใจ พวก
เขาพยายามหลบหน้ าไม่สบตาใดๆกับเขาหรื อแม้ แต่สง่ เสียงตอบ
รับการทักทายใดๆกลับมา

‘ชื่อเสียงเลื่องลือสมกับที่เป็ นขยะจริ งๆ’ เขาคุยกับตัวเองพลางเดิน


ผ่านตลาดไปยังทางทิตตะวันตกของเมือง
ชุมชนสลัมตังอยู
้ ท่ างทิศตะวันตก ต่อให้ เป็ นเมืองที่ร่ ารวยเช่นไรก็
ต้ องมีคนจนเสมอไป ในสถานการณ์แบบนี ้คนส่วนใหญ่อาจมี
ความคาดหวังให้ เกิดสิ่งดีๆเกิดขึ ้นกับสถานที่แบบนี ้

‘ อ่า…นี่เป็ นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ ทาสักครัง้ ก่อนตายก็คือการแบ่ง


อาหารให้ กบั ผู้ยากไร้ ’

แต่นนคงใช้
ั้ ไม่ได้ กบั กรณีนี ้เขาไม่ได้ คิดจะแจกขนมปั งให้ กบั ใคร

คาร์ ลรู้วา่ มีคนแอบมองมาที่เขาทันทีที่ยา่ งกรายมายังเขตสลัมแห่ง


นี ้ ที่นี่คือสถานที่สิ่งชัว่ ร้ าย 2 สิ่งอาศัยอยูด่ ้ วยกัน

ถึงแม้ วา่ คนในสลัมไม่ได้ สนใจเรื่ องราวความเป็ นไปของผู้อื่นมาก


นักแต่ชื่อเสียงของคาร์ ลก็เป็ นที่เลื่องลือ คนที่มกั ก่อเรื่ องสร้ าง
ความเสียหายให้ กบั ร้ านค้ ามากมายอาจจะมาก่อเรื่ องสร้ างความ
วุน่ วายที่นี่ได้ เช่นกัน
“ตึงๆๆๆๆ”

แม้ วา่ พวกเขาจะรู้กิตติศพั ท์ของคาร์ ลเป็ นอย่างดีแต่ก็ไม่สามารถ


ปฏิเสธต่อความหอมหวานของขนมปั งในมือคาร์ ลได้ คาร์ ลไม่
สนใจกับสายตาที่เหลือบมอง เขายังคงมุง่ หน้ าเดินต่อไป ปลาย
รองเท้ าหนังราคาแพงของเขาเริ่ มสกปรกจากน ้าคราและมา
พร้ อมๆกับกลิ่นเหม็นที่เริ่ มเตะจมูกส่งผลให้ ตาเขาหรี่ ลงโดย
อัตโนมัติ ก่อนที่จะก้ าวเท้ ายาวขึ ้นเรื่ อยๆ สลัมตังอยู
้ อ่ ีกด้ านบน
เนินเขาเล็กๆ ประกอบไปด้ วยบ้ านหลังเก่าๆเรี ยงกันทอดยาว
ออกไป คาร์ ลกาลังมุง่ หน้ าไปยังยอดของเนินเขาเมื่อใกล้ ถึงที่
หมายจานวนคนที่จ้องมองมาที่เขาก็คอ่ ยๆหายไป สายตาคมจ้ า
มองทอดยาวออกไปจนสุดสายตา

‘อย่างน้ อยจุดนี ้ก็ยงั ดีกว่า’


หลังจากที่เดินออกมาพ้ นจากกลิ่นเหม็นของน ้าคราแล้ ว ตอนนี ้เขา
ยืนอยูบ่ นยอดของเนินเขา ก่อนจะมองลงไปยังเมืองเวสเทิร์น
ด้ านล่าง แต่ถึงจุดนี ้จะสูงเพียงใดก็ยงั ต่ากว่าคฤหาสน์ของเจ้ านาย
ทังหลายที
้ ่อาศัยอยูเ่ มืองนี ้ คาร์ ลดึงตัวเองกลับมาสูป่ ั จจุบนั เขา
เดินไปยังต้ นไม้ ใหญ่ที่ถกู ล้ อมด้ วยรัว้ ไม้ ผๆุ ที่มีขนาดใหญ่เท่าตัว
ของคาร์ ล เขาผลักรัว้ เข้ าไปเบาๆ ต้ นไม้ ใหญ่ต้นนี ้ดูเหมือนจะมี
อายุหลายร้ อยปี ต้ นไม้ สว่ นใหญ่ในสลัมมักจะถูกตัดนาไปทาเป็ น
ฟื นหรื อโค่นทิ ้งไปเฉยๆ แต่ต้นไม้ ต้นนี ้กลับไม่เป็ นเช่นนัน้

เหตุผลก็คือการที่คาร์ ลได้ ยินคนจากสลัม 2 คนพูดกรอกหูมา


ตลอดทางตังแต่
้ ที่เขาเดินเข้ ามาในสลัมแห่งนี ้

“นายน้ อยไม่ควรเข้ าใกล้ ต้นไม้ นนั่ ”

คาร์ ลไม่สนใจในคาเตือนนัน้ และเข้ าก็ได้ ยินเสียงของอีกคนที่เอ่ย


ขึ ้นด้ วยความกังวล
“นายน้ อยอย่าเข้ าไปเลย มันเป็ นต้ นไม้ กินคนนะ”

สาเหตุที่ทาให้ คนที่นี่เรี ยกว่าต้ นไม้ กินคนเป็ นเพราะหากมีผ้ ใู ดมา


ผูกคอตายใต้ ต้นไม้ แห่งนี ้ ศพของเขาจะกลายเป็ นมัมมี่เพียงชัว่
ข้ ามคืน ไม่มีแม้ แต่รอยเลือดใดๆบนต้ นไม้ หรื อแม้ แต่เถาวัลย์หรื อ
ต้ นหญ้ ารอบต้ นไม้ ก็ไม่มีรอยเลือดใดๆเช่นกัน

นี่คือต้ นไม้ ที่คาร์ ลกาลังมองหา

ในอดีตนานมาแล้ วมีเรื่ องเล่าว่ามีนกั บวชคนหนึง่ ที่เป็ นผู้ที่มีความ


โลภต่อเงินทอง ได้ นาเงินที่ได้ จากแรงศรัทธาของชาวบ้ านที่มีตอ่
สถานที่ศกั ดิ์สทิ ธิ์ไปใช้ ประโยชน์สว่ นตัวก่อนจะถูกขับไล่ออกมา
และจบชีวิตลงด้ วยความหิวโหย ต่อมาไม่นานร่างกายก็มีต้นไม้
ผุดขึ ้นมาจากร่าง ด้ วยความแค้ นและจิตที่แข็งแกร่งทาให้
วิญญาณและต้ นไม้ รวมกันเป็ นหนึง่ เดียวและถูกเรี ยกว่าเป็ นต้ นไม้
กินคนมาถึงบัดนี ้
โล่ห์นิรันดร์ กาลที่เขามองหามันอยูใ่ นนี ้

มันอาจเป็ นเรื่ องที่แปลกแต่สว่ นใหญ่พลังจากยุคโบราณก็มกั เป็ น


เรื่ องลึกลับเช่นนี ้ล่ะ

คาร์ ลหยิบขนมปั งออกจากถุงกระดาษก่อนจะสังเกตบริ เวณรอบๆ


มันมีโพรงขนาดใหญ่เท่าหัวคนอยูบ่ นต้ นไม้ นี ้ ก่อนที่เขาจะลงมือ
ทาอะไรเขาต้ องให้ คนจากสลัมออกไปจากบริ เวณนี ้ก่อน แต่ก่อนที่
เขาจะได้ สง่ เสียงพูดอะไรออกไปก็ได้ ยินเสียงเอะอะโวยวายมา
จากด้ านนอก เพราะตอนนี ้คนข้ างนอกมองไม่เห็นเขาอีกทังตนยั ้ ง
ก้ มหน้ าต่าลงอีก ยิ่งสร้ างความกังวลให้ คนข้ างนอกเพิ่มอีกเท่าตัว
เสียงสัน่ เล็กๆค่อยๆเอ่ยขึ ้น

“นายน้ อยอย่าทาเช่นนัน้ ! มันถึงตายเลยนะ”

คาร์ ลสะบัดมือตนเองเล็กน้ อย ‘เฮ้ ออออออ……..’


จานวนคนที่เดินตามเขาตังแต่
้ ยา่ งกรายเข้ ามาในสลัมแห่งนี ้ต่าง
ทยอยถอยห่างจากเขาตังแต่ ้ ร้ ูวา่ คาร์ ลต้ องการมายังสถานที่ตงั ้
ของต้ นไม้ กินคน แต่ก็คงจะมีเพียงเจ้ าของเสียงนี่ละที่ยงั คงตาม
เขามาอยู่

‘ไม่วา่ โลกไหนก็ต้องมีพวกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่ องชาวบ้ านสินะ’

คาร์ ลลูบจมูกตัวเองเบาๆก่อนหันไปยังบริ เวณรอบๆอีกครัง้ ก่อน


สายตาจะไปปะทะกับเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ขวบในมือของ
เธอยังจูงมือเด็กผู้ชายมาด้ วย สายตาที่สบมายังเขาเต็มไปด้ วย
ความห่วงใย เมื่อเห็นว่าคาร์ ลขมวดคิ ้วจ้ องหน้ าเธออย่างไม่ละ
สายตาก่อนเอ่ยปากพูด

“มันเป็ นต้ นไม้ กินคน ท่านอาจตายได้ นะเจ้ าค่ะ”


“ไม่ตายหรอก”

คาร์ ลหยิบขนมปั งออกมาจากห่อก่อนโยนไปให้ เด็กหญิง ไม่ต้อง


กังวลว่ามันจะเปื อ้ นดินเพราะมันได้ ถกู ห่อไว้ อย่างแน่นหนา

“เอาไปกินสิ”

น้ องชายของเธอรี บหยิบขนมปั งขึ ้นมาทันทีแต่เด็กหญิงยังคงลังเล


อยู่ เขาจาเป็ นต้ องใช้ ตวั ตนของการเป็ นไอ้ ขยะคาร์ ลเพื่อให้ เด็ก
น้ อย 2 คนไปให้ พ้นตนเองให้ เร็วที่สดุ ก่อนจะลุกขึ ้นยืนและชะโงก
ศีรษะตนให้ พ้นรัว้ เล็กน้ อย

“พวกเธอ 2 คนไม่ร้ ูจกั ขยะไร้ คา่ คาร์ ล เฮนิตสั เหรอ ?” ใบหน้ าของ
เด็กหญิงหันไปมองหน้ าน้ องชายทันที น้ องชายของเธอเหลือบมอง
ไปที่คาร์ ลก่อนหยิบขนมปั งอีกชิ ้นสาหรับพี่สาวของตนเอง ก่อน
ออกแรงดึงพี่สาวตัวเองเบาๆ
“พี่จา๋ …”

“อืมๆๆๆๆ” เด็กสาวหันไปมองยังต้ นไม้ สลับกับมองใบหน้ าของ


คาร์ ล

“ท่านต้ องไม่ตายนะเจ้ าค่ะ”

คาร์ ลเดาะลิ ้นส่งเสียงออกมาเบาๆก่อนหันไปมองรอบๆอีกครัง้ เพื่อ


ความแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริ เวณนี ้อีกก่อนจะนัง่ ลงใต้ ต้นไม้ ไม่
มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่เขาทาได้ จนกว่าจะมีใครเข้ ามาภายใน
รัว้ นี ้

“มาเริ่ มกันเลย” เขาเริ่ มจากการเอาขนมปั งออกจากห่อก่อนยื่น


ลงไปในโพรงต้ นไม้ ก่อนจะต้ องชักมือออกมาด้ วยความรวดเร็วเมื่อ
ขนมปั งในมือหายเข้ าไปในโพรงนัน้ เขารู้สกึ เย็นวาบไปทังล
้ าตัว
รู้สกึ ว่าหากชักมือออกช้ าไปเพียงเสี ้ยววินาทีมือของเขาอาจจะต้ อง
ถูกดูดเข้ าไปภายในโพรงนัน้ ความมืดในโพรงต้ นไม้ ยงั คงเป็ น
ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ ้น

“หากตายด้ วยความแค้ น ก็ต้องแก้ ไขด้ วยการแก้ แค้ น”

ต้ นไม้ กินคนนี ้ไม่ใช่ต้นไม้ ที่กินคนจริ งๆมันเป็ นต้ นไม้ ที่สามารถกิน


อะไรก็ได้ เป็ นผลข้ างเคียงจากความแค้ นและพลังที่ถกู ทิ ้งไว้ โดย
คนที่ตายจากความหิวโหย ถ้ าจะมีเรื่ องที่เกี่ยวข้ องคงจะเป็ นพลัง
ลึกลับที่แข็งแกร่งภายในต้ นไม้ ต้นนี ้… มันอาจเป็ นเรื่ องน่า
เหลือเชื่อ แต่มนั ก็คือเรื่ องจริ ง

‘ถ้ าจาไม่ผิด เราต้ องให้ อาหารกับมันจนกว่าความมืดในโพรงจะ


หายไป’ ความมืดที่เกิดขึ ้นไม่ได้ เกิดจากร่มเงาของต้ นไม้ แต่มนั
เกิดขึ ้นจากความแค้ น นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทาได้ ต้องใช้ อาหารจานวน
มากถึงจะทาให้ ความมืดหายไป ก่อนที่จะมีแสงสว่างที่ซอ่ นอยู่
ข้ างใต้ ปรากฏขึ ้น เมื่อมันกินแสงสว่างนี ้เข้ าไปโล่ห์นิรันดร์ กาลจะ
ตกอยูใ่ นมือของคาร์ ลทันที

“กินทุกอย่างที่แกต้ องการ” คาร์ ลเทขนมปั งทังหมดที


้ ่อยูภ่ ายในถุง
ลงในโพรงทังๆที
้ ่โพรงเล็กๆควรเต็มไปด้ วยขนมปั งกลับมีแต่ความ
ว่างเปล่าและมืดมิด

“ต้ องหาถุงใหญ่ๆกว่านี ้สัก10ถุงแล้ วสิ” ความมืดภายในโพรง


พลันสว่างขึ ้นเล็กน้ อย

10 ถุง อาจฟั งดูมากไปสาหรับคนอื่นแต่สาหรับคาร์ ลที่จ่ายค่าขนม


ปั งไปถึง 3 ล้ านแกลลอนไม่ได้ เป็ นกังวลเลยสักนิด

~ อร๊ างงงงงงงงงงง ~
เสียงแปลกๆที่ดงั ก้ องมาจากต้ นไม้ ดเู หมือนจะเป็ นสัญญาณที่
บอกว่ามันยังคงหิวและขออาหารเพิ่มมากขึ ้น คาร์ ลรู้สกึ ว่าความ
มืดในหลุมอาจคว้ าเขาเข้ าไปแทนขนมปั งก็เป็ นได้

“….มันน่ากลัวนิดหน่อย” คาร์ ลรี บลุกขึ ้นยืน เขารู้สกึ ว่าไม่ควรอยู่


ที่นี่นานเกินไป

“ความแค้ นโง่ๆสามารถทาอะไรได้ บ้าง?” และความตะกละก็เป็ น


สิ่งที่น่ากลัว

“ข้ าจะกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี ้”

คาร์ ลกล่าวบอกลากับต้ นไม้ ที่เอ่ยตอบรับเสียงดังก้ องราวกับว่ามัน


เป็ นคน ก่อนจะเดินออกไปนอกรัว้ ทันที คาร์ ลสังเกตเห็น 2 พี่น้อง
ที่กาลังนัง่ กินขนมปั งอย่างเอร็ดอร่อยทันทีที่ก้าวเข้ าไปในสลัม
สาหรับคนที่ขอร้ องไม่ให้ เขาเข้ าไปใกล้ ต้นไม้ กินคนดูเหมือนจะ
กาลังเพลิดเพลินกับขนมปั งเสียเหลือเกิน พวกเขาทังคู ้ ต่ ้ องชอบ
รสชาติของขนมปั งที่กาลังกินอยูเ่ ป็ นแน่เพราะดูทา่ ทางช่างมี
ความสุข

“หนู…ของหนู” คาร์ ลสบถออกมาเล็กน้ อยกับเสียงร้ องของเด็กทัง้


2 ก่อนจะทาเป็ นไม่สนใจกับสิ่งที่เด็กๆสงสัย ในถุงที่เต็มไปด้ วย
ขนมปั งก่อนหน้ านี ้มีเพียงแค่ความว่างเปล่าไม่แปลกถ้ าเด็กทัง้ 2
จะสงสัย แต่จะทาอะไรได้ ? พวกเขาไม่สมารถทาอะไรได้ เลย ?

เด็กๆอาจกลัวที่จะเข้ าใกล้ ต้นไม้ กินคนแต่ก็นบั ว่าเป็ นเรื่ องที่ดีใน


ด้ านความปลอดภัย มันคงไม่ดีนกั ถ้ าเด็กๆไปเล่นบริ เวณต้ นไม้
แล้ วเผลอเอาหัวลงไปในโพรงถ้ าเป็ นเช่นนันคงโดนมั
้ นจับกินอย่าง
แน่นอน

[เด็ก ๆ ในสลัมไม่มีความกลัว เป็ นเพราะพวกเขารักข้ าวเมล็ด


เดียวแม้ วา่ จะมีคมมีดหันมาทางตนเองก็ตาม ความตายอยู่
รอบตัวพวกเขาเสมอดังนันพวกเขาจึ
้ งไม่กลัวความตาย พวกเขา
กลัวที่จะหิวมากกว่าความตาย]

นัน่ คือสิ่งที่นิยายได้ เขียนบอกไว้ และนัน่ เป็ นเหตุผลที่ทาให้ คาร์ ล


ตัดสินใจพูดกับสองพี่น้อง

“ถ้ าอยากกินขนมอีก ห้ ามพูดอะไรสักอย่างรู้มยั ้ ?” สองพี่น้อง


ไม่ได้ กล่าวอะไรเพียงพยักหน้ าทาตามคาสัง่ ของคาร์ ลด้ วยความ
เต็มใจ เด็กสาวเอามือปิ ดปากของน้ องชายแล้ วแสร้ งทาเป็ นไม่เห็น
คาร์ ล เขายิ ้มและคิดว่าเด็กหญิงฉลาดมากก่อนรี บออกมาจาก
สลัมอย่างรวดเร็ ว

คนในสลัมต่างรู้วา่ คาร์ ลไปที่ยอดเนินเขา พวกเขากาลังมองมา


ทางเขาด้ วยความสงสัยว่าเขากาลังทาบ้ าอะไรอยู่ แต่คาร์ ลก็ชิน
กับการจ้ องมองแบบนี ้เสียแล้ ว ส่วนคนนอกสลัมก็มองมายังเขา
ด้ วยความแปลกใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้ สนใจเรื่ องนี ้นัก
“อา…..นายน้ อยคาร์ ลกลับมาแล้ ว”

เมื่อคาร์ ลกลับมายังร้ านชาอีกครัง้ บิลอสก็ปรี่ มาทักเขาด้ วยรอยยิ ้ม


สดใส

“ใช่แล้ ว….ขอชาแก้ วใหม่ให้ ข้าด้ วยนะ”

คาร์ ลเดินกลับไปที่นงั่ บนชัน้ 3 เช่นเดิม ทังๆที


้ ่ตอนนี ้ควรมีลกู ค้ า
คนอื่นแต่กลับไม่มีใครนัง่ อยูบ่ นชัน้ 3 เลย พวกเขาต่างพยายาม
หลีกเลี่ยงขยะของตระกูลเฮนิตสั นัน่ คือเหตุผลที่ทาให้ คาร์ ลรู้สกึ
ผ่อนคลาย

“นี่ชาขอรับ…ส่วนนี่เป็ นของหวานสาหรับทานแกล้ มกับน ้าชา”

“โอ้ …เยี่ยมมาก ขอบคุณนะ” คาร์ ลยังคงมองไปยังประตูเมือง


อย่างต่อเนื่องสลับกับการจิบชาช้ าๆ บิลอสมองหน้ าคาร์ ลด้ วย
ความแปลกใจก่อนที่จะเดินออกจากชันสามไปอย่
้ างเงียบๆ มัน
แปลกที่จะได้ ยินนายท่านคาร์ ลพูดขอบคุณใครสักคน

คาร์ ลยังคงสัง่ ชาและขนมมาทานเรื่ อยๆก่อนมองไปนอกหน้ าต่าง


ซึง่ ตอนนี ้ท้ องฟ้าได้ เปลี่ยนสีเป็ นสีส้มและพระอาทิตย์กาลังตกดิน
เขาลุกขึ ้นเพื่อสลัดความเมื่อยล้ า ถึงเวลาต้ อนรับเพื่อนที่สดุ แสน
อันตราย ผู้ที่มาจากนอกกาแพงเมืองซะแล้ วซิ
บทที่ 6 ได้ พบกัน 3

คนเราจะมีอารมณ์โกรธปะทุขึ ้นเมื่อใด?

มันน่าจะเกิดขึ ้นเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ ากับศัตรูที่แกร่งกว่าตนหรื อ


เจอกับมนุษย์โง่เง่าน่าราคาญที่คอยก่อกวนอารมณ์ของคุณไม่ต่า
กว่า 5-6 ครัง้ ซึง่ กรณีของคาร์ ลน่าจะเป็ นประการหลัง คาร์ ลไป
กระตุ้นอารมณ์โกรธของเชวฮันเป็ นครัง้ ที่ 5 ก่อนจะโดนตี ‘จะ
กระตุกหนวดเสือครัง้ เดียวก็พอแล้ วมัง….เจ้
้ าคาร์ ลเอ๊ ย!!’

“นายน้ อยคาร์ ลจะกลับแล้ วหรื อขอรับ?”

“ใช่….” ภายในร้ านชาเหลือคนไม่มากนัก ตอนนี ้เป็ นเวลาเกือบ


3 ทุม่ แล้ ว เป็ นช่วงเวลาที่ลกู ค้ าภายในร้ านเหล้ ามีจานวนมากกว่า
ร้ านชา อาจเป็ นเพราะลูกค้ าส่วนใหญ่เป็ นคนงานจากเหมืองหิน
อ่อนที่เสร็จภารกิจจากการทางานและเลือกมาผ่อนคลายอารมณ์
ด้ วยการดื่มเหล้ า

“กระผมหวังว่านายน้ อยคาร์ ลจะกลับมาใช้ บริ การร้ านเราอีกครัง้


นะขอรับ”

คาร์ ลพยักหน้ าตอบรับบิลอส “ชาอร่อยมาก……” เขาลอบสังเกต


สีหน้ าของบิลอสไปพร้ อมๆกับที่เอ่ยปากชม

“นิยายก็สนุกมากด้ วย ขนาดฉันอ่านไปได้ เพียงครึ่งเรื่ องเอง


โดยเฉพาะพระเอกของเรื่ อง เขาเก่งมากเลยนะ ฉันชอบการดาเนิน
ชีวิตของพระเอกมากๆ”

บิลอสขมวดคิ ้วครู่หนึง่ ก่อนจะคลายออก ดวงตาของเขามีความ


งุนงงเล็กน้ อยเมื่อมองไปยังคาร์ ล แต่ถึงจะเป็ นแบบนัน้ คาร์ ลก็
ไม่ได้ สงั เกตสีหน้ าที่ผิดปกติของบิลอส เขาพยายามนึกถึงเรื่ องราว
ในนิยายที่เขาได้ อา่ นไปอาจเป็ นเพราะเขากังวลเรื่ องของเชวฮัน
มากไปทาให้ ไม่มีสมาธิในการอ่านมากนัก

คาร์ ลไม่ร้ ูวา่ เป็ นเพราะสาเหตุใดที่ทาให้ เขาสามารถสื่อสารด้ วย


ภาษาของคนที่นี่ได้ แต่นนั่ ก็เป็ นเรื่ องที่ดีเพราะสามารถทาให้ เขาใช้
ชีวิตอยูใ่ นร่างของคาร์ ลได้ อย่างไม่มีปัญหาและสามารถสนุกไป
กับการอ่านหนังสือนิยายได้ อย่างไม่ติดขัด รอยยิ ้มปรากฏบน
ใบหน้ าของคาร์ ลอีกครัง้ ขณะที่เขายังคงพูดกับบิลอสที่ยงั คงมีสี
หน้ าว่างเปล่า

“อย่าปล่อยให้ คนอื่นอ่านหนังสือเล่มนัน่ จนกว่าข้ าจะอ่านจบ


ล่ะ?”

เพราะเขาคือเด็กหนุ่มผู้ดื ้อรัน้ เอาแต่ใจและเป็ นบุตรชายของท่าน


เคานต์เดอรัชผู้เรื องอานาจ ในตอนนี ้เขากาลังพยายามผูกขาดกับ
ทรัพย์สินของคนอื่นบิลอสผู้เป็ นบุตรชายของหัวหน้ าสมาคม
การค้ าที่มงั่ คัง่ อาจไม่พอใจได้ แต่เขาจะสามารถทาอะไรได้ ?
เพราะนี่คือคาร์ ล…คาร์ ลผู้เป็ นบุตรชายของท่านเคานต์เดอรัช เฮ
นิตสั

“ได้ ขอรับ นายน้ อยคาร์ ล กระผมจะเก็บหนังสือเล่มนัน่ ไว้ ให้ นาย


น้ อยอย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตามคาตอบของบิลอสก็ตา่ งจากที่คาร์ ลคาดไว้ บิลอส


ส่งรอยยิ ้มสดใสให้ แก่คาร์ ลก่อนพูดสนับสนุนให้ คาร์ ลกลับมายัง
ร้ านของตนในเร็ ววันนี ้

“กรุณากลับมาในเร็วๆนี ้นะขอรับ กระผมจะรอ”

“ได้ สิ”
คาร์ ลยังไม่อยากไปแต่ก็ต้องออกไปเพื่อพบกับเชวฮัน …กระดิ่ง
หน้ าร้ านส่งเสียงขึ ้นอีกครัง้ ก่อนที่บรรยากาศภายในร้ านจะกลับมา
คึกคักกว่าเดิมเมื่อคาร์ ลเดินออกจากร้ านไป

เมื่อออกมาข้ างนอก คาร์ ลก็พบว่าบรรยากาศข้ างนอกนัน่ ล้ วน


หนาแน่นไปด้ วยผู้คน ยิ่งดึกยิ่งคึกคักไม่ตา่ งจากเกาหลีเลยสักนิด
ถึงแม้ เมืองเฮนิตสั จะห่างไกลจากเมืองหลวงแต่ก็มีศิลปิ นมากมาย
ที่อาศัยอยูใ่ นเมืองนี ้พวกเขาล้ วนมีผลงานที่เป็ นที่นิยมทาให้ คนที่
กาลังมองหาสถานที่ผอ่ นคลายจากการทางานอย่างเหน็ดเหนื่อย
จากการทางานอย่างหนักภายในเหมืองแร่หินอ่อนพวกเขาเลือกที่
จะมาสนุกและเพลิดเพลินไปกับการดื่มในเมืองนี ้ คาร์ ลก้ าวเดิน
ไปตามถนนช้ าๆ

‘จะว่าไปคาร์ ลก็เป็ นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว’ โดยปกติใน


นิยายจะสร้ างตัวละครที่เป็ นเพียงขยะของตระกูลให้ เป็ นคนเกเรไม่
เอาการเอางาน มัว่ สุมกับอันธพาล ดื่มเหล้ า ลวนลามผู้หญิงและ
คอยสร้ างความเดือนร้ อนให้ ชาวบ้ านอยูเ่ สมอ แต่สิ่งที่น่าตลก
คาร์ ล เฮนิตสั กับเป็ นคนที่เกลียดชังนักเลงพวกนี ้อย่างยิ่ง

‘เขาคิดว่ามันเป็ นสิ่งที่น่ารังเกียจ’ สิ่งที่เลวร้ ายของคาร์ ลคือการ


อาละวาดทาร้ ายข้ าวของเวลาเมาแต่ไม่เคยทาร้ ายร่างกายหรื อฉุด
คร่าผู้หญิง เขายังเป็ นชาวเมืองที่ดีถึงแม้ จะเป็ นคนไม่เอาไหนที่
ตระกูลจะหวังพึง่ พาเขาไม่ได้ เลย นัน่ คือเหตุผลที่นบั ว่าคาร์ ลยังมี
ความดีอยูบ่ ้ าง

“โอว้ วววว….นายน้ อยคาร์ ลอยูท่ ี่นี่ด้วยหรื อขอรับ” เจ้ าของร้ าน


เหล้ าเมื่อมองเห็นคาร์ ลต่างก็เป็ นกังวลเพราะครัง้ ล่าสุดที่คาร์ ล
มายังร้ านเหล้ า เขาได้ เมาอาละวาดทาร้ ายข้ าวของภายในร้ านเสีย
หายไปเป็ นจานวนมาก เรี ยกได้ วา่ คาร์ ลถูกขึ ้นบัญชีดาของร้ าน
เหล้ าในเมืองเวสเทิร์นไปเป็ นที่เรี ยบร้ อย

คาร์ ลไม่ได้ ตอบรับคาทักทายของเจ้ าของร้ านเหล้ าก่อนจะโยนเห


รี ญทองให้ เขา
“เอาเหล้ าแบบเดิมมาให้ ข้า 1 ขวด อ้ อแล้ วก็เอาอกไก่ยา่ งมาด้ วย
อย่าใส่เกลือลงไปเยอะนะ ”

“เอ่อ…นายน้ อยไม่หาโต๊ ะนัง่ หรื อขอรับ?”

คาร์ ลเริ่ มโมโห ก่อนที่เจ้ าของร้ านจะพยักหน้ าตอบรับและก้ ม


ศีรษะให้ เขาทันที

“เดี๋ยวนี ้!!! กระผมจะนามันมาให้ เดี๋ยวนี ้ล่ะขอรับ” เจ้ าของร้ าน


เห็นคาร์ ลยกยิ ้มอย่างพอใจ ท่าทีที่รีบร้ อนของเจ้ าของร้ านที่ทา
ตามคาสัง่ ของคาร์ ลทันทีอาจเป็ นเพราะคาร์ ลไม่เลือกที่จะนัง่ ดื่ม
เหล้ าในร้ านของเขาก็เป็ นได้ เขามองไปรอบๆร้ านเหล้ าที่เงียบสนิท
ลงเมื่อคนอื่นๆเห็นคาร์ ลเดินเข้ ามาในร้ านแห่งนี ้พวกเขาต่างพากัน
หลบสายตาของคาร์ ลแต่ก็ยงั มีพวกนักเลงคุมร้ านเหล้ าที่ยงั แอบ
มองเขาเป็ นระยะๆด้ วยความกระวนกระวายใจ
‘สงสัยกลัวว่าฉันจะพังร้ านล่ะสิ’

“เตราะ!!” เสียงเดาะลิ ้นของคาร์ ลอาจลอดผ่านความเงียบเข้ าไป


ภายในร้ านได้

“นายน้ อยคาร์ ลได้ แล้ วขอรับ”

“ดี” คาร์ ลคว้ าขวดเหล้ าและถุงไก่ยา่ งมาไว้ ในมือตนเอง หากคนที่


ดื่มเหล้ าบ่อยๆอาจจะรู้วา่ ขวดเหล้ าในมือคาร์ ลตอนนี ้มีราคาที่สงู
มาก เขาก้ มมองดูขวดเหล้ าอีกครัง้ ก่อนเดินออกจากร้ านอย่างไม่
ผิดหวังก่อนจะเปิ ดขวดเหล้ ากระดกดื่มเกือบครึ่งขวดในทันทีที่ก้าว
พ้ นร้ าน

‘โอ้ …’ รสชาติที่บาดนุ่มลิ ้นเป็ นรสชาติที่ดีทีเดียว ด้ วยเจ้ าของร่าง


เดิมเป็ นคนที่คอแข็งมากทาให้ เหล้ าที่พร่องไปครึ่งขวดภายในเวลา
รวดเร็ วไม่สามารถทาให้ เขาเมาได้ คนอื่นคงคิดว่าการดื่มเหล้ า
ของคาร์ ลก็เป็ นเพียงการดื่มน ้าเปล่านัน่ ล่ะ คาร์ ลเริ่ มสาวเท้ ายาว
ขึ ้นพร้ อมกับเหล้ าและถุงไก่ยา่ งในมือ

เขาเดินผ่านร้ านกลิ่นชากับบทกวีที่ตนปั กหลักอยูต่ ลอดทังวั


้ น เขา
เหลือบมองทหารรักษาประตูเมืองที่ทางานอย่างแข็งขันทาให้ เขา
อยากลองออกไปเดินเล่นนอกประตูเมืองบ้ างแต่น่าเสียดายเพราะ
ที่นนั่ ไม่ใช้ เป้าหมายของเขา

“อ่า….เริ่ มร้ อนแล้ วสิ” เขารู้สกึ ว่าร่างกายตัวเองร้ อนขึ ้นด้ วยฤทธิ์


ของแอลกอฮอล์ เขาเดินต่อไปอีกนิดจนกว่าจะถึงกาแพงเมืองที่ไม่
ไกลจากสายตาเท่าใด กาแพงเมืองที่มีความสูงและแข็งแรงเช่นนี ้
ดูทา่ จะเป็ นเกราะป้องกันผู้บกุ รุกได้ เป็ นอย่างดี

‘แต่ก็ขึ ้นอยูว่ า่ ป้องกันใครละนะ’ คาร์ ลเริ่ มทบทวนเนื ้อหาในนิยาย


อีกครัง้
‘ห่างจากประตูเมืองประมาณ 100 ก้ าว’ นัน่ คือตาแหน่งที่เชว
ฮันจะกระโดดข้ ามกาแพงเมือง คาร์ ลจับเหล้ าในมือไว้ แน่นก่อนรี บ
วิ่งไปยังจุดที่คาดว่าจะเจอเชวฮัน ในตอนนี ้มีคนอยูบ่ ริ เวณถนน
รอบเมืองอยูไ่ ม่มากนักเพราะที่นี่เป็ นย่านที่พกั อาศัยทาให้ คนส่วน
ใหญ่เลือกที่จะเข้ านอนกันแล้ ว

คาร์ ลสูดลมหายใจเข้ าปอดลึกๆเมื่อเขาวิ่งมาถึงที่ที่เขาคาดการณ์


ไว้ ถ้ าห่างจากประตูเมือง 100 ก้ าวจะเป็ นย่านที่พกั อาศัยของ
ชาวเมืองและตอนนี ้เริ่ มดึกมากทาให้ แสงจากคบเพลิงมีความ
สว่างไม่มาก จะมีเพียงแต่แสงไฟจากคบเพลิงที่ถกู ติดบนผนัง
บ้ านเรื อนและแสงที่ที่ลอดผ่านหน้ าต่างของบ้ านเรื อนบางหลัง
เท่านัน้

แต่นนั่ ก็เพียงพอแล้ ว เขาใช้ เวลาในการปรับสายตาให้ ค้ นุ ชินกับ


ความมืด
‘อย่างที่คิดไว้ ’ เขามองเห็นบางอย่างที่ขดอยูข่ ้ างกาแพงเมือง มัน
ยังมีอีกสิ่งที่อยูภ่ ายในบริ เวณนี ้ด้ วยแต่คาร์ ลกาลังมองสิ่งที่หนาว
สัน่ ด้ วยความหนาวเย็น คาร์ ลก้ าวเท้ าด้ วยความรวดเร็วเมื่อได้ ยิน
เสียงร้ องของสิ่งที่ขดตัวอยูน่ นั ้

“เมี ้ยวววววว…..” แมว 2ตัวนอนคดคู้อยูข่ ้ างกาแพงเมือง เขาเริ่ ม


ยิ ้มออกมาช้ าๆ

‘เป็ นที่นี่จริ งๆด้ วย’

เขาพบจุดที่เชวฮันกระโดดข้ ามกาแพงเมืองเข้ ามาก่อนที่สายตา


ของจะปะทะกับแมวทัง้ 2 ตัว เขาพยามเบี่ยงตัวหลบเพื่อไม่ให้
ตัวเองเหยียบเข้ ากับแมว มันเป็ นเรื่ องบังเอิญที่สามารถเกิดขึ ้นได้

‘เขาเป็ นคนดีจริ งๆ’ เชวฮันพยายามพลิกเท้ าของตัวเองหลบอย่าง


ตกใจเพื่อไม่ให้ เท้ าของเขาสามารถทาร้ ายแมวได้ เขาวิ่งมายัง
เมืองเวสเทิร์นอย่างบ้ าคลัง่ หลังจากที่ฆา่ คนนับสิบเป็ นครัง้ แรก
และลงมือฝังศพชาวบ้ านเรี ยบร้ อย ร่างกายของเขาถึงขีดจากัดทา
ให้ ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนได้ ดีทาให้ ไม่สามารถบังคับ
ทิศทางในการกระโดดลงจากกาแพงเมืองได้

“เมี ้ยวววววว…..” คาร์ ลจ้ องไปที่ลกู แมวที่ขดตัวหนาวสัน่


เช่นเดียวกับลูกแมวอีกหนึง่ ตัวที่ดทู า่ จะเป็ นพี่น้องของมันที่กาลัง
เลียขนให้ กบั มัน จากนันเขาก็
้ หนั ไปมองข้ างๆ เขาจ้ องไปยังจุดที่
ใกล้ ๆกับแมวทัง้ 2 ตัวและนัน่ เขาจะได้ เจอกับเชวฮัน

‘ฉันเจอนายแล้ ว’

คนผู้นนก ั ้ าลังหงุดหงิดขณะมองไปรอบๆ เขาดูเหมือนคนจรจัดที่


อาศัยในสลัม คาร์ ลสามารถมองเห็นเส้ นผมดาเข้ มและเสื ้อผ้ าที่
เปื อ้ นไปด้ วยเขม่าควันไฟ ตามนิยายเรื่ องนี ้คาร์ ลกับเชวฮันจะได้
พบกันในวันรุ่งขึ ้นหลังจากที่คาร์ ลเมาอาละวาดทาร้ ายตนเองด้ วย
การแทงสีข้างของตนจนกลายเป็ นแผล แต่ตอนนี ้มันต่างจาก
นิยายไปแล้ วแม้ วา่ จะเป็ นเพียงรายละเอียดเล็กน้ อยก็ตาม

คาร์ ลเดินเข้ าไปใกล้ ๆลูกแมวก่อนก้ มลงมอง เชวฮันต้ องรู้สกึ ได้ ถึง


สายตาที่มีคนจ้ องมองตนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผา่ นมา ก่อนที่เขาจะยก
ศีรษะหันมาสบสายตากับคาร์ ลผ่านเส้ นผมสีดาที่ตกลงปรก
ดวงตาของเขา

‘ทาไมตัวฉันต้ องสัน่ ด้ วยนี่’ คาร์ ลได้ ยินเสียงหัวใจของตนที่เต้ น


ด้ วยความคลุ้มคลัง่ ถึงแม้ วา่ มันจะมืดมากแต่เขาก็เห้ นสายตาที่
คมกล้ าของเชวฮัน คาร์ ลคิดว่ามันเป็ นความคิดที่ดีมากที่ตน
ตัดสินใจดื่มเหล้ าเพื่อปลุกใจตนเอง เขารู้สกึ ดีใจกับการตัดสินใจ
อันชาญฉลาดของตนเอง ต้ องกระตุ้น…เขาต้ องการปรากฏตัวต่อ
หน้ าเชวฮันด้ วยภาพลักษณ์ที่ดีและสร้ างความประทับใจให้ ได้ มาก
ที่สดุ เขาสูดลมหายใจเข้ าลึกๆ ก่อนเริ่ มพูดคุยกับเชวฮันที่กาลัง
จ้ องมาที่เขา
“ดูทา่ เจ้ าจะหิวมาก?” เตราะ!! เขาเดาะลิ ้นของตนพลางหยิบ
อกไก่ยา่ งออกจากถุงเสื ้อก่อนจะเคลื่อนไหวด้ วยท่าท่างที่ออ่ นโยน
เขาเสนออกไก่ยา่ งนัน….ให้
้ ลกู แมว….ไม่ได้ ให้ เชวฮัน

“พวกเจ้ าน่าสงสาร ไปกินมันสิ อร่อยนะ….” คาร์ ลไม่แน่ใจว่าลูก


แมวจะสามารถกินอกไก่ยา่ งได้ หรื อเปล่าเพราะพวกมันยังเล็กมาก
ก่อนจะเดาะลิ ้นตัวเองอีกครัง้ พลางฉีกอกไก่ยา่ งเป็ นชิ ้นเล็กๆ
เพื่อให้ ลกู แมวสามารถกินได้ สะดวก เขากาลังสงสัยว่าตนกาลังทา
อะไรอยูท่ ี่นี่ ด้ วยความสัตย์จริ งคาร์ ลไม่ชอบแมวแต่ถึงอย่างนัน้
เชวฮันกับเป็ นคนที่รักสัตว์ตวั เล็กๆพวกนี ้

กรรรจ์ กรรรจ์!!!!!

ลูกแมวที่ได้ ถกู บุกรุกและกาลังหนาวสัน่ อาจสัมผัสได้ ถึงความไม่


เป็ นมิตรจากคาร์ ล พวกมันเริ่ มแยกเขี ้ยวขู่ ถึงยังไงพวกมันก็เป็ น
สัตว์หน้ าขนมีสญ ั ชาตญาณความเป็ นสัตว์เมื่อเจอผู้บกุ รุกก็ไม่
แปลกที่พวกมันจะไม่ชอบใจ เมื่อเขาจ้ องมองไปยังลูกแมวที่มีตาสี
ทองมันพยายามหลบเลี่ยงมือของคาร์ ล

“พวกเจ้ าดูน่าสงสาร? มากินนี่สิ มาเอาไปกินไวๆ” เขาไม่ได้ มอง


เชวฮันแต่เขามัน่ ใจว่าเชวฮันต้ องมองดูเขาอยู่

“เจ้ าจะไปไหนเหรอ?” เขาไม่ได้ ยินคาตอบจากเชวฮัน แต่อย่างไร


ก็ตามคาร์ ลก็ยงั พูดต่อไป เขารู้วา่ อีกไม่นานทหารจะมา
ลาดตระเวนบริ เวณนี ้และเขาจาเป็ นต้ องทาทุกอย่างให้ จบลง
ก่อนที่เชวฮันจะพยายามหลบหนีการจับกุมของเหล่าทหารรักษา
ประตูเมืองไปก่อน

“หรื อเจ้ าอยูท่ ี่นี่?”

คาร์ ลกาลังลูบลูกแมวตาสีทองและผลักลูกแมวตาสีแดงที่
พยายามส่งเสียงขูท่ าร้ ายเขาทุกวิถีทางในขณะที่เขาเอ่ยปากถาม
ลูกแมวตาสีแดงก็ยงั พยายามจะทาร้ ายคาร์ ลให้ ได้ แต่ไม่ร้ ูวา่ เป็ น
เพราะสาเหตุใดลูกแมวตาสีทองพี่น้องของมันกลับมีแววตาที่สอ่ ง
ประกายสดใสแม้ อยูใ่ นความมืดแต่ตอนนี ้เขากาลังมุง่ ความสนใจ
ไปที่เชวฮันคนเดียว

“เจ้ าหิวมัย?”
้ ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา เชวฮันอาจ
จ้ องมองเขาอยูแ่ ต่เขาก็อาจต้ องการพักผ่อน ทังร่้ างกายและจิตใจ
ของเขาอาจถึงขีดจากัดแล้ ว เพราะความรู้สกึ ช็อกเสียใจจาก
เหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียคนที่เขารักไป สาหรับคนที่เขาให้
ความคุ้นเคยด้ วยอาจมีเพียงแค่คนในครอบครัวบุญธรรมและ
ชาวบ้ านในหมูบ่ ้ านเล็กๆแห่งนัน้ เมื่อเขาก้ าวเข้ ามายังเมืองเวสเทิร์
นจึงเป็ นเรื่ องที่แปลกสาหรับเขาพอควร เขาอาจจะอาศัยอยูท่ ี่นี่มา
เป็ นเวลาหลายสิบปี แต่ตวั เขาก็ยงั คงเป็ นเด็กอยู่

“เจ้ าจะไม่พดู อะไรหน่อยเหรอ?”


“……ทาไมเจ้ าถึงพูดกับข้ า?” ดูเหมือนเชวฮันจะตัดสินได้ แล้ ว
ว่า…คาร์ ลเป็ นคนที่ออ่ นแอ

คาร์ ลดูออ่ นแอพอที่เขาจะสามารถฆ่าได้ แม้ วา่ เขาจะอยู่ในถิ่นของ


คาร์ ล นัน่ เป็ นเหตุผลที่เชวฮันสามารถยอมรับคาร์ ลได้ แม้ วา่ เขาจะ
ไม่ร้ ูเหตุผลว่าทาไมคาร์ ลถึงดีตอ่ เขาก็ตาม

คาร์ ลลุกขึ ้นยืนและเดินออกไป ก่อนที่ทหารรักษาประตูเมืองจะมา


ลาดตระเวนในบริ เวณนี ้

“เฮ้ !!!!!” คาร์ ลสามารถมองเห็นความวุน่ วายใจของเชวฮันเมื่อเขา


ก้ าวเข้ ามาใกล้ ๆ เขาดูเป็ นคนยุง่ เหยิงกับชีวิตน่าดู อย่างไรก็ตาม
การที่เขาเป็ นพระเอก ทาให้ ตาของเขาดูคมโตส่องกระกายกล้ า มี
ผมสีดาและตาสีดานับว่าเป็ นคนเกาหลีที่ดดู ีทีเดียว นัน่ เป็ น
เหตุผลให้ คาร์ ลส่งยิ ้มให้ เชวฮันก่อนพูดอย่างไม่เป็ นทางการ
“ทาตามที่ข้าบอก ….เดี๋ยวข้ าเลี ้ยงข้ าวเจ้ าเอง”

ความประทับใจในการเจอกันครัง้ แรกก็คือการได้ เป็ นคนเลี ้ยง


อาหารที่แสนอร่อยนี่ละ่
บทที่ 7 ได้ พบกัน 4

เชวฮันค่อยๆพยุงร่างกายตัวเองลุกขึ ้นยืนโดยอาศัยกาแพงเมือง
เป็ นเกาะยึด ร่างกายของเขาเซไปด้ านซ้ ายเล็กน้ อยอาจเป็ นเพราะ
ข้ อเท้ าของเขาที่มีอาการบาดเจ็บ แต่คาร์ ลไม่ได้ เข้ าไปช่วยพยุง
ใดๆเพราะเท่าที่ทาอยูใ่ นตอนนี ้ก็มากเกินพอแล้ ว

คาร์ ลบอกเชวฮันให้ เดินตามเขาไปก่อนที่จะมุง่ หน้ าไปยังคฤหาสน์


ที่อยูด่ ้ านหลังของเมืองอย่างไรก็ตามการใช้ ชีวิตในสถานที่แห่งนี ้
เชวฮันต้ องพึง่ พาเขาอยูด่ ี

“เมี ้ยวววววววววว!”

เจ้ าแมวตาสีทองทังคู
้ ต่ า่ งวิ่งเข้ าไปหาคาร์ ลก่อนที่จะใช้ หวั ของพวก
มันคลอเคลียไปที่รองเท้ าของคาร์ ล เขาเริ่ มที่จะหงุดหงิดพวกมัน
‘ถึงจะเอาไก่ให้ กินฉันก็ไม่ได้ ชอบพวกแกนะ’ เขาไม่ชอบแมวแต่ก็
ยังมีคนที่ชอบสัตว์น่ารักแบบๆนี ้ เขารู้สกึ ว่าร่างกายของตนเองเย็น
วาบขึ ้นก่อนจะหันมองไปรอบๆและเห็นว่าเชวฮันกาลังจ้ องมอง
เขาอยู่

‘ให้ ตายสิ…’ คาร์ ลเริ่ มละล้ าละลังไม่ร้ ูจะทาอย่างไรกับลูกแมวทัง้


2 ตัวดี

“ดูทา่ พวกเจ้ าจะชอบข้ านะ แต่ข้าต้ องไปแล้ วล่ะ” คาร์ ลไม่เคย


เข้ าใจว่าทาไมคนถึงชอบพูดกับสัตว์ ทังที
้ ่ไม่สามารถสื่อสารกัน
เข้ าใจแต่ตอนนี ้เขากลับทาแบบคนพวกนัน้ เขารี บยืนขึ ้นและเดิน
ห่างออกจากลูกแมว

“กรรรจ์!!!!!” เสียงขูข่ องลูกแมวตาสีทองขนสีเงินดังขึ ้นคล้ ายกับ


กาลังบอกลูกแมวขนสีน ้าตาลแดงให้ กลับไปยังที่เดิมที่พวกมันเคย
อยูแ่ ละคล้ ายกับบอกให้ คาร์ ลออกไปจากบริ เวณนี ้ได้ แล้ ว ส่วนลูก
แมวขนสีน ้าตาลแดงไม่ยอมกลับไปมันยังคงจ้ องมองคาร์ ลต่อไป
ส่วนตัวเขาไม่คิดจะหันกลับไปมองพวกมันอีก

“เมี ้ยวววววว……..ววววววว” เสียงของลูกแมวค่อยๆไกลห่าง


ออกไป คาร์ ลลอบมองเชวฮันที่คอ่ ยๆเดินอย่างกระโผลกกระเผลก
ก่อนที่เขาจะค่อยๆลดฝี เท้ าลงเพื่อให้ เชวฮันเดินตามเขาได้ ง่ายขึ ้น
พวกเขาค่อยๆเดินผ่านอาคารบ้ านเรื อน ร้ านเหล้ า ตลาด คฤหาสน์
ของเหล่าเศรษฐี ก่อนจะมาถึงคฤหาสน์ของท่านเคานต์เดอรัชที่
ตังอยู
้ ด่ ้ านหลังของเมือง

“เจ้ าคิดจะทาอะไร?” คาร์ ลมองไปทางเชวฮันที่หยุดการ


เคลื่อนไหวลง เขาคงสังเกตเห็นว่าทหารรักษาประตูเมืองได้ ทา
ความเคารพตน พอๆกับที่เห็นชาวเมืองบางส่วนหลีกเลี่ยงการ
เผชิญหน้ ากับเขา เชวฮันอาจจะตังค
้ าถามว่าตนสามารถฆ่าคาร์ ล
ได้ ง่ายๆหรื อไม่? ก่อนเอ่ยปากถามอีกครัง้
“เจ้ าจะตามมาหรื อเปล่าล่ะ?”ตามที่คาดไว้ เชวฮันยังคงเดินตาม
คาร์ ลต่อไป เหตุผลที่เขายังคงตามต่อไปก็เพื่อจะใช้ คาร์ ลในการ
สืบหาข้ อมูลบางอย่างเช่นเดียวกับการหาคนที่จะรับผิดชอบการ
จัดงานศพให้ แก่ชาวบ้ านในหมูบ่ ้ านแฮร์ ริส

“นัน่ ใช่นายน้ อยคาร์ ลรึไม่ขอรับ…” ทันทีที่คาร์ ลหยุดยืนหน้ า


คฤหาสน์ ยามรักษาการณ์และทหารอารักขาก็ได้ ยินเสียงพูดคุย
ของเขากับเชวฮันก่อนจะทักขึ ้นมา

‘เฮ้ อ!!….ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่ยงุ่ กับเรื่ องของเจ้ านายหรอกนะ’


มันแปลกที่เห็นพวกเขาหยุดชะงักกับท่าทางที่คาร์ ลแสดงออก
เนื่องจากตอนนี ้เขาอยูใ่ นร่างของขยะไร้ คา่ จึงพยายามอย่างสุด
ความสามารถในการเลียนแบบคาร์ ลตัวจริ งเอาไว้ แต่มนั จะเป็ น
เรื่ องที่ลาบากไปหน่อยหากจะต้ องใช้ ชีวิตแบบคาร์ ลตัวจริ งสิ่งที่
เขาปรารถนามีเพียงแค่การดาเนินชีวิตที่เรี ยบง่ายเท่านัน้ คาร์ ล
ขมวดคิ ้วมุน่ ก่อนที่ทหารอารักขาจะเปิ ดประตูให้ เขาอย่างรวดเร็ว
“เชิญเข้ ามาด้ านใน ขอรับ…”

คาร์ ลหันกลับไปมองเชวฮัน เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่หนั ไปมองเชว


ฮันเช่นกัน พวกเขาอยากรู้วา่ ขอทานสกปรกที่ตามนายน้ อยของ
ตนมาเป็ นใคร ช่างน่าสงสัยเหลือเกินในสายตาของพวกเขา

“ตามข้ ามา…..” เชวฮันน่าจะทราบถึงสถานะของคาร์ ลในตอนนี ้


เขายังคงเดินกระเผลกเมื่อเดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ล เขามองเชวฮัน
อย่างใจเย็นก่อนจะหันหลังกลับทันทีที่เห็นเชวฮันยืนอยูด่ ้ านหลัง
ของตน

……ตอนนี ้ใจของเขาเต้ นแรงแทบจะกระโดดออกมาแล้ ว….

‘ฉันมัน่ ใจว่าเขาคิดจะใช้ ฉนั เป็ นตัวประกันถ้ าหากเกิดอะไรขึ ้น นัน่


อาจเป็ นเหตุผลที่ทาให้ เขาเลือกยืนอยูข่ ้ างหลังฉัน’ เขามัน่ ใจว่าเชว
ฮันจะไม่ฆา่ เขาแต่ถึงอย่างไรความคิดที่วา่ ตัวเองถูกจับเป็ นตัว
ประกันก็ยงั ทาให้ มีผลกระทบทางจิตใจของเขาอย่างรุนแรง คาร์ ล
ขมวดคิ ้วมุน่ ขณะที่มองไปยังทหารอารักขา 2 คนที่ติดตามพวก
เขามา

‘ไม่ต้องตามข้ ามา ….’ ทหารอารักขาสังเกตเห็นสัญญาณที่คาร์ ล


ส่งให้ ผา่ นสายตา ก่อนที่เขาทัง้ 2 จะหันมามองคาร์ ลสลับกับมอง
ไปที่เชวฮัน ก่อนที่ทหารอารักขา 1 นายจะเดินเข้ ามาหาเชวฮัน
และคาร์ ลที่กาลังมีใบหน้ าที่แข็งกระด้ าง

ทหารอารักขาทัง้ 2 ยังคงเชื่อในสัญชาตญาณของตนและยังคง
ตังใจดู
้ แลความปลอดภัยของเจ้ านายได้ อย่างยอดเยี่ยม สมแล้ วที่
เป็ นทหารของดยุคเฮนิตสั

‘ดีมาก…คิดแล้ วว่าพวกนายจะทาแบบนี ้นับว่าเป็ นทหารที่ยอด


เยี่ยม’ ก่อนจะมีทหารอารักขา 1 นายที่แยกตัวออกไปเมื่อพาเขา
มาถึงหน้ าที่พกั ของตน
“นายน้ อยกลับมาแล้ วหรื อขอรับ?”

“ใช่แล้ วรอน…..”

ตาแก่คนนี ้น่ากลัวจริ งๆ รอนกาลังรอคาร์ ลอยูท่ างเข้ าประตู เขาไม่


คิดว่าตาแก่จะรอเขากลับมาจริ งๆแต่ก็ถือว่าเป็ นเรื่ องที่ดีแล้ วกัน
สายตาของรอนหันไปมองเชวฮันก่อนรอยยิ ้มที่ออ่ นโยนจะแข็งค้ าง
ไป รอนต้ องสัมผัสได้ ถึงพลังและความสามารถของเชวฮันได้ อย่าง
แน่นอน

เชวฮันเองก็จ้องมองรอนเช่นเดียวกัน คาร์ ลไม่สนใจว่าพวกเขาส่ง


สายตาโจมตีกนั แบบใดเพราะตัวเขายังมีสิ่งอื่นที่ต้องทา

“ตามข้ ามา……” คาร์ ลส่งเสียงเรี ยกเชวฮันอีกครัง้ และเริ่ มออก


เดิน พ่อบ้ านรอนรี บวิ่งตามคาร์ ลมาทันที
“นายน้ อยมีสิ่งใดเกิดขึ ้นหรื อขอรับ? กระผมจะดูแลแขกคนนี ้เอง
เพียงแค่นายน้ อยสัง่ มา”

“ไม่ต้อง…” ก่อนจะมีคนอื่นอีกที่เข้ ามาใกล้ คาร์ ลขณะที่รอนกาลัง


พูดกับคาร์ ล

“นายน้ อยกลับมาจากการดื่มแล้ วหรื อขอรับ?” รองพ่อบ้ านฮันส์


นัน่ เอง

‘อ่า…เขาเป็ นคนดูแลฉันนี่นา…’ คาร์ ลเดาะลิ ้นตัวเองและไม่สนใจ


กับคาถามของฮันส์ เขาเปิ ดฝาขวดเหล้ าออกก่อนที่จะสาดเหล้ า
ไปที่ฮนั ส์ทนั ที

~ ซ่า…… ~
“อ๊ ะ!” ฮันส์ยกมือปิ ดหน้ าของตนก่อนจะขยับตัวเองออกห่าง
เกิดความเงียบขึ ้นในฉับพลัน

“เตราะ!” คาร์ ลเดาะลิ ้นตัวเองอีกครัง้ พร้ อมกับที่ฮนั ส์เงยหน้ าขึ ้น


ด้ วยใบหน้ าที่แดงก่าด้ วยความอายก่อนที่เขาจะหันหน้ าไปยัง
คาร์ ล

“เอานี่ไป”

“ขอรับ…” ฮันส์รับขวดเหล้ าจากคาร์ ลด้ วยสีหน้ าว่างเปล่า

“ข้ าจะสาดมันใส่หน้ าเจ้ าอีกในครัง้ หน้ า!” ฮันส์หน้ าซีดเผือดลง


ทันทีที่ได้ ยินคาพูดของคาร์ ล แต่ตอนนี ้เขาไม่คิดที่จะสนใจมันอีก
ก่อนที่จะเดินต่อไปเมื่อรวมกับการปรากฏตัวของฮันส์ตอนนี ้มีคนที่
ติดตามเขารวมเป็ น 4 คนแล้ ว คาร์ ลหันกลับไปมองพวกเขาเป็ น
ระยะๆเพื่อแน่ใจว่าพวกเขาจะตามมาถึงจุดหมายปลายทางได้
อย่างถูกต้ อง

[ ห้ องครัว#2]

“นายน้ อย….” เขาได้ ยินเสียงเรี ยกอย่างลังเลของฮันส์ที่อยู่


ด้ านหลังเขา อย่างไรก็ตามรอยยิ ้มบนใบหน้ าของเขาค่อยๆกว้ างๆ
ขึ ้น ‘มันจะจบลงแล้ วสินะ’

ตอนนี ้บารอคและเชวฮันจะได้ พบกันแล้ ว หัวใจของคาร์ ลเต้ น


กระหน่าด้ วยความตื่นเต้ น ประตูถกู เปิ ดออกอย่างง่ายดายก่อนที่
คาร์ ลจะชะงักไปเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้ า

“เคร้ ง เคร้ ง เช้ ง เช้ ง”


รองพ่อครัวบารอค กาลังยิ ้มอย่างมีความสุขขณะที่ลบั ใบมีด เขาดู
เหมือนจะชื่นชอบเวลาตนเองลับมีดในตอนที่ตนเองอยูใ่ นห้ องครัว
เพียงลาพัง ก่อนที่รอยยิ ้มจะหายไปเมื่อคาร์ ลปรากฏตัวขึ ้น นัน่
เป็ นเหตุผลที่คาร์ ลกลัว…มันน่ากลัวเสมอหากเราจะต้ องรับมือกับ
คนบ้ าเพราะเราไม่สามารถรู้ได้ วา่ คนบ้ าจะลงมือทาสิ่งใด

คาร์ ลเดินเข้ าไปใกล้ บารอคก่อนที่เขาจะทันได้ ตอบสนองใดๆต่อ


คาร์ ล เขาแตะไปที่ไหล่ของเชวฮันพลางเอ่ยคาสัง่ แก่บารอค

“ทาอะไรให้ เขากินด้ วย เขาหิว……”

“อะไรนะ?” บารอคถามเสียงแข็งและความกระด้ างก็ปรากฏบน


ใบหน้ า ใบมีดที่คมวาวภายในมือของบารอคกาลังสะท้ อนเข้ าตา
ของคาร์ ล เขาพยายามระงับความสัน่ ที่เกิดขึ ้นในใจของตนเอง
ก่อนจะกล่าวอีกครัง้
“หาอะไรให้ เขากินด้ วย เขาหิว….”

“โอ้ ววว….” คล้ ายได้ ยินเสียงของทหารอารักขาดังขึ ้นแต่เขาไม่ได้


สนใจ เขารอฟั งคาตอบจากบารอคด้ วยความกังวลก่อนที่บารอค
จะตอบด้ วยท่าทางแข็งกระด้ างเช่นเดียวกับใบหน้ าของเขา

“กระผมจะทาตามที่นายน้ อยสัง่ ขอรับ…”

เรี ยบร้ อย!!!! บารอค เชวฮันและแม้ กระทัง่ รอนคนที่เขาไม่ได้ คาด


ไว้ พวกเขาทัง้ 3 คนได้ มาเจอกันแล้ ว รอยยิ ้มสดใสเริ่ มปรากฏขึ ้น
ที่ใบหน้ าของเขา คาร์ ลเริ่ มผ่อนคลายลงก่อนจะเอ่ยคาสัง่ แก่บา
รอคด้ วยเสียงที่สงู ขึ ้นเล็กน้ อย

“เตรี ยมอาหารให้ ข้าด้ วย ข้ าก็หิวเช่นกัน” คาร์ ลนึกถึงสเต็กจาก


อาหารมื ้อค่าของเมื่อวาน
“สเต็กของเจ้ าเมื่อคืนนี ้เยี่ยมมาก เจ้ าเป็ นพ่อครัวที่ยอดเยี่ยม”

มีดคมในมือของบารอคสัน่ เล็กน้ อย

“ทาอะไรก็ได้ ให้ มนั อร่อยเหมือนสเต็กที่ยอดเยี่ยมนัน่ ….ทาให้ เร็ ว


ด้ วยล่ะ” คาร์ ลหันกลับโดยไม่รอคาตอบใดๆจากบารอค จากนันก็ ้
ออกจากห้ องครัวและมุง่ หน้ าไปที่ห้องของตน ทหารอารักขา
และฮันส์ยงั คงตามเขาไปก่อนจะเอ่ยถามเขาด้ วยความรวดเร็ว

“กระผมควรทาอย่างไรกับแขกคนนี ้ดีขอรับ?”

“เขาเป็ นแขกของข้ า เจ้ าดูแลเขาให้ ดีแล้ วกัน” ในเมื่อเขาสามารถ


พาพวกเขาทัง้ 3 คนมาเจอกันได้ แล้ วเขาก็ไม่สนใจที่จะจัดการ
อะไรต่อในวันนี ้
บารอคและรอน เป็ นคนที่สามารถบอกถึงความแข็งแกร่งของเชว
ฮันได้ ในนิยายเรื่ องนี ้บารอคได้ สาบานว่าจะจงรักภักดีตอ่ เชวฮัน
เพราะพลังอันแข็งแกร่งของเขา ดังนันบารอคจะต้
้ องเกิดความ
ภักดีกบั เชวฮันเมื่อได้ เห็นพลังของเชวฮันในครัง้ นี ้ด้ วยเช่นกัน
แน่นอนว่าคาร์ ลมีแผนการอื่นๆในกรณีที่บารอคไม่สามารถเห็น
ความสามารถของเชวฮันได้ สิ่งที่คาร์ ลต้ องทาคือการทาให้ เชวฮัน
สู้ชนะใครสักคนจะเป็ นใครหรื อสิ่งใดก็ได้ ที่ไม่ใช่เขา อ่า!! และบา
รอคจะต้ องอยูท่ ี่นนั่ ด้ วย ถึงแม้ วา่ แผนการอาจจะมีช่องโหว่อยูบ่ ้ าง
แต่คาร์ ลก็คิดถึงสิ่งต่างๆมากมายที่พอจะทาได้

“ฮันส์ เลิกทาให้ ข้าราคาญเจ้ าได้ แล้ ว แค่นาอาหารมาให้ ข้าที่ห้อง


ก็พอถ้ ามันทาเสร็จแล้ วนะ” เป็ นไปตามที่คาดไว้ รอน…ไม่ตามเขา
มา คาร์ ลทิ ้งทหารอารักขาและฮันส์ไว้ หน้ าประตูก่อนที่จะปิ ดประตู
ลงและทิ ้งตัวลงบนเตียงนุ่มตอนนี ้เขามีความสุขมาก ความ
อ่อนเพลียและฤทธิ์แอลกอฮอล์ทาให้ เขาเผลอหลับไปก่อนที่
อาหารจะถูกนามาเสริ์ ฟ
และนัน่ เป็ นเหตุผลที่ทาให้ คาร์ ลไม่ร้ ูวา่ ….ตอนนี ้มีดสาหรับ
ทาอาหารของบารอคกาลังจะตัดไปที่คอของเชวฮันและมีดคมของ
รอนกาลังแทงเข้ าไปที่หวั ใจของเชวฮันเช่นกัน แน่นอนว่าการโจมตี
ของพวกเขาทังคู ้ …่ ล้ มเหลว !! นี่เป็ นเหตุการณ์ที่คนอื่นไม่สามารถ
รู้เห็นได้ นอกจากคน 3 คนที่อยูใ่ นเหตุการณ์นี ้เท่านัน้
บทที่ 8 เอามันออกมา 1

ตกดึกสงัด

ขณะนี ้รองพ่อบ้ านฮันส์ยืนอยูต่ อ่ หน้ าท่านเคานต์เดอรัช เขากาลัง


รายงานเรื่ องราวต่างๆที่เกิดขึ ้นในขณะที่เคานต์เดอรัชนัง่ ฟั งเงียบๆ
จนกว่าฮันส์จะรายงานจบ

“นายน้ อยกาลังพักผ่อนในห้ อง” ฮันส์เสร็ จสิ ้นการรายงานก่อนที่


ท่านเคานต์เดอรัชจะเอ่ยสรุปขึ ้น

“คนขับรถม้ ารายงานว่าคาร์ ลไปที่ร้านกลิ่นชากับบทกวี ที่เป็ นร้ าน


ของบุตรชายนอกสมรสของหัวหน้ าสมาคมการค้ าฟลินน์ แล้ วพา
เด็กหนุ่มคนหนึง่ กลับมาด้ วย ส่วนการดื่มเหล้ าก็ไม่ได้ เมาแล้ วก็
ไม่ได้ อาละวาดอะไรด้ วย”
รายงานของฮันส์นนสั
ั ้ นแต่
้ เคานต์เดอรัชกลับคิดว่ามันน่าสนใจ

“เราส่งคนไปติดตามนายน้ อยดีหรื อไม่ขอรับ?” เขาโบกมือ


ปฏิเสธกับคาถามของฮันส์เขาไม่ได้ อยากรู้วา่ ลูกชายของตนทา
อะไรอยูข่ ้ างนอกจนถึงขันต้
้ องใช้ คนติดตาม

“ไม่จาเป็ นตราบใดที่คาร์ ลอยูท่ ี่เมืองนี ้ สิ่งที่เขาทาก็ล้วนอยูภ่ ายใต้


การจัดการของข้ าแล้ ว” เคานต์เดอรัชรักและไว้ ใจฮันส์มากที่สดุ ใน
บรรดาข้ ารับใช้ เพราะเขาเป็ นคนที่ทาตามคาสัง่ ได้ ครบถ้ วนและ
เป็ นคนดี

“ทาในสิ่งที่นายพอทาได้ แล้ วกัน คอยดูแลและสังเกตคาร์ ลเวลาที่


เขาอยูใ่ นบ้ านและคอยรายงานข้ าเรื่ อยๆก็พอ”

“ขอรับ นายท่าน…..”ฮันส์ไม่ได้ พดู อะไรอีกเพียงแค่ก้มศีรษะ


รับคาของท่านเคานต์เท่านัน้
ท่านเคานต์เดอรัช เฮนิตสั เป็ นคนไม่มีความสามารถพิเศษหรื อมี
เครื อข่ายที่มนั่ คง อย่างไรก็ตามเขาก็ยงั คงปฏิบตั ิสืบทอดตามผู้นา
คนก่อนได้ ดี เขาสามารถปกครองเมืองเฮนิตสั และสร้ างความมัง่
คัง่ ด้ วยการขายหินอ่อนและไวน์ อีกทังเขายั
้ งเป็ นคนที่สามารถ
ปกครองเมืองได้ อย่างดีที่สดุ อีกด้ วย

‘คาร์ ลเปลี่ยนไป’ คาร์ ลต่างไปจากเดิม อาจไม่ได้ ร้ ูสกึ ว่าเขาฉลาด


หรื อเข้ มแข็งขึ ้นแต่การกระทาของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่าง
ชัดเจน

“อา….ฮันส์”

“ขอรับนายท่าน…?”
“ไปหาข้ อมูลเกี่ยวกับหัวหน้ าสมาคมการค้ า ฟลินน์ มาให้ ฉนั ที…”
เจ้ าของร้ านชาที่คาร์ ลไปเยือนคือบิลอส เขารู้จกั ลูกชายคนนี ้ของ
พ่อค้ าฟลินน์เนื่องจากผู้ที่เป็ นพันธมิตรการค้ าไวน์ที่ใหญ่ที่สดุ ของ
เฮนิตสั ก็คือหัวหน้ าสมาคมการค้ าฟลินน์นนั่ เอง

“กระผมจะจัดการให้ เร็วที่สดุ ขอรับ”

“ดี” เคานต์เดอรัชมองฮันส์ที่เดินออกจากห้ องทางานของเขา


ขณะที่เขาเริ่ มคิดมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้ องนึกถึงนอกจาก
การเปลี่ยนไปของคาร์ ล บรรยากาศรอบๆเมืองเป็ นสิ่งที่น่ากังวล
มันเหมือนภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุขึ ้นมา เขาสัมผัสได้ ถึงบรรยากาศ
ที่อนั ตรายแม้ วา่ เขาจะอยู่ในมุมที่ปลอดภัยที่สดุ ของอาณาจักรก็
ตามแต่เป็ นเพราะเขาได้ รับรายงานถึงสถานการณ์ที่ผิดปกติอยู่
ตลอดเวลาอีกทังจดหมายที
้ ่เขาได้ รับจากองค์จกั รพรรดิในวันนี ้ยิ่ง
ทาให้ เขามัน่ ใจกับสถานการณ์ปัจจุบนั ในเมืองของตน
หากเขาต้ องส่งต่อการสืบทอดการปกครองเมืองเฮนิตสั เขาจะส่ง
ข้ อความไปยังผู้ครองอานาจคนต่อไปว่า ‘ไม่จาเป็ นต้ องเป็ นที่
จดจาในบันทึกประวัติศาสตร์ เพียงแค่ใช้ ชีวิตเพื่อสันติภาพและ
ความสุขก็พอ’

“ข้ าคิดว่าจาเป็ นต้ องเสริ มความแข็งแรงให้ กาแพงเมืองซะแล้ ว


สินะ”

เขาอาจไม่ใช่นกั สู้ที่ดีนกั แต่เคานต์เดอรัชมักจะคิดถึงวิธีที่จะ


ปกป้องตนเองและครอบครัวอยูเ่ สมอ

**********************************
**********************************
*****************

มีบางครัง้ ที่ร่างกายอาจแข็งแรงกว่าจิตใจเช่นเดียวกับที่จิตใจอาจ
แข็งแรงกว่าร่างกายได้
“นายน้ อยหลับสนิทจนกระผมไม่กล้ าปลุกเลยขอรับ…”

คาร์ ลนอนเพลินและยังคงสะลึมสะลือเล็กน้ อย แต่ความจริ งที่วา่


รอนนาน ้ามะนาวมาให้ เขาดื่มแทนน ้าเย็นมันยิ่งทาให้ อะไรๆแย่ลง
แต่ถึงเป็ นเช่นนันคาร์
้ ลก็ไม่ได้ กล่าวอะไรออกไปเพราะสายตาไป
ปะทะกับผ้ าพันแผลรอบคอของรอน

“เจ็บไหมรอน?….”

“นายน้ อยเป็ นห่วงกระผมหรื อขอรับ?”

“ไม่!! มันรกหูรกตาข้ ามากกว่า…..”

“มันไม่มีอะไรมากแค่รอยแมวข่วนเท่านันขอรั
้ บ…..”
เป็ น ‘แมว’ หรื อหมายถึงคนบริ สทุ ธิ์กนั นะ? เขามัน่ ใจว่าต้ องมีใคร
บ้ างคนสู้กบั รอนเมื่อคืนนี ้ เขาเลี่ยงการจ้ องมองของรอนที่มีรอยยิ ้ม
เต็มหน้ าและเดินไปยังหน้ าต่างห้ อง เขาต้ องไปจัดการทุกอย่างให้
เร็วกว่านี ้เพราะเขาเผลอหลับเพลินไป

“นายน้ อยจะออกไปตอนนี ้เลยหรื อขอรับ?”

“ใช่…ข้ าจะไปจัดการธุระข้ างนอก”

“อ้ อ!! เข้ าใจแล้ วขอรับนายน้ อย…” คาร์ ลปล่อยมือจากขอบ


หน้ าต่างและหันไปมองรอน เขามีรอยยิ ้มแปลกๆบนใบหน้ า

“นายน้ อยคิดยังไงกับน ้ามะนาวขอรับ?”

“ก็ดีนะ…มันอร่อยมาก” เสียงของรอนกดต่าลงก่อนเอ่ย
“เป็ นเช่นนัน?”

“ใช่…” คาถามแบบนันมั ้ นคืออะไร? เนื่องจากรอนไม่ใช่คนที่เขา


จะสามารถละเลยได้ จงึ พยายามตอบคาถามให้ ได้ มากที่สดุ ขณะ
เปิ ดประตูออกไป

ปั ง!

เสียงกระแทกของประตูดงั ขึ ้นเมื่อคาร์ ลเปิ ดประตูแต่ยงั ไม่ทนั ได้


ก้ าวออกจากห้ องเขาก็ต้องรี บปิ ดคืนด้ วยความตกใจ

“รอน…” รอนรี บเดินเข้ ามาหาคาร์ ลทันทีที่ได้ ยินเสียงเรี ยกชื่อตน


ก่อนจะกระซิบด้ วยรอยยิ ้มเต็มหน้ า

“นายน้ อยคงแปลกใจ? แขกของนายน้ อยกาลังรออยูข่ ้ างนอก”


ใช่…เขาแปลกใจที่เห็นเชวฮันยืนจ้ องเขาทันทีที่เปิ ดประตูจนเผลอ
ปิ ดประตูก่อนพาตัวเองกลับเข้ ามาด้ านในเหมือนเดิมเพราะความ
ตกใจ……มือของเขาก้ มจับกระเป๋ าเสื ้อของตัวเองที่ด้านในมีเช็ค
เงิน 10 ล้ านแกลลอนก่อนที่จะทาให้ เขาสงบลง

รอนมองไปที่คาร์ ลขณะพูดต่อ

“กระผมไม่มีโอกาสได้ บอกเพราะนายน้ อยรี บเปิ ดประตูออกไป


ก่อน กระผมได้ บอกให้ เขารออยูภ่ ายในห้ องของเขาแล้ วแต่เขายืน
กรานที่จะมาพบนายน้ อยให้ ได้ เลยรออยู่ที่หน้ าห้ องของนายน้ อย
ขอรับ”

‘ไม่มีโอกาสบอกงันเหรอ?’
้ คาร์ ลไม่สามารถพูดอะไรกับตาแก่คน
นี ้ได้ แน่นอนว่าย่อมมีโอกาสบอกแต่เลือกที่จะไม่บอกเขามากกว่า
คาร์ ลก้ าวออกห่างจากรอนก่อนเปิ ดประตูออกไปอีกครัง้
“มีอะไรงันเหรอ?”
้ คาร์ ลแสร้ งทาเป็ นเหมือนไม่เคยกระแทก
ประตูใส่หน้ าเชวฮันก่อนจะเริ่ มสนทนากับเชวฮัน ตอนนี ้เขาสนใจ
กับรูปลักษณ์ของเชวฮันที่ปรากฏตรงหน้ ามากกว่า หลังจาก
อาบน ้าเปลี่ยนเสื ้อผ้ าใหม่เขาสัมผัสได้ ถงึ ความสะอาดและบริ สทุ ธิ์
ของเชวฮัน แต่มนั ก็เป็ นเรื่ องยากที่จะคิดเช่นนันเมื
้ ่อมองเห็นแวว
ตาของเขา เชวฮันยังอยูใ่ นสถานะที่จิตใจบิดเบี ้ยวนัน่ ทาให้ คาร์ ล
รู้สกึ กลัวเล็กน้ อย เชวฮันจ้ องมองมาที่คาร์ ลก่อนที่จะเริ่ มพูด

“มาจ่ายเงินคืน…..”

“ฮ๊ ะ?”

“ข้ าจะจ่ายเงินค่าอาหารคืนให้ กบั เจ้ า” เชวฮันพูดอย่างไม่เป็ น


ทางการไม่เหมือนเมื่อวานที่สาคัญกว่านันคาร์ ้ ลเริ่ มขมวดคิ ้วเมื่อ
ได้ ยินประโยคที่วา่ ‘จ่ายเงินคืน’
‘จ่ายเงินคืนฉันนี่นะ? เขากาลังทาให้ ฉนั หัวใจวายตายได้ ….’

เหมือนมีใครสักคนจะให้ เชวฮันทางานใช้ แรงในการหาเงินมาใช้


คืนแก่คาร์ ล เขาเพียงแค่อยากให้ เชวฮันออกไปจากเมืองนี ้ให้ เร็ ว
ที่สดุ แน่นอนว่าเชวฮันจะต้ องหาทางใช้ เงินคืนคาร์ ลแน่ถ้าเขา
ปรารถนาให้ เป็ นแบบนัน้ แต่มนั ไม่มีอะไรที่คาร์ ลอยากได้ จากเชว
ฮัน

“ไม่จาเป็ น..มีอะไรอีกมัยที
้ ่เจ้ าต้ องการ?”

เขารี บปฏิเสธข้ อเสนอของเชวฮันและถามถึงความต้ องการของเขา


เพิ่มเติม เชวฮันมีโอกาสได้ สงั เกตคาร์ ลอย่างใกล้ ชิดมากขึ ้น
สายตาที่จ้องมาที่คาร์ ลทาให้ นกึ ถึงตอนที่เขาจะโดนเชวฮันตีเสีย
ยับเยินตามในเนื ้อหาในนิยายและตอนนี ้เหมือนเขาจะมีปัญหา
เพิ่มเมื่อเชวฮันเอ่ยบอกความต้ องการของตนอย่างตรงจุด
“ข้ ามีบางอย่างที่อยากให้ เจ้ าช่วย” คาร์ ลหลับตาลงเมื่อได้ ยินคา
ว่าช่วยจากปากเชวฮัน เขาไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้ องกับเชวฮัน คา
ว่าช่วยของเชวฮันก็คงไม่พ้นเรื่ องของชาวบ้ านในหมูบ่ ้ านแฮร์ ริส

คาร์ ลในนิยายได้ กล่าวว่าชาวบ้ านในหมูบ้านแฮร์ ริสเป็ นเพียงพวก


ไร้ คา่ ไม่มีประโยชน์ก่อนที่จะจบลงด้ วยการโดนตีเสียยับเยิน คาร์ ล
นึกถึงเรื่ องนี ้อย่างระมัดระวังก่อนเอ่ยปากพูด

“บอกความต้ องการของนายแก่ฮนั ส์ได้ เขาจะเป็ นคนจัดการเรื่ อง


นี ้ ”

หลังจากลืมตาขึ ้นอีกครัง้ คาร์ ลได้ สบตากับเชวฮันที่ยงั คงยืนนิ่งไม่


เคลื่อนไหวใดๆ

“เขาเป็ นพ่อบ้ านที่มีความสามารถมาก เขาจะสามารถช่วยเหลือ


เจ้ าได้ ทกุ อย่างตามที่เจ้ าต้ องการ”
จากนันคาร์
้ ลก็ก็จบั ไปที่ไหล่ของรอน เขาสัมผัสได้ วา่ รอนสะดุ้ง แต่
ตอนนี ้เขาต้ องการให้ คนทังคู
้ อ่ อกไปให้ พ้นสายตาเสียที

“รอนก็มีประโยชน์เช่นกัน เขาจะสามารถช่วยเหลือเจ้ าได้ …..รอน


เขาเป็ นแขกของฉันฝากดูแลทุกอย่างให้ เหมาะสมกับความ
ต้ องการของเขาด้ วย”

คาร์ ลมอบคาสัง่ ไปยังรอนก่อนจะขยับมือออกจากไหล่ของรอน


ก่อนที่จะได้ ยินเสียงของเชวฮันเอ่ยกับตน

“แต่เจ้ าไม่ร้ ูวา่ ข้ าเป็ นใคร?” คาร์ ลหันไปมองเชวฮัน เขามี


ความรู้สกึ ว่ากลิ่นอายความน่ากลัวที่เปล่งออกมาจากตัวเขาได้
หายไปและคาร์ ลรู้สกึ ได้ ถึงความบริ สทุ ธิ์ใจบางอย่างเป็ น
ความรู้สกึ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ วา่ มันคืออะไรจากเชวฮัน
“ทาไมข้ าต้ องรู้ด้วยว่าเจ้ าเป็ นใคร? แล้ วมีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่
ช่วยคนที่ด้อยกว่าตัวเองด้ วย”

แววตาของเชวฮันเริ่ มอ่อนลงเมื่อได้ ยินมันและคาร์ ลที่สงั เกตเชว


ฮันอยูต่ ลอดก็เห็นมันได้ อย่างชัดเจน

‘เขาราคาญที่จะยุง่ เกี่ยวกับเรื่ องไม่เป็ นเรื่ อง’

คาร์ ลรี บกล่าวต่อไป “แต่มนั ก็ขึ ้นอยูก่ บั เจ้ า ถ้ าเจ้ าจะขอในเรื่ องที่
มันยากเกินไป แต่ข้าก็มนั่ ใจว่าฮันส์ร้ ูดีวา่ เขาต้ องทายังไง….”

เขาผลักรอนให้ มาอยูต่ อ่ หน้ าของเชวฮัน ในขณะที่เขาจะหันหลัง


หนีไปจากคนทังคู
้ ่

“ข้ าขอตัวก่อน ยังมีธุระให้ ข้าต้ องทาหลายอย่าง” คาร์ ลรี บเดินมุง่


หน้ าไปยังห้ องทางานของเคานต์เดอรัช เขาจาเป็ นต้ องได้ รับเงิน
เพิ่มเป็ นจานวนมากในวันนี ้ ก่อนที่จะได้ ยินเสียงของรอนแว่ว
ตามหลังมา

“กระผมจะจาตามที่นายน้ อยมีบญ
ั ชาขอรับ”

‘ฉันไม่สนว่าเจ้ าจะทาหรื อไม่ทา’

หากคนที่พาพวกเขามาเจอพระเอกอย่างเชวฮันไม่ใช่คาร์ ล พวก
เขาจะมีโอกาสได้ พบกันเร็ วกว่าเหตุการณ์จากนิยายหรื อไม่นะ?

รอนมองไปทางคาร์ ลที่ขยับออกห่างจากคนทัง้ 2 ไปก่อนจะก้ มลง


มองแก้ วที่วา่ งเปล่าในมือ

“น่าสนใจ….”
ลูกสุนขั ผู้กล้ าหาญไม่ชอบของเปรี ย้ วและเขาก็ยงั คงไม่ชอบมัน แต่
ว่าในตอนนี ้เขากลับดื่มมันได้ แล้ ว….

รอนแตะที่ลาคอของตัวเอง เขาได้ รับบาดเจ็บเป็ นครัง้ แรกในระยะ


เวลานานหลายปี แต่สิ่งน่าสนใจยิ่งกว่าการบาดเจ็บของตัวเองคือ
สิ่งที่เขาได้ ร้ ู

ลูกสุนขั ผู้กล้ าหาญของเขากาลังหวาดกลัวเด็กหนุ่มคนนี ้…..

เหมือนคาร์ ลจะรู้อะไรบางอย่าง?

“นาไปสิ….”

รอนหันไปยังที่มาของเสียง เขามองเห็นเชวฮันยืนมองเขาด้ วย
ความรังเกียจ ฮึ!ไอ้ ตวั โสโครกนี ้ดูเหมือนจะลืมคิดไปว่าเมื่อคืนที่
ผ่านมาทังมั
้ นและพวกเขาพยายามจะฆ่ากันตายด้ วยมีดสันเสี
้ ย
แล้ ว

“ได้ ”

ตัวโสโครกในตอนนี ้มีกลิ่นอายที่บริ สทุ ธิ์ นี่มนั เรื่ องตลกร้ ายอะไร


กัน?

ตัวโสโครกที่พวกเขาพบเมื่อคืนนี ้มีกลิ่นอายของความรุนแรง
ความหายนะและการฆาตกรรมจากป่ าแห่งความมืด เป็ นกลิ่น
อายที่รอนและบารอคสามารถแยกได้ ทนั ทีนอกเหนือจากลิ่นอาย
อื่นๆแต่ตอนนี ้กลิน่ อายนัน่ ได้ หายไปจากเจ้ าโสโครกนี ้แล้ ว

แน่นอนว่ากลิ่นอายของการฆาตกรรมไม่ใช่ของเชวฮัน เขาได้ รับ


กลิ่นอายจากฆาตกรที่เขาฆ่าและตอนนี ้ที่เขาอาบน ้าทาความ
สะอาดร่างกายของตนทาให้ กลิ่นอายพวกนันได้้ หลุดหายไป
‘ข้ าเดาว่าคนพวกนันไม่
้ มีทางที่จะรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ ้นได้ หรอก’

รอนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผา่ นมา ขณะที่เขาเริ่ มสารวจเด็ก


หนุ่มที่เหมือนจะผ่านสถานการณ์ที่โหดร้ ายอะไรบางอย่างมา
ในช่วง 2-3 วันก่อนหน้ านี ้

“ตามข้ ามา..”

รอนเริ่ มก้ าวออกเดินเพื่อที่จะปฏิบตั ิตามคาสัง่ ของนายน้ อยลูก


สุนขั ที่กล้ าหาญของตน เชวฮันเดินตามหลังของรอนและหันหน้ า
ไปยังทิศทางที่คาร์ ลเดินจากไปชัว่ ครู่ก่อนที่จะเดินตามหลังรอน
ต่อไป
บทที่ 9 เอามันออกมา 2

คาร์ ลถือถุงขนาดใหญ่กว่าถุงเมื่อวานถึง 2 เท่า ขณะที่เขามุง่ หน้ า


ไปยังยอดเนินเขาของสลัมและสองพี่น้องก็มาทักทายเขาเช่นเคย
เด็กๆยังคงปิ ดปากเงียบเมื่อพวกเขามองเห็นคาร์ ล ก่อนที่เขาจะ
หยิบห่อกระดาษเล็กๆ 2ถุงยื่นให้ เด็กๆ

“รับไปสิ”

เด็กหญิงเดินเข้ ามาหาเขาอย่างช้ าๆ เขาก้ มมองเด็กหญิงที่มีผมสี


เทาเข้ มที่คอ่ ยๆเดินเข้ ามาใกล้ เขาเรื่ อยๆ เธอยื่นมือของตัวเอง
ออกมาหาเขาเมื่ออยูใ่ นระยะที่เอื ้อมมือถึง

“เฮ้ !!!!” คาร์ ลยื่นถุงกระดาษใบเล็กๆอีก 2 ห่อไปทางเด็กชาย


“มาเอามันไปสิ?” เด็กชายวิ่งปร๋อเข้ ามารับจากมือของคาร์ ล
อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับผมสีแดงสดของตน เด็กชายคนนี ้ถือว่า
มีผมที่แดงเข้ มกว่าเขามากนักก่อนที่เด็กชายจะวิ่งหนีเขาไป

คาร์ ลหันหลังกลับและมุง่ หน้ าไปยังทิศทางที่มีต้นไม้ กินคนตังอยู


้ ่

“ว้ าวววววว!!!!”

“มันไม่ใช่ขนมปั งนิ มันเป็ นเนื ้อและก็ขนมเค้ ก” เขาได้ ยินเสียงของ


สองพี่น้องที่พดู ถึงอาหารที่เขาให้ แต่ก็ไม่ได้ สนใจยังคงสาวเท้ าให้
ยาวขึ ้นเพื่อไปหาต้ นไม้ กินคนให้ เร็วที่สดุ

~ อร๊ างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~

“มันก็จะดูน่ากลัวไปหน่อยนะ”
ต้ นไม้ สีดาขนาดใหญ่ที่ไม่มีใบอยูบ่ นต้ นขยับส่ายไปมาคล้ าย
ต้ อนรับการมาถึงของคาร์ ล นัน่ ทาให้ เขาอดรู้ สกึ ขนลุกไม่ได้ มนั ทา
ให้ เขาเกิดความกระวนกระวายใจเล็กน้ อยแต่ถึงอย่างนันเขาก็ ้ ยงั
เทขนมปั งที่หอบหิ ้วมาลงไปในโพรงของต้ นไม้

ขนมปั งทังหมดหายไปอย่
้ างรวดเร็วและตอนนัน่ เอง….

~ ขออีก…ขอมันมากกว่านี ้อีก….. ~

‘นัน่ มันทาให้ เขาแทบบ้ า’

การตอบโต้ ของต้ นไม้ กินคนที่เขาอ่านมาจากนิยายมันเป็ นเพียง


แค่เสียงของผู้หญิงที่ออ่ นแอ ใช่!คนที่ตายจากความหิวโหยจน
ร่างกายมีต้นไม้ งอกขึ ้นมานัน่ คือนักบวชที่รับใช้ พระเจ้ า แต่ถึง
อย่างไรก็ตามในสานักสงฆ์ก็สามารถมีนกั บวชผู้หญิงที่บวชรับใช้
พระเจ้ าได้ อีกด้ วย นักบวชหญิงอาจได้ รับการพิจารณาจากผู้ที่มี
อานาจสูงสุดและต้ องทาตามคาสัง่ ที่ผ้ มู ีอานาจจะบัญชา

คาร์ ลรี บคว้ าถุงขึ ้นมาและเริ่ มขยับตัวอีกครัง้

‘คาร์ ลคืนนี ้มาหาพ่อที่ห้องทางานนะ….’ นัน่ คือสิ่งที่พอ่ ของเขา


ท่านเคานต์เดอรัชได้ กล่าวไว้ เมื่อตอนที่คาร์ ลเข้ าไปขอเงินเพิ่มและ
มันเป็ นเหตุผลว่าทาไมเขาต้ องออกจากที่นี่ก่อนเวลาพลบค่า

‘อีกครึ่งแล้ วกัน…..’ เขาจะกลับมาที่นี่อีกครัง้ ในรอบวันเมื่อตังใจ้


แล้ วที่จะดูแลหาอาหารให้ กบั เจ้ าต้ นไม้ ตะกละต้ นนี ้อีกสักครึ่งนึง
เขาเดินกลับลงมาจากยอดเนินเขาเพื่อหาขนมปั งเพิ่ม เขามองเห็น
พี่น้องสองคนเหลียวมองเขาในขณะที่มีคราบเค้ กติดริ มฝี ปากของ
ทังคู
้ ่
“เตราะ!!” คาร์ ลขมวดคิ ้วและเดาะลิ ้นของเขาก่อนจะเดินผ่าน2พี่
น้ องไป

จากนันคาร์
้ ลก็เดินไปตามถนนที่มีร้านขายเบเกอรี่ ตงอยู ั ้ ม่ ากมาย
เขากวาดซื ้อขนมทังหมดของร้
้ านนัน่ ไปตังแต่
้ เช้ าเมื่อวานทาให้
ร้ านขนมปั งนัน่ มีขนมเหลือไม่เพียงพอต่อความต้ องการของเขา
นัน่ เป็ นเหตุผลที่เขาต้ องมองหาร้ านใหม่

“เอ่อ….นายน้ อยคาร์ ล…”

เสียงของผู้หญิงที่เอ่ยขึ ้นทาให้ คาร์ ลหันศีรษะกลับไปมอง หญิงวัย


กลางคนยืนยิ ้มให้ คาร์ ลอย่างงุ่มงามก่อนที่จะชี ้ไปยังร้ านของเธอ
มือของเธอสัน่ และเต็มไปด้ วยความหวาดกลัวแต่เธอก็ยงั มีความ
มัน่ ใจ

“ร้ านของเรามีขนมปั งเป็ นจานวนมากเลยเจ้ าค่ะ……”


คาร์ ลเริ่ มยิ ้มออกมา ผู้หญิงคนนี ้รู้วิธีทามาค้ าขายจริ งๆ ผู้ค้าราย
อื่นก็แอบมองและหาลูท่ างกับสิ่งที่จะเกิดขึ ้นต่อไปเช่นกัน

คาร์ ลโยนเหรี ยญทองให้ ก่อนที่ผ้ หู ญิงคนนันจะรี


้ บหยิบมันขึ ้นมา
อย่างรวดเร็ว

“เอาทังหมดที
้ ่ร้านของเจ้ ามีแล้ วจัดการห่อให้ เร็ วที่สดุ ”

รอยยิ ้มปรากฏขึ ้นเต็มใบหน้ าของหญิงวัยกลางคนพลางเดินกลับ


เข้ าไปยังร้ านของตนก่อนจะออกมาแทบทันทีพร้ อมกับถุงขนาด
ใหญ่ที่เต็มไปด้ วยขนมปั ง เธอได้ หอ่ มันไว้ ลว่ งหน้ าแล้ ว….

“นี่เจ้ าค่ะ..นายน้ อยคาร์ ล”


‘ว้ าว….เป็ นแม่ค้าที่ดีจริ งๆ’ นี่คือคนฉลาดที่ร้ ูวิธีสร้ างรายได้ ให้ แก่
ตนเอง

“ข้ ายังเตรี ยมมันเพิ่มได้ อีกเจ้ าค่ะ นายน้ อย” คาร์ ลชอบหญิงวัย


กลางคนนี ้ยิ่งขึ ้น อย่างไรก็ตามเวลานัน……..

“นายน้ อยคาร์ ล เราสามารถทาขนมปั งได้ มากกว่าที่นี่อีกนะ


ขอรับ” ชายชราคนหนึง่ วิ่งข้ ามถนนมาหาคาร์ ล เขาแต่งชุด
เครื่ องแบบประจาร้ านขนมปั ง คาร์ ลชอบชุดที่เขาแต่งก่อนโยน
เหรี ยญทองให้ แก่เขาเช่นกัน

“ข้ าจะไปที่ร้านของเจ้ าต่อไป จัดการห่อให้ เรี ยบร้ อย….”

“ขอบคุณมากขอรับ นายน้ อยคาร์ ล”


คาร์ ลรู้สกึ ประหลาดใจกับท่าทีของเหล่าพ่อค้ าแม่ค้าพวกนี ้ พวก
เขาทังหมดยั
้ งคงกลัวเขาในฐานะที่เป็ นขยะไร้ คา่ ของตระกูล แต่
พวกเขาไม่มีปัญหาใดๆเลยเมื่อขยะคนนี ้สามารถสร้ างรายได้
ให้ แก่ตนเองได้ อาจเป็ นเพราะพวกเขารู้วา่ คาร์ ลไม่ใช่นกั เลงที่
เที่ยวระรานทุบตีผ้ อู ื่น เขาเห็นสิ่งที่เป็ นไปของเมืองแห่งนี ้ได้ เป็ น
อย่างดี

ความจริ งที่วา่ คาร์ ลซื ้อขนมปั งด้ วยเหรี ยญทองได้ แพร่กระจายไป


อย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ ป่า เป็ นเงินถึง 1 ล้ านแกลลอนในเวลา
เพียง 1 สัปดาห์ตา่ งก็ทาให้ พวกเขาอ้ าปากค้ างให้ กบั สิ่งที่ค้ มุ ค่า
เช่นนี ้

คาร์ ลยกยิ ้มที่มมุ ปากและดวงตาที่เปล่งประกายขึ ้น

‘พรุ่งนี ้ข้ าสามารถมาเอาขนมที่สามร้ านนี ้ได้ …’ เมื่อคาร์ ลมอบเงิน


เหรี ยญทองให้ พวกเขา ในแต่ละครัง้ เขาก็จะได้ รับขนมปั งเต็มถุง
อีกในวันรุ่งขึ ้น มันทาให้ เขามีความสุข ทุกอย่างกาลังราบรื่ น
อย่างไรก็ตามมีบางคนที่เฝ้ามองคาร์ ลในมุมที่ไม่หา่ งไกลนัก

“อืม….” เป็ นพ่อครัวบารอคเช่นเดียวกับพ่อของเขา ตอนนี ้เขามี


ผ้ าพันแผลอยูร่ อบคอตนเองและเฝ้ามองคาร์ ลจากด้ านหลังไม่ไกล
นัก เขาเพิ่งเห็นว่าคาร์ ลซื ้อขนมปั งและสมุนไพรบางอย่างก่อนจะ
มุง่ หน้ ากลับไปยังสลัม

“หมอนัน่ บ้ าไปแล้ วรึไง?” จะว่าไปก็เหมือนหมอนัน่ จะบ้ าไปแล้ ว


ตังแต่
้ เมื่อวาน

บารอคไม่เคยสนใจเรื่ องของคาร์ ลมาก่อนแม้ วา่ รอนพ่อของตนจะ


บอกว่าคาร์ ลเป็ นเด็กที่น่าสนใจ แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ ้นมาก
เท่าไหร่เขาก็เริ่ มเห็นด้ วย รู้สกึ ว่ามันน่าจะมีเรื่ องที่น่าสนุกมากที่ได้
เห็นคาร์ ลเป็ นแบบนี ้เช่นเดียวกับเด็กโสโครกผมดาคนนัน้ ตาของ
บารอคเริ่ มเป็ นประกายระยับด้ วยความพอใจ
บิลอส เจ้ าของร้ านกลิ่นชากับบทกวียืนจิบชาอยู่ชนบนสุ
ั้ ดของร้ าน
เพื่อรับรายงานจากนักสืบเงาของตน

“นายน้ อยคาร์ ลกาลังเดินเข้ าออกในสลัมงันหรื


้ อ?”

“ขอรับ นายท่านบิลอส”

“อืม”

“เราได้ รับการติดต่อจากเมืองหลวงด้ วยขอรับ…”

“อย่างนันรึ
้ ?”
ดวงตากลมของบิลอสมองออกยากเนื่องจากไขมันที่พอกปิ ดตา
ของเขา นักสืบเงาคร่ าครวญในใจตนก่อนจะรายงานข้ อมูลที่ตน
ทราบมาเพื่อแจ้ งต่อบิลอสอีกครัง้

“ใช่ขอรับ เร็วๆ นี ้พระราชาจะจัดงานเฉลิมฉลองขึ ้น นัน่ คือเหตุผล


ที่พวกเขาต้ องการให้ นายท่านบิลอส กลับไปทางานให้ อีกครัง้
ขอรับ”

เคร้ ง! บิลอสวางถ้ วยชาของเขาบนโต๊ ะอย่างแรงก่อนพยักหน้ า


ให้ กบั ลูกน้ องของตน

“นายออกไปได้ แล้ ว……”

นักสืบเงาขยับเข้ าไปในความมืดก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
บิลอสมองไปยังจุดที่นกั สืบเงาเพิ่งหายตัวไปเมื่อครู่ก่อนที่ริมฝี ปาก
จะถูกบิดเหยียดขึ ้น
“พวกมันคงคิดว่าข้ าเป็ นเพียงสุนขั ที่มีหน้ าที่เฝ้าบ้ านให้ พวกมัน
กระมัง?”

สายตาของเขาจ้ องมองออกไปนอกหน้ าต่างดูเหมือนว่าการจ้ อง


มองของเขาจะถูกส่งไปไกลถึงเมืองหลวงที่หา่ งไกลออกไป

**********************************
**********************************
****************

“นี่มนั ไม่ใช่ขนมปั ง ไม่ใช่ขนมปั ง นี่ก็ไม่ใช้ ขนมปั ง ….”

“แล้ ว….?” เมื่อเห็นเด็กหญิงกาลังพึมพาว่า ‘ไม่ใช่ขนมปั ง’ ซ ้า


แล้ วซ ้าอีกขณะที่เธอถือสมุนไพรไว้ ในมือ คาร์ ลก็ได้ แต่สง่ เสียงลม
ผ่านจมูกเบาๆก่อนจะมุง่ หน้ ากลับไปยังต้ นไม้ กินคน แต่ถึงอย่าง
นันเด็
้ กชายก็ได้ วิ่งตามเขาทัน

“ท่านต้ องไม่ตาย…” นัน่ คือสิ่งที่เด็กชายบอกกับเขา คาร์ ลไม่ได้


แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

คาร์ ล ไม่ใช่สิ คิมร็อคโซ

เขาเป็ นเด็กกาพร้ าและไม่ได้ เป็ นคนที่มีความน่าสนใจใดๆ นัน่ เป็ น


เหตุผลที่มีคนจานวนมากแสดงให้ เห็นว่าคิมร็อคโซเป็ นคนที่น่า
สงสารเป็ นอย่างมาก

‘ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรที่จะแสดงความเห็นใจต่อคนที่ด้อยกว่า’

นัน่ คือสิ่งที่เขาได้ ยินมาโดยตลอดตังแต่


้ ที่ยงั เป็ นเด็ก
‘คนขอทาน’

‘เด็กกาพร้ าที่ยากจน’

‘คุณไม่ต้องหาเหตุผลในการที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น’

ในตอนเด็กเขาไม่เข้ าใจในสิ่งที่คนอื่นบอกแต่เขาเริ่ มเข้ าใจ


ความหมายที่แท้ จริ งของมันเมื่อเขามีอายุเพิ่มมากขึ ้น ไม่ต้องมี
เหตุผลอันสมควรอันใดถ้ าใจคุณบอกให้ ทา ใช่!! มันไม่จาเป็ นต้ อง
มีเหตุผล

“มันน่าหงุดหงิด…”

คาร์ ลเกลียดที่เห็นเด็กถูกทาร้ าย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ มีความคิด


ที่จะดูแลทาแผลให้ กบั เด็กหญิงหรื อคาพูดที่จะปลอบโยนเธอ เขา
มองดูเด็กหญิงที่เดินกระโผลกกระเผลกมายืนข้ างเด็กชายก่อน
เอ่ยปากบอก

“ข้ าจะไม่ตาย” สองพี่น้องหยุดเดินตามเขาทันทีที่ได้ ยินเขายืน


กรานเช่นนัน้ คาร์ ลไม่พอใจกับความคิดของตัวเองที่วา่ เขาทาใน
สิ่งที่เขาเกลียดที่สดุ เขาเกลียดการที่จะต้ องไปยุง่ เกี่ยวกับเรื่ องที่
ไม่ใช่เรื่ องของตนเอง แต่เขาต้ องทาอย่างนันเมื
้ ่อนาสมุนไพรรักษา
มาให้ เด็กหญิง

~ อร๊ างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~

~ ขออีก ขอมันเพิ่มอีก…~
“ได้ กินให้ หมด” คาร์ ลโยนขนมปั งในถุงทังหมดลงในโพรงของ

ต้ นไม้ โดยไม่ต้องห่วงว่ามันจะไหลเข้ าไปทิศทางใด ไม่ต้องกังวล
เพราะมันจะหายไปในความมืดซึง่ บัดนี ้ความมืดของมันเริ่ มเบา
บางกลายเป็ นสีเทา มันเริ่ มมีแสงสว่างแล้ ว

‘ฉันคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องไปหาเงินเพิ่มแล้ ว….’ คาร์ ลเทขนมปั ง


ในถุงที่เหลือเข้ าไปในโพรงก่อนตรงดิ่งกลับไปยังคฤหาสน์ เขา
ไม่ได้ เห็นสองพี่น้องอีกแต่นนั่ นับเป็ นเรื่ องดีสาหรับเขา อย่างไรก็
ตามในระหว่างทางกลับบ้ านเขาได้ เห็นแมวสองตัวที่กาลังไล่ฟัด
กันอยูก่ ่อนที่พวกมันทังคู
้ จ่ ะสะดุ้งสุดตัว

‘มันเป็ นแมวตัวเมื่อวานใช่มยั ้ พวกมันคงจาฉันไม่ได้ ?’

แมวขนสีเงินดวงตาสีทองและแมวขนสีน ้าตาลแดงดวงตาสีทอง
แมวทัง2
้ ตัวไม่ได้ สง่ เสียงร้ องใดๆเมื่อมองมาที่คาร์ ลและเขาไม่
ต้ องการแสร้ งแสดงเป็ นคนอ่อนโยนใดๆกับแมวทังคู
้ ข่ ณะที่ม่งุ หน้ า
กลับคฤหาสน์ตอ่ ไป

จากนันเขาก็
้ ได้ ยินบางสิ่งจากท่านเคาน์เดอรัช ที่ทาให้ เขาเกือบ
เป็ นลม

“ท่านพ่อช่วยพูดอีกครัง้ ได้ ไหมขอรับ?”

“ได้ สิ คาร์ ล”

บาเซ็นเองก็ยืนอยูข่ ้ างๆคาร์ ลเช่นกัน มันเป็ นเรื่ องราวในตระกูลเฮ


นิตสั ที่ไม่ได้ กล่าวถึงในนิยายเรื่ องนี ้กาลังเกิดขึ ้นอยูต่ อ่ หน้ าเขาใน
ขณะนี ้

“ลูกจะต้ องเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้ าเฝ้าพระราชาในฐานะ


ตัวแทนของตระกูลเรา”
อ่า!!!!….เขารู้สกึ ว่าอาการปวดหัวจะเริ่ มถามหาแล้ วสิ

“เดิมทีบาเซ็นควรจะไป แต่ถึงอย่างนันลู
้ กก็เป็ นบุตรชายคนโต
ของตระกูลเรา”

คาร์ ล หุบและอ้ าปากของเขาซ ้าๆ ในขณะที่เขามองดูทา่ นเคานต์


เดอรัชที่นงั่ ส่งรอยยิ ้มอ่อนโยนมาให้

เข้ าเฝ้าพระราชามีเหตุการณ์ใดในนิยายนะที่ต้องไปเข้ าเฝ้า


พระราชากัน…เขาพยายามทบทวนเนื ้อหาเพิ่มเติมในขณะที่ทา่ น
เคานต์ยงั คงพูดต่อ

“พระราชาจะเป็ นเจ้ าภาพจัดงานเฉลิมฉลองครัง้ ใหญ่และ


ครอบครัวผู้ครองนครของแต่ละดินแดนได้ รับเชิญให้ ไปร่วมงาน นี่
เป็ นครัง้ แรกที่ลกู จะได้ ไปเข้ าเฝ้าพระราชา ซึง่ บาเซ็นก็ได้ ทาหน้ าที่
คล้ ายกันนี ้เป็ นเวลา 2 ปี แล้ ว ดังนันพ่
้ อเลยอยากให้ ลกู เป็ นคนไป
ในครัง้ นี ้”

งานเฉลิมฉลองครัง้ ใหญ่ที่จดั โดยพระราชา ทาให้ คาร์ ลนึกถึงแค่


เหตุการณ์เดียว เหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ ้น ณ จัตรุ ัสกลางเมือง
องค์กรลับได้ ก่อเหตุร้ายขึ ้นเมื่อมีชาวบ้ านจานวนมากรวมตัวกัน
อยูใ่ นที่เดียว พระเอกของเรื่ องอย่างเชวฮันคือผู้ที่สามารถป้องกัน
แผนร้ ายของพวกมันได้ ครึ่งหนึง่ เหตุการณ์นนั่ น่าจะเป็ นครัง้ ที่ 4
ที่เชวฮันและองค์กรลับได้ ปะทะกัน ผลที่ตามมาเชวฮันสามารถ
ช่วยชีวิตชาวบ้ านได้ เป็ นจานวนมากในจัตรุ ัสกลางเมืองนัน่ ก่อนที่
จะได้ มารู้จกั กับองค์รัชทายาทพร้ อมกับพัฒนามิตรภาพได้ อย่าง
รวดเร็ ว

คาร์ ลสะท้ านไปทังตั


้ ว

ตังแต่
้ ที่นิยายได้ เลือกบรรยายในมุมมองของเชวฮัน ทาให้ ไม่ได้
กล่าวถึงการรวมตัวกันของเหล่าขุนนางทังหมด
้ กล่าวว่าเชวฮัน
ได้ รับสมาชิกบางส่วนเข้ ารวมกลุม่ ทังก่
้ อนและหลังเหตุการณ์ที่
จัตรุ ัสกลางเมืองเช่นเดียวกับที่เชวฮันได้ รับการสนับสนุนที่
แข็งแกร่งจากองค์รัชทายาท

แต่เขาต้ องไปถึงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์โจมตีของพวกก่อการ
ร้ าย? แน่นอนว่าเขาไม่ทราบว่าขุนนางเหล่านี ้จะรวมตัวกันอยูท่ ี่
จัตรุ ัสกลางเมืองหรื อไม่? คาร์ ลเริ่ มนึกถึงข้ อมูลในนิยาย กาเนิด
วีรบุรุษ

[ชาวเมืองจานวนมากมาชุมนุมกัน ณ จัตรุ ัสกลางเมือง ยังมีที่นงั่ ที่


ยังว่างอยูส่ าหรับเหล่าเชื ้อพระวงศ์ที่จะมาถึงในไม่ช้า เชวฮัน
สามารถมองเห็นกลุม่ คนพวกนันที ้ ่ดเู หมือนว่าจะมีตาแหน่งที่
สาคัญ แต่ที่สาคัญกว่านันความจริ้ งที่วา่ มีประชาชนผู้บริ สทุ ธิ์อยู่
ที่นี่เป็ นจานวนมาก ทังเด็ ้ ก คนแก่ ผู้ชาย ผู้หญิง หัวใจของเชวฮัน
เริ่ มเต้ นเร็วขึ ้น เขาไม่ต้องการที่จะเห็นชาวบ้ านที่ไร้ เดียงตาต้ อง
ตายต่อหน้ าตนอีกครัง้ หนึง่ ]
กลุม่ คนพวกนันที
้ ่ดเู หมือนว่าจะมีตาแหน่งที่สาคัญ จะเป็ นขุนนาง
หรื อเปล่านะ?

คาร์ ลหันไปมองบาเซ็น ถึงแม้ วา่ พ่อของเขาจะยังคงพูดต่อ แต่บา


เซ็นก็ยงั คงยืนอยูข่ ้ างกายเขาอย่างไม่ยินดียินร้ ายพลางเหลือบ
มองพ่อของตนที่ยงั จ้ องมองเพียงคาร์ ลอยู่

‘ทังๆที
้ ่ควรให้ บาเซ็นไปทาไมเคานต์เดอรัชถึงเลือกให้ เขาไปกัน
นะ?’

ปากของคาร์ ลยังคงหุบเข้ าหุบออกซ ้าๆเขาไม่ต้องการไปยังพื ้นที่


อันตรายเช่นนัน้ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยปากบอกให้ บาเซ็นไป
แทนได้ ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีตอ่ กันของคาร์ ลตัวจริ งกับน้ องชาย
ของเขาถือเป็ นสิ่งที่ยากที่จะเอ่ยปั ดได้ ใจของคาร์ ลเริ่ มสับสนมันมี
บางอย่างที่แปลกไปไม่มีทางที่ทา่ นเคานต์เดอรัชจะส่งขยะไร้ คา่ ไป
ยังเมืองหลวง ทาไมพ่อถึงต้ องพยายามส่งเขาไป? คาร์ ลสงสัยว่า
เขาทาอะไรผิดพลาดไปถึงทาให้ เกิดเหตุการณ์นี ้ขึ ้นได้

“ลูกจะต้ องออกเดินทางในอีกห้ าวันข้ างหน้ า”


อีกห้ าวัน? เมื่อได้ ยินว่าคาร์ ลจะต้ องเดินทางไปเมืองหลวงในอีก
5วันทาให้ เขารู้วา่ ทาไมคาร์ ลถึงไม่ได้ เป็ นคนไปเข้ าเฝ้าพระราชา
ในนิยายเขาถูกเชวฮันทาร้ ายทุบตีอย่างรุนแรงในอีก 4 วันต่อมา
ไม่มีทางที่เขาจะได้ ไปเมืองหลวงในสภาพแบบนันได้

“คาร์ ล….ก่อนหน้ านี ้บาเซ็นก็ไปร่วมเข้ าเฝ้าพระราชามาก่อน เมื่อ


คิดดูก็ถือเป็ นสิ่งที่ดีสาหรับลูกนะ ลูกจะสนุกไปกับการเดินทางใน
ครัง้ นี ้”

“ท่านพ่อขอรับ?” เคานต์เดอรัชหันไปมองบุตรชายตามที่คาร์ ล
เรี ยกเช่นเดียวกับบาเซ็นก็ไปมองพี่ชายของตนเช่นกัน
“ลูกเป็ นกังวลเล็กน้ อยเพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเกินไป
ลูกไม่ได้ ไปที่ใดเลยในตลอด 2ปี ที่ผา่ นมา ลูกไม่เข้ าใจว่าทาไมลูก
ต้ องเป็ นคนไป ขอเวลาให้ ลกู คิดถึงเรื่ องนี ้ด้ วยขอรับ…”

ท่านเคานต์เดอรัชพยักหน้ าตกลงก่อนบอกให้ ลกู ชายทัง้ 2 ของ


ตนออกไปจากห้ องทางานของตนอย่างรวดเร็ว คาร์ ลกาลังยุง่ อยู่
กับการคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย ถ้ าคาร์ ลยังคงทาตามบทเดิมที่
นิยายวางไว้ น้องชายของตนก็ต้องเป็ นคนเดินทางไปในครัง้ นี ้แต่
มันก็คงไม่เป็ นการดีตอ่ ตัวเองเท่าใดนักหากต้ องเอาตัวเข้ าแลก
โดยการให้ เชวฮันทาร้ ายตน

ทันใดนัน้ เสียงเรี ยกจากบาเซ็นก็ฉดุ ให้ คาร์ ลออกจากภวังค์


ความคิด

“พี่คาร์ ล…ขอรับ”
คาร์ ลหันศีรษะไปทางเสียงเรี ยก เขาพูดคุยกับบาเซ็นโดยไม่ต้อง
มองหน้ าหรื อสบตาใดๆต่อกัน บาเซ็นอายุ 15 ปี และเขาก็พดู คุย
กับพี่ชายเช่นนี ้มาโดยตลอดเท่าอายุของเขา

“พี่……มันไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่จะไปไม่ได้ ”

“เฮ้ อ…” คาร์ ลทอดถอนหายใจของตน บาเซ็นไม่ได้ มองมาที่


คาร์ ลเขาออกจากห้ องทางานของบิดาก่อนมุง่ หน้ ากลับห้ องของ
ตนเอง คาร์ ลจ้ องมองตามหลังบาเซ็นเป็ นเวลานาน

“มันไม่ควรจะเป็ นแบบนี ้….”

คาร์ ลถูกผลักให้ ออกจากตาแหน่งผู้สืบทอด คาร์ ลไม่สามารถหยุด


ทาตัวเป็ นขยะไร้ คา่ ของตระกูลได้ นนั่ เป็ นเหตุผลที่บาเซ็นต้ องมา
ดารงหน้ าที่แทนเขาตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา เขาเหมือนเป็ นตัวตลก
สร้ างความอับอายให้ แก่ตระกูลและนัน่ เป็ นเหตุผลหนึง่ ในเหตุผล
อีกหลายข้ อที่เขาไม่ควรเป็ นตัวแทนของตระกูลไปเข้ าเฝ้า
พระราชา อย่างไรก็ตามบาเซ็นบอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่
ไปงานนี ้

บาเซ็นบอกว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ คาร์ ลไปเป็ นตัวแทนของ


ตระกูล

‘ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็ นเรื่ องยุง่ ยากนะสิ’ คาร์ ลกล่าวอย่าง


ขุน่ เคือง เขาไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ ้นเลยสักนิดแต่อาจจะมีปัญหาอื่นอีก
ก็คือ…….

‘มันก็ค้ มุ ถ้ าจะลองเสี่ยง..’ เขากาลังคิดว่าเขาน่าจะผ่านเหตุการณ์


เหล่านี ้ได้ เหตุผลก็คือโอกาสที่เขาจะกลับมาโดยไม่ต้องตายหรื อ
ได้ รับบาดเจ็บก็มีคอ่ นข้ างสูง
‘มันจะยิ่งยุง่ ยากหากบาเซ็นจะตายก่อนที่จะได้ รับตาแหน่ง
เคานต์’ เพื่อให้ คาร์ ลสามารถใช้ ชีวิตได้ อย่างสงบสุข บาเซ็นจาเป็ น
ที่จะต้ องรอด ถึงจะมีน้องสาวคนสุดท้ องอีกคนแต่ลิลลี่ก็ยงั เด็ก
เกินไป นอกจากนี ้คาร์ ลจาเป็ นต้ องออกจากเมืองเวสเทิร์น
หลังจากที่ได้ โล่ห์นิรันดร์ กาลและพลังศักดิ์สทิ ธ์บางส่วนจากต้ นไม้
กินคนแล้ วเพื่อจะสามารถใช้ พลังนันรวบรวมพลั
้ งศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ
จากสถานที่อื่นนอกเขตเฮนิตสั ได้

ใจของเขาเริ่ มลังเล….

เขามองไปที่รองพ่อบ้ านฮันส์ที่กาลังมุง่ หน้ ามาหาตนด้ วยอารมณ์


ที่รุนแรงแต่ใบหน้ าเขาไม่ได้ มืดครึม้ ดูเหมือนจะมีอาการขมขื่นแต่
ดวงตาของเขาแจ่มใส

“นายน้ อย…แขกของนายน้ อยขอร้ องให้ …….”


“ฮันส์…” คาร์ ลขัดขึ ้นก่อนที่ฮนั ส์จะรายงานจบ

“นาแขกมาหาข้ าที่นี่….”

“เอ่อ…อะไรนะขอรับ?”

หากคาร์ ลเลือกไม่ได้ ที่จะปฏิเสธการเดินทางไปเขาจะต้ องหาวิธีที่


สะดวกสบายและได้ ประโยชน์ตอ่ ตัวเขาให้ ได้ มากที่สดุ

“ถ้ าเขาไม่ยอมมา ก็บอกเขาเรื่ องนี ้สิ” จากการแสดงออกของ


ฮันส์ เขามัน่ ใจว่าปั ญหาของเชวฮันจะถูกตัดสินอย่างถูกต้ อง ใน
นิยายท่านเคานต์เดอรัชได้ จดั งานศพที่เหมาะสมสาหรับชาวบ้ าน
และดูแลทุกอย่างแม้ กระทัง่ หลังจาที่เชวฮันทาร้ ายคาร์ ลแล้ วก็ตาม
นัน่ คือสิ่งที่ไม่ควรถูกเปลี่ยนแปลงเลย

“จ่ายเงินคืน…”
“เอ่อ….?”

“บอกเขาให้ มาหาข้ าเพราะข้ าคิดวิธีที่จะให้ เขาคืนเงินข้ าได้ แล้ ว”


บทที่ 10 เอามันออกมา 3

รองพ่อบ้ านฮันส์สงั่ ให้ ข้ารับใช้ คนอื่นไปตามเชวฮันมาแทน

“ตอนนี ้เขาอยูไ่ หน?”

“อ่า…เขาอยูก่ บั รอนและบารอคในห้ องครัวขอรับ….”

หัวใจของคาร์ ลกระโดดโลดเต้ นด้ วยความลิงโลดก่อนจะเดินเข้ า


ไปในห้ องหนังสือ อ่า….ทังสามคนอยู
้ ด่ ้ วยกันนี่เป็ นสิ่งที่เกินคาด
มาก

“เท่าที่กระผมทราบดูเหมือนเขากาลังเรี ยนรู้วิธีการทาอาหารจาก
พ่อครัวบารอคขอรับ…”

“ทาอาหาร…?”
“ใช่ขอรับ…”

มุมปากของคาร์ ลกระตุกขึ ้นเล็กน้ อย ‘ทาอาหารตูด….แกนะสิ’

พวกเขาเรี ยกมันว่าทาอาหารแต่เป็ นไปได้ วา่ พวกเขาอาจจะเรี ยนรู้


เกี่ยวกับการทรมานหรื อบารอคและรอนอาจกาลังชื่นชมทักษะ
การใช้ ดาบของเชวฮัน คาร์ ลไม่ต้องการจะรู้จริ งๆว่าพวกเขากาลัง
ทาอะไรกัน?

คาร์ ลเดินเข้ ามานัง่ ลงที่โต๊ ะหนังสือของเขา จากนันก็


้ ถามฮันส์ที่ยืน
เงียบๆอยูท่ ี่มมุ ห้ อง

“เขาบอกอะไรกับเจ้ า?”
ฮันส์ร้ ูสกึ ตกใจกับประโยคที่คาร์ ลถามเขาอย่างกะทันหันก่อนที่จะ
แสดงสีหน้ าเคร่งเครี ยดพลางเอ่ยรายงานแก่นายน้ อยของเขา ซึง่
เป็ นข้ อมูลที่คาร์ ลคาดว่าจะได้ ยิน

ฮันส์ไม่สามารถซ่อนความเศร้ าโศกเสียใจไว้ ได้ ในขณะที่เล่าเรื่ องที่


เกิดขึ ้นในหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสและนาเชวฮันไปพบกับท่านเคานต์เดอรัช
ก่อนที่ทา่ นจะมีคาสัง่ ให้ เหล่าทหารนายพลไปดาเนินการจัดการ
ตามความต้ องการของเชวฮัน

“ท่านพ่อได้ พบกับเขา?”

“ขอรับ ทันทีที่นายท่านได้ สงั่ ให้ ไปจัดการเรื่ องงานศพก็ได้ สง่


ผู้ตรวจการ เหล่าองครักษ์ และทหารเพื่อดาเนินการสอบสวนทันที
ขอรับ”

…………ฮันส์ลงั เลหยุดชะงักไปครู่หนึง่ ก่อนที่จะพูดต่อ


“แต่ถึงอย่างนันแขกก็
้ ไม่ต้องการที่จะกลับไปกับพวกเขาขอรับ”

ฮันส์เล่าถึงการพบหน้ ากันของท่านเคานต์เดอรัชกับเชวฮัน เนื่อง


จากเชวฮันได้ อธิบายเรื่ องราวที่เกิดขึ ้นในหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสถึงแม้ วา่
น ้าเสียงเขาจะปกติแต่ปลายนิ ้วของเขากับสัน่ อย่างรุนแรง ฮันส์
พบว่าเชวฮันมีอายุเพียง 17 ปี เขาสามารถรักษาชีวิตของตัวเองได้
เพราะออกไปหาสมุนไพรซึง่ ในช่วงเวลานันเป็ ้ นช่วงเวลาเดียวกับ
การสังหารหมู่ แต่เขาก็ยงั คงคอยเฝ้าดูแลเพื่อนบ้ านและเหล่า
เพื่อนๆของเขาที่ถกู สังหารเสียหมดสิ ้นตังแต่
้ อายุยงั น้ อย เชวฮันจะ
สะเทือนใจเพียงใดกับสิ่งที่เขาเจอมา ?

“มันจะดีหรื อขอรับ?” นัน่ เป็ นเหตุผลที่ฮนั ส์ถามคาร์ ล มันจะไม่


เป็ นอะไรหรื อ? ถ้ าเชวฮันจะไม่ไปร่วมงานศพเพื่อกล่าวลาเป็ นครัง้
สุดท้ าย
“มันคือการตัดสินใจของเขา”

คาร์ ลตอบคาถามของฮันส์และเปลี่ยนหัวข้ อการสนทนา เขารู้ถึง


สาเหตุของเชวฮันดีวา่ ทาไมเชวฮันไม่ต้องการกลับไปที่นนั่ เพราะ
เขาได้ กล่าวลาชาวบ้ านในตอนที่ฝังศพไปเแล้ วและตอนนี ้สิ่งที่
เหลืออยู่สาหรับเชวฮันคือการได้ แก้ แค้ นกับกลุม่ คนพวกนันที
้ ่ทาให้
เกิดเหตุการณ์นี ้ขึ ้น

“รอนดูแลเขาดีหรื อเปล่า?”

“ขอรับ…รอนทาให้ แน่ใจว่าแขกจะได้ กินอาหารครบสามมื ้อและ


เขาก็ดเู ป็ นมิตรกับแขกมากทีเดียว”

ดูทา่ สามคนนันจะเข้
้ ากันได้ เป็ นอย่างดี

“อา……” ฮันส์ดเู หมือนจะนึกอะไรขึ ้นมาได้ ก่อนจะพูดต่อ


“นายน้ อยขอรับ….ดูเหมือนรอนจะบาดเจ็บจากการทางานอีก
แล้ ว เขามีผ้าพันแผลที่ข้อมือของเขาด้ วย”

“จริ งหรื อ?…อ่า…ให้ เขาได้ ทานยาด้ วยแล้ วกัน”

‘บางทีเขาอาจไปฆ่าใครเพิ่มก็ได้ ?’

นัน่ คือสิ่งที่คาร์ ลคิดก่อนที่จะได้ ยินเสียงของฮันส์

“กระผมจะนาความห่วงใยของนายน้ อยไปแจ้ งให้ เขาทราบ


ขอรับ….”

“ อืม…ตามใจเจ้ าเถิด..”
ฮันส์ขยับปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหุบลงเมื่อเห็นท่าที
ที่ไม่ยินดียินร้ ายใดๆจากคาร์ ล ก่อนจะมีเสียงทาลายความเงียบ
ขึ ้น

ก้ อก ก๊ อก ก๊ อก ก๊ อก………………..

เชวฮันมาถึงแล้ ว ฮันส์เปิ ดประตูออกและคาร์ ลก็ได้ เห็นเชวฮันที่


หน้ าประตู คาร์ ลโบกมือให้ ฮนั ส์ออกไปก่อนที่เขาจะโค้ งศีรษะให้
คาร์ ลก่อนจะมีความเงียบที่เกิดขึ ้นในห้ องหนังสือนี ้ ตอนนี ้มีเพียง
คาร์ ลและเชวฮันที่ถกู ทิ ้งอยูใ่ นห้ อง คาร์ ลเก็บของบนโต๊ ะก่อนจะชี ้
ไปยังเก้ าอี ้ฝั่งตรงข้ ามตน

“นัง่ สิ”

เชวฮันค่อยๆมองไปรอบๆห้ องหนังสือก่อนจะนัง่ ลงบนเก้ าอี ้ คาร์ ล


ให้ เวลาเขาสารวจรอบๆห้ องให้ พอใจก่อน ก็คงจะเหมือนวีรบุรุษ
ทัว่ ไปที่มีจิตใจบริ สทุ ธิ์ซื่อตรงและมีความเฉลียวฉลาด เชวฮันชอบ
อ่านหนังสือนัน่ คือเหตุผลที่สิ่งแรกที่เขาตัดสินใจทา เมื่อออกมา
จากป่ าแห่งความมืดและได้ เข้ ามาอยูใ่ นหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสก็คือการ
เรี ยนรู้การอ่านและเขียนหนังสือจากหัวหน้ าหมูบ่ ้ าน หลังจากมอง
รอบๆห้ องเป็ นเวลานานเชวฮันก็จ้องไปที่คาร์ ล

“จ่ายเงินคืนคืออะไร?”

‘ยังถามตรงประเด็นเหมือนเดิม’ คาร์ ลอมยิ ้ม ดูเหมือนเชวฮันจะ


ไม่ได้ ต้องการหาเรื่ องเขาหรื อไม่พอใจแต่อย่างใด การจ่ายเงิน
คืน……คงทาให้ เขากลายเป็ นคนรอบคอบใจเย็นขึ ้นเมื่อรู้วา่
จะต้ องชาระหนี ้ที่ค้างไว้

คาร์ ล…ไม่สิ…คิมร็อคโซ…ตระหนักว่าเขาได้ เปลี่ยนเนื ้อหาใน


ตอนต้ นเรื่ องของนิยาย กาเนิดวีรบุรุษ เขารู้วา่ สิ่งต่างๆจะต้ อง
เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นัน่ คือเหตุผลที่เขาพยายามเป็ นอย่าง
มากที่จะไม่ให้ เนื ้อเรื่ องมันเพี ้ยนไปจากเดิมมากนัก แต่………….
เขาต้ องเดินทางไปยังเมืองหลวงแล้ วสิ่งที่ใหญ่กว่านันจะ

เปลี่ยนแปลงไป

คาร์ ลวางกระดาษบนโต๊ ะขณะที่มองไปทางเชวฮัน

“มีวิธีสาหรับเจ้ าที่จะจ่ายเงินคืนสาหรับมื ้ออาหาร แต่ข้า


จาเป็ นต้ องมัน่ ใจเสียก่อนว่าเจ้ าสามารถทามันได้ หรื อไม่ ถ้ าจะ
เรี ยกง่ายๆมันคือการสัมภาษณ์…..”

“มาตรงนี ้สิ….”

เชวฮันทาตามที่คาร์ ลบอกเขาตอบตกลงตามคากล่าวของคาร์ ล
ทันที ก่อนที่เขาจะเริ่ มตรวจสอบคุณสมบัติของตน

“เจ้ ารู้จกั วิธีปกป้องคนอื่นหรื อไม่?”


“ท่านหมายถึงอะไร?” เชวฮันสะดุ้งเป็ นครัง้ แรกและเอ่ยถาม
หลังจากเงียบไปชัว่ ครู่ สายตาของคาร์ ลเริ่ มหรี่ คมขึ ้น เขากาลังก้ ม
มองกระดาษบนโต๊ ะโดยไม่ได้ หนั ไปมองหน้ าของเชวฮัน ถึงแม้ วา่
เขาต้ องเปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็ วแต่ก็อาจทาให้ เขาได้ รับ
ผลประโยชน์มากขึ ้นกว่าเดิม เขาสามารถขัดขวางเชวฮันและ
พรรคพวกของเขาจากการได้ รับพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเพราะเขา
ต้ องการพลังเหล่านันเพื
้ ่อตัวเขาเอง

‘พลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณไม่มีประโยชน์ตอ่ พวกเขาหรอก…..’

คาร์ ลยังคงจ้ องมองกระดาษของตนไม่วางตาก่อนที่จะเอ่ยต่อ…

“มันเป็ นงานง่ายๆ เจ้ าสามารถปกป้องคนอื่นแทนที่จะลงมือฆ่า


คนอื่นไม่ใช่หรื อ?”
ความเงียบปกคลุมเต็มห้ อง เชวฮันยังไม่ได้ เอ่ยตอบรับใดๆต่อ
คาร์ ล เขาละสายตาออกจากระดาษก่อนมองคนที่นงั่ อยูบ่ นเก้ าอี ้
เชวฮันก้ มศีรษะลงเล็กน้ อย แต่ท้ายที่สดุ ก็ตอบคาถามคาร์ ล…..

“ข้ าไม่แน่ใจ….”

เตราะ…..คาร์ ลเดาะลิ ้นตัวเอง ถ้ าอย่างนันต้


้ องกระตุ้นในสิ่งที่
อันตรายสักหน่อย….

“แต่เจ้ าสามารถฆ่าคนได้ ….” นี่คงเป็ นสิ่งที่คาร์ ลคิดได้ ในเวลานี ้

“ได้ งนเหรอ….”
ั้

“แล้ วเจ้ าก็ควรปกป้องคนอื่นได้ เช่นกัน”

แววตาของเชวฮันสัน่ ระริ ก “ มันเป็ นเรื่ องยาก”


“แต่เรื่ องยากไม่ได้ หมายความว่าเป็ นไปไม่ได้ …..”

ไม่มีสิ่งใดในโลกที่คณ ุ สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันเป็ นเรื่ องยาก


ที่คาร์ ลจะอาศัยในที่แห่งนี ้ได้ นัน่ เป็ นเหตุผลว่าทาไมเขาจึงมี
ความสุขที่ได้ ครอบครองร่างขยะเช่นคาร์ ล เพราะคาร์ ลสามารถทา
ทุกอย่างที่ต้องการได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี ้มีภเู ขาลูกใหญ่ที่เขา
ต้ องปี นขึ ้นไปเพื่อที่จะได้ มีอนาคตที่สงบสุข

คาร์ ลกาลังมองหาใครสักคนที่จะปี นและพลิกภูเขานันให้


้ กบั เขา

เชวฮันมีรอยยิ ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้ าของเขา

“มันก็เป็ นจริ งอย่างที่ทา่ นพูด….”

“ใช่แล้ ว….ตอนนี ้ถึงคาถามสุดท้ ายที่ข้าจะถามเจ้ าแล้ ว”


“ได้ …เชิญถามมาได้ เลย” คาร์ ลจ้ องมองไปที่เชวฮันก่อนเอ่ยถาม
คาถามสุดส้ าย

“เจ้ าชื่ออะไร?”

“ท่านไม่ร้ ูจกั ชื่อข้ ารึ ?”

‘แน่นอนว่าฉันรู้เพราะนายคือคนที่ตีฉนั นี่นา…’

“ข้ าเคยได้ ยินจากคนอื่นแต่ข้าอยากได้ ยินจากปากของเจ้ าเอง…”

“เชวฮัน… ” เขายื่นมือออกมาตรงหน้ าคาร์ ล

“ข้ าชื่อเชวฮัน…”
คาร์ ลยื่นมือไปจับมือเชวฮัน

“เยี่ยม…ข้ าชื่อคาร์ ล เฮนิตสั ”

การสนทนาสันๆที้ ่คาร์ ลเรี ยกว่าการสัมภาษณ์จบลงอย่างรวดเร็ว


แน่นอนว่าเชวฮันได้ เกรดดีเยี่ยม คาร์ ลดันกระดาษที่อยูบ่ นโต๊ ะไป
ด้ านหน้ าเชวฮัน

“มันเป็ นวิธีง่ายๆที่เจ้ าจะสามารถจ่ายเงินคือข้ าได้ ”

มีชื่อสองชื่อที่เขียนอยูบ่ นกระดาษและยังระบุถึงตาแหน่งที่เชวฮัน
จะได้ พบกับพวกเขา

“เดินทางไปเมืองหลวงพร้ อมกับคนเหล่านี ้”
พวกของเชวฮันจะได้ พบกันระหว่างทางไปเมืองหลวง บารอคและ
พวกเขาอีกสองคนจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ ้นเคียงข้ างกับเชวฮัน
จนถึงนิยายเล่มที่ 5
โรสลินและล็อค

หนึง่ คือเจ้ าหญิงแห่งอาณาจักรที่อยูใ่ กล้ เคียงซึง่ กาลังเดินทาง


กลับไปยังอาณาจักรของเธอหลังจากที่รอดตายจากการลอบ
สังหารและอีกคนเป็ นเด็กที่ได้ รับบาดเจ็บ และแน่นอนว่าเด็กคนนี ้
ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเขาคือทายาทของราชาหมาป่ า ….มันเป็ นไป
ได้ ที่เขาอาจจะกลายร่างเป็ นหมาป่ าเมื่อใดก็ได้

เจ้ าหญิงโรสลินแข็งแรงและเย็นชา เธอมีพลังในการทาลายล้ างสูง


ที่ยากจะควบคุมได้ ก่อนที่เชวฮันจะสามารถสอนเธอให้ ใช้ พลังได้
อย่างเหมาะสม เธอไม่สนใจในการขึ ้นครองบัลลังก์ เป้าหมายของ
เธอคือการสร้ างเมืองแห่งอาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สดุ ในทวีป
เช่นเดียวกับที่จะเติบโตเป็ นวีรสตรี ที่ยอดเยี่ยมเมื่อได้ เข้ าใกล้
เป้าหมายที่ตงใจไว้
ั้

‘ท่านดยุคแห่งอาณาจักรที่พยายามลอบสังหารโรสลิน จะถูกบา
รอคทรมานอย่างโหดเหี ้ยมในอนาคต’
หัวใจของคาร์ ลเริ่ มสัน่ สะท้ าน ขณะที่นกึ ขึ ้นมาได้ วา่ ฉากทรมานใน
นิยายเรื่ องนี ้สามารถอธิบายภาพไว้ ได้ อย่างชัดเจน อ่า….หัวใจ
ของเขาเต้ นรัวแรงเล็กน้ อย

“โรสลิน …..ล็อค…..”

“ใช่…นัน่ คือชื่อของสองคนนัน้ ข้ าดีใจที่เจ้ ารู้วา่ ต้ องอ่านมันยังไง”

เชวฮันยังคงจ้ องมองที่ชื่อทังสอง
้ และสายตาของคาร์ ลก็หยุดอยูท่ ี่
ชื่อของล็อค

ล็อค…โลกนี ้มีเผ่าพันธุ์อื่นๆเช่นเอล์ฟ คนแคระ และสัตว์อสูร


อย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ที่มีความลับมากที่สดุ ก็คงเป็ นเผ่าพันธุ์สตั ว์
อสูร
สัตว์อสูรจะถูกรวมเขากับเหล่าสัตว์เดรัจฉาน นก และเหล่าแมลง
ต่างๆ เหล่าสัตว์อสูรจะแตกต่างจากสัตว์ประหลาดทัว่ ไปคือ
ลักษณะการดารงชีวิตของพวกมัน

‘ล็อคมีสายเลือดอันบริ สทุ ธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่ า….’

ล็อคได้ รับการถ่ายทอดสายเลือดเพื่อการปกครองอานาจของ
เผ่าพันธุ์หมาป่ า สัตว์อสูรที่มีสายเลือดบริ สทุ ธิ์มกั จะดูออ่ นแอและ
ธรรมดาเมื่ออยูใ่ นรูปลักษณ์ของสัตว์หรื อมนุษย์อย่างเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาตกอยูใ่ นสถานการณ์ที่น่าคับขันหรื อน่า
สังเวชพวกเขาจะกลายเป็ นสิ่งที่โหดร้ ายรุนแรงมากขึ ้นกว่าเดิม
และล็อคเป็ นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่ าสี
น ้าเงิน

คาร์ ลนาแผนที่ออกมาจากลิ ้นชักและเปิ ดมันขึ ้นมาบนโต๊ ะ


“เจ้ าจะเริ่ มต้ นออกเดินทางไปพร้ อมข้ า…” จากนันเขาก็
้ ชี ้ไปที่
ตาแหน่งหนึง่ บนแผนที่

“เราจะแยกกัน ณ จุดนี ้ เจ้ าเพียงทาตามสิ่งที่ข้าเขียนไว้ บน


กระดาษนัน่ ”

เชวฮันไม่ได้ เอ่ยคาถามใดๆออกมาและตังใจฟั
้ งอย่างเงียบๆ คาร์ ล
เหลือบมองเชวฮันเล็กน้ อย เขามีเหตุผลที่ต้องให้ เชวฮันไปกับเขา
จนกว่าจะถึงจุดนัน่ …

‘เขาต้ องหลีกเลี่ยงการเจอกับมังกรบ้ านัน่ ’

จุดเริ่ มต้ นของนิยายเรื่ อง กาเนิดวีรบุรุษ ก็เหมือนเช่นนิยายเรื่ อง


อื่นๆ ตัวร้ ายคนใหม่จะต้ องปรากฏตัวขึ ้นต่อจากคาร์ ล และแน่นอน
ว่าตัวร้ ายคนอื่นยากที่จะจัดการได้ ง่ายๆ เหมือนคาร์ ล
จอมวายร้ ายคนต่อมาเขาร่วมมือกับมาร์ ควิสผู้ที่เป็ นหนึง่ ในขุน
นางผู้สงู ศักดิ์ ตลอดช่วงเริ่ มต้ นของนิยายเขาเป็ นศัตรูที่ต้องปะทะ
กับองค์รัชทายาทและเชวฮันก่อนที่จะถูกกาจัดและหมดบทบาท
ไปในนิยายเล่มที่ 2 แต่ครัง้ นี ้เชวฮันอาจจะได้ โจมตีมาร์ ควิสตังแต่

ครัง้ แรกที่ไปเยือนเมืองหลวง

‘เจ้ าบ้ ามาร์ ควิสชื่นชอบมังกรบ้ านัน่ ’

แน่นอนว่ามันเป็ นมังกรบ้ า…….

มันเป็ นเพียงแค่มงั กรทารก มังกรดาถูกทรมานโดยผู้ที่รับคาสัง่


จากมาร์ ควิสในสถานที่ลบั แห่งหนึง่ พวกเขาฝึ กให้ มนั เชื่อฟั งคาสัง่
ของมาร์ ควิส พวกนันบ้้ าเกินไป มังกรเป็ นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สดุ
ในโลกพวกเขาคิดว่าจะสามารถทาให้ มงั กรมันเชื่องได้ อย่างไร?

มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด…..
มาร์ ควิสได้ รับไข่มงั กรจากองค์กรลับและกักขังมันด้ วยเวทย์อาคม
ก่อนจะจับมันล่ามกับโซ่อาคมทันทีเมื่อมันฟั กตัวออกจากไข่ คาร์ ล
ไม่สามารถทราบถึงขอบเขตความแข็งแกร่งขององค์กรลับนันได้ ้

แต่มงั กรก็ถกู เรี ยกว่าเป็ นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สดุ ในโลกไม่ใช่


หรื อ?

มังกรดาที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ยังไงมันก็คือมังกร….. ในที่สดุ มังกรก็


คลุ้มคลัง่ และอาละวาด มันอาจจะยังเล็กแต่ในนิยายมันสามารถ
ทาลายโซ่อาคมได้ เพียงครัง้ เดียวหลังมันระเบิดพลังชีวิตของมัน
ออกมา หลังจากที่อาศัยอยูใ่ นถ ้าและถูกทรมานทุกวันโดยที่ไม่
สามารถมองเห็นแสงเดือนแสงตะวันได้ มนั จึงตัดสินใจหนีออกมา
เพื่อหาอิสรภาพ เมื่อมันหลบหนีออกมาได้ มนั ก็สญ ู เสียความเป็ น
ตัวเองและเริ่ มคลุ้มคลัง่ …..
หมูบ่ ้ านแห่งหนึง่ ที่เชวฮันได้ พกั อยูก่ าลังตกอยูใ่ นอันตรายจาก
มังกรดาที่คลุ้มคลัง่ ก่อนที่จะจบลงด้ วยการต่อสูก่ นั ระหว่างเชวฮัน
และมังกรดา

[ เชวฮันมองไปที่มงั กรตัวเล็กที่ยาวไม่ถึง 1 เมตร มันสามารถ


ระเบิดภูเขาด้ วยร่างเล็กๆนัน่ ทาให้ ชาวบ้ านตกอยูใ่ นอันตรายเป็ น
อย่างมาก อย่างไรก็ตามเชวฮันไม่สามารถโจมตีมงั กรดาตัวนี ้ได้
ง่ายนัก]

[สายตาของมังกรตัวนี ้สูญเสียการมีตวั ตน ความมีเหตุมีผลไป มัน


มีแต่ความเจ็บปวดและเต็มไปด้ วยความเศร้ าโศก อย่างไรก็ตาม
ปากของมังกรดากลับยกยิ ้ม เชวฮันรู้วา่ มันต้ องเสียใจมาก
เพียงใด]

การต่อสู้สิ ้นสุดลงด้ วยการที่เชวฮันสามารถฆ่ามังกรดาได้ เขา


ปลดปล่อยมันให้ เป็ นอิสระด้ วยความตาย……
คาร์ ลต้ องไปที่หมูบ่ ้ านนัน่ …..

‘เชวฮันมีวิธีดแู ลและป้องกันไม่ให้ มนั คุ้มคลัง่ และสามารถหาทาง


ปลดปล่อยมันได้ ’

มันไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเขาต้ องเดินทางไปยังเมืองหลวง เขา


จะต้ องใช้ ทางลัดที่ไกลมากเพื่อหลีกเลี่ยงหมูบ่ ้ านนันและนั
้ น่
อาจจะต้ องใช้ เวลานานขึ ้นซึง่ มันอาจสามารถเปลี่ยนแปลง
เรื่ องราวจากในนิยายเพิ่มอีกได้ และกว่าจะไปถึงเมืองหลวงก็คงช้ า
ไม่ทนั ร่วมเข้ าเฝ้าพระราชาเป็ นแน่

‘ถึงจะเป็ นมังกรบ้ าแต่มนั ก็ถกู บรรยายว่าเป็ นมังกรที่น่ารัก’

ในนิยายถูกบรรยายว่ามันเป็ นมังกรดาที่น่ารักด้ วยขาสันๆของมั ้ น


มันเป็ นสิ่งที่น่ากลัวและหดหูท่ ี่สิ่งมีชีวิตที่น่ารักแบบนี ้ต้ องคลุ้มคลัง่
และสร้ างความโกลาหลวุน่ วายแบบนี ้ขึ ้นมา คาร์ ลตัดสินใจที่จะ
หยุดคิดถึงเรื่ องของมังกรดาก่อนจะเอ่ยคาสัง่ ที่เหลือแก่เชวฮัน

“มาที่เมืองหลวงพร้ อมกับเจ้ าของชื่อทังสองคน


้ นัน่ คือวิธีการคืน
เงินให้ ข้า….”

เชวฮันเอ่ยถามขึ ้น

“…….ข้ าต้ องปกป้องสองคนนี ้???”

“ถ้ าเจ้ าต้ องการ….” สองคนนี ้มีความแข็งแกร่งพอที่จะไม่ต้องการ


การปกป้องใดๆจากเชวฮันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้ าหญิงโรสลินเธอ
ไม่ต้องขยับแม้ กระทัง่ ปลายนิ ้วด้ วยซ ้าเมื่อโจมตีศตั รู จนบางครัง้
คาร์ ลยังนึกอยากนาโล่นิรันดร์ กาลลองโจมตีเธอดูสกั ครัง้
“ทาตามที่เจ้ าต้ องการ ถึงอย่างนันเจ้
้ าก็ต้องมาถึงเมืองหลวงให้ ได้
ต้ องไปพบข้ าที่นนั่ โดยไม่ได้ รับบาดเจ็บใดๆ อย่างน้ อยเจ้ าก็ต้อง
ดูแลตัวเองให้ ปลอดภัยได้ ใช่หรื อไม่?”

คาร์ ลและเชวฮันไม่มีเหตุผลที่จะต้ องได้ พบกันอีก จากนันเชวฮั


้ น
จะได้ เผชิญหน้ ากับคนในองค์กรลับอีกครัง้ หลังจากที่ได้ พบกับ
ล็อคก่อนที่ลอ็ คจะเป็ นคนแนะนาให้ เชวฮันสามารถยับยัง้
เหตุการณ์ร้ายในเมืองหลวงได้ เช่นเดียวกับเนื ้อหาในนิยาย

“ทาไมเจ้ าไม่ตอบข้ า?….เจ้ าทาได้ หรื อไม่?”

แววตาของเชวฮันมีความมัน่ ใจยิ่งขึ ้น……

“ได้ …ข้ าทาได้ …” ดูเหมือนเขาจะพูดด้ วยด้ วยความเคารพ


มากกว่าก่อน แต่คาร์ ลก็ปล่อยให้ มนั เป็ นเช่นนันเขาผ่
้ อนคลาย
เล็กน้ อยหลังจากที่เห็นเชวฮันพับกระดาษใส่ไว้ ในกระเป๋ าเสื ้อ
‘ฉันควรจะดื่มเหล้ าอย่างที่เคยทา…..’

เหนื่อยมากกับการที่ได้ คยุ กับเชวฮันในร่างของคาร์ ล

“เจ้ าออกไปได้ แล้ วล่ะ….” คาร์ ลโบกมือให้ เชวฮันก่อนที่เขาจะเริ่ ม


เดินไปทางประตูหลังจากได้ เห็นท่าทีของคาร์ ลแล้ ว คาร์ ลค่อยๆ
เอนหลังพิงพนักเก้ าอี ้และเฝ้ามองเชวฮันที่กาลังเดินถึงประตูก่อน
เอ่ยขึ ้น

“ข้ าแน่ใจว่า..ข้ าคงไม่ต้องบอกเจ้ ากระมังว่าสิ่งที่เราคุยกันในวันนี ้


เป็ นความลับ?….”

เชวฮันไม่ได้ หนั กลับไปมองและเอ่ยตอบเมื่อเปิ ดประตูกว้ างขึ ้น


ก่อนที่จะพาตนออกจากห้ องไป
“แน่นอน….”

เสียงของเชวฮันดูเหมือนจะบอกว่าเขากาลังยิ ้ม แต่คาร์ ลไม่ได้


สนใจ เมื่อเขาอยู่ตามลาพังอีกครัง้ คาร์ ลก็หยิบปากกาและ
กระดาษขึ ้นมาและเริ่ มเขียนเป็ นภาษาเกาหลี หลังจากเขียนได้ ครู่
ใหญ่เขาก็ออกจากห้ องหนังสือและมุง่ หน้ าไปยังห้ องทางานของ
บิดาตน

“ท่านพ่อ….”

“ว่าอย่างไรลูก..?”

“ลูกจาเป็ นต้ องใช้ เงินขอรับ…..”

“ได้ สิ เดี๋ยวพ่อให้ ฮนั ส์จดั การให้ เจ้ า…”


คาร์ ลต้ องการเงินเป็ นจานวนมาก เมื่อคาร์ ลวางมันลงบนเตียง
พร้ อมกับเช็คอีก 10 ล้ านแกลลอนในกระเป๋ าเสื ้อของตน รอนก็เข้ า
มาหาเขาพร้ อมกับวางขวดแก้ วข้ างหัวเตียง ก่อนจะเริ่ มพูด

“มันเป็ นชามะนาวผสมน ้าผึ ้ง ลูกชายของกระผมทามาให้ นายน้ อย


โดยเฉพาะ โปรดมีคืนที่ดี กระผมจะอยูเ่ คียงข้ างนายน้ อยเสมอ…”

ความง่วงของคาร์ ลหายเป็ นปลิดทิ ้ง ไม่วา่ ยังไงเขาต้ องให้ สองคน


นัน่ ออกไปจากที่นี่พร้ อมกับเชวฮันให้ ได้ !!

วันรุ่งขึ ้น คาร์ ล เฮนิตสั ก็มงุ่ หน้ าไปยังสลัมทันทีที่เขาตื่น……


บทที่ 11 เอามันออกมา 4

‘นายน้ อยกระผมได้ ฟังมาจากรองพ่อบ้ านฮันส์แล้ ว กระผม…


รอน…จะทาทุกอย่างที่สามารถทาได้ เพื่อให้ แน่ใจว่านายน้ อยจะ
เปล่งประกายที่สดุ ในเมืองหลวง’

ไหล่ของคาร์ ลสัน่ ขึ ้นเล็กน้ อยขณะที่เขาเดินทางออกจากคฤหาสน์


เฮนิตสั เขากาลังคิดถึงบทสนทนาที่เขามีกบั รอนทันทีที่ตื่นมาใน
ตอนเช้ า

‘นี่เป็ นครัง้ แรกที่นายน้ อยจะได้ ไปนอกเมืองเฮนิตสั ใช่มย?


ั ้ กระผม
เก่งในการล่ากระต่ายมากและกระผมจะล่ากระต่ายสาหรับนาย
น้ อยเมื่อเราหยุดพักค้ างแรมกันข้ างนอกนัน่ ’

เสียงสงบและอ่อนโยนของรอนยังสะท้ อนก้ องอยูใ่ นหูของคาร์ ล


เขารู้สกึ ราวกับว่าเขายังสามารถได้ ยินเสียงของรอนเหมือนภาพ
หลอนอยูต่ ลอดเวลาเหมือนหมอกที่กาลังอบอวลอยูด่ ้ านนอกอยู่
ในขณะนี ้ คาร์ ลกลัวว่ารอนจะอธิบายให้ เขาฟั งเกี่ยวกับการล่า
สัตว์โดยเฉพาะกระต่ายในตอนเช้ า

‘นายน้ อยต้ องระวังเมื่อจะจัดการกับสัตว์ขนาดเล็กแบบกระต่าย


มันเป็ นสัตว์ที่ตกใจง่าย เนื่องจากเราไม่ร้ ูวา่ มันจะวิ่งหนีเราไป
เมื่อไหร่นายน้ อยจึงต้ องใส่ใจกับสภาพแวดล้ อมรอบข้ างแล้ วลงมือ
ฆ่ามันทันที!…อา..นายน้ อยต้ องเอาเครื่ องในมันออกมาหลังจากที่
จับมันได้ กระผมเก่งในเรื่ อง………’

คาร์ ลต้ องหันไปมองเมื่อเห็นรอนเลียนแบบการตัดหัวกระต่ายด้ วย


มือของเขา รอนดูตื่นเต้ นมาก อย่างไรก็ตามความคิดเดียวของเขา
ตอนนี ้คือรอนกาลังเล่นสนุกกับเขา แต่คาร์ ลก็ยินดีที่ร้ ูวา่ รอนจะ
เดินทางไปเมืองหลวงพร้ อมกับเขา

‘ฉันสามารถเอาบารอคไปเป็ นพ่อครัวส่วนตัวได้ …’
รอน…บารอค…เขาได้ แจ้ งความต้ องการแก่ฮนั ส์เพื่อที่จะได้ พาพ่อ
ลูกคูน่ ี ้ไปเมืองหลวงด้ วย แน่นอนว่าตอนนันรอนก็
้ อยูท่ ี่นนั่ ด้ วย

‘ฮันส์ …ข้ าอยากได้ ตวั บารอคไปเป็ นพ่อครัวส่วนตัวสาหรับการ


เดินทางในครัง้ นี ้’

‘กระผมต้ องถามพ่อครัวบารอคกอ่นขอรับ? ช่วงนี ้เขายุง่ กับงานใน


ครัวมาก…’

‘ไม่ร้ ูสิ..แต่ข้าไม่สามารถกินอะไรนอกจากอาหารที่บารอคเป็ นคน


ปรุงเท่านัน้ ยังไงข้ าต้ องพาเขาไปให้ ได้ ดงั นันนายต้
้ องจัดการให้
ได้ …’

ฮันส์เริ่ มกังวลแต่รอนดูเหมือนจะมีความสุขที่จะได้ เดินทางไป


พร้ อมลูกชายของตน
‘นายน้ อย..ลูกชายของกระผมจะมีความสุขมากหากเราได้ ไปที่
เมืองหลวง กระผมจะไปแจ้ งให้ เขาได้ ทราบ..’

คาร์ ลเริ่ มผ่อนคลายลงหลังจากได้ ยินประโยคของรอน เขากังวลว่า


พวกเขาจะบอกว่าไม่สามารถทาได้ แต่ บารอคสมควรจะ
ได้ ออกไปจากที่นี่และเดินทางไปยังเมืองหลวงเช่นกัน

คาร์ ลเดินผ่านหมอกที่ปกคลุมไปทัว่ เมืองเวสเทิร์น ในขณะที่เขา


นึกถึงคนที่จะไปเมืองหลวงพร้ อมเขา เรื่ องราวในนิยายอ่าน
เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้ อยแต่ใช่วา่ เขาจะยอมแพ้ ในการหา
ผลประโยชน์ให้ แก่ตนเอง

“นายน้ อยมาถึงแต่เช้ าตรู่เลยนะขอรับ…”

พ่อค้ าขนมปั งดูผอ่ นคลายมากขึ ้นเมื่ออยูต่ อ่ หน้ าคาร์ ลหลังจากที่


ได้ พบกับเขา 2-3 ครัง้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถาม
“ขนมปั งล่ะ?”

พ่อค้ าขนมปั งส่งยิ ้มให้ เขาก่อนจะยื่นถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้ วย


ขนมปั ง

“แน่นอนขอรับ กระผมได้ เตรี ยมมันพร้ อมแล้ ว แต่วนั นี ้เป็ นวัน


สุดท้ ายจริ งๆหรื อขอรับ?”

“ทาไม? อยากได้ เงินจากข้ าเพิ่มรึ…”

“ใช่ขอรับ…มันเป็ นเช่นนัน…”

คาร์ ลอมยิ ้ม เขาชอบคาตอบที่ซื่อสัตย์เช่นนี ้ คาร์ ลตบไปที่ไหล่ของ


พ่อค้ าขนมปั งเบาๆซึง่ เขาดูเหมือนจะมีทา่ ทางผ่อนคลายกว่าเดิม
เมื่ออยูก่ บั ตน
“ข้ าจะกลับมาเมื่อข้ าต้ องการกินมันอีก….”

พ่อค้ าขนมปั งมองคาร์ ลเดินจากไปช้ าๆก่อนจะหายลับไปกับ


หมอกทึบ เขาเริ่ มอธิษฐานให้ คาร์ ลกลับมาอุดหนุนอีกครัง้ และให้
เงินแก่เขาเป็ นจานวนที่มากกว่าเดิม

คาร์ ลไม่ทราบถึงคาอธิษฐานของพ่อค้ าขนมปั งเขายังคงมุง่ หน้ าไป


ที่สลัมและได้ พบสองพี่น้องที่รอเขาอยู่

‘เด็ก 2 คนนี ้ไม่มีบ้านอยู่หรื อไง?’

วันนี ้คาร์ ลมาเช้ ากว่าปกติ พี่น้องสองคนนี ้ก็ยงั รอเขาอยูเ่ หมือนกับ


ว่าได้ รอเขาอยูท่ ี่เนินเขาตังแต่
้ เมื่อคืน เด็กชายท่าทางง่วงงุนจึงเอน
ซบเข้ าหาพี่สาวของตน เด็กทังสองค่ ้ อยๆเงยหน้ าขึ ้นมองคาร์ ล ผม
และเสื ้อผ้ าของพวกเขาดูเปี ยกชื ้นอาจเป็ นเพราะพวกเขาอยู่ที่นี่
ในช่วงเช้ าที่มีหมอกลงทึบ

แน่นอน ว่าคาร์ ลแกล้ งทาเป็ นไม่สงั เกตเห็น

“มาเอาไปสิ?” เด็กทังสองส่
้ งยิ ้มให้ กลับคาร์ ลพลางยื่นมือเพื่อ
หยิบเอาอาหารอีกครัง้ คาร์ ลรอจนกระทัง่ เด็กทังคู้ ห่ ยิบมันไปและ
มุง่ หน้ าไปยังอาณาเขตของต้ นไม้ กินคน

“ฉันดีใจที่วนั นี ้หมอกลงหนามาก….”

หมอกทาให้ ทศั นวิสยั ในการมองดูแย่มากขึ ้น เนื่องจากเนินเขานี ้


เป็ นจุดที่สงู ที่สดุ ในเมืองเวสเทิร์นยกเว้ นอาณาเขตของท่านเคานต์
เมื่อหมอกหนาถูกปกคลุมในบริ เวณนี ้ทาให้ ไม่มีใครสามารถเห็น
สิ่งที่คาร์ ลกาลังทาอยูห่ รื อที่สาคัญกว่านันอาจเป็
้ นสิ่งที่เขาจะ
ได้ รับจากต้ นไม้ กินคนนัน่
~ เอาอีก มากกว่านี ้ ขอเพิ่มมากกว่านี ้ ~

คาร์ ลเทขนมปั งจากถุงเข้ าไปในโพรงของต้ นไม้ ขณะที่ต้องฟั งเสียง


ที่น่ากลัวชวนขนลุกนี ้อยู่ตลอดเวลา ทันใดนันความมื
้ ดภายใน
โพรงก็คอ่ ยๆเปลี่ยนจากสีเทาเป็ นสีขาว คาร์ ลเริ่ มยิ ้ม……ความ
พยายามของเขาไม่ใช่เรื่ องไร้ สาระ และตอนนันเอง…….

~ มากกว่านี ้ มากกว่านี ้ มากกว่า


นี ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ~

‘นี่มนั อะไรกัน…..’ คาร์ ลเริ่ มสับสนและก้ าวถอยหลังออกมา


หลังจากได้ ยินเสียงกรี ดร้ องที่เพิ่มมากขึ ้นกว่าเดิม

‘นิยายไม่ได้ บอกว่าจะเป็ นแบบนี ้นี่นา….’


~ ให้ มากกว่านี ้ ให้ ข้ามากกว่านี ้ ข้ าจะให้ รางวัลแก่เจ้ า รางวัล
รางวัล รางวัล ~

ประโยคนันท ้ าให้ คาร์ ลตาเป็ นประกาย เขาไม่คาดหวังว่าวิญญาณ


บ้ านัน่ จะมอบความต้ องการให้ เขาได้ เร็ วเพียงนี ้

“รอสักครู่….”

ต้ นไม้ สีดาขยับก้ านของมันไปมาราวกับพยักหน้ าให้ เขา คาร์ ลรู้สกึ


เหมือนอยูใ่ นฉากภาพยนตร์ สยองขวัญ เขาเริ่ มตัวสัน่ เล็กน้ อยก่อน
จะสาวท้ าวฝ่ าหมอกทึบออกไป ตอนนี ้เป็ นเวลาเช้ าตรู่แต่พระ
อาทิตย์ยงั ไม่ขึ ้นและหมอกก็ยงั คงปกคลุมไปทัว่ บริ เวณ

ดูเหมือนฝนจะตกในไม่ช้า…สองพี่น้องนัน่ คงไปที่ไหนสักแห่งเมื่อ
คาร์ ลกลับมาแล้ วไม่พบกับทังคู
้ ่ เขาคิดว่าเด็กทังสองคงไปหาที
้ ่
หลบฝนแถวๆนี ้อยู่ คาร์ ลวางถุงขนมปั งถุงที่สามของวันนี ้ลง
ตรงหน้ าของต้ นไม้ กินคน

‘หวังว่านี่คงเป็ นถุงสุดท้ าย….’

แสงภายในโพรงต้ นไม้ สว่างเป็ นสีขาวเหมือนหมอกสีขาวที่โอบ


รอบคาร์ ลไว้

‘มันจะกลายเป็ นแสงสว่างที่ขาวกว่านี ้เมื่อฉันใส่ขนมปั งถุงสุดท้ าย


นี ้เข้ าไป’

และในที่สดุ …….

~ อร๊ างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ~
เสียงที่ดงั กึกก้ องขึ ้นมันเป็ นเสียงที่แตกต่างจากเสียงพูดที่คาร์ ล
เคยได้ ยิน เสียงที่ดงั ออกมาจากต้ นไม้ ไม่ได้ ดงึ ดูดความสนใจของ
เขาเท่ากับสิ่งที่เห็นตรงหน้ า โพรงของต้ นไม้ กาลังโปร่งแสงสว่าง
ขึ ้นช้ าๆในโพรงของมันที่ควรจะมีความมืดมิดปกคลุมเพราะเงา
ของมัน แต่ในสถานการณ์ตอนนี ้กับไม่เป็ นเช่นนัน… ้

นี่คือพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ

ช่วงเวลาที่คาร์ ลได้ เห็นพลังอันยิ่งใหญ่นนั่ เขาก็ยงั ได้ ยินเสียงพูดที่


เรี ยกร้ องให้ เขาหาอาหารให้ มาจนถึงบัดนี ้

มันเป็ นสิ่งที่วิเศษมาก!

เสียงนันมั
้ น………น่าสะพรึงกลัว
~ ขนมปั งมันเนื ้อนุ่ม!….ข้ าชอบขนมปั งในถุงที่สามที่เจ้ านามันมา
ให้ ข้ายิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปอาหารจะพัฒนาได้ ขนาดนี ้
สมัยของข้ า!….ไม่มีสิ่งใดที่อร่อยเช่นนี ้…แม้ กระทัง่ ข้ าวสาลีก็ต้อง
เติบโตบนแผ่นดินที่อดุ มสมบูรณ์จริ งๆ…ไม่!….ไม่ใช่แค่ข้าวสาลี
ไม่วา่ อะไรก็เป็ นเช่นกัน ~

เสียงนัน่ กาลังวิจารณ์รสชาติของขนมปั ง

พลังของเสียงนัน่ พุง่ ตรงไปที่คาร์ ล

‘เรื่ องนี ้มันไม่ได้ อยูใ่ นนิยาย…..’

จิตวิญญาณที่ผกู ติดกับผืนดินเพราะความเสียใจกาลังถูกแก้ ไข
ด้ วยการวิจารณ์รสชาติของขนมปั ง คาร์ ลเริ่ มกระพริ บตาอีกครัง้
เขากาลังคิดถึงพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณในนิยายเรื่ องกาเนิดวีรบุรุษได้
กล่าวว่าโล่นิรันดร์ กาลคือพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเพียงอย่างเดียวที่
ถูกเขียนขึ ้นในนิยายเรื่ องนี ้ แต่มนั ไม่เคยได้ รับการถูกกล่าวอ้ างว่า
ผู้ใดเป็ นผู้ครอบครอง

‘ไม่ต้องสงสัยใดๆเลย คงไม่มีใครสามารถควบคุมพลังมันได้ แต่


คนเขียนนิยายกลับสร้ างสิ่งที่มีประโยชน์เช่นนี ้ขึ ้นมาแต่กลับไม่ให้
ใครได้ ครอบครอง?’

นัน่ คือความคิดให้ หวั ของคาร์ ล แต่เสียงอันน่าสะพรึงกลัวยังคงพูด


พล่ามต่อไปทาให้ เขาไม่สามารถจะโฟกัสต่อสิ่งใดได้

~ นัน่ เป็ นเหตุผลที่ทาให้ ข้ารู้สกึ เติมเต็ม! มันอร่อยยิ่งนัก! ~

เสียงน่าสะพรึงยังคงพูดพล่ามไม่หยุดเหมือนรู้สกึ ไม่พอใจที่ไม่เคย
ได้ ทานอาหารที่อร่อยเช่นนี ้มาก่อน หลังจากได้ ฟังเสียงนัน่ พล่าม
ประมาณ2-3นาทีเกี่ยวกับการวิจารณ์รสชาติอาหารที่คาร์ ลนามา
ให้ คาร์ ลพยักหน้ าตอบรับและพยายามไม่สง่ เสียงเพื่อขัดจังหวะ
มัน ขนมต่างๆเหล่านี ้ไม่สามารถมีในสมัยในอดีต คนของป่ าแห่ง
ความมืดอ้ างว่าตนคือคนรับใช้ พระเจ้ าแต่ได้ รับเพียงอาหารที่จืด
ชืดรสชาติแย่เท่านัน้ อย่างไรก็ตามคาร์ ลตัดสินใจที่จะรออีกสักพัก
หลังจากที่ได้ ยินเสียงของวิญญาณนัน่ พูดถึงเรื่ องราวในอดีต

~ข้ าถูกเนรเทศออกจากที่นนั่ พวกมันกล่าวว่าข้ าเป็ นคนตะกละ


โลภมาก! ตะกละตูดมันสิ…แน่นอนว่าข้ าออกมาพร้ อมกับเพื่อน
ของข้ า..พวกเรากาลังวางแผนที่จะทาให้ โลกนี ้กลับสูท่ ิศทางที่
ถูกต้ อง ……~
สาหรับคนที่ชอบเรื่ องราวเกี่ยวกับพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเช่นเขา
นับว่าเป็ นสิ่งสาคัญในการหาข้ อมูลเพิ่มเติมแต่ข้อมูลเหล่านี ้กลับ
จบลงอย่างรวดเร็ ว มันกลับมาพูดเรื่ องอาหารและเรื่ องไร้ สาระ
อื่นๆ คาร์ ลจะต้ องตัดบทการสนทนาให้ เร็ วที่สดุ

~ ข้ าไม่คิดว่าข้ าจะยอมแพ้ ตอ่ การได้ ทดลองลิ ้มลองรสชาติแสน


อร่อยต่อให้ ข้าจะอ้ วนเพียงใดก็ตาม….แต่มนั ไม่ยตุ ิธรรมที่ข้าได้
กินเพียงแต่ของสกปรกและจบลงด้ วยความตาย ~

“ใช่ มันเป็ นการทดลองที่ยอดเยี่ยมและเป็ นมืออาชีพมาก เพียง


แค่………..”

เสียงอันน่าสะพรึงนัน่ ตัดบทสนทนาของคาร์ ลทันที

~โอ้ ว…….เจ้ าเข้ าใจในสิ่งที่ข้าต้ องการจะทดลอง เจ้ าเป็ นคนดี


จริ งๆ ขอบคุณ!ขอบคุณ!~
คาร์ ลไม่สามารถบอกได้ วา่ เขาสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้
หรื อไม่? เขาคิดไม่ออกกับสถานการณ์ที่กาลังเผชิญอยูแ่ ต่เสียง
น่าสะพรึงนัน่ ก็เงียบไปหลังจากที่มนั กล่าวขอบคุณเขาจบ คาร์ ล
จ้ องมองไปยังต้ นไม้ กินคนตรงหน้ าเขา

“น่าสนใจมาก!!!!”

ต้ นไม้ กินคนจากเดิมที่เป็ นสีดาตอนนี ้มันเปลี่ยนเป็ นสีขาวก่อนจะ


ค่อยๆมีใบไม้ สีเขียวผุดขึ ้นบางส่วนบนกิ่งก้ านของมัน ฉากที่
ปรากฏขึ ้นตอนนี ้คงเป็ นภาพที่ดลู ี ้ลับมากขึ ้นเพราะตัวเขาถูก
ล้ อมรอบด้ วยหมอกทึบ

~อร๊ างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~
เสียงที่ดงั กึกก้ องมันดูรุนแรงต่างจากเดิม คาร์ ลคุกเข่าลงด้ านข้ าง
และทิ ้งตัวลงนัง่ ใต้ ลาต้ นของต้ นไม้ มีแสงสีขาวสว่างจ้ าออกมาจาก
โพรง คาร์ ลยื่นมือเข้ าไปในแสงสีขาว จากนันก็ ้ หลับตาลง

‘นี่ต้องได้ แบบนี่’

พลังอันอบอุน่ และรุนแรงค่อยๆโอบรอบมือของเขาไว้ เขาเริ่ มยิ ้ม


ก่อนที่จะได้ ยินเสียงอีกครัง้ มันเป็ นเสียงที่กงั วานบริ สทุ ธิ์และ
อบอุน่

~มันจะปกป้องเจ้ า~

ชิ๊ง!
เพียงพริ บตาแสงสว่างจ้ าก็โอบรอบตัวของคาร์ ล มันเป็ นแสงสีเงิน
บริ สทุ ธิ์และมันก็ถกู ดูดกลืนเข้ าสูร่ ่างกายของคาร์ ลก่อนจะไป
รวมกันที่ตาแหน่งหัวใจ

“เฮือกกกกกกกกก” คาร์ ลถอนหายใจยาวก่อนลืมตาขึ ้น มันไม่ได้


รู้สกึ เจ็บ มันอบอุน่ และพลังบริ สทุ ธิ์นี ้ทาให้ คาร์ ลมีความสุข เขารี บ
เปิ ดเสื ้อที่เขาใส่ไว้ ออกจากตัวเพื่อดูมนั

‘ฉันทามันได้ ….’

มีโล่เงินขนาดเล็กที่ถกู สลักเป็ นเครื่ องหมายอยูเ่ หนืออกด้ านซ้ าย


ซึง่ เป็ นตาแหน่งเดียวกับหัวใจของเขา มันต่างจากรอยสักทัว่ ไปมัน
ดูสวยงามและเหนือจินตนาการ โล่จะเป็ นสิ่งที่บอกความสาคัญ
ถึงความปลอดภัยของเจ้ าของเหนือสิ่งอื่นใด มันก็เหมือนกับว่าโล่
ที่ล้อมรอบหัวใจเขาตอนนี ้จะทาทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา
พลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเช่นนี ้จะมีเครื่ องหมายที่ไม่ซ ้ากันและมันจะ
เริ่ มทางานเมื่อมีการเปิ ดใช้ งานขึ ้น

คาร์ ลได้ ใช้ วิธีการที่เขียนขึ ้นในนิยายเพื่อเรี ยกใช้ พลังศักดิ์สทิ ธิ์


โบราณอย่างรวดเร็ว

ผ่างงงงงงงง……

โล่นิรันดร์ กาลได้ ปรากฏอยูต่ รงหน้ าของคาร์ ล มันเป็ นโล่เงินที่มี


ขนาดใหญ่พอที่จะปกคลุมร่างกายส่วนบนของคาร์ ลได้ มันมีปีก
เงินอยูด่ ้ านข้ างทังสองด้
้ านของโล่ ทาให้ โล่สามารถเคลื่อนย้ ายได้
ภายในรัศมีร่างกายของคาร์ ลและขนาดของมันก็สามารถควบคุม
ได้

คาร์ ลเริ่ มควบคุมขนาดของโล่ที่เป็ นส่วนหนึง่ ของร่างกายตนแล้ ว


ความกลมกลืนนี ้เป็ นหนึง่ ในลักษณะพิเศษของพลังศักดิ์สทิ ธิ์
โบราณ นัน่ เป็ นเหตุผลที่เหล่าวีรบุรุษใช้ มนั แม้ จะเป็ นเพียงแค่ใช้
สนับสนุนพลังหลักของตนเท่านัน้

คาร์ ลเริ่ มยิ ้มออกมา……..

‘มากสุดได้ เพียงสองครัง้ ’

คาร์ ลกาลังคิดถึง เชวฮันซึง่ เป็ นคนที่แข็งแกร่งที่สดุ ที่อยูข่ ้ างกาย


เขา โล่ควรจะสามารถป้องกันการโจมตีจากเชวฮันได้

‘ความแข็งแรงของโล่นี ้แข็งแกร่งกว่าที่ฉนั คาดไว้ ทาไมพวกวีรบุรุษ


ถึงไม่ใช้ มนั ตลอดกัน?’

โล่นิรันดร์ กาล เป็ นชื่อเรี ยกของโล่ที่มีความเป็ นอมตะยากแก่การ


ทาลาย แต่คณ ุ สมบัติมนั ก็ยงั ต่างกับชื่อ มันสามารถหายไปได้ เมื่อ
ถูกทาลายได้ เช่นกัน หากโล่ได้ รับการโจมตีที่แข็งแกร่งกว่า
ความสามารถของมันโล่นี ้จะเก็บสะสมพลังของมันไว้ ให้ มากที่สดุ
เท่าที่จะทาได้ เพื่อปกป้องหัวใจของเจ้ าของก่อนจะหยุดพักไป
หลังจากนันโล่
้ จะฟื น้ ตัวและสามารถกลับมาใช้ งานได้ อีกครัง้
ความแข็งแรงของโล่ก็มาจากหัวใจของเจ้ าของ

หัวใจที่กาลังเต้ นกระหน่านันกลายเป็
้ นพลังของโล่ หัวใจที่
แข็งแกร่งของเจ้ าของในขณะที่โล่พยายามปกป้องหัวใจ มันจะเกิด
สิ่งใดขึ ้นเมื่อในขณะนันเจ้
้ าของมีหวั ใจที่แข็งแกร่ง…?

‘มันก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ ้น’

มีหลายวิธีในการเสริ มสร้ างพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณนี ้ คาร์ ลจะต้ อง


เสริ มสร้ างความแข็งแกร่งให้ กบั โล่บนเส้ นทางสูเ่ มืองหลวง เมื่อ
เหตุการณ์เป็ นเช่นนี ้ เขาควรจะสามารถสร้ างโล่ที่สามารถฟื น้ ตัว
ได้ ภายใน 10 นาทีไม่! นานไป….ต้ องน้ อยกว่า 5 นาที เมื่อคนที่
มีพรสวรรค์เช่นเชวฮันจะพยายามฆ่าเขาด้ วยพลังทังหมดที ้ ่เขามี
พลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเช่นเดียวกับที่พบในต้ นไม้ กินคนนี ้เป็ นเรื่ อง
ยากที่จะหามันพบยกเว้ นแต่จะสามารถรู้หรื อพบมันได้ ด้วยความ
บังเอิญ ‘ความบังเอิญ’ที่มีระบุในนิยายตังแต่ ้ เล่ม1ถึงเล่ม5 นัน่
คือสิ่งที่คาร์ ล เฮนิตสั รับรู้มนั เป็ นอย่างดี

คาร์ ลเริ่ มยกยิ ้มอีกครัง้ เขาเอื ้อมมือไปสัมผัสกับโล่ที่อยูต่ รง


ตาแหน่งหัวใจของตน เขารู้สกึ ดีกบั สิ่งที่ได้ รับแต่มีอยูส่ ิ่งหนึง่ ที่เขา
รู้สกึ ไม่ชอบใจ

“มันดูเหมือนพระเจ้ าเกินไป” มันมีลกั ษณะเหมือนโล่ศกั ดิ์สิทธิ์ที่


เหล่าอัศวินของพระเจ้ าใช้ ถือคูก่ บั ดาบตามตานาน แน่นอนว่าเจ้ า
ของเดิมของโล่นี ้เป็ นนักบวชที่เบื่อหน่ายกับคาสอนของพระเจ้ า
และเจ้ าของคนปั จจุบนั เช่นคาร์ ลก็ไม่ชื่นชอบพระเจ้ า

‘ไม่ใช่วา่ จะมีเหตุผลมากมายที่ฉนั จะใช้ โล่นี ้’


เขากาลังวางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไปให้ คนอื่น ความน่ากลัว
ของการโจมตีในเมืองหลวงนันเขาอาจจะต้
้ องใช้ มนั หากมีสิ่งที่เป็ น
อันตรายเกิดขึ ้นต่อตนเอง แต่เขาจะทาให้ แน่ใจว่ามันจะต้ องมี
ขนาดเล็กและเป็ นเพียงเงาบางเบาเพื่อไม่ให้ คนอื่นสังเกตเห็นมัน

คาร์ ลกลับไปสนใจโล่ที่อยู่บนตาแหน่งหัวใจของตนอีกครัง้ และตบ


เบาๆไปที่ต้นไม้ สีขาวที่อยูต่ รงหน้ าก่อนจะเริ่ มเดินออกไปจาก
บริ เวณนี ้ หมอกทึบเริ่ มคลายลงก่อนจะเริ่ มกลายเป็ นสายฝนที่เริ่ ม
ตกกระทบใส่ไหล่ของคาร์ ลให้ เปี ยกชื ้นขึ ้น คาร์ ลชอบหมอกแต่ไม่
ชอบฝน เขาเริ่ มเดินให้ เร็ วขึ ้นเขาต้ องไปยังคฤหาสน์ให้ เร็ วที่สดุ
ตอนนี ้เขาต้ องการเพียงรถม้ าเท่านัน….. ้

ตอนนันเอง……….

“เมี ้ยว เมี ้ยว”


คาร์ ลรู้สกึ เย็นวาบไปทัว่ ต้ นคอ มันเป็ นซอยด้ านขวามือที่อยูด่ ้ าน
นอกของคฤหาสน์เฮนิตสั เขามองเห็นดวงตาสีทองสองคูท่ ี่จ้อง
มองเขาอยู่ ก่อนที่อาการขุน่ เคืองจะเริ่ มปรากฏขึ ้น

มีลกู แมวสองตัวอยูต่ รงหน้ าคาร์ ลพวกมันดูน่าสงสารและร่างกาย


ต่างเปี ยกโชกไปด้ วยสายฝน พวกมันก้ าวช้ าๆมาหาคาร์ ลก่อนจะ
เอาแก้ มของพวกมันถูไถไปกับเท้ าของเขา

“เฮ้ อ…..” คาร์ ลถอนหายใจยาวและออกเดินต่อ ลูกแมวทังคู ้ ต่ า่ ง


วิ่งตามหลังคาร์ ลไป พวกมันออกวิ่งตามคาร์ ลไปอีกครัง้ เหมือนกับ
ว่าไม่มีอะไรจะมาขัดขวางความตังใจของพวกมั
้ นได้ แม้ จะมีขาที่
สันเพี
้ ยงใดก็ตาม

“นายน้ อยเกิดอะไรขึ ้นขอรับ?”


คนที่ทกั คาร์ ลคือรองพ่อบ้ านฮันส์ เขามีทา่ ทางสับสนและดวงตา
เบิกกว้ างต่อสิ่งที่อยูเ่ บื ้องหน้ า ท่าทางฮันส์จะตกใจมาก คาร์ ล
เดาะลิ ้นของตนเองก่อนที่จะส่งสิ่งที่อยูใ่ นมือตนยื่นให้ แก่ฮนั ส์

“อย่าถามอะไรโง่ๆ มาเอามันไป…”

ดวงตาของฮันส์เริ่ มพราวระยับ

“ลูกแมวนี่ขอรับ? มันช่างน่ารักเหลือเกิน…”

รองพ่อบ้ านฮันส์ทาตัวได้ สมเป็ นพ่อบ้ านผู้ใสซื่อจริ งๆ? เขาวางลูก


แมวทังสองตั
้ วใส่ในมือฮันส์ที่กาลังตื่นเต้ นยินดีด้วยความ
ระมัดระวัง

ลูกแมวทังสองที
้ ่ห้อยต่องแต่งอยูใ่ นมือของฮันส์ยงั คงจ้ องมองมาที่
คาร์ ลอยู่แม้ วา่ พวกมันจะอยูใ่ นมือของฮันส์แล้ วก็ตาม
“นายน้ อย กระผมขอเป็ นคนเลี ้ยงลูกแมวน่ารักสองตัวนี ้เองนะ
ขอรับ?”

“แล้ วแต่เจ้ าเถิด…” ฮันส์ยิ ้มกว้ างขึ ้นด้ วยความยินดี คาร์ ลเดิน
ผ่านฮันส์ที่กาลังตื่นเต้ นไปอย่างช้ าๆ

“อ้ อ! มีบางอย่างที่เจ้ าต้ องรู้ …พวกมันจะเงียบสงบเมื่อเจ้ าเอา


อาหารให้ มนั กินและพวกมันทังคู ้ เ่ ป็ นพี่น้องกัน”

ลูกแมวทังสองต่
้ างสะดุ้งและเริ่ มสัน่ ไปทังตั
้ ว ตาสีทองของพวกมัน
เบิกกว้ างขึ ้นขณะที่ยงั จ้ องมองไปที่คาร์ ล

“อะไรนะขอรับ?”
ในตอนที่คาร์ ลถามขึ ้นด้ วยความสับสน เขาก็เดินกลับไปหาฮันส์
จากนันก็
้ ก้มศีรษะของตนลงก่อนจะลูบเบาๆไปที่ศีรษะของพวก
มัน นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ตลอดในช่วง 2-3 วันมานี ้และมันทาให้
เขาคาใจมาโดยตลอด

ลูกแมวขนสีเงินมีกลิ่นเหม็นของสมุนไพรชนิดเดียวกับที่เขาเคยให้
เด็กหญิงและตอนที่เขาอุ้มลูกแมวทังคู้ เ่ มื่อก่อนหน้ านี ้เขาก็ได้
กลิ่นสเต็กเนื ้อและเบคอนพาสต้ าครี มที่เขาเคยให้ แก่สองพี่น้องนัน่
เช่นกัน

สิ่งเหล่านี ้ทาให้ ความสงสัยและความคาใจทังหมดของเขาได้


้ รับ
การแก้ ไขในทันที

“พวกเจ้ าคิดว่าข้ าไม่ร้ ูงนหรื


ั ้ อ?”
ตาสีทองของลูกแมวทังสองตั
้ วยังคงสัน่ ไหวรุนแรง เขามองไปที่
สองพี่น้องที่เคยมอบอาหารให้ เมื่อไม่นานมานี ้ก่อนจะยิ ้มออกมา
บทที่ 12 เอามันออกมา 5

แปะ! แปะ! แปะ!

เสียงตบเบาๆดังขึ ้น แม้ แต่ลกู แมวที่แข็งแรงก็สะท้ านได้ พวกมัน


ยังคงจ้ องไปที่คาร์ ลเท่านัน้ คาร์ ลคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ พบกับเชวฮัน
เป็ นครัง้ แรก ตอนนันลู
้ กแมวขนสีเงินที่ได้ รับบาดเจ็บส่งเสียงขูเ่ ชว
ฮัน ขณะที่ลกู แมวขนสีแดงเข้ มกาลังสะอื ้นอยูข่ ้ างๆ

‘ลูกแมวสีเงินนี่คงเป็ นพี่สาว ส่วนอีกตัวคงเป็ นน้ องชายสินะ’

คาร์ ลมีรอยยิ ้มสดใสบนใบหน้ า เขามองไปที่ลกู แมวและเริ่ มพูด


“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันภายหลัง…..” สองพี่น้องที่ดเู หมือนจะเป็ น
สัตว์อสูรต่างเลี่ยงการสบสายตาจากคาร์ ล ก่อนที่ฮนั ส์จะเอ่ยถาม
ด้ วยความสับสน

“…..นายน้ อยพูดกับกระผมหรื อขอรับ?”

“ไม่ใช่เจ้ า!”

ฮันส์มองไปที่คาร์ ลสลับกับมองที่ลกู แมวทังสองด้


้ วยความรู้สกึ
สับสนยิ่งขึ ้น ก่อนที่พวกมันทังสองตั
้ วจะเบียดเข้ าหาตัวฮันส์
เหมือนมันพยายามหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็ นอันตรายต่อตัวพวกมัน
แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ต้องเผชิญหน้ ากับคาร์ ลอีกครัง้ อยู่ดี

“นายน้ อยจะออกไปข้ างนอกหรื อขอรับ?”


“ใช่” นัน่ เป็ นเพราะคาร์ ลเปลี่ยนชุดที่เขาใส่เมื่อเช้ าและเตรี ยมตัว
จะออกไปข้ างนอกอีกครัง้

“นายน้ อยจะไปไหนหรื อขอรับ”

“ข้ าจะไปทาตามสัญญาที่ให้ ไว้ กบั คนคนหนึง่ และข้ าจะไปพบเขา


ในวันนี ้”

“นายน้ อย รักษาสัญญาด้ วยหรื อขอรับ?” ฮันส์มองคาร์ ลอย่าง


ตกใจก่อนเอ่ยปากอย่างลืมตัว

“ดูเหมือนเจ้ าจะหยาบคายไปนะ…”

“ขออภัยด้ วยขอรับ…..” คาขอโทษจากปากรองพ่อบ้ านฮันส์ถกู


เอ่ยขึ ้นอย่างรวดเร็ว
‘เขาจะเป็ นตัวเลือกที่ดีที่สดุ ในการถูกแต่งตังเป็
้ นหัวหน้ าพ่อบ้ านรึ
ไม่นะ? เขาดูดีมากในระหว่างที่จดั การกับปั ญหาของเชวฮัน’

คาร์ ลรู้สกึ ว่าฮันส์ผ้ ทู ี่กาลังลูบไล้ แมวน้ อยทังสองตั


้ วอยูน่ นั ้ เป็ นคน
ที่ไม่น่าเชื่อถือเป็ นยิ่งนัก

‘ฉันจะพาเขาไปยังเมืองหลวงด้ วย’

คาร์ ลกาลังนึกถึงสิ่งนี ้อยู่ บางอย่างที่ฮนั ส์ไม่เคยคาดหวังแม้ แต่ใน


ฝันของเขา…ไม่…มันไม่ใช่สิ่งที่ฮนั ส์จะมาเสียใจคร่ าครวญแม้ วา่
เขาจะได้ เรี ยนรู้เรื่ องนี ้ในฝันของเขา ก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยถาม
เกี่ยวกับคนที่เขาไม่ได้ เห็นมาชัว่ ระยะหนึง่

“รอนอยูท่ ี่ใด?”

ฮันส์มีรอยยิ ้มพอใจเมื่อได้ ยินคาถามนัน้


“กระผมได้ ยินมาว่าท่านเชวฮันจะเดินทางไปคุ้มครองนายน้ อย
เมื่อตอนไปเยือนเมืองหลวง จริ งหรื อไม่ขอรับ?”

ฮันส์กาลังนึกถึงท่านเชวฮันผู้ซงึ่ แพ้ การประลองการต่อสู้กบั เหล่า


ทหารองค์รักษ์ ของท่านเคานต์ทงหมดในวั
ั้ นนี ้ เขามีฝีมือดีพอที่
ปกป้องคุ้มครองนายน้ อยอย่างที่นายน้ อยต้ องการได้ จริ งหรื อ?

ฮันส์และเหล่าทหารองครักษ์ ไม่อาจรู้ได้ วา่ เชวฮันได้ ซอ่ นพลังที่


แท้ จริ งของเขาเอาไว้

“หัวหน้ าพ่อบ้ านรอนทราบว่าท่านเชวฮันจะไปเมืองหลวงกับนาย


น้ อยด้ วย เขาจึงพาท่านเชวฮันไปซื ้อเสื ้อผ้ าและข้ าวของที่จาเป็ น
อื่นๆเพื่อใช้ ในการเดินทางขอรับ อ่อ…..พ่อครัวบารอคก็ไปด้ วย
ขอรับ”
“เช่นนันหรื
้ อ? โล่งอกไปที”

‘ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีขึ ้น’

มีรอยยิ ้มสดใสที่หาได้ ยากปรากฏขึ ้นบนใบหน้ าคาร์ ล รอยยิ ้มนันดู ้


เข้ ากับผมสีแดงสวยๆนัน่ ยิ่งนัก ฮันส์เริ่ มพูดขึ ้นด้ วยความสุขใจเมื่อ
เห็นรอยยิ ้มนันของคาร์
้ ล

“พ่อบ้ านรอน พ่อครัวบารอค และท่านเชวฮันต่างรู้สกึ ตื่นเต้ นดีใจ


ยิ่งนักที่ได้ เดินทางไปรับใช้ นายน้ อย”

ฮันส์สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบนใบหน้ า
ของคาร์ ลเมื่อเขาเอ่ยประโยคนันจบลง
้ ดูเหมือนนายน้ อยจะ
กระหายอะไรบางอย่าง? และเขาไม่สามารถหาคาตอบได้ เช่นกัน
ทังสองคนเดิ
้ นออกนอกประตูใหญ่อีกครัง้ ขณะที่คาร์ ลจะก้ าวขึ ้น
รถม้ าเขาได้ เอ่ยถามฮันส์ที่คอยเฝ้ามองเขาอยู่

“อ้ อ!..ฮันส์….เหล่าพ่อบ้ านไม่ได้ เรี ยนรู้ศิลปะป้องกันตัวหรื อ?”

“ใช่แล้ วขอรับ”

“ถ้ าเช่นนันเจ้
้ าก็เป็ นตัวเลือกในการถูกแต่งตังเป็
้ นหัวหน้ าพ่อบ้ าน
ที่ดีที่สดุ แล้ วสินะ?”

ริ มฝี ปากของฮันส์เริ่ มขยับขึ ้นและลงอย่างรวดเร็ว ท่านเคานต์เดอ


รัชโปรดปรานฮันส์มากที่สดุ เพราะเขาทาหน้ าที่ที่ได้ รับมอบหมาย
ได้ อย่างดีและมีบคุ ลิกที่เหมาะสมเช่นกัน
“ขอรับนายน้ อย..กระผมรู้พื ้นฐานศิลปะการต่อสู้สามแบบที่
แตกต่างกันออกไป การต่อสู้ด้วยมือเปล่า การใช้ มีดสันและการใช้

หอกขอรับ”

พ่อบ้ านที่ดีจาเป็ นต้ องเรี ยนรู้รูปแบบการต่อสู้ขนพื


ั ้ ้นฐานที่แตกต่าง
กันออกไป หากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ ้นพวกเขาจาเป็ นต้ องปกป้อง
และพาเจ้ านายหลบหนีไปให้ ได้

“มันวิเศษมาก!!!”

“กระผมคิดว่าตัวเองน่าทึง่ เล็กน้ อยขอรับ”

คาร์ ลไม่สามารถยับยังรอยยิ
้ ้มของเขาลงได้ เมื่อเห็นฮันส์ยกไหล่
ของตนเองเชิดขึ ้นเล็กน้ อยในขณะที่ริมฝี ปากก็ยงั คงสัน่ ระริ กด้ วย
ความตื่นเต้ นไม่หยุด ลูกแมวทังสองต่
้ างสัน่ ศีรษะของพวกมันขณะ
จ้ องมองไปยังฮันส์และรอยยิ ้มที่แสนเจ้ าเล่ห์บนใบหน้ าของคาร์ ล
“ข้ าจะออกไปแล้ ว”

คาร์ ลตัดสินใจที่จะพาฮันส์ไปยังเมืองหลวงเพื่อดูแลสิ่งที่น่า
ราคาญทังหลายเขาไม่
้ อยากเป็ นคนจัดการทังหมดด้
้ วยตัวเขาเอง
คาร์ ลปิ ดประตูรถม้ าก่อนที่มนั จะวิ่งฝ่ าหมอกหนาและสายฝนที่ตก
แรงขึ ้นเพื่อมุง่ หน้ าไปยังจุดหมายปลายทาง

[ร้ านกลิ่นชากับบทกวี]

คาร์ ลเงยหน้ ามองแผ่นป้ายขนาดใหญ่ก่อนเปิ ดประตูเข้ าไป

~ กรุ๊งกริ๊ ง กรุ๊งกริ๊ ง ~ เสียงกระดิ่งหน้ าร้ านดังขึ ้นอย่างชัดเจน


ก่อนที่คาร์ ลจะพาตัวเองเข้ าไปในร้ านที่ยงั คงเงียบเหงาอยู่

“ข้ าเดาว่าคงไม่มีใครอยู่ที่นี่มากนักเพราะฝนที่ตกหนักเช่นนี ้”
“ยินดีต้อนรับขอรับ นายน้ อย”

บิลอส ลูกชายนอกสมรสของหัวหน้ าสมาคมการค้ าฟลินน์ เขา


ต้ อนรับคาร์ ลราวกับรู้จกั กันมาเป็ นเวลานาน คาร์ ลนัง่ อยูห่ น้ า
เคาน์เตอร์ และเอ่ยสนทนากับบิลอส

“ข้ าสัญญาว่าจะกลับมาอีกครัง้ และข้ าต้ องรักษาสัญญา”

“แน่นอนขอรับ สัญญาก็ต้องรักษาสัญญา กระผมควรเตรี ยม


หนังสือกับชาเหมือนครัง้ ก่อนหรื อไม่ขอรับ?”

“ได้ สิ ชาสักสามอย่าง”

“ชาอะไรที่กระผมควรทาขอรับ?”
คาร์ ลได้ สงั่ ชาสามชนิดแก่บิลอส ก่อนจะให้ เวลาแก่เขาในการ
เตรี ยมชาให้ พลางหันไปมองรอบๆและมุง่ หน้ าไปยังชันสาม้

~ ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ~

ฝนดูทา่ จะตกหนักกว่าเดิม เตราะ! คาร์ ลเดาะลิ ้นของเขาและเดิน


กลับไปนัง่ ที่จดุ เดิมใกล้ หน้ าต่างชันสามและมองออกไป

“ฝนตกแรงขึ ้นใช่มย?”
ั้

บิลอสขึ ้นมาและนัง่ ตรงข้ ามกับเขาพร้ อมกับชาชนิดเดียวกับตน


คาร์ ลลอบสังเกตบิลอสอย่างใกล้ ชิด

‘ เชวฮัน บารอค รอน และในที่สดุ บิลอส’


นี่เป็ นรายชื่อของบุคคลที่ยงั คงปรากฏตัวขึ ้นในหนังสือเล่มที่ผา่ น
มา …นิยายเล่มที่ 1….แน่นอนว่าบทบาทของบิลอสมีประโยคที่
เขียนถึงประมาณ 2 ประโยคของนิยายเล่มที่ 1 เป็ นเจ้ าของร้ าน
ชาที่เชวฮันได้ หยุดพักและเขาได้ กลับมาอีกครัง้ ในนิยายเล่มที่3
เพื่อสาบานความจงรักภักดีต่อเชวฮันและเปิ ดเผยความ
ทะเยอทะยานของตนเอง

‘เปิ ดเผย’ คานันมี


้ ความสาคัญ

‘เขายังเป็ นคนโลภเสมอ’

บิลอส ต่างจาก ฮงกิลดง[1]

เขาไม่ร้ ูสกึ เศร้ าหรื อเสียใจที่ไม่ได้ เรี ยกพ่อของตนว่า ‘พ่อ’หรื อ


สามารถเรี ยกพี่ชายว่า ‘พี่ชาย’ ได้ ในความเป็ นจริ งเขาพยายามจะ
เอาชนะพวกเขา บิลอสต้ องการที่จะทาทุกอย่างเพื่อให้ พวกเขาไม่
มีทางเลือกอื่นนอกจากการยอมรับตนเอง เขาต้ องการที่จะสร้ าง
สถานการณ์ที่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ วา่ นี่คือลูกชายและ
น้ องชายของพวกเขา

‘เขาจะต้ องเหนื่อยสักหน่อย’

คาร์ ลคิดว่าบิลอสมีชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยแต่เขาก็ไม่ได้ ยอมแพ้ กบั สิ่ง


ที่เกิดขึ ้น ความจริ งที่วา่ เขาเผชิญหน้ ากับสิ่งเหล่านี ้มันทาให้ เขามี
ความเป็ นคนมากยิ่งขึ ้น

คาร์ ลไม่ชอบคนที่มีพร้ อมทังความสามารถและความแข็


้ งแรงแต่
กลับพูดว่า ‘ฮืออออ….ฉันยอมแพ้ แล้ ว’ หรื อ‘ฉันไม่มีทางเลือกอื่น’
ทาไมคนเราจะต้ องยอมแพ้ กบั ปั ญหาที่ตนเผชิญ? คุณควร
เผชิญหน้ ากับมันด้ วยความเข้ มแข็งและกาลังทังหมดที
้ ่คณ
ุ มี……
อย่างไรก็ตามบิลอสจะต้ องได้ พบกับเชวฮันอย่างน้ อยหนึง่ ครัง้
ตามเนื ้อหาของนิยายเล่มที่ 1 แม้ จะเป็ นช่วงเวลาสันๆก็
้ ตาม

คาร์ ลได้ ยินเสียงของบิลอสที่เอ่ยถามตนก่อนจะทาให้ ความคิด


ของเขาหยุดชะงักไปเล็กน้ อย

“นายน้ อย กระผมได้ ยินมาว่าท่านจะเดินทางไปยังเมืองหลวงหรื อ


ขอรับ?”

“ทาไมเจ้ ายังนัง่ อยูท่ ี่นี่? ไม่มีงานทาหรื อไง?”

การได้ เห็นคาร์ ลแกล้ งเป็ นไม่ได้ ยินกับคาถามของตนทาให้ รอยยิ ้ม


ปรากฏเต็มหน้ าของบิลอส เขาไม่ได้ พยายามที่จะซ่อนรอยยิ ้มนัน้
เลย อ่า…..ช่างเป็ นนายน้ อยที่น่าสนใจยิ่งนัก เขาสามารถบอกได้
ว่านายน้ อยคาร์ ลเป็ นคนที่ชดั เจนตรงไปตรงมา
“กระผมก็จะมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวงเช่นกัน ถ้ าให้ เดาก็คงจะ
เดินทางช้ ากว่านายน้ อยขอรับ”

“แล้ ว?…………” คาร์ ลรู้เรื่ องนี ้ดี หากบิลอสจะได้ พบกับเชวฮัน


อีกครัง้ ตามเนื ้อหาในนิยายเล่มที่ 3 เขาจะต้ องมุง่ หน้ าไปยังเมือง
หลวงในเร็วๆนี ้เช่นกัน

บิลอสมีทา่ ทางชะงักนิ่งไป ขณะที่เขาถามคาร์ ลที่กาลังจิบชาและ


มองออกไปนอกหน้ าต่าง

“นายน้ อยดูเหมือนท่านจะเปลี่ยนไป?”
เมื่อคาร์ ลหันกลับมามองบิลอส เขาก็สง่ ยิ ้มให้ คาร์ ลเต็มหน้ า คาร์ ล
ลดมือของเขาไปวางที่คางพลางจ้ องมองไปที่บิลอส

“นายน้ อยดูแตกต่างจากชื่อเล่นของท่านนัก”

“ชื่อไหน? ขยะไร้ คา่ หรื อไม่?”

บิลอสมองเห็นมุมปากของคาร์ ลยกสูงขึ ้น แน่นอนว่าเขาแตกต่าง


คาร์ ลคนนี ้ไม่ใช่ขยะไร้ คา่ ที่เขารู้จกั เจ้ าขยะนัน่ ไม่ร้ ูวา่ เขาควร
แสดงออกต่อผู้อื่นอย่างไรจะมีเพียงแต่รอยยิ ้มดูแคลนคนอื่นก็
เท่านัน้

‘ฉันควรจะได้ ดื่มเหล้ าสักเล็กน้ อยและก็หกั ขาเก้ าอี ้เล่นหรื ออะไร


ดี?’

บิลอสไม่ทราบว่าคาร์ ลกาลังคิดอะไรอยู่
“ใช่แล้ วขอรับ นายน้ อยคือขยะ…ท่านไม่เคยเป็ นเด็กหนุ่มที่ทาตัว
มีคา่ เลยสักครัง้ นี่ขอรับ?”

เขาไม่กลัวหรื อ? คาร์ ลไม่สามารถยับยังความแปลกใจนี


้ ้ได้ แต่
สงสัยว่าบิลอสกล้ าพูดเช่นนี ้กับลุกชายของท่านเคานต์ได้ อย่างไร
แถมเป็ นลูกชายคนโตของผู้ครองนครแห่งนี ้ซะด้ วย? นี่เขาดื่ม
เหล้ ามาหรื ออย่างไรแต่คาร์ ลไม่ต้องการที่จะสู้กบั บิลอส เขาคือคน
ที่จะเข้ าสูส่ มาคมการค้ ารายใหญ่และบิลอสก็จริ งใจเขาไม่มีแม้ แต่
รอยยิ ้มเมื่อเอ่ยประโยคนันขึ
้ ้นมาด้ วยซ ้า

‘ท่านไม่เคยเป็ นเด็กหนุ่มที่ทาตัวมีคา่ เลยสักครัง้ นี่ขอรับ?’

คาร์ ลตัดสินใจตอบคาถามของบิลอส มันไม่ใช่คาถามที่ยากที่จะ


ตอบ มันง่ายกว่าการคิดหาวิธีหาเงินเมื่อไม่มีเงินใช้ เสียอีก
“บิลอส”

คาร์ ลมีรอยยิ ้มบนใบหน้ าแต่ไม่ได้ หวั เราะเมื่อเขาเอ่ยเรี ยกบิลอส

“เจ้ าไม่สามารถเรี ยกพ่อของเจ้ าว่า ‘พ่อ’ และเจ้ าไม่สามารถเรี ยก


พี่ชายของเจ้ าว่า ‘พี่ชาย’ได้ ”

สายตาของบิลอสเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่ มสังเกตนายน้ อยที่


อยูต่ รงหน้ าเขาในตอนนี ้…เขาโดนแตะจุดอ่อนที่สดุ ของตัวเขา
เช่นเดียวกับที่เขาเลือกแตะจุดอ่อนที่เจ็บปวดที่สดุ ของนายน้ อย
คาร์ ลเช่นกัน

คาร์ ลสบตาของบิลอสเล็กน้ อย ฝนข้ างนอกเริ่ มตกหนักขึ ้นคาร์ ล


เริ่ มทาลายความเงียบที่เกิดขึ ้นก่อนส่งยิ ้มให้ กบั บิลอสเมื่อเอ่ยถาม

“เจ้ าคงอยากจะเป็ นเพียงแค่ลกู เมียน้ อย? เจ้ าพอใจรึ?”


บิลอสรู้สกึ ได้ ถึงสายตาแหลมคมที่ทิ่มแทงตัวเขาจากคาร์ ล

“ข้ ารู้วา่ เจ้ าไม่อยากเป็ นเช่นนัน”


คาร์ ลเอนตัวลงพิงพนักเก้ าอี ้ก่อนจะทอดสายตาด้ วยท่าทางที่


เหมือนการราลึกถึงอดีต

“ข้ าทาตัวเหมือนขยะไร้ คา่ มาประมาณ 10 ปี ตงแต่


ั ้ ข้ามีอายุเพียง
8 ขวบ”

‘ว้ าว! ฉันกาลังคิดว่า คาร์ ล เฮนิตสั เริ่ มทาอะไรสกปรกๆตังแต่



อายุ 8 ขวบเริ่ มดื่มเหล้ าตังแต่
้ อายุ 15 ปี ’

คาร์ ลได้ คิดถึงเรื่ องในอดีตของคาร์ ลอยูใ่ นใจของเขาและเริ่ มยิ ้ม


รอยยิ ้มนันดู
้ น่ากลัวสาหรับบิลอส
ขณะนันมี
้ เสียงเบาๆแทรกผ่านสายฝนไปหาคาร์ ลและบิลอส

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! เสียงคนกาลังเดินบันไดขึ ้นมา

คาร์ ลมองผ่านไหล่ของบิลอสไปยังทางเข้ าชันสาม ้ เขาเห็นศีรษะ


ใครบางคนกาลังโผล่ขึ ้นมา…ผมสีดา….เขาคือเชวฮัน ด้ านหลัง
ของเขาคือรอน คาร์ ลได้ สงั่ ในข้ ารับใช้ ให้ แจ้ งแก่เชวฮันเพื่อมาที่
ร้ านชาแห่งนี ้ในตอนกลางวัน คาร์ ลขยับตัวออกห่างจากสายตา
ของคนทังคู
้ เ่ พื่อสนทนากับบิลอส เชวฮันและรอนเดินพ้ นบันได
ขึ ้นมาและมองหาคาร์ ล ขณะที่คาร์ ลเริ่ มพูดกับบิลอส

“บิลอส”

ใบหน้ าที่ฝืนทนของบิลอสทาให้ ร้ ูสกึ หนาวเหน็บ


“ท่านสามารถทิ ้งสิ่งที่ทา่ นทามาตลอดสิบปี ได้ …”

แววตาของคาร์ ลเริ่ มเป็ นประกายขึ ้นเรื่ อยๆ

“ข้ าไม่สามารถอยูเ่ ป็ นขยะไร้ คา่ ได้ ตลอดไป”

แน่นอนว่าคาร์ ลยังคงใช้ เงินทังหมดตามที


้ ่ต้องการและทาทุกอย่าง
ที่พอใจแม้ วา่ เขาจะไม่ใช่ขยะก็ตาม เขาจะมีชีวิตที่สงบสุขและมี
ความสุขกับชีวิตเหมือนลูกชายของขุนนางที่ร่ ารวย แม้ วา่ สิ่งนี ้จะ
ต่างไปจากทิศทางการใช้ ชีวิตของบิลอส แต่สิ่งที่สาคัญคือการที่
ทังคู
้ จ่ ะไม่ได้ ใช้ ชีวิตอย่างเดิมที่เคยเป็ นมา

“เจ้ าไม่เหมือนกันหรื อ?”


ริ มฝี ปากของบิลอสค่อยๆขยับขึ ้น จากนันเขาก็
้ โค้ งคานับและเริ่ ม
หัวเราะในใจ หลังจากหัวเราะอย่างเงียบๆ บิลอสก็เงยหน้ าจ้ อง
มองไปที่คาร์ ล

“กระผมเหนื่อยกับมันจริ งๆ” บิลอสหัวเราะเมื่อเขาบอกว่าเขา


เหนื่อยกับมัน

“ใช่มย?
ั ้ ข้ าบอกเจ้ าแล้ ว” คาร์ ลยักไหล่ของตัวเองก่อนจะเรี ยก
เชวฮันและรอนมาหาตน ในขณะนันบิ ้ ลอสก็ลกุ จากที่นงั่ และเริ่ ม
พูด

“นายน้ อย”

“มีอะไร?”

“กระผมจะไปพบนายน้ อยที่เมืองหลวง”
“ทาไมถึงตื ้อเช่นนี ้?”

คาร์ ลบอกให้ บิลอสออกไปก่อนที่บิลอสจะโค้ งคานับอย่างสุภาพ


และเดินจากไป…..

รอน เชวฮันและบิลอสเดินสวนผ่านกันมีเพียงแค่สบตากันเล็กน้ อย
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ สนใจกันเท่าใดนัก

‘เยี่ยม!’ คาร์ ลยินดีกบั ฉากนันแทบไม่


้ ได้ เฉียดเข้ ากันมากนักแต่มนั
ก็เป็ นเหตุการณ์ที่เหมือนในหนังสือ คาร์ ลเริ่ มส่งยิ ้มให้ คนอื่นๆด้ วย
ความพึงพอใจ

“รอน…ข้ ารู้วา่ เจ้ าจะมากับเขา ตามที่ฮนั ส์ได้ บอกกับข้ าว่าบารอค


ได้ ไปกับพวกเจ้ าด้ วย แต่ข้าคิดว่าเขาคงกลับไปที่ห้องครัวแล้ ว เขา
เป็ นคนที่มีความรับผิดชอบด้ านครัวที่ดี…”
“นายน้ อยสนิทกับคนคนนันหรื
้ อขอรับ?”

“ไม่?”

“…เป็ นเช่นนัน…..”

คาร์ ลผลักให้ มนั เป็ นเรื่ องไม่สาคัญ แต่รอนได้ ยินมัน เขาได้ ยิน
เสียงของคาร์ ลบอกว่าเขาไม่สามารถจะเป็ นขยะได้ ตลอดไป

คาร์ ลหยุดมองรอนที่มีอาการระแคะระคายตนก่อนจะหันไปสบตา
ของเชวฮัน

“ข้ าเดาว่าท่านไม่สามารถเชื่อข่าวลือนี ้ได้ ”


‘เขาพูดอะไรน่ะ?’

คาร์ ลละความสนใจในคาพูดของเชวฮัน ขณะนันบิ


้ ลอสน ้าถ้ วยชา
สองใบที่เขาได้ สงั่ ไว้ ลว่ งหน้ า

“กระผมควรจะให้ ชาเหล่านี ้กับสุภาพบุรุษทังสองนี


้ ่ ?”

“ใช่” คาร์ ลเริ่ มยิ ้มอีกครัง้

“ข้ าสัง่ ให้ พวกเขาล่วงหน้ า”

คาร์ ลหยิบถ้ วยชาขึ ้นมาทีละใบก่อนจะวางไว้ หน้ าของทังคู


้ ่ ชาที่อยู่
ตรงหน้ าเชวฮันเป็ นชาที่เขาสุม่ เลือกจากเมนูในร้ านของบิลอส
สาหรับรอน……..
“ข้ าสัง่ ให้ เจ้ าเป็ นพิเศษเพราะดูเหมือว่าเจ้ าจะชอบดื่มมันมาก
ทาไมเจ้ าถึงนามันมาให้ ข้าทุกวัน?”

มันคือชามะนาวอุน่ ๆ คาร์ ลสังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของรอน


ก่อนจะรู้สกึ พึงพอใจที่ยิ่งใหญ่ที่สดุ กว่าที่เขารู้สกึ มาตลอดทังวั
้ น

1 ฮงกิลดง เป็ นอาชญากรของเกาหลีใต้ ในสมัยราชวงศ์โชซอน ที่


มีเรื่ องราวคล้ ายคลึงกันคือการเป็ นลูกนอกสมรส
บทที่ 13 เอามันออกมา 6

หลังจากที่คาร์ ลสะใจได้ เล็กน้ อยก็ต้องเย็นวาบไปทัว่ ลาคอ นัน่


เป็ นเพราะรอนดื่มชามะนาวโดยไม่มีข้อโต้ แย้ งหรื อปฏิกิริยาใดๆ

เคร้ ง!

ทาไมฉันต้ องวางถ้ วยน ้าชาเสียงดังเช่นนี ้นะ? ขอบคุณมาก!


นอกจากคาร์ ลจะรู้สกึ หวาดระแวงต่อรอนแล้ วตอนนี ้เชวฮันที่นงั่
จิบชาอยู่เงียบๆก็เริ่ มมีอาการขมวดคิ ้วมุน่

“ทาไมท่านไม่สนุกกับชาอีกสักหน่อยล่ะขอรับ?”

รอนกลันหั้ วเราะหลังจากที่เห็นเชวฮันแอบมองไปที่คาร์ ลก่อนจะ


พูดขึ ้นด้ วยน ้าเสียงที่นอบน้ อมต่อคาร์ ลมากขึ ้นกว่าแต่ก่อน วันนี ้
เขาได้ พบกับดาบที่เหมาะสมกับเชวฮัน มันเป็ นดาบที่ทาโดยช่างตี
เหล็กคนเดียวกับผู้ที่ทามีดทาครัวให้ แก่บารอค

‘เจ้ าอยากจะลองใช้ ดมู ย?’


ั้

‘ข้ าไม่คิดที่จะสู้กบั คนที่พยายามปาดคอคนอื่นด้ วยมีดทาครัว


หรอก…’

บารอคลูกชายของเขา ยังคงตื ้อให้ เชวฮันสู้กบั เขาด้ วยดาบเล่มนัน้


หลังจากได้ ทราบถึงพละกาลังของเชวฮันจากการต่อสู้เพียงระยะ
สันๆเมื
้ ่อครัง้ ที่ผา่ นมาและเขาต้ องการรู้ทกั ษะนันเพิ
้ ่มเติมแต่เชว
ฮันก็ยงั คงปฏิเสธ

‘เอ๊ ะ! เจ้ าตลกโสโครกนี่! มันเรื่ องอะไรที่ข้าจะยอมให้ ดาบเปื อ้ น


เลือดเช่นเจ้ าด้ วย?’
เชวฮันหลับตาลงก่อนที่ลืมขึ ้นก่อนเอ่ยตอบกับบารอค ราวกับ
มัน่ ใจในสิ่งที่ตนคิด

‘ข้ า…ข้ าจะเป็ นคนที่ปกป้องผู้อื่น เขาบอกว่าข้ าทามันได้ ’

‘เจ้ าพูดอะไรของเจ้ า?’

รอนมองดูลกู ชายและเชวฮันโต้ เถียงกันเล็กน้ อย ก่อนที่จะตามเชว


ฮันมาหาคาร์ ลและเขาไม่ได้ คาดหวังว่าจะได้ ยินสิ่งที่ล ้าค่าเช่นนี ้

‘ข้ าไม่สามารถอยูเ่ ป็ นขยะไร้ คา่ ได้ ตลอดชีวิต’

นัน่ คือสิ่งที่รอนกาลังคิดในใจขณะที่เขาดื่มชามะนาว แต่ดู


เหมือนว่ารอนกาลังจ้ องมองเชวฮันมากกว่า และนัน่ ทาให้ คาร์ ล
รู้สกึ พอใจกับภาพที่ปรากฏตรงหน้ าในตอนนี ้
ความสัมพันธ์ของรอนและเชวฮันในนิยาย กาเนิดวีรบุรุษ เป็ น
เช่นนี ้พวกเขาอาจจะมีการห ้าหัน่ กันและกันเสมอแต่พวกเขาก็
ยังคงเดินทางไปด้ วยกันต่อไป พวกเขาถูกผูกมัดกันด้ วยสัญญาแต่
พวกเขาทังคู้ ก่ ็ยงั ต้ องรู้จกั การไว้ วางใจผู้อื่นเช่นกัน

คาร์ ลคิดว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ ้นมันผิดแปลกไปเล็กน้ อย


เนื่องจากเขาไม่ได้ ถกู ทาร้ ายร่างกายแต่ดเู หมือนว่าความสัมพันธ์
ของทังสองก
้ าลังก่อตัวขึ ้นในลักษณะเดียวกับในนิยาย

‘มันน่าผิดหวังที่มนั ผิดแปลกไปแต่ชีวิตของฉันต้ องมาก่อน ฉันไม่


ยอมให้ นิยายลิขิตชีวิตของฉันได้ หรอกนะ’

สาหรับคาร์ ลชีวิตของเขาต้ องมาก่อนเป็ นอันดับแรก หลังจากนัน้


ทุกคนที่อาศัยอยูใ่ นแผ่นดินที่เขาอยูจ่ ะมีแต่ความสงบสุข แล้ วคุณ
คิดว่าชีวิตนี ้เรายังต้ องการอะไรอีก?
“ชาหวานคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สดุ ”

รอนชะงักไปเล็กน้ อยกับคาพูดที่คาร์ ลเอ่ยขึ ้นอย่างมีความสุข

เวลาน ้าชาของทังสามคนสิ
้ ้นสุดลงในช่วงที่ฝนเริ่ มซาลง

“กระผมคิดว่าครัง้ ต่อไปกระผมจะได้ พบนายน้ อยที่เมืองหลวงนะ


ขอรับ”

คาร์ ลส่ายศีรษะให้ บิลอสที่กาลังเอ่ยทักทายเขาตอนลงมาจากชัน้


สามหลังจากเสร็ จสิ ้นการดื่มน ้าชา

“ช่วงนี ้ข้ าจะมาที่นี่ทกุ วัน”

“เช่นนันรึ
้ ? นายน้ อยต้ องการมาอ่านหนังสือ?”
“ทุกสิ่งที่ข้าอยากจะทา”

“อ่า…สามารถมาที่นี่ได้ ทกุ ครัง้ ที่นายน้ อยต้ องการ ร้ านนี ้ยินดี


ต้ อนรับนายน้ อยเสมอ”

บิลิอสเฝ้ามองคาร์ ลที่เดินผ่านเขาไปเหมือนแกล้ งไม่ได้ ยินสิ่งที่เขา


พูดด้ วยความใคร่ร้ ูและด้ านหลังของเขาก็มีรอนลอบสังเกตเงียบๆ

ลูกชายนอกสมรสของหัวหน้ าสมาคมการค้ าฟลินน์ ความจริ งที่วา่


เขาเป็ นคนที่เก่งและมีพรสวรรค์จนทาให้ บตุ รที่ถกู ต้ องตาม
กฎหมายของพ่อค้ าฟลินน์ไม่พอใจในตัวของบิลอส นัน่ คือเหตุผล
ที่บิลอสต้ องเดินทางมายังพื ้นที่หา่ งไกลเช่นนี ้ แต่ถึงกระนันเขาก็

สามารถสร้ างกาไรได้ ในเขตการปกครองของเฮนิตสั

เขาไม่สามารถใช้ ชื่อของตระกูล “ฟลินน์” ได้ เช่นกัน


รอนลอบสังเกตคาร์ ลที่เป็ นมิตรกับเจ้ าโลภบิลอสก่อนจะเดาะลิ ้น
ของตนเบาๆ นัน่ เป็ นเพราะสิ่งที่เขาคิดกับตัวเอง ‘นี่มนั เกิดอะไร
ขึ ้นกับข้ ากันนะเมื่อเจ้ าลูกสุนขั นัน่ ไปสนิทชิดเชื ้อกับเจ้ าบิลอส’

“เฮอะ! ไม่ใช่วา่ กาลังสร้ างสัมพันธ์อนั ดีตอ่ กันนะ”

“ข้ าไม่ต้องการสร้ างสัมพันธ์อนั ดีใดๆกับเจ้ า”

รอนถอนหายใจหลังเห็นว่าเชวฮันผู้ไม่ร้ ูเรื่ องราวอันใดกาลังเข้ าใจ


ผิด

“ไม่ใช่เจ้ า! ไอ้ โสโครก!”

สายตาของรอนหยุดอยูท่ ี่คาร์ ล
อย่างไรก็ตามรอนกาลังวางแผนที่จะมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวง เป็ น
เพราะเขารู้สกึ ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่ องนี ้ เขาคิดถึงเรื่ องนี ้นับไม่ถ้วน
หลังจากที่เชวฮันปรากฏตัวขึ ้น เชวฮันออกมาจากป่ าแห่งความมืด
พร้ อมกลิ่นอายการฆาตกรรมทัว่ ตัวของเขา

เหตุผลที่รอนต้ องหลบซ่อนในดินแดนแห่งนี ้เหตุผลที่เขาต้ องหนี


จากฝั่งตะวันออกมานัน่ ดูเหมือนว่าเขาต้ องการหาคนรับผิดชอบ
มันอีกครัง้

‘มันอาจดูไม่เข้ าท่าหากข้ าจะทาให้ แน่ใจว่าลูกสุนขั ของข้ าจะ


เดินทางปลอดภัยจนถึงเมืองหลวงและออกเดินทางได้ อย่างไม่
เป็ นอันตรายใดๆนัน่ คงเป็ นหน้ าที่สดุ ท้ ายของข้ าในฐานะผู้รับใช้
ของเขาแล้ วไม่ใช่หรื อ?’

เขาได้ รับสิทธิ์ในการอยูข่ ้ างกายนายน้ อยแม้ วา่ จะมีคนหัวเราะ


เยาะในสิทธิ์ที่เขาได้ รับและรู้ดีวา่ คาร์ ลเพียงแค่กลัวที่จะแสดงออก
ในด้ านที่สนุกสนานให้ คนอื่นเห็น แต่นกั ฆ่าเคยบอกความจริ งแก่
ผู้อื่นด้ วยหรื อ?

‘ข้ าควรบอกให้ บารอคดูแลหาอาหารดีๆให้ แก่นายน้ อยลูกสุนขั


ของข้ าและเขาจะประทับใจกับการเดินทางในครัง้ นี ้’

คาร์ ลเป็ นคนที่เขาเฝ้ามองดูมากกว่าบารอคบุตรชายที่แท้ จริ งของ


เขาเสียอีก รอนรู้ดีเกี่ยวกับสิ่งแย่ๆที่คาร์ ลเคยทาอีกทังบุ
้ คลิกที่
ก้ าวร้ าวที่เขาเป็ น แต่อย่างไรก็ตามยังมีอีกคนที่เขารู้จกั

รอนยังจาได้ ดีเมื่อเห็นนายน้ อยคาร์ ลปลอบโยนบิดาของตนเมื่อ


ครัง้ มารดาของเขาเสียชีวิต นอกจากนันเขายั้ งเห็นว่าคาร์ ลเกลียด
แม่เลี ้ยงและครอบครัวของเธอเพียงใดแต่ไม่เคยเข้ าไประรานหรื อ
สร้ างความวุน่ วายใดๆให้ เกิดขึ ้นแม้ จะเป็ นเวลาที่เขาเมาก็ตามแต่

‘แต่เขาก็ยงั คงเป็ นเพียงขยะไร้ คา่ ’


18 ปี …. รอนเฝ้ามองคาร์ ลมานานเกินไปแล้ ว

**********************************
**********************************
****************

คาร์ ลกลับเข้ าห้ องของเขาทันทีที่มาถึงคฤหาสน์ ก่อนจะมองไปที่


ลูกแมวสองตัวที่อยูต่ รงหน้ าเขา

“อ่า….ข้ าเกือบลืมพวกเจ้ าสองตัวไปแล้ ว”

เขาควรจะพาเชวฮันที่เป็ นคนรักสัตว์ตวั เล็กๆเช่นนี ้มาเจอพวกมัน


แต่เชวฮันขอตัวกลับห้ องพักของตนไปก่อนหลังจากบอกว่าหัวใจ
ของเขาต้ องการที่จะเข้ มแข็งขึ ้นเพื่อปกป้องใครบางคน เมื่อเขา
หัวเราะและเอ่ยถามเชวฮันว่าใครคือคนที่เขาจะปกป้อง เชวฮัน
กลับบอกเพียงว่าจะบอกให้ เขารู้เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ ้นเท่านัน้
คาตอบนันท
้ าให้ คาร์ ลหนาวสัน่ ขึ ้นมา ไม่ร้ ูวา่ คนที่แข็งแกร่ง
อย่างเช่นเชวฮันยังจะต้ องการแข็งแกร่งไปยิ่งกว่านี ้เพื่ออะไร?

“นายน้ อย”

ฮันส์เดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ลในขณะที่เขากาลังจ้ องลูกแมวอยู่

“นายน้ อยคิดเช่นไรขอรับ? ตอนนี ้พวกมันไม่ใช่แค่น่ารัก แต่พวก


มันน่ารักมากขึ ้นกว่าเดิมหรื อเปล่า? ถึงแม้ วา่ พวกมันจะไม่ยอมให้
กระผมเลี ้ยงมากนักก็ตาม ฮ่าฮ่าฮ่า”

ฮันส์คกุ เข่าลงข้ างลูกแมวและเงยหน้ าขึ ้นมองคาร์ ลด้ วยความพึง


พอใจ การแสดงออกของฮันส์เต็มไปด้ วยความชื่นชมยินดี ซึง่ นัน่
ทาให้ คาร์ ลและรอนรู้สกึ ประหลาดใจมาก การแสดงออกของฮันส์
ทาให้ เขาไม่ได้ สนใจที่จะมองเห็นความน่ารักของลูกแมวเลย
“นายน้ อยไม่เห็นด้ วยหรื อขอรับ?” ท่าทางว่าที่หวั หน้ าพ่อบ้ าน
คนนี ้จะชื่นชอบแมวมาก

“อ้ อ! อืม….ข้ าก็คิดแบบนันเช่


้ นกัน”

ลุกแมวสองตัวที่นงั่ อยูบ่ นเบาะผ้ าไหมดูอิ่มเอิบและสุขภาพดี เวทย์


มนตร์ แบบไหนกันนะที่ฮนั ส์สามารถทาได้ เพียงชัว่ เวลาสันๆ? ้ แต่
ถึงอย่างนันลู
้ กแมวทังสองตั
้ วก็ยงั คงจ้ องมองไปที่ฮนั ส์อยู่ ดู
เหมือนว่านี่จะเป็ นความสัมพันธ์แบบกฎตายตัวของพ่อบ้ านกับ
แมวจริ งๆ

“เดี๋ยวกระผมขอตัวก่อนนะขอรับ กรุณาเรี ยกใช้ กระผมหากมี


อะไรที่ต้องการเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกแมวน่ารักสองตัวนัน”

“ไปเถิด”
หลังจากแน่ใจว่ารอนได้ บอกให้ ฮนั ส์ออกไปแล้ ว คาร์ ลก็เลี่ยงจาก
สายตาอันเป็ นประกายของลูกแมวเพื่อเดินเข้ าไปในห้ องน ้าก่อนที่
หูของลูกแมวทังสองจะลู
้ ต่ กลง

แต่แล้ ว

“ฮึ!” รอนเดินเข้ าไปหาลูกแมวทังสองหลั


้ งจากที่ฮนั ส์ออกไป
ตอนนี ้มีเพียงรอนและลูกแมวเท่านันที
้ ่อยูใ่ นห้ องนอน

“เจ้ าเป็ นลูกหลานของเผ่าแมว”

ดวงตาสีทองของลูกแมวเป็ นประกายแหลมคม แต่รอนไม่ได้ สนใจ


เขาหันไปดูวา่ ประตูห้องน ้าได้ ปิดสนิทหรื อไม่ก่อนจะหันกลับมา
มองลูกแมวอีกครัง้

“ดี”
มีรอยยิ ้มแปลกๆบนใบหน้ าของรอน

เผ่าแมวเป็ นที่ร้ ูจกั ในเรื่ องของการมีสญ


ั ชาตญาณที่วอ่ งไวต่อ
สภาพแวดล้ อมของพวกมัน เผ่าแมวเป็ นที่ร้ ูจกั ดีในแถบตะวันออก
มากกว่าแถบตะวันตก แต่ก็ไม่มีทางที่นกั ฆ่าเช่นรอนจะไม่ร้ ูจกั
เกี่ยวกับพวกมัน ซึง่ จะแตกต่างจากสัตว์อสูรเผ่าอื่นพวกมันจะมี
ความดุดนั เพิ่มขึ ้นเท่าตัวเมื่อมีอาการคลุ้มคลัง่ อีกทังเผ่
้ าแมวยังมี
ความเชี่ยวชาญในการลอบซุม่ มองและฉลาดเฉลียวทาให้ เผ่านี ้
เป็ นเผ่าที่น่ากลัวแม้ จะไม่ได้ อยูใ่ นระดับเดียวกับเผ่าหมาป่ า เผ่า
เสือหรื อเผ่าสิงโต

มีเพียงความคิดเดียวในใจของรอนในขณะที่เขาเฝ้าดูลกู แมวทัง้
สองตัวที่มาจากเผ่าแมว มันเป็ นความคิดที่เกิดขึ ้นอยากรวดเร็ว
และพวกมันยังเด็กอยูแ่ ต่………………

‘เขาสามารถสอนพวกมันได้ ’
รอนหันกลับไปตรวจสอบให้ แน่ใจอีกครัง้ ว่าประตูห้องน ้ายังคงปิ ด
อยู่

เผ่าแมวเป็ นเผ่าที่ให้ ความสาคัญกับความสัมพันธ์เป็ นอย่างมาก


หากพวกมันไว้ วางใจใครสักคนเพียงแค่ครัง้ เดียวพวกมันจะไม่คิด
ทรยศต่อพวกเขาเลย นี่อาจเป็ นสิ่งที่ธรรมชาติสร้ างให้ แก่เผ่านี ้
เช่นเดียวกับเผ่าหมาป่ าที่ให้ ความสาคัญกับความสัมพันธ์ระหว่าง
มนุษย์เช่นกัน

เด็กๆของชนเผ่าแมวมาหาคาร์ ลด้ วยตัวของพวกมันเอง คงเป็ น


การดีสาหรับลูกหมาน้ อยของเขาที่ได้ บอกลาชีวิตในปั จจุบนั ของ
ตน

รอนขยับเข้ าไปใกล้ กบั เด็กๆของชนเผ่าแมว ก่อนจะเอื ้อมมือ


ออกไปตบศีรษะเพื่อข่มขูล่ กู แมวขนสีเงินที่น่าจะโตกว่าลูกแมวสี
แดงเข้ มอีกตัว
ปั๊ ก!

ลูกแมวขนสีเงินเบี่ยงหลบมือของรอนได้ และเดินไปยังมุมห้ อง
พร้ อมกับลูกแมวขนสีแดงเข้ ม

‘ฮึ!!’

แววตาของรอนเปลี่ยนไปด้ วยความประหลาดใจ เด็กๆของเผ่า


แมวดูเหมือนจะนึกออกแล้ ว มันเป็ นเรื่ องสมเหตุสมผลเนื่องจาก
พวกมันอาจจะต้ องการที่จะรู้จกั คนอย่างเขา คนที่คลุกคลีกบั
ความตายเพื่อจะสามารถปกป้องและรักษาชีวิตของตนได้ นานขึ ้น
แม้ วา่ พวกมันจะมีชีวิตอยูถ่ ึงเก้ าชีวิตแต่พวกมันก็ยงั ต้ องให้
ความสาคัญกับชีวิตของพวกมันเช่นกัน เผ่าแมวเป็ นที่ร้ ูจกั ในเรื่ อง
ของอายุที่ยืนยาวเช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในเวลา
กลางคืนรวมถึงการลอบซุม่ มองพวกมันก็เก่งกาจเช่นเดียวกัน
รอนเริ่ มยิ ้มออกมา………………..

“เด็กคนหนึง่ เป็ นหมอกและอีกคนเป็ นพิษ”

เจ้ าลูกแมวขนสีเงินคือหมอกส่วนเจ้ าแมวขนสีแดงเข้ มคือเลือด


หรื อพิษ แม้ วา่ พวกมันจะยังไม่กลายเป็ นนักฆ่าแต่พวกมันก็มี
พื ้นฐานที่ดีในการเป็ นนักสืบเงาได้ ลูกแมวขนสีเงินหันหน้ าหนีรอน
ในขณะเดียวกับที่ลกู แมวขนสีแดงเข้ มส่งเสียงขูเ่ บาๆ ลูกแมวทัง้
สองไม่ปรารถนาที่จะเป็ นนักฆ่าที่ให้ กลิ่นอายเหม็นเน่าของความ
ตายเช่นนัน้

ลูกแมวสองตัวคล้ ายจะเยาะเย้ ยรอนราวกับว่าพวกมันรู้ตวั ตนที่


แท้ จริ งของเขาในฐานะนักฆ่าแล้ ว เมื่อคาร์ ลเดินออกมาจาก
ห้ องน ้าพวกมันก็ยงั คงตัวติดกันก่อนเงยหน้ ามองไปที่คาร์ ล
“เฮ้ ! หยุดมองฉันได้ แล้ ว”

พวกมันทาตามคาสัง่ คาร์ ลทันทีเมื่อได้ ยินที่คาร์ ลเอ่ยขึ ้น

“รอน ไปนาอาหารจากบารอคมาให้ ข้าที”

เมื่อรอนออกไปแล้ ว คาร์ ลก็ทิ ้งตัวลงนัง่ บนโซฟาตัวยาวและมองไป


ที่ลกู แมวสองตัว ก่อนจะเริ่ มพูดกับลุกแมวทังสองตั
้ วที่ยงั คงคราง
เบาๆในมุมห้ องที่หา่ งจากคาร์ ลพอสมควร

“เจ้ าทังสองมาจากเผ่
้ าแมวใช่มย?”
ั้

ลูกแมวทังสองตั
้ วพยักศีรษะให้ คาร์ ลช้ าๆโดยไม่หนั มาสบตาเขา
แต่อย่างใด

“พวกเจ้ ามีแผนที่จะติดตามข้ ารึเปล่า?”


ไม่มีคาตอบสาหรับคาถามนี ้

ลูกแมวขนสีแดงเดินช้ าๆเข้ ามาหาคาร์ ลก่อนที่จะเอาแก้ มของมันถู


ไถไปที่ขาของเขา ขณะที่ลกู แมวขนสีเงินเดินตามมาช้ าๆและเอา
ขาของมันแตะไปที่เท้ าของคาร์ ล

คาร์ ลได้ วางแผนไว้ แล้ วสาหรับพี่น้องคูน่ ี ้ เขาพยักหน้ าตอบรับลูก


แมวก่อนจะคิดเรื่ องต่างๆที่เกี่ยวข้ องกับลูกแมวทังสอง ้

“แล้ วทาตัวให้ มีประโยชน์ละ่ ”

ลูกแมวตอบรับทันที

“เมี ้ยว เมี ้ยว ”


“เมี ้ยว เมี ้ยว ”

“ตอบเป็ นภาษามนุษย์…”

ลุกแมวขนสีเงินเป็ นพี่สาวมีชื่อว่า ‘ออน’ รูมา่ นตาของเธอเริ่ ม


ขยายกว้ างขึ ้นก่อนจะพูดกับคาร์ ลด้ วยภาษาของมนุษย์

“ข้ าอยากกินเนื ้อ ข้ ายังหิวอยูเ่ ลย….”

ลูกแมวขนสีแดงเข้ มแตะไปที่ขาของคาร์ ลเบาๆ มันเป็ นน้ องชายมี


ชื่อว่า ‘ฮง’

“ข้ าอยากกินขนมเค้ ก”

คาร์ ลตอบรับทังสองทั
้ นที “ข้ าจะให้ พวกเจ้ าได้ กินเนื ้อและเค้ ก
เยอะๆ พวกเจ้ ารู้ใช่มยว่
ั ้ าต้ องทาอย่างไร?”
“ทาตัวให้ เป็ นประโยชน์”

“ทาตัวให้ เป็ นประโยชน์”

ลูกแมวน้ อยทังสองตั
้ วตอบรับคาร์ ลทันที นัน่ คือวันที่สองพี่น้องเผ่า
แมวได้ ออกจากเผ่าและเข้ ามาเป็ นส่วนหนึง่ ของคฤหาสน์เฮนิตสั

สี่วนั ต่อมา คาร์ ลได้ ร่วมรับประทานอาหารเช้ าพร้ อมหน้ าพร้ อมตา


กับครอบครัวอีกครัง้ ท่านเคานต์เดอรัชมองไปที่บตุ รชายของตนที่
สวมใส่เสื ้อผ้ าที่เรี ยบง่ายกว่าเดิมและเริ่ มยิ ้มออกมา

“พ่อเดาว่าลูกกาลังจะออกเดินทางในวันนี ้”

วันนี ้เป็ นวันที่คาร์ ลจะต้ องออกจากคฤหาสน์เฮนิตสั เพื่อมุง่ หน้ าไป


ยังเมืองหลวง
บทที่ 14 ออกเดินทาง 1

“เจ้ าไม่ได้ มีทา่ ทีกงั วลใจเลยนะคาร์ ล”

คาร์ ลยิ ้มรับกับคากล่าวของบิดา ท่าทางและผิวพรรณของคาร์ ล


สดใสขึ ้นในช่วง 2-3วันที่ผา่ นมา มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะ
หาทางผ่อนคลายให้ ได้ มากที่สดุ

‘ก็ตงแต่
ั ้ ที่ฉนั ไม่โดนตีซะเละนัน่ ล่ะ’

มีฝนตกในเขตพื ้นที่ของเฮนิตสั ตลอดจนถึงเมื่อวานนี ้ ถ้ าเรื่ องที่จะ


เกิดขึ ้นตามเนื ้อเรื่ องของนิยาย คาร์ ลจะต้ องถูกตีจนยับเยินในวันที่
มีฝนตกและแน่นอนว่าเขาไม่ได้ ถกู ตีแต่อย่างใด ตอนนี ้เขา
สามารถนอนหลับได้ อย่างสบายใจขึ ้นเพราะเขารู้สกึ โล่งใจที่มีโล่นิ
รันดร์ กาลอยูก่ บั ตัวเขาแม้ วา่ เขาอาจจะมีการกระทบกระทัง่ กับ
รอนหรื อบารอคอยูบ่ ้ าง แต่มนั ก็ทาให้ เขาหลับสนิทได้ ตลอดคืน

“ท่านพ่อขอรับ”

คาร์ ลมองไปที่อาหารที่วางกระจายไว้ เต็มโต๊ ะ เขารู้ สกึ ว่ามันช่าง


น่าหลงใหลยิ่งกว่าที่เคย ก่อนจะเอ่ยถามขึ ้น

“ดูเหมือนว่าจานวนคนในคณะเดินทางจะมากเกินไปนะขอรับ
ลูกอยากให้ ลดจานวนคนลงอีก”

เขาขอร้ องให้ บิดาของตนลดจานวนข้ ารับใช้ ที่จะเดินทางไปยัง


เมืองหลวงเพื่อช่วยเหลือหรื อดูแลรับใช้ ความต้ องการของเขา
คาร์ ลแจ้ งว่าเขาต้ องการแค่ฮนั ส์และรอนก็พอแล้ ว แน่นอนว่าฮันส์
ตกใจจนน่าซีดแต่ก็มีสีหน้ าที่ดีขึ ้นเมื่อทราบว่ามีลกู แมวทังสองร่
้ วม
เดินทางไปด้ วย
“อ่า….เรื่ องนัน”
้ ด้ วยเหตุผลบางอย่างเคานต์เดอรัชได้ หยุด
ประโยคของตนก่อนที่จะพูดจบก่อนที่จะมีเสียงของคนอื่นแทรก
เข้ ามาในการสนทนาของพวกเขา

“นัน่ คือการตัดสินใจของข้ า”

นัน่ เป็ นเสียงของภรรยาท่านเคานต์ ‘วิโอแลน’

ผมของเธอถูกทาไว้ อย่างสมบูรณ์แบบ เธอทาทรงผมเป็ นมวย


ขนาดใหญ่ไว้ ที่กลางศีรษะโดยไม่มีลกู ผมหลุดร่วงออกมาแม้ แต่
เส้ นเดียว เธอยังก้ มลงมองจานอาหารที่อยูต่ รงหน้ าของตนอยูเ่ มื่อ
เอ่ยขึ ้น เธอดูเหมือนบาเซ็นลูกชายของเธอแม้ กระทัง่ วิธีพดู โดยไม่
สบตากับคาร์ ลและอีกทังท่้ าทีที่ฝืนทนนันก็
้ เช่นกัน
“ข้ าไม่สามารถให้ คนในครอบครัวของเราดูน่าสงสารและเป็ น
อันตรายได้ เพียงเพราะเจ้ าต้ องการไปกับข้ ารับใช้ เพียงคณะเล็กๆ
นัน่ ”

มันเป็ นเสียงที่ใช้ ความอดทนมาก ก่อนจะจ้ องไปยังทิศที่คาร์ ลอยู่


และพูดต่อ

“…….ข้ าไม่ได้ หมายความว่าเจ้ าจะเกิดอันตราย”

“ถึงแม้ กระผมจะรู้เรื่ องนี ้มาบ้ างแล้ วก็ตาม”

วิโอแลนลังเลอยู่ครู่หนึง่ เมื่อได้ ยินคาตอบของคาร์ ล ก่อนที่จะ


รับประทานอาหารของตนต่อไปเรื่ อยๆและเริ่ มสนทนาขึ ้นอีกครัง้

“คนอื่นๆ…โดยเฉพาะเหล่าข้ ารับใช้ จาเป็ นที่จะต้ องดูแลธรรม


เนียมปฏิบตั ิสาหรับการปรากฏตัวของเจ้ าอยู”่
‘เคานต์เตสวิโอแลน’ คาร์ ลลอบมองเธอเงียบๆ

เธอเป็ นลูกสาวคนโตของครอบครัวศิลปิ นยากจนและใฝ่ ฝันถึงการ


เป็ นหัวหน้ าสมาคมการค้ า เมื่อเธอโตขึ ้นเธอได้ รับแรงจูงใจจาก
สินค้ าหรูหราที่ขายให้ กบั ขุนนางก่อนจะได้ เดินทางมาถึงอาณา
เขตเฮนิตสั นี ้ ครัน้ มาถึงที่เมืองนี ้ก็ได้ ตกหลุมรักกับศิลปะการ
แกะสลัก และในที่สดุ ก็ได้ พบรักกับท่านเคานต์เดอรัชก่อนจะได้
เข้ าไปทางานในด้ านการค้ างานศิละปะและวัฒนธรรมของเมือง
แห่งนี ้

สาหรับคาร์ ล..ไม่ส.ิ .คิมร็อกโซ..เขารู้สกึ ว่า เธอมีความภาคภูมิใจ


ในตัวตนและชีวิตของเธอและนัน่ เป็ นเหตุผลให้ เธอมีความ
ภาคภูมิใจในตระกูลนี ้เช่นกัน
“ศิลปะไม่ได้ เหมาะสาหรับเส้ นทางของคนที่ได้ ชื่อว่าขย……..”
คาว่าขยะถูกกลืนหายออกไปโดยไม่ได้ ตงใจ
ั้

เธอเป็ นคนพูดจาหยาบคายเพราะการทางานในโลกแห่งการค้ าใน


ช่วงเวลาหนึง่

“อย่างไรก็ตามมีคนจานวนมากที่รอการปรากฏตัวของคนคนหนึง่
ด้ วยธรรมเนียมที่ถกู ต้ องเหมาะสม”

นัน่ คือวิธีที่บอกให้ คาร์ ลรับข้ ารับใช้ ตามที่เธอบอก เป้าหมายของ


เธอ คือการที่คาร์ ลไม่ได้ รับการถูกวิจารณ์ในแง่ลบเพียงเพราะเขา
เลือกจะไปกับข้ ารับใช้ เพียงไม่กี่คน

โดยธรรมชาติแล้ วคาร์ ลก็อยากพาคนไปจานวนมากเพื่อไปทาตาม


ความต้ องการของตนเช่นกัน
‘วิธีการที่ง่ายๆและผ่อนคลายขึ ้น มันไม่ดีอย่างไรนะ?’

เขาพบว่ามันยากที่จะได้ รับการเปลี่ยนแปลงใดๆโดยไม่มีข้ารับใช้
คอยช่วยเหลือ ตอนนี ้คิมร็อกโซได้ อยูใ่ นโลกนี ้เขาเป็ นคาร์ ลมาแล้ ว
ประมาณหนึง่ สัปดาห์ แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ ชีวิตง่ายขึ ้นได้ เลย
อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่วนั ที่จะถึงนี ้เขาจะได้ เผชิญหน้ ากับมังกร
ดาบ้ าคลัง่ นัน่ ถ้ าเขาไม่สามารถปลดปล่อยมังกรดาบ้ านี่ได้
ล่วงหน้ าก็อาจจะเป็ นไปได้ วา่ มันจะคลัง่ ยิ่งขึ ้นและฆ่าคนเป็ น
จานวนมาก แม้ วา่ คาร์ ลไม่ได้ สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ ้นกับคนอื่นๆ
แต่เขาก็ยงั ไม่อยากเห็นคนตายต่อหน้ าต่อตาเช่นกัน

นอกจากนี ้เขายังไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบต่อพวกคนเหล่านี ้ที่จะ


ได้ รับการบาดเจ็บจากมังกรดา ความรับผิดชอบล้ วนเป็ นภาระที่
หนักและสาหรับคนเช่นคิมร็อกโซผู้รับผิดชอบชีวิตตัวเองตังแต่ ้ เด็ก
เขารู้ดีวา่ ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้ องกับคนและชีวิตของผู้คนเป็ น
ภาระที่น่ากลัวและหนักที่สดุ
นัน่ เป็ นเหตุผลที่เขาเริ่ มพูด

“ศิลปะเป็ นกระจกสะท้ อนของจิตวิญญาณ”

วิโอแลนเงยหน้ าจากจานอาหารและหันไปสบตากับคาร์ ล นี่เป็ น


ครัง้ แรกในระยะเวลาที่ยาวนานที่ทงคู
ั ้ ไ่ ด้ สบตาซึง่ กันและกัน

“……เจ้ ารู้เรื่ องนี ้ด้ วย”

“ใช่ กระผมรู้”

คาร์ ลเดินเตร่ไปทัว่ เมืองทังหมดในช่


้ วงสี่วนั ที่ผา่ นมาเพื่อ
เตรี ยมพร้ อมในสิ่งที่เขาต้ องการในการออกเดินทางในครัง้ นี ้ เขา
เพิ่งได้ ทอ่ งจาในสิ่งที่เขาเห็นจากการเดินทางเหล่านัน้
“การแกะสลักไม่ใช่เพียงแค่สลักไปที่ก้อนหินอ่อนแต่เป็ นการสร้ าง
ภาพสะท้ อนของสิ่งที่อยูใ่ นใจของคุณ”

ช่วงเวลานี ้เป็ นคาร์ ลที่ก้มลงมองจานอาหารในขณะที่วิโอแลนยัง


จ้ องมองเขาอยู่

“กระผมได้ อา่ นมันที่แผ่นโลหะที่สลักไว้ ที่หอศิลป์ ”

หอศิลป์ ในเขตเฮนิตสั ได้ จดั แสดงผลงานของช่างประติมากรรมชิ ้น


ใหม่ คาแถลงที่เขียนไว้ ในโล่ประกาศเกียรติคณ
ุ ในหอศิลป์ นันคื
้ อ
สิ่งที่วิโอแลนได้ เขียนไว้

“ทาตามที่เจ้ าต้ องการ ข้ าจะลดจานวนคนที่จะติดตามเจ้ าไป


ตามที่ต้องการแต่ในทางกลับกันรถม้ าและข้ าวของทุกอย่าง
จะต้ องเป็ นสิ่งที่มีคณ
ุ ภาพนัน่ คงเป็ นสิ่งที่เหมาะสมที่สดุ สาหรับคน
ในตระกูลเฮนิตสั ”
“ดีกบั กระผมที่สดุ โปรดจัดหาสิ่งที่มีราคาแพงที่สดุ สาหรับการ
เดินทางในครัง้ นี ้”

“เยี่ยม ข้ าจะทาให้ มนั่ ใจได้ วา่ รถม้ าที่เจ้ านัง่ ไปจะไม่ทาร้ ายก้ นของ
เจ้ าในขณะที่เดินทางข้ ามถนนที่เป็ นหลุมเป็ นบ่อนัน่ ”

“เยี่ยมที่สดุ ขอรับ…”

คาร์ ลไม่สามารถมองเห็นสีหน้ าของวิโอแลนได้ เพราะเขาก้ มลง


มองจานอาหารของเขาแต่เขาทันสังเกตเห็นรอยยิ ้มน้ อยๆบน
ใบหน้ าวิโอแลนก่อนที่จะหายไป ท่านเคานต์เดอรัชผู้ที่รับฟั งการ
สนทนานี ้ตังแต่
้ เริ่ มต้ นเขาได้ กระแอมไอเพื่อปกปิ ดรอยยิ ้มที่เพิ่มขึ ้น
อย่างช้ าๆบนใบหน้ าของตนก่อนเอ่ยถามคาร์ ล
“เจ้ าได้ ตรวจสอบข้ อมูลจากฮันส์เกี่ยวกับนิสยั ส่วนตัวและ
ลักษณะท่าทางของขุนนางที่จะไปเมืองหลวงหรื อไม่?”

เคานต์เดอรัชได้ ใช้ เครื อข่ายของเขาเองรวมถึงติดต่อขอซื ้อข้ อมูล


กับหน่วยลับขายข่าวเพื่อซื ้อข้ อมูลเกี่ยวกับขุนนางคนอื่นๆและได้
สัง่ ให้ ฮนั ส์มอบให้ คาร์ ลไปก่อนหน้ านี ้แล้ ว

“ขอรับ…มันสนุกดี”

อาจเป็ นเรื่ องยากที่จะซื ้อข้ อมูลดังกล่าวได้ ในความเป็ นจริ ง


อาจจะใช้ โชคช่วยแม้ วา่ มันจะมีเพียงสามหรื อสี่บรรทัดเกี่ยวกับ
ข้ อมูลของแต่ละคน แต่มนั ก็มีคา่ และมีราคาแพงในการซื ้อข้ อมูล
เกี่ยวกับขุนนาง
“มีทงคนขี
ั้ ้ขลาด บางคนโง่ บางคนเก่งและน่ากลัว แม้ บางคนที่
หมดหวังจะมีอานาจก็มี ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมารวมกัน
ในครัง้ นี ้”

แน่นอนว่ามีคนดี คนโง่ คนเลว และขยะไร้ คา่ อีกด้ วย

“อืม…ลูกได้ อา่ นข้ อมูลที่พอ่ ส่งให้ แล้ ว เอ่อ……..ทาตามที่เจ้ า


ต้ องการเถิด แต่วา่ คาร์ ล……..”

“ขอรับท่านพ่อ?”

“พ่อได้ ยินข่าวลือแปลกๆ”

ไหล่ของคาร์ ลสะดุ้งขึ ้นเล็กน้ อยและไม่มีใครทันสังเกตเห็น


“พ่อได้ ยินมาว่าต้ นไม้ กินคนมันเปลี่ยนจากสีดาเป็ นสีขาว มันมี
ใบไม้ สีน ้าเงินสวยงามแม้ วา่ ในบริ เวณนันจะไม่
้ มีอะไรที่สามารถ
ทาให้ มนั เติบโตเป็ นเช่นนี ้ได้ ”

สถานที่มีการเปลี่ยนแปลงและถูกกล่าวถึงมากที่สดุ ในช่วงสี่วนั ที่


ผ่านมาคงไม่มีที่อื่นนอกจากยอดเนินเขาในสลัมนัน่ มันเป็ น
สถานที่ที่ต้นไม้ กินคนสีดาตังอยู
้ ่ แต่ตอนนี ้มันได้ เปลี่ยนเป็ นต้ นไม้
สีขาวมีใบสีฟ้าสวยงาม หลังจากที่คาร์ ลได้ แก้ ไขความเสียใจของ
มันและตอนนี ้มันก็กลายมาเป็ นต้ นไม้ สีสนั สวยงามที่ดเู หมือน
ต้ นไม้ ของพระเจ้ ายิ่งนัก

“มันไม่ได้ เป็ นข่าวลือที่น่าสนใจใช่มย?”


ั้

“มันเป็ นข่าวลือที่น่าสนใจมากขอรับ ท่านพอ”


คาร์ ลไม่มีความคิดที่จะเปิ ดเผยพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เขาทราบ
ในตอนนี ้ เขาจึงแสร้ งทาเป็ นไม่เคยได้ ยินเรื่ องนี ้มาก่อน ไม่มีทางที่
ท่านเคานต์เดอรัชจะไม่ร้ ูวา่ เขาได้ เข้ าไปที่สลัมนัน่ อย่างไรก็ตาม
ท่านเคานต์ไม่ทราบถึงพลังศักดิ์สทิ ธิ์นนั่ เขาจึงได้ แต่สงสัยว่าเกิด
อะไรขึ ้นกับคาร์ ลและต้ นไม้ กินคนนัน่

“มันอาจเป็ นเรื่ องแปลกแต่มนั ไม่ใช่เรื่ องใหญ่อะไร ตราบใดก็


ตามที่ทา่ นพ่อสนใจแต่ขา่ วลือเช่นนัน…มั
้ นไม่มีอะไรน่ากลัวไป
กว่าตาและปากของมนุษย์หรอกนะขอรับ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ ้นภายใน
อาณาเขตเฮนิตสั ก็คงจะเป็ นเรื่ องดีสาหรับสมาชิกครอบครัวของ
เราแล้ วนี่ขอรับ..”

“อ่า…พ่อจะเก็บมันไว้ ในใจ”

คาร์ ลรู้สกึ ว่าเขาสามารถมีชีวิตที่สงบได้ ตราบเท่าที่เขายังอยูใ่ น


อาณาบริ เวณของตน วิธีที่ดีสดุ คือการเดินทางกลับมาจากเมือง
หลวงให้ เร็วที่สดุ และใช้ ชีวิตที่แสนสุขสบายอยูท่ ี่นี่จนตายไปข้ าง
นัน่ ล่ะ

อาหารเช้ าสุดหรูที่จดั เตรี ยมขึ ้นสาหรับคาร์ ลก่อนเดินทางไปเมือง


หลวงสิ ้นสุดลง เขาได้ รับการกล่าวอาลาจากท่านเคานต์เดอรัช
และเคานต์เตสวิโอแลนเพราะทังสองมี ้ ภารกิจที่ต้องไปจัดการจึง
ไม่สามารถอยูไ่ ด้ นาน ก่อนที่คาร์ ลจะหันไปสบตากับพี่น้องของตน

“มีอะไร?”

บาเซ็นน้ องชายของเขาเพียงส่ายหน้ าเบาๆกับคาถามของคาร์ ล


และลิลลี่น้องสาววัย 7 ขวบของคาร์ ลก็คอ่ ยๆเดินมาหาอย่างช้ าๆ
น้ องสาวของเขามีอายุหา่ งจากเขาถึง 11 ปี

“ท่านพี่ เดินทางปลอดภัยนะเจ้ าค่ะ”


“ขอบใจเจ้ ามาก เจ้ าก็อยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยเช่นกัน”

ลิลลี่พยักหน้ าตอบรับอย่างข้ าๆแต่หนักแน่น

“เจ้ าค่ะ”

ก่อนจะลอบมองคาร์ ลเงียบๆ และพูดขึ ้น

“ข้ าจะเลือกซื ้อของขวัญมาให้ เจ้ าในตอนที่เดินทางไปเมืองหลวง”

“จริ งหรื อเจ้ าค่ะ?”

‘ฉันเดาว่าเธอคงอยากได้ ของขวัญ’
คาร์ ลพยักหน้ าตอบรับขณะที่ลอบสังเกตการแสดงออกบนใบหน้ า
ของลิลลี่ที่มีทงอาการประหลาดใจและมี
ั้ ความสุขสลับไปมาบน
ใบหน้ าของเธอ

“จริ งสิ…เจ้ าอยากได้ อะไร”

“ดาบ..”

“หืม…อะไรนะ”
“โปรดซื ้อดาบให้ น้องด้ วยเจ้ าค่ะ”

‘เด็กผู้หญิงอายุ 7 ขวบอยากได้ ดาบเป็ นของขวัญ?’

เมื่อเห็นใบหน้ าที่ตกตะลึงเล็กน้ อยของคาร์ ล บาเซ็นเลยพูดขึ ้น

“ความฝันของลิลลี่ในตอนนี ้คือการเป็ นนักดาบขอรับท่านพี่”

“เช่นนันหรื
้ อ?”

คาร์ ลมองไปที่ลิลลี่อย่างจริ งจัง คนในตระกูลนี ้มีแขนยาว ขายาว


และรูปร่างที่ดี ตอนนี ้ลิลลี่มีอายุเพียง 7 ขวบแต่หากเธอโตขึ ้นอาจ
สามารถกลายเป็ นนักดาบที่ดีได้ ถ้าเธอใส่ความพยายามและตังใจ ้
ลงไป

“ข้ าคิดว่ามันเหมาะกับเจ้ าดีนะ”


ดวงตาของลิลลี่เริ่ มเป็ นประกาย

“ข้ าจะซื ้ออันที่แพงที่สดุ มาให้ เจ้ า”

ลิลลี่เริ่ มยิ ้ม…เธอเกิดความลาบากใจขึ ้นเล็กน้ อยก่อนจะก้ มศีรษะ


ให้ คาร์ ลช้ าๆ แน่นอนว่าคาร์ ลไม่เห็นอาการที่เกิดขึ ้นกับลิลลี่
ก่อนที่เขาจะหันไปยังน้ องชายวัย 15 ปี ของตนผู้ที่กาลังจ้ องเขา
อยูไ่ ม่วางตา

“เจ้ าอยากได้ อะไรบ้ างหรื อไม่?”

“ปากกาหมึกซึมขอรับ”

“อ่า…ข้ าเข้ าใจแล้ ว”


อาหารเช้ าสิ ้นสุดลงทันทีที่เขาได้ รับปากว่าจะซื ้อของขวัญกลับมา
ให้ กบั พี่น้องของตน

**********************************
**********************************
*********

การแสดงออกของคาร์ ลในตอนนี ้ แปลกประหลาดเล็กน้ อยเมื่อ


เขายืนอยูห่ น้ ารถม้ าที่จะใช้ เดินทางไปยังเมืองหลวง

‘อ่า…..มันแปลก’

เขามีความรู้สกึ แปลกใจก่อนที่จะเอ่ยถามคนที่ยืนอยูข่ ้ างๆเขา

“ทาไมที่นงั่ ของพวกมันถึงดีกว่าที่นงั่ ของข้ ามากนัก?”


สายตาของคาร์ ลยังจ้ องไปที่เบาะราคาแพงและอ่อนนุ่มที่อยูข่ ้ างๆ
ที่นงั่ ของเขาตอนนี ้มันมีเจ้ าแมวสองพี่น้องจับจองเป็ นเจ้ าของอยู่

“นายน้ อยขอรับเราไม่ควรให้ ลกู แมวที่มีคา่ ต้ องเดินทางไปกับเรา


อย่างยากลาบากเช่นนัน?พวกมั
้ นทังตั
้ วเล็กและบอบบางมากนะ
ขอรับ”

ฮันส์เป็ นคนเอ่ยตอบเขาขณะที่กาลังใส่อาหารสุดพิเศษสาหรับ
แมวลงในถาดที่เตรี ยมไว้ บนรถม้ าเช่นกัน คาร์ ลและรอนต่างมีสี
หน้ าที่วา่ งเปล่าเมื่อได้ ยินและเห็นภาพตรงหน้ า

เป็ นเพราะฮันส์ไม่ได้ เห็นว่าพวกมันสามารถสร้ างหมอกและเติม


พิษเข้ าไปในหมอกได้ ตา่ งหาก….คาร์ ลได้ เรี ยกให้ ออนและฮงไป
หาเขาที่มมุ อับของสวนเมื่อสามวันก่อน

“พวกเจ้ าทาอะไรได้ บ้าง?”


เพื่อแสดงความสามารถของพวกมันให้ คาร์ ลได้ เห็น ออนได้ สร้ าง
หมอกทึบขึ ้นรอบตัวก่อนที่ฮงจะใช้ เลือดของมันเพื่อกระจายเป็ น
พิษเข้ าไปในหมอกนัน่ แน่นอนว่าออนสามารถควบคุมหมอกพิษ
เพื่อไม่ให้ สามารถทาอันตรายแก่คาร์ ลได้ และเป็ นอันแน่ชดั เช่นกัน
ว่าพิษที่ฮงสร้ างขึ ้นสามารถทาอันตรายได้ จนถึงขันพิ
้ การหรื อตาย
ได้ ทีเดียว

‘เจ้ าทังสองมี
้ ประโยชน์มาก’

ออนและฮงพยักหน้ าตอบรับคาชมเชยของคาร์ ลก่อนจะเอ่ยขึ ้น


ทันที

‘เราสามารถวิ่งหนีจากอันตรายได้ ด้วยหมอกพิษของเราเอง’

“พวกเรามีประโยชน์มาก”
ตังแต่
้ วนั นันเป็
้ นต้ นมาออนและฮงก็ได้ กินอาหารที่มีรสชาติอร่อย
ได้ ตลอดทังวั ้ น และนัน่ เป็ นสิ่งที่ทาให้ ฮนั ส์มีความสุขมากที่ได้ มอบ
สิ่งดีๆให้ กบั ลูกแมวทังสองตั
้ ว

“นายน้ อยขึ ้นไปนัง่ บรถม้ าเถิดขอรับ…กระผมจะนัง่ กับคนขับรถ


ม้ าเอง”

“ตกลง”

รอนกระโดดขึ ้นไปนัง่ ข้ างคนขับรถม้ าและคาร์ ลกาลังจะขึ ้นไปนัง่


บนรถม้ าด้ วยเช่นกันแต่เชวฮันได้ เดินเข้ ามาหาเขาก่อน

“ท่านคาร์ ลขอรับ”
หลังจากตกลงทาตามความต้ องการของคาร์ ลแล้ ว เชวฮันก็แจ้ ง
กับคาร์ ลว่าเขาไม่ต้องการเรี ยกคาร์ ลว่านายน้ อยแต่จะเรี ยกว่า
ท่านคาร์ ลแทน

“มีอะไรหรื อ?”

“มันจะดีหรื อขอรับ…ที่กระผมจะไม่ได้ นงั่ ไปกับรถม้ าคันเดียวกับ


ท่านเพื่อทาการคุ้มครอง…?”

คาร์ ลมีอาการชะงักและเกิดความกระอักกระอ่วนเล็กน้ อย

“……..มี……..”

‘มีเหตุผลที่จะต้ องทาเช่นนันด้
้ วยเหรอ?’
นัน่ คือสิ่งที่เชวฮันคิดว่าคาร์ ลได้ แสดงออกมาทางท่าทางและ
สายตา เขาไม่ได้ เอ่ยอะไรออกมาเพียงแค่ก้มหน้ าตอบรับให้ คาร์ ล
เพื่อที่จะขอตัวออกไป คาร์ ลจ้ องมองไปที่เชวฮันที่กาลังจะเดิน
ออกไป

‘นี่มนั แปลกมาก…..’

แววตาของเชวฮันยังไม่แจ่มใสนัก จิตใจของเขาดูเหมือนจะเต็มไป
ด้ วยความโกรธและคิดแก้ แค้ นอยูต่ ลอดเวลา เมื่อวันก่อนคาร์ ลได้
แจ้ งแก่เชวฮันว่าเขาได้ สง่ คนไปที่หมูบ่ ้ านแฮร์ ริสและนัน่ เขาได้ เห็น
แววตาของความโกรธแค้ นของเชวฮันแต่มนั มีบางอย่างที่ตา่ งไป
เล็กน้ อย เขาไม่ได้ อยูใ่ นความสิ ้นหวังเช่นเดียวกับในนิยาย คาร์ ล
ยังจาได้ ดีกบั ประโยคนัน้

‘โลกนี ้ไม่ต้องการให้ ข้ามีความสุขเช่นนันหรื


้ อ? ทาไมพวกมันถึง
ต้ องฆ่าคนที่ข้ารักไปจนหมด?’
และนัน่ เป็ นเหตุผลที่มนั แปลก เชวฮันฟื น้ สภาพจิตใจได้ เร็ วมาก

ในนิยายดูเหมือนเขาจะสามารถเริ่ มฟื น้ สภาพจิตใจได้ ตอนที่ร่วม


เดินทางไปกับบารอค โรสลินและล็อก ตอนนันเขามี
้ เพียงดาบที่
เก็บไว้ ในใจ [1]แต่ภายนอกต้ องแสดงอาการที่เงียบสงบ เขา
ยังคงปล่อยให้ มนั เป็ นเช่นนันแม้
้ มนั เป็ นเรื่ องที่ไม่ดีก็ตาม แต่คาร์ ล
ก็ร้ ูสกึ ขมในปากและประหลาดในใจยิ่งนัก

ขณะนันเอง….

“ข้ าคิดว่านี่ไม่ใช่จดุ ที่เจ้ าต้ องอยู่”

เป็ นเสียงของหัวหน้ าคณะผู้ติดตามในครัง้ นี ้ เขาเป็ นรองหัวหน้ า


กองพลทหารองครักษ์ ของเมืองแห่งนี ้ เขาค่อยเดินเข้ าไปใกล้ เชว
ฮันก่อนพูดประโยคนันขึ้ ้น รองหัวหน้ าองครักษ์ เหลือบมองเชวฮัน
ด้ วยรอยยิ ้มสดใสเขามองตังแต่
้ หวั จรดเท้ าอย่างเย้ ยหยันเสีย
มากกว่า

‘ฉันรู้ดีวา่ ในคณะพวกเราจะมีคนประเภทนี ้อย่างน้ อยหนึง่ คนล่ะ


นะ’

คาร์ ลเดาะลิ ้นตัวเองเบาๆ

เชวฮันซ่อนความสามารถที่แท้ จริ งของเขาเอาไว้ มันเป็ นเช่นนัน้

ปั ญหาก็คือเชวฮันเป็ นแขกคนแรกที่เขาพาเข้ าไปยังคฤหาสน์เฮ


นิตสั และความจริ งที่วา่ ท่านเคานต์เดอรัชปฏิบตั ิตอ่ เขาเฉกเช่น
แขกคนสาคัญ

และความจริ งอีกประการคือเชวฮันกาลังจะเข้ าไปเป็ นส่วนหนึง่


ของทีมอารักขาแก่คาร์ ล ทาให้ บางคนเริ่ มที่จะไม่ชอบและต่อต้ าน
เชวฮัน พวกเขาไม่ได้ เข้ ามารบกวนเชวฮันอย่างออกนอกหน้ า
เพราะเชวฮันยังถือเป็ นแขกของคาร์ ลแต่พวกเขาก็ยงั คงแอบกลัน่
แกล้ งเชวฮันอยูเ่ สมอเมื่อสบโอกาส

‘นายน้ อยกระผมคิดว่าท่านเชวฮันไม่น่าจะเข้ ากับเหล่าทหาร


องครักษ์ ที่จะร่วมเดินทางไปยังเมืองหลวงกับเราได้ ’

‘เป็ นเช่นนันหรื
้ อ?’

‘ขอรับ…กระผมคิดว่ารองหัวหน้ าทหารองครักษ์ เป็ นผู้รับผิดชอบ


ในเรื่ องนี ้’

‘อ่า….ข้ าเข้ าใจแล้ วฮันส์ เจ้ าหยุดกังวลเกี่ยวกับเรื่ องนี ้เถิด’

คาร์ ลนึกถึงรายงานของฮันส์ที่แจ้ งต่อเขาและรู้สกึ แย่ขึ ้นมา ไม่ใช่


รู้สกึ แย่ตอ่ เชวฮันแต่เป็ นรองหัวหน้ าองครักษ์ คนนันต่
้ างหาก
‘มันยังเร็ วไปที่เขาจะรู้วา่ ดวงตาของเขามันไม่ได้ อยูบ่ นพื ้นดินแต่
มันอยูใ่ ต้ พื ้นดินต่างหาก’ [2]

มันจะยังใช้ ได้ ดีตราบใดที่เขายังไม่ถกู ทาร้ าย

คาร์ ลไม่ได้ คิดที่จะแก้ ไขปั ญหาที่เกิดขึ ้นสาหรับพวกเขา รอง


หัวหน้ าองครักษ์ จะไม่สามารถนอนหลับได้ สนิทนักหากเห็นฝี มือที่
แท้ จริ งของเชวฮัน เขาจะหลับลงได้ อย่างไรเพราะเขาจะต้ องกลัว
มันมากเป็ นแน่?

“เราจะออกเดินทางกันตอนนี ้เลยหรื อไม่ขอรับ?”

รองหัวหน้ าองครักษ์ เอ่ยถามคาร์ ลทันทีเมื่อเห็นคาร์ ลจะปิ ดประตู


รถม้ า
“ใช่….ออกเดินทางได้ ”

ทหารยาม 15 นาย ทหารองครักษ์ 5 นายและอีก 1ผู้อารักขาคน


พิเศษสาหรับคาร์ ล กลุม่ คนเหล่านี ้คือผู้ที่จะดูแลคุ้มครองความ
ปลอดภัยตลอดการเดินทางและรวมถึงข้ ารับใช้ อีกส่วนหนึง่ ก็ได้
เริ่ มเดินทางมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวง

เช่นเดียวกับการเดินทางท่องเที่ยวในโลกนิยายส่วนใหญ่จะมัก
ไม่ใช่การเดินทางที่ราบรื่ นนัก ไม่มีใครกล้ าเข้ าใกล้ ขบวนรถม้ าของ
คาร์ ลในอาณาเขตเฮนิตสั ขบวนรถม้ านี ้ไม่ได้ มีธงที่เป็ นตัวแทน
ของตระกูล แต่ตวั รถม้ ามีเต่าสีทองซึง่ เป็ นสัญลักษณ์ของตระกูลเฮ
นิตสั ประดับอยู่ มันเป็ นตัวแทนของความรักในตระกูลเฮนิตสั ที่
แสดงถึงความมัง่ คัง่ และอายุยืน

อย่างไรก็ตามเมื่อพ้ นเขตเฮนิตสั พวกเขาก็ต้องพาตัวเองเข้ าไป


เผชิญสถานการณ์ที่เป็ นอันตรายอยูด่ ี
‘ตามที่คาดไว้ จริ งๆ’

ขณะที่ขบวนรถม้ ากาลังวิ่งผ่านภูเขาสูงชัน ก็มีกลุม่ คนหลายสิบ


คนปรากฏตัวขึ ้นที่หบุ เขาแห่งนี ้

“จงจ่ายค่าผ่านทางมา หากพวกเจ้ าต้ องการผ่านภูเขาลูกนี ้ไป!”

“จงมอบทุกอย่างที่พวกเจ้ ามีมาให้ พวกข้ า หากพวกเจ้ าตุกติก


แอบซ่อนข้ าวข้ องมีคา่ ไว้ อีกพวกข้ าจะจัดการตบปากพวกเจ้ า
เท่ากับจานวนเหรี ยญทองที่พวกเจ้ าซุกซ่อนเอาไว้ ”

ใช่…พวกนันคื
้ อโจร

มันได้ ถกู กล่าวไว้ นิยายเล่มนี ้ว่ามีกลุม่ โจรออกปล้ น แต่ความจริ ง


ที่วา่ มีโจรนับสิบคนทาให้ เขารู้สกึ ประหลาดใจได้ เช่นกัน พวกเขา
อาจต้ องอาศัยจานวนคนเท่านี ้เพื่อโจมตีรถม้ าที่มีทหารองครักษ์
เพียง 5 นาย คาร์ ลหันหน้ าไปมองลูกแมวที่กาลังหาวก่อนเอ่ย
ถาม

“พวกเจ้ าคิดว่า…โจรกลุม่ นันมองไม่


้ เห็นสัญลักษณ์บนรถม้ าของ
ข้ ารึไม่?”

“ข้ าคิดว่ามันเป็ นเช่นนัน..”


คาร์ ลพยักหน้ าให้ กบั การประเมินสถานการณ์ของฮง เขาในตอนนี ้


ไม่ได้ ร้ ูสกึ กลัวโจรเลยสักนิด ทาไมเขาถึงเป็ นเช่นนี?้

ก๊ อก ก๊ อก ก๊ อก
เสียงเคาะเรี ยกเบาๆดังมาหน้ าต่างบานเล็กๆที่นงั่ ของคนขับรถม้ า
ก่อนที่หน้ าต่างจะเปิ ดขึ ้นเล็กน้ อย ก่อนที่รอนจะมองเข้ ามาภายใน
รถม้ า

“นายน้ อยดูเหมือนเราต้ องผ่อนคลายชัว่ ครู่ ดูเหมือนว่าตอนนี ้จะ


มีกระต่ายเป็ นจานวนมาก”

กระต่าย….คาร์ ลชะงักไปครู่หนึง่ เมื่อได้ ยินคากล่าวของรอน


‘อ่า…………..’

ก่อนที่รอนจะขอตัวออกไปพร้ อมรอยยิ ้มที่เข้ ามาแทนที่ทนั ทีที่พดู


จบพร้ อมกับกล่าวเบาๆให้ คาร์ ลได้ ยิน

“อา……กระต่ายพวกนี ้ดูแตกต่างจากกระต่ายที่กระผมจะจับให้
นายน้ อย พวกมันจะไม่ถกู กระผมจับแต่พวกมันจะโดนคนอื่นจับ
แทนเสียนี่…”
คาร์ ลได้ รับการคุ้มครองโดยกลุม่ คนที่น่ากลัวกว่าพวกโจร เสียง
กรี ดร้ องของพวกโจรลอดผ่านเข้ ามาจากด้ านนอกรถม้ าเมื่อเขา
เริ่ มคานวณเวลา

“ประมาณหนึง่ วันครึ่ง”

ประมาณหนึง่ วันครึ่งที่พวกเขาจะไปถึงบริ เวณที่มงั กรดาถูก


ทรมาน ซึง่ เป็ นช่วงเวลาที่เชวฮันได้ เดินทางมาถึงตามเนื ้อหาใน
นิยาย นัน่ คือเหตุผลที่ทาให้ เขาเดินทางโดยไม่ได้ หยุดพัก

[1] หมายถึง ดูสงบจริ งๆแม้ วา่ เขาจะยังมีความปรารถนาที่จะแก้


แค้ นอยูภ่ ายในใจก็ตาม

[2] หมายถึง ตาบอดจริ งๆ


บทที่ 15 ออกเดินทาง 2

เพื่อให้ บรรลุตามเป้าหมายที่คาร์ ลตังใจไว้


้ เขาต้ องเลือกการหยุด
พักค้ างแรมระหว่างทางก่อน ไม่มีหมูบ่ ้ านใดที่อยูบ่ ริ เวณนี ้จนกว่า
จะถึงหมู่บ้านที่อยูใ่ กล้ ๆกับที่คมุ ขังมังกรดา

เมี ้ยว เมี ้ยว

ลูกแมวขนสีแดงจากเผ่าแมว ลูกแมวน้ อย ‘ฮง’ เริ่ มขยับตัวและ


แกว่งหางของมันราวกับตื่นเต้ น นัน่ เป็ นเพราะกลิ่นหอมจากเนื ้อที่
อบอวลเต็มบริ เวณนี ้นัน่ เอง

‘ความสุขในวันนี ้ก็คงมาจากการกินมื ้อเย็นที่แสนอร่อยนี่ละ่ นะ’


นัน่ คือสิ่งที่คาร์ ลกาลังคิด อาหารมื ้อเย็นที่แสนอร่อยเหล่านี ้คือ
สัญญาณที่บง่ บอกว่าจะสิ ้นสุดวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
ที่แสนยาวนานและเริ่ มต้ นค่าคืนที่ผอ่ นคลาย

อาหารจานหลักในมื ้อเย็นนี ้ เป็ นซุปเนื ้อกระต่าย ซุปเนื ้อกระต่าย!

“ให้ ตายสิ!”

มันไม่ใช่การกระทาของรอน… คาร์ ลเหลือบมองไปด้ านข้ างของ


เขา เชวฮันเป็ นคนที่จดั การมัน ตอนนี ้เขากาลังมีความสุขกับการ
ทานซุปที่แสนอร่อยนัน่ อยู่

เมี ้ยวววววววววว

แปะ! แปะ! ตอนนี ้ออนและฮงกาลังเอาเท้ าเล็กๆของพวกมันแตะ


ไปที่ขาของเขาเพื่อให้ คาร์ ลมอบซุปนัน่ ให้ พวกมันหากเขาไม่
ต้ องการที่จะกินซุป ฮันส์เดินเข้ ามาด้ วยรอยยิ ้มเต็มหน้ าเมื่อเดิน
เข้ ามาหาลูกแมวทังสองตั
้ ว

“ลูกแมวน้ อย พวกเจ้ าอยากกินอาหารที่ข้าเตรี ยมไว้ ให้ พวกเจ้ า


หรื อไม่? มันเป็ นอาหารที่ดีมีประโยชน์ตอ่ สุขภาพพวกเจ้ ามากเลย
นะมันไม่ใส่เกลือและสารกันบูดด้ วย”

ออนและฮงไม่ได้ สนใจฮันส์มากนัก ฮันส์ผ้ ไู ม่ร้ ูวา่ ลูกแมวทังสองตั


้ ว
นี ้คือสัตว์อสูรจากเผ่าแมวเขายังคงมองว่าพวกมันน่ารักบอบบาง
จึงพยายามอยูใ่ กล้ พวกมันไม่หา่ ง

ตรงกันข้ ามกับความเป็ นจริ งที่เกิดขึ ้นก่อนหน้ านันความจริ


้ งที่วา่
พวกเขาพึง่ มีการต่อสู้ปะทะกับกลุม่ โจรเป็ นครัง้ แรกสาหรับการ
เดินทางในครัง้ นี ้แต่บรรยากาศโดยรอบกับมีแต่ความผ่อนคลาย
และเงียบสงบ แต่ถึงอย่างไรเหล่าทหารองครักษ์ กบั มีบรรยากาศที่
แปลกไปพวกเขาทังหมดยั ้ งคงจ้ องมองมายังคาร์ ลที่นงั่ กินซุปอยู่
ข้ างเขา รองหัวหน้ าองครักษ์ ดเู หมือนจะมีทา่ ทีที่อดึ อัดและทุกข์
ทรมานพอสมควร

“เตราะ” คาร์ ลเดาะลิ ้นของเขาเบาๆอีกครัง้

คณะเดินทางของเขาต้ องต่อสู้กบั โจรหลายสิบคนในวันนี ้คนที่


จัดการโจรได้ สว่ นใหญ่คือเชวฮัน เขาไม่ได้ ฆา่ พวกโจรเหล่านันแต่

ก็ไม่มีปัญหาในการตัดแขน ตัดขาหรื อทิ ้งรอยแผลเป็ นลึกบน
ร่างกายของพวกโจรถึงอย่างนันเขาก็
้ สามารถจัดการได้ ด้วยเวลาที่
รวดเร็ ว

“นายน้ อย..การต่อสู้ได้ จบลงแล้ วขอรับ”

รองหัวหน้ าองครักษ์ กล่าวรายงานต่อคาร์ ลด้ วยสีหน้ าที่เต็มไปด้ วย


ความตกใจ เขาไม่ได้ คาดหวังว่ามันจะจบลงอย่างรวดเร็ ว กลุม่ โจร
ถูกจัดการให้ ออกจากพื ้นที่โดยรอบด้ วยความรวดเร็วพวกมัน
ประมาทเกินไปกับการที่คิดว่าพวกมันสามารถจัดการกับทหาร
องครักษ์ เพียง 5 นายได้ โดยอาศัยเพียงแค่จานวนคนที่มากกว่า
แต่เป้าหมายของพวกมันกลับต้ องจบลงเมื่อรถม้ าของเชวฮันมาถึง
เหตุผลที่รองหัวหน้ าองครักษ์ ตกใจจนหน้ าซีดเช่นนี ้ไม่ใช่เพราะ
ความแข็งแกร่งของโจรแต่เป็ นเพราะเชวฮันเดินเข้ ามาใกล้ ตนที่
กาลังยืนกล่าวรายงานแก่คาร์ ลอยู่

‘มันเป็ นการต่อสู้ที่เบามากนัก ไม่พอให้ ข้าได้ อนุ่ เครื่ องเลย’

คาร์ ลเห็นรองหัวหน้ าองครักษ์ สะดุ้งตกใจหลังจากได้ ยินคาพูดของ


เชวฮัน และเขายังได้ เห็นเชวฮันยิ ้มเต็มปากเมื่อมองไปที่รอง
หัวหน้ าองครักษ์ ที่สะดุ้งสุดตัว

‘เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมให้ คนอื่นมีปัญหากับตนสินะ’
ไม่มีทางที่คนอย่างเชวฮัน ผู้ที่สามารถลงมือทาร้ ายคาร์ ลบุตรชาย
ของเคานต์เดอรัชได้ จะเป็ นคนดีและปล่อยให้ คนอื่นๆยังสามารถ
มาหาเรื่ องยุง่ เกี่ยวกับตนได้

“นายน้ อย…หิวหรื อไม่ขอรับ?”

คาร์ ลรู้สกึ เหนื่อยหน่ายในใจ ขณะที่รอนเดินเข้ ามาหาเขาด้ วย


รอยยิ ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา คาร์ ลจ้ องมองไปที่ซุป
กระต่ายสลับกับรอน ก่อนจะตระหนักถึงบางอย่างได้ ตาแก่คนนี ้
กาลังสนุกที่ได้ เล่นสนุกกับเขา

“อืม…ข้ าไม่หิวเลย”

ก่อนที่เชวฮันจะเอ่ยถามขึ ้น

“ท่านรู้สกึ ไม่สบายหรื อ?”


“ไม่มีอะไรเช่นนันหรอก”

‘ฉันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้ านายจับสิ่งอื่นมาแทนกระต่ายนัน่ ’

คาร์ ลมองไปทางเชวฮันและโบกมือเบาๆเพื่อเป็ นการยืนยันไม่ให้


เชวฮันกังวลเรื่ องของเขา อย่างไรก็ตามเชวฮันก็ยงั คงจ้ องมองเขา
อยูด่ ้ วยสายตาที่จริ งจังขึ ้น

“เจ้ ากาลังมองหาอะไรอยู่?”

“…….นี่เป็ นครัง้ แรกที่ทา่ นเจอการต่อสู้?……”

คาร์ ลเพิ่งตังค
้ าถามแก่เชวฮันก่อนที่เขาจะสวนกลับมาด้ วยคาถาม
ที่เคร่งเครี ยดกว่าเดิม
“ต่อสู้อะไร? เจ้ าหมายถึงพวกโจรก่อนหน้ านี ้”

“ใช่”

“แน่นอน ข้ าไม่เคยเห็นโจรจานวนมากเช่นนี ้มาก่อน”

“อ่า…ข้ าเข้ าใจ”

เชวฮันพยักหน้ าและนัง่ พึมพากับตัวเองเงียบๆ

“….นี่ต้องเป็ นครัง้ แรกที่ทา่ นเฉียดใกล้ ความตายเช่นนี ้”

ห๊ า….มีเสียงอุทานดังขึ ้นของทหารนายหนึง่

ห๊ า….ส่วนคาร์ ลอึ ้งเพราะเชวฮันทาให้ เขาตกใจ


‘ครัง้ แรกที่เฉียดใกล้ ความตาย…ตูดแกนะสิ! นายรู้หรื อไม่วา่ ฉัน
กังวลใจในช่วง2-3วันที่ผา่ นมาก็เพราะนายนัน่ ล่ะ’

มันไม่ได้ หยุดอยูแ่ ค่ตรงนันเมื


้ ่อตอนที่รอยยิ ้มของรอนปรากฏขึ ้นใน
ตอนที่เห็นเชวฮันนากระต่ายกลับมาก่อนจะมองเห็นบารอคกาลัง
ลับมีดทาครัวของเขา คาร์ ลรู้สกึ กระวนกระวายใจเช่นกัน คาร์ ล
เริ่ มคิดถึงช่วงเวลาที่หลอนประสาทที่เขามี ตังแต่
้ พวกเขาเดินทาง
ออกจากอาณาเขตเฮนิตสั

‘ตอนนี ้ฉันไม่ร้ ูสกึ อยากกินอะไรเลย’

เขาสูญเสียความอยากอาหารทังหมดของเขาไป

เคร้ ง!
ช้ อนในมือของคาร์ ลตกลงไปในชามซุป นัน่ เป็ นเหตุผลที่เขาไม่
เข้ าใจว่าเหล่าทหารกาลังมองเข้ าด้ วยความเข้ าอกเข้ าใจหรื อเป็ น
เพราะเชวฮันได้ หยุดความสนใจที่จะแกล้ งคนที่อยูร่ อบตัวเขา
ในตอนนี ้กันแน่ ก่อนที่คาร์ ลจะอยูก่ บั ภวังค์ความคิดของตนต่อไป

“ท่านคาร์ ล”

“มีอะไรรึ?”

คาร์ ลกาลังคิดว่าเขาไม่จาเป็ นต้ องกังวลอะไรอีกต่อไปเพราะเขา


พยายามหลีกเลี่ยงการถูกทาร้ ายร่างกาย

และยังได้ รับโล่นิรันดร์ กาลมาไว้ ที่ตวั แล้ ว ก่อนที่เสียงของเชวฮัน


จะแทรกผ่านและดึงเขากลับสูค่ วามเป็ นจริ ง

‘หมอนี่จะพูดอะไรกับเขากันนะ’
“ครัง้ แรกเป็ นเรื่ องยากที่จะจัดการได้ ”

“เจ้ าพูดถึงเรื่ องอะไร?”

ก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยถามกลับไป เชวฮันมีรอยยิ ้มน้ อยๆบนใบหน้ า


ของเขา ก่อนที่จ้องมองเขาด้ วยสายตาที่เคร่งเครี ยดยิ่งกว่าเดิม

“ท่านคาร์ ล….ท่านไม่ได้ เรี ยนรู้ศิลปะป้องกันตัวใดๆเลยหรื อ


ขอรับ?”

“ไม่จาเป็ น”

“ไม่เลยสักนิดหรื อขอรับที่คนแข็งแรงเช่นท่านจะเรี ยนสิ่งเหล่านี ้ไว้


ป้องกันตัว?”
มีความห่วงใยอย่างจริ งใจกับเรื่ องร้ ายแรงดังกล่าว คาร์ ลสงสัยว่า
ทาไมเชวฮันถึงกลายเป็ นคนที่จริ งจังเช่นนี ้แต่ตดั สินใจที่จะตอบ
คาถามนี ้เช่นกัน

“ข้ ามีวิธีการมากมายอยูแ่ ล้ ว”

คาร์ ลละสายตาของตนออกไปจากเชวฮัน และมองไปบริ เวณ


รอบๆ เขามองไปที่ทหารจานวน 15 นายที่แข็งแกร่งกว่าเขา
เหล่าทหารองครักษ์ จานวน 5 นายที่จะทาหน้ าที่ของพวกเขาให้ ดี
ที่สดุ แม้ วา่ จะไปที่ใดก็ตาม เหล่าข้ ารับใช้ ที่ติดตามมาส่วนหนึง่ ที่
อยูข่ ้ างๆพวกเขา หรื อแม้ แต่รอน บารอค ลูกแมวสองตัว และฮันส์
ต่างก็มีความแข็งแกร่งกว่าเขาทังนั ้ น้

คาร์ ลมองสบตาของแต่ละคนก่อนที่จะหันกลับไปหาเชวฮันอีกครัง้

“เจ้ าเห็นพวกเขาเหล่านี ้หรื อไม่?”


‘นี่คือสิ่งที่สามารถปกป้องบุตรชายของท่านเคานต์ผ้ มู งั่ คัง่ ’

คาร์ ลเริ่ มยิ ้มเขารู้วา่ พวกคนเหล่านี ้จะต้ องปกป้องเขา ถึงแม้ วา่ เขา
จะไม่มนั่ ใจในตัวรอนและบารอคแต่เขาก็แน่ใจว่าอย่างน้ อยสอง
คนนันอาจยั
้ งไม่ลงมือฆ่าคนได้ ในเวลานี ้

‘นี่ไม่ใช่แค่การปกป้องเท่านัน’้

คาร์ ลตัดสินใจที่จะเปิ ดเผยต่อเชวฮันผู้ซงึ่ กาลังนัง่ จ้ องเขาอยูไ่ ม่


วางตา เขาตบลงไปที่หวั ใจของตนเบาๆก่อนจะเอ่ย

“ข้ าเชื่อใจหัวใจของข้ า…..ข้ าจะไม่ตาย”

แน่นอน…..โล่นิรันดร์ กาลอยูร่ อบหัวใจของเขามันจะปกป้องชีวิต


เขาได้ เป็ นอย่างดี ตราบที่เขาหลีกเลี่ยงการปะทะจากคนอย่างเชว
ฮัน นัน่ มัน………..เขาเหลือบมองใบหน้ าของเชวฮันอีกครัง้ ก่อนที่
จะเห็นสายตานัน่

เชวฮันกาลังมองมาที่เขาด้ วยแววตาที่สนั่ ไหว…………

“เมี ้ยว เมี ้ยว”

“ฮืม….พวกเจ้ าจะทาสิ่งใด?”

ออนและฮงเดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ลก่อนจะแตะมาที่ขาของเขาด้ วยอุ้ง


เท้ าเล็กๆนัน่ กรงเล็บที่อยู่บนเท้ าของพวกมันทาให้ คาร์ ลรู้สกึ เจ็บ
ก่อนจะขมวดคิ ้วมุน่ ลูกแมวสองพี่น้องจากเผ่าแมวได้ หยุดการกิน
อาหารและเริ่ มถูแก้ มของพวกมันไปมากับขาของคาร์ ล

แครก!
เชวฮันวางชามใส่ซุปที่วา่ งเปล่าของเขาและลุกขึ ้นยืนจากที่นงั่ ของ
ตน

“…….ข้ าจะฝึ กดาบของข้ าตอนนี ้”

“หลังจากกินอาหารเสร็ จนี่เหรอ?”

“ข้ ารู้สกึ ว่าข้ าต้ องการที่จะแข็งแกร่งขึ ้น”

‘ให้ ตายเถอะ นายจะพยายามแข็งแกร่งจนสามารถระเบิดโลกนี ้


ทังใบไปเลยหรื
้ อไง?’

คาร์ ลหันหน้ าหนีด้วยความรังเกียจ และเวลานันบารอคก็


้ เดินเข้ า
มาหาเขาด้ วยอาหารจานใหม่

“ขอให้ สนุกกับอาหารนะขอรับ”
“โอ้ ! ขอบคุณ”

คาร์ ลมองจานที่เต็มไปด้ วยเครื่ องเทศที่มีคณ


ุ ภาพสูงและเนื ้อสเต็ก
ชันเลิ
้ ศก่อนจะเริ่ มยิ ้มออก

“อาหารและเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีรสชาติเหมือนน ้ามะนาว


เป็ นอาหารที่ดีที่สดุ ในการช่วยให้ นายน้ อยเริ่ มมีความอยากอาหาร
มากขึ ้นขอรับ”

นี่เป็ นครัง้ แรกที่รอนได้ สง่ น ้ามะนาวมาให้ เขาตังแต่


้ ครัง้ ที่เริ่ มมี
ปฏิสมั พันธ์ที่ไม่คอ่ ยดีนกั ในร้ านชานัน่ คาร์ ลไม่ได้ สนใจน ้ามะนาว
เพราะเขารู้สกึ ตื่นเต้ นเกี่ยวกับสเต็กที่อยูต่ รงหน้ า

“ถ้ าทุกคนกินเสร็จเรี ยบร้ อยแล้ ว เราจะเริ่ มฝึ กซ้ อมเพิ่มเติมในเร็วๆ


นี ้”
คาร์ ลได้ ยินเสียงของรองหัวหน้ าองครักษ์ ดงั ขึ ้นและเริ่ มคิด

‘สงสัยได้ แรงบันดาลใจมาจากเชวฮัน’

คาร์ ลมองไปที่ทหารองครักษ์ และทหารยามที่กาลังฝึ กซ้ อมกัน


อย่างแข็งขัน ในขณะที่เขาสาละวนอยูก่ บั สเต็กและซุปกระต่าย
แน่นอนว่าซุปกระต่ายเป็ นสิ่งที่อร่อยเมื่อเขาได้ ลองทาน และ
แน่นอนว่าเขาปฏิเสธอย่างแข็งขันเมื่อเห็นลูกแมวมีทา่ ทีเชิญชวน
ให้ เขากินซุปกระต่ายของพวกมัน ไม่มีเครื่ องปรุงรสใดๆในนันเลย

ไม่!เขาจะไม่แตะต้ องมันเป็ นอันขาด

**********************************
**********************************
****************

‘3วัน’
คาร์ ลคานวณเวลาขณะที่พวกเขากาลังเดินทางเข้ าไปในหมูบ่ ้ าน

‘มังกรดาจะทาให้ เกิดการระเบิดของพลังอาคมภายใน 3 วัน’

ตอนนี ้พวกเขาเข้ ามาอยูใ่ นอาณาเขตอาเภอที่อยูต่ ิดกับอาณาเขต


เฮนิตสั มีคฤหาสน์ขนาดกลางที่นายอาเภอสร้ างขึ ้นบนภูเขาทาง
ทิศขวาของหมูบ่ ้ านแห่งนี ้เมื่อไม่กี่ปีก่อน

คนทัว่ ไปรู้กนั ว่าคฤหาสน์หลังนี ้เป็ นของนายอาเภอแต่ความเป็ น


จริ งมันเป็ นของมาร์ ควิสผู้สงู ศักดิ์ ผู้ที่เป็ นคนทาให้ มงั กรดาคลุ้ม
คลัง่ อาละวาดไปทัว่ นายอาเภอของเขตนี ้ก็คงไม่ตา่ งจากสุนขั รับ
ใช้ ผ้ ซู ื่อสัตย์ของมาร์ ควิสผู้นี ้

‘และภูเขาเบื ้องหลังคฤหาสน์นนั่ มีถ ้าที่ใช้ ซอ่ นมังกรดาอยู่’


มังกรดาทาให้ เกิดพลังอาคมระเบิดถ ้าและภูเขาจนเสียหายขึ ้น
คาร์ ลมองไปที่ยอดเขาเล็กๆที่อยูท่ างขวาของภูเขาที่เขากาลังใช้
ข้ ามไปในตอนนี ้ คาร์ ลเดาะลิ ้นของตนอีกครัง้

เวเนี่ยนเป็ นคนในตระกูลมาร์ ควิสสแตน คาร์ ลกาลังคิดถึงบุตรชาย


คนที่สองของมาร์ ควิสสแตน เขาเป็ นโรคจิตเป็ นคนที่ทาร้ ายพี่ชาย
ของตนเองจนพิการและได้ ขึ ้นมาเป็ นทายาทแทน เจ้ าโรคจิตบ้ าคน
นี ้มาพักที่คฤหาสน์นี ้บ่อยๆเขามาทรมานมังกรดาเพื่อความสุขและ
สะใจของตนเอง

“เตราะ”

ฮันส์สะดุ้งไปชัว่ ครู่เมื่อเห็นว่าคาร์ ลเดาะลิ ้นของตนเอง ก่อนจะพา


เชวฮันเข้ ามาหาคาร์ ลและเริ่ มพูด
“นายน้ อย กระผมกับท่านเชวฮันจะเข้ าไปหาที่พกั ด้ านในก่อน
โปรดรอสักครู่นะขอรับ”

ขณะนี ้รถได้ หยุดอยูน่ อกประตูทางเข้ าหมูบ่ ้ าน

“อืม…ได้ ”

“เราจะรี บกลับมาให้ เร็วที่สดุ ”

คาร์ ลพยักหน้ ากับคาพูดของฮันส์ก่อนจะละสายตาไปสังเกตเชว


ฮันในสายตาของเชวฮันตอนนี ้มีแต่สิ่งที่ระลึกถึง ทาไมเชวฮันถึง
ตัดสินใจที่จะต่อสู้กบั การระเบิดอาคมจากมังกรดา? นัน่ เป็ น
เพราะเขาไม่สามารถทิ ้งหมูบ่ ้ านเล็กๆที่เงียบสงบเช่นนี ้ไปได้
หมูบ่ ้ านที่อยูต่ อ่ หน้ าเขาในตอนนี ้มีความคล้ ายคลึงกับ‘หมูบ่ ้ าน
แฮร์ ริส’ซึง่ เป็ นหมูบ่ ้ านที่สอนให้ เขารู้จกั กับเกี่ยวกับความรักและ
ความเกลียดชัง นัน่ คงเป็ นเหตุผลว่าทาไมเขาจึงพยายามเพื่อ
ช่วยเหลือชีวิตชาวบ้ านแห่งนี ้โดยที่เขาไม่เคยรู้จกั มาก่อน คาร์ ลเริ่ ม
ขมวดคิ ้วมุน่ อีกครัง้ ก่อนจะเรี ยกเชวฮันไว้

“เชวฮัน”

“…..ขอรับ?”

“รี บกลับมา..”

อา….เสียงกระซิบเบาๆดังออกมาจากปากของเชวฮัน เด็กหนุ่มวัย
17 ปี ที่อาศัยอยูม่ าหลายสิบปี เริ่ มมีรอยยิ ้มอันสดใสอยูเ่ ต็ม
ใบหน้ าของเขาก่อนจะพยักหน้ าตอบรับ[1]

“ขอรับนายท่าน…..ข้ าจะกลับมา”
คาร์ ลขยับตัวราวกับกาลังหงุดหงิดอะไรอยู่ แต่เชวอันก็โค้ งศีรษะ
ให้ เขาก่อนที่จะเดินเข้ าไปในหมู่บ้านพร้ อมกับฮันส์อย่างรวดเร็ ว
คาร์ ลยังคงจ้ องมองไปที่แผ่นหลังของเชวฮันด้ วยสีหน้ าที่เรี ยบเฉย
ก่อนจะค่อยๆเริ่ มมีความขุน่ เคืองขึ ้น

คาร์ ลมองเห็นรถม้ าที่วิ่งตรงไปยังทิศทางที่พวกเขาอยู่

‘ชักรู้สกึ ไม่ดีกบั เรื่ องนี ้ซะแล้ วสิ’

คาร์ ลรู้สกึ เหมือนมีคนที่มือเปื อ้ นเหงื่อยื่นแอปเปิ ล้ พิษให้ แก่เขา มัน


เป็ นความรู้สกึ ที่หน่วงๆและขมขื่นแปลกๆ สาเหตุของความรู้สกึ นี ้
คงได้ รับการเปิ ดเผยในไม่ช้า

“นัน่ ไง……”

คาร์ ลไม่อยากจะเชื่อเลยจริ งๆ
เขามองเห็นชายชราคนหนึง่ ที่ไม่สามารถหลบรถม้ าล้ มลงไปกอง
กับพื ้นถนน นอกจากนี ้เขายังมองเห็นว่า เชวฮันกาลังวิ่งเข้ าไป
ช่วยเหลือชายชราและรถม้ าที่วิ่งมาด้ วยความเร็ วอย่างไม่มีทีวา่ จะ
ลดความเร็วลงได้

‘นัน่ ไง…ชิ’

มีธงสีแดงแขวนอยูบ่ นรถม้ านัน่ งูสีแดงเป็ นสัญลักษณ์ของตระกูล


มาร์ ควิสสแตน สายตาของคาร์ ลเริ่ มสัน่ ไหว มันกาลังจะเกิดขึ ้น
เหตุการณ์นนั่ มันจะเกิดขึ ้นในไม่ช้า

ปั ง!
เชวฮันใช้ ตวั เองเพื่อช่วยเหลือชายชราคนนัน้ แรงชนจากรถม้ าทา
ให้ ตวั เขากระแทกไปที่กาแพงด้ านข้ าง ก่อนที่รถม้ าคันสีดาของ
ตระกูลมาร์ ควิสสแตนจะหยุดลงเช่นกัน

“เฮ้ อ…”

คาร์ ลถอนหายใจยาวก่อนที่จะเปิ ดประตูรถม้ าออกไป ดูเหมือนว่า


เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะมุง่ หน้ าไปยังสถานที่แห่งความ
วุน่ วายนัน่

[1]ไม่แน่ใจในอายุของเชวฮัน
บทที่ 16 ออกเดินทาง 3

“นายน้ อยจะออกไปไหนหรื อขอรับ?”

รอนเดินเข้ ามาหาเขาทันทีที่ก้าวออกจารถม้ า

“แล้ วใครจะไปถ้ าไม่ใช่ข้า?”

รอนและรองหัวหน้ าทหารองครักษ์ ได้ ติดตามคาร์ ลซึง่ กาลังมุง่ หน้ า


ไปยังที่เกิดเหตุอย่างไม่ลงั เล ทังสองล้
้ อมรอบคาร์ ลราวกับว่าโลก
กาลังจะถล่มในเร็วๆนี ้ แต่เขาไม่ได้ สนใจมัน

มีคนเดินลงจากรถม้ าอีกคันอย่างช้ าๆ เวเนี่ยน สแตน


คาร์ ลเริ่ มขมวดคิ ้วอย่างขุน่ มัวเมื่อมองเห็นเขา มีเพียงบรรทัดเดียว
ในข้ อมูลที่เขาได้ มาจากบิดาเกี่ยวกับบุคลิกและนิสยั ใจคอของ
เวเนี่ยน สแตน

[ขุนนางทัว่ ไปและเผด็จการ]

คาร์ ล…ไม่สิ….คิมร็อกโซยังสามารถใช้ ข้อมูลจากนิยายเรื่ อง


กาเนิดวีรบุรุษเพื่อประเมินเวเนี่ยนได้ อีกทางหนึ่ง

ลักษณะของตัวร้ ายทัว่ ไปนัน่ ล่ะ

อย่างไรก็ตามมันเป็ นเรื่ องที่สามารถเกิดอาการปวดหัวได้ ง่ายเมื่อ


เจอตัวร้ ายเช่นนี ้ในชีวิตจริ งมากกว่าการเจอตัวร้ ายแบบในนิยาย
คาร์ ลไม่ใช่คนที่สามารถปล่อยให้ สิ่งที่เลวร้ ายเกิดขึ ้นได้ เพียง
เพราะไม่ชอบขี ้หน้ าใครแม้ กระทัง่ จะเป็ นเชวฮันก็ตาม
ตอนนี ้สถานการณ์ที่เกิดขึ ้นได้ บานปลายไปมากกว่าเดิมเมื่อคาร์ ล
ได้ เดินมาถึงซึง่ ใช้ เวลาไม่นานมากนัก เขาเห็นว่าเชวฮันโกรธมาก
จนไหล่ของเขาสัน่ สะท้ านอย่างรุนแรง

“ใครใช้ ให้ พวกเจ้ ามาขวางทางรถม้ าของขุนนางด้ วย ห๊ ะ?”

“ให้ ตายเถอะ! เจ้ าพูดอะไรออกมาในเมื่อมันมีคนเจ็บ? ขวางทาง


งันเหรอ?เรื
้ ่ องนี ้มันเกิดขึ ้นก็เพราะเจ้ าที่บงั คับรถม้ าวิ่งเหมือนคน
บ้ าเช่นนัน”

“พวกบ้ านนอกก็ควรเดินออกจากทางเมื่อเห็นรถของขุนนางสิ
ไม่ใช่ความผิดของพวกข้ า ไอ้ บ้านนอกนี่โง่เองที่มายืนอยู่กลาง
ถนนเช่นนันโดยไม่
้ ขยับหลีกทางเลยสักนิด”
เชวฮันกาลังโต้ เถียงกับข้ ารับใช้ ของเวเนี่ยน ก่อนที่ฮนั ส์ที่ยืนอยู่
ข้ างเชวฮันจะเริ่ มขมวดคิ ้วมุน่ และเดินเข้ ามาหาคาร์ ลพร้ อมกับ
กระซิบไปที่หขู องคาร์ ล

“ดูเหมือนท่านเชวฮันจะโมโหมากขอรับ”

ฮันส์ดเู หมือนจะรู้แล้ วว่าเจ้ าของรถม้ าคันนันเป็


้ นของตระกูลมาร์ ค
วิส และก็ดจู ะรู้วา่ คนที่ยืนอยูด่ ้ านหลังนันไม่
้ ใช่ใครอื่นนอกจาก เว
เนี่ยน สแตน

เจ้ าโรคจิตหลงตัวเองก้ าวออกมาจากรถม้ าทันทีเมื่อมองเห็น


สัญลักษณ์ที่อยูบ่ นรถม้ าของตระกูลเฮนิตสั

“พอได้ แล้ ว….”


เวเนี่ยน ชายผมสีบลอนด์สวยพูดเบาๆกับข้ ารับใช้ ของตน ทันทีได้
ยินคาพูดของเวเนี่ยนพวกเขาก็รีบขยับไปข้ างหลังเวเนี่ยนราวกับ
ไม่ได้ มีเรื่ องทะเลาะกันตังแต่
้ แรก มีเพียงเฉพาะเชวฮันเท่านันที
้ ่ยงั
ยืนอยู่ ลมหายใจของเขาสะท้ อนเข้ าออกรุนแรงก่อนจะข่มอารมณ์
ตนเพื่อปลอบโยนชายชราที่กาลังหวาดกลัวอยู่

เตราะ! คาร์ ลเดาะลิ ้นของเขา

ข้ ารับใช้ นนั่ ดูไม่ได้ โกรธจริ งจัง เขาสามารถมองเห็นรถม้ าของ


คาร์ ลที่อยูไ่ ม่ไกลนักซึง่ เหมือนกับเวเนี่ยนที่มองเห็นสัญลักษณ์
เต่าทองบนรถม้ าของคาร์ ลได้ อย่างชัดเจน จึงทาให้ ข้ารับใช้ นนั่ พูด
เกินจริ งและส่งเสียงดังเกินความจาเป็ นเพื่อที่จะให้ คาร์ ลออกไปยัง
ที่เกิดเหตุ ฮันส์ร้ ูวา่ ข้ ารับใช้ นนั่ จะทาอะไร ฮึ!อยากหาเรื่ องนายข้ ารึ
ไงและนัน่ ทาให้ เขาขมวดคิ ้วมุน่ เพื่อรอการมาถึงของคาร์ ล

คาร์ ลจ้ องมองไปที่เวเนี่ยนและข้ ารับใช้ ของเขาก่อนที่จะจับไปที่


ไหล่ของเชวฮัน
“เจ้ าก็ด้วย…”

“แต่!……”

คาร์ ลรู้วา่ ทาไมเชวฮันถึงโกรธ หมู่บ้านแห่งนี ้มีความคล้ ายคลึงกับ


หมูบ่ ้ านแฮร์ ริสซึง่ เป็ นบ้ านหลังที่สองของเขา เชวฮันโกรธกับความ
จริ งที่วา่ คนเหล่านี ้ทาให้ ชีวิตของคนอื่นตกอยูใ่ นอันตรายแต่ไม่ได้
มีความสานึกผิดหรื อคิดจะขอโทษเลยสักคา

อย่างไรก็ตามเหยื่อของเหตุการณ์ในครัง้ นี ้คือชายชราเขาไม่สมา
รถแสดงอาการโกรธใดๆได้ เพราะเขาไม่มีผ้ สู นับสนุนเช่นเชวฮัน

“พวกเขาอาจใช้ เส้ นทางอื่น แล้ วทาให้ เกิดเหตุการณ์แบบนี ้เกิดขึ ้น


อีกครัง้ มันอาจจะทาร้ ายผู้อื่นได้ อีก ข้ าจะปล่อยให้ มนั เป็ นเช่นนัน้
ได้ อย่างไร”
“เชวฮัน”

คาร์ ลเพิ่มแรงลงไปบนไหล่ของเชวฮันที่เขาจับไว้

“ใจเย็นๆ”

รูมา่ นตาสีดาของเชวฮันจ้ องมองมาที่คาร์ ลและคาร์ ลสามารถ


มองเห็นความโกรธในม่านตานันได้ ้ มนั ไม่ได้ เป็ นความโกรธกับ
เรื่ องนี ้เท่านัน้ แต่มนั ยังมีเรื่ องราวของหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสอีกด้ วย
ก่อนที่เขาจะค่อยๆสงบลง

หลังจากแน่ใจว่าเชวฮันได้ สงบลงแล้ วเขาจึงหันมามองเวเนี่ยน


สแตน อีกครัง้
ผมสีบลอนด์ที่สวยงามและรอยยิ ้มน้ อยๆที่ประดับอยูบ่ นริ มฝี ปาก
ของเขา เครื่ องแต่งกายที่สมบูรณ์แบบถูกรี ดโดยไม่มีรอยยับแม้ แต่
รอยเดียว รองเท้ าบู๊ทก็ไม่ร่องรอยขูดขีดแม้ แต่รอยเดียวเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดงึ ดูดสายตาของคาร์ ลได้ คือจุดสีแดงเล็กน้ อยที่
ติดอยูป่ ลายเสื ้อสีขาวของเวเนี่ยน

‘มีเลือดจากบางสิ่งกระเด็นมาโดนเขา น่าจะเป็ นตอนที่หมอนี่


เพลินเพลินไปกับการเฝ้าดูมงั กรดาที่ถกู ทรมาน’

ไอ้ บ้า เวเนี่ยน สแตน คนนี ้เป็ นคนที่ชื่นชอบทานอาหารของเขา


ขณะนัง่ ดูมงั กรดาถูกทรมานจนตัวของมันเต็มไปด้ วยเลือด

“ยินดีที่ได้ ร้ ูจกั …ท่านเป็ นใครจากตระกูลเฮนิตสั หรื อ?”

“ใช่…ยินดีที่ได้ พบท่านเช่นกัน นายน้ อยเวเนี่ยน สแตน”


ตามที่คาดไว้ อีกฝ่ ายรู้เรื่ องของตน เวเนี่ยนไม่ใช่คนที่มีชีวิตหรื อ
คุณสมบัติที่เหมาะสมกับตาแหน่งทายาท ปั ญหาคือเขาค่อนข้ าง
เป็ นคนหยาบคาย

“อืม….”

เวเนี่ยน สแตน เป็ นคนที่สง่ ยิ ้มให้ คณ


ุ ได้ อย่างอ่อนโยนแต่คณ
ุ ก็ยงั
ไม่ร้ ูสกึ อะไรหรอก นอกจากจะมีแต่ความรังเกียจเขา

“ข้ าไม่ได้ มีเหตุผลอะไรที่จะมาที่นี่และก็ไม่คอ่ ยจะรู้เรื่ องอะไรมาก


นัก แต่ข้าได้ ยินมาว่ามีบางคนในตระกูล เฮนิตสั ที่คอ่ นข้ างเป็ น
ตัวของตัวเองและก็ไม่ได้ เป็ นขุนนาง”

เวเนี่ยนยิ ้มขณะที่เขาลอบสังเกตคาร์ ลไปด้ วย


‘มันดูน่าราคาญเล็กน้ อยราวกับว่าหมอนี่ต้องการจะเริ่ มอะไร
บางอย่าง’

“ข้ าได้ ยินมาว่านายน้ อยบาเซ็น เฮนิตสั ได้ เข้ าร่วมประชุมกับเหล่า


ขุนนางเมื่อปี ก่อน”

‘แล้ วทาไมต้ องถามในเรื่ องที่ตวั เองรู้อยู่แล้ ว’

คาร์ ลไม่ได้ มีพรสวรรค์ในการสนทนาเช่นนี ้ นัน่ เป็ นเหตุผลให้ เขา


ยิ ้มอย่างสดใสและตอบอย่างสุภาพ

“ใช่ ข้ าคือขยะไร้ คา่ ผู้นน…”


ั้

ขยะ ช่วงเวลาที่คาพูดนันออกมาจากปากคาร์
้ ล ข้ ารับใช้ ของ
เวเนี่ยนถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้ อย
“ก็คงจะเป็ นเศษขยะที่ไร้ คา่ สักอย่างในถังขยะนัน่ กระมัง”

มุมปากของเวเนี่ยนกระตุกเล็กน้ อย การแสดงออกของเขาดู
เหมือนจะบอกว่าไม่เคยเห็นคนบ้ ามาก่อนแต่คาร์ ลไม่ได้ สนใจแต่
อย่างใด

มาร์ ควิสสแตนเป็ นคนที่มีอานาจมากพอที่จะเป็ นผู้นาของทุกฝ่ าย


ได้ แต่สาหรับเวเนี่ยนไม่ใช่เช่นนัน้ เขาไม่สามารถจะได้ การยอมรับ
จากขุนนางคนอื่นได้ จนกว่าเขาจะถูกแต่งตังให้ ้ เป็ นผู้สืบทอด
ตาแหน่งมาร์ ควิสใน อนาคตอย่างเป็ นทางการ

ตาแหน่งมมาร์ ควิสโดยปกติแล้ วจะต้ องมีการประกาศอย่างเป็ น


ทางการว่าเด็กคนใดได้ ถกู รับเลือกเป็ นผู้สืบทอดเพื่อที่จะให้ การ
คุ้มครองเด็กคนนันเช่
้ นเดียวกับที่จะต้ องสร้ างเครื อข่ายของพวก
เขาตังแต่
้ อายุยงั น้ อย อย่างไรก็ตามมาร์ ควิสสแตนไม่ได้ ทาเช่นนัน้
‘ยังมีเด็กอีกสามคน’

เวเนี่ยนมีน้องสาวสองคนและน้ องชายอีกหนึง่ คน มาร์ ควิสชอบดู


การแข่งขันระหว่างพี่น้องเช่นเดียวกับที่เวเนี่ยนชื่นชอบการดูมงั กร
ดาที่ถกู ทรมานเพื่อผ่อนคลายความเครี ยดจากการแข่งขันกับพี่
น้ องของตน มาร์ ควิสจะพิจารณาการแข่งขันของลูกๆว่า
เป็ นการเล่นสนุกที่น่าตื่นเต้ นเพียงใด และการที่บตุ รชายคนโตต้ อง
พิการลงก็เป็ นผลมาจากการแข่งขันนี ้เช่นกัน

มันเป็ นตระกูลที่บ้าคลัง่ มาก

ตระกูลเฮนิตสั ของเราเป็ นที่ตระกูลที่ยอดเยี่ยมมากหากต้ อง


เปรี ยบเทียบกับตระกูลบ้ าคลัง่ นัน่

“เจ้ าเป็ นคนที่นา่ สนใจมาก”


เวเนี่ยนเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบรับกับคาตอบของคาร์ ล

ท่านเคานต์ผ้ มู งั่ คัง่ ที่อยูใ่ นเขตชานเมืองอันห่างไกลทางทิศ


ตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่ได้ เข้ าพวกกับฝ่ ายใด ใครบ้ างที่จะไม่
อยากกระชับความสัมพันธ์กบั ตระกูลนี ้?ใครๆก็มีความโลภที่
อยากครอบครองอาณาเขตนี ้เป็ นของตนกันทังนั้ น้

แต่สาหรับเวเนี่ยนไม่เป็ นเช่นนัน้ เขาไม่ชอบคาร์ ลที่เป็ นเพียงขยะ


ไร้ คา่ บุตรชายคนโตของท่านเคานต์ที่มีน้องชายที่เฉลียวฉลาดและ
เก่งกาจมากกว่า เขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างคาร์ ลและบาเซ็น
ก็คงเหมือนกับความสัมพันธ์ของเขากับพี่ชายเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนันเวเนี
้ ่ยนก็เก็บรักษาอาการของขุนนางชันสู้ งก่อนจะ
มอบหน้ าที่ให้ คาร์ ลเป็ นคนจัดการในเรื่ องนี ้
“อุปสรรคที่ไม่คาดคิดทาให้ ข้าเสียเวลาเป็ นอย่างมาก แต่ข้าก็ยงั
คิดว่านับเป็ นเรื่ องดีที่ทาให้ ข้าได้ มารู้จกั กับท่าน นายน้ อยคาร์ ล เฮ
นิตสั ”

‘อุปสรรคที่ไม่คาดคิด’เขาหมายถึงชายชราคนนัน้ เขารู้สกึ ผิดหวัง


กับความจริ งที่วา่ เวลาของเขาเสียไปเพราะชายชราผู้นี ้และ
อยากจะจบเรื่ องนี ้ด้ วยความสุข

“ดูเหมือนว่าท่านจะต้ องสอนผู้ใต้ บงั คับบัญชาให้ เห็นความ


แตกต่างระหว่างคนที่มีสทิ ธิ์ที่จะเดินทางข้ ามเส้ นทางไปมายัง
ดินแดนนี ้และคนที่มีสทิ ธิ์ที่จะทาให้ พวกเขาต้ องหยุดลง”

ในฐานะผู้สืบทอดอย่างไม่เป็ นทางการของมาร์ ควิสสแตนซึง่ ใครๆ


ก็ตา่ งรู้จกั กันเป็ นอย่างดี เขาคิดว่านี่คงเป็ นสิ่งที่ดีที่สดุ ที่เขาจะทา
ให้ ขยะไร้ คา่ จากตระกูลเคานต์เฮนิตสั ได้ น ้าเสียงของเขาบ่งบอก
ว่าถึงทังสองจะเป็
้ นนายน้ อยเช่นเดียวกันแต่สถานะของคนทังคู ้ ก่ ็
แตกต่างกันอย่างสิ ้นเชิง
แน่นอนว่าคาร์ ลกาลังฟั งอย่างเงียบๆแต่เขาไม่ใช่คนที่จะให้ ความ
สนใจกับการเล่นตลกของสุนขั เท่าใดนัก

เวเนี่ยนเสร็ จสิ ้นสิ่งที่เขาต้ องการจะพูดและมองไปยังคนที่สมควร


จะอึดอัดที่สดุ ในกลุม่ นัน่

พลัก่ ! ชายชราคุกเข่าลงบนพื ้นดินอย่างแรงเมื่อเห็นว่าเวเนี่ยนมอง


มาที่ตน

“…….เอ่อ…..ข้ าน้ อยขอโทษขอรับ”

มือของชายชราคูน่ นถู
ั ้ กวางไปที่พื ้นดินพร้ อมกับศีรษะของเขาที่
โขกพื ้นดินส่งเสียงดังเป็ นระยะ มือของ เชวฮันสัน่ ไหวด้ วยความ
โกรธขณะเฝ้ามองดูชายชราคุกเข่าขอโทษ
ชาวบ้ านที่อาศัยอยูใ่ นดินแดนแต่ละท้ องที่จะมีลกั ษณะเฉก
เช่นเดียวกับขุนนางที่ประจาอยู่เมืองนัน้ นายอาเภอของเมืองนี ้
เป็ นสุนขั รับใช้ ของตระกูลมาร์ คควิสสแตน ส่งผลให้ พวกเขามี
อานาจและเผด็จการต่อชาวบ้ านที่นี่นกั

บทที่ 16 ออกเดินทาง 3 (1)

“นายน้ อยจะออกไปไหนหรื อขอรับ?”

รอนเดินเข้ ามาหาเขาทันทีที่ก้าวออกจารถม้ า

“แล้ วใครจะไปถ้ าไม่ใช่ข้า?”


รอนและรองหัวหน้ าทหารองครักษ์ ได้ ติดตามคาร์ ลซึง่ กาลังมุง่ หน้ า
ไปยังที่เกิดเหตุอย่างไม่ลงั เล ทังสองล้
้ อมรอบคาร์ ลราวกับว่าโลก
กาลังจะถล่มในเร็วๆนี ้ แต่เขาไม่ได้ สนใจมัน

มีคนเดินลงจากรถม้ าอีกคันอย่างช้ าๆ เวเนี่ยน สแตน

คาร์ ลเริ่ มขมวดคิ ้วอย่างขุน่ มัวเมื่อมองเห็นเขา มีเพียงบรรทัดเดียว


ในข้ อมูลที่เขาได้ มาจากบิดาเกี่ยวกับบุคลิกและนิสยั ใจคอของ
เวเนี่ยน สแตน

[ขุนนางทัว่ ไปและเผด็จการ]

คาร์ ล…ไม่สิ….คิมร็อกโซยังสามารถใช้ ข้อมูลจากนิยายเรื่ อง


กาเนิดวีรบุรุษเพื่อประเมินเวเนี่ยนได้ อีกทางหนึง่
ลักษณะของตัวร้ ายทัว่ ไปนัน่ ล่ะ

อย่างไรก็ตามมันเป็ นเรื่ องที่สามารถเกิดอาการปวดหัวได้ ง่ายเมื่อ


เจอตัวร้ ายเช่นนี ้ในชีวิตจริ งมากกว่าการเจอตัวร้ ายแบบในนิยาย
คาร์ ลไม่ใช่คนที่สามารถปล่อยให้ สิ่งที่เลวร้ ายเกิดขึ ้นได้ เพียง
เพราะไม่ชอบขี ้หน้ าใครแม้ กระทัง่ จะเป็ นเชวฮันก็ตาม

ตอนนี ้สถานการณ์ที่เกิดขึ ้นได้ บานปลายไปมากกว่าเดิมเมื่อคาร์ ล


ได้ เดินมาถึงซึง่ ใช้ เวลาไม่นานมากนัก เขาเห็นว่าเชวฮันโกรธมาก
จนไหล่ของเขาสัน่ สะท้ านอย่างรุนแรง

“ใครใช้ ให้ พวกเจ้ ามาขวางทางรถม้ าของขุนนางด้ วย ห๊ ะ?”

“ให้ ตายเถอะ! เจ้ าพูดอะไรออกมาในเมื่อมันมีคนเจ็บ? ขวางทาง


งันเหรอ?เรื
้ ่ องนี ้มันเกิดขึ ้นก็เพราะเจ้ าที่บงั คับรถม้ าวิ่งเหมือนคน
บ้ าเช่นนัน”

“พวกบ้ านนอกก็ควรเดินออกจากทางเมื่อเห็นรถของขุนนางสิ
ไม่ใช่ความผิดของพวกข้ า ไอ้ บ้านนอกนี่โง่เองที่มายืนอยู่กลาง
ถนนเช่นนันโดยไม่
้ ขยับหลีกทางเลยสักนิด”

เชวฮันกาลังโต้ เถียงกับข้ ารับใช้ ของเวเนี่ยน ก่อนที่ฮนั ส์ที่ยืนอยู่


ข้ างเชวฮันจะเริ่ มขมวดคิ ้วมุน่ และเดินเข้ ามาหาคาร์ ลพร้ อมกับ
กระซิบไปที่หขู องคาร์ ล

“ดูเหมือนท่านเชวฮันจะโมโหมากขอรับ”

ฮันส์ดเู หมือนจะรู้แล้ วว่าเจ้ าของรถม้ าคันนันเป็


้ นของตระกูลมาร์ ค
วิส และก็ดจู ะรู้วา่ คนที่ยืนอยูด่ ้ านหลังนันไม่
้ ใช่ใครอื่นนอกจาก เว
เนี่ยน สแตน
เจ้ าโรคจิตหลงตัวเองก้ าวออกมาจากรถม้ าทันทีเมื่อมองเห็น
สัญลักษณ์ที่อยูบ่ นรถม้ าของตระกูลเฮนิตสั

“พอได้ แล้ ว….”

เวเนี่ยน ชายผมสีบลอนด์สวยพูดเบาๆกับข้ ารับใช้ ของตน ทันทีได้


ยินคาพูดของเวเนี่ยนพวกเขาก็รีบขยับไปข้ างหลังเวเนี่ยนราวกับ
ไม่ได้ มีเรื่ องทะเลาะกันตังแต่
้ แรก มีเพียงเฉพาะเชวฮันเท่านันที
้ ่ยงั
ยืนอยู่ ลมหายใจของเขาสะท้ อนเข้ าออกรุนแรงก่อนจะข่มอารมณ์
ตนเพื่อปลอบโยนชายชราที่กาลังหวาดกลัวอยู่

เตราะ! คาร์ ลเดาะลิ ้นของเขา

ข้ ารับใช้ นนั่ ดูไม่ได้ โกรธจริ งจัง เขาสามารถมองเห็นรถม้ าของ


คาร์ ลที่อยูไ่ ม่ไกลนักซึง่ เหมือนกับเวเนี่ยนที่มองเห็นสัญลักษณ์
เต่าทองบนรถม้ าของคาร์ ลได้ อย่างชัดเจน จึงทาให้ ข้ารับใช้ นนั่ พูด
เกินจริ งและส่งเสียงดังเกินความจาเป็ นเพื่อที่จะให้ คาร์ ลออกไปยัง
ที่เกิดเหตุ ฮันส์ร้ ูวา่ ข้ ารับใช้ นนั่ จะทาอะไร ฮึ!อยากหาเรื่ องนายข้ ารึ
ไงและนัน่ ทาให้ เขาขมวดคิ ้วมุน่ เพื่อรอการมาถึงของคาร์ ล

คาร์ ลจ้ องมองไปที่เวเนี่ยนและข้ ารับใช้ ของเขาก่อนที่จะจับไปที่


ไหล่ของเชวฮัน

“เจ้ าก็ด้วย…”

“แต่!……”

คาร์ ลรู้วา่ ทาไมเชวฮันถึงโกรธ หมู่บ้านแห่งนี ้มีความคล้ ายคลึงกับ


หมูบ่ ้ านแฮร์ ริสซึง่ เป็ นบ้ านหลังที่สองของเขา เชวฮันโกรธกับความ
จริ งที่วา่ คนเหล่านี ้ทาให้ ชีวิตของคนอื่นตกอยูใ่ นอันตรายแต่ไม่ได้
มีความสานึกผิดหรื อคิดจะขอโทษเลยสักคา
อย่างไรก็ตามเหยื่อของเหตุการณ์ในครัง้ นี ้คือชายชราเขาไม่สมา
รถแสดงอาการโกรธใดๆได้ เพราะเขาไม่มีผ้ สู นับสนุนเช่นเชวฮัน

“พวกเขาอาจใช้ เส้ นทางอื่น แล้ วทาให้ เกิดเหตุการณ์แบบนีเ้ กิดขึ ้น


อีกครัง้ มันอาจจะทาร้ ายผู้อื่นได้ อีก ข้ าจะปล่อยให้ มนั เป็ นเช่นนัน้
ได้ อย่างไร”

“เชวฮัน”

คาร์ ลเพิ่มแรงลงไปบนไหล่ของเชวฮันที่เขาจับไว้

“ใจเย็นๆ”

รูมา่ นตาสีดาของเชวฮันจ้ องมองมาที่คาร์ ลและคาร์ ลสามารถ


มองเห็นความโกรธในม่านตานันได้้ มนั ไม่ได้ เป็ นความโกรธกับ
เรื่ องนี ้เท่านัน้ แต่มนั ยังมีเรื่ องราวของหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสอีกด้ วย
ก่อนที่เขาจะค่อยๆสงบลง

หลังจากแน่ใจว่าเชวฮันได้ สงบลงแล้ วเขาจึงหันมามองเวเนี่ยน


สแตน อีกครัง้

ผมสีบลอนด์ที่สวยงามและรอยยิ ้มน้ อยๆที่ประดับอยูบ่ นริ มฝี ปาก


ของเขา เครื่ องแต่งกายที่สมบูรณ์แบบถูกรี ดโดยไม่มีรอยยับแม้ แต่
รอยเดียว รองเท้ าบู๊ทก็ไม่ร่องรอยขูดขีดแม้ แต่รอยเดียวเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดงึ ดูดสายตาของคาร์ ลได้ คือจุดสีแดงเล็กน้ อยที่
ติดอยูป่ ลายเสื ้อสีขาวของเวเนี่ยน

‘มีเลือดจากบางสิ่งกระเด็นมาโดนเขา น่าจะเป็ นตอนที่หมอนี่


เพลินเพลินไปกับการเฝ้าดูมงั กรดาที่ถกู ทรมาน’
ไอ้ บ้า เวเนี่ยน สแตน คนนี ้เป็ นคนที่ชื่นชอบทานอาหารของเขา
ขณะนัง่ ดูมงั กรดาถูกทรมานจนตัวของมันเต็มไปด้ วยเลือด

“ยินดีที่ได้ ร้ ูจกั …ท่านเป็ นใครจากตระกูลเฮนิตสั หรื อ?”

“ใช่…ยินดีที่ได้ พบท่านเช่นกัน นายน้ อยเวเนี่ยน สแตน”

ตามที่คาดไว้ อีกฝ่ ายรู้เรื่ องของตน เวเนี่ยนไม่ใช่คนที่มีชีวิตหรื อ


คุณสมบัติที่เหมาะสมกับตาแหน่งทายาท ปั ญหาคือเขาค่อนข้ าง
เป็ นคนหยาบคาย

“อืม….”

เวเนี่ยน สแตน เป็ นคนที่สง่ ยิ ้มให้ คณ


ุ ได้ อย่างอ่อนโยนแต่คณ
ุ ก็ยงั
ไม่ร้ ูสกึ อะไรหรอก นอกจากจะมีแต่ความรังเกียจเขา
“ข้ าไม่ได้ มีเหตุผลอะไรที่จะมาที่นี่และก็ไม่คอ่ ยจะรู้เรื่ องอะไรมาก
นัก แต่ข้าได้ ยินมาว่ามีบางคนในตระกูล เฮนิตสั ที่คอ่ นข้ างเป็ น
ตัวของตัวเองและก็ไม่ได้ เป็ นขุนนาง”

เวเนี่ยนยิ ้มขณะที่เขาลอบสังเกตคาร์ ลไปด้ วย

‘มันดูน่าราคาญเล็กน้ อยราวกับว่าหมอนี่ต้องการจะเริ่ มอะไร


บางอย่าง’

“ข้ าได้ ยินมาว่านายน้ อยบาเซ็น เฮนิตสั ได้ เข้ าร่วมประชุมกับเหล่า


ขุนนางเมื่อปี ก่อน”

‘แล้ วทาไมต้ องถามในเรื่ องที่ตวั เองรู้อยูแ่ ล้ ว’

คาร์ ลไม่ได้ มีพรสวรรค์ในการสนทนาเช่นนี ้ นัน่ เป็ นเหตุผลให้ เขา


ยิ ้มอย่างสดใสและตอบอย่างสุภาพ
“ใช่ ข้ าคือขยะไร้ คา่ ผู้นน…”
ั้

ขยะ ช่วงเวลาที่คาพูดนันออกมาจากปากคาร์
้ ล ข้ ารับใช้ ของ
เวเนี่ยนถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้ อย

“ก็คงจะเป็ นเศษขยะที่ไร้ คา่ สักอย่างในถังขยะนัน่ กระมัง”

มุมปากของเวเนี่ยนกระตุกเล็กน้ อย การแสดงออกของเขาดู
เหมือนจะบอกว่าไม่เคยเห็นคนบ้ ามาก่อนแต่คาร์ ลไม่ได้ สนใจแต่
อย่างใด

มาร์ ควิสสแตนเป็ นคนที่มีอานาจมากพอที่จะเป็ นผู้นาของทุกฝ่ าย


ได้ แต่สาหรับเวเนี่ยนไม่ใช่เช่นนัน้ เขาไม่สามารถจะได้ การยอมรับ
จากขุนนางคนอื่นได้ จนกว่าเขาจะถูกแต่งตังให้ ้ เป็ นผู้สืบทอด
ตาแหน่งมาร์ ควิสใน อนาคตอย่างเป็ นทางการ
ตาแหน่งมมาร์ ควิสโดยปกติแล้ วจะต้ องมีการประกาศอย่างเป็ น
ทางการว่าเด็กคนใดได้ ถกู รับเลือกเป็ นผู้สืบทอดเพื่อที่จะให้ การ
คุ้มครองเด็กคนนันเช่
้ นเดียวกับที่จะต้ องสร้ างเครื อข่ายของพวก
เขาตังแต่
้ อายุยงั น้ อย อย่างไรก็ตามมาร์ ควิสสแตนไม่ได้ ทาเช่นนัน้

‘ยังมีเด็กอีกสามคน’

เวเนี่ยนมีน้องสาวสองคนและน้ องชายอีกหนึง่ คน มาร์ ควิสชอบดู


การแข่งขันระหว่างพี่น้องเช่นเดียวกับที่เวเนี่ยนชื่นชอบการดูมงั กร
ดาที่ถกู ทรมานเพื่อผ่อนคลายความเครี ยดจากการแข่งขันกับพี่
น้ องของตน มาร์ ควิสจะพิจารณาการแข่งขันของลูกๆว่า
เป็ นการเล่นสนุกที่น่าตื่นเต้ นเพียงใด และการที่บตุ รชายคนโตต้ อง
พิการลงก็เป็ นผลมาจากการแข่งขันนี ้เช่นกัน

มันเป็ นตระกูลที่บ้าคลัง่ มาก


ตระกูลเฮนิตสั ของเราเป็ นที่ตระกูลที่ยอดเยี่ยมมากหากต้ อง
เปรี ยบเทียบกับตระกูลบ้ าคลัง่ นัน่

“เจ้ าเป็ นคนที่นา่ สนใจมาก”

เวเนี่ยนเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบรับกับคาตอบของคาร์ ล

ท่านเคานต์ผ้ มู งั่ คัง่ ที่อยูใ่ นเขตชานเมืองอันห่างไกลทางทิศ


ตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่ได้ เข้ าพวกกับฝ่ ายใด ใครบ้ างที่จะไม่
อยากกระชับความสัมพันธ์กบั ตระกูลนี ้?ใครๆก็มีความโลภที่
อยากครอบครองอาณาเขตนี ้เป็ นของตนกันทังนั้ น้

แต่สาหรับเวเนี่ยนไม่เป็ นเช่นนัน้ เขาไม่ชอบคาร์ ลที่เป็ นเพียงขยะ


ไร้ คา่ บุตรชายคนโตของท่านเคานต์ที่มีน้องชายที่เฉลียวฉลาดและ
เก่งกาจมากกว่า เขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างคาร์ ลและบาเซ็น
ก็คงเหมือนกับความสัมพันธ์ของเขากับพี่ชายเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนันเวเนี
้ ่ยนก็เก็บรักษาอาการของขุนนางชันสู้ งก่อนจะ
มอบหน้ าที่ให้ คาร์ ลเป็ นคนจัดการในเรื่ องนี ้

“อุปสรรคที่ไม่คาดคิดทาให้ ข้าเสียเวลาเป็ นอย่างมาก แต่ข้าก็ยงั


คิดว่านับเป็ นเรื่ องดีที่ทาให้ ข้าได้ มารู้จกั กับท่าน นายน้ อยคาร์ ล เฮ
นิตสั ”

‘อุปสรรคที่ไม่คาดคิด’เขาหมายถึงชายชราคนนัน้ เขารู้สกึ ผิดหวัง


กับความจริ งที่วา่ เวลาของเขาเสียไปเพราะชายชราผู้นี ้และ
อยากจะจบเรื่ องนี ้ด้ วยความสุข
“ดูเหมือนว่าท่านจะต้ องสอนผู้ใต้ บงั คับบัญชาให้ เห็นความ
แตกต่างระหว่างคนที่มีสทิ ธิ์ที่จะเดินทางข้ ามเส้ นทางไปมายัง
ดินแดนนี ้และคนที่มีสทิ ธิ์ที่จะทาให้ พวกเขาต้ องหยุดลง”

ในฐานะผู้สืบทอดอย่างไม่เป็ นทางการของมาร์ ควิสสแตนซึง่ ใครๆ


ก็ตา่ งรู้จกั กันเป็ นอย่างดี เขาคิดว่านี่คงเป็ นสิ่งที่ดีที่สดุ ที่เขาจะทา
ให้ ขยะไร้ คา่ จากตระกูลเคานต์เฮนิตสั ได้ น ้าเสียงของเขาบ่งบอก
ว่าถึงทังสองจะเป็
้ นนายน้ อยเช่นเดียวกันแต่สถานะของคนทังคู ้ ก่ ็
แตกต่างกันอย่างสิ ้นเชิง

แน่นอนว่าคาร์ ลกาลังฟั งอย่างเงียบๆแต่เขาไม่ใช่คนที่จะให้ ความ


สนใจกับการเล่นตลกของสุนขั เท่าใดนัก

เวเนี่ยนเสร็ จสิ ้นสิ่งที่เขาต้ องการจะพูดและมองไปยังคนที่สมควร


จะอึดอัดที่สดุ ในกลุม่ นัน่
พลัก่ ! ชายชราคุกเข่าลงบนพื ้นดินอย่างแรงเมื่อเห็นว่าเวเนี่ยนมอง
มาที่ตน

“…….เอ่อ…..ข้ าน้ อยขอโทษขอรับ”

มือของชายชราคูน่ นถู
ั ้ กวางไปที่พื ้นดินพร้ อมกับศีรษะของเขาที่
โขกพื ้นดินส่งเสียงดังเป็ นระยะ มือของ เชวฮันสัน่ ไหวด้ วยความ
โกรธขณะเฝ้ามองดูชายชราคุกเข่าขอโทษ

ชาวบ้ านที่อาศัยอยูใ่ นดินแดนแต่ละท้ องที่จะมีลกั ษณะเฉก


เช่นเดียวกับขุนนางที่ประจาอยู่เมืองนัน้ นายอาเภอของเมืองนี ้
เป็ นสุนขั รับใช้ ของตระกูลมาร์ คควิสสแตน ส่งผลให้ พวกเขามี
อานาจและเผด็จการต่อชาวบ้ านที่นี่นกั
มุมปากของเวเนี่ยนถูกยกขึ ้นด้ วยความพึงพอใจ หลังจากสังเกต
เวเนี่ยนแล้ วคาร์ ลจึงเรี ยกเขาอีกครัง้

“นายน้ อยเวเนี่ยน”

เมื่อเวเนี่ยนหันศีรษะกลับมามองที่ตน คาร์ ลจึงเอ่ยถามเขาอีกครัง้

“เสร็จเรี ยบร้ อยแล้ วหรื อไม่?”

“อืม….เป็ นเช่นนัน”

คาร์ ลค่อยๆคุกเข่าของตนลงเบื ้องหน้ าชายชรา เสื ้อผ้ าราคาแพง


ของเขาเริ่ มสัมผัสไปที่พื ้นดิน จากนันเขาก็
้ เอื ้อมมือไปจับมือที่สนั่
เทาของชายชราคูน่ นั ้

‘มันจะเป็ นอันตรายถ้ าเรื่ องนี ้ยังคงดาเนินต่อไป’


คาร์ ลมัน่ ใจว่าเขาได้ ยินมัน

“เฮือกกกกกกกกก ~………”

เสียงของเชวฮันหายใจลึกยาวนัน่ เป็ นเสียงที่แสดงว่าความโกรธ


ของเขาทวีความรุนแรงมากขึ ้น ช่วงเวลาที่คาร์ ลได้ ยินเขารู้สกึ ขน
ลุกชันไปทัว่ ลาคอ ถ้ ายังปล่อยให้ เรื่ องนี ้ดาเนินต่อไปคนที่จะโดน
อัดจนน่วมจะไม่ใช่เขาแต่จะเป็ นเจ้ าโรคจิตเวเนี่ยนอย่างแน่นอน
มันไม่สาคัญว่าเขาจะเอาชนะเวเนี่ยนหรื อไม่? แต่เชวฮันไม่
สามารถที่จะชกต่อยทาร้ ายร่างกายลูกขุนนางได้ ในตอนที่เขายัง
อยูใ่ นความดูแลของตนเช่นนี ้

คาร์ ลเอามือของตนไปจับที่ไหล่ของชายชราเบาๆ คิ ้วของเวเนี่ยน


เริ่ มขมวดมุน่ ด้ วยความไม่พอใจมือลูก ขุนนางไปวางไว้
บนไหล่ชาวบ้ าน ‘ฮึ!’
“ท่านผู้เฒ่า”

ชายชราดูเหมือนจะตกใจมากในขณะที่เขาเงยหน้ าขึ ้นมามองที่


ใบหน้ าของคาร์ ล

“…..เอ่ออ……ขอรับ ขอรับ?…….”

คาร์ ลเอ่ยถามขึ ้นโดยไม่ตงใจ


ั้

“ร้ านเหล้ าอยูท่ ี่ใด?”

“อะไรนะขอรับ?”
“ข้ าจะได้ รับรสชาติแสนอร่อยของเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จากที่
ใด? ดังที่ทา่ นผู้เฒ่าได้ ยินข้ าเป็ นเพียงขยะ ข้ ารู้สกึ ไม่สดชื่นเท่าใด
นักหากไม่ได้ ดื่มมัน ข้ าต้ องแน่ใจว่าการดื่มจะทาให้ วนั พรุ่งนี ้เป็ น
วันที่ยิ่งใหญ่อีกวันหนึง่ ดังนัน…………………………..”

คาร์ ลพยายามพยุงร่างของชายชราขึ ้น เวเนี่ยนลอบสังเกตและ


ตัดสินคาร์ ลอย่างเงียบๆพลางส่ายหัวหลังจากได้ ยินคาร์ ลกล่าวถึง
เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์

“นาทางให้ ข้าที…”

แววตาของชายชราที่สง่ มาให้ เขามีแต่ความสัน่ ระริ ก ทาให้ คาร์ ล


รู้สกึ หน้ าตึงด้ วยความโมโหเล็กน้ อย
“ท่านจะไม่ลกุ ขึ ้น?”

ชายชรายังคงลังเลและมองไปมาระหว่างเวเนี่ยนกับคาร์ ล คาร์ ล
ไม่ได้ สนใจกับอาการนัน่ ก่อนจะลุกขึ ้นและดึงมือของตนออกจาก
ไหล่ของชายชราไปยื่นไว้ ตอ่ หน้ าเวเนี่ยน

“วันนี ้ถือเป็ นวันที่ดีที่เราได้ พบกัน นายน้ อยเวเนี่ยน”

คาร์ ลกาลังต้ องการขอจับมือเขา

เวเนี่ยนยังคงยืนเงียบและมองไปที่คาร์ ล ในขณะนันข้้ ารับใช้ ของ


เวเนี่ยนจึงเข้ ามาหาเขาอย่างเร่งรี บก่อนจะกระซิบบอกอย่าง
เงียบๆแต่มนั ก็ดงั พอที่ทกุ คนจะได้ ยิน

“นายน้ อยเราเสียเวลามากแล้ วขอรับ”


“……..อย่าขัดการสนทนาระหว่างขุนนางสิ………”

เวเนี่ยนมองไปที่ข้ารับใช้ โดยไม่มีรอยยิ ้มบนใบหน้ า ก่อนที่ข้ารับใช้


จะโค้ งคานับให้ อย่างรวดเร็ว เวเนี่ยนยิ ้มอีกครัง้ ขณะคว้ ามือของ
คาร์ ลไปจับ

“ข้ าต้ องขอตัวก่อน ช่วงนี ้ข้ ายุง่ มาก”

จากนันก็
้ ปล่อยมือทันที เป็ นการจับมือที่สนมาก
ั้ คาร์ ลเริ่ มยิ ้ม
หวานเหมือนคนเมาเมื่อตอบกลับไป

“ถ้ าเราพบกันที่เมืองหลวง…เรามาดื่มเหล้ ากันเถอะ”

“ข้ าไม่แน่ใจนักว่า เราสองคนอาจจะมีความชอบในสิ่งเดียวกัน”


รอยยิ ้มของเวเนี่ยนเริ่ มไม่พอใจนัก คาร์ ลตัดสินใจที่จะทาบางสิ่ง
เพื่อจบการสนทนานี ้

“อืม… จากการพบปะกันในวันนี ้ดูเหมือนนายน้ อยจะเป็ นผู้


ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวที่สมควรจะเป็ นผู้สืบทอดตาแหน่งของ
ตระกูลสแตนได้ ท่านเป็ นคนที่วิเศษมาก”

ผู้นาของตระกูล คาพูดนันท ้ าให้ ดวงตาของเขาเริ่ มวาวขึ ้นเล็กน้ อย


เป็ นอย่างที่คาร์ ลคาดไว้ เวเนี่ยนเริ่ มกลับมายิ ้มสดใสอีกครัง้ และ
ได้ ให้ คาชมเชยแก่คาร์ ลด้ วย

“นายน้ อยคาร์ ลท่านเป็ นคนที่น่าสนใจมากและยังเป็ นตัวของ


ตัวเองยิ่งนัก ไว้ เรามาเจอกันอีกครัง้ ในอนาคต”

‘ครัง้ นี ้ ฉันไม่ปรารถนาที่จะพบเจอนายอีกเลยแม้ วา่ จะต้ องเจอฉัน


ก็จะหนีไปให้ ไกลๆ’
คาร์ ลซ่อนความรู้สกึ ที่แท้ จริ งของตนเอาไว้ ก่อนจะก้ มศีรษะให้ แก่
เวเนี่ยน ก่อนที่เวเนี่ยนจะรี บตรงไปยังรถม้ าของเขาราวกับกาลังยุง่
และเร่งรี บเป็ นอย่างมาก

คาร์ ลมองดูรถม้ าที่คอ่ ยๆหายไปจากสายตา ก่อนที่จะยื่นมือมาตบ


ที่ไหล่ของเชวฮันเบาๆ

“ครึ่งหนึง่ ของขุนนางมักเป็ นเช่นนัน….”


ไหล่ของเชวฮันสะดุ้งขึ ้นเล็กน้ อยกับคาพูดที่ราบเรี ยบของคาร์ ลแต่


ตอนนี ้คาร์ ลก้ มลงไปหาชายชราอีกครัง้

“ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่สามารถลุกได้ ?หรื อท่านบาดเจ็บที่ขาของ


ท่านหรื อไม่?”
ปั่ ด ปั่ ด!!!!!

คาร์ ลตรวจร่างกายของชายชราตามที่ตนได้ สงสัยไว้ เขาดูเหมือน


ไม่ได้ รับบาดเจ็บใดๆ คาร์ ลเริ่ มสังเกตเห็นคนที่กาลังสับสนวุน่ วาย
ใจ ก่อนจะเอ่ยเรี ยกเชวฮันออกไป

“เชวฮัน”

แทนที่จะเอ่ยตอบใดๆ เชวฮันเพียงแค่มองไปที่ด้านหลังของคาร์ ล
ที่กาลังคุกเข่าอยู่ข้างๆชายชราเท่านัน้

“เจ้ าพาท่านผู้เฒ่าไปส่งบ้ านที”

“ไม่ขอรับ ข้ าไม่เป็ นไร ข้ าจะพาท่านไปร้ านเหล้ าที่ท่านพูดถึง”


ชายชราเอ่ยขึ ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่จาเป็ น ข้ าไม่ได้ อยูใ่ นอารมณ์ที่อยากดื่มนัก”

คาร์ ลหยุดชายชราจากการที่จะพาเขาไปร้ านเหล้ าและมองตรงไป


ที่เชวฮันที่ยืนอยูข่ ้ างๆเขา

“ด้ วยเหตุนี ้เจ้ าก็สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ ได้ ไม่วา่ จะใช้ วิธีใดก็ตาม


เจ้ าก็สามารถพาเขาไปส่งที่บ้านได้ อย่างปลอดภัย”

ปากของเชวฮันขยับเปิ ดและปิ ดสลับกันไปมาแต่ไม่สามารถที่จะ


เอื ้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ เป็ นขณะเดียวกันที่ชายชราพูดด้ วยเสียง
ที่ดงั ขึ ้นเต็มสองหูของคาร์ ล

“สถานที่ที่ข้าน้ อยอยูเ่ ป็ นร้ านเหล้ าขอรับ”

“ฮืม? ท่านผู้เฒ่าบ้ านของท่านเปิ ดร้ านขายเหล้ ารึ ?”


แววตาของคาร์ ลแสดงให้ เห็นว่าเขารู้สกึ ประหลาดใจจริ งๆ ชาย
ชรายิ ้มอย่างงุ่มง่าม แต่ยงั คงพูดด้ วยความรู้สกึ ผ่อนคลายขึ ้น

“ขอรับนายท่าน…มันเป็ นโรงแรมแห่งเดียวของหมูบ่ ้ านนี ้ มีทงั ้


เหล้ าและอาหารอีกด้ วยขอรับ”

“ในเมื่อมันเป็ นโรงแรมที่เดียวของที่นี่ ก็ต้องเป็ นที่ที่ดีที่สดุ นะสิ


ฮันส์!……”

ฮันส์รีบเดินเข้ ามาหาชายชราและช่วยพยุงเขาขึ ้นก่อนที่จะเอ่ย


ถามเกี่ยวกับที่พกั เมื่อทังสองคนเริ
้ ่ มขยับสิ่งต่างๆรอบตัวก็เริ่ ม
กลับมาปกติเช่นกัน

รอนรี บเดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ลและปั ดสิ่งสกปรกออกจากเสื ้อผ้ าของ


คาร์ ล ก่อนที่เขา รองหัวหน้ าองครักษ์ และคนอื่นๆจะมุง่ หน้ าเข้ าไป
ยังหมูบ่ ้ าน มีเพียงแค่คาร์ ลและเชวฮันเท่านันที
้ ่เหลืออยู่
“…….ท่านคาร์ ล”

“อะไร?”

“ท่านไม่โกรธหรื อ?”

“เรื่ องอะไร?”

เชวฮันลังเลอยูค่ รู่หนึง่ และไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ คาร์ ลยักไหล่


ของเขาขณะเริ่ มพูด

“เรื่ องที่วา่ เจ้ านัน่ ดูถกู ข้ า?หรื อจะเรื่ องที่เจ้ านัน่ ทาตัวแบบนันกั
้ บ
เจ้ า?หรื อเรื่ องที่เจ้ านัน่ แทบจะฆ่าท่านผู้เฒ่าก่อนที่เขาจะคุกเข่า
ขอโทษว่าเป็ นคนขวางทางของเจ้ านัน่ ?”
เสียงของคาร์ ลสงบและมัน่ คง เขาได้ ได้ โกรธอะไรเลยแม้ แต่สนใจ
สักนิดก็ไม่มี และพูดต่อไป

“เจ้ าต้ องลงมือเมื่อเขายืนอยูต่ อ่ หน้ าเจ้ าด้ วยหรื อ?ทาไมเจ้ าไม่


พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเขา?เจ้ ารู้หรื อไม่วา่ เจ้ ากาลังอาจจะทาร้ าย
ท่านผู้เฒ่าได้ ?เจ้ าจะรู้ได้ อย่างไรว่าวิธีที่เจ้ าจะใช้ มนั จะทาให้ เขา
รอดจากความตายได้ ?”

เชวฮันยังคงจ้ องมองคาร์ ลด้ วยความสนใจผู้ที่กาลังจ้ องมองไปยัง


ภูเขาสูงที่หา่ งไกล ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นด้ วยกับสิ่งที่คาร์ ลพูด
ทุกๆคา คาร์ ลยังคงพูดต่อไปอย่างหนักแน่น

“เวเนี่ยน…..ทาไมท่านผู้เฒ่าจะต้ องของโทษเจ้ า? เจ้ าต่างหากที่


ต้ องขอโทษเขา”
คาร์ ลสามารถพูดเหมือนเชวฮันได้ และมีบางครัง้ ที่เขาก็อยากทา
เช่นนัน้ แต่…..

“ข้ าไม่ใช่คนที่สามารถจะพูดอะไรเช่นนัน….ไม่
้ …ข้ าไม่ต้องการ…
ข้ าไม่ได้ โกรธอะไร”

แต่นี่มนั ไม่ใช่เวลา คาร์ ลรู้ดีวา่ นี่เป็ นหนึง่ ในสิ่งที่ทาให้ เชวฮันดูเจ๋ง


แต่เขาไม่ต้องการให้ ตวั เองดูเจ๋งแบบนัน้

ชายชราไม่ได้ รับบาดเจ็บใดๆและเขาก็ไม่ได้ ทาอะไรที่จะเป็ นการ


หันคมดาบเข้ าสูค่ รอบครัวตนเอง ความจริ งที่วา่ เขาทาตัวเองดูไม่
ดีอาจจะเป็ นประโยชน์ตอ่ บาเซ็นก็ได้ ดังนันก็
้ นบั ได้ วา่ มันเป็ นเรื่ อง
ที่ดี

“นอกจากนี ้………….”
คาร์ ลคือคนที่พร้ อมให้ การช่วยเหลือใครก็ตามที่ทาดีตอ่ เขาไม่วา่
จะใช้ เวลานานแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ามีใครสักคนดูถกู เหยียดหยาม
หรื อทาบางสิ่งที่ไม่ดีตอ่ เขา เขาก็ต้องทาการแก้ เผ็ดคืนเช่นกัน

“ไอ้ เวรบ้ านัน่ จะถูกขับออกจากตระกูลเร็วๆนี ้”

“……..ฮะ?”

เชวฮันสามารถรู้ได้ วา่ ไอ้ เวรบ้ านัน่ หมายถึงเวเนี่ยน นัน่ เป็ นเหตุผล


ที่ทาให้ เชวฮันแสดงความตกใจอย่างเหลือเชื่อบนใบหน้ าของเขา
ขณะที่มองไปที่คาร์ ล

คาร์ ลมีรอยยิ ้มซุกซนเต็มใบหน้ า ลูกแมวสองตัวกาลังเข้ ามาใกล้


เขาเงียบๆก่อนจะหยุดชะงักไปทันที รอยยิ ้มของคาร์ ลค่อยๆกว้ าง
ขึ ้นในขณะที่เขามองไปทางภูเขาทางด้ านขวาของหมูบ่ ้ าน เขาคิด
ว่าสิ่งที่อยูใ่ นความคิดตนไม่สามารถที่จะบอกเชวฮันได้
‘ฉันกาลังวางแผนที่จะขโมยมังกรนัน่ ’

เมื่อมังกรหายไป เวเนี่ยนจะต้ องเผชิญกับความโกรธของมาร์ ค


วิสสแตนและมีอปุ สรรคต่อการขึ ้นเป็ นผู้นาตระกูลต่อไป ใครคน
นันจ
้ าเป็ นที่จะต้ องเรี ยนรู้การหยุดอยูก่ ลางถนนเพื่อเผชิญสิ่งกีด
ขวางอย่างน้ อยสักหนึง่ ครัง้ ? คาร์ ลยินดีที่จะใส่สิ่งกีดขวางชิ ้น
ใหญ่ในทางเดินของเวเนี่ยน แน่นอนว่ามันจะถูกทาให้ ที่ลบั เขา
ตังใจเอ่
้ ยกับเชวฮันที่มองเขาอย่างใคร่ร้ ู

“ถ้ าเจ้ าอยากรู้?เจ้ าสามารถช่วยข้ าได้ นะ”

“ไม่วา่ มันจะเป็ นอะไร ข้ าสามารถช่วยเหลือท่านได้ ทกุ เรื่ องจริ งๆ”

เชวฮันเริ่ มยิ ้มเช่นกัน มันเป็ นรอยยิ ้มที่ชวั่ ร้ ายมากสาหรับคนที่ดู


เป็ นคนดีเช่นเขา แม้ แต่ลกู แมวทังสองก็
้ ยงั รู้สกึ อึ ้งไปกับรอยยิ ้มนัน่
คาร์ ลมองไปทางภูเขาสูงที่จะถูกระเบิดอาคมทาลายในเวลาอีก
สามวันและเริ่ มหงุดหงิดกับตัวเอง ความจริ งที่วา่ เขาถูกเวเนี่ยนดู
ถูก รวมถึงเลือดบนแขนเสื ้อของหมอนัน่ และสายตาของชายชราที่
ก้ มหน้ าขอโทษเวเนี่ยนยังคงวนเวียนอยูใ่ นความคิดของเขา

“เจ้ าจะไม่เสียใจเลย”

เขาจะสามารถเอาคืนหมอนัน่ ได้ แน่

“เจ้ าจะไม่ร้ ูสกึ เสียใจเลย เชวฮัน….”


บทที่ 17 ออกเดินทาง 4

“นายน้ อย นี่เป็ นห้ องที่ดีที่สดุ ที่เรามีขอรับ…”

“อืม…ใช้ ได้ ทีเดียว”

ชายชราพาคณะของคาร์ ลมายังโรงแรมของตน ด้ านนอกของ


โรงแรมก็เหมือนบ้ านหลังอื่นในหมูบ่ ้ าน แต่ก็มีทกุ อย่างที่ต้องการ
เช่นกันอาจเป็ นเพราะมีพอ่ ค้ าที่ไปเยือนดินแดนเฮนิตสั แวะพักที่
โรงแรมแห่งนี ้บ่อยๆ

“นี่เป็ นครัง้ แรกที่เรามีขนุ นางมาเข้ าพัก โปรดชื่นชอบมันด้ วยนะ


ขอรับ แม้ มนั จะขาดเหลือไปไม่น้อยแต่ก็นบั ว่าเป็ นสถานที่พกั ผ่อน
หย่อนใจได้ เป็ นอย่างดี”
คาร์ ลจ้ องไปที่ชายชรา ดูเหมือนเขาจะผ่อนคลายกว่าตอนที่อยูต่ อ่
หน้ าเวเนี่ยน สแตน แต่เขาก็ยงั มีความกลัวอยู่ เมื่อความจริ งที่วา่
ขุนนางจะพักอยู่ที่โรงแรมของเขา มันดีสาหรับเขาที่เกิดความวิตก
กังวลเพียงเล็กน้ อยแต่มนั ก็มากพอทาให้ คาร์ ลอึดอัดไปด้ วย

‘มันไม่ควรเป็ นแบบนี ้’

คาร์ ลตบไปที่ไหล่ของชายชราเบาๆและพยายามทาให้ เขาผ่อน


คลายลง

“ท่านผู้เฒ่า ผ่อนคลายลงเถิด ข้ าไม่ชอบคนที่ถ่อมตนเช่นนี ้ ที่นี่


เป็ นสถานที่ที่มีคนเดินทางเข้ าออกเพื่อมาพักผ่อนเสมอ ไม่มีทางที่
สถานที่นี ้จะขาดเหลืออะไร”

แววตาของชายชราสัน่ ระริ ก เขาเลียริ มฝี ปากของตัวเองเบาๆก่อน


จะเริ่ มพูดหลังจากลังเลใจอยูค่ รู่ใหญ่
“นายน้ อยขอรับ มีหนุ่มสาวที่ดีๆเช่นท่านอยูเ่ ป็ นจานวนมากที่
เมืองเฮนิตสั ใช่หรื อไม่?”

“ท่านพูดเรื่ องอะไร?”

“เอ่อ…ขอโทษขอรับ…”

“ข้ าเป็ นเพียงขยะผู้ยิ่งใหญ่ที่สดุ ในดินแดนของเรา เกือบทุกคนที่


ท่านจะพบจะมีแต่คนที่ดีกว่าข้ านัก”

“อ่า………………”

ชายชราอ้ าปากค้ างนิ่งอึ ้ง ออนและฮงที่นงั่ อยูบ่ นเก้ าอี ้ในห้ องส่ง


เสียงครางจากลาคอพร้ อมกับส่ายศีรษะอย่างรุนแรงแต่ไม่มีใคร
สังเกตเห็น
“ท่านสามารถออกไปทาในสิ่งที่ทา่ นต้ องการได้ ”

ชายชราก้ มคานับอย่างซาบซึ ้งที่คาร์ ลไล่เขาออกจากห้ อง คาร์ ล


พบว่ามันน่าราคาญที่ชายชรายังดูเหมือนจะเกร็งต่อเขาอยู่ แต่ก็
ตัดสินใจแล้ วว่าจะไม่สนใจมันอีกต่อไป

ก๊ อก ก๊ อก ก๊ อก มีบางคนเคาะประตูห้องของเขา

“เข้ ามาได้ ”

ประตูเปิ ดออกช้ าๆพร้ อมกับที่รองพ่อบ้ านฮันส์นากล่องเล็กๆเข้ า


มาภายในห้ อง

“นายน้ อย ท่านหมายถึงกล่องนี ้ใช่มยขอรั


ั ้ บ?”
“ใช่…ส่งให้ ข้าเลย”

รองพ่อบ้ านฮันส์แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นขณะยื่นกล่องส่งให้
คาร์ ล มันมาพร้ อมกับกระเป๋ าเดินทางใบเล็กที่นายน้ อยฝากไว้ เขา
คิดว่ามันน่าจะเป็ นเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์และขนมอยูด่ ้ านในถ้ ามัน
เป็ นเพียงกล่องธรรมดาแต่กล่องใบนี ้มันไม่ธรรมดา

มันเป็ นกล่องเวทย์ที่มีคณ
ุ ภาพสูงพร้ อมกับล็อควิเศษในตัวมัน
ตราประทับบนกล่องเวทย์วิเศษนี ้เป็ นสัญลักษณ์ของหัวหน้ า
สมาคมการค้ าฟลินน์ ซึง่ เป็ นหนึง่ ในสามของกลุม่ พ่อค้ าขนาด
ใหญ่และมีความสัมพันธ์ใกล้ ชิดกับตระกูลเฮนิตสั

คาร์ ลแสดงความคิดเห็นของตนอย่างตรงไปตรงมาเมื่อจ้ องมองไป


ที่ฮนั ส์
“พ่อบ้ านไม่สมควรที่จะแสดงอารมณ์ของพวกเขาบนใบหน้ า ?
โดยเฉพาะความอยากรู้อยากเห็น?”

“มารยาทที่เหมาะสมของพ่อบ้ านคือการแสดงอารมณ์ความรู้สกึ
ทังหมดของพวกเขาแก่
้ เจ้ านายของตนเอง”

“เจ้ านี่…ตลกดี”

“กระผมคิดว่า….กระผมเป็ นคนตลกนิดหน่อย”

สาหรับคนที่ไม่ต้องการเดินทางไปยังเมืองหลวงนอกจากลูกแมว
แล้ ว ฮันส์ก็ไม่ได้ ทาตัวสุภาพกับคนอื่นเท่าใดนัก แต่คาร์ ลยังคิดว่า
เขาเป็ นคนที่น่ารักกว่าคนอื่นๆ เมื่อฮันส์ค้ นุ เคยกับเขาในระดับหนึง่
จึงสามารถตอบโต้ กนั เป็ นปกติและผ่อนคลายมากขึ ้น

“ออกไปได้ แล้ วล่ะ….”


“ขอรับ….”

ฮันส์รีบออกจากห้ องไปตามปกติ แต่ถึงอย่างนันเขาก็


้ ยงั มีคาถาม
เกี่ยวกับการเดินทางของพวกเขาก่อนจะปิ ดประตู

“เราจะอยูท่ ี่นี่เป็ นเวลาสามวันหรื อขอรับ?”

“ใช่….ดูแลทุกอย่างให้ เรี ยบร้ อย”

“ได้ ขอรับนายน้ อย….”

ฮันส์ตอบรับก่อนจะปิ ดประตูลง นอกจากรองหัวหน้ าองครักษ์ ที่


ดูแลความปลอดภัยของเขา ก็มีฮนั ส์อีกคนที่คอยดูแลจัดการสิ่ง
ต่างๆให้ เรี ยบร้ อยดูเหมือนว่าเขาจะไม่แสดงความสามารถด้ าน
ต่อสู้ให้ ใครเห็นแต่เขาก็จดั การดูแลความรับผิดชอบต่างๆได้ อย่าง
มีประสิทธิภาพ

“เขาดูเป็ นพ่อบ้ านที่ดี….”

แมวขนสีเงินกล่าวก่อนเดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ลช้ าๆ เขาพยักหน้ าตอบ


รับคาบอกของออนก่อนที่ฮงลูกแมวขนสีแดงเข้ มจะเดินตามมา
ด้ านหลังและพูดขึ ้น

“มันดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่ องยากสาหรับเขาเช่นกัน”

คาร์ ลเห็นด้ วยกับคาวิจารณ์ของฮง รอนก็เป็ นพ่อบ้ านที่ดีแต่รอน


ไม่ใช่สาหรับเขา ฮันส์เป็ นคนที่ก่อปั ญหาให้ เขาน้ อยที่สดุ แม้ วา่
ฮันส์จะกลัวเขาแต่ก็ไม่พบว่าฮันส์จะทาเรื่ องยุง่ ยากใจให้ แต่อย่าง
ใด
คาร์ ลตบไปที่วา่ งข้ างๆตนเพื่อให้ ลกู แมวเข้ ามานัง่ ข้ างเขาและเริ่ ม
เปิ ดกล่อง วิธีการเปิ ดกล่องที่มีการล็อคด้ วยเวทย์มนต์ก็ทาได้ ง่าย
ใช้ เพียงแค่ลายนิ ้วมือของคาร์ ลมันเป็ นกุญแจสาคัญที่สามารถเปิ ด
กล่องนี ้ได้ เท่านัน้ คาร์ ลวางนิ ้วชี ้ไว้ ตรงกลางของตราเวทย์

ปี๊ บ! คลิ๊ก!

กล่องส่งเสียงเบาๆก่อนเปิ ดออก

ภายในกล่องเป็ นสิ่งของที่คาร์ ลจัดเตรี ยมไว้ ในช่วงสี่วนั ก่อนที่จะ


เดินทางมายังเมืองหลวง

“ข้ าอยากรู้จริ งๆว่านี่มนั คืออะไร?”

“อยากรู้มากจริ งๆนะ”
คาร์ ลละสายตาจากดวงตาสีทองสองคูข่ องสองพี่น้องที่จ้องมอง
เขาอยู่ ก่อนเอ่ยตอบอย่างไม่ชดั แจ้ งนัก

“มันเป็ นสิ่งที่ชว่ ยเหลือคนที่น่าสงสาร ช่วยจัดการไอ้ พวกเวรงี่เง่า


และก็ชว่ ยป้องกันไม่ให้ ข้าได้ รับบาดเจ็บ”

ออนและฮงเงยหน้ าขึ ้นมามองเขาด้ วยความใคร่ร้ ู แต่คาร์ ลก็เพียง


แค่ลบู ไล้ สิ่งของในกล่องด้ วยความพอใจ เขานึกถึงบทสนทนาที่
เขามีตอ่ บิลอสบุตรชายนอกสมรสของหัวหน้ าสมาคมการค้ าฟ
ลินน์ก่อนที่เขาจะจากมา

‘นายน้ อย….วางแผนจะใช้ สิ่งเหล่านี ้ที่ใดหรื อขอรับ?’

‘ข้ าไม่เห็นเหตุผลที่ข้าต้ องอธิบายให้ เจ้ าฟั ง’


‘กระผมเข้ าใจขอรับ แต่มนั จะมีคา่ ใช้ จา่ ยที่สงู มากนะขอรับ หาก
จะซื ้อมันทังหมดตามรายการนี
้ ้’

‘…..มันเป็ นไปได้ ไหม?’

‘สาหรับท่าน…แน่นอนว่ามันเป็ นไปได้ ’

รายการส่วนใหญ่ภายในกล่องเป็ นเครื่ องมือวิเศษ คาร์ ลคาดว่า


พวกมันต้ องมีราคาแพงแต่ความเป็ นจริ งมันกลับแพงมากเกินไป
เขาต้ องใช้ เงินทังหมดที
้ ่ได้ รับจากบิดา นอกจากนี ้เขายังต้ องส่งคืน
ให้ กบั บิลอสเมื่อเขาไปถึงเมืองหลวงแล้ ว

‘น่าราคาญ ฉันไม่อยากเข้ าไปเกี่ยวข้ องกับเขาที่เมืองหลวงแต่มนั


ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน’
‘มีอยูส่ องรายการที่ไม่สามารถเช่าให้ กบั คนภายนอกได้ กระผม
เลยใช้ ชื่อตัวเองเช่าซื ้อให้ ทา่ น ดังนันนายน้
้ อยต้ องส่งคืนสิ่งเหล่านี ้
ให้ กระผมเมื่อเราพบกันอีกครัง้ ที่เมืองหลวง’

‘แน่นอน…ข้ าจะคืนให้ เจ้ า’

คาร์ ลหยิบของชิ ้นหนึง่ ออกมาจากกล่อง มันมีลกั ษณะคล้ าย


ลูกโลกกลมๆสีดามีสญ ั ลักษณ์มากมายที่สลักไว้ ฮงใช้ เท้ าของมัน
วางไว้ ที่เข่าของคาร์ ลเพื่อถาม

“ข้ าอยากรู้เกี่ยวกับกับมันจริ งๆนะ”

“มันคือ เครื่ องมือรบกวนพลังเวทย์ มีมลู ค่าเกือบพันล้ าน


แกลลอน”

ฮ๊ า!!!! ออนและฮงต่างอ้ าปากค้ างกับสิ่งที่ได้ ยิน


“ต้ องใช้ เงิน 20 ล้ านแกลลอนในการเช่าซื ้อมันเท่านัน”

ฮงค่อยๆลดเท้ าของมันลงจากขาของคาร์ ลก่อนเดินช้ าๆตรงไปยัง


มุมห้ องนอนที่มีพี่สาวตนอยู่ พวกมันพยายามที่จะรักษาระยะห่าง
ให้ ได้ มากที่สดุ เท่าที่จะทาได้ จากลูกกลมๆสีดานัน่

คาร์ ลพยายามฟื น้ ความจาเกี่ยวกับข้ อมูลของลูกกลมๆสีดานี ้


บิลอสสามารถจัดหาในสิ่งที่เขาต้ องการได้

‘มันจะทาให้ เกิดการรบกวนการถ่ายเทของพลังเวทย์ในช่วงเวลา
หนึง่ ทาให้ เครื่ องมือพลังเวทย์ทงหมดหยุ
ั้ ดทางาน นอกจากนี ้ยังมี
ความทนทานมากพอ แม้ วา่ จะมีบางสิ่งเช่นภูเขาระเบิดก็ไม่อาจ
ทาลายมันได้ ’

‘บางอย่าง….เช่นโซ่อาคมจะหยุดการทางานทันที?’
‘แน่นอน….อย่างไรก็ตามนายน้ อยต้ องติดตังล่ ้ วงหน้ า 27 ชัว่ โมง
มันถูกสร้ างขึ ้นเพื่อค่อยๆใส่แรงที่จะทาลายการถ่ายเทของพลัง
เวทย์เพื่อที่จะไม่เป็ นที่สงั เกตของเหล่านักเวทย์’

‘มันจะใช้ เวลานานแค่ไหน?’

’40 นาที มันไม่ดีหรื อขอรับ? แน่นอนว่าหากมีนกั เวทย์อยูใ่ กล้ ๆ


พวกเขาสามารถแก้ ไขปั ญหานี ้ได้ ภายใน 5-10 นาที’

‘อืม…..ข้ าจะจามันไว้ ’

มุมปากของคาร์ ลกระตุกขึ ้นเล็กน้ อย มันเป็ นชิ ้นที่แพงที่สดุ ที่เขา


เช่าซื ้อมาจากบิลอสแต่มนั ก็มีประโยชน์อย่างมากกับการเดินทาง
ในครัง้ นี ้
‘ฉันชอบความสามารถของแกจริ งๆ’

สมาคมการค้ าฟลินน์ เป็ นสถานที่ที่มีประโยชน์มาก ก่อนที่เขาจะ


โยนลูกกลมๆสีดาที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดของกาปั น้ เด็กวัยหัดเดิน
ไปยังลูกแมวที่นอนหมอบอยูม่ มุ ห้ อง

“ตุ้บ!”

“ห๊ า!”

“เมี ้ยว!”

หนึง่ ในลูกแมวอ้ าปากชะงักค้ าง ส่วนอีกหนึง่ ส่งเสียงร้ องเบาๆก่อน


ขยับห่างจากลูกกลมๆนัน่ แต่สดุ ท้ ายพวกมันก็มานัง่ หน้ าคาร์ ล
พร้ อมกับลูกกลมๆสีดาที่อยูใ่ นระดับสายตาของพวกมัน
“พวกเจ้ ารู้วิธีการอ่านแผนที่ที่ถกู ต้ องใช่หรื อไม่?”

ออนกระดิกหางของเธออย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อคาถามของ
คาร์ ล

“แน่นอน….เราเป็ นทายาทของเผ่าแมวหมอก เราสามารถอ่านมัน


ได้ ”

“ใช่ๆๆ…พี่สาว..ถูกต้ องที่สดุ ”

คาร์ ลหยิบเอาชิ ้นอื่นออกมาจากล่องมันเป็ นของที่สาคัญเช่นกัน


นัน่ คือแผนที่ มันไม่ได้ มีรายละเอียดมากเพียงมีสถานที่สาคัญ
ทัว่ ๆไปทัว่ อาณาเขตเฮนิตสั พ่อค้ าส่วนใหญ่ที่เดินทางไปและกลับ
จากอาณาเขตเฮนิตสั ส่วนใหญ่จะใช้ แผนที่นี ้กัน

“ตอนนี ้เราอยูห่ มู่บ้านนี ้แล้ ว”


คาร์ ลชี ้ไปที่ภเู ขาทางด้ านขวาของหมูบ่ ้ าน

“พวกเจ้ าเห็นภูเขานี ้หรื อไม่?”

“ข้ าเห็นมัน”

“มันชัดเจนมาก”

นี่คือสิ่งที่บิลอสได้ กล่าวไว้

‘อ่า…..เทือกเขานี ้ใกล้ เคียงกับการทดสอบความสามารถของมัน


นัก’

ภูเขาหนึ่งลูก
“ถ้ าพวกเจ้ าไปที่ภเู ขานี ้จะเห็นคฤหาสน์อยูไ่ ม่หา่ งและเบื ้องหลัง
มันจะมีถ ้า”

ในตอนนี ้ไม่มีนกั เวทย์คนใดอยูร่ อบๆคฤหาสน์นนั่ คนในหอคอย


เวทย์มนตร์ ตา่ งยอมรับว่ามังกรเป็ นเผ่าพันธุ์เวทมนตร์ ที่ยิ่งใหญ่
ที่สดุ และไม่ต้องการให้ มนุษย์จบั มังกรมาทรมาน พวกเขาคิดว่า
มันเป็ นเรื่ องที่น่าอับอายเป็ นอย่างมาก

คนที่เฝ้าคุ้มกันรอบบริ เวณถ ้าและคฤหาสน์เป็ นอัศวินระดับสูงและ


ทหารยามที่มาร์ ควิสเชื่อถือเช่นเดียวกับคนที่คอยทางานสกปรก
ให้ กบั ตน

“อย่าเข้ าไปใกล้ ที่นนั่ พวกเจ้ าจะถูกจับได้ ”


คาร์ ลเคยได้ ยินเรื่ องราวของเด็กทังสองคนมาบ้
้ าง นัน่ เป็ นเหตุผลที่
เขามัน่ ใจว่าพวกเขาจะสามารถทาเช่นนี ้ได้ แต่เขาก็ยงั ต้ องการ
เตือน มันจะไม่ดีถ้าความอยากรู้อยากเห็นของพวกมันจะพา
ตัวเองไปเดินสารวจรอบๆถ ้า

“มีบางสิ่งถูกทรมานอยูท่ ี่นนั่ เราจะช่วยเขาให้ ได้ ดังนันพวกเจ้


้ า
จะต้ องระมัดระวัง”

“…….บางสิ่ง?”

“ใช่…บางสิ่งนัน่ อายุน้อยกว่าเจ้ าอีก….ฮง”

“….น้ อยกว่าข้ าอีกเหรอ?”

“ใช่ 4 ขวบ….มันมีอายุเพียง4ขวบ”
แน่นอนว่าอายุ 4 ขวบนันแข็
้ งแรงพอที่จะส่งออนและฮงกระเด็น
ออกมาเมื่อมันสามารถปลดโซ่อาคมออกมาได้

“พวกเราจะช่วยเขา?”

ออนและฮงมีดวงตาที่กว้ างและสว่างขึ ้น ก่อนที่จะกดน ้าหนักเท้ า


ของพวกมันลงบนเตียงอย่างแรง

“ช่วย? แน่นอน….เพียงแค่อยูใ่ นร่างแมวของพวกเจ้ าแล้ วนาลูก


กลมสีดาไปฝังในภูเขาโดยห้ ามถูกใครจับได้ ”

ร่างแมวยังมีโอกาสที่จะไม่มีใครจับหรื อรู้เห็นได้ คาร์ ลใส่ลกู กลมสี


ดาไว้ ในกระเป๋ าเล็กๆก่อนจะนาไปสวมไว้ บนคอของออนเหมือนใส่
สร้ อยคอ

“เราควรจะฝังมันไว้ ที่ไหน?”
“ที่ไหนก็ได้ บนภูเขานัน่ ”

“จริ งเหรอ?”

“อืม…….”

สองพี่น้องมองหน้ ากันและกันก่อนจะพยักหน้ า

“ง่าย….”

“พวกเรายังหลบหนีออกจากเผ่าของเราได้ เลย”

คาร์ ลเห็นด้ วยกับพวกมัน……


“มันควรจะเป็ นเรื่ องง่ายสาหรับพวกเจ้ าทังสอง้ เจ้ าทังสองมี

ทักษะเพียงพอสาหรับงานนี ้ ข้ าจะไม่ใช้ ผ้ ไู ร้ ความสามารถในการ
ทางานนี ้ตังแต่
้ เริ่ มแรกหรอกนะ”

ลูกแมวสองตัวมองขึ ้นมาที่คาร์ ลพร้ อมกับจ้ องเขาด้ วยดวงตาสี


ทองนัน่ พี่น้องคูน่ ี ้เกือบถูกฆ่าจากฝี มือคนในเผ่าของตนเอง
เนื่องจากทังคู
้ ไ่ ม่มีความสามารถแม้ จะไม่ได้ มีโอกาสเรี ยนรู้ใดๆ
เลย พวกมันเริ่ มมีอารมณ์เศร้ า หางเล็กๆของพวกมันส่ายไปมา
อย่างรวดเร็วก่อนที่จะจับจมูกเอาไว้ เพื่อกลันหยดน
้ ้าตา

คาร์ ลเข้ าใจในสิ่งที่สองพี่น้องคิดและเคร่งเครี ยดไปกับมัน

“ข้ าจะให้ เนื ้อตามที่พวกเจ้ าต้ องการหากทางานสาเร็จกลับมา”

สองพี่น้องรี บกระโดดข้ ามหน้ าต่างและเดินลัดเลาะไปยังภูเขา


โดยธรรมชาติของสองพี่น้องเป็ นสิ่งที่คาร์ ลคาดไว้ พวกมันจะ
ทางานสาเร็ จและจะได้ รับรางวัลของตนตามที่ต้องการได้ สเต็ก
เนื ้อสัก 10 ชันส
้ าหรับตัวพวกมันเอง

วันรุ่งขึ ้นคาร์ ลดื่มน ้ามะนาวที่ตอนนี ้เขาดื่มจนเริ่ มชินแล้ ว ก่อนเอ่ย


ถามเชวฮัน

“เจ้ าเคยเห็นมังกรหรื อไม่?”


บทที่ 18 พบมังกร 1

“…….มังกร?”

“ใช่”

“ข้ าเคยเห็นบางอย่างที่คล้ ายๆกันเพียงแค่ครัง้ เดียว”

‘……คล้ าย…ตูดแกนะสิ’

คาร์ ลรู้วา่ เชวฮันกาลังพูดถึงอะไรเมื่อเขาเอ่ยว่าบางอย่างที่


คล้ ายๆกัน

ในป่ าแห่งความมืด เขากาลังพูดถึงสัตว์ประหลาดร้ ายกาจที่อาศัย


อยูล่ กึ เข้ าไปในป่ าแห่งความมืด ท่ามกลางสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
เหล่านี ้มันเป็ นสิ่งมีชีวิตที่มีลกั ษณะคล้ ายๆตะกวดกับมังกรผสม
กัน

เชวฮันฆ่าสัตว์ประหลาดที่มีลกั ษณะคล้ ายกับมังกรนัน่ ทันทีเมื่อ


ก้ าวไปยังใจกลางเพื่อเดินทางไปถึงจุดสิ ้นสุดของป่ าแห่งความมืด
โดยการใช้ ศาสตร์ ตอ่ สู้ด้วยดาบของเขา

“เจ้ าเคยเห็น?มันเป็ นอย่างไร?”

คาร์ ลแกล้ งทาเป็ นไม่ร้ ูเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี ้และเอ่ยถามเชวฮัน


ซึง่ อยูก่ บั เขาเพียงลาพังในห้ องของตน

“….มันเป็ นสัตว์ประหลาด”

“อย่างไร?”
“รูปร่างของมันแข็งแรง….ทุกๆอย่าง……มันเป็ นเช่นสัตว์
ประหลาดในทุกๆด้ าน”

“เป็ นเช่นนันเหรอ?”

คาร์ ลพยักหน้ าและพูดต่อ แต่การกระทาและคาพูดของเขากลับ


ตรงกันข้ าม

“แล้ วเจ้ าไม่ได้ เห็นมังกร”

“อะไรนะ?”

“มังกร…..ก็เหมือนกับคนเรา”

เคร้ ง! คาร์ ลวางแก้ วที่ใส่น ้ามะนาวที่ทงหวานและเปรี


ั้ ย้ วลงบนโต๊ ะ
จากนันเขาก็
้ เอ่ยกับเชวฮันที่มองเขาด้ วยความใคร่ร้ ู
“ทาไมมังกร สัตว์อสูร คนแคระ เอลฟ์ พวกมันจึงเหมือนมนุษย์ ?
เพราะพวกมันมีอารมณ์ มีความรู้สกึ นึกคิดและมีชีวิต”

สิ่งเหล่านี ้ไม่ได้ มีความสาคัญกับคาร์ ล ประเด็นหลักของเขาเริ่ ม


จากนี ้ต่างหาก

“แต่……”

เชวฮันอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของคาร์ ล
เขานัง่ ตรงตัวและจดจ่ออยูก่ บั สิ่งที่คาร์ ลเคยพูด

“การมีชีวิตอยูเ่ ช่นนี ้ได้ ถกู ผลักลงสูค่ วามมืดตังแต่


้ เกิด สิ่งเดียวที่
กาลังส่องสว่างในความมืดของชีวิตมีเพียงแค่แสงไฟจากคบเพลิง
และไม่เคยแม้ แต่จะเห็นแสงตะวัน เจ้ าคิดว่าชีวิตแบบนี ้มี
อะไรบ้ าง?”
ก๊ อก ก๊ อก

คาร์ ลเคาะนิ ้วชี ้ของเขาลงบนโต๊ ะเบาๆ

“มันถูกบังคับให้ กลายเป็ นสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากเหตุผล”

ก๊ อก ก๊ อก

คาร์ ลเคาะบนโต๊ ะอีกครัง้

“มันต้ องทนทุกข์ทรมานจากความเหงา ไม่มีครอบครัวหรื ออะไรที่


จะสามารถพึง่ พาได้ ”

ก๊ อก ก๊ อก
การจ้ องมองของเชวฮันเริ่ มลดลงทุกครัง้ ที่คาร์ ลเคาะไปที่โต๊ ะ มือ
ขวาของเชวฮันถูกกาแน่นจนอยูใ่ นจุดที่คณ ุ สามารถมองเห็นเส้ น
เลือดเริ่ มลุกเป็ นไฟได้ คาร์ ลไม่ได้ ร้ ูเรื่ องนี ้ก่อนเอ่ยต่อไป

“มันถูกทรมานและถูกทารุณกรรมทุกวันและสิ่งนันคงเป็
้ นอย่าง
เดียวที่มนั ได้ รับเมื่อมันยังมีชีวิตอยู”่

ท่าทางของเชวฮันแข็งกระด้ างขึ ้นและความโกรธก็อยูใ่ นแววตา


ของเขา คาร์ ลรู้ดีวา่ เชวฮันจะมีปฏิกิริยาแบบนี ้ ไม่มีทางที่คนดีๆ
เช่นนี ้จะไม่โกรธหลังจากได้ ฟังเรื่ องราวดังกล่าว เขาควรจะได้ คิด
ว่าเหตุใดคาร์ ลจึงนาเรื่ องดังกล่าวมาเล่าให้ เขาฟั งตังแต่
้ แรก

คาร์ ลดื่มน ้ามะนาวอีกอึกหนึง่ ครัง้ ก่อนจบเรื่ อง

“และสิ่งมีชีวิตนัน่ อยูใ่ กล้ ๆเรา”


เงียบ……มีความเงียบไปทัว่ ห้ อง คาร์ ลมองออกไปทางหน้ าต่าง
ก่อนที่จะหันไปมองเชวฮันอย่างช้ าๆ เขาไม่ร้ ูวา่ เชวฮันกาลังคิด
อะไรแต่รอบตัวเขาถูกล้ อมรอบด้ วยความกระหายเลือด

‘หมอนัน่ โกรธที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นถูกทารุณกรรมเหรอ?เพราะเขาเป็ น
คนดีหรื อเปล่านะ?’

ในทางตรงข้ ามกับสมมติฐานของคาร์ ล เชวฮันกาลังระลึกถึง


ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี ที่เขาต้ องอยูร่ อดด้ วยตัวเองในป่ าแห่ง
ความมืดนัน่ นัน่ คือเหตุผลที่ยงั มีความเงียบงันต่อไปเรื่ อยๆ จนใน
ที่สดุ เชวฮันก็ได้ หนั มาสบตากับคาร์ ลก่อนเอ่ยถาม

“ท่านจะช่วยมันและพยายามทาให้ มนั เชื่อง?”

“เจ้ าบ้ าหรื อไง?”


“อ่า…ข้ าขอโทษ”

คาร์ ลมีปฏิกิริยาตอบกลับทันทีด้วยความตกใจส่วนเชวฮันก็ตกใจ
ที่คาร์ ลกล่าวว่าร้ ายสุขภาพจิตของตน

“ทาไมข้ าต้ องพยายามจะทาให้ มนั เชื่องด้ วย?”

คาร์ ลโบกมือปฏิเสธรอบๆเชวฮันราวกับเขาคือคนบ้ าจริ งๆ

ไม่มีทางที่มงั กรตนใดที่ถกู มนุษย์ทารุณจะเต็มใจรับใช้ มนุษย์ ใน


ความเป็ นจริ งมันอาจจะเต็มไปด้ วยความเกลียดชังและรังเกียจ
มนุษย์ทกุ คนแม้ วา่ มนุษย์คนนันจะเป็
้ นคนที่ชว่ ยชีวิตมันก็ตาม

มังกรมีความเชื่อว่าพวกมันอยูเ่ หนือสิ่งมีชีวิตทังหมดรวมทั
้ งมนุ
้ ษย์
นี่เป็ นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมังกร ดังนันแม้ ้ จะไม่มีการ
คลุกคลีกบั มังกรตนอื่นแต่ชีวิตตัวของมันเองก็ยงั คงรู้สกึ แบบนี ้
นัน่ คือเหตุผลที่มงั กรไม่สามารถเติบโตได้ ภายใต้ การดูแลของ
มนุษย์ ทัศนคติเช่นนี ้ทาให้ ไม่สามารถคุ้นเคยและฝึ กมังกรให้ เชื่อง
ได้ หากไม่ใช้ การทรมานและทาร้ ายจิตใจของพวกมัน

‘มังกรมีความหยิ่งตังแต่
้ เกิด แต่…ที่สาคัญ…ถ้ าหากฉันจะเลี ้ยง
มังกร’

คาร์ ลรู้สกึ ได้ …เขารู้สกึ ราวกับว่าตัวเองจะต้ องเข้ าไปพัวพันกับ


เหตุการณ์ที่น่าราคาญถ้ าเขาเลี ้ยงมังกร

มีมงั กรอยูป่ ระมาณ 20 แห่งทัว่ ทังเขตตะวั


้ นตกและตะวันออก
รวมกัน หากพวกมันยกมังกรตัวหนึง่ ขึ ้นมาแล้ วเอ่ยอย่างน่ารักว่า
‘ข้ าจะเป็ นศูนย์กลางของโลกใบนี ้’ถ้ ามันเป็ นมังกรเช่นนันมั
้ นก็
สมควรตาย มันจะดีกว่าที่ออกไปสูโ่ ลกเล็กๆของตัวเองและไม่ต้อง
ตกเป็ นเครื่ องมือของใคร
คาร์ ลหมายมัน่ ว่ามังกรตนนี ้ที่จะมากับพวกเขา ตราบที่โซ่อาคมได้
ถูกทาลายลง มังกรน้ อยอายุเพียง 4 ปี จะมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าคาร์ ล
มังกรไม่ได้ เรี ยกว่าเป็ นกษัตริ ย์ของโลกตังแต่
้ เกิดหากไม่มีเหตุผล
มากพอ

“ถ้ าเช่นนัน?”

“ทาไมเจ้ าต้ องถามอะไรที่ตรงไปตรงมาเช่นนี ้?”

คาร์ ลหัวเราะกับคาถามของเชวฮันก่อนที่เขาจะตอบ

“ปล่อยมันไป…เพื่อที่จะมีชีวิตที่อิสระและสงบ ไม่ควรให้ มงั กรมี


ชีวิตอยูเ่ หมือนมังกรงันหรื
้ อ?”

“อ่า…ข้ าเข้ าใจแล้ ว”


หมัดที่กาแน่นของเขวฮันค่อยๆผ่อนคลายลง

“แล้ วเราจะช่วยมังกรได้ หรื อไม่?”

“ได้ สิ…ดังนันข้
้ าต้ องการความช่วยเหลือจากเจ้ า”

“ได้ ทกุ อย่าง ข้ ายินดีชว่ ยเหลือทุกอย่าง”

คาร์ ลกังวลว่าเชวฮันจะทาให้ สถานการณ์ย่าแย่กว่าเดิมก่อนจะ


ส่ายหน้ าเบาๆ

“ไม่จาเป็ นต้ องกระตือรื อร้ นมากไป ข้ ายังไม่มีแผนที่ฆา่ ใครถ้ า


เป็ นไปได้ เราจะทาอย่างเงียบที่สดุ เท่าที่จะทาได้ ”
“ท่านคาร์ ล…..ท่านนี่จริ งๆเลย”

เชวฮันเริ่ มพูดด้ วยความชื่นชมในตัวคาร์ ลมากขึ ้นแต่คาร์ ลมองไป


ที่นาฬิกาก่อนจะพักเรื่ องราวนี ้ไว้ ก่อนและพูดในสิ่งที่เขาต้ องการ

“ไปบอกรอนให้ เตรี ยมเหล้ าไว้ ที่ชนหนึ


ั ้ ง่ ”

“…..หืม?…เตรี ยมเหล้ า?”

คาร์ ลกาลังเตรี ยมที่จะดื่มเหล้ าเป็ นครัง้ แรกในรอบหลายวัน

เขาเริ่ มดื่มแม้ วา่ จะเป็ นเพียงเวลาแค่เที่ยงวัน เชวฮันนัง่ อยูท่ ี่นนั่


ด้ วยความสับสนบนใบหน้ าของเขาขณะที่มองไปยังคนรอบข้ างที่
กลับดูเงียบสงบเกินไป
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบนัน้ คาร์ ล เฮนิตสั ดื่มขวดแล้ ว
ขวดเล่า ก่อนจะเริ่ มมีสีหน้ าที่แดงก่าขึ ้นนัน่ เป็ นสัญญาณที่ทาให้
คนที่เฝ้ามองรู้วา่ เขากาลังเมา

“มันไม่เป็ นไรจริ งเหรอที่ปล่อยให้ เขาดื่มมากขนาดนัน?”


เชวฮัน หันไปมองฮันส์ที่อยูข่ ้ างๆเขาก่อนเอ่ยถาม รองพ่อบ้ านฮันส์


กาลังยื่นอาหารให้ กบั ออนและฮงที่อยูใ่ นร่างแมวของพวกเขา เขา
คงยังไม่ทราบว่าพี่น้องทังสองเป็
้ นส่วนหนึง่ ของเผ่าแมว จากนันก็

หันมาตอบคาถามของเชวฮันด้ วยความสดใส

“ใช่! ไม่มีอะไรอยูใ่ นมือนายน้ อย ดังนันจึ


้ งปลอดภัย ! นายน้ อย
สัญญาแล้ วว่าจะไม่โยนขวดใดๆ!”

เชวฮัน กาลังพูดถึงเรื่ องความปลอดภัยของคาร์ ล แต่ฮนั ส์กลับพูด


ถึงตัวเอง ชเวฮันเงียบลงหลังจากที่เห็นการสนทนาแบบแปลกๆ
และเดินหนีออกไปจากฮันส์ จะดีกว่าที่จะทิ ้งฮันส์อยูต่ ามลาพัง
เมื่อเขาอยูใ่ กล้ ลกู แมวนัน่ แต่ เชวฮันยังคงมองไปทางคาร์ ลเพื่อให้
แน่ใจว่าเขายังปลอดภัยดี

“ ท่านผู้เฒ่า! เหล้ าของท่านมันอร่อยมาก! ดีกว่าที่ข้าคาดไว้ ”

คาร์ ลไม่สามารถรู้ได้ วา่ เชวฮันกาลังมองมาที่เขาแทนที่จะสนใจไป


ยังการชื่นชมเหล้ าของตน พวกเขาดื่มมาได้ สองชัว่ โมงแล้ ว มีบาง
คนไม่ดื่มเหล้ าในกรณีที่อาจมีบางอย่างเกิดขึ ้น แต่สว่ นใหญ่ของ
คณะเดินทางของคาร์ ลกาลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรื่ นเริ งนี ้

‘พวกเขาล้ วนประสาทกันทังนั
้ นตั
้ งแต่
้ ชวั่ โมงแรกที่ดื่มแล้ วนะ
เตราะ!’

เมื่อคาร์ ลสัง่ ให้ พวกเขามารวมตัวกัน ในตอนที่เขากาลังนัง่ ดื่มอยู่


พวกทหารองครักษ์ ก็ปรากฏตัวขึ ้นพร้ อมกับหมวกเหล็กชันดี ้ ของ
ของพวกเขา คาร์ ลไม่อาจเชื่อสายตาได้ แต่ก็บอกพวกเขาไปว่าเขา
จะไม่โยนขวดหรื อทาร้ ายข้ าวของใดๆ เพื่อช่วยให้ พวกเขาผ่อน
คลายลง

“หมูบ่ ้ านนี ้อาจเป็ นหมูบ่ ้ านเล็กๆ แต่มีเทือกเขาอยู่รอบๆ เหล้ านัน่


เป็ นเหล้ าสูตรพิเศษที่ทามาจากผลไม้ และสมุนไพรจากภูเขา นัน่
เป็ นเหตุผลที่มนั มีราคาแพงนิดหน่อยขอรับ”

ในขณะที่ชายชรากล่าวถึงเหล้ าว่าทาไมจึงมีรสชาติดี คาร์ ลก็เอ่ย


ชมก่อนจะยกขวดเหล้ าขึ ้นไปหาชายชรา
“ท่านมีเหล้ านี่ จานวนมากใช่หรื อไม่?”

“ขอรับ…ค่อนข้ างมาก”

“เอาเหล้ านันออกมาเพิ
้ ่มและส่งมันไปรอบๆเพื่อทุกคนที่นี่”

“นายน้ อย! ไม่จาเป็ นต้ อง………..”

รองหัวหน้ าองครักษ์ ตะโกนออกมาด้ วยใบหน้ าอันร้ อนรน แต่


ดวงตาของเขากลับจดจ่ออยูก่ บั ขวดในมือของคาร์ ล และทหารที่
เหลือก็กาลังมองมายังสิ่งเดียวกัน มันเป็ นเรื่ องธรรมชาติ….คาร์ ล
ได้ ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาคิด

“แค่ดื่ม ….ข้ าบอกให้ พวกเจ้ าดื่ม….เข้ าใจหรื อไม่?”


สายตาของทหารที่มีอยูท่ งหมดเริั้ ่ มส่องประกาย นี่เป็ นครัง้ แรกที่
พวกเขารู้สกึ ตื่นเต้ นที่ได้ เห็นขวดในมือของ คาร์ ล เขามองดูชาย
ชราเจ้ าของโรงแรมที่กาลังตื่นเต้ นดีใจที่สามารถขายเครื่ องดื่มได้
จานวนมาก ก่อนจะลาเลียงเหล้ าและของว่างมาแจกจ่ายให้ ทกุ
คนที่นนั่ ก่อนสายตาของเขาจะคมกล้ าขึ ้น

คาร์ ล เฮนิตสั มนุษย์คนนี ้มีความคอแข็งต่อเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์


มาก ทุกคนคิดว่าเขากาลังเมาเพราะใบหน้ าที่แดงก่าและเขาจะ
เกิดอาการปวดหัวทุกครัง้ เมื่อเขาดื่ม แต่ความจริ งก็คือเขาทาทุก
สิ่งเหล่านันโดยไม่
้ ได้ มีอาการเมาเลย

นัน่ เป็ นเหตุผลว่าทาไมในหัวของคาร์ ลจึงแจ่มชัดในตอนนี ้ เขาดื่ม


เหล้ าต่ออีกสามสิบนาทีก่อนที่จะมองไปทางเชวฮันและเริ่ มพูด

“เชวฮันมาประคองข้ าที ข้ าจะขึ ้นไปพักผ่อนแล้ ว”


“ให้ ข้าทาเถิด…นายน้ อย”

“ไม่เป็ นไร…ทานรองหัวหน้ าองครักษ์ ทา่ นพักเถิด ทหารคนอื่นๆก็


เช่นกันถือเป็ นการตอบแทนสาหรับการต่อสู้เมื่อวานแล้ วกัน?นี่
ไม่ใช่พื ้นที่ที่เป็ นอันตราย อีกอย่างข้ ารู้สกึ ไม่คอ่ ยดีกบั การรักษาเวร
ยามตลอดเวลานัน่ พวกเจ้ าผ่อนคลายและสนุกสนานกันเถิด”

“นายน้ อย—”

“ข้ าเหนื่อยแล้ ว…ขอตัวก่อน”

มันจะกลายเป็ นเรื่ องยุง่ ยากถ้ าหากรองหัวหน้ าองครักษ์ หรื อทหาร


คนอื่นๆตามเขาไป ขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่ทาให้ พวกเขาไม่สนใน
คาร์ ลอีกอาจเป็ นเพราะเขามีเชวฮันคนที่ไม่ดื่มเหล้ าสักหยดอยูข่ ้ าง
กายอีกทังยั
้ งเป็ นคนที่แข็งแกร่งที่สดุ ทาให้ พวกเขาไม่มีอะไรต้ อง
กังวลเพราะพวกเขามัน่ ใจว่าเชวฮันจะสามารถคุ้มครองเขาได้
‘เหลือเพียงแค่หนึง่ คน’

มันง่ายที่จะหลีกเลี่ยงจากทหารยามที่เฝ้าหน้ าประตูและรอบๆ
โรงแรม แต่รอนก็ยงั คงเหลืออยู่ ฮันส์และรอนไม่เคยเข้ ามาในห้ อง
ถ้ าเขาไม่อนุญาตให้ เข้ ามา อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่าง
สองคนนันก็ ้ คอ่ นข้ างชัดเจน ฮันส์ไม่มีฝีมือพอที่จะรู้วา่ เขายังอยูใ่ น
ห้ องหรื อไม่แต่รอนนันมี
้ ฝีมือที่ดีเขาสามารถรู้ได้ อย่างง่ายดายว่า
คาร์ ลจะแอบออกจากห้ องไปในตอนไหน

‘หรื อตาแก่นนั่ คอยจับตาดูฉนั กันนะ?’

ในความเป็ นจริ งรอนอาจไม่ได้ สนใจว่าคาร์ ลจะแอบหนีออกไป


หรื อจะแอบออกไปทาอะไร นัน่ เป็ นวิธีที่เขาทาจนถึงบัดนี ้ แต่ถึง
อย่างนันคาร์
้ ลไม่อยากเสี่ยงเขาไม่ต้องการให้ เกิดสิ่งที่น่าราคาญ
ในอนาคตได้ ดงั นันเขาจึ
้ งตัดสินใจที่จะบอกรอนล่วงหน้ า
เมื่อเห็นรอนเดินตามหลังเชวฮันมา คาร์ ลเลยรี บแจ้ งความต้ องการ
อย่างรวดเร็ว

“รอน….ข้ าจะออกไปข้ างนอก…มันเป็ นความลับ…เจ้ าคงเข้ าใจ


นะ”

ตาแก่นี ้เป็ นคนชอบดื่มเหล้ าแต่ไม่ได้ ดื่มในคืนนี ้ เขามีแต่จ้องมอง


มาที่คาร์ ลตลอดทังคื
้ น เขาเป็ นคนที่น่ากลัวจริ งๆ รอยยิ ้มอัน
อ่อนโยนที่รอนมอบให้ กบั เขาตอนนี ้มันยิ่งดูน่ากลัวขึ ้น

“กระผมเข้ าใจ….กระผมจะรอนายน้ อยนะขอรับ”

‘รอฉัน ….ตูดแกนะสิ’
ตามที่คาดไว้ รอนตอบตกลงโดยไม่ได้ พดู อะไรมาก คาร์ ลยังคง
ได้ รับการประคองจากเชวฮันในขณะที่เขากาลังเดินเข้ าไปในห้ อง
ของตน

“ข้ าจะพักผ่อนแล้ ว ฮันส์…รอน…อย่าเข้ ามาปลุกข้ านอกจากจะมี


เรื่ องเร่งด่วนเท่านัน้ พวกเจ้ ารู้ใช่มย?ว่
ั ้ าจะเป็ นเช่นไรหากมีใครมา
รบกวนการหลับของข้ า?”

ในอดีตมีข้ารับใช้ ถกู คาร์ ลสบถด่าอย่างรุนแรงเมื่อต้ องทาหน้ าที่ใน


การปลุกคาร์ ลขึ ้นมาแต่งตัวตามคาสัง่ ของรอน แม้ วา่ คาร์ ลไม่ได้
ทาร้ ายร่างกายใครก็ตามแต่ข้ารับใช้ คนนันก็ ้ เดินไปรอบๆคฤหาสน์
เพื่อบอกข้ ารับใช้ คนอื่นว่าตนรู้สกึ ราวกับว่าเขาโดนต่อยอย่าง
รุนแรงจากคาสบถด่านัน่

“ขอรับนายน้ อย…กรุณาพักผ่อนให้ เต็มอิ่มนะขอรับ”


“นายน้ อย….เดี๋ยวกระผมจะเฝ้าดูความเรี ยบร้ อยด้ านนอกห้ อง
ของนายน้ อยเองนะขอรับ”

คาร์ ลตัวแข็งทื่อไปชัว่ ครู่เมื่อได้ ยินประโยคนันจากรอนแต่


้ ก็ยืนมอง
คนทังสองถอยห่
้ างออกไปก่อนจะก้ มกระซิบบอกเชวฮัน

“เจ้ าขึ ้นมาหาข้ าทางหน้ าต่างแล้ วกันและทาให้ เงียบที่สดุ เข้ า


ใจมัย?”

เชวฮันพยักหน้ าอย่างรวดเร็วและเดินตามอีกสองคนออกจากห้ อง
และปิ ดประตู

“เมี ้ยว เมี ้ยว” “เมี ้ยว เมี ้ยว”

“ถึงเวลาแล้ วเหรอ?”
คาร์ ลพยักหน้ าให้ กบั ออนและฮง เมื่อทังสองมาตามเขาที
้ ่ห้องและ
เปิ ดกล่องเวทย์ออกทันที

คลิ๊ก!

กล่องถูกเปิ ดออกก่อนที่คาร์ ลจะเอาชุดออกมาจากกล่องนัน่ และ


ทาการเปลี่ยนชุดทันที เมื่อเชวฮันปี นหน้ าต่างเข้ ามาตาของเขาก็
ต้ องเบิกกว้ างด้ วยความตกใจ

“ท่านคาร์ ล?”

ก่อนที่จะสวมหน้ ากาก เขาก็โยนชุดสีดาอีกชุดที่อยูใ่ นมือของเขา


ส่งในเชวฮันทันที

“เจ้ าก็ต้องใส่มนั เช่นกัน”


ลูกกลมสีดานัน่ สามารถหยุดพลังเวทย์ทงหมดที ั้ ่อยูบ่ ริ เวณนันได้

ชัว่ คราว แต่นนั่ ยังไม่เพียงพอคาร์ ลไม่ต้องการเสี่ยงที่จะถูกจับตัว
ได้ นัน่ เป็ นเหตุผลที่เขาตื่นมาตังแต่
้ กลางดึกและเตรี ยมชุดเหล่านี ้
ไว้

“มันคืออะไรขอรับ?”

มันเป็ นชุดที่มีสีดา บริ เวณอกเสื ้อมีดาวสีแดงขนาดใหญ่ถกู


ล้ อมรอบด้ วยดาวสีขาวเล็กๆห้ าดวง

‘เจ้ าชุดนี่นะเหรอ? มันก็เป็ นชุดขององค์กรลับนะสิ’

ในนิยาย กาเนิดวีรบุรุษ ได้ อธิบายไว้ อย่างชัดเจนเกี่ยวกับชุดของ


องค์กรลับที่เชวฮันจะได้ เข้ าร่วมทางานเป็ นระยะๆหลังจากนี ้ต่อไป
ชุดนี ้ได้ ถกู คาร์ ลสัง่ ทาขึ ้นตามที่นิยายได้ อธิบายไว้ อย่างละเอียด
ที่สดุ และเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองเขาได้ สงั่ ทาชุดนี ้ขึ ้นมา
ต่างหากและเย็บดาวเพิ่มเข้ าไปด้ วยตัวเขาเอง นัน่ เป็ นเหตุผลให้
ชุดถูกปั กเย็บไม่เรี ยบร้ อยเท่าไรนัก แต่มนั ก็ยงั ดูสวยดีหากมองมัน
จากระยะไกลๆ

คนที่ได้ เห็นชุดนี ้จะไม่จดจาความประณีตในการปั กเย็บเสื ้อผ้ าแต่


พวกเขาจะจาได้ เพียงว่ามันเป็ นชุดสีดาที่มีดาวแดงหนึง่ ดวงและมี
ดาวสีขาวห้ าดวง สาหรับเวเนี่ยนที่ไม่เคยได้ พบกับองค์กรลับ
เหมือนเช่นมาร์ คควิส สแตนเคยพบมาก่อน หากเขาได้ รับ
รายงานจากผู้ใต้ บงั คับบัญชาที่ได้ เห็นชุดนี ้ แน่นอนว่าเขาจะปวด
หัวและโกรธแค้ นเป็ นอย่างมาก

“…..เหมือนเรากาลังจะทาอะไรที่ไม่ดี?”

เชวฮันถามอีกครัง้ หลังจากเห็นคาร์ ลไม่ตอบอะไร การได้ เห็นคาร์ ล


สวมหน้ ากากดาทาให้ เขาดูเหมือนคนร้ าย
“ใช่…เรากาลังทาอะไรที่ไม่ดี”

คาร์ ลเริ่ มอมยิ ้มภายใต้ หน้ ากาก

“เรากาลังทาบางอย่างที่ไม่ดีให้ กบั …เวเนี่ยน..”

“อ่า……..”

เชวฮันเหมือนจะเข้ าใจในที่สดุ ก่อนที่เขาจะรี บชี ้ไปที่หน้ ากากใบ


อื่นในมือของคาร์ ล

“กรุณามอบมันให้ ข้า”

ถึงจะเป็ นคนดีเพียงใดก็ต้องมีคนที่เกลียดและต้ องการที่จะจัดการ


กับไอ้ เบื๊อกนัน่ มันก็คงจะไม่มีอะไรต่างมากนักสาหรับเด็กอายุ
เพียง 17 ปี แม้ จะอาศัยอยูใ่ นโลกนี ้เพียงลาพังเป็ นสิบๆปี ก็ตาม
“อ้ อ…..และเด็กพวกนี ้มาจากเผ่าแมว พวกมันเป็ นสัตว์อสูร”

คาร์ ลได้ แนะนาออนและฮงให้ เชวฮันได้ ร้ ูจกั เหมือนกับว่าเป็ นเรื่ อง


ปกติที่เกิดขึ ้นเพียงแค่พวกเขาแค่เปลี่ยนการทักทายต่อกันแค่
เล็กๆน้ อย ๆ เด็กจากเผ่าแมวทังสองตั
้ วมีความรู้สกึ อ่อนไหวต่อ
ตัวตนที่แท้ จริ งของ เชวฮันเขาเป็ นคนที่มีพลังที่
แข็งแกร่งมากและเชวฮันก็ได้ สงั เกตเห็นว่าแมวเหล่านี ้ไม่ใช่แมวตัว
น้ อยๆแสนน่ารักบอบบางในระหว่างการเดินทางของพวกเขาเลย

“เขาคือเชวฮัน ส่วนนี ้คือออนและฮง จบการแนะนาตัวให้ ร้ ูจกั กัน


ล่ะ ทุกคนคงพร้ อมแล้ วนะ?”

มีเวลาสันๆที้ ่จะเตรี ยมตัวให้ พร้ อมก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยสัง่ แก่เชวฮัน


ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้ องน ้าที่สวมชุดสีดาและหน้ ากากดา
เหมือนกัน
“ไปกันเถอะ….”

จากนันคาร์
้ ลก็เพิ่มคาสัง่ แก่เชวฮันเป็ นครัง้ ที่สองเมื่อได้ มายืน
ข้ างหน้ าต่าง

“พาข้ าออกไปด้ วยเมื่อเจ้ าจะกระโดดออกทางหน้ าต่างข้ าไม่


สามารถจะกระโดดลงไปโดยไม่ได้ รับบาดเจ็บ”

เชวฮันถอนหายใจยาวเป็ นครัง้ แรกต่อหน้ าคาร์ ล ออนและฮงเดิน


เข้ าไปหาเชวฮันพลางใช้ อ้ งุ เท้ าตบไปเบาๆที่เท้ าของเขาเพื่อ
ปลอบใจเชวฮัน ก่อนที่จะได้ ยินเสียงคาร์ ลเร่งพวกตน

“เร็ วเข้ า….”


กลุม่ คนที่สามารถออกจากโรงแรมได้ อย่างปลอดภัยกาลังมุง่ หน้ า
ไปยังภูเขาที่เป็ นสถานที่ตงของคฤหาสน์
ั้ และคุกที่ใช้ คมุ ขังมังกร
บทที่ 19 พบมังกร 2

ตาแหน่งที่ลกู แมวสองตัว ออนและฮงนาลูกกลมๆสีดานันมาฝั


้ ง
เกินความคาดหวังของคาร์ ลไปมาก คฤหาสน์ของมาร์ คควิสอยู่
ห่างจากถ ้าของมังกร 30 เมตร ออนและฮงได้ ฝังลูกกลมสีดาอยู่
ห่างจากถ ้านันประมาณ
้ 50 เมตรในพื ้นที่ที่เต็มไปด้ วยต้ นไม้ และ
พุม่ ไม้ ทาให้ อาจเป็ นเรื่ องยากหากใครจะพบเข้ ากับลูกกลมสีดานี ้
ได้

“พวกเจ้ าทังสองยอดเยี
้ ่ยมมาก”

“ง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้ วยเข้ าปากอีก…”

ออนกาลังบอกว่ามันเป็ นเรื่ องง่ายๆแต่คาร์ ลก็ได้ เห็นจมูกของมัน


เชิดสูงขึ ้นด้ วยความภาคภูมิใจและมีความสุข
คาร์ ล เชวฮัน ออนและฮงได้ มาหยุดยืนรอบๆที่ฝังลูกกลมสีดานันิ้
มันมีชื่อเรี ยกอย่างเป็ นทางการว่าเครื่ องมือรบกวนพลังเวทย์และ
มองไปยังทางเข้ าถ ้าที่หา่ งออกไป 50 เมตรและคฤหาสน์ของ
มาร์ ควิสที่อยูห่ า่ งไม่ไกลนัก

“พวกเจ้ าจาแผนได้ หรื อไม่?”

คาร์ ลได้ อธิบายแผนการไปแล้ วครัง้ หนึง่ ตามจริ งก็ไม่มีอะไรใน


แผนมากนัก

“ตอนนี ้มีคนเฝ้าระวังความปลอดภัยทังหมด
้ 6 คน”

คาร์ ลพยายามนึกถึงข้ อมูลที่เขาอ่านในนิยายเรื่ อง กาเนิดวีรบุรุษ


มังกรดาเป็ นมังกรที่มีความฉลาดเฉลียวมันได้ รวบรวมข้ อมูล
สาหรับสี่ปีที่ยาวนานมันถูกคุมขังเป็ นเชลยและมีเหตุผลที่มนั
พยายามที่จะหลบหนีในอีกสองวันต่อมาซึง่ จะถึงในอีกไม่กี่วนั
ข้ างหน้ า

ตอนนี ้มีคนจานวน 30 คน ที่อาศัยอยูใ่ นคฤหาสน์นี ้ ตอนแรกมี


คนอยูท่ ี่นี่ถึง 100 คนแต่คอ่ ยๆลดลงเมื่อพวกเขาตระหนักว่า
ในช่วงสี่ปีที่ผา่ นมาไม่มีใครสามารถเข้ ามายังพื ้นที่นี ้ได้

แน่นอนว่าในจานวน 30 คนมีอศั วินสูงระดับหัวหน้ าและรอง


หัวหน้ าอยู่ 3 นาย และมีอศั วินระดับกลางอีก 7 นาย นอกจากนี ้
ยังมีทหารที่เป็ นผู้คมุ สาหรับทรมานมังกรและคนงานทัว่ ไปอีก
จานวนคนที่นี่แสดงให้ เห็นว่ามาร์ คควิสให้ ความสาคัญกับสถาน
ที่นี ้มากแค่ไหน อย่างไรก็ตามเขามีเชวฮันคนที่สามารถล้ มอัศวินผู้
แข็งแกร่งที่สดุ ในอาณาจักรได้ ถึง 10 ครัง้ และคนเช่นนันก
้ าลังอยู่
ข้ างเขาในตอนนี ้
“ให้ ข้าได้ อธิบายอีกครัง้ หนึง่ จะมีอศั วินระดับสูง 1 นายและอัศวิน
ระดับกลางสองนายเฝ้าที่ปากทางเข้ าถ ้ารวมทังทหารสองนาย

ด้ วย ภายในถ ้ามีอศั วินระดับสูงอยูเ่ พียงคนเดียวและผู้ถกู ทรมานก็
อยูท่ ี่ปลายถ ้า ”

เชวฮันรู้สกึ โกรธหลังจากได้ ยินคาว่าผู้ถกู ทรมานแต่คาร์ ลไม่สนใจ


เขาไม่สนใจที่จะรู้เรื่ องต่างๆที่กาลังเกิดขึ ้นในใจของเชวฮันตอนนี ้
สิ่งที่สาคัญคือลูกกลมสีดาจะถูกเปิ ดใช้ งานเร็วๆนี ้และพวกเขา
จาเป็ นต้ องดาเนินการให้ เร็วที่สดุ

“เครื่ องรวบรวมพลังเวทย์ที่ตงอยู
ั ้ จ่ ากคฤหาสน์ไปยังปากทางเข้ า
ถ ้าจะไม่ทางานเป็ นเวลา 40 นาทีด้วยการทางานของลูกกลมๆสี
ดาที่ออนและฮงนาไปฝังไว้ เช่นเดียวกับเวทย์เตือนภัย กับดักเวทย์
และสิ่งอื่นๆจะไม่สามารถทางานได้ 40 นาที”
พวกเขาต้ องการที่จะให้ มงั กรตัวนี ้เป็ นขุมพลังเวทมนตร์ ที่ยิ่งใหญ่
ที่สดุ ในโลก แต่พวกเขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเหล่านัก
เวทย์ได้ นัน่ เป็ นเหตุผลที่มาร์ ควิสสแตนเลือกที่จะเติมพื ้นที่นี ้ด้ วย
เครื่ องรวบรวมพลังเวทย์แทน เหตุผลที่ทาให้ มีทหารรักษาความ
ปลอดภัยน้ อยลงก็เป็ นเพราะพวกเขาเชื่อถือในเครื่ องรวบรวมพลัง
เวทย์เป็ นอย่างมาก

นัน่ คือเหตุผลที่มงั กรไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้ เกิดการ


ระเบิดของพลังเวทย์เพื่อทาการหลบหนี

‘ตาต่อตา เงินต่อเงิน’

เมื่อมาร์ ควิสใช้ เงินได้ เขาก็สามารถเรี ยนรู้การใช้ เงินได้ มากพอ


เช่นกัน คาร์ ลแตะไปที่กระเป๋ าเวทย์บนเอวของเขานี่มนั เป็ น
กระเป๋ ามหัศจรรย์ที่สามารถให้ คณ ุ จัดเก็บสิ่งของเป็ นจานวนมาก
และในกระเป๋ านี ้เต็มไปด้ วยอุปกรณ์พลังเวทย์ เครื่ องมือและ
อุปกรณ์ที่มีประโยชน์ตา่ งๆ
“ข้ าต้ องการให้ อศั วินและทหารที่เฝ้ายามพวกนันออกไป”

แน่นอนว่าเชวฮันจะต้ องเป็ นคนที่ลงมือ คาร์ ลจะต้ องต่อสู้ทาไมใน


เมื่อมีคนที่แข็งแกร่งอยูข่ ้ างกายตน? เขารู้สกึ ว่าขนาดกระดาษ
บาดมือยังเจ็บแล้ วนับประสาอะไรหากโดนฟั นด้ วยดาบ

“ใช่…และเจ้ าเป็ นคนเดียวที่ข้าสามารถพึง่ พาได้ …เพื่อให้ เจ้ าเป็ น


คนระวังหลังให้ ข้า”

‘อย่างน้ อยก็ตอนนี ้’

คาร์ ลมองไปที่เชวฮันด้ วยท่าทางที่เคร่งเครี ยดก่อนที่เชวฮันจะพยัก


หน้ าตอบรับด้ วยความจริ งใจ

“ข้ าจะทาตามความต้ องการของท่านได้ อย่างแน่นอน”


“ดี…ดังที่ข้าได้ บอกเอาไว้ เจ้ าต้ องแน่ใจว่าพวกนันจะต้
้ องเห็นชุด
ของเราก่อนที่เจ้ าจะลงมือจัดการพวกเขา อย่าฆ่าใครและอย่าให้
ใครเห็นฝี มือการใช้ ดาบของเจ้ า ….เจ้ าจาได้ ใช่ไหมว่าจะต้ องทา
อย่างไรหลังจากนัน?”

กลิ่นอายสีดาที่เป็ นเอกลักษณ์ของเชวฮันจะถูกพรางด้ วยความมืด


หากเขาใช้ มนั อย่างระมัดระวัง คาร์ ลเชื่อว่าเชวฮันควรจะเข้ าใจมัน
เพราะเขาได้ บอกเชวฮันมาหลายครัง้ แล้ ว

“ข้ าจาได้ ทกุ อย่าง…”

“ดีมาก…ข้ าจะให้ เจ้ าไปดาเนินการแล้ ว”


คาร์ ลตบไปที่ไหล่ของเชวฮันเบาๆ ก่อนที่จะยื่นอุปกรณ์เปลี่ยน
เสียงให้ มันคงไม่ดีหากเขาต้ องพูดในระหว่างที่ตอ่ สู้และพวกนัน้
สามารถจดจาเสียงของเขาได้

“มันมีราคาแพงดังนันห้
้ ามทามันพัง…”

“ข้ าเข้ าใจแล้ ว…….ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่ องนี ้”

คาร์ ลมองไปที่ลกู แมวสองตัว พวกมันส่ายหางของมันเหมือนจะ


ขออะไรบางอย่างจากเขา

“อ่า…..ข้ าจะให้ เนื ้อแก่พวกเจ้ าเมื่องานนี ้สาเร็ จ”

นี่ดเู หมือนไม่ใช่คาตอบที่ถกู ต้ องนักเมื่อพวกมันส่งเสียงร้ องเบาๆ


ออกมาและหันหน้ าหนีไป คาร์ ลไม่ได้ คิดอะไรมากนักเพียง
ต้ องการยืนยันเวลาด้ วยนาฬิกาของตน
‘เหลืออีกห้ านาที’

ท้ องฟ้ามืดสนิทและเป็ นช่วงเวลากลางคืน ก่อนจะนึกถึงบท


สนทนากับบิลอส

‘เครื่ องมือที่ถกู รบกวนจากเครื่ องนี ้จะหยุดการทางานทันทีและ


ส่วนใหญ่จะปิ ดตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ ระเบิด แต่ถึงอย่างนัน้
เครื่ องที่มีพลังเวทย์ระดับสูงจะส่งสัญญาณเพื่อให้ ร้ ูวา่ มันเกิดการ
แตกหัก มันไม่ได้ เป็ นเหมือนเวทย์ร่ายปลุกแต่มนั จะดังเหมือน
นาฬิกาปลุก’

‘มันจะส่งเสียงดัง?’

‘กระผมไม่ทราบว่านายน้ อยจะใช้ มนั ที่ไหน แต่มนั จะดังพอให้ ศตั รู


ได้ ยิน’
บิลอสเริ่ มยิ ้มหยันก่อนกล่าวต่อไป

‘อย่างไรก็ตามหากมีอปุ กรณ์พลังเวทย์อยูท่ ี่นนั่ เป็ นจานวนมาก


อาจทาให้ เกิดความสับสนวุน่ วายกับสัญญาณเตือนทังหมดที ้ ่
เกิดขึ ้นพร้ อมๆกัน’

สับสนวุน่ วาย เพียงพอแล้ วสาหรับคาร์ ล

“เตรี ยมพร้ อมได้ …..”

ขนของลูกแมวทังสองเต็
้ มไปด้ วยถ่านสีดาเพื่อพรางตัวเช่นกัน
จากนันพวกมั
้ นมายืนอยูข่ ้ างๆคาร์ ลก่อนจะหายตัวไปในความมืด
นัน่ ทาให้ เขาไม่สามารถมองเห็นพวกมันได้ อีก สองพี่น้องจะยังไม่
ปรากฏตัวต่อหน้ าศัตรูในเวลานี ้อย่างไรก็ตามคาร์ ลรู้วา่ สองพี่น้อง
จะทาตามแผนและอยูร่ อบตัวเขา
เชวฮันพับผ้ าเช็ดหน้ าที่เขาใช้ ทาความสะอาดดาบของตนก่อนเก็บ
มันลงในกระเป๋ าเสื ้อ

เมื่อเตรี ยมการทังหมดเสร็
้ จสิ ้น คาร์ ลก็ลกุ ขึ ้นยืน

ครื ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!

มีบางอย่างสัน่ สะเทือนจากพื ้นด้ านล่างที่เขายืนอยู่ ลูกกลมสีดา


เริ่ มทางานแล้ ว

ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

เข็มวินาทีของนาฬิกาที่คาร์ ลพกติดตัวมากาลังเดินเข้ าหาตาม


เวลาที่กาหนดไว้ อย่างช้ าๆและในที่สดุ
ติ๊ก!

“ไปกันเถอะ”

ขันตอนตามแผนของคาร์
้ ล เชวฮันจะวิ่งไปข้ างหน้ าอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ออนจะสร้ างหมอกปกคลุมพื ้นที่นนและคาร์
ั้ ลจะอยูต่ รง
กลางหมอกทาให้ ยากที่จะสังเกตเห็นเขาได้

ในเวลานัน้

ครื ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

คลิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เครื่ องรบกวนพลังเวทย์ได้ ถกู เปิ ดใช้ งานแล้ ว


“ข้ าคิดว่าพวกมันไม่ใช่อปุ กรณ์ที่มีพลังเวทย์ระดับสูงทังหมด”

อุปกรณ์เวทย์บางชิ ้นเริ่ มส่งสัญญาณและเริ่ มดังขึ ้น คาร์ ลเดิน


ตามหลังเชวฮัน พร้ อมหมอกที่ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ เพื่อมุง่ หน้ าไป
ยังถ ้า

ตอนนี ้มันเป็ นสิ่งที่ต้องแข่งกับเวลา เชวฮันกาลังสู้กบั เหล่าทหาร


และอัศวินหน้ าปากถ ้า

‘เจ้ าบ้ านี่..น่ากลัวจริ งๆ’

ใช้ ระยะเวลาไม่นานเหล่าทหารก็ได้ รับบาดเจ็บที่แขนและขาของ


พวกเขาก่อนจะกระเด็นออกมากองที่พื ้น

“เจ้ าเป็ นใคร? กล้ าเข้ ามาที่นี่ได้ อย่างไร!”


เชวฮันสามารถเบี่ยงหลบการโจมตีจากอัศวินระดับสูงก่อนที่จะ
ก้ าวไปข้ างหน้ าและแทงไปที่สีข้างของเขาและเบี่ยงหลบหยดเลือด
ที่กระเด็นออกมาก่อนจะใช้ ศอกโจมตีทางด้ านหลังตามด้ วยลาคอ
จนอัศวินระดับสูงคนนันสลบเหมื
้ อดไปทันที

“เฮ้ ย! เกิดอะไรขึ ้น”

อัศวินระดับสูงที่อยูภ่ ายในถ ้าปรากฏตัวออกมาเช่นกัน

“ยาพิษ…”
คาร์ ลพูดผ่านอุปกรณ์เปลี่ยนเสียง หมอกที่ล้อมรอบเขาอยู่เริ่ ม
ขยายใหญ่ขึ ้นและฮงกาลังเคลื่อนตัวไปรอบๆก่อนจะแพร่กระจาย
พิษเพื่อให้ ศตั รูเป็ นอัมพาต คนที่ล้มลงไปจะไม่สามารถ
เคลื่อนไหวได้ ชวั่ ขณะหนึ่งแม้ วา่ พวกเขาจะรู้สกึ ตัวแล้ วก็ตาม

คาร์ ลสบตากับอัศวินระดับสูงที่อยูต่ อ่ หน้ าก่อนกล่าวขึ ้น

“คุ้มกัน”

เชวฮันก้ าวมายืนอยูด่ ้ านหน้ าคาร์ ลทันที ก่อนจะกระโจนเข้ าไป


ทางเข้ าถ ้าโดยมีคาร์ ลเดินตามหลังเขาไปติดๆ

“จัดการพวกมัน!”

อัศวินระดับสูงตะโกนบอกแก่อศั วินระดับกลางสองนายทันที พวก


เขาชักดาบขึ ้นมามุง่ ไปยังที่เชวฮันอยู่ ดาบของพวกเขาเริ่ มเรื อง
แสงแสดงให้ เห็นว่าพวกเขาได้ ปอ้ นกลิ่นอายลงไปในดาบแล้ ว แต่
ถึงจะเป็ นเช่นนันดาบของพวกเขาก็
้ ถกู ตัดขาดทันทีด้วยฝี มือของ
เชวฮัน

เคร้ ง! เคร้ ง!

ครึ่งหนึง่ ของดาบตกลงกระทบพื ้นเสียงดังสนัน่

“….อ….อะไรกัน? เขาเป็ นนักดาบ?”

ทังตกใจและสิ
้ ้นหวังเป็ นเสียงของอัศวินระดับสูง สิ่งเดียวที่
สามารถตัดดาบที่มีกลิ่นอายจนขาดได้ ก็คือนักดาบที่มีกลิ่นอาย
เช่นเดียวกัน ทันทีที่จดั การตัดอาวุธของศัตรูโดยใช้ กลิ่นอายที่ถกู
พรางไว้ ในความมืดเสร็ จ เชวฮันก็ใช้ ดาบและฝักเพื่อโจมตีไปที่คอ
และท้ องของอัศวินระดับกลางพร้ อมกันทันที
“ฮึก!”

“เอื ้อก!”

‘…..เขาแค่ต้องการสู้หนึง่ ต่อหนึง่ ’

คาร์ ลไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ ในขณะที่เขา


หมอบอยูด่ ้ านหลังเชวฮันก่อนจะลุกเดินต่อไป ในขณะนันพวกเขา

ก็ได้ ยินเสียงเอะอะโวยวายจากเบื ้องหลังของพวกเขา

“มีผ้ บู กุ รุก!”

มันเป็ นเสียงที่มาจากคฤหาสน์ คาร์ ลหันกลับไปมองทางเบื ้องหลัง

อัศวินระดับกลางยืนโซเซก่อนจะล้ มลง คาร์ ลได้ มองสบตากับพวก


เขา
พวกเขาได้ รับพิษอัมพาตชัว่ ขณะของฮง

“…..พ…..พิษ”

“….ฆ….ฆาตกร”

เชวฮันทาให้ พวกเขาสลบไปก่อนที่จะวิ่งเข้ าหาอัศวินระดับสูงก่อน


จะค่อยๆแกว่งดาบของเขาช้ าๆ คาร์ ลมอบหมายให้ เขาเป็ นคนเปิ ด
ทางเข้ าถ ้าให้ แม้ วา่ เขาจะทาให้ อศั วินระดับกลางที่เรี ยกเขาว่า
ฆาตกรสลบไปเขาก็แน่ใจว่าพวกมันเห็นดาวหกดวงที่อยูบ่ นชุด
ของเขา

“ฮึ! พวกเจ้ ามาจากไหน!”

“หนวกหูเว้ ย!”
เชวฮันสามารถหลบดาบที่เต็มไปด้ วยพลังเวทย์ของอัศวินระดับสูง
ได้ อย่างง่ายดาย เขาต้ องพาหมอนี ้ออกไปด้ วย ในขณะที่เขารับ
หน้ าที่ในการทาให้ พวกมันไขว้ เขวท่านคาร์ ลก็กาลังเข้ าไปในถ ้า
พร้ อมกับลูกแมวจากเผ่าแมวที่เข้ าไปก่อนหน้ านี ้แล้ ว หลังจาก
แน่ใจว่าท่านคาร์ ลได้ เข้ าไปในถ ้าเรี ยบร้ อยแล้ ว เขาก็ย้ายตัวเองมา
อยูด่ ้ านหน้ าปากทางเข้ าถ ้า ก่อนจะร้ องเรี ยกอัศวินระดับสูง

“เข้ ามา………”

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่อศั วินระดับสูงแต่เป็ นศัตรูทงหมดที


ั้ ่กาลังถือคบ
เพลิงมุง่ หน้ าเข้ ามา

“ข้ าปล่อยให้ เจ้ าจัดการได้ ตามสบาย”


เชวฮันได้ ยินเสียงของคาร์ ลเปลี่ยนไปแต่ยงั คงสงบอยูจ่ ากด้ านใน
และค่อยเริ่ มยิ ้มออกมา เขามุง่ ความสนใจของตัวเองไปที่การ
ปลดปล่อยพลังบางส่วน ความแข็งแกร่งของเขาที่จะใช้ เพลงดาบ
หายนะแห่งความมืดเพลงดาบนี ้ประกอบไปด้ วยองค์ประกอบสอง
ส่วนคือ ความมืดและความหายนะ และทังสองส่ ้ วนนี ้กาลังก่อ
พลังแห่งการทาลายล้ างล้ อมรอบตัวเชวฮัน

“ไม่มีใครผ่านเข้ าไปได้ …..”

เขาเป็ นคนที่พดู น้ อยต่อยหนักได้ อย่างเสมอต้ นเสมอปลาย

ในขณะที่เชวฮันกาลังป้องกันทางเข้ าถ ้า ด้ านในถ ้าก็มีคนอื่นที่


ป้องกันบางสิ่งบางอย่างในลักษณะที่ตา่ งกันออกไป คนนันไม่ ้ ใช่
ใครเขาคือผู้คมุ ที่คอยทรมานมังกร เขาเป็ นคนหนึง่ ที่จะปกป้องคุก
ของมังกร เมื่อคาร์ ลเข้ ามาถึงเขาก็อยูใ่ นอาการจิตตกและสับสน
วุน่ วานเป็ นอย่างมาก
“ ทาไม? ทาไม?ทาไม? ลูกบอลเวทย์คริ สตัสถึงไม่ทางาน?
ทาไม?”

ลูกบอลเวทย์คริ สตัส ที่เหล่าผู้คมุ จัดทาขึ ้นเป็ นหนึง่ ในอุปกรณ์การ


สารองพลังเวทย์ที่เวเนี่ยนเตรี ยมไว้ หากเกิดข้ อผิดพลาดขึ ้น

“อ….อย่าเข้ ามา! เจ้ ารู้หรื อไม่วา่ มีอะไรอยูท่ ี่นี่?”

ผู้คมุ ตัวสัน่ อย่างรุนแรงขณะที่จ้องมองไปที่คาร์ ล เขาไม่มี


ทางเลือกอื่นนอกจากกลัว ถ้ าเขาถูกทาร้ ายจากคนที่แข็งแกร่งกว่า
เขาร่างกายของเขาจะต้ องระเบิดทันที

นี่เป็ นมาตรการด้ านความปลอดภัยของเวเนี่ยน ด้ วยความแรงของ


ระเบิดจะส่งผลให้ ลกู กุญแจไขคุกและคุกที่ใช้ คมุ ขังมังกรระเบิดไป
พร้ อมๆกับผู้คมุ เช่นกัน และเป็ นธรรมดาที่ผ้ คู มุ จะรู้เรื่ องนี ้เป็ น
อย่างดี
“ถ้ าเจ้ าเข้ ามา…ทุกคนที่นี่จะต้ องตาย!”

เปาะ!

คาร์ ลดีดนิ ้วเป็ นสัญญาณแล้ วมองไปที่ผ้ คู มุ ที่ตวั สัน่ เทาด้ วยความ


กลัวอีกครัง้ ก่อนที่จะมีหมอกกลุม่ ใหญ่พงุ่ ตรงไปที่ร่างของผู้คมุ
ทันที ซึง่ ตอนนี ้เจ้ าของหมอกยังคงซ่อนตัวอยูใ่ นเงามืดของถ ้า

“อ……อ่า…..ออกไป…ไปให้ พ้น!”

เสียงของการต่อสู้จากทางเข้ าถ ้า หมอกที่คอ่ ยๆใกล้ เข้ ามาและ


แน่นอนว่ามันเป็ นหมอกพิษ หมอกที่เต็มไปด้ วยพิษอัมพาต
ชัว่ ขณะเข้ าโอบรอบตัวของผู้คมุ อย่างรวดเร็ว

“….แค่กๆๆ…นี่มนั …ยาพิษ”
เฮือกกก……ร่างกายของผู้คมุ เริ่ มสัน่ อย่างรุนแรงก่อนที่จะล้ มลง
ไปกองกับพื ้นตอนนี ้สภาพของเขาแย่มากไม่สามารถพูดหรื อ
เคลื่อนไหวได้ เขาพยายามฝื นตัวเองในขณะที่ตะเกียกตะกายไป
ทัว่ พื ้น

คาร์ ลเดินเข้ าหาผู้คมุ ที่กาลังตะเกียกตะกายบนพื ้นและทาการค้ น


เสื ้อผ้ าของเขาอย่างรวดเร็ว

ถ้ าคุณไม่สามารถต่อสู้กบั เขาคุณก็ต้องสู้กบั เขาด้ วยยาพิษหรื อ


อาจจะทาข้ อตกลงให้ เขามอบกุญแจให้ อย่างไรก็ตามคาร์ ลไม่
ต้ องการเลือกวิธีหลัง

‘อยูน่ ี่ไง’
คาร์ ลคว้ าลูกกุญแจที่หาเจอมาไว้ ในมือและใช้ มือปิ ดตาของผู้คมุ
ลง เขาคงทรมานจากพิษจนหมดสติไป เขาเคยสงสัยว่าสองพี่น้อง
เคยใช้ พิษมากเกินไปหรื อไม่แต่ก็นนั่ ล่ะเขาไม่ได้ สนใจมันเท่าไหร่
นัก

‘ฉันคิดว่าเขาคงไม่ตาย แต่ถ้าตายก็ดีแล้ ว’

คาร์ ลสะบัดนิ ้วมือของตัวเองช้ าๆก่อนจะมีกลุม่ ก้ อนสีดาร่วงหล่น


ลงมาตรงหน้ าอย่างรวดเร็ ว มันคือออนและฮงเมื่อพวกเขาเดินเข้ า
มาในระยะของแสงไฟจากคบเพลิงส่องถึงทาให้ คาร์ ลมองเห็น
พวกเขาได้ ชดั เจนขึ ้น

หลังจากตรวจสอบว่าออนและฮงปลอดภัยดี พวกเขาก็มงุ่ หน้ าไป


ยังมุมที่ไกลที่สดุ ของถ ้า
เมื่อคาร์ ลเข้ ามาถึงเขามองเห็นสิ่งมีชีวิตที่ขดตัวอยูใ่ นมุมของคุก
เวทย์แห่งนี ้ซึง่ ตอนนี ้การเป็ นเพียงคุกธรรมดาไร้ ประโยชน์ใดๆ มัน
คือมังกร แต่สิ่งที่ทาให้ คาร์ ลตกใจมากกว่าคือเลือดของมังกรและ
กลิ่นเลือดที่ตลบอบอวลไปทัว่ อากาศ

คาร์ ลเดินเข้ าคุกอย่างรวดเร็ว

มังกรยังคงปิ ดตาต่อไปแม้ วา่ เขาจะเดินเข้ ามาใกล้ มนั เพียงใดก็


ตาม มังกรอาจอยูใ่ นสภาพที่ออ่ นเพลียและสับสนวุน่ วายเกินไป
ในตอนนี ้

คาร์ ลใส่ลกู กุญแจเข้ าไปเพื่อทาการปลดล็อคมัน

คลิ๊ก!
มันปลดล็อคด้ วยเสียงอันเบา คาร์ ลค่อยๆเปิ ดประตูเหล็กเข้ าไป
เพื่อเดินเข้ าไปในคุกที่ขงั มังกรไว้

มันใหญ่มาก…..สถานที่ถกู เรี ยกว่าที่คมุ ขังมังกรมีทงแส้ ั ้ และเครื่ อง


ทรมานต่างๆ รวมทังที ้ ่นอนอันหรูหราที่เวเนี่ยนใช้ นงั่ ดูการทรมาน
มังกร คาร์ ลมุง่ หน้ าไปยังมุมหนึง่ ของคุก

มีร่างเล็กๆขนาด 1 เมตรนอนอยูบ่ นกองหญ้ าแห้ ง ตาทังสองของ ้


มันยังคงสัน่ ระริ กแม้ จะยังปิ ดเปลือกตาไว้ อยูม่ ีโซ่อาคม
พันธนาการทังแขนและขาทั
้ งสองข้
้ างรวมทังคอด้
้ วยทาให้ มนั ไม่
สามารถขยับเพื่อใช้ แรงใดๆได้

“เฮ้ ”

คาร์ ลคุกเข่าลงตรงหน้ ามังกร มันไม่แม้ แต่จะเปิ ดเปลือกตาขึน้


แม้ วา่ คาร์ ลจะส่งเสียงเรี ยกก็ตาม คาร์ ลก้ มมองดูนาฬิกาเพื่อ
ยืนยันเวลาอีกครัง้ ถึงเวลาที่จะต้ องออกไปแล้ ว เขายังคงพูดกับ
มังกรต่อไป

“ออกไปจากที่นี่กนั เถอะ”

คาร์ ลใช้ ลกู กุญแจที่ได้ มาจากผู้คมุ เพื่อปลดโซ่อาคมทังหมดก่


้ อนที่
มังกรจะเปิ ดตาขึ ้น คาร์ ลเริ่ มยิ ้มหลังจากมองเห็นแววตาของมังกร

มันยังคงจ้ องเขม็งมาที่คาร์ ล สายตาที่มีแต่ความแข็งกร้ าว สายตา


ของมันไม่ได้ หายไปจากความตังใจที้ ่จะมีชีวิตอยูต่ อ่ มันไม่ใช่
สายตาเดียวกับที่ใช้ มองเชวฮันเหมือนในนิยาย มันยังคงจ้ องมอง
ด้ วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ นัน่ คือเหตุผลที่มนั เต็มไปด้ วย
พลังแห่งความโกรธและความต้ านทาน

มันคือสายตาของมังกร
“…..นับเป็ นสายตาที่ดี”

คาร์ ลอุ้มมังกรเขามาในอ้ อมแขนของตน


บทที่ 20 พบมังกร 3

หลังออกมาจากคุกคาร์ ลค่อยๆวางมังกรลงด้ านหน้ าของลูกแมว


ทังสอง

“…ดูเหมือนว่ามันจะเจ็บมาก”

“น่าเศร้ าจัง…..”

ออนและฮงเดินล้ อมรอบมังกรเป็ นวงกลมช้ าๆ มังกรน้ อยยังคง


เงียบก่อนจะค่อยแยกเขี ้ยวส่งเสียงขูพ่ วกเขา นี่อาจเป็ นครัง้ แรกใน
ชีวิตที่มนั เห็นอะไรอื่นนอกจากมนุษย์

คาร์ ลก้ มลงดูนาฬิกาอีกครัง้ เพื่อตรวจสอบเวลา ดูเหมือนว่าพวก


เขายังมีเวลาเพียงพอที่จะหลบหนี
“ดูเหมือนว่ามันจะเจ็บมาก”

ออนเดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ลก่อนใช้ อ้ งุ เท้ าของเธอแตะไปที่ขาของ


คาร์ ล เหมือนออนจะนึกขึ ้นได้ วา่ เห็นอะไรคล้ ายๆกับยาอยูใ่ น
กระเป๋ าเวทย์ของคาร์ ล เธอไม่สามารถที่จะถามเขาตรงๆได้ เลยใช้
วิธีนี ้ในการบอกกับเขา

“..รอก่อน..”

คาร์ ลได้ นายานัน่ มาเพื่อใช้ กบั มังกรแต่เขาจาเป็ นต้ องรอจนกว่า


พลังเวทย์ในโซ่อาคมจะหยุดการทางาน ยาจะสามารถทางานได้ ดี
ถ้ าพลังเวทย์ซงึ่ มีความสาคัญเหมือนกับหัวใจมังกรไม่ถกู คุมขังอีก
ต่อไป
คาร์ ลเริ่ มสารวจบริ เวณรอบๆก่อนหันหน้ าไปทางด้ านตรงข้ ามของ
คุกที่ใช้ ทรมานมังกรมันดูมีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา
ไม่มีเสียงใดดังเล็ดลอดไปด้ านนอกเลย แต่เขาได้ ยินเสียงของเชว
ฮันต่อสู้ในระยะไกลๆเขาคาดว่าอีกไม่นานการต่อสู้ด้านนอกจะจบ
ลงในเร็ วๆนี ้

“มาดูกนั …..”

คาร์ ลเริ่ มใช้ มือแตะไปทัว่ ๆผนังของถ ้า เขาเตะผู้คมุ ด้ วยเท้ าของ


เขาเมื่อเจ้ านัน่ เกะกะขวางทางการเดินของตนและยังคงกวาด
สายตาไปทุกๆด้ านของผนังถ ้า มังกรคุกเข่าลงหลังจากเห็นผู้คมุ ที่
คอยทรมานมันมานานแต่มนั ก็ยงั คงนิ่งอยูก่ ่อนที่มงุ่ ความสนใจไป
ที่คาร์ ลอีกครัง้

‘ปราการป้องกันด่านสุดท้ ายของเวเนี่ยนจะต้ องอยูท่ ี่นี่’


เช่นเดียวกับสมาชิกในตระกูลมาร์ คควิสแสตน เวเนี่ยนกังวลว่าจะ
มีใครบางคนที่เข้ ามายุง่ เกี่ยวในขณะที่เขาทาภารกิจอยูด่ ้ านใน
เขาสร้ างอุโมงค์ลบั เพื่อใช้ เป็ นเส้ นทางการหลบหนีหากมีอะไร
เกิดขึ ้น ถ้ าผู้คมุ รู้เรื่ องนี ้เขาอาจจะใช้ มนั เพื่อหลบหนีไปก่อนหน้ านี ้
ได้ แต่น่าเศร้ าแม้ แต่ผ้ คู มุ ที่เป็ นพวกเดียวกันก็ไม่ร้ ูเรื่ องเส้ นทาง
หลบหนีนี ้

‘ในนิยายได้ กล่าวเอาไว้ มันจะเรี ยบๆบนผนังที่ขรุขระนี ้….อ่า…


เจอแล้ ว’

มันเป็ นพื ้นราบเรี ยบเท่าขนาดของมือคนบนผนังถ ้าที่ขรุขระนี ้ ดู


เหมือนว่าเวเนี่ยนจะเป็ นโรค OCD(โรคย ้าคิดย ้าทา)และไม่เคย
ได้ เรี ยนรู้หรื อฝึ กอบรมเหมือนคนอื่นๆในตระกูลซึง่ คนอื่นๆใน
ตระกูลจะได้ เรี ยนรู้ศิลปะป้องกันตัวทุกแขนง

‘ถ้ าคุณใช้ กาลังที่มากพอทุบไปที่ตาแหน่งนัน….ผนั


้ งถ ้าจะถูกเปิ ด
ออก’
มันไม่ใช่อปุ กรณ์พลังเวทย์แต่อย่างใดแต่ใช้ แรงกระแทกทาให้
อุปกรณ์นนเคลื
ั ้ ่อนที่ออกไปได้ คาร์ ลหันศีรษะกลับไปหาคนที่
กาลังเดินเข้ ามาก่อนเอ่ยถาม

“เรี ยบร้ อย?”

“ขอรับ…..”

เชวฮันค่อยๆยกดาบของตนขึ ้นไปในอากาศเพื่อขจัดคราบ
เลือดออกไปและเดินเข้ าไปใกล้ คาร์ ล สายตาของเขาปะทะเข้ ากับ
มังกรอย่างรวดเร็ วก่อนที่จะเริ่ มขุ่นเคือง มันเป็ นปฏิกิริยาโดย
ธรรมชาติที่เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กถูกปกคลุมไปด้ วยเลือด แสงจ้ า
ในดวงตาของเชวฮันขณะที่จ้องไปที่ผ้ คู มุ ราวกับเห็นสิ่งที่น่า
รังเกียจและเลวร้ ายมาก
“เชวฮัน”

นัน่ เป็ นเหตุผลให้ คาร์ ลส่งเสียงเรี ยกเชวฮันที่ยงั คงจ้ องเขม็งไปยัง


ร่างผู้คมุ อยู่ ก่อนที่เขาจะเอ่ยรายงานต่อคาร์ ล

“ข้ าทาตามที่ทา่ นสัง่ ข้ าปล่อยให้ คนงานหนีออกไปได้ หนึง่ คนและ


ยังทาให้ แน่ใจว่าพวกที่แข็งแกร่งที่สดุ จะไม่สามารถลุกขึ ้นมาสู้ได้ ”

“เยี่ยม”

คาร์ ลกล่าวชื่นชมเชวฮันด้ วยรอยยิ ้ม ก่อนจะชี ้ไปที่พื ้นราบที่อยูบ่ น


ผนัง

“ต่อยลงไปจุดนี ้”

“ใช้ แรงเท่าที่ข้ามีหรื อไม่?”


‘นี่นายวางแผนระเบิดถ ้าหรื อไง?’

“ไม่…ควบคุมแรงของเจ้ าด้ วยให้ แกล้ งทาเป็ นว่าเจ้ าสร้ างรอยสัก


10 ซม.ไว้ ที่ผนังนี ้”

“อืม…งันก็
้ เบามาก”

“แน่นอน”

เบาแค่ไหน? คาร์ ลรี บเดินหนีจากเชวฮันทันทีที่ได้ ยินเขาเรี ยกอะไร


บางอย่างที่คาร์ ลไม่สามารถทาได้ แม้ จะเป็ นเพียงการใช้ พลังเพียง
เล็กน้ อยของเขาก็ตาม

เชวฮันเข้ าใจว่าคาร์ ลบอกให้ เขารี บและต่อยผนังด้ วยกาปั น้ ทันที


บูม!

“ว้ าว…..”

“โอ้ …….”

คาร์ ลรี บอุ้มมังกรไว้ ในอ้ อมแขนทันทีในขณะที่ลกู แมวทังสองก


้ าลัง
ชื่นชมกับสิ่งที่เกิดขึ ้น

เอี ้ยดดดดดดดดดดด……..

มีเสียงแหลมแสบแก้ วหูดงั ขึ ้นจากผนังถ ้าและปรากฏช่องว่าง


ขนาดผู้ชายตัวโตคนหนึง่ จะเข้ าไปได้ อยูต่ อ่ หน้ าพวกเขา เชวฮันรี บ
หยิบคบเพลิงมาถือทันที

“ไปกันเถอะ”
คาสัง่ ของคาร์ ลทาให้ ทกุ คนมุง่ หน้ าเข้ าไปในช่องว่างนันมั
้ นเป็ น
อุโมงค์ที่เล็กแคบ ลูกแมวทังสองเกาะอยู
้ บ่ นหลังของเชวฮัน เนื่อง
จากเชวฮันเดินนาเข้ าไปก่อนทาให้ คาร์ ลต้ องเดินตามหลังเข้ าไป
มังกรยังคงเงียบในอ้ อมแขนของคาร์ ลมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดงั
ออกมาจากมัน อย่างไรก็ตามสายตาที่มนั จ้ องมาที่คาร์ ลบ่งบอก
ได้ วา่ มันรังเกียจเขามาก

แทนที่จะรู้สกึ ขอบคุณสาหรับการช่วยชีวิต มังกรตัวนี ้ดูเหมือนจะ


เต็มไปด้ วยความคิดที่น่ากลัวเกี่ยวกับการถูกทรมานโดยมนุษย์คน
อื่นรวมทังความโกรธและความไม่
้ พอใจต่อมนุษย์อีกด้ วย

“หยุดจ้ องข้ าอย่างนันได้


้ แล้ ว”

คาร์ ลเอ่ยบอกกับมังกรในอ้ อมแขนของตน


‘อ่า….รู้สกึ จะหายใจไม่ทนั แล้ ว’

คาร์ ลกาลังตกที่นงั่ ลาบากขณะพยายามที่จะเดินตามเชวฮันให้ ทนั


แต่ดเู หมือนเชวฮันจะไม่มีอาการอะไรเลย

‘ฉันควรให้ เชวฮันเป็ นคนอุ้มมังกรดีไหมนะ?’

มังกรยาว 1 เมตรมันหนักมาก มันจะไม่ยากถ้ าเขาสามารถใช้ มือ


ของเขาเรี ยกพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เรี ยกว่าพละกาลังแห่งดวงใจ
มาใช้ อ้ มุ เจ้ ามังกรตัวนี ้

คาร์ ลกระชับมังกรไว้ ในอ้ อมแขนแน่นขึ ้น เขาพยายามสงบอารมณ์


ตัวเองไม่ให้ หงุดหงิดจนทิ ้งมันไว้ ที่นี่ ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ มนั
อยูท่ ี่นี่หลังจากที่ใช้ ความพยายามทังหมดในการช่
้ วยเหลือมัน
มังกรยังคงเฝ้าดูเขาอยู่ เสื ้อสีดาของคาร์ ลเริ่ มถูกปกคลุมไปด้ วย
เลือดของมังกร

หลังจากเดินผ่านอุโมงค์มืดและแคบมาได้ สกั 2-3 นาที เชวฮันก็


ส่งเสียงเรี ยกคาร์ ล

“มีผนังอยูต่ รงหน้ าเรา”

“ต่อยตรงกลางผนังด้ วยกาปั น้ ของเจ้ าด้ วยแรงที่เจ้ าใช้ เมื่อก่อน


หน้ านี ้และเราจะได้ ออกจากที่นี่กนั ”

“อ่า…ข้ าเข้ าใจแล้ ว”

ลูกแมวทังสองรี
้ บกระโดดลงจากไหล่ของเชวฮันและวิ่งหนีอย่าง
รวดเร็ ว เชวฮันเรี ยกพลังบางอย่างใส่ไว้ ในกาปั น้ ของตนและต่อย
ลงตรงกลางผนังด้ วยแรงที่เคยใช้ ก่อนหน้ านี ้
บูม!

ผนังเกือบจะยุบตัวลงทันทีก่อนที่พวกเขาทังหมดจะมองเห็
้ น
ท้ องฟ้ายามราตรี ตอนนี ้พวกเขาอยูน่ อกถ ้าแล้ ว คราวนี ้คาร์ ลเป็ นผู้
เดินนาก่อนมองไปรอบๆ

นี่คือเหตุผลที่พวกเขาจาเป็ นต้ องใช้ เครื่ องมือรบกวนพลังเวทย์เพื่อ


ใช้ ทางานบนภูเขาทังหมด
้ เวเนี่ยนได้ วางเครื่ องรวบรวบพลังเวทย์
ไว้ ในทางเข้ าอุโมงค์ลบั เช่นกัน เขาเป็ นคนย ้าคิดย ้าทาและละเอียด
ถี่ถ้วนมาก

คาร์ ลไม่ทราบว่าประตูทางเข้ าอยูต่ รงไหนบ้ างจึงจาเป็ นต้ องใช้


เครื่ องรบกวนพลังเวทย์ในการทางานบนภูเขาทังหมด ้
พวกเขาไม่มีเวลาเหลือมากแล้ วจาเป็ นต้ องออกจากบริ เวณที่มี
เครื่ องมือเวทย์ใน1หรื อ2นาทีถดั ไปซึง่ นันก็
้ ไม่ได้ เป็ นปั ญหาเท่าใด
นัก

เชวฮันเดินตามหลังคาร์ ลออกมา เขาสร้ างร่องรอยใหม่ๆเพื่อให้


กลุม่ คนที่จะตามมาสับสนพร้ อมๆกับที่กลบร่องรอยของพวกตน
ด้ วยเช่นกัน หลังจากใช้ ชีวิตในป่ าแห่งความมืดเพียงลาพังเป็ น
เวลานานเขาจึงเป็ นผู้เชี่ยวชาญในการสร้ างและทาลายร่องรอยได้
เป็ นอย่างดี หลังจากหนีออกมาจากอุโมงค์ลบั ได้ ประมาณ2นาที
คาร์ ลก็ก้มมองดูนาฬิกาอีกครัง้

“หยุด…..”

สัญญาณเตือนที่สง่ เสียงดังจากเครื่ องมือเวทย์ทงหมดหยุ


ั้ ดการ
ทางานลงทันที …..อ่าเครื่ องรบกวนพลังเวทย์หยุดการทางานของ
มันแล้ ว
“ฮึบบบบ ~”

คาร์ ลสูดหายใจเข้ าลึกๆพยายามลดระดับการเต้ นของหัวใจให้ ช้า


ลง โล่นิรันดร์ กาลที่อยูล่ ้ อมรอบหัวใจของเขาในตอนนี ้มันกาลัง
รวบรวมพลังให้ แข็งแกร่งขึ ้นตามจังหวะการเต้ นของหัวใจ
เช่นเดียวกับที่มนั จะแข็งแกร่งขึ ้นเมื่อเจ้ าของโล่ต้องตกอยูใ่ น
สถานการณ์ที่เป็ นอันตราย

‘ฉันยังไม่มีแผนที่จะใช้ มนั ในตอนนี ้’

คาร์ ลยังไม่มีแผนที่จะใช้ โล่นิรันดร์ กาลในตอนนี ้ เมื่อเขาปล่อย


มังกรตัวนี ้ให้ เป็ นอิสระและแยกย้ ายกับเชวฮันแล้ ว เขามีแผนที่จะ
รับเอาพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่ชื่อพละกาลังแห่งดวงใจเพื่อ
เสริ มสร้ างความแข็งแกร่งให้ กบั โล่นี ้เมื่อถึงเวลานันเขาถึ
้ งจะใช้ มนั
เขามองไปรอบๆก่อนที่จะก้ มลงมองมังกรและเริ่ มยิ ้มออกมา
สายตาที่เป็ นปฏิปักษ์ ได้ หายไปแล้ วมังกรน้ อยมองขึ ้นไปบน
ท้ องฟ้ายามราตรี ด้วยความชื่นชม นี่เป็ นครัง้ แรกที่มงั กรเห็นอะไร
อื่นนอกจากผนังถ ้าในช่วงสี่ปีของชีวิตมัน คาร์ ลเข้ าใจว่ามันรู้สกึ
เช่นไร เขาอยากจะให้ เวลามันมากกว่านี ้แต่ก็คงทาไม่ได้

คาร์ ลค่อยๆวางมังกรลงบนพื ้นหญ้ าและยังคงจ้ องมองดูมนั ต่อไป


ก่อนที่มงั กรจะหันกลับมามองที่เขา ดวงตาทังสองของมั
้ นเต็ม
ไปด้ วยความโกรธและเคียดแค้ นอีกครัง้ มันขยับตัวออกและ
เตรี ยมพร้ อมจะโจมตี

‘ไม่น่าแปลก….มันถูกทรมานมาเป็ นระยะเวลาสี่ปีและมันไม่
ต้ องการที่จะกลับไปมีชีวิตเช่นนันอี
้ ก’

นัน่ เป็ นเหตุผลที่คาร์ ลรู้สกึ ชอบมังกรตัวนี ้ มันแตกต่างจากตัวเขา


เอง เขาคือคิมร็อกโซคนที่เติบโตขึ ้นมาในฐานะเด็กกาพร้ าก่อนที่
เขาจะเข้ ามาเป็ นคาร์ ลในโลกนิยายแห่งนี ้ เขาไม่อยากเป็ นตัว
ละครหลักของเรื่ องเฉกเช่นเชวฮัน หลังจากที่เขาเข้ าไปอยูใ่ น
สถานที่ที่เรี ยกว่าบ้ านเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีกาลังแข็งแกร่งมาก
พอที่จะต่อสู้กบั โลกนี ้ได้

“เฮ้ ”

คาร์ ลร้ องเรี ยกมันเพื่อให้ แน่ใจว่าเจ้ ามังกรจะจ้ องมองเขาอยู่ เขา


ก้ มหยิบถุงมือและเครื่ องมือที่ใช้ ในการตัดที่มีลกั ษณะเหมือน
กรรไกรที่ใบมีดทังสองด้
้ านของมันถูกเวทย์มนตราสลักไว้ จนเห็น
ลวดลายสวยงามก่อนที่จะสวมถุงมือเพื่อป้องกันกระแสมนตรา
ไหลผ่าน

เครื่ องมือที่ใช้ ตดั ชิ ้นนี ้เป็ นหนึง่ ในสองรายการที่ต้องเช่าซื ้อจาก


บิลอส นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็สามารถจะใช้ เงินซื ้อมันได้
‘กระผมไม่ร้ ูวา่ นายน้ อยจะต้ องการมันไปทาอะไร…แต่นายน้ อย
ขอรับ…หวังว่าท่านจะปลอดภัยไปจนถึงเมืองหลวงนะขอรับ’

‘นี่เจ้ าคิดว่าข้ าจะตาย?’

‘ทังหมดที
้ ่นายน้ อยกาลังวางแผนเหมือนมันจะก่อความวุน่ วาย
อย่างใหญ่หลวง’

‘เงียบไปเถอะน่ะ’

คาร์ ลกาลังคิดถึงบทสนทนาที่เขามีกบั บิลอส ก่อนจะสังเกตได้ วา่


บรรยากาศโดยรอบเงียบไปอย่างผิดปกติ เชวฮันกาลังจ้ องมาที่
เครื่ องตัดคล้ ายกรรไกรนี ้ด้ วยสายตาสับสนวุน่ วาย ขณะที่ลกู แมว
สองพี่น้องรี บหนีหา่ งจากคาร์ ลไปยืนอยูด่ ้ านหลังของเชวฮัน

และมังกรกาลังจ้ องมองมาที่เขา
“เตราะ”

คาร์ ลเดาะลิ ้นของเขากับท่าทีที่พวกเขาแสดงออกต่อตัวเอง ก่อน


จะเดินเข้ าไปใกล้ มงั กรมากขึ ้น โซ่อาคมถูกสร้ างขึ ้นจากสิ่งที่คล้ าย
กับยาง หากทาจากโลหะมันจะไม่เหมาะสมกับมังกรที่กาลัง
เจริ ญเติบโต นัน่ คือเหตุผลว่าทาไมจึงต้ องทามันขึ ้นมาจากสิ่งที่มี
ความยืดหยุน่

จากนันเขาก็
้ คว้ าไปที่คอของมังกรทันที
“เฮือกกกกกกกกกกกก”

ลูกแมวหายใจเข้ าอย่างเต็มปอดเล็กๆของมัน แต่ถึงเป็ นเช่นนัน้


คาร์ ลก็ไม่ได้ สนใจและยังคนเดินหน้ าต่อไปเพราะมันจะเป็ นการ
ดีกว่าที่จะทาทุกอย่างให้ เสร็ จเร็ วที่สดุ เครื่ องตัดคล้ ายกรรไกรจ่อ
อยูท่ ี่ลาคอของมังกรใบมีดที่คมวับของมันสะท้ อนเข้ ากับแสงจันทร์
และมังกรยังคงจ้ องไปที่ใบหน้ าของคาร์ ลที่ยงั คงมีสีหน้ าราบเรี ยบ
และสงบ

มังกรค่อยๆหลับตาลงช้ าๆ

ในเวลานันทุ
้ กคนได้ ยินเสียงของเครื่ องตัดที่ลงเวทย์มนตราสลักไว้
ตัดลงไปที่โซ่อาคมเสียงตัดของมันแทรกลอยผ่านเข้ ามาในอากาศ

เชร้ ง! เชร้ ง!
โซ่อาคมที่ถกู ตัดออกเกิดเป็ นประกายไฟในมือของคาร์ ล

“เจ้ ามองดูอะไรอยู?่ ”

คาร์ ลหัวเราะเยาะมังกรเบาๆเมื่อมันลืมตาขึ ้นมามองที่เขา ก่อนจะ


ถอดถุงมือข้ างหนึง่ ส่งให้ เชวฮัน เขารับถุงมือข้ างนันและสวมมั
้ น
ทันทีพร้ อมๆกับที่คาร์ ลยื่นโซ่อาคมส่งให้ กบั ตน คาร์ ลหยิบขวดยา
ออกจากกระเป๋ าทันที มันเป็ นยาเกรดดีที่สดุ แม้ จะเสียเงินสาหรับ
ยานี ้ไปเพียงเล็กน้ อยก็ตามมันก็ทาให้ เขารู้สกึ ไม่ดีกบั เงินที่ต้อง
ออกจากกระเป่ าไปเมื่อไม่กี่วนั ก่อนออกเดินทาง คาร์ ลเดาะลิ ้น
ของตัวเองอีกครัง้ และจ้ องไปที่มงั กร

“เจ้ ารู้ไหมว่าข้ าหมดเงินไปกับเจ้ ามากเพียงใด?”

มังกรได้ ยินประโยคเดียวกับที่มนั ได้ ยินบ่อยๆ มันเคยได้ ยินมา


เกือบทุกวันตังแต่
้ มนั เกิดมา
‘ทาไมเจ้ าไม่เชื่อฟั งข้ าเสียที…ข้ าต้ องหมดเงินไปกับเจ้ ามากมายพี
ยงเท่านี ้..ถ้ าเช่นนันเจ้
้ าต้ องโดนเฆี่ยนให้ มากกว่านี?้ จากนันเขาก็

ถูกทาร้ ายเฆี่ยนตี พวกมนุษย์เหล่านันบอกว่
้ าอย่าให้ มนั ต่อต้ าน
และจงเชื่อฟั งคาสัง่ ของพวกเขาไม่เช่นนันก็ ้ ต้องถูกทาร้ ายไป
เรื่ อยๆ

อย่างไรก็ตามเขาก็ยงั ได้ ยินมนุษย์ที่อยูต่ รงหน้ าพูดต่อไป

“ในเมื่อข้ าหมดเงินไปกับเจ้ ามากมายเพียงนี ้ เจ้ าก็ต้องรักษา


ตัวเองให้ ดี อย่าทาตัวโง่เง่าเซ่อซ่า”

และตอนนี ้เขาไม่ร้ ูสกึ เจ็บปวดอีกแล้ ว

คาร์ ลเทยาครึ่งหนึง่ ลงบนหลังของมังกรและเทส่วนที่เหลือเข้ าปาก


ของมัน โชคดีที่มงั กรไม่ตอ่ ต้ านยอมกลืนยาลงไปด้ วยดี
ร่องรอยการบาดเจ็บตามร่างกายของมังกรค่อยๆหายไปอย่าง
รวดเร็ ว ทาให้ คาร์ ลรู้สกึ ได้ ถึงความน่ากลัวและพลังอานาจของ
มังกรที่มีอยูจ่ ริ งบนโลกนี ้

‘เฮ้ …’

มังกรไม่มีเหตุผลที่จะได้ รับบาดเจ็บอีกต่อไป มังกรที่แสนเฉลียว


ฉลาดมันดูเหมือนจะเข้ าใจกับสิ่งที่เกิดขึ ้นกับร่างกายของมันเมื่อ
ดวงตาของมันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครัง้

คาร์ ลก้ าวเข้ าไปชิดมังกรมากขึ ้น มังกรน้ อยรี บขดตัวของมันพลาง


ลอบสังเกตคาร์ ลเงียบๆ คาร์ ลไม่ได้ สนใจกับปฏิกิริยาของมังกร
และเอ่ยถามทันที

“เจ้ าจะทาอะไรต่อจากนี ้ไป?”


คาร์ ลอมยิ ้มเมื่อเห็นมังกรที่ยงั คงเงียบอยู่

“ข้ ารู้วา่ เจ้ าพูดภาษามนุษย์ได้ เจ้ าเป็ นมังกรเป็ นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด


และแข็งแกร่งที่สดุ ในโลก”

คาร์ ลเอ่ยถามอีกครัง้

“เจ้ าจะทาอะไรเมื่อได้ รับอิสระแล้ ว?”

“……..ข้ า….”

มังกรเริ่ มพูดขึ ้นมา จริ งๆแล้ วมังกรรู้วิธีการพูดภาษามนุษย์ มัน


ฉลาดกว่ามนุษย์มากไม่มีทางที่มนั จะไม่ได้ เรี ยนรู้ภาษามนุษย์
ในช่วงสี่ปีที่ผา่ นมา
“ข้ า…..”

มังกรสามารถสัมผัสความรู้สกึ ที่อยู่ภายในใจของมันได้ ด้ วยพลังที่


แท้ จริ งของมันทาให้ สามารถฆ่ามนุษย์ที่อยูข่ ้ างหน้ าได้ อย่าง
ง่ายดาย แต่มนั กลัวมนุษย์ชดุ ดาที่อยูด่ ้ านหลังนัน่ แต่มนั มีความ
เป็ นไปได้ ที่มนั จะสามารถหนีรอดไปได้ มันได้ รับพลังอันแข็งแกร่ง
ที่รอมานานแล้ ว

นัน่ คือเหตุผลที่มงั กรพูดในสิ่งที่มนั คิดอยูก่ บั ตัวเองตลอดสี่ปีที่ผา่ น


มา มันเป็ นครัง้ แรกที่มีโอกาสได้ พดู ออกมาดังๆ

“ข้ าจะมีชีวิตอยู่…”

มันจะมีชีวิตอยูไ่ ม่วา่ จะเกิดอะไรขึ ้นก็ตาม

“ข้ าจะไปจากที่นี่…”
มันกาลังจะได้ ออกไปจากที่นี่ มันเริ่ มเปิ ดเผยความคิดในใจของ
มันออกมาอย่างช้ าๆ

“ข้ าจะไม่เชื่อง…จะไม่ฟังคาสัง่ ใคร”

“ใช่….เจ้ ามีสทิ ธิ์”

คาร์ ลกาลังพูดว่าสิ่งที่มงั กรคิดเป็ นสิ่งที่ถกู ต้ อง

“เจ้ าเป็ นมังกร…มังกร…มีสทิ ธิ์ที่จะมีชีวิตอยูไ่ ด้ อย่างอิสระ”

แม้ แต่มงั กรวัยสี่ขวบก็แข็งแรงมากกว่าสัตว์ชนิดอื่นในโลก มันมี


กาลังและความสามารถมากพอที่จะใช้ ชีวิอยูร่ อดได้ โดยธรรมชาติ
ของมังกรมีความรักอิสระและมีความภาคภูมิใจในตัวเอง พวกมัน
มักจะสร้ างถ ้าของตัวเองทุกครัง้ ในสองปี มันเป็ นโลกที่สมบูรณ์
แบบมากกว่ามนุษย์ถึงสองปี

คาร์ ลจ้ องไปที่ดวงตาของมังกรที่ยงั คงไม่ไว้ ใจมนุษย์ก่อนเอ่ยขึ ้น


ด้ วยน ้าเสียงที่เด็ดขาด

“ข้ าจะไม่ดแู ลเจ้ า…”

คาร์ ลไม่มีเหตุผลใดที่จะต้ องดูแลบางสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง


นอกจากนี ้อาจยังต้ องมีเรื่ องชวนปวดหัวให้ เขาต้ องจ่ายเงินเพื่อ
ช่วยเหลือเพิ่มมากขึ ้น มันต่างจากออนและฮง เด็กๆจากเผ่าแมว
มากนัก มังกรมันเป็ นสิ่งที่เกินขีดความสามารถของเขามากเกินไป

มังกรยังคงไม่ไว้ วางใจต่อคาร์ ล

“โกหก…มนุษย์เก่งแต่โกหก”
ในสายตาของมังกรตอนนี ้มีแต่ความโกรธและความโกรธนันไม่ ้ ได้
พุง่ ตรงมาที่คาร์ ล แต่อย่างไรก็ตามโดยธรรมชาติของมังกรเป็ น
สิง่ มีชีวิตที่มีความหยิ่งทระนงและมีความภาคภูมิใจในตัวเองสูง
ความโกรธที่มนั ได้ รับก็คงเป็ นการที่มนุษย์เหยียบย่าเกียรติและ
ศักดิ์ศรี ของมัน

“ข้ าคิดว่ามันก็จริ ง…เพราะข้ าก็ชอบโกหกนิดหน่อย”

คาร์ ลยอมรับคาพูดของมังกรได้ อย่างง่ายดายและคงพูดต่อไป

“มีชีวิตอยู…
่ .หากเจ้ าต้ องการมีชีวิตอยูแ่ ล้ วเจ้ าต้ องการจะทา
อะไร?”

“ข้ า……”
มังกรน้ อยยกศีรษะขึ ้นมองท้ องฟ้ายามราตรี มันแตกต่างจาก
ความมืดภายในถ ้าเพราะถึงจะมืดแต่ก็ยงั คงมีแสงสว่างอยู่

“ข้ าเกลียดมนุษย์….ข้ าอยากเป็ นอิสระ”

“เยี่ยม”

คาร์ ลลุกขึ ้นจากที่นงั่ ก่อนที่จะหยิบขวดยาที่มีคณ


ุ สมบัติ
ระดับกลางๆและกระเป๋ าใบเล็กๆออกจากกระเป๋ าเวทย์ของตย
นก่อนที่จะเอาขวดยาใส่ในกระเป๋ าใบเล็กและยื่นให้ กบั มังกร

“แด่ชีวิตที่อิสระ”

รูมา่ นตาของมังกรเบิกกว้ างและเริ่ มสัน่ ระริ ก แต่ถึงอย่างนัน้


สายตาของมันก็ยงั คงมีความสงสัยและไม่พอใจอยู่ดี คาร์ ล
มองเห็นและไม่ได้ สนใจอะไร
‘แค่นี ้ก็เพียงพอแล้ ว’

เขาได้ ชว่ ยปลดปล่อยมังกร ได้ จดั การไอ้ เบื๊อกเวเนี่ยน ได้ ชว่ ยเหลือ
หมูบ่ ้ าน และได้ ช่วยเหลือเชวฮวันให้ ได้ เข้ าใจคาว่าอิสรภาพจาก
คาขอบคุณของมังกรอย่างแท้ จริ ง ที่สาคัญที่สดุ เขาไม่ต้อง
รับผิดชอบดูแลมังกร เขาได้ เห็นสายตาของมันว่าไม่พร้ อมที่จะ
ปฏิบตั ิตามคาสัง่ ของเขา นับว่าเป็ นข้ อสรุปที่ดีก่อนที่จะเอ่ยกับ
พรรคพวกของตน

“ไปกันเถอะ”

เขาหันหลังกลับจากมังกรโดยไม่เสียใจและเริ่ มออกเดินไปจากที่
นัน่ เชวฮันเดินตามหลังคาร์ ลไปเงียบๆสนใจเพียงเส้ นทางที่อยู่
ด้ านหน้ าของเขาเท่านัน้ ลูกแมวสองพี่น้องยังคงลังเลอยู่ครู่หนึง่
เมื่อเห็นสายตาที่มงั กรเพ่งมองไปที่หลังของคาร์ ล ก่อนที่พวกมัน
จะเดินตามหลังคาร์ ลไปอย่างช้ าๆ

เมื่อลูกแมวสองพี่น้องจากเผ่าแมวหันกลังกลับไป มังกรก็ยกศีรษะ
ของมันขึ ้นและเฝ้าดูพวกเขาเดินออกไป

“……..ข้ าเกลียดมนุษย์……พวกเขามันเลวร้ าย……”

เป็ นเพราะสาเหตุใดมังกรจึงให้ ความสนใจไปยังแผ่นหลังของ


มนุษย์ด้วย เผ่าพันธุ์ที่ทาให้ มนั หงุดหงิดและเกลียดชังมากกว่า
ท้ องฟ้ายามค่าคืนที่มนั เห็นเป็ นครัง้ แรกเสียอีก

ฮงก้ าวเดินช้ าๆไปหาพี่สาวของตนที่กาลังเดินตามหลังคาร์ ลอยู่

“พี่สาว….ข้ าคิดว่าเขาจะตามเรามา”
“อื ้ม…ข้ าก็คิดเช่นนันเหมื
้ อนกัน”

“หรื อข้ าจะไปหาน้ องชายดี?”

“ดูเหมือนจะเป็ นเช่นนัน”

ลูกแมวสองพี่น้องยังคงคุยกันต่อไปแต่คาร์ ลที่ได้ ยินจึงหัวเราะ


เยาะและโต้ ขึ ้น

“ไม่มีทาง มังกรมันมีความภาคภูมิใจและไม่ยอมอยูใ่ ต้ คาสัง่ ของ


มนุษย์ ที่สาคัญมังกรตนนี ้เกลียดมนุษย์”

การแสดงออกของออนดูจะไม่เห็นด้ วยกับสิ่งที่คาร์ ลพูด หากแมว


สามารถมีสีหน้ าที่เย้ ยหยันได้ ก็คงจะเป็ นเหมือนสีหน้ าของออ
นตอนนี ้ เธอส่ายหัวอย่างเร็วพลางพึมพาเบา
“………ข้ าไม่คิดเช่นนัน”

“อื ้ม…..ข้ าก็ด้วย”

ฮงมองไปทางด้ านหลังอีกครัง้ ก่อนจะเห็นด้ วยกับคาพูดของพี่สาว


ตน มังกรยังคงมองมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่ ฮงมัน่ ใจในตอนนี ้
แล้ วว่ามังกรอาจจะสนุกกับอิสรภาพที่ได้ รับเพียงไม่นานก่อนจะ
ได้ มาแบ่งเนื ้อกินกับเขาในอนาคต

คาร์ ลออกคาสัง่ แก่ลกู แมวทังสองที


้ ่ยงั คงกระซิบกระซาบกันอยู่

“ไปเอาลูกกลมๆสีดานัน่ กลับมาได้ แล้ ว”

ลูกแมวสองพี่น้องวิ่งไปหาลูกกลมๆสีดาตามคาสัง่ ของคาร์ ลทันที


เพื่อที่จะได้ รับเนื ้อเพิ่มขึ ้นจากเดิม คาร์ ลไม่ได้ หนั มองสองพี่น้อง
ก่อนจะยื่นมือไปตบที่ไหล่ของคาร์ ลเบาๆ
“เป็ นการทางานที่ยอดเยี่ยม”

วันนี ้น่าจะเป็ นครัง้ แรกที่เชวฮันได้ ชว่ ยเหลือคาร์ ลอย่างเต็มรูปแบบ


ถึงแม้ จะมีก่อนหน้ านี ้ที่ได้ ส้ กู บั โจรแต่นนเป็
ั ้ นการคุ้มครองมากกว่า
ช่วยเหลือ

แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นนี ้เปลี่ยนจากการช่วยชีวิตชาวบ้ าน


ในหมูบ่ ้ านมาเป็ นการช่วยเหลือมังกรแทนการลงมือฆ่าตาม
เนื ้อหาในนิยาย แต่สิ่งสาคัญที่สดุ ในตอนนี ้คือการที่เขาได้ ‘ช่วย’
ต่างหาก

“ท่านคาร์ ล…”

“มีอะไร?”
เชวฮันเงียบไปครู่หนึง่ หลังจากที่เอ่ยเรี ยกคาร์ ล ก่อนที่เขาจะเริ่ ม
พูดอีกครัง้

“ถ้ ามังกรนัน่ ตัดสินใจว่าจะมีชิวีตโดยการติดตามท่านคาร์ ลล่ะ?”

“มันไม่มีทางเกิดขึ ้นหรอกนะ”

“หากสมมุติวา่ มันเกิดขึ ้นจริ ง ท่านจะทาอย่างไร?”

‘สมมุติ?’

คาร์ ลคิดถึงเรื่ องนี ้ชัว่ ขณะก่อนจะเอ่ยตอบเบาๆ

“ข้ าไม่คิดถึงเรื่ องที่มนั เป็ นไปไม่ได้ หรื อเรื่ องอดีตหรอกนะ”


แต่ด้วยอะไรบ้ างอย่างทาให้ คาร์ ลต้ องหันกลับไปมองทางด้ านหลัง
ของตัวเองเป็ นครัง้ แรกนับตังแต่
้ ที่เดินออกจากมังกร เขารู้สกึ
ขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่มงั กรดาน้ อยตนนันไม่้ สามารถมองเห็น
ตนได้

คาร์ ลถอนหายใจด้ วยความโล่งอกก่อนจะมุง่ หน้ ากลับไปยัง


โรงแรมและหลับไปในทันทีที่หวั ถึงหมอนและนัน่ ทาให้ เขาไม่ร้ ูวา่
มังกรได้ ใช้ พลังเวทย์ลอ่ งหนเป็ นครัง้ แรกและมันกาลังนัง่ ลงที่ขอบ
หน้ าต่างห้ องพักของคาร์ ลอยูค่ รู่ใหญ่ก่อนจากไป มันกากระเป๋ ายา
ที่คาร์ ลได้ ให้ ไว้ อย่างแน่นหนา

เช้ าวันต่อมา คาร์ ลก็ต้องรับมือกับคาถามของเชวฮันตังแต่


้ เช้ าตรู่

“ท่านคาร์ ล…เมืองที่เราจะเดินทางไปถึงในไม่กี่วนั ข้ างหน้ า….


นับว่าถึงครึ่งทางแล้ วใช่หรื อไม่?”
ถึงเวลาแล้ วที่เชวฮันจะต้ องจ่ายเงินคืนให้ กบั เขาก่อนที่จะพูดเรื่ อง
นี ้กันต่อ

นอกจากนี ้ยังหมายความว่าคาร์ ลได้ เข้ าใกล้ กบั พลังศักดิ์สทิ ธิ์


โบราณที่เขาต้ องการ เดิมทีตามเนื ้อหาในนิยายลูกชายคนโตของ
มาร์ คควิสสแตนจะเป็ นผู้ที่ได้ รับแรงกดดันจากเวเนี่ยนและทาให้
เขาสามารถพบพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณนี ้ในอีกประมาณหนึง่ เดือน
ข้ างหน้ า มันเป็ นความหวังสุดท้ ายของเขาแต่โชคไม่ดีที่เขาจะไม่มี
โอกาสได้ ใช้ พลังนี ้
บทที่ 21 ตอบแทนบุญคุณ 1

เช้ าวันรุ่งขึ ้น

คาร์ ลพยักหน้ าให้ แก่เชวฮันช้ าๆก่อนเอื ้อมมือไปหยิบแก้ วน ้าเย็นที่


รอนเตรี ยมไว้ ให้ เขานึกถึงสิ่งที่รอนได้ กล่าวต่อเขาพร้ อมๆกับรับรู้
ความรู้สกึ ถึงการไหลของน ้าเย็นผ่านร่างกายของตน

‘นายน้ อย..มันไม่ดีที่จะใช้ เวลาไปทังคื


้ นเช่นนี ้ กระผมเป็ นห่วงนาย
น้ อยยิ่งนัก’

มันทาให้ ให้ เขารู้สกึ โล่งขึ ้นแม้ จะไม่มีเหตุผลที่จะต้ องใช้ น ้าเย็นเลย


ก็ตาม เขาวางแก้ วน ้าลงไปที่โต๊ ะอย่างระมัดระวังและเริ่ มพูด
กับเชวฮัน

“เจ้ าจัดการทุกอย่างเรี ยบร้ อยดีหรื อไม่?”


“ขอรับนายท่านคาร์ ล”

หลังจากที่เชวฮันพาคาร์ ลกลับมายังโรงแรมเขาก็รีบกลับไปกลบ
ร่องรอยต่างๆที่ยงั คงหลงเหลืออยู่และสร้ างร่องรอยเท็จขึ ้นมาใหม่
ให้ ร่องรอยนันมุ
้ ง่ สูท่ างทิศตะวันตก

“เมี ้ยว เมี ้ยว” คาร์ ลก้ มลงมองลูกแมวที่เริ่ มหงุดหงิดเพราะความ


หิวและเริ่ มอ้ าปากประท้ วงขึ ้น

คาร์ ลหันกลับมาสนใจเชวฮันอีกครัง้ และเริ่ มอธิบายเกี่ยวกับเมือง


ที่พวกเขาจะไปถึงเร็วๆนี ้

“เมืองต่อไปที่เราจะไปถึงชื่อเมืองพัซเซิลนัน่ คือครึ่งทางของการ
เดินทางของเรา”
เมื่อเดินทางพ้ นเขตเฮนิตสั ที่ล้อมรอบไปด้ วยภูเขาก็จะพบกับถนน
ที่ราบเรี ยบจากหมูบ่ ้ านเล็กๆแห่งนี ้ไปยังเมืองหลวงได้

‘นัน่ คือเหตุผลที่เขตเฮนิตสั เป็ นเมืองที่ปลอดภัยจนถึงทุกวันนี ้จาก


การที่เมืองถูกล้ อมรอบด้ วยภูเขาแต่มนั อาจสร้ างความราคาญให้
เหล่าพ่อค้ าได้ เล็กน้ อย’

แม้ วา่ คุณจะมีสินค้ าจานวนมากที่จะขายก็อาจจะเป็ นเรื่ องที่


ยุง่ ยากสาหรับพ่อค้ าที่จะเดินทางไปซื ้อสินค้ าเหล่านันหากถนนยั
้ ง
ขรุขระและคดเคี ้ยว อย่างไรก็ตามเหล่าพ่อค้ าก็กาจัดความไม่
สะดวกเหล่านี ้ออกไปด้ วยกาสร้ างถนนทันทีที่พ้นอาณาเขตเฮนิตสั

นอกจากการดูแลถนนเหล่านี ้แล้ วยังมีการอนุญาตให้ ผ้ มู ีอิทธิพล


ในฝั่งตะวันออกจานวนเกินครึ่งของอาณาจักรเป็ นคนคอย
ควบคุมดูแลปั ญหาต่างๆที่จะเกิดขึ ้น นัน่ คือเหตุผลที่คนในเมือง
หลวงสามารถพูดคุยถึงปั ญหาต่างๆในฝั่งตะวันออกได้ แม้ วา่ จะไม่
มีขนุ นางชันสู
้ งกว่าตาแหน่งมาร์ คควิสในฝั่งตะวันออกนี ้ก็ตาม
“ก่อนหน้ านี ้อาจจะใช้ เวลาค่อนข้ างนานเพราะอาณาเขตของเรามี
ภูเขาสูงอยูม่ าก แต่หลังจากนี ้จะใช้ เวลาในการเดินทางไม่นานนัก”

เมืองพัซเซิลไม่ได้ เป็ นครึ่งทางจากการวัดระยะทางแต่เป็ นครึ่งทาง


ในแง่ของระยะเวลาต่างหาก

“แต่วา่ …ท่านคาร์ ล”

“มีอะไรหรื อ?”

“ข้ าได้ ไปตรวจสอบแถวคฤหาสน์นนั่ ระหว่างเดินทางกลับ…”

“แล้ ว?”
เมื่อเห็นท่าทางเหมือนหมดความอดทนของคาร์ ลแล้ ว เชวฮันก็
รู้สกึ กระอักกระอ่วนใจเล็กน้ อยก่อนที่จะตอบออกไป

“พวกเขาทังหมดดู
้ จะอยูใ่ นสถานการณ์ที่สบั สนวุน่ วาย มีทหาร
และอัศวินเดินทางออกจากหมูบ่ ้ านด้ วยขอรับ”

“ข้ าแน่ใจว่าพวกนันคงไปส่
้ งข่าว”

หลังจากที่ฟืน้ สติขึ ้นพวกเขาอาจจะแบ่งคนบางส่วนกลับไป


รายงานให้ เวเนี่ยนทราบและบางส่วนก็คงตรวจสอบพื ้นที่รอบๆถ ้า
ถ้ ามีเพียงเท่านี่ก็คงเป็ นการรายงานเรื่ องสุดท้ ายของเชวฮันแล้ ว

“แต่………….”

“พูดออกมา!”
คาร์ ลเริ่ มหงุดหงิดและเอ่ยถามเชวฮันด้ วยน ้าเสียงห้ วนสันและนั
้ น่
ทาให้ เชวฮันรู้สกึ ลาบากใจเพิ่มขึ ้นอีกก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยออกมา

“ทางออกจากถ ้าที่เราออกมาเมื่อคืนนี ้บางส่วนถูกระเบิดทาลาย


ไม่วา่ จะต้ นไม้ หญ้ า พื ้นดินและทุกๆอย่างโดยรอบล้ วนถูกทาลาย
จนหมด”

อึก๊ !

ร่างของลูกแมวทังสองตั
้ วสัน่ ขึ ้นเล็กน้ อยพร้ อมกับกลืนน ้าลายอึก
ใหญ่ แต่ถึงเช่นนันคาร์
้ ลก็ยงั คงผ่อนคลาย

“ข้ าแน่ใจ…ว่าเป็ นฝี มือของมังกร”

เชวฮันยังคงยืนนิ่งอยูเ่ งียบๆ คาร์ ลเริ่ มอมยิ ้มขณะที่ลกุ ออกจากที่


นัง่
แม้ วา่ จะมีอายุเพียง 4 ขวบ มังกรก็ยงั ฉลาดมากมันรู้วา่ อาจมีใคร
สามารถรู้ถึงเส้ นทางการหลบหนีของพวกเขาได้ และอาจตัดสินใจ
ที่จะระเบิดเพื่อทาลายมัน เนื่องจากมังกรยังคงมีความรู้สกึ ไวต่อ
พลังเวทย์จงึ ทาลายทุกสิ่งโดยรอบเพื่อเป็ นการทาลายเครื่ องมือ
เวทย์ทงหมดในพื
ั้ ้นที่นนด้
ั ้ วยเช่นกัน

“มันยังเป็ นเด็กดีที่ไม่คิดฆ่าคนที่สลบไปทังหมด
้ อาจจะเป็ นเพราะ
มันยังเด็กเลยมีความกลัวอยูบ่ ้ าง”

“อ่า…ข้ าเห็นด้ วย…ข้ าสัมผัสได้ ถึงพลังเวทย์อนั แข็งแกร่ง”

“อย่าดูถกู มันเพียงเพราะมันยังเล็ก ไม่เช่นนันเจ้


้ าอาจจะรู้สกึ
เสียใจได้ ”
มังกรได้ รับการกล่าวว่าเป็ นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่มีความใจแคบ
เป็ นอย่างมาก คาร์ ลรู้สกึ ชื่นชมตัวเองที่เลือกจะปล่อยมังกรไป
แทนที่จะนามันกลับมากับเขา ก่อนจะเอ่ยกับเชวฮันอีกครัง้

“เจ้ าออกไปได้ แล้ วล่ะ….เจ้ าควรจะต้ องพักผ่อนให้ มากก่อนที่เรา


จะออกเดินทางต่อ”

“ไม่..ข้ าต้ องไปช่วยบารอคก่อน”

“ใครนะ?บารอค?”

คาร์ ลตกใจอ้ าปากค้ างก่อนเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

“ข้ าเดาว่าพวกเจ้ าสองคนเริ่ มสนิทกันแล้ ว?”


ในตอนนันคาร์
้ ลเห็นเชวฮันมีอาการที่ฝืนทนและอึดอัดเป็ นครัง้
แรก ก่อนจะเอ่ยตอบด้ วยน ้าเสียงที่เคร่งเครี ยด

“ไม่!….เราไม่สนิทกัน”

“อ่า…….ข…ข้ าเข้ าใจแล้ ว”

คาร์ ลตอบกลับด้ วยท่าทางเดียวกับสีหน้ าของเขาในตอนนี ้ เชวฮัน


โค้ งคานับให้ เขาเงียบๆก่อนออกจากห้ อง ไป คาร์ ลร้ องเรี ยกเชวฮัน
อีกครัง้ เพื่อสัง่ เขา

“อ่า……บอกฮันส์ให้ เตรี ยมเหล้ าให้ เจ้ าด้ วยล่ะ”

“อะไรนะ?”
ดวงตาของเชวฮันเบิกกว้ างขึ ้นก่อนที่หนั กลับมามองคาร์ ลอย่าง
เต็มตา เขามองไปที่คาร์ ลที่มีความผ่อนคลายมากขึ ้นก่อนที่คาร์ ล
จะก้ มลงมองเวลาที่แสดงเวลา 7 โมงเช้ าแล้ ว คาร์ ลตอบคาถาม
ของเชวฮันด้ วยน ้าเสียงราบเรี ยบ

“เจ้ าไม่เคยได้ ยินอาการเมาค้ างเหรอ?”

เชวฮันเดินออกจากห้ องไปโดยไม่ได้ กล่าวอะไรออกมาแต่คาร์ ลก็


ไม่ได้ สนใจมากนัก ไม่สนใจแม้ กระทัง่ ออนและฮงที่กาลังมองมาที่
เขาด้ วยสายตาที่เต็มไปด้ วยคาถามว่าเขาจะเริ่ มดื่มเหล้ าตังแต่
้ เช้ า
หรื อไม่?แต่เขาก็ยงั ไม่คิดที่จะสนใจพวกมันทังสองก่
้ อนหันไปมอง
ตัวเองในกระจก

“……เป็ นสีหน้ าที่ยอดเยี่ยมมาก”


ใบหน้ าของเขาดูเหมือนจะเหนื่อยและเมามาก คาร์ ลพยักหน้ า
ด้ วยความพึงพอใจก่อนจะมุง่ หน้ าลงไปที่ชนั ้ 1

‘นี่เป็ นสิ่งที่ฉนั คาดว่าจะได้ เห็น’

7 โมงเช้ า มันเป็ นวันเริ่ มต้ นแต่ก็ยงั คงไม่จบสาหรับบางคน รอง


หัวหน้ าองครักษ์ ยืนอยูท่ ี่นนั่ ราวกับว่าเขาไม่ได้ ดื่มเหล้ าสักหยดใน
เมื่อคืนนี ้และกาลังพูดคุยอย่างเคร่งเครี ยดกับใครบางคนอยู่

คาร์ ลสามารถมองเห็นเชวฮันที่อยูใ่ กล้ ๆเพราะคนที่พดู อยูก่ บั รอง


หัวหน้ าองครักษ์ นนคื
ั ้ ออัศวินของคฤหาสน์มาร์ ควิสสแตนที่พา่ ย
แพ้ ให้ กบั เชวฮันไปเมื่อคืนนี ้ มันเป็ นเรื่ องธรรมดาที่จะเกิดอาการ
ตัวแข็งค้ างได้

คาร์ ลเดินเข้ าไปหาเชวฮันช้ าๆก่อนเตะเข้ าที่ขาเชวฮันอย่างแรง


“ทาไมเจ้ าถึงตัวแข็งเช่นนี ้?”

“เอ่อ….ข้ าคิดว่าได้ ใช้ แรงมากพอที่จะทาให้ พวกนันไม่


้ สามารถ
ต่อสู้ได้ ประมาณหนึง่ วันแต่พวกเขาก็สามารถฟื น้ ตัวและ
เคลื่อนไหวได้ เร็วกว่าที่คาดไว้ ข้ าเคยคิดว่ามนุษย์มีร่างกายที่
อ่อนแอแต่ความเป็ นจริ งมันไม่ใช่ ข้ าคิดว่าต่อไปข้ าสามารถใช้
กาลังกับมนุษย์ด้วยแรงที่มากกว่าเดิมได้ ”

คาร์ ลหันไปมองเชวฮันอีกครัง้ เชวฮันก็เป็ นเหมือนตัวเอกในนิยาย


ที่จะรู้สกึ มีความสุขเมื่อได้ กาจัดสิ่งที่เป็ นอันตรายเพื่อผดุงความ
ยุติธรรม และมันยังอาจมีสิ่งอื่นที่อยูน่ อกเหนือความคาดหมาย
ของคาร์ ลอีกมาก

ออนและฮงเดินตามเขาลงมาที่ชนล่ ั ้ าง ลูกแมวทังสองท
้ าสีหน้ า
เย้ ยหยันบนใบหน้ าก่อนที่จะแกว่งหางของพวกมันไปมาและจ้ อง
มองไปยังอัศวินจากคฤหาสน์ของมาร์ คควิสสแตน ทุกคนสามารถ
เห็นได้ วา่ พวกมันกาลังเพลิดเพลินกับสถานการณที่เกิดขึ ้นนี ้
‘……และฉันคือคนที่ขี ้คลาดที่สดุ ในที่นี่…’

ขณะที่คาร์ ลกาลังคิดถึงเรื่ องนี ้อยูแ่ ละนัง่ ลงไปที่เก้ าอี ้ประตัวของ


เขา ชายชราเจ้ าของโรงแรมก็นาขวดเหล้ ามาให้ แก่เขา

“นายน้ อย…กระผมได้ เตรี ยมเหล้ าแบบเดียวกับที่ทา่ นดื่มเมื่อคืน


นี ้มาให้ ขอรับ”

“ท่านผู้เฒ่า…ท่านสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆน้ อยของข้ าได้


อย่างยอดเยี่ยม..นับเป็ นสิ่งที่ดีข้าเห็นด้ วยอย่างยิ่ง”

“อะไรนะขอรับ?”

คาร์ ลยิ ้มให้ ชายชราที่กาลังเป็ นกังวลใจก่อนจะเอ่ยต่อ


“ข้ าคิดว่าท่านเป็ นคนที่ฉลาดเฉลียว…..นี่เป็ นคาชมเชยสาหรับ
ท่าน….และนี่เป็ นเครื่ องดื่มที่เหมาะกับอาการเมาค้ าง”

แคร็ก!

ฟู่ !

ฝาของขวดเหล้ าถูกเปิ ดออกด้ วยเสียงที่ทาให้ ร้ ูสกึ สดชื่นกระปี ้


กระเปร่า ก่อนที่คาร์ ลจะเทเหล้ าลงในแก้ วและยกขึ ้นดื่มอย่างช้ าๆ
ใบหน้ าของคาร์ ลเริ่ มเปลี่ยนเป็ นสีแดงก่า คาร์ ลลดระดับแก้ วเหล้ า
ให้ ปิดบังตาของเขาไว้ ครึ่งหนึง่ และเหลือบไปมองรองหัวหน้ า
องครักษ์ ที่กาลังคุยกับอัศวินของมาร์ คควิสสแตนอย่างเคร่งเครี ยด

“เมื่อวานเรามีการจัดกินเลี ้ยงเพื่อผ่อนคลายจากการเดินทางไกล
ทุกคนต่างดื่มและผ่อนคลายอย่างสนุกสนาน ข้ ามัน่ ใจว่าไม่มีใคร
ออกจากโรงแรมและข้ าก็ไม่เข้ าใจว่าทาไมอัศวินจากคฤหาสน์
นายอาเภอถึงต้ องมาสอบถามเราเรื่ องนี ้ด้ วย”

ดูเหมือนอัศวินจากคฤหาสน์มาร์ คควิสจะแนะนาตัวว่าตนเป็ นคน


ของคฤหาสน์นายอาเภอ อัศวินส่งยิ ้มให้ กบั รองหัวหน้ าองครักษ์ ที่
ยังคงมีแววตาสงสัยแต่เขาก็ยงั เอ่ยตอบกลับด้ วยท่าทางที่
เคร่งเครี ยด

“มีโจรบุกรุกคฤหาสน์ของนายอาเภอเมื่อคืนนี ้ มีอศั วินและทหาร


ยามรวมถึงตัวข้ าเองก็ได้ รับบาดเจ็บเล็กน้ อย แต่เราก็ถกู ขโมยของ
ไปบางชิ ้น เมื่อได้ ยินว่ามีคนจากคฤหาสน์เฮนิตสั พักอยูใ่ นหมูบ่ ้ าน
ของเรา ข้ าจึงได้ มาตรวจสอบว่ามีโจรเข้ ามาปะปนรวมกับพวก
ท่านบ้ างหรื อไม่”

‘ขโมยตูดแกนะสิ….พวกนี ้คิดว่ามังกรมันเป็ นสิ่งที่ขโมยได้ ง่าย


ขนาดนันหรื
้ อไง?’
คาร์ ลยกขวดเหล้ ากระดกดื่มทันทีเมื่อคิดถึงเรื่ องนัน้ คาร์ ลหันไป
สบตากับเหล่าอัศวินที่มีโอกาสได้ พบกันมาก่อนเมื่อคืนนี ้

“พวกท่านมองอะไรกัน?”

รองหัวหน้ าองครักษ์ หนั กลับมามองที่คาร์ ลทันทีก่อนก้ มศีรษะทา


ความเคารพเขาอย่างรวดเร็วพลางกระแอมไอออกมาช้ าๆและ
ตอบรับด้ วยเสียงดังด้ วยความมัน่ ใจ

“อ่ะแฮ่ม…นายน้ อยของเรากาลังดื่มเหล้ าแต่เช้ าเพื่อวันนี ้ทังวั


้ นจะ
ได้ เป็ นวันดีของท่าน ทังยั
้ งดื่มเพื่อแก้ อาการเมาค้ างจากการดื่ม
เหล้ าที่มากไปในคืนก่อนหน้ านี ้”
เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ วา่ รองหัวหน้ าองครักษ์ กาลังเย้ ยหยันเขา
หรื อกาลังหาข้ อแก้ ตวั ให้ เขาอยู่ ก่อนที่จะยกขวดเหล้ ากระดกดื่ม
อีกครัง้

“อ่า..ข้ าเข้ าใจแล้ ว…เป็ นนายน้ อยที่น่าสนใจนัก”

อัศวินตอบรับคาพูดของรองหัวหน้ าองครักษ์ ก่อนจะก้ มทาความ


เคารพต่อคาร์ ลทันที

‘ถ้ าจะให้ เดา…พวกนี ้คงไม่สงสัยในตัวพวกเราแล้ วสินะ’

คาร์ ลรู้สกึ ว่าอัศวินเหล่านี ้ไม่ควรมีเหตุผลที่จะต้ องสงสัยในตัวพวก


เขาอีกต่อไป คาร์ ลรู้ดีวา่ เหล่าอัศวินอาจจะสงสัยในคณะเดินทาง
ของพวกตนได้ เพราะมังกรหายไปเมื่อตอนที่พวกเขาพักกันอยูท่ ี่นี่
และนัน่ ทาให้ พวกเขาโผล่มาที่นี่แต่เช้ า อ่า….มันก็ไม่มีเหตุผลอะไร
มากมายที่จะสงสัยพวกเขาจริ งๆนี่นา
ลูกน้ องของเวเนี่ยนในเหตุการณ์นี ้จะต้ องนึกถึงชุดสีดาที่มี
สัญลักษณ์รูปดาวหกดวงติดอยูข่ องผู้บกุ รุกที่ทาการต่อสู้กบั พวก
ตนและอาจจะมุ่งประเด็นการสงสัยไปที่กลุม่ คนจากองค์ลบั สัก
แห่งรวมถึงร่องรอยที่มงุ่ หน้ าไปยังทิศตะวันตกนัน่ อีก สิ่งที่สาคัญ
ที่สดุ คือพวกเขาจะไม่คาดคิดว่าคาร์ ลที่เป็ นเพียงขยะไร้ คา่ จะ
สามารถทาอะไรเช่นนี ้ได้ อย่างแน่นอน

“ข้ าขออวยพรให้ พวกท่านเดินทางอย่างปลอดภัย”


อีกทังไม่
้ มีทางที่พวกเขาจะคุมตัวบุตรชายคนโตของท่านเคานต์เฮ
นิตสั ไว้ ได้ หากไม่มีคาสัง่ จากมาร์ คควิสสแตน เวเนี่ยนหรื อ
แม้ กระทัง่ นายอาเภอ และที่สาคัญยิ่งกว่านันคื ้ อการที่ขนุ นางกลุม่
นี ้ต้ องเดินทางเข้ าสูเ่ มืองหลวงตามคาสัง่ ของพระราชา

‘ใครจะคิดว่าขุนนางที่ดื่มเหล้ าระหว่างเดินทางไปเข้ าเฝ้า


พระราชาเป็ นเรื่ องปกติกนั เล่า?’

การเป็ นเพียงขยะไร้ คา่ นับว่าเป็ นเรื่ องที่ดี คาร์ ลยังคงยกขวดเหล้ า


ดื่มต่อไปด้ วยความพอใจ

‘ฉันมัน่ ใจว่าเวเนี่ยนจะไม่สงสัยอะไรในตัวพวกเราแม้ วา่ หมอนัน่


จะได้ ร้ ูเรื่ องอะไรมาบ้ างก็ตามแต่’

เวเนี่ยนและมาร์ คควิสสแตน อาจเป็ นคนที่ร้ ูดีกว่าคนอื่นๆว่าไม่มี


ความสัมพันธ์ใดๆระหว่างเคานต์เฮนิตสั กับองค์กรลับนัน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันต้ องเป็ นเรื่ องที่ข้องเกี่ยวกับมังกรด้ วย
แล้ วยิ่งไม่มีทางเป็ นไปได้

คาร์ ลมองตามหลังของเหล่าอัศวินที่เดินออกจากโรงแรมไปก่อนที่
ดื่มชามะนาวผสมน ้าผึ ้งที่รอนเตรี ยมไว้ ด้านหน้ าเขา

“รอน”

“ขอรับ…..นายน้ อย?”

“ดูเหมือนชาผสมน ้าผึ ้งจะแก้ อาการเมาค้ างได้ ดีทีเดียว”

“เป็ นเช่นนันหรื
้ อขอรับ?”
รอนหัวเราะน้ อยๆก่อนมองมาที่คาร์ ลแต่คาร์ ลกลับก้ มลงมองไปที่
ท้ องของตนเขาต้ องพักท้ องของตนเสียแล้ วหลังจากที่ใช้ งานมัน
หนักเกินไปและพวกเขาต้ องเริ่ มออกเดินทางกันอีกครัง้

จุดหมายต่อไปคือเมืองพัซเซิล เป็ นเมืองที่เป็ นศูนย์กลางการขนส่ง


สินค้ าที่ดีที่สดุ ของฝั่งตะวันออกและขึ ้นชื่อในเรื่ องของหอคอยศิลา
ที่ล้อมรอบเมือง

คาร์ ลต้ องการมองหาหอคอยศิลาที่ยงั สร้ างไม่เสร็จในเมืองพัซเซิล

“วันนี ้เราจะค้ างแรมกันข้ างนอกใช่หรื อไม่?”

ออนขยับตัวของมันเล็กน้ อยก่อนเอ่ยถามคาร์ ล เขาพยักหน้ าตอบ


รับ

“ใช่….ตังแต่
้ วนั นี ้เป็ นต้ นไปเราจะได้ ค้างแรมกันข้ างนอกบ่อยๆ”
คาร์ ลได้ จดั ตารางกิจกรรมต่างๆอย่างสวยหรูสาหรับเมืองนี ้ เป็ น
เพราะเขาต้ องการใช้ เวลาอยูท่ ี่เมืองพัซเซิลนานพอสมควร เขาหัน
หลังให้ กบั แมวสองพี่น้องที่กาลังกระซิบกระซาบกันอย่างเงียบๆ
ก่อนมองออกไปนอกหน้ าต่างรถม้ า

‘พละกาลังแห่งดวงใจ’

นัน่ คือชื่อพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่จะสร้ างความแข็งแกร่งให้ กบั โลห์


นิรันดร์ กาล มันเป็ นพลังที่มงุ่ เน้ นการฟื น้ ฟูและเพิ่มพูนพละกาลัง

‘นัน่ คือเหตุผลที่บตุ รชายคนโตของมาร์ คควิสสแตนต้ องการมัน’

‘เทย์เลอร์ ’ลูกชายคนโตของมาร์ ควิสที่สญ


ู เสียตาแหน่งเป็ นทายาท
ผู้สืบทอดตระกูลไป เขาเป็ นคนดีเพียงคนเดียวในตระกูลสแตน
และในตอนนี ้ครึ่งล่างของร่างกายของเขากลายเป็ นอัมพาต
เนื่องจากแผนการของเวเนี่ยน

เทย์เลอร์ ได้ ค้นค้ าหาข้ อมูลและเรื่ องราวต่างๆเพื่อค้ นหาพลังที่จะ


ช่วยรักษาเขาได้ ก่อนจะเจอข้ อความที่เกี่ยวกับพลังศักดิ์สทิ ธิ์
โบราณนี ้เข้ าในร้ านขายหนังสือเก่า แม้ วา่ มันจะเป็ นเรื่ องยากที่จะ
ถอดรหัสข้ อความโบราณได้ แต่เขาก็ไม่ละความพยายามในการที่
จะถอดรหัสเพียงไม่กี่คานัน้

‘การบูรณะซ่อมแซม’และ‘หอคอยศิลา’

ทังสองค
้ านี ้เป็ นเบาะแสสาคัญที่ทาให้ เทย์เลอร์ มงุ่ หน้ าไปยังเมือง
พัซเซิลทันทีเพราะเมืองนี ้ถูกเรี ยกว่าเมืองแห่งหอคอยศิลา
ในตอนนี ้เขาอาจจะอยูใ่ นเมืองพัซเซิลแล้ วก็ได้ เพราะในนิยายเขา
จะสามารถหาพลังศักดิ์โบราณได้ ประมาณหนึง่ เดือนนับจากนี ้
‘แต่มนั ไร้ ประโยชน์’

‘พละกาลังแห่งดวงใจ’ไม่สามารถฟื น้ ฟูร่างกายที่บาดเจ็บของเทย์
เลอร์ ได้ มนั สามารถที่จะฟื น้ ฟูอาการบาดเจ็บต่างๆที่ได้ รับหลังจาก
ที่ได้ รับพลังนี ้มาไว้ กบั ตัวก่อนหน้ านี ้แล้ วเท่านัน้ นอกจากนี ้ยังมี
ข้ อจากัดเกี่ยวกับจานวนค่ารักษาที่จะใช้ ฟืน้ ฟูร่างกายรวมทัง้
ค่าใช้ จา่ ยๆอีกมากมายที่เขาต้ องใช้ มนั

เทย์เลอร์ ตกอยูใ่ นความสิ ้นหวังหลังจากทราบเรื่ องนี ้ เขาไม่มีเวลา


มากพอและพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เป็ นความหวังสุดท้ ายของเขาก็
หลุดลอยหายไป เพราะเทย์เลอร์ ไม่อาจรู้ได้ วา่ เมื่อไรเวเนี่ยนจะลง
มือฆ่าเขา

‘หลังจากที่เขาพบพลังนัน่ ได้ หนึง่ เดือนเขาก็จะ….ตาย’


เทย์เลอร์ จบชีวิตลงด้ วยฝี มือขององค์กรลับนิรนามในขณะที่อยู่
เมืองหลวงเขาจบชีวิตลงด้ วยความสับสนและหวาดกลัวและ
แน่นอนว่าเวเนี่ยนเป็ นผู้อยูเ่ บื ้องหลังของเหตุการณ์นี ้

เหตุผลที่คาร์ ลสามารถจดจาตัวละครนี ้ได้ ทงทีั ้ ่เป็ นเพียงตัวละคร


รองที่บทบาทน้ อยกว่าคาร์ ลตัวจริ งในนิยายเสียอีก นัน่ เป็ นเพราะ
มิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างเทย์เลอร์ กบั เพื่อนของเขา

‘นักบวชหญิงผู้บ้าคลัง่ ’ เธอเป็ นเพื่อนสนิทของเทย์เลอร์ และเป็ น


เพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการลอบสังหารเทย์เลอร์ เธอลงมือฆ่า
เหล่านักฆ่าจากองค์กรลับนันลงเสี
้ ยครึ่งด้ วยความโกรธก่อนจะถูก
ขับออกจากวิหารที่เธอบวชอยู่ หลังจากเหตุการณ์นี ้จบลงเธอ
ได้ รับอาการบาดเจ็บที่หลังของเธอและได้ บอกแก่วิหารกับสิ่งที่เธอ
ได้ ทาไว้ ด้วยความมัน่ ใจ

‘ข้ าทาตัวเองเฉกเช่นมนุษย์แทนที่จะทาตามความประสงค์พระ
เจ้ า และข้ าเชื่อว่าสิ่งที่ข้าลงมือทาไปเป็ นสิ่งที่ถกู ต้ อง’
จากนันเธอก็
้ หนั หลังเพื่อเดินจากไปอย่างสง่างาม

‘ตอนนี ้ข้ าเป็ นอิสระแล้ ว!’

นัน่ คือตอนที่เธอถูกคนอื่นเรี ยกว่านักบวชผู้บ้าคลัง่ ความสามารถ


พิเศษของเธอคือการใช้ พลังจากคาสาปแช่งของเทพเจ้ าแห่งความ
ตายได้ แม้ วา่ เธอจะถูกขับออกจากวิหารแต่พระเจ้ าของเธอกลับ
ไม่ได้ ทอดทิ ้งเธอแต่อย่างไร

เมื่อสงครามเกิดขึ ้นตามเนื ้อหาในนิยายเธอจะมีชื่อเสียงมากขึ ้น


ไม่ใช่ในฐานะของวีรสตรี แต่เป็ นสิ่งที่เธอช่วยเหลือและรักษาผู้มี
อาการบาดเจ็บ

‘ฉันคิดว่าครัง้ นี ้..มันจะต่างออกไป’
มีโอกาสดีที่เทย์เลอร์ จะไม่ตายภายในหนึ่งเดือน ในตอนนี ้เวเนี่ยน
กาลังวุน่ วายกับเหตุการณ์ที่มงั กรหายไปและต้ องถูกจับตามอง
จากมาร์ คควิสสแตนเพิ่มขึ ้น เขาอาจจะต้ องให้ ความสาคัญกับ
น้ องๆที่อายุน้อยกว่าตนมากกว่าที่จะให้ ความสาคัญกับพี่ชายที่
เป็ นอัมพาตเพื่อรักษาสถานะของเขาให้ เป็ นทายาทผู้สืบทอด
ตระกูลของมาร์ ควิสสแตนต่อไป

‘ตังแต่
้ ที่ฉนั จะใช้ ความหวังสุดท้ ายของเทย์เลอร์ ฉันก็ต้องให้
ความหวังใหม่แก่เขาเช่นกัน’

พละกาลังแห่งดวงใจ เป็ นพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เทย์เลอร์ ไม่


สามารถใช้ งานได้ แต่คาร์ ลไม่ใช่คนใจร้ ายมากพอที่ขโมย
ความหวังสุดท้ ายของใครไปได้

คาร์ ลอยากรู้วา่ หากเทย์เลอร์ และนักบวชหญิงผู้บ้าคลัง่ สามารถ


รวมตัวกันได้ และมีชีวิตอยูไ่ ด้ นานขึ ้นได้ คาร์ ลมัน่ ใจว่าพวกเขาทัง้
สองจะสามารถเปลี่ยนแปลงการมีอานาจและสมบัติของมาร์ คค
วิสสแตนได้ ถ้ าเป็ นเช่นนันก็
้ จะส่งผลดีตอ่ คาร์ ลในระยะยาวได้

อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่เขาคิดได้ อย่างกะทันหันทาให้ คาร์ ลชะงัก


ไปเล็กน้ อย

‘หรื อจะให้ บารอคทางานตามคาสัง่ ของเธอดีนะ?’

เมื่อคาร์ ลคิดถึงความพยายามของผู้เชี่ยวชาญด้ านการทรมาน


ผู้อื่นเช่นบารอค เขาก็ตดั สินใจที่จะหยุดนึกถึงนักบวชหญิงผู้บ้า
คลัง่ คนนันทั
้ นทีพร้ อมๆกับเลิกคิดถึงเทย์เลอร์ ผ้ ทู ี่เป็ นทังพลเมื
้ องที่
ดีและขุนนางที่ดีเช่นกัน

‘พวกเขาไม่ควรยุง่ เกี่ยวกันเป็ นดีที่สดุ ’


พวกเขาเป็ นคนที่แตกต่างจากคาร์ ลเป็ นอย่างมาก ทังสองเป็ ้ นคน
ดีที่ซื่อสัตย์และไว้ ใจซึง่ กันและกันอย่างลึกซึ ้งไม่มีทางที่คาร์ ลจะ
แนะนาให้ รอนหรื อบารอครู้จกั กับคนประเภทนี ้เด็ดขาด

‘ไม่….ฉันจะไม่มีความคิดที่ชวั่ ร้ ายเช่นนันเด็
้ ดขาด’

คาร์ ลเลิกคิดถึงเรื่ องรอนและบารอคอย่างรวดเร็ วก่อนจะก้ มมอง


เมื่อรู้สกึ ถึงแรงแตะที่ขาของตน เขามองเห็นดวงตาสีทองสองคูท่ ี่
ส่องประกายงดงามก่อนที่พวกมันจะเริ่ มพูดกับเขา

“ข้ าได้ ยินจากฮันส์มาก่อนหน้ านี ้”

“ฮันส์เขาพูดให้ ฟังจริ งๆ”

ฮันส์ยงั ไม่ทราบว่าลูกแมวสองพี่น้องเป็ นสัตว์อสูรที่มาจากเผ่าแมว


และยังคงพูดทุกสิ่งให้ แมวทังสองฟั
้ งอยูเ่ สมอ และดูเหมือนว่า
ตอนนี ้ลูกแมวอยากจะเล่าอะไรให้ เขาฟั งหลังจากได้ ยินฮันส์เล่าให้
ฟั ง

“อะไรล่ะ?”

ลูกแมวสองพี่น้องเริ่ มชินกับกิริยาที่หยาบคายของคาร์ ลบ้ างแล้ ว


และเริ่ มพูด

“ถ้ าท่านไปอธิษฐานที่หอคอยศิลา คาอธิษฐานจะเป็ นจริ ง”

“เขาบอกว่าหอคอยศิลาสวยมาก”

“ข้ าอยากไปแต่ก็ไม่เป็ นไรถ้ ามันจะน่าราคาญเกินไป”

“ข้ าอยากไปกับท่าน แต่ไม่เป็ นไรถ้ ามันจะยุง่ ยากเกินไป”


คาร์ ลมองไปที่ลกู แมวทังสองที
้ ่มีทา่ ทีกระวนกระวายด้ วยสีหน้ าที่
ว่างเปล่าก่อนเอ่ยถามพวกมัน

“พวกเจ้ าทังสองอยากอธิ
้ ษฐานว่าอะไรล่ะ?”

ฮงแตะไปที่ขนของมันช้ าๆซึง่ ตอนนี ้ขนของมันเป็ นเงาวาวและมี


สุขภาพที่ดีเพราะได้ รับการดูแลจากฮันส์เป็ นอย่างดีก่อนจะตะโกน
ขึ ้นมาด้ วยความตื่นเต้ น

“ข้ าอยากได้ น้องชายคนใหม่เพิ่ม………..”

“ให้ ตายสิ!”
คาร์ ลเริ่ มขุน่ เคืองต่อลูกแมวทังสองก่
้ อนหันหน้ าหนีพวกมันซึง่ เป็ น
จังหวะเดียวกับที่รถม้ าได้ หยุดลง พวกเขาได้ มาถึงที่พกั ค้ างแรมใน
ตอนเย็นแล้ ว

“ดูเหมือนเราจะได้ พกั ค้ างแรมกันข้ างนอกตังแต่


้ วนั นี ้เป็ นต้ นไปใช่
หรื อไม่ขอรับ?”

“ใช่แล้ ว……”

คาร์ ลตอบคาถามของฮันส์ก่อนจะมองไปรอบๆที่พกั ค้ างแรมของ


พวกเขา ลมเย็นๆจากป่ าพัดเส้ นผมของเขาจนปลิวเล็กน้ อย เขาใช้
เวลาพักผ่อนตลอดทังคื
้ นด้ วยท่าทางที่ผ่อนคลาย

เช้ าวันรุ่งขึ ้น

“นายน้ อยขอรับ”
“……นี่มนั อะไรกัน?”

คาร์ ลจ้ องไปยังซากกวางที่กองอยูข่ ้ างที่พกั ค้ างแรมของพวกเขา


มันเพิ่งถูกล่ามาไม่นานนี ้เอง ฮันส์รีบกล่าวรายงานแก่นายน้ อย
ของตนที่กาลังจ้ องซากกวางไม่วางตา

“มีคนทิ ้งมันไว้ ที่พกั ค้ างแรมของพวกเราขอรับ”

ฮันส์ชี ้ไปที่ซากกวางและคาร์ ลก็มองไปที่จดุ นันเช่


้ นกัน บนพื ้นดินมี
ภาพวาดเป็ นรูปส้ อมและมีดมันเหมือนกับว่าคนที่ทิ ้งซากกวางไว้
เพื่อให้ พวกเขาได้ กิน จากนันเขาก็
้ หนั ไปจ้ องเพื่อนร่วมทางของตน
ทันที ลูกแมวทังสองอยู
้ ใ่ นอ้ อมแขนของเชวฮันและเขาก็กาลังจ้ อง
มาที่คาร์ ลพร้ อมรอยยิ ้มเต็มใบหน้ า

‘อ่า….รู้สกึ ไม่ดีซะแล้ วสิ’


เขารู้สกึ แย่มากๆเกี่ยวกับเรื่ องนี ้ สิ่งที่สามารถพูดแต่ไม่สามารถ
เขียนได้ ทิ ้งซากกวางไว้ ให้ พวกเขา นอกจากนี ้ยังเป็ นสิ่งที่เชวฮันคน
ที่เฝ้าเวรยามเมื่อคืนนี ้รู้เห็นอย่างชัดเจนแต่แกล้ งทาเป็ นไม่สนใจ

‘…นี่มนั แย่มาก….มันคือมังกรสินะ’

เขาหันศีรษะไปมองเชวฮัน ออนและฮง ซึง่ พวกเขายังคงจ้ องมอง


เขาอยูแ่ ละเอ่ยเตือนพวกเขาอย่างเคร่งเครี ยด

“เราจะทาเป็ นว่า…พวกเราไม่ร้ ูเรื่ องนี ้แล้ วกัน”

“เมี ้ยว เมี ้ยว”

“เมี ้ยว เมี ้ยว”


ลูกแมวสองพี่น้องดูเหมือนจะส่งเสียงเยาะเย้ ยเขาแต่คาร์ ลก็แกล้ ง
ทาเป็ นไม่ร้ ูเรื่ องใดๆ อย่างไรก็ตามวัตถุดิบชนิดใหม่ๆก็ถกู ส่งมาให้
ตามที่พวกเขาหยุดพักค้ างแรมเสมอ ทังหมู ้ ป่า กระต่ายและผลไม้
ทุกชนิด มันทาให้ คาร์ ลมัน่ ใจว่ามังกรยังคงตามหลังพวกตนมาอยู่

ในตอนนี ้คาร์ ลและคณะเดินทางก็เดินทางมาถึงเมืองพัซเซิลแล้ ว


บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2

รถม้ าที่มีตราสัญลักษณ์เต่าทองของตระกูลเฮนิตสั ก็แล่นเข้ าเมือง


พัซเซิลตามหลังรถม้ าของว่าที่หวั หน้ าพ่อบ้ านเช่นฮันส์อย่างช้ าๆ

“มันเล็กกว่าเมืองเวสเทิร์นอีก”

“ใช่ๆเล็กกว่าอีก”

คาร์ ลพยักหน้ าเห็นด้ วยกับคาพูดของออนและฮงก่อนจะมอง


ออกไปด้ านนอกรถม้ า

‘มันจะไม่ตามฉันเข้ าไปในเมืองด้ วยใช่มย?’


ั้

จากคาบอกเล่าของเชวฮัน มังกรดาตนนันได้ ้ ติดตามพวกเขามา


ห่างๆก่อนที่จะล่าหาอาหารมาทิ ้งไว้ ให้ ตอนเช้ าและรี บหลบออกไป
‘มันน่ารักใช่มย?
ั ้ มังกรดูเหมือนเด็กน้ อยที่ยงั ไม่สญ
ู เสียความไร้
เดียงสาไปแม้ มนั จะเจอชีวิตที่แสนโหดร้ ายมาก่อนก็ตาม’

‘……..น่ารักกับผีละ่ สิ’

นัน่ เป็ นเพียงสิ่งที่คาร์ ลคิดเมื่อเห็นเชวฮันพูดกับตนด้ วยน ้าเสียง


ขบขัน ถ้ าเชวฮันเห็นมังกรระเบิดภูเขาได้ อย่างง่ายดายเขาก็คงไม่
มาพูดว่ามันน่ารักต่อหน้ าเขาเช่นนี ้

คาร์ ลไม่ร้ ูวา่ ทาไมมังกรดาถึงทาเช่นนี ้ทังๆที


้ ่มนั เคยกล่าวว่ามัน
เกลียดมนุษย์ มันทาให้ เขามึนงงไปหมดมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดว่า
จะเป็ นแบบนี ้ไปได้

ก่อนหน้ านี ้คาร์ ลคิดว่ามังกรจะอยู่ห่างจากอาณาเขตของมาร์ คค


วิสสแตนเพื่อสร้ างถ ้าของมันและเพื่อพัฒนาพลังของมันให้
แข็งแกร่งขึ ้น คาร์ ลหวังไว้ วา่ หากมังกรเติบโตขึ ้นมันจะสามารถ
ทาลายอานาจและสมบัติของตระกูลสแตนก่อนที่มนั จะเกิด
สงครามขึ ้นในฝั่งตะวันออกนี ้

และนัน่ จะเป็ นประโยชน์ในการรักษาอาณาเขตการปกครองของ


ท่านเคานต์เฮนิตสั ให้ สงบร่มเย็นได้ อย่างยาวนาน

“เตราะ”

คาร์ ลเดาะลิ ้นของตัวเองและก้ มมองไปที่ลกู แมวทังสองที


้ ่มอง
ออกไปนอกหน้ าต่างรถม้ าด้ วยความตื่นเต้ นก่อนจะเดินเข้ ามา
ใกล้ ๆเขาเพื่อถามในสิ่งที่พวกมันเห็นด้ านนอกนัน้

“หน้ าบ้ านของพวกเขามีหอคอยศิลาด้ วย”

“ใช่ๆ….มันแปลกมากเลย”
คาร์ ลเอ่ยตอบด้ วยท่าทางไม่เต็มใจนัก

“ก็มนั คือเมืองแห่งหอคอยศิลา”

เมืองพัซเซิลเป็ นเมืองที่ขึ ้นชื่อในเรื่ องที่มีซากปรักหักพังโบราณของ


หอคอยศิลาเป็ นจานวนมาก และยิ่งมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ ้นจากการ
ที่พวกเขามีหอคอยศิลาขนาดเล็กประดับไว้ หน้ าบ้ านของพวกตน

คนในเมืองนี ้สร้ างร่องเล็กๆอยูน่ อกหน้ าต่างและสร้ างหอหอคอย


ศิลาไว้ บริ เวณนัน้ มันไม่ควรถูกเรี ยกว่าหอคอยเพราะมันมีเพียง
ก้ อนหินขนาดใหญ่เรี ยงซ้ อนกันน้ อยกว่า 10 ก้ อนแต่หอคอยศิลา
ของพวกเขาก็แตกต่างกันไปตามความชอบของเจ้ าของบ้ านแต่ละ
หลัง
นัน่ เป็ นเหตุผลว่าทาไมมันจึงกลายเป็ นเรื่ องธรรมดาเมื่อโรงแรมหรู
ที่พวกคาร์ ลมาถึงจะมีหอคอยศิลาประดับไว้ ด้านหน้ าของโรงแรม
ด้ วย

“เราจะเข้ าพักที่นี่ใช่หรื อไม่?”

ฮันส์รีบตอบคาถามของคาร์ ลในขณะที่เดินตามหลังของเจ้ าของ


โรงแรม ฮันส์ดเู หมือนจะตื่นเต้ นมากเมื่อเขาอุ้มลูกแมวทังสองไว้

ในอ้ อมแขนของตน

“ใช่แล้ วขอรับนายน้ อย…เราได้ จองห้ องให้ ทา่ นเชวฮันไว้ พกั สอง


วันครัง้ ต่อไปจึงจะจองเพิ่มทีหลังให้ กบั เขาและคนอื่นๆที่จะ
เดินทางมาสมทบในภายหลังแต่ก็ต้องขึ ้นอยูก่ บั ระยะเวลาว่าพวก
เขาจะมาถึงตอนไหน”
รอนชะงักไปชัว่ ครู่กบั คาพูดของฮันส์และรี บเดินตามหลังพวกเขา
พร้ อมกับถือกล่องเวทย์ไว้ ในมือก่อนที่ฮนั ส์จะเริ่ มพูดต่อ

“เราเดินทางมาถึงก่อนเทศกาลหอคอยศิลาทาให้ ห้องพักมีราคา
ไม่แพงมากนัก”

เทศกาลหอคอยศิลาที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้ าทาให้ ชาวเมือง


พัซเซิลยุ่งอยูก่ บั การเตรี ยมงานเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลหอคอย
ศิลานี ้ คาร์ ลแค่นึกถึงสิ่งนี ้โดยไม่ได้ แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา

“มีหอคอยศิลาอยูท่ ี่เมืองแห่งนี ้มากมายนักและมันก็คอ่ นข้ าง


น่าสนใจ…มันดูแปลกมาก”

“กระผมรู้สาเหตุขอรับ?”

‘ฮะ?’
คาร์ ลเงยหน้ ามองไปที่ฮนั ส์ผ้ ทู ี่เป็ นคนตอบรับกับพูดของตน

“มันเป็ นเรื่ องที่น่าเศร้ า แต่ก็เป็ นเรื่ องราวที่กระตุ้นความสนใจของ


คนรุ่นหลังได้ เป็ นอย่างดี”

“หากเรื่ องมันยาวมากนัก…เจ้ าก็หยุดเล่าเถิด”

จริ งๆคาร์ ลก็ไม่ได้ สนใจเกี่ยวกับเรื่ องนี ้มากนัก แต่ฮนั ส์ก็มีความ


ตังใจในสิ
้ ่งที่เขาจะเล่าให้ ฟังมากเช่นกัน คณะของคาร์ ลที่เข้ าไปใน
ห้ องพักของเขาจ้ องมองเจ้ าของโรงแรมที่กาลังเดินออกไปจากห้ อง
ก่อนจะเริ่ มฟั งเรื่ องราวที่ฮนั ส์จะเล่า

“เรื่ องนี ้มันเป็ นตานาน…เอ่อ…มันเป็ นเรื่ องที่เกิดขึ ้นในสมัยอดีต


นานมาแล้ ว”
“สมัยอดีต?”

คลิ๊ก!

เสียงปิ ดประตูดงั ขึ ้นหลังจากที่เจ้ าของโรงแรมก้ าวออกไปพ้ นห้ อง


แล้ ว ในตอนนี ้เหลือเพียงคณะของคาร์ ลที่อยูใ่ นห้ องเขาเท่านัน้
และคาร์ ลก็ตอบรับกับคาของฮันส์ที่พดู ถึงเรื่ อง ‘สมัยอดีต’

“ขอรับ…เป็ นเรื่ องสมัยอดีต”

“เล่าต่อสิ”

ลูกแมวสองพี่น้องที่อยูใ่ นอ้ อมแขนของคาร์ ลกาลังกระดิกหางของ


พวกมันไปมาราวกับว่าพวกมันสนใจที่จะฟั งเรื่ องนี ้เช่นกัน รอน
เพียงยืนเงียบๆและริ นน ้ามะนาวจากขวดที่เขาถือมาพร้ อมๆกับ
กล่องเวทย์ก่อนจะยื่นให้ คาร์ ล
คาร์ ลเพียงรับแก้ วน ้ามะนาวมาถือไว้ ในมือและนัง่ ลงบนโซฟาก่อน
จะพาดขาของเขาไว้ บนเก้ าอี ้ที่อยูต่ รงข้ าม คาร์ ลยกคางของตน
ขึ ้นเล็กน้ อยเพื่อเป็ นสัญญาณให้ ฮนั ส์เริ่ มพูดต่อ

“อะแฮ่ม……เมื่อครัง้ อดีตเมืองนี ้หลุดพ้ นจากการคุ้มครองของ


พระเจ้ า”

‘หลุดพ้ นจากการคุ้มครองของพระเจ้ างันเหรอ?’


คาร์ ลไม่เคยได้ ยินเรื่ องนี ้มาก่อน

“นี่เป็ นครัง้ แรกที่ข้าได้ ยินเรื่ องนี ้”

“นัน่ เป็ นเพราะนายน้ อยไม่ได้ เรี ยนรู้เรื่ องราวประวัติศาสตร์ ”


“……ดูเหมือนเจ้ าจะสนุกกับสิ่งที่พดู กับข้ าในวันนี ้…เจ้ าจะพูด
แบบนี ้อีกหรื อไม่? ห๊ ะ?”

ฮันส์หนั ไปมองคาร์ ลอย่างรวดเร็ ว

“มันเป็ นเรื่ องธรรมดาสาหรับพ่อบ้ านที่ดีที่จะแจ้ งเรื่ องราวในสิ่งที่


เจ้ านายของตนไม่ทราบนะขอรับ”

ก่อนที่ฮนั ส์จะเริ่ มเล่าเรื่ องในสมัยอดีต

“กระผมก็ไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้ จริ งว่าทาไมเมืองแห่งนี ้จึงไม่ได้


รับการคุ้มครองจากพระเจ้ าอีกต่อไป แต่ถึงจะเป็ นเช่นนัน้
ชาวเมืองนี ้ก็รวมตัวกันเพื่อสร้ างหอคอยศิลาขึ ้น ดูเหมือนจะเป็ น
การสักการะบูชาพระเจ้ าที่ทรงทอดทิ ้งพวกเขา”

“แล้ วมันส่งผลเช่นไร?”
“ไม่เป็ นผลขอรับ”

พระเจ้ าไม่รับฟั งพวกเขา

“เห็นได้ ชดั ว่ามีการสวดอธิษฐานเมื่อเราย่างกรายเข้ ามาที่นี่และ


มันก็เป็ นเหตุผลให้ เมืองนี ้ไม่มีแม้ แต่วิหารสักแห่งเดียว”

“ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องสวดวิงวอนต่อพระเจ้ าที่ทอดทิ ้งพวกเขา


ใช่มย?”
ั้

“ว้ าวๆ…..ถูกต้ องนะขอรับ….นายน้ อยของเราเป็ นคนที่ฉลาดมาก


ไม่เห็นจาเป็ นต้ องเรี ยนรู้เลยนะขอรับ”

“เจ้ าอยากโดยต่อยใช่หรื อไม่?”


ฮันส์หนั หน้ าไปมองคาร์ ลก่อนเสมองไปยังภูเขาที่ห่างไกลออกไป
และเริ่ มพูดต่อ

“เอ่อ…อะแฮ่ม..แต่ถึงจะเป็ นเช่นนี ้พวกเขาก็มีหอคอยศิลาแทน


วิหารของพระเจ้ า หอคอยศิลาแสดงถึงคาสัญญาที่ชาวเมืองมี
ให้ แก่กนั และมันก็เป็ นคาสัญญาของตัวพวกเขากับหอคอยศิลา
ด้ วยเช่นกัน”

“สัญญาอะไร?”

ฮันส์เริ่ มอธิบายกฎแปลกๆของเมืองพัซเซิลนี ้

“มนุษย์บางพวกก็มีความประสงค์ที่จะทาลายหอคอยศิลาของ
พวกเขาเช่นกัน”

คาร์ ลเริ่ มอมยิ ้มออกมา ก่อนเอ่ยขึ ้น


“เป็ นเมืองที่น่าสนใจจริ งๆ”

“น่าจะเป็ นเช่นนันนะขอรั
้ บ? ตังแต่
้ พวกเขาถูกทอดทิ ้งจากพระเจ้ า
พวกเขาก็มงุ่ มัน่ ที่จะทาทุกสิ่งให้ สาเร็จด้ วยกาลังของพวกเขาเอง
การทาลายหอคอยศิลานัน่ มันก็หมายถึงว่าพวกเขาได้ ชนะเดิมพัน
แล้ ว”

คาร์ ลชอบการทาลายหอคอยศิลาเป็ นอย่างมากและนึกถึงหอคอย


ศิลาที่ถกู ทาลายลงตามหน้ าบ้ านของชาวเมืองบางส่วน

“หอคอยศิลาไม่ได้ ถกู สร้ างขึ ้นมาเพื่อแสวงหาความช่วยเหลือจาก


พระเจ้ า”

“ถูก….มันเป็ นตัวแทนการแสดงความมุง่ มัน่ ของตัวเองมากขึ ้น”


ถึงอย่างไรหอคอยศิลาก็มีความสาคัญมากแม้ วา่ คุณจะทาลายมัน
ลงก็ตาม

“ข้ าเดาว่าเป็ นเพราะพระเจ้ าไม่ได้ ทาตามคาอธิษฐานของพวกเขา


ต่างหาก”

“ใช่…นายน้ อยพูดถูกขอรับ ถึงมันจะเป็ นเรื่ องเศร้ าที่พวกเขาถูก


ทอดทิ ้งแต่เรื่ องนี ้ก็ทาให้ ผ้ คู นมีความหวังเพิ่มมากขึ ้น”

คาร์ ลก้ มลงเพื่อสัง่ ให้ ฮนั ส์ทาตามเขา

“มองลงไปสิ”

“อะไรนะขอรับ?”

คาร์ ลชี ้ไปที่หน้ าอกของฮันส์ด้วยนิ ้วของเขา


“ดูเหมือนลูกแมวมันจะโมโห”

“ห๊ ะ?……”

ฮันส์อ้าปากค้ างเมื่อก้ มลงไปมองลูกแมวทังสอง


้ มันกาลังอ้ าปาก
โชว์ฟันอันแหลมคมของพวกมัน ดวงตาสีทองของมันส่องประกาย
อย่างกล่าวหาว่าฮันส์เป็ นคนเลว ก่อนที่เขาจะวางทังสองลงกั
้ บพื ้น

“โอ้ ….ตายแล้ วทาไมพวกเจ้ าทังสองถึ


้ งโมโหเช่นนี ้?หรื อข้ าจะทา
ให้ พวกเจ้ าทังสองหงุ
้ ดหงิดกันนะ?”

ฮันส์เริ่ มยิ ้มด้ วยความอ่อนโยน เนื่องจากเขาไม่ร้ ูวา่ ลูกแมวทังสอง ้


เป็ นสัตว์อสูรจึงเข้ าใจว่ามันเพียงโมโหเพราะความหิว แต่ถึง
อย่างไรลูกแมวก็ไม่ได้ โมโหเพราะเรื่ องนันแต่ ้ มนั กาลังโมโหกับ
เรื่ องอื่น คาร์ ลเริ่ มนึกถึงสิ่งที่ลกู แมวได้ พดู คุยกับเขาก่อนหน้ านี ้
‘ข้ าได้ ยินจากฮันส์มาก่อนหน้ านี ้’

‘ฮันส์เขาพูดให้ ฟังจริ งๆ’

‘ถ้ าท่านไปอธิษฐานที่หอคอยศิลา คาอธิษฐานจะเป็ นจริ ง’

‘เขาบอกว่าหอคอยศิลาสวยมาก’

ปึ ง! ปึ ง!

ออนดูเหมือนจะโกรธขณะที่กระทืบเท้ าของเธอลงพื ้นเสียงดังขึ ้น


เล็กน้ อย ในขณะที่ฮงก็สะบัดหางของมันกระแทกกับพื ้นด้ วยเสียง
อันดังเช่นกัน พวกเขาโกรธที่ฮนั ส์โกหกเรื่ องหอคอยศิลาแต่ก็ดู
เหมือนว่าฮันส์จะเข้ าใจผิดอยู่
“ตายแล้ ว….แมวน้ อยที่น่ารักของข้ า…เดี๋ยวข้ าไปหาขนมแสน
อร่อยมาให้ พวกเจ้ านะ! นายน้ อยกระผมขอตัวไปหาอะไรให้ พวก
เขาทานก่อนนะขอรับ?”

“อืม…ตัวเจ้ าก็ไปพักผ่อนได้ แล้ วล่ะ”

“กระผมจะรี บกลับมาขอรับหากมีอะไรขาดเหลือ…”

ฮันส์แจ้ งว่าเขาจะรี บกลับมาหากมีอะไรขาดเหลือถึงแม้ วา่ เขาจะ


มัน่ ใจว่าเขาเตรี ยมข้ าวของทุกอย่างให้ แก่นายน้ อยเรี ยบร้ อยแล้ วก็
ตามก่อนจะมุง่ หน้ าออกจากห้ องไปอย่างรวดเร็ว

“รอน เจ้ าก็ควรจะไปพักเช่นกัน”

รอนยังคงอยูใ่ นห้ องและหันมามองเขาด้ วยรอยยิ ้มอันอ่อนโยน


‘รู้สกึ ไม่คอ่ ยดีเลย…..’

คาร์ ลเกลียดรอยยิ ้มแบบนี ้ของรอนนัก รอยยิ ้มของเขาทาให้ คาร์ ล


รู้สกึ อึดอัดกว่าปกติก่อนที่รอนจะเดินเข้ ามาใกล้ โซฟาที่คาร์ ลนัง่ อยู่
และเอ่ยถามขึ ้น

“ท่านเชวฮันจะออกจากที่นี่ในอีกสองวันหรื อขอรับ?”

“อืม…..”

คาร์ ลเริ่ มยิ ้มออกมาได้ จากคาถามของรอน

“ทาไม? เจ้ าไม่อยากให้ เขาไป? หรื อเจ้ าต้ องการจะไปกับหมอ


นัน่ ด้ วย?”
รอยยิ ้มของรอนเพิ่มความอ่อนโยนขึ ้นอีกเป็ นเท่าตัว เขารู้สกึ ถึงมัน
ได้

“ทาไมกระผมต้ องทาเช่นนันด้
้ วยขอรับ? กระผมจะทิ ้งนายน้ อย
ได้ เช่นไร? รอนคนนี ้..อยากอยูเ่ คียงข้ างนายน้ อยเสมอ”

ประโยคนี ้ของรอนทาให้ คาร์ ลรู้สกึ ขนลุกชันขึ ้นมาทันที

“เพียงแต่มนั เป็ นเรื่ องที่น่าเสียดายที่ทา่ นเชวฮันจะไม่ได้ ร่วมทาง


กับเราจนถึงเมืองหลวง กระผมคงต้ องคุยกับเขาให้ มากยิ่งขึ ้น
ก่อนที่เขาจะจากไปและบารอคคงจะรู้สกึ เศร้ ามากที่จะไม่ได้ เห็น
เขาอีก”

คาร์ ลรู้สกึ ผ่อนคลายขึ ้นเล็กน้ อยเมื่อได้ ยินประโยคที่เหลือของรอน


เขาไม่คอ่ ยอยากจะสนใจเรื่ องนี ้มากนักเพราะมันน่าราคาญแต่เขา
ก็ยินดีที่มิตรภาพของรอน เชวฮันและบารอคได้ พฒ
ั นาขึ ้นมาบ้ าง
แล้ ว

การแสดงออกของเชวฮันค่อนข้ างอ่านยากแต่คาร์ ลพอเดาออกว่า


ถ้ าเชวฮันเกลียดใครเขาจะไม่เข้ าไปยุง่ เกี่ยวหรื อพูดคุยอะไรด้ วย
เลย คาร์ ลคิดถึงแผนการของเขาก่อนจะยกยิ ้มด้ วยรอยยิ ้มเจ้ าเล่ห์

“ไม่หรอก เดี๋ยวก็ได้ พบกันอีกครัง้ ที่เมืองหลวง พวกเจ้ าก็คอ่ ยไป


เที่ยวด้ วยกันได้ นี่”

‘หรื อพวกเจ้ าทังสามคนสามารถออกจากที


้ ่นี่ไปยังอาณาจักรของ
โรสลินได้ นะ.เจ้ าคิดว่ามันเป็ นอย่างไร?มันยอดเยี่ยมมากใช่
หรื อไม่?’
แน่นอนว่าคาร์ ลไม่ได้ พดู เรื่ องนี ้ออกมาเพียงแค่สง่ ยิ ้มให้ รอน
เท่านันส่
้ วนตาแก่รอนก็ยงั คงส่งยิ ้มให้ เขาด้ วยรอยยิ ้มที่ออ่ นโยน
เหมือนเดิม

“กระผมรอคอยที่จะได้ พบท่านเชวฮันในเมืองหลวงยิ่งนักและตา
แก่คนนี ้หวังเป็ นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเดินทางปลอดภัยจนถึงเมือง
หลวง”

คาร์ ลไม่ได้ เชื่อถือกับสิ่งที่รอนพูดมากนัก ‘รอคอย’หรื อแม้ กระทัง่


‘อยากให้ ทกุ คนปลอดภัย’ความรู้สกึ เช่นนี ้จะเกิดขึ ้นกับตาแก่คนนี ้
ได้ อย่างไร

“ฮึ!”ลูกแมวทังสองส่
้ งเสียงผ่านจมูกเบาๆเมื่อจ้ องไปที่รอน ออน
และฮงรู้สกึ หงุดหงิดและราคาญเป็ นอย่างมากที่รอนพยายามสอน
ทักษะการลอบสังหารให้ พวกมันลับหลังคาร์ ล
“……..ตอนนี ้เจ้ าก็ออกไปได้ แล้ วล่ะ”

คาร์ ลสามารถไล่รอนออกไปจากห้ องได้ อย่างง่ายดาย

“ฮันส์ขี ้โกหก!”

“ข้ าจะไม่ไว้ ใจพ่อบ้ านคนนี ้อีกแล้ ว!”

สองพี่น้องได้ ระบายความโกรธของพวกเขาทันที คาร์ ลไม่ได้ สนใจ


พวกมันก่อนมองออกไปนอกหน้ าต่างห้ อง

คาร์ ลกาลังจ้ องไปยังทิศที่ตงของถ


ั้ ้าที่อยู่หวั มุมของเมืองพัซเซิล ถ ้า
แห่งนี ้เป็ นที่ตงของหอคอยศิ
ั้ ลาที่ยงั สร้ างไม่สมบูรณ์และพลัง
ศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ ‘พละกาลังแห่งดวงใจ’ และถ ้าแห่งนี ้ควรมีบ้าน
หลังเล็กๆอยูด่ ้ วย
‘มันเป็ นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่เขาอาศัยอยูท่ ี่นนั่ จนกระทัง่ เขามีอายุได้
150 ปี ’

นี่เป็ นพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เกิดจากการถูกทิ ้งให้ ตายเพียงลาพัง


ด้ วยโรคชราและผู้ลว่ งลับคนนี ้คิดว่าพลังของเขาคือคาสาป คาร์ ล
ลุกขึ ้นจากที่นงั่ ก่อนจะจัดเสื ้อผ้ าของตนให้ เรี ยบร้ อยพร้ อมกับเปิ ด
ประตูห้องออกไป

“โอ้ …ตายแล้ ว”

เป็ นฮันส์ที่อยูห่ น้ าประตู เขามองเห็นรองหัวหน้ าพ่อบ้ านที่รีบวิ่ง


กลับมาหาเขาก่อนที่จะก้ มมองแขนที่กระตุกด้ วยความตกใจ
ก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยขึ ้น

“ไปดูหอคอยศิลากันเถอะ”
ใบหูของลูกแมวทังสองเริ
้ ่ มลูต่ กลงก่อนจะพากันวิ่งไปหาฮันส์
เหมือนกับไม่ได้ โกรธเคืองเขาแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะตัดสินใจ
เลือกคนที่จะไปกับเขาในทันที

“จะมีพวกเราและเชวฮันที่ไปด้ วย…อ้ อ…เอาออนกับฮงไปกับเจ้ า


ด้ วย”

มนุษย์ที่เสียชีวิตลงเมื่อเขาอายุได้ 150 ปี ต้องการที่จะสร้ าง


หอคอยศิลาในถ ้าที่ขึ ้นชื่อว่าเป็ นศูนย์กลางของการเกิดพายุแห่งนี ้

‘เมื่อก่อนมันอาจเป็ นป่ าแต่ตอนนี ้มันเป็ นเพียงลม?’

ใจกลางของถ ้าจะมีพายุเฮอร์ ริเคนซึง่ ดูเหมือนจะปรากฏออกมา


จากที่ใดสักที่ในถ ้าแห่งนี ้ชายชราได้ ใช้ เวลากว่า 100 ปี ในการ
สร้ างหอคอยศิลาท่ามกลางพายุเฮอร์ ริเคนที่อยูท่ ี่นนั่ อย่างไรก็
ตามเขาก็ทาไม่สาเร็ จ
ชายชรามักจะทาลายหอคอยศิลาทุกครัง้ เมื่อเขาสร้ างมันใกล้ จะ
เสร็ จ เมื่อทาลายแล้ วก็สร้ างขึ ้นมาใหม่เขาทาเช่นนี ้ซ ้าไปซ ้ามาจน
จบชีวิตลงในวันที่สร้ างหอคอยศิลาได้ เพียงครึ่งทาง

ความต้ องการที่จะทาเช่นนี ้ของชายชราคืออะไร? คาร์ ลไม่ได้


สนใจ เขาเพิ่งคิดที่จะวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อมองหาบางอย่าง
เมื่อเดินทางไปถึงซากปรักหักพังของหอคอยศิลาในวันนี ้

‘บางทีฉนั อาจจะทามันได้ ดีถ้าจะสร้ างมันขึ ้นมา’

ตังแต่
้ ที่เขาจะทาเช่นนันเขาก็
้ ต้องการทาให้ มนั ดูดี เขาต้ องสนใจ
กับบางคนที่อาจพบเจอในกรณีที่เขาไปยังซากปรักหักพังของ
หอคอยศิลา
ใช้ เวลาไม่นาน คาร์ ล ลูกแมวทังสองตั
้ ว เชวฮันและฮันส์ก็เดินทาง
มาถึงทางเข้ าซากปรักหักพังของหอคอยศิลา พวกเขาไม่ได้ นารถ
ม้ าที่มีสญ
ั ลักษณ์เต่าทองที่บง่ บอกความเป็ นคนในตระกูลเฮนิตสั
และคาร์ ลก็สวมหมวกปิ ดบังใบหน้ าโดยอ้ างว่าตนไม่ชอบแสงแดด

‘พวกเขายังอยูท่ ี่นี่กนั จริ งๆด้ วย’

คาร์ ลสามารถหาคนที่เขากาลังมองหาได้ ทนั ทีที่ยา่ งกรายเข้ าไปยัง


ซากปรักหักพังของหอคอยศิลา คาร์ ลแอบซ่อนอยูด่ ้ านหลังของ
เชวฮันและฮันส์

ห่างจากที่พวกเขาอยูไ่ ม่ไกลนักมีชายหญิงสองคนแต่งตัวด้ วยชุดที่


สบายๆ ชายคนนันนั ้ ง่ อยูบ่ นรถเข็นโดยมีผ้ หู ญิงเป็ นคนผลักรถเข็น
ให้ เคลื่อนที่ไปข้ างหน้ า พวกเขาทังสองก
้ าลังมุง่ หน้ าออกไปจาก
ซากหอคอยศิลานี ้
พวกเขาไม่ได้ สงั เกตท่าทางที่ลบั ๆล่อๆของคาร์ ล และค่อยๆเดิน
ออกจากซากของหอคอยศิลาไปช้ าๆชายคนนันหั ้ นหน้ ากลับมา
มองผู้หญิงก่อนเอ่ยถามขึ ้น

“ทาไมวันนี ้เจ้ าถึงอยากมาที่นี่หรื อ?”

“ข้ าก็ไม่ร้ ูเหมือนกัน…ถ้ ามันคือข้ อความจากพระเจ้ าหรื อเรื่ องไร้


สาระก็ตามแต่ข้าฝันเหมือนเดิมมาสองวันแล้ วและนัน่ ทาให้ ข้า
อยากมาที่นี่ ในฝันบอกว่าพวกเราจะได้ เจอผู้มีพระคุณถ้ าเรามา
ที่นี่…..บางอย่างเกี่ยวกับเรื่ องนี ้แม้ แต่พระเจ้ าก็ยงั ไม่ทราบว่าผู้มี
พระคุณจะทาอะไรแต่ความจริ งที่วา่ ผู้มีพระคุณจะปรากฏตัว
ขึ ้นมาในวันนี ้”

“มีแม้ กระทัง่ คนที่พระเจ้ าก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ด้วยหรื อ?”


“ใครจะรู้?ครึ่งหนึง่ อาจเป็ นจริ งอย่างที่พระเจ้ าบอกแต่อีกครึ่งอาจ
เป็ นเรื่ องไร้ สาระก็ได้ ”

ผู้หญิงที่มีผมสีน ้าตาลสันระบายความหงุ
้ ดหงิดออกมา

“เรื่ องไร้ สาระ? มันคือข้ อความจากพระเจ้ านี่…อ้ อ…แล้ วเจ้ าไป


ได้ ยินความลับจากพระเจ้ าได้ อย่างไร?”

คนที่มีปฏิกิริยาตอบรับที่งนุ งงอยูน่ ี ้เขาคือบุตรชายคนโตของ


มาร์ คควิสสแตน ‘เทย์เลอร์ สแตน’

“ข้ าไม่เหมือนนักบวชคนอื่นๆในเมืองพัซเซิลหรอกนะและใครจะ
สนใจข้ อความจากพระเจ้ ากัน?พระเจ้ าเลี ้ยงดูพวกเราหรื อไง?จะ
มีผ้ มู ีพระคุณมาช่วยเหลือคนเช่นเราได้ อย่างไร?แน่นอนว่ามัน
ต้ องเป็ นเรื่ องโกหก…เอ้ า!…ข้ าหิวแล้ ว…เราไปหาอะไรกินกัน
เถอะ”
ผู้หญิงที่มีทา่ ทีที่หงุดหงิดอยูน่ ี ้คือเพื่อนสนิทของเทย์เลอร์ เธอมีชื่อ
ว่า ‘เคจ’ผู้หญิงที่ถกู เรี ยกว่านักบวชหญิงผู้บ้าคลัง่ เทย์เลอร์ มองไป
ที่เคจด้ วยท่าทางที่เคร่งเครี ยดกว่าเดิม

“เคจ…ข้ ารู้สกึ เหมือนอยากดื่มเบียร์ ”

“จริ งเหรอ? ข้ าก็อยากกินหมูรมควันเช่นกัน”

พวกเขาละสายตาไปที่อื่นด้ วยท่าทีที่เคร่งเครี ยด เทย์เลอร์ ชี ้นิ ้วไป


ข้ างหน้ าก่อนเอ่ยอย่างจริ งจัง

“มันเป็ นส่วนผสมที่ลงตัวได้ อย่างยอดเยี่ยม ไปกันเถอะ!ผลักมัน!


เร็วเข้ า !มันจะเป็ นการรักษาที่ยอดเยี่ยมสาหรับข้ า ”
“ตายแล้ ว….การรักษาที่ยอดเยี่ยมของเจ้ าเช่นนันเหรอ?
้ มา!
นักบวชหญิงคนนี ้จะทาให้ ดีที่สดุ เพื่อพาเจ้ าไปรักษาที่นนั่ ”

ทังสองคนเริ
้ ่ มหัวเราะขึ ้นเมื่อพวกเขาเริ่ มเคลื่อนไหวช้ าๆออกไป
จากที่นี่

คาร์ ลไม่ได้ ยินเสียงการสนทนาของคนทังคู ้ เ่ พราะพวกเขาอยูห่ า่ ง


กันมาก แต่เขากาลังพยายามอย่างเต็มที่ในการจดจาใบหน้ าของ
ทังสองคนที
้ ่ยงั คงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลาง
สถานการณ์เลวร้ ายเช่นนี ้

‘ตอนนี ้ฉันรู้แล้ วว่าพวกเขาหน้ าตาเป็ นอย่างไรและฉันต้ องแน่ใจว่า


จะเลี่ยงพวกเขาได้ ’

เนื่องจากคนทังคู
้ ไ่ ม่ทราบว่าคาร์ ลเป็ นใคร เขาจึงต้ องทาให้ แน่ใจ
ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงสองคนนันได้ ้ ในอนาคต
บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3

แน่นอนว่าคาร์ ลวางแผนให้ พวกเขามีความหวังใหม่โดยไม่เปิ ดเผย


ตัวตน มันเป็ นสิ่งที่เขาเรี ยนรู้มาจากมังกร

‘เว้ นแต่พระเจ้ าของพวกเขาจะเป็ นคนเปิ ดเผยตัวตนของฉันให้


ทราบ ฉันมัน่ ใจว่าพวกเขาจะไม่ร้ ูจกั ฉัน’

เป็ นไปไม่ได้ ที่พวกเขาจะรู้จกั เกี่ยวกับตัวตนของคาร์ ล มันเป็ นวิธีที่


ดีที่สดุ หรื อไม่? เขาไม่อาจบอกได้ แต่เขาควรเริ่ มต้ นทาทุกอย่าง
โดยไม่เปิ ดเผยตัวตนตังแต่้ ตอนนี ้เป็ นต้ นไป

คาร์ ลเดินเข้ าไปยังซากหอคอยศิลา เขามีความรู้สกึ ว่าน ้าหนักที่


กดทับในใจเขาเริ่ มถูกยกออกไปบ้ างแล้ ว
เขาสามารถมองเห็นคนสวดอธิษฐานไปทัว่ บริ เวณนี ้ก่อนที่ฮนั ส์จะ
เดินเข้ ามาหาเขาพร้ อมกับกระซิบเบาๆ

“….กระผมเพิ่งเห็นบุตรชายคนโตของมาร์ ควิสสแตนขอรับนาย
น้ อย…”

“เจ้ าไปรู้จกั เขาได้ อย่างไร?”

คาร์ ลรู้สกึ ประหลาดใจเป็ นอย่างมาก ฮันส์ยิ ้มก่อนชี ้ไปที่ดวงตา


ของตนเอง

“แทบทุกข้ อมูลเกี่ยวกับขุนนางอยูใ่ นหัวของกระผมทังหมด



ขอรับ…กระผมเห็นชายคนหนึง่ นัง่ บนรถเข็นมันก็ไม่ใช่เรื่ องแปลก
ที่จะมีคนนัง่ รถเข็นเป็ นคนอื่นได้ ….แต่….กระผมก็สามารถ
มองเห็นงูสีแดงที่เป็ นตราประจาตระกูลติดอยูท่ ี่รถเข็นนัน่ ขอรับ”
“ฮันส์….”

“ขอรับ?”

“เจ้ า…ฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้ นะ”

“ขอบพระคุณขอรับ”

ฮันส์เชิดอกของตนขึ ้นด้ วยความรู้สกึ พึงพอใจเมื่อจบการรายงาน


ต่อนายน้ อยของตนแล้ วก่อนจะเอ่ยถามอีกครัง้

“นายน้ อยวางแผนจะทาอะไรกับพวกเขาหรื อขอรับ?”

คาร์ ลรู้สกึ ว่าใบหน้ าด้ านซ้ ายของตนร้ อนขึ ้นและหันหน้ าไปยัง


ด้ านซ้ ายที่มีเชวฮันยืนจ้ องเขาอยู่ คาร์ ลส่ายศีรษะของเขาช้ าๆและ
ตอบทังสองคน

“ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

ทังสองพยั
้ กหน้ าตอบรับโดยไม่พดู อะไร ก่อนที่คณะทัวร์ ที่ประกอบ
ไปด้ วยคาร์ ล เชวฮัน ฮันส์และลูกแมวทังสองจะเริ
้ ่ มขึ ้นอย่างเป็ น
ทางการ หลังจากเหลียวมองไปรอบๆคาร์ ลก็ต้องตกใจกับลักษณะ
ของหอคอยศิลาในซากปรักหักพังนี ้

“พวกมันดู…………………..”

คาร์ ลดูเหมือนจะไม่คอ่ ยเชื่อเท่าไหร่

“มันดูน่าเกลียดกว่าที่ข้าคาดไว้ เสียอีก”
คาร์ ลไม่คอ่ ยเข้ าใจความหมายของสไตล์โบราณ เขาคิดว่าพวกมัน
จะเป็ นกองหินวางกองๆกันไปแค่นนแต่
ั ้ หอคอยศิลากลับมีหลาก
รูปแบบในซากปรักหักพังนี ้

พวกมันก็ดนู ่าสนใจแต่ถึงอย่างนันพวกมั
้ นก็ไม่ได้ สวย คาร์ ลเงย
หน้ ามองไปยังลูกแมวสองพี่น้องในอ้ อมแขนของฮันส์ พวกมันดู
เหมือนจะผิดหวังมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่ดหู นักกว่าที่คาร์ ลคาดไว้ เชวฮันค่อยๆ


ก้ มศีรษะของเขาโค้ งคานับเหมือนคนอื่นที่กาลังอธิษฐานขอพร
และดูเหมือนว่าเขาจะเริ่ มอธิษฐานแล้ วเช่นกัน

‘ฉันแน่ใจว่าเขากาลังอธิษฐานให้ ได้ กลับเกาหลีใต้ ’

เชวฮันโตมาในครอบครัวที่มีสภาพแวดล้ อมที่ดีซงึ่ ต่างจากคาร์ ล


และคิมร็ อกโซมากนัก เขาโตมาในครอบครัวที่อบอุน่ และมองโลก
ในแง่ดีเสมอ นัน่ เป็ นเหตุผลที่เขายังเป็ นคนที่มีความคิดที่ดีแม้ จะ
เจอสถานการณ์ที่เลวร้ ายมากเพียงใดก็ตาม

คาร์ ลจ้ องมองเชวฮันอย่างจริ งจังก่อนที่เขาจะหันหน้ ามาสบตากับ


ตนและเอ่ยขึ ้น

“มันมากมายเต็มไปหมด….”

“หืม…อะไร?”

“ข้ ามีคาถามที่อยากจะถามท่านและมีบางสิ่งที่จะต้ องรายงานให้


ท่านทราบ”

คาร์ ลเริ่ มรู้สกึ ไม่ดีกบั เรื่ องนี ้

“เริ่ มจากคาถามของเจ้ าก่อน”


เชวฮันดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขณะที่มองไปรอบๆซาก
ปรักหักพังของหอหอยศิลาที่อยู่บริ เวณลานกว้ างนี ้ก่อนจะเอ่ย
คาถามขึ ้น

“ท่านไม่ต้องการที่จะอธิษฐานอะไรเหรอ?”

‘แล้ วมันเป็ นเรื่ องที่นายจาเป็ นต้ องรู้ด้วยหรื อนี่?’

คาร์ ลเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ข้ าไม่คอ่ ยชอบการอธิษฐานอะไรพวกนี ้หรอกนะ”

“ทาไมล่ะ?”

“มันจะทาให้ เจ้ ามีความคาดหวังที่สงู ขึ ้น”


เชวฮัน ฮันส์และแม้ แต่ลกู แมวทังสอง
้ ต่างพร้ อมใจหันมามองที่
คาร์ ลซึง่ ตอนนี ้เขากาลังมองไปที่ซากหอคอยศิลาแบบเดียวกับที่
เชวฮันได้ มองไปก่อนหน้ าและเอ่ยต่อ

“ชีวิตมันจะง่ายกว่าหากเราไม่ต้องคาดหวังกับอะไร”

มันอาจจะเป็ นเรื่ องที่ดีหากคุณคาดหวังที่จะถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่


5 และจบลงด้ วยการถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่4 แต่ถ้าคุณคาดหวังกับ
รางวัลที่ใหญ่กว่านันเช่
้ นรางวัลที่ 1 แต่ผลจบลงด้ วยการที่คณ ุ ถูก
เพียงรางวัลที่ 4 มันก็นบั เป็ นเรื่ องที่ทาให้ คณ
ุ หงุดหงิดอารมณ์เสีย
ได้ เช่นกัน

แปะ! แปะ!
คาร์ ลหันกลับไปมองเมื่อรู้สกึ ว่ามีคนแตะมาที่ไหล่ของตน เขาเห็น
ฮันส์กาลังส่งยิ ้มให้ ตนอยูท่ ี่และเอ่ยกับตนออกมา

“ใช่แล้ วขอรับนายน้ อย…ไม่มีสิ่งที่จะทาให้ ความฝันหรื อความหวัง


เป็ นจริ งได้ ในโลกใบนี ้ ”

“…….หยุดพูดเถอะ”

“เอ่อ….ข…ขอรับนายน้ อย”

ฮันส์ตอบรับด้ วยเสียงอันดังแต่ดเู หมือนเขาจะผิดหวังอยูส่ กั หน่อย


ก่อนจะเดินนาลูกแมวทังสองที
้ ่เดินตามหลังฮันส์อย่างช้ าๆด้ วย
ท่าทางสบายอารมณ์
เชวฮันเดินเข้ ามาหาคาร์ ลอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฮันส์เดินห่าง
ออกไปและพูดด้ วยเสียงที่เบาลงเพื่อไม่ให้ ฮนั ส์ได้ ยินสิ่งที่เขาจะ
พูด

“มังกรได้ เข้ ามาในเมืองแล้ ว”

“ไม่ต้องไปสนใจ”

“อ่า….ข้ าเข้ าใจแล้ ว”

คาร์ ลหันไปมองรอบๆเพื่อมองหามังกรหากว่ามันจะแอบมาดูเขา
อยูแ่ ต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นมัน เขาเห็นเพียงชาวเมืองที่สวด
อธิษฐานจากหอคอยศิลาในลานกว้ างนี ้ วันที่จะจัดเทศกาล
หอคอยศิลายังคงอยูห่ า่ งอีกหนึง่ สัปดาห์แต่ก็ยงั มีผ้ คู นจานวนมาก
อยูท่ ี่นี่ เขาค่อยๆละสายตาไปยังทิศทางตรงข้ ามของที่ตงซาก ั้
ปรักหักพังเหล่านี ้
พื ้นที่ตรงนันมี
้ ขนาดใหญ่กว่าที่ตงซากหอคอยศิ
ั้ ลาเป็ นเท่าตัวโดย
เป็ นที่ดินของเศรษฐี ที่ร่ ารวยที่สดุ ของเมืองพัซเซิล ด้ านหลังของ
ที่ดินนี ้เป็ นภูเขาลูกเล็กๆตังอยู
้ แ่ ละข้ างในภูเขาลูกนี ้อาจจะมีหลุม
ศพของชายชราที่มีอายุ 150 ปี ตงอยู ั ้ ท่ ี่ไหนสักแห่งในภูเขานัน่

วันรุ่งขึ ้น

คาร์ ลต้ องการเดินทางไปยังที่ตงหลุ


ั ้ มศพของชายชราคนนี ้ซึง่ เขา
จะต้ องสลัดคนอื่นๆหรื อแม้ แต่ลกู แมวสองพี่น้องที่เรี ยกร้ องจะ
ติดตามเขาไปให้ ได้ แต่ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทาให้ พวกเขา
ตัดสินใจหยุดการประท้ วงนันทั้ นทีเมื่อคาร์ ลได้ เลือกเพียงคนเดียว
ที่จะต้ องเป็ นคนติดตามเขาไป

“ข้ าจะให้ เชวฮันไปกับข้ าเพียงคนเดียว”


เชวฮันคือคนที่แข็งแกร่งที่สดุ ในที่นี ้จึงทาให้ คาร์ ลเลือกเขาในการ
ติดตามตนไปและนัน่ ทาให้ รองหัวหน้ าองครักษ์ และฮันส์ไม่
สามารถพูดอะไรออกมาได้

รองหัวหน้ าองครักษ์ เพียงแค่ขมวดคิ ้วมุน่ ก่อนจะขอตัวไปฝึ กซ้ อม


เหล่าทหารองครักษ์ ด้วยใบหน้ าที่ผิดหวังก่อนที่เขาจะเรี ยกรวมพล
ในการฝึ กซ้ อมทันที หลังจากนันเขาก็
้ ได้ ยินฮันส์เอ่ยบอกตน

“กระผมจะดูแลลูกแมวน้ อยเองนะขอรับ”

คาร์ ลหันหน้ าหนีฮนั ส์ที่แสดงอาการตื่นเต้ นดีใจที่ตนจะได้ อยูก่ บั


ลูกแมวและมุง่ หน้ าออกจากโรงแรมไปทันทีโดยมีเชวฮันเดิน
ตามหลังเขามาไม่หา่ ง

“วันนี ้พวกเราจะไปทาอะไรบางอย่างกันอีกครัง้ ใช่หรื อไม่?”


“อีกครัง้ ?เดี๋ยวก็มีใครได้ ยินที่เจ้ าพูดหรอก”

เชวฮันไม่ได้ เอ่ยอะไรออกมาอีก และคาร์ ลก็ไม่ได้ สนใจในตัวของ


เขาเช่นกัน ก่อนจะมุง่ หน้ าไปยังภูเขาที่อยูพ่ ื ้นที่กว้ างใหญ่นนั่ และ
พูดขึ ้นในเวลาต่อมา

“ข้ าต้ องการไปที่ภเู ขานัน่ เจ้ ารอข้ าที่ทางขึ ้นเข้ าก็แล้ วกัน”

“ข้ าเข้ าใจแล้ ว”

เชวฮันไม่ได้ พดู อะไรออกมาอีก คาร์ ลต้ องการคนแบบนี ้ เชวฮัน


เป็ นคนที่ไม่เอ่ยคาถามใดๆเขาเป็ นคนที่ยินยอมทาตามคาสัง่ ของ
คาร์ ลแม้ วา่ จะสงสัยในสิ่งที่คาร์ ลทาก็ตาม อาจจะเป็ นเพราะเชว
ฮันคิดว่าเขาสามารถจัดการสิ่งต่างๆตามที่เขาต้ องการได้ โดยง่าย
หรื ออาจจะเป็ นเพราะเขามัน่ ใจว่าจะไม่เกิดอันตรายใดๆแม้ วา่
คาร์ ลจะให้ ทาอะไรที่อนั ตรายมากเพียงใดก็ตาม
คาร์ ลมาถึงภูเขาขนาดเล็กหลังจากเดินผ่านพื ้นที่อนั กว้ างขวางนัน้
มาแล้ วก่อนที่หยุดก้ าวต่อเมื่อได้ ยินเชวฮันเรี ยกตน

“ท่านคาร์ ล”

“มีอะไร?”

“พรุ่งนี ้ข้ าต้ องออกเดินทางแล้ ว”

“อืม…ข้ ารู้แล้ วเพราะข้ าเป็ นคนสัง่ ให้ เจ้ าไปเอง”

เชวฮันมองสบตากับคาร์ ลที่ยืนอยูท่ างขึ ้นภูเขาด้ วยความกระวน


กระวายใจ คาร์ ลเป็ นคนบอกกับเขาว่าคนแบบเขาสามารถ
ปกป้องคุ้มครองผู้อื่นได้ และเขาได้ นกึ ถึงการคุ้มครองเมื่อไม่กี่วนั ที่
ผ่านมา
“ข้ าไม่มีข้อโต้ แย้ งใดกับสิ่งเหล่านันแต่
้ ข้ามีบางอย่างที่อยาก
จะแจ้ งให้ ทา่ นทราบ”

การแจ้ งเรื่ องมังกรดาไม่ใช่สิ่งที่เชวฮันต้ องการ เขาลังเลอยู่ครู่หนึง่


ก่อนจะหันกลับมาสบตาคาร์ ลอีกครัง้ และมองผ่านไหล่ของคาร์ ล
ไปยังต้ นไม้ ที่อยูใ่ กล้ ทางขึ ้นภูเขา

“รอน…..เขาเป็ นคนที่อนั ตราย”

คาร์ ลชะงักไปครู่หนึง่ มันเป็ นสิ่งที่ไม่มีสญ


ั ญาณเตือนใดๆให้ เขารู้
มาก่อน เขาควรแกล้ งทาเป็ นรู้หรื อไม่ร้ ูดีในตอนนี ้เขาต้ องรี บ
ตัดสินใจ?แต่ถึงจะได้ ยินคาถามโดยไม่ทนั ตังตั
้ ว คาร์ ลก็ยงั มีที่ทา่
สงบก่อนตอบกลับออกไป

“เป็ นเช่นนันเหรอ?”

“ท่านไม่แปลกใจเหรอ?เขาเป็ นคนที่มีกลิ่นสาปเลือดที่เป็ น
อันตรายและเขาเป็ นคนที่แข็งแรงมากแม้ วา่ เขาจะมีเลือดออกมา
จากร่างกายมากเพียงใดก็ตาม…..ตอนแรกข้ าคิดว่าท่านคาร์ ลรู้
เรื่ องนี ้แต่ข้าก็ยงั เห็นว่าท่านให้ เขาอยูข่ ้ างกายท่านเสมอ”

แต่ถ้าหากคาร์ ลรู้เรื่ องนี ้เขาก็ต้องให้ รอนคนที่มีความแข็งแกร่ง


เช่นนันมาช่
้ วยในตอนที่เข้ าไปช่วยชีวิตมังกรแต่เขาก็เลือกที่จะไม่
ทาแบบนัน้ ถ้ าเป็ นเช่นนี ้ก็คงเป็ นเพราะคาร์ ลไม่ทราบถึงความ
แข็งแกร่งของรอนหรื อว่าเขาไม่ไว้ วางใจในตัวรอนแต่ก็ไม่มีทางที่
คาร์ ลจะไม่เชื่อใจคนที่รับใช้ เขามาถึง 18 ปี

นัน่ เป็ นเหตุผลที่เชวฮันสรุ ปได้ วา่ คาร์ ลไม่ร้ ูถึงพลังอันแข็งแกร่งของ


รอนนัน่ เอง

“แต่ไม่วา่ จะเป็ นท่านคาร์ ลหรื อคนอื่นๆก็ดจู ะไม่ร้ ูถึงความ


แข็งแกร่งของเขาเลยสักคน”
เชวฮันพยายามขบคิดถึงเรื่ องนี ้มาได้ ระยะหนึง่ แล้ ว และการที่
คาร์ ลพูดด้ วยความจริ งใจว่าเขาเป็ นคนไม่มีความคาดหวังกับสิ่ง
ใดทาให้ เขาตัดสินใจที่จะไม่พดู อะไรเกี่ยวกับรอนออกมา อย่างไร
ก็ตามความจริ งที่วา่ คาร์ ลเลือกให้ รอนเป็ นคนคุ้มครองตนในวันนี ้
ทาให้ เขาอดรู้สกึ ผิดไม่ได้
“นัน่ คือเหตุผลที่ข้าตัดสินใจบอกท่านในวันนี ้”

“โอ้ ..จริ งเหรอ? ข้ าไม่ร้ ูมาก่อนว่ารอนเป็ นคนที่แข็งแกร่งมาก”

เชวฮันเอ่ยถามคาร์ ลอีกครัง้ หลังจากได้ ยินคาตอบที่แสนใจเย็น


แบบนันของคาร์
้ ล

“ทาไมท่านยังให้ เขาอยูข่ ้ างกายท่าน? ทังที


้ ่เขาดูเป็ นคนชัว่ ร้ าย
เช่นนัน?”

คาร์ ลพ่นลมออกทางจมูกเบาๆกับคาพูดที่ได้ ยินจากเชวฮัน เขาจะ


เก็บรอนไว้ ข้างตัวงันเหรอ?เขาก
้ าลังวางแผนที่จะส่งรอนไปให้ เชว
ฮันเมื่อตอนที่ไปถึงเมืองหลวงต่างหากเล่า

“ไม่วา่ จะเป็ นเจ้ าหรื อรอน”


“อะไรนะ?”

“เจ้ าบอกว่ารอนเป็ นอันตรายแต่เจ้ าก็ยงั ออกไปกับเขาเพียงลาพัง


ไม่ใช่เหรอ?”

“นัน่ เป็ นเพราะ……….” เชวฮันไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้

“นัน่ เป็ นเพราะเขาไม่ทาอะไรเจ้ า”

เชวฮันไม่สามารถหาคาโต้ แย้ งกับคาพูดของคาร์ ลได้ มันมีเพียง


ความเข้ าใจผิดกันจนเกิดการต่อสู้เล็กน้ อยและหลังจากนันรอนก็

ช่วยเขาหาดาบที่เหมาะสมกับตนเองหรื อแม้ กระทัง่ ช่วยดูแล
ปั ญหาต่างๆของหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสให้

คาร์ ลเงียบไปชัว่ ครู่เมื่อลอบสังเกตเชวฮัน


ไม่ใช่เฉพาะเชวฮันเท่านัน้ รอนไม่เคยทาร้ ายอะไรให้ ใครสิ่งเดียวที่
รอนทาคือการทาน ้ามะนาวให้ คาร์ ลทุกครัง้ ที่มีโอกาสมันเป็ นการ
กลัน่ แกล้ งเล็กๆที่เขาทาให้ แก่คาร์ ลรวมถึงซุปเนื ้อกระต่ายนัน่ ด้ วย
แต่มนั ก็ดเู หมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย

“รอนรับใช้ ข้ามา 18 ปี แล้ ว”

ไม่วา่ จะเกิดอะไรขึ ้นรอนก็พยายามที่จะซ่อนตัวตนที่แท้ จริ งของตน


และทุม่ เทกับการแสดงเป็ นคนใช้ แม้ แต่รองหัวหน้ าองครักษ์ ก็ไม่
รู้สกึ โกรธที่เขาเป็ นผู้ยืนอยูเ่ คียงข้ างคาร์ ลหรื อแม้ แต่ฮนั ส์ก็ไม่โกรธ
ที่เขามาทาหน้ าที่แทนเขา เป็ นเพราะรอนเป็ นคนมีฝีมือและเป็ นที่
ชื่นชอบของคนในคฤหาสน์เฮนิตสั

“เจ้ าเกลียดรอนงันหรื
้ อ?”
เชวฮันตกใจไปชัว่ ขณะก่อนส่ายศีรษะหลังจากหยุดชะงักไปครู่
ใหญ่

“ไม่…”

“ถ้ าเช่นนัน……………..”

“ข้ าแค่คิดว่ามันจะดีกบั ท่านหากรู้วา่ เขาเป็ นคนอันตรายจึง


ตัดสินใจบอกท่านในวันนี ้”

“ไม่วา่ จะเป็ นเจ้ าหรื อรอน”

เชวฮันมองคาร์ ลหลังจากที่ได้ ยินประโยคนัน้

“เจ้ าทังสองเหมื
้ อนกันกับข้ าในแง่ของการเป็ นคนที่อนั ตราย”
คาร์ ลมองไปที่เชวฮันด้ วยท่าทางอดทนและพูดต่อไป

“เจ้ าเป็ นคนที่แข็งแกร่งมาก”

“อ่า……”

เชวฮันชะงักค้ างอีกครัง้ แต่คาร์ ลไม่ร้ ูถึงปฏิกิริยานี ้เพราะเขาหัน


กลังให้ กบั เชวฮันแต่เขาก็พดู ต่อทันที

“และทังหมดนั
้ นมั
้ นเป็ นเหมือนกับข้ า”

เขาไม่ร้ ูเหตุผลของรอนมากนัก แต่รอนคนที่มาจากดินแดน


ตะวันออกมาอาศัยหลบซ่อนตัวตนในอาณาเขต เฮนิตสั หากเขา
คิดที่จะแตะต้ องลูกชายของทานเคานต์เช่นเขา มันก็เป็ นเรื่ องราว
ใหญ่โตแพร่กระจายไปทัว่ อาณาเขตเป็ นแน่
รอนเป็ นคนไม่สนใจสิ่งใดหรื อคนอื่นนอกจากบุตรชายและตัวเขา
เอง แล้ วคนเช่นนี ้จะชอบทาเรื่ องที่มนั วุน่ วายขึ ้นอย่างนันหรื
้ อ?
คาร์ ลกลัวแต่วา่ หากชายแก่คนนี ้รู้วา่ เขารู้ตวั ตนที่แท้ จริ งของเขาจึง
ต้ องวางแผนหาทางกาจัดชายชราคนนี ้ออกไปให้ ไวที่สดุ เท่าที่จะ
เป็ นไปได้ เพื่อให้ เขาสามารถมีชีวิตได้ อย่างสงบสุข

“ตราบใดที่เขาเป็ นพ่อบ้ านของข้ า…เขาก็ยงั คงเป็ นพ่อบ้ านของข้ า


เหมือนเดิม…เช่นเดียวกับเจ้ า!เชวฮัน….เจ้ าก็ยงั คงเป็ นคนที่ต้อง
จ่ายเงินใช้ คืนข้ าเช่นเดิม”

คาร์ ลก้ มดูนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลาดูอีกครัง้ ความแรงลมในถ ้า


จะแตกต่างกันไปขึ ้นอยูก่ บั ช่วงเวลาในแต่ละวัน และเขาต้ องรี บ
แล้ วในตอนนี ้

“หากเจ้ าไม่มีอะไรจะพูดแล้ วจงรออยูท่ ี่นี่….ไม่ต้องตามข้ ามา”


เชวฮันพยักหน้ าตอบรับอย่างเงียบๆ

คาร์ ลไม่ได้ มองย้ อนกลับมาเมื่อเขามุง่ มัน่ ที่จะเดินต่อไปยังภูเขา


ลูกเล็กด้ านหน้ า หลังจากแน่ใจว่าเขามองไม่เห็นคาร์ ลแล้ วเขาก็
หันกลับไปมองที่ต้นไม้ ข้างทางขึ ้นเขาและเริ่ มพูด

“ท่านได้ ยินที่เขาพูดหรื อไม่?”

รอนกระโดดลงจากต้ นไม่ด้วยความนุ่มนวล เขาจ้ องมองที่เชวฮัน


พร้ อมกับรอยยิ ้มน้ อยๆ น ้าเสียงที่ราบเรี ยบค่อยๆไหลออกมาจาก
ปากรอน

“ข้ าเป็ นคนเปลี่ยนผ้ าอ้ อมและก็เลี ้ยงดูเขามาตังแต่


้ เด็กๆ”

มันคือความจริ งที่ปฏิเสธไม่ได้
เชวฮันยืนอยูด่ ้ านหน้ าของเส้ นทางที่ตรงไปยังภูเขาลูกเล็กนันและ

เริ่ มพูดออกมาช้ าๆแต่หนักแน่น

“ท่านคาร์ ลไม่ให้ ใครติดตามเขาเข้ าไป”

“ข้ ารู้…เจ้ าตัวอันตรายเอ๋ย”

รอนหันหลังให้ กบั ภูเขาโดยไม่มีความลังเลหรื อเสียใจใดๆ เมื่อเขา


ได้ ยินว่าคาร์ ลจะออกมากับเชวฮันเพียงลาพังโดยทิ ้งลูกแมวทัง้
สองไว้ ด้วยเขาก็ตดั สินใจตามมาทันทีหากมีอะไรเกิดขึ ้น

“ข้ าไม่ควรตามมาจริ งๆ”

มีคนเคยกล่าวว่า…คุณจะได้ รับความไม่แน่นอนในชีวิตเมื่อคุณ
อายุมากขึ ้นและความไม่แน่นอนนี ้มักทาให้ เจ็บปวดเสมอ รอนเดิน
กลับไปยังโรงแรมด้ วยก้ าวที่ช้าลงกว่าตอนที่ออกมา
เชวฮันยืนมองดูรอนหายลับไปจากสายตาก่อนจะนัง่ ลงบนก้ อน
หินขนาดใหญ่เพื่อรอคาร์ ลกลับมา

คาร์ ลกาลังยืนอยูห่ น้ าถ ้าที่อยูน่ อกเส้ นทางไปยังภูเขาไม่ไกลนัก


ปากทางเข้ าถ ้าถูกปกคลุมไปด้ วยเถาวัลย์จนไม่สามารถมองเห็น
สิ่งใดได้ ยกเว้ นว่าจะมองหามันอย่างระมัดระวัง

“ให้ ตายสิ…” คาร์ ลเริ่ มมีอารมณ์หงุดหงิด

ทางเข้ าถ ้ามีขนาดเล็กมาก เขาก้ มลงมองไปที่เสื ้อผ้ าของตนวันนี ้


เขาสวมชุดที่ดเู รี ยบง่ายที่สดุ แต่มนั ก็ยงั ดูเทอะทะไม่สะดวกอยูด่ ี

“เฮ้ อ….”คาร์ ลถอนหายใจยาวก่อนที่จะคลานเข้ าไปในถ ้าไม่วา่ จะ


เป็ นต้ นไม้ กินคนหรื อถ ้านี ้ที่มีสว่ นเกี่ยวข้ องกับพลังศักดิ์สทิ ธิ์
โบราณมันมักจะมีแต่เรื่ องบ้ าๆเสมอ พื ้นดินทางเข้ าถ ้าในตอนนี ้มี
แต่ร่องรอยของคาร์ ลที่กาลังคลานเข้ าไปช้ าๆ

และในเวลาต่อมาไม่นานรอยเท้ าเล็กๆของสัตว์ขนาดหนึง่ เมตรก็


ปรากฏขึ ้นตรงจุดเดียวกับร่องรอยของคาร์ ล

คาร์ ลเริ่ มเห็นถ ้าที่กว้ างมากกว่าเดิมหลังจากที่คลานเข้ ามาแล้ ว


ประมาณ 5 นาที

‘เทย์เลอร์ คงรู้สกึ หมดหวังจริ งๆสินะ เขาถึงต้ องคลานเข้ ามาในถ ้า


นี ้ในสภาพร่างกายแบบนันได้ ้ ’

เพราะจะต้ องเป็ นคนที่ต้องเดินทางมาหาหอคอยศิลาด้ วยตนเอง


เท่านันจึ้ งทาให้ บตุ รชายคนโตของมาร์ ควิสสแตนต้ องเดินทางมา
ที่นี่ด้วยตนเอง คาร์ ลใช้ เวลาในการเข้ ามาถึงที่นี่ในเวลา 5 นาที
และแน่นอนว่าเทย์เลอร์ จะต้ องใช้ เวลากับมันมากกว่าเขาหลาย
เท่านัก

คาร์ ลลุกขึ ้นยืนเมื่อเห็นว่ามันกว้ างพอที่จะเดินเข้ าไปได้ และเริ่ ม


เดินเข้ าไปกับระยะทางที่ไกลเพิ่มขึ ้นเรื่ อยๆเช่นกัน ก่อนจะได้ ยิน
เสียงที่ดงั เข้ ามาให้ ได้ ยินชัดเจนมากขึ ้น

ฟิ ว้ วิ ้ว วิ ้วว วิ ้ว~~

มันคือเสียงลม เป็ นเสียงของลมจากหลายทิศทางมากระทบกัน


กลายเป็ นเสียงที่ดงั ขึ ้นภายในถ ้าแห่งนี ้และเขายังคงเดินเข้ าไป
เรื่ อยๆ จนมาถึงจุดที่มีเศษเสื ้อผ้ าและเสาตังอยู
้ ด่ เู หมือนมันจะเป็ น
ที่ตงของกระท่
ั้ อมเมื่อนานมาแล้ ว หลังจากมองเพียงครัง้ เดียวเขา
ก็ก้าวเดินต่อไปเป็ นระยะทางที่ลกึ เพิ่มขึ ้นกว่าเดิม

ฟิ ว้ วิ ้ว วิ ้วว วิ ้ว~~
เสียงลมเริ่ มทวีความรุนแรงมากขึ ้น

บู๊ม บู๊ม

เขายังคงได้ ยินเสียงลมปะทะกับผนังถ ้าจนดูคล้ ายกับกาปั น้ ยักษ์ ที่


กาลังต่อยผนังถ ้าอยูใ่ นตอนนี ้และมันทาให้ เขาต้ องก้ าวเท้ ายาวขึ ้น
และรวดเร็วเป็ นเท่าตัว

‘…ลม…ฉันอยากรู้วา่ มันจะยังมีเสียงแบบนี ้ไหมหากฉันได้ รับพลัง


ศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ ‘เสียงเรี ยกของวายุ’ในภายหลัง’

‘โล่นิรันดร์ กาล การฟื น้ คืนและความเร็ วของสองเท้ า’ นัน่ คือ


แผนการของคาร์ ลในวันนี ้ ในที่สดุ เขาก็ต้องหยุดเดินต่อเมื่อเจอกับ
พลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เขาต้ องการมัน
ไม่ใช่วา่ เขาอยากจะหยุดเดินแต่เขาถูกบังคับให้ หยุดต่างหาก

“โห……………..” นี่มนั แย่กว่าที่คิดไว้ อีก

มีหลุมใต้ ดินขนาดใหญ่อยูไ่ ม่ไกลจากคาร์ ลมากนัก ใน


ขณะเดียวกันก็มีพายุเฮอร์ ริเคนพัดกระหน่าครอบคลุมบริ เวณนี ้ไป
หมด

บูมบูม!

หินขนาดเล็กและใหญ่จากบนผนังถ ้าค่อยๆร่วงลงกระทบพื ้นช้ าๆ


แต่มีก้อนหินอยูบ่ นพื ้นเพียงเล็กน้ อยทาให้ คาร์ ลทราบว่าหลุมเริ่ ม
ขยายใหญ่ขึ ้นแล้ ว

คาร์ ลมองไปมาระหว่างหลุมขนาดใหญ่กบั เส้ นทางที่ตนเดินเข้ ามา


เขารู้สกึ เหมือนกับว่าเขาอาจถูกผลักกลับจากลมที่รุนแรงนันหาก

เขาเข้ าไปในใจกลางพายุนน…ไม่
ั้ ส… ิ น่าจะผลักเขาไปอัดกับผนัง
ถ ้ามากกว่าและมันอาจทาให้ เขาได้ รับบาดเจ็บรุนแรงได้

‘พายุนนั่ มันแรงแค่ไหนนะ?’

“อืม…..”

แน่นอนว่าจุดศูนย์กลางของพายุที่กาลังหมุนอยูใ่ นตอนนี ้ที่จะสงบ


ลงได้ ก็คือตาของพายุ (1)

‘ถ้ าจะให้ เดามันคงเป็ นเรื่ องยากสาหรับเทย์เลอร์ หากไม่ได้ การ


ช่วยเหลือจากเคจ’

ตอนนี ้เขาเข้ าใจแล้ วว่าทาไมนิยายเรื่ องนี ้จึงกล่าวว่าทังสองคน



พยายามต่อสู้กบั มันทังสั ้ ปดาห์ แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันคาร์
้ ลก็
สามารถยิ ้มออกมาได้ และตอนนี ้กาลังจะมีการต่อสู้กบั เวลาเริ่ มขึ ้น
แล้ ว

คาร์ ลก้ าวเข้ าไปในหลุมที่กาลังมีพายุเฮอร์ ริเคนโหมกระหน่าอย่าง


บ้ าคลัง่ โดยไม่มีความลังเลใดๆ ผมสีแดงของคาร์ ลเริ่ มพัดกระพือ
รวมถึงเสื ้อผ้ าของเขาด้ วย

ขณะนันเอง

“ไม่นะ! เจ้ าจะได้ รับบาดเจ็บ! เจ้ ามันอ่อนแอมาก! ”

มังกรดาปรากฏตัวขึ ้นจากเส้ นทางที่คาร์ ลใช้ เข้ ามาก่อนจะตะโกน


อย่างเร่งรี บ

ก่อนที่………………….
“…….ฮะ?”

มังกรดาสามารถมองเห็นโล่ขนาดใหญ่ที่มีปีกสีเงินประดับไว้ ทงั ้
สองข้ างและกาลังโอบรอบคาร์ ลไว้

ปี กที่สอ่ งแสงสว่างจนอาจเรี ยกได้ วา่ แสงแห่งความศักดิ์สทิ ธิ์


ล้ อมรอบคาร์ ลไว้ ในขณะที่โล่ขนาดใหญ่ปิดกันลมไม่
้ ให้ ปะทะกับ
ร่างกายเขา โล่และปี กช่วยรักษาคาร์ ลไว้ ให้ ปลอดภัย

คาร์ ลมองไปรอบๆก่อนที่ดวงตาจะขยายกว้ างขึ ้นเมื่อสายตาไป


ปะทะกับมังกรดาเข้ า

“ให้ ตายเถอะ! เจ้ ามาทาอะไรที่นี่?”

มังกรดาตัวน้ อยไม่สามารถพูดอะไรกับคาร์ ลได้ เลย


(1) ตาพายุ คือบริ เวณที่สภาพอากาศโดยส่วนมากสงบที่จดุ
ศูนย์กลางของพายุหมุนเขตร้ อนที่มีพลัง ตาของพายุมี
ลักษณะเป็ นพื ้นที่วงกลมอย่างคร่าว ๆ มีขนาดเส้ นผ่าน
ศูนย์กลางโดยปกติที่ 30–65 กม.
บทที่ 24 ตอบแทนบุญคุณ 4

มังกรดำค่อยๆคลำนกลับเข้ ำไปทำงเดิมที่มนั ออกมำ ในขณะที่


คำร์ ลจ้ องมองมังกรดำที่ไม่ยอมเชื่อฟั งเขำอยู่ เขำก็ยงั คงได้ ยิน
เสียงแผ่วเบำที่ดงั แทรกเสียงลมแรงเข้ ำมำยังหูของเขำได้

“……..ข…..ข้ ำแค่เดินผ่ำนมำ”

“เตรำะ!”

มังกรดำตัวน้ อยสะดุ้งตกใจเมื่อได้ ยินเสียงเดำะลิ ้นของเขำ


ในตอนนี ้เขำไม่มีเวลำที่จะสนใจมันมำกนัก ลมในถ ้ำจะมีกำลัง
แรงที่สดุ 3 ชัว่ โมงและลมที่มีกำลังแรงน้ อยที่สดุ 3 ชัว่ โมง และนี่
เป็ นช่วงเวลำที่แรงกำลังของมันเริ่ มอ่อนลงแล้ ว ถึงจะเป็ นเช่นนัน้
มันก็ยงั คงมีกำลังที่แรงอยูเ่ มื่อเขำเข้ ำใกล้ จดุ ศูนย์กลำงของมัน
ฟิ ว้ วิ ้ว วิ ้วว วิ ้ว~~

“มันน่ำกลัวมำก”

พำยุที่พดั โหมกระหน่ำอยู่นี ้ยังคงมีควำมรุนแรงมำกแม้ วำ่ มันจะ


เข้ ำสูร่ ะยะที่ถกู เรี ยกว่ำ “ระยะอ่อนกำลังลง”แล้ วก็ตำม ในนิยำยได้
กล่ำวว่ำชำยชรำที่มีอำยุ 150 ปี ได้ ฝ่ำเข้ ำไปในพำยุเพื่อไปหำ
หอคอยศิลำในตอนที่มนั อยูใ่ นระยะที่ออ่ นกำลังลงนี ้เช่นกัน

คำร์ ลหันกลับไปมองบริ เวณกลำงถ ้ำที่มีหลุมขนำดใหญ่ตรงกลำง


ของมันมีหอคอยศิลำกองซ้ อนทับกันได้ เพียงครึ่งทำงดูเหมือนจุด
นันจะไม่
้ มีพำยุพดั เข้ ำไปถึงและบริ เวณรอบๆหอคอยศิลำที่ยงั ไม่
เสร็ จสมบูรณ์นี ้ยังมีก้อนหินขนำดเล็กใหญ่แตกต่ำงกับไปวำงอยู่
พื ้นที่โดยรอบของมัน
‘ฉันต้ องนำหินพวกนันไปวำงลงบนหอคอยศิ
้ ลำที่ยงั สร้ ำงไม่เสร็จ
นัน่ สินะ’

เคร้ ง! เคร้ ง! เคร้ ง! ลมที่พดั แรงจำกพำยุกระทบเข้ ำกับโล่ ถึงแม้


มันจะเป็ นโล่ที่โปร่งใสจนแทบจะไม่สำมำรถมองเห็นมันชัดได้ แต่
เสียงที่ดงั ขึ ้นก็เหมือนกับลมได้ ปะทะเข้ ำกับโลหะจริ งๆ

เสียงที่ดงั ขึ ้นทำให้ มงั กรดำต้ องหันกลับไปมองที่คำร์ ลช้ ำๆ

“……แต่ร่ำงกำยเจ้ ำมันอ่อนแอ”

มังกรดำมองเห็นช่วงเวลำที่ยำกลำบำกของคำร์ ล แม้ วำ่ โล่และปี ก


ของมันจะสำมำรถปกป้องตัวเขำได้ แต่มนั ก็ไม่สำมำรป้องกันลม
ได้ ทงหมด
ั้ ลมที่ลอดผ่ำนเข้ ำไปกระทบเข้ ำกับเสื ้อผ้ ำของเขำส่งผล
ให้ มนั ถูกสะบัดอย่ำงรุนแรง ลมที่ลอดผ่ำนด้ ำนล่ำงของโล่ทำให้
เขำห้ องหยุดกำรเคลื่อนไหวเป็ นระยะๆ
อย่ำงไรก็ตำมคำร์ ลก็ยงั คงมุง่ มัน่ เดินต่อไปข้ ำงหน้ ำทีละก้ ำวอย่ำง
มัน่ คงและมังกรดำก็สำมำรถมองเห็นมันได้

คำร์ ลกำลังยิ ้มอย่ำงพอใจ มนุษย์ธรรมดำๆเช่นเขำไม่มีควำม


แข็งแกร่งที่จะสำมำรถต่อกรกับพำยุเฮอร์ ริเคนนี ้ได้ เขำมันมีแต่
ควำมอ่อนแอ ควำมแข็งแกร่งก็น้อยกว่ำลูกแมวสองตัวนันหรื ้ อ
แม้ แต่มนุษย์คนอื่นๆที่ร่วมเดินทำงมำพร้ อมกันเสียอีก เขำกำลัง
ก้ ำวฝ่ ำลมแรงนี ้เข้ ำไปอย่ำงช้ ำๆด้ วยรอยยิ ้มเต็มใบหน้ ำ

มังกรน้ อยไม่เคยเห็นโล่เงินเช่นนี ้มำก่อนรวมทังปี


้ กสองข้ ำงนันด้
้ วย
มังกรน้ อยก้ มมองดูปีกของมันซึง่ มีควำมแตกต่ำงจำกปี กที่มนั เห็น
บนร่ำงของคำร์ ลเป็ นอย่ำงมำก ปี กนัน่ มีควำมสวยงำมและมีพลัง
มันสงสัยว่ำพลังนัน่ มันคืออะไรกันนะ?
้ งกรน้ อยก็ไม่ได้ มงุ่ ควำมสนใจไปที่โล่ศกั ดิ์สทิ ธิ์
ถึงจะเป็ นเช่นนันมั
หรื อปี กที่สวยงำมคูน่ นั ้ มันสนใจกับรอยยิ ้มของคำร์ ลต่ำงหำกและ
ตอนนี ้เป้ำหมำยที่มนั จ้ องมองอยูก่ ็ยิ่งเพิ่มรอยยิ ้มกว้ ำงอีกเท่ำตัว

‘ต้ องทำได้ สิ…..มันยังคงปลอดภัย’

มันเป็ นสิ่งที่ทำได้ คอ่ นข้ ำงยำกและล่ำช้ ำเพรำะแรงของลมที่ยงั


รุนแรงอยู่ แต่ถ้ำให้ เทียบกับบำรอคที่ต้องเกือบตำยจำกกำรที่รอน
สอนศิลปะกำรใช้ ดำบให้ แล้ วนัน้ สิ่งที่เขำเผชิญในตอนนี ้อำจเป็ น
ของเล่นเด็กๆได้ เลยทีเดียว มันเป็ นสิ่งที่ทำให้ คำร์ ลรู้สกึ ว่ำมันดี
ที่สดุ หำกจะได้ รับอะไรบ้ ำงอย่ำงโดยไม่ต้องใช้ ควำมพยำยำมมำก
นัก

ไม่มีควำมเคร่งเครี ยดทำงร่ำงกำยและจิตใจเมื่อเขำได้ ใช้ โล่นิรันดร์


กำลนี ้ มันอำจจะมีชว่ งเวลำที่อำจแตกหักได้ แต่ในตอนนี ้ก็ยงั ไม่ได้
อยูใ่ นสถำนกำรณ์ที่คบั ขันจนเกิดอันตรำยได้ เช่นนัน้
‘มันจะผลักฉันกลับออกไป’

โล่จะได้ รับแรงผลักจำกลมทำให้ ถอยกลับไป จะให้ พดู ง่ำยๆก็คือ


เขำจะถูกมันผลักอยูแ่ บบนี ้หลำยครัง้ นัน่ ทำให้ เขำลดพลังของโล่
และขยำยขนำดของมันให้ เพิ่มขึ ้นและเขำก็มีแผนที่จะค่อยๆลด
ขนำดของโล่หำกเขำต้ องกำรดันลมแรงนันกลั ้ บคืน

อย่ำงไรก็ตำมโล่นิรันดร์ กำลสำมำรถทำงำนได้ ดีเกินที่คำร์ ลคำดไว้


ส่งผลให้ เขำรู้สกึ หงุดหงิดบ้ ำงเล็กน้ อย แต่เมื่อเขำเข้ ำมำถึงจุด
กึ่งกลำงพำยุเฮอร์ ริเคนนี ้แล้ วจึงต้ องสลัดอำกำรหงุดหงิดเหล่ำนัน้
ออกไป

ในนิยำยได้ กล่ำวว่ำคุณจะได้ ยินเสียงบำงอย่ำงเมื่อใกล้ มำถึงจุด


ศูนย์กลำงของพำยุเฮอร์ ริเคนและมันควรที่จะเป็ นเสียงชำยชรำ
คำร์ ลกำลังรอคอยเสียงนันอยู ้ แ่ ละพำยุเฮอร์ ริเคนจะต้ องเพิ่มควำม
รุนแรงขึ ้นเมื่อมีเสียงนันดั
้ งขึ ้น

-ข้ ำเสียใจ-

เขำได้ ยินเสียงที่ดงั ขึ ้นแต่มนั รู้สกึ แปลกๆเล็กน้ อย

-ฮือๆๆๆๆๆ……ข้ ำเสียใจ-

มันเป็ นเสียงชำยชรำที่แสนเศร้ ำ

“เตรำะ”

คำร์ ลเดำะลิ ้นของเขำ ไม่มีพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบรำณที่เป็ นเรื่ อง


ธรรมดำ ทำไมเทย์เลอร์ จงึ คิดว่ำเสียงชำยชรำคนนี ้เป็ นเสียงที่
กังวำลและจริ งใจกัน? คำร์ ลไม่สำมำรถเข้ ำใจควำมคิดของเทย์
เลอร์ ได้ เลย

คำร์ ลหยุดกำรเดำะลิ ้นของตนและหยุดกำรเคลื่อนไหวใดๆ

-มันเป็ นพลังที่ข้ำรู้สกึ คุ้นเคยยิ่งนัก ข้ ำขอให้ เจ้ ำไม่ได้ มีพลังนี ้เถิด-

‘ฮึ ้ม?’

‘คนที่พลังที่ค้ นุ เคยเช่นนันหรื
้ อ?’

ประโยคนันเรี
้ ยกควำมสนใจได้ จำกคำร์ ลเป็ นอย่ำงดี ในเวลำ
เดียวกันนันลมก็
้ เริ่ มรุนแรงเพิ่มขึ ้นและปกคลุมเข้ ำเต็มพื ้นที่ที่คำร์ ล
ยืนอยู่
เคร้ ง!เคร้ ง!เคร้ ง!เคร้ ง! เสียงลมยังคงกระทบกับโล่ที่โปร่งใสจนเกิด
เสียงดังขึ ้น แต่สิ่งที่คำร์ ลสนใจไม่ใช่เสียงที่เกิดจำกลมนี ้แม้ ว่ำ
เสื ้อผ้ ำและเส้ นผมจะยังคงพลิ ้วไปกับควำมเร็วลมก็ตำม

‘เขำกำลังพูดถึงเกี่ยวกับโล่นิรันดร์ กำลใช่หรื อไม่?’

สิ่งเดียวที่คำร์ ลพอจะเดำได้ เกี่ยวกับ ‘พลังที่ค้ นุ เคย’ น่ำจะเป็ นโล่นิ


รันดร์ กำลที่อยูใ่ นตัวเขำในตอนนี ้ มันไม่ได้ กล่ำวถึงเรื่ องนี ้กับเทย์
เลอร์ ตำมเนื ้อหำในนิยำย หรื อว่ำเจ้ ำของพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบรำณนี ้
อำจจะรู้จกั กับเจ้ ำของโล่นิรันดร์ กำล? ควำมเป็ นไปได้ หลำยอย่ำง
ต่ำงวิ่งเข้ ำมำในห้ วงควำมคิดของเขำ

อย่ำงไรก็ตำมคำร์ ลยังคงเลือกที่จะก้ ำวไปข้ ำงหน้ ำต่อไปอีกครัง้


หำกเขำช้ ำไปกว่ำนี ้ลมอำจจะทวีควำมรุนแรงขึ ้นได้
-ข้ ำทรยศต่อสหำยของข้ ำ! ข้ ำมันเลว!ฮือๆๆๆแต่ตวั ข้ ำก็ยงั คงมี
ชีวิตอยูเ่ พียงลำพังและแก่ตำยในที่สดุ มันน่ำอำยมำกแค่ไหนเจ้ ำรู้
หรื อไม่?-

คำร์ ลยังคงได้ ยินเสียงของชำยชรำอย่ำงต่อเนื่องซึง่ มันค่อนข้ ำง


ลำบำกในกำรก้ ำวเท้ ำไปข้ ำงหน้ ำทีละก้ ำวเช่นนี ้

-ข้ ำหวังว่ำทุกคนจะกลับมำมีชีวิตอีกครัง้ แต่ถึงจะเป็ นเช่นนัน้


ควำมปรำรถนำของข้ ำก็ไม่สำมำรถเป็ นไปได้ ข้ ำทำได้
เพียงแต่……..เสียใจและร้ องไห้ ! นัน่ เป็ นเหตุผลที่ข้ำไม่สำมำรถ
สร้ ำงหอคอยศิลำให้ สำเร็ จได้ -

‘มันน่ำรำคำญ’

คำร์ ลพบว่ำเสียงร้ องไห้ คร่ ำครวญของชำยชรำเป็ นสิ่งที่น่ำรำคำญ


มำก เสียงแบบนี ้เป็ นเสียงของคนที่อยำกจะตำยซึง่ มันเป็ นแบบที่
เขำเกลียดเป็ นอย่ำงมำก คนที่ฟงุ้ เฟ้อเจ้ ำสำรำญเช่นเขำยังดีกว่ำ
เสียอีก

คำร์ ลหันกลับมำสนใจกับร่ำงกำยของตนเมื่อรู้สกึ ถึงแรงลมผลัก


เขำกลับไปด้ ำนหลังอีกครัง้ ควำมแรงของมันทำให้ เขำได้ รับแรง
กระแทกไปที่ขำของเขำแต่เขำก็ยงั คงก้ ำวต่อไปพร้ อมกับเสียงชำย
ชรำที่ดงั ขึ ้นอย่ำงต่อเนื่อง

ควำมสำมำรถในกำรฟื น้ ฟูร่ำงกำยในตอนนี ้เป็ นสิ่งที่ไร้ ประโยชน์


มันมีเพียงควำมสำมำรถในกำรปกป้องร่ำงกำยเขำเท่ำนันไม่ ้ ได้ มี
ประโยชน์ในลักษณะอื่นอีก ฉันมันเป็ นขยะไร้ คำ่ จริ งๆ!

คำร์ ลไม่สนใจเสียงของชำยชรำที่ยงั คงพล่ำมเข้ ำมำในห้ วง


ควำมคิดของคำร์ ลตลอดทำงที่เขำก้ ำวเดิน พลังศักดิ์สทิ ธิ์ที่ใช้
ปกป้องเขำคือสิ่งที่สำคัญที่สดุ ใครจะไปสนใจในเรื่ องที่ทำให้ ตวั เอง
เป็ นเพียงขยะไร้ คำ่ กันไม่มีสิ่งใดที่สำคัญตรำบเท่ำที่เขำยังมีชีวิต
อยู่
เพียงแค่ห้ำก้ ำวเท่ำนันเขำก็
้ จะถึงจุดศูนย์กลำงของพำยุเฮอร์ ริเคน
นี ้แล้ ว

บูม!บูม!บูม!บูม!บูม!

เสียงลมที่ประทะกับโล่มีเสียงที่ดงั รุนแรงขึ ้นมันเหมือนกับมีคนเข้ ำ


มำต่อยกับโล่นี ้ด้ วยแรงมหำศำล

‘เหมือนมันกำลังจะแตกให้ ได้ ’

คำร์ ลคิดว่ำตอนนี ้ลมมีควำมรุนแรงที่จะสำมำรถทำให้ โล่แตกได้


แต่มนั ก็ยงั ไม่มีควำมเสียหำยใดๆนอกจำกว่ำจะผลักให้ เขำกลับ
หลังไปเท่ำนัน้ เมื่อเขำมีควำมรู้สกึ ว่ำตอนนี ้ลมเหมือนจะสำมำรถ
ตัดร่ำงกำยของเขำให้ ขำดออกได้ โดยง่ำยเขำก็จะเปลี่ยนไป
ตระหนักถึงสิ่งอื่นเช่นกัน
‘ฉันจะไม่ตำยแม้ วำ่ ลมจะตัดฉันเหมือนมันเป็ นใบมีดก็ตำม’ และ
ควำมจริ งอีกเรื่ องที่ไม่สำมำรถปฏิเสธได้ คือชำยชรำเจ้ ำของพลัง
ศักดิ์สทิ ธิ์โบรำณนี ้เป็ นคนที่พดู มำกเหลือเกิน

คำร์ ลรี บปรับลดขนำดของโล่ลง บูม!บูม! ตอนนี ้โล่มีขนำดเล็กลง


แต่พลังมันกลับแกร่งขึ ้นกว่ำเดิม มันสำมำรถปะทะและต้ ำน
แรงลมที่กำลังโหมกระหน่ำนี ้ได้ อย่ำงยอดเยี่ยม

คำร์ ลเอื ้อมมือไปจับจุดที่โปร่งใสของด้ ำนในโล่ พร้ อมกับก้ ำวเท้ ำ


ไปข้ ำงหน้ ำอย่ำงมัน่ คง

ก้ ำวที่หนึง่

-กำรสร้ ำงมันขึ ้นมำใหม่คือคำสำปแช่ง-


ก้ ำวที่สอง

-หัวใจของข้ ำยังคงเต้ นอยูต่ ลอดแต่ข้ำไม่สำมำรถเคลื่อนไหว


ร่ำงกำยได้ -

ก้ ำวที่สำม

–นัน่ เป็ นเพรำะข้ ำกลัวว่ำข้ ำจะตำย-

ก้ ำวที่สี่

-ข้ ำกลัวควำมเจ็บปวดเพรำะข้ ำได้ รับบำดเจ็บอยู่ตลอดเวลำและ


แม้ แต่ควำมตำยที่ทำให้ ควำมเจ็บปวดนันหำยไปข้
้ ำก็ยงั กลัว-

ในที่สดุ ………….
เขำก็ก้ำวเข้ ำสูก่ ้ ำวสุดท้ ำยในก้ ำวที่ห้ำ

ซ่ำ!ซ่ำ!ซ่ำ!

ในจุดศูนย์กลำงของพำยุมีเสียงคล้ ำยฝนตกกระทบลงมำรอบๆตัว
ของคำร์ ล นี่คือตำของพำยุจดุ ศูนย์กลำงของมันคือจุดที่ลมอ่อน
กำลังที่สดุ มันสงบมำก เขำยังคงได้ ยินเสียงชำยชรำแทรกผ่ำนเข้ ำ
มำตำมสำยลมที่พดั อย่ำงช้ ำๆนี ้อยู่ดี

-ข้ ำเลือกที่จะโยนทิ ้งทุกสิ่งเพื่อให้ ข้ำมีชีวิตอยูต่ อ่ ไป-

นัน่ คือประโยคสุดท้ ำยที่ชำยชรำได้ กล่ำวออกมำ

“เตรำะ”

‘ใครจะสนใจเรื่ องอื่นกันเล่ำ ชีวิตต้ องมำก่อนเสมอ’


ชำยชรำคนนี ้พูดแต่เรื่ องไร้ ประโยชน์ คำร์ ลเดำะลิ ้นของเขำอีกครัง้
ก่อนที่จะก้ มลงมองโล่นิรันดร์ กำลที่หน้ ำอกของตนเอง แสงสีเงิน
รอบๆตัวเขำหำยไปอย่ำงรวดเร็ว

เขำมุง่ หน้ ำไปยังหอคอยศิลำที่ถกู สร้ ำงไว้ เพียงครึ่งและคุกเข่ำลง


ตรงหน้ ำของมัน

มันเป็ นหอคอยศิลำที่ทำมำจำกหินที่หำได้ ง่ำยๆตำมภูเขำเหล่ำนี ้


อย่ำงไรก็ตำมหินทังหมดล้
้ วนเป็ นสีดำมันไม่ได้ มีควำมต่ำงจำก
ต้ นไม้ กินคนเพรำะมันคือสิ่งที่มีตงแต่
ั ้ อดีตต่ำงจำกหินทัว่ ไปรวมไป
ถึงพำยุที่โหมกระหน่ำในถ ้ำนี ้ก็เป็ นสิ่งที่มีมำตังแต่
้ อดีตเช่นกัน

“เอำแบบนี ้ล่ะกัน”

คำร์ ลผู้ที่มีควำมคิดว่ำจะก่อหอคอยศิลำให้ มีควำมสวยงำมที่สดุ


จำต้ องเปลี่ยนควำมคิดทันที สถำนกำรณ์ในตอนนี ้มันชวน
หงุดหงิดจนไม่มีอำรมณ์สนุ ทรี ย์ในกำรสร้ ำงมันให้ สวยงำมแล้ ว
เขำหยิบถุงมือสองข้ ำงออกจำกกระเป๋ ำและสวมมันเข้ ำไป ก่อนที่
จะค่อยๆหยิบก้ อนหินวำงซ้ อนขึ ้นไปเรื่ อยๆตำมแนวของหอคอย
ศิลำที่มีอยูเ่ ดิม

แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก! หอคอยศิลำถูกสร้ ำงให้ สงู ขึ ้นด้ วยหินทีละ


ก้ อน

มันใช้ เวลำไม่นำน แม้ เทย์เลอร์ จะใช้ เวลำในกำรสร้ ำงหอคอยศิลำ


นี ้ไม่นำนนักแต่สำหรับเคจที่รออยู่ด้ำนนอกตำพำยุนี ้ก็กระวน
กระวำยใจเป็ นอย่ำงมำก มันเป็ นเหมือนกันหมดไม่วำ่ จะพลัง
ศักดิ์สทิ ธิ์ใดผู้ที่ต้องกำรพลังของมันจะต้ องเป็ นผู้ที่อยูใ่ นพื ้นที่นนั ้
เพียงผู้เดียว

“มันก็ง่ำยดีนี่นำ”
คำร์ ลหยิบก้ อนหินสีดำก้ อนสุดท้ ำยขึ ้นมำและวำงมันไว้ บนยอด
ของหอคอยศิลำ

ในตอนนันเอง………….

ชิ ้ง!

หินสีดำค่อยๆเปลี่ยนเป็ นสีขำวซึง่ เป็ นเวลำเดียวกับตอนที่ขำลุกขึ ้น


ยืนก่อนมองไปรอบๆบริ เวณนัน้

ลมค่อยๆลดควำมแรงลงอย่ำงช้ ำๆ

“…..ห๋ำ?”
คำร์ ลไม่ได้ สนใจเสียงของมังกรที่ร้องขึ ้นด้ วยควำมแปลกใจและ
ยืนรอจนลมเงียบสงบลงในที่สดุ ก่อนที่จะยกมือกอดอกเมื่อได้ ยิน
เสียงชำยชรำอีกครัง้ เขำคงไม่ทำงเลือกจริ งๆสินะ

-ข้ ำพยำยำมต่อสู้กบั พวกเขำ แต่ข้ำไม่ร้ ูวำ่ ข้ ำอ่อนแอมำกเกินไป


ต่อควำมเจ็บปวด พวกเขำไม่ใช้ ผ้ รู ับใช้ พระเจ้ ำด้ วยซ ้ำ ข้ ำรู้เพียงว่ำ
หลังจำกที่เรำได้ แยกทำงกัน ข้ ำก็อยูเ่ พียงลำพัง-

คำพูดของชำยชรำทำให้ คำร์ ลสนใจมัน จู่ๆเขำก็นึกถึงคำพูดของ


เจ้ ำของโล่นิรันดร์ กำลขึ ้นมำได้

~ข้ ำถูกเนรเทศออกจำกที่นนั่ พวกมันกล่ำวว่ำข้ ำเป็ นคนตะกละ


โลภมำก! ตะกละตูดมันสิ…แน่นอนว่ำข้ ำออกมำพร้ อมกับเพื่อน
ของข้ ำ..พวกเรำกำลังวำงแผนที่จะทำให้ โลกนี ้กลับสูท่ ิศทำงที่
ถูกต้ อง ……~
~ ข้ ำไม่คิดว่ำข้ ำจะยอมแพ้ ตอ่ กำรได้ ทดลองลิ ้มลองรสชำติแสน
อร่อยต่อให้ ข้ำจะอ้ วนเพียงใดก็ตำม….แต่มนั ไม่ยตุ ิธรรมที่ข้ำได้
กินเพียงแต่ของสกปรกและจบลงด้ วยควำมตำย ~

~ พวกคนที่อยูใ่ นป่ ำแห่งควำมมืดเรี ยกตัวเองว่ำเป็ นผู้รับใช้ ของ


พระเจ้ ำแต่พวกเขำให้ ข้ำกินเพียงอำหำรขยะเท่ำนัน้ ~

เขำรู้สกึ แย่ที่ได้ รับรู้อะไรบำงอย่ำงที่เขำไม่ควรจะรู้ เขำรู้สกึ แปลกๆ


ว่ำสิ่งที่เขำได้ ยินมำนันเป็้ นสิ่งที่เขำไม่ควรบอกใครไปตลอดชีวิต

คำร์ ลเริ่ มหงุดหงิดมำกขึ ้นเมื่อเสียงของชำยชรำยังคงดังต่อไป นัน่


เป็ นเสียงที่คำร์ ลได้ ยินเพียงคนเดียวจึงทำให้ มงั กรเกิดควำมงุนงง
เมื่อลอบมองมำที่คำร์ ลอย่ำงเงียบๆ

-ข้ ำเรี ยงหินพวกนัน้ ข้ ำเรี ยงพวกมันเพรำะหวังว่ำจะทำให้ ข้ำย้ อน


เวลำกลับไปได้ ข้ ำหวังว่ำข้ ำจะมีควำมสุขแต่แล้ วข้ ำก็พงั มันลง-
-ข้ ำเกลียดตัวเองที่เป็ นคนเห็นแก่ตวั คิดถึงแต่ควำมสุขของตัวเอง
หลังจำกที่ข้ำทรยศต่อเพื่อนที่ข้ำรักและหนีออกมำจำกเขำ-

“เฮ้ อ…”

คำร์ ลถอนหำยใจยำว ชำยชรำคนนี ้ช่ำงหน้ ำผิดหวังเสียจริ งก่อนที่


คำร์ ลจะเอ่ยขึ ้นด้ วยควำมหงุดหงิด

“ธรรมชำติของมนุษย์ก็มกั จะเห็นแก่ตวั เป็ นเรื่ องธรรมดำ”

เสียงของชำยชรำเงียบหำยไปครู่ใหญ่

‘มันจบแล้ วสินะ?’
คำร์ ลเริ่ มยิ ้มออกมำได้ เขำมัน่ ใจว่ำเสียงของชำยชรำจะหำยไปใน
ที่สดุ แต่…

–เอ่อ…..พี่สำวของข้ ำก็พดู อย่ำงเดียวกัน เธอเป็ นพี่สำวที่ยอด


เยี่ยมจริ งๆ เธอน่ำเชื่อถือมำกกว่ำคนอื่นอำ..พี่สำวของข้ ำ
ฮือๆๆๆๆๆ-

ชำยชรำกำลังร้ องไห้ อย่ำงน่ำเวทนำ

“ข้ ำละอยำกจะบ้ ำตำย”

ปั ง!ปั ง! คำร์ ลใช้ เท้ ำของตนกระทืบไปที่พื ้นอย่ำงแรง เขำไม่


ต้ องกำรที่จะยืนอยู่ที่นี่อีกแล้ ว หลังจำกที่ชำยชรำร้ องไห้ ได้ ครู่หนึง่
เขำก็หยุดร้ องและแสดงควำมขอบคุณต่อคำร์ ล
-เจ้ ำคือคนที่มีพลังที่ข้ำคุ้นเคย บุคลิกที่หยำบคำยเช่นนี ้มันทำให้
ข้ ำคิดถึงพี่ชำย ข้ ำรู้สกึ อิจฉำเจ้ ำมำกที่เป็ นคนหยำบคำยเช่นนี ้-

และในที่สดุ ชำยชรำก็กล่ำวประโยคสุดท้ ำยที่คำร์ ลรอคอยนี่เป็ น


คำพูดสุดท้ ำยที่ชำยชรำพูดกับเทย์เลอร์ ในนิยำย

-ทำลำยมันซะแล้ วเจ้ ำจะเอำชนะขีดจำกัดของตัวเจ้ ำได้ -

คำร์ ลยกยิ ้มด้ วยควำมสมใจก่อนจะใช้ เท้ ำเตะไปยังหอคอยศิลำ


ทันทีโดยไม่มีอำกำรลังเลใดๆ

เคร้ ง!

พลัก่ !

บูม!
ก้ อนหินสีขำวหลุดออกไปกระแทกที่พื ้นและผนังถ ้ำ มังกรที่เฝ้ำ
มองคำร์ ลอยูส่ ะดุ้งตกใจพลำงคิดว่ำเขำบ้ ำไปแล้ วหรื อไง? แต่สิ่งที่
ปรำกฏต่อหน้ ำมันในเวลำต่อมำก็ทำให้ มนั อ้ ำปำกค้ ำงแทบทันที

“ว้ ำววววววว”

หอคอยศิลำถูกพังลงแล้ ว

มีแสงสีขำวลอยขึ ้นมำจำกด้ ำนล่ำงของหอคอยศิลำ

ครื ดดดดดดดดดด

กำรสัน่ สะเทือนอย่ำงแผ่วเบำที่กระเพื่อมขึ ้นตลอดทังถ


้ ้ำและคำร์ ล
สำมำรถสัมผัสถึงแรงสัน่ สะเทือนของมันได้ และตอนนันแสงสี
้ ขำว
ก็พงุ่ ตรงไปยังตำแหน่งของหัวใจเขำทันที
“เฮือกกกกกก”

คำร์ ลปล่อยลมหำยใจออกมำช้ ำๆก่อนจะก้ มลงไปแหวกเสื ้อตรง


หน้ ำอกของตนออก รอยสักโล่สีเงินที่อยูบ่ นหน้ ำอกของเขำได้
หำยไปและถูกแทนที่ด้วยรอยสักรูปหัวใจสีแดง

คำร์ ลรู้สกึ ได้ ทนั ทีถึงพลังควำมแข็งแกร่งของร่ำงกำยตนเอง


ในตอนนี ้ พลังที่ได้ รับมำนี ้คือ ‘พละกำลังแห่งดวงใจ’มันจะทำให้
โล่นิรันดร์ กำลแข็งแกร่งขึ ้น เขำจะสำมำรถฟื น้ ตัวได้ เร็วกว่ำคน
ปกติแม้ วำ่ เขำจะได้ รับบำดเจ็บก็ตำม ถึงแม้ วำ่ โล่นิรันดร์ กำลนับว่ำ
เป็ นพลังที่เป็ นจุดแข็งของร่ำงกำยมนุษย์มำกเช่นกันพลังควำม
แข็งแกร่งที่เขำได้ รับมำใหม่นี ้มันก็มีมำกจนสำมำรถทำให้ พลังโล่นิ
รันดร์ กำลที่เขำได้ รับก่อนหน้ ำนี ้หำยไปชัว่ ครู่ได้

คำร์ ลได้ นำโล่นิรันดร์ กำลกลับมำอีกครัง้


“เป็ นอย่ำงที่คิดไว้ จริ งๆ”

คำร์ ลยกยิ ้มเต็มใบหน้ ำ ลวดลำยบนโล่ได้ เปลี่ยนเป็ นลำยหัวใจซึง่


มีจดุ ต่ำงกับรอยสักที่อยูบ่ นหน้ ำอกของเขำเพียงแค่มนั เป็ นหัวใจสี
เงินไม่ใช่สีแดงก่อนที่จะเก็บโล่กลับเข้ ำไปและเริ่ มเดินออกจำก
ตำแหน่งนันทั้ นที

“เจ้ ำ….”

คำร์ ลเดินเข้ ำไปหำมังกรที่กำลังทำท่ำไม่ร้ ูไม่ชี ้เหมือนกับไม่มีอะไร


เกิดขึ ้นและมันยังคงจ้ องมองไปที่ผนังถ ้ำอยูเ่ ช่นนัน้ สำยตำของ
คำร์ ลยังคงจ้ องไปที่มงั กรที่เปลี่ยนจำกกำรมองไปที่ผนังถ ้ำมำเป็ น
คลำนบนพื ้นดินแทน เขำตัดสินใจเอ่ยถำมมันด้ วยควำมหนักใจ
เหมือนกับว่ำเขำได้ ขว้ ำงก้ อนหินลงทะเลสำบเสียแล้ ว [1]
“เจ้ ำ…ต้ องกำรที่จะติดตำมข้ ำไปงันหรื
้ อ?”

“…..เจ้ ำมันเป็ นคนที่ออ่ นแอจนต้ องได้ รับกำรคุ้มครอง..แต่..ข้ ำ


ไม่ชอบมนุษย์”

มังกรตอบแบบนันก่ ้ อนที่ร่ำงของมันจะค่อยๆเลือนหำยไป มัน


กลับมำใช้ มนตร์ ลอ่ งหนอีกครัง้ หนึง่ คำร์ ลแทบจะตะโกนออกมำ
เมื่อเห็นมังกรค่อยๆหำยไป

“…มันไม่เข้ ำท่ำเลยนะ…เจ้ ำมังกรบ้ ำนี่”

คำร์ ลยังไม่แน่ใจว่ำตนจะรับมือกับคำถำมของคนอื่นอย่ำงไรดี
เกี่ยวกับมังกรตัวนี ้ มันไม่เข้ ำท่ำเท่ำไหร่เพรำะมังกรค่อนข้ ำงเป็ น
สิ่งอันตรำยแต่เขำก็ไม่สำมำรถละเลยมันไปได้ ภำพที่มนั พยำยำม
กระโดดมำช่วยเหลือเขำยังคงติดตำเขำจนถึงตอนนี ้
คำร์ ลมองไปรอบๆถ ้ำอีกครัง้ ตอนนี ้ไม่มีลมพำยุพดั โหมกระหน่ำ
อีกแล้ ว ก่อนที่จะมุง่ หน้ ำกลับไปยังเส้ นทำงเดิมเพื่ออกจำกถ ้ำไป
แน่นอนว่ำเขำต้ องคลำนออกไปยังปำกถ ้ำที่มีเถำวัลย์เลื ้อยบังไว้
โดยคลำนตำมร่องรอยของตนที่ปรำกฏให้ เห็นก่อนหน้ ำและ
สำมำรถออกจำกถ ้ำได้ อย่ำงถูกต้ องตำมตำแหน่งเดิม

เขำมองไปรอบๆและเริ่ มพูดขึ ้นในตอนที่กำลังก้ ำวเดินอยู่ สำยตำ


ของเขำจ้ องไปยังพื ้นดินที่มีหญ้ ำ

“ข้ ำเห็นเจ้ ำยืนอยูท่ ี่พื ้นหญ้ ำ….”

เขำสำมำรถมองเห็นรอยเท้ ำเล็กๆสี่เท้ ำบนพื ้นหญ้ ำได้ สิ่งที่ปรำกฏ


บนนันเป็
้ นอุ้งเท้ ำของมังกรทังสี้ ่เท้ ำ ก่อนที่รอยเท้ ำทังสี ้ ่จะหำยไป
อย่ำงรวดเร็ว มังกรได้ บินขึ ้นสูท่ ้ องฟ้ำแล้ ว คำร์ ลเริ่ มส่ำยหัวของตน
เบำๆ
‘นี่ครอบครัวของฉันจะเริ่ มขยำยใหญ่ขึ ้นแล้ วสินะ’

คำร์ ลไม่ร้ ูจะช่วยเรื่ องนี ้ได้ อย่ำงไร เขำถอนหำยใจยำว…..เห็นได้


ว่ำมังกรยังคงติดตำมเขำไปในสภำพล่องหนอยู่ ทำไมมังกรตัวนี ้
ถึงได้ ออ่ นหัดกับกำรใช้ มนตร์ ลอ่ งหนนะ? เขำคิดว่ำมังกรทุกตัวจะ
ฉลำดแต่ก็คงต้ องยกเว้ นมังกรตัวนี ้ไว้ ตวั หนึง่ ละกัน

หลังจำกนันไม่
้ นำนเขำก็เดินลงมำถึงปำกทำงขึ ้นภูเขำ คำร์ ลได้
มองเห็นสีหน้ ำของเชวฮันที่มองเขำอย่ำงเงียบๆก่อนจะเอ่ยถำม
ขึ ้นมำเหมือนทนไม่ได้

“ท่ำน….ไปกลิ ้งรอบภูเขำมำเหรอ?”

‘ฮึ…ให้ ตำยสิ’
ลมที่พดั อย่ำงรุนแรงทำให้ ผมของเขำยุง่ เหยิงไปหมดและเสื ้อผ้ ำ
ของเขำก็สกปรกหลังจำกที่คลำนผ่ำนทำงเข้ ำถ ้ำที่มีทงหิ
ั ้ นดินและ
ทรำยนัน่ ก่อนจะเอ่ยตอบเชวฮันอย่ำงเคร่งขรึม

“ใช่….ข้ ำไปกลิ ้งรอบภูเขำมำ”

เชวฮันมองมำที่คำร์ ลด้ วยควำมห่วงใยก่อนที่คำร์ ลจะเลี่ยงหลบ


สำยตำนันของเชวฮั
้ น

คืนนันคำร์
้ ลสัง่ ให้ ลกู แมวเป็ นไปรษณีย์สง่ จดหมำยโดยตัวอักษรที่
เขียนในจดหมำยถูกเขียนขึ ้นด้ วยพลังเวทย์ทำให้ ไม่สำมำรถ
กำหนดรูปร่ำงของลำยมือผู้เขียนได้ แน่ชดั

“ให้ แน่ใจว่ำจะไม่มีใครเห็นพวกเจ้ ำได้ ”


จดหมำยฉบับนันเป็
้ นควำมหวังใหม่ของนักบวชหญิง’เคจ’ และ
บุตรชำยคนโตของมำร์ ควิสสแตนนำมว่ำ ‘เทย์เลอร์ ’

[1] หมำยควำมว่ำลงทุนทำในสิ่งที่เปล่ำประโยชน์คล้ ำยกับ


สุภำษิตไทยตำน ้ำพริ กละลำยแม่น ้ำ
บทที่ 25 ตอบแทนบุญคุณ 5

ตกกลางดึกสงัดในบ้ านหลังเล็กๆสองชันในเขตชานเมื
้ องพัซเซิล
แสงสว่างเพียงแห่งเดียวในบริ เวณนันคื ้ อแสงจากคบเพลิงที่ชนั ้
แรกของบ้ านหลังเล็กๆที่ลอดผ่านหน้ าต่างออกมา ‘เทย์เลอร์ ’
บุตรชายคนโตของมาร์ ควิสสแตนคือเจ้ าของบ้ านหลังนี ้ และ
ในตอนนี ้เขากาลังเริ่ มขมวดคิ ้วมุน่

“เกิดอะไรขึ ้น?”

“ให้ ตายสิ! รอก่อนเถอะ! อย่าเพิ่งพูดอะไรในตอนนี ้”

เคจ นักบวชหญิงของพระเจ้ าแห่งความตายกาลังก้ มศีรษะลงด้ วย


ความเจ็บปวด

เคร้ ง!
แก้ วเบียร์ ในมือของเธอตกลงไปที่พื ้น ก่อนที่เทย์เลอร์ และคนอีก
สามคนจะขยับเข้ าหาเธออย่างรวดเร็ว

“มีอะไร?…..พระเจ้ าได้ แจ้ งอะไรกับเจ้ าอีกงันหรื


้ อ?”

เทย์เลอร์ มองไปที่เธอด้ วยความห่วงใย พระเจ้ าแห่งความตาย


มักจะติดต่อพูดคุยกับเคจเป็ นครัง้ คราว จู่ๆมันก็เกิดขึ ้นในวันหนึง่
และมันก็ปรากฏอาการเช่นนี ้เป็ นระยะๆ เคจได้ ปิดบังเรื่ องนี ้กับ
นักบวชคนอื่นๆมีเพียงเทย์เลอร์ และข้ ารับใช้ ของเขาอีกสามคนที่ร้ ู
เรื่ องนี ้

“อ่า…..น่าหงุดหงิดชะมัด”

หลังจากที่ทนอาการปวดศีรษะได้ สกั พัก เคจก็ลกุ ขึ ้นไปยังบาน


ประตูหลังบ้ านทันที เธอยังคงเคลื่อนไหวได้ อย่างรวดเร็ วแม้ วา่ จะ
ยังปวดศีรษะและมึนงงเล็กน้ อยแต่สายตาของเธอยังคงมุง่ มัน่ เพื่อ
ไปยังประตูหลังบ้ านให้ ได้

เทย์เลอร์ บอกให้ ข้ารับใช้ รออยูใ่ นบ้ านก่อนจะใช้ มือส่งแรงผลักไปที่


รถเข็นที่ตนนัง่ อยูม่ งุ่ หน้ าตามหลังเคจไปทันที

‘หรื อมีคนแอบเข้ ามา?’

พวกเขาอาจจะแอบอยูใ่ นบ้ านเล็กๆแต่มีสญ ั ญาณเตือนภัยที่ทา


จากพลังเวทย์อยู่ทกุ แห่ง เทย์เลอร์ หวาดระแวงน้ องชายของตน
เขาจะไม่สามารถข่มตาให้ หลับได้ หากไม่มีสญ ั ญาณเตือนเหล่านี ้

หลังจากที่ขาทังสองข้
้ างของเขาถูกทาลายจากมือสังหารใน
ห้ องนอนของตนเองในคฤหาสน์สแตนก็ไม่มีที่ไหนที่เทย์เลอร์ ถือว่า
ปลอดภัยอีกต่อไป
“เคจ….เกิดอะไรขึ ้น?”

“รอก่อน……”

ปั๊ ง!

เคจปิ ดประตูหลังบ้ านอย่างแรง เทย์เลอร์ สามารถมองเห็นเพียง


สวนหลังบ้ านที่เงียบสงบเท่านัน้ มันยังคงเงียบสงบและเงียบสงบ
เหมือนเช่นเคย มีคบเพลิงสองดวงที่ทาให้ สวนเป็ นพื ้นที่ที่มีความ
สว่างมากที่สดุ ในบริ เวณบ้ านหลังนี ้

เคจเริ่ มออกวิ่งไปในสวนหลังบ้ านและเทย์เลอร์ ก็ยงั เข็นรถเข็นตาม


เธอไปอย่างไม่ละสายตา เธอวิ่งตรงไปยังรัว้ ของบ้ านหลังนี ้และเริ่ ม
หอบเหนื่อย

“แฮ่ก……แฮ่ก”
บริ เวณนี ้เป็ นตาแหน่งที่อยูน่ อกเหนือจากสัญญาณเตือนภัยพลัง
เวทย์ ด้ านบนของรัว้ มีหอคอยศิลาขนาดเล็กที่ทาจากหินขนาดเล็ก
ห้ าก้ อน มันใหญ่พอสาหรับสายตาทหารองครักษ์ ที่สามารถ
มองเห็นมันได้ หากเขาออกตรวจดูความเรี ยบร้ อยในเวลาอันใกล้ นี ้

“มันบ้ ามาก…..แต่นี่มนั คือเรื่ องจริ ง”

คาหยาบบางคาออกมาจากปากของเคจ เทย์เลอร์ มาถึงบริ เวณนี ้


หลังเคจไม่นานด้ วยรถเข็นของเขาและเริ่ มจ้ องมองไปยังหอคอย
ศิลาที่อยูบ่ นรัว้ ด้ วยความสับสน

“นี่มนั อะไรกัน?”

คาถามจากเทย์เลอร์ ทาให้ เคจอ่านข้ อความที่ถกู เขียนด้ วยชอล์ค


ทันที
“มันถูกเขียนไว้ วา่ ‘ทาลายมันซะ แล้ วเจ้ าจะได้ รับในสิ่งที่
ปรารถนา’”

ความสับสนวุน่ วายและความอยากรู้อยากเห็นปรากฏเต็มหน้ า
ของเทย์เลอร์ ไปพร้ อมๆกัน เคจถอนหายใจยาวหลังจากมองไปที่
เขาและกุมขมับของตนด้ วยนิ ้วของเธอ

“ข้ าสนับสนุนให้ เจ้ าทาลายมันซะ…ไม่…มันอาจจะดูเหมือนบ้ าแต่


พระเจ้ าบอกให้ ทาลายมันซะ”

“……อะไรนะ?”

“นี่เป็ นครัง้ แรกที่พระเจ้ าไม่ได้ พดู เรื่ องไร้ สาระทาไมวันนี ้เขาถึงพูด


กับข้ ามากมาย?ทังๆที
้ เขาจะพูดกับข้ าแค่ปีละครัง้ เท่านัน”

“แล้ วหอคอยศิลาแห่งนี ้มันเกี่ยวอะไรกับเรื่ องนี ้กัน?”

เคจหันไปสบตากับเทย์เลอร์

“มันคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเรานัน่ คือสิ่งที่เขาพูด”

พระเจ้ าแห่งความตายจะติดต่อกับเคจเฉพาะในตอนที่หลับเพราะ
การหลับใกล้ เคียงกับความตายนัน่ เป็ นเหตุผลว่าการนอนหลับ
เป็ นวิถีของพระเจ้ าแห่งความตายเท่านัน้ แต่คราวนี ้เธอได้ ยินพระ
เจ้ าของเธอในตอนที่กาลังดื่มเบียร์

ในครัง้ แรกเคจคิดว่าเป็ นเพราะพระเจ้ าแห่งความตายโกรธเธอที่


ดื่มเบียร์ มากเกินไป นัน่ คือเหตุผลที่ได้ ต้อนรับการกลับมาของพระ
เจ้ าแห่งความตาย เธอต้ องการให้ พระเจ้ าองค์นี ้เลิกสนใจในตัวเธอ
แต่ในครัง้ นี ้พระเจ้ าแห่งความตายได้ มอบข้ อความที่แตกต่างจาก
ครัง้ ก่อน
“ ‘การตัดสินใจขึ ้นอยูก่ บั ตัวเจ้ าเองแต่ถ้าหากเจ้ าทาลายมันชีวิต
เจ้ าจะไม่สงบสุขอีกต่อไป’ นัน่ คือสิ่งที่พระเจ้ าได้ บอกกับข้ า”

เธอมองไปที่หอคอยศิลามันมีบางอย่างอยูด่ ้ านล่างของมัน

“มีจดหมายอยูใ่ ต้ หอคอยศิลานัน่ ข้ าคิดว่าพวกเขาอาจจะสร้ าง


หอคอยศิลานี ้เพื่อซ่อนจดหมายนัน่ ”

เคจหันกลับไปมอง ‘เทย์เลอร์ ’เพื่อนที่ดีที่สดุ ของเธอ เขาต้ องเงย


หน้ าขึ ้นมองเธอจากเก้ าอี ้รถเข็นแม้ วา่ เขาจะมองเห็นหอคอยศิลา
ได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นจดหมายที่อยูด่ ้ านล่างได้

“ข้ าไม่ร้ ูสกึ ถึงพลังที่ผิดปกติรอบๆหอคอยศิลานัน่ ”


แม้ วา่ เธอจะไม่ได้ มีความรู้สกึ ไวเหมือนนักเวทย์ก็ตามแต่การใช้
อานาจของพระเจ้ าแห่งความตายเข้ ามาช่วยทาให้ เธอเป็ นคนที่มี
ความรู้สกึ ที่ไวขึ ้นและประเมินสภาพแวดล้ อมโดยล้ อมได้ เป็ นอย่าง
ดี เธอจะสามารถรู้สกึ ได้ วา่ มีการสาปแช่งหรื อพลังในด้ านลบที่
ล้ อมรอบสิ่งของหรื อบริ เวณต่างๆได้ นัน่ คือข้ อดีของการรับใช้ พระ
เจ้ าแห่งความตาย

เธอกาลังรอคอยคาตอบจากปากเทย์เลอร์

เทย์เลอร์ เงยหน้ ามองท้ องฟ้ายามค่าคืนก่อนที่จะหันมามองเคจ


ช้ าๆ

“ทาลายมันซะ!”

เคจต่อยลงไปที่หอคอยศิลาที่อยู่ตรงหน้ าของเธอทันที
พลัก่ ! โครม!โครม!

หอคอยศิลาที่อยูด่ ้ านบนของรัว้ โค่นลงมากระทบพื ้นจนหมดและ


เทย์เลอร์ ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ทงหมดได้
ั้ ถนัดนัก

‘อย่าทาลายมันถ้ าข้ าอยากจะมีชีวิตที่สงบสุขเช่นนันหรื


้ อ?’

เทย์เลอร์ ไม่เคยมีชีวิตอย่างสงบสุขและเขาไม่มีความปรารถนาที่
จะใช้ ชีวิตอย่างสงบสุขด้ วย เขากาลังมองหาวิธีที่จะทาให้ ขาของ
เขากลับมาเป็ นปกติและเดินไปข้ างหน้ าต่อไปอีกครัง้ หลังจากนัน้
เขา……..

‘ข้ าจะทาลายตระกูลของข้ า ตระกูลที่น่ารังเกียจขยะแขยงเช่นนี ้ให้


ได้ ’
เทย์เลอร์ ยื่นมือไปรับจดหมายที่เคจยื่นให้ ตนทันที เมื่อเปิ ดซอง
จดหมายออกจึงได้ พบว่าจดหมายนี ้ถูกเขียนด้ วยพลังเวทย์เพื่อ
ป้องกันไม่ให้ ใครทราบถึงเจ้ าของลายมือฉบับนี ้ได้ ซงึ่ พวกขุนนาง
ส่วนใหญ่จะใช้ วิธีนี ้ในการส่งข่าวเช่นกัน

เทย์เลอร์ เปิ ดจดหมายออกอ่านโดยไม่มีความลังเล สองบรรทัด


แรกของตัวอักษรแม้ จะไม่สามารถมองเห็นได้ ผา่ นแสงคบเพลิงใน
สวนหลังบ้ านได้ อย่างชัดเจนแต่เขาก็ไม่ได้ สนใจ

[ องค์ชายรัชทายาทเป็ นผู้ครอบครองพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณมันมี


ชื่อเรี ยกว่า ‘ดาราแห่งการเยียวยา’และมันไม่มีประโยชน์อะไรกับ
เขาเพราะมันเป็ นพลังที่สามารถใช้ ได้ ครัง้ เดียวที่สามารถรักษา
อาการบาดเจ็บประเภทใดก็ได้ ให้ หายขาด]

[เขากาลังที่จะทาการขายมันโดยมอบหมายให้ องค์ชายรองและ
องค์ชายสามเป็ นคนตรวจสอบ]
มือที่จบั จดหมายของเทย์เลอร์ เริ่ มสัน่ ขึ ้นอย่างช้ าๆ

“เกิดอะไรขึ ้น?”

เคจตัวแข็งขึ ้นทันทีเมื่อเห็นสีหน้ าและมือที่สนั่ ของเทย์เลอร์ ก่อนที่


จะเริ่ มผ่อนคลายลงในเวลาต่อมา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” นัน่ เป็ นเพราะเทย์เลอร์ กาลังหัวเราะและยื่น


จดหมายฉบับนันให้ ้ กบั ตน

“แน่นอน…ว่ามันจะเป็ นจุดเปลี่ยนของชีวิตเรา”

“เจ้ ากาลังพูดถึงเรื่ องอะไร?”

เคจหยิบจดหมายในมือของเทย์เลอร์ และเริ่ มอ่านมัน เธอชะงักไป


ชัว่ ครู่หลังจากอ่านเรื่ องเกี่ยวกับพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณขององค์ชาย
รัชทายาทแต่เธอก็ยงั คงอ่านส่วนที่เหลือเพิ่มก่อนที่จะเงยหน้ าตน
ขึ ้นเมื่ออ่านส่วนสุดท้ ายของจดหมายแล้ ว

[ ขาของท่านไม่สามารถขยับได้ แต่ศีรษะ แขน ตาและปาก


สามารถขยับได้ สว่ นที่เหลือของท่านยังคงมีชีวิตอยู]่

[ การตัดสินใจมันเป็ นของตัวท่านเอง…. นายน้ อยเทย์เลอร์


บุตรชายคนโตของมาร์ ควิสสแตน]

เทย์เลอร์ มองไปที่มมุ ที่มืดที่สดุ ในสวนหลังบ้ านและเอ่ยขึ ้น

“เคจ….”

“หืม?”
“ปล่อยที่นี่ให้ พอ่ บ้ านจัดการแล้ วมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวงให้ ไว้
ที่สดุ ”

“ตกลง”

เธอตัดสินใจที่จะทาตามความต้ องการของเทย์เลอร์ ผ้ ทู ี่ยงั คง


อยากมีชีวิตอยู่ เธอเป็ นคนที่เคยประสบกับความตายมาหลายครัง้
กว่าคนอื่นเพราะเธอเป็ นนักบวชของพระเจ้ าแห่งความตายซึง่ นัน่
ทาให้ เธอเห็นคุณค่าของชีวิตได้ อย่างชัดเจนมากขึ ้น

“ข้ ามัน่ ใจในตัวอัจฉริ ยะเช่นเจ้ าว่าจะดูแลทุกสิ่งทุกอย่างได้ อย่าง


ยอดเยี่ยมเพราะเจ้ ามีความสามารถทุกด้ าน”

เคจเชื่อมัน่ ในความคิดและความสามารถของเทย์เลอร์

“เจ้ าพูดถูก…ข้ าอาจเคยมีความสามารถ”


‘เคยมี’ เคจมองไปที่เทย์เลอร์ หลังจากที่ได้ ยินเขาพูดถึง
ความสามารถที่ผ่านมาของตน

“ข้ าควรจะรู้วิธีการดูแลตัวเอง”

น่าเสียดายที่เทย์เลอร์ ได้ รับบาดเจ็บที่ขาเพราะเขาไม่ร้ ูวิธีการดูแล


ป้องกันตัวเองเขาปล่อยให้ เป็ นหน้ าที่องครักษ์ ดแู ลเขามาโดย
ตลอด
เทย์เลอร์ เงยหน้ าขึ ้นไปมองบ้ านสองชันหลั
้ งเล็กๆนี ้ เขารู้สกึ
หงุดหงิดที่มาพักที่นี่ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผา่ นมา เขาไม่ร้ ูวา่ เรื่ อง
ทังหมดมั
้ นจะเป็ นจริ งหรื อไม่? แทนที่จะอยูเ่ ฉยๆกับสิ่งที่ไร้
ประโยชน์นี ้อาจจะเป็ นการดีกว่าที่เขาจะลองไปเผชิญกับมันดู

อย่างน้ อยพระเจ้ าแห่งความตายไม่ได้ โกหก เทย์เลอร์ ต้องการ


ความเปลี่ยนแปลงก่อนจะเริ่ มพูดออกมา

“หากมันเกี่ยวกับองค์ชายรัชทายาท เราก็ต้องเลือกช่วงเวลาที่มี
การจัดงานพระราชพิธี เราต้ องรี บแล้ วล่ะ”

“อืม…มารี บกันเถอะ”

“มันจะดีหรื อเปล่า? เราจะเข้ าไปร่วมงานกับกลุม่ คนที่มาจาก


วิหารเป็ นจานวนมากหากเราต้ องไปยังเมืองหลวง”
“แล้ วพวกเขาจะทาอะไรได้ ? ไล่ข้าออกมาเช่นนันหรื
้ อ? ตอนนี ้ข้ า
เป็ นห่วงเจ้ ามากกว่า”

“ขอบคุณเจ้ ามาก”

“ไม่จาเป็ นต้ องขอบคุณข้ าหรอกนะ”

พวกเขายิ ้มไปหัวเราะไปพูดคุยกันไปในเวลาเดียวกัน ก่อนที่เคจ


จะยกจดหมายฉบับนันขึ ้ ้นมาดูอีกครัง้

“ผู้มีพระคุณ….”

พวกเขาไม่แน่ใจว่าบุคคลนี ้เป็ นผู้มีพระคุณหรื อไม่แต่ทงคู


ั ้ ร่ ้ ูสกึ ว่า
ผู้เขียนจดหมายฉบับนี ้คือผู้มีพระคุณของพวกเขาและมีความ
ตังใจที
้ ่จะตามหาผู้มีพระคุณให้ เจอพร้ อมกับตอบแทนบุญคุณคืน
ให้ ได้
สายตาสองคูท่ ี่กระจ่างใสและปราศจากอาการเมาจากการดื่ม
เบียร์ ได้ ก้มลงมองจดหมายฉบับนันอี
้ กครัง้ อย่างเงียบๆ มันเป็ น
สายตาของคนที่ได้ พบจุดเปลี่ยนในชีวิตของพวกเขาแล้ ว

ลูกแมวขนสีแดงที่กาลังเฝ้ามองเหตุการณ์นี ้จากหลังคาบ้ านหลัง


อื่นเอ่ยกระซิบกับพี่สาวของตน

“พี่สาว..เรากลับกันได้ แล้ วเช่นนันหรื


้ อ?”

“ใช่แล้ ว….งานของเราเสร็จแล้ ว ไปกินเนื ้อกันเถอะ”

“เย้ !”

ลูกแมวสองตัวกระโดดลงจากหลังคาบ้ านหลังหนึง่ ไปยังหลังคา


อีกหลังหนึง่ มันทาเช่นนี ้ไปเรื่ อยๆจนถึงโรงแรมที่พกั ของพวกมัน
เช้ าวันต่อมา

คาร์ ลยืนกอดอกและขมวดคิ ้วมุน่ สายตาของเขากวาดขึ ้นกวาดลง


ไปยังคนที่อยูข่ ้ างหน้ าเขาในตอนนี ้

ชุดของคาร์ ลในวันนี ้เต็มไปด้ วยสีสนั สดใสและความหรูหรากว่าทุก


วัน

‘นายน้ อย! แม้ วา่ กระผมจะไม่ได้ อยูท่ ี่นนั่ ด้ วย นายน้ อยจะไปกลิ ้ง


บนภูเขาได้ อย่างไร?’นี่คือสิ่งที่ฮนั ส์เอ่ยกับเขา

‘กระผมควรจะเป็ นคนพานายน้ อยไป!’นี่คือเสียงของรองหัวหน้ า


องครักษ์
‘โธ่…นายน้ อยกระผมเสียใจเป็ นยิ่งนัก’และนี่คือคาพูดของตาแก่
รอน

คาร์ ลต้ องแต่งตัวจัดเต็มเช่นนี ้เพราะราคาญสายตาที่จ้องมองเขา


หลังจากกลับมายังโรงแรมด้ วยสภาพเนื ้อตัวมอมแมมและเสื ้อผ้ า
สกปรกยับยูย่ ี่หลังจากที่คลานออกมาจากถ ้า ชุดแฟนซีที่เขาใส่มนั
เข้ ากันดีกบั ผมสีแดงอ่อนของเขาทาให้ เขาไม่ได้ ร้ ูสกึ แย่กบั สภาพ
ตัวเองในตอนนี ้นัก แต่ยงั มีเหตุผลอีกอย่างหนึง่ ที่คาร์ ลกาลังจ้ อง
มองด้ วยความหงุดหงิดในตอนนี ้

“เจ้ าจะออกไปแบบนันหรื
้ อ?”

ในตอนนี ้พวกเขาทังหมดยื
้ นอยูห่ น้ าโรงแรม คาร์ ลยืนกอดอกและ
มองไปที่เชวฮันเขามีเพียงกระเป๋ าใบเล็กและดาบประจาตัวของ
เขา
“ใช่…..”

ไม่มีงานเลี ้ยงฉลองอาลาใดๆสาหรับเชวฮัน ทังคาร์ ้ ลและเชวฮันไม่


ต้ องการให้ มีการจัดงานเลี ้ยงขึ ้นนัน่ เป็ นเหตุผลว่าทาไมการอาลา
ครัง้ นี ้จึงมีขนาดเล็กเช่นนี ้

มีเพียงแค่คาร์ ล ลูกแมวสองพี่น้อง ฮันส์ รอน บารอคและรอง


หัวหน้ าองครักษ์ เท่านัน้ ความจริ งที่วา่ รองหัวหน้ าองครักษ์ ไม่คอ่ ย
ถูกกับเชวฮันเท่าไหร่แต่เขาก็มายืนกล่าวลาด้ วยใบหน้ าที่ขมวดคิ ้ว
มุน่ เช่นเดียวกับคาร์ ลได้

“เฮ้ อ……”
คาร์ ลถอนหายใจยาวก่อนหยิบกระเป๋ าใบเล็กๆออกจากกระเป๋ า
ของตนและโยนมันไปให้ เชวฮันที่สามารถคว้ ากระเป๋ าได้ อย่าง
ง่ายดาย เชวฮันจาได้ วา่ มันมีลกั ษณะเหมือนกับกระเป๋ าใบเล็กๆที่
คาร์ ลได้ ให้ มงั กรไป เขารี บเปิ ดกระเป๋ าค้ นดูยาและอุปกรณ์ที่
สามารถใช้ ประโยชน์ได้ ก่อนจะเงยหน้ าจากกระเป๋ าเพื่อมองไปที่
คาร์ ล ก่อนที่คาร์ ลจะรี บพูดด้ วยน ้าเสียงโผงผางและร้ อนรนเมื่อ
พวกเขาได้ สบตากัน

“อะไร? เจ้ าต้ องการอะไร? ถ้ าไม่อยากได้ มนั ก็แค่โยนมันทิ ้งไปก็


เท่านัน”

เชวฮันไม่ได้ พดู อะไรออกมาแต่คาร์ ลก็ยงั คงต้ องพูดในสิ่งที่เขาต้ อง


ทาอยู่ จากนันเขาก็
้ หนั หลังกลับและมุง่ หน้ าไปยังห้ องพักของตน

“….ลาก่อน….”
คาร์ ลพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมาเมื่อเขาหันหลังกลับ
ทันทีหลังจากที่กล่าวลาเชวฮันแล้ ว เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้ องได้ เจอ
กับเชวฮันอีก…ไม่สิ…ยังเหลืออีกครัง้ …..พวกเขาจะต้ องได้ พบกัน
อีกครัง้ ที่เมืองหลวงก่อนที่เขาจะส่งเชวฮัน รอนและบารอคออก
เดินทางไปด้ วยกันพร้ อมกับคาสัง่ อีกไม่กี่คา และหลังจากนันเขาก็

วางแผนที่จะไม่ติดต่อกับเชวฮันอีกเลย

“กระผมจะกลับมาเร็ วๆนี ้”

การตอบรับของเชวฮันที่ดเู หมือนคนมีความสุขเช่นนันท ้ าให้ คาร์ ล


รู้สกึ ขนลุกขึ ้นมา แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหันกลับไปมองเชวฮันอีกครัง้
เชวฮันรู้สกึ เสียใจเล็กน้ อยที่คาร์ ลไม่หนั กลับมาหาตนทาให้ เขามุง่
ความสนใจไปที่คนอื่นแทน

“แล้ วเจอกันอีกครัง้ ที่เมืองหลวงนะท่านเชวฮัน”


“ฮึ!๊ …..ข้ าจะฝึ กฝนตัวเองเพิ่มขึ ้นเพื่อจะได้ ค้ มุ ครองนายน้ อย
ด้ วยกันเมื่อเจอกับเจ้ าอีกครัง้ ในเมืองหลวง”

รองพ่อบ้ านฮันส์กล่าวคาอาลาอย่างกระตือรื อร้ นขณะที่รอง


หัวหน้ าองครักษ์ เอ่ยด้ วยน ้าเสียงหงุดหงิดเล็กน้ อย

“ข้ าจะรักษาดาบของข้ าให้ คมยิ่งขึ ้น”

“อืม….แล้ วเจอกันภายหลัง”

บารอคและรอนก็บอกลาด้ วยเช่นกัน ลูกแมวสองตัวแตะไปที่เท้ า


ของเขาเบาๆเพื่อบอกลา

และสุดท้ ายมังกรดาที่ยงั คงใช้ มนตร์ ลอ่ งหนโดยในตอนกลางวัน


จะอยูบ่ ริ เวณสวนนอกโรงแรมพอตกกลางคืนมันก็นอนอยูร่ ิ ม
หน้ าต่างห้ องพักของคาร์ ล ในตอนนี ้มันกาลังมอบมนตร์ ลอ่ งหนไป
ให้ เชวฮันได้ ใช้ บ้าง

“ข้ าได้ รับมามากพอแล้ วแต่ดเู หมือนว่ามันจะคงอยูจ่ นถึงตอน


สุดท้ าย”

เชวฮันใส่กระเป๋ าเวทย์ขนาดเล็กที่คาร์ ลให้ ลงในกระเป๋ าของตน


ก่อนจะเริ่ มยิ ้มออกมา คาร์ ลไม่สามารถมองเห็นรอยยิ ้มนี ้ได้ เพราะ
เขาหันหลังกลับไปก่อน แต่นี่เป็ นครัง้ แรกที่คนทังหมดที
้ ่ยืนอยูต่ รง
นี ้ได้ เห็นรอยยิ ้มสดใสของเชวฮัน

“ข้ าจะได้ เห็นพวกท่านทังหมดที


้ ่เมืองหลวง”

เชวฮันเอ่ยลาก่อนมุง่ หน้ าออกไปจากโรงแรม คนเช่นเขาที่ใช้ ชีวิต


โดดเดี่ยวมาตลอดสิบปี ซงึ่ มันเป็ นสิ่งที่แย่กว่าความตายเสียอีก แต่
ตอนนี ้เขามีที่ให้ กลับมาพักพิงได้ และยังมีกลุม่ คนที่เขาต้ องตอบ
แทนความดีที่พวกเขามอบให้ แก่ตนเช่นกัน

‘ข้ าต้ องแน่ใจว่างานนี ้จะสาเร็จด้ วยดี’

เชวฮันค่อยๆห่างจากคาร์ ลและคนอื่นๆและมุง่ หน้ าออกจากเมือง


พัซเซิลทันที

เช้ าวันรุ่งขึ ้น

คณะของคาร์ ลจัดข้ าวของใส่รถม้ าเพื่อเตรี ยมออกเดินทางจาก


เมืองพัซเซิลเช่นกัน

“นายน้ อย…เราพร้ อมออกเดินทางแล้ วขอรับ”

“อืม……”
คาร์ ลพยักหน้ าตอบรับกับคาบอกของรอนและรี บปิ ดหน้ าต่างรถ
ม้ าเมื่อรถเริ่ มเคลื่อนที่ออกไป พวกเขาทังหมดกลั
้ บมาเริ่ มต้ นการ
เดินทางกันอีกครัง้

“พวกเจ้ ามองอะไรกันอยู?่ ”

คาร์ ลกาลังจ้ องมองลูกแมวสองพี่น้องซึง่ มีทา่ ทางกระสับกระส่าย


ขณะพยายามที่จะหลบสายตาเขาก่อนที่จะเห็นพวกมันสะดุ้งและ
หันกลับมามองเขาอย่างตกใจ คาร์ ลเริ่ มยิ ้มออกมาช้ าๆพลางเอ่ย

“อะไร? พวกเจ้ าพบมังกรหรื ออะไร?”

“เอื ้อก!”
คาร์ ลไม่ได้ สนใจกับอาการตกใจจนตาค้ างของลูกแมวทังสอง ้
ตอนนี ้เชวฮันได้ จากไปแล้ วแต่มงั กรกลับมาติดตามพวกเขาแทน
ถึงมันจะเป็ นเช่นนันเขาก็
้ ไม่ได้ มีเวลาสนใจกับเรื่ องพวกนี ้

หลังจากที่เดินทางมาตลอดทังวั้ นพวกเขาก็พร้ อมที่จะสร้ างที่พกั


ค้ างแรมกันข้ างนอกอีกครัง้

“เอ่อ…..ขอโทษนะขอรับหากไม่เป็ นการรบกวนพวกเราสามารถ
ใช้ พื ้นที่เดียวกับพวกท่านสร้ างที่พกั ได้ หรื อไม่?”

มีรถม้ าเดินทางมาหยุดบริ เวณที่พกั ค้ างแรมของคาร์ ลและคนที่ดู


เหมือนจะเป็ นคนขับรถม้ าก็ตรงเข้ ามาสอบถามรองหัวหน้ า
องครักษ์ ทนั ที

“ท่านเป็ นใคร?”
รองหัวหน้ าองครักษ์ ถามออกไปแม้ วา่ จะรู้คาตอบหลังจากได้ เห็น
ตราประจาตระกูลเป็ นงูสีแดงบนชุดเกราะของคนขับรถม้ าคนนี ้
แล้ วก็ตาม เขาได้ โค้ งคานับแก่รองหัวหน้ าองครักษ์ และคาร์ ลที่ยืน
อยูด่ ้ านหลังก่อนจะเอ่ยยแนะนาตัวขึ ้น

“ข้ าน้ อยชื่อ ‘ทอม’ มาจากคฤหาสน์มาร์ คควิสสแตนขอรับ”

‘ฮึ!๊ ’

คาร์ ลเกือบสบถออกมาด้ วยเสียงอันดัง ขณะที่มองไปยังรถม้ าคัน


เก่าๆที่ไม่มีตราประจาตระกูลก่อนที่หน้ าต่างรถม้ าจะถูกเปิ ดออก
และนัน่ ทาให้ คาร์ ลมองเห็นใบหน้ าของเทย์เลอร์ สแตนได้

“ข้ าชื่อเทย์เลอร์ สแตน ข้ ามองเห็นตราประจาตระกูลของท่าน


เคาน์เฮนิตสั จึงมาเพื่อขอความช่วยเหลือ แม้ วา่ มันจะดูไม่
เหมาะสมนักก็ตาม”
หากเป็ นที่พกั ค้ างแรมของเคานต์เฮนิตสั ที่แข็งแกร่งเช่นนี ้ เทย์เลอร์
คิดว่าเขาจะปลอดภัยสาหรับคืนนี ้

แต่มนั ไม่ดีสาหรับคาร์ ล ตอนนี ้เขาได้ พบกับ ‘เทย์เลอร์ ’บุตรชาย


คนโตของมาร์ คควิสสแตนและ ‘เคจ’นักบวชหญิงผู้บ้าคลัง่ และ
ในตอนนี ้เขากาลังนึกถึงมังกรดาที่ออกไปล่าหมูป่าหรื ออาจจะเป็ น
กวางมาให้ เขาอยูก่ ่อนจะเริ่ มขมวดคิ ้วมุน่

‘ให้ ตายสิ!’

หนึง่ เพิ่งจากไปและอีกสามเริ่ มปรากฏ คาร์ ลอยากจะบ้ าตายให้ ได้


บทที่ 26 เจ้ า 1

ไม่ใช่เพียงแค่สามที่ธรรมดาๆเหมือนคนทัว่ ๆไป หนึง่ คือมังกรดาที่


ดูซื่อบื ้อไปหน่อย สองคือนักบวชหญิงผู้บ้าคลัง่ ที่ปรารถนาการถูก
คว่าบาตรและสามบุตรชายที่ไร้ ประโยชน์ของมาร์ ควิสแสตน

“เฮ้ อ………..”

คาร์ ลไม่สามารถจะทาอะไรกับเรื่ องนี ้ได้ นอกจากจะถอนหายใจ


ยาวออกมา เขาก้ มหน้ าลงเล็กน้ อยก่อนเงยหน้ าขึ ้นอีกครัง้ เมื่อเขา
สังเกตว่าบริ เวณโดยรอบมันเงียบผิดปกติเกินไปก่อนจะมองไปที่
ฮันส์

ฮันส์ยกยิ ้มอย่างลาบากใจก่อนที่จะเดินเข้ าไปใกล้ กบั คนขับรถม้ า


ที่ชื่อ ‘ทอม’และ ‘เทย์เลอร์ ’ที่มองออกมาจากหน้ าต่างรถม้ า
เทย์เลอร์ มีรอยยิ ้มที่ขมขื่นบนใบหน้ าของเขาก่อนเอ่ยขึ ้น

“ถ้ ามันไม่สะดวกสาหรับการพักแรมของพวกท่าน….พวกข้ าต้ อง


ขอตัวก่อน”

บุตรชายคนโตของมาร์ คควิสสแตนและเป็ นบุตรชายที่ถกู ผลักไส


ออกจากตระกูลหลังจากที่ขาของเขาทังสองต้ ้ องเป็ นอัมพาตไป
ตลอดชีวิต เรี ยกได้ วา่ ชีวิตของเขาพลิกจากหน้ ามือเป็ นหลังมือ
ภายในเวลาชัว่ ข้ ามคืนจากชีวิตที่หรูหราเรื องอานาจกลับหมดไป
เขาได้ รับการช่วยเหลือจากคนในตระกูลเพียงหนึง่ คนให้ เขา
สามารถมีชีวิตอยูร่ อดต่อไปได้

บรรดาขุนนางผู้ที่ใกล้ ชิดกับตระกูลสแตนต่างทราบว่าหากผู้ใดที่
ไม่สามารถสืบทอดตาแหน่งมาร์ คควิสใน อนาคตจะต้ องถูกกาจัด
ทันที เหล่าขุนนางที่ให้ การสนับสนุนเขาต่างถอยห่างจากเทย์เลอร์
และเริ่ มให้ การสนับสนุนเวเนี่ยนหรื อน้ องๆคนอื่นของเขาแทนเพื่อ
พยายามเป็ นที่โปรดปรานของว่าที่มาร์ คควิสคนใหม่ให้ ได้ มาก
ที่สดุ และนัน่ ทาให้ สถานะของเทย์เลอร์ ในปั จจุบนั ยิ่งแย่และเป็ นที่
กังวลกว่าบุตรชายนอกสมรสของตระกูลบารอนเสียอีก [1]

จากข้ อมูลที่เทย์เลอร์ ร้ ูมาทาให้ เขาคิดว่าตนรู้จกั คาร์ ลผู้เป็ นเพียง


ขยะไร้ คา่ ของตระกูลเฮนิตสั เต่าสีทองหรูหราเป็ นสัญลักษณ์
ประจาตระกูลเฮนิตสั เช่นเดียวกับใบหน้ าที่หล่อเหลาตัดกับเส้ นผม
สีแดงสดนัน่ ทาให้ เทย์เลอร์ ไม่คิดว่าจะเป็ นคนอื่นได้ นอกจาก
คาร์ ล เฮนิตสั แต่ในสถานการณ์เช่นนี ้แม้ แต่ทา่ นเคาน์เฮนิตสั ผู้ไม่
เข้ าร่วมกับฝ่ ายใดก็อาจคิดได้ วา่ ครอบครัวตนอาจเดือดร้ อนได้
หากมีสว่ นเกี่ยวข้ องใดๆกับตน พวกเขาทังหมดต่ ้ างก็เป็ น
เช่นเดียวกันหลังจากเห็นร่างกายที่ไร้ ประโยชน์ของเขา

เทย์เลอร์ ได้ คานึงถึงความจริ งข้ อนี ้ได้ เป็ นอย่างดีหลังจากที่ได้ ยิน


เสียงถอนหายใจของคาร์ ล

“แล้ วทาไมท่านจะต้ องไป?”


คาร์ ลเดินเข้ าไปใกล้ รถม้ าของเทย์เลอร์ ด้วยใบหน้ าที่ไร้ อารมณ์

“ที่นี่ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของข้ าและตัวข้ าเองคงไม่ทาตัวเป็ นเด็ก


เช่นนันหรอกเมื
้ ่อพวกเราอาจได้ กลายเป็ นเพื่อนร่วมทางกัน”

คาร์ ลสบสายตากับเทย์เลอร์ ครู่หนึง่ ก่อนจะมองเข้ าไปในรถม้ าของ


เทย์เลอร์

‘เธออยูท่ ี่นนั่ สินะ’

‘เคจ’นักบวชหญิงผู้บ้าคลัง่ กาลังลอบสังเกตเขาจากในรถม้ า คาร์ ล


รู้วา่ คาสาปแช่งของเธอร้ ายกาจเพียงใดบางคนได้ กล่าวว่าคา
สาปแช่งของเธอเทียบได้ กบั พ่อมดหมอผีมืออาชีพทีเดียว

คาร์ ลละสายตาจากเคจก่อนยื่นมือออกไป
“ข้ าคือ คาร์ ล เฮนิตสั จากตระกูลเฮนิตสั ”

เทย์เลอร์ จ้องไปที่มือที่ถกู ยื่นออกมาจากด้ านนอกรถม้ าก่อนที่หนั


ไปมองใบหน้ าที่ปราศจากอารมณ์ใดๆของคาร์ ล

คลิ๊ก!

เทย์เลอร์ เปิ ดประตูรถม้ าออกมา มารยาทที่ดีและเหมาะสมคือการ


ที่เขาจะต้ องก้ าวออกจากรถม้ าเพื่อส่งคาทักทายกลับไป

“มันเป็ นเรื่ องยากสาหรับข้ าที่จะสามารถก้ าวออกไปได้ ด้วยขาคูน่ ี ้”

“อืม….ข้ ารู้”
เทย์เลอร์ มองไปที่คาร์ ลอีกครัง้ กับท่าทีที่ไม่ได้ สนใจเรื่ องมารยาทที่
เหมาะสมมากนักและยื่นมือไปจับมือเขา ทันทีมนั เป็ นเพียงการ
จับมือกันในเวลาสันๆ้

“ยินดีที่ได้ ร้ ูจกั นายน้ อยคาร์ ล”

‘ไม่เลย…ไม่ยินดีเลย’

คาร์ ลไม่พอใจกับการพบกันในครัง้ นี ้เลยสักนิด เขารี บหันหน้ าหนี


ทันทีเพราะไม่อยากต้ องทาความรู้จกั กับเคจแต่น่าเสียดายที่เทย์
เลอร์ เป็ นคนที่ให้ เกียรติเพื่อนตัวเองจนเกินไป

“นี่คือเคจเพื่อนนักบวชของข้ า นางเป็ นผู้รับใช้ ของพระเจ้ าแห่งการ


หลับใหลตลอดกาล”
‘หลับใหลตลอดกาล’ เรี ยกง่ายๆมันก็คือพระเจ้ าแห่งความตาย
สินะ คาร์ ลถอนหายใจอีกครัง้ และมองไปที่เคจเธอเอ่ยทักทายเขา
ด้ วยความสง่างามเช่นเดียวกับสิ่งที่นกั บวชพึงมี

“ยินดีที่ได้ พบท่าน…นายน้ อยคาร์ ล…ข้ าชื่อเคจ….ขอให้ ค่าคืนที่


สงบสุขจงสถิตอยูก่ บั ท่านไปตลอดกาล”

‘ขอให้ ค่าคืนที่สงบสุขจงสถิตอยูก่ บั ท่านไปตลอดกาล’นัน่ คือคา


กล่าวอวยพรปกติธรรมดาของนักบวชที่รับใช้ พระเจ้ าแห่งความ
ตายจะกล่าวแก่ประชาชนทัว่ ไป

‘…ค่าคืนที่สงบสุข….ตูดแกนะสิ’

ลืมมันซะเถอะค่าคืนที่สงบสุข คาร์ ลรู้สกึ เหมือนว่าเขาไม่สามารถ


นอนหลับได้ สนิทในค่าคืนนี ้ได้ อย่างแน่นอน เขารู้สกึ เหมือนกาลัง
ดื่มน ้ามะนาวเมื่อมองไปยังเคจที่กาลังส่งรอยยิ ้มที่ออ่ นโยนมาให้
ตน

‘เธอสามารถแสดงออกได้ ดีและเป็ นธรรมชาติแม้ วา่ เธอจะมองว่า


มันเป็ นเรื่ องที่น่าราคาญเพียงใดก็ตามนัน่ เป็ นเหตุผลส่วนหนึง่ ที่
เธอต้ องการการถูกคว่าบาตร’

เธอเป็ นนักแสดงที่ดีจริ งๆ คาร์ ลยิ ้มตอบให้ เคจที่ยงั คงมีรอยยิ ้ม


ของนักบวชผู้เพียบพร้ อมประดับบนใบหน้ าก่อนเอ่ยต่อด้ วยความ
มัน่ ใจ

“และข้ า…ไม่เชื่อในพระเจ้ า”

การจ้ องมองของเคจคือสิ่งที่น่าสนใจ การจ้ องมองของเธอดู


เหมือนจะถามว่าคาร์ ลกาลังบ้ าคลัง่ และนับถือนักบวชใช่หรื อไม่?
แต่คาร์ ลรู้สกึ ยินดีไปกับมัน….คาร์ ลอยากให้ เธอคิดว่าเขาเป็ น
เพียงขยะไร้ คา่ เท่านัน้

“ท่านเป็ นคนที่นา่ สนใจยิ่ง”

“ข้ าก็คิดว่า…ข้ าเป็ นคนน่าสนใจเล็กน้ อย”

คาร์ ลพยักหน้ าเห็นด้ วยกับคาพูดของเธอก่อนหันไปมองรอบๆรถ


ม้ าของพวกเขามันดูแย่มากสาหรับบุตรชายคนโตของมาร์ คควิสส
แตนและมีเพียงหนึง่ องครักษ์ ที่ทาหน้ าที่ทงคนขั
ั ้ บรถม้ าและผู้ค้ มุ
กันของทังสองคน

‘ดูเหมือนพวกเขาจะไม่คอ่ ยมีเงินกันสินะ’

เทย์เลอร์ อาจใช้ เงินเป็ นจานวนมากในการติดเครื่ องสัญญาณ


เตือนภัยพลังเวทย์รอบๆบ้ านของเขาที่เมืองพัซเซิลแล้ วและเขา
ไม่ได้ รับเงินช่วยเหลือจากมาร์ คควิสสแตนอีกต่อไปทาให้ เขาไม่มี
เงินมากพอสาหรับการใช้ ในกรณีฉกุ เฉินได้ ทาให้ เขาต้ องลดภาระ
ค่าใช้ จา่ ยทุกวิถีทาง

เทย์เลอร์ หลับตาของเขาลงเพื่อระงับความอดสูในใจเมื่อมองเห็น
สาตาของคาร์ ลที่กาลังจ้ องมองไปยังรถม้ าของตนอยู่

คาร์ ลไม่ได้ คิดเช่นเดียวกับที่เทย์เลอร์ คิดเมื่อมองไปที่รถม้ าของ


เทย์เลอร์ แต่เขากาลังคิดถึงประเด็นอื่น

‘พวกเขาคงจะมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวงตามจดหมายของฉันสินะ’

มันเห็นได้ อย่างชัดเจนว่าจุดมุง่ หมายของพวกเขาอยูท่ ี่ไหนหาก


ไม่ใช่เมืองหลวงเพื่อเข้ าเฝ้าองค์ชายรัชทายาท

“ฮันส์”
“ขอรับ..นายน้ อย?”

คาร์ ลเรี ยกให้ ฮนั ส์เข้ ามาใกล้ ตนก่อนเอ่ยต่อ

“ช่วยนาทางพวกเขาที”

“ได้ ขอรับนายน้ อย”

“จัดเตรี ยมสารับอาหารแยกไปให้ กบั พวกเขาด้ วย….อ้ อ!…พา


พวกเขาไปหาที่ตงพั
ั ้ กแรมด้ วยเช่นกันให้ หา่ งจากที่พกั ของพวกเรา
ไปสักเล็กน้ อย”

เขาไม่ต้องการที่จะทานข้ าวร่วมกันกับพวกเขาหรื อแม้ แต่ตงที


ั ้ ่พกั
ใกล้ กนั ก็ไม่ต้องการ
“แล้ วไม่ต้องเรี ยกหาข้ าอีก…เรื่ องทุกอย่างให้ เจ้ าจัดการได้ เลย”

เขาไม่ต้องการสร้ างสถานการณ์ให้ พวกเขามาใกล้ ชิดกับตนมาก


นักและแน่นอนว่าเขารู้สกึ ว่าสิ่งต่างๆอาจจะไม่ได้ เป็ นอย่างที่ใจ
เขาต้ องการ

“ขอรับ…กระผมจะดูแลพวกเขาเหมือนกับที่ดแู ลนายน้ อยขอรับ”

“แล้ วอย่าลืมหาเหล้ ามาให้ ข้าดื่มด้ วย”

‘ทาไมเขาถึงช่างเป็ นคนที่หลงใหลกับการได้ ดแู ลใครนักนะ’

คาร์ ลมองไปที่ฮนั ส์ผ้ ทู ี่หลงใหลการดูแลผู้อื่นอยูเ่ สมอและโค้ ง


ศีรษะให้ กบั เทย์เลอร์ เพื่อเอ่ยขอตัว

“ถ้ าเช่นนันข้
้ าขอตัวก่อนนายน้ อยเทย์เลอร์ ”
“ขอบคุณสาหรับความเมตตาของท่าน…นายน้ อยคาร์ ล”

“ไม่เป็ นไร”

คาร์ ลหันหน้ าหนีจากสีหน้ าที่เหมือนมีอาการแปลกใจของเทย์


เลอร์ ก่อนที่จะมุง่ หน้ ากลับไปที่รถม้ าของตนทันทีโดยไม่คิดที่
เหลียวมองสิ่งอื่นอีกและแน่นอนว่าเขาได้ มอบคาสัง่ ให้ กบั รอง
หัวหน้ าองครักษ์ ที่เดินเคียงข้ างเขามาเช่นกัน

“พวกเขามีองครักษ์ ติดตามมาแค่คนเดียว เจ้ าก็จดั การดูแลความ


ปลอดภัยให้ พวกเขาด้ วยแล้ วกัน”

“ได้ ขอรับ…นายน้ อย”


เมื่อคาร์ ลแน่ใจว่ารองหัวหน้ าองครักษ์ เข้ าใจคาสัง่ ของตนดีแล้ วจึง
เดินกลับขึ ้นรถม้ าไป

ปั ง!

เสียงปิ ดประตูรถม้ าดังขึ ้นทาให้ ทกุ คนหันไปมองยังรถม้ าที่มี


สัญลักษณ์เต่าสีทองประดับอยูก่ ่อนจะหันกลับมาสนใจกับงาน
ของตนต่อไปคงมีเพียงแค่เทย์เลอร์ และเคจที่ไม่มีอะไรทาเป็ น
กิจลักษณะทาให้ ยงั คงมองไปที่ประตูรถม้ าคันนี ้อยูเ่ ช่นเดิม

ลูกแมวสองตัวที่คอยบนรถม้ าเอ่ยทักคาร์ ลทันทีเมื่อเขากลับเข้ ามา


ในรถม้ า

“ข้ าเคยเห็นพวกเขามาก่อนหน้ านี ้”

“ใช่แล้ วฮง….พี่ก็อยูท่ ี่นนั่ ด้ วย”


ลูกแมวที่เฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ ้นผ่านหน้ าต่างรถม้ า เมื่อพวก
มันเห็นคาร์ ลเดินเข้ าใกล้ พวกตนอย่างช้ าๆจึงเริ่ มพูดคุยกันขึ ้นไม่
แน่ใจว่าพวกมันเพียงแค่พดู คุยกันเท่านันหรื
้ อตังใจถามค
้ าถามตน
กันแน่ แต่เห็นได้ ชดั ว่าเป็ นคาถามที่ถามเขามากกว่าจะพูดคุย
กันเอง

คาร์ ลเอ่ยตอบคาถามของลูกแมวทังสองที
้ ่มีไหวพริ บแพวพราว

“แกล้ งทาเป็ นไม่ร้ ูซะ”

“เหมือนมังกรนะหรื อ?”

“อืม….”
ลูกแมวทังสองพยั
้ กหน้ าตอบรับกับคาบอกของคาร์ ลเมื่อเห็นว่า
พวกมันเข้ าใจดีแล้ วเขาจึงกอดอกและหลับตาของตนลง

‘ดาราแห่งการเยียวยา’

นัน่ คือพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่เขาเขียนในจดหมายให้ แก่เทย์เลอร์


และเคจ เหตุผลที่คาร์ ลทราบถึงพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณนี ้ก็มาจาก
เหตุการณ์ก่อการร้ ายใจกลางเมืองนัน่ เอง

‘ดาราแห่งการเยียวยา’ คือพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณที่ใช้ ได้ เพียงครัง้


เดียวเท่านันมั
้ นสามารถรักษาอาการบาดเจ็บหรื อความเจ็บป่ วย
ต่างๆที่เกิดต่อร่างกายของคุณให้ หายขาดได้ องค์ชายรัชทายาท
เป็ นผู้ครอบครองพลังดังกล่าวซึง่ ตกทอดมาจากอดีตราชินีพระ
มารดาผู้ลว่ งลับของเขา
การก่อการร้ ายขององค์กรลับได้ เริ่ มต้ นขึ ้นเมื่อเหล่าเชื ้อพระวงศ์
เสด็จมาถึงยังใจกลางเมือง ระเบิดพลังเวทย์ได้ ระเบิดขึ ้นในเมือง
หลวงพร้ อมๆกับที่มนั หยุดการทางานของมันลงอีกครึ่ง
เช่นเดียวกัน

ในนิยายได้ กล่าวว่าเชวฮันสามารถหยุดการทางานของมันได้ เพียง


ครึ่งเดียวเท่านัน้ มันคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งผู้คนในอาณาจักร
ต่างยกย่องว่าเขาคือวีรบุรุษแต่เชวฮันกลับคิดถึงแต่ผ้ ทู ี่ตกเป็ น
เหยื่อกับการวางระเบิดในครัง้ นี ้จนเพิ่มความโกรธแค้ นของตนต่อ
องค์กรลับเพิ่มยิ่งขึ ้น

‘ในตอนนันพวกองค์
้ กรลับก็ได้ ติดตังระเบิ
้ ดพลังเวทย์ไว้ บนร่างกาย
ของชาวเมืองบางส่วนด้ วยเช่นกัน’

เชวฮัน พร้ อมกับนักเวทย์อจั ฉริ ยะเช่นโรสลินได้ ปกป้องและ


ช่วยเหลือชาวเมืองที่อยูใ่ นเหตุการณ์ให้ หลบหนีจากระเบิดพลัง
เวทย์ให้ ได้ แต่ในเวลานันมี
้ ชายชราคนหนึง่ ที่เชวฮันไม่สามารถ
ช่วยชีวิตไว้ ได้

ชายชราคนนันสู ้ ญเสียแขนและขาขวาในตอนที่พยายามทิ ้งระเบิด


พลังเวทย์ออกจากร่างกายของตนและจากเหตุการณ์นี ้ทาให้ เชว
ฮันมีอาการหัวเสียเป็ นอย่างมากเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของชาย
ชราผู้โชคร้ ายคนนัน้

เมื่อองค์ชายรัชทายาทได้ เห็นเหตุการณ์นี ้ก็ทาให้ เขานึกถึงพลัง


ศักดิ์สทิ ธิ์โบราณ‘ดาราแห่งการเยียวยา’ขึ ้นมา นัน่ คือสิ่งที่นิยายได้
กล่าวถึงพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณในตอนนี ้นัน่ เอง

แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันองค์
้ ชายรัชทายาทก็ไม่ได้ ใช้ พลังนี ้กับชายชรา
ผู้นนั ้ เขาทาเพียงปลอบขวัญเชวฮันที่เสียใจอย่างหนักกับการตาย
ของชายชราและได้ ยกย่องเขาขึ ้นเป็ นวีรบุรุษต่อไป
‘มันเป็ นเรื่ องธรรมดา…’

คาร์ ลไม่คิดว่าการตัดสินใจขององค์ชายรัชทายาทจะเป็ นเรื่ องที่ผิด


ใครเป็ นคนสามารถตัดสินได้ วา่ เขาควรใช้ พลังของตัวเองแก่ผ้ อู ื่น
กัน? แน่นอนว่าหากเป็ นเชวฮันหรื อโรสลินก็อาจจะเลือกใช้ มนั
เพื่อช่วยชีวิตชายชราได้
“ไม่วา่ อย่างไร….น้ องชายมังกรก็ยงั คงติดตามเราต่อไปใช่
หรื อไม่?”

คาร์ ลพยักหน้ าตอบรับกับคาถามของฮง

‘ถ้ ามันเป็ นเช่นนี ้ฉันก็อาจจะใช้ มงั กรน้ อยนัน่ ให้ เป็ นประโยชน์ได้ ’

แผนเดิมของเขาคือการช่วยชีวิตมันและปล่อยให้ มนั มีชีวิตตามที่


มันต้ องการ แต่ถ้าตอนนี ้มังกรเลือกที่จะติดตามเขาไปทัว่ เมือง
เหมือนลูกสุนขั ตัวเล็กๆแล้ วล่ะก็…เขาก็อาจนามันไปใช้ ให้ เกิด
ประโยชน์ได้ เขาคิดถึงวิธีการที่จะใช้ งานมันในช่วงหลายคืนที่ผา่ น
มานี ้แล้ ว

คาร์ ลรู้ตาแหน่งของระเบิดพลังเวทย์ทงั ้ 5 ตาแหน่งที่เชวฮันหาพบ


ในนิยายแต่เขาไม่แน่ใจกับตาแหน่งระเบิดพลังเวทย์ที่เหลืออีก 5
แห่งได้ การที่พวกเขาพบกับตาแหน่งระเบิดพลังเวทย์ได้ 5แห่งก็มา
จากฝี มือนักเวทย์อจั ฉริ ยะเช่นโรสลินที่ใช้ พลังในการตรวจหาที่ตงั ้
ของระเบิดไปทีละจุดนัน่ เอง

แต่ตอนนี ้คาร์ ลมีตวั เลือกที่ดีกว่าโรสลินเป็ นอย่างมากมันเป็ นนัก


เวทย์ระดับสูงที่สามารถตรวจหาพลังเวทย์รอบๆได้ ไม่ตา่ งจากการ
ตามจับเป็ ดที่หลุดหายไป

“มันอาจจะเป็ นงานที่ยากสักหน่อย”

ลูกแมวทังสองต่
้ างชะงักกับคาพูดของคาร์ ลแต่เขามองไม่เห็นมัน
เขากาลังคิดถึงงานที่จะให้ เจ้ ามังกรน้ อยทาเมื่อเดินทางไปถึงเมือง
หลวงแล้ ว ส่วนเจ้ ามังกรน้ อยนันไม่
้ ได้ คิดถึงสิ่งใดมากนักมันเพียง
แค่คิดจะหาหมูป่าไปส่งให้ พวกมนุษย์ที่พกั ค้ างแรมอยูน่ ี่ก็เท่า
นันเอง

คาร์ ลผู้ที่เผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ ้นมาเขาก็วางแผนอย่างรอบคอบ
ในสิ่งที่ต้องทาในอนาคตเมื่อเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ วและออกไป
เพื่อตรวจดูซากหมูป่าก่อนจะเริ่ มสังเกตเห็นบรรยากาศที่แปลกไป

เขากินและนอนหลับไปในรถม้ าเมื่อคืนนี ้เขาพยายามทาให้ มนั ดี


ที่สดุ ในการไม่พดู คุยกับเทย์เลอร์ และคณะเดินทางของตน นัน่ เป็ น
เหตุผลที่เขาไม่เข้ าใจกับบรรยากาศที่แปลกๆและอึมครึมเช่นนี ้

“ฮันส์ เกิดอะไรขึ ้น?”

ฮันส์ยิ ้มให้ เขาอย่างอึดอัดใจและเอ่ยทักทายเขา คาร์ ลรู้สกึ ว่าฮันส์


และคนอื่นๆในคณะเดินทางของตนมีความสงสัยเกี่ยวกับเนื ้อสัตว์
และผลไม้ ตา่ งๆที่ถกู ส่งมาให้ พวกเขา แม้ วา่ คาร์ ลจะไม่ร้ ูวา่ รอนมี
ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ องนี ้อย่างไรเมื่อทังเขาและเชวฮั
้ นเอ่ยเพียง
แค่วา่ มันเป็ นเรื่ องที่ดีและให้ สนุกไปกับมัน ส่วนบารอคยิ่งโน้ มน้ าว
ใจได้ ง่ายเนื่องจากเขารู้สกึ ตื่นเต้ นที่ได้ เห็นวัตถุดิบที่มีคณ
ุ ภาพยอด
เยี่ยมในทุกๆเช้ า
“ฮาฮ่าๆๆๆ นายน้ อยตื่นแล้ วหรื อขอรับ?”

ฮันส์เหลียวไปมองเทย์เลอร์ และเคจ ก่อนที่จะเดินเข้ ามาใกล้ คาร์ ล

“อย่างที่เห็นขอรับ กระผมคิดว่านายน้ อยเทย์เลอร์ อาจจะเข้ าใจ


ผิด”

“เข้ าใจผิด?”

คาร์ ลสามารถมองเห็นซากหมูป่าเช่นเดียวกับเทย์เลอร์ ที่อยู่บน


รถเข็นและเคจที่กาลังจับรถเข็นอยูด่ ้ านหลังของเขา คาร์ ลเดินเข้ า
ไปใกล้ ซากหมูป่าและหยุดยืนใกล้ กบั รถเข็นของเทย์เลอร์ ก่อนเอ่ย
ขึ ้น

“เกิดอะไรขึ ้น?”
โดยปกติหมูป่าที่มงั กรส่งมาให้ พวกเขาจะมีขนาดที่ใหญ่เสมอ มัน
มีขนาดใหญ่กว่าเสือเสียอีกซึง่ นันท้ าให้ บารอครู้สกึ
ตื่นเต้ นไม่น้อยและตามปกติก็มกั จะมีภาพวาดที่อยูถ่ ดั ไปจากซาก
หมูป่าเหล่านี ้เขาคิดว่ามังกรน่าจะรู้สกึ ยุง่ ยากหรื อขี ้เกียจในการ
วาดส้ อมในครัง้ นี ้มันจึงวาดเพียงรูปมีดเท่านัน้

“ข้ าต้ องขอโทษท่านจริ งๆ..นายน้ อยคาร์ ล”

‘หืม…..นี่มนั เรื่ องไร้ สาระอะไรกัน?’

เทย์เลอร์ มีรอยยิ ้มที่เต็มไปด้ วยคาว่าขอโทษส่งมาให้ แก่เขาก่อนที่


จะหันกลับไปมองซากหมูป่า

“ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของพวกข้ าจะถูกพบเสียแล้ ว”
‘การเคลื่อนไหว’ คาร์ ลได้ ยินเสียงเคจพึมพาเบาๆอยูด่ ้ านหลังเทย์
เลอร์ ตอนนี ้เธอกาลังโกรธ

“การเดินทางครัง้ นี ้มันเป็ นความลับไม่มีทางที่ใครจะรู้เรื่ องนี ้ได้ ?


มีคนสามารถหลุดรอดการตรวจพบของข้ าได้ หรื อนี่? มันมาก
เกินไปแล้ ว!”

‘แล้ วคนในระดับพวกเจ้ าจะไปตรวจพบมังกรได้ อย่างไรกัน’

คาร์ ลอาจต้ องเป็ นคนจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ ้นนี ้อย่างเร่งด่วน

มีบางสิ่งหรื อบางอย่างหรื อใครบางคนสามารถจับตัวหมูป่าขนาด


ใหญ่ได้ อย่างง่ายดายและนามันมาทิ ้งไว้ บริ เวณที่ค้างแรมของ
พวกเขาโดยไม่ถกู จับตัวจากพลังของเคจหรื อคนอื่นๆได้ ความ
แข็งแกร่งและการลอบทาเช่นนี ้เป็ นเพียงบางส่วนเท่านันที้ ่
ผู้เชี่ยวชาญพึงมี ถัดจากความสามารถเหล่านี ้ยังมีการวาดรูปมีด
นัน่ อีก

มันเป็ นมีดขนาดเล็กสาหรับคาร์ ลแต่มนั อาจจะดูเป็ นมีดที่มีขนาด


ใหญ่มากสาหรับ….คาร์ ลหันกลับไปมองเทย์เลอร์ ผ้ ทู ี่กาลังมองมา
ที่เขาด้ วยความสิ ้นหวังและทุกข์ใจยิ่ง

“…..นายน้ อยคาร์ ล….ส…สาหรับเหตุการณ์นี ้”

“บารอค” คาร์ ลเรี ยกบารอคโดยทันที

บุตรชายคนที่สองของมาร์ ควิสสแตนเช่นเวเนี่ยนอาจจะยุง่ มาก


ในตอนนี ้เขาคงไม่มีเวลามาสนใจกับบุตรชายคนโตที่ไม่สามารถ
ใช้ งานได้ อีก?แล้ วไม่ใช่วา่ เขาจะรู้ถงึ พลังศักดิส์ ทิ ธิ์โบราณ‘ดารา
แห่งการเยียวยา’ที่อยูเ่ มืองหลวงเสียเมื่อไหร่กนั
“ขอรับ…นายน้ อย?”

บารอคกาลังยืนอยูท่ ี่นนั่ พร้ อมกับมีดทาครัวคูใ่ จและใบหน้ าที่ถกู


ประดับไปด้ วยความตื่นเต้ น

“ดูเหมือนว่าเราจะได้ กินสเต็กสาหรับเช้ านี ้”

“ใช่แล้ วนายน้ อย…ดูเหมือนว่าเราจะได้ กินสเต็กชันเลิ


้ ศกันอีกครัง้
ขอรับ”

เทย์เลอร์ มองมาที่คาร์ ลด้ วยสีหน้ าว่างเปล่าก่อนจะเริ่ มพูด

“……..อีกครัง้ อย่างนันหรื
้ อ?”

คาร์ ลพยักหน้ าและตอบกลับ


“เรามีคนในคณะเดินทางที่ทาหน้ าที่ในการหาวัตถุดิบเช่นนี ้มาให้ ”

“…..เขาคือใครหรื อ?”

คาร์ ลพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิดและเอ่ยตอบ

“เขาเป็ นคนที่ขี ้อายเป็ นอย่างมากดังนันพวกท่


้ านจะไม่สามารถพบ
เขาได้ ”

คาร์ ลมองเห็นใบไม้ จากต้ นไม้ ที่อยูไ่ ม่ไกลจากที่เขายืนอยูน่ กั มีการ


สัน่ ไหวขยับขึ ้นและลงเป็ นจังหวะช้ าๆก่อนที่เขาจะส่ายศีรษะของ
ตนเองเบาๆ เมื่อเห็นคาร์ ลส่ายศีรษะเช่นนันเทย์้ เลอร์ และเคจมีสี
หน้ าที่เปลี่ยนเป็ นสีแดงด้ วยความอาย

“…เอ่อ….เร…เรา…เราดูเหมือนว่าจะเข้ าใจผิดเสียแล้ ว”
“ไม่ใช่ความผิดของพวกท่านหรอก อ้ อ…บารอคเป็ นพ่อครัวที่มี
ฝี มือมากดังนันขอให้
้ พวกท่านได้ ทานสเต็กนี ้ก่อนออกเดินทางแล้ ว
กัน”

บารอคหยุดชะงักไปกับการลูบไล้ ซากหมูป่านันก่
้ อนเงยหน้ าขึ ้นมา
มองคาร์ ลทันทีแต่เขาไม่ได้ มองตอบบารอคได้ เพราะประโยคถัด
มาของเทย์เลอร์

“นายน้ อยคาร์ ล…ข้ าได้ ยินมาว่าพวกท่านกาลังเดินทางไปยังเมือง


หลวง…หากท่านไม่มีปัญหาอะไรขอให้ พวกข้ าได้ ติดตามพวกท่าน
ไปได้ หรื อไม่?”

‘ก็คิดไว้ อยูแ่ ล้ วว่าจะเป็ นแบบนี ้’

มันเป็ นไปตามที่คาร์ ลได้ คาดไว้


“โปรดอย่าลังเลที่จะทาทุกอย่างที่ดีที่สดุ สาหรับท่านเถิด”

ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้วา่ คนที่ร่วมเดินทางไปด้ วยจะเป็ นคน


เดียวกับที่สง่ จดหมายให้ พวกเขา หากมันต้ องเป็ นแบบนี ้ตนก็
อาจจะดูแลพวกเขาจนกว่าจะถึงเมืองหลวงและนัน่ จะทาให้ พวก
เขารู้สกึ เป็ นหนี ้ตนอย่างแน่นอนและทังสองคนนี
้ ้อาจมีประโยชน์
ต่อเขาในอนาคตข้ างหน้ าได้

“ขอบคุณท่านมาก…เราจะอยู่ภายใต้ ความดูแลของท่านจนกว่า
เราจะเข้ าใกล้ เมืองหลวง”

คาร์ ลอมยิ ้มให้ กบั คาพูดของเทย์เลอร์

‘อย่างน้ อยเขาก็ยงั เป็ นคนมีเหตุผล’


เพียงแค่เดินทางเข้ าใกล้ เมืองหลวง นัน่ คือสิ่งที่เทย์เลอร์ ขอความ
ช่วยเหลือเพียงแค่ถึงตาแหน่งที่จะไม่ทาให้ สง่ ผลกระทบต่อคาร์ ล
และท่านเคานต์เฮนิตสั ได้ หากเวเนี่ยนหรื อมาร์ คควิสสแตนทราบ
ว่าพวกตนยื่นมือเข้ าไปช่วยเหลือเทย์เลอร์ มันอาจส่งผลกระทบ
เป็ นวงกว้ างได้ หากพวกเขาเดินทางเข้ าเมืองหลวงพร้ อมกัน

“แล้ วเราค่อยตัดสินใจกันอีกครัง้ ในภายหลัง”

คาร์ ลมีความคิดที่ตา่ งออกไป เขายังคงมีเครื่ องมือเวทย์อีกหลาย


อย่างภายในกล่องเวทย์นนั่

“ได้ …โปรดแจ้ งให้ พวกเราทราบได้ ทกุ เมื่อหากเป็ นเวลาที่สะดวก


ที่สดุ สาหรับนายน้ อยคาร์ ล”

“อืม…แน่นอน”
เทย์เลอร์ และเคจมองไปยังคาร์ ลที่มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างง่ายๆ
ก่อนที่คาร์ ลจะเลี่ยงจากสายตาที่จ้องมองมายังเขาเพื่อเอ่ย
กับฮันส์

“นาอาหารของข้ าไปที่รถม้ าด้ วยแล้ วกัน”

“ขอรับ….นายน้ อย”

คาร์ ลกาลังจะเดินหันหลังกลับไปยังรถม้ าแต่เป็ นเวลาเดียวกับที่มี


คนเรี ยกเขาไว้ ก่อน

“นายน้ อยคาร์ ล”

นัน่ คือเสียงของเคจ ดูเหมือนว่าเธอจะมีอาการปวดศีรษะจากการ


ที่เอามือจับศีรษะของตนพร้ อมกับคิ ้วที่ขมวดมุน่ บนใบหน้ านัน่
ก่อนที่เคจจะเดินเข้ ามาใกล้ เขามากขึ ้น คาร์ ลรู้สกึ ว่าน ้าลายของ
ตนเหนียวข้ นจนกลืนลาบากขึ ้นเมื่อเห็นอาการเช่นนันของเคจ ้

“มีอะไรกับข้ าเช่นหรื อท่านนักบวชหญิง?”

“ท่านไม่เชื่อในพระเจ้ าองค์ใดเช่นนันหรื
้ อ?”

‘ต้ องการอะไรจากฉันกันเนี่ย?’

“อืม…เป็ นเช่นนัน”

“…..อ่า….ข้ าเข้ าใจแล้ ว”

คาร์ ลรี บมุง่ หน้ าไปยังรถม้ าของตนทันทีหลังจากได้ ยินคาตอบรับ


จากเคจ เทย์เลอร์ เข้ ามาใกล้ เคจเมื่อเห็นว่าคาร์ ลได้ เดินจากไป
แล้ ว
“เกิดอะไรขึ ้น?”

เคจมักไม่คอ่ ยยุง่ เกี่ยวกับใครนอกจากนักบวชที่มาจากวิหาร


เดียวกันหรื อเพื่อนสนิทของเธอเท่านัน้ นัน่ ทาให้ เขารู้สกึ แปลกใจ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เคจมีตอ่ คาร์ ล เธอสัน่ ศีรษะของเธอเบาๆและ
เอ่ยตอบด้ วยท่าทางขมขื่น

“มันแปลก…”

“แล้ วมันคืออะไร?”

“มันเหมือนกับ…..” เคจพูดขึ ้นก่อนจับศีรษะของตนเบาๆและเอ่ย


ต่อโดยทันที
“….ข้ ารู้สกึ …ในหัวของข้ า….ข้ ารู้สกึ …มันเหมือนกับว่าพระเจ้ า
แห่งความตายคอยห่วงใยและเห็นอกเห็นใจข้ าอยู่ตลอดเวลา”

“….มันเป็ นความรู้สกึ เช่นไร?..เจ้ าพักผ่อนไม่เพียงพอใช่


หรื อไม่?”

“อาจจะเป็ นเช่นนัน…”

เคจยังคงรู้สกึ เช่นนี ้ทุกครัง้ เมื่อมองไปที่คาร์ ล มีเพียงแค่ครัง้ เดียวที่


เธอรู้สกึ เช่นนี ้ มันเป็ นตอนที่เธอถูกบังคับให้ ใช้ แรงงานในการสร้ าง
วิหารแห่งใหม่ เธอสัมผัสได้ ถึงความรู้สกึ นันจากพระเจ้
้ าแห่งความ
ตายที่มองมายังเธอด้ วยความห่วงใย

‘ไม่มีทางที่นายน้ อยคาร์ ลจะสัง่ ให้ ข้าทาเช่นเดียวกับวิหารบ้ านัน่ ’


เคจคิดว่าสิ่งที่เทย์เลอร์ คิดเป็ นสิ่งที่ถกู ต้ องแล้ ว เธอเพียงแค่
พักผ่อนไม่พอก่อนที่จะสลัดเรื่ องนี ้ออกไปจากหัวของตน

นัน่ คือเหตุผลที่คณะเดินทางของคาร์ ลมีการเติบโตขึ ้นและพวกเขา


ยังคงมุง่ หน้ าต่อไปยังเมืองหลวงโดยไม่มีอปุ สรรคใดๆ

ทุกครัง้ ที่คาร์ ลรู้สกึ เหนื่อยกับการนัง่ ในรถม้ าที่คบั แคบเป็ น


เวลานานๆเขาก็เลือกที่จะเดินออกจากรถม้ าเพื่อยืดแข้ งยืดขาของ
ตนบ้ าง กลุม่ ของเทย์เลอร์ ยงั คงมองมาที่เขาแต่ไม่ได้ สนทนาใดๆ
ต่อกัน

พวกเขายังคงเดินทางต่อไปเรื่ อยๆจนกระทัง่ ถึงโรงแรมแห่งหนึง่


ก่อนจะเดินทางเข้ าเมืองหลวงในวันรุ่งขึ ้น

“นายน้ อยคาร์ ล…ท่านชอบเครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ใช่หรื อไม่?”


เป็ นเทย์เลอร์ และเคจที่ได้ เข้ ามาหาคาร์ ลในตอนนี ้

“พวกท่านมีอะไรกับข้ าเช่นนันหรื
้ อ?”

คาร์ ลรู้สกึ แปลกใจว่าทาไมทังสองคนถึ้ งเข้ ามาหาเขากลางดึก


เช่นนี ้ แต่การแสดงออกของคนทังคนคู ้ ก่ ็ไม่ได้ มีสิ่งที่ผิดปกติไป
เทย์เลอร์ สง่ ยิ ้มให้ คาร์ ลเมื่อเห็นท่าทางของเขา

“คาร์ ล เฮนิตสั ขยะไร้ คา่ ที่ไม่สามารถใช้ ชีวิตโดยปราศจากแอลก


อออล์ได้ ”

เมื่อครัง้ ที่เทย์เลอร์ คือผู้สืบทอดตาแหน่งมาร์ คควิสนัน้ เขาได้ ทราบ


ข้ อมูลเกี่ยวกับขุนนางต่างๆมากมายรวมถึงข้ อมูลของคาร์ ลเพราะ
นัน่ คือข้ อมูลที่ไม่เหมือนใครและยากที่จะลืมเลือนได้

“แต่ข้าคิดว่านัน่ มันไม่ใช่เรื่ องจริ งทังหมด…”



อย่างไรก็ตามคาร์ ลตัวจริ งช่างแตกต่างจากข้ อมูลที่เขาได้ รับมาก
นัก คาร์ ลอยูบ่ นรถม้ าทังวั
้ นเพื่อให้ พวกเขารู้สกึ ไม่อดึ อัดและมี
น ้าใจในการให้ ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างดีที่สดุ เท่าที่จะทาได้
อีกทังผู
้ ้ ใต้ บงั คับบัญชายังให้ เกียรติและนับถือปฏิบตั ิตามคาสัง่
ของเขาอย่างเคร่งครัด และที่สาคัญที่สดุ คือเขาปฏิบตั ิตอ่ พวกตน
อย่างเช่นคนธรรมดาทัว่ ไป

“ท่านช่างแตกต่างจากข่าวลือยิ่งนัก”

ตอนนี ้พวกเขาอยูด่ ้ านหน้ าของเมืองหลวงแล้ ว เทย์เลอร์ และเคจ


จะต้ องลอบออกไปจากโรงแรมนี ้ตังแต่ ้ เช้ าตรู่ และแน่นอนว่าพวก
เขาจะต้ องเดินเข้ าไปในพระราชวังด้ วยความมัน่ ใจแต่ยงั คงมี
หลายสิ่งที่พวกเขาจะต้ องเตรี ยมพร้ อมและหาข้ อมูลเพิ่มเติม
ก่อนที่จะรับมือกับเรื่ องที่ตงใจไว้
ั้ อย่างไรก็ตามพวกเขาตัดสินใจที่
จะเปลี่ยนแผนเดิมของพวกเขาเล็กน้ อย
เทย์เลอร์ และเคจได้ เฝ้าดูคาร์ ล เฮนิตสั เป็ นเวลานานมากกว่าหนึง่
สัปดาห์และสิ่งนี ้ก็ยงั อยูใ่ นความคิดของพวกเขาอยูต่ ลอดเวลา

“นายน้ อยคาร์ ล…ท่านสนใจที่จะร่วมดื่มเหล้ ากับพวกเราก่อนที่จะ


แยกย้ ายกันหรื อไม่?”

[1] บรรดาศักดิ์ของขุนนางทางตะวันตกประกอบไปด้ วย
บรรดาศักดิ์เรี ยงจากสูงไปต่าดังนี ้

• ดยุก (Duke)

• มาควิส(Marquess)

• เอิร์ล (Earl)

• ไวเคานต์ (Viscount)

• บารอน (Baron)
ทาให้ สถานะของเทย์เลอร์ อยูใ่ นขันที
้ ่ตกต่ายิ่งกว่าลูกนอกสมรส
ของขุนนางที่มียศต่าสุดเสียอีก
บทที่ 27 เจ้ า 2

“เข้ ามาก่อนสิ”

คาร์ ลเดินนาพวกเขาเข้ ามาในห้ องโดยมีเคจผลักรถเข็นที่มีเทย์


เลอร์ นงั่ อยูเ่ ข้ ามาภายในห้ อง เมื่อเห็นเคจได้ นงั่ ลงบนเก้ าอี ้แล้ ว
คาร์ ลก็ไม่ได้ สนใจที่จะไปหยิบขวดเหล้ าก่อนเอ่ยถามทันที

“ท่านต้ องการอะไร?”

น ้าเสียงของคาร์ ลเรี ยบเย็นเช่นเดียวกับใบหน้ าที่ยงั คงเป็ นปกติ


อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เทย์เลอร์ เห็นในตอนนี ้เป็ นการยืนยัน
ความคิดของเขาว่าบุคคลที่อยูต่ รงหน้ าเขาไม่ใช่เพียงขยะไร้ คา่ แต่
ความเป็ นจริ งเขาฉลาดยิ่งกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ เสียอีก
เทย์เลอร์ ไม่ได้ มาที่นี่เพื่อดื่มเหล้ ากับคาร์ ล เครื่ องดื่มแอลกอฮอร์
เป็ นสิ่งที่ดีมากหากดื่มกับคนที่ไว้ วางใจหรื อแม้ แต่เป็ นวิธีดื่มเพื่อ
กระชับความสัมพันธ์โดยง่ายและสังเกตพฤติกรรมของคนอื่นได้
ด้ วยเช่นกัน

“ท่านคิดว่าข้ าเป็ นคนเช่นไรกันเล่า…นายน้ อยคาร์ ล?”

คาร์ ลลอบสังเกตเทย์เลอร์ อย่างเงียบๆเมื่อเขาได้ เอ่ยคาถามนันแก่



ตนก่อนจะเดินไปยังเตียงนอนเพื่อหยิบกระเป๋ าออกมาและนามัน
กลับไปวางที่โต๊ ะต่อหน้ าคนทังสอง

เคร้ ง!

เสียงเหมือนโลหะตกกระทบกับพื ้นดังไปทัว่ ห้ อง มันเป็ นเสียงที่ดงั


มาจากสิ่งของที่อยูภ่ ายในกระเป๋ าที่ถกู เปิ ดออกแล้ วข้ างในของมัน
ประกอบไปด้ วยเหรี ยญทอง เหรี ยญเงินและเหรี ยญทองแดง
พร้ อมๆกับเสียงที่เอ่ยขึ ้นด้ วยความมัน่ ใจของคาร์ ล

“ข้ าไม่ร้ ูวา่ ทาไมท่านต้ องเดินทางไปยังเมืองหลวงในตอนที่เหล่า


ขุนนางทัว่ ทังอาณาจั
้ กรต่างก็มงุ่ หน้ าไปยังเมืองหลวงเช่นกัน แต่
ข้ ารู้วา่ สิ่งที่คนเช่นท่านต้ องการจากข้ าเมื่อได้ เข้ ามาในถ ้าเสือเช่นนี ้
แล้ ว….”

คาร์ ลได้ คาดเอาไว้ แล้ วตังแต่


้ ตอนที่เทย์เลอร์ ขอติดตามเขาเข้ า
มายังเมืองหลวงด้ วยและตลอดเวลาเขารู้สกึ ได้ วา่ ถูกสายตาของ
พวกเขาจ้ องมองตลอดการเดินทาง

“ตระกูลเฮนิตสั ผู้ร่ ารวยและมัง่ คัง่ ท่านคงต้ องการเงินใช่หรื อไม่?”

เฮ่อ
เคจถอนหายใจออกมาด้ วยความทึง่ กับคากล่าวของคาร์ ล สาหรับ
เทย์เลอร์ เป็ นคนที่อยู่จดุ สูงสุดก่อนตกลงมาจาหน้ าผาสูงส่วนคน
เช่นเคจคือคนที่อยูพ่ ียงพื ้นดินด้ านล่างมาโดยตลอด แต่สาหรับ
คาร์ ลคือคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ตา่ งออกไป

เขามักจะให้ รองพ่อบ้ านฮันส์เตรี ยมเครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาให้


เขาดื่มทุกครัง้ ที่มีเวลาว่าง เขาไม่สนใจว่าผู้ใต้ บงั คับบัญชาของตน
กาลังทาอะไรยุง่ ขนาดไหนเขาก็เพียงแค่กินอาหารที่หรูหราและ
คุณภาพสูงในขณะที่มองดูพวกเขาก็เท่านัน้ เขาเลือกเข้ าพักใน
โรงแรมที่หรูหราที่สดุ และมักจะผ่อนคลายเสมอโดยไม่สนใจว่าตน
จะพูดกับคนอื่นเช่นไร

แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันเขาก็
้ ไม่ใช่ขยะไร้ คา่ จริ งๆ โดยเฉพาะเทย์เลอร์
เพื่อนของเธอย่อมรู้เรื่ องนี ้ดียิ่งกว่าเธอมากนัก

“ท่านรู้แล้ วสินะ?”
“มันเป็ นเรื่ องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้ วยเข้ าปากเสียอีก”

คาร์ ลตอบเหมือนกับว่ามันไม่ยากที่จะคาดเดาได้ เลย

“ฮึ…จากพาหนะที่พวกท่านใช้ ในการเดินทางก็ดเู หมือนว่าพวก


ท่านจะร้ อนเงิน…แล้ วยิ่งต้ องเข้ าไปในเมืองหลวงด้ วยแล้ วมันคง
ไม่มีสิ่งอื่นที่พวกท่านต้ องการนอกเหนือไปจากเงิน ข้ าเดาว่านี่อาจ
ไม่ใช่แผนเดิมของพวกท่านแต่มนั ก็เป็ นเรื่ องธรรมดา…หากท่าน
จะเอ่ยถามกับผู้ที่มีตราสัญลักษณ์เต่าสีทองเมื่อได้ มีโอกาสร่วม
เดินทางมากับพวกเราเช่นนี ้แล้ ว”

เทย์เลอร์ ไม่สามารถปฏิเสธกับคากล่าวของคาร์ ลได้ มนั คือความ


จริ งที่วา่ คาร์ ล เฮนิตสั ไม่ได้ พยายามที่จะหลีกเลี่ยงจากบุตรชาย
คนโตที่ถกู ผลักไสออกจากตระกูลเช่นเขา การเอ่ยปากเพื่อขอ
ความช่วยเหลือและหวังว่าจะได้ รับเงินจากคาร์ ลนัน่ คือวิธีที่ดีที่สดุ
ที่เคาคาดหวังไว้
ถึงแม้ วา่ คาร์ ลจะปฏิเสธว่า ‘ไม่’ เขาก็ไม่ได้ มีทา่ ทีที่จะเอาเรื่ องของ
เขาไปแจ้ งกับเวเนี่ยนให้ ทราบเช่นกันดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดสิ่งที่
สร้ างความวุน่ วายให้ ตวั เขาเอง ในสายตาของเทย์เลอร์ …คาร์ ลคือ
คนที่พยายามซ่อนความสามารถที่แท้ จริ งจากสายตาผู้อื่น

“ขอบคุณท่านมาก…นายน้ อยคาร์ ล”

คาร์ ลไม่ได้ พดู อะไรออกมาเช่น ‘ไม่เป็ นไรข้ ายินดีช่วยเหลือ’ แต่


ท่าทางของเขาคือคนที่ยินดีจะเล่นไปตามแผนของเทย์เลอร์ ที่คิด
วางแผนมาโดยตลอดในช่วงเวลาที่ตนได้ พบกับคาร์ ล

“พวกท่านจะออกจากที่นี่ก่อนรุ่งสางสินะ?”

“ใช่…เราวางแผนที่จะลอบออกไปแต่มาที่นี่เพื่อพบท่านก่อนที่เรา
จะจากไป เรายังต้ องดูแลและเตรี ยมความพร้ อมกับหลายสิ่งมาก
นัก”
เววตาของเทย์เลอร์ กระจ่างใสในขณะที่นงั่ อยูบ่ นรถเข็นนี ้แต่คาร์ ล
ไม่สามารถมองเห็นแววตาที่ปราศจากความกังวลของเทย์เลอร์ ได้
เมื่อพวกเขาได้ สบตากัน

“พวกท่านวางแผนจะแฝงตัวเข้ าไปในวิหารสินะ?”

ในช่วงเวลานันเหมื
้ อนว่าเทย์เลอร์ จะตกใจกับสิ่งที่คาร์ ลถาม…เขา
รู้มนั ได้ อย่างไรนะ? ก่อนที่เคจจะก้ าวเข้ ามาและเอ่ยขึ ้น

“ใช่…พวกเราวางแผนที่จะแฝงตัวเข้ าไปในวิหาร”

พวกเขาวางแผนที่จะปิ ดบังตัวตอนของเทย์เลอร์ โดยแฝงตัวเข้ า


เป็ นสมาชิกคนหนึง่ ของวิหาร อย่างไรก็ตามการทาเช่นนี ้ย่อมเป็ น
สัญญาณเตือนให้ กบั วิหารแห่งความตายที่เคจเคยอยูไ่ ด้ เธอยินดี
ที่จะให้ ตวั เองตกอยูใ่ นอันตรายเพื่อช่วยเหลือเทย์เลอร์ อย่างไรก็
ตามการแฝงตัวเข้ าไปเช่นนันก็
้ ไม่ได้ รับประกันว่ามันจะสาเร็จได้
คาร์ ลมองเห็นว่ามันคือปั ญหามากกว่า

“แม้ วา่ พวกท่านจะแฝงตัวเข้ าไปในวิหารนัน่ ได้ เวเนี่ยนหรื อมาร์ ค


วิสสแตนจะทราบข้ อมูลนี ้ภายใน 3 วัน พวกเขามักมีสายข่าวอยู่
ทุกที่รวมถึงวิหารแห่งความตายนัน่ ด้ วย”

“……ข้ อมูลที่ได้ รับจากท่านนับเป็ นสิ่งที่ดีนกั ”

เคจเริ่ มยิ ้มออกมา มีหลายสิ่งที่เธอเพิ่งรู้จากคาร์ ล

“นายน้ อยคาร์ ล… ข้ าแน่ใจว่าท่านอาจจะอยากรู้ถึงแผนการของ


พวกเรา?”

ก๊ อก ก๊ อก
คาร์ ลเคาะนิ ้วชี ้กับโต๊ ะจนเกิดเสียงเบาๆ

“เอาเงินนี ้ไปและทาให้ เจ้ าของโรงแรมเข้ าใจว่าท่านและคนของ


ท่านจะพักอยูท่ ี่นี่อีกหนึง่ วัน”

ก่อนจะยกนิ ้วชี ้มายังด้ านหน้ าของคนทังสอง


“สาหรับพวกท่านสองคนจะได้ นงั่ ไปบนรถม้ าของข้ า ส่วนที่เหลือ


ในกลุม่ ของเจ้ าจะเดินทางเข้ าสูเ่ มืองหลวงหลังจากนันอี
้ กหนึง่ วัน”

ครื ด!

คาร์ ลผลักเก้ าอี ้ให้ ถอยหลังออกไปก่อนจะลุกขึ ้นยืน จากนันก็


้ เดิน
ไปหยิบบางอย่างออกมาจากกล่องเวทย์และวางมันลงบนโต๊ ะ
“นี่คือเครื่ องมือเวทย์….มันสามารถทาให้ สิ่งมีชีวิตที่อยูใ่ นพื ้นที่ที่
เราเลือกไม่สามารถมองเห็นได้ เป็ นเวลา 5 นาที”

นี่เป็ นเครื่ องมือชิ ้นที่สองที่ต้องเช่าซื ้อภายใต้ ชื่อของบิลอส

‘นายน้ อยคาร์ ล…ท่านวางแผนที่จะขโมยสิ่งใดหรื อไม่?’

‘ขโมย? ไม่….ข้ ามีแผนที่จะทาลายบางอย่าง’

‘ทาลายสิ่งใดหรื อขอรับ?’

เขาวางแผนที่จะใช้ เครื่ องมือนี ้กับเหตุการณ์ก่อการร้ ายใจกลาง


เมืองนัน่ แต่เขามีเหตุผลที่จะใช้ มนั ในตอนนี ้ เขารู้สกึ ขอบคุณที่
เครื่ องมือเวทย์ชิ ้นนี ้ไม่ใช่เครื่ องมือที่สามารถใช้ ได้ เพียงครัง้ เดียว
เท่านัน้
ความเงียบถูกปกคลุมทัว่ ทังห้้ อง เทย์เลอร์ และเคจมองไปมา
ระหว่างคาร์ ลและเครื่ องมือเวทย์ชิ ้นนี ้ปากของพวกเขาถูกปิ ดและ
เปิ ดอยูห่ ลายครัง้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้
ก่อนจะรวบรวมกาลังใจของตนในการถามหลังจากเงียบเป็ น
เวลานาน

“…ท..ทาไม”

นายน้ อยเทย์เลอร์ ที่เงียบไปสักพักเริ่ มเอ่ยถาม

“ทาไม..ท่านถึงช่วยเหลือพวกเราเช่นนี ้?ทังๆที
้ ่ไม่ได้ ประโยชน์อนั
ใดจากเรื่ องนี ้เลย”

‘ทาไม? งันหรื
้ อ….ฉันก็ต้องยื่นมือเข้ าไปช่วยเหลือพวกเจ้ าสัก
เล็กน้ อยเพราะฉันเป็ นคนสร้ างเรื่ องนี ้ขึ ้นมา..แล้ วใช่วา่ มันจะเป็ น
อันตรายต่อตัวฉันเสียเมื่อไหร่กนั ’
นอกจากนี ้ถ้ าเทย์เลอร์ สามารถขึ ้นครองตาแหน่งมาร์ คควิสได้
คาร์ ลก็ไม่ต้องกังวลเรื่ องมาร์ คควิสสแตนหรื อเจ้ าเวเนี่ยนผู้โลภ
มาก เมื่อการทาสงครามกับอาณาจักรอื่นได้ เริ่ มต้ นขึ ้น และนัน่ จะ
ช่วยให้ อาณาเขตการปกครองของท่านเคานต์เฮนิตสั สงบร่มเย็น
รวมถึงตัวเขาเองก็ร่มเย็นด้ วยเช่นกัน

“ข้ าจาเป็ นต้ องตอบงันรึ


้ ?”

“ใช่…ข้ าอยากได้ ยินเหตุผลของท่าน”

เทย์เลอร์ ต้องการฟั งคาตอบของคาร์ ล ก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยตอบด้ วย


ท่าทีไม่ยินดียินร้ ายพร้ อมกับคาตอบที่คอ่ นข้ างโหดร้ ายและเย็นชา

“เพราะท่านน่าสงสาร….ข้ าอยากรู้วา่ อะไรถึงทาให้ คนเช่นท่าน


ต้ องกลายเป็ นคนพิการเช่นนี ้อีกทังไม่
้ สามารถรู้ได้ วา่ จะมีชีวิตอยู่
อีกได้ นานแค่ไหนและที่สาคัญการที่บตุ รชายคนโตของมาร์ ควิสส
แตนมาขอความช่วยเหลือเรื่ องเงินจากขยะไร้ คา่ จากตระกูลเฮ
นิตสั เช่นข้ านัน….มั
้ นช่างน่าเวทนายิ่งนัก”

ปากของเทย์เลอร์ คอ่ ยๆอ้ าและหุบลง ก่อนที่เขาจะเริ่ มหัวเราะ


อย่างเงียบๆ เทย์เลอร์ ตบเข่าของตนฉาดใหญ่แม้ วา่ เขาจะไม่ร้ ูสกึ
อะไรกับขาคูน่ นก็
ั ้ ตาม แต่ถึงอย่างไรตา จมูก ปาก มือและส่วนที่
เหลือของเขายังคงมีชีวิตอยู่ ก่อนที่เทย์เลอร์ จะยกยิ ้มสดใสขึ ้น

“ขอบคุณสาหรับความเห็นอกเห็นใจจากท่าน ข้ าต้ องการ


ความเห็นอกเห็นใจเช่นนี ้ยิ่งนัก”

คาร์ ลไม่ได้ สนใจกับคาขอบคุณของเทย์เลอร์ และเอ่ยขึ ้น

“อย่างไรก็ตาม…สาหรับเรื่ องทังหมดนี
้ ้ข้ ามีเพียงเงื่อนไขอยูห่ นึง่
ข้ อ”
“มันคือสิ่งใด?”

“จงลืมทุกอย่างไปซะ”

คาร์ ลพูดย ้าอีกครัง้ เมื่อเลื่อนถุงเงินไปยังเทย์เลอร์

“จงลืมทุกอย่างที่เกิดขึ ้น”

คาร์ ลแสดงให้ พวกเขาเห็นว่าตนยินดีจะช่วยเหลือแต่ก็ไม่อยากจะ


มีสว่ นเกี่ยวข้ องกับพวกเขาอีกต่อไป เคจก้ าวไปข้ างหน้ าอีกครัง้ นี่
เป็ นเหตุผลที่เธอตามเทย์เลอร์ มาในครัง้ นี ้

“นายน้ อยเทย์เลอร์ และข้ าจะสาบานต่อหน้ าพระเจ้ าแห่งความ


ตายว่าจะไม่เปิ ดเผยสิ่งใดที่เกิดขึ ้น ข้ าให้ ความมัน่ ใจแก่ทา่ นได้ …
ว่าผู้ที่ผิดคาสาบานต่อพระเจ้ าแห่งความตายนันล้
้ วนตายตกไป
ตามๆกัน”

“…ได้ เชิญพวกท่านให้ คาสาบานเถิด”

คาร์ ลเริ่ มยิ ้มกับคาพูดของเคจ คาสาบานต่อพระเจ้ าแห่งความ


ตายเป็ นสิ่งที่คาร์ ลเชื่อมัน่ ในคาสาบานที่มีชื่อเสียงนี ้และนัน่ จะทา
ให้ คาร์ ลยินดีที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้

เคจไม่สามารถช่วยในเรื่ องนี ้ได้ แต่หวั เราะขึ ้นกลังจากเห็นรอยยิ ้ม


ของคาร์ ลเกี่ยวกับการที่พวกเขาจะเอ่ยคาสาบานต่อพระเจ้ าแห่ง
ความตาย

“ข้ าเดาว่า…นายน้ อยคาร์ ลจะไม่สาบาน?”


“ถูกต้ อง….หากว่าเรื่ องเล่านี ้มันจะยุง่ ยากมากขึ ้นในอนาคต..ข้ าก็
มีแผนที่จะเปิ ดเผยมัน”

“แก่เวเนี่ยนสินะ….”

“ใช่…..” คาร์ ลเอ่ยตอบด้ วยความมัน่ ใจ

เมื่อได้ ฟังคาตอบของคาร์ ลทาให้ เทย์เลอร์ ร้ ูสกึ สงบมากขึ ้น เขา


ชอบความจริ งที่วา่ คาร์ ลเป็ นคนที่ซื่อสัตย์จริ งใจเมื่อเขาเลือกที่จะ
บอกกับพวกตนว่าเขาจะเปิ ดเผยทุกสิ่งหากเขาเกิดความไม่
สะดวกใจขึ ้นในอนาคต

“เคจ…มาทากันเถอะ”

“ตกลง”
ทังเทย์
้ เลอร์ และเคจไม่ได้ พดู อย่างเป็ นทางการต่อหน้ าคาร์ ล ดู
เหมือนว่าพวกเขาจะส่งสัญญาณให้ กนั เพื่อทาบางอย่างต่อหน้ า
คาร์ ล

“เราจะเริ่ มกันตอนนี ้เลย”

ในคืนนี ้เป็ นคืน ‘พระจันทร์ ดบั ’ ทาให้ ไม่สามารถมองเห็น


พระจันทร์ ได้ มนั ส่งผลให้ พลังของพระเจ้ าแห่งความตายมีพลังที่
รุนแรงและแข็งแกร่งกว่าวันใด เคจปิ ดตาของเธอลงและรวบมือ
ของเธอทังสองข้
้ างมาวางไว้ ตอ่ หน้ าของเธอ มันดูตา่ งจากคนที่
กาลังอธิษฐานขอพร เธอหันฝ่ ามือไปทางด้ านเทย์เลอร์ และตัวของ
เธอเอง

ครื นนนนนนนนนนนนนนน
แรงสัน่ สะเทือนไม่เบานักดังขึ ้นทัว่ ห้ องและเป็ นเวลาเดียวกับที่มี
ควันสีดาเริ่ มออกมาจากปลายนิ ้วของเคจและโอบล้ อมพวกเขาทัง้
สามไว้

‘พลังศักดิ์สทิ ธิ์นี่มนั ?’

คาร์ ลเต็มไปด้ วยความรู้สกึ แปลกๆ ในขณะที่ร้ ูสกึ ถึงพลังรอบตัว


ของเขามันต่างจากพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณแต่มนั ก็ยงั ให้ ความรู้สกึ
อบอุน่ อยูแ่ ม้ วา่ จะเป็ นสีดาก็ตาม

“ข้ า…เคจ…บุตรสาวของพระเจ้ าแห่งความตาย..มีความ


ปรารถนาที่จะยืมชื่อของท่านสูค่ ่าคืนที่มืดมิดนี ้ว่าจะให้ คาสาบาน
ร่วมกับ ‘เทย์เลอร์ สแตน’ หากผิดจากคาสาบานนี ้พวกข้ าจงลงสู่
ความมืดมิดตราบนิรันดร”

เคจเปิ ดตาขึ ้นและมองไปยังคาร์ ลและเทย์เลอร์ ก่อนเอ่ยต่อไป


“ข้ าและเทย์เลอร์ สแตนขอสาบานว่าจะเก็บสิ่งที่สนทนากับนาย
น้ อยคาร์ ล เฮนิตสั ไว้ เป็ นความลับพวกเราจะไม่แพร่งพรายเรื่ องนี ้
ให้ กบั ผู้ใด”

“จะไม่แพร่งพรายเรื่ องนี ้ต่อผู้ใด” เทย์เลอร์ กล่าวย ้าเพื่อสิ ้นสุดการ


กล่าวคาสาบาน

เคจปิ ดตาลงหลังจากที่ได้ ยินเสียงของเทย์เลอร์ เอ่ยขึ ้น ควันสีดา


เริ่ มโอบล้ อมพวกเขาอีกครัง้ จากนัน….

ครื นนนนนนน

มีแรงสัน่ สะเทือนดังขึ ้นเบาๆอีกครัง้ ก่อนที่ควันดาจะหายไป การ


กล่าวคาสาบานได้ สิ ้นสุดลงแล้ ว
“มันก็คอ่ นข้ างง่าย”

คาร์ ลรู้สกึ แปลกๆกับมือของเขาและเริ่ มวิจารณ์กบั พลังนี ้มันคล้ าย


กับพลังศักดิ์สทิ ธิ์โบราณเขาสามารถสัมผัสได้ กบั พลังนี ้

“ความรู้สกึ ที่ทา่ นรู้สกึ ในตอนนี ้คือพลังของคาสาบาน หากพวกข้ า


ผิดคาสาบาน…นายน้ อยจะทราบถึงการตายของพวกเราทันทีใน
ฐานะที่ทา่ นเป็ นสักขีพยาน”

“อ่า….ข้ าเข้ าใจแล้ ว”

คาร์ ลยอมรับคาอธิบายของเธอได้ งา่ ยๆ เขาไม่มีทางเลือกอื่น


เพราะหลักฐานก็ประจักษ์ อยูท่ ี่ความรู้สกึ ในมือของเขา คาร์ ลเริ่ ม
ตรวจสอบความแตกต่างระหว่างพลังของพระเจ้ ากับพลังศักดิ์
สิทธ์โบราณภายในตัวเขาและในขณะนันเองเทย์ ้ เลอร์ ก็วาง
ขวดเหล้ าที่เขาเตรี ยมมาเองวางไว้ ที่กลางโต๊ ะ
ปั ง!

เสียงขวดเหล้ ากระทบกับโต๊ ะจนส่งเสียงดัง

“นายน้ อยคาร์ ล…ท่านอยากดื่มหรื อไม่?”

“ดื่ม?”

คาร์ ลโยนความต้ องการของตนออกไปและเอ่ยถามพวกเขาว่า


หมายถึงสิ่งใด เทย์เลอร์ พยักหน้ าให้ กบั คาถามของคาร์ ล

“ใช่…..เหล้ า…เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์เป็ นสิ่งที่จาเป็ นสาหรับวันดีๆ


เช่นนี ้”
เทย์เลอร์ อยากดื่มกับคาร์ ลคนที่เขาไม่ไว้ ใจจนกระทัง่ รู้สกึ เปลี่ยน
ใจเมื่อเร็ วๆนี ้ เคจดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จากการกระทา
ของเธอในตอนนี ้และเริ่ มยิ ้มออกมาก่อนที่จะเอามือของเธอล้ วง
เข้ าไปในชุดนักบวชของเธอ

“แท่น แท๊ น!”

แก้ วใบเล็กถูกล้ วงออกมาจากชุดนักบวชของเธออย่างรวดเร็ ว

“โหววว……..”

คาร์ ลมองแก้ วที่ถกู หยิบออกมาจากชุดนักบวชของเธอมันเป็ นแก้ ว


สาหรับใส่เหล้ าโดยเฉพาะ เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเคจจะใส่มนั ไว้
ในแขนเสื ้อของเธอ

“ท่านนักบวช…”
“มีอะไรหรื อ?”

“ท่านช่างน่าทึง่ นัก”

เธอเป็ นคอเหล้ าตัวจริ งสินะ คาร์ ลหยิบแก้ วเหล้ ามาจากเธอและ


ผลักแก้ วเหล้ าไปไว้ ด้านหน้ าของเทย์เลอร์ เมื่อแก้ วทังสามใบถู
้ กริ น
เหล้ าจนเต็มแก้ วแล้ ว เคจจึงเอ่ยขึ ้น

“นายน้ อยคาร์ ล…มันคงไม่ใช่เรื่ องแปลกที่นกั บวชจะดื่มเหล้ า


ใช่มย?”
ั้

คาร์ ลเอียงศีรษะของเขาไปข้ างหนึง่ และเอ่ยถาม

“แล้ วมันใช่ธรุ ะอะไรของข้ าด้ วยหรื อ?”


คาร์ ลไม่สนใจว่าเธอจะดื่มหรื อไม่

“ว้ าว…..ข้ าชื่นชอบท่านยิ่งนัก”

เคจเอ่ยชื่นชมในขณะที่ตบเข่าของเธอดังฉาดใหญ่ จากนันเธอก็

ถามคาร์ ลด้ วยความเขินอายเล็กน้ อย

“นายน้ อยคาร์ ล…ท่านไม่มีความปรารถนาที่จะสนิทสนมกับพี่สาว


ที่มีบคุ คลิกภาพที่ดีบ้างหรื อ?”

“ไม่…..”

คาร์ ลตอบอย่างจริ งจังและหนักแน่น ก่อนที่เทย์เลอร์ จะแทรกเข้ า


กับบทสนทนานี ้อย่างรวดเร็ว

“…….แล้ วพี่ชายที่มีบคุ ลิกภาพที่ดีละ่ ?”


“ไม่เลย…ไม่อยากแม้ แต่น้อย”

เคจและเทย์เลอร์ เริ่ มหัวเราะออกมาแทนที่จะผิดหวังกับคาตอบ


ของคาร์ ลและคาร์ ลไม่สามารถบอกได้ วา่ อะไรคือความตลกจาก
คาตอบของตนกัน เขาเพียงแค่ยกแก้ วขึ ้นและเริ่ มพูด

“ไชโย…”

เคร้ ง ! เสียงของแก้ วเหล้ ากระทบกันสามใบดังขึ ้น คืนแห่ง


พระจันทร์ ดบั ไม่มีแสงสว่างจากพระจันทร์ แม้ แต่น้อยแต่แสงจาก
แก้ วเหล้ ากับส่องสว่างขึ ้นเฉกเช่นว่ามันกาลังเชื่อมสายสัมพันธ์
ของคนทังสามคนเข้
้ าด้ วยกัน

เช้ าวันรุ่งขึ ้น
“เราจะออกเดินทางกันแล้ วใช่หรื อไม่ขอรับ?”

คาร์ ลไม่ทราบว่าฮันส์ร้ ูสกึ ช้ าหรื อพบว่าเรื่ องนี ้เป็ นเรื่ องสนุก รอง
พ่อบ้ านฮันส์เคยได้ ยินสถานการณ์เช่นนี ้มาจากคาร์ ลบ้ างแล้ วและ
แสร้ งทามองไม่เห็นคนสองคนที่อยูภ่ ายในรถม้ าของคาร์ ลแทนที่
จะถามว่าเขาควรออกไปจากรถม้ านี ้ดีหรื อไม่

“อืม….ออกเดินทางได้ แล้ ว”

แน่นอน..ว่าคาร์ ลก็ออกคาสัง่ อย่างง่ายๆเช่นกัน

สองชัว่ โมง พวกเขาจะไปถึงทางเข้ าของเมืองหลวงภายในสอง


ชัว่ โมงเท่านัน้
บทที่ 28 เจ้ า 3

เอี๊ยด! เอี๊ยด!

รถม้ าเริ่ มขยับออกตัวมุง่ ไปข้ างหน้ า

“เมี ้ยว เมี ้ยว”

ออนและฮงแอบชาเลืองมองไปที่เทย์เลอร์ กบั เคจที่นงั่ อยูต่ รงข้ าม


กับพวกมันโดยที่พวกเขานัง่ ใกล้ กนั กับคาร์ ล

“นายน้ อยคาร์ ล….ท่านทราบรายละเอียดเกี่ยวกับงานพระราชพิธี


หรื อไม่?”

คาร์ ลมองไปที่เทย์เลอร์ ที่ยงั คงมีอาการปกติหากเทียบกับเคจที่


ยังคงมึนศีรษะกับอาการเมาค้ างอยู่ อันที่จริ งเขาดูปกติกว่าคาร์ ล
เสียอีก ขุนนางผู้ออ่ นแอคนนี ้เป็ นคนคอแข็งที่สดุ ในบรรดาสามคน
ที่ดื่มด้ วยกันเมื่อคืน คาร์ ลเริ่ มมีปฏิกริ ยาต่อคาถามของเทย์เลอร์
ซึง่ ยังคงจ้ องมองเขาอยูก่ ่อนที่เทย์เลอร์ จะเอ่ยต่อ

“นี่เป็ นครัง้ แรกที่ข้าได้ เดินทางไปยังวังหลวงและตัวข้ าเองมีโอกาส


เข้ าร่วมประชุมกับเหล่าขุนนางของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเพียง
ครัง้ เดียวเมื่อไม่กี่ปีที่ผา่ นมา”

เทย์เลอร์ ไม่ได้ ต้องการยกประเด็นเรื่ องนี ้มาเพื่อเปิ ดบทการสนทนา


กับคาร์ ลแต่เขาต้ องการแลกเปลี่ยนข้ อมูลกับคาร์ ลเพื่อตอบแทน
น ้าใจที่เขามีให้ กบั ตน

“อืม..ข้ ารู้….พระราชพิธีในครัง้ นี ้เป็ นการเฉลิมฉลองพระชนมายุ


ครบ 50 พรรษาของพระราชา…ถือได้ วา่ เป็ นพิธีเฉลิมฉลองมอบ
ความสาราญใจแก่ประชาชนก็วา่ ได้ ”
เมื่อเห็นคาร์ ลพูดราวกับว่ามันไม่ได้ รวมตัวเองเข้ าไปด้ วย เทย์เลอร์
จึงเกิดความรู้สกึ แปลกใจ

“น ้าเสียงของท่านมันเหมือนกับว่าพิธีเฉลิมฉลองในครัง้ นี ้ไม่ได้
เกี่ยวข้ องกับท่านเลยนะ”

‘มันจะเป็ นพิธีเฉลิมฉลองที่ฉนั จะรู้สกึ ดีได้ อย่างไรในเมื่อใจของฉัน


ยังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวนัน่ อยู่’

คาร์ ลไม่ได้ พดู ออกมาเพียงแค่ตะโกนก้ องในใจของตนเท่านัน้ เขา


อาจจะเป็ นเพียงคนเดียวที่ร้ ูเรื่ องเกี่ยวกับองค์กรลับและเหตุการณ์
น่ากลัวที่กาลังจะเกิดขึ ้น ความจริ งนี ้ทาให้ เขารู้สกึ หนักใจและ
ตระหนักถึงความรับผิดชอบพร้ อมๆกับอาการปวดหัวที่อาจเกิดขึ ้น
ได้ ในวันข้ างหน้ า
‘ฉันจะป้องกันไม่ให้ มนั เกิดขึ ้นแต่ก็ต้องหาทางเลี่ยงให้ ได้ ถ้าหาก
มันเสี่ยงที่จะได้ รับบาดเจ็บหรื อเหนื่อยเกินไป’

นัน่ คือมุมมองของคาร์ ลต่อเหตุการณ์ก่อการร้ ายที่จะเกิดขึ ้น ทา


ทุกอย่างให้ พอเพียงที่จะไม่สง่ ผลกระทบต่อกายและใจของเขา ถึง
อย่างไรคนเช่นคาร์ ล…ไม่สิ…คิมร็อคโซผู้ซงึ่ หวาดกลัวกับความ
ตายก็ไม่สามารถแสร้ งทาเป็ นว่าตนไม่รับรู้เรื่ องราวเหล่านี ้ได้

“มันก็ดเู หมือนว่าจะไม่ใช่งานพิธีเฉลิมฉลองสาหรับพวกท่านทัง้
สองเช่นกัน…นายน้ อยเทย์เลอร์ ”

เทย์เลอร์ มีอาการเช่นเดียวกันกับเคจที่ตอนนี ้กาลังขมวดคิ ้วมุน่


เพราะอาการเมาค้ างของเธอก่อนที่เขาจะเริ่ มยิ ้มออกมาเพราะ
คาพูดของคาร์ ล
“ข้ าคิดว่ามันจะเป็ นอุปสรรคชิ ้นสุดท้ ายของข้ าก่อนที่ข้าจะ
สามารถร่วมเฉลิมฉลองได้ อย่างมีความสุข”

รูปลักษณ์ที่เป็ นสุภาพบุรุษผู้สภุ าพอ่อนโยนของเทย์เลอร์ นบั ว่า


เป็ นภัยอันตรายเมื่อเขาใช้ มนั ต่อหน้ าเวเนี่ยนหรื อแม้ กระทัง่ การ
เป็ นคนที่ยดึ หลักศีลธรรมนัน่ ก็อาจจะเป็ นเหตุผลที่เขาถูกทาร้ าย
ร่างกายลงได้

“นายน้ อยคาร์ ล”

“หืม?”

“จงระวังองค์ชายรัชทายาท”

เทย์เลอร์ มองไปที่คาร์ ลและพูดต่อ


“แม้ วา่ ข้ าอาจถูกผลักไสออกจากตระกูลแต่ข้าก็ยงั มีวิธีในการหา
ข้ อมูลจากคฤหาสน์มาร์ ควิสสแตนได้ การจัดพิธีเฉลิมฉลอง
พระชนมายุครบรอบ 50 พรรษาของพระราชาก็เริ่ มต้ นมาจาก
แผนงานที่องค์ชายรัชทายาททูลเสนอรวมถึงการเรี ยกขุนนาง
ทังหมดเพื
้ ่อเข้ าเฝ้าในงานนี ้ก็ล้วนมาจากการทูลเสนอขององค์ชาย
รัชทายาททังสิ ้ ้น”

เทย์เลอร์ ร้ ูข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับองค์ชายรัชทายาท

“ข้ าไม่แน่ใจว่าควรอธิบายเรื่ องขององค์ชายรัชทายาทแก่ทา่ น


อย่างไร….มัน…..”

เมื่อเห็นเทย์เลอร์ มีความอึดอัดใจ คาร์ ลจึงตอบขึ ้นด้ วยความไม่ใส่


ใจนัก

“เขาเป็ นคนที่ใช้ วาจาได้ อย่างคมคายสินะ”


“อ่า….เอ่อ…ข้ าหมายถึง”

เทย์เลอร์ เป็ นคนหนึง่ ที่เห็นด้ วยกับคาร์ ล เขาหันหน้ าหนีและ


พยายามที่จะเก็บสีหน้ าของตนให้ ได้ แต่สดุ ท้ ายก็ถกู บังคับให้ ต้อง
ยอมรับว่ามันเป็ นความจริ ง

“ใช่…ท่านพูดถูก..ท่านรู้เรื่ องนี ้แล้ วสินะ”

“มันไม่ใช่ข้อมูลที่ใครก็สามารถหาได้ หรื ออย่างไร?”

“แน่นอนว่ามันหาได้ ง่าย…แต่นี่เป็ นครัง้ แรกที่ข้าได้ ยินคาพูดที่


ตรงไปตรงมาเช่นนี ้…นายน้ อยคาร์ ล”

เมื่อเห็นเทย์เลอร์ พยักหน้ าของเขา คาร์ ลก็เริ่ มนึกถึงองค์ชายรัช


ทายาท
ลิ ้นที่สามารถเอื ้อยเอ่ยวาจาที่คมคายขององค์ชายรัชทายาท

องค์ชายรัชทายาทเสด็จพระราชดาเนินเยี่ยมเยียนราษฎรอยูเ่ สมอ
พระองค์เป็ นคนที่เก่งกาจในการกล่าวคาสรรเสริ ญคนที่ทาในสิ่งที่
มีประโยชน์ตอ่ สาธารณชนและทาให้ พวกเขาได้ รับการยอมรับเป็ น
วงกว้ างก่อนที่จะใช้ งานกลุม่ คนเหล่านัน้

แน่นอนว่าคนที่ถกู ใช้ ไม่ได้ มีความรู้สกึ ว่าตนได้ ถกู ใช้ งานอยูซ่ งึ่


หนึง่ ในผู้เคราะห์ร้ายในนิยายเรื่ องนี ้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเชวฮัน
คนที่องค์ชายรัชทายาทยกขึ ้นเป็ นเพื่อนสนิทและวีรบุรุษของตน
สาหรับสามัญชนเช่นเชวฮันเขาคิดว่านับเป็ นเรื่ องที่ดีที่องค์ชายรัช
ทายาทได้ ให้ ความใกล้ ชิดตนเช่นนี ้ แต่อย่างไรก็ตามสาหรับคาร์ ล
..ไม่สิ…คิมร็อคโซที่กาลังอ่านนิยายเรื่ องนี ้อยูก่ ลับมองว่าคนแบบ
องค์ชายรัชทายาทคือประเภทคนที่เขาเกลียดมากที่สดุ

‘ปั ญหาคือว่าเขาใช้ งานคนด้ วยเหตุผลที่ดีและถูกต้ อง’


เขาไม่ได้ ใช้ คนเพื่อประโยชน์ของตนเองหรื อเพื่ออานาจของตน
เขาใช้ คนเหล่านี ้เพื่ออาณาจักร เพื่อราษฎรและทาให้ อาณาจักรมี
ความก้ าวหน้ าและยิ่งใหญ่ขึ ้น

‘มันก็คงจะแรงเกินไปหากเรี ยกมันว่าเป็ นการใช้ งาน’

อย่างไรก็ตามการใช้ งานพวกเขาเหมือนเป็ นการขอความ


ช่วยเหลือจากพวกเขามากกว่า องค์ชายรัชทายาทไม่ได้ ออกคาสัง่
ดัง่ คนที่เหนือกว่าแต่ทาทุกอย่างในสถานะที่เท่าเทียมกัน

เขาใช้ วาจาที่คมคายของตนยกย่องสรรเสริ ญพวกเขาเป็ นอย่าง


มากและให้ เหตุผลที่แสนเศร้ าเพื่อไม่ให้ พวกเขาปฏิเสธตนได้ และ
โดยธรรมชาติของเชวฮันเขาไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธได้ หรื อแม้ แต่
คนที่เย็นชาเช่นโรสลินก็ไม่สามารถปฏิเสธการช่วยเหลือใน
ตอนท้ ายได้ เช่นกัน แน่นอนว่าคนเราต่อให้ เย็นชาเพียงใดก็มกั จะมี
จุดอ่อนได้ เช่นกัน
“อย่างไรก็ตามนายน้ อยคาร์ ล…องค์ชายรัชทายาท..เอ่อ…อย่างที่
ท่านทราบว่ามันอาจจะเป็ นเรื่ องที่น่าเหนื่อยหน่ายหากต้ อง
เกี่ยวข้ องกับคนเช่นนี ้”

“ท่านไม่ต้องกังวลไป…ข้ าวางแผนที่จะทาตัวให้ เงียบที่สดุ ก่อนที่


จะเดินทางกลับบ้ าน…ข้ าไม่ชอบเป็ นจุดเด่น”

คาร์ ลตอบกลับเหมือนมันไม่ใช่เรื่ องแปลกอะไร ก่อนที่จะรู้สกึ ว่า


ภายในรถม้ าถูกปกคลุมไปด้ วยความเงียบหลังจากที่เขาตอบ
ออกไป ลูกแมวทังสองตั
้ วอย่างออนและฮง เคจที่กาลังรู้สกึ อึดอัด
ตัวจากอาการเมาค้ างและแม้ แต่เทย์เลอร์ ที่ยงั คงมีรอยยิ ้มอ่อนโยน
ประดับที่ใบหน้ า พวกเขาทังหมดต่
้ างจ้ องมายังคาร์ ล

“……ทาไมพวกท่านจึงมองข้ าเช่นนัน?”

“อืม….มันจะเป็ นเช่นนันจริ
้ งหรื อ?…เอ่อ..ไม่…ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรหรอกนายน้ อยคาร์ ล….”

ทังเทย์
้ เลอร์ และเคจต่างเอ่ยว่าไม่มีอะไรก่อนหันหน้ าหนีจากเขา
ลูกแมวน้ อยทังสองต่้ างสัน่ ศีรษะของพวกมันเบาๆและนัน่ ทาให้
คาร์ ลเริ่ มขุน่ มัวก่อนเอ่ยออกมา

“ตังแต่
้ ที่ข้าถูกลากมาเกี่ยวข้ องกับนายน้ อยเทย์เลอร์ และนักบวช
หญิงเคจแล้ ว…ข้ าก็ไม่คิดว่ามันจะไม่เกิดขึ ้นหรอก”

เทย์เลอร์ และเคจมองเห็นว่าคาร์ ลกาลังยิ ้มอยู่ รอยยิ ้มของเขาดู


ลึกลับมันเหมือนรอยยิ ้มของวายร้ าย คาร์ ลยังคงยิ ้มให้ กบั ทังคู
้ ่
ก่อนเอ่ยต่อ

“ข้ าก็มีวาจาที่คมคายเช่นกัน”
องค์ชายรัชทายาทมักจะอยูห่ า่ งจากคนที่คล้ ายกับตัวเองมันคือ
การระวังตัวจากคนที่เหมือนกับตนเอง ถ้ าองค์ชายรัชทายาทเป็ น
คนที่ชอบยกย่องสรรเสริ ญผู้คนและใช้ มนั เพื่อความต้ องการของ
เขา คาร์ ลก็จาเป็ นต้ องทาเช่นนันเหมื
้ อนกัน

เคจมองเขาด้ วยท่าทางที่ปกติกว่าเดิมอาจเป็ นเพราะเธอรู้สกึ ดีขึ ้น


แล้ วจากอาการเมาค้ าง คาร์ ลยิ ้มใส่ตาของเธอก่อนจะได้ ยินเธอ
พูดขึ ้น

“ข้ าคิดว่าภาพลักษณ์เช่นนี ้ดูเหมาะกับท่านดีนะนายน้ อยคาร์ ล


ท่านดูชวั่ ร้ ายมาก”

“ก็ดีกว่าถูกมองว่าเหมือนคนดีแล้ วกัน”

‘…ฉันรู้แล้ วน่าอย่าย ้าได้ มย?’


ั้
เคจพยักหน้ าตอบรับและดูเหมือนว่าเธอจะยืนยันอะไรบางอย่าง
แต่เขาไม่ได้ สนใจเพียงแค่เปิ ดม่านออกจากหน้ าต่างรถม้ าเพื่อมอง
ออกไปข้ างนอก

ตอนนี ้พวกเขาเข้ าใกล้ ประตูเมืองหลวงแล้ ว ประตูเมืองที่รถม้ าของ


คาร์ ลจะมุง่ หน้ าเข้ าไปเป็ นประตูที่แตกต่างจากประตูเมืองที่
ประชาชนใช้ กนั มันเป็ นประตูทางเข้ าสาหรับขุนนางเท่านัน้ เขา
สามารถผ่านมันเข้ าไปได้ โดยง่ายและรวดเร็ วขึ ้น

“เมืองหลวงนี่ชา่ งแตกต่างจริ งๆ”

นัน่ คือสิ่งที่เอ่ยออกมาจากปากของคาร์ ลตามสิ่งที่เขาเห็นผ่าน


หน้ าต่างรถม้ า เทย์เลอร์ ดเู หมือนจะเข้ าใจว่าทาไมคาร์ ลจึงรู้สกึ
เช่นนันและพยั
้ กหน้ าของตนเบาๆและเอ่ยขึ ้น
“อาณาจักรโรมันคืออาณาจักรแห่งก้ อนหิน”

คาร์ ลมองเห็นกาแพงขนาดใหญ่รอบเมืองหลวง มีรูปปั น้ ที่มีรูปร่าง


ต่างๆจานวนมากถูกประดับไว้ บนกาแพงเมือง

อาณาจักรโรมันเป็ นอาณาจักรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่


เพียงแต่เป็ นแหล่งที่มาของหินอ่อนที่ใหญ่ที่สดุ ของฝั่งตะวันตก
เท่านันแต่
้ พื ้นที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกของ
อาณาจักรมีหินแกรนิตเป็ นจานวนมากนัน่ คือเหตุผลที่ถกู เรี ยกว่า
ดินแดนแห่งหินนัน่ เอง

หากเดินทางขึ ้นไปทางทิศเหนือจะพบว่ายอดภูเขาส่วนใหญ่จะมี
หินแกรนิตเป็ นองค์ประกอบทาให้ อาณาจักรแห่งนี ้เป็ นอาณาจักร
ที่ประดับไปด้ วยภูเขาเป็ นหินส่วนใหญ่

เทย์เลอร์ ยงั คงพูดต่อเหมือนนึกอะไรขึ ้นมาได้


“หากท่านย้ อนเรื่ องราวไปในสมัยอดีตมันมีหลายเรื่ องที่เกี่ยวข้ อง
กับหินขนาดใหญ่ก่อนที่อาณาจักรแห่งนี ้จะถูกตังขึ
้ ้น มีคนเล่าว่า
ดินแดนแห่งนี ้มีผ้ นู าที่แข็งแกร่งดุจหินผา”

อาณาจักรโรมันตังอยู
้ ท่ างทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝั่งตะวันตก

“เขาเป็ นผู้นาที่สามารถปกป้องและคุ้มกันจากการโจมตีชนิดใดก็
ได้ เมื่อความมืดเข้ าปกคลุมพื ้นที่นี ้เขาก็เป็ นคนหนึง่ ที่เผชิญหน้ า
กับมัน”

มีตานานมากมายที่เกี่ยวข้ องกับการสิ ้นสุดของอาณาจักรแห่งนี ้ใน


อดีต คุณจะได้ ยินเรื่ องราวต่างๆมากมายหากได้ เดินทางไปรอบๆ
ทวีป บางตานานก็เล่าว่ามันได้ สิ ้นสุดลงเมื่อความมืดคืบคลานเข้ า
มาและเหล่าวีรบุรุษไม่สามารถเอาชนะความมืดนี ้ได้ บ้ างก็กล่าว
ว่าเป็ นเพราะความอิจฉาในพลังของคนอื่นจนเกิดการต่อสู้เพื่อ
เป็ นผู้ครอบครองพลังนัน้ และสุดท้ ายยังมีคนกล่าวว่าเป็ นเพราะ
พระเจ้ าทรงพิโรธจนทาลายสิ่งมีชีวิตทังหมดลง
้ ซึง่ ในตานานที่เทย์
เลอร์ ได้ กล่าวมาก็เป็ นหนึ่งในตานานเหล่านี ้เช่นกัน

“เทย์เลอร์ …ดูเหมือนเจ้ าจะชอบเรื่ องพวกนี ้สินะ?”

เทย์เลอร์ พยักหน้ าตอบรับกับคาถามของเคจ

“ใช่…ข้ าชื่นชอบมัน”

คาร์ ลหันไปมองเทย์เลอร์ เขาเป็ นคนที่มีร่างกายอ่อนแอแม้ กระทัง่


ก่อนที่ขาของเขาจะเป็ นอัมพาตลง เทย์เลอร์ ตบไปที่เข่าของตน
ก่อนเล่าต่อ

“ผู้นาท่านนี ้ได้ กล่าวว่าเขาจะยืนอยู่ ณ ที่นี ้เฉกเช่นก้ อนหินอัน


แข็งแกร่งแม้ วา่ หลังจากนันร่้ างกายของเขาจะแหลกสลายแต่นนั่ ก็
คือวิธีที่เขาสามารถปกป้องประชาชนและดินแดนในพื ้นที่ทางทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือซึง่ ปกคลุมไปด้ วยหินขนาดใหญ่”

มีเนื ้อหามากมายในเรื่ องราวที่เกี่ยวข้ องกับความมืดที่ปกคลุมทัว่


ทังทวี
้ ป เมื่อความมืดปรากฏตัวขึ ้นที่ใจกลางทวีปก็มีตานานที่
กล่าวถึงเรื่ องราวของเหล่าวีรบุรุษที่ตอ่ สู้กบั มัน อย่างไรก็ตามตัว
ละครหลักเช่นเทย์เลอร์ กาลังพูดถึงเรื่ องการปกป้อง เขาถือว่า
บุคคลดังกล่าวเป็ นวีรบุรุษ

“การมีวิถีเช่นนันไม่
้ สามารถอยูร่ อดได้ ในยุคปั จจุบนั นัน่ คือเหตุผล
ที่ข้าชอบตานานเหล่านี ้ ”

“แต่ก็ดเู หมือนว่าเจ้ าจะไม่เชื่อถือมัน?”

เทย์เลอร์ พยักหน้ าไปกับคาถามของเคจอีกครัง้


“มันเป็ นไปได้ ยากที่จะมีคนยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องบางสิ่ง
บางอย่าง”

“ข้ าเห็นด้ วย…”

คาร์ ลพยักหน้ าเห็นด้ วยกับคากล่าวของเทย์เลอร์ มันอาจทาได้


หากทาเพื่อปกป้องตนเองแต่ผ้ นู าคนนี ้กลับเลือกที่จะปกป้องผู้อื่น
และอาณาเขตทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนี ้? เขาไม่เข้ าใจกับ
ตรรกะดังกล่าวยิ่งนัก

“นี่เป็ นครัง้ แรกที่ข้าได้ ยินเรื่ องนี ้โดยเฉพาะเรื่ องที่เกี่ยวข้ องกับผู้นา


ท่านนี ้”

คาร์ ลได้ อา่ นเรื่ องราวของตานานที่เกิดขึ ้นและอานาจศักดิ์สทิ ธิ์


โบราณในนิยาย ‘กาเนิดวีรบุรุษ’จนถึงเล่มที่ห้าแต่เขาก็ไม่เคยได้
ยินเกี่ยวกับผู้นาที่เปรี ยบได้ วา่ แข็งแกร่งดุจหินผาของอาณาจักร
โรมันในสมัยอดีต

“อาจเป็ นเพราะมันไม่ได้ เป็ นที่นิยมมากนัก ข้ าได้ ค้นพบเรื่ องราวนี ้


ในขณะที่กาลังค้ นคว้ าผ่านตาราโบราณเพื่อหาข้ อมูลเกี่ยวกับ
อานาจศักดิ์สทิ ธิ์โบราณและข้ าก็ได้ บอกเคจถึงเรื่ องนี ้เช่นกัน”

คาร์ ลพยักหน้ าว่าตนเข้ าใจกับเรื่ องนี ้ก่อนจะลดม่านลง จากนันเขา



ก็หยิบจี ้ออกจากระเป๋ าและโยนมันไปให้ เทย์เลอร์

“เตรี ยมพร้ อม!”

เทย์เลอร์ และเคจพยักหน้ าตอบรับก่อนจะเอื ้อมจับมือของกันและ


กันโดยมีจี ้อยูต่ รงกลางมือของทังสอง
้ เครื่ องมือเวทย์ได้ เริ่ มการ
ทางานของพวกมันแล้ ว คาร์ ลถอนหายใจยาวก่อนคว้ าขวดเหล้ าที่
อยูใ่ นมุมหนึง่ ของรถม้ ามาถือไว้
ครู่ตอ่ มารถม้ าก็หยุดลงนอกประตูทางเข้ าสาหรับขุนนางและคาร์ ล
ก็ได้ ยินเสียงของรองหัวหน้ าองครักษ์ และคนอื่นๆแว่วเข้ ามา

ก๊ อก! ก๊ อก! ก๊ อก!

“นายน้ อย…ทหารเฝ้าประตูเมืองต้ องการตรวจสอบผู้ที่อยูภ่ ายใน


รถม้ าขอรับ”

ปั ง!

เท้ าของคาร์ ลเตะประตูรถม้ าออกไป เขาสามารถมองเห็นใบหน้ าที่


ผ่อนคลายของรองหัวหน้ าองครักษ์ ซงึ่ ต่างกับท่าทีของทหารเฝ้า
ประตูเมืองที่มีทา่ ทางแปลกใจประดับบนใบหน้ าของพวกเขา
คาร์ ลถือขวดเหล้ าไว้ ที่มือข้ างหนึง่ และอีกข้ างหนึง่ ถือแก้ วที่เต็มไป
ด้ วยเหล้ าก่อนจะจ้ องมองไปที่ทหารเฝ้าประตูเมือง
“เชิญ!”

ด้ านในรถม้ าเต็มไปด้ วยกลิ่นเหล้ า ใบหน้ าที่แดงก่าของคาร์ ลและ


กลิ่นเหม็นนี ้ทาให้ เห็นได้ ชดั ว่าเขาดื่มมาตังแต่
้ เมื่อคืนนี ้แล้ ว

แม้ วา่ อีกหนึง่ สัปดาห์จะถึงงานพระราชพิธีแต่ก็ยงั มีเหล่าขุนนาง


เป็ นจานวนมากที่ผา่ นเข้ าประตูเมืองนี ้ไป โดยทุกครัง้ จะมีทหาร
เฝ้าประตูเมืองสองคนทาหน้ าที่ในการตรวจดูภายในรถม้ าอย่าง
คร่าวๆแต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นภาพนี ้มาก่อน รองหัวหน้ าองครักษ์
ส่งยิ ้มให้ กบั ทหารเฝ้าประตูเมืองและเริ่ มพูดขึ ้น

“นายน้ อยของเรา..ดื่มเหล้ าเพิ่มขึ ้นเพื่อรักษาอาการเมาค้ าง เขา


เป็ นคนที่สามารถเอาชนะอาการเมาค้ างได้ ดีเสมอ”
คาร์ ลมองไปที่ทหารเฝ้าประตูเมืองสลับกับรองหัวหน้ าองครักษ์ ที่
กาลังกล่าวสรรเสริ ญเขาให้ มากที่สดุ เท่าที่จะทาได้ ก่อนเริ่ มคิดใน
ใจ

‘โอ้ ย……เริ่ มเหนื่อยแล้ วนะ’

นัน่ จึงเป็ นเหตุผลให้ เขากล่าวออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

“พวกเจ้ าไม่รีบหรื อไง?”

ทหารเฝ้าประตูเมืองได้ เรี ยกทหารคนอื่นๆมาเพื่อตรวจสอบภายใน


รถม้ าที่เต็มไปด้ วยขวดเหล้ าก่อนให้ การอนุญาต

“ทุกอย่างเรี ยบร้ อยดี”


รองหัวหน้ าองครักษ์ คอ่ ยๆปิ ดประตูรถม้ าลงในขณะที่ทหารเฝ้า
ประตูเมืองได้ เอ่ยต้ อนรับคาร์ ล

“ยินดีต้อนรับเข้ าสูเ่ มืองหลวงขอรับ”

คลิ๊ก! เอี๊ยด!

ประตูปิดสนิทลงพร้ อมกับรถม้ าที่เริ่ มขยับไปข้ างหน้ าอีกครัง้

คาร์ ลยื่นแก้ วที่มีเหล้ าอยูเ่ ต็มใบไปด้ านหน้ าของตนและเอ่ยขึ ้น

“ยินดีต้อนรับเข้ าสูเ่ มืองหลวงอย่างเป็ นทางการ”

เทย์เลอร์ และเคจผู้ที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นเมื่อไม่นานมานี ้ได้


ปรากฏกายขึ ้นอย่างช้ าๆก่อนจะเริ่ มหัวเราะขึ ้นก่อนที่เทย์เลอร์ จะ
ยื่นจี ้คืนให้ แก่คาร์ ลและรับแก้ วเหล้ าจากมือคาร์ ลมาถือไว้
“นี่คงเป็ นการต้ อนรับที่ดีที่สดุ ตังแต่
้ ที่ข้าได้ ร้ ูจกั มา”

ในที่สดุ คณะเดินทางของคาร์ ลก็ได้ เดินทางถึงเมืองหลวงเป็ นที่


เรี ยบร้ อยแล้ ว
บทที่ 29 เจ้ า 4

ขบวนรถม้ าของคาร์ ลมุง่ หน้ าไปยังทิศใต้ ของเมือง ‘ฮูอิส’ซึง่ เป็ นชื่อ


ของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรโรมัน ในตอนนี ้ชาวเมืองต่างยุง่ กับ
การเตรี ยมความพร้ อมเพื่อให้ ทนั งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมายุ
ของพระราชาที่กาลังจะเกิดขึ ้น

คาร์ ลมองลอดผ่านม่านที่ยกขึ ้นเล็กน้ อยและเริ่ มคิด

‘เชวฮันควรจะมาถึงที่นี่ภายใน3วัน’

เว้ นเสียแต่วา่ เขาจะเดินทางราวกับคนบ้ าระห่าถึงจะมาถึงที่นี่ได้


แต่เขาก็ควรใช้ เวลาอย่างน้ อย 3วัน เขาจะมาพร้ อมกับโรสลินและ
ได้ เข้ าช่วยเหลือล็อกจากนักฆ่าขององค์กรลับได้ ซงึ่ ล็อกได้ รับ
บาดเจ็บจนส่งผลให้ การเดินทางล่าช้ าลง
ในนิยายได้ กล่าวว่าเชวฮันได้ พบกับล็อกผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว
ของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินและเขายังเป็ นทายาทของราชาหมาป่ าอีก
ด้ วย ก่อนที่จะปะทะกับคนจากองค์กรลับก่อนที่จะได้ เข้ าไป
เกี่ยวข้ องกับองค์กรลับอีกครัง้ ในเหตุการณ์ก่อการร้ ายในเมือง
หลวง

หมูบ่ ้ านแฮร์ ริสที่เป็ นดัง่ บ้ านหลังที่สองของเชวฮันที่อยูด่ ้ านนอก


ของป่ าแห่งความมืดได้ ถกู กลุม่ คนจากองค์กรลับฆ่าเกือบทุกคน
ในหมูบ่ ้ าน เขามีโอกาสได้ พบพวกมันถึงสองครัง้ แต่ก็ยงั ไม่มีข้อมูล
มากพอ

‘เหล่านักฆ่าไม่ได้ มีดาวประดับบนเสื ้อผ้ าของพวกเขา’

เมื่อการลอบสังหารชาวบ้ านในหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสและเผ่าหมาป่ าสีน ้า


เงินคือเป้าหมายขององค์กรลับพวกมันได้ สง่ นักฆ่าเข้ ามาโดยสวม
ชุดสีดาซึง่ ไม่มีดาวประดับไว้ บนเสื ้อหากมีบางอย่างผิดพลาดพวก
มันก็พร้ อมจะจบชีวิตลงหากถูกจับได้
แต่สิ่งที่เป็ นจุดเปลี่ยนจะถูกเริ่ มต้ นที่เมืองหลวง

‘กลุม่ คนที่รักในความถูกต้ องจะปรากฏตัวขึ ้น’

ในขณะที่โรสลินพยายามป้องกันไม่ให้ เหตุการณ์ก่อการร้ าย
เกิดขึ ้น เชวฮันก็ได้ ติดต่อกับผู้นาขององค์กรลับซึง่ ผู้นาและ
ผู้ใต้ บงั คับบัญชาทุกคนล้ วนมีดาวสีแดงและดาวสีขาวล้ อมรอบ
ประดับที่หน้ าอกบนเสื ้อของพวกเขา คาร์ ลได้ ทาให้ เชวฮันรู้จกั
เครื่ องแต่งกายนี ้ได้ เป็ นอย่างดีเมื่อครัง้ ที่พวกเขาได้ เข้ าไปช่วย
มังกรดานัน่

เมื่อคาร์ ลเริ่ มมองเห็นแต่ความว่างเปล่าบริ เวณภายนอกรถม้ าเขา


จึงปิ ดม่านลง
ชาวเมืองที่กาลังมีความสุขและเพลิดเพลินกับการประดับประดา
ท้ องถนนให้ มีความสวยงามก่อนที่มนั ทังหมดจะกลายเป็
้ นสถานที่
แห่งความสิ ้นหวังในอีกหนึง่ สัปดาห์ข้างหน้ า

“นายน้ อยเทย์เลอร์ ”

ตอนนี ้พวกเขาอยูท่ างตอนใต้ ของเมืองหลวงฮูอิสซึง่ เป็ นที่ตงของ


ั้
บ้ านพักเหล่าขุนนาง รถม้ าของคาร์ ลหยุดอยูห่ น้ าบ้ านหลังหนึง่
ก่อนที่คาร์ ลจะลุกขึ ้นเพื่อเตรี ยมตัวที่จะออกไปจากรถม้ า

“รอนจะเป็ นคนดูแลพวกท่านเมื่อเรามาถึงที่พกั แล้ ว….พวกท่าน


เพียงแค่ออกไปทางนัน….”

คาร์ ลจ้ องไปที่ประตูรถม้ าและเอ่ยต่อ

“จงลืมทุกสิ่ง….”
เขาได้ ยินเสียงพึมพาจากเทย์เลอร์ และเคจจากทางด้ านหลังของ
เขา

“ขอบคุณท่านมาก…..”

“หวังว่าจะได้ เห็นท่านอีกครัง้ ในบรรยากาศที่สนุกสนานกว่านี ้”

คาร์ ลเริ่ มยิ ้มออกมา เคจและเทย์เลอร์ ยงั คงมองมาที่เขาอยูแ่ ต่


คาร์ ลและลูกแมวทังสองกลั
้ บไม่ได้ ให้ ความสนใจกับคนทังสอง

คลิ๊ก!

ประตูรถม้ าถูกเปิ ดออกช้ าๆ

“นายน้ อย….พวกเรามาถึงแล้ วขอรับ”


คาร์ ล ฮันส์และลูกแมวทังสองสามารถเห็
้ นเคจและเทย์เลอร์ ได้ แต่
พวกเขาไม่ได้ มองมาที่สองคนนี ้พวกเขาแสร้ งทาเป็ นว่าทังสองคน

ไม่ได้ อยูใ่ นรถม้ าคันนี ้ก่อนที่คาร์ ลและลูกแมวทังสองจะพากั
้ นลุก
ออกมาจากรถม้ าทันที

คาร์ ลหันหน้ าไปยังที่นงั่ ข้ างคนขับทันทีเมื่อก้ าวออกจากรถม้ าแล้ ว


รอนยังคงมีรอยยิ ้มอันอ่อนโยนประดับบนใบหน้ าของเขาพลางก้ ม
ศีรษะให้ แก่คาร์ ล รอนผู้ที่ได้ ฟังเรื่ องราวจากรองพ่อบ้ านฮันส์จะ
เป็ นคนจัดการในส่วนที่เหลือ เขามุ่งหน้ าไปกับคนขับรถม้ าเพื่อหา
ที่จอดรถม้ าตามคาสัง่ ของคาร์ ล

คาร์ ลไม่ได้ ให้ ความสาคัญกับรถม้ าอีกต่อไปก่อนจะหันไปมอง


รอบๆ

“โอ้ …..”
จากนันเขาก็
้ ปล่อยให้ ตวั เองตะลึงอ้ าปากค้ างด้ วยความชื่นชมกับ
สิ่งที่เห็นตรงหน้ าซึง่ ดูเหมือนว่าลูกแมวทังสองก็
้ ร้ ูสกึ ตื่นเต้ นเช่นกัน
เมื่อเห็นดวงตาสีทองที่กาลังเต้ นระยับของพวกมันทังคู ้ ่

“……มันดีกว่าที่ข้าคาดไว้ นกั ”

ท่านเคานต์นบั ว่าเป็ นมหาเศรษฐี ผ้ มู งั่ คัง่ ประตูเหล็กขนาดใหญ่


ล้ อมรอบบ้ านห้ าชันเอาไว้
้ มีสวนขนาดใหญ่อยูร่ ะหว่างประตูและ
ตัวบ้ าน มันไม่ได้ ดมู ีสีสนั หรื อสว่างไสวแต่มนั กลับดูมีราคาแพง
มากกว่าบ้ านหลังอื่นที่อยูใ่ กล้ เคียง

มันมีกลิ่นอายและรูปลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้ างที่ต้องใช้ เงินเป็ น


จานวนมากเพื่อสร้ างมันขึ ้นมา ตรงใจกลางของผนังบ้ านมีรูปปั น้
เต่าสีทองซึง่ เป็ นตราประจาตระกูลประดับไว้
แอ๊ ดดดดดด!

ประตูเหล็กบานใหญ่ที่มีตราประจาตระกูลเต่าสีทองประดับไว้
เช่นกันค่อยๆเปิ ดออก เหล่าทหารยามเฝ้าประตู พ่อบ้ านและข้ ารับ
ใช้ ทกุ คนต่างยืนเรี ยงแถวรอต้ อนรับคาร์ ล

“ยินดีต้อนรับนายน้ อย คาร์ ล เฮนิตสั เข้ าสูเ่ มืองหลวงขอรับ”

นี่คือคาทักทายที่มีความเคารพคาร์ ลอย่างสูง พวกเขาก้ มศีรษะลง


ต่าจนแทบติดพื ้นดิน ชายชราที่ดเู หมือนจะเป็ นหัวหน้ าที่จะคอย
ดูแลพวกเขาได้ กล่าวด้ วยเสียงอันดังจนคาร์ ลกลัวว่าเส้ นเสียงของ
เขาอาจแตกได้

“เราจะพยายามทาให้ ดีที่สดุ เพื่อรับใช้ นายน้ อยขอรับ!..”

‘ทาไมพวกเขาชอบทาอะไรแบบนี ้นักนะ’
คาร์ ลมองไปที่ฮนั ส์ผ้ ทู ี่กาลังแสร้ งทาเป็ นไม่ร้ ูเรื่ องรู้ราวว่ากาลังเกิด
อะไรขึ ้น

‘เขารู้ดีเชียวล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ ้น’

ฮันส์ต้องรู้เหตุผลว่าทาไมพวกเขาถึงต้ องทาอะไรเอิกเกริ กเช่นนี ้


และคาร์ ลก็พบว่ามันออกจะน่าราคาญหากจะต้ องเอ่ยถามฮันส์
เช่นกัน คาร์ ลเดินเข้ าไปใกล้ ชายชราที่เขาคาดว่าเป็ นหัวหน้ าที่จะ
คอยดูแลและช่วยเหลือพวกตนเมื่อพักอยู่ที่นี่ จากนันก็ ้ มองไปที่
คนอื่นๆและเริ่ มพูด

“พวกเจ้ ายกศีรษะขึ ้นได้ แล้ ว”


ข้ ารับใช้ ทงหมดยกศี
ั้ รษะขึ ้นอย่างรวดเร็ ว พวกเขาไม่เคยพบคาร์ ล
มาก่อนตังแต่้ ทางานอยูท่ ี่นี่แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันพวกเขาก็
้ ได้ ยิน
เรื่ องราวจากคนที่มาจากคฤหาสน์เฮนิตสั อยูเ่ สมอ

‘ขยะไร้ คา่ คาร์ ล เฮนิตสั ’ ข้ ารับใช้ ได้ ยินมาว่าคาร์ ลถือว่าคนที่


ทางานในคฤหาสน์เฮนิตสั ล้ วนเป็ นเพียงขี ้ข้ าและไร้ ประโยชน์
บางครัง้ คาร์ ลก็ไม่ได้ ปฏิบตั ิตอ่ พวกเขาเฉกเช่นมนุษย์ นัน่ ทาให้
พวกเขาเป็ นกังวลว่าคาร์ ลจะกล่าวอะไรและสัง่ ให้ พวกเขาทาอะไร
ต่อไป

“ไม่จาเป็ นต้ องทาความเคารพข้ าเช่นนี ้อีกในอนาคต…ข้ าไม่ชอบ


ที่จะทาให้ มนั เป็ นปั ญหากับคนที่ทางานได้ ดี”

เหล่าข้ ารับใช้ ยงั คงจ้ องไปที่คาร์ ล เขามองไปที่ข้ารับใช้ ที่ยงั คงตัว


แข็งค้ างก่อนที่จะเริ่ มขมวดคิ ้วมุน่
“ข้ าได้ ยินมาว่าพวกเจ้ าคือคนที่ทา่ นแม่เป็ นคนเลือกเองกับมือ…
ท่านบอกกับข้ าว่าพวกเจ้ ามีความภูมิใจกับงานที่ทาดังนันข้้ าแน่ใจ
ว่าพวกเจ้ าจะสามารถทามันออกมาได้ ดี”

เหล่าข้ ารับใช้ ยงั คงมีทา่ ทางประหลาดใจ

“จงถามฮันส์…หากพวกเจ้ ามีข้อสงสัยใดๆ”

นี่ก็เพียงพอแล้ วสาหรับสิ่งที่เขาต้ องทาดังนันจึ ้ งเป็ นการดีที่สดุ ที่จะ


ทิ ้งทุกสิ่งทุกอย่างให้ แก่ฮนั ส์ ทังยั
้ งไม่มีความจาเป็ นที่ต้องสนใจ
มันมากนักเมื่อเขาก็ต้องเดินทางออกจากที่นี่ในอีกไม่กี่วนั ข้ างหน้ า
คาร์ ลมองไปยังเหล่าข้ ารับใช้ ที่มีทา่ ทีที่ดีขึ ้นเล็กน้ อยและเริ่ มออก
เดิน

“ไปกันเถอะ”
คาร์ ลเดินนาหน้ าพวกเขามุง่ หน้ าไปยังบ้ านห้ าชัน้ เมื่อเจ้ าของบ้ าน
ได้ เข้ าบ้ านเป็ นครัง้ แรกพวกเขาจาเป็ นต้ องเดินจากประตูรัว้ ไปยัง
ประตูบ้านเอง นี่คือธรรมเนียมปฏิบตั ิของที่นี่

เมื่อองค์ชายรัชทายาทได้ ขึ ้นครองราชย์เป็ นพระราชา…องค์ชาย


รัชทายาท..ไม่สิ….พระราชาจะเสด็จดาเนินจากประตูปราสาทไป
ยังใจกลางพระราชวังซึง่ เป็ นที่ตงของพระที
ั้ ่นงั่ ของพระองค์เอง
และมันคงเป็ นตรรกะที่คล้ ายๆกันนัน่ สินะ

ท่านเคาน์เดอรัชและเคานต์เตสวิโอแลนก็ได้ เดินเข้ าบ้ านหลังนี ้


เช่นนี ้มาก่อนและในตอนนี ้คาร์ ลก็เป็ นเจ้ าของบ้ านหลังใหญ่นี ้
เช่นกันจึงต้ องปฏิบตั ิให้ เป็ นแนวทางเดียวกัน

แอ๊ ด! ปั ง!
เสียงประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีตรารูปเต่าสีทองได้ ปิดลงพร้ อมๆ
กับที่คาร์ ลได้ เดินออกไป

ในเวลาเดียวกันนัน้ โดยปกติจะมีสายข่าวเพื่อรายงานข่าวภายใน
เมืองหลวงให้ ทราบ เหล่าขุนนางที่อยูใ่ กล้ เคียงทังหมดจะได้
้ ทราบ
ข่าวการเดินทางมาถึงของตัวแทนตระกูลเฮนิตสั เรื่ องนี ้เกิดขึ ้น
อย่างรวดเร็วมันเร็วกว่าคนที่คาร์ ลส่งไปยังพระราชวังเพื่อแจ้ งให้
องค์ชายรัชทายาททราบว่าเขาได้ เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ วเสีย
อีก

นัน่ เป็ นเหตุผลที่คนสามคนที่เป็ นกลุม่ ขุนนางจากฝั่ง


ตะวันออกเฉียงเหนือเริ่ มกังวล พวกเขาเริ่ มมีสีหน้ าเคร่งเครี ยดใน
ขณะที่ดื่มชาด้ วยกัน

“เฮ้ อ…..จริ งๆแล้ วมันควรจะเป็ นนายน้ อยบาเซ็นแต่กลับ


กลายเป็ นนายน้ อยคาร์ ลเสียนี่…นี่มนั จะทาให้ เป็ นปั ญหาที่ยงุ่ ยาก
แน่ๆ ”
“แต่เราจาเป็ นต้ องพาเขาไปเพราะเขาเป็ นหนึง่ ในคณะของพวก
เรานี่สิ”

“ถูกต้ อง…ข้ าต้ องมัน่ ใจว่าการทาตัวเช่นขยะจะไม่ปรากฏต่อหน้ า


พวกเราใช่หรื อไม่?”

ตระกูลเฮนิตสั นับเป็ นตระกูลที่เป็ นกลางและวางตัวดีแต่กลับไม่


เลือกคนที่เหมาะสมเช่นบาเซ็น พวกเขากลับเลือกขยะไร้ คา่
ประจาตระกูลเช่นคาร์ ล เฮนิตสั มาเป็ นตัวแทนในครัง้ นี ้ ขุนนางทัง้
สามคนนี ้เป็ นตระกูลที่ใกล้ ชิดกับตระกูลเฮนิตสั มากกว่าตระกูล
ชันสู
้ งคนอื่นๆที่อยูท่ างฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พวกเขาจาเป็ นที่
ต้ องตัดสินใจเพื่อความเหมาะสมสาหรับอนาคตของพวกเขาเอง
“เราต้ องทาการปกป้องเขาและป้องกันไม่ให้ เขาทาอะไรโง่ๆ
ออกมา เราต้ องนัดเจอกับเขาเป็ นครัง้ แรกแล้ วพูดคุยกับเขาแล้ ว
ล่ะ”

พวกเขาทังสามคิ
้ ดว่าคาร์ ลเป็ นเพียงเด็กวัยหัดเดินที่ต้องเดินผ่าน
น ้าและนัน่ ทาให้ เขาต้ องการการปกป้องจากพวกตน
เช่นเดียวกับที่คาร์ ลก็ยงั เป็ นตัวอันตรายและสามารถทาให้ เกิด
เหตุการณ์ไม่คาดฝั นขึ ้นได้ เช่นกันดังนันพวกเขาจึ
้ งส่งจดหมาย
เชิญคาร์ ลไปยังบ้ านของเขาภายในเย็นวันนันทั ้ นที

“เฮ้ อ……”

คาร์ ลโยนจดหมายลงบนโต๊ ะด้ วยความหงุดหงิด

“…..นายน้ อยจะไม่ไปหรื อขอรับ?”


“ข้ าไม่ไปก็ได้ งนหรื
ั ้ อ?”

“ไม่ได้ ขอรับ…มันเป็ นการพบกันครัง้ แรกของนายน้ อยกับเหล่าขุน


นางทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนะขอรับ”

“ข้ ารู้แล้ วล่ะน่า….”

ในเมื่อขุนนางพวกนี ้ได้ รับข้ อมูลของคาร์ ลในเวลาที่รวดเร็ ว เขาก็


สามารถทาได้ เช่นเดียวกัน ฮันส์ยื่นเอกสารที่ได้ รับจากหัวหน้ า
ผู้ดแู ลบ้ านหลังนี ้ให้ แก่คาร์ ล

“นี่คือรายชื่อของขุนนางที่อยูเ่ มืองหลวงในตอนนี ้ขอรับ”

“อืม….ดีมาก….แล้ วรอนจัดการทุกอย่างได้ เรี ยบร้ อยดีหรื อไม่?”

ฮันส์ตอบรับคาถามของคาร์ ลเพียงสันๆ

“ขอรับ…”

คาร์ ลพอใจกับคาตอบนันเขาได้
้ เตรี ยมการทุกอย่างให้ แก่เทย์เลอร์
เป็ นจานวนมากไม่วา่ จะเป็ นวิกผม เสื ้อคลุม รถเข็นสาหรับคน
พิการที่ไม่มีตราประจาตระกูลสแตนหรื อแม้ แต่เงินจานวนหนึง่
เขาให้ ทกุ อย่างที่เหมาะสมกับความจาเป็ นต่อเทย์เลอร์ ไม่ใช่เพียง
แค่ให้ เงินเท่านันและฮั
้ นส์เป็ นคนดาเนินการจัดหาทุกสิ่งเหล่านี ้ไป
ให้ แก่เทย์เลอร์

“เจ้ าทางานได้ ยอดเยี่ยมมาก….พักผ่อนเสียบ้ างนะฮันส์”

“ขอรับ…กระผมจะหาเวลาพักผ่อนให้ ได้ นะขอรับนายน้ อย”


ฮันส์ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมรับว่าเขารู้สกึ ดีเมื่อได้ รับคาแนะนา
ให้ พกั ผ่อนบ้ าง ก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าฮันส์กาลังจะ
ออกจากห้ องไป

“อ่า….ให้ พวกเขาจัดเตรี ยมอาหารมาให้ ข้ากินที่ห้องด้ วยล่ะ”

“ได้ …กระผมจะจัดการให้ เรี ยบร้ อยขอรับ”

ฮันส์ดาเนินการตามคาสัง่ ของคาร์ ลได้ อย่างรวดเร็วเมื่อเขาแจ้ ง


ความต้ องการว่าจะไม่ออกไปทานที่ห้องอาหาร ใช้ เวลาไม่นาน
ห้ องของคาร์ ลก็เต็มไปด้ วยงานเลี ้ยงขนาดย่อมๆ คาร์ ลมองไปที่
จานอาหารที่ประกอบไปด้ วยเนื ้อ ขนมหวานต่างๆและแม้ กระทัง่
ไวน์ เขายิ ้มออกมาด้ วยความพอใจก่อนที่จะมุง่ หน้ าไปยังระเบียบ
ห้ อง ห้ องของเขาอยูบ่ นชันสาม
้ มันเป็ นห้ องที่รับแสงแดดได้ มาก
ที่สดุ เขาเปิ ดหน้ าต่างบานใหญ่ออกและเดินไปที่ระเบียงพร้ อมกับ
เอ่ยขึ ้น
“เข้ ามาได้ …..”

เขายังคงเปิ ดหน้ าต่างบานใหญ่ทิ ้งไว้ และนัง่ ลงบนเก้ าอี ้ข้ างโต๊ ะ


ผ่านไปชัว่ ครู่คาร์ ลก็มองเห็นใบไม้ คหู่ นึง่ ลอยอยูบ่ นท้ องฟ้าและ
หยุดลงที่เก้ าอี ้ตรงข้ ามกับคาร์ ล

มังกรดาเข้ ามาให้ ห้องด้ วยใบไม้ สองใบที่ติดมาบนตัวของมัน

ออนและฮงนัง่ อยูบ่ นเก้ าอี ้ทางด้ านซ้ ายและทางด้ านขวาเป็ นมังกร


ดาที่ยงั คงใช้ เวทย์ลอ่ งหนอยู่

คาร์ ลจ้ องมองไปที่พวกมันทังสามก่


้ อนเปิ ดขวดไวน์ออกพร้ อมกับ
เอ่ยปากให้ พวกมันเริ่ มกินอาหารได้

“เอาสิ….กินเลย”
ไวน์แดงถูกเทลงเต็มแก้ ว

“เจ้ าจัดหาวัตถุดิบมาให้ แก่พวกข้ า….แต่เจ้ ายังไม่เคยได้ กินมัน


เลย”

คาร์ ลยกแก้ วไวน์จอ่ ไปที่ริมฝี ปากของตนและเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว

“ข้ าแน่ใจว่ามันไม่ใช่เรื่ องง่ายที่จะติดตามพวกเรา”

ทันใดนันมั
้ งกรดาก็คลายเวทย์ลอ่ งหนและปรากฏตัวต่อหน้ าพวก
เขา ออนช่วยหยิบใบไม้ ที่ติดอยูบ่ นตัวของมังกรออกในขณะที่ฮงก็
ยัดสเต็กชิ ้นใหญ่ที่ถกู ปรุงด้ วยฝี มือบารอคเข้ าไปในปากของมังกร
ทันที
อายุเฉลี่ยของพวกมันทังสามอยู ้ ่ที่ 7 ปี คาร์ ลมองดูสตั ว์ทงสามตั
ั้ ว
กินอาหารก่อนจะเลื่อนจานอาหารไปไว้ ตรงหน้ าของพวกมัน
เพิ่มขึ ้น เมื่อเห็นว่าคาร์ ลทาดีด้วยลูกแมวทังสองต่
้ างก็สะดุ้งสุดตัว
ส่วนมังกรก็หยุดเคี ้ยวอาหารและเพิ่งเริ่ มสังเกตคาร์ ล

คาร์ ลเริ่ มจิบไวน์อีกครัง้ และเริ่ มคิด

‘พวกมันจะต้ องทางานอย่างหนักในอนาคต’

เนื่องจากพวกมันจะต้ องทางานในนามของเขาอย่างน้ อยเขาก็


สามารถจัดหาอาหารดีๆให้ แก่พวกมัน บางทีอาจเป็ นเพราะพวก
มันยังเด็กกันอยู่ คาร์ ลสามารถผ่อนคลายได้ เป็ นครัง้ แรกใน
ระยะเวลาอันยาวนานแม้ กระทัง่ จะต้ องอยูก่ บั สิ่งที่แข็งแกร่งกว่า
อายุของมันก็ตาม

“มันจะเป็ นสิ่งที่ดีมากถ้ ามันยังคงเป็ นเช่นนี ้”


บ้ านหลังขนาดพอเหมะ อาหารสุดแสนอร่อยและเวลาแห่งการ
ผ่อนคลาย คาร์ ลกาลังนึกถึงวิธีที่จะทาให้ ชีวิตของเขาอยูก่ บั ทัง้
สามสิ่งนี ้ได้ ตลอดไปเป้าหมายของเขาคือการใช้ ชีวิตเช่นนี ้เมื่อบา
เซ็นได้ กลายเป็ นผู้นาตระกูลแทนเขาอย่างเป็ นทางการเขาเริ่ มที่จะ
ตัดสินใจในเรื่ องนี ้อีกครัง้ จากนันเขาก็
้ เปิ ดกล่องดนตรี เวทย์ที่อยู่
มุมห้ องขึ ้น

เสียงเพลงที่เขาไม่ค้ นุ เคยดังขึ ้นทัว่ ห้ องขณะที่เขาเริ่ มจิบไวน์อีก


ครัง้ เขามองเห็นว่าท้ องฟ้าเริ่ มมืดลงแล้ ว

“อ่า…นี่มนั เยี่ยมมาก”

‘เพียงแค่มีชีวิตเช่นนี ้….’
คาร์ ลมีรอยยิ ้มที่ผอ่ นคลายบนใบหน้ าของเขาและในขณะ
นันเอง……

ก๊ อก ก๊ อก ก๊ อก

มังกรดารี บใช้ เวทย์ลอ่ งหนทันทีในขณะที่ลกู แมวทังสองก็


้ แกล้ งทา
เป็ นลูกแมวน้ อยไร้ พิษสงตามปกติโดยใช้ อ้ งุ เท้ าสัมผัสไปที่หน้ า
ของพวกมันเบาๆ ก่อนที่คาร์ ลจะมุ่งหน้ าไปที่ประตู

“อ๊ ะ!”

เคร้ ง!

คาร์ ลเผลอเอามือไปปั ดขวดไวน์จนตกกระแทกพื ้นเมื่อตอนที่เขา


จะลุกขึ ้นจากเก้ าอี ้ ขวดไวน์ตกกระแทกพื ้นจนแตกเป็ นชิ ้นๆ พรม
บนพื ้นถูกย้ อมเป็ นสีแดงด้ วยไวน์ที่ไหลไปทัว่ พื ้นพรม
‘…….ฉันรู้สกึ ไม่ดีกบั เรื่ องนี ้เลย’

จูๆ่ คาร์ ลก็ร้ ูสกึ ไม่ดีอย่างไม่มีเหตุผล เขารี บเดินไปยังประตูอย่าง


รวดเร็ ว

‘ทาไมถึงรู้สกึ ว่ามันเป็ นลางไม่ดีกนั นะ?’

คาร์ ลไม่สามารถคิดออกได้ วา่ มันเป็ นเพราะอะไร

‘หรื อว่าจะเป็ นเชวฮัน?….ไม่…มันไม่สามารถเป็ นไปได้


เว้ นเสียแต่วา่ เขาจะเดินทางอย่างบ้ าคลัง่ แต่ก็ไม่มีทางที่จะมาถึงที่
ในเวลารวดเร็วเช่นนี ้ได้ …เขาจะมาถึงที่นี่ในอีกสามวันข้ างหน้ า
ต่างหาก’
ไม่มีทางที่คนอย่างเชวฮันจะบังคับล็อกที่ได้ รับบาดเจ็บสาหัสให้
เดินทางได้ อย่างรวดเร็ วเช่นนี ้ แม้ วา่ เขาจะมอบยาให้ แก่เชวฮันไป
แล้ วก็ตาม แต่เผ่าหมาป่ าได้ รับการปฏิเสธจากเหล่าเทพเจ้ าและ
ยาก็ทามาจากพลังแห่งสวรรค์จึงไม่มีทางที่ยาจะใช้ ได้ ผลกับล็อก
และไม่มีทางที่โรสลินผู้ที่ระมัดระวังและรอบคอบในการซ่อน
ความสามารถในการใช้ พลังเวทย์ของตนจะเปิ ดเผยมันออกมาใน
เวลานี ้ ในนิยายได้ กล่าวว่าโรสลินได้ ใช้ พลังเวทย์ขนสู ั ้ งของเธอ
เป็ นครัง้ แรกเมื่อครัง้ ที่สง่ พวกเขาทังหมดเคลื
้ ่อนที่ไปยังเมืองหลวง
ด้ วยความรวดเร็ ว

แต่ที่สาคัญที่สดุ คือคาร์ ลบอกกับเชวฮันว่าเขาจะพักอยูท่ ี่โรงแรม


แห่งหนึง่ ในเมืองหลวงและเขาจะไปพบกับเชวฮันที่นนั่ สักครัง้
ก่อนที่จะให้ รอนและบารอคออกเดินทางไปพร้ อมกับเขาและ
ปล่อยให้ พวกเขาจัดการในส่วนที่เหลือต่อไป

‘ใช่แล้ ว…ไอ้ ความรู้สกึ ที่เป็ นลางไม่ดีนี ้คงเป็ นผลมาจากที่มีคน


อย่างเชวฮันหรื อรอนอยูข่ ้ างๆกายฉันเป็ นเวลานานเกินไปแน่ๆ’
คาร์ ลเริ่ มผ่อนคลายลงก่อนที่จะเปิ ดประตูออกไปอย่างแรง

“…..เจ้ า!”

หัวใจของคาร์ ลหล่นไปลงที่เท้ าทันทีที่เปิ ดประตูออกไป เสียงที่รีบ


ร้ อนและหมดหวังดังขึ ้นเต็มสองหูของคาร์ ล

“….ท่านคาร์ ล…ข้ าขอโทษ…ท่านเป็ นคนเดียวที่ข้านึกถึง”

เชวฮันที่ยืนอยูต่ อ่ หน้ าเขาเต็มไปด้ วยความหมดหวัง ดูเหมือนว่า


เขาจะเร่งรี บมาที่นี่ให้ เร็วที่สดุ เท่าที่จะเป็ นไปได้

คาร์ ลรู้สกึ เหมือนว่าตนกาลังเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สดุ ในชีวิตของเขา


ถัดไปจากเชวฮันคือรองพ่อบ้ านฮันส์ที่มีทา่ ทางเช่นเดียวกับเชวฮัน
เพียงแต่มีความงงงวยกับเหตุการณ์นี ้ปนเข้ าไปด้ วย แต่ถึงจะเป็ น
เช่นนันคาร์
้ ลก็สามารถมองเห็นคนที่มาพร้ อมกับเชวฮันที่อยู่
ด้ านหลังของเขาได้ นัน่ ทาให้ เขารี บเปิ ดประตูให้ กว้ างขึ ้น

“เข้ ามาก่อน…”

คนที่อยูด่ ้ านหลังของเชวฮันจะเป็ นใครไปไม่ได้ นอกจากคนจาก


เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินซึง่ ก็คือ ‘ล็อก’นัน่ เอง

“พาเขาเข้ ามาพร้ อมกับเจ้ า…”

‘ล็อก’ จากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินผู้เป็ นสายเลือดของราชาหมาป่ าดู


เหมือนว่าเขากาลังตกอยูส่ ภาวะที่เป็ นอันตรายเป็ นอย่างยิ่ง เขา
กาลังจะผ่านความเจ็บปวดก่อนที่จะกลายเป็ นภาวะที่บ้าระห่านัน่
คือการกลายร่างเป็ นครัง้ แรกในชีวิตของเขา คาร์ ลไม่แน่ใจว่า
ทาไมสิ่งที่จะเกิดขึ ้นหลังจากนี ้อีกหนึง่ ปี ตามเนื ้อหาในนิยายถึงจะ
มาเกิดขึ ้นในเวลานี ้ได้
อย่างไรก็ตามเขาได้ มองไปยังทุกคนที่อยูท่ ี่นี่ก่อนเอ่ยสิ่งหนึง่
ออกมา

“….ไม่ต้องกังวล…..”
บทที่ 30 เจ้ า 5

เชวฮันและล็อก ส่วนเบื ้องหลังของทังสองคื


้ อ ‘โรสลิน’ ก่อนทังสาม

จะเขามาในห้ องของคาร์ ลอย่างรวดเร็ว

“ฮันส์ไปนาเครื่ องดื่มอะไรก็ได้ เข้ ามาให้ ข้าที”

“ห๊ ะ?……อ่า…….กระผมจะนามันเข้ ามาเดี๋ยวนี ้ขอรับ”

คาร์ ลปิ ดประตูห้องทันทีโดยไม่รอให้ ฮนั ส์กลับเข้ ามาอีกครัง้ คาร์ ล


ชี ้ไปยังเตียงนอนของตนเพื่อแจ้ งแก่เชวฮันที่กาลังจ้ องมองที่ตน
เพื่อสัง่ ให้ เขาวางล็อกลงไปที่เตียง

“วางเขาลงก่อน”

“….ข้ าเข้ าใจแล้ ว”


เชวฮันวางล็อกลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง คาร์ ลเดินเข้ าไปใกล้ ล็
อกอย่างช้ าๆ แน่นอนว่าล็อกมีสายเลือดบริ สทุ ธิ์ทาให้ เขาดูคล้ าย
มนุษย์ที่ออ่ นแอในตอนนี ้ อย่างไรก็ตามเขาดูสวยเกินไปสาหรับ
การเป็ นเด็กผู้ชาย

“อึกกกกก!……..อ๊ ากกกก!…. ”

ล็อกกาลังทรมานอย่างมาก เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะฝื นลืมตาตน


ไว้ เขาขมวดคิ ้วมุน่ ใบหน้ าเหยเกและร่างกายบิดงอคุดคู้ด้วยความ
ทรมาน มันสายเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้ การกลายร่างเกิดขึ ้นได้

คาร์ ลจ้ องไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงแต่ใบหน้ าอ่อนเยาว์ที่อยูต่ รงหน้ าเขา


ตอนนี ้ เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้ ดวงตาของเขาค้ างเปิ ดไว้
และทาให้ ร่างกายได้ รับการผ่อนคลายให้ ได้ มากที่สดุ
“ปิ ดตาของเจ้ าลงซะ….ไม่มีความจาเป็ นที่จะต้ องฝื นร่างกาย
ตัวเอง”

ไม่มีน ้าเสียงเข้ มงวดกดดันใดๆออกจากปากของคาร์ ล แต่กลับทา


ให้ คนฟั งเช่นล็อกค่อยๆหลับตาลงช้ าๆ น ้าเสียงของชายที่ไม่
คุ้นเคยค่อยๆไหลผ่านหูของล็อกเข้ าไป

“ทุกอย่างจะเรี ยบร้ อย”

ล็อกระงับความทรมานของตนและร้ องเรี ยกใครบางคนออกมา


อย่างเงียบๆ เขากาลังเรี ยกหาลุงผู้เป็ นหัวหน้ าเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงิน
และเป็ นคนที่ถกู สังหารตายในเผ่าเมื่อก้ าวขึ ้นเป็ นราชาหมาป่ าได้
เพียงไม่นาน เขาพาล็อกมาหลบซ่อนเพื่อให้ แน่ใจว่าล็อกจะ
ปลอดภัยกับการถูกลอบสังหารในครัง้ นี ้ก่อนจะวิ่งไปปะทะกับผู้
บุกรุกจนจบชีวิตลงในที่สดุ
‘ทุกสิ่งทุกอย่างจะเรี ยบร้ อย’

นัน่ คือสิ่งที่ลงุ บอกแก่เขาล็อกเริ่ มมีใบหน้ าเหยเกอีกครัง้ เมื่อนึกถึง


ลุงของตน คาร์ ลละใบหน้ าออกจากล็อกก่อนได้ ยินเสียงเชวฮัน
ถามตนขึ ้น

“…ท่านคาร์ ล….ทาไมล็อกถึงเป็ นเช่นนี ้?”

เชวฮันยังคงมองมาที่ลอ็ กด้ วยความกังวลและสิ ้นหวัง หากเป็ นไป


ตามในนิยายเชวฮันจะเริ่ มเปิ ดใจให้ กบั ล็อกเพียงเล็กน้ อยเมื่อ
เนื ้อหาดาเนินเรื่ องมาถึงตอนนี ้ แต่คาร์ ลไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่ร้ ูวา่
สถานการณ์ของเชวฮันมันเปลี่ยนไปเล็กน้ อยก็เพราะตัวเขาเอง
นัน่ เป็ นเหตุผลที่เขาพยายามอย่างหนักที่จะตัดขาดความสัมพันธ์
กับพวกเขา คาร์ ลไม่ได้ ตอบคาถามของเชวฮันและปล่อยให้ เชวฮัน
พูดต่อไป
“ยามันใช่ไม่ได้ ผล ข้ าพอทราบข้ อมูลจากโรสลินมาบ้ างว่าเผ่าหมา
ป่ าไม่สามารถใช้ ยารักษาได้ หรื อแม้ แต่เวทย์การรักษาก็ดจู ะไม่
ได้ ผลเช่นกัน….ข้ าไม่แน่ใจว่าจะทาอย่างไรดี?….ข้ าต้ องปกป้อง
เขา…ข้ าควรจะปกป้องเขาให้ ดีกว่านี ้…”

“ใจเย็นก่อน……”

คาร์ ลกังวลว่าหากเชวฮันยังเป็ นเช่นนี ้เขาจะคลุ้มคลัง่ อาละวาดไป


เสียก่อนและนัน่ คงจะเป็ นสิ่งที่น่ากลัวเป็ นอย่างมากหากมังกรที่
อยูใ่ นมุมห้ องอาละวาดไปอีกตัว บางทีการที่เชวฮันอาศัยอยูต่ วั คน
เดียวมานับสิบปี มนั อาจเกิดเป็ นความเหงาความอ้ างว้ างได้ แต่
บุคลิกของเขาก็ยงั เป็ นคนที่ใส่ใจในเรื่ องของคาว่ามิตรภาพอยูด่ ี

“…ท่านคาร์ ล…..”

“ถ้ าเจ้ าเชื่อใจในตัวข้ าก็ปล่อยให้ ข้าจัดการเรื่ องนี ้ซะ…”


“ข้ าเชื่อใจท่าน….”

“ดี”

คาร์ ลมัน่ ใจว่าเชวฮันได้ สงบลงแล้ วจึงหันไปมองที่โรสลิน

โรสลิน เธอเป็ นคนแรกที่จะเป็ นผู้สืบทอดบัลลังก์ของอาณาจักร


เบร็ค แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันนั
้ กเวทย์อจั ฉริ ยะอย่างเธอก็พร้ อมที่จะ
โยนทิ ้งทุกอย่างออกไปให้ ไกลตัว โรสลินทาให้ คาร์ ลนึกถึงดอก
กุหลาบสีแดง เธอมีผมสีแดงอ่อนที่สว่างกว่าผมของคาร์ ลอีก
เช่นเดียวกับปากที่เป็ นสีแดงสวยเช่นกันซึง่ ตอนนี ้ริมฝี ปากข้ างหนึง่
ของเธอถูกยกสูงขึ ้นด้ วยความใคร่ร้ ู แม้ วา่ เธอจะทาให้ คาร์ ลนึกถึง
ดอกกุหลาบแต่บคุ ลิกลักษณะของเธอกลับใกล้ เคียงกับดวง
อาทิตย์
ตอนนี ้โรสลินไม่ได้ สนใจมองมาที่ลอ็ ก เชวฮันหรื อแม้ แต่คาร์ ลแต่
สายตาของเธอกลับจับจ้ องไปที่มมุ ห้ อง

“…….กลิ่นอายนี ้…..มันมีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก!”

โรสลินกาลังมองไปยังเก้ าอี ้ตัวที่มงั กรดาใช้ มาก่อนหน้ านี ้ ในขณะ


ที่มือของเธอเริ่ มสัน่ และกามันไว้ แน่นขึ ้น

“เฮ้ อ…..”

คาร์ ลถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่ามังกรดาจะสนใจในตัวนักเวทย์


มันได้ สง่ พลังเวทย์บางอย่างมายังโรสลินและแสดงทักษะเวทย์
บางอย่างที่โรสลินไม่สามารถฝันถึงมันได้ ที่ผา่ นมามังกรดามี
แนวโน้ มที่ไม่ชอบมนุษย์แต่มนั กลับชื่นชอบนักเวทย์ไม่น้อย สิ่งที่
มังกรดาทาในตอนนี ้มันแสดงให้ เห็นว่ามันกาลังมีความสุข
คาร์ ลมองไปยังโต๊ ะและเก้ าอี ้ที่มีเพียงความว่างเปล่าก่อนพูด
ขึ ้นมาเบาๆ

“หยุดนะ…แล้ วอยูน่ ิ่งๆซะ”

เกือบจะในทันทีที่โรสลินหายใจเข้ าลึกๆและเริ่ มกลับสูภ่ าวะปกติ


ดูเหมือนมังกรจะหยุดใช้ พลังเวทย์นี ้แล้ ว แต่โรสลินยังไม่สามารถ
หยุดอาการสัน่ ของร่างกายตนได้ เมื่อมองไปที่คาร์ ล

“นี่มนั คืออะ…..”

คาร์ ลตัดบทสนทนาของเธอและชี ้ไปที่ลอ็ ก

“นี่มนั สาคัญมากกว่า”

“….อ่า…”
ปฏิกิริยาตอบรับของโรสลินเมื่อสักครู่สงบลงอย่างรวดเร็ ว เธอมอง
ไปยังล็อกที่ดเู หมือนกาลังหลับใหลอยูแ่ ละเอ่ยถามคาร์ ลขึ ้น

“มันเกิดอะไรขึ ้นกับล็อกในตอนนี ้กันแน่?”

คาร์ ลมองไปที่คทาเล็กๆในมือของเธอเหตุผลที่พวกเขาสามารถ
มาถึงที่นี่ได้ ภายในเวลาน้ อยกว่าสามวันอาจเป็ นเพราะโรสลินได้
ใช้ พลังเวทย์เคลื่อนย้ ายมวลสาร นี่มนั เกินที่คาร์ ลคาดไว้ โรสลินได้
เปิ ดเผยขอบเขตความสามารถของเธอเสียแล้ ว

“เจ้ าเป็ นนักเวทย์ใช่หรื อไม่?”

“ใช่…ข้ าคือนักเวทย์”
“เจ้ าเคยได้ ยินเกี่ยวกับภาวะบ้ าระห่าหรื อการกลายร่างของเผ่า
สัตว์อสูรหรื อไม่?”

“อ๊ ะ…..”

โรสลินอุทานออกมาเพียงเบาๆ แต่ถึงอย่างไรใบหน้ าของเธอก็เต็ม


ไปด้ วยความสับสน

“ข้ าเคยอ่านเกี่ยวกับภาวะบ้ าระห่าหรื อการกลายร่างของเผ่าหมา


ป่ าในหนังสือมาบ้ างแต่ข้าไม่เคยอ่านเกี่ยวกับความร้ อนที่เพิ่มขึ ้น
จนเกิดเป็ นความเจ็บปวดเช่นนี ้มาก่อน”

“เพราะนี่มนั เป็ นครัง้ แรกของเขา”

“อะไรนะ?”
คาร์ ลยังคงพูดต่อไปเมื่อทุกคนในห้ องยังคงมองมาที่เขาอยู่

“สัตว์อสูรจะสูญเสียการควบคุมตนเองเมื่อเข้ าสูภ่ าวะการกลาย


ร่างเป็ นครัง้ แรกนัน่ เป็ นเพราะความเจ็บปวดทางกายที่เกิดจาก
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของพวกเขา หากพวกเขาสามารถ
อดทนต่อความเจ็บปวดในครัง้ แรกนี ้ได้ พวกเขาก็สามารถใช้
ภาวะการกลายร่างนี ้เป็ นอาวุธที่ร้ายแรงและน่ากลัวได้ ตอ่ ไปใน
อนาคต”

สัตว์อสูรจะแข็งแกร่งที่สดุ เมื่อเข้ าสูภาวะบ้ าระห่าหรื อการกลาย


ร่างนี ้ คาร์ ลหันไปสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ ้นกับล็อกก่อนที่จะพูด
ต่อ

“…..และเขาจะกลายร่างในไม่ช้านี ้แล้ ว”
จากนันเขาก็
้ หนั ไปทางโรสลินที่พยักหน้ าตอบรับกับคากล่าวของ
คาร์ ลก่อนที่เธอจะเอ่ยด้ วยน ้าเสียงที่เคร่งขรึมขึ ้น

“ข้ าไม่ทราบว่าท่านเป็ นคนเช่นไร…แต่ข้าก็พออ่านสถานการณ์


ในตอนนี ้ออก”

ถึงแม้ น ้าเสียงของเธอจะเคร่งขรึมและแข็งกระด้ างไปบ้ างแต่แวว


ตาของเธอยังคงอ่อนโยน

“เขายังเป็ นเพียง…เด็ก”

“ข้ ารู้”

เธอขอความช่วยเหลือจากคาร์ ลและเขาก็เห็นด้ วยที่จะช่วยเหลือ

“เมี ้ยว เมี ้ยว”


ในขณะนันลู ้ กแมวสองตัวก็ปรากฏตัวขึ ้นระหว่างพวกเขาทังสอง

พวกมันกระโดดขึ ้นไปบนเตียงที่ลอ็ กนอนอยู่ ออนและฮงเริ่ มจ้ อง
ไปที่ลอ็ กอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะ…..

“ฮึม่ มมมมม”

ล็อกกัดฟั นของเขาแน่นและเริ่ มที่จะคารามไปที่ออนและฮง


ในตอนนี ้สัญชาตญาณของเขาไม่สามารถควบคุมให้ อยูใ่ นเหตุ
และผลได้ ทาให้ เขามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสัตว์อสูรตนอื่นเช่นนัน้
อาการของเขาดูแย่มากจนเชวฮันอดเป็ นห่วงไม่ได้

“เมี ้ยว ”

แปะ แปะ แปะ


ฮงใช้ เท้ าของมันตบไปที่ปากของล็อก มันเป็ นการโจมตีที่รวดเร็ว
และรุนแรงที่ดเู หมือนจะบอกล็อกให้ หยุดทาเช่นนี ้ จากนันก็
้ สง่
สายตามาที่คาร์ ลเหมือนบอกให้ เขารี บช่วยเหลือล็อกให้ เร็วที่สดุ

“เขายังสบายดี….”

คาร์ ลตอบฮงเบาๆ เมื่อมีเสียงเคาะประตูขึ ้นคาร์ ลจึงเดินไปเปิ ด


ประตูก่อนที่ฮนั ส์จะนาเครื่ องดื่มและผ้ าขนหนูชบุ น ้ามาให้ แก่เขา
ก่อนที่คาร์ ลจะสัง่ ฮันส์เพิ่มเติม

“ฮันส์”

“ขอรับ…นายน้ อย”

“ไปหาอะไรที่ใช้ หามเขาออกไปให้ ที”


“ห๊ ะ?…..อะไรนะขอรับ?”

คาร์ ลชี ้ไปยังล็อกที่นอนอยูบ่ นเตียงแล้ วพูดต่อ

“พาเขาลงไปที่ลานฝึ กใต้ ดิน…อ้ อ!….แล้ วทาให้ แน่ใจด้ วยว่าจะไม่


มีทหารองครักษ์ อยูท่ ี่ลานฝึ กนัน่ รวมถึงคนอื่นๆก็อย่าให้ มีใครอยูใ่ น
บริ เวณนันด้
้ วย”

ท่าทางของฮันส์ดเู หมือนจะถามว่าทาไมถึงต้ องย้ ายเด็กที่ป่วย


เช่นนี ้ไปยังลานฝึ กซ้ อมใต้ ดินนัน่ ด้ วย แต่คาร์ ลไม่ได้ สนใจท่าทาง
นันของฮั
้ นส์

“เร็ วเข้ า”

“…..ขอรับนายน้ อย”
ฮันส์มีคาถามมากมายและยังคงมองไปที่คาร์ ลอย่างประหลาดใจ
แต่เขาก็ยงั คงต้ องทางานอยูเ่ ขารี บออกไปเพื่อหาอะไรมาหามล็อก
ออกไป ขณะที่คาร์ ลหันกลับไปมองเชวฮันและโรสลินอีกครัง้

“ส่วนเชวฮันและเจ้ า”

“นางคือโรสลิน”

“อ้ อ….โรสลิน”

พวกเขาละสายตาจากเตียงที่ลอ็ กนอนอยูแ่ ละหันมาที่คาร์ ล

“ใช่แล้ วท่านคาร์ ล…”

“มีอะไรเช่นนันหรื
้ อ?”
ความห่วงใย ความกังวลและความจริ งใจปรากฏขึ ้นบนใบหน้ า
ของทังสอง
้ ทังเชวฮั ้ นและโรสลินพวกเขาดูเหมาะที่จะเป็ นคนดี
ธรรมดาๆที่มีชีวิตที่เรี ยบง่ายมากกว่าจะเป็ นวีรบุรุษหรื อวีรสตรี เสีย
อีก คาร์ ลเริ่ มพูดกับพวกเขาทังสองอย่
้ างตรงไปตรงมา

“พวกเจ้ าทังสองอาจจะต้
้ อง….ถูกทุบตีสกั เล็กน้ อย”

“……..อะไรนะ?”

หลังจากนันภายในห้
้ องก็ถกู ปกคลุมไปด้ วยความเงียบ โรสลินรู้สกึ
ตกใจกับคาพูดของคาร์ ลในขณะที่เชวฮันยังรอฟั งคาพูดของคาร์ ล
ต่ออย่างเงียบๆ

“โดยปกติแล้ ว เมื่อเหล่าสัตว์อสูรที่มาจากเผ่าหมาป่ า เผ่าเสือและ


เผ่าหมีจะมีการกลายร่างเป็ นครัง้ แรก พวกเขาจะมีพอ่ แม่และพี่
น้ องคอยช่วยดูแล พวกเขาจะใช้ การโจมตีทงหมดเพื
ั้ ่อรับมือกับ
การคลุ้มคลัง่ ที่เกิดขึ ้นและในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้ พวก
เขาได้ รับบาดเจ็บใดๆ นัน่ คือวิธีที่พอ่ แม่ใช้ ปกป้องลูกๆของพวก
เขา”

เชวฮันและโรสลินมีทา่ ทีที่เป็ นกังวลทันที ล็อกไม่มีพอ่ แม่หรื อพี่


น้ องของเขาสักคนในตอนนี ้ คาร์ ลชาเลืองมองไปที่ลอ็ กก่อนที่จะ
พูดต่อ

“ข้ าสามารถบอกได้ วา่ ข้ า….ไม่ใช่ตวั เลือกที่ดีสาหรับเด็กคนนี ้”

แปะ!

เสียงปรบมือดังขึ ้นจากคาร์ ลก่อนที่เขาจะชี ้ไปที่เชวฮันและโรสลิน

“นัน่ คือเหตุผลที่เราต้ องแสร้ งทาเป็ นว่าพวกเจ้ าทังสองคื


้ อพ่อและ
แม่ของเขา…อ้ อ!ถ้ าหากพวกเจ้ าไม่ชอบแบบนี ้ก็ต้องเป็ นพี่ชาย
และพี่สาวให้ แก่เขา พวกเจ้ าทังสองจะต้
้ องหาวิธีในการปกป้องเขา
ให้ ได้ ”

ถึงแม้ วา่ คาร์ ลจะมีโล่นิรันดร์ กาลกับตัวแต่เขาไม่ต้องการที่จะพา


ตัวเองเข้ าไปในสถานการณ์ที่น่าหวาดหวัน่ เช่นนัน้ ในเมื่อเขามี
ตัวเลือกที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยูต่ งสองคนแล้
ั้ วเรื่ องอะไรเขาจะต้ อง
เข้ าไปเสี่ยงด้ วยเล่า?

เชวฮันและโรสลินมองหน้ ากันทันที

“เขาจะเริ่ มมีอาการเหนื่อยล้ าและหมดแรงและเริ่ มกลับสูภ่ าวะ


ปกติในเวลาต่อมา สิ่งสาคัญคือสติของเขาเมื่อเผชิญกับการ
เปลี่ยนแปลงจากการกลายร่างเป็ นครัง้ แรก นัน่ คือสิ่งสาคัญที่จะ
ทาให้ เขารักษาสติและเหตุผลของเขาในการกลายร่างในครัง้ ต่อไป
ได้ ”
การทุบตีอาละวาดนัน่ คือสิ่งที่เขาจะตอบสนองต่อสัญชาตญาณ
โดยธรรมชาติของเขามันคือสิ่งสาคัญของสัตว์อสูรที่จะรับมือกับ
ภาวะการกลายร่างนี ้

เชวฮันครุ่นคิดในสิ่งที่คาร์ ลพูดเพียงชัว่ ครู่ก่อนจะเอ่ยถามคาร์ ล

“ท่านคาร์ ล…นานแค่ไหนที่เขาจะกลับคืนสูภ่ าวะปกติ?”

“…เขามีสายเลือดที่บริ สทุ ธิ์……”

“…..ท่านหมายความว่ามันจะใช้ เวลานาน?”

“อืม….อาจจะสักสองชัว่ โมงได้ ”

คาร์ ลเดินเข้ าใกล้ เตียงที่ลอ็ กนอนอยูก่ ่อนจะตบไปที่ไหล่ของเชว


ฮันเบาๆ
“มันจะยากสาหรับคนอื่นๆแต่กบั เจ้ า…เชวฮัน..มันควรจะเป็ นเรื่ อง
ที่ง่ายสาหรับเจ้ า…ข้ าเชื่อในตัวเจ้ ายิ่งนัก”

“…….ข้ าจะทาให้ สาเร็จเพราะข้ าคือพี่ชายของล็อก”

โรสลินมองไปที่เชวฮันด้ วยความประหลาดใจ เชวฮันคือคนที่ฆา่


คนอย่างบ้ าคลัง่ เพื่อปกป้องชีวิต ในระหว่างการเดินทางร่วมกัน
ของพวกเขา เชวฮันคือคนที่ระมัดระวังและสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่
เสมอแต่เหมือนว่าเขาในตอนนี ้จะผ่อนคลายลงเป็ นอย่างมาก
แม้ วา่ จะอยูใ่ นสถานการณ์ที่เร่งด่วนเพียงใดก็ตาม

จากกนันเธอก็
้ ได้ ยินเสียงที่ผอ่ นคลายของคาร์ ลแม้ วา่ จะยังคงมอง
ไปที่เชวฮันอยู่
“ใช่แล้ ว…เจ้ าคือพี่ชายของเขา…แล้ วเรามาทานอะไรอร่อยๆกัน
เถอะหลังจากทามันสาเร็ จ”

คาร์ ลยังคงนึกถึงอาหารและไวน์ที่เขายังทานไม่เสร็จด้ วยซ ้า

ประตูถกู เปิ ดออกก่อนที่ฮนั ส์จะเข้ ามาพร้ อมกับรอนและบางอย่าง


ที่จะหามล็อกออกไปได้

“นายน้ อย….ลานฝึ กซ้ อมใต้ ดินเตรี ยมพร้ อมแล้ วขอรับ”

“ดีมาก…..เจ้ าจัดการได้ เร็วมาก”

คาร์ ลสัง่ ให้ เชวฮันย้ ายล็อกลงจากเตียงมาไว้ ที่เปลหาม ก่อนจะ


บอกให้ พวกเขาทังหมดตามตนออกไป

“ไปกันเถอะ…….”
บทที่ 31 เจ้ า 6

คาร์ ลใส่ของบางอย่างลงในกระเป๋ าเวทย์และมุง่ หน้ าไปยังลาน


ฝึ กซ้ อม ชันใต้
้ ดินของบ้ านหลังนี ้มีลานฝึ กซ้ อมการต่อสู้ที่ครบวงจร
และเป็ นมาตรฐาน ดินแดนเฮนิตสั นับเป็ นเมืองที่มีชื่อเสียงด้ าน
ความร่ ารวยและมัง่ คัง่ แต่ความมัง่ คัง่ นัน่ ก็ต้องได้ รับการสนับสนุน
ที่แข็งแกร่งทางทหารเช่นกัน ในเมื่อป่ าแห่งความมืดอยูถ่ ดั จาก
เมืองเฮนิตสั ไปไม่ไกลและยังมีสตั ว์ประหลาดที่เป็ นอันตรายเป็ น
จานวนมากหากไม่มีความแข็งแกร่งทางทหารชาวเมืองทังหมดจะ ้
สามารถอยูร่ อดได้ แค่ไหนกัน? นัน่ เป็ นเหตุผลว่าทาไมที่บ้านและ
คฤหาสน์เฮนิตสั จึงมีลานฝึ กซ้ อมอยูช่ นใต้
ั ้ ดินที่มีขนาดใหญ่และ
ดีกว่าคฤหาสน์ของดยุคหรื อมาร์ คควิสเสียอีก

คาร์ ลมอบคาสัง่ แก่พวกเขาทันทีที่พวกเขามาถึงลานฝึ กซ้ อมขนาด


ใหญ่แล้ ว
“เจ้ าสองคนอยูด่ ้ านนอกลานฝึ กซ้ อมคอยดูแลความเรี ยบร้ อย
ทังหมดและตรวจสอบให้
้ แน่ใจด้ วยว่าจะไม่มีใครลงมาที่ชนใต้
ั ้ ดิน
นี ้ได้ ”

“ขอรับนายน้ อย”

“ข้ าเข้ าใจแล้ วนายน้ อย”

คาร์ ลรู้สกึ ขมในปากเมื่อมองเห็นรอยยิ ้มกว้ างเต็มใบหน้ าของรอน


แต่คาร์ ลก็เลือกที่ปล่อยมันผ่านไป หลังจากที่ดพู วกเขาทังสองเดิ
้ น
ออกไปแล้ ว คาร์ ลก็ตงใจที
ั ้ ่จะพาลูกแมวทังสองไปยั
้ งมุมสุดของ
ลานฝึ กซ้ อมนัน่ แน่นอนว่าเขาจะต้ องอยูใ่ ห้ ไกลจากเชวฮันและโรส
ลินให้ ได้ มากที่สดุ

“ส่วนพวกเจ้ าสองคนไปตรงกลางลานฝึ กซ้ อมนัน่ ซะ”


เชวฮันนาล็อกไปวางไว้ ตรงกลางของลานฝึ ก โรสลินมีสีหน้ าที่
เคร่งเครี ยดขณะที่เดินห่างจากล็อกออกมาเล็กน้ อย

“โฮกกกกกกก!!!!!”

ล็อกกาลังสัน่ เหมือนถูกบางอย่างเข้ าครอบงา แขน ขาและตลอด


ทังล
้ าตัวของเขากาลังสัน่ อย่างรุนแรง แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันเชวฮั
้ น
และโรสลินก็ยงั ไม่เข้ าใกล้ ลอ็ กไปมากกว่านี ้

นัน่ เป็ นเพราะล็อกมีกรงเล็บที่ใหญ่ขึ ้นมันเป็ นกรงเล็บของสัตว์ป่าที่


มีความแหลมคมเป็ นอย่างมาก

“อ๊ ากกกกกกกก!”

ร่างของล็อกเด้ งขึ ้นลอยไปในอากาศโดยอัตโนมัติ ลาตัวตังตรง



และแข็งทื่อเหมือนลูกธนูที่ถกู ยิงออกไปในอากาศก่อนที่ร่างของล็
อกจะเริ่ มเปลี่ยนแปลงอย่างช้ าๆ คาร์ ลตรวจสอบจนแน่ใจว่าประตู
เหล็กขนาดใหญ่ทางเข้ าลานฝึ กซ้ อมมีความแน่นหนาและแข็งแรง
ดีแล้ วจึงมุง่ หน้ าไปยังมุมหนึง่ ของลานฝึ กซ้ อมทันทีโดยมีลกู แมว
สองตัวเดินตามเขาไปติดๆ

‘นี่มนั ไม่ใช่เรื่ องเล่นๆซะแล้ วสิ’

คาร์ ลสามารถมองเห็นล็อกที่มีรูปร่างสูงและอ่อนแอเริ่ ม
เปลี่ยนแปลงไปช้ าๆ

“โฮกกกกกกกกกกกก! อ๊ ากกกกกกกกกกกกกก”

ล็อกในตอนนี ้มีเขี ้ยวที่แหลมคมขนาดใหญ่ก่อนที่จะคารามออกมา


ด้ วยความทุกข์ทรมาน เขาเริ่ มทรงตัวและเดินโซเซเล็กน้ อยก่อนจะ
เริ่ มขมวดคิ ้วมุน่ และเปิ ดตาขึ ้นจากนันก็
้ มองไปที่เพดานและเปล่ง
เสียงหอนออกมา
“บรู๊วววววววววววววววววววววววววว!”

ทันใดนันก็้ มีสิ่งโปร่งใสปรากฏขึ ้นขวางหน้ าของคาร์ ลไว้ และมันก็


คือโล่นนั่ เอง

ออนและฮงมองไปรอบๆด้ วยความตกใจก่อนที่คาร์ ลจะพูดขึ ้น

“มังกรน้ อยเจ้ าน่าทึง่ มาก เจ้ าสามารถทาให้ มนั กันเสียงได้


หรื อไม่?”

โล่โปร่งใสถูกนามาซ้ อนทับอีกชันหนึ
้ ง่ โดยทันที

โรสลินเหลือบมองมาที่กลุม่ ของคาร์ ลและคาร์ ลไม่ทนั ได้ เห็นว่าโรส


ลินมีอาการตกใจเมื่อมองเห็นโล่โปร่ งใสสองชันอยู
้ ต่ รงหน้ าเขา
ในตอนนี ้และขณะนันเองเสี ้ ยงของมังกรดาที่ต้องอยูภ่ ายในโล่
โปร่งใสนี ้ก็ดงั ก้ องเต็มสองรูหขู องคาร์ ล

“เจ้ ามันอ่อนแอมาก นัน่ เป็ นเหตุผลที่เจ้ าต้ องได้ รับการคุ้มกัน”

ออนและฮงรู้สกึ ตื่นเต้ นเมื่อตระหนักได้ วา่ สิ่งนี ้เกิดจากมังกรดา


นัน่ เองก่อนที่จะมองไปที่คาร์ ลด้ วยความเห็นใจเมื่อได้ ยินว่ามังกร
พูดกับคาร์ ลว่าอย่างไรพวกมันเห็นด้ วยกับการประเมินของมังกร
ดาแต่คาร์ ลไม่ได้ สนใจสายตาของพวกมันและเอ่ยตอบอย่าง
ห้ วนๆ

“ทาสิ่งที่เจ้ าอยากทาเถอะ!”

“ข้ าไม่ร้ ูวา่ ทาไมเจ้ าไม่ใช่พลังนัน่ ?”

“เจ้ าไม่จาเป็ นต้ องรู้ ”


‘พลัง’ มังกรน้ อยได้ ตระหนักว่าคาร์ ลไม่ต้องการแสดงพลัง
ศักดิ์สทิ ธิ์โบราณนี ้แก่ผ้ อู ื่นและทิ ้งไว้ ให้ คลุมเครื อ คาร์ ลยักไหล่ของ
เขาช้ าๆและในที่สดุ โล่โปร่งใสอันที่สามก็ถกู สร้ างขึ ้นรวมเป็ นโล่
สามชันในที
้ ่สดุ

‘อ่า…..ทักษะของเขาดีขึ ้นเรื่ อยๆสินะ’

มังกรมีวิธีการเรี ยนรู้พลังเวทย์ที่แตกต่างจากมนุษย์ มังกรสามารถ


ควบคุมการใช้ พลังเวทย์ตามที่มนั ต้ องการได้ คาร์ ลคิดว่าความเร็ว
ของมังกรดาถูกปรับปรุงให้ เร็วขึ ้นจนน่าประหลาดใจแต่นนั่ มันก็มี
ประโยชน์ตอ่ ตัวของมันเอง

ในตอนนี ้คาร์ ลสามารถจ้ องมองไปที่พื ้นตรงกลางลานฝึ กซ้ อม


อย่างเงียบๆเพื่อมองการกลายร่างของล็อกได้ อย่างอุน่ ใจขึ ้น
“โฮกกกกกกกกกกกก! อ๊ ากกกกกกกกกกกกกก”

เสียงคารามของล็อกปกคลุมไปทัว่ ลานฝึ กซ้ อมนี ้ หากไม่ได้ โล่กนั


เสียงและกันกระแทกที่ถกู สร้ างขึ ้นรอบๆชันใต้
้ ดินนี ้แล้ วคาดว่า
เหล่าทหารองครักษ์ จะต้ องรี บตรงดิ่งมายังที่นี่อย่างแน่นอน

ร่างกายของล็อกมีขนาดใหญ่ขึ ้นทุกครัง้ ที่เขาคารามออกมา


กล้ ามเนื ้อที่ไม่เคยมีอยูบ่ นร่างกายก่อนหน้ านี ้เริ่ มถูกแทนที่ด้วย
กล้ ามเนื ้อมัดใหญ่เต็มทัว่ ร่างกายและดวงตาของเขาก็กลายเป็ นสี
แดงในที่สดุ มันเป็ นสิ่งที่บอกได้ วา่ เขาได้ สญ
ู เสียสติของเขาแล้ ว

ทาไมเด็กน้ อยจากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินถึงได้ กลายร่างในเวลานี ้


ได้ ?
ตามเนื ้อหาในนิยายล็อกจะได้ รับประสบการณ์การกลายร่างเป็ น
ครัง้ แรกของเขาในอีกหนึง่ ปี ตอ่ มา เหตุผลคือการตายของคนคน
หนึง่

‘เพนดริ ก เขาคือเอลฟ์ ที่ทาหน้ าที่เป็ นหมอเยียวยาด้ านความเชื่อ


และศรัทธา’

เอล์ฟคนนี ้ได้ จบชีวิตลงในสนามรบซึง่ เพนดริ กเป็ นคนที่ทาให้ ลอ็ ก


ระลึกถึงลุงของเขาที่เป็ นหัวหน้ าเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงิน เมื่อครัน้ เห็น
เพนดริ กต้ องจบชีวิตลงทาให้ ลอ็ กเกิดการคลุ้มคลัง่ อยากจะฆ่าทุก
อย่างและทุกคนที่ขวางหน้ าตน

“ออน….ฮง”

คาร์ ลมองไปที่ลกู แมวสองพี่น้องที่กอดกันอยูภ่ ายในโล่โปร่งใสนี ้


“เจ้ าสองคนยังไม่เคยได้ รับประสบการณ์การกลายร่างเช่นนี ้ใช่
หรื อไม่?”

ลูกแมวพยักหน้ าตอบรับ

“พวกเจ้ ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่ องนี ้บ้ าง?”

“ไม่ร้ ูเลย…..”

“ไม่มีใครสอนเราเกี่ยวกับเรื่ องนี ้เลย….”

สาหรับกรณีนี ้คาร์ ลรู้วา่ มันอาจจะเกิดขึ ้นได้ เนื่องจากออนและฮงดู


เหมือนจะเป็ นสัตว์อสูรที่มีสายเลือดบริ สทุ ธิ์ การกลายร่างของ
พวกเขาก็อาจสามารถเกิดขึ ้นได้ ในไม่ช้านี ้เช่นกัน คาร์ ลมองไป
ข้ างหน้ าอีกครัง้ และเริ่ มพูด
“เผ่าหมาป่ า เผ่าเสือ เผ่าหมีและเผ่าวาฬทังสี ้ ่เผ่านี ้จะสูญเสีย
ความเป็ นตัวเองมากที่สดุ ในการกลายร่างเป็ นครัง้ แรกนัน่ คือ
เหตุผลที่เราจะรู้จกั กันดีวา่ สัตว์อสูรทังสี
้ ่เผ่านี ้มีความใกล้ เคียงกับ
สัตว์ประหลาดมากที่สดุ ”

แต่เขาไม่ร้ ูจกั เผ่าแมวมากนัก……

“ข้ าไม่ร้ ูการกลายร่างครัง้ แรกของเผ่าแมวเป็ นเช่นไรแต่ถ้าหาก


พวกเจ้ ารู้สกึ ว่าร่างกายร้ อนขึ ้นและเจ็บปวดเป็ นอย่างมาก…ให้
พวกเจ้ ารี บมาหาข้ า”

‘มันจะเป็ นเรื่ องแย่หากพวกเจ้ าเกิดเหตุเช่นนันขึ


้ ้น’

ใครจะต้ องเป็ นคนดูแลเก็บกวาดเรื่ องนี ้? แน่นอน….ว่ามันจะต้ อง


เป็ นเขาที่ต้องจัดการเก็บกวาดเรื่ องนี ้หากพวกมันเกิดการกลาย
ร่างขึ ้นมา อย่างน้ อยเขาก็เป็ นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่
สาหรับสิ่งที่จะเกิดขึ ้นในอาณาเขตของเขาและคนที่อยูภ่ ายใต้ การ
ดูแลของเขา

คาร์ ลหันไปมองลูกแมวทังสองหลั
้ งจากที่ไม่ได้ ยินเสียงตอบรับใดๆ
จากพวกมัน ดวงตาสีทองสองคูต่ า่ งจ้ องมาที่คาร์ ลก่อนที่พวกมัน
จะมุง่ ตรงมาที่เขาและเริ่ มถูไถใบหน้ าของพวกมันกับขาของเขา
เบาๆ

‘ทาไมพวกมันถึงชอบทาอะไรแบบนี ้กันนะ’

คาร์ ลไม่ชอบวิธีการแสดงความสนิทสนมของพวกมันเช่นนี ้นัก


คาร์ ลขยับขาของตนไปด้ านข้ างเล็กน้ อยก่อนที่จะได้ ยินอะไร
บางอย่างที่ทาให้ ขนของเขาลุกชันขึ ้นทันที

“แล้ วมังกรเช่นข้ าจะกลายร่างด้ วยหรื อไม่?”


“ไม่……”

มันคงจะเป็ นเรื่ องที่บ้ามาก…หากมังกรกลายร่างได้ จริ งภูเขาสูง


หลายแห่งจะถูกทาให้ หายไปในทันทีโดยฝี มือของมังกร นัน่ มัน
เป็ นการจินตนาการที่น่ากลัวทีเดียว ปฏิกิริยาของคาร์ ลในตอนนี ้
คือแข็งค้ างมากกว่าเดิมและยังคงจ้ องไปยังข้ างหน้ าอย่างไม่มี
จุดหมายนัน่ เป็ นการแสดงออกว่าเขาไม่ได้ อยากได้ ยินอะไร
เกี่ยวกับเรื่ องนี ้อีกแล้ ว

“เตราะ!”

เขาได้ ยินเสียงเดาะลิ ้นของมังกรแว่วมาในอากาศ คาร์ ลกาลังคิด


เกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ ้นของมังกรและมันก็เป็ น
เวลาเดียวกับที่ล็อกได้ กลายร่างเสร็จสมบูรณ์ในที่สดุ

ปั ง!
มนุษย์หมาป่ ากระทืบสองขาของมันลงไปที่พื ้นลานฝึ กซ้ อมจนเกิด
การสัน่ สะเทือนอย่างรุนแรง สาหรับขนของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินจะ
มีขนเป็ นสีน ้าเงินเข้ ม ในตอนนี ้ไม่สามารถเรี ยกหมาป่ าที่ดรุ ้ าย
เช่นนี ้ได้ วา่ เด็กชายได้ อีกเพราะร่างกายของมันถูกปกคลุมด้ วยขน
สีน ้าเงินเข้ ม แขนทังสองข้
้ างถูกเติมเต็มไปด้ วยกล้ ามเนื ้อขนาด
ใหญ่มนั มีขนาดใหญ่กว่ากล้ ามเนื ้อของเชวฮันเสียอีกและมัน
พร้ อมที่จะโจมตีได้ ทกุ เมื่อด้ วยเล็บที่แหลมคมของมัน

“ล็อก!”

“ล็อก…ตังสติ
้ หลุดออกจากมันมาให้ ได้ !”

เชวฮันและโรสลินพยายามร้ องเรี ยกล็อกให้ มีสติให้ ได้ แต่


ในตอนนี ้ล็อกได้ สญู เสียความเป็ นเหตุและผลทังหมดในตั
้ วของ
เขาไปแล้ ว ตอนนี ้เขาเห็นเพียงแค่เชวฮันกับโรสลินคือสิ่งที่เขา
จะต้ องพุง่ โจมตีเท่านัน้
“โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”

เสียงขูค่ ารามดังขึ ้นจากปากของล็อก ในตอนนี ้ล็อกมีขนาดลาตัว


ที่สงู ใหญ่กว่าเชวฮันประมาณ 1.5 เท่าก่อนที่เขาจะวิ่งเข้ าไปหา
เชวฮันในทันที

“ล็อก…..ตังสติ
้ …เอามันออกไปจากตัวเจ้ าให้ ได้ ! นี่ข้าเอง! เชว
ฮัน!”
เชวฮันไม่สามารถโจมตีคนที่เขาเรี ยกว่าเพื่อนได้ อย่างเต็มที่ เขาทา
ได้ เพียงตังรั้ บการโจมตีจากล็อกสลับกับการร้ องเรี ยกให้ ลอ็ กมีสติ
กลับคืนให้ ได้ แต่วา่ การทาเช่นนันเขาคิ
้ ดว่ามันจะเรี ยกสติของล็อก
ให้ กลับคืนมาได้ เช่นนันหรื
้ อ? แน่นอน…ว่าไม่ได้ คาร์ ลส่ายศีรษะ
ของตนเบาๆและคอยเฝ้าดูตอ่ ไป

“ก็แค่ตีไปที่หวั ของเขาทาให้ เขาสลบไปก็เท่านัน…..มั


้ นเป็ นวิธีเร็ ว
ที่สดุ แล้ วนี่นา”

อึกกกก! ลูกแมวทังสองชะงั
้ กค้ างก่อนจะเขยิบออกห่างจากคาร์ ล
อย่างรวดเร็ว

แม้ วา่ คาร์ ลจะพูดเช่นนันออกไปแต่


้ เขาก็ไม่ได้ มีเจตนาให้ เชวฮันทา
แบบนันจริ้ งๆ สัตว์อสูรที่สลบไประหว่างการกลายร่างในครัง้ แรก
พวกเขาจะต้ องเผชิญกับความทรมานเช่นนี ้อีกในการกลายร่าง
ครัง้ ต่อไป
“ว้ าวววววววว”

การโจมตีของมนุษย์หมาป่ ารุนแรงกว่าที่คาร์ ลคาดไว้ ความจริ ง


ที่วา่ เขากาลังขยับร่างกายและเคลื่อนที่ไปตามสัญชาตญาณทา
ให้ เขาสามารถบังคับใช้ กล้ ามเนื ้อของเขาได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

“ออน….ฮง”

คาร์ ลร้ องเรี ยกลูกแมวทังสอง


้ มีเหตุผลที่ทาให้ เขาต้ องให้ พวกมัน
ตามเขามา

“จับตาดูการเคลื่อนไหวของเด็กจากเผ่าหมาป่ านัน่ ซะ…….”

เขาต้ องการให้ ออนและฮงให้ ความสนใจกับมนุษย์หมาป่ าเช่น


ล็อก ตอนนี ้ล็อกกาลังโจมตีเชวฮันกับโรสลิน อย่างไม่หยุดยัง้
ในขณะที่สองคนนันไม่
้ สามารถทาให้ การโจมตีของล็อกล่าถอยได้
เลยนัน่ เป็ นรูปแบบการโจมตีของเผ่าหมาป่ า คาร์ ลพูดกับลูกแมว
ทังสองราวกั
้ บกาลังกระซิบ

“นัน่ คือการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของสัตว์อสูร มันเป็ น


ความจริ งที่วา่ พวกเขาสามารถเคลื่อนที่ไปได้ ตามสัญชาตญาณซึง่
จะแตกต่างจากมนุษย์ มันเป็ นหนึง่ ในความงดงามและสร้ าง
ชื่อเสียงให้ แก่เผ่าสัตว์อสูร”

ปั ง!

กาปั น้ ของล็อกกระแทกไปที่พื ้นและทาลายหินอ่อนของพื ้นลาน


ฝึ กซ้ อมจนละเอียด มันเป็ นการแสดงความแข็งแกร่งของเขา

“เจ้ าไม่ควรกลัวหรื อหวาดกลัวในการกลายร่าง เพราะนัน่ คือสิ่งที่


เหล่าสัตว์อสูรจะสามารถอยูใ่ นจุดที่แข็งแกร่งที่สดุ ในชีวิตของพวก
เขาได้ ”
โป๊ ก! โป๊ ก!

มือของคาร์ ลเคาะลงไปที่หวั ของลูกแมวทังสองตั


้ ว

“แม้ วา่ เผ่าแมวและเผ่าหมาป่ าจะแตกต่างกันแต่พวกเจ้ าทังสองก็



เป็ นสัตว์อสูรเช่นกัน…จงดูเขาเพื่อเรี ยนรู้รูปแบบของสัตว์ป่า….
เรี ยนรู้รูปแบบเพื่อการพึง่ พาสัญชาตญาณของตัวเจ้ าเอง แล้ ว
ก็……….”

ดวงตาสีทองสองคูไ่ ด้ สบเข้ ากับสายตาของคาร์ ล

“ทาให้ มนั เป็ นรูปแบบของพวกเจ้ าเอง….ไม่วา่ จะเป็ นรูปแบบพวก


นันหรื
้ อการคิดหาหนทางที่จะสามารถฆ่าหมี ฆ่าเสือ ฆ่าหมาป่ า
หรื ออะไรก็ตามที่ระบุวา่ พวกมันคือสัตว์ป่าลงให้ ได้ ”
ลูกแมวสองตัวจากเผ่าแมวหันหน้ าออกจาคาร์ ลเพื่อสังเกตล็อก
พวกมันยืนขึ ้นด้ วยขาหลังทังสองข้
้ างของพวกมันและคอยสังเกต
การเคลื่อนไหวทุกครัง้ ของล็อกอย่างไม่ยอมละสายตา ขนสีเงิน
และขนสีแดงเข้ มของลูกแมวทังสองตั
้ วต่างลุกชันขึ ้นด้ วยความตื่น
ตระหนกกับภาพที่ปรากฏตรงหน้ า

แมวอ่อนแอเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรเหล่านี ้เป็ นเพราะพวกมันเป็ น


เผ่าที่อาศัยการหลบซ่อนเสียมากกว่าทาให้ พวกมันเข้ าใจ
จุดประสงค์ของคาร์ ลได้ อย่างชัดเจน เคาร์ ลเฝ้าดูลกู แมวทังสอง

อยูช่ วั่ ครู่ก่อนจะร้ องเรี ยกมังกรขึ ้น

“เฮ้ !……เจ้ ามังกร”

มังกรดาค่อยๆปรากฏร่างขึ ้นและลอยตัวอยูใ่ นอากาศ โรสลิน


และเชวฮันไม่ได้ มีเวลาหันมามองยังกลุม่ ของคาร์ ลในตอนนี ้พวก
เขาต้ องมุง่ ความสนใจไปที่ลอ็ กอย่างเต็มที่ คาร์ ลชี ้ไปยังคนทังสอง

ขณะที่ยงั คงพูดกับมังกรอยู่
“เจ้ าจงดูวา่ โรสลินใช้ พลังเวทย์ของเธอเพื่อไม่ให้ ฝ่ายตรงข้ ามทา
ร้ ายเธอได้ อย่างไร?…แล้ วจงดูวา่ เชวฮันใช้ พลังกลิ่นอายเช่นไร
เพื่อไม่ให้ เป็ นการโจมตีเป้าหมายแต่เป็ นเพียงการป้องกันตัวเอง
และไม่ให้ ทาร้ ายลูกหมาป่ านันได้
้ ”

เคร้ ง! เคร้ ง! เคร้ ง!

กาปั น้ ที่ถกู เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ วพยายามเจาะทะลุผา่ นโล่กาบัง


เวทย์ของโรสลินให้ ได้ มันถูกโรสลินเรี ยกออกมาใช้ เพื่อป้องกันการ
โจมตีของล็อกในขณะที่เธอยังคงจับจ้ องการเคลื่อนไหวของล็อก
อย่างไม่ยอมให้ คลาดสายตา

“ล็อก! เจ้ าจาข้ าได้ หรื อไม่? ข้ าบอกว่าเจ้ าเป็ นส่วนหนึง่ ของ
ครอบครัวข้ าเมื่อเร็วๆนี ้ไง…มีสติ! เอามันออกจากตัวเจ้ าให้ ได้ ”
เชวฮันพยายามให้ ลอ็ กหันมาทางเขาให้ ได้ เขาพยายามดึงกลิ่น
อายแห่งการฆ่าออกมาให้ ได้ มากที่สดุ เพื่อเรี ยกความสนใจ
จากล็อก

“ล็อก…โจมตีข้า…ข้ าจะเป็ นคนที่ปกป้องเจ้ าเอง”

ล็อกตอบโต้ กบั กลิ่นอายการฆ่านันโดยการตวั


้ ดกรงเล็บอันแหลม
คมไปยังเชวฮันทันที ถึงแม้ วา่ ล็อกจะไม่มีพลังกลิ่นอายในการ
โจมตีเฉกเช่นเชวฮันแต่เขาก็มีพลังทางกายในการควบคุมการ
โจมตีนี ้ได้ อย่างแข็งแกร่ง

คาร์ ลกาลังเฝ้าดูฉากนันจากที
้ ่ไกลๆในขณะที่ปากก็ยงั ขยับพูดกับ
มังกรอยูเ่ ช่นเดิม
“ด้ วยพลังที่เข็งแกร่งเช่นเจ้ ามันคงเป็ นเรื่ องยากที่เจ้ าจะควบคุม
ไม่ให้ ลงมือทาร้ ายบางสิ่งมากกว่าที่เจ้ าต้ องการลงได้ …..แต่ข้ารู้วา่
เจ้ าจะเรี ยนรู้มนั ได้ อย่างรวดเร็วเพราะเจ้ าคือมังกร”

มังกรเอ่ยตอบรับคาร์ ลด้ วยความหนักแน่น

“ข้ าเป็ นมังกร…ไม่มีอะไรที่ข้าไม่สามารถทาได้ ”

“ถูกต้ อง…หากเป็ นเช่นนันเจ้


้ าก็เฝ้าดูพวกเขาแล้ วพิจารณาดูเอา
เองเถิด”

มังกรค่อยๆบินลงมาจากอากาศและลงไปยังที่ที่ลกู แมวทังสองจั ้ บ
จองไว้ ก่อนหน้ านี ้ก่อนที่มนั จะใช้ เวทย์ลอ่ งหนและค่อยๆหายตัวไป
อีกครัง้ คาร์ ลคาดว่ามังกรจะใช้ เวลาในการสังเกตโรสลิน เชวฮัน
และการเคลื่อนไหวของล็อกเช่นเดียวกับที่ลกู แมวทังสองได้้ ทาอยู่
ก่อนหน้ านี ้
‘แล้ วฉันควรไปหาไวน์มานัง่ ดื่มรอดีมยนะ?’
ั้

คาร์ ลรู้สกึ เสียใจที่เขาไม่มีไวน์องุน่ อยูใ่ นมือตอนนี ้เขายังต้ องนัง่


เฝ้าดูการต่อสู้ที่น่าเบื่อเช่นนี ้เป็ นเวลาเกือบสองชัว่ โมงเชียวนะ?

ในช่วงเวลาที่การต่อสู้ยงั คงดาเนินต่อไปเด็กทังสามก็
้ ยงั คงจับจ้ อง
ไปที่ฉากนันอย่ ้ างไม่ยอมละสายตา ในขณะที่เชวฮันและโรสลิน
เริ่ มรู้สกึ เหนื่อยล้ าลงแล้ ว

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

แต่คนที่เหน็ดเหนื่อยที่สดุ คงจะหนีไม่พ้นมนุษย์หมาป่ าตนนี ้

“แฮ่ก แฮ่ก….พี่ชาย…พี่เชวฮัน”
“ล็อก!”

เชวฮันมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างรวดเร็วกับคาว่า ‘พี่ชาย’ และรี บวิ่ง


เข้ าไปหามนุษย์หมาป่ าที่เริ่ มหมดแรงทรงตัวไม่อยู่ แม้ วา่ เขาจะ
ไม่ได้ กลับเข้ าสูส่ ภาพปกติแต่จากปฏิกิริยาของเชวฮันทาให้ คาร์ ล
ลุกขึ ้นยืนโดยทันที

“พี่….พี่สาว”

ล็อกสามารถจดจาโรสลินได้ เช่นกัน

“โอ้ …ล็อก”

โรสลินรี บวิ่งไปกอดล็อกโดยทันทีร่างกายของเขายังถูกปกคลุม
ด้ วยขนสีน ้าเงินเข้ มอยูแ่ ต่ดวงตาของเขากลับมาเป็ นปกติแล้ ว
ล็อกไม่ได้ บาดเจ็บใดๆ ในขณะที่เชวฮันและโรสลินได้ รับบาดเจ็บ
เพียงเล็กน้ อย

ทังสองปกป้
้ องล็อกเหมือนคนในครอบครัวของตน

“..ข้ า…แฮ่ก…แฮ่ก..ข…ขอโทษ”

สติการรับรู้ของเขาได้ กลับมาแล้ ว เป็ นการกลายร่างครัง้ แรกที่


สมบูรณ์แบบมันทาให้ เขาสามารถเอาชนะปั ญหาทังหมดได้ ้ ล็อ
กวางศีรษะของเขาพิงไว้ บนตัวของโรสลินซึง่ มีความสูงเพียง
ครึ่งหนึง่ ของเขา เ ด็กชายวัย13 ปี เริ่ มร้ องไห้ ออกมาช้ าๆ เสียงของ
สัตว์ป่าถูกผสมเข้ ากับเสียงร้ องไห้ ของเขา

“ล็อก!”
ล็อกค่อยๆกลับเข้ าสูร่ ่างมนุษย์ ร่างของเขาเริ่ มหดเล็กลงกลับเข้ าสู่
ภาวะปกติทนั ที การกลายร่างได้ จบลงแล้ ว เชวฮันรี บขยับเข้ าหา
เขาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ เขาล้ มลง ล็อกพยายามฝื น
ตัวเองไว้ ให้ ได้ มากที่สดุ เพื่อไม่ให้ ตนเองสลบลงไปก่อนพร้ อมกับ
ความกังวลว่าตนจะเข้ าสูภ่ าวะการกลายร่างนันอี ้ กครัง้

ในตอนนันเองก็
้ มีชายคนหนึง่ อุ้มลูกแมวสองตัวมาหยุดยืนอยูต่ อ่
หน้ าเด็กชายที่พยายามฝื นตัวเองไม่ให้ สลบลงไปก่อน

‘ท่านลุง….’

ผู้ชายคนนี ้เป็ นคนที่พดู เหมือนกันกับลุงของเขา ก่อนที่ชายคนนัน้


จะพูดขึ ้น

“เจ้ าพักผ่อนได้ แล้ ว”


ชายคนนันยิ
้ ้มให้ กบั เขาและบอกให้ เขาหลับตาลงเหมือนก่อนหน้ า
นี ้

“..มันจบลงแล้ ว”

ล็อกผ่อนคลายลงในที่สดุ และค่อยๆปิ ดตาของตนลงหลังจากได้


ยินคาพูดของผู้ชายคนนัน้ เขาเอนตัวพิงเข้ ากับร่างเชวฮันก่อนที่จะ
หมดสติลง เชวฮันค่อยๆวางร่างของล็อกไปที่เปลหามอย่าง
ระมัดระวัง

คาร์ ลยังคงจ้ องมองไปที่ภาพนันก่


้ อนที่จะหยิบยาออกมาจาก
กระเป๋ าเวทย์และโยนมันไปทางโรสริ น เธอคว้ าขวดยาไว้ ได้ ทนั ที
และเอ่ยถามคาร์ ลด้ วยความสงสัย

“ยามันใช้ ไม่ได้ ผลกับล็อก?”


คาร์ ลมองไปยังโรสลินด้ วยท่าทางที่เหมือนจะถามว่าเธอทาไมถึง
พูดอะไรที่ชดั เจนเช่นนันด้
้ วย?และเอ่ยตอบคาถามของโรสลินที่
ยังคงมีความสงสัยอยู่

“ทาไมข้ าต้ องให้ ยาแก่คนที่มาจากเผ่าหมาป่ าด้ วย?…นัน่ มัน


สาหรับเจ้ า…เจ้ าก็ตอ่ สู้มาไม่น้อยเช่นกัน”

โรสลินจ้ องไปที่คาร์ ล เธอได้ เห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของโล่


โปร่งใสสามชันนั
้ น้ เธอมีสิ่งต่างๆอยากถามคาร์ ลมากมายแต่เลือก
จะพูดสิ่งอื่นออกไป

“ขอบคุณท่านมาก” ถึงอย่างไรสิ่งนี ้ควรมาก่อนสิ่งอื่น

“ไม่จาเป็ นต้ องขอบคุณข้ า…”


คาร์ ลตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหันหน้ าไปยังเชวฮันที่มองมายัง
เขาก่อนหน้ านี ้แล้ ว

“เชวฮัน….”

นี่มนั เกิดอะไรขึ ้น? เขาต้ องการทราบว่าเรื่ องพวกนี ้มันเกิดขึ ้นได้


อย่างไร

“เรามีเรื่ องต้ องคุยกัน”


บทที่ 32 เจ้ า 7 (1)

คาร์ ลออกจากลานฝึ กซ้ อมพร้ อมกับเชวฮัน

“ฮันส์..รอน….จัดการพาสองคนที่อยูด่ ้ านในออกมาที”

คาร์ ลได้ สงั่ ให้ ฮนั ส์และรอนที่รออยูด่ ้ านนอกทางเข้ าลานฝึ กซ้ อม


ชันใต้
้ ดินให้ พาโรสลินและล็อกออกมาจากด้ านในและจัดการดูแล
ความสะดวกของทังสองให้ ้ เรี ยบร้ อย ขณะที่คาร์ ลมุ่งหน้ ากลับไป
ยังห้ องของตนพร้ อมกับเชวฮันทันที โต๊ ะที่ถกู วางอาหารเย็นชืดที่
ถูกจัดเตรี ยมไว้ ก่อนหน้ านี ้ได้ อยูต่ รงหน้ าระหว่างพวกเขาทังสอง

คนแล้ ว ก่อนที่คาร์ ลจะเริ่ มพูดขึ ้น

“เล่าให้ ข้าฟั งที”

“ขอรับ…”
ทังสองสามารถเข้
้ าใจกันได้ ในทันทีโดยไม่ต้องมีการเกริ่ นนาใดๆ
เชวฮันยืดตัวขึ ้นเล็กน้ อยและเริ่ มพูด

“ทุกอย่างเป็ นไปด้ วยดีจนกระทัง่ กระผมได้ พบกับโรสลิน”

“..เล่าต่อไป..”

“กระผมมาถึงเมืองที่ทา่ นคาร์ ลได้ บอกเอาไว้ เมื่อไปถึงที่นนั่ ก็ได้


พบกับสมาคมพ่อค้ ากลุม่ หนึง่ ที่มงุ่ หน้ าไปยังเมืองหลวงตามที่ทา่ น
คาร์ ลได้ อธิบายเอาไว้ มันเป็ นเพียงแค่กลุม่ พ่อค้ าเล็กๆที่มีคนเพียง
ห้ าคนจนไม่อาจเรี ยกได้ วา่ กลุม่ สมาคมพ่อค้ าได้ ”

หากเรี ยกว่ากลุม่ พ่อค้ าขนาดเล็กจะสามารถอธิบายได้ ชดั เจนกว่า


กลุม่ สมาคมพ่อค้ าเสียอีก
“พวกเขาได้ จดั หาทหารรับจ้ างสองนายเพื่อคอยคุ้มกันพวกเขามัน
ย่อมเป็ นเช่นนันเพราะผู
้ ้ ค้ มุ กันของพวกเขาได้ รับบาดเจ็บ”

ตามเนื ้อหาในนิยาย เชวฮันและโรสลินจะกลายเป็ นทหารรับจ้ าง


สองนายนัน่

“และนัน่ ทาให้ กระผมได้ พบกับโรสลินตามที่ทา่ นคาร์ ลได้ บอก


เอาไว้ ”

อาณาจักรเบร็คอยูท่ างฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมัน
ตอนแรกโรสลินต้ องการออกจากอาณาจักรเบร็คเพื่อมุง่ หน้ าไปยัง
หอคอยพลังเวทย์ที่อยูใ่ นอาณาจักรวิปเปอร์ ซงึ่ ตังอยู
้ ท่ างตอนใต้
ของอาณาจักรโรมัน ก่อนที่จะมีคนพยายามลอบสังหารเธอขณะที่
เดินทางผ่านอาณาจักรโรมันไป
เธอซ่อนทักษะการใช้ พลังเวทย์ของเธอเกือบครึ่งหนึง่ เอาไว้ และรอ
เวลาสาคัญในการหลบหนีก่อนที่เธอจะสามารถใช้ ทกั ษะทังหมดที ้ ่
เธอมีหลบหนีจากอันตรายมาได้ เธอคิดว่ามันคงจะเป็ นเรื่ องที่ดู
ฉลาดกว่าหากจะมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันเพื่อ
หาข้ อมูลบ้ างส่วนจากสมาคมพ่อค้ าแทนที่จะกลับไปยังอาณาจักร
เบร็คโดยที่เธอไม่ร้ ูอะไรเกี่ยวกับคนร้ ายที่พยามลอบสังหารเธอเลย

‘และเมื่อถึงเวลานันเธอจะเป็
้ นสาเหตุของสถานการณ์บางอย่าง
เมื่อเดินทางกลับไปถึงอาณาจักรเบร็ค’

เชวฮันได้ เล่าถึงการพบกันระหว่างเขากับโรสลินที่เป็ นทหารรับจ้ าง


ของกลุม่ พ่อค้ าต่อไปเรื่ อยๆ

“เธอกาลังมุง่ หน้ าไปยังเมืองหลวงและตังแต่้ ที่เรามุ่งหน้ าไปยัง


เมืองหลวงด้ วยกันเราก็คอ่ นข้ างที่จะเป็ นมิตรต่อกันมากขึ ้น”
‘ห๊ ะ?’

“หืม?….เป็ นมิตรเช่นนันหรื
้ อ?”

“ใช่…”

เชวฮันพูดขึ ้นด้ วยท่าทางที่ดเู ก้ อเขินเล็กน้ อย

“กระผมไม่ใช้ คนที่จะเริ่ มพูดคุยกับคนอื่นได้ ถ้าหากพวกเขาไม่พดู


กับกระผมก่อนแต่…กระผมคิดว่าพวกเราน่าจะเป็ นเพื่อนกันได้ ”

“ไม่จริ งน่า….เจ้ าต้ องทาตัวตามปกติเหมือนที่เคยทาสิ”

คาร์ ลมีสีหน้ าเป็ นกังวล ในนิยายเรื่ องนี ้ทังเชวฮั


้ นและโรสลินจะ
ไม่ได้ เข้ าใกล้ กนั จนกว่าพวกเขาจะได้ พบกับล็อก โรสลินกลายเป็ น
คนระวังตัวหลังจากที่โดนลอบสังหารจึงทาให้ เธอไม่คอ่ ยเป็ นมิตร
กับใครเช่นเดียวกับเชวฮันหลังจากเกิดเหตุการณ์สงั หารหมูใ่ น
หมูบ่ ้ านแฮร์ ริสเขาจึงกลายเป็ นคนที่ไม่น่าจะเป็ นมิตรกับใครได้ อีก

เชวฮันพยักหน้ าตอบรับกับคาพูดของคาร์ ลก่อนที่จะยิ ้มออกมา


และพูดเพิ่มเติม

“มันไม่ได้ เป็ นสิ่งที่กระผมมักจะทาแต่กระผมต้ องการทาในสิ่งที่มนั


ถูกต้ องเพราะนี่เป็ นวิธีของกระผมที่จา่ ยเงินคืนท่านได้ ”

เฮ้ อ……คาร์ ลถอนหายใจออกมาและส่ายศีรษะของตนเบาๆ

เชวฮันดูเหมือนจะคาดหวังว่าเขาสามารถจัดการมันได้ อย่างดี
ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้ วยท่าทางที่เคร่งขรึมขึ ้น
“กลุม่ คนพวกนันวางแผนที
้ ่จะพักในหมูบ่ ้ านที่ทา่ นคาร์ ลกล่าวไว้ วา่
กระผมจะได้ พบกับล็อกและจะพักอยูท่ ี่นนั่ 2-3 วันก่อนออก
เดินทางต่อ”

นัน่ คือเรื่ องจริ งที่วา่ กลุม่ พ่อค้ าเล็กๆ5คนนัน่ ถูกก่อตังขึ


้ ้นจากคนที่
ได้ รับความช่วยเหลือจากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินและผู้ค้ มุ กันที่ได้ รับ
บาดเจ็บก็เป็ นนักรบผู้ค้ มุ กันจากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินจริ งๆ

พ่อค้ าได้ จงใจที่จะเลือกใช้ เส้ นทางที่หา่ งไกลจากเมืองพัซเซิลไปยัง


เมืองหลวงเพื่อส่งมอบสิ่งของที่จาเป็ นต่อชีวิตประจาวันให้ แก่ชาว
เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินและได้ รับสุมนไพรหายากเป็ นของแลกเปลี่ยน

แน่นอนว่ามันเป็ นเรื่ องที่ยากลาบากเช่นเดียวกับการเสียเวลามาก


ยิ่งขึ ้นหากต้ องเดินทางลึกเข้ าไปในภูเขาซึง่ เป็ นที่อยูข่ องเผ่าหมา
ป่ าสีน ้าเงิน นัน่ เป็ นเหตุผลที่พวกเขาได้ นดั พบกันที่หมูบ่ ้ านเล็กๆที่
อยูด่ ้ านล่างของภูเขาแทน ในตอนนี ้พ่อค้ าคนนี ้มีอายุได้ 60 ปี และ
เขาได้ เป็ นหุ้นส่วนกับเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินมาได้ สามสิบปี แล้ ว
“แต่มีบางอย่างเกิดขึ ้น..เมื่อเรามาถึงหมูบ่ ้ านเล็กๆแห่งนี ้แล้ ว”

คาร์ ลเริ่ มตื่นตัวเมื่อได้ ยินเชวฮันเอ่ยขึ ้น เรื่ องที่สาคัญจะเริ่ มตังแต่



ตรงนี ้สินะ?

“ทันทีที่เราเดินทางถึงหมูบ่ ้ าน…กระผมจึงได้ ทราบว่าผู้ค้ มุ กันเป็ น


สัตว์อสูรของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินและกระผมก็ได้ ร้ ูวา่ พวกเขากาลัง
วางแผนที่จะไปพบกับสมาชิกของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินเพื่อทา
การค้ าด้ วยกันซึง่ ก็เป็ นหมู่บ้านเดียวกับที่ท่านคาร์ ลได้ บอกเอาไว้ ”

คาร์ ลพยักหน้ าให้ กบั คาพูดของเชวฮัน เขารู้วา่ ว่าเชวฮันเป็ นคนที่


เข้ าใจอะไรๆได้ ง่ายมาก
“นัน่ เป็ นเหตุผลที่กระผมเชื่อว่า..จาเป็ นที่จะต้ องติดตามสมาชิก
ของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินเข้ าไปในหมูบ่ ้ านเพื่อตามหาล็อกให้ เจอให้
ได้ ”

‘แต่สมาชิกของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินก็ไม่มีใครปรากฏตัวขึ ้น’

“แต่…ไม่มีใครปรากฏตัวขึ ้นเพื่อทาการค้ าสักคนเมื่อเรื่ องเป็ น


เช่นนี ้แล้ วพ่อค้ าจึงได้ ขอให้ เราช่วยพวกเขาเพิ่มเติม”

คาร์ ลนึกถึงคาขอที่พวกเขาจะได้ รับ

‘เข้ าไปในหมูบ่ ้ านของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินพร้ อมกับผู้ค้ มุ กันจากเผ่า


ที่ได้ รับบาดเจ็บ’

“เหล่าพ่อค้ าขอให้ พวกเราเข้ าไปในหมูบ่ ้ านของเผ่าหมาป่ าสีน ้า


เงินพร้ อมกับผู้ค้ มุ กันที่ได้ รับบาดเจ็บ”
“แล้ วเจ้ าก็เห็นด้ วยเช่นนันหรื
้ อ?”

“ใช่…ทังกระผมและโรสลิ
้ นต่างคิดเช่นเดียวกัน”

มันยังคงเป็ นเรื่ องราวเช่นเดียวกับในนิยายเพียงแต่อาจมี


บางอย่างที่เปลี่ยนไปได้ ?

ในนิยายเรื่ อง ‘กาเนิดวีรบุรุษ’ เชวฮันและโรสลินได้ เดินทางเข้ า


มาถึงหมูบ่ ้ านของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินพร้ อมกับนักรบผู้ค้ มุ กันของ
เผ่า ก่อนที่จะเห็นเพียงหมู่บ้านที่ถกู ทาลายพร้ อมกับนักฆ่าจาก
องค์กรลับที่พยายามจะออกไปจากหมูบ่ ้ าน เชวฮันได้ เล่าเรื่ องราว
ที่เกิดขึ ้นกับหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสและเริ่ มโจมตีพวกเขาทันที พร้ อมๆกับที่
นักรบผู้ค้ มุ กันของเผ่าจะเกิดการคลุ้มคลัง่ และเริ่ มสังหารเหล่านัก
ฆ่าทันที เขาได้ รับบาดเจ็บมากขึ ้นจากการต่อสู้ในครัง้ นี ้และจบลง
ด้ วยความตาย
‘และนัน่ ทาให้ โรสลินเห็นความแข็งแกร่งของเชวฮัน’

โรสลินผู้ซอ่ นความแข็งแกร่งของตนและปลอมตัวเป็ นเพียงนัก


เวทย์ขนต้
ั ้ นเท่านัน้ เธอได้ รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเชวฮันและ
ขอให้ เขากลับไปยังอาณาจักรเบร็คเป็ นเพื่อนเธอให้ ได้ แน่นอนว่า
ค่าตอบแทนที่เธอเสนอให้ เขานันเป็ ้ นจานวนมาก

‘ทังสองคนได้
้ พบกับล็อกที่ซอ่ นตัวอยูใ่ นหมูบ่ ้ านที่ถกู ทาลายอย่าง
ราบคาบนี ้’

‘ล็อก’เด็กชายหมาป่ าที่แสนขี ้ขลาดเขายังคงซ่อนตัวอยูใ่ นจุดที่


หัวหน้ าเผ่าได้ บอกกับเขาไว้ จนกระทัง่ เชวฮันหาเขาพบ บุคลิกที่
สาคัญของล็อกนันเขาเป็
้ นคนที่ขี ้ขลาด อ่อนแอและเชื่องช้ า เรี ยก
ได้ วา่ ตัวละครของล็อกเป็ นตัวละครที่ทาให้ นกั อ่านรู้สกึ หงุดหงิด
และราคาญได้ ง่ายมาก
อย่างไรก็ตามความสามารถที่แท้ จริ งและความแข็งแรงของร่าย
กายของเขาก็ถกู จัดให้ เป็ นผู้แข็งแกร่งในห้ าอันดับแรกของนิยาย
เรื่ องนี ้หลังจากที่เขาผ่านการกลายร่างเป็ นครัง้ แรกแล้ ว

“ท่านคาร์ ล….”

“อะไร?”

‘แต่ทาไมเวลาการกลายร่างของเขาถึงได้ เกิดเร็วกว่าในนิยายถึง
หนึง่ ปี ?’

“…ที่นนั่ ..ข้ าเห็นบางอย่างที่ข้ารู้สกึ คุ้นเคย”

“เจ้ าเห็นอะไร?”
เชวฮันพยักหน้ าให้ กบั คาถามของคาร์ ล อาหารที่เย็นชืดถูกวางไว้
ตรงหน้ าของพวกเขาแต่มนั อาจจะร้ อนขึ ้นได้ อย่างอัตโนมัติจาก
บรรยากาศที่เริ่ มคุกรุ่นของพวกเขาในตอนนี ้ ก่อนที่เชวฮันจะเริ่ ม
พูดต่อ

“ดาวสีแดงและดาวสีขาวห้ าดวง”

คาร์ ลตัวแข็งทื่อไปทันที เขารู้สกึ ได้ วา่ หัวใจได้ หล่นไปกองแทบเท้ า


แล้ ว เชวฮันกล่าวว่าเขาได้ พบกับทีมนักฆ่าที่เป็ นสมาชิกอย่างเป็ น
ทางการขององค์กรลับในเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินนัน่ คาร์ ลไม่เข้ าใจใน
เรื่ องนี ้นัก..ทาไมนิยายเรื่ องนี ้จึงให้ เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินเป็ น
เป้าหมายของการถูกลอบสังหารได้

เชวฮันมองไปยังท่าทางที่แข็งกระด้ างของคาร์ ลและนึกถึงอดีตที่


ผ่านมาชัว่ ครู่ เขาเริ่ มกาหมัดของเขาแน่นขึ ้นกาปั น้ ของเขากาลัง
สัน่ ด้ วยความโกรธ
บ้ านเรื อนในหมูบ่ ้ านที่อยูล่ กึ เข้ าไปในภูเขามีขนาดเล็กและเรี ยบ
ง่ายแต่ทงหมดล้
ั้ วนถูกทาลายลง สิ่งสาคัญที่สดุ คือซากศพของคน
จากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินที่มีสีดาสนิทราวกับว่าโดนไฟลาวาแผด
เผา ศพสีดามีกลิ่นไหม้ และมีเลือดไหลออกจากบาดแผลของพวก
เขา สมาชิกของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินส่วนใหญ่เสียชีวิตทังๆที ้ ่ตา
ยังคงลืมอยู่

“หมูบ่ ้ านนัน่ ถูกทาลายจนย่อยยับและเมื่อเราไปถึงที่นนั่ สมาชิก


ของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินหลายคนก็จบชีวิตลงแล้ ว”

เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินขึ ้นชื่อในเรื่ องของความแข็งแกร่งหากเป็ น


เช่นนันท
้ าไมองค์กรลับจึงสามารถฆ่าพวกเขาได้ ?
บทที่ 32 เจ้ า 7 (2)

เพราะหมาป่ าได้ ยกให้ ครอบครัว ฝูง และสหายมาก่อนตัวเอง


เสมอ

สาหรับสมาชิกของเผ่าที่เป็ นเพียงเด็กยังคงมีกาลังอ่อนแอและไม่
เคยผ่านการกลายร่างเป็ นครัง้ แรก นักฆ่าจากองค์กรลับได้ จบั พวก
เขาไว้ เป็ นตัวประกันและใช้ เครื่ องมือเวทย์ที่ถกู สร้ างมาจากพลัง
ของพระเจ้ าทาให้ สมาชิกของเผ่าที่เป็ นผู้ใหญ่ออ่ นกาลังลงและลง
มือฆ่าพวกเขาทันที หลังจากที่ฆ่าสมาชิกเผ่าวัยผู้ใหญ่แล้ วจึงจะ
ลงมือฆ่าเด็กๆ มีสมาชิกเผ่าวัยผู้ใหญ่จานวน 2-3คนพยายาม
เข้ าโจมตีกบั เหล่านักฆ่าโดยการกลายร่างเป็ นหมาป่ าแต่พวกมันก็
ใช้ น ้าศักดิ์สทิ ธิ์จดั การกับหมาป่ าเหล่านันได้
้ ในทันที

องค์กรลับนี ้เป็ นองค์กรที่แข็งแกร่งและสามารถเข้ าถึงเครื่ องมือ


เวทย์ที่ถกู สร้ างมาจากพลังของพระเจ้ าได้ ทกุ ชนิด ความจริ งที่วา่
เผ่าหมาป่ าถูกปฏิเสธโดยพระเจ้ านัน่ จึงเป็ นประโยชน์ของพวกมัน
นักฆ่าจากองค์กรลับที่โหดเหี ้ยมสาหรับพวกมันไม่มีปัญหาในการ
จับเด็กๆเป็ นตัวประกันเพื่อลงมือฆ่าพ่อ แม่และสมาชิกทังหมดใน

เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินต่อหน้ าของเด็กๆที่เฝ้าดูด้วยความหวาดกลัว

‘ในนิยายไม่ได้ กล่าวถึงเครื่ องมือเวทย์ของพระเจ้ าที่พวกมันใช้


อย่างละเอียด’

ถ้ าคาร์ ลรู้วา่ เครื่ องมือเวทย์ของพระเจ้ ามีลกั ษณะเช่นไรเขาก็


สามารถเข้ าใกล้ ตวั ตนที่แท้ จริ งขององค์กรลับได้ อีกก้ าวหนึ่ง แต่น่า
เสียดายที่นิยายเรื่ องนี ้อธิบายแค่วา่ สมาชิกของเผ่าหมาป่ าสีน ้า
เงินอ่อนกาลังลงด้ วยเครื่ องมือเวทย์ที่ทามาจากพลังของพระเจ้ า
เท่านัน้ ทาให้ เขาไม่สามารถระบุตวั ตนที่แน่ชดั ขององค์กรลับนี ้ได้

คาร์ ลเอ่ยถามเชวฮันอย่างช้ าๆ
“พวกเขาตายทังหมดหรื
้ อไม่?”

เชวฮันส่ายศีรษะของเขาเบาๆ นัน่ ทาให้ คาร์ ลชะงักค้ างไปอีกครัง้


เชวฮันได้ สงั เกตเห็นท่าทางของคาร์ ลในขณะที่เขาเริ่ มพูดต่อ

“พวกมันพยายามที่จะจับตัวเด็กๆไว้ ”

‘พยายามจะจับตัวเด็กๆไว้ ?’ ตามเนื ้อหาในนิยายพวกมันจะต้ อง


ลงมือฆ่าทุกคนในเผ่าแต่ทาไม…พวกมันจึงต้ องการจับตัวเด็กๆ
ของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินนี ้ด้ วย?

คาร์ ลเริ่ มสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้น เชวฮันได้ สบสายตากับ


คาร์ ลที่กาลังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครี ยด

“หัวหน้ าเผ่ากาลังจะตายเมื่อเรามาถึงทางเข้ าหมูบ่ ้ านของเผ่า


หมาป่ าสีน ้าเงินนี ้”
เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินมีสมาชิกเผ่าน้ อยกว่า 100 คน

“…และพวกมันพยายามที่จะเอาเด็กๆ 10 คนไปกับพวกมัน
ด้ วย”

‘……มันต่างจากเนื ้อหาในนิยายมากเกินไป’

“ในตอนที่หวั หน้ าเผ่าหมดลมหายใจไปแล้ ว…มีเด็กชายคนหนึง่


พยายามขัดขวางกลุม่ นักฆ่าที่กาลังพาตัวเด็กๆออกไปจากเผ่า”

“ล็อก…..?”

“ใช่…..เขาคือล็อก”
‘ทาไมล็อกจึงปรากกฎตัวขึ ้นในตอนนี ้? ในนิยายเขาพยายาม
หลบซ่อนตัวแม้ แต่ในตอนที่เด็กเล็กๆถูกฆ่าตาย หรื อเขาคิดว่าการ
ฆ่าและการลักพาตัวนัน่ มันแตกต่างออกไป?บางทีเขาอาจจะรู้สกึ
ว่าจาเป็ นที่จะต้ องปกป้องสมาชิกในครอบครัวและเหล่าพี่น้องใน
เผ่าที่ออ่ นแอกว่าตนก็เป็ นได้ ? เเพราะสาเหตุใดกันนะถึงทาให้
สัญชาตญาณหมาป่ าของล็อกลุกโชนขึ ้นได้ ?’

“ข้ าพยายามหยุดพวกนักฆ่า….ไม่สิ…ข้ าพยายามฆ่าพวกมัน”

เชวฮันเอ่ยขึ ้นขณะที่มองไปที่คาร์ ลที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา


ก่อนที่คาร์ ลจะเรี ยกร้ องให้ เชวฮันเล่าต่อ

“เล่าต่อไป…..”
“…..กระผมตระหนักได้ วา่ คนที่ไม่มีดาวบนเสื ้อผ้ าของพวกมันใช้
พลังแห่งความมืดเช่นเดียวกับมือสังหารที่กระผมได้ ลงมือฆ่าที่
หมูบ่ ้ านแฮร์ ริส”

คาร์ ลถามกลับด้ วยความตกใจ

“มันเป็ นพลังเช่นเดียวกับที่ใช้ ทาลายหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสเช่นนัน้


หรื อ?”

“ใช่…..”

“…..นี่มนั …”

คาร์ ลจับที่ศีรษะของตนและถอนหายใจ เขาพยายามทาตัวให้


เหมือนว่าเป็ นครัง้ แรกที่ได้ ยินเรื่ องนี ้ แน่นอนว่ามันเป็ นเพียงการ
แสดงละครเท่านัน้
“ในกลุม่ นักฆ่านัน่ มีเพียงคนเดียวที่มีดาวสีแดงและดาวสีขาวห้ า
ดวงอยูบ่ นอกเสื ้อและมันเป็ นคนลงมือฆ่าผู้ค้ มุ กัน”

เชวฮันเริ่ มตัวสัน่ ด้ วยความโกรธ

“ไอ้ ถงั ขยะสกปรกนัน่ ดื่มเลือดของคนจากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงิน”

คาร์ ลปิ ดตาของตนลง

‘นักเวทย์เล่นเลือด’… เขามันเป็ นคนบ้ า…ความบ้ าของเขาจะ


นาไปสูเ่ หตุการณ์ที่น่ากลัวในเมืองหลวง คาร์ ลยังคงหลับตาของ
เขาในขณะที่หกู ็ยงั คงฟั งสิ่งที่เชวฮันเล่าต่อไป

“แต่สดุ ท้ ายกระผมก็ไม่สามารถจับตัวหรื อฆ่าพวกมันได้ คนที่


สามารถจับตัวไว้ ได้ ก็ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนในขณะที่คนอื่นๆก็หาย
ตัวไปเมื่อคนที่มีดาวติดอยูท่ ี่อกเสื ้อใช้ พลังเวทย์เคลื่อนย้ ายมวล
สาร”

‘ทาไมนักเวทย์เล่นเลือดที่มีพลังเวทย์ขนสู
ั ้ งและบ้ าคลัง่ ในเลือด
เช่นนันจึ
้ งพยายามลักพาตัวเด็กๆของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินไปแทน
การลงมือฆ่าพวกเขาทังหมดเหมื
้ อนในนิยายกันนะ?’

คาร์ ลไม่สามารถคิดมันออกได้

‘ทาไมเรื่ องมันจึงเปลี่ยนแปลงไปหมดหรื อเป็ นเพราะว่าฉันได้ ชว่ ย


มังกรเอาไว้ ?’

นัน่ เป็ นสิ่งที่เดียวที่คาร์ ลนึกถึงได้ มนั เป็ นการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้


ลงมือทาให้ มนั ต่างไปจากเนื ้อเรื่ องในนิยายมากกว่าเรื่ องอื่น

“เจ้ านักเวทย์นนั่ มันได้ กล่าวบางอย่าง”


เชวฮันเอ่ยขึ ้นด้ วยความโกรธและเสียงเข้ มขึ ้น

“…น่าเสียดายจริ งๆ…พวกเขาเป็ นเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบ..


เด็กๆเหล่านี ้อาจจะมีเลือดที่รสชาติดีกว่าที่ข้าเคยลิ ้มลอง”

เมล็ดพันธุ์?…..คาร์ ลไม่ร้ ูวา่ นักเวทย์คนนี ้หมายถึงอะไร แต่เขา


เก็บคาถามเหล่านี ้ไว้ ในใจและลืมตาขึ ้นเพื่อเอ่ยถามเชวฮัน

“แล้ วตอนนี ้เด็กๆอยูท่ ี่ใด?”

ผู้ค้ มุ กันและสมาชิกวัยผู้ใหญ่ของเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินล้ วนจบชีวิต


ลงหมดเหลือเพียงแค่เด็กๆ 10 คนและล็อกเท่านัน้
เชวฮันหลบสายตาของคาร์ ลเป็ นครัง้ แรกตังแต่ ้ นงั่ ลงบนโต๊ ะนี ้
คาร์ ลรู้สกึ ได้ ทนั ทีวา่ ต้ องเกิดเรื่ องอะไรสักอย่างในขณะที่เชวฮัน
เอ่ยรายงานเขาด้ วยน ้าเสียงอันแผ่วเบา

“พวกเขาทังหมดพั
้ กอยู่ที่โรงแรม”

‘…..ว่าแล้ วไง……’

เชวฮันอ้ าปากและหุบปากของเขาสลับไปมาสักพักก่อนที่จะ
รายงานเพิ่ม

“พวกเรามาที่นี่พร้ อมกันด้ วยพลังเวทย์เคลื่อนย้ ายมวลสารของ


โรสลิน”

‘…..มันคงจะเป็ นปั ญหาจริ งๆสินะ’


คาร์ ลอาจต้ องปวดหัวเพิ่มเติม เชวฮันควรที่จะทิ ้งเด็กไว้ กบั พ่อค้ าที่
เดินทางไปด้ วยแม้ วา่ เขาจะไม่คอ่ ยมีอานาจแต่ก็นบั ได้ วา่ เป็ น
พ่อค้ าที่ดี

“ท่านคาร์ ล….พ่อค้ าก็พกั อยูท่ ี่โรงแรมนันด้


้ วย”

‘….เออ….แล้ วเรื่ องนี ้มันจะเป็ นอย่างไรต่อไปกันนะ?’

นัน่ คือสิ่งที่คาร์ ลกาลังคิดอยูใ่ นตอนนี ้ เขาลอบสังเกตเชวฮันที่ดู


เหมือนจะหมดเรื่ องที่จะรายงานแก่เขาแล้ ว ก่อนที่เชวฮันจะค่อยๆ
เอนตัวลงบนพนักเก้ าอี ้เพื่อถอนหายใจ

เมื่อเห็นท่าทางของเชวฮันเช่นนัน้ คาร์ ลจึงเอ่ยถามขึ ้น

“ดูเหมือนว่าเจ้ ายังมีเรื่ องที่ยงั อยากรู้อยู่”


เชวฮันจ้ องไปที่อาหารเย็นชืดบนโต๊ ะและตอบคาถามของคาร์ ล

“ใช่…กระผมมีเรื่ องที่อยากรู้”

และเขาไม่ต้องการเอ่ยในสิ่งที่เขาอยากจะรู้ออกมาเช่นกัน

พวกมันเป็ นใคร?

ทาไมพวกมันจึงทาเรื่ องเลวร้ ายเช่นนี ้ได้ ?

ทาไมท่านคาร์ ลถึงรู้เรื่ องพวกนี ้ได้ ?

เชวฮันอยากรู้เกี่ยวกับเรื่ องนี ้ทังหมด


้ คาร์ ลสังเกตเห็นดวงตาของ
เชวฮันที่จ้องไปยังอาหารบนโต๊ ะและเริ่ มคิด
‘ท่าทางเจ้ านี ้จะโกรธเสียแล้ ว’

ความโกรธของเชวฮันไม่ได้ พงุ่ เป้าไปที่คาร์ ลแต่ความโกรธมันถูก


ส่งไปยังองค์กรลับนันเฉกเช่
้ นใบมีดอันแหลมคม การสังหารหมูท่ ี่
หมูบ่ ้ านแฮร์ ริส การจับมังกรมาทรมานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นกับ
เผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินนัน่ เชวฮันเป็ นคนประเภทที่จะเข้ าไปปะทะกับ
พวกมันมากกว่าที่จะหลบเลี่ยง

คาร์ ลหยิบขนมปั งที่เย็นชืดแต่คาดว่ายังคงมีรสชาติที่อร่อยอยู่


ก่อนจะฉีกเป็ นชิ ้นเล็กๆและโยนเข้ าไปในปาก

“ข้ าวางแผนที่จะบอกเจ้ าอยูส่ องเรื่ อง”

“….แต่ก็ไม่ใช่ทกุ อย่าง”

“ถูก….”
คาร์ ลไม่สนใจว่าเชวฮันกาลังจ้ องมองเขาอยูก่ ่อนที่จะลุกขึ ้นยืน
พร้ อมกับขนมปั งที่ยงั อยูใ่ นมือ เก้ าอี ้ถูกดันถอยหลังโดยไม่เกิด
เสียงดังรบกวนจากพื ้นพรม

“ลุกขึ ้น!”

“….เรากาลังจะไปไหนกันหรื อท่านคาร์ ล?”

คาร์ ลก้ มลงมองนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลาหลังจากที่เชวฮันลุกขึ ้น


ยืนแล้ ว ตอนนี ้เป็ นเวลาพลบค่าที่ยา่ งกรายเข้ าสูเ่ วลากลางคืนแล้ ว
สถานที่แห่งนี ้เป็ นสถานที่ที่เปล่งประกายสดใสในยามค่าคืน คาร์ ล
เดินไปที่ประตูและตอบคาถามของเชวฮัน

“วิหารของพระเจ้ าแห่งความตาย”
คาร์ ลวางแผนที่จะเดินทางไปยังที่นนั่ พร้ อมกับเชวฮันไปยังสถานที่
ที่สว่างไสวที่สดุ ในยามค่าคืน ‘วิหารของพระเจ้ าแห่งความตาย’

มีนกั บวชที่มีลกั ษณะพิเศษอยูใ่ นวิหารของพระเจ้ าแห่งความตาย


ซึง่ ไม่สามารถหาพบได้ จากที่ใดในทวีปนี ้แล้ วนอกจากที่วิหารแห่ง
นี ้

‘นักบวชผู้ที่ไม่ได้ ยินสิ่งใดๆหรื อเรี ยกง่ายๆว่านักบวชหูหนวก


นัน่ เอง’

พวกเขาไม่ได้ ยินเสียงอะไรที่คณ
ุ พูดกับคนอื่นนัน่ คือเหตุผลที่เหล่า
ผู้ศรัทธาในพระเจ้ าแห่งความตายจะมองหานักบวชเหล่านี ้ แม้ วา่
คาร์ ลจะไม่ได้ ศรัทธาเขาก็วางแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนที่นนั่
เช่นเดียวกับขุนนางส่วนใหญ่
คาร์ ลหันหลังกลับไปเมื่อเดินถึงประตูห้อง เชวฮันยังคงยืนอยูข่ ้ าง
โต๊ ะก่อนที่เขาจะส่งยิ ้มให้ แก่เชวฮัน

“ข้ าวางแผนที่จะบอกความจริ งกับเจ้ าสองข้ อ”

ถึงแม้ วา่ คาร์ ลจะยิ ้มแต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเขาต่อไปนี ้กลับ


ไม่ได้ ดเู บาเลยสักนิด

“ด้ วยชีวิตของข้ า….”

ดวงตาของเชวฮันสัน่ ไหวเบาๆ แต่ถึงจะเป็ นเช่นนันคาร์


้ ลก็ยงั คง
ยิ ้มเต็มใบหน้ าของเขาก่อนที่จะมองไปรอบๆและเอ่ยกับเชวฮันอีก
ครัง้

“ตามข้ ามา…”
เชวฮันค่อยๆขยับออกห่างจากโต๊ ะและมุ่งหน้ าไปที่ประตู ดวงตา
ของเขาสงบลงแล้ วแต่ใบหน้ ายังคงเคร่งเครี ยดอยู่ คาร์ ลกาลังเปิ ด
ประตูและย ้ากับตัวเองอีกครัง้

“ข้ าจะบอกความจริ งกับเจ้ าโดยการใช้ ชีวิตของข้ าเป็ น


หลักประกัน”

คาร์ ลมุง่ หน้ าไปยังวิหารของพระเจ้ าแห่งความตายพร้ อมกับเชว


ฮันทันที
บทที่ 33 เจ้ า 8

ไม่มีใครรู้สกึ แปลกใจเมื่อคาร์ ลต้ องการจะออกไปข้ างนอก รอนดู


เหมือนจะออกไปที่ไหนไหนสักแห่งเพราะเขาไม่เจอตัวรอน มีเพียง
คาถามเดียวที่ฮนั ส์เอ่ยถามเขาเกี่ยวกับที่ที่เขาจะเดินทางไป

‘นายน้ อย..จะออกไปที่ใดหรื อขอรับ?’

‘เจ้ าไม่ต้องเป็ นห่วงในเรื่ องนี ้’

‘…ได้ ขอรับ..แต่นายน้ อยเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงเป็ นวันแรก


นายน้ อยคงไม่ประเดิมการออกไปข้ างนอกด้ วยการเขวี ้ยง
ขวดเหล้ าเล่นหรอกนะขอรับ?’

‘…..นี่เจ้ าอยากจะเป็ นคนที่หยาบคายเช่นนี ้ใช่หรื อไม่?’


‘เอ่อ.ไม่..ไม่เลย….เดินทางปลอดภัยนะขอรับนายน้ อย’

คาร์ ลเข้ าไปในรถม้ าและเริ่ มคิดถึงวิธีการจัดการกับฮันส์ผ้ ทู ี่ยงั คง


รักษาความหยาบคายของตนไว้ ได้ อย่างสม่าเสมอ ก่อนที่รถม้ าจะ
วิ่งมาถึงวิหารในตอนที่คาร์ ลยังคิดถึงเรื่ องนี ้อยู่

“ออกไปกันได้ แล้ ว”

“…อืม”

คาร์ ลก้ าวออกจากรถม้ าทันทีโดยมีเชวฮันที่เดินตามเขามาอย่าง


เงียบๆตังแต่
้ ก้าวออกจากมาจากรถม้ า..ไม่สิ..เขาเงียบตังแต่
้ อยูใ่ น
รถม้ าแล้ ว ดูเหมือนว่าเขาจะกาลังมีความคิดที่สบั สนราวกับพายุที่
พัดกระหน่าอยูใ่ นหัวของเขาในตอนนี ้
คาร์ ลรู้จกั กับตัวตนของเชวฮันเพียงแค่อา่ นในนิยายเรื่ อง’กาเนิด
วีรบุรุษ’จนกระทัง่ ถึงเล่มที่ 5เท่านันแต่
้ ถึงจะเป็ นเช่นนันเขาก็

มัน่ ใจว่า…ถึงแม้ เชวฮันจะเป็ นคนดีแต่เขาก็ไม่ได้ ไว้ ใจใครง่ายๆ
และยังเป็ นคนที่ฉลาดมากอีกด้ วย

‘ถ้ าฉันพยายามแก้ ตวั และพูดให้ เขาเชื่อเขาก็อาจจะเชื่อแค่ในตอน


แรก…และแน่นอนว่าเขาจะต้ องสงสัยในตัวฉันในภายหลัง’

เชวฮันอาจจะรู้สกึ อ้ างว้ างหลังจากที่ต้องอยูเ่ พียงลาพังเป็ นเวลา


ถึงสิบปี แต่ประสบการณ์นนได้ ั ้ สอนให้ เขาสามารถอยูร่ อดได้ ด้วย
ตัวเองและวิธีการยืนหยัดด้ วยความอดทน

ในตอนนี ้เชวฮันอาจจะมองเขาในแง่ดีและเชื่อฟั งคาสัง่ ของเขาแต่


เชวฮันในนิยาย ‘กาเนิดวีรบุรุษ’เล่มที่ 5 เขาได้ กลายเป็ นคนที่มี
ความต้ องการจะเป็ นผู้นา…เชวฮันคือคนที่จะมีชีวิตอยูด่ ้ วย
อุดมการณ์ที่วา่ ความยุติธรรมจะต้ องมีอยูจ่ ริ งในโลกใบนี ้
“….โอ้ …นี่มนั ขาวเกินไป”

วิหารของพระเจ้ าแห่งความตายที่คาร์ ลเห็นเมื่อก้ าวลงมาจากรถ


ม้ า มันเป็ นสีขาวล้ วนสะอาดตาไม่มีสิ่งสกปรกใดๆที่สามารถ
มองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า บรรดาผู้ศรัทธาพระเจ้ าแห่งความตายถือ
ว่าสีขาวเป็ นสีแห่งความตายและได้ ทาความสะอาดปั ดกวาดเช็ดถู
บริ เวณวิหารทุกๆวันเพื่อให้ แน่ใจว่าจะไม่มีฝนุ่ ละอองสกปรกตก
กระทบกับตัววิหารได้

‘เป็ นสถานที่ที่น่าสนใจอะไรเช่นนี ้’

วิหารของพระเจ้ าแห่งความตายดูเหมือนจะต้ องการแสดงให้


ชาวเมืองได้ เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะต้ องกลัวในค่าคืนที่มืดมิดหาก
พวกเขาต้ องการมาเยี่ยมเยือน นักบวชได้ เปิ ดวิหารให้ กบั ทังผู
้ ้ ที่
ศรัทธาและผู้ที่ไม่ศรัทธาก่อนพระอาทิตย์ขึ ้นเท่านัน้
‘นักบวชทังหมดจะนอนหลั
้ บพักผ่อนหากท่านมาหาในเวลา
กลางวัน’

นับว่าเป็ นสถานที่ที่น่าสนใจในความคิดของคาร์ ล พวกเขาทังสอง



ได้ รับการต้ อนรับจากนักบวช 2 รูปจากทางเข้ าวิหาร

“ขอให้ ทา่ นจงมีความสุขกับการพักผ่อนที่เงียบสงบด้ วยเถิด!”

“ขอให้ ทา่ นจงมีความสุขกับการพักผ่อนที่เงียบสงบด้ วยเถิด!”

นักบวชจากวิหารของพระเจ้ าแห่งความตายมักมีคาพูดที่เหลวไหล
เกินจริ งถึงแม้ วา่ ผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าความตายคือจุดสิ ้นสุดของ
ชีวิตแต่..คาสอนของพระเจ้ าแห่งความตายกลับเชื่อว่าสิ่งสาคัญ
ที่สดุ คือการมีความสุขและสนุกไปกับชีวิตเมื่อเราได้ เดินทางมุง่ สู่
การพักผ่อนที่เงียบสงบในชีวิตของเราแล้ ว
“ท่านนักบวช…” คาร์ ลเดินเข้ าไปใกล้ นกั บวชอย่างช้ าๆนักบวชได้
ลอบสารวจคาร์ ลด้ วยความแปลกใจดูจากการแต่งกายของชาย
คนนี ้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็ นชนชันสู ้ งหรื ออาจจะเป็ นพ่อค้ าที่ร่ ารวย
แต่ผ้ ชู ายที่ยืนอยูด่ ้ านหลังของเขาดูเหมือนจะเป็ นขอทานแม้ วา่
ดาบที่เหน็บอยูบ่ นเอวของเขาจะทาให้ เขาดูแข็งแกร่งขึ ้นก็ตาม

“ท่านมีอะไรให้ ข้าช่วยรึ ?”

“ที่นี่มีห้องแห่งความตายหรื อไม่?”

นักบวชทังสองต่
้ างชะงักไปชัว่ ครู่ก่อนที่นกั บวชหนึง่ รูปจะมองไปที่
คาร์ ลและเชวฮันสลับไปมาและหยุดจ้ องไปที่เชวฮันพลางเอ่ยขึ ้น

“ท่านอาจตายได้ หากได้ ใช้ มนั ….”


นักบวชรูปนี ้ยังคงจ้ องไปที่เชวฮันอย่างไม่ละสายตาอย่างที่เขาได้
เอ่ยถามไปดูเหมือนว่าชายคนนี ้จะไปล้ มกลิ ้งบนภูเขาที่ไหนสัก
แห่งและไหนจะท่าทางที่ดทู กุ ข์ทรมานเป็ นระยะๆนัน่ อีก เขายังดู
เหมือนจะยังไม่ได้ ทานอะไรมาเป็ นเวลาสองวันและยังดูเหมือนจะ
เป็ นคนที่ถกู หลอกได้ ง่ายอีกด้ วย เมื่อคิดได้ เช่นนี ้นักบวชก็ร้ ูสกึ ขม
ขื่นเล็กน้ อย นักบวชละสายตาจากชายที่ดเู หมือนขอทานเพื่อหัน
มามองขุนนางชันสู ้ งที่มีผมสีแดงสวยและหน้ าตาดี เขาไม่ได้ หล่อ
มากแต่ก็พอจะดึงดูดความสนใจได้ ทกุ ที่ที่เขาย่างกรายไปถึงและ
ในตอนนี ้เขายังส่งยิ ้มมาให้ ตนอีกด้ วย

รอยยิ ้มยังคงถูกส่งไปให้ แก่นกั บวชทังสองก่


้ อนที่คาร์ ลจะยกมือหัน
เข้ าหาตัวเอง

“เป็ นข้ าเอง….”

“ห๊ ะ?”
คาร์ ลยิ ้มอีกครัง้ ให้ กบั นักบวชที่มีทา่ ทางสับสน

“ข้ าจะวางชีวิตของตนเองกับสิ่งนัน”

เชวฮันแตะไปที่ไหล่ของคาร์ ลโดยทันที

“พอเถอะขอรับ…”

“อะไร?”

คาร์ ลหันไปมองเชวฮันด้ วยร่างกายที่แข็งทื่อและรู้สกึ กระวน


กระวายใจ

“กระผมจะเชื่อท่าน…แม้ วา่ ท่านจะไม่ได้ ทาสิ่งนันก็


้ ตาม”
คาร์ ลเริ่ มยิ ้มเยาะเชวฮันก่อนพูดออกมาช้ าๆ

“ข้ าไม่คิดว่าเจ้ าจะเชื่อเช่นนันจริ


้ งๆ”

เชวฮันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเชื่อเขา เชวฮันจะเชื่อเขาได้
อย่างไรเมื่อเขาไม่ได้ วางแผนที่จะบอกอะไรกับเชวฮัน? นัน่ คือ
เหตุผลที่พวกเขาอยูใ่ นวิหารในตอนนี ้

‘ทาไมฉันจะต้ องบอกนายทุกอย่าง?นัน่ มันจะทาให้ ฉนั วุน่ วายไป


กับนายด้ วย’

ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้ องข้ องเกี่ยวกับเชวฮันอีก คาร์ ลจะไม่


สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้ เลยหากเชวฮันยังอยูใ่ กล้ ๆเขา มันถูก
เห็นได้ ชดั ว่ามันเป็ นเรื่ องที่วนุ่ วายและเป็ นปั ญหาเมื่อเชวฮันเลือกที่
จะนาเด็กจากเผ่าหมาป่ าสีน ้าเงินกลับมาด้ วย
‘และในอนาคตข้ างหน้ าเขายังได้ ขี่วาฬที่เป็ นสมาชิกของเผ่าวาฬ
เพื่อต่อสู้กบั นางเงือกอีกด้ วย’

ในโลกที่มีมนุษย์เป็ นศูนย์กลาง สถานะของเชวฮันต่างได้ รับการ


ยอมรับทังจากมนุ
้ ษย์และไม่ใช่มนุษย์ทาให้ เขาเริ่ มเปลี่ยนไป มัน
เริ่ มที่เผ่าวาฬนัน่ เผ่าวาฬที่ปรากฏในนิยายตอนต้ นของนิยายเล่ม
ที่ห้าบ่งบอกได้ ถึงความซื่อสัตย์และค่อนข้ างน่ากลัว

‘พวกมันเป็ นนักล่าที่อนั ตรายที่สดุ ’

เผ่าวาฬเป็ นเผ่าของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สดุ ในบรรดาสัตว์อสูร


ทังหมด
้ อีกทังพวกมั
้ นยังได้ ชื่อว่าเป็ นสัตว์อสูรที่สวยที่สดุ พวกมันมี
สีที่แตกต่างกันออกไปไม่วา่ จะเป็ นสีดา สีเทาหรื อสีชมพูแต่
โดยรวมก็นบั ว่าสวยงามยิ่งนักอาจเทียบได้ กบั ความสวยงามของ
นางเงือกที่มีสองขาและครี บซึง่ เผ่าวาฬจะดูคล้ ายกับมนุษย์ที่ถกู
ปกคลุมด้ วยเกล็ดอันสวยงามนัน่ เอง

‘พวกมันดูดื ้อรัน้ เอาแต่ใจและไม่แม้ แต่จะมีความอ่อนน้ อมเมื่ออยู่


ต่อหน้ ามังกร’

เผ่าวาฬเป็ นเผ่าสัตว์อสูรที่น่ากลัวมาก แม้ วา่ พวกมันจะมีจานวนที่


น้ อยแต่การโจมตีแม้ จะไม่ได้ ใช้ ความตังใจนั
้ กก็สามารถทาให้
ศีรษะของมนุษย์หลุดออกจากตัวได้ อย่างง่ายดายและแม้ แต่ลอ็ ก
ก็ต้องยกมือยอมแพ้ ให้ กบั พวกมัน

‘พวกมันมีนิสยั ที่โหดเหี ้ยมไร้ ความปราณี’

เชวฮันมักข้ องเกี่ยวกับคนหรื อสัตว์อสูรทุกประเภทและเกี่ยวข้ อง


กับปั ญหาต่างๆมากมาย ดังนันจึ ้ งทาให้ คาร์ ลไม่มีความปรารถนา
ที่จะมีสว่ นเกี่ยวข้ องใดๆกับเชวฮันอีกต่อไป
“ท่านนักบวช…มีห้องนันหรื
้ อไม่?”

“มี..พวกเรามีอยูห่ นึง่ ห้ อง…พวกเราจะเตรี ยมความพร้ อมทังหมด



ให้ แก่ทา่ นทันทีที่ไปถึงชันใต้
้ ดิน”

“อ่า…ขอบคุณ”

คาร์ ลเดินตามนักบวชไปทันทีก่อนที่เชวฮันจะเดินตามหลังพวก
เขาไปด้ วยความไม่เต็มใจนัก ทุกคนมองเห็นการเคลื่อนไหวของ
เชวฮันและพากันเดินเข้ าไปยังด้ านในสุดของวิหารอย่างไม่เร่งรี บ

หลังจากเดินเข้ ามาเป็ นเวลานานพวกเขาก็สามารถมองเห็นผนัง


ของวิหารอีกฝั่งหนึง่ ที่มีประตูเรี ยงรายเป็ นจานวนมาก ก่อนที่
นักบวชจะเลือกเปิ ดประตูหนึง่ บานเพื่อให้ เจอกับบันไดที่ทอดลงสู่
ชันใต้
้ ดิน
“ความตายกาลังรอท่านอยูท่ ี่ด้านล่าง…..”

“เยี่ยม…..เราไปกันเถอะ”

นักบวชมองคาร์ ลที่เดินลงบันไดไปโดยไม่มีความลังเลใดๆด้ วย
ความสนใจ

‘ความตาย’ที่กล่าวถึงในวิหารของพระเจ้ าแห่งความตายนัน่ ก็คือ


‘การสาบาน’

ความตายคือสิ่งที่ได้ รับการรับรองว่าจะเดินทางไปเยี่ยมคุณได้ ทกุ


ช่วงเวลานี่ไม่ใช่สิ่งที่คณุ สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ และสิ่งที่คณ
ุ ต้ อง
ตระหนักก็คือการยอมรับกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ ้นเมื่อคุณได้ ก้าว
เข้ ามาในที่แห่งนี ้แล้ ว
นัน่ เป็ นเหตุผลที่นกั บวชในวิหารของพระเจ้ าแห่งความตายนี ้จะ
เป็ นผู้นาสิ่งที่เรี ยกว่าความตายไปให้ แก่ผ้ ทู ี่ผิดต่อคาสาบานของ
ตน

ดังนันผู
้ ้ ที่มงุ่ หน้ าเข้ าไปยังห้ องแห่งความตายหรื อในบางครัง้ ก็
เรี ยกว่า ‘ห้ องแห่งคาสาบาน’ มักจะมีอาการอ่อนแรงและ
เคร่งเครี ยด ซึง่ มันเป็ นอาการที่ตรงกันข้ ามกับผู้ที่มีความผ่อน
คลายและความมัน่ ใจยิ่งนักนับว่าเป็ นบุคคลที่มีบคุ ลิกที่น่าสนใจ
ในสายตาของนักบวช

‘มันทาให้ ข้านึกถึงนักบวชหญิง ‘เคจ’’

เธอเป็ นคนที่บน่ และสาปแช่งวิหารบ่อยครัง้ แต่ ‘เคจ’ ก็ยงั เป็ นคนที่


พระเจ้ าแห่งความตายให้ ความรักแก่เธออยูเ่ สมอ เหล่านักบวช
ต่างนึกถึงเธอแต่ก็โดนเธอสลัดพวกเขาออกอยูต่ ลอด
เช่นเดียวกับที่เคจมักจะหงุดหงิดเมื่อได้ ยินเสียงหรื อได้ รับข้ อความ
จากพระเจ้ าแห่งความตาย
หลังจากที่หยุดคิดถึงเรื่ องของนักบวชหญิงเคจแล้ ว เขาก็เดินลง
บันไดตามหลังคาร์ ลเมื่อพวกเขาไปถึงด้ านล่างนักบวชจึงได้ เปิ ด
ประตูและแจ้ งให้ คาร์ ลและเชวฮันได้ ทราบ

“โปรดรอสักครู่…ข้ าขอเตรี ยมความพร้ อมให้ แก่พวกท่านก่อน”

จากนันนั
้ กบวชก็เดินเข้ าไปในห้ องเพียงคนเดียว คาร์ ลมองไปที่
ประตูที่ถกู ปิ ดให้ สนิทจากฝี มือของนักบวชและเริ่ มพูด

“ถ้ าเจ้ าคิดว่าเราไม่จาเป็ นต้ องทาเช่นนี ้..ข้ าจะบอกความจริ งให้


เจ้ ารู้ก่อนหนึง่ ข้ อ….เจ้ าคิดเห็นอย่างไร?”

เชวฮันเอ่ยตอบโดยทันที

“ได้ โปรดบอกกระผมมาเถิด…กระผมไว้ ใจท่าน”


“เช่นนันรึ
้ ?”

คาร์ ลยกมือขึ ้นเพื่อลูบไปที่คางของตนเองไปมาก่อนที่จะตังใจคาย



ความจริ งออกมาช้ าๆ

“ความจริ งข้ อแรก…..”

สายตาของคาร์ ลจ้ องไปที่เชวฮัน

“ข้ าไม่ร้ ูตวั ตนขององค์กรลับและเป้าหมายของพวกมัน….”

“……เป็ นเช่นนันหรื
้ อ………”

แววตาของเชวฮันเริ่ มสัน่ ไหวและเป็ นเวลาเดียวกับที่คาร์ ลได้ ยิน


เสียงประตูถกู เปิ ดพร้ อมๆกับที่นกั บวชได้ เดินออกมาจากห้ อง
“เชิญท่านเข้ าไปข้ างในได้ …สาหรับผู้ที่จะวางชีวิตของตนลงบน
เส้ นแห่งความตายนันจะต้
้ องยกมือของพวกเขาขึ ้นเมื่ออยูภ่ ายใน
ห้ องต่อหน้ าท่านนักบวช”

“ขอบคุณท่านมาก…พวกเราเข้ าใจแล้ ว”

เมื่อเทียบกับคาร์ ลที่มีทา่ ทางผ่อนคลายแต่เชวฮันดูเหมือนจะ


สับสนและวิตกกังวลเป็ นอย่างมาก นักบวชเอียงศีรษะของตนด้ วย
ความสับสนกับเรื่ องนี ้ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆเพราะมัน
ไม่ใช่ธุระอะไรของเขาเลย

คาร์ ลจับลูกบิดประตูขณะที่หนั กลับไปมองเชวฮัน

“มันยากที่จะเชื่อใช่หรื อไม่?”
“…เอ่อ…กระผม…เชื่อ..แต่มนั ค่อนข้ างยาก…..”

คาร์ ลรู้วา่ เชวฮันพยายามที่จะตอบว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ตนบอกแก่


เขา…แต่เขาก็ยงั รู้สกึ ไม่ไว้ วางใจกับคาพูดของคาร์ ลได้ เช่นกัน
คาร์ ลจะไม่ร้ ูมนั ได้ อย่างไร? มันไม่ต้องใช้ ความรู้สกึ อะไรมากมาย
เลย? ก่อนที่เชวฮันจะได้ ยินเสียงของคาร์ ลดังขึ ้น

“ข้ ารู้….”

เชวฮันมองไปยังคาร์ ล การแสดงออกที่ผอ่ นคลายของคาร์ ลทาให้


เขาดูเป็ นผู้ใหญ่มากขึ ้นก่อนที่คาร์ ลจะเอ่ยขึ ้นอีกครัง้

“เข้ าไปข้ างในกันเถอะ”

เชวฮันเดินตามคาร์ ลเข้ าไปยังห้ องแห่งความตายที่อยูด่ ้ านหลัง


ประตูสีขาวช้ าๆ
ตามที่คาดไว้ ทงห้ั ้ องล้ วนเป็ นสีขาวทังหมดไม่
้ วา่ จะเป็ นโต๊ ะสีขาว
เก้ าอี ้สีขาวและผนังห้ องสีขาวสิ่งเดียวที่ไม่ใช่สีขาวภายในห้ องนี ้ก็
คือนักบวชที่ยืนอยูน่ ี ้เขาเป็ นนักบวชที่มีปากและหูที่ถกู ปิ ดกันไว้

นักบวชที่หหู นวกและเป็ นใบ้ มนั ไม่ได้ ดดู ีสาหรับคาร์ ล แต่นกั บวช


เหล่านี ้กลับได้ รับความนับถือในโลกแห่งนี ้ ขุนนางและเหล่าเชื ้อ
พระวงศ์ที่ต้องการมีการสนทนาอย่างลับๆหรื อลอบทาสัญญาก็
มักจะเดินทางมาหานักบวชเหล่านี ้อยูเ่ สมอ

คาร์ ลโค้ งทาความเคารพนักบวชก่อนจะยกมือขึ ้น นักบวชพยัก


หน้ าตอบรับการกระทาของคาร์ ลและชี ้ไปที่เก้ าอี ้สองตัวที่อยู่ข้าง
โต๊ ะ

คาร์ ลนัง่ ลงบนเก้ าอี ้ทางด้ านขวาของโต๊ ะขณะที่เชวฮันนัง่ ถัดจาก


เขาไปทางด้ านซ้ าย นักบวชเดินไปทางหัวโต๊ ะก่อนที่จะดัน
กระดาษแผ่นหนึง่ มาไว้ ตรงหน้ าพวกเขา
[สาหรับผู้ที่ต้องการวางชีวิตของตนลงบนเส้ นแห่งความตาย พระ
หัตถ์ของพระเจ้ าแห่งความตายจะสัมผัสเข้ ากับท่าน เมื่อมัน
เกิดขึ ้นเพียงหนึง่ ครัง้ ให้ ทา่ นกล่าวคาสาบานของตนออกมาหาก
ท่านผิดคาสาบานความตายจะรอท่านอยู]่

นี่มนั เป็ นคาสัง่ ที่โหดร้ ายยิ่งนัก

คาร์ ลดันกระดาษกลับไปหานักบวชหลังจากแน่ใจว่าเชวฮันได้
อ่านมันจบแล้ ว ก่อนที่นกั บวชจะยกมือทังสองข้
้ างขึ ้นเหมือนกับที่
เคจได้ เคยทาไว้ ในตอนนันเอง

ครื ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!

ห้ องสีขาวเริ่ มสัน่ สะเทือนไม่แรงนักนัน่ อาจจะเป็ นเพราะที่นี่เป็ น


สถานที่ที่รับใช้ ของพระเจ้ าแต่ควันสีดาก็เริ่ มก่อตัวขึ ้นรอบๆตัว
นักบวชเมื่อห้ องเริ่ มสัน่ สะเทือนขึ ้น ควันสีดาค่อยๆโอบล้ อมคาร์ ล
และเชวฮันเอาไว้ ก่อนที่จะมีเส้ นใยสีดาเชื่อมระหว่างทังสองคน

เอาไว้

“…นี่เป็ นพลังของพระเจ้ าแห่งความตายใช่หรื อไม่?”

“ใช่”
บทที่ 33 เจ้ า 8 (2)

คาร์ ลตอบคาถามของเชวฮัน ก่อนที่จะสัมผัสถึงพลังของควันสีดา


ที่โอบรอบตัวเขาไว้ มนั เกิดขึ ้นเช่นเดียวกับที่เคจได้ กล่าวคาสาบาน
ต่อพระเจ้ าแห่งความตายในตอนนัน้ แต่พลังของพระเจ้ าแห่ง
ความตายเตือนให้ เขานึกถึงการเดิมพันของคาสาบานนี ้

‘ฉันจะตายหากฉันผิดคาสาบาน’

คาร์ ลมัน่ ใจว่าเชวฮันจะรู้สกึ เช่นเดียวกับเขานัน่ เป็ นเหตุผลที่ทาให้


ใบหน้ าของเชวฮันแข็งค้ างขึ ้นในตอนนี ้คาร์ ลรู้สกึ ได้ ถึงการสัมผัส
จากพระเจ้ าแห่งความตายและเริ่ มดาเนินการที่จะกล่าวคา
สาบานของตน
“นักบวชที่ยืนต่อหน้ าข้ าในตอนนี ้ได้ รับการรับรองว่าเขาจะไม่ได้
ยินสิ่งใดและถ้ ามันไม่ใช่ความจริ งเขาจะต้ องจ่ายค่าตอบแทนด้ วย
ชีวิตของเขา”

นี่เป็ นประโยคที่จะต้ องกล่าวเป็ นครัง้ แรกเมื่อกล่าวคาสาบานต่อ


หน้ านักบวชหูหนวก

“ยิ่งไปกว่านัน….ข้
้ า….คาร์ ล เฮนิตสั ….สาบานที่จะพูดความจริ ง
ต่อหน้ าเชวฮัน ต่อหน้ าพระเจ้ าแห่งความตายและถ้ าสิ่งที่ข้าพูดคือ
การโกหกเพียงเล็กน้ อย…ข้ าจะตายในทันทีเพื่อจ่ายเป็ น
ค่าตอบแทน”

ทันทีที่คาร์ ลกล่าวจบใบหน้ าของเชวฮันยิ่งแข็งค้ างขึ ้นไปอีก เขา


รู้สกึ กังวลเป็ นอย่างยิ่ง
ในครัง้ แรกคาร์ ลได้ โต้ เถียงกับตนเองว่าจะบอกเรื่ องทังหมดกั
้ บเชว
ฮันดีหรื อไม่?

ข้ าถูกส่งเข้ ามาในนิยายที่กาลังอ่านอยู… ่ และข้ ายังเป็ นคนเกาหลี


อีกด้ วย…นัน่ คือเหตุผลที่ข้ารู้วา่ จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ ้นบ้ าง
จนกระทัง่ ถึงนิยายเล่มที่ 5 องค์กรลับนี ้จะก่อให้ เกิดปั ญหาไปทัว่
ทวีปและในเร็ วๆนี ้ทัว่ ทังทวี
้ ปจะตกอยูใ่ นสถานการณ์ที่วนุ่ วาย
เพราะสงคราม

คาร์ ลควรจะพูดเช่นนี ้หรื อไม่?

หรื อเขาควรจะพูดอะไรแบบนี ้ดี? ข้ าถูกส่งตัวเข้ าไปในนิยายที่ข้า


อ่านและจบลงด้ วยการเป็ นบุตรชายของขุนนางผู้มงั่ คัง่ นัน่ เป็ น
เหตุผลที่ข้าพยายามจะมีชีวิตที่สงบสุขเมื่อข้ าจาได้ วา่ มันจะเกิด
เรื่ องราวอะไรขึ ้นในนิยายเรื่ องนี ้บ้ างจึงทาให้ ข้าเปลี่ยนแปลง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นเล็กน้ อย ข้ าอยากมีชีวิตที่สงบสุขแม้ วา่ ทัว่ ทัง้
ทวีปจะอยูใ่ นภาวะสงครามก็ตาม

คาร์ ลไม่ชอบพวกมันเลย ข้ อแรกอาจทาให้ เขาเข้ าไปมีสว่ นร่วมใน


สงครามของทวีปและทาให้ เขาตายไปในสนามรบได้ ในขณะที่ข้อ
สองอาจนาพาให้ เขาถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากเชวฮันที่อาจจะลง
มือฆ่าเขาได้ เช่นกัน

คาร์ ลไม่ต้องการให้ สิ่งเหล่านี ้เกิดขึ ้น

“ข้ อแรก”

ความจริ งข้ อที่หนึง่ จากสองข้ อ

“ข้ า…คาร์ ล เฮนิตสั ไม่ทราบตัวตนที่แท้ จริ งขององค์กรลับนัน่ ”


ฮึก….เชวฮันสูดหายใจเข้ าลึกก่อนที่จะยกมือทังสองข้
้ างปิ ดหน้ า
ของตนไว้ เขาค่อยๆขยับมือลงเมื่อเห็นว่าคาร์ ลยังคงมีชีวิตอยู่

“มันคือความสัตย์จริ ง….เพราะข้ าไม่ร้ ูจกั ตัวตนที่แท้ จริ งของพวก


มัน”

มันคือเรื่ องจริ ง

คาร์ ลหรื อตัวตนที่แท้ จริ งในตอนนี ้คือคิมร็อกโซได้ อา่ นนิยายเรื่ อง


กาเนิดวีรบุรุษ มาถึงเล่มที่ห้าแต่มนั ก็ไม่ได้ พดู ถึงเป้าหมายหรื อ
ตัวตนที่แท้ จริ งขององค์กรลับนัน่ ทังหมดที
้ ่กล่าวถึงมีเพียงการ
กระทาอันชัว่ ร้ ายขององค์กรลับเพียงเท่านัน้

“มีอีกเรื่ อง..ที่ข้ามีความจริ งใจอย่างแท้ จริ งเมื่อข้ าจะพูดมัน


ออกมา”
ความจริ งข้ อที่สอง

“ข้ าเกลียดองค์กรลับนัน่ และหวังว่าพวกมันจะหายสาบสูญไปให้


หมด”

มันคือความจริ งที่วา่ คาร์ ลยังคงมีชีวิตอยู่ เขาไม่ชอบคนพวกนี ้ที่


ก่อให้ เกิดเหตุการณ์ร้ายต่างๆมากมาย พวกมันอาจจะมีสว่ นร่วม
ในสงครามของทวีปเช่นกัน คาร์ ลอยากให้ พวกมันหายสาบสูญไป
ให้ หมดเพื่อที่ตวั เขาเองจะสามารถใช้ ชีวิตได้ อย่างสงบในดินแดนที่
เต็มไปด้ วยความสงบร่มเย็น

เชวฮันดูเหมือนจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขามองไปที่ควัน
สีดาที่เชื่อมกับตัวเขา นักบวชและคาร์ ล ก่อนที่จะกาหมัดของตน
แน่นขึ ้น คาร์ ลชะงักไปกับท่าทางที่น่ากลัวของเชวฮันก่อนจะได้ ยิน
เสียงของเชวฮันเอ่ยขึ ้นมา
“ท่านจะเกลียดพวกมันได้ อย่างไร…หากไม่ร้ ูจกั กับพวกมัน?”

“เพราะข้ ารู้เกี่ยวกับสองสิ่งที่น่ากลัวที่พวกมันวางแผนจะลงมือ
ทา…ทังเรื
้ ่ องของมังกรดาและล็อก…และอีกอย่าง…เชวฮัน!”

คาร์ ลชี ้นิ ้วเข้ าหาตัวเขาเอง

“ความฝันของข้ า…คือการได้ ใช้ ชีวิตเป็ นเพียงขยะไร้ คา่ เท่านัน”


ท่าทางของเชวฮันเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเขาได้ ยินความฝันของ
คาร์ ลที่ปรารถนาจะเป็ นเพียงขยะไร้ คา่ เท่านัน้

“ข้ าไม่มีความปรารถนาที่จะเป็ นผู้สืบทอดตระกูลเฮนิตสั ใน


อนาคตข้ างหน้ าและข้ าหวังเพียงให้ ‘บาเซ็น’ น้ องชายต่างมารดา
ของข้ าเป็ นผู้สืบทอดตระกูลแทน”
นี่คือความจริ งจากใจของคาร์ ลและเป็ นเหตุผลที่คาร์ ลเอ่ยถามเชว
ฮัน

“แล้ วเจ้ าคิดว่า…ข้ าจะเดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อมาเป็ น


ตัวแทนของตระกูลเฮนิตสั ไปทาไมกัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้ า
หวังให้ บาเซ็นเป็ นผู้สืบทอดตระกูลเฮนิตสั แทน? และถึงแม้ วา่ มัน
จะเป็ นคาสัง่ จากผู้นาตระกูลเช่นบิดาของข้ าให้ ข้าเป็ นตัวแทนไป
ในครัง้ นี ้แต่ข้าก็สามารถที่จะปฏิเสธว่าไม่ไปได้ เช่นกัน”

เชวฮันเอ่ยตอบกับคาถามของคาร์ ลหลังจากเงียบไปชัว่ ครู่

“…..กระผมไม่แน่ใจ…..”

“….เพราะข้ ารู้วา่ องค์กรลับนัน่ วางแผนจะทาสิ่งใดในเมืองหลวง”

ดวงตาของเชวฮันเบิกกว้ างขึ ้น
“…ข้ าไม่สามารถบอกเจ้ าได้ วา่ ข้ ารู้มนั ได้ อย่างไร…แต่พวกมัน
กาลังวางแผนที่จะฆ่าคนเป็ นจานวนมากในเมืองหลวง..และนัน่
ทาให้ ข้าไม่สามารถส่งบาเซ็นมายังที่แห่งนี ้ได้ ..ข้ าต้ องป้องกัน
เหตุการณ์พวกนี ้ไม่ให้ มนั เกิดขึ ้นให้ จงได้ ”

แน่นอน…ว่าคาร์ ลไม่ได้ วางแผนการที่จะทาอะไรกับเรื่ องนี ้รวมถึง


ทุกๆสิ่งที่จะนาพาชีวิตของเขาเข้ าไปยุง่ เกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น
เช่นกัน

“เมื่อข้ าจัดการปั ญหาเหล่านี ้ให้ เรี ยบร้ อยได้ มากที่สดุ เท่าที่ข้าจะ


สามารถทาได้ แล้ ว..ข้ ามีแผนที่จะเดินทางกลับไปยังดินแดนเฮ
นิตสั ทันที”

“…..ท่านไม่สามารถบอกข้ าได้ วา่ …ท่านรู้มนั ได้ อย่างไรใช่


หรื อไม่?”
“ถูกต้ อง…ข้ าไม่สามารถบอกเรื่ องนี ้กับใครได้ ทงนั
ั ้ น”

แววตาของเชวฮันเต็มไปด้ วยคาถามแต่ปากของเขาก็ยงั คงปิ ด


สนิทอยู่

ท่านคาร์ ลไม่ร้ ูจกั ตัวตนที่แท้ จริ งขององค์กรลับแต่วา่ เขารู้ถึง


แผนการที่พวกมันจะทาอีกทังเขายั ้ งเกลียดชังพวกมันเป็ นอย่างยิ่ง
และต้ องการให้ พวกมันหายสาบสูญไป

ศีรษะของเชวฮันลดต่าลงเมื่อเขาเริ่ มคิดถึงสิ่งต่างๆ…ตอนนี ้
ภายในหัวของเขาเต็มไปด้ วยความสับสนยุ่งเหยิงกับเรื่ องราว
ทังหมดที
้ ่ได้ รับฟั งจากคาร์ ล ถึงกระนันพลั
้ งของพระเจ้ าแห่งความ
ตายยังคงไหลผ่านเส้ นใยสีดาอยู่ทาให้ เขายังคงสงบนิ่ง เชวฮันรู้วา่
คาร์ ลจะจบชีวิตลงที่นี่หากคาร์ ลเลือกที่จะโกหก
“อย่างไรก็ตาม….ข้ าจะบอกเจ้ าอีกหนึง่ เรื่ อง”

คาพูดที่บอกว่า ‘อีกหนึง่ เรื่ อง’ ทาให้ เชวฮันรี บยกศีรษะของตนเพื่อ


หันไปมองคาร์ ล

“ความจริ งข้ อสุดท้ าย”

และนี่เป็ นความจริ งข้ อที่สามที่คาร์ ลจะบอกแก่เชวฮัน

“ข้ าไม่มีความปรารถนาที่จะทาร้ ายเจ้ า”

คาร์ ลมัน่ ใจในสิ่งที่เขากล่าวออกมาและตอนนี ้เขายังมีชีวิตอยูน่ นั่


หมายความว่านี่คือความจริ ง

เชวฮันเริ่ มขมวดคิ ้วมุน่


พลัก่ !พลัก่ !

เชวฮันก้ มหน้ าลงเพื่อใช้ กาปั น้ ทุบลงไปที่ต้นขาของตนเองแม้ วา่


เขาจะไม่ได้ ออกแรงทุบมันมากนักแต่ก็ยงั สามารถมองเห็นเส้ น
เลือดที่ปดู โปนออกจากกาปั น้ ที่กาแน่นได้ อยูด่ ี ก่อนที่จะค่อยๆยก
ศีรษะของตนขึ ้นช้ าๆเพื่อหันไปมองคาร์ ลที่ยงั คงมีชีวิตอยู่

“…กระผมเชื่อท่าน….”

คาตอบนี ้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเชวฮันหลังจากผ่านไปเป็ น
เวลานาน

คาร์ ลเอ่ยย ้ากับเชวฮันด้ วยประโยคที่เคยพูดก่อนที่พวกเขาจะพา


กันเข้ ามาในห้ องนี ้

“…ข้ ารู้….” ก่อนที่คาร์ ลจะเริ่ มยิ ้มออกมา


“เฮ้ อ”

เชวฮันถอนหายใจออกมาขณะที่นงั่ อยูบ่ นเก้ าอี ้ เขาเงยหน้ าขึ ้น


มองคาร์ ล แววตาของคาร์ ลในตอนนี ้ยังคงกระจ่างใสเหมือนปกติ
ที่เขาเคยเป็ น

“ท่านคาร์ ล…ได้ โปรดสัญญากับกระผมอีกหนึง่ ข้ อได้ หรื อไม่?.


แล้ วกระผมจะเชื่อท่านได้ อย่างหมดใจ”

‘…..อ่า…นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉนั คิดว่ามันจะเกิดขึ ้นหรอกนะ’

คาร์ ลรู้สกึ ได้ ถึงปั ญหาที่จะเกิดขึ ้นจากท่าทางของเชวฮัน มันไม่


ควรจะเป็ นคาขอที่ใหญ่เกินไปเพราะเขาอาจสามารถหาทางที่จะ
พลิกแพลงสิ่งต่างๆเพื่อให้ เหมาะกับตัวของเชวฮันได้ แต่ประโยค
ที่วา่ ‘จะเชื่อท่านได้ อย่างหมดใจ’ทาให้ คาร์ ลรู้สกึ หวัน่ ๆแต่ก็ไม่
สามารถที่จะเอ่ยปฏิเสธเขาได้ ในตอนนี ้

“ได้ สิ…มันคืออะไรหรื อ?”

“ท่านคาร์ ล….”

“ว่าอย่างไร?”

“กระผมต้ องการแก้ แค้ นองค์กรลับนัน่ …นี่คงเป็ นครัง้ แรกในชีวิต


ของกระผมที่จะเคียดแค้ นใครหรื อองค์กรใดได้ มากขนาดนี ้”

ความโกรธปรากฏขึ ้นเต็มดวงตาอันบริ สทุ ธิ์ของเชวฮัน ความรู้สกึ


ของความระลึกถึงยังสามารถลอดผ่านความโกรธออกมาได้
เช่นกัน ในตอนนี ้เชวฮันอาจกาลังคิดถึงหมูบ่ ้ านแฮร์ ริสอยูก่ ็เป็ นได้
‘อืม’

คาร์ ลเก็บคาพูดของตนไม่ให้ เล็ดลอดผ่านริ มฝี ปากของตนออกมา


นี่เป็ นเหตุผลที่เขาไม่ต้องการตัวเชวฮันแม้ วา่ เชวฮันจะเลือก
ติดตามเขาก็ตาม เชวฮันเป็ นคนดีนี่คือสิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้ แต่เขา
มักจะเป็ นคนที่ทาอะไรด้ วยความตังใจอย่
้ างแรงกล้ าและนัน่ ทาให้
เขาเฝ้ารอคาของของเชวฮันด้ วยความเคร่งเครี ยด

ก่อนที่เชวฮันจะเอ่ยปากพูดในเวลาต่อมา

“ได้ โปรดบอกกระผม…หากท่านหาตัวตนของพวกมันพบ….”

“ เอ่อ…อ้ อ!..ได้ ..ได้ สิ”

‘…ฉันคิดว่าเขากาลังขอในเรื่ องที่มนั ยากเกินไปเสียแล้ ว’


คาร์ ลอึ ้งไปพักใหญ่ก่อนที่เขาจะเอ่ยคาสาบานนันออกมา

“ข้ า…คาร์ ล เฮนิตสั จะแจ้ งให้ เชวฮันทราบหากข้ าได้ ร้ ูถึงตัวตนที่


แท้ จริ งขององค์กรลับนัน่ …ข้ ายินดีจะจ่ายค่าตอบแทนด้ วยชีวิต
หากข้ าผิดต่อคาสาบานนี ้…เจ้ าพอใจหรื อไม่?”

“พอใจ…ขอบคุณนะขอรับท่านคาร์ ล”

เชวฮันเริ่ มยิ ้มออกมาได้ ดเู หมือนว่าเขาจะโล่งใจ คาร์ ลเริ่ มครุ่นคิด


ถึงเรื่ องนี ้ขณะที่ลอบมองเชวฮันไปด้ วย

‘แล้ วฉันจะรู้ตวั ตนที่แท้ จริ งของพวกมันได้ อย่างไร?’

เพื่อที่จะสามารถหาตัวตนที่แท้ จริ งของพวกมันได้ พบหรื อเพื่อหา


คาใบ้ ที่ใกล้ เคียงที่สดุ เกี่ยวกับตัวตนของพวกมัน เขาจาเป็ นที่
จะต้ องเดินตามเส้ นทางเดียวกับเชวฮันเช่นเดียวกับเนื ้อหาใน
นิยายได้ กล่าวเอาไว้ คาร์ ลจะต้ องบ้ าไปแล้ วที่คิดจะทาเช่นนัน้
เพราะเมื่อเชวฮันได้ ออกจากเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันไปเขา
จะวิ่งเข้ าหาและข้ องเกี่ยวกับวีรบุรุษทุกประเภทไม่วา่ จะเป็ นมนุษย์
และไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม

เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันคาร์ ลก็ร้ ูสกึ แย่เป็ นอย่างมาก

“พวกเราทามันเสร็ จเรี ยบร้ อยแล้ วใช่หรื อไม่?”

“ใช่..”

ปั ง!

คาร์ ลยกมือขึ ้นและกระแทกไปที่โต๊ ะจนเกิดเสียงดัง การกระแทก


ของเขาทาให้ โต๊ ะสัน่ เล็กน้ อยก่อนที่นกั บวชจะลืมตาขึ ้นช้ าๆและ
พยักหน้ าให้ แก่พวกเขา ห้ องเกิดแรงสัน่ สะเทือนขึ ้นอีกครัง้
ครื ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ในตอนนี ้กลุม่ ควันดาได้ จางหายไปจากตัวพวกเขาแล้ ว มันต่าง


จากที่เขาเคยทากับนักบวชเคจเพียงเล็กน้ อยเท่านัน้ คาร์ ลสัมผัส
ได้ ถึงสองคาสาบานที่ฝังแน่นอยูใ่ นร่างกายของเขา ขณะที่เขา
หยิบกระดาษออกจากกระเป๋ าของตนเอง

มันเป็ นเช็คมูลค่า 10 ล้ านแกลลอน คาร์ ลวางเช็คเงินไว้ ตรงหน้ า


นักบวชที่มองเขาอยูแ่ ละลุกขึ ้นทันที จากนันก็
้ กล่าวคาอาลากับ
นักบวชก่อนออกจากห้ องไป เชวฮันก้ มมองไปที่เช็คสลับกับคาร์ ล
ที่เดินจากไปก่อนจะรี บเดินตามคาร์ ลออกจากห้ องและปิ ดประตู
โดยทันที ก่อนที่เขาจะมองไปที่คาร์ ลด้ วยความสับสน

คาร์ ลเอ่ยกับเชวฮันด้ วยความไม่ใส่ใจนักเมื่อเห็นว่าเชวฮันจ้ องตน


ด้ วยท่าทางเช่นนัน้
“ไม่มีอะไรในชีวิตที่ได้ มาโดยไม่เสียอะไรเป็ นการตอบแทน”

“ข้ าเข้ าใจ..”

คาร์ ลเดินกลับขึ ้นไปทางบันไดอันเดิมและเจอกับนักบวชคนเดิมที่


ยืนอยูห่ น้ าทางเข้ า

นักบวชยินดีที่เห็นว่าคาร์ ลยังคงมีชีวิตอยู่

“ขอให้ ชีวิตของท่านจงดาเนินต่อไปเรื่ อยๆจนกว่าจะถึงเวลาใน


ชีวิตที่ได้ ถกู กาหนดไว้ ”

นัน่ เป็ นวิธีที่เหล่านักบวชบอกแก่คณุ ว่าอย่าผิดคาสาบานของคุณ


เพื่อที่คณุ จะได้ มีชีวิตต่อไปจนแก่ตายในที่สดุ มันค่อนข้ างโหดร้ าย
อยูเ่ หมือนกัน
“ขอบคุณมากท่านนักบวช”

คาร์ ลกล่าวคาขอบคุณให้ แก่นกั บวชพร้ อมกับรอยยิ ้ม นักบวชได้


มองเห็นรอยยิ ้มของคาร์ ลและน ้าเสียงที่ผอ่ นคลายที่แปลกออกไป
จากเดิมเล็กน้ อยแต่เขาก็เดินผ่านนักบวชและออกมาจากวิหาร
โดยทันที

จากนันเขาก็
้ ขึ ้นไปบนรถม้ าพร้ อมกับเชวฮันและเริ่ มพูดขึ ้นเมื่อรถ
ม้ าเริ่ มขยับ

“จากข้ อมูลที่เจ้ าแจ้ งแก่ข้า…นักเวทย์ที่เสียสติคนนันจะเป็


้ นผู้นา
ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นในเมืองหลวง”

“…..กระผมได้ รับอนุญาตให้ ฆา่ เมื่อเจอตัวพวกมันหรื อไม่?”


“ทาไมเจ้ าต้ องถามข้ าตรงไปตรงมาเช่นนี ้ด้ วย?…ทาในสิ่งที่เจ้ า
ต้ องการเถิด”

‘มันไม่ใช่เรื่ องของเขาเสียหน่อย’

อย่างไรก็ตามเจ้ านักเวทย์บ้าคนนันเป็
้ นถึงนักเวทย์ระดับสูงและ
เป็ นผู้เชี่ยวชาญการใช้ พลังเวทย์เคลื่อนย้ ายมวลสาร ดังนันเชวฮั
้ น
จึงไม่สามารถทาตามความต้ องการของเขาให้ สาเร็ จลงได้ ตาม
เนื ้อหาในนิยายที่ได้ กล่าวเอาไว้

“ได้ …ข้ าแน่ใจว่าจะลงมือฆ่ามันโดยทันที”

คาร์ ลหันหน้ าหนีไปจากใบหน้ าที่โกรธแค้ นของเชวฮัน มันเป็ นเรื่ อง


ที่โหดร้ ายเกินไปสาหรับเขาหากจะลงมือห้ ามหรื อจัดการกับคน
เช่นเชวฮันได้
เมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้ านแล้ ว คาร์ ลก็ได้ พบว่ามีอีกบุคคลหนึง่ ที่
เขายากจะจัดการได้ เช่นกัน

“นายน้ อยขอรับ…..”

“รอน…..เช่นนันหรื
้ อ”

นักฆ่ารอนผู้มีรอยยิ ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้ าอยูต่ ลอดเวลาได้


เข้ ามาพบคาร์ ลที่กาลังพักผ่อนในห้ องของตนอยู่
บทที่ 34 นิ่งเข้าไว้ 1 (1)

คาร์ลจ้องไปยังถ้วยน้้าชาที่รอนน้ามาให้เขา
“….ชามะนาวก่อนนอนงั้นรึ?”
“ขอรับนายน้อย”
คาร์ลไม่เคยดื่มชามะนาวก่อนเข้านอน เขารู้สึกไม่อยากจะดื่ม
มันแต่ก็ยกถ้วยชามะนาวขึ้นมาโดยไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้สึกถึง
สายตาของรอนที่จ้องมองเขาเมื่อเขาเริ่มจิบชามะนาวเข้าปาก
หลังจากนั้นรอนก็เริ่มพูด
“นายน้อย….กระผมมีเรื่องที่จะขอร้องได้หรือไม่?”
“แค่ก!แค่ก! อะไรนะ? ขอร้อง?”
ดวงตาของคาร์ลเปิดกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินว่ารอนมีเรื่องที่จะ
ขอร้องเขาก่อนจะหันกลับไปมองรอนอย่างรวดเร็ว รอนยังคงมี
รอยยิ้มเต็มใบหน้าของเขา แววตาของคาร์ลเริ่มขุ่นมัวและเริ่ม
คิดถึงเรื่องนี้
‘ตาแก่คนนี้มีเรื่องที่จะขอร้องคนอย่างฉันนี่นะ?คนที่เขามองว่า
เป็นตัวไร้ประโยชน์เช่นนี้นี่หรือ’
คาร์ลรู้สึกไม่สามารถที่จะอธิบายถึงลางสังหรณ์ของตนได้ เขา
รู้สึกเหมือนคนที่พยายามจะก้าจัดก้อนเนื้อบนใบหน้าของตนแต่
จบลงด้วยการมีก้อนเนื้อเพิ่มขึ้นมาสองก้อน[1] หรือแม้แต่
ความรู้สึกเช่นเดียวกับคนตัดไม้จอมโลภมากที่อ้างว่าขวานทอง
และขวานเงินเป็นของตนและจบลงด้วยการกลับบ้านมือเปล่า
โดยที่ไม่ได้แม้แต่ขวานของตัวเองกลับคืน[2]
คาร์ลพยายามท้าให้ตัวเองใจเย็นลงก่อนจะเอ่ยถามด้วยท่าทาง
ที่ผ่อนคลาย
“ตกลง…แล้วมันคืออะไร?”
รอนได้ส่งค้าร้องขอของตนให้แก่คาร์ลโดยทันที
“…กระผมขอลาพักผ่อนสักสองวันได้ไหมขอรับ?”
“โอ้….”
คาร์ลอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเขารู้สึกราวกับว่าก้อนเนื้อได้
หลุดออกจากใบหน้าของตนและได้รับของขวัญเป็นขวานสีเงิน
และขวานสีทองในเวลาเดียวกัน คาร์ลวางถ้วยชามะนาวลง
และคว้ามือของรอนมาจับเอาไว้ก่อนจะพูดอย่างรวดเร็วกว่า
ปกติที่เขาเคยเป็น
“ใช่แล้ว…มันเป็นความคิดที่ดีมาก…รอนเจ้าท้างานหนักมานาน
หลายสิบปี….เจ้าต้องคอยดูแลนายน้อยที่ท้าตัวเป็นขยะเช่นข้า
มาโดยตลอด..ถ้าเจ้าต้องการพัก..เจ้าสามารถพักได้นานตราบที่
ตัวเจ้าต้องการ..เจ้าสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับผลตอบแทน
เช่นนี้”
ใช่แล้ว..คาร์ลต้องการให้รอนหยุดพักให้นานๆแต่ถึงจะเป็น
เช่นนั้นรอนจะต้องกลับมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น่ากลัวใน
เมืองหลวงเพื่อที่จะเข้าร่วมกับเชวฮัน ดังนั้นสองวันถือได้ว่า
สมบูรณ์แบบแล้ว คาร์ลก้าลังมองไปข้างหน้าอย่างสุขใจเมื่อนึก
ถึงความสนุกของตัวเองที่จะเกิดขึ้นได้อีกสองวันข้างหน้าโดยไม่
มีใบหน้าของนักฆ่าเช่นรอนคอยกวนใจ
รอนมองไปที่คาร์ลที่ก้าลังจับมือของเขาอย่างกระตือรือร้นด้วย
ความสงสัย ก่อนที่คาร์ลจะหันหน้าหนีไปจากรอนอย่างรวดเร็ว
และเปิดลิ้นชักจากตู้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอนของตน เขาเอา
กระเป๋าใส่เงินออกจากลิ้นชักและถือมันขึ้นมา
เช็คและเงินจ้านวนมาอยู่ในตู้นิรภัยในบ้านหลังนี้แต่ก็ยังมีเงิน
จ้านวนมากในกระเป๋าใบนี้เช่นกัน คาร์ลเอากระเป๋าเงินยัดใส่ใน
มือของรอน เขาเป็นบุตรชายของตระกูลที่ร่้ารวยและไม่มีอะไร
อื่นนอกเหนือไปจากเงิน
“รับนี่ไป..มันอาจจะไม่มากนักแต่ก็สามารถซื้ออาหารอร่อยๆ
และสนุกไปกับการพักผ่อนของเจ้าได้”
รอนจ้องไปที่กระเป๋าเงินของคาร์ลที่อยู่ในมือของตน
‘ซื้ออาหารอร่อยๆให้แก่ตัวเองและสนุกไปกับการพักผ่อนของ
ตัวข้าเอง’
ในตอนนี้มันท้าให้รอนนึกถึงการหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริงของ
ตนเอาไว้เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดของตัวเองในการดูแลขยะไร้ค่า
คนนี้..นายน้อยลูกสุนัขของเขา ตอนนี้เขาพยายามที่จะถอย
ออกจากที่ซ่อนและเริ่มชีวิตใหม่แต่มีโอกาสที่ในอนาคตของเขา
จะเกิดความวุ่นวายได้ถ้าคนพวกนั้นสามารถข้ามมายังทวีป
ตะวันตกได้มันจะกลายเป็นความเลวร้ายที่รุนแรงยิ่งกว่าที่คาด
ไว้เสียอีก
‘แล้วข้าควรจะปล่อยลูกชายของข้าไว้ที่นี่เช่นนั้นหรือ?’
รอนมองไปยังนายน้อยของตนที่มีท่าทางผ่อนคลายตรงหน้า
ของเขา
“นายน้อย…มันจะเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหมขอรับ?”
คาร์ลรู้สึกตื่นเต้นกับค้าถามของรอน เขาต้องการให้รอนรู้สึก
สนุกเพลินเพลินไปกับตัวเองให้มากจนอยากจะออกจากเขาไป
หากเป็นเช่นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีส้าหรับคาร์ล
“แน่นอน..ตัวเจ้าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะได้รับความสนุกและ
เพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนนั่น”
แผนเดิมของรอนคือการจากไปอย่างเงียบๆภายใน2-3วัน เขา
อาจจะจากไปเพียงล้าพังหรือไปกับบารอค อย่างไรก็ตามความ
ผูกพันที่น่ารังเกียจนี้คือปัญหา นั่นจึงท้าให้เขาเลือกที่จะพูดถึง
การหยุดพักสองวันขึ้นมา เขาต้องการจะดูว่าเจ้าขยะนี่จะพูด
อะไร มันคือสิ่งที่เขาอยากรู้
นายน้อยลูกสุนัขตัวนี้…คาร์ลรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็น
ใครเพราะเชวฮัน รอนยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนประดับที่ใบหน้า
แต่สายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
“นายน้อย…นี่มันเป็นเงินที่มากเกินไปนะขอรับ…ท่านจะท้าเช่น
ไรหากกระผมใช้โอกาสนี้หลบหนีไป?”
‘หรือว่าท่านต้องการให้ข้าหนีไปเพราะได้ยินว่าข้าคือคนที่
แข็งแกร่งและน่ากลัว?’
แม้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาจะบังคับให้ตนมีรอยยิ้มอยู่
ตลอดเวลาแต่มันก็ยังท้าให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย
เป็นจ้านวนมาก เขายังคงจ้องเขม็งไปที่คาร์ลแต่รอนก็ไม่
สามารถมองเห็นปฏิกิริยาใดๆจากคาร์ลได้
คาร์ลพ่นลมออกจากจมูกของตนเบาๆ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าเช่นนั้นหรือรอน?ถ้าเจ้าจะหนีไปจริงๆ
เจ้าก็เพียงแค่จากไปโดยไม่พูดสิ่งใดออกมาหรือเพียงแค่ออก
จากที่นี่ให้เร็วที่สุดก็เท่านั้น ข้าคิดผิดหรือไม่?”
นั่นเป็นวิธีที่รอนท้าไว้ในนิยาย ในตอนที่เขาหนีหายไปเขาไม่ได้
กล่าวสิ่งใดต่อท่านเคานต์เฮนิตัสและเมื่อใดก็ตามที่เขา
จ้าเป็นต้องแยกตัวออกจากกลุ่มของเชวฮันชั่วคราวเขาจะแจ้ง
แก่พวกเขาก่อนออกเดินทางไป
“…..นายน้อยถูกแล้วขอรับ…นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง”
รอนพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา
เขาคิดว่านายน้อยลูกสุนัขที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสเห็นตนมากกว่าบา
รอคลูกชายของเขาเองด้วยซ้้า ในความเป็นจริงคาร์ลอาจจะ
เป็นคนที่รู้จักรอนดีที่สุดก็เป็นได้
‘ตอนนี้ข้าแก่เกินไปแล้ว’
ชายชราเช่นเขาได้ยอมรับว่าตนได้แก่ตัวลงคงเหมือนกับวงปีที่
คอยบอกการเจริญเติบโตของต้นไม้ว่ามีอายุเท่าใดแล้ว อีกทั้ง
ผลจากเวลาที่เคลื่อนผ่านในแต่ละวันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยง
ออกจากตัวเขาได้เช่นกัน
“กระผมจะกลับมารับใช้นายน้อยอีกครั้งเมื่อท่านไปเยือนวัง
หลวง”
“หากเจ้าต้องการมันจริงๆ..ข้าก็ยินดี”
รอนมองไปยังคาร์ลที่ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตนเอ่ยออกมานักก่อนที่
รอนจะเก็บกระเป๋าเงินไว้กับตัว
เขาไม่อาจยอมให้คาร์ลเข้าไปในวังหลวงด้วยท่าทางที่ดูแย่กว่า
เชื้อพระวงศ์หรือขุนนางคนอื่นๆได้ รอนไม่ต้องการที่จะเห็น
นายน้อยลูกสุนัขที่เขาเลี้ยงมาโดนคนอื่นดูถูกได้เป็นอันขาด
นั่นเป็นหน้าที่สุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะจากไป
“..ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัวก่อนนะขอรับ”
“อืม…ได้สิ..ได้อย่างแน่นอน”
คาร์ลโบกมือให้กับรอนขณะที่นั่งอยู่บนเตียงและนอนหลับฝันดี
เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา
เมื่อคาร์ลตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้นเขาก็พบว่ารอนได้
ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ในวันหยุดพักผ่อนของรอนแล้ว
คาร์ลรู้สึกขอบคุณเป็นยิ่งนักและในตอนนี้รองพ่อบ้านฮันส์
กลายเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลความสะดวกให้แก่คาร์ล
“นายน้อย…รอนบอกว่าเขาจะไม่สบายใจเลยหากหน้าที่นี้ไม่ใช่
กระผม ฮ่าฮ่าฮ่า…..กระผมคิดว่าตัวเองเหมือนจะเป็นคนที่
พิเศษเสียแล้วซิขอรับ?…ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เมื่อไหร่เจ้าจะเงียบเสียที?”
คาร์ลไม่ได้สนใจฮันส์และมองออกไปนอกประตูห้องที่เปิดกว้าง
ดูเหมือนว่าเชวฮันจะยืนอยู่นอกประตูตั้งแต่เช้าตรู่ เขายังคง
จ้องไปที่เชวฮันและสงสัยว่ามันก้าลังเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่จะได้
ยินค้าตอบจากเชวฮันโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยถามใดๆ
“ท่านรอนให้กระผมมาคอยคุ้มครองท่านคาร์ลขอรับ”
‘รอนก้าลังคิดอะไรของเขากันนะ?’
คาร์ลเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นขณะที่รับถ้วยเครื่องดื่มจาก
ฮันส์ก่อนที่เขาจะเริ่มขุ่นเคือง
“ฮันส์…ท้าไมเจ้าน้าน้้ามะนาวมาให้ข้า?”
“อะไรนะขอรับ?…นายน้อยไม่ได้ชอบน้้ามะนาวหรือขอรับ?”
เฮ้อ
คาร์ลถอนหายใจยาวและเริ่มดื่มน้้ามะนาวที่ฮันส์น้ามาให้ตน
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าน้้าเย็นมันปลุกให้เขารู้สึกตื่นขึ้นและยัง
ช่วยล้างสิ่งสกปรกในท้องของเขาได้ดีอีกด้วย
เชวฮันเฝ้ามองฮันส์และคาร์ลจากนอกประตูห้องขณะที่เขานึก
ถึงบทสนทนาที่เขามีกับรอนเมื่อคืนนี้
‘ท่านก้าลังจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเช่นนั้นหรือ?’
‘ใช่’
‘มันคือที่ใด?’
‘มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กเช่นเจ้าต้องรู้’
‘ท่านมาคุยกับข้าเพื่อท่านคาร์ลใช่หรือไม่?’
‘เจ้าคิดออกด้วยนี่’
นั่นคือสิ่งที่รอนบอกแก่เข้าก่อนที่จะออกเดินทางไปเมื่อตอน
เช้าตรู่ เชวฮันได้เห็นนักฆ่ารอนแทนที่จะเป็นพ่อบ้านรอนเมื่อ
เขาก้าลังมุ่งหน้าออกไปจากที่พัก
“เชวฮัน”
เชวฮันหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคาร์ลก่อนจะ
เดินเข้าไปใกล้คาร์ลในห้อง คาร์ลลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่
ห้องน้้าและเอ่ยถามเชวฮันที่จ้องมองมาที่เขาอยู่
“ล็อกฟื้นรึยัง?”
“ฟื้นแล้วขอรับ…”
คาร์ลไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะเผ่าหมาป่านับได้ว่ามี
ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
อยู่แล้ว
คาร์ลมองดูเวลาก่อนจะนึกถึงเจ้าอ้วนบิลอสลูกชายนอกสมรส
ของหัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์ เขาก้าลังจะเดินทางมาถึง
เมืองหลวงในเร็วๆนี้แล้ว คาร์ลได้สัญญาว่าจะไปดื่มกับเขาและ
พบปะพูดคุยกันเล็กน้อยที่โรงแรมแห่งหนึ่ง มันเป็นโรงแรม
เดียวกับที่เขาได้แจ้งแก่เชวฮันว่าเขาจะเข้าพักที่นั่นหาก
เดินทางถึงเมืองหลวง โรงแรมนั่นมีบาร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องดื่ม
แอลกอฮอร์เป็นอย่างยิ่ง
‘และบางอย่างที่จะท้าให้เชวฮันได้เกี่ยวข้องกับบิลอสก็อยู่ที่
นั่น’
คาร์ลนึกถึงพ่อค้าที่อยู่กับเด็กๆทั้งสิบคนจากเผ่าหมาป่าสีน้า
เงินในตอนนี้และเอ่ยถามเชวฮันอีกครั้ง
“แล้วเด็กๆกับพ่อค้าที่อยู่ในโรงแรมเป็นอย่างไรบ้าง?”
“กระผมคิดว่านายน้อยหยุดเรื่องนี้ไปก่อนเถอะขอรับ…แล้ว
ค่อยจัดการหลังจากการประชุมพบปะเสร็จสิ้นแล้ว”
“…..ประชุมพบปะ?”
ฮันส์เดินเข้ามาใกล้นายน้อยของตนที่ยังคงสงสัยอยู่หลังจากที่
เขาได้เอ่ยขัดจังหวะไปก่อนหน้านี้แล้วก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม
แก่คาร์ล
“นายน้อย…เป็นค้าเชิญจากขุนนางทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอรับ”
“อ้อ….”
คาร์ลลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเพราะเขาไม่คิดว่าเหล่าขุนนางพวก
นี้จะมีความส้าคัญมากพอ เขาเริ่มขุ่นเคืองและขมวดคิ้วมุ่น
ขณะที่ก้าลังถกเถียงกับตัวเองว่าจะท้าอะไรดี? ขยะไร้ค่าเช่นนี้
ควรวางตัวอย่างไรในการพบปะกันในครั้งนี้? คาร์ล…ไม่สิ…คิม
ร็อกโซไม่เคยเจอคนพวกนี้มาก่อนแต่มันก็ไม่ได้ส้าคัญอะไรมาก
นักเพราะถึงอย่างไรเขาก็ถูกรู้จักในฐานะของขยะไร้ค่าอยู่ดี
“และยังมีแขกที่ต้องการจะพูดคุยกับนายน้อยอีกเช่นกันขอรับ”
“เจ้าก้าลังพูดถึงโรสลินสินะ?”
“ใช่ขอรับ….เธอกล่าวว่าสามารถเข้าพบนายน้อยเวลาใดก็ได้
ตามที่นายน้อยสะดวก”
โรสลินเป็นคนฉลาด เธออาจจะสงสัยว่าพลังเวทย์ที่เธอสัมผัส
ได้ในวันนั้นคือพลังเวทย์ที่มาจากมังกร เธออาจไม่เคยเห็นมังกร
มาก่อนแต่พลังเวทย์ที่ทรงพลังเช่นนี้ไม่สามารถมาจากสิ่งอื่นได้
นอกจากมังกร
คาร์ลเปิดประตูห้องน้้าและออกค้าสั่งให้แก่ฮันส์เมื่อตนเดินเข้า
ไปในห้องน้้าแล้ว
“ข้าจะทานอาหารเช้าในห้องนอนของข้าจงเตรียมมันให้พร้อม
..แล้วก็ไปแจ้งแก่โรสลินให้ขึ้นมาพบข้าได้หากนางต้องการที่จะ
ทานอาหารเช้าร่วมกัน”
“ได้ขอรับนายน้อย…กระผมเข้าใจแล้วแต่ว่า…ตอนนี้เป็นเวลา
เที่ยงวันแล้วนะขอรับ..ดังนั้นมันต้องเป็นอาหารเที่ยงถึงจะ
ถูกต้องมากกว่านะขอรับ?”
“ฮันส์!….”
“กระผมจะไปจัดการโดยทันทีขอรับ!”
คาร์ลจ้องไปยังฮันส์ที่ตอบรับอย่างหนักแน่นและมอบค้าสั่ง
สุดท้ายก่อนที่จะปิดประตูห้องน้้า
“อ้อ…เปิดหน้าต่างตรงระเบียงทิ้งไว้ด้วย”
‘มังกรด้าต้องการที่จะพาตัวเองเข้ามาในห้องนี้’
มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่มันสามารถหลับได้สนิทเมื่อมันนอน
อยู่บนต้นไม้นอกหน้าต่างนั่น
“กระผมจะไปตามโรสลินมาตอนนี้เลยนะขอรับ”
“อืม….”
คาร์ลนั่งลงบนเก้าอี้โดยมีอาหารปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา มัน
อาจจะเป็นอาหารเช้าส้าหรับคนส่วนน้อยและอาจเป็นอาหาร
เที่ยงส้าหรับคนส่วนใหญ่ก่อนที่ฮันส์จะออกจากห้องไปเพื่อตาม
โรสลินมาพบเขา บารอคดูเหมือนจะใส่ความพยายามของเขา
อย่างเต็มที่เนื่องจากบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายจนน่าทึ่ง
อาจเป็นเพราะเขาให้บารอคท้าอาหารทั้งหมดพร้อมกันทีเดียว
แทนที่จะท้าเป็นแบบฟูลคอร์ส[3]
“ท่านคาร์ล..”
เชวฮันเดินเข้ามาหาเขา
“กระผมจะไปอยู่กับล็อกตอนที่ท่านก้าลังรับประทานอาหารนะ
ขอรับ”
“ข้าเดาว่าพวกเจ้าสองคนคงผลัดกันดูแลล็อกอยู่ซินะ”
เชวฮันเริ่มยิ้มด้วยความเขินอายกับค้ากล่าวของคาร์ล แม้ว่าล็
อกจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแต่เขายังต้องนอนรักษาตัวอยู่บน
เตียงโดยมีโรสลินและเชวฮันคอยผลัดเปลี่ยนไปดูแลเขาและ
แน่นอนว่าคนที่ดูแลล็อกส่วนใหญ่คือโรสลิน
“ออนและฮงก็ช่วยดูแลเขาเช่นกันขอรับ”
“พวกมันดูเหมือนตัวป่วนเสียมากกว่า”
เชวฮันยังคงเงียบกับค้ากล่าวของคาร์ล ออนและฮงอาจจะอยู่ที่
ห้องของล็อกแต่ยังมีสิ่งที่พวกมันได้บอกแก่คาร์ลอย่างลับๆ
ก่อนที่จะพากันมุ่งหน้าไปที่ห้องของล็อก
‘ข้าคิดว่าพวกเราอ่อนแอเกินไปที่จะฆ่าเผ่าหมาป่าได้ พวกเรา
จะพ่ายแพ้แม้ว่าเราจะกลายร่างแล้วก็ตามพวกเราเลยต้องหา
วิธีที่จะสามารถอัดคนอย่างหมอนั่นให้เละตุ้มเป๊ะให้ได้’
‘ถูก…เราต้องหาทางอัดเขาให้เละ..นั่นก็เลยเป็นเหตุผลให้พวก
เราต้องไปศึกษาศัตรูเช่นเขาเสียหน่อย’

[1]จากนิทานพื้นบ้านเกาหลีเรื่อง The Singing Lump


[2]จากนิทานพื้นบ้านเกาหลีเรื่อง Gold Axe Silver Axe หรือ
ที่รู้จักกันในชื่อ The Honest Woodcutter มีเนื้อเรื่อง
คล้ายๆกับนิทานอีสปของไทยเรื่องเทวดากับคนตัดฟืนหรือมีอีก
ชื่อว่าเทพารักษ์กับคนตัดไม้
[3]Full Course / ฟูลคอร์ส เป็นวัฒนธรรมการรับประทาน
อาหารของยุโรปโดยจะท้าการจัดเรียงล้าดับอาหารและจัด
เสริ์ฟเป็นล้าดับ โดยมีการรวมเอาเมนูอาหารหลายๆอย่างมา
รวมกันจึงเรียกว่า ฟูลคอร์ส ซึ่งในหนึ่งมื้ออาหารนั้นจะต้อง
ประกอบไปด้วย จานซุป , จานหลัก , จานเนื้อ , จานปลา ,
จานสลัด , อาหารออเดิร์ฟ , เครื่องดื่ม, ของหวาน ทั้งหมด
ประมาณ 8 อย่างต่อมื้ออาหารหรืออาจจะเรียกง่ายๆว่าเป็น
อาหารประจ้าที่เราต้องรับประทานในชีวิตประจ้าวัน
บทที่ 34 นิ่งเข้าไว้ 1 (2)

ออนและฮงไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อคอยดูแลล็อกแต่เพื่อศึกษาหา
วิธีการที่จะลงมือฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันในอนาคตให้ได้
ต่างหาก
“แต่ล็อกดูผ่อนคลายและสบายใจขึ้นที่มีลูกแมวน่ารักๆสองตัว
อยู่กับเขาด้วย”
“…..ข้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี”
คาร์ลไม่ต้องการบอกความจริงเรื่องที่ออนและฮงมีเจตนา
เช่นนั้นแก่เชวฮันและล็อก เชวฮันตรวจสอบรอบๆห้องเพื่อให้
แน่ใจว่ามังกรด้าไม่ได้อยู่ในห้องนี้ก่อนจะพูดด้วยน้้าเสียงที่เบา
ลงกว่าเดิม
“กระผมไม่ได้บอกล็อกหรือแม้แต่โรสลิน..ว่ากระผมพาทั้งสอง
กลับมาด้วยเพราะท่านคาร์ลสั่งให้ท้าเช่นนั้น”
“เยี่ยมมาก”
“ข้าจะบอกแก่เจ้า…ว่าข้าจะเก็บมันไว้เป็นความลับเช่นกัน”
เชวฮันได้แสดงออกถึงความเชื่อถือและมั่นใจในตัวของคาร์ล
บางทีอาจเป็นผลมาจากค้าสาบานของเมื่อวานนี้ แต่เชวฮันไม่รู้
ว่าค้าพูดนั้นมันอาจจะเป็นเพียงแค่การเสแสร้งและเขาอาจไม่รู้
ว่ามันอาจจะเป็นเพียงค้าพูดที่ใช้ยกย่องและสนับสนุนคนเพียง
หนึ่งคนในคณะมากกว่าคนๆอื่นได้เช่นกัน
พระเจ้าแห่งความตายจะท้าตามค้าพูดของคาร์ลและหากจะให้
เขาอธิบายมัน..นั่นก็เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่วางชีวิตไว้บน
เส้นทางแห่งความตายแล้ว
‘นั่นเป็นเหตุผลที่เหล่าขุนนางใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ใน
การเตรียมค้าพูดเมื่อพวกเขาจะท้าการสาบานต่อพระเจ้าแห่ง
ความตาย พวกเขาจะเฉลี่ยเอาค้าพูดจากสิบหน้ากระดาษนั่น
มากล่าวค้าสาบาน’
คาร์ลคิดว่าเขาจะได้ใช้เชวฮันในอนาคตข้างหน้าก่อนที่จะเริ่ม
พูดกับเชวฮันซึ่งดูเหมือนจะเชื่อถือเขาจากใจจริงๆ
“เชวฮัน..เจ้าบอกว่าจะลงมือฆ่านักเวทย์ที่ดื่มเลือดคนนั้นหาก
เจ้าพบกับเขาอีกครั้งใช่หรือไม่?”
“ใช่”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับเมื่อได้ฟังค้าตอบจากเชวฮันที่ยืนยัน
อย่างหนักแน่นโดยไม่มีความลังเลใดๆ
“แล้วข้าจะบอกแก่เจ้าว่าจะหาคนคนนั้นได้อย่างไร”
การจ้องมองของเชวฮันเริ่มเปลี่ยนไปแต่คาร์ลยังคงมีท่าทาง
เช่นเดิม
“แน่นอน..ว่าเราจะต้องป้องกันเหตุการณ์น่ากลัวที่จะเกิดก่อน
เป็นอย่างแรก”
ท่าทางของเชวฮันดูเหมือนจะขอให้คาร์ลบอกเขาทันทีแต่ใน
ขณะที่จะเอ่ยปากพูดกับคาร์ลก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
พร้อมกับเสียงของฮันส์ที่ลอดเข้ามาให้ได้ยิน
“นายน้อย…กระผมได้พาท่านโรสลินมาแล้วขอรับ”
คาร์ลพยักหน้าให้กับเชวฮันและลุกขึ้นจากเก้าอี้ เชวฮันลุกขึ้น
จากเก้าอี้อย่างเงียบๆและเดินไปเปิดประตู ฮันส์และโรสลิน
เดินผ่านประตูที่ถูกเปิดเอาไว้เข้ามาในห้อง ฮันส์ไม่ได้เข้ามาไกล
จากประตูมากนักและเอ่ยสิ่งที่เขาต้องการพูดด้วยน้้าเสียง
เรียบๆ
“นายน้อย…ท่านโรสลิน…โปรดแจ้งให้เราทราบหากท่าน
ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม”
ก่อนที่ฮันส์จะโค้งค้านับและก้าวออกจากห้องไปและเชวฮันก็จะ
ตามหลังเขาออกไปเช่นกัน
“โรสลิน…เดี๋ยวข้าไปอยู่กับล็อกนะ”
“ตกลง”
เมื่อคนทั้งคู่ได้ออกไปจากห้องของคาร์ลแล้วท้าให้ในตอนนี้มี
เพียงคาร์ลและโรสลินเท่านั้นที่อยู่ภายในห้องดูเหมือนว่าโรสลิน
จะมีท่าทางสบายๆไม่มีท่าทีเย็นชามากนัก
“ขอบคุณส้าหรับค้าเชิญ….นายน้อยคาร์ล”
“ไม่เป็นไรหรอก….ท่านโรสลิน”
คาร์ลชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขาและเริ่มพูด
“มีหลายเรื่องที่เราอาจจะได้คุยกัน”
“นายน้อย…ข้าขอเดาว่าท่านไม่ชอบอะไรที่มันอ้อมค้อมใช่
หรือไม่?”
โรสลินเริ่มยิ้มออกมาขณะที่เธอเอ่ยถามคาร์ลก่อนที่คาร์ลจะ
มองออกไปทางหน้าต่างที่เปิดโล่งและพูดขึ้น
“เข้ามา…”
โรสลินรีบหันไปมองรอบๆห้องโดยทันทีก่อนที่เธอจะเห็นใบไม้
ลอยเข้ามาในห้อง เธอไม่สามารถระงับอาการตัวสั่นของตนลง
ได้
อย่างไรก็ตามเธอสามารถคิดถึงสิ่งที่ควรจะเป็นด้วยการใช้
เหตุผลต่างๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอคิดถึงเรื่องนี้ตลอดทั้ง
คืนพร้อมๆกับดูแลล็อกไปด้วย พลังเวทย์ที่สามารถสร้างโล่
ป้องกันได้สามชั้นและความสามารถในการที่จะท้าเช่นนั้นได้มี
เพียงค้าตอบเดียวเท่านั้น
เธอขยับตัวออกจากการจ้องมองไปยังใบไม้ที่ลอยไปตาม
เส้นทางต่างๆภายในห้องและหันมามองคาร์ลพร้อมกับเอ่ยถาม
ในทันที
“มังกร..นั่นคือท่านมังกรใช่หรือไม่?”
นักเวทย์มักเคารพและศรัทธาในตัวมังกร…การแสดงออกของ
เธอถูกแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเช่นนั้น คาร์ลเริ่มยิ้ม
หยันเมื่อเริ่มพูดกับใบไม้ที่ลอยไปมาอยู่ในห้อง
“แนะน้าตัวเจ้าหน่อยสิ”
ทันใดนั้นเองใบไม้ก็ลอยไปหยุดอยู่บนโต๊ะหรืออาจเป็นหยุดอยู่
ต่อหน้าสเต็กมากกว่า ถ้าหากเจาะจงที่จะจ้องมองมันเป็นพิเศษ
ก็จะเห็นว่ามันได้กลายเป็นมังกรด้า มันได้คลายเวทย์ล่องหน
ออกไปแล้ว
“ฮึก…”
โรสลินไม่สามารถแม้แต่จะหายใจออกมาได้เพราะเธอก้าลัง
ตกใจ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าใบไม้ที่ลอยอยู่นั่นก้าลังจะกลายเป็น
มังกรแต่ก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้อยู่ดี มันมีมังกรจ้านวนประมาณ
20 ตัวที่ด้ารงชีวิตอยู่ทั้งในทวีปตะวันตกและตะวันออกรวมกัน
แต่การด้ารงอยู่ดังกล่าวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้แล้ว
พวกเขาขึ้นชื่อว่าไม่ชอบออกจากอาณาเขตและถ้้าที่อยู่ของตน
พวกเขาสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตได้อย่างน่า
อัศจรรย์ใจมากที่สุดในโลก มังกรคือราชาทั้งของนักเวทย์และ
ธรรมชาติ
พวกเขายังมีชีวิตที่รักความสันโดษ แม้ว่าจะได้รับการยืนยันว่า
มีมังกรประมาณ 20 ตัวในโลกแต่พวกเขาก็มีสีสันที่ต่างกัน
ออกไปและในเรื่องของบุคลิกท่าทาง นิสัยและลักษณะ
เฉพาะตัวก็แตกต่างกันอีกด้วย นักเวทย์จากหอคอยพลังเวทย์
ต่างพบว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท้าไมพวกเขาถึงได้
แตกต่างกันเช่นนั้นแม้ว่าจะเกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน?
มีเพียงหนึ่งค้าอธิบายที่สามารถอธิบายในสิ่งนี้ให้เข้าใจได้
‘มังกรเป็นสัตว์ที่มีความทระนงในตนเองและต้องการจะ
แตกต่างจากสิ่งอื่น’
ในขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่พวกเขามีความต้องการที่จะมี
เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ากับสิ่งใดๆ แม้แต่เผ่าพันธุ์มังกรของ
พวกเขาเองก็ไม่ปรารถนาที่จะมีลักษณะที่ซ้ากับมังกรตัวอื่น
เช่นกัน
และสิ่งมีชีวิตที่ด้ารงชีพอยู่เช่นนั้นก็อยู่ตรงหน้าโรสลินในตอนนี้
แล้ว
มันเป็นเพียงมังกรตัวเล็กๆแต่พลังเวทย์ที่เธอได้สัมผัสและ
สายตาที่เฉียบคมของมันสามารถบอกโรสลินได้ว่ามังกรตัวนี้ไม่
เหมือนกับมังกรตัวอื่น
มังกรด้ามองไปที่โรสลินเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้าหนีไป
จากเธอ โรสลินไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น
ของมังกร หลังจากนั้นมังกรก็ขยับไปอยู่ด้านหน้าของสเต็กและ
เริ่มพูดออกมา
“ข้าหิว…….”
“เชิญ….เจ้าสามารถกินมันได้”
คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆเมื่อตอบค้าถามนั้นแก่มังกรก่อนที่
จะเชิญให้โรสลินนั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอ
“เราก็ควรจะทานอาหารของเราได้แล้วเช่นกัน”
“อ่า…ใช่…..ใช่เราควรกินได้แล้ว”
โรสลินมีสีหน้าที่ว่างเปล่าขณะที่นั่งลง เธอได้เห็นมังกรน้อยที่
ก้าลังกินสเต็กที่วางอยู่ตรงหน้าเธอในขณะที่คาร์ลซึ่งแต่งตัวดู
ดีกว่าทุกวันเพราะต้องไปเข้าร่วมการประชุมพบปะกับขุนนาง
ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือก็ก้าลังทานซุปที่ถูกท้าขึ้นด้วย
ความประณีตอยู่
ไม่มีใครที่หอคอยพลังเวทย์จะเชื่อเธออย่างแน่นอนหากเธอ
บอกเรื่องนี้กับพวกเขา
อย่างไรก็ตามโรสลินเชื่อในสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเธอ
เช่นเดียวกับส่วนที่เหลือของประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเธอ
เอง ทุกสิ่งในธรรมชาติสามารถจะสัมผัสได้จากการใช้ประสาท
สัมผัสทั้งห้าของตัวพวกเขาเอง
“….มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากที่นักเวทย์เช่นข้าได้เห็นภาพ
นี้…..มังกรอยู่ร่วมกับมนุษย์”
โรสลินเชื่อในภาพที่ปรากฏต่อสายตาตนเองและเลือกที่จะ
เปิดเผยมันออกไปด้วยความซื่อตรง คาร์ลไม่ได้สนใจที่ตอบ
อะไรออกไปแต่มังกรด้าหยุดชะงักกับการกินสเต็กเพื่อหันไป
มองโรสลินก่อนที่จะหันศีรษะไปมองคาร์ล
มันเป็นใบหน้าของสัตว์จ้าพวกสัตว์เลื้อยคลานแต่สามารถมีสี
หน้าการแสดงออกที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน มังกรด้าเริ่มขมวด
คิ้วมุ่นเมื่อมองไปยังคาร์ลที่ก้าลังกินซุปอยู่และเอ่ยออกมาทันที
“อ่อนแอมาก….เขาไม่ได้มีดีไปกว่ามดเลย…นั่นคือเหตุผล”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ทั้งคาร์ลและมังกรด้าต่างเห็นพ้องต้องกันกับสิ่งที่มังกรเอ่ย โรส
ลินเฝ้าดูสิ่งนี้ด้วยความสนใจก่อนจะพยักหน้าของเธอช้าๆ
“การที่ข้าได้ทานอาหารร่วมกับนายน้อยคาร์ลและท่านมังกร…
ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
โรสลินเริ่มผ่อนคลายลงขณะที่ยกส้อมของเธอขึ้นมาถือไว้ด้วย
ท่วงท่างดงาม ขณะที่คาร์ลยังคงทานซุปต่อไปเรื่อยๆ
‘เธอเป็นคนที่มีความกล้าหาญจริงๆ’
หากเป็นนักเวทย์คนอื่นอาจจะตัวสั่นไม่หยุดและก็คงเอ่ยชื่นชม
ยกย่องมังกรไปแล้วในตอนนี้ ก่อนที่พวกเขาจะขอให้มังกรสอน
เกี่ยวกับการใช้พลังเวทย์เล็กๆน้อยๆให้กับพวกเขา ความ
มหัศจรรย์ของมังกรคือสิ่งที่จะท้าให้นักเวทย์ในดินแดนต่างๆ
บ้าคลั่งได้โดยง่าย
คาร์ลเริ่มพูดกับโรสลินที่ก้าลังเริ่มทานอาหารด้วยสลัดเป็นจาน
แรก
“ท่านสามารถพักอยู่ที่นี่ได้นานเพียงใดก็ได้…ตามที่ท่าน
ต้องการได้เลย”
“นายน้อยคาร์ล…….”
“ว่าอย่างไร?”
“ข้ามีสามเรื่องที่อยากจะรู้แต่หนึ่งในนั้นข้าได้รับค้าตอบแล้ว…
ดังนั้นจึงมีอีกสองเรื่องที่ข้ายังไม่รู้…ข้าจะขอถามท่านได้
หรือไม่?”
“เชิญถามมาเถิด…”
เรื่องแรกอาจจะเกี่ยวกับมังกร คาร์ลได้ตัดสินใจที่จะเปิดเผย
การมีตัวตนของมังกรต่อโรสลินหลังจากใคร่ครวญมาเป็น
เวลานาน เขารู้สึกว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขาได้ใน
อนาคตและเขารู้สึกเหมือนกับว่าสามารถคาดเดากับค้าถามที่
เหลืออีกสองข้อได้เช่นกัน
“นี่คือสองสิ่งที่ข้าอยากจะรู้เกี่ยวกับมัน”
โรสลินเอ่ยถามค้าถามของเธออย่างใจเย็นและเปิดเผยจริงใจ
“มันจะไม่เป็นไรจริงๆเช่นนั้นหรือที่ท่านอนุญาตให้ใครก็ไม่รู้พัก
อยู่ที่บ้านท่านเช่นนี้? ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นนักเวทย์ก็ตาม…แต่ใน
ฐานะที่ท่านเป็นชนชั้นสูง…ท่านจะต้องรู้สึกไม่ดีกับการที่จะ
เกี่ยวข้องกับคนแปลกหน้าเช่นนี้”
คาร์ลสามารถตอบค้าถามนี้ได้อย่างง่ายดาย
“นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเชวฮันเป็นคนที่พาท่านมา”
คาร์ลหันไปมองมังกรด้าที่ก้าลังกินสเต็กในจานอยู่ ก่อนที่จะหัน
กลับไปมองโรสลินและเอ่ยต่อ
“และกระผมยังมีเด็กคนนี้”
มังกรด้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมากับสิ่งที่คาร์ลพูดขึ้นแต่ถึงจะเป็น
เช่นนั้นมังกรก็กระพือปีกของตนหนึ่งครั้งก่อนจะก้มลงไปกินส
เต็กในจานและเริ่มกินสเต็กด้วยความเร็วที่มากกกว่าเดิม โรสลิ
นมองไปที่มังกรครู่ใหญ่ก่อนที่จะย้ายดวงตาสีแดงของเธอ
กลับมาที่คาร์ลซึ่งก้าลังทานสเต็กปลาแซลมอนอยู่
“…..ข้าเข้าใจแล้ว…และนี่จะเป็นค้าถามที่สามของข้า”
คาร์ลหยุดการทานสเต็กปลาแซลมอนเอาไว้ก่อนและเงยหน้า
ขึ้นมองโรสลิน ดวงตาของคนทั้งคู่สบกันชั่วขณะและท้าให้
คาร์ลสามารถมองเห็นตาด้าที่เป็นสีแดงของเธอได้ เดิมทีโรสลิน
เปลี่ยนตาด้าของเธอจากสีแดงเป็นสีด้าด้วยพลังเวทย์ของเธอ
เมื่อมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงและท้าสิ่งเดียวกันกับสีผมของเธอ
ด้วย อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้
โรสลินเอ่ยถามคาร์ลต่อทันที
“ท้าไมท่านต้องพูดกับข้าด้วยความนอบน้อมเช่นนั้นทั้งๆที่ท่าน
เป็นคนจากชนชั้นสูง?”
คาร์ลยกแก้วไวน์ขาวที่ตั้งไว้ข้างสเต็กปลาแซลมอนขึ้นจิบช้าๆ
ก่อนจะเอ่ยตอบโรสลิน
“ผมสีแดง ดวงตาสีแดงและเป็นนักเวทย์จากนั้นยังมีชื่อที่
เปิดเผยตัวตนได้ชัดเจนว่า..โรสลิน”
มันเป็นเรื่องแปลกที่จะแกล้งท้าเป็นว่าไม่รู้จักคนที่เปิดเผย
ตัวเองได้อย่างชัดเจนเช่นนี้ได้
คาร์ลเริ่มยิ้มเต็มใบหน้าพร้อมๆกับที่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“องค์หญิง…ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นพระองค์หรือพะยะค่ะที่จะต้อง
หยุดพูดด้วยความนอบน้อมต่อหม่อมฉันเช่นนั้น?”
บทที่ 35 นิ่งเข้าไว้ 2 (1)

โรสลินค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นเพียงขยะไร้ค่าแต่ข้าคิดว่านั่นคงเป็นเพียง
เรื่องโกหก”
เป็นไปตามที่คาร์ลได้คาดไว้โรสลินหยุดใช้โทนเสียงที่นอบน้อม
ต่อเขาลงทันที แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าองค์หญิงแห่ง
อาณาจักรอื่นมีลักษณะอย่างไรแต่สาหรับขุนนางหรือคนชั้นสูง
มันต่างออกไป
ขุนนางหรือชนชั้นสูงระดับล่างๆอาจจะพบว่ามันเป็นเรื่องยาก
ที่จะหาข้อมูลเหล่านี้มาไว้ได้แต่ในระดับเช่นตระกูลเฮนิตัสการมี
ข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางและราชวงศ์ของอาณาจักรที่ใกล้เคียงมัน
ย่อมเป็นเพียงแค่ข้อมูลขั้นพื้นฐานที่จาเป็นต้องรู้ มันไม่ใช่เป็น
เพียงแค่เรื่องสนุกและการได้เล่นเกมตลกๆหากต้องเป็นคนที่มา
จากชนชั้นสูงหรือขุนนางจริงๆ
คาร์ลเอ่ยตอบคาถามของโรสลิน
“มันเป็นความจริงที่หม่อมฉันมีชื่อเสียงในการเป็นเพียงขยะไร้
ค่าแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น…นักเวทย์ก็ควรใช้วิจารณญาณของ
พวกเขาผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวพวกเอง”
“เจ้าพูดถูกนายน้อยคาร์ล….พวกเราเชื่อเพียงสิ่งที่เกิดจาก
ประสบการณ์ของพวกเราเท่านั้น”
คาร์ลคิดว่าการพูดของโรสลินเป็นสิ่งที่ค่อนข้างแปลก เธอพูด
อย่างไม่เป็นทางการกับเขาในฐานะที่ตนเป็นองค์หญิงแต่เมื่อ
เธอพูดถึงตัวเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหล่านักเวทย์เธอกลับ
เลือกใช้คาว่า ‘พวกเรา’ แทนที่จะเป็น ‘พวกข้า’มันดูเป็น
ทางการและให้เกียรติ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเธอในฐานะนัก
เวทย์คงจะมีความสาคัญต่อเธอเป็นอย่างมาก
“แต่องค์หญิง……”
“โรสลิน…..เรียกข้าว่าโรสลิน”
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยชอบการถูกปฏิบัติตัวว่าเป็นองค์หญิง
“ตกลง…ถ้าเช่นนั้นโรสลิน..ท่านถามคาถามจบแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่…ข้าถามครบเรียบร้อยแล้ว”
เธอยกยิ้มอ่อนโยนมากกว่าเดิมเมื่อตอบคาถามนั้น
“นายน้อยคาร์ล….ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับข้า
สินะ?”
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอเป็นองค์หญิงแต่เขาก็บอกให้เธอพักอยู่ที่นี่
ได้อย่างสบายใจและค่อยจากไปในเวลาต่อมาไม่ใช่ว่าเธอคิดว่า
มันไม่สุภาพหรืออะไรแบบนั้นแต่ในทางกลับกันเธอยิ่งชื่นชอบ
มันหากเธอต้องการต้อนรับและการดูแลเป็นพิเศษจากเขา
จริงๆเธอคงเปิดเผยชื่อเต็มและตัวตนที่แท้จริงของเธอออกไป
แล้ว
เธอไม่ต้องการที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น นอกจากนี้เธอยัง
รู้สึกขอบคุณคาร์ลที่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับล็อกให้ฟังอีกด้วย
“เป็นเช่นนั้นรึ? ข้าเพียงแค่ทามันลงไปแบบนั้น..ตั้งแต่ที่เห็นว่า
องค์หญิงชื่นชอบวิธีเช่นนี้ต่างหากล่ะขอรับ”
‘….โกหก…’
โรสลินถือว่าคาพูดของคาร์ลเป็นคาแก้ตัวที่ดี
มนุษย์ที่เดินทางร่วมกับมังกรเขาเป็นที่รู้จักจากสังคมในฐานะ
ขยะไร้ค่าแต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาสามารถเปิดเผย
ตัวตนที่แท้จริงของเธอได้อย่างง่ายดายหากว่าเขาอยากจะทา
มัน
เธอรู้สึกขอบคุณคาร์ลผู้ที่มักมีรอยยิ้มราวกับว่าเขาไม่รู้สิ่งใดๆ
เลย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้แจ้งข่าวเรื่องนี้ไปยังพระราชวัง
โรมันสินะ…ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
“ไม่เป็นไร…เรื่องพวกนี้ควรขึ้นอยู่กับความต้องการของคนที่
เกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่าขอรับ”
คาร์ลคิดว่าองค์ชายรัชทายาทจะต้องเสด็จมาพานักที่บ้านของ
เขาทันทีหากเขาแจ้งเรื่องนี้ไปยังวังหลวง
“เจ้าพูดถูกนายน้อยคาร์ล…ข้าไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวเอง…
และถ้าสิ่งนี้จะทาให้เจ้าเป็นปัญหาในอนาคตโปรดแจ้งให้พวก
เขาทราบว่านี่คือความต้องการของข้าที่ไม่ให้เจ้าบอกเรื่องนี้เอง
แล้วข้าจะส่งสาส์นไปเล่าเรื่องราวของเจ้าให้พวกเขาทราบอีก
ด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว…”
“ขอบคุณที่ให้ข้าพักอยู่ที่นี่…ข้าจะจัดการธุระของข้าและไม่ทา
ให้เจ้าลาบากเลย”
‘ไม่ทาให้ฉันลาบากเลย’
คาร์ลรู้สึกขอบคุณโรสลินที่กล่าวประโยคที่เขาต้องการได้ยิน
มากที่สุดออกมา
“ขอบคุณมากขอรับ”
“ไม่เป็นไร…เจ้าไม่จาเป็นต้องขอบคุณข้าด้วยซ้า”
โรสลินเอ่ยปฏิเสธคาขอบคุณจากคาร์ลทันทีก่อนจะลงมือทาน
อาหารต่อ ในตอนนี้คาร์ลและโรสลินไม่ต้องการที่จะพูดอะไร
ออกมาอีก โรสลินเพียงแค่ลอบมองไปที่มังกรอยู่บ่อยครั้งใน
ฐานะนักเวทย์เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้เลย เธอยังคง
มุ่งมั่นที่จะจ้องไปที่มังกรอย่างต่อเนื่อง
มังกรหยุดกินไส้กรอกที่แต่เดิมเป็นของคาร์ลก่อนจะหันมามอง
โรสลินหลังจากที่แกล้งทาเป็นไม่สนใจกับสายตาของเธอที่แอบ
มองมาที่มันอยู่บ่อยครั้งจนในที่สุดมันก็เริ่มพูด
“กินอาหารของเจ้าไปสิ นี่มันของข้านะ”
มังกรดาดึงจานไส้กรอกไปใกล้ตัวมันมากขึ้น คาร์ลได้เลือกวาง
อาหารลงบนจานของมังกรเป็นจานวนมากและหลากหลาย
มังกรดาติดใจกับรสชาติของสเต็กที่ต่างจากการกินเนื้อดิบ
เช่นเดียวกับที่ติดใจกับรสชาติของอาหารต่างๆที่อยู่บนโต๊ะ
โรสลินเงยหน้ามองคาร์ลและเห็นว่าคาร์ลลอบวางนิ้วมือสี่นิ้ว
โดยที่มังกรไม่ทันได้สังเกตเห็น ‘อายุ4ขวบ’โรสลินยิ้มเมื่อเข้าใจ
ในความหมายที่คาร์ลพยายามสื่อก่อนจะเอ่ยตอบมังกร
“ใช่แล้วท่านมังกร…ข้าไม่กล้าที่จะกินอาหารของท่านหรอก”
มังกรเริ่มกินอาหารของมันอีกครั้งและโรสลินกับคาร์ลก็ยังคง
รับประทานอาหารของพวกเขาต่อไปเช่นกันมันเป็นการทาน
อาหารที่มีแต่ความผ่อนคลายและเงียบสงบ
หลังจากจบเรื่องแล้ว คาร์ลก็ขึ้นรถม้าเพื่อไปพบปะกับขุนนาง
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยทันที ขุนนางของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือประกอบด้วยตระกูลขุนนางเพียง 10
ตระกูลเท่านั้น มันอาจจะมีมากกว่านี้หากนับรวมขุนนางระดับ
บารอนและระดับที่ต่ากว่าบารอนลงไปอีกแต่ขุนนางของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือกลับยึดเพียงแค่ 10 ตระกูลนี้เป็นหลัก
เท่านั้นและ 3 ใน 10 จากตระกูลของขุนนางเหล่านี้คือกลุ่มคน
ที่คาร์ลต้องเดินทางมาพบในวันนี้แล้วซึ่งทั้ง 3 ตระกูลนับว่า
เป็นพันธมิตรกับตระกูลเฮนิตัสมาเป็นเวลานาน
“นี่มันอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกซินะ?” [1]
นั่นคือเหตุผลที่ทาให้คาร์ลรู้สึกกังวล
เชวฮันที่ได้ติดตามคาร์ลมาในฐานะองครักษ์เพื่อคุ้มครองความ
ปลอดภัยให้แก่คาร์ลได้เอ่ยถามขึ้นอย่างรอบคอบมากกว่าเดิม
“มีอะไรหรือขอรับ?….ถ้าหากกระผมสามารถทาอะไรเพื่อช่วย
ท่านคาร์ลได้โปรดแจ้งให้กระผมทราบทันที”
“ไม่มีอะไร…เจ้าไม่จาเป็นต้องรู้”
คาร์ลเอ่ยตอบห้วนๆก่อนที่จะเริ่มคิดอย่างเคร่งเครียดอีกครั้ง
เชวฮันสังเกตเห็นท่าทางเช่นนั้นของคาร์ลก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวล
เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคาร์ลมีอาการกังวลเช่นนี้
คาร์ลไม่รู้ว่าจะทาอย่างไรดี? เขาจะต้องทาตัวไร้มารยาทและ
สร้างความวุ่นวายเหมือนกับขยะไร้ค่าเช่นนั้นจริงๆหรือ?
คาร์ลได้เข้าใจอย่างแท้จริงหลังจากที่ต้องมีชีวิตที่ผูกติดอยู่กับ
ภาระขนาดใหญ่เช่นเชวฮันและมังกรดาว่าเขากาลังตกอยู่ใน
ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับการที่จะเลือกใช้ชีวิตเป็นขยะ
ไร้ค่าแบบไหนดี
ขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือคงได้เห็นพฤติกรรมของขยะไร้
ค่าเช่นคาร์ลเมื่อครั้งในอดีตกันมาบ้างแล้วอีกทั้งพวกเขายัง
ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการกระทาที่แสนโง่เขลาและไร้ค่าของ
คาร์ลจากดินแดนเฮนิตัสเช่นกันนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้อง
ระมัดระวังให้มากขึ้น…ไม่สิ…เขาต้องไร้มารยาทและสร้างความ
วุ่นวายให้มากขึ้นต่างหาก
“อืม…”
คาร์ลก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตนช้าๆ ต้องแกล้งทาตัวเป็น
ไอ้ลูกนอกคอกเข้าไว้? นั่นอาจเป็นวิธีที่ดูเหมือนจะสกปรกไร้ค่า
ยิ่งกว่าขยะทั้งหมดรวมกันเสียอีก ขณะที่คาร์ลกาลังคิดถึงสิ่งที่
สามารถแสดงให้มันดูเลวร้ายได้อย่างสมจริงอยู่นั้น รถม้าก็หยุด
ลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เนื่องจากเหล่าขุนนางทั้งหมดของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมีบ้านพักอาศัยในพื้นที่เดียวกันในเขต
เมืองหลวงทาให้มีระยะทางไม่ไกลกันมากนัก
“ยินดีต้อนรับนายน้อยคาร์ลขอรับ”
คาร์ลสังเกตเห็นพ่อบ้านวัยชราที่ยืนทักทายเขาอยู่หน้ารั้วก่อน
จะมองไปยังตัวบ้านที่อยู่ด้านหลังของพ่อบ้านชราคนนี้
นี่คือบ้านพักของท่านเคานต์วิลส์แมน โดยอาณาเขตการ
ปกครองของท่านเคานต์วิลส์แมนตั้งอยู่ปากทางเข้าสู่เขตพื้นที่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเขาก็ไม่ได้มีอานาจที่แข็งแกร่ง
และร่ารวยมากนัก เนื่องจากเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มี
ขุนนางในตาแหน่งดยุคหรือมาร์คควิสปกครองนั่นจึงเป็น
เหตุผลที่เขาสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับท่านเคานต์
เฮนิตัสในเขตพื้นที่นี้ได้ ท่านเคาน์เฮนิตัสชอบในมิตรภาพเช่นนี้
เขาชื่นชอบคนที่เหมือนตัวเองคนที่มีเขตการปกครองที่อยู่ไกล
ออกไปเป็นเพียงพื้นที่ที่เป็นปากทางเข้าสู่พื้นที่ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นคนที่รู้ว่าใครที่ใกล้ชิดกับเมือง
หลวงแล้วเป็นประโยชน์ต่อตนเองได้
คาร์ลนึกถึงทายาทผู้สืบทอดตระกูลของท่านเคานต์วิลส์แมน
‘อีริค วิลส์แมน’
รองหัวหน้าพ่อบ้านฮันส์ได้ให้คาแนะนาแก่คาร์ลอย่างรอบคอบ
ก่อนที่เขาจะเดินทางมาประชุมพบปะกับพวกเขาในครั้งนี้
‘นายน้อย..มันเป็นเรื่องที่ดีที่นายน้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาย
น้อยอีริค..แต่สิ่งที่กระผมอยากเรียนถามก็คือนายน้อยคิดว่ามัน
จะเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่าไหมหากจะไม่ทาตัวที่สนิทสนมกับนาย
น้อยอีริคต่อหน้าขุนนางคนอื่นๆในที่ประชุม’
นั่นทาให้คาร์ลรู้ว่าอีริคและเจ้าของร่างเดิมนี้สนิทสนมกัน
พอควร อย่างไรก็ตามข้อมูลส่วนตัวของอีริคจากที่เขาได้รับ
รายงานมาบอกว่าเขาเป็นคนที่ดีที่มีความเคร่งขรึมเล็กน้อย
“นายน้อยคาร์ล..กระผมขอเชิญท่านเข้าไปด้านในได้หรือไม่
ขอรับ?”
“ได้สิ”
[1] กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หมายถึง การตกอยู่ในสถานการณ์ที่
ทาให้ลาบากใจ ตัดสินใจลาบาก ไม่รู้จะทาอย่างไร เพราะไม่ว่า
จะตัดสินใจอย่างไรก็มีผลเสีย ผลกระทบทั้งคู่
บทที่ 35 นิ่งเข้าไว้ 2 (2)

คาร์ลเดินตามพ่อบ้านวัยชราคนนี้เข้าไปในที่พักของตระกูลวิลส์
แมนทันที
อีริค วิลส์แมน กิลเบิร์ต เชตเตอร์และอาร์มู อัลบา ทั้งสามคน
คือคนที่รอการมาถึงของคาร์ลภายในบ้านหลังนี้ คาร์ลยังคง
คิดถึงวิธีที่เขาควรจะทาต่อหน้าพวกเขาแม้แต่ในขณะที่เขา
กาลังเดินเข้าไปข้างใน
และท้ายที่สุดเขาก็ไม่จาเป็นต้องกังวลเรื่องดังกล่าวเลย
“คาร์ล…อย่างน้อยเจ้าก็ยังเชื่อฟังพี่ชายคนนี้อยู่ใช่หรือไม่?”
คาร์ลมองไปที่อีริคด้วยใบหน้าที่มีความสับสนมึนงง อีริค วิลส์
แมนดันแว่นตาของเขาขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าเช่นนั้นของคาร์ล
ตอนนี้คาร์ลนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยมีขุนนางทั้งสามล้อมรอบเขาเอาไว้
เหมือนกับว่าเขากาลังจะถูกสัมภาษณ์
‘นี่มันแปลกมาก’
แต่บรรยากาศที่ปรากฏโดยรอบกลับทาให้เขารู้สึกว่า..พวกเขา
ทั้งสามกาลังปลอบโยนตัวเขามากกว่าที่จะดาเนินการ
สัมภาษณ์อะไรเขาออกมา ก่อนที่อีริค วิลส์แมนจะเริ่มพูดต่อ
“มันจะไม่น่าราคาญสาหรับเจ้าด้วยใช่หรือไม่?”
ก่อนที่บุตรสาวของนายอาเภอ ‘อามูร์ อัลบา’ และบุตรชาย
ของบารอน ‘กิลเบิร์ต เชตเตอร์’จะโผล่เข้าร่วมวงสนทนาด้วย
เช่นกัน
“เขาพูดถูก..นายน้อยคาร์ล…ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่ชอบพิธีการ
ที่น่าราคาญ”
“นายน้อยคาร์ล..มันไม่ใช่เรื่องผิดที่เห็นว่าบางสิ่งบางอย่างมัน
น่าราคาญ”
มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาพยายามปลอบโยนเด็ก
เล็กๆอยู่ก่อนที่คาร์ลจะได้เอ่ยออกมาเป็นครั้งแรก
“ใช่มันน่าราคาญมาก!”
“ข้ารู้!นั่นแหละคือเหตุผล!”
ก๊อก! ก๊อก!
อีริคเคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะเบาๆมันไม่ได้ดูเหมือนว่าเขา
กาลังโกรธแต่เหมือนเป็นการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติของ
ร่างกายมากกว่า
เขาหันมองไปยังคาร์ลผู้ที่เคยเป็นเพียงเด็กน้อยน่ารักก่อนที่จะ
โตขึ้นมาเป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลและเริ่มพูดต่อจากเมื่อ
ครู่โดยทันที
“นั่นแหละคือเหตุผล..ที่เจ้าไม่จาเป็นต้องพูดหรือทาอะไร
ออกมา..เพียงแค่นิ่ง! อยู่นิ่งๆเข้าไว้และเราจะจัดการดูแลทุกสิ่ง
ทุกอย่างสาหรับเจ้าเอง…ต่อให้เจ้าเจ้าจะเกลียดสิ่งที่มันน่า
ราคาญและพิธีการพวกนั้นก็ตาม…แต่เจ้าก็ต้องนิ่งเข้าไว้”
คาร์ลตอบกลับด้วยท่าทางที่อึ้งไปเล็กน้อย
“ข้าเก่งเรื่องการทาตัวนิ่งๆอยู่แล้ว”
“ห๊ะ? เจ้านี่รึ? อ่า…..ใช่…ใช่แล้วเจ้าเก่ง….เจ้าเก่งในเรื่องนั้น”
อีริครับรู้ได้ถึงความเครียดและกังวลของตัวเองแต่เขาเป็นคน
ประเภทที่ขี้กังวลในทุกๆเรื่องแต่นั่นเป็นเพราะเขาชอบที่จะ
คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง เขาเริ่มคิดที่จะ
พูดคุยกับคาร์ลคนที่ทาให้เขาเกิดความกังวลที่ถือได้ว่ามากที่สุด
ในชีวิตของเขาเมื่อแน่ใจว่าคนที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงเมื่อ
วานนี้คือคาร์ล จริงๆและในตอนนี้ยังมีอีกสองคนที่มองไปยังอีริ
คราวกับกาลังส่งแรงใจไปให้เขาอยู่
“ขุนนางคนอื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจจะพยายาม
เข้ามารบกวนเจ้า อาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับมาร์คควิสสแตน
หรือคนของดยุคคนอื่นๆก็อาจจะพยายามทาเช่นนั้น
เหมือนกัน…แต่สิ่งที่เจ้าต้องทาก็คืออยู่นิ่งๆและเราจะดูแลทุกสิ่ง
ทุกอย่างสาหรับเจ้าเอง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
นี่คือสิ่งที่อีริคเป็นห่วงที่สุด จากตระกูลขุนนางที่เป็นเสาหลัก
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 10 ตระกูลมีเพียง 4 ตระกูล
เท่านั้นที่ไม่ขึ้นตรงกับใคร ขุนนางคนอื่นๆที่ขึ้นตรงต่อขุนนาง
ชั้นสูงที่อยู่นอกพื้นที่ต้องการให้กลุ่มขุนนางทั่วทั้งภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นตรงกับขุนนางชั้นสูงที่อยู่ในสาย
เดียวกับพวกเขา นั่นทาให้พวกเขาต้องระมัดระวังและ
รอบคอบมากขึ้น ทัง้ 4ตระกูลเป็นกลุ่มขุนนางที่วางตัวเป็นกลาง
ซึ่งนั่นคือวิธีที่พวกเขาได้กลายเป็นกลุ่มขุนนางที่แข่งแกร่งที่สุด
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเพื่อที่จะเป็นเช่นนั้นได้
ต่อไป…ตระกูลเฮนิตัสที่มั่งคั่งเช่นนี้จึงไม่สมควรที่จะก่อเรื่อง
ร้ายแรงให้เกิดขึ้นในเมืองหลวงได้
อีริคและอีกสองคนยังคงเงียบเพื่อรอฟังคาตอบจากคาร์ล
“นั่นมัน..เป็นเรื่องที่ดีมาก”
คาร์ลมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขา
พูดออกไป อีริคคิดว่าคาร์ลยังคงเป็นเด็กที่ดีเช่นเดียวกับในอดีต
ตราบใดที่เขายังไม่ได้ดื่มเหล้า ก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ
“พวกเรามีแผนที่จะไปถวายความเคารพต่อองค์ชายรัชทายาท
ด้วยกัน….ข้าแน่ใจว่ามันจะสร้างความราคาญให้แก่เจ้าจน
อยากใช้สิทธิ์ในการดื่มเหล้าขึ้นมาแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ทาได้
ยาก…ตราบเท่าที่เจ้าสามารถถวายความเคารพเพียงแค่ช่วง
เริ่มต้นได้เท่านั้น….ที่เหลือพวกเราจะจัดการเอง!”
‘โอ้…’
คาร์ลเริ่มยิ้มเยาะในใจ เขาพบว่าบรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้าง
น่าสนใจ คาร์ลหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าเขามาถือไว้ก่อนที่จะ
ทันเห็นว่ากิลเบิร์ตสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเขาทาอะไร
คาร์ลคิดว่านี่เป็นเรื่องที่แปลกดีก่อนหน้านี้เขายังคิดที่จะทาตัว
เป็นเพียงขยะไร้ค่าเจ้าปัญหาอยู่เลยแต่พอพวกเขาอยู่ข้าง
เดียวกับตนเองก็เริ่มเปลี่ยนใจเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะ
ทามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการปกป้องตัวคาร์ลนั่นเอง ริม
ฝีปากของคาร์ลเปียกชื้นด้วยไวน์และพูดออกมา
“มันยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่มั้ยล่ะ!”
อีริคมีรอยยิ้มที่สดใสประดับบนใบหน้าพร้อมๆกับแว่นตาที่
สะท้อนเข้ากับแสงไฟจากคบเพลิงที่ติดตั้งอยู่บนโคมไฟระย้า
คาร์ลตัดสินใจที่จะรับข้อเสนอจากทั้งสามขุนนางจากการที่ไม่
ต้องลงมือทาอะไรมากนักก็ได้รับการคุ้มครองเช่นนี้ เขาชอบ
แผนนี้เป็นอย่างมาก
“สิ่งที่เจ้าต้องทาก็คือปรากฏตัว นั่งลงและผ่อนคลาย”
“เยี่ยม…มันฟังดูสมบูรณ์แบบมาก”
มันเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมเป็นประเภทที่เขาชอบยิ่งนัก เขา
เริ่มกินอาหารที่อยู่ต่อหน้าเขาด้วยความผ่อนคลายและคิดว่า
เป็นเรื่องที่ดที ี่เขาได้มาในวันนี้ อย่างไรก็ตามอีริค กิลเบิร์ตและ
อามูร์ไม่ยอมลดการระวังภัยของพวกเขาลง คาร์ล เฮนิตัสเป็น
คนที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเขวี้ยงปาขวดเหล้ากลางที่ประชุม
ของขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อบรรยากาศในที่
ประชุมกาลังดาเนินไปได้ด้วยดี
พวกเขาจะต้องรอบคอบเป็นพิเศษเพราะพวกเขามาอยู่ที่นี่เพื่อ
โน้มน้าวให้องค์ชายรัชทายาทได้ลงทุนในเขตชายฝั่ง
ตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งตระกูลของกิลเบิร์ตและอามูร์คือ
ผู้รับผิดชอบพื้นที่ในเขตนั้น
“ไวน์จากดินแดนเฮนิตัสช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
แน่นอนว่าคาร์ลรู้เกี่ยวกับความต้องการของทั้ง 2 ตระกูลกับ
การลงทุนขององค์ชายรัชทายาทจากข้อมูลที่ฮันส์ได้มอบให้เขา
ทัง้ 4 ตระกูลแบ่งปันข้อมูลให้แก่กันโดยไม่มีความลับใดๆ
อย่างไรก็ตามคาร์ลรู้ว่าการลงทุนจากองค์ชายรัชทายาทจะไม่มี
ทางเกิดขึ้นได้
‘เขาจะสามารถลงทุนได้อย่างไรเมื่อสงครามกาลังจะเกิดขึ้นใน
เร็วๆนี้และมันจะเริ่มต้นจากทางตอนใต้ของทวีปตะวันตก มันมี
โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งได้แม้ว่ามันจะเป็นกองทัพทางเรือก็
ตาม’
พวกเขาทั้งสี่คนเริ่มสนทนากันเป็นระยะๆในขณะที่พวกเขา
ยังคงทานอาหารกันอยู่ สามขุนนางเริ่มมีอาการที่ผ่อนคลายลง
เมื่อเห็นว่าคาร์ลสามารถทานอาหารได้เรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่า
จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้นเลย
พวกเขาทั้งหมดต่างพึงพอใจกับการประชุมพบปะในครั้งนี้
************************************************
************************************
คาร์ลพักผ่อนได้สักพักเมื่อกลับมาถึงบ้านของตน ก่อนที่จะได้
ยินว่าเชวฮันกลับมาถึงแล้วทาให้คาร์ลเรียกเชวฮันขึ้นมาพบ
เขาที่ห้องทันที
“ท่านคาร์ล…เรียกพบกระผมหรือขอรับ?”
“ที่โรงแรมเป็นอย่างไร?”
“เรียบร้อยดีขอรับ…ต้องขอบคุณที่เด็กๆมีพละกาลังที่แข็งแกร่ง
มาก”
คาร์ลรู้สึกว่าตนหน้าซีดลงเมื่อนึกถึงเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้า
เงินที่มีพละกาลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นแต่ในทางกลับกันเชวฮัน
เหมือนจะดูผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น
“มีเรื่องที่จะให้กระผมทาใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ใช่!”
คาร์ลพยักศีรษะลงก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ทาให้เชวฮันได้เห็นว่า
ในตอนนี้คาร์ลไม่ได้ใส่ชุดนอนหรือชุดปกติที่เขาชอบใส่แต่เขา
กาลังใส่ชุดลาลองที่มันดูสบายมากๆ
คาร์ลเดินกลับไปที่เตียงนอนของเขาก่อนจะเริ่มพูด
“ข้าจะนอนลงบนเตียงนี้แล้ว..ดังนั้นเจ้าไปบอกฮันส์ว่าให้หยุด
ยืนหน้าประตูห้องของข้าเสียทีและจงกลับไปนอนได้แล้ว..ที่
สาคัญเขาจะต้องเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาบอกข้างหลังอีก”
เชวฮันมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดโล่งมันเป็นค่าคืนที่ฟ้า
กระจ่างใสก่อนที่จะเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?”
“ใช่”
คาร์ลยิ้มเมื่อตอบคาถามนั้น
“ข้าจะออกไปทางระเบียงห้องเหมือนเดิม..ดังนั้นเจ้าจงมาที่
ห้องของข้า”
“กระผมเข้าใจแล้ว”
แววตาของเชวฮันเริ่มเปลี่ยนไปเขาจาได้ว่าคาร์ลจะเล่าให้เขา
ฟังในวันหลัง คาร์ลได้เอ่ยว่าจะบอกกับตนถึงวิธีที่จะสามารถ
หานักเวทย์ที่ดื่มเลือดคนนั้นเจอได้อย่างไร
“จะมีแค่เราสองคนโดยไม่มีออนกับฮงไปด้วยหรือขอรับ?”
เชวฮันเอ่ยถามด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดขึ้นแต่กลับได้ยิน
คาตอบที่ดังมาจากที่อื่น
“ข้าจะไปด้วย”
มังกรดาคลายเวทย์ล่องหนออกและเดินผ่านระเบียงเข้ามาใน
ห้อง เชวฮันมองไปที่มังกรดาและหันกลับมามองคาร์ลอีกครั้ง
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยตอบด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าที่
เคย
“มีพวกเราทั้งสามที่จะได้ไปกัน”
บทที่ 36 นิ่งเข้าไว้ 3 (1)

เชวฮันเหลือบมองไปที่มังกรก่อนที่จะหันกลับมามองคาร์ล
พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“พวกเรากาลังจะไปทาลายบางอย่างใช่หรือไม่?”
“ไม่…ไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน”
‘ทาไมถึงคิดอะไรในแง่ร้ายเช่นนั้นเนี่ย?’
คาร์ลค่อยๆทอดตัวนอนลงบนเตียงและโบกมือเป็นสัญญาณ
เพื่อให้เชวฮันออกไปจากห้อง
“อีกสักพักเจ้าค่อยกลับเข้ามาหาข้าใหม่ตอนนี้รีบออกไปได้แล้ว
..อ้อ!…..อย่าลืมใส่หมวกด้วยล่ะ”
เชวฮันดับไฟในตะเกียงให้มอดลงทาให้ภายให้ห้องเหลือเพียง
แค่แสงจากท้องฟ้ายามค่าคืนที่ลอดผ่านเข้ามาก่อนที่จะก้าว
ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็ออกไปพูดอะไร
บางอย่างกับฮันส์ คาร์ลปิดเปลือกตาของตนลงและแกล้งทา
เป็นหลับในทันที
ประตูห้องถูกปิดลงในเวลาต่อมาโดยที่ฮันส์ไม่ได้เข้ามาภายใน
ห้องแต่อย่างใด มังกรดาที่กลับมาใช้เวทย์ล่องหนในตอนที่
ประตูเปิดออกเมื่อครู่เมื่อเห็นว่าประตูถูกปิดสนิทอีกครั้งมันจึง
คลายเวทย์ล่องหนออกทันทีก่อนจะทิ้งตัวของมันลงบนเตียง
นอนของคาร์ล ฝั่งหนึ่งของเตียงนอนเริ่มยุบตัวลงในขณะที่
มังกรเริ่มพูดออกมาด้วยน้าเสียงรู้ทัน
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้หลับจริงๆหรอก”
คาร์ลเริ่มบ่นในใจเมื่อได้ยินคาพูดของมัน
‘ในสายตาของมังกรตัวนี้ฉันดูเหมือนเด็กอายุสี่ขวบรึไงกันนะ?’
คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนจะลุกออกจากเตียง
หลังจากนั้นไม่นานเชวฮันที่สวมใส่เสื้อคลุมยาวก็กลับเข้ามาใน
ห้องอีกครั้งจากทางระเบียงห้องของคาร์ล
“เจ้าอยู่ที่นี่ด้วย…ข้าคิดว่าเสื้อคลุมตัวนี้ย่อมดีกว่าหมวกใบนั้น
มากแน่ๆ”
เชวฮันพยักหน้ารับและเริ่มพูดกับมังกรเมื่อเห็นว่าคาร์ลกาลัง
สวมหมวกใบนั้นอยู่
“เจ้าจะตามเราไปด้วยงั้นหรือ?”
“ข้าจะใช้เวทย์ล่องหน”
“…..ข้าได้ยินมาว่ามังกรสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้หลายรูปแบบ
..ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้หรือไม่? ข้าคิดว่ามัน
น่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายนะ”
พลังเวทย์ของมังกรเป็นพลังที่สามารถแสดงออกมาได้ตามที่
พวกมันต้องการ นั่นเป็นเหตุผลที่เชวฮันคิดว่ามังกรสามารถ
เปลี่ยนรูปร่างได้อย่างง่ายดายหากต้องการทาเช่นนั้นจริงๆ
มังกรพ่นลมออกจากจมูกของมันเมื่อได้ยินคานั้นของเชวฮัน
“ข้าเกลียดมนุษย์…ข้าไม่ต้องการที่จะเหมือนมนุษย์…..เขาบอก
ว่ามังกรเย็นชาและน่ากลัว”
“ใครพูดเช่นนั้น?”
มังกรดาเหลือบมองไปที่คาร์ลเพื่อตอบคาถามของเชวฮันและ
หันหน้าไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ใช้เวทย์
ล่องหนและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยทันที ส่วนที่ยุบลงของเตียงนอน
กลับคืนสู่สภาพปกติดังเดิม
คาร์ลไม่รู้ว่ามังกรพูดกระทบตนจึงมีท่าทางสบายๆเมื่อเอ่ย
กับเชวฮันที่จ้องมายังเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“มังกรช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
“พวกมันเป็นเช่นนั้นจริงๆขอรับ”
เชวฮันพยักหน้าตอบรับกับคากล่าวของคาร์ลที่ตอนนี้กาลังมุ่ง
หน้าไปยังระเบียงก่อนที่จะมองออกไปนอกระเบียงห้องชั้นสาม
และหยุดชะงักกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงของเชวฮันเอ่ยเรียก
ขึ้นมา
“เอ่อ…..ท่านคาร์ล!”
“มีอะไรรึ?”
“……กระผมต้องแบกท่านลงไปอีกครั้งหรือขอรับ?”
คาร์ลส่งเสียงในลาคอเบาๆเมื่อได้ยินคาถามที่ลังเลใจของเชว
ฮันพลางยกนิ้วชี้ของตนขึ้นชี้ไปยังเพดานก่อนที่ร่างกายของเขา
จะถูกยกขึ้นจากพื้นและเริ่มจางหายไปช้าๆ
คาร์ลก้มมองร่างกายของตนค่อยๆเลือนหายไปก่อนจะมองขึ้น
ไปบนเพดานและเริ่มพูด
“มังกรเจ้ายอดเยี่ยมและทรงพลังเป็นยิ่งนัก”
“เจ้าพูดถูก…ข้ายอดเยี่ยมและทรงพลังที่สุด”
มังกรดาที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนเอ่ยตอบคาร์ลทันที เชวฮัน
สามารถมองเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าของคาร์ล
ได้ทันก่อนที่ร่างของคาร์ลจะหายไปอย่างรวดเร็ว เชวฮัน
ตระหนักได้ว่าคาร์ลกล่าวยกยอเพื่อใช้งานมังกรอยู่และทาให้
เขาเริ่มพูดแบบเดียวกันออกมา
“ว้าว!….เจ้ามังกร..เจ้าช่างยอดเยี่ยมและทรงพลังเป็นยิ่งนัก”
เมื่อเชวฮันกล่าวจบร่างกายของเขาก็ค่อยๆเลือนหายไป
เช่นเดียวกันและพวกเขาก็สามารถออกจากบ้านได้โดยไม่ต้อง
กังวลใดๆ แน่นอนว่ามีเครื่องมือตรวจจับพลังเวทย์ติดตั้งอยู่
รอบรั้วบ้านแต่มันมีไว้สาหรับป้องกันผู้บุกรุกทาให้พวกมันไม่มี
ปฏิกิริยาใดๆกับคนที่ก้าวออกไปจากบ้าน
เชวฮันยืนอยู่ในซอยเล็กๆที่ห่างจากที่บ้านพักของพวกเขาไม่
ไกลนักและเอ่ยขึ้น
“น่าจะเริ่มจากตรงนี้ล่ะขอรับ”
ทันทีที่เขากล่าวจบเวทย์ล่องหนบนตัวคาร์ลและเชวฮันก็ถูก
คลายออกอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับเวทย์ลอยตัวที่ถูกคลายออก
จากตัวคาร์ลส่งผลให้ตัวเขาอยู่ห่างจากพื้นดินเพียง 10 ซม.
และสามารถแตะลงพื้นดินได้อย่างนุ่มนวล คาร์ลรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่
เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
‘ทักษะการใช้พลังเวทย์ของมังกรดามีมากกว่าที่ฉันคิดอีกหรือ
นี่?มันคงจะเป็นความสามารถพิเศษของมันสินะ’
พลังเวทย์นี้มีระดับที่สูงกว่าพลังเวทย์ของเหล่านักเวทย์ขั้นสูง
เสียอีก จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่พวกเขากล่าวว่ามังกรที่โต
เต็มวัยสามารถทาลายทั้งอาณาจักรได้อย่างง่ายงานหากพวก
มันต้องการทาเช่นนั้น
‘แต่ฉันจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากมันอีกต่อไปหากฉัน
ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’มันจะทาให้ฉัน
สามารถเดินทางไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องมีมังกรดาหรือเชวฮัน’
‘เสียงเรียกของวายุ’ เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณลาดับที่ 3 ที่
คาร์ลวางแผนที่จะครอบครองมันและเขาจาเป็นที่จะต้องมุ่ง
หน้าไปยังชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันเพื่อ
หาพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้
‘ฉันจาเป็นที่จะต้องเดินทางไปยังดินแดนของอามูร์ อัลบา’
คาร์ลกาลังวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อครอบครองพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ ระหว่างที่เดินทางกลับ
จากเมืองหลวง ข้ออ้างของเขาต่อคนอื่นๆก็คือเขาแค่อยากแวะ
ไปเที่ยวชมเมืองนั่นเมื่อเริ่มเดินทางออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
ความจริงที่ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนั่นเป็นพลังที่มาจากทะเล
ทาให้เขากังวลเล็กน้อยแต่คาร์ลก็ตัดสินใจที่จะไม่คิดมากกับมัน
เพราะมันคือพลังที่ทาให้เขาสามารถสงบลงได้
‘ในเวลานั้นพรรคพวกของเชวฮันจะไม่ปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆฉัน
อย่างแน่นอน’
คาร์ลมั่นใจว่าเผ่าวาฬและเหล่านางเงือกจะปรากฏตัวขึ้นที่
ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือในตอนท้ายของนิยายเล่มที่ 4
สงครามกลางมหาสมุทรระหว่างทวีปตะวันตกและทวีป
ตะวันออก ทั้งหมดที่เขาต้องทาคือการหลีกเลี่ยงการเดินทางไป
ยังชายฝั่งในเวลานั้น เขาต้องการที่จะหลีกเลี่ยงจากเหล่านาง
เงือกที่บ้าคลั่งมากกว่าเผ่าวาฬเสียอีก
คาร์ลกระชับหมวกเพื่อปิดบังเส้นผมสีแดงสวยของตนก่อนจะ
หยิบแผนที่ออกจากระเป๋าจากนั้นเขาก็เริ่มออกนา
“ตามข้ามา”
มังกรดาที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนกับเชวฮันได้เดินขนาบข้างซ้าย
และขวาของคาร์ลเพื่อติดตามเขาออกจากย่านที่พักของขุนนาง
ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองฮูอิส
จากค่าคืนที่มืดมิดก็พลันสว่างไสวขึ้นเหมือนกับช่วงเวลา
กลางวันเมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ใจกลางเมืองฮูอิสแล้ว มีแสงจาก
คบเพลิงส่องสว่างไปทั่วท้องถนนที่มีร้านขายสินค้าต่างๆและ
ร้านเหล้าเป็นจานวนมากเรียกได้ว่าร้านเหล้าเป็นร้านที่มี
ชีวิตชีวามากที่สุดในเวลานี้แล้ว
“ย่านบันเทิงยามค่าคืนในเมืองหลวงช่างแตกต่างจากเมืองอื่น
จริงๆนะขอรับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคาพูดของเชวฮันก่อนที่จะมุ่งหน้าไป
ยังจัตุรัสกลอรี่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮูอิส จัตุรัสกลางเมืองที่อยู่
ตรงหน้าพวกเขาในขณะนี้สามารถมองเห็นน้าพุที่ถูกสร้างไว้ทั้ง
สี่ทิศรอบๆจัตุรัสกลางเมืองและน้าพุแต่ละแห่งต่างมีชาวเมือง
จับกลุ่มรวมตัวกันอยู่รอบๆบริเวณนั้น
สองคนกับหนึ่งมังกรต่างเห็นชาวเมืองที่กาลังผ่อนคลายกับ
สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงหลังจากการทางานมาตลอด
ทั้งวัน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วพวกเขายังสามารถ
ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศในจัตุรัสกลางเมือง
แห่งนี้จนกว่าจะมีทหารยามเข้ามาลาดตระเวนในเวลาห้าทุ่ม
คาร์ลเหลือบไปมองทางด้านซ้ายของตนเองจึงได้เห็นว่าเชวฮัน
กาลังลอบมองไปยังครอบครัวของชาวเมืองที่กาลังหัวเราะ
อย่างสนุกสนานตรงบริเวณน้าพุทางด้านทิศตะวันออกด้วยสี
หน้าว่างเปล่า
คาร์ลมองไปยังเชวฮันและภาพที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเขา
อย่างไม่รีบร้อนก่อนที่จะเอ่ยปากพูดในเวลาต่อมา
“….ทาให้ทุกคนไม่สามารถได้ยินเราได้”
เมื่อคาร์ลพูดจบก็ปรากฏโดมที่ไม่สามารถมองเห็นได้เข้า
ล้อมรอบพวกเขาในทันที มันเป็นสิ่งที่มีเพียงคาร์ล เชวฮันและ
มังกรดาที่อยู่ภายในโดมที่สามารถมองเห็นมันได้เท่านั้น
ในที่สุดเชวฮันก็หันมามองคาร์ลอีกครั้ง
“ทีแ่ ห่งนี้…มีบางสิ่งที่เรียกว่าระเบิดพลังเวทย์”
“ระเบิด?”
“ใช่มันคือระเบิด….ระเบิดพลังเวทย์สามารถพบได้ในลักษณะ
ต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันออกไป..
สาหรับทวีปตะวันตกที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกี่ยวกับการ
ทาสงครามด้วยพลังเวทย์มันจึงถูกพัฒนาขึ้นมาไม่น้อย”
เชวฮันตั้งใจฟังเรื่องที่คาร์ลเล่าอย่างเงียบๆ
“ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังมีข้อจากัดเป็นจานวนมาก…ไม่ว่าจะ
เป็นสถานที่ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์,การควบคุมพลังเวทย์ที่ไหล
ผ่านไปยังระเบิดและปัจจัยอื่นๆอีกมากมายทาให้ระเบิดนี้มี
ความยุ่งยากเกินไปที่จะใช้มัน”
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาชอบที่จะใช้พลังเวทย์ในช่วงสงคราม
แทนที่จะใช้ระเบิดพลังเวทย์เหล่านี้แต่ระเบิดพลังเวทย์ในครั้งนี้
จะแตกต่างออกไปจากที่เคยใช้มาก่อน
“ระเบิดเหล่านี้…เป็นระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่
และมันกาลังจะถูกนาเข้ามาติดตั้งในที่แห่งนี้รวมถึงสถานที่
ต่างๆรอบๆบริเวณนี้….ภายในหกวัน”
คาร์ลไม่คิดว่าระเบิดพลังเวทย์ห้าจุดที่เชวฮันและโรสรินหาพบ
ในนิยายจะยังอยู่ในจุดเดิมเพราะเรื่องราวได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป
พอสมควร นั่นหมายความว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็อาจเกิดการ
เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่คาร์ลได้วางแผนใหม่ไว้
เพราะถึงอย่างไรเขายังคงมั่นใจว่าเหตุการณ์น่ากลัวจากระเบิด
พลังเวทย์จะยังคงเกิดขึ้นตามที่นิยายได้กล่าวไว้
‘ก็ตั้งแต่ที่ฉันแน่ใจว่าเจ้านักเวทย์บ้านั่นอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้’
นักเวทย์เล่นเลือดหรือเจ้านักเวทย์บ้าคนนี้คือคนที่สร้างระเบิด
พลังเวทย์แบบใหม่นี้ขึ้นมา ก่อนที่จะแจกจ่ายให้แก่องค์กรลับ
เพื่อนาระเบิดพลังเวทย์ไปติดตั้งตามสถานที่ต่างๆในอาณาจักร
โรมัน และแน่นอนว่าหลังจากเสร็จสิ้นเหตุการณ์ก่อการร้ายใน
ครั้งนี้พวกมันจะยังคงซ่อนตัวตนที่แท้จริงของพวกมันในฐานะ
องค์กรลับได้ต่อไป
“ท่านกาลังบอกว่า…จะมีระเบิดพลังเวทย์ถูกนาเข้ามาติดตั้งที่นี่
หรือขอรับ?”
“ใช่…”
เชวฮันมองไปรอบๆบริเวณน้าพุและชาวเมืองที่อยู่ในจัตุรัส
กลางเมืองก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียบเย็นที่เอ่ยขึ้นเต็มสองหูของ
เขา
“มันอาจจะถูกฝังอยู่ในที่ไหนสักแห่งหรือแม้แต่ถูกติดตั้งไว้กับ
ตัวคน แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่ามันคือระเบิดและคิดว่า
มันเป็นเพียงสิ่งของธรรมดาๆทั่วไปเพราะมันอาจจะเป็นเพียง
แค่สร้อยข้อมือหรือกระเป๋าเงินและนั่นจะทาให้พวกเขาพกติด
ตัวเอาไว้ตลอดเวลาได้”
‘ติดตั้งไว้กับตัวคน’ คือประโยคที่ทาให้เชวฮันหันหน้าไปมอง
คาร์ลในขณะที่คาร์ลยังคงพูดต่อด้วยน้าเสียงที่เรียบเย็นต่อไป
“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น”
และแน่นอนว่าคาร์ลจะไม่เป็นคนลงมือทามันจะมีเพียงเชวฮัน
โรสลินและมังกรดาที่จะเป็นคนดาเนินการจัดการเรื่องพวกนี้
คาร์ลต้องการเพียงแค่จะอยู่นิ่งๆและต้องนิ่งให้ได้มากที่สุดใน
เมืองหลวงแห่งนี้
“เราจะป้องกันมันได้อย่างไร?”
“ง่ายมาก…”
บทที่ 36 นิ่งเข้าไว้ 3 (2)

คาร์ลกอดอกของตนขณะที่เอนหลังพิงลงบนต้นไม้ในที่อยู่ใน
จัตุรัสแห่งนี้พลางกล่าวต่อไป
“ระเบิดเหล่านั้นคือชิ้นส่วนสาคัญของพลังเวทย์ นั่นเป็นเหตุผล
ที่เจ้าจาเป็นจะต้องใช้ผู้ที่มีพลังเวทย์ขั้นสูงในการใช้ประสาท
สัมผัสของพวกเขาเข้าตรวจสอบพื้นที่และค้นหาตามสถานที่
ต่างๆที่ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์จานวนมากอยู่ที่นั่น”
เชวฮันชะงักไปกับท่าทางที่ดูใจเย็นของคาร์ลก่อนที่จะเอ่ยถาม
อย่างระมัดระวัง
“มันมีพลังเวทย์ในระดับที่สูงเพียงใดหรือขอรับ?”
“ไม่…มันไม่ได้มีระดับพลังเวทย์ที่สูงมากนัก…มันมีพลังเวทย์ที่
สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับความสามารถของนักเวทย์
ทั่วไป…มันยากที่เหล่านักเวทย์พวกนั้นจะสัมผัสถึงมันได้แต่
ระเบิดพลังเวทย์ที่มีชิ้นส่วนเล็กๆเหล่านี้สามารถดึงพลังเวทย์ที่
อยู่ในพื้นที่โดยรอบเข้าสู่ตัวมันได้ทันทีเพื่อสร้างพลังเวทย์ของ
ระเบิดให้มีการทาลายล้างได้สูงยิ่งขึ้น”
เชวฮันดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ในฐานะที่เขาเป็นเพียงผู้ใช้
ดาบและใช้กลิ่นอายในการเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ทาให้เขาอาจมี
ประสาทสัมผัสที่ไวต่อพลังเวทย์ต่างๆได้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไร
เขาก็ไม่ได้มีความสามารถที่มากไปกว่าเหล่านักเวทย์ตัวจริงได้
จึงไม่สามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่
“ท่านคาร์ล..กระผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ง่ายนัก”
“มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก..”
คาร์ลเอ่ยออกไปอย่างง่ายดายกับคากล่าวของเชวฮัน
“ถูกต้อง!”
ก่อนที่จะมีคาตอบมาจากด้านบนเหนือศีรษะของคนทั้งคู่
“มันเป็นไปได้สิ…น่าราคาญยิ่งนัก”
เหนือขึ้นไปจากคาร์ลก็คือ ‘มังกรดา’มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวได้ว่ามี
ประสาทสัมผัสที่ไวต่อพลังเวทย์ได้ดีที่สุด เชวฮันเพิ่งเข้าใจ
ในตอนนี้และพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาลืมไปได้
อย่างไรว่ามังกรตัวนี้ยอดเยี่ยมและทรงพลังมากเพียงใด
คาร์ลยื่นแผนที่ในมือของเขาให้แก่เชวฮัน
“ข้าไม่รู้เกี่ยวกับระเบิดที่จะถูกติดตั้งกับตัวคนแต่ระเบิดพลัง
เวทย์ที่จะถูกติดตั้งตามสถานที่ต่างๆจะถูกติดตั้งล่วงหน้าอย่าง
น้อยสองวันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
วันที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นคือวันที่พระราชาเสด็จพระราช
ดาเนินมาถึงและนั่นหมายความว่าการรักษาความปลอดภัยจะ
มีความรัดกุมและเข้มงวดมากขึ้นกว่าปกติก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน
ทาให้พวกมันจาเป็นต้องติดตั้งระเบิดพลังเวทย์ล่วงหน้าอย่าง
น้อยสองวัน
“ข้าไม่รู้เกี่ยวกับสถานที่อื่นๆเช่นกัน….แต่ข้าแน่ใจว่าอย่างน้อย
หนึ่งจุดที่พวกมันจะติดตั้งระเบิดพลังเวทย์จะต้องเป็นบริเวณที่
ใกล้กับที่แห่งนี้เพราะที่นี่เป็นสถานที่รวมตัวสาหรับชาวเมือง
เป็นจานวนมาก”
“ใช่….กระผมเห็นด้วย”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทาให้ที่นี่คือจัตุรัสกลางเมืองของอาณาจักร
แห่งนี้”
คาร์ลชี้ไปยังเชวฮันก่อนจะยกมือชี้ขึ้นไปบนฟ้า
“เชวฮัน….เจ้าและมังกรจะต้องเดินสารวจรอบเมืองทุกๆคืน
เพื่อค้นหาระเบิดพลังเวทย์เหล่านั้น”
“…….แค่เราสองคนรึ?”
คาร์ลตบที่ไหล่ของเชวฮันเบาๆและเอ่ยตอบคาถามที่เชวฮัน
ถามตน วิธีที่เขาใช้กับมังกรก็เป็นวิธีที่คล้ายๆกับที่เขาใช้กับเชว
ฮัน
“ใช่!…เชวฮัน…ถ้าหากเป็นเจ้า…ข้าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะ
สามารถเดินสารวจบริเวณรอบๆได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้…
เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์เป็นยิ่งนัก”
เชวฮันพยักหน้าตอบรับกับคากล่าวของคาร์ลอย่างเงียบๆก่อน
จะเอ่ยถามคาร์ลออกมา
“แล้วพวกกระผมจะต้องทาอย่างไรเมื่อหาพวกมันพบ?”
“ปล่อยมันไว้เช่นนั้นก่อน”
“……….จะไม่กาจัดมันหรือขอรับ?”
“เราจะกาจัดมันในวันเกิดเหตุ”
“ทาไมจึงเป็นเช่นนั้นหรือขอรับ?”
คาร์ลเริ่มแสยะยิ้มออกมา
“เจ้าไม่อยากเจอตัวนักเวทย์คนนั้นรึ?”
มันไม่ใช่คาตอบสาหรับคาถามของเชวฮันแต่เชวฮันกลับพยัก
หน้าอย่างเข้าใจ คาร์ลมองไปรอบๆจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ทุก
คนต่างดูมีความสุขแต่เหล่าสมาชิกขององค์กรลับกลับจะ
ทาลายมันลง คาร์ลไม่รู้ว่านักเวทย์เล่นเลือดในตอนนี้อยู่ที่ใด
เขาอาจจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งหรืออาจจะปลอมตัวเดิน
ผ่านไปมาก็เป็นได้
“นักเวทย์นั่นจาเป็นจะต้องมายังที่แห่งนี้เพื่อควบคุมและสั่งการ
การติดตั้งระเบิดพลังเวทย์ด้วยตนเองและนักเวทย์ที่ลงมือสร้าง
ระเบิดพลังเวทย์นี้ขึ้นมาเขาต้องการที่จะขจัดสิ่งรบกวนต่างๆ
เพื่อให้ระเบิดพลังเวทย์สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“ถ้าเช่นนั้น…………”
เชวฮันกาลังจะพูดในสิ่งที่เขาคิดแต่เขาก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทันและ
มองไปยังคาร์ลที่ยังคงพูดต่อด้วยน้าเสียงที่ไม่ได้สนใจท่าทาง
ของเขาเมื่อครู่นี้
“ก่อนอื่นเจ้าต้องหาระเบิดพลังเวทย์เหล่านี้ก่อน…หากเจ้าโชคดี
อาจเจอกลุ่มคนที่ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์นี้ได้และให้สะกดรอย
ตามพวกเขาไปโดยห้ามไม่ให้พวกเขารู้ตัวเป็นอันขาด”
เนื่องจากมังกรดาจะทางานร่วมกับเชวฮันจึงทาให้เขาสามารถ
หยุดการทางานของตนเองลงได้ทันก่อนที่จะถูกเจอตัวจากการ
ใช้พลังเวทย์ของเหล่าสมาชิกในองค์กรลับแต่คาร์ลคิดว่ามัน
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่พวกเขาจะเจอตัวกลุ่มคนเหล่านี้ได้
มันอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกับการค้นหาระเบิดพลังเวทย์
ในสถานที่ที่มีความผันผวน[1]ของระดับพลังเวทย์เช่นนี้ มันจะ
ทาให้มีความยากลาบากและเหนื่อยเป็นอย่างมากจึงเป็น
เหตุผลให้คาร์ลทิ้งงานนี้ให้กับพวกเขาทั้งสอง เขาไม่สามารถที่
จะช่วยอะไรได้และที่สาคัญไปกว่านั้น…คือเขาไม่มีความ
ต้องการที่จะลงมือทามันเช่นกัน
“เราจะต้องเดินสารวจในบริเวณนี้จนกว่าจะเหลือเวลาเพียง
สองวันก่อนเกินเหตุการณ์หรือขอรับ?”
“ไม่…พวกเจ้าจะต้องมาอีกหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ด้วย
เช่นกัน”
“วันก่อนเกิดเหตุด้วยรึ?”
‘มันจะไม่เป็นเรื่องที่ยากเกินไปรึ?เพราะในวันนั้น…ที่นี่จะมี
ทหารยามเป็นจานวนมาก’
เชวฮันไม่ได้เอ่ยคาถามของเขาออกมามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง
ยากแต่เขาก็สามารถที่จะจัดการมันได้เช่นกัน เขาจะต้องใช้
ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยและต้องระมัดระวังตัวเองให้
มากกว่าเดิม
ในตอนนั้นเองเชวฮันก็มองเห็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
บนใบหน้าของคาร์ลอีกครั้ง
คาร์ลหยิบลูกกลมๆสีดาออกจากกระเป๋าและยกมันสูงขึ้น
เพื่อให้เชวฮันได้เห็น
“อ่า…..”
เชวฮันมีอาการตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นมัน เขาคุ้นเคยกับลูก
กลมๆสีดานี้มันคือ ‘เครื่องรบกวนพลังเวทย์’ มันเคยถูกคาร์ล
ใช้มาก่อนหน้านี้มันมีพลังที่แข็งแกร่งมากพอที่จะหยุดทุกอย่าง
บนภูเขาลงได้
คาร์ลยกยิ้มด้วยความมั่นใจ เขารู้ว่าระเบิดพลังเวทย์เหล่านั้น
จะต้องหยุดการทางานลงอย่างกะทันหัน
“จะมีนักเวทย์จานวนมากที่มารวมตัวกันที่นี่ในวันนั้น…ดังนั้น
อาจจะมีเวลาไม่ถึง 10 นาทีแต่มันก็พอช่วยอะไรได้บ้าง…มันจะ
ทาให้ทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับพลังเวทย์หยุดทางานลงได้
ระยะเวลาหนึ่ง”
‘10 นาทีก็เพียงพอ’
พวกเขาต้องการจะช่วยชีวิตผู้คนจากระเบิดพลังเวทย์ในเวลา
10 นาที พวกเขาจะสามารถมองหาระเบิดพลังเวทย์เหล่านั้นได้
มากยิ่งขึ้นและเมื่อถึงเวลานั้นจะมีทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรเป็น
จานวนมากที่จะลงมือทางานนี้นอกเหนือไปจากเชวฮันและ
มังกรดาอีกด้วย
เชวฮันมองสลับไปมาระหว่างลูกกลมๆสีดาและและใบหน้าของ
คาร์ลด้วยความทึ่งและเริ่มพูดกับคาร์ลออกมาช้าๆ
“…….ท่านคาร์ล….ท่านวางแผนที่จะทาทั้งหมดนี้ด้วยตัว…..”
“นั่นแหละคือเหตุผลของข้า…..”
คาร์ลรู้ว่าเชวฮันจะพูดอะไรออกมาจึงทาให้เขาเลือกที่จะเอ่ยตัด
บทเชวฮันขึ้นก่อนจะเริ่มเอ่ยกับเชวฮันและมังกรในทันที
“ไปทางานได้แล้ว”
เชวฮันเหลือบมองคาร์ลด้วยความไม่เต็มใจนักก่อนที่คาร์ลจะชี้
ไปยังร้านเบียร์ที่มีชื่อเสียงในย่านนี้และเริ่มพูดต่อในทันที
“ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นั่น…เพียงแค่พวกเจ้าออกไปสารวจ
รอบๆบริเวณนี้จนถึง 5 ทุ่มแล้วค่อยกลับมาเจอข้าที่นี่อีกครั้ง”
เชวฮันหยุดคิดไปชั่วครู่ก่อนปล่อยเสียงออกมามันฟังคล้ายๆกับ
เสียงหัวเราะและพยักหน้าตอบรับกับคาพูดของคาร์ลช้าๆ
“กระผมเข้าใจแล้ว..คืนนี้กระผมกับมังกรจะออกไปสารวจ
รอบๆบริเวณจัตุรัสแห่งนี้ก่อนกลับมาเจอท่านที่นี่อีกครั้ง”
เชวฮันเคยคิดที่จะถามคาร์ลว่าเหตุใดเขาจึงไม่ไปกับพวกตน
ด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
คาร์ลจะกลายเป็นภาระสาหรับตัวเขาและมังกรในขณะที่พวก
เขาลงมือทางาน
คาร์ลร่างกายอ่อนแอและไม่มีสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าร่างกายของเขา
มีพลังเวทย์อยู่ในนั้นรวมทั้งท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่เคยได้รับ
การฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวชนิดใดๆเช่นกัน เขาเป็นเพียงคน
ธรรมดา…แต่ก็มีความไม่ธรรมดาในเวลาเดียวกัน
“ข้าจะตั้งใจทางานอย่างหนัก….ดังนั้นเจ้าช่วยซื้อเบียร์ให้ข้าดื่ม
ด้วยสิหากข้ากลับมาถึงแล้ว”
“ได้สิเจ้ามังกร….ข้าขอบคุณสาหรับความช่วยเหลือของเจ้า
ด้วย”
มังกรดาได้คลายโดมกั้นเสียงออกจากตัวพวกเขาทันทีราวกับ
ว่ามันทาให้คาร์ลเห็นถึงความกระตือรือร้นในการทางานของ
มัน เชวฮันก้มศีรษะของเขาให้แก่คาร์ลเล็กน้อยก่อนที่จะ
เคลื่อนตัวออกห่างจากคาร์ลในทันที
อีกสองชั่วโมงต่อมาคาร์ลก็กลับไปยังบ้านพักของตนพร้อม
กับเชวฮันและมังกรดาที่ไม่สามารถค้นเจอสิ่งใดได้
และในคืนต่อมาพวกเขาก็ไม่สามารถค้นเจอสิ่งใดๆได้เช่นกัน
คาร์ลซึ่งนอนไม่หลับในตอนกลางคืนได้ตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยง
เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘พละกาลัง
แห่งดวงใจ’จะไม่ทาให้ร่างกายของเขารู้สึกเหนื่อยได้ง่าย
“นายน้อย….ตื่นแล้วหรือขอรับ?”
“รอน…….”
คาร์ลรู้สึกว่าค่าคืนที่แสนหวานของเขาได้จางหายไปราวกับฝัน
เมื่อต้องตื่นกลับสู่โลกความเป็นจริง
“กระผมกลับมาแล้วขอรับ”
อ่า….รอนกลับมาแล้วจากนั้นรอนก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่
คาร์ล ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยสั่งรอนในเวลาต่อมาเมื่อได้อ่าน
จดหมายฉบับนี้แล้ว
“รอน…ไปเตรียมห่อขวดไวน์ที่ดีที่สุดเอาไว้”
มันเป็นจดหมายที่มีตราสัญลักษณ์ของตระกูลฟลินน์ คาร์ลเปิด
จดหมายเพื่อเจอเนื้อหาเพียงประโยคเดียว
[นายน้อยคาร์ล…เร็วนี้ๆท่านจะให้เกียรติเลี้ยงเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์แก่กระผมได้หรือไม่ขอรับ?]
บิลอส บุตรชายนอกสมรสของหัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์คือ
เจ้าของจดหมายฉบับนี้และเขาจะเดินทางถึงเมืองหลวงใน
เร็วๆนี้แล้ว
จดหมายฉบับนี้ช่วยให้คาร์ลรู้ว่าเหลือเวลาเพียงไม่นานที่เขา
จะต้องเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์ชายรัชทายาทในวังหลวง เป็น
เพราะที่นั่นมีเหล่าตัวร้ายอยู่เป็นจานวนมากจึงเป็นเหตุผลที่เขา
สมควรจะวางตัวให้นิ่งและนิ่งให้มากที่สุดในตอนนั้น

[1] ความผันผวน คือ การกลับไปกลับมา ปั่นป่วน ไม่แน่นอน


ไม่คงที่ แปรผัน
บทที่ 37 นิ่งเข้าไว้ 4 (1)

รอนพยักหน้าตอบรับกับคาสั่งของคาร์ลแต่ยังต้องแจ้งให้คาร์ล
ทราบอีกเรื่องก่อนที่เขาจะออกไป
“ได้ขอรับ…ว่าแต่!นายน้อยยังจากาหนดการที่จะไปพระราชวัง
ในวันพรุ่งนี้ได้นะขอรับ?”
ก่อนที่พระราชาจะเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเปิดงานการ
เฉลิมฉลองเทศกาลที่จัตุรัสกลางเมืองอย่างเป็นทางการนั้น
เหล่าขุนนางและตัวแทนขุนนางจากตระกูลต่างๆจะมี
กาหนดการที่ต้องเข้าเฝ้าองค์ชายรัชทายาท มันไม่ใช่การ
ประชุมที่เคร่งเครียดหรืองานเลี้ยงสังสรรค์แต่มันมีความก่ากึ่ง
ระหว่างสองอย่างนี้ มันถูกกาหนดให้เข้าเฝ้าในสถานที่ที่อยู่ใน
ปีก[1]ของพระราชวังซึ่งมักมีการจัดประชุมครั้งสาคัญในที่แห่ง
นี้อยู่บ่อยครั้ง
คาร์ลกาลังนึกถึงองค์ชายรัชทายาทและพระราชวังก่อนที่จิตใจ
จะลอยไปนึกถึงอีกหนึ่งอย่าง
‘บุตรชายคนโตที่ถูกขับออกจากตระกูลและนักบวชหญิงผู้บ้า
คลั่ง’
‘ไม่แน่ใจว่าเทย์เลอร์และเคจจะทาได้ดีหรือเปล่านะ?’ แต่คาร์ล
กลับมีความรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนน่าจะทามันออกมาได้ดี
มากต่างหาก
“อืม…ข้าจาได้”
ก่อนจะรู้สึกว่าทั่วทั้งแผ่นหลังและศีรษะของตนมีอาการหนาว
เย็นจนขนลุกชันขึ้นมา เขายกมือลูบศีรษะทางด้านหลังของตน
เบาๆและพยายามสลัดเรื่องที่กาลังคิดออกไปจากหัวของตน
‘อย่าไปคิดถึงเรื่องของสองคนนั้นดีกว่า’
คาร์ลจะทาเพียงแค่อยู่ให้เฉยที่สุดเมื่อเข้าไปยังพระราชวัง
แม้ว่าจะมีใครก่นด่าสาปแช่งเขาให้ได้ยินก็ตามแต่ เขาก็จะนั่ง
เงียบๆและพาตัวเองกลับมายังที่บ้านพักของตนให้เร็วที่สุด
เท่าที่จะทาได้ คาร์ลเหลือบไปมองโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเขาซึ่งมี
จดหมายของอีริควางอยู่บนนั้น
[คาร์ล..เจ้าไม่ต้องลงมือทาสิ่งใดเลย..พี่ชายคนนี้จะเป็นคน
จัดการทุกอย่างให้แก่เจ้าเอง..เจ้าเข้าใจหรือไม่?]
อีริค วิลส์แมนเป็นหนึ่งในขุนนางของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือได้ส่งจดหมายฉบับนี้มาให้เขาในวันหนึ่ง
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีริคเป็นห่วงเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
ได้ คาร์ลคว้าจดหมายจากบนโต๊ะและยัดมันไว้ใต้ลิ้นชัก
“กระผมจะให้พวกเขาเลือกห่อไวน์ขวดที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรา
นะขอรับ…นายน้อย”
“ดีมาก”
คาร์ลกาลังเฝ้ามองรอนที่เดินออกไปจากห้องและทันได้เห็นสี
หน้าบางอย่างของรอนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในตอนที่รอน
กาลังก้าวผ่านประตูที่เปิดอยู่ออกไปจากห้อง รอนก้มมอง
บางอย่างก่อนที่จะปิดประตูเบาๆ ลูกแมวสองตัวที่ถูกรอนจ้อง
มองเมื่อครู่ได้เดินเข้ามาหาคาร์ลและเริ่มพูดกับคาร์ลในทันที
“ข้าคิดว่าข้าสามารถฆ่าพวกเขาได้หากพวกเขาลดการระวังตัว
ลง!”
“ข้าเจอวิธีที่เราสามารถฆ่าพวกเขาได้แล้ว!”
มันคือลูกแมวสองพี่น้อง ‘ออนและฮง’ ลูกแมวน้อยสองตัวที่
คาร์ลไม่ได้เห็นมาสักระยะหนึ่งพวกมันกาลังรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับ
การที่มันได้พบหนทางในการลงมือฆ่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่าง
เผ่าหมาป่า
“เยี่ยมมาก”
ลูกแมวสองตัวขยับเข้าใกล้คาร์ลและใช้ใบหน้าของพวกมันถูไถ
ไปที่ขาของคาร์ลอย่างดีใจหลังจากได้รับคาชมเชยจากเขา
คาร์ลผลักพวกมันออกห่างด้วยความราคาญก่อนที่รอนจะเข้า
มาในห้องอีกครั้ง
“นายน้อยขอรับ…”
“มีอะไร?…”
รอนมองไปยังคาร์ลผู้ที่เอ่ยตอบราวกับไม่สนใจสิ่งใดก่อนที่รอน
จะเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“กระผมขอติดตามไปรับใช้นายน้อยในพระราชวังได้หรือไม่
ขอรับ?”
“ทาไมเจ้าถึงถามข้าเช่นนั้น? ใครจะไปหากไม่ใช่เจ้า?”
คาตอนนั้นของคาร์ลทาให้รอนตัดสินใจที่จะเดินทางออกไปจาก
ที่นี่
ผู้ที่เรียกตนเองว่า ‘อาร์ม’และปกครองเหล่าอาชญากรในทวีป
ตะวันออกได้เริ่มขยายขอบเขตการปกครองมาถึงทวีปตะวันตก
‘อาร์ม’ เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแห่งหนึ่งและไม่มีใครรู้จัก
ตัวตนที่แท้จริงของพวกมัน
ตระกูล‘โมแลน’เป็นตระกูลของนักฆ่ารุ่นที่ห้าที่พยายามเข้า
ปกครองในยามรัตติกาลทั่วทั้งทวีปตะวันออกและรอน โมแลน
คือผู้สืบทอดตระกูลโมแลนนี้ เขาเกลียดและกลัว ‘อาร์ม’ เป็น
ยิ่งนัก
“นายน้อย”
“ว่า?”
“นายน้อยจะต้องดูดีเป็นอย่างยิ่งในพระราชวังนั่น”
“รอน…”
คาร์ลจ้องไปที่รอน หลังจากเขากลับมาจากการพักผ่อนก็ดู
เหมือนว่าเขาจะประจบสอพลอมากกว่าเดิมซึ่งซึ่งต่างจาก
ตัวตนปกติของเขาเป็นอย่างมากก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยถาม
“เจ้าคิดว่า….ข้ามีใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่น่าหลงใหล
หรือไม่?”
‘เมี้ยว’ ‘เมี้ยว’
ลูกแมวกาลังกรีดร้องในลาคอเมื่อได้ยินคาถามนั้นของคาร์ล แต่
พวกมันก็ไม่สามารถปฏิเสธในเรื่องนี้ได้เพราะคาร์ลเป็นชายที่มี
ใบหน้าหล่อเหลาและมีรูปร่างที่น่าหลงใหลอย่างที่เขาพูดจริงๆ
สิ่งที่ ‘คิมร็อกโซ’ชื่นชอบในตัวคาร์ลก็คือเงินของเขา
นอกเหนือไปจากนั้นก็คือร่างกายและใบหน้าของคาร์ล
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าริมฝีปากของเขาอยากจะยกยิ้มให้เต็ม
ใบหน้าเสียแล้ว
“แน่นอน…นายน้อยของเราคือชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่สุด”
และรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจากใบหน้าของคาร์ล
‘เมื่อกี้…ฉันเพิ่งได้ยินอะไรไปเนี่ย?’
น้าเสียงของรอนเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนและเอาใจ มัน
ฟังดูเหมือนว่ารอนกาลังเล่นเกมบางอย่างกับเขาอยู่ คาร์ลรู้สึก
หนาวสั่นไปทั่วร่างของตนและหันกลับไปมองรอนที่ยืนอยู่ตรง
นั้น รอนมีรอยยิ้มที่พึงพอใจเต็มใบหน้าของเขามันดูแตกต่าง
จากตอนที่เขาแกล้งทาเป็นพอใจกับอะไรบางอย่าง
ตอนนี้คาร์ลรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างอีกครั้งแต่รอนไม่ได้สนใจ
และยังคงตั้งใจทาหน้าที่พ่อบ้านของตนต่อไป
“เดี๋ยวกระผมขอตัวออกไปหารองพ่อบ้านฮันส์ก่อนนะขอรับ?”
“อ้อ? อ่า….ไปได้…เจ้าออกไปได้เลย”
รอนรีบออกไปจากห้องของคาร์ลทันทีและในขณะเดียวกัน
คาร์ลก็เริ่มคิดเมื่อมองไปยังประตูที่ปิดสนิทนั่น
‘ทาไมเขาถึงทาตัวแบบนั้นกันนะ?’
คาร์ลไม่รู้ว่าสาเหตุใดจึงทาให้รอนดูแปลกไปเช่นนี้แต่เขาก็ยัง
ไม่ต้องการที่หาเหตุผลในเรื่องนี้เช่นกัน คาร์ลยังคงจ้องไปยัง
ประตูที่ปิดสนิทอีกครู่ใหญ่พร้อมกับความรู้สึกสับสนที่ปรากฏ
ขึ้นเต็มใบหน้าของเขา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
มีคนเคาะประตูห้องของคาร์ล ก่อนที่ลูกแมวขนสีแดงจะเอ่ยขึ้น
“กลิ่นเหมือนหมาป่า”
คาร์ลที่ยังไม่ได้ละสายตาออกจากประตูได้เริ่มเอ่ยขึ้น
“เข้ามาได้”
คลิ๊ก! เสียงจากลูกบิดประตูส่งเสียงดังขึ้นก่อนที่บานประตูจะถูก
เปิดออกอย่างช้าๆ คาร์ลมองเห็น ‘ล็อก’เด็กชายจากเผ่าหมา
ป่าสีน้าเงินที่ยังคงยืนเก้ๆกังอยู่หน้าประตูห้อง ล็อกลังเลอยู่ชั่ว
ครู่ก่อนเอ่ยทักคาร์ลออกมา
“เอ่อ…สวัสดี..ข้า…ข้ามาเพื่อขอบคุณท่าน…ข้าไม่รู้ว่าอาการ
แบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้อีกเมื่อไหร่..มันอาจจะไม่ดีต่อตัวท่าน
หากข้าจะเข้าไปใกล้ท่านมากกว่านี้…”
“เข้ามา”
คาร์ลไม่ต้องการที่ได้ยินเสียงที่ชวนอึดอัดใจเช่นนั้นอีกต่อไป
เขาจึงโบกมือเพื่ออนุญาตให้ล็อกเข้ามาภายในห้องของตน ล็อ
กปิดประตูด้วยความระมัดระวังด้วยท่าทางกังวลใจก่อนจะ
เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้คาร์ลช้าๆ คาร์ลชี้ไปยังโซฟาที่อยู่ตรงข้าม
เขา
“นั่งสิ”
“ขอบคุณ”
ล็อกนั่งลงบนโซฟาและลอบมองคาร์ลอย่างเงียบๆ มันแตกต่าง
จากคาพูดของเขาก่อนหน้านี้ที่ว่าชายคนนี้ทาให้นึกถึงลุงของ
ตน ชายคนนี้ชื่อคาร์ล เฮนิตัส เขามีรังสีบางอย่างที่ทาให้ล็อก
รู้สึกว่ามันยากที่จะเข้าใกล้เขาได้
แทนที่มันจะเป็นเรื่องยากเพราะลักษณะที่ดูแข็งแรงเช่นลุงของ
ตนแต่มันกลับทาให้รู้สึกว่าเรื่องที่มันยากมากกว่าคือการเริ่ม
พูดคุยกับเขา
“เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าเช่นนั้นรึ?”
“ท่านรู้?”
ล็อกเหมือนจะนิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาจะพูดไปชั่วขณะก่อนจะเด้งตัว
ลุกขึ้นจากโซฟาและก้มศีรษะให้แก่คาร์ลในทันที
“ขอบคุณท่านมาก!”
ล็อกมีท่าทางที่ดูไร้เดียงสา ขี้ขลาดและบางครั้งก็ดูโง่เง่า
แน่นอนว่าล็อกสามารถถอดแบบจากรายละเอียดที่กล่าวไว้ใน
นิยายได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
‘ในนิยายได้บอกว่าบุคลิกของเขาจะเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่
ภาวะการกลายร่างเป็นครั้งแรกแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาก็ยัง
เป็นเหมือนเดิมอยู่’
“แน่นอน..มันเป็นเรื่องที่เจ้าต้องขอบคุณข้าอยู่แล้ว”
“ห๊ะ?…..อ่า..ใช่แล้ว….”
ล็อกมีรอยยิ้มแปลกๆประดับบนใบหน้าขณะที่เขาค่อยๆลดตัว
ลงนั่งที่โซฟาอีกครั้ง คาร์ลมองดูล็อกที่นั่งลงเรียบร้อยแล้วและ
เอ่ยขึ้นทันที
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าไปมากกว่านี้แล้ว…..ออกไปได้”
“เอ่อ..อืม…คือว่า….”
ล็อกไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนร่างกายได้เขาทาได้เพียงขยับ
ริมฝีปากของตนขึ้นโดยไม่กล่าวอะไรออกมา เขาได้ยินเรื่องราว
ต่างๆของคาร์ลจากโรสลิน ลูกแมวสองตัวจากเผ่าแมว เชวฮัน
และแม้กระทั่งฮันส์ ซึ่งมันทาให้เขานึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้และ
นึกถึงสิ่งนั้นซ้าไปซ้ามาอยู่บ่อยครั้งแต่ในตอนนี้เขากลับไม่
สามารถนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้เลย
คาร์ลยังคงเฝ้ามองล็อกอย่างเงียบๆ เขารู้ว่าที่ล็อกมีอาการ
เช่นนี้เป็นเพราะเขาพยายามเอ่ยปากให้ล็อกออกไปจากห้อง
นั่นเอง
“เอ่อ..ท่าน..ท่านรู้”
ล็อกไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขายังคงลอบมองไปที่คาร์ลอยู่หลาย
ครั้งก่อนที่จะหยุดสายตาไว้ที่ปลายเท้าของตนเอง ริมฝีปากของ
เขาถูกเม้มเข้าเม้มออกอยู่หลายครั้ง เขาไม่ชอบบุคลิกของ
ตัวเองเช่นนี้เลยและเขาก็ได้ยินเสียงเรียบเย็นที่เอ่ยออกมา
“เจ้ามีอะไรก็พูดออกมาได้แล้ว”
“เอ่อ…คือ”
ล็อกเงยศีรษะของตนขึ้นเพื่อมองไปยังคาร์ล นี่เป็นครั้งแรกที่ล็
อกได้สบเข้ากับสายตาของคาร์ลตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในห้องนี้
คาร์ลยังคงจ้องไปที่ตาของล็อกขณะที่ยังคงพูดต่อไป
“ดี! เมื่อเจ้ากาลังพูดกับใครเจ้าก็ควรสบตากับเขาเช่นนี้”
และยังคงเอ่ยต่อไป
“พูดทุกสิ่งที่เจ้าต้องการออกมาให้หมด”
คาร์ลมองไปที่นาฬิกาก่อนจะหยุดสายตาไปไว้ที่ล็อกเขายังคง
จ้องมาที่คาร์ลด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ข้ามีเวลาไม่มากพอที่จะฟังสิ่งที่เจ้าพูดได้นานนักหรอกนะ”
“เอ่อ…..”
ล็อกผ่อนลมหายใจของตนออกมาเบาๆและกระชับมือทั้งสอง
ข้างของตนไว้แน่นเพื่อไม่ให้มีอาการกระสับกระส่ายออกมาให้
เห็น ก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่เขาต้องการออกมาช้าๆ
“ข้า….ข้าเป็นพี่ชาย”
เสียงของเขาแผ่วเบาไร้พลังถึงแม้จะมีร่างกายที่สูงใหญ่แต่ก็ยัง
เป็นเพียงเด็ก
“ข้า….ต้องดูแลน้องๆในเผ่า”

[1] ‘ปีก’ เป็นส่วนหนึ่งของอาคารหรือคุณลักษณะอื่นๆของ


อาคาร ซึ่งจะอยู่ใต้โครงสร้างหลักหรือตรงกลางของอาคาร ปีก
แต่ละแห่งสามารถยึดติดกับอาคารหลักได้โดยตรงหรืออาจจะ
สร้างแยกจากกันแต่มีการสร้างโครงเพื่อเชื่อมเข้าหากันเช่นเสา
หรือนั่งร้านไม้เลื้อย อาคารแบบใหม่อาจมีการสร้างปีกขึ้นมา
ตั้งแต่เริ่มแรกหรืออาจจะถูกเพิ่มเข้าไปในภายหลังเป็นส่วนหนึ่ง
ของการขยายหรือปรับปรุงอาคาร ซึ่งสามารถพบในอาคาร
ต่างๆของฝั่งตะวันตกเช่นทาเนียบขาว หรือตามสถาปัตยกรรม
ของทางยุโรปเช่นพระราชวังฮอฟบวร์ค พระราชวังแวร์ซาย
เป็นต้น
บทที่ 37 นิ่งเข้าไว้ 4 (2)

ล็อกรู้ตัวดีว่าตัวเขายังขาดคุณสมบัติหลายอย่างที่จะถูกเรียกว่า
เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหมาป่าสีน้าเงินได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น
เขาก็มีน้องๆอีก 10 คนที่เขาต้องการที่จะปกป้องและดูแล
ในตอนนี้
นอกจากนั้น
“ข้ายังเป็นหลานชายและน้องชายอีกด้วย”
สมาชิกในเผ่าหมาป่าสีน้าเงินต่างรักใคร่และคอยดูแลเอาใจใส่
แก่ล็อกผู้ขี้ขลาดและโง่เขลาอยู่เสมอ เขาไม่อาจลืมเรื่องราว
เกี่ยวกับครอบครัวของตนและสมาชิกคนอื่นๆในเผ่าได้เลย
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากแก้แค้น”
มันคือเหตุผลที่ล็อกต้องการให้พวกมันได้ชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง
คืนแก่เขากับสิ่งที่พวกมันได้พรากออกไปจากชีวิตของเขา
เช่นนั้น
ล็อกกระชับมือที่สั่นของตนแน่นขึ้นอีกและเอ่ยพูดทุกอย่างที่ตน
นึกออกในตอนนั้นขึ้นมา เมื่อเขาได้ท้ามันออกมาเขารู้สึกถึง
ความอัดแน่นที่ศีรษะของตนได้โล่งหายไปเล็กน้อย ก่อนจะลุก
ขึ้นโค้งศีรษะให้แก่คาร์ลและยังคงจ้องไปที่ปลายเท้าทั้งสองข้าง
และพื้นพรมที่เขาเหยียบอยู่เช่นเดิม ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงที่
เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หมาป่าน้อย”
ล็อกเงยศีรษะของตนขึ้นเพื่อมองไปที่ ‘คาร์ล เฮนิตัส’ เจ้าของ
บ้านหลังใหญ่ที่ล็อกไม่สามารถฝันถึงว่าเขาจะสามารถอาศัยอยู่
ในที่เช่นนี้ในหมู่บ้านของตนได้อย่างไรและเขายังเป็นคนที่พี่เชว
ฮันเคยบอกแก่ตนว่าเขาได้วางเดิมพันชีวิตของเขาเกือบ
ทั้งหมดไว้ที่ชายคนนี้
คาร์ลเอ่ยกับเขาด้วยน้้าเสียงห้วนและตรงไปตรงมา
“เจ้าคือหมาป่า”
ภาพความทรงจ้าต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตของล็อกได้วิ่งเข้าสู่
ศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว เขาได้เห็นชีวิตของตนที่อาศัยอยู่ในเผ่า
หมาป่าสีน้าเงินอย่างมีความสุข
“เผ่าหมาป่าปกป้องครอบครัวของพวกเขาและท้าทุกอย่าง
ให้แก่พวกเขาก่อนตัวเองเสมอข้าถือว่าพวกเขาเป็นเผ่าที่
น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง”
ล็อกมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคาร์ล
“ข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าต้องการจะพูดแล้ว”
ในช่วงเวลานั้นล็อกสามารถมองเห็นชายคนนี้และทุกสิ่งทุก
อย่างที่อยู่ในห้องได้กระจ่างชัดมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นลูกแมวสอง
ตัวจากเผ่าแมวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาและแสงแดดที่ส่องเข้ามาใน
ห้องมันท้าให้เขารู้สึกสงบและผ่อนคลายมากขึ้น
ในที่สุดล็อกก็สามารถจดจ้าสิ่งที่เขาต้องการจะพูด
“ขอบคุณทุกความช่วยเหลือจากท่าน…..และได้โปรดช่วยข้า
ด้วย”
เจ้าของบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายได้กล่าวขึ้น
“เจ้าขอบคุณข้ามามากพอแล้ว….”
เหตุผลที่คาร์ลครุ่นคิดถึงการวางตัวเป็นเพียงขยะไร้ค่าในช่วง
หลายวันที่ผ่านมาก็เพราะเชวฮันและมังกรด้า ในส่วนของมังกร
ด้าคาร์ลกังวลเกี่ยวตัวของมันเองในขณะที่เชวฮันนั้นเขากังวล
กับสิ่งที่เชวฮันน้ากลับมาพร้อมกับเขาด้วย
“ข้าไม่ต้องการที่จะช่วยเจ้า”
คาร์ลไม่ต้องการที่จะช่วยเหลือล็อกแต่เขาก็รู้ดีถึงความเจ็บปวด
ของเด็กๆจากเผ่าหมาป่าทั้ง10 คนที่ก้าลังเผชิญอยู่เมื่อต้อง
สูญเสียพ่อแม่และการอุ้มชูเลี้ยงดูจากพวกเขาไปเพราะมันคือ
สิ่งที่เขาเคยประสบมาด้วยตนเองมาก่อน อีกทั้งการที่เขาได้ย่าง
ก้าวสู่สถานการณ์แบบนี้แล้วเขาไม่ต้องการที่จะเป็นคนที่
รับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างเช่นกัน
เขาวางแผนที่จะท้าในสิ่งที่ใช้การลงทุนน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้
ตัวเองต้องขาดทุนเช่นกัน
คาร์ลยังกล่าวต่อไปในขณะที่ล็อกลดศีรษะของเขาต่้าลง
หลังจากได้ยินคาร์ลเอ่ยปฏิเสธความช่วยเหลือแก่เขา
“…..แต่ข้ามีแผนที่จะท้าข้อตกลงกับเจ้า”
“…..ข้อตกลง?”
“ใช่”
คาร์ลพูดต่อในทันที
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือในสิ่งใด?…และสิ่งที่เจ้าจะท้าเพื่อ
ตอบแทนข้าคืออะไร?”
คาร์ลไม่มีความต้องการที่จะสอนเด็กชายที่ไม่มีประสบการณ์
อะไรเลยนั่นคือสิ่งที่เชวฮันหรือโรสลินจะต้องเป็นคนจัดการกับ
เรื่องนี้ คาร์ลลุกขึ้นยืนเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาจะต้องจัดการอีกสอง
สามอย่างก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังพระราชวังและเขาได้เอ่ยกับ
เด็กน้อยหมาป่านี้อีกครั้ง
“จงกลับมาเมื่อเจ้ามีค้าตอบให้แก่ข้าแล้ว”
ล็อกหยุดคิดชั่วขณะก่อนที่จะลุกขึ้นโค้งศีรษะให้แก่คาร์ล
“ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าจะกลับมาพบท่านเมื่อข้าคิดค้าตอบนั้นได้”
“อืม….”
คาร์ลลูบไปที่ศีรษะของล็อกเบาๆหนึ่งครั้งท้าให้ตาของล็อกเปิด
กว้างเป็นประกายขึ้นมามันเหมือนกับว่าเขาค่อนข้างพอใจกับ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้
************************************************
***********************************
คาร์ลหยิบบัตรเชิญเข้าร่วมงานขององค์ชายรัชทายาทขึ้นมา
ถือไว้และก้าวลงจากรถม้า การชุมนุมของเหล่าขุนนางและองค์
ชายรัชทายาทจะเริ่มขึ้นเวลาห้าโมงเย็น คาร์ลมองไปรอบๆ
พระราชวังที่มีความสวยงามและหรูหรานี้ แม้แต่คฤหาสน์ของ
ตระกูลเฮนิตัสกับบ้านพักในเมืองหลวงของพวกเขารวมกันก็ไม่
อาจเทียบกับสิ่งที่คาร์ลเห็นตรงหน้านี้ได้เลย
‘พระราชวังแห่งความสุข’ คือชื่อของสถานที่ในการชุมนุมใน
ครั้งนี้ มันถูกสร้างขึ้นจากพระราชาที่ต้องการแบ่งปันความสุข
ของพระองค์จากการประสูติขององค์ชายรัชทายาท แน่นอนว่า
ในตอนนี้พระราชาทรงโปรดปรานองค์ชายสามมากที่สุด
คาร์ลได้ตกลงกับอีริค กิลเบิร์ตและอามูร์ว่าจะรวมตัวกันที่ด้าน
นอกของพระราชวังก่อนจะเข้าไปด้านในพร้อมกัน เขามอง
รอบๆพระราชวังก่อนจะเริ่มคิดในใจ
‘นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเกินไปแล้วนะ?’
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เมื่อคนที่มาถึงพระราชวังพร้อมๆกับ
คาร์ลคือหนึ่งในคนที่เขาอยากหลีกเลี่ยง
“ว้าว!…..นั่นใครกันนะ?…อ้อ!….นายน้อยคาร์ลผู้โด่งดังของเรา
นี่เอง”
‘เฮ้อ….’
คาร์ลลอบถอนใจยาว….เขารู้สึกไม่สบายใจจากน้้าเสียงของคน
ที่เอ่ยกับตนเช่นนั้น คนที่ก้าวมาหาคาร์ลอย่างช้าๆคือ ‘นีโอ
โทร์ส’ ทายาทจากตระกูลโทร์ส
‘ท้าไมฉันต้องมาเจอพรรคพวกของเวเนี่ยนในตอนนี้ด้วยนะ?’
‘นีโอ โทร์ส’ เป็นหนึ่งในตัวร้ายที่ถอดแบบมาจากตัวร้ายทั่วไป
ในนิยายหรือหนังเรื่องต่างๆ เขาจะวิ่งท้าตามค้าสั่งหรือ
ข้อเสนอของเวนี่ยนอย่างไม่ลังเลใจ
หมู่บ้านที่มังกรด้าถูกกักขังทรมานก็อยู่ในเขตพื้นที่ของ
นายอ้าเภอโทร์ส
และคนของจากตระกูลโทร์สก็ไม่เคยชื่นชอบตระกูลเฮนิตัสนั่น
เป็นเพราะ…แม้ว่าพวกเขาจะถูกแยกออกจากกันด้วยภูเขาลูก
เดียวแต่ความแตกต่างในความร่้ารวยมั่งคั่งช่างห่างไกลกัน
อย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าในอดีตพวกเขาจะเคยเป็นมิตรที่ดีต่อ
ตระกูลเฮนิตัสก็ตาม
ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อตระกูลโทร์สได้เข้ารวมกลุ่มกับมาร์คค
วิสสแตนเมื่อห้าปีที่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พูดหรือแสดง
มันออกมาอย่างชัดเจนแต่พวกเขาได้ลอบท้าลับหลังทุกครั้งใน
การประชุมขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นีโอ โทร์ส ส่งรอยยิ้มสดใสให้แก่คาร์ลเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าคาร์ล
ในตอนนี้
“เจ้าอยู่คนเดียวงั้นรึ?”
พวกเขาอยู่ห่างจากทางเข้าพระราชวังไม่ไกลนัก รองหัวหน้า
องครักษ์และรอนก้าลังเจรจากับทหารองครักษ์ของพระราชวัง
เพื่อขออนุญาตเข้าไปด้านในคาร์ลที่มีผู้ติดตามเพียงเล็กน้อย
และยังอยู่ห่างจากตัวเองจ้องมองไปที่นีโอ
นีโอเมื่อเห็นว่าคาร์ลอยู่เพียงล้าพังจึงได้ผลักไส
ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ออกไปก่อน
“ข้าจะคุยกับนายน้อยคาร์ลสักหน่อย…พวกเจ้าไปขออนุญาต
ให้พวกเราได้เข้าไปในพระราชวังที”
นีโอส่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตนไปให้แก่ทหารองครักษ์ของ
พระราชวังก่อนจะขยับเข้ามาใกล้คาร์ลมากขึ้น เมื่อทั้งสองคน
มีระยะห่างจากกันไม่มากนีโอจึงเริ่มเอ่ยออกมา
“นายน้อยคาร์ล”
นีโอมีรอยยิ้มอันอบอุ่นและเป็นกันเองบนใบหน้าของเขาใน
ขณะที่เอ่ยพูดด้วยเสียงอันเบาที่มีเพียงคาร์ลเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“ขยะไร้ค่าเช่นเจ้ามาท้าอะไรที่พระราชวังกัน?”
‘เฮ้อ….งี่เง่า….ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะเป็นโลกในหนังสือ?หรือว่า
เป็นเพราะโลกแห่งจินตนาการ? เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้างั่งพวกนี้
จะมีชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริง? พวกเขาไม่ควรมีตัวตนอยู่
เพื่อมากระตุ้นอารมณ์ฉันเช่นนี้’
บุตรชายของนายอ้าเภอกล้าพูดแบบนี้กับบุตรชายของท่าน
เคานต์ด้วยหรือ? คาร์ลคิดว่ามันเกิดสิ่งนี้ขึ้นได้เพราะมันเป็น
เพียงนิยาย แต่จริงๆแล้วการจะลงมือจัดการกับเรื่องนี้ก็ท้าให้
คาร์ลรู้สึกผิดหวังเหมือนกัน
‘ฉันไม่ใช่คนแต่งนิยาย…แล้วฉันจะจัดการกับเรื่องราวที่น่าเบื่อ
แบบนี้ได้อย่างไรกัน?’
คาร์ลอยากจะบอกให้รอนลงมือฆ่าเหล่าตัวร้ายที่โง่เง่าไม่รู้จัก
สถานะของพวกเขายิ่งนัก
คาร์ลยังคงมองไปที่นีโอเงียบๆ และท่าทางของนีโอก็เพิ่มระดับ
ความสดใสมากขึ้นไปอีกส้าหรับนีโอนั้นเขามองว่าคาร์ลเป็น
เพียงขยะไร้ค่าที่ดูดีเพียงแค่ภายนอกและคนเช่นนีโอที่ชอบท้า
ตัวใกล้ชิดและผูกติดกับเวเนี่ยนตลอดเวลาที่อยู่เมืองหลวง
คาร์ลก็นับว่าเป็นเหยื่อที่ดีเหมาะแก่การลงมือกลั่นแกล้งและ
ก่อกวน
“อะไร?..เจ้าอยากจะโยนขวดเหล้าใส่หน้าข้ารึ?….หรือว่า
อยากจะชกหน้าข้า?….มาสิ!เอาเลย!ท้ามันเลย!”
‘เขาแค่ยั่วยุให้ฉันโกรธและเขาท้ามันอย่างตั้งใจ เขาไม่สามารถ
น้าเครื่องมือเวทย์ทุกชนิดเข้าไปในพระราชวังได้ดังนั้นเขาจะไม่
สามารถน้าเครื่องบันทึกพลังเวทย์เข้ามาได้เช่นกันนั่นคือ
เหตุผลว่าท้าไมเขาถึงพยายามท้าให้ฉันต้องออกไปจากที่นี่’
ถ้าคาร์ลก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี่ขึ้นจริงก็จะเห็นเพียงแค่การ
ทะเลาะวิวาทระหว่างขยะไร้ค่าและขุนนางที่สง่างาม มันจะ
เป็นประโยชน์ต่อตัวนีโอเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เขา
พยามกระตุ้นอารมณ์ของคาร์ลเพื่อท้าลายชื่อเสียงของตระกูล
เฮนิตัส
คาร์ลยังคงเงียบและไม่ตอบโต้ใดๆ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงดัง
ขึ้นภายในหัวของเขา
มังกรด้าก้าลังพูดผ่านพลังเวทย์ของมัน
~ เจ้าโสโครกนี่มันเป็นอะไร……มันทาให้ข้านึกถึงเจ้าชั่ว
เวเนี่ยน ~
‘ก็เขาเป็นลูกสมุนของเวเนี่ยน’
แม้ว่าคาร์ลจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แต่มังกรด้าก็ยังพูด
เข้ามาให้เขาได้ยินอีกครั้ง
~ ให้ข้าลงมือฆ่าเขาหรือไม่? ~
‘ฉันไม่คิดว่า….มันจะต้องท้าถึงขนาดนั้นนะ’
คาร์ลส่ายหัวไปมาเพื่อปฏิเสธค้ากล่าวของมังกรด้าซึ่งติดตาม
เขาเข้ามาในพระราชวังด้วยการใช้เวทย์ล่องหน
เมื่อเห็นคาร์ลสั่นศีรษะของตนเองเช่นนั้นท้าให้นีโอต้องการจะ
ยั่วโมโหคาร์ลอีกครั้งเพราะดูเหมือนว่าคาร์ลในตอนนี้ก้าลังจะ
อาละวาดท้าร้ายร่างกายเขาเสียแล้ว
ในขณะนั้นเอง สายตาของคาร์ลก็ไปปะทะกับรถม้าที่เพิ่งเข้า
มาถึง
ปัง! ประตูรถม้าถูกกระแทกออกทันทีเมื่อรถม้าได้หยุดลงก่อนที่
อีริค วิลส์แมนจะก้าวลงจากรถม้า กิลเบิร์ตและอาร์มูก็อยู่ในรถ
ม้าคันนี้เช่นกัน
คาร์ลส่งสัญญาณให้แก่อีริคผู้ที่ก้าลังเดินเข้ามาหาเขาอย่าง
รวดเร็วด้วยสายตาที่ไม่ละออกไปจากคาร์ลและนีโอ คาร์ลส่ง
สายตาไปให้แก่อีริคก่อนจะหันกลับมามองที่นีโอมันเหมือนกับ
ว่าเขาใช้สายตาคู่นี้ชี้ไปที่หน้าของนีโออยู่
“ท่านพี่อีริค…..”
น้้าเสียงที่จริงใจถูกเอ่ยออกจากปากของคาร์ลแต่สายตาเย็นชา
กลับจ้องไปที่นีโอนั้น ท้าให้อีริครู้ถึงสิ่งที่คาร์ลต้องการได้
ในทันที
‘ก้าจัดเขาซะ’
สายตาเย็นชาที่ยังคงสงบนิ่งของคาร์ลได้ส่งข้อความดังกล่าวไป
ให้แก่อีริค
บทที่ 38 นิ่งเข้าไว้ 5 (1)

“นายน้อยนีโอ…เราไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว..ท่านสบายดี
หรือไม่?”
อีริคขยับตัวไปอยู่ตรงกลางระหว่างคาร์ลและนีโอพร้อมเอ่ย
ทักทายนีโอขึ้น แววตาของนีโอปรากฏร่องรอยความพ่ายแพ้
ออกมาช้าๆก่อนหน้านี้เขาได้พบเหยื่อที่ดีสาหรับตนเองแต่
ในตอนนี้กลับพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะล่าเหยื่อต่อไปได้เมื่อ
เหยื่ออยู่กับอีริค วิลส์แมน
“ข้าสบายดีนายน้อยอีริค….และหวังว่าท่านคงสบายดีเช่นกัน”
นีโอเอ่ยทักทายอีริคก่อนที่จะเอ่ยทักทายอามูร์และกิลเบิร์ตใน
ลาดับต่อมา นีโอเห็นพวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหน้าของ
คาร์ล
‘พวกเขากาลังปกป้องเจ้านี่อยู่สินะ?แม้ว่าเจ้านี่จะเป็นเพียง
ขยะไร้ค่าแต่พวกเขาก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างมัน’
นีโอตัดสินใจที่จะไม่ทาอะไรหลังจากเห็นคนทั้งสามกาลัง
ปกป้องคาร์ลอยู่ อีริคสังเกตท่าทางของนีโออยู่ชั่วครู่ก่อนจะ
ค่อยๆหันกลับไปมองคาร์ล
นีโอก็หันไปมองคาร์ลด้วยเช่นกัน
‘อึก’
จิตใต้สานึกบางส่วนของนีโอเริ่มคร่าครวญออกมา
คาร์ลกาลังกอดอกจ้องมาที่เขาอยู่ สายตาของคาร์ลดูแล้วช่าง
น่ารังเกียจเป็นยิ่งนักเขาไม่ได้พูดอะไรกับตนมาตั้งแต่เริ่มจนถึง
ตอนนี้แต่สายตาของเขาและภาษากายนั่นได้บอกทุกอย่างที่
คาร์ลอยากจะพูดออกมาหมดแล้ว
‘เจ้านี่…โง่ได้อย่างไร้ที่ติจริงๆ’
มันทาให้นีโอนึกถึงสายตาของเวเนี่ยนที่มองเขาเช่นนี้เหมือนกัน
แม้ว่าเขาจะโกรธกับสายตาที่เวเนี่ยนจ้องมาที่เขาเช่นนั้นแต่เขา
ก็ยังปลอบใจตนเองว่านั่นคงเป็นเพียงสายตาของขุนนางที่มี
ตาแหน่งที่สูงกว่าตนเท่านั้นและเพียงปล่อยให้มันผ่านไป
คาร์ลเบือนหน้าออกจากนีโอหลังจากที่ได้เห็นแววตาที่สั่นระริก
ของเขาอยู่พักหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงมังกรดาเอ่ยรายงานผ่าน
เข้ามาในหูเขาอีกครั้ง
มีเหตุผลที่ทาให้คาร์ลพามังกรดาเข้ามาในพระราชวังในวันนี้
~ เวทย์บันทึกเสียงพร้อมใช้งานแล้ว! ~
คาร์ลได้ให้มังกรดาบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ การใช้เวทย์
บันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวจาเป็นต้องใช้พลังเวทย์จานวนมาก
และยากที่จะรักษาระยะเวลาในการใช้ได้นาน ดังนั้นคาร์ลจึง
ค่อนข้างพอใจที่อย่างน้อยก็ยังสามารถบันทึกแค่เสียงไว้ได้
ในตอนแรกคาร์ลไม่ได้ต้องการที่จะทาเช่นนี้เพราะภายใน
พระราชวังจะมีนักเวทย์จานวนมากที่มีประสาทสัมผัสที่รวดเร็ว
ต่อพลังเวทย์ต่างๆแต่มังกรดามั่นใจว่ามันจะไม่ถูกตรวจพบได้
ในขณะที่มันใช้เวทย์บันทึกเสียงอยู่
คาร์ลตัดสินใจที่จะใช้สิ่งนี้ในอนาคตเพื่อทาให้นีโอต้องร้องไห้
จนน้าตาเป็นสายเลือดเพราะเขาเป็นคนประเภทที่หากเป็นหนี้
ใครก็ต้องจ่ายหนี้เหล่านั้นคืนเสมอ ก่อนที่เขาจะเดินมุ่งหน้าไป
ยังทางเข้าของพระราชวัง
อีริค วิลส์แมน เฝ้าดูคาร์ลที่เดินห่างออกไปไม่ไกลนักด้วยสี
หน้าภาคภูมิใจอย่างน้อยจดหมายที่เขาส่งไปให้คาร์ลก็ใช้ได้ผล
ในทางกลับกันกิลเบิร์ตและอามูร์ต่างมองดูคาร์ลด้วยความ
สงสัย ‘คาร์ล เฮนิตัส’ ชายหนุ่มที่มักแต่งกายด้วยสีสันฉูดฉาด
แต่กลับเลือกสวมชุดดาที่ดูสุภาพเรียบง่ายโดยไม่มี
เครื่องประดับตกแต่งใดๆให้ดูรกตา แม้แต่เส้นผมสีแดงก็ดู
สะอาดตาและสว่างเป็นประกายจากแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบ
พวกเขาทั้งสองคนกาลังสงสัยว่านั่นอาจเป็นเพราะคาร์ลไม่ได้
เมา
ทุกย่างก้าวที่คาร์ลก้าวเดินเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและ
มั่นคง
อามูร์และกิลเบิร์ตได้เฝ้ามองคาร์ลจนกระทั่งเขาหันหลังกลับมา
มองทางด้านหลังเมื่อเดินไปถึงทางเข้าพระราชวังแล้ว
สายตาของคาร์ลที่จ้องเขม็งมายังพวกเขานั้นคล้ายกับกาลัง
กวักมือเรียกพวกตนอยู่ยิ่งทาให้อามูร์และกิลเบิร์ตรู้สึกสงสัยกับ
สิ่งนี้มากขึ้นไปอีก
“นายน้อยนีโอเดี๋ยวเอาไว้เราค่อยพบกันด้านในอีกครั้ง….
คุณหนูอามูร์..นายน้อยกิลเบิร์ต..เราไปกันเถอะ”
อีริคยังคงจ้องมองมาที่คาร์ลด้วยความภูมิใจแต่อามูร์และกิล
เบิร์ตนั้นกลับมีความรู้สึกแปลกๆเมื่อพวกเขาทั้งสามคนมายืน
ตรงหน้าคาร์ลในตอนนี้
คาร์ลมองไปยังทั้งสองที่มีท่าทางสับสนและอีริคที่มีความภูมิใจ
ปรากฏเต็มใบหน้าก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
“เข้าไปกันเถอะ”
ทั้งสามคนเดินตามคาร์ลเข้าไปในพระราชวัง ความรู้สึกแปลกๆ
ของทั้งอามูร์และกิลเบิร์ตยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อพวกเขาได้เดิน
ตามหลังคาร์ลไปเช่นนี้ คาร์ลไม่ได้สนใจท่าทีของพวกเขามาก
นักแต่มีความคิดเพียงแค่จะพึ่งพาสามคนนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่
จะทาได้ในวันนี้
“นายน้อยคาร์ลจากตระกูลเฮนิตัส…เชิญเข้าห้องประชุมได้!”
หลังจากนั้นคาร์ลก็ได้ยินเสียงของข้ารับใช้ขานชื่อของอีริค กิล
เบิร์ตและอามูร์ต่อจากชื่อของตน ก่อนทั้งหมดจะพากันเดินเข้า
ไปในห้องประชุมที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่
“ไม่เลวเลย”
เขาหยุดมองไปรอบๆห้องโถงขนาดใหญ่ก่อนจะเริ่มเดิน
ตามหลังอีริคต่อไป อามูร์ที่ลอบมองคาร์ลอยู่ได้ขยับตัวมาเดิน
ข้างๆเขาในทันทีและเริ่มพูด
“นายน้อยคาร์ล…ด้านหน้าของห้องโถงคือพระที่นั่งขององค์
ชายรัชทายาทและที่นั่งของเหล่าขุนนางจะถูกแบ่งออกตาม
ภูมิภาคส่วนเหตุผลก็คือ….”
อามูร์ที่กาลังจะอธิบายถึงเหตุผลว่าเหตุใดที่นั่งของเหล่าขุนนาง
จึงได้แบ่งออกตามภูมิภาค เธอได้เหลือบมองไปยังท่าทางของ
คาร์ลชั่วครู่ก่อนที่จะเลือกเปลี่ยนสิ่งที่เธอกาลังจะพูดออกมา
“ส่วนเหตุผลนั้น…ข้าคงไม่จาเป็นต้องอธิบายให้ท่านฟังหรอก
กระมัง?”
“ขอบคุณท่านมากคุณหนูอามูร์…แต่ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้”
คาร์ลมองไปยังอามูร์ที่พยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่นั่งของกลุ่มขุนนางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ
มีโต๊ะยาวห้าตัวที่อยู่ภายในห้องโถงแห่งนี้ ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ,ภาคตะวันออกเฉียงใต้,ภาคตะวันตกเฉียง
เหนือ,ภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคกลาง พวกเขาทั้งหมดถูก
จัดกลุ่มโดยยึดตามภูมิภาคของขุนนางเหล่านี้
‘องค์ชายรัชทายาทถนัดในเรื่องแบบนี้ยิ่งนัก’
เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการควบคุมสิ่งต่างๆเพื่อให้เหล่าขุน
นางแต่ละฝ่ายได้เกิดการแข่งขันกันขึ้นมาในขณะเดียวกันก็
พยายามให้พวกเขามารวมตัวกันเป็นประจาทุกครั้ง มันถือเป็น
ความสามารถพิเศษขององค์ชายรัชทายาทซึ่งเขาก็มีความคิด
ในการปฏิบัติกับตนเองในลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกัน
พระที่นั่งขององค์ชายรัชทายาทตั้งอยู่ด้านหน้าทั้งห้าโต๊ะนี้ใน
ตาแหน่งที่สูงกว่าบันไดสองขั้น
‘พระที่นั่งขององค์ชายรองและองค์ชายสามอยู่ต่ากว่าพระที่นั่ง
ของเขาลงมาหนึ่งขั้น’
พระที่นั่งที่อยู่ต่ากว่าองค์ชายรัชทายาทคือพระที่นั่งสาหรับองค์
ชายรองและองค์ชายสาม แม้ว่าเจ้าภาพในการจัดงานนี้คือองค์
ชายรัชทายาทแต่มันจะเป็นเรื่องที่แปลกขึ้นมาได้หากองค์ชาย
รองและองค์ชายสามจะไม่เข้าร่วมประชุมกับเหล่าขุนนางใน
ครั้งนี้ด้วย เมื่อองค์ชายรัชทายาทคือเจ้าบ้านในครั้งนี้ทาให้เขา
ต้องแสดงถึงช่องว่างระหว่างสถานะของพวกเขา
‘เขาให้ความสนใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้เป็น
อย่างมาก’
องค์ชายรัชทายาทรวมถึงคนอื่นๆในตาแหน่งที่มีอานาจเหล่านี้
ไม่ใช่คนในประเภทที่คาร์ลจะคลุกคลีหรืออยากเป็นเลยสักนิด
“ที่นั่งของพวกเราอยู่ใกล้กับประตูทางเข้ามากที่สุดเหมือนที่เรา
คาดไว้จริงด้วย”
คาร์ลไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆกับประโยคที่แฝงไปด้วย
น้าเสียงอันขมขื่นเช่นนั้นของอีริค ‘พระราชวังแห่งความสุข’ได้
เปิดประตูทางทิศตะวันออกให้เป็นทางเข้าซึ่งที่นั่งของเหล่าขุน
นางทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับประตูทางเข้านี้
ถึงแม้ว่าขุนนางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีชื่อเสียงแต่ก็
ไม่มีตระกูลที่แข็งแกร่งมากพอที่จะมีปากเสียงท่ามกลางเหล่า
ขุนนางพวกนี้ได้ คาร์ลวางมือของตนเพื่อแตะไปที่ไหล่ของอีริค
เบาๆ
“นั่นอาจเป็นเรื่องดีที่ที่นั่งของพวกเราอยู่ใกล้ประตูเช่นนี้และ
อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องดีของพวกเราไม่ใช่หรือ?ที่ไม่ต้องก้ม
ศีรษะให้กับขุนนางที่นั่งอยู่จุดอื่นเช่นกัน”
ภูมิภาคอื่นต่างมีขุนนางจากตระกูลที่แข็งแกร่งกว่าตนเองใน
การดูแลพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นมาร์คควิสสแตนที่ขุนนางคน
อื่นๆจะต้องให้ความเคารพและยอมจานนต่อเขา
สามคนที่ก้าวเดินอยู่พลันหยุดการก้าวเท้าของตนทันทีส่งผลให้
คาร์ลต้องหยุดชะงักตามไปด้วย อีริคหันกลับมามองคาร์ลชั่วครู่
ก่อนจะเริ่มเอ่ยขึ้น
“นายน้อยคาร์ล”
เมื่อพวกเขาได้เข้ามาอยู่ในสถานที่อื่นๆเช่นในพระราชวังแห่งนี้
อีริคก็ไม่ได้เอ่ยเรียกคาร์ลด้วยชื่อเพียงอย่างเดียว
“ข้าดีใจที่ความพยายามของข้าดูเหมือนจะได้รับสิ่งตอบแทน
แล้ว”
‘ความพยายาม? ความพยายามอะไร?’
คาร์ลมองไปที่อีริคด้วยความตกใจและสับสนแต่อีริคก็หันหน้า
กลับไปและเดินไปยังโต๊ะที่อยู่ใกล้ประตูทางเข้ามากที่สุดโดย
ทันที
อีริคไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจดหมายที่เขาเพียรส่งให้คาร์ลนั้นไม่
เคยได้ถูกเปิดอ่านจากคาร์ลเลยสักครั้งเพียงแค่ถูกยัดเก็บไว้ใน
ลิ้นชักใต้โต๊ะไว้เท่านั้น
“ทาไมเขาถึงเป็นแบบนั้น?”
อามูร์ส่ายศีรษะของตนให้แก่คาถามของคาร์ลรวมถึงกิลเบิร์ตก็
มีปฏิกิริยาคล้ายๆกับอามูร์เช่นเดียวกัน คาร์ลยักไหล่ของตน
หนึ่งครั้งก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่นั่งของพวกเขา
แต่เสียงที่ถูกประกาศจากข้ารับใช้ทาให้เขาหยุดการเคลื่อนไหว
ของตนลง
“นายน้อยเวเนี่ยนจากตระกูลสแตน….มาถึงแล้ว!”
คาร์ลเข้าใจแล้วว่าทาไมนีโอจึงไม่เข้ามาใน ‘พระราชวังแห่ง
ความสุข’พร้อมกับพวกเขาก่อนหน้านี้เพราะในตอนนี้นีโอ โทร์
สยืนอยู่เบื้องหลังของเวเนี่ยนผู้สืบทอดตาแหน่งจากมาร์คควิสส
แตน
คาร์ลไม่ได้ให้ความสนใจกับคนโง่เขลาเช่นนีโอหรือเวเนี่ยน
“คาร์ล!”
อีริคส่งเสียงดังเพื่อเรียกคาร์ลขึ้นมาเมื่อเขาเดินถึงที่นั่งของตน
ในตอนนี้แล้ว คาร์ลทาเพียงโบกมือให้อีริคเพื่อเป็นสัญญาณให้
เขานั่งลงไปก่อนตน
“อืม”
“โอ้…ยินดีต้อนรับนายน้อยคาร์ล”
“สวัสดีนายน้อยคาร์ล”
คาร์ลเอ่ยทักทายสั้นๆแก่คนที่เอ่ยทักทายเขาขึ้นมา
“สวัสดีทุกท่าน…ดีใจที่ได้พบกับทุกคนในวันนี้เป็นยิ่งนัก”
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วโต๊ะของเหล่าขุนนางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือก่อนที่คาร์ลจะสอดมือไปไว้ใต้โต๊ะที่มีผ้าปู
โต๊ะเลยออกมาบังไว้โดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น
‘ข้ารู้’
คาร์ลรู้สึกได้ถึงร่างกายสั่นเทาของมังกรดาแม้ว่ามันจะยังใช้
เวทย์ล่องหนอยู่ก็ตาม
~ ข้าไม่เป็นไร…ข้าบอกเจ้าแล้ว…ว่าข้าจะไม่เป็นไร ~
คาร์ลได้ยินเสียงของมังกรดาเข้ามาในหัวของเขาและใช้มือของ
เขาแตะไปเบาๆกับร่างกายที่สั่นเทาของมัน ‘ความโกรธและ
ความกลัว’ คือสองสิ่งที่ผุดขึ้นในความคิดของมังกรดาในตอนนี้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทาไมการบอบช้าทางร่างกายและจิตใจตั้งแต่
อายุยังน้อยคือสิ่งที่น่ากลัว
มังกรดาไม่รู้จะตอบสนองต่อสิ่งนี้อย่างไรเพราะร่างกายที่ยังคง
จดจากับการเจ็บปวดได้เป็นอย่างดีกาลังสวนทางกับความมี
เหตุมีผลในความคิดของมันในตอนนี้
~ ข้าไม่เป็นไร…ข้าเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด… ~
คาร์ลได้แจ้งแก่มังกรดาเมื่อมันต้องการจะติดตามเขาเข้ามาใน
พระราชวังก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า เวเนี่ยน สแตนจะอยู่ที่นี่ด้วย
เช่นกัน นอกจากนี้เขายังให้มังกรดาสัญญากับตนว่าจะไม่ลงมือ
ฆ่าเวเนี่ยนในวันนี้และเขายังให้สัญญาอย่างอื่นแก่มังกรด้วย
เช่นกัน
~ หลังจากนั้น…ข้าจะจัดการฆ่าพวกคนชั่วร้ายเช่นเขาและคน
ชั่วคนอื่นๆในภายหลังอย่างแน่นอน ~
มังกรดาวางแผนที่จะฉีกร่างของพวกมันให้เป็นชิ้นเล็กๆให้มันมี
ขนาดที่เล็กเสียยิ่งกว่าเศษฝุ่นเสียอีก
คาร์ลพยายามที่จะปลอบให้มังกรระงับความโกรธของมันลง
และโชคดีที่มันไม่ได้ทาให้เกิดพลังเวทย์ที่รุนแรงอะไรขึ้นมา
ในตอนนี้
คาร์ลคิดว่ามังกรดาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผลเป็นอย่างมาก เขา
กาลังนึกถึงประตูนรกที่กาลังเปิดรอต้อนรับเวเนี่ยนและเหล่า
สมุนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับมาร์คควิสสแตนในอนาคต ก่อนที่
คาร์ลจะหยุดการแตะเบาๆไปที่ร่างของมังกรดาลง
โชคดีที่มันไม่ได้ดูเหมือนว่ามังกรดากาลังจะวิ่งหนีไปด้วยความ
คลุ้มคลั่ง ถ้าหากมันทาเช่นนั้นจริงพระราชวังแห่งนี้จะถูก
ทาลายลงได้โดยง่ายและคาร์ลก็อาจจะต้องจบชีวิตลงในที่แห่ง
นี้ด้วยเช่นกัน คาร์ลลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ก่อนจะมองไปรอบๆห้องโถง
เขามองเห็นว่ากลุ่มของอีริคและกลุ่มของเวเนี่ยนสามารถมุ่ง
หน้ามายังทางเดียวกันได้ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นเพราะที่นั่งของ
กลุ่มเวเนี่ยนคือภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่อยู่ถัดจากโต๊ะของ
พวกเขาไป
กึก!กึก!
มังกรดาใช้ศีรษะของมันถูไถไปที่ขาของคาร์ล
“ฮืม?”
การแสดงออกของมังกรดาทาให้คาร์ลรู้สึกกังวลไปชั่วขณะ เขา
ได้สบตาเข้ากับอีริคในตอนนั้นซึ่งกาลังส่งสัญญาณมาให้เขาถี่
ขึ้นเรื่อยๆด้วยความกระวนกระวาย
‘อยู่เงียบๆ!นิ่งเข้าไว้!’
คาร์ลละสายตาออกจากสัญญาณที่อีริคส่งให้เขา จากนั้นก็เริ่ม
ถกเถียงกับตัวเองว่าจะแสร้งไม่สนใจเวเนี่ยนด้วยท่าทางเช่นไร
ดี อย่างไรก็ตามการไต่ตรองทุกเรื่องของเขาล้วนไร้ประโยชน์
เมื่อเวเนี่ยนเป็นคนเอ่ยทักทายเขาขึ้นมาก่อน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…นายน้อยคาร์ล”
บทที่ 38 นิ่งเข้าไว้ 5 (2)

‘เวเนี่ยน สแตน’ ดูเหมือนจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่นมากขึ้นกว่าครั้ง


สุดท้ายที่พวกเขาได้พบกัน แต่เขาก็ยังคงแสดงรอยยิ้มที่
อ่อนโยนเหมาะสาหรับการเป็นขุนนาง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น
‘นีโอ โทร์ส’ ที่ยืนอยู่ข้างหลังของเวเนี่ยนกลับมองมาด้วย
สายตากังวล
คาร์ลยกยิ้มด้วยความสดใสก่อนจะเอ่ยขึ้น
“สวัสดีนายน้อยเวเนี่ยน..นี่คงจะเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา
นับตั้งแต่ที่เราได้เจอกันครั้งสุดท้ายที่ดินแดนของท่านไวส์
เคานต์โทร์ส”
รอยยิ้มสดใสของเวเนี่ยนเริ่มมืดครึ้มลงในขณะที่ใบหน้าของนี
โอก็เริ่มซีดลงเช่นกัน
มาร์คควิสสแตนเป็นหนึ่งในสี่ของผู้นาทางการเมืองของ
อาณาจักรแห่งนี้ ผู้สืบทอดตระกูลของบุคคลดังกล่าวกลับเลือก
เดินทางไปยังดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่เพียงเท่านั้น
ยังได้เดินทางไปยังดินแดนของไวส์เคานต์โทร์สที่มีระดับต่ากว่า
ฐานะอันสูงส่งของพวกเขาเสียอีก เห็นได้ชัดเจนว่าไวส์เคานต์
โทร์สคือผู้ที่อยู่ภายใต้อานาจของมาร์คควิสสแตน
มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่าขุนนางของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่นและขุนนางของภูมิภาค
อื่นๆก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน เหล่าขุนนางของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่ยังคงไม่มีผู้นาที่แข็งแกร่งใน
ขณะนี้
“ใช่แล้ว….ข้าเดินทางไปเยี่ยมเยือนนายน้อยนีโอผู้เป็นสหาย
ของข้าและกาลังมุ่งหน้ากลับบ้านในตอนนั้นพอดี”
‘เวเนี่ยน แสตน’ ไม่ได้สนใจกับการสายตาที่มุ่งตรงมายังเขา
ในตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะเดินทางไปยังภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือนั่น เวเนี่ยนกาลังมองไปที่คาร์ลด้วย
สายตาที่คมกล้าขึ้นแต่น้าเสียงของเขายังคงความอ่อนโยนไว้
เช่นเดิม
“อ้อ! พวกเรายังตกลงกันว่าจะร่วมดื่มเหล้าด้วยกันในเมือง
หลวงใช่มั้ย?…นายน้อยคาร์ล”
“ใช่แล้วนายน้อยเวเนี่ยน…เราต้องมีโอกาสเช่นนั้นอย่าง
แน่นอน”
ทั้งคาร์ลและเวเนี่ยนต่างมีท่าทางผ่อนคลายเมื่อเอ่ยสนทนากัน
เช่นนั้นอย่างไรก็ตามคนอื่นๆที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่กลับไม่มีใคร
มีท่าทางที่สงบและผ่อนคลายได้สักคน
คาร์ลมองไปทาง ‘นีโอ โทร์ส’ ที่ยืนลอบมองเขาอยู่ก่อนที่เขา
จะเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ นีโอสะดุ้งขึ้นทันทีเมื่อมองเห็นรอยยิ้ม
ของคาร์ลที่ส่งมาให้เขา
“อ่า…ใช่แล้ว..หลังจากที่ข้าได้พบกับนายน้อยเวเนี่ยนแล้ว…
วันรุ่งขึ้นก็มีอัศวินกลุ่มหนึ่งจากคฤหาสน์ไวส์เคานต์โทร์สมาหา
ข้าที่โรงแรมด้วยเช่นกัน”
คาร์ลเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเป็นกังวลใจต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“ข้าได้ยินว่าคฤหาสน์ของท่านถูกบุกปล้น…แล้วตอนนี้ทุกอย่าง
เรียบร้อยดีหรือไม่?”
ไหล่ของนีโอสะดุ้งขึ้นอีกครั้งและคาร์ลก็มองเห็นรอยยิ้มของ
เวเนี่ยนที่ค่อยๆหุบลงเช่นกัน
“ท่านพอทราบเรื่องนี้บ้างหรือไม่นายน้อยเวเนี่ยน? ข้าแน่ใจว่า
ท่านต้องทราบเรื่องนี้มาบ้างแล้วกระมัง..เพราะท่านกล่าวว่า
พวกท่านเป็นสหายกันนี่นา”
เวเนี่ยนเอ่ยตอบในที่สุดหลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขายังคงพูดได้
อย่างเป็นธรรมชาติแต่คาร์ลสัมผัสได้ถึงความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ใน
น้าเสียงนั้น
“…..ใช่….ข้ารู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบเรื่องนี้”
“ใช่แล้ว…ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าตกใจมากเพียงใดที่ได้ยินเรื่องนี้ใน
ตอนที่กาลังดื่มเหล้าแก้อาการเมาค้างของข้าอยู่….พวกมัน
สามารถบุกปล้นโดยไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรไว้เช่นนั้นได้
อย่างไรกันนะ?อ้อ!คนของท่านกล่าวว่าท่านสูญเสียของสาคัญ
ไปหรือนายน้อยนีโอ?”
คนที่น่าราคาญมากที่สุดในโลกคือคนที่ปากพล่อย คนที่ไร้ไหว
พริบและคนที่ตรงไปตรงมา
และในตอนนี้คาร์ลกาลังสวมบทบาทเล่นเป็นคนทั้งสามคนอยู่
และมันทาให้เขารู้สึกสนุกมาก
คาร์ลเอ่ยกับนีโออย่างอบอุ่น
“นายน้อยนีโอ…ท่านต้องเข้มแข็งไว้นะ…คนเราต้องเผชิญกับ
สถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต”
“อ่า….ใช่แล้ว….ข้าเห็นด้วยกับท่าน”
นีโอไม่สามารถแม้แต่จะหันไปมองเวเนี่ยนได้ในขณะที่เขาเอ่ย
ตอบคาร์ลขึ้นอย่างกะทันหัน
“ท่านต้องดื่มเพื่อลืมทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น….
นายน้อยนีโอเริ่มคืนนี้กันเลยดีกว่า…นายน้อยเวเนี่ยนท่านอยาก
มาร่วมกับเราหรือไม่?”
เวเนี่ยนลอบสังเกตคาร์ลอย่างใจเย็น เขาได้สูญเสียความ
ไว้วางใจจากมาร์ควิสสแตนตั้งแต่เสียมังกรดาไป เวเนี่ยนกาลัง
สงสัยกลุ่มองค์กรลับที่เป็นผู้ให้มังกรดาตัวนี้มาตามคาบอกเล่า
ของเหล่าอัศวินที่เป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้และหลักฐาน
บางส่วนที่หลงเหลืออยู่ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถ
กาจัดความสงสัยที่เขามีต่อกลุ่มของคาร์ลที่อาศัยอยู่ที่นั่นใน
ช่วงเวลานั้นพอดี
แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะสงสัยในตัวคาร์ลได้จึงทาให้เขา
อยากพูดคุยกับคาร์ลอีกครั้งเพื่อยืนยันความเชื่อของเขาอีกครั้ง
ในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
“ถ้าท่านดื่มเหล้าจนเมาแล้วตื่นขึ้นมาเพื่อดื่มมันแก้อาการเมา
ค้างอีกครั้ง…ทุกความทรงจาที่ไม่ดีของท่านมันก็จะหายไป”
แต่เมื่อเห็นว่า ‘คาร์ล เฮนิตัส’ยังคงพูดเรื่องไร้สาระเช่นเดิมทา
ให้เวเนี่ยนมั่นใจว่าเขาไม่จาเป็นต้องยืนยันความเชื่อของตนอีก
ต่อไปแล้ว
“ขอบคุณสาหรับข้อเสนอของท่านนายน้อยคาร์ล….เอาไว้
โอกาสหน้าดีกว่า”
“อ่า…น่าเสียดายจริงเชียว..แต่เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้”
เวเนี่ยนเดินผ่านคาร์ลไปแต่เขาก็ยังได้ยินเสียงของคาร์ลกาลัง
พูดกับนีโออยู่
“นายน้อยนีโอ….ท่านรู้มั้ยว่าเหล่าอัศวินของท่านล้วนหน้าซีด
กันทั้งนั้นเลย…ท่านต้องเตรียมรับมือล่วงหน้าสาหรับเหตุการณ์
เช่นนี้ไว้บ้างท่านสูญเสียสิ่งที่มีค่าทั้งหมดเหล่านี้ไปพร้อมกันได้
อย่างไรกันนะ? เข้มแข็งเข้าไว้..ท่านอาจไม่สามารถเรียกคืนสิ่ง
ที่สูญหายไปได้แต่ท่านจะสามารถทาอะไรกับเรื่องนี้ได้ล่ะ?แต่
ช่างเถอะ…ยังไงท่านก็ตอ้ งมีชีวิตอยู่ต่อไป”
‘เฮ้อ….เจ้าขยะนี่’
เวเนี่ยนส่งยิ้มให้กับขุนนางที่เริ่มมองเขาตั้งแต่ที่ได้ยินว่าเขา
เดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพยายามระงับความ
โกรธของตนเอาไว้
‘เจ้ามังกรหน้าโง่และไอ้เวรพวกนั้น..ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหนกัน
นะ?’
เวเนี่ยนยังมองตรงไปข้างหน้าในขณะที่ออกเดิน
หลังจากลอบมองเวเนี่ยนที่เดินห่างออกไปแล้ว คาร์ลก็เบือน
หน้าหนีจากใบหน้าที่ซีดเผือดของนีโอในทันที แน่นอนว่าเขาได้
ทิ้งคาพูดสุดท้ายไว้ให้แก่นีโอเช่นกัน
“เข้มแข็งไว้นะ”
คาร์ลรู้ว่านีโอจะต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆจากฝีมือของเวเนี่ยนอย่าง
แน่นอน
“นายน้อยคาร์ล…ท่าน…”
คาร์ลมองไปที่อีริคที่ดูเหมือนว่ามีหลายสิ่งที่จะพูดกับเขาแต่ไม่
สามารถที่จะเรียบเรียงคาพูดออกมาได้ ก่อนที่คาร์ลจะทรุดตัว
ลงนั่งไปตามเดิม
~ ข้าจะเอาคืนเขาในภายหลังให้ได้ ~
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคากล่าวของมังกรดาและมองไป
รอบๆโต๊ะของเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กาลัง
จ้องมาที่เขาอยู่ นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคาร์ลในสภาพ
ปกติ จึงทาให้คาร์ลหยิบขวดเหล้าที่อยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมา
เพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้
พวกเขาทั้งหมดมองไปทางอื่นแทบจะทันทีที่เห็นเขาทาเช่นนั้น
นี่คงเป็นพลังอานาจของขยะไร้ค่าสินะ
อย่างไรก็ตามขุนนางจากโต๊ะอื่นๆยังคงมองมาที่คาร์ลด้วย
ความอยากรู้อยากเห็นในขณะที่เขายื่นขวดเหล้าให้แก่อีริค
“ข้าจะดื่มมันในภายหลัง”
“…….แน่ใจนะ?”
คาร์ลหันหน้าออกจากอีริคผู้ที่พูดกับเขาอย่างไม่เป็นทางการ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในพระราชวังและมองไปที่
นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังทางเข้าของห้องโถง นี่ก็ใกล้
ถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการแล้ว จึงเป็นเหตุผลให้ขุน
นางทุกคนนั่งลงประจาที่นั่งของตนเองในทันที
นี่คือเหตุผลที่เห็นได้อย่างชัดเจน
นอกจากเวเนี่ยน สแตนจะเข้ามาด้านในแล้วยังคงมีตระกูลที่
แข็งแกร่งอีกสามตระกูลที่เดินทางมาถึงเช่นกัน
“นายน้อยอันโตนิโอ จากตระกูลกิลล์ มาถึงแล้ว!”
‘อันโตนิโอ กิลล์’บุตรชายของดยุคกิลล์ ‘คาริน ออร์เซน่า’
บุตรสาวของดยุคออร์เซน่าและ ‘มาร์คควิสไอรัน’ รวมถึงมาร์ค
วิสคนอื่นๆของอาณาจักรก็ทยอยเข้ามาภายในห้องโถงนี้เรื่อยๆ
พวกเขาทั้งหมดเดินเข้ามาภายในห้องโถงแห่งนี้พร้อมกับข้ารับ
ใช้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา ประตูถูกปิดลงหลังจากทุกคน
เดินเข้ามาแล้วแต่ไม่มีใครได้เอ่ยทักทายหรือพูดคุยกับพวกเขา
เลย
คาร์ลเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆและมองไปยังทางเข้า
ห้องโถงอีกครั้ง ในตอนนี้นาฬิกากาลังเคลื่อนเข้าใกล้เวลาห้า
โมงเย็นแล้ว
ติ๊กต๊อก! ติ๊กต๊อก
นาฬิกาถึงเวลาห้าโมงเย็น
ครืดดดดดดดดดดดด
ประตูใหญ่ถูกเปิดออกและตัวเอกสาหรับการประชุมในครั้งนี้ก็
ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับฉากที่สวยงามของพวกเขา
ข้ารับใช้กาลังเตรียมตัวที่จะตะโกนให้ดังกว่าที่เขาเคยตะโกนมา
ตลอดทั้งวันแต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับยกมือขึ้นห้าม
เสียก่อน
‘อัลเบิร์ก คอสแมน’องค์ชายรัชทายาทและผู้เป็นองค์ชายใหญ่
แห่งอาณาจักรโรมัน
ดูเหมือนว่าเขากาลังสนุกกับสิ่งที่เขาทาในขณะที่มุ่งหน้าไปยัง
พระนี่นั่งโดยไม่มีการขานแจ้งจากข้ารับใช้แต่อย่างใด
เหล่าขุนนางทั้งหมดลุกขึ้นเพื่อต้อนรับและทาความเคารพต่อ
องค์ชายรัชทายาทที่เดินทางมาถึงในเวลานี้แล้วโดยมีองค์ชาย
รองและองค์ชายสามเดินตามจากทางด้านหลัง ในขณะที่พวก
เขามุ่งหน้าไปยังจุดที่สูงที่สุดในห้องโถงแห่งนี้
ปัง!
ทันทีที่เขาเดินมาถึงพระที่นั่งประจาพระองค์ ประตูขนาดใหญ่ก็
ถูกปิดลงนั่นหมายความว่าทุกคนอยู่ที่นี่ครบหมดแล้ว องค์ชาย
รัชทายาทอัลเบิร์กมองลงไปที่องค์ชายรองและองค์ชายสาม
ตลอดจนขุนนางคนอื่นๆก่อนจะเริ่มตรัสขึ้นทันที
“ยินดีต้อนรับทุกท่าน….ขอบคุณที่ตอบรับคาเชิญของข้าและมา
ในวันนี้”
นี่เป็นพื้นที่ที่เขาไม่จาเป็นต้องกล่าวเกริ่นนาสิ่งใดๆให้เสียเวลา
เลย องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กมองลงมาจากด้านบน คาร์ล
มองขึ้นไปที่เขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปมองนาฬิกาอีกครั้ง
‘ถึงเวลาที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่แล้วสินะ’
คนที่ตกเป็นข่าวซุบซิบของเหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ที่นี่ อีกไม่
นานก็จะเดินทางมาถึงยังห้องโถงนี้แล้ว
คาร์ลได้เสียงขององค์ชายรัชทายาทตรัสเพิ่มเติมอีกครั้ง
“เหล่าบุคคลที่มีคุณค่าซึ่งจะนาพาให้อาณาจักรแห่งนี้ส่อง
ประกายขึ้นในอนาคต..องค์ชายเช่นข้ารู้สึกมีความสุขเป็นยิ่งนัก
ที่พวกท่านมารวมตัวกันในวันนี้”
องค์ชายรัชทายาทกาลังเริ่มการทางานของอาวุธที่ร้ายกาจของ
เขาในตอนนี้ เขาเริ่มใช้ลิ้นในการเอื้อนเอ่ยวาจาที่คมคายออก
มาแล้ว
“ฮืม?”
องค์ชายรัชทายาทหันหน้าไปมองยังทางเข้าห้องโถงแห่งนี้
ประตูที่ถูกปิดสนิทราวกับกาลังจะถูกผลักเข้ามาใหม่ เขาได้ยิน
เสียงพูดคุยแว่วผ่านเข้ามาจากช่องว่างของประตูที่กาลังเปิด
ออกอย่างช้าๆ
คาร์ลเริ่มแอบยิ้มในใจ ก่อนที่จะเห็นทหารองครักษ์วิ่งกรูเข้าไป
เพื่อคุ้มครององค์ชายรัชทายาทโดยใช้ประตูทางเข้าอีกฝั่งหนึ่ง
‘พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว’
คาร์ลแน่ใจเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะนั้นองค์ชายรัชทายาทดูเหมือนกาลังจะครุ่นคิดอะไร
บางอย่างไปชั่วครู่ก่อนที่จะโบกมือเป็นสัญญาณให้แก่ทหาร
องครักษ์ที่เฝ้าสังเกตการอยู่โดยรอบให้กลับเข้าไปด้านในได้
ครืดดดดดดดดดดดดดดดด
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่องค์ชายรัชทายาทไม่ให้ข้ารับใช้ขานชื่อของ
พระองค์ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กล้าขานชื่อของบุคคลที่กาลัง
ก้าวเข้าไปนี้เช่นกันแต่มันก็ไม่ได้จาเป็นที่จะต้องทาเช่นนั้น
‘มาได้ตรงเวลาพอดีสินะ’
รถเข็นคนพิการถูกเข็นเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้อย่างช้าๆ
‘เทย์เลอร์ สแตน’ บุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตนที่ขาเป็น
อัมพาต เขาเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้พร้อมกับ ‘เคจ’ นักบวช
หญิงผู้บ้าคลั่ง ในตอนนั้นเทย์เลอร์และเคจได้เหลือบมองไปที่
คาร์ลอย่างรวดเร็วเมื่อเดินผ่านคาร์ลไปโดยไม่มีใครทัน
สังเกตเห็นแต่นั่นก็เพียงพอสาหรับทั้งสามคนแล้ว
บทที่ 39 นิ่งเข้าไว้ 6 (1)

ปัง!
ประตูห้องโถงถูกปิดสนิทลงอีกครั้ง
‘เทย์เลอร์ สแตน’ สวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหราที่ดูเหมาะสมเป็น
ทางการเขายังคงดูสง่างามแม้ว่าจะนั่งอยู่บนรถเข็นและยังคงมี
รอยยิ้มที่ผ่อนคลายประดับบนใบหน้าของเขา ‘เคจ’สวมใส่เสื้อ
คลุมอันเป็นสัญลักษณ์ของวิหารของพระเจ้าแห่งความตาย
‘พวกเขาตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตนของพวกเขาสินะ’
คาร์ลคิดว่านับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด วิหารของพระเจ้า
แห่งความตายอาจเกิดความปวดหัวและความวุ่นวายจากการ
กระทาของเคจแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เคจจะต้องสนใจในเรื่องของ
พวกเขาเช่นกัน
“นี่มันอะไรกัน…………!”
เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธดังออกมา
จากโต๊ะของกลุ่มขุนนางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อคาร์ลหัน
ไปมองก็พบว่าเวเนี่ยนได้ผลุดลุกจากเก้าอี้ของตัวเองและจ้อง
มองไปที่เทย์เลอร์ด้วยความโกรธจัด นี่คงเป็นปฏิกิริยาที่ไม่ว่า
ใครก็คงไม่เคยเห็นจากเวเนี่ยนรวมถึงกิริยาที่ขาดมารยาทของ
ผู้ดีเช่นนี้อีกด้วย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เวเนี่ยนจะมาห่วงเรื่อง
มารยาทผู้ดีของตนในตอนนี้เช่นกันเมื่อเขาเห็นภาพที่ปรากฏ
อยู่ตรงหน้า
คาร์ลมองขึ้นไปยังพระที่นั่งขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กที่อยู่
ด้านบนสุดของห้องโถงแห่งนี้เขากาลังผายมือของตนออกและ
เริ่มตรัสขึ้นโดยทันที
“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะพบกับ‘เทย์เลอร์ สแตน’ บุตรชาย
คนโตของมาร์คควิสสแตนพร้อมทั้งนักบวชหญิงจากวิหารแห่ง
ความตายในที่แห่งนี้ได้”
ท่าทางขององค์ชายรัชทายาทในเวลานี้ดูมีความสุขมาก เทย์
เลอร์ทาความเคารพในขณะที่ตนนั่งอยู่บนรถเข็น
“หม่อมฉันได้ยินมาว่านี่เป็นโอกาสที่เหล่าขุนนางของ
อาณาจักรที่จะได้เข้าเฝ้าและพูดคุยกับองค์ชายได้….หม่อมฉัน
ต้องขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะที่มาโดยไม่ได้ถูกรับเชิญ”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนพระ
พักตร์ของพระองค์ คาร์ลสามารถบอกได้ว่ารอยยิ้มเช่นนั้นของ
เขาคือการที่เขาได้เข้าใจความหมายที่เทย์เลอร์ต้องการจะสื่อ
ถึงตน ‘พูดคุยอะไรก็ได้กับองค์ชายรัชทายาทเช่นเขาสินะ’
“ข้าส่งคาเชิญเพื่อขอตัวแทนผู้สืบทอดของแต่ละตระกูลมาใน
วันนี้..แต่ถ้าตระกูลใดไม่มีผู้สืบทอดก็ไม่ได้มีปัญหาว่าใครจะมา
ที่นี่ในวันนี้…เทย์เลอร์…ข้าเดาว่าเจ้าคงรู้สึกแย่ที่ข้าส่งคาเชิญไป
ยังตระกูลของมาร์คควิสสแตนเพียงแห่งเดียวสินะ?”
“หม่อมฉันมิกล้า..พะย่ะค่ะองค์ชาย”
คาร์ลมองไปทางเวเนี่ยน ‘ตระกูลที่ไม่มีผู้สืบทอดเช่นนั้นหรือ?’
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแต่ใครๆก็รู้ว่า
เวเนี่ยนคือผู้สืบทอดตระกูลต่อจากมาร์ควิสสแตน สิ่งที่องค์ชาย
รัชทายาทตรัสออกมานับเป็นคาพูดที่ใช้เล่นงานเวเนี่ยนได้
ทางอ้อมนั่นอาจเป็นเพราะมาร์คควิสสแตนมีความสัมพันธ์อันดี
และใกล้ชิดกับองค์ชายสามเป็นอย่างมาก
‘มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่แปลก’
คาร์ลพบว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้มันค่อนข้างแปลกแม้ว่าคาร์ล
จะไม่ได้สนใจในเรื่องนี้มากนักแต่ก็ไม่ได้มองข้ามมันไปเช่นกัน
ถึงแม้ว่าพระราชาจะทรงรักและเอ็นดูองค์ชายสามเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะให้องค์ชายสามแทนที่ใน
ตาแหน่งองค์ชายรัชทายาทได้ ตามเนื้อหาในนิยายถึงองค์ชาย
รัชทายาทจะตระหนักถึงสิ่งนี้ได้แต่พระองค์ก็ยังรู้สึกไม่สบาย
พระทัยและระวังองค์ชายรองและองค์ชายสามมาโดยตลอด
และมาร์คควิสสแตนก็คือผู้ให้การสนับสนุนองค์ชายสามรวมถึง
ขุนนางคนอื่นที่ให้การสนับสนุนองค์ชายคนอื่นๆเช่นเดียวกัน
‘ฉันเดาว่ามันคงต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเรื่องนี้แน่ๆ’
คาร์ลยอมรับจากใจจริงว่า ‘บางสิ่ง’ ในเรื่องนี้เขาไม่อยากจะ
รับรู้มันเช่นกัน
“ข้ารู้สึกไม่ดีนักที่ทาให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ….แต่ข้าได้เห็นว่าเจ้า
ยังคงแข็งแรงดีเช่นนี้ข้าก็ดีใจเป็นยิ่งนัก….นี่มันก็นานมากแล้ว
นะกับครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน”
เทย์เลอร์ยิ้มและเอ่ยตอบกับคากล่าวขององค์ชายรัชทายาทขึ้น
“องค์ชายพะย่ะค่ะ…ขาของกระหม่อมอาจไม่สามารถขยับได้
แต่มือ ศีรษะ ตา หู ปากและส่วนอื่นๆของหม่อมฉันยังคงมีชีวิต
อยู่…ไม่สิ…ในความเป็นจริงคือพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น
กว่าเดิมอีกพะย่ะค่ะ”
“ข้าเห็นแล้ว..แน่นอนว่าเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่…ข้าลืมความจริง
ที่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่สามารถดาเนินชีวิตอยู่ต่อไป
จนกว่าจะจบชีวิตลง….ข้าลืมมันไปได้อย่างไรกันนะ?”
คาร์ลสามารถเห็นได้ว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นได้ติดกับโดย
สมบูรณ์เสียแล้ว ก่อนที่เขาจะหันไปมองเวเนี่ยนอีกครั้งซึ่ง
ในตอนนี้เขาได้กลับมามีสีหน้าท่าทางตามแบบฉบับของขุนนาง
ผู้สง่างามเช่นเดิมแต่สายตาที่จ้องมองไปยังเทย์เลอร์นั้นกลับ
เป็นประกายคมกล้าพร้อมจะทิ่มแทงเขาได้ทุกเมื่อ
คาร์ลพบว่าสถานการณ์เช่นนี้ค่อนข้างน่าสนุก
‘ฉันจะดูให้สนุกไปเลยล่ะ’
องค์ชายรัชทายาท,เทย์เลอร์,เวเนี่ยนและเหล่าขุนนางกลุ่ม
ต่างๆ มันเป็นเรื่องที่สนุกที่ได้จ้องมองไปยังสีหน้าของพวกเขา
ทั้งหมด มันทาให้เขานึกถึงเวลาทาป็อบคอร์นที่เม็ดข้าวโพดจะ
ค่อยๆระเบิดขึ้นเมื่อมันถูกคั่วหรืออบเป็นเวลานานซึ่งมันเข้ากับ
สถานการณ์ที่ตึงเครียดในท้องพระโรงแห่งนี้มันอาจจะทาให้
อารมณ์ของแต่ละคนระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน
คาร์ลรู้สึกชอบตัวเองที่เขาสามารถทาตัวนิ่งได้มากขนาดนี้
“ถ้าเช่นนั้นสตรีท่านนี้คงเป็นนักบวชของเทพเจ้าแห่งความตาย
สินะ?”
“เพค่ะ…หม่อมฉันเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแห่งการหลับใหลตลอด
กาลมีนามว่า ‘เคจ’หม่อมฉันดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าเฝ้าองค์
ชายในวันนี้”
เคจดูเหมือนนักบวชผู้ใจบุญเมื่อกล่าวทักทายตามแบบฉบับ
ดั้งเดิมของเหล่านักบวชผู้รับใช้พระเจ้าแห่งความตาย แต่ถึงจะ
เป็นเช่นนั้นกลับมีคาพูดที่เปรียบดั่งคาสาปอยู่มากมายซุกซ่อน
อยู่ในใจของเธอในขณะนี้
องค์ชายรัชทายาทได้รับคาทักทายจากเคจก่อนจะตรัสกับเทย์
เลอร์ในเวลาต่อมา
“เอาไว้เราค่อยคุยกันในภายหลังถึงเวลาที่จะเริ่มการชุมนุมใน
ครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว…ข้าไม่แน่ใจว่าจะให้พวกเจ้าทั้ง
สองนั่งตรงไหนดี”
องค์ชายรัชทายาทกล่าวยืนยันว่าเขาจะใช้เวลาในภายหลังเพื่อ
พูดคุยกับเทย์เลอร์ คาร์ลมองไปยังโต๊ะที่นั่งของกลุ่มขุนนาง
ภาคตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งพวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าและท่าทาง
ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้
ชัด ในขณะเดียวกัน ‘นีโอ โทร์ส’ ก็มีอาการที่แย่เช่นเดียวกันดู
เหมือนว่าเขาจะรู้สึกกระวนกระวายใจและอยู่ไม่สุขเป็นอย่าง
มาก
คาร์ลเริ่มยิ้มเมื่อเห็นนีโอมีท่าทางเช่นนั้น นีโอเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
และหันมามองคนที่ตนคิดว่าเป็นบุคคลที่โง่เขลาที่สุดและไม่ได้รู้
เรื่องรู้ราวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลยสักนิด
คาร์ลยิ่งเริ่มยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่านีโอมองตนด้วย
ท่าทางเช่นนั้นก่อนที่จะหันศีรษะของตนไปยังทิศทางที่เทย์เลอร์
อยู่แต่ในตอนนั้นเอง
‘ฮึก…’
คาร์ลได้สบพระเนตรขององค์ชายรัชทายาทเข้าอย่างจัง มัน
เป็นจังหวะที่บังเอิญเป็นอย่างมากเพราะในขณะนั้นองค์ชายรัช
ทายาทได้เหลียวมองไปรอบๆเพื่อหาจุดที่นั่งที่ดีที่สุดให้แก่เทย์
เลอร์และเคจและเป็นเวลาเดียวกับที่คาร์ลกาลังจะหันไปมองยัง
ทิศทางที่เทย์เลอร์อยู่เช่นกันแต่ในช่วงจังหวะนั้นกลับทาให้
คาร์ลได้สบพระเนตรขององค์ชายรัชทายาทเสียก่อนที่จะได้
มองเทย์เลอร์อย่างเต็มตา
คาร์ลมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นทันที
‘อย่าบอกนะว่าตรงนี้?’
“ข้าคิดว่ามีจุดที่ดีสาหรับพวกเจ้าสองคนแล้ว”
เมื่อองค์ชายรัชทายาทได้ตรัสมาเช่นนี้ทาให้คาร์ลตระหนักได้
ในทันทีว่าจุดที่ดีสาหรับสองคนนั้นอยู่ที่ใด
‘แต่ฉันคิดว่านี่คงเป็นจุดเดียวที่ไม่สามารถเป็นไปได้เช่นกัน…..’
จุดนี้เป็นเพียงโต๊ะเดียวที่ไม่มีขุนนางระดับสูงแม้ว่าอาจจะมีบาง
ตระกูลที่สวามิภักดิ์ต่อขุนนางอื่นๆที่อยู่นอกพื้นที่แต่ก็ยังคงมี
ความสมดุลทางอานาจในโต๊ะของขุนนางกลุ่มนี้อีกทั้งยังมี
ตระกูลที่แข็งแกร่งและร่ารวยมากพอที่แม้แต่ขุนนางระดับที่สูง
กว่าพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เช่นกัน
“เทย์เลอร์….เจ้าจงไปนั่งโต๊ะเดียวกับกลุ่มขุนนางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ…มันสามารถนั่งได้หากหาที่นั่งเสริมเข้าไป
เสียหน่อย”
“อึก!”
คาร์ลได้ยินเสียงนีโอที่ชะงักค้างขึ้นในทันทีและเห็นใบหน้าที่มี
ความกังวลของอีริคเมื่อมองไปยังเทย์เลอร์และเคจ
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะองค์ชาย…ที่มอบที่นั่งให้แก่เรา”
“ขอบพระทัยเพค่ะ”
“ไม่เป็นไร.. เราควรให้ความร่วมมือกับคนที่จะทาคุณประโยชน์
ให้แก่อาณาจักรในอนาคต”
องค์ชายรัชทายาทตรัสขึ้นในขณะที่มองมายังโต๊ะของเหล่าขุน
นางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ารับใช้รีบวิ่งไปที่โต๊ะของกลุ่ม
คาร์ลอย่างรวดเร็วในขณะที่องค์ชายรัชทายาทตรัสเพิ่มขึ้นอีก
ครั้ง
“เราจะเพิ่มที่นั่งได้หรือไม่?”
ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธคาขอขององค์ชายรัชทายาท? อีริคลุกขึ้น
ยืนทันทีเพื่อตอบรับคากล่าวขององค์ชายรัชทายาท
“ได้แน่นอนพะย่ะค่ะองค์ชาย”
อีริคสามารถตัดสินใจทาสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดายเพราะเขาต้องการ
พูดคุยกับองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กในการลงทุนในเขตชายฝั่ง
ตะวันออกเฉียงเหนือเพราะเขาได้ปฏิเสธการสวามิภักดิ์ต่อขุน
นางในระดับที่สูงกว่าตนไป การกระทาของอีริคทาให้ขุนนาง
คนอื่นๆในโต๊ะลุกขึ้นยืนเช่นกันและปล่อยให้ข้ารับใช้ได้ทาการ
เพิ่มที่นั่งให้แก่เทย์เลอร์และเคจ
เหล่าข้ารับใช้สามารถทางานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีปัญหา
ใดๆแต่คาร์ลที่เฝ้าดูสิ่งนี้เริ่มสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกๆไปที่
ด้านข้างของตนเอง อีรีคสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของคาร์ล
จึงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาหาอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้มกระซิบ
ให้คาร์ลได้ยิน
“คาร์ล…เจ้าต้องนิ่งไว้….นิ่งเข้าไว้”
คาร์ลไม่ได้สนใจกับคาบอกของอีริคและมองดูที่นั่งของตนเอง
แขกที่เพิ่งเข้ามาใหม่กาลังจะมานั่งข้างๆเขาเรื่องนี้อาจเป็นการ
ตัดสินใจขององค์ชายรัชทายาทเช่นกัน
‘องค์ชายรัชทายาทคงไม่อยากที่จะให้พวกเขานั่งใกล้กับสุนัข
รับใช้ของผู้อื่นและตระกูลของเราคือตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดใน
บรรดาสี่ตระกูลที่เหลืออยู่’
เหล่าข้ารับใช้โค้งทาความเคารพแก่พวกเขาหลังจากปฏิบัติ
ภารกิจของตนเสร็จเรียบร้อยก่อนเดินจากไปในทันที
“พวกเจ้านั่งลงเถิด”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กได้สั่งให้กลุ่มขุนนางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือนั่งลงได้และคาร์ลก็รีบนั่งลงในทันที
ในตอนนี้ไม่มีเก้าอี้อยู่ข้างๆเขาแต่ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเก้าอี้
รถเข็นเข้ามาเติมเต็มจุดที่ว่างนี้ลง
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน”
เทย์เลอร์กล่าวทักทายเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อเขาเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเขาในตอนนี้ เคจได้นั่งลงถัดจาก
เทย์เลอร์ไป พวกเขาทั้งสองคน..ไม่สิ..ทั้งสามคนรวมทั้งคาร์ล
ด้วยต่างแกล้งทาเหมือนกับว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกของ
พวกเขา
~ นี่มันเป็นเรื่องบันเทิงอย่างยิ่ง ~
คาร์ลเห็นด้วยกับคากล่าวของมังกรดาที่ลอดผ่านเข้ามาในหัว
ของเขาและมองไปยังองค์ชายรัชทายาท
“แม้ว่ามันอาจจะล่าช้าไปเล็กน้อย…แต่เรามาเริ่มงานนี้กันใหม่
ล่ะกัน”
บทที่ 39 นิ่งเข้าไว้ 6 (2)

องค์ชายรัชทายาททรงเริ่มกล่าวเปิดงานการชุมนุมของเหล่าขุน
นางในวันนี้
“ข้าต้องการที่จะรวมตัวกลุ่มคนที่จะเป็นผู้นาพาให้อาณาจักร
แห่งนี้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปในอนาคตและร่วมรับประทาน
อาหารในมื้อนี้ร่วมกัน…ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้
และหวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารที่แสนวิเศษ
ไปพร้อมๆกัน”
ทันทีที่สิ้นสุดคากล่าวขององค์ชายรัชทายาทเหล่าข้ารับใช้ก็นา
จานอาหารต่างๆมาวางไว้บนโต๊ะของเหล่าขุนนางโดยทันที
พร้อมๆกับวงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงจากทางด้านหลังของห้อง
โถงเช่นกัน
นี่คือความแตกต่างจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเพียงอย่างเดียว
มันเป็นการผสมผสานระหว่างงานเลี้ยงฉลองและการสนทนา
เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆของเหล่าขุนนางทั้งจากโต๊ะ
เดียวกันและขุนนางจากต่างโต๊ะได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“นายน้อยคาร์ลอีกสักครู่…เราวางแผนที่จะไปทักทายองค์ชาย
รัชทายาทสักเล็กน้อย”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคาบอกของอามูร์และจดจ่อกับ
อาหารบนจานของเขาแต่ความคิดในหัวของคาร์ลในตอนนี้
กลับซับซ้อนมากกว่านั้น
‘ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันนะ?’
ไม่มีทางที่องค์ชายรัชทายาทจะเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกัน
โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เขาจะต้องมีเหตุผลที่ซ่อนไว้อย่าง
แน่นอน คาร์ลพอจะมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อาจเป็นไปได้
เพียงไม่กี่เรื่อง
‘อาจเป็นเพราะสงครามที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของทวีปตะวันตก
หรืออาจเป็นเพราะเขาได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมือง
ที่จะเกิดขึ้นในอาณาจักรวิปเปอร์’
อาณาจักรวิปเปอร์คืออาณาจักรที่องค์หญิงโรสลินจะเดินทาง
มุ่งหน้าไปเพราะอาณาจักรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอคอยพลังเวทย์
และอีกไม่นานจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในอาณาจักรวิป
เปอร์แห่งนี้มันเป็นสงครามระหว่างกลุ่มคนที่เป็นนักเวทย์และ
กลุ่มคนที่ไม่ใช่นักเวทย์
มีความคิดมากมายที่เกิดขึ้นในหัวของเขาในตอนนี้แต่เขา
ตัดสินใจที่จะหยุดคิดเกี่ยวกับมัน
‘ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องใส่ใจกับมันเพราะฉันจะอยู่นิ่งๆเท่านั้น’
มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาเสียหน่อย เขาเริ่มเพลิดเพลิน
ไปกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างช้าๆ
~ นี่มันดูน่าอร่อย….นี่ก็ดูน่าอร่อย…ทาไมมนุษย์ที่อ่อนแอเช่นนี้
ถึงได้ทาอาหารเก่งกันนักนะ? ~
คาร์ลกาลังเพลิดเพลินไปกับอาหารเหล่านี้ในขณะที่ฟังเสียงที่
เต็มไปด้วยความอิจฉาของมังกรดาไปด้วย อาหารใน
พระราชวังรสชาติดีจริงๆ มือของคาร์ลยื่นจะไปหยิบแก้วไวน์ที่
ข้ารับใช้วางไว้ให้เขาตอนไหนเขาก็ไม่แน่ใจเช่นกันแต่มันก็
หายไปอย่างรวดเร็ว
“คาร์ล….เพียงห้านาทีเท่านั้น”
คาร์ลพยักหน้ารับกับคาขอร้องที่แสนจริงใจของอีริคและหัน
กลับไปสนใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ขุนนางที่เหลือ
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมองดูเขาอย่างเงียบๆ ตอนนี้โต๊ะ
ของเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตกอยู่ในสถานการณ์
ที่น่าอึดอัดใจ
โดยมี 10 ตระกูลที่แตกแยกออกเป็นกลุ่มต่างๆและตอนนี้มีตัว
ละครที่เปรียบเหมือนระเบิดพลังเวทย์เช่นเทย์เลอร์และเคจก็
เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโต๊ะขุนนางกลุ่มนี้เช่นกัน
พวกเขาต่างจ้องมองคาร์ลที่สามารถทานอาหารในสถานการณ์
ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้อย่างสบายใจด้วยความสงสัย
คาร์ลได้ยินเสียงของมังกรดาแว่วเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
~ อีกเรื่องหนึ่ง..มีเครื่องบันทึกพลังเวทย์อยู่ทั่วห้องโถงนี้ด้วย
~
“โอ้!….”
คาร์ลปล่อยให้ตัวเองอุทานออกมาก่อนจะเริ่มยิ้มเต็มใบหน้า
ใครก็ตามที่เห็นอาการเช่นนี้ของคาร์ลก็จะเข้าใจว่าเขากาลังกิน
อาหารที่รสชาติแสนอร่อยอยู่
‘ฉันรู้อย่างน้อยหนึ่งเรื่องแล้ว’
คาร์ลรู้สึกได้ว่านี่คงเป็นหนึ่งในเป้าหมายขององค์ชายรัชทายาท
ก่อนอื่นองค์ชายรัชทายาทกาลังจับตามองเหล่าขุนนางทั้งหมด
คาดว่าองค์ชายรองและองค์ชายสามก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ซึ่ง
หมายความว่านี่เป็นสิ่งที่เหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องการ
มุมปากของคาร์ลขยับยกขึ้นเล็กน้อย อีริครู้สึกอึดอัดเมื่อ
มองเห็นรอยยิ้มเช่นนั้นของคาร์ลก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา
ทันที กิลเบิร์ตและอามูร์ก็ทาตามเขาเช่นกัน ในตอนนี้มีเหล่า
ขุนนางมากมายที่ขึ้นไปทักทายองค์ชายรัชทายาทเป็นการ
ส่วนตัว
คาร์ลลุกขึ้นอย่างช้าๆเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสามคนลุกขึ้นพลาง
สางเส้นผมด้านหลังของตนเบาๆให้เรียบร้อยและเอ่ยขึ้น
“เราจะไปกันแล้วใช่หรือไม่?”
คาร์ลยืนอยู่เบื้องหลังของขุนนางทั้งสามและมุ่งหน้าไปยังพระที่
นั่งขององค์ชายรัชทายาทเพื่อทักทายพระองค์เป็นการส่วนตัว
“โอ้!….เหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรานี่เอง”
องค์ชายรัชทายาทต้อนรับทั้งสี่คนด้วยรอยยิ้มสดใสพลางจับมือ
กับทุกคนที่ขึ้นมาทักทายเขา
‘อัลเบิร์ก คอสแมน’ มีผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าทาให้เขาดู
เหมือนเจ้าชายในเทพนิยาย เส้นผมสีบลอนด์สวยเป็นสิ่งที่เป็น
เอกลักษณ์ของตระกูลคอสแมนซึ่งเป็นเป็นราชวงศ์ของ
อาณาจักรโรมันแห่งนี้พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าสัญลักษณ์ที่ได้รับพร
จากพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชาย…หม่อมฉัน‘อีริค วิลส์แมน’ยินดี
เป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าเฝ้าองค์ชายเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาสั้นๆ
เช่นนี้ ”
“ใช่…ใช่แล้ว..อีริค..เราไม่ได้มีเรื่องที่จะต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้น
ใช่หรือไม่?”
อีริคตอบกลับไปยังองค์ชายรัชทายาทที่ยกประเด็นการลงทุนใน
เขตชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นมาด้วยท่าทางสดใส
“ใช่แล้วพะย่ะค่ะ!หม่อมฉันรอช่วงเวลาที่ดีที่จะได้พูดคุยกับ
พระองค์ในเรื่องนี้อยู่พะย่ะค่ะ!”
“ข้าก็รอช่วงเวลานั้นเช่นกัน…เจ้าเป็นนายน้อยที่ฉลาดหลัก
แหลมของตระกูลวิลส์แมนเป็นยิ่งนักอีกทั้งตระกูลวิลส์แมนยัง
เป็นผู้ดูแลด่านแรกในการเข้าสู่เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และสามารถทางานได้ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด…ข้าจะผลักไสมัน
ออกไปได้อย่างไรกัน?”
‘เขาเริ่มมันอย่างช้าๆแล้วสินะ’
คาร์ลยืนเงียบๆในขณะที่ดูอีริคซึ่งยกยิ้มเต็มใบหน้าให้แก่องค์
ชายรัชทายาทที่กาลังเริ่มใช้งานลิ้นของเขาเพื่อสรรหาคายก
ย่องต่างๆออกมาอย่างช้าๆและเขาก็กล่าวชมกิลเบิร์ตและ
อามูร์เช่นเดียวกัน
‘น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง’
คาร์ลยังเฝ้ามองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆจนกระทั่งถึงตาเขา
องค์ชายรัชทายาทยื่นมือออกไปให้คาร์ลซึ่งกาลังโค้งศีรษะลง
เล็กน้อยเพื่อทาความเคารพแก่เขาอยู่
“โอ้!….คาร์ล….จากตระกูลเฮนิตัสที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่เขต
ชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือของเรา…นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้
เจอกับเจ้าแต่ด้วยการทางานที่ดีของเคานต์เดอรัช….มันทาให้
เราไม่ต้องหวาดกลัวป่าแห่งความมืดอีกต่อไป…เจ้าคงไม่รู้หรอ
กว่าข้าและคนอื่นๆอุ่นใจในเรื่องนี้มากเพียงใด”
คาร์ลมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวที่มาที่นี่ในวันนี้
“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยคาร์ลเป็นผู้ที่รักอิสระเป็นอย่างมาก…
ข้าแน่ใจว่าต้องเป็นเพราะจิตวิญญาณจากผลงาน
ประติมากรรมของดินแดนเฮนิตัสทาให้เจ้าตระหนักรู้ในเรื่องนี้
ใช่หรือไม่?…ข้ารู้สึกว่าการที่เจ้ารักอิสระเช่นนี้ทาให้จิตวิญญาณ
ของเจ้าบริสุทธิ์เป็นยิ่งนัก”
มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะหาคาชมสาหรับใครบางคนที่ใช้ชีวิต
เฉกเช่นขยะไร้ค่าแบบนี้ได้แต่สาหรับองค์ชายรัชทายาทนั้นเขา
สามารถทามันได้นับว่าเขาเป็นบุคคลที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะพูดคุยเกี่ยวกับ
คาร์ลในแง่ดีตราบใดที่คาร์ลไม่ได้ทาตัวไร้ค่าเฉกเช่นขยะให้
เกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งนี้ เหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องการให้เหล่า
ขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ภายใต้การควบคุมของ
พวกเขาเช่นกัน นอกจากนี้ยังไม่มีสมาชิกของเชื้อพระวงศ์คน
ใดที่จะดูถูกใครบางคนเช่นเคานต์เฮนิตัสซึ่งปกครองดินแดน
ของเขาได้เป็นอย่างดีเช่นนี้ได้
‘นั่นคือสาเหตุที่จะไม่สามารถปล่อยให้อคติส่วนตัวสาหรับบาง
คนส่งผลกระทบต่อราชวงศ์ได้’
คาร์ลจับมือขององค์ชายรัชทายาทด้วยความจริงใจขณะที่เขา
จะเริ่มใช้ลิ้นของเขากล่าววาจาอันคมคายเช่นกัน มันถึงตาของ
เขาแล้วในตอนนี้
องค์ชายรัชทายาทมีเส้นผมสีบลอนด์และสวมชุดที่เรียบหรูเป็น
ทางการในขณะที่คาร์ลมีเส้นผมสีแดงและสวมชุดที่เรียบหรูเป็น
ทางการเช่นกันทั้งคู่ต่างมีท่าทางที่ผ่อนคลาย น้าเสียงที่สงบ
ราบเรียบของคาร์ลได้ถูกเอ่ยขึ้นปกคุลมไปทั่วอากาศในบริเวณ
นั้น
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชาย….หม่อมฉันรู้สึกถึงบางอย่าง
หลังจากที่ได้พบกับองค์ชายในวันนี้…หม่อมฉันตระหนักได้ว่า
นอกเหนือจากที่พระองค์จะเป็นดวงตะวันที่ส่องแสงในยามทิวา
ให้แก่เราแล้ว…พระองค์ยังเป็นผู้ที่ส่องแสงไปทั่วทุกพื้นที่ในยาม
ราตรีเพื่อเฝ้าดูแลเหล่าประชาชนไปตลอดทั้งคืนเช่นเดียวกัน…
นับเป็นภาพที่มหัศจรรย์ในสายตาของหม่อมฉันเป็นยิ่งนัก”
น้าเสียงของคาร์ลดูสงบและผ่อนคลายมากและเขาก็มีความ
มั่นใจมากเช่นเดียวกัน
“………เป็นเช่นนั้นหรือ?”
แต่ดูเหมือนว่าองค์ชายรัชทายาทจะเกิดความลังใจอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่ท่าทางการแสดงออกของเขาจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
และคาร์ลก็ไม่ควรพลาดกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เขาพูดต่อ
ด้วยน้าเสียงที่จริงใจมากกว่าเดิม
“แน่นอนพะย่ะค่ะ…หม่อมฉันอาจจะไม่สามารถนอนหลับให้
สนิทในตอนกลางคืนได้ในช่วงนี้เพราะหม่อมฉันได้พบกับ
พระองค์เป็นการส่วนตัว..ผู้ที่เป็นดั่งดวงดาวในดวงใจของเหล่า
ประชาชน”
อีริคอ้าปากค้างในขณะที่กิลเบิร์ตและอามูร์ไม่สามารถถอน
สายตาที่เหลือเชื่อออกจากคาร์ลได้ คาร์ลมองเห็นองค์ชายรัช
ทายาทเริ่มครุ่นคิด เขารู้สึกราวกับว่าได้ก้าวไปอีกขั้นเพื่อบรรลุ
เป้าหมายของเขาในวันนี้แล้วเป้าหมายที่ว่า ‘สามารถหลุดพ้น
จากองค์ชายรัชทายาทได้’
ในขณะนั้นมังกรดาก็พึมพาสิ่งแปลกๆออกมา
~ ทาไมมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกเรียกว่าองค์ชายรัชทายาทจึง
ปกปิดสีผมของเขาด้วยพลังเวทย์ด้วย?มันเป็นพลังเวทย์ที่อยู่ใน
ระดับเดียวกับมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่เช่นข้าเท่านั้นที่จะ
มองเห็นมันได้…หรือว่าจะมีมังกรตัวอื่นใช้พลังเวทย์ปกปิดสีผม
ให้เขา?หรือไม่มันก็อาจจะเป็นพลังเวทย์อย่างอื่นหรือเปล่า
นะ?~
‘ให้ตายเถอะ!’
ในตอนนี้คาร์ลได้ตระหนักว่าเขาได้รับรู้ความลับที่ไร้ประโยชน์
อีกครั้งเพราะเขาไม่สามารถเปิดเผยเรื่องราวที่มันผิดแปลกไป
แก่คนอื่นได้
‘หรือการประสูติขององค์ชายรัชทายาทถูกปกปิดอะไรบ้าง
อย่างไว้นะ?’
คาร์ลไม่อยากจะสนใจและรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว
บทที่ 40 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 1 (1)

คาร์ลส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่องค์ชายรัชทายาทพลางครุ่นคิดใน
หัวของตน
‘ไม่รู้……ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น’
มังกรดํายังคงถามลากยาวเกี่ยวกับการที่มังกรจะใช้พลังเวทย์
ของพวกมันช่วยเหลือมนุษย์ที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ไปทําไมและไม่
มีทางที่มันจะทําเช่นนี้กับมนุษย์อ่อนแอคนไหนเช่นกัน คาร์ล
พยายามที่จะไม่ใส่ใจฟังในสิ่งที่มันพูดออกมา
~ หืม?..นัยน์ตาดาของเขาก็ถูกเปลี่ยนสี…..คนอ่อนแอคนนี้
กาลังวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ?….เจ้ามนุษย์อ่อนแอเจ้า
ต้องระวังตัวไว้นะ~
‘หากเจ้าจะหยุดพูด…ฉันคิดว่าฉันยังคงสบายดี’
~ หืม?…..คนคนนี้ไม่ได้อ่อนแอ!…..เจ้ามนุษย์อ่อนแอเจ้าต้อง
ระวังตัวให้มากขึ้นนะ…เจ้าอาจตายได้~
‘ให้ตายเถอะ!’
คาร์ลเริ่มหวาดผวาต่อเจ้ามังกรดําเป็นครั้งแรกซึ่งมันยังมัวแต่
พล่ามเรื่องที่ไร้ประโยชน์อยู่ในตอนนี้ในขณะเดียวกันคาร์ลก็เริ่ม
นึกเนื้อหาในนิยายอย่างรวดเร็ว
พระมารดาขององค์ชายรัชทายาทไม่ใช่พระราชินีเธอเป็นเพียง
นางสนมเท่านั้นแต่เดิมเธอเป็นเพียงข้ารับใช้ในพระตําหนักของ
พระราชินีองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นพระมารดาขององค์ชายสาม พระ
มารดาขององค์ชายรัชทายาทถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับการ
สิ้นพระชนม์ที่มีเงื่อนงําเมื่อครั้งที่องค์ชายรัชทายาทยังทรงพระ
เยาว์อยู่
คาร์ลเริ่มคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพระ
มารดาองค์ชายรัชทายาท
องค์ชายรัชทายาทเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นเพียงมนุษย์
ธรรมดาๆคนหนึ่งแต่ทําไมมังกรดํากลับพูดว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ที่
อ่อนแอ แม้แต่ในนิยายเชวฮันก็ยังตัดสินว่าองค์ชายรัชทายาท
เป็นเพียงคนธรรมดาๆเท่านั้น ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าเขากําลัง
ซุกซ่อนอะไรบางอย่างอยู่และมังกรดําหามันเจอได้อย่างไร?
‘ไม่…ไม่เลย…ต่อให้เขาจะซุกซ่อนอะไรไว้ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไร
ของฉันสักหน่อย’
คาร์ลไม่ได้ฟังสิ่งที่มังกรดํากําลังบ่นพึมพําอยู่แต่มันก็มี
บางอย่างที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากมังกรดํายังคงพูด
เกี่ยวกับองค์ชายรัชทายาท
“…..คาร์ล…ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีท่าทางที่เหมือนข้านะ”
องค์ชายรัชทายาทกําลังตรัสอะไรบางอย่างแต่คาร์ลที่กําลัง
หมกมุ่นอยู่กับการคิดถึงเรื่องต่างๆในหัวของตนจึงเอ่ยตอบ
อย่างไม่เป็นทางการนัก
“การได้รับคําชมจากองค์ชาย….นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่
ที่สุดในชีวิตของหม่อมฉันแล้วพะย่ะค่ะ”
องค์ชายรัชทายาทปล่อยมือออกจากคาร์ลทันทีราวกับมีเรื่องที่
เป็นกังวลใจ คาร์ลไม่ได้สังเกตเห็นความกังวลใจนั้นขององค์
ชายรัชทายาทแล้วก้าวถอยหลังไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
มันเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะใช้อีริคเป็นเกราะป้องกันเมื่อสิ่งต่างๆเริ่ม
มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
องค์ชายรัชทายาทลอบสังเกตอาการของคาร์ลด้วยความสงสัย
ก่อนจะหันกลับมามองอีริค
อีริคเริ่มพูดคุยกับองค์ชายรัชทายาทอีกครั้งในขณะที่คาร์ลลอบ
เฝ้ามองพวกเขาและเริ่มครุ่นคิด
‘…….มีเหตุผล’
มีเหตุผลที่องค์ชายรัชทายาทต้องระวังองค์ชายรองและองค์
ชายสามทั้งยังเป็นเหตุผลว่าทําไมพระราชาทรงโปรดปรานองค์
ชายสามมากกว่า คาร์ลสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้ทั้งหมด
‘เขาไม่ใช่พระโอรสที่แท้จริงของพระราชาหรืออาจมีความลับ
อะไรบางอย่างต่อชาติกําเนิดของเขา?’
ใจของคาร์ลหวนกลับไปนึกถึงละครเมื่อตอนที่เขาเป็น‘คิมร็อก
โซ’อยู่ เขาได้มีโอกาสดูละครเรื่องนี้ตอนที่เขาทํางานใน
ร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อครั้งที่เรียนจบชั้นมัธยม
องค์ชายรัชทายาท ‘อัลเบิร์ก คอสแมน’ ก็นับเป็นตัวเอกของ
ละครเรื่องนี้ได้เช่นกัน
คาร์ลเลือกที่จะยืนกรานกับตัวเองอีกครั้ง
‘นิ่งๆเข้าไว้….อยู่เฉยๆไว้…ไม่ต้องสนใจ’
เขาจะยังคงอยู่นิ่งๆในพระราชวังแห่งนี้และได้ตัดสินใจว่าจะไม่
ค้นหาสิ่งอื่นอีกต่อไป
คาร์ลได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในวันนี้เขาไม่ได้
ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เลยและนั่นทําให้มีขุนนางจาก
ภูมิภาคอื่นๆซึ่งไม่เคยพบเขามาก่อนได้เข้ามาเพื่อพูดคุยกับเขา
อย่างใกล้ชิด คาร์ลมองไปที่อีริคทุกครั้งที่มีขุนนางเหล่านี้เข้าหา
และอีริคก็สามารถทําหน้าที่ของเขาได้เป็นอย่างดี
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขาประมาณ 2-3 ครั้ง คาร์ลก็
พึมพํากับตัวเองอบ่างเงียบๆ
“โอ้! นี่มันเป็นสิ่งที่ดีมาก”
กิลเบิร์ตและอามูร์สะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นพึมพําอย่าง
เงียบๆของคาร์ลและเริ่มพูดคุยกันผ่านสายตาของพวกเขาทั้งคู่
‘นี่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่มั้ย?’
‘นั่นสิ?’
พวกเขาสองคนพยายามขยับออกห่างจากอีริคและคาร์ล
เล็กน้อย อย่างไรก็ตามคาร์ลได้หันไปมองอามูร์ทําให้เธอต้อง
หยุดการเคลื่อนไหวเพื่อขยับไปทางด้านหลังของตนทันทีเมื่อได้
สบตาเข้ากับคาร์ล
“คุณหนูอามูร์…มีอีกเรื่องหนึ่ง”
“หืม?”
“ข้าได้ยินว่าบริเวณชายฝั่งทะเลในอาณาเขตของท่านมีความ
สวยงามมาก…เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“แน่นอน!…หน้าผาที่มองเห็นชายฝั่งมีความสวยงามเป็นยิ่ง
นัก”
‘สวยตูดแกนะสิ!….’
คาร์ลนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับหน้าผาและวิธีการที่ค่อนข้างยากใน
การครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ ตาม
เนื้อหาในนิยาย พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้จะถูกค้นพบจากผู้ที่
ไม่ใช่นักเวทย์จากอาณาจักรวิปเปอร์
แม้ว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่คนจากอาณาจักรวิปเปอร์ได้เป็นผู้
ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของอาณาจักรโรมันแต่มันก็มี
เรื่องราวเบื้องหลังที่ยาวนานเช่นกัน
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘เสียงเรียกของวายุ’นี้ตกอยู่ในมือของผู้
ฆ่านักเวทย์ที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณีเขาจะปรากฏตัวในช่วง
ครึ่งหลังของสงครามกลางเมือง เขาแข่งแกร่งมากพอที่จะไม่นํา
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้มาใช้ประโยชน์แก่ตัวเองมากเกินไป
‘หอคอยพลังเวทย์จะล่มสลายในไม่ช้า’
หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงจะมีการสร้างหอคอยพลัง
เวทย์ขึ้นแห่งใหม่บริเวณด้านข้างของหอคอยพลังเวทย์ที่ล่ม
สลายไปและโรสลินจะเป็นผู้ดูแลหอคอยพลังเวทย์แห่งใหม่นี้
‘เชวฮัน ผู้ฆ่านักเวทย์และองค์ชายรัชทายาท’
คนทั้งสามคนนี้จะปรากกฎตัวขึ้นเพื่อเป็นวีรบุรุษของเหตุการณ์
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนกลางของทวีปตะวันตก ในนิยาย
เรื่องนี้ยังกล่าวถึงราชินีที่ครองพื้นที่ป่าทางตอนใต้ของทวีป
ตะวันตกที่จบลงด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมในการรวมตัวกันของ
อาณาเขตทางตอนใต้ของทวีปได้อย่างไรอีกด้วย
องค์กรลับที่ถูกจัดตั้งขึ้นและถูกเชวฮันบุกเข้าโจมตีอย่าง
ต่อเนื่องซึ่งทําให้ทวีปนี้ถูกทําลายสันติภาพที่มีมาอย่างยาวนาน
ถึง 200 ปีลงในที่สุด มันเริ่มมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอํานาจ
เกิดขึ้นไปทั่วทวีปนี้
คาร์ลมองไปยังอีริคผู้ที่กําลังจัดการทุกอย่างให้แก่เขา ก่อนจะ
หันไปมองนาฬิกาบนผนังในห้องโถงอีกครั้ง งานในวันนี้จะเสร็จ
สิ้นในไม่ช้านี้แล้วและแน่นอนว่าเหล่าขุนนางกําลังรอเวลาใน
การสนทนากับองค์ชายรัชทายาทที่จะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้น
จากอาหารมื้อนี้เช่นกัน
‘ไม่มีธุระของฉัน’
มันไม่มีธุระที่เกี่ยวข้องกับคาร์ลเลย
“นายน้อยกิลเบิร์ต….ข้าสามารถออกไปจากที่นี่หลังจากมื้อ
อาหารนี้จบลงใช่มั้ย?”
กิลเบิร์ตมองไปที่คาร์ลซึ่งกําลังทานผลไม้อย่างสบายใจก่อนที่
เขาจะพยักหน้าตอบรับกับคําถามของคาร์ล
“ใช่…พวกเราวางแผนที่จะไปพบกับองค์ชายรัชทายาทเป็นการ
ส่วนตัวหลังจากจบมื้ออาหารนี้…แต่ท่านอาจไม่อยากไปกับเรา
ใช่หรือไม่?”
“ถูก…ข้าจะไปทําอะไรที่นั่นล่ะ?…พวกท่านสามคนจะไปพูดคุย
เกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนกันไม่ใช่รึไง?”
ท่าทางของกิลเบิร์ตเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคําพูดของคาร์ลดู
เหมือนว่าเขาจะแปลกใจเล็กน้อย
“……ท่านอ่านเอกสาร”
“นิดหน่อย”
คาร์ลตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนที่จะหันไปมองยังตําแหน่งที่องค์
ชายรัชทายาทประทับอยู่ในตอนนี้พระองค์ได้ลุกขึ้นจากพระที่
นั่งของตน องค์ชายรัชทายาทกําลังจะประกาศสิ้นสุดการ
รับประทานอาหารในมื้อนี้แล้ว คาร์ลไม่ได้สนใจที่จะหาเหตุผล
ที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมในวันนี้แต่เขาก็ไม่ได้ผิดหวัง
เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนั่นอาจเป็นเพราะว่าเขาจะไม่ต้องจม
ความคิดของตนอยู่กับเรื่องนี้อีกต่อไปอีก
แต่คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นหลังจากได้ยินประโยคที่องค์ชายรัช
ทายาทตรัสออกมา
“มันเป็นความสุขใจของข้ายิ่งนักที่ได้ร่วมรับประทานอาหาร
กับพวกเจ้าทุกๆคนในวันนี้…ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงไวน์เล็กๆ
สําหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมหลังจากนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…ดังนั้น
โปรดเพลิดเพลินให้เต็มที่…อ้อ!..ข้ายังได้เตรียมสถานที่สําหรับ
ทุกคนในงานฉลองวันเกิดที่กําลังจะมาถึงนี้อีกด้วย”
องค์ชายรัชทายาทตรัสทุกอย่างนี้ออกมาด้วยความพึงพอใจ
เป็นยิ่งนัก
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะมีส่วนร่วมในความสุขของข้าใน
วันนั้นเช่นกัน”
‘เฮ้อ…’
คาร์ลลอบถอนหายใจออกมา แม้ว่าองค์ชายรัชทายาทจะตรัส
ใช้คํา ‘หวังว่า’ในการให้พวกเขาอยู่ที่นั่นแต่ความหมายของมัน
ก็คือการบังคับให้พวกเขาอยู่ที่นั่นกันทุกคนต่างหาก
‘……ฉันคิดว่า…ฉันคงต้องอยู่ในจัตุรัสเมื่อครั้งที่มันมีระเบิดด้วย
สินะ’
แม้ว่ามันจะเป็นไปตามที่คาร์ลได้คาดไว้แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ชอบ
มันอยู่ดี
“เอาล่ะ!…อาหารมื้อเย็นในมื้อนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้แล้ว..
ขอบคุณพวกเจ้าทุกคนเป็นยิ่งนัก”
คาร์ลลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตนเอง ขุนนางส่วนใหญ่ที่มาใน
วันนี้ต้องการเข้าร่วมเลี้ยงดื่มไวน์กับองค์ชายรัชทายาทพร้อม
ทั้งองค์ชายรองและองค์ชายสามแต่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้
ร่วมงานนี้ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปร่วมได้แม้ว่าพวกเขา
ปรารถนาจะทําเช่นนั้นก็ตาม
คาร์ลเหลียวไปมองรถเข็นของเทย์เลอร์ซึ่งมีเคจเป็นคนผลัก
รถเข็นให้เคลื่อนผ่านหน้าเขาไปอย่างช้าๆก่อนที่จะได้ยินเสียง
กระซิบเบาๆจากเคจแว่วผ่านเข้ามาในหูของตน
“น้องชายของเรา…..แล้วค่อยเจอกันใหม่”
‘ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้อยากเป็นน้องชายของพวกเธอเสีย
หน่อย….’
สายตาที่สื่อออกมาของคาร์ลแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของเขา
ได้อย่างชัดเจนแต่เคจกลับแสร้งทําเป็นไม่เข้าใจและยังคงมุ่ง
หน้าไปหาองค์ชายรัชทายาทด้วยท่วงท่าของนักบวชผู้เต็ม
เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความบริสุทธิ์ของนักบวชที่พึงมี
“นายน้อยคาร์ล….เดี๋ยวข้าจะเดินออกไปส่งท่านยังรถม้าเอง”
“คุณหนูอามูร์”
อามูร์ขยับเข้าใกล้คาร์ลเพื่อเสนอตัวเดินออกไปส่งคาร์ลยังรถ
ม้าด้านนอกพระราชวัง คาร์ลมองไปยังเส้นผมสีเขียวของอามูร์
เขายังคงมีท่าทางสงบแต่ก็ดูรู้ทันก่อนเอ่ยถามอามูร์อย่างจงใจ
บทที่ 40 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 1 (2)

“ท่านเป็นห่วงว่าข้าจะก่อปัญหาระหว่างเดินทางออกจากที่นี่
เช่นนั้นหรือ?”
“มันโชคไม่ด… ี .ที่ตอนนี้นายน้อยนีโอก็กาลังจะเดินทางออกจาก
ที่นี่เช่นกัน”
“อ้อ….”
อามูร์กล่าวว่าเธอจะออกไปเป็นเพื่อนคาร์ลหากนีโอจะเริ่มทา
อะไรบางอย่างอีกครั้ง คาร์ลมุ่งหน้าไปยังประตูห้องโถงโดยไม่มี
คาถามใดๆระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอีก อามูร์เดินเคียงข้าง
คาร์ลออกมาจนกระทั่งถึงรถม้าของเขาโดยทั้งสองไม่ได้พูด
อะไรมากนักและพบว่ารอนได้รอคาร์ลที่รถม้าของเขาแล้ว
“นายน้อยคาร์ล….วันนี้ท่านทาได้ดีมาก”
คาร์ลพยักหน้าของตนให้แก่คากล่าวของอามูร์
“ มันค่อนข้างยากสาหรับข้าเช่นกัน….อ้อ!คุณหนูอามูร์ท่านยัง
ต้องกลับเข้าไปข้างในและยังมีงานที่จะต้องทาอีกสินะ”
อามูร์ยิ้มและเริ่มพูด
“นั่นมันเป็นเพราะ…เราจะได้รับข่าวดี”
แม้ว่าอามูร์จะเอ่ยออกมาเช่นนั้นแต่คาร์ลก็สัมผัสได้ถึงน้าเสียง
ที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวังของเธอได้ ชายฝั่งทะเล
ตะวันออกเฉียงเหนือเป็นผืนแผ่นดินที่ไร้ประโยชน์ มันเป็น
สถานที่ที่เต็มไปด้วยหน้าผานอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ
อีก
นอกจากนี้วังน้าวนที่อยู่รอบๆหน้าผาก็นับเป็นปัญหาเช่นกัน
คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นจะมีประสบการณ์ในการหลบเลี่ยง
ได้เป็นอย่างดีแต่มันก็เป็นอันตรายสาหรับคนนอกพื้นที่ได้
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ มีหน้าที่รับผิดชอบ
ดูแลวังน้าวนนี้
อามูร์และกิลเบิร์ตต้องการลงทุนในทะเลที่ไร้ประโยชน์นี้ไม่ว่า
จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คาร์ลเหลือบมองอามูร์ที่กาลังเอ่ยด้วยสี
หน้าที่ผิดแปลกไปจากเดิม
“ข้าเชื่อว่าพวกเรา…จะได้รับผลตอบรับที่ดี”
“คุณหนูอามูร์….”
“มีอะไรหรือนายน้อยคาร์ล?”
คาร์ลคิดว่าคงไม่ดีหากเขาจะให้ความช่วยเหลือแก่อีริค กิล
เบิร์ตและอามูร์ ซึ่งทุกวันนี้พวกเขาตั้งใจทางานราวกับพวกเขา
คือสัตว์อสูรที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกตน อีกทั้งพวกเขา
ยังต้องการความสมดุลทางอานาจให้เกิดแก่ขุนนางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือและอามูร์ก็ดูเหมือนเป็นคนที่จะสามารถ
เก็บความลับได้เป็นอย่างดี
“ข้าเชื่อว่า….องค์ชายรัชทายาทจะสนใจการลงทุนในครั้งนี้”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
อามูร์เห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลพูดเพราะองค์ชายรัชทายาททรงจา
เรื่องนี้ได้แม้ว่าอีริคจะไม่ได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมาก่อนก็ตาม
“ท่านพูดถึงการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวใช่รึเปล่า?”
“ใช่…”
การลงทุนด้านการท่องเที่ยวโดยใช้หน้าผ้าเป็นจุดดึงดูด ใน
ความเห็นของคาร์ลมันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์
แบบ เขาขยับตัวเข้าใกล้อามูร์ก่อนก้มลงกระซิบบางอย่าง
“ถ้าการลงทุนของท่านในครั้งนี้มันคือความสิ้นหวังล่ะ?….ข้าคิด
ว่ามันจะเป็นการดีสาหรับท่านมากกว่าหากท่านจะนึกถึง
ประโยชน์ของชายฝั่งทะเลของท่านต่ออาณาจักรวิปเปอร์และ
อาณาจักรอื่นๆทางตอนเหนือของทวีป”
“อะไรนะ?”
คาร์ลยักไหล่ของเขาเมื่อเห็นอามูร์มีท่าทางสับสนพลางกล่าว
เพิ่มเติมทันที
“แน่นอน…มันจะเป็นการดีสาหรับท่านหากท่านจะเก็บสิ่งที่ข้า
พูดไว้เป็นความลับ”
“……ข้าจะจาคาที่ท่านบอกแก่ข้าไว้”
คาร์ลพอใจกับท่าทางของอามูร์ที่เหมือนจะมีข้อสงสัยแต่เลือก
ที่จะปิดปากของตนเอาไว้ไม่เอ่ยถามสิ่งใดออกมา คาร์ลก้าวขึ้น
รถม้าและโบกมือให้อามูร์ก่อนที่เธอจะก้มหัวลงเล็กน้อยให้กับ
การโบกมือลาของคาร์ล
คาร์ลเอ่ยกับรอนเมื่อปิดประตูรถม้าลงเรียบร้อยแล้ว
“ไปกันเถอะ”
“ขอรับนายน้อย”
รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกจากบริเวณพระราชวังในเวลาต่อมา
คาร์ลมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าและเห็นอามูร์ยังยืนอยู่ใน
ตาแหน่งเดิมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะเริ่มนึกชายฝั่ง
ตะวันออกเฉียงเหนือ
หากเทียบกับชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือจะ
ประกอบไปด้วยหาดทรายสวยงามในขณะที่ชายฝั่งทะเลในเขต
พื้นที่ของอามูร์และกิลเบิร์ตนั้นจะมีความซับซ้อนของเกาะ
เล็กๆมากมายทั่วชายฝั่ง นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบยังรายล้อมไป
ด้วยหน้าผาที่แหลมคม มีเพียงไม่กี่แห่งในชายฝั่งที่สามารถจอด
เรือได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าชาวประมงในแถบพื้นที่นี้มี
ความเชี่ยวชาญในการหลีกเลี่ยงจากบริเวณที่เกิดวังน้าวนและ
สามารถออกหาปลาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีปัญหาใดๆ
‘จากความสงบสุขที่มีมาอย่างยาวนานในพื้นที่ทาให้พวกเขา
คิดถึงเพียงแค่การท่องเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆบริเวณ
ชายฝั่งเท่านั้น’
แต่องค์ชายรัชทายาทคือผู้ที่รู้ว่าความสงบที่มีมาอย่างยาวนาน
ในแถบชายฝั่งนี้กาลังจะจางหายไปในอีกไม่นาน
‘สิ่งที่ฉันต้องทาคือการไปรับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นมาให้ได้
ก่อนที่ผู้ฆ่านักเวทย์จะได้มันไปครอบครอง’
คาร์ลตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป คืนนั้นมีรายงานอยู่
สองเรื่องที่เขาได้รับแจ้งเมื่อกลับไปถึงที่พักของตน
“เราพบระเบิดพลังเวทย์ทั้งหมดสี่ลูกขอรับ…”
ในนิยายมีระเบิดพลังเวทย์ห้าลูกที่ถูกติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ
แตกต่างกันออกไปและอีกห้าลูกที่ติดตั้งอยู่กับร่างกายของ
ชาวเมือง
“พวกมันทั้งหมดอยู่รอบๆจัตุรัสกลางเมืองขอรับ”
คาร์ลยื่นมือออกไปหาเชวฮันโดยทันที
“แสดงแผนที่ให้ข้าดู….”
เชวฮันปลีกตัวออกมาจากมังกรดาที่ยังคงอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มี
การติดตั้งระเบิดพลังเวทย์และกลับมาเพียงลาพังดูเหมือนว่า
เขาจะรีบวิ่งกลับมาเพราะยังคงมีเหงื่อผุดเต็มใบหน้าของเขา
ในตอนนี้
“พวกเราเจอระเบิดพลังเวทย์หนึ่งลูกและวิ่งค้นหาไปรอบๆ
บริเวณเพื่อให้มังกรดาในอ้อมแขนของกระผมได้มองทุกจุด
อย่างถี่ถ้วนก่อนจะจบลงด้วยการค้นเจอระเบิดพลังเวทย์อีก
สามลูกแต่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก…กระผมแน่ใจว่ามันอาจจะมีที่
อื่นอีกนอกเหนือจากจัตุรัสกลางเมืองนั่นแต่ก็ไม่พบสิ่งใด
เพิ่มเติม”
“ไม่จาเป็นต้องรีบร้อนเพราะทุกอย่างจะยังคงปลอดภัยจนกว่า
จะถึงวันงานเฉลิมฉลองในอีกสองวัน”
“แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่จะกาจัดสิ่งที่เป็นอันตรายเช่นนั้นลง
ก่อนนะขอรับ!”
“มาขโมยพวกมันในตอนเช้าของวันงานเฉลิมฉลองกันเถอะ”
“……อะไรนะขอรับ?”
คาร์ลรู้เกี่ยวกับวิธีที่ผู้พัฒนาระเบิดพลังเวทย์จะส่งสัญญาณไป
ยังพวกมันเพื่อให้พวกมันระเบิดขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามสาหรับ
ผู้ที่มีพลังเวทย์ในระดับที่สูงอย่างมังกรดาหรือโรสลินก็สามารถ
ตัดสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างผู้ที่คิดค้นพัฒนาระเบิดพลัง
เวทย์และตัวระเบิดพลังเวทย์เอง แม้ว่าจะใช้เวลาอีกสักพัก นั่น
คือวิธีเดียวกกับที่โรสลินได้ทาลายระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกติด
ตั้งอยู่ในตัวชาวเมืองตามเนื้อหาในนิยาย
‘ต้องทาในวันที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองเท่านั้น’
นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทาให้นักเวทย์เล่นเลือดคิดว่าทุกอย่างกาลัง
ดาเนินการไปได้ด้วยดี
“ขโมยพวกมัน?….เราจะไม่ทาลายพวกมันเช่นนั้นหรือขอรับ?”
คาร์ลส่งแผนที่กลับไปให้เชวฮันที่ยังคงมีท่าทางสับสนและเอ่ย
ขึ้น
“ทาไมเราจะต้องทาลายสิ่งที่มีประโยชน์เช่นนี้ด้วย….”
แม้ว่าจะไม่สามารถนาระเบิดพลังเวทย์ไปใช้ได้แต่พลังเวทย์ที่
บรรจุอยู่ภายในระเบิดเล่านี้นับเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์
“ข้าจะใช้มันเพื่อตัวเอง”
เชวฮันคิดว่ารอยยิ้มของคาร์ลนั้นแฝงไปด้วยความขี้โกงและเจ้า
เล่ห์ คาร์ลยังคงพูดกับเชวฮันที่ยอมทาตามแผนของเขาด้วย
ความสับสนอยู่
“ค้นหาต่อไปเพราะอาจมีมากกว่านี้…ตรวจสอบดูหลายๆครั้ง
เพื่อดูว่าตาแหน่งที่ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์เปลี่ยนแปลงไป
หรือไม่?”
เชวฮันและมังกรดาจะต้องซ่อนตัวรอบๆจัตุรัสกลางเมืองและ
ทาการค้นหาต่อไป มันอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยาก น่าเบื่อและต้อง
ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเกิดขึ้นในใจของพวกเขาแต่มัน
ไม่ใช่สิ่งที่คาร์ลกาลังจะลงมือทาด้วยตนเองเช่นกัน
คาร์ลมองไปยังออนและฮงที่สะดุ้งตื่นจากการงีบหลับก่อนจะ
เริ่มตั้งท่านอนหลับอีกครั้ง
“ถึงเวลาให้ค่าจ้างแก่พวกเจ้าทั้งสองแล้ว”
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยกับเชวฮันด้วยเช่นกัน
“ไปทางานเถิด”
ลูกแมวน้อยสองตัวขยี้ตาของพวกมันอย่างอ่อนเพลียพร้อมทั้ง
เชวฮันก็ออกไปทางานตามคาสั่งของคาร์ลที่ได้มอบหมายไว้ให้
คาร์ลมองดูเชวฮันและลูกแมวสองตัวกระโดดลงจากระเบียง
ห้องของเขาพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มหลังจากที่ไม่ได้รับอนุญาต
ให้ดื่มเมื่อครั้งอยู่ในพระราชวังก่อนจะเข้านอนและหลับไปใน
ที่สุด
มีข้อมูลชิ้นหนึ่งถูกส่งมาถึงคาร์ลในขณะที่เขาหลับอยู่และคาร์ล
สามารถทราบข่าวนี้ได้ทันทีหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา
บิลอสเดินทางถึงเมืองหลวงในวันนี้แล้วและเป็นวันก่อนจัดงาน
เฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของพระราชาหนึ่งวัน คาร์ลรีบ
เดินทางไปยังโรงแรมเพื่อจะไปพบบิลอสโดยทันที
มันเป็นสถานที่ที่มีเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสิบคนพักอยู่ แน่นอนว่า
ออน ฮงและล็อกได้เดินทางไปยังโรงแรมพร้อมเขาเช่นกัน เขา
นึกถึงสิ่งที่ลอ็ กพูดและเอ่ยถามโดยทันที
“เจ้าต้องการให้ข้าดูแลน้องๆของเจ้างั้นรึ?”
“ใช่…นั่นเป็นเงื่อนไขสาหรับข้อตกลงของข้า”
“แล้วเจ้าจะทาสิ่งใดให้แก่ข้าได้บ้าง?”
“ไม่ใช่แค่เพียงข้าเท่านั้นที่จะทาได้….”
ล็อกเอ่ยตอบคาร์ลอย่างไม่ลังเลใจ
“ถ้าไม่ใช่แค่เจ้า…แล้วใคร?”
“เหล่าน้องๆของข้าจะทามันร่วมกับข้า….เราจะแข็งแกร่งมาก
กว่าเดิมหากทางานเป็นทีม”
คาร์ลรู้สึกว่าทั่วแผ่นหลังและศีรษะของเขานั้นเย็นวาบขึ้นโดย
อัตโนมัติ
‘ไม่มีทาง’
ล็อกยังคงโหดเหี้ยมไร้ความปราณีเขายังกระหน่าทาร้ายจิตใจ
ของคาร์ลเพิ่มอีก
“เผ่าหมาป่าสีน้าเงินมีประวัติอันยาวนานในการเป็นนักรบผู้
แข็งแกร่ง..ประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่า…”
“พอ!….มันไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องรู้”
คาร์ลหันหน้าหนีออกจากล็อคซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขาในรถม้าโดย
ทันที
บทที่ 41 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 2 (1)

ล็อกทาได้แค่พยักหน้าของตนเพื่อรับรู้กับสิ่งที่คาร์ลกล่าวก่อน
จะตัดสินใจเอ่ยกับคาร์ลในเวลาต่อมา
“ถ้าท่านไม่ทราบ….ข้าขออธิบายให้ท่านฟังได้ไหม?”
เขาเอ่ยถามในรูปแบบของประโยคคาถามแต่ดูเหมือนจะเป็น
ประโยคบอกเล่าเพื่อที่จะกล่าวถึงสิ่งที่อยู่ในใจของตนมากกว่า
คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆเพื่อแสดงให้ล็อกได้เข้าใจในสิ่งที่
เขาจะพูดออกมา
“ไม่จาเป็น”
“แต่…….”
คาร์ลจ้องมองไปที่ล็อก
‘นายต้องการให้ฉันเลี้ยงดูบุตรหลายของเผ่าหมาปุาสีน้าเงินทั้ง
สิบคนและพวกนายจะพากันสร้างกองกาลังนักรบหมาปุากัน
เช่นนั้นรึ?’
ล็อกคือคนที่หวาดหลัวต่อเผ่าวาฬแต่ก็เต็มใจที่จะเข้าโจมตี
หัวหน้าเผ่าวาฬเพื่อปกปูองเพื่อนๆของเขาได้เช่นกัน
‘พวกนายต้องการให้ฉันเลี้ยงดูคนที่อาจจะมีความบ้าคลั่งที่
มากกว่ากลุ่มคนที่คลั่งในลัทธิศาสนามาอยู่ภายใต้การปกครอง
ของตนเองหรืออย่างไร?’
“เจ้าไม่จาเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมาอีกแล้วล่ะ…..”
น้าเสียงเย็นชาของคาร์ลทาให้ไหล่ของล็อกลู่ต่าลง แต่คาร์ลก็
ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของล็อกพลางเอ่ยขึ้น
“เจ้าต้องการให้เด็กตัวเล็กๆเป็นนักรบเช่นนั้นรึ?…..เจ้าต้องการ
ให้ข้าคอยเลี้ยงดูปกปูองเด็กๆแต่ดูเหมือนว่าข้อเสนอที่เจ้า
ต้องการจะตอบแทนข้ามันสวนทางกับคาขอร้องของเจ้า….”
หากคาร์ลฝึกฝนและสนับสนุนให้เด็กๆกลุ่มนี้เป็นนักรบตั้งแต่
อายุยังน้อย พวกเขาจะกลายเป็นกลุ่มนักรบที่บ้าระห่าและบ้า
คลั่งกว่าพวกลัทธิบูชาศาสนาเสียอีก นั่นเป็นความคิดที่แย่มาก
และที่สาคัญไปกว่านั้น
“แล้วความคิดเห็นของเด็กๆพวกนั้นล่ะ?….ทาไมเจ้าถึง
ตัดสินใจแทนพวกเขาเช่นนี้?”
คาร์ลตั้งคาถามให้แก่ล็อกผู้ที่ตัดสินใจแทนน้องๆในเผ่าของตน
ล็อกมีสีหน้าที่ว่างเปล่าไปชั่วครู่ก่อนที่จะลดศีรษะของตนพลาง
กล่าวขอโทษ
“ข้าขอโทษ…”
“ไม่จาเป็นต้องขอโทษ”
คาร์ลเอ่ยตัดบทคาขอโทษของล็อกขึ้นก่อนที่เขาจะเงยหน้า
ขึ้นมามองคาร์ลช้าๆด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าเจ้าต้องการอะไรจากข้า….ข้าก็จะคิดถึงสิ่ง
ที่เจ้าต้องตอบแทนข้าเช่นกัน”
แน่นอนว่าคาร์ลได้คิดไว้อยู่แล้วเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะให้ล็อกทา
เพื่อเป็นการตอบแทนเขาแต่มันยังไม่ถึงเวลา ในเวลาอีก
ประมาณสามเดือนต่อจากนี้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่สามารถ
สร้างเป็นเงินให้แก่คาร์ลจะปรากฏตัวขึ้นในภูเขาที่เต็มไปด้วย
อันตรายนั่น มันจะปรากฏขึ้นเพียงหกเดือนเท่านั้นและคนเช่นล็
อกที่สามารถใช้ภาวะการกลายร่างของเขาเพื่อปีนปุายบนเขา
นั้นจะสามารถทางานนี้ได้เป็นอย่างดี
‘ถ้าฉันขายมันให้แก่ราชินีผู้ครองผืนปุานั้นได้…ต่อให้อาณาเขต
ของฉันพังพินาศลง…ฉันก็ยังคงมีเงินมูลค่ามหาศาลและมันมาก
พอที่จะทาให้ฉันสบายไปตลอดชีวิต’
เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะโก่งราคามันขึ้นเสียหน่อยและมันก็
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรกับการขึ้นราคาสินค้าให้แก่คนที่มีเงิน
เป็นจานวนมากเช่นนั้น
“ท่านมีบางอย่างที่ต้องการจากข้าใช่มั้ย?”
เฮ้อ…..คาร์ลถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อได้ยินน้าเสียงที่เป็น
กังวลของล็อกที่เอ่ยถามเขาขึ้นมาก่อนที่เขาจะตอบล็อกกลับไป
เพราะสัมผัสได้ถึงน้าเสียงที่เป็นกังวลใจอย่างมากของล็อก
“อย่าถามคาถามที่ชัดเจนเช่นนั้น…แน่นอนว่าข้าต้องการความ
ช่วยเหลือจากเจ้าอยู่แล้ว”
‘อ่า……’ ล็อกชะงักค้างไปชั่วขณะและพยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่
คาร์ลกล่าว
“ได้…..ข้าจะทาในสิ่งที่ท่านขอ…โปรดแจ้งให้ข้าทราบเมื่อท่าน
ตัดสินใจได้แล้ว”
“แน่นอน…”
คาร์ลพูดจบและหยิบกระเป๋าเงินใบเล็กออกจากระเป๋าของเขา
และโยนมันให้กับล็อกทันที ล็อกหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาดูด้วย
ความงุนงงก่อนจะได้ยินเสียงของคาร์ลอธิบายเหตุผลในเรื่องนี้
“วันนี้เจ้าจะได้พบน้องๆของเจ้าหลังจากไม่ได้พบกันมาสัก
ระยะหนึ่งแล้วซินะ…ดังนั้นพวกเจ้าจงพากันไปเที่ยวให้ทั่วๆ
เมืองหลวงนี้ซะ”
“เที่ยว?…..”
“ใช่!…นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเจ้าในเมืองหลวงนี้รึไง?…. พา
พวกเขาไปผ่อนคลายกับสถานที่ต่างๆแล้วก็ทานอาหารอร่อยๆ
พวกนั้นด้วยแล้วกัน”
‘ฉันจะสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อยๆพวกนั้นกับ
บิลอสได้เช่นกันหากไม่มีเจ้าอยู่ด้วย’
“ออนและฮงจะไปกับเจ้าด้วยดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง”
“เมี้ยว เมี้ยว”
“เมี้ยว เมี้ยว”
ออนและฮงที่นั่งเงียบอยู่บนรถม้าคันนี้ตั้งแต่แรกได้แสดงตัว
ของพวกมันขึ้นหลังจากได้ยินคาร์ลพูดก่อนที่จะเดินเข้าไป
ใกล้ล็อกและตะปปเข้าไปที่ขาของล็อกด้วยอุ้งเท้าของพวกมัน
ทั้งสองตัวทันที
“พอเถอะ!..ออน….ฮง…ข้าจักจี้….ฮ่าฮ่าฮ่าๆ”
ล็อกผลักหัวของพวกมันออกจากขาของตนด้วยความเอ็นดู
ล็อกอาจจะมองว่าพวกมันสองตัวน่ารักแต่ในสายตาของคาร์ล
กลับมองว่าพวกมันทั้งสองกาลังตั้งใจโจมตีทาร้ายร่างกาย
ของล็อกมากกว่า คาร์ลจ้องมองดูภาพนี้และเริ่มคิด
‘ฉันจะต้องพาเด็กๆพวกนี้ไปให้ฮันส์ดูแลหลังจากนี้…มิเช่นนั้น
ฉันอาจจะต้องหาคนเลี้ยงดูเด็กๆเหล่านี้เพิ่ม’
คงเป็นเรื่องดีถ้าสามารถหาคนที่สามารถปรุงอาหารได้ดีและ
รักษาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆให้สะอาดอยู่เสมอ เขากาลังคิด
เกี่ยวกับคนที่สามารถเลี้ยงดูเด็กๆจากเผ่าหมาปุาสีน้าเงินนี้ได้
บ้างนอกเหนือไปจากฮันส์ก่อนที่เขาจะนึกถึงบารอคบุตรชาย
ของรอนและเป็นรองหัวหน้าพ่อครัวขึ้นมา เมื่อนึกถึงบารอค
ขึ้นมาทาให้คาร์ลรู้สึกว่าร่างกายของตนแข็งทื่อขึ้นมาทันที
บารอคได้รับการยกย่องจากคนในคฤหาสน์เฮนิตัสว่าเป็นคนที่
มีฝืมือในการทาอาหาร รักษาความสะอาดข้าวของเครื่องใช้
ต่างๆได้เป็นอย่างดีและเขายังถูกกล่าวถึงว่าเป็นคนที่มีความ
สุภาพอ่อนน้อมและเป็นคนดี อย่างไรก็ตามเรื่องที่พวกเขายก
ย่องบารอคนั้นใช้ไม่ได้ผลกับคาร์ลเพราะเขารู้ดีว่าบารอคเป็น
โรคจิตและชื่นชอบการทรมานคนอื่นด้วยวิธีต่างๆเป็นชีวิต
จิตใจ เขาไม่สามารถปล่อยให้เด็กๆที่เปรียบดั่งผ้าขาวต้องแปด
เปื้อนไปกับการละเลงสีของบารอคได้อย่างแน่นอน
‘อีกอย่างฉันต้องส่งเขาไปกับเชวฮันอีกด้วย’
เขาไม่มีทางเลี่ยงได้มากนักเพราะตามเนื้อหาในนิยายบารอค
จะต้องติดตามเชวฮันและโรสลินไปยังอาณาจักรเบร็คเพื่อลง
มือทรมานนายทหารยศพลเรือเอกผู้หนึ่ง [1:Grand Admiral]
คาร์ลกาลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ว่าจะให้ใครเป็นคนดูแลเด็กๆ
จากเผ่าหมาปุาสีน้าเงิน รถม้าก็ได้หยุดลงด้านหน้าโรงแรมที่
บิลอสและเด็กๆทั้งสิบคนพักอยู่
คาร์ลก้าวลงจากรถม้าและเอ่ยขึ้น
“ตามข้ามา”
คาร์ลแตะไปที่ไหล่ของล็อกเมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลใจของล็อก
ก่อนที่เขาจะเดินตามคาร์ลเข้าไปในโรงแรมโดยมีลูกแมวสอง
ตัวอยู่ในอ้อมแขน
“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรม‘หอมกรุ่นกลิ่นองุ่น’มีอะไรให้กระผม
ช่วยหรือไม่ขอรับ?”
คาร์ลผงกศีรษะของตนให้แก่ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
และรีบเดินไปที่ประตูด้านหลังของโรงแรมทันที กลุ่มคนที่เชว
ฮันพากลับมาด้วยนั้นได้พักอยู่บริเวณบ้านพักตากอากาศ
ด้านหลังโรงแรม
เจ้าของโรงแรมพยายามติดตามเขาไปแต่คาร์ลได้หยุดเขาไว้
ก่อนที่จะเดินไปหยุดที่หน้าประตูบ้านพักตากอากาศและกวักมือ
เรียกล็อกให้มาใกล้ตน
“เจ้าเปิดประตูสิเพราะคนที่อยู่ในนี้คือน้องๆของเจ้า”
“ห๊ะ? ได้!”
ล็อกวางลูกแมวลงก่อนจะคว้าที่ ‘มือจับประตู’ไว้แน่น นี่เป็น
ครั้งแรกที่เขาจะได้พบกับเหล่าน้องๆของตนหลังจากที่เขาเกิด
ภาวะกลายร่างขึ้น คาร์ลขยับมาอยู่ด้านหลังของล็อกเพราะเขา
รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่หากต้องเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตู
บานนี้
แกร็ก!
ล็อกมองไปที่บานประตูและเปิดมันเข้าไป พวกเขาสามารถ
มองเห็นภายในของบ้านพักตากอากาศได้ทันทีเมื่อเปิดประตู
เข้าไป มันเป็นพื้นที่กว้างขวางมองแล้วมีความสะดวกสบาย
เป็นอย่างยิ่ง
“เฮ้อ….”
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นขาของคาร์ลก็ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
ทันทีสองก้าวซึ่งมันเป็นการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของ
เขานั่นเอง
“พี่!”
“พี่ชาย!”
“พี่ล็อก!”
“พี่ล็อกเจ้าคะ!”
เด็กๆทั้งสิบคนต่างวิ่งกรูเข้ามาหาล็อกและล็อกก็วิ่งเข้าหาพวก
เขาทันทีเช่นกัน มันเป็นอารมณ์ที่มีความหลากหลายปรากฏต่อ
หน้าคาร์ลและมันก็ทาให้เขารู้สึกอดซาบซึ้งใจตามไม่ได้เมื่อเห็น
เด็กๆทั้งสิบคนต่อหน้าเขาในตอนนี้
ในขณะเดียวกันก็มีอีกคนหนึ่งที่คาร์ลอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ได้เจอ
“นายน้อยคาร์ล…”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะบิลอส”
คาร์ลเป็นคนบอกให้บิลอสมาพบเขาที่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้
เขาสังเกตได้ว่าบิลอสกาลังรู้สึกประหม่าภายใต้รอยยิ้มสดใส
ของเขาและเหลือบมองไปยังคนที่กาลังเดินเข้ามาใกล้เขาจาก
ทางด้านหลังของบิลอส
“ดีใจที่ได้พบท่าน…นายน้อยคาร์ล”
“เจ้าคือพ่อค้าที่มากับเชวฮันหรือไม่?”
ชายชราในวัยหกสิบปีคนนี้เขามีท่าทางสุภาพอ่อนโยนและ
ยังคงมีบุคลิกรูปร่างที่ดี เขาเป็นคนเดียวกับที่ขอให้เชวฮันมา
ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดขึ้นกับเผ่าหมาปุาสีน้าเงิน
“ใช่แล้วขอรับ…กระผมได้ยินเรื่องราวของท่านจากเชวฮันมา
บ้างแล้ว….นับเป็นเกียรติของกระผมเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเจอ
นายน้อยคาร์ลในวันนี้”
“เป็นเกียรติ?….คงไม่ใช่เรื่องดีนักกับการได้เห็นใบหน้าขยะเช่น
ข้า”
คาร์ลยื่นมือของตนออกไปหาชายชราคนนี้ก่อนที่เขาจะยกมือ
ของตนมาจับมือคาร์ลไว้เช่นกันพลางเอ่ยแนะนาตัวของเขาไป
ด้วย
“กระผมชื่อโอเดียส ฟลินน์”
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ
‘โอเดียส ฟลินน์’ เขาเคยเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งสาหรับการแย่ง
ชิงตาแหน่งหัวหน้าสมาคมการค้าของตระกูลฟลินน์ แต่ในที่สุด
เขาก็ยอมแพ้และแยกตัวออกมาเริ่มต้นทาการค้าเล็กๆของเขา
เอง
‘เขาเป็นลุงของบิลอส’
เขาเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับบิลอสและเชวฮันรวมถึงคน
อื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องกับเชวฮันและเขาคือคนที่ดึงความโลภ
ที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในตัวของบิลอสออกมา
‘เขาเป็นคนที่เสแสร้งยิ่งกว่ารอนเสียอีก’
เขาอาจแกล้งทาตัวเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาเล็กๆคนหนึ่งแต่ใน
ความเป็นจริงเขากลับสวมหน้ากากเพื่อหวังได้ครอบครองโลก
เขาอาจจะใจดีกับคนแค่บางคนแต่ก็โหดเหี้ยมและไร้ความ
ปราณีต่อคนส่วนใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ ‘โอเดียส ฟลินน์’ เป็น
[1:Grand Admiral] ในนิยายใช้คาว่า Grand Admiral แต่มี
ชื่อที่รู้จักอีกว่า An Admiral Of The Fleet or Fleet
Admiral หรือ Admiral of the Navy สามารถแปลเป็น
ไทยได้ว่า พลเรือเอก (อังกฤษ: admiral) ตามระบบ
ของ NATO เป็นยศทหารชั้นนายพลระดับ 4 ดาว พลเรือเอก
เป็นยศทหารสูงสุดที่ทหารเรือเกือบทุกประเทศพึงจะครองได้ใน
ปัจจุบัน แต่ในอดีต พลเรือเอกมีศักดิ์เป็นรองจากยศพลเรือเอก
อาวุโส (มีบางประเทศ) และจอมพลเรือ
บทที่ 41 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 2 (2)

ในตอนนี้บุคคลเพียงคนเดียวที่รู้ตัวตนทั้งสองด้านของโอเดียสก็
คือคาร์ล
คาร์ลแกล้งทาเป็นไม่รู้สิ่งใดเมื่อเอ่ยทักโอเดียสขึ้นอีกครั้ง
“ฟลินน์? ….เจ้าต้องมีความข้องเกี่ยวกับบิลอสซินะ…ยินดีที่ได้
รู้จัก”
“กระผมรู้สึกตกใจเช่นกันที่นายน้อยคาร์ลรู้จักกับบิลอสด้วย…
กระผมไม่ได้เจอบิลอสมานานมากตั้งแต่เขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ
อยู่…..กระผมมีความสุขมากที่ได้พบกับเขาอีกครั้งมันรู้สึกราว
กับช่วงเวลานี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของกระผมเลย
ขอรับ”
บิลอสไม่สามารถซ่อนความรู้สึกที่สับสนบนใบหน้าของตนได้
เมื่อมองไปที่โอเดียส เขาคนนี้เป็นคนที่เลือกขว้างทิ้งการค้าของ
ตระกูลฟลินน์และออกไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในฉบับของตนเอง
นอกจากนี้เขายังเป็นลุงของบิลอสและมีเพียงแค่บิลอสเท่านั้นที่
มีความทรงจาดีๆต่อโอเดียสในตอนที่เขายังเป็นเด็ก
‘อืม….เขานับว่าเป็นคนที่ดีสาหรับบิลอสซินะ’
คาร์ลปล่อยมือออกจากโอเดียสและเริ่มคุยกับบิลอส
“ไปหาอะไรดื่มข้างบนกันเถอะ”
บ้านพักตากอากาศมีบาร์เหล้าเล็กๆอยู่ชั้นบนและแน่นอนว่า
คาร์ลก็เอ่ยกับโอเดียสด้วยเช่นกัน
“เชวฮันกับโรสลินจะตามมาทีหลังดังนั้นพวกท่านสามคน
สามารถพูดคุยกันได้”
“อ่า….เข้าใจแล้ว…กระผมหวังว่าจะมีโอกาสดื่มกับท่านในครั้ง
หน้านะขอรับนายน้อยคาร์ล”
คาร์ลยิ้มและตอบกลับ
“ได้…แล้วเราค่อยมาดื่มด้วยกันเร็วๆนี้”
คาร์ลแตะไปที่ไหล่ของบิลอสที่ยังคงยืนอยู่ด้วยใบหน้าสับสน
ก่อนที่คาร์ลจะมุ่งหน้าไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปบนชั้นสองแต่มี
เด็กๆจานวนสิบคนขวางทางเขาไว้อยู่
“ขอบคุณท่านมากขอรับ….นายน้อยคาร์ล”
“ขอบคุณมากขอรับ”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
คาร์ลมองไปยังเด็กๆทั้งสิบคนที่กาลังเอ่ยขอบคุณเขาและเริ่ม
คิด
‘มันน่าปวดหัวดี’
มีเด็กๆจานวนสิบคนที่ปล่อยรังสีบางอย่างออกมามันทาให้
คาร์ลรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งใน
อนาคต แม้ว่าพวกเขาจะเห็นพ่อแม่ลูกพี่ลูกน้องและสมาชิกคน
อื่นๆของครอบครัวต้องถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาของตนก็ตาม
แววตาของพวกเขาทั้งหมดก็ยังคงแข็งแกร่งและมั่นคงมันทาให้
คาร์ลรู้ว่าพวกเขาเอ่ยขอบคุณคาร์ลออกมาด้วยใจบริสุทธิ์ของ
พวกเขา เด็กๆทั้งสิบคนไม่ได้มีคนที่มีอายุน้อยจนเกินไป พวก
เขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีอายุระหว่าง 10-13 ปี
‘พวกเขาอาจจะต้องการคนที่คอยอบรมฝึกสอนมากกว่าที่จะ
มาคอยดูแลเลี้ยงดูพวกเขา’
อย่างไรก็ตามคาร์ลได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่เป็นคนที่คอย
จัดหาคนมาฝึกอบรมให้แก่พวกเขาและโบกมือเป็นสัญญาณ
ให้ล็อกหลีกทางให้ตนก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปข้างบนต่อไป แม้ว่า
คาร์ลจะไม่มีการตอบสนองและเมินเฉยต่อพวกเขาแต่คาร์ลก็ยัง
ได้ยินเสียงของเด็กๆจากเผ่าหมาปุาสีน้าเงินกล่าวขอบคุณเขา
แว่วตามมาจากทางด้านหลังซึ่งทาให้คาร์ลรู้สึกหนาวสั่นขึ้นอีก
ครั้ง
บิลอสเดินตามคาร์ลจนมาถึงชั้นสองก่อนเอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“นายน้อยคาร์ล…ท่านมาทาอะไรอยู่ที่นี่หรือขอรับ?”
คาร์ลเอ่ยตอบบิลอสทันทีโดยไม่มีความลังเลใจ
“ทาในสิ่งที่ข้าสามารถทาได้เพื่อความสงบสุขในอนาคตของตัว
ข้าเอง”
บิลอสมีสีหน้าไม่เชื่อถือในคาพูดของคาร์ลในขณะที่เขาหยิบ
ขวดเหล้าและแก้วออกมาจากตู้ก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามคาร์ล
พร้อมๆกับเทเหล้าลงแก้วที่อยู่ตรงหน้าของตน
“เจ้าไม่เห็นข้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเจ้ารึ?”
“อ่า….ขอโทษด้วยขอรับนายน้อยพอดีกระผมมีเรื่องให้คิด
เล็กน้อย”
คาร์ลเอ่ยท้วงบิลอสขึ้นมาเมื่อเห็นบิลอสดื่มเหล้าไปเกือบครึ่ง
ขวดแล้ว บิลอสเงยหน้าขึ้นมองคาร์ล…ไม่สิ..เขากาลังสังเกต
คาร์ลคนที่เคยเอ่ยกับเขาว่าไม่อยากมีชีวิตเป็นเพียงขยะไร้ค่า
อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คาดฝันว่าจะได้มาพบกับลุง
ของตนเข้าเมื่อเดินทางมาพบกับคาร์ลในวันนี้
คาร์ลหยุดบิลอสที่พยายามเทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นลง
ในแก้วของตนและหยิบขวดเหล้าขวดเดิมของบิลอสเพื่อเทลง
ไปในแก้วของบิลอสอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้ว่าอะไรทาให้เจ้ารู้สึกราคาญใจแต่เจ้าไม่สามารถที่จะ
ดื่มเหล้าด้วยวิธีแบบนี้ได้”
“…..นายน้อยคาร์ล…..”
คาร์ลเทเหล้าลงแก้วของบิลอสจนเต็มและเอ่ยขึ้น
“มีอะไรงั้นรึ?”
“ท่านโอเดียส…เขาเป็นลุงแท้ๆของกระผม”
‘ท่านโอเดียส’ สาหรับคนเช่นบิลอสที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้
นามสกุลฟลินน์ได้อย่างเป็นทางการเขาก็ไม่สามารถที่จะเอ่ย
เรียกลุงของตนได้เช่นกัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นโอเดียสก็เป็น
ผูใ้ หญ่เพียงคนเดียวที่ให้ความอบอุ่นและอ่อนโยนต่อเขาในวัย
เด็ก
ในนิยายมีสิ่งที่โอเดียสได้กล่าวกับบิลอสว่า
‘ข้าถือว่าเจ้าเป็นหลานชายของข้าและเป็นครอบครัวของข้า…
เจ้ามีคุณสมบัติในเรื่องนี้อย่างครบถ้วน’
ประโยคนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนแปลงสาหรับชีวิต
บิลอส ในนิยายได้กล่าวว่าหลังจากได้รับการแนะนาให้รู้จัก
กับเชวฮันผ่านทางโอเดียสแล้ว บิลอสรู้สึกทึ่งและเกรงขามไป
กับความแข็งแกร่งของเชวฮันและตัดสินใจติดตามเชวฮันไป
ในทันที นอกจากนี้เขายังได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อตาแหน่งของ
หัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์ด้วยเช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล…ท่านไม่อยากรู้หรือว่าทาไมท่านโอเดียสจึง
เป็นเพียงพ่อค้าเล็กๆเท่านั้น? ทั้งๆที่เขาเป็นคนในตระกูลฟ
ลินน์ก็ตาม”
‘ทาไมต้องอยากรู้ด้วย?….ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ’
โอเดียสเป็นบุคคลที่ควบคุมพื้นที่ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคกลางได้อย่างสมบูรณ์แบบ คาร์ลเติมเหล้าลงในแก้ว
ของตนจนเต็มและเอ่ยถามบิลอส
“ข้าควรสงสัยเกี่ยวกับนามสกุลฟลินน์เช่นนั้นหรือ?”
ก่อนจะยกแก้วเหล้าของตนขึ้นดื่มและมองเห็นว่าตอนนี้บิลอส
ได้ยกยิ้มจนเต็มใบหน้า
“เข้าใจแล้ว…กระผมเดาว่านามสกุลฟลินน์ไม่ใช่นามสกุลที่มี
ชื่อเสียงมากนัก”
“อืม!…ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือโอเดียสก็เหมือนกัน…พวกเจ้าต่าง
เป็นคนในตระกูลฟลินน์ด้วยกันทั้งคู่”
“…..กระผมเป็นเพียงบุตรนอกสมรส”
คาร์ลได้โต้กลับในสิ่งที่บิลอสกล่าวออกมาทันที
“ความจริงที่ว่าเจ้าเป็นบุตรนอกสมรสก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้า
ไม่ใช่คนในตระกูลฟลินน์เพราะถึงอย่างไรคนอื่นๆเขาก็เข้าใจว่า
เจ้าคือคนในตระกูลฟลินน์อยู่ดี”
แม้ว่าคนในตระกูลจะไม่ยอมรับในตัวของบิลอสให้เข้าร่วม
ตระกูลฟลินน์ด้วยแต่คนอื่นๆก็รู้ว่าบิลอสคือคนในตระกูลฟลิ
นน์อยู่ดีนั่นเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครสนใจว่าเขาเป็นเพียงแค่บุตร
นอกสมรสเท่านั้นและความจริงที่ว่าตระกูลฟลินน์เป็นหนึ่งใน
สามของสมาคมการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จึงไม่แปลกที่
คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจในเรื่องพวกนี้มากนัก
บิลอสลอบสังเกตคาร์ลชั่วครู่ก่อนที่เขาจะหยิบขวดเหล้าและเท
ลงในแก้วของคาร์ล
“นายน้อย…”
“อะไร?”
“กระผมรู้สึกว่านายน้อยมีความสามารถในการพูดถึงเรื่องที่
เป็นความจริงได้อย่างตรงไปตรงมาเป็นยิ่งนัก”
“แน่นอน…ข้าค่อนข้างถนัดในเรื่องนี้”
“ขอรับ….แล้ว?”
“หืม?”
“แล้วท่านได้ใช้สิ่งที่ยืมมาจากกระผมไปขโมยสิ่งใดแล้วบ้าง
ขอรับ?”
บิลอสมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคาร์ลเมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น
ออกไป คาร์ลหยิบแก้วเหล้าของตนมาถือไว้แล้วเอ่ยออกมา
อย่างช้าๆ
“ข้าขโมยมาได้อย่างหนึ่งแล้วและจะขโมยที่เหลือในอีกไม่ช้า
นี้”
เขาได้ใช้พวกมันเพื่อช่วยเหลือมังกรดามาได้อย่างหนึ่งและ
อย่างอื่นก็จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว
มุมปากของบิลอสยกยิ้มขึ้นอาจไม่มีขุนนางหรือคนชั้นสูงคนใด
ที่จะเอ่ยออกมาตรงๆว่าพวกเขาจะขโมยบางอย่างเช่นนี้แต่คง
ต้องยกเว้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ไว้คนหนึ่งกระมัง
“ท่านไม่ให้กระผมช่วยหรือขอรับ?”
คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธกับคาถามของบิลอส
“…..น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง”
เคร้ง!
คาร์ลวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะและกล่าวต่อไปโดยทันที
“ทุกหน้าที่เต็มหมดแล้ว”
รายชื่อของมนุษย์และสัตว์อสูรที่คาร์ลจะใช้งานพวกเขาล้วน
อยู่ในหัวของเขาหมดแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
บิลอสหัวเราะออกมาเล็กน้อยและคว้าแก้วเหล้าที่ถูกเทไว้เต็ม
แก้วยกดื่มจนหมดภายในอึกเดียวก่อนที่จะวางลงไปบนโต๊ะ
อย่างแรง
“กระผมคิดว่า…อาจจะลองขโมยบางอย่างดูเช่นกัน”
บิลอสได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะขโมยสิ่งใด? ผู้สืบทอดตาแหน่ง
หัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์! เขาจะทาให้ตาแหน่งนี้ตกเป็น
ของเขาให้ได้มันย่อมเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเพราะความโลภ
ของเขานั้นยิ่งใหญ่และลึกซึ้งกว่าคนอื่นมากนัก
คาร์ลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นบิลอสกาลังครุ่นคิดในบางสิ่งอยู่
“ทาในสิ่งที่เจ้าต้องการมันเถิด”
บิลอสหัวเราะออกมาอีกครั้งหลังจากได้ยินประโยคที่คาร์ลเอ่ย
ขึ้น
คาร์ลไม่ได้สนใจว่าบิลอสจะหัวเราะหรือไม่หัวเราะออกมา
เพราะความจริงที่ว่าบิลอสได้พบเข้ากับโอเดียสในวันนี้ก็เป็นไป
ตามแผนที่เขาได้วางไว้และแผนการที่สาเร็จลุล่วงในวันนี้ทาให้
คาร์ลดื่มเหล้าได้อย่างสบายใจ
แน่นอนว่าคาร์ลเลือกที่จะดื่มเหล้าให้ตัวเองผ่อนคลายเพียง
เล็กน้อยและกลับไปยังบ้านพักของตนเพื่อเตรียมพร้อมสาหรับ
วันพรุ่งนี้ เขาต้องการที่จะเริ่มเคลื่อนไหวบางอย่างในตอน
กลางคืนและต้องการที่จะนอนพักเอาแรงในช่วงเย็นแต่น่า
เสียดายที่เขาไม่สามารถทามันได้
“รอน?”
รอนโค้งศีรษะทาความเคารพคาร์ลและเริ่มพูดออกมาโดยทันที
“นายน้อย…กระผมมีบางอย่างที่อยากจะขอร้องจากนายน้อย
ขอรับ?”
“ขอร้องเช่นนั้นรึ?”
รอนเงยหน้าของตนพลางเอ่ยขึ้น
“โปรดดูแลบุตรชายของกระผมด้วยขอรับ”
“บุตรชาย?….เจ้าหมายถึงบารอค?”
“ใช่ขอรับ…”
“ทาไมล่ะ?”
คาร์ลเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนได้เลือนหายไปจากใบหน้าของรอน
อย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่คาร์ลได้เห็นรอนสวมใบหน้าที่
โหดเหี้ยมและเย็นชาต่อหน้าเขาเช่นนี้ รอนพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่
เย็นชาพร้อมทั้งน้าเสียงที่เรียบเย็นออกมาช้าๆ
“กระผมต้องไปตามล่าสุนัขจิ้งจอกขอรับ”
แม้ว่าจะเป็นเพียงตาแก่คนหนึ่งแต่เขาก็ยังเป็นนักฆ่า รอน
เปลี่ยนสีหน้าของเขาอีกครั้งท่าทางของเขาในตอนนี้ดูฝืนทนมี
เพียงมุมปากของเขาเท่านั้นที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยและกล่าวขึ้น
“นายน้อยของเราคงทราบแล้วกระมังว่ารอนคนนี้….เป็นนัก
ฆ่า?”
คาร์ลรู้สึกว่าอาการที่มึนเมาจากการดื่มเหล้าได้หายไปทันที
เขารู้สึกถึงความเย็นที่แล่นไปทั่วร่างกายของเขาในตอนนี้
เท่านั้น
บทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (1)

คาร์ลพยายามซ่อนอาการเย็นวาบและร่างกายที่สั่นเทาของตน
ไว้พลางเอ่ยถาม
“แล้วยังไง?”
รอนเกือบหลุดยิ้มออกมาหลังจากได้ยินน้้าเสียงที่เต็มไปด้วย
ความหงุดหงิดและหยาบคายเหมือนนิสัยปกติของลูกสุนัขตัว
น้อยของเขา
“กระผม….ก้าลังจะออกไปฆ่าคน”
“แล้วทิ้งลูกของเจ้าเอาไว้?”
“ขอรับ…”
“สุนัขจิ้งจอกคือคนซินะ?”
คาร์ลมองเห็นรอยยิ้มของ ‘นักฆ่ารอน’ในตอนนี้ มันเป็นเพียง
แค่รอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าโดยยกแค่มุมปากของตนให้
สูงขึ้นเล็กน้อย มันเป็นสิ่งที่ท้าให้คนอื่นๆที่มองเห็นรอนจะบอก
เขาในทันทีว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากรอนไม่ยิ้มเลย รอนเอ่ย
ตอบคาร์ลด้วยความพอใจ
“ถูกต้องขอรับ…..กระผมต้องไปฆ่าฝูงจิ้งจอก”
ก่อนที่น้าเสียงของเขาจะเยือกเย็นขึ้น
“แล้วฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ”
อาจเป็นไปได้ว่าร่างของรอนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆหรือร่าง
เป้าหมายของเขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ มันอาจเกิดสิ่งนี้ได้
เพียงหนึ่งกรณีเท่านั้น คาร์ลรู้สึกขนลุกกับประโยคที่ว่า ‘ฉีก
พวกมันออกเป็นชิ้นๆ’ก่อนที่จะเริ่มพิจารณาในเรื่องนี้ให้มาก
ขึ้น
รอนสังเกตเห็นว่าคาร์ลนิ่งไปโดยไม่พูดอะไรออกมาอยู่ครู่ใหญ่
ก่อนที่นายน้อยของตนจะเอ่ยออกมาหลังจากที่ถอนหายใจอยู่
หลายครั้ง
“…..จงไปแล้วจงกลับมา”
รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของรอนอย่างรวดเร็ว คาร์ลที่
สวมชุดนอนของตนได้เอนหลังลงบนเตียงและพูดต่อ
“ข้าจะบอกกับฮันส์เองว่าเจ้าก้าลังจะลาพักผ่อน…จงรายงาน
ความเป็นไปของเจ้าให้แก่ข้าทุกครั้งและสามารถรับเงินได้จาก
สมาคมการค้าฟลินน์ด้วยป้ายประจ้าตัวของเจ้า….อ้อ!..แล้ว
ท้าไมเจ้าต้องฝากบารอคไว้กับขยะเช่นข้าด้วย?…เขาเป็นผู้ใหญ่
แล้วเขาย่อมรู้ดีว่าจะท้าอย่างไรกับชีวิตของตนเองต่อไป”
คาร์ลตัดสินใจที่จะมองเรื่องนี้ให้ง่ายเข้าไว้ตอนนี้รอนไม่
จ้าเป็นต้องอยู่เคียงข้างเชวฮัน ส่วนล็อกก็เข้าสู่ภาวะกลายร่าง
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชวฮันก็คงไม่เป็นไรหากไร้ความแข็งแกร่ง
จากรอนหรือบารอค
แต่ส้าหรับเชวฮันและที่ส้าคัญไปกว่านั้น….เพื่อความสงบสุข
ของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งอาณาจักรโรมัน รอน
จ้าเป็นต้องกลับมาภายในหนึ่งปี
“แต่ถึงอย่างไรก็ตาม….เจ้ามีเวลาพักผ่อนแค่ 1 ปีเท่านั้น”
คาร์ลเอนหลังพิงไปที่หมอนของตนและกล่าวต่อไป
“สนุกให้เต็มที่กับช่วงเวลาพักผ่อนของเจ้า”
‘หลังจากนั้นฉันจะมีงานให้นายท้า’
“จงอย่าบาดเจ็บเมื่ออยู่ข้างนอกนั่น”
คาร์ลเหยียดขาของตนออกด้วยความผ่อนคลายเมื่อนึกถึงภาพ
ความฝันอันแสนวิเศษของตนตลอดหนึ่งปีข้างหน้า และหันไป
มองรอนก่อนที่เขาจะสะดุ้งสุดตัว
ตาแก่ผู้เงียบขรึมคนนี้ก้าลังหัวเราะอย่างเงียบๆแต่สายตากลับ
เต็มไปด้วยความชั่วร้ายเช่นนั้นมันท้าให้คาร์ลแทบจะหดตัวเข้า
ไปใต้ผ้าห่มของตนในตอนนี้
‘เกิดอะไรขึ้น?’
สีหน้าของคาร์ลเริ่มแข็งค้างในขณะที่รอนยังคงหัวเราะเงียบๆ
โดยไม่สังเกตเห็นอาการของคาร์ล
‘ข้าคิดว่าเจ้าขยะโสโครกคนนี้เป็นเพียงไอ้งั่งเท่านั้นแต่ที่จริง
แล้วกลับเป็นข้า ‘รอน โมแลน’คนนี้ต่างหากที่เป็นเพียงไอ้งั่ง’
เหมือนสุนัขที่คอยเฝ้ามองเจ้านายของมัน รอนคิดว่าเขาเปรียบ
ดั่งสุนัขและเอ่ยออกมา
“นายน้อย…รายงานตัวต่อท่านเดือนละหนึ่งครั้งเพียงพอหรือไม่
ขอรับ?”
“ได้…ท้าตามที่เจ้าพอใจเถิด”
รอนเปิดประตูและก้าวออกจากห้องโดยไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆ
ออกมาก่อนจะหันมาเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนที่จะปิดประตูลง
“แล้วพบกันขอรับ…..นายน้อย”
หลังจากรอนปิดประตูลง คาร์ลก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วย
ความโล่งใจที่เขาได้เป็นอิสระจากรอนเป็นเวลาถึงหนึ่งปี
รุ่งสางของวันใหม่เข้าเยือน
บรรยากาศโดยรอบยังคงมืดมิดและพระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นผืน
ดิน มีสิ่งมีชีวิตหกชีวิตยืนอยู่ตรงหน้าคาร์ลในตอนนี้ มีทั้งผู้ที่
คาร์ลเรียกหาด้วยตัวของเขาเองและผู้ที่เขาให้เชวฮันเป็นคน
รวบรวมเรียกมาให้
คาร์ลมองไปที่โรสลินและเอ่ยขึ้น
“โรสลิน..ผมสีน้าตาลดูเหมาะกับเจ้าดี”
โรสลินยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้
แต่เธอเข้าใจได้ถึงสถานการณ์ที่รุนแรงหลังจากได้ยินค้าว่า
‘ระเบิดพลังเวทย์’ และตัดสินใจเข้าช่วยเหลือคาร์ลเมื่อเขา
สัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนบางอย่างแก่เธอ
“ใช่มั้ย?….ข้าคิดว่ามันจะท้าให้ข้าใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น”
โรสลินปิดบังสีผมและตาด้าของเธอด้วยพลังเวทย์ โดยมีออน
และฮงยืนอยู่ข้างๆเธอ
“ล็อก….เจ้าสามารถใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้าโดยไม่
ต้องกลายร่างได้หรือไม่?”
“ได้ขอรับ…ข้า..เอ่อ….สามารถท้าได้”
ล็อกก็ยืนอยู่ที่นี่ด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย ถัดจากเขาไปคือ
มังกรด้าและเชวฮัน
คาร์ลได้แบ่งสมาชิกออกเป็นสองทีม ลูกกลมๆสีด้านั่นได้รับการ
ติดตั้งเพื่อเริ่มการใช้งานไปเมื่อวานนี้ด้วยฝีมือของเชวฮัน
ดังนั้นจึงต้องแบ่งออกเป็นสองทีมเพื่อค้นห้าและดูแลระเบิด
พลังเวทย์ทั้งสี่ลูกนั่น
“โรสลินกับล็อกจะเป็นทีมเดียวกัน….ส่วนเชวฮัน..มังกรด้า..
ออนและฮงจะเป็นอีกหนึ่งทีม”
โรสลินมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินการแบ่ง
สมาชิกทีมของคาร์ลและล็อกก็มีสีหน้าแบบเดียวกับโรสลิน
เช่นกัน
“แล้ว…นายน้อยคาร์ลล่ะ?”
เชวฮัน มังกรด้า ออนและฮงต่างเป็นผู้ตอบค้าถามนี้แก่โรสลิน
“ท่านคาร์ลเขา…..คือ..เอ่อ.. ความแข็งแกร่งของร่างกายของ
เขามัน…เอ่อ…”
“อ่อนแอ”
“เราไม่ต้องการเขา”
“เขาไร้ประโยชน์”
‘เอ่อ………..’
โรสลินอ้าปากค้างและหันไปมองคาร์ลทันที ส่วนล็อกก็ดูเหมือน
จะรู้สึกประหาดใจกับสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น
คาร์ลก็ท้าเพียงแค่ยื่นสิ่งที่ยืมมาจากบิลอสให้แก่เชวฮันก่อนจะ
เอ่ยตอบด้วยความมั่นใจ
“ข้าอ่อนแอและจะเป็นภาระแก่พวกเจ้าได้…อีกทั้งข้ายังต้อง
เตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมงานทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น….มันจึง
ค่อนข้างเป็นเรื่องยากหากข้าต้องไปกับพวกเจ้า”
พวกเขาต้องอาศัยช่วงเวลาเพียงสั้นๆเมื่อเหล่าทหารองครักษ์ที่
รับผิดชอบกะกลางคืนเปลี่ยนผลัดกับทหารองครักษ์ที่
รับผิดชอบกะกลางวัน เพื่ออาศัยช่วงเวลานี้ในการเข้าสู่บริเวณ
ที่ระเบิดพลังเวทย์ถูกติดตั้งและเริ่มรื้อถอนพวกมันออก
หลังจากนั้นเมื่อลูกกลมๆสีด้านั้นเริ่มท้างานและเริ่มส่งสัญญาณ
รบกวนพลังเวทย์ที่อยู่โดยรอบพวกเขาทุกคนจะต้องไปรอตาม
จุดที่ก้าหนดไว้เพื่อเฝ้าสังเกตสมาชิกขององค์กรลับและ
สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองนี้
การเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของพระราชาจะเริ่มขึ้นใน
เวลาเก้าโมงเช้า คาร์ลเหลือบมองนาฬิกาและเอ่ยต่อพวกเขา
ทั้งหกคน
“เอาล่ะ…รีบไปท้างานได้แล้ว”
ก่อนจะแจ้งบางสิ่งเพิ่มเติม
“อย่าลืมน้าระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกรื้อถอนกลับมาด้วย….”
โรสลินอมยิ้มและตอบกลับสิ่งที่คาร์ลเอ่ย
“เจ้าสัญญา…ว่าจะมอบหนึ่งในนั้นให้แก่ข้า”
“แน่นอน”
“นั่นคงเพียงพอที่จ่ายค่าตอบแทนส้าหรับบริการของข้าในครั้ง
นี้”
‘มันเพียงพอแล้ว’ คาร์ลมองออกไปที่ระเบียงซึ่งตอนนี้ก้าลังถูก
ใช้เป็นประตูแทน พวกเขาทั้งหกคนรีบออกจากห้องของคาร์ล
โดยทันทีและอาศัยระเบียงห้องของเขาเป็นทางออก หน้าต่างที่
ถูกเปิดทิ้งไว้ท้าให้สายลมยามฟ้าสางพัดผ่านเข้ามาท้าให้ทั่วทั้ง
ห้องเต็มไปด้วยความเย็นสบาย
บางคนก็เลือกใช้เวทย์ล่องหนเพื่อออกจากห้องในขณะที่บาง
คนก็เลือกใช้ความว่องไวของตนเองในการเคลื่อนตัวออกไป
จากห้องอย่างรวดเร็ว คาร์ลมองดูพวกเขาจากไปและรู้สึกทึ่ง
กับความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งหมด
ตอนนี้คาร์ลถูกทิ้งให้อยู่เพียงล้าพังในห้องของตน
ผ่างงงงงงงง!
คาร์ลค่อยๆลูบไล้ไปที่โล่ขนาดใหญ่และปีกสีเงินสวยที่ปรากฏ
อยู่ตรงหน้าเขา แม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเขาก็จะไม่ตาย
ตราบใดที่เขามีโล่นิรันดร์กาลอยู่กับตัว
“……หากฉันต้องการใช้มัน…ฉันจะก็ใช้ความแข็งแกร่งของมัน
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
คาร์ลตบไปที่โล่ตรงหน้าอกของตนเบาๆมันยิ่งดูมีความ
ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเดิมเมื่อมันผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจ
ของเขาและตัดสินใจว่าอาจจะต้องใช้มันแม้ว่าจะไม่มีความ
จ้าเป็นที่จะต้องท้าเช่นนั้น
คาร์ลนั่งลงบนโซฟาและฝึกฝนการใช้พลังของโล่ที่ถูกดึงออกมา
เพียงเล็กน้อยให้คุ้นชินก่อนที่จะสังเกตเห็นเงาสะท้อนของตน
ในกระจก
‘มันจะด้าเนินไปด้วยดี’
‘นักเวทย์เล่นเลือด’ ว่ากันว่าคนคนนี้เป็นโรคจิตที่คลั่งไคล้ในสี
แดง นั่นเป็นเหตุผลว่าท้าไมในนิยายเรื่องนี้จึงท้าให้เขารู้สึก
แทบบ้าเมื่อเห็นโรสลินเป็นครั้งแรก เนื้อหาในนิยายได้กล่าวว่า
พวกมันต้องการที่จะตัดศีรษะของโรสลินออกมาเพื่อเอาเส้นผม
สีแดงและดวงตาสีแดงของเธอไป
คาร์ลปัดเส้นผมของตนเบาๆ เส้นผมสีแดงของเขาเป็นสีแดงที่
สว่างสดใสกว่าสีผมของโรสลินเสียอีกและเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องนี้
‘มีโอกาสอะไรบ้างนะที่ฉันจะต้องเข้าใกล้นักเวทย์โรคจิตคนนี้?’
แม้ว่าจะมีอะไรท้านองนี้เกิดขึ้นเขาก็แค่สั่งให้เชวฮันลงมือฆ่า
มันได้ทันที เขาไม่ต้องกังวลเลยว่าศีรษะของตนจะกระเด็นหลุด
ออกไปจากตัว คาร์ลเริ่มผ่อนคลายและรอเวลาที่รอนจะเข้ามา
ปลุกเขาในอีกไม่ช้านี้
เวลาต่อมารอนได้เดินเข้ามาปลุกคาร์ลที่ห้องตามเวลาปกติ
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเจ้าแล้วซินะที่จะได้รับใช้ข้า….”
“กระผมสามารถท้ามันได้อีกครั้งในหนึ่งปีข้างหน้า”
นั่นฟังแล้วดูน่ากลัวส้าหรับคาร์ล เขามีแผนที่จะส่งรอนไปให้แก่
เชวฮันทันทีเมื่อเขากลับมาในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เขารู้สึกตื่นเต้น
ที่เขาจะสามารถก้าจัดภาระขนาดใหญ่ได้ถึงสองชิ้นในครั้งเดียว
และเริ่มกล่าวขึ้นด้วยหัวใจที่ลิงโลด
“มาเตรียมตัวให้พร้อมกันเถอะ”
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเตรียมพร้อมทุกอย่างคาร์ลก็มุ่ง
หน้าเพื่อไปยังพระราชวังทันทีซึ่งขุนนางที่เข้าร่วมทั้งหมดได้ถูก
ก้าหนดให้ร่วมเดินทางไปด้วยกันและมังกรด้าจะเดินทางไปยัง
พระราชวังเพื่อรายงานความคืบหน้าให้คาร์ลทราบ
คาร์ลก้าวขึ้นรถม้าหน้าประตูรั้วบ้านพักของตน มันไม่ใช่รถม้า
ประจ้าตระกูลเฮนิตัสเพราะในวันนี้เขาก้าลังจะร่วมเดินทางไป
กับคนอื่น
“ท้าไมถึงอยากให้ข้าเดินทางไปกับท่านด้วยล่ะ?”
อามูร์มีเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อได้ยินค้าถามของคาร์ล
หลังจากที่เขาก้าวเข้ามานั่งในรถม้าของเธอแล้ว อามูร์ได้เลือก
ให้คาร์ลเดินทางไปกับเธอในวันนี้และเอ่ยถามคาร์ลออกไปโดย
ไม่ได้สนใจที่จะตอบค้าถามของเขา
“นายน้อยคาร์ล..ท่านมีความเห็นเช่นไรหากอาณาเขตของเรา
จะถูกสร้างเป็นฐานทัพเรือ?”
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมา
เขาได้รับจดหมายจากอีริคแล้วและท้าให้เขารู้ว่าการเจรจา
ส้าหรับการลงทุนด้านการท่องเที่ยวไม่ราบรื่นเท่าที่ควรนัก อี
ริคกล่าวว่าทั้งกิลเบิร์ตและอามูร์ต่างรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอามูร์จะไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยด้วย
ซ้้า อันที่จริงดูเหมือนว่าเธอก้าลังตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งอื่นที่ใหญ่
มากกว่านั้น
เขามองไปที่อามูร์แล้วเริ่มพูด
“ไม่ใช่ว่าท่านตัดสินใจแล้วเช่นนั้นหรือ….คุณหนูอามูร์?”
อามูร์พยักหน้าของตนเบาๆ
“อืม…ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้จึง
น้าเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านแม่ของข้า….และในวันนี้ข้าก็
วางแผนที่จะคุยเรื่องนี้กับนายน้อยกิลเบิร์ตด้วยเช่นกัน”
การสร้างฐานทัพขึ้นมาใหม่มักไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะท้าให้ส้าเร็จได้
ด้วยดี เงินไม่ใช่ปัญหาส้าคัญแต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวความสัมพันธ์
ระหว่างอ้านาจภายในอาณาเขตนั้นๆที่มักมีความซับซ้อน
มากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่มีแต่ความสงบสุข
อย่างเช่นตอนนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่องค์ชายรัชทายาทจับตามองพื้นที่ในแถบภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่าที่ใด
ทางทิศตะวันออกเป็นฝั่งเดียวที่สามารถทะลุถึงมหาสมุทรอัน
กว้างใหญ่ได้ แต่ที่ส้าคัญที่สุดคือมีความสมดุลของอ้านาจใน
ภาคตะวันออกมันจึงเป็นการยากส้าหรับขุนนางระดับสูงใน
ภูมิภาคอื่นๆที่จะมีอิทธิพลต่อฐานทัพนี้ได้เช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูอามูร์คงกังวลว่าอิทธิพลขององค์ชายรัช
ทายาทในดินแดนของท่านจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเพราะเรื่องนี้ใช่
หรือไม่?”
“ใช่”
อามูร์ตอบค้าถามเพียงสั้นๆก่อนจะพูดต่อทันที
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากขอเวลาจากท่านในวันนี้”
นั่นคงหมายความว่าเธอมีบางอย่างจะถามเขาซินะ? คาร์ลเอน
หลังพิงเบาะด้านหลังและถามขึ้นมาในขณะที่อยู่ในท่าที่สบายๆ
ราวกับอยู่บนรถม้าของตัวเขาเอง
บทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (2)

“ข้าอยากรู้ว่าคาถามของท่านคืออะไร?แต่ข้าคิดว่าข้าต้องบอก
อะไรบางอย่างแก่ท่านก่อน”
เขารู้ว่าทาไมอามูร์ถึงอยู่ที่นี่
“การตัดสินใจใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเงินทองของ
ตระกูลเฮนิตัสนั้นล้วนเป็นการตัดสินใจของท่านพ่อข้าแต่เพียง
ผู้เดียว….ขยะไร้ค่าเช่นข้าไม่มีอานาจในการตัดสินใจในเรื่องนี้”
โดยปกติแล้วหากราชวงศ์ทรงอนุญาตให้สร้างฐานทัพเรือและ
ลงทุนเงินก้อนใหญ่ให้ กรรมสิทธิ์ในฐานทัพเรือนั้นจะถูกส่ง
ต่อไปยังราชวงศ์ทันที เมื่อสร้างฐานทัพทหารในดินแดนที่อยู่
นอกเมืองหลวงแล้วจะมีสัญญาต่างๆมากมายระหว่าง
พระราชากับขุนนางระดับสูงในการถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ
และการขนส่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับฐานทัพ
การใช้พื้นที่เพื่อสร้างฐานทัพเรือย่อมมีความแตกต่างทั้งในด้าน
กาลังคนและกาลังทรัพย์มากกว่าการใช้พื้นที่หน้าผาและ
บริเวณชายฝั่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว หากพูดกันตามตรงตระกูล
ของอามูร์และกิลเบิร์ตขาดความมั่งคั่งทั้งในด้านกาลังคนและ
กาลังทรัพย์ในการที่จะดาเนินงานนี้ให้สาเร็จได้
นั่นคือสิ่งที่อามูร์ต้องการหาช่องทางในการอุดรูโหว่นี้ของตน
นั่นหมายความว่ามีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทาได้คือการยืมเงินจาก
คนที่มีทรัพย์สินเป็นจานวนมาก
“เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ?”
รอยยิ้มของอามูร์ดูฉลาดเจ้าเล่ห์มาก เธอได้เข้าร่วมงานเลี้ยง
ไวน์เล็กๆในห้องจัดเลี้ยงขององค์ชายรัชทายาทพร้อมกับอีริค
และกิลเบิร์ตเมื่อคาร์ลได้เดินทางออกจากพระราชวังไปแล้ว ใน
ตอนนั้นเองที่เธอได้รู้ว่าองค์ชายรัชทายาทสนใจในพื้นที่ชายฝั่ง
ทะเลของตนจริงแม้ว่าพระองค์จะไม่สนใจลงทุนในด้านการ
ท่องเที่ยวก็ตาม เมื่อเธอกลับมาที่บ้านของตนในวันนั้นจึงได้
คิดถึงคาพูดของคาร์ลและพิจารณาหาเจตนาของเขาให้มาก
กว่าเดิม
“องค์ชายรัชทายาททรงระวังอาณาจักรวิปเปอร์และอาณาจักร
ทางตอนเหนือของทวีป…ข้าสามารถรู้ได้จากบทสนทนา
ระหว่างพวกเราและพระองค์จึงทาให้ข้าตัดสินใจค้นหาข้อมูล
บางอย่างจากสานักขายข่าวนั่น”
‘อืม….ฉันรู้’
คาร์ลสามารถบอกได้จากคาพูดของอามูร์ว่าองค์ชายรัชทายาท
และเหล่าเชื้อพระวงศ์ได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่าอาณาจักร
วิปเปอร์จะเผชิญกับสงครามกลางเมืองในไม่ช้านี้และ
อาณาจักรทางตอนเหนือก็กาลังรวบรวมพลของพวกเขา
เช่นกัน
‘แต่สิ่งนี้ฉันคาดไม่ถึงจริงๆ’
การตัดสินใจของอามูร์นั้นตรงประเด็นและเด็ดขาดยิ่งนัก
ตอนนี้สถานการณ์ในตระกูลของอามูร์ไม่ค่อยดีนักพวกเขายัง
ต้องพึ่งพาตระกูลของอีริคในการช่วยเหลือเรื่องต่างๆอยู่เสมอ
มันค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายในการทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักร
ต่างแดนผ่านสานักขายข่าวแต่เธอก็ยินดีที่จะใช้เงินจานวนมาก
เพื่อตรวจสอบข้อมูลเพียงชิ้นเดียว นั่นแสดงถึงบุคลิกของเธอ
ได้เป็นอย่างดี
อามูร์จ้องไปที่คาร์ลที่นั่งฟังเธออย่างเงียบๆและเอ่ยต่อ
“ข้าได้ยินมาว่าดินแดนเฮนิตัสของท่านกาลังเสริมสร้างความ
แข็งแรงของกาแพงเมืองอยู่…..ข้าเชื่อว่าตระกูลเฮนิตัสของท่าน
จะสนใจในฐานทัพเรือของเราเพราะที่นั่นเป็นดินแดนที่ไม่
อนุญาตให้มีการรุกรานใดๆเกิดขึ้นในพื้นที่ได้”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคาพูดของเธอและเอ่ยตอบ
“ข้าจะพูดกับท่านพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้…..”
“เราก็จะส่งคาขออย่างเป็นทางการเช่นกัน”
คาร์ลและอามูร์มองหน้ากันพร้อมทั้งส่งยิ้มให้แก่กันและกัน
หากฐานทัพเรือนี้ถูกสร้างขึ้นความสมดุลทางอานาจของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือจะเปลี่ยนขั้วมาเป็นตระกูลของคาร์ล อีริค
อามูร์และกิลเบิร์ตทันทีและหากตระกูลเฮนิตัสจัดหาเงินทุนใน
การสร้างฐานทัพเรือนี้พวกเขาจะกลายเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลที่
มั่นคงมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมทั้งได้รับการ
สนับสนุนจากหลายๆฝ่ายเช่นเดียวกัน
อามูร์ยังคงมีความลังเลก่อนที่กล่าวต่อไป
“ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะวังน้าวนพวกนั้น แต่มันมีเส้นทาง
ที่ถูกใช้มานานมากเช่นกันและวังน้าวนจะถูกใช้เป็นเครื่องมือ
ป้องกันไม่ให้ชาวต่างแดนบุกรุกเข้ามาได้…นั่นเป็นเหตุผลที่ข้า
ต้องการจะไปตรวจสอบที่นั่นดู”
‘วังน้าวน’ คาร์ลพยายามไม่ให้ตนเองหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน
คาว่าวังน้าวนจากปากของอามูร์
‘วังน้าวน’ เร็วๆนี้คาร์ลจะไปที่นั่นเพื่อทาสิ่งที่เขาต้องการ
‘จะดีหรือไม่นะ…หากฉันจะสร้างบ้านบนหน้าผาตรงไหนสัก
แห่งและเพลิดเพลินไปกับพระอาทิตย์ตกดินในอนาคต?’
มันคงจะเป็นเรื่องยากสาหรับเขาหากต้องอาศัยในอาณาเขตเฮ
นิตัสเมื่อบาเซ็นได้ขึ้นครองอานาจแล้ว แผนการของคาร์ลคือ
การซ่อนตัวในมุมที่ห่างไกลจากสงครามจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง
อาณาเขตของอามูร์หรืออาณาเขตของกิลเบิร์ตหลังจาก
สงครามสิ้นสุดลง เพื่อสร้างบ้านบนหน้าผาและผ่อนคลาย
อารมณ์ของตนเมื่อมองออกไปยังผืนทะเล มันจะเป็นสถานที่ที่ดี
เพราะมันค่อนข้างใกล้กับอาณาเขตเฮนิตัสเช่นกัน
“ขอบคุณสาหรับการช่วยเหลือของท่าน…นายน้อยคาร์ล”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!….มาขอบคุณตัวข้าทาไมกัน?…ตัวข้าไม่มีอานาจ
ใดๆเลยข้าเพียงจะแจ้งข้อความนี้ให้ท่านพ่อของข้าทราบเพียง
เท่านั้นเอง”
คาร์ลโบกมือปฏิเสธให้แก่อามูร์พลางหัวเราะขึ้นมา อย่างไรก็
ตามอามูร์ไม่ได้เชื่อกับคากล่าวของเขาสักนิด
‘อามูร์….ลูกจะต้องระมัดระวังเมื่อเราไม่มีอานาจใดๆแต่ถึงจะ
เป็นเช่นนั้นลูกจะต้องมีความกล้าหาญหากต้องการได้รับ
อานาจที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม’
มารดาของเธอเป็นผู้ปกครองอาณาเขตอัลบาได้กล่าวขึ้นเมื่อ
เธอเห็นด้วยกับการสร้างฐานทัพเรือขึ้นมาเช่นเดียวกับอามูร์
อีกทั้งตัวอามูร์ก็มีความคล้ายคลึงกับมารดาของเธอเช่นกัน นั่น
จึงเป็นสาเหตุที่ทาให้เธอมีความกล้าหาญแม้จะต้องระมัดระวัง
ตัวมากขึ้นในเวลาเดียวกัน นี่คือปรัชญาของเธอในการจัดการ
กับผู้อื่นเช่นกัน
“แค่นั้นก็มากพอสาหรับท่านแล้วที่จะส่งข้อความนั้นแทนพวก
เรา”
อามูร์ยื่นมือออกไปตรงหน้าคาร์ลและคาร์ลก็ได้ส่งมือของตนมา
จับมือของเธอพลางเขย่าเบาๆก่อนจะปล่อยมือออกจากกันใน
เวลาต่อมา
“โปรดมาที่อาณาเขตอัลบาของเราในคราวหน้า…มีสถานที่ที่
น่าสนใจมากมายให้ท่านได้เยี่ยมชม”
“หากมีโอกาส…..ข้าจะไปอย่างแน่นอน”
‘เสียงเรียกของวายุ’
มันจะทาให้คาร์ลเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้นและในขณะเดียวกัน
ก็สามารถควบคุมพลังพายุหมุนที่สามารถใช้เป็นได้ทั้งพลังการ
โจมตีและป้องกันการโจมตีได้ คาร์ลนึกถึงชายฝั่งทะเลอัลบาซึ่ง
เป็นที่ตงั้ ของพลังศักดิ์สิทธ์โบราณนี้
“ข้าหวังว่าโอกาสจะมาถึงในเร็วๆนี้….”
รถม้ามาถึงพระราชวังทันทีที่คาร์ลกล่าวจบ คาร์ลก้าวลงจาก
รถม้าและมองไปรอบๆเวลาในตอนนี้คือแปดโมงเช้า
เหล่าข้ารับใช้ได้อยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองแล้วเพื่อเตรียมความ
พร้อมสาหรับงานเฉลิมฉลองในวันนี้ ทหารองครักษ์จะอนุญาต
ให้ประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ในเวลา 8.30 น.และที่นั่นจะเต็มไป
ด้วยผู้คนมากมาย มันจะเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนจะเข้าหรือ
ออกนอกพื้นที่ได้ยากและการเฉลิมฉลองจะเริ่มขึ้นหลังจากนั้น
สามสิบนาทีก่อนที่กลุ่มคนของคาร์ลจะเริ่มมองหาระเบิดพลัง
เวทย์ที่ซุกซ่อนอยู่
สร้อยคอ กระเป๋า จี้
ระเบิดพลังเวทย์จะซ่อนตัวอยู่ในลักษณะต่างๆหลากหลาย
รูปทรง กลุ่มคนของคาร์ลจะได้พบกับคนที่มีระเบิดพลังเวทย์อยู่
กับตัว มันไม่สาคัญว่าพวกเขาจะหาพวกมันไม่พบเพราะ
คาตอบในเรื่องนี้จะเปิดเผยตัวออกมาเอง
“โอ้!…..เจ้ามาถึงแล้ว?”
คาร์ลได้รับการทักทายจากอีริคและกิลเบิร์ตก่อนที่อามูร์จะเดิน
เข้าไปสบทบกับพวกเขา
“ทุกคนมาถึงกันแต่เช้าเลย….”
“แน่นอน…เราจะเริ่มเคลื่อนตัวเวลา 8.05 น.”
อีริคเอ่ยปากบอกกับคาร์ลในขณะที่สายตาของเขาก็กาลังส่ง
ข้อความให้แก่คาร์ลเช่นกัน
‘นิ่งเข้าไว้’
คาร์ลพยักหน้าของตนเมื่อมองเห็นสายตาของอีริคพลางกล่าว
เตือนตนเองในใจ
‘ฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย’
เมื่อคาร์ลมองเห็นองค์ชายรัชทายาทปรากฏตัวต่อหน้าคาร์ล
ในตอนนี้ เหล่าขุนนางทั้งหลายก็พร้อมใจกันไปอยู่ทางด้านหลัง
ขององค์ชายรัชทายาทโดยทันที จากนั้นเขาจึงเห็นคนที่เดิน
มาถึงถัดจากองค์ชายรัชทายาทก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปากของ
ตนเองเพราะเขาอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา
“โอ้! พระเจ้า”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
อีริคกาลังตกใจและตื่นตระหนกกับเหล่าขุนนางที่อยู่แน่นเต็ม
พื้นที่ อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เขาค่อยๆลดมือ
ของตนลงขณะที่ยังมองไปข้างหน้า คาร์ลได้สบตาเข้ากับคนคน
หนึ่งที่อยู่ถัดจากองค์ชายรัชทายาท
บุตรชายคนโตที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล ‘เทย์เลอร์ สแตน’
เขากาลังยืนบนขาทั้งสองข้างของตัวเองถัดจากองค์ชายรัช
ทายาทไปไม่ไกลนัก เทย์เลอร์กาลังเคลื่อนไหวผ่านสายตาอย่าง
เงียบๆเมื่อเขาสบตาเข้ากับคาร์ล
ในขณะเดียวกันคาร์ลก็ได้ยินเสียงของมังกรดาในหัวของตน
มังกรดามาถึงพระราชวังเพื่อรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้
เขาทราบ
~ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ~
คาร์ลพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยก่อนที่เสียงจะดังขึ้นมาให้ได้ยิน
อีกครั้ง
~ เรากาลังรื้อถอนระเบิดทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในสถานที่ที่เรา
พบ…เราจะสามารถรื้อถอนพวกมันได้เสร็จสิ้นเวลา 8.55 น.
ตามที่วางแผนไว้..ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะดาเนินไปได้ด้วยดี
ตามแผนที่วางไว้~
~ ข้าจะต้องรีบกลับไปแล้วเพราะเรายุ่งมาก….เจ้ามนุษย์
อ่อนแอเจ้าต้องใช้โล่ของเจ้านะหากดูเหมือนว่าเจ้ากาลังจะ
ได้รับบาดเจ็บ~
หลังจากนั้นคาร์ลก็ไม่ได้ยินเสียงของมังกรดาอีก ดูเหมือนว่ามัน
จะรีบกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในการทาภารกิจนี้
มังกรดาตัวนี้ได้นาความพยายามของมันทั้งหมดเพื่อให้งาน
ของมันประสบผลสาเร็จหลังจากที่ได้รับมอบหมายจากคาร์ลไป
มันทาให้คาร์ลเพียงแค่เก็บคาสั่งของมังกรดาที่บอกแก่ตนทิ้งไว้
เพียงเท่านั้น
‘ไม่มีเหตุผลใดๆที่ฉันจะต้องใช่โล่นี้…..’
คาร์ลกาลังคิดว่าเขาไม่จาเป็นต้องใช้โล่นิรันดร์กาลตราบใดที่
ทุกอย่างยังคงดาเนินไปด้วยดีเช่นนี้
“การเตรียมงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว!!!!!”
ทหารองครักษ์นายหนึ่งได้ตะโกนขึ้นเพื่อแจ้งให้เหล่าขุนนางได้
รับทราบ ก่อนที่องค์ชายรัชทายาทจะเสด็จขึ้นรถม้าและตรัสกับ
เหล่าขุนนางที่กาลังขึ้นรถม้าอยู่ทางด้านหลังของตน
“ไปกันเถอะ”
คาร์ลได้ก้าวเข้าไปนั่งในรถม้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในขบวนรถม้า
ของพระราชวังแห่งนี้ ใช้เวลาไม่นานรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไป
ก่อนที่คาร์ลจะยกมือของตนขึ้นกอดอกและมีใบหน้าที่บึ้งตึง
“ดีใจที่ได้พบพวกท่านอีกครั้ง”
เทย์เลอร์ที่ไม่จาเป็นต้องใช้รถเข็นอีกต่อไปได้กล่าวทักทายพวก
เขาขึ้น
“ยินดีที่ได้พบท่านเช่นกัน…ข้าอามูร์ อัลบา”
“……ยินดีที่ได้พบเช่นกัน”
เทย์เลอร์ สแตน , อามูร์ อัลบา และลูกไล่ของเวเนี่ยน ‘นีโอ
โทร์ส’ พวกเขาทั้งหมดคือผู้ร่วมทางของคาร์ล เฮนิตัส มันทา
ให้คาร์ลอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นความจงใจขององค์ชายรัชทายาท
ที่สั่งให้พวกเขาโดยสารไปด้วยกันหรือไม่นะ?
มันถึงตาของคาร์ลที่จะเอ่ยทักทายขึ้นแต่เขาเพียงแค่นั่งกอดอก
เงียบๆและมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า ขยะไร้ค่าได้รับ
อนุญาตให้มีพฤติกรรมหยาบคายเช่นนี้ได้ เขายังคงนั่งนิ่งและ
กอดอกเงียบๆก่อนจะมองออกไปยังจัตุรัสกลางเมืองนั่น
ความโกลาหลกาลังอยู่ไม่ไกลจากตัวเขาแล้วซินะ
บทที่ 43 เอาไงดี 1 (1)

แต่ถึงคาร์ลจะอยู่เงียบๆเพียงใดก็ตามบรรยากาศภายในรถม้าก็
ค่อนข้างวุ่นวายและน่าอึดอัด คาร์ลเหลือบมองไปยังนีโอที่
กาลังนั่งเขย่าขาสลับกับเดาะลิ้นของตนอยู่เรื่อยๆดูเหมือนว่านี
โอมีความกังวลใจและใกล้จะบ้าตายเต็มที่แล้ว เหล่าขุนนางใน
วันนี้ก็ดูจะวุ่นวายกันส่วนใหญ่
‘เวเนี่ยนก็มีใบหน้าที่ยุ่งเหยิงเช่นกัน’
คาร์ลนึกถึงใบหน้าของ ‘เวเนี่ยน สแตน’ ที่เขามีโอกาสได้จ้อง
มองก่อนขึ้นรถม้านั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและเคียดแค้น
‘เทย์เลอร์ สแตน’ บุตรชายคนโตของตระกูลสแตนที่ถูกผลักไส
ออกจากตระกูลกาลังเดินด้วยขาทั้งสองข้างของตนโดยไม่ใช้
รถเข็น อีกทั้งเขาคนนี้อย่างน้อยก็ก็ได้ชื่อว่ามาจากตระกูลส
แตนยังได้มีโอกาสยืนเคียงข้างองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กใน
วันนี้อีกด้วย ไม่มีใครคาดหวังว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้เลย
‘เขาต้องทาอะไรบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังศักดิ์สิทธ์
โบราณ ‘ดาราแห่งการเยียวยา’ซินะ?’
คาร์ลอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เทย์เลอร์และเคจใช้แลกเปลี่ยนกับ
องค์ชายรัชทายาทเพื่อได้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘ดาราแห่งการ
เยียวยา’มาครอบครอง แต่คาร์ลก็ไม่ได้หันไปมองเทย์เลอร์แต่
อย่างใด
‘นีโอ โทร์ส’ ยังคงนั่งเขย่าขาของตนไปเรื่อยๆโดยไม่หันไปมอง
เทย์เลอร์เช่นกัน ก่อนที่จะได้ยินเสียงอามูร์เอ่ยขึ้น
“นายน้อยเทย์เลอร์…ท่านรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของท่าน
หายสนิทแล้วรึ?”
คาถามที่เอ่ยขึ้นด้วยความระมัดระวังนั้นเป็นคาถามที่ทุกคน
กาลังคิดก่อนที่เทย์เลอร์จะอมยิ้มและเอ่ยตอบ
“ข้าได้รับพรจากสวรรค์…และในตอนนี้มันก็หายสนิทแล้ว”
“ข้ายินดีกับท่านด้วย….นายน้อยเทย์เลอร์”
“ขอบคุณท่านมาก..คุณหนูอามูร์”
“แค่กแค่ก!”
นีโอได้แสร้งกระแอมไอขึ้นมาเบาๆก่อนที่จะมองไปมาระหว่าง
ใบหน้าและขาทั้งสองข้างของเทย์เลอร์ จากนั้นก็เริ่มพูดอย่าง
ระมัดระวัง
“นายน้อยเทย์เลอร์….ในเมื่อขาของท่านหายดีเช่นนี้แล้ว…ท่าน
จะกลับไปยังคฤหาสน์สแตนหรือไม่?”
เหตุผลสาคัญที่สุดที่เทย์เลอร์ถูกขับออกจากตระกูลไปก็เพราะ
ขาที่เป็นอัมพาตของเขาแต่ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ได้
เปลี่ยนไปแล้ว ทาให้บรรดาขุนนางคนอื่นๆกาลังสงสัยว่าเทย์
เลอร์จะกลับไปยังคฤหาสน์สแตนเพื่อต่อสู้แย่งชิงตาแหน่งผู้สืบ
ทอดของตระกูลอีกครั้งหรือไม่? โดยเฉพาะคนที่ปวารณาตนเอง
เป็นสุนัขรับใช้ของเวเนี่ยนเช่นนีโอแล้วย่อมอยากรู้มากกว่าใคร
เทย์เลอร์จ้องไปที่นีโอและกล่าวขึ้น
“กลับรึ?….”
มันเป็นน้าเสียงที่อ่อนโยนแต่มีความหนักแน่นและเยือกเย็นที่
มอบให้แก่นีโอที่ซุกซ่อนอยู่ในน้าเสียงของเทย์เลอร์
“ที่นั่นเป็นบ้านของข้าเสมอ…ยังไม่ชัดเจนนักว่าข้าจะอยู่ที่นั่น
หรือไม่?”
นีโอรู้สึกว่าตัวของเขาหดเล็กลงมากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงน้าเสียง
ที่เรียบเย็นเช่นนั้นของเทย์เลอร์ อย่างไรก็ตามคาร์ลเลือกที่จะ
ไม่หันไปมองพวกเขาและคาร์ลก็ยังคงมองเห็นเงาสะท้อนของ
เทย์เลอร์ผ่านหน้าต่างทุกครั้งไป
แน่นอนว่าเทย์เลอร์ไม่ได้ทาให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ชัดเจน เขา
ทาให้ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างแบบเดียวกับ
คาร์ลเช่นกัน
คาร์ลสามารถอ่านข้อความที่เทย์เลอร์พยายามส่งให้เมื่อพวก
เขาได้สบตากัน
‘นายน้อยคาร์ล…ข้าต้องการที่จะเล่าทุกเรื่องให้ท่านฟัง!มันเป็น
เรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง’
คาร์ลยังคงมีท่าทีไม่ยินดียินร้ายหลังจากได้เห็นสายตาเป็น
ประกายเช่นนั้นของเทย์เลอร์ คาร์ลเพียงหวังให้เทย์เลอร์เข้ามา
รับตาแหน่งมาร์ควิสและป้องกันอันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้น
ภายในอาณาเขตการปกครองของเขา
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลไม่ต้องการพูดคุยกับเทย์เลอร์อีกแต่ถึง
อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูงที่เทย์เลอร์และคาร์ลต้อง
มาพบปะเพื่อพูดคุยกันอีกในอนาคต
“เอ่อ……ข้าขอตัวออกจากรถม้าก่อนแล้วกัน”
ทันทีที่รถม้ามาถึงด้านนอกบริเวณจัตุรัสกลางเมือง นีโอก็ขอตัว
ออกจากรถม้าทันทีเพื่อหนีจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาจงใจหนีไปจากพวกเขามากกว่า
เพราะพวกเขารู้ดีว่าตอนนี้นีโอกาลังทางานให้กับเวเนี่ยนอยู่
และเขาอาจต้องการรายงานสถานการณ์ของเทย์เลอร์ให้แก่
เวเนี่ยนฟังด้วยเช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล…แล้วข้าจะกลับมาพร้อมนายน้อยอีริค”
อามูร์ค่อนข้างเป็นกังวลว่าคาร์ลอาจเริ่มต้นทาอะไรบางอย่าง
หากต้องเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คนอื่นๆที่ร่วมโดยสารมาในรถม้าคันอื่นพร้อมๆกับอีริคและกิล
เบิร์ตและตัดสินใจทิ้งคาร์ลไว้ที่นี่ตามลาพังเพื่อเธอจะได้นาอีริค
และกิลเบิร์ตตามมาสบทบ
‘ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้เพราะนายน้อยเทย์เลอร์และนายน้อย
คาร์ลไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน อีกทั้งบุคลิกของนาย
น้อยคาร์ลไม่ใช่คนที่เริ่มพูดคุยกับคนอื่นก่อนเช่นกัน’
นั่นคือสิ่งที่อามูร์คิดเมื่อเธอรีบเดินไปหาอีริคและกิลเบิร์ต
และในตอนนี้คาร์ลก็กาลังได้รับรอยยิ้มอันสดใสจากเทย์เลอร์อยู่
“ในที่สุดก็เหลือเพียงเราสองคนแล้วสินะ….”
มันเป็นสิ่งที่คาร์ลไม่ปรารถนาที่จะได้ยินและความรู้สึกเช่นนี้ก็
ปรากฏได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา แต่ดูเหมือนว่าเทย์
เลอร์จะรู้สึกตลกกับสิ่งที่คาร์ลทาพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
ก่อนที่จะเอ่ยกับคาร์ลทันที
“ข้าได้รับการรักษาขาทั้งสองของข้าโดยสัญญาว่าจะเป็น
ผู้ปกครองอาณาเขตสแตน”
“ท่านให้คาสัญญาว่าจะยอมสวามิภักดิ์เช่นนั้นรึ?”
“ไม่….ข้าเพียงแค่ทาข้อตกลงบางอย่าง”
คาร์ลพยักหน้าของตนเบาๆ
“ดี….ยินดีด้วยที่ขาของท่านหายดีแล้ว”
คาร์ลหันหลังให้เทย์เลอร์ราวกับว่าตนหมดเรื่องที่จะคุยต่อแล้ว
เทย์เลอร์พบว่าปฏิกิริยาเช่นนี้ของคาร์ลเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับ
บุคลิกของเขายิ่งนัก เขาหยิบซองเอกสารเล็กๆออกจากกระเป๋า
เสื้อของตนก่อนยื่นมันให้กับคาร์ล
“นี่คือรายละเอียดเนื้อหาของข้อตกลงเมื่อครั้งนั้น”
“…..ไม่จาเป็นต้องมอบมันให้มันแก่ข้า”
คาร์ลมีท่าทางไม่สนใจก่อนที่เทย์เลอร์จะเอ่ยตอบ
“นายน้อยคาร์ล…..มันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้หากท่านได้ทราบ
มัน”
จากนั้นเทย์เลอร์ก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“เคจจะถูกคว่าบาตร” [1]
“คงเป็นเพราะเธออยากจะทาอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการซิ
นะ?”
“อืม….เธอมีความสุขกับมันมาก”
ในที่สุดเคจก็กาลังเริ่มต้นเส้นทางของนักบวชผู้บ้าคลั่งแล้ว
ตอนนี้เธอจะก้าวหน้าเหมือนกับนักบวชหญิงที่ถูกคว่าบาตรผู้ที่
ถูกมองว่าเป็นนักบวชผู้กล้าหาญเช่นเดียวกับเนื้อหาในนิยาย
นั่น
“ดีแล้ว”
เทย์เลอร์พยักหน้าตอบรับด้วยความสุขกับคากล่าวของคาร์ล
ก่อนที่จะเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมันเหมือนกับอารมณ์ของ
เขาสลับไปมาไม่ต่างจากวังน้าวนนั่นเลยสักนิดและเริ่มพูด
“นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น…พวกเราจะได้รับชัยชนะใช่
หรือไม่นายน้อยคาร์ล?”
‘ทาไมเขาต้องรวมฉันเข้าไปในชัยชนะนั่นด้วยเล่า?’
คาร์ลอยากรู้ถึงเหตุผลนั้นแต่ก็ตัดสินใจตอบคาถามของเทย์
เลอร์
“ท่านจะได้รับชัยชนะ….”
“ขอบคุณ….ถ้าเช่นนั้นข้าจะลงจากรถม้าก่อนแล้วกันนายน้อย
คาร์ล”
เทย์เลอร์ลุกขึ้นพลางก้มลงมองที่ขาของตนและกล่าวคาลาแก่
คาร์ลอีกครั้งก่อนที่จะก้าวลงจากรถม้าไป
“พวกเราทั้งสามคนควรได้ดื่มฉลองด้วยกันหลังจากได้รับชัย
ชนะของเราแล้ว”
“อืม….ไวน์จากดินแดนเฮนิตัสมีรสชาติที่ดียิ่งนัก”
ในที่สุดเทย์เลอร์ก็ออกไปจากรถม้าหลังจากได้ยินคากล่าวของ
คาร์ลเรื่องรสชาติที่ดีของไวน์จากอาณาเขตเฮนิตัส คาร์ลรีบ
เปิดซองเอกสารออกทันทีเมื่อเขาอยู่เพียงลาพัง
คาร์ลค่อยๆพับจดหมายชิ้นนั้นเข้าหากันช้าๆ
“เตราะ!”
เขาเดาะลิ้นของตนออกมาเบาๆและยัดจดหมายที่อยู่ภายใน
ซองเอกสารลงในกระเป๋าเสื้อของตน มันมีความลับจริงๆสินะ
เกี่ยวกับชาติกาเนิดขององค์ชายรัชทายาท คาร์ลส่ายศีรษะของ
ตนแล้วก้าวลงจากรถม้าทันที
“คาร์ล”
เขาหันหน้าไปยังทิศทางที่อีริคส่งเสียงเรียกเขา ก่อนจะมองเห็น
จัตุรัสกลางเมืองที่อยู่เบื้องหลังของอีริค
“นายน้อยคาร์ล….เราเข้าไปกันเถอะมันถึงตาของเราแล้วที่จะ
ได้เข้าไปด้านในจัตุรัส”
ในนิยายเชวฮันรู้สึกสงสัยและอยากรู้เกี่ยวกับคนเหล่านี้ที่มีที่นั่ง
อยู่สูงกว่าชาวเมืองทั่วไปของอาณาจักรแห่งนี้และในวันนี้คาร์ล
ก็กาลังจะไปยังที่นั่งเดียวกันกับจุดที่เชวฮันสงสัย แต่ถึงอย่างไร
ก็ตามจุดที่นั่งของพวกเขาก็ยังอยู่ด้านล่างเมื่อเทียบกับเหล่าเชื้อ
พระวงศ์และนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์
คาร์ลเหลือบมองหอระฆังที่อยู่ตรงทางเข้าจัตุรัสกลางเมืองซึ่ง
ในหอระฆังนี้มีนาฬิกาเรือนใหญ่ประดับอยู่ เวลาในตอนนี้คือ
8.25 น. ถึงเวลาที่เหล่าขุนนางและนักบวชจะต้องทยอยเข้าไป
ด้านในจัตุรัสแล้ว
เหล่าทหารองครักษ์ได้เริ่มกั้นชาวเมืองออกจากบริเวณนี้ไปก่อน
เพื่ออานวยความสะดวกให้กับเหล่าขุนนางที่จะเข้าร่วมงานใน
วันนี้
“ไปกันเถอะ….”
คาร์ลดันอีริครวมถึงคนอื่นๆให้เดินนาหน้าตนไป ก่อนที่เขาจะ
ก้าวเท้าตามพวกเขาไปอย่างไม่รีบเร่งนัก เขาสามารถมองเห็น
ผู้คนมากมายที่อยู่ในจัตุรัสกลางเมืองนี้แต่ไม่สามารถระบุ
จานวนที่แน่ชัดได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ถูกอัดแน่นเป็น
ปลากระป๋องแต่อย่างใด นั่นคือสิ่งที่สามารถบอกได้ว่าจัตุรัส
กลางเมืองแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางมากเพียงใดอีกทั้งองค์ชาย
รัชทายาทได้จากัดจานวนผู้เข้าร่วมงานด้วยเช่นกันทาให้
ชาวเมืองบางส่วนจับกลุ่มรวมตัวกันในร้านค้าต่างๆที่อยู่ใกล้ๆ
กับจัตุรัสกลางเมืองและบางส่วนก็รวมตัวกันอยู่ชั้นดาดฟ้าของ
อาคารต่างๆที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงเพื่อร่วมชมการเฉลิมฉลองงาน
พระราชสมภพของพระราชาในวันนี้
“นายน้อยคาร์ล…นี่เป็นครั้งแรกของท่านที่ได้มาจัตุรัสกลาง
เมืองแห่งนี้ใช่หรือไม่?”
คาร์ลรีบพยักหน้าให้กับคาถามของกิลเบิร์ต
“ใช่…ข้าเคยเห็นมันบางส่วนเมื่อตอนที่นั่งรถม้าผ่านเท่านั้น…
แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้มีโอกาสมองเห็นมันได้ทั้งหมด”
คาร์ลมองไปรอบๆบริเวณจัตุรัสกลางเมืองเมื่อเขาเอ่ยออกมา
เช่นนั้น
ร้านน้าชาที่อยู่ทางทิศใต้
โรงแรมที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก
ร้านขายดอกไม้ทางทิศตะวันออก
ชั้นบนของอาคารจาหน่ายเซรามิกส์ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือ
นี่คือสถานที่ทั้งสี่แห่งที่คาร์ลกาลังจดจ่ออยู่กับมัน
“จัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวางเป็นอย่างมาก”
คาร์ลพยายามตรวจสอบตาแหน่งที่ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์ไป
พร้อมๆกันก่อนที่เขาจะหันไปมองน้าพุที่อยู่ทางทิศใต้ มีเด็ก
หนุ่มคนหนึ่งกาลังโบกธงไปมาราวกับว่าเขากาลังต้อนรับการ
เสด็จมาถึงของพระราชาอยู่เด็กหนุ่มคนนี้คือ ‘ล็อก’นั่นเอง
‘ทุกอย่างกาลังเป็นไปตามแผน’
คาร์ลรู้ว่าตอนนี้เชวฮันและมังกรดากาลังเฝ้ามองดูเขาอยู่ก่อนที่
จะหันไปมองที่หอระฆังอีกครั้ง
เวลาในตอนนี้คือ 8.30 น.
“เราจะเปิดทางเข้าให้แก่พวกท่านในตอนนี้แล้วขอรับ”

[1] คว่าบาตร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.


2542 “คว่าบาตร” หมายความว่า
“(สา) ก. ไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วย เดิมหมายถึงสังฆกรรมที่
พระสงฆ์ประกาศลงโทษคฤหัสถ์ผู้ประทุษร้ายต่อศาสนาด้วย
การไม่คบ ไม่รับบิณฑบาต เป็นต้น” คว่าบาตร หมายถึง ไม่คบ
ค้าสมาคมด้วย ไม่ร่วมงานด้วย เป็นต้น
บทที่ 43 เอาไงดี 1 (2)

ทหารองครักษ์ได้ปิดทางเข้าทั้งหมดเพื่ออนุญาตให้เฉพาะขุน
นางใช้ทางเข้าทางนี้ทางเดียวในการเข้าไปด้านใน ก่อนที่คาร์ล
จะหักนิ้วมือของตนขึ้นทันที
กร๊อบ!
มันเป็นท่าทางปกติที่ใครๆก็สามารถทาได้จึงไม่มีใครสงสัยในสิ่ง
ที่เขาทา
ล็อกได้หายไปจากจุดนั้นทันทีที่คาร์ลทาเช่นนั้น มันถึงเวลาที่
จะต้องหาระเบิดพลังเวทย์ที่ซุกซ่อนอยู่ในฝูงชนเหล่านี้และ
แน่นอนว่ามันไม่มีความจาเป็นใดๆเลย
‘คาตอบจะปรากฏตัวขึ้นเวลาเก้าโมง….’
อย่างไรก็ตามมันง่ายกว่าหากพวกเขารู้คาตอบล่วงหน้าอีกทั้ง
คาร์ลไม่ต้องการขยับตัวย้ายไปที่อื่นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมอง
หาสิ่งที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ล่วงหน้าก่อน
“พวกท่านทั้งหมดสามารถนั่งลงบริเวณนี้ได้ขอรับ”
ที่นั่งถูกจัดเรียงตามรายชื่อของเหล่าขุนนางที่ระบุติดอยู่กับที่นั่ง
พระราชาและเหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่ได้อยู่ในจัตุรัสกลางเมือง
ในตอนนี้แม้แต่องค์ชายรัชทายาทที่เสด็จมาถึงพร้อมๆกับเหล่า
ขุนนางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เช่นกัน
คาร์ลเดินมาถึงที่นั่งของตนและเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“นายน้อยคาร์ล….ดูเหมือนว่าเราจะได้เจอกันบ่อยๆ”
“คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ…นายน้อยเทย์เลอร์”
มันเป็นลักษณะเดียวกับตาแหน่งที่นั่งในงานชุมนุมของเหล่าขุน
นางในครั้งนั้น คาร์ลได้ที่นั่งใกล้กับเทย์เลอร์และดูเหมือนว่าคน
อื่นๆก็ได้ที่นั่งแบบเดียวกันกับงานนั้นเช่นกัน คาร์ลหันกลับไป
มองที่หอระฆังอีกครั้ง
เขายังจาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนิยายได้ดี
สถานที่ที่เชวฮันพยายามมองหาระเบิดพลังเวทย์ในนิยายนั้น
ไม่ใช่สถานที่เดียวกันกับในตอนนี้แล้ว มันมีเรื่องราวที่ถูก
เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายในตอนนี้ ถึงจะเป็นเช่นนั้นอย่าง
น้อยก็ไม่ควรมีใครต้องมาตายด้วยเศษซากของอาคารเหล่านี้ซึ่ง
มันก็จะต่างจากเนื้อหาในนิยายเช่นกัน
‘เครื่องมือรบกวนพลังเวทย์’ถูกฝังอยู่ใต้หอระฆังนั่น
เวลาในตอนนี้คือ 8.45 น. คาร์ลหันไปทางด้านซ้ายของตนเอง
เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากอีริค
“คาร์ล…จงนิ่งเข้าไว้….เข้าใจหรือไม่?”
“ท่านพี่อีริค….”
อีริคเริ่มรู้สึกกังวลหลังจากได้ยินเสียงคาร์ลเอ่ยเรียกตน คาร์ลที่
เคยสนุกกับการสวมใส่เสื้อผ้าหลากสีสันและขี้อวดมาตลอด
สองปีที่ผ่านมาจู่ๆก็หันกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้มและดูสุภาพ
เรียบร้อยอีกทั้งท่าทางของเขาก็ดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
“ข้าจะอยู่ให้เฉยมากที่สุดและวางแผนที่จะไม่ทาสิ่งใดๆในวันนี้
เลย”
อีริครู้สึกหลงใหลในน้าเสียงของคาร์ลและพยักหน้าตอบรับ
ให้แก่คาร์ลโดยที่อีริคไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้า คาร์ลดูเหมือนจะ
พอใจปฏิกิริยาเช่นนี้ของอีริคก่อนที่จะหัวเราะเบาๆภายใน
ลาคอของตนและเหลือบมองดูนาฬิกาอีกครั้ง
8.45 น. คาร์ลได้ยินเสียงของมังกรดาดังเข้ามาในหัวของเขา
มังกรดาเฝ้ามองเขาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
~ เหลือเวลาอีก 15 นาที ~
มังกรดามีความสามารถทุกอย่างจริงๆไม่มีสิ่งใดที่พลังเวทย์
ของมันจะไม่ประสบผลสาเร็จได้ คาร์ลนึกชมมังกรดาภายในใจ
ของตนเมื่อเขาลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ราชวงศ์คอสแมนผู้เป็นดั่งดวงดาราของเหล่าชาวประชา….
เสด็จมาถึงแล้ว!”
ในตอนนี้มีเพียงทางเข้าเพียงจุดเดียวที่เปิดอยู่ องค์ชายรัช
ทายาทเสด็จนาเข้ามาโดยมีองค์ชายรองและองค์ชายสาม
ขนาบข้างเขาพร้อมทั้งเหล่าองค์ชายและเหล่าองค์หญิงคน
อื่นๆก็เสด็จมาตามหลังของพวกเขาเช่นกัน
กลุ่มคนที่มีเส้นผมสีบลอนด์สวยงามทรงเดินเข้ามาด้านใน
จัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ นี่คือเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับพรจาก
พระเจ้าแห่งแสงตะวันและนับเป็นความภาคภูมิใจของ
ประชาชนแห่งอาณาจักรโรมันเป็นอย่างยิ่ง
“ทรงพระเจริญ…..ทรงพระเจริญ”
“เฮ!!!!!!!!!!!!!….”
เสียงจากเหล่าชาวเมืองดังปกคลุมไปทั่วจัตุรัสกลางเมืองนี้มัน
ดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่จนรู้สึกได้ว่าแผ่นดินกาลังสั่นสะเทือนและ
คาร์ลยังคงจาคาพูดของมังกรดาได้ดี
‘ผมและดวงตาขององค์ชายรัชทายาทเป็นสีน้าตาล’
‘สีน้าตาล’ เป็นที่รู้จักของสีผมและสีดวงตาที่มีมากที่สุดในโลก
แห่งนี้ คาร์ลมองไปยังเหล่าเชื้อพระวงศ์และปรบมือเบาๆก่อนที่
นาฬิกาจะเคลื่อนเข้าสู่เวลา 8.50 น.
“พระราชาเซด คอสแมน…พระองค์ผู้เป็นดั่งดวงอาทิตย์แห่ง
อาณาจักรโรมันเสด็จมาถึงแล้ว!”
“เฮ!!!!!!!!!!!!!….”
“เฮ!!!!!!!!!!!!!….”
“ทรงพระเจริญ!…..ทรงพระเจริญ!”
พระราชาผู้มีพระชนมายุครบ 50 พรรษาและยังคงมีพระ
วรกายที่แข็งแรงกาลังเสด็จเข้ามาด้านในของจัตุรัสกลางเมือง
แห่งนี้ คาร์ลกาลังเฝ้ามองขบวนเสด็จของพระราชาก่อนที่จะ
ย้ายสายตาของเขาไปยังจุดอื่นในจัตุรัสกลางเมือง
เขาเห็นกระถางดอกไม้ที่อยู่ชั้นบนของอาคารจาหน่ายเซรามิกส์
ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือ เวลาในตอนนี้คือ 8.55 น.
‘พวกเขารื้อถอนมันหมดแล้วสินะ’
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมา
โรสลิน มังกรดา ออนและฮงจะแฝงตัวเข้ามาด้านในพร้อมกับ
เหล่าชาวเมืองที่มาร่วมงาน
พระราชาเซดลงจากขบวนรถม้าของพระองค์ก่อนจะทรงเดิน
ไปยังที่ประทับของตนช้าๆ
‘เซด คอสแมน’ ขึ้นสู่ตาแหน่งพระราชาเมื่อครั้งพระชนมายุได้
20 พรรษาหลังจากการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันของ
พระราชาองค์ก่อน พระองค์ได้ใช้โอกาสจากช่วงเวลาแห่ง
ความเศร้าโศกนี้ลอบปลงพระชนม์เหล่าพี่น้องของตนจนหมด
เพื่อทาให้สถานะทางอานาจของพระองค์มีความมั่นคงมากขึ้น
“เฮ!!!!!!!!!!!!!….”
“ทรงพระเจริญ!…..ทรงพระเจริญ!”
เสียงของเหล่าชาวเมืองที่มีต่อพระราชายังคงดังกึกก้อง
พระราชาเซดทรงเดินเข้ามายังด้านในจัตุรัสกลางเมืองและมุ่ง
หน้าไปยังที่ประทับที่อยู่ในตาแหน่งที่สูงที่สุด คาร์ลยังคงเฝ้า
มองอย่างใจเย็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มีพระที่นั่งที่พิเศษที่สุดสาหรับพระราชาอยู่ด้านหน้าหอระฆัง
พระราชาและพระราชินีโบกพระหัตถ์ให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้า
ต้อนรับพระองค์ก่อนจะทรงเดินไปยังพระที่นั่งของตน พระ
ราชินีทรงยืนประทับด้านหน้าของพระที่นั่งในขณะที่พระราชา
เซดประทับอยู่ด้านหน้าเครื่องเวทย์ขยายเสียง
คาร์ลหันไปมองนาฬิกาอีกครั้ง เวลาในตอนนี้คือ 8.58 น.
พระราชาเซดยกพระหัตถ์ของตนขึ้นก่อนที่เสียงจากประชาชน
จะสงบลงและเงียบสนิทไปในที่สุด เมื่อทรงเห็นว่าในจัตุรัส
กลางเมืองแห่งนี้เงียบลงแล้วพระราชาเซดจึงตรัสขึ้น
“เป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้วที่พระราชาองค์นี้ได้รับพรจากดวง
อาทิตย์ให้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้”
พระราชาเซดทรงเกษมสาราญเป็นอย่างยิ่งแต่น่าเสียดายที่
ในตอนนี้เป็นเวลา 9.00 น.
“หืม?”
คาร์ลได้ยินเสียงอุทานขึ้นด้วยความสับสนจากอีริค
“นั่นมันคืออะไร?”
คาร์ลได้ยินเสียงกังวลของเทย์เลอร์ดังขึ้นเช่นกัน คาร์ลรีบเงย
หน้าขึ้นไปมองด้านบนสุดของหอระฆังทันที
“อะไร?”
“นั่นใคร?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงพึมพาเริ่มดังขึ้นจากเหล่าชาวเมืองที่มาร่วมงานในวันนี้
พระราชาเซดทอดพระเนตรไปยังด้านหลังของพระองค์แล้ว
หยุดสายตาของพระองค์ไปยังหอระฆัง คาร์ลยังคงมองไปที่
ด้านบนของหอระฆังและเริ่มยิ้มออกมา
พระราชาเซดทรงตะโกนขึ้นทันที
“เจ้าเป็นใคร?!!!!!”
เหล่าทหารองครักษ์และเหล่านักเวทย์รีบมุ่งหน้าไปยังหอระฆัง
ทันที เหล่าชาวเมืองไม่มีทางเลือกอื่นในตอนนี้นอกจากเริ่มวิตก
กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีคนปรากฏตัวขึ้นด้านบนสุดของหอระฆัง
และหลังจากนั้นไม่นานก็มีเหล่าคนชุดดาปรากฏตัวขึ้นบริเวณ
ดาดฟ้าและชั้นบนสุดของอาคารที่อยู่ใกล้เคียงเช่นกัน
“ลงมาเดี๋ยวนี้!”
“พวกเรามุ่งหน้าไปยังดาดฟ้าและด้านบนของอาคารเดี๋ยวนี้
เลย!”
คาร์ลได้ยินเสียงของเหล่าทหารองครักษ์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ดังขึ้นก่อนที่เขาจะหันไปมองชายชุดดาและสวมหน้ากากปกปิด
ใบหน้าของตนอยู่ เขากาลังยืนอยู่ด้านบนสุดของหอระฆัง
ในตอนนี้ เขาคือ ‘เรดิก้า’นักเวทย์เล่นเลือดผู้จิตวิปริตคนนั้น
นั่นเอง
‘ฉันกังวลว่าเรื่องนี้จะต่างไปจากเนื้อหาในนิยายเช่นกัน’
ถ้าเรดิก้าไม่ปรากฏตัวขึ้นเขาอาจจะต้องให้มังกรดาใช้พลัง
เวทย์ของมันเพื่อมองหาคลื่นสัญญาณของพลังเวทย์ที่จะถูกส่ง
มายังระเบิดพลังเวทย์เพื่อค้นหาตัวเรดิก้าให้พบและยอมให้เชว
ฮันลงมือฆ่าเรดิก้าในที่สุด
คาร์ลรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่จาเป็นต้องทาเช่นนั้นและนึกถึง
คาอธิบายในนิยาย
มือทั้งสองข้างของเรดิก้าถูกปกคลุมด้วยพลังเวทย์สีแดง เจ้า
โรคจิตคนนี้มีจุดเด่นตรงที่ผู้คนทั่วไปสามารถมองเห็นสีของพลัง
เวทย์ของเขาได้แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับสูงเพียงใดก็ตาม
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมือและประกาศก้องด้วยประโยคเดียวกับใน
นิยาย
< ‘น่าสนุกดี’>
“น่าสนุกดี”
เสียงเยือกเย็นที่ดังขึ้นราวกับเสียงโลหะที่ถูกกระทบเป็นจังหวะ
ต่อเนื่องดังปกคลุมไปทั่วจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ จากนั้นไม่นาน
ลูกบอลพลังเวทย์สีแดงก็ถูกปล่อยออกไปยังจุดต่างๆภายใน
จัตุรัสกลางเมืองและบริเวณใกล้เคียงโดยทันที
ตอนนี้เป็นเวลา 9.01 น.
ครืดดดดดดดดดดด!!!!!!!
การสั่นสะเทือนเริ่มส่งเสียงมาจากใต้หอระฆัง
ปี๊บบบบบบ!!!!!!
ปิ๊บปี๊บบบบบบบบ!!!!!!
อุปกรณ์พลังเวทย์เริ่มหยุดการทางานของมันในหลายๆพื้นที่
เช่นเดียวกับลูกบอลพลังเวทย์สีแดงที่ถูกขว้างส่งไปยังเครื่องมือ
เวทย์ที่อยู่ในระเบิดพลังเวทย์นั้นก็เริ่มสูญเสียความแข็งแกร่ง
และเริ่มหมุนคว้างอย่างไร้จุดหมาย
มันเป็นผลมาจากการทางานของเครื่องมือรบกวนพลังเวทย์
จากนั้นไม่นานมันก็เกิดขึ้นด้านในจัตุรัสกลางเมืองนี้เช่นกัน
ปี๊บบบบบบ!!!!!!
มีจุดสี่จุดที่ส่งเสียงดังขึ้นภายในจัตุรัส
“เจอแล้ว”
เสียงอุทานที่เอ่ยขึ้นอย่างเงียบๆของคาร์ลดังขึ้น เขากาลังจด
จ่ออยู่กับเสียงเตือนที่ดังขึ้นจากอุปกรณ์พลังเวทย์ในตอนนี้
ชาวเมืองบางคนที่อยู่ในพื้นที่ของสัญญาณเตือนทั้งสี่จุดนั้นจะมี
ระเบิดพลังเวทย์อยู่กับตัว อย่างที่คาร์ลได้คาดเอาไว้ระเบิดพลัง
เวทย์จะส่งเสียงเตือนเมื่อมันเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
คาร์ลมองเห็นเชวฮัน โรสลินและล็อกมุ่งหน้าไปยังตาแหน่งทั้งสี่
นั้นอย่างรวดเร็ว
‘10 นาที’ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถรื้อถอนระเบิดภายใน10
นาทีได้ แต่พวกเขาก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะเคลื่อนย้ายระเบิดไป
ยังภูเขาทางด้านหลังเพื่อทาให้มันระเบิดขึ้นโดยไม่ทาร้ายใคร
มันจะเป็นไปได้เพราะความสามารถของโรสลินและมังกรดา
~ พบระเบิดพลังเวทย์ในมนุษย์หนึ่งคนแล้ว ~
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาหลังจากได้ยินรายงานของมังกรดาที่ใช้
เวทย์ล่องหนซ่อนตัวตนของมันอยู่
‘10 นาที’ เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
บทที่ 44 เอาไงดี 2 (1)

คาร์ลมองเห็นเชวฮันจับตัวใครบางคนเอาไว้ในขณะที่มังกรดา
ยังคงกล่าวรายงานอยู่ คนๆคนนั้นคือคนเดียวกับที่มังกรดา
กล่าวว่ามีระเบิดพลังเวทย์อยู่ที่ตัว
คาร์ลสามารถมองเห็นสร้อยคอที่อยู่บนคอของบุคคลดังกล่าว
‘ต้องให้ได้อย่างนั้นสิ…..’
คาร์ลเห็นเชวฮันดึงสร้อยคอออกจากคอของบุคคลดังกล่าวและ
เป็นเวลาเดียวกับที่คาร์ลโดนกระชากแขนอย่างแรงเช่นกัน
“คาร์ล!”
เป็นอีริค วิลส์แมนนั่นเองที่เป็นคนกระชากแขนของเขา คาร์ล
ค่อยๆมองดูสถานการณ์รอบๆตัวโดยเริ่มจากด้านบนสุดของหอ
ระฆังนั่น
“ฮะฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ”
เรดิก้า นักเวทย์เล่นเลือดกาลังส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ชิ้ง!ชิ้ง!
เสียงหัวเราะดังขึ้นราวกับเสียงโลหะที่กระทบกันดังเป็นจังหวะ
ช้าๆชวนฟังให้ดูน่าขนลุกมากขึ้นกว่าเดิม
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ…เสด็จไปประทับในที่ที่ปลอดภัยก่อนเถิดพะ
ย่ะค่ะ”
ทหารองครักษ์ประจาพระองค์และเหล่านักเวทย์ระดับสูงอยู่
ใกล้ๆเหล่าเชื้อพระวงษ์และพระราชาเพื่อช่วยพวกเขาในการ
หลบหนีไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย คาร์ลหันไปมององค์ชายรัช
ทายาทเป็นคนแรก เขายังคงมีเส้นผมสีบลอนด์สวย
‘มันไม่ใช่การใช้พลังเวทย์หรือเปล่านะ?’
[‘หรือว่าจะมีมังกรตัวอื่นใช้พลังเวทย์ปกปิดสีผมให้เขา?หรือไม่
มันก็อาจจะเป็นพลังเวทย์อย่างอื่นหรือเปล่านะ?’]
[ ‘หรือว่าจริงๆเขาใช้พลังเวทย์ตั้งแต่แรกแต่มันยังไม่ถูก
เปิดเผยออกมาในตอนนี้’ ]
คาร์ลจาสิ่งที่มังกรดาเคยกล่าวไว้ได้ก่อนที่จะตัดสินใจหยุดคิด
ในเรื่องนี้และมองไปรอบๆต่อไป
เหล่าทหารองครักษ์ที่เหลือครึ่งหนึ่งกาลังทาหน้าที่ของตน
เพื่อให้เหล่าฝูงชนทั้งหมดสงบลงและค้นหาเครื่องมือเวทย์ที่
สามารถก่อให้เกิดอันตรายไปพร้อมๆกันในขณะที่ทหาร
องครักษ์อีกครึ่งหนึ่งก็กระโจนเข้าหากลุ่มคนจากองค์กรลับ
ทันที
เรดิก้าที่หัวเราะลั่นมาช่วงระยะหนึ่งก็เริ่มพูดขึ้นมา
“…..น่าราคาญ…..”
เหล่าสมาชิกจากองค์กรลับทั้งหมดที่ไม่ใช่ ‘เรดิก้า’ เริ่มโจมตี
จากระยะไกล ทั้งหอก มีดสั้นและดาบต่างถูกขว้างเข้าโจมตี
เหล่าทหารองครักษ์ทันที
บูม! บูม!
ชิ้ง!ชิ้ง!
ปี๊บ!ปี๊บ!
คาร์ลรู้สึกว่าในตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเวลาเดียวกับที่มังกรดาเอ่ยรายงาน
~ พบระเบิดพลังเวทย์ในมนุษย์อีกคนหนึ่งแล้ว~
~พบอีกคนหนึ่งแล้ว~
เวลา 9.04 น. นับเป็นคนที่สามที่พวกเขาได้หาพบ
“คาร์ล! เราก็ควรจะออกไปเช่นกัน! เราควรจะไป”
“นายน้อยคาร์ล…..รีบไปกันเถอะ!”
คาร์ลหันไปมองยังอีริค อามูร์ กิลเบิร์ตและเทย์เลอร์ พวกเขา
ทั้งหมดต่างมารวมตัวกันรอบๆคาร์ลอย่างรวดเร็ว อีริคมองไป
รอบๆพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียดของเขาก่อนออกเดินไป
คาร์ลเดินตามคนที่เป็นผู้นาของตนไปทันทีและมองไปรอบๆ
เช่นเดียวกัน
“พวกเจ้าทาอะไรกัน?….รีบปล่อยพวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ให้พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!”
พวกขุนนางกาลังต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้ออกไปจากจัตุรัสกลาง
เมืองโดยเร็วที่สุดและแน่นอนว่ามีคนอยู่คู่หนึ่งที่ยังคงสงบสติ
อารมณ์ของตนได้อยู่แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ค่อนข้างแตกต่าง
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ทาไมพวกท่านต้องปิดกั้นทางออก!”
“เปิดทางเดี๋ยวนี้!”
เหล่าชาวเมืองต่างพากันตะโกนก้องเรียกร้องให้เหล่าทหาร
องครักษ์เปิดประตูและวิ่งกรูไปยังด้านหน้าประตูทางออกทันที
เหล่าทหารองครักษ์ต่างตะโกนใส่หน้าเหล่าชาวเมืองเช่นกัน
“กรุณาใจเย็นๆก่อน!”
“โปรดรอสักครู่!”
“พวกท่านจะให้พวกเรารออะไรในสถานการณ์เช่นนี้? ออกไป
ให้พ้นทางของเราซะ!”
“พวกท่านบ้ารึไง?…เหล่าขุนนางก็พยายามจะออกไปจากที่นี่…
พวกท่านก็ต้องให้พวกเราออกไปเช่นกันสิ!”
คาร์ลมองไปยังมือที่ถูกยกสูงขึ้นไปในอากาศท่ามกลางความ
สับสนวุ่นวายนี้
“เจ้า…นี่เจ้าจะทาอะไร?!”
เชวฮันดึงกระเป๋าออกจากไหล่ของชายชราคนหนึ่งแล้วชูมันขึ้น
ไปบนอากาศ นี่คือเป้าหมายคนที่สามของพวกเขา คาร์ลหัน
ศีรษะของตนกลับมาดูผู้คนรอบๆตัวเขา
ประตูทางออกของเหล่าขุนนางและนักบวชได้เปิดออกแล้วโดย
ที่เหล่าขุนนางและนักบวชหลายคนต่างก็มุ่งหน้าออกไปให้เร็ว
ที่สุดเท่าที่จะทาได้ มันดูสงบมากกว่าเพราะจานวนคนที่มีน้อย
กว่าประตูทางออกของเหล่าชาวเมืองที่อยู่ด้านล่างนั่น แต่ถึงจะ
เป็นเช่นนั้นมันก็ยังคงมีความวุ่นวายอยู่เพราะต่างคนต่างแย่ง
ชิงเพื่อออกไปให้เร็วกว่าคนอื่น
นั่นคือสาเหตุที่เห็นได้อย่างชัดเจน ‘ความเห็นแก่ตัว’
“มันช่างวุ่นวายเสียจริง”
มันเป็นเรื่องที่วุ่นวายได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีริคกาลังเดินไปเดิน
มาราวกับหนูติดจั่นทาให้คาร์ลวางมือของตนลงไปที่ไหล่ของอี
ริคเพื่อทาให้เขาสงบลงก่อนที่จะกดน้าหนักบนไหล่ของอีริคให้
แรงขึ้น
“พี่อีริค….”
“เอ่อ……”
คาร์ลยังคงเอ่ยต่อไปเมื่อได้มอบความเจ็บปวดให้แก่อีริคเพื่อดึง
สติของเขาให้ออกมาจากความคลุ้มคลั่งนั่น
“ใจเย็นๆ”
อีริคเริ่มสงบสติอารมณ์ของตนลงทันทีหลังจากได้เห็นการ
กระทาอันสงบของคาร์ล จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆตัวของเขา
ทันที เหล่าทหารองครักษ์กาลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มคนที่ไม่รู้จัก
ในขณะที่เหล่าเชื้อพระวงศ์กาลังหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้
เหล่าประชาชนทั้งหมดก็ล้วนตกอยู่ในความวุ่นวาย ตอนนี้อีริค
ได้ซึมซับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาและหัน
กลับมามองคาร์ลอีกครั้ง
คาร์ลเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“นี่ค่อยเหมือนตัวท่านหน่อย…..”
“ขอบคุณเจ้ามากคาร์ล…มันรู้สึกว่าในหัวของข้าโล่งมากขึ้น”
คาร์ลยักไหล่ของตนและหันหลังให้ กิลเบิร์ตและอามูร์กลับมา
เป็นตัวเองอีกครั้งเช่นกันหลังจากที่ได้ยินคาร์ลพูดกับอีริคและ
มองไปที่คาร์ล แม้ว่าพวกเขาจะพยายามมุ่งหน้าไปยังประตู
ทางออกของขุนนางในตอนนี้พวกเขาก็จะถูกต้อนกลับไปใน
ความโกลาหลนั่นเช่นเดิม หัวหน้าขุนนางของภูมิภาคอื่นๆ
กาลังยุ่งอยู่กับการรวบรวมคนของพวกตนและทาให้พวกเขา
สงบสติอารมณ์ลงในตอนที่พยายามหาทางหลบหนีกันอยู่
กิลเบิร์ตมองดูเหล่าขุนนางคนอื่นๆในภูมิภาคอื่น ก่อนที่จะมอง
ไปรอบๆอีกครั้ง เหล่าขุนนางคนอื่นๆของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือกาลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาและพวกเขา
ทั้งหมดต่างจ้องมาที่อีริคแต่อีริคและกิลเบิร์ตต่างกาลังจ้อง
มองดูคาร์ลอยู่
“…อะไรกัน…นั่น…..”
คาร์ลมองไปที่เทย์เลอร์ซึ่งตอนนี้ดูแตกต่างจากคนอื่นๆ ความ
กังวลของเทย์เลอร์ในตอนนี้คือประตูของเหล่าชาวเมืองที่ยัง
เปิดไม่เต็มที่ ประตูถูกเปิดออกช้ามากมีแนวโน้มว่าพวกเขา
กาลังพยายามควบคุมการเคลื่อนตัวของเหล่าชาวเมืองที่จะวิ่ง
ออกไปจากที่นี่ให้เป็นระเบียบที่สุด
เทย์เลอร์เป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่นและเป็นคนดีนั่นเป็นสาเหตุว่า
ทาไมเขาจึงเป็นห่วงเหล่าชาวเมืองมากกว่าตนเอง คาร์ลมองไป
ที่อีริค เขานับว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นาของกลุ่ม
ในตอนนี้ที่สุดแล้วล่ะนะ ก่อนที่คาร์ลจะพูดขึ้น
“ไปกันเถอะ”
หลังจากได้ยินคาพูดของคาร์ล อีริคก็นาเหล่าขุนนางภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมาที่ประตู คาร์ลมองดูนาฬิกาอีกครั้ง
9.08 น.
เหล่านักเวทย์กาลังยุ่งอยู่กับการกาจัดอุปกรณ์พลังเวทย์ที่เข้า
มารบกวนในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้และเครื่องมือรบกวนพลัง
เวทย์กาลังจะหยุดการทางานของมันลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
มันอาจจะอยู่ได้นานขึ้นเพียงเพราะมีผู้คนมากมายในจัตุรัส
กลางเมืองก่อความวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีก
~กาจัดออกไปอีกหนึ่ง~
ตอนนี้รวมกันได้สี่แล้ว เหลืออีกสองชิ้นกับเวลาอีกสองนาที
คาร์ลคิดว่าพวกเขายังคงมีเวลาเพียงพอ
ลูกบอลพลังเวทย์สีแดงของเรดิก้ายังคงหมุนคว้างในอากาศ
ทันทีที่เครื่องมือรบกวนพลังเวทย์หยุดการทางานของมันลงลูก
บอลพลังเวทย์เหล่านี้จะพุ่งตรงไปยังระเบิดพลังเวทย์และ
ระเบิดเละเป็นจุณทันที
คาร์ลเหลือบมองนาฬิกาบนหอระฆังก่อนที่ก้าวเดินต่อไป มังกร
ดากล่าวรายงานอีกครั้งในตอนนี้
~หมดแล้ว…นั่นคือทั้งหมดที่มี~
“…..อะไรนะ?”
“นายน้อยคาร์ลเกิดอะไรขึ้น?”
เทย์เลอร์ที่เดินอยู่ข้างๆกับคาร์ลมองดูเขาด้วยความงุนงง แต่
คาร์ลไม่มีเวลามาสนใจเทย์เลอร์ในตอนนี้
‘มีเพียงสี่เท่านั้นรึ?’
คาร์ลจาเนื้อหาในนิยายได้มันกล่าวว่ามีระเบิดพลังเวทย์
ทั้งหมด 10 ลูกหรือมันได้เปลี่ยนไปแล้ว? คาร์ลหยุดเดินและ
มองไปรอบๆ เครื่องมือรบกวนพลังเวทย์สามารถทางานได้
ครอบคลุมทั่วภูเขาได้หลายลูกหากระเบิดพลังเวทย์ถูกฝังอยู่ที่
อื่นสัญญาณเตือนภัยเหล่านั้นจะไม่ดังขึ้นในที่แห่งนี้
แต่มีสัญญาณเตือนภัยในอุปกรณ์เวทย์ระดับสูงทั้งนั้นที่ส่งเสียง
ดังขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้
หรือจานวนของระเบิดพลังเวทย์ได้เปลี่ยนไปเพราะเนื้อหา
บางส่วนได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว?
9.09 น.มาเยือนแล้วและเหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีก็จะถึงเวลา
9.10 น. ก่อนที่เสียงของนักเวทย์คนหนึ่งจะดังก้องขึ้นภายใน
จัตุรัสกลางเมืองนี้
“เปิดใช้งาน ‘เสถียรภาพแห่งพลังเวทย์’!”
ทันทีที่เขากล่าวจบ เหล่านักเวทย์จากแปดทิศทางที่ต่างกันก็
ท่องมนต์พร้อมกันขึ้นก่อนที่ลูกบอลพลังเวทย์แปดลูกจะถูกยิง
ขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาต่อมา
บูม!
พวกมันระเบิดขึ้นกลางอากาศและเริ่มแพร่กระจายเหมือนพุ
บางๆไปทั่วพื้นที่และหลังจากนั้น
ชิ้งงงงงงงงงงงงง!!!!
เสียงที่ดังขึ้นพลันเงียบสงบลงก่อนที่เสถียรภาพแห่งพลังเวทย์
จะเริ่มถูกใช้งานอีกครั้ง
ในตอนนี้เป็นเวลา 9.09 น.และอีก 55 วินาที
คาร์ลสามารถมองเห็นสิ่งของสี่ชิ้นถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าใน
เวลานี้ มันเป็นสิ่งของที่โรสลินและมังกรดาได้ใช้พลังเวทย์ของ
พวกเขาส่งมันขึ้นไป สิ่งของทั้งสี่ชิ้นลอยไปตามคลื่นพลัง
‘เสถียรภาพแห่งพลังเวทย์’ที่ยังคงไหลผ่านภายในอากาศอยู่
และกาลังลอยไปยังภูเขาทางทิศใต้ของเมืองหลวง
สาหรับหนึ่งคนและหนึ่งมังกรนี้ต่างก็มีประสาทสัมผัสที่ไวต่อ
พลังเวทย์เป็นอย่างมากจึงนับเป็นเรื่องง่ายที่จะปรับใช้พลังของ
ผู้อื่นให้เข้ากับตนเอง
บทที่ 44 เอาไงดี 2 (2)

เหล่าชาวเมืองต่างมองดูด้วยความงงงวยด้วยใบหน้าที่ว่าง
เปล่าเมื่อมองเห็นวัตถุทั้งสี่ชิ้นลอยไปเหมือนดาวที่กาลังเคลื่อน
ตัวในท้องฟ้าไปยังทิศที่มีภูเขาตั้งอยู่มันเป็นภูมิประเทศที่
อันตรายและเป็นสถานที่ที่ไม่ให้ผู้คนเดินทางผ่านได้ง่าย
“เสถียรภาพแห่งพลังเวทย์’ ถูกใช้งานได้อย่างสมบูรณ์!”
9.10 น.และอีก 5 วินาที นักเวทย์ก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงอัน
ดังและลูกบอลพลังเวทย์สีแดงของเรดิก้าก็เริ่มลอยขึ้นเพื่อไล่
ตามวัตถุที่ลอยไปยังภูเขา เมื่อลูกบอลพลังเวทย์สีแดงสัมผัส
เข้ากับสิ่งของทั้งสี่อย่างเข้า
บูมมมมมมมมมม!!!!!!!
เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้ามันมีแสงที่จ้ามากจนคน
ตาบอดสามารถมองเห็นมันได้ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน
ควันดาขนาดใหญ่ก็ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แม้ว่าภูเขาจะอยู่ไกล
ถึงทางตอนใต้ของจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้แต่ลมกระโชกขนาด
ใหญ่ก็หอบควันดาพุ่งเข้าหาผู้คนในจัตุรัสกลางเมืองทันที
ทั่วทั้งบริเวณจัตุรัสกลางเมืองเงียบสงัดไปชั่วขณะ สีหน้าของ
เหล่านักเวทย์ต่างซีดเผือดลงเป็นเพราะพวกเขาตระหนักได้ถึง
ตัวตนและจุดประสงค์ของลูกบอลพลังเวทย์สีแดงที่เริ่มลอยขึ้น
และไหลไปตามคลื่น ‘เสถียรภาพแห่งพลังเวทย์’นั่น
“….พวกมันคือระเบิดพลังเวทย์”
เทย์เลอร์ สแตนพึมพาออกมาด้วยความตกใจ แม้แต่เหล่าขุน
นางที่มีความรู้เรื่องพลังเวทย์น้อยที่สุดก็ยังรู้ว่ามีเพียงสิ่งเดียว
เท่านั้นที่สามารถมีพลังการทาลายล้างเช่นนี้ได้
ระเบิดพลังเวทย์
แม้แต่พระราชาและเหล่าเชื้อพระวงศ์บางพระองค์ที่กาลัง
เคลือ่ นย้ายไปยังจุดที่ปลอดภัยยังต้องหยุดชะงักไปในทันที มัน
เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากลองตรองดูว่าสิ่งของพวกนั้นก่อนที่จะ
ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้ามันมาอยู่ท่ามกลางฝูงชนเหล่านี้ได้
อย่างไร?
คาร์ลจัดทรงผมของตนให้เป็นระเบียบจากลมที่พัดกระโชกแรง
‘ฉันเดาว่ามีระเบิดพลังเวทย์เพียงสี่ลูกเท่านั้น’
ไม่มีใครตายจากเหตุการณ์นี้
~พวกเราช่วยชีวิตพวกเขาทั้งหมดไว้ได้~
คาร์ลได้ยินเสียงของมังกรดาดังขึ้นในหัวของเขา คาร์ลยังคงฟัง
มังกรดาพูดขึ้นอย่างเงียบๆ จัตุรัสกลางเมืองที่เคยวุ่นวายก่อน
หน้านี้พลันเงียบสงบลงเป็นอย่างมาก ไม่สิ…ดูเหมือนว่ามัน
กาลังอยู่ในสภาวะจิตตกกันต่างหาก
เหล่าผู้คนกาลังนึกถึงภาพน่ากลัวที่เกิดขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองนี้
พวกเขาอาจมีทั้งอารมณ์ที่ผ่อนคลายลงและความหวาดกลัวต่อ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
~ข้าช่วยพวกเขาไว้~
มังกรดาพูดขึ้นด้วยน้าเสียงที่มีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่าง
มาก นี่เป็นครั้งแรกที่มังกรดาตัวน้อยผู้ปรารถนาจะจบชีวิตของ
มันลงด้วยความสิ้นหวังได้ช่วยชีวิตบางอย่างไว้ด้วยความ
แข็งแกร่งของตัวมัน
คาร์ลกาลังนึกถึงความรู้สึกที่น่าจะเกิดขึ้นของมังกรดาก่อนจะ
มองไปยังสถานที่ที่ระเบิดพลังเวทย์ถูกยิงขึ้นไปในอากาศ เหล่า
ทหารองครักษ์และนักเวทย์บางส่วนต่างมุ่งหน้าไปยังที่แห่งนั้น
อย่างไรก็ตามพรรคพวกของคาร์ลได้หลบออกไปจากฉากนี้นาน
แล้ว จากนั้นพวกเขาก็ใช้เครื่องเวทย์ล่องหนที่คาร์ลยืมมาจาก
บิลอสเพื่อซ่อนตัวในมุมที่ไกลที่สุดของจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้
‘เชวฮันจะไล่ล่านักเวทย์เล่นเลือดผู้นี้และลงมือฆ่าเขาในที่สุด’
คาร์ลมองไปที่ด้านบนสุดของหอระฆัง อีริคและคนอื่นๆหยุด
การเคลื่อนไหวทั้งหมดไปตั้งนานแล้ว พวกเขาสามารถเข้าใจ
ในสิ่งที่เหล่านักเวทย์บอกว่าระเบิดพลังเวทย์ควรจะระเบิดขึ้น
ในจัตุรัสแห่งนี้แต่กลับไประเบิดในภูเขาที่ห่างออกไปทางทิศใต้
พวกเขาคงจะไม่ทาเช่นนั้นจริงๆหรอกใช่มั้ย?
เรดิก้ายังคงยืนอยู่บนสุดของหอระฆังพลางคิดในใจของตน
‘อ่า….น่าเสียดายที่ไม่มีใครตาย….ทาไมระเบิดพวกนั้นต้องไปที่
นั่นด้วยเล่า?……’
เรดิก้าพูดออกมาด้วยน้าเสียงเรียบเย็นดั่งเสียงของโลหะที่
กระทบกันดังเป็นจังหวะช้าๆ
“ อ่า…..สิ่งนี้เรียกว่าความล้มเหลวได้หรือเปล่านะ?……”
พระราชาเซดตะโกนใส่หน้าเรดิก้าทันทีที่เขาพูดจบ
“เจ้ากาลังทาอะไร?..เจ้าเป็นใครกัน?….เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังอยู่สุข
สบายได้เช่นนั้นรึ?หลังจากที่พยายามก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น!”
ปฏิกิริยาของพระราชาเซดเปลี่ยนไปหลังจากที่พระองค์
ตระหนักได้ว่าไม่ใช่การลอบปลงพระชนม์โดยการโจมตีแบบ
ธรรมดาเท่านั้น แต่มันเป็นการที่พวกมันพยายามจะจุดชนวน
ระเบิดพลังเวทย์ที่อยู่ติดกับเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนาง นี่คง
ไม่ต่างกับการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับอาณาจักร
แห่งนี้หรอกหรือ?
แต่คาร์ลกลับรู้สึกสะดุดใจในบางอย่างที่ต่างออกไปเกี่ยวกับสิ่ง
ที่เรดิก้าได้เอ่ยออกมา
‘……สิ่งนี้เรียกว่าความล้มเหลวหรือเปล่านะ?’
สีหน้าของคาร์ลเริ่มแข็งค้างด้วยความเป็นกังวลใจว่าอาจมีสิ่ง
อื่นซ่อนอยู่ก็เป็นได้? ท่าทางที่เปลี่ยนไปของคาร์ลทาให้เทย์
เลอร์ซึ่งขยับเข้ามาใกล้คาร์ลเพื่อแจ้งในสิ่งที่เขาคิดว่าทุกอย่าง
เรียบร้อยเป็นปกติดีแล้วพลันชะงักค้างไปทันทีเช่นกันก่อนที่
เทย์เลอร์จะหันไปมองด้านบนสุดของหอระฆังเหมือนที่คาร์ล
มองอยู่ทันที
“ดี…..ถ้าเช่นนั้น!!!”
เสียงกรีดร้องของเสียงโลหะเพิ่มความดังขึ้นปกคลุมไปทั่วทั้ง
จัตุรัสกลางเมืองเมื่อเรดิก้าตะโกนใส่พระพักตร์ของพระราชา
และเหล่าทหารองครักษ์โดยไม่ได้สนใจว่าในตอนนี้เหล่านัก
เวทย์ได้ใช้เวทย์ลอยตัวมุ่งหน้าไปหาตนอยู่
เป๊าะ!
เรดิก้าดีดนิ้วของตัวเองขึ้นหนึ่งครั้งก่อนที่จะมีคนสองคน
ปรากฏตัวขึ้นข้างๆเขา
พวกเขาทั้งสองสวมชุดสีดาโดยไม่มีสัญลักษณ์ของดาวสีแดง
และดาวสีขาวประดับอยู่บนหน้าอกและสะพายกระเป๋าเป้ไว้
ทางด้านหลัง
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
‘หรือว่า…พวกนั้นจะเป็นระเบิดที่เหลืออยู่?’
คนทั้งสองน่าจะเป็นนักฆ่าขององค์กรลับนี้และพวกเขาคงเป็น
หน่วยพลีชีพสาหรับภารกิจนี้เช่นกัน ในตอนนี้คาร์ลเข้าใจถึง
ตาแหน่งของระเบิดพลังเวทย์ที่เหลืออยู่สองลูกแล้ว
ผู้พลีชีพทั้งสองนาของสามอย่างออกมาและเริ่มใช้งานมันทันที
มันอาศัยการทางานของโล่,ตัวนาความร้อนและเชื้อเพลิง
“ไป!!!!”
เรดิก้าตะโกนสั่งผู้พลีชีพทั้งสองที่กาลังมีเพลิงไหม้ลุกท่วมร่าง
ของพวกเขาอยู่ในตอนนี้ ทั้งสองรีบวิ่งไปยังเหล่าผู้คนที่อยู่
ทางด้านล่างของหอระฆังก่อนที่เรดิก้าจะยิงลูกบอลพลังเวทย์สี
แดงไปยังคนทั้งสองทันที
“ห….หยุดพวกมันไว้!”
ระเบิดพลังเวทย์ถูกการันตีว่าพวกมันจะไม่หยุดการทางานหาก
ไม่ได้ถอนการติดตั้งอย่างสมบูรณ์
และน่าเสียดายที่เรดิก้าอยู่ใกล้กับผู้พลีชีพทั้งสองมากกว่าคน
อื่นทาให้ลูกบอลพลังเวทย์สีแดงของเขาได้เคลื่อนตัวมาถึง
กระเป๋าสะพายหลังของคนทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อย
ระเบิดพลังเวทย์จะเริ่มการทางานในไม่ช้านี้แล้ว
ผู้พลีชีพทั้งสองได้ใช้เวทย์เร่งความเร็วและมุ่งหน้าไปหาผู้คน
ด้วยความเร็วสูงราวกับว่าพวกเขาคือเครื่องบินทิ้งระเบิด
หนึ่งในสองมุ่งหน้าไปยังเหล่าเชื้อพระวงศ์ ในขณะที่อีกคนหนึ่ง
‘เขากาลังมาทางนี้….’
เขามุ่งหน้ามาหาเหล่าขุนนาง
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นใช้เวลาน้อยกว่า 10 วินาที
~ข้ามาแล้ว!!!!~
คาร์ลยกมือของตนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของมังกรดาดังเข้ามาใน
หัว
“อ๊ากกก…..!!!!!!”
“ว….วิ่งหนีไป!!!!!”
“หลบ!!!!”
มันสายเกินไปที่จะหลบหรือวิ่งหนีออกไปจากพื้นที่ที่ถูกวาง
ระเบิดเพียงแค่อาศัยการวิ่งไปในเวลา 2-3วินาทีเช่นนี้
“ค….คาร์ล..ไปเถอะ!”
“นายน้อยคาร์ล…เร็วเข้า!”
อีริค เทย์เลอร์ กิลเบิร์ตและอามูร์ ไม่ได้วิ่งหนีไปทันทีเหมือนกับ
คนอื่นๆ พวกเขาต่างพยายามที่จะช่วยเหลือคาร์ลให้วิ่งหนีไป
พร้อมกับพวกเขาด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็สายเกินไป
คาร์ลรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก หากเขาเริ่มออกวิ่งและมีการ
ระเบิดเกิดขึ้นเขาอาจจะสูญเสียแขนของเขาไปแต่ถึงอย่างนั้น
‘โล่นิรันดร์กาล’จะช่วยฟื้นฟูแขนของเขาให้กลับมาเป็นปกติได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดที่พยายามปกป้องตัวเขาจะต้อง
สูญเสียอวัยวะบางอย่างไปแม้ว่าพวกเขาจะวิ่งเร็วเพียงใดก็
ตามและพวกเขาจะไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ
เหล่านี้ไปได้เลย
แทนที่จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
“…….เฮ้อ”
คาร์ลสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกขึ้นและหงายฝ่ามือของตนขึ้นไป
ในอากาศ
‘ถึงเวลาเปลี่ยนแผนแล้ว’
ช่วงเวลานั้นโรสลินซึ่งปรากฏตัวขึ้นโดยใช้เวทย์ล่องหนของ
มังกรดาได้สร้างเกราะป้องกันสองชั้นโอบรอบตัวเธอและคาร์ล
ไว้
ในเวลาเดียวกัน
“ระเบิด!!!!!!!”
เรดิก้าตะโกนก้องออกมาด้วยความดีใจ
“หืม..?”
โรสลินชะงักค้างไปโดยทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอ
ในตอนนี้
ผู้พลีชีพพร้อมระเบิดพลังเวทย์ที่กาลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
ราวกับเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ถูกโอบล้อมด้วยปีกขนาดใหญ่
ในขณะที่โล่สีเงินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับว่ามันกาลังปกป้องผู้คน
ในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้และปีกของโล่ก็คอยโอบรอบเครื่องบิน
ทิ้งระเบิดไว้มันดูคล้ายกับว่าโล่และปีกได้กลืนกินเครื่องบินทิ้ง
ระเบิดนี้ไว้อย่างช้าๆ
และโล่ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่สามารถมองเห็นมันได้ถนัดนักเพราะ
แสงสีเงินที่ล้อมรอบโล่เงินนี้ไว้
~ข้าจะป้องกันมันเช่นกัน~
มังกรดาประกาศก้องในหัวของคาร์ล
บุคคลที่ดูศักดิ์สิทธิ์ราวกับเทพเจ้ามีโล่สีเงินโอบรอบลาตัว เขา
ยืนอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่โดยมีแสงสีเงินเชื่อมต่อเส้น
ผมสีแดงสวยกับโล่บนท้องฟ้านั่น คาร์ลเริ่มสบถออกมาเมื่อเส้น
ผมของเขาพลิ้วไหวอย่างรุนแรงจากลมกระโชก
“……ให้ตายสิ!!!!!”
จากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นโดยทันที
บทที่ 45 เอาไงดี 3 (1)

บู๊ม!!!!
บู๊มมมมมมมมม!!!!!!!!!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกันสองครั้งโดยอานุภาพความรุนแรง
ของมันอาจไม่สามารถเทียบได้กับการระเบิดก่อนหน้านี้ได้ ทุก
คนต่างหมอบตัวลงแนบพื้นและยกมือป้องกันศีรษะของตน
“โอ้ยย!!!!!!!!!!”
“โอ้ย!!!!…แข…..แขนของข้า”
“อ๊ากกกกกก!!!!!!!”
เสียงกรีดร้องของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือผู้ที่เสียชีวิตจากการ
ได้รับแรงระเบิดต่างปกคลุมไปทั่วทั้งจัตุรัสกลางเมือง
ทันใดนั้น
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
เสียงลมกระโชกรุนแรงที่ฟังเหมือนเสียงสายฝนกระหน่่าต่างพัด
ผ่านศีรษะของผู้คน กลุ่มคนที่อยู่ตรงกลางของจัตุรัสต่างถูกฝุ่น
จากพื้นดินเข้าปกคลุมล่าตัว ในขณะที่กลุ่มคนที่อยู่ใกล้บริเวณ
น้่าพุต่างก็เปียกโชกไปทั่วร่าง ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆยกศีรษะ
ขึ้นมา
สิ่งแรกที่พวกเขาทั้งหมดมุ่งสายตาไปคือสิ่งที่อยู่ทางด้านทิศ
เหนือ ‘เหล่าเชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรโรมัน’ไม่มีเหล่าเชื้อ
พระวงศ์องค์ใดที่ได้รับบาดเจ็บเพราะมีการสร้างโล่ป้องกันไว้ได้
ทันแต่ผู้คนที่อยู่รายล้อมต่างได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บคือเหล่าชาวเมืองที่เข้ามาในจัตุรัสกลาง
เมืองนี้ก่อนใครเพื่อรอเข้าเฝ้าพระราชา นอกจากนี้ยังมีเหล่าข้า
รับใช้ ทหารองครักษ์และนักเวทย์ที่ไม่มีเวลามากพอที่จะสร้าง
โล่ป้องกันให้แก่ตนเองได้ทัน
กลุ่มคนเหล่านี้บ้างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะที่บางคนก็
เสียชีวิต ฝุ่นสีด่าที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้นยากที่จะมองเห็นเส้นผม
สีบลอนด์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ได้ชัด ส่าหรับผู้ที่รอดชีวิตต่าง
ยกศีรษะของพวกเขาให้สูงขึ้นและหันไปมองเหล่าขุนนางและ
เหล่าชาวเมืองที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
เคร้ง!!!!!!!!!
โล่สีเงินเริ่มที่จะแตกออกจากกันช้าๆไม่ต่างจากเศษแก้วและปีก
สีเงินก็ร่วงหล่นลงมาเช่นกัน ตอนนี้ฝุ่นสีด่าที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณ
เริ่มจางลงและแน่นอนว่าคนที่อยู่ภายในนั้นไม่มีแม้แต่เศษชิ้น
เนื้อหรือเลือดสักหยดปรากฏให้เห็น
ทุกคนต่างรู้สึกขนลุกชันไปทั่วร่างกาย สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขา
เข้าใจถึงความรุนแรงของระเบิดพลังเวทย์นี้ได้ สายตาของพวก
เขามุ่งไปยังจุดเดียวกันและมันเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นแสงสีเงิน
นั่น
“นายน้อยคาร์ล!!!!!!”
โรสลินที่ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ใช้เวทย์ล่องหนของมังกรด่าอีก
ต่อไป เธอรีบเข้าไปพยุงคาร์ลไว้อย่างรวดเร็วเมื่อมองเห็นว่า
เข่าของคาร์ลค่อยๆทรุดลงราวกับคนหมดแรงและเริ่มที่จะล้ม
ลงไป เธอมองสลับไปมาระหว่างร่างของคาร์ลและโล่สีเงินที่
ค่อยๆสลายไปก่อนจะเหลือบไปมองเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด
นี่เป็นการเกิดระเบิดที่รุนแรงถึงสองครั้งติดต่อกัน
โรสลินรู้ว่าโล่ของมังกรด่าสามารถลดแรงกระแทกจากระเบิดไว้
ได้ส่วนใหญ่แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นโล่สีเงินของคาร์ลก็ได้ท่าในสิ่งที่
น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
‘และนั่นหมายความว่าแรงหดตัวกลับของมันย่อมรุนแรง
เช่นกัน’
โรสลินแตะไปที่แขนของคาร์ลเพื่อเรียกสติและส่งเสียงร้องเรียก
เขา คาร์ลยังคงยืนอยู่พลางเงยหน้าของตนขึ้นช้าๆ
“นายน้อยคาร์ล….ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?….นายน้อยคาร์ล!”
คาร์ลเริ่มสบถในใจ
‘…..เจ็บเป็นบ้าเลย!!!!’
คาร์ลได้ลดพลังของโล่สีเงินลงหลังจากที่เห็นมังกรด่าสร้างโล่
ของตัวมันเองก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้น ต้องขอบคุณที่การหด
ตัวกลับของโล่ไม่รุนแรงเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามมือของเขาก็
ยังคงสั่นอยู่ คาร์ลไม่สิ…คิมร็อกโซรู้สึกว่าตนจะพูดเกินจริงเมื่อ
ความเจ็บปวดเริ่มมาเยือนช้าๆ
แม้ว่ามันจะเป็นความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าเจ็บปวด
อยู่ดี เขาพยายามที่จะฝืนตัวเองให้ยืนทรงตัวไว้ให้มั่น
“ท่านคาร์ล!”
“นายน้อยคาร์ล!”
เสียงร้องเรียกชื่อคาร์ลเข้ามาใกล้เขาช้าๆก่อนที่เขาจะเงยหน้า
ขึ้น
“คาร์ล….เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าไม่เป็น…ไร..แค่ก!!!”
“..เ…เลือด!!!!”
ใบหน้าของอีริคซีดเผือดลงและท่าให้เขาเกือบจะหงายหลังเป็น
ลมล้มคว่่าไป
อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่เขากระอักเป็น
เลือดออกมาเล็กน้อย
‘ ‘พละก่าลังแห่งดวงใจ’เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ’
ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาได้เลือนหายไปและร่างกาย
เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเวลาที่รวดเร็ว แต่จะว่าไปเขารู้สึก
ว่าร่างกายของเขาในตอนนี้มีความแข็งแรงมากกว่าเดิมด้วยซ้่า
เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘พละก่าลังแห่งดวงใจ’เริ่มท่างานขึ้น
มันเป็นความรู้สึกสดชื่นที่คล้ายกับความรู้สึกเมื่อเขาสามารถ
นอนหลับได้เต็มตื่นเมื่อไม่มีรอนคอยกวนใจ เขาค่อยๆหลับตา
ลงช้าๆและเริ่มตระหนักถึงร่างกายของตนเองในตอนนี้
‘แขนและขาของฉันยังคงแนบติดกับร่างกายอยู่…มือของฉันที่
สั่นระริกก่อนหน้านี้หรือแม้แต่อาการเจ็บปวดที่มากกว่าการถูก
กระดาษบาดนั่นมันก็หายไป….ร่างกายของฉันดูแข็งแรงขึ้น
หลังจากที่กระอักเลือดออกมาเพียงครั้งเดียว’
คาร์ลเข้าใจความคิดของเหล่าวีรบุรุษที่เลือกจะไม่โยนทิ้งพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณเหล่านี้ออกไปแม้ว่ามันจะไม่จ่าเป็นต่อตัวของ
พวกเขาเลยก็ตาม อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์ มันช่วยในการ
บรรเทาอาการเจ็บปวดได้มากกว่าที่เขาคาดไว้และตอนนี้เขา
รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเริ่มหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความพอใจ
แต่ผู้คนรอบข้างตัวเขาในตอนนี้กับมีสีหน้าที่ยุ่งเหยิงมาก
กว่าเดิม
“ท่านคิดว่าตอนนี้มันเป็นเรื่องตลกหรือไง?….หยุดหัวเราะได้
แล้ว!”
คาร์ลค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากที่ได้ยินน้่าเสียงที่แฝงไปด้วย
ความตกใจและกังวลใจของเทย์เลอร์ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้น
อย่างเต็มตาเมื่อส่ารวจร่างกายของตนจนพอใจและตระหนักได้
ว่าทุกๆอย่างมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆจนบรรยายไม่ถูก แต่ถึง
จะเป็นเช่นนั้นแสงแดดที่แรงมากเกินไปก็ท่าให้เขาต้องหรี่ตาให้
เล็กลง
“หยุด….ไม่ต้องพยายามลืมตาของท่านขึ้นด้วย!”
‘หืม?….เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ?’
คาร์ลเหลือบมองไปที่เทย์เลอร์ด้วยความสับสนในขณะที่เขา
ค่อยๆนั่งลงกับพื้นด้วยการช่วยเหลือของโรสลิน ขุนนางไม่ควร
ท่าอะไรแบบนี้แต่ส่าหรับเขามันจะรู้สึกดีมากกว่าหากทิ้งร่าง
ของตนลงไปกับพื้นในสถานการณ์เช่นนี้ คาร์ลหย่อนตูดของ
เขาลงไปกับพื้นโดยไม่คิดที่จะสนใจกับสิ่งที่คนอื่นคิด
ก่อนที่มังกรด่าจะเอ่ยให้เขาได้ยิน
~ เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…เจ้าตายไม่ได้นะ!….เจ้ามันอ่อนแอ
เกินไป…หากเจ้าตายข้าจะทาลายทุกอย่าง!..ข้าจะลงมือฆ่าทุก
คน..ฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าและเมื่อทุกอย่างหายไปรวมถึงศพ
ของเจ้า…ข้าก็จะฆ่าตัวเองเช่นกัน! ~
มังกรด่าดูเหมือนจะกังวลใจเป็นอย่างมากแต่ค่าพูดที่ออกมา
จากปากของมันช่างดูโหดร้ายเกินไป คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นกับ
สิ่งที่มังกรด่ากล่าวออกมา
“นายน้อยคาร์ล….ข้าจะไปตามนักบวชมาดูอาการท่าน!”
“ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
อามูร์และกิลเบิร์ตเอ่ยออกมาก่อนที่จะรีบพากันไปหาเหล่า
นักบวชที่ก่าลังเดินเข้ามาทางประตูทางเข้านั่น พวกเขาทั้งสอง
ไม่ได้สนใจกับสภาพร่างกายและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของพวกเขา
เลยสักนิด เมื่อเห็นพวกเขารีบวิ่งออกไปเช่นนั้นคาร์ลก็ไม่มี
ความกล้ามากพอที่จะเอ่ยออกมาว่าเขาไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย
‘มันไม่ได้เจ็บถึงขนาดต้องรีบเช่นนั้น…แต่ฉันคงต้องแกล้งว่า
เจ็บหนักเสียแล้วสินะ?’
มันจะเป็นเรื่องที่ดีส่าหรับคาร์ลหากนักบวชมาตรวจดูอาการ
ของเขา
อีริค วิลส์แมนยืนอยู่ข้างๆคาร์ลและก่าลังจ้องมองเหล่าขุนนาง
จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลนักพร้อมทั้ง
กวาดสายตาไปมองเหล่าขุนนางจากภูมิภาคอื่นๆเช่นกันเพื่อ
เป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้ามาใกล้ตัวคาร์ลได้
คาร์ลไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เมื่อเขาก่าลังเฝ้าดูการสนทนาที่อาจ
สร้างความวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม
“…..โปรดหลีกทางให้แก่ข้าด้วย!”
“ไม่มีทาง…พลเรือนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในได้!”
“พลเรือนเช่นนั้นรึ?….ใครเป็นคนคิดกฎไร้สาระเช่นนี้ขึ้นมา
กัน?!”
เชวฮันตะโกนใส่หน้าเหล่าทหารองครักษ์ที่ก่าลังดูแลเหล่าขุน
นางอยู่ด้วยน้่าเสียงและสายตาที่เย็นชา คาร์ลได้ก่าชับกับเชว
ฮันไว้ว่าเขาจะต้องไม่ปรากฏตัวออกมาในบริเวณนี้ไม่ว่าจะเกิด
อะไรขึ้นก็ตาม คาร์ลเริ่มมีใบหน้าบึ้งตึงและโบกมือไล่ให้เชวฮัน
ที่ก่าลังขัดค่าสั่งเขาออกไปจากบริเวณนี้
เชวฮันมองเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นของคาร์ลจึงกัดริมฝีปากของตน
ไว้แน่นก่อนที่จะก้มศีรษะของตนลง
“กระผมขอโทษ”
‘ฉันบอกแล้วว่าอย่าออกมา…แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องมา
ขอโทษฉันสักหน่อย’
จากนั้นคาร์ลก็ละสายตาไปมองล็อกที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของ
เชวฮัน ออนและฮงก็เกาะอยู่บนไหล่ของล็อกเช่นกัน คาร์ลเริ่ม
ยิ้มออกมาเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้พวกเขาเห็นว่าตนนั้น
สบายดีและดึงสายตาของตนกลับมาเมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมด
ได้หายออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว
“นายน้อยคาร์ล…เจ้าดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับค่าถามของโรสลินและยกมือเช็ด
เลือดที่มุมปากของตน
“ใช่…ข้าไม่เป็นไรจริงๆ”
การเคลื่อนไหวของคาร์ลดูเป็นปกติดีเมื่อเขาเช็ดเลือดสีแดงสด
ที่ไม่ต่างจากเส้นผมของเขาออกช้าๆ อย่างไรก็ตามโรสลิน
ตระหนักถึงสิ่งที่คาร์ลท่า องค์หญิงเช่นเธอจะสามารถท่าอะไร
เช่นนี้ได้หรือไม่นะ? เธอเริ่มพึมพ่ากับตัวเองเบาๆ
“……ข้าไม่เข้าใจในตัวเจ้าจริงๆ?”
อย่างไรก็ตามเธอเพียงแค่จ้องมองคาร์ลอยู่เงียบๆไปชั่วครู่ เมื่อ
คาร์ลหันกลับมามองโรสลินเขาก็ต้องแปลกใจมากกว่าเดิมเมื่อ
ตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้จ้องเขาอยู่แต่มองเลยผ่านเขาไปก่อนที่
เขาจะละสายตาหันกลับไปมองรอบๆตัว
“อ่า……”
นักเวทย์เล่นเลือด ตอนนี้เขาก่าลังลอยตัวอยู่กลางอากาศและ
ก้มลงมามองพวกเขาที่พื้นเบื้องล่าง
“ข้าไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นนี้….แต่มันก็สนุกดี
เหมือนกัน”
‘เรดิก้า’นักเวทย์เล่นเลือดคนนี้กล่าวออกมาพลางกวาดสายตา
ไปมองเหล่าเชื้อพระวงศ์ เหล่านักเวทย์เริ่มใช้เวทย์ลอยตัวอีก
ครั้งและแม้แต่ทหารยามของเมืองหลวงก็พุ่งตรงไปยังตัวเรดิ
ก้าราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกไปโดยทันที
เรดิก้าค่อยๆหันมาทางเหล่าขุนนาง
เขาสบตาเข้ากับคาร์ลก่อนที่จะสังเกตเห็นโรสลินที่อยู่ด้านหลัง
ของคาร์ลด้วย แม้ว่าผมของเธอจะถูกย้อมเป็นสีน้่าตาลแต่เขาก็
สามารถจดจ่าโรสลินได้ทันที ‘ผู้หญิงที่อยู่ในหมู่บ้านเผ่าหมาป่า
สีน้่าเงินนั่นสินะ?’ เสียงชวนให้แสบแก้วหูราวเสียงกระทบของ
โลหะดังกึกก้องไปทั่วจัตุรัสกลางเมืองอีกครั้ง
“ว้าว..มีแต่เลือดสีต่างๆที่ข้าชอบเป็นยิ่งนัก!”
ในจังหวะนั่นเหล่านักเวทย์ก็ได้ส่งพลังเข้าโจมตีเรดิก้าในทันที
“จัดการมัน!”
บทที่ 45 เอาไงดี 3 (2)

มันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดนักเพราะหน้ากากที่
สวมเอาไว้แต่ดวงตาของเรดิก้ากลับคู้ต่าลงราวกับเสี้ยว
พระจันทร์
“ข้าต้องการเก็บสะสมพวกมันไว้ในคลังผลงานของข้า!”
ใบหน้าของคาร์ลแข็งทื่อไปชั่วขณะและเผลอเอ่ยออกมาโดยไม่
ตั้งใจ
“บ้าไปแล้วรึไง?”
‘โดยปกติแล้วตัวร้ายที่จิตวิปริตเช่นนี้มักจะตายเร็ว’ คาร์ลนึก
ถึงเรื่องนี้ได้ก่อนจะหันไปมองเชวฮันที่ปรากฏตัวออกมาให้เขา
เห็นอีกครั้ง
เชวฮันพยักหน้าให้เขาและหายตัวไปทันที
เชวฮันก่าลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อจับตัวและฆ่านักเวทย์
โรคจิตคนนี้แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเชวฮันก็ไม่ได้ขยับตัวเข้าใกล้
เรดิก้าสักก้าวเดียว
เรดิก้าเหลียวมองไปที่พระราชาเซดซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พลัง
เวทย์ก่าลังจะโจมตีถึงตัวเขาและเอ่ยขึ้น
“แล้วเจอกันใหม่!”
จากนั้นร่างของเขาก็หายไปไม่เพียงแต่ตัวเขาเท่านั้นกลุ่มคนชุด
ด่าที่มาพร้อมกับเขาก็หายไปด้วยเช่นกัน อาวุธลับของหมอนั่น
คือ ‘พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร’ ไม่มีทางที่กลุ่มคนที่พุ่ง
โจมตีตัวเขาจะสามารถรู้ว่าเขาหายตัวไปยังที่ใดได้เลย? แต่ใน
นิยายได้กล่าวถึงสถานที่ที่เรดิก้าและเหล่าสมาชิกขององค์กร
ลับจะปรากฏตัวขึ้นหลังออกจากจัตุรัสกลางเมืองนี้ไป
เชวฮัน ออน ฮงและล็อก พวกเขาทั้งหมดได้มุ่งหน้าไปยังที่นั่น
ก่อนหน้านี้แล้ว
ถ้าหากที่นั่นคือสถานที่ที่เรดิก้าและสมาชิกขององค์กรลับได้
หายตัวเพื่อไปที่นั่นจริงๆเป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะต้องจบ
ชีวิตลงด้วยน้่ามือของเชวฮันอย่างแน่นอน
‘ฉันกลัวว่าเชวฮัน…จะโกรธและคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิม’
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลส่งออน ฮงและล็อกให้ติดตามเชวฮันไป
ทั้งสามคนสามารถช่วยให้เชวฮันมีสติมากกว่าเดิมได้ เชวฮัน
มักจะใจอ่อนให้แก่ผู้ที่อ่อนเยาว์กว่าและผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเอง
คาร์ลค่อยๆลุกขึ้นยืนจากพื้นที่เขานั่งอยู่
พระราชาเซดก่าลังเสด็จไปยังพระที่นั่งอีกครั้งและในขณะที่
ผู้คนทั่วทั้งจัตุรัสกลางเมืองก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยขึ้นอีกครั้ง
เช่นกัน คนร้ายได้หลบหนีไปได้โดยทิ้งความเลวร้ายไว้เบื้องหลัง
ของพวกมัน พระราชาเซดเสด็จประทับยังแท่นพิธีเพื่อพยายาม
ท่าให้ฝูงชนสงบลง
“ข้าจะหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อแก้แค้นให้กับเหตุการณ์ที่โหดร้ายและ
น่ากลัวนี้อย่างแน่นอน…นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าอยากให้พวกท่าน
ทุกคนเชื่อฟังในค่าสั่งของพระราชาองค์นี้และแยกย้ายกลับไป
รักษาตนเองและพักผ่อนเสียเถิด…เราจะเลื่อนการจัดพิธีเฉลิม
ฉลองนี้ออกไปก่อน”
คาร์ลละสายตาออกจากพระราชาเซดเพื่อมองดูโรสลิน อันที่
จริงตามแผนที่พวกเขาวางไว้เธอควรที่จะหลบซ่อนตัวและไม่
ควรปรากฏตัวออกมาเช่นนี้แต่ท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะเปิดเผย
ตัวเองเพื่อคาร์ล
‘เธออาจจะปรากฏตัวออกมาเพราะมังกรด่าไม่สามารถเปิดเผย
ตัวตนของมันได้’
โรสลินเริ่มยิ้มหลังจากที่สบตาเข้ากับคาร์ล จากนั้นเธอก็เริ่มพูด
ผ่านสายตาของเธอออกมา
‘ความลับ’
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาเช่นกัน โรสลินเป็นคนที่มีคลื่นตรงกันกับ
เขาท่าให้ความคิดเห็นของพวกเขามักจะตรงกันอยู่เสมอ
คาร์ลได้ให้ค่าแนะน่ากับพรรคพวกของตนไปก่อนหน้านี้
ประการแรกมังกรด่าและเหล่าสัตว์อสูรซึ่งประกอบด้วยออน ฮง
และล็อกจะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาไม่ว่าจะเกิด
อะไรขึ้นก็ตามซึ่งนับว่าเป็นภารกิจที่ส่าคัญที่สุดก็ว่าได้
ประการที่สองแม้ว่าเชวฮันและโรสลินจะได้รับการยกย่องจาก
ผู้คนที่นี่มากมายเพียงใดก็ตามพวกเขาก็ต้องยืนกรานว่ามาที่นี่
ด้วยความบังเอิญเท่านั้น สิ่งนี้นับเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เพราะ
พระราชาไม่มีทางที่จะทราบเกี่ยวกับระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกซ่อน
อยู่ตามสถานที่ต่างๆในจัตุรัสกลางเมืองนี้อีกทั้งไม่มีวิธีการใดจะ
พิสูจน์ตัวตนของผู้ที่ก่าจัดระเบิดพลังเวทย์ด้วยการส่งมันขึ้นไป
บนท้องฟ้าได้
ประการที่สามพวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายซึ่งกันและกัน
คาร์ลและโรสลินรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่ต้องท่าอะไรบ้างจากการ
สบตากันเพียงครั้งเดียว นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลค่อยๆปัดฝุ่นและ
สิ่งสกปรกต่างๆออกจากเสื้อผ้าของเขาก่อนที่จะจัดมันให้
เรียบร้อยเหมือนเดิม
จากนั้นคาร์ลก็ส่งยิ้มให้กับคนที่เดินเข้ามาหาตน
“โอ้!…นายน้อยคาร์ล..ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
นักบวชมีท่าทางแข็งขืนราวกับว่าเขาถูกอามูร์และกิลเบิร์ต
บังคับขู่เข็ญเพื่อลากตัวเขามาหาคาร์ลที่นี่ โรสลินก้าวถอยหลัง
ออกไปไม่ไกลนัก คาร์ลยื่นมือของตนออกไปหานักบวชและเอ่ย
ขึ้น
“มันเจ็บมาก…โปรดดูอาการให้ข้าที…”
ก่อนที่หางตาของเขาจะเห็นว่าองค์ชายรัชทายาทก่าลังมุ่งหน้า
มาหาตนเช่นกัน องค์ชายรัชทายาทอาจจดจ่าโรสลินได้และ
อาจทราบถึงโล่ป้องกันสองชั้นจากพลังเวทย์ของโรสลินด้วย
เช่นกันและนั่นอาจท่าให้เขาตั้งค่าถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
เขาและโรสลินได้
ในสถานการณ์เช่นนี้มันเป็นการดีกว่าที่เขาจะดึงเอาทุกสิ่งที่เขา
สามารถท่าได้ออกมาในภาวะที่คับขันเช่นนี้และนั่นจึงท่าให้เขา
เริ่มพูดด้วยเสียงอันดังที่พอจะท่าให้เหล่านักบวชและขุนนาง
คนอื่นๆได้ยิน
“มันเป็นเรื่องยาก…ที่จะปกป้องบ้างสิ่งเอาไว้”
‘ในเมื่อฉันได้เปิดเผยไม้เด็ดและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมา
เช่นนี้แล้ว…ฉันก็ควรจะท่าทุกอย่างที่ท่าได้จากสถานการณ์
เช่นนี้’
มันไม่ใช่ลักษณะของคาร์ลที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อชื่อเสียง
และไม่ได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทนเช่นนั้น เขาคิดว่าการหาเงิน
ให้ได้มากย่อมดีกว่าการมีชื่อเสียงและเชื่อว่ามันจะดีมากกว่า
หากเขาจะกลายเป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งมากกว่าการเป็นวีรบุรุษ
ผู้มีชื่อเสียงแต่ไร้เงินทอง
“อ่า….ใช่…เป็นเช่นนั้นจริงๆ…ข้าเห็นโล่สีเงินของนายน้อย
คาร์ล…ท่านได้ท่าในสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก..”
นักบวชกลืนน้่าลายลงคออึกใหญ่พลางจับมือของคาร์ลเพื่อ
ตรวจอาการของเขา ค่าพูดของนักบวชผู้นี้ท่าให้ขุนนางที่อยู่
รอบๆคาร์ลจ้องมองดูเขาด้วยความสงสัยและใคร่รู้
‘คาร์ล เฮนิตัส’ ชายหนุ่มผู้ที่เป็นที่รู้จักในนามของขยะไร้ค่าได้
เปิดเผยความแข็งแกร่งของตนออกมาเช่นนี้ท่าให้พวกเขาต่าง
ตกใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งการที่เขาเข้าปกป้องคนอื่นๆจาก
ระเบิดพลังเวทย์จนท่าให้ตัวเขาล้มลงและกระอักเป็นเลือดเมื่อ
ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่ว่าในตอนนี้เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นราวกับ
ไม่มีอาการที่ผิดแปลกออกไป
เหล่าขุนนางยังคงลอบสังเกตคาร์ลอย่างเงียบๆ และเนื่องจาก
พระราชาได้ทรงทอดทิ้งเหล่าชาวเมืองเพื่อหลบหนีเอาตัวรอด
ไปเช่นนั้น จึงท่าให้เหล่าชาวเมืองจ่านวนมากต่างมองไปที่
คาร์ลอย่างเต็มตาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถลืมแสงสี
เงินนั้นได้เลย
คาร์ลหันไปมองใบหน้าของเหล่าขุนนางทั้งหลายที่จ้องมาที่ตน
อยู่ ทุกครั้งที่เขาสบตาเข้ากับพวกเขาแต่ละคนก็มีปฏิกิริยาที่
ต่างกันออกไป บางคนก็มองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยาก
เห็น บางคนก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาและบางคนก็ส่ง
ยิ้มบางๆมาให้เขา
คาร์ลหันกลับมามองยังนักบวชอีกครั้งหลังจากที่ละสายตาออก
จากเหล่าขุนนางทั้งหมดและเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางนิ่งเฉยและ
น้่าเสียงที่ราบเรียบ
“ข้าคิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านได้เห็นพลังศักดิ์สิทธ์โบราณ”
อ่า……..
นักบวชผู้นี้ชะงักค้างไปโดยทันที
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนับเป็นของที่ระลึกจากในอดีตที่สามารถ
พบเจอด้วยความบังเอิญเท่านั้นและพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
เหล่านี้ต่างมีคุณสมบัติและพลังความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน
ออกไป
“ข้าเข้าใจแล้ว…”
น้่าเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากทางเบื้องหลังของคาร์ลก่อนที่
บุคคลคนนี้จะยกมือของเขาวางไว้ที่ไหล่ของคาร์ลทันที
คาร์ลรับรู้ได้ว่าเขามาถึงแล้ว
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชายรัชทายาท…”
คาร์ลหันหลังกลับมาและสบตาเข้ากับองค์ชายอัลเบิร์ก คอ
สแมน ก่อนที่คาร์ลจะตระหนักได้ว่าช่วงเวลานี้คล้ายคลึงกับสิ่ง
ที่เขาอ่านในนิยาย
วีรบุรุษแห่งเหตุการณ์เขย่าขวัญในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ เพื่อ
เป็นการจัดการกับข้อร้องเรียนจากเหล่าชาวเมืองเกี่ยวกับ
ความปลอดภัยของพวกเขาและความจริงที่ว่าเหล่าเชื้อพระ
วงศ์และเหล่าขุนนางพยายามที่จะวิ่งหนีโดยทอดทิ้งเหล่า
ชาวเมืองเอาไว้ ท่าให้องค์ชายรัชทายาทได้เปลี่ยนเชวฮันให้
กลายเป็นสัญญาณแห่งความหวัง คนที่เป็นผู้สร้างให้เชวฮัน
เป็นวีรบุรุษในนิยายเรื่องนี้ก็คือองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กที่
ก่าลังยืนอยู่เบื้องหน้าคาร์ลคนนี้นั่นเอง
คาร์ลตระหนักได้ว่าช่วงเวลาที่เขาคาดว่าจะมาถึงได้มาถึงแล้ว
ในตอนนี้เมื่อเขาได้มองเห็นแววตาเช่นนั้นขององค์ชายรัช
ทายาทอัลเบิร์ก คาร์ลได้คาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้
ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณออกไปและก่าหนดแผนการในใจของ
เขาอย่างรวดเร็ว คาร์ลก่าลังวางแผนที่จะใช้สถานการณ์นี้เพื่อ
ผลประโยชน์ของเขาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เช่นเดียวกับองค์ชายรัชทายาทที่ตระหนักว่าคาร์ลนั้นคล้ายคลึง
กับตนมากเกินไป
“…..คาร์ล”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กสวมกอดคาร์ลด้วยความตกใจ
ปะปนไปกับความชื่นชมทั่วทั้งใบหน้าของเขา
“…ขอบคุณเจ้ามาก….ข้าภูมิใจในสิ่งที่เจ้าท่ายิ่งนัก”
ใครๆก็สามารถมองเห็นได้ว่าองค์ชายรัชทายาทเต็มไปด้วย
ความชื่นชมในตัวคาร์ลเป็นอย่างยิ่ง ท่าทางของพระองค์
ในตอนนี้นับเป็นปฏิกิริยาที่ไม่เหมาะสมส่าหรับการเป็นองค์ชาย
เสียด้วยซ้่า
ในช่วงเวลานั้นคาร์ลได้ยินเสียงกระซิบขององค์ชายรัชทายาท
อัลเบิร์กลอดผ่านเข้ามาในหูของตน มันเป็นประโยคที่มีเพียง
คาร์ลเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“คาร์ล…เจ้ากับข้าจะร่วมแบ่งปันลักษณะที่เรามีเหมือนกันได้
ใช่หรือไม่?”
‘แน่นอน’
น้่าเสียงขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กค่อนข้างเครียดเมื่อพบ
เจอคนอย่างเขาเข้า
“ข้าจะท่าให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรน่าร่าคาญส่าหรับเจ้าและจะ
ตอบแทนเจ้าเป็นอย่างดี…เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
‘ตามนั้น’
คาร์ลยกมือของตนขึ้นแล้วส่งยิ้มออกมาเมื่อเขาสวมกอดองค์
ชายรัชทายาทอัลเบิร์กคืน จากนั้นคาร์ลก็เริ่มพูดออกมา
“องค์ชาย…ไม่เป็นไรเลยพะย่ะค่ะ…หม่อมฉันเพียงท่าในสิ่งที่
พลเมืองคนหนึ่งพึงท่าเพื่ออาณาจักรเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ”
เสียงของมังกรด่าดังก้องอยู่ในหัวของคาร์ล
~ …..เอ่อ…มันมีบางอย่างที่แปลกๆ ~
มังกรด่าตนนี้ถึงจะยังเด็กแต่เมื่อมันมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ในตอนนี้มันก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกออกไป
คาร์ลเสร็จสิ้นการสวมกอดที่แสนเสแสร้งของตนลงก่อนที่จะมุ่ง
หน้าไปยังพระราชวัง ถึงแม้ว่าการรักษาร่างกายของเขาและ
การถูกไต่สวนจะเป็นจุดประสงค์หลักในการมุ่งสู่พระราชวังใน
ครั้งนี้ แต่ถึงมันจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ก่าลังคิดที่จะยึดเสาหลัก
ของพระราชวังไว้อย่างน้อยก็เพื่อประโยชน์ต่อตัวเขาเอง เขา
ก่าลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไปมาในขณะที่สาวเท้าของตนให้เดินไป
พร้อมกับองค์ชายรัชทายาท
ในตอนนี้พระพักตร์ขององค์ชายรัชทายาทกลับแข็งกระด้างขึ้น
บทที่ 46 เอาไงดี 4 (1)

คาร์ลจะได้โดยสารรถม้าคันเดียวกับองค์ชายรัชทายาทโดย
พระองค์รับสั่งให้คาร์ลแสดงละครฉากนี้ให้จนจบก่อน และ
แน่นอนว่ารถม้าคันที่เปิดต้อนรับคาร์ลในตอนนี้คือรถม้าส่วน
พระองค์เพื่อจะได้พาเขาออกจากจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ให้เร็ว
ที่สุด
“คาร์ล….โปรดก้าวขึ้นรถม้าไปก่อนเถิด….สาหรับวันนี้เจ้า
สมควรได้รับเกียรติเช่นนี้”
องค์ชายรัชทายาทมีรอยยิ้มประดับบนพระพักตร์ซึ่งต่างไปจาก
ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง พระองค์รู้ดีว่าทุกสายตากาลังจับจ้อง
มาที่ตนจึงจาเป็นต้องรักษาอาการให้เป็นปกติที่สุด
“หม่อมฉันจะทาเช่นนั้นได้อย่างไรพะย่ะค่ะ?…หม่อมฉันไม่
สามารถขึ้นรถม้าก่อนพระองค์เช่นนั้นได้…เพราะองค์ชายคือ
ดวงดาวที่ส่องประกายมาให้แก่ประชาชนอย่างหม่อมฉันนะพะ
ย่ะค่ะ?”
~ …..เอ่อ…เจ้ามนุษย์ศีรษะของเจ้ายังปกติดีอยู่ใช่มั้ย? ~
คาร์ลเลือกที่จะเมินเฉยต่อคาถามของมังกรดาเมื่อองค์ชายรัช
ทายาทตบมาที่ไหล่ของเขาเบาๆก่อนจะตรัสขึ้น
“มันถือเป็นการแสดงความนับถือที่ข้ามีต่อเจ้า….ขึ้นไปเถอะ”
“ถ้าเช่นนั้นพลเมืองที่ไร้ค่าเช่นหม่อมฉัน…จะขึ้นไปก่อนแล้วกัน
พะย่ะค่ะ”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กยังคงประทับอยู่ในจัตุรัสกลางเมือง
แม้ว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์จะเสด็จพระราชดาเนินกลับกัน
หมดแล้ว พระองค์รับสั่งให้เหล่าทหารองครักษ์ดูแลความ
เรียบร้อยทุกอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งแสดงออกถึงความห่วงใย
ต่อตัวคาร์ลเป็นอย่างมาก ส่วนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆพระองค์
ในตอนนี้คือ ‘คาร์ล เฮนิตัส’ผู้ที่สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยังคงตรา
ตรึงไว้ในใจแก่ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ไปอีกนาน สายตาที่พวก
เขาใช้มองไปยังบุคคลทั้งสองราวกับพวกเขาเป็นภาพวาดที่
สวยงามและทาให้ทุกคนจดจาพวกเขาทั้งสองไว้ในใจ
คาร์ลค่อยๆก้าวขึ้นไปบนรถม้าส่วนพระองค์และหันกลับไปมอง
เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากรถม้าพร้อมทั้งประชาชนส่วน
ใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา คาร์ลส่งสายตาเพื่อบอกลา
แก่อีริค กิลเบิร์ต อามูร์และเทย์เลอร์ก่อนที่จะส่งยิ้มอย่าง
อ่อนโยนให้แก่ ‘นีโอโทร์ส’ ที่กาลังยืนมองเขาด้วยสีหน้าว่าง
เปล่า
นีโอสะดุ้งขึ้นเมื่อมองเห็นรอยยิ้มเช่นนั้นของคาร์ล ในขณะที่
เวเนี่ยนซึ่งยืนอยู่ข้างๆนีโอก็พลันร่างกายแข็งทื่อไปทันทีมัน
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่มีอาการเช่นนี้แต่ยังรวมไปถึงขุนนาง
ระดับสูงหลายๆคนที่กาลังลอบสังเกตคาร์ลในตอนนี้เช่นกัน
‘ขยะไร้ค้านั่นสามารถครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ได้
อย่างไร?…หรือไม่ก็…ขยะไร้ค่าเช่นนี้ทาไมจึงสามารถแสดง
ท่าทางเช่นนั้นออกมาได้?’
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการส่งผ่านทางสายตาเพื่อบอกเป็นนัย
ให้แก่คาร์ลแต่เขาเลือกที่จะเมินเฉยต่อพวกเขาและยังคงจ้อง
มองไปที่นีโอจนกระทั่งนีโอต้องหลบสายตาและหันหลังให้แก่
เขาในที่สุด
‘ฉันคิดว่า…ฉันสามารถกาจัดหนึ่งในสมุนตัวร้ายกาจของ
เวเนี่ยนได้’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลคิดเมื่อเขาเข้ามานั่งด้านในของรถม้าก่อนที่
รอยยิ้มจะจางหายไปจากใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กก้าวเข้ามาด้านในรถม้าก่อนจะมี
รับสั่งแก่ข้ารับใช้ประจาพระองค์
“ปฏิบัติต่อสตรีผู้นั้น…ให้เหมือนดั่งแขกคนสาคัญ”
แน่นอนว่าองค์ชายรัชทายาทกาลังกล่าวถึงโรสลิน ประตูรถม้า
ปิดลงอย่างช้าๆและคาร์ลได้สบตาเข้ากับโรสลินที่มองเข้ามา
ก่อนที่ประตูรถม้าจะปิดสนิท รอยยิ้มของโรสลินดูคล้ายกับจะ
บอกเขาให้วางใจในตัวเธอได้
คลิ๊ก!
ประตูรถม้าปิดสนิทลงก่อนที่คาร์ลจะหย่อนก้นลงบนเบาะนั่งใน
รถม้า
‘รถม้าของเหล่าเชื้อพระวงศ์มีคุณภาพที่ต่างออกไปจริงๆ…ฉัน
จะสามารถไปหาหนังเช่นนี้มาทาเบาะนั่งให้แก่ตระกูลเราได้จาก
ที่ไหนกันนะ?’
คาร์ลสัมผัสได้ถึงความสบายของเบาะที่ตนนั่งอยู่ก่อนที่จะละ
สายตาหันไปมององค์ชายรัชทายาทซึ่งตอนนี้ได้กาจัดรอยยิ้ม
อันจอมปลอมออกจากใบหน้าของตนแล้วเช่นกัน ตอนนี้เขา
กาลังมีท่าทางที่ฝืนทนเช่นเดียวกันกับคาร์ล
“เจ้าต้องการได้รับการรักษาหรือไม่?”
คาร์ลตอบกลับอย่างจริงใจ
“ร่างกายของหม่อมฉันแข็งแรงดีพะย่ะค่ะ…แต่หม่อมฉันไม่ควร
ได้รับการดูแลจากแพทย์หลวงและนักบวชที่ฝีมือดีที่สุดเช่นนั้น
หรือพะย่ะค่ะ?…หากจะกล่าวตามจริงหม่อมฉันก็อยากจะนอน
พักรักษาตัวสักประมาณสามถึงสี่วัน”
“ฮึฮ…
ึ ”
เสียงหัวเราะที่ฟังคล้ายกับเสียงถอนหายใจขององค์ชายรัช
ทายาทดังขึ้นทันทีที่คาร์ลกล่าวจบแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ทา
เพียงพยักหน้าให้แก่คาร์ลเบาๆ
“เจ้าพูดถูก….นั่นถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสาหรับขุนนางที่เสียสละ
ตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บและองค์ชายรัช
ทายาทเช่นข้าก็ควรมอบการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะจัดหาได้
เพื่อให้เขากลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง….นับเป็นสิ่งที่ดี
มาก!”
องค์ชายรัชทายาทไม่ได้ทาหน้าที่อันถนัดของตนในตอนนี้เมื่อ
เขารู้ดีว่าทั้งตัวเขาและคาร์ลต่างเป็นคนประเภทเดียวกันนั่น
เป็นเหตุผลที่เขาควรได้รับรู้ในประเด็นนี้เช่นกัน
“คาร์ล…เจ้ามีส่วนร่วมกับพวกเขาเช่นนั้นหรือ?”
‘พวกเขา’องค์ชายรัชทายาทกาลังกล่าวถึงกลุ่มคนที่ปรากฏตัว
ขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองในวันนี้ คาร์ลสบสายตาเข้ากับพระองค์
ในขณะที่กาลังคิดว่ามังกรดาอาจติดตามเขามาในตอนนี้โดย
การใช้เวทย์ล่องหนเช่นกันและสิ่งที่มันเอ่ยขึ้นกับเขาก่อนที่จะ
ก้าวเข้ามาในรถม้านี้
~ ทาไมมนุษย์ที่เจ้าเรียกว่าองค์ชายรัชทายาทจึงไม่ลงมือทา
อะไรเลยเมื่อมนุษย์คนอื่นๆตาย?เขาแข็งแกร่งจะตายไป ~
องค์ชายรัชทายาทกาลังซ่อนเร้นอะไรบางอย่างอยู่ เขาไม่ได้ลง
มือทาอะไรเลยแม้แต่ตอนที่ข้ารับใช้คนหนึ่งเสียชีวิตลงและ
ทหารองครักษ์คนอื่นๆที่ต้องสูญเสียแขนและขาของพวกเขาไป
แต่องค์ชายรัชทายาทก็ยังแสร้งทาเป็นอ่อนแอและปกปิด
ความสามารถของตนเองไว้
‘ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดีแม้ว่าอาจจะมีแนวโน้มที่จะหลอกใช้
ผู้อื่นอยู่บ้าง’
แต่นั่นกลับไม่ใช่ในกรณีนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่คาร์ลตอบกลับอย่างผ่อนคลายพร้อมกับ
รอยยิ้มสดใสที่ประดับเต็มไปหน้าของตน
“องค์ชายพะย่ะค่ะ….ทาไมหม่อมฉันต้องทาอะไรที่มันน่า
ราคาญเช่นนั้นด้วย?”
“จริงอย่างที่เจ้าว่า…”
องค์ชายรัชทายาทเห็นด้วยทันทีไม่มีทางที่คนที่ซ่อนตัวตนใน
ฐานะขยะไร้ค่าจะลงมือทาสิ่งนั้นได้ นอกจากนี้อัลเบิร์กกล้า
บอกได้ว่าที่คาร์ลต้องก้าวเข้ามายุ่งในเรื่องนี้เพราะไม่มี
ทางเลือกอื่น
“ต่อให้ฝ่าบาทจะพยายามไต่สวนเจ้าก็คงไม่ได้ประโยชน์อันใด
สินะ”
“พระองค์จะปกป้องหม่อมฉันใช่มั้ยพะย่ะค่ะ?”
“ทาไมเจ้าต้องถามข้าตรงไปตรงมาเช่นนี้ด้วยนะ”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กกาลังจะปกป้องคาร์ล อัลเบิร์กเปิด
ม่านขึ้นเพื่อมองดูประชาชนที่อยู่ด้านนอก เขายิ้มออกมาและ
กล่าวต่อ
“มาจบการสนทนาของเราเมื่อข้าได้ไปเยี่ยมเจ้าอีกครั้งใน
ภายหลังเพื่อตรวจสอบดูว่าอาการของเจ้าเป็นอย่างไรกัน
ดีกว่า”
องค์ชายรัชทายาทกาลังจะเสด็จไปเยี่ยมขุนนางที่รักษาตัวอยู่
พร้อมทั้งต้องการสนทนาด้วยเล็กๆน้อยแน่นอนว่ามันมีเรื่องที่
ให้พูดคุยเยอะมาก คาร์ลนึกถึงโรสลิน พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
และรางวัลที่เขาควรจะได้รับก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น
“องค์ชายพะย่ะค่ะ”
“หืม?”
“หากเป็นการสนทนากับดวงดาวแห่งอาณาจักรของเรา หม่อม
ฉัน!..คาร์ล เฮนิตัสก็พร้อมรับใช้ทุกเมื่อที่พระองค์ต้องการพะย่ะ
ค่ะ”
มุมปากของอัลเบิร์กที่มีรอยยิ้มประดับอยู่เริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
ในทันที
“อีกอย่าง…หม่อมฉันไม่ตอ้ งการให้พระองค์ยกย่องในการ
กระทาของหม่อมฉันต่อสาธารณชนจนดูเกินจริงพะย่ะค่ะ”
“ข้าจะทามันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…ข้าเพียงแค่ต้องการให้
ประชาชนไม่วิจารณ์และต่อว่าฝ่าบาทอีก”
องค์ชายรัชทายาทยังคงตรัสต่อไปแม้ว่าสิ่งที่เขาตรัสออกมา
อาจจะดูกะล่อนไปบ้างแต่มันก็ถือว่าเป็นความจริง
“ถึงยังไงข้าก็ต้องขอบคุณเจ้ามาก…เพราะความช่วยเหลือของ
เจ้าแท้ๆจึงทาให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กเป็นคนดี
หรือคนเลว…ไม่สิ!…คาร์ลไม่รู้ด้วยซ้าว่าเขาเป็นมนุษย์จริงๆ
หรือเปล่า? อย่างไรก็ตามคาร์ลเลือกที่จะไม่สนใจในสิ่งใดและ
เพียงแค่พูดในสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้น
“หม่อมฉันยังรอที่จะได้รับรางวัลอยู่พะย่ะค่ะ”
“หึ!”
องค์ชายรัชทายาทส่ายพระพักตร์ของตนช้าๆแต่ก็ไม่ได้ตรัสสิ่ง
ใดออกมามันอาจจะดูคล้ายกับว่า ‘เจ้าอย่าหวังว่าจะได้รับสิ่ง
ใดตอบแทนเลย’ แต่ความหมายที่แท้จริงของมันกลับเป็นสิ่งที่
พระองค์ต้องการจัดหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับ
น้าพักน้าแรงของคาร์ลต่างหาก
นั่นเป็นเหตุผลที่คาร์ลได้เข้ามาในพระราชวังนี้อีกครั้งในขณะที่
เขาได้รับการดูแลและรักษาอาการที่แตกต่างกว่าเดิมเป็นอย่าง
มาก ห้องพักที่หรูหราและน่าจะหรูหราที่สุดในพระราชวังซึ่ง
สงวนไว้สาหรับราชอาคันตุกะจากต่างอาณาจักรเท่านั้นและมัน
ได้ถูกจัดเตรียมไว้สาหรับคาร์ลในครั้งนี้
‘ในนิยายเรื่องนี้..กลุ่มของเชวฮันก็ได้เข้าพักในห้องนี้เช่นกัน’
คาร์ลทิ้งร่างของเขาลงบนเตียงที่หรูหราและนุ่มกว่าเตียงนอน
ของเขาในโลกนี้และเริ่มกินผลองุ่นทีละลูกๆ
อีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ในพระราชวังก็มาเยี่ยมเขาในเวลานี้เช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล”
เธอคือโรสลินนั่นเองและตามที่คาดไว้เธอไม่ได้อยู่ที่นี่เพียง
ลาพัง
“ท่านคาร์ล…”
เชวฮันก็อยู่กับโรสลินเช่นกัน พร้อมทั้งออน ฮงและล็อกที่ยืนอยู่
ด้านหลังเชวฮันพร้อมใบหน้าซีดเซียว อย่างไรก็ตามคาร์ลเริ่ม
ขมวดคิ้วมุ่นหลังจากมองดูคนสุดท้ายที่อยู่เบื้องหลังของพวก
เขาทั้งหมด
“น….นายน้อยยยยยยยยยยย!!!!!!”
เขาคือรองพ่อบ้านฮันส์ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะเริ่มร้องไห้โฮ
ออกมา ทั้งตัวฮันส์ เชวฮันและล็อกสามารถเข้ามาใน
พระราชวังแห่งนี้ได้ในฐานะข้ารับใช้และผู้คุ้มกันของคาร์ล
ก่อนที่คาร์ลจะยกมือของตนขึ้นมาเพื่อห้ามฮันส์ไว้เพราะดู
เหมือนฮันส์จะถลาเขามากอดเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“หยุดก่อน!”
นั่นทาให้ฮันส์หยุดการเคลื่อนไหวของเขาลงทันทีและเป็นเวลา
เดียวกับที่คาร์ลลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มพูดขึ้น
“เข้ามาได้”
คาร์ลมีท่าทางผ่อนคลายราวกับว่าเขาคือเจ้าของพระราชวัง
แห่งนี้
คาร์ลเริ่มพูดคุยกับฮันส์ก่อน ฮันส์รีบปรี่เข้ามาสารวจร่างกาย
ของคาร์ลก่อนเป็นอันดับแรกก่อนที่จะเอ่ยรายงานตามปกติราว
กับว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้าตาในช่วงวันที่ผ่านมาไม่เคยมี
ตั้งแต่แรก
“กระผมได้แจ้งเรื่องราวให้แก่ท่านเคานต์เดอรัชได้ทราบแล้ว
ขอรับ…กระผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราแจ้งเรื่องนี้ให้แก่พวก
ท่านได้ทราบก่อนที่องค์ชายรัชทายาทจะทาเช่นนั้น..กระผมเลย
จ้างให้นักเวทย์เปิดใช้งานอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทางไกล..เมื่อทา
เช่นนั้นมันจึงลงเอยด้วยการใช้เงินเป็นจานวนมากขอรับนาย
น้อย”
“เยี่ยม! เจ้าทาได้ดีมาก”
“และ…เอ่อ…”
ฮันส์เหลือบมองไปที่โรสลิน
‘แน่นอนว่าเขาต้องรู้’
มุมปากของคาร์ลยกสูงขึ้นเล็กน้อย ฮันส์เป็นว่าที่หัวหน้า
พ่อบ้านที่ยอดเยี่ยมและรู้จักกับเหล่าขุนนางมากกว่าคาร์ลเสีย
อีก ไม่มีทางที่คนๆนี้จะไม่รู้ข้อมูลอื่นเช่นกัน
“พูดต่อสิ?”
ฮันส์ได้กล่าวรายงานต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากคาร์ลแล้ว
“ตอนนี้กระผมได้แจ้งให้ทุกคนในบ้านพักให้เงียบเกี่ยวกับเรื่อง
ท่านโรสลินไว้ก่อนขอรับนายน้อย”
“ขอบคุณท่านมาก”
“เจ้าทาได้ดีมาก”
โรสลินและคาร์ลเอ่ยยกย่องฮันส์ออกมา เนื่องจากพวกเขาไม่มี
เวลาที่จะพูดคุยกันในเรื่องให้ชัดเจนจึงเป็นการดีสาหรับโรสลิน
และคาร์ลที่จะยังคงเก็บเงียบเกี่ยวกับเรื่องของเธอในตอนนี้
“เอ่อ….นายน้อยคาร์ล”
“มีอะไรหรือ..ท่านโรสลิน?”
บทที่ 46 เอาไงดี 4 (2)

“ข้าเพียงอยากแจ้งท่านไว้…ข้าคิดว่าท่านควรติดต่อไปยัง
ครอบครัวของท่านผ่านทางเวทย์สื่อสารทางไกลด้วยตัวของ
ท่านเองในเร็วๆนี้จะเป็นการดีกว่า…ข้าเชื่อว่าถ้าท่านไม่ทา
เช่นนั้นท่านเคานต์เดอรัชอาจเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวของท่าน
เองก็เป็นได้”
‘เคานต์เดอรัช’บิดาของเขาจะต้องทาเช่นนั้นอย่างแน่นอน!
คาร์ลกาลังยุ่งอยู่กับการคิดว่าเขาควรจัดการสถานการณ์เช่นนี้
อย่างไรโดยไม่ส่งผลกระทบต่อตาแหน่งผู้สืบทอดตระกูลของบา
เซ็นในอนาคต ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าลงช้าๆ ฮันส์เข้าใจในทันที
เมื่อเห็นคาร์ลพยักหน้า
เขาเป็นคนฉลาด
เขารู้ดีว่าเขาต้องปลีกตัวออกไปจากที่นี่เพื่อให้คาร์ลได้พูดคุย
กับโรสลิน เชวฮันและล็อก
“ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัวออกไปพบผู้ดูแลพระราชวังนี้เพื่อ
สนทนากันเล็กๆน้อยก่อนนะขอรับ”
“ได้”
ฮันส์ออกจากห้องไปในที่สุด ก่อนที่มังกรดาจะคลายเวทย์
ล่องหนออกเพื่อเปิดเผยตัวเองในที่สุด มันมุ่งตรงไปยังเตียง
นอนของคาร์ลและเริ่มกินผลไม้ที่วางอยู่ข้างๆหัวเตียงพลาง
กล่าวรายงานให้คาร์ลฟัง
“ไม่มีเครื่องบันทึกพลังเวทย์ที่ใช้บันทึกภาพเคลื่อนไหวหรือ
บันทึกเสียงอยู่ภายในห้องนี้”
คาร์ลกาลังคิดว่าเจ้ามังกรดาตัวนี้สามารถรับผิดชอบในสิ่งที่
คาร์ลสั่งให้ทาได้อย่างดีเยี่ยมแม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนไม่เต็มใจ
ทาก็ตามก่อนที่คาร์ลจะเหลียวมองไปรอบๆห้อง
มันเป็นห้องพักสาหรับราชอาคันตุกะจากต่างอาณาจักร การทา
สิ่งต่างๆโดยพลการเช่นการติดตั้งเครื่องบันทึกพลังเวทย์ภายใน
ห้องนี้อาจเป็นสาเหตุของการก่อสงครามระหว่างอาณาจักรได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทาไมราชวงศ์ในอาณาจักรต่างๆจึงต้องซ่อน
การติดตั้งเครื่องบันทึกพลังเวทย์ทั้งที่เป็นภาพเคลื่อนไหวและ
บันทึกเสียงบริเวณรอบๆพื้นที่ที่เป็นส่วนกลางของพระราชวัง
แทน ยกตัวอย่างเช่นซ่อนมันไว้ในห้องจัดเลี้ยงอาหารเป็นต้น
นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถพูดคุยหรือทาอะไรก็ได้ตามที่
พวกเขาต้องการภายในห้องนี้ได้ อย่างไรก็ตามโรสลินยังคงร่าย
พลังเวทย์เก็บเสียงในห้องนี้อยู่ดี
“ปลอดภัยไว้ดีกว่า”
“ท่านโรสลิน…การตัดสินใจของท่านช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
คาร์ลเห็นด้วยกับการตัดสินใจของโรสลินพลางหันไปมองเชว
ฮัน เขายังคงก้มศีรษะของเขาลงอยู่ดังเดิมนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้า
มาในห้องนี้ คาร์ลมีเพียงความเห็นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก
ที่เห็นอาการของเชวฮัน
‘เขาคงไม่สามารถฆ่าเรดิก้าได้สินะ’
“เล่าให้ข้าฟังเถิด”
เชวฮันเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคาร์ลเอ่ยกับตน
“นักเวทย์บ้านั่นปรากฏตัวขึ้นในสถานทีท่ ท่ี ่านคาร์ลได้บอกไว้…
กระผมพยายามฆ่าเขาแต่ลูกน้องของเขาต่างก็วิ่งเข้าโจมตี
กระผมอย่างรวดเร็ว”
“ข้าแน่ใจว่าพวกเขาพร้อมที่จะตาย”
“…..ใช่”
ด้วยเหตุผลบางประการ องค์กรลับจึงค่อนข้างให้ความสาคัญ
ต่อเรดิก้า
“ดังนั้น…เขาจึงหลบหนีไปได้สินะ?”
“…ขอรับ”
เชวฮันลดศีรษะของเขาให้ต่าลงอีกครั้งในขณะที่พูดต่อไป
“กระผม…ตัดได้เพียงแขนข้างซ้ายของเขาออกมาเท่านั้น”
‘หืม?’
“จากนั้นก็ลงมือเผาแขนข้างนั้นทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เขาใช้
พลังเวทย์ในการต่อแขนข้างนั้นกลับคืน….อา…ดูเหมือนว่าตา
ข้างซ้ายของเขาก็น่าจะบาดเจ็บเช่นกัน”
‘มันไม่ใช่โทษประหารสาหรับนักเวทย์หรือนั่น?’
นักเวทย์จาเป็นต้องใช้มือทั้งสองข้างเพื่อร่ายพลังเวทย์ของ
พวกเขาให้มีความสมดุล การสูญเสียแขนไปเช่นนี้อาจเป็น
อุปสรรคในเรื่องนี้ได้ คาร์ลมองไปที่เชวฮันด้วยความรู้สึกอึ้งไป
เล็กน้อย
เชวฮันก้มศีรษะลงอีกครั้งพลางกาหมัดของเขาแน่นขึ้น
“ขอโทษด้วยขอรับนายท่านคาร์ล….กระผมควรที่จะฆ่าเขาได้
แท้ๆ”
“ไม่จาเป็นต้องขอโทษ…เจ้าทาได้ดีแล้ว”
คาร์ลละสายตาไปมองที่ล็อก ออนและฮงที่นั่งถัดไปจากเชวฮัน
ออนและฮงไม่ได้ตรงรี่เข้าไปหามังกรดาอย่างที่พวกมันชอบทา
พวกมันทั้งคู่ต่างตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของล็อกโดยที่ล็อกก็
กาลังส่งสายตาอย่างสิ้นหวังมาให้แก่คาร์ล
‘เขาได้โกรธคลุ้มคลั่งจนอาละวาดออกมารึเปล่านะ?’
คาร์ลคิดเช่นนั้นเมื่อหันมามองที่เชวฮันพลางเอ่ยถาม
“แล้วลูกน้องของเขาล่ะ?”
“กระผมคิดว่า..มันจะเป็นการดีกว่าหากลงมือฆ่าพวกเขาซะ!
ดังนั้น…กระผมจึงลงมือจัดการพวกเขาทั้งหมดขอรับ”
ประโยคนั้นทาให้ลูกแมวขนสีแดงรีบซุกหน้าของมันลงบนร่าง
ของพี่สาวของมันทันที เชวฮันได้ใช้กลิ่นอายสีดาของเขาเพื่อ
กาจัดเหล่านักฆ่าพวกนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ทิ้ง
ร่องรอยใดๆไว้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ฮงได้เห็นการใช้กลิ่นอายใน
การหลอมละลายร่างกายของผู้อื่นแบบนั้น
“นับเป็นเรื่องดีที่เจ้ามีความรอบคอบเพื่อป้องกันการเกิดปัญหา
ขึ้นในอนาคต…อ้อ!…เจ้าไม่ได้ลงมือทาลายอาคารนั่นหรือข้าว
ของอะไรที่อยู่ภายในบริเวณนั้นหรอกใช่มั้ย?”
คาร์ลค่อนข้างเป็นห่วงว่าเชวฮันอาจคลุ้มคลั่งและอาละวาด
ขึ้นมาจนพาลทาลายสิ่งต่างๆที่อยู่โดยรอบดังเช่นที่หมู่บ้านแฮร์
ริสและหมู่บ้านของเผ่าหมาป่าสีน้าเงินเคยประสบมา
เหตุการณ์เหล่านั้นนับเป็นหนามแหลมคมที่คอยทิ่มแทงจิตใจ
ของเชวฮันมาโดยตลอด คาร์ลกังวลว่าเชวฮันอาจจะคลุ้มคลั่ง
ขึ้นมาเมื่อเห็นกลุ่มคนที่ทาให้เกิดสิ่งที่กระทบต่อจิตใจเขามา
โดยตลอดมาปรากฏตรงหน้าเขาในตอนนั้น
‘หากเขาคลุ้มคลั่งจนอาละวาดทาลายทุกอย่างแบบที่ฉันคิดไว้..
ฉันอาจจะต้องตามล้างตามเช็ดมันให้เรียบร้อย’
ตั้งแต่ที่เชวฮันอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของคาร์ล เขาก็คิดมา
โดยตลอดว่าอาจต้องตามล้างตามเช็ดสิ่งวุ่นวายที่เชวฮันอาจ
ก่อขึ้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะทา
แบบนั้นเท่าไหร่นัก
“ใช่แล้ว…เป็นอย่างที่ท่านคาร์ลกล่าว….กระผมไม่ได้ลงมือ
ทาลายสิ่งใดบริเวณพื้นที่นั้น”
ลูกแมวทั้งสองตัวยังคงจดจาในสิ่งที่เชวฮันกล่าวกับลูกน้องของ
นักเวทย์ผู้นั้นได้ดี
‘ผู้คนเหล่านั้นที่ล้วนแต่มีความสาคัญต่อชีวิตของข้าต่างต้อง
บาดเจ็บล้มตายด้วยฝีมือของพวกเจ้าหรือแม้แต่ในวันนี้ก็
เช่นกัน!’
อาคารแห่งนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดๆแต่การที่พวกมันได้
มองเห็นใบหน้าของเชวฮันในตอนที่ลงมือละลายร่างกายของ
เหล่านักฆ่าจากองค์กรลับในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ก็
นับเป็นสิ่งที่น่ากลัว เขาอาจไม่ได้คลุ้มคลั่งจนอาละวาดออกมา
แต่นั่นกลับทาให้เขาดูน่ากลัวมากกว่าเดิมเสียอีก ในที่สุดออน
และฮงก็ขยับตัวไปหามังกรดาที่อยู่อีกทางหนึ่งเพื่อสัมผัสเข้า
กับอากาศที่ผ่อนคลายความอึดอัดในจิตใจลงได้ อย่างน้อยใน
ห้องนี้มังกรดาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด น่ารักที่สุดและ
นิสัยดีที่สุดแล้ว
คาร์ลสังเกตเห็นลูกแมวทั้งสองค่อยๆเคลื่อนตัวไปหามังกรดาที่
เตียงนอนก่อนที่เขาจะเอ่ยกับเชวฮัน
“อืม…ข้าเข้าใจแล้ว….เจ้าทางานหนักมากจริงๆเชวฮัน”
คาพูดของคาร์ลทาให้เชวฮันเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที คาร์ล
มองดูเชวฮันและคนอื่นๆที่อยู่ในห้องในขณะที่เอ่ยต่อไป
“วันนี้พวกเจ้าทุกคนได้ทาสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด…ขอบคุณพวก
เจ้าทุกคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่…ท่านเองก็เช่นกันโรสลิน…ท่านก็
ทางานหนักมากเช่นกัน”
เชวฮันค่อยๆคลายหมัดที่กาไว้แน่นออกเล็กน้อย โรสลินหันไป
มองล็อก เชวฮันและลูกแมวสองตัวที่ส่ายหางของพวกมันไปมา
ก่อนที่เธอจะหยุดสายตาไว้ที่คาร์ล เธอรู้สึกได้ถึงพลังของความ
สามัคคีแบบแปลกประหลาดที่ห้อมล้อมตัวเธอเอาไว้
ทันใดนั้นมังกรดาก็เริ่มเอ่ยออกมา
“เจ้าเองก็ทางานหนักเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงทาให้คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาพลางพยักหน้า
ตอบรับ
“แน่นอน…ข้าทางานหนักมาก!นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าควรได้รับ
รางวัลตอบแทน”
และเวลาในการพูดคุยเกี่ยวกับรางวัลที่เขาควรได้รับเป็นครั้ง
แรกก็มาถึงแล้วในตอนนี้
“พวกเจ้าออกไปได้”
“พะย่ะค่ะองค์ชาย”
องค์ชายรัชทายาทได้รับสั่งให้นักบวชที่นั่งอยู่ในห้องนี้ออกไป
จากห้องก่อนโดยที่นักบวชคนดังกล่าวไม่จาเป็นต้องทาการ
รักษาใดๆให้แก่คาร์ลเลยสักนิด ก่อนที่พระองค์จะหันไปสบพระ
เนตรกับคาร์ลก่อนที่เขาจะแสร้งมีท่าทางลนลานและเกรงกลัว
ที่องค์ชายรัชทายาทเสด็จมาเยี่ยมด้วยพระองค์เองเช่นนี้ รอ
จนกระทั่งประตูห้องได้ปิดสนิทลงทาให้อัลเบิร์กเอ่ยขึ้นมาทันที
“การแสดงของเจ้ามันทาให้ข้าขนลุกยิ่งนัก”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะองค์ชาย”
คาร์ลกลับมามีท่าทางที่ผ่อนคลายตามปกติของเขา ดูเหมือนว่า
อัลเบิร์กจะพบว่าเขาสามารถยอมรับมันได้มากขึ้นเมื่อเขาต้อง
นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียงเพื่อมองดูการสวมบทบาทเป็นคน
ป่วยของคาร์ลเช่นนี้
“ข้าได้บอกกับทุกคนว่าเจ้ากาลังพักรักษาตัวอยู่…ข้าได้แจ้งต่อ
พวกเขาว่าที่เจ้าต้องพยายามฝืนลุกขึ้นยืนในจัตุรัสกลางเมือง
ทัง้ ทีม่ นั เป็นสิง่ ที่ยากลาบาก…ก็เพราะว่าเจ้าอยากทาให้
สถานการณ์พวกนั่นสงบลงโดยเร็วให้เหมาะสมกับการเป็นขุน
นางที่ดี”
อัลเบิร์กเริ่มยิ้มออกมาและกล่าวเพิ่มเติม
“เนื่องจากเจ้าได้เปิดเผยว่ามีพลังศักดิ์โบราณไว้ในครองครอง
กลางจัตุรัสกลางเมืองนั่น…ทาให้ข้าต้องเล่นตามน้า…ข้ากล่าว
เพียงว่าเจ้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก..นั่นคือ
สิ่งที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่?”
“ใช่…พะย่ะค่ะองค์ชาย”
คาร์ลแสร้งทาเป็นครุ่นคิดในขณะที่เขาตอบกลับแก่องค์ชายรัช
ทายาทอัลเบิร์ก
“ขุนนางหนุ่มผู้อ่อนแอแต่เลือกที่จะวิ่งเข้าไปเพื่อปกป้อง
อาณาจักรของเราเอาไว้…มันฟังแล้วดูดีเป็นยิ่งนักพะย่ะค่ะ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
คาร์ลค่อนข้างชื่นชอบวิธีนี้กับการที่เหล่าผู้คนต่างเข้าใจว่า
‘เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก’ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องโกหกเพราะ
เขาก็อ่อนแอจริงๆ
“พรุ่งนี้…ข่าวลือทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าและสถานการณ์ปัจจุบัน
ทุกอย่างจะส่งถึงมือพ่อบ้านของเจ้า…โปรดตรวจสอบทุกอย่าง
ให้แน่ใจอีกครั้งแล้วกัน”
องค์ชายรัชทายาทปฏิบัติต่อคาร์ลต่างจากที่เคยปฏิบัติต่อเชว
ฮันในนิยาย เขาไม่มีรอยยิ้มอันอบอุ่นอ่อนโยนส่งมาให้แม้แต่
วินาทีเดียวและเพียงแค่แสดงออกอย่างฝืนทนราวกับเขาต้อง
เผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวด้วยแต่เป็นเพราะ
หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เท่านั้น
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลต้องการให้เป็น
คาร์ลสบสายตาเข้ากับพระเนตรองค์ชายรัชทายาทที่จ้องหน้า
เขาอยู่ อัลเบิร์กเริ่มขมวดคิ้วมุ่นหลังจากเห็นท่าทางที่ผ่อน
คลายของคาร์ลและเริ่มคิดบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนที่จะเอ่ยมัน
ออกมา
“….อ้อ!….มีอีกเรื่องหนึ่ง”
ท่าทางที่ลังเลและไม่แน่ใจเช่นนี้มันคล้ายกับว่าเขาคาดหวัง
บางอย่างอยู่ คาร์ลกาลังเฝ้ารออย่างอดทนเพราะเป็นเรื่องยาก
ที่จะเห็นท่าทางเช่นนี้จากองค์ชายรัชทายาท
ในขณะที่คาร์ลกาลังเฝ้ารออยู่นั้น มังกรดาที่ตื่นขึ้นมาจากการ
งีบหลับใต้เตียงนอนของคาร์ลก็เริ่มพูดให้เขาได้ยินภายในหัว
อีกครั้ง
~ ตอนนี้ข้ามั่นใจ….ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ~
เป็นเวลาเดียวกันกับที่องค์ชายรัชทายาทตรัสถามเขาเช่นกัน
“….เจ้าเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่?”
หืม? เกิดอะไรขึ้น? ทั้งหมัดตรงและหมัดเสยต่างพุ่งกระแทกร่าง
เข้าอย่างจัง ตอนนี้คาร์ลรู้สึกอยากให้ตัวเองบาดเจ็บขึ้นมา
จริงๆเสียแล้ว
บทที่ 47 เอาไงดี 5 (1)

องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กมองเห็นได้ในทันทีว่าคาร์ลมีสีหน้าที่
เหลือเชื่อส่งมาให้แก่ตนก่อนที่คาร์ลจะพูดขึ้น
“…..เอ่อ….หม่อมฉันเป็นมนุษย์พะย่ะค่ะ???”
มันเป็นการแสดงออกที่ดูเหมือนจะเอ่ยถามเขาว่า…ทาไมองค์
ชายพระองค์นี้จึงได้ถามคาถามที่โง่เง่าเช่นนี้ขึ้นมาด้วย? อัลเบิร์
กถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เฮ้อ….นั่นสินะ…เจ้าเป็นมนุษย์”
คาร์ลพยักหน้ายืนยันกับสิ่งที่องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กได้เอ่ย
ขึ้นก่อนที่พระองค์จะกล่าวต่อไป
“เราทั้งสองต่างก็เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งคู่…..”
มังกรดาส่งเสียงดังเข้ามาให้คาร์ลได้ยินอีกครั้ง
~ โกหก!…..เขาต้องไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน ~
‘เจ้ามังกรน้อย…เจ้าช่วยหุบปากไปก่อนได้มั้ย?’
คาร์ลกาลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลาบากในการข่มอาการ
ของตนให้สงบลง อย่างไรก็ตามสิ่งที่นับเป็นจุดอ่อนที่สาคัญ
ระหว่างตัวเขาและมังกรดาก็คือมันสามารถพูดคุยให้เขาได้ยิน
ทุกเรื่องหากมันต้องการทาเช่นนั้นแต่เขาไม่สามารถตอบโต้กับ
มันได้ มันเป็นเพียงการสื่อสารทางเดียวเท่านั้น
‘มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่มีทักษะในการเรียนรู้พลังเวทย์
ใดๆ’
~ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นสายพันธุ์เช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในช่วง
ชีวิตสี่ปีของมังกรผู้ยิ่งใหญ่เช่นข้า ~
‘ช่วงชีวิตสี่ปีของมังกรผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้นหรือ?’
แน่นอนว่าตั้งแต่เกิดมาเจ้ามังกรดาเคยเห็นเพียงตัวมันเอง
มนุษย์ สมาชิกจากเผ่าแมวและสมาชิกจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงิน
เท่านั้น
องค์ชายรัชทายาทอาจไม่ได้เป็นสายพันธุ์อื่นที่แปลกออกไปได้
เช่นกัน เมื่อคิดได้ดังนี้คาร์ลจึงเอ่ยขึ้น
“แน่นอนพะย่ะค่ะ…การเป็นมนุษย์ต้องมีอะไรมากไปกว่านี้ด้วย
หรือ? พวกเราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์เมื่อต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน
บนโลกใบนี้”
คาร์ลตัดสินใจลืมในสิ่งที่มังกรดาพูดออกมา อัลเบิร์กจ้องคาร์ล
อยู่เงียบๆเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยออกมา
“เจ้าพูดถูก…การเป็นมนุษย์ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย แต่อย่างไร
ก็ตาม…..”
‘แต่อย่างไรก็ตาม…..’ คาร์ลกาลังสงสัยว่าเขาควรอยู่ฟังคาที่จะ
ออกจากปากของอัลเบิร์กดีหรือไม่? ก่อนที่อัลเบิร์กจะพูดขึ้น
เมื่อคาร์ลกาลังคร่าครวญอยู่ในใจ
“ข้าคิดว่าข้าอาจกาลังเข้าใจผิดตั้งแต่เมื่อครั้งในห้องโถงจัด
เลี้ยงอาหารเมื่อคราวก่อน…แต่มันมักมีกลิ่นแปลกๆรอบตัวเจ้า
อยู่เสมอ”
‘…..กลิ่น?’
คาร์ลตอบออกมาด้วยความตกใจ
“หม่อมฉันเพิ่งอาบน้ามาพะย่ะค่ะ”
องค์ชายรัชทายาทอ้าและหุบปากของตนอยู่สองสามครั้งโดยไม่
พูดอะไรออกมาหลังจากได้ยินคาตอบของคาร์ลแล้ว ส่วนคาร์ล
ก็มองเห็นรอยยับย่นบนหน้าผากของอัลเบิร์กเมื่อเขาเริ่มขมวด
คิ้วของตน มันเหมือนกับอัลเบิร์กกาลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
อยู่ อย่างไรก็ตามอัลเบิร์กก็ลบรอยยับย่นออกไปจากใบหน้า
ของเขาและกล่าวให้ตรงประเด็นมากกว่าเดิม
“ข้าไม่คิดว่าเราสองคนที่มีความคล้ายคลึงกันเช่นนี้..จะต้อง
หาทางกลบเกลื่อนเรื่องพวกนี้ด้วยมุกตลกร้ายแบบนี้หรอก
นะ….ดังนั้นเจ้าต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทนเช่นนั้นรึ?”
อัลเบิร์กกอดอกของตนในขณะที่เอ่ยถามคาร์ลขึ้น เหตุผลที่เขา
มาที่นี่ช้ามากก็เพราะต้องจัดการเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆที่
เกิดขึ้นให้เรียบร้อยก่อนและอีกประเด็นหนึ่งคือเขาต้องการดู
แฟ้มเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ‘คาร์ล เฮนิตัส’
อย่างไรก็ตามข้อมูลพวกนั้นไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงตัวตนของ
คาร์ลได้…อืม?…หรืออาจจะมีข้อมูลบางอย่างแต่มันก็ค่อนข้าง
ไร้ประโยชน์
<มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าเป็นเพียงขยะไร้ค่า >
<ถูกตัดออกจากตาแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเมื่อสองปีที่แล้วโดย
สมบูรณ์แต่ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดเกี่ยวกับการตัดสินใจใน
เรื่องนี้ >
<ไม่มีสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพยายามก่อปัญหาภายในตระกูล >
รายละเอียดโดยส่วนใหญ่มันกล่าวเพียงว่า‘คาร์ล เฮนิตัส’เป็น
เพียงขยะไร้ค่าที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ประโยชน์และขี้เมาไปวันๆ มัน
แย่กว่าไม่มีข้อมูลใดๆในมือเขาเสียอีกเพราะ‘คาร์ล เฮนิตัส’ที่
อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ไม่มีทางเป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าอย่าง
แน่นอน
ยกตัวอย่างได้จากวิธีที่เขาตั้งคาถามแก่องค์ชายรัชทายาทเช่น
เขา
“องค์ชาย…โปรดแจ้งถึงสิ่งที่พระองค์จะให้หม่อมฉันทามาก่อน
เถิดพะย่ะค่ะ”
ไม่มีทางที่ขยะไร้ค่าจะเอ่ยถามอะไรแบบนี้ออกมาได้?ก่อน
ที่อัลเบิร์กจะเอ่ยตอบอย่างจริงใจ
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าพูดคุยเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับขุนนางคน
อื่นๆ”
มันคือสิ่งที่ยากที่สุด! กับการที่พระราชาต้องเอ่ยขอสิ่งนี้จาก
คาร์ลและทาให้พวกเขาเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดยินดีที่จะเดิม
พันรางวัลทั้งหมดให้แก่คาร์ล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็น
เรื่องที่น่าอดสูสาหรับพระราชารวมถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์คน
อื่นๆและพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อ
อานาจของพวกเขาได้
นั่นคือเหตุผลที่เขาเอ่ยขอร้องคาร์ลในสิ่งนี้และเขาสามารถเอ่ย
กับคาร์ลได้โดยไม่เป็นกังวลใดๆก็เพราะคาร์ลเป็นส่วนหนึ่งของ
ตระกูลเฮนิตัสที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับฝ่ายใด
“ข้าอยากให้เจ้ากล่าวชื่นชมพระราชาทุกครั้งที่เจ้าถูกผู้อื่น
ถาม”
“รวมถึงพระองค์ด้วยใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ?”
“แน่นอน”
มุมปากของอัลเบิร์กและคาร์ลค่อยๆยกสูงขึ้นก่อนจะปรากฏ
เต็มใบหน้าของคนทั้งคู่ รอยยิ้มของพวกเขาทั้งสองช่าง
คล้ายคลึงกันยิ่งนัก
“พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เจ้าเปิดเผยออกมาในวันนี้…มันไม่ได้
ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้าเช่นนั้นหรือ?
“พะย่ะค่ะ…มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย”
คาร์ลยักไหล่ของตนเมื่อเอ่ยตอบคาถามที่จ้องจับผิด
ของอัลเบิร์ก ตามเนื้อหาที่คาร์ลได้อ่านในนิยายองค์ชายรัช
ทายาทอัลเบิร์กเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้เกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์
โบราณมากกว่าใคร
‘พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘ดาราแห่งการเยียวยา’ที่มารดาของเขา
เป็นผู้มอบให้’
จู่ๆคาร์ลก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในใจซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่องค์
ชายรัชทายาทอัลเบิร์กได้เอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาต้องการเป็นรางวัล
น้าเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาของอัลเบิร์กดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจ
ว่าคาร์ลจะเห็นด้วยกับมันทุกอย่าง อืม…อัลเบิร์กดูผ่อนคลาย
มากทีเดียว
“คาร์ล..เจ้าต้องการอะไร?..อาจเป็นบางอย่างที่สาคัญแก่
ตระกูลของเจ้า?…หรืออยากให้ข้าตอบตกลงลงทุนในชายฝั่ง
ตะวันออกเฉียงเหนือ?…หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าสนับสนุนอานาจ
ของเจ้าในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ?”
นั่นคือเหตุผลที่ตัวคาร์ลเองก็มีท่าทางผ่อนคลายเมื่อตอบออกไป
เช่นกัน
“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของหม่อมฉันเลยสักนิด”
“…..มันไม่ได้เป็นของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
คาร์ลชี้ไปที่ตัวเองเมื่อเห็นสายตาอัลเบิร์กจ้องมาที่ตน
“ได้โปรดมอบมันให้แก่หม่อมฉัน…..”
สิ่งทีค่ าร์ลต้องการก็เพื่อตัวเขาเองเท่านั้น!
อัลเบิร์กที่เงียบไปครู่หนึ่งค่อยๆถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาคิด
ว่าตนพบในสิ่งที่ขยะไร้ค่าคนนี้ต้องการจากเขาแล้ว ถึงแม้ว่า
คาร์ลจะใช้ชีวิตเหมือนขยะไร้ค่าแต่ก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีกิเลส..
ไม่สิ?. ไม่ใช่แค่มนุษย์แม้แต่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างก็มีกิเลสและก็
มีความประสงค์ที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพื่อควบคุมทุกอย่างไว้ในกา
มือของตนกันทั้งนั้น
ท้ายที่สุดคาร์ลก็เห็นชีวิตของเขาสาคัญมากไปกว่าครอบครัว
หรือคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขาสินะ?
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด?..ตาแหน่งที่สูงขึ้น?… เหรียญ
รางวัลเกียรติยศ?…หรือว่าเจ้าต้องการสร้างกองกาลังของเจ้า
ในเมืองหลวงเช่นนั้นรึ?”
ปฏิกิริยาของอัลเบิร์กดูประหลาดไปทันทีเมื่อได้เห็นสิ่งตรงข้าม
กับที่เขาคาดไว้ คาร์ลส่ายศีรษะของตนให้กับคาแนะนา
ของอัลเบิร์กก่อนที่จะเอ่ยออกมาเพียงคาเดียว
“เงิน”
“…..หืม?”
คาร์ลได้เลือกสิ่งที่เขาต้องการจากอัลเบิร์กได้อย่างเหมาะสม
ที่สุดแล้ว สาหรับคนเช่นคาร์ลที่ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีชีวิต
สงบสุขนี่คือสิ่งที่สาคัญที่สุดสาหรับเขา
“โปรดมอบเงินให้แก่หม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ….หม่อมฉันไม่ได้
ต้องการเหรียญเกียรติยศหรือตาแหน่งที่สูงขึ้นเลย”
เงินทองนับเป็นสิ่งที่หอมหวานที่สุด ยศถาบรรดาศักดิ์ชื่อเสียง
เกียรติยศหรือเหรียญรางวัลใดๆจะสามารถทาอะไรให้เขาได้
เมื่อสงครามกาลังจะเกิดขึ้น? การเลือกเงินนับเป็นสิ่งที่ฉลาด
และเขาจะใช้มันซื้ออาหาร ข้าวของเครื่องใช้ ที่ดินสักแปลง
หรือสิ่งอื่นๆที่จาเป็นอีกนับไม่ถ้วน อีกทั้ง‘เสียงเรียกของวายุ’
เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างสุดท้ายที่คาร์ลมุ่งหวังมาไว้
ครอบครองและมันจะทาให้เขาแข็งแกร่งมากกว่าเงินพวกนี้เสีย
อีก
คาร์ลเห็นอัลเบิร์กยกมือแตะหน้าผากของตนจากนั้นก็ลดมือลง
เมื่อเอ่ยถามคาร์ลอีกครั้ง
“….เอาไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือ?”
คาร์ลสวนกลับโดยทันที
“โอ้!….องค์ชายรู้ได้อย่างไรพะย่ะค่ะ?”
อัลเบิร์กอมยิ้มและยอมรับกับสิ่งที่คาร์ลขอจากตนก่อนที่จะลุก
ขึ้นและแจ้งให้คาร์ลทราบเกี่ยวกับรายละเอียดที่เหลือ
“เมื่อเจ้าได้รับรายงานในวันพรุ่งนี้…ลองอ่านรายละเอียด
ทั้งหมดแล้วแจ้งให้ข้าทราบอีกทีว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่?”
“องค์ชายจะเสด็จมาเยี่ยมหม่อมฉันอีกหรือพะย่ะค่ะ?”
“ทาไม?…เจ้าไม่ชอบรึ?”
คาร์ลตอบกลับด้วยสีหน้าและแววตาที่เสแสร้งเป็นอย่างยิ่ง
“นับเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของหม่อมฉันที่จะได้พบกับ
พระองค์อีกครั้งพะย่ะค่ะ”
อัลเบิร์กรู้สึกขนลุกชันไปทั่วร่างเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของ
คาร์ลและบอกให้เขาพักผ่อนพลางเดินออกจากห้องไปทันที
ก่อนที่จะค่อยๆหายลับไปจากสายตาของคาร์ล ในตอนนี้คาร์ล
ยังคงจ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิทลงด้วยฝีมือของอัลเบิร์กอยู่ครู่
หนึ่ง
~ แล้วสิ่งใดกันล่ะที่เขาใช้ปิดบังสีผมของเขานอกจากพลัง
เวทย์? เจ้ามนุษย์ตอบข้าที!ข้าอยากรู้?!! ~
คาร์ลเลือกที่จะเมินเฉยต่อคาถามของมังกรดาและเอนตัวลง
นอนบนเตียงทันที เขาคือผู้ป่วยนับจากนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่ผู้ป่วยที่สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบ
สุขเมื่อฮันส์ได้ยื่นจดหมายของรอนมอบให้แก่เขาในวันรุ่งขึ้น
“พ่อบ้านรอนได้เดินทางไปพักผ่อนตามกาหนดการแล้วขอรับ
นายน้อย”
คาร์ลพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่ฮันส์แจ้งก่อนจะเปิดจดหมายออก
[นายน้อย…กระผมจะรายงานความเป็นไปให้แก่นายน้อยเดือน
ละหนึ่งครั้ง…กระผมไม่รู้มาก่อนเลยว่านายน้อยได้ซ่อนพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณเช่นนี้ไว้กับตัว….เชวฮันได้แจ้งให้กระผมทราบ
ถึงลักษณะของนักเวทย์โรคจิตผู้นั้นแล้ว….กระผมจะจดจามัน
ไว้ให้ขึ้นใจ…อ้อ!…กระผมได้บอกเรื่องนี้ให้แก่บารอคทราบด้วย
เช่นกัน]
บทที่ 47 เอาไงดี 5 (2)

ฟังดูเหมือนว่าเรดิก้าอาจต้องจบชีวิตลงหากเขาได้พบกับรอน
เช่นกันสินะ? คาร์ลกาลังคิดถึงเรื่องที่เรดิก้าต่างเป็นที่หมายตา
ของทั้งเชวฮัน,รอนและบารอคแล้วก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้
ก่อนที่เวลาต่อมาจะมีแขกอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาเยี่ยมเขา
“….ข้าได้ยินมาว่าเจ้าบาดเจ็บสาหัส..”
‘อีริค วิลส์แมน’เอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาเยี่ยมอาการของคาร์ลในวันนี้
คาร์ลไม่เคยเห็นอาการของอีริคที่ดูเป็นกังวลเช่นนี้มาก่อน แต่
ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ไม่คิดจะบอกแก่อีริคว่าอาการของตน
ไม่เป็นไรเขาต้องการที่สวมบทบาทการเป็นคนป่วยให้
แนบเนียนต่อไปอยู่
“ข้าไม่ค่อยมีแรงเท่าใดนัก…”
“…โธ่!….คาร์ล”
แน่นอนว่าร่างกายของคาร์ลค่อนข้างอ่อนแรงเพราะเขานอน
บนเตียงหนานุ่มนี้มาตลอดทั้งวัน
“ท้องของข้าก็รู้สึกแปลกๆเช่นกัน”
นั่นก็เป็นเพราะในห้องพักแห่งนี้ไม่ได้มีอะไรให้เขาทามากนัก
นอกจากกินและนอนและเมื่อกี้เขาก็เพิ่งทานอาหารจนอิ่มแน่น
ท้องไปหมดแล้ว
อีริคยังคงมองไปที่คาร์ลด้วยความกังวล ในขณะที่กิลเบิร์ตก็มี
ใบหน้าที่เคร่งเครียดส่วนอามูร์นั้นก็มีท่าทางที่เหมือนว่าเธอ
กาลังตัดสินใจที่จะทาอะไรบ้างอย่างอยู่ ลูกแมวสองตัวได้หันไป
มองแขกผู้มาเยือนทั้งสามและคาร์ลก่อนจะเริ่มส่ายหัวของพวก
มันเบาๆ
“หากท่านต้องการอะไรโปรดแจ้งให้เราทราบเถิด?”
“บอกพวกเรามาเถิดนายน้อยคาร์ล?….พวกเราจะทาทุกอย่าง
ให้แก่ท่านหากพวกเราสามารถทาได้”
คาร์ลพยักหน้าตกลงเมื่อได้ยินกิลเบิร์ตและอามูร์บอกเช่นนั้น
ก่อนจะเอ่ยถามพวกเขา
“ดูเหมือนว่าพวกท่านจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อเยี่ยมข้าเฉยๆสินะ?”
อีริค อามูร์และกิลเบิร์ตต่างหันสบตากันหลังจากได้ยินคาถาม
ของคาร์ล หลังจากที่เห็นกิลเบิร์ตและอามูร์พยักหน้าให้แก่ตน
เบาๆแล้วอีริคจึงได้หยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
และยื่นมันให้แก่คาร์ลทันที
“นี่เป็นเอกสารที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับการลงทุนใน
พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือ พวกเราได้นามันมาด้วย
ตั้งแต่ครั้งที่มาประชุมขุนนางกับเจ้าเมื่อคราวก่อนและได้นามัน
ไปแก้ไขใหม่อีกครั้ง”
คาร์ลเปิดไปยังหน้าแรกของเอกสารเพื่ออ่านรายละเอียด
คร่าวๆก่อนจะเปิดไปหน้าถัดไปที่มีคาว่า ‘กองทัพเรือ’โดดเด่น
อยู่บนบรรทัดแรก ดูเหมือนว่ากิลเบิร์ตก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้
เช่นเดียวกัน
คาร์ลละสายตาของตนไปมองยังอามูร์ที่กาลังส่งยิ้มให้เขาอยู่ ดู
จากท่าทางของอีริคในตอนนี้เขาเชื่อว่าอามูร์สามารถเก็บ
ความลับได้เป็นอย่างดี
“เราจะแจ้งข่าวไปยังอาณาเขตเฮนิตัสในอีกไม่ช้านี้…เกี่ยวกับ
ข้อเสนอทั้งหมดของเรา”
“ข้าเข้าใจแล้ว…อ้อ!..แล้วพวกท่านจะได้เข้าเฝ้าองค์ชายรัช
ทายาทอีกหรือไม่?”
“อื้ม!….เรามีกาหนดการที่จะเข้าเฝ้าองค์ชายรัชทายาทในคืนนี้
..เราจะสามารถดาเนินการทั้งหมดได้ก็ต่อเมื่อพระองค์สน
พระทัยในเรื่องนี้”
คาร์ลมองไปที่อามูร์และกิลเบิร์ตก่อนพูดขึ้นอย่างจริงใจ
“ข้าแน่ใจว่ามันจะได้ผลอย่างแน่นอน”
น้าเสียงของคาร์ลเต็มไปด้วยความมั่นใจและเป็นเพราะคาร์ลมี
ความมั่นใจเช่นนี้ทาให้อีริคและคนอื่นๆต่างก็โล่งใจขึ้น
หลังจากที่คาร์ลกล่าวออกมาเช่นนั้นเขาก็ยกเอกสารฉบับนี้ขึ้น
ให้อยู่ในระดับสายตาของพวกเขาทั้งสามคน
“พวกท่านสามารถส่งเอกสารพวกนี้ผ่านพ่อบ้านของข้าใน
อนาคตอันใกล้นี้ได้…ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสาหรับพวกท่าน
หากจะมาเยี่ยมข้าด้วยตัวเองเช่นนี้”
“ไม่หรอก…ถึงอย่างไรเราก็ต้องมาเพราะท่านจาเป็นต้องรู้
รายละเอียดเรื่องนี้เช่นกัน”
คาร์ลพยักตอบรับด้วยท่าทางผ่อนคลายกับสิ่งที่พวกเขาทั้งสาม
คนต้องการ ก่อนจะเอ่ยลาพวกเขาในเวลาต่อมา มันเป็นเรื่อง
ค่อนข้างลาบากที่จะสนทนากับผู้อื่นเป็นเวลานานๆในสภาพที่
เอนกายอบู่บนเตียงและสวมชุดผู้ป่วยอยู่แบบนี้ นั่นเป็นสาเหตุ
ที่เขาถีบผ้าห่มให้ออกจากกายและยินดีต้อนรับแขกชุดใหม่ที่
เข้ามาในห้อง
เขาเริ่มเอ่ยกับเชวฮันที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ในห้องนี้ด้วยท่าทาง
เหมือนคนไปทาสิ่งใดผิดมา
“เข้ามาสิ!”
โรสลินกัดริมฝีปากของตนจนแน่น เธอคลายพลังเวทย์ออกแล้ว
และกาลังยืนอยู่ที่นั่นด้วยดวงตาและเส้นผมสีแดงของเธอ เธอ
ได้เปลี่ยนชุดคลุมประจากายของเธอออกและเลือกสวมชุดที่
เป็นทางการขึ้น
“นายน้อยคาร์ล…ข้าอยากขอโทษท่าน…แต่ข้า..เอ่อ..ต้องการ
ตัวเชวฮันและล็อก”
ตอนนี้โรสลินได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเธอในพระราชวังนี้
แล้ว เธอต้องการกลับไปยังอาณาจักรเบร็คโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากมีการเปิดเผยว่าตัวเธอยังมีชีวิตอยู่และคนที่พยายาม
ฆ่าเธออาจเริ่มซ่อนหลักฐานชิ้นสาคัญในเร็วนี้แล้วแต่เธอไม่
สามารถกลับไปเพียงลาพังได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเผยให้เห็นว่า
เธอเป็นนักเวทย์ระดับสูงอีกทั้งยังมีฝีมือที่เก่งกาจ ซึ่ง
หมายความว่าศัตรูจะต้องมั่นใจว่าได้เตรียมกองกาลังที่
แข็งแกร่งเพื่อใช้โจมตีเธอไว้อย่างแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่เธอ
ต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่งร่วมเดินทางไปด้วย
ล็อกยังคงยืนอยู่ข้างๆประตูด้วยท่าทางกระสับกระส่ายโดยไม่
คิดที่เฉียดเข้าใกล้คาร์ลเลยสักนิด คาร์ลเหลือบไปมองเชวฮัน
และล็อกก่อนที่จะพูดขึ้นราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ท่านโรสลินจะเอ่ยขอโทษข้าไปทาไมกัน?..ท่านได้ยื่นมือเข้ามา
ช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ยากลาบากเช่นนี้แก่พวกเรา…ดังนั้น
พวกเราก็ควรช่วยเหลือท่านเป็นการตอบแทนเช่นกัน”
โรสลินมองเห็นว่าคาร์ลกาลังยิ้ม
“ท่านโรสลินเป็นพี่สาวของล็อกและเป็นสหายของเชวฮัน”
“….ขอบคุณในน้าใจท่านยิ่งนัก…นายน้อยคาร์ล”
โรสลินอาจเคยเกือบตายเมื่อครั้งถูกลอบสังหารแต่เธอมั่นใจว่า
นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสาคัญของเธอ
คาร์ลก้าวเท้ามายืนตรงหน้าเชวฮัน
“…ท่านคาร์ล..แต่…แต่ข้าต้องปกป้องท่านนะขอรับ?”
“เชวฮัน!”
ถึงอย่างไรเชวฮันก็ต้องไปเพื่อให้เขาได้พักผ่อนอย่างสงบและ
เตรียมพร้อมที่จะซ่อนตัวในช่วงสงครามที่ใกล้คืบคลานเข้ามา
เชวฮันมองเห็นรอยยิ้มอันผ่อนคลายของคาร์ลที่เป็นเอกลักษณ์
ไม่เหมือนใคร
“ข้าจะไม่ตาย…”
‘ฉันวางแผนที่จะหาเงินให้ได้มากๆและแข็งแกร่งมากพอที่จะ
หนีไปยังที่ใดก็ได้ตามที่ต้องการเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุข…ฉันจะ
ทาทุกอย่างเท่าที่จะทาได้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด’
คาร์ลกาลังนึกถึงมังกรดาที่อยู่ข้างๆเขา ไม่มีเหตุผลใดที่เชวฮัน
จะต้องคอยปกป้องเขาอีก จะว่าไปความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็น
มังกรดาและเชวฮันต่างก็เป็นภาระของเขาทั้งคู่ล่ะนะ
“ขอรับ…เพียงแต่กระผมยังคงรู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย”
คาร์ลละสายตาออกจากเชวฮันที่มีท่าทางผ่อนคลายขึ้นก่อน
มองไปที่ล็อกและกวักมือเรียกให้ล็อกเข้ามาใกล้ตนมากกว่าเดิม
ล็อกสะดุ้งเมือ่ เห็นท่าทางของคาร์ลพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้
คาร์ลอย่างช้าๆ
‘ทาไมเจ้าจึงเป็นคนขี้ขลาดเช่นนี้กันนะ?’
อย่างไรก็ตามคาร์ลเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับอาการของล็อกมากนัก
“ล็อก…ข้าจะดูแลน้องๆของเจ้าเอง…เจ้าจงกลับไปยังอาณา
เขตเฮนิตัสภายใน 3 เดือน”
“…เอ่อ…ขอรับ?”
“อะไรคือสิ่งที่เจ้าจะตอบแทนให้แก่ข้า…เจ้าลืมข้อตกลงของเรา
แล้วงั้นหรือ?”
“อ่า…..”
คาร์ลกาลังคิดว่าเขาจะใช้งานล็อกอย่างไรในอนาคตต่อไป
ในขณะที่ล็อกก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า คาร์ลยื่นแผนที่
ให้แก่ล็อกมันเป็นแผนที่ของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เขา
ได้มาจากฮันส์
“ดินแดนเฮนิตัส…จงมายังตาแหน่งที่ทาเครื่องหมายระบุไว้บน
แผนที่นี้…ข้าจะรอเจ้าอยู่นั่นพร้อมกับน้องๆของเจ้า….ดังนั้นเจ้า
ต้องกลับมา”
“กลับไป.ที่ที่ข้าสามารถกลับไป…”
คาร์ลไม่ได้สนใจเสียงพึมพาและไหล่ที่สั่นเล็กน้อยของล็อกและ
พูดออกมาทันที ไม่ว่ายังไงล็อกก็ต้องกลับมาเพื่อให้ชีวิตเขาง่าย
และสะดวกขึ้น
“ใช่!..มันคือที่ที่เจ้าสามารถกลับไปได้…จาไว้ว่าเจ้าต้องกลับมา
ภายใน 3 เดือน!”
“ใช่!…ใช่แล้ว!….ข้าจะกลับไป..ข้าจะไปที่นั่นภายใน 3 เดือน
อย่างแน่นอน”
หลังจากจัดการปัญหาคาใจของล็อกจนเขาพยักหน้าตอบรับ
อย่างแข็งขันได้แล้วคาร์ลก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
เรื่องราวตามเนื้อหาในนิยายค่อนข้างบิดเบี้ยวไปไกลมาก
แล้วแต่อย่างน้อยเนื้อหาสาคัญของเรื่องก็ยังคงเกิดขึ้นตามที่มัน
ควรจะเป็น นับเป็นเรื่องที่ดีเพราะเขาจะได้รู้เหตุการณ์ใน
อนาคตที่จะเกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้โดยไม่ต้องคาดเดาอะไรมาก
นัก อาจน่าเสียดายอยู่บ้างที่เขาไม่สามารถส่งบารอคให้ออก
เดินทางไปกับพวกเขาได้แต่ไม่เป็นไรเพราะเขาสามารถส่งบา
รอคให้ออกไปกับรอนได้เสมอหากเขากลับมาจากการหยุด
พักผ่อนของเขาแล้ว
คาร์ลเอนหลังลงบนเตียงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิม
เขาค่อยๆมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ภายในห้องของเขาก่อนที่จะ
เห็นฮันส์เปิดประตูเข้ามาให้ห้องพักของตนในเวลาต่อมา
ฮันส์มองไปที่เชวฮันที่ยืนอยู่ใกล้ๆประตูราวกับทหารองครักษ์ผู้
แข็งขัน จากนั้นก็ย้ายสายตาไปมองล็อกที่กับเล่นกับลูกแมวทั้ง
สองตัวอยู่ โดยข้างๆมีโรสลินที่กาลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับพลัง
เวทย์อย่างสบายอารมณ์ และคนสุดท้ายนายน้อยคาร์ลที่ผ่อน
คลายอยู่บนเตียง เขาเดินเข้าไปหาคาร์ลอย่างเงียบๆและเอ่ย
ขึ้นด้วยเสียงไม่ดังนักแต่ก็สามารถทาให้ทุกคนในห้องได้ยิน
“มีข่าวลือว่า…พระราชาจะมอบเหรียญเกียรติยศให้แก่นาย
น้อยขอรับ?”
ทุกคนภายในห้องต่างหยุดเคลื่อนไหวโดยทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่
ฮันส์พูด
ฮันส์ค่อยๆยื่นเอกสารให้แก่คาร์ล มันเป็นเอกสารที่มี
รายละเอียดเกี่ยวกับข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อการร้าย
ในจัตุรัสกลางเมืองนั่น มีเพียงปฏิกิริยาเดียวของคาร์ลที่มอบ
ให้กับมันหลังจากได้อ่าน
< คาร์ล เฮนิตัส ขุนนางผู้เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเฮ
นิตัส..ผู้ปกป้องอาณาจักรโรมันจากป่าแห่งความมืด>
“เฮ้ออออออออ……………………”
เสียงถอนหายใจยาวคือสิ่งที่เขามอบให้แก่มัน
มันคือสิ่งที่เขาคาดไว้แต่มันก็น่าราคาญอยู่ดีสินะ
บทที่ 48 เอาไงดี 6 (1)

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
คาร์ลก้าวลงจากรถม้าประจาตระกูลเฮนิตัสที่มีรูปเต่าสีทอง
ประดับอยู่
~ มันก็ผ่านมาได้สักพักแล้วสินะ! ~
คาร์ลเห็นด้วยกับสิ่งที่มังกรดาเอ่ยขึ้นภายในหัวของเขา
ขณะนี้คาร์ลยืนอยู่ทางเข้าจัตุรัสกลางเมืองโดยรั้วขนาดใหญ่ที่
อยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัสถูกทาลายเสียหายไปเกือบครึ่งจาก
แรงระเบิดพลังเวทย์
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังที่นั่งของตนที่อยู่ด้านในจัตุรัสโดยไม่คิดที่จะ
สนใจสิ่งรอบกายของเขาในตอนนี้ โดยมีเหล่าทหารองครักษ์
ประจาตระกูลเฮนิตัสซึ่งนาทีมด้วยรองหัวหน้าองครักษ์เดิน
รอบๆกายของคาร์ลเพื่อทาการคุ้มกันตนอยู่
เมื่อคาร์ลเดินเข้ามาด้านในจัตุรัสก็ได้ยินเสียงคนกาลังพูดถึง
บางสิ่งซึ่งทาให้เขาอดรู้สึกขนลุกไม่ได้
“โอ้!….นายน้อยแสงสีเงิน”
คาร์ลขมวดคิ้วมุ่นโดยทันที
“เอ่อ…อะแฮ่ม”
คาร์ลมองเห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้าของรองหัวหน้าองครักษ์เมื่อ
เขาแสร้งกระแอมไอขึ้นมาก่อนจะสบเข้ากับใบหน้าอันบึ้งตึง
ของคาร์ลเข้า รองหัวหน้าองครักษ์ลดศีรษะของตนลงเพื่อเอ่ย
ให้คาร์ลได้ยินเบาๆ
“เอ่อ..นายน้อยขอรับ…กระผมคิดว่าพวกเขากาลังเรียกท่านว่า
‘นายน้อยแสงสีเงิน’…เอ่อ..คนที่สง่างามเช่นท่านช่างเหมาะสม
กับสมญานามเช่นนี้ยิ่งนัก’”
‘ให้ตายสิ!’
คาร์ลสบถหยาบคาบภายในใจของเขา
ไม่ว่าจะเป็น ‘นายน้อยแสงสีเงิน’ หรือ ‘นายน้อยโล่สีเงิน’ เขา
ก็ไม่อยากได้ยินสมญานามที่ฟังพิเศษกว่าชาวบ้านและน่าอาย
แบบนี้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตามมันอาจจะเป็นเรื่องแย่กว่านี้หาก
องค์ชายรัชทายาทไม่ยื่นมือเข้ามาทาให้ข่าวลือพวกนี้ลดกระแส
ลงไปบ้างอีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับ
เรื่องพวกนี้ได้มากนัก
สิ่งที่เขาสามารถทาได้ก็แค่เพียงยักไหล่ของตนขึ้นก่อนจะพูดกับ
รองหัวหน้าองครักษ์ขึ้นมา
“ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะหยุดพูด…ถ้าข้าดื่มเหล้าสักขวดและทา
ตัวเหมือนที่ข้าเคยทา..เจ้าคิดเช่นข้าหรือไม่?”
“เอ่อ..คือ….อะแฮ่ม!”
รองหัวหน้าองครักษ์ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ก่อนจะหัน
หลังให้แก่คาร์ล นั่นทาให้คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาด้วยความสะใจ
แต่รอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปในทันทีเมื่อได้ยินรองหัวหน้า
องครักษ์พูดขึ้นในเวลาต่อมา
“กระผมคิดว่า..มันอาจจะดีกว่าหากนายน้อยหลีกเลี่ยงจาก
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะนายน้อยยังต้องพักฟื้นร่างกายอยู่
นะขอรับ!”
คาร์ลยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายและร่างกายยังไม่กลับคืนเป็น
ปกติร้อยเปอร์เซ็น
เรื่องราวที่คนส่วนใหญ่รับรู้โดยทั่วกันคือการที่เขาได้รับ
บาดเจ็บสาหัสจากการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณจนเกินขีดจากัด
ความสามารถของพลังที่มี เพื่อให้เขาสามารถปกป้องเหล่า
ชาวเมืองไว้จนก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาและสามารถปกป้อง
พวกเขาจากระเบิดพลังเวทย์เหล่านั้นไว้ได้ เรื่องราวปาฏิหาริย์
ที่เกิดขึ้นเหนือธรรมชาติที่องค์ชายรัชทายาทเป็นผู้สร้างขึ้นมา
ทาให้เหล่าข้ารับใช้จากตระกูลเฮนิตัสต่างก็ดาเนินการดูแลและ
ปกป้องคาร์ลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนวุ่นวายไปหมด
มันไม่ใช่แค่เหล่าข้ารับใช้ที่พักอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้นแม้แต่
บิดาของเขาที่อยู่ยังดินแดนเฮนิตัส‘ท่านเคานต์เดอรัช’ซึ่งกาลัง
คิดวางแผนที่จะเดินทางมาเมืองหลวงเมื่อ2-3วันก่อนด้วย
เช่นกัน นี่คือสิ่งที่ท่านเคานต์พูดผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
ทางไกลแบบเคลื่อนไหวเพื่อพูดคุยกับคาร์ล
< ‘คาร์ล!….ลูกเห็นใบหน้าเจ้าบ้านั่นชัดหรือไม่?…พ่อจะเป็นคน
ลงมือฆ่าพวกมันทั้งหมดให้แก่เจ้าเอง!…พวกมันกล้าทาเรื่อง
เช่นนี้กับคนที่ไม่สามารถแม้แต่จะหยิบดาบมาแกว่งได้อย่างไร
กัน?’>
แม้ว่าเคานต์เดอรัชจะรู้ว่าคาร์ลมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่กับตัว
ในช่วงเวลานั้น แต่ความจริงที่ว่าแม้แต่น้องสาวของคาร์ลก็ยัง
มีความสามารถในการแกว่งดาบมากกว่าคาร์ลเสียอีกมันทาให้
เขาเชื่อมั่นว่าบุตรชายของตนย่อมอ่อนแออยู่ดี
< ‘เหตุผลที่ตระกูลเฮนิตัสยังไม่ดาเนินการใดๆในตอนนี้ไม่ใช่
เพราะเราอ่อนแอ…เจ้าจงจาไว้นะคาร์ล!ว่าที่เรายังไม่
ดาเนินการใดๆในตอนนี้เป็นเพราะเราแข็งแกร่งมากต่างหาก…
ในอนาคตข้างหน้าไม่มีใครที่จะสามารถทาอะไรกับเจ้าแบบนี้ได้
อีกต่อไป’>
นั่นคือสิ่งที่เคานต์เตสวิโอแลนได้บอกแก่คาร์ลในขณะที่เคานต์
เดอรัชได้สงบสติอารมณ์ของตนลง
แต่นั่นก็นับเป็นความจริงเนื่องจากไม่มีขุนนางส่งจดหมายหรือ
เดินทางมาเยี่ยมคาร์ลเมื่อเขาได้ออกจากพระราชวังเพื่อกลับไป
พักฟื้นที่บ้านพักในเมืองหลวงของตนแล้ว แม้แต่อีริคและพรรค
พวกของเขาก็ยังไม่ปรากฏตัวมาเยี่ยมเขาในช่วงเวลานั้นเลย
‘มันทาให้ฉันสะดวกขึ้น’
คาร์ลใช้เวลาว่างพวกนั้นได้อย่างมีค่าและผ่อนคลายได้เป็น
อย่างดี
คาร์ลยังคงถูกสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ตนเมื่อเขายังคงก้าว
เดินเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปในจัตุรัสกลางเมืองนี้ ในตอนนี้เหล่าทหาร
องครักษ์และทหารยามที่ดูแลบริเวณทางเข้าต่างปฏิบัติหน้าที่
ของตนอย่างแข็งขัน
“อ๊ะ!….นายน้อยคาร์ล”
“พวกเจ้าต้องการตรวจสอบตัวตนของข้าหรือไม่?”
ทหารองครักษ์ส่ายหน้าปฏิเสธคาถามของคาร์ลและเปิดประตู
ให้เขาเข้าไปภายในอย่างนอบน้อม คาร์ลต้องเข้าไปยังด้านใน
เพียงลาพังนับจากนี้ คนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน
จัตุรัสกลางเมืองในครั้งนี้จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่าง
เข้มงวดมากกว่าครั้งจัดงานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของ
พระราชาแต่คาร์ลนับเป็นข้อยกเว้นในกรณีนี้
“นายน้อยคาร์ล…เชิญด้านในขอรับ”
“เยี่ยม!…ขอบคุณท่านมาก..เจ้าทางานได้ดีมาก..จงทาต่อไป
เถิด”
“…..ขอรับ!!!!!”
คาร์ลคิดว่าทหารองครักษ์คนนี้อาจทางานหนักเกินไปจึงตบไป
ที่ไหล่ของทหารคนนี้เบาๆในขณะที่เขาก็ก้มตัวลงและเอ่ยตอบ
โต้อย่างแข็งขันกับคาร์ล จากนั้นคาร์ลก็เดินเข้าไปด้านในทันที
โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของเหล่าทหารองครักษ์มองตามเขาไปจน
ลับสายตา
คาร์ลยังคงก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง
จัตุรัสกลางเมืองหรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า‘จัตุรัสกลอ
รี่’
ในวันนี้พระราชามีกาหนดการที่จะมอบเหรียญเกียรติยศให้แก่
กลุ่มคนที่มีส่วนร่วมในการป้องกันระเบิดพลังเวทย์ในครั้งนั้น ผู้
ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะได้รับเกียรติในการยืนบนแท่นพิธีที่อยู่
ต่ากว่าพระที่นั่งของพระราชาเท่านั้น
วันนี้คาร์ลสวมใส่ชุดสีดาที่ดูหรูหรากว่าปกติและเดินมาถึงที่นั่ง
ของตนในที่สุด
“คาร์ล!”
“อ้อ! ท่านพี่อีริค…มาถึงเร็วนี่”
คาร์ลส่งยิ้มให้กับอีริคที่ร้องเรียกเขาขึ้นมา ก่อนที่จะไปหยุดยืน
ยังตาแหน่งที่นั่งของตน นี่คือที่นั่งสาหรับขุนนางแต่ทาไมคาร์ล
จึงยืนอยู่ที่นี่กันนะ?
อีริค,อามูร์,กิลเบิร์ตและเหล่าขุนนางคนอื่นๆทาได้เพียงแค่มอง
คาร์ลอย่างเงียบๆเป็นเพราะพวกเขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับ
คาร์ลมาบ้างแล้ว
‘คาร์ล เฮนิตัส’ ปฏิเสธที่จะรับเหรียญเกียรติยศและมอบ
เหรียญนี้ให้แก่ผู้อื่นแต่เขากลับหอบร่างกายที่บาดเจ็บของตน
มาร่วมพิธีในวันนี้
‘อามูร์ อัลบา’ ยังคงมองไปที่คาร์ลซึ่งกาลังเงยหน้ามองท้องฟ้า
ด้านบนอยู่
“วันนี… ้ นับเป็นวันที่งดงามยิ่งนักอาจเป็นเพราะพวกเราอยู่ที่นี่
เพื่อร่วมเป็นเกียรติแก่ผู้ได้รับเหรียญเกียรติยศ”
เส้นผมสีแดงของคาร์ลพลิ้วไหวไปกับสายลมและตัดเข้ากับชุด
สีดาที่เขาสวมใส่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อามูร์อมยิ้มหลังจากได้
เห็นคาร์ลในแบบปกติที่เขาเป็น
“นั่นอาจจะเป็นเพราะท่านก็ได้…นายน้อยคาร์ล”
“…ข้า?”
คาร์ลมองไปที่อามูร์ด้วยความสับสนและเธอเพียงแค่ส่งรอยยิ้ม
จริงใจและแสนอบอุ่นมาให้แก่เขาเท่านั้น มันทาให้เขาอดรู้สึก
ประหลาดใจไม่ได้แต่ก็ยังพูดในสิ่งที่เขาต้องการออกมาอยู่ดี
“วันนี…
้ ท่านจะเดินทางกลับแล้วรึคุณหนูอามูร์?”
“ใช่!…ท่านจะออกเดินทางกลับพรุ่งนี้เช่นกันสินะ?….ข้าคงได้
เตรียมการต้อนรับท่านอยู่ที่ดินแดนอัลบาหลังจากเดินทาง
กลับไปแล้วเช่นกัน”
คาร์ลกาลังจะไปเยือนอาณาเขตอัลบาหลังจากเสร็จสิ้นพิธีใน
วันนี้
“ใช่….ข้าอยากเห็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เสียแล้วสิ!”
“อื้ม..มันจะช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่านด้วยสินะ?”
“ใช่แล้ว…มันจะดีต่อตัวข้าหากได้รับอากาศบริสุทธิ์”
‘ฟื้นฟูร่างกายอะไรกันเล่า?..ฉันร่างกายแข็งแรงดีจะตายและ
ฉันจะไปที่นั่นเพื่อทาให้ตัวฉันแข็งแกร่งมากกว่าเดิมต่างหาก’
ถึงคาร์ลจะคิดในใจแบบนั้นแต่ก็ยังคิดเห็นเช่นเดียวกับอามูร์อยู่
ก่อนจะพยักหน้าตอบรับให้แก่เธอและพูดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
“แน่นอน…ว่านั่นไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียว”
“โอ้!…แน่นอน”
อามูร์รวมถึงอีริคและกิลเบิร์ตที่กาลังยืนฟังทั้งสองสนทนากัน
อยู่เงียบๆต่างเริ่มยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่คล้ายคลึงกับ
รอยยิ้มของคาร์ลเป็นยิ่งนัก หลังจากวันนี้เป็นต้นไปขุนนางคน
อื่นๆอาจจะทราบข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ การพัฒนา
เศรษฐกิจและการลงทุนสาหรับการสร้างฐานทัพเรือในชายฝั่ง
ทะเลตะวันออกเฉียงเหนือ คือสาเหตุที่อามูร์และกิลเบิร์ตต้อง
รีบออกจากเมืองหลวงไปในคืนนี้ มันคือการป้องกันไม่ให้ข้อมูล
เท็จใดๆรั่วไหลออกมาเพราะองค์ชายรัชทายาทต้องการให้สิ่ง
ต่างๆดาเนินไปอย่างรวดเร็วให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้
แน่นอนว่ามันสามารถเป็นไปได้ เมื่อตระกูลเฮนิตัสตอบตกลงให้
พวกเขากู้เงินเป็นจานวนมากและนั่นทาให้คาร์ลจาเป็นที่
จะต้องเดินทางไปเยือนอาณาเขตของอามูร์และกิลเบิร์ตนั่นเอง
‘คาร์ล…เรามีแผนที่จะให้คนของเราเดินทางไปตรวจสอบเรื่อง
นี้เช่นกัน..แต่ถ้าลูกตั้งใจจะเดินทางไปที่นั่นอยู่แล้วก็ลอง
ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆไปด้วยแล้วกัน’
‘ท่านพ่อ…มันจะไม่ดีกว่าหรือหากส่งผู้เชี่ยวชาญมาดาเนินการ
เอง?’
‘การมีดวงตามากขึ้น….มักจะดีกว่าเสมอ’
และนั่นทาให้คาร์ลตกลงที่จะทาตามที่ท่านเคานต์เดอรัชบอก
แก่ตน
“พวกเราอยู่ในการดูแลของท่านแล้ว..คุณหนูอามูร์…นายน้อย
กิลเบิร์ต…ขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย”
“พวกเราก็อยู่ในการดูแลของท่านเช่นกัน…นายน้อยคาร์ล”
“ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย”
คาร์ลโบกมือปฏิเสธให้แก่อามูร์และกิลเบิร์ตเพื่อให้ทั้งสองไม่
ต้องมาคิดกังวลในเรื่องนี้ ก่อนที่จะมองไปยังเบื้องหน้าของตน
เมื่อในเวลานี้พระราชาเซดได้เสด็จมาถึงแล้ว
พิธีมอบเหรียญเกียรติยศก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
พระราชาเซดตรัสขึ้นด้วยน้าเสียงอันดังและกังวานมากกว่าที่
เคย ยังคงมีประชาชนเป็นจานวนมากในจัตุรัสกลางเมืองนี้แต่
บรรยากาศโดยรอบนั้นกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันเงียบ
สงบเป็นอย่างมาก
“พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้….ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราจะ
ไม่ยอมยืนหดหัวให้แก่ความหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น”
บทที่ 48 เอาไงดี 6 (2)

พระราชาเซดตะโกนก้องเรียกขวัญกาลังใจให้แก่ประชาชนอีก
ครั้งและมันยังเป็นคาเตือนให้แก่ศัตรูได้ในเวลาเดียวกัน
พระองค์ทอดพระเนตรให้ต่าลงเพื่อมองลงไปจากแท่นพิธีที่อยู่
สูงที่สุดในจัตุรัสแห่งนี้พลางตรัสต่อไปโดยทันที
“มีหลายคนที่แสดงความกล้าหาญในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์
นั้นขึ้น…พวกเราสามารถปกป้องอาณาจักรของเราไว้ได้เหมือน
ดั่งในอดีต…ต้องขอบคุณความกล้าหาญของพวกเขาเป็นยิ่ง
นัก”
ดูเหมือนกับว่าพระราชาเซดกาลังสบพระเนตรเข้ากับคาร์ลใน
ขณะนี้ แต่คาร์ลหวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด คาร์ลขยับตัว
เล็กน้อยเพื่อหลบสายพระเนตรของพระราชาเซดและแสร้งมอง
ผ่านร่างของพระองค์ไปยังท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหลังแทน จากนั้น
เขาก็คิดถึงสิ่งที่มังกรเคยบอกแก่เขาไว้
‘ได้รับพรจากพระเจ้าแห่งแสงตะวันเช่นนั้นหรือ?…ข้าไม่เห็น
รู้สึกได้ถึงพลังของพระเจ้าจากมนุษย์อ่อนแอพวกนั้นเลย…คนที่
พิเศษเพียงคนเดียวคือมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าองค์ชายรัชทายาท
ต่างหาก’
ความเชื่อที่ว่าราชวงศ์คอสแมนได้รับพรจากพระเจ้าแสงตะวัน
ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด
คาร์ลได้ทราบความจริงในเรื่องที่ไร้ประโยชน์อีกตามเคยและ
ตัดสินใจที่จะทาตัวตามปกติโดยแกล้งทาเป็นว่าเขาไม่เคยรับรู้
เรื่องราวพวกนี้มาก่อนเลย มังกรดาดูเหมือนจะตื่นเต้นเมื่อมัน
ได้รู้ความจริงในเรื่องนี้จนคาร์ลต้องบอกแก่มันให้เก็บเรื่องนี้
เป็นความลับระหว่างพวกเขาสองคนและมันก็เห็นด้วยกับ
ความคิดของเขาเช่นกัน
“และในตอนนี้ก็ถึงเวลาสาคัญ…ที่เราจะทาการมอบเหรียญ
เกียรติยศให้แก่ผู้กล้าหาญเหล่านี้แล้ว!”
พระราชาเซดเริ่มพิธีมอบเหรียญเกียรติยศในตอนนี้แล้วโดยมี
กลุ่มคนผู้กล้าหาญทยอยขึ้นไปรับเหรียญเกียรติยศของพวกเขา
ทันที
“เฮ!!!!!!!!”
“เฮเฮเฮเฮ!!!!!!!!!!!!”
เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่ามันไม่เคย
เงียบงันมาก่อนหน้านี้ เสียงของมังกรดาลอดเข้ามาให้หัวของ
คาร์ลอีกครั้ง
~ มนุษย์ช่างน่าสนใจยิ่งนัก! ~
“เฮ!!!!!!!!”
คาร์ลได้ยินเสียงของมังกรดารวมทั้งเสียงตะโกนแสดงความ
ยินดีของประชาชนที่มอบให้แก่เหล่าทหารองครักษ์ที่เพิ่งได้รับ
เหรียญเกียรติยศจากพระราชาเซดไป คาร์ลคิดว่าเขาพอจะ
เข้าใจความรู้สึกของมังกรดาที่กล่าวว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ถึงอย่างไรคาร์ลก็เป็นมนุษย์ เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของเหล่า
ผู้คนที่นับว่ามีชีวิตที่ดีกว่ามังกรดามากนัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่
บางครั้งมนุษย์จะโศกเศร้าและบางครั้งก็ตื่นเต้นยินดีได้พร้อมๆ
กัน
“แปะ!แปะ!แปะ!!!!!!!!!!”
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ได้รับเหรียญ
เกียรติยศด้วยเช่นกัน บรรยากาศในตอนนี้เริ่มคึกคักขึ้น ผู้คน
ต่างสนุกสนานไปกับพิธีมอบเหรียญเกียรติยศราวกับว่ามันเป็น
งานเฉลิมฉลองเทศกาลอะไรสักอย่าง ด้วยสภาพแวดล้อมที่
สนุกสนานและผ่อนคลายเช่นนี้ทาให้มีคนผู้หนึ่งขยับเข้าใกล้
คาร์ล
“นายน้อยคาร์ล”
คาร์ลหันไปทางเสียงเรียบเฉยที่เอ่ยเรียกตนขึ้น ขุนนางส่วน
ใหญ่ต่างเดินทางกลับอาณาเขตของตนเมื่อเห็นว่าเมืองหลวง
ในตอนนี้เป็นสถานที่อันตรายเพราะเหตุการณ์ก่อการร้ายที่
เกิดขึ้น นั่นเป็นสาเหตุที่ทาให้จานวนขุนนางที่เข้าร่วมพิธีใน
วันนี้น้อยกว่าครั้งก่อนและหนึ่งในขุนนางส่วนน้อยที่เข้าร่วมพิธี
ในครั้งนี้ได้ขยับเข้าใกล้คาร์ลและเอ่ยเรียกเขา
“มีอะไรเช่นนั้นหรือ?….นายน้อยเวเนี่ยน”
‘เวเนี่ยน แสตน’ ยังคงอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ผู้ที่เป็นหัวหน้าของ
แต่ละภูมิภาคก็ยังคงอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“ข้าได้ยินมาว่าท่านปฏิเสธที่จะรับเหรียญเกียรติยศ….ท่านไม่
เสียดายมันหรือ?”
สายตาของเหล่าขุนนางคนอื่นๆที่มองไปยังแท่นพิธีในเวลานี้
ต่างพร้อมใจกันหันกลับมามองเวเนี่ยนและคาร์ลในทันที คาร์ล
ไม่รู้ว่าทาไมเวเนี่ยนต้องส่งรอยยิ้มอ่อนโยนและถามคาถาม
เช่นนี้กับเขาขึ้นมาด้วย
~ ข้าต้องการฆ่าเจ้านี่!!! ~
คาร์ลมีเพียงความกังวลว่าร่างของเวเนี่ยนจะระเบิดเป็นจุณ
ในตอนนี้และเขาหวังเพียงให้มังกรดาสงบสติอารมณ์ของตนลง
ในขณะที่เขานึกถึงเหรียญเกียรติยศขึ้นมา
คาร์ลเลือกที่จะปฏิเสธเข้ารับเหรียญเกียรติยศในครั้งนี้โดยมี
เหตุผลง่ายๆก็คือเขาไม่ต้องการถูกจารึกชื่อไว้ก็เท่านั้น
หอสมุดพระราชวังได้มีการจารึกพระนามของพระราชาที่
ปกครองอาณาจักรมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบันไว้บนชั้น
สูงสุดและชั้นล่างก็มีการจารึกรายชื่อของเหล่าวีรบุรุษทั้งหมดที่
ได้รับเหรียญเกียรติยศที่แตกต่างกันออกไปตลอดช่วง
ประวัติศาสตร์ของอาณาจักร อีกทั้งพระราชาบางพระองค์ยังได้
ตอบแทนความจงรักภักดีของเหล่าวีรบุรุษด้วยการมอบเงิน
รางวัลเพื่อเป็นสินน้าใจและให้พวกเขาได้ติดตามรับใช้พระองค์
ต่อไปในอนาคต
‘นั่นอาจฟังดูแล้วมีเกียรติและสร้างชื่อให้แก่ผู้อื่น…แต่มันจะ
เป็นดั่งโซ่พันธนาการตัวฉัน’
คาร์ลไม่ต้องการที่จะถูกจารึกชื่อไว้ในที่ใดทั้งนั้น มันจะเป็น
เรื่องที่ง่ายกว่าหากจะเป็นผู้ไม่ถูกจดจา ใครจะมานั่งจา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ในอนาคตกันเล่า..
เมื่ออีกไม่นานสงครามก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว? แม้ว่าพวกเขาจะ
จดจาเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้แต่พวกเขาก็ต้องเลือกจดจาสิ่งอื่นที่
เป็นเรื่องใหญ่ก่อนเสมอ ความจริงในเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่
ผลักดันให้เขาก้าวเข้าช่วยเหลือผู้อื่นในช่วงเกิดระเบิดพลัง
เวทย์เช่นเดียวกับการที่เขาตั้งใจจะหลีกเลี่ยงการถูกจารึกชื่อไว้
ในหอสมุดพระราชวังนั่นเช่นกัน
คาร์ลส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับเวเนี่ยนและพูดขึ้น
“ข้าจะต้องเสียดายอะไรเช่นนั้นหรือ?”
คาร์ลไม่มีอะไรที่จะต้องรู้สึกเสียดายอย่างน้อยเขาก็ได้รับรางวัล
ด้วยการเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและที่สาคัญที่สุด
“แค่มีชีวิตรอดอยู่ต่อไปก็เพียงพอแล้ว”
เขาสามารถอยู่รอดได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่นคือสิ่งที่
สาคัญที่สุดสาหรับคาร์ล..ไม่สิ?…สาหรับคิมร็อกโซต่างหาก!
บริเวณรอบตัวคาร์ลเงียบสงัดในทันทีก่อนที่เวเนี่ยนจะเอ่ย
ทาลายความเงียบในเวลาต่อมา
“….ข้าเข้าใจแล้ว”
“อ้อ!…อีกอย่าง..ข้าเป็นคนที่ขี้อายมาก..ข้าอายเกินกว่าจะ
สามารถขึ้นไปรับเหรียญบนนั้นได้”
สีหน้าของเวเนี่ยนดูประหลาดไปเล็กน้อยแต่คาร์ลก็เพียงแค่ยัก
ไหล่ของตนและหันไปปรบมือให้แก่ผู้ที่ได้รับเหรียญเกียรติยศ
ต่อไป
มังกรดายังคงถกเถียงกับตนเองอยู่ในใจว่ามันสามารถลงมือฆ่า
เวเนี่ยนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ก่อนที่มันจะหันไปมอง
คาร์ลและผู้คนที่อยู่ในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้และส่ายหน้าของ
มันในที่สุด
ตอนนี้มีคนที่ลอบมองคาร์ลมากเกินไป ทั้งขุนนางที่อยู่รอบข้าง
และประชาชนที่อยู่ด้านล่างต่างก็ลอบมองดูคาร์ลกันทั้งนั้น
มังกรดาคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและน่าราคาญ
สาหรับคาร์ลหากเขาลงมือฆ่าเวเนี่ยนในตอนนี้ ดังนั้นมันจึง
ตัดสินใจที่จะทาตัวให้เหมือนคาร์ลและยังคงนิ่งเฉยเมื่อมันเฝ้าดู
พิธีมอบเหรียญเกียรติยศต่อไป
“..นี่คงมาถึงช่วงสุดท้ายของพิธีอันมีเกียรติในวันนี้แล้วสินะ?…
อย่างไรก็ตามพระราชาองค์นี้จะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่สาคัญ
เช่นนี้และจดจามันไว้ทุกวินาทีเพื่อจะไม่ลืมเหล่าวีรบุรุษผู้กล้า
หาญทุกๆคน!”
พิธีสิ้นสุดลงหลังคากล่าวสุดท้ายของพระราชาเซด
วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
เสียงลมที่ฟังคล้ายกับเสียงฝนพัดผ่านจัตุรัสกลางเมืองไป คาร์ล
จัดผมที่ยุ่งเหยิงของตนให้กลับเข้าที่
องค์ชายรัชทายาทรับสั่งแก่คาร์ลว่าเขาไม่จาเป็นต้องมางานพิธี
ในวันนี้ก็ได้แต่ถึงอย่างนั้นคาร์ลก็ยังปรากฏตัวขึ้นที่นี่อยู่ดี นั่น
เป็นเพราะคนที่จบชีวิตลงในที่แห่งนี้ย่อมมีความสาคัญเช่นกัน
เขาจัดเรียงเส้นผมของเขาให้อยู่ทรงเช่นเดิมก่อนที่จะวางมือลง
บนตาแหน่งหัวใจของตน เมื่ออีริคเห็นท่าทางของคาร์ลเช่นนั้น
จึงตื่นตระหนกขึ้นทันที
“คาร์ล!…เจ้าเป็นอะไรรึ?..หัวใจของเจ้าเจ็บปวดหรือไม่?”
คาร์ลมองไปที่อีริคด้วยความเหลือเชื่อและการจ้องมองเช่นนั้น
ของคาร์ลทาให้อีริคส่งยิ้มแหยออกมาโดยทันทีเขาขยับถอยห่าง
จากคาร์ลอย่างช้าๆดูเหมือนว่าอีริคจะเขินอายเป็นอย่างมาก
คาร์ลอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นกิริยาแบบนั้นของอีริคและตบไปที่
หน้าอกของตนสองครั้งเขาสัมผัสได้ถึงแผ่นป้ายทองคาที่อยู่
ด้านในกระเป๋าเสื้อของตน มันคือรางวัลที่เขาได้รับจากองค์
ชายรัชทายาท
‘องค์ชายรัชทายาทใจดีกว่าที่ฉันคาดไว้’
แผ่นป้ายทองคาให้โอกาสสองครั้งในการใช้จ่ายโดยไม่จากัด
วงเงิน
ไม่สาคัญว่าเขานามันไปซื้อขนมปังสองแผ่นหรือภูเขาสองลูก
สิ่งสาคัญของมันคือการที่เขาสามารถใช้มันได้เพียงสองครั้ง
เท่านั้นและคาร์ลจะใช้โอกาสทั้งสองนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุดใน
อนาคต
‘ฉันมั่นใจว่าองค์ชายรัชทายาทกาลังคิดว่า ‘เจ้าจะสามารถใช้
จ่ายมันได้มากเพียงใดกัน?. เมื่อเขามอบสิ่งนี้ให้แก่ฉัน’
หรือไม่…เขาก็อาจกาลังรอดูว่าฉันจะสามารถวางแผนในการใช้
จ่ายมันอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดก็เป็นได้…อืม..ท่าทางท่านจะคิดผิด
ไปเสียแล้ว…องค์ชายรัชทายาท’
คาร์ลเริ่มยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อนึกถึงสิ่งพิเศษมากมายที่สามารถ
ซื้อหาได้บนโลกใบนี้ตราบใดที่รู้วิธีในการซื้อหาอย่างคุ้มค่าที่สุด
~ เจ้ามนุษย์อ่อนแอเจ้ากาลังวางแผนสิ่งใดอยู่?…โปรดระวังตัว
ด้วย!! ~
คาร์ลเลือกที่จะเมินเฉยกับสิ่งที่มังกรดาพูดเข้ามาให้หัวของตน
เมื่อมันมองเห็นรอยยิ้มของเขาเมื่อครู่ที่ผ่านมา ก่อนที่คาร์ลจะ
หันไปมองผู้คนที่อยู่รอบกายของตนและเผลอสบสายตาเข้ากับ
ผู้คนเป็นจานวนมาก
อย่างไรก็ตามเขาเชื่อมั่นว่าสายตาที่จ้องมองเขาเช่นนี้จะหายไป
เมื่อเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้คาร์ลจึงเตรียมการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเพื่อพร้อมออก
เดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นทันทีหลังจากกลับมาถึงบ้านพักของตน
แล้ว เขาใช้มือหนึ่งยื่นจานสเต็กให้แก่มังกรดาส่วนมืออีกข้าง
ถืออุปกรณ์สามชิ้นเอาไว้ มังกรดารับจานสเต็กมาถือเอาไว้ก่อน
เอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“พวกมันมีไว้ใช้ทาอะไรหรือ?”
อุปกรณ์ทั้งสามชิ้นคือระเบิดพลังเวทย์หลังจากที่ถอนการติดตั้ง
ออกมาแล้วแต่มันยังคงมีพลังเวทย์ที่บรรจุอยู่ภายในอยู่
ในตอนนี้คาร์ลวางแผนที่จะใช้เพียงแค่หนึ่งในสามของระเบิด
พลังเวทย์นี้เท่านั้น รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของ
คาร์ล
“ทาลายวังน้าวน!!!”
คาร์ลกาลังวางแผนที่จะพลิกผืนมหาสมุทรในแถบชายฝั่ง
ตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันโดยจะไม่มีใครรู้เห็น
ในเรื่องนี้เป็นอันขาด มันสามารถเป็นไปได้เพราะทั้งเหล่านาง
เงือกและเผ่าวาฬไม่ควรจะอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล
ตะวันออกเฉียงเหนือในเวลานั้น
บทที่ 49 เอาไงดี 7 (1)

ในตอนแรกคาร์ลไม่มีแผนที่จะใช้ระเบิดพลังเวทย์พวกนี้ เขา
เพียงแค่จะใช้โล่นิรันดร์กาลและพละกาลังแห่งดวงใจที่เขามี
เท่านั้น
‘แต่นั่นเป็นตอนที่ฉันยังไม่มีมังกรดา’
ไม่มีทางเลือกอื่นให้แก่มังกรดามากนักเพราะเขาต้องการให้มัน
สร้างระเบิดพลังเวทย์แบบใหม่ให้แก่ตัวเขา
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะขโมยสิ่งใด?…แต่มันคงจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
มาก”
คนที่กาลังเอ่ยกับคาร์ลในตอนนี้คือ ‘บิลอส’
“ข้าคิดว่า..ช่วงนี้ชื่อเสียงของข้าคงโด่งดังไปหน่อยสินะ?”
บิลอสส่ายหน้าของตนเบาๆให้แก่คาพูดของนายน้อยคาร์ลซึ่งดู
เหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เขาเห็นเพียงท่าทางที่แสร้ง
ทาเป็นบาดเจ็บเสียมากกว่า
“ท่านเป็นนายน้อยที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว….ว่าแต่ท่านคง
ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนะขอรับ?”
“ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกเจ้าเสียหน่อย….”
บิลอสเริ่มยกยิ้มก่อนรินเครื่องดื่มลงในแก้วที่ว่างเปล่าของคาร์ล
และยื่นกล่องพลังเวทย์ให้แก่เขาในเวลาต่อมา
“นี่คืออุปกรณ์เวทย์ที่ท่านต้องการ…ขอบคุณที่ส่งคืนสินค้าจาก
คราวที่แล้ว”
คาร์ลต้องการอุปกรณ์เวทย์ชิ้นใหม่จากบิลอสโดยให้เชวฮันเป็น
ผู้จัดการเรื่องนี้ให้แก่ตนจึงเป็นสาเหตุให้บิลอสมาพบคาร์ลใน
วันนี้ คาร์ลค่อยๆลูบกล่องอุปกรณ์เวทย์อันใหม่นี้พลางมองไปที่
บิลอส
คาร์ลได้ตัดสินใจว่าจะใช้ป้ายทองคาทั้งสองครั้งตามที่องค์ชาย
รัชทายาทได้กาหนดไว้
อย่างแรกเขาตัดสินใจที่จะซื้อเวลาเพื่อถ่วงเวลาออกไปให้นาน
ขึ้น
คาร์ลตัดสินใจซื้อค่าเสียเวลาจากเหล่าอัศวินผู้กล้าจากทาง
ตอนเหนือของทวีปและแน่นอนว่ารวมกับเหล่าอัศวินจาก
อาณาจักรเบร็คด้วย จะเป็นการดีกว่าหากจะใช้ทั้งอัศวินจาก
ทางตอนเหนือ เหล่าผู้ฆ่านักเวทย์และอัศวินจากป่าทางตอนใต้
เขาได้ตัดสินใจซื้อค่าเสียเวลาจากพวกเขาทั้งหมด
มันจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาหากได้สิ่งนี้ไว้ในกา
มือ
“บิลอส…เจ้าก็ต้องการใช้งานพวกมันด้วยเช่นนั้นรึ?”
“ไม่ขอรับ!…เพียงแต่เมื่อเร็วๆนี้กระผมได้ทราบข้อมูลบางอย่าง
มา”
บิลอสสมกับเป็นพ่อค้าจริงๆ เขาสามารถทราบข้อมูลได้อย่าง
รวดเร็ว
“ทวีปตะวันตกกาลังจะตกสู่ความวุ่นวายในไม่ช้านี้และนั่นก็
เพื่อพ่อค้าอย่างกระผมที่จะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นเงิน”
“พ่อค้าก็มักจะวิ่งไปหาอะไรก็ตามที่สามารถสร้างกาไรให้แก่ตน
ได้เสมอ”
คาร์ลคือลักษณะของคนที่บิลอสชอบเพราะเขาเข้าใจหัวอก
ของเหล่าผู้ค้าได้เป็นอย่างดี บิลอสชื่นชมคาร์ลที่ไม่อ้อมค้อมไป
มาแต่เลือกจะพูดในสิ่งที่ตรงประเด็นด้วยเช่นกัน
“อาณาจักรวิปเปอร์กาลังจะเข้าสู่ภาวะยุ่งเหยิงในเร็วๆนี้…ข้า
คิดว่านี่คือสิ่งที่เจ้าคาดไว้แล้วสินะ?”
บิลอสพยักหน้าตอบรับกับคาถามของคาร์ล เหล่านักเวทย์และ
ผู้ไม่ใช่นักเวทย์จะไม่สามารถอยู่ร่วมกันในอาณาจักรวิปเปอร์ได้
อีกต่อไป
“นั่นคือเหตุผลที่กระผมพยายามหาสิ่งที่สามารถสร้างเป็น
รายได้ให้แก่ตัวเองในความยุ่งเหยิงพวกนั้น…นายน้อยคิดว่า
อะไรคือการลงทุนเพื่อให้ได้กาไรจากสถานการณ์เช่นนี้กัน?”
คาร์ลตอบคาถามของบิลอสได้อย่างง่ายดาย
“กาลังคน!”
เหล่านักเวทย์จะพ่ายแพ้หลังจากหอคอยพลังเวทย์ถูกทาลาย
จนย่อยยับ แล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับเหล่านักเวทย์ที่เหลืออยู่
ท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น?
อาณาจักรวิปเปอร์คือศูนย์รวมอันยิ่งใหญ่ของอุปกรณ์พลัง
เวทย์ในทวีปตะวันตกและยังคงมีเหล่านักเวทย์อีกส่วนใหญ่ที่
อยู่ห่างไกลจากสงครามกลางเมืองนี้เช่นกัน
ในนิยายได้กล่าวว่าองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กก็มีส่วน
เกี่ยวข้องกับหอคอยพลังเวทย์แห่งใหม่รวมถึงโรสลินที่เป็นนัก
เวทย์ระดับสูงก็ได้สร้างหอคอยพลังเวทย์แห่งใหม่ขึ้นบนพื้นที่ที่
ต่างกันออกไป
บิลอสเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม
“ท่านกาลังคิดว่าเหล่านักเวทย์จะมองหาบ้านหลังใหม่หรือ
ขอรับ?”
คาร์ลไม่ได้ให้คาตอบแก่บิลอสโดยตรง
เหล่านักเวทย์จาเป็นต้องเป็นผู้แพ้ในอาณาจักรวิปเปอร์เพราะ
นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทาให้อาณาจักรวิปเปอร์ก้าวสู่อนาคตที่
ดีกว่า อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้ความสาคัญกับสิ่งนี้มากนัก
สิ่งที่เขาต้องการคืออย่างอื่น
อุปกรณ์พลังเวทย์ระดับสูงนั่นคือสิ่งที่คาร์ลต้องการ สิ่งเหล่านั้น
จะต้องคงอยู่หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงแล้ว
“แจ้งให้ข้าทราบทันทีเมื่อหอคอยพลังเวทย์ได้ถูกทาลายลง
แล้ว”
“กระผม..ขอถามได้ไหมขอรับว่าเพราะเหตุใด?”
คาร์ลยักไหล่ของตนขึ้นและเอ่ยตอบเบาๆ
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
หอคอยพลังเวทย์ นั่นคือสิ่งที่คาร์ลวางแผนที่จะซื้อมัน
หอคอยพลังเวทย์จะเต็มไปด้วยอุปกรณ์พลังเวทย์ที่พังชารุด
และยากที่จะซ่อมแซมให้เหมือนเดิมแต่คาร์ลรู้วิธีที่ตนจะ
สามารถใช้ประโยชน์จากหอคอยพลังเวทย์ที่ถูกทาลายนี้ได้และ
แม้แต่องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กก็ยังคาดไม่ถึงกับการกระทา
ของคาร์ลในเรื่องนี้ได้
“กระผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ”
คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยเพราะตัวเขาเองก็ตั้งตารอคอยเช่นกัน
การซื้อหอคอยพลังเวทย์จะเป็นการซื้อเวลาให้แก่ตนไปสักพัก
มันจะเป็นการซื้อเวลาให้เขาได้เตรียมการเพื่อป้องกันตนเอง
จากอันตรายและมันจะมีราคาที่แพงมากแต่……
‘มันก็ไม่ใช่เงินของฉันสักหน่อย’
บิลอสมองเห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้าของคาร์ลและความ
คาดหวังของเขาก็พุ่งสูงขึ้น
“กระผมจะส่งข่าวให้นายน้อยทราบทันทีเมื่อมันได้เกิดขึ้น”
“ตกลง….แล้วข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้า”
คาร์ลบอกลาแก่บิลอสในเวลาต่อมาซึ่งเป็นแขกคนแรกของเขา
จากนั้นเขาก็จะได้ทักทายกับแขกคนที่สองและคาดว่าจะเป็น
แขกคนสุดท้ายของตนในวันนี้ แขกคนนี้ได้พุ่งเข้ามาในห้อง
ของเขาโดยทันที
คาร์ลมองไปยังระเบียงของห้องซึ่งประตูระเบียงได้เปิดค้างอยู่
ก่อนที่จะสะดุ้งกับสิ่งที่พุ่งเข้าในห้องของเขาด้วยความรวดเร็ว
จากทางระเบียงนั่น
“นั่นมันอะไรกัน?”
ตุ๊กตาดินเผาขนาดเท่าฝ่ามือของคาร์ลได้พุ่งเข้ามาในห้องของ
เขาผ่านทางประตูระเบียงห้อง ออนและฮงกระโดดเข้าหาอ้อม
แขนของคาร์ลทันทีด้วยความหวาดกลัว เป็นเพราะท่าทางของ
ตุ๊กตาดินเผาตัวนี้น่ากลัวมากเกินไปมันดูคล้ายกับซอมบี้
มากกว่าที่จะเป็นเพียงตุ๊กตา มังกรดาเอ่ยเข้ามาในหัวของคาร์ล
ด้วยพลังเวทย์ของมันอย่างที่เคย
~ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังของพระเจ้าจากสิ่งนั่น ~
“อ่า…..”
ก่อนที่คาร์ลจะโพล่งชื่อของใครบางคนออกมา ‘นักบวชหญิงผู้
บ้าคลั่ง’
“เคจ!!!”
เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นออกไปตุ๊กตาดินเผาที่ไม่มีตาและหูมีเพียง
ปากประดับอยู่บนตัวของมันจะเริ่มพูดขึ้น
“ข้ารู้ว่านายน้อยคาร์ลจะสามารถจดจาข้าได้…ตุ๊กตาตัวนี้
สามารถเชื่อมต่อกับตัวข้าได้…มันเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ได้เพียงแค่
ครั้งเดียวเท่านั้นที่สามารถฟังและพูดคุยตอบโต้ได้”
เธอมีทักษะมากพอที่จะเป็นหมอผีได้ดีทีเดียว
คาร์ลมองหามังกรดาทันที มังกรดาตัวนี้สามารถพูดเข้ามาใน
หัวของเขาได้แต่เขาไม่สามารถมองเห็นตัวและตอบโต้มันกลับ
ได้ มันคล้ายกับว่ามันต้องการเพียงแค่ฟังในสิ่งที่คนรอบข้าง
พูดคุยและเลือกที่จะพูดออกมาให้เขาได้ยินโดยไม่ปรากฏตัว
ออกมาให้เขาได้เห็นและตอบโต้มันได้
‘มังกรตัวนี้แข็งแกร่งเพียงใดกันนะ?’
ทันใดนั้นคาร์ลก็รู้สึกสงสัยในพลังเวทย์อันแข็งแกร่งของมังกร
ดา ก่อนที่ตุ๊กตาดินเผาตัวนี้จะเอ่ยทาลายความคิดของเขาไม่ให้
ฟุ้งซ่านไปไกลเกินไป
“พวกข้ากาลังจะเดินทางออกจากเมืองหลวงในวันนี้แล้ว….ข้า
มั่นใจว่านายน้อยคาร์ลไม่ชอบให้พวกข้าติดต่อกับท่านแบบนี้
นัก”
‘ถูกต้อง…มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว’
“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น..เทย์เลอร์ก็ต้องการบอกบางอย่างให้ท่าน
ได้ทราบ”
“ ‘นายน้อยคาร์ล…ข้าจะกลับไปทวงคืนตาแหน่งของข้าคืน
และเมื่อใดที่ข้าสามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่าตาแหน่งเดิมของ
ข้าแล้ว…ข้าจะกลับไปตอบแทนในสิ่งที่ท่านได้ให้ความ
ช่วยเหลือข้าอย่างแน่นอน’ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการแจ้งให้ท่าน
ได้ทราบ”
“ไม่จาเป็นต้องแจ้งให้ข้าทราบหรอก…”
“ข้ารู้…”
คาร์ลจ้องไปยังตุ๊กตาดินเผาแสนน่าเกลียดที่ไร้แม้แต่ดวงตาตัว
นี้อย่างสงบ
“ถึงกระนั้นเทย์เลอร์และข้าก็ต้องการแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านทราบ
อยู่ดี…เมื่อเราได้สิ่งที่ปรารถนาแล้วพวกเราจะต้องกลับไปตอบ
แทนท่านอย่างแน่นอน”
“..เฮ้อ…ทาในสิ่งที่พวกท่านต้องการเถิด”
ตุ๊กตาดินเผาเริ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคาพูดของคาร์ลและเริ่ม
ละลายหายไปอย่างช้าๆ ออนและฮงเริ่มมุดเข้าในในเสื้อของ
คาร์ลเพื่อซ่อนตัวของพวกมันหลังจากที่เห็นตุ๊กตาเริ่มละลาย
หายไป
“ถ้าเช่นนั้น..ข้าขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง…นายน้อยคาร์ล”
ตุ๊กตาดินเผาละลายหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ให้เห็น
มังกรดาจ้องไปยังตาแหน่งที่ตุ๊กตาตัวนี้เคยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ
หันไปมองที่คาร์ล
“เมื่อถึงตอนนั้น…ข้าสามารถลงมือแก้แค้นได้หรือไม่?”
มังกรดาที่คลายเวทย์ล่องหนของมันออกไปได้เอ่ยถามคาร์ลขึ้น
เมื่อ‘เทย์เลอร์ สแตน’ได้กลับเข้าสู่อานาจและกลายเป็นผู้นา
ของตระกูลสแตนแล้วตัวมาร์ควิสสแตนและเวนี่ยนจะต้อง
เผชิญกับความโกรธแค้นของมังกรดาโดยทันที
“อืม…เมื่อถึงเวลานั้น..เจ้าสามารถลงมือเมื่อใดก็ได้ตามที่เจ้า
ต้องการ”
“เยี่ยม….”
มังกรดานึกถึงช่วงเวลาที่ความแค้นของมันจะได้ถูกชาระ
หลังจากที่ได้ยินสถานการณ์ของเวเนี่ยนและมาร์คควิสสแตน
จากบทสนทนาของคาร์ลกับตุ๊กตาดินเผานั่น มันกาลังคิดถึงวิธี
ที่มันจะใช้โจมตีเวเนี่ยนและมาร์คควิสสแตนเมื่อพวกเขาไม่มี
อานาจในกามืออีกต่อไป มันกาลังจะแสดงให้พวกเขาได้สัมผัส
ถึงความสิ้นหวังและต้องทนทุกข์ทรมานอย่างที่สุด
มังกรดากระพือปีกของมันอย่างมีความสุข มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่
แสนโหดร้ายจริงๆ
คาร์ลได้ยินเสียงของมังกรดาพึมพาถึงแผนการแก้แค้นของมัน
ลอดเข้าหูของเขาเป็นระยะๆและถือว่ามันเป็นเพลงกล่อมเด็กที่
น่าขนลุกที่สุดที่เคยได้ยินมาในขณะที่เขาตัดสินใจล้มตัวลงนอน
ในเวลาต่อมา แม้ว่าความเป็นจริงเสียงที่พึมพาถึงแผนการอัน
โหดร้ายเช่นนี้จะไม่เหมาะสาหรับการกล่อมให้นอนหลับได้ง่าย
นักก็ตาม
เช้าวันรุ่งขึ้น คาร์ลกาลังยืนอยู่เบื้องหน้าของรถม้า
โรสลิน เชวฮันและล็อกกาลังเฝ้ามองพวกเขาทั้งหมดก้าวขึ้นรถ
ม้าไปในวันนี้ คาร์ลยืนมองพวกเขาทั้งสามคนด้วยท่าทางไม่
ยินดียินร้ายใดๆ
“ท่านคาร์ล….หากท่านได้พบเจอนักเวทย์โรคจิตผู้นั้น…ท่าน
ต้องบอกให้มังกรดาลงมือฆ่าเขาในทันทีนะขอรับ!…ท่านต้อง
บอกให้มังกรดาตัดหัวของเขาให้จงได้เพื่อที่เขาจะไม่ไร้
ประโยชน์เช่นกระผมที่สามารถตัดเพียงแขนของเขาได้
เท่านั้น!”
เชวฮันพ่นสิ่งชั่วร้ายออกมาตั้งแต่เช้าตรู่
“ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นและกลับมาอย่างแน่นอน!…ดังนั้นเมื่อข้า
จากไปแล้วพวกเจ้าทั้งหมดต้องเชื่อฟังคาสั่งของท่านคาร์ลและ
ทาตามที่เขาบอกอย่างเคร่งครัด…พวกเจ้าต้องจริงจังกับสิ่งที่ข้า
บอกพวกเจ้าไปในวันนี้…มันจะดีต่อตัวพวกเจ้าเองในอนาคต…
ในตอนนี้พวกเราทุกคนต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้”
บทที่ 49 เอาไงดี 7 (2)

ล็อกถูกน้องๆของเขาทั้งสิบคนล้อมรอบไว้และเผยความในใจ
ของตนให้แก่น้องๆของตนได้ทราบ โรสลินกาลังกระซิบ
กระซาบกับมังกรดาภายในรถม้ามันเป็นเสียงที่เบามากจน
คาร์ลไม่สามารถได้ยินในสิ่งที่ทั้งคู่สนทนากัน
“ท่านมังกร…นี่คือตาราเรียนภาษาของอาณาจักรโรมัน..ส่วนนี่
คือตาราเรียนภาษาทางการที่สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจทั่วทั้ง
ทวีป”
“ขอบใจมากเจ้ามนุษย์…ข้าเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่
ที่สุด.แน่นอนว่าข้าสามารถเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว”
“เป็นดั่งที่ท่านกล่าว…ท่านเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่
ที่สุด…ข้าขอภาวนาให้ท่านสามารถตั้งชื่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้แก่
ตัวท่านเองได้”
“ข้าจะไปขอให้เขาตั้งชื่อให้แก่ข้า”
“….เอ่อ…ข้ามั่นใจว่าหากท่านเอ่ยขอนายน้อยคาร์ลให้ตั้งชื่อ
ให้แก่ท่าน..มันคงจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายสาหรับท่านพอควร
เลย”
“ฮึ่ย!”
คาร์ลไม่รู้ว่าพวกเขากาลังพูดอะไรกันแต่เขาสามารถเห็น
ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของโรสลินที่กาลังเฝ้ามองมังกรดาอยู่
ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยกับท่าทีของเธอ
จากนั้นคาร์ลก็หันไปมองเชวฮันที่ยังคงพูดอย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับสิ่งที่คาร์ลควรทาเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดให้ได้หากไม่มีเขา
อยู่ข้างกายแล้ว
“ท่านคาร์ล…ท่านสามารถเพิ่มการเอาตัวรอดของท่านได้หาก
ท่านลงมือใช้ระเบิดที่มีอยู่ทาลายมันให้ตายภายในครั้งเดียว
และต้องวิ่งหนีจากมันไปให้เร็วที่สุดดังนั้นมันจะ…..”
“พอได้แล้ว!สาหรับเรื่องไร้สาระที่เจ้ากาลังพูดอยู่”
คาร์ลเอ่ยขัดในสิ่งที่เชวฮันพูดยังไม่ทันจบก่อนจะกล่าวต่อโดย
ทันทีโดยไม่ให้เชวฮันมีโอกาสได้พูดอะไรออกมาอีก
“แค่ทาให้แน่ใจ..ว่าเจ้าจะกลับมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บก็พอ”
“….ขอรับ!…กระผมจะทาได้อย่างแน่นอน”
คาร์ลไม่ต้องการที่จะเห็นรอยยิ้มอันไร้เดียงสาของเชวฮันอีก
ต่อไปจึงได้ตัดสินใจก้าวขึ้นรถม้าโดยทันที ก่อนที่โรสลินจะก้าว
ลงจากรถม้าเมื่อเห็นคาร์ลก้าวขึ้นมาบนรถม้าแล้ว
คาร์ลรู้สึกได้ถึงน้าหนักตัวของมังกรดาที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหน
อยู่เช่นเดียวกับน้าหนักตัวของออนและฮงที่นั่งลงบนตักของ
เขาในขณะที่เขามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าเพื่อแจ้งแก่ฮันส์
“ไปกันเถอะ!”
ข้ารับใช้ทุกคนในบ้านพักของตระกูลเฮนิตัสในเมืองหลวงได้
ออกมาส่งคาร์ลบริเวณนอกรั้ว คาร์ลไม่เข้าใจว่าทาไมข้ารับใช้
ถึงต้องละทิ้งงานของพวกเขาให้ล่าช้าลงเพียงเพื่อมาส่งตน
เช่นนี้ด้วย คาร์ลได้แจ้งแก่พวกเขาไปแล้วว่าไม่เป็นไรหากพวก
เขาจะไม่ออกมาส่งตนแต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังอยากออกมา
กล่าวลาเขาอยู่ดีสินะ!
“ขอให้นายน้อยเดินทางกลับอย่างปลอดภัย!”
“มันเป็นความสุขของพวกเรา..ที่ได้รับใช้นายน้อย!”
“พวกเราหวังว่าจะได้รับใช้นายน้อยอีกครั้งในอนาคต!”
‘เรื่องไร้สาระพวกนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง’
คาร์ลไม่มีแผนที่จะเดินทางกลับมายังเมืองหลวงอีกต่อไป เขา
โบกมือลาให้กับพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจนักและปิดม่านหน้าต่าง
รถม้าลงทันที ท่าทางเช่นนี้คือสัญญาณของการเริ่มออก
เดินทาง
คณะเดินทางของคาร์ลประกอบไปด้วยรถม้ามากกว่าสองคันซึ่ง
มากกว่าตอนที่พวกเขาเดินทางมาเยือนเมืองหลวงและตอนนี้
พวกเขากาลังออกจากเมืองหลวงเพื่อมุ่งหน้าไปยังภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ
‘อาณาเขตอัลบา’ คือสถานที่ที่คาร์ลมุ่งหน้าไปมันเป็นสถานที่ที่
ประกอบไปด้วยทะเลที่เต็มไปด้วยวังน้าวนเป็นเวลาหลายร้อย
ปีแล้ว
************************************************
*****************************
“ฟืด!!!!….มันมีกลิ่นเค็ม!…นี่คือทะเลเช่นนั้นหรือ?”
‘ฮง’ลูกแมวขนสีแดงที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าหลังจากที่
เปิดหน้าต่างรถม้าและสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดเล็กๆของมัน
คาร์ลพยักหน้าตอบรับเบาๆในขณะที่ยื่นมือของตนไปรับ
สิ่งของที่มีลักษณะกลมและมีขนาดเล็กจากมังกรดา
“นี่คือ…ส่วนผสมของพลังเวทย์ที่ได้จากระเบิดพวกนั้นหรือ?”
มังกรดาพยักตอบรับกับคาถามของคาร์ลก่อนเอ่ยตอบ
“ใช่!…ตอนนี้พวกเราสามารถสร้างระเบิดพลังเวทย์แบบใหม่ได้
แล้ว”
คาร์ลรู้สึกถึงความสุขที่เพิ่มขึ้นโดยทันทีเมื่อได้รับคายืนยันนี้
และเปิดหน้าต่างรถม้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิม สายลมที่หอบเอา
กลิ่นทะเลถูกพัดเข้ามาในรถม้าเรื่อยๆเมื่อเขามองไปยังทะเล
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มันมีเกาะมากมายให้เห็นไปทั่ว
มหาสมุทรซึ่งทะเลทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือจะประกอบ
ไปด้วยหมู่เกาะเล็กๆเหล่านี้เป็นจานวนมาก
‘ออน’ ลูกแมวขนสีเงินก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“โอ้!….ดูหน้าผาที่แหลมคมนั่นสิ!”
หน้าผาอันแหลมคมก่อให้เกิดความหวาดหวั่นขึ้นได้และความ
หวาดเสียวยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อพวกเขากาลังนั่งรถม้าข้าม
สะพานที่สร้างขึ้นบนหน้าผาแห่งนี้
คาร์ลมองไปที่ ‘หน้าผาแห่งสายลม’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สวยงาม
ที่สุดในอาณาเขตอัลบาและมีเกาะเล็กๆหลายแห่งที่อยู่ถัดไป
จากหน้าผานี้
ระหว่างทางของหน้าผาและหมู่เกาะต่างๆมีวังน้าวนมากมาย
กีดขวางเส้นทางอยู่ซึ่งวังน้าวนเหล่านี้คือตัวการที่ทาให้ชายฝั่ง
ทะเลอัลบาถูกกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
‘ผู้ฆ่านักเวทย์ได้สิ้นสุดการเดินทางของเขาลงบนเกาะใดสัก
แห่ง…หลังจากที่เรือของเขาอับปางลงด้วยกระแสน้าวนพวกนี้
และจบลงด้วยการที่เขาได้ค้นพบพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียง
เรียกของวายุ’’
ผู้ฆ่านักเวทย์คนนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นคนที่ป่าเถื่อนที่
ชาญฉลาด เขาแข็งแกร่งกว่าล็อกที่เป็นทั้งสมาชิกเผ่าหมาป่าสี
น้าเงินและยังเป็นราชาของเผ่าหมาป่าในอนาคต อีกทั้งล็อกยัง
ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเป็นลาดับต้นๆในทวีป
ตะวันตกเสียอีกด้วยซ้า ชื่อของผู้ฆ่านักเวทย์คนนี้คือ‘ทูนก้า’
หรือที่รู้จักโดยทั่วไปในชื่อ ‘เผด็จการทูนก้า’
‘ฉันต้องได้รับมันมาครอบครองก่อนที่เขาจะหามันเจอ’
หากสิ่งต่างๆยังคงเป็นไปตามเนื้อหาในนิยายมันก็ยังเร็วเกินไป
ที่ ‘ทูนก้า’จะเดินทางมายังที่นี่ในเวลานี้ คาร์ลคิดว่าเขาไม่มี
ทางที่จะได้เผชิญหน้ากับทูนก้าอย่างแน่นอน คาร์ลหันไปมอง
ท้องทะเลด้วยความพอใจการเดินทางในครั้งนี้จะราบรื่นตราบ
ใดที่เขาสามารถหลีกเลี่ยงจากทูนก้าได้
คาร์ลยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสุขและสามารถ
มองเห็นบางสิ่งที่อยู่ไกลออกไปสุดขอบฟ้าทะเลนั่น
“หืม?”
คาร์ลขยี้ตาของตนเล็กน้อยแต่เขาก็ยังมองเห็นสิ่งนั้นอยู่
เหมือนเดิม
“…..นั่นมันคงไม่ใช่วาฬหรอกใช่มั้ย?”
วาฬที่มีลาตัวขนาดใหญ่พ่นน้าขึ้นไปในอากาศในตอนที่พวก
เขากาลังเดินทางผ่านทะเลของชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
เพื่อมุ่งหน้าไปทางตอนเหนือของอาณาเขตอัลบา ทันใดนั้น
คาร์ลก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างและการะเบิดพลังเวทย์ใน
มือของตนไว้แน่น
วาฬส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ในทะเลทางตอนเหนือของทวีปนั่นคือ
ข้อเท็จจริงของเผ่าวาฬเช่นกันมีเพียงแค่ตอนที่พวกมันทา
สงครามกับเหล่านางเงือกเท่านั้นที่มุ่งสู่ทะเลทางตอนใต้
‘ฉันแน่ใจว่าพวกมันเพียงแค่ว่ายผ่านไปยังทะเลทางตอนเหนือ
เท่านั้น…ไม่มีทางที่วาฬจานวนมากเช่นนี้จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ได้…มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้นใช่มั้ย?!!!!’
ก่อนที่เสียงของมังกรดาจะดังก้องอยู่ในหูของคาร์ล
“ข้าสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งของสิ่งนั้นได้”
เสียงก้องของมังกรดาเสียดแทงเข้าสมองของคาร์ลทันที
นั่นเป็นสาเหตุที่ทาให้คาร์ลหน้านิ่วคิ้วขมวดสลับกับซีดเผือด
เมื่อพวกเขาเดินทางเข้ามายังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ด้าน
นอกของ‘หน้าผาแห่งสายลม’
“นายน้อย…ท่านป่วยระหว่างเดินทางหรือขอรับ?”
คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อฮันส์เอ่ยถาม
“เปล่า…ข้าเพียงรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย”
“อ่า….มันอาจน่ากลัวเพราะหน้าผาพวกนั้นแต่อย่างไรก็ตามคน
บังคับรถม้าของเรามีประสบการณ์ที่สูงมาก..ดังนั้นนายน้อยไม่
ต้องกังวลนะขอรับ”
คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยกับความคิดเห็นที่ไร้ประโยชน์ของฮันส์
และยื่นมือออกไปหาบุคคลที่เดินเข้ามาใกล้เขาโดยทันที
“คุณหนูอามูร์..ไม่ได้เจอกันนานเลยสินะ”
“สวัสดี..นายน้อยคาร์ล”
อามูร์มีรอยยิ้มอันผ่อนคลายประดับบนใบหน้าเมื่อเอ่ยต้อนรับ
คาร์ลและคณะเดินทางของเขา
นี่คือหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆแห่งหนึ่งในอาณาเขตอัลบา
หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษและอนุญาตให้ชาว
บ้านพักอาศัยอยู่อย่างสงบสุขและเงียบสงบมาจนถึงทุกวันนี้
และจู่ๆก็ต้องวุ่นวายกับแขกผู้มาเยือนเป็นจานวนมากในตอนนี้
หมู่บ้านแห่งนี้กาลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใน
ทุกๆวัน อย่างไรก็ตามพวกเขากาลังเผชิญหน้ากับโอกาสที่จะ
ทาหมู่บ้านของพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร้ที่เปรียบในอนาคต
อันใกล้นี้ คืนพรุ่งนี้ก็นับเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงได้
เช่นกัน
คืนพรุ่งนี้คือคืนที่คาร์ลวางแผนจะใช้ระเบิดพลังเวทย์ทาลาย
มหาสมุทรที่แสนลึกล้านั้นแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คาร์ลไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สถานการณ์อัน
เลวร้ายนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีทหารองครักษ์ผู้หนึ่งมารายงานบางสิ่ง
ให้อามูร์ทราบ ทหารองครักษ์ผู้นี้ขยับเข้าหาอามูร์อย่างรวดเร็ว
และกล่าวรายงานอย่างเงียบๆ
“คุณหนูอามูร์…คนที่เราได้ช่วยชีวิตไว้..ฟื้นคืนสติแล้วขอรับ…”
“โอ้!…เช่นนั้นหรือ?”
‘ช่วยชีวิตคน?’
คานั้นทาให้คาร์ลนึกถึงเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ในขณะที่คาร์ลเริ่มรู้สึกสับสนในใจของตน อามูร์ก็ได้อธิบาย
รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของคาร์ลเข้า
“เรากาลังดาเนินการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบบริเวณชายฝั่ง
และเกาะบริเวณใกล้เคียงเพื่อมองหาสถานที่ที่เหมาะแก่การ
สร้างฐานทัพเรือแห่งใหม่…ก่อนจะได้ช่วยคนผู้หนึ่งที่ดู
เหมือนว่าเรือจะอับปางลง..ดูเหมือนว่าตอนนั้นเขาจะหมดสติ
ลง”
‘ฉันรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย’
“เรากาลังถกเถียงกันว่าจะทาอย่างไรเมื่อเราเห็นเขาหมดสติ
และกาลังถูกลากเข้าสู่วังน้าวนนั่น..แต่ข้ายังจาสิ่งที่ท่านทาใน
จัตุรัสกลางเมืองนั้นได้ดีและตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเขา”
อามูร์ยังกล่าวกับคาร์ลต่อไป
“เพราะชีวิตของคนผู้นั้นย่อมมีค่า….ใช่หรือไม่นายน้อยคาร์ล?”
คาร์ลตอบคาถามนั้นกลับไปหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่
“…..แน่นอน”
“ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านจะตอบเช่นนี้….”
คาร์ลไม่สามารถมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของอามูร์ได้
ในตอนนี้ สิ่งที่วนเวียนภายในใจของเขาคือรายละเอียดของ
เนื้อหาในนิยายที่อธิบายถึงสถานการณ์ของทูนก้าเพียงเท่านั้น
บทที่ 50 เข้าสู่วังน้้าวน 1 (1)

อามูร์ไม่มีทางรู้ได้ว่าคาร์ลก้าลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ เธอคิด
เพียงแค่ว่าสีหน้าที่เคร่งเครียดของคาร์ลคือการที่เขาห่วงใย
ผู้อื่นตามเนื้อแท้ที่เขาเป็น ก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“จากการแต่งกายและโครงสร้างทางร่างกายของชายผู้นี้…ดู
เหมือนว่าเขาจะเป็นคนจากอาณาจักรวิปเปอร์”
ต้องเป็น ‘ทูนก้า’ อย่างแน่นอน
ใบหน้าของคาร์ลเริ่มซีดเผือดลงเมื่อได้ยินอามูร์พูดเช่นนั้น
ผู้ที่ไม่ใช่นักเวทย์และเลือกที่จะต่อสู้กับเหล่านักเวทย์ใน
อาณาจักรวิปเปอร์ต่างก็ถูกมองว่าเป็นผู้ปุาเถื่อนจากเหล่านัก
เวทย์
อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ปุาเถื่อนบนโลกใบนี้ มนุษย์ทุกคนต่างมี
สมองเช่นเดียวกันและมันยังคงเป็นเช่นนั้นเมื่อเวลาค่อยๆ
เคลื่อนผ่านไปประวัติศาสตร์ก็ย่อมถูกสร้างขึ้นมาใหม่ พวกเขา
ทั้งหมดต่างก็เติบโตและพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตในแบบที่
เหมาะสมที่สุดส้าหรับพวกเขา
นักเวทย์จากอาณาจักรวิปเปอร์ไม่ใช่ทุกคนที่จะแข็งแกร่งมาก
พอจนสามารถควบคุมภูเขาและชายฝั่งทะเลอันโหดร้ายใน
อาณาจักรวิปเปอร์ได้โดยไม่ต้องอาศัยพลังเวทย์ใดๆ แต่ยังคงมี
กลุ่มคนที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสรีระทางร่างกายของมนุษย์ให้
แข็งแกร่งแทนที่จะพึ่งพาปัจจัยอื่นๆเฉกเช่นพลังเวทย์พวกนั้น
พวกเขาก้าลังก่อกบฏเพราะต้องการท้าลายอาณาจักรวิปเปอร์
ในปัจจุบันที่ล้วนแต่อ้านวยความสะดวกให้แก่เหล่านักเวทย์
และต้องการให้กลับคืนสู่รูปแบบดั้งเดิมที่มันควรเป็น
ราษฎรในอาณาจักรวิปเปอร์ต่างก็อยู่ข้างกลุ่มคนที่ไม่ใช่นัก
เวทย์เหล่านี้ คนจากต่างอาณาจักรอาจมองกลุ่มคนที่ถูก
เรียกว่าปุาเถื่อนหรือเผด็จการกลุ่มนี้ว่าต้องการที่จะแย่งชิง
อาณาจักรมาไว้ในก้ามือของพวกเขาเองแต่พวกเขาไม่ได้เป็น
คนปุาเถื่อนและโหดร้ายต่อราษฎรในอาณาจักรวิปเปอร์เช่นที่
ถูกอาณาจักรอื่นเข้าใจ พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มคนที่กระหายต่อ
อิสรภาพโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้อ้านาจของเหล่านักเวทย์อีกต่อไป
พวกเขาอาศัยเพียงสัญชาตญาณเพื่อท้าลายอาณาจักรที่มี
ตรรกะน่ารังเกียจนี้เพียงเท่านั้น
‘ปัญหาคือ…ทูนก้าเป็นคนที่โง่เขลามาก’
ผู้ปุาเถื่อนอัจฉริยะ? หลายคนอาจเรียกเขาเช่นนั้นแต่ส้าหรับ
ความคิดของคาร์ล‘ทูนก้า’เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆและ
ค่อนข้างโง่เขลาแต่บังเอิญมีร่างกายที่แข็งแกร่งก็เท่านั้น!
และคนที่โง่เขลาก็มักจะเป็นจะเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดเพราะไม่ว่า
เราจะเพียรพยายามอธิบายหรือพูดคุยอะไรกับเขาไป คนเช่นนี้
ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการบอกได้เลย
“นายน้อยคาร์ล…ท่านไม่ต้องเป็นกังวลเกีย่ วกับคนผู้นี้เพราะดู
เหมือนว่าเขาจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว”
คาร์ลหัวเราะออกมาเบาๆเมื่ออามูร์เอ่ยออกมาเช่นนั้น
“ข้าไม่ได้กังวลสิ่งใดเลย…ความจริงแล้วข้ากลับชอบเสียอีกที่
เขาจะรักษาอาการของเขาให้นานอีกสักหน่อย”
ความหวังของคาร์ลคือการที่ทูนก้ายังคงนอนรักษาตัวอยู่
จนกว่าเขาจะเดินทางออกจากที่นี่ไปแล้ว อามูร์หรือแม้แต่
ทหารองครักษ์ของเธอที่อยู่ในเมืองหลวงในตอนนั้นต่างก็จ้อง
มองคาร์ลด้วยสายตาอันอบอุ่นอ่อนโยน
คาร์ลไม่มีเวลาสนใจกับสายตาพวกนั้น เขาเริ่มปวดหัวไปกับ
การหาค้าตอบว่าท้าไมทูนก้าจึงมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลา
อันรวดเร็วเช่นนี้
“คุณหนูอามูร์…ท่านพาพวกเราไปยังห้องพักได้หรือไม่?”
“ได้สิ…ร่างกายของท่านยังไม่แข็งแรงเช่นเดิมสินะ?”
“อืม….ข้ายังรู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย”
“…โอ้!ตายแล้ว…ถ้าเช่นนั้นเรารีบกันเถอะ”
คาร์ลมีเพียงสิ่งเดียวที่คิดขึ้นมาในหัวของเขา เมื่ออามูร์ก้าลัง
เริ่มเดินอย่างรวดเร็วพร้อมกับสีหน้าอันเคร่งเครียดของเธอ
ก่อนที่เธอจะชะลอการก้าวเดินของเธอลงเพื่อรอคาร์ล
‘บิลอสอาจเป็นหนึ่งในตระกูลฟลินน์และมีความสามารถที่สูง
มาก..แต่ท้าไมเขาถึงมั่นใจว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นใน
อาณาจักรวิปเปอร์เช่นนั้นกันนะ?….เขามีวิธใี นการหาข่าวได้ไว
เช่นนี้จากไหนกัน?’
อาจเป็นเพราะคาร์ลได้อ่านนิยายเรื่องนี้และประจักษ์ถึง
ความสามารถของบิลอสมาแล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงถูก
ผู้อื่นดูถูกเหยียดหยามที่เป็นเพียงบุตรชายนอกสมรสอยู่เช่นเดิม
บางทีอาจมีการจ้ากัดการได้รับข้อมูลของเขานั่นหมายความว่า
ข้อมูลที่บิลอสทราบมาอาจถูกเปลี่ยนแปลงไป
‘สงครามกลางเมืองอาจเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิมจากที่นิยายได้บอก
เอาไว้’
หากมันเป็นอย่างเขาคิดทุกอย่างก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลแต่สิ่งที่
ท้าให้เกิดสงครามกลางเมืองเร็วขึ้นกว่าเดิมคืออะไรกันนะ?
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้คิดหาค้าตอบของค้าถามนี้นานนัก
ความจริงที่ว่าเรือของทูนก้าได้อับปางลงนั่นหมายความว่าเรือ
ของเขาถูกท้าลายจากการโจมตีของเหล่านักเวทย์ซึ่งเขาก้าลัง
เดินทางกลับจากทางตอนเหนือของทวีปหลังจากฝึกฝน
พละก้าลังของตนจนแข็งแกร่ง
ซึ่งหมายความว่าเนื้อหาในนิยายได้ขยับขึ้นมาแต่เรื่องราวยัง
ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ความแข็งแกร่งของทูนก้าท้าให้เหล่านักเวทย์ต่างหวาดกลัวเขา
ขีดจ้ากัดของร่างกายมนุษย์หากพูดถึงความแข็งแกร่งทางกาย
แล้ว ‘ทูนก้า’คือผู้ที่รอดชีวิตจากทะเล ภูเขา ทะเลทราย ปุาดิบ
ภูเขาไฟและธารน้้าแข็งโดยอาศัยเพียงความแข็งแกร่งทาง
กายภาพของร่างกายเท่านั้น
ทูนก้าคือผู้ที่สามารถรอดชีวิตได้จากธรรมชาติและ
องค์ประกอบที่โหดร้ายที่สุดไม่มีทางที่เหล่านักเวทย์ที่รู้จักแต่
การใช้พลังเวทย์จากธรรมชาติจะสามารถเอาชนะคนแบบนี้ได้
‘บางทีมังกรด้า…อาจฆ่าเขาได้’
มังกรอาจฆ่าเขาได้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
คาร์ลได้แจ้งแก่พวกเขาว่าต้องการพักผ่อนทันทีที่ถึงห้องพัก
และส่งทุกคนออกจากห้องพักเขาไปในที่สุด ก่อนที่จะมองไป
บนเพดานห้องแล้วเริ่มพูด
“เฮ้!”
“มีอะไรหรือเจ้ามนุษย์?”
มังกรด้าปรากฏร่างของมันออกมาในที่สุด คาร์ลหันไปพูดกับ
มันอย่างจริงจัง
“อยู่ข้างๆกายข้าและห้ามออกไปไหนไกลเกินไป”
คาร์ลได้ตระหนักถึงบางสิ่งผ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเชวฮัน
และมังกรด้า หากเขาพยายามหลีกเลี่ยงทูนก้าเขาอาจจะลงเอย
ด้วยการมีภาระที่มากกว่าเดิมได้ เขาต้องเตรียมการให้พร้อม
ส้าหรับเวลานั้น
“ข้าจะท้าเพียงสิ่งที่ข้าต้องการเท่านั้น!…เจ้าอย่ามาสั่งข้านะ!…
ฮึ่ย!”
มังกรด้าตะคอกใส่คาร์ลและหันหลังให้เขาทันที อย่างไรก็ตาม
วิธีที่มันกระพือปีกของมันเช่นนั้นท้าให้คาร์ลรู้ว่ามังกรด้าเชื่อฟัง
เขา ปากของมันอาจพูดอีกอย่างหนึ่งแต่ร่างกายของมันกลับ
พูดอีกอย่างหนึ่ง
คาร์ลรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากบอกความต้องการของตนแก่มังกร
ด้าแล้ว คาร์ลมองไปรอบๆห้องพักของเขา มันเป็นบ้านพักที่
หัวหน้าตระกูลอัลบาได้สร้างขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆเมื่อไม่นานมานี้
‘มันไม่ค่อยเหมาะกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้สักเท่าไหร่’
ห้องพักอันหรูหราไม่ค่อยเข้ากับหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆที่พวก
เขาอยู่ในตอนนี้สักเท่าไหร่นัก? นั่นหมายความว่าแม่ของอามูร์
ได้วางแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ในแถบนี้เมื่อเธอได้เริ่มต้นสร้างที่
พักอาศัยแล้ว
วิสัยทัศน์เช่นนี้จะเห็นผลในอีกสิบปีข้างหน้า
‘มันอาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อชักจูงตระกูลของกิลเบิร์ตและ
ได้รับการคุ้มครองจากตระกูลของอีริค’
คาร์ลถูกก้าหนดให้พบกับแม่ของอามูร์ก่อนที่เขาจะเดินทาง
ออกจากอาณาเขตอัลบา เธอจะเดินทางจากตัวเมืองที่เป็นที่ตั้ง
ของคฤหาสน์อัลบาในช่วงเวลานั้น
คาร์ลนึกถึงการพบปะกันของเขากับแม่ของอามูร์ชั่วครู่ก่อนจะ
เคลื่อนตัวไปหยุดยืนอยู่ริมหน้าต่างของห้องพัก เขาสามารถ
มองเห็นทั่วทั้งหมู่บ้านผ่านหน้าต่างบานใหญ่เช่นเดียวกับที่
มองเห็นหน้าผาแห่งสายลมได้เช่นเดียวกัน
‘หน้าผาแห่งสายลม’
เป็นเวลากว่าหลายร้อยปีแล้วที่สายน้้าบริเวณหน้าผาแห่งนี้ถูก
จ้องล้างผลาญจากวังน้้าวน มันก่อให้เกิดอาการปวดหัวส้าหรับ
ประชาชนชาวอัลบาที่ต้องการมุ่งหน้าออกไปในท้องทะเล แต่
มันย่อมมีเหตุผลว่าท้าไมตระกูลของอามูร์ยังถือว่าบริเวณแห่งนี้
มีความส้าคัญอยู่
ยังมีอีกสองหมู่บ้านที่อยู่ติดชายทะเลเช่นเดียวกัน โดยหมู่บ้านที่
คาร์ลอยู่ในตอนนี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ตรงกลางของหมู่บ้านทั้งสาม
บริเวณนี้มีลักษณะคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวและมีหมู่บ้านแห่งนี้
อยู่ตรงกลางโดยมีหน้าผาสองด้านขนาบข้างหมู่บ้านนี้ไว้ ส่งผล
ให้หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเดียวที่ท้าให้การเอาเรือออกสู่ทะเลได้
ง่ายขึ้น นอกจากนี้หมู่เกาะที่มีขนาดแตกต่างกันออกไปก็
สามารถมองเห็นได้จากหมู่บ้านแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน มันจะเป็น
สถานที่ที่ดีส้าหรับการสร้างฐานทัพของทหารเรือ
คาร์ลมีก้าหนดการที่จะไปยังเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในเช้าวัน
พรุ่งนี้ พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกแห่งวายุ’ คือสาเหตุ
ของการเกิดวังน้้าวนทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงเกาะแห่งนั้น
ทูนก้าได้กล่าวถึง‘เสียงเรียกแห่งวายุ’ไว้ในนิยายเรื่องนี้
< ‘ มันเป็นพลังที่เงียบแต่ก็วุ่นวาย’>
แต่มันคือสิ่งที่คาร์ลก้าลังมองหา พลังที่สามารถท้าให้เขาหนีไป
ได้อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบแต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความ
สับสนวุ่นวายให้แก่ศัตรูได้เป็นอย่างดี มุมปากของคาร์ลยกยิ้ม
ขึ้นเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาจะได้เจอในเช้าวันพรุ่งนี้ก่อนที่รอยยิ้ม
จะขยายเต็มใบหน้าด้วยความพอใจในเวลาต่อมา
“นายน้อยขอรับ!…ท่านลุงบารอคได้ท้าอาหารทะเลเหล่านี้มา
ให้ท่านโดยเฉพาะ!”
“ท่านลุงบารอคตื่นเต้นกับทะเลอันกว้างใหญ่นี่ยิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว….ท่านคาร์ล..ท่านต้องทานให้เยอะๆนะขอรับ!”
บทที่ 50 เข้าสู่วังน้้าวน 1 (2)

คาร์ลมองดูเด็กๆทั้งสิบคนล้าเลียงอาหารเข้ามาในห้องพักของ
เขาด้วยความพอใจ
เขาได้แจ้งแก่คนอื่นๆว่าเด็กพวกนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของล็อก
และพวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งสมาชิกใน
ครอบครัวของพวกเขาต่างโดนสังหารจนหมดจากโจรที่บุกปล้น
หมู่บ้านเมื่อไม่นานที่ผ่านมา
รอยยิ้มของคาร์ลดูขยายกว้างขึ้นไปอีกไม่ใช่เพราะเขารู้สึก
เอ็นดูเด็กๆทั้งสิบคนแต่ดวงตาของเขาก้าลังจ้องมองไปที่บา
รอคซึ่งก้าลังยกถาดอาหารตามหลังเด็กๆเข้ามาในตอนนี้
‘บารอค’ บุตรชายของรอนซึ่งเขาเป็นทั้งพ่อครัวฝีมือดีและเป็น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานอย่างยากจะหาใครเทียบได้ บารอค
มักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่มีรอยยับย่นหรือแม้แต่เลอะฝุ่นให้ดู
สกปรกตา
มันเหมือนกับตอนนี้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามคาร์ลสังเกตเห็น
ถุงใต้ตาที่ดูโหลลึกของบารอคในวันนี้ได้อย่างชัดเจน
“ทานให้อร่อยนะขอรับ…นายน้อยคาร์ล”
“เยี่ยม…ขอบคุณเจ้ามาก..นับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่ให้พวกเจ้า
ไปช่วยงานบารอคในครัว”
คาร์ลเอ่ยขอบคุณ ‘เมส’เด็กชายอายุ 12 ปีที่มีอายุมากที่สุดใน
กลุ่มเด็กๆทั้งสิบคนจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินก่อนที่จะหยิบส้อม
ขึ้นมาถือไว้
‘นายน้อยขอรับ…พวกเราต้องการงานท้า…พี่ล็อกบอกว่าเราไม่
ควรอยู่เฉยๆเหมือนปลิงที่คอยสูบเลือดจากตัวท่านเช่นนี้ได้’
เด็กๆทั้งสิบคนจากเผ่าหมาป่าได้ส่ง ‘เมส’ให้เป็นตัวแทนกลุ่ม
เพื่อมาเจรจากับเขาในรถม้าระหว่างการเดินทางมายังอาณา
เขตอัลบาและเอ่ยของานให้พวกเขาท้า นั่นคือตอนที่คาร์ลสั่ง
ให้เด็กๆเหล่านี้ไปช่วยงานบารอคในครัว
‘เอ่อ…เราคิดว่ามันจะดีกว่าหากเราได้ฝึกฝนทักษะและคอย
ช่วยเหลืองานจากเหล่าทหารองครักษ์แต่เราก็จะท้าในสิ่งที่นาย
น้อยคาร์ลสั่งอย่างดีที่สุดเช่นกัน!’
‘เมส’ เด็กชายอายุ 12 ปี เขามีความมั่นใจและดูสงบนิ่งไม่
เหมือนกับล็อก เขายังคงตระหนักถึงความส้าคัญและความ
แข็งแกร่งของเผ่าหมาป่าสีน้าเงินอยู่ นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลยังคง
ยืนกรานให้พวกเขาไปช่วยเหลืองานบารอคในครัวเช่นเดิม
‘พวกเจ้ายังเด็ก…มันยังเร็วเกินไปที่จะท้าในสิ่งที่อันตรายเช่น
การฝึกทักษะการต่อสู้เช่นนั้นกับเหล่าทหารองครักษ์ของข้า
ได้…ไปช่วยงานบารอคในครัวจะเป็นการดีกับพวกเจ้ามากกว่า’
‘ท่านเป็นอย่างที่พี่ล็อกกล่าวไว้จริงๆด้วย…ได้ขอรับ!…พวกเรา
จะท้างานให้หนักและท้าให้ดีที่สุด!’
เด็กๆที่กล่าวว่าพวกเขาจะท้างานให้หนักในวันนั้นดูเหมือนจะ
ท้างานหนักกันจริงๆ บางทีนี่คงเป็นสาเหตุของตาโหลลึกของ
บารอคแต่คาร์ลไม่สามารถช่วยเหลืออะไรบารอคได้จริงๆ เขา
เพียงแค่ส่งยิ้มให้ก้าลังใจบารอคที่ดูเหมือนจะเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น
ทุกวัน บารอคยังคงยืนอยู่ตรงนั้นในขณะที่เด็กๆก้าลังจัดการตั้ง
โต๊ะอาหารให้แก่คาร์ลจนเสร็จก่อนจะทยอยอกจากห้องพักของ
คาร์ลไป
“ท่านลุงบารอค…ไม่ออกไปหรือขอรับ?”
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินต่างมีความสดใสและไร้เดียงสา
พวกเขาเรียกบารอคว่าลุงและปฏิบัติต่อเขาดั่งเช่นคนใน
ครอบครัวของตนเอง
“….ข้าก้าลังจะออกไป”
เด็กๆเดินออกไปจากห้องจนหมดหลังจากที่ได้ยินบารอคเอ่ยขึ้น
พวกเขาทั้งหมดต่างแต่งกายเรียบร้อยสะอาดสะอ้านและเก็บ
รวบเส้นผมของพวกเขาอย่างเป็นระเบียบ มันเป็นสิ่งที่ท้าให้
คาร์ลรู้สึกว่าเด็กๆพวกนี้ไม่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกล
ความเจริญมาก่อนเลย
มันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วกับการท้าให้พวกเขามีสไตล์แบบเดียวกับ
บารอค
‘อืม…เขาดูเหมาะกับการเป็นพี่เลี้ยงเด็กจริงๆ’
คาร์ลพยายามหลีกเลี่ยงจากการจ้องมองของบารอค คาร์ลคิด
เสมอว่าบารอคอาจเดินเข้ามาหาตนพร้อมมีดท้าครัวในมือของ
เขาหากรู้ว่าคาร์ลก้าลังคิดอะไรอยู่ บารอคใช้ชีวิตในฐานะพ่อ
ครัวฝีมือดีที่รักความสะอาดและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถท้าให้เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินมี
ความเย็นชาและแข็งกระด้างได้เช่นกัน
สิ่งที่บารอคสามารถท้าได้ก็คือการจ้องมาที่คาร์ลทุกครั้งเมื่อมี
โอกาส
คาร์ลเหลือบมองบารอคที่ก้าลังจัดส้อมและมีดให้เขาที่อีกครู่
หนึ่งก่อนจะเริ่มเดินออกจากห้องไป คาร์ลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นบา
รอคก้าลังจะเดินพ้นประตูไปแล้ว
“ขอบคุณ..ที่มอบอาหารที่แสนอร่อยให้แก่ข้าเสมอ”
“..ขอรับนายน้อย”
คลิ๊ก!
บารอคออกจากห้องและปิดประตูลงในที่สุด คาร์ลจ้องไปที่
ประตูครู่หนึ่งและบ่นออกมาเบาๆ
“ไม่รู้ว่าท้าไมเขาต้องพยายามท้าหน้าที่แทนพ่อของเขา…เมื่อ
พ่อของเขาไม่อยู่เช่นนี้ด้วยนะ?”
บารอคไม่มีความจ้าเป็นที่จะเป็นคนยกอาหารมาให้เขาถึงใน
ห้องนี้ อย่างไรก็ตามบารอคค่อยๆท้างานของรอนทุกครั้งที่เขา
มีโอกาส มันเป็นเรื่องเศร้าส้าหรับคาร์ลที่ไม่สามารถเพลิดเพลิน
ได้เต็มที่เมื่อรอนอุตส่าห์ไม่อยู่กวนใจเขาคนหนึ่งแล้ว
บารอคและเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินมักปรากฏตัวขึ้นเพื่อ
ท้าหน้าที่แทนรอนอยู่เสมอ
คาร์ลละสายตาจากประตูไปยังมุมห้องและเอ่ยขึ้น
“มาทานอาหารได้แล้ว….”
เพื่อนร่วมโต๊ะของคาร์ลซึ่งประกอบด้วยออน ฮงและมังกรด้า
รีบขยับนั่งลงบนโต๊ะและเริ่มทานอาหารทันที คาร์ลมองไปยัง
พระอาทิตย์ตกดินที่ค่อยๆลับหายไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
เมื่อเขาเริ่มลงมือทานอาหารเย็น
เช้าวันรุ่งขึ้น
“สวัสดี…”
“ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ…นายน้อย”
คาร์ลได้เอ่ยทักทายชายชราผู้นี้ เขาคือชาวประมงที่มี
ประสบการณ์ในการเดินเรือออกทะเลและต่อสู้กับวังน้้าวนที่
แสนอันตรายเหล่านี้มาเป็นเวลาหลายสิบปี ชายชราผู้นี้ถูกรู้จัก
โดยทั่วกันว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากที่สุดของ
หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ในการล่องเรือออกทะเลในอาณาเขตอัลบา
เขามีผิวสีแทนเข้มซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับท้อง
ทะเลมานานมากเพียงใดแล้ว
“แค่เชื่อในตัวของกระผม..รับรองว่าจะพาท่านไปยังเกาะตรง
กลางนั่นได้อย่างปลอดภัย!”
อามูร์ที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้าตอบรับเบาๆและพูดเสริมทันที
“ใช่แล้วนายน้อยคาร์ล…เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก..ท่านจะ
สามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้บนท้องทะเลอัลบาตราบใดที่เขาอยู่
กับท่าน…ข้าต้องขอโทษที่ไม่สามารถไปกับท่านได้แม้ว่าข้าต้อง
เป็นผู้แนะน้าให้ท่านดูๆรอบๆบริเวณนี้แท้ๆ.. ข้ามีงานที่ต้อง
จัดการจริงๆนายน้อยคาร์ล”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณหนูอามูร์…แค่ท่านแนะน้าชาวประมงมือ
อาชีพเช่นนี้ให้แก่ข้า..ก็เพียงพอแล้ว”
มันจะยุ่งยากมากกว่าเดิมหากอามูร์เดินทางไปกับเขาด้วย
คาร์ลได้ก้าหนดผู้ที่จะร่วมเดินทางไปกับเขาในวันนี้แล้ว ก่อนที่
ชายชราชาวประมงจะเอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“มีเพียงแค่พวกท่านสามคนหรือ?”
“ใช่แล้ว…พวกเราไปกันเถอะ”
“ขอรับ!…เชิญพวกท่านขึ้นเรือได้”
คาร์ลก้าวขึ้นไปบนเรือล้าเล็กแต่แข็งแรง โดยมีรองหัวหน้า
องครักษ์ตามเขาขึ้นมาบนเรือในเวลาต่อมา เนื่องจากรอง
หัวหน้าองครักษ์เป็นผู้ติดตามเขาไปในวันนี้จึงไม่มีความ
จ้าเป็นต้องให้ทหารองครักษ์ติดตามเขามาเพิ่มอีก มันไม่น่าจะมี
ปัญหาอะไรเพราะบนเกาะก็ไม่มีคนอาศัยอยู่
“เดินทางปลอดภัยนะขอรับนายน้อย…”
“อืม..”
รองพ่อบ้านฮันส์เอ่ยบอกเขาขึ้นมา ออนและฮงก็อยู่ในอ้อม
แขนของฮันส์ในตอนนี้เช่นกัน พวกมันทั้งสองพยายามดิ้นหนี
ออกจากอ้อมแขนของฮันส์เมื่อเขาก้าวเข้าใกล้น้าทะเลมากขึ้น
แม้ว่าออนและฮงจะชอบกลิ่นทะเลแต่พวกมันก็ไม่ได้รู้สึกชอบ
น้้าเลยสักนิด
~ ข้าจะบินไป ~
แน่นอนว่ามังกรด้าก็วางแผนที่จะติดตามเขาไปโดยใช้เวทย์
ล่องหนเช่นเดิมก่อนที่คาร์ลจะพูดล้อสมาชิกคนสุดท้ายที่จะออก
เดินทางร่วมกับเขาในวันนี้
“บารอค..เห็นได้ชัดว่าอวนที่อยู่ใกล้ๆเกาะมักจะจับสัตว์ทะเล
หายากได้มากมาย..มันจะเป็นการดีส้าหรับเจ้าในการคิดค้นเมนู
ได้หลากหลายขึ้น..มันน่าจะขยายต่อมกระหายของเจ้าได้เป็น
อย่างดีทีเดียว”
“…..ขอบคุณส้าหรับค้าแนะน้าขอรับ…นายน้อย”
บารอคคือผู้โดยสารคนสุดท้ายที่ต้องออกเดินทางในครั้งนี้ตาม
ค้าสั่งของคาร์ล เขาก้าวขึ้นเรือไปด้วยท่าทางแข็งกระด้าง
ก่อนที่คาร์ลจะสั่งให้ชาวประมงออกเรือได้
“ไปกันเถอะ”
“ขอรับ!”
ชายชราชาวประมงเป็นกัปตันเรือล้าเล็กนี้เขาเริ่มพายเรือออก
จากท่าเรือช้าๆพร้อมกับบุตรชายของเขา ในทะเลที่เต็มไปด้วย
วังน้้าวนเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นเรือล้าใหญ่หรือเวทย์เร่งความเร็วก็
ไม่ใช่สิ่งส้าคัญ การได้อยู่กับชาวประมงที่มีประสบการณ์ย่อม
ปลอดภัยมากกว่าและสามารถวางใจในฝีพายจาก
ประสบการณ์หลายสิบปีของชาวประมงได้
“เรืออาจโคลงเคลงไปสักหน่อย…โปรดจับไว้ให้แน่น!”
ชายชราตะโกนออกมาด้วยน้้าเสียงกระด้างเล็กน้อยในขณะที่
เรือเริ่มเคลื่อนเข้าสู่ท้องทะเล คาร์ลเริ่มสบถด่าหลังจากที่เรือ
แล่นออกมาได้สักพัก
“ให้ตายเถอะ!…”
เรือเริ่มโคลงเคลงแรงขึ้น เรือล้าเล็กเพิ่งหลบจากวังน้้าวนที่ดู
เหมือนจะกลืนกินทุกสิ่งหากมีอะไรเข้าไปข้างในนั้น แรงกระทบ
ของวังน้้าวนส่งผลให้เรือโคลงเคลงแรงขึ้นไปอีก
ซ่า!!!!!! ครืด!!!!!
เสียงกระทบของคลื่นที่กระแทกเข้ากับเรือและเสียงน้้าจากวัง
น้้าวนที่กระเด็นขึ้นมาต่างดังเข้ามาในหูของคาร์ลแถมยังมีเสียง
ของตาแก่ชาวประมงตะโกนแทรกเข้ามาให้ได้ยินอีก
“ฮ่าฮ่าๆๆๆ…นายน้อยท่านนี้คงไม่เคยเห็นวังน้้าวนขนาดใหญ่
เช่นนี้มาก่อนสินะ?”
ชายชราผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก! คาร์ลผลักมือของรองหัวหน้า
องครักษ์ที่โผเข้ามาจับเสื้อผ้าของเขาด้วยใบหน้าซีดเผือดและ
หันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนสบถออกมาในใจเมื่อมองเห็น
ใบหน้าของรองหัวหน้าองครักษ์ได้เต็มตา
‘ให้ตายเถอะ! นี่เขาเมาเรือหรือนี่?’
บทที่ 51 เข้าสู่วังน้้าวน 2 (1)

คาร์ลมองออกไปนอกเรือ สีของน้้าทะเลที่ไหลเชี่ยวรุนแรงนี้
ไม่ได้มีความใสเลยสักนิด มันมีสีขาวผสมกับสีน้าเงินจากก้น
ทะเลที่สะท้อนขึ้นมากระทบกับผืนน้้าด้านบนกลายเป็นสีฟ้า
เข้มและเข้มขึ้นไปอีกเมื่อเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของวังน้้าวน
‘คุณอาจตายได้ถ้าตกลงสู่วังน้้าวนนั่น’
คาร์ลนึกถึงระเบิดพลังเวทย์ชิ้นใหม่ที่อยู่ในกล่องเวทย์ใน
ห้องพักของตนในหมู่บ้านเล็กๆนั่นก่อนจะหันไปมองด้านหน้า
และเพ่งสายตาไปยังเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดที่ปรากฏให้เห็น
ตรงหน้าของเขาในตอนนี้แล้ว
“นายน้อย…นั่น!เกาะนั่นอยู่ตรงนั้นแล้ว!….วังน้้าวนที่อยู่
ตรงหน้าเกาะแห่งนั้นมันแย่ที่สุดแล้ว!.. ท่านอาจต้องบอกลา
โลกนี้ไปทันทีหากตกเข้าไปในนั้น…ฮะฮ่าฮ่า!!!!!”
ชายชราช่างกล้าหาญเสียจริง เขาไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่ซีด
เผือดของรองหัวหน้าองครักษ์เมื่อเขายังคงกล่าวต่อไป
คาร์ลระงับความรู้สึกที่อยากจะอาเจียนออกมาเมื่อเริ่มรู้สึกเมา
เรือบ้างแล้วและพยายามใส่ใจในค้าพูดของชายชราชาวประมง
ให้ได้มากที่สุด
“มีต้านานหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า…ที่วังน้้าวนปรากฏขึ้นในทะเล
แถบนี้ก็เพราะมีโจรขโมยบางอย่างจากพระเจ้าไป…..เฮ้ย!!!”
เรือเอนไปข้างหนึ่งพร้อมกับเสียงคลื่นที่ซัดกระหน่้าเขากับเรือ
อย่างแรง
“โอ้ย..ตายแล้ว!….เรือเกือบล่มแล้วมั้ยล่ะ!….เจ้างั่งเอ้ย!…พาย
เรือให้มันดีๆหน่อยสิ!”
“โทษที..ท่านพ่อ”
พ่อลูกชาวประมงคู่นี้ช่างกล้าหาญกันเสียจริงก่อนที่คนเป็นพ่อ
จะหันมาเอ่ยกับคาร์ลต่อ
“นายน้อยคาร์ล…นั่นคือเหตุผลของการเกิดวังน้้าวนขอรับ…
แล้ว..”
“เฮ้!”
ในที่สุดคาร์ลก็ต้องยกมือขึ้นห้ามชายชราชาวประมงผู้นี้เมื่อเขา
มีท่าทีจะเล่าต้านานวังน้้าวนให้เขาฟังต่อและเอ่ยออกมาด้วย
น้้าเสียงจริงจัง
“เอาไว้ค่อยเล่าต่อเมื่อไปถึงเกาะนั่นแล้ว!”
“นั่นคือสิ่งที่คุณหนูอามูร์พูดเช่นกัน!….เราเกือบถึงแล้วล่ะ
ขอรับ”
ชายชราเริ่มหันกลับไปตั้งใจพายเรือด้วยความช้านาญอีกครั้ง
เรือก้าลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในขณะที่ฝีพายทั้งสองก็พยายาม
บังคับเรือให้หลีกเลี่ยงจากวังน้้าวนเหล่านั้นได้อย่างมืออาชีพ
คาร์ลเริ่มสังเกตแต่ละวังน้้าวนที่เรือของพวกเขาแล่นผ่านไป
‘พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘เสียงเรียกของวายุ’ได้สร้างเครื่องหมาย
ส้าคัญให้สังเกตได้ง่ายขึ้น’
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ถูกเรียกว่า ‘เสียงเรียกของวายุ’ ได้สร้าง
ลูกข่างสายลมและมีแรงหมุนคว้างด้วยความเร็วสูงซึ่งมันจะทวี
ความรุนแรงได้มากที่สุดเท่าที่จะท้าได้ เมื่อเวลาผ่านไปลูกข่าง
สายลมนี้ก็ขยายไปทั่วท้องทะเลอัลบาจนท้าให้เกิดวังน้้าวน
มากมายที่สามารถมองเห็นได้ในปัจจุบัน
“น…นายน้อย…ก..กระผมควรเป็นคนคุ้มกันนายน้อย..อุ๊บ!”
คาร์ลเมินเฉยต่อค้าพูดของรองหัวหน้าองครักษ์ก่อนจะจับขอบ
เรือไว้แน่น เขายังไม่อยากจมน้้าตายในตอนนี้สักเท่าไหร่!
ในที่สุดเรือก็พาพวกเขามาถึงเกาะแห่งนี้และคาร์ลก็ได้สัมผัส
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของตนอีกครั้ง
“เรามาถึงแล้ว…มันง่ายกว่าปกติมากนัก”
บุตรชายของชายชราพยักหน้าเห็นด้วยกับค้าพูดของบิดาตน
คาร์ลมองผ่านคนทั้งคู่ไปยังรองหัวหน้าองครักษ์ที่ยืนพิงขอบ
เรืออยู่
“อุ๊บ โอ๊กกกกกก!!!! อ๊อกกกกกก!!! แหวะ!!!!”
รองหัวหน้าองครักษ์ก้าลังอาเจียนออกมาจากอาการเมาเรือดู
ท่าแล้วเขาคงทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากจนคาร์ลกลัวว่าเขาจะ
ตายไปเสียก่อน คาร์ลแตะไปที่แขนของบารอคที่ก้าลังเดินผ่าน
หน้าเขาไปก่อนจะชี้ไปยังร่างของรองหัวหน้าองครักษ์
บารอคขมวดคิ้วมุ่นก่อนล้วงถุงมือสีขาวออกมาจากระเป๋าและ
สวมมันในทันทีในขณะที่เดินไปหารองหัวหน้าองครักษ์
คาร์ลรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นถุงมือสีขาวของบารอค
‘นั่นคงไม่ใช่ถุงมือที่เขาเอาไว้ใส่..เมื่อต้องการลงมือทรมานผู้อื่น
เพื่อรักษาความสะอาดแก่ร่างกายของเขาหรอกใช่มั้ย?’
บารอคดูเหมือนจะมีถุงมือสีขาวอยู่เป็นจ้านวนมาก หลังจาก
สังเกตถุงมือสีขาวของบารอคที่เขาเห็นเป็นครั้งแรกอยู่ชั่วครู่
เขาก็ตัดสินที่จะหยุดมองบารอคและรองหัวหน้าองครักษ์ก่อน
จะสังเกตไปรอบๆเกาะเล็กๆแห่งนี้
บนเกาะแห่งนี้ไม่มีทรายแต่กลับถูกล้อมรอบไปด้วยก้อนหิน
หากมองออกไปจากชายฝั่งที่เขายืนอยู่นี้จะมองเห็นป่าเล็กๆได้
เช่นกัน หากจะเรียกให้มันถูกกว่านี้ก็ควรเรียกมันว่าสวน
มากกว่าจะเรียกมันว่าป่าได้เพราะจากสายตาที่คาร์ลประเมิน
มันสามารถเดินไปรอบๆสวนนั้นได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเสีย
ด้วยซ้้า
“ท่านผู้เฒ่า…”
“ขอรับ…นายน้อย?”
“เล่าเรื่องของท่านต่อจากครั้งที่อยู่บนเรือเถิด..เกี่ยวกับโจร
อะไรนั่น”
ชายชราหยุดดูลูกชายของตนที่ก้าลังทอดสมอเรืออยู่ก่อนจะชี้
ไปยังเส้นทางที่พวกเขาใช้เดินทางมายังที่นี่ เขาชี้ไปยังวังน้้าวน
ขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าเกาะแห่งนี้
“เมื่อนานมาแล้ว…มีโจรอยู่ผู้หนึ่งเขามีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
กว่าใครยิ่งนัก..ฝีเท้าในการก้าวเดินของเขานั่นมีน้าหนักเบา
และเปี่ยมไปด้วยความระมัดระวัง…เขาสามารถก้าวเดินไปบน
ผืนน้้าได้โดยท้าให้เกิดระรอกคลื่นน้อยที่สุด”
มันเป็นคุณสมบัติของพลัง ‘เสียงเรียกของวายุ’ จริงๆสินะ
แน่นอนว่าการเดินบนผิวน้้ามันค่อนข้างเกินจริงไปหน่อย

“ยังไงก็ตาม..เจ้าหัวขโมยคนนี้ก็ได้ขโมยบางสิ่งไปจากพระเจ้า
จริงๆ..ต้านานได้บอกไว้ว่าหัวขโมยได้กระโดดจากหน้าผาแห่ง
สายลมพร้อมกับสิ่งของชิ้นนั้น….ท่านคงรู้แล้วสินะขอรับ?.ว่า
หน้าผาแห่งนั้นเป็นเช่นไร?…นั่นคือเหตุผลที่ท้าให้ทั้งหัวขโมย
และสิ่งของชิ้นนั้นได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้เช่นเดียวกับการ
ปรากฏขึ้นของวังน้้าวนมาจนถึงปัจจุบัน”
ชายชรายิ้มกว้างจนเห็นรอยย่นบนหน้าผากและรอบดวงตา
ของเขา
“นั่นคือเหตุผลที่ในครั้งอดีตเคยมีพิธีบูชายัญเพื่อเป็นการ
ชดเชยสิ่งของชิ้นนั้นให้แก่พระเจ้า”
“แล้วตอนนี้ไม่มีอีกแล้วรึ?”
“ถ้ามันเป็นสิ่งของของพระเจ้าจริงๆ…ท้าไมพระเจ้าจึงต้อง
รบกวนมนุษย์แทนที่จะเป็นผู้น้าสิ่งนั้นกลับคืนเอง?”
คาร์ลเห็นด้วยกับชายชรา เพราะมันไม่ใช่สิ่งของของพระเจ้า
แต่มันคือพลังของมนุษย์จึงเป็นสาเหตุที่พระเจ้าไม่สามารถรับ
พิธีบูชายัญจากมนุษย์ได้
“อืม..ข้าขอเดินดูรอบๆเกาะนี้สักหน่อยแล้วกัน….”
“ได้!..กระผมจะรออยู่ที่นี่นะขอรับ”
ชายชราเดินไปหาบุตรชายของตนโดยทันทีขณะที่รองหัวหน้า
องครักษ์รีบเดินมาหาคาร์ลเช่นกัน
“นายน้อยขอรับ…ให้กระผมไปด้วย…อุ๊บ!”
ร่างของเขาค่อยๆทรุดลงและเริ่มอาเจียนอีกรอบ
คาร์ลเดาะลิ้นของตนและโบกมือเรียกให้บารอคเดินมาหาตน
เมื่อบารอคเดินมาถึงตัวของคาร์ลแล้วเขาจึงกระซิบใส่หูของบา
รอคทันที
“เพราะเจ้าเป็นลูกชายของรอน…ข้าจึงแน่ใจว่าตัวเจ้าก็ไม่
ธรรมดาเช่นเดียวกัน”
“แล้วอย่างไรหรือขอรับ?”
คาร์ลตบไหล่ของบารอคด้วยแรงไม่เบาหนักและเอ่ยต่อไป
“เจ้าจงอยู่ดูแลรองหัวหน้าองครักษ์ที่นี่ล่ะ…”
“….มันจะไม่เป็นอันตรายหรือขอรับหากท่านไปคนเดียว?”
“ที่นี่จะมีอะไรเป็นอันตรายกันเล่า?….อย่าลืมสิว่าข้ามีโล่เงินอยู่
ในตัว”
“โปรดปลอดภัยกลับมานะขอรับ….”
บารอคตกลงที่ปฏิบัติตามค้าสั่งของคาร์ลโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ
นี่คือสาเหตุที่คาร์ลเลือกบารอคให้ติดตามตนมาที่นี่ด้วย เขา
ต้องการใครสักคนที่มีความแข็งแกร่งให้อยู่รอบๆตัวเขาแต่ไม่ได้
อยากได้คนที่มีความกระหายอยากจะปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา
เขาต้องการคนที่เชื่อฟังค้าสั่งของเขาโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆและ
บารอคคือคนที่เขาต้องการอย่างสมบูรณ์แบบ
“ข้าจะใช้เวลาไม่นานและรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
คาร์ลมุ่งหน้าเขาไปในป่า..ไม่ใช่สิ!…น่าจะเรียกมันว่าสวน
มากกว่าที่อยู่บริเวณใจกลางของเกาะเล็กๆแห่งนี้
“นายน้อย…โปรดยิงโล่เงินของท่านขึ้นสู่ท้องฟ้าหากท่านตกอยู่
ในอันตราย”
“นายน้อย…ข้าจะรออยู่ที่นี่นะขอรับ….แหวะ!!!!”
คาร์ลได้ยินเสียงแว่วๆของบารอคและรองหัวหน้าองครักษ์ที่ดัง
ไล่หลังเขามาเมื่อเดินเข้าไปในป่าแห่งนี้แล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อ
แน่ใจว่าตนอยู่ห่างจากคนอื่นมากพอแล้ว
“เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
มังกรด้าตอบค้าถามของคาร์ลขึ้นทันที
“หากเจ้าหมายถึงเรื่องนั้น…มันมีบางอย่างอยู่ใต้วังน้้าวนหน้า
เกาะแห่งนี้จริงๆ…มันคล้ายๆกับพลังที่อยู่ในถ้้าจากคราวที่
แล้ว”
มังกรด้าก้าลังพูดถึงเมื่อครั้งที่เขาได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
‘พละก้าลังแห่งดวงใจ’ คาร์ลเดินเข้าไปในป่าอย่างไม่รีบเร่งนัก
ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเดินไปลึกกว่านี้เพราะเขาต้องการมาดู
วังน้้าวนเพียงเท่านั้น
‘ฉันจ้าเป็นต้องรู้ถึงลักษณะภูมิประเทศของเกาะแห่งนี้บ้าง…
เพราะฉันต้องใช้เวทย์ลอยตัวของเจ้ามังกรน้อยเพื่อเหาะ
กลับมาที่นี่ในตอนกลางคืนอีกครั้ง’
คาร์ลเอ่ยถามมังกรด้าอีกครั้ง
“ไม่มีคนอยู่ที่นี่ใช่มั้ย?”
“อืม…ไม่มี”
บทที่ 51 เข้าสู่วังน้้าวน 2 (2)

ไม่มีคนอื่นอยู่ในเกาะแห่งนี้นอกจากลุ่มของคาร์ลก่อนที่เขาจะ
ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขากังวลเรื่องฝูงวาฬที่
เห็นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“แต่…มีศพอยู่ที่นี่”
“เจ้าว่าอะไรนะ!?”
คาร์ลตัวแข็งทื่อทันที เขาเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดและเงยหน้า
มองท้องฟ้าทันที มังกรด้าคลายเวทย์ล่องหนออกจากตัวและ
ปรากฏตัวต่อหน้าคาร์ลในตอนนี้
“เมื่อกี้….ข้าไปส้ารวจรอบเกาะมา..มีศพสามศพอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ของเกาะ”
ค้าว่า‘ศพ’บั่นทอนจิตใจของคาร์ลได้เป็นอย่างดี เขาถอยหลัง
กลับคืนสามก้าวไปยังทิศทางที่เรือของเขาจอดเทียบท่าอยู่ มัน
มีความรู้สึกว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหากเขายังคงรั้นเดินไป
ยังอีกฝั่งหนึ่งของเกาะ อย่างไรก็ตามมังกรด้ายังคงเล่าต่อไป
“แต่ศพนั่นไม่ใช่ศพของมนุษย์”
คาร์ลยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อปิดดวงตาของเขาไว้ หากศพนั่น
ไม่ใช่มนุษย์หมายความว่าพวกเขาต้องมีลักษณะที่แตกต่าง
ออกไปแต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อาจไม่ได้คล้ายสัตว์ชนิดใด
เช่นกัน
‘ดังนั้นสิ่งที่สามารถพบในที่แห่งนี้….มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์
แต่ก็ดูไม่เหมือนซะทีเดียว….’
มีค้าตอบอยู่เพียงอย่างเดียว
“มือและเท้าของพวกเขาดูแปลกๆหรือไม่?”
มังกรด้าพยักหน้าตอบรับอย่างตื่นเต้น
“ใช่!..ใช่แล้ว!….มือและเท้าของพวกเขาดูแปลกๆ….มันดู
เหมือนครีบมากกว่า!”
‘ครีบ’ นั่นคือสัญลักษณ์ส้าคัญของนางเงือก
‘ฝูงวาฬและเหล่านางเงือกเช่นนั้นหรือ?’ คาร์ลรู้สึกกังวลและ
สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเผ่าวาฬและนางเงือกยังไม่ควรปรากฏ
ตัวขึ้นในตอนนี้
‘ไม่!!!!’
คาร์ลรีบทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยทันที สงครามระหว่าง
เผ่าวาฬและเหล่านางเงือกนับเป็นประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่าง
ยาวนาน มันเกิดขึ้นมานานกว่าสงครามของมนุษย์ในครั้งอดีต
เสียอีก อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่นิยายได้กล่าวเอาไว้จะเริ่มต้น
ขึ้นเมือ่ เชวฮันร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าวาฬแล้ว
“….เฮ้…เจ้า!”
“…..อย่าเรียกข้าว่าเจ้านะ?”
“ถ้าเช่นนั้นข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไร?”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้….ในอีกไม่ช้า”
‘หืม?…..เด็กนี่ก้าลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?’
คาร์ลเริ่มนึกออกว่าเจ้ามังกรน้อยก้าลังเรียนภาษาของมนุษย์
เมื่อไม่นานมานี้ สงสัยมันคงตั้งใจจะตั้งชื่อให้แก่ตัวมันเอง
กระมัง? คาร์ลเชิดคางของตนให้สูงขึ้นเล็กน้อยไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ของเกาะ
“เจ้าแน่ใจนะ…ว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีก?”
“อืม!….ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกแล้ว…ทั้งบนบกและในน้้านั่นด้วย”
“ถ้าเช่นนั้น…น้าทางข้าไปที่นั่นที”
คาร์ลจ้าเป็นต้องไปดูซากศพของนางเงือกพวกนั้นให้แน่ใจเพื่อ
เป็นการตรวจสอบและป้องกันตัวเองให้พ้นจากอันตราย
“และเจ้าต้องอยู่หน้าข้าด้วย!”
คาร์ลผลักร่างของมังกรด้าไปข้างหน้าของเขาในขณะที่มุ่งหน้า
ไปยังอีกฟากหนึ่งของเกาะ ก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่นในเวลาต่อมา
เมื่อเดินมาถึงอีกด้านหนึ่งของป่าและสายตาปะทะกับซากศพ
พวกนั้นเข้า
“…ถูกจริงๆด้วย”
เป็นไปตามที่คาร์ลคาดไว้พวกมันคือศพของนางเงือก! ศพทั้ง
สามมีลักษณะเหมือนกันคือคอของพวกเขาหัก นอกจากนี้ขา
และแขนของพวกเขาก็บิดเบี้ยวผิดรูป คิ้วของคาร์ลยิ่งขมวด
เข้าหากันมากกว่าเดิมเมื่อได้มาเห็นรูปลักษณ์ของนางเงือกด้วย
ตาของเขาเองไม่ใช่เพียงแค่นิยายได้อธิบายเอาไว้
ศพแห้งสนิทราวกับพวกเขาคือมัมมี่ อย่างไรก็ตามนางเงือกก็ดู
แตกต่างจากมนุษย์จริงๆ
มีครีบบนมือและเท้าของพวกเขา ในขณะที่ผิวหนังก็ดูเหมือน
จะถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดไปทั่วร่างอีกทั้งยังมีเหงือกแทนหูอีก
ด้วย
“ท้าไมเจ้าไม่เข้าไปใกล้ๆล่ะ?”
มังกรด้าเอ่ยถามคาร์ลด้วยความสงสัยเมื่อเห็นคาร์ลยืนจ้อง
ซากศพในระยะไกลเช่นนี้ คาร์ลเอ่ยตอบมังกรด้าอย่างง่ายดาย
“มันน่ากลัว….”
“อืม!…นั่นสินะ…ข้าลืมไปว่าเจ้ามันอ่อนแอ”
มังกรด้าพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนมุ่งหน้าไปยังต้าแหน่งที่มี
ซากศพนางเงือกอยู่ จากนั้นก็เริ่มพึมพ้ากับตนเองและให้คาร์ล
ได้ยินด้วย
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกทุบตีจนตาย…ดูท่าจะตายเมื่อไม่
นานมานี้…นี่!…ข้าเจอรอยเลือดสีแดงอยู่ใต้ครีบของพวกเขา
ด้วย…ข้าคิดว่าพวกเขาคงตายจากการต่อสู้”
‘มันคือวาฬ….ต้องเป็นวาฬที่ลงมือฆ่านางเงือกพวกนี้อย่าง
แน่นอน’
เผ่าวาฬมีประชากรจ้านวนน้อยคล้ายกับมังกรและมันเป็น
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาสมุทร และการต่อสู้กับเหล่า
นางเงือกก็เพื่อปกป้องอาณาเขตของตนในมหาสมุทรจากเหล่า
นางเงือก
นางเงือกต้องการสร้างอาณาจักรของตนเองในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตามเผ่าวาฬไม่ยอมรับการที่พวกมันจะต้องแบ่งปัน
อาณาเขตของตนให้แก่ผู้อื่นเป็นเพราะพวกมันเป็นสายพันธ์ที่
ต้องอพยพไปพร้อมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละ
ปี เรียกได้ว่าทั่วทั้งมหาสมุทรคืออาณาเขตของพวกมันจึงไม่ใช่
เรื่องที่พวกมันจะทนเห็นเผ่าพันธุ์อื่นเข้ามาวุ่นวายในอาณาเขต
ของพวกมันได้
‘เผ่าวาฬมีจ้านวนที่น้อยกว่าแต่กลับมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่
เหล่านางเงือกจะท้าตามที่พวกมันต้องการได้…ถึงจะเป็น
เช่นนั้นเหล่านางเงือกก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นในเวลาต่อมา’
เหล่านางเงือกเริ่มแข็งแกร่งขึ้นท้าให้เผ่าวาฬตกอยู่ใน
สถานการณ์ที่ยากล้าบาก นั่นคือตอนที่เชวฮันปรากฏตัวขึ้น
และเข้าช่วยเหลือเผ่าวาฬในเวลาต่อมา นี่คือเนื้อหาที่ปรากฏ
ขึ้นในนิยายเล่มที่ห้า
คาร์ลได้แจ้งแก่มังกรด้าว่าพวกเขาควรออกไปจากที่นี่และเลิก
สนใจกับศพนางเงือกพวกนี้ได้แล้ว
“เราจะปล่อยพวกเขาทิ้งไว้แบบนี้ได้ใช่มั้ย?”
“อืม….”
ซากศพของนางเงือกจะไม่ส่งกลิ่นกระจายไปทั่วชายฝั่งหากมัน
อยู่บนบกแต่มันจะเป็นเช่นนั้นหากซากศพอยู่ในน้้า มันจะส่ง
กลิ่นกระจายไปทั่วมหาสมุทรเพื่อส่งสัญญาณให้แก่เหล่านาง
เงือกตนอื่นๆมายังต้าแหน่งที่ซากศพอยู่ นั่นคือสาเหตุที่เผ่าวาฬ
ตั้งใจทิ้งซากนางเงือกไว้บนบกแทน
‘ฉันต้องจัดการสิ่งต่างๆให้เร็วที่สุดและออกไปจากที่นี่ให้ไว
ที่สุดเช่นเดียวกัน’
อาจมีเพียงหนึ่งสมาชิกของเผ่าวาฬเท่านั้นที่ต่อสู้กับนางเงือก
ทั้งสามนี้ หากมีจ้านวนมากกว่าหนึ่งพวกเขาจะไม่ทิ้งซากศพ
ของนางเงือกไว้บนบกแต่พวกเขาจะโยนซากพวกนี้ลงไปใน
ทะเลแทนเพื่อเรียกให้เหล่านางเงือกที่ได้กลิ่นปรากฏตัวออกมา
และต่อสู้กับพวกเขาโดยทันทีและการที่เลือกทิ้งศพไว้บนบก
เช่นนี้มีเพียงเหตุผลเดียวคือในขณะนั้นเขาอยู่เพียงล้าพัง
คาร์ลมุ่งหน้ากลับไปที่เรือจอดเทียบท่าอยู่และเริ่มพูดคุยกับคน
อื่นๆ
“กลับกันเถอะ….ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่นัก”
รองหัวหน้าองครักษ์ที่มีอาการดีขึ้นจากการเมาเรือเริ่มหน้าถอด
สีอีกครั้งแต่บารอคที่ดูเหมือนจะติดต่อซื้อปลาจากชายชรา
ชาวประมงได้เอ่ยพูดกับเขาอย่างมีความสุข
“นายน้อย…วันนี้เราจะได้กินปลาย่างเป็นอาหารเย็นแล้ว
ขอรับ?”
“อืม…ฟังดูเข้าท่าดีเหมือนกัน”
หลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว คาร์ลก้าลังเฝ้ารอเวลาให้ผ่านไป
ด้วยท้องที่แน่นไปด้วยปลาย่างจากฝีมือของบารอค เมื่อความ
มืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้แล้ว เขาจึงหยิบ
อุปกรณ์ด้าน้้าออกจากกล่องเวทย์ที่เขาได้มาจากบิลอส
คาร์ลยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องและหันไปทางหน้าผาแห่งสายลม
และท้องทะเลตะวันออกเฉียงเหนือก่อนจะเริ่มเอ่ยกับออน
และฮง
“เฝ้าห้องให้ดีๆ”
“เราจะไม่ให้ใครเข้ามาในห้องนี้ได้!”
“เดินทางปลอดภัย!”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับในค้าพูดของลูกแมวทั้งสองก่อนหันไป
มองมังกรด้า
มังกรด้ามองมาที่คาร์ลด้วยความมั่นใจและเอ่ยเรียกพลังเวทย์
ออกมาด้วยค้ากล่าวอย่างไม่เป็นทางการนัก
“ลอยขึ้น!”
ก่อนที่ร่างของคาร์ลจะลอยขึ้นไปในอากาศทันที
“ไปกันเถอะ”
มังกรด้าขยับปีกบินน้าทางและคาร์ลก็เหาะตามหลังเขาไป
ในทันที เขาถือระเบิดพลังเวทย์ให้กระชับขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการ
เป็นที่สังเกตจากผู้อื่น
แผนการของคาร์ลในวันนี้คือการระเบิดวังน้้าวนที่อยู่หน้าเกาะ
แห่งนั้นและหลบหนีให้เร็วที่สุด เมื่อคนอื่นในหมู่บ้านออกมาดู
สถานการณ์ด้วยความตกใจเขาก็จะหายตัวไปราวกับสายลมที่
บางเบา
ระเบิดพลังเวทย์รุ่นใหม่ของมังกรด้าถูกก้าหนดให้ใช้งานในอีก
สิบนาทีข้างหน้าแล้ว
บทที่ 52 เข้าสู่วังน้้าวน 3 (1)

“ยิ่งมืดยิ่งดูแย่กว่าเดิมเสียอีก”
คาร์ลก้มมองวังน้้าวนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องล่างของเขา
และเริ่มคิดบางสิ่งขึ้นมา
‘ทูนก้า…เขาเป็นคนบ้าอย่างแท้จริงสินะ’
ตามเนื้อหาของนิยายทูนก้าสามารถรับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
‘เสียงเรียกของวายุ’มาครอบครองได้อย่างไร? เรือของเขา
อับปางและพัดพาร่างของเขามายังเกาะแห่งนี้ก่อนที่เขาจะรู้สึก
ประทับใจและชื่นชมกับวังน้้าวนเมื่ออาการเขาดีขึ้นแล้ว
ภูเขาไฟ ธารน้้าแข็ง ทะเลทราย นั่นคือสิ่งที่คนบ้าเช่นเขามักจะ
เอาตัววิ่งเข้าใส่โดยอาศัยเพียงองค์ประกอบของร่างกายเพียง
อย่างเดียวและในตอนนี้เขาเริ่มสนใจวังน้้าวนในมหาสมุทรแห่ง
นี้ขึ้นมาแล้ว
ทูนก้ามักสนุกไปกับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายหรือไม่เขาก็
หมกมุ่นอยู่กับสิ่งพวกนี้มากเกินไปนั่นคือสาเหตุที่คาร์ลเรียกเขา
ว่าคนบ้า
<‘นี่เป็นครั้งแรกของข้าในมหาสมุทร… แต่มันก็น่าสนุกดี’>
ทูนก้ากล่าวเช่นนั้นก่อนจะกระโดดลงไปในวังน้้าวนนั่นโดยไม่มี
การเตรียมการใดๆและแน่นอนว่าคาร์ลไม่มีแผนการที่จะท้า
แบบนั้น
คาร์ลได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่เขาต้องการไว้ในกระเป๋าของ
ชุดด้าน้้านี่แล้ว
“ที่นี่เช่นนั้นหรือ?”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับค้าถามของมังกรด้าและมองไปรอบๆ
อาจเป็นเพราะมันเป็นหมู่บ้านในเขตชนบทท้าให้ทั่วทั้งหมู่บ้าน
ตกอยู่ในความมืด
ทั่วทั้งมหาสมุทรยิ่งมีความมืดมากกว่าแต่กลับมีเสียงที่ดังกว่า
หมู่บ้านเสียอีก และความจริงที่ว่ามันอาจมีเสียงที่ดังมากขึ้นก็
จะไม่ดึงดูดความสนใจใดๆจากชาวบ้านเพราะพวกเขาจะคิดว่า
มันเป็นเพียงเสียงของวังน้้าวนที่มีกระแสคลื่นแรงขึ้นกว่าเดิม
เท่านั้น
คาร์ลละสายตาออกจากมหาสมุทรและมองไปที่หน้าผาแห่ง
สายลม
ทูนก้าได้ค้นพบถ้้าที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าผาแห่งสายลมและเริ่มสนใจ
อยากส้ารวจรอบๆถ้้าแห่งนี้ เขาได้พบบางอย่างที่ปลายถ้้าและ
หัวเราะออกมา
<‘ข้าไม่คาดหวังเลยสักนิด…ว่าจะได้รับสิ่งดีๆเช่นนี้จากที่แห่งนี้
ได้’>
มันเป็นโชคชะตาที่นอกเหนือจากความคาดหมายของทูนก้า
มากนัก
คาร์ลพยายามเก็บรายละเอียดจากเนื้อหาในนิยายให้ได้มาก
ที่สุดและเอ่ยกับมังกรด้าขึ้น
“มาเริ่มกันเถอะ!”
“ตกลง!….เจ้ามนุษย์”
พลังเวทย์สีด้าเริ่มปรากฏออกมาจากอุ้งเท้าสั้นๆของมังกรด้า
ครืดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!
ระเบิดพลังเวทย์เริ่มท้าปฏิกิริยากับพลังเวทย์ที่มังกรด้าปล่อย
ออกมาและเริ่มสั่นสะเทือน
ระเบิดพลังเวทย์ที่อยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลไม่ใช่ระเบิดชนิด
เดียวกับที่องค์กรลับได้ใช้ในนิยายเล่มที่หนึ่งและเล่มที่สอง
‘มันเป็นระเบิดพลังเวทย์ที่ดีกว่านั้นมากนัก’
ในช่วงท้ายเล่มของนิยายเล่มที่สาม นักเวทย์จากอาณาจักรวิป
เปอร์ที่ถูกขับออกจากอาณาจักรไปยังชายแดนอันไกลโพ้นเริ่ม
พัฒนาเครื่องมือเวทย์ชนิดใหม่ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเหล่าผู้ฆ่านัก
เวทย์
หนึ่งในเครื่องมือเหล่านั้นมีความคล้ายคลึงกับระเบิดพลังเวทย์
ที่อยู่ในมือของคาร์ลตอนนี้
พลังเวทย์ที่ถูกอัดแน่นอยู่ในระเบิดนับเป็นส่วนผสมหลักของ
การเกิดระเบิดขึ้น มันจะสนองต่อพลังเวทย์ของผู้ที่คิดค้นขึ้นมา
และเริ่มแบ่งตัวออกเป็นระเบิดลูกเล็กๆจ้านวนมากก่อนที่จะ
ระเบิดขึ้น
พลังท้าลายล้างของมันไม่ได้แข็งแกร่งมากนักแต่แรงระเบิด
เช่นนี้มีประโยชน์ในการฆ่าศัตรูได้มากยิ่งขึ้น
คาร์ลกล่าวชมมังกรด้า
“เจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก…ที่สามารถสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้”
“แน่นอน…ข้าเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด!”
พลังเวทย์สีด้ายิ่งถูกปล่อยออกมาจากอุ้งเท้าสั้นๆของมันมาก
ยิ่งขึ้นและถูกกลืนหายเข้าไปในระเบิดพลังเวทย์
ครืดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!
คาร์ลสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของระเบิดพลังเวทย์ที่อยู่ใน
อ้อมแขนของตนและยังคงรอจังหวะที่พระจันทร์เคลื่อนต่้าลง
แต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้นมาแทนที่
“เจ้าระวังตัวด้วย…อย่าบาดเจ็บกลับมาล่ะ!”
มังกรด้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีในขณะที่สร้างโล่ล้อมรอบตัว
คาร์ลเอาไว้
คลิ๊ก!
เสียงดังออกมาจากระเบิดพลังเวทย์ในมือของคาร์ล
คาร์ลปล่อยระเบิดพลังเวทย์ลงสู่ผืนทะเลทันที ก่อนจะหยิบ
หน้ากากด้าน้้ามาสวมลงบนใบหน้า มันเป็นเครื่องมือเวทย์ที่
สามารถท้าให้เขาหายใจใต้น้าได้นาน 5 นาที
เวลาต่อมา
บู๊ม! บู๊ม!บู๊มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!
เกิดระเบิดขึ้นทั่วบริเวณที่ระเบิดพลังเวทย์ตกลงไป คาร์ล
เรียกใช้โล่นิรันดร์กาลก่อนที่จะตกลงสู่ผืนน้้าด้านล่างไป
เสียก่อน สายลมยามค่้าคืนพัดกระหน่้าปะทะเข้าใบหน้าของ
คาร์ลอย่างรุนแรง
เมื่อเสียงระเบิดที่ดังขึ้นติดต่อกันกว่าสิบครั้งหายไป วังน้้าวน
เบื้องล่างก็สูญเสียความแข็งแกร่งของมันลงและไม่สามารถ
ควบคุมให้หมุนวนได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป คาร์ลเปิดใช้งาน
ปีกสีเงินของโล่นิรันดร์กาลขึ้น
ตู้ม! ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โล่เงินปะทะกับผืนน้้าอย่างนุ่มนวลเมื่อคาร์ลด้าดิ่งสู่พื้นทะเล
เบื้องล่าง เขากระชับแว่นกันน้้าให้แน่นขึ้นและบังคับร่างกายให้
ลงสู่เป้าหมายที่ต้องการ ต้องขอบคุณโล่เงินนี้ที่ท้าให้ร่างกาย
ของเขาจมสู่ก้นมหาสมุทรในเวลารวดเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกยิง
ออกไป
บู๊ม! บู๊ม!
ระเบิดพลังเวทย์ยังคงส่งแรงระเบิดเพิ่มมากขึ้นและท้าให้วัง
น้้าวนสูญเสียความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม คลื่นที่เกิดจากแรง
ของระเบิดกระแทกเข้ากับโล่เงินของคาร์ลแต่เขาก็ยังสามารถ
มุ่งหน้าไปยังก้นมหาสมุทรได้อย่างปลอดภัย
บู๊ม!
คาร์ลใช่โล่เงินป้องกันแรงกระแทกของระเบิดที่ดังขึ้นเป็นครั้ง
สุดท้าย ก่อนจะเริ่มก้าวเดินบนพื้นใต้มหาสมุทร
เกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรและมีวังน้้าวนขนาด
ใหญ่บริเวณด้านหน้าของเกาะแห่งนี้
สาเหตุที่ท้าให้เกิดวังน้้าวนขึ้นมาก็เพราะลูกข่างสายลมขนาด
เล็กที่อยู่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งมัน ยังคงหมุนวนต่อเนื่องมา
หลายร้อยปีโดยไม่มีการหยุดพักแต่อย่างใด
คาร์ลสามารถมองเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเขาใน
ขณะนี้ มันมีขนาดที่ใหญ่มากจนสามารถล้มทับคนให้ตายได้
อย่างง่ายดาย
ทูนก้าตระหนักได้ว่าสิ่งที่อยู่ใต้ก้อนหินก้อนใหญ่นี้คือสาเหตุที่
ท้าให้เกิดวังน้้าวนขึ้นและเริ่มยกมันขึ้นมาอาจเป็นเพราะมัน
เป็นก้อนหินที่มีขนาดเล็กกว่าก้อนหินที่เขาเคยยกขึ้นเมื่อครั้งอยู่
ภาคเหนือจึงท้าให้เขาตัดสินใจเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่
สามารถยกมันขึ้นได้
< ‘ถ้าเช่นนั้นข้าจะท้าลายมันแทนแล้วกัน’>
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทูนก้าลงมือท้าลายก้อนหินขนาดใหญ่นี้
คาร์ลพิจารณาก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและเริ่มคิด
‘ทูนก้า…นี่เขาบ้ารึไงนะ…เขาคิดได้อย่างไรว่าจะท้าลายก้อนหิน
ก้อนนี้ได้?’
คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆและมุ่งหน้าไปยังต้าแหน่งที่ลูกข่าง
สายลมอยู่ มันยังคงหมุนวนด้วยความเร็วสูงจนคาร์ลสามารถ
สัมผัสถึงแรงของมันได้แม้ว่ามันจะหมุนวนอยู่ใต้ก้อนหินนั่นก็
ตาม
เป็นไปตามรูปแบบเดิมเช่นเดียวกับทุกครั้งที่เขาได้รับพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณจะต้องมีเสียงของเจ้าของพลังในอดีตปรากฏ
ขึ้นทุกครั้ง
~เจ้าลูกหมา! ~
โอ้!ดูเหมือนว่าเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ค่อนข้าง
ปากจัดไม่ใช่น้อย
~ ทาไมมันจึงกลายเป็นบาปเมื่อข้าขโมยสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น
เพื่อราษฎร….ทั้งๆที่ข้าต้องการขโมยมันมาเพื่อช่วยเหลือ
ราษฎรแท้ๆ?…..เจ้า…เจ้าลูกหมา!..ทาไมดูเหมือนเจ้ามีพลัง
พวกนั้น? ~
เจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ เป็นคน
เดียวกับหัวขโมยที่ถูกกล่าวขานในต้านานเพียงแต่เธอไม่ได้
ขโมยมันมาจากพระเจ้า ความจริงแล้วเธอขโมยบางสิ่งมาจาก
วิหารต่างหาก
เธอหมดลมหายใจลงในที่สุดเมื่อร่างของเธอติดอยู่ใต้ก้อนหิน
ขนาดใหญ่ก้อนนี้ หัวขโมยที่มีฝีเท้าเบาที่สุดกลับต้องมาจบชีวิต
ลงน่าอนาถเช่นนี้
มันเป็นพลังที่สามารถควบคุมลมได้ซึ่งแตกต่างจากพลังเวทย์
อย่างอื่นเพราะตัวเธอคือผู้บังคับลม หลังจากจบชีวิตลงเธอก็
กลายมาเป็นลูกข่างสายลมที่คอยปล่อยคลื่นลมเข้าสู่วังน้้าวน
ให้หมุนวนมาอย่างต่อเนื่อง
~ เจ้าน้าโง่นี่!หากสายฟ้าของเพื่อนข้าอยู่ที่นี่….มันจะแผดเผา
พวกเจ้าจนหมด! ~
สีหน้าของคาร์ลแปลกไปเล็กน้อยในขณะที่หยิบเอาอุปกรณ์
เวทย์ออกมาเพื่อใช้ปลดปล่อยลูกข่างสายลมนี้ออกมา
‘สายฟ้า?…..หรือว่า?’
~ เจ้ารู้หรือไม่…ว่าทาไมสายฟ้าจึงน่ากลัว?….เพราะพลังของ
มันเพียงครั้งเดียว…..แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!~
คาร์ลนึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ส้าคัญในนิยายเรื่องนี้มัน
อาจเป็นพลังอีกอย่างหนึ่งที่เขาเพิ่มเข้ามาในลิสต์รายการของ
เขา มันคือ ‘อัคนีท้าลายล้าง’เขาต้องผ่านเข้าเปลวเพลิงเพื่อได้
ครอบครองมันและต้องใช้เงินเป็นจ้านวนมากเพื่อการนี้
ความคิดบางอย่างแล่นผ่านเข้ามาในหัวของเขา
‘โล่นิรันดร์กาล’คือพลังของไม้, ‘พละก้าลังแห่งดวงใจ’คือพลัง
ของลม, ‘เสียงเรียกของวายุ’คือพลังจากน้้าและ ‘อัคนีท้าลาย
ล้าง’คือพลังของไฟ
คาร์ลรู้สึกแย่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายังคงลังเลว่าจะรับพลังนี้มาไว้
ในครอบครองดีหรือไม่? ในขณะที่คาร์ลก้าลังนึกถึงเรื่องนี้อยู่ก็มี
เสียงบางอย่างดังขึ้น
ปี๊บ!ปี๊บ!
มันคือสัญญาณเตือนจากอุปกรณ์ด้าน้้า มันเตือนให้เขารู้ว่า
เหลือเวลาเพียงสามนาทีเท่านั้น คาร์ลเก็บเรื่องของพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘อัคนีท้าลายล้าง’ไว้ตัดสินใจในภายหลัง
‘ต้องเร่งมือและเอามันออกมาให้ได้’
บทที่ 52 เข้าสู่วังน้้าวน 3 (2)

เขาเริ่มลงมือขุดก้อนหินก้อนนี้ขึ้นมาด้วยเสียมขนาดเล็ก เขา
พยายามก้าจัดสิ่งที่ปกคลุมก้อนหินขนาดใหญ่และลูกข่างสาย
ลมนี้ออกไป โดยเสียมที่เขาใช้ขุดนี้ได้รับการเสริมพลังเวทย์ท้า
ให้มันมีความแหลมคมและมีพลังในการขุดเจาะเป็นอย่างมาก
จนสามารถขุดทะลุพื้นได้อย่างง่ายดาย
‘ไม่มีความจ้าเป็นที่ฉันจะต้องโง่เขลาเหมือนทูนก้าแล้วท้าลาย
ก้อนหินเช่นนั้น’
เขาเพียงแค่ขุดมันไปเรื่อยๆเท่านั้นก่อนจะเริ่มยิ้มออกมา
หลังจากใช้เวลาขุดมันไปไม่นาน เขาเอื้อมมือไปคว้าลูกข่าง
สายลมและประคองมันไว้ในมือของเขา
ฟิ้ว!!!!
คาร์ลขยับถอยหลังไปเล็กน้อยโดยลูกข่างสายลมยังคงหมุนวน
อยู่บนมือของเขา
โครม!!
ก้อนหินขนาดใหญ่เริ่มเสียสมดุลและเอนลงไปด้านหนึ่งทันที
~ หากการที่ข้าเลือกขโมยสิ่งนี้มามันเป็นบาป…แล้วทาไม
การที่พวกเขาโกหกชาวบ้านตาดาๆเช่นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบาป
ด้วยเล่า?…โลกนี้มันช่างโสโครก….มันเป็นโลกที่โสมมยิ่งนักที่ผู้มี
อานาจสามารถทาอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ!~
‘โลก…มักโสมมเสมอ’
คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยกับเสียงคร่้าครวญของหัวขโมยคนนี้
และวางลูกข่างสายลมลงบนพื้นใต้ทะเลมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
ที่เจ้าของพลังศักดิ์สิทธ์โบราณ‘เสียงเรียกของวายุ’ ปรารถนา
‘อิสรภาพ’ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะให้สิ่งนี้แก่เธอได้คือการ
ท้าลายลูกข่างสายลม
พลั่ก!
ลูกข่างสายลมแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆอยู่ใต้ฝ่าเท้าของคาร์ล
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงแหลมเล็กเหมือนเสียงกรีดร้องของคนดังกึกก้องอยู่ใต้น้า
ในขณะที่ลูกข่างสายลมที่แหลกละเอียดเป็นชิ้นๆเริ่มมีคลื่นลม
ไหลออกมาก่อนโอบรอบตัวคาร์ลทันที
~เจ้ามีพลังแห่งการฟื้นฟู!….จงอย่าติดอยู่ที่นี่เหมือนกับข้า…
เข้าใจหรือไม่?~
‘พลังแห่งการฟื้นฟู….เธอก้าลังพูดถึง‘พละก้าลังแห่งดวงใจ’
หรือไม่นะ?’
~จงเป็นอิสระ~
วาบบบบบบ!!!!!!
ลมสีขาวโอบรอบร่างกายของคาร์ลไว้และขยับขึ้นไปล้อมรอบ
ศีรษะของเขาก่อนจะเริ่มเคลื่อนตัวต่้าลงช้าๆ มันจะเป็นเช่นนี้
จนกว่าจะไปหยุดที่ปลายเท้าของเขา
‘หืม?’
แต่ลมกลับเข้าไปโอบล้อมรอบหัวใจของเขาแทน
ตึกตัก!!!!ตึกตัก!!!!!
หวัใจของคาร์ลเริ่มเต้นกระหน่้าขึ้นอย่างรุนแรง
‘ฮึก!’
หัวใจของคาร์ลเต้นรุนแรงจนร่างกายของเขารู้สึกเจ็บปวด เขา
ยกมือขวาขึ้นทุบไปที่หน้าอกของตนหนึ่งครั้งก่อนจะมี
ฟองอากาศพุ่งออกมาจากปากของเขาเมื่อเผลออ้าออกมา
เพราะความเจ็บปวด
‘เกิดอะไรขึ้น?’
‘ฮึก!’
คาร์ลเริ่มตะเกียกตะกายในน้้าด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ลมที่
โอบรอบหัวใจของเขาจะขยับลงมาที่เท้าและเริ่มสักลวดลาย
บางอย่างบนข้อเท้าของเขาทันที คาร์ลมองเห็นรอยสักที่มี
ลวดลายเป็นวังน้้าวนผ่านช่องว่างระหว่างชุดด้าน้้าและตีนกบ
ที่สวมใส่
‘วังน้้าวนมันมีสีน้าเงินด้วยหรือ?’
เมื่อรอยสักวังน้้าวนเสร็จสมบูรณ์ หัวใจของเขาก็กลับมาเต้น
เป็นปกติอีกครั้ง
‘หรือว่า ‘พละก้าลังแห่งดวงใจ’จะช่วยเสริมพลัง‘เสียงเรียก
ของวายุ’ด้วย?’
เขาอยากรู้ในเรื่องนี้แต่ไม่มีเวลาคิดหาค้าตอบมากนัก
ปี๊บ!ปี๊บ!
สัญญาณเตือนดังขึ้นอีกครั้งเพื่อแจ้งให้เขารู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่
มากแล้ว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังคงมีเวลาเหลือเฟือทีเดียว
คาร์ลเปิดใช้งาน ‘เสียงเรียกของวายุ’ ก่อนจะปรากฏลม
กระโชกรุนแรงหมุนวนรอบเท้าของเขา
คาร์ลค่อยๆขยับเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ฟิ้ว!!!!
ร่างของคาร์ลตัดผ่านสายน้้าไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าวังน้้าวน
ขนาดใหญ่ที่อยู่บนเกาะเล็กๆแห่งนี้ได้หายไปแล้วแต่วังน้้าวนที่
อยู่บริเวณอื่นยังคงคงมีอยู่ ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็สามารถ
เคลื่อนผ่านพวกมันไปอย่างง่ายดายโดยไม่มีปัญหาใดๆ
‘วังน้้าวนอื่นๆจะหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์’
อย่างไรก็ตามคาร์ลวางแผนที่จะเก็บวังน้้าวนเหล่านี้ไปอีก
ประมาณหนึ่งปี วังน้้าวนสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธ์โบราณ‘เสียง
เรียกของวายุ’ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ส้าคัญของเจ้าของของพวกมัน
และแหวกเส้นทางให้แก่คาร์ลโดยดี
จุดหมายของคาร์ลคือ ‘หน้าผาแห่งสายลม’
คาร์ลมองเห็นเงาของหน้าผาที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ร่างของตน
อย่างรวดเร็วและเริ่มถีบตัวเองขึ้นมาจากใต้น้าก่อนที่เขาจะเข้า
ไปใกล้หน้าผาจนเกินไป ร่างกายของเขาโผล่ขึ้นเหนือผืนน้้าใน
เวลาต่อมา
ฟิว้ วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
สายลมจากมหาสมุทรปะทะเข้ากับร่างกายของเขาราวกับ
ต้อนรับการกลับมาของคาร์ลจากใต้น้านั่น คาร์ลรีบถอด
หน้ากากด้าน้้าออกจากใบหน้าทันที
ปี๊บบบบบบบบบบ!!!!!!!!!!!!!!
เสียงสัญญาณเตือนดังลากยาวเมื่อครบห้านาทีแล้ว
คาร์ลมองไปยังทิศทางของหมู่บ้านและเห็นว่าแสงสว่างจากคบ
เพลิงเริ่มเพิ่มมากขึ้นแล้ว
“ต้องรีบแล้วสินะ”
ฮันส์คงไม่เข้ามาปลุกเขาเพราะถูกเขาสั่งไว้แล้วว่าห้ามเข้ามา
รบกวนเขาแม้ว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตายเพียงใดก็ตาม แต่มัน
ก็ย่อมดีกว่าหากเขากลับไปยังห้องพักได้เร็วขึ้น
คาร์ลว่ายน้้าไปยังหน้าผาแห่งสายลมที่อยู่ไม่ไกลนักและ
สังเกตเห็นก้อนหินหลากหลายขนาดทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่
ใต้หน้าผาแห่งนี้ ก้อนหินเหล่านี้เป็นสาเหตุส้าคัญที่หากใครก็
ตามที่ผลัดตกจากหน้าผาจะต้องจบชีวิตลงกลายเป็นซากศพ
เฝ้ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้ทันที
คาร์ลมองหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายกับหัวสิงโต มันสามารถ
หาได้โดยง่ายเพราะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้
คาร์ลยิ้มออกมาด้วยความพอใจเมื่อมองเห็นถ้้าเล็กๆด้านหลัง
ก้อนหินคล้ายกับหัวสิงโตนี้
‘เจอแล้ว!’
ทูนก้าได้พบเข้ากับโชคชะตาอีกอย่างในถ้้าแห่งนี้หลังจากได้รับ
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘เสียงเรียกของวายุ’ มาไว้ในครอบครอง
แล้ว มันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ส้าหรับทูนก้าแต่มันเป็น
‘ส่วนผสม’ส้าคัญที่คาร์ลจะน้าไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้
อย่างดีทีเดียว
หากส่วนผสมนี้ถูกรวมเข้ากับส่วนผสมอีกอย่างที่ล็อกจะเป็นผู้
น้ามาให้เขาในอีกไม่ช้านี้ ราชินีแห่งผืนป่าจะไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากตอบตกลงกับข้อเสนอของเขา
‘ถึงอย่างไร…ราชินีก็ต้องเลือกช่วยผืนป่าของเธออยู่ดี’
คาร์ลค่อยๆว่ายลัดเลาะผ่านก้อนหินและเข้าไปในถ้้า ปาก
ทางเข้าถ้้าค่อนข้างมืดเพราะแสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามาไม่
ถึงแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหา คาร์ลสามารถว่ายเข้าไปในถ้้าได้
อย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดขึ้นจากผืนน้้าในเวลาต่อมา
คาร์ลเหลือบมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกถ้้า
‘เจ้ามังกรน้อยคงมาถึงที่นี่แล้วกระมัง’
มังกรเริ่มเอ่ยขึ้นราวกับอ่านใจของคาร์ลได้แต่มันกลับพูดให้เขา
ได้ยินภายในหัวของเขาเท่านั้น
~เจ้ามนุษย์อ่อนแอ!…เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่มั้ย? ~
มีเพียงเหตุผลเดียวที่มังกรด้าเลือกที่จะพูดเข้ามาในหัวของ
คาร์ลเช่นนี้ เขาเริ่มมีอาการหนาวสั่นก่อนจะหันหน้าไปมอง
ด้านในของถ้้า
มังกรด้าจะพูดให้เขาได้ยินเฉพาะในหัวของเขาก็ต่อเมื่อมีคนที่
ไม่คุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ
~ภายในถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่…แม้ว่ามันใกล้จะตายแล้วแต่ก็ไม่ใช่
ซากศพอย่างที่เจ้ากลัว! ~
ครืด!!!!ครืด!!!!!
คาร์ลได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างถูกลากไปกับพื้นภายในถ้้า
แห่งนี้และเริ่มคิดว่าจะท้าอย่างไรต่อไปดี
‘จะกระโดดลงน้้าไป?…หรือว่าจะขอให้มังกรด้าพาฉันกลับ
ห้องพักดี?’
ครืด!!!!ครืด!!!!!ครืด!!!!!ครืด!!!!!ครืด!!!!!
แต่เสียงลากนัน้ กลับดังเข้ามาใกล้อย่างรีบเร่งมากขึ้นและ
สิ่งมีชีวิตที่มังกรด้ากล่าวถึงก็ปรากฏตัวออกมาให้คาร์ลได้เห็น
ก่อนที่เขาจะทันได้ตัดสินใจจุ่มเท้าลงไปในน้้าทะเลอีกครั้งเสีย
อีก
สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏตัวออกมาเริ่มพูดด้วยน้้าเสียงอันสั่นเทา
“….ได้…ได้โปรดช่วยข้าด้วย”
“อ่า…….” คาร์ลตะลึงค้างไปทันทีด้วยความตกใจ สิ่งมีชีวิตนี้มี
กลิ่นเค็มออกมาจากร่างกาย มันเป็นกลิ่นของทะเล
‘ไม่มีทาง….’
“มีบางสิ่งที่ข้าต้องท้าให้ส้าเร็จ…ข้าไม่สามารถจบชีวิตลงที่นี่
ได้!”
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขาคือมนุษย์ มันมีรอยแผลขนาดใหญ่ที่
ขาของเขาและก้าลังพยายามคลานและลากขาที่บาดเจ็บเข้า
มาใกล้คาร์ลอย่างช้าๆ
มีของเหลวสีเขียวบนรอยแผลนั่นท้าให้มนุษย์ที่บาดเจ็บผู้นี้
ยังคงกระอักเลือดออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ มันเห็นได้ชัดเจนว่า
รอยแผลนั่นเป็นฝีมือของนางเงือก
“…ได้…ได้โปรด….อั่ก!!”
แน่นอนว่าเขาต้องไม่ใช่มนุษย์ซะทีเดียวแต่เขาคืออะไร
บางอย่างที่น่ากลัวกว่านั้น
สิ่งมีชีวิตผู้นี้มีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ คาร์ลสามารถมองเห็น
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้แม้ว่าเส้นผมของเขาจะยุ่งเหยิง
ปรกหน้าเพียงใดก็ตามซึ่งมนุษย์ที่ได้รับบาดเจ็บที่ก้าลังคลาน
เข้ามาใกล้คาร์ลอย่างช้าๆอยู่นี้….มันคือวาฬ…คนผู้นี้คือ
วาฬ!!!!!!!!
~เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…เจ้าไม่สบายหรือเปล่า?….ทาไมหน้าของ
เจ้าจึงซีดเช่นนั้น? ~
มังกรด้าพูดให้คาร์ลได้ยินผ่านเข้ามาในหัวอีกครั้งแต่คาร์ลดู
เหมือนจะไม่ได้ยินมัน คาร์ลรู้สึกราวกับว่าเขาก้าลังเผชิญหน้า
กับฉากหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญเสียแล้ว
สมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บจนเกือบตายเป็นสมาชิกของเผ่าวาฬได้
ปรากฏตัวต่อหน้าคาร์ลในตอนนี้แล้ว
บทที่ 53 กาลังคิดอยู่ 1 (1)

คาร์ลมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
‘หรือ…ฉันควรวิ่งหนีไปตอนนี้ดี?’
แต่ดวงตาของวาฬตนนี้ยังคงจ้องมาที่เขาอย่างแน่วแน่พร้อม
ประกายตาคมกล้า ดูเหมือนว่าเขายังมีกาลังแขนที่แข็งแกร่งอยู่
เมื่อคาร์ลเห็นวาฬตนนี้ใช้นิ้วของเขาจิกลงไปที่พื้นเช่นนั้น
พละกาลังของเขาน่าเหลือเชื่อยิ่งนักแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บมาก
เพียงใดก็ตาม
คาร์ลมีเพียงข้อสงสัยเดียวในตอนนี้
‘ทาไมสมาชิกจากเผ่าวาฬ…จึงถูกพิษของนางเงือกเล่นงานจน
อาการสาหัสเช่นนี้ได้?’
ก่อนจะมีคาตอบลอยเข้ามาใจของเขาอย่างรวดเร็ว
‘เลือดผสม’ นั่นเป็นคาตอบเดียวที่สามารถเป็นไปได้
คาร์ลเริ่มทบทวนเนื้อหาจากในนิยาย‘กาเนิดวีรบุรุษ’ มันไม่มี
ตัวละครที่มีเลือดผสมปรากฏอยู่ในเผ่าวาฬที่มีจานวนสมาชิก
ในเผ่าน้อยพอๆกับมังกร
‘แต่…มีตัวละครหนึ่งที่ตายไปแล้ว’
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกังวล
“อั่ก!!..ฮึก!!!!”
วาฬตนนี้ไม่สามารถออกแรงคลานได้อีกต่อไป ร่างกายของเขา
เริ่มสั่นเทาโดยไม่สามารถขยับร่างกายตนไปไหนได้อีก ในขณะ
นั้นคาร์ลก็ได้ยินเสียงของมังกรดาลอดผ่านเข้ามาในหัวของเขา
~เจ้ามนุษย์!…เจ้าไม่ช่วยเขาหรือ? ~
มังกรดาเอ่ยถามคาร์ลด้วยความสงสัย คาร์ลไม่ได้เอ่ยตอบ
สิ่งใดออกมาเพียงแต่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงช้าๆ เขาเกลียด
ความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์และการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสิ่งอื่น
โดยไม่มีเหตุผลที่สมควรแบบนี้ยิ่งนัก แต่……..
“เฮ้!….”
คาร์ลค่อยๆก้าวเข้าหาวาฬเลือดผสมที่กาลังหมอบอยู่ที่พื้น
เบื้องหน้าเขา วาฬเลือดผสมที่กาลังสั่นเทาอยู่บนพื้นค่อยๆยก
ศีรษะของตนขึ้น
เขามีผมยาวสลวยแม้ว่าจะยุ่งเหยิงไปบ้างในตอนนี้ เป็นจริงดั่ง
ที่นิยายได้กล่าวเอาไว้สมาชิกจากเผ่าวาฬจะมีรูปร่างหน้าตาที่
สวยงามเป็นอย่างมาก มันมากเสียจนเผ่าเอลฟ์ที่ได้ชื่อว่ามี
ความสวยงามมากอยู่แล้วกลายเป็นปลาหมึกหน้าตายับย่นไป
เลยในตอนนี้ ชายจากเผ่าวาฬหน้าตาหล่อเหล่าผู้นี้กาลังเงย
หน้ามองคาร์ลเพื่อเอ่ยขอร้องอีกครั้ง
“….ช่วย….ช่วย”
คาร์ลเอ่ยตอบเขาทันทีด้วยน้าเสียงราบเรียบ
“ได้…ข้าจะช่วยเจ้า”
วาฬตนนี้ที่มีเลือดอีกครึ่งเป็นมนุษย์ คาร์ลรู้ว่ามันย่อมเจ็บปวด
ทรมานมากกว่าหากวาฬเลือดผสมตนนี้จะคงมีชีวิตอยู่ต่อไป
มากกว่าที่จะยอมตายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขามั่นใจว่าวาฬ
ตนนี้ย่อมรู้ในเรื่องนี้เช่นกัน
คาร์ลนึกถึงบทสนทนาของราชาผ่าวาฬกับล็อกในนิยายเรื่องนี้
< ‘เจ้าเป็นหมาป่าเลือดบริสุทธิ์’>
< ‘ทาไม..ท่านจึงพูดเช่นนั้นเล่า?’>
< ‘บุตรของข้าไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์’>
< ‘หืม?….พี่สาวไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์เช่นนั้นหรือ?’>
< ‘ไม่ใช่เด็กคนนั้น…ข้ามีบุตรชายอยู่คนหนึ่งเขาไม่ได้มี
สายเลือดบริสุทธิ์แต่เป็นเลือดผสม. นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกอย่าง
ค่อนข้างลาบากและมีปัญหามากมาย…เขาอ่อนแอเกินไปที่จะ
อยู่ในมหาสมุทรได้’>
< ‘ถ้าเช่นนั้นเขาอาศัยอยู่บนชายฝั่งหรือ?’>
< ‘ไม่….บุตรชายที่น่าสงสารของข้า..ได้จากโลกนี้ไปก่อนข้า
แล้ว’>
ราชาแห่งเผ่าวาฬและเป็นผู้ปกครองอาณาจักรมหาสมุทร เขา
มีเส้นผมและดวงตาสีฟ้า แม้ว่าคาร์ลจะไม่สามารถยืนยันได้แน่
ชัดเพราะภายในถ้านั้นมืดมาก แต่ใบหน้าของวาฬเลือดผสมที่
ปรากฏให้คาร์ลเห็นอย่างเลือนรางก็มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับ
ราชาเผ่าวาฬที่ถูกอธิบายไว้ในนิยายได้เกือบสมบูรณ์
คาร์ลมองไปที่ดวงตาสีฟ้าราวกับสีของน้าทะเลและเอ่ยขึ้น
“หลับสักครู่เถิด…ทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา”
ดวงตาสีฟ้ากระพริบขึ้นลงสองสามครั้งก่อนปิดสนิทในที่สุด
คาร์ลมองไปยังร่างของวาฬเลือดผสมที่หมดสติก่อนจะเดินเข้า
ไปใกล้เพื่อตรวจอาการบาดเจ็บที่ขาของเขาทันที
“เจ้าคิดจะทาอย่างไร?”
มังกรคลายเวทย์ล่องหนออกและปรากฏตัวขึ้นเมื่อเห็นว่าวาฬ
เลือดผสมหมดสติลงพร้อมก้าวเข้าหาวาฬตนนี้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นมันก็สร้างลูกบอลส่องแสงเล็กๆขึ้นมามันมีพลังเวทย์ที่
ทาให้พวกเขาสามารถมองเห็นบาดแผลที่ขาของวาฬเลือดผสม
ได้ชัดมากขึ้น
“มันค่อนข้างแย่ทีเดียว”
ผิวหนังของเผ่าวาฬจะมีความหนาและเหนียวเป็นอย่างมาก
แม้ว่าภายนอกจะมองว่ามันเป็นผิวที่เนียนละเอียดและใสไร้ที่ติ
เพียงใดก็ตามแต่มันก็ยากที่จะสร้างรอยขีดข่วนให้เกิดขึ้นได้
โดยง่าย น่าเสียดายที่วาฬเลือดผสมตนนี้กลับไม่ได้มีผิวหนัง
เช่นนั้น นั่นคือสาเหตุที่ทาให้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีและ
พิษของนางเงือกได้ มังกรดาลอบมองคาร์ลที่กาลังตรวจดู
อาการของวาฬเลือดผสมด้วยความแปลกใจ
“…เจ้าเป็นมนุษย์ที่แปลกมาก….เจ้าอ่อนแอและดูประหลาดยิ่ง
นัก”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”
คาร์ลชี้ไปยังร่างของวาฬเลือดผสมและออกคาสั่งแก่มังกรดา
“ลากเขาลงน้า….”
“…เจ้า….เจ้าโกหกเขาเช่นนั้นหรือ?”
มังกรดาตกใจจนตาแทบถลนออกจากเบ้า ท่าทางของมันดู
ตกใจและกังวลอย่างรุนแรง
“เจ้ามนุษย์…เจ้าบอกเขาว่าเจ้าจะช่วยเขา!…ถึงเจ้าจะอ่อนแอ
แต่เจ้าก็เป็นคนรักษาสัญญา!….ทาไมเจ้าจึงบอกให้ข้าลากเขา
ลงน้าด้วยเล่า?…เจ้ากาลังจะทาให้เขาหายใจไม่ออกและขาด
อากาศหายใจตายในที่สุดนะ!”
เฮ้อ…..
คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนจะคว้าลูกบอลส่องแสงที่ลอยคว้าง
อยู่ในอากาศมาถือไว้ มันไม่ได้รู้สึกร้อนเลยสักนิด
“ข้ากาลังช่วยเขาอยู่”
ก่อนขยับห่างออกมาเล็กน้อย
“หลังจากที่เจ้าลากเขาลงน้าแล้ว….เจ้ายังจาซากนางเงือกที่เรา
เจอเมื่อเช้าได้หรือไม่?”
“……เจ้ากาลังจะให้ข้าทาอะไร?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก…เจ้าแค่ไปเอาแขนสักข้างหนึ่งกลับมาให้
ข้าก็พอ”
มังกรดาอ้าปากค้าง คาร์ลไม่ได้สนใจในเรื่องนี้อีกต่อไปและมุ่ง
หน้าเข้าไปในถ้าโดยทันทีเป็นเพราะมังกรดาไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ
ออกมาแม้ว่ามันจะมีท่าทางตกใจมากเพียงใดก็ตาม
“….ข้าจะทาตามที่เจ้าบอกก็ได้”
มังกรดาเชื่อฟังเขาจริงๆ คาร์ลไม่ได้หันหลังกลับไปมองมันและ
ยังคงมุ่งหน้าเดินต่อไป เขาต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและ
กลับไปยังหมู่บ้านก่อนที่มันจะเกิดความโกลาหลขึ้น
ถ้าไม่ลึกมากและคาร์ลก็เดินถึงปลายถ้าในที่สุด
‘เจอแล้ว’
การเจอสิ่งที่เรียกว่าเป็นโชคชะตาของทูนก้าก็คือ ‘บ่อน้าขนาด
เล็ก’ คาร์ลได้นาสิ่งหนึ่งติดตัวมาด้วยมันเป็นอุปกรณ์เตือนภัยที่
จะบอกให้คาร์ลรู้ว่ามีคนอื่นอยู่บริเวณนี้หรือไม่?
‘ฉันต้องนามันติดตัวไปด้วยก่อนที่ฉันจะออกไป’
คาร์ลตักน้าจากบ่อน้าเล็กๆนี้ใส่ขวดแก้วที่เขาพกติดตัวมาด้วย
‘มันคือน้าดับไฟ’
แน่นอนว่าน้าย่อมมีความแข็งแกร่งจนสามารถดับไฟได้แต่
ความแข็งแกร่งของน้าในบ่อนี้จะต่างออกไปเล็กน้อย หากคาร์ล
นามันไปรวมกับสิ่งที่ล็อกจะนามาให้เขาได้ มันจะก่อให้เกิดสิ่งที่
มีค่าเป็นยิ่งนัก
มันจะกลายเป็นสิ่งล้าค่าที่จะช่วยรักษาและฟื้นฟูผืนป่าที่แห้ง
แล้ง
คาร์ลกลับมาถึงปากถ้าในเวลาต่อมา ดูเหมือนว่ามังกรดาจะ
กลับมาพร้อมกับแขนข้างหนึ่งเมื่อมันยื่นแขนข้างนั้นให้แก่
คาร์ลด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขานัก คาร์ลมองเห็นร่าง
ของชายเลือดผสมจากเผ่าวาฬที่อยู่ข้างๆมันเช่นกัน
“กลับกันเถอะ”
มังกรดาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะพาวาฬเลือดผสม
แขนหนึ่งข้างของศพนางเงือกและคาร์ลเหาะกลับบ้านพักโดย
ทันที
คาร์ลได้รับการต้อนรับจากออนและฮงทันทีที่เขากลับมาถึงห้อง
“เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี!”
“รองพ่อบ้านเคาะประตูห้องมาระยะหนึ่งแล้ว!”
คาร์ลสามารถรู้ได้เช่นกันแม้ว่าลูกแมวทั้งสองจะไม่เอ่ยบอกเขา
ก็ตาม เขาได้ยินเสียงของฮันส์แว่วเข้ามาจากหน้าประตูห้อง
ฟังดูแล้วเหมือนฮันส์กาลังจะร้องไห้ในไม่ช้านี้แล้ว
“นายน้อย…กระผมไม่กล้าเข้าไปเพราะนายน้อยบอกว่าจะฆ่า
กระผมทันทีหากทาให้นายน้อยตื่น…กระผมทาได้เพียงแค่เคาะ
ประตูห้องเท่านั้น…นายน้อยช่วยเปิดประตูให้กระผมเถิด
ขอรับ…ได้โปรด…นายน้อย!!!!!!!”
คาร์ลถอดชุดดาน้าออกและโยนมันไปไว้มุมห้องก่อนที่จะหยิบ
เครื่องมือชิ้นหนึ่งออกมาจากกล่องพลังเวทย์และขว้างมันไปที่
มังกรดามันที จากนั้นจึงสวมชุดคลุมอาบน้าและออกไปเปิด
ประตู
“คุณหนูอามูร์..ให้กระผมมาตรวจสอบว่านายน้อยปลอดภัยดี
หรือไม่?…ดังนั้นตื่นเถิดขอรับและช่วยเปิดประ…ตู”
“เจ้ามีธุระอะไร?”
“โอ้!….นายน้อย!….ท่านกาลังสระผมอยู่หรือขอรับ?”
คาร์ลรีดน้าออกจากเส้นผมที่เปียกโชกของเขาแล้วตอบคาถาม
ของฮันส์ด้วยท่าทางสบายๆ
“…ข้านอนไม่หลับก็เลยไปนั่งเล่นในอ่างอาบน้า”
“อ้อ!….นายน้อยอยู่ในห้องน้าหรือขอรับ?…ถ้าเช่นนั้นกระผมก็
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตของกระผมแล้วสิขอรับ..เพราะนาย
น้อยไม่ได้หลับเสียหน่อย”
“….มันน่าแปลกใจตรงไหน”
“ขอโทษขอรับ!…นายน้อย”
อะแฮ่มๆๆๆๆ ฮันส์แสร้งกระแอมไอออกมาก่อนจะเริ่มสารวจ
ร่างกายของคาร์ลและเอ่ยขึ้น
“…นายน้อยรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ขอรับ?….ตอนนี้ข้างนอก
ค่อนข้างวุ่นวาย…ก่อนหน้านี้มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2-3
ครั้ง…กระผมเชื่อว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นในทะเล”
คาร์ลมองออกไปนอกหน้าต่างที่เขาผ่านเข้ามาเมื่อสักครู่
ในตอนนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านมีแสงสว่างจากคบเพลิงเต็มทั่วพื้นที่
แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม เขายังสามารถมองเห็นแสง
คบเพลิงที่กาลังลอยออกไปในทะเลได้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าอามูร์จะตัดสินใจในสิ่งที่กล้าหาญเมื่อส่งคนออกไป
ในทะเลในเวลานี้แม้ว่าอาจจะเกิดอันตรายจากวังน้าวนที่อยู่ใน
ทะเลนั่นก็ตาม
“มีเสียงดังเกิดขึ้น…แต่พวกเขาไม่รู้เช่นนั้นหรือว่ามันเกิดจาก
อะไร?”
“คุณหนูอามูร์ได้ส่งคนออกไปตรวจสอบในตอนนี้แล้ว…กระผม
เชื่อว่าเราจะรู้ในไม่ช้านี้”
ตามความเห็นของคาร์ล อามูร์จะต้องมีความสุขเพราะวังน้าวน
ขนาดใหญ่หน้าเกาะกลางแห่งนั้นหายไป สิ่งนั้นหายไปเพียง
อย่างเดียวจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ชายฝั่งนี้ได้อย่างมหาศาล
จนไม่สามารถประเมินมูลค่าได้เลย
“เป็นอย่างนั้นหรือ?”
“ขอรับ…นายน้อย”
“เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ…”
ฮันส์โค้งให้แก่คาร์ลอย่างนอบน้อมก่อนจะออกไปจากห้องอย่าง
รวดเร็ว ในเวลาเดียวกันมังกรดาก็ปิดใช้งานเครื่องมือเวทย์
ล่องหนนี้ลงก่อนจะปรากฏร่างของมัน วาฬเลือดผสมและแขน
ของนางเงือกที่อยู่เหนือศีรษะของเขาไป
ออนและฮงไม่ได้ขยับตัวออกจากมุมห้องเมื่อมันมองเห็นซาก
แขนนางเงือกเข้า ลูกแมวคู่นี้มักหวาดกลัวในสิ่งไร้สาระอยู่
เสมอ
คาร์ลเดินเข้าไปในห้องน้าและเติมน้าทะเลบางส่วนลงไปในอ่าง
อาบน้า มังกรดาจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อเห็น
คาร์ลวางแขนของนางเงือกลงไปในนั้น
ซู่ซู่!!!!!!!
บทที่ 53 กาลังคิดอยู่ 1 (2)

เสียงคล้ายกับเสียงไหม้ดังขึ้นทั่วทั้งห้อง แต่มันกลับทาให้แขนที่
แห้งเหี่ยวกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงที่
เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของซากแขนนางเงือกทาให้ออนและฮงรีบ
มุดเข้าไปซ่อนใต้เตียงทันที ในที่สุดแขนของนางเงือกก็กลับมา
เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ในเวลาต่อมา คาร์ลมองไปที่ขาของวาฬ
เลือดผสม มันดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้เพราะของเหลวสีเขียว
ที่ผสมกับน้าทะเลนั่นเอง
คาร์ลหยิบมีดมนตราออกมา
ซึ่งเวลานั้นเปลือกตาของชายที่หมดสติเริ่มกระพริบขึ้นและ
ร่างกายเริ่มขยับช้าๆ
“ดูเหมือนว่าเขากาลังจะฟื้นแล้ว….มนุษย์เอามีดออกไป!”
มังกรดาตะโกนอย่างร้อนใจและเป็นจังหวะที่ชายผู้นี้ลืมตาขึ้น
อย่างเต็มตา สิ่งแรกที่ชายผู้นี้เห็นคือคาร์ลที่กาลังเงื้อมีดขึ้น
เหนือหัว คาร์ลกาลังยกยิ้มให้แก่วาฬเลือดผสมเพื่อบอกให้เขา
ผ่อนคลายลงเมื่อทั้งสองได้สบตากัน แววตาสีฟ้าของวาฬเลือด
ผสมเริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นมีดค่อยๆขยับลง
ฉึก!
มีดมนตราปักลงไปที่แขนของนางเงือกก่อนจะกรีดผ่านผิวหนัง
เป็นเส้นยาว เริ่มมีของเหลวไหลออกมาจากรอยกรีดที่แยกออก
มันเป็นเลือดของนางเงือกนั่นเอง เมื่อแขนกลับเข้าสู่สภาพเดิม
เลือดก็ย่อมถูกฟื้นฟูตามเช่นกัน
คาร์ลเริ่มพูดกับชายที่ร่างยังคงสั่นเทาอยู่
“เยี่ยม…”
เลือดไหลออกมามากขึ้นและไหลลงสู่ขาที่บาดเจ็บของชายผู้นี้
ซู่ซู่!!!!!!!
ของเหลวสีเขียวที่อยู่บนขาของชายเลือดผสมเริ่มทาปฏิกิริยา
เมื่อสัมผัสเข้ากับเลือดของนางเงือก
คาร์ลยื่นแขนของนางเงือกที่เต็มไปด้วยเลือดที่หลั่งไหลออกมา
ให้แก่ชายตรงหน้าตน
“ดื่มก่อนที่เลือดจะแห้ง..นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะรักษาอาการของ
เจ้าได้”
ในนิยายเล่มที่ห้าได้กล่าวถึงวิธีรักษาที่โรสลินเป็นผู้ค้นพบเพื่อ
ช่วยรักษาอาการของล็อกที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเหล่า
นางเงือก มันเป็นวิธีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกนี้
สายตาของชายผู้นี้ซึ่งดูเหมือนจะมีอายุราวยี่สิบต้นๆเริ่มสั่นไหว
อีกครั้ง มันเป็นแววตาเหมือนกันกับออน ฮงและมังกรดา
เช่นกัน
ในที่สุดอาการของวาฬเลือดผสมก็ดีขึ้น เมื่อเขาตัดสินใจที่จะ
ดื่มเลือดของนางเงือกหลังจากที่เห็นว่ามันทาให้อาการที่ขาของ
เขาดีขึ้นกว่าเดิม
คาร์ลยังคงเอ่ยต่อไปเมื่อเห็นท่าทางที่สับสนบนใบหน้าของวาฬ
เลือดผสม
“อะไรกัน?….ไม่ใช่เจ้าหรือไงที่ลงมือฆ่านางเงือกพวกนี้?”
สีหน้าของชายตรงหน้าคาร์ลเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา ก่อนที่คาร์ล
จะเริ่มยิ้มหลังจากเห็นท่าทางเช่นนั้นของวาฬเลือดผสม มัน
แปลกที่จะเห็นวาฬวิตกกังวลเมื่อถูกถามว่าได้ลงมือฆ่านาง
เงือกหรือไม่?
จากนั้นคาร์ลก็เทเลือดที่เหลือลงสู่ขาของวาฬเลือดผสมอีกครั้ง
ก่อนที่จะโยนมันลงไปในน้าทะเลในอ่างอีกครั้ง แขนของนาง
เงือกค่อยๆละลายจางหายไปเมื่อคาร์ลเฝ้ามองดูอย่างเงียบๆ
คาร์ลยังคงจ้องไปยังแขนของนางเงือกที่ละลายหายไปตรงหน้า
เขาในขณะที่เริ่มพูดกับชายลูกครึ่งวาฬคนนี้เช่นกัน
“หากเจ้าเป็นวาฬ…เจ้าก็ควรกลับไปยังมหาสมุทรในตอนเช้า
เพื่อฟื้นฟูร่างกายของเจ้าให้มีสภาพเต็มร้อย….ข้าจะนอน
แล้ว!…และเจ้าก็จงกลับไปด้วยตัวของเจ้าเอง”
ใบหน้าของชายผู้นี้แข็งกระด้างมันเป็นประเภทความร้ายกาจที่
แตกต่างจากเชวฮัน นี่คือลักษณะของคนที่ถูกผู้อื่นดูแคลนมา
ตลอดช่วงชีวิตของเขา คนที่มักถูกพร่าบอกตลอดเวลาว่าเขา
ไม่ดีพอเหมือนดั่งสมาชิกคนอื่นๆในเผ่าวาฬของเขา นี่เป็น
ความร้ายกาจที่มาจากบุคคลแบบนี้เท่านั้น
“….เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือวาฬ?”
“แล้วใครจะสามารถฆ่านางเงือกถึงสามตนได้?”
“…..ข้าต้องกลับบ้าน”
คาร์ลรู้สึกได้ว่าเขาอาจจะต้องได้ฟังเรื่องที่ไร้ประโยชน์ดังนั้น
เขาจึงยกมือห้ามทันที
“ข้าไม่มีความปรารถนาที่จะรับฟังเรื่องราวที่ไร้ประโยชน์จาก
เจ้า”
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่คาร์ลไม่เอ่ยถามชื่อของวาฬเลือดผสมตน
นี้หรือแม้แต่ให้ฮันส์เจอวาฬตนนี้ได้เช่นกัน
“ข้าช่วยเจ้า…ก็เพราะข้าได้รับปากเจ้าไว้แล้วว่าจะช่วยชีวิต
เจ้า”
คาร์ลทิ้งร่างของเขาลงบนเตียงนอน เขาจาเป็นต้องอาบน้าแต่ก็
เหนื่อยกันไปที่จะทาอย่างนั้นได้
“เอาล่ะ!…..ข้าจะนอนแล้ว…ส่วนเจ้าจงออกไปจากที่นี่ให้เงียบ
ที่สุด”
คาร์ลปิดตาของตนลงทันที ไม่มีอะไรที่เขาต้องเป็นกังวลเมื่อ
มังกรดาก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน จากนั้นเขาก็นึกถึงคาพูดของราชา
เผ่าวาฬที่พูดกับล็อกในนิยาย
< ‘นั่นคือเหตุผลที่ข้า..ไม่ต้องการสูญเสียสมาชิกในครอบครัว
อีกต่อไป’>
สิ่งนี้คือเหตุผลให้คิมร็อกโซเลือกที่จะลงมือช่วยวาฬเลือดผสม
ในครั้งนี้ คิมร็อกโซมีประสบการณ์จากการสูญเสียสมาชิกใน
ครอบครัวไปจนหมดและนั่นทาให้เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นต้องทน
ทุกข์ไปกับการสูญเสียเช่นเดียวกับเขา
< ‘หากเขายังมีชีวิตอยู่…ข้าจะมอบบัลลังก์ให้แก่บุตรสาวของ
ข้าและไปใช้ชีวิตบนฝั่งเหมือนมนุษย์ปกติ…ข้ารู้สึกว่าเด็กคนนั้น
จะต้องดีใจและมีความสุขเป็นยิ่งนักหากเราทาเช่นนั้น’>
< ‘อืม…ข้าคิดว่าพี่สาวจะต้องเป็นราชินีที่ดีได้…แต่พี่สาวก็รัก
ท่านมากเช่นกัน…พี่สาวจะไม่อยากอยู่กับท่านด้วยเช่นนั้น
หรือ?’>
< ‘แน่นอน…บุตรสาวของข้าค้นหาทั่วผืนมหาสมุทรเมื่อ
บุตรชายที่น่าสงสารของข้าหายตัวไป’>
< ‘ข้าแน่ใจ…ว่าทั่วผืนมหาสมุทรจะต้องพลิกคว่าไม่เป็นท่า
หากพี่สาวลงมือค้นหา…อ้อ!…แล้วลูกชายของท่านชื่อว่า
อะไร?’>
< ‘พาสตัน….ลูกชายของข้าชื่อพาสตัน’>
‘บุตรชายที่รอดชีวิตของราชาเผ่าวาฬ’ ไม่ว่าจะเป็นราชาเผ่า
วาฬคนปัจจุบันหรือราชินีเผ่าวาฬในอนาคต เขาจะใช้โอกาสที่
รอดชีวิตเพื่อผลประโยชน์ของตัวเขาหรือไม่นะ? แต่สิ่งสาคัญ
ที่สุดเผ่าวาฬจะต้องเป็นผู้ชนะของสงครามระหว่างพวกเขา
และนางเงือกให้ได้
คาร์ลหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลียและจิตใจที่ผ่อนคลายลง
เมื่อเขาตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็พบว่า พาสตันได้หายไปจากห้อง
ของเขาแล้ว
‘ฮง’ลูกแมวขนสีแดงเอ่ยรายงานเขาทันที
“เขาบอกว่าจะกลับมาอีกครั้งในตอนกลางคืน”
“ไม่มีเหตุผลที่เขาจะทาเช่นนั้น”
คาร์ลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ฮงแจ้งแก่ตนนัก อย่างไรก็
ตามในเวลาต่อมาความรู้สึกที่สาคัญกว่าก็เข้ามาเยือนราวกับ
ว่านี่เป็นสิ่งจาเป็นจริงๆที่ช่วยเติมเต็มจิตใจของเขาได้
“นายน้อยคาร์ล!… ขอโทษทีที่ข้ามาหาท่านแต่เช้า..แต่ข้าอยาก
แบ่งปันข่าวที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ให้แก่ท่าน!”
อามูร์ยิ้มให้คาร์ลอย่างสดใส มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะเห็น
อากัปกิริยาเช่นนี้ของอามูร์ได้ ดูเหมือนว่าเธอจะกาลังจะ
ออกไปในทะเลเพราะเธอสวมเสื้อชูชีพอยู่และคนอื่นๆก็อยู่
เบื้องหลังเธอในตอนนี้เช่นกัน
“ท่านรู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร?”
“หืม?…ไม่รู้สิ”
เมื่อเทียบกับอามูร์ที่มีท่าทางตื่นเต้น คาร์ลก็ยังคงสงบนิ่งไม่สิ..
เขาดูเกือบจะไร้อารมณ์ทีเดียว
“วังน้าวน!….วังน้าวนด้านหน้าเกาะกลางได้หายไปแล้ว!…มัน
หายไปเพียงชั่วข้ามคืนโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆเหลือเลย!”
‘อืม…ฉันเป็นคนทาให้มันหายไปเองล่ะ’
คาร์ลไม่สามารถเอ่ยบอกเธอเช่นนั้นได้จึงได้หันไปมองรอบๆ
แทน เบื้องหลังอามูร์คือชาวประมงผู้แก่ประสบการณ์และ
ทหารองครักษ์บางส่วนรวมไปถึงทูนก้าด้วย
ตามที่นิยายได้อธิบายถึงลักษณะของทูนก้า เขามีผมยาวสี
น้าตาลเหมือนแผงคอสิงโต ชายคนนี้มีลักษณะอันตรายหาก
ใครได้เข้าใกล้เขา ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถถีบออร์ค[1]ให้
กระเด็นหายไปได้เพียงครั้งเดียว ทูนก้าเดาะลิ้นตนเองหนึ่งครั้ง
และพึมพาเบาๆ
“น่าผิดหวังยิ่งนัก…ข้าอยากลองกระโดดลงไปในวังน้าวนนั้น
แท้ๆ..หรือข้าควรกระโดดลงวังน้าวนอื่นดีนะ”
เอ่อ…..เขาช่างบ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
ก่อนที่อามูร์จะเริ่มพูดคุยกับคาร์ลอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง
“นายน้อยคาร์ล!….เพื่อเป็นการตอบแทนจากการลงทุนของ
ตระกูลเฮนิตัส…ข้าอยากให้ท่านได้เห็นทะเลอันแสนสงบของ
อาณาเขตอัลบา….ท่านจะไปยังเกาะกลางกับข้าหรือไม่?”
คาร์ลจาเป็นต้องแสดงความจริงใจต่อโครงการนี้จนกว่า
ผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนเฮนิตัสจะเดินทางมาถึง เขาสิ่งยิ้มบางๆ
ให้แก่อามูร์และเอ่ยถาม
“ทุกคนที่อยู่ตรงนี้…กาลังจะไปที่นั่นหรือ?”
“ใช่”
มุมปากของคาร์ลเริ่มสั่นไหวด้วยคาตอบสั้นๆจากปากของ
อามูร์ โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติของคาร์ล เธอ
ยังคงยิ้มให้คาร์ลอย่างอ่อนโยนและชี้ไปยังร่างของทูนก้าใน
เวลาต่อมา
“อ้อ…นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านได้เห็นชายผู้นี้ใช่หรือไม่?….นี่คือ
คนที่เกือบจะโดนวังน้าวนกลืนร่างเข้าไป….ท่านบ๊อบ…นี่คือ
นายน้อยคาร์ลจากตระกูลเฮนิตัส”
‘บ๊อบ?’
ทูนก้ายิ้มให้คาร์ลอย่างสดใส มันดูเหมือนเขากาลังแยกเขี้ยว
ยิงฟันใส่คาร์ลมากกว่า มันดูน่ากลัวกว่าการได้มองเห็นรอยยิ้ม
ของยักษ์เสียอีก
“ยินดีที่ได้รู้จัก….ข้าชื่อบ๊อบ”
‘บ๊อบ’ ทูนก้าเลือกใช้นามแฝงที่เหมาะกับตัวเขาจริงๆ มันช่าง
ดูโง่เขลาเหมือนกับตัวตนที่แท้จริงของเขายิ่งนัก

[1] ออร์ค (Orc) หมายถึง สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างวิกล


วิการ วิปริต จิตใจชั่วช้า เป็นสมุนของเทพฝ่ายมารนับแต่อดีต
ได้แก่ มอร์กอธ และ เซารอน
พวกออร์คเรียกกันเป็นหลายชื่อ และยังมีเผ่าพันธุ์ย่อยอีกหลาย
เผ่าพันธุ์ ในเรื่อง เดอะฮอบบิท มักเรียกพวกออร์คว่า กอบ
ลิน (Goblin) พวกเอลฟ์เรียกชนกลุ่มนี้ว่า อีร์ค (Yrch) แต่โท
ลคีนถอดความมาเป็นภาษาอังกฤษโดยเลือกใช้ชื่อสิ่งมีชีวิต
โบราณในเทพนิยายมาใช้เป็น ออร์ค
พวกออร์คส่วนใหญ่กลัวแสงแดด จึงมักหลีกเลี่ยงการเดินทาง
ในเวลากลางวัน ในยามที่มอร์กอธหรือเซารอนต้องใช้กองทัพ
ออร์คออกไปปฏิบัติการ จึงมักสร้างหมอกทึบเมฆดาปกคลุมผืน
ฟ้า เพื่อให้กองทัพออร์คเดินทางได้โดยสะดวก ในยุคที่สาม ซา
รูมานได้ผสมพันธุ์พวกออร์คขึ้นใหม่ ให้มีความทนทานต่อ
แสงอาทิตย์ และมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง มีชื่อเรียกว่า พวก อู
รุกไฮ
บทที่ 54 กาลังคิดอยู่ 2 (1)

คาร์ลไม่ต้องการเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของทูนก้าอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามอามูร์ยังคงอธิบายเพิ่มเติมอย่างใจเย็น
“บ็อบ…มาจากอาณาจักรวิปเปอร์…เขามาจากหมู่บ้านเล็กๆริม
ทะเลและออกไปหาปลาในวันนั้นจนลงเอยด้วยการเกิดเรือ
อับปางเข้า”
“ใช่แล้ว!…..ข้าเป็นคนเรียบง่ายใช้ชีวิตตกปลาไปวันๆ….
ฮ่าๆๆๆๆ…ข้าไม่นึกเลยว่าตัวเองจะลงเอยเช่นนี้ได้”
‘เรียบง่ายตูดแกนะสิ’
มันไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด อามูร์ไม่ได้รู้ถึงความคิด
ของคาร์ลในตอนนี้เมื่อยังคงกล่าวต่อไป
“นั่นเป็นสาเหตุที่เขาขอติดตามเราไปเพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งที่
เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อีกแรง”
แววตาของอามูร์กระจ่างใสเมื่อมองไปที่ทูนก้า อย่างไรก็ตาม
เมื่อคาร์ลมองไปรอบๆกลับมีแต่สายตาเชิงลบพุ่งตรงไปที่ทูนก้า
เช่นกัน
‘ชาวบ้านจากอาณาจักรวิปเปอร์และไม่ใช่นักเวทย์’ ผู้คนที่อยู่
รอบๆต่างส่งสายตาอย่างเป็นอริให้แก่ทูนก้าอย่างเปิดเผย มัน
ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวบ้านจากอาณาจักรอื่นจะมีสายตา
แบบนี้ให้กับคนที่ได้ชื่อว่าป่าเถื่อน คาร์ลยังคงมองไปรอบๆ
ก่อนจะสบสายตาเข้ากับทูนก้าที่เริ่มส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยคาร์ลได้เปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่
มีโล่สีเงินเพื่อช่วยปกป้องผู้คนในเมืองหลวง…ข้าเลยขอให้
คุณหนูอามูร์พาข้ามาพบกับท่านเพราะได้ยินมาว่า…ท่านเป็น
คนที่แข็งแกร่งยิ่งนัก”
สายตาของทูนก้าเป็นประกายคมกล้าขึ้นทันทีและทาให้คาร์ล
รู้สึกถึงลางไม่ดีในเวลาเดียวกัน
‘….มันเป็นสัญญาณอันตราย’
จึงเป็นสาเหตุให้คาร์ลตอบกลับทูนก้าอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องพักฟื้นร่างกาย”
“….พักฟื้น?”
“ใช่…มันไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งเพราะมันเป็นพลังที่อ่อนแอ
มาก…”
อามูร์เอ่ยเข้ามากลางวงสนทนาด้วยเช่นกัน
“ใช่แล้ว….นายน้อยคาร์ลใช้พลังของเขาจนเกินขีดจากัดของ
ร่างกายเพื่อช่วยเหลือทุกคนจึงได้เลือกเดินทางมาท่องเที่ยวใน
อาณาเขตอัลบาในช่วงที่พักฟื้นร่างกาย”
อามูร์มองไปที่คาร์ลด้วยความเห็นอกเห็นใจ ชื่นชมและอารมณ์
อื่นๆปะปนกันไปแต่ทูนก้านั้นย่อมแตกต่างจากอามูร์
“อ่า…เป็นเช่นนั้นหรือ?”
ดูเหมือนว่าเขาจะหมดความสนใจก่อนที่จะมองคาร์ลตั้งแต่
ศีรษะจรดปลายเท้าและหันหน้าหนีไปในที่สุด
‘ดี!…นั่นเป็นสิ่งที่หมอนี่สมควรทา’
เสียสละเพื่อผู้อื่น? วีรบุรุษ? ทูนก้าไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น สิ่งที่
เขาสนใจและคลั่งไคล้คือความแข็งแกร่ง เขาเป็นคนประเภทที่
มักจะเพิกเฉยกับคนที่อ่อนแอที่อยู่รอบตัวเขาและสามารถลง
มือฆ่าพวกเขาเมื่อจาเป็น นั่นคือเหตุผลที่เขาถูกเรียกว่า ‘เผด็จ
การทูนก้า’
“ถ้าเช่นนั้นเราไปกันเลยดีกว่า…”
คาร์ลพยักหน้าตกลงกับสิ่งที่อามูร์กล่าว จากนั้นก็ได้ยินเสียง
พึมพาของทูนก้าที่ดังแว่วมาจากด้านหลังของเขา
“นี่มันแปลกมาก…ทาไมข้าจึงได้กลิ่นของคนที่มีพลังแข็งแกร่ง
แถวๆนี้นะ?”
อืม….เขามันบ้าจริงๆด้วย คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ว่าง
เปล่าทันที
~ข้าไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย? ~
คาร์ลได้ยินเสียงมังกรดาที่ใช้เวทย์ล่องหนลอดดังเข้ามาให้หัว
สัญชาตญาณของทูนก้านั้นแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรเสียอีก เขา
รู้สึกว่าเขาต้องทาตัวให้อ่อนแอที่สุดเท่าที่เขาเคยทามาเมื่อต้อง
อยู่กับทูนก้าในวันนี้
“ตอนนี้เรากาลังตรวจสอบถึงสาเหตุที่วังน้าวนได้หายไปอย่าง
กะทันหัน…พ่อของข้าและเหล่านักเวทย์ในอาณาเขตของเราจะ
เดินทางมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว”
คาร์ลมองไปยังผืนทะเลที่เงียบสงบหน้าเกาะกลางและสวม
บทบาทเป็นผู้ไม่รู้เรื่องราวใดๆเมื่อเอ่ยกับอามูร์
“เช่นนั้นหรือ?…เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก..ข้าหวังว่าเราจะรู้
สาเหตุที่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้”
~เจ้าเป็นนักโกหกที่ดี ~
คาร์ลไม่สนใจกับสิ่งที่มังกรดาเอ่ยขึ้นเมื่อเขามองไปรอบๆทะเล
ด้วยแววตาสงบ ภาพตรงหน้าคาร์ลในตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย
ชาวประมงในหมู่บ้านแทบทั้งหมดล่องเรือออกมาในทะเล
ตอนนี้เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่มายังหมู่บ้านเพื่อสร้างฐานทัพเรือ
พวกเขาต่างมองไปทั่วผืนทะเลและเริ่มพูดคุยในสิ่งที่เกิดขึ้น มัน
ยิ่งเสียงดังมากกว่าเดิมเพราะยังคงมีวังน้าวนอื่นๆที่ยังคงหมุน
วนอย่างแข็งแกร่งบริเวณใกล้เคียง คาร์ลมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งหมดก่อนเอ่ยเพิ่มเติม
“ข้าหวังว่า…วังน้าวนทั้งหมดจะหายไปเร็วๆนี้เช่นกัน”
~มนุษย์!….เจ้าโกหกอีกแล้วหรือ.เจ้าไม่ได้เป็นคนบอกหรือไงว่า
จะท้าให้วังน้้าวนอยู่ไปอีกหนึ่งปี? ~
คาร์ลเมินเฉยกับคาพูดของมังกรดาอีกครั้ง อามูร์พยักหน้า
อย่างเห็นด้วยกับคาพูดของคาร์ลพลางแสดงเจตนารมณ์ของ
ตนออกมา
“อืม…เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวังน้าวนแห่งนี้และจะ
กาจัดวังน้าวนบริเวณอื่นๆเช่นกัน!….เมื่อโอกาสดีๆเช่นนี้เกิดขึ้น
ต่อหน้าต่อตาของพวกเราและผู้คนมากมายที่คอยช่วยเหลือ
เรา…เราจึงต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่”
อามูร์กาลังฮึกเหิมและนั่นทาให้คาร์ลรู้สึกเสียใจเล็กน้อยต่อเธอ
ก่อนจะเอ่ยให้กาลังใจแก่เธอ
“ข้าแน่ใจ…ว่าท่านและตระกูลอัลบาจะประสบความสาเร็จ
อย่างแน่นอน..คุณหนูอามูร์”
“ขอบคุณท่านจริงๆ…ข้ารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ยินคาพูดที่เห็น
ด้วยกับข้าเช่นนี้….นายน้อยคาร์ล”
สายตาอันอบอุ่นของอามูร์พุ่งตรงไปยังคาร์ลเธอยังคงยืนอยู่ที่นี่
พร้อมรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้าของเธอ คาร์ลแสร้งเอ่ยกับ
อามูร์พร้อมแสดงท่าทางอ่อนเพลียในเวลาต่อมา
“ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเพราะแสงแดดพวกนี้…ข้าขอเข้าไป
พักในร่มไม้ได้หรือไม่?”
คาร์ลรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมาที่เขาจากทูนก้าที่โดยสารเรือลา
อื่นมาในทะเล ทูนก้ามักเหลือบมองมาที่เขาบ่อยครั้งเหมือนกับ
กาลังมองหาคนที่มีกลิ่นอายความแข็งแกร่งอยู่ อย่างไรก็ตามไม่
มีทางที่ทูนก้าจะสามารถหาตัวมังกรดาได้พบ นั่นเป็นข้อจากัด
ของคนที่ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหรือพลังเวทย์ใดๆ
“อ่า…แน่นอน…โปรดพักผ่อนเถิดนายน้อยคาร์ล…ท่านยังคงพัก
ฟื้นอยู่อย่าหักโหมมากจนเกินไป”
“ขอบคุณ”
คาร์ลรีบมุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่อยู่ตรงกลางเกาะนี้ทันที อามูร์
ยังคงเฝ้ามองคาร์ลอย่างเงียบๆเมื่อเห็นเขาเดินไปหาที่พักใต้ร่ม
เงาต้นไม้ในป่ากลางเกาะแห่งนี้ คาร์ลในตอนนี้ดูเหมือนจะยัง
ทาในสิ่งที่เขามักทาอยู่ดี แม้ว่าเขาจะอยู่ในช่วงของการพักฟื้น
ร่างกายก็ตามเขาก็ไม่ได้ต่างจากตอนก่อนหน้านี้นัก แม้ว่าเขา
จะอ้างว่าป่วยแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางที่แย่ลงเลยดูเหมือนว่าเขา
เพียงแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง
“นั่นคือสิ่งที่ทาให้เขาดูน่าทึ่ง”
ในฐานะของคนที่ใฝ่ฝันจะเป็นผู้ปกครองอาณาเขตแห่งนี้ใน
อนาคตและแม้ว่าเธอจะต้องพึ่งพาคาร์ลมากขึ้นก็ตาม ความชื่น
ชมในตัวคาร์ลทาให้สายตาของอามูร์ผ่อนคลายขึ้นก่อนจะมุ่ง
หน้าไปสอบถามความคืบหน้าจากคนของเธอ
ในทางกลับกันคาร์ลกาลังมุ่งหน้าไปยังอีกด้านหนึ่งของเกาะ
เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีใครเข้ามาเพ่นพ่านจึงนับเป็นสถานที่ที่ดี
ที่จะทิ้งเวลาอันเปล่าประโยชน์ไว้ที่นี่ได้
~เจ้าไม่กลัวศพพวกนั้นใช่มั้ย?…เจ้ามันทั้งอ่อนแอและขี้
ขลาดจะตายไป ~
คาร์ลยังคงเลือกที่จะเมินเฉยกับคาพูดของมังกรดาอยู่ดีเมื่อเขา
เดินมาถึงอีกฝั่งหนึ่งของเกาะ ก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเห็น
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“อะไรนะ?”
~ไม่ใช่ข้านะ!…ข้าไม่ได้ท้ามัน! ~
มังกรดาปฏิเสธสิ่งที่ตนไม่ได้ทาออกมาอย่างจริงจัง อย่างไรก็
ตามคาร์ลไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะยืนฟังมังกรดาในตอนนี้
เขารีบวิ่งไปยังบริเวณโขดหินที่มีศพของนางเงือกอยู่เมื่อวาน
แต่ตอนนี้กลับไม่มีสิ่งนี้ปรากฏให้เขาได้เห็น ก่อนจะคิดสิ่งหนึ่ง
ขึ้นมาได้
‘…หรือว่า….พาสตันเป็นคนทาสิ่งนี้?’
ซากศพของนางเงือกที่อยู่บนโขดหินและรอบๆโขดหินถูก
ทาลายจนหมด
“ทาไมซากศพของนางเงือกจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
ศพนางเงือกกลายเป็นฝุ่นผงจนแทบมองไม่เห็นแต่คาร์ล
สามารถรู้ได้ว่านี่คือซากศพของนางเงือกเพราะเมื่อวานเขาพบ
มันอยู่ในตาแหน่งนี้ หากคนอื่นๆเห็นมันเข้าก็คงคิดว่ามันเป็น
เพียงส่วนหนึ่งของโขดหินเท่านั้น
พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้
นี่เป็นฝีมือของวาฬอย่างแน่นอน
ท่าทางวาฬจะโกรธแค้นมาก
ซ่า!ซ่า!
ทันใดนั้นน้าทะเลที่เงียบสงบก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา
~มีบางอย่างก้าลังจะโผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล!….มันเคลื่อนไหว
เร็วมาก ~
คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองทะเลอย่างรวดเร็ว เขาสะดุ้งด้วยความ
ตกใจและก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
ซ่า!ซ่า!ซ่า!ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
สิ่งที่มีขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจนพ้นผิวน้า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสี
เทาเข้มและมันก็มุ่งสายตามาที่คาร์ลทันที
มันเป็นวาฬ
สัตว์อสูร ‘วาฬหลังค่อม’
บทที่ 54 กาลังคิดอยู่ 2 (2)

สัตว์อสูร‘วาฬหลังค่อม’เป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิทักษ์มหาสมุทร
และมักปกป้องสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ อีกทั้งวาฬที่จะขึ้นเป็นราชา
หรือราชินีของเผ่าวาฬก็ล้วนแต่เป็นสัตว์อสูร‘วาฬหลังค่อม’มา
หลายชั่วอายุแล้ว
ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!!!!!
หัวใจของคาร์ลเต้นแรงขึ้นเมื่อสบเข้ากับสายตาของวาฬหลัง
ค่อมที่จ้องมาที่เขาด้วยประกายตาคมกล้าพร้อมจะลงมือสังหาร
และรวมเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยการสังเกตซึ่งเป็นการผสาน
ระหว่างสัญชาตญาณของนักล่าและความเป็นเหตุเป็นผลของ
มัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสสบตาเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่โกรธ
แค้นเขาเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตนนี้มองมาที่คาร์ลและ
สารวจคาร์ลตั้งแต่หัวจรดเท้า
ขณะนั้นเอง
~เจ้าวาฬโง่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ~
เสียงตะคอกด้วยความโกรธของมังกรดาดังเข้ามาในหัวของ
คาร์ลเป็นเวลาเดียวกับพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งของมันถูกปล่อย
ออกมาจนเกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศ ดวงตาของวาฬที่
มองมายังคาร์ลได้ละสายตาไปยังที่มาของการเกิด
แรงสั่นสะเทือนขึ้น
~เจ้ากล้ามองมนุษย์อ่อนแอของข้าด้วยสายตาเช่นนั้นได้
อย่างไร!!!!!! ~
พลังเวทย์ในอากาศเริ่มปั่นป่วนและน้าในทะเลก็เริ่มหมุนวน
อย่างน่ากลัว อย่างไรก็ตามวาฬหลังค่อมไม่ได้เคลื่อนไหวไปที่
ใดแต่วาฬที่มีลาตัวยาวถึง15เมตรได้ยกหางของมันขึ้นและ
สะบัดฟาดลงไปในน้าทันที
ตู้ม!!!!!ซ่า!ซ่า!ซ่า!ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
น้าทะเลเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรงพร้อมกับคลื่นที่ถูกยกสูงขึ้น
อย่างรวดเร็ว
การกระทาเช่นนั้นของมันทาให้คาร์ลแน่ใจว่ามันต้องเป็นสัตว์
อสูรที่ร้ายกาจอย่างแน่นอน
ตึกตัก!ตึกตัก!
คาร์ลพยายามสงบจิตใจของตนลงในขณะที่ ‘พละกาลังแห่ง
ดวงใจ’สังเกตเห็นอันตรายและเริ่มถ่ายเทพลังออกมา‘โล่นิ
รันดร์กาล’ก็ส่งโล่เงินออกมาเช่นเดียวกัน พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
เหล่านี้จะปกป้องชีวิตของเจ้าของของพวกมันเสมอและพวก
มันพร้อมที่จะทาทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้าของของพวกมันให้ได้
คาร์ลหันหน้าไปยังจุดว่างเปล่าที่กาลังรวบรวมพลังเวทย์ของ
มันและกาลังจะอ้าปากเอ่ยบางอย่างออกมา อย่างไรก็ตามกลับ
มีเสียงอื่นแทรกเข้ามาก่อนที่คาร์ลจะได้พูด
“ข้าไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับเจ้า”
มันเป็นน้าเสียงที่ไพเราะราวกับเสียงของไซเรนแห่งตานานเทพ
เจ้ากรีก[1] คาร์ลหันกลับไปมองวาฬหลังค่อมที่กาลังยกศีรษะ
ของมันโผล่ขึ้นมาเหนือน้าโดยสมบูรณ์
“ฟู่!!!….”
คาร์ลปล่อยลมหายใจจากอาการหอบเหนื่อยออกมา วาฬที่อยู่
ตรงหน้าเขามีขนาดใหญ่และน่ากลัวมาก เขารู้สึกเหมือนกับ
ศีรษะของมันสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สะกิดร่าง
ของเขาเบาๆเท่านั้น
~ทาไมเจ้าต้องยกหัวโง่ๆของเจ้าขึ้นมา?…เจ้ากาลังบอกข้าว่า
ทุกอย่างที่เจ้าทาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่การหาเรื่องเพื่อต่อสู้เช่นนั้น
หรือ?….เจ้าวาฬตาขาว!…เจ้าวาฬอ่อนแอ!! ~
คาร์ลถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินถ้อยคาเช่นนั้นของมังกรดา
ก่อนที่คาร์ลจะมุ่งหน้าไปหาพลังเวทย์รุนแรงที่ปรากฏให้เห็นไม่
ไกลนัก เด็กอายุสี่ขวบและกาลังโกรธจัดอาจเป็นอันตรายต่อตัว
มันและสิ่งรอบข้างได้
พลังเวทย์ที่ดูเหมือนพร้อมจะทาลายทุกสิ่งทุกอย่างให้ราบเป็น
หน้ากลองกาลังเคลื่อนเข้าสู่มือของคาร์ลแล้ว ดูเหมือนวาฬ
หลังค่อมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเช่นกัน
คาร์ลเดินมาถึงจุดที่ว่างเปล่าและแตะเข้ากับบางอย่างรอบตัว
ของเขา มันเป็นศีรษะของมังกรดาก่อนจะลูบสลับกับตบหัว
ของมันเบาๆเพื่อให้มันใจเย็น
“อย่าโกรธ….เจ้าจะได้รับบาดเจ็บ”
พลังเวทย์ค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว คาร์ลจึงได้ยินเสียงอ่อยๆ
ของมันดังขึ้น
~ข้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ…ข้าแข็งแกร่งจะตายไป ~
“ข้ารู้….แต่เจ้าก็ต้องระวังตัว”
มันยากที่จะสงบสติอารมณ์ของเด็กสี่ขวบให้สงบลงได้ในเวลา
รวดเร็ว อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามังกรดาจะเข้าใจในสิ่งที่เขา
พยายามบอกกับมัน
~เจ้าก็ต้องระวังตัวเช่นกัน…เจ้ามนุษย์อ่อนแอ ~
พลังเวทย์หายไปโดยสมบูรณ์เมื่อมังกรสงบสติอารมณ์ของมัน
ลงในที่สุด คาร์ลหันกลับไปมองวาฬอีกครั้งเมื่อพลังเวทย์
หายไป วาฬหลังค่อมกาลังเคลื่อนศีรษะของมันเข้ามาใกล้ๆ
คาร์ล เขาชะงักค้างด้วยความตกใจแต่ยังคงเก็บอาการและยืน
นิ่งๆเมื่อประกายคมกล้าที่มุ่งหวังจะฆ่าเขาได้เลือนหายไปจาก
สายตาของวาฬแล้ว
เมื่อวาฬหลังค่อมเคลื่อนศีรษะของมันมาอยู่เบื้องหน้าของคาร์ล
แล้ว เขาจึงเริ่มหาเสียงของตัวเองเจอและเอ่ยออกไป
“ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า…ว่า—-”
ในตอนนั้นเอง
วาฬหลังค่อมลาตัวขนาดเล็กกาลังว่ายเข้ามาอย่างเร่งรีบจาก
สุดขอบมหาสมุทร มันกาลังมุ่งหน้ามายังทิศที่พวกเขาอยู่ ดู
เหมือนมันจะอ่อนแอและตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับวาฬที่มีความ
ยาวถึง15เมตรนี้
“พี่!..พี่สาว!…ท่านกัดเขาไม่ได้นะ…ท่านฆ่าเขาไม่ได้!!!”
วาฬหลังค่อมที่อยู่เบื้องหน้าคาร์ลหันหลังกลับไปมองด้านหลัง
ทันที
ซ่า!ซ่า!ซ่า!ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
น้าทะเลกระเซ็นจากการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของวาฬหลัง
ค่อมและคาร์ลก็เปียกโชกไปทั่วทั้งร่างเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขา
ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องนี้ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงนึกถึง
บางอย่าง
‘วาฬหลังค่อมตนนี้ต้องเป็นวาฬนั่นแน่ๆ’
วาฬตัวเล็กนั่นที่กาลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาต้องเป็น‘พาสตัน’
อย่างแน่นอนและมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาจะสามารถ
เรียกว่า ‘พี่สาว’ได้
บุตรสาวของราชาเผ่าวาฬและราชินีแห่งเผ่าวาฬในอนาคต
วาฬที่เป็นกองหน้าพร้อมกับเชวฮันและพรรคพวกของเขาใน
การทาศึกกับเหล่านางเงือก
คาร์ลลืมตาขึ้นมาก็สามารถมองเห็นรอยแผลเป็นรูป ‘X’บน
หลังของวาฬหลังค่อมตนนี้
‘วิเทียร์’
มันย่อมเป็นเธออย่างแน่นอน!
ใบหน้าของวาฬลาตัวขนาดใหญ่เริ่มขมวดมุ่น ในขณะที่คาร์ล
เริ่มถอยหลังขยับออกห่างอย่างช้าๆ เขาไม่ต้องการเป็นสักขี
พยานในการรวมตัวกันของวาฬหลังค่อมสองพี่น้องนี้
วาฬตัวเล็กตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“เขาคือคนที่พี่จะฆ่าไม่ได้!!!!”
มังกรดาเอ่ยออกมาด้วยความงุนงงลอดเข้ามาในหัวของคาร์ล
~เจ้าวาฬตัวเล็กกาลังพูดอะไร?….เราไม่ได้จะสู้กันเสียหน่อย~
คาร์ลรู้สึกแบบเดียวกับมังกร เขาต้องขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่
ทาให้คนอื่นๆให้ความสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่งของเกาะ
มากเกินไปจนไม่ได้ได้ยินเสียงตะโกนของวาฬตัวเล็กนี้
ไม่เช่นนั้นทุกคนจะต้องตรงมาที่นี่ทันทีหลังจากได้ยินเสียงของ
วาฬตัวเล็กๆนี้เข้า
ในช่วงเวลาไม่นานก่อนที่วาฬทั้งคู่จะได้เผชิญหน้ากันอย่าง
สมบูรณ์ มังกรดาก็พูดบางอย่างออกมาอย่างลังเลว่ามันจะพูดดี
หรือไม่?
~เอ่อ…ข้าต้องบอกเจ้า…มันมีอีกอย่างหนึ่งที่จะโผล่ออกมา~
‘หืม?…อีกอย่างหนึ่ง?…อะไร?’
คาร์ลหยุดการก้าวถอยหลังและหันหน้าไปทางป่าทันที
“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!….ข้าได้กลิ่น….ข้าสามารถได้กลิ่นนั่น!!!”
เจ้างั่งผมสีน้าตาลราวกับแผงคอสิงโตปรากฏตัวออกมาจากป่า
เล็กๆนั่น
เขาคือ‘ทูนก้า’ ดวงตาของเขาราวกับคนบ้า เขาวิ่งออกมาจาก
ป่าในขณะที่ปากก็ตะโกนลั่นออกมา
“ข้าได้กลิ่นคนที่แข็งแกร่ง!!!!”
คาร์ลรีบหมอบตัวลงทันทีที่เห็นทูนก้าปรากฏตัวขึ้นมา ต้อง
ขอบคุณที่ทูนก้าและวาฬหลังค่อมที่เผลอสบตากันเข้า
คาร์ลรีบคลานออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่จะได้เห็นกุ้งงอตัว
เพราะอาการบาดเจ็บ[2]

[1]ไซเรน (อังกฤษ: Siren; กรีก: Σειρήν,


Σειρῆνες) เป็นปีศาจในเทพปกรณัมกรีก โดยปรากฏ
บทบาทอย่างยิ่งจากตานานเรื่องเจสันและเรืออาร์โกและโอดิส
ซีย์ ไซเรน มีลักษณะของสัตว์ผสม 3 อย่าง คือ คล้ายนาง
เงือก มีขาเป็นครีบปลา มีปีกและเสียงเหมือนนกแต่บ้างก็ว่า
ไซเรน เป็นมนุษย์ครึ่งนกเหมือนกินรีในวรรณคดีไทย ไซเรน มี
เสียงอันไพเราะ รูปร่างที่งดงามรองจากเงือกเล็กน้อย มี
ความสามารถในการสะกดจิตให้ผู้อื่น ทาตามในสิ่งที่ตนเอง
ต้องการ เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทาให้คนที่
เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้า
มาตามเสียงเพลงของไซเรน ผู้ที่ทนฟังเสียงของนางไซเรนได้
โดยไม่เสียสติจะได้รับปัญญาในการรู้จุดอ่อนของตน
[2] เป็นสุภาษิตของเกาหลีที่พูดถึงคนอ่อนแอที่ต่อสู้กับคน
แข็งแกร่งถึงสองคนย่อมได้รับบาดเจ็บอย่างไม่มีข้อสงสัย
บทที่ 55 กาลังคิดอยู่ 3 (1)

‘ทูนก้า’ กาลังจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยแววตากระหาย
เลือด เขามีอาวุธที่มีลักษณะคล้ายไม้เบสบอสอยู่ในมือเมื่อมัน
ตวัดผ่านอากาศก็ส่งเสียงดังอย่างน่ากลัว คาร์ลไม่รู้เหมือนกัน
ว่าทูนก้าได้อาวุธชิ้นนี้มาจากไหน
“เป็นเจ้าสินะ?”
ทูนก้าเลียริมฝีปากของตนก่อนจะเดินเข้าหาวาฬหลังค่อมตัวนี้
ทันที แม้แต่ทูนก้าที่สูงเกือบ 2 เมตรก็ดูตัวเล็กไปทันทีเมื่อไปยืน
ต่อหน้าวาฬเช่นนี้
“ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ….นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้สู้กับวาฬ”
ทูนก้าดูเหมือนจะไม่รู้ว่าวาฬหลังค่อมตัวนี้เป็นสัตว์อสูร เขาแค่
ต้องการที่จะสู้กับมันเพราะมันดูแข็งแกร่ง สิ่งที่เต็มไปในหัวของ
เขามีเพียงความแข็งแกร่งและการต่อสู้เท่านั้น
นั่นเป็นสาเหตุที่วาฬหลังค่อมมองดูทูนก้าด้วยความรังเกียจ
คาร์ลยังคงหมอบอยู่กับพื้นในมุมหนึ่งของป่าในขณะที่สายตาก็
เฝ้ามองพวกเขาไปด้วย
~เจ้ากาลังทาอะไรอยู่? ~
คาถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยของมังกรดาดังขึ้นในหัวของ
คาร์ลแต่เขาเพียงแค่ขยับตัวให้ไปอยู่ในระยะปลอดภัยก่อนจะ
หมอบลงอีกครั้ง
‘กุ้งย่อมได้รับบาดเจ็บเมื่อต่อสู้กับวาฬ’
คาร์ลซึ่งอ่อนแอยิ่งกว่ากุ้งไม่ต้องการได้รับบาดเจ็บจากลูกหลง
ที่เกิดจากการต่อสู้ในครั้งนี้
“นายจะสามารถสู้ชนะวาฬหรือทาให้มันตายได้มั้ยนะ?”
คาร์ลพึมพาออกมาเบาๆ
แววตาของทูนก้าเป็นประกายระยับจากนั้นก็ใช้เท้ากระทืบไป
ยังพื้นเบาๆก่อนร่างของเขาจะทะยานขึ้นสู่อากาศทันที
“ว้าว!!!”
คาร์ลมองดูด้วยความชื่นชมพลางขยับถอยหลังไปอีก
ไม้เบสบอลของทูนก้าถูกเหวี่ยงเข้าหาร่างของวาฬหลังค่อม
ทันที ซึ่งตอนนั้นเองที่คาร์ลได้เห็นว่าวาฬกาลังยิ้มเยาะทูนก้า
อยู่ มุมปากข้างหนึ่งของวาฬหลังค่อมถูกยกสูงขึ้นเมื่อมันเริ่ม
ขยับร่างของมัน
ลาตัวยาวขนาด 15 เมตรเบี่ยงตัวหลบทันทีก่อนจะสะบัดหาง
ขนาดใหญ่ฟาดไปที่ร่างของทูนก้าเป็นการตอบโต้ อย่างไรก็
ตามทูนก้าสามารถหลบการโจมตีของวาฬหลังค่อมกลาง
อากาศได้ก่อนจะลงสู่พื้นดินได้อย่างปลอดภัย
ตู้ม!!!
โขดหินที่ทูนก้าเพิ่งกระโดดข้ามไปเมื่อสักครู่ถูกหางของวาฬ
หลังค่อมทาลายจนแหลกละเอียด
ตู้ม!!!ซ่า!!!!
คลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากการโจมตีของวาฬหลังค่อมและมันก็
ทาให้คาร์ลเปียกโชกไปทั่วร่างรวมถึงตลอดแนวชายฝั่งนี้ก็ถูก
คลื่นซัดเสียหายไปบางส่วน
‘ให้ตายเถอะ!….สภาพของฉันไม่ต่างจากลูกหมาตกน้าเลย’
ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ยังไม่ส่งเสียงใดๆออกมา
ก้อนหินที่ถูกทาลายจนแหลกละเอียดในสายตาของทูนก้าผู้บ้า
คลั่งนั้นกลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่งดงามและยอดเยี่ยมยิ่งนัก
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ…เยี่ยม…เยี่ยมมาก!!!!!…มา…เข้ามาเลย!”
ทูนก้ากระโดดขึ้นและลงไปในอากาศเพื่อเข้าโจมตีวาฬหลัง
ค่อมอีกครั้ง เขากระโดดลอยตัวไปยังหางของวาฬอย่างรวดเร็ว
และเหวี่ยงไม้เบสบอลลงไปยังตาแหน่งนั้นทันทีแต่แทนที่วาฬ
หลังค่อมจะขยับหนีจากการโจมตีของทูนก้ามันกลับยกหางของ
มันฟาดโจมตีทูนก้าแทน
ตู้ม!
ไม่ใช่เสียงที่จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของมนุษย์ถูกวาฬขนาดใหญ่
ฟาดเข้า
ตึง!!!!!
เสียงสะเทือนอย่างรุนแรงดังขึ้นเมื่อทูนก้ากลับลงสู่พื้นดินอีก
ครั้ง ไม้เบสบอลในมือของเขาแหลกละเอียดเป็นฝุ่นผงโดยทันที
“ข้ารู้แล้วว่าไม่ควรใช้อาวุธเช่นไม้เบสบอลนั่นอีก…การต่อสู้ที่ดี
ที่สุดย่อมเป็นหมัดคู่นี้ของข้าเท่านั้นฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆ”
คาร์ลเริ่มครุ่นคิดเมื่อเขาดูคนบ้าต่อสู้กับสัตว์อสูรขนาดใหญ่นี้
อยู่
‘ทุกคนจะต้องมาที่นี่เร็วๆนี้อย่างแน่นอน’
คาร์ลคิดว่าผู้คนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะย่อมรู้แล้วว่ามีอย่าง
อย่างเกิดขึ้นที่นี่ เขาจะสามารถทาอะไรได้บ้างนะที่จะสามารถ
หลบออกไปจากที่นี่ได้? คาร์ลไม่ได้สนใจกับทั้งสองที่กาลังต่อสู้
กันเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เข้า
ตอนนั้นเอง
“พี่สาว!….ถ้าท่านยังสู้ต่อไปคนใจดีจะได้รับบาดเจ็บ!”
ในที่สุดวาฬตัวเล็กก็ว่ายมาถึงเกาะนี้แล้ว
ทูนก้าสะดุ้งตกใจ
“…..วาฬอ่อนแอตัวนี้กาลังพูดอยู่เหรอ?”
การแสดงความคิดเห็นเช่นนั้นทาให้วาฬหลังค่อมตัวใหญ่หน้า
บึ้งตึงขึ้นมันตวัดสายตามองไปยังร่างของทูนก้าทันทีก่อนจะมี
เสียงอันไพเราะดังออกมา
“เจ้าเรียกน้องชายของข้าว่า…วาฬอ่อนแอเช่นนั้นหรือ?”
น้าเสียงที่ทูนก้าตะโกนออกมาหลังจากนั้นสามารถบอกได้ว่า
เขาตื่นเต้นมากแค่ไหน
“….เจ้าก็พูดได้เหมือนกัน?”
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว คาร์ลมองเห็นแผ่น
หลังของทูนก้าขยับขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น
“โอ้!…พวกเจ้าต้องเป็นสัตว์อสูร!….สัตว์อสูร!…มันต้องสนุก
แน่ๆ”
ทูนก้าไม่ได้หัวเราะเสียงดังอีกต่อไปแต่รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏ
เต็มใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่าความตื่นเต้นของเขาอยู่ใน
ระดับสูงสุดเช่นกัน
ตอนนั้นเองที่วาฬหลังค่อมตัวใหญ่มองมายังจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่
ก่อนที่สายตาของมันจะเริ่มสั่นไหวขึ้น
คาร์ลมองกลับไปยังวาฬหลังค่อมตัวใหญ่ในขณะที่เขายังคง
หมอบอยู่บนพื้นดินด้วยร่างที่เปียกโชกจากน้าทะเลและเนื้อตัว
ก็มอมแมมไปด้วยฝุ่นละอองจากก้อนหินที่ถูกทาลาย
ในฐานะผู้พิทักษ์อาณาเขตมหาสมุทรและคอยปกป้องสิ่งมีชีวิต
ที่อ่อนแอ ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของวิเทียร์ในตอนนี้ทาให้
หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
พาสตันรีบปรี่เข้ามาขวางระหว่างพวกเขาทั้งสองและเอ่ยขึ้น
“พี…
่ ข้ายังไม่ตาย…ข้ายังมีชีวิตอยู่”
“พาสตัน”
วาฬหลังค่อมตัวใหญ่ยกครีบถูใบหน้าของตนไปมาก่อนที่จะมี
น้าไหลออกจากตาทั้งสองข้างช้าๆ ใช่แล้ว!วาฬหลังค่อมตัว
ใหญ่กาลังร้องไห้
พาสตันหันไปมองทูนก้าแวบหนึ่งก่อนจะใช้ครีบสะบัดน้าทะเล
ไปยังทิศที่คาร์ลอยู่อย่างรวดเร็ว
ซ่า!ซ่า!!!!!
น้าทะเลกระเซ็นกระทบใบหน้าคาร์ลทันทีเมื่อพาสตันทาเช่นนั้น
“มนุษย์ผู้นี้ได้ช่วยชีวิตข้าไว้…เมื่อตอนที่ข้ากาลังจะตายจากพิษ
ของนางเงือก”
ดวงตาของวาฬตัวใหญ่สั่นไหวยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่วาฬตัวเล็ก
ขยับเข้าหาเกาะแห่งนี้ให้ใกล้ที่สุดเท่าที่มันจะทาได้ และเริ่ม
สารวจร่างกายของคาร์ลทันที
“โอ้!…ไม่นะ!…ร่างของเจ้าเปียกไปหมดแล้วไหนจะฝุ่นพวกนี้
อีก…เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?.. คืนนี้ข้าตั้งใจจะไปหาเจ้าเพื่อ
ขอบคุณสาหรับการช่วยเหลือของเจ้าอยู่พอดี”
คาร์ลปัดฝุ่นที่เกิดจากก้อนหินที่แหลกละเอียดพวกนั้นออกจาก
ร่างกายและเอ่ยออกมาเบาๆ
“ข้าไม่เป็นไร…เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก..ว่าแต่!..อาการของ
เจ้าดีขึ้นหรือยัง?”
“อืม….ข้าเกือบเป็นปกติแล้ว..ต้องขอบคุณเจ้ามาก…ขอบคุณ
จริงๆ”
ริมฝีปากของวาฬหลังค่อมตัวเล็กเริ่มขยายกว้างดูเหมือนว่ามัน
กาลังยกยิ้มอยู่เมื่อความกังวลของมันลดน้อยลง
ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามากลางวงสนทนา
“ทาไมเจ้าต้องไปสนใจสิ่งอื่นเมื่อกาลังสู้กับข้าด้วยเล่า?…เจ้า
อยากตายมากใช่มั้ย?!”
ทูนก้ากระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศอีกครั้งและเหวี่ยงกาปั้น
ของเขาใส่กลางหลังของวิเทียร์ทันที อย่างไรก็ตามกาปั้นของ
ทูนก้าไม่มีโอกาสได้สัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของวิเทียร์เพราะ
ตอนนี้เธอได้หายตัวไปแล้ว
ชิ้ง!!!!!!!!!!!!!
ไอน้าขนาดใหญ่เข้าปกคลุมพื้นที่ที่วาฬหลังค่อมตัวใหญ่เคยอยู่
ก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งออกจากไอน้านั่นและ
ก้าวเข้าสู่พื้นดินบนเกาะอย่างช้าๆ
ตึก!ตึก!
ผู้หญิงที่กาลังก้าวเดินด้วยขาทั้งสองข้างในตอนนี้คือ‘วิเทียร์’
ในร่างมนุษย์
“พี่วิเทียร์!”
พาสตันตะโกนเรียกพี่สาวของตนทันที
คาร์ลรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาเห็นเล็กน้อย
‘นี่มันไม่ใช่แค่ระดับที่ทาให้เอลฟ์กลายเป็นปลาหมึกได้แล้วล่ะ!’
ความงดงามของ‘วิเทียร์’ นั้นแทบจะทาให้ทุกอย่างรอบตัว
ระเบิดหายไปได้ ทั้งรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณของเธอนั้นช่าง
สวยงามมากเกินไปจนทาให้เอลฟ์ดูคล้ายกับแมลงสาบโดย
ทันที เธอสวยจนคาร์ลนึกสงสัยว่าจะมีใครสวยได้เท่านี้เชียว
หรือ?
ผมสีน้าเงินและตาสีฟ้า หากมีการจัดประกวดหาสิ่งมีชีวิตที่สวย
ที่สุดในมหาสมุทรแห่งนี้คาร์ลรับประกันได้เลยว่าต้องเป็น‘วิ
เทียร์’ที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นที่จะได้ตาแหน่งนี้มาครอง
ในขณะนั้นมังกรดาก็เริ่มพูดบางอย่างเข้ามาให้หัวของคาร์ล
~ มังกรยิ่งยอดเยี่ยมกว่านี้อีก!..ถ้ามังกรได้กลายร่างเป็นมนุษย์..
ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องหล่อเหลาและสวยงามมากกว่านี้
อีก…มังกรในร่างมนุษย์น่าจะดีที่สุดในโลกแล้วล่ะ…เจ้าคิด
เหมือนข้าหรือไม่เจ้ามนุษย์?~
ครั้งนี้เป็นครั้งที่คาร์ลเพิกเฉยกับคาพูดของมังกรอย่าง
จริงจังก่อนจะเริ่มถอยหลังกลับอีกครั้ง เขาโยนความสวยงาม
และความหล่อเหลาของเผ่าวาฬออกไปทั้งหมดเพราะถึง
อย่างไรสัตว์อสูรเช่นเผ่าวาฬก็มีความแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม วิ
เทียร์เริ่มพูดกับคาร์ลเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเขา
“….ได้โปรด!อย่าถอยหลังหนีอีกเลย…ข้าไม่ได้คิดทาร้ายเจ้า”
“พี่สาวของข้าเป็นคนที่รักษาคาพูดเสมอ…”
บทที่ 55 กาลังคิดอยู่ 3 (2)

พาสตันเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และเดินเข้าหาคาร์ลช้าๆ เมื่อวิ
เทียร์สังเกตเห็นกางเกงที่ขาดเป็นทางยาวและรอยแผลที่อยู่บน
ขาของพาสตันแล้วความโกรธก็เข้ายึดครองดวงตาของเธอ
แทบจะทันที
ในขณะเดียวกันทูนก้าก็รีบเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเช่นกัน
“หยุดให้ความสนใจกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้แล้ว…เร็วเข้า!..
มาสู้กับข้า!…มันต้องสนุกมากกว่าอยู่แล้ว”
คาร์ลและทูนก้าได้สบตากันชั่วครู่ก่อนที่ทูนก้าจะเริ่มเย้ยคาร์ล
ออกมา
“ดูเหมือนเจ้างั่งนี่…จะชอบช่วยชีวิตคนอื่นเสียจริง!”
เตราะ!
คาร์ลเดาะลิ้นของตนเมื่อได้ยินคาว่า‘เจ้างั่ง’ดูเหมือนว่าทูนก้า
จะโยนชื่อ‘บ๊อบ’ซึ่งเป็นนามแฝงโง่ๆของเขาออกไปแล้วสินะ
ในเวลานี้คงเป็นตัวตนจริงๆของทูนก้า ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะ
เป็นขุนนางหรือคนที่แข็งแกร่งมากเพียงใดเขาก็ทาเพียงสิ่งที่
เขาพอใจจะทาเท่านั้น
คาร์ลรู้สึกคุ้นเคยกับทูนก้าเวอร์ชั่นนี้มากกว่ามันจะได้ดูสมจริง
ตามที่นิยายได้บรรยายเอาไว้และแน่นอนว่าคาร์ลไม่คิดที่ปล่อย
ผ่านเรื่องนี้ไปเช่นกัน
‘นายจะต้องรู้จักกับคาว่าเสียใจหลังจากที่ขายหอคอยพลัง
เวทย์ให้กับฉันในอนาคตแล้ว’
คาร์ลมีความมั่นใจเพราะเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เขาจะ
ลงมือทาในอนาคตไม่ใกล้นี้
นามแฝงของทูนก้าก็นับเป็นเรื่องที่ดี ‘บ๊อบ’เช่นนั้นหรือเขา
จะต้องเป็นข้าวให้คาร์ลได้เคี้ยวกินอย่างแน่นอน [1]
อย่างไรก็ตามมังกรดาเริ่มพูดเข้ามาในหัวของคาร์ลด้วยความ
โกรธ
~ ชอบช่วยชีวิตคนอื่นแล้วมันเป็นยังไง?…การช่วยชีวิตคนอื่น
เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่!..มันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจและการที่พูดจาไม่ดี
กับคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไง?….เจ้างั่งคนนี้ชั่วร้ายไม่ต่าง
จากเจ้าเวเนี่ยนเลยสักนิด!~
หืม? มังกรดาตนนี้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกันทั้งๆที่มันเป็น
สิ่งมีชีวิตที่สนใจแต่เพียงตัวเองเท่านั้น? คาร์ลเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่ง
ที่อาจจะทาให้มังกรดาเปลี่ยนทัศนคติจากปกติที่มันควรจะ
เป็นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับร่างกายของเขาไปอยู่ด้านหลังของวิ
เทียร์ เขาเริ่มกังวลว่าทูนก้าอาจจะลงมือฆ่าเขาได้เพราะเขามัน
น่าราคาญและอ่อนแอ
“….อย่าดูถูกการกระทาที่กล้าหาญเช่นนี้!”
เมื่อสังเกตเห็นว่าวิเทียร์เริ่มโกรธเช่นกันเขาก็ขยับร่างของตน
ออกห่างจากวิเทียร์ทันทีและเมื่อเธอเห็นอาการของคาร์ล
เช่นนั้นจึงเอ่ยกับเขาอย่างใจเย็น
“ขอบคุณเจ้ามาก…ข้าจะต้องไปขอบคุณเจ้าอย่างเป็นทางการ
อีกครั้งแน่นอน”
อย่างไรก็ตามความโกรธก็ยังคุกรุ่นอยู่ในดวงตาของเธอ นี่คือ
ผู้หญิงที่เป็นทัพหน้าในการต่อสู้กับเหล่านางเงือก เธอไม่ใช่คน
ประเภทที่จะหลบหนีจากการต่อสู้หรือแม้แต่การยั่วยุอารมณ์
เพียงเล็กๆน้อย
“โอ้!!!…..ข้าชอบสีหน้าของเจ้าตอนนี้ยิ่งนัก..เจ้าพร้อมที่จะสู้กับ
ข้าแล้วสินะ?”
ทูนก้าเริ่มกระตุกยิ้มออกมาและเลียริมฝีปากของตนเบาๆ
จากนั้นก็ผ่อนแขนทั้งสองข้างลงและทิ้งน้าหนักตัวไว้ที่ขาข้าง
ขวาที่ขยับไปด้านหน้านี่คือท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ของทูนก้า
วิเทียร์เริ่มยิ้มออกมาเช่นกัน
“เจ้าคิดว่า…ข้าจะเปลืองแรงต่อสู้กับคนเช่นเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
มันเป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันทูนก้าอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอสร้างลูกบอลแสงที่ดูเหมือนจะมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาก่อน
จะผายมือข้างนั้นไปเบื้องหน้าท้องทะเล
ครืน!!!!ซ่า!!!!!
คลื่นน้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าสู่ฝ่ามือของเธอก่อนจะกลายเป็นแส้
สายน้าที่มีความยาวกว่าลาตัวของเธอปรากฏออกมาจากมือ
ข้างนั้น เธอสะบัดแส้ฟาดกับผืนน้าในท้องทะเลทันที
แส้สายน้าที่ดูเหมือนจะมีความยาวกว่าสองเมตรตัดผ่านท้อง
ทะเลและทาให้ทั่วผืนน้าเริ่มหมุนวนปั่นป่วนทันที วิเทียร์จ้องไป
ที่ทูนก้าด้วยสายตาเย็นชาและเริ่มพูด
“มันต้องสนุกอย่างแน่นอน…เพราะมันไม่ใช่การต่อสู้”
เธอชี้นิ้วเข้าหาทูนก้าอย่างแข็งกร้าวในขณะที่ยังคงกล่าวต่อไป
“แต่มันคือบทเรียนสาหรับเจ้า!”
“เจ้ากาลังจะสอนข้า!ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!..”
ทูนก้าหัวเราะเสียงดังออกมาจนกลัวว่าความดังของมันจะมี
ความแข็งแกร่งมากพอจนทาให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาได้และ
จ้องมองวิเทียร์ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“ข้าต่างหากล่ะ…ที่จะเป็นคนฉีกปากของเจ้าออก!”
ทูนก้าพูดจบก็วิ่งเข้าหาวิเทียร์ทันที
เมื่อเห็นทูนก้าพุ่งเข้าหาเช่นนั้นแล้ว วิเทียร์จึงสะบัดมือซ้ายไป
ทางคาร์ลเพื่อสร้างโล่ป้องกันสายน้าให้แก่คาร์ลและพาสตัน
เพื่อปกป้องพวกเขาจากการต่อสู้ครั้งนี้
เพียะ!!!!
ในเวลาเดียวกันแส้ที่อยู่มือข้างขวาก็พุ่งออกไปหาทูนก้าอย่าง
รวดเร็ว
บู้ม!!!
กาปั้นของทูนก้าสัมผัสเข้ากับแส้สายน้าของวิเทียร์ก่อนที่เธอจะ
ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องสนุกที่ได้สอนบทเรียนให้แก่เจ้า”
“ฮึ!…ไม่เป็นปัญหา!”
วิเทียร์ขยับแส้สายน้าของเธอให้พันรอบร่างของทูนก้าคล้ายกับ
งูรัดก่อนจะยกเขาขึ้นไปบนอากาศ ทูนก้าเริ่มยิ้มออกมาใน
ขณะที่คว้าจับแส้สายน้าด้วยสองมือของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!….นับเป็นการต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!..วิเศษ!…
วิเศษจริงๆ”
ทูนก้าใช้กาปั้นกระหน่าทุบตีแส้สายน้าที่รัดร่างของเขาอย่างบ้า
คลั่งจนสามารถหลุดออกมาได้ สิ่งนี้ทาให้วิเทียร์เลิกคิ้ว
อย่างแปลกใจ? อย่างไรก็ตามทูนก้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับ
ว่าที่ราชินีของเผ่าวาฬได้
วิเทียร์สะบัดมือขวาของเธอเบาๆและทาให้แส้สายน้ากระแทก
เข้ากับร่างของทูนก้าอย่างแรงส่งผลให้ร่างของทูนก้าลอยละลิ่ว
เข้าไปในป่ากลางเกาะอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเอง
“…..เกิดอะไรขึ้น?!”
อามูร์ อัลบา,ทีมสืบสวนและเหล่าทหารองครักษ์ได้ปรากฏตัว
ขึ้นในจังหวะที่ทูนก้าลอยละลิ่วไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
วิเทียร์เบิกตากว้างในขณะที่ใช้มือซ้ายของเธอสร้างเกลียวน้า
ออกมาอย่างเร่งด่วนเพื่อดึงร่างของทูนก้ากลับเข้ามาให้ได้แต่
ร่างของทูนก้านั้นกลับเคลื่อนไหวเร็วเกินไป
“ทุกคน!…สร้างโล่ป้องกันเร็ว!”
อามูร์ประเมินสถานการณ์แล้วว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะหลบได้
ทันจึงสั่งให้เหล่าทหารองครักษ์สร้างโล่ป้องกันขึ้นทันที ก่อนที่
เหล่าทหารองครักษ์จะสร้างโล่ป้องกันขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อ
ทูนก้าเห็นสิ่งที่พวกเขากาลังทาอยู่จึงตะโกนขึ้นมา
“ป้องกันให้ดี!….ร่างกายของข้าแข็งแกร่งยิ่งนักดังนั้นพวกท่าน
อาจบาดเจ็บได้!…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
หากสร้างโล่ป้องกันไม่ทันก็ดูจะเป็นไปได้ที่เหล่าทหารองครักษ์
จะได้รับบาดเจ็บจากแรงปะทะในครั้งนี้เพราะพวกเขาเพียงแค่
สวมชุดเกราะหนังสัตว์กันเท่านั้น ผู้ที่เป็นวาฬเลือดผสมกาลัง
เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนจะได้ยินเสียงถอน
หายใจออกมาจากทางด้านหลังของเขา
“เฮ้อ….น่าราคาญชะมัด”
มันเป็นน้าเสียงที่แฝงไปด้วยความราคาญและสงบนิ่งในเวลา
เดียวกัน ตาของพาสตันเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาหันกลับไปมอง
เสียงนั่น
บู้ม!!!!
ร่างของทูนก้ากระแทกเข้ากับโล่ป้องกันอย่างแรง แต่ทูนก้า
ไม่ได้กระแทกเข้ากับใครและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจาก
เหตุการณ์นี้เช่นกัน ทูนก้าหันไปมองด้านหลังของตนก่อนจะ
เห็นโล่สีเงินที่คล้ายกับโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าสัมผัสกับแผ่น
หลังของเขาอยู่และมีปีกสีเงินสวยที่โอบรอบร่างกายของเขาอยู่
เช่นกัน
“….อะไรน่ะ?”
โล่ที่สัมผัสกับร่างของทูนก้าค่อยๆโปร่งใสขึ้นและเลือนหายไป
พลังสายน้าในมือของวิเทียร์ที่กาลังจะสร้างโล่ป้องกันสายน้าก็
เลือนหายไปในอากาศทันที เธอหันกลับไปมองสิ่งนั้นด้วยความ
ตกใจ
โล่สีเงินที่เลือนหายไปนั้นเชื่อมต่อกับผู้ชายที่กาลังก้มศีรษะของ
เขาลงและเริ่มถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ…..”
คาร์ลดูสงบในขณะที่ยกมือลูบเส้นผมที่เปียกชื้นของตนแต่
ภายในใจของเขานั้นกลับรู้สึกหงุดหงิดและหงุดหงิดขึ้นไปอีก
แทนที่กุ้งโง่นั่นจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับวาฬแต่
กลายเป็นว่ากุ้งอ่อนแอกลับต้องใช้พลังของมันเข้าช่วยเหลือ
ระหว่างต่อสู้
[1] คาว่าข้าวภาษาเกาหลีคือ 밥 จะออกเสียงเป็น ผับ /บั๊บ
โดยความหมายที่คาร์ลพูดถึงเป็นการเทียบคาพ้องเสียงกับ
นามแฝงของทูนก้าที่ใช้ชื่อว่า ‘บ๊อบ’ให้เป็น ผับ /บั๊บ เลย
เปรียบเทียบเกี่ยวกับข้าวขึ้นมา
บทที่ 56 กาลังคิดอยู่ 4 (1)

คาร์ลรับรู้ถึงสายตาของพวกเขาทั้งหมดที่จ้องมายังตนก่อนจะ
ลุกขึ้นอย่างช้าๆ
แม้ว่าเขาจะอยู่ข้างวิเทียร์และกาลังส่งเสียงเชียร์อยู่ในใจเมื่อ
เห็นวิเทียร์ใช้แส้สายน้ากระแทกร่างของทูนก้าลอยละลิ่วไป
เช่นนั้น แต่เขาก็ปล่อยโล่เงินของตนออกมาอย่างรวดเร็วเพราะ
ไม่ต้องการให้เหล่าทหารองครักษ์ได้รับบาดเจ็บ
การปล่อยโล่เงินออกมาด้วยความรีบร้อนส่งผลให้โล่เงินของ
คาร์ลป้องกันเพียงตัวเขาแทนที่จะช่วยป้องกันเหล่าทหาร
องครักษ์พวกนั้นยังนับว่าโชคดีที่พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
แต่มนั กลับเป็นการช่วยเหลือทูนก้าโดยไม่ตั้งใจเช่นกัน
ท่าทางของคาร์ลยังดูสงบนิ่งเมื่อเขาค่อยๆลุกขึ้นยืนแต่ขาของ
เขาเริ่มรู้สึกชาเพราะเหน็บที่เข้าเล่นงานจากการหมอบกับ
พื้นดินเป็นเวลานาน
“อ๊ะ!”
คาร์ลขมวดคิ้วมุ่นเมื่อยืนเต็มความสูงของตนแล้ว ร่างกายของ
เขาเริ่มเซเพราะอาการชาที่แล่นไปทั่วขาข้างซ้ายของตน
“นายน้อยคาร์ล!!”
อามูร์รีบวิ่งเข้าหาคาร์ลด้วยความตกใจ ส่วนพาสตันที่กาลังอึ้ง
กับเหตุการณ์เมื่อครู่ก็รีบพยุงร่างของคาร์ลไว้ อย่างไรก็ตาม
คาร์ลผลักแขนของพาสตันที่ช่วยพยุงร่างของตนออกและ
พยายามยืนตัวให้ตรงด้วยกาลังของตัวเขาเอง อามูร์มีท่าทาง
เป็นกังวลและร้อนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อวิ่งมาถึงจุดที่คาร์ลอยู่
ในตอนนี้แล้ว
“นายน้อยคาร์ล!…ท่านไม่จาเป็นต้องใช้พลังของท่านเช่นนั้น!…
ทาไมท่านจึงต้องทามันด้วยนะ?”
ทาไมกันนะ? มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องทาเลยสักนิด
แต่มันจะทาให้สิ่งต่างๆวุ่นวายมากขึ้นหากทหารองครักษ์ได้รับ
บาดเจ็บ สาหรับตัวคาร์ลนั้นมันเป็นเพียงปัญหาเล็กๆเท่านั้น
หากเขายื่นมือเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ แต่ถ้าทูนก้าได้ทาร้ายร่างกาย
ทหารองครักษ์ของดินแดนแห่งนี้ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่อง
ใหญ่ขึ้นทันที คาร์ลไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้เพราะ
ทูนก้าจะต้องกลับไปยังอาณาจักรวิปเปอร์ในเวลาที่เหมาะสม
‘ไม่อย่างนั้น…ฉันจะแพ้’
อามูร์เริ่มตรวจร่างกายของคาร์ลด้วยความกังวลและรู้สึก
เสียใจต่อเขา
“แล้วทาไมท่านจึงเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?…ท่านยังแข็งแรงดีอยู่
ใช่มั้ย?..ท่านกาลังพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บอยู่แท้ๆถ้า
หากท่านป่วยขึ้นมาท่านจะทาอย่างไร?….นายน้อยคาร์ล..ท่านนี่
จริงๆเลย!!!”
คาพูดของอามูร์ทาให้พาสตันและวิเทียร์สะดุ้งขึ้นทันที นั่นคือ
ความจริงโดยเฉพาะวิเทียร์นั้นเธอเริ่มกัดปากของตนแน่นและ
สารวจร่างกายของคาร์ลด้วยเช่นกัน เธอจาได้ดีว่าได้สะบัดหาง
ของตนพัดน้าทะเลเข้าชายฝั่งไปก่อนหน้านี้และนึกถึงสีหน้า
ของเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเธอในขณะที่เขาหมอบอยู่กับพื้นดิน
ตอนนั้นด้วย
ตอนนั้นเองที่คาร์ลเริ่มพูดกับทั้งสามคน น้าเสียงของเขานั้น
ค่อยมากและดูเหมือนจะเหนื่อยมากเช่นกัน
“ไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ..”
เสียงของเขาไม่มีความอบอุ่นใดๆราวกับว่าเขากาลังผิดหวังกับ
อะไรบางอย่าง เขาย่อมผิดหวังอย่างแน่นอน เสื้อผ้าที่เปียกโชก
ของเขาในตอนนี้ทาให้ไม่สบายตัวนัก อีกทั้งเขายังต้องการที่จะ
หนีจากผู้ที่ก่อปัญหาเหล่านี้และกลับไปพักผ่อนแล้ว
พาสตันก้มศีรษะของตนลง ในขณะที่วิเทียร์มองไปรอบๆ
ชายฝั่งที่เธอทาลายลงไปเมื่อไม่นานมานี้และเริ่มกัดริมฝีปาก
ตัวเองแน่นขึ้นอีกครั้ง อามูร์มองไปที่คาร์ลอย่างลังเลก่อนจะ
เริ่มพูดออกมา
“…..นายน้อยคาร์ล…มันยากที่จะเข้าใจในตัวท่านได้จริงๆ….มัน
ยากมาก”
คาร์ลไม่พูดอะไรออกมาอีกเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ที่คล้ายกับ
เหตุการณ์ในจัตุรัสกลางเมืองกาลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่าง
มันน่าราคาญไปหมด
อามูร์ละสายตาออกจากคาร์ลและหันไปมองสมาชิกจากเผ่า
วาฬทั้งสอง สายตาที่เธอมองพวกเขาทั้งคู่นั้นสงบแต่ก็แฝงไป
ด้วยความโกรธจากอารมณ์โมโหที่เกิดขึ้น
“แล้วพวกเจ้าเป็นใครกัน?”
ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันและเป็นดินแดนที่ตระกูล
ของเธอปกครองอยู่ อามูร์ไม่มีทางปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้
เกิดขึ้นในดินแดนของเธออีกครั้งอย่างแน่นอน
“..และบ๊อบ”
อามูร์จ้องไปที่ทูนก้าที่ยังคงยืนนิ่งๆอยู่ข้างเธอในตอนนี้
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ไม่มีคาตอบใดๆให้แก่อามูร์จากปากของพวกเขาทั้งสามคน ดู
เหมือนทูนก้าจะกังวลเกี่ยวกับบางอย่าง ในขณะที่พาสตันกาลัง
ครุ่นคิดว่าตนจะพูดอะไรออกไปดี ส่วนวิเทียร์นั้นเพียงแค่ลด
ศีรษะของเธอต่าลงเมื่อมองเห็นสิ่งที่เธอได้ทาลงไปเมื่อครู่นี้
ในตอนนั้นอามูร์ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
“ฮัดเช้ย!”
จมูกของคาร์ลเริ่มคันและทาให้เขาจามออกมาอย่างแรง เขา
ปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าของตนออกก่อนจะเงยหน้าของตนขึ้น
เขาไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเขาตอนนี้และยังคงเมิน
เฉยกับสายตาที่จ้องมองเขาก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้าเสียงปกติ
“อย่างแรก…เราควรกลับกันก่อน!”
ไม่มีใครสามารถเอ่ยอะไรออกมาได้อีกเมื่อคาร์ลกล่าวขึ้น
เช่นนั้น
คาร์ลได้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนจะกลับไป
บ้านพักของอามูร์ เขาจ้องไปที่วิเทียร์ พาสตันและทูนก้า
บุคคลทั้งสามที่ติดตามกลับมาด้วยและกาลังยืนอยู่ด้านหลัง
ของเขาในตอนนี้ ก่อนจะสบตาเข้ากับอามูร์ซึ่งกาลังเดินเข้ามา
สมทบกับพวกเขาในเวลาต่อมา
อามูร์มองไปที่คาร์ลเงียบๆก่อนเอ่ยกับทูนก้าอย่างเคร่งเครียด
และจริงจัง
“พรุ่งนี้เจ้าต้องเดินทางออกจากที่นี่แล้ว!…อย่างน้อยเจ้าก็ควร
ขอบคุณพวกเราทั้งหมดที่ลงโทษเจ้าด้วยการให้ออกไปจาก
ดินแดนของเราเพียงเท่านั้น!”
อามูร์ต้องการให้ทูนก้าออกไปจากอาณาเขตของเธอภายในวัน
พรุ่งนี้เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ใช่ชาวประมงและเป็น
ต้นเหตุให้เกิดการต่อสู้ในครั้งนี้ขึ้น
“พวกเจ้าสองคนก็เช่นกัน…พวกเจ้าจะได้รับบทโทษ
เช่นเดียวกับเขาหากยังก่อปัญหาให้เกิดขึ้นในดินแดนของข้าอีก
ครั้ง”
สองพี่น้องจากเผ่าวาฬโค้งให้อามูร์ด้วยท่าทางสงบ คาร์ลแอบ
สังเกตสองพี่น้องจากเผ่าวาฬที่ยังคงปกปิดฐานะของพวกเขาที่
มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับราชาเผ่าวาฬอยู่ ก่อนจะหัน
ไปมองอามูร์เมื่อได้ยินเธอเอ่ยกับตน
“นายน้อยคาร์ล…ดูเหมือนว่าท่านจะไม่สบาย..เชิญท่านกลับไป
ยังบ้านพักของข้าเพื่อพักผ่อนก่อนเถิด”
“อืม…”
ดวงตาของอามูร์แข็งกร้าวขึ้นทันทีเมื่อเธอหันกลับไปมองที่
ทูนก้าอีกครั้ง
“เจ้าตอบแทนความมีน้าใจของพวกเราด้วยการกระทาเช่นนี้ได้
อย่างไรกันนะ?”
คาร์ลเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยน้าเสียงที่เกือบจะเป็นการกระซิบแต่ทุก
คนก็ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดอยู่ดี
“นั่นคือเหตุผลที่ท่านต้องไล่เขาให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้”
การเนรเทศทูนก้าให้ออกไปจากอาณาเขตอัลบาย่อมเป็นสิ่งที่
ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่คาร์ลกาลังบอกแก่อามูร์
“นายน้อยคาร์ล…ท่านไม่ได้เป็นอะไรจริงๆใช่มั้ย…”
อามูร์ได้ฟังพาสตันอธิบายให้แก่เธอฟังว่าคาร์ลได้เข้าไป
ช่วยชีวิตของเขาได้อย่างไรและคาร์ลก็ไม่ได้ทาอะไรผิดเลยสัก
นิดแต่สุดท้ายก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายเช่นนี้จน
ได้
“คุณหนูอามูร์…ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ”
คาร์ลมีสีหน้าที่ผ่อนคลายและรอยยิ้มอันอ่อนโยนปรากฏบน
ใบหน้าของเขา
~เจ้าไม่ถามข้าหรือเจ้ามนุษย์? ว่าข้าสามารถเอาชนะเจ้าบ้า
บ๊อบนี้ได้หรือไม่? ~
แน่นอนว่าคาร์ลก็ยังคงไม่สนใจมังกรดาอยู่เช่นเดิม
หลังจากเพียรบอกอามูร์อยู่หลายครั้งว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก
คาร์ลก็หันไปมองทูนก้าและเขาก็หันมาสบสายตากับคาร์ล
เช่นกัน ทูนก้ากาลังมีสีหน้าที่ว่างเปล่าในตอนนี้…ไม่สิ..ดูเหมือน
มันจะเป็นใบหน้าที่มีความสับสนเสียมากกว่า
‘พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ’
มันเป็นพลังชนิดเดียวที่เหล่าผู้ฆ่านักเวทย์ที่มีเพียงความมุ่งมั่น
กับการทาให้ร่างกายของตนแข็งแกร่งต่างยอมรับว่ามันเป็น
พลังอานาจที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพราะพวกเขาคิดว่า‘พลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณ’เป็นพรจากพระเจ้าที่มอบให้กับใครสักคนและ
ส่งผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
คาร์ลกาลังมองดูทูนก้าโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
ทูนก้าเป็นเพียงคนบ้าที่ลงเอยด้วยการเป็นวีรบุรุษแต่ก็มีเหตุให้
การเป็นวีรบุรษของเขาถูกทาลายลงเพราะตัวของเขาเองใน
นิยายเล่มที่ห้า
พี่น้องจากเผ่าวาฬก้าวเข้าไปใกล้คาร์ล ก่อนที่วิเทียร์จะเอ่ยถาม
เขาขึ้น
“มันจะไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย?…ที่จะให้พวกข้าติดตามเจ้าไป”
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่มีที่ไปไม่ใช่หรือ?…ข้าจะให้ที่พักหนึ่งคืน
สาหรับพวกเจ้าก็แล้วกัน”
คาร์ลเปิดประตูรถม้าที่จะใช้โดยสารจากท่าเรือกลับไปยัง
บ้านพักของอามูร์และสั่งให้สองพี่น้องตามเขาขึ้นมาบนรถม้า
ก่อนจะปิดประตูรถม้าลงเมื่อพวกเขาขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว
และเริ่มคิดบางอย่างขึ้นมาทันที
อย่างน้อยทูนก้าก็จะกลับไปยังอาณาจักรวิปเปอร์ในตอนนี้แล้ว
สินะ
คาร์ล…ไม่สิ…ลักษณะของคิมร็อกโซคือการไม่ผูกมิตรกับใคร
บางคนที่ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจได้โดยง่าย สิ่งนี้อาจจะต่าง
ไปจากการพยายามหลีกเลี่ยงจากใครสักคนเพราะทุกอย่างมัน
จะดูวุ่นวายและซับซ้อนขึ้นมากกว่าเดิม
‘ฉันจาเป็นต้องติดต่อไปหาองค์ชายรัชทายาทหรือเปล่านะ?’
องค์ชายรัชทายาทจะมีท่าทางเช่นไรกันนะ? หากคาร์ลบอกให้
พวกเขาทิ้งรังผึ้งที่เต็มไปด้วยน้าผึ้งเต็มรวงไว้ยังอาณาจักรวิป
เปอร์ เขาสามารถเดาได้เลยว่าการตอบสนองขององค์ชายรัช
ทายาทจะเป็นเช่นไรเพราะพวกเขาทั้งสองคล้ายคลึงกันยิ่งนัก
องค์ชายรัชทายาทจะต้องมีความสุขกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
คาร์ลกาลังฝันที่จะนารังผึ้งรวงนั้นกลับมาและใช้ชีวิตที่แสน
ผ่อนคลายในอนาคต
คาร์ลได้รับการต้อนรับจากรองพ่อบ้านฮันส์ บารอค เด็กๆจาก
เผ่าหมาป่าสีน้าเงินทั้งสิบคน ออนและฮงเมื่อเขากลับมาถึง
บ้านพักของอามูร์ในเวลาต่อมา
ฮันส์ก้าวเข้าหาคาร์ลเหมือนเช่นที่เขาเคยทาก่อนจะอ้าปากค้าง
ด้วยความตกใจเมื่อเห็นสองพี่น้องจากเผ่าวาฬที่อยู่ด้านหลัง
นายน้อยของเขา ก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาและก้าวเข้าไป
ใกล้คาร์ลอีกครั้ง
“นายน้อยขอรับ…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?…กระผมรู้เรื่องราวที่
เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว”
“ข้าไม่เป็นไร… อ้อ!..เจ้าช่วยพาสองคนนี้ไปห้องพักที”
คาร์ลรีบโยนหน้าที่การดูแลสองพี่น้องจากเผ่าวาฬไปให้ฮันส์
ทันทีก่อนที่เขาจะหันไปมองบารอค วันนี้บารอคยังคงแต่งตัว
เรียบร้อยดูดีทุกระเบียดนิ้วตามแบบฉบับของเขา บารอคเริ่มมี
สีหน้าบึ้งตึงเมื่อมองเห็นสภาพของคาร์ลเข้าทั้งเสื้อผ้าที่เปียก
โชกและสกปรกไปด้วยฝุ่นดินไหนจะเส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั่นอีก บา
รอคเอ่ยกับเมสที่ยืนอยู่ข้างๆเขาทันที
“ไปเตรียมน้าอุ่นที”
“ได้ขอรับ..ท่านลุงบารอค”
เมสพยักหน้าตอบรับอย่างสงบก่อนที่เดินเข้าไปใกล้คาร์ล
“นายน้อยคาร์ล…ข้าได้ยินมาว่าท่านถูกลากเข้าไปในวงล้อม
การต่อสู้จนเกือบจะได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ”
คาร์ลมองไปที่เมสและเด็กคนอื่นๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินที่
กาลังมองดูเขาและรอคอยคาตอบจากเขาอย่างจริงจัง
“เปล่าเลย…ไม่มีโอกาสที่ข้าจะได้รับบาดเจ็บหรอกนะ”
“อ่า….พวกเราเข้าใจแล้วขอรับ”
บทที่ 56 กาลังคิดอยู่ 4 (2)

เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินยังคงสดใสร่าเริงและใสซื่อบริสุทธิ์
อยู่เสมอไม่เหมือนกับสัญชาตญาณความเป็นหมาป่าที่พวกเขา
ควรเป็นเลยสักนิด มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? คาร์ลปัดเรื่องนี้ออก
จากความคิดของตนอย่างรวดเร็วและมองดูเด็กๆทั้งสิบคน
อย่างเงียบๆต่อไป พวกเขาต่างพากันวิ่งออกไปเตรียมน้าร้อน
มาผสมกับน้าในอ่างอาบน้าของคาร์ลอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่
คาร์ลจะละสายตาหันกลับมามองบารอค
“นายน้อยขอรับ..รีบไปอาบน้าก่อนเถิด!”
คาร์ลคิดว่าบารอคคงทนสภาพสกปรกมอมแมมของเขา
ในตอนนี้ไม่ได้จึงพยายามเตรียมความพร้อมในการอาบน้า
ให้แก่เขาอย่างรีบเร่ง คาร์ลพยักหน้าตอบรับก่อนจะมุ่งหน้าไป
ยังห้องน้าทันทีแต่ก็มีเสียงหนึ่งเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน
“นายน้อย!”
“มีอะไรหรือ?”
เสียงเรียกนี้มาจากพาสตันและวิเทียร์ ทาไมต้องเรียกเขาว่า
นายน้อยด้วยนะ? ก่อนที่คาร์ลจะได้ยินเสียงของวิเทียร์กล่าว
ต่อไป
“ขอให้พวกเราสองคน…มาเยี่ยมอาการของท่านหลังจากที่ท่าน
พักผ่อนแล้วได้หรือไม่?”
‘ราชาของเผ่าวาฬผู้เป็นใหญ่ในอาณาจักรมหาสมุทร’ในขณะที่
สองคนนี้เป็นบุตรสาวและบุตรชายของเขา สัตว์อสูรเหล่านี้อยู่
ในบรรดาศักดิ์ระดับเดียวกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ในอาณาจักร
โรมันเสียด้วยซ้า อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองคนเลือกที่จะ
ปิดบังตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชา
แห่งเผ่าวาฬเอาไว้ ถ้าจะให้พูดตามจริงมันไม่มีเหตุผลใดที่
จะต้องปิดบังเสียด้วยซ้า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่มนุษย์จะรู้ว่า
พวกเขาอยู่ในระดับเชื้อพระวงศ์ มันเป็นเรื่องที่ยากมากหากจะ
มีมนุษย์รู้เรื่องการมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ของสัตว์อสูรจากเผ่าวาฬ
“มาเยี่ยมข้าพรุ่งนี้แล้วกัน”
คาร์ลตอบห้วนๆก่อนจะหันหลังให้กับพวกเขาทันที เขาได้ยิน
เสียงของมังกรดาลอดเข้ามาให้หัวของตนอีกครั้ง ดูเหมือนว่า
มันมีสิ่งที่อยากจะพูดกับเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
~ เมื่อกี้เจ้าจามออกมานะ? แล้วคืนนี้เจ้าจะออกไปข้างนอกอีก
หรือไง?เจ้าไม่พักผ่อนบ้างหรือไงนะ?…ทาไมเจ้าถึงอ่อนแอจน
น่ากังวลได้ขนาดนี้นะ! เจ้ามนุษย์!….เจ้านี่มันน่าหงุดหงิดเสีย
จริง!~
‘อืม..ฉันเป็นคนที่น่าผิดหวังจริงๆสินะ’
คาร์ลตัดสินใจที่จะใช้ความจริงในเรื่องนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์
ต่อตัวเขาเช่นกัน ความจริงที่ว่าไม่มีใครเชื่อถือเขาสักคนว่า
ร่างกายของเขานั้นแข็งแรงดี เขาได้แจ้งแก่ทุกคนว่าห้ามเข้ามา
เยี่ยมเขาในคืนนี้เพราะเขาต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้
กลับมาแข็งแรงโดยไว ก่อนจะเอ่ยขึ้นกับมังกรในเวลาต่อมา
“ไปกันเถอะ!”
~…..ข้าจะฟังเจ้าก็แล้วกัน! ~
ออนและฮงยืนส่งคาร์ลออกไปยังมหาสมุทรในอาณาเขตอัล
บาพร้อมกับมังกรดาอีกครั้งหนึ่ง
คืนนี้เป็นคืนที่เขาต้องการจะยืดอายุการทางานของวังน้าวนที่
เหลือพวกนั้นให้ยาวนานไปอีกหนึ่งปี
~ ข้าไม่รู้ว่าทาไมเจ้าต้องทาแบบนี้ด้วยทั้งที่ไม่สบายอยู่
แท้ๆ?….มังกรอัจฉริยะเช่นข้าไม่เข้าใจจริงๆ?~
คาร์ลเอ่ยกับเสียงบ่นของเด็กอายุสี่ขวบด้วยท่าทางสบายๆ
“มันต้องทาวันนี้เท่านั้น”
เหล่านักเวทย์จากอาณาเขตอัลบาจะเดินทางมาถึงชายฝั่งทะเล
ในวันพรุ่งนี้แล้วทาให้มันเป็นเรื่องยากที่จะดาเนินการในเรื่องนี้
ได้ง่าย เขาต้องจัดการกับบ่อน้าในถ้าและวังน้าวนภายในคืนนี้
เท่านั้น
คาร์ลมองเห็นแสงสว่างจากคบเพลิงบนเกาะกลางแห่งนั้นและ
ค่อยๆลอยตัวลงสู่พื้นดินบนเกาะที่อยู่ห่างออกไปในเวลาต่อมา
นี่เป็นที่ตั้งของวังน้าวนที่แข็งแกร่งเป็นลาดับที่สองซึ่งตอนนี้มัน
ได้ครองตาแหน่งวังน้าวนที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้อยู่
เฮ้อ
จากนั้นเขาก็เริ่มถอนหายใจออกมา
~ ทาไมเจ้าบ้านั่นถึงไปว่ายน้าเล่นอยู่ตรงนั้นกันนะ?…เดี๋ยว
ก่อน!ทาไมเจ้าบ้านั่นถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?…ข้าไม่เข้าใจจริงๆเลย~
คาร์ลได้ยินเสียงที่เอ่ยขึ้นด้วยความกังวลจากมังกรดา ไม่มีใคร
อยู่บนเกาะแห่งนี้ก่อนที่คาร์ลและมังกรดาจะมาเยือน อย่างไรก็
ตามมีใครบางคนที่อยู่ในวังน้าวนหน้าเกาะแห่งนี้
มันเป็นวังน้าวนที่หมุนวนอย่างรุนแรงซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ที่จะมองเห็นคนอยู่ในนั้นเมื่อมองลงมาจากท้องฟ้า
“เขาเป็นคนบ้าจริงๆสินะ”
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดส่งผลให้ทั่วบริเวณตกอยู่ในความมืดมิด
คาร์ลเริ่มคิดบางอย่างขึ้นมาเมื่อเห็นทูนก้ากระโดดเข้าไปในวัง
น้าวนในคืนเดือนมืดเช่นนี้ คาร์ลอยากรู้ว่าเจ้าบ้านั่นกาลังคิด
อะไรของเขาอยู่กันแน่?
ขณะนั้นเองทูนก้าก็กระโดดขึ้นมาจากวังน้าวนและรีบวิ่งมาบน
เกาะทันที
“ข้ารู้แล้ว!…ข้ารู้แล้ว!”
ทูนก้าเพ่งสายตาของตนไปที่ร่างของคาร์ลทันทีในขณะที่ขาก็
ขยับเข้ามาหาคาร์ลด้วยความรวดเร็ว
“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่เพียงคนธรรมดา…ข้าได้กลิ่นคนที่
แข็งแกร่งอยู่รอบๆตัวเจ้า….เจ้าเป็นนักเวทย์รึ?…เจ้าสามารถ
เหาะเหินเดินอากาศได้อย่างไรกัน?”
ดวงตาของทูนก้าเริ่มสั่นไหวหลังจากที่เขาเอ่ยคาว่านักเวทย์
ออกไป แผนการของทูนก้าในตอนนี้คือเขาจะต่อสู้กับคาร์ลหาก
คาตอบของคาร์ลคือนักเวทย์และลงมือฆ่าคาร์ลหากเขานั้น
อ่อนแอเกินไป ทูนก้าเป็นคนที่คิดเพียงว่านักเวทย์คือพิษร้าย
ของโลกใบนี้ เขายังคงก้าวเข้าหาคาร์ลด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว
เช่นเดิม
“เจ้าไม่สนใจข้าเพราะเจ้าเป็นนักเวทย์ที่สวมใส่กางเกงแฟนซี
ใช่หรือไม่? ..ห๊ะ?”
ทูนก้าเห็นคาร์ลถอนหายใจออกมาอย่างแรง คาร์ลจ้องไปที่ร่าง
ของทูนก้าก่อนเอ่ยออกมาอย่างตั้งใจ
“ข้ากาลังคิด….”
‘ฉันควรจะทิ้งเขาไว้ที่นี่หรือจะใช้เขาทามันดีนะ?’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลกาลังคิดอยู่ เขาสังเกตได้ว่าทูนก้าที่กาลังวิ่ง
เข้ามาหาเขาในตอนนี้ต้องการจะโจมตีเขาในไม่ช้านี้เช่นกัน
“เจ้ามัวแต่คิดอะไรอยู่ถึงไม่สนใจข้า?”
คาร์ลคาดว่านั่นคงจะเป็นประโยคสุดท้ายของทูนก้าที่เอ่ยออก
มาแล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือทันที
‘มาทามันทั้งสองอย่างเลยแล้วกัน’
ตู้ม!!!
“อึ่ก!!!”
ทูนก้าที่ไม่ทันตั้งตัวถูกลมกระโชกตกลงไปในทะเลทันที วัง
น้าวนหมุนวนอยู่รอบๆตัวของเขาในตอนนี้แล้วเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?!”
แม้ว่าทูนก้าจะเป็นผู้ที่สามารถต้านทานพลังเวทย์ระดับสูงได้
มากเพียงใดเขาก็พบว่ามันยากที่จะจัดการกับลมพวกนี้ได้
เช่นกัน ลมที่หมุนวนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและน้าจากทะเล
ที่ดูดกลืนร่างของเขาเข้าไปราวกับว่าพวกมันเห็นร่างของเขา
เป็นหนองน้าขนาดเล็กให้ไหลไปรวมตัวกับมหาสมุทรอันกว้าง
ใหญ่นั่น
คาร์ลใช้มือทั้งสองข้างของตนสร้างวังน้าวนขึ้นมาในขณะที่
ขยับเข้าใกล้ทูนก้าช้าๆ
ซ่า! ซ่า!
น้าหนักเท้าของคาร์ลที่เหยียบลงบนผิวน้าส่งเสียงดังขึ้นจน
สามารถได้ยินไปทั่วบริเวณ
จากนั้นเขาก็มองไปที่ทูนก้าซึ่งถูกกระชากลงทะเลจากการโจมตี
อย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต่อให้จะอยู่สูงมาก
เพียงใดก็มีโอกาสที่จะถูกกระชากลงมาได้อยู่ดี ใช่ว่าคนที่สูงส่ง
กว่าจะดูถูกคนที่ต่าต้อยกว่าได้ตลอดเพราะโอกาสที่พวกเขาจะ
ถูกคนที่ต่าต้อยกว่าดูถูกก็มีมากเช่นกัน
“นักเวทย์ไม่สามารถมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณได้”
ทูนก้ารู้สึกได้ถึงลมที่อยู่รอบๆตัวเขาได้หายไปเมื่อเขาเงยหน้า
ขึ้นไปมองคาร์ล
“บ๊อบ!….นักรบเช่นเจ้าคงรู้สินะว่าข้ากาลังหมายถึงอะไรอยู่?”
พลังที่ถูกสืบทอดมาจากมนุษย์ผู้สร้างพลังเหล่านั้น
ทูนก้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมาบ้างแต่นี่
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหนึ่งในพลังเหล่านั้นด้วยตาของเขาเอง
ทูนก้ายังคงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดออกมาในที่สุด
“….ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ใช่นักเวทย์สินะ?”
“ถูกต้อง!”
ทูนก้าเอ่ยถามคาถามอีกข้อหลังจากได้ยินคาตอบที่หนักแน่น
และจริงจังเช่นนั้นของคาร์ล
“แล้วเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์บ้าง?”
ทูนก้าพบว่าขุนนางผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้สามารถ
สร้างความแปลกใจให้แก่เขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
‘ใช่แล้ว..ขุนนางผู้นี้ช่างประหลาดยิ่งนัก’
ขุนนางผู้สูงศักดิ์คนนี้ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าตัวเขากาลังใช้
ภาษาที่ไม่สุภาพและไม่เคยเป็นทางการกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นขุน
นางเลยสักครั้ง ขุนนางผู้นี้เป็นคนที่ทางานอย่างหนักเพื่อ
ช่วยชีวิตคนอื่นแม้ว่าเขาจะป่วยอยู่ก็ตาม นี่ก็นับเป็นสิ่งที่แปลก
เช่นกันกับการที่มีกลิ่นอายของคนที่มีพลังแข็งแกร่งอยู่รอบๆตัว
เขาแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนักก็ตาม คนผู้
นี้ยังคงเปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณทุกครั้งเมื่อเห็นเขาและยัง
เป็นคนที่พยายามจะช่วยเหลือเขาอีกด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ทูนก้าได้พบเจอคนเช่นนี้
อย่างไรก็ตามประโยคต่อมาของคาร์ลก็ทาให้ทูนก้าตกใจอีกครั้ง
คาร์ลไม่ได้ตอบคาถามนั้นของทูนก้าแต่กลับเอ่ยถามคาถาม
แทน
“เจ้ากาลังคิดที่จะทาลายหอคอยพลังเวทย์ใช่หรือไม่?”
“อะไรนะ?…เจ้าพูดอะไร?”
ตาของทูนก้าเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ท่าทางของเขาในตอนนี้
เหมือนกับกาลังจะเอ่ยถามคาร์ลว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
แน่นอนว่าการทาลายหอคอยพลังเวทย์คือหนึ่งในเป้าหมาย
ของผู้ที่ไม่ใช่นักเวทย์หรือผู้ฆ่านักเวทย์เหล่านี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยต่อไป
“หากเจ้าวางแผนที่จะทาลายมันจริงๆก็อย่าทาลายมันมาก
เกินไป”
ทูนก้าเผลอพูดออกมาตามสิ่งที่เขาคิดในหัวอย่างลืมตัว
“……เจ้าบ้านี่…กาลังพูดเรื่องอะไรของเจ้ากัน?”
“อ่า….แต่เจ้าจงกาจัดเหล่านักเวทย์พวกนั้นออกไปให้หมด”
ในที่สุดทูนก้าก็สามารถตัดสินตัวตนของคาร์ลได้หลังจากที่ได้
ยินสิ่งที่คาร์ลพูดออกมา คาร์ลเริ่มยิ้มขณะที่มองดูทูนก้าเงียบๆ
ผู้ไม่ใช่นักเวทย์ที่ชนะสงครามกลางเมืองจะพาอาณาจักรวิป
เปอร์เจริญขึ้นก่อนที่มันจะล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่า
สัญชาตญาณตามธรรมชาติและพฤติกรรมของมนุษย์จะลด
ระดับความสาคัญของสิ่งที่รู้จักกันในชื่อ‘พลังเวทย์’ไปได้แต่
การดาเนินชีวิตโดยปราศจากพลังเวทย์ไปก็ไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์
เลยสักนิด
แผนการของคาร์ลคือการเข้าควบคุมผลประโยชน์เหล่านั้นเมื่อ
สัตว์เหล่านั้นทาลายมันลงด้วยฝีมือของพวกมันเอง
“ข้าวางแผนที่จะซื้อหอคอยพลังเวทย์…เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ทูนก้าเริ่มยิ้มเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลอีกครั้ง
“ช่างเป็นอะไรที่บ้าจริงๆ”
นั่นคือสิ่งที่ทูนก้าได้ตัดสินเกี่ยวกับตัวตนที่คาร์ลเป็น
บทที่ 57 กาลังคิดอยู่ 5 (1)

คาร์ลชี้ไปที่ทูนก้าหลังจากที่ได้ยินเขากล่าวเช่นนั้นและเริ่มพูด
“เจ้าและพรรคพวกของเจ้า…ไม่ได้บ้าหรืออย่างไรที่พยายาม
กาจัดทุกอย่างให้กระเด็นออกไปเช่นนั้น?”
รอยยิ้มของทูนก้าถูกแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะในที่สุด
“ฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะของเขาก้องไปทั่วเกาะแห่งนี้ ก่อนจะหยุดหัวเราะ
ในเวลาต่อมาและเริ่มส่ายศีรษะของตนเบาๆเมื่อเอ่ยตอบ
คาถามของคาร์ล
“ไม่….ไม่ใช่เลย”
แววตาของทูนก้าแข็งกร้าวและเย็นชาขึ้นเมื่อเขาหยุดหัวเราะ
และจ้องไปที่คาร์ลทันที
“…พวกเราไม่ได้บ้า”
คาร์ลรู้อยู่แล้วว่าทูนก้าจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ทูนก้าเชื่อมั่นยิ่ง
นักว่าเหล่านักเวทย์ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสาหรับการทาให้
อาณาจักรวิปเปอร์เจริญรุ่งเรืองขึ้นในอนาคตและเขากาลังจะ
พิสูจน์ให้เห็นคาตอบในอีกไม่ช้านี้
“ถูกต้อง!….ตัวข้าก็ไม่ได้บ้าเช่นกัน”
ทูนก้าลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆเมื่อเขากล่าวว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้
บ้าเช่นกัน หลังจากที่ลอบสังเกตคาร์ลได้พักใหญ่เขาก็เริ่มพูด
ออกมาในที่สุด
“เจ้าจะซื้อมันไว้ใช้ส่วนตัวอย่างนั้นรึ?”
ทูนก้าไม่ได้พูดออกมาว่าตนไม่สามารถทาลายหอคอยพลังเวทย์
ได้หรือไม่มีแผนที่จะทาลายหอคอยพลังเวทย์นั้นลง
“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าคิดเอาไว้”
คาร์ลไม่คิดว่าลูกน้องของทูนก้าจะสามารถเอ่ยคัดค้านหรือพูด
อะไรกับทูนก้าได้และจะยกให้เป็นการตัดสินใจของเขาทันที
หากคาร์ลเข้าไปซื้อหอคอยพลังเวทย์
อาณาจักรวิปเปอร์เป็นแหล่งรวบรวมเครื่องมือเวทย์ที่ยิ่งใหญ่
ที่สุดในทวีปตะวันตก นั่นอาจไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยสักนิดหากบอก
ว่ารายได้หลักของอาณาจักรวิปเปอร์ก็มาจากนักเวทย์และ
เครื่องมือเวทย์พวกนั้น
เงินจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดเมื่อฝ่ายที่ได้รับชัยชนะจากสงคราม
กลางเมืองคือฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังต้อง
กาจัดร่องรอยที่เหลือของพลังเวทย์ที่อยู่ในอาณาจักวิปเปอร์ให้
สิ้นซากเช่นกัน
คาร์ลรอที่จะใช้โอกาสจากช่วงเวลานั้น
‘องค์ชายรัชทายาทจะชอบมันด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป’
หอคอยพลังเวทย์ที่ทูนก้าและพรรคพวกของเขาคิดว่ามันเป็น
เพียงซากและไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ไร้
ประโยชน์สาหรับผู้ไม่ใช่นักเวทย์และจะเก็บมันไว้เป็นเพียง
สมบัติอันไร้ค่าเท่านั้น
“แต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายผู้ไม่ใช่นัก
เวทย์?”
เฮ้ออออออออออออ!!!!!!
คาร์ลถอนหายใจยาวอีกครั้งตามความยาวของประโยคคาถาม
ของทูนก้าส่งผลให้ทูนก้าสะดุ้งขึ้นทันทีและคาร์ลก็ไม่พลาดที่จะ
ใช้โอกาสจากช่วงเวลานั้นในการตอบคาถามของเขาขึ้นมา
“เจ้าเป็นคนจากอาณาจักรวิปเปอร์ที่กาลังเกิดสงครามกลาง
เมืองอยู่ในตอนนี้…ทั้งตัวเจ้าก็ดูเหมือนจะลงมือฆ่าข้าทันทีหาก
ข้าบอกเจ้าไปว่าตัวข้าเป็นนักเวทย์…แล้วใครจะไม่นึกถึงฝ่ายผู้
ไม่ใช่นักเวทย์กันเล่า?”
“…เจ้าเดาได้อย่างไรกันนะ?”
คาร์ลหันหลังให้กับทูนก้าทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าวออกมา
คาร์ลกาลังคิดถึงสิ่งที่ทาให้ทูนก้าโง่เขลาได้ขนาดนี้แต่กลับ
เก่งกาจและฉลาดในการต่อสู้ได้อย่างน่าทึ่ง
อย่างไรก็ตามดูเหมือนทูนก้าจะสนใจเขามากกว่าเดิมเมื่อเขา
ว่ายน้าเข้ามาใกล้คาร์ล
“เจ้าจะว่ายมาใกล้ข้าทาไมกัน?”
ทูนก้าไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวลงเลยสักนิดแม้ว่าจะได้ยิน
คาถามที่ยิ่งกว่าขวานผ่าซากของคาร์ลไปแล้วก็ตาม
“ดูเหมือนว่าเจ้ากาลังจะทาบางอย่างที่น่าสนุก…ข้าอยากดูมัน”
ทูนก้ามีสัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยมจริงๆและคาร์ลก็โบกมือไล่เขา
ไปให้ห่างจากตนทันทีเช่นกัน
“เจ้าไปว่ายน้าเล่นที่วังน้าวนตรงนั้นได้แล้ว…ข้ากาลังยุ่งอยู่!”
“เจ้าเป็นขุนนางจริงๆหรือ?”
ทูนก้ายังคงประหลาดใจกับตัวตนของคาร์ลอยู่เช่นเดิม ถึงแม้
ขุนนางที่ชื่ออามูร์จะเป็นคนที่เป็นกันเองและค่อนข้างผ่อน
คลายมากแล้วก็ตามแต่ก็เทียบไม่ได้กับเจ้างั่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
เลยสักนิด การพูดกับขุนนางด้วยภาษาที่ไม่เป็นทางการและไม่
สุภาพมักจะนาไปสู่ปัญหาต่างๆตามมามากมาย แต่มันก็เป็น
เรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ทูนก้าไม่สามารถควบคุมตัวเองให้พูดภาษาที่
เป็นทางการและสุภาพกับขุนนางที่อยู่ตรงหน้าเขาได้เลยสักครั้ง
“ข้าย่อมเป็นขุนนางอยู่แล้ว..เหมือนกับที่เจ้าก็เป็นนักรบ
เช่นกัน”
คาร์ลกล่าวออกมาด้วยท่าทางผ่อนคลายก่อนจะหันไปมองๆ
รอบตัวเขา มันมีหลายอย่างที่เขาต้องทาในวันนี้และในเวลา
เดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงของทูนก้าที่ดังมาจากทางด้านหลัง
“น่าสนใจยิ่งนัก!!!”
คาร์ลขมวดคิ้วมุ่นและแสร้งทาเป็นไม่ได้ยินกับสิ่งที่ทูนก้าพูด
ออกมา เขาปล่อยโล่เงินของเขาออกมาทันที ปีกสีเงินสวย
ปรากฏขึ้นพร้อมกับโล่เงินเช่นกันและกาลังขยับกระพือปีกต้าน
กับสายลมเบาๆ ก่อนที่เสียงของมังกรดาจะลอดเข้ามาในหัว
ของคาร์ล
~ ข้าเป็นมังกรที่ฉลาดมากนะ…เจ้ามนุษย์!~
ร่างของคาร์ลเริ่มลอยสูงขึ้นจากผิวน้าเพราะมังกรดาเริ่มใช้พลัง
เวทย์ของมันแล้ว คาร์ลตัดสินใจที่จะไปจัดการกับวังน้าวนแห่ง
อื่นก่อน
“บ๊อบ!”
คาร์ลเอ่ยเรียกชื่อปลอมๆของทูนก้าขึ้นเพราะถึงอย่างไรชื่อ
บ๊อบก็ยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการที่ทุกคนรู้จักในตอนนี้
“อะไร?”
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่?….ว่าทั้งหมดนี่เป็นความลับ”
“แน่นอน…ข้าเป็นคนที่ชอบเก็บเรื่องสนุกๆแบบนี้ไว้กับตัวเอง
เท่านั้น”
ทูนก้าเหยียดยิ้มราวกับตนคือคนบ้าจริงๆ ความมืดที่ปกคลุมไป
ทั่วบริเวณยิ่งทาให้ร่างกายที่ใหญ่โต ทรงผมคล้ายกับแผงคอ
สิงโตและรอยยิ้มของเขาดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก คาร์ลยังคง
ลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆและเอ่ยกับทูนก้าขึ้น
“ข้าจะหาเรือและลูกเรือให้แก่เจ้าแล้วกัน….เจ้าไม่ต้องรีบกลับ
บ้านหรืออย่างไร?”
“โอ้!…ขอบคุณเจ้ามาก”
คาร์ลโบกมือลาทูนก้าที่ยังคงสับสนพลางกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้อีก
หนึ่งประโยคก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
“จงชนะ!….เจ้าต้องทามันได้อย่างแน่นอน”
นั่นคือวิธีเดียวที่คาร์ลจะได้รับประโยชน์จากมันเช่นกัน
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังเกาะที่เป็นที่ตั้งของวังน้าวนแห่งอื่นทันทีและ
ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงหัวเราะของทูนก้ามันเป็นเสียง
หัวเราะที่ดังมากและดังกว่าที่เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้เสียอีก
“ฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!”
‘ในชีวิตของหมอนั่นทุ่มเทให้กับการหัวเราะได้ขนาดนี้เลยหรือ
ไงนะ?’
คาร์ลได้แต่นึกสงสัยอยู่ในใจเมื่อเขายังคงมุ่งหน้าไปยังเกาะอื่น
ทูนก้ามองดูคาร์ลที่เหาะไปบนท้องฟ้าอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเริ่มรู้สึก
ว่าวังน้าวนพวกนี้ไม่สนุกอีกต่อไปและตัดสินใจจะเดินทางกลับ
บ้านของตนทันที อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่
ทูนก้าจะทานั้นคืออะไร
ในที่สุดคาร์ลก็เริ่มพูดกับมังกรดา
“เจ้ารู้หรือไม่…ว่าเมื่อไหร่ที่ข้าจะรู้สึกโกรธที่สุด?”
~ เมื่อไหร่หรือ? ~
มังกรดามองเห็นรอยยิ้มอันผ่อนคลายบนใบหน้าของคาร์ล
“เมื่อข้าได้โยนทิ้งบางอย่างที่ดูไร้ค่าเพราะคิดว่ามันเป็นเพียง
เศษขยะเท่านั้น..แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ข้าโยนทิ้งไปนั้นคือ
ทองคา..โดยเฉพาะในเวลานั้นข้ากาลังต้องการทองคาอยู่พอดี”
มุมปากของมังกรดาเริ่มสั่นเล็กน้อย
~ ข้าได้เรียนรู้สิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ~
“ไม่ใช่แค่นี้…ยังมีอีก”
~ ยังมีอีกหรือ? ~
“ใช่…”
คาร์ลยังคงมีท่าทางผ่อนคลายเมื่อเขากล่าวต่อไป
“มันยิ่งแย่ไปกว่านั้น…เมื่อข้าต้องจ่ายเงินเป็นจานวนมากเพื่อ
ซื้อทองคานั้นกลับคืนมา”
~ มันแย่มากจริงๆเลยล่ะ! ~
คาร์ลไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีกเพียงแค่เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
ออกมาเท่านั้นและเริ่มหันไปสนใจกับสิ่งที่เขาต้องจัดการต่อ
จากนี้ เขาค่อยๆลงแตะพื้นดินอย่างนุ่มนวลเมื่อมาถึงเกาะที่ตน
ต้องการในเวลาต่อมา
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่..”
คาร์ลแตะฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนพื้นเมื่อมังกรดาคลายเวทย์
ล่องหนของมันออกและยืนยันว่าไม่มีผู้อื่นอยู่บนเกาะแห่งนี้
ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!!!!!
คาร์ลรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
‘อ่า….‘พละกาลังแห่งหัวใจ’เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ‘เสียง
เรียกของวายุ’จริงๆซินะ’
คาร์ลสัมผัสได้ถึงความแรงของลมที่พุ่งขึ้นจากฝ่าเท้าเข้าสู่ฝ่า
มือของเขาในทันที มันใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งวินาทีเสียอีกกับ
การเกิดสิ่งนี้ขึ้น
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
พายุหมุนกาลังโหมกระหน่าบนฝ่ามือทั้งสองข้างของคาร์ล เขา
ค่อยๆรวมพายุหมุนทั้งสองลูกเข้าเป็นหนึ่งเดียว
ซู่!ซู่!ซู่!!!!!!!! ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
พายุหมุนสองลูกเคลื่อนเข้าหากันช้าๆก่อนจะส่งเสียงคล้ายกับ
เสียงไหม้ขึ้นมาและเริ่มแผ่ความร้อนออกมาทันที อย่างไรก็ตาม
พายุหมุนทั้งสองลูกต่างมีเจ้านายเป็นคนเดียวกันพวกมันจึง
สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุดและกลายเป็นพายุหมุน
ทรงกลมขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม จากนั้นคาร์ลก็ค่อยๆลอยตัวขึ้น
สู่อากาศอีกครั้ง
บู้ม!!!!!!!
เขาใช้โล่เงินของตนกระแทกเข้ากับพายุหมุนทรงกลมขนาด
ใหญ่ลงสู่ผืนทะเลเบื้องล่างก่อนที่จะมันจะพุ่งลงสู่ใต้วังน้าวน
บนเกาะแห่งนี้ทันที
ซ่า!ซ่า!ซ่า!!!!!!!! ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
พายุหมุนทรงกลมขนาดใหญ่ค่อยๆรวมตัวเข้ากับลูกข่างสาย
ลมในใจกลางวังน้าวนนั่น
บทที่ 57 กาลังคิดอยู่ 5 (2)

คาร์ลยังคงมองไปที่วังน้าวนแห่งนี้เมื่อเขาค่อยๆลอยตัวขึ้นสู่
ท้องฟ้าด้วยพลังเวทย์ของมังกรดา ลูกข่างสายลมจะมีอายุ
อย่างน้อยหกเดือน คาร์ลจะรู้สึกถึงมันได้ถ้ามันเริ่มหายไป
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีนี้แล้วค่อยพิจารณาอีกทีว่าจะทา
อย่างไรกับวังน้าวนพวกนี้ดีเมื่อถึงเวลานั้น
“ไปเกาะต่อไปกันเถอะ!”
ปีกของมังกรดาสั่นอย่างรุนแรงเมื่อมันเพิ่มความเร็วของการ
ขยับปีกขึ้น คาร์ลยังคงขว้างพายุหมุนทรงกลมลูกใหม่เข้าสู่วัง
น้าวนบนเกาะอื่นๆต่อไปก่อนจะมารวมกับมังกรดาเพื่อเคลื่อน
ตัวไปยังถ้าที่เป็นที่ตั้งของบ่อน้าแห่งโชคชะตาในเวลาต่อมา
เช้าวันรุ่งขึ้น
คาร์ลยืนอยู่ที่ท่าเรือของชายฝั่งทะเลอาณาเขตอัลบาตั้งแต่
เช้าตรู่
“บ๊อบ”
เขาได้แนะนาให้ทูนก้าได้รู้จักกับลูกเรือ กัปตันเรือและเรือที่เขา
จะใช้โดยสารกลับไปยังอาณาจักรวิปเปอร์ ก่อนที่ทูนก้าจะจ้อง
มาที่พวกเขาอยู่ครู่หนึ่งและเริ่มพูด
“อีกสองเดือนข้างหน้า…โลกใบนี้จะแตกต่างจากที่เคยเป็น”
คาร์ลคิดว่าเขาไม่ควรย่างกรายเข้าสู่อาณาจักรวิปเปอร์ก่อนจะ
ผ่านสองเดือนนี้ไป คาร์ลมองเห็นแววตาที่ตื่นเต้นของทูนก้า
และรู้ว่าเขากาลังจะเริ่มแผลงฤทธิ์อะไรบางอย่างออกมาในอีก
ไม่ช้า
“……รีบกลับบ้านเถิด”
คาร์ลค่อยๆขยับออกห่างจากทูนก้าและมองไปที่ลูกเรือเพื่อ
กระตุ้นให้พวกเขาเดินทางออกจากที่นี่ไปได้แล้ว ทูนก้าจ้องไปที่
คาร์ลอย่างลังเลก่อนที่จะตัดสินใจถามออกมา
“เจ้าอ่อนแอหรือไม่?”
“ใช่!”
ทูนก้าดูสับสนมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคาตอบที่หนักแน่นและ
ชัดเจนของคาร์ลเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เขาทาเพียงแค่ก้าวขึ้น
ไปบนเรือโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก
“ให้แน่ใจว่าเจ้าจะกลับมาหลังจากสองเดือนนั่น!”
“อ่า…ได้ๆ”
คาร์ลโบกมือลาทูนก้าอย่างรวดเร็วและหันหลังให้กับเรือทันที
ซึ่งตอนนั้นเองที่ทูนก้าตะโกนเสียงดังมาตามหลังคาร์ล
“ข้าชื่อทูนก้า!!!!!…..อย่าลืมมันล่ะ!”
คาร์ลหันหลังกลับไปอีกครั้ง เรือขนาดกลางกาลังเคลื่อนออก
จากท่าเรือพร้อมกับแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงลงมากระทบ
กับผืนดินเบื้องล่าง มันดูสว่างสดใสมากกว่าเดิมเมื่อทูนก้ากาลัง
โบกมือลาให้กับเขาจากดาดฟ้าเรือ
มันดูคล้ายกับฉากหนึ่งในการ์ตูนอนิเมะเมื่อตัวละครหลักของ
เรื่องกาลังจะเดินทางจากไป คาร์ลคิดว่าเขาได้เห็นในสิ่งที่ไม่
ควรเห็นและหันหลังกลับมาอย่างไม่ลังเล คาร์ลยังคงได้ยินเสียง
ของทูนก้าตะโกนบอกให้คาร์ลอย่าลืมชื่อเขาเป็นอันขาดแต่
คาร์ลก็ยังคงมุ่งหน้าเดินต่อไปโดยไม่คิดจะหันกลับไปมอง
ด้านหลังอีก
ตอนนี้คาร์ลรู้สึกดีมากเพียงแค่นึกถึงภาพที่จะเกิดขึ้นในอีกสอง
เดือนข้างหน้า เขาจะสามารถหารายได้ที่เพียงพอกับการใช้
จ่ายได้ตลอดชีวิตและมีแผนที่จะสร้างคฤหาสน์ที่แข็งแกร่งสัก
หลังเช่นกัน
คาร์ลกลับไปถึงบ้านพักของอามูร์ในเวลาต่อมา เขาทักทายกับ
คนของตนก่อนจะให้อาหารลูกแมวสองพี่น้อง‘ออนและฮง’ที่
ยังคงซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักหลังนี้ตั้งแต่พวกเขาเดินทางมาถึง
ที่นี่ ในขณะที่ปากก็ขยับพูดขึ้น
“เจ้าไม่จาเป็นต้องมาหาข้าถึงที่นี่หรอกนะ?”
“ข้าต้องมาขอบคุณและขอโทษท่านที่ทาให้ท่านหวาดกลัว
เช่นนั้น!”
ออนและฮงอ้าปากค้างเมื่อพวกมันทั้งสองจ้องไปที่วิเทียร์ ลูก
แมวสองตัวนี้ไม่ได้มีปฏิกิริยามากนักเมื่อเห็นพาสตันเป็นครั้ง
แรกมันเป็นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงหากเทียบกับที่
พวกมันเห็นวิเทียร์ในตอนนี้
วิเทียร์ลอบสังเกตท่าทางของคาร์ลก่อนจะเอ่ยถามอย่าง
ระมัดระวัง
“ท่านรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือนายน้อยคาร์ล?”
“อืม….เป็นปกติแล้วล่ะ”
คาร์ลยังคงมีร่างกายที่แข็งแรงเต็ม100 เปอร์เซ็นด้วยพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘พละกาลังแห่งดวงใจ’ มันช่วยให้เขารู้สึก
กระปรี้กระเปร่าแม้จะนอนพักเพียง1-2ชั่วโมงเท่านั้น
จากนั้นเขาก็เริ่มพูดกับวิเทียร์รวมถึงพาสตันน้องชายของเธอที่
ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พวกเจ้าสองคนขอบคุณข้ามามากพอแล้ว..หากยังขอบคุณข้า
ต่อไปเช่นนี้อีกมันก็คงสัมผัสไม่ได้ถึงความตั้งใจจริงของเจ้าอีก
แล้วล่ะ…คาขอโทษก็เหมือนกันหยุดพูดออกมาได้แล้ว”
“พวกเข้าเข้าใจแล้ว…ขอบคุณท่านยิ่งนัก”
คาร์ลจ้องไปยังวิเทียร์ซึ่งกาลังพูดกับเขาอย่างสุภาพและนอบ
น้อมพร้อมกับสังเกตเธอในเวลาเดียวกัน ‘สายเลือดของราชา
เผ่าวาฬ’ สิ่งนี้จะต่างไปจากราชาของสัตว์อสูรของเผ่าอื่นๆ
เพราะราชาเผ่าวาฬเป็นผู้ปกครองอาณาจักรมหาสมุทรซึ่งมี
พื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของทวีป นั่นทาให้ราชาจากเผ่าวาฬมีศักดิ์ศรี
ไม่น้อยไปกว่าพระราชาของอาณาจักรต่างๆเลยสักนิด
อย่างไรก็ตามวิเทียร์กาลังพูดกับเขาอย่างสุภาพและเคารพใน
ตัวคาร์ลแม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกเช่นนี้กับเชวฮันในนิยาย
‘ทาไมเธอถึงต้องปกปิดตัวตนของเธอด้วยแม้ว่าเธอจะเปิดเผย
ออกมาแล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าวาฬ?’
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้คิดที่จะถามสิ่งที่เขาสงสัยออกมา เขา
พยายามซ่อนความจริงที่ว่าเขารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเผ่า
วาฬมาบ้างเช่นกันแม้ว่ามันจะเล็กน้อยมากเพียงใดก็ตาม
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเอ่ยขอบคุณข้าอีกหรือไง?…ข้าบอกเจ้าไปแล้ว
ไม่ใช่หรือว่าไม่จาเป็นต้องขอบคุณข้าอีก”
คาร์ลยังคงพูดกับสองพี่น้องจากเผ่าวาฬที่ดูเหมือนว่าพวกเขา
จะหลุดออกมาจากงานศิลปะชิ้นเอกสักชิ้นหนึ่ง
“ข้าดีใจที่พวกเจ้าสองพี่น้องได้พบกันแล้ว…พวกเจ้าออกไปได้
แล้วล่ะ!”
เขาได้ส่งทูนก้ากลับไปยังอาณาจักรวิปเปอร์และยังต้องเข้าพบ
กับผู้ปกครองอาณาเขตอัลบาก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังอาณา
เขตเฮนิตัสทันที แน่นอนว่ามีสิ่งต่างๆที่เขาต้องทาเมื่อกลับไป
ถึงบ้านแต่อย่างน้อยเขาก็สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
จนกว่าจะเดินทางไปอาณาจักรวิปเปอร์ในอีกไม่ช้านี้
ในตอนนั้นเอง
“เอ่อ…นายน้อยคาร์ล”
เสียงของวิเทียร์และเสียงของสมาชิกจากเผ่าวาฬส่วนใหญ่จะมี
เสียงที่ไพเราะราวกับเสียงของไซเรนในเทพนิยายกรีก มันเป็น
สิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายและมักล่อลวงให้ผู้คนกระโดดลงไปใน
ทะเลด้วยเสียงอันไพเราะของพวกมัน คาร์ลเริ่มนึกถึงเรื่องที่อยู่
ในตานานนั้นเมื่อได้ยินเสียงอันไพเราะนี้ดังขึ้น
เขาค่อยๆหันหน้าไปมองวิเทียร์ มันเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นใน
ใจของเขาในขณะที่หันไปสบตากับวิเทียร์เข้า
“เรามีศัตรูคู่อาฆาตมาเป็นเวลานานแล้ว…ข้าแน่ใจว่าท่านคง
รู้อยู่แล้วเพราะท่านรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่พาสตัน…..พวก
มันคือนางเงือก”
‘อ่า…ฉันรู้….ฉันรู้ดีเชียวล่ะ’
“อย่างไรก็ตาม..‘พาสตัน’น้องชายของข้าได้รู้ถึงสาเหตุที่พวก
มันเริ่มแข็งแกร่งขึ้น”
“เหตุผลที่นางเงือกพวกนั้นเริ่มไล่ล่าข้าก็เพราะ..ข้าได้ค้นพบ
แหล่งทีม่ าของความแข็งแกร่งทีเ่ พิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็วของพวก
มัน”
‘พาสตัน’ ผู้ที่เป็นวาฬเลือดผสมและถูกฆ่าตายจากการไล่ล่า
ของนางเงือกในนิยายนั้น สาเหตุที่เขาถูกไล่ล่าจนต้องจบชีวิต
ลงก็มาจากการที่ได้รู้ข้อมูลที่เป็นหัวใจสาคัญของสงคราม
ระหว่างนางเงือกและเผ่าวาฬเช่นนั้นสินะ
“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยคาร์ลมาจากตระกูลเฮนิตัส…”
“…..แล้วอย่างไร?”
วิเทียร์และพาสตันไม่ได้ตอบอะไรออกมาทันที พวกเขาทั้งสอง
ต่างสบตาซึ่งกันและกัน การกระทาเช่นนั้นยิ่งทาใหคาร์ลรู้สึก
สงสัยยิ่งกว่าเดิมและในที่สุดวิเทียร์ก็หันมาสบกับคาร์ลและเริ่ม
พูดอย่างจริงจัง
“ป่าแห่งความมืด….ข้าอยากไปที่นั่น…ไม่สิ…ข้าต้องไปที่นั่นให้
ได้!”
คาร์ลตอบออกมาโดยไม่รู้ตัวหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาไม่คาดว่าจะ
ได้ยินมาก่อน
“อาณาเขตของเราอย่างนั้นหรือ?”
‘ป่าแห่งความมืด’ นั่นคือสถานที่ที่เชวฮันอาศัยอยู่ที่นั่นมานาน
นับสิบปี รวมถึงเป็นหนึ่งในห้าของสถานที่ที่อันตรายและลึกลับ
ที่สุดในทวีปตะวันตก อีกทั้งมันยังเป็นสถานที่ที่อยู่ภายใต้การ
ดูแลของตระกูลเฮนิตัสและอาณาจักรโรมันมาเป็นเวลานาน
“ข้าขอร้องท่านได้หรือไม่?….เราได้เตรียมสิ่งที่จะตอบแทนท่าน
เอาไว้แล้วเช่นกัน…ขอให้พวกเราติดตามท่านไปได้หรือไม่?”
วาฬสองพี่น้องมองเขาด้วยสายตาจริงใจผสมกับการร้องขอ
ออนและฮงแตะที่เข่าของคาร์ลเบาๆมันเป็นวิธีของพวกมันใน
การขอร้องให้คาร์ลพาวาฬสองตนนี้ติดตามกลับไปอาณาเขตเอ
นิตัสด้วย ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูก
เปิดเข้ามา เป็น‘เมส’เด็กจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินนั่นเอง
“นายน้อยคาร์ล… นี่เป็นชาและอาหารว่างของท่านขอรับ!”
ก่อนจะมีเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินอีกสองคนประคองถาด
อาหารว่างและกาน้าชาเข้ามาในห้อง โดยมีบารอคยืนรออยู่
นอกประตูเมื่อนาพวกเขามาส่งอาหารว่างให้แก่คาร์ลแล้ว
~ หากข้าเป็นมนุษย์..ข้าจะหล่อและสวยมากกว่านี้อีก~
คาร์ลได้ยินเสียงพึมพาของมังกรแว่วดังเข้ามาในหัว ก่อนจะปิด
ตาของตนเองลงทันที เขารู้สึกเหมือนตัวเองกาลังยืนอยู่ในวัง
น้าวนที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
“เอ่อ….นายน้อยคาร์ล?”
คาร์ลยกมือขึ้นห้ามเมื่อได้ยินเสียงที่เอ่ยถามเขาอย่าง
ระมัดระวังของวิเทียร์ซึ่งนั่นก็ทาให้วิเทียร์ชะงักไปโดยทันที เมื่อ
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าออกจากห้องไปทั่งทั้งห้องก็ตกอยู่ในความ
เงียบอีกครั้งก่อนที่คาร์ลจะค่อยๆลืมตาขึ้น
เขาดูสงบมากเมื่อกลับไปนั่งที่โซฟา เส้นผมสีแดงของเขาชี้ฟู
และดูยุ่งไปหมดแต่เขาก็ยังคงดูดีเช่นเดิม อย่างไรก็ตามหาก
เทียบกับดวงตาสีน้าตาลเข้มของเขานั้นกลับดูลึกมาก มันลึก
มากจนไม่สามารถมองเห็นจุดจบของมันได้
วิเทียร์และพาสตันกาลังสบตาของคาร์ลเมื่อได้ยินเสียงอันสงบ
ของคาร์ลดังขึ้น
“ก่อนอื่น…พวกเจ้าต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังก่อน…”
บทที่ 58 กาลังคิดอยู่ 6 (1)

“เราทาการสู้รบมากมายทั้งศึกเล็กศึกใหญ่กับพวกนางเงือกมา
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา…พวกเราปกครองอาณาเขตทางทิศ
เหนือส่วนเหล่าเงือกปกครองอาณาเขตทางทิศใต้”
พาสตันหันไปมองคาร์ลที่กาลังเอนหลังพิงกับโซฟาก่อนจะยก
คางของตนสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้พาสตันเล่าต่อไป
ออนและฮงเหลือบมองสีหน้าของคาร์ลและค่อยๆขยับตัวออก
จากตักของเขาเพื่อไปนั่งข้างๆมังกรดาที่กาลังนั่งอยู่มุมห้อง
“เรากาลังทาศึกกับเหล่านางเงือกเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมัน
สร้างอาณาจักรของพวกมันทั่วทั้งมหาสมุทร…แต่มันมี
บางอย่างเปลี่ยนไปเมื่อหกเดือนก่อน”
สายตาของพาสตันมองต่าลงไปที่พื้นห้อง
“พวกนางเงือกมีท่าทางแปลกไป”
‘แปลกอย่างนั้นหรือ?’
คาร์ลพยายามนึกข้อมูลที่เกิดขึ้นในนิยายออกมาให้ได้มากที่สุด
ในขณะที่ฟังพาสตันเล่าต่อไป
“พวกนางเงือกเริ่มพากันข้ามเข้ามาในเขตแดนของพวกเรา
และเริ่มยั่วโมโหพวกเรามากขึ้น”
นี่คือสิ่งที่คาร์ลรู้อยู่แล้วตามเนื้อหานิยายที่ได้กล่าวเอาไว้ เหล่า
นางเงือกเริ่มยั่วยุอารมณ์และหาเรื่องเผ่าวาฬมากขึ้นเพื่อจะทา
ให้พวกมันสามารถยึดครองทั่วทั้งมหาสมุทรได้ คาร์ลเริ่มโล่งใจ
หลังจากได้ยินข้อมูลในส่วนที่เขารู้อยู่แล้ว ในขณะเดียวกันพา
สตันก็ยังคงมุ่งมั่นเล่าต่อไป
“ข้าสามารถหาเหตุผลในสิ่งที่เกิดขึ้นได้…”
‘ฉันมั่นใจว่าเหตุผลของเหล่านางเงือก…คือต้องการสร้าง
อาณาจักรของพวกมันอย่างแน่นอน’
สมาชิกจากเผ่าวาฬในนิยายเล่มที่สี่และเล่มที่ห้าล่วงรู้แผนการ
ของนางเงือกในที่สุดและนั่นคือสาเหตุที่เชวฮันได้ช่วยเผ่าวาฬสู้
รบกับนางเงือก
“พวกมันพยายามเข้ายึดครองเส้นทางเชื่อมทะเล..มันเป็น
เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปตะวันออกและทวีปตะวันตก”
“อะไรนะ?”
คาร์ลนั่งตัวตรงทันทีแล้วหันไปมองพาสตันก่อนเอ่ยถามขึ้น
“มันไม่ใช่เส้นทางเชื่อมทะเลที่มนุษย์ใช้ใช่มั้ย?”
มีเส้นทางเชื่อมทะเลสองสายที่เชื่อมต่อทวีปตะวันออกและ
ตะวันตกเอาไว้ มนุษย์เป็นผู้พบเส้นทางเหล่านี้แต่พวกมันเป็น
เส้นทางที่อยู่ไกลและค่อนข้างเป็นอันตรายจึงไม่ได้มีการพัฒนา
เส้นทางเหล่านี้ในการใช้สัญจรอย่างเป็นทางการ
ในนิยายได้กล่าวถึงข้อตกลงระหว่างสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใน
ทะเลและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนบก โดยข้อตกลงได้กล่าวว่า
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยในทะเลจะไม่แตะต้องเส้นทางเชื่อมทะเล
เหล่านี้และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนบกจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตในทะเลเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน
นั่นเป็นสาเหตุที่เชวฮันเป็นกังวลว่าตนสามารถเข้าไปยุ่ง
เกี่ยวกับการทาสงครามระหว่างเผ่าวาฬและนางเงือกได้
หรือไม่?
แต่พวกเงือกกาลังจะทาลายข้อตกลงที่ว่านี้อย่างนั้นรึ?
วิเทียร์เริ่มพูดขึ้น
“ในตอนแรกเราคิดว่าราชาองค์ใหม่ของเหล่าเงือกเป็นผู้นาใน
การขยายอาณาเขตของพวกมัน..แต่ข้อมูลที่พาสตันได้รู้มานั้น
กลับต่างออกไป”
เฮ้อ…………..
คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนยกน้าชาขึ้นจิบ
‘ฉันได้รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้อีกแล้วสินะ?’
สิ่งที่เขาได้รู้ในตอนนี้นับเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าข้อมูลทั้งหมดที่
เขาได้รู้มาตั้งแต่เข้ามาในนิยายเรื่องนี้ มันเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า
ชาติกาเนิดขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กเสียอีก
“และยังมีสิ่งที่แปลกอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน..มัน….”
“พอเถอะ!”
คาร์ลขัดจังหวะของวิเทียร์ขึ้นมาเพื่อไม่ให้เธอได้พูดอีกต่อไป
ก่อนจะพูดขึ้นทันที
“แค่บอกข้ามา…ว่าป่าแห่งความมืดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
อย่างไร?”
คาร์ลมีความรู้สึกเหมือนว่าตนกาลังจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
เหตุการณ์บางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยพบหากเขายังต้องฟังวิ
เทียร์พูดดะไรออกมาอีก เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเมื่อมองเห็น
รอยยิ้มที่แต้มขึ้นตรงมุมปากของวิเทียร์
ทาไมรอยยิ้มของหญิงสาวจากเผ่าวาฬที่มีรูปร่างหน้าตา
สวยงามเช่นนี้จึงดูน่ากลัวสาหรับคาร์ลมากนักนะ?
“ได้…มันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับที่นั่น!”
วิเทียร์ตอบคาถามอย่างสดใส ในขณะที่คาร์ลเริ่มมืดมนลงทุกที
“อย่างที่เราได้บอกท่านไป..เหล่านางเงือกเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
กว่าเดิมและเมื่อประมาณ1-2เดือนก่อนพวกเราสามารถค้นหา
สาเหตุนี้ได้ในที่สุด…มันมี‘ส่วนผสม’บางอย่างที่ทาให้พวกเงือก
แข็งแกร่งขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว”
คาร์ลปิดเปลือกตาของตนลงชั่วครู่และค่อยๆเปิดมันขึ้นมาใหม่
อีกครั้ง เขาเอ่ยถามวาฬสองพี่น้องทันที
“ ‘ส่วนผสม’ ที่พวกเจ้าพูดถึง..อยู่ในป่าแห่งความมืดสินะ?”
“ถูกต้อง!…ท่านพูดถูกแล้ว”
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?..บางสิ่งที่อยู่ในป่าแห่งความมืดทาให้
สิ่งมีชีวิตในทะเลแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?’
คาร์ลตกใจในสิ่งที่ตนได้รับรู้และที่สาคัญไปกว่านั้นเหล่านาง
เงือกสามารถเดินทางไปถึงป่าแห่งความมืดได้อย่างไร? เขาไม่
แน่ใจนักว่ามันเกิดอะไรกับเรื่องนี้กันแน่?
ดวงตาของพาสตันเป็นประกายกร้าวขึ้นเมื่อเขาเริ่มพูดต่อ
“ข้าได้ยินพวกมันพูดถึงหนองน้าในป่าแห่งความมืดเข้า…และ
เป็นสาเหตุที่พวกมันเริ่มไล่ล่าข้าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด…พวก
เราต้องรู้ให้ได้ว่า‘ส่วนผสม’ที่พวกมันพูดถึงคือสิ่งใด?”
ในตอนนี้คาร์ลไม่อยากได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว
‘ป่าแห่งความมืด’
‘หมู่บ้านแฮร์ริสของเชวฮัน’
คาร์ลนึกถึงเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินทั้งสิบคนซึ่งอาจจะอยู่
ด้านนอกประตูห้องของเขา ออนและฮงที่อยู่ในห้องนี้รวมถึง
มังกรดาที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนซึ่งอาจจะนั่งอยู่ข้างๆลูกแมว
สองตัวนี้อยู่
~มนุษย์..เจ้ากาลังมองอะไรอยู่? ~
‘ข้ากาลังคิดว่า…จะสร้างบ้านให้กับเจ้านะสิ’
~หรือว่าเจ้ากาลังคิดว่าข้านั่นยอดเยี่ยมที่สุด?…อืม..ดี
มาก!…ข้าอนุญาตให้เจ้ามองข้าต่อไปได้~
“มันยุ่งยากมากสินะ”
“อะไรนะ?….”
รูม่านตาของวาฬสองพี่น้องขยายใหญ่ขึ้นเมื่อได้ยินคาร์ลพูด
ขึ้นมาเบาๆ อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้มองไปที่พวกเขาเมื่อกาลัง
คิดอะไรบางอย่างอยู่
‘จะได้ผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้บ้างนะ?’
ผลประโยชน์มันคืออะไรกัน?
“สิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรนั่น…”
วิเทียร์ตอบกลับทันที
“เราคิดว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว..มันยุ่งยากและวุ่นวาย
มาก..อย่างไรก็ตามเราวางแผนที่จะไม่ยอมเสียเปรียบในเรื่องนี้
เช่นกัน”
จากนั้นเธอจึงเอ่ยเพิ่มเติมกับสิ่งที่คาร์ลกล่าวออกมา
“มิหนาซ้า..พวกเงือกบ้านั่นเป็นฝ่ายทาลายข้อตกลงก่อนอีก
ด้วย!…ท่านต้องการเดินทางไปที่ป่าแห่งความมืดหรือไม่?..นาย
น้อยคาร์ล”
“แต่มันมีโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้…เจ้ารู้ใช่มั้ย?”
“อืม…ข้ารู้”
“แล้วข้าจะได้อะไรจากเรื่องนี้?”
คาร์ลได้แจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับสิ่งแรกที่พวกเขาต้องรู้
ก่อนที่จะเอ่ยถามคาถามนี้ขึ้นมา ส่งผลให้รอยยิ้มกว้างปรากฏ
ขึ้นเต็มใบหน้าของวิเทียร์เมื่อเธอค่อยๆพูดออกมา
คาร์ลรู้ดีว่าจะได้ยินอะไรออกมาจากปากวิเทียร์
มันต้องเป็นข้อเสนอเดียวกับที่ราชาเผ่าวาฬยื่นเสนอให้กับเชว
ฮันที่กล่าวไว้ในนิยาย
“เส้นทางเชื่อมทะเล”
คาร์ลยิ้มออกมาทันที
“มันเป็นเส้นทางที่เหล่าเงือกให้ความสาคัญและสนใจที่จะยึด
เป็นของตนเอง…มันเป็นเส้นทางที่ยังไม่มีมนุษย์คนใดหามันพบ
..มันเป็นเส้นทางทะเลที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้”
คาร์ลเอ่ยถามออกมาแม้ว่าจะรู้คาตอบอยู่แล้ว
“มันอยู่ที่ใดกันเล่า?”
วิเทียร์ผู้ที่ไม่รู้ว่าคาร์ลย่อมรู้คาตอบในเรื่องนี้อยู่แล้วเอ่ยตอบ
ออกมาอย่างมั่นใจ
“อาณาเขตของพวกเรา…”
มันเป็นทะเลทางตอนเหนือของทวีปตะวันตก
“อยู่ในอาณาเขตของเผ่าวาฬอย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลเริ่มหัวเราะเมื่อเอ่ยถามออกมา
“อาณาเขตของเผ่าวาฬ..ไม่ใช่สถานที่ที่อันตรายที่สุดหรือ
อย่างไร?…มันไม่ใช่ที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดใน
มหาสมุทรอย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลเอ่ยถามอย่างจงใจในขณะที่วิเทียร์ก็ตอบกลับอย่างมั่นใจ
เช่นกัน
“แต่มันจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสาหรับท่าน..นายน้อย
คาร์ล…ท่านจะได้รับสิทธิพิเศษในการใช้เส้นทางทะเลสายนี้”
“แต่ข้าไม่ต้องการมัน!!”
“…..อะไรนะ?”
คาร์ลไม่จาเป็นต้องมีเส้นทางทะเลสายนั้นเลยสักนิด มันไม่
จาเป็นเลยที่พวกเขาจะมอบเส้นทางทะเลสายนั้นให้กับเขา
เพื่อให้เขาได้ใช้มัน คาร์ลไม่ต้องการเส้นทางทะเลสายนั้น
เพื่อให้ชีวิตของเขาอยู่อย่างสงบสุขได้
อย่างไรก็ตาม
“ให้ข้าได้ยื่นข้อเสนอแก่พวกเจ้าแล้วกัน”
เส้นทางเชื่อมทะเลสายนั้นจะเป็นสิ่งที่ทาให้ตระกูลของเขา
ร่ารวยและแข็งแกร่งขึ้นและแน่นอนว่าบาเซ็นจะต้องทางาน
หนักขึ้นในฐานะของผู้นาอาณาเขตเฮนิตัสแต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่ง
สาคัญสาหรับคาร์ลเช่นกัน คาร์ลเห็นความสับสนที่ปรากฏบน
ใบหน้าของวิเทียร์ผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งเผ่าวาฬในอนาคต
“ให้พลังอันแข็งแกร่งของพวกเจ้าเมื่อข้าต้องการใช้มัน”
“……พลังอันแข็งแกร่งของพวกเรา?”
“ใช่แล้ว…พลังอันแข็งแกร่งของพวกเจ้า…สองครั้ง!!”
ไม่มีอะไรที่คาร์ลต้องเป็นกังวลกับความปลอดภัยของดินแดน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก เมื่อเหล่าอัศวินจากทางตอน
เหนือของทวีปกาลังมุ่งหน้าไปยังส่วนที่อบอุ่นและอุดมสมบูรณ์
ที่สุดของทวีปนี้ อีกทั้งวังน้าวนในมหาสมุทรและฐานทัพเรือ
ของอามูร์ก็ช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดี แล้วทาไมคาร์ลจึง
ต้องการความแข็งแกร่งของเผ่าวาฬให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนอยู่
อีก?
มันเป็นเพราะคาร์ลกาลังเตรียมตัวสาหรับอนาคตของตนเอง
โดยใช้สิ่งที่เขารู้มาจากเนื้อหาในนิยายให้เป็นประโยชน์
“เราไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนฝั่งได้”
คาร์ลมองใบหน้าที่ซีดลงจากความเครียดของวิเทียร์ก่อนที่เขา
จะเอ่ยออกมาลอยๆ
“…หมายความว่าเจ้าต้องการให้ข้าทาให้ตัวเองต้องตกอยู่ใน
อันตราย…แต่เจ้ากลับไม่คิดที่จะทาอย่างนั้นบ้างรึ?”
“..พวกเราเป็นเผ่าที่แสวงหาความสงบสุข”
“ข้าไม่คิดว่าจะได้ยินสิ่งนี้ออกมาจากปากของเจ้าได้…ทั้งๆที่
พวกเจ้าต่างก็สู้รบกับเหล่านางเงือกมาเป็นเวลานานแล้ว”
เผ่าวาฬรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายเมื่อเหล่าเงือกกาลังเพิ่ม
ความแข็งแกร่งของพวกมันขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวก
วาฬไม่เคยรู้สึกถึงอันตรายเช่นนี้มาก่อน พวกเขาอาจต้องการ
กาจัดแหล่งที่มาของสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายให้สิ้นซากเพื่อรักษา
ความสงบกลับคืนสู่มหาสมุทรของพวกเขา
คาร์ลยังคงกล่าวต่อไปในขณะที่วิเทียร์ก็ตั้งใจฟังที่เขาพูดอย่าง
เงียบๆ
“ป่าแห่งความมืดเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่อันตรายและลึกลับที่สุดใน
โลก….มันไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะสามารถเข้าไปได้โดยอาศัยเพียง
ความแข็งแกร่งของตัวเจ้าเท่านั้น…และโดยเฉพาะพวกเจ้าที่
ไม่ได้รู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนฝั่งเช่นนี้แล้ว..แน่นอนว่ามันย่อมเป็น
อันตรายยิ่งนัก”
คาร์ลกาลังวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแฮร์ริส
เพราะอย่างไรก็ตาม
“ข้าจะช่วยพวกเจ้า…….”
บทที่ 58 กาลังคิดอยู่ 6 (2)

‘ป่าแห่งความมืด’ ที่เชวฮันอาศัยอยู่นานหลายสิบปี เชวฮัน


ไม่ได้รู้ทุกสิ่งที่อยู่ภายในป่าแห่งความมืดนั้นแม้จะอาศัยมานาน
หลายปีแล้วก็ตาม เขารู้เพียงเรื่องราวต่างๆเพียงเล็กน้อยและ
บางสิ่งที่สาคัญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และคนที่รู้มากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของป่าแห่งความมืด
นอกจากเชวฮันแล้วก็ต้องเป็นเขา ‘คาร์ล เฮนิตัส ’หรือ‘คิมร็อก
โซ’คนนี้เท่านั้น
“ข้าคิดว่า..ข้าพอรู้หากมันคือหนองน้า”
วิเทียร์เห็นรอยยิ้มเต็มปากของคาร์ลเมื่อเขายังคงพูดออกมา
เบาๆ
“ไม่ใช่ว่าเผ่าวาฬที่ปรารถนาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจะต้องเป็น
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาสมุทรอย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลสามารถมองเห็นมุมมองที่เปลี่ยนไปของวิเทียร์จาก
ประกายตาของเธอที่แสดงออกมา เธอค่อยๆเปลี่ยนจากสิ่งที่
เป็นคาขอร้องมาเป็นการทาข้อตกลงแทน
“ท่านพูดถูก…นายน้อยคาร์ล”
เผ่าวาฬที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุข นั่นก็เป็นเพราะ
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในผืนมหาสมุทร
นั่นเอง เผ่าวาฬในนิยายต่างทาทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับเหล่า
เงือกเพื่อให้ความสงบสุขนั่นคงอยู่กับพวกเขาต่อไป
“ข้า…วิเทียร์…ในฐานะผู้สืบทอดตาแหน่งจากราชาเผ่าวาฬ…
ยอมรับข้อเสนอของท่าน!”
วิเทียร์เห็นว่าคาร์ลยังคงมีท่าทางสงบหลังจากที่เธอได้เปิดเผย
ตัวตนที่แท้จริงของเธออกไปแล้วก็ตาม
“เจ้าเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างนั้นหรือ?…เยี่ยม!!…เราสามารถ
ทาข้อตกลงของเราได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ”
คาร์ลดูเหมือนมีความสุขมากที่พวกเขาสามารถทาข้อตกลงให้
เสร็จสมบูรณ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เขายื่นมือออกมาด้านหน้าวิ
เทียร์เมื่อเอ่ยถามเธออีกครั้ง
“ข้าควรพูดอย่างเป็นทางการกับเจ้าได้หรือยัง?”
“ไม่จาเป็นต้องทาเช่นนั้นนายน้อยคาร์ล….ข้ายังต้องซ่อนตัวตน
ที่แท้จริงของข้าเอาไว้ก่อน”
“มีเพียงข้าเท่านั้นสินะ..ที่ควรรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้?”
“ใช่….ท่านพูดถูกแล้ว”
คาร์ลจับมือวิเทียร์แน่นพลางเขย่าเบาๆ นั่นก็เพียงเพียงพอ
แล้ว คาร์ลนั่งลงบนโซฟาอีกครั้งหลังจากวาฬสองพี่น้องออกไป
จากห้อง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเพดานและเริ่มพูด
“เฮ้!!…..เจ้ามังกร”
มังกรดาคลายเวทย์ล่องหนออกและปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะเริ่มพูดกับคาร์ลอย่างไม่พอใจนัก
“อย่าเรียกข้าว่า…เจ้ามังกรนะ!”
“ถ้าเช่นนั้นข้าควรเรียกเจ้าว่าอย่างไรล่ะ?”
คาร์ลมองดูร่างมังกรดาที่ยึดพื้นที่บนโซฟาอีกฝั่งหนึ่งไปและเริ่ม
พ่นลมออกจากจมูกของมันเบาๆ
“เดี๋ยวเจ้าก็คิดออกใช่มั้ย?..ว่าจะเรียกข้าว่าอะไรดี..เจ้า
มนุษย์?”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าควรเรียกตัวข้าว่า‘คาร์ล’แทนที่จะเรียกว่ามนุษย์
ก่อนหรือไง?”
คาร์ลมองดูมังกรดาที่มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นปรากฏในแวว
ตาของมันแต่ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงที่จะตอบคาถามของ
เขา อย่างไรก็ตามเขายังคงพูดในสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับมังกร
ดาอยู่
“เจ้าไม่ต้องการบ้านของเจ้าเองหรือ?”
คาร์ลนึกเรื่องนี้มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว หากเขาจะต้องอยู่กับ
มังกรดาตนนี้จริงๆมันจะไม่เป็นการดีหากจะปล่อยให้มัน
กลายเป็น‘สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก’โดยไม่เตรียมการใดๆ
ล่วงหน้า แล้วบ้านแบบไหนที่จะเหมาะกับตัวมัน?
“บ้านอย่างนั้นหรือ?”
มังกรดาเริ่มกระพือปีกของมันขึ้น โดยปกติแล้วมังกรจะมีความ
ปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อความเป็นอิสระ แม้ว่าสิ่งที่มังกรดา
ตัวนี้ทาอยู่อาจจะต่างออกไปเล็กน้อยแต่ความปรารถนานั้นก็
ยังคงอยู่เช่นเดิม คาร์ลพยักหน้าตอบรับให้กับคาถามของมัน
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบรับของมังกรดาเริ่มแปลกไป
“….เจ้ากาลังจะไล่ข้า!!!”
ปีกของมังกรดาที่ขยับกระพือเริ่มสั่นไหวและพลังเวทย์ที่ปก
คลุมทั่วพื้นที่เริ่มปั่นป่วนขึ้นอย่างน่ากลัว ดูเหมือนว่ามันจะ
โกรธมากจนทาให้คาร์ลพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“…มันจะดูเหมือนบ้านพักตากอากาศมากกว่า?”
“…บ้านพักตากอากาศ?”
“ใช่…มันจะเป็นสถานที่เจ้า…ตัวข้า..ออน..ฮงและเด็กๆจากเผ่า
หมาป่า..ที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนและสนุกไปกับมันได้”
แน่นอนว่าสิ่งที่เรียกว่า‘สนุก’จะต้องเกี่ยวข้องกับการทาลาย
ล้างเหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ในป่าแห่งความมืดนั่น มังกรดา
หยุดการกระพือปีกของมันลงก่อนจะเอนหลังพิงกับโซฟาด้วย
ท่าทางผ่อนคลายในขณะที่ปากก็ขยับพูดขึ้น
“….ข้าจะเป็นผู้เลือกที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศเอง!”
มังกรดาเริ่มตาปรือและกระพริบตาของมันช้าลงเหมือนว่า
ในตอนนี้มันกาลังง่วงนอนเต็มที่แล้วก่อนที่มันจะเบิกตากว้าง
ขึ้นเมื่อหันไปจ้องคาร์ลอีกครั้ง
“ในทางกลับกัน..เจ้าจะต้องเป็นคนตั้งชื่อให้ข้า…ข้ามีเวลาให้
เจ้าหนึ่งเดือนเท่านั้นในการคิดชื่อของข้าให้ออก!”
มังกรดาไม่สนใจที่จะมองใบหน้าที่งุนงงของคาร์ลอีก มันเพียง
แค่หลับตาลงเพื่อนอนพักผ่อนเท่านั้น มังกรดามีรอยยิ้มที่พึง
พอใจประดับไว้บนใบหน้าของมันแม้ว่ามันจะหลับไปแล้วก็ตาม
คาร์ลหันหน้าหนีจากมังกรดาหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก
ของออนและฮงเข้า ก่อนที่พวกมันสองตัวจะหยุดหัวเราะลง
และทาท่าเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและเอ่ยถามคาร์ลขึ้นทันที
“เราจะกลับบ้านเมื่อไหร่หรือ?”
“ข้าชอบปลา…แต่ข้าไม่ชอบทะเล”
ก่อนที่คาร์ลจะให้คาตอบแก่พวกมันในเวลาต่อมา
“เร็วๆนี”้
อีกสองวันต่อมา คาร์ลขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางออกจากอาณา
เขตอัลบา โดยมีอามูร์และคนอื่นๆในพื้นที่มาส่งเขาเดินทาง
กลับได้ครู่ใหญ่แล้ว รถม้าของคาร์ลที่มุ่งหน้ากลับอาณาเขตเฮ
นิตัสเร่งความเร็วขึ้นและคาร์ลก็ปิดม่านหน้าต่างรถม้าลงใน
ที่สุดก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“พวกเจ้าปิดอุปกรณ์เวทย์ล่องหนได้แล้วล่ะ”
สองพี่น้องจากเผ่าวาฬปิดการทางานของอุปกรณ์เวทย์ล่องหน
ลงทันทีเมื่อได้รับสัญญาณจากคาร์ล ในขณะเดียวกันมังกรดาก็
คลายเวทย์ล่องหนบนตัวมันออกเช่นกัน
เมื่อได้เห็นมังกรดาเต็มตาก็ทาให้พาสตันสะดุ้งขึ้นสุดตัวใน
ขณะที่วิเทียร์ก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจมังกรดาวางศีรษะ
ของมันลงหนุนตักคาร์ลและจ้องไปที่สองพี่น้องจากเผ่าวาฬ
ทันที
“เจ้ามองอะไร?”
“….ความปั่นป่วนที่เกิดจากพลังเวทย์ในตอนนั้นเป็นฝีมือเจ้า
เช่นนั้นสินะ?”
มังกรดาและวิเทียร์ต่างจ้องมองกันและกันอย่างไม่มีใครยอมละ
สายตา พวกเขาทั้งสองกาลังประเมินถึงพลังอันแข็งแกร่งซึ่งกัน
และกัน พวกเขายังต้องการที่จะรู้ว่าคนอื่นนอกเหนือจากตัวเอง
แข็งแกร่งมากแค่ไหน?
ตอนนั้นเอง
แปะ!แปะ!
มือของคาร์ลตบไปที่ศีรษะของมังกรดาเบาๆ
“กลับบ้านกันอย่างเงียบๆเถอะ”
คาร์ลกล่าวออกมาอย่างใจเย็นและทาให้มังกรดาหลับตาของ
มันลงเงียบๆและเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาต่อมา ภายในรถม้า
ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบหลังจากนั้นทันที
ไม่กี่วันต่อมาคาร์ลและคณะเดินทางก็กลับมาถึงเมืองเวสเทิร์
นซึ่งอยู่ในอาณาเขตเฮนิตัสแล้ว ก่อนที่เขาจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“นายน้อยคาร์ล!!!”
“โอ้!!!”
‘ข่าวจากเมืองหลวงแพร่มาถึงที่นี่ได้อย่างไร?’
คาร์ลรู้สึกสับสนเมื่อมองดูผู้คนที่ส่งเสียงเรียกเขาและคณะ
เดินทางของเขาอยู่ในตอนนี้
‘นี่พวกเขาลืมไปแล้วรึไง..ว่าข้าเป็นเพียงขยะเท่านั้น?’
แน่นอนว่ายังมีคนหยุดชะงักหรือวิ่งหนีทันทีที่เห็นรถม้าของเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีฉายาใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคาร์ลดังมาให้เขา
ได้ยินเป็นระยะๆ
“นายน้อยแสงสีเงิน!!”
“นายน้อยโล่เงิน!…โล่เงิน!”
คาร์ลใบหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม เขาอยากรู้ว่ามีวิธีใดบ้างที่จะ
สามารถหลีกเลี่ยงจากฉายาอันแปลกประหลาดพวกนั้นไปได้?
ก่อนที่รองหัวหน้าองครักษ์จะปรากฏตัวให้คาร์ลได้เห็น เขานั่ง
อยู่บนหลังม้าที่คอยเฝ้าระวังความปลอดภัยให้แก่รถม้าของ
คาร์ล เขายืดตัวตรงและเชิดหน้าอกของเขาขึ้นอย่างรู้สึกภูมิใจ
ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นเมื่อสบตาเข้ากับคาร์ล
“นายน้อย!…ความกล้าหาญของท่านแพร่กระจายออกไปทั่ว
แล้ว!ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ”
รองหัวหน้าองครักษ์ค่อยๆบังคับม้าของตนให้เข้ามาใกล้กับ
หน้าต่างรถม้าของคาร์ลที่ถูกเปิดม่านออกกว้าง ก่อนที่เขาจะ
ยังคงกล่าวต่อไปอย่างมีความสุข
“กระผมคิดว่าฉายา‘นายน้อยแสงสีเงิน’ที่ท่านได้รับมันฟังดูดี
มาก.. กระผมชักจะอิจฉานายน้อยแล้วล่ะขอรับ!”
ปัง!
คาร์ลกระแทกหน้าต่างรถม้าให้ปิดลงเพราะไม่ต้องการที่จะเห็น
ใบหน้าของรองหัวหน้าองครักษ์อีกต่อไป
คาร์ลไม่สนใจว่าสองพี่น้องจากเผ่าวาฬกาลังมองดูเขาอย่าง
สนใจ ในขณะที่เขาเพียงหลับตาและกอดอกของตนให้แน่นขึ้น
เท่านั้น
ในขณะนั้นมังกรดาก็ใช้อุ้งมือของมันแตะเข้ากับฝ่ามือของ
คาร์ลเบาๆ คาร์ลลืมตาของตนขึ้นเล็กน้อยและก้มไปมองมังกร
ดาด้วยหางตา เมื่อมังกรดาเห็นสีหน้าของคาร์ลเช่นนั้นจึงเอ่ย
ถามออกมาอย่างระมัดระวัง
“พวกเราอยู่บ้านแล้วใช่มั้ย?”
. คาร์ลตอบคาถามของมันอย่างไม่ใส่ใจนัก
“อืม…เราอยู่บ้านแล้ว”
ออนและฮงเริ่มยืดตัวของพวกมันขึ้นเพื่อคลายความเมื่อยล้า
และมังกรดาก็กระพือปีกของตนเบาๆ ในขณะนั้นคาร์ลก็
สามารถได้ยินเสียงของรองหัวหน้าองครักษ์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง
รถม้าที่ปิดสนิทเข้ามาให้ได้ยิน
“โถ่…นายน้อยคาร์ล…ท่านไม่ต้องอายไปหรอกขอรับ!”
“โอ้!…นายน้อยแสงสีเงิน!”
คาร์ลยังคงได้ยินเสียงของรองหัวหน้าองครักษ์และเหล่าผู้คนที่
คอยส่งเสียงเรียกเขาอยู่เป็นระยะๆ
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!!!’
คาร์ลไม่คิดที่จะลืมตาของตนขึ้นมาอีกจนกว่าพวกเขาจะ
เดินทางถึงคฤหาสน์เฮนิตัส ในที่สุดขยะไร้ค่าที่เดินทางไปยัง
เมืองหลวงเป็นระยะเวลานานก็จะกลับถึงคฤหาสน์ของตนใน
อีกไม่ช้านี้แล้ว
บทที่ 59 ทาลายมันซะ 1 (1)

เหล่าสมาชิกทั้งหมดของครอบครัวเฮนิตัสเป็นกลุ่มแรกที่ได้
ออกมาต้อนรับการกลับมาถึงบ้านของคาร์ล
หมับ!หมับ!
ร่างของคาร์ลถูกจับให้หมุนไปทางด้านซ้ายทีและขวาทีตามแต่
ที่พวกเขาต้องการ
แปะ! แปะ!แปะ!
มีการแตะไปทั่วทั้งไหล่ แขน ใบหน้าและมือทั้งสองข้างของ
คาร์ลอย่างต้องการสารวจร่างกายของเขาว่ามีสิ่งแตกหักไป
บ้างหรือไม่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ในขณะที่คาร์ลนั้นมีเพียงสี
หน้าที่ว่างเปล่าเมื่อถูกกระทาเช่นนั้น
“ดูเหมือนว่าลูกจะไม่ได้บาดเจ็บสาหัส…”
เคานต์เดอรัชคือผู้ที่สารวจร่างกายของคาร์ลนานที่สุดก่อนที่จะ
ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อเห็นบุตรชายของตนไม่ได้รับบาดเจ็บ
สาหัสอย่างที่ตนกังวล คาร์ลส่งรอยยิ้มจางๆกลับไปให้ก่อนจะ
จัดแขนเสื้อของตนที่ยับยุ่งเหยิงให้กลับมาเรียบร้อยดังเดิม
เคานต์เดอรัชยังคงมีสุขภาพที่แข็งแรงเพราะออกกาลังกายด้วย
การจับดาบฝึกซ้อมในทุกๆเช้าทาให้แรงที่ส่งออกมาสารวจ
คาร์ลนั้นไม่ได้เบาเลยสักนิด
“อาการของลูกเป็นอย่างไรบ้างคาร์ล…เหนื่อยมากหรือไม่?”
“ลูกสบายดีขอรับ…ท่านพ่อ”
เมื่อเคานต์เดอรัชทักทายคาร์ลพอหอมปากหอมคอเสร็จแล้ว
เคานต์เตสวิโอแลนจึงได้ทักทายคาร์ลขึ้นบ้าง
“ข้าได้ยินมาว่า…มีคนกลับมาพร้อมเจ้าเป็นจานวนมากอย่าง
นั้นหรือ?”
เธอกาลังเอ่ยถึงเด็กๆจากเผ่าหมาป่าทั้งสิบคนและสองพี่น้อง
จากเผ่าวาฬ
ในตอนนี้สองพี่น้องจากจากเผ่าวาฬดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยพลังเวทย์ของมังกรดาที่ช่วยปกปิดโฉมหน้าและร่างกายที่
แท้จริงของพวกเขาเอาไว้
“เป็นอย่างที่ท่านกล่าวขอรับ…มีคนติดตามลูกกลับมาอีก
จานวนหนึ่ง”
“อืม..ถ้าขาดเหลืออะไรก็แจ้งพ่อบ้านให้จัดหาและดูแลเพิ่มเติม
แล้วกัน”
คาร์ลสามารถมองเห็นแววตาของคุณผู้หญิงที่เคร่งครัดใน
กฎระเบียบเริ่มมีประกายที่ผ่อนคลายลง
“อ้อ!….ข้าได้ยินมาว่าพวกเขายังจับตัวผู้ก่อการร้ายไม่ได้อย่าง
นั้นหรือคาร์ล?”
“กระผมก็ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกันขอรับ…”
“เอาล่ะ!…มันจะต้องเริ่มขึ้นได้แล้วสินะ!”
สายตาของเคานต์เตสวิโลแลนหันไปสบเข้ากับเคานต์เดอรัช
โดยทันที พวกเขากาลังส่งข้อความบางอย่างผ่านสายตาเพื่อ
สื่อสารกันอย่างเคร่งเครียด คาร์ลนึกสงสัยเช่นกันว่าพวกเขา
กาลังคุยอะไรกันผ่านสายตาอยู่แต่ก็แสร้งทาเป็นไม่สนใจดู
เหมือนว่าพวกเขากาลังจะลงมือทาในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอีกไม่ช้านี้
เคานต์เดอรัชเริ่มอมยิ้มออกมาเมื่อเอ่ยกับคาร์ลขึ้น
“เอาไว้ลูกค่อยมาเล่าให้พวกเราฟังอีกทีว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นที่
เมืองหลวงบ้าง?…รวมถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของลูกนั้นด้วย…
ลูกเพิ่งเดินทางกลับมาถึงคงเหนื่อยน่าดูรีบขึ้นไปพักผ่อนก่อน
เถิด…”
“ขอรับ…ท่านพ่อ”
ในที่สุดคาร์ลก็สามารถมุ่งหน้ากลับไปยังห้องของเขาได้ตาม
คาแนะนาของเคานต์เดอรัช อย่างไรก็ตามมีกลุ่มคนอีกจานวน
หนึ่งที่รอพบเขาในเวลานี้เช่นกัน คาร์ลหันไปมองบาเซ็นและ
ลิลลี่ น้องชายและน้องสาวของเขาที่ยืนรอตนเงียบๆมาได้ครู่
ใหญ่แล้ว
“พี่คาร์ล…เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
“อืม…ข้าสบายดี”
คาร์ลหันหลังให้กับน้องๆของตนเพื่อหันไปมองรองพ่อบ้านฮันส์
ก่อนที่ฮันส์จะรีบวิ่งมาหาเขาพร้อมกับยื่นของในมือให้แก่เขา
ทันที
“นี่ขอรับ..”
“เยี่ยม!”
คาร์ลยื่นของที่ได้รับจากฮันส์ส่งให้กับบาเซ็นและลิลลี่
“ปากกาหมึกซึมสาหรับเจ้า..บาซ็น….ส่วนนี้คือดาบที่เจ้า
ต้องการ..ลิลลี่”
คาร์ลไม่ลืมซื้อของฝากที่น้องๆของเขาเอ่ยปากให้เขาซื้อ
กลับมาให้ด้วย เมื่อเขายื่นของฝากให้กับทั้งสองเสร็จเรียบร้อย
จึงมองไปที่ใบหน้าของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามอย่าง
แปลกใจ
“มีอะไรเช่นนั้นหรือ?”
ใบหน้าของบาเซ็นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดก่อนเอ่ยออกมา
อย่างไม่สบายใจนัก
“ข้าแน่ใจว่าสถานการณ์ที่เมืองหลวงมันค่อนข้างวุ่นวาย…
ทาไมท่านถึง….”
“ถึงอย่างไร…ข้าก็ต้องรักษาสัญญา”
บาเซ็นได้ยินสิ่งที่คาร์ลตอบออกมาอย่างไรอารมณ์และมองมาที่
เขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย บาเซ็นกากล่องปากกาหมึกซึมที่อยู่ใน
มือของตนไว้แน่นก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“ข้าจะตั้งใจเรียนให้หนัก…ข้าจะทามันให้ดีที่สุดเพื่อทาการ
ปกครองและพัฒนาอาณาเขตเฮนิตัสของเราให้เจริญก้าวหน้า
ให้ได้”
“ดี…ดีมาก!!!”
‘นายจะต้องเป็นท่านเคานต์คนต่อไป..ดังนั้นมันจะเป็นการดี
สาหรับนายหากตั้งใจเรียนเพื่อมาปกครองอาณาเขตแห่งนี้’
คาร์ลคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเมื่อบาเซ็นมีความตั้งใจที่แรง
กล้าเช่นนี้ คาร์ลเริ่มยิ้มเต็มใบหน้าในขณะที่บาเซ็นลังเลอยู่ครู่
หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยออกมาเพิ่มเติม
“ข้าจะไม่ทาอะไรให้ท่านพี่เดือดร้อนอย่างแน่นอนขอรับ!”
“หืม?….เจ้าหมายถึงอะไร?”
“ท่านพี่จะไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลอย่างแน่นอน!”
บาเซ็นไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกหลังจากพูดประโยคนี้จบ คาร์ล
จ้องไปที่บาเซ็นด้วยความอยากรู้ว่าสิ่งที่น้องชายตนพูดนั้น
ต้องการจะสื่อถึงอะไร? ก่อนจะละสายตาจากบาเซ็นเพื่อหันไป
มองลิลลี่น้องสาวคนสุดท้องของตนในเวลาต่อมา
ใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆวัยเจ็ดปีปรากฏร่องรอยการ
พิจารณาบางสิ่งอย่างเคร่งเครียดจนดูผิดปกติ
‘มันคืออะไรกันนะ?’
“พี่คาร์ลเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไร..ลิลลี่?”
“น้องจะต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้นาของกอง
ทหารองครักษ์และจะต้องปกป้องอาณาเขตเฮนิตัสของเราให้
จงได้…น้องจะปกป้องทุกคนเองเจ้าค่ะ!”
“โอ้!….พี่จะเป็นกาลังใจให้เจ้าเอง..ลิลลี่!”
การปกครองอาณาเขตจากฝีมือของบาเซ็นและการเป็นผู้นา
ทหารองครักษ์ของลิลลี่ ด้วยการทางานของทั้งสองคนนี้จะทา
ให้อาณาเขตเฮนิตัสดาเนินไปได้อย่างถูกต้อง สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ดี
สาหรับเขาเพียงใดนะ? คาร์ลลูบศีรษะของลิลลี่เบาๆด้วย
ใบหน้าที่แสดงถึงความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“เจ้า…จะเป็นองครักษ์ที่น่าเกรงขามที่สุด”
“เจ้าค่ะ!….น้องจะทาให้ทุกคนปลอดภัยและจะไม่มีผู้ใดได้รับ
บาดเจ็บเป็นอันขาด!”
“ดี..ดีมาก!”
คาร์ลหยุดการลูบศีรษะของลิลลี่ลงในที่สุดและเริ่มก้าวเดินอีก
ครั้ง
“ข้าต้องไปพักผ่อนแล้วล่ะ”
“ท่านพี่ต้องพักผ่อนให้มากนะขอรับ!”
“ท่านพี่ต้องพักผ่อนให้มากเพื่อร่างกายจะได้ดีขึ้นโดยไวนะเจ้า
ค่ะ!”
คาร์ลโบกมือลาให้แก่เด็กๆทั้งสองและมุ่งหน้าไปยังห้องพักของ
ตนทันที สองพี่น้องยังคงยืนดูร่างของคาร์ลที่ค่อยๆหายลับไป
จากสายตาและยังคงยืนอยู่เงียบๆเช่นนั้นอีกเป็นเวลานาน
คาร์ลกลับมาถึงห้องนอนของตนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ห่าง
หายไปเป็นเวลานานแต่ห้องของเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันว่างเปล่า
มาได้ระยะหนึ่งแล้ว
“เมี้ยว เมี้ยว”
“เมี้ยว เมี้ยว”
ลุกแมวสองตัวกลิ้งไปมาบนเตียงนอนของคาร์ลดูเหมือนพวก
มันจะตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาเยือนอาณาเขตเฮนิตัสอีกครั้ง แต่
คาร์ลไม่สามารถที่จะหันไปมองร่างของพวกมันที่กลิ้งไปมาได้
อย่างเต็มตาเมื่อสังเกตได้ว่ามีคนรอเขาอยู่นอกห้องนอนของตน
ก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทันที
“….เจ้าเป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของข้าหรืออย่างไร?”
คนผู้นี้คือพ่อครัวบารอคนั่นเอง ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะหยุด
ทาหน้าที่ในฐานะรองหัวหน้าพ่อครัวและเลือกมาทาหน้าที่ข้า
รับใช้ส่วนตัวแทนรอนแล้วกระมัง? บารอคเลือกที่จะเพิกเฉยต่อ
สิ่งที่คาร์ลสงสัยและยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่คาร์ล
“มันเป็นจดหมายจากพ่อของกระผม..ขอรับนายน้อย”
“อ้อ!…จดหมายของรอนอย่างนั้นหรือ?”
“ขอรับ…เห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับการรายงานสถานการณ์
บางอย่างให้นายน้อยทราบ…”
คาร์ลพลิกดูจดหมายที่ยังไม่มีร่องรอยการถูกเปิดอ่าน แม้ว่า
รอนมีท่าทีเหมือนจะส่งจดหมายรายงานตัวของเขาผ่านทาง
ฮันส์เมื่อครั้งเขาเดินทางจากไปในตอนแรก แต่ดูเหมือน
ในตอนนี้เขาจะส่งจดหมายผ่านบุตรชายของเขาเสียเอง
“ดีมาก…ขอบคุณเจ้าด้วยแล้วกัน”
“ขอรับ”
“อ้อ…ข้าจะให้เมสและเด็กๆที่เหลือไปช่วยงานเจ้าในครัวและ
ช่วยยกสารับอาหารแล้วกันนะ”
ไหล่ของบารอคสะท้านขึ้นเล็กน้อยแต่เขาก็สามารถตอบออกมา
ได้หลังจากเงียบไป2-3วินาที
“….กระผมเข้าใจแล้วขอรับนายน้อย”
ดูเหมือนว่าเขาจะดูอ่อนแอและน่าสงสารมากในขณะที่เดินออก
จากห้องของเขาไปแต่บารอคก็สามารถดูแลเด็กๆและเข้ากับ
พวกเขาได้เป็นอย่างดีทีเดียว
คลิ๊ก!
คาร์ลปิดประตูห้องนอนและมังกรดาก็ปรากฏตัวขึ้นมาทันที
“บ้านของเรายอดเยี่ยมยิ่งนัก!..บ้านของเรายอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
มังกรดากระโดดขึ้นไปบนเตียงด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่ออน
และฮงก็หัวเราะกับการกระทาเช่นนั้นของมังกรดา เด็กๆทั้ง
สามที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 7 ปี เริ่มพูดคุยและหยอกล้อกันอย่าง
สนุกสนาน คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆก่อนจะเปิดจดหมาย
ออกอ่านด้วยความผ่อนคลายจากนั้นก็แทบจะโยนมันทิ้งเมื่อ
กวาดสายตาอ่านเนื้อหาในจดหมายเรียบร้อยแล้ว
< ‘กระผมยังมีชีวิตอยู่…แล้วท่านล่ะนายน้อยยังมีชีวิตอยู่
เช่นกันใช่มั้ยขอรับ?’>
รายงานมีเพียงบรรทัดเดียวเท่านั้นในจดหมายฉบับนี้
จะมีรายงานที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ? อย่างไรก็ตามมัน
ทาให้เขามั่นใจได้ว่าจดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากรอนจริงๆ ทัง้
การเขียนรายงานสถานการณ์ในลักษณะนี้และตราประทับที่
พวกเขาได้ตกลงกันไว้ก็ล้วนแต่ยืนยันได้ว่ามันถูกส่งมาจากรอน
จริงๆ
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!
“นายน้อย…กระผมขอเข้าไปได้หรือไม่ขอรับ?”
คาร์ลได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงเรียกจากฮันส์ดังขึ้น ลูก
แมวสองพี่น้องสงบอาการของพวกมันลงในขณะที่มังกรดาก็ใช้
เวทย์ล่องหนปิดบังร่างของตนทันที
“เข้ามาได้”
ฮันส์เดินเข้ามาในห้องของคาร์ลพร้อมกับอาหารว่างของลูก
แมวเต็มอ้อมแขนก่อนจะแจ้งให้คาร์ลทราบ
“นักเวทย์ได้แจ้งว่าสามารถไปพบพวกเขาได้ตลอดเวลาขอรับ..
นายน้อย”
“ดี!….ถ้าอย่างนั้นข้าจะออกไปเลย…เจ้าไม่ต้องติดตามข้าไป
ด้วยหรอก”
คาร์ลออกจากห้องของตนโดยมอบหมายให้ฮันส์ดูแลลูกแมวทั้ง
สองในห้องของเขา ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตึกบริหารของอาณา
เขตที่รวบรวมหลายๆฝ่ายเข้ามาไว้ที่นี่เพื่อทาหน้าที่ในการ
บริหารและอานวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในอาณาเขต
~มนุษย์..เจ้ากาลังจะไปไหน?…ไปพบนักเวทย์อย่างนั้นหรือ? ~
คาร์ลพยักของตนเล็กน้อยให้กับคาถามของมังกรดาที่เลือก
จะติดตามเขามาแทนที่จะอยู่เล่นกับออนและฮงที่คฤหาสน์
ตระกูลเฮนิตัส เขามั่นใจว่ามังกรดาสนใจในคาว่า‘นักเวทย์’เมื่อ
ฮันส์ได้แจ้งแก่เขาไปก่อนหน้านี้
“นายน้อยคาร์ล…ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะขอรับ”
“อืม..ขอบคุณเจ้ามาก”
ก่อนจะมีอีกหลายคนที่ตรงเข้ามาทักทายคาร์ลเพิ่ม
“สวัสดีนายน้อยคาร์ล!”
“โอ้!…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ!”
“กระผมได้ยินมาว่า..นายน้อยได้ทาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง…
ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
“ไม่ใช่สักหน่อย…”
คาร์ลพบว่ามันเป็นเรื่องที่น่าราคาญและเร่งฝีเท้าของตนให้เร็ว
ขึ้นกว่าเดิม มังกรดาที่ใช้เวทย์ล่องหนหันไปมองเหล่าผู้คนที่เอ่ย
ทักทายคาร์ลก่อนจะกระพือปีกของตนแรงขึ้นเล็กน้อยและรีบ
ตามหลังคาร์ลไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หูของมังกรดาเริ่มสั่นระริกพอกับๆรอยยิ้มของมันก็เริ่มขยาย
กว้างเต็มใบหน้าเนื่องจากมีผู้คนจานวนมากที่เข้ามาทักทาย
คาร์ลและแสดงความชื่นชมคาร์ลออกมา ในขณะที่คาร์ลก็ไม่รู้
เรื่องราวใดๆเขาเพียงแค่ต้องการจะเดินถึงจุดหมายที่เขา
ต้องการเท่านั้น ก่อนจะยกมือของตนขึ้นเพื่อเคาะประตูเบาๆ
เมื่อเดินมาถึงจุดหมายในเวลาต่อมา
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!
“โอ้!…นายน้อยคาร์ลใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน…ยินดีที่ได้รู้จัก”
“นับเป็นเกียรติของกระผมแล้ว”
คนผู้นี้คือนักเวทย์ที่รับผิดชอบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทางไกล
แบบเคลื่อนไหวในอาณาเขตเฮนิตัส การใช้พลังเวทย์เพื่อ
ควบคุมอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทางไกลแบบเคลื่อนไหวจะใช้นัก
เวทย์ที่อยู่ในระดับเริ่มต้นและระดับกลางเท่านั้นที่เป็นผู้ดูแล
“เราสามารถใช้งานมันได้ตอนนี้หรือไม่?”
“แน่นอนขอรับ!…นายน้อยอยากให้กระผมเชื่อมสัญญาณเวทย์
ไปที่ใดหรือขอรับ?”
นักเวทย์ยังคงมองไปที่คาร์ลในขณะที่มือของเขาก็จัดเตรียม
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารไปด้วย ในตอนนี้ทั่วทั้งดินแดนเฮนิตัสต่าง
ก็เต็มไปด้วยข่าวลือของ‘นายน้อยคาร์ล เฮนิตัส’ มันอาจเป็น
เพราะสาเหตุนี้ก็ได้ที่ทาให้นายน้อยคาร์ลต้องการติดต่อหาคน
อื่นทันทีเมื่อเดินทางกลับถึงบ้านและก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่นัก
เวทย์เช่นเขาก็อยากรู้เรื่องข่าวลือพวกนี้เช่นกันแต่ในตอนนี้เขา
ทาได้แค่เพียงนึกสงสัยว่าใครคือคนที่นายน้อยต้องการติดต่อ
ด้วยกันแน่?
บทที่ 59 ทาลายมันซะ 1 (2)

คาร์ลไม่ได้สังเกตเห็นอาการอยากรู้อยากเห็นของนักเวทย์ผู้นี้
ก่อนเอ่ยออกมาอย่างตั้งใจ
“พระราชวัง”
“อ้อ!..พระราชวัง…ห๋า?….พระราชวังหรือขอรับ?”
“ใช่…พระราชวัง”
ก่อนที่เขาจะระบุรายละเอียดเพิ่มเติม
“เชื่อมต่อสัญญาณเวทย์ภาพเคลื่อนไหวไปยังองค์ชายรัช
ทายาทให้แก่ข้าที”
คาร์ลเห็นนักเวทย์มีอาการลังเลและเริ่มขมวดคิ้วของตน
เล็กน้อย
“ทาไม?..เป็นไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ?…ถ้าเช่นนั้นข้าสามารถ
เชื่อมต่อสัญญาณเสียงแทนได้หรือไม่?”
“อ๊ะ!…ได้ๆ!…มันเป็นไปได้ขอรับ..มันเป็นไปได้อย่างแน่นอน”
เนื่องจากพระราชวังเป็นสถานที่สาคัญและมักได้รับการเชื่อม
สัญญาณเวทย์ติดต่อทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียงอยู่เสมอจึง
เป็นเรื่องยากที่ทางพระราชวังจะสามารถตอบรับสัญญาณ
เชื่อมต่อเหล่านี้ได้ทั้งหมดเพราะจานวนสัญญาณที่ถูกส่งเข้าไป
ในแต่ละวันมีจานวนค่อนข้างมาก
‘โลกนี้ค่อนข้างสะดวกสบายหากเพียงคุณมีเหล่านักเวทย์ให้
เลือกใช้’
ดูเหมือนนักเวทย์ผู้นี้จะมีความคล่องแคล่วพอตัวเมื่อเขาลงมือ
ติดตั้งอุปกรณ์เวทย์เชื่อมสัญญาณไปยังพระราชวังเสร็จสิ้นใน
เวลาอันรวดเร็วและเอ่ยรายงานเขาทันที
“..เอ่อ…ดูเหมือนในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่ยากมากขอรับหากจะ
เชื่อมต่อสัญญาณทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียงได้ตอนนี้….แต่
นายน้อยสามารถฝากข้อความเสียงทิ้งไว้ให้แก่องค์ชายรัช
ทายาทได้นะขอรับ”
อันที่จริงคาร์ลชอบที่จะคุยแบบเห็นหน้าหรือฟังเสียงสนทนา
ตอบโต้กันทันทีมากกว่าแต่ถ้ามันเป็นไปได้ยาก การได้ฝาก
ข้อความเสียงทิ้งไว้ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน คาร์ลพยักหน้าตอบรับ
ให้กับนักเวทย์ก่อนที่นักเวทย์จะกดปุุมสัญญาณเริ่มต้นการใช้
งานและออกจากห้องไปทันที เมื่อคาร์ลมั่นใจว่านักเวทย์ได้ออก
จากห้องไปเรียบร้อยแล้วเขาจึงเริ่มพูดกับอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
“ถวายบังคมพะยะค่ะองค์ชายรัชทายาท…หม่อมฉัน… ‘คาร์ล
เฮนิตัส’..พะย่ะค่ะ”
ก่อนที่จะมุ่งประเด็นไปยังสิ่งที่เขาต้องการทันที
“หม่อมฉันวางแผนที่จะซื้อหอคอยพลังเวทย์ของอาณาจักรวิป
เปอร์พะย่ะค่ะ”
การใช้งานแผ่นปูายทองคาเป็นครั้งแรกของคาร์ลกาลังจะ
เริ่มต้นขึ้นแล้ว คาร์ลสามารถจินตนาการถึงสีหน้าขององค์
ชายอัลเบิร์กได้เป็นอย่างดีเมื่อครั้งพระองค์ได้ฟังข้อความเสียง
นี้แล้ว
คาร์ลรู้ว่าถึงอย่างไรองค์ชายอัลเบิร์กก็ไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากอนุมัติให้ตามคาขอของเขาเท่านั้น องค์ชายอัลเบิร์ก
อาจทาตัวเหมือนหงุดหงิดและราคาญในตัวเขาแต่ในความเป็น
จริงแล้วพระองค์จะต้องชอบในสิ่งที่คาร์ลกาลังทาอยู่ พระองค์
จะต้องอยากรู้ว่าสิ่งที่คาร์ลกาลังทานั้นคือสิ่งใดกันแน่?
และนั่นเป็นเหตุผลให้คาร์ลเพิ่มประโยคอื่นเข้าไปในการส่ง
ข้อความเสียงนี้
“สาหรับการติดต่อกลับขององค์ชายนั้น..หม่อมฉันอาจไม่
สามารถสื่อสารกับองค์ชายผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทั้ง
ภาพเคลื่อนไหวหรือเสียงได้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์….หม่อมฉัน
ต้องเดินทางไปยังที่อื่นสักพัก…หม่อมฉันเพียงแค่อยากทูลให้
องค์ชายได้ทราบไว้ล่วงหน้าเท่านั้นพะย่ะค่ะ”
กล่าวเสร็จคาร์ลก็กดปุุมตามที่นักเวทย์ได้แจ้งไว้เมื่อเขาทาการ
ส่งข้อความเสียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีแสงสีน้าเงินปรากฏขึ้น
บนอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเพื่อเป็นสัญญาณแจ้งว่าข้อความนั้นได้
ถูกส่งไปยังปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คาร์ลเรียกนักเวทย์กลับเข้ามาที่ห้องเพื่อจัดการทุกอย่างให้
เรียบร้อยอีกครั้ง นักเวทย์ก้มมองแสงสีน้าเงินที่ปรากฏขึ้นและ
เริ่มพูด
“ดูเหมือนข้อความจะส่งไปยังปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขอรับนายน้อย..”
“เยี่ยมมาก”
นักเวทย์มองเห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของคาร์ลจึงได้ตัดสินใจเอ่ย
ถามขึ้น
“ดูเหมือนนายน้อยคาร์ลจะส่งข้อความแห่งความสุขไปยัง
พระราชวังสินะขอรับ?”
“อืม…ข้าเดาว่ามันจะเป็นเช่นนั้น”
องค์ชายรัชทายาทอาจได้ฟังข้อความเสียงของเขาในวันพรุ่งนี้
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงท่าทางกระวนกระวายขององค์
ชายรัชทายาทเมื่อต้องรอเขากลับมาอีกหนึ่งสัปดาห์
~…ข้ารู้สึกไม่ดีกับองค์ชายรัชทายาทเลย~
ทันใดนั้นคาร์ลก็ได้ยินเสียงของมังกรดาเอ่ยว่ามันรู้สึกไม่ดี
กับองค์ชายรัชทายาทลอดผ่านเข้ามาในหัว
คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยกับสิ่งที่มันพูดขึ้นและมุ่งหน้าออกไป
จากห้องเวทย์สื่อสารเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์เฮนิตัส คาร์ล
ต้องการเข้าพบเคานต์เดอรัชอีกครั้งและต้องการจัดการทุก
อย่างให้เรียบร้อยเมื่อเขากลับไปถึงที่นั่นแล้ว
“ลูกต้องการจะเดินทางไปยังหมู่บ้านแฮร์ริสเช่นนั้นหรือ
คาร์ล?”
“ขอรับ..ท่านพ่อ”
คาร์ลพยักตอบรับเมื่อเคานต์เดอรัชเอ่ยถาม เขาได้เล่าเรื่องราว
ที่เกี่ยวข้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณและเรื่องราวของหมู่บ้าน
แฮร์ริสให้แก่บิดาของตนได้ทราบ แน่นอนว่ามันอาจเป็นเรื่องที่
ถูกแต่งเติมขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนเคานต์เดอ
รัชจะมุ่งความสนใจไปที่หมู่บ้านแฮร์ริสมากกว่า
เคานต์เดอรัชก้มลงมองแฟูมเอกสาร ‘รายงานสถานการณ์:
หมู่บ้านแฮร์ริส’ ที่อยู่ในมือของตน ก่อนจะเงยหน้าไปมอง
บุตรชายของตนในเวลาต่อมา สายตาของคาร์ลในตอนนี้มันดู
เคร่งเครียดและจริงจังจนเขารู้สึกได้
‘หมู่บ้านแฮร์ริส’
เคานต์เดอรัชได้มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ทันทีที่ได้ยินรายงาน
สถานการณ์จากทีมสืบสวน เขารู้สึกโกรธและเสียใจยิ่งนักเมื่อ
ได้ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น หมู่บ้านแห่งนี้ถูกทาลายอย่างราบ
คาบและไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของผู้กระทาผิด นั่นจึงเป็น
สาเหตุที่เขาขอความร่วมมือจากอาณาจักรใกล้เคียงรวมถึง
สานักขายข่าวเพื่อสืบเรื่องราวให้ถึงตัวผู้ก่อเหตุให้ได้
“….นั่นเพราะลูกรู้สึกเป็นห่วงเด็กหนุ่มที่ชื่อเชวฮันอย่างนั้น
สินะ?”
เคานต์เดอรัชพบร่องรอยการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแฮร์ริส
นั่นทาให้เขาสามารถประเมินความแข็งแกร่งของเชวฮันได้
ในทันทีและไม่มีทางที่บุตรชายของเขาจะไม่รู้ข้อเท็จจริงใน
เรื่องนี้เพราะทั้งคู่ได้ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมาเป็นระยะ
เวลานานพอสมควร
“จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ขอรับ…ท่านพ่อ”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับอีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็นข้ออ้างเดียวที่เขา
สามารถใช้มันได้
เขาไม่สามารถพูดออกไปตามความจริงว่าเขาต้องการจะไปที่
นั่นเพื่อเตรียมพร้อมการรับมือเมื่อเด็กๆจากเผ่าหมาปุาสีน้าเงิน
อยู่ในภาวะกลายร่างและเพื่อฝึกฝนให้พวกเขาสามารถรับมือ
กับสัญชาตญาณสัตว์ปุาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาไม่สามารถ
บอกได้ว่าเขาไปเพื่อมองหาสถานที่ที่เหมาะกับการสร้างบ้าน
ให้แก่มังกรดาเมื่อร่างกายของมันเจริญเติบโตขึ้นและไม่
สามารถบอกออกไปโดยเด็ดขาดว่าเขาต้องเดินทางไปยังปุา
แห่งความมืดเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาสงครามระหว่างเผ่าวาฬ
และนางเงือก
คาร์ลยังคงพูดต่อไปเมื่อเห็นว่าเคานต์เดอรัชกาลังพิจารณาใน
เรื่องนี้อยู่
“ทีมสอบสวนได้ดาเนินการสืบสวนทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
..แต่ลูกยังต้องการไปเห็นมันด้วยตาของลูกเอง…อ้อ!..อีกอย่าง
นะขอรับท่านพ่อ…ลูกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่อยู่
บริเวณนั้นอีกด้วยเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูหนาว”
“อืม…มันก็จริงอย่างที่ลูกพูด”
สัตว์ประหลาดที่คาร์ลพูดถึงคือ‘สัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในปุา
แห่งความมืด’ มีกาแพงหินขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นจากฝีมือ
มนุษย์เพื่อกั้นระหว่างหมู่บ้านแฮร์ริสและปุาแห่งความมืดไว้
มันเป็นการปูองกันไม่ให้สัตว์ประหลาดเหล่านั้นข้ามออกมาทา
ร้ายชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้านแฮร์ริสและหมู่บ้านใกล้เคียง
ในตลอดระยะเวลา 150 ปีที่ผ่านมายังไม่ปรากฏการบุกเข้า
โจมตีมนุษย์จากฝีมือของสัตว์ประหลาดเหล่านั้น บางทีผู้คน
อาจหวาดวิตกจนเกินไปเพราะมักมีเรื่องเล่าต่างๆเกี่ยวข้องกับ
ปุาแห่งความมืดว่าถ้าหากมีใครหลงเข้าไปในปุาแห่งความมืด
จะต้องจบชีวิตลงทุกคน
มันเป็นไปได้ยากที่สัตว์ประหลาดจะปรากฏตัวออกมานอก
กาแพงหินนั้นได้ แต่มันย่อมเป็นปัญหาได้เช่นกันหากมีสัตว์
ประหลาดโผล่ออกมานอกกาแพงหินนั้นเพราะนั่นหมายความ
ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะต้องมีพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่าง
มาก
ในที่สุดเคานต์เดอรัชก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน
“ยังคงมีทหารบางส่วนที่อยู่ในหมู่บ้านแฮร์ริส…ดังนั้นมันจะ
ปลอดภัยสาหรับตัวลูก”
ดูเหมือนว่าเคานต์เดอรัชจะตัดสินใจในสิ่งนี้ได้แล้วและยังคง
กล่าวต่อไป
“คาร์ล…ลูกช่างใส่ใจผู้คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของลูกยิ่งนัก….”
คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆเพื่อปฏิเสธในสิ่งที่เคานต์เดอรัช
กล่าวออกมา มันเป็นการเข้าใจผิดที่แทบไม่น่าเชื่อเลยสักนิด
“เชวฮัน…ไม่ใช่ลูกน้องของลูกนะขอรับท่านพ่อ!”
อาจเป็นอย่างที่บุตรชายของตนกล่าว หากเชวฮันเป็นลูกน้อง
ของคาร์ลจริงๆเขาอาจจะไม่ลงมือทาสิ่งเหล่านี้ก็ได้ เคานต์เดอ
รัชส่งยิ้มให้กับบุตรชายของตนก่อนพยักหน้าตอบรับ
“นั่นสินะ!…จงทาทุกอย่างที่ลูกต้องการเถิด…เจ้าโตขึ้นมาก
จริงๆ..คาร์ล”
“ขอรับ…ลูกอายุ 18 ปีแล้วนะขอรับท่านพ่อ”
“ลูกโตเร็วจริงๆ…เอาล่ะ…ลูกไปเตรียมตัวได้แล้วล่ะ”
คาร์ลโค้งคานับบิดาของตนก่อนจะหันหลังกลับเพื่อเดินไปยัง
ประตู เขาสามารถได้ยินเสียงเรียกของเคานต์เดอรัชที่เรียกเขา
มาจากด้านหลัง
“คาร์ล!”
เคานต์เดอรัชพูดต่อทันทีเมื่อคาร์ลหันหลังกลับมามองตนแล้ว
“เต่าสีทองไม่ได้เป็นเพียงแค่ตราประจาตระกูลที่มีประดับไว้
เฉยๆเท่านั้น…พวกเราคือตระกูลนักรบที่สาบานจะปกปูอง
ครอบครัวและสิ่งอื่นๆที่อยู่รอบข้าง”
พวกเขาทั้งสองสบตาเข้าหากันทันที
“เราจะปกปูองทุกอย่างด้วยกระดองที่แข็งแกร่งของเรา…
อย่างไรก็ตามลูกต้องจาไว้เสมอว่าสิ่งที่สาคัญที่สุดคือการ
ปูองกันตัวเราเองก่อน…นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกที่จะเป็นเต่า”
‘เต่าที่มักจะปูองกันตัวเองด้วยกระดองที่แข็งแกร่ง’ เคานต์เดอ
รัชผู้ที่ถูกรู้จักเป็นวงกว้างว่าเป็นเพียงบุคคลธรรมดาในทุกๆ
ด้านเอ่ยเตือนบุตรชายของเขาอีกครั้ง
“นี่คือสิ่งที่ลูกต้องจาเอาไว้…ตัวเราต้องปกปูองตัวเราเองก่อน
เสมอ”
จากนั้นเขาจึงส่งยิ้มบางๆให้แก่คาร์ลและพูดเสริมขึ้น
“พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ลูกได้รับนั้น…ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน”
คาร์ลส่งรอยยิ้มที่ดูคล้ายๆกับบิดาของตนออกมาเมื่อเขากล่าว
อย่างติดตลกขึ้น
“ใช่มั้ยขอรับ?…มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ..อ้อ!…และลูกต้อง
คานึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนเป็นอย่างแรกเสมอ”
(53380)
“ดี!…ถ้าเป็นเช่นนั้นพ่อจะดีใจมาก!”
คาร์ลเหลือบมองเคานต์เดอรัชที่กาลังพยักหน้าของตนช้าๆและ
มองไปยังแฟูมเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะเดินออกมาจาก
ห้องทางานของบิดาตนทันที มังกรดามีคาถามที่ต้องการเอ่ย
ถามเขาเช่นกันเมื่อพวกเขาออกมาจากห้องนั้นแล้ว
~มนุษย์..พวกเจ้าสองคนเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างนั้นหรือ?
~
คาร์ลพยักหน้าตอบรับให้กับคาถามของมังกรดาช้าๆ
วันรุ่งขึ้น
คาร์ลกาลังขึ้นไปนั่งบนรถม้าเมื่อเริ่มเอ่ยทักสองพี่น้องจากเผ่า
วาฬ
“ไม่เลวเลยนี่…สาหรับผู้คุ้มกันคนใหม่ของข้า”
วิเทียร์ถือแส้ประจาตัวไว้ในมือในขณะที่พาสตันก็ประคองดาบ
ของเขาไว้ในมือเช่นกัน คนทั้งคู่ส่งยิ้มให้แก่คาร์ล พวกเขายังคง
ถูกปกปิดโฉมหน้าที่แท้จริงของตนไว้ด้วยพลังเวทย์ของมังกร
ดา
คาร์ลและคณะเริ่มมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแฮร์ริส..ไม่สิ…ไปปุาแห่ง
ความมืดในเวลานี้แล้ว
บทที่ 60 ทาลายมันซะ 2 (1)

คาร์ลก้าวลงจากรถม้าเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงหมู่บ้านแฮร์ริส
ที่มีระยะห่างจากป่าแห่งความมืดแค่เพียงกาแพงหินกั้น
ความคิดของคาร์ลที่มีต่อหมู่บ้านแห่งนี้มีเพียงสิ่งเดียว
“มันดาไปหมด”
มันเป็นเวลากว่าสองเดือนที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ขึ้นแต่
หมู่บ้านแฮร์ริสก็ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยคราบสีดาจากเขม่า
ควันไฟ คาร์ลก้มมองที่เท้าของตนก็พบขี้เถ้าสีดาที่เต็มไปทั่วทั้ง
พื้นดินก่อนจะได้ยินเสียงอันขมขื่นของรองหัวหน้าองครักษ์ดัง
ขึ้นมาเมื่อเขาเงยหน้ามองไปรอบๆหมู่บ้านอีกครั้ง
“ทุกอย่างถูกไฟไหม้จนแทบไม่เหลือซากเลยนะขอรับ…นาย
น้อย”
คาร์ลหันไปมองรองหัวหน้าองครักษ์ ‘ฮิลส์แมน’และเอ่ยถาม
ขึ้น
“…หลุมฝังศพอยู่ที่ใดรึ?”
“เดี๋ยวกระผมไปสอบถามกับทหารที่อยู่เฝ้าที่นี่ก่อนนะ
ขอรับ!…”
ก่อนหน้านี้คาร์ลยังคงเห็นท่าทางอันสงบนิ่งของรองหัวหน้า
องครักษ์ ‘ฮิลส์แมน’เพื่อไว้อาลัยให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้อยู่
แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีของเขาเป็นกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะอย่างไรเขาก็ต้องทา
หน้าที่ของตนให้ดีที่สุดก่อนเช่นกัน
กาแพงหินขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นระหว่างป่าแห่งความ
มืดและหมู่บ้านแฮร์ริสยังคงตั้งตระหง่านอยู่จุดเดิมแต่หมู่บ้าน
แฮร์ริสที่ตั้งอยู่นอกกาแพงหินกลับไม่มีอีกต่อไป สิ่งที่เหลืออยู่มี
เพียงซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนและขี้เถ้าอันดามืดที่
ปกคลุมมันไว้เปรียบเสมือนว่ามันทาหน้าที่เป็นสัญญาณแจ้ง
เตือนว่าครั้งหนึ่งเคยมีบางสิ่งตั้งอยู่บนจุดนี้
“ข้ารู้สึกได้ถึงความแรงของไฟที่แผดเผาไปทั่วพื้นที่แห่งนี้…”
“เจ้าสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งพวกนี้ด้วยหรือ?”
“ข้าเป็นเผ่าที่มาจากท้องทะเล…”
วิเทียร์อมยิ้มขมขื่นและตอบออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าเธอจะ
รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้มีเวลาที่จะสนใจเธอมากนัก เขามุ่ง
หน้าไปหาเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินที่กาลังลงมาจากรถม้า
“เมส…”
“…..นายท่านคาร์ล”
เด็กชายจากเผ่าหมาป่าที่โตที่สุดในกลุ่มมีอาการแข็งค้างและ
หน้าซีดเผือดลงทันทีเมื่อมองเห็นภาพของหมู่บ้านที่อยู่เบื้อง
หน้า คาร์ลค่อนข้างแน่ใจว่าพวกเขาทั้งหมดกาลังนึกถึงสิ่งที่
เกิดกับหมู่บ้านของพวกเขาอยู่
“เจ้ารู้หรือไม่…ว่าทาไมข้าจึงให้พวกเจ้าติดตามข้ามาที่นี่ด้วย?”
เมสไม่สามารถตอบคาถามของนายท่านคาร์ลได้ในทันที นาย
ท่านคาร์ลไม่ได้แจ้งให้พวกเขาทราบว่าทาไมจึงนาพวกเขามา
พร้อมกับคณะเดินทางในครั้งนี้ด้วย มันเป็นเพียงคณะเดินทาง
กลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่แม้แต่รองพ่อบ้านฮันส์และท่านลุงบารอคก็
ไม่ได้ติดตามมาด้วย
เมสยังคงจ้องไปที่คาร์ลด้วยความไม่แน่ใจ นายท่านคาร์ลที่พี่ล็
อกบอกให้พวกเขาคอยดูแลรับใช้ยังคงมีท่าทางที่ผ่อนคลาย
และเริ่มพูดออกมาเมื่อเขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก
“เงินจานวนมหาศาลกาลังจะตกอยู่ในกามือของข้า”
“อะไรนะขอรับ?”
การเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเกี่ยวกับเรื่องเงินทาให้เด็กชาย
เมสและเด็กๆคนที่เหลือเริ่มสับสน คาร์ลยังคงพูดต่อไปโดยไม่
สนใจกับท่าทีของพวกเขาเลยสักนิด หอคอยพลังเวทย์และ
ราชินีแห่งผืนป่าจะทาให้เขามีเงินจานวนมหาศาลหลังจากนา
เงินทั้งสองก้อนมารวมกันและเขาจะนาเส้นทางอันสงบสุข
มายังอาณาเขตของเขาให้ได้
“…..และข้าวางแผนที่จะใช้เงินจานวนนั้นสร้างหมู่บ้านแห่งนี้
ขึ้นมาใหม่”
คาว่า ‘หมู่บ้าน’ สามารถดึงความสนใจจากเด็กๆได้เป็นอย่างดี
“ข้ายังวางแผนที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่นี่เช่นกัน…มัน
จะเป็นบ้านพักตากอากาศสาหรับพวกเจ้า …สาหรับข้า…และ
คนอื่นๆที่สนใจอยากจะมาพักผ่อนได้เป็นอย่างดี”
“……กระผมเคยได้ยินมาว่าป่าแห่งความมืดมัน.เอ่อ….
อันตราย”
“เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?!”
คาร์ลเอ่ยถามเมสเสียงดังก่อนจะมองไปรอบๆ ออนและฮง
กาลังเดินลงมาจากรถม้าในขณะที่มังกรดาอาจบินไปสารวจที่
ไหนสักแห่ง ส่วนสองพี่น้องจากเผ่าวาฬกาลังเดินเข้าไปใกล้บ่อ
น้าของหมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าจนดาสนิท คาร์ลยกนิ้ว
ของตนชี้ไปที่พวกเขาทั้งหมดอย่างช้าๆ
“พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าทุกคนหรือไม่?หากพวกเจ้า
โตขึ้นแล้ว”
คาถามที่เอ่ยด้วยน้าเสียงกระด้างถูกเอ่ยออกมาให้เด็กๆจากเผ่า
หมาป่าสีน้าเงินได้ยิน
“ข้าสัญญากับล็อกว่าจะดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดี…ย่อม
หมายความว่าข้าจะต้องจัดหาสถานที่ที่ให้พวกเจ้าได้ใช้ชีวิต
เฉกเช่นหมาป่า”
รอยยิ้มของคาร์ลที่ปรากฏขึ้นในเวลานี้เหมือนจะบอกว่ามันไม่
ยากเลยสักนิดที่จะทาให้สาเร็จ สายลมเย็นๆพัดผ่านร่างของ
พวกเขาไปช้าๆพร้อมกับหอบเอาเศษขี้เถ้าล่องลอยไปกับสาย
ลมก่อนที่เสียงของคาร์ลจะดังขึ้นทาลายความเงียบอีกครั้ง
“ข้าจะสร้างสถานที่เช่นนั้นให้แก่พวกเจ้า….ข้าจะช่วยให้พวก
เจ้าเติบโตขึ้นและพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่ง
ก่อนที่ล็อกจะกลับมาให้ได้”
คาร์ลมองไปที่เมสและเด็กคนอื่นๆที่เหลือก่อนจะเริ่มขมวดคิ้ว
มุ่น
“ไม่มีคาตอบให้ข้าหรืออย่างไร?”
“…เอ่อ…ตกลงขอรับ!”
“ตกลงขอรับ!”
“ตกลงเจ้าค่ะ!”
คาร์ลไม่ค่อยพอใจในคาตอบของเด็กๆที่เอ่ยตอบรับเขาไป
ผ่านๆเท่านั้นและเริ่มเดินหนีออกจากพวกเขาไปทันที เมสยังคง
มองตามหลังของคาร์ลที่กาลังเดินไปที่กาแพงหินก่อนจะหัน
กลับมามองน้องๆของตนที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เมสเริ่มพูด
“….พวกเราจะต้องโตขึ้นเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่งให้ได้!”
จากนั้นเมสก็หันไปมองรอบๆหมู่บ้าน เขากาลังคิดว่าหมู่บ้านที่
เป็นสีดาจากเขม่าควันไฟพวกนี้จะสามารถกลายเป็นหมู่บ้านที่
แสนอบอุ่นเฉกเช่นหมู่บ้านของเขาได้อย่างไร?เมสเชื่อว่าน้องๆ
ของเขาก็คิดแบบเดียวกับตนเช่นกันแม้ว่าพวกเขาจะไม่เอ่ย
อะไรออกมาก็ตาม
แต่พวกเขาจะต้องเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่งให้ได้
คาร์ลไม่ทราบเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กๆจากเผ่าหมาป่าคิดและตั้ง
ปณิธานไว้ ในขณะที่เขาใช้สองมือเคาะไปยังกาแพงหินที่ตั้ง
ตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
“มันค่อนข้างหนาและแข็งแรง”
คาร์ลเหลือบไปมองประตูที่ถูกติดตั้งอยู่บนกาแพงหินนี้ ประตู
บานนี้เป็นเพียงบานเดียวที่เป็นทางเข้าสู่ป่าแห่งความมืด
แน่นอนว่าเชวฮันไม่ได้ใช้ประตูบานนี้เมื่อเขามาถึงหมู่บ้านแฮร์
ริสเป็นครั้งแรกแต่เขากระโดดข้ามกาแพงหินที่มีความสูง
ประมาณ 10 เมตรข้ามเข้ามายังฝั่งหมู่บ้านแฮร์ริสนั่นเอง
“ผ่านกาแพงนี้ไปก็จะเป็นป่าแห่งความมืดใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
คาร์ลมองไปที่วิเทียร์ที่เดินเข้ามาใกล้เขาช้าๆ ผมสีฟ้าและตาสี
ฟ้าของเธอถูกเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลด้วยพลังเวทย์ของมังกรดาที่
ใช้อาพรางมันเอาไว้และใบหน้าอันสวยงามก็ถูกเปลี่ยนเป็น
ใบหน้าที่แสนธรรมดาๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามเสียง
ของเธอยังคงไพเราะอยู่เช่นเดิม
“ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถมองลอดผ่านกาแพงนี้ได้…แต่มัน
จะต้องมีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแน่นอนเพราะ
ด้านหลังกาแพงนี้คือพื้นที่ต้องห้ามใช่หรือไม่?….ข้าชักสงสัย
แล้วสิว่ากาแพงนี้มันแข็งแรงมากเพียงใด?”
วิเทียร์ยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอใช้นิ้วชี้กดลงไปบนกาแพงเพียง
เบาๆเท่านั้นและนั่นทาให้นิ้วของเธอทะลุผ่านเข้าไปในกาแพง
หินนี้ทันที
“ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ”
วิเทียร์หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
‘วาฬเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัวจริงๆ’
คาร์ลแสร้งทาเป็นไม่เห็นและหันหน้าของตนหนีจากภาพนั้น
ทันที สองพี่น้องจากเผ่าวาฬยังไม่คุ้นชินกับการควบคุมพลังอัน
แข็งแกร่งของพวกเขาเมื่ออยู่บนฝั่ง คาร์ลรีบเปลี่ยนหัวข้อ
สนทนาอย่างรวดเร็ว
“มันก็คล้ายๆกันนั่นล่ะ”
“หืม?…ท่านว่าอะไรนะ?”
“ด้านหลังกาแพงนั่น….เจ้าบอกว่ามันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่ใช่หรือ?”
“เอ่อ….”
วิเทียร์อ้าปากค้างเล็กน้อยในขณะที่คาร์ลเพียงยักไหล่ของตน
ขึ้น เขาหันหลังเดินออกห่างจากกาแพงหินนี้ก่อนจะเอ่ยต่อไป
“ป่าแห่งความมืดมันเป็นเพียงป่าทั่วๆไปไม่ได้ต่างจากที่อื่น
หรอก”
คาร์ลมองเห็นวิเทียร์ขยับเข้ามาใกล้ตนอย่างรวดเร็วและก้าว
เดินในจังหวะเดียวกับเขาในที่สุดก่อนที่คาร์ลจะพูดต่อไป
“แต่สิ่งที่อยู่ในป่าแห่งความมืดมันแตกต่างจากที่อื่น”
ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรกับป่าแห่งความมืดแต่ป่า
แห่งนี้มักมีพืชพรรณและสัตว์ประหลาดที่กลายพันธ์ มันเหมาะ
ที่จะถูกเรียกว่ากลายพันธ์เพราะสัตว์ประหลาดที่อยู่ในป่าแห่ง
ความมืดจะมีลักษณะที่ดูแตกต่างจากที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่
พืชพรรณในป่าอาจเกิดได้ยากกว่าถึงแม้ภายนอกมันอาจมี
ลักษณะที่คล้ายกับพืชสมุนไพรที่ใช้รักษาทั่วไปแต่พืชสมุนไพร
กลายพันธุ์ในป่าแห่งความมืดอาจกลายเป็นพิษร้ายแรงที่
สามารถทาร้ายถึงแก่ชีวิตได้
‘และมันยังมีสัตว์ประหลาดที่พบได้ทั่วไปในทวีปตะวันออกใน
ป่าแห่งความมืดอีกด้วย’
นั่นเป็นสาเหตุว่าทาไมป่าแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในพื้นที่ต้องห้าม มัน
เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในทวีปตะวันตกที่พวกเขาสามารถค้นพบ
ร่องรอยหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทวีปตะวันออกเข้ามาปะปน
“นายน้อยขอรับ?”
คาร์ลพยักหน้าให้กับรองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนที่ส่งเสียง
เรียกเขาขึ้นมา ก่อนจะหันกลับไปคุยกับวิเทียร์
“วิเทียร์…เจ้าช่วยดูแลเด็กๆพวกนี้ด้วยแล้วกัน”
“ได้!…รู้สึกว่าจะมีเด็กๆที่เป็นสัตว์อสูรจานวนมากทีเดียว”
วิเทียร์เงียบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงคาร์ลถอนหายใจออกมาด้วย
สีหน้าที่ดูคล้ายกับราคาญในคาพูดของเธอ คาร์ลหันหลังกลับ
และมุ่งหน้าไปหาฮิลส์แมนทันที (53380)
“ไปกันเถอะ!”
“ขอรับ..นายน้อย”
มีเพียงคาร์ลและรองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนเท่านั้นที่กาลังมุ่ง
หน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง
“อยู่ตรงนั้นขอรับ!”
มีหลุมศพหลายหลุมที่ตั้งอยู่บริเวณแห่งนี้ นี่คือที่ๆเชวฮันฝังร่าง
อันไร้วิญญาณของเหล่าชาวบ้านจากหมู่บ้านแฮร์ริสไว้
ฮิลส์แมนขยับห่างจากคาร์ลและเดินไปสบทบกับเหล่าทหาร
ยามที่ประจาการชั่วคราวอยู่ที่นี่ก่อนจะมองไปที่คาร์ลเงียบๆ
ความจริงที่ว่า ‘คาร์ล เฮนิตัส’ต้องการเดินทางมายังหมู่บ้าน
แห่งนี้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสาหรับทุกๆคนและความจริงที่ว่า
เขาได้ถามหาบริเวณที่ฝังศพของชาวบ้านทันทีที่ลงจากรถม้าก็
ยิ่งสร้างความแปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีก
รองหัวหน้าองครักษ์ได้ขยับตัวออกไปก็เพื่อให้คาร์ลได้อยู่คน
เดียว แน่นอนว่าคาร์ลไม่ได้ตระหนักหรือให้ความสนใจกับการ
กระทาเช่นนี้ของรองหัวหน้าองครักษ์และเริ่มพึมพากับตัวเอง
เบาๆ
“….น่าทึ่งจริงๆที่เขาไม่สติแตกจนเป็นบ้าไปก่อน”
บทที่ 60 ทาลายมันซะ 2 (2)

ความจริงที่ว่าเชวฮันยังคงมีสติอยู่ครบถ้วนหลังจากเกิด
เหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้นนับเป็นสิ่งที่ท่าทึ่งยิ่งนัก
ดูเหมือนว่าเชวฮันจะใช้ความพยายามของเขาเป็นอย่างมากใน
การสร้างหลุมศพเหล่านี้ขึ้นมา หลุมศพส่วนใหญ่ถูกทาด้วยดิน
และไม่มีสิ่งของหรือเครื่องประดับอื่นๆที่สามารถระบุตัวตนของ
เจ้าของร่างอันไร้วิญญาณนี้ได้มีเพียงแค่การเขียนชื่อลงบน
แผ่นหินที่ตั้งไว้หน้าหลุมศพเท่านั้น คาร์ลเริ่มนับจานวนของ
หลุมฝังศพที่ตั้งเรียงรายทั่วทั้งบริเวณมันต่างเป็นหลุมฝังศพที่
เชวฮันทาขึ้นด้วยตัวของเขาเพียงลาพัง
คาร์ลมีความคิดบางอย่างที่น่าสนใจอยู่บ่อยครั้ง เหตุผลที่เป็น
เบื้องหลังการตายของชาวบ้านในหมู่บ้านแฮร์ริสที่ยังคงเป็น
ปริศนาในนิยายเรื่องนี้? นิยายเพียงสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา
เพื่อทาให้พระเอกมีแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองจนก้าวขึ้น
เป็นวีรบุรุษในที่สุด แต่มันจะมีเพียงแค่นี้จริงๆหรือ?
‘ฉันรู้สึกเหมือนมันจะมีอะไรมากกว่านี้?’
เขายังคงรู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา เมื่อเรื่องราว
ต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนนี้กลับมีมากกว่าที่นิยายได้กล่าวเอาไว้ ‘
‘ป่าแห่งความมืด….นางเงือกและการทาลายล้างหมู่บ้านแฮร์
ริส’
ทั้งสามสิ่งนี้ต่างดึงให้คาร์ลเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเมื่อเขาจะให้ล็อกแก้ไข
ปัญหานี้แทนเชวฮันหรือถ้าพวกเขาทั้งคู่ลงเอยด้วยการกลับมา
ที่นี่พร้อมๆกันเขาก็จะให้ล็อกและเชวฮันแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันก็
ย่อมได้
ปัญหาของหมู่บ้านแฮร์ริสไม่ใช่ปัญหาของเขาแต่เป็นปัญหา
ของเชวฮันต่างหาก
“ฮิลส์แมน”
“ขอรับ!…นายน้อย”
ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทาต่อจากนี้คือการทาในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง
ของตระกูลเฮนิตัสซึ่งเป็นตระกูลที่ปกครองอาณาเขตแห่งนี้
“จัดการหาคนสร้างหลุมฝังศพให้ใหม่ที..นี่มันดูโทรมเกินไป
แล้ว”
“ได้ขอรับ..นายน้อย!”
คาร์ลวางมือของตนไปที่ไหล่ของฮิลส์แมนที่เอ่ยรับคาสั่งของ
เขาอย่างกระตือรือร้นกว่าปกติก่อนที่คาร์ลจะเหลือบมองทหาร
ยามที่กาลังเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณนี้ คาร์ลตบไปที่ไหล่
ของฮิลส์แมนเบาๆและก้มลงกระซิบข้างหูของเขาทันที
“เจ้ารู้ดี…ว่าควรต้องทาอย่างไร?”
อารมณ์ทุกๆอย่างสลับกันมาปรากฏบนใบหน้าของรองหัวหน้า
องครักษ์ฮิลส์แมน เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองคืนก่อนตอน
ที่พากันพักค้างแรมระหว่างการเดินทางมายังหมู่บ้านแฮร์ริส
และนายน้อยคาร์ลได้เรียกให้เขาไปพบที่กระโจมส่วนตัวในคืน
นั้น
‘ข้าจะเข้าไปในป่าแห่งความมืด’
‘เอ่อ…อะไรนะขอรับ?….ทาไมคนที่จาเป็นต้องพักฟื้น
ร่างกายเช่นท่านจะต้องเข้าไปในสถานที่ที่อันตรายเช่นนั้น
ด้วย…นักฆ่าพวกนั้นไม่ได้อยู่ในป่าแห่งความมืดหรอกนะ
ขอรับ?…ทาไมนายน้อยจะต้องทุ่มเททาเพื่อเชวฮันขนาดนี้ด้วย
..มัน..ห๋า!!!!!!!!!’
มังกรดาตัวน้อยปรากฏร่างของตนขึ้นทันทีเมื่อฮิลส์แมน
กาลังพูดโน้มน้าวไม่ให้คาร์ลเข้าไปในป่าแห่งความมืดและมัน
ทาให้เขาตะลึงตาค้างแทบสิ้นสติ แต่มันไม่ได้จบเพียงเท่านั้น
‘เมี้ยวววว’
เมี้ยวววว’
เสียงลูกแมวน้อยสองตัวส่งเสียงดังขึ้นก่อนจะเปลี่ยนร่าง
เป็นมนุษย์ในเวลาต่อมา พวกเขาเป็นสัตว์อสูรอย่างนั้นหรือ?
นอกจากนั้นแล้วรองหัวหน้าองครักษ์เช่นเขายังได้สัมผัสอาการ
หนาวสั่นจนขนลุกไปทั่วร่างเป็นครั้งแรกในชีวิตหลังจากที่ได้
เห็นผู้หญิงคนนั้นดึงแส้สายน้าที่มีความยาวกว่าสองเมตร
ออกมาและชายหนุ่มผู้นั้นยังถือดาบที่มีวังน้าวนหมุนวนอยู่
ปลายดาบอย่างน่ากลัว
‘เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล’
และบริเวณตรงกลางของเหล่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเหล่านี้
คือนายน้อยคาร์ลของเขานั่นเอง
นายน้อยคาร์ลยังคงมีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายส่งมาให้กับเขาอยู่
เช่นเดิม ความจริงที่ว่านายน้อยคาร์ลยังคงทาตัวเป็นปกติเมื่อมี
กลุ่มสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ล้อมรอบตัวเขาอยู่ทาให้รอง
หัวหน้าองครักษ์เช่นเขายิ่งตกใจหนักขึ้นกว่าเดิม
ฮิลส์แมนครุ่นคิดและตัดสินใจในเรื่องนี้ตลอดช่วงสองวันที่
ผ่านมา แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีเพียงเป้าหมายเดียวในชีวิตที่
ต้องการคือการขึ้นเป็นหัวหน้าองครักษ์แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่โง่
เขลาสักเท่าไหร่
“ขอรับ..กระผมเข้าใจแล้ว…!”
“ดี!….เยี่ยมมาก!”
คาร์ลยกมือของตนขึ้นจากไหล่ของฮิลส์แมนเมื่อเขามั่นใจว่า
รองหัวหน้าองครักษ์คนนี้จะไม่มีปัญหาหรือข้อสงสัยใดๆกับเขา
อีกก่อนจะเริ่มก้าวเท้าเดินต่อไปในขณะที่ฮิลส์แมนยังคงเดิน
ตามคาร์ลไปติดๆ เขาเหลือบมองหน้าฮิลส์แมนอยู่ครู่หนึ่งและ
เอ่ยขึ้น
“ข้าไว้ใจเจ้า!”
รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนกาหมัดของตนแน่นขึ้น เขาคิดว่า
การได้ขึ้นเป็นหัวหน้าองครักษ์ของอาณาเขตเฮนิตัสก็นับเป็นสิ่ง
ที่เพียงพอสาหรับชีวิตของเขาแล้ว อย่างไรก็ตามความคิดของ
เขาเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงสองวันที่ผ่านมาก่อนจะเอ่ยสิ่งที่เขา
ตั้งใจทาตั้งแต่บัดนี้ให้คาร์ลฟัง
“นายน้อย!….กระผมจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ให้ได้ขอรับ!”
“อืม…ทาสิ่งที่เจ้าต้องการเถิด”
คาร์ลตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเพียงรู้สึกโล่งอกที่ฟังดูเหมือน
ฮิลส์แมนจะไม่สร้างเรื่องให้เขาได้ปวดหัวอย่างที่เขาได้คาดไว้
นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทาไมจึงไม่มีทหารยามเฝ้าอารักขาบริเวณ
กระโจมที่คาร์ลพักอยู่ในกลางดึกคืนนี้ รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์
แมนได้เปลี่ยนจุดรักษาความปลอดภัยและจุดลาดตะเวนให้ห่าง
จากกระโจมของคาร์ลไปไกลพอสมควร คาร์ลขยับกระเป๋า
เวทย์ของตนให้กระชับขึ้นเมื่อเขามายืนอยู่เบื้องหน้ากาแพงหิน
ในตอนนี้และเริ่มพูดขึ้น
“มีเพียงหนองน้าสองแห่งที่อยู่ในป่าแห่งความมืดนั่น”
‘ป่าขนาดใหญ่แห่งนี้มีเพียงหนองน้าสองแห่งเท่านั้น’ คาร์ล
ยังคงพูดต่อไปด้วยท่าทางผ่อนคลายในขณะที่สบตาเข้ากับพา
สตัน
“หนึ่งคือหนองน้าที่มีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่และอีกแห่งคือ
หนองน้าที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้”
จากนั้นจึงเอ่ยถามพาสตันขึ้น
“พาสตัน…เจ้าเคยบอกว่า….ดูเหมือนพิษของพวกนางเงือกจะ
รุนแรงมากกว่าเดิม…ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเราควรมุ่งหน้าไปยัง
หนองน้าแห่งไหนก่อนดี?”
พาสตันตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ข้าคิดว่า..มันน่าจะเป็นหนองน้าที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่”
“ถูกต้อง!…มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้คาตอบจากที่นั่น…
และมันคือเหตุผลที่เราจะมุ่งหน้าไปที่นั่นก่อน”
พวกเขาสามารถมุ่งหน้าไปยังหนองน้าที่มีสัตว์ประหลาดอาศัย
อยู่ได้หากหนองน้าแห่งแรกที่พวกเขาไปไม่ใช่หนองน้าที่สร้าง
ความแข็งแกร่งให้กับนางเงือก แน่นอนว่าสาหรับคาร์ลแล้วเขา
ค่อนข้างมั่นใจว่าหนองน้าที่พวกเขากาลังจะมุ่งหน้าไปมีโอกาส
ที่มันจะเป็นไปได้มากกว่า
ในขณะนั้นเองวิเทียร์ที่ยืนฟังเงียบๆมาได้ระยะหนึ่งก็หันไปมอง
ด้านข้างของคาร์ลด้วยความกังวล เธอลังเลอยู่ชั่วครู่และ
ตัดสินใจเอ่ยถามคาร์ลในที่สุด
“มันจะไม่เป็นอันตรายสาหรับเด็กๆหรือ?”
ออนและฮงกาลังเกาะอยู่บนไหล่ของคาร์ลคนละข้าง
“นายน้อยคาร์ล…ท่านบอกว่าป่าแห่งความมืดนั้นอันตรายยิ่ง
นัก…และถ้าหนองน้าแห่งนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่..อาจเป็นไป
ได้ว่าทั่วทั้งบริเวณจะต้องมีพิษหรือแม้แต่หนองน้านั้นก็ย่อมมี
พิษที่เป็นอันตรายเช่นเดียวกัน”
วิเทียร์รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่แปลกๆขณะที่เธอยังคงพูดต่อไป
ออนลูกแมวขนสีน้าเงินจากเผ่าแมวเริ่มกระดิกหางของเธอช้าๆ
อย่างอารมณ์ดี
“สถานที่อันตรายเช่นนี้คือสิ่งที่พิเศษสาหรับเรา…แต่ที่สาคัญไป
กว่านั้นเขาบอกว่าพวกเราจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”
เผ่าแมวเป็นเผ่าที่มีความระมัดระวังและมีความสามารถในการ
ซ่อนตัวและค้นหานั่นคือสิ่งที่วิเทียร์รู้ดี แต่มันก็ไม่เหมาะที่จะให้
เด็กๆพวกนี้เข้าไปผจญกับอันตรายอยู่ดี วิเทียร์เงยหน้าขึ้นมอง
คาร์ลเมื่อได้รับคาตอบที่ไม่น่าพอใจนักจาก‘ออน’ลูกแมวขนสี
เงินนั่น ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้นทันที (53380)
มันเป็นเพราะคาร์ลเริ่มยิ้มเต็มใบหน้าและลูกแมวสองตัวจาก
จากเผ่าแมวก็ยกยิ้มเช่นกัน รอยยิ้มของพวกเขาทั้งสามมันดู
ร้ายกาจมาก ‘ฮง’ ลูกแมวขนสีแดงเข้มดูเหมือนจะตื่นเต้นอย่าง
มากเมื่อมันเริ่มพูดออกมา
“วันนี้ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นต่างหาก…มันจะไม่เป็นไรอย่าง
แน่นอน!”
ได้เวลาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหมอกพิษแล้ว เย้!!!!!!
การผจญภัยในสถานที่ที่ปลอดภัยสาหรับเด็กๆที่ต้องการจะ
แข็งแกร่งขึ้นและคาร์ลผู้ที่ปรารถนาเพียงความปลอดภัยและ
ความสงบสุขก็จะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว ก่อนที่คาร์ลจะหันไป
พูดกับวิเทียร์ให้คลายกังวลอีกครั้ง
“มันเป็นโอกาสที่ดีมากกว่า”
หมอกพิษที่มีความร้ายกาจและรุนแรงจนสามารถล้มเผ่าวาฬ
ได้โดยง่ายอาจจะสาเร็จได้ในไม่ช้านี้หากพวกเขาโชคดี
บทที่ 61 ทาลายมันซะ 3 (1)

คาร์ลไม่สนใจว่าวิเทียร์และพาสตันจะมองเขาด้วยสายตาที่ไม่
มั่นใจเพราะอีกในไม่ช้าพวกเขาทั้งสองก็จะได้รู้ถึงทักษะของ
ออนและฮงเอง
“ไปกันเถอะ!”
มังกรดาเริ่มขยับปีกบินสูงขึ้นเหนือกาแพงหินและร่างของคาร์ล
กาลังลอยขึ้นอย่างช้าๆตามหลังของมังกรดาไปโดยมีออนและฮ
งอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“พาสตัน”
พาสตันพยักหน้าตอบรับกับเสียงเรียกที่ส่งสัญญาณมาจากวิ
เทียร์ ก่อนที่สองพี่น้องจากเผ่าวาฬจะเริ่มวิ่งไต่กาแพงหินขึ้นไป
อย่างรวดเร็ว มีคลื่นน้าล้อมรอบเท้าของทั้งคู่เอาไว้และทา
หน้าที่ในการส่งร่างของพวกเขาให้ไต่ระดับสูงขึ้นไปจนกว่าจะ
ถึงที่หมาย
ฟิ้วววว!!!
คาร์ลกระโดดลอยตัวฝ่าสายลมที่พัดผ่านร่างของเขาและขึ้นไป
บนยอดกาแพงหินได้ในที่สุด
“ว้าว!!!”
ฮงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของ‘ป่าแห่งความมืด’อันกว้าง
ใหญ่และอุดมสมบูรณ์ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้แล้ว
นี่เป็นเขตพื้นที่ต้องห้ามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของห้า
เขตพื้นที่ต้องห้าม มันกินพื้นที่ตั้งแต่ชายแดนภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันและมีลักษณะทางภูมิ
ประเทศคล้ายรูปไข่กินพื้นที่ไปจนถึงชายฝั่งทะเลของทวีป
ตะวันออก มันมีพื้นที่ที่ใหญ่พอๆกับอาณาเขตในอาณาจักร
โรมันประมาณ 2-3 แห่งรวมกัน จึงเป็นสาเหตุให้อาณาจักร
โรมันต้องการเป็นผู้เข้าปกครองพื้นที่แห่งนี้แต่ก็ยังไม่มีใคร
สามารถทามันได้จนถึงปัจจุบัน
‘ไม่แน่…เชวฮันหรือมังกรดาอาจทามันได้’
“มันกว้างใหญ่ยิ่งนัก”
คาร์ลแสดงความเห็นออกมาเมื่อสายตาของเขากาลังพิจารณา
ภูเขาหินที่อยู่ใจกลางของป่าแห่งนี้
มันไม่ได้เหมือนชื่อของมันเท่าไหร่นักแม้จะได้ชื่อว่าป่าแห่ง
ความมืดก็ไม่ได้หมายความว่าจะมืดมิดเสมอไป อันที่จริงป่าอัน
กว้างใหญ่ที่เริ่มมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ขึ้นก็ดูสวยงามไม่
น้อยในสายตาของคาร์ล
“ลงไปกันเถอะ!”
“อืม..”
มังกรดาค่อยๆบังคับร่างของคาร์ลและลูกแมวที่อยู่ในอ้อมกอด
ของเขาให้ลงสู่พื้นดินด้านล่างอย่างระมัดระวัง โดยมีสองพี่น้อง
จากเผ่าวาฬคอยพวกเขาอยู่พื้นด้านล่างแล้ว
ตุ๊บ!!
คาร์ลสามารถแตะลงพื้นดินที่มีเศษใบไม้หล่นอยู่ทั่วพื้นดินได้
อย่างนุ่มนวล
“ท่านบอกว่า‘ป่าแห่งความมืด’มีการแบ่งอาณาเขตของมัน
ด้วยใช่หรือไม่?”
คาร์ลพยักหน้าให้กับคาถามของวิเทียร์และค่อยๆว่างร่างของ
ลูกแมวทั้งสองลงบนพื้น ก่อนจะเปิดกระเป๋าเวทย์ของตนออก
เมื่อเขาเริ่มตอบคาถามของวิเทียร์
“อืม…มันแบ่งเป็นเป็นอาณาเขตภายนอกและภายใน”
ป่ากว้างใหญ่แห่งนี้แบ่งพื้นที่เป็นสองอาณาเขต โดยอาณาเขต
แรกคือพื้นที่รอบนอกซึ่งไม่มีอันตรายมันมีเพียงสัตว์ประหลาด
กลายพันธ์เพียงไม่กี่ตัวและส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ประหลาดที่มี
ขนาดเล็ก ในทางกลับกันอาณาเขตพื้นที่ภายในที่มีภูเขาหิน
ตั้งอยู่กึ่งกลางนั้นกลับอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
‘แม้แต่เชวฮันก็ใช้เวลาเกือบสิบปีจึงสามารถเดินเข้าออกพื้นที่
นั้นได้อย่างอิสระ’
‘เดินเข้าออกพื้นที่นั้นได้อย่างอิสระ’หมายความว่าไม่มีอันตราย
ใดๆที่สามารถทาร้ายเชวฮันได้ เขามีความแข็งแกร่งกว่าสัตว์
ประหลาดทุกตัวที่อยู่ในพื้นที่นั้นและแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าว
ไม่ได้เป็นปัญหาสาหรับกลุ่มของคาร์ลเลยสักนิด
“หนองน้าที่เราจะเดินทางไปนั้น…ตั้งอยู่พรมแดนระหว่าง
อาณาเขตภายนอกและภายใน…นั่นหมายความว่ามันไม่ได้มี
อันตรายมากนัก”
อาณาเขตภายนอกมีพื้นที่ขนาดใหญ่แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับขนาด
ความกว้างของเส้นทาง มันจะมีระยะทางไม่ไกลมากนักหาก
พวกเขาเดินทางตรงเพียงอย่างเดียว อาณาเขตภายในจะมี
ขนาดใหญ่มากกว่าเนื่องจากมันอยู่ในพื้นที่บริเวณรูปไข่พอดีทา
ให้เป็นพื้นที่คดเคี้ยวและซับซ้อนไม่สามารถตัดผ่านเดินทางตรง
ได้
“ข้าวางแผนที่จะหลีกเลี่ยงสัตว์ประหลาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่
จะเป็นไปได้…แต่ข้าก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันที่จะเพิ่มระยะเวลาการ
เดินทางของเราโดยการใช้เส้นทางอ้อม”
ข้อเท็จจริงที่ว่าคาร์ลไม่ได้ว่างแผนที่จะใช้เส้นทางอ้อมเพื่อ
หลีกเลี่ยงสัตว์ประหลาดพวกนั้นทาให้สองพี่น้องจากเผ่าวาฬ
ยกยิ้มขึ้นทันที ตราบใดที่พวกเขาทั้งสองไม่ได้ต่อสู้กับมังกรก็ไม่
มีอะไรที่สัตว์อสูร ‘วาฬหลังค่อม’ที่เป็นใหญ่ในมหาสมุทรจะ
เกรงกลัวอีก
“เดี๋ยวข้าจะคลายพลังเวทย์ให้พวกเจ้านะ”
เมื่อมังกรดาพูดจบก็ปรากฏร่างอันสวยงามและหล่อเหล่าซึ่ง
เป็นร่างปกติของสองพี่น้องวาฬโดยทันที
“อ่า…ช่างสดชื่นเหลือเกิน…อยู่ภายใต้พลังเวทย์เช่นนี้มันช่าง
เป็นเรื่องที่น่าเบื่อยิ่งนัก….ขอบใจท่านมาก..ท่านมังกร”
“ข้าก็ขอบใจท่านเช่นกัน…ท่านมังกร”
มังกรดากระพือปีกของมันขึ้นคล้ายกับตอบรับคาขอบคุณจากวิ
เทียร์และพาสตัน ก่อนจะค่อยๆขยับตัวไปใกล้คาร์ล มันเริ่ม
แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา
“มันเป็นพลังเวทย์ที่ดามืดยิ่งนัก”
“ดามืด?”
มังกรดาพยักหน้าตามคาถามของคาร์ลและมองไปรอบๆผืนป่า
ทันที
“นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอีกด้วย”
“มันเป็นกลิ่นแบบไหน?”
“เป็นกลิ่นที่ข้ารู้สึกคุ้นเคย..แต่ข้าก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่า
มันคืออะไร”
‘คุ้นเคย…แต่ไม่สามารถบอกได้อย่างนั้นหรือ?’
คาร์ลหันหน้าไปมองมังกรดาด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจสิ่งที่
มันพูดแต่มังกรดากลับหันหน้าหนีจากคาร์ลไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่มันจะยังคงพูดต่อไป
“มันไม่ได้เป็นกลิ่นที่อันตรายหรอกนะ..มันแค่เป็นกลิ่นที่เก่าแก่
มาก…มันแก่มากจริงๆ”
‘อะไรคือกลิ่นที่แก่?….แล้วจมูกของมังกรดามันดีจริงๆหรือ
เนี่ย?’
คาร์ลเกิดความสงสัยและอยากรู้ในเรื่องนี้แต่ก็ไม่สามารถจะ
สงสัยในเรื่องนี้ได้นานนักเพราะพวกเขายังมีสิ่งที่ต้องทาต่อ
“เราจะเริ่มเดินทางจากจุดนี้กันหรือ?…แล้วเราจะสามารถ
เดินทางไปถึงหนองน้านั้นได้อย่างไร?”
วิเทียร์เห็นคาร์ลดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเวทย์
ก่อนจะเริ่มเปิดกระดาษแผ่นนั้นให้กว้างขึ้น
“……แผนที่?”
มันย่อมเป็นแผนที่อย่างแน่นอนแต่มันก็ดูแย่เกินกว่าที่จะเรียก
มันว่าแผนที่ได้อย่างเต็มปาก อย่างไรก็ตามมันมีภูเขาหินที่อยู่
ตรงกลางแผนที่พร้อมกับพื้นที่อื่นๆที่มีตัวอักษรกาหนดไว้
“ใช่..มันคือแผนที่”
คาร์ลได้ใช้ข้อมูลจากการอ่านนิยาย ‘กาเนิดวีรบุรุษ’ เพื่อสร้าง
แผนที่นี้ขึ้นมา
< เชวฮันตัดสินใจที่จะขยับขยายไปยังอาณาเขตพื้นที่รอบนอก
โดยเริ่มจากภูเขาหินสูงนี้ไป…เขาเริ่มเดินทางจากทิศเหนือไป
เรื่อยๆจนในที่สุดก็สามารถเดินผ่านป่าแห่งความมืดไปได้
ทั้งหมด>
< ในที่สุดเชวฮันก็สามารถค้นพบพื้นที่ทุกตารางนิ้วของอาณา
เขตภายในและเริ่มสารวจอาณาเขตภายนอกในเวลาต่อมา>
<….เชวฮันรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อเขาค้นพบกาแพงหิน
ขนาดใหญ่…มันอยู่ทางทิศใต้ของพื้นที่รอบนอก…มันคือจุด
สุดท้ายที่เขาสารวจมันพบและเป็นที่ที่เขาสามารถพบเจอเหล่า
ผู้คนนอกเหนือไปจากสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์นั่น…มัน
ใช้เวลานานเกินไปที่เขาสามารถค้นพบที่นี่เจอ>
“แต่มันก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดหรอกนะ…เราจาเป็นต้องสัมผัส
ประสบการณ์ด้วยตัวเราเองในการสารวจพื้นที่และเข้าใจในสิ่ง
ที่ป่าแห่งความมืดเป็น”
จากนั้นคาร์ลก็มองไปที่วิเทียร์และพาสตันซึ่งกาลังยืนฟังเขาอยู่
เงียบๆอย่างตั้งใจก่อนจะกล่าวต่อไป
“ดังนั้น…พวกเจ้าจงเป็นผู้นาทางเถิด”
มังกรดาที่อยู่ด้านหลังของคาร์ลเริ่มขยับปีกของมันให้กระพือ
เร็วขึ้นและจ้องไปที่ร่างของสองพี่น้องจากเผ่าวาฬ วิเทียร์เริ่ม
ยิ้มออกมาเมื่อเอื้อมมือไปรับขวดน้าจากคาร์ลที่ยื่นส่งให้เธอ
หลังจากหยิบออกมาจากกระเป๋าเวทย์ประจาตัวของเขาแล้ว
หลังจากวิเทียร์ดื่มน้าจากขวดนั้นได้สักพักก็เริ่มหงายฝ่ามือของ
เธอออกมา
ชิ้ง!!!!!!!!
แส้ยาวเกือบสามเมตรปรากฏขึ้นในมือของวิเทียร์ทันที เธอลอง
สะบัดฟาดไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะรวบเข้ามาเก็บไว้ใน
อ้อมแขนของตัวเองและเริ่มเอ่ยติดตลกขึ้น
“ข้ารับรอง…ว่าจะพาท่านไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย”
คาร์ลค่อนข้างมั่นใจในตัวของเธอ สัตว์อสูร‘วาฬหลังค่อม’ผู้
เป็นราชวงศ์ปกครองอาณาจักรมหาสมุทรได้รับการกล่าวขาน
ว่าสามารถจัดการกับสัตว์อสูร‘วาฬเพชฌฆาต’ผู้ก่อปัญหา
ให้กับผืนมหาสมุทรได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามคาร์ลก็ไม่ได้
มีแผนที่จะทาตามเธอบอกทั้งหมดแต่ยังไม่มีเหตุจาเป็นที่ต้อง
พูดออกมาในตอนนี้ ก่อนจะชี้ไปยังทางเข้าป่าแห่งความมืด
ให้กับทุกคนได้เห็นพร้อมๆกัน
“ไปกันเถอะ!”
คาร์ลและคณะกาลังก้าวเข้าสู่ป่าแห่งความมืดในตอนนี้แล้ว
ผืนป่าไม่ได้มีเสียงดังมากนักแต่มีเสียงต่างๆที่ดังก้องสะท้อนไป
ทั่วจากพื้นที่อาณาเขตภายใน เสียงของแมลง เสียงคารามของ
สัตว์ประหลาดที่ดังแว่วมาจากที่ไกลๆ เสียงนกร้องและแม้แต่
เสียงร้องของสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆที่ส่งเสียงดังเป็นระยะๆ
“สถานที่อันตรายมักจะไม่มีความสงบเลยหรือ?”
พาสตันใช้ดาบตัดพุ่มไม้ที่ขวางทางเมื่อเอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“มีสิ..แต่ต้องเป็นกรณีที่มีผู้ปกครองเพียงคนเดียวในพื้นที่นั้น”
ป่าแห่งความมืดไม่มีกฎใดๆ มันมีเพียงความสัมพันธ์ของผู้ล่า
และผู้ถูกล่าเท่านั้น
“ระวังรองเท้าของเจ้าด้วย!…ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันจะไม่
ขาดจนทาให้ผิวของเจ้าโผล่ออกมาได้”
“อ่า….ข้าเข้าใจแล้ว”
พาสตันก้มลงมองผ้าที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษที่ถูกรัดเอาไว้ตรง
ข้อเท้าระหว่างรอยต่อของกางเกงและรองเท้าของเขาก่อนจะ
หันกลับไปมองคาร์ล กระเป๋าเวทย์ใบนั้นช่างเป็นกระเป๋าที่
วิเศษยิ่งนัก มันมีของหลายๆอย่างอยู่ในนั้นและพวกมันเป็น
ของที่จาเป็นสาหรับการเดินทาง
‘เจ้าต้องระวังข้อเท้าของเจ้าให้ดีเมื่อเข้าไปในป่านั่น…พวก
แมลงก็เป็นอันตรายเช่นกัน…เจ้าอาจได้รับพิษหากถูกมันกัด
เข้า’
พาสตันนึกถึงสิ่งที่คาร์ลเคยบอกพวกเขาเอาไว้และสงสัยว่า
คาร์ลไปรู้เรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน? อย่างไรก็ตามเขาไม่สา
มารเอ่ยปากถามเรื่องนี้ได้ง่ายนักเพราะช่วงนี้ดูเหมือนคาร์ลจะ
ยุ่งมาก (53380)
“เจ้ามองอะไรอยู่…มองไปข้างหน้าสิ!”
“อ้อ!…ใช่…ใช่แล้ว…มองไปข้างหน้า”
เสียงแข็งกระด้างของคาร์ลที่เอ่ยขึ้นทาให้พาสตันหันหลัง
กลับไปมองข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ พาสตันจะเร่งฝีเท้า
เดินตามหลังวิเทียร์พี่สาวของตนเพื่อกาจัดสิ่งกีดขวางตาม
เส้นทางที่พวกเขากาลังมุ่งหน้าเดินเข้าไป ตอนนี้พวกเขา
ทั้งหมดกาลังเดินผ่านป่าหญ้าที่มีความสูงถึงระดับเอวแล้ว
คาร์ลกาลังบันทึกข้อมูลที่เขาได้รับเข้ามาใหม่ลงบนแผนที่อย่าง
ตั้งใจ
‘มันอาจดูไร้ประโยชน์’
คาร์ลสงสัยว่ามีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทาแผนที่ของป่าแห่ง
ความมืดขึ้นมาเช่นนี้? มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเขากาลังวางแผนจะ
พิชิตป่าแห่งความมืดเลยสักนิด? อย่างไรก็ตามเขามีความรู้สึก
ว่าเขาสามารถหาวิธีขายแผนที่นี้ได้ในอนาคต ลักษณะของ
คาร์ลคือการทาสิ่งต่างๆให้ถูกต้องเหมาะสมที่สุดเพื่อให้สามารถ
ใช้งานได้อนาคตและหากเป็นไปได้ก็สามารถสร้างรายได้ให้แก่
เขาได้ด้วยเช่นกัน
บทที่ 61 ทําลายมันซะ 3 (2)

“นายน้อยคาร์ล…เราเกือบจะผ่านพื้นที่นี้ไปได้แล้ว”
“ต่อไปจะเข้าสู่เขตพื้นที่ของสัตว์ประหลาดขนาดเล็ก”
วิเทียร์พยักหน้าเพื่อตอบรับกับคํากล่าวของคาร์ลและสะบัดแส้
ของเธอไปข้างหน้าอย่างผ่อนคลาย หากพูดตามตรงสมาชิกใน
กลุ่มของคาร์ลในตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมากทําให้คาร์ลไม่ได้
รู้สึกกังวลเลยสักนิด วิเทียร์ยังคงมีท่าทางผ่อนคลายและสงบ
เมื่อพวกเขาผ่านบริเวณป่าหญ้าที่รกทึบและก้าวเข้าสู่พื้นที่ของ
สัตว์ประหลาดขนาดเล็ก
แกร็ก!!!
กิ่งไม้ท่อนหนึ่งหักลงเมื่อวิเทียร์เหยียบถูกมันเข้า
“เดินต่อไปเถิด”
คาร์ลส่งเสียงบอกวิเทียร์ขึ้นมาเมื่อเห็นเธอชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้
ยินเสียงบางอย่างที่คาดว่าจะมีถึงสองสิ่งกําลังเคลื่อนไหวอยู่
กลางอากาศและส่งเสียงดังให้ได้ยินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฟิ้วววว!!!!
ฟิ้ววววว!!!!!!!!!
วิเทียร์สะบัดมือของตนขึ้นกลางอากาศก่อนจะพบเข้ากับ
ลูกดอกอาบยาพิษที่อยู่ระหว่างนิ้วมือของเธอ วิเทียร์หันกลับมา
มองคาร์ลและส่งยิ้มเย็นให้
“ข้าจะจัดการมันให้เงียบและเร็วที่สุดเอง”

บนต้นไม้รอบๆบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ปรากฏร่างของสัตว์
ประหลาดขึ้นและเธอก็หันไปมองพวกมันด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ทันที
“พวกมันใช่ก็อบลินกลายพันธุ์หรือไม่? ” [1]
ก๊าซซซซซซซซซซ์!!!!!!!!!
ก๊าซซซซ์!!!!!!!!! ก๊าซซซซ์!!!!!!!!!
พวกมันดูเหมือนจะมีร่างกายที่ใหญ่กว่าก็อบลินทั่วไปและ
ใบหน้าของพวกมันก็ดูต่างออกไปเล็กน้อยอีกทั้งผิวหนังของมัน
มีทั้งสีม่วงและสีแดง
“ไม่!….พวกมันไม่ใช่ก็อบลิน ”
วิเทียร์หันไปมองมือที่แตะอยู่บนไหล่ของเธอ คาร์ลเข้ามายืน
ข้างๆวิเทียร์และจ้องไปที่สัตว์ประหลาดพวกนั้นอย่างไม่วางตา
“นายน้อยคาร์ล…ตรงนี้มันอันตราย..ท่านขยับไปอยู่ทางด้าน
หลังเถิด”
“พวกมันคือ‘ฮอนท้า’ สัตว์ประหลาดจากทวีปตะวันออก”
“อ่า!…”
ป่าแห่งความมืดมีสัตว์ประหลาดจากทวีปตะวันออกอาศัยอยู่
ด้วยและคาร์ลก็ได้พบมันเป็นกลุ่มแรกในตอนนี้แล้ว
“พวกมันดูคล้ายกับก็อบลิน..แต่พวกมันกลับโง่และมีแนวโน้มที่
จะโหดร้ายและรุนแรงมากกว่า”
“อืม…ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะพวกมันดูคล้ายกับคนต่าง
อาณาจักรมากกว่า”
วิเทียร์พยักหน้าเข้าใจและเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบเย็น
“เดี๋ยวข้าจะจัดการพวกมันเอง…ท่านถอยไปก่อนเถิดนายน้อย
คาร์ล”
“ไม่!…ข้าจะเป็นคนลงมือเอง”
“….อะไรนะ?”
วิเทียร์จ้องไปที่คาร์ลด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนจะมองเห็นออน
และฮงกระโดดลงจากไหล่ของคาร์ลและหยุดยืนอยู่บนพื้นดิน
ด้านหน้าคาร์ล ลูกแมวทั้งสองปัดเศษดินออกจากร่างของพวก
มันเบาๆก่อนตั้งท่าเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้
“เราสามารถจัดการสิ่งนี้ได้อย่างแน่นอน!”
วิเทียร์มองเห็นสัตว์ประหลาดขนาดเล็กเกือบ 10 ตัวกําลังมุ่ง
หน้ามายังพวกเขาและหันกลับไปมองคาร์ลทันทีเมื่อเห็นร่าง
ของเขาถูกโอบล้อมด้วยหมอกทึบก่อนร่างของเขาจะเริ่มเลือน
หายไปอย่างช้าๆ
“ข้ามีบางอย่างที่ต้องการทดสอบ..”
คาร์ลต้องการรู้ว่าตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งมากเพียงใด? นี่
เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทดสอบสิ่งนี้
เขามีมังกรอยู่ทางขวามือ วิเทียร์อยู่ทางด้านซ้ายและพาสตันที่
อยู่ทางด้านหลัง นี่ไม่ใช่ตําแหน่งที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุดอย่างนั้น
หรือที่เขาจะสามารถต่อสู้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับอันตราย
ใดๆหากพลาดท่าเสียทีขึ้นมา
“ถอยหลังไป!”
“..แต่…นายน้อยคาร์ล…ข้าว่า…”
“ช่วยข้าหน่อยแล้วกันหากมันดูอันตรายจนเกินไป…ข้าจะได้รับ
บาดเจ็บได้อย่างไรเมื่อมีพวกเจ้าทั้งหมดอยู่กับข้าในตอนนี้”
วิเทียร์ก้าวถอยหลังทันทีเมื่อมองเห็นสายตาที่มีความมั่นใจ
อย่างเต็มเปี่ยมของคาร์ล ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเชื่อใจอย่าง
เต็มที่กับพวกเธอทั้งสาม วิเทียร์ขยับไปยืนทางด้านหลังข้างๆ
กับพาสตันและเตรียมพร้อมเพื่อก้าวเข้าไปในวงล้อมการต่อสู้
ได้ทุกเวลา
ในขณะนั้นเองโล่ป้องกันก็ถูกสร้างขึ้นรอบๆวิเทียร์และพาสตัน
ทันที ก่อนที่มังกรดําจะขยับร่างของมันไปยืนอยู่ด้านหน้าของ
สองพี่น้องจากเผ่าวาฬและเริ่มพูดขึ้น
“พิษนั่นแข็งแกร่งกว่าที่คิดอีกนะ”
‘พิษ?’
นั่นทําให้พาสตันให้ไปมองพี่สาวของตนด้วยความสับสนใน
ขณะที่วิเทียร์ก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆเช่นกัน เธอทําได้เพียงส่าย
ศีรษะของตนเบาๆและหันไปมองการต่อสู้เบื้องหน้าตนพร้อมๆ
กับอุทานออกมาด้วยความชื่นชมทันที
“….ไม่เลวนี่”
ออน ฮงและคาร์ลถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกหนาทึบยิ่งไปกว่า
นั้นสีของหมอกก็เริ่มแปลกไป มันดูใกล้เคียงกับสีแดงมากกว่าที่
จะเป็นสีขาวเหมือนหมอกทั่วๆไป
‘พิษ’ เธอดูเหมือนจะเข้าใจในความหมายของสิ่งที่มังกรดําพูด
แล้วในตอนนี้
ก๊าซซซซซซซซซซ์!!!!!!!!!
ก๊าซซซซ์!!!!!!!!ก๊าซซซซ์!!
ก๊าซซซซ์!!!!!!!!!
“หนวกหูเสียจริง!”
คาร์ลสร้างลมหมุนที่มือข้างหนึ่งและเท้าทั้งสองข้างในขณะที่
ถูกหมอกโอบรอบร่างกายอยู่ เขาสัมผัสได้ถึง ‘พละกําลังแห่ง
ดวงใจ’ที่กําลังแล่นพล่านอยู่ในอกของเขาและเริ่มออกคําสั่งกับ
ลูกแมวทั้งสองทันที
“ไป!”
ร่างของคาร์ลพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วและในเวลา
เดียวกันหมอกหนาทึบสีแดงก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณโดยรอบ
ทันที
ก๊าซซ์? ก๊าซซซซ์!!
ก๊าซซซซ์!!
หมอกหนาทึบมากจนไม่สามารถมองเห็นนิ้วมือของตนได้เลย
แม้จะยกมันขึ้นมาจ่อดูแล้วก็ตาม หมอกสีแดงสองสายเริ่ม
เคลื่อนไหวด้วยความว่องไวภายในหมอกทึบนั่น
ฟิ้วววว!!!!!! ควับ!!!!!!
ลมหมุนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและตัดเอาแขนของสัตว์ประหลาดตัว
หนึ่งขาดทันที
อ๊ากกกก!!!!!!! ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซ์!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หมอกสีแดงเริ่มกลืนร่างของสัตว์ประหลาดเข้าไป ก่อนที่คาร์ล
จะพุ่งร่างของตนไปทางด้านขวาจากจุดที่สัตว์ประหลาดถูก
กลืนเข้าไปและเรียกโล่เงินของตนออกมาทันที โล่เงินมีขนาดถึง
สองเท่าเมื่อคาร์ลวิ่งไปรอบๆหมอกสีแดงนั่น
ทันใดนั้นโล่ก็ร่วงลงมากระทบพื้น
บู๊ม!!! เคร้ง!!!! แคร๊ก!!!!!
เสียงเหมือนบางอย่างถูกบีบอัดอย่างรุนแรงดังขึ้นพร้อมๆกับ
เสียงโล่ที่ตกกระทบพื้น
ทันทีที่โล่เงินตกลงมากระทบพื้น ลมหมุนที่เต็มไปด้วยหมอกสี
แดงโอบล้อมก็ถูกสร้างขึ้นถัดจากนั้นทันที มีสัตว์ประหลาดสอง
ตัวที่ติดอยู่ในลมหมุนกําลังกระอักออกมาเป็นเลือดเมื่อถูก
เหวี่ยงขึ้นไปกลางอากาศอย่างรุนแรง
อึ่กกกกกก!!!!!
แค่….แค่กกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ร่างของสัตว์ประหลาดกระตุกขึ้นหนึ่งครั้งก่อนแน่นิ่งไป ศพที่
ถูกพิษของพวกมันเริ่มมีเลือดไหลออกจากทุกจุดของร่างกายใน
เวลาต่อมา
พาสตันจับตาดูฉากที่เกิดขึ้นอย่างไม่พลาดสายตาก่อนที่ตาของ
เขาจะเริ่มพร่ามัวขึ้นด้วยความสยดสยอง
“ข้าจําได้…ว่าท่านเคยบอกว่าเขาอ่อนแอ”
“เขามันอ่อนแอ”
พาสตันเริ่มคิดเมื่อได้ยินมังกรดําเอ่ยตอบอย่างมั่นใจว่าคาร์ล
ช่างอ่อนแอยิ่งนัก
‘พวกมันอาจจะมีขนาดร่างกายที่เล็ก…แต่มันก็มีมากกว่าสิบตัว
และพวกมันยังเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่าก็อบลินเสีย
อีก’
พาสตันหันไปมองพี่สาวของตนซึ่งตอบออกมาอย่างตั้งใจพร้อม
กับรอยยิ้มที่สดใสประดับเต็มหน้า
“ดูเหมือนจะจบลงในอีกไม่ช้านี้แล้ว”
บู๊ม!!!!
มีเสียงดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่หมอกจะเริ่มจางลง มันจบลงอย่างที่
เธอกล่าวขึ้นจริงๆ
พาสตันมองเห็นร่างของคาร์ลได้แล้วในตอนนี้
“พวกมันย่อมอ่อนแอเพราะพวกเรายังอยู่ใกล้พื้นที่ทางเข้า
เท่านั้น”
คาร์ลพูดออกมาอย่างมั่นใจในขณะที่ยืนอยู่บนโล่เงินของตนเอง
ภายใต้โล่เงินที่คาร์ลเหยียบอยู่นั้นมีร่างของสัตว์ประหลาดสอง
ตัวที่แหลกละเอียดจนไม่สามารถจดจําร่างของมันได้อีกต่อไป
เมี้ยว
หมอกจากหายไปและ‘ออน’ลูกแมวขนสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้นอีก
ครั้ง
“พิษดูเหมือนจะอ่อนกําลังลงแล้ว”
‘ฮง’ ลูกแมวขนสีแดงเข้มก็โผล่ออกมาอีกครั้ง มันส่ายหางของ
มันอย่างรวดเร็ว ทั่วพื้นดินที่ฮงก้าวเหยียบลงไปนั้นเต็มไปด้วย
คราบสีดําสกปรกก่อนที่มันจะใช้อุ้งเท้าของมันเช็ดไปตามใบไม้
แห้งทีห่ ล่นอยูท่ ่ัวพืน้ เพือ่ กําจัดคราบสกปรกนัน้ ออกไป
มันดูเป็นภาพที่สงบแต่พาสตันไม่สามารถที่จะคิดเช่นนั้นได้ เขา
จะสามารถคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเมื่อมองเห็นศพของสัตว์
ประหลาดที่เกลื่อนไปทั่วพื้นที่ ทั้งสัตว์ประหลาดที่ตายจาก
หมอกพิษและสัตว์ประหลาดที่ตายจากการบดขยี้ด้วยโล่เงิน
และลมหมุนของคาร์ล
“นายน้อยคาร์ล…ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่มั้ย?”
“โอ้!…ข้าบาดเจ็บเล็กน้อย”
พาสตันถามออกไปอีกครั้งอย่างรีบร้อนด้วยความตกใจ
“ท่านบาดเจ็บที่ใด?…แล้วเจ็บมากหรือไม่?”
คาร์ลชี้ไปที่หลังมือของตน
“ข้ามีรอยขีดข่วน”
พาสตันหุบปากของตนลงทันทีเมื่อได้รับคําตอบจากคาร์ล วิ
เทียร์เดินเข้าไปตบไหล่ของน้องชายตนเบาๆก่อนจะขยับไปใกล้
คาร์ล ตอนนี้คาร์ลกําลังยกโล่เงินของตนขึ้นมาและสั่งเก็บมัน
เข้าไปในตัวของเขาทันที เนื่องจากมันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
เขาจึงไม่ต้องเช็ดคราบเลือดออก มันจะสะอาดหมดจดเหมือน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเขาเรียกใช้งานมันอีกครั้ง
“นายน้อยคาร์ล…ท่านจะยังใช้งานมันเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาด
ตัวเล็กๆอีกหรือไม่?”
“…ก็อาจจะ”
คาร์ลล้างเลือดออกจากมือของตนหลังจากที่นึกว่าตนอาจจะใช้
งานโล่เงินและลมหมุนอีกครั้ง
“ข้าไม่สามารถใช้แรงได้เต็มที่มากนัก..เพราะข้ายังอยู่ในช่วง
พักฟื้นร่างกายอยู่”
วิเทียร์หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้กับความมั่นใจที่มีเต็ม
เปี่ยมของคาร์ล เช่นเดียวกับออนและฮงที่ยืดอกของพวกมันขึ้น
หลังจากได้รับคําชมจากมังกรดําเกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกมัน
คาร์ลเริ่มกระตุ้นสมาชิกทั้งหมดให้ออกเดินทางต่ออีกครั้ง
“รีบเข้าเถอะ!”
พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องจัดการอีกหลายอย่างต่อจากนี้
สองวันต่อมา
คาร์ลลดแผนที่ในมือของตนลงและมองตรงไปยังผืนป่าเบื้อง
หน้าก่อนจะเอ่ยกับสมาชิกในกลุ่มของตนขึ้น (53380)
“เราใกล้จะถึงกันแล้วล่ะ”
เขตรอยต่อระหว่างอาณาเขตพื้นที่ภายในและภายนอก มันจะ
ใช้เวลาไม่นานหลังจากนี้เมื่อพวกเขามุ่งตรงไปหามัน
[1] ก็อบลิน (อังกฤษ: Goblin) เป็นโนม(Gnome/ภูตแคระ)ที่
มีรูปร่างพิกลพิการ ชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งเต็มไปด้วยเล่ห์
เหลี่ยมสามารถทําอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทําให้
เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทําให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลิน
มีต้นกําเนิดมาจากฝรั่งเศส ก๊อปลินนั้นเป็นปีศาจ อาศัยอยู่ใต้
ดิน ในตํานานเดิมของยุโรปเล่าถึง ก็อบลิน ว่า เป็นปีศาจร่าง
เล็ก (อาจจะสูงประมาณ 70 ซม.) ลักษณะคล้ายซากศพ บาง
ตํานานก็กล่าวว่า ก๊อปลินรูปร่างจนมีหน้าตาอัปลักษณ์ไม่ชวน
มอง ซึ่งหน้าตาหรือรูปร่างของพวกก๊อบลินจะเป็นเช่นไร มัก
ขึ้นอยู่กับตํานานหรือของเชื่อของผู้คนในแถบนั้น ก็อบลินเป็น
อีกหนึ่งสัตว์ปีศาจที่นิยมใช้ประกอบวรรณกรรมแฟนตาซี โดย
มักมีฐานะเป็นรองออร์ค แต่ว่องไวกว่าและอันตรายมากกว่า
บทที่ 62 ทาลายมันซะ 4 (1)

พวกเขาจะเดินทางถึงที่นั่นภายในหนึ่งชั่วโมง
คาร์ลเก็บแผนที่ที่มีความแม่นยาเกือบร้อยเปอร์เซ็นใส่ใน
กระเป๋าเวทย์ของตนก่อนจะหันไปมองสมาชิกที่เหลือ
ติ๋ง!ติ๋ง!
เลือดหลายหยดหล่นลงกระทบพื้นจากกรงเล็บอันแหลมคมของ
ออน
กรรจ์!!!!!!
สัตว์ประหลาดตัวเล็กที่มีรูปร่างคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกกาลัง
ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นจากการถูกพิษก่อนที่มังกรดาจะเข้า
มารายงานสถานการณ์ให้คาร์ลทราบ
“จัดการเรียบร้อยแล้ว!”
สัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกเกือบยี่สิบตัว
ล้วนกลายเป็นศพกองเกลื่อนเต็มพื้น
‘อืม…พวกเขาล้วนแข็งแกร่งขึ้นด้วยประสบการณ์สินะ’
ออนและฮงไม่สามารถเรียนรู้การต่อสู้ได้อย่างถูกวิธีเพราะพวก
มันจาเป็นต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเนื่องจากหลบหนีออกมา
จากเผ่าของพวกมัน ส่วนมังกรดาก็ไม่มีประสบการณ์ให้เก็บ
เกี่ยวหลังจากที่ต้องอยู่ในคุกตลอดช่วงชีวิตสี่ปีของมัน คาร์ลได้
ใช้เหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ในปุาแห่งความมืดเติมเต็มช่องว่าง
เหล่านั้นเพื่อใช้ฝึกฝนพวกมันทั้งสามให้ได้รับประสบการณ์และ
แข็งแกร่งขึ้น
“ข้าควรจะร่วมต่อสู้กับพวกเจ้าดีหรือไม่?”
คาร์ลจะมีโอกาสสร้างประสบการณ์ในการต่อสู้โดยไม่ต้องกังวล
ถึงความปลอดภัยเช่นนี้ได้อีกที่ไหนกันนะ? มังกรดาและลูกแมว
สองพี่น้องต่างส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ล
พึมพาออกมา
“ดูเหมือนมันจะเป็นความคิดที่ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก!”
“เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…มันมากเกินไปสาหรับตัวเจ้า!…แค่ครั้ง
เดียวก็พอแล้ว!”
“ใช่…น้องชายคนเล็กของเราพูดถูก..เจ้ากระอักเลือดออกมาตั้ง
มากเมื่อครั้งที่ใช้โล่เงินในตอนนั้น…เจ้าจาไม่ได้หรืออย่างไร?”
พาสตันอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยินเสียงเจ้าเด็กทั้งสามกล่าวกับ
คาร์ล
“เอ่อ…..”
อย่างไรก็ตามคาร์ลสามารถมองเห็นรอยยิ้มอันสดใสของวิเทียร์
ที่ประดับเต็มใบหน้าก่อนจะค่อยๆรวบแส้ของตนมาไว้ในอ้อม
กอดพร้อมกับแววตาที่เป็นประกายวาว
นั่นคือท่าทางของคนที่พร้อมจะต่อสู้ เอ่อ….เธอช่างเป็นคนที่น่า
กลัวจริงๆ
คาร์ลรีบเปิดกระเป๋าเวทย์ของตนออกมาอีกครั้งพลางเรียกๆ
สมาชิกทุกคนให้เข้ามาใกล้ตนมากกว่าเดิม
“พวกเจ้าทุกคนควรสวมสิ่งนี้เอาไว้ก่อนที่เราจะเดินทางไปไกล
กว่านี้”
“เป็นเพราะพิษอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว”
คาร์ลตอบคาถามของพาสตันก่อนจะสวมหน้ากากลงบน
ใบหน้าของมังกรดาที่ยื่นหัวมาหาเขา
“มนุษย์…มันมีกลิ่นแปลกๆ”
มังกรดามักจะพูดถึงเรื่องนี้ให้คาร์ลได้ยินมาตลอดหลายวัน
นับตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้าสู่ปุาแห่งความมืด
“แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?”
“ข้าไม่รู้…แต่มันยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเดินทางมาถึงที่นี่…มันเป็น
สิ่งที่ข้าคุ้นเคยยิ่งนัก”
“มันอาจเป็นกลิ่นของพิษหรือกลิ่นเน่าเปื่อยจากพืชที่อยู่แถวๆ
นี้ก็ได้”
คาร์ลปัดเรื่องนี้ออกอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับเข้าใกล้ออนทันที
มังกรดาที่ใส่หน้ากากเรียบร้อยก้มศีรษะของมันลงมองพื้น
ก่อนที่มันจะเริ่มพึมพาออกมาแต่เพราะหน้ากากที่มันใส่ไว้จึง
ทาให้คาร์ลไม่สามารถได้ยินในสิ่งที่มันพูด
“…ไม่นะ…มันไม่ใช่กลิ่นที่น่าราคาญเช่นนั้น”
อย่างไรก็ตามมังกรดายังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเพราะมันค่อนข้าง
มั่นใจว่ากลิ่นนั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
คาร์ลเริ่มสวมหน้ากากปูองกันลงบนใบหน้าของตน
‘แม้แต่เชวฮันก็พยายามอยู่ให้ห่างหนองน้านั่น’
เชวฮันเป็นคนที่มีความทนทานต่อพิษต่างๆสูงมาก แต่ถึง
อย่างไรก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องสัญจรผ่านทางหนองน้านั่น
เมื่อมีเส้นทางอื่นๆในปุาแห่งความมืดอีกมากมายเพราะมันเป็น
เส้นทางที่ยุ่งยากและน่าราคาญเกินไปสาหรับตัวเชวฮัน
พาสตันเดินเข้าใกล้คาร์ลทันที
“มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ…ที่มีหนองน้าเพียงแค่สองแห่งในปุา
แห่งความมืดนี้”
“จริงหรือ?….แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น”
พาสตันมองเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของคาร์ลภายใต้หน้ากากนั่น
มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจเองหากได้เห็นมัน”
หนองน้าเพียงสองแห่งก็เพียงพอแล้วสาหรับปุาแห่งนี้ คาร์ล
ตรวจสอบสมาชิกในกลุ่มว่าสวมหน้ากากปูองกันทุกคนหรือยัง
พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพร่างกายของพวกเขาทั้งหมดด้วย
คาร์ลและสมาชิกได้นอนหลับเพียง 1-3 ชั่วโมงต่อคืนนับตั้งแต่
ย่างกรายเข้ามาในปุาแห่งความมืด
“พวกเจ้าทุกคนยังดูแข็งแรงดี”
ไม่มีใครมีท่าทางอ่อนเพลียเลยสักนิด
“พวกเจ้าทุกคนช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
ใบหน้าของพาสตันเริ่มยับย่นเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูดออกมา
เขาหันไปมองพี่สาวของตนและเอ่ยถามคาถามผ่านทางสายตา
‘พี่วิเทียร์…นายน้อยคาร์ลควรพูดเช่นนั้นหรือ?’
วิเทียร์เพียงยักไหล่ของตนสูงขึ้นและปฏิเสธการตอบคาถาม
ของพาสตันที่เอ่ยถามผ่านทางสายตาก่อนที่พาสตันจะหัน
กลับมามองที่คาร์ลอีกครั้ง ไม่ใช่ว่านายน้อยคาร์ลคือคนที่
แข็งแรงที่สุดในตอนนี้หรือไร?
พาสตันหันไปมองมังกรดาและลูกแมวทั้งสองตัว พวกมันทั้ง
สามมักจะวิ่งเข้าไปดูแลคาร์ลเมื่อพวกมันลงความเห็นว่าคาร์ล
เริ่มเหนื่อยและอ่อนเพลียแล้ว แน่นอนว่าคาร์ลย่อมไม่มีอาการ
เหนื่อยหรืออ่อนเพลียออกมาให้เห็นต้องขอบคุณ‘พละกาลัง
แห่งดวงใจ’ที่เป็นตัวช่วยชั้นดีสาหรับคาร์ลและแน่นอนว่าไม่มี
ใครรู้ในเรื่องนี้แม้แต่พาสตันที่กาลังมองมาที่เขาอย่างสงสัยก็
ตาม
วิเทียร์ยังคงกอดแส้ประจาตัวของตนไว้ในอ้อมแขนเช่นเดิมใน
ขณะที่เอ่ยถามคาร์ล
“นายน้อยคาร์ล…ตอนนี้ถึงตาของพวกเราสองพี่น้องแล้ว
สินะ?”
คาร์ลเพียงขยับขาของตนไปด้านหน้าแทนที่จะตอบสิ่งใด
ออกมา
มีเส้นแบ่งระหว่างอาณาเขตพื้นที่ภายและภายนอกให้เห็นอย่าง
ชัดเจน
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!
อร๊างงงงงง!!!!!!!!
แกว๊กกกก!!!!!!!!!!!!!
มีเสียงต่างๆมากมายดังออกมาให้คาร์ลได้ยินทันทีที่ก้าวผ่าน
รอยต่อของพรมแดนนั่น จากนั้นเขาก็เริ่มพูดกับวิเทียร์ที่ก้าว
ตามเขามาติดๆ
“ลงมือได้!”
สัตว์อสูร‘วาฬหลังค่อม’ผู้เป็นใหญ่ในมหาสมุทรไม่มีสิ่งใดที่
พวกเขาจะต้องเกรงกลัวเลยสักนิด
“ถึงตาของเจ้าแล้ว!”
เพี๊ยะ!!!!
วิเทียร์สะบัดแส้ของเธอออกไปทันทีที่คาร์ลเอ่ยจบ
บู๊ม!!!!
เกิดปล่องลาวาขนาดใหญ่บนพื้นดินทันทีที่แส้ของวิเทียร์ฟาด
กระทบ
ก๊าซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!
อร๊างงงง!!!!!!!!
แกว๊กกก!!!!!!!!!!!!!
เสียงที่ดังสนั่นเมื่อครู่ค่อยๆเลือนหายไปในทันที
‘วิเทียร์’ผู้ที่มีความแข็งแกร่งอยู่กึ่งกลางระหว่างเชวฮันและ
มังกรดารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะต่อสู้เต็มแก่แล้ว หัวใจของเธอ
เริ่มพองโตเมื่อนึกถึงภาพการต่อสู้ของตนเองที่นับได้ว่ามีทักษะ
ที่ดีที่สุดของกลุ่มจะได้แสดงมันออกมาในอีกไม่ช้านี้
“…พวกข้าต้องเร่งมือกันแล้วใช่หรือไม่?”
เธอยิ้มเต็มใบหน้าและเอ่ยถาม‘คาร์ล’นายน้อยผู้ลึกลับก่อนที่
เขาจะตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย
“อืม….ให้เร็วที่สุด…ข้าอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านเต็มแก่แล้ว”
พาสตันถอนหายใจยาวหลังจากได้ยินคาร์ลพูดก่อนจะชักดาบ
ประจาตัวที่เริ่มมีวังน้าวนหมุนวนอย่างน่ากลัวออกมา
ศัตรูเริ่มเผยตัวออกมาให้เห็นช้าๆท่ามกลางผืนปุาที่เงียบสงบ
ในตอนนี้
เขตรอยต่อระหว่างอาณาเขตภายนอกและภายในเป็นแหล่ง
อาศัยของสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งน้อยกว่าสัตว์ประหลาดที่
อยู่ในอาณาเขตภายใน แต่สัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวให้พวก
เขาเห็นเบื้องหน้าในตอนนี้ก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าสัตว์ประหลาด
ที่แสนอ่อนแอที่อาศัยอยู่อาณาเขตภายนอกนั่นมากนัก
ทั้งยักษ์กลายพันธุ์ โทรลล์กลายพันธุ์ [1] แมงมุมยักษ์ที่ดู
เหมือนจะเป็นสัตว์ประหลาดจากทวีปตะวันออกและแม้แต่สัตว์
ประหลาดระดับสูงต่างก็ปรากฏตัวขึ้นให้พวกเขาได้ยลโฉม
“สัตว์ประหลาดที่อยู่ในปุาแห่งนี้มีหลากหลายสายพันธุ์จริงๆ…
อ้อ!..พวกมันยังคงต้องการต่อสู้แม้ว่าจะเห็นท่านมังกรแล้วก็
ตาม”
พาสตันก้าวเท้าไปข้างหน้าและหันมองไปมาระหว่างร่างของ
มังกรดาและคาร์ลก่อนที่คาร์ลจะพยักหน้าให้กับคาพูดของพา
สตันและออกคาสั่งทันที
“เร่งมือเข้าเถิด”
“อื้ม!…ข้าจะเร่งมือให้เร็วที่สุด”
พาสตันกระโจนออกไปเบื้องหน้าทันทีและการต่อสู่ระหว่างสัตว์
ประหลาดที่แข็งแกร่งกับสองพี่น้องจากเผ่าวาฬก็เริ่มต้นขึ้น
สัตว์ประหลาดในปุาแห่งความมืดไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด
แม้ว่าพวกมันกาลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่น
สมาชิกจากเผ่าวาฬหรือแม้แต่ตัวมังกรเอง จะว่าไปตามจริง
พวกมันทั้งหมดกาลังคิดหนักและกาลังตกที่นั่งลาบากมากขึ้น
มันเหมือนกับว่าพวกมันกาลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดหรือ
พยายามปกปูองอาณาเขตของพวกมันไม่ให้ผู้บุกรุกที่แข็งแกร่ง
กว่าเข้ามาปกครองพื้นที่และปกครองพวกมันได้ พวกมัน
ทั้งหมดไม่ต้องการให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏตัวขึ้นกลางปุา
แห่งความมืดแห่งนี้เลยสักนิด
คาร์ลยืนมองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้าด้วยความผ่อน
คลายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งเห็นโล่ปูองกันที่ถูกสร้างขึ้นล้อมรอบ
พวกเขาในเวลาต่อมา (53380)
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“มันน่าราคาญเกินไป…ทาไมข้าต้องเปลืองแรงไปกับพวก
อ่อนแอเช่นนั้นด้วย”
“นั่นสินะ!….ไปกันเถอะ”
คาร์ลเริ่มเดินมุ่งไปข้างหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับโล่ปูองกันที่
ยังคงตั้งใจทางานของมันอย่างมีประสิทธิภาพ
ฟึ่บ!!! บู๊ม!
ร่างของยักษ์กลายพันธุ์ถูกฉีกเป็นสองท่อนด้วยดาบวังน้าวน
ของพาสตัน เลือดของมันบางส่วนกระเซ็นเข้าใส่โล่ปูองกันของ
มังกรดาทันที
เพี๊ยะ!!!! บู๊ม!!!!
แส้สะบัดเข้าใส่ร่างแมงมุมยักษ์ก่อนที่ร่างของมันจะระเบิดออก
จากกัน ขาข้างหนึ่งของมันลอยละลิ่วเข้าปะทะกับโล่ปูองกัน
ก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
“จับตาดูและเรียนรู้มันไว้”
คาร์ลเดินฝุาสนามรบเป็นทางตรงอย่างที่เขาได้ตั้งใจเอาไว้
อย่างผ่อนคลาย ในขณะที่ออน ฮงและมังกรดาแสร้งทาเป็นไม่
สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ตั้งใจดูภาพการต่อสู้อย่างเคร่งเครียด
บทที่ 62 ทาลายมันซะ 4 (2)

สัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคาร์ลที่กาลังมุ่งหน้าเดิน
ผ่านป่าแห่งความมืดเริ่มทยอยหายไปทีละตัวสองตัวจนกระทั่ง
เริ่มหายไปจากสายตาของเขา ต้องขอบคุณวิเทียร์และพาสตัน
ที่กาจัดพวกมันได้อย่างรวดเร็ว คาร์ลหยุดการก้าวเดินของตน
ทันทีเมื่อมองเห็นหนองน้าในระยะใกล้สายตาและพูดขึ้น
“ตอนนี้พวกข้ายืนอยู่ใกล้ริมตลิ่งของหนองน้าแห่งนี้แล้ว”
ตุ๊บ!! ตุ๊บ!!
ศีรษะของโทรลล์กลายพันธ์กลิ้งลงบนพื้นก่อนที่ร่างของมันจะ
ร่วงลงสู่พื้นในเวลาต่อมา วิเทียร์สะบัดหยดเลือดให้ออกจากแส้
ของตนและเอ่ยตอบคาร์ล
“เดี๋ยวพวกเราจะตามเข้าไปแล้ว”
“ฮู้!!…”
พาสตันผ่อนลมหายใจของตนให้คลายเหนื่อยก่อนเดินตามหลัง
พี่สาวของตนไปยังจุดที่คาร์ลอยู่ ทันใดนั้นสองพี่น้องจากเผ่า
วาฬก็หยุดชะงักและกระชับหน้ากากที่สวมไว้แน่นขึ้นเพราะพิษ
และกลิ่นเน่าเหม็นของซากเน่าเปื่อยลอยเข้าจมูก
ในเวลาเดียวกันดวงตาสองคู่ก็เบิกกว้างขึ้นหลังจากได้เห็น
หนองน้าขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่หลาย
ต้นดูเหมือนต้นไม้พวกนี้จะมีอายุมากกว่าหลายร้อยปีทีเดียว
“เจ้าคิดอย่างไร?…มันดูไม่เหมาะกับป่าแห่งความมืดใช่มั้ย?”
คาร์ลละสายตาออกจากพาสตันที่ยังคงมีท่าทางตกใจก่อนจะ
มองไปที่หนองน้าเบื้องหน้าของตน
หนองน้าแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะเรียกว่าทะเลสาบได้และมัน
มีสีดาสนิท
คาร์ลพูดกับสมาชิกที่เหลือ
“มันเป็นหนองน้าขนาดใหญ่จนสามารถเรียกมันว่าทะลสาบ
ได้…มันใหญ่มากพอที่จะนาเรือรบขนาดใหญ่หลายลามาจอด
เทียบท่าที่นี่ได้…นอกจากนี้มันยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเมื่อ
เทียบกับหนองน้าอื่นๆเพราะมันมีสีดาสนิท”
มันเป็นจุดที่เด่นชัดที่สุดและเหมาะสมที่สุดว่าทาไมป่าแห่งนี้จึง
ได้ชื่อว่าป่าแห่งความมืด
หนองน้าแห่งนี้เป็นเพียงจุดสีดาแห่งเดียวที่เกิดขึ้นกลางป่าแห่ง
นี้
“……ข้าไม่คิดว่ามันจะมีขนาดใหญ่เช่นนี้”
วิเทียร์เอ่ยออกมาด้วยความทึ่งก่อนจะกลืนน้าลายลงคออีกอึก
ใหญ่เมื่อมองเห็นหนองน้าแห่งนี้ได้อย่างเต็มตา คาร์ลเข้าใจดี
ว่าทาไมเธอจึงมีอาการเช่นนั้น
พืชทั้งหมดที่ขึ้นอยู่ริมตลิ่งและบริเวณรอบหนองน้าแห่งนี้ต่างมี
สีดาและสีน้าตาลเหมือนดั่งพวกมันกาลังใกล้ตายในไม่ช้านี้ แต่
พวกมันกลับไม่ตายอย่างที่คิดและดูเหมือนว่าพวกมันจะมี
ชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“พืชพวกนี้ต้องมีพิษแน่ๆ”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับก่อนจะกระชับหน้ากากของตนให้แน่น
ขึ้น เขาก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้แน่นและสวมถุงมือ
ส่วนสมาชิกที่เหลือก็ทาตามคาร์ลโดยทันที พวกเขาได้ยินเสียง
ของคาร์ลที่ดังลอดออกมาจากหน้ากากบนใบหน้าของเขา
“พืชที่นี่เจริญเติบโตจากพิษและกลายพันธุ์เพื่อความอยู่รอดใน
สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเช่นนี้…แม้ว่ามันอาจไม่ได้เป็นพิษ
ร้ายแรงแต่พวกมันทั้งหมดก็ล้วนมีพิษบางชนิดซุกซ่อนอยู่
ภายใน…จงระวังและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีพืชพรรณพวกนี้
สัมผัสเข้ากับผิวของพวกเจ้า”
นั่นทาให้พาสตันนึกถึงพิษของนางเงือกและก้มลงตรวจดู
ร่างกายของตนอย่างรวดเร็วว่าอุปกรณ์ป้องกันที่ได้รับจาก
คาร์ลได้ปกป้องเขาอย่างสมบูรณ์หรือยัง? จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามี
บางอย่างที่แปลกออกไป
“……ฮง?”
ลูกแมวขนสีแดงเข้มเดินผ่านหน้าเขาไป ฮงหันไปมองคาร์ลอยู่
ครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปใกล้ริมตลิ่งมากขึ้นเมื่อคาร์ลพยัก
หน้าให้แก่มัน วิเทียร์พยายามคว้าร่างของมันไว้แต่ก็ไม่ทัน
การณ์
“….ฮง!!!”
ฮงไม่ได้สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์อะไรก็ตามที่จะป้องกันตัวมัน
ได้ วิเทียร์หันไปมองคาร์ลด้วยความตกใจแต่ดูเหมือนคาร์ลจะ
ไม่ได้ตกใจหรือกังวลเยสักนิดและเธอก็ได้ยินเสียงของฮงดังเข้า
มาในหูของตน
“อร่อย!!!”
ฮงแกว่งหางของตนไปมาและเคี้ยวพืชสีดาที่ขึ้นอยู่ริมตลิ่งอย่าง
สบายอารมณ์ คาร์ลค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ริมตลิ่งมากขึ้นกว่าเดิม
และเดินเข้าไปหาฮงทันที
“เป็นยังไงบ้าง?”
“มันเป็นพิษที่ทาให้เป็นอัมพาตได้..แต่มันมีรสชาดเปรี้ยว
เหมือนกับมะนาวเลย!”
คาร์ลเริ่มกล่าวเตือนเมื่อเห็นฮงมีอาการตื่นเต้นเช่นนั้น
“ช้าลงหน่อย!…มันอาจติดคอเจ้าได้!…กินให้ช้าแต่กินให้เยอะ”
“ได้!….ข้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว!”
คาร์ลเริ่มเอ่ยกับสองพี่น้องจากเผ่าวาฬอย่างไร้อารมณ์ซึ่งยังยืน
นิ่งอยู่ด้านนอกตลิ่งนั่น
“พวกเจ้าไม่เข้ามาใกล้ๆหรือไงกัน?”
สองพี่น้องจากเผ่าวาฬค่อยๆก้าวเข้ามายังริมตลิ่งด้วยสีหน้า
ประหลาดใจและสับสน คาร์ลค่อยๆพาทั้งสองเข้าใกล้ขอบตลิ่ง
มากขึ้น โชคดีที่พื้นดินขอบตลิ่งเป็นสีน้าตาลทาให้สามารถแยก
ออกจากสีของน้าที่เป็นสีดาได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่อง
ความปลอดภัยว่าร่างของเขาจะตกลงไปในหนองน้าสีดานั้นได้
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อม
โดยรอบได้อย่างรวดเร็ว
“พาสตัน”
“หืม?…มีอะไรเช่นนั้นหรือ?”
พาสตันที่ยืนอยู่ขานรับคาร์ลด้วยสีหน้าอันปกติราวกับว่าสีหน้า
อันสับสนและประหลาดใจเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เคยถูกแสดง
ออกมา คาร์ลชี้ไปยังขอบตลิ่งที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเขามากนัก
“ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้ใช่หรือไม่?”
มีร่องรอยบนพื้นและรอยเท้ามากมายที่ปรากฏอยู่บนขอบตลิ่งที่
คาร์ลชี้ให้พาสตันดู เนื่องจากไม่มีทางที่สัตว์ประหลาดจะเข้ามา
บริเวณนี้ได้จึงมีเพียงคาตอบเดียวเท่านั้น
“ข้าจะตรวจสอบมันเอง”
พาสตันรีบเข้าไปตรวจสอบร่องรอยและรอยเท้าพวกนั้นทันที
ก่อนที่คาร์ลจะละสายตาออกจากเขาไป
ต้องมีส่วนผสมบางอย่างบริเวณหนองน้าแห่งนี้ที่ทาให้เหล่า
เงือกแข็งแกร่งขึ้น หลักฐานที่พวกมันทิ้งเอาไว้ทาให้คาร์ล
ค่อนข้างมั่นใจ
“….ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหนองน้าแห่งนี้จริงๆสินะ”
มีร่องรอยมากมายที่ปรากฏอยู่ทั่วๆริมตลิ่ง พวกมันอาจไม่ได้
สนใจที่จะกลบร่องรอยใดๆเพราะพวกมันคงมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า
จะไม่มีใครเข้ามาถึงที่นี่ได้
แปะ! แปะ!
คาร์ลหยุดมองผืนน้าที่ดาสนิทและก้มลงมองเท้าของตน
หลังจากที่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาแตะที่เท้าของเขา
ฮงดูเหมือนจะรู้สึกตื่นเต้นจริงๆเพราะปากของมันเลอะไปด้วย
คราบสีดาและกาลังใช้ใบหน้าของมันถูเข้ากับขาของคาร์ล
เหมือนกาลังพยายามแสดงท่าทางอันน่ารักของมันให้เขาได้
เห็น
“ข้าอยากลองกินน้าในหนองน้านี้ด้วยเช่นกัน”
วิเทียร์ที่อยู่ข้างๆพวกเขาสะดุ้งขึ้นทันทีแต่คาร์ลไม่ได้สนใจเมื่อ
เขาเอ่ยตอบฮงกลับไป
“รอก่อน..ยังไม่ใช่ตอนนี้”
หูทั้งสองข้างของฮงลู่ตกลง
“….แต่ข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้นนี่นา”
“ทาไมล่ะ?”
ฮงหันไปมองมังกรดาและพี่สาวของตน ก่อนที่มือขนาดใหญ่จะ
ตบลงที่หัวของมันเบาๆ
“อย่าไปคิดในเรื่องที่ไร้สาระอยู่เลยและเจ้าก็ต้องใจเย็นลง…ถึง
อย่างไรเจ้าก็แข็งแกร่งกว่าข้าอยู่แล้ว”
“แต่ทุกคนก็แข็งแกร่งกว่าเจ้ากันทั้งนั้นนี่นา…”
คาร์ลยังคงตบไปที่หัวของมันเบาๆอีกหลายครั้งและบอกให้มัน
ไปยังตาแหน่งอื่นเพื่อกินพืชมีพิษต่อไป เขายังคงยืนคิดวิธีที่จะ
ทาให้ออนและฮงแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตก่อนจะละสายตา
ออกมาจากร่างของฮงในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามเขาเริ่ม
ขมวดคิ้วของตนขึ้นทันที
‘เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ?’
มังกรดามีท่าทางแปลกๆเมื่อมันกาลังเอียงศีรษะของมันไป
ทางซ้ายและทางขวาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนั้นเองพาสตันก็เดินเข้ามาหาคาร์ล
“ไม่มีร่องรอยว่ามีการขุดต้นไม้หรือพืชพรรณรอบๆนี้ออกไป
เมื่อเร็วๆนี้เลย…อย่างไรก็ตามมีร่องรอยบางอย่างที่บ่งบอกว่า
พวกมันกาลังทาอะไรบางอย่างกับหนองน้านั่น…ถ้าให้ข้าคะเนดู
คาดว่าพวกมันเข้ามาที่นี่เมื่อประมาณสองสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน
ก่อนหน้านี้”
คาร์ลมองไปที่หนองน้าอันกว้างขวางและตอบกลับ
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะรวมกลุ่มกันในหนองน้าแห่งนี้สินะ?”
“มันอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้”
คาร์ลกาลังจะเอ่ยบางอย่างออกมาเมื่อเห็นสีหน้าอันเคร่งเครียด
ของพาสตันและวิเทียร์ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้เอ่ยออกไป
เมื่อมังกรดาเดินเข้ามาหาเขาในเวลานั้น คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
อีกครั้ง
“เจ้าถอดหน้ากากออกทาไม?”
“มันไม่ได้เป็นกลิ่นที่คุ้นเคย..แต่มันเป็นกลิ่นของพลังเวทย์ที่
คุ้นเคยต่างหาก”
‘อะไรกันนะ?’ (53380)
คาร์ลเริ่มมีอาการหนาวสั่นขึ้นมาพร้อมๆกับที่มังกรดาใช้อุ้งมือ
สั้นๆของมันชี้ไปที่หนองน้า
“มีกลิ่นของพลังเวทย์ที่คุ้นเคยอยู่ในนี้”
คิ้วของคาร์ลเริ่มขมวดเป็นปมมากขึ้นกว่าเดิมก่อนที่มังกรดาจะ
กล่าวเพิ่มเติมอย่างมั่นใจ
“มีกลิ่นพลังเวทย์ของมังกรอยู่ในหนองน้านั่น”
คาร์ลรีบหันไปดูหนองน้าสีดาทันที หนองน้าอันกว้างขวางแห่ง
นี้ดูเหมือนจะมีขนาดที่ใหญ่มากเกินไปและคาร์ลกาลัง
จินตนาการถึงขนาดร่างกายของมังกรวัยผู้ใหญ่หรือมังกรวัย
ชราอยู่ในตอนนี้
“แน่นอนว่ามันไม่ได้มีพลังชีวิตในกลิ่นของพลังเวทย์นั่น..มันมี
เพียงกลิ่นจางๆที่อ่อนแอมากๆ”
ประโยคเหล่านี้เหมือนเป็นระบิดลูกสุดท้ายที่ระเบิดขึ้นในหัว
ของคาร์ล ความคิดเห็นที่น่าเหลือเชื่อที่แล่นเข้ามาในหัวของ
คาร์ลเมื่อสักครู่กลายเป็นความจริงได้ในเวลาอันรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนสามารถรู้ถึงสาเหตุที่ทาให้นางเงือกพวก
นั้นแข็งแกร่งขึ้นมาได้?
‘มีศพของมังกรอยู่ในหนองน้าอันดาสนิทแห่งนี้สินะ’
บทที่ 63 ทาลายมันซะ 5 (1)

คาร์ลเอ่ยถามมังกรดาขึ้นทันที
“เจ้าสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ของมังกรที่ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?…
เป็นไปได้อย่างไร?”
‘พลังเวทย์’ที่มังกรดากล่าวถึงย่อมเป็นสัญลักษณ์ที่มีอยู่ตามวัฏ
จักรของธรรมชาติ ในความรู้สึกของเขามันก็คล้ายๆกับพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ถูกสร้างขึ้นในสถานที่ที่มีความพิเศษเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทั้งสองอย่างนี้ก็ย่อมมีความแตกต่าง
ความแตกต่างของพวกมันขึ้นอยู่กับว่ามันจะทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง
หรือไม่?
พลังเวทย์จะหายไปทันทีเมื่อผู้เป็นเจ้าของได้ตายจากไปใน
ขณะที่พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณยังคงถูกทิ้งไว้ข้างหลังมาจนถึง
ปัจจุบัน
มังกรดาเอ่ยตอบเขาได้อย่างง่ายดาย
“ข้าคิดว่าเป็นเพราะหนองน้าแห่งนี้…หนองน้ามีอานาจ
เหนือกว่าพลังเวทย์นั่นและป้องกันไม่ให้มันสลายไป”
‘มีอานาจเหนือกว่า?’
สีหน้าของคาร์ลดูแปลกไปทันทีแต่มังกรดายังคงคิดอะไรเงียบๆ
อยู่ ก่อนที่สองพี่น้องจากเผ่าวาฬออนและฮงจะเดินเข้ามาใกล้
คาร์ลและมังกรดาในเวลาต่อมา
มังกรดาเริ่มพูดให้คาร์ลได้ยินภายในหัวอีกครั้ง
~ ข้ารู้อะไรเพิ่มอีกอย่างแล้ว!~
คาร์สบสายตาเข้ากับมังกรดาทันทีเมื่อได้ยินมันเอ่ยเช่นนั้น
~ ข้ารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่อยู่ในหนองน้้าแห่งนี้..มันคล้ายๆ
กับพลังของโล่เงินและลมหมุนยิ่งนัก~
“ฮ๊ะ!?”
คาร์ลปล่อยให้เสียงร้องด้วยความตกใจลอดผ่านลาคอออกมา
มังกรดาที่ไม่ได้สวมหน้ากากบนใบหน้าเริ่มยิ้มออกมาช้าๆใน
ขณะที่คาร์ลก็เริ่มยกยิ้มที่มุมปากแล้วเช่นกัน
‘พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ’
มีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่ใต้หนองนี้แห่งนี้และมันมีโอกาสที่จะ
เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดสาคัญที่ว่า ‘มีอานาจที่
เหนือกว่า’
‘นี่เป็นครั้งแรก!’
มันเป็นครั้งแรกที่คาร์ลค้นพบพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ไม่ได้ถูก
เอ่ยถึงในนิยาย แน่นอนว่าเขาไม่รู้เช่นกันว่ามันคือพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ใครบางคนทิ้งไว้หรืออาจจะเป็นสิ่งที่เกิดจาก
การสรรค์สร้างของธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้
“เจ้าฉลาดมาก”
“แน่นอน..ข้าย่อมฉลาดอยู่แล้ว”
สมาชิกที่เหลือในกลุ่มเริ่มอยากรู้มากกว่าเดิมหลังจากเห็น
รอยยิ้มซุกซนบนใบหน้าของมังกรดาและคาร์ล
“นายน้อยคาร์ลเกิดอะไรขึ้นกันแน่?…เมื่อกี้พวกท่านพูดถึงกลิ่น
ของพลังเวทย์มังกรอย่างนั้นรึ?”
คาร์ลหันกลับมามองวิเทียร์เมื่อเธอเอ่ยถามเขาขึ้นมาแต่ดู
เหมือนว่าเธออาจจะรู้บ้างแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ข้ามั่นใจว่าเจ้าอาจจะรู้เรื่องมาบ้างแล้ว…มันมีโอกาสเป็นได้
สูงว่าในหนองน้านี่มีศพมังกรอยู่”
“…..ศพอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่….แต่มันเป็นศพที่เกิดขึ้นมานานแล้วและอาจจะเหลือเพียง
แค่ซากที่แห้งเหี่ยวก็เป็นได้”
คาร์ลรู้เรื่องราวต่างๆในป่าแห่งความมืดโดยอาศัย
ประสบการณ์ของเชวฮันที่ได้ถูกบรรยายไว้ในนิยาย อย่างไรก็
ตามมันก็มีข้อมูลสาคัญอีกเป็นจานวนมากที่ถูกอธิบายไว้ใน
ส่วนอื่นๆของนิยายเรื่องนี้
<การดาเนินชีวิตในป่าแห่งความมืดจะต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิต
รอดอยู่เสมอเพราะที่นี่ไม่มีผู้ที่มีอานาจอันโดดเด่นขึ้นมา
ปกครองผืนป่าเลยสักคน>
ที่นี่ไม่มีผู้ปกครองหรือราชาแห่งผืนป่า
มันน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกที่สุดหากจะบอกว่าไม่มีมังกรตนใดอาศัย
อยู่ในป่าแห่งความมืดเมื่อครั้งที่ เชวฮันยังอาศัยอยู่ในนี้
นอกจากนี้เหล่าผู้คนในนิยาย ‘กาเนิดวีรบุรุษ’ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง
ถ้าของมังกรหรือแม้แต่ตัวมังกรที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งความมืดนี้
สักคน
‘ย่อมหมายความว่ามันคือศพที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ’
แปะ! แปะ!
คาร์ลก้มศีรษะลงมอง‘ฮง’ที่กาลังใช้อุ้งมือของมันแตะลงไปที่
เท้าของเขาอีกครั้ง มันเหลือบไปมองผืนน้าอันดาสนิทด้วย
ใบหน้าอันขมขื่น
“….ข้าคงกินน้าในหนองน้าแห่งนี้ไม่ได้แล้วสินะ?”
ดูเหมือนว่าฮงจะสูญเสียความอยากอาหารไปเมื่อได้ยินคาว่า
‘ศพของมังกร’ มันเดินเข้าไปหามังกรดาทันทีโดยไม่รอฟัง
คาตอบจากปากคาร์ล
“ข้าขอโทษ….ข้าแค่คิดว่ามันน่าจะมีรสชาติที่ดี”
“ข้าไม่ได้สนใจมันสักหน่อย”
มังกรดาตอบฮงอย่างไม่ใส่ใจนัก
“สิ่งที่อยู่ในหนองน้ากับตัวข้ามันย่อมแตกต่างกัน…เราไม่ได้มี
ความเกี่ยวข้องกันเสียหน่อย”
เจ้ามังกรดาตัวน้อยดูเหมือนจะไม่สนใจในเผ่าพันธุ์ของตัวมัน
เอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ เพราะเผ่าพันธุ์มังกรมักจะ
คิดว่าตนเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใครกับสิ่งๆต่างที่อยู่ในโลก คาร์ล
มองดูมังกรดาที่ยังคงมีท่าทางผ่อนคลายก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
“ข้าคิดว่านางเงือกเริ่มแข็งแกร่งขึ้นจากพิษที่อยู่ในหนองน้า
แห่งนี้..แม้แต่ทักษะที่เชี่ยวชาญของพวกมันที่พัฒนาอย่างก้าว
กระโดดก็มาจากพิษพวกนี้ทั้งสิ้น”
สองพี่น้องจากเผ่าวาฬหันมามองคาร์ลทันที
“อย่างไรก็ตาม..ตอนนี้ข้ากลับคิดว่ามันอาจไม่ได้เกิดจากพิษ
พวกนี้แต่น่าจะเกิดจากพลังเวทย์ของมังกรที่ตายในหนองน้า
แห่งนี้..หรือบางทีอาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง…ทั้งพิษที่อยู่ใน
หนองน้าและพลังเวทย์ที่ตายซากไปนานแล้ว”
คาร์ลค่อยๆหันไปมองสองพี่น้องจากเผ่าวาฬ
‘หากมันเกิดจากพิษ..พวกเขาทั้งสองจาเป็นต้องใช้ตัวอย่างเพื่อ
หายาแก้พิษและหาหนทางทาลายพิษให้สิ้นซาก…อย่างไรก็ตาม
มันย่อมเป็นสิ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงหากมันเกิดจากพลัง
เวทย์ของมังกรที่ตายซากในหนองน้าแห่งนี้’
คาร์ลเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของวิเทียร์ในขณะที่พาสตันกาลัง
มองไปรอบๆหนองน้าสีดาและบริเวณใกล้เคียงก่อนที่เอ่ย
ออกมาด้วยน้าเสียงหดหู่และหมดหวัง
“…..มันกว้างใหญ่เกินไป”
วิเทียร์ก็เอ่ยออกมาเช่นกัน
“ข้าไม่แน่ใจว่า…จะทาอย่างไรต่อไปดี”
พวกเขาสามารถหาที่มาของสิ่งที่ทาให้นางเงือกแข็งแกร่งขึ้นได้
แต่พวกเขาไม่สามารถหาวิธีจัดการกับมันได้ มันจะเป็นอีกเรื่อง
ถ้ามันเกิดจากพิษแต่ปัญหาอีกอย่างนั้นจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
เกินกว่าจะแก้ไขได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“มันไม่เหมือนกรณีการป้องกันผู้บุกรุกไม่ให้เข้ามาในป่าแห่ง
ความมืดหรือจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องหนองน้าแห่งนี้
ตลอดเวลา”
วิเทียร์มองไปที่หนองน้าอีกครั้ง ศพของมังกรอย่างนั้นหรือ?
นั่นคือสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้และมันย่อมเป็นปัญหาใหญ่
ทีเดียว ความจริงที่ว่าหนองน้าแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะฝัง
ร่างของมังกรวัยผู้ใหญ่ไว้ใต้น้าได้มันทาให้สิ่งต่างๆยากยิ่งขึ้น
โดยธรรมชาติของมังกรจะมีการเจริญเติบโตของร่างกายอยู่
สามช่วงซึ่งมังกรวัยผู้ใหญ่จะมีร่างกายที่สมบูรณ์และใหญ่โต
ที่สุดเมื่อผ่านสามช่วงนี้มาแล้ว พวกมันมีขนาดใหญ่กว่าวาฬ
หลังค่อมเช่นเผ่าของเธอเกือบห้าเมตร
ตอนนั้นเองวิเทียร์ได้ยินเสียงของคาร์ลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“มันง่ายมาก”
เสียงของคาร์ลฟังดูสงบยิ่งนัก วิเทียร์ละสายตาจากหนองน้า
เพื่อหันมามองคาร์ลที่กาลังยกยิ้มเต็มใบหน้า ตอนนี้พวกเขา
กาลังเดินไปตามขอบตลิ่งอย่างช้าๆ
“อย่างแรก..พวกเจ้าต้องเก็บน้าในหนองน้าแห่งนี้ตามแต่ที่พวก
เจ้าต้องการ”
คาร์ลหันกลับมามองวิเทียร์ทันที
“หลังจากนั้น..เราค่อยมาตกลงกันอีกที”
“…..ตกลงอีกที?”
รอยยิ้มของคาร์ลขยายกว้างขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่อันสับสนที่เริ่ม
ปรากฏเต็มใบหน้าของวิเทียร์
‘ตอนแรกฉันก็ไม่ได้วางแผนว่าจะทาสิ่งนี้…แต่…..’
ในตอนแรกเขาเพียงแค่ต้องการหาคาตอบว่าอะไรคือสาเหตุที่
ทาให้เหล่าเงือกแข็งแกร่งขึ้นและจะเดินทางออกจากป่าแห่ง
ความมืดหลังจากนั้นทันทีแต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป
‘หนองน้าที่มีพลังเวทย์จากสิ่งที่ตายไปนานแล้วนั้น..มัน
อันตรายเกินไป’
เหล่าเงือกอาจดูดซับพลังเวทย์จากสิ่งที่ตายไปแล้วเพราะมัน
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่นชอบความมืดมิดและยิ่งชื่นชอบขึ้นไปอีกเมื่อ
พวกมันเริ่มแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนี้นับเป็นอันตรายต่อ
สิ่งมีชีวิตอื่นเช่นกันไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเผ่าวาฬ (53380)
ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อศัตรูแต่เป็นอันตราย
ต่อตนเองเอาไว้ อีกทั้งยังมีประโยชน์อย่างอื่นสาหรับตัวเขา
เช่นกัน แม้ว่ามันจะเป็นศพตายซากหรือเนื้อหุ้มร่างกายได้สูญ
สลายไปหมดแล้วแต่กระดูกของมังกรตนนี้จะต้องหลงเหลืออยู่
และมันยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่ในหนองน้าแห่งนี้อีกด้วย
“ใช่…เราจะทาข้อตกลงกันอีกครั้ง”
“ข้อตกลงที่ท่านหมายถึง…มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นนั้น
หรือ?”
วิเทียร์สะบัดแส้ของเธอออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้
ความหวังที่แทบจะมีโอกาสเป็นศูนย์ทาให้หัวใจของเธอรู้สึก
ว่างเปล่าก่อนที่มันจะถูกเติมเต็มจากคาร์ลด้วยประโยคที่
เหมือนจะเป็นสิ่งที่สร้างความหวังให้กับเธอได้
“ข้าจะจัดการมันให้กับพวกเจ้าเอง”
วิเทียร์เห็นความตื่นเต้นที่ปรากฏออกมาจากแววตาของคาร์ล
ซึ่งเธอไม่เคยเห็นแววตาเช่นนี้ของคาร์ลมาก่อน
คาร์ลชี้ไปที่หนองน้าและเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆ
“ข้าจะทาลายมันเอง”
“…..ท่านว่าอะไรนะ?”
บทที่ 63 ทําลายมันซะ 5 (2)

วิเทียร์หันไปมองหนองน้ําสีดําสนิททันที มันมีขนาดที่กว้างมาก
แต่เขากลับบอกว่าจะทําลายมันอย่างนั้นหรือ? วิเทียร์ยังคงจ้อง
หนองน้ําด้วยสีหน้าว่างเปล่าก่อนที่คาร์ลจะเริ่มพูดอีกครั้ง
“เจ้าไม่จําเป็นต้องคิดอะไรให้มากเลย…”
วิเทียร์หันกลับมามองคาร์ล เขายังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าและดู
เหมือนจะตื่นเต้นมากกว่าเดิมเสียอีก
“ข้าจะกําจัดมันให้เจ้าเอง…ดังนั้นเจ้าจงทําข้อตกลงกับข้าซะ”
คาร์ลกําลังนึกถึงสิ่งที่เขากําลังจะลงมือทําต่อจากนี้ ที่นี่คือป่า
แห่งความมืด มันคือสถานที่ต้องห้ามที่ใช่ว่าใครจะสามารถเข้า
มาได้ง่ายๆและแน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ที่เขาสามารถทําสิ่งที่ดู
คล้ายๆกับอุบัติเหตุโดยที่ไม่มีคนอื่นรู้ในเรื่องนี้
“นายน้อยคาร์ล”
มันย่อมเป็นข้อตกลงที่วิเทียร์ไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธได้
“เชิญเอ่ยข้อแลกเปลี่ยนของท่านออกมาได้”
ในตอนนี้คาร์ลและวิเทียร์ตัดสินใจที่จะทําข้อตกลงเป็นครั้งที่
สองแล้ว
“อืม….ตอนนี้ข้ายังไม่อยากได้อะไรเสียด้วยสิ”
“โปรดแจ้งให้พวกเราทราบได้ทุกเมื่อหากท่านนึกสิ่งที่ท่าน
ต้องการได้..ตัวข้าจะยอมรับมันตราบเท่าที่มันเป็นสิ่งที่
สมเหตุสมผลสําหรับทั้งสองฝ่าย….นี่คือคําสัญญาของข้า..วิ
เทียร์..ข้าขอรับรองด้วยนามของข้า…ดังนั้นท่านไม่ต้องเป็น
กังวลว่าข้าจะผิดสัญญา”
คาร์ลพยักหน้าตอบตกลงให้กับสิ่งที่วิเทียร์เอ่ย มันไม่ได้เป็น
อะไรเลยสักนิดหากเธอไม่ได้ทําสิ่งใดตอบแทนเขา กระดูกและ
พลังศักดิ์สิทธ์โบราณของมังกรก็เพียงพอแล้วที่เขาจะลงมือ
จัดการในเรื่องนี้
“ยังไงก็ตามสิ่งที่ออกมาจากหนองน้ําจะต้องเป็นของข้า”
“….เอ่อ…ได้!”
วิเทียร์รู้สึกผิดหวังเพราะเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลต้องการจะสื่อ เขา
ย่อมหมายถึงกระดูกของมังกรอย่างแน่นอน แม้ว่าเธอจะรู้สึก
เสียดายมันแต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่โลภ เผ่าวาฬย่อมปกครองสิ่ง
ต่างๆได้ด้วยกําลังของตนเองเพราะพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่
แข็งแกร่งเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวงและสามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งบน
บกและในทะเล
อย่างไรก็ตามหนองน้ําจืดที่ดําสนิทแห่งนี้นับเป็นจุดอ่อนของ
พวกเขาเช่นกัน สิ่งที่อยู่ภายใต้หนองน้ําที่มีสีดําสนิท หากน้ํา
และโคลนของมันมีพิษจริงๆก็นับเป็นสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้าง
โหดร้ายที่เผ่าวาฬจะสามารถอยู่รอดได้
คาร์ลรีบลงมือทันทีหลังจากได้ยินคําตอบจากวิเทียร์ เขาก้าวไป
ยืนชิดขอบตลิ่งมากกว่าเดิมก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้กับ
สมาชิกที่เหลือ
“ถอยหลังออกไป!”
สมาชิกที่เหลือในกลุ่มเริ่มสับสนแต่คาร์ลทําเพียงแค่เอ่ยสั่งด้วย
ความเด็ดขาดขึ้นอีกครั้งโดยไม่สนใจจะอธิบายอะไรให้มาก
ความ เขาต้องเริ่มดําเนินการทําลายหนองน้ําแห่งนี้แล้ว
“กลับเข้าไปในป่าและรออยู่ที่นั่น…อย่าออกมาจนกว่าข้าจะ
อนุญาต!”
คาร์ลเปิดกระเป๋าเวทย์ของตนออกมาและกล่าวต่อไป
“พวกเจ้าอาจได้รับพิษหรือได้รับบาดเจ็บหากไม่เชื่อฟังข้า”
พาสตันที่ยืนฟังเงียบๆมานานตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“นายน้อยคาร์ล…ท่านจะจัดการมันเพียงลําพังอย่างนั้นหรือ?”
“เขาไม่ได้ทํามันเพียงลําพัง!”
มังกรดําเอ่ยแทรกเข้ามาทันที พาสตันหันไปมองทางเสียงที่ดัง
ขึ้นก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เขาสามารถมองเห็นแรงสั่นสะเทือนของ
พลังเวทย์ที่ปรากฏอยู่รอบๆตัวมังกรดําได้อย่างชัดเจน พวกมัน
เป็นเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่รอบๆตัวมังกรดําซึ่งสบ
โอกาสในการแสดงพลังเวทย์ของมันให้ทุกคนได้เห็น
“เราสองคนจะจัดการเรื่องนี้เอง…พวกเจ้าทั้งหมดเข้าไปรอใน
ป่าได้แล้วล่ะ”
“นายน้อยคาร์ล…ข้าไม่สามารถบอกได้จริงๆว่าขีดจํากัด
ความสามารถของท่านมีเท่าไหร่กันแน่?”
คาร์ลปล่อยให้สิ่งที่วิเทียร์เอ่ยออกมาเข้าไปในหูซ้ายและทะลุ
ออกไปในหูขวาเพียงเท่านั้นเมื่อเขากําลังลูบศีรษะของออน
และฮงเบาๆ ใบหูทั้งสองข้างของฮงลู่ตกลงจนคาร์ลสังเกตเห็น
“เจ้าทัง้ สองก็ต้องไปรออยู่ที่นั่นเช่นกัน…ออนเจ้าต้องดูแลฮงให้
ดีๆ..ฮง..เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปค้นหาพิษที่อยู่รอบๆหนองน้ํานี้อีก
ครั้ง…รอข้าก่อนแล้วกัน”
ฮงพยักหน้าให้แก่คาร์ลก่อนจะขยับเข้าใกล้มังกรดํา
“ระวังตัวเองดีๆ….อย่าได้รับบาดเจ็บกลับมาล่ะ!”
“อืม…ข้าเข้าใจแล้ว”
มังกรดําพยักหน้าให้กับฮงก่อนจะนิ่งค้างไปเมื่อฮงให้อุ้งเท้าแตะ
มาที่ตัวของมันเบาๆ คาร์ลคิดว่าเด็กๆต่างมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน
และเข้ากันได้ดีทีเดียว คาร์ลหยิบขวดเปล่าออกมาจากกระเป๋า
เวทย์และโยนมันไปให้พาสตันทันที
“เอามันไปใส่น้ําจากหนองน้ํานี้ซะ…มันเป็นขวดเวทย์ดังนั้นไม่
ต้องกลัวว่ามันจะหล่นแตก”
“…ท่านเตรียมสิ่งนี้มาด้วยอย่างนั้นหรือนี่!”
พาสตันมองคาร์ลด้วยความชื่นชมแต่คาร์ลไม่ได้สนใจเขายังคง
ค้นหาบางอย่างจากกระเป๋าเวทย์ที่หากดูจากภายนอกอาจมี
ขนาดเล็กแต่ภายในของมันกลับดูใหญ่ยิ่งนักเพราะสามารถ
บรรจุสิ่งของต่างๆได้อย่างมากมาย
“นายน้อยคาร์ล…ข้าจะนําขวดใบนี้ไปเติมน้ําแล้ว”
“อืม…หากเจ้าเติมเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปรอในป่าได้เลย”
คาร์ลเอ่ยกับพาสตันอีกครั้งเมื่อเห็นเขาเติมน้ําและโคลนสีดํา
สนิทลงไปในขวดเวทย์ก่อนจะเข้าไปสมทบกับสมาชิกคนอื่นๆ
ในกลุ่มที่กําลังเคลื่อนตัวออกไปจากริมตลิ่ง วิเทียร์ลังเลอยู่ครู่
หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในป่าตามคําแนะนําของลูกแมวทั้งสอง
มังกรดําส่งสัญญาณให้คาร์ลทราบว่าสมาชิกคนอื่นๆอยู่ใน
ระยะที่ปลอดภัยแล้วและเริ่มพูดกับคาร์ลขึ้น
“เจ้ากําลังวางแผนจะทําอะ–….”
มังกรดําหยุดพูดทันทีหลังจากเห็นสิ่งที่คาร์ลนําออกมาจาก
กระเป๋าเวทย์ จากนั้นมันก็เริ่มพูดต่อเมื่อเห็นคาร์ลส่งรอยยิ้มเจ้า
เล่ห์มาให้
“มนุษย์…ดูเหมือนเจ้าจะฉลาดไปแล้วนะ!”
“แน่นอน!”
มีระเบิดพลังเวทย์จํานวนสองลูกอยู่ในมือของคาร์ล
ระเบิดพลังเวทย์สองลูกนี้ต่างไปจากระเบิดพลังเวทย์ที่เขาใช้
ทําลายวังน้ําวนในชายฝั่งทะเลอัลบา พวกมันเป็นระเบิดพลัง
เวทย์ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมและทําลายล้างได้สูงมาก
ขึ้น มันเป็นระเบิดพลังเวทย์ชนิดเดียวกับนักเวทย์จากอาณา
เขตอัลบาใช้ในการทําศึกครั้งสุดท้ายในนิยายเรื่องนี้
และระเบิดพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้อยู่ในมือของคาร์ลถึง
สองลูกในขณะนี้แล้ว
“ข้ากําลังคิดอยู่ว่าจะใช้มันเมื่อไหร่ดี..แต่ดูเหมือนว่าโอกาสจะ
มาถึงเร็วกว่าที่คิด”
คาร์ลยื่นระเบิดพลังเวทย์ทั้งสองลูกให้แก่มังกรดําและเอ่ยขึ้น
“จงแผลงฤทธิ์ให้เต็มที่!”
“ข้าจะทําสิ่งนั้นได้จริงๆหรือ!?”
คาร์ลรีบพูดดักคอมังกรดําทันทีเมื่อเห็นพลังเวทย์เริ่มออกฤทธิ์
ปั่นป่วนอย่างรุนแรง เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันกําลังแสดงให้
เขาเห็นว่ามันต้องการใช้พลังเวทย์ของมันมากเพียงใด
“อย่าถามอะไรที่ชัดเจนเช่นนั้น…ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าข้า
จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดนั่น” (53380)
มังกรดําเริ่มยิ้มออกมาทันที
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
ลมเริ่มกระโชกรุนแรงรอบตัวๆมังกรดําก่อนจะเริ่มขยายวง
กว้างพัดกระหน่ําไปทั่วบริเวณ คาร์ลรีบเรียกโล่เงินของตน
ออกมาทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกถึงแรงลมที่ผลักร่างของเขาจนทรงตัว
ไม่อยู่
ในเวลาเดียวกันเขาสามารถมองเห็นโล่ป้องกันที่ถูกสร้างขึ้น
รอบๆตัวเขา
ชั้นที่หนึ่ง!
ชั้นที่สอง!
ชั้นที่สาม!
มันเป็นโล่ป้องกันถึงสามชั้น
“ข้าต้องการใช้มัน…อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ได้
รับบาดเจ็บ”
แววตาของมังกรดําเริ่มเป็นประกายเมื่อมันเอ่ยออกมาอย่าง
มั่นใจ มังกรมีบุคลิกที่แตกต่างจากเผ่าวาฬอย่างสิ้นเชิง แทนที่
จะรักสงบและใฝ่หาสันติสุขเฉกเช่นเผ่าวาฬแต่มังกรกลับ
ต้องการชีวิตที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้อื่นและทําลายล้าง
สิ่งต่างๆ อืม…พวกมันช่างเห็นแก่ตัวและหัวรุนแรงยิ่งนัก
คาร์ลชี้ไปที่หนองน้ําสีดําเมื่อมังกรดําเตรียมระเบิดพลังเวทย์
เสร็จเรียบร้อยและกําลังมองมาที่เขา
“ทําลายมันซะ!!!!”
บทที่ 64 ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ 1 (1)

พลังเวทย์ที่อยู่ในหนองน้้าสีด้าและอากาศรอบๆตัวของพวก
เขาเริ่มปั่นป่วนอย่างรุนแรง ก่อนที่มังกรด้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
จะค่อยๆกระพือปีกของมันแรงขึ้นและก้มลงมามองยังพื้นเบื้อง
ล่าง
‘มันได้แสดงพลังของมังกรอย่างที่มันต้องการจนได้สินะ’
กลิ่นอายที่มีความรุนแรงและเปรียบเสมือนลางร้ายก้าลังเข้าปก
คลุมทั่วหนองน้้าสีด้า คาร์ลหันกลับมามองรอบๆตลิ่งและ
บริเวณพื้นที่ป่าทันที ถึงแม้กลิ่นอายที่มีความรุนแรงเช่นนี้จะ
เข้าปกคลุมไปทั่วหนองน้้าแต่มันก็ไม่ได้ท้าให้บริเวณพื้นที่ป่า
เกิดแรงสั่นสะเทือนแต่อย่างใด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเหล่า
สมาชิกที่รอพวกเขาอยู่ห่างออกไปล้วนมีสีหน้าที่ซีดเผือดไป
ตามๆกัน
คาร์ลนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของมังกรที่ถูกอธิบาย
ไว้อย่างคร่าวๆในนิยายเรื่อง ‘ก้าเนิดวีรบุรุษ’
<เหตุผลที่เผ่าวาฬได้กล่าวเอาไว้ว่าการที่จะสามารถอยู่รอดได้
โดยไม่ตายไปเสียก่อนคือการหลีกเลี่ยงการท้าศึกกับมังกร ไม่มี
สิ่งใดที่มังกรจะฆ่าไม่ได้หากพวกมันต้องการท้าเช่นนั้นจริงๆ
เราอาจต้องมาเห็นพลังอันแข็งแกร่งของมังกรด้วยตาของ
ตัวเองแล้วจะเข้าใจว่าท้าไมมังกรมักกล่าวว่าพวกมันอยู่เหนือ
สิ่งอื่นใดบนโลกใบนี้>
บู๊ม!!!! บู๊ม!!!!! บู๊มมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!
คาร์ลเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าทันที พลังเวทย์สีด้าหลาย
เส้นวิ่งเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงดังอย่างน่ากลัวก่อนที่พวกมัน
จะวิ่งเข้ารวมตัวกันรอบๆร่างกายของมังกรด้าใน
ท้ายที่สุด มังกรด้าก้มลงมองหนองน้้าสีด้าด้วยความความสงบ
และผ่อนคลาย
มังกรน้อยอายุ 4 ขวบที่เคยถูกทรมานในคุกไม่มีปรากฏให้เห็น
อีกต่อไป
<มังกรไม่จ้าเป็นต้องครอบครองสิ่งต่างๆเพราะการมีตัวตนอยู่
ของมันก็นับเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอ้านาจเหนือสิ่งอื่นใด>
คาร์ลเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แล่นไปทั่วแผ่นหลังของเขา
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!
อร๊างงงงงง!!!!!!!!
แกว๊กกกก!!!!!!!!!!!!!
กรี๊ซซซซซซ!!!!!!!!
ป่าแห่งความมืดเริ่มส่งเสียงดังขึ้นอย่างน่าขนลุก คาร์ลหันไป
มองรอบๆแต่ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆออกมาปรากฏให้เห็น อย่างไร
ก็ตามเสียงกรีดร้องของสัตว์ประหลาดก็ยังคงดังออกมาอย่าง
ต่อเนื่อง
เหล่าสัตว์ประหลาดเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวมังกร
ด้าเลยสักนิดแต่ตอนนี้พวกมันกลับกรีดร้องออกมาจนเส้นเสียง
แทบขาด
~ หนวกหูจริงๆ!~
คาร์ลหันกลับไปมองมังกรด้าเมื่อได้ยินเสียงของมันดังเข้า
มาในหัวของเขา ตอนนี้มังกรด้าก้าลังจ้องมาที่เขาอยู่พร้อมกับ
ระเบิดพลังเวทย์สองลูกที่ลอยคว้างกลางอากาศ
มีเพียงความว่างเปล่าในแววตาของมังกรด้า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆส้าหรับมันเท่านั้น
มุมปากของคาร์ลเริ่มขยายกว้างขึ้นและกว้างขึ้นเรื่อยๆ หาก
เทียบกับวิเทียร์จากเผ่าวาฬนั้น? การใช้พลังเวทย์อันรุนแรง
เข้าปกคลุมทั่วพื้นที่นับเป็นสิ่งที่ต่างออกไปจากสิ่งที่วาฬหลัง
ค่อมตัวใหญ่จะท้าได้นัก มันเป็นพลังเวทย์ที่รุนแรงและอันตราย
ที่เกิดจากฝีมือของมังกรด้าตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าของเขาตนนี้
เท่านั้น
คาร์ลเริ่มตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“รีบท้าเร็วเข้า…ข้าเองก็หนวกหูเช่นกัน!!”
~ ข้าว่าแล้ว..ว่าเจ้าจะต้องพูดแบบนี้~
ก่อนที่มันจะเริ่มสะแยะยิ้มเมื่อพลังเวทย์สีด้าอันเป็น
เอกลักษณ์ประจ้าตัวของมันเริ่มล้อมรอบตัวของมันอย่างช้าๆ
ครืดดดดด!!!!!!
ทันใดนั้นพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาจนคาร์ลรู้สึกถึง
แรงสั่นสะเทือนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาได้
‘น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ’
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาที่จะสนใจกับพื้นดินที่เริ่มสั่นสะเทือน
อยู่เป็นระยะๆได้
พลังเวทย์สีด้าจางหายไปก่อนจะปรากฏลูกแก้วขนาดใหญ่ที่
ส่องแสงสว่างเหนือหนองน้้าสีด้า
เพล้ง! เพล้ง!
ลูกแก้วกลมๆนั้นดูเหมือนกับพระอาทิตย์ดวงใหญ่ มันดึง
แหล่งก้าเนิดแสงจากที่ตา่ งๆให้เข้าไปรวมตัวกันภายในและเริม่
ปรากฏเส้นใยวิ่งชนกันเหมือนงูที่ก้าลังเลื้อยพันกันเป็นเกลียว
คาร์ลตะลึงจนอ้าปากค้างและตอนนั้นเอง
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
ลมเริ่มพัดกระหน่้ารุนแรงในขณะที่พลังเวทย์สีด้าของมังกรด้า
เริ่มไหลเข้าสู่ระเบิดพลังเวทย์ทั้งสองลูก
คลิ๊ก! คลิ๊ก!
ระเบิดพลังเวทย์ทั้งสองลูกเริ่มนับถอยหลัง
ระเบิดพลังเวทย์สองลูกที่ถูกท้าให้เป็นระเบิดให้ได้มากที่สุด
เท่าที่จะท้าได้พร้อมกับลูกแก้วกลมๆที่ดูเหมือนกับอุกกาบาต
ขนาดใหญ่นั่น
‘ไม่ใช่เพียงแค่จะท้าลายมันแต่นี้คือการก้าจัดมันให้สูญหายไป
เลยต่างหาก’
คาร์ลสงสัยว่ามันกระดูกของมังกรจะหายไปด้วยหรือไม่แต่ก็ไม่
สามารถเอ่ยปากถามออกไปได้
~ ข้าจะเริ่มแล้วนะ~
คาร์ลไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกหลังจากมังกรด้าเอ่ยจบ
บู๊ม!!!!! ตู๊ม!!!!!!!!!!!
คาร์ลยกมือปิดหูทั้งสองข้างทันทีเมื่อป่าแห่งความมืดเกิดเสียง
ดังสนั่นหวั่นไหว
“อึก….”
คาร์ลกลืนน้้าลายลงคออย่างล้าบากเมื่อแรงสั่นสะเทือนที่อยู่ใต้
ฝ่าเท้ารุนแรงจนแทบยืนไม่อยู่แต่เขาก็ไม่คิดจะปิดตาของตนลง
มันมืดไปหมด!
ของเหลวสีด้าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับน้้าพุขนาดใหญ่ ในขณะที่
แสงสว่างจ้าก็ส่องเข้าตาของคาร์ล
กรี๊ซซซซซซซซซซ!!!!!!!!
เสียงแหลมแสบแก้วหูดังก้องไปทั่วบริเวณและแสงสว่างเริ่ม
กระจายออกจากกันเมื่อปะทะเข้ากับน้้าพุสีด้าเข้า คาร์ลค่อยๆ
เงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
น้้าพุสีด้าที่ยังคงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องปะทะเข้ากับแสง
จ้าที่กระจายอยู่รอบๆท้าให้ดูเหมือนรวมเอาเวลากลางวันและ
กลางคืนมาอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ได้จางหายไป
อย่างรวดเร็ว น้้าพุสีด้าที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สลายกลายเป็น
ฝุ่นผงและลอยไปกับสายลมทันที
เคร้ง!!!!
โล่ป้องกันชั้นสุดท้ายพังลงในที่สุด ส่วนโล่ป้องกันอีกสองชั้นได้
พังไปก่อนหน้านี้โดยไม่ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใดส่วนคาร์ลนั้น
ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
หนองน้้าด้าสนิทได้หายไปแล้วแต่สิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆยังคงอยู่
เช่นเดิม
คาร์ลหันหลังกลับไปเพ่งมองเหล่าสมาชิกที่เหลือที่พากันขยับ
เข้ามาดูเหตุการณ์ใกล้ๆแต่ยังคงทิ้งระยะห่างจากพวกเขาไกล
พอสมควร คาร์ลสามารถมองเห็นศีรษะของพาสตันที่คุดคู้อยู่
ในอ้อมแขนของตนเอง ในขณะที่วิเทียร์ก็ค่อยๆก้าวออกมาจาก
หลังต้นไม้ใหญ่ที่วิ่งเข้าไปหลบเมื่อก่อนหน้านี้
ดวงตาสองคู่ของสองพี่น้องจากเผ่าวาฬเบิกกว้างด้วยความ
ตกใจและหวาดกลัว
แต่ทั่วทั้งผืนป่ากลับไม่มีสิ่งใดโดนท้าลายมีเพียงแค่หนองน้้าสี
ด้าสนิทที่หายไปเท่านั้น มันเป็นการใช้พลังเวทย์ที่รุนแรงแต่
สามารถควบคุมพลังของมันได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงเป็นเหตุผล
ที่ท้าให้สมาชิกจากเผ่าวาฬไม่สามารถก้าจัดความหวาดกลัวให้
หายไปจากสายตาของพวกเขาได้โดยง่าย
คาร์ลหันกลับมาเพื่อตรวจสอบว่าน้้าพุสีด้าที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้
หายไปจนหมดจริงๆโดยมีร่างของของมังกรด้ายืนแทนที่ตรง
ต้าแหน่งนั้นและมันก้าลังจ้องมาที่คาร์ลพอดี
คาร์ลเอ่ยกับมังกรด้าตัวน้อย
“เป็นการท้างานที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของมังกรด้าตื่นตัวเป็นอย่างมากในตอนนี้
มันมองเห็นได้ทันทีว่าแขนทั้งสองข้างของคาร์ลพร้อมใจกันลุก
ชันขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าคาร์ลจะ
ก้าลังส่งยิ้มมาให้มันอยู่ก็ตาม
“เจ้าท้าได้ดีจริงๆ”
แววตาของคาร์ลเริ่มสงบลงท้าให้มังกรด้าเริ่มยิ้มออกมาเต็ม
ใบหน้าเล็กๆของมัน ก่อนจะเอ่ยความรู้สึกของมันให้คาร์ล
ทราบอย่างจริงใจ
“มันรู้สึกสดชื่นจริงๆนะ…เจ้ามนุษย์”
สิ่งที่มันกล่าวออกมารวมทั้งท่าทางที่แสดงความสดชื่นออกมา
อย่างเต็มเปี่ยมท้าให้คาร์ลตัวแข็งทื่อไปทันที เขาตั้งปณิธานแก่
ตนเองว่าจะไม่ท้าสิ่งใดให้เจ้ามังกรน้อยตัวนี้โกรธเคืองเขาอย่าง
แน่นอน
แม้แต่เชวฮัน รอนและบารอคก็เป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัวเช่นกัน มี
ทั้งมนุษย์ สัตว์อสูรและสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอยู่รายล้อมตัวเขา
มากเกินไป เฮ้อ…อย่างน้อยเขาก็รู้สึกดีที่สามารถเอาชนะสัตว์
ประหลาดตัวเล็กๆพวกนั้นได้ล่ะนะ
คาร์ลยังคงมั่นใจว่าตนจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบหลังจาก
ได้รู้ถึงการคงอยู่ของซากมังกรจากในอดีตภายใต้หนองน้้าแห่ง
นี้ เขาก้มลงมองพื้นด้านล่างของหนองน้้าที่ยังคงมองเห็นได้
ในตอนนี้
น้้าสีด้าสนิทได้หายไปจากหนองน้้าจนหมดแต่ยังคงมีโคลนสีด้า
เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย
“มันยังคงรูปร่างเป็นมังกรได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว”
มีโคลนสีด้าขนาดใหญ่จับกลุ่มกันเป็นก้อนมันมีรูปร่างที่คล้าย
กับมังกรวัยผู้ใหญ่อยู่ก้นหนองน้้า นอกจากนี้คาร์ลยังมองเห็น
ชิ้นส่วนบางอย่างที่คล้ายๆกับมงกุฎสีขาวและคาดว่าจะวางอยู่
เหนือศีรษะของมังกรตนนี้
มันย่อมเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างแน่นอน
“ข้าจะท้าตามที่ตัวข้าต้องการได้หรือไม่?”
มังกรด้าเอ่ยตอบเขาทันที
“เจ้าไม่จ้าเป็นต้องถามข้าเลยสักนิด….แล้วแต่เจ้าเถอะน่า”
“อืม…ขอบใจเจ้ามาก”
คาร์ลไม่ได้สังเกตว่ามังกรด้าก้าลังส่ายศีรษะของมันช้าๆเมื่อเขา
ก้าลังมุ่งหน้าไปยังโคลนสีด้าที่มีรูปร่างคล้ายกับมังกร เขาอาจ
พบกับกระดูกของมันได้หากก้าจัดโคลนสีด้านี้ออกไป
‘ถ้าฉันได้รับกระดูกของมันและพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมา
ครอบครองแล้วล่ะก็…..’
แจ็คพอตอะไรเช่นนี้!!!!
คาร์ลเริ่มยิ้มกว้างเต็มใบหน้าและมือของเขาก็เริ่มสั่นด้วยความ
ตื่นเต้น
ชิ้ง!!! ซ่า!!!!!
โล่เงินปรากฏออกมาเบื้องหน้าของคาร์ลพร้อมๆกับลมหมุนที่
ก้าลังหมุนวนอย่างรุนแรงบนฝ่ามือของคาร์ลทั้งสองข้าง ลม
หมุนขยายใหญ่ขึ้นเท่าที่มันจะเป็นไปได้และลมหมุนก็ก้าลังก่อ
ตัวใต้ฝ่าเท้าของคาร์ลด้วยเช่นกัน (53380)
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงลมพัดกระหน่้าไม่ไกลจากตัวคาร์ลมาก
นัก
ฟิ้วววว!!!!! ฟึบบบบ!!!!!
โคลนสีด้าที่เกิดจากลมพัดกระหน่้าเมื่อครู่พุ่งเข้าหาร่างของ
คาร์ลอย่างรวดเร็วราวกับอยากจะกลืนร่างของเขาเข้าไป
ก่อนที่คาร์ลจะได้ยินเสียงของเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณดัง
ขึ้นทันที มันไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ถูกสร้างขึ้นและถูกทิ้ง
ไว้ตามสถานที่ต่างๆแต่มันเป็นสิ่งที่ใครบางคนได้ทิ้งพลังของ
เขาเอาไว้
– เจ้ารู้ความหมายของการมีอานาจเหนือสิ่งอื่นใดหรือไม่? –
ตึกตัก!!! ตึกตัก!!!!
เสียงเรียบเย็นที่ดูเหมือนจะเฉือนเอาผิวหนังของคาร์ลให้หลุด
ไปท้าให้หัวใจของคาร์ลกระหน่้าเต้นอย่างรุนแรง เขาสลัด
ความหวั่นวิตกออกไปก่อนทะยานพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
ฟิ้วววว!!!!! บู๊มมม!!!!!!
ลมหมุนในมือของคาร์ลถูกขว้างไปด้านหน้าราวกับลูกธนู ลม
หมุนทะลุผ่านโคลนสีด้าเพื่อสร้างเส้นทาง
บทที่ 64 ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ 1 (2)

คาร์ลรีบเดินผ่านเส้นทางเข้าไปเรื่อยๆ
โล่และปีกสีเงินทาหน้าที่ป้องกันไม่ให้โคลนพุ่งเข้าใส่ตัวคาร์ล
เมื่อเขาลงแตะสู่ก้นหนองน้าในเวลาต่อมา
– การมีอานาจเหนือสิ่งอื่นใดคือการกาจัดทุกสิ่งให้สิ้นซาก
แม้กระทั่งลมหายใจของศัตรู-
ตึกตัก!!! ตึกตัก!!!!
หัวใจของเขายังคงเต้นอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียบ
เย็นนั่น มันเป็นเสียงที่เขากลัวยิ่งนัก
“ฮึบ…!!!”
คาร์ลกัดริมฝีปากของตนเอาไว้แน่นเพราะหัวใจของเขาที่เต้น
รัวขึ้นอย่างรุนแรง
ฟิ้วววว!!!!! บู๊มมม!!!!!!
ลมหมุนขนาดใหญ่ที่พุ่งใส่ราวกับลูกธนูทะลุผ่านโคลนสีดาอีก
ครั้งและคาร์ลยังคงได้ยินเสียงเรียบเย็นเอ่ยเข้ามาในหัวของ
คาร์ลเป็นระยะ
– เจ้ารู้ไหม…ว่าวิธีที่ง่ายที่สุดในการกาจัดลมหายใจของศัตรูคือ
อะไร? –
ฟิ้วววว!!!!! บู๊มมม!!!!!!
ลมหมุนยังคงหลั่งไหลออกมาจากมือของคาร์ลอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเปิดเส้นทางให้แก่เขา ตามร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยโคลน
สีดาจนเละไปทั้งร่างแต่เขาก็ยังคงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ถูก
สร้างจากลมหมุนในมือของเขาไปเรื่อยๆอย่างไม่ยอมแพ้
จากนั้นคาร์ลก็ได้ยินเสียงเรียบเย็นดังขึ้นอีกครั้ง
– ความกลัวคือคาตอบ-
คาร์ลเริ่มยกยิ้ม ความกลัวอย่างนั้นหรือ?
‘คาร์ล’…ไม่สิ… ‘คิมร็อกโซ’ คือคนที่เอาชนะความกลัวได้ทุก
ประเภท
เขาต้องทาเช่นนั้นเพราะเขาต้องการมีชีวิตอยู่ให้ได้ เขา
ต้องการจะใช้ชีวิตที่มีความสุขและสงบสุขกว่าใครๆบนโลกนี้
มนุษย์มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความกลัวที่ว่าก็
คงหนีไม่พ้นอนาคตที่ยังคงมาไม่ถึง
ลมหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกอื่นๆถูกขว้างออกไปอย่างรวดเร็ว
เพื่อเปิดเส้นทางต่อไป
บู๊มมมมมมมม!!!!!!!
มันมีพลังที่รุนแรงกว่าลมหมุนลูกอื่นๆที่ถูกขว้างออกไปก่อน
หน้านี้ยิ่งนัก
“โกหก!”
การมีอานาจเหนือสิ่งอื่นใด? ความหวาดกลัว? คาร์ลไม่ได้สนใจ
เรื่องพวกนี้เลยสักนิด เขาจะสนใจแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัว
เขาเท่านั้น
คาร์ลยังคงเดินไปตามเส้นทางที่ลมหมุนช่วยเปิดเส้นทางอย่าง
ต่อเนื่องก่อนที่จะได้ยินเสียงขึ้นอีกครั้ง
– ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ….เจ้าพูดถูก..มันเป็นเรื่องโกหก..เจ้ารู้อยู่แล้ว
สินะ…-
‘เจอแล้ว!’
คาร์ลมองเห็นกะโหลกสีขาวอันเป็นศีรษะของมังกรพร้อมกับ
มงกุฎสีขาวที่วางอยู่บนศีรษะของมัน คาร์ลเอื้อมมือของตนไป
ยังมงกุฎสีขาวก่อนที่ปลายนิ้วจะแตะเข้ากับเพชรที่ประดับไว้
บนมงกุฎชิ้นนี้
อ่า….ยังใช้งานได้!
แสงสว่างจ้าปรากฏออกมาจากมงกุฎนั่นก่อนที่มันจะทาให้
โคลนสีดาที่อยู่บนตัวของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลา
เดียวกันนั้นมงกุฎสีขาวก็ลอยเข้ามาหาคาร์ลเช่นกัน เขา
หลับตาลงก่อนจะได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้มันต่าง
ออกไป มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความสดใสและพอใจ
– บางครั้ง..ความตรงไปตรงมาของเจ้าก็ช่วยชีวิตของเจ้า
เอาไว้…ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ-
คาร์ลสัมผัสได้ถึงพลังที่โอบรัดรอบหัวใจของเขาเอาไว้
ตึกตัก!!!! ตักตัก!!!!
หัวใจของคาร์ลกระหน่าเต้นอย่างรุนแรง เขาสามารถรู้ได้ทันที
ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้คืออะไร?
ท่าทางของคาร์ลเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“…..นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
เมื่อคาร์ลลืมตาขึ้นก็พบว่าโคลนสีดาทั้งหมดได้หายไปและซาก
กระดูกของมังกรขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา
ในตอนนี้แล้วเช่นกัน
“มนุษย์!…ทาไมเจ้าถึงดูแข็งแกร่งเท่ากับกรงเล็บของข้าด้วยเล่า
..ไม่สิ!..เจ้ายังดูอ่อนแออยู่นี่นา…มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่?”
มังกรดารีบเข้ามาหาคาร์ลทันทีที่มองเห็นร่างของเขา ดูเหมือน
มันจะสับสนอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่เขาจะเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ
“ดูเหมือนว่าความสามารถพิเศษของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง
แล้ว”
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรของเจ้ากันเนี่ย…มนุษย์??”
มังกรดาดูสับสนและกังวล แต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้น คาร์ล
สามารถรู้ชื่อของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ได้อย่างง่ายดาย
‘รังสีเหนืออานาจ’
มันเป็นชื่อที่ดูวิเศษและหรูเกินไปแต่นั่นคือสิ่งที่มันเป็น
พลังศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งเดียวที่เพิ่มกลิ่นอายหรือรังสีที่ออกมา
จากร่างกายของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น มันเป็นพลังที่ดูไร้
ประโยชน์หากเทียบกับเพชรที่ถูกประดับไว้บนมงกุฎนั่น
“มันเป็นพลังที่วิเศษยิ่งนัก…มันช่วยเพิ่มความเจ้าเล่ห์และ
หลอกลวงได้ดีทีเดียว”
“แต่การหลอกลวงเป็นสิ่งไม่ดีนะ..เจ้ามนุษย์!”
คาร์ลเพิกเฉยกับมังกรดาที่เริ่มมีสีหน้าบึ้งตึงและเริ่มบ่นใส่เข้า
ก่อนจะหันไปมองสมาชิกคนอื่นๆที่กาลังเคลื่อนตัวเข้ามา คาร์ล
สังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมดมีท่าทางลังเลและไม่กล้าขยับเข้ามา
ใกล้เขามากนักก่อนจะกาจัดพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘รังสีเหนือ
อานาจ’ให้ออกไปจากร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วและเริ่ม
ขยับเข้าไปหาสมาชิกคนอื่นๆที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
ในตอนนี้ทั่วผืนป่าต่างเงียบสงบราวกับมันไม่เคยส่งเสียงดัง
ขึ้นมาตั้งแต่แรกรวมถึงสมาชิกคนอื่นๆต่างก็เงียบสงบไปเช่นกัน
และคาร์ลคือคนเดียวที่จะทาลายความเงียบนั้นลงได้
“เข้ามานี้สิ”
เสียงเรียกอันผ่อนคลายดังขึ้นทาให้ลุกแมวสองตัวที่ใช้อุ้งเท้า
ของมันปิดหูและหน้าของมันไว้คลายออกทันที พวกมัน
สามารถวิ่งเข้ามาใกล้คาร์ลและมังกรดาได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามพวกมันทั้งสองกับวิ่งผ่านร่างของคาร์ลไป
พวกมันกาลังวิ่งไปหามังกรดาที่ยืนอยู่ด้านหลังของคาร์ลก่อน
จะชะลอฝีเท้าของมันลงทันทีเมื่อเริ่มเข้าใกล้ตัวมังกรดา
“..เจ้า….เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่มั้ย?!”
“พวกเรากลัวมากเลย!…น้องคนเล็กของพวกเราจะบาดเจ็บ
ไม่ได้เป็นอันขาด”
พวกมันทั้งสองต่างวิ่งไปรอบๆร่างของมังกรดาเพื่อตรวจสอบ
ให้แน่ใจว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆในขณะที่ปากก็บ่นพึมพา
ด้วยความเป็นห่วงน้องคนสุดท้องของพวกมันก่อนที่จะเดินเข้า
ไปลูบหลังของมังกรดาเบาๆด้วยความภูมิใจ
“น้องคนเล็กของพวกเรายอดเยี่ยมที่สุด!”
“เยี่ยม!…เจ้าแข็งแกร่งมาก!”
คาร์ลมองดูพวกมันทั้งสามอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหันไปมองสองพี่
น้องจากเผ่าวาฬที่ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้เขาเลยสักนิด คาร์ลเริ่ม
ยกยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อตบไปที่ศีรษะของมังกรดาที่เดินเข้ามาใกล้
เขาและเอ่ยออกมาทันที
“พวกเจ้าไม่เข้ามากันหรือ?”
เสียงอันทุ้มลึกดังกังวานก้องอยู่ในหูของสองพี่น้องจากเผ่าวาฬ
วิเทียร์สะบัดแส้ของตนขึ้นโดยอัตโนมัติ ตอนนี้มันไม่ได้เป็น
เช่นนั้นเลยสักนิด เมื่อโคลนสีดาหายไปนายน้อยคาร์ลกลับดู
ต่างไปอย่างมาก แน่นอนว่าเขายังคงเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่
สามารถตายได้ด้วยการถูกแส้ของเธอสะบัดเข้าปะทะร่างกาย
เพียงแค่ครั้งเดียว
‘มันต่างไปจากคนที่มีพลังเวทย์อันแข็งแกร่ง’
มีชั่วครู่หนึ่งที่เธอสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากนายน้อยคาร์ล
เขาทาให้เธอนึกถึงบิดาของตนเองที่เป็นราชาแห่งเผ่าวาฬ มัน
ไม่ได้สัมผัสสิ่งนั้นได้จากความแข็งแกร่งของเขาแต่มันเป็น
บรรยากาศรอบๆตัวของเขา มันเป็นสิ่งที่ผู้มีอานาจเท่านั้นที่จะ
มีสิ่งนี้ นั่นคือสิ่งที่วิเทียร์รู้สึกต่อคาร์ลในเวลานี้
“นายน้อยคาร์ล”
เมื่อได้ยินเสียงจากสองพี่น้องที่เดินเข้ามาใกล้เขาแล้วคาร์ลก็
เอ่ยถามทันที
“หากให้เดา..พวกเจ้าคงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่มั้ย?”
“เอ่อ…อืม…พวกเราไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด”
วิเทียร์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเมื่อคาร์ลกลับมาเป็นตัวตนปกติ
ของเขาเช่นเดิม คาร์ลละสายตาออกจากสองพี่น้องจากเผ่า
วาฬและหันกลับมามองมังกรดาอีกครั้ง
“ไม่มีพลังเวทย์ใดๆหลงเหลืออยู่ที่นี่ใช่มั้ย?”
“อืม…ไม่มีหลงเหลือเลยสักนิด”
เนื่องจากน้าสีดาและโคลนสีดาได้หายไปจนหมดทาให้พลัง
เวทย์ก็สูญหายไปเช่นเดียวกัน สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงโครงกระดูก
ของมังกรขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อพลังเวทย์
อันรุนแรงของมังกรดาตัวน้อยนี้ได้
“เริ่มเก็บโครงกระดูกนี้ได้แล้วล่ะ”
“ตกลง”
คาร์ลก้มลงไปมองลูกแมวสองตัวที่ใช้ใบหน้าของพวกมันถูไปที่
ขาของเขา เมื่อพวกมันสบตาเข้ากับคาร์ลก็ใช้อุ้งเท้าของพวก
มันตะปบไปที่เท้าของคาร์ลทันที
“มันเป็นเรื่องที่อันตรายยิ่งนัก…แล้วทาไมเจ้าต้องเอาตัวเข้าไป
เสี่ยงด้วยทั้งๆที่เจ้ามันอ่อนแอที่สุด”
“เจ้าต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องคนเล็กของพวกเราสิ!…
แต่เขาก็ต้องไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน!”
คาร์ลไม่ได้สนใจกับลูกแมวทั้งสองที่กาลังตั้งหน้าตั้งตาดุเข้าอยู่
ก่อนจะพูดกับสมาชิกที่เหลือต่อไปทันที
“เร่งมือกันเถอะ…แล้วจะได้กลับบ้านกันเสียที”
พวกเขาต้องมุ่งหน้ากลับอาณาเขตเฮนิตัสหลังจากนี้ทันที
และอีกไม่กี่วันต่อมาคาร์ลก็สามารถออกจากป่าแห่งความมืดได้
อย่างราบรื่นก่อนจะเดินทางกลับไปถึงคฤหาสน์เฮนิตัสหลังจาก
นั้นอีกสองวันต่อมา รองพ่อบ้านฮันส์มีเรื่องที่ต้องแจ้งให้เขา
ทราบทันทีที่กลับมาถึง (53380)
“นายน้อย!….องค์ชายรัชทายาทติดต่อมาหานายน้อย…มีอะไร
เกิดขึ้นหรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก…”
คาร์ลเอ่ยตอบฮันส์อย่างคลุมเครือ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถ
ซ่อนรอยยิ้มที่กาลังปรากฏเต็มใบหน้าของตนได้เลยสักนิด
“แค่…เป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน”
มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะขโมยขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากสงคราม
กลางเมืองในอาณาจักรวิปเปอร์ได้ก่อนที่ฮันส์จะแจ้งให้คาร์ล
ทราบอีกเรื่องหนึ่ง
“เอ่อ…ท่านเชวฮันได้ส่งจดหมายมาแจ้งว่าเขาจะเดินทางกลับ
จากอาณาจักรเบร็คในเร็วๆนี้แล้วขอรับ”
‘หืม?…อะไรนะ?’
“หนุ่มน้อยล็อกก็จะกลับมาพร้อมเขาเช่นกัน…อ้อ!..ยังมีท่าน
โรสลินอีกคนด้วยขอรับ…นายน้อย”
“อะไรนะ?”
‘เร็วๆนี้?…พวกเขาได้ลงมือทาลายอาณาจักรเบร็คกันหรือไม่
นะ?…ทาไมจึงใช้เวลารวดเร็วเช่นนี้ได้?’
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์เฮนิตัส
บทที่ 65 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 2 (1)

“เอ่อ…ว่าแต่นายน้อยขอรับ?….ผู้คุ้มกันสองคนนั้นหายไปไหน
หรือขอรับ?…กระผมได้ยินมาว่ารองหัวหน้าองครักษ์กับเด็กๆ
สิบคนยังอยู่ช่วยงานที่หมู่บ้านแฮร์ริสอย่างนั้นหรือขอรับ?”
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วกับคาถามมากมายของฮันส์ที่เอ่ยถามเขา
ฮันส์ไม่ได้สนใจว่าคาร์ลมีสีหน้าเช่นใดเมื่อเขายังคงพูดต่อไปใน
ขณะที่ก้มลงไปอุ้มร่างของออนและฮงเข้ามาในอ้อมแขน
“ท่านบอกว่ารองหัวหน้าองครักษ์กาลังสืบเรื่องระเบิดที่เกิดขึ้น
ในป่าแห่งความมืดอย่างนั้นหรือขอรับ?”
‘ระเบิดที่เกิดขึ้นในป่าแห่งความมืด’ แน่นอนว่ารองหัวหน้า
องครักษ์จะต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงของมันเพราะคาร์ลได้อธิบาย
ทุกอย่างให้เขาฟังหมดแล้ว แต่เรื่องราว ‘อย่างเป็นทางการ’ที่
คนส่วนใหญ่ทราบกันคือเหล่าทหารองครักษ์ต้องไปตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้งและแน่นอนว่าเขา
จะต้องทาทุกอย่างเพื่อปกปิดความลับของคาร์ลในเรื่องนี้
เช่นกัน
‘นายน้อยขอรับ!…กระผมจะสวมบทบาทนี้ให้ดีที่สุดและจะ
จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยขอรับ!…แต่กระผมก็จะไม่อยู่ทา
หน้าที่เช่นนี้ตลอดไปหรอกนะขอรับ…’
คาร์ลรีบสลัดสิ่งที่ฮิลส์แมนได้พูดกับเขาออกจากหัวไปอย่าง
รวดเร็ว มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไร้สาระเกินไป
“ข้าไม่จาเป็นต้องใช้งานพวกเขาทั้งสองคนอีกแล้วล่ะ..พวกเขา
แยกตัวไปเมื่อถึงทางเข้าเมืองนี่เอง”
สองพี่น้องจากเผ่าวาฬได้แยกตัวจาคณะเดินทางเมื่อถึงปาก
ทางเข้าอาณาเขตเฮนิตัส พวกเขาทั้งสองมีขวดเวทย์ที่ใส่น้า
จากหนองน้าดาสนิทกลับไปด้วย อย่างไรก็ตามน้าอีกครึ่งหนึ่งก็
อยู่ในกามือของคาร์ลเช่นกัน
หางของฮงสะบัดฟาดไปมาด้วยความฮึกเหิมเพราะเขาจะ
แข็งแกร่งในอีกไม่ช้านี้รวมถึงออนด้วยเช่นกัน
“ฮันส์”
“ขอรับนายน้อย”
“องค์ชายรัชทายาทได้แจ้งไว้หรือไม่ว่าข้าควรติดต่อกับไปหา
พระองค์เมื่อใด?”
คาร์ลเอ่ยถามอย่างใจเย็นแต่ฮันส์กลับตอบเขาด้วยท่าทาง
เคร่งเครียด
“ทันที!!นั่นคือสิ่งที่องค์ชายรัชทายาทแจ้งมาขอรับ!”
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดูท่าองค์ชายอัลเบิร์กจะเป็น
กังวลใจน่าดูก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“ถ้างั้น…ไปตอนนี้เลยแล้วกัน”
คาร์ลกาลังนั่งไขว่ห้างบนโซฟาหรู ในขณะที่นักเวทย์
ผู้รับผิดชอบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารกาลังจ้องมาที่เขาไม่วางตา
“พร้อมหรือยัง?”
“อ๊ะ!!….ขอ…ขอรับ”
นักเวทย์กลืนน้าลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น
“เวลานี้…ดูเหมือนจะเป็นไปได้สูงเลยขอรับ…ที่นายน้อยจะได้
สนทนากับองค์ชายรัชทายาท”
นักเวทย์มองมาที่คาร์ลซึ่งกาลังจะได้พูดคุยกับองค์ชายรัช
ทายาทผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทางไกลอย่างตื่นเต้นแต่ดู
เหมือนนายน้อยคาร์ลจะไม่มีท่าทางตื่นเต้นเลยสักนิด เขาดูนิ่ง
มากทีเดียว
“อืม…ถ้าเรียบร้อยแล้วเจ้าก็ออกไปได้แล้วล่ะ”
นักเวทย์โค้งศีรษะให้แก่คาร์ลก่อนจะออกจากห้องไปอย่าง
รวดเร็วแต่ก็ไม่วายหันกลับมามองทางด้านหลังด้วยความอยาก
รู้อยากเห็น คาร์ลกดปุ่มสัญญาณเพื่อเริ่มต้นการสื่อสารผ่าน
ภาพเคลื่อนไหวทันทีที่นักเวทย์ปิดประตูห้องลง ทันใดนั้นก็
ปรากฏใบหน้าขององค์ชายอัลเบิร์กบนวัตถุทรงกลมโปร่งแสง
ขึ้นมาก่อนที่คาร์ลจะพูดขึ้น
“นับเป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่งนักที่ได้สนทนากับดวงดารา
แห่งอาณาจักรเช่นนี้…ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่งนักพะย่ะค่ะ”
[ “พอเถอะ…”]
องค์ชายรัชทายาทเอ่ยตัดบทขึ้นทันทีราวกับว่าสิ่งที่เขา
กล่าวออกไปนั้นทาให้พระองค์ขนลุกเกินกว่าจะทนฟังต่อไปได้
อีก คาร์ลเริ่มยิ้มและหยุดพูดทันทีเช่นกัน
อัลเบิร์กลอบสังเกตท่าทางของคาร์ลเงียบๆ ดูเหมือนเขาจะมี
ท่าทางที่สบายๆแต่ก็แฝงไปด้วยคามนอบน้อมต่อตนอยู่ก่อนที่
เขาจะเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น
[“ดูเหมือนพวกเขาจะสร้างความวุ่นวายให้แก่อาณาจักรเบร็ค
ได้พอสมควรเลย”]
รอยยิ้มของคาร์ลขยายกว้างขึ้นเพราะนั่นคือสิ่งที่เขารอคอย
ทาไมองค์ชายรัชทายาทถึงรีบร้อนขนาดนี้กันนะ? มันช่างเป็น
เรื่องที่สนุกยิ่งนักที่เขาได้พบหน้าขององค์ชายรัชทายาทในวันนี้
‘สายข่าวขององค์ชายรัชทายาทนับว่ารวดเร็วและแม่นยา
ที่สุด’
คาร์ลยังคงนั่งเงียบและยิ้มกว้างอยู่เช่นเดิมราวกับว่าไม่มีสิ่งใด
ผิดปกติ ทุกๆสิ่งจะถูกเฉลยออกมาเองโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยถาม
อะไรออกมาสักคา
[“ข้าเดาว่าเจ้าคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วสินะ…จึงไม่คิดจะพูดอะไร
ออกมา”]
เห็นมั้ยล่ะ? เขาพูดผิดที่ไหนว่าทุกอย่างๆมันจะเฉลยออก
เองโดยไม่ต้องถามเลยสักนิด
[“องค์หญิงโรสลินดูเหมือนจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว…เธอ
ทาได้อย่างไรกันนะที่โค่นตระกูลของดยุคแกรนด์ลงได้ภายใน
วันเดียว?”]
คาร์ลรู้สึกว่าหัวใจของตนแทบจะกระโดดออกมาเมื่อได้ยิน
คาว่า‘โค่นล้มตระกูลของดยุคแกรนด์’ แต่เขาไม่ยอมให้มัน
ปรากฏออกมาบนใบหน้าของเขาอย่างแน่นอนเพราะองค์ชาย
รัชทายาทกาลังจับตามองเขาอยู่อย่างไม่คลาดสายตา ตอนนี้
องค์ชายอัลเบิร์กกาลังแหย่ให้เขาเผยพิรุธอะไรออกมาให้
พระองค์ได้เห็น
[“อ้อ…เธอยังสละสิทธิ์ในราชบัลลังก์อีกด้วย”]
โรสลินสละสิทธิ์ในการครองบัลลังก์จริงๆแล้วสินะ? ตอนนี้
คงถึงเวลาแล้วที่เธอจะได้แสดงตัวตนที่แท้จริงของเธอในฐานะ
นักเวทย์ระดับสูง
[“แต่จากที่ข้าได้รับรายงานมา…มีบุคคลแข็งแกร่งที่อยู่เคียง
ข้างองค์หญิงในเวลานั้นถึงสองคน…แน่นอนว่าคนอื่นๆอาจไม่รู้
ในเรื่องนี้แต่ข้าสามารถรู้มันได้”]
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กช่างเป็นคนที่สามารถอธิบายสิ่ง
ต่างๆให้เข้าใจได้โดยง่ายจริงๆ
สายตาที่แหลมคมของพระองค์พุ่งตรงมาที่คาร์ลผ่านทางวัตถุ
ทรงกลมโปร่งแสงนี้อย่างกะทันหัน
[“พวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่ลูกน้องของเจ้าใช่มั้ย?”]
นี่พระองค์คงหมายถึงเชวฮันกับล็อกสินะ? คาร์ลสามารถ
ตอบคาถามนี้ได้ตามความจริงโดยไม่ต้องบิดเบือนเลยสักนิด
“องค์ชายพะย่ะค่ะ… จะเป็นลูกน้องของหม่อมฉันได้อย่างไร
กัน?”
พวกเขาไม่ใช่ลูกน้องของคาร์ลอย่างแน่นอน เชวฮันไม่ได้มีสิ่ง
ใดที่เกี่ยวข้องกับเขาและล็อกก็แค่คนที่ทาข้อตกลงร่วมกับเขา
เท่านั้น คาร์ลมองเห็นมุมปากขององค์ชายรัชทายาทยกสูงขึ้น
พระองค์เริ่มขยับตัวช้าๆก่อนเอนหลังพิงไปยังโซฟาขนาดใหญ่
มันดูเหมือนท่าทางของคาร์ลในตอนนี้แทบไม่ผิดเพี้ยนก่อนที่
พระองค์จะตรัสออกมาอย่างจงใจ
[“เจ้าเล่ห์….เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”]
คาร์ลไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่องค์ชายอัลเบิร์กตรัสขึ้นมาเลยสัก
นิด ในขณะที่อัลเบิร์กก็ยังคงจ้องมองคาร์ลที่มีท่าทางเหมือนไม่
พอใจที่เขากล่าวหาเช่นนั้นก่อนจะส่ายศีรษะของตนเบาๆและ
เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
[“ทาไม…เจ้าถึงอยากได้หอคอยพลังเวทย์ด้วยล่ะ?”]
องค์ชายรัชทายาทไม่ได้พยายามที่จะเอาชนะคาร์ลด้วยการ
ตะล่อมถามไปเรื่อยๆหรือใช้คาพูดที่สวยหรูอ้อมค้อมไปมาอีก
ต่อไป พระองค์เลือกที่จะซักถามด้วยท่าทางจริงจังและ
เคร่งเครียดแทน
“องค์ชายพะย่ะค่ะ”
คาร์ลลุกขึ้นจากโซฟาที่ตนนั่งอยู่ซึ่งทาให้องค์ชายรัชทายาท
มองตามด้วยความใคร่รู้ ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มพูดต่อไป
“บ่อยครั้งที่หม่อมฉันคิดว่า…พระองค์และและหม่อมฉันดู
คล้ายกันมาก”
องค์ชายรัชทายาทขมวดคิ้วมุ่นทันที
[“นับเป็นความคิดที่แย่มาก”]
“หม่อมฉันเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
คาร์ลปัดความจริงที่ว่าองค์ชายรัชทายาทแสดงความรังเกียจ
กับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ออกไปทันที
“…อาณาจักรโรมัน..เป็นอาณาจักรที่ไม่มีสิ่งใดเลย”
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้องทันที หากนักเวทย์ได้ยินในสิ่งที่
คาร์ลพูดออกไปเมื่อสักครู่เขาอาจเป็นลมหมดสติไปแล้ว
อย่างไรก็ตามองค์ชายอัลเบิร์กกลับไม่ได้สนใจในสิ่งที่หยาบคาย
เช่นนั้น
ดูเหมือนว่าองค์ชายรัชทายาทจะเริ่มกินเหยื่อที่เขาใช่ล่อแล้ว
กระมัง
[“เอาเป็นว่า..ข้าจะทาเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อกี้ก็แล้ว
กัน…”]
“องค์ชาย…พระองค์กาลังแย้มพระโอษฐ์อย่างนั้นหรือพะย่ะ
ค่ะ?”
[“หืม?….ข้าทาเช่นนั้นหรือ?”]
องค์ชายรัชทายาทไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลกล่าวออกมา
มากนัก
อาณาจักรโรมันเป็นอาณาจักรที่มีจุดเด่นในเรื่องของ‘ทหาร
องครักษ์และเหล่าอัศวิน’ที่แข็งแกร่ง และมันคือสิ่งที่ปรากฏใน
ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานจนกระทั่งถึงปีปัจจุบัน อย่างไร
ก็ตามองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กย่อมรู้ว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ดี
ในช่วงที่สถานการณ์สงบ แต่ก็ไม่เป็นไรเช่นกันที่จะเตรียมความ
พร้อมให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก พวกเขาต้องการหาสถานที่พิเศษ
สักหนึ่งแห่งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งนั้น (53380)
และนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถสร้างขึ้นมาได้ในช่วงระยะเวลา
อันรวดเร็ว มันจะเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวางมากกว่า
สิ่งที่เคยมีมาในอาณาจักรโรมันมากว่าร้อยปี นั่นเป็นสาเหตุให้
เขาตัดสินใจได้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้
‘เอามาจากคนอื่น’
‘ใช้ความสามารถของอาณาจักรอื่นให้เป็นประโยชน์’
‘และกาลังมีเหยื่อที่ดีปรากฏตัวต่อหน้าตาของเขาแล้ว’
‘อาณาจักรวิปเปอร์คืออาณาจักรที่มีความรุ่งเรืองและขึ้นชื่อว่า
เป็นอาณาจักรแห่งนักเวทย์’
คาร์ลหันมาสบตากับองค์ชายอัลเบิร์กทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่
พระองค์พูดขึ้น
[“เจ้า…นี่มันจริงๆเลย”]
บทที่ 65 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 2 (2)

พวกเขาทั้งสองมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มและแวว
ตาที่คล้ายคลึงกันยิ่งนัก
“มันคือ‘หอคอยพลังเวทย์’สาหรับหม่อมฉันและพระองค์นะพะ
ย่ะค่ะ..องค์ชาย”
คาร์ลและอัลเบิร์กต่างพูดขึ้นมาพร้อมกันทันทีในเวลาต่อมา
“นักเวทย์”
[“นักเวทย์”]
ความเงียบปรากฏขึ้นเต็มห้องชั่วระยะหนึ่งก่อนที่อัลเบิร์กจะ
หลับตาลงและเริ่มหัวเราะออกมา
[“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ….น่าสนใจ…น่าสนใจจริงๆ…ในตอนแรก..ข้า
ไม่คิดเลยด้วยซ้้าว่าจะมีคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับข้า”]
องค์ชายรัชทายาทยังคงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง
[“ข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ”]
ในที่สุดองค์ชายรัชทายาก็ให้ในสิ่งที่คาร์ลต้องการแล้ว
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ..องค์ชาย”
แค่เพียงประโยคขอบคุณสั้นๆเพียงแค่นั้นก่อนที่บทสนทนาจะ
ขาดช่วงไป อย่างไรก็ตามเพียงประโยคสั้นๆและไม่มีสิ่งใดที่
อธิบายออกมาอีก มันทาให้อัลเบิร์กเริ่มอยากรู้เกี่ยวกับความ
คิดเห็นของคาร์ลในเรื่องนี้และเอ่ยถามขึ้นทันที
[“แล้วท้าไมต้องเป็นหอคอยพลังเวทย์ด้วยล่ะ?”]
คาร์ลเห็นว่าองค์ชายรัชทายาทเริ่มลอบสังเกตเขาอย่าง
พิจารณาอีกครั้ง อาจเป็นเพราะพระองค์อดห่วงในสิ่งที่เขาคิด
ไม่ได้กระมัง?
‘ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าองค์ชายอยากรู้…เขาอยากรู้ว่าฉันไปรู้
เกี่ยวกับสถานการณ์ทางตอนเหนือของทวีปมากน้อยเพียงใด?’
‘เหล่าอัศวินผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรทางตอนเหนือของทวีป’
องค์ชายรัชทายาทกาลังเตรียมพร้อมสาหรับการบุกเข้าโจมตี
ของพวกเขา
สงครามเป็นช่วงเวลาแห่งความโกลาหลและความโกลาหลนั้น
จะเปิดโอกาสสู่ความเตรียมพร้อมในหลายๆด้าน เหล่านักเวทย์
จากอาณาจักรวิปเปอร์จะเริ่มอพยพออกจากอาณาจักรของ
ตนเอง
หรือแม้แต่องค์ชายรัชทายาทที่ไม่มีอิทธิพลในอาณาจักรของ
ตนเองมากนัก
ถ้าคิมร็อกโซได้อ่านนิยายเล่มที่ห้าจนจบแล้วล่ะก็ เขาจะได้รู้ว่า
ใครคือคนที่พัฒนาตัวเองจนสามารถขึ้นมาเป็นวีรบุรุษผู้
แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงจากบรรดาเหล่าอัศวินที่มาจาก
อาณาจักรทางตอนเหนือ
‘และอีกคนก็น่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาทที่ยืนต่อหน้าเขา
ตอนนี้ก็เป็นได้’
เพราะมังกรดาเคยบอกเขาเอาไว้ คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาช้าๆใน
ขณะที่องค์ชายรัชทายาทก็กาลังครุ่นคิดอยู่ว่าคาร์ลรู้
สถานการณ์ทางตอนเหนือของทวีปหรือไม่?
“หม่อมฉันต้องการเป็นเจ้าของหอคอยพลังเวทย์พะย่ะค่ะ”
[“เฮ้อ…ข้าไม่ควรถามจริงๆ”]
อัลเบิร์กมองเห็นรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าของคาร์ลเมื่อเขาส่าย
ศีรษะของตนเบาๆ
“แล้วทาไมองค์ชายจึงอยากได้เหล่านักเวทย์ด้วยล่ะพะย่ะค่ะ?”
อัลเบิร์กเริ่มมีรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของ
คาร์ลเลยสักนิด
[“ข้าแค่อยากให้พวกเขามีบ้าน”]
คาตอบของทั้งคู่นับเป็นข้อแก้ตัวที่แย่มากแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูด
สิ่งใดออกมาอีก พวกเขาเพียงนั่งเงียบๆและตกสู่ภวังค์ความคิด
ของตนเองชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น
[“แล้วเจ้าวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปเมื่อใด”]
“หลังจากนี้อีกประมาณหนึ่งเดือนพะย่ะค่ะ”
หนึ่งเดือนหลังจากนี้คาร์ลจะเสร็จสิ้นการเตรียมความพร้อม
ของเขาและจะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรวิปเปอร์โดยทันที เมื่อ
เขาเดินทางไปถึงที่นั่นสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงพอดี จู่ๆ
ใบหน้าโง่เขลาของทูนก้าที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายสดใสก็ลอย
เข้ามาในห้วงความคิดของคาร์ล
[“แล้วจะเดินทางไปที่นั่นอย่างไร”]
“เดินทางโดยเรือพะย่ะค่ะ”
[“ไปกับผู้คุ้มกันของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”]
‘ผู้คมุ้ กัน’ คานี้ทาให้คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาและอัลเบิกร์กก็
ตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตนเช่นกัน
[“ข้าคิดว่านั่นคงเป็นค้าถามที่ดูไร้ประโยชน์เกินไป…คาร์ล..เจ้า
ต้องระมัดระวังตัวเองให้ดีเพราะร่างกายของเจ้ายังคงอ่อนแอ
อยู่…เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าจะต้องท้าอย่างไร?”]
“หม่อมฉันจะนาสิ่งดีๆกลับมาให้พระองค์อย่างแน่นอนพะ
ย่ะค่ะ”
[“บางครั้ง..เราสองคนก็มีสีหน้าที่เหมือนกันโดยไม่มีเหตุผลเลย
สินะ? ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”]
คาร์ลและอัลเบิร์ก พวกเขาทั้งสองคนมีหน้าตาและรูปร่างที่
แตกต่างกันอย่างมากแต่รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของพวก
เขากลับดูเหมือนกันยิ่งนักในเวลานี้
สามสัปดาห์ต่อมา
คาร์ลค่อยๆลืมตาขึ้นและเริ่มกลิ้งตัวไปมาบนเตียงขนาดใหญ่
ของตนเองก่อนจะเริ่มอ้าปากหาวจนส่งเสียงดังออกมา มันเป็น
เวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้วแต่เขาเพิ่งจะตื่นจากการนอนหลับ
ที่แสนสบาย เขาเริ่มขยี้ตาของตนเบาๆและเงยหน้าขึ้นมอง
เพดาน
“เย้!..ข้าชนะ!…เขาตื่นสายกว่าเมื่อวานอีกตั้งหนึ่งชั่วโมงแห
นะ!”
“เฮ้อ…น้องเล็กของเราชนะอีกแล้ว…ข้าไม่รู้จริงๆว่าทาไมเขา
ถึงเริ่มตื่นสายขึ้นกว่าวันก่อนๆเช่นนี้..ดูสิเมื่อวานยังตื่นบ่ายสอง
อยู่เลย..วันนี้กลับตื่นบ่ายสามเสียได้”
มังกรดาและฮงมองไปมาระหว่างคาร์ลและนาฬิกาที่ติดอยู่บน
ผนังห้องในขณะพวกมันคุยกัน คาร์ลใช้มือขวาของตนลูบไปที่
ท้อง เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมาเพราะอาการประท้วงของท้องที่เริ่ม
บ่นว่าหิวแล้ว
“อ่า…สบายจริงๆ..ชีวิตของคนรวยที่ไม่ต้องตื่นเช้าไปทางาน”
นี่คือนิยามของความสุข
คาร์ลแทบไม่ได้ทาอะไรเลยในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขาใช้ช่วงเวลานี้คิดชื่อให้กับมังกรดาแต่ก็ขอเวลาคิดเพิ่มอีก
หนึ่งเดือนและได้มอบหมายให้คนอื่นๆเตรียมข้าวของเครื่องใช้
ให้พร้อมสาหรับการเดินทางที่เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว เขาเข้านอน
ตั้งแต่หัวค่าและตื่นสายทุกๆวัน เขาทาเพียงแค่กลิ้งไปมาบน
เตียงนอนและไม่ได้ลงมือทาสิ่งใดเลยในคฤหาสน์แห่งนี้ มันเป็น
สิ่งที่เยี่ยมมากที่ครอบครัวของเขายืนกรานให้เขาพักผ่อนให้
เพียงพอเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงโดยไว ดังนั้นเขา
จึงเชื่อฟังพวกเขาอย่างเคร่งครัดและไม่คิดที่จะลงมือทาสิ่งใด
เลย
แต่ในที่สุดความสุขของคาร์ลก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
“มนุษย์…ดูเหมือนว่าเชวฮันจะกลับมาถึงแล้ว”
มังกรดากระซิบเบาๆในหูของคาร์ลเมื่อเห็นรอยยิ้มของคาร์ล
“มันเยี่ยมไปเลยเจ้ามนุษย์…ข้าชักจะเริ่มเบื่อแล้วเช่นกัน”
คาร์ลขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะลุก
ขึ้นมาเลยสักนิด
กลุ่มของเชวฮันควรจะเดินทางมาถึงในวันนี้และนี่ก็บ่ายสาม
แล้วไม่แปลกที่พวกเขาจะเดินทางมาถึงที่นี่แล้วและอาจจะ
กาลังรอพบเขาอยู่ก็เป็นได้
คาร์ลเริ่มบิดขี้เกียจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกจากเตียงนอน สาม
สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยที่ไม่ได้ลงมือทาสิ่งใดทาให้จิตใจของเขา
เริ่มเปลี่ยนไป
‘ฉันต้องทาเงินให้ได้เพื่อที่จะไม่ต้องลงมือทาอะไรไปตลอดชีวิต’
แววตาของคาร์ลส่องประกายความมุ่งมั่นขึ้น เขาตัดสินใจแล้ว
ว่าเขาจะต้องจัดการสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรวิปเปอร์และดูแล
ความต้องการของราชินีแห่งผืนป่าให้ดีที่สุดเพื่อที่ในอนาคตเขา
จะได้ไม่ต้องลงมือทาอะไรอีกต่อไป คาร์ลรีบเดินเข้าห้องน้า
ทันทีในขณะที่มังกรดาขยับเข้าหาฮงเมื่อเห็นคาร์ลปิดประตู
ห้องน้าลงแล้ว
“แววตาที่อ่อนแอของเจ้ามนุษย์…ดูเหมือนจะเต็มเปี่ยมไปด้วย
พลังทุกครั้งที่เขาจะออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเลยเนอะ..!”
(53380)
“อืม…เจ้าพูดถูก…แต่ข้าก็ดีใจที่ตอนนี้ตัวข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว..
ข้ามั่นใจว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน”
‘ออน’ลูกแมวขนสีเงินที่ฟังการสนทนาของน้องๆทั้งสองเริ่มมีสี
หน้าที่แปลกไป เธอกาลังคิดถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของคาร์ลเมื่อ
ตอนที่กลิ้งไปมาบนเตียงนั่นก่อนที่เธอจะเริ่มพึมพาออกมา
“พวกเจ้าแน่ใจเหรอ…ว่ามันคือแววตาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง?”
“ใช่…ข้ามั่นใจ!”
“แน่นอนพี่ออน…มันต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
“อืม…ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”
ในที่สุดออนก็เห็นด้วยกับสิ่งที่น้องๆของตนบอกก่อนจะซุก
ใบหน้าของตนลงบนขนหนานุ่มของตนเบาๆ ตอนนี้ขนของ
ออนดูสว่างเป็นประกายมากกว่าเดิมเสียอีก พวกมันทั้งสามนั่ง
รอคาร์ลออกมาจากห้องน้า พวกมันตั้งตารอที่จะได้เดินทาง
ออกจากบ้านอีกครั้งหลังจากไม่ได้ไปไหนมาได้สักระยะหนึ่ง
แล้ว
บทที่ 66 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 3 (1)

อย่างไรก็ตามมันย่อมเป็นสิ่งตรงข้ามกับที่พวกมันทั้งสาม
คาดหวังเอาไว้ คาร์ลเพียงมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือด้วยท่าทาง
สบายๆไม่ได้ยินดียินร้ายเท่าไหร่นัก เขาเสยเส้นผมสีแดงสดที่
ยังคงเปียกชื้นเล็กน้อยในขณะที่นั่งลงและพร้อมเผชิญหน้ากับ
แขกทั้งสามคน
คาร์ลหยิบแก้วน้้าชาที่ฮันส์ยื่นส่งให้ขึ้นจิบและเอ่ยทักทายพวก
เขาขึ้น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
คาร์ลมองไปทางเชวฮันที่ยังคงมีท่าทางปกติตามแบบฉบับของ
เขาและล็อกที่ยังคงขี้อายอยู่เช่นเดิมก่อนจะหันไปมองโรสลินที่
ยืนอยู่ข้างๆ
“องค์หญิงโรสลิน….ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพะย่ะค่ะ”
โรสลินเริ่มยิ้มและตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“ท่านไม่สามารถเรียกข้าว่าองค์หญิงได้แล้วนะ…เพราะตัวข้า
ถูกขับออกจากราชวงศ์แล้ว”
“…..เช่นนั้นรึ?”
“ใช่….ข้าถูกลบรายชื่อออกจากตระกูล…ข้าไม่มีชื่ออยู่ในตระกูล
ของข้าอีกต่อไปแล้วล่ะ…”
คาร์ลละสายตาออกจากโรสลินที่พูดถึงการถูกขับออกจาก
ราชวงศ์อย่างมีความสุขและเอ่ยเพิ่มเติม
“ถ้าให้หม่อมฉันเดา..ต่อจากนี้หม่อมฉันคงสามารถเรียกองค์
หญิงว่าโรสลินได้เฉยๆสินะ”
ดวงตาสีแดงจ้องไปที่ร่างของคาร์ลไม่วางตา แม้ว่าเธอจะสมัคร
ใจสละราชบัลลังก์ด้วยตัวเองไม่ใช่การถูกขับออกจากราชวงศ์
อย่างที่เธอได้กล่าวอ้างไปแต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงรู้สึกสงสาร
และเห็นใจกับสิ่งที่เธอเผชิญในตอนนี้ การได้เห็นท่าทางที่เป็น
ปกติของคาร์ลเช่นนี้มันท้าให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
เป็นยิ่งนัก
“อืม….ใช่แล้ว..ท้าตัวเหมือนที่ท่านเคยท้าเป็นปกติเถิด….ใน
อนาคตต่อไปท่านก็สามารถปฏิบัติตัวต่อข้าเฉกเช่นสามัญชนได้
เช่นกัน”
เธอยังคงมองคาร์ลที่เพียงพยักหน้าตอบรับช้าๆโดยไม่แม้แต่จะ
หันมามองเธออีกและก้าลังคิดว่าตนตัดสินใจได้ถูกแล้วที่เลือก
กลับมาพร้อมเชวฮันก่อนจะค่อยๆเผยรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า
คาร์ลมองไม่เห็นรอยยิ้มกว้างของโรสลินเมื่อเขาหันไปมองเชว
ฮันและล็อกเป็นล้าดับต่อไป เชวฮันนั่งตัวเกร็งแต่ดูเหมือนว่า
ท่าทางของเขาจะดูมีความสุขมากเช่นกัน
‘รู้สึกว่าเขาจะดูเป็นคนดีมากขึ้นทีเดียว’
แววตาของเชวฮันแสดงออกอย่างชัดเจนว่านั่นคือประกายตา
ของคนดีอาจเรียกได้ง่ายๆว่าเขาก้าลังจะก้าวไปสู่การเป็น
วีรบุรุษผู้ผดุงความยุติธรรมในอนาคตข้างหน้าได้แล้วในตอนนี้
คาร์ลถอนสายตาออกจากเด็กหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีที่ดู
ไม่ค่อยจะเข้ากับตัวเขาเท่าไหร่นักและหันไปมองล็อกแทน
ล็อกดูแตกต่างจากเชวฮันอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเขามี
บางอย่างที่จะพูดออกมาแต่ก็อายเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้
และท้าแค่เพียงจับนิ้วมือของตนไว้แน่นเท่านั้น
“ท่านคาร์ล”
“มีอะไรรึ?”
ไม่จ้าเป็นต้องหันไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนเอ่ยเรียกตน
ขึ้นมา มีเพียงเชวฮันเท่านั้นที่เรียกเขาว่าท่านคาร์ล
“กระผมต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเบร็คให้ทราบ
หรือไม่ขอรับ?”
โรสลินหันไปมองเชวฮันด้วยความตกใจ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น
เชวฮันก็ไม่ได้หันไปมองท่าทางที่แสนตกใจของโรสลิน เขา
เพียงแค่ตรึงสายตาของตนไว้ที่คาร์ลเพียงคนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คาร์ลท้าเพียงส่ายศีรษะของตนช้าๆในขณะที่
สายตาก็ยังจ้องไปที่ล็อกอยู่
“ไม่จ้าเป็น…ข้าไม่คิดว่าตัวเองจ้าเป็นจะต้องรู้ในสิ่งที่เจ้าท้า
ร่วมกับสหายของเจ้าเลยสักนิด”
โรสลินเห็นใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มที่แสนผ่อนคลายของ
เชวฮันหลังจากที่เขาได้ยินคาร์ลเอ่ยออกมาก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
อีกครั้ง
“ขอรับ…แต่โปรดแจ้งให้กระผมทราบได้ทุกเมื่อหากมีสิ่งที่ท่าน
คาร์ลอยากรู้…กระผมจะรายงานให้ทราบทันที”
“ไม่จ้าเป็น…”
คาร์ลรู้สึกว่าเขาอาจจะต้องปวดหัวมากกว่าเดิมหากรู้
รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ต้องการรู้เลยสักนิดว่าพวก
เขาสามารถก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาจักรเบร็คในระยะเวลาสั้นๆ
เช่นนี้ได้อย่างไร รวมถึงเรื่องที่โรสลินยอมสละราชบัลลังก์นั่น
อีก
“ล็อก”
คาร์ลเปลี่ยนประเด็นโดยการเอ่ยเรียกล็อกแทน
“เอ่อ….ขอ….ขอรับ”
ล็อกในตอนนี้ดูเหมือนจะสูงขึ้นกว่าเชวฮันเสียอีกและยังคง
แสดงท่าทางอึดอัดออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง คาร์ลรู้ว่า
ท้าไมล็อกจึงมีท่าทางกระสับกระส่ายเช่นนี้
ฮันส์ได้แจ้งให้เขาทราบว่ากลุ่มของเชวฮันเดินทางมาถึงที่นี่เมื่อ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อน ในขณะที่เชวฮันและโรสลินมีหลาย
อย่างที่ต้องจัดการทันทีเมื่อเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว แต่มัน
สามารถเห็นได้ชัดเจนว่า ล็อกอาจก้าลังคิดเรื่องต่างๆเกี่ยว
สถานที่ต่างถิ่นเช่นอาณาเขตเฮนิตัสนี้ มันไม่แปลกถ้าเขาจะ
รู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องเดินทางมายังถิ่นอื่นอีกครั้งหลังจากไป
เยือนอาณาจักรเบร็คมาก่อนหน้านี้
คาร์ลยังคงจ้องไปยังใบหน้าอันสับสนของล็อกและเริ่มพูด
“ตอนนี้…น้องๆของเจ้าพักอยู่ที่อื่น”
สีหน้าของล็อกเปลี่ยนไปทันที
“ที่ไหน?…พวกเขาพักอยู่ที่อื่นอย่างนั้นหรือขอรับ?”
คาร์ลตอบออกมาโดยไม่ลังเล
“หมู่บ้านแฮร์ริส..ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นั่น”
เชวฮันที่ยังไม่ได้ละสายตาออกไปจากคาร์ลเริ่มมีอาการแข็งค้าง
ขึ้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นเข้าอย่างไรก็ตามคาร์ลไม่สนใจจะ
หันไปมองก่อนจะยกแก้วน้้าชาขึ้นจิบ
แน่นอนว่ารองพ่อบ้านฮันส์ที่ยังคงอยู่รับใช้เขาภายในห้องได้
กล่าวอธิบายเรื่องนี้แทน
“ขณะนี้พวกเราก้าลังด้าเนินสร้างบ้านเรือนในหมู่บ้านแฮร์ริส
ขึ้นมาใหม่..แต่ก่อนมันเคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆแต่มีธรรมชาติอัน
สวยงามและยังอยู่ใกล้ๆกับภูเขาอีกด้วย….แต่เมื่อไม่นานมานี้มี
เหตุไม่ดีเกิดขึ้นจนท้าให้มันถูกไฟไหม้ไปจนหมด”
ภูเขา หมู่บ้านเล็กๆแต่มีความสวยงามทางธรรมชาติและการ
ก่อสร้างขึ้นมาใหม่แทนบ้านเรือนที่ถูกเผาไหม้ท้าลายไป นั่นคือ
ภาพเดียวที่ปรากฏขึ้นในจินตนาการของล็อกเมื่อเขาได้ยิน
ประโยคเหล่านั้น มันเป็นภาพที่เหมือนกับบ้านเกิดของเขาที่ถูก
ไฟไหม้เช่นกัน
“เราก้าลังสร้างสุสานที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน”
เชวฮันหันไปมองฮันส์ทันทีในขณะที่ฮันส์ก็หันกลับไปมองนาย
น้อยของตน
“นายน้อยคาร์ลเป็นคนออกค้าสั่งให้ด้าเนินการสร้างสุสาน
ขึ้นมาใหม่ให้ดูเหมาะสมและดูสมเกียรติมากกว่าเดิม”
คลิ๊ก!…
แก้วน้้าชาที่กระทบกับโต๊ะส่งเสียงดังขึ้นเมื่อคาร์ลวางมันลง
ก่อนที่เขาจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่นและโต้กลับทันที
“ข้าไม่ได้ออกค้าสั่งเช่นนั้นสักหน่อย…”
“แต่นี่ไม่ใช่สิ่งแรกที่นายน้อยเอ่ยปากขอท่านเคานต์เกี่ยวกับ
การจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาเขตเฮนิตัสหรือขอรับ?…อ่า…นี่
เป็นครั้งแรกที่กระผมได้เห็นนายน้อยสนใจเกี่ยวกับการบริหาร
จัดการในอาณาเขตของเราเลยนะขอรับนายน้อย”
“มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นล่ะน่า..อย่าท้าเหมือนว่ามัน
เป็นเรื่องใหญ่ไปเลย”
คาร์ลโบกมือตัดบทไม่ให้ฮันส์พูดอะไรออกมาอีกและนั่นท้าให้
ฮันส์รีบหุบปากโดยไว อย่างไรก็ตามฮันส์ยังมีท่าทางกระวนวาย
เหมือนยังมีเรื่องอีกมากที่จะพูดออกมา คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉย
ต่อสิง่ นี้และจ้องไปยังล็อกที่ก้าลังจมอยู่กับความคิดของตนอยู่
“ล็อก”
“….ขอรับ?”
“ไปเยี่ยมน้องๆของเจ้าที่พักอยู่นั่นเสียเถิด”
คาร์ลหันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ในขณะที่ล็อกก็เงยหน้า
ขึ้นมามองเขาเต็มตา คาร์ลค่อนข้างมั่นใจว่าล็อกจะเข้าใจในสิ่ง
ที่เขาพูดเพราะถึงแม้ล็อกจะเป็นเด็กขี้อายแต่เขาก็ดูเป็นคนที่
เข้าใจอะไรได้โดยง่าย ก่อนที่เขาจะเอ่ยเรียกเชวฮันที่ยังคงนั่ง
นิ่งอยู่
“เชวฮัน”
เชวฮันลอบสังเกตท่าทางอันเป็นปกติของคาร์ลอย่างเงียบๆ มี
หลายสิ่งหลายออย่างที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเบร็คเมื่อเขาไป
เยือน เขารีบจัดการพวกมันทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็วเพื่อ
กลับมายังสถานที่ที่เรียกว่าบ้านอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงของนาย
ท่านคาร์ลที่ดังก้องในหูของเขา
“ตัวเจ้าเองก็ควรไปท้าความเคารพด้วยเช่นกันและล็อก…
น้องชายของเจ้ายังไม่คุ้นเคยกับที่นั่นเท่าไหร่นัก…หากเจ้าไป
ด้วยก็คงจะช่วยเหลือเขาได้มากทีเดียว”
‘เคารพ’ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมเชวฮันก็เข้าใจความหมาย
ของมันว่าคืออะไรมันคือการเคารพต่อผู้คนที่เขารักที่ถูกฝังร่าง
อยู่ใต้ผืนดินในหมู่บ้านแฮร์ริส เชวฮันก้าหมัดของตนแน่นก่อน
จะคลายมันออกด้วยความรวดเร็ว เขาต้องสงบสติอารมณ์ที่
ก้าลังวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายของตนเมื่อนึกถึงภาพของหมู่บ้าน
แฮร์ริสที่ถูกไฟไหม้จนหมดและในตอนนี้มันอาจมีอะไร
บางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากค้าบอกเล่าของฮันส์ (53380)
คาร์ลเอ่ยกับพวกเขาทั้งสามเป็นสิ่งสุดท้ายในวันนี้
“เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ…อ้อ!..ท่านโรสลินเป็นเรื่องดีเช่นกันที่
ท่านจะไปพักผ่อนในห้องพักที่เราเตรียมไว้ให้…ถ้าหากท่านจะ
เดินทางไปพร้อมกับพวกเขาทั้งสองก็ตามแต่ใจท่านเช่นกัน…”
คาร์ลเริ่มรู้สึกเหนื่อยหลังจากจัดแจงสิ่งต่างๆให้กับพวกเขาทั้ง
สาม มันรู้สึกเหมือนกับความสุขของเขาในช่วงสามสัปดาห์ที่
ผ่านมาได้สลายหายไปในอากาศเสียแล้ว ล็อกและโรสลินค่อยๆ
เดินตามฮันส์ออกไปจากห้องหนังสือ
เชวฮันรอจนกระทั่งพวกเขาทั้งหมดออกไปจากห้องก่อนจะลุก
ขึ้นยืนในที่สุด
“ท่านคาร์ล”
เขาเอ่ยเรียกและโค้งศีรษะให้แก่คาร์ล
“ขอบคุณท่านมากขอรับ”
บทที่ 66 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 3 (2)

เชวฮันหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับท่าทางที่
ไม่ยินดียินร้ายและสุดแสนจะราคาญใจของคาร์ลเข้า
“ข้าไม่ต้องการคาขอบคุณเช่นนี้…ออกไปได้แล้วล่ะ”
เชวฮันทาตามที่คาร์ลสั่งและมุ่งหน้าไปยังประตูห้องทันที คาร์ล
ยกแก้วน้าชาขึ้นจิบอีกครั้งในขณะที่สายตาก็คอยลอบสังเกต
เชวฮันอยู่ ก่อนจะได้ยินเสียงของเชวฮันดังขึ้นเมื่อเขาหยุดยืน
หน้าประตูและยังคงจับลูกบิดประตูค้างไว้
“กระผมได้ยินมาจากพ่อบ้านฮันส์ว่าท่านคาร์ลกาลังจะเดินทาง
ไปอาณาจักรวิปเปอร์เช่นนั้นหรือขอรับ?”
“อืม…..”
คาร์ลเอ่ยตอบสั้นๆก่อนจะเอ่ยเพิ่มเติม
“เราจะเริ่มเดินทางกันทันทีหลังจากที่เจ้ากลับมาจากหมู่บ้าน
แฮร์ริสแล้ว…เตรียมกระเป๋าของเจ้าให้พร้อมด้วย”
“ขอรับ”
เชวฮันมีรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้าก่อนจะเลือนหายไปอย่าง
รวดเร็วเมื่อเขาเริ่มหมุนลูกบิดประตู
คลิ๊ก!
เชวฮันพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเปิดประตูออกกว้างแล้ว
“เขาชื่อบ๊อบ..อย่างนั้นหรือขอรับ?”
“เจ้าไปรู้จักบ๊อบได้อย่างไร?”
นี่ก็นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินชื่อ ‘บ๊อบ’นามแฝงของทูนก้า
‘หรือว่าฮันส์เล่าเรื่องของทูนก้าให้เขาฟังกันนะ?’
คาร์ลมองไปที่เชวฮันด้วยความสงสัย แต่เชวฮันเพียงหัน
กลับมามองเขาและยังคงยืนอยู่ในห้องโดยปล่อยให้ประตูเปิด
ค้างเอาไว้ เขามีท่าทางเคร่งเครียดก่อนจะปล่อยให้น้าเสียงที่ดู
จริงใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาไหลผ่านออกมาอย่างต่อเนื่อง
“บารอคบอกกับกระผม..ว่าเขาเกือบทาให้ท่านคาร์ลบาดเจ็บ”
‘….ทาไมบารอคถึงพูดเช่นนั้น’
คาร์ลนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตอบกลับทันที
“บาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?…ไม่นะ..ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย..
มีเพียงแค่เนื้อตัวมอมแมมจากน้าทะเลและเศษดินเท่านั้นล่ะ”
“….อ่า…..กระผมเข้าใจแล้ว”
เชวฮันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเมื่อเดินออกจากห้องหนังสือไป
ในที่สุด คาร์ลมองเห็นฮันส์ที่กาลังเดินสวนเชวฮันเข้ามาในห้อง
หนังสืออีกครั้ง ชั่วขณะนั้นฮันส์ได้สบตาเข้ากับเชวฮันและ
หยุดชะงักไปทันที
“เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ห๊ะ?…อ้อ…ไม่มี…ไม่มีอะไรขอรับนายน้อย”
ฮันส์โบกมือปฏิเสธให้กับคาถามของคาร์ลอย่างลนลานก่อนจะ
หันกลับไปมองแผ่นหลังของเชวฮันที่ค่อยๆหายลับไปจากประตู
ห้อง
“…เอ่อ….นายน้อยขอรับ?”
“อะไร?”
คาร์ลสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของฮันส์เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้
ตน
“นายน้อย..เอ่อ..ได้ทะเลาะกับท่านเชวฮันหรือไม่ขอรับ”
“ทะเลาะ?…ข้านี่นะ?….เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่เนี่ย”
“นั่นสินะขอรับ!…กระผมพูดอะไรออกไป….ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆ”
คาร์ลยังคงจ้องไปยังฮันส์ที่แสดงท่าทางประหลาดๆออกมาแต่ก็
ยังเลือกจะพูดในสิ่งที่เขาต้องการออกไปอยู่ดี เขามอบคาสั่ง
ให้แก่ฮันส์หลังจากที่นั่งดูท่าทางประหลาดๆของฮันส์อยู่ครู่หนึ่ง
“อีกประมาณสิบวัน…เราจะเริ่มออกเดินทางกันแล้ว….ดังนั้น
เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย”
“ได้ขอรับ…กระผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยไวที่สุด…
กระผมจะตั้งใจทางานขอรับ!”
คาร์ลมองไปที่ฮันส์ด้วยสีหน้าว่างเปล่าเมื่อจู่ๆฮันส์ก็มีท่าทางที่
เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างฉับพลันก่อนจะรีบเดินออกไปจาก
ห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว ภายในห้องเหลือเพียงคาร์ลที่อยู่
เพียงลาพังก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
ผู้พิทักษ์คนสุดท้ายของหอคอยพลังเวทย์ซึ่งละทิ้งหน้าที่ของ
ตนเองและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นครั้งแรก…ที่ฉันจะได้เห็นคนแคระตัวเป็นๆ”
เพื่อจะได้ซื้อหอคอยพลังเวทย์โดยมีร่องรอยความเสียหายน้อย
ที่สุด เขาจาเป็นต้องพบกับคนแคระที่ตระกูลของเขาทาหน้าที่
ปกปูองหอคอยพลังเวทย์มาหลายชั่วอายุคน คาร์ลค่อยๆเผย
รอยยิ้มออกมาช้าๆ
คนแคระที่ไม่ได้เป็นเพียงคนแคระอย่างเดียวเท่านั้น
‘คนแคระเลือดผสม…เลือดครึ่งหนึ่งคือคนแคระและอีกครึ่งคือ
สัตว์อสูรจากเผ่าหนู’’
‘มุลเลอร์’ คนแคระเลือดผสมที่มีจุดจบการตายโหดร้ายที่สุดใน
นิยายเรื่อง ‘กาเนิดวีรบุรุษ’ เขามีรูปร่างเล็ก เตี้ยสั้นและดู
อ่อนแอเพราะไม่มีกล้ามเนื้อปะปนอยู่ในร่างกายเพราะนั่นคือ
ธรรมชาติของสรีระร่างกายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ
สัตว์อสูรจากเผ่าหนูส่งผลให้เขาดูตัวเล็กมากขึ้นไปอีก
คาร์ลออกจากห้องหนังสือและกลับไปยังห้องนอนของตนทันที
เขากาลังคิดหาวิธีการต่างๆที่จะดักจับหนูไม่ให้หนีพ้นกามือ
ของเขาไปได้ ก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้มังกรดา ออนและฮงที่
กาลังเล่นกันอย่างสนุกสนานในห้องนอนของเขา
‘เพียงแค่สิบวันเท่านั้น…มันจะผ่านไปไวเหมือนโกหกเชียวล่ะ’
เป็นอย่างที่คาร์ลคาดเอาไว้ เพียงไม่นานก็ผ่านพ้นหนึ่งสัปดาห์
ไปอย่างรวดเร็ว เขากาลังเอนหลังพิงโซฟาตัวเดิมเหมือนเมื่อ
หนึ่งสัปดาห์ก่อน
“เฮ้อ….”
ไม่ใช่ว่าการที่เขานั่งอยู่เฉยๆจะทาให้เขาสามารถถอนหายใจ
ออกมาเช่นนี้ได้ทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ
เชวฮันและล็อกที่เดินทางออกจากคฤหาสน์เฮนิตัสไปเมื่อหนึ่ง
สัปดาห์ก่อนได้เดินทางกลับมาถึงแล้วโดยโรสลินไม่ได้เดินทาง
ไปกับพวกเขาทั้งสอง
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้กลับมาเพียงแค่สองคน
“นายน้อยขอรับ..”
รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนก็เดินทางกลับมาพร้อมพวกเขา
ทั้งคู่เช่นกันแต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ดูแปลกไปอย่างมาก
โดยปกติแล้วฮิลส์แมนมักแต่งกายด้วยเครื่องแบบที่เหมาะสม
กับตาแหน่งของเขาแต่ในวันนี้เขาเพียงสวมเสื้อเกราะเก่าๆและ
ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย
‘ไม่ใช่ว่าฉันกาชับให้เขาสนใจเพียงการฟื้นฟูสภาพหมู่บ้านแฮร์
ริสอย่างเดียวรึไงกัน?’
ดูเหมือนว่ารองหัวหน้าองครักษ์จะลงมือทาบางสิ่งที่
นอกเหนือไปจากคาสั่งของคาร์ล
“กระผมกลับมาแล้วขอรับ..นายน้อย”
แม้ว่าคาร์ลจะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าฮิลส์แมนทาอะไร
นอกเหนือไปจากคาสั่งของเขาบ้าง? แต่สิ่งที่เขาต้องทาก่อนคือ
การเอาหูทวนลมกับคาพูดชื่นชมที่ฮิลส์แมนยังคงเอ่ยกับเขาอยู่
ครู่ใหญ่ อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียงแค่ฮิลส์แมนเท่านั้นที่กลับมา
พร้อมเชวฮันและล็อก
“นายน้อย!..เราอยากเจอท่านยิ่งนัก!”
“นายน้อยคาร์ล!…พวกเราก็กลับมาที่นี่ด้วย!”
“สวัสดีขอรับ!…นายน้อยคาร์ลท่านสบายดีหรือไม่?”
คาร์ลได้ยินเสียงที่ดังขึ้นพร้อมๆกันของเด็กๆจากเผ่าหมาปุาทั้ง
สิบคนก้องเข้ามาในหู เมสและเด็กคนอื่นๆกาลังมองมาที่คาร์ล
พร้อมกับส่งรอยยิ้มอันสดใสมาให้
อย่างไรก็ตามสภาพของพวกเขากับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เด็กๆต่างมีผ้าพันแผลพันทั่วร่างกายของพวกเขาอยู่หลายจุด
มีเรื่องบางอย่างที่เกินไปกว่าความคาดหมายของคาร์ลเกิดขึ้น
ในหมู่บ้านแฮร์ริส
“พวกเราเดินทางกลับมาพร้อมพี่ล็อก…เพราะนายน้อยไม่ได้
แจ้งว่าให้เรากลับมาได้เมื่อไหร่?”
เมสเป็นคนพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของนายน้อย
ก่อนที่คาร์ลจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
‘การที่ฉันไม่ได้บอกกับพวกนายว่าควรจะกลับมาเมื่อไหร่..มันก็
ต้องหมายความว่าพวกนายยังไม่ควรกลับมาในตอนนี้’
(53380)
คาร์ลไม่สามารถเอ่ยบอกเด็กๆที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงให้
เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านแฮร์ริสอีกครั้งได้ เขาเพียงพยักหน้า
ว่าตนเข้าใจในสิ่งที่เมสกล่าวออกมาและหันไปมองเชวฮัน
และล็อก
“ไปเตรียมกระเป๋าของพวกเจ้าให้พร้อม..เราจะเริ่มออก
เดินทางในอีกสองวัน”
อย่างไรก็ตามมีเสียงตอบรับอย่างแข็งขันดังมาจากผู้อื่น
“ขอรับ!…นายน้อย!”
เป็นเสียงที่ดังขึ้นจากคนทั้งหมด 11 คน ดูเหมือนว่ารอง
หัวหน้าองครักษ์และเด็กๆจากเผ่าหมาปุาจะตอบรับคาของเขา
อย่างแข็งขันและกระตือรือร้นกว่าปกติ มันเหมือนกับว่าคาร์ล
กาลังมองดูกลุ่มทหารองครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็น
เวลานาน เชวฮันและล็อกหันไปมองพวกเขาด้วยความพึง
พอใจ นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เมื่อสายตาที่เชวฮัน
มองไปที่พวกเขานั้นไม่ต่างจากสายตาของอาจารย์ที่มองไปยัง
ลูกศิษย์ของตนด้วยความชื่นชมเลยสักนิด
สีหน้าของคาร์ลดูแปลกไปทันที ‘มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลยสัก
นิด’
บทที่ 67 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 4 (1)

ความรู้สึกแปลกๆยังคงดาเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเวลา
รับประทานอาหารเย็น เมื่อสมาชิกในครอบครัวมาพร้อมหน้า
กันแล้ว คาร์ลจึงเอ่ยขึ้นมาเพียงประโยคเดียว
“ลูกจะเดินทางไปอาณาจักรวิปเปอร์นะขอรับ…”
เคร้ง!!!!!!!!
ช้อนในมือของลิลลี่น้องสาวคนเล็กวัย 7 ขวบหล่นลงบนโต๊ะ
อาหารจนส่งเสียงดัง คาร์ลหันไปมองลิลลี่ทันทีที่ได้ยินเสียงดัง
ขึ้นและพบว่าใบหน้าของเธอซีดเผือดพร้อมๆกับริมฝีปากที่สั่น
ระริก
“อาจารย์ของน้องเล่าว่า….”
ลิลลี่ไม่คิดแม้แต่จะเอื้อมไปหยิบช้อนขึ้นมาเมื่อเธอเริ่มพึมพา
ออกมาดังๆให้ทุกคนได้ยิน
“สถานการณ์ในอาณาจักรวิปเปอร์น่ากลัวมากในตอนนี้…ผู้คน
ก็ล้มตายทุกวัน…เหล่าขุนนางก็ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ…มัน
ยากมากที่จะหาอาหารอร่อยๆทานได้!..หรือแม้แต่จะนอนหลับ
พักผ่อนได้สนิทก็ไม่มีทางทาได้เลย!…นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ของ
น้องเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ!”
อารมณ์ของเธอดูเหมือนจะเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเธอ
กล่าวประโยคยาวๆออกมาก่อนที่เธอจะหันมาจ้องคาร์ลด้วยสี
หน้าเคร่งเครียด
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทาเช่นนั้น!”
เคานต์เดอรัชเอ่ยแทรกลิลลี่ขึ้นมาด้วยน้าเสียงเด็ดขาด คาร์ล
หันไปมองเคานต์เดอรัชด้วยความสับสน องค์ชายรัชทายาทได้
สัญญากับเขาว่าจะให้การช่วยเหลือระหว่างการเดินทางไปยัง
อาณาจักรวิปเปอร์เพื่อให้เขาสามารถเดินทางไปถึงที่นั่นได้
อย่างปลอดภัย
‘เจ้าจะให้ข้าแจ้งแก่ครอบครัวของเจ้าว่าที่เจ้าต้องเดินทางไปที่
นั่นเป็นเพราะคาสั่งของข้า.ไม่จาเป็นต้องพูดถึงนักเวทย์หรือ
หอคอยพลังเวทย์อะไรพวกนั้นใช่หรือไม่?’
‘ใช่แล้วพะย่ะค่ะ…เก็บไว้เป็นความลับจะเป็นการดีที่สุด…
หม่อมฉันเพียงต้องการให้ครอบครัวและอาณาเขตอัลบาทราบ
เพียงว่า…หม่อมฉันต้องเดินทางไปที่นั่นก็พอ’
‘อืม…ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย’
หลังจากนั้นไม่นานองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กจึงได้แจ้งให้
เคานต์เดอรัชทราบว่าพระองค์ได้มอบหมายภารกิจลับให้คาร์ล
เดินทางไปจัดการยังอาณาจักรวิปเปอร์
“ท่านพ่อ..มันเป็นคาสั่งขององค์ชายรัชทายาทนะขอรับ”
“มันไม่ได้สาคัญเลยสักนิด”
ใบหน้าที่มักจะเต็มไปด้วยความใจดีของเคานต์เดอรัชถูกแทนที่
ด้วยความบึ้งตึงและไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง คาร์ลหันไปมอง
บาเซ็นที่ดูเหมือนจะแข็งค้างราวกับถูกแช่แข็งก่อนจะหันไป
มองเคานต์เตสวิโอแลนที่ยังคงมีท่าทางสงบและใจเย็น เธอเอ่ย
ถามคาร์ลขึ้นมาหลังจากที่ทั้งสองได้สบตากัน
“…มันเป็นการตัดสินใจของตัวเจ้าเองหรือ?”
“ขอรับ…กระผมอยากไปที่นั่น”
“คาร์ล…”
“ขอรับ?”
วิโอแลนรวบช้อนวางไว้บนจานอาหารของเธอและเอ่ยต่อไป
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่..ว่าที่นั่นมันอันตรายมากแค่ไหน?”
“ขอรับ…”
คาร์ลตอบรับคาถามของเธอเบาๆ อย่างไรก็ตามมันเป็นจะ
เพียงเรื่องง่ายๆสาหรับเชวฮัน มังกรดา โรสลินและล็อกหรือ
แม้แต่รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนและเด็กๆจากเผ่าหมาปุา
ทั้งสิบคนที่ยังคงร้องขอติดตามเขาไปด้วย ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึก
กังวลเลยสักนิดว่าตนจะได้รับอันตรายหากมีพวกเขาติดตามไป
“คาร์ล…เจ้าต้องจาเรื่องหนึ่งเอาไว้…ข้าเป็นห่วงเจ้าเพราะถึง
อย่างไรเจ้าก็เป็นลูกชายคนหนึ่งของข้าไม่ต่างจากลิลลี่และบา
เซ็นเลย….พวกเราทุกคนต่างกังวลและเป็นห่วงเจ้าเสมอ…
อย่างไรก็ตาม…”
แววตาของเคานต์เตสวิโอแลนที่จ้องมายังคาร์ลฉายประกาย
คมชัดขึ้น
“..พวกเราไม่ได้สนใจความเป็นไปของอาณาจักรโรมันนี้เลยสัก
นิด”
“อะแฮ่มๆๆๆ….ภรรยาของข้า…พวกเรายังต้องการอาณาจักรที่
มีความปลอดภัยเพื่อให้ครอบครัวของเราอยู่ได้อย่างสงบสุขอยู่
นะ”
เคานต์เดอรัชเลิกทาสีหน้าบึ้งตึงและแกล้งกระแอมไอออกมา
อย่างไรก็ตามวิโอแลนไม่ได้สนใจในสิ่งที่สามีของตนกล่าวและ
ยังคงเอ่ยถามคาร์ลต่อไป
“นี่เป็นการตัดสินใจของเจ้าจริงๆใช่มั้ย?”
วิโอแลนยังคงเอ่ยถามด้วยประโยคที่คล้ายๆกันอีกครั้งและ
คาร์ลก็ตอบกลับทันทีเช่นกัน
“กระผมคือ….เต่าสีทอง”
เคานต์เดอรัชนึกถึงสิ่งที่เขาได้พูดกับบุตรชายของตนเมื่อไม่
นานมานี้
‘เราจะปกป้องทุกอย่างด้วยกระดองที่แข็งแกร่งของเรา…
อย่างไรก็ตามลูกต้องจาไว้เสมอว่าสิ่งที่สาคัญที่สุดคือการ
ป้องกันตัวเราเองก่อน…นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกที่จะเป็นเต่า’
เขาหันไปมองบุตรชายของตนที่ยังคงมีท่าทางสงบและผ่อน
คลาย
“มันคือสิ่งสาคัญสาหรับกระผม…ที่จะใช้กระดองอันแข็งแกร่ง
เพื่อปกปูองตัวเอง”
นั่นคือคาตอบของคาร์ล
“เพราะสุดท้าย…กระผมก็คือเฮนิตัส”
แน่นอนว่าคาร์ลย่อมคานึงถึงความปลอดภัยของตนเองมาก่อน
เสมอ เขาจะก้าวเท้าเข้าสู่สนามรบก็ต่อเมื่อมั่นใจว่าพวกตนจะ
เป็นผู้ชนะในศึกครั้งนี้และเขายังมีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งอยู่ข้าง
กายเขาอีกด้วย
“พวกท่านไม่ต้องกังวลนะขอรับ…”
น้าเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและสายตาก็เปี่ยมไป
ด้วยความมุ่งมั่นเช่นกันและนั่นทาให้เคานต์เตสวิโลแลนเริ่มยิ้ม
ออกมา
“เอาล่ะ…ข้าเข้าใจแล้ว..แต่ข้าไม่คิดว่าจะหยุดกังวลเกี่ยวกับตัว
เจ้าไปได้หรอกนะเพราะมันคือความรู้สึกของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
ของตัวเอง”
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวลในเรื่องนี้เลยสักนิดแต่คาร์ลก็เพียง
พยักหน้ารับคาของเคานต์เตสวิโอแลน ในขณะที่เคานต์เดอรัช
ก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีกเมื่อเริ่มลงมือทานอาหารอีกครั้ง จากที่
เขาเอ่ยเสียงแข็งว่าไม่อนุญาตให้คาร์ลเดินทางไปได้ดูเหมือนว่า
ตอนนี้เขาจะยอมรับมันได้แล้วเช่นกัน
“พวกเขาคิดว่า…เราจะต้องทาตามคาสั่งของพวกเขาทุกอย่าง
เพราะเราอยู่ในระดับที่ต่าและอ่อนแอจนสามารถกดขี่เช่นนี้
สินะ?”
เคานต์เดอรัชพึมพากับตัวเองเบาๆในขณะที่ฟันก็กาลังเคี้ยวชิ้น
เนื้ออย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามเมื่อคาร์ลเห็นว่าไม่มีการต่อต้าน
จากสมาชิกในครอบครัวของตนอีกต่อไป เขาจึงหันกลับไป
สนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างสงบสุขอีกครั้ง
คาร์ลยังคงมุ่งความสนใจของตนเองไปที่อาหารที่อยู่ตรงหน้า
เพียงเท่านั้น จึงไม่ได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
เขาไม่เห็นสายตาอันผิดปกติที่เคานต์เดอรัชและเคานต์เตสวิโอ
แลนมอบให้แก่กัน นอกจากนี้เขายังไม่รู้อีกว่าหลังจาก
รับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้นเคาน์เดอรัชจะมีคาสั่งให้ข้ารับ
ใช้ไปรวบรวมข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายรัชทายาทและ
อาณาจักรวิปเปอร์มาอย่างละเอียดโดยไม่คานึงถึงค่าใช้จ่าย
ใดๆ
คาร์ลเสร็จสิ้นการรับประทานมื้อเย็นที่แสนอร่อยและออกจาก
ห้องอาหารหลังจากนั้นทันที เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบาง
คนวิ่งเข้ามาใกล้เขาโดยไม่คานึงถึงมารยาทอันดีของตระกูล
ชั้นสูงเลยสักนิด
“บาเซ็น?”
เป็นบาเซ็นและลิลลี่ที่วิ่งไล่ตามเข้าออกมาจากห้องอาหาร
“ท่านพี่…จาเป็นต้องไปที่นั่นจริงๆหรือขอรับ?”
“อืม…จาเป็นมาก”
คาร์ลไม่ได้อยากไปเลยสักนิดแต่เขาก็ต้องการวันที่แสนสงบไป
นานๆนับสิบปีไม่ใช่ความสงบเพียงวันเดียวเท่านั้น คาร์ลพูดกับ
น้องๆทั้งสองของตนที่มีท่าทางเงียบขรึมลงทันทีที่เขายืนกราน
ว่าต้องเดินทางไปอาณาจักรวิปเปอร์
“พวกเจ้าทั้งคู่ต้องตั้งใจเรียนและหมั่นฝึกฝนทักษะของพวกเจ้า
ให้ชานาญ…ข้าสามารถเดินทางไปที่อื่นได้ก็เพราะมีพวกเจ้าทั้ง
สองอยู่ที่นี่..เพื่อคอยจัดการสิ่งต่างๆและคอยแบ่งเบาภาระจาก
ท่านพ่อ”
คาร์ลยังคงมีท่าทางสงบโดยไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้น้องๆ
ของตนรู้ว่าในอนาคตเขาคาดหวังให้บาเซ็นขึ้นเป็นผู้ปกครอง
อาณาเขตแทนตนเองในขณะที่ลิลลี่ก็จะได้เป็นผู้นากองทหาร
องครักษ์ตามที่เธอใฝุฝัน อย่างน้อยพวกเขาทั้งสามจะไม่มี
เรื่องราวดราม่าเหมือนนิยายน้าเน่าทั่วๆไปที่ลูกชายคนโตซึ่ง
เป็นเพียงขยะไร้ค่าและลูกชายคนเล็กผู้เพียบพร้อมไปด้วย
ความสามารถต้องมาต่อสู้แย่งชิงตาแหน่งผู้สืบทอดตระกูลอะไร
ทานองนั้น
คาร์ลหันหลังให้กับน้องๆทั้งสองที่ยังคงมองมาที่เขาเงียบๆ
เช่นเดิม เขายังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องไปจัดเตรียมให้พร้อม
คาร์ลเริ่มเดินออกไปจากหน้าห้องอาหารช้าๆในขณะที่เอ่ยกับ
น้องๆของตนอีกครั้ง
“ข้าจะนาของฝากจากอาณาจักรวิปเปอร์กลับมาให้พวกเจ้าทั้ง
สองอย่างแน่นอน”
คาร์ลไม่มีโอกาสได้เห็นสายตาของบาเซ็นและลิลลี่ที่จับจ้องมา
ที่แผ่นหลังของเขาโดยไม่คิดจะสนใจสิ่งอื่นๆรอบข้างก่อนที่ทั้ง
สองจะหันกลับมาสบตาและพยักหน้าให้แก่กันอย่างหนักแน่น
คาร์ลไม่รู้เลยว่าน้องๆของเขาตัดสินใจกันได้แล้วว่าจะดารง
ตาแหน่งอะไรในอาณาเขตเฮนิตัสในอนาคตข้างหน้านี้
ไม่กี่วันต่อมา คาร์ลรู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากที่คณะเดินทางของ
เขาสามารถมาขึ้นเรือได้ตามเวลาที่เขาได้กาหนดเอาไว้
“นายน้อยคาร์ล…”
คาร์ลหันไปยังเสียงที่เอ่ยเรียกเขาก่อนที่ตนจะก้าวขึ้นเรือ
“คุณหนูอามูร์”
อามูร์ลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆเขายังคงมีท่าทางผ่อนคลาย
ตามปกติที่เขาเคยเป็น อาณาเขตอัลบาผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน
กษัตริย์ได้รับเกียรติให้จัดหาเรือที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับเรือที่
องค์ชายรัชทายาทใช้ดังนั้นอามูร์จึงสั่งให้คนของตนจัดหาเรือ
ขนาดใหญ่ที่สุดและแข็งแรงที่สุดทันทีที่ได้รับคาสั่งจากองค์ชาย
รัชทายาท
“นายน้อยคาร์ล…ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครั้งนี้ท่านจะเดินทาง
กลับมาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น…”
เขาไม่มีความคิดที่จะทาให้ตนได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
คาร์ลเห็นคิ้วของอามูร์ยกสูงขึ้นเหมือนไม่เชื่อที่เขากล่าวออกไป
“ข้าไม่เข้าใจ..ว่าทาไมองค์ชายรัชทายาทจึงส่งท่านไปยัง
สถานที่อันตรายเช่นนั้นได้ทั้งๆที่ท่านเพิ่งฟื้นตัวจากอาการ
บาดเจ็บแท้ๆ…อ้อ!…อาจเป็นเพราะว่าองค์ชายรัชทายาททรง
มั่นใจว่างานนี้คงเหมาะสมกับตัวท่านและพระองค์ทรงไว้วางใจ
ในตัวท่านกระมัง” (53380)
ไว้วางใจ? องค์ชายรัชทายาทไม่ใช่คนที่จะไว้ใจคนอื่นได้เลยสัก
นิด คาร์ลไม่คิดจะเก็บงาอาการและความคิดของตนจึงกล่าว
ออกไปด้วยเสียงที่แข็งขึ้นเล็กน้อย
“จริงหรือ?…แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ..พระองค์ดูเหมือนจะไม่
ไว้วางใจในตัวข้าเป็นอย่างมากเลยล่ะ”
อามูร์อุทานออกมาเบาๆเมื่อได้ยินคาร์ลเอ่ยเสียงแข็งพร้อมกับ
รอยยิ้มจางๆประดับตรงมุมปาก
“..อ่า…นั่นสินะ!…นายน้อยคาร์ล…ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าก็จะเชื่อ
ท่าน!…”
“อืม…เยี่ยม..เยี่ยมมาก..ขอบคุณท่านมาก..คุณหนูอามูร์”
เมื่อเห็นอามูร์กล่าวออกมาด้วยน้าเสียงกระตือรือร้นซึ่งตรงข้าม
กับท่าทางอันสงบของเธอก็ทาให้คาร์ลไม่สามารถที่จะพูดอะไร
ออกไปได้อีกนอกจากกล่าวขอบคุณเธอออกไปเท่านั้น ก่อนที่
เขาจะเริ่มก้าวเดินอีกครั้งเพราะใกล้เวลาที่พวกเขาต้องออก
จากท่าเรือแห่งนี้เต็มทีและยังมีกลุ่มคนที่เขาต้องการพบบนเรือ
นั่นอีก
“นายน้อยคาร์ล…ข้า—-”
บทที่ 67 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 4 (2)

“ถึงเวลาที่ข้าต้องออกเดินทางแล้ว…คุณหนูอามูร์”
อามูร์ยังมีสิ่งอื่นที่จะพูดแต่ก็เลือกที่จะหุบปากของตนลงทันที
เมื่อเห็นว่าคาร์ลกาลังปัดเส้นผมสีแดงสดให้พลิ้วโต้ไปกับสาย
ลมที่พัดผ่านมหาสมุทรเริ่มมีความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
มากกว่าเคย
คาร์ลก้าวขึ้นเรือด้วยใจที่ผ่อนคลายเมื่อเห็นว่าอามูร์ไม่ได้
พยายามรั้งเขาไว้อีกต่อไป เขาเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือและมอง
ไปรอบๆ ในเวลานี้ทั่วทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดังจากการ
ก่อสร้างฐานทัพเรือ
นอกจากนี้ยังมีวังน้าวนส่วนหนึ่งที่หายไปจนสามารถเปิด
เส้นทางการเดินเรือที่มีความปลอดภัยมากพอสาหรับเรือขนาด
ใหญ่
‘แต่วังน้าวนส่วนอื่นๆก็ยังคงอยู่เช่นเดิม’
คาร์ลหันหลับมามองภายในเรือและเริ่มถอนหายใจ
“….เฮ้อ”
เขามาลงเอยกับคนพวกนี้ได้อย่างไรกันนะ?
เชวฮัน ล็อก โรสลิน ลูกแมวน้อยออนและฮงที่กาลังสั่นไปทั้ง
ร่างเพราะพวกมันต้องมาอยู่ใกล้น้าทะเลที่พวกมันกลัวแต่ก็ยัง
ยืนกรานที่จะติดตามเขาไปด้วยโดยมีฮันส์ยืนอยู่ข้างๆพวกมัน
ในที่สุดก็ถึงคิวของรองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนผู้อ่อนเปลี้ย
เพลียแรงจากการต้องขึ้นมาบนเรืออีกครั้งโดยมีบารอคคอย
สังเกตอาการอยู่ใกล้ๆและข้างๆบารอคนั้นก็คือกลุ่มเด็กๆจาก
เผ่าหมาป่าสีน้าเงินทั้งสิบคน
‘หากฉันได้รับบาดเจ็บโดยมีกลุ่มคนประหลาดพวกนี้อยู่
รอบๆตัว..มันก็คงน่าประหลาดใจเกินไปแล้วล่ะมั้ง?’
หากมีคนรู้ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา ก็คงเข้าใจว่า
คาร์ลกาลังพยายามนาทัพบุกโจมตีอาณาจักรวิปเปอร์ก็เป็นได้
~ ข้าชอบกลิ่นทะเลยิ่งนัก ~
และสิ่งสาคัญที่สุดคือมังกรดาที่ติดตามเขาไปด้วย เป็น
เช่นนี้แล้วยังจะมีอะไรให้เขาต้องเกรงกลัวอีก?
คาร์ลเริ่มเอ่ยคาสั่งแก่พวกเขาที่กาลังมองมาที่ตนอยู่พอดี
“เริ่มออกเดินทางกันเถอะ!”
วู๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงหวูดเรือดังก้องทั่วพื้นที่เป็นสัญญาณว่าเรือพร้อมออก
เดินทางแล้ว เรือลาใหญ่ถูกดัดแปลงให้เป็นเรือพานิชย์ อืม…จะ
ว่าไปมันก็คือเรือพานิชย์จริงๆนั่นล่ะ
‘มันจะเป็นเรือพานิชย์ได้อย่างสมบูรณ์..จากการค้าที่ฉันจะลง
มือทาหลังจากนี้’
แต่มันอาจไม่ใช่การค้าที่ยุติธรรมมากนักเพราะมันจะเป็นการค้า
ที่มีประโยชน์ต่อตัวเขาแต่อีกฝ่ายจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
~ มนุษย์…เจ้าอย่ายิ้มอย่างนั้นสิ!… มันดูเหมือน..เจ้ากาลังจะใช้
เล่ห์อุบายหลอกลวงคนอื่นอีกครั้ง~
เขาได้ยินเสียงของมังกรดาที่ดังเข้ามาในหัวของเขาได้อย่าง
ชัดเจนและไม่สนใจกับสิ่งที่มันกล่าวแกมาเพียงแค่เพลิดเพลิน
ไปกับสายลมและแสงแดดที่แสนสดชื่นแทน ในตอนนี้เรือ
พานิชย์ลาใหญ่ก็เคลื่อนตัวออกจากท่าเรือเพื่อมุ่งหน้าไปยัง
ท่าเรือที่เล็กที่สุดของอาณาจักรวิปเปอร์
ตกดึกสงัด
คาร์ลไม่ได้นอนพักผ่อนในห้องพักบนเรือแต่กาลังยืนรับลม
เย็นๆบนดาดฟ้าเรือแทน มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วจึงทา
ให้ไม่มีคนอื่นๆอยู่บนดาดฟ้าในช่วงเวลานี้ แต่ดาดฟ้าก็ไม่ได้มืด
อย่างที่คิดเพราะยังมีแสงสว่างจากพระจันทร์เต็มดวงที่สาด
แสงลงมาจากท้องฟ้า
เขามีนัดกับแขกคนสาคัญในค่าคืนนี้
คาร์ลโน้มตัวไปพิงกับราวกั้นในขณะที่สายตาก็มองออกไปยัง
มหาสมุทรอันเงียบสงบและทันใดนั้นเอง
“มนุษย์!”
มังกรดาปรากฏตนออกมาและเข้าไปใกล้คาร์ลทันที ไม่มีความ
จาเป็นที่จะต้องใช้เวทย์ล่องหนเพราะไม่มีคนอื่นๆอยู่ที่นี่
ในตอนนี้
“มีอะไรหรือ?”
“..ข…ข้าแค่สงสัย”
มังกรดาดูเหมือนจะมีอะไรมากมายอยู่ภายในใจของมัน ไม่สิ..
ท่าทางของมันดูน่าสงสัยมากกว่าเพราะมันกาลังมองคาร์ล
ตัง้ แต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าว่างเปล่าอย่างไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
“…..เจ้าสุ่มคา..ที่จะใช้ตั้งชื่อข้าได้หรือยัง?”
“สุ่มคา?…นี่เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่เนี่ย?”
มังกรดาดูเหมือนจะเป็นกังวลมากทีเดียว
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าอาจจะตั้งชื่อให้ข้าจากบางสิ่งที่ข้าเป็น..อาจจะ
เป็นดาหรือมังกร”
“อ้อ…นั่นชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
มังกรดากาลังเดาชื่อที่ตนมีโอกาสเป็นเจ้าของให้คาร์ลฟังใน
ขณะที่คาร์ลก็รู้สึกหนักใจกับสิ่งที่มันคิด ก่อนที่เขาจะเอ่ยถาม
ด้วยท่าทางเคร่งเครียดกับเด็กสี่ขวบที่ยังคงมีอาการกังวลให้
เขาได้เห็น
“…..ชื่อพวกนั้นมันดูไม่ดีเลยสินะ?”
ท่าทางของคาร์ลยิ่งดูเครียดมากกว่าเดิมและตัวมันเองก็ไม่ได้
เห็นคาร์ลแสดงอาการเช่นนี้ออกมาให้ได้เห็นสักพักใหญ่แล้วจึง
ทาให้แววตาของมันเริ่มสั่นไหวและตอบกลับอย่างเร่งรีบ
“ไม่!..ไม่เลย!…ข้ารู้สึกดีกับทุกชื่อไม่ว่าจะได้ชื่ออะไรก็ตามตราบ
ใดที่เจ้าเป็นคนตั้งชื่อให้กับข้า!…มนุษย์!..เจ้าไม่ต้องกังวลนะ”
ปีกของมันกระพือขึ้นลงอย่างรวดเร็วในขณะที่หางของมันก็สั่น
ไปมาอย่างกระตือรือร้นเพื่อไม่ให้คาร์ลเป็นกังวลและนั่นทาให้
ท่าทางของคาร์ลเปลี่ยนไปในทันทีเหมือนว่าเขาไม่ได้มีเรื่อง
เครียดมาก่อนหน้านี้
“…ข้ายินดีที่จะใช้ชื่อพวกนั้น”
มังกรดายังคงยืนยันว่ามันพอใจกับชื่อพวกนั้นอีกครั้ง
“ ‘ราอน’…หากออนกับฮงได้ยินที่เจ้าพูดคงเศร้าน่าดูที่น้องชาย
จะใช้ชื่อเช่นนั้น”
ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณก่อนที่มังกรดาจะเอ่ยทาลาย
ความเงียบในเวลาต่อมา
“….มนุษย์…เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
คาร์ลค่อนข้างใส่ใจในการตั้งชื่อให้กับมังกรดาซึ่งย่อมต่างจากที่
มันคาดว่าเขาจะทาได้ ชื่อเป็นสิ่งสาคัญหากจะมอบให้กับใคร
สักคน สาหรับคิมร็อกโซที่ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลาพังหลังจากพ่อ
แม่เสียชีวิตลงก็มีเพียงชื่อของเขาเท่านั้นที่พ่อกับแม่ได้ทิ้งไว้ให้
“ชื่อจริงของเจ้าคือ..ราอน”
‘ราอน’ เป็นภาษาเกาหลีซึ่งหมายถึง การมีความสุข
“และนามสกุลของเจ้าคือ…มิรุ”
ภาษาเกาหลีคาว่า ‘มิรุ’ หมายถึงมังกร
‘มังกรผู้มีความสุข’มันอาจดูเหมือนเป็นชื่อที่ตลกแต่คาร์ลก็
เลือกให้มันด้วยความจริงใจ เขากังวลอยู่เหมือนกันว่าเชวฮัน
อาจสงสัยกับชื่อที่เป็นภาษาเกาหลีแต่เขาก็มีข้อแก้ต่างสาหรับ
เรื่องนี้เช่นกัน
น้าเสียงเรียบเย็นไหลผ่านเข้ามาในหูของมังกรดา อย่างไรก็ตาม
คาร์ลมีรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของเขาในตอนนี้ซึ่งเป็นสี
หน้าที่มังกรดาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ข้าคิดชื่อนี้ขึ้นมา…เพื่อหวังว่าเจ้าจะมีความสุขและใช้ชีวิตได้
อย่างราบรื่นตลอดไป”
“…มันมีความหมายว่าอะไรหรือ?”
มังกรดาเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมาถึงความหมายที่แท้จริงของชื่อที่
มันได้รับก่อนที่คาร์ลจะชี้ไปที่ร่างของมัน
“เจ้า…”
‘ราอน’และ‘มิรุ’ ไม่มีคาเหล่านี้อยู่ในโลกใบนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่
ทั้งสองคานี้จะสามารถยืนหยัดในโลกใบนี้ได้
“มันหมายถึงเจ้า…พวกมันคือชื่อที่ใช้เอ่ยเรียกเจ้าและมีเพียง
เจ้าเท่านั้นที่เหมาะกับมัน”
“….เพียงข้า?”
“ใช่…”
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาเมื่อเริ่มตบไปที่ศีรษะของมังกรดาเบาๆ
“เพราะเจ้าคือมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด”
“….เพียงข้าเท่านั้น…..”
มังกรดาพึมพากับตัวเองเบาๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วดันมือของคาร์ลให้
ออกจากศีรษะของมันก่อนจะกระพือปีกอย่างรวดเร็วพร้อมๆ
กับพ่นลมออกจากจมูกเบาๆ
“ข้าพอใจกับมัน…ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยการคุ้มครองดูแลเจ้า
เป็นอย่างดี..และต่อไปข้าจะใช้ชื่อนี้!”
“แน่นอน..ราอน”
มังกรดาพ่นลมออกจากจมูกของมันอีกครั้ง ก่อนที่มุมปากจะ
เริ่มยกยิ้มขึ้นมาเมื่อมันเริ่มลอยตัวขึ้นไปบนอากาศโดยให้ศีรษะ
ของมันอยู่ในระดับเดียวกับศีรษะของคาร์ล
“ข้าคือ‘ราอน มิรุ’ผู้ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”
“ใช่แล้ว…เจ้าคือราอน”
“อื้ม!..ข้าคือราอน!”
ในที่สุดมังกรดาก็มีทั้งชื่อและนามสกุลนับตั้งแต่มันเกิดจนถึง
อายุสี่ปีของมัน ตอนนี้มันมีอย่างอื่นที่นอกเหนือจากร่างกาย
ของมันแล้ว มังกรดาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
มันมองเห็นความมืดบนท้องฟ้ายามค่าคืนซึ่งต่างจากความมืด
มิดภายในถ้า มันเป็นคืนแบบนี้เช่นกันเมื่อมันถูกช่วยเหลือ
ออกมาจากคุกนรกนั่น ราอนจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น
เป็นอันขาดรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เช่นกัน
คาร์ลเงยหน้ามองท้องฟ้าเช่นเดียวกับมังกรดา ไม่ว่าเขาจะ
เดินทางไปที่ใดท้องฟ้ายามค่าคืนก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด เขาได้
ยินเสียงของราอนดังแว่วเข้ามาเมื่อสายตายังคงจ้องมอง
ท้องฟ้ายามค่าคืนอย่างต่อเนื่อง
“ขอบคุณเจ้ามาก….คาร์ล”
“…อะไรนะ?”
คาร์ลหันไปมองราอนด้วยความประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม
มังกรดาได้กลับมาเป็นตัวตนปกติของมันแล้วเช่นกัน
“มนุษย์!..เจ้าควรเข้าใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าพูดสิ”
“แล้วทาไมเจ้าไม่พูดอีกครั้งล่ะ..”
คาร์ลอมยิ้มเมื่อเอื้อมมือไปลูบศีรษะของราอน ในขณะที่ราอน
ยกอุ้งมือเล็กๆของมันปิดปากตนเองและแสดงท่าทางต่อต้าน
อย่างจริงจัง
“ไม่!…ข้าไม่พูดแล้ว!..ไม่พูดอีกเด็ดขาด!…เจ้ามนุษย์อ่อนแอ..
เจ้ากลับเข้าไปข้างในแล้วนอนพักผ่อนซะ..น้าค้างแรงแบบนี้
เดี๋ยวเจ้าก็ไม่สบายหรอก!”
อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความขึงขังที่มันกล่าวออกมา
ท่าทางที่มันแสดงออกในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นปีกที่ขยับกระพือ
อย่างต่อเนื่องและหางที่ขยับส่ายไปมาเหมือนกับที่ออนและฮง
มักทาเวลาอารมณ์ดีไม่มีผิด คาร์ลหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็น
ท่าทางเช่นนั้นของราอน แม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้วแต่แสง
จันทร์ที่สะท้อนลงมาบนผืนมหาสมุทรก็ยังทาให้สามารถ
มองเห็นสิ่งต่างๆที่เคลื่อนไหวในมหาสมุทรได้อย่างชัดเจนแม้ไม่
ตั้งใจเพ่งมองมันก็ตาม
“ข้าคิดว่ามันคงยากแล้วล่ะ…ที่ตัวข้าจะกลับเข้าไปข้างใน”
“ทาไมถึงยาก—-”
ราอนหยุดพูดกะทันหันก่อนจะมองลงไปในท้องมหาสมุทรอัน
กว้างใหญ่ มันสามารถมองเห็นสิ่งที่กาลังเคลื่อนไหวไม่ห่างจาก
เรือมากนัก
ซ่า!ซ่า!!!!!
คลื่นน้าขนาดใหญ่ซัดสูงขึ้นก่อนจะค่อยๆสงบลงพร้อมกับ
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่เริ่มปรากฏตัวออกมาให้เห็นช้าๆ
แน่นอนว่ามันคือวาฬ
ทันใดนั้นเอง
“ท่านคาร์ล!!!”
มีคนพุ่งตัวขึ้นมาบนดาดฟ้าเรืออย่างเร่งรีบและมุ่งเข้าหาคาร์ล
ด้วยความรวดเร็ว เขาคือเชวฮันนั่นเองในตอนนี้เชวฮันมี
ท่าทางเป็นกังวลยิ่งนักเมื่อเขาเริ่มตรวจสอบสิ่งมีชีวิตที่ค่อยๆ
เผยตัวออกมาให้ได้เห็น จากนั้นเขาก็หันไปมองคาร์ลและขยับ
เข้าใกล้คาร์ลมากกว่าเดิม (53380)
“หืม?”
เมื่อก้าวเข้าไปในจุดที่คาร์ลยืนอยู่เขาก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตนั้นได้
อย่างชัดเจน
คาร์ลโบกมือไล่ให้เชวฮันกลับเข้าไปในเรืออีกครั้งด้วยสีหน้า
ราคาญ จากนั้นมังกรน้อยราอนก็ส่งยิ้มเย้ยให้แก่เชวฮันและเอ่ย
ขึ้น
“พวกเขาไม่ใช่ศัตรู..”
“อะไรนะ?”
เชวฮันหันกลับไปมองยังผืนมหาสมุทรอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน
นั้นคาร์ลได้หยุดพิงราวกั้นและก้มศีรษะลงไปมองผืนมหาสมุทร
เบื้องล่าง
มันไม่ใช่วาฬเพียงตัวเดียวแต่มีวาฬถึงสามตัวที่อยู่ตรงหน้า
พวกเขาในตอนนี้
อ่า…แขกมาถึงแล้วสินะ?
หนึ่งคือ‘วิเทียร์’วาฬหลังค่อมที่คาร์ลเคยพบมาก่อน อีกหนึ่งคือ
วาฬเพชฌฆาต และสุดท้าย
“ยินดีที่ได้พบท่านยิ่งนัก…องค์ราชาแห่งเผ่าวาฬ”
คาร์ลเอ่ยทักทายวาฬหลังค่อมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาวาฬ
ทั้งสามตัว
บทที่ 68 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 5 (1)

ราชาแห่งเผ่าวาฬ ―ชิกเลอร์‖ใช้สายตาอันคมกริบของตนหันไป
จ้องคาร์ลทันทีที่ได้ยินคาทักทาย ก่อนที่คาร์ลจะส่งยิ้มให้กับอีก
ฝ่ายทันทีเช่นกัน
―อ่า…เริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาซะแล้ว‖
―ชิกเลอร์‖คือราชาแห่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เขามีสถานะที่
ยิ่งใหญ่เกินไปจนไม่ควรนาไปเทียบเคียงกับพระราชาของ
อาณาจักรที่ดูแลเพียงพื้นที่เล็กๆในทวีปตะวันตกได้เลยสักนิด
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
แววตาของชิกเลอร์เริ่มครึ้มลงเมื่อเขายกยิ้มออกมา คาร์ลก้าว
ถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปยังบริเวณดาดฟ้าเรือ
“ไม่ใช่ว่าเราควรขึ้นมาคุยกันบนดาดฟ้าเรือกันหรือพะยะค่ะ?”
ซ่า!!!!!!!
เกิดหมอกจากไอน้ากลุ่มใหญ่เข้าปกคลุมทั่วบริเวณเมื่อวาฬทั้ง
สามเคลื่อนตัวเข้าใกล้เรืออย่างเงียบๆ
ตึก!!!ตึก!!!ตึก!!!
มนุษย์ผู้เป็นสัตว์อสูรจากเผ่าวาฬทั้งสามค่อยๆลงแตะพื้น
ดาดฟ้าเรืออย่างนิ่มนวล ก่อนที่คาร์ลจะได้ยินเสียงของราอนดัง
เข้ามาในหัวของเขา
~ มังกรดูหน้าตาดีและมีเสน่ห์ยิ่งกว่านี้อีก! ~
คาร์ลเข้าใจความรู้สึกของราอนดีจึงหันไปตบหัวมันเบาๆ
แม้ว่ามองไม่เห็นร่างของมันก็ตาม วาฬเลือดบริสุทธิ์ในร่าง
มนุษย์ทั้งสามคนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่สวยหล่อเป็นยิ่งนัก
―..เฮ้อ…แล้วหมอนั่นทาไมตัวแข็งขนาดนี้เนี่ย‖
เชวฮันตัวแข็งทื่อไปทันทีเมื่อได้เห็นสัตว์อสูรจากเผ่าวาฬ ดู
เหมือนว่าเขากาลังตกตะลึงในความสวยหล่อในร่างมนุษย์ของ
วาฬทั้งสามตัว
คาร์ลมองตามสายตาของเชวฮันที่หยุดลงเบื้องหน้าคนทั้งสาม
ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มพิจารณาพวกเขาทั้งสามอย่างจริงจัง ว่าที่
ราชินีแห่งเผ่าวาฬ ―วิเทียร์‖เธอยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไร
เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
วาฬเพชฌฆาตที่มีเส้นผมสีขาว ชายคนนี้อาจจะเป็น―อาร์ชี‖
นักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าวาฬ ซึ่งในนิยายเรื่องนี้เขาเป็นอีก
หนึ่งคนที่ถือได้ว่ามีบทบาทสาคัญมากทีเดียว เขาคือคนที่
สามารถเอาชนะล็อกได้และยังเป็นคนที่ก้าวร้าวหัวรุนแรงและมี
บุคลิกที่ค่อนข้างหยาบคาย อย่างไรก็ตามความจงรักภักดีของ
เขาค่อนข้างสุดโต่งเลยทีเดียว
“นี่ก็ผ่านมานานมากแล้ว..ที่ตัวข้าไม่ได้เดินทางมาฝั่งใต้”
เสียงเรียบเย็นดังขึ้นและสามารถดึงความสนใจของคาร์ลให้หัน
ไปมองได้ ใบหน้าของราชาแห่งเผ่าวาฬ ―ชิกเลอร์‖มีรอยยิ้มอัน
อบอุ่นประดับอยู่
เขาเป็นชายวัยกลางคนที่หล่อที่สุดในนิยายเรื่องนี้ ดูเหมือนคน
แต่งนิยายเรื่องนี้จะใส่จิตวิญญาณของตัวเองลงไปในตัวละคร
ตัวนี้เพราะในนิยายได้ใช้เนื้อหาถึงสี่บรรทัดเพื่อบรรยาย
ลักษณะที่―ชิกเลอร์‖เป็น
―มันคงเป็นความชอบส่วนตัวของคนแต่งนิยายเรื่องนี้สินะ‖
แต่มันไม่ใช่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ดีจะใช้หาเลี้ยงเราได้ทั้งหมด
คาร์ลเพียงต้องการจะใช้หรือมีในสิ่งที่เขาต้องการในการทาให้
ชีวิตของเขาอยู่ได้อย่างสุขสบาย
“อากาศทางใต้ค่อนข้างอุ่นกว่าไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ?”
แววตาของชิกเลอร์เริ่มครึ้มลงอย่างพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้า
―เขาเป็นอย่างที่วิเทียร์ได้บอกเอาไว้จริงๆ‖
วิเทียร์ผู้เป็นบุตรสาวของเขาเคยบอกไว้ว่า คาร์ลเป็นมนุษย์ที่
อ่อนแอแต่ก็แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งบางอย่างเอาไว้ เด็ก
หนุ่มคนนี้คือคนที่อ่อนแอที่สุดบนดาดฟ้าเรือแต่ไม่มีปัญหาที่จะ
แสดงความมั่นใจของตนออกมาราวกลับไม่เกรงกลัวอะไรเลย
สักนิด
“อืม…อากาศทางใต้ค่อนข้างดีทีเดียว…ขอบคุณเจ้ามากที่
ช่วยเหลือลูกชายของข้าเอาไว้..ข้าต้องการมาพร้อมลูกสาวของ
ข้าในวันนี้..ก็เพื่อต้องการขอบคุณเจ้าด้วยตัวข้าเอง”
“พระองค์ไม่จาเป็นต้องทาเช่นนี้เลยสักนิด…หม่อมฉันเพียงทา
ในสิ่งที่ต้องทาเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ”
คาร์ลยิ้มอ่อนโยนก่อนจะผายมือออกมาและก้มศีรษะให้ชิกเลอร์
อย่างนอบน้อม คาร์ลสงสัยว่าอะไรคือประเด็นสาคัญที่ต้อง
พูดคุยกันในเวลาดึกดื่นเช่นนี้กันนะ?
“เราทั้งคู่ต่างก็มีเวลาไม่มากนัก…ถ้าเช่นนั้นข้าจะขอเข้า
ประเด็นได้เลยหรือไม่?”
“แน่นอน…ตามที่พระองค์เห็นสมควรเถิด”
ชิกเลอร์พยักหน้าตอบรับให้กับคาตอบของคาร์ลที่เห็นด้วยกับ
ข้อเสนอของเขาเพื่อเข้าประเด็นสาคัญกันได้เสียทีก่อนจะลอบ
ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ในขณะที่คาร์ลเองก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกันก่อนที่คาร์ลจะยื่น
มือออกไปข้างหน้าทันที
“เชวฮัน”
แปะ!แปะ!
คาร์ลวางมือลงบนไหล่ของเชวฮันพร้อมกับกดน้าหนักลงไป
เล็กน้อย
ชิกเลอร์ก็ทาในสิ่งที่คล้ายๆคาร์ลเช่นกัน
“อาร์ชี”
ด้วยสาเหตุอะไรบางอย่างทาให้อาร์ชีและเชวฮันต่างก็มองหน้า
กันอย่างไม่ยอมละสายตา คนสองคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันเป็น
ครั้งแรกจะมีเรื่องอะไรที่ทาให้เขม่นกันได้? คาร์ลกดน้าหนักลง
บนไหล่ของเชวฮันอีกครั้งก่อนที่เชวฮันจะหันหน้ามามองเขา
ก่อนหน้านี้เชวฮันยังมีอาการตกตะลึงและกาลังหลงใหลไปกับ
รูปโฉมที่สวยหล่อเกินมนุษย์ของสมาชิกจากเผ่าวาฬอยู่เลย
แล้วทาไมอยู่ๆเขาจึงมีอาการเหมือนโกรธแค้นขึ้นมาได้? เรือลา
นี้อาจจมลงสู่ก้นทะเลหากพวกเขาทั้งคู่เริ่มต่อสู้กัน
“เป็นอะไรไป?”
“ท่านคาร์ล”
เชวฮันเม้มริมฝีปากของตนแน่น ก่อนที่คาร์ลจะได้ยินคาตอบ
จากคนอื่นดังแว่วเข้ามาในหัว แน่นอนว่าย่อมเป็นมังกรน้อย
―ราอน‖ ที่เป็นคนให้คาตอบนี้แทนเชวฮัน
~ เจ้าวาฬงั่งตัวนี้…มันใช้สายตาลอบสารวจเจ้าตั้งแต่หัวจรด
เท้า!…หมอนี่กล้าดียังไงจึงใช้สายตาแบบนั้นมองเจ้า! ~
คาร์ลได้ยินเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจของราอนดังลอดเข้า
มาเป็นระยะก่อนที่เขาจะละสายตาออกจากเชวฮัน
―อาร์ชี‖ เขามีลักษณะนิสัยที่เลวร้ายกว่าทูนก้าเสียอีก หากนึก
ถึงนิยายหรือละครหลายเรื่องๆมักจะมีตัวละครที่อยู่ฝั่งตัวเอกที่
ชอบสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอยู่บ่อยๆ และอาร์ชีก็คือตัว
ละครตัวนั้นนั่นเอง
เขาเป็นคนที่มอบความจงรักภักดีให้แก่ชิกเลอร์เพียงผู้เดียวและ
ไม่สนใจที่จะญาติดีกับคนอื่นๆแม้แต่สมาชิกคนอื่นๆของเผ่า
วาฬเขาก็ไม่คิดจะสนใจเช่นกัน เขาคือตัวปัญหาของเผ่าวาฬ
อย่างแท้จริง ในที่สุดคาร์ลก็สบตาเข้ากับอาร์ชี
―หืม?‖
คาร์ลพิจารณาสายตาที่อาร์ชีมองเขาอย่างจริงจัง หมอนี่กาลัง
มองเขาด้วยสายตาที่ประสงค์ร้ายจริงๆเสียด้วย ทาไมเจ้างั่งนี่
ถึงทาแบบนี้กันนะ? อย่างไรก็ตามคาตอบที่เขาสงสัยก็ค่อนข้าง
ชัดเจนอยู่เหมือนกัน
―อาจเป็นเพราะฉัน…ที่ทาให้ชิกเลอร์ต้องเดินทางออกมาพบ
ด้วยตัวเองเช่นนี้‖
อาร์ชีไม่ได้สนใจความจริงที่ว่าคาร์ลได้ช่วยชีวิตบุตรชายของ
ชิกเลอร์เอาไว้หรือแม้แต่ความจริงที่ว่าคาร์ลได้ช่วยเหลือเผ่า
วาฬหาสาเหตุที่ทาให้นางเงือกแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายของคาร์ล
แข็งทื่อทันทีเมื่อมองเข้าไปในแววตาของคนที่ประสงค์ร้ายต่อ
ตนเองซึ่งเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าวิเทียร์เสียอีก
เมื่อชิกเลอร์เห็นอาการเช่นนั้นของคาร์ลจึงหันไปจ้องอาร์ชีทันที
เขาเคยบอกอาร์ชีมานับครั้งไม่ถ้วนว่าอย่าทาแบบนี้แต่อาร์ชีก็
ไม่เคยคิดจะเชื่อฟังเขาเลยสักนิด
“อาร์ชี…พอได้แล—–”
ชิกเลอร์หยุดพูดอย่างกะทันหันก่อนจะละสายตาออกจากอาร์ชี
พร้อมกับมือที่ปล่อยออกจากไหล่เขาเช่นกัน
―ท่านพ่อ..นายน้อยคาร์ลเขามีบางอย่างที่แปลกมากจริงๆ…แม้
จะเป็นเวลาเพียงสั้นๆแต่เขากลับดูยิ่งใหญ่จนยากจะต้านทาน
ได้‖
เขาจาสิ่งที่วิเทียร์เคยบอกเอาไว้ได้ ในขณะที่สายตาก็มองไปยัง
ร่างของคาร์ลที่มีท่าทางกลับมาเป็นปกติอีกครั้งราวกับไม่เคย
ตัวแข็งทื่อมาก่อน อย่างไรก็ตามบรรยากาศรอบๆตัวของคาร์ล
นั้นกลับต่างออกไป อ่า….ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทาไมบุตรสาว
ของตนจึงกล่าวว่าคาร์ลนั้นมีบางอย่างที่แข็งแกร่ง
สายตาที่ดูสงบเยือกเย็นและล้าลึกจนไม่สามารถจะหยั่งถึง
ความลึกของมันได้เมื่อคาร์ลใช้มันทิ่มแทงไปยังร่างของอาร์ชี
ในตอนนี้ทาให้เชวฮันที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างๆปล่อยให้ความ
ขุ่นมัวของเขาหายไปทันทีโดยที่ตัวเขาเองก็แทบไม่รู้ตัว
“ท่านคาร์ล…”
จากนั้นเขาก็เอ่ยเรียกคาร์ลขึ้นมาแต่คาร์ลไม่ได้หันกลับมามอง
เขา เชวฮันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกๆไป สายตาของคาร์ลมันมี
บางอย่างที่โดดเด่นขึ้นมาและยังคงมองไปข้างหน้าเพียงเท่านั้น
บรรยากาศรอบๆตัวคาร์ลก็ดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้
เช่นกัน มันต่างจากแรงกดดันที่รุนแรงและคุกคามแต่มันเต็มไป
ด้วยความอ่อนโยน อย่างไรก็ตามมันก็ยากที่จะเข้าใกล้เขาได้
เพราะสีหน้าที่บึ้งตึงของคาร์ล
―ร่างกายของฉัน..มันตอบสนองโดยอัตโนมัติ‖
―พละกาลังแห่งดวงใจ‖เกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อแรงกดดันที่
อาร์ชีมอบให้แก่เขา ส่งผลให้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ―รังสีเหนือ
อานาจ‖ปรากฏออกมาด้วยเช่นกัน
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งสองทางานร่วมกันโดยอัตโนมัติทาให้
เขาหนีออกจากความกดดันอันแรงกล้าของอาร์ชีได้
คาร์ลเอ่ยขึ้นในเวลาต่อมา
“เจ้าเป็นใคร?”
เมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว เขาจะส่งแรงกดดันกลับคืนให้และ
อาจจะเพิ่มความแรงขึ้นอีกเล็กน้อย
คาร์ลไม่ชอบสายตาที่อาร์ชีใช้มองเขาและเริ่มก้าวไปข้างหน้า
ช้าๆ
เอี๊ยด!เอี๊ยด!เอี๊ยด!เอี๊ยด!
พื้นไม้กระดานบนดาดฟ้าเรือส่งเสียงดังขึ้นในทุกย่างก้าวที่
คาร์ลเหยียบลงไป (53380)
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”
―รังสีเหนืออานาจ‖ถูกปล่อยออกมาเพียงครึ่งหนึ่งของความ
แข็งแกร่งที่มันมี คาร์ลเดินไปอีกหนึ่งก้าวก่อนที่จะหยุดเท้า
ลง แน่นอนว่าตอนนี้คาร์ลหยุดยืนต่อหน้าอาร์ชีและเอ่ยถาม
เสียงแข็ง
“เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงมองข้าเช่นนั้น?”
อาร์ชีไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ แม้ว่าเขาจะตัวสูงใหญ่กว่า
เด็กหนุ่มคนนี้แต่กลับรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้กาลังอยู่เหนือเขา
เขามั่นใจว่าเจ้านี่ย่อมอ่อนแออย่างแน่นอนและเขาสามารถฆ่า
หมอนี่ให้ตายได้เพียงใช้แขนแค่ข้างเดียวแต่ตอนนี้เขากลับไม่
สามารถขยับตัวได้เลยสักนิด
อาร์ชีมองเห็นมุมปากของเด็กหนุ่มตรงหน้ายกสูงขึ้น ในขณะที่
คาร์ลก็เห็นว่าสายตาอันร้ายกาจของอาร์ชีได้อ่อนลงเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบเย็น
“หากเจ้าตอบคาถามข้าไม่ได้?”
อาร์ชีมั่นใจยิ่งนักว่าเด็กหนุ่มคนนี้กาลังดูถูกเขาอยู่
“ก็อย่าจ้องข้าเช่นนั้นอีก!”
บทที่ 68 ไม่ควรเป็นแบบนี้ 5 (2)

คาร์ลและอาร์ชีประสานสายตาเข้าหากันอย่างเงียบๆจนเวลา
ผ่านไปสองถึงสามวินาทีเท้าทั้งสองของอาร์ชีจึงขยับถอยหลัง
ไปในที่สุด ก่อนที่คาร์ลจะกาจัด‘รังสีเหนืออานาจ’ให้หายไป
และเริ่มยิ้มออกมาเมื่อหันไปมองชิกเลอร์
“ถูกต้องหรือไม่พะย่ะค่ะฝ่าบาท?”
คาร์ลไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับพวกเขาในตอนนี้เพราะพวกเขายัง
ต้องได้พบกันอีกสองสามครั้งในอนาคตข้างหน้า อีกทั้งพวกเขา
ยังจาเป็นต้องทาข้อตกลงร่วมกันอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่
เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘รังสีเหนืออานาจ’เพียงครึ่งหนึ่ง
ของความแข็งแกร่งที่มันมี และตอนนี้คาร์ลกาลังมองไปที่ชิก
เกอร์ด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่เขาจะรวบรวมมันมาไว้บน
ใบหน้าเขาได้
“…เอ่อ…แน่นอน…ถูกอย่างที่เจ้าว่า”
ชิกเลอร์ตอบคาถามของคาร์ลหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะ
หันไปวางมือบนไหล่ของอาร์ชีพร้อมกับกดน้าหนักลงไปด้วย
แรงที่มากพอควร
“เจ้าจงเอ่ยขอโทษและแนะนาตัวของเจ้าซะ”
คาร์ลรู้ดีว่าชิกเลอร์คือผู้ที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์เมื่อครั้งที่
อาร์ชีก่อความวุ่นวายในมหาสมุทรแห่งนี้ เขาลงมือซ้อมอาร์ชี
จนทั่วมหาสมุทรเกิดความปั่นป่วนอย่างน่ากลัว เขาทุบตี
ร่างกายของอาร์ชีจนยับเยินไม่ต่างจากเยื่อกระดาษเลยสักนิด
พร้อมๆกับเอ่ยสั่งสอนให้เขารู้สานึกไปด้วย ชิกเลอร์เชื่อว่าการ
ลงมือซ้อมร่างกายผู้ที่มีนิสัยเกเรและมักสร้างความเดือนร้อน
ให้แก่ผู้อื่นคือยาชั้นดีที่จะใช้รักษาให้หายขาดได้
หลังจากนั้นไม่นานอาร์ชีก็เริ่มสานึกและกลายเป็น
ผู้ใต้บังคับบัญชาของชิกเลอร์ในที่สุด นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ล
มั่นใจว่าอาร์ชีจะไม่กล้าขัดคาสั่งของชิกเลอร์และไม่กล้าปรี่เข้า
มาทาร้ายร่างกายของคาร์ลแม้ว่าคาร์ลจะจ้องเขม็งไปที่เขาอยู่
ก็ตาม
คาร์ลมองอาร์ชีที่กาลังก้มศีรษะของตนลงโดยไม่ได้หันมาทาง
เขา
“….ข้าขอโทษ…”
มันเป็นเสียงที่เบามาก มันเบาจนคาร์ลแทบไม่ได้ยินมัน
‘เขาคงไม่อยากขอโทษฉันสินะ?’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลคิดเมื่อจ้องเขม็งไปที่อาร์ชีอีกครั้งในขณะที่อาร์
ชีก็หลบสายตาของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อมีจังหวะที่ทั้งคู่สบตา
กันเข้าพอดี
“ข้าชื่อ..อาร์ชี”
“อืม!….ส่วนข้า….คาร์ล เฮนิตัส”
จากนั้นคาร์ลก็ได้ยินเสียงของราอนดังแว่วเข้ามาในหัว
~ เจ้ามนุษย์…ตอนนี้เจ้าดูแข็งแกร่งพอๆกับกรงเล็บของข้า
เลย… เยี่ยมมาก!…เจ้าทาได้ดีมาก!~
คาร์ลลอบถอนหายใจยาวเมื่อความสามารถของเขาได้รับคาชม
จากเด็กสี่ขวบก่อนที่เขาจะยื่นมือไปตรงหน้าชิกเลอร์ผู้ที่กาลัง
มองมาที่เขาด้วยใบหน้าว่างเปล่าอย่างนอบน้อม
“โปรดมอบของพวกนั้นให้หม่อมฉันเถิดพะย่ะค่ะ…”
“อ่า…ใช่..ใช่แล้ว..ของ…ของพวกนั้น”
ร่างของชิกเลอร์สะดุ้งขึ้นพร้อมๆกับการสั่นไหวของร่างกาย
อย่างแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความสง่างาม
ของราชาผู้ยิ่งใหญ่ไปและกลายเป็นเพียงลุงข้างบ้านธรรมดาๆ
คนหนึ่งเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นเมื่อได้มายืนใกล้เขาในเวลานี้
ชิกเลอร์หันไปมองวิเทียร์หลังจากนั้นทันที
“นายน้อยคาร์ล”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…แล้วของล่ะ?”
วิเทียร์รู้สึกโล่งใจที่คาร์ลยังคงเหมือนเดิม
‘โล่งใจ?….ข้านี่นะ?’
วิเทียร์ตะลึงไปชั่วครู่กับความคิดของตัวเองก่อนจะสงบสติ
อารมณ์และยื่นของที่เขาต้องการให้ มันมีของทั้งหมดสามอย่าง
ในมือของคาร์ลหนึ่งในนั้นคือขวดเล็กๆที่บรรจุพลังเวทย์ของ
มังกรที่ตายไปแล้วพร้อมกับถูกกาจัดพิษออกไปเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว
‘พลังเวทย์จากสิ่งที่ตายไปแล้ว’ มันคือสิ่งที่อันตรายมาก
สาหรับผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือข้องเกี่ยวกับด้านมืด นั่นทา
ให้ชิกเลอร์เป็นกังวลและสงสัยยิ่งนัก
“ทาไมเจ้าจึงอยากได้พลังเวทย์จากสิ่งที่ตายไปแล้วด้วย?…ไม่
ควรมีมนุษย์คนใดที่ต้องการมัน…ถ้าหากเป็นพวกแม่มดหมอผี
เมื่อครั้งอดีตอาจมีประโยชน์ต่อพวกเขาได้แต่ปัจจุบันก็ไม่น่าจะ
มีใครมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง…เฮ้อ…ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากาลังวางแผนจะ
ทาสิ่งใดกับพลังเวทย์ที่อันตรายและมีปริมาณเพียงเล็กน้อย
เช่นนี้กันแน่?”
คาร์ลเผยรอยยิ้มซุกซนออกมาให้เห็น
“ใครจะไปรู?้ …บางทีมันอาจมีประโยชน์ก็ได้พะย่ะค่ะ”
ปริมาณเล็กน้อยของพลังเวทย์ที่อันตรายเช่นนี้ก็เพียงพอต่อ
ความต้องการแล้ว คาร์ลเก็บของทั้งหมดลงในกระเป๋าเวทย์
ของตนและสนทนากับพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ราชาแห่งเผ่า
วาฬจะกล่าวลาในเวลาต่อมา
“เอาไว้เจอกันใหม่คราวหน้า…ข้าขอโทษอีกครั้งสาหรับกิริยาที่
ไม่ดีของอาร์ชีในวันนี้”
“ไม่เป็นไรพะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรได้อย่างไรกัน?…ยังไงข้าก็ต้องขอโทษเจ้าจากใจ
จริง…หึ๊!..เป็นเพราะเจ้างั่งนี้ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากมายนัก”
“……ท่านพ่อ”
วิเทียร์เอ่ยเรียกบิดาของตนเพื่อให้เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองลง
ก่อน
“ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า…นายน้อยคาร์ล”
“อืม….แน่นอน”
คาร์ลยังต้องการพบพวกเขาอีกหลายครั้งเพราะยังมีอีกหลาย
วิธีที่เขาสามารถใช้งานพวกเขาได้ เขาโบกมือลาด้วยท่าทาง
สบายอารมณ์ ให้แก่วิเทียร์และชิกเลอร์ที่เริ่มออกเดินทางจาก
ไปเช่นเดียวกับอาร์ชีผู้ที่ยังคงมีท่าทางอึดอัดใจเมื่อเอ่ยคาลา
ให้แก่เขา ก่อนที่คาร์ลจะหันกลับมามองคนของตน
“เชวฮัน…เจ้าคิดอะไรอยู่?”
“อ๊ะ!….ไม่….ไม่มีอะไรขอรับ”
เชวฮันตกใจเมื่อได้ยินเสียงคาร์ลเอ่ยเรียกตนและส่ายหน้า
ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คาร์ลจะเดินผ่านหน้าเชวฮันเพื่อ
กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องพักในเรือ ในขณะที่เชวฮันยังคงยืน
นิ่งอยู่เช่นเดิมด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ข้าจะไปนอนแล้ว”
มังกรน้อยราอนที่คลายเวทย์ล่องหนของตนไปก่อนหน้านี้และ
กาลังเดินตามหลังคาร์ลกลับเข้าไปในเรือ มันหันหน้ากลับมา
มองเชวฮันและเอ่ยขึ้น
“ข้าชื่อราอน มิรุ!…,มังกรผู้หล่อเหลาที่สุด!…มีเสน่ห์ที่สุด!..ยอด
เยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!..จาไว้ให้ดี!”
เชวฮันจ้องมองมังกรดาที่มีท่าทางตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะสังเกตคาร์ลที่กาลังเดินกลับเข้าไปในเรือด้วยท่าทาง
ผ่อนคลายตามแบบปกติของเขา
“…..ข้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้เช่นกัน”
เสียงเชวฮันแว่วหายไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ในขณะที่เขา
ยืนอยู่ดาดฟ้าเรือเพียงลาพัง แน่นอนว่าถ้าคาร์ลได้ยินสิ่งที่เขา
พูดเมื่อสักครู่อาจจะตกใจจนตาค้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อ
จินตนาการถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นของเชวฮันจะ
สามารถทาลายทวีปนี้ให้พังย่อยยับได้อย่างง่ายดาย
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฮงพูดกับมังกรดาซึ่งตอนนี่ถูกเรียกว่าราอนแทน
“ข้าชอบชื่อ‘ราอน’เหมือนกัน…มันเยี่ยมไปเลย..แต่ข้าคิดว่า
‘ราฮง’ก็ฟังดูดีเช่นกันนะ”
ในทางกลับกันออนที่ยังไม่พูดอะไรออกมาก็ดูเหมือนจะตื่นเต้น
มากเช่นกันเพราะเธอเดินวนรอบๆตัวราอนอย่างมีความสุข
“ราอน มิรุ!…ชื่อของน้องเล็กมันดีมาก!…ดีที่สุดเลย!”
คาร์ลละสายตาจากภาพตรงหน้าในขณะที่เอนหลังพิงหัวเตียง
นอนในห้องพักบนเรือก่อนที่ราอนจะตะโกนออกมา
“เฮ้!…เจ้าหมาป่า!…ข้าชื่อราอน มิรุ!…..เฮ้!…เจ้านักเวทย์!..ข้า
ชื่อราอน มิรุ!…..เฮ้!….เชวฮัน..ข้าชื่อ—”
“ข้ารู้จักชื่อเจ้าแล้ว…”
มันเป็นการแนะนาชื่อที่ซ้าไปซ้ามาจนมากเกินไปแม้กระทั่งคน
ที่จิตใจดีอย่างเชวฮันยังอดที่จะขัดขึ้นไม่ได้
ในตอนนี้ราอน ลูกแมวสองพี่น้อง เชวฮัน ล็อกและโรสลิน ได้
เข้ามารวมกันอยู่ในห้องพักของคาร์ล
ราอนสาวเท้าเข้าใกล้เชวฮันเมื่อได้ยินเขาตอบว่ารู้จักชื่อของ
มันแล้ว
“ถ้าเจ้ารู้จักชื่อของข้า..ไหนลองพูดออกมาสิ?”
“ได้สิ…ราอน”
ราอนยกยิ้มด้วยความพอใจก่อนที่เชวฮันจะหันไปมองคาร์ล
และเอ่ยขึ้น
“มิรุ…ท่านไปเอาคานี้มาจากไหนหรือขอรับ?”
เชวฮันมีสีหน้าประหลาดใจและคาร์ลก็เข้าใจมันเป็นอย่างดี ดู
เหมือนว่าเชวฮันอาจจะไม่เคยได้ยินภาษาเกาหลีคาว่า‘ราอน’
แต่กับคาว่า ‘มิรุ’ดูเหมือนเขาจะรู้จักมันเป็นอย่างดี
“มันเป็นสิ่งที่ข้าคิดขึ้นมาเอง”
“….คิดขึ้นมาเองเหรอขอรับ?”
“ใช่แล้ว…จู่ๆข้าก็นึกขึ้นมาได้เมื่อมองไปที่ราอน….มันโผล่เข้า
มาในหัวของข้าโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้า…มันเป็น
ประสบการณ์ที่น่าสนใจมากเลยใช่มั้ยล่ะ?”
คาร์ลตอบอย่างไม่ใส่ใจนักในขณะที่ปากก็เคี้ยวองุ่นอยู่เรื่อยๆ
แม้ว่าจะเอนหลังพิงหัวเตียงนอนอยู่ก็ตาม จากนั้นเขาก็เอ่ยถาม
เชวฮันด้วยน้าเสียงเรียบๆ
“เจ้าถามทาไมรึ?”
“อ่า…ไม่มีอะไรขอรับ…มันน่าสนใจมากจริงๆ”
สายตาของเชวฮันเต็มไปด้วยความคิดถึง เป็นเพราะนามสกุลนี้
มันคล้ายคลึงกับภาษาเกาหลีบ้านเกิดที่เขาจากมานาน
เหลือเกิน เขาพยักหน้าช้าๆก่อนจะหันไปหาราอน
“ราอน มิรุ….มันเป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
ราอนแสร้งทาเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เชวฮันพูดแม้ว่าปีกของมันกาลัง
กระพือขึ้นลงอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ คาร์ลมองภาพ
ตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเรือไป
ยังผืนมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ เขาหวังว่าอีกไม่กี่วันจะเดินทาง
ถึงอาณาจักรวิปเปอร์เสียที
พวกเขาทั้งหมดเดินทางมาถึงท่าเรือที่เล็กที่สุดในอาณาจักรวิป
เปอร์หลังจากนั้นไม่กี่วันดังที่คาร์ลปรารถนาเอาไว้ มีใครบาง
คนกาลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่บนท่าเรือเล็กๆนั่นและคนคนนี้
คือผู้เล่นที่สาคัญที่สุดในการทาการค้าในครั้งนี้
“นายน้อยคาร์ล!!!”
แม้แต่ตอนนี้เขาก็มองว่าหุ่นอ้วนกลมของ‘บิลอส’นั่นดูน่ารักไม่
ต่างจากกระปุกออมสินเลยสักนิด บิลอสกระโดดขึ้นมาบนเรือ
ทันทีเพื่อวิ่งมาทักทายเขาบนดาดฟ้าเรือ ดูเหมือนว่าเขาจะดู
เบากว่าน้าหนักตัวจริงๆของเขาเมื่อเขาสามารถกระโจนขึ้นมา
บนเรือได้อย่างรวดเร็วเมื่อเรือจอดเทียบท่าและหยุดนิ่งแล้ว
“โอ้…นายน้อย..กระผมหวังว่าท่านคงไม่เมาเรือหรอกนะ
ขอรับ?”
~เจ้ามนุษย์… ดูเหมือนว่าเขากาลังจะกลืนเจ้าลงท้องเลย ~
(53380)
แต่จริงๆแล้วคาร์ลก็ค่อนข้างชอบท่าทางกระตือรือร้นของ
บิลอสในตอนนี้เช่นกัน คาร์ลผละออกจากบิลอสที่ปรี่เข้ามา
กอดทักทายเขาออก ก่อนจะตบไปที่ไหล่ของบิลอสเบาๆและ
กระซิบที่ข้างหูของเขาทันที
“ถึงเวลาจับปลาตัวใหญ่แล้วสินะ?”
บิลอสค่อยๆฉีกยิ้มกว้างเต็มใบหน้าจนดวงตาหรี่เล็กลงแทบ
เลือนหายไปจากใบหน้า
“ข้าเชื่อใจท่าน..นายน้อยคาร์ล”
หอคอยพลังเวทย์จะถูกทาลายลงในที่สุดและผู้พิทักษ์หอคอย
พลังเวทย์จะถูกฉีกทึ้งร่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยฝีมือของ
ทูนก้า นักเวทย์ทั้งหมดที่อยู่ในหอคอยพลังเวทย์จะถูกฆ่าตาย
จนนับซากแทบไม่ทัน อย่างไรก็ตามผู้พิทักษ์หอคอยพลังเวทย์ผู้
นี้ก็ช่างเป็นคนที่ละโมบโลภมากจนเกินไป
คาร์ลมองไปที่ท่าเรือเล็กๆแต่ดูวุ่นวายมากกว่าท่าเรือของ
อาณาจักรโรมันและเอ่ยพูดเสียงดัง
“การล่าสมบัติในครั้งนี้มันต้องสนุกอย่างแน่นอน”
ตราบใดที่คุณรู้วิธีที่จะได้สมบัติมาครอบครองมันย่อมกลายเป็น
เรื่องสนุกจนคาดไม่ถึงเลยล่ะ
บทที่ 69 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 1 (1)

คาร์ลตบไปที่ไหล่ของบิลอสอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตาของบิลอส
เป็นประกายวาวอย่างคาดหวังเมื่อคาร์ลเริ่มพูด
“ทางานให้หนักเข้าไว้..หากเจ้าอยากได้สมบัติขุมใหญ่”
มันเป็นคาสั่งที่ไม่ได้จริงจังนักแต่บิลอสก็ยังคงรับคาอย่าง
กระตือรือร้น
“หนักเท่าไหร่กระผมก็ไม่หวั่น…หากเป็นคาสั่งของนายน้อย..ฮ่า
ฮ่าฮ่าๆๆๆ”
คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆเมื่อเห็นว่าบิลอสกระตือรือร้นเกิน
ความจาเป็น เขารู้ดีว่าอาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในใจ
ของบิลอสแต่เขาก็ยังเลือกที่ทามันต่อไปโดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ
เลยสักนิด
‘บางที…ฉันอาจไม่ได้อธิบายรายละเอียดให้เขาฟังมากนัก’
ทั้งหมดที่เขาบอกแก่บิลอสมีเพียงคาสั้นๆเท่านั้น
‘อุปกรณ์เวทย์’ นั่นคือสิ่งที่บิลอสได้ยินจากเขา คาร์ลมอง
ตามหลังบิลอสที่ขอตัวออกไปยังท่าเรือเพื่อตรวจสอบความ
เรียบร้อยอีกเล็กน้อย ก่อนจะมองหาคนที่เขาต้องการพบอีกคน
ทันที
เขามองไปยังคนที่จาเป็นต้องระวังตัวมากที่สุดในอาณาจักรวิป
เปอร์ในขณะนี้
โรสลิน
นักเวทย์จาเป็นต้องระวังตัวเป็นพิเศษหากไม่อยากได้รับ
บาดเจ็บหรือถูกฆ่าตายไปเสียก่อน คาร์ลเห็นเธอยังยืนอยู่บน
ดาดฟ้าเรือไม่ไกลจากเขามากนักก่อนจะก้าวเท้าเข้าหาเธอทันที
เพื่อเอ่ยเตือนให้เธอระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
“……ท่านโรสลิน”
เอ่อ…แต่คงไม่จาเป็นต้องทาเช่นนั้นแล้วกระมัง? คาร์ลหยุดสิ่งที่
เขาต้องการจะพูดออกไปทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?…นายน้อยคาร์ล”
คาร์ลเอ่ยถามหลังจากได้ยินเสียงเรียบๆของเธอดังขึ้น
“ที่ท่านถืออยู่…มันคือกระบองอะไรอย่างนั้นหรือ?”
‘กระบอง’ในมือของโรสลินส่งเสียงดังตัดผ่านอากาศและ
ก่อให้เกิดลมกระโชกแรงเมื่อเธอเหวี่ยงมันไปรอบๆ ท่าทางของ
เธอในตอนนี้ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับอาวุธชิ้นนี้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้เขายังเหลือบเห็นเสื้อเกราะหนังบางๆใต้เสื้อคลุม
ของเธอเมื่อเธอเอ่ยตอบคาถามเขา
“กระบองอันนี้นะหรือ?…มันเป็นเพียงกระบองธรรมดาๆเท่านั้น
ล่ะ…ไม่ว่ามันจะเป็นกระบองเวทย์หรือเป็นเพียงกระบอง
ธรรมดาๆทั่วไป…พวกมันก็ยังคงใช้งานได้เหมือนกัน..หากท่าน
ต้องการใช้มันฟาดใส่อะไรบางอย่าง”
“ท่านฉลาดยิ่งนัก”
คาร์ลเอ่ยชื่นชมอย่างจริงใจในขณะที่ยกนิ้วเป็นสัญญาณว่าตน
เห็นด้วยกับความคิดของเธอ เขาไม่จาเป็นต้องเอ่ยเตือน
เกี่ยวกับฐานะนักเวทย์ของเธอที่จาเป็นต้องระมัดระวังตัวเป็น
พิเศษหากเดินทางไปมาในอาณาจักรวิปเปอร์
“ฉลาดหรือ?….ไม่หรอกน่า…ข้าเพียงแค่อยากทาให้มั่นใจว่าคน
อื่นจะไม่เดือดร้อนเพราะข้าก็เท่านั้นมันอาจจะดูไม่ค่อยเข้ากับ
ตัวข้าเท่าไหร่?..แต่ข้าได้เรียนศิลปะป้องกันตัวเกือบทุกชนิดมา
ตั้งแต่ที่ข้ายังเป็นเด็กเล็กๆแล้วล่ะ”
ปั๊ก!!!!ปั๊ก!!!!
โรสลินใช้กระบองเคาะไปที่ฝ่ามือของตนเบาๆ ในฐานะที่เป็น
ส่วนหนึ่งในราชวงศ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นรัชทายาทองค์
โตที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ในอนาคตทาให้เธอได้เรียนรู้การ
ป้องกันตัวที่จาเป็นและศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเกือบทุกชนิด
สายตาของเธอเย็นชามากกว่าเดิม
“ข้าต้องการมาดูที่นี่ด้วยตาของข้าเอง”
คาร์ลอมยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว โรสลินผู้ดูแลหอคอยพลัง
เวทย์คนใหม่ในอนาคตเธอเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกับเชวฮัน
เป็นอย่างมาก นั่นคือสาเหตุที่เธอสามารถเติบโตและแข็งแกร่ง
ไปพร้อมๆกับพรรคพวกของเธอได้ อย่างไรก็ตามตัวเธอเองก็มี
เป้าหมายที่ชัดเจนเช่นเดียวกับการละทิ้งสิ่งที่ไม่ควรใส่ใจ
ออกไปและอาณาจักรวิปเปอร์จะก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง
ที่เธอต้องการพร้อมๆกับโอกาสที่จะได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น
คาร์ลมองตามสายตาของโรสลินไปยังท่าเรือเล็กๆแห่งนี้
นี่คือท่าเรือที่ถูกทาลายน้อยที่สุดในอาณาจักรวิปเปอร์เพราะมัน
คือท่าเรือที่มีขนาดเล็กที่สุดและถูกใช้งานจากประชาชนอยู่
บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามในเวลานี้มีเพียงเรือไม่กี่ลาที่แล่นเข้า
จอดเทียบท่าหรือแล่นออกจากท่าเรือแห่งนี้ รวมถึงสภาพของ
คนที่เพิ่งลงจากเรือที่นามาจอดเทียบท่าไม่กี่ลานั้นต่างก็
เคร่งเครียดและหมองคล้ายิ่งนักแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นประชาชน
ที่อาศัยอยู่ที่นี่กลับมีใบหน้าที่สดใส
‘ชาวเมืองส่วนหนึ่งที่เคยถูกใช้งานเยี่ยงทาสในหอคอยพลัง
เวทย์นั่น.ก็คงมาพักที่นี่ด้วยสินะ’
คาร์ลมองเห็นควันดาที่ยังคงลอยสู่อากาศอย่างต่อเนื่อง
สงครามกลางเมืองได้ทิ้งร่องรอยไว้ตามเส้นทางและสถานที่
ต่างๆที่พวกเขาต้องใช้สัญจร
“นายน้อยคาร์ล!…เราสามารถออกเดินทางได้แล้วขอรับ!..
กระผมจัดเตรียมรถม้าไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เยี่ยม!”
คาร์ลพยักหน้าให้กับบิลอสที่เอ่ยรายงานให้เขาทราบก่อนจะลง
จากเรือในที่สุด ก่อนจะเริ่มบ่นออกมาเมื่อก้าวเข้าสู่อาณาจักร
วิปเปอร์อย่างเป็นทางการ
“มันไม่ใช่กลิ่นที่ดีเลยสักนิด”
คาร์ลได้กลิ่นเหม็นจากควันไฟที่เผาไหม้อาคารบ้านเรือนจน
เหลือแต่ตอตะโกตลอดเส้นทางที่เขานั่งรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่
พักที่บิลอสได้จัดเตรียมไว้ให้ เขาเอ่ยกับบิลอสเมื่อมาถึงยังที่พัก
ของตนแล้ว
“เจ้าเตรียมทุกอย่างไว้ได้ดีมาก”
คาร์ลกล่าวชื่นชมบิลอสที่ดาเนินการจัดเตรียมรถม้าของสมาคม
การค้าฟลินน์ไว้ใช้สาหรับการเดินทางในอาณาจักรวิปเปอร์
รวมไปถึงสิ่งอานวยความสะดวกต่างๆไว้ได้อย่างครบครัน
บิลอสยักไหล่ของตนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามคาร์ล
“นายน้อยแน่ใจหรือขอรับ?….ว่าจะทาอย่างเงียบๆโดยไม่มีคน
อื่นรู้เรื่องนี้?”
“มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรทาหรือไงกัน?”
คาร์ลยิ้มเมื่อกล่าวต่อ
“ข้าไว้ใจเจ้า…บิลอส”
“อ่า….กระผมก็ไว้ใจนายน้อยเช่นกันขอรับ!”
คาร์ลเอนหลังพิงโซฟาในห้องพักเมื่อเอ่ยถามลอยๆขึ้นมา
“ชนะสินะ?”
บิลอสพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็นอย่างที่นายน้อยได้บอกเอาไว้”
“อืม…”
ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์จะเป็นผู้กาชัยชนะในสงครามกลางเมือง
เมื่อคาร์ลเดินทางมาถึงอาณาจักรวิปเปอร์พอดี
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของสงคราม
กลางเมืองคือ ‘หอคอยพลังเวทย์ที่ถูกทาลายลง’ มันคือการล่ม
สลายของปราการด่านสุดท้ายของเหล่านักเวทย์และแน่นอนว่า
ยังมีสิ่งต่างๆที่จะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนหลังสงครามเสร็จสิ้น
“ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์…ช่าง…โหดร้ายกว่าที่กระผมคาดไว้นัก”
บิลอสเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเริ่มอธิบายรายละเอียดของสงคราม
กลางเมืองให้คาร์ลฟัง
“ดูเหมือนพวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่เหล่านักเวทย์เท่านั้น”
(53380)
ไหล่ของบิลอสสั่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพที่โหดร้ายของ
สงครามนั่น เขาพยายามสลัดภาพนั้นออกจากหัวและนึกถึงสิ่ง
ที่เกิดในปัจจุบันเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก
ในชีวิตที่ได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้
“ความน่ากลัวของพวกเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น..เมื่อมีประชาชนที่
สามารถต้านทานพลังเวทย์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกันเป็นจานวน
มากหรือแม้แต่เข้ามาเป็นกองหน้าในการทาศึกกับเหล่านัก
เวทย์”
‘ไม้ตายที่สาคัญที่สุดของฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์คือ..กลุ่มคนที่
สามารถต้านทานพลังเวทย์ได้’
ประชาชนกลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่พลังเวทย์ไม่ส่งผลใดๆต่อพวกเขา
ได้และมีการถือกาเนิดอย่างช้าๆมานานหลายช่วงอายุคนแล้ว
อย่างไรก็ตามประชาชนกลุ่มนี้ได้ถือกาเนิดในกลุ่มคนที่ไม่ใช่นัก
เวทย์เท่านั้นโดยไม่มีปะปนเข้าไปในกลุ่มนักเวทย์เลยสักนิด
แน่นอนว่าประชาชนกลุ่มนี้ถือว่ามันคือสัญญาณที่ดีที่ธรรมชาติ
สร้างให้เพื่อให้พวกเขาสามารถฆ่าเหล่านักเวทย์พวกนั้นได้ใน
ที่สุด
บทที่ 69 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 1 (2)

“ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์ช่างน่ากลัวจริงๆนะขอรับ…โดยเฉพาะ
ผู้นาของพวกเขาที่ชื่อ‘ทูนก้า’”
คาร์ลยังคงนั่งฟังเงียบๆโดยไม่พูดอะไรออกมา
“ชายผู้นั้นกับลูกน้องคนสนิทของเขา…ดูเหมือนจะทาศึกตาม
สัญชาตญาณที่เขามีเท่านั้น… ข้าเห็นเขาลงมือฆ่านักเวทย์โดย
ใช้เพียงแค่มือเปล่า…ท่านไม่รู้หรอกขอรับ?..ว่ามันน่ากลัวมาก
เพียงใดที่ได้เห็นมัน”
เฮ้อ….
บิลอสถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกับสั่นศีรษะของตนไปมา
ราวกับอยากสลัดภาพนั้นออกไปจากหัว
“คืนนั้นกระผมนอนไม่หลับเลยขอรับ..แค่หลับตาลงภาพที่
ทูนก้าลงมือฆ่านักเวทย์ก็ลอยเข้ามาทันทีแค่คิดว่ากระผม
จะต้องเข้าไปสนทนากับเขา..ไข้ก็แทบจะขึ้นแล้วขอรับ….นาย
น้อย”
บิลอสตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะต้องหลีกเลี่ยงทูนก้าให้ได้
เขาไม่รู้สึกอยากจะเข้าไปติดต่อหรือพูดคุยอะไรกับทูนก้าเลยสัก
นิด โชคดีที่ลูกน้องรอบๆตัวเขานั้นยังฉลาดและอัธยาศัยดีจน
สามารถพูดคุยด้วยได้ง่าย
“มันโหดร้ายยิ่งนัก”
บิลอสพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลกล่าวขึ้น
“ใช่ขอรับ!….มันโหดร้ายมาก..มีศพเกลื่อนเต็มพื้นที่ไปหมด”
อย่างไรก็ตามบิลอสก็ไม่ได้กล่าวหาว่ามันเป็นสิ่งที่แย่
“…กระผมแน่ใจว่าการที่นักเวทย์โดนเช่นนี้…อาจไม่สาสมและ
เพียงพอกับสิ่งที่ประชาชนอาณาจักรวิปเปอร์ต้องการ”
บิลอสเข้าใจดีว่าเหล่าประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกเช่นไร อีกทั้งตัว
เขาเองยังเข้ามาที่นี่ในฐานะคนที่ต้องการหาเงินจากสงคราม
กลางเมืองจึงไม่สามารถที่จะวิจารณ์ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้เต็มปาก
นัก
“…ว่าแต่..นายน้อยขอรับ?”
“มีอะไร?”
บิลอสเริ่มยิ้มออกมาเมื่อเขาเอ่ยถามคาร์ลขึ้น ท่าทางของคาร์ล
ค่อนข้างเย็นชาแต่บิลอสก็ไม่ได้สนใจนักเขายังคงเอ่ยถามสิ่งที่
เขาต้องการ
“แล้วหลังจากนี้..พวกเราจะไปที่ใดกันหรือขอรับ?”
บิลอสอยากรู้ว่าปลายทางของสมบัติที่คาร์ลเอ่ยถึงมันอยู่ที่ใด?
เขาเห็นคาร์ลนั่งฟังสิ่งที่เขาเล่าทั้งหมดอย่างเงียบๆก่อนที่คาร์ล
จะเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า
รอยยิ้มนี้ทาให้บิลอสหัวใจพองโตด้วยความคาดหวัง
“ไปหา ‘ทูนก้า’”
“….ห๊ะ?…..ใครนะขอรับ?”
บิลอสคิดว่าตนอาจได้ยินสิ่งที่คาร์ลกล่าวผิดไป
ท่าทางที่สับสนและเคร่งเครียดปรากฏออกมาเต็มใบหน้าของ
บิลอสและนับเป็นครั้งแรกที่คาร์ลได้มีโอกาสเห็นใบหน้าเช่นนี้
ของเขา
“เรากาลังจะไป..หอคอยพลังเวทย์”
“…อะไรนะขอรับ?”
มีหลายเหตุผลที่คาร์ลเลือกเดินทางมายังท่าเรือที่เล็กที่สุดแห่งนี้
มันเป็นท่าเรือที่ใกล้ที่สุดหากต้องการเดินทางไปยังหอคอยพลัง
เวทย์ อีกทั้งมันยังเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากการต่อสู้และเป็น
พื้นที่ที่ประชาชนจานวนมากยังคงมีชีวิตอยู่
คาร์ลยังคงเอ่ยกับบิลอสต่อไปแม้ว่าบิลอสจะมีสีหน้าที่ว่างเปล่า
แต่คาร์ลมั่นใจว่าในหัวของเขาต้องคิดอะไรหลากหลายอย่าง
ในตอนนี้
“แค่เชื่อในตัวข้าก็พอ…”
บิลอสอ้าและหุบปากของตนอยู่หลายครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจาก
โซฟาเพื่อมุ่งหน้าไปยังตู้เก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขาคว้า
ขวดเหล้าที่อยู่ใกล้ที่สุดยกขึ้นดื่มทันที ก่อนจะหยุดลงเมื่อเหล้า
ในขวดไหลเข้าไปในร่างกายของเขาเกือบครึ่งขวด
“กระผมจะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง…”
“แล้วสัญชาตญาณของเจ้าบอกว่าอย่างไร?”
บิลอสหยิบขวดเหล้าขวดใหม่และยื่นมันให้แก่คาร์ล
“สัญชาตญาณของกระผม..บอกให้ติดตามนายน้อยไปขอรับ”
คาร์ลยกขวดเหล้าขึ้นดื่มไปอึกใหญ่
“เจ้ามีสัญชาตญาณที่ดี…มันเหมาะสาหรับพ่อค้าเช่นเจ้ายิ่ง
นัก”
คาร์ลดูเหมือนจะมีท่าทางที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก บิลอสกา
ขวดเหล้าที่อยู่ในมือไว้แน่นก่อนจะมองผ่านไหล่ของคาร์ล
ออกไปนอกหน้าต่าง
แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว แต่
ก็ยังมีเสียงกรีดร้องไปทั่วอาณาจักรวิปเปอร์อยู่เป็นระยะๆ
เพราะเหล่านักเวทย์ยังไม่ได้ถูกกาจัดไปจนหมด ทั้งความบ้า
คลั่ง ความสิ้นหวังและความโศกเศร้าทั้งหมดนี้ยังคงปกคลุมไป
ทั่วบริเวณ
“…รสชาติมันเยี่ยมมาก”
บิลอสตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นตามสัญชาตญาณของตนหลังจาก
เห็นท่าทางที่แสนผ่อนคลายของคาร์ล
ไม่กี่วันต่อมา
คาร์ลก้าวลงจากรถม้าที่มีตราของสมาคมการค้าฟลินน์ประดับ
อยู่ โดยมีรถม้าอีกสามคันจอดอยู่ด้านหลังรถม้าของเขาเช่นกัน
“นายน้อยขอรับ…นี่เป็นจุดสุดท้ายที่รถม้าสามารถเข้าถึงได้และ
เป็นจุดที่อยู่ใกล้หอคอยพลังเวทย์ที่สุดแล้วขอรับ”
จากจุดที่คาร์ลยืนอยู่สามารถมองเห็นหอคอยพลังเวทย์ที่ถูก
ทาลายได้ในระยะไกลแต่จากที่เขาประเมินด้วยตาเปล่า
ในตอนนี้ถือว่ามันถูกทาลายน้อยกว่าที่เขาคาดเอาไว้
‘เขาสัญญาเอาไว้ว่าจะทาลายมันให้เสียหายน้อยที่สุด’
ทูนก้าฟังในสิ่งที่คาร์ลพูดจริงๆสินะ
“หอคอยพลังเวทย์แห่งนี้..มันสวยมากจริงๆ…”
บิลอสที่ยืนอยู่ข้างๆคาร์ลรู้สึกงุนงงเล็กน้อยที่ได้ยินคาร์ลเอ่ยชม
หอคอยพลังเวทย์ ก่อนจะเห็นคาร์ลล้วงบางอย่างออกมาจาก
กระเป๋าเสื้อของเขาและยื่นให้เขาเห็นสิ่งนั้นเพียงบางส่วน
อึ่กก!!!!
บิลอสอ้าปากค้างที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของคาร์ลแม้ว่าจะเป็น
เพียงเสี้ยวเดียวแต่เขาก็มั่นใจว่ามันคือแผ่นป้ายทองคาอย่าง
แน่นอน แววตาของบิลอสเปลี่ยนไปทันที
“นายน้อยคาร์ล…กระผมนับถือท่านยิ่งนัก”
คาร์ลไม่ได้สนใจบิลอสอีกเมื่อฮันส์เดินเข้ามาหาตน
“นายน้อย…ท่านวางแผนจะทาสิ่งใดต่อไปหรือขอรับ?”
ฮันส์เอ่ยถามนายน้อยของตนด้วยความสงสัยในขณะที่สายตาก็
กวาดไปมองพื้นที่โดยรอบ ตอนนี้พวกเขาอยู่บริเวณทางเข้า
ฐานทัพชั่วคราวที่ถูกสร้างขึ้นด้านหน้าหอคอยพลังเวทย์
พวกเขาสามารถมองเห็นกระท่อมและบ้านเรือนตั้งเรียงราย
เป็นจานวนมาก ในความจริงแล้วดูเหมือนมันจะเป็นหมู่บ้าน
มากกว่าจะเรียกว่าฐานทัพหรือกองกาลังได้ อีกทั้งพวกเขายัง
เห็นผู้คนที่มีรูปร่างและสีผิวต่างจากพวกเขาเช่นกันเพราะนั่น
คือเอกลักษณ์ของคนในอาณาจักรวิปเปอร์
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนแปลกๆอยู่ที่นี่อีกด้วยและนั่นทาให้แวว
ตาของฮันส์เริ่มสั่นไหว
“อุ๊บ!!!!”
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นปิดปากโดยไม่รู้ตัว มีกลุ่มคนที่ท่าทาง
เหมือนกับนักรบที่ทั่วทั้งร่างชโลมไปด้วยเลือดและกาลังตัด
ซากศพที่วางเกลื่อนพื้นที่ พวกเขารู้ได้ทันทีว่าศพทั้งหมดที่วาง
เกลื่อนอยู่นั่นเป็นศพของเหล่านักเวทย์ (53380)
ซากศพถูกตัดขาดออกจากกันโดยมีศีรษะของเหล่านักเวทย์
กลิ้งไปทั่วพื้น
ทั้งกลิ่นเลือดและซากศพที่เน่าเปื่อยเริ่มลอยปะทะจมูกของฮันส์
และเสียงซากศพที่ถูกเผาไหม้จากทางเบื้องหลังของเขาก็เริ่มดัง
ขึ้นเรื่อยๆ
“นายน้อย…เราหยุดพักกันก่อนจะดีกว่ามั้ยขอรับ?….”
ฮันส์หันไปมองคาร์ลที่ยังคงมีท่าทางสงบเช่นเดิมและตระหนัก
ได้ว่าทุกคนที่อยู่รอบๆตัวเขานั้นสงบเป็นอย่างมาก แม้แต่เมส
และเด็กๆที่เขาเพิ่งรู้ว่ามาจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินก็กาลังสังเกต
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสงบเช่นกัน
“ฮันส์”
“….เอ่อ…ขอรับนายน้อย?”
“ที่นี่คือ…สนามรบ”
ฮันส์รู้ซึ้งถึงน้าหนักที่หนักอึ้งของคาเหล่านั้น ก่อนที่เขาจะหันไป
มองคาร์ลที่กาลังสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามรบอย่าง
ใจเย็น
บทที่ 70 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 2 (1)

คาร์ลสังเกตเห็นกระโจมของกลุ่มนักรบและกระโจมของพ่อค้า
ตั้งเคียงกันโดยมีกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินเข้าออกกระโจม
สลับกับการเดินทางออกนอกค่ายอย่างต่อเนื่อง มันทาให้เขา
นึกถึงเมื่อครั้งเป็นคิมร็อกโซที่ต้องดิ้นรนทางานต่างๆตลอดทั้ง
วัน ก่อนที่ความรู้สึกเหนื่อยล้าจะแล่นเข้าสู่ร่างกายของเขาโดย
ทันทีและตอนนี้เขาปรารถนาเพียงจะนอนโง่ๆบนเตียงนอน
นุ่มๆสลับกับการอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขายังคงสงบอยู่เช่นเดิม
สายตาของคาร์ลสบเข้ากับฮันส์อีกครั้งเมื่อเขาเอ่ยถามฮันส์
ขึ้นมา
“เจ้าอยากพักหรือ?”
“ไม่ขอรับนายน้อย..กระผมไม่ได้เป็นอะไร!”
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยกับรองพ่อบ้านฮันส์ด้วยน้าเสียงอันเป็น
เอกลักษณ์ของเขาอีกครั้ง
“อืม….ถ้าเช่นนั้นมาตั้งใจทางานกันเถอะ”
นั่นทาให้ฮันส์รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก คาร์ลเรียกทุกคนให้มา
รวมตัวกันต่อหน้าเขาเมื่อเห็นว่าฮันส์มีอาการที่สงบลงแล้ว
ตั้งแต่สงครามกลางเมืองได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ คาร์ล
และพรรคพวกก็สามารถเดินทางมาถึงค่ายหรือฐานทัพ
ชั่วคราวที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของหอคอยพลังเวทย์ได้อย่าง
สะดวกรวดเร็วขึ้น เมื่อพวกเขาทั้งหมดปรากฏตัวขึ้นที่ค่าย
แห่งนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้กลับเข้ามาพักที่นี่
เป็นจานวนมากเพราะถึงเวลาที่ประชาชนส่วนนี้จะได้พักผ่อน
หย่อนใจหลังจากการทาศึกมาเป็นเวลานาน
และเหตุผลสาคัญที่คณะของคาร์ลสามารถมาถึงที่นี่ได้อย่าง
ปลอดภัยก็เป็นเพราะบิลอสได้มีการติดต่อซื้อขายสินค้าที่
จาเป็นกับเหล่านักรบเป็นจานวนหลายต่อหลายครั้งเมื่อครั้ง
สงครามกลางเมืองเกิดขึ้น และในครั้งนี้กลุ่มของคาร์ลเดิน
ทางเข้ามาที่นี่ในนามของสมาคมการค้าฟลินน์นั่นเอง
อย่างไรก็ตามพวกเขากาลังจะทาในสิ่งที่ต่างออกไปจากสิ่งที่
บิลอสเคยทาโดยเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป
“วันนี้พวกเราจะเดินทางมาพบคนที่ชื่อ ‘ทูนก้า’…จงทาให้ตัว
เจ้าทุกคนมั่นใจด้วยล่ะ!…ว่าได้สลัดความกลัวหรือความรู้สึกที่
ไม่ดีออกไปจนหมดแล้ว”
เชวฮันที่ยืนฟังเงียบๆมาโดยตลอดได้เอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“หืม?….ใครคือทูนก้าหรือขอรับ?”
“อ้อ!..บ๊อบกับทูนก้าคือคนๆเดียวกัน….บ๊อบเป็นเพียงนามแฝง
ของเขาเท่านั้น”
คาร์ลเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหันไปหาบิลอสอีกครั้งแต่
หูของเขายังได้ยินเสียงพึมพาของเชวฮันแว่วเข้ามา
“….หมอนั้นสินะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไรขอรับ…นายท่านคาร์ล”
เชวฮันเอ่ยตอบคาร์ลที่หันกลับมามองเขาอีกครั้งอย่างหนักแน่น
ก่อนที่คาร์ลจะเลิกสนใจและหันไปคุยกับบิลอสต่อ
“บิลอส..เจ้าบอกว่าเจ้า..สามารถเข้าพบหัวหน้าค่ายแห่งนี้ได้…
ใช่หรือไม่?”
“ขอรับนายน้อย…อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้นที่
สามารถไปกับกระผมได้”
“อืม…..ดูเหมือนว่าเจ้าจะทาเงินได้ดีทีเดียว”
ความจริงที่ว่าบิลอสสามารถเข้าพบกับหัวหน้าค่ายในกระโจม
ส่วนตัวของเขาได้เช่นนั้นย่อมเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าบิลอส
สามารถสร้างกาไรได้มากมายจากสงครามกลางเมืองนี้ บิลอส
เพียงส่งยิ้มให้คาร์ลและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ทันใดนั้น‘ราอน’ที่ติดตามคาร์ลมาด้วยโดยใช้เวทย์ล่องหน
พรางตัวเอาไว้ก็เริ่มพูดเข้ามาในหัวของเขา
~ น่าสนุก! ~
‘อะไรกัน?’
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
~ ข้ามีความรู้สึกว่า..กาลังจะมีบางอย่างที่น่าสนุกเกิดขึ้น ~
‘รู้สึกอย่างนั้นหรือ?’
คาร์ลสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่แล่นไปทั่วแผ่นหลังของตน
ก่อนจะตัดสินใจสลัดสิ่งที่ราอนพูดออกไป จากนั้นก็เริ่มเลือกคน
อีกสี่คนที่จะเข้าไปกับพร้อมเขาอย่างรวดเร็ว
“เชวฮัน….ล็อก…ฮิลส์แมน”
คาร์ลสบตาเข้ากับโรสลิน เธอยังคงไม่พูดอะไรออกมานับตั้งแต่
พวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ เธอเพียงแค่มองไปรอบๆบริเวณค่าย
ที่เต็มไปด้วยซากศพเท่านั้น คาร์ลนึกสงสัยว่าเธออาจโกรธแค้น
ที่เห็นพวกพ้องนักเวทย์ของเธอโดนสังหารอย่างโหดเหี้ยม
ทารุณเช่นนี้ก็เป็นได้?
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คาร์ลเห็นจากแววตาของเธอคือสายตาของ
องค์หญิงเพียงเท่านั้น แทนที่เธอจะโกรธแค้นกับการตายของ
เหล่านักเวทย์แต่เธอกาลังคิดถึงความโง่เขลาของราชวงศ์ใน
อาณาจักรวิปเปอร์ที่ไม่มีปัญญาดูแลและช่วยเหลือราษฎร
จนกระทั่งพวกเขาลุกฮือขึ้นก่อกบฏเช่นนี้
“ท่านโรสลิน…ท่านจะไปด้วยหรือไม่?”
โรสลินเหน็บกระบองอันใหญ่ของเธอไว้ในเกราะหนังก่อนจะหัน
มาตอบคาร์ล
“อืม…ข้าจะไปด้วย!”
คนที่จะเข้าไปพร้อมคาร์ลได้ถูกเลือกเสร็จสิ้นก่อนที่เขาจะ
มอบหมายให้ฮันส์ดูแลคนอื่นๆที่เหลือ
“พวกเราจะไปหาสถานที่สักแห่งที่เงียบสงบและอยู่รอที่นั่น!…
ข้าจะทาให้พวกเจ้าทุกคนปลอดภัยอย่างแน่นอน!”
คาร์ลเห็นออนและฮงส่งเสียงออกมาราวกับกาลังตะโกนรับคาที่
ฮันส์กล่าวขึ้น ในเวลาเดียวกันพวกมันก็ส่งคาถามให้คาร์ลผ่าน
สายตาของพวกมัน
‘แล้วพวกข้าจะได้ไปหอคอยพลังเวทย์กันเมื่อไหร่?’
คาร์ลตอบคาถามผ่านสายตาเช่นกัน
‘รออีกหน่อยแล้วกัน’
อีกไม่นานพวกมันทั้งคู่จะได้ไปยังสถานที่ที่เหมาะกับการวิ่งเล่น
ของลูกแมวกันแล้ว
“ไปกันเถอะ!”
“ขอรับ!”
บิลอสสวมสร้อยคอเส้นใหญ่ที่มีตราสมาคมการค้าฟลินน์
ประดับอยู่โดยเขาเป็นคนเดินนาเข้าไปด้านในค่ายและมีคาร์ล
พร้อมทั้งคนของเขาเดินตามหลังไปติดๆ
ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในค่ายก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตา
อันคมกล้าจานวนหลายคู่จ้องมาที่พวกเขา
“แค่มองไปข้างหน้าก็พอ”
ทุกคนปฏิบัติตามคาสั่งของคาร์ลทันที
ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์เป็นการรวมตัวกันของประชาชนส่วนใหญ่
ที่เกลียดชังนักเวทย์,เหล่าอัศวินผู้กล้าและกลุ่มคนผู้ต้านทาน
พลังเวทย์ได้ เมื่อคณะของคาร์ลเดินเข้ามาในค่ายแห่งนี้จึงดู
โดดเด่นเป็นพิเศษราวกับนิ้วโป้งที่รอดพ้นจากการบาดเจ็บใน
ขณะที่นิ้วอื่นๆต่างบาดเจ็บและถูกชโลมไปด้วยเลือด
คาร์ลได้เห็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า‘ฝ่ายไม่ใช่นักเวทย์’ต่อหน้าเขา
แล้วในขณะนี้
‘ถ้าให้เดา…นี่คงไม่พอกับความต้องการของพวกเขาสินะ?’
‘พวกเขายังคงกระหายสงครามอยู่’ คาร์ลรู้สึกถึงความบ้าคลั่ง
และความวุ่นวายที่อบอวลอยู่ในบรรยากาศรอบๆตัวของเขา
คาร์ลนึกถึงวิธีที่ทูนก้าเข้าควบคุมราชวงศ์ของอาณาจักรวิป
เปอร์และจัดการให้พวกเขากลายมาเป็นหุ่นเชิดของตนก่อนจะ
รีบเข้าไปต่อสู้กับราชินีแห่งผืนป่าและจักรพรรดิ
คาร์ลลอบสังเกตบรรดาทหารที่อยู่ภายใต้คาสั่งของกบฏเช่น
ทูนก้า บรรดาทหารเหล่านี้ไม่ได้กรูเข้ามาเพื่อยั่วยุหรือหาเรื่อง
ต่อสู้กับกลุ่มของคาร์ล พวกเขาทั้งหมดต่างถูกครอบงาโดย
ทูนก้าที่สร้างความหวาดกลัวจนถึงก้นบึ้งในจิตใจของพวกเขา
อย่างไรก็ตามบรรดาลูกน้องหรือทหารกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีถอย
ออกไปแต่อย่างใด พวกเขายังคงจ้องมาที่กลุ่มของคาร์ลซึ่งมี
ลักษณะคล้ายๆกับขุนนางต่างอาณาจักรโดยไม่คิดจะถอน
สายตาออกไปจากกลุ่มของคาร์ลเลยสักนิด
“พวกเราอยู่ที่นี่แล้ว+”
บิลอสหยุดยืนหน้ากระโจมหลังหนึ่ง มันไม่ได้อยู่ในตาแหน่งที่
ลึกอย่างที่คาร์ลคาดเอาไว้ มันอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าค่ายมากนัก
“ท่านหัวหน้าค่าย….ข้าขอแจ้งให้ท่านทราบด้วยความบริสุทธิ์
ใจ…ข้าและ—”
“บิลอส…”
คาร์ลเอ่ยขัดบิลอสขึ้นมาทันทีเพราะเขารู้ดีว่าบิลอสกาลังจะพูด
อะไร
ฝ่ายที่ไมใช่นักเวทย์อาจคิดว่าพวกเขาได้ทาลาย ‘ความเป็น
เหตุเป็นผล’ไปแต่ในความเป็นจริงมันกลับต่างออกไปเพราะ
ความเป็นเหตุเป็นผลย่อมเกิดและมีคาตอบในที่ทางของมันอยู่
แล้ว
เหล่านักเวทย์คือผู้ที่มีสมองอันชาญฉลาดเท่านั้นหรือ? เหล่านัก
เวทย์เป็นเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีการศึกษาหรือ?
ไม่หรอก! ยังมีคนอื่นๆอีกมากมายที่ได้รับการศึกษาเช่นเดียวกัน
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทาให้มีกลุ่มของ‘นักวิทยาศาสตร์’เข้ามา
อยู่ภายใต้การปกครองของทูนก้าเช่นกัน เพราะพวกเขาเหน็ด
เหนื่อยจากการถูกเหล่านักเวทย์กดขี่ข่มเหงมาเป็นระยะ
เวลานาน (53380)
‘พวกเขาเกลียดชังพลังเวทย์เสียยิ่งกว่าที่ทูนก้ารู้สึกเสียอีก’
บางทีคนทั่วไปอาจจะคิดว่าพวกเขาบ้าไปแล้วก็เป็นได้ แต่นั้น
ล่ะแม้แต่คนที่มีสมองอันชาญฉลาดก็รู้สึกบ้าได้เช่นกัน
“เข้าไปติดต่อพวกเขาก็พอ..ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ”
“ขอรับ…นายน้อย”
บิลอสเข้าไปในกระโจมที่ใหญ่ที่สุดที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่ของผู้ที่
ได้ชื่อว่าหัวหน้าค่ายและคอยดูแลจัดการเรื่องต่างๆให้ โดยมี
นักรบช่วยนาทางและพาบิลอสเข้าไปพบกับเขา กระโจมของ
หัวหน้าค่ายมีนักรบอยู่ภายในเป็นจานวนมาก มันมากกว่าพื้นที่
อื่นๆในค่ายเสียอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน ทูนก้าไม่มี
ปัญหาที่จะทิ้งเหล่านักรบที่อ่อนแอลงแต่กลับเลือกที่จะคุ้มครอง
หัวหน้าพวกนี้แทน
‘นั่นคือสาเหตุที่เขาไม่สามารถเป็นวีรบุรษที่แท้จริงได้’
บทที่ 70 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 2 (2)

คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยกับสายตาอันคมกล้าของทหารยามที่ส่ง
มาให้และเพียงรอให้บิลอสกลับออกมาพร้อมกับหัวหน้าค่าย
คาร์ลเพียงต้องการให้เขาอนุญาตให้พวกตนพบกับทูนก้าและ
บางทีพวกเขาอาจได้รับการต้อนรับที่ดีก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม
‘ทาไมคอของฉัน…ถึงรู้สึกเย็นขึ้นมานะ?’
คาร์ลมองไปรอบๆเพื่อดูว่าสิ่งใดที่ทาให้เขารู้สึกแปลกๆเช่นนี้
บิลอสใช้เวลานานกว่าที่เขาคาดเอาไว้ มันไม่ควรใช้เวลานาน
ขนาดนี้กับการไปพบคนเพียงคนเดียว
~ เป็นมนุษย์ ~
เสียงต่าของราอนดังเข้ามาให้หัวของคาร์ลทันที เมื่อผ้าใบที่ใช้
ปิดทางเข้ากระโจมที่บิลอสเดินเข้าไปเริ่มขยับ ดูเหมือนว่ากาลัง
มีคนกลุ่มใหญ่พยายามจะวิ่งออกมาจากข้างในนั้น
‘ไม่มีทาง?’
ทันใดนั้นเชวฮันที่ยืนอยู่ด้านหลังของคาร์ลก็ขยับตัวไปยืน
ด้านหน้าคาร์ลด้วยท่าทางแข็งกร้าว
“เชวฮัน?”
“กระผม..รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่!”
“หืม?”
ฟึ่บ!!!!
ทางเข้ากระโจมหลังใหญ่ถูกเปิดออกทันที
“ข้าได้กลิ่นมัน!….ข้าได้กลิ่นคนที่แข็งแกร่ง!…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…
เหมาะมาก!..เยี่ยมที่สุด!…ข้ากาลังเบื่อพอดี!”
ชายร่างใหญ่ที่ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยคราบเลือดได้เผยตัว
ออกมาจากในกระโจม โดยด้านหลังหลังของเขาเป็นชายและ
หญิงที่มีขนาดร่างกายเล็กกว่าเขาเล็กน้อยแต่ก็นับว่าใหญ่กว่า
พวกคาร์ลอยู่ดี
“เฮ้อ….”
คาร์ลถอนหายใจยาว
คนบ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดราวกับว่าเขาใช้เลือดของนัก
เวทย์อาบมันแทนน้า แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่
‘ทูนก้า’ และตอนนี้ทูนก้ายังคงจ้องมองไปยังจุดเดียวเท่านั้น
“เป็นเจ้านั่นเอง!”
ทูนก้ากาลังจ้องไปที่เชวฮันซึ่งกาลังปกป้องคาร์ลจากคนบ้าเช่น
คนผู้นี้อยู่ และในตอนนี้ทูนก้าดูเหมือนจะมองไม่เห็นคาร์ลที่ยืน
อยู่ด้านหลังของเชวฮันเลยสักนิด
“คนอื่นๆก็มีกลิ่นแรงเช่นกัน!..แต่ดูเหมือนเจ้าจะมีกลิ่นที่
แข็งแกร่งที่สุด!…ข้าต้องนอนไม่หลับแน่ๆหากยังได้กลิ่นเช่นนี้
อยู่โดยไม่ได้ทาอะไร!”
คาร์ลตัดสินใจได้ทันทีว่าจะต้องก้าวไปข้างหน้าและดึงให้เชว
ฮันถอยหลังกลับ อย่างไรก็ตามเชวฮันกลับเอ่ยถามขึ้นมาด้วย
เสียงที่ถูกกดต่าอย่างอดทน
“เขาคือทูนก้าหรือขอรับ?”
“โอ้!…เจ้าจาเขาได้ทันทีเลยรึ?”
คาร์ลเอ่ยตอบเชวฮันโดยไม่เสียเวลาคิดเช่นกันในขณะเดียวกัน
ทูนก้าก็ชี้มายังร่างของเชวฮันทันที
“มาสู้กับข้า…เจ้าคันไม้คันมืออยากสู้กับข้ารึยัง?”
คาร์ลลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ทูนก้าไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
สักนิด
แน่นอนว่าเชวฮันย่อมปฏิเสธ เพราะบุคลิกของเขาไม่ใช่คนที่จะ
ไปสู้กับใครโดยไร้เหตุผลอันสมควร เขาไม่มีทางสู้กับคนที่เพิ่ง
เจอและไม่เคยมีปัญหากันมาก่อนอย่างแน่นอน
คาร์ลพยายามจะแทรกตัวออกไปยืนหน้าเชวฮันแต่ยังไม่ทันได้
ทาสาเร็จอย่างที่ตนตั้งใจก็ได้ยินเสียงเชวฮันดังขึ้น
“แน่นอน!”
‘อะไรกัน?’
เสียงของราอนลอดเข้ามาให้หัวของเขาทันที
~ เป็นอย่างที่ข้าคาดเอาไว้!…ข้า…ราอน…ผู้ยอดเยี่ยมและ
ยิ่งใหญ่ที่สุด…ช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก! ~
ตรงกันข้ามกับเสียงที่ตื่นเต้นของราอน คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
ด้วยความไม่สบายใจ
และในทางตรงกันข้ามกับคาร์ล ทูนก้าเลียริมฝีปากของตน
เบาๆอย่างคาดหมายหลังจากเห็นสายตาของเชวฮันที่จ้อง
มายังตน ตอนนี้มีเพียงเชวฮันเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเขาและ
มองไม่เห็นผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเลยสักนิด เชวฮันคือคนที่มีกลิ่น
ของความแข็งแกร่งที่สุด มันเป็นกลิ่นเดียวกับสิ่งที่ทาให้เขา
คิดถึงสัตว์อสูรจากเผ่าวาฬที่จ้องมองเขาเมื่อครั้งที่อยู่ในอาณา
เขตอัลบา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….ดี.!…ข้าชอบสายตาเช่นนี้”
ทูนก้ารู้สึกตื่นเต้น เขารู้สึกว่าตนสามารถสู้กับคนคนหนึ่งโดย
อาศัยเพียงความแข็งแกร่งของร่างกายและไม่ต้องพึ่งพาขยะ
เช่นพลังเวทย์พวกนั้นเลยสักนิด!
เชวฮันกระชับดาบของตนไว้แน่นเมื่อเห็นสายตาเหมือนคนบ้า
ของทูนก้า ท่าทางภายนอกของเชวฮันในตอนนี้อาจดูใจเย็น
เป็นอย่างมาก แต่การจ้องมองของเขานั้นเหมือนต้องการจะฟัน
ร่างของทูนก้าออกเป็นชิ้นๆ
ครี๊ดดดด!!!!!!!
ดาบถูกชักออกจากฝัก เผยให้เห็นความคมกริบของมันเพียง
ส่วนหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง
ปึ่ก!!!!
เชวฮันรู้สึกถึงน้าหนักของมือที่จับไหล่ของเขาไว้แน่นและเขา
เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
มันเป็นแรงกดดันแบบที่สามารถดึงดูดความสนใจจากทุกคนไป
ยังจุดๆเดียวได้ มันเป็นแรงกดดันเหมือนกับตอนที่อยู่กับสัตว์
อสูรจากเผ่าวาฬไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนที่เสียงอันสงบแต่ไร้ซึ่ง
อารมณ์ใดๆจะแว่วเข้าหูของเชวฮัน
“เชวฮัน…”
คาร์ลเอ่ยเรียกเชวฮันขึ้นมาโดยไม่ได้ตาหนิหรือออกคาสั่งใดๆ
แก่เขาแต่ดูเหมือนสายตาที่จ้องมายังร่างของเชวฮันนั้นจะ
เด็ดขาดและคมกล้าจนทาให้เขาเผลอปล่อยดาบโดยไม่รู้ตัว
คลิ๊ก!!!!!!
ดาบอันคมกริบถูกดันกลับเข้าไปในฝักทันที
“เจ้าบอกว่า…อยากจะต่อสู้อย่างนั้นหรือ?…”
ในขณะนี้‘รังสีเหนืออานาจ’ถูกปล่อยออกมารอบๆร่างกายของ
คาร์ล เขาเดินผ่านหน้าเชวฮันและไปหยุดยืนตรงหน้าทูนก้า
กลิ่นคาวเลือดลอยเข้าจมูกของคาร์ลในทันที
“…ทูนก้า”
คาร์ลจาเป็นต้องอยู่เหนือทูนก้าในเวลานี้ให้ได้ มันอาจเป็นเรื่อง
ซับซ้อนเล็กน้อยแต่เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้โอกาสนี้ให้เป็น
ประโยชน์เช่นกัน คาร์ลปัดผมสีแดงสดของตนไปด้านหลังและ
เอ่ยทักทายทูนก้าที่กาลังจ้องมาที่เขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“…เจ…เจ้า”
ทูนก้าจาคาร์ลไม่ได้ในทันทีแต่เมื่อเขาเห็นผมสีแดงสดอันเป็น
เอกลักษณ์เช่นนี้ทาให้เขานึกถึงคนเพียงคนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ช่างต่างจากครั้ง
สุดท้ายที่เขาได้เจอนัก ทูนก้าเผลอกาหมัดตนเองแน่นขึ้น
ความรู้สึกเช่นนี้มันคืออะไรกัน? มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบาย
ได้เลยสักนิดกับสิ่งที่เจ้าขยะตรงหน้าเขาปล่อยออกมากดดัน
เช่นนี้
เจ้าลูกหมาที่เคยผลักเขาตกลงไปในมหาสมุทรและดูถูกเหยียด
หยามเขาในครั้งนั้น ไม่ผิดแน่นอนหมอนี่คือ ‘คาร์ล เฮนิตัส’
สายตาเช่นนี้เหมือนกับเมื่อสองเดือนที่แล้วไม่มีผิด ก่อนที่เจ้า
ลูกหมาที่เขาได้เจอเมื่อสองเดือนที่แล้วจะเอ่ยถามเขาขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าต้องการจะต่อสู้ใช่หรือไม่?”
คาร์ลส่งยิ้มเย็นไปให้ในขณะที่เอ่ยถามออกไป อย่างไรก็ตามเขา
ไม่ได้รอคาตอบจากทูนก้าเช่นกัน
“เชวฮัน”
“ขอรับ”
แม้แต่เชวฮันก็ไม่สามารถต้านทานเรื่องนี้ได้เช่นกัน เขาทาได้
เพียงพยักหน้าตอบรับกับน้าเสียงที่ไม่แยแสต่อสิ่งใดๆของคาร์ล
ในทันที
“สู้กับเขาซะ…ถ้าเจ้าต้องการมัน”
เชวฮันตอบได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“กระผม…สามารถชนะได้อย่างแน่นอนขอรับ!”
เชวฮันชักดาบประจาตัวของตนออกมาอีกครั้งในขณะที่มืออีก
ข้างก็ถูกกาแน่นขึ้นทันที มันทาให้เขารู้สึกถึงแรงปรารถนาที่จะ
แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนให้จงได้ คาร์ลหันไปมองทูนก้าที่เริ่มยิ้ม
ออกมาช้าๆก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะด้วยความ
พอใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดังมากจนสะท้อนไปทั่วทั้งค่าย อย่างไรก็
ตามทูนก้ายังคงรู้สึกประหม่าเล็กน้อยแม้ว่าจะมั่นใจว่าคนที่ยืน
อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ย่อมอ่อนแออย่างแน่นอน!
มีรังสีหรือกลิ่นอายบางอย่างที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่ทูนก้า
เลือกที่จะเพิกเฉยต่อมันและยิ่งตะโกนก้องออกมายิ่งกว่าเดิม
เขาตื่นเต้น! ร่างกายของเขากาลังสูบฉีดและร้อนขึ้นเรื่อยๆ!
เลือด! เขาต้องการเห็นเลือด!
“มา!…มาสู้กัน!…มันเยี่ยมมาก!…มันต้องยอดเยี่ยมอย่าง
แน่นอน!”
ขณะนั้นเองราอนก็ส่งเสียงเย้ยหยันทูนก้าขึ้นมา
~เจ้าหมอนี่ช่างคลั่งไคล้เรื่องการต่อสู้ยิ่งนัก…ช่างโง่เง่าเสีย
จริง!….ฝ่ายของเราแข็งแกร่งกว่าเสียอีก~
มันเป็นเรื่องที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ทูนก้าอาจถูกอัดจน
เละไม่ต่างจากเยื่อกระดาษเลยสักนิด (53380)
ความแข็งแกร่งที่เชวฮันมีไม่ใช่ประเภทที่จะพ่ายแพ้ต่อการต่อสู้
ได้ง่ายๆเลยสักนิด คาร์ลหันไปมองบุคคลที่กาลังกระหายกับ
การต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเช่นทูนก้าก่อนจะเอ่ยขึ้นกับเชวฮันอย่าง
ใจเย็น
“ไม่ต้องออมมือ…”
นั่นทาให้เชวฮันเริ่มยิ้มออกมาได้ รอยยิ้มนี้ไม่ได้ดูบริสุทธิ์และไร้
เดียงสาแม้แต่น้อยและมันเป็น รอยยิ้มที่สร้างความพอใจให้แก่
คาร์ลได้มากทีเดียว
“บ๊อบ…”
การกลับมาอย่างกะทันหันของนามแฝงที่ทูนก้าเคยใช้เมื่อสอง
เดือนก่อน ทาให้ทูนก้าที่กาลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหยุดชะงักไป
ทันที แม้แต่ลูกน้องของทูนก้าซึ่งกาลังเดินเข้ามาใกล้กับ
กระโจมของหัวหน้าค่ายและคนอื่นๆที่กลัวเกินกว่าจะขยับตัว
เคลื่อนไหวไปยังที่อื่นก็พลันชะงักไปทันทีเช่นกัน คาร์ลกวาด
สายตาไปมองรอบๆก่อนจะหยุดสายตาที่ร่างของทูนก้าในเวลา
ต่อมา
“ไปเตรียมเวทีประลองให้พร้อม!”
พวกเขาจะต้องทาในสิ่งที่ถูกต้องหากต้องการจะต่อสู้เพื่อวัด
ความแข็งแกร่งของกันและกัน
บทที่ 71 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 3 (1)

คาร์ลได้ยินเสียงของทูนก้าตะโกนก้องออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ไปเตรียมให้พร้อม..เดี๋ยวนี้เลย!”
ทันใดนั้น เวทีประลองชั่วคราวก็เริ่มก่อตัวขึ้นใจกลางค่ายแห่งนี้
มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมากนัก เหล่าประชาชนที่คลั่งไคล้การ
ต่อสู้ต่างช่วยกันขยับกระโจมที่อยู่รอบๆออกไปจากสนาม
ฝึกซ้อมเพื่อสร้างพื้นที่ขนาดใหญ่สําหรับเวทีประลองการต่อสู้
~ เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…มนุษย์อ้วนกาลังมองมาที่เจ้าอยู่! ~
คาร์ลละสายตาออกจากเวทีประลองทันทีที่ได้ยินราอนบอกแก่
เขา บิลอสกําลังจ้องมาที่เขาจากระยะไกลๆและนั่นทําให้คาร์ล
ตั้งใจเคลื่อนตัวไปหาบิลอส
หัวหน้าค่ายยืนอยู่ข้างๆบิลอสในตอนนี้แล้วแต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่
จะมาสนใจในเรื่องนี้ได้มากนัก คาร์ลละสายตาไปมองเบื้องหน้า
ทันทีเมื่อรู้สึกถึงเงาขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“ข้าจะพาท่านไปหน้าเวทีประลอง”
มันเป็นเงาจากร่างของผู้หญิงที่มีร่างกายขนาดใหญ่ ‘ปิเลียร์’
มือซ้ายของทูนก้าและผู้เชี่ยวชาญในการใช้หอกเป็นอาวุธ เธอ
ชี้ไปยังด้านหน้าของเวทีประลองซึ่งเป็นส่วนที่นั่งของผู้ชมและ
นั่นทําให้คาร์ลตัวแข็งขึ้นทันที
“ไม่จําเป็นต้องทําเช่นนี้”
คาร์ลไม่ต้องการไปอยู่ในจุดที่ใกล้กับเวทีประลองเช่นนั้นเลยสัก
นิด เพราะเขาอาจจะเป็นคนแรกที่ต้องจบชีวิตลงหากทูนก้าถูก
อัดจนลอยละลิ่วตกลงมาจากเวทีประลองหรือเชวฮันบังเอิญ
เรียกใช้กลิ่นอายอันเป็นพลังของเขาลงผิดจุด
“เราต้องให้จุดที่ดีที่สุดสําหรับท่าน”
มันเป็นดังที่ปิเลียร์ได้กล่าวเอาไว้จริงๆเมื่อคาร์ลมองไปข้างหน้า
เขาก็เห็นเหล่าทหารสร้างเส้นทางไปยังจุดศูนย์กลางที่สามารถ
เห็นเวทีประลองได้อย่างชัดเจน มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก
ที่คนป่าเถื่อนเช่นนี้จะสามารถประสานงานกันได้อย่าง
คล่องแคล่วและรวดเร็ว ปิเลียร์ช่างเหมาะกับตําแหน่งมือซ้าย
ยิง่ นัก
คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนจะสาวเท้าออกเดินไปยังด้านหน้าเวที
ประลอง เขาได้กําจัดรังสีเหนืออํานาจออกไปจากตัวของเขา
แล้วแต่ดูเหมือนว่าปิเลียร์และทหารคนอื่นๆจะยังไม่ละสายตา
ออกจากร่างของคาร์ลไปได้
การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เนิบช้าของคาร์ลเหมือนกับว่า
เขากําลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบๆตัวและกําลังเดินเล่น
ด้วยความสบายใจ ในขณะที่เด็กหนุ่มและหญิงสาวที่เดินตาม
เขามาติดๆกับรู้สึกถึงอันตรายจากบรรยากาศโดยรอบ
~ ทาไมเจ้ายังจะไปสถานที่อันตรายเช่นนั้นอยู่อีก…เจ้าไม่
สามารถทาเช่นนี้ได้นะเพราะเจ้ามันอ่อนแอ!…มันไม่สาคัญเลย
สักนิดว่าเจ้าจะดูแข็งแกร่งเท่ากรงเล็บของข้า!~
อ่า…แต่ที่คาร์ลเดินช้าเช่นนี้เป็นเพราะเขาไม่อยากไปอยู่ตรงจุด
นั้นต่างหากเล่า! เขาไม่สามารถจะพูดอะไรกับราอนที่กําลังบ่น
พึมพําในหัวเขาได้มากนัก โรสลินและล็อกที่เดินตามหลังคาร์ล
มาติดๆก็มีท่าทางที่เคร่งเครียดและดูไม่ดีเช่นเดียวกัน
“นายน้อยคาร์ล”
“มีอะไรหรือ?”
โรสลินหันไปมองเวทีประลองอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นเชวฮัน
และทูนก้ากําลังเตรียมตัวต่อสู้ในอีกไม่ช้านี้
“ถ้าหากมันทําให้พวกเขาเกลียดเราขึ้นมาล่ะ?”
‘เกลียด?’
ดวงตาของคาร์ลเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อได้ยินสิ่งที่โรสลิน
เอ่ยถาม ก่อนที่ล็อกจะขยับตัวเข้ามากระซิบให้คาร์ลได้ยินเบาๆ
“อย่างที่พี่โรสลินได้บอกไป..มันคงไม่ดีแน่ๆหากพี่เชวฮัน
กลายเป็นผู้ชนะขึ้นมา…พวกเขาอาจจะโกรธแค้นพี่เชวฮันจน
พาลมาถึงนายน้อยคาร์ลได้…มันอาจทําให้ทูนก้าโกรธและ
ตัดสินใจที่จะไม่ซื้อขายกับเราก็ได้นะขอรับ”
โรสลินและล็อกไม่มีข้อกังขาใดๆในตัวเชวฮันที่จะกลายเป็นผู้
ชนะในครั้งนี้ นี่เป็นสิ่งที่คาร์ลคิดเอาไว้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็
ตามคาร์ลกลับคิดต่างไปจากพวกเขาเล็กน้อย
คาร์ลค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้กับบุคคลสําคัญ
จากนั้นก็ชี้ไปยังเก้าอี้อีกสองตัวที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นทั้งสองคนยัง
ยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม
“พวกเจ้าจะยืนไปตลอดเลยหรือไง?”
ก่อนที่โรสลินและล็อกจะค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับใบหน้าที่
ยังคงฉายความกังวลอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเสียงของคาร์ลก็ดัง
เข้ามาในหูของพวกเขาทันที
“ไม่จําเป็นต้องกังวล”
ทูนก้าไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แน่นอนว่าเขาอาจแข็งแกร่ง
หากเทียบกับคนทั่วๆไปแต่เขากลับอ่อนแอเป็นอย่างมากหาก
เทียบกับวาฬและมังกร อย่างไรก็ตามทูนก้าจะไม่สามารถขึ้น
มาถึงตําแหน่งนี้ได้เลยหากเขามัวแต่ฟูมฟายเสียอกเสียใจเมื่อ
พ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเองและมัวแต่คิดแก้แค้น
คู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
และทูนก้าไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนั้น
“แค่มองไปรอบๆก็พอ”
โรสลินหันไปมองรอบๆตัวทันทีเมื่อคาร์ลชี้ไปยังพื้นที่รอบๆเวที
ประลอง และตอนนั้นเอง
“วู้!…เฮ!!!…เฮ!!!!เฮ!!!…เฮ!!!…เฮ!!!…”
เสียงดังก้องไปทั่วพื้นที่เปิดโล่งที่ถูกสร้างเป็นเวทีประลอง
ชั่วคราว เสียงตะโกนก้องของทหารที่อยู่รอบๆเวทีประลองดัง
เข้าไปในหูของโรสลิน และยังมีเสียงที่ดังเพิ่มขึ้นอีก
ตึง!!!!!ตึง!!!ตึง!!!!!ตึง!!!ตึง!!!!!ตึง!!!
เสียงของประชาชนที่เริ่มกระทืบเท้าเริ่มดังขึ้นทั่วพื้นที่ ล็อกที่
เฝ้ามองอยู่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเมื่อ
ประชาชนเริ่มกระทืบเท้าของพวกเขาแรงขึ้นเรื่อยๆ
เช่นเดียวกับเหล่าทหารและอัศวินก็เริ่มกระทืบเท้าของพวกเขา
ด้วยเช่นกัน
“วู้!…เฮ!!!…เฮ!!!!เฮ!!!…เฮ!!!…เฮ!!!…”
ตึง!!!!!ตึง!!!ตึง!!!!!ตึง!!!ตึง!!!!!ตึง!!!
และเสียงก็เริ่มดังก้องขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าโลกกําลังโห่ร้องแสดง
ศักยภาพของมันให้เห็น
“นายน้อยคาร์ล…เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”
ล็อกเด็กชายขี้อายมีสีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เขามอง
ไปที่คาร์ลที่กําลังยกยิ้มอย่างงุนงง
คาร์ลเอ่ยให้คําตอบทั้งล็อกและโรสลินได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้…ก็ไม่มีผลอะไรต่อพวกเขาทั้งนั้น”
ขณะนั้นเองปิเลียร์ก็ขยับตัวเข้าใกล้คาร์ลเพื่อจะนั่งตรงเก้าอี้
ข้างหลังเขา ก่อนจะได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูดต่อไป
“มันคือวิถีของนักรบ..”
ปิเลียร์ชะงักไปชั่วขณะทั้งๆที่ยังไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเงย
หน้าขึ้นมองคาร์ลที่กําลังจ้องไปยังร่างของนักรบทั้งสองที่กําลัง
ก้าวเข้าสู่ใจกลางเวทีประลอง
‘เชวฮันและทูนก้า’หยุดยืนตรงกลางเวทีและเป็นเวลาเดียวกับ
ทีค่ าร์ลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“แค่ได้สู้”
สําหรับคนของทูนก้า ผลแพ้หรือชนะก็อาจเป็นสิ่งสําคัญกับ
พวกเขาแต่การได้ลงมือต่อสู้ก็นับเป็นสิ่งสําคัญมากกว่าผลแพ้
ชนะเสียอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ศัตรูที่แสน
เกลียดชังการประลองฝีมือในการต่อสู้เช่นนี้ก็นับเป็นสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์และสมศักดิ์ศรีตามวิถีของนักรบ
“แค่นั้นก็เพียงพอสําหรับพวกเขาแล้ว”
เมื่อพูดจบคาร์ลก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาพยายามเอนตัวไป
ยังด้านหลังให้ได้มากที่สุดเพราะยังรู้สึกกังวลว่าตนจะได้รับ
บาดเจ็บเมื่อเห็นเชวฮันและทูนก้ายืนอยู่ในลานประลองเพื่อ
เตรียมพร้อมต่อสู้อย่างแข็งขันเช่นนั้นแล้ว
เสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ล
~ ไม่ต้องกังวลไปเจ้ามนุษย์อ่อนแอ…ข้าแข็งแกร่งกว่าพวกเขา
ทั้งสองคน!…เจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน! ~
มันเป็นน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นใจและสงสารซึ่งคาร์ล
ไม่ชอบโทนเสียงของราอนแบบนี้เลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงยังคง
เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ต่อไปก่อนจะหันหลังกลับไปมองด้านหลัง
เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่กําลังเคลื่อนไหวอยู่
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มีอะไร..”
คาร์ลมองเห็นปิเลียร์กําลังนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างหลังเขา
ก่อนที่คาร์ลจะหันหลังกลับทันทีจากนั้นเขาก็ยืดตัวนั่งหลังตรง
เขาไม่ต้องการให้ปิเลียร์ผู้ที่จงรักภักดีและนอบน้อมต่อทูนก้า
โกรธขึ้นมากับท่าทางที่ไม่ค่อยมีมารยาทเช่นนี้ของตน
~ ดีมาก!…อย่านั่งเหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วๆไป…จงนั่งอย่าง
ภาคภูมิให้สมกับเกียรติของเจ้า!…มนุษย์เจ้าทาได้ดีมาก!~
คาร์ลเลือกที่จะเมินเฉยต่อราอนที่กําลังตะโกนเข้ามาในหัว
ของตนเมื่อเขาเริ่มสังเกตเห็น ‘โฮต้า’ หนึ่งในลูกน้องคนสําคัญ
ของทูนก้าก้าวเข้าไปกลางเวทีประลองในฐานะผู้ตัดสิน
‘พวกเขาต้องการมันจริงๆสินะ’
การต่อสู้จะดําเนินไปเรื่อยๆจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะสลบหรือ
ยอมแพ้ไปก่อน นั่นคือกฎเหล็กของกลุ่มคนเหล่านี้ การหมดสติ
จากการประลองเช่นนี้นับเป็นสิ่งที่สร้างความอับอายให้แก่พวก
เขาเป็นอย่างมาก
“นายน้อยคาร์ล…ข้าไม่ต้องกังวลเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว…ท่านทําตัวตามสบายเถิด…ท่านโรสลิน”
คาร์ลตอบคําถามของโรสลินด้วยท่าทางผ่อนคลายและมองไป
ยังโฮต้าที่กําลังตะโกนดังก้องเพื่อดึงความสนใจของทุกคนเข้า
ไปในเวทีประลอง ก่อนที่โฮต้าจะเป่าขลุ่ยไม้อันเล็กๆขึ้นทันที
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
การต่อสู้ได้เริ่มต้นแล้ว (53380)
มันคงจะดีกว่านี้หากพวกเขาทั้งสองวิ่งเข้าหากันทันที แต่เชว
ฮันและทูนก้ายังคงจ้องมองกันและกันโดยไม่คิดจะขยับร่างกาย
เลยสักนิด คาร์ลยังคงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก
ในขณะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงทูนก้าตะโกนขึ้นมา สนามประลองที่
จัดขึ้นชั่วคราวแห่งนี้อาจมีขนาดที่ใหญ่มากแต่จุดที่คาร์ลนั่งอยู่
เป็นจุดที่อยู่ใกล้เวทีประลองมากที่สุดจึงทําให้ได้ยินเสียงของ
พวกเขาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งทูนก้ายังเพิ่มระดับความดังของ
เสียงขึ้นอีก
“ทําไมเจ้าต้องสนใจในสิ่งที่คนอ่อนแอเช่นนั้นคิดด้วย?”
‘หืม?…คนอ่อนแอ?’
คาร์ลรู้สึกว่าทูนก้ากําลังหมายถึงตนอยู่
‘เชวฮันคอยระวังสิ่งที่ฉันคิดอย่างนั้นหรือ?….ทําไมกัน?’
คาร์ลเกิดคําถามขึ้นในใจแต่ไม่สามารถคิดหาคําตอบได้นานนัก
เพราะโรสลินและล็อกกําลังลอบมองเขาอย่างเงียบๆอยู่ ทูนก้า
กําลังพูดถึงเขาอย่างแน่นอนเพราะหมอนั่นพูดถึงคนอ่อนแอ
ก่อนที่คาร์ลจะได้ยินเสียงของเชวฮันถามออกไป
“……เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
บทที่ 71 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 3 (2)

เสียงของเชวฮันถูกกดลงต่่ามากและคาร์ลก็ได้เห็นสีหน้าที่ก่าลัง
เย้ยหยันคนอื่นบนใบหน้าของทูนก้าเช่นกัน
“ข้าพูดว่า…ท่าไมเจ้าต้องคอยสนใจว่าคนอ่อนแอก่าลังคิดเห็น
เช่นไรอยู่!….พวกอ่อนแอมักเป็นคนแรกที่ต้องตายในสนาม
รบ!….ข้าแน่ใจว่าตัวเจ้าย่อมรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
โรสลินและล็อกเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึงและเป็นเวลาเดียวกับที่พวก
เขาทั้งคู่ได้ยินเสียงบางอย่างแว่วเข้ามาในหู
“เฮ้อ…..”
เสียงถอนหายใจยาวของคาร์ลดังขึ้น ท่าให้ล็อกเม้มปากตน
แน่นขึ้นกรงเล็บของล็อกเริ่มปรากฏออกมาก่อนจะค่อยๆยาว
ขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่โรสลินก็เริ่มสลัดนิ้วมือเป็นจังหวะช้าๆ
สลับกับการก่าหมัดแน่นเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งคู่ก็
ต้องหยุดการกระท่าของพวกเขาลงในเวลาต่อมา
“เจ้าลูกหมาหน้าโง่เอ้ย!…”
‘เจ้าลูกหมาหน้าโง่’ สีหน้าของทั้งสองเกิดความสับสนและมึน
งงกับสิ่งที่ได้ยนิ พวกเขาจ้องไปยังคาร์ลที่มีเพียงสีหน้าเรียบ
เฉยราวกับไม่เคยถอนหายใจและสบถออกมาก่อนหน้านี้เลยสัก
นิด คาร์ลยังคงจ้องมองไปยังลานประลองอยู่เช่นเดิม
เชวฮันที่คาร์ลรู้จักผ่านการอ่านนิยายนั้นถูกส่งไปยังขุมนรกที่
ถูกเรียกว่า‘ปุาแห่งความมืด’ โดยถูกส่งเข้าไปตั้งแต่อยู่ชั้น
มัธยมปลายปีที่ 2 แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นของการใช้ชีวิตใน
ปุาแห่งความมืดเชวฮันย่อมเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดจนกระทั่ง
สามารถฝึกฝนด้วยตัวเองจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้
คาร์ลรู้สึกแย่กับทูนก้ายิ่งนักที่ดันพูดว่าคนอ่อนแอที่สุดจะ
กลายเป็นคนที่ตายเป็นคนแรกเสมอ
“นายน้อยคาร์ล…ท่านเรียกใครว่าเจ้าลูกหมา—”
“มองไปที่เวทีประลองได้แล้ว….”
คาร์ลชี้ไปยังเวทีประลองแทนที่จะตอบค่าถามของโรสลิน
ขณะนั้นเองเชวฮันได้ถอดสายรัดดาบประจ่าตัวออกจากเอว
ของตน ก่อนจะโยนมันไปข้างๆเวทีประลอง
เคร้ง!!!!
คาร์ลได้ยินเสียงดาบที่ถูกโยนลงพื้นในเวลาต่อมาเช่นกัน เขา
พยักหน้าให้กับสิ่งที่เห็นและเริ่มพึมพ่าออกมาเบาๆ
“มันน่าจะดีกว่า…หากสามารถเอาชนะใครสักคนโดยใช้เพียง
แค่มือเปล่าเท่านั้น”
ล็อกและโรสลินสะดุ้งขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าสิ่งที่คาร์ลเอ่ย
กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
พลั่กกกก!!!!!! ตุ๊บบบ!!!!!!!!พลั่กกกก!!!!!! ตุ๊บบบ!!!!!!!!
“อึ่กกกกกก!!!”
ตอนนี้โรสลินสามารถบอกได้แล้วว่าใครคือคนที่คาร์ลเรียกว่า
เจ้าลูกหมาหน้าโง่
พลั่กกกก!!!!!! ตุ๊บบบ!!!!!!!!
ปั้งงงงงง!!!!!!!!!!!!!!
โครมมมมมม!!!!!!!!!!!!!
ทั่วทั้งลานประลองเงียบเสียงลงทันที ไม่มีใครสามารถส่ง
เสียงพูดออกมาได้เลยสักคน อย่างไรก็ตามราอนก่าลังพูดเข้า
มาในหัวของคาร์ลอีกครั้ง
~ หมอนั่นถูกตีจนเละเลย…มันเละยิ่งกว่าเยื่อกระดาษเสียอีก!~
ราอนพูดถูกแล้ว ตอนนี้เชวฮันก่าลังทุบตีทูนก้าโดยไม่ยั้งมือเลย
สักนิด
“อึ่ก!….เจ้าขยะ!”
ทูนก้าเบี่ยงตัวหลบและพยายามบังคับร่ายกายของตนให้
เคลื่อนไหวเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายอันใหญ่โตของเขาจะท่าได้
เขาปรี่เข้าหาและขว้างหมัดใส่ร่างของเชวฮันทันที
ฟุุบบบบ!!!!!
มันส่งเสียงดังเล็กน้อยเมื่อเชวฮันสามารถรับหมัดของทูนก้า
ด้วยฝุามือของเขาเอาไว้ได้ จากนั้นจึงบิดข้อมือของทูนก้าและ
สะบัดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าหาทูนก้า
อีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว
คาร์ลมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ทั้งหมดแต่สามารถได้ยิน
เสียงที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ชัดเจน
ปั้งงงงง!!!!!!!!!!!!!
ร่างของทูนก้าถูกทุ่มลงบนเวทีประลองส่งผลให้ฝุนตลบไปทั่ว
เวทีจากแรงกระแทกนั้น
“อั่กกก!!!!”
ทูนก้าเริ่มหายใจล่าบากขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังคงยกยิ้มด้วย
ความพอใจ
“เยี่ยม!….ความแข็งแกร่งเช่นนี้!….อึ่กก….มันช่างเป็นการต่อสู้ที่
ดุเดือดยิ่งนัก!”
“พูดมาก!”
เชวฮันไม่อนุญาตให้ทูนก้าได้ยิ้มอีกต่อไปช่นกัน
คาร์ลมองเห็นทูนก้ายกแขนขึ้นเพื่อปูองกันการโจมตีของเชวฮัน
แต่แรงเตะของเชวฮันที่กระแทกเข้ากับร่างของเขานั้นยังคง
สามารถเหวี่ยงร่างของเขาลอยขึ้นกลางอากาศได้อยู่ดี
“อึ่กก!!!!….ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ทูนก้าส่งเสียงหัวเราะออกมาแม้ว่าร่างกายจะลอยคว้างกลาง
อากาศ เขาพลิกตัวกลับมาและพยายามพุ่งเข้าโจมตีเชวฮันอีก
ครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเพราะทูนก้ายังคงถูกตีซ้่า
แล้วซ้่าเล่า
คาร์ลรวมถึงคนอื่นๆเห็นเสื้อผ้าที่เริ่มชโลมไปด้วยหยดเลือด
ของทูนก้าพร้อมๆกับใบหน้าที่ค่อยๆปูดบวมขึ้นเรื่อยๆจนอยู่ใน
จุดทีพ่ วกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าใบหน้าและร่างกายนี้คือ
ทูนก้าได้อีกต่อไป ในขณะที่ฝุนละอองจากเศษดินก็ยังคงลอย
ฟุูงปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง
“อึ่ก…ฮ่าฮ่าฮ่า…..ข้าไม่มีทางล้มไปก่อนอย่างแน่นอน”
ทูนก้าชันกายลุกขึ้นก่อนจะเดินโซเซเอียงไปข้างหนึ่ง ขณะนั้น
คาร์ลก็ได้ยินเสียงราอนบ่นขึ้นด้วยความหงุดหงิด
~ ทาไมเขายังหัวเราะได้อีกทั้งๆที่ถูกตีจนเละขนาดนี้?…เขา
สนุกกับการถูกตีเช่นนั้นรึ?!~
คาร์ลเงยหน้ามองท้องฟูาในขณะที่หูของเขายังคงได้ยิน
เสียงที่ฟังดูคล้ายๆกับกระสอบทรายที่ก่าลังถูกกระหน่่าชกต่อย
เป็นระยะๆ
ไม่มีทางที่คนอย่างเชวฮันที่สามารถสู้กับเผ่าวาฬได้อย่าง
ง่ายดายจะไม่สามารถเอาชนะทูนก้าได้ มีเพียงแค่เชวฮันเท่านั้น
ที่สามารถสู้กับราอนและราชาแห่งเผ่าวาฬเช่นชิกเลอร์ได้ เขา
เป็นตัวละครที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะได้เป็นตัวเอกในนิยาย
เรื่องนี้
พลั่กกกก!!!!!! ตุ๊บบบ!!!!!!!!
คาร์ลยังคงเงยหน้ามองท้องฟูาอย่างใคร่รู้ต่อไป
เชวฮันจะกระทืบทูนก้าเสร็จเมื่อไหร่? ใกล้ถึงเวลาที่ทูนก้าจะ
หมดแรงแล้วหรือยัง?
อย่างไรก็ตามทูนก้ายังคงอึดและถึกเกินไปที่จะหมดแรงได้ง่ายๆ
“นายน้อยคาร์ล….เราไม่ควรหยุดเชวฮันหรือ?”
คาร์ลเอ่ยตอบค่าถามของโรสลินอย่างระมัดระวัง
“เราไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมใดๆกับพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของ
นักรบได้…มันจะจบลงก็ต่อเมื่อเกิดจากความยินยอมของนักสู้
คนใดคนหนึ่ง…สิ่งที่เราท่าได้มีเพียงการเฝูาดูพิธีเหล่านี้จากข้าง
เวทีประลองเท่านั้น”
คาร์ลไม่รู้เลยว่าเหล่านักรบระดับสูงที่เข้าชมการประลองในครั้ง
นี้ได้หันมาจ้องคาร์ลเป็นตาเดียวเมื่อได้ยินเขากล่าวขึ้น คาร์ล
หันกลับไปมองเวทีประลองเมื่อได้ยินเสียงต่อยดังขึ้นอีกครั้งและ
ตามมาด้วยเสียงกระแทกเข้ากับพื้นเวที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….เจ้าแข็งแกร่งยิ่งนัก…ถุ้ย!”
ทูนก้าพ่นน้่าลายที่เต็มไปด้วยเลือดลงบนพื้นเวทีและเริ่ม
หัวเราะใหม่อีกครั้ง เชวฮันมองร่างของทูนก้าด้วยความรังเกียจ
ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าทูนก้านั้นบ้าและโง่เง่าเพียงใด
ทูนก้าจะยังคงยิ้มต่อไปไม่ว่าเขาจะพ่ายแพ้ย่อยยับมากเพียงใด
เขาจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งหลังจากถูกทุบตีจนกลายเป็นเยื่อ
กระดาษขาดๆซ้่าแล้วซ้่าเล่า เขาจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด
แม้ว่าร่างกายจะแย่เพียงใดก็ตาม ซึ่งมันเป็นการกระท่าที่ดู
เหมือนกับตัวละครโง่ๆจากการ์ตูนที่เด็กๆมักชอบดู
‘นี่ล่ะ…คือเหตุผลที่เขาเป็นเพียงคนบ้าและโง่เขลาเช่นนี้’
คาร์ลประเมินได้ว่าก่าลังใจที่จะสู้ต่อของทูนก้าเริ่มลดลงแล้ว
คาร์ลไม่สามารถบอกได้ว่าตาทั้งสองข้างของเขายังคงลืมได้อยู่
หรือไม่?
สภาพของทูนก้าดูแย่มากเมื่อเขาเริ่มตะโกนขึ้นมาและวิ่งปรี่เข้า
หาเชวฮันอีกครั้ง
“ย้ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!”
ทันใดนั้น ร่างของทูนก้าก็ลอยละลิ่วไปกลางอากาศทันที
“….ดูเหมือนร่างกายของเขาใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว”
ร่างของทูนก้าถูกเหวี่ยงและลอยขึ้นไปกลางอากาศด้วยกลิ่น
อายสีด่าที่เชวฮันเรียกใช้เพียงครึ่งหนึ่งของพลังที่เขามี ส่งผล
ให้ร่างของทูนก้าลอยละลิ่วและหมุนคว้างกลางอากาศอย่างน่า
กลัว
“หืม?”
“เฮ้ย!…หลบเร็ว!”
“ทุกคน!…หลบเร็วเข้า!”
ทหารรีบขยับถอยหลังเพื่อหลบร่างกายอันใหญ่โตของทูนก้าที่
ก่าลังลอยละลิ่วมายังฝั่งที่พวกเขาอยู่
โครม!!!!! ตู้มมม!!!!!!
ร่องน้่าขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากลานประลองถูกขยายใหญ่ขึ้น
เล็กน้อยราวกับมีอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งตกลงมาจนเกิดการ
ระเบิดขึ้นในที่สุด ทูนก้าสลบเหมือดคาร่องน้่าเล็กๆนี้ทันทีและ
การหมดสติกลางสนามประลองเช่นนี้ก็นับเป็นสิ่งที่สร้างความ
อับอายให้แก่ทูนก้าได้มากทีเดียว
เชวฮันก้าวเข้าหาคาร์ลทันทีโดยไม่สนใจเข้าไปตรวจสอบสภาพ
ของทูนก้าเลยสักนิด ในขณะที่คาร์ลก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่าง
รวดเร็วราวกับรอเวลานี้มานานแล้ว
โรสลินและล็อกก็ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะชะงักไป
เล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดันเก้าอี้จากทางด้านหลัง ลูกน้องของ
ทูนก้าก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วเช่นกันก่อนจะมุ่งหน้า
ไปยังร่างของทูนก้าที่หมดสติคาร่องน้่า มันอาจเป็นความรู้สึกที่
ต่างไปจากที่พวกเขาเคยได้รับมาก่อนหน้านี้ มันเป็นความรู้สึก
ที่เป็นมิตรแต่แฝงไปด้วยความกระวนกระวายใจสินะ?
คาร์ลยื่นมือของตนไปให้เชวฮันซึ่งเดินมาถึงจุดที่เขาอยู่เป็นที่
เรียบร้อยแล้ว (53380)
“เจ้าท่าได้ดีมาก!”
“ขอรับ…นายท่านคาร์ล”
เชวฮันจับมือของคาร์ลพลางเขย่าเล็กน้อยก่อนที่คาร์ลจะเริ่ม
ยิ้มออกมาช้าๆ เขาปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘รังสีเหนือ
อ่านาจ’ล้อมรอบร่างกายของเขาและหันไปมองรอบๆ สายตาที่
เหล่าลูกน้องของทูนก้าที่ส่งให้เชวฮันและตัวเขานั้นช่าง
แตกต่างจากที่พวกเขาเคยใช้มองเมื่อครั้งที่พวกเขาก้าวเข้ามา
ในที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก
คาร์ลปล่อยให้รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าของตนด้วยความพอใจ
ตอนนี้มันถูกก่าหนดขึ้นได้อย่างถูกต้องเสียทีเพราะมันถูกสร้าง
ขึ้นตามที่คาร์ลต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แปะ!!!!แปะ!!!
ทูนก้ารู้สึกตัวขึ้นหลังจากมีคนตบหน้าเขาเบาๆ ปิเลียร์คือคนที่
ปลุกให้เขาฟืน้ สติขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทูนก้ากลับมองมา
ที่คาร์ลซึ่งเดินเข้ามาสมทบและยืนอยู่ด้านหลังของปิเลียร์
คาร์ลก่าลังใช้สายตาเยาะเย้ยทูนก้าที่ถูกถล่มเสียย่อยยับก่อนจะ
พูดขึ้น
“พาข้าไปหอคอยพลังเวทย์ได้แล้ว”
บทที่ 72 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 4 (1)

คาร์ลมองเห็นสีหน้าของทูนก้าที่เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทูนก้า
กระพริบตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าอยู่สองสามครั้งก่อนจะ
เริ่มขมวดคิ้วราวกับว่าเขาจดจาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“……ข้าแพ้แล้ว”
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพูดเสร็จก็เงียบลงโดยไม่พูดอะไรออกมา
อีกทาให้คาร์ลพูดขึ้น
“มันคือการต่อสู้ของนักรบ”
ทูนก้าหันมามองคาร์ลอีกครั้งก่อนจะเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ เขาดู
น่าเกลียดเป็นอย่างมากเมื่อยิ้มออกมาด้วยใบหน้าเช่นนี้ ใบหน้า
ของเขาดูเหมือนออร์คเพราะร่องรอยปูดบวมจากการโดนทุบตี
เมื่อก่อนหน้านี้ ดูเหมือนตอนนี้ใบหน้าของเขาจะดูน่าเกลียด
เสียยิ่งว่าโทรลล์กลายพันธ์เสียอีกเพราะมันเต็มไปด้วยรอยฟก
ช้าสีน้าเงินอมม่วงสลับกับคราบเลือดที่เกระกรังเต็มใบหน้า
คาร์ลหันหน้าหนีออกจากใบหน้าอันน่าเกลียดเช่นนั้นก่อนจะได้
ยินเสียงทูนก้าที่หันไปพูดกับปิเลียร์
“มีนักรบคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้แล้ว!”
คาร์ลเห็นทหารกรูเข้ามาหาพวกเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกน
ก้องของทูนก้า มีความคาดหวังและความยินดีปรากฏเต็ม
ใบหน้าของประชาชนโดยรอบที่มาดูการต่อสู้ในวันนี้ ดูเหมือน
พวกเขาจะไม่ได้แสดงอาการดูถูกผู้นาของพวกตนเมื่อเห็นเขา
สลบไปต่อหน้าต่อตาเช่นนั้นหรือแม้แต่จะแสดงความเกลียดชัง
ต่อเชวฮันที่สามารถเอาชนะผู้นาของพวกเขาได้ก็ไม่มีปรากฏให้
เห็นด้วยเช่นกัน
นักรบ
มันเป็นคากล่าวขานที่ยอดเยี่ยมและดูมีพลังยิ่งนักหากเทียบกับ
เหล่านักเวทย์ผู้โง่เขลา มันเป็นสิ่งที่สมควรกล่าวขานใครสักคน
ที่มีความสามารถที่เหมาะสมปรากฏเด่นชัดออกมาในช่วงเวลา
สาคัญเช่นนี้
“เราจะมีการเลี้ยงฉลองในคืนนี้!…ไปเตรียมตัวให้พร้อม!”
ตึง!!!!!!ตึง!!!!!!ตึง!!!!!!ตึง!!!!!!ตึง!!!!!! เฮ!!!!!!เฮ!!!!!!เฮ!!!!!!เฮ!!!!!!
เฮ!!!!!!เฮ!!!!!!
ประชาชนเริ่มย่าเท้าของตนสลับกับส่งเสียงเชียร์ดังลั่น พวก
เขาส่งเสียงเชียร์ให้กับเชวฮันและทูนก้าดังลั่นไปหมด แม้ว่า
ประชาชนเหล่านี้จะถูกเรียกว่าป่าเถื่อนเพราะการกระทาที่ดูไร้
มารยาทเช่นนี้ คาร์ลก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจมันเลยสักนิด
แน่นอนว่าย่อมมีทหารบางส่วนที่ขวัญกาลังใจลดลงเพราะ
ทูนก้าพ่ายแพ้ รวมถึงนักรบระดับสูงที่มีความเกลียดชังส่งให้
คณะของคาร์ลเป็นระยะๆ
‘มันไม่ใช่ความกังวลของฉันเลยสักนิด’
เขาต้องการเพียงทาในสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้น คาร์ลได้ยินเสียง
ของทูนก้าที่กาลังพูดกับเชวฮันดังแว่วเข้ามาจากทางด้านหลัง
ของตน
“เจ้านักรบหน้าใหม่!….ครั้งหน้า..ข้าจะต้องฆ่าเจ้าได้อย่าง
แน่นอน!…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆ”
คาร์ลหันหลังกลับมามองเชวฮันที่กาลังขมวดคิ้วมุ่นแสดง
อาการบึ้งตึงและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ในนิยายเรื่องนี้เชวฮัน
ไม่ชอบขี้หน้าของทูนก้าเป็นอย่างมากและตอนนี้ก็เป็นดั่งที่
นิยายได้กล่าวเอาไว้จริงๆ จากนั้นเขาก็ได้ยินทูนก้าพูดกับเขา
ขึ้นมา
“ข้าทาลายมันเพียงเล็กน้อย..ตามที่เราได้ตกลงกันไว้!”
นี่คงหมายความว่าพวกเขากาลังจะไปดูหอคอยพลังเวทย์กัน
แล้วสินะ
คาร์ลหันหน้ากลับไปก่อนจะตบไหล่ของบิลอสเบาๆเมื่อเขาเดิน
มาถึงจุดที่เขาอยู่
“บิลอส”
“ขอรับ?”
“ไปรับทุกคนที่รออยู่นอกค่ายเถิด….”
บิลอสรู้สึกงงเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับโดยดีก่อนที่เขาจะชี้ไปยังร่าง
ใครคนหนึ่ง
“ได้ขอรับ…แต่กระผมต้องแนะนาให้นายน้อยรู้จักกับคนผู้หนึ่ง
ก่อน”
คาร์ลมองตามนิ้วที่บิลอสกาลังชี้ไปยังร่างของคนผู้หนึ่ง เขาผู้
นั้นมีผมสีน้าตาลและตาสีน้าตาลพร้อมกับใบหน้าที่ดูเหมือนกับ
ค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ในอาณาจักรแห่งนี้ เขาดูธรรมดาและ
ธรรมดามากๆแต่มันดูธรรมดามากไปจนทาให้เขาดูไม่เหมือน
ใครเลย
“นายน้อยคาร์ล….ชายผู้นี้คือ ‘ท่านหัวหน้าฮาโรน’…ซึ่งตอนนี้
เขาดารงตาแหน่งเป็นหัวหน้าสูงสุดที่คอยดูแลและรับผิดชอบ
ทุกๆฝ่ายในค่ายแห่งนี้”
‘ฮาโรน’ เขาเป็นสมาชิกคนสาคัญของฝ่ายไม่ใช่นักเวทย์
“ดีใจที่ได้พบกับท่านยิ่งนักนายน้อยคาร์ล…กระผมฮาโรนขอ
รับ”
ชาวชนบทของอาณาจักรวิปเปอร์ส่วนใหญ่จะไม่มีนามสกุลให้
เอ่ยเรียก คาร์ลยื่นมือให้แก่ฮาโรน
“ยินดีที่ได้รู้จัก…ข้า..คาร์ล”
ฮาโรนจับมือของคาร์ลอย่างระมัดระวังก่อนจะเริ่มกระซิบอะไร
บางอย่างออกมาเบาๆ
“ข้าพอจะเดาได้ว่านายน้อยคาร์ลคือใคร…ท่านทูนก้าหัวหน้า
ฝ่ายนักรบของเราเคยแจ้งว่าจะขายหอคอยพลังเวทย์ให้แก่
ท่าน”
คาร์ลไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาเพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อย
มือของฮาโรนออก
‘ฮาโรน’ ไม่ได้เป็นคนที่มีกลยุทธ์ที่ดีนักหรือแม้แต่ทักษะอัน
แข็งแกร่งเขาก็ไม่มีเช่นเดียวกัน อีกทั้งเขายังไม่มีความสามารถ
พิเศษใดๆพอที่จะได้การยอมรับโดยกว้างนัก เขาเป็นเพียง
นักวิทยาศาสตร์ผู้เก่งกาจแต่ก็ยังขาดคุณสมบัติที่มากพอหาก
เทียบกับหัวหน้าฝ่ายคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกที่เริ่มก่อตั้งฝ่ายที่ไม่ใช่นัก
เวทย์ขึ้นมา
เหล่านักเวทย์ที่มีความคิดว่าตนเก่งกาจที่สุดและอยู่เหนือผู้คน
ทั่วไปเพราะความสามารถทางพลังเวทย์ของพวกเขา ฮาโรน
เป็นแกนนาคนหนึ่งที่อยากช่วยชีวิตประชาชนคนอื่นๆที่ถูกกดขี่
จากเหล่านักเวทย์มาเป็นเวลานาน แน่นอนว่าสาหรับพวกเขา
ทั้งหมดฮาโรนคือวีรบุรุษ
เหล่าประชาชนเริ่มติดตามเขาเพราะเชื่อถือในตัวเขายิ่งนัก ฮา
โรนและทูนก้าคือความหวังอันสาคัญของเหล่าพลเมือง
อาณาจักรวิปเปอร์
“เป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้พบท่านในวันนี้…ข้าเดาว่าพวก
เราคงมีเรื่องคุยกันมากทีเดียว”
ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์ต้องการเงินเป็นจานวนมากและฮาโรนอาจ
คาดหวังที่จะได้รับเงินจากคาร์ลเป็นจานวนที่สูงด้วยเช่นกัน
ขณะนั้นเองคาร์ลก็ได้ยินเสียงของราอนที่ดังเข้ามาหัวของเขา
~ หมอนี่ขี้โกหก! ~
อ่า…มังกรตนนี้ช่างฉลาดยิ่งนัก คาร์ลเอ่ยตอบฮาโรนออกมา
เบาๆ
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
การค้าที่ไม่เป็นธรรมกาลังจะเริ่มต้นขึ้นและมันเป็นการเริ่มต้น
จากฮาโรนไม่ใช่ทูนก้า
************************************************
*********************
คาร์ลหยุดยืนหน้าหอคอยพลังเวทย์และเงยหน้าขึ้นเพื่อสารวจ
มัน
อาคารของหอคอยพลังเวทย์เป็นตึกสูง 20 ชั้น มันเป็นอาคารที่
สูงเป็นอันดับที่ 2 ของทวีปซึ่งอาคารที่สูงที่สุดคือหอระฆังของ
จักรพรรดิอาร์ชีมิส
‘สภาพมันดีกว่าที่ฉันคาดเอาไว้’
ทูนก้าทาลายหอคอยพลังเวทย์น้อยกว่าที่คาร์ลคาดเอาไว้ มี
ผนังด้านนอกเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่ถูกทาลายลง หากให้เทียบ
กับหน้าต่างและภายในอาคารทั้งหมดอาจดูยุ่งเหยิงกว่า
เล็กน้อย
‘นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรมีให้กับหอคอยพลังเวทย์ที่พวกเขาเกลียดชัง
เลยสักนิด’
คาร์ลละสายตาออกจากหอคอยพลังเวทย์เพื่อหันไปมองทูนก้า
“เจ้าจะเข้าไปด้วยงั้นหรือ?”
คาถามนี้ของคาร์ลทาให้ทูนก้าเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้าคิดว่าข้าบ้ารึ?…ทาไมข้าต้องเข้าไปในที่โสโครกเช่นนั้น
ด้วย?”
‘สถานที่โสโครก’ ทูนก้าเรียกสถานที่ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ
ที่คนทั่วทั้งทวีปตะวันตกต่างรู้จักกันอย่างกว้างขวางว่ามันเป็น
‘สถานที่โสโครก’ มันอาจเป็นสถานที่ที่สกปรกสาหรับเขา
เพราะมันเป็นเต็มด้วยเลือด หยาดเหงื่อและน้าตาที่หลั่งไหลอยู่
ภายในอาคารแห่งนี้
“ฮาโรน..จะคอยให้คาแนะนาเจ้า”
ทูนก้ากล่าวขึ้นก่อนจะมองไปยังบารอค ฮิลส์แมน เด็กๆจาก
เผ่าหมาป่าและล็อก เป็นเพราะเขาได้กลิ่นอันแข็งแกร่งจาก
พวกเขา จากนั้นก็ก้มลงมองลูกแมวสองตัวที่อยู่ในอ้อมแขน
ของคาร์ล ก่อนจะหันไปมองเชวฮันที่กาลังพูดคุยกับโรสลินและ
เริ่มพูดอย่างจงใจให้คาร์ลได้ยิน
“เจ้าดูน่าสนใจ….เพราะเจ้ามันอ่อนแอ”
แน่นอนว่าคาร์ลเลือกที่จะเมินเฉยกับสิ่งที่ทูนก้าพูดขึ้นแต่หมอนี่
ก็ยังคงพูดต่อไป
“คนอ่อนแอที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง”
อย่างไรก็ตามทูนก้าไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเป็นเพราะเชวฮัน
เริ่มจ้องมายังร่างของเขา ทูนก้าเริ่มยิ้มอย่างสดใสเมื่อจ้องตอบ
เชวฮันก่อนจะเดินเข้าไปหาเชวฮันทันทีพร้อมกับเอ่ยถาม
“อะไรรึ?…หรือว่าเจ้าต้องการจะสู้กับข้าอีกครั้ง?”
เชวฮันถอนหายใจยาวออกมาก่อนจะเพิกเฉยต่อทูนก้า คาร์ล
ลอบสังเกตปฏิกิริยาของเชวฮันและทูนก้า ก่อนจะหันไปดู
บิลอสและฮาโรนที่กาลังพูดคุยกับคนอื่นๆอยู่ จากนั้นเขาก็เริ่ม
ลูบขนของลูกแมวสองตัวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเบาๆและ
เริ่มฮัมเป็นทานองเพลงออกมาเงียบๆ
“มาจับหนูกันเถอะ…มาจับหนูกันเถอะ…จะจับหนูกี่ตัวดีน่า?”
ออนขยับอุ้งเท้าของเธอไปยังแขนของคาร์ลทันที
แปะ!
ออนใช้อุ้งเท้าตีไปที่แขนของคาร์ลหนึ่งที
คาร์ลยังคงกล่าวต่อไป
“อย่าทาร้ายเขาจนเจ็บ…ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีค่า”
ฮงพ่นลมออกจากจมูกของมันอย่างหงุดหงิดก่อนจะขยับอุ้งเท้า
ของตนไปยังแขนของคาร์ล
แปะ! แปะ!
ฮงตีไปที่แขนของคาร์ลสองครั้งก่อนที่หางของมันจะเริ่มส่ายไป
มาเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้าของคาร์ลและมันก็
เริ่มยกยิ้มเช่นเดียวกัน รอยยิ้มของคาร์ลและฮงดูเจ้าเล่ห์และชั่ว
ร้ายยิ่งนักมันดูคล้ายกันเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน
เช่นนี้
อย่างไรก็ตามหางของออนก็ส่ายไปมาด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเข้ามาในหัวของคาร์ล
~ ข้าควรจะเข้าไปกับเจ้าด้วยใช่มั้ย?…เจ้ามนุษย์? ~
ถึงอย่างไรราอนก็ต้องเข้าไปกับพวกเขาเช่นกันโดยไม่ต้องเอ่ย
ขออนุญาตจากคาร์ลเลยด้วยซ้า คาร์ลส่ายศีรษะของตนช้าๆ
ก่อนจะเอ่ยกระซิบเบาๆราวกับว่าเขากาลังพูดกับลูกแมวทั้ง
สองตัวอย่างอ่อนโยน (53380)
“เจ้าก็ต้องไปจับอย่างอื่นกับข้าเช่นกัน”
ลูกแมวและมังกรดาต่างได้ยินข้อความที่แฝงไปด้วยความ
สนุกสนานที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว
ฮาโรนและทูนก้าก้าวเข้าหาคาร์ลในเวลาต่อมา ทูนก้าผายมือ
ไปยังฮาโรนอย่างเป็นมิตรและเชื่อถือ
“หัวหน้าค่ายของเราจะเป็นคนแนะนาให้เจ้าได้ทราบ
รายละเอียดทั้งหมด…ปิเลียร์ก็จะเข้าไปกับเจ้าด้วยเช่นกัน”
ปิเลียร์จะเข้าไปคุ้มครองฮาโรนสินะ? คาร์ลพยักหน้าตอบรับ
และเอ่ยถาม
“เจ้าจัดการพวกซากศพภายในหอคอยพลังเวทย์แล้วหรือยัง?”
“ข้าจัดการได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
คาร์ลรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เข้าอยากเผชิญหน้ากับมันนัก ในขณะ
นั้นราอนก็เริ่มพูดขึ้น
~ ข้าเดาว่ามันจะต้องมีศพที่น่ากลัวเหมือนเงือกที่เจ้าเคยเจอ..
ไม่ต้องกังวลไป!…ข้ามั่นใจว่าจะไม่มีอะไรที่น่ากลัวเช่นเงือกให้
เจ้าได้เจอในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน ~
บทที่ 72 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 4 (2)

‘ฉันไม่ได้กลัวเงือกพวกนั้นเสียหน่อย’
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้พูดออกมาดังๆเพราะเขาไม่คิดที่จะเข้า
ไปยุ่งเกี่ยวกับเหล่านางเงือกให้วุ่นวายในอนาคตข้างหน้าสัก
เท่าไหร่
ทูนก้าสังเกตอาการที่แสนเยือกเย็นของคาร์ลก่อนจะพูดขึ้น
“เจ้าขยะพวกนั้น..ไม่จําเป็นต้องได้รับการส่งวิญญาณเลยสัก
นิด”
การส่งวิญญาณที่ทูนก้าพูดถึงคือการเผาศพ
เหล่านักเวทย์ที่ถูกเกลียดชังมักจะถูกเผาทําลายศพโดยไร้พิธี
ใดๆและสามารถทําได้ทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ แต่แน่นอนว่า
ศพของประชาชนคนอื่นๆที่มีทั้งศีรษะติดอยู่กับร่างหรือไร้ศีรษะ
ก็ย่อมถูกเผาส่งวิญญาณด้วยเช่นกัน
ถึงอย่างไรก็ต้องมีการเผาศพเกิดขึ้น
ถึงแม้ว่าศพนั่นจะเป็นศพของคนที่ฆ่าประชาชนไว้มากที่สุดก็
ตาม
หากต้องการพัฒนาอุปกรณ์เวทย์ให้มีประสิทธิภาพที่สุดคิดว่า
อะไรคือคําตอบของโจทย์นี้?
การทดลอง!
แล้วเหล่านักเวทย์พวกนั้นจะใช้อะไรมาทดลอง?
คน!
มีเหล่านักเวทย์หลายคนที่ทําการทดลองกับมนุษย์ในสถานที่ที่
เป็นความลับ
“ข้าวางแผนที่จะกําจัดศพพวกนั้น…เมื่อไม่มีเหล่านักเวทย์
หลงเหลืออยู่ในอาณาจักรแห่งนี้แล้ว”
ทูนก้าพึมพําออกมาเบาๆอย่างไรก็ตามคาร์ลก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่ง
ที่เขาพูดมากนัก
แม้ว่าเหล่านักเวทย์ที่อาศัยอยู่ในหอคอยพลังเวทย์แห่งนี้อาจจะ
ตายจนหมดแต่เหล่านักเวทย์คนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในอาณาจักร
วิปเปอร์ในเมืองอื่นๆก็ยังไม่ตาย
‘กลุ่มนักเวทย์เก่าแก่’ เป็นส่วนหนึ่งของเหล่านักเวทย์ด้วย
เช่นกัน พวกเขาเป็นกลุ่มนักเวทย์ที่กระหายในอํานาจและโลภ
มากยิ่งนัก แน่นอนว่าหอคอยพลังเวทย์แห่งนี้แบ่งเป็นชั้นๆโดย
สามารถแบ่งได้เป็นส่วนล่างและส่วนบน ซึ่งกลุ่มนักเวทย์
เก่าแก่คือพวกที่อาศัยอยู่บนสุดของหอคอยพลังเวทย์
แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีนักเวทย์บางส่วนที่อาศัยอยู่ห่างไกล
ออกไป พวกเขาปราศจากการกระหายในอํานาจและความโลภ
พวกเขาไม่ตอ้ งการมีส่วนร่วมในการเมืองหรืออํานาจใดๆ และ
เหล่านักเวทย์พวกนี้ยังคงอาศัยในอาณาจักรวิปเปอร์ด้วย
เช่นกัน องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก คอสแมน จะเป็นโล่ที่คอย
ปกป้องเหล่านักเวทย์กลุ่มนี้ อัลเบิร์กจะคอยรวบรวมเหล่านัก
เวทย์ที่สนใจในเรื่องของพลังเวทย์โดยปราศจากการกระหายใน
อํานาจเข้ามาไว้ด้วยกัน
คาร์ลเอ่ยถามทูนก้าในเวลาต่อมา
“ข้าเข้าไปข้างในได้แล้วหรือยัง?”
คาร์ลวางลูกแมวสองตัวลงบนพื้น ก่อนที่พวกมันทั้งสองจะทํา
การดมกลิ่นรอบๆประตูคล้ายๆกับกําลังสืบหาอะไรบางอย่าง
คาร์ลหันไปมองบารอคและเชวฮันที่ยืนอยู่ข้างหลังของตน
คาร์ลมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของบารอค อย่างไรก็
ตามบารอคไม่ได้มองมาที่คาร์ล เขากําลังมองใบหน้าของทูนก้า
ที่ยังคงเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ําและปูดโปนด้วยความ
ขยะแขยง
“ฮาโรน!”
“ได้ขอรับท่านผู้นําทูนก้า!…นายน้อยคาร์ล…ข้าจะเป็นคนคอย
แนะนําให้แก่ท่านเอง”
เอี๊ยด!!!!!!!!!
ประตูบานใหญ่ของหอคอยพลังเวทย์ถูกเปิดออก ก่อนที่คาร์ล
จะเริ่มบ่นให้ฮาโรนและทูนก้าได้ยินซึ่งทั้งสองยังคงจ้องมาที่เขา
อยู่เช่นเดิม
“กลิ่นเหม็นเน่าพวกนี้…ช่างแรงยิ่งนัก”

นี่คือชั้นที่หนึ่งของตึกหอคอยพลังเวทย์ ทันทีที่ประตูถูกเปิด
ออกคาร์ลสามารถมองเห็นซากศพที่สวมเสื้อคลุมสีทองอันเป็น
สัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์ของหอคอยพลัง
เวทย์แห่งนี้ รวมไปถึงซากของอุปกรณ์เวทย์ที่ถูกทําลายวาง
เกลื่อนจนเต็มพื้นที่ไปหมด คาร์ลเริ่มพูดออกมาด้วยนึกรังเกียจ
พวกคนบ้าที่ก่อให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา
“เปิดประตูทิ้งเอาไว้เพื่อระบายอากาศ…ข้าทนกลิ่นเหม็นพวกนี้
ไม่ได้หรอกนะ!”
จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับทูนก้า
“คลุมศพพวกนี้ไว้ด้วย….ข้ามันคนอ่อนแอจึงไม่สามารถยืนดู
ศพพวกนี้ได้นานนัก”
ทูนก้าพ่นลมออกจากจมูกแต่ก็ยังขยับตัวไปหาเหล่าทหารของ
ตนที่ยืนอยู่ทางด้านนอกประตู คาร์ลมีสีหน้าซีดเผือดก่อนจะหัน
ไปมองโรสลินที่ยังคงมีท่าทางสงบ คาร์ลผละตัวออกจากโรสลิน
และคนอื่นๆที่อยู่ทางด้านหลังของเขาเพื่อก้าวเข้าสู่หอคอย
พลังเวทย์อย่างเป็นทางการ
เชวฮันรีบขยับตัวมายืนด้านหน้าคาร์ลอย่างรวดเร็วในขณะที่
บารอคก็ขยับตัวมาประกบด้านหลังเขาทันทีเช่นกัน
“ให้ข้าแนะนําท่านไปทีละชั้นดีหรือไม่?”
“หัวหน้าฮาโรน”
“ขอรับ?”
“ชั้นบน”
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปดูชั้นอื่น
“…..ชั้นบน?”
“ข้าอยากสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างเมื่อเรามองมาจาก
ด้านบนนั่น…ห้องส่วนตัวของผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์!..
ไปที่นั่นกันเถอะ!”
“อ่า….ข้าเข้าใจแล้ว”
พวกเขาก้าวไปยังหน้าลิฟต์ซึ่งเป็นอุปกรณ์เวทย์เพียงอย่าง
เดียวที่ยังคงสามารถใช้งานได้ในหอคอยพลังเวทย์แห่งนี้ มัน
สามารถพาพวกเขาขึ้นไปยังชั้นที่ 20 ได้ในเวลาอันรวดเร็วและ
ไม่เสียเหงื่อเลยสักหยด
“พวกเจ้าคงใช้ความพยายามอย่างมากทีเดียว…ทีจ่ ะไม่ทําลาย
มันลง”
“ก็มันยังเป็นสิ่งจําเป็น…ที่เราต้องใช้งานมันอยู่”
ฮาโรนเอ่ยตอบเบาๆแต่คาร์ลที่ได้ยินคําตอบก็พยายามกลั้น
เสียงหัวเราะไม่ให้ส่งเสียงดังออกไป
ครืดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!
อุปกรณ์เวทย์ชิ้นเดียวที่หลงเหลือในหอคอยพลังเวทย์เริ่ม
เคลื่อนที่โดยอาศัยแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย ช่องสี่เหลี่ยม
แคบๆที่คาร์ลและคณะยืนอยู่เริ่มขยับขึ้นด้านบนเรื่อยๆจนใน
ที่สุดก็หยุดลงเมื่อมันพาพวกเขามาถึงชั้นบนสุดของหอคอย
พลังเวทย์
คาร์ลมองไปยังประตูห้องขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุดเพียงแห่ง
เดียวก่อนจะเอ่ยถาม
“นั่นคือห้องของผู้ครอบครองใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว….เฮ้ยยยย!!!!….นายน้อยคาร์ล!!!”
คาร์ลไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของฮาโรนเมื่อเขามุ่งหน้าไปยัง
ประตูที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ในขณะที่คนอื่นๆก็รีบสาวเท้าตาม
คาร์ลไปทันที
คาร์ลเดินมาถึงหน้าประตูบานใหญ่ก่อนจะเริ่มหมุนลูกบิดประตู
เพื่อเปิดเข้าไป
คลิ๊ก!!!
ประตูเปิดกว้างออกทําให้ห้องของผู้ครอบครองหอคอยหลัง
เวทย์เปิดเผยสู่สายตาของพวกเขาทั้งหมด
“เฮ้อ….รกไปหมด”
คําวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาของคาร์ลแล่นเข้าหูคนอื่นๆ
ในทันที
ด้านหน้าของพวกเขาเป็นห้องโล่งกว้างและแน่นอนมันยุ่งเหยิง
และรกรุงรังไปหมด
สิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในห้องของผู้ครอบครองถูกทําลายจน
เสียหายและวางเกลื่อนเต็มพื้น มีคราบเลือดหยดลงทุกจุดใน
ห้องราวกับว่าพวกเขาตั้งใจสาดเลือดไปรอบๆห้อง
“มันรกและยุ่งเหยิงยิ่งนัก….หัวหน้าฮาโรน!…ข้าจะไปที่หน้าต่าง
บานนั้นได้หรือไม่?”
สัญลักษณ์เดียวที่เป็นสิ่งสําคัญในห้องผู้ครอบครองและเป็นสิ่ง
เดียวที่รอดพ้นจากการถูกทําลายคือหน้าต่างบานใหญ่ที่
สามารถส่องดูวิวภายนอกหอคอยพลังเวทย์ได้
“อ่า…ได้อย่างแน่นอน…เดี๋ยวข้าจะแนะนําท่านเอง”
“ข้าต้องการคิดอะไรเงียบๆคนเดียว….ข้าจะไปที่นั่นเพียงลําพัง
ได้หรือไม่?”
“…..เอ่อ…มันค่อนข้าง…”
เมื่อเห็นท่าทางลําบากใจของฮาโรน เชวฮันจึงขยับตัวออกมา
จากห้องผู้ครอบครองก่อนจะไปหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์
“กระผมจะอยู่ที่นี่นะขอรับ”
บารอคก็ขยับตัวไปยืนข้างเชวฮันทันทีเช่นกัน เขารู้สึกขอบคุณ
อะไรก็ตามที่ทําให้เขาไม่ต้องเข้าไปในห้องที่รกรุงรังและไร้
ระเบียบเช่นนั้น อย่างไรก็ตามปิเลียร์ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
แต่ฮาโรนก็สามารถตัดสินใจได้ในเวลาต่อมา
“ท่านปิเลียร์…เดี๋ยวข้าจะคอยแนะนํานายน้อยคาร์ลเอง..นาย
น้อยคาร์ลท่านสามารถไปตรงนั้นได้แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องไปที่
นั่นกับท่านด้วยใช้เวลาสัก5นาที…จะได้หรือไม่?”
“อืม..เอาอย่างนั้นก็ได้…เปิดประตูเอาไว้บานหนึ่งเพื่อให้ปิเลียร์
สบายใจขึ้นเถิด”
“ขอบคุณท่านมาก”
คาร์ลเพียงยิ้มตอบรับให้กับคําขอบคุณของปิเลียร์
ห้องของผู้ครอบครองมีประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นประตู2บาน ทํา
ให้พวกเขาเลือกเปิดประตูเอาไว้บานหนึ่งเพื่อให้คนที่ยืนรอด้าน
นอกได้เห็นความเป็นไปภายในห้อง
คาร์ลเดินเข้ามาในห้องซึ่งอยู่บนชั้นที่20 มันเป็นห้องของผู้
ครอบครองที่มีขนาดกว้างใหญ่มากเพราะผู้ครอบครองคนนี้ได้
ยึดชั้นที่20ไว้เป็นของตนเองเพียงผู้เดียว
นั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ยินเสียงสนทนาของ
คาร์ลกับฮาโรนเมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ริม
สุดของห้อง
‘บางทีเชวฮันอาจได้ยินเสียง..แต่นั่นก็ไม่สําคัญเลยสักนิด..ถึงได้
ยินไปเขาก็ไม่สามารถทําอะไรได้’
คาร์ลเดินข้ามสิ่งของที่ถูกวางเกลื่อนเต็มพื้น ทั้งโต๊ะเก้าอี้
หนังสือ พรม ทุกๆอย่างกลายเป็นเศษขยะจนหมด
คาร์ลยืนอยู่ข้างหน้าต่างซึ่งอยู่ไกลที่สุดจากประตูบานใหญ่และ
เริ่มพูด
“เจ้าทําลายทุกอย่างเลยหรือ?”
ฮาโรนเอ่ยตอบคําถามของคาร์ลอย่างมั่นใจ
“แน่นอน…นี่คือห้องของบุคคลที่เลวร้ายที่สุดในหอคอยพลัง
เวทย์…นี่คือห้องสัตว์ประหลาดที่อยู่ได้เพราะพลังเวทย์”
‘สัตว์ประหลาดที่อยู่ได้เพราะพลังเวทย์’ นี่คือสิ่งที่เหล่านักรบ
ใช้เรียกนักเวทย์
~ หมอนี่โกหก ~
ราอนกําลังบ่นด้วยความไม่เชื่อถือในสิ่งที่ฮาโรนพูดแต่คาร์ล
ไม่ได้สนใจเสียงที่ดังเข้ามาในหัวเลยสักนิด เขาเริ่มกระซิบเบาๆ
ไปที่หูของฮาโรนแทน เขากําลังเริ่มพูดเกี่ยวกับความลับของฮา
โรนที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
“เจ้าพูดอย่างนั้น…ทั้งๆที่เจ้าก็เป็นนักเวทย์นี่นะ?”
ฮาโรนสามารถสัมผัสถึงพลังเวทย์ที่ตนเองมีแต่ใจของเขากลับ
ต่อต้านมันอย่างแข็งขัน เขาเป็นลูกชายของนักเวทย์ผู้เก่งกาจ
ในขณะที่มารดากลับเป็นผู้ที่สามารถต้านทานพลังเวทย์ได้
แน่นอนว่าเขาคือนักเวทย์ที่โชคร้ายที่สุด ความลับของชาติ
กําเนิดของคนฮาโรนอาจเป็นสิ่งธรรมดาที่แฝงไปด้วยความไม่
ธรรมดาสําหรับตัวเขายิ่งนัก
“หัวหน้าฮาโรน…อ่า…ไม่สิ!”
คาร์ลวางมือลงบนไหล่ของฮาโรนก่อนจะกดน้ําหนักมือลงเบาๆ
และเอ่ยเรียกอีกครั้ง
“ฮาโรน โคดิ้ง”
มันเป็นประโยคที่แสนชาญฉลาดที่เอ่ยเรียกใครคนหนึ่งให้
หวาดกลัวได้ ‘ฮาโรน โคดิ้ง’คือสิ่งที่ก่อให้เกิดความบ้าคลั่งได้
ง่ายหากมีใครเอ่ยเรียกขึ้นมา (53380)
“เจ้าไม่ต้องการกําจัดร่องรอยทั้งหมดของพ่อเจ้าอย่างนั้น
หรือ?”
ความอัปยศที่น่าอดสูที่สุดของผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์
‘พิสเตอร์ โคดิ้ง’เขาไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับฮาโรนมาก่อน
การกําเนิดของเด็กชายผู้น่าสงสารที่บิดาผู้ให้กําเนิดไม่เคยรับรู้
การมีตัวตนของเขาเลยสักนิด แน่นอนว่าพิสเตอร์คือสัตว์
ประหลาดที่แท้จริงสัตว์ประหลาดที่อยู่ได้เพราะมีพลังเวทย์ไว้
ใช้งานเท่านั้นและฮาโรนก็คงเป็นสัตว์ประหลาดไม่ต่างกัน
“ท่า…ท่านรู้ได้อย่างไร?”
คาร์ลเอ่ยตอบเบาๆกับสัตว์ประหลาดที่เอ่ยถามเขาด้วยใบหน้า
อันขมขื่น
“ให้ข้าได้ยินคําตอบจากปากของเจ้าก่อน”
คาร์ลไม่จําเป็นต้องพูดอะไรให้เหมือนกับว่าเขากําลังเจรจา
ติดต่อซื้อหอคอยพลังเวทย์อยู่ เขาเพียงพูดถึงสิ่งที่อยู่ในห้วง
ปรารถนาของฮาโรนแทนเท่านั้น
“ข้าจะกําจัดหอคอยพลังเวทย์ให้แก่เจ้า…เจ้าคิดเช่นไรหรือ…ฮา
โรน?”
บทที่ 73 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 5 (1)

“ท่านรู้ได้อย่างไร?”
“พลังเวทย์เป็นผู้บอกข้า”
ฮาโรนยิ้มเต็มใบหน้าหลังจากได้ยินสิ่งที่คาร์ลตอบออกมา
‘พลังเวทย์เป็นผู้บอกข้า’ นั่นคือประโยคที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
และมักนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหอคอยพลังเวทย์แห่งนี้
‘ฮาโรน โคดิ้ง’ เขาเกิดจากบุพการีที่เป็นนักเวทย์และพลเมืองที่
สามารถต้านทานพลังเวทย์ได้ ซึ่งเขาสามารถดึงเอกลักษณ์
เฉพาะตัวของทั้งสองฝ่ายมาไว้ที่ตัวไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม
รูปร่างหน้าตาภายนอกของเขานั้นกลับไม่ได้ดูเหมือนนักเวทย์
หรือผู้ที่ต้านทานพลังเวทย์เลยสักนิด เขาเป็นเพียงบุรุษหน้าตา
ธรรมดาๆเท่านั้น
“…..ท่านมีแผนจะใช้ความลับทางสายเลือดของข้ามาต่อรอง
บางอย่างกับข้าเช่นนั้นหรือ?”
คาร์ลมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างจากชั้นที่ 20โดยอาศัยหน้าต่าง
บานใหญ่บานนี้แทนที่จะตอบคาถามของฮาโรนโดยทันที
มีตัวละครที่มีความโดดเด่นและเป็นที่น่าจดจาอยู่มากมายใน
นิยายเรื่อง ‘กาเนิดวีรบุรุษ’ซึ่งฮาโรนก็เป็นหนึ่งในตัวละคร
เหล่านั้น
แม่ของเขาได้จากเขาไปในขณะที่ให้กาเนิดเขาเพียงลาพังและ
พ่อของเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้าว่ามีบุตรชายเช่นเขาอยู่บนโลกนี้ด้วย
นั่นคือจุดเริ่มต้นของความโกรธแค้นของฮาโรน
‘แต่มีบางอย่างที่ฮาโรนไม่เคยรู้มาก่อน’
มันเป็นสิ่งเดียวที่ผู้เขียนและผู้อ่านนิยายเรื่องนี้เท่านั้นที่จะรู้ มี
คาอธิบายเพียงประโยคเดียวเท่านั้นและมันกลับมีแรงมาก
พอที่จะทาให้ความโกรธแค้นของฮาโรนกลายเป็นสิ่งไร้ค่าไป
ทันที
< ‘ฮาโรน โคดิ้ง’ เขาเป็นผลผลิตที่เกิดจากความรักของพ่อ
และแม่ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รู้ความจริงในเรื่องนี้ >
เนื้อหาในนิยายไม่ได้ลงรายละเอียดของเรื่องนี้ไว้มากนัก ที่
กล่าวเอาไว้มีเพียงแค่นักเวทย์ฝึกหัดผู้เก่งกาจของหอคอยพลัง
เวทย์ได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่งเมื่อครั้งออกไปฝึกฝนทักษะ
พลังเวทย์เพิ่มเติมก่อนที่ทั้งคู่จะตกหลุมรักกันและพัฒนา
ความสัมพันธ์จนก่อให้เกิดฮาโรนในที่สุด
คาร์ลยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่จะเอ่ยกับบุตรชายผู้
เป็นเจ้าของหอคอยพลังเวทย์แห่งนี้ซึ่งในที่สุดก็จบลงด้วยการ
ลงมือทาลายหอคอยพลังเวทย์ของบิดาตนเอง
“ทาไมข้าต้องใช้มันต่อรองกับเจ้าด้วย?..การเกี่ยวข้องกับใคร
สักคนทางสายเลือดไม่ใช่บาปหรือความผิดของใครเลยสักนิด”
ฮาโรนไม่ได้รับคาตอบที่แน่ชัดจากคาร์ล ก่อนที่คาร์ลจะหัน
กลับมามองฮาโรน
“ยิ่งไปกว่านั้น…ไม่ใช่ว่าเจ้าคือคนที่ต้องรีบที่สุดหรอกหรือ?”
ในช่วงเวลานี้อยู่ในระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เรียกง่ายๆ
ว่าช่วงเวลานี้ได้เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวแล้วแต่พวก
เขาเลือกที่จะก่อกบฏเพื่อต่อต้านหอคอยพลังเวทย์ขึ้นมา ทาให้
พวกเขาไม่สามารถจัดการเกี่ยวกับภาษีที่ได้รับจากหอคอยพลัง
เวทย์ได้อีกต่อไป
ฮาโรนจาเป็นจะต้องเติมเต็มความปรารถนาของประชาชน
ทั้งหมดเพื่อให้พวกเขากลับมามีแรงเพื่อลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง
หากจะว่ากันตามจริงฮาโรนคือคนที่ต้องการก่อสงคราม
มากกว่าทูนก้าเสียอีก เขามีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะ
ทาลายล้างเหล่านักเวทย์ให้ออกไปจากโลกนี้ให้ได้
“…มีนักเวทย์อยู่ในคณะของท่านด้วยสินะ?”
“ใช่”
ฮาโรนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์เหมือนบิดาของตนแต่ไม่
สามารถดึงมันออกมาใช้งานได้ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่าโรสลิ
นคือนักเวทย์ และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางสัมผัสได้ถึงการดารง
อยู่ของราอนได้เพราะทักษะของเขานั้นอ่อนแอเกินไป
ฮาโรนเห็นท่าทีอันสงบของคาร์ลจึงสร้างความมั่นใจให้แก่เขา
เพื่อเอ่ยถามคาร์ล
“อาณาจักรโรมัน…วางแผนจะทาอะไรกับหอคอยพลังเวทย์
อย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะตอบคาถามของฮาโรนอย่าง
หงุดหงิดและเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม
“หอคอยพลังเวทย์เป็นของข้า!”
ฮาโรนลอบสังเกตชายหนุ่มผมสีแดงสดที่เอ่ยตอบเขาอย่างมั่น
ในขณะที่สายตาของชายหนุ่มคนนี้ยังคงมองออกไปนอก
หน้าต่าง
“ข้าไม่คิดที่จะแบ่งปันของตนเองให้กับใครหรอกนะ”
เขาจะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอนหากคิดที่จะมอบสิ่งนี้ให้กับ
อาณาจักรของตนเอง คาร์ลคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ไม่
มีทางที่เขาจะยอมแพ้ให้กับเรื่องนี้ หอคอยพลังเวทย์จะ
กลายเป็นวัตถุดิบสาคัญในการสร้างปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุดใน
อาณาเขตเฮนิตัสของเขา
คาร์ลมองเห็นแววตาอันสับสนและมึนงงของฮาโรนเมื่อเขาหัน
กลับมามองฮาโรนอีกครั้ง
‘หมอนี่อาจกาลังคิดถึงสถานการณ์หลายๆอย่างในหัวของเขา
เพราะถึงอย่างไรเจ้าบ้านี่ก็เป็นคนที่ฉลาดมากทีเดียว’
เป้าหมายสุดท้ายของเจ้าบ้าคนนี้คือการได้ทาลายล้างเหล่านัก
เวทย์ให้ออกไปจากโลกนี้ให้ได้ คนอย่างฮาโรนมีความเชื่อถือ
และมีความหวังให้ทุกคนๆบนโลกใบนี้พึ่งพาพลังหรือสิ่งต่างๆ
ที่เหนือธรรมชาติเช่นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
มันเป็นเรื่องตลกเพราะโลกที่ฮาโรนพยายามสร้างขึ้นมานั้น มัน
จะกลายเป็นสิ่งที่แย่ลงเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่พยายามฝึกฝน
พัฒนาให้มีความสามารถกับคนที่ไม่ได้ทาอะไรก็มีพลังมาใช้ได้
อย่างง่ายดาย นั่นล่ะคือสาเหตุที่คาร์ลเรียกฮาโรนว่าเจ้าบ้า
“…..นายน้อยคาร์ล…ไม่ทราบว่าท่านต้องการนักเวทย์ของ
อาณาจักรวิปเปอร์หรือไม่?”
“ข้ารึ?”
คาร์ลมีสีหน้าเยาะเย้ยกับสิ่งที่ฮาโรนถามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขา
นั้นซื่อสัตย์กับสิ่งที่เขาจะตอบออกไป เขามีราอนผู้เป็นมังกรดา
ที่มีพลังเวทย์อันแข็งแกร่งอยู่ข้างกายเขาอยู่แล้ว
“ข้าไม่ต้องการนักเวทย์ให้มาอยู่รอบตัวข้าอีกแล้วล่ะ…มีสิ่งที่
ยิ่งใหญ่กว่านั้นอยู่ข้างกายข้าอยู่แล้ว”
~ มนุษย์!…ข้าชอบที่ได้เห็นวิวจากที่นี่ยิ่งนัก…อ่า…ราอน…มังกร
ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่แล้วเจ้ามนุษย์อ่อนแอ!~
คาร์ลได้ยินเสียงที่แสดงถึงความตื่นเต้นของราอนดังเข้ามาใน
หัวของตนแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน ในขณะที่ฮาโรนก็มีความ
ยุ่งเหยิงปรากฏบนใบหน้าของเขา แน่นอนว่าคาร์ลมีแผนที่จะ
ส่งต่อนักเวทย์ไปให้องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กในอนาคต เขา
ไม่สนใจว่าฮาโรนจะรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด? เขาไม่ได้โกหก
เลยสักนิดเพราะส่วนตัวเขาแล้วไม่ได้มีความปรารถนาที่จะมี
นักเวทย์มาอยู่ภายใต้การปกครองของตนเอง
‘แน่นอน…ว่ามันจะเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่องค์ชายรัช
ทายาท’
บางอย่างที่เป็นการเอื้อประโยชน์หรือการช่วยเหลือสิ่งต่างๆ
เพื่อให้แน่ใจว่าเหล่านักเวทย์ของอาณาจักรวิปเปอร์ทั้งหมดจะ
จบลงด้วยการสวามิภักดิ์ต่อองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก
“เอาล่ะ…หัวหน้าฮาโรน โคดิ้ง”
ฮาโรนเห็นว่าท่าทางของคาร์ลผ่อนคลายและไม่มีความกังวล
เลยสักนิด ก่อนที่คาร์ลจะชี้ไปยังประตูและทันใดนั้นเอง
“ท่านคาร์ลขอรับ…ครบห้านาทีแล้วขอรับ!…”
เวลาที่พวกเขาจะอยู่กันเพียงลาพังได้สิ้นสุดลงแล้ว
เชวฮันมองผ่านประตูเข้ามายังพวกเขาทั้งคู่ก่อนจะตะโกนบอก
ถึงเวลาที่หมดลงและแจ้งเรื่องให้คาร์ลทราบเพิ่มเติม
“และคนอื่นๆก็เดินทางมาถึงแล้วเช่นกันขอรับ!..”
คนอื่น? ในขณะที่ฮาโรนกาลังนึกสงสัย คาร์ลก็เริ่มพูดขึ้น
“เจ้าจะทราบรายละเอียดทั้งหมดจากคนของข้า…”
มีคนสองคนเดินผ่านประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้เข้ามาในห้อง เขาคือ
บิลอสและรองพ่อบ้านฮันส์ซึ่งฮันส์ได้หอบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่
เข้ามาด้วย
ทาไมคาร์ลจึงให้บิลอสและฮันส์มาที่นี่กับเขาด้วย? มันเป็นเรื่อง
ธรรมดาที่สามารถหาคาตอบได้ง่ายๆเพราะเขาต้องใช้งานพวก
เขาทั้งคู่นั่นเอง
ฮาโรนรู้สึกถึงน้าหนักของมือคาร์ลที่กดลงบนไหล่ของตน
แปะ!แปะ!
คาร์ลกดไปที่ไหล่ของฮาโรนและตบลงไปเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ขอให้มันเป็นการเจรจาที่ดีแล้วกัน”
ฮาโรนเริ่มหัวเราะเบาๆให้กับเสียงอันราบเรียบของคาร์ลก่อนที่
เขาจะหันไปแสดงความนอบน้อมต่อคาร์ลทันที
“กระผมจะทามันอย่างแน่นอนขอรับ”
ฮาโรนเอ่ยประโยคสั้นๆอย่างนอบน้อมก่อนจะมุ่งหน้าไปหา
บิลอสและฮันส์อย่างรวดเร็ว บิลอสขยับตัวเข้าหาคาร์ลเมื่อ
ปล่อยให้ฮาโรนและฮันส์ได้พูดคุยกันก่อนที่เขาจะเริ่มกระซิบ
เบาๆอย่างระมัดระวัง
“นายน้อยคาร์ล”
“มีอะไรหรือ?”
“กระผมต้องทาข้อตกลงภายใต้ชื่อของกระผม…ตอนนี้เลย
หรือไม่ขอรับ?”
การโอนเงินจะเสร็จสมบูรณ์โดยใช้ชื่อบิลอสในฐานะคนกลาง
บิลอสจะเป็นคนนาเงินของคาร์ลมาให้ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์ มัน
เป็นเพราะความแตกต่างของสกุลเงินและปัจจัยอื่นๆอีก
เล็กน้อย
และแน่นอนว่าเงินที่บิลอสจะนาไปให้ฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์นั้นคือ
เงินขององค์ชายรัชทายาทไม่ใช่เงินของเขาเลยสักนิดและฝ่าย
ที่ไม่ใช่นักเวทย์ก็ไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้เช่นกัน
“อืม…ใช่แล้ว”
“…ถ้าเช่นนั้นกระผมจะจัดการโอนเงินและส่งมอบเงินที่เหลือให้
แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน”
“อืม…จัดการดูแลมันให้เรียบร้อย”
“….แต่กระผมมีคาถามขอรับ?”
คาร์ลเห็นบิลอสเลียริมฝีปากของตนเองถี่ขึ้นมันเป็นท่าทางที่ไม่
ค่อยน่าดูเท่าไหร่นักจนเขาต้องเชิดคางสูงขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณ
ให้บิลอสรีบถามออกมาเสียที
“นายน้อยเห็นควรว่า…จะซื้อมันเท่าไหร่ดีขอรับ?”
หอคอยพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้และมีประวัติศาสตร์มาอย่าง
ยาวนานภายใต้อาคาร20ชั้นแห่งนี้ ทุกคนต่างเข้าใจว่าอุปกรณ์
เวทย์ทั้งหมดยกเว้นลิฟต์ได้ถูกทาลายลงอย่างสมบูรณ์
ประชาชนชาวอาณาจักรวิปเปอร์ต่างก็รู้สึกเกลียดชังกับ
หอคอยพลังเวทย์นี้ด้วยเช่นกัน
คาร์ลยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วไปตรงหน้าบิลอส ก่อนที่บิลอสจะมีสี
หน้างุนงงพลางเอ่ยถามคาร์ลออกมาอย่างระมัดระวัง
“….หนึ่งร้อยล้าน?”
“ไม่”
“หนึ่งพันล้าน?”
คาร์ลไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งพันล้าน
“….หนึ่งหมื่นล้านหรือขอรับ?”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับให้กับคาถามที่เอ่ยออกมาอย่าง
ระมัดระวังของบิลอส
“ดูแลมันให้ดี”
ดูเหมือนว่าเงินจานวนหนึ่งหมื่นล้านแกลลอนจะเป็นจานวน
เงินเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าอาหารของทหารทั้งกองทัพที่
ต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือนของอาณาจักรโรมัน แต่ฝ่ายที่ไม่ใช่นัก
เวทย์ต้องการเงินอย่างเร่งด่วนเพื่อสนองต่อความต้องการของ
ประชาชน จานวนเงินที่เท่ากันอาจมีมูลค่าที่ต่างกันออกไปตาม
ความต้องการของผู้ที่ต้องการจะใช้สอยมัน
นอกจากนี้มันยังเป็นเงินขององค์ชายรัชทายาทและไม่ใช่เงิน
ของคาร์ลสักแกลลอนเดียว เขาจึงไม่คิดที่จะเสียดายมันเลยสัก
นิด (53380)
บิลอสเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเริ่มคิดอะไรเงียบๆอย่างรวดเร็วก่อน
จะเริ่มกระซิบให้คาร์ลได้ยินอีกครั้ง
“ไม่ใช่มันถูกทาลายไปหมดแล้วหรือขอรับ?…หากเป็นสภาพ
ของหอคอยพลังเวทย์เมื่อครั้งก่อนเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น..
มันอาจจะมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนล้านแกลลอนในการซื้อขาย
ด้วยซ้า…แต่ตอนนี้มันไม่มีอุปกรณ์เวทย์ใดๆที่จะใช้งานได้แล้ว
นะขอรับ?”
“เพราะอย่างนั้นมันถึงมีมูลค่าหนึ่งหมื่นแกลลอนไงเล่า?…ราคา
มันย่อมถูกลงกว่าความเป็นจริงอยู่แล้วเพราะมันเหลือเพียงแค่
โครงสร้างอาคารเท่านั้น…อ้อ!…เจ้าอาจใช้เงินเพิ่มอีกสักหน่อย
เพื่อกวาดซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงหอคอยพลังเวทย์นี้ด้วย”
“….อะไรนะขอรับ?”
“เอาน่า…มันมีบางอย่างที่เราสามารถขายได้…ซึ่งมันจะคุ้มค่า
กับการลงทุนซื้อหอคอยพลังเวทย์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่ไปชั่วขณะหนึ่ง
“เฮ้อ……”
บทที่ 73 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 5 (2)

บิลอสถอนหายใจยาว
“กระผมไม่รู้ว่านายน้อยกาลังวางแผนอะไรอยู่?…แต่กระผมคิด
ว่าเราควรตั้งเปูาหมายที่จะสร้างผลกาไรให้ได้มากที่สุด….ใช่มั้ย
ขอรับ?”
“แน่นอน”
“ถ้าเช่นนั้น..กระผมจะทาสิ่งที่พอทาได้แล้วกันขอรับ”
คาร์ลเริ่มยิ้มหลังจากได้ยินคาตอบที่น่าพอใจ บิลอสดูเหมือนไม่
รู้จะพูดอะไรออกมาอีกแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังสามารถฝืน
ยิ้มออกมาได้
“ใจของกระผมมันเต้นรัวยิ่งนักหลังจากได้ยินเงินจานวนมาก
จากปากของนายน้อย”
“ข้าแน่ใจว่ามันกาลังเต้นรัวเพราะมีความสุข”
บิลอสไม่ได้ตอบโต้กับประโยคหยอกล้อของคาร์ล เขาเพียงโค้ง
ศีรษะให้คาร์ลอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินกลับไปยังจุดที่ฮาโรน
และฮันส์อยู่
ฝุายที่ไม่ใช่นักเวทย์ไม่มีความจาเป็นที่จะต้องใช้ประโยชน์จาก
หอคอยพลังเวทย์และต้องการแสดงความยิ่งใหญ่ของตนเอง
โดยการทาลายหอคอยพลังเวทย์ให้ราบคาบเพื่อสนองต่อความ
ต้องการของประชาชน เนื่องจากมันได้กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าอยู่
แล้วดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหากพวกเขาจะสามารถทา
เงินจากมันได้
“ท่านคาร์ล”
เชวฮันและบารอคเดินเข้ามาหาคาร์ล ก่อนที่บารอคจะมองไป
รอบๆห้องและเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“นายน้อยจะทาความสะอาดมันใช่มั้ยขอรับ?..หากท่านซื้อมัน
มาแล้ว?”
คาร์ลเอ่ยตอบเบาๆต่อคาถามของบารอค
“ข้าจะกาจัดสิ่งสกปรกต่างๆอย่างแน่นอน”
บารอคถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในขณะที่คาร์ลผละ
ตัวออกจากขอบหน้าต่างและเริ่มเดินทางออกจากหอคอยพลัง
เวทย์ทันทีไม่มีความจาเป็นจะต้องดูสิ่งอื่นๆในเวลานี้เพราะเขา
จะกลับมาอีกครั้งหลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว
************************************************
*************************
ใบหน้าของคาร์ลเริ่มมีร่องรอยของความบึ้งตึงก่อนจะได้ยิน
เสียงของทูนก้าเอ่ยถามตนออกมา
“เจ้ารู้สึกไม่ดีหรือ?”
“ใช่”
ทูนก้าเริ่มขมวดคิ้วให้กับคาตอบที่ไม่ค่อยจะแยแสสิ่งใดของ
คาร์ล บรรยากาศรอบตัวของพวกเขานั้นมีเสียงที่ดังมาก
ประชาชนส่วนใหญ่กาลังสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับการ
เลี้ยงฉลองให้กับนักรบคนใหม่
ทูนก้าทราบดีถึงสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันของพวกเขา
แต่สิ่งนี้ก็นับเป็นสิ่งที่สาคัญสาหรับเขาเช่นกัน เขาจาเป็นต้อง
ใช้ชื่อเสียงของนักรบคนใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้าง
กาลังใจให้แก่ประชาชน นั่นคือเหตุผลที่หัวหน้าค่ายตอบตกลง
ให้เลี้ยงฉลองอาหารค่าในคืนนี้
“…เจ้ามันอ่อนแอ”
ดูเหมือนว่าทูนก้าจะแสดงท่าทีรังเกียจแต่มันก็ถูกซ่อนไว้ภายใต้
ใบหน้าอันปูดบวมของเขาเอาไว้ได้ คาร์ลชี้ไปยังร่างของเชวฮัน
ที่อยู่ข้างๆเขา
“ตัวเอกของงานเลี้ยงในค่าคืนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว…ดังนั้นมันก็คงจะ
ไม่มีปัญหาใดๆเช่นกันถ้าข้าจะขอตัวก่อน…ข้าเหนื่อย..ข้า
ต้องการพักผ่อนเพราะข้ามันอ่อนแอ”
ถึงแม้เชวฮันจะไม่ค่อยชอบใจนักแต่คาร์ลก็ผลักภาระเช่นเชว
ฮันและคนอื่นๆในคณะของตนไปให้ทูนก้าทันที แน่นอนว่าฮิลส์
แมนก็อยู่กับเชวฮันด้วยเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ….ข้ารู้สึกถึงความตั้งใจอันแรงกล้าของเหล่า
นักรบจากอาณาจักรวิปเปอร์ยิ่งนัก!..ฉลองกันให้เต็มที่!…มัน
เยี่ยมมาก!”
รองหัวหน้าองครักษ์มีความสามารถในการเข้าสังคมจริงๆ
“ข้าขอตัว”
คาร์ลเดินออกจากพื้นที่จัดงานเลี้ยงโดยไม่คิดเสียดายเลยสักนิด
บารอคก็ติดตามเขามาด้วยในฐานะผู้คุ้มกันของเขา บารอคเริ่ม
ถามคาร์ลเมื่อพวกเขามุ่งหน้ามาถึงกระโจมส่วนตัวที่ค่อนข้าง
ห่างไกลจากงานเลี้ยงฉลอง
“กระผมแค่…ต้องเฝูายามอยู่นอกกระโจมใช่มั้ยขอรับ?”
“ใช่…ข้าจะนอนแล้ว”
“นั่นคือสิ่งที่กระผมจะต้องแจ้งให้ผู้อื่นทราบสินะ?”
มันง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากหากได้พูดคุยกับบารอค
เขาไม่จาเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมให้กับบารอคทราบเลยสัก
นิด
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลเรียกรวมพลเด็กๆสามคนมาไว้ในกระโจม
ของเขาและแน่นอนว่าคาร์ลกาลังคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กๆทั้ง
สามเพื่อมองพวกเขาได้ชัดเจนมากขึ้น
ออน ฮงและราอน ต่างก็นั่งอยู่บนพื้นภายในกระโจมของคาร์ล
“เจ้าเจอเขามั้ย?”
ออนและฮงเริ่มยิ้มออกมา
“พวกเรารู้สึกดีมากที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน!”
“พวกเรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน!”
ลูกแมวทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
คาร์ลเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่รัดกุมกว่าเดิมจากนั้นจึงหันไปสั่ง
ราอน
“ไปห้องผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์กันเถอะ!”
ราอนใช้เวทย์ล่องหนปกคลุมร่างของคาร์ล ออนและฮงก่อนจะ
ร่ายเวทย์ลอยตัวเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการสังเกตเห็นจากคน
อื่นๆและมาถึงยังชั้นที่ยี่สิบซึ่งเป็นห้องของผู้ครอบครองหอคอย
พลังเวทย์ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากอุปกรณ์เวทย์ทั้งหมดได้
ถูกทาลายลงและมีทหารยามที่เฝูารักษาประตูทางเข้าหอคอย
พลังเวทย์ไม่กี่นายทาให้การลอบเข้ามาภายในหอคอยพลัง
เวทย์เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก ทูนก้ายืนกรานที่จะใช้คนจานวน
มากที่สุดเพื่อเข้าร่วมฉลองงานเลี้ยงในค่าคืนนี้ให้ได้และนั่น
กลับกลายเป็นประโยชน์ให้แก่คาร์ลได้อย่างน่าประหลาดใจ
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า~~~~~~
แปะ!แปะ!แปะ!แปะ! ~~~~~~
คาร์ลได้ยินเสียงหัวเราะสลับกับเสียงปรบมือรวมถึงเสียงร้อง
เพลงที่ลอยมาตามลมและอาจจะดังต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน
เหล่าทหารและประชาชนต่างพากันรวมตัวรอบๆกองไฟเพื่อ
ดื่มฉลองบ้างก็พากันเต้นรารอบๆกองไฟอย่างสนุกสนาน พวก
เขาทั้งหมดต่างรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เลี้ยงฉลองเป็นครั้งแรกหลังจาก
เสร็จสิ้นสงคราม
คาร์ลคาดกระเป๋าเวทย์ไว้บนเอวของตนเองก่อนจะมองไปยังลูก
แมวทั้งสอง ลูกแมวเริ่มเป็นผู้นาทางเมื่อพากันมาถึงห้องผู้
ครอบครองหอคอยพลังเวทย์แล้ว พวกมันทั้งสองเดินนาคาร์ล
ออกไปจากห้องอย่างช้าๆ พวกมันเคลื่อนตัวไปหลบซ่อนสลับ
กับการเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆภายในตึกได้อย่างเชี่ยวชาญตาม
ความสามารถที่มีชื่อเสียงในฐานะสมาชิกของเผ่าแมวที่
สามารถหลบซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียน ในขณะที่คาร์ลก็เดิน
ตามพวกมันลงบันไดไปเรื่อยๆ เขาไม่สามารถใช้อุปกรณ์เวทย์
ใดๆได้เพราะไม่ต้องการทิ้งร่องรอยใดๆไว้เป็นหลักฐานนั่นเอง
อย่างไรก็ตามคาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นหลังจากเดินตามลูกแมวทั้ง
สองมาได้สักพัก
เขาหยุดยืนบนบันไดที่อยู่บนชั้น 15 และเอ่ยถามลูกแมวทั้งสอง
ทันที
“….เขาอยู่ที่ไหน?”
ในนิยายได้อธิบายถึงที่หลบซ่อนของมุลเลอร์เอาไว้
<มุลเลอร์ใช้ร่างเล็กๆของเขาเพื่อซ่อนตัวอยู่ในช่องลับในผนัง
ริมบันไดของหอคอยพลังเวทย์..มันเป็นตาแหน่งที่ซ่อนที่มีเพียง
คนในตระกูลของเขาและผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์เท่านั้น
ที่รู้…มุลเลอร์ผู้ขี้ขลาดพยายามซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นและในที่สุด
เขาก็ติดอยู่ในกาแพงนั่นเพราะหวาดกลัวเหล่านักรบเกินกว่าจะ
ก้าวขาออกมาได้>
มันเป็นผนังแบบไหนกัน? มุลเลอร์ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่?
ฮงส่ายหางสีแดงเข้มของตนในขณะที่ตอบคาถามของคาร์ล
“ห้องใต้ดิน…ชั้นแรกเลย!”
ให้ตายเถอะ! เขาเดาตาแหน่งผิดไปหรือนี่? คาร์ลถอนหายใจ
ออกมาเบาๆก่อนจะเรียกใช้งาน ‘เสียงเรียกของวายุ’ เขาอุ้ม
ลูกแมวสองตัวมาไว้ในอ้อมแขนและหันไปพูดกับราอน
“ตามข้ามา…”
ร่างของคาร์ลเริ่มเคลื่อนตัวลงบันไดแต่ละชั้นอย่างรวดเร็ว
ตึก!ตึก!ตึก!ตึก!
มันเป็นเสียงที่เบามากจนทหารยามที่เฝูาอยู่ด้านนอกก็ไม่
สามารถได้ยินเสียงนี้ได้
ผังอาคารหอคอยพลังเวทย์จะแบ่งเป็นชั้นบนดินจานวนยี่สิบ
ชั้นและมีชั้นใต้ดินจานวนสามชั้น
“ว้าว….น่าทึ่งยิ่งนัก!”
“เราลงมาที่นี่ได้เร็วมาก!”
“เจ้าอ่อนแอ…แต่เจ้าก็เร็วพอๆกับปลายเล็บของข้าเลย…เยี่ยม
มากเจ้ามนุษย์!”
คาร์ลฟังคาชมของเด็กๆทั้งสามที่มีอายุเฉลี่ยเพียงเจ็ดปีใน
ขณะที่ยืนอยู่ชานบันไดที่เชื่อมต่อลงไปยังชั้นใต้ดิน
“อยู่แถวๆนี่หรือ?”
“ใช่!”
ลูกแมวทั้งสองได้แจ้งให้เขาทราบว่าพวกมันได้กลิ่นหนูอยู่
บริเวณนี้แต่ไม่ทราบถึงตาแหน่งที่แน่ชัดได้ จากเนื้อหาในนิยาย
ที่คาร์ลได้อ่านมาเขาทราบวิธีที่จะเปิดช่องลับนั้นได้หากได้รู้
ตาแหน่งที่แน่ชัดแล้ว
‘อย่างน้อย…มันก็ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ไร้ประโยชน์มากเกินไป’
‘กาเนิดวีรบุรุษ’ ใช้เวลาในการอธิบายเหตุการณ์ต่างๆและ
ลักษณะเฉพาะของตัวละครผ่านการบรรยายเพียงไม่กี่บรรทัด
และนั่นก็ทาให้คาร์ลทราบถึงความพิเศษของตาแหน่งลับนั้นได้
คาร์ลหยิบแท่งเหล็กขนาดเล็กออกจากกระเป๋าเวทย์ของตน
ออนและฮงสะดุ้งทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของคาร์ลแต่เขา
ไม่ได้สนใจกับท่าทางของพวกมันก่อนจะเริ่มเคาะผนังแล้วเริ่ม
เดินทีละก้าวๆ
ติ้ง!
ติ้ง!
“อยู่ตรงไหนนะ?”
ติ้ง!
ติ้ง!
ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีแดงสดเริ่มพึมพาออกมาเบาๆในขณะที่
เท้าก็ก้าวลงบันไดที่เริ่มสว่างขึ้นจากหินเรืองแสงที่ประดับไว้
เหนือผนังทีละก้อนๆ
คาร์ลรู้สึกดีที่เขาจะสามารถช่วยชีวิตมุลเลอร์เอาไว้ได้ ในนิยาย
นั้นเขาถูกจับตัวไว้ได้ก่อนจะจบชีวิตลงด้วยความหิวโหยและ
ต้องกล้ากลืนดูฝุายที่ไม่ใช่นักเวทย์ทาลายร่างอันไร้วิญญาณ
ของสมาชิกในครอบครัวก่อนจะลงมือฆ่าเขาให้ตายตามเป็นคน
สุดท้าย
ติ้ง!
ติ้ง!
อย่างไรก็ตามลูกแมวทั้งสองและราอนที่ค่อยๆเดินตามคาร์ลมา
ไม่ห่างกลับไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด
ทันใดนั้นเอง เมื่อคาร์ลก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายเสียงเคาะ
บนผนังก็เปลี่ยนไป
ปึก!!!!!
“เจอแล้ว”
หากมองดูแล้วมันก็ดูเหมือนกับผนังส่วนอื่นๆที่ปรากฏผ่าน
สายตามาแล้วแต่ด้านในของผนังตรงจุดนี้จะแตกต่างจากจุด
อื่นๆ คาร์ลเริ่มยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะล้วงเอา‘ก้อนหินมน
ตรา’ที่อยู่ในกระเป๋าเวทย์ของตนออกมาและเริ่มแตะมันเข้ากับ
ผนังเบาๆ
คาร์ลค่อนข้างเพ่งมองเป็นพิเศษเนื่องจากต้องให้ความสนใจกับ
รายละเอียดของมันเป็นอย่างมาก
‘จะมีส่วนหนึ่งของผนังที่มีรูอยู่ห้ารูและเรียงตัวกันเป็นรูปดาว
ห้าแฉก’
คาร์ลพยายามมองหารูเล็กๆที่เรียงตัวกันเป็นรูปดาวห้าแฉก
จากนั้นก็วาง‘ก้อนหินมนตรา’ลงตรงกึ่งกลางของรูทั้งห้าทันที
และตอนนั้นเอง
คลิ๊ก!!!!
มีเสียงดังออกจากผนังเบาๆในขณะที่ผนังเริ่มเคลื่อนที่ไปมา
ก่อนจะดูดกลืนก้อนหินมนตราเข้าไป คาร์ลก้าวถอยหลังออกมา
หนึ่งก้าวแต่สายตาไม่ได้ละออกจากผนังเบื้องหน้าตน
ครืดดดดด!!!!!!!!!!!!!! (53380)
มีเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อผนังเริ่มเปิดออกช้าๆและด้านในมีร่าง
ของคนผู้หนึ่งที่มีขนาดตัวเล็กมากๆนั่งอยู่ในนั้น คาร์ลพยายาม
จะเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรเมื่อเห็นมุลเลอร์ปรากฏตัวสู่สายตา
ของเขาแล้ว
“……หืม?”
แต่มีบางอย่างผิดปกติ
“…..อึ่กกก….ฮึกกก!!!!!!”
ชายร่างเล็กเริ่มตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขามีใบหน้าที่
ซีดเผือดราวกับเห็นผี..ไม่สิราวกับเห็นฆาตกรโรคจิตก็ไม่ปาน
มันต่างจากที่คาร์ลคาดเอาไว้เมื่อตัดสินใจที่จะเป็นวีรบุรุษเพื่อ
เข้าช่วยเหลือมุลเลอร์ในครั้งนี้
“ฮืออออๆๆๆ….ฮึกก…อึ่กกก….ฮืออออๆๆๆ….”
มุลเลอร์กาลังร้องไห้และสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ในขณะที่
คาร์ลก็พยายามยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและเอ่ยทักทายเขาอีกครั้ง
“สวัสดี?”
อย่างไรก็ตามคาทักทายของคาร์ลกลับทาให้มุลเลอร์ตัวสั่นมาก
กว่าเดิม ก่อนที่ออน ฮงและราอนจะหันไปมองมุลเลอร์ด้วย
ความสงสาร
คาร์ลเริ่มรู้สึกสับสน
‘เป็นอะไรของเขากันนะ?ทาไมต้องมีท่าทางเช่นนี้ด้วย?’
บทที่ 74 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 6 (1)

คาร์ลหันไปมองออน ฮงและราอน
‘เกิดอะไรขึ้น?’
เขาเริ่มส่ายหัวเบาๆ
“ฮึกฮึก….ฮือฮือฮือๆๆๆๆๆๆ”
คาร์ลยังคงได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของมุลเลอร์อยู่ ทาไม
เขาถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้กันนะ? ก่อนที่คาร์ลจะหันกับไป
มองมุลเลอร์อีกครั้ง
ทั้งคนแคระและสัตว์อสูรจากเผ่าหนูต่างมีรูปร่างที่เล็กมาก เมื่อ
ทั้งสองสายพันธ์รวมเข้าด้วยกันลักษณะทางพันธุศาสตร์ที่ได้จึง
ทาให้มุลเลอร์มีขนาดเล็กแกร็นกว่าคนแคระและหนูด้วยซ้า
การที่เขาดูตัวเล็กเช่นนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ปกป้องเขาเอาไว้ได้ด้วย
ความเอ็นดูและน่าสงสารแต่น่าเสียดายที่สิ่งนี้ไม่สามารถใช้ได้
กับคาร์ล
“ข้ารู้สึกสงสารเขาจังเลย”
ออนและฮงส่ายหางของตนเล็กน้อยก่อนที่จะพากันขยับเข้า
ใกล้มุลเลอร์มากขึ้น ส่วนมุลเลอร์ก็เริ่มสั่นไปทั้งตัวมากกว่าเดิม
เมื่อเห็นลูกแมวสองตัวขยับเข้าใกล้ตนมากกกว่าเดิมและทาให้
เขาส่งเสียงร้องไห้ดังยิ่งขึ้น
“…..น่าสงสารมากเลย”
คาร์ลพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินสิ่งที่ออนเอ่ย
มุลเลอร์อายุ 30 ปีแล้วและคนอื่นๆในตระกูลของเขาก็เป็นส่วน
สาคัญในการพัฒนาหอคอยพลังเวทย์อีกด้วย เขารู้ดีเกี่ยวกับ
การป้องกันด่านสุดท้ายของหอคอยพลังเวทย์ที่จะไม่ให้ถูก
ทาลายลงแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ใช้มันเพราะถ้าหากเขาใช้มันจะ
เป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาให้สมาชิกคนอื่นๆในหอคอยพลัง
เวทย์ได้รู้จักเขามากขึ้นและเขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
หากไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ จะไม่มีทางเลยที่ฝ่ายนักเวทย์จะพ่าย
แพ้จนราบคาบเช่นนี้
แน่นอนว่าเหตุผลนี้กลับกลายเป็นประโยชน์ต่อคาร์ลได้จริงๆ
แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเด็กชายตัวเล็กๆและดูน่ารักตามรูปร่าง
หน้าตาภายนอกที่ปรากฏให้เห็น แต่จิตวิญญาณที่แท้จริงของ
เขาคือชายวัย 30 ปีที่รู้จักสัจจะธรรมในชีวิตและผ่านโลกมา
นาน เขารู้ดีว่าชีวิตของเขาย่อมเป็นสิ่งสาคัญที่สุด
ตามนิสัยของคาร์ลแล้วเขาย่อมต้องการคนเช่นนี้ไว้ใช้ประโยชน์
ในอนาคต
“ฮึกฮึก….ฮือฮือฮือๆๆๆๆๆๆ…ฟืด…ฮึกฮึก”
คาร์ลเริ่มเบื่อกับการที่ได้เห็นชายร่างเล็กแต่อายุจริงกลับโตเกิน
กว่าจะต้องมาร้องไห้งอแงเช่นนี้ได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจที่จะ
หยุดสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการสวมบทบาทเป็นชายหนุ่มจิตใจ
อ่อนโยนสักเล็กน้อย
“เฮ้!!”
ร่างของมุลเลอร์สะดุ้งขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคาร์ลและ
เริ่มสั่นไปทั่วร่างอีกครั้งเมื่อเห็นแท่งเหล็กที่อยู่ในมือของคาร์ล
มุลเลอร์รู้สึกราวกับว่าจุดจบของชีวิตเริ่มใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว
ฟุ่บ!!!ฟุ่บ!!!
คาร์ลวางของบางอย่างลงตรงหน้าของมุลเลอร์ มันคือขนมปัง
หนึ่งก้อนและนมหนึ่งขวดซึ่งคาร์ลนามันออกมาจากกระเป๋า
เวทย์ของตน
แววตาของมุลเลอร์เริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นสิ่งนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้น
มองคาร์ลอย่างระมัดระวัง และได้เห็นเพียงสีหน้าที่แสดงถึง
ความราคาญใจจากคาร์ลเท่านั้น
“กินมันซะสิ”
มุลเลอร์รีบคว้าขนมปังกัดเข้าปากทันทีหลังจากได้ยินประโยคที่
ฟังคล้ายๆกับคาสั่งของคาร์ล ในขณะที่คาร์ลก็รู้สึกแปลกๆเมื่อ
มองดูมุลเลอร์กินขนมปังที่เริ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้าตาของเขา
‘….ดูเหมือนหมอนี่จะดูไร้ประโยชน์กว่าที่คิด’
คาร์ลรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลักษณะของมุลเลอร์เหมือนคนโง่
ที่ดูไร้ประโยชน์ใดๆอย่างสิ้นเชิง
หมอนี่ควรรู้จักสังเกตและพิจารณาสิ่งต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ตามลักษณะนิสัยของหนู ไหนจะศักยภาพในการเป็นถึง
นักพัฒนาและนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่นั่นอีกแต่ทาไม?
“ขอ…ขอบคุณมาก”
‘…ทาไมเขาถึงดูโง่แบบนี้?’
คาร์ลเริ่มรู้สึกขมในปากขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามออน ฮงและ
ราอน ก็ยังคงพยายามเป็นเกราะป้องกันอันตรายให้แก่เขา
อย่างที่เป็นมาแม้ว่าคนตรงหน้าจะดูอ่อนแอมากเพียงใดก็ตาม
ตรงกันข้ามกับความคิดของคาร์ลและความตั้งใจของเด็กๆทั้ง
สาม มุลเลอร์นั้นไม่สามารถแม้แต่จะรับรู้รสชาติและกลืนขนม
ปังลงท้องได้เลย เมื่อมีลูกแมว2ตัวซึ่งเป็นสายเลือดบริสุทธิ์จาก
เผ่าแมวและมังกรดาอยู่ตรงหน้าเขา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่
ทาให้เขาหนาวสั่นเข้ากระดูก
ติ้ง!!!ติ้ง!!!
คาร์ลใช้แท่งเหล็กเคาะไปที่ผนังอีกครั้ง ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้อง
คิดมากไปกว่านี้ เขาแค่ต้องลองเสี่ยงกับมันดู แม้ว่าเขาจะรู้สึก
ไม่ดีกับมุลเลอร์แต่ก็ตัดสินใจที่จะพาตัวเขากลับไปด้วยอยู่ดี
อาณาเขตเฮนิตัสมีช่างแกะสลักอยู่เป็นจานวนมากรวมไปถึง
ช่างฝีมือทุกแขนง ไหนจะช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญงานก่อสร้าง
ต่างๆ ซึ่งเกิดจากการที่อาณาเขตเฮนิตัสมีเหมืองอยู่หลายแห่ง
ทาให้มีช่างฝีมือเหล่านี้อยู่เป็นจานวนมาก นั่นคือเหตุผลที่คาร์ล
พอจะตัดสินได้ว่ามุลเลอร์ก็น่าจะมีประโยชน์กับเขาอยู่บ้าง
“เจ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่?”
เสียงของคาร์ลดังขึ้นเบาๆแต่มันก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ เขารู้สึก
ราคาญมุลเลอร์ที่เริ่มเบะปากและเตรียมพร้อมจะร้องไห้อีกครั้ง
ติ้ง!!!ติ้ง!!!
คาร์ลพยายามระงับอารมณ์ของตนเองโดยการใช้แท่งเหล็ก
เคาะไปที่ผนังอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่สมองก็คิดหาวิธีการที่จะ
ปฏิบัติต่อคนขี้ขลาดเช่นมุลเลอร์ไปพร้อมๆกัน คาร์ลเริ่มยิ้ม
อย่างอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถามมุลเลอร์
“ข้าควรจะช่วยเจ้าดีหรือไม่?”
มุลเลอร์พยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น มันแรงมากพอจนทา
ให้เกล็ดของขนมปังเริ่มร่วงออกจากมือเขา คาร์ลพอใจกับการ
ตอบสนองที่กระฉับกระเฉงของมุลเลอร์และเริ่มพูดอย่างผ่อน
คลายมากขึ้น
“ดี…ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องเชื่อฟังข้า….เข้าใจหรือไม่?”
“ไ….ได้”
“กินขนมปังก่อนแล้วกัน”
คาสั่งของคาร์ลทาให้มุลเลอร์เร่งมือกินขนมปังอย่างรวดเร็วซึ่ง
คาร์ลก็ค่อนข้างพอใจกับความเร็วนี้ ก่อนจะเอ่ยถามลอยๆ
ออกมา
“เจ้ารู้หรือไม่…ว่าห้องสมบัติของหอคอยพลังเวทย์อยู่ที่ไหน?”
ตุ๊บ!
ขนมปังในมือของมุลเลอร์ร่วงลงพื้นทันที ทาให้คาร์ลบ่น
ออกมาเบาๆ
“เจ้าทาขนมปังหล่นแล้วนะ…หยิบมันขึ้นมาเถิด”
มุลเลอร์หยิบขนมปังขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบมุดกลับเข้า
ไปในผนังเช่นเดิม ในขณะที่คาร์ล ออน ฮงและราอนก็ยืนอยู่
รอบๆทางเข้านั้นคล้ายๆกับว่าพวกเขาทั้งสี่ดักทางออกของมุล
เลอร์เอาไว้ทุกช่องทาง
“ข้ารู้…ว่าเจ้ารู้เกี่ยวกับห้องลับนั่น…ห้องที่แท้จริงของผู้
ครอบครองหอคอยพลังเวทย์”
ห้องที่อยู่บนชั้นที่ 20 นั้นไม่ใช่ห้องของผู้ครอบครองหอคอย
พลังเวทย์ที่แท้จริง มันมีห้องมากกว่านั้นที่ไม่สามารถมองเห็น
ได้ง่ายๆ
แววตาของมุลเลอร์เปลี่ยนเป็นความสับสน ชายหนุ่มตรงหน้ารู้
เรื่องห้องลับนั้นได้อย่างไร? มันเป็นสิ่งที่มีเพียงผู้ครอบครอง
และสมาชิกจากตระกูลของเขาเท่านั้นที่ทราบเกี่ยวกับมัน
ทันใดนั้นมุลเลอร์ก็ได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง
“ก่อนอื่น..เจ้ารู้วิธีที่จะเข้าไปชั้นใต้ดินชั้นที่4..ใช่หรือไม่? ”
คาร์ลจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของมุลเลอร์ หอคอยพลังเวทย์เป็น
ที่รู้จักโดยทั่วไปว่ามี20ชั้นเหนือพื้นดินและมีชั้นใต้ดินอีก3ชั้น
ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นมุลเลอร์มองมาที่เขาด้วย
ความหวาดกลัวอาจเป็นเพราะมุลเลอร์คงสงสัยว่าทาไมคาร์ล
จึงรู้ความลับในเรื่องนี้ได้ คาร์ลรู้สึกเหมือนตัวเองกาลังเป็น
อาชญากรที่กาลังขมขู่ตัวประกันให้คลายข้อมูลออกมา
แน่นอนเขาไม่มีแผนที่จะทาเช่นนั้นเพราะเป้าหมายของเขาคือ
การช่วยมุลเลอร์เอาไว้และให้ที่พักที่ปลอดภัยแก่เขา
คาร์ลเริ่มยิ้มและเอ่ยปลอบใจคนแคระจากเผ่าหนู
“อย่างแรกเลย…ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป…ถ้าเจ้าทา
ตามที่ข้าสั่ง”
คาร์ลไม่มีแผนที่ปล่อยตัวมุลเลอร์ให้เป็นอิสระได้โดยง่าย เขา
ต้องการพาตัวมุลเลอร์กลับไปยังอาณาเขตเฮนิตัสของตนและ
ให้มุลเลอร์ทางานให้แก่เขา คาร์ลมองดูมุลเลอร์ที่เอ่ยตอบรับ
เขาอย่างรวดเร็ว
“อะไร?…ท่านจะให้ข้าทาอะไร?…ข้ายินดีทาทุกอย่างตามที่ท่าน
สั่ง”
ครึ่งคนแคระครึ่งหนูเอ่ยขึ้นอย่างลนลานราวกับเขาเริ่มหมด
หวังในชีวิตแล้ว
“ดี”
คาร์ลตอบรับต่อน้าเสียงที่สิ้นหวังของมุลเลอร์
แววตาของมุลเลอร์ยังคงสั่นไหวเมื่อเขามองไปยังร่างของชาย
หนุ่มที่พาแมวสองตัวมากับเขาด้วย แมวสองตัวนี้น่ากลัวมาก
พวกเขาเป็นแมวสายเลือดบริสุทธิ์จากเผ่าแมวแล้วไหนจะ
มังกรดาท่าทางน่ากลัวนั่นอีก
“เอาล่ะ..กินขนมปังนั่นให้หมดซะแล้วพาข้าไปชั้นใต้ดินชั้นที่4
ได้แล้ว”
“แต่ท่านต้องมีก้อนหินมนตราถึงจะเข้าไป—-”
คาร์ลถอดกระเป๋าเวทย์ออกแล้วโยนมันใส่ร่างของมุลเลอร์โดย
ที่ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้า ในกระเป๋าเวทย์เต็มไปด้วยหินมน
ตราจานวนมาก มุลเลอร์พูดไม่ออกได้แต่กัดกินขนมปังด้วย
ใบหน้าที่ชื้นไปด้วยน้าตาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานมุลเลอร์ต้องลงไปยังชั้นใต้ดินชั้นที่3พร้อม
กับคณะของคาร์ลที่เข้ามาล้อมรอบตัวเขาทันที
จุดสิ้นสุดของบันไดขั้นสุดท้ายของชั้นใต้ดินชั้นที่3 ด้านหน้า
ของมันมีเพียงประตูบานเดียวเท่านั้นโดยไม่มีบันไดเพื่อเชื่อม
ต่อไปยังที่ใดอีก อย่างไรก็ตามมุลเลอร์หยิบก้อนหินมนตราที่
ได้มาจากคาร์ลก่อนจะสัมผัสมันเข้ากับผนังที่อยู่ข้างๆประตู
บานนั้นก่อนที่ผนังจะเริ่มทางานของมันทันที
ครืดดด!!!!!! เอี๊ยดดด!!!
ผนังเลื่อนออกก่อนจะปรากฏเป็นชั้นใต้ดินที่มีโครงสร้างเป็นถ้า
ลึก มันเป็นทางเดินที่จะมุ่งหน้าไปยังชั้นใต้ดินชั้นที่4
“เจ้าเข้าไปก่อน”
มุลเลอร์ขยับตัวเพื่อเดินนาหน้าทันทีเมื่อได้ยินคาสั่งของคาร์ล
คาร์ลรู้สึกตื่นเต้นเมื่อกาลังมุ่งหน้าไปตามทางเดินที่ลาดเอียงลง
สู่พื้นด้านล่าง ภายในถ้าค่อนข้างแห้งโดยไม่มีความชื้นปรากฏ
ออกมาให้รู้สึกได้สักนิดและยังมีหินเรืองแสงติดอยู่รอบๆ
ทางเดินเพื่อให้ความสว่างอีกด้วย
ชั้นใต้ดินชั้นที่ 4
นี่คือสถานที่ที่มีเพียงผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์ที่เข้ามาใช้
ทาการทดลองด้านพลังเวทย์ของเขาและตระกูลผู้พิทักษ์
นักพัฒนาของมุลเลอร์เท่านั้นที่ได้เข้ามาใช้สถานที่แห่งนี้ คาร์ล
เดินไปตามทางอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเจอประตูเล็กๆบานหนึ่งเข้า
“มีอุปกรณ์เวทย์เตือนภัยอยู่ที่นี่ด้วย”
ราอนก้าวไปข้างหน้าเมื่อเห็นมุลเลอร์ยืนนิ่งโดยไม่คิดจะขยับไป
ที่ไหน ราอนสะบัดมือของตนเบาๆทาให้ประตูเล็กๆบานนั้นเปิด
ออกทันทีโดยไม่มีเสียงของสัญญาณเตือนภัยจากอุปกรณ์เวทย์
ให้ได้ยินเลยสักนิด มุลเลอร์ตะลึงอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
ในขณะที่คาร์ลก็ก้าวเข้าไปในประตูทันทีและไม่คิดสนใจกับ
ท่าทางเช่นนั้นของมุลเลอร์
‘เจอแล้ว!’
เขาพบสมบัติชิ้นแรกแล้ว
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหอคอยพลังเวทย์
ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืองานวิจัย 2 โครงการที่หอคอยพลัง
เวทย์แอบดาเนินการอย่างลับๆมาเป็นเวลานาน
ชื่องานวิจัยก็แสนเรียบง่ายและตรงไปตรงมาซึ่งไม่ต้องเดาทาง
ให้มากความ
‘อุปกรณ์จัดเก็บพลังเวทย์โดยใช้หลักการของพลังศักดิ์สิทธิ์
โบราณ’
‘สาเหตุที่ทาให้เกิดการต้านทานพลังเวทย์’
งานวิจัยที่ฮาโรนมีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะเอามันมา
ครอบครองให้ได้ มันเป็นงานวิจัยชิ้นสาคัญที่จะช่วยเหลือ
ประชาชนได้มากที่สุด สิ่งที่ยิ่งใหญ่และสร้างความได้เปรียบ
มากที่สุดต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว
“เยี่ยม….เยี่ยมมาก”
คาร์ลพบแฟ้มงานวิจัยทั้ง 2 ฉบับถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยในตู้
แก้วทรงกลมขนาดใหญ่สองใบ
ประชาชนที่ศรัทธาและเคารพในอานาจของพลังศักดิ์สิทธิ์
โบราณและฮาโรนผู้เกลียดชังพลังเวทย์แต่ยังต้องการที่ใช้พลัง
เวทย์ให้ได้ พวกเขาทั้งหมดจะรู้สึกดีแค่ไหนหากได้พบกับแฟ้ม
งานวิจัยทั้งสองฉบับนี้ (53380)
‘แต่สิ่งพวกนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นในเวลานี้อย่างแน่นอน’
เพราะสิ่งเหล่านี้ตกเป็นของเขาแล้ว
คาร์ลขยับไปใกล้วัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กึ่งกลาง
ระหว่างตู้แก้วทรงกลมทั้งสองใบ เขาสามารถเห็นตัวอ่อน
บางอย่างที่ลอยอยู่ในของเหลวสีใสในวัตถุทรงกลมนี้ มันดู
คล้ายๆกับไข่ยักษ์ของสัตว์บางชนิด
“มนุษย์…สิ่งนั้นดูน่าสนใจยิ่งนัก!”
ราอนเดินเข้าไปใกล้ไข่ยักษ์ใบนั้นก่อนจะแนบหน้าของมันให้ชิด
กับตู้แก้วที่เก็บไข่ยักษ์ใบนี้เอาไว้เพื่อสังเกตตัวอ่อนที่ลอยอยู่ใน
นั้นให้ชัดเจนมากขึ้น
คาร์ลขยับเข้าหาราอนและแตะไปที่หลังของมันเบาๆก่อนจะ
เอ่ยถามขึ้น
“เจ้าอยากได้มันไปเลี้ยงหรือเปล่า?”
“มันจะดีหรือ?…มนุษย์”
“ดีส…
ิ แต่ถ้ามันโตขึ้นมันจะกลายเป็นของข้าทันที”
“ตกลง!”
บทที่ 74 แตกต่างจากที่ตั้งใจ 6 (2)

เด็กน้อยวัยสี่ขวบยอมรับข้อตกลงอย่างมีความสุขดูเหมือนว่า
มันจะตั้งใจทางานทั้งหมดที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้คนอื่นได้รับ
ประโยชน์จากสิ่งที่มันทาให้ได้มากที่สุด คาร์ลยกยิ้มอย่างพอใจ
ในขณะที่กล่าวกับราอน
“มาเก็บกวาดทุกอย่างในนี้กันเถอะ!”
“ได้!…ข้าอยากรู้เกี่ยวกับพวกมันทั้งหมดเลย”
ดูเหมือนว่าคาร์ลควรจะสร้างห้องทดลองให้กับราอนในอนาคต
แล้วสินะ? คาร์ลยิ้มกว้างเต็มใบหน้าอีกครั้งเพราะรู้ดีว่าตัวอ่อน
และงานวิจัยทั้งสองฉบับนี้มีมูลค่ามากมายเพียงใด
“มุลเลอร์”
“เฮือก!….ห๊ะ?….ท่า….ท่านรู้จักชื่อข้าได้อย่างไร?”
คาร์ลสาวเท้าเข้าหามุลเลอร์ที่แอบอยู่ประตูทางเข้า มุลเลอร์
มองไปที่มังกรดาที่กาลังจัดเก็บเอกสารงานวิจัยและไข่ยักษ์เข้า
ไปไว้ในอีกมิติหนึ่งก่อนจะหันไปมองคาร์ลที่กาลังเดินเข้ามาใกล้
เขาทุกขณะ เขาไม่สามารถสั่งให้ร่างกายของเขาให้หยุดสั่นได้
เลย
“ไปห้องผู้ครอบครองกันเถอะ”
“ไ….ได้!”
“ราอน”
“มีอะไรหรือ?….มนุษย์”
“สร้างอุปกรณ์เวทย์เตือนภัยและกับดับเวทย์สัก2-3อย่างไว้ใน
นี้ด้วย”
ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่จะถูกค้นพบเมื่อหอคอยพลังเวทย์ถูกทาลายลง
อย่างราบคาบ ทูนก้าและฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เมื่อพวกเขาค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนี้และแน่นอนว่าคาร์ลไม่มี
ทางปล่อยให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันขาด
‘แม้ว่าพวกเขาจะพังพินาศเร็วขึ้นก็ตาม’
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของคาร์ลเลยสักนิด
คาร์ลมองดูราอนที่กาลังสร้างกับดักพลังเวทย์อย่างมีความสุข
ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“มนุษย์!…คนอื่นๆจะไม่สามารถนาสิ่งที่น่าสนใจที่อยู่ในนี้
ออกไปได้!…ข้าสร้างมันแล้ว!..พวกเขาจะตายทันทีหากก้าวเข้า
มาในนี้!”
คาร์ลดูเด็กสี่ขวบที่เอ่ยกับเขาด้วยความตื่นเต้นอย่างพอใจแต่
ใบหน้าของมุลเลอร์กลับซีดเผือดลงทันทีและคาร์ลก็ไม่คิดที่จะ
สนใจสภาพจิตใจของมุลเลอร์ในตอนนี้เช่นกัน เขารอจนกระทั่ง
ราอนสร้างกับดักพลังเวทย์จนเสร็จสิ้นและเข้าไปคว้าคอเพื่อยก
ตัวของมุลเลอร์ขึ้นทันที
“ไปห้องผู้ครอบครอง”
ประโยคสั้นๆที่ออกจากปากคาร์ลทาให้มุลเลอร์ตอบออกมา
เบาๆในขณะที่ตัวก็เหมือนจะหดเล็กลงเข้าเรื่อยๆด้วยความ
กลัว
“เอ่อ…เราต้องไปชั้นที่ 20 ก่อน”
ออนและฮงกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของคาร์ลทันที มุลเลอร์ ออน
และฮง ทั้งสามต่างแบ่งพื้นที่ภายในอ้อมแขนของคาร์ล มุล
เลอร์รู้สึกถึงอุ้งเท้าของฮงที่แตะอยู่แผ่นหลังของเขาและรู้สึกถึง
อากาศที่เริ่มหายไปช้าๆเหมือนกาลังจะตายให้ได้ สิ่งนี้
กลายเป็นแรงผลักดันให้เขาดึงความกล้าเพื่อจะพูดออกไป
“ข้า….ข้าเดินเองได้!”
ยังพูดไม่ทันขาดคาเขาก็ต้องยกมือขึ้นมาปิดปากไว้แน่นเพราะ
พวกเขากาลังเคลื่อนที่ไปด้วยความสูง มันไวมากจนหัวใจแทบ
ร่วงไปกองที่ตาตุ่ม คาร์ลเรียกใช้ ‘เสียงเรียกของวายุ’เพื่อรีบ
ขึ้นไปยังชั้นที่ 20 ให้ไวที่สุด
ร่างของมุลเลอร์เซไปด้านหลังก่อนจะพยายามฝืนกายให้ยืน
ตรงให้ได้เมื่อพวกเขาทั้งหมดขึ้นมาถึงชั้นที่20 แล้ว ร่างของเขา
ยังคงเซเพราะอาการวิงเวียนที่แล่นไปทั่วร่าง เขาต้องการใคร
สักคนที่ช่วยพยุงหรือพาเขาไปนั่งพักสักที่ ก่อนที่ออนจะเขามา
ช่วยเหลือเขาในเวลาต่อมา
“ข…ข…ขอบคุณมาก”
“เมี้ยวว!!!”
ออนส่งยิ้มให้มุลเลอร์อย่างอ่อนโยนแต่กลับทาให้มุลเลอร์สั่นไป
ทั้งร่างและพยายามเลี่ยงจากการสัมผัสโดนตัวของออน
จากนั้นก็เริ่มพูดออกมาเมื่อเห็นสายตาของคาร์ลที่ส่งมาให้เขา
ราวกับคาดคั้นให้เขาอธิบายถึงห้องลับนั้นเสียที
“จริงๆแล้ว…หอคอยพลังเวทย์ยังมีอีกชั้นหนึ่ง”
“ชั้นที่ 21 …คือห้องที่แท้จริงของผู้ครอบครองหอคอยพลัง
เวทย์ใช่หรือไม่?”
“ไม่…เราไม่ได้เรียกมันว่าชั้นที่ 21”
“แล้วเจ้าเรียกมันว่าอะไร?”
ห้องของผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์คือห้องที่ฝ่ายไม่ใช่นัก
เวทย์ไม่สามารถหามันพบได้ คาร์ลรู้เรื่องนี้เพราะมันมีอธิบายไว้
เพียงเล็กน้อยในนิยาย
<ถึงแม้ว่าฝ่ายที่ไม่ใช่นักเวทย์จะสามารถค้นพบชั้นใต้ดินชั้นที่
4ได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบห้องที่แท้จริงของผู้
ครอบครองหอคอยพลังเวทย์ได้ หากพวกเขาสามารถค้นพบ
มันได้อาณาจักรวิปเปอร์จะต้องแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่าง
แน่นอน>
คาร์ลได้ยินเสียงของมุลเลอร์แว่วผ่านเข้ามาในหูในเวลาต่อมา
“ชั้น‘ศูนย์’…เราเรียกมันว่าชั้นศูนย์”
“เตรียมตัวให้พร้อม”
“ได้!!”
คาร์ลหันไปมองผู้ที่ขานรับคาเขาอย่างรวดเร็วมุลเลอร์ไม่ได้
ร้องไห้อย่างน่าเวทนาอีกต่อไปแล้วทาให้คาร์ลยกยิ้มออกมา
ด้วยความพอใจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคาร์ลการ
เคลื่อนไหวของมุลเลอร์ก็ดูเหมือนจะยิ่งเร็วขึ้น แม้ว่าร่างของ
เขาจะยังคงสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังเคลื่อนไหวได้เร็วอยู่ดีเพราะ
ได้รับจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์สาคัญของการเป็นคนแคระและ
สัตว์อสูรจากเผ่าหนู
“โอ้!!!…”
คาร์ลอุทานออกมาด้วยความชื่นชม
ครืดดดด!!!!!!!
“ข้าไม่คิดมาก่อน..ว่าจะได้เห็นสิ่งนี้”
มุลเลอร์เคลื่อนย้ายของบางสิ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นห้องของผู้
ครอบครองก่อนที่จะมีอุปกรณ์บางอย่างโผล่ขึ้นมาแทนที่ คาร์ล
ได้ยินเสียงบางอย่างที่ฟังดูคล้ายกับการสับสวิตช์เพื่อเปิดการใช้
งานและในที่สุดมุลเลอร์ก็หยิบหินมนตราขึ้นมาวางในอุปกรณ์
ชิ้นนี้ก่อนจะมีเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
บูม!!!!!
เมื่อเสียงที่ดังก้องไปทั่วห้องได้เงียบลงก็ไม่ได้ทาให้คาร์ลรู้สึก
กังวลแต่ในตอนนี้เขากาลังรู้สึกงงและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“…..มุลเลอร์…อธิบายมา”
“ได้!”
ภายในห้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทุกสิ่งที่อยู่ภายในห้อง
ยังคงอยู่เช่นเดิม มุลเลอร์ยกมือขึ้นเพื่อชี้ไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่ง
ไม่ใช่บริเวณภายในห้องแต่เป็นบริเวณอื่น
“มันอยู่ตรงนั้น”
“…..ตรงนั้น?”
คาร์ลมองไปยังจุดที่มุลเลอร์ชี้ให้ดู
มันคือ ‘หน้าต่าง’
มันเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่คาร์ลใช้มันมองไปรอบๆเมื่อครั้งที่
ขึ้นมาสารวจดูเมื่อช่วงกลางวันนั่นเอง
“ท่านต้องกระโดดลงไป”
“…ออกไปนอกหน้าต่าง?”
“ใช่…ท่านจะไปยังชั้น‘ศูนย์’ได้ด้วยวิธีนี้”
มุลเลอร์เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเงาที่กาลังทอดยาวลงมาปก
คลุมไปทั่วทั้งร่างของตน เขามองเห็นสายตาที่เรียบเย็นของ
คาร์ลได้อย่างชัดเจน
“….เจ้ารู้ใช่มั้ย?….ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้ากาลังโกหกข้า”
แท่งเหล็กขนาดใหญ่ส่องประกายสะท้อนเข้าตามุลเลอร์ทันที
คาร์ลมองดูร่างอันสั่นเทาของมุลเลอร์ที่กาลังสั่นศีรษะและพยัก
หน้าให้เขาอย่างลนลาน คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาก่อนจะยกร่างของ
มุลเลอร์ขึ้นมา
“…อั้ยหยา!!!….ท่านกาลังจะทาอะไร?…ไหนท่านบอกว่าจะ
ปล่อยให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรเล่า?…ข้ายังไม่อยาก
ตาย!!!!!!!”
คาร์ลไม่สนใจเสียงของมุลเลอร์ที่ร้องขึ้นมาอย่างโหยหวน เขา
มองไปที่ราอนและลูกแมวทั้วสองก่อนจะมองออกไปนอก
หน้าต่าง คาร์ลถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นสายตาของเด็ก
ทั้งสามที่จ้องมายังเขา
“เจ้าไปก่อน”
“หา?….อะไรนะ?….อ๊ากกกก!!!”
ร่างของมุลเลอร์ถูกโยนลงไปนอกหน้าต่างทันที อย่างไรก็ตาม
พวกเขาที่เหลือต่างก็ไม่เห็นร่างของมุลเลอร์ตกลงไปกระแทก
พื้นดินเบื้องล่างแต่อย่างใด คาร์ลรีบกระโดดตามมุลเลอร์ไป
อย่างไม่ลังเลเช่นกัน
คาร์ลไม่จาเป็นต้องกังวลว่าตนจะได้รับประสบการณ์อัน
หวาดเสียวอย่างเช่นตกลงมาจากตึกยี่สิบชั้นเมื่อเห็นตัวอย่าง
จากมุลเลอร์แล้ว
ตึก!!!!
เท้าของเขาสัมผัสเข้ากับพื้นกระเบื้องในเวลาต่อมา
“นี่คงเป็นการใช้พลังเวทย์สินะ?”
ห้องที่แท้จริงของผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์ได้ปรากฏต่อ
หน้าเขาแล้วในเวลานี้ คาร์ลเริ่มสารวจไปรอบๆห้องและใน
เวลาเดียวกันก็ได้ยินเสียงของเด็กๆที่พูดคุยกันอยู่ทางด้านหลัง
เขาเช่นกัน
“ไม่นะ!…ข้าพูดไม่ออกเลย?…ตอนนี้ข้ากาลังเห็นอะไรอยู่?”
“ฮง….ตาของพี่ยังใช้การได้อยู่…แต่นี่มันแปลกมากเลย?”
“ว้าว!!!!”
ราอนเพียงแค่อุทานออกมาด้วยความชื่นชมกับสิ่งที่ปรากฏต่อ
หน้าเขา
คาร์ลเริ่มยิ้มเต็มใบหน้า
< ผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่โลภมากที่สุด
ผู้หนึ่ง..เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตของเขาจึงทาให้เขาเต็มไป
ด้วยความโลภและทะเยอทะยาน>
ทั้งทองคา อัญมณีเกือบทุกชนิด อุปกรณ์เวทย์ เงิน และสิ่งมี
ค่าทั้งหมดต่างก็อยู่เต็มทั่วพื้นที่บนชั้นศูนย์แห่งนี้
ห้องทั้งห้องนั้นสว่างจ้าและเต็มไปด้วยข้าวของมีค่าต่างๆที่มี
มูลค่าเป็นเงินได้อย่างมหาศาล
< ความโลภที่เขามีเกือบอยู่ในระดับเดียวกับมังกรวัยผู้ใหญ่เสีย
ด้วยซ้า>
“มันทาให้นึกถึงถ้ามังกรจริงๆนั่นล่ะ”
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังอุปกรณ์เวทย์ที่ตั้งรวมกันอยู่มุมหนึ่งในห้อง
ไม่มีอุปกรณ์เวทย์ชิ้นใดในห้องนี้ที่มีราคาถูก ทุกๆชิ้นต่างถูก
ประดับไปด้วยอัญมณีราคาแพง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขา
สร้างมันขึ้นมาเพื่อขุนนางระดับสูงหรือราชวงศ์
ทั่วทั้งห้องต่างเต็มไปด้วยเครื่องมือเวทย์พวกนี้
ผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์เลือกจะไม่ใช้อุปกรณ์เวทย์
เหล่านี้แม้ว่าความตายจะอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาแล้วก็ตาม
นั่นเป็นเพราะการใช้เครื่องมือเวทย์เหล่านี้ไม่ใช่เพื่อตัวของเขา
เองแต่เพื่อทุกๆคนในหอคอยพลังเวทย์ต่างหาก
คาร์ลยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าเขาเอาไว้ เขาสามารถ
จินตนาการเห็นชีวิตของคนเกียจคร้านที่แสนสุขสบายเมื่อมอง
ลอดช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
คาร์ลไม่ได้กลั้นเสียงหัวเราะของตนเอาไว้เขาปล่อยให้เสียง
หัวเราะออกมาดังลั่นห้องด้วยความสะใจ มุลเลอร์หันไปมอง
คาร์ลก่อนจะมองไปรอบๆห้อง มันเป็นห้องที่เขาเคยได้ยินมา
นับครั้งไม่ถ้วนแต่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เห็นมันด้วยตาของ
ตัวเอง เขาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบเอาเข็มกลัดทองคาที่อยู่ใกล้ๆ
ตัวเขามาถือเอาไว้ (53380)
เมี้ยววว!!!!
แต่ทั่วทั้งร่างของเขาต่างหนาวเย็นทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น
ออนและฮงส่ายหางของพวกมันเบาๆในขณะที่สายตาของพวก
มันก็จ้องเขม็งไปที่มุลเลอร์ ก่อนที่มังกรดาจะเริ่มสาวเท้าเข้ามา
ใกล้ร่างของมุลเลอร์เช่นกัน มุลเลอร์รีบปล่อยเข็มกลัดทองคา
ออกจากมือของเขาอย่างรวดเร็ว
หนูที่มีอายุถึงสามสิบปีไม่สามารถทาอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง คาร์ลมีรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าของเขาเมื่อ
หันมามองเด็กๆทั้งสาม
“เรารวยแล้ว!”
การได้ยินเสียงอันเรียบเย็นที่แตกต่างจากท่าทางของคาร์ล
ในตอนนี้ ทาให้ออน ฮงและราอนเริ่มยิ้มออกมา มันเป็น
ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความร่าเริงและคึกคักไม่
ต่างกับงานเลี้ยงฉลองที่กาลังจัดกันอยู่ด้านล่างเลยสักนิด
ชายผู้เป็นสัตว์อสูรจากเผ่าหนูและคนแคระมองรอยยิ้มของ
พวกเขาทั้งสี่ด้วยความหวาดกลัว
บทที่ 75 คนดี 1 (1)

หลังจากพากันกลับมาจากหอคอยพลังเวทย์ได้อย่างปลอดภัย
คาร์ลรีบกลับไปยังกระโจมส่วนตัวของตนทันที ซึ่งในเวลานี้บา
รอคยังคงยืนเฝ้าอยู่หน้ากระโจมของคาร์ลอยู่เช่นเดิม บารอค
แสร้งทาเป็นไม่เห็นร่างของคาร์ลที่เดินผ่านเข้าไปในกระโจม
และคาร์ลเองก็ไม่เอ่ยสิ่งใดกับเขาเช่นกัน
และแน่นอนว่าในตอนนี้มุลเลอร์ก็อยู่กับเขาด้วย
คาร์ลปล่อยร่างของมุลเลอร์ลงที่พื้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบน
โซฟา ส่วนมุลเลอร์ค่อยๆคุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าคาร์ล แม้ว่า
ไม่จาเป็นต้องทาเช่นนั้นแต่คาร์ลก็ไม่คิดจะสนใจห้ามอยู่ดี เขา
เพียงต้องการเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกไปโดยไม่อ้อมค้อมให้
เสียเวลา
“ข้าจะให้ที่นอนอันอบอุ่นและที่พักที่ปลอดภัยสาหรับเจ้า…เจ้า
จะไม่ตายอย่างแน่นอน..อ้อ!และสุดท้ายข้าจะมอบอิสระให้แก่
ตัวเจ้าอย่างแน่นอน”
“จริงหรือ?”
“อืม…”
คาร์ลทรุดเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อให้ร่างของเขาอยู่ในระดับเดียวกับ
มุลเลอร์ที่ยังคงปักหลักคุกเข่าตรงหน้าเขาอยู่เหมือนเดิม
“อย่างแรก..ข้าต้องส่งเจ้าออกจากอาณาจักรวิปเปอร์ก่อน”
รูม่านตาของมุลเลอร์ขยายกว้างขึ้นและค่อยๆเป็นประกายจ้า
ในเวลาต่อมา เขากลัวเหล่าประชาชนและกลุ่มที่ไม่ใช่นักเวทย์
เป็นอย่างมาก แค่คิดว่าตนสามารถออกไปจากอาณาจักรวิป
เปอร์ได้ก็ทาให้เขามีความสุขมากแล้ว ในขณะที่คาร์ลก็ค่อยๆ
บรรจงติดเข็มกลัดทองคาลงบนปกคอเสื้อของมุลเลอร์
มันเป็นเข็มกลัดทองคาที่มุลเลอร์พยายามหยิบมันออกมาจาก
ห้องผู้ครอบครองเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่มีทางที่คาร์ลจะไม่เห็นสิ่งที่
เกิดขึ้นภายในห้องนั้น ใบหน้าของมุลเลอร์เริ่มซีดเผือดลง
เรื่อยๆด้วยความตกใจ
“ข้าจะมอบสมบัติเช่นนี้ให้กับเจ้าอีก..ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะ
สามารถทางานชิ้นที่เยี่ยมที่สุดให้แก่ข้าได้หรือไม่?”
“….ได้…ได้!!..ข้าจะทางานที่ท่านสั่งให้ดีที่สุด…มันจะเป็นงาน
ชิ้นเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน!”
“ดี!…ถ้าเช่นนั้น..เจ้าจงไปออกแบบปราสาทสักหลังและเรือสัก
ลาให้กับข้าซะ!”
“อะไรนะ?”
มุลเลอร์คือผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลผู้
พิทักษ์ที่มีฝีมือในการออกแบบพัฒนาและประดิษฐ์สิ่งต่างๆได้
ยอดเยี่ยมที่สุด สิ่งที่คาร์ลต้องการจากมุลเลอร์คือการให้เขา
ออกแบบและพัฒนาสิ่งต่างๆเพื่ออานวยความสะดวกให้แก่ตน
“ออกแบบบางอย่าง…ที่มีโครงสร้างอันแข็งแกร่งและโดดเด่น
คล้ายๆกับหอคอยพลังเวทย์นั่นไงล่ะ?”
คาร์ลต้องการบ้านที่แสนอบอุ่นและปลอดภัยที่สุดรวมไปถึง
พาหนะที่ใช้เดินทางที่แข็งแรงที่สุดอีกด้วย
“แล้วข้าจะสร้างมันได้อย่างไร?”
คาถามของมุลเลอร์ทาให้คาร์ลคิดถึงสัญลักษณ์ประจาตระกูล
ของตน
‘เต่าสีทอง’
มันมีความคิดแวบหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวเมื่อนึกถึงเต่าสีทอง
เขาจินตนาการถึงเรือและเต่ามารวมกัน คิมร็อกโซยังคงจาเรือ
รบเต่าของเกาหลี[1]ได้เป็นอย่างดีแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร
เกี่ยวกับมัน สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงเรือสักลาที่สามารถใช้
สัญจรและใช้ขนส่งสิ่งต่างๆได้อย่างปลอดภัยก็พอ เรือรบเต่า
ของเกาหลีที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าตื่นเต้นเช่นนั้นจึงยังไม่
จาเป็นสาหรับเขาเท่าใดนัก
“…ตราประจาตระกูลของข้าคือเต่าสีทอง…เจ้าพอจะคิดออก
หรือไม่?”
มุลเลอร์ต้องจัดการสิ่งนี้ตามคาสั่งของเขาอยู่ดี แม้ว่าเขาไม่รู้ว่า
ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร? แต่คาร์ลมั่นใจว่าเขาจะต้องเข้มงวดและ
จับตามองมุลเลอร์เอาไว้ให้ดี
“ทางานให้หนักราวกับว่าชีวิตของเจ้าขึ้นอยู่กับมัน!…ออน!ฮง!..
ต่อจากนี้พวกเจ้าจงจับตาดูเขาไว้ให้ดีๆ”
“เมี้ยว!!!”
“ข้าจะจับตาดูเขา!…มันต้องสนุกอย่างแน่นอน!”
มุลเลอร์ดูอ่อนแอกว่าเด็กๆพวกนี้จริงๆ เขาดูเด็กกว่าพวกลูก
แมวสองตัวนี้เสียอีก
“ข..ข้าจะทางานให้หนัก!”
คาร์ลได้ยินเสียงของมุลเลอร์ที่รับคาเขาอย่างหนักแน่น เขา
ค่อนข้างพอใจกับสิ่งต่างๆที่ลงมือทาในวันนี้ยิ่งนัก
เขายังคงได้ยินเสียงของผู้คนที่ยังคงร้องเพลงเต้นรารอบกองไฟ
อย่างสนุกสนานงานเลี้ยงฉลองยังคงดาเนินต่อไปแม้ว่าตอนนี้
จะใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนแล้วก็ตาม
มันช่างเป็นคืนที่หนวกหูเสียจริง
************************************************
*****************
งานเลี้ยงฉลองดาเนินต่อไปจนถึงเวลาเช้าตรู่ก่อนจะจบลงใน
ที่สุด หลังจากนั้นทั่วทั้งบริเวณก็พลันเงียบสงบลงทันที อย่างไร
ก็ตามช่วงเวลาอันเงียบสงบก็ยังคงดาเนินไปอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งถึงเวลาที่คนส่วนใหญ่เริ่มลุกขึ้นมาทาภารกิจของ
ตนเอง
“ท่านรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือ?”
คาร์ลโบกมือปฏิเสธให้กับคาถามของหัวหน้าฮาโรน
“อืม…รู้สึกเฉยๆแล้วล่ะ”
สภาพของคาร์ลดูดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้จากการทางานของ
‘พละกาลังแห่งดวงใจ’
“แล้วพวกเจ้าล่ะ…ไม่ห่วงสุขภาพของตัวเองกันหรือไง?”
ดูเหมือนฮาโรนและหัวหน้าคนอื่นๆจะมีสภาพที่อ่อนเพลียและ
เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่ได้อ่อนแอ!”
ทูนก้าที่นั่งอยู่มุมโต๊ะข้างๆกับฮาโรน เขายังคงมีอาการเมาค้าง
และตะโกนตอบออกมาอย่างหงุดหงิด คาร์ลเลือกที่จะไม่สนใจ
ทูนก้าและยังคงสนทนากับฮาโรนต่อไป
“ดูเหมือนว่าทุกๆอย่างจะคืบหน้าเร็วกว่าที่ข้าคาดเอาไว้เสีย
อีก”
“…..ไม่มีเหตุผลที่จะทาให้มันยืดเยื้อต่อไปนี่นา…นายน้อย
คาร์ล”
ผ่านไปเพียงแค่วันเดียวก็ถึงเวลาเซ็นสัญญาทาการซื้อขาย
หอคอยพลังเวทย์ แม้ว่ามันควรจะใช้เวลาที่นานกว่านี้แต่การ
ดาเนินการต่างๆจะรวดเร็วมากขึ้นหากมีฝ่ายหนึ่งอยู่ในภาวะ
เร่งด่วน
“ฟังเข้าท่าดีนี่?..นี่คงเป็นเพราะพวกเจ้ากาลังรีบกันสินะ?”
ไม่ว่าพวกเขาจะพยามทาสิ่งต่างๆเพื่อหาเงินมากเพียงใดก็ตาม
กลุ่มที่ไม่ใช่นักเวทย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนยากจนก็ยังคงขัด
สนเรื่องเงินทองอยู่ดี ราชวงศ์ของอาณาจักรวิปเปอร์มอบเงิน
เป็นจานวนมากให้แก่นักเวทย์เพื่อพัฒนาศักยภาพของหอคอย
พลังเวทย์ให้มากขึ้น ซึ่งในมุมมองของพวกเขามองว่ามันเป็น
สิ่งที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์และไร้ค่าที่สุดแล้ว แต่การที่จะให้กลุ่ม
คนที่ไม่ใช่นักเวทย์ขายอุปกรณ์เวทย์ที่พวกเขามองว่าเป็นสิ่งไร้
ค่าเพื่อหาเงินเข้าค่ายหลังจากก่อกบฏขึ้นก็นับเป็นสิ่งที่สามารถ
สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ศักดิ์ศรีของพวกเขาได้มากทีเดียว
ดังนั้นสิ่งต่างๆจะต้องดาเนินอย่างเร่งด่วนที่สุดเพื่อศักดิ์ศรีของ
พวกเขา
แต่เรื่องที่สาคัญที่สุดคือฮาโรนต้องหาทางเขี่ยคาร์ลให้พ้นจาก
อาณาจักรวิปเปอร์ให้เร็วที่สุดต่างหาก
“ท่านได้อ่านสัญญาหรือยัง..นายน้อยคาร์ล?”
“อืม…ข้าอ่านมันทันทีที่ได้รับมัน”
ยอดรวมทั้งหมดเป็นมูลค่ามากกว่าหนึ่งหมื่นล้านแกลลอนไป
อีกเล็กน้อย เพราะยอดนี้ได้รวมเข้ากับราคาที่ดินที่อยู่บริเวณ
ใกล้เคียงหอคอยพลังเวทย์อีกบางส่วน
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง…ข้าจะทาลายมันภายในหนึ่งปีนี้อย่าง
แน่นอน!”
สัญญาดังกล่าวได้ระบุเอาไว้ แม้ว่าคาร์ลจะซื้อหอคอยพลัง
เวทย์ไปแล้วแต่เขาก็ต้องการทาลายมันลงหลังจากผ่านพ้นไป
หนึ่งปี
เขาจะไม่เคลื่อนย้ายโครงสร้างของอาคารหอคอยพลังเวทย์ไป
ไว้ที่อื่น
เขาจะไม่รวบรวมนักเวทย์ทั้งหมดภายใต้ชื่อ‘คาร์ล เฮนิตัส’เป็น
อันขาด
“…ข้าล่ะไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ”
ทูนก้าเหลือบมองคาร์ลที่ทาตัวเหมือนพวกคนรวยที่มาอวดเบ่ง
ความมั่งคั่งของตนเองให้คนอื่นเห็นเล่นๆเท่านั้น แต่คาร์ลเพียง
แค่ยักไหล่ของตนขึ้นเท่านั้น
“ข้าแค่อยากลองมีโอกาสเป็นเจ้าของตึกสูงที่สามารถชมวิวไป
รอบๆได้อย่างสบายใจก็เท่านั้น…มันคงจะดีหากได้มีโอกาสเป็น
เจ้าของตึกสูงเป็นลาดับที่สอง…รองมาจากหอระฆังขององค์
จักรพรรดิ”
ทูนก้ามองหน้าคาร์ลอยากเหลือเชื่อกับความคิดเช่นนี้ก่อนจะ
เลื่อนสัญญามาไว้ตรงหน้าคาร์ลราวกับไม่อยากจะคิดอะไรให้
ซับซ้อนมากไปกว่านี้
“แค่ประทับลายนิ้วมือของเจ้าไว้บนนี้ก็เป็นอันเสร็จ…พอดีข้า
รีบ!..ข้าสัญญากับลูกน้องของเจ้าที่ชื่อฮิลส์แมนเอาไว้ว่าวันนี้จะ
ไปซ้อมมวยกับเขา…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ”
สีหน้าของคาร์ลเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินชื่อของรอง
หัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมน คาร์ลรู้ดีว่าฮิลส์แมนค่อนข้างเก่งใน
การเข้าสังคม เขาเริ่มพูดคุยและสนิทสนมกับคนอื่นๆในค่าย
แห่งนี้อย่างรวดเร็ว แม้แต่เชวฮันก็มาเล่าให้คาร์ลฟังว่ามันเป็น
เรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่ได้เห็นภาพเช่นนี้
“ท่านต้องประทับลายนิ้วมือลงตรงนี้”
ฮาโรนยื่นแท่นหมึกให้กับคาร์ล จังหวะนั้นสายตาของคาร์ลและ
ฮาโรนก็สบเข้ากันพอดี ฮาโรนจ้องตาของคาร์ลราวกับกาลัง
อ่านเจตนาที่แท้จริงของคาร์ลให้ได้แต่คาร์ลก็เพียงส่งยิ้มใส่
ดวงตาของฮาโรนเท่านั้น
ฮาโรนไม่อยากขายหอคอยพลังเวทย์ให้กับคาร์ลเพราะเขา
ยังคงสงสัยในบางเรื่องอยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกมาก
นักเพราะพวกเขายังมีความจาเป็นต้องจัดหาสิ่งต่างๆที่จาเป็น
จากเงินที่ได้รับจากการขายหอคอยพลังเวทย์ให้กับคาร์ล มัน
เป็นเรื่องยากหากจะปฏิเสธผลประโยชน์ดังกล่าว
“นี่ๆ!ตรงนี้…ข้าก็จะประทับลายนิ้วมือของข้าลงตรงนี้เช่นกัน…
เจ้าก็ประทับมันได้แล้ว!”
ทูนก้าพูดขึ้นด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า มันเป็นท่าทางที่บอก
กลายๆว่าให้ยอมโง่สักครั้งเพื่อให้สามารถดาเนินการได้โดยเร็ว
มากกว่า ทูนก้าประทับลายนิ้วมือลงในสาเนาสัญญาโดยไม่มี
อาการลังเลแต่อย่างใดก่อนที่คาร์ลจะประทับลายนิ้วมือของตน
ลงบนสัญญาที่เป็นสาเนาทั้ง2ฉบับ จากนั้นก็เก็บสาเนาหนึ่ง
ฉบับไว้ในกระเป๋าของตน ตอนนี้ก็ถึงคราวของบิลอสแล้ว
“ข้า…บิลอส ฟลินน์..ในฐานะตัวแทนของสมาคมการค้าฟ
ลินน์…จะทาหน้าที่เป็นพยานและเป็นตัวกลางในการโอนเงิน
ให้แก่พวกท่าน”
ทูนก้าพยักหน้าตอบรับและยื่นมือออกมาด้านหน้า ก่อนที่คาร์ล
จะยื่นมือของเขาไปจับเอาไว้
“แจ้งให้พวกข้าทราบได้ทุกเมื่อ…หากเจ้าต้องการความ
ช่วยเหลือในการทาลายหอคอยพลังเวทย์นั่นข้ายินดีช่วยเจ้าใน
การลงมือทาลายตึกที่แสนโสโครกนั้นตลอดเวลา”
“แน่นอน”
“เจ้าจะต้องรู้สึกภูมิใจที่ได้ทาข้อตกลงร่วมกับพวกข้า…ใครบ้าง
ล่ะ?จะมีโอกาสได้ทาข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
คาร์ลสบตาเข้ากับทูนก้าที่กาลังเพิ่มแรงกระชับลงบนมือของ
เขาแน่นขึ้น
“เราจะทิ้งสิ่งนี้เอาไว้ให้มันได้รับการถูกจารึกในประวัติศาสตร์
ของทวีป!….แม้แต่ตัวเจ้าเองก็สามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆและ
สามารถพูดกับคนอื่นๆได้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตของเจ้ามีโอกาสได้
รู้จักข้า!..ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
จารึกในประวัติศาสตร์ตูดแกนะสิ! แม้แต่การพ่ายแพ้ก็ถูกเขียน
ลงไปในประวัติศาสตร์เช่นกัน ในนิยายเล่มที่ห้าได้กล่าวถึงการ
สิ้นสุดของพวกเขาในเร็วๆนี้และตัวคาร์ลเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิด
อะไรขึ้นหลังจากนั้นเช่นกัน
“ข้าจะรอฟังแล้วกัน”
คาร์ลแสร้งพูดขึ้นมาเพื่อให้เกียรติกับคากล่าวของทูนก้า
การทาข้อตกลงและเซ็นสัญญาร่วมกันของทั้งสองฝ่ายก็สิ้นสุด
ลงในเวลาต่อมา
คาร์ลเดินออกมาจากกระโจมหัวหน้าค่ายและมุ่งหน้ากลับไปยัง
กระโจมส่วนตัวทันที แน่นอนว่าบิลอสก็รีบเดินตามหลังเขา
ออกมาเช่นกัน ทันทีที่คาร์ลเดินเข้ามาในกระโจมของตนเขาก็
สังเกตเห็นใบหน้าของบิลอสที่เริ่มเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
นั่นเป็นเพราะคาร์ลนาแผ่นป้ายทองคาออกมาจากกระเป๋าของ
ตนก่อนจะหันไปมองรอบๆกระโจมอีกครั้งหนึ่ง เขาใช้นิ้วกดลง
บนด้านบนของแผ่นป้ายทองคาคล้ายๆกับการเปิดฝา
“โอ้… ~~!”
บิลอสไม่สามารถห้ามเสียงอุทานของตนได้ เขาเพียงแต่ปล่อย
เสียงออกมาอย่างชื่นชมเมื่อเห็นตราประทับอันเป็นสัญลักษณ์
ของราชวงศ์แห่งอาณาจักรโรมันปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“เจ้าต้องรู้สึกตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรือไง?”
คาร์ลหัวเราะให้กับท่าทางของบิลอสก่อนจะประทับตราลงบน
กระดาษแผ่นหนึ่ง ตราประทับอันเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์
โรมันจะหายไปทันทีหลังจากที่เขาใช้มันครบทั้งสองครั้งแล้ว
คาร์ลยื่นกระเป๋าเวทย์ของตนไปให้บิลอสที่ยังคงจ้องแผ่นป้าย
ทองคาด้วยความโลภ
“นี่ใช่กระเป๋าเวทย์ที่กระผมหามาให้ใช่—-?’
“เปิดดูสิ!”
บิลอสรีบเปิดดูกระเป๋าเวทย์ที่เขาขายมันให้กับคาร์ลเมื่อได้ยิน
คาสั่งที่เป็นการเร่งให้เขาเปิดดูมันเสียที
“ว้าว…!!!!”
เขาสามารถเห็นอุปกรณ์เวทย์หลากหลายชิ้นที่ถูกเก็บใน
กระเป๋าเวทย์ใบนี้ พวกมันทั้งหมดคืออุปกรณ์เวทย์สาหรับขุน
นางชั้นสูงและเหล่าเชื้อพระวงศ์ก่อนที่เขาจะได้ยินคาร์ลพูดขึ้น
“เจ้าจะได้รับกระเป๋าเวทย์เหมือนกับใบนี้อย่างน้อยอีกสัก2-3
ใบในอนาคตข้างหน้า…ค่อยๆทยอยขายมันออกไปหลังจากที่
ได้รับมันไปแล้วสักประมาณ1เดือน”
บิลอสกากระเป๋าในมือตนแน่นขึ้นและเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“กระผมจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่หรือขอรับ?”
“ 30 %”
“มากขนาดนั้นเชียวหรือขอรับ?”
บิลอสไม่สามารถซ่อนความตกใจบนใบหน้าของตนไว้ได้ มัน
อาจไม่ได้เป็น30%ที่ตีเป็นมูลค่าของเงินได้มากนักแต่นายน้อย
คาร์ลที่เขารู้จักนั้นค่อนข้างรอบคอบและงกพอสมควร
นั่นคือเหตุผลที่เขาคาดเอาไว้ว่าจะได้รับส่วนแบ่งมากที่สุดก็คง
สัก20% เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุปกรณ์เหล่านี้คือ
สินค้าที่หายากและไม่มีการผลิตออกมาขายอีกต่อไปแล้ว
“หัวหน้าสมาคมการค้า”
เสียงที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากคาร์ลอย่างตั้งใจนั้นวิ่งผ่านเข้าไป
ในหูของบิลอสอย่างรวดเร็ว
“ตาแหน่งที่เจ้าต้องการนักหนาและเจ้าจะต้องเข้ารับตาแหน่งนี้
โดยเร็วที่สุด!…อาณาจักรทางตอนเหนือและมหาสมุทรอันกว้าง
ใหญ่จะถูกพลิกคว่าในไม่ช้า”
“….จะเกิดสงครามอีกหรือขอรับ?”
“อย่าเอาไปบอกใครล่ะ”
“ทาไมกระผมต้องแบ่งปันสิ่งมีค่าเช่นนี้กับผู้อื่นด้วยล่ะขอรับ?”
(53380)
บิลอสรีบเก็บกระเป๋าเวทย์ที่คาร์ลมอบให้เข้ากระเป๋าเสื้อตนเอง
อย่างระมัดระวัง
“หากนายน้อยต้องการสิ่งใด….โปรดแจ้งให้กระผมทราบได้ทุก
เมื่อเลยนะขอรับ”
“แน่นอน…หากเป็นไปได้เจ้าก็เริ่มติดต่อกับลุงของเจ้าไว้
ล่วงหน้าด้วยล่ะ”
ลุงของบิลอส?ตาแก่ที่ชื่อ‘โอเดียส ฟลินน์’ เขาถือเป็นผู้มี
อิทธิพลคนหนึ่งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมัน
“ทาไมต้องเป็นลุงของกระผมด้วยล่ะขอรับ?”
อีกไม่ช้าแล้วที่มังกรน้อยราอนจะได้ทาการชาระแค้นเสียที
“มันย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว…และเจ้าก็ไม่จาเป็นต้องรู้ในเรื่องนี้
เช่นกัน”
“อ่า….กระผมเข้าใจแล้ว”
[1] เรือรบเต่า (คอบุกซ็อน, 거북선) เป็นเรือรบของเกาหลี
ซึ่งเป็นเรือรบหุ้มเกราะโลหะลาแรกของโลก
บทที่ 75 คนดี 1 (2)

บิลอสไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีกเพียงแค่ยื่นอุปกรณ์เวทย์
สื่อสารให้กับคาร์ลแทน มันเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งนักเมื่อเขาต้อง
ทางานอย่างหนักเพื่อจัดหามันมาให้แก่คาร์ลแต่คาร์ลที่เพิ่ง
หยิบมันออกจากมือเขาไปเมื่อครู่นี้กลับโยนมันลงบนเตียงนอน
ของเขาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางอันเป็นปกติซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัว
ของนายน้อยคาร์ลเช่นนี้แล้ว บิลอสจึงตัดสินใจที่จะออกไปจาก
กระโจมส่วนตัวของคาร์ลเสียที

“เอาไว้ครั้งหน้า…กระผมจะติดต่อนายน้อยผ่านอุปกรณ์เวทย์
สื่อสารนะขอรับ”

“ได้สิ”
ก่อนที่คาร์ลจะเรียกเด็กๆให้เข้ามาหาเขาเมื่อเห็นว่าบิลอสออก
ไปพ้นกระโจมของเขาแล้ว

“เด็กๆ…เข้ามาได้แล้ว”

เมี้ยววว!!!!!

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีคาร์ลก็เห็นร่างของออนและฮงเดินนาเด็ก
คนอื่นๆเข้ามาในกระโจมก่อนจะเริ่มเอ่ยกับพวกมัน

“ระยะเวลา…—–”
เขาต้องหยุดพูดกลางประโยคและถอนหายใจยาวออกมา เขา
ขมวดคิ้วมุ่นและแสดงอาการหงุดหงิดออกมาทันที

“ฮิลส์แมน”

“ขอรับ?”

รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนนั้นมีสภาพที่โทรมและมีกลิ่น
เหม็นของเหล้าหลังจากที่เพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงฉลองจนถึง
เช้าตรู่ อย่างไรก็ตามอาการโดยรวมของเขาก็ยังดูเป็นปกติดี

จากรายงานที่เขาได้รับจากบารอคนั้นทาให้เขาทราบว่าฮิลส์
แมนร่วมฉลองกับเหล่าประชาชนในค่ายอย่างสนุกสนาน เขา
สนุกกับมันมากและสามารถเข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดีจน
สามารถกอดคอพูดคุยกับคนอื่นๆได้อย่างสนิทสนมก่อนจะกลับ
มาถึงกระโจมของตัวเองเมื่อตอนเช้าตรู่

“งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้..สนุกดีหรือไม่?”

“สนุกมากขอรับ…กระผมได้เพื่อนใหม่มาเยอะเลย!”

ถึงแม้ว่าฮิลส์แมนจะเป็นคนขี้อิจฉาแต่การเข้าสังคมของเขานั่น
ถือว่าเชี่ยวชาญจนหาคนเทียบได้ยากทีเดียว

―ถ้าจะส่งเขาไปกับล็อก…จะดีหรือเปล่านะ?‖
คาร์ลค่อนข้างกังวลแต่ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีไปมากกว่านี้เช่นกัน
เขามองดูล็อกและเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินสลับกับมองไป
ที่ฮิลส์แมน ก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่เขาค้างเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้

“ระยะเวลาหนึ่งเดือน”

คาร์ลกาลังวางแผนที่จะเริ่มทาข้อตกลงกับล็อกในช่วง
ระยะเวลานี้ เขากางแผนที่ลงบนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าของเขา
ก่อนจะชี้ไปยังตาแหน่งของภูเขาที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ
อาณาจักรวิปเปอร์

“ เจ้าต้องไปหาของบางอย่างให้กับข้า….มันอยู่ที่―ภูเขาเยลลี‖…
และนามันกลับมาให้ข้าให้ได้”
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ถูกฝังอยู่ในภูเขาที่ชื่อว่า
―ภูเขาเยลลี‖

“เอ่อ….นายน้อยขอรับ?”

“ว่าอย่างไร?…รองหัวหน้าองครักษ์”

“กระผมเคยได้ยินเกี่ยวกับภูเขาลูกนั้น…มันเป็นภูเขาที่สูงชัน
และมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี…กระผมเคยได้ยินมาว่ามันเป็น
หนึ่งในสามของภูเขาที่อันตรายที่สุดในทวีปตะวันตก”

“แล้วยังไง?”
คาร์ลหันไปมองล็อกแทนที่จะสนใจกับท่าทางอึกอักของฮิลส์
แมนที่ไม่สามารถตอบคาถามของเขาได้

“เจ้าทามันได้?…ใช่มั้ย?”

“ใช่…ข้าทาได้!”

ล็อกเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล เขายังมีความขี้อายและไร้เดียงสา
อยู่บ้างแต่ก็นับว่ามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมและดูแตกต่าง
จากเมื่อครั้งที่เข้าพบคาร์ลเป็นครั้งแรก

“เมส”
“ขอรับ!”

“พวกเจ้าที่เหลือไม่จาเป็นต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขานั่นหรอก
นะ…เพียงแค่อยู่รอและคอยให้การช่วยเหลือล็อกจากด้านล่างก็
พอ”

เมสและเด็กๆที่เหลือเริ่มสบตากันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
กันอย่างเร่งด่วนก่อนจะเอ่ยตอบรับกับคาสั่งของคาร์ลอย่าง
จริงจัง

“ได้!….พวกเราจะแสดงให้ท่านคาร์ลเห็นถึงความสาเร็จของ
ภารกิจนี้อย่างแน่นอน!”
“เอ่อ….พวกเจ้าไม่จาเป็นต้องกระตือรือร้นกับมันมากนักหรอก
นะ”

คาร์ลหันไปโบกมือเร็วๆให้กับเด็กๆเพื่อไม่ให้พวกเขาจริงจังกับ
มันมากนักก่อนจะพูดกับฮิลส์แมนอีกครั้ง

“ส่วนเจ้าคือผู้นาในการเดินทางครั้งนี้…จงคอยให้คาแนะนาแก่
เด็กๆและเลี้ยงดูพวกเขาให้ดี..แล้วให้พวกเด็กๆพักผ่อนให้
เพียงพอด้วยล่ะ”

“…ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว…กระผมก็ไม่ต้องปีนเขาใช่มั้ยขอรับ?”

ฮิลส์แมนยกมือขึ้นเกาศีรษะของตนเบาๆอย่างนึกอายเมื่อเริ่ม
พึมพาบางอย่างออกมาให้คาร์ลฟัง
“คือ….กระผมกลัวความสูงนะขอรับ”

ชายคนนี้มีความคิดที่จะทาอะไรให้สมกับตาแหน่งรองหัวหน้า
องครักษ์บ้างหรือเปล่า? คาร์ลเกิดคาถามมากมายผุดเข้ามาใน
หัวของเขาเกี่ยวกับมาตรฐานการคัดเลือกองครักษ์ในตระกูลเฮ
นิตัส

“ทาในสิ่งที่เจ้าต้องการเถิด”

“ขอรับ!…กระผมจะเป็นผู้นาที่ยอดเยี่ยมและปกป้องเด็กๆพวก
นี้ให้ดีที่สุด!…อ้อ!..นายน้อยขอรับ?…หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว
พวกเราต้องไปพบนายน้อยที่ไหนหรือขอรับ?”
คาร์ลชี้ไปยังตาแหน่งหนึ่งบนแผนที่เพื่อให้คาตอบแก่ฮิลส์แมน

“…..ตรงนั้นหรือขอรับ?”

“ใช่”

“เอ่อ…นายน้อยแน่ใจนะขอรับ?…ว่าไม่ได้ชี้ผิดจุด”

ตาของฮิลส์แมนไม่สามารถละออกจากตาแหน่งที่คาร์ลชี้ลงไป
ได้เลย

มันเป็นหนึ่งในห้าของสถานที่ต้องห้ามในทวีปตะวันตก
―เส้นทางไร้ทางออก‖

มันตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ที่เรียกว่า―ออริม‖ซึ่งเป็นป่าเขตร้อนที่มีฝน
ตกชุกตลอดทั้งปี เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่นักเดินทางหรือ
นักท่องเที่ยวเป็นจานวนมากใช้สัญจรเข้าไปในป่าและไม่มีใคร
กลับออกมาได้เลยสักคน ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดอะไร
ขึ้นกับกลุ่มคนพวกนี้กันแน่

มันตั้งอยู่ชายแดนที่เป็นพื้นที่รอยต่อของอาณาจักรวิปเปอร์กับ
พื้นที่ทางทิศตะวันตกของทวีป คาร์ลชี้ไปยังตาแหน่งที่เป็นที่ตั้ง
ของป่าเขตร้อนอีกครั้ง

“รองหัวหน้าองครักษ์…จุดนี้จะมีหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อ―หมู่บ้าน
โฮอิค‖ตั้งอยู…
่ มันเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้บริเวณที่เรียกว่า
―เส้นทางไร้ทางออก‖….มันเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นทางเข้า
ไปยังป่าที่ได้รับการขนานนามว่า―เส้นทางไร้ทางออก‖”

มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของอาณาจักรวิป
เปอร์ หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในตาแหน่งที่เป็นปากทางเข้าไปในป่า
เขตร้อนที่ไม่มีทางออกใดๆให้ใช้สัญจรกลับออกมาได้

“เราจะไปที่นั่นกัน”

เส้นทางไร้ทางออก

อีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ราชินีแห่งป่าจะตกอยู่
สถานการณ์คับขันและเริ่มอาละวาดไปทั่วพื้นที่―ออริม‖สร้าง
ความเดือนร้อนให้กับลูกน้องของเธอเป็นอย่างมาก ส่วนคาร์ลมี
แผนที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเธอในตอนนั้น

เชวฮันที่เข้ามาในกระโจมพร้อมกับเด็กๆตั้งแต่ต้นได้ขยับตัวเข้า
มาใกล้และเอ่ยถามคาร์ลขึ้นทันที

“จุดหมายต่อไปของพวกเราคือ..หมู่บ้านโฮอิคหรือขอรับ?”

“ใช่แล้ว”

คาร์ลกาลังคิดเกี่ยวกับขั้นตอนสุดท้ายที่จะมุ่งสู่บันไดก้าวแรก
ของการใช้ชีวิตที่แสนหรูหราแม้ว่าจะขี้เกียจตัวเป็นขนเพียงใด
ก็ตาม มันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สามารถทาเงินได้อย่างมหาศาล
ก่อนที่เขาจะเริ่มยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
เมื่อเขาจัดการธุรกิจของตนร่วมกับราชินีแห่งผืนป่าเสร็จสิ้น
เขาจะเดินทางกลับไปยังอาณาจักรโรมันเพื่อช่วยให้ราอนได้
ชาระแค้นพร้อมกับดูแลเรื่องเล็กๆน้อยอีกสักพัก ก่อนจะเริ่ม
ดาเนินการสร้างปราสาทที่แข็งแรงและปลอดภัยให้แก่ตนเอง

“พวกเราจะไปที่นั่นทันทีหากจัดการสิ่งต่างๆที่นี่เรียบร้อยแล้ว”

คาร์ลกาลังเตรียมการอย่างรอบคอบและพิถีพิถันที่สุดเพื่อ
รับมือกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นตามที่นิยายเล่มห้าได้กล่าวเอาไว้

************************************************
**********************
สามสัปดาห์ต่อมา คาร์ลและคณะก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านโฮอิ
คอย่างปลอดภัยพร้อมกับสายฝนที่เริ่มตกปรอยๆลงมา

“…ทาไมจึงมีหลุมศพมากมายที่นี่ด้วยล่ะ?”

คาร์ลมองไปยังป้ายหลุมศพที่ตั้งเรียงรายตลอดเส้นทางเข้า
หมู่บ้านแห่งนี้ก่อนจะเริ่มตอบคาถามของโรสลินที่ถามขึ้นอย่าง
สงสัย

“หมู่บ้านโฮอิค..เป็นหมู่บ้านที่ถูกสร้างขึ้นจากครอบครัวของนัก
เดินทางที่เข้าไปใน―เส้นทางไร้ทางออก‖และไม่พากันกลับ
ออกมาอีกเลย”
มันคือสิ่งที่แสดงออกถึงคาอ้อนวอนที่สิ้นหวังของพวกเขาที่จะ
ได้คนในครอบครัวกลับคืนมาเช่นเดียวกับความหวังที่สักวัน
หนึ่งพวกเขาจะกลับออกมาได้อีกครั้งทาให้พวกเขาทั้งหมด
ปักหลักอยู่ที่นี่และก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมา กลุ่มคนที่เข้าไปใน
เส้นทางที่ไร้ทางออกนั่นต่างมีเหตุผลหลายประการที่จะเข้าไป
ในนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไม่กลับออกมาครอบครัวของ
พวกเขาก็เลือกที่จะขยับเข้าไปใกล้ๆพวกเขาให้ได้มากที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้แทน (53380)

“แต่ท้ายที่สุดคนพวกนี้ก็ต้องยอมแพ้เมื่อความหวังเหล่านั้น
กลับกลายเป็นความสิ้นหวังอยู่ตลอดเวลา…เอาเป็นว่าหลุมศพ
พวกนี้ก็เป็นผลลัพธ์ของสิ่งเหล่านั้นล่ะนะ”
หลุมศพถูกสร้างขึ้นให้แก่คนที่พวกเขารักเพื่อไว้อาลัยให้กับคน
ที่ไม่ยอมกลับออกมาเสียที หมู่บ้านโฮอิคเป็นหมู่บ้านแห่งความ
โศกเศร้ามากกว่าจะถูกเรียกว่าหมู่บ้านแห่งความหวังเสียอีก

คาร์ลมองไปยังผืนป่าขนาดใหญ่ที่อยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน

“ช่างเป็นสถานที่ที่น่าเศร้าอะไรเช่นนี้….แล้วเรามาทาอะไรที่นี่
หรือขอรับ?”

คาร์ลตอบคาถามที่เชวฮันเอ่ยถามอย่างไม่ตั้งใจนัก

“ความหวัง”
“อะไรนะขอรับ?”

“เราจะเป็นความหวังของผืนป่าแห่งนี้”
บทที่ 76 คนดี 2 (1)

“ป่า?”
เชวฮันรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมัน
ออกมาจากปากของคาร์ล ในขณะที่คาร์ลเองก็ไม่คิดจะอธิบาย
อะไรเพิ่มเติมอีก เขาเริ่มออกเดินอีกครั้งเพื่อมุ่งตรงเข้าไปใน
หมู่บ้านโฮอิค
นอกจากหลุมศพที่ถูกฝังอยู่รอบๆหมู่บ้านแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นที่
นับเป็นจุดเด่นของหมู่บ้านนี้อีก มันเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบมาก
ทีเดียว
“นายน้อย!….นี่ร่มขอรับ”
หมู่บ้านโฮอิคเป็นหมุ่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ที่เรียกว่า ‘ออ
ริม’ซึ่งเป็นป่าเขตร้อนที่มีฝนตกชุกตลอดทั้งปีและแน่นอนว่า
บริเวณโดยรอบผืนป่าแห่งนี้ก็ย่อมได้รับอิทธิพลด้วยเช่นกัน
สังเกตได้จากฝนที่กําลังเริ่มตกแรงขึ้นในเวลานี้ คาร์ลกางร่มที่
ฮันส์ยื่นให้แก่ตนก่อนจะเริ่มสาวเท้าไปยังท้ายหมู่บ้านทันที
ฮันส์และคนอื่นๆก็เริ่มเดินตามหลังเขาไปติดๆเช่นกัน
‘ที่นี่สินะ?’
มันคือถนนที่ถูกเรียกว่า‘เส้นทางไร้ทางออก’
มีถนนที่ทอดยาวเข้าไปในผืนป่าเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่ปรากฏ
อยู่เบื้องหน้าของคาร์ลในตอนนี้ อาจเป็นเพราะสายฝนที่
กระหน่ําแรงขึ้นและท้องฟ้าที่มืดครึ้มลงทําให้ถนนที่ทอดยาว
เข้าไปในป่านั้นดูมืดทึบและน่าขนลุกยิ่งนัก
‘เส้นทางที่ไร้ทางออก…มีทางไปแต่ไม่มีวันหวนกลับ’
มีแผ่นหินขนาดใหญ่สลักประโยคนี้เอาไว้และถูกตั้งไว้บริเวณ
ทางเข้าถนนเส้นนี้
“หืม?”
เชวฮันอุทานออกมาเบาๆ ก่อนที่คาร์ลจะมองเลยป้ายหินขนาด
ใหญ่ไปยังพื้นที่โดยรอบ
แม้แต่วันที่ฝนตกหนักขนาดนี้ก็ยังมีชาวบ้านมายืนรอบริเวณ
ปากทางเข้าของ‘เส้นทางไร้ทางออก’กันอย่างเนืองแน่น
บางคนก็ใส่เสื้อกันฝนคลุมร่างเอาไว้ในขณะที่บางคนก็ปล่อยให้
ร่างของตนเปียกโชกไปด้วยสายฝน กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ที่ยังมี
ความหวังว่าจะได้คนที่พวกเขารักกลับคืนสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
คาร์ลสบตาเข้ากับชายชราคนหนึ่งที่ยืนไม่ห่างจากเขานักก่อนที่
ดวงตาคู่นั้นของชายชราจะเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นคณะของ
คาร์ล
“…..อย่า…อย่าเข้าไปนะ”
ชายชราพูดกับคาร์ลด้วยเสียงอันแผ่วเบา ร่างของชายชรา
ค่อยๆเซล้มลงไปบนพื้นทันทีก่อนที่สายตาคู่นั้นจะหันไปมองผืน
ป่าเบื้องหน้าอีกครั้ง คาร์ลสังเกตอาการของชายชราที่อยู่เบื้อง
หน้าตนอย่างเงียบๆ
“นายน้อยคาร์ล”
โรสลินเอ่ยเรียกคาร์ลขึ้นมา เธอมองไปยังร่างของชายชราที่
ทรุดตัวล้มลงไปสลับกับชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบๆบริเวณนั้นด้วย
สายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและสงสาร ในขณะนั้นเองคาร์ล
ก็เริ่มขยับตัว
“ท่านผู้เฒ่า..ฝนกําลังตก..เดี๋ยวจะเป็นไข้ไปเสียก่อน”
คาร์ลยัดร่มของตนเข้าในมือของชายชราที่ฝืนลุกขึ้นยืนได้อีก
ครั้ง ก่อนจะปรี่เข้าไปหาฮันส์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาทันที
“เอ่อ…มีอะไรหรือขอรับ?”
“ร่ม?”
“แล้วกระผมล่ะขอรับ?”
“ไปใช้ร่วม..กับบารอคซะ”
บารอคและฮันส์มองหน้ากันทันทีที่ได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูด ก่อนที่
บารอคจะมีสีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจส่วนฮันส์นั้นได้แต่เม้ม
ปากของตนแน่นอย่างอึดอัด เขาค่อยๆยื่นร่มของตนไปให้คาร์ล
อย่างจํายอม อย่างไรก็ตามมีเหตุผลบางอย่างที่คาร์ลไม่ได้ใช้ร่ม
ของฮันส์
“เราสามารถใช้ร่มคันนี้ด้วยกันได้”
ร่มในมือของโรสลินถูกยื่นเข้ามาบังสายฝนให้แก่คาร์ลทันทีที่
เธอพูดจบ
“ขอบคุณท่านมาก…ไปกันเถอะ”
คาร์ลเอ่ยขอบคุณโรสลินที่มีน้ําใจแบ่งปันร่มให้แก่เขา ก่อนจะ
หันหลังให้กับ‘เส้นทางไร้ทางออก’ในเวลาต่อมา คนอื่นๆใน
กลุ่มของคาร์ลก็เริ่มสาวเท้าตามคาร์ลไปเช่นกัน ในขณะที่
ชาวบ้านที่ยืนออกันอยู่ทางเข้าถนนเส้นนั้นก็พากันลอบมอง
กลุ่มของคาร์ลที่กําลังหันหลังเดินจากไปเงียบๆก่อนจะพากัน
มองกลับไปยังพื้นป่าอีกครั้งหนึ่ง
“ฮันส์”
“ขอรับ..นายน้อย?”
“ไปหาห้องพักได้แล้วล่ะ…ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีโรงแรมอยู่มากแต่
ข้าค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีโรงแรมแห่งไหนที่มีคุณภาพดีมากนัก…
ดังนั้นเจ้าก็หาโรมแรมที่ดูเหมาะสมหน่อยแล้วกัน”
หมู่บ้านโฮอิคมีโรงแรมอยู่เป็นจํานวนมากเมื่อเทียบกับขนาด
พื้นที่ของหมู่บ้านแห่งนี้ อย่างไรก็ตามโรมแรมเหล่านี้ก็ล้วนทรุด
โทรมและไม่มีคุณภาพมากนักเพราะแขกที่เข้าพักในโรงแรม
มักจะเป็นคนต่างถิ่นที่ต้องการมาตามหาคนที่พวกเขารักจาก
การหายเข้าไปในป่าอาถรรพ์นั่นและส่วนใหญ่มักจะเป็นคน
ยากจนจึงทําให้โรงแรมไม่ได้มีความหรูหราและคุณภาพสูง
เท่าใดนัก
“ทําไมพวกเขาถึงพากันเข้าไปในออริมนั่นด้วยล่ะขอรับ?”
คาร์ลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในร้านอาหารของโรงแรมที่พวกเขา
เลือกเข้าพักก่อนจะตอบคําถามของเชวฮัน
“เพื่อ….ความหวัง”
“ความหวัง?”
“มันมีตํานานที่เล่าต่อๆกันมาเกี่ยวกับเส้นทางที่ไร้ทางออกนั่น”
แม้จะเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมากเพียงใดก็ตามเกี่ยวกับผู้คนที่เข้า
ไปในป่าและไม่พากันกลับออกมาอีกเลยแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังดึง
ดันที่จะเข้าไปที่นั่นอยู่บ่อยๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนคอยห้ามพวก
เขาเหมือนอย่างที่ชายชราพยายามห้ามพวกคาร์ลเอาไว้ก็ได้
“สมมุติว่ามีมังกรอาศัยอยู่ในเส้นทางที่ไร้ทางออกนั่นล่ะ”
~เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะมนุษย์!…ไม่มีมังกรอยู่ที่นี่สักหน่อย…
มังกรตัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ก็มีเพียงข้าเท่านั้น! ~
ราอนที่เงียบหายไปช่วงหนึ่งตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ลอย่าง
ไม่เห็นด้วย
คาร์ลรู้ดีว่าไม่มีมังกรอาศัยอยู่ที่นี่เพราะเขาเป็นคนอ่านนิยาย
เรื่องนี้มาด้วยตาของตัวเองนี่นา
“มังกรตัวนี้สามารถให้ทุกอย่างตามที่มนุษย์ปรารถนาหากพวก
เขาสามารถหาถ้ําของมันเจอ..ไม่ว่าความปรารถนานั้นจะเป็น
การทําให้มนุษย์กลายเป็นมหาเศรษฐี…หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
หรือบางคนที่ปรารถนามีชีวิตที่มีความสุข…มันก็สามารถ
บันดาลทุกอย่างได้ตามที่มนุษย์เหล่านั้นต้องการ”
~มังกรไม่สามารถทาอะไรแบบนั้นได้หรอกนะ?…มังกรนั้นยอด
เยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดแต่พวกเราก็ไม่ใช่พระเจ้า!..ไร้สาระที่สุด!
~
คํากล่าวของราอนคือความจริง อย่างไรก็ตามตํานานดังกล่าว
กลับมีแนวโน้มที่สามารถปลุกขวัญกําลังใจให้แก่ผู้ที่สิ้นหวังใน
ชีวิตได้เป็นอย่างดี
“ตํานานนั่น…คือสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้าไปที่นั่นสินะ..”
คาร์ลได้ยินเสียงบ่นพึมพึมของเชวฮันพร้อมกับสีหน้าที่ตึงขึ้น
อย่างไม่ค่อยพอใจนัก เชวฮันอาจรู้สึกไม่ชอบมันเพราะบุคลิก
ส่วนตัวของเขาแล้วเมื่อได้เห็นบรรยากาศภายในหมู่บ้านรวมไป
ถึงชาวบ้านเช่นชายชราผู้นั้นอาจทําให้เขารู้สึกเศร้าใจตามพวก
เขาไปด้วย
“ถ้าอย่างนั้นมันคงไม่เป็นไรสินะขอรับ?..หากเราจะลงมือ
ทําลายป่านั่นไปซะ!”
นั่นคือสาเหตุที่เชวฮันไม่มีปัญหาในการเอ่ยสิ่งที่ชั่วร้ายออกมา
โดยไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายเลยสักนิด คาร์ลแสร้งทําเป็น
ไม่ได้ยินสิ่งที่เชวฮันพูด
แน่นอนว่าไฟป่าจะเริ่มไหม้ไปทั่วผืนป่าในไม่ช้านี้ นั่นคือเหตุผล
ว่าทําไมในช่วงท้ายของนิยายเล่มที่สี่ สถานที่ต้องห้ามที่มีถึงห้า
แห่งในทวีปตะวันตกจึงเหลือเพียงพื้นที่ต้องห้ามเพียงสี่แห่ง
เท่านั้น
“ไม่เป็นไรกระมัง…หากจะจุดไฟเผามันทิ้งซะ!”
เมื่อคําแนะนําของเชวฮันเริ่มรุนแรงมากขึ้น คาร์ลจึงเอ่ยขึ้น
เพื่อให้เขาสงบลงบ้าง
“เราแค่ต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าตํานานนั่นเป็นเรื่องโกหก…
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วคงไม่มีเหตุผลใดที่จะมีคนอื่นๆเข้าไปในป่า
นั่นอีกแล้วล่ะ”
จังหวะนั้นเองบารอคก็ถอนหายใจยาวขณะที่เท้าก็ก้าวมาหา
คาร์ลอย่างรวดเร็ว
“นายน้อย!…ข้ากลับมาแล้ว”
มีคนอีกหลายคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของบารอคในตอนนี้
“นายน้อย…กระผมฮิลส์แมนกลับมาแล้วขอรับ!”
“นายน้อยคาร์ล…พวกเรากลับมาแล้ว!”
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้ําเงินและฮิลส์แมนมีสภาพที่โทรมมาก
เมื่อพวกเขาค่อยๆพากันเข้ามาในโรมแรม บารอคล้วงเอาถุง
มือสีขาวมาสวมทันทีเมื่อเห็นกลุ่มคนที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมม
เช่นนี้
“นายน้อย”
ล็อกเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาในโรงแรม เขาสาวเท้าเข้าหาคาร์ล
และยื่นกระเป๋าเวทย์ให้คาร์ล อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้รับมัน
จากมือล็อกโดยทันที เขาเพียงหันไปมองคนอื่นๆที่เหลือและ
พูดขึ้น
“พวกเจ้าทํางานกันหนักมากแล้ว…ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
สมาชิกทุกคนในกลุ่มเริ่มยิ้มออกมาเต็มใบหน้าเมื่อได้ยินสิ่งที่
คาร์ลเอ่ย คาร์ลยื่นมือออกไปรับกระเป๋าเวทย์ในมือล็อกซึ่งล็อก
ก็ยื่นกระเป๋าเวทย์ให้คาร์ลอีกครั้งอย่างระมัดระวังก่อนที่คาร์ล
จะเอ่ยขึ้น
“นี่คือส่วนหนึ่งของข้อตกลงของเรา..สิ่งที่อยู่ในนี้เป็นของข้า”
“ขอรับ”
ไม่มีน้ําเสียงที่แสดงออกถึงความเสียดายจากปากของล็อก
แม้ว่าล็อกจะรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือคาร์ลตอนนี้คือพลังศักดิ์สิทธิ์
โบราณแต่เขาก็ไม่แสดงความโลภใดๆออกมาให้เห็นอยู่ดี
คาร์ลเปิดกระเป๋าเวทย์เพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในนั้นอยู่ชั่วครู่
และเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพูดกับคนอื่นๆในกลุ่มของตน
“ข้าจะเข้าไปในป่านั่น!”
~อะไรนะ?! ~
เมี้ยว!!!!
“ห๊ะ?!”
“อะไรนะขอรับ?!”
“…..อะไรนะ?”
คาร์ลมองไปรอบๆหลังจากได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดจาก
สมาชิกในกลุ่มของตน เชวฮันขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับจ้องมาที่
คาร์ลอย่างเหลือเชื่อ
“…จริงหรือขอรับ?…ท่านคาร์ล”
ตาของโรสลินเบิกกว้างขึ้นเมื่อจ้องมาที่คาร์ล ในขณะที่ลูกแมว
สองพี่น้องก็เริ่มใช้อุ้งเท้าตบไปที่โต๊ะอย่างแรง นอกจากนี้ราอน
ก็ดูเหมือนจะสติแตกไปแล้วเช่นกัน
~ข้าจะไปด้วย!…มนุษย์อ่อนแอ..เจ้าต้องฟังข้านะ!…อย่าเข้าไป
ที่นั่นโดยไม่มีข้าเป็นอันขาด…นี่คือคาเตือน!..ถ้าหากข้าโกรธ
ขึ้นมามันจะใช้เวลาน้อยกว่าห้านาทีที่ป่านั่นจะถูกทาลายด้วย
ฝีมือของข้า! ~
นี่คือคําเตือนที่ค่อนข้างโหดร้ายจากปากของราอนที่สั่งให้เขา
ทําตามคําสั่งของมันและคนสุดทายที่คาร์ลได้สบตาด้วยคือรอง
หัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนที่กําลังมีดวงตาสั่นไหวด้วยความกลัว
ในบางอย่าง
“เอ่อ…นายน้อยขอรับ..ท่านกําลังพูดถึงเส้นทางที่ไร้ทางออก
หรือขอรับ?…กระผมเคยได้ยินมาว่าถ้าใครเข้าไปในนั้นจะไม่
สามารถกลับออกมาได้เลยสักคน”
“แล้วใครเป็นคนบอกล่ะ?”
คาร์ลเอ่ยตอบฮิลส์แมนด้วยน้ําเสียงเรียบๆและเบามากจน
เจ้าของโรมแรมที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์ใกล้ๆโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ไม่
สามารถได้ยินสิ่งที่เขาพูดได้
“กรณีนั้น…ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก”
มือของเขาเอื้อมไปยังช่องว่างที่ออนและฮงนั่งห่างกันอย่างน่า
แปลกใจ คาร์ลค่อยๆลูบไปบนศีรษะของราอนที่ใช้เวทย์ล่องหน
อําพรางกายเอาไว้
คาร์ลตบลงไปเบาๆที่ศีรษะของราอนและออนอีกครั้งก่อนจะ
เริ่มพูดต่อ
“ข้าจะไม่เป็นไร..ตราบใดที่ข้ามีพวกเจ้าอยู่ด้วย”
ตาของออนเบิกกว้างขึ้นเมื่อจ้องมาที่คาร์ลทําให้ดวงตาของ
หนึ่งสัตว์อสูรและหนึ่งมนุษย์อ่อนแอสบกันเข้าพอดี ก่อนที่
คาร์ลจะก้มลงไประซิบเบาๆเพื่อให้ออนได้ยิน
“ออน…เจ้ารู้หรือไม่?…ว่าทําไมเส้นทางที่ไร้ทางออกจึงดู
อันตรายเช่นนั้น”
“ข้าไม่รู้”
“หมอก!”
แววตาของออนเริ่มครึ้มลงราวกับกําลังพิจารณาบางอย่างอยู่
คาร์ลค่อนข้างประหลาดใจและรู้สึกทึ่งมากเมื่อครั้งที่เขาได้เจอ
สองพีน่ ้องจากเผ่าแมวออนและฮงเป็นครั้งแรก
แมวสายเลือดบริสุทธิ์และมีความสามารถพิเศษที่ไม่ธรรมดา
หากว่าความสามารถพิเศษที่สามารถใช้พิษเป็นอาวุธถูกกล่าว
ว่าหาได้ยากแล้ว แต่การใช้หมอกเป็นอาวุธกลับหาได้ยากยิ่ง
กว่า
หากคาร์ลจะเลือกสิ่งมีชีวิตที่หาได้ยากที่สุดเขาคงจะเลือก
ออนมากกว่าราอนด้วยซ้ํา คาร์ลเริ่มแบ่งปันข้อมูลที่เขารู้ให้กับ
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่สามารถควบคุมหมอกได้ (53380)
“ภายในออริม..เต็มไปด้วยหมอก”
ก่อนจะเหลือบมองราอนในเวลาต่อมา
“มีบางสิ่งที่ปนอยู่ในหมอกนั่น…ทําให้มนุษย์และพลังเวทย์
วุ่นวายและปั่นป่วน..นั่นคือเหตุผลที่ยากจะใช้พลังเวทย์ใดๆใน
นั้นได้..มันเป็นสิ่งที่มีอานุภาพร้ายแรงและแข็งแกร่งมากกว่า
เครื่องรบกวนพลังเวทย์เสียอีก”
ป่าแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกทั่วผืนป่า
“นั่นคือเหตุผลที่ทําให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นภายในป่าแห่งนี้
เป็นไปได้ยากและอันตรายยิ่งนัก”
อย่างไรก็ตามคาร์ลจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่เขามีสิ่งมีชีวิตที่หา
ได้ยากเช่นออนและราอนอยู่ข้างกายเขา มันทําให้เขาตัดสินใจ
ที่จะทําข้อตกลงร่วมกับราชินีแห่งผืนป่าได้ง่ายขึ้น
“ข้าสามารถทําทุกอย่างที่ข้าต้องการได้…ตราบใดที่ข้ามีพวก
เจ้าสองคน”
หางของออนเริ่มสั่นไปมาทั่วทั้งโต๊ะและปีกของราอนก็ดูเหมือน
จะเริ่มกระพือแรงขึ้นเพราะเขารู้สึกถึงลมที่พัดเบาๆบริเวณโต๊ะ
ที่นั่งอยู่
************************************************
******************
บทที่ 76 คนดี 2 (2)

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น
คาร์ลกาลังยืนอยู่บริเวณด้านนอกป่าออริม แน่นอนว่าออนก็
กาลังอยู่ในอ้อมแขนของเขาเช่นเดียวกับราอนที่ยังคงพรางตัว
ด้วยการใช้เวทย์ล่องหนเช่นกัน ตามคาสั่งอันเด็ดขาดของคาร์ล
ทาให้สมาชิกที่เหลือไม่ได้ติดตามเขาเข้าไปในออริมด้วย
“ท่านจะตายถ้าเข้าไปในนั้น…ท่านจะออกมาไม่ได้”
ชายชราคนเดียวกับเมื่อวานเอ่ยทักคาร์ลขึ้นดูเหมือนว่าชาย
ชราผูน้ ี้จะปักหลักเฝ้าที่นี่มาตลอดทั้งคืน เขาเอ่ยเตือนคาร์ลขึ้น
อย่างอ่อนแรงเมื่อเห็นคาร์ลอุ้มลูกแมวมาหยุดยืนข้างๆป้ายหิน
ขนาดใหญ่ คงมีคนสาคัญในครอบครัวของเขาที่เดินทางเข้าไป
ในป่าแห่งนี้เพื่อหวังจะได้พบกับมังกรในตานานที่เล่าต่อๆกัน
มาสินะ?
“ท่านผู้เฒ่า…ข้าจะเป็นคนที่ทาลายตานานไร้สาระนั่นและกลับ
ออกมาได้อย่างแน่นอน…ท่านสามารถรอข้าอยู่ที่นี่ได้หากท่าน
ต้องการ”
คาร์ลยิ้มใส่ดวงตาที่กาลังสั่นไหวของชายชราผู้นี้ก่อนจะเดินเข้า
ไปในป่าออริมที่เริ่มต้นด้วยเส้นทางที่ถูกขนานนามว่าเส้นทางที่
ไร้ทางออกอย่างไม่คิดลังเลสักนิด เขาสาวเท้ายาวขึ้นและเร่ง
ฝีเท้าให้เร็วขึ้นเรื่อยๆก่อนจะพบว่าตนเองไม่สามารถมองเห็น
เส้นทางที่อยู่ข้างหน้าได้อีก
มันคือหมอก มีหมอกล้อมรอบตัวเขาจนไม่สามารถมองเห็นสิ่ง
อื่นๆได้อีก
“อืม…ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถใช้อุ้งเท้าคู่หน้าของข้าสั่งพลัง
เวทย์ที่แข็งแกร่งออกมาได้สินะ…เจ้ามนุษย์!..เจ้าไม่ต้องกังวล
ไปอย่างน้อยข้าก็สามารถใช้พลังเวทย์ในหมอกนี้ได้”
“ราอน…เจ้าเก่งมาก…เยี่ยมยิ่งนัก”
“ใช่แล้ว!…ข้าเก่ง…ข้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด!…ว่าแต่ความ
ปรารถนาของราชินีแห่งผืนป่าคือสิ่งใดหรือ?”
เมื่อคืนนี้ราอนได้ฟังคาร์ลอธิบายถึงเหตุผลที่เขาต้องการเข้ามา
ในออริมเพียงคร่าวๆเท่านั้น จึงทาให้มันเอ่ยถามคาร์ลเพิ่มเติม
อีกเล็กน้อยและคาร์ลก็ไม่ลังเลที่จะตอบให้ราอนฟังเช่นกัน
“ดับไฟป่า”
“ไฟป่า?”
‘ลิทาน่า’ ราชินีแห่งผืนป่า เธอคือผู้ปกครองดินแดนทางตอนใต้
อันกว้างขวางแห่งนี้ อานาจที่เธอมียิ่งใหญ่กว่าอานาจขององค์
จักรพรรดิเสียอีก
‘เธอเป็นคนที่มีความคล้ายคลึงกับทูนก้ามากทีเดียว’
เธอไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือความหวาดกลัวใดๆต่อผู้ที่
แข็งแกร่งกว่าตนเองแม้ว่าเธอจะอ่อนแอมากว่าฝ่ายตรงข้าม
มากเพียงใดก็ตาม
เหตุผลที่คนเช่นนี้ต้องหลบซ่อนอยู่ในผืนป่าอันกว้างใหญ่ก็
เพราะเธอหมดหวังในการแก้ไขปัญหาบางอย่างของตนเอง
แทนที่จะอธิบายอะไรเพิ่มเติมให้แก่ออนและราอนที่กาลังเอียง
คอมองเขาอย่างสับสน คาร์ลกลับเปลี่ยนเรื่องไปพูดสิ่งอื่นแทน
ท่าทางของเขาในตอนนี้ดูจริงจังมาก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป..ข้าจะเป็นคนดี”
“ทาไมเจ้าถึงคิดว่าตัวเองจะทาได้ล่ะ?..มาบอกว่าตัวเองจะเป็น
คนดีได้อย่างไรกัน?”
ราอนจ้องมาที่เขาอย่างสับสนอีกทั้งสายตาของมันที่ส่งมาให้
เขาราวกับกาลังจะถามว่าทาไมคาร์ลจะต้องพูดอะไรชัดเจน
ขนาดนั้นด้วยมันไม่น่าเชื่อถือสักนิดกับคาพูดที่คาร์ลกล่าว
ออกมา สิ่งนี้ทาให้คาร์ลเสียอาการไปชั่วครู่แต่ในเวลาต่อมา
คาร์ลก็เริ่มออกคาสั่งให้แก่ออนทันที
“ออน…ทางนั้น”
“เข้าใจแล้ว!”
แววตาของออนเป็นประกายสดใสก่อนจะขยับเท้าให้
เคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หมอกกลุ่มใหญ่
ค่อยๆเคลื่อนไหวไปรอบๆทิศทางตามจังหวะที่เท้าของเธอก้าว
เดิน
“หมอกที่นี่น่าสนใจมาก..ดูเหมือนมันจะไม่ใช่หมอกธรรมดา..
มันดูคล้ายกับหมอกพิษมากกว่า”
ออนบ่นออกมาด้วยความสงสัย ในขณะที่คาร์ลก็สาวเท้าเข้าไป
ในหมอกที่เริ่มทึบขึ้นเรื่อยๆ เขามองไม่เห็นสิ่งใดที่อยู่ต่อหน้า
เขาเลยในตอนนี้ หมอกยังคงเกาะกลุ่มกันอย่างหนาแน่นโดยไม่
มีการกระจายตัวออกไปในอากาศแม้ว่าจะมีฝนตกก็ตาม คาร์ล
ปัดน้าฝนออกจากเสื้อกันฝนของตนที่เริ่มเปียกชื้นบ้างแล้ว
“เจ้ามองเห็นเส้นทางที่อยู่ข้างหน้าได้มั้ย?”
“ข้ามองเห็นมัน!”
คาร์ลเดินตามออนเข้าไปช้าๆ เขาดูสงบมากราวกับว่ามาเดิน
เล่นในป่าแห่งนี้
“คงจะดีถา้ เราพบเธอในวันนี้..”
คาร์ลหวังว่าพวกเขาจะเจอกับหญิงผู้เป็นเจ้าของตาแหน่ง
ราชินีแห่งผืนป่าในวันนี้ให้ได้ ก่อนที่เวลาจะค่อยๆล่วงเลยเข้าสู่
เวลากลางคืนในอีกหลายชั่วโมงต่อมา
************************************************
*************************
‘ลิทาน่า’ ผู้เป็นเจ้าของตาแหน่งราชินีแห่งผืนป่ากาลังมอง
ออกไปนอกถ้า ข้างนอกนั่นมืดมากซึ่งเธอได้ยินเพียงเสียงฝน
เท่านั้น
“หม่อมฉันเสียใจยิ่งนัก!..”
“หม่อมฉันไม่รู้จะขอประทานอภัยจากพระองค์เท่าใดถึงจะ
เพียงพอ!”
“หม่อมฉันมันแย่มาก!’
ข้ารับใช้ของเธอทั้งห้าคนต่างเอ่ยคาขอโทษและแสดงความ
เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ว่าเธอยืนกรานว่าไม่ต้องการคาขอโทษ
จากพวกเขามากเพียงใดก็ดูเหมือนจะไม่สามารถห้ามสิ่งที่พวก
เขาทาได้ เธอทาได้เพียงมอบรอยยิ้มอันขมขื่นส่งกลับไปให้พวก
เขาเท่านั้น
พวกเขาทั้งหมดติดอยู่ในเขตแดน ‘เส้นทางที่ไร้ทางออก’มา
เกือบสองสัปดาห์แล้ว แม้ว่าจะไม่มีสัตว์ประหลาดหรือศัตรูที่
แข็งแกร่งแต่พวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นๆในบริเวณนี้
ได้เลย ทั่วทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกทึบและอาหารของ
พวกเขาก็กาลังหมดลงไปทุกที
พวกเขาไม่กล้ากินพืชที่พวกเขาไม่รู้จักในบริเวณแถบนี้ ดังนั้น
พวกเขาจึงประทังชีวิตด้วยอาหารที่พกมาด้วยโดยสามารถทาน
อาหารได้หนึ่งมื้อต่อวันมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ลิทาน่ารู้ดีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทาให้ข้ารับใช้ของเธอรู้สึก
หวาดกลัวจนพากันเอ่ยขอโทษไม่หยุดปาก
‘พวกเขาอาจจบชีวิตอยู่ที่นี่’
สาหรับนักรบอย่างพวกเธอไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าการตาย
โดยที่ยังไม่ได้ทาอะไร
‘ข้า…ทาไมข้าถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้!’
ลิทาน่ารู้สึกโมโหตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต
เป็นเพราะเจ้าไฟนรกนั่น! เธอต้องเดินทางมาที่นี่เพราะส่วน
หนึ่งของผืนป่ากาลังถูกไฟไหม้และเริ่มแพร่กระจายขยายวง
กว้างขึ้นแทนที่จะไหม้เฉพาะบางส่วนเท่านั้น
เธอแตะขวดแก้วที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ ไฟเวทย์ส่วนหนึ่งอยู่
ในขวดแก้วใบนี้
‘หากมันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ…ข้าอาจต้องใช้มันเพื่อเผาถ้า
แห่งนี้..ยังไงก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้’
แม้ว่าเธอไม่อยากสร้างความเสียหายให้กับผืนป่าแห่งนี้เพิ่มเติม
แต่นั่นก็คงไม่สาคัญไปกว่าชีวิตของข้ารับใช้ของเธอและคนที่รอ
เธอกลับไป เธอมองไปรอบๆถ้าแห่งนี้อีกครั้ง พวกเขาอาจต้อง
เสียเวลาอยู่ในถ้าแห่งนี้อีกคืนหนึ่งเป็นแน่ ลิทาน่าพยายามสงบ
สติอารมณ์ของตนเองเมื่อเธอพิจารณาแล้วว่าตัวเองจะต้อง
ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้แล้ว
ทันใดนั้นเอง
ตึ่ก!!!ตึ่ก!!กร็อบ!!!!
“หืม?”
ลิทาน่ารีบคว้าหอกประจาตัวมาถือไว้ในมือ
เธอสัมผัสได้ว่ามีคนเดินอยู่นอกถ้า
ตึ่ก!!!ตึก!!กร็อบ!!!!
ซ่า!!!!ซ่า!!!!
เธอได้ยินเสียงสายฝนที่กระหน่าลงมาและเสียงฝีเท้าจาก
บางอย่าง
มีคนกาลังมุ่งหน้ามายังทิศที่เธออยู่
สายตาข้ารับใช้ของลิทาน่าที่ยืนอยู่รอบๆกองไฟเริ่มเปลี่ยนไป
ทันที
ตึ่ก!!!!ตึ่ก!!!!ตึ่ก!!!!ตึ่ก!!!!
เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏเงาของชายผู้หนึ่งขึ้นมา
ชิ้ง!!!
ข้ารับใช้ผู้หนึ่งใช้หอกชี้ไปยังทิศที่เงาของชายผู้นี้เคลื่อนใกล้เข้า
มา
“เจ้าเป็นใคร?!”
“เอ่อ…ใจเย็นก่อนเถิด”
ภาษากลางที่ใช้สื่อสารในทวีปตะวันตกดังออกจากปากของ
ชายผู้นี้ ก่อนที่แสงสว่างจากกองไฟจะส่องให้เห็นใบหน้าของ
ชายผู้นี้ได้ชัดขึ้น
“พอดีข้ามองเห็นแสงไฟที่ลอดออกไปข้างนอกจึงลองเดินเข้า
มาดู”
ชายผมสีแดงสดเหลือบมองไปยังหอกที่ชี้มายังร่างตนและเริ่ม
ยิ้มออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก
ชายแปลกหน้าที่ดูไม่ธรรมดาแต่แฝงไปด้วยความเป็นมิตร เขา
ค่อยๆเอ่ยขึ้นเมื่อเหลือบไปมองหอกเล่มนั้นอย่างระมัดระวัง
“ถ้าไม่รบกวนพวกท่านจนเกินไป…คืนนี้ข้าขอนอนพักข้างกอง
ไฟได้หรือไม่?”
“เมี้ยว!!!”
ในอ้อมแขนของชายผู้นี้มีลูกแมวหนึ่งตัวที่ร่างของมันเปียกโชก
ไปทั้งร่างและตอนนี้ทั้งคู่ก็เริ่มสั่นน้อยๆด้วยความหนาว
“เสื้อกันฝนของข้าขาด..และเราทั้งคู่ก็หนาวมากเพราะตากฝน
มานานแล้ว”
ชายหนุ่มและลูกแมวที่อยู่ในสภาพมอมแมม ไหนจะเสื้อกันฝน
ที่ฉีกขาดนั่นอีก
ลิทาน่าพิจารณาพวกเขาอย่างระมัดระวังแต่ในเวลาต่อมาก็เริ่ม
เอ่ยขึ้น
“เอาผ้าห่มให้เขา”
เธอไม่สามารถปฏิเสธจิตใจอันเอื้อเฟื้อของราชินีที่ถูกพร่าสอน
มาตลอดว่าให้ช่วยเหลือและปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า (53380)
คาร์ลชายผู้เป็นเจ้าของเส้นผมสีแดงสดกาลังสั่นไปทั่วร่างเมื่อ
เดินเข้ามาใกล้กลุ่มของลิทาน่า
~เจ้ามนุษย์อ่อนแอ..ระวังเป็นหวัดนะ!…แล้วทาไมสีหน้าของ
เจ้าถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?…เจ้ารู้สึกไม่สบายมากเลยหรือ? ~
เสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ลมันสามารถใช้พลัง
เวทย์ที่มันบอกว่าแข็งแกร่งเพียงแค่อุ้งเท้าของมันในการสั่งใช้
เวทย์ล่องหนและพูดคุยกับเขาได้ อย่างไรก็ตามคาร์ลซ่อนแผน
ที่เขาคิดเอาไว้ไม่ให้ราอนได้รู้เมื่อเอื้อมมือไปรับผ้าห่มมาถือไว้
ในมือก่อนจะส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนและท่าทางที่เป็นมิตรราว
กับเป็นนิสัยส่วนตัวที่เขามีมานาน
“ขอบคุณท่านมาก”
เขาในตอนนี้ไม่ได้ดูเหมือนขยะไร้ค่าแต่เป็นขุนนางผู้มีจิตใจ
อ่อนโยนและซื่อตรง
ออนลูกแมวน้อยหันไปมองคาร์ลด้วยความเหลือเชื่อกับท่าทาง
ที่เขาแสดงออกไปในขณะที่คาร์ลก็ลอบสังเกตเหยื่อของตน
อย่างพิจารณา
บทที่ 77 คนดี 3 (1)

เขากาลังเริ่มล่อเหยื่อให้มากินเบ็ดที่เขาวางเอาไว้
สมาชิกทั้งหมดในกลุ่มของลิทาน่ามีสีหน้าแปลกๆเมื่อมองตาม
ร่างของคาร์ลที่กาลังเดินช้าๆไปทรุดตัวลงนั่งที่มุมถ้าฝั่งหนึ่ง
“ขอบคุณพวกท่าน…ที่ให้ที่พักแก่คาร์ลในคืนนี้”
มันเป็นน้าเสียงที่เจือไปด้วยความอ่อนโยนและเคารพนอบน้อม
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนักว่าคาร์ลคือคนพูดสิ่งนี้ออกมา
ในขณะที่ลิทาน่าเองก็ส่ายหน้าให้กับคาขอบคุณของคาร์ลช้าๆ
เพราะเธอถือว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเจอได้
“มันเป็นเรื่องปกติของนักเดินทางที่จะเจอเหตุการณ์เช่นนี้….ดู
เหมือนว่าเจ้าจะหนาวมากเพราะตากฝนมานาน…พักผ่อนเถิด..
ตัวเจ้าจะได้อบอุ่นโดยไวหากผิงไฟอีกสักหน่อย”
อย่างไรก็ตามข้ารับใช้ของลิทาน่าก็ยังเฝ้าระวังภัยอยู่แม้ว่าชาย
ผู้นี้จะดูอ่อนแอและทรุดโทรมจากการตากฝนเป็นเวลานานแต่
เขาก็ยังเป็นคนแปลกหน้าและไว้ใจไม่ได้อยู่ดี
~ตากฝน!…เขาไม่ได้ถูกฝนเลยสักเม็ด!…ข้าเป็นคนทาให้เขา
เปียกจากนาอุ่นต่างหาก! ~
ราอนบ่นพึมพาเข้ามาในหัวของคาร์ลเมื่อได้ยินข้อสันนิษฐาน
จากลิทาน่า คาร์ลฉีกทึ้งเสื้อกันฝนของตนเองเมื่อเดินมาถึงหน้า
ถ้าในขณะที่ราอนเองก็ใช้พลังเวทย์สร้างน้าอุ่นรดไปบนตัวของ
คาร์ล ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินเข้ามาในถ้าแห่งนี้
คาร์ลลูบหัวของออนเบาๆกับการแสดงที่สมบทบาทของออน
เมี้ยว!!!!
ดูเหมือนว่าออนจะรู้สึกกังวลเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองคาร์ล
ส่วนลิทาน่านั้นก็กาลังมองมาที่ทั้งสองอย่างพิจารณา
‘เขาดูไม่เหมือนคนธรรมดา’
สิ่งที่ลิทาน่ารู้สึกในตอนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ข้ารับใช้ของเธอ
จ้องหอกอันคมกริบไปยังร่างของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเธอ
หันไปมองคาร์ลอีกครั้งในเวลานี้กลับดูเหมือนว่าเขาให้
ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เขาดูแตกต่างจากนักเดินทางหรือ
นักผจญภัยทั่วไป เขาเป็นคนหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงแต่ท่าทาง
ของเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่เคยฝึกฝนศิลปะ
ป้องกันตัวหรือการต่อสู้แขนงใดเลย อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ดู
เหมือนนักเวทย์หรือบุคคลที่มีพละกาลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน
สัญชาตญาณของเธอไม่เคยพลาด
~เจ้าดูแข็งแกร่งพอๆกับกรงเล็บของข้าอีกครังแล้ว!.. ~
ร่างกายของคาร์ลในตอนนี้ถูกล้อมรอบด้วยรังสีเหนืออานาจ
ในขณะที่ลิทาน่าเฝ้าสังเกตเขาอยู่นั้นคาร์ลเองก็ลอบสังเกตลิทา
น่าจากทางหางตาของเขาเช่นกัน
ผู้คนที่อาศัยในผืนป่าทางตอนใต้หรือที่รู้จักกันในนามของ‘คน
ภาคใต้’เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของผิวสีบรอนซ์และร่างกายที่ดู
แข็งแรงกายาหรืออาจจะเรียกว่าถึกบึกบึนก็ได้ พวกเขามักมีที่
อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ตามธรรมชาติที่มีลักษณะเหมือนป่าทึบ
คล้ายกับว่าบ้านของพวกเขานั้นใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด
ใกล้ชิดธรรมชาตินั้น
ความใกล้ชิดธรรมชาติเช่นนี้เป็นสาเหตุในการพัฒนาด้าน
วัฒนธรรมที่แตกต่างเป็นอย่างมากหากเทียบกับประชาชนที่
อาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนอื่นในอาณาจักรวิปเปอร์กับคนภาคใต้
เหล่านี้
ในขณะที่ประชาชนส่วนอื่นในอาณาจักรวิปเปอร์ได้พัฒนาทาง
สังคม วัฒนธรรมและความรู้สึกของพวกเขาซึ่งมุ่งเน้นเพียง
‘การอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด’และ‘การต่อสู้’ แต่คน
ภาคใต้เหล่านี้กับมุ่งเน้นพัฒนาในด้าน ‘การพึ่งพาซึ่งกันและกัน
โดยได้รับผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย’และ‘ความเป็นผู้นา
และผู้ติดตามที่ดี’
ความเงียบปกคลุมไปทั่วถ้าก่อนที่เสียงอันเรียบเรื่อยของคาร์ล
จะทาลายความเงียบนั้นลง
“ดูท่าแล้วฝนคงตกแรงขึ้น..เอาไว้เราค่อยออกไปจากที่นี่วัน
พรุ่งนี้แล้วกันนะ..เจ้าก็คิดเหมือนข้าใช่มั้ย…ออน?”
ท่าทางและสีหน้าของคาร์ลที่เอ่ยขึ้นกับลูกแมวนั้นดูอบอุ่น
อ่อนโยนราวกับกองไฟที่ลุกโชนอยู่ข้างกายของเขา อย่างไรก็
ตามสีหน้าของออนกลับมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
~ทาไมท่าทางของเจ้าเป็นแบบนันล่ะ?!.. ~
ดูเหมือนว่าราอนก็สับสนเช่นเดียวกัน
ลิทาน่าและข้ารับใช้ทั้งหมดของเธอหันไปมองคาร์ลด้วยสีหน้า
เคร่งเครียด ลิทาน่าสามารถเดาได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องการ
สื่อถึงอะไร
“คือ..เอ่อ”
“เรียกข้าว่าคาร์ลก็ได้”
“อ้อ…คาร์ล”
ลิทาน่าเหลือบมองกระเป๋าเวทย์ที่อยู่บนกายเขาแต่ไม่มีดาบ
หรืออุปกรณ์ยังชีพอื่นๆเลย ราวกับว่าเขาเข้าป่ามาเพื่อเดิน
เล่นเท่านั้นท่าทางของเขานั้นดูเหมือนจะรู้เส้นทางในป่าแห่งนี้
เป็นอย่าดี
เขามีบางอย่างที่ดูแปลกๆ เขามีอะไรบางอย่างที่คล้ายๆกับรังสี
ล้อมรอบกายเขาเอาไว้
ทันใดนั้นเธอก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
‘….หรือว่าเขาจะเป็น…มังกร?’
เธอเคยได้ยินตานานที่ถูกเล่าลือมานานเกี่ยวกับมังกรที่สามารถ
มอบสิ่งที่มนุษย์ที่พบเจอถ้าของมันให้สมปรารถนาตามที่
ต้องการได้ ในตานานไม่ได้กล่าวถึงรูปลักษณ์ของมังกรเอาไว้
เช่นกัน ลิทาน่ารู้ดีว่าความคิดของเธอในตอนนี้ค่อนข้างไร้สาระ
และยากที่จะเป็นไปได้แต่เธอก็อดที่จะมีความหวังไม่ได้เช่นกัน
ช่วงจังหวะนั้นสายตาของเธอก็สบเข้ากับชายหนุ่มที่ชื่อคาร์ล
เข้าพอดีก่อนจะเห็นว่าเขากาลังยิ้มให้กับเธอ
“ข้าไม่ใช่มังกร”
เอ่อ!!!
เธอสะดุ้งสุดตัวในขณะที่ปากก็อ้าค้างด้วยความตกใจเมื่อชายผู้
นี้รู้ความคิดของเธอ คาร์ลเสยผมสีแดงสดของเขาที่ตกลงมา
ปรกหน้าไปด้านหลังก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แต่ข้ารู้จักเส้นทางในนี้เป็นอย่างดี”
“…..อย่างไรหรือ?”
ลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธอคือกลุ่มคนที่ควรจะรู้จักกับผืนป่าที่
มีความซับซ้อนและลึกลับแต่พวกเขายังพลาดจนหลงป่าใน
ที่สุด แล้วชายหนุ่มตรงหน้าไปรู้เส้นทางในป่าที่อันตรายเช่นนี้
ได้อย่างไร? เมือ่ เห็นสีหน้าประหลาดใจสลับกับความมึนงงบนสี
หน้าของลิทาน่าทาให้คาร์ลเริ่มยิ้มและตอบกลับอีกครั้ง
“เด็กคนนี้มาจากเผ่าแมว”
คาร์ลลูบศีรษะของออนด้วยความอ่อนโยนราวกับนักบุญผู้เต็ม
เปี่ยมไปด้วยเมตตา
“ข้าพบกับเด็กคนนี้ในสลัม..วันนั้นก็มีฝนตกเหมือนเช่นวันนี้”
สายตาเขาทอดยาวไกลออกไปราวกับกาลังระลึกความหลังอยู่
เขานึกถึงวันแรกที่ได้เจอออนและฮง ในขณะที่ออนก็นึกถึง
เหตุการณ์ในวันนั้นเช่นกันและรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามานั่งคิดถึงวัน
เวลาเหล่านั้น อย่างไรก็ตามเธอยังคงปิดปากเงียบและเริ่มส่าย
หางของตนไปมาด้วยความไม่แน่ใจกับท่าทางของคาร์ล
ในตอนนี้
“เด็กคนนี้ชื่อออน…และสามารถควบคุมหมอกได้”
“ช่างเป็นพลังที่หาได้ยากยิ่งนัก”
ลิทาน่านึกถึงหมอกที่ปกคลุมไปทั่วออริมก่อนจะเอ่ยชมลูกแมว
น้อยตัวนี้จากใจจริง
“อืม..มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ…ตัวข้าเองก็รู้จักกับสถานที่แห่งนี้
เมื่อครั้งที่เดินทางออกจากดินแดนของข้า…พอดีข้าได้อ่านตารา
โบราณเล่มหนึ่งเข้า…มันบอกว่าสถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วย
หมอก”
ลิทาน่าละสายตาออกจากลูกแมวตัวน้อยเพื่อหันมามองคาร์ล
อีกครั้ง ชายหนุ่มที่ชื่อคาร์ลคนนี้ทาให้เธอสัมผัสได้ถึงความ
จริงใจและความสง่างามจากท่าทางที่เขาแสดงออก ไหนจะ
น้าเสียงที่เขาใช้สนทนากับเธอก็เต็มไปด้วยลักษณะบางอย่างที่
ทาให้เธอมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา เขาต้องเป็นขุน
นางอย่างแน่นอน
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าและเด็กคนนี้.เดินทางเข้ามาในป่าแห่งนี้”
ดวงตาของคาร์ลเริ่มเปล่งประกายล้อกับแสงไฟที่สะท้อนเข้า
ดวงตาของเขา ลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธอก็มองเห็นประกาย
จากดวงตาคู่นี้เช่นกัน ความเงียบสงบยังคงปกคลุมไปทั่วถ้า
ก่อนที่คาร์ลจะเป็นคนทาลายมันลงอีกครั้ง
“เราเดินทางมาที่นี่…เพราะเราคิดว่าอาจสามารถใช้พลังที่เรามี
เพื่อมอบความหวังให้กับผู้ที่หลงทางรวมทั้งครอบครัวของพวก
เขาที่กาลังรอคอยอย่างสิ้นหวัง”
~ไม่ใช่แบบนันสักหน่อย ~
ราอนพึมพาขึ้นมาในขณะที่ออนก็แกว่งหางของเธอเบาๆ
คาร์ลแต้มรอยยิ้มประดับที่มุมปากของเขาหลังจากที่เห็น
สายตาของลิทาน่าเริ่มเปลี่ยนไป
“โชคดีที่ข้าคิดถูก..เราสามารถมองเห็นเส้นทางในนี้ได้ชัดเจน…
ออนควบคุมหมอกพวกนี้ได้จริงๆ” (53380)
ก่อนที่เขาจะอธิบายความลับของหมอกที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ให้
พวกเขาฟังคร่าวๆ เขาอธิบายว่ามันสามารถทาให้บางคนเกิด
ภาพหลอนและก่อให้เกิดการรบกวนพลังเวทย์ได้เช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ลิทาน่าไม่สามารถซ่อนความขมขื่นในใจของเธอไว้ได้
“ตานานนั่น..อาจไม่มีอยู่จริงสินะ”
ถ้ามันเป็นสิ่งที่เกิดจากหมอกและการรบกวนพลังเวทย์จริงๆ
หมายความว่าตานานที่เล่าลือว่ามังกรเป็นผู้ทาให้เกิดสิ่งนี้
ขึ้นมาย่อมเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน ความผิดหวังฉายชัดบน
ใบหน้าของลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธอ อย่างไรก็ตาม
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลิทาน่ากลับคิดว่ามันน่าจะดีกว่า
ตอนที่เธอกาลังถกเถียงกับตนเองว่าจะต้องจุดไฟเผาป่าดี
หรือไม่?
“ถ้าอย่างนั้น…จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าวันพรุ่งนี้เราจะให้เจ้านา
ทางพวกข้าออกไปจากที่นี่?”
“ได้สิ..หากเกิดสถานการณ์ที่คับขัน…เพื่อนมนุษย์ด้วยกันย่อม
ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว”
บทที่ 77 คนดี 3 (2)

สายตาของลิทาน่าที่ส่งไปให้คาร์ลนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น
และอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิม เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีจริงๆ
ลักษณะและรังสีแปลกๆที่ล้อมรอบตัวเขาที่เธอสัมผัสได้ก่อน
หน้านี้ก็คงเกิดจากที่เขาเป็นคนที่ดีและมีจิตใจเมตตากระมัง?
ก่อนที่คาร์ลจะแกล้งส่งสีหน้าผิดหวังให้แก่พวกเขาทั้งหมดใน
เวลาต่อมา
“เอ่อ…ขอโทษนะ…ข้าเดาว่าความปรารถนาของท่านในตอนนี้
คงเป็นสิ่งที่น่าสิ้นหวังใช่หรือไม่?”
“อืม..แต่ไม่เป็นไรหรอก..ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทาได้อยู่แล้ว…
ข้าแค่รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องเป็นผู้ลงมือทาให้ไฟลุกลามไปมากกว่า
นี้”
‘ไฟ’ คานี้ทาให้ตาของคาร์ลเป็นประกายจ้าก่อนที่มันจะเลือน
หายไปอย่างรวดเร็วจนคนอื่นๆไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ไฟ…พอได้ยินแล้วมันดูน่ากลัวยิ่งนัก…ข้ารู้สึกได้ว่าท่านคงต้อง
เผชิญกับสถานการณ์ที่บีบคั้นจิตใจมากแค่ไหนเพราะพวกท่าน
เป็นคนภาคใต้ซึ่งมีขุมทรัพย์เป็นธรรมชาติที่สวยงามเช่นนี้”
“เจ้ารู้เรื่องภาคใต้ด้วยหรือ?”
“รู้ไม่มากเท่าไหร่หรอก…ข้าเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับภาคใต้มา
บ้าง…ข้าเป็นคนที่ชื่นชอบการเดินทางและเพลิดเพลินไปกับ
ทิวทัศน์ที่สวยงาม”
~เอ๋…ข้ารู้!…ข้ารู้แล้ว!…เจ้ามนุษย์อ่อนแอ ~
คาร์ลรู้สึกว่าแผ่นหลังเขาเย็นยะเยือกขึ้นหลังจากได้ยินประโยค
ที่เหมือนจะรู้ทันของราอนดังขึ้นแต่เขาก็พูดต่อด้วยท่าทางที่ดู
สดใสที่สุดเท่าที่เขาจะทาได้
“ข้าเคยอ่านเกี่ยวกับความสวยงามของภูเขา ทะเลสาบและ
ธรรมชาติอื่นๆที่สวยงาม..ถ้าเราออกจากพื้นที่เขตออริมไปแล้ว
ข้าตั้งใจว่าในอนาคตจะไปเที่ยวเยี่ยมชมธรรมชาติให้ทั่วพื้นที่
ภาคใต้อย่างแน่นอน”
“อ่า….ข้าเข้าใจแล้ว”
ใบหน้าของลิทาน่าเต็มไปด้วยความผิดหวัง ขมขื่นและความ
ปวดใจ เธอไม่สามารถกล่าวคาโกหกหรือแสร้งทาเป็นไม่รู้
เรื่องราวใดๆให้แก่คนที่มีความกระตือรือร้นและตั้งตารอเพื่อ
เยีย่ มชมทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าในภาคใต้ได้ แม้แต่ใบหน้า
ของข้ารับใช้ของเธอก็มืดครึ้มลงอย่างปวดใจเช่นกัน
“น่าเสียดาย…ที่ธรรมชาติของผืนป่าที่เจ้าต้องการเห็นเมื่อเจ้า
ออกจากออริมไปแล้ว…จะไม่สวยงามอีกต่อไป”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
ป่าผืนนี้คุ้มค่ากับการเดินทางท่องเที่ยวยิ่งนักมันใช้เวลา
เดินทางจากออริมไปหนึ่งวัน มันมีพื้นที่กว้างขวางและสวยงาม
กินอาณาเขตทั่วดินแดนทางภาคใต้เป็นส่วนใหญ่แน่นอนว่ามัน
สวยกว่าธรรมชาติในเขตออริมที่เป็นเสี้ยวหนึ่งของผืนป่าทาง
ภาคใต้ แต่ทาไมลิทาน่าถึงได้ปรากฏตัวที่ออริมด้วยล่ะ?
มันเป็นเพราะที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งกาเนิดไฟป่า
“มีไฟป่าอยู่ที่นี่”
“หืม?…อะไรนะ?…แล้วทาไมท่านไม่กาจัดมันออกไปล่ะ?”
“….มันเป็นไฟป่าที่ไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้างแต่ก็เป็นไฟป่าที่
พวกเราไม่สามารถดับได้เช่นกัน”
เมื่อเห็นสีหน้าของคาร์ลที่จ้องมายังเธอด้วยความวุ่นวายใจ
เช่นนั้น ลิทาน่าจึงเริ่มอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับไฟป่าให้ฟัง
“มีอยู่วันหนึ่ง…พื้นที่ป่าส่วนแรก..อ้อ!…ส่วนแรกของป่าคือออ
ริมน่ะ!…จู่ๆมันก็เกิดไฟป่าขึ้นมา..ไม่ว่าจะใช้น้าที่สร้างมาจาก
พลังเวทย์หรืออุปกรณ์เวทย์ต่างๆก็ไม่สามารถใช้ดับมันได้…เรา
เป็นกังวลกับเรื่องนี้มากแต่มันก็ยังคงลุกไหม้และแพร่กระจาย
เฉพาะในพื้นที่ป่าส่วนแรกโดยยังไม่ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ..แต่
ถ้าปล่อยมันไว้เช่นนี้ข้าเดาว่ามันจะต้องลุกลามไปทั่วผืนป่าใน
ไม่ช้านี้”
ลิทาน่าอธิบายให้ฟังด้วยท่าทางขมขื่น
“ข้าไม่มั่นใจนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีหรือแย่”
มันเป็นไฟป่าที่แปลกมาก
อย่างไรก็ตามคาร์ลรู้ถึงเบื้องหลังที่แท้จริงของไฟป่านี้ มันเป็น
ไฟป่าที่ไม่สามารถดับได้ด้วยพลังเวทย์หรือคาถาเวทย์มนตร์
ใดๆ
คาตอบของสิ่งนี้คือการเล่นแร่แปรธาตุ[1]
การเล่นแร่แปรธาตุเป็นศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่าพลัง
เวทย์ มีจักรวรรดิที่ต้องการพัฒนามันขึ้นมาใช้โดยอาศัย
หลักการเล่นแร่แปรธาตุอย่างเดียวและไม่มีการใช้ศาสตร์อื่นๆ
เข้ามาใช้ในการพัฒนามัน แน่นอนว่าผู้ต้องการใช้ศาสตร์เล่น
แร่แปรธาตุนี้คือจักรวรรดิแห่งอาณาจักรโมโครุ จักรวรรดิผู้เป็น
เจ้าของหอระฆังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดและเขาคือตัวการ
ทาให้เกิดไฟป่าในออริมขึ้นมานั่นเอง
‘หากจะกล่าวเจาะจงให้แม่นยาขึ้นอีกสักหน่อย…ก็คงต้องบอก
ว่าเป็นฝีมือขององค์ชายแห่งอาณาจักรโมโครุต่างหาก’
องค์ชายแห่งอาณาจักรโมโครุผู้เป็นกังวลเกี่ยวกับอานาจของลิ
ท่าน่าที่สามารถครอบครองผืนป่าได้ถึง15ส่วนและเพื่อลดทอน
อานาจของเธอลงจึงเป็นผู้สั่งการทาให้เกิดไฟป่านี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามไม่มีความลับใดที่คงอยู่ตลอดกาล ในตอนท้าย
ของนิยายเล่มที่4 ลิท่าน่าสามารถจับตัวการที่ทาให้เกิดไฟป่าใน
พื้นที่ส่วนออริมได้ เธอพบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือองค์ชายแห่ง
อาณาจักรโมโครุและเขายังเข้าร่วมกับทูนก้าอีกด้วย ด้วยหลัก
ปรัชญาที่พวกเขานับถือต่างกันแม้จะเป็นคนจากอาณาจักรวิป
เปอร์เช่นกันทาให้ฝั่งของทูนก้าตัดสินใจเข้าร่วมกับอาณาจักร
โมโครุในที่สุด
ราชินี่ผู้ขี่เสือดาแทนที่จะขี่ม้าธรรมดาๆตัดสินใจนาทัพนักรบ
ของเธอเข้าต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าอันเป็นที่รัก
‘แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของฉันเสียหน่อย’
คาร์ลไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้เลยสักนิด เขากาลัง
จะช่วยเธอดับไฟและรับเงินก้อนโตก่อนจะจัดการกับปัญหา
อื่นๆอีกเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาจะรีบกลับไปยังอาณาเขตเฮ
นิตัสของเขาให้เร็วที่สุด
นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากเจอกับองค์ชายแห่งอาณาจักรโมโครุ
‘เขาไม่ใช่คนดี’
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กและองค์ชายแห่งอาณาจักรโมโครุ
เป็นคนประเภทที่คล้ายๆกัน นันคือเหตุผลที่เขาจัดให้องค์ชาย
ทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกันแต่มันก็มีสิ่งที่ต่างกันอยู่เล็กน้อย
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กค่อนข้างเป็นคนที่มีความยุติธรรม
และใส่ใจกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อราษฎร นั่นเป็นสิ่งที่คาร์ล
สามารถพูดคุยและทางานร่วมกับเขาได้ง่าย
แต่องค์ชายจากอาณาจักรโมโครุกลับต่างออกไป เขาเป็นคนที่
เห็นแก่ตัวอีกทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและร้ายกาจเป็น
อย่างมาก
เขามีลักษณะที่คล้ายกับคาร์ลอยู่บ้างแต่นั่นล่ะ!ยังไงเขาก็ก็ดู
ดีกว่าหมอนั่นเยอะทีเดียว คาร์ลปัดเรื่องขององค์ชายแห่ง
อาณาจักรโมโครุผู้ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางและควบคุมทุกอย่าง
ในทวีปตะวันตกออกไปก่อนจะบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าของ
ตนให้ดูกังวลอย่างรุนแรง
สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูเป็นกังวลยิ่งนัก
“มันเป็นไฟที่มีขนาดใหญ่มากเลยหรือ?”
“….ข้าไม่เคยเห็นไฟป่าที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต..มันพุ่งขึ้น
สู่ท้องฟ้าไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน..มันทาให้ข้า
รู้สึกราวกับว่ามันคือระเบิดที่พร้อมปะทุได้ตลอดเวลา”
“มันคงยากที่จะเข้าใกล้มันสินะ?”
“ใช่แล้ว…ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้
มันได้เลย….แค่ขยับเข้าไปใกล้มันก็รู้สึกเหมือนว่าร่างกายโดน
มันเผาไหม้เป็นจุณแล้ว”
“มันแย่มาก…เฮ้อ….มันแย่มากจริงๆ”
ลิทาน่ามองไปที่คาร์ลซึ่งกาลังถอนหายใจอย่างรู้สึกผิดหวังและ
เสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจจริง เธอรู้สึกขอบคุณเขาที่แสดง
น้าใจออกมาเช่นนี้ มันยากที่จะหาคนที่มาจากอาณาจักรอื่นที่
นับเป็นศูนย์กลางของทวีปที่ใส่ใจและเห็นใจเกี่ยวกับภาคใต้
หรือรักในธรรมชาติเช่นนี้
“อย่างไรก็ตาม…พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดับไฟนี้ให้
ได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เธอเห็นว่าคาร์ลพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เธอบอกก่อนที่สีหน้า
ของเขาจะตกอยู่ในสภาพที่กาลังไตร่ตรองและพิจารณาบางสิ่ง
อย่างถี่ถ้วนซึ่งมันก็ใช้เวลาไม่นานนัก
มันใช้เวลาชั่วพริบตาเดียวและดวงตาของเขาในตอนนี้กาลัง
เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างรุนแรง
“เฮ้อ…..”
เขาลูบหน้าของตนเบาๆก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา อย่างไร
ก็ตามสายตาที่เขาจ้องไปยังลิทาน่านั้นกลับเต็มไปด้วยความ
มุ่งมั่นและตั้งใจเป็นอย่างมาก
“จงพาข้าไปยังแหล่งกาเนิดไฟป่าได้หรือไม่?”
“อะไรนะ?”
‘ลิทาน่า’ คาร์ลรู้ดีว่าเธอเป็นคนอ่อนแอที่ไม่ยอมแสดงด้าน
อ่อนแอของตนออกมาและพยายามทาทุกสิ่งเพื่อให้เกิดผล
ประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้างมากที่สุด เธอเป็นคนที่
สามารถเอาคืนคนที่ทาให้เธอเจ็บปวดได้นับสิบๆครั้งใน
ขณะเดียวกันเธอก็ยินดีตอบแทนผู้มีพระคุณของเธอนับพันๆ
ครั้งเช่นกัน
คาร์ลแสดงความจริงจังบนใบหน้าของเขาและเริ่มพูดด้วย
น้าเสียงที่สั่นคลอนเล็กน้อย
“ข้า…ข้าเชื่อว่าตัวข้าสามารถดับไฟนั้นได้”
“อะไรนะ?”
ก่อนที่ราอนจะเริ่มตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ลทันที
~.เจ้ามนุษย์อ่อนแอ!…เจ้าคิดจะทาอะไร?…วันนี้เจ้าดูแปลก
มาก!…เจ้ามันอ่อนแอ!..นี่เจ้าพยายามจะทาอะไรอีกกันแน่!? ~
คาร์ลไม่สนใจเสียงของราอนที่ตะโกนดังลั่นอยู่ในหัวของเขา
เมื่อเขายังแสร้งแสดงออกด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าอยู่
เช่นเดิม (53380)
“ข้าเชื่อว่า…ข้าสามารถกาจัดไฟนั้นได้”
[1] การเล่นแร่แรธาตุ ถือเป็นปฐมบทของวิชาเคมีในปัจจุบัน
ทีเดียว เรียกว่ากาเนิดจากไสยศาสตร์มาเป็นรากฐาน
วิทยาศาสตร์ การเล่นแร่แปรธาตุหรือรสายนเวท เป็นศาสตร์ที่
มีมาแต่โบราณ ศาสตร์นี้ได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยกรีก
โบราณโดยอริสโตเติล ซึ่งวางรากฐานจานวนมากของศาสตร์นี้
นักเล่นแร่แปรธาตุเชื่อว่า ทุกอย่างในโลกประกอบไปด้วย ดิน
น้า ลม ไฟ หากเปลี่ยนแปลงปริมาณของสี่ธาตุในวัตถุหนึ่งได้
แล้ว ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงวัตถุนั้นได้ (เช่น เปลี่ยนตะกั่ว
เป็นทองคา) สิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุต้องการค้นพบ คือ อลิเซีย
วิตา หรือยาอายุวัฒนะที่จะช่วยให้มีอายุยืนนาน และ ศิลา
นักปราชญ์ ซึ่งจะเปลี่ยนสสารใดๆให้กลายเป็นทองคาได้
รวมถึงการสร้างมนุษย์เทียมในหลอดแก้ว การเล่นแร่แปรธาตุ
แม้จะล้มเหลวแต่ก็เป็นรากฐานสาคัญให้วิทยาศาสตร์หลาย
สาขาในกาลปัจจุบัน
บทที่ 78 คนดี 4 (1)

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วถ้้าอีกครั้ง ลิทาน่าละสายตาออก
จากคาร์ลเพื่อหันไปมองข้ารับใช้ของเธอ
เธอก้าลังตรวจสอบให้ตนได้แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นถูกต้อง
หรือไม่? เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย?
แน่นอนว่าข้ารับใช้ของเธอในตอนนี้ก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเธอเลย
สักนิด
“ท่านคาร์ล…ช่วยอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
ลิทาน่าที่เอนหลังพิงผนังถ้้าเมื่อก่อนหน้านี้หยัดกายนั่งตัวตรง
เกราะหนังที่สะท้อนเข้ากับแสงไฟท้าให้เห็นว่าร่างกายของเธอ
นั้นแข็งแรงก้าย้ามากเพียงไหน
“ข้าเป็นคนจากอาณาจักรโรมัน”
“ท่านมาจากดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรอกรึ?…
ส่วนพวกเราเป็นนักรบที่ท้าหน้าที่ดูแลป่าแห่งนี้”
“อ้อ!…อย่างนั้นรึ!…ข้ามาจากดินแดนเล็กๆที่อยู่มุมหนึ่งใน
อาณาจักรโรมัน..เอ่อ….”
คาร์ลยกมือขึ้นมาเกาคางของตนเบาๆราวกับรู้สึกอึดอัดใจเมื่อ
ได้ยินลิทาน่าแนะน้าตัวว่าตนเป็นเพียงนักรบที่ท้าหน้าที่ปกป้อง
ผืนป่าแห่งนี้ก่อนจะเอ่ยต่อไปอย่างระมัดระวัง
“ข้ามาจากตระกูลขุนนางเล็กๆ…ต้องขอบคุณที่ตัวข้าไม่ได้ขาด
แคลนเงินทุนจึงสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทั่วทวีป..อ้อ…
ข้ายังมีลูกน้องคนอื่นๆติดตามมาด้วยเช่นกัน”
“ลูกน้องหรือ?”
“ใช่แล้ว…ข้าอาจเข้ามาในนี้กับออนแค่เพียงล้าพัง…แต่ยังมีคน
อื่นๆที่ข้าไว้ใจติดตามข้ามาด้วยและตอนนี้พวกเขาก็รอข้าอยู่
ด้านนอกออริมนั่น”
ลิทาน่าและข้ารับใช้ผู้ซึ่งศรัทธาในนิยามของประโยคที่ว่า‘ผูน้ ้า
และผู้ติดตาม’หันไปมองคาร์ลด้วยสายตาที่ดูอ่อนโยนและ
เลื่อมใสมากขึ้น
“เมื่อครั้งที่ข้าเดินทางไปเที่ยวนั้น..มีครั้งหนึ่งที่ข้าได้มีโอกาส
พบเข้ากับโชคชะตาบางอย่าง”
“โชคชะตาบางอย่าง?”
คาร์ลแต้มรอยยิ้มอันขมขื่นประดับไว้บนใบหน้าของตนและเริ่ม
กระพริบตาถี่ขึ้นราวกับก้าลังนึกถึงความทรงจ้าที่แสนล้าบาก
ของตนที่ผ่านมา
“ใช่…มันคือโชคชะตา…ข้าตกลงไปในวังน้้าวนและเกือบจะเอา
ชีวิตไม่รอด…แต่เมื่อข้าขึ้นมาจากวังน้้าวนนั้นได้ข้าจึงได้เจอเข้า
กับโชคชะตาบางอย่างภายในถ้้าที่อยู่ใกล้ชายทะเลนั่น…ตอน
นั้นข้าเจอผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บและช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้..
แม้ว่ามันอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวแต่อย่างน้อยข้าก็รู้สึกโล่งใจที่ได้
รู้ว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ท้าให้ข้าจมลงใต้วังน้้าวนก็เป็นได้…เอ่อ”
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มยิ้มอย่างเขินอาย
“โทษที…นั่นไม่ใช่เรื่องที่ข้าสมควรเล่าให้ฟังเลยสักนิด”
“ดูเหมือนท่านคาร์ล…จะช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมายทีเดียว”
ลิทาน่าก้มมองเด็กจากเผ่าแมวที่ยังคงนั่งฟังสิ่งที่คาร์ลเล่าอย่าง
เงียบๆก่อนจะหันไปมองคาร์ลขุนนางที่น่าเคารพนับถือและมี
มารยาทอันอ่อนน้อม เขาไม่ได้แสดงความหยิ่งให้เห็นแม้ว่าจะ
เป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์เพียงใดก็ตาม
“ไม่รู้สิ?…ข้าไม่สามารถเดินผ่านไปเฉยๆโดยไม่ได้ลงมือท้าสิ่ง
ใด”
เขาดูสุภาพและมีจิตใจที่ดียิ่งนัก
“อย่างไรก็ตาม…ข้ามีพลังบางอย่างที่สามารถใช้งานกับสิ่งที่
เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้ได้”
“พลังอะไรหรือ?”
ลิทาน่าเดาได้ว่าคาร์ลได้เอ่ยถึงประเด็นส้าคัญจึงเอ่ยถามออกไป
ทันที
“มันคือวารีสยบเพลิง…หรือจะเรียกว่าน้้าดับไฟก็ได้…มันเป็น
น้้าที่สามารถดับไฟทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้”
ดวงตาของลิทาน่าและข้ารับใช้ทั้งหมดต่างเป็นประกายวาวขึ้น
มันฟังดูแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากน้้าทั่วๆไปที่พวกเขา
เคยรู้จัก
แน่นอนว่าคุณสมบัติของมันต่างจากน้้าทั่วไปที่พวกเขาเคยรู้จัก
อย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นไฟประเภทใดหรือมีความร้ายแรงมากเพียงไหน
หากมีค้าว่า‘ไฟ’อยู่ในนั้นมันก็สามารถยับยั้งทั้งหมดได้
ที่จริงแล้วคนที่เจอเข้ากับ ‘วารีสยบเพลิง’ คือทูนก้าและเขาได้
ใช้มันเป็นส่วนผสมส้าคัญในการสร้างร่ายกายของเขาให้
ต้านทานไฟได้ อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้เกรงกลัวหากร่างของ
เขาจะต้องถูกไฟไหม้เพราะ เขามี‘พละก้าลังแห่งดวงใจ’ มัน
อาจจะเจ็บอยู่บ้างแต่‘พละก้าลังแห่งดวงใจ’จะช่วยฟื้นฟู
ร่างกายของเขาได้ทันทีแล้วท้าไมเขาจะใช้มันท้าสิ่งอื่นไม่ได้ล่ะ?
คาร์ลได้เท‘วารีสยบเพลิง’ใส่ใน ‘สร้อยดูดซับ’ ซึ่งเป็นพลัง
ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ล็อกเป็นผู้น้ากลับมาให้
คาร์ลอธิบายให้พวกเขาฟังเพิ่มเติมอย่างระมัดระวัง
“อย่างไรก็ตาม…การใช้งานของมันอาจยังมีขีดจ้ากัดอยู่บ้าง…
ข้าไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าต้องใช้ปริมาณมากเพียงใดจึงจะดับมัน
ได้”
“อ่า…”
ลิทาน่าอ้าปากค้างและหุบเข้าหุบออกอยู่หลายครั้งก่อนจะเอ่ย
ออกมาในที่สุด
“มันฟังดูแล้ว…เป็นพลังที่มีค่ายิ่งนัก..มันสามารถใช้กับเราได้
หรือไม่?”
คาร์ลต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้มุมปากของตน
ยกสูงขึ้นด้วยความพอใจ
ขีดจ้ากัดที่คาร์ลกล่าวถึงย่อมเป็นเรื่องที่ว่าเขาสามารถใช้
ประโยชน์กับมันได้มากเท่าไหร่กันแน่?
‘ขีดจ้ากัดของมันมากพอที่จะสามารถดับไฟที่ก้าลังเผาทั้งทวีป
ตะวันตกได้หรือไม่นะ?’
ตราบใดที่คาร์ลไม่ได้จุดไฟเผาทั่วทั้งทวีปตะวันตก เขาก็มีเวลา
มากพอที่สามารถใช้น้าดับไฟที่เขาเก็บมาได้ตลอดชีวิต อย่างไร
ก็ตามมันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องพูดความจริงทั้งหมดกับเธอ
เช่นกัน
“ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ท่านเข้าใจอย่างไรดี?”
“…..ท่านเรียกข้าว่าลินาเถิด”
ข้ารับใช้คนหนึ่งสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นเธอเอ่ยแนะน้า
ตัวว่า ‘ลินา’ ในขณะที่คาร์ลก็แสร้งท้าเป็นไม่เห็นอาการนั้น
ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อปลอมๆของเธอ
“ท่านลินา”
“ว่าอย่างไร?”
“มันไม่ใช่สิ่งมีค่าหรือไม่มีค่าใดๆเมื่อเอ่ยถึงพลังนี้…ข้าเชื่อว่าสิ่ง
ส้าคัญที่สุดคือวิธีการที่เราน้าพลังนี้ไปใช้กับสิ่งใดต่างหาก”
ลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธอมองเห็นประกายตาของคาร์ลดู
สว่างจ้าขึ้น
“ถ้าข้าสามารถใช้พลังที่ข้ามีเพื่อรักษาธรรมชาติ..สัตว์ป่า..พันธุ์
พืช..รวมไปถึงผู้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นี่…และสามารถคง
สภาพการด้ารงชีวิตของสิ่งเหล่านี้ไว้ได้เช่นเดิมแล้วก็?…ข้าจะ
เลือกใช้มันอย่างแน่นอน”
ลิทาน่าก้าหมัดของตนแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแม้กระทั่งหัวใจของ
เธอก็เต้นแรงขึ้นเช่นกัน
“แน่นอน…ว่าพลังนี้ได้ยอมรับตัวข้าให้เป็นเจ้านายของมัน
แล้ว….ข้าต้องไปที่นั่นเพื่อใช้งานมันด้วยตัวข้าเอง…อืม…มัน
อาจใช้เวลาสักหน่อยและอาจจะเป็นภาระอยู่บ้างล่ะนะ?”
“ท่านต้องการเข้าไปในกองไฟนั่นเพื่อใช้งานมันหรือ?”
“ข้าคิดว่ากองไฟนั่นอาจสร้างความล้าบากให้แก่ข้า…แต่อย่าง
น้อยข้าต้องเขยิบเข้าใกล้มันให้ได้มากที่สุดเช่นกัน”
คาร์ลเห็นลิทาน่าขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด ทั้งความรู้สึก
ขอบคุณและความกังวลเข้าครอบคลุมเต็มหัวใจของเธอแม้แต่
ข้ารับใช้ของเธอก็รู้สึกเช่นกัน แน่นอนว่าข้ารับใช้ทั้งหมดของ
เธอยังคงระแวงคาร์ลอยู่แม้ว่าพวกเขาจะขอบคุณคาร์ลมาก
เพียงใดก็ตาม
นั่นท้าให้คาร์ลเริ่มปล่อยไม้เด็ดสุดท้ายของตนเอง
“ข้าจะรู้สึกมีความสุขมากหากพลังที่ข้ามีสามารถช่วยเหลือ
ได้…ข้ายินดีจะปกป้องและช่วยเหลือทุกคนที่ต้องเดือดร้อนจาก
เหตุการณ์นี้”
~นี่ไม่ใช่มนุษย์อ่อนแอที่ข้ารู้จัก…ไม่สิ!..เจ้าเป็นคนดีอยู่นะแต่ก็
ยังไม่เหมือนตัวตนของเจ้าจริงๆ….อย่างไรก็ตามการช่วยชีวิต
คนอื่นๆเอาไว้ย่อมเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ~
เด็กสี่ขวบรู้สึกสับสนกับท่าทางของคาร์ลแต่ก็ตัดสินใจสรุปปิด
ท้ายด้วยความยินดีกับความคิดของคาร์ล ในทางตรงกันข้าม
กับออนที่เพียงอ้าปากหาวและหันหน้าหนีออกจากคาร์ลเท่านั้น
“ขอบคุณท่านมากๆ”
คาร์ลยกยิ้มอ่อนโยนให้กับค้าขอบคุณจากลิทาน่า อย่างไรก็ตาม
สายตาที่คาร์ลใช้มองเธอและลูกน้องของเธอนั้นกลับเรียบเย็น
มากขึ้น
ลิทาน่าตัดสินใจเข้ามาในพื้นที่ป่าออริมโดยทิ้งผืนป่าส่วนที่
เหลือและผู้คนที่เธอต้องการปกป้องด้วยความหวังเพียงอย่าง
เดียวนั่นคือมังกรในต้านานแต่พวกเขากลับติดอยู่ที่นี่ถึงสอง
สัปดาห์โดยไม่มีผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้น
ส้าหรับพวกเขาแล้วคาร์ลนั้น ไม่ได้ต่างจากมังกรในต้านานเลย
สักนิด
“เราจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างไรดี…ส้าหรับความมีน้าใจ
ของท่าน?”
“ตอบแทนบุญคุณหรือ?…ข้ายังไม่ได้ท้าอะไรเลยนี่นา?…ข้าแค่
รู้สึกว่าตัวข้าถูกแรงดึงดูดให้เข้ามาในป่าแห่งนี้เพราะสาเหตุนี้
อย่างแน่นอน”
ลิทาน่ารู้สึกชื่นชมในตัวคาร์ลที่ไม่มีอาการโลภให้เห็นแม้แต่น้อย
เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีจากก้นบึ้งในจิตใจจริงๆ
ความแค้นย่อมถูกตอบแทนเป็นสิบเท่าในขณะที่บุญคุณก็ย่อม
ถูกตอบแทนให้ได้มากที่สุดและดีที่สุดเช่นกัน
“ท่านคาร์ล..ถึงอย่างไรข้าก็ต้องตอบแทนบุญคุณท่านให้ได้…
ท่านก้าลังจะไปช่วยเหลือเราและใช้พลังที่ท่านมีอย่างจ้ากัดเพื่อ
จัดการกับกองเพลิงนั่น…เราไม่สามารถยอมรับความมีน้าใจที่
ท่านมอบให้โดยไม่มอบสิ่งอื่นตอบแทนได้หรอกนะ”
“ไม่หรอก…ข้าไม่เป็นไรจริงๆ”
คาร์ลแสดงท่าทีอึดอัดใจออกมาจากนั้นก็นิ่งคิดบางสิ่งอย่าง
ไตร่ตรองก่อนจะปรบมือตัวเองออกมาราวกับคิดอะไรบางอย่าง
ออก
“อา!”
เขามีท่าทีเขินอายเมื่อเริ่มเอ่ยกับลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธออีก
ครั้ง
“ข้าเคยอ่านหนังสือที่บรรยายถึงความสวยงามของพื้นที่ป่า
ส่วนแรกเอาไว้…มันบอกว่าพื้นที่ป่าส่วนนี้มีการผสมผสานของ
พื้นที่ป่าสีเขียวและแนวชายฝั่งน้้าทะเลที่ใสสะอาดซึ่งนั่นเป็น
ทิวทัศน์ที่ดูสวยงามยิ่งนัก..ไหนจะความอัศจรรย์ของ
บรรยากาศทางธรรมชาติเมื่อพระอาทิตย์ตกดินนั่นอีก…ข้าจ้าได้
ว่าตอนที่ข้าอ่านมัน…ตัวข้ารู้สึกดีแค่ไหนเมื่อจินตนาการว่า
ตัวเองมีบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ป่าส่วนแรก”
ส่วนแรกหรือส่วนที่หนึ่งคือพื้นที่ป่าที่ก้าลังลุกโชนด้วยเปลว
เพลิง
ชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกของพื้นที่ป่าส่วนแรกเต็มไปด้วย
แร่หายากเช่นทองค้า
ในนิยายเรื่องนี้ หมอผีจากทวีปตะวันออกคือผู้ที่สามารถ
ดับเพลิงทั้งหมดได้โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน หมอผีผู้นี้ได้
เดินทางไปยังชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกเพื่อรวบรวมน้้า
ทะเลมาใช้ดับไฟและนั่นท้าให้เขาพบเข้ากับแร่ทองค้า
แร่ทองค้าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากกองหินมนตราแม้ไม่ใช้แร่
ทองค้าบริสุทธิ์แต่มันก็เป็นหินมนตราคุณภาพสูงที่ถูกฝังอยู่
รอบๆพื้นที่ หมอผีเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อนจะค่อยๆ
รวบรวมมันและหลบหนีไปในที่สุด
“เมื่อไฟดับลงแล้ว…ข้าขอเข้าไปดูพระอาทิตย์ตกดินในพื้นที่ป่า
ส่วนแรกได้หรือไม่?”
ลิทาน่าพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เธอก้าลังนึกถึงแนวชายฝั่งที่
สวยงามในพื้นที่ป่าส่วนแรก อย่างไรก็ตามบริเวณนั้นก็ต้องถูก
ไฟไหม้เช่นเดียวกันแน่นอนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอย่อมรู้
ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ขอที่ดินหรือเงิน
ทองแต่กลับขอเข้าไปเยี่ยมชมพื้นที่ส่วนนั้นสร้างความ
ประหลาดใจให้เธอยิ่งนัก
นั่นเป็นสาเหตุที่ท้าให้เธอได้ยกประเด็นในเรื่องนี้ขึ้นมา
“ข้าไม่คิดว่าแค่นั้นจะเพียงพอส้าหรับความมีน้าใจของท่าน”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
“ข้าจะสร้างบ้านพักตากอากาศให้แก่ท่าน…หากท่านไม่พอใจ
ในพื้นที่ป่าส่วนแรก…ข้าจะสร้างมันไว้บริเวณใดก็ได้ในผืนป่า
แห่งนี้”
“ไม่…ไม่จ้าเป็นเลยสักนิด..สิ่งนี้มันมากเกินไป!…ข้าไม่เป็นไร
จริงๆ”
คาร์ลต้องท้างานหนักมากเพื่อไม่ให้ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้ม
ออกมา
“ไม่!..ข้าจะสร้างบ้านพักตากอากาศให้แก่ท่าน!…อ๊ะ!…ท่านห้าม
ปฏิเสธข้าโดยเด็ดขาด”
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยแสดงความคิดเห็นของตนออกมาราวกับว่า
เขาในตอนนี้อยู่ในภาวะ ‘ไม่สามารถท้าอะไรได้เลยสินะ’
(53380)
“ถ้าหากข้าสามารถช่วยท่านดับไฟได้แล้วล่ะก็…การสร้าง
บ้านพักตากอากาศมันคงมากเกินไป..ข้าขอเพียงที่ดินผืนเล็กๆ
ที่ข้าสามารถสร้างบ้านพักตากอากาศจะได้หรือไม่?”
ลิทาน่าสามารถบอกได้เลยว่าถึงแม้คาร์ลจะบอกว่าตนมาจาก
ตระกูลขุนนางเล็กๆแต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด ขนาดและ
คุณภาพของกระเป๋าเวทย์ที่เขาสะพายเข้ามานั่นหรือแม้แต่
ความสวยงามและลักษณะของวัสดุที่น้ามาถักทอเป็นเครื่อง
แต่งกายของเขานั่นสามารถส่งเสริมความสง่างามและน่าเกรง
ขามในตัวของเขาได้มากทีเดียว เธอมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนที่
สามารถซื้อหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อน้ามาก่อสร้างบ้านพักตาก
อากาศหรือที่ดินหลายๆผืนได้อย่างง่ายดาย
“ได้สิ!…ข้าจะมอบผืนดินให้แก่ท่านเท่าที่ท่านต้องการ…ท่าน
อยากได้เท่าไหร่?…บอกข้ามาได้เลย…ข้าจะรู้สึกพอใจก็ต่อเมื่อ
ท่านได้รับมันมากพอจริงๆ”
‘เยี่ยม!!!’
บทที่ 78 คนดี 4 (2)

คาร์ลกู่ร้องในใจด้วยความตื่นเต้นดีใจก่อนจะแสร้งถอนหายใจ
ยาวออกมาและพยักหน้าตอบรับช้าๆ
“ได้…ข้าจะบอกให้ท่านทราบแล้วกันว่าข้าต้องการมันมาก
เพียงใด”
เขาแสร้งทาเป็นไม่สนใจในที่ดินในผืนปุาแห่งนี้แต่ความจริง
แล้วเขาแทบจะเห็นด้วยและตอบตกลงตั้งแต่ลิทาน่าเกริ่นมา
ตั้งแต่แรกแล้ว ในขณะที่ลิทาน่าก็ตัดสินใจว่าหากทุกอย่าง
เป็นไปได้ด้วยดีเธอจะมอบให้คาร์ลมากกว่าที่คาร์ลต้องการเพื่อ
ตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของคาร์ล
คาร์ลรู้ดีว่าลิทาน่าเป็นคนเช่นไรและต้องใช้วิธีเช่นใดถึงทาให้
เธอเข้ามาติดกับเขาได้โดยง่าย คาร์ลสบตาเข้ากับออนเมื่อยื่น
อาหารให้มันกิน
‘เปูาหมายที่แท้จริงของเจ้าคือที่ดินในปุานี้ใช่มั้ย?’
สายตาที่ออนส่งมาให้เขานั้นราวกับกาลังเอ่ยถามเช่นนี้อยู่แต่
คาร์ลก็แกล้งทาเป็นไม่เห็นเมื่อก้มเปิดกระเป๋าเวทย์ของตนออก
“ท่านอยากจะกินอะไรมั้ย?…พวกท่านทุกคนดูหิวกันมาก
ทีเดียว….อ่ะ!…เอานี่ไปกินสิ”
คาร์ลหยิบอาหารที่บารอคทาไว้ให้ออกจากกระเป๋าเวทย์และ
ยื่นมันให้กับลิทาน่าและลูกน้องของเธอ เขารู้วิธีพื้นฐานที่คน
ส่วนใหญ่นิยมใช้มันย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทาให้ผู้อื่นเลือกยืนอยู่
ข้างเขาได้
‘คนที่สามารถเลี้ยงดูปูเสื่อคนอื่นๆได้’
นั่นคือวิธีเดียวกับที่เขาได้รับความไว้วางใจจากเชวฮัน
เช่นเดียวกัน คาร์ลแตะไปที่ผ้าห่มที่ลูกน้องของลิทาน่ามอบให้
เมื่อก่อนหน้านี้ก่อนจะพูดต่อทันที
“พวกท่านสามารถทานได้ตามสบายเลย…ถือว่าเป็นการตอบ
แทนน้าใจจากผ้าห่มผืนนี้แล้วกัน….มาทานอาหารด้วยกันเถิด
แล้วพรุ่งนีจ้ ะได้ออกไปจากที่นี่กัน”
บรรยากาศตึงเครียดเมื่อก่อนหน้านี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็น
บรรยากาศเป็นกันเองในที่สุด
“ก่อนอื่นพวกเราต้องเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านที่ลูกน้องคน
อื่นๆของข้าอยู่กันก่อน…หลังจากนั้นเราค่อยออกเดินทางไปยัง
พื้นที่ปุาบริเวณนั้นกันอีกที….พวกท่านกินอาหารกันเถอะ..ไม่
ต้องเกรงใจข้า”
คาร์ลยังคงหยิบอาหารในกระเป๋าเวทย์วางลงเบื้องหน้าลิทาน่า
และลูกน้องของเธออย่างต่อเนื่อง
“พวกท่านจะไม่มีแรงเอาไว้ใช้ปกปูองผืนปุานี้ได้นะ…หากพวก
ท่านไม่ยอมกินอาหารกันสักที”
คาพูดของคาร์ลทาให้ลิทาน่าและลูกน้องของเธอนึกถึงคนที่รอ
พวกเขาอยู่ ในขณะที่คาร์ลนั้นก็กาลังคิดถึงหินมนตราที่กาลัง
รอเขาอยู่เช่นกัน
ลิทาน่ามองดูอาหารที่ยังคงความสดใหม่และอุ่นๆเอาไว้ได้
เพราะถูกบรรจุไว้ในกระเป๋าเวทย์ ก่อนจะคว้าช้อนส้อมที่คาร์ล
ส่งให้มาถือไว้ในมือก่อนจะเริ่มพึมพาออกมาเบาๆ
“ตานานอยู่ไม่ไกลเลย….”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
คาร์ลได้ยินสิ่งที่ลิทาน่าพึมพาออกมาทั้งหมดแต่ยังคงแสร้งทา
ตัวเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
“อ่า…ไม่มีอะไรหรอกท่านคาร์ล…อาหารพวกนี้อร่อยมาก
จริงๆ”
“อ้อ…ข้าดีใจที่พวกท่านชอบ”
ลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธอต่างก็รู้สึกผ่อนคลายและอิ่มท้องจ
เป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์ ในขณะที่ออนก็ลอบมองคาร์ล
ที่กาลังจ้องมองคนพวกนี้อย่างพอใจก่อนที่มันจะถอนหายใจ
ยาวออกมาเบาๆ
.
.
.
“ท่านคาร์ล…นี่มันมหัศจรรย์ยิ่งนัก!”
“ใช่มั้ยล่ะ?…ความสามารถของออนนั้นวิเศษมาก”
คาร์ลเหลือบไปมองลิทาน่าและลูกน้องคนอื่นๆของเธอซึ่งกาลัง
สาวเท้าตามหลังเขามาติดๆ แสงอาทิตย์ที่กระทบร่างของพวก
เขาทั้งหกคนนั้นมันทาให้เขาสามารถการันตีได้เลยว่าพวกเขา
นั้นเป็นนักรบที่แข็งแกร่งมากเพียงใด
มีนักรบอยู่สองประเภทที่มีความแตกต่างกันในพื้นที่ทางตอนใต้
ของทวีปตะวันตก
คนประเภทเดียวกับทูนก้านั้นถูกจัดให้เป็น‘นักสู้’ มากกว่าจะ
ถูกเรียกว่า‘นักรบ’เหมือนกับอัศวินจากทางตอนเหนือของทวีป
ในขณะที่พลเมืองที่อาศัยอยู่ในปุานั้นมีความก่ากึ่งระหว่างสอง
ประเภทนี้พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการสู้รบและฝึกฝน
ศาสตร์การต่อสู้และการใช้อาวุธทุกแขนง
“ท่านลินา…พวกเราใกล้ถึงหมู่บ้านโฮอิคแล้ว”
ทันทีที่คาร์ลเอ่ยจบ ลิทาน่าและลูกน้องของเธอรีบจัดเสื้อกันฝน
ให้คลุมกระชับร่างพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มก้าวพ้นเขตชายแดนของเส้นทางไร้
ทางออกเข้าสู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านในเวลาต่อมา แน่นอนว่า
ย่อมมีเหตุผลที่พวกเขาต้องปกปิดร่างกายของพวกเขาให้มิดชิด
มากที่สุดด้วยเสื้อกันฝนสีน้าเงินเข้ม
ลิทาน่าระวังเส้นผมสีดาสนิทของตนไม่ให้โผล่พ้นออกมาให้เห็น
เพราะเส้นผมสีดาสนิทถือเป็นเอกลักษณ์พิเศษของราชวงศ์
การที่เธอพยายามแฝงตัวเป็นเพียงชาวใต้ธรรมดาๆคนหนึ่ง
และทางานอย่างหนักเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นเป็น
เรื่องยากสาหรับคนอื่นๆที่จะบอกได้ว่าเธอเป็นนักรบที่
แข็งแกร่งมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามคาร์ลย่อมรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
‘ความแข็งแกร่งของเธอเป็นรองจากเชวฮันเพียงหนึ่งระดับ
เท่านั้น’
เธอแข็งแกร่งมากกว่าทูนก้าหลายเท่า การเป็นรองจากเชวฮัน
เพียงหนึ่งระดับย่อมหมายความว่าเธอแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เมื่อเธอกระโดดขึ้นหลังเสือดาซึ่งเป็นสัตว์คู่กายของเธอและใช้
หอกประจากายเข้าฟาดฟันใส่ศัตรูแล้วล่ะก็แน่นอนว่าไม่มีใคร
สามารถต่อกรกับเธอได้เลย เธอเป็นดั่งมัจจุราชในสายตาของ
ศัตรู หรือแม้แต่เวลาที่เธอเริ่มเคลื่อนไหวไปทั่วผืนปุาความน่า
เกรงขามของเธอก็สามารถทาให้ผืนปุาพร้อมสยบให้กับเธอได้
เช่นกัน นั่นคือวิธีที่เธอกลายเป็นราชินีที่สามารถรวบรวมผืนปุา
มาไว้ในการปกครองมากที่สุด
ผู้นาของปุาจาเป็นจะต้องมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและความ
เข้มแข็งในเวลาเดียวกัน พวกเขาต้องการปกปูองเผ่าและคนใน
ปกครองของตนให้ได้มากที่สุด
“เราใกล้ถึงแล้ว!”
คาร์ลรู้สึกถึงเงารางๆของกลุ่มลิทาน่าที่เดินตามหลังเขามาไม่
ห่างในขณะที่ตนเองก็เริ่มก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง ออนเป็นค
นควบคุมหมอกเพื่อเปิดเส้นทางให้กับพวกเขา
หมอกเริ่มขยับตัวห่างออกไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ช้าๆ
“อ่า……”
ลูกน้องของลิทาน่าตกตะลึงกับภาพที่เห็น พวกเขารู้สึกได้ว่า
ตอนนี้พวกเขาหลุดพ้นออกจากสิ่งที่เรียกว่า ‘เส้นทางไร้
ทางออก’ได้สักที ในขณะที่คาร์ลก็สาวเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่าง
สบายๆ
ลิทาน่าและข้ารับใช้ของเธอนั้นวางใจในตัวคาร์ลมากขึ้นเมื่อ
พวกเขาเห็นคาร์ลสาวเท้าไปข้างหน้าด้วยท่าทางสบายๆ
ติ๋ง!!ติ๋ง!!!
น้าฝนหยดลงใส่เสื้อกันฝนตัวใหม่ที่คาร์ลได้รับจากลิทาน่าเป็น
ระยะๆ
~พวกเรากลับมาแล้ว!~
ในที่สุดหมอกหนาทึบก็เริ่มลอยสูงขึ้นเผยให้เห็นปาก
ทางเข้าหมู่บ้านโฮอิคอยู่ตรงหน้าของพวกเขาทันที อ่า…เขา
กลับมาแล้ว!
“อ๊ะ!..”
เสียงอุทานคล้ายกับเสียงหัวเราะหลุดออกจากปากคาร์ล
เมี้ยว!!!!
ออนกระโดดลงจากอ้อมแขนของคาร์ลและเริ่มออกตัววิ่งทันที
เมี้ยว!!!
ฮงรีบวิ่งมาหาออนทันทีเช่นกัน สองพี่น้องต่างโผเข้าหากันและ
เริ่มคลอเคลียกันด้วยความคิด คาร์ลกอดอกเมื่อมองการแสดง
ความรักของลูกแมวน้อยทั้งสองก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็น
กลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆปูายหินขนาดใหญ่นั่น
“ทาไมพวกเจ้ามายืนตากฝนกันเช่นนี้!”
ฮันส์ เชวฮันและโรสลินกาลังยืนรอเขาอยู่ ไม่มีใครคิดที่จะตอบ
คาถามของคาร์ลและแสร้งเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาเอ่ยถาม
ออกไป
“นายน้อยขอรับ…ในฐานะที่กระผมเป็นรองพ่อบ้านของ
ตระกูล…กระผมไม่สามารถข่มตาให้
หลับได้สักคืนเมื่อนายน้อยเข้าไปในนั้น”
“ท่านคาร์ล…หนาวมากหรือไม่?…แล้วกลุ่มคนที่ตามหลังท่าน
มาด้วยเป็นใครกันหรือขอรับ?”
“นายน้อยคาร์ล…เดินทางเป็นอย่างไรบ้าง?”
คาร์ลปล่อยแขนที่กอดอกอยู่ลงก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่พวกเขา
ยืนอยู่ เขาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาและเอ่ยขึ้น
“ข้ากลับมาแล้ว”
คาร์ลไม่ต้องการเห็นรอยยิ้มที่เริ่มเปื้อนใบหน้าของพวกเขาจึง
ตัดสินใจหันหน้าหนี จากนั้นเขาก็มองไปยังกลุ่มคนที่กาลังจ้อง
มองเขาไม่วางตา พวกเขาคือสมาชิกในครอบครัวของคนที่เดิน
ทางเข้าไปใน ‘เส้นทางไร้ทางออก’และไม่สามารถกลับออกมา
ได้อีกต่อไป
คาร์ลสาวเท้าเดินไปหาชายชราที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากปูายหินนัก
เขาเป็นคนเดียวกับคนที่เอ่ยเตือนคาร์ลไม่ให้เดินทางเข้าไปใน
ปุานั่น เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆชายชราที่ดวงตาทั้งสองข้างเริ่ม
สั่นไหวด้วยความเหลือเชื่อกับภาพที่เห็น
คาร์ลเริ่มพูดกับชายชราด้วยน้าเสียงจริงจัง
“ท่านผู้เฒ่า”
คาร์ล!..ไม่สิ..คิมร็อกโซต่างหาก…เขารู้ดีว่ามันเหมือนเป็นการ
รอคอยบางสิ่งที่ไม่มีวันหวนกลับคืน เขาทราบดีว่าพ่อแม่ของ
เขานั่นได้ตายจากไปแล้วแต่จนถึงจุดหนึ่งในชีวิตของเขานั้นก็
หวังว่าพวกเขาจะกลับมาหาเขาอีกครั้งเมื่อเขาคิดถึงและเฝูารอ
พวกเขามาเนิ่นนานเพียงนี้ คาร์ลมองลึกเข้าไปในตาของชาย
ชราที่อยู่ตรงหน้าตน (53380)
“ไม่มีมังกร”
ตานานไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ตาทั้งสองข้างของชายชราเริ่มมีน้าตาไหลออกมาช้าๆ เขาก้ม
ลงมองพื้นดินเงียบๆก่อนจะพยักหน้าให้แก่คาร์ลซ้าแล้วซ้าเล่า
คาร์ลลุกขึ้นยืนและเดินผ่านชายชรารวมไปถึงชาวบ้านคนอื่นๆ
ที่อยู่บริเวณโดยรอบก่อนจะเอ่ยลอยๆขึ้นมา
“ข้าเห็นเสื้อผ้าและโครงกระดูกในปุานั่น…ข้าสามารถนา
กลับมาให้พวกเจ้าได้หากพวกเจ้าต้องการมัน”
มันเป็นสิ่งเดียวที่คาร์ลสามารถทาให้พวกเขาได้
คาร์ลเดินกลับมายังกลุ่มของตนและเริ่มพูดคุยกับเชวฮันและ
คนอื่นๆที่กาลังมองมาที่เขาสลับกับกลุ่มของลิทาน่าที่แต่งกาย
ด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกันออกไป
“เตรียมข้าวของให้เรียบร้อย”
คาร์ลชี้ไปยังผืนปุาที่อยู่เบื้องหน้า
“พวกเราจะเข้าไปในปุานั่น”
ไฟที่กาลังลุกโชนบริเวณพื้นที่ปุาส่วนแรก ถึงเวลาแล้วที่คาร์ล
จะเข้าไปดับมันด้วยตัวของเขาเอง
บทที่ 79 สับสนวุ่นวาย 1 (1)

สองชั่วโมงต่อมาสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มคาร์ลมารวมตัวกัน
บริเวณปากทางเข้า ‘เส้นทางที่ไร้ทางออก’ ซึ่งพวกเขาไม่ได้อยู่
ที่นี่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น
คาร์ลออกคาสั่งแก่ฮันส์ทันที
“ฮันส์…ไปรวบรวมรายชื่อมาให้มากที่สุด”
“ขอรับ”
ฮันส์ตอบรับคาสั่งของคาร์ลก่อนจะเดินไปหากลุ่มชาวบ้านที่
รวมตัวอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก ไม่แน่ฮันส์อาจได้พบความลับ
ของลูกแมวทั้งสองระหว่างการเดินทางเข้าป่าในครั้งนี้ก็ได้
จากการพิจารณาของคาร์ลเมื่อเขาหันไปมองเด็กๆจากเผ่าหมา
ป่าสีน้าเงินและฮิลส์แมนนั้นพวกเขาต่างยืนตรงอยู่ในแถวและ
เป็นระนาบเดียวกัน ดูเหมือนว่าพวกเขามีระเบียบวินัยราวกับ
เป็นกองกาลังทหารองครักษ์เสียอย่างนั้น
“ออนจะเป็นผู้นาทางเราเข้าไปก่อนและกลับออกมาอีกครั้ง
พร้อมกับฮง…หลังจากนั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องรับหน้าที่ใน
การค้นหาซากศพหรือซากกระดูกในป่านั่น”
เมสและเด็กๆคนอื่นต่างพยักหน้าตอบรับอย่างแข็งขัน ในขณะ
ที่คาร์ลก็ยืนมองพวกเขาด้วยความพอใจก่อนจะได้ยินเสียงสั่นๆ
ราวกับขลาดกลัวอะไรบางอย่างดังมาจากพื้นเบื้องล่าง
“..ท..ท่าน…นายน้อย…ทาไมข้าต้องมารวมตัวกับพวกเขาด้วย
ล่ะ?…ข้ายังต้องออกแบบโครงสร้างอาคารให้แก่ท่านอยู่นะ..
ขอรับ”
มุลเลอร์ยืนสั่นอยู่ตรงกลางระหว่างร่างของคาร์ล ฮิลส์แมนและ
บารอค เขาค่อยๆรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลช้าๆ คาร์ลรู้สึกว่ามุลเลอร์เป็นคน
น่าราคาญและสามารถก่อความวุ่นวายให้แก่เขาได้ คาร์ลไม่
สามารถที่จะทิ้งความวุ่นวายนี้ไว้เพียงลาพังโดยไร้การจับตาม
องเป็นอันขาด
“ทาตามที่ข้าสั่งก่อนที่ข้าจะรู้สึกโกรธเจ้าไปมากกว่านี้…”
เขาไม่ต้องการล็อกคอหรือโยนร่างของมุลเลอร์ลงพื้นอีกครั้ง
คาร์ลไม่รู้ว่ามุลเลอร์เข้าใจคาสั่งของเขามากน้อยเพียงใด? แต่
ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงและพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
ทันที มุลเลอร์จับกระเป๋าขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วย
กระดาษและปากกาสาหรับการออกแบบโครงสร้างไว้แน่น
คาร์ลสาวเท้าเข้าไปหากลุ่มของลิทาน่าที่ยืนอยู่ไกลจากพวกเขา
พอสมควร เขาเริ่มส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้แก่เธอทันที
“ดูเหมือนว่าเราจะเริ่มออกเดินทางกันแล้วล่ะ…ต้องขอโทษ
ท่านด้วยที่ต้องให้เสียเวลารอถึงสองชั่วโมงเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร”
ลิทาน่าเอ่ยตอบคาร์ลในขณะที่สายตาก็สังเกตสมาชิกในกลุ่ม
ของคาร์ลไปด้วย เธอคาดว่าเหล่าทหารองครักษ์ของคาร์ลนั้น
น่าจะมีฝีมือตามเกณฑ์มาตรฐานของทหารองครักษ์ทั่วๆไป
เพราะตัวคาร์ลนั้นก็อยู่ในระดับปานกลางและดูเหมือนจะไม่ได้
ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แขนงใดๆมาก่อนด้วย
‘เป็นคนที่น่าสนใจยิ่งนัก’
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง มีคนที่
แข็งแกร่งอยู่รายรอบตัวคาร์ลเต็มไปหมด รวมไปถึงบุคคลที่เธอ
ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้อีกด้วย แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจาก
คาร์ลเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขาได้แต่คาร์ลดู
เหมือนจะมีเสน่ห์ยิ่งนักเมื่อเขาเริ่มพูดคุยกับลูกน้องของตน
ในทางกลับกันนั้นเหล่าสมาชิกในกลุ่มของคาร์ลกลับมีปฏิกิริยา
ที่แตกต่างกันออกไปเมื่อเห็นท่าทางที่คาร์ลแสดงต่อลิทาน่า
อย่างสุภาพอ่อนโยนแต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงกิริยาที่แปลกๆ
ออกมาให้สังเกตเห็นเช่นกันเพราะคาร์ลได้แจ้งให้พวกเขาทราบ
ล่วงหน้าแล้ว
‘จับตาดูข้าเงียบๆก็พอ’
พวกเขาทั้งหมดทาได้ดีเพราะพวกเขาล้วนแต่ฉลาดและมีไหว
พริบยิ่งนัก
“ออน…ไปกันเถอะ!”
“เมี้ยว!!!”
ออนเป็นผู้นาทางอีกครั้งในขณะที่คนอื่นๆก็เริ่มขยับตัวเพื่อก้าว
ตามออนเข้าไปในป่า
“เอ่อ…ท่านคาร์ลขอรับ?”
เชวฮันขยับตัวเข้าไปใกล้คาร์ลที่กาลังเดินอยู่ข้างหน้าสุดเคียง
ข้างออน ดูเหมือนว่าเขามีอะไรจะพูดกับคาร์ล
คาร์ลดูจนแน่ใจว่ากลุ่มของลิทาน่าอยู่ห่างจากโรสลินพอ
สมควรจึงหันกลับมาสนใจเชวฮันอีกครั้ง
“มีอะไรหรือ?”
“ไฟป่านั่น…พวกมันตั้งใจจะทาอะไรหรือขอรับ?”
มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวงภัยและคมกล้า คาร์ลรู้
ได้ทันทีว่าใครคือ‘พวกมัน’ที่เชวฮันหมายถึง นี่เขาคงเข้าใจว่า
เป็นฝีมือขององค์กรลับกลุ่มเดียวที่ทาให้เกิดเหตุการณ์ระเบิด
ในจัตุรัสกลางเมืองในอาณาจักรโรมันสินะ?
“ไม่หรอก…ครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของพวกมัน”
ที่จริงแล้วตัวเชวฮันเองจะต้องตามไล่ล่ากลุ่มองค์กรลับในเมือง
หลวงและจากนั้นจึงได้เจอตัวพวกมันบางส่วนในอาณาจักร
เบร็ค อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าครั้งที่เชวฮันไปเยือนอาณาจักร
เบร็คพร้อมโรสลินและล็อกนั้นจะไม่สามารถตามตัวพวกมันเจอ
ได้
“อ่า..เข้าใจแล้ว…กระผมคิดว่ามันอาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่
เกี่ยวข้องกับพวกมันเมื่อท่านคาร์ลรู้ถึงเหตุการณ์ไฟป่า
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายนั่น”
“ข้ายังจาได้ดี..ถึงคาสาบานของข้า”
คาร์ลย้าเตือนความจาของเชวฮันอีกครั้ง
“ข้าจะแจ้งให้เจ้าทราบทันทีเมื่อข้าค้นพบตัวตนที่แท้จริงของ
พวกมัน…ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก”
“ขอรับ”
เชวฮันมองคาร์ลเดินฝ่าหมอกทึบไปข้างหน้าด้วยท่าทางมั่นอก
มั่นใจ เขาเริ่มอ้าและหุบปากของตนประมาณ2-3ครั้งก่อนจะ
เริ่มพูดกับคาร์ลในที่สุด
“อย่าพยายามทาทุกอย่างด้วยตัวเองเลยนะขอรับ”
‘เขากาลังพูดถึงอะไรอยู่’
คาร์ลหันไปมองเชวฮันอย่างเหลือเชื่อ และขณะนั้นเองก็มีเสียง
หนึ่งดังแทรกเข้ามา
“ข้าเห็นด้วยกับสิ่งนี้เช่นกัน”
เป็นเสียงของโรสลินที่กาลังเดินอยู่ตรงกลางเพื่อให้กลุ่มของลิ
ทาน่าอยู่ห่างจากคาร์ลและเชวฮันให้มากที่สุด ก่อนที่คาร์ลจะ
เริ่มยิ้มออกมาช้าๆ มันยากที่จะเข้าใจสองคนนี้ได้จริงๆ
‘เฮ้อ….มันเป็นเรื่องยากจริงๆ’
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากาลังพูดถึงอะไรอยู่?…ข้าไม่ได้วางแผนที่จะ
ทาเรื่องยากๆเลยสักนิด”
‘ทาไมฉันต้องลงมือทาสิ่งที่ยากด้วยตัวเองด้วยล่ะ..ในเมื่อมีคน
มากมายที่ฉันสามารถเรียกใช้งานได้อยู่รอบกายขนาดนี้’
สายตาที่คาร์ลใช้มองโรสลินเมื่อเขาพูดขึ้นเช่นนั้นเต็มไปด้วย
ความสับสนและงุนงง อย่างไรก็ตามโรสลินและเชวฮันเพียงแค่
หันหน้ามามองกันก่อนจะเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ พวกเขาทั้งสอง
คนกาลังคิดว่าคาร์ลนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ
การแสดงออกของคนทั้งคู่ทาให้คาร์ลรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะไม่ถามสิ่งใดต่อและเริ่มออกเดินอีก
ครั้งเพราะเวลาคือสิ่งสาคัญที่สุดในตอนนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เดินทางกันตลอดทั้งคืน มีเพียงหยุดพัก
เป็นเวลาสั้นๆเท่านั้นพวกเขาทั้งหมดก็สามารถพ้นออกจากเขต
แดน ‘เส้นทางที่ไร้ทางออก’ ได้เสียที
“หืม?”
“โอ้!…นี่มันอะไรกัน?”
สมาชิกในกลุ่มของคาร์ลต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
‘ควันดาลอยขโมงเต็มท้องฟ้า’
พวกเขาจะต้องเดินเท้าต่ออีกหนึ่งวันเพื่อเข้าสู่เขตพื้นที่ป่า
ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดที่เกิดไฟป่านั่นแต่กลับมีควันดาเป็น
จานวนมากปรากฏขึ้นบริเวณนี้ทั้งๆที่มันไม่ควรเป็นไปได้ด้วย
ซ้า อีกทั้งพวกเขายังสามารถมองเห็นเปลวเพลิงบางส่วนได้
อย่างชัดเจนอีกด้วย
ลิทาน่ากัดริมฝีปากตนแน่น มันไม่ใช่เพราะมันเป็นอาณาเขตที่
เธอรับผิดชอบเพียงอย่างเดียวแต่เธอกาลังนึกนึกถึงภาพคนใน
ครอบครัวและคนในปกครองของเธอที่กาลังดิ้นรนต่อสู้กับไฟ
อยู่
“เร่งเดินทางกันเถอะ”
เธอหันหน้าไปมองคาร์ลทันทีดูเหมือนว่าการเดินทางต่อจากนี้
จะเป็นเรื่องที่ยากลาบากสาหรับขุนนางคนนี้อย่างแน่นอน จาก
การประเมินดูคร่าวๆเธอสามารถบอกได้ว่าเขาจะต้องได้รับการ
เลี้ยงดูเป็นอย่างดีและไม่เคยได้เผชิญกับความยากลาบากมา
ก่อนในชีวิต
“ได้..หลังจากนี้พวกเราจะเป็นคนนาทางพวกท่านเอง”
ถึงอย่างไรก็ตามลิทาน่ายังคงต้องรีบอยู่จึงเลือกที่จะไม่สนใจกับ
คาร์ลต่อ เธอรู้สึกขอบคุณลูกน้องทั้งห้าของเธอที่พากันก้าว
ออกมาด้านหน้าทันทีเมื่อเห็นเธอเริ่มขยับตัว ลิทาน่ากาลังยืน
อยู่เบื้องหน้าพวกเขาทั้งหมดเพราะตามกฎของป่าผู้เป็นผู้นา
จะต้องยืนอยู่ด้านหน้าของลูกน้องเสมอ
“มันอาจเป็นการเดินทางที่ยากลาบาก..เพราะเราต้องการไปให้
ถึงเร็วที่สุดเท่าที่จะทาได้”
“ไม่เป็นไร”
มันเป็นคาตอบที่ฟังดูนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น
“ไปกันเถอะ!”
ลิทาน่าเริ่มออกเดินแทนที่จะพูดขอบคุณคาร์ล พวกเขาทั้งหมด
มุ่งหน้าไปยังทิศที่เป็นจุดเริ่มต้นของควันดาทันที หลังจาก
เดินทางหามรุ่งหามค่าโดยแทบไม่หยุดพักอีกหนึ่งวันต่อมา
เหล่าสมาชิกที่เริ่มปรากฏความเหนื่อยล้าให้เห็นก็ได้มีโอกาส
เห็นกองไฟขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว
โดยเฉพาะการที่มีกระโจมตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบกองไฟขนาด
ใหญ่นี้อาจดึงดูดสายตาของคนทั้งหมดได้ทันทีแต่อย่างไรก็ตาม
ไม่มีสมาชิกคนใดในกลุ่มของคาร์ลที่ให้ความสนใจกับกระโจม
เหล่านี้
“มันเป็นไฟแบบไหนกันนะ?”
‘ล็อก’ขยับถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว มันเหมือน
ภูเขาไฟระเบิดและกาลังปกคลุมรอบภูเขาสูงทั้งหมด ไฟกาลัง
ปะทุลุกโชนสูงเท่ากับยอดเขาที่สูงที่สุดในพื้นที่นี้ มันเป็นสิ่งที่
พวกเขาไม่เห็นมาก่อนเลยในชีวิต
“แค่กๆ”
เชวฮันเองก็ปล่อยให้ตนเองไอออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะหายใจ
เข้าทันที
แต่มันยากที่จะหายใจได้สะดวก
แม้แต่เชวฮันผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกทั้งยังเคยอาศัยอยู่ในป่าแห่ง
ความมืดมาหลายปีก็ไม่เคยเห็นไฟเช่นนี้มาก่อนเช่นกัน ไฟนี้
กาลังครอบคุลมพื้นที่ ‘ป่าส่วนแรกหรือส่วนที่หนึ่ง’แทบ
ทั้งหมดซึ่งมันกาลังลุกโชนสูงขึ้นเรื่อยๆและสูงจนเท่ากับยอด
ปราสาทได้เลยทีเดียว
‘ธรรมชาติ’ พลังของธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่จิตใจของมนุษย์จะ
สามารถเข้าใจมันได้โดยง่าย
“มันคือไฟนี้..อย่างนั้นหรือ?”
โรสลินหันไปถามกลุ่มของลิทาน่า ดวงตาของเธอเริ่มสั่นไหว
ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
และตอนนี้ฝนก็เริ่มตกลงมาแล้ว
ป่าในขณะนี้อยู่ในช่วงระยะเวลาที่มีฝนตกชุกอยู่ตลอดทั้งวัน
เพราะเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปยังฤดูร้อน มันเป็นช่วงฤดูฝน
ของพื้นที่นี้นั่นเอง ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมเป็นจานาวนมากและ
ฝนก็เริ่มตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกองไฟนี้ก็ยังคงลุก
โชนอยู่เหมือนเดิม มันยังคงเป็นแหล่งกาเนิดแสงสว่างในวันที่
เมฆครึ้มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
นั่นคือความประหลาดของไฟนี้
“ใช่…มันคือสิ่งนี้”
ลิทาน่ามองไปทางแหล่งกาเนิดไฟด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น อย่างที่
มันเคยเป็นมาจนถึงตอนนี้ไฟยังคงลุกโชนอยู่พื้นที่ป่าส่วนแรก
อย่างต่อเนื่องโดยที่ยังไม่แพร่กระจายไปส่วนอื่นๆในป่า
“….ป่ากาลังจะตาย”
เธอเห็นล็อกก้าวถอยหลังกลับมา
เธอกัดริมฝีปากตนแน่นขึ้นอีกครั้ง ภัยพิบัติอันน่ากลัวทาง
ธรรมชาติที่เกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจมันได้ส่งผลให้มนุษย์เริ่ม
หวาดกลัวกับมัน แม้แต่ชาวใต้เองก็กลัวเกินกว่าจะเข้าไปใกล้
ไฟนั่นหรือแม้แต่จะหยุดยืนอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่
ปลอดภัยและเปลวเพลิงนั่นพวกเขาก็ยังคงกลัวอยู่ดี
ลิทาน่ากันไปมองคาร์ลที่กาลังสังเกตไฟอย่างเงียบๆ เธอกาลัง
คิดว่าเขายังคงอยากเข้าไปใกล้ไฟนั่นอยู่หรือไม่เมื่อได้เห็นกับตา
ตัวเองว่าไฟนี้มันแรงมากเพียงใด? เธอไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปว่า
‘ไปกันเถอะ!’ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของคาร์ล
ทันใดนั้น
“มันร้อน”
เธอได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นเมื่อเขาเริ่มถอดเสื้อกันฝนและ
เสื้อแจ็กเก็ตออก หลังจากถอดเสื้อแจ็กเก็ตที่ดูเรียบง่ายแต่ดู
หรูหราราคาแพงซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาเป็นขุนนางที่มี
ฐานะดีพอควรออกไปแล้ว เขาจึงเริ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่
สวมไว้ด้านในขึ้นทันที (53380)
จากนั้นคาร์ลก็หันไปเอ่ยกับลิทาน่า
“ไปกันเถอะ!…ข้าคิดว่าตัวข้าต้องเข้าไปใกล้ไฟนั่นให้มากที่สุด..
ไม่แน่ว่าอาจจาเป็นต้องข้ามรอยต่อเขตแดนเข้าไป”
เขามีท่าทางผ่อนคลายราวกับกาลังจะไปเดินเล่นรอบกองไฟ
เสียอย่างนั้น ลิทาน่าหันไปมองลูกน้องของคาร์ลทันทีซึ่งดู
เหมือนว่าพวกเขากาลังคาดหวังให้คาร์ลแสดงท่าทางแบบนี้
ออกมาจากนั้นเธอจึงหันไปมองข้ารับใช้ของตนก่อนจะหันไป
มองคาร์ลอีกครั้ง
“ข้าจะเป็นคนพาท่านเข้าไปในนั้นเอง”
“ข้าไปเองได้”
คาร์ลต้องการเข้าไปที่นั่นด้วยตัวของเขาเองเพราะเขารู้ดีว่าลิ
ทาน่าจะใช้วิธีใดพาเขาเข้าไปในนั้น
“ไม่ได้!…ในนั้นมันอันตรายมาก”
ลิทาน่าหันหลังกลับไปมองโดยรอบทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มคน
จากกระโจมที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบบริเวณกาลังวิ่งตรงมาหาพวก
เขา
“ฝ่าพระบาท!”
“ราชินีของพวกเรา!”
“ท่านผู้นา!”
บทที่ 79 สับสนวุ่นวาย 1 (2)

เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากพวกเขามาจากระยะไกลๆก่อนที่
เธอจะส่งยิ้มจางๆไปให้แก่คาร์ลซึ่งดูเหมือนกาลังตกใจที่มีคน
เรียกเธอว่า ‘ฝ่าพระบาท!’ ‘ราชินีของพวกเรา!’
แน่นอนว่าคาร์ลเพิ่งแกล้งทาเป็นตกใจ ท่าทางตกใจของเขาดู
สมจริงมากแต่ไม่ใช่เพราะการที่เขารู้ว่าลิทาน่าคือราชินีแห่งผืน
ป่า
‘โห!!!….ตัวใหญ่มาก’
สัตว์ลาตัวขนาดใหญ่กาลังมุ่งหน้าไปหาลิทาน่าอย่างรวดเร็ว
กรรจ์!!!!!!!!!!!
“เท็น!”
เสือดาตัวใหญ่รีบกระโจนไปยังทิศที่ได้ยินเสียงเรียกจากลิทาน่า
ราวกับมันกาลังโผบินก่อนที่ลิทาน่าจะกระโดดขึ้นหลังของเสือ
ดาตัวนี้ทันทีที่มันหยุดยืนตรงหน้าลิทาน่าพอดี
‘ลิทาน่า’ ราชินีแห่งผืนป่าและ‘เท็น’ เสือดาอายุ 10 ปี คาร์ล
เข้าใจได้ทันทีว่าทาไมทั้งคู่จึงมีฉายาว่า ‘ผู้เก็บเกี่ยวความตาย’
เสือดาซึ่งมีขนสีน้าเงินเข้มไม่ได้มีสีดาสนิทตามชื่อของมัน
ร่างกายของมันนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับผู้ชายวัยผู้ใหญ่ 2-3คน
รวมกัน ลิทาน่าเริ่มพูดขึ้นเมื่อนั่งบนหลังเสือดาเรียบร้อยแล้ว
“เท็นและข้าจะพาท่านเข้าไปที่นั่น”
ในตอนนั้นเองข้ารับใช้คนอื่นๆของเธอที่วิ่งมาจากกระโจมก็
มองหน้าเธอสลับกับมองหน้าคาร์ลอย่างสงสัย
“ฝ่าบาท…คนผู้นี้คือใครหรือพะย่ะค่ะ?”
ลิทาน่าไม่ได้ตอบคาถามทันที เธอหันไปมองผู้คนที่เริ่มทยอย
ออกจาเขตพื้นที่ปลอดภัยหลังจากได้ยินว่าเธอกลับมาแล้ว รวม
ไปถึงสัตว์บางชนิดที่เริ่มออกมาด้อมๆมองเช่นเดียวกัน กลุ่มคน
และสัตว์เหล่านี้คือผู้ที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าส่วน
แรก แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดกาลังเฝ้ารอเธอและนั่นคือ
เหตุผลที่เธอต้องการกลับมาพร้อมกับมังกรในตานาน
“เขาคือมังกร”
“อะไรนะพะยะค่ะ?”
ลิทาน่ายิ้มให้กับข้ารับใช้ของเธอซึ่งกาลังมองมาที่เธอด้วย
ความสับสน จากนั้นเธอจึงยื่นมือออกไปหาคาร์ลทันที
“ขึ้นมาเถอะ!…ท่านคาร์ล”
กรรจ์!!!!!!!!!!!
คาร์ลไม่ต้องการขี่หลังของเสือดาตัวนี้เมื่อได้ยินมันคาราม
ออกมา ในขณะที่‘เท็น’เสือดาตัวโตกาลังจ้องเขม็งไปที่ล็อก
ก่อนที่ลูกน้องหนึ่งในห้าของลิทาน่าจะก้าวออกไปเพื่ออธิบาย
เรื่องนี้ให้คนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าส่วนแรกได้ฟังถึง
ความสาคัญของคาร์ล
“เราพานายน้อยท่านนี้กลับมาที่นี่ด้วย..เพราะเขาบอกว่า
สามารถดับไฟนี้ได้!”
“เขาจะดับไฟได้จริงๆหรือ?”
สายตาหลายคู่หันไปทางคาร์ลทันที เชวฮันและคนอื่นๆในกลุ่ม
ของคาร์ลก็ขยับตัวเข้าใกล้คาร์ลโดยอัตโนมัติเพื่อทาการ
ปกป้องเขา
“ท่านคาร์ล..ที่นั่นมันอันตรายมาก…กระผมจะพาเข้าไปเอง”
“ไม่จาเป็น”
คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธความช่วยเหลือของเชวฮัน
“ความร้อนนั่นจะทาให้ตัวเจ้าไหม้ได้หากเจ้าเข้าไปใกล้…มัน
อันตรายมาก…พวกเจ้าทุกคนแค่อยู่ในเขตพื้นที่ปลอดภัยก็พอ”
พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นภาระชิ้นโตให้แก่คาร์ลถ้าพวกเขา
ติดสอยห้อยตามเข้าไปด้วย หากจะสู้กับไฟที่ลุกโชนอยู่นั่น
ความแข็งแกร่งจากคนอื่นๆแทบไม่จาเป็นเลยสักนิด
“ท่านโรสลิน..สร้างโล่ป้องกันให้ข้าที”
“…อ่า…ได้!”
โรสลินถอนหายใจยาวออกมาก่อนจะร่ายเวทย์สร้างโล่ป้องกัน
ล้อมรอบตัวคาร์ล ลิทาน่าและเท็นทันที ตัวโรสลินเองย่อมรู้ถึง
ตัวตนที่แท้จริงของลิทาน่าอยู่แล้วแม้ว่าลิทาน่าจะไม่รู้ฐานะที่
แท้จริงของโรสลินก็ตาม
“เนื่องจากท่านลิทาน่าคือราชินีแห่งผืนป่า..นางจะสามารถพา
ท่านเข้าไปที่นั่นโดยใช้เส้นทางที่ปลอดภัยและดีที่สุดให้แก่ท่าน
ได้…ขอให้เป็นการเดินทางที่ดี…นายน้อยคาร์ล”
‘ฉันไม่อยากขี่เจ้าเสือดาตัวนี้นะ!’
คาร์ลเพียงแค่ต้องการใช้ ‘เสียงเรียกของวายุ’เพื่อเข้าไปยังที่
นั่นด้วยตัวเขาเอง
เขาจ้องไปที่ลิทาน่าที่ยังคงยื่นมือค้างไว้ตรงหน้าเขาเช่นเดิม
ก่อนจะหันไปมองสมาชิกในกลุ่มของตนและชาวบ้านที่อาศัยใน
ป่าที่เริ่มมามุงดูเขามากขึ้นพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
เขาเริ่มถอนหายใจยาวออกมาอย่างปลงตกและตัดสินใจยื่นมือ
ของตนไปจับมือกับลิทาน่าในเวลาต่อมา
จากนั้นลิทาน่าจึงดึงร่างของคาร์ลขึ้นไปนั่งบนหลังเสือดาทันที
เขากลัวว่าตัวเองจะตกลงมาจากหลังของมันจึงเกาะขนของมัน
ไว้แน่นและไม่คิดจะปล่อยมือเป็นอันขาด
“ไปกันเถอะ!”
ลิทาน่ายืดกายนั่งหลังตรงก่อนจะละสายตาออกจากคาร์ลเมื่อ
เห็นว่าเขานั่งดีแล้วและกาลังจ้องไปยังเปลวไฟที่กาลังลุกโชน
อยู่ไกลออกไปอย่างเงียบๆ เธอโน้มตัวลงไปด้านหน้าและเอ่ย
กับเท็นทันที
“เท็น…พาพวกเราไปที่กองไฟเดี๋ยวนี้!”
กรรจ์!!!!!!!!!!!
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ผ่านเขตปลอดภัยและกาลังเข้าสู่เขต
รอยต่อในที่สุด
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ!”
“เท็น!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือพะย่ะค่ะ!”
เธอได้ยินเสียงจากชาวบ้านที่ยังคงยืนอออยู่หน้ากระโจมตะโกน
ไล่หลังมาไม่ขาดสายเมื่อเธอให้เท็นพาเธอวิ่งผ่านพวกเขาไป
สภาพร่างกายของชาวบ้านในตอนนี้ล้วนแต่ซีดเซียวและ
อ่อนเพลียเป็นอย่างยิ่ง เธอกัดริมฝีปากตนแน่นขึ้นอีกครั้ง
“เร็วกว่านี้!”
เธอได้ยินเสียงของคาร์ลดังมาจากด้านหลังของตน
“เท็น…เร็วกว่านี้!”
เท็นเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้นตามคาสั่งของลิทาน่า สมาชิกในกลุ่ม
ของคาร์ลและลูกน้องของลิทาน่าก็ขยับตัววิ่งตามพวกเขาทันที
เช่นกันแต่พวกเขาทั้งหมดกลับช้าเกินไป
ตึก!!!ตึก!!!ตึก!!! กร็อบ!!!!!!
กร็อบ!!!!!!กร็อบ!!!!!!
ติ๋ง!!!!ติ๋ง!!!!ติ๋ง!!!!
เสียงฝีเท้าของเท็นที่วิ่งเหยียบใบหญ้าและเสียงของน้าฝนที่
หยดลงเสื้อผ้าของคาร์ลดังขึ้นตลอดทาง
อย่างไรก็ตามความชื้นของน้าฝนที่หยดลงเสื้อผ้าของคาร์ลนั้น
กลับแห้งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน..หนักมากจริงๆ”
คาร์ลก้าวลงจากหลังเสือดาทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่เขตรอยต่อ
เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนของไฟที่แทบหลอมละลายร่างเขาได้
ประกายไฟที่ปะทุขึ้นราวกับลูกเห็บที่ร่วงหล่นเต็มไปทั่วพื้นที่
รอยต่อแห่งนี้
‘เจ้าองค์ชายบ้านั่น!..เจ้าบ้าเอ๊ย!..ช่างบ้าจริงๆ’
เมื่อได้มาเห็นไฟนี้ด้วยตาของตัวเองทาให้คาร์ลรู้ว่าองค์ชาย
ขององค์จักรพรรดิมีความบ้าและโรคจิตยิ่งนัก
~….ไฟนี้มันแปลกมาก! ~
คาร์ลได้ยินเสียงของราอนดังก้องอยู่ในหัวของตน
ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดกับลิทาน่าด้วยน้าเสียงที่จริงจังเมื่อเห็นเธอ
กาลังก้าวเข้ามาใกล้
“ท่านลินา…ถอยออกไปก่อน!”
“แต่!….”
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเข้าไปใกล้ไฟนั่นมากกว่านี้”
เขาจะต้องใช้‘วารีสยบเพลิง’ประมาณหนึ่งในสามเพื่อดับไฟนี้
เมื่อมาเห็นมันด้วยตัวเองเช่นนี้แล้วคาร์ลสามารถบอกได้เลยว่า
มันแตกต่างจากภูเขาไฟทั่วๆไปจากโลกที่เขาเคยอยู่เป็นอย่าง
มาก
‘ฉันอาจต้องใช้มันมากกว่านี้ก็ได้..เพราะฉันไม่รู้ว่าน้าและ
สร้อยคอเส้นนี้จะมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด’
เขาอาจต้องใช้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถ้ามันไม่สามารถทางานได้
อย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้ คาร์ลคิดถึงเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย
กับลิทาน่าและเท็นให้ขยับออกไปให้ห่างจากเขาเสียที
“ถอยไป!”
ลิทาน่าไม่รู้จะทาตัวเช่นไรหลังจากเห็นท่าทางที่จริงจังของ
คาร์ล
“ฮึ่มมม!!!!!!”
ตอนนั้นเอง เท็นก็เริ่มใช้ฟันของมันดึงเสื้อผ้าของเธอเพื่อให้
ถอยหลังกลับไป
“เท็น?”
ลิทาน่าหันไปมองเท็นด้วยความสงสัย ‘เจ้าเท็น’เสือดาตัวนี้ไม่
เคยคิดหนีจากอะไรทั้งนั้นลิทาน่าพบว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่เด็ก
คนนี้กาลังบอกให้เธอถอยห่างจากคาร์ลก่อนที่เธอจะได้ยินเสียง
ของคาร์ลดังขึ้นหลังจากนั้น
“ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเชื่อใจข้า”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
ชายหนุ่มที่มีเส้นผมสีแดงสด มันแดงยิ่งกว่าเปลวเพลิงที่กาลัง
ลุกโชนอยู่เสียอีก เขาเริ่มเอ่ยออกมาอย่างผ่อนคลาย
“ข้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ..ข้าจะกลับออกมาเมื่อข้าสามารถดับ
ไฟนี้ได้แล้ว…ดังนั้นโปรดถอยออกไปและเฝ้าดูข้าเงียบๆก็พอ..
ท่านสามารถเข้ามาช่วยเหลือข้าได้ทุกเมื่อหากมันดูอันตราย
เกินไป”
ด้วยประโยคนี้ทาให้คาร์ลสามารถก้าวเข้าสู่เขตกองไฟนั้นได้ใน
ที่สุด ลิทาน่าลอบมองคาร์ลที่กาลังเดินเข้าไปกองไฟนั่นช้าๆ
ก่อนจะถอยหลังกลับไปไม่กี่ก้าว เท็นหมอบตัวลงก่อนที่ลิทา
น่าจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน เป็นไปได้ว่าทั้งคู่อยู่ใน
ท่าเตรียมพร้อมเพื่อเข้าไปช่วยเหลือคาร์ลทันทีเมื่อประเมินแล้ว
ว่าสถานการณ์นั่นอันตรายเกินไป
คาร์ลไม่ได้เห็นสิ่งที่ลิทาน่าและเท็นทาเพราะเขากาลังรวบรวม
พลังใจในการต่อสู้กับไฟกองนี้
‘มันจะอันตรายมาก..ถ้าฉันไม่มี ‘พละกาลังแห่งดวงใจ’’
ความร้อนของไฟนั่นแรงมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกปวด
แสบปวดร้อนแต่อย่างใดอาจเป็นเพราะพลังของวารีสยบเพลิง
ที่ถูกบรรจุไว้ในสร้อยดูดซับเส้นนี้ มันเป็นสร้อยที่สามารถดูด
ซับพลังที่เกิดจากธรรมชาติใดๆก็ตามให้สามารถ่ายเทพลังและ
ส่งเสริมศักยภาพของมันให้สูงขึ้นไปอีก รวมไปถึงการฟื้นฟู
ร่างกายของเขาด้วยพละกาลังแห่งดวงใจอีกทางหนึ่งด้วย
~เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…ไฟนี้มันบ้าจริงๆ…มันดูไม่เหมือนไฟที่เกิด
จากภัยธรรมชาติเลยสักนิด!~
ราอนเริ่มตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ลอีกครั้งแต่คาร์ลเพียงยืน
นิ่งอยู่หน้ากองไฟก่อนจะหันหลังกลับไปมองด้านหลังของตน
เขามองเห็นลิทาน่าและเท็น รวมไปถึงกระโจมของชาวบ้านใน
ระยะไกลๆได้อย่างชัดเจน แม้แต่กลุ่มคนที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้
บริเวณที่เขาอยู่เขาก็สามารถมองเห็นได้
‘ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องพากันเข้ามา’
เขาแน่ใจว่าต้องเป็นสมาชิกในกลุ่มของเขาแน่ๆ
คาร์ลเดาะลิ้นตนเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะยื่นมือของตนไป
ด้านหน้าทันที
ติ๋ง!!!ติ๋ง!!! แปะ!!!แปะ!!!แปะ!!!
ซู่!!!!ซู่!!!!ซู่!!!!ซู่!!!!
คาร์ลหยุดฟังเสียงสายฝนที่ยังคงกระหน่าลงมาไม่ขาดสายรวม
ไปถึงเสียงของไฟกองโตที่ยังคงลุกโชนอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขา
จะเริ่มใช้งาน‘สร้อยดูดซับ’ทันที
ครืน!!!!!ชิ้ง!!!!!!!!
มีเสียงบางอย่างดังออกมาจากตัวคาร์ล ในขณะเดียวกันสร้อย
ดูดซับก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้า คาร์ลรู้สึกได้ถึงพลังของวารีสยบ
เพลิงที่ถูกบรรจุอยู่ในสร้อยดูดซับเส้นนี้เมื่อเขาหลับตาลง
‘หากไฟนี้ปะทุขึ้นราวกับลูกเห็บ’
เช่นนั้นเขาจะสร้างลูกเห็บจริงๆขึ้นมาล่ะกัน
มันจะเป็นเสียยิ่งกว่าน้าที่สามารถยับยั้งและปกคลุมทั่วกอง
เพลิงที่ปะทุราวกับลูกเห็บนี้ได้
คาร์ลลืมตาขึ้นก่อนจะนาวารีสยบเพลิงออกมาจากสร้อยดูดซับ
ถึงหนึ่งในสามส่วนอย่างไม่นึกเสียดาย
ซ่า!!!!!!!!!!!!
น้าพุ่งออกจากมือคาร์ลและลอยขึ้นสู่อากาศทันที
ครืนนนน!!!!!!!!!ซ่า!!!!!!!!!!!!!
มีเสียงดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่เมื่อมีกาแพงยักษ์โผล่ขึ้นมาเบื้อง
หน้าคาร์ล มันเป็นกาแพงน้าหรืออาจจะเรียกว่าคลื่นยักษ์ก็ได้
เขาหลับตาลงอีกครั้งพลางจินตนาการถึงลูกเห็บห่าใหญ่ในหัว
ของตน
“….โอ้ว!!!”
ลิทาน่าอุทานออกมาด้วยความตกใจในขณะที่เท็นก็ขยับถอย
หลังโดยอัตโนมัติ คลื่นขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นตรงหน้าพวกเขา
การเห็นภาพเช่นนี้ทาให้ลิทาน่ารู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง
ครืนนนนนนน!!!!!!!!!!!
แปะ!!!!! แปะ!!!!!ซ่า!!!!ซ่า!!!!
ทั้งเสียงฝนและเสียงสะเทือนสะท้อนเข้าหากันจนดังกึกก้องไป
ทั่วบริเวณ น้าที่พุ่งออกจากคลื่นยักษ์กลายเป็นสีน้าเงินเข้ม
ส่งผลให้กลุ่มคนที่กาลังวิ่งเข้ามาในช่วงรอยต่อและผู้คนที่เฝ้าดู
พวกเขาบริเวณกระโจมต่างหยุดชะงักลงทันทีเพื่อจ้องมอง
กาแพงคลื่นยักษ์นี้ให้ถนัดขึ้น (53380)
ไฟเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นและเริ่มพุ่งสู่ท้องฟ้าแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่คลื่นยักษ์ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเพื่อเข้าไปครอบประกาย
ไฟที่พุ่งสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จนท้ายที่สุดคลื่นยักษ์ลูกนี้ก็
สามารถกาจัดประกายไฟที่ลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าได้จนหมด
คาร์ลลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองทันที
“อืม….”
‘ใช้ไป ⅓….มันดูมากเกินไปหรือเปล่านะ?’
คาร์ลขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าคลื่นยักษ์ที่เขาสร้างขึ้นมันดูน่าทึ่ง
และแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ตอนนั้นเองเสียงของ
ราอนก็ดังเข้ามาให้หัวของเขาอีกครั้ง
~เป็นความคิดที่ดีมาก!…เรามากาจัดไฟบ้านี่กันเถอะ!~
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมา
‘ใช่แล้ว…กาจัดมันทิ้งซะ!’
ครืนนนนนนนน!!!!!
ทันใดนั้นเสียงสะเทือนก็ดังก้องขึ้น
บู๊ม!!!!!!!!!!!
เกิดคลื่นขนาดใหญ่ปะทะเข้ากับพื้นดินด้านล่างกองไฟโดยมี
กาแพงน้าสีฟ้าเข้มขยายตัวเข้าปกคลุมทั้งกองไฟและแผ่นดิน
โดยรอบ
บทที่ 80 สับสนวุ่นวาย 2 (1)

พายุลูกเห็บห่าใหญ่เข้าปกคลุมทั่วพื้นที่
คลื่นน้้าขนาดใหญ่ซัดเข้าดูดกลืนไฟป่าที่ก้าลังโหมกระหน่้าอยู่
รวมถึงสิ่งอื่นๆที่อยู่โดยรอบทันที
“ท่านคาร์ล!…”
“นายน้อยคาร์ล!”
น้้าส่วนหนึ่งซัดเข้าร่างของคาร์ลเช่นกัน
เชวฮันรีบเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่โรสลิน
ได้เรียกใช้พลังเวทย์เร่งความเร็ววิ่งตัดผ่านหน้าเชวฮันไปก่อน
แต่พวกเขาทั้งสองกลับมองไม่เห็นร่างของคาร์ล
คลื่นลมพัดกระโชกรุนแรงมันโหมกระหน่้าพัดทุกสิ่งโดยรอบ
อย่างไม่ค้านึงว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~~~~~
ไอน้้าเป็นจ้านวนมากเริ่มลอยตัวขึ้นและเข้าปกคลุมไปทั่วพื้นที่
ป่าส่วนแรกช้าๆ มันเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถมองเห็น
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจนนัก
นั่นเป็นการบ่งบอกถึงสัญญาณอย่างหนึ่งได้
ไฟก้าลังดับ
ควันไฟสีด้าเมื่อก่อนหน้านี้ถูกไอน้้าสีขาวยึดเข้าแทนที่ทันทีมัน
เริ่มลอยตัวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเรื่อยๆ ‘ล็อก’เด็กชายจากเผ่าหมา
ป่าสีน้าเงินยืนตะลึงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ เขาก้ม
ลงมองดูพื้นดินเบื้องล่างทันทีเมื่อรู้สึกว่าเท้าของเขาเริ่มเย็นขึ้น
เรื่อยๆ
น้้าจ้านวนมากที่เข้าปกคลุมทั่วพื้นที่ป่าส่วนแรกเริ่มไหลทะลัก
ไปยังทิศที่ล็อกอยู่ซึ่งถือเป็นเขตพื้นที่ปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็
ตามน้้าที่สัมผัสเข้ากับเท้าของล็อกในเวลานี้ไม่ได้แรงเท่ากับ
คลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“อ่า…”
ล็อกหันหลังกลับไปมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนตะลึงกับ
ภาพตรงหน้าเช่นเดียวกันกับเขา เสียงที่ดังขึ้นเกิดจากลูกน้อง
ของลิทาน่าที่พากันวิ่งตามเจ้านายของตนมาพร้อมๆกับเขา
เมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องไปยังน้้าที่ไหลผ่านสอง
เท้าของพวกเขาไปเรื่อยๆด้วยความเหลือเชื่อ ในขณะที่
ชาวบ้านคนอื่นๆที่พากันลอบมองออกมาจากกระโจมด้วย
ความสงสัยเมื่อก่อนหน้านี้ได้เข้ามารวมตัวกับชาวบ้านอีกส่วน
หนึ่งที่ออกมาสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นนอกกระโจมด้วยเช่นกัน
พวกเขาต่างพากันยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความอยากรู้อยาก
เห็น
ฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ
แม้ว่าฝนก้าลังตกแต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนตากฝนอยู่เช่นนั้น
เพื่อมองดูสถานที่ที่เรียกว่าบ้านของพวกเขา
ฟู~่ ~~~~
ไอน้้ายังคงลอยขึ้นท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่สามารถ
มองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาได้ชัดนักแต่พวกเขาก็มองไม่
เห็นไฟกองใหญ่นั้นเช่นกัน
“น….นายน้อยคาร์ล!”
ในที่สุดล็อกก็เริ่มรู้สึกตัวเมื่อกี้เขาก้าลังตามพี่เชวฮันและพี่โรส
ลินมาติดๆนี่นา! เมื่อนึกได้เช่นนั้นเขาก็เริ่มออกตัววิ่งเข้าไปยัง
พื้นที่ป่าส่วนแรกอย่างไม่รอช้า โรสลินและเชวฮันมาถึงจุดที่ลิ
ทาน่าและเท็นยืนอยู่ ก่อนที่ลิทาน่าจะเรียกสติของตนกลับคืน
มาอีกครั้งเมื่อเห็นพวกเขาวิ่งมาใกล้เธอแล้ว
ร่างของเธอเปียกโชกไปด้วยน้้าแต่เธอก็เห็นภาพนั้นได้อย่าง
ชัดเจน
“ท่านคาร์ล!”
“นายน้อยคาร์ล!!”
เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาร์ล
คลื่นยักษ์เข้ากลืนร่างของคาร์ลก่อนที่ไฟป่าจะมอดดับไป ผู้ชาย
คนนั้นคือคนแรกที่โดนแรงปะทะจากคลื่นยักษ์ท้าร้ายร่างกาย
“เ…เท็น!!!”
เท็นเริ่มขยับตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงลิทาน่าเรียกชื่อของมัน
เท็นวิ่งเข้าไปยังเขยรอยต่อที่ยังคงมีไอน้้าพุ่งสู่ท้องฟ้ามากขึ้น
เรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง!
ฟู่ ~~~~~~
ซ่า!!!!!!!
ท่ามกลางเสียงไอน้้าและเสียงสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายก็
ปรากฏเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~~~~~
มันคือเสียงลม
สายลมที่พัดผ่านร่างของพวกเขาไปเบาๆนั้นเตือนให้พวกเขา
นึกถึงฤดูใบไม้ผลิ มันท้าให้ร่างของเท็นและลิทาน่าเริ่มสั่นไหว
ช้าๆ ก่อนที่ลมนั้นจะเคลื่อนตัวผ่านร่างของเชวฮันและโรสลิ
นทันที ลมนี้ท้าให้ร่างกายของทั้งสองหยุดชะงักไปทันทีเช่นกัน
“อ่า….ใช่แล้ว!”
“ฮึก!!”
โรสลินปล่อยเสียงลอดผ่านล้าคอออกมา มันฟังดูคล้ายกับเสียง
หัวเราะยิ่งนัก เธอกลายเป็นคนที่สับสนวุ่นวายและขี้ลืมไปได้
อย่างไรกัน? เธอไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทางอะไรออกมา
เธอขยี้ตาของตนเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้นมาเพื่อเห็นภาพตรง
หน้าที่เริ่มปรากฏให้เห็นช้าๆ
“ท่านคาร์ล!”
เชวฮันสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านร่างของตนไป มันสร้าง
เส้นทางตัดผ่านไอน้้าที่ขึ้นหน้าทึบไปได้และส่วนสุดท้ายของ
ทางสายนี้มีแสงสีเงินปรากฏอยู่ เชวฮันรู้ดีว่าแสงสีเงินนั้นคือ
อะไร?
พวกเขาทั้งหมดมองเห็นพื้นที่ทั้งหมดของพื้นที่ป่าส่วนแรกเมื่อ
มองผ่านเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นจากสายลมนี้ มันกลายเป็นพื้นที่
สีด้าทั้งหมด พวกเขาสามารถมองเห็นซากของสิ่งต่างๆที่
หลงเหลืออยู่จากการถูกไฟไหม้ได้
พวกเขามองเห็นร่างของชายผู้หนึ่งยืนอยู่บนซากปรักหักพังที่
ถูกไฟไหม้ด้าเป็นตอตะโก เส้นผมสีแดงสดราวกับสีของเปลวไฟ
พลิ้วไสวไปกับสายลมช้าๆ
โล่และปีกสีเงินขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วร่างของชายผู้นั้น ลิทา
น่าไม่ได้สังเกตว่าเท็นหยุดการวิ่งของมันทันทีเพราะตัวเธอเองก็
โดนตรึงสายตาไว้ด้วยภาพนั้น
พรึ่บ!!!!!
ปีกสีเงินขยับขึ้นหนึ่งครั้งก่อนจะหายไปพร้อมกับโล่ทันที เมื่อ
ทั้งสองอย่างหายไปจึงมีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือชายผู้นั้น
คาร์ล! เขาคือคาร์ลนั่นเอง! ร่างของคาร์ลเริ่มเซคล้ายกับจะล้ม
ลง
ตาของลิทาน่าลุกวาวขึ้นทันทีก่อนจะที่เท็นจะเริ่มขยับตัวไป
ข้างหน้าอีกครั้ง เชวฮันและโรสลินรีบวิ่งข้ามรอยต่อเขตแดน
เพื่อมุ่งหน้าไปหาคาร์ลให้เร็วที่สุดเช่นกัน
คาร์ลยกมือขึ้นกุมศีรษะของตนก่อนจะเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึง
ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยเสียงของราอนที่ตะโกนออกมา
~ข้ามัวแต่เพลิดเพลินไปกับสายน้าจนลืมโล่ป้องกัน
ไปเลย!…นั่นมันท้าให้ข้าเรียกใช้งานมันช้าเกินไป!…ข้าขอโทษ
เจ้าด้วย!..เจ้ามนุษย์!.~
คาร์ลไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกันเพราะตัวเขาเองก็มัวแต่ยุ่ง
กับการชื่นชมคลื่นยักษ์ที่เขาสร้างมันขึ้นมาจนเกือบลืมโล่นิ
รันดร์กาลไปเลย
~ (อ่า!…โล่!…โล่ป้องกัน!)~
เขารีบดึงความรู้สึกของตนกลับมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจาก
ราอนที่พูดถึงโล่ป้องกัน เขารีบเรียกใช้งานโล่นิรันดร์กาลทันที
แม้ว่ามันอาจดูไม่ทันการไปสักหน่อยก็ตาม นั่นเป็นเหตุผลที่ท้า
ให้ศีรษะและร่างของเขาถูกจู่โจมด้วยคลื่นยักษ์ไปก่อนหน้านี้
‘ฉันใช้มันมากเกินไปโดยไม่มีเหตุผลสมควรเลยสักนิด’
เขาเปียกโชกและหนาวเย็นไปทั่วร่างโดยไม่มีเหตุอันควรเช่นกัน
~ข้าขอโทษจริงๆ!…ข้าไม่ได้เป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมเลย! ~
เสียงท้อแท้ของเด็กวัยสี่ขวบลอดเข้ามาในหัวของคาร์ลที่ถูกจู่
โจมด้วยความวิงเวียนไปทั่วศีรษะ คาร์ลตัดสินใจกระซิบ
ออกมาเบาๆ
“ข้ายังมีชีวิตอยู่…ต้องขอบคุณเจ้าด้วยซ้้า”
~เจ้ามันอ่อนแอ!….ส่วนข้ามันโง่เง่า! ~
คาร์ลต้องการที่หยุดการโทษตัวเองของราอนลงแต่ยังไม่ทันได้
ท้าตามที่ใจคิดเพราะเขาได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นจากเชวฮัน
และโรสลินเสียก่อนรวมไปถึงลิทาน่าและเท็นที่วิ่งตรงมาหาเขา
ด้วย เชวฮันรีบเข้ามาประคองคาร์ลอย่างรวดเร็ว
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง…ท่านคาร์ล?!”
“ท่านไม่เป็นไรใช่มั้ย?!”
โรสลินรีบร่ายเวทย์ลดอุณหภูมิในตัวของคาร์ลที่ยืนเปียกโชกไป
ทั่วร่างทันที
“ท่านโรสลิน…ท่านน่าจะรู้ว่าข้าจะไม่บาดเจ็บ”
เชวฮันและโรสลินรีบหันมามองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงเรียบ
เรื่อยของคาร์ลดังขึ้น ราอนอยู่ข้างกายคาร์ล ในขณะที่คาร์ลก็มี
โล่นิรันดร์กาลอยู่ในตัว ตอนนี้พวกเขาทั้งสองเริ่มจ้าได้แล้ว
ก่อนที่จะได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง
“ท้าไมพวกเจ้าถึงตะโกนชื่อข้าเสียงดังขนาดนั้น…ข้าต้องรีบ
ออกมาก็เพราะตกใจเสียงเรียกของพวกเจ้านั่นล่ะ”
คาร์ลเริ่มบ่นออกมาในขณะที่มือทั้งสองข้างก็รีดน้้าออกจากเส้น
ผมและเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของตน ออก เขามีท่าทางสงบมากแต่
ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังคงยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้
เป็นตอตะโก
‘นี่ตัวฉันคงไม่ถูกกับน้้าสินะ?’
คาร์ลยังคงจ้าเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พบกับวิเทียร์เป็นครั้งแรกได้
ตัวเขามักจะต้องเปียกโชกไปทุกครั้งเมื่อเจอเข้ากับน้้าและเขา
ไม่ชอบมันเลยสักนิดเพราะการที่เสื้อผ้าเปียกชื้นมันท้าให้เขา
หงุดหงิดและร้าคาญเป็นอย่างมาก
คาร์ลขยับตัวออกจากเชวฮันที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาประคองเขา
อยู่ก่อนจะหยัดกายยืนตัวตรง มันไม่ได้มีอาการบาดเจ็บใดๆใน
ร่างกายของเขาต้องขอบคุณพละก้าลังแห่งดวงใจนี้ด้วยที่
สามารถฟื้นฟูและรักษาร่างกายของเขาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
“ไปกันเถอะ!”
เขาเริ่มออกเดินช้าๆในขณะที่เชวฮันและโรสลินก็รีบเดิน
ตามหลังเขาทันที พวกเขาทั้งสองส่งยิ้มให้แก่กันแต่คาร์ลไม่ได้
สนใจในเรื่องนี้มากนักก่อนจะเดินไปหาลิทาน่าซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
จากพวกเขาเท่าใดนักและตอนนี้เธอลงมาจากหลังของเสือด้า
แล้วเช่นกัน
“ท่านลินา”
ลิทาน่ามองเห็นคาร์ลได้อย่างชัดเจนเมื่อได้ยินเสียงอันอ่อนโยน
ของคาร์ลเรียก เธอยังตกอยู่ในความสับสนและมึนงงก่อนจะ
หันไปมองรอบๆทันทีเมื่อเห็นว่าคาร์ลไม่ได้เป็นอะไรมาก
ป่าอันเขียวชอุ่มและพื้นที่ป่าส่วนแรกทั้งหมดที่เราจะเจอเมื่อ
ออกเดินทางจากอาณาจักรวิปเปอร์ ‘พื้นที่ป่าส่วนแรกหรือ
พื้นที่ป่าส่วนที่หนึ่ง’มันเคยเป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดตามค้า
บรรยายในหนังสือเล่มต่างๆแต่ตอนนี้มันกลายเป็นสีด้าสนิทไป
ทัว่ พื้นที่
ภาพที่เห็นตรงหน้ามันท้าให้เธอแทบหายใจไม่ออก
“กรรจ์!!!!!!!!!!!”
ลิทาน่าที่ก้าลังจ้องไปที่คาร์ลอยู่ต้องหันกลับไปมองเท็นทันทีที่
ได้ยินเสียงค้ารามของมัน เท็นก้าลังมองดูพื้นดินที่กลายเป็นสี
ด้าสนิทและทั่วพื้นดินต่างเต็มไปด้วยขี้เถ้าปลิวว่อนไปทั่ว เท็นถู
ศีรษะของมันลงบนพื้นนั่นอย่างแรง ลิทาน่ากัดริมฝีปากของตน
แน่นขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนั้น
ตอนนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง (53380)
“ดูเหมือนว่าท่านควรจะไปได้แล้วล่ะ”
“…..อะไรนะ?”
เธอเห็นว่าคาร์ลก้าลังชี้นิ้วมายังร่างของเธอเมื่อเธอหันกลับไป
มองเขา
“อ่า……”
เธอมองเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาและชาวบ้านที่อาศัยในป่ารวมไป
ถึงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่พากันยืนอออยู่บริเวณเขตพื้นที่ปลอดภัย
กันอย่างพร้อมเพรียง เธอรู้ได้ในตอนนี้ว่าสิ่งที่เธอต้องมองควร
อยู่ในจุดใด เธอควรมองไปที่นั่นต่างหากไม่ใช่ป่าสีด้าที่เหลือแต่
ตอตะโกนั่น เธอได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเหลือให้ข้าท้าแล้วสินะ?”
ลิทาน่าหันกลับมาสบตากับคาร์ลทันที เขาดูสงบและอ่อนโยน
แต่ก็แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งในตัว สิ่งที่เขาลงมือท้านั้นได้
ประจักษ์แก่สายตาของเธออย่างชัดเจน ไอน้้ายังคงลอยขึ้นสู่
ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องและเขาคือผู้รับผิดชอบในการสร้างน้้าเพื่อ
ดับไฟอันร้ายกาจนี้
เธอคิดผิดไป เขาไม่ใช่คนอ่อนแอแต่เขาคือคนที่แข็งแกร่ง
ต่างหาก
“….ท่านต้องใช้พลังไปมากเพียงใด?”
บทที่ 80 สับสนวุ่นวาย 2 (2)

คาร์ลเคยกล่าวเอาไว้ว่าการสร้างน้้าเพื่อดับไฟนั่นมีข้อจ้ากัดว่า
สามารถใช้งานได้จ้านวนเท่าไหร่? ลิทาน่าอยากรู้ว่าตอนนี้
คาร์ลเหลือพลังอยู่เท่าใดกันแน่?
“ข้ายังเหลือพลังอีกพอสมควร”
แม้ว่าเขาจะมีความสุขเมื่อเขาสามารถใช้มันสร้างสิ่งที่
มหัศจรรย์แบบนี้ขึ้นมาได้แต่เขาก็อดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
เมื่อพิจารณาแล้วว่าตนใช้พลังมากเกินไป สีหน้าของเขา
ในตอนนี้ปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่นโดยไม่ตัว เขาไม่ชอบที่ตนต้อง
สูญเสียพลังบางส่วนไปอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้
“….ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นว่าคาร์ลต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความ
ขมขื่นของตนผ่านรอยยิ้มอันสดใส เธอจึงตัดสินใจละสายตาไป
มองลูกน้องของตนที่ก้าลังพยายามข้ามรอยต่อเขตแดนเข้ามา
เช่นเดียวกับชาวบ้านที่เริ่มขยับออกจากเขตพื้นที่ปลอดภัยเพื่อ
เข้ามาใกล้พวกเขาให้ได้ก่อนจะเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“ท่านคาร์ล…พวกเราจะไปที่นั่นด้วยกันหรือไม่?”
เขาเป็นวีรบุรุษในวันนี้ เขาสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการยก
ย่องและได้รับเสียงปรบมือเพื่อเป็นเกียรติส้าหรับการกระท้า
ของเขา อย่างไรก็ตามการตอบสนองของคาร์ลไม่ใช่สิ่งที่ลิทา
น่าคาดเอาไว้
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”
“ลินา!”
เธอรีบแก้ไขสิ่งที่คาร์ลเรียกตนทันที
“ไม่หรอก…สิ่งที่พวกเขาทั้งหมดต้องการในตอนนี้คือท่าน…
ท่านลินา….พวกเขาต้องการราชินีของพวกเขา!”
คาร์ลหันไปมองเขตพื้นที่ปลอดภัยซึ่งลิทาน่าก็หันไปมองเช่นกัน
ในตอนนี้ผู้คนที่พากันยืนออในป่าเริ่มเปียกโชกไปทั้งร่าง
ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่้าลงมาไม่ขาดสาย พวกเขาพากัน
ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจแม้ว่าจะมองเห็นพื้นที่สีด้าเป็นตอ
ตะโกเมื่อไอน้้าเริ่มเลือนหายออกไปแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงกอด
คอกันร้องไห้อย่างมีความสุขอยู่ดี
คาร์ลรู้สึกเหนื่อยล่วงหน้าเมื่อคิดว่าตนต้องไปยืนอยู่ท่ามกลาง
กลุ่มคนพวกนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการจบทุกอย่างให้เร็ว
ที่สุดในวันนี้
“ข้าเชื่อว่า…นี่คงเป็นผลมาจากความพยายามอย่างหนักของ
ท่านตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา…อีกอย่างข้าไม่ต้องการเป็น
ศูนย์กลางความสนใจของใครทั้งนั้น”
นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มผู้ที่เริ่มปรับสีหน้าของตนเป็นซีดเซียวด้วย
ความอ่อนเพลียกล่าวออกไป
“ข้าแค่อยากเห็นสถานที่ที่สวยงามและนั่งชมพระอาทิตย์ตก
ดิน….อ่า….ข้าอยากเห็นพระอาทิตย์ตกดินในตอนนี้จริงๆ”
เขาต้องการไปขุดหาหินมนตราและออกไปจากป่านี้โดยเร็ว
ที่สุด เขารู้สึกว่าตนสิ้นเปลืองพลังให้กับป่าแห่งนี้มากกว่าปกติ
ที่ควรจะเป็น
“…ข้าอิจฉาอาณาจักรโรมันยิ่งนัก”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
คาร์ลได้ยินสิ่งที่ลิทาน่าพูดไม่ถนัดนักเขาจึงมองไปที่เธอเพื่อให้
เอ่ยอีกครั้งหนึ่งแต่ลิทาน่าเพียงยิ้มและส่ายหน้าของตนเบาๆ
“ไม่มีอะไร”
ลิทาน่ารีบขึ้นไปบนหลังของเท็นก่อนจะพากันข้ามรอยต่อเขต
แดนกลับเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัย เธอนั่งตัวตรงบนหลังของเสือ
ด้าซึ่งเป็นจุดที่อยู่สูงกว่าเหล่าชาวบ้านที่อาศัยในป่าแม้ว่าเธอ
จะมีสัดส่วนที่เตี้ยกว่าพวกเขาก็ตาม เธอเพิ่มก้าลังของตน
ทั้งหมดลงไปในล้าคอและเริ่มตะโกนก้องออกมา
“ไฟดับลงแล้ว!….ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่ได้เห็นมันแล้วเช่นกัน”
“ธรรมชาติย่อมมีความยุติธรรมเฉกเช่นเวลา!….เมื่อเวลาผ่าน
ไปเราจะสามารถฟื้นฟูผืนป่าของเรากลับคืนมาได้!…ดังนั้นวันนี้
..จะเป็นวันที่เราร่วมฉลองเพื่อการเริ่มต้นใหม่!”
กรรจ์!!!!!!!!!!!
เท็นค้ารามออกมาอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ลิทาน่าเอ่ย
ซ่า!!!!!!!!!! ติ๋ง!!!!!!ซ่า!!!!!!!!!!
เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วพื้นที่ไปชั่วขณะหนึ่งจน
สามารถได้ยินเสียงของสายฝนที่ตกลงมา
เฮ!!!!!!!!!!!!!!!เฮ!!!!!!!!!!!!!!!
ก่อนที่ความเงียบนั้นจะถูกแทนที่ด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจ
ของชาวบ้านทั้งหมด ในขณะที่สายน้้าที่คาร์ลเป็นผู้สร้างขึ้นได้
ไหลไปตามแนวชายฝั่งของพื้นที่ส่วนแรกท้าให้ไฟที่ลุกลามไป
ยังพื้นที่บริเวณนั้นได้มอดดับลง
~เจ้ามนุษย์!…เจ้าจะเป็นหวัดนะ!…รีบไปพักผ่อนได้แล้ว!~
คาร์ลเลือกที่จะไม่สนใจต่อสิ่งที่ราอนบอกแก่ตน ในขณะทีเ่ ขา
ถูกลูกน้องของลิทาน่าพาไปยังกระโจมที่เงียบสงบและสะอาด
สะอ้านซึ่งเป็นกระโจมที่พวกเขาเตรียมไว้ให้แก่คณะของคาร์ล
อย่างเร่งด่วน
“โปรดแจ้งให้เราทราบ..หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม”
“ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะ…ข้าต้องการเพียงพักผ่อน
เงียบๆเท่านั้น…ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
..ถ้าเป็นพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี”
ลูกน้องของลิทาน่าคนนี้คือผู้ที่ข้ามมาจากออริมเพื่อเข้ามาพื้นที่
ป่าส่วนแรกพร้อมๆกับคาร์ล เขามองมาที่คาร์ลด้วยสีหน้า
เหลือเชื่อ อย่างไรก็ตามเขายังให้การตอบสนองเชิงบวกกับ
คาร์ลอยู่เช่นเดิม
“ได้….เราจะจัดเตรียมทุกอย่างให้ดีที่สุดตามที่ท่านต้องการ”
เมื่อลูกน้องของลิทาน่าเดินจากไป คาร์ลจึงเริ่มส้ารวจภายใน
กระโจมทันที เชวฮันและคนอื่นๆที่เหลือก็ถูกพาไปยังกระโจม
อื่นที่อยู่ไม่ไกลนัก อย่างไรก็ตามยังมีอีกผู้หนึ่งที่ยังคงอยู่ใน
กระโจมของคาร์ล
“ราอน”
ราอนคลายเวทย์ล่องหนออกจากตัวก่อนจะปรากฏร่างของมัน
ให้คาร์ลเห็น
เตราะ!
คาร์ลเดาะลิ้นของตนออกมาเมื่อเห็นสภาพของมังกรตัวน้อย
เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาก่อนจะเริ่มเช็ดร่างอันเปียกโชก
ของราอนเบาๆ ราอนลืมร่ายเวทย์เพื่อเรียกโล่ออกมาป้องกัน
ตัวเองเมื่อครั้งที่คลื่นยักษ์ก้าลังท้างานของมันอยู่
“เช็ดตัวเจ้าให้แห้งด้วยสิ!…เจ้าจะเป็นหวัดนะ!”
คาร์ลพ่นลมออกจากจมูกเบาๆเมื่อได้ยินเด็กสี่ขวบเอ่ยสั่งตน
ขึ้นมาก่อนจะใช้ผ้าเช็ดไปที่ใบหน้าของราอนแรงขึ้นเล็กน้อย
ในขณะที่ราอนยังคงนั่งนิ่งๆเพื่อให้คาร์ลเช็ดร่างของมันให้แห้ง
สนิท
คาร์ลโยนผ้าขนหนูผืนนั้นไปไว้มุมห้องและหยิบผ้าขนหนูผืนอื่น
มาเช็ดผมตัวเองให้แห้งก่อนจะหยิบลูกแก้วกลมๆที่ได้รับจาก
บิลอสออกมาจากกระเป๋าของตน
“เชื่อมต่อมันให้ข้าที”
“ได้เลย…เจ้ามนุษย์!”
ราอนดูเหมือนจะรู้สึกสนุกกับสิ่งนี้เมื่อมันเริ่มร่ายเวทย์เพื่อ
เชื่อมต่ออุปกรณ์เวทย์สื่อสารให้กับคาร์ลโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
คาร์ลนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในขณะที่อุปกรณ์เวทย์สื่อสารลอยตัว
ผ่านหน้าเขาไปก่อนจะเริ่มเชื่อมต่อทันที
ในไม่ช้าก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งขึ้นมาบนอุปกรณ์เวทย์
สื่อสาร
[เอ๊ะ!….ท้าไมสภาพของเจ้าจึงเป็นเช่นนั้น?]
เสียงจากองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กเอ่ยทักคาร์ลขึ้นทันทีเมื่อ
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารเชื่อมต่อกันได้สมบูรณ์
[สภาพของเจ้า…ไม่ต่างจากลูกหนูตกน้้าเลยนะ]
คาร์ลมองเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยจากอัลเบิร์กได้อย่างชัดเขน
ในขณะที่เขาส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนซึ่งเป็นรอยยิ้มเดียวที่เขาใช้
กับลิทาน่ากลับคืนไปให้
[แล้วท้าไมเจ้าต้องยิ้มแบบนั้นด้วยล่ะ?]
อย่างที่คาดเอาไว้รอยยิ้มนี้ไม่สามารถใช้ได้กับองค์ชายผู้นี้
คาร์ลปรับรอยยิ้มบนใบหน้าให้เป็นรอยยิ้มปกติของตนเองก่อน
จะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่อัลเบิร์
กเองก็คุ้นเคยกับท่าทางอันผ่อนคลายเช่นนี้ของคาร์ลมากกว่า
รอยยิ้มสยดสยองเมื่อสักครู่
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชายรัชทายาท..ผู้เป็นดั่งดวงดารา
ของอาณาจักรโรมัน…ไม่ทราบว่าตอนนี้ตระกูลของมาร์ควิสส
แตนเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ?”
เขาได้ท้าการติดต่อไปยังองค์ชายรัชทายาทเมื่อสามสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เขาเดินทางมายังหมู่บ้าน
โฮอิค เขาได้ท้าสิ่งต่างๆมากมายในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
และสิ่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
[อย่างไรนะเหรอ?…ตอนนี้ก้าลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนตัวผู้สืบทอด
อ้านาจตระกูลอยู่…ว่าแต่เจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปท้าไมกัน?]
ในขณะนั้นเสียงของราอนก็ดังเข้ามาหัวของคาร์ลทันที
~ในที่สุด…ก็ถึงเวลาแก้แค้นของข้าแล้ว!~
สิ่งที่มาร์ควิสสแตนและเวเนี่ยนท้ากับราอนจะต้องได้รับสิ่งตอบ
แทน เพื่อให้ราอนสามารถเอาชนะบาดแผลทางใจจากอดีตของ
มันได้อย่างสมบูรณ์ มันจะต้องท้าการแก้แค้นแก่ผู้ที่มีส่วน
เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้ คาร์ลได้ฟังแผนการแก้แค้นของราอน
เหมือนก้าลังนอนฟังเพลงกล่อมเด็กทุกครั้งที่พวกเขาอยู่กันตาม
ล้าพัง มังกรจะไม่มีวันลืมความน่าละอายเช่นนี้อย่างแน่นอน
ราอนก้าลังมองหาสิ่งที่จะได้รับเป็นการตอบแทนให้กับ
ความรู้สึกที่มันต้องสูญเสียไปไม่ว่าจะเป็นความน่าอดสูและสิ่งที่
ท้าลายความเชื่อมั่นในตัวตนของมัน นั่นคือสัญชาตญาณตาม
ธรรมชาติของมังกรผู้มีความทระนงในความเป็นผู้น้าที่รุนแรง
ที่สุดในโลก
อัลเบิร์กลอบสังเกตคาร์ลอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยขึ้นในเวลา
ต่อมา
[ข้าบอกสิ่งนี้ให้เจ้ารู้เพราะข้าอาจได้รับบางอย่างเป็นสิ่งตอบ
แทน…แต่ข้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปท้าไมกัน?]
“มันเป็นเพียงแนวทางที่จะท้าให้หม่อมฉันท้าในสิ่งที่องค์ชาย
โปรดปรานได้ในอนาคตพะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นว่าคาร์ลเลือกโกหกตนหน้าตาเฉยเช่นนี้ท้าให้อัลเบิร์
กอดที่จะพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม
เรื่องนี้เป็นความจริง
“หม่อมฉันทูลความจริงพะย่ะค่ะ” (53380)
มันจะเป็นสิ่งที่ดีต่ออัลเบิร์กเช่นกัน อัลเบิร์กรู้สึกอึดอัดใจกับ
ท่าทางของคาร์ลแต่ยังมีสิ่งอื่นที่เขาต้องรีบท้าในตอนนี้เช่นกัน
จึงเป็นเหตุผลให้เขาต้องเอ่ยตัดบทกับคาร์ลเกี่ยวกับเรื่องนี้
[..เจ้ารีบกลับมาแล้วกัน]
“พะย่ะค่ะองค์ชาย”
คาร์ลไม่มีปัญหาที่จะรับปากว่าตนจะกลับไปในเร็วๆนี้เพราะถึง
อย่างไรเขาก็วางแผนจะกลับไปอยู่แล้ว แน่นอนว่าคาร์ลจะไม่
เร่งเดินทางกลับ เขาก้าลังจะท้าทุกอย่างที่จ้าเป็นต่อตัวเขาในที่
แห่งนี้ให้แล้วเสร็จเสียก่อน
เขาพูดคุยเรื่องอื่นๆกับองค์ชายรัชทายาทอีก 2-3 เรื่องก่อนจะ
จบการสนทนาในเวลาต่อมา จากนั้นจึงลงมือรับประทาน
อาหารและเข้านอนในที่สุด แน่นอนว่าเขายังต้องฟังแผนการ
แก้แค้นของราอนราวกับก้าลังฟังเพลงกล่อมเด็กเช่นเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้น
“ท่านลินา….ข้าต้องการไปที่นั่น”
คาร์ลแจ้งความต้องการของตนกับลิทาน่าว่าตัวเขาต้องการไป
ยังชายฝั่ง ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
บทที่ 81 สับสนวุ่นวาย 3 (1)

ในตอนนี้คาร์ลกาลังยืนอยู่ในกระโจมของลิทาน่า สิ่งแรกที่เขา
ทาเมื่อครั้งที่ตื่นขึ้นมาเต็มตาคือการมาหาลิทาน่าในกระโจม
ส่วนตัวของเธอ ลิทาน่ามองไปที่คาร์ลก่อนจะเอ่ยขึ้น
“บิน!”
ลูกน้องคนหนึ่งของเธอขยับมายืนตรงหน้าของคาร์ลเมื่อได้ยินลิ
ทาน่าเอ่ยเรียก เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องที่พบกับคาร์ลในถ้า
นิยายเรื่องนี้ได้มอบบทบาทให้แก่ ‘บิน ลาเดน’ว่าเป็นหนึ่งใน
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์และแข็งแกร่งที่สุด
“บิน…จะเป็นคนพาท่านไปยังที่ดินผืนนี้”
ลิทาน่ายื่นเอกสารให้แก่คาร์ลซึ่งตัวคาร์ลเองต้องทางานอย่าง
หนักเพื่อเก็บอาการของตนเอาไว้เมื่อได้เห็นรายละเอียดใน
เอกสารฉบับนี้แล้ว
“ท่านลินา…ท่านไม่ควรทาเช่นนี้…นี้มันมากเกินไป”
เมื่อเห็นว่าคาร์ลเริ่มกังวลในเรื่องนี้ เธอจึงค่อยๆยิ้มออกมา
“ไม่หรอก…มันไม่มากเกินไปเลยสักนิด”
เอกสารถูกประทับลายนิ้วมือเอาไว้แล้ว มันจะกลายเป็นสัญญา
ที่สมบูรณ์ทันทีเมื่อคาร์ลประทับลายนิ้วมือของตนลงเช่นกัน
มันมีช่องว่างอยู่จุดหนึ่งสาหรับเอาไว้ประทับลายนิ้วมือของ
คาร์ลโดยเฉพาะ
ที่ดินส่วนหนึ่งจะหายไปทันทีเมื่อสัญญาฉบับนี้สมบูรณ์
ลิทาน่าเริ่มพูดอีกครั้ง
“มันอาจเป็นเรื่องยุ่งยากหากมันต้องกลายเป็นทรัพย์สินของ
ผู้อื่น…แต่ต่อให้มันไม่ใช่ของข้า…ข้าก็จะดูแลทุกอย่างตราบ
เท่าที่ท่านต้องการ”
ทุกๆประโยคที่ไหลผ่านจากปากของลิทาน่าเปรียบดั่งเสียงจาก
สวรรค์ที่ร้องกล่อมคาร์ล เสียงของเงินที่กาลังไหลเข้ามาใน
กระเป๋าของเขานั้นย่อมเป็นเสียงที่ไพเราะยิ่งนัก ลิทาน่าช่าง
เป็นคนที่ใจกว้างเสียจริงๆ
“ท่านทาสัญญาออกมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?…หากข้าต้องการ
ที่ดินบริเวณชายฝั่งทั้งหมดหรือถ้ามันมากกว่านั้นเล่า…ท่านจะ
ทาอย่างไร?”
“ข้ารู้ว่าท่านจะต้องเอ่ยเช่นนี้…แต่มันไม่ใช่เรื่องสาคัญเลย…
ท่านสามารถเอาไปได้มากเท่าใดก็ได้ตามที่ท่านต้องการ”
เธอพยายามตอบแทนความมีน้าใจของคาร์ลให้ได้มากที่สุด
เท่าที่จะทาได้ คาร์ลตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าทาไมลิทาน่าจึง
ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นาหรือที่ปรึกษาที่ดีที่สุดในนิยายเรื่องนี้
คาร์ลเดาว่าเพราะเธอใจกว้างเกินไปจึงได้รับการยกย่องเช่นนี้
และตัวคาร์ลก็ไม่รู้จะช่วยเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ข้าคิดว่า..การที่มีที่ดินเป็นจานวนมากจะกลายเป็นเรื่องที่
ยุ่งยากเกินไป..ข้าต้องการแค่ที่ดินผืนเล็กๆก็พอแล้ว”
สิ่งที่คาร์ลตอบออกมาทาให้ลิทาน่าคิดว่าเธอควรจะตอบแทน
คนดีๆเช่นเขาด้วยวิธีใดกันจึงจะเหมาะสมกับความมีน้าใจของ
เขา? คาร์ลต้องเป็นคนออกคาสั่งให้แก่ลูกน้องของเขาให้เข้าไป
ช่วยเหลือในการฟื้นฟูพื้นที่ป่าส่วนแรกเมื่อพวกเขาทั้งหมดตื่น
ขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่ลิทาน่าคาดเดาไว้นั้นผิดไปเพราะคาร์ลตื่น
สายและไม่รู้เลยสักนิดว่าสมาชิกในกลุ่มที่เหลือกาลังทาสิ่งใด
อยู่
“ท่านคาร์ล…ข้าขอทราบชื่อตระกูลของท่านได้หรือไม่?”
คาร์ลรู้สึกว่าแผ่นหลังและลาคอของตนนั่นหนาวเย็นขึ้นมา
ทันที เขารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้มันเหมือนว่าเขากาลังจะตก
อยู่ในสถานการณ์ที่ผิดเพี้ยนไป นั่นเป็นเหตุผลที่คาร์ลตอบ
ออกไปโดยอัตโนมัติ
“ข้าแค่อยากจากไปเงียบๆ…จงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและ
มองไปวันข้างหน้าก็พอ”
“ท่านไม่ต้องการรับเงินจากข้าเป็นการตอบแทนจริงๆหรือ?”
ตามความเห็นของคาร์ลนั้น ไม่มีความจาเป็นที่เขาจะรับเงิน
จากลิทาน่าเป็นการตอบแทนอีก เธอไม่สามารถมอบสิ่งอื่นที่มี
ค่ามากกว่าหินมนตราอีกแล้ว
พวกมันไม่ใช่เพียงหินมนตราธรรมดาๆแต่มันเป็นหินมนตรา
ระดับสูง พวกมันทั้งหมดล้วนแต่เป็นหินมนตราบริสุทธิ์ที่ได้รับ
พลังเวทย์ขั้นสูงด้วยเช่นกัน
คาร์ลไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในป่านี้ได้อย่างไรและใครเป็นเจ้าของ?
แต่ในนิยายได้กล่าวเอาไว้ว่ามันมีอายุถึงร้อยปีแล้วซึ่ง
หมายความว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของหินมนตราเหล่านี้แล้ว
เช่นกัน
ลิทาน่ามองออกไปนอกกระโจมและตะโกนขึ้น
“เท็น!”
‘เท็น?…เสือดานั่นนะรึ?’
“ฮึ่มมม!!!!!!…..กรรจ์!!!!!!!!!!”
“โปรดพาเขาไปกับท่านด้วย…เท็นคือผู้ที่รู้เส้นทางที่รวดเร็ว
ที่สุดและดีที่สุดสาหรับท่าน”
คาร์ลรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาทันที เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามัน
กาลังส่งยิ้มให้หรือแค่แยกเขี้ยวโชว์เฉยๆ แต่มันก็เผยให้เห็น
เขี้ยวอันแหลมคมที่มีขนาดเท่าๆกับแขนของคาร์ลเลยด้วยซ้า
“ท่านสามารถขี่เขาได้…นี้ถือเป็นสิ่งตอบแทนด้วยความซาบซึ้ง
จากใจของข้า…เพราะฉะนั้นโปรดรับมันไว้ด้วยเถิดอย่าปฏิเสธ
มันเลย”
“อ่า…ได้ๆ..ข้าจะรับมันไว้”
“ฮึ่มมม!!!!!!…..กรรจ์!!!!!!!!!!”
เสือดาตัวโตกระโจนเข้ามาใกล้คาร์ลราวกับกาลังมีความสุขใน
ขณะที่คาร์ลก็ขยับหลบไปอยู่ด้านข้างทันที
อย่างไรก็ตามเขาค่อยๆก้าวมายืนอยู่จุดเดิมในเวลาต่อมาและ
สร้างความประหลาดใจให้แก่ลิทาน่าได้มากทีเดียว
“นี่เป็นครั้งแรกของข้า”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
คาร์ลไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดเมื่อได้ยินเสียงคารามของเสือดา
แต่มันจะไม่เป็นไรเมื่อเขานั่งอยู่ข้างๆกับเจ้านายของมัน
“นายน้อยคาร์ล…เราจะติดตามท่านไปในภายหลัง”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับให้กับคาพูดของโรสลิน
“กระผมจะไปกับนายน้อยขอรับ…”
มีเพียงแค่ล็อก บินและบารอคเท่านั้นที่จะติดตามคาร์ลไป
แน่นอนว่ายังมีราอนที่ใช้เวทย์ล่องหนติดตามเขาไปด้วยอีกตน
“ท่านไม่ต้องห่วง…เราจะอยู่ช่วยฟื้นฟูป่าที่นี่จนกว่ารองพ่อบ้าน
ฮันส์และออนจะมาถึง…จากนั้นเราจะรีบมุ่งหน้าตามท่านไป
ทันที”
คาร์ลได้เสนอให้โรสลินและเชวฮันอยู่รอฮันส์และเด็กๆที่นี่
‘ฉันไม่สามารถให้โรสลินอยู่กับฉันในเวลานั้นได้’
โรสลินเป็นนักเวทย์ระดับสูงและมีฝีมือยอดเยี่ยม มันจะเป็น
เรื่องที่ยุ่งยากหากเขาต้องค้นหาหินมนตราโดยมีโรสลินอยู่ใกล้ๆ
“ออกเดินทางกันเถอะขอรับ”
คนอื่นๆในกลุ่มที่ต้องเดินทางไปยังที่ดินผืนนั้นกระตุ้นให้คาร์ล
เริ่มออกเดินทาง พวกเขามีข้าวของมากมายอยู่บนหลังม้าของ
ตน
“ขอให้เดินทางปลอดภัย…ขอบคุณท่านยิ่งนักสาหรับความ
ช่วยเหลือทุกๆอย่าง”
“ไม่เป็นไรหรอก…ข้ายินดีช่วยเหลือ”
คาร์ลเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยนกับคากล่าวลาของลิทาน่า เขาไม่
สามารถละทิ้งท่าทางแบบนี้ไปได้แม้ว่าจะถึงตอนจบแล้วก็ตาม
“ ท่านคาร์ล…เอาไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”
‘ช่างเป็นความคิดที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน’
ถ้าเขาต้องได้เห็นลิทาน่าอีกครั้งมีโอกาสสูงมากที่เขาจะต้องมา
เจอเธอในสนามรบ นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลไม่ต้องการพบเธออีก
เป็นอันขาด เขาจึงส่งยิ้มไปให้เธอแทนที่จะพูดอะไรออกไป
“เท็น…ไปกันเถอะ”
คาร์ลเอ่ยกระตุ้นเท็นที่กาลังขยับตัวเพื่อออกเดินทาง ม้าก็เริ่ม
ขยับตัวมาเดินประกบข้างเท็นเช่นกัน ในขณะที่ลิทาน่าก็มอง
ตามหลังพวกเขาไปด้วยความใจหาย
“ฝ่าบาท..ไม่เป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าไม่เป็นไร”
เธอเอ่ยตอบผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเบาๆ เสือดา‘เท็น’เป็น
สิ่งมีชีวิตตัวแรกที่เธอได้ช่วยเหลือจนรอดชีวิตมาได้ ตั้งแต่วัน
นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาโดยตลอดแม้ว่าจะเป็น
เวลาเพียงสั้นๆแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลิทาน่าปล่อยให้เท็นไปกับ
คนอื่นที่ไม่ใช่คนในปกครองของตน
คาร์ลไม่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของลิทาน่ากับเท็นใน
ขณะที่เขายังคงนั่งเกร็งอยู่บนหลังของเท็นและกาลังมุ่งหน้า
ผ่านพื้นที่ป่าส่วนแรกอย่างเร่งรีบ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในป่าต่าง
หยุดเคลื่อนไหวและเอ่ยทักทายเขาเมื่อขบวนเดินทางของเขา
เคลื่อนผ่าน ชาวบ้านแต่ละคนก็มีวิธีการเอ่ยทักทายที่แตกต่าง
กันออกไปแต่พวกเขาต่างพร้อมใจกันโค้งคานับให้คาร์ลอย่าง
พร้อมเพรียง ไม่แน่ว่าลิทาน่าอาจแจ้งอะไรบางอย่างแก่
ชาวบ้านไว้ล่วงหน้าเพราะพวกเขาไม่ได้แสดงความขอบคุณ
หรือมีท่าทางที่ตอบสนองต่อคาร์ลเกินเหตุอันควร
‘เป็นเรื่องดีที่สุด..ที่ฉันจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้เร็วขึ้น’
พยักหน้าตอบกลับเล็กน้อยและรีบออกไปให้เร็วที่สุด คาร์ล
ตระหนักได้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่น่า
ราคาญ เขายังคงมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ป่าส่วนแรกที่ถูกเผาไหม้จน
ดาเป็นตอตะโกในขณะที่ขี้เถ้ายังคงปลิวว่อนไปทั่วพื้นที่ได้อย่าง
รวดเร็ว
คาร์ลลงมาจากหลังของเสือดาในเวลาต่อมาก่อนจะได้ยินเสียง
ของราอนดังก้องเข้ามาในหัว
~โห!…ที่นี่ไม่มีอะไรเหลือเลย ~
ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ในชายฝั่งทะเลของพื้นที่ป่าส่วนแรก
~แม้แต่น้าทะเลก็กลายเป็นสีด้า ~
น้าทะเลบริเวณชายฝั่งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าจนกลายเป็นสี
ดาสนิท คาร์ลมองออกไปในทะเลและทิวทัศน์บริเวณรอบๆ
อย่างเงียบๆ สายลมพัดโชยความเย็นเข้ามาแต่กลิ่นเค็มก็ยังคง
ทาหน้าทีข่ องมันได้ดีเช่นเดิม
‘บิน’ ลูกน้องคนสาคัญของลิทาน่าที่ติดตามคาร์ลมาในครั้งนี้
ด้วยเฝ้าสังเกตการกระทาของคาร์ลอย่างไม่ยอมให้คลาด
สายตาเพราะเขาได้รับคาสั่งจากราชินีให้รายงานทุกๆอย่างที่
คาร์ลทาให้พระองค์ทรงทราบ
“ข้าคิดว่า..ที่นี่คงเป็นสถานที่ที่สวยงามมากจริงๆ”
บินสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลกล่าวออกมา มันคือความ
จริงที่ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่สวยงาม
“พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว…ข้าขอไปสารวจรอบๆได้หรือไม่?..
ข้าจะแจ้งให้เจ้าทราบอีกทีเมื่อข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือก
ที่ดินแปลงไหน”
“…อ่า…ได้ๆ…ได้อย่างแน่นอน”
ใกล้เวลาที่พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว
คาร์ลลูบศีรษะของล็อกเบาๆเมื่อก้มกระซิบที่หูของล็อกให้ได้ยิน
เพียงแค่สองคน
“ไปเล่นกับเท็นหน่อยแล้วกัน…อย่าให้เขาตามข้าไปได้”
“ขอรับ!”
ล็อกรับคาของคาร์ลอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
คาร์ลสาวเท้าไปหาบารอคที่กาลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ไม่ไกล
นัก บารอคไม่ชอบขี้เถ้าที่อยู่เต็มไปทั่วพื้นที่ เขาคือคนที่ไม่ได้
ถอดถุงมือสีขาวออกจากตัวเป็นเวลากว่า 2-3 วันแล้ว เมื่อเห็น
คาร์ลเดินใกล้เข้ามาเขาจึงเอ่ยขึ้นทันที
“กระผมจะจัดการกับ ‘บิน’หรือ ‘เบียร์’ หรือชื่ออะไรสัก
อย่าง…นั่นเองขอรับนายน้อย”
“ข้าคิดไว้อยู่แล้ว…ว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการ”
คาร์ลจึงเอ่ยคาถามที่ไม่คาดคิดขึ้นมาแทน
“บารอค…เจ้าเคยเดินทางไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ
อาณาจักรโรมันหรือยัง?”
“ไม่เคยขอรับ”
“งั้นรึ?…แล้วเจ้าไม่อยากไปที่นั่นบ้างรึไง?”
“กระผมยังต้องคอยดูแลงานในครัวของคฤหาสน์เฮนิตัสอยู่นะ
ขอรับ”
บารอคจ้องมองคาร์ลด้วยสีหน้าสับสน ในขณะที่คาร์ลก็เริ่มยิ้ม
ออกมา
เร็วๆนี้เขาจาเป็นต้องใช้งานผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการทรมาน
เขาต้องการใครสักคนที่สามารถทรมานร่างกายและจิตใจผู้อื่น
ได้ซึ่งบารอคคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทรมานร่างกาย
‘ส่วนการทรมานจิตใจนั้นอาจต้องใช้ใครสักคนเช่นนักบวช
หญิงผู้บ้าคลั่งซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดกับบุตรชายคนโตของมาร์ค
วิสสแตนในตอนนี้’
คาร์ลตบไปที่ไหล่ของบารอคที่ยังคงมีสีหน้าสับสนอยู่เช่นเดิม
ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเนินเขาสูงที่เป็นจุดที่สูงที่สุดในพื้นที่ เท็น
และบินมองตามหลังของคาร์ลไปสักพักก่อนจะต้องมาวุ่นวาย
กับล็อกและบารอคในเวลาต่อมา
นั่นเป็นสาเหตุที่ทาให้คาร์ลเดินไปได้อย่างสบายๆ ไม่สิ!ไม่ใช่
สาเหตุที่เขาสลัดเท็นและบินออกไปได้แต่เป็นเพราะเขากาลัง
นึกถึงหินมนตรานั่นต่างหาก
มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับที่เขาเคยรู้สึกเมื่อพบกับห้อง
สมบัติบนหอคอยพลังเวทย์นั่น ทุกๆครั้งที่เขาก้าวเข้าใกล้วิถี
ชีวิตของคนเกียจคร้านที่มีกินมีใช้ไปตลอดทั้งชีวิตมันทาให้
หัวใจของเขาโลดแล่นด้วยความสุขทุกครั้งไป
~เจ้ามนุษย์อ่อนแอ..เจ้าดูตื่นเต้นมากเลย ~
ราอนพูดถูกแล้วคาร์ลในตอนนี้กาลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขา
หันไปตรวจสอบจนแน่ใจว่าคนอื่นๆอยู่จุดใดบ้างก่อนจะมุ่งหน้า
เดินเลียบชายฝั่งไปยังเนินเขาสูงที่อยู่ไม่ไกลจากสายตา
มีขี้เถ้าหลงเหลืออยู่เต็มพื้นที่
~หืม? ~
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงอุทานของราอน
ในนิยายเรื่องนี้หินมนตราจะถูกพบโดยบังเอิญ สถานที่แห่งนี้
เต็มไปด้วยต้นไม้สูงจึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่ามีอะไรซุก
ซ่อนอยู่ใต้ดิน อย่างไรก็ตามเมื่อบริเวณนี้ถูกไฟไหม้และ
หลงเหลือไว้เพียงเศษขี้เถ้าให้ดูต่างหน้าแต่เมื่อเวลาผ่านไปสัก
พักเศษขี้เถ้าและสิ่งสกปรกต่างๆจะถูกชะล้างด้วยน้าฝนและ
เมื่อนั้นหินมาตราก็จะปรากฏตัวขึ้นให้เห็นโดยง่าย (53380)
“อาจจะเป็นแถวๆนี้”
~เจ้ามนุษย์..มีอะไรบางอย่างอยู่ทางด้านซ้ายมือ..อีกประมาณ
ห้าก้าวเท่านั้น~
คาร์ลรีบเดินไปทางด้านซ้ายมืออีกห้าก้าวตามระบบนาทางอัน
น่าทึ่งของเขา มังกรดามีความสามารถหลากหลายทาง มังกรมี
ประสาทสัมผัสที่ไวและแข็งแกร่งที่สุดสาหรับการตอบสนองต่อ
พลังเวทย์ทุกๆอย่างในโลก
คาร์ลหยุดลงตรงจุดที่ราอนบอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งจากนั้นจึง
นาเสียมที่เขาเคยใช้เมื่อครั้งได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘เสียง
เรียกของวายุ’ออกมา
ฉึก!!! ฉึก!!!
เสียมขุดผ่านขี้เถ้าและสิ่งสกปรกเข้าไปในเนื้อดินซึ่งตอนนี้มี
ลักษณะค่อนข้างเหลวเพราะน้าฝนที่ตกลงมาทาให้สามารถขุด
เข้าไปได้ง่ายขึ้นแต่คาร์ลก็ค่อยๆขุดมันด้วยความระมัดระวัง
ราวกับมันเป็นสิ่งที่ล้าค่าที่สุดในโลก
หลังจากนั้นไม่ได้
“….ว้าว”
บทที่ 81 สับสนวุ่นวาย 3 (2)

คาร์ลไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของตนไว้ได้จึงปล่อยเสียง
ออกมาด้วยความชื่นชม เขาพบกับหีบเหล็กขนาดใหญ่ที่มี
ลวดลายธรรมดา อย่างไรก็ตามหีบเหล็กที่ขึ้นสนิมนี้กลับมีสีสัน
สวยงามในสายตาของเขาอยู่ดีก่อนที่เขาจะเริ่มออกแรงเพื่อขุด
ดินรอบๆหีบเหล็กออกไปอีกครั้ง
~เจ้ามนุษย์..ทาไมเจ้าต้องออกแรงหนักขนาดนี้ด้วยล่ะ?…ข้าไม่
เคยเห็นเจ้าออกแรงหนักขนาดนี้มาก่อนเลย~
คาร์ลไม่สนใจกับสิ่งที่ราอนพูดเช่นเดิม เขายังคงตั้งหน้าตั้งตา
ขุดต่อไปจนกระทั่งมองเห็นขนาดของหีบเหล็กทั้งหมดอยู่
ตรงหน้า มันมีขนาดใหญ่มากจนเขาต้องรีบดึงมันขึ้นมาให้เร็ว
ที่สุดก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ตอนนี้เขาตื่นเต้นมากจนมือไม้
สั่นไปหมด
~เจ้าจะให้ข้าทาความสะอาดหีบใบนี้หรือเปล่า?~
คาร์ลหยุดคิดไปชั่วครู่
~ข้าจะจัดการมันเอง!~
ชิ้ง!!!!!
มีเสียงดังขึ้นก่อนจะปรากฏพลังเวทย์สีดาลอยอยู่ในอากาศและ
ลอยเข้าไปปกคลุมทั่วหีบเหล็กเพื่อกาจัดคราบดินและขี้เถ้าออก
ทันที คาร์ลสัมผัสได้ว่าตัวเองนั้นตื่นเต้นเกินไปก่อนจะค่อยๆ
ระงับความรู้สึกของตนลงและชี้ไปยังแม่กุญแจที่ปิดหีบเอาไว้
“ทาลายมันซะ”
~ได้!~
แม่กุญแจถูกทาลายลงอย่างง่ายดาย
คาร์ลสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปลูบ
หีบเหล็กเบาๆ ในที่สุดหินมนตราที่มีพลังเวทย์ระดับสูงก็อยู่ใน
มือเขาแล้ว การมีเงินเป็นจานวนมากถือเป็นเรื่องที่ดีแต่สิ่งนี้จะ
กลายเป็นวัตถุดิบสาคัญในการสร้างปราสาทที่แสนอบอุ่นมั่นคง
และปลอดภัยให้แก่เขา รวมไปถึงยานพาหนะที่แข็งแกร่งอีก
ด้วย เขาจะเอาวัตถุดิบเหล่านี้ไปใช้งานจนกว่าเขาจะจบชีวิตลง
จากโลกใบนี้
เขาค่อยๆเปิดฝาหีบออกช้าๆ
เอี๊ยด!!!! ครึ่ก!!!!
“โอ้!!”
คาร์ลอุทานออกมาด้วยความตะลึง
สีสันสดใสเกือบทุกเฉดสีปรากฏอยู่ตรงหน้าคาร์ล สภาพของหิน
มนตราเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดแม้ว่ามันจะผ่าน
มาเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม สีของหินมนตราระดับสูงเหล่านี้ต่างมี
สีสันสดใสมีชีวิตชีวาและสวยงามเป็นอย่างมาก
มุมปากของคาร์ลยกสูงขึ้นด้วยความพอใจ
“ว้าว…เจ้ามนุษย์!…มันเยี่ยมมาก!…เราเจอขุมสมบัติอีกแล้ว!”
ราอนคลายเวทย์ล่องหนออกจากร่างของตนและลงแตะพื้นดิน
ข้างๆคาร์ลทันที ก่อนที่มันจะร่ายพลังเวทย์เพื่อสร้างแสงสว่าง
ให้แก่หีบเหล็กใบนี้ การกระทาของราอนทาให้คาร์ลหันไปมอง
บริเวณโดยรอบทันทีเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีคนอื่นๆอยู่
บริเวณนี้ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบหินมนตราขึ้นมาดูให้ชัด
ขึ้นกว่าเดิม
มันคือการรวมตัวกันของเงินก้อนใหญ่
หินมนตราที่นิยมใช้ในอาณาจักรวิปเปอร์นั้นส่วนใหญ่จะมีพลัง
เวทย์ในระดับต่าหรือระดับกลาง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่
สามารถครอบครองและใช้หินมนตราที่มีระดับพลังเวทย์สูงๆ
แน่นอนว่าต้องเป็นเพียงคนจากราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีโอกาสใช้
งานหินมนตราระดับสูงได้
มูลค่าของหินมนตราเหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นตามความรุนแรงของ
สงครามที่จะเกิดขึ้น มีสถานที่หลายแห่งบนโลกใบนี้ที่เขา
สามารถขายมันได้ องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กก็เป็นหนึ่งใน
ลูกค้ารายใหญ่ของเขาเช่นกัน
“มนุษย์!”
ราอนเงยหน้าขึ้นจากหีบเหล็กเพื่อหันมามองคาร์ล ปีกของมัน
เริ่มกระพือแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าอยากได้สิ่งนี้เช่นกัน!”
คาร์ลสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินสิ่งที่ราอนต้องการก่อนจะตัดสินใจ
ได้ในที่สุดว่าตนจะเป็นคนใจกว้าง เขาค่อยๆลูบไปที่ศีรษะของ
ราอนเบาๆและชี้ไปยังหีบเหล็กที่บรรจุหินมนตราระดับสูงไว้
เกือบสองร้อยก้อน
“ข้าจะให้อันที่เจ้าชอบมากที่สุดแล้วกัน”
“จริงเหรอ?…ขอบคุณเจ้ามาก!…มนุษย์..เจ้าเป็นคนดีมาก!”
คาร์ลรู้สึกพอใจที่เห็นเด็กวัยสี่ขวบตื่นเต้นดีใจที่มันจะได้รับหิน
มนตราหนึ่งก้อนไว้ในครอบครอง
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงซ่อนมันไว้ในมิติลับของเจ้าซะ…เข้าใจ
หรือไม่?”
“ตกลง!…ตัวอ่อนในขวดแก้วและหินมนตราหนึ่งก้อนจะเป็น
ของข้า!”
“ได้…ได้สิ…ได้อย่างแน่นอน”
ราอนทวนรายการที่มันจะได้รับให้คาร์ลทราบอีกครั้งเพื่อความ
แน่ใจของตัวมันเอง ดูเหมือนว่ามันทาในสิ่งที่มังกรสมควรทา
แล้วสินะ? คาร์ลสงสัยว่านี่อาจเป็นเพราะราอนเริ่มชินกับโลก
ภายนอกแล้วก็เป็นได้? เขานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินอีกพักใหญ่
ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังชายฝั่ง
พระอาทิตย์ที่ร่วงลงสู่ผืนทะเลยังคงสร้างบรรยากาศที่สวยงาม
ให้ปรากฏอยู่เช่นเดิม คาร์ลมีรอยยิ้มอันอ่อนโยนประดับบน
ใบหน้าก่อนจะชี้ไปยังเนินเขาสูงที่เขาเพิ่งกลับออกมาให้บินดู
“ข้าสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างชัดเจนบนเนิน
เขานั่น…เป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะขอที่ดินผืนนั้น?”
“ได้สิ!”
บินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นขนาดที่ดินผืนที่คาร์ลขอ
มันมีขนาดใหญ่มากพอที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศหลังเล็กๆ
ได้เท่านั้น คาร์ลเก็บสาเนาสัญญาไว้ในกระเป๋าเมื่อทาข้อตกลง
ที่เหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
“ข้าจะอยู่ที่นี่จนกว่าคนอื่นๆจะเดินทางมาถึง”
ทาให้บิน บารอค และล็อกรีบทาการขนย้ายสิ่งของลงจากหลัง
ม้าอย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มตั้งกระโจมขึ้นมาชั่วคราวเพื่อ
อานวยความสะดวกให้แก่คาร์ลในการอยู่คอยคนอื่นๆที่กาลัง
เดินทางมาที่นี่
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
สมาชิกที่เหลือในกลุ่มของคาร์ลเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ในขณะที่
คาร์ลนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีร่มเงาจากกระโจมหลังใหญ่คอยบดบัง
แสงแดดไว้ให้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าพวกเขาทั้งหมด
ได้รวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงในที่แห่งนี้แล้ว
“เราควรเดินทางกลับกันได้แล้ว…เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?”
รองพ่อบ้านฮันส์ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้ทันที
เขาคิดเพียงแค่ว่าตัวตนปกติของคาร์ลได้กลับคืนมาแล้ว เขา
ขยับตัวไปยืนด้านหน้าของคาร์ลเมื่อไม่แน่ใจว่าที่คาร์ลพูดว่าจะ
เดินทางกลับไปนั้นหมายถึงอาณาเขตเฮนิตัสหรือที่ใดกันแน่?
“เราจะกลับไปอาณาจักรวิปเปอร์กันหรือขอรับนายน้อย?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ..ข้าจะให้พวกเจ้าเดินทางมาสมทบที่นี่
กันทาไม?”
“แล้วเราจะกลับไปไหนหรือขอรับ?”
ไม่ใช่มีเพียงแค่ฮันส์เท่านั้นที่มีอาการเช่นนี้ คนอื่นๆในคณะของ
คาร์ลก็มีอาการงุนงงกับท่าทางที่ผ่อนคลายของคาร์ลเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีอาการงุนงงปรากฏ
ให้เห็น‘บิน’กาลังคิดว่านี่คงใกล้เวลาที่เขาจะต้องเอ่ยคาลา
ให้แก่คาร์ลแล้ว เขาจึงยืนฟังเงียบๆโดยไม่มีท่าทางแปลกๆ
ปรากฏให้เห็นแต่อย่างใด
คาร์ลลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งสัญญาณให้สมาชิกในกลุ่มมองตามมือ
เขาที่กาลังชี้ไปกลางทะเล
“หืม?…มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
โรสลินมองมาที่คาร์ลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยก่อนที่
คาร์ลจะพูดขึ้นเมื่อทุกคนพร้อมใจหันมามองเขาอย่างพร้อม
เพรียง
“ที่นี่คือทะเล”
ทันใดนั้นเอง
หวูดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
พวกเขาได้ยินเสียงหวูดเรือดังมาจากในทะเล มีเรือลาหนึ่งมุ่ง
หน้ามาทางที่พวกเขาอยู่อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดต่าง
คุ้นเคยกับเรือลานี้เป็นอย่างดีเพราะเป็นเรือลาเดียวกับที่พา
พวกเขาเดินทางมายังอาณาจักรวิปเปอร์นั่นเอง
“พวกท่านจะไปกันแล้วหรือ?
“อืม…ขอบคุณเจ้าด้วยสาหรับทุกๆอย่าง”
คาร์ลและบินสนทนากันอย่างไม่เป็นทางการอยู่สักพัก ก่อนที่
คาร์ลจะเดินผ่านหน้าสมาชิกคนอื่นๆที่ยังคงมองไปยังเรือลา
ใหญ่อยู่เช่นเดิม คาร์ลรีบเดินไปยังริมชายฝั่งทะเลอย่างไม่รอช้า
“นายน้อยคาร์ล!!”
บริเวณดาดฟ้าเรือที่กาลังแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วปรากฏร่าง
ของบิลอสที่กาลังยืนโบกไม้โบกมือให้แก่คาร์ลอยู่ คาร์ลส่งยิ้ม
ให้บิลอสทันทีเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของเขาก่อนจะยก
กระเป๋าเวทย์ให้บิลอสดูช้าๆ
เมื่อเรือลาใหญ่ใกล้ถึงฝังก็หยุดแล่นลง บิลอสนาเรือลาเล็กลง
ก่อนจะพายมาหาคาร์ลที่ยืนรออยู่ริมฝั่งทันที
“เอานี่ไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่า….ขอบคุณขอรับ..นายน้อย””
บิลอสรู้สึกมีความสุขยิ่งนักเมื่อได้รับเครื่องมือเวทย์ที่บรรจุอยู่
ในกระเป๋าเวทย์ใบที่สองจากมือของคาร์ลแล้ว คาร์ลหันกลับไป
มองสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มที่พากันจ้องมาที่เขาตาไม่กระพริบ
“ไปกันเถอะ”
ตอนนั้นเองเขาได้ยินเสียงที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายดังเข้ามาใน
หัว
~ในที่สุดก็ถึงเวลาแก้แค้นของข้าแล้ว! ~

มันเป็นเสียงของราอน คาร์ลพยักหน้าตอบรับช้าๆ ก่อนจะปีน


ขึ้นไปบนเรือลาเล็กทันที เขารู้สึกถึงสายลมเย็นๆที่พัดผ่าน
ใบหน้าเขาไปเมื่อเรือเริ่มแล่นช้าๆ เขากระพริบตาถี่ขึ้นเพื่อสู้กับ
สายลมก่อนจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของท้องทะเล คาร์ลกาลัง
มุ่งหน้ากลับไปยังอาณาเขตเฮนิตัสซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา
ในตอนนี้แล้ว
.
.
.
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก”
คาร์ลได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเคานต์เดอรัช คาร์ล
เดินทางกลับมายังอาณาเขตเฮนิตัสอย่างเงียบๆโดยไม่แจ้งให้
เคานต์เดอรัชทราบล่วงหน้า ทาให้เขารีบมาหาเคานต์เดอรัชใน
ห้องทางานทันทีที่เดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์เฮนิตัสเพื่อแจ้ง
ให้ทราบถึงการกลับมาของเขา
“ขอบคุณท่านพ่อยิ่งนักที่เป็นห่วงลูก…ตอนนี้ลูกกลับมาอย่าง
ปลอดภัยแล้วขอรับ”
“นับเป็นเรื่องดีที่เจ้าไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด”
เคานต์เดอรัชรู้สึกขอบคุณและดีใจยิ่งนักที่เห็นลูกชายของตน
กลับมาได้อย่างปลอดภัย และรีบมาหาเขาก่อนที่จะลงมือทาสิ่ง
อื่นต่อไป อย่างไรก็ตามเพียงแค่เสี้ยวนาทีสีหน้าของเขาก็เริ่ม
แปลกไปทันที สายตาของเขาย้ายมาหยุดลงตรงพื้นเบื้องล่าง
ทางด้านซ้ายมือของคาร์ล
“หืม?….แล้วนี่ใครกัน?”
“ทักทายสิ!”
เสียงห้วนๆของคาร์ลดังก้องไปทั่วห้องทางาน
“เอ่อ….สวัสดีขอรับ!…ยินดีที่ได้พบท่านขอรับ!”
‘มุลเลอร์’ดูเหมือนจะกินดีอยู่ดีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขา
ในตอนนี้มีสภาพที่ดูดีกว่าตอนที่คาร์ลพบกับเขาเป็นครั้งแรกใน
หอคอยพลังเวทย์
“กระผมชื่อมุลเลอร์ ฮอน…เป็นผู้สืบทอดตระกูลผู้พิทักษ์
‘ฮอน’…ตระกูลของเรามีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างและ
พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมานานกว่าสองร้อยปี…กระผมจะตั้งใจ
ทางานที่ได้รับมอบหมายจากท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”
มันเป็นการแนะนาตัวที่ค่อนข้างยาวและเสียงดังเป็นอย่างมาก
เคานต์เดอรัชรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ตนได้ยิน การก่อสร้างอย่างนั้น
หรือ? แล้วการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์มันคืออะไรกัน?
เขาหันไปมองบุตรชายของตนด้วยสีหน้ามึนงงก่อนที่เขาจะได้
ยินเสียงคาร์ลเอ่ยเรียกตนขึ้น
“นายท่านขอรับ!”
คาร์ลไม่ได้เรียกเดอรัชว่าพ่อหรือแม้แต่เรียกว่าท่านเคานต์เขาก็
ไม่เลือกใช้ การกระทาของคาร์ลนั้นทาให้เคานต์เดอรัชเริ่ม
จริงจังขึ้น คาร์ลกาลังพูดกับเคานต์เดอรัชในฐานะที่เขาเป็น
ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ (53380)
“กระผมได้ยินมาว่า…ท่านกาลังคิดจะเสริมกาแพงเมืองของเรา
ให้แข็งแรงขึ้น…กระผมค่อนข้างแน่ใจว่าท่านมีเหตุผลใช่หรือไม่
ขอรับ?”
เดอรัชได้มีคาสั่งให้เริ่มวางแผนก่อสร้างเพื่อเสริมความแข็งแรง
ของกาแพงเมืองตั้งแต่ที่คาร์ลเดินทางไปยังเมืองหลวงแล้ว ซึ่ง
สาเหตุนั้นกาลังออกมาจากปากบุตรชายของเขาในเวลาต่อมา
“กระผมเชื่อว่า…ท่านกาลังคาดเดาว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นในไม่
ช้านี้แล้ว..ใช่หรือไม่ขอรับนายท่าน?”
คาร์ลมองเห็นแววตาที่เริ่มครึ้มขึ้นเรื่อยๆของบิดาตน คาร์ลดัน
ตัวมุลเลอร์ให้ไปยืนข้างหน้าเขาทันที
“ชายผู้นี้เป็นบุตรหลานจากตระกูลที่ออกแบบโครงสร้าง
หอคอยพลังเวทย์ขอรับ!”
คาร์ลเห็นร่างของเคานต์เดอรัชสะดุ้งขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ ‘การ
เสริมความแข็งแรงให้กาแพงเมือง’ และ‘หอคอยพลังเวทย์’
คาร์ลมั่นใจว่าเคานต์เดอรัชรู้ดีว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร?
“ท่านพ่อ”
คาร์ลกลับมาเรียกเคานต์เดอรัชในฐานะพ่อของตนอีกครั้ง
“มาลองดูสักตั้งเถอะขอรับ!”
บทที่ 82 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 1 (1)

“จะลองทาอะไรหรือ?”
เคานต์เดอรัชถามออกมาแม้ว่าในใจของเขาจะรู้คาตอบของ
เรื่องนี้แล้วก็ตามและแน่นอนว่าคาร์ลก็เข้าใจในเรื่องนี้เช่นกัน
“ท่านพ่อ..กลัวอะไรหรือขอรับ?”
เคานต์เดอรัชไม่สามารถตอบคาถามที่สวนออกมาอย่าง
ฉับพลันของคาร์ลได้ทันที อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับเป็นคนเอ่ย
ตอบคาถามนี้แทนในเวลาต่อมา
“ลูกกลัว…ว่าเราจะได้รับอันตราย”
แววตาของเคานต์เดอรัชเริ่มครึ้มขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนกันกับ
ความคิดของเขา สิ่งที่เขากลัวและกังวลในตอนนี้เป็นสิ่ง
เดียวกับที่ลูกชายของเขากลัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัว
เพียงใดก็ตามแต่เคานต์เดอรัชก็กลัวเหลือเกินว่าดินแดนที่ตน
รับผิดชอบและครอบครัวของเขานั้นจะได้รับบาดเจ็บหรือเป็น
อันตรายถึงชีวิต
“ลูกมั่นใจว่าท่านพ่อย่อมเข้าใจในสถานการณ์ของทวีป
ตะวันตกในตอนนี้ดี…มันพร้อมจะระบิดเป็นจุณได้ทุกเวลาใช่
หรือไม่ขอรับ?”
ไม่มีทางที่ขุนนางผู้กาลังวางแผนเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่
กาแพงเมืองและลงทุนก่อตั้งฐานทัพเรือจะไม่รู้ในเรื่องนี้
อาณาเขตเฮนิตัสไม่ได้มีส่วนร่วมหรือส่วนเกี่ยวข้องใดๆใน
สงครามจนกระทั่งถึงนิยายเล่มที่ห้าก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้
อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าเรื่องราวทั้งหมดจะคงเป็น
เช่นเดิม
“ลูกไม่สามารถบอกรายละเอียดทั้งหมดได้แต่ลูกบอกได้แค่ว่า…
การที่องค์ชายรัชทายาทส่งลูกไปอาณาจักรวิปเปอร์ก็มีส่วน
เกี่ยวข้องในเรื่องนี้”
คาร์ลจงใจพูดเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เคานต์เดอรัชเอ่ยถามสิ่งใด
เพิ่มเติมกับเขาและไม่มีทางที่พ่อของตนจะไปเอ่ยถาม
รายละเอียดจากองค์ชายรัชทายาทเพิ่มเติมด้วย
คาร์ลเอ่ยเพียงสั้นๆเพื่อเป็นแนวทางให้แก่บิดาของตน
“ตอนเหนือของทวีป”
เคานต์เดอรัชและมุลเลอร์สะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมองคาร์ล
ทันที
“อาณาจักรทางตอนเหนือของทวีป…ได้รวมตัวกันเพื่อก่อตั้ง
พันธมิตรขึ้นมา”
“อะไรนะ?”
เคานต์เดอรัชขมวดคิ้วมุ่น
คาร์ลเข้าใจดีกับปฏิกิริยาเช่นนี้ของเคานต์เดอรัช สิ่งนี้ถือเป็น
เรื่องสาคัญต่อสถานการณ์ของแต่ละอาณาจักรในทวีปตะวันตก
มี‘สามอาณาจักร’ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีป
‘อาณาจักรพารัน’ คืออาณาจักรที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของ
ทวีป ซึ่งเหล่าทหารและอัศวินผู้มากฝีมือของอาณาจักรพารัน
ต้องการนากองกาลังของพวกเขาเข้ายึดครองดินแดนที่อุดม
สมบูรณ์ของอาณาจักรทางตอนใต้ของทวีป
เคานต์เดอรัชลูบใบหน้าของตนเบาๆและถอนหายใจยาว
ออกมาก่อนจะเริ่มพึมพาบางอย่างให้คาร์ลได้ยิน
“…มันคงไม่ใช่อาณาจักรวิปเปอร์หรืออาณาจักรโมโครุหรอก
ใช่มั้ย?”
ในใจของคาร์ลเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม แม้ว่าอาณาเขตเฮ
นิตัสจะมีพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณแถบชายแดนที่ค่อนข้างห่างไกลแต่
ผู้นาของอาณาเขตเฮนิตัสเฉกเช่นท่านเคานต์เดอรัชผู้นี้กลับ
รับรู้ความเป็นไปของอาณาจักรวิปเปอร์เป็นอย่างดี รวมไปถึง
ความปรารถนาของอาณาจักรโมโครุที่ต้องการเป็นศูนย์กลาง
ของอานาจภายในทวีปเนื่องจากดินแดนทางทิศตะวันออกและ
ดินแดนทางตอนเหนือกาลังมีการเปลี่ยนแปลง
“คาร์ล…แล้วพวกชาวเหนือจะข้ามหุบเขาเข้ามาได้อย่างไร?…
ไหนจะป่าแห่งความมืดอีก?”

ในเขตพื้นที่ต้องห้ามทั้งห้าแห่งของทวีปนั้นมีเพียงสถานที่เดียว
ที่ไม่ถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม
ลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่แห่งนี้ทาให้ผู้คนจานวนมากยาก
แก่การข้ามผ่านมันไปได้และแทบไม่มีใครใช้มันเพื่อการสัญจร
เลยสักคนทาให้พื้นที่แห่งนี้ถูกเพิ่มชื่อเข้าไปเป็นหนึ่งในห้าของ
พื้นที่ต้องห้ามนั่นเอง
‘หุบเขาแห่งความตาย’
ดังที่ชื่อของมันได้ถูกระบุเอาไว้ทาให้หุบเขาแห่งนี้ได้กลายเป็น
พื้นที่อันตรายแห่งหนึ่งในทวีป ซึ่งหุบเขาแห่งนี้เป็นพรมแดน
แบ่งเขตพื้นที่ระหว่างดินแดนทางตอนเหนือและตอนกลางของ
ทวีปโดยมีป่าแห่งความมืดตั้งอยู่ท้ายสุดของหุบเขาแห่งนี้ นั่น
เป็นเหตุผลว่าทาไมชาวเหนือจึงยากที่จะข้ามมายังตอนกลาง
ของทวีปได้
อย่างไรก็ตามคาร์ล องค์จักรพรรดิหรือแม้แต่องค์ชายรัช
ทายาทอัลเบิร์กรู้ดีว่ามีเส้นทางอื่นที่สามารถใช้สัญจรข้ามผ่าน
มาได้
“ท่านพ่อ…มันยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถข้ามผ่านมาได้..มัน
ไม่ได้มีแค่เส้นทางบนบกเท่านั้นนะขอรับ”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนอื่นแทรกเข้ามา
“…..เรือ?”
มันเป็นเสียงของ‘มุลเลอร์’ครึ่งคนแคระครึ่งหนูที่ดังแทรกเข้า
มา เขารีบปลดกระเป๋าเป้ออกมาวางบนพื้นอย่างรวดเร็วโดยมี
กระดาษขนาดใหญ่สองม้วนลอดออกมาจากกระเป๋าเป้ใบนี้
กระดาษม้วนหนึ่งคือแบบแปลนปราสาทและอีกม้วนหนึ่งคือ
แบบแปลนเรือ
คาร์ลพยักตอบรับให้กับชายวัยสามสิบปีที่มีสีหน้าสับสนวุ่นวาย
เขามองสลับไปมากับใบหน้าของคาร์ลและแบบแปลนกระดาษ
ของเขาอย่างลนลาน
“ถูก…เรือคือตัวเลือกหนึ่ง”
เฮ้อ……….!!!!!!
เคานต์เดอรัชถอนหายใจยาวอีกครั้งก่อนจะนั่งลงบนโซฟาใน
ห้องทางานในขณะที่คาร์ลก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรง
ข้าม
‘แต่เรือไม่ใช่วิธีเดียว’
มีบางอย่างที่คาร์ลรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่แม้แต่พ่อของเขาและองค์
ชายรัชทายาทก็ไม่มีทางรู้ในเรื่องนี้ได้
ทาไมทั้งสองอาณาจักรที่เหลือจึงเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับ
อาณาจักรพารันอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นเพราะอัศวินผู้พิทักษ์
แห่งอาณาจักรแห่งนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้หลาย
แขนงและยังเป็นผู้นาศาสตร์บางอย่างในตานานกลับคืนมา
‘กองกาลังอัศวินไวย์เวิร์น’
กองกาลังนี้เป็นผู้ค้นพบศาสตร์ที่ทาให้พวกเขาสามารถ
ครอบครองท้องฟ้าเอาไว้ได้ พวกเขามีวิธีที่ใช้ข้ามผ่านหุบเขา
แห่งความตายหรือแม้แต่ป่าแห่งความมืดไปได้โดยไร้อุปสรรค
ขวางกั้นใดๆ มันเป็นศาสตร์ที่นอกเหนือไปจากการใช้พลังเวทย์
ระดับสูงที่คนเช่นโรสลินหรือราอนเท่านั้นที่จะมีพลังเวทย์
เทียบเคียงมันได้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ยากจะหาได้ง่าย
ช่วงเริ่มต้นนั้นทั้งสามอาณาจักรได้ร่วมมือกันสร้างกองทัพเรือ
ขึ้นมาเพื่อใช้สอดแนมและยึดครองอาณาเขตบางพื้นที่ในเขต
มหาสมุทร พวกเขาทาเช่นนี้มาเกือบห้าปีแล้วและมันจะ
บรรลุผลในอีกไม่ถึงสองปีนี้แล้ว
เหตุใดคาร์ลจึงสนับสนุนให้อาณาเขตอัลบาสร้างฐานทัพเรือ
ขึ้นมา?
นั่นก็เพื่อป้องกันการรุกรานของเหล่าชาวเหนือซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก
พวกเขานักและไม่รู้ว่าพวกนั้นจะบุกเข้าโจมตีเมื่อไหร่กันแน่?
‘ฉันแค่กังวลเพราะนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายประเภทมันชกินส์’
[1]
‘นิยายเรื่อง‘กาเนิดวีรบุรุษ’เป็นนิยายมันชกินส์…มันเป็นนิยาย
ที่ดาเนินเรื่องราวได้อย่างน่ากังวล..มันสามารถทาให้ไข่
กลายเป็นไก่ได้ในทันทีที่เราเปิดไปอ่านหน้าต่อไป’
คาร์ลจาเป็นต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมและเรียบร้อยที่สุด
เพื่อการอยู่รอดในโลกใบนี้
“คาร์ล..”
“ขอรับท่านพ่อ?”

เคานต์เดอรัชเอ่ยเรียกคาร์ลหลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปครู่
ใหญ่ สายตาของเขามองตรงไปยังร่างของบุตรชายตนเขม็ง
“…พ่อจะเชื่อเจ้าในฐานะที่พ่อเป็นพ่อของลูก…แต่ในฐานะที่พ่อ
เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้..พ่อจาเป็นต้องตรวจสอบ
รายละเอียดของเรื่องนี้ให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ลูกพูดเป็นความจริง
หรือไม่?…พ่อมั่นใจว่าการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้
อาจจะทาได้ยากมากก็ตาม”
คาร์ลรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เขารู้เกี่ยวเรื่องนี้เพราะ
ได้อ่านนิยายเรื่องนี้มาแต่มันไม่ใช่เรื่องที่ขุนนางทั่วไปจะรู้เรื่องนี้
ได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามเขามั่นใจว่าเคานต์เดอรัชจะต้อง
พยายามทาให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทาได้
“พ่อจะพยายามตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด…หากมันเกิน
ความสามารถที่พ่อจะหาข้อมูลเรื่องนี้ได้พ่อจะเลือกเชื่อคาพูด
ของลูก”
เคานต์เดอรัชลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงดิ่งไปยังโต๊ะทางานของตน
“คาร์ล…มีบางสิ่งที่พ่อได้เรียนรู้เมื่อเริ่มจับเงินจานวนมากๆ”
ตระกูลเฮนิตัสเป็นตระกูลที่สามารถสร้างรายได้เป็นจานวนมาก
มาตลอดหลายช่วงอายุคน แน่นอนว่าพวกเขาก็รู้จักใช้เงิน
เช่นกันแต่มันเป็นจานวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายรับที่พวก
เขาหามาได้ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันมาถึงจุดที่แม้แต่ตัว
เคานต์เดอรัชเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะได้ใช้เงินเป็น
จานวนมากขนาดนี้มาก่อน เขาเลือกที่จะแบ่งเป็นสิ่งที่เขารู้
ให้กับบุตรชายของตน
“สิ่งที่พ่อได้เรียนรู้ก็คือ…ถ้าเรามีโอกาสได้เจอที่ที่เราสามารถใช้
จ่ายเงินที่เราหามาได้แล้วล่ะก็?…เราก็ควรใช้จ่ายเงินจานวน
มากๆไปกับมัน”
เงินแทบไม่มีประโยชน์และแทบไม่ช่วยอะไรได้เลยในช่วงเกิด
ภาวะสงคราม อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นผลลัพธ์จากการใช้เงิน
ก่อนเกิดสงครามนั้นจะมีประโยชน์ต่อตัวเราได้มากที่สุดเมื่อเกิด
สงครามขึ้นแล้ว (53380)
“เอาไว้พ่อจะคุยกับเจ้าอีกทีแล้วกัน”
“ได้ขอรับ..”
เคานต์เดอรัชเอ่ยเรียกบุตรชายของตนที่กาลังจะเดินออกไปพ้น
ประตูห้องทางานเอาไว้อีกครั้ง
“คาร์ล…”
“ขอรับท่านพ่อ?”
เดอรัชกาลังนึกถึงสิ่งที่ตนสนทนากับบาเซ็นก่อนจะถามคาร์ล
ออกไปเมื่อเขาหันหน้ากลับมา
“ลูกเคยคิดบ้างรึเปล่า?…ว่าตาแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลเรามี
ปัญหา?”
“ไม่ขอรับ”
คาร์ลตอบอย่างจริงจังโดยไม่มีแม้แต่ความลังเลในน้าเสียงให้ได้
ยิน เคานต์เดอรัชหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินคาตอบและ
ท่าทางที่เหมือนกับบาเซ็นอย่างกับแกะ
“นั่นซินะ?…ไม่จาเป็นต้องคิดเรื่องนี้เลยด้วยซ้า”
“ขอรับ…ท่านพ่อ”
[1] มันชกินส์ หมายถึงบทบาทของตัวโกงในนิยายที่มองข้าม
ความสมดุลและฉีกกฎความเป็นแฟนตาซีทุกอย่างไปและยัง
เพิ่มอัตราความตื่นเต้นไปเรื่อยๆในทุกเรื่องราวที่ดาเนินไป เป็น
นิยายที่มีเรื่องราวที่คาดเดาได้ยาก คนอ่านไม่สามารถคาดเดา
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้
บทที่ 82 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 1 (2)

คาร์ลไม่คิดเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถ้ามันต้องมีปัญหาในอนาคต
จริงๆเขาก็ยินดีที่จะบอกแก่ทุกคนว่าเขาเลือกที่จะปฏิเสธ
ตาแหน่งผู้นาตระกูลคนต่อไป สิ่งสาคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ
เคานต์เดอรัชยังสามารถปกครองอาณาเขตเฮนิตัสได้อีกนาน
อย่างน้อยก็ประมาณสิบห้าปีขึ้นไปด้วยซ้า
“บาเซ็นมาหาพ่อ…น้องบอกว่าจะไม่สร้างเรื่องให้ลูกต้องเป็น
กังวลใจ”
“แน่นอนขอรับ…บาเซ็นเป็นเด็กดี..เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด
สาหรับอาณาเขตเฮนิตัสของเรา”
บาเซ็นเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลและเป็น
ผู้ปกครองอาณาเขตเฮนิตัสคนต่อไป
“อย่างนั้นหรือ?…ถ้าเช่นนั้นลูกไปพักผ่อนเถิด…เหนื่อยมามาก
แล้ว”
คาร์ลมั่นใจว่าของเคานต์เดอรัชในตอนนี้ดูมีความสุขมาก
คาร์ลอมยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องทางานของเคานต์เดอรัช
ในที่สุด
“เอ่อ….นายน้อยคาร์ล”
“มีอะไรหรือ?”
มุลเลอร์หันไปมองรอบๆก่อนจะเอ่ยถามคาร์ลออกมาอย่าง
ระมัดระวัง
“นี่เป็นสาเหตุที่ท่านสั่งให้ข้าออกแบบปราสาทและเรือหรือ
เปล่า…ข้าเดาจากที่พวกท่านคุยกัน?”
“อืม…เพราะเรื่องนี่แหละ”
คาร์ลตอบปัดมุลเลอร์เพื่อที่เขาจะไม่ต้องมานั่งฟังคาถามและ
ต้องตอบอะไรให้มันยืดยาวอีก
เป้าหมายของเขาคือการสร้างปราสาทและเรือที่มั่นคงแข็งแรง
เพื่อใช้มันเป็นแหล่งกบดานและหลีกเลี่ยงภัยสงครามได้อย่าง
ปลอดภัย เขาไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมศึกกับใคร พวกมันอาจ
กลายเป็นสงครามต่อเนื่องแต่ตัวคาร์ลนั้นไม่ต้องการที่จะใช้
ชีวิตอยู่ท่ามกลางภัยสงครามจริงๆ
“เจ้าจงตั้งใจออกแบบและสร้างมันให้ดีๆก็แล้วกัน…มันจะ
กลายเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ให้เราตาย”
แววตาของมุลเลอร์เริ่มยุ่งเหยิงมากขึ้น คาร์ลสวมรางวัลเส้น
ใหม่ไว้บนคอของมุลเลอร์ มันเป็นสร้อยคอทองคาที่ประเมิน
คร่าวๆแล้วคาดว่ามีราคาแพงพอสมควร
“หลังจากนั้นเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป…เพื่อรับของรางวัลแบบนี้
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
“อ่า…ข…ข้าจะตั้งใจสร้างมันให้ดีที่สุด…มันจะเป็นสถานที่ที่
ปลอดภัยที่สุด…เพื่อป้องกันไม่ให้เราตาย!”
ใบหน้าของมุลเลอร์ซีดเผือดลงมันดูซีดยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่กับ
ลูกแมวหรือมังกรดาเสียด้วยซ้า คาร์ลพอใจกับคาตอบที่เต็มไป
ด้วยความมั่นใจของมุลเลอร์แม้ว่ามันจะสั่นมากก็ตาม การให้
สิ่งตอบแทนเป็นของมีค่าและมอบน้าใจให้เล็กๆน้อยๆนับเป็น
สิ่งที่สร้างกาลังใจให้แก่ผู้ที่ขี้ขลาดได้ดีทีเดียว
.
.
.
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เคานต์เดอรัชแทบไม่เชื่อในสิ่งนี้
“ทาไม..ข้าจึงไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรทางทิศ
เหนือได้นะ?”
เหตุผลที่ไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แม้ว่าจะใช้เงิน
ซื้อข่าวเป็นจานวนมากเพียงใดก็ตามนั่นหมายความว่ามันเป็น
ข้อมูลที่เป็นความลับและมีมูลค่าที่แม้แต่เงินก็ไม่สามารถใช้ซื้อ
ได้หรือว่าข้อมูลนี้อาจไม่เป็นจริง เคานต์เดอรัชเลือกที่จะเชื่อใน
เหตุผลแรก
‘ถึงอย่างไรข้าก็มีเงินเก็บเหลืออยู่เยอะทีเดียว’
มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ เคานต์เดอรัชเริ่มพูดกับ
บุตรชายคนโตของตนราวกับเขามั่นใจแล้วว่าเรื่องที่คาร์ลเคย
พูดเอาไว้ต้องเกิดขึ้นจริง
“คาร์ล…มาลองดูกันสักตั้งเถอะ!”
คาร์ลเริ่มยิ้มจากนั้นจึงหันไปมองด้านข้างของตน เคานต์เดอรัช
ไม่ได้พูดกับเขาเพียงคนเดียว แม้ว่าลิลลี่น้องสาวคนสุดท้อง
ของเขานั้นจะยังเล็กเกินไปที่จะต้องมารับรู้ในเรื่องนี้แต่ไม่ใช่
สาหรับคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้
“น้องจะตั้งใจทางานให้หนักขอรับ..พี่คาร์ล”
“ดีมาก….มันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสาหรับพ่อ..แม่และลิลลี่ที่จะมี
ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย…เราจะต้องทามันให้ดี
ที่สุด”
คาร์ลไม่ได้รวมตัวเขาเข้าไปด้วยเพราะเขาวางแผนที่จะออก
เดินทางไปยังหมู่บ้านเล็กๆที่แสนปลอดภัยในอนาคต ในขณะที่
บาเซ็นก็พยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น
“ใช่แล้วขอรับ…น้องต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องครอบครัว
และดินแดนของเรา…น้องจะตั้งใจทาให้ดีที่สุดจนกว่าน้องจะ
ตายไปจากโลกนี้”
คาร์ลที่มีคติประจาใจเพียงเพื่อปกป้องและดูแลชีวิตของตน
เพียงคนเดียวนั้นพยักหน้าให้กับถ้อยคาอันหนักแน่นของบา
เซ็นเบาๆ
หลังจากนั้นทุกอย่างๆต่างดาเนินการด้วยความรวดเร็ว
เอกสารลับที่มีตราประทับรูปเต่าสีทองประดับไว้นั้นถูกแจกจ่าย
ให้กับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง แผนงานนี้จะต้องเสร็จสิ้น
ภายในเวลาหนึ่งปีหรืออย่างช้าที่สุดก็ภายในสองปีนี้เท่านั้น
คาร์ลกาลังเฝ้าสังเกตการณ์แผนขั้นแรกที่กาลังเริ่มต้นขึ้นเพื่อ
ไม่ให้มีสิ่งใดผิดพลาดหรือขาดหายไป
“เขาเป็นครึ่งคนแคระ..ครึ่งหนูหรือเปล่านะ?”
“อะแฮ่ม…ใช่แล้ว…ข้าเป็นเช่นนั้น”
มุลเลอร์ปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ก่อนจะแกล้งกระแอมเบาๆเมื่อ
ตอบคาถามของคนงานก่อสร้างที่มารวมตัวกันในวันนี้
“โอ้!…พระเจ้า!…ฝีมือของท่านต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”
“วิเศษมาก!…ความพิถีพิถันของสัตว์อสูรจากเผ่าหนูและทักษะ
เฉพาะตัวของคนแคระ…มันต้องวิเศษมากแน่ๆ”
“เราต้องการเห็นฝีมือของท่านยิ่งนัก!”
ไหล่ของมุลเลอร์สะท้อนขึ้นลงด้วยความดีใจที่ถูกเอ่ยชม
คาร์ลลอบฟังการหารือเพื่อวางแผนการทางานระหว่างมุลเลอร์
กับคนงานก่อสร้างผู้มากฝีมือจากดินแดนเฮนิตัสโดยมีเคานต์
เตสวิโอแลนยืนฟังอยู่ข้างๆ
“คนงานกลุ่มนี้ล้วนแต่มีฝีมือและยังรู้ว่าควรปิดปากตนให้สนิท
ยังไง..เราควรเชื่อใจพวกเขาให้มากที่สุด..อ้อ!..อีกอย่าง..เราได้
ทาสัญญากับพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย”
เนื่องจากวิโอแลนเป็นผู้ดูแลศิลปินทั้งหมดในอาณาเขตเฮนิตัส
แน่นอนว่างานก่อสร้างก็จัดอยู่ในกลุ่มศิลปินด้วยเช่นกัน
คนงานก่อสร้างที่วิโอแลนคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันนั้นเป็นผู้ที่มี
ความเชี่ยวชาญมากที่สุดในสาขาที่ตนรับผิดชอบ แม้แต่
ผู้เชี่ยวชาญที่นับว่ามากฝีมือที่สุดในอาณาเขตเฮนิตัสก็ยังอดทึ่ง
ในตัวของมุลเลอร์ไม่ได้
“ตระกูลนักพัฒนาที่ออกแบบหอคอยพลังเวทย์!…ข้ารู้สึกเสียใจ
ยิ่งนักที่ไม่สามารถเอาเรื่องนี้ไปอวดคนอื่นได้!”
“ให้ตายเถอะ!…โอ้!…พระเจ้า!…ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมี
โอกาสร่วมงานกับคนแคระมากฝีมือเช่นนี้!…พวกเราขอฝาก
เนื้อฝากตัวกับท่านด้วย!”
อะแฮ่ม อะแฮ่ม!!! มุลเลอร์แสร้งกระแอมไออีกชุดใหญ่
“ตอนนี้ข้าอายุสามสิบปีแล้ว….แต่ตัวข้านั้นมีประสบการณ์การ
ทางานถึงยี่สิบเก้าปี….ข้าได้เห็นแบบแปลนออกแบบโครงสร้าง
ต่างๆตั้งแต่ข้าอายุเพียงหนึ่งขวบและเริ่มถือค้อนไว้ในมือเมื่อ
ตอนอายุห้าขวบ…นี่เป็นเรื่องปกติที่ครึ่งคนแคระครึ่งหนูเท่านั้น
ที่จะทาได้!”
คาร์ลนึกขันกับสิ่งที่มุลเลอร์กล่าวออกไป เขาไม่เคยเห็นท่าทาง
มั่นอกมั่นใจของมุลเลอร์เช่นนี้มาก่อน มุลเลอร์เลือกสวมเสื้อผ้า
ที่ดูดีที่สุดพร้อมกับประดับเข็มกลัดทองคาเอาไว้ด้วย
ทันใดนั้นเอง
“เจ้านั่นคงจัดการเรื่องนี้ได้โดยง่ายสินะ”
คาร์ลรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ยินคาวิจารณ์ของวิโอแลนก่อนจะ
เริ่มพูดขึ้น
“ฝากดูแลมุลเลอร์ด้วยนะ..ขอรับ”
“ได้สิ…เจ้าไม่ต้องห่วง”
สายตาคมกล้าของเคานต์เตสวิโอแลนพุ่งตรงไปยังร่างของมุล
เลอร์ทันที มีคนเคยบอกไว้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะกลายเป็นราชา
ทันทีเมื่อเสือไม่อยู่ มุลเลอร์คงไม่ทราบในเรื่องนี้ในเมื่อเขาทาตัว
ราวกับตนเป็นพระราชาเสียอย่างนั้น
“คาร์ล…เจ้าจะออกเดินทางอีกครั้งหลังจากที่ดูแบบแปลนเสร็จ
รึ?”
“ขอรับ…แต่กระผมจะกลับมาโดยไวที่สุด”
“อ่า…ข้าเข้าใจแล้ว”
คาร์ลเลือกที่จะส่งยิ้มให้กับวิโอแลนอย่างปลอบใจเมื่อเห็นเธอ
แสดงออกถึงความเป็นห่วงในตัวของเขา คาร์ลจาเป็นต้องเดิน
ทางไกลอีกครั้งในไม่ช้านี้
คาร์ลดูแลและจัดการสิ่งต่างๆให้เรียบร้อยอีกครู่ใหญ่และ
กลับไปที่ห้องนอนของตนในที่สุด เขาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบน
โซฟาตัวใหญ่และมองไปที่เชวฮันซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับ
เขาอยู่แล้ว
“เชวฮัน”
“ขอรับ?”
“ไปเตรียมตัวออกเดินทางได้แล้วล่ะ”
“..เอ่อ…เราเพิ่งอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น…เราจะออกเดินทาง
กันอีกแล้วหรือขอรับนายท่านคาร์ล?”
เชวฮันยังคงพูดต่อไป
“ถ้าเช่นนั้น..กระผมไปรวบรวมสมาชิกก่อนนะขอรับ?”
“ไม่ต้อง”
มีเหตุผลที่คาร์ลต้องหยุดเชวฮันเอาไว้
“เราจะออกเดินทางกันเพียงเท่านี้”
ทันใดนั้นมีสิ่งมีชีวิตอีกสองตัวที่อาศัยอยู่ในห้องนอนของคาร์ลก็
เผยตัวให้เชวฮันได้เห็น
เมี้ยว!!! เมี้ยว!!!!
“นี่ก็นานมากแล้วที่เราไม่ได้เดินทางกันเพียงแค่นี้!”
ออนและฮงกระโดดลงจากเตียงนอนของคาร์ลก่อนจะเดินเข้า
มาใกล้เชวฮันทันที
“แน่นอนว่าข้าต้องไปด้วย!”
ราอนคลายเวทย์ล่องหนออกจากตัวและทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา
เชวฮันหันไปมองรอบๆเพื่อมองสมาชิกในกลุ่มที่จะต้องเดินทาง
ร่วมกันในครั้งนี้ ก่อนจะได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้น (53380)
“บารอคจะเดินทางตามไปสมทบกับเราทีหลัง..พวกเรา
จาเป็นต้องออกเดินทางด้วยสมาชิกในกลุ่มเพียงเท่านี้ก่อน…มี
บางอย่างที่เราต้องไปจัดการด้วยตัวของพวกเราเท่านั้น…ข้า
แน่ใจว่าเจ้ารู้ดีว่าข้าหมายถึงสิ่งใด”
“…มันเกี่ยวกับมาร์ควิสสแตนและพรรคพวกใช่มั้ยขอรับ?”
เชวฮันเป็นคนฉลาดยิ่งนักก่อนที่คาร์ลจะเริ่มยิ้มออกมา
“ข้ารู้ดี..ว่าเจ้าเป็นคนฉลาดยิ่งนัก…เอาล่ะไปเตรียมตัวให้
พร้อม!”
นี่คือสมาชิกกลุ่มดั้งเดิมและเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยให้การ
ช่วยเหลือราอนเอาไว้ พวกเขามารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อ
ช่วยเหลือมังกรดา
ในคืนนั้นนั่นเองมีรถม้าคันขนาดพอเหมาะ มันไม่มีตราประจา
ตระกูลหรือสัญลักษณ์ใดๆที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของแล่นผ่าน
ประตูรั้วของคฤหาสน์เฮนิตัสออกไป มันกาลังมุ่งหน้าไปยังภาค
ตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมัน
บทที่ 83 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 2 (1)

มันเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานในการเดินทางจากอาณา
เขตเฮนิตัสไปอาณาเขตสแตนที่ตั้งอยู่ใจกลางภาคตะวันตก
เฉียงเหนือของอาณาจักรโรมัน
“มนุษย์!…เราใช้เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารไม่ได้หรือ?”
นั่นเป็นสาเหตุที่ราอนเอ่ยถามคาร์ลอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขา
สามารถใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารได้หรือไม่?เพื่อให้ลด
ระยะเวลาในการเดินทางลง ดูเหมือนว่าความสามารถของ
ราอนจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากใช้เวลาอยู่กับโรสลินมาสักระยะ
หนึ่ง คาร์ลยังคงจาสิ่งที่โรสลินบอกได้ดี
‘มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุด..แม้ว่ามันจะอยู่ใน
ช่วงเวลาก่อนการเจริญเติบโตในระยะแรกก็ตาม….
ความสามารถและการเรียนรู้ของมันช่างรวดเร็วและน่าทึ่งยิ่ง
นัก’
มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุยืนมาก นั่นคือเหตุผลที่ยังมีเวลาอีก
มากก่อนจะเข้าสู่การเจริญเติบโตในระยะแรกของราอน
แน่นอนว่าระยะแรกของการเจริญเติบโตนั้นอาจเริ่มได้เร็วขึ้น
หากได้รับการกระตุ้นจากอะไรบางอย่างหรือตัวมังกรค้นพบ
พลังเวทย์ที่ส่งให้ร่างของมันแข็งแกร่งและเจริญเติบโตเร็วขึ้น
มังกรจะมีช่วงระยะการเจริญเติบโตที่ต่างกันออกไปในสามช่วง
ระยะ ระยะแรกของการเจริญเติบโตนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ของร่างกายเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อเข้าสู่ระยะที่สองและสามนั้น
ร่างกายของพวกมันจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทาให้พวกมัน
กลายเป็นมังกรที่มีความยาวของลาตัวถึง20เมตรเมื่อพวกมัน
ผ่านระยะการเจริญเติบโตในช่วงที่สามไปแล้ว ในทางกลับกัน
ระยะแรกของการเจริญเติบโตนั้นจะมุ่งเน้นไปที่ภาวะจิตใจและ
การเรียนรู้สิ่งต่างๆเพื่อเป็นพื้นฐานสาคัญในการเจริญเติบโตใน
ระยะที่สองและสามตามลาดับ
คาร์ลหันไปมองราอนที่กาลังกลิ้งขวดแก้วรูปทรงกลมที่บรรจุไข่
ใบใหญ่เอาไว้ ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่บนรถม้าที่มีลักษณะเรียบ
ง่ายแต่มีขนาดใหญ่พอสมควร การจ้องมองของคาร์ลนั้นทาให้
ราอนเริ่มตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“มนุษย์!…ใช้เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารกันเถอะ!”
“เราจะต้องรู้จักรอ..แม้ว่าใจจะอยากไปถึงมากเพียงใดก็ตาม”
คาตอบที่ไม่ค่อยใส่ใจมากนักของคาร์ลทาให้ราอนพ่นลมออก
จากจมูกของมันเบาๆก่อนจะหันไปสนใจกับขวดแก้วที่บรรจุไข่
ไว้อีกครั้ง มันเป็นไข่ที่บรรจุตัวอ่อนหรืออาจจะเป็นเมล็ดพันธ์
บางอย่างที่พวกเขาพบมันในหอคอยพลังเวทย์ ราอนใช้พลัง
เวทย์เพื่อลดขนาดของขวดแก้วรูปไข่ให้เล็กลงเพื่อที่จะได้
ใกล้ชิดกับตัวอ่อนได้มากขึ้น มันตั้งใจทางานอย่างหนักเพื่อคอย
เลี้ยงดูและเฝ้าสังเกตการเจริญเติบโตของไข่ใบนี้
“…เอ่อ…ท่านคาร์ลขอรับ”
“หืม?”
คาร์ลผู้ที่กาลังคิดว่าจะนาตัวอ่อนจากไข่ใบนี้ไปให้พ้นมือของ
ราอนทันทีเมื่อมันโตขึ้นเขาหันไปมองเชวฮันเมื่อได้ยินเสียง
เรียก
“แผนนั้น..หากจะทาในอาณาเขตสแตนจริง..มันจะทาได้จริงๆ
หรือขอรับ?”
เชวฮันต้องมาฟังแผนการแก้แค้นของราอนราวกับฟังเพลง
กล่อมเด็กตลอดช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะมีอายุ
เพียงสี่ขวบแต่มังกรก็ยังคงเป็นมังกรที่คงสัญชาตญาณความ
โหดร้ายเอาไว้ได้ไม่ว่าจะเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว การใช้
ความรุนแรงและการทรมานศัตรู เพียงแค่สี่ขวบมันก็สามารถ
คิดสิ่งที่รุนแรงได้เช่นนี้แล้ว
อย่างไรก็ตามพวกมันทั้งหมดคือสิ่งที่ราอนต้องเผชิญมาตลอด
ระยะสี่ปีที่มันลืมตาขึ้นมาดูโลก
“ทาไมล่ะ?…เจ้าไม่ชอบแผนนี้หรือไง?”
ราอนหันขวับไปมองเชวฮันทันทีที่ได้ยินคาถามของคาร์ลส่งไป
ยังเขา อย่างไรก็ตามคาตอบที่ออกจากปากของเชวฮันก็แสน
เรียบง่าย
“ไม่หรอกขอรับ…แผนนี้ใช้ได้ทีเดียว…กระผมเพียงแค่สงสัยว่า
เราจะจัดการกับมาร์ควิสสแตนและเวเนี่ยน สแตน..ได้อย่างไร
กันแน่?…มันทาได้ง่ายเชียวหรือขอรับหากเราลงมือในอาณา
เขตของพวกเขา?”
ราอนขมวดคิ้วมุ่นหลังจากได้ยินว่าแผนของมันใช้ได้ คาร์ลไม่รู้
เลยสักนิดว่าราอนกาลังคิดหาแผนเพิ่มเติมเพื่อให้ฉากนี้
น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยกับเชวฮันในเวลาต่อมา
“เทย์เลอร์…สแตนที่ฟื้นฟูร่างกายของเขาขึ้นมาได้..กาลังเพิ่ม
อิทธิพลของเขาในอาณาเขตสแตน”
เทย์เลอร์ สแตนที่สามารถฟื้นฟูขาทั้งสองข้างของตนให้
กลับมาเป็นปกติจากการช่วยเหลือขององค์ชายรัชทายาทนั้น
เขากาลังเพิ่มอิทธิพลของตนอย่างรวดเร็วและมันเพิ่มขึ้นใน
อัตราที่น่ากลัวทีเดียว ความช่วยเหลือจากองค์ชายรัชทายาท
อัลเบิร์กก็มีส่วนสาคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามทักษะและ
สุขภาพที่แข็งแรงเป็นปกติของเทย์เลอร์ก็ถือเป็นสิ่งสาคัญใน
การสร้างความเชื่อถือให้กับผู้อื่นได้มากเช่นกัน
เทย์เลอร์นั้นได้ลงมือทาในสิ่งที่เวเนี่ยนไม่คาดคิดมาก่อน เขา
สามารถหันคมดาบที่คมกริบไปยังร่างของขุนนางที่รับตาแหน่ง
ในปัจจุบันของอาณาเขตสแตนได้อีกด้วย
“อิทธิพลของเทย์เลอร์ไม่ได้อยู่แค่ในตระกูลของเขาเท่านั้น”
“แม้แต่กลุ่มขุนนางในภาคตะวันตกเฉียงเหนือบางส่วนก็หันมา
เชื่อใจเขามากขึ้น..ใช่มั้ยขอรับ?”
เชวฮันเป็นคนฉลาดจริงๆ คาร์ลพยักหน้าให้กับสิ่งที่เชวฮันเอ่ย
ถามเขาสามารถเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลต้องการบอกได้อย่าง
รวดเร็ว
“แม้แต่ตระกูลรองของเขาก็หันมาชื่นชอบและเชื่อใจในตัวเทย์
เลอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
พวกเขาอาจมีความรู้สึกว่าสามารถใช้ชีวิตได้โดยง่ายหากอยู่
ภายใต้การปกครองของเทย์เลอร์
เมื่อครั้งอดีตการที่ร่างกายของเทย์เลอร์ต้องเป็นอัมพาตและ
อ่อนแอเช่นนั้นทาให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นการบั่นทอนใน
อานาจและลดความรุ่งโรจน์ของอาณาเขตสแตนลง อย่างไรก็
ตามความอ่อนแอนั้นหายไปทันทีเมื่อเทย์เลอร์สามารถดึงตัว
องค์ชายรัททายาทเข้ามาเป็นพวกได้และร่างกายของเขาก็
กลับมาเป็นปกติแล้วเช่นกัน นั่นคือสาเหตุที่คนอื่นๆเริ่มเชื่อใจ
ในตัวเทย์เลอร์และมั่นใจว่าเขาต้องกลายเป็นมาร์ควิส คน
ต่อไปของอาณาเขตสแตนอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าคาร์ลไม่รู้รายละเอียดในเรื่องนี้มากนักเพราะเขา
ไม่ได้ติดต่อกับเทย์เลอร์และเคจเป็นการส่วนตัวในตลอด
ระยะเวลาที่ผ่านมา เขาเพียงแค่สอบถามจากองค์ชายรัช
ทายาทถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรวมเท่านั้น
“แล้วสมาร์ควิสสแตนจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรือขอรับ?”
“เขาอาจจะเป็นผู้ปกครองดินแดนได้ต่อไปหากเขาสามารถ
หยุดอิทธิพลของเทย์เลอร์ไว้ได้..แต่อาจจะยากไปสักหน่อย”
เชวฮันเริ่มสับสนก่อนที่คาร์ลจะเริ่มอธิบายว่าทาไมตระกูลของ
มาร์ควิสสแตนจึงเป็นตระกูลที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นตระกูลที่
โหดร้ายและเย็นชาที่สุดแต่กลับเป็นตระกูลที่เปี่ยมไปด้วย
อานาจและมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
“คติประจาตระกูลสแตนนั้นแปลกมาก..พวกเขามีแนวคิดเพียง
แค่วา่ …‘การอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด’…พวกเขาเชื่อว่า
การหาผู้สืบทอดตระกูลนั้นจะต้องเป็นบุตรที่แข็งแกร่งที่สุด..
และเมื่อพวกเขาได้กลายเป็นผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการแล้ว
พวกเขาจะต้องลงมือเข่นฆ่าพี่น้องของตัวเอง”
สาหรับตระกูลสแตนนั้นความแข็งแกร่งไม่ได้หมายถึงความ
แข็งแกร่งทางร่างกายหรือสติปัญญาแต่หมายถึงผู้ที่สามารถมี
ชีวิตรอดเป็นคนสุดท้ายต่างหาก มาร์ควิสสแตนไม่ได้ออกตัวทา
สิ่งใดเลยเมื่อครั้งที่เวเนี่ยนลงมือทาร้ายขาทั้งสองข้างของ
พี่ชายตนเอง
“มาร์คควิสสแตนพยายามกาจัดผู้ที่มีสิทธิ์สืบทอดตาแหน่งที่ใช้
ชีวิตเรียบง่ายและดูจิตใจดีที่สุดลงเพราะเขาต้องการคนที่
แข็งแกร่งที่สุด…และเมื่อเทย์เลอร์..สแตนคือคนที่ตอบสนอง
ดังที่เขาต้องการไม่ได้ก็ไม่แปลกที่เขาจะโดนกาจัดแม้ว่าจะไม่ได้
ทาแบบเอิกเกริกจนชาวบ้านเขารู้ทั่วกันก็ตาม”
มาร์ควิสสแตนเพียงแค่นั่งอยู่ในตาแหน่งนี้และคอยเฝ้า
สังเกตการณ์อย่างเงียบๆในขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มอิทธิพลของ
เขาอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเขาคอยให้ความช่วยเหลือเวเนี่ยน
อย่างลับๆบุตรชายที่เขามั่นใจว่าจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งคน
สุดท้ายที่สามารถสืบทอดตาแหน่งต่อจากเขาได้ อย่างไรก็ตาม
เขาไม่สามารถออกหน้าได้มากเกินไปเพราะการทาเช่นนี้จะขัด
กับกฎของตระกูล
“….มันยากที่จะเข้าใจ”
“งั้นก็อย่าพยายามเข้าใจมันเลย”
ไม่จาเป็นต้องเข้าใจในเรื่องนี้เลยสักนิด คาร์ลยังคนสนทนา
กับเชวฮันต่อและเขาก็จ้องมาที่คาร์ลตาไม่กระพริบ
“เราแค่ต้องทาในสิ่งที่เราต้องทาเท่านั้น”
“แล้วเราต้องทาอะไร?!”
ฮงที่นั่งอยู่ข้างๆราอนตะโกนขึ้นมา
“ลักพาตัว!”
คาร์ลตอบออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เชวฮันซึ่งดูเหมือนคาดไม่
ถึงกับวิธีที่ฟังดูโหดร้ายเช่นนี้จะพยักหน้าตอบรับอย่างช้าๆ
“เราต้องเตรียมตัวก่อน”
“เตรียมตัว?”
“ใช่แล้ว…เราต้องจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมและความช่วยเหลือ
จากใครบางคน”
“ใครคือคนคนนัน้ หรือขอรับ?”
“คนผู้นี้ตัวเจ้าเองก็รู้จัก”
เชวฮันเริ่มนึกถึงรายชื่อของเหล่าขุนนางในเมืองหลวงเมื่อครั้งที่
คาร์ลช่วยป้องกันเหตุการณ์ก่อร้ายในครั้งนั้น เขาจาได้ว่ามี
เทย์เลอร์ สแตนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย นายท่านคาร์ลกาลัง
หมายถึงเทย์เลอร์ สแตนหรือไม่นะ?
ในขณะนั้นเองชื่อที่เชวฮันคาดไม่ถึงก็ดังออกจากปากคาร์ล
“โอเดียส ฟลินน์”
“ใครนะขอรับ?”
มันเป็นชื่อที่ฟังแล้วคล้ายๆกับชาวต่างชาติต่างอาณาจักรแต่
มันก็เป็นชื่อที่คุ้นเคยสาหรับเชวฮันเช่นกัน เขกาลังนึกถึงเมื่อ
ครั้งที่ได้เจอล็อกเป็นครั้งแรกรวมถึงพ่อค้าที่จ้างวานเขาด้วย
เช่นกัน
“พ่อค้า?”
“ใช่…เราต้องเดินทางไปพบเขา”
‘โอเดียส ฟลินน์’ เขาเป็นลุงของบิลอสและเป็นคนที่ยอมแพ้
ในตาแหน่งผู้สืบทอดของสมาคมการค้าฟลินน์ นอกจากนี้เขา
ยังเป็นคนที่คอยให้การช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มผู้มีอิทธิพล
ในภาคตะวันตกเฉียงเหนืออย่างลับๆเรียกได้ว่าเขาก็เป็นหนึ่ง
ในมาเฟียครองดินแดนทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือด้วยเช่นกัน
สาหรับเชวฮันและคนอื่นๆอาจมองว่าเขาเป็นชายชราจิตใจดีที่
คอยให้การช่วยเหลือล็อกและเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินแต่
สาหรับคาร์ลนั้นต่างออกไป เขากาลังเดินทางไปพบคนดีและมี
น้าใจผู้นี้และนั่นจะนาพาสิ่งดีๆมาให้แก่พวกเขาเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าเราไม่ได้ติดต่อเขามานานมากแล้วสินะ”
เชวฮันไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ประดับบน
ใบหน้าของคาร์ล เชวฮันได้เรียนรู้อยู่อย่างหนึ่งว่ามันจะเป็น
การดีที่สุดที่จะทาตามสิ่งที่คาร์ลต้องการอย่างเงียบๆโดยไม่เอ่ย
ค้านสิ่งใดก่อนที่เขาจะส่งรอยยิ้มแหยๆคืนกลับไปให้คาร์ลใน
เวลาต่อมา
รถม้าที่ดูธรรมดาๆมันดูเหมือนกับรถม้าของชาวบ้านที่มีฐานะ
ปานกลางค่อนไปทางร่ารวยนิยมใช้กันส่วนใหญ่ มันค่อยๆแล่น
ผ่านชายแดนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเข้าสู่ภาคตะวัน
ตะตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันในเวลาต่อมา (53380)
.
.
.
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~ ปั้ง!!!!ปั้ง!!!!ปั้ง!!!!ปั้ง!!!!
มันเป็นค่าคืนที่มีลมแรงจนน่าประหลาดใจส่งผลให้แรงลมพัด
กระแทกหน้าต่างจนส่งเสียงดังเป็นระยะๆ
ชายผู้หนึ่งที่ทางานหนักมาตลอดทั้งวันเพื่อคอยดูแลกิจการใน
อาณาเขตสแตนให้เป็นไปอย่างราบรื่นค่อยๆเอนหลังพิงบน
โซฟาตัวใหญ่อย่างที่เคยทาเป็นปกติในห้องพัก ใบหน้าของเขา
ถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มอันสุภาพอ่อนโยนที่เขานาออกมาใช้
อยู่บ่อยครั้ง
“ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ”
ชายผู้นี้รู้สึกสงสัยยิ่งนักเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขา
เคาะนิ้วลงบนที่พักแขนโซฟาเป็นจังหวะต่อเนื่องอย่างกาลังใช้
ความคิด
ตึก!!!!ตึก!!!!ตึก!!!! ปั้ง!!!!ปั้ง!!!!ปั้ง!!!!
บานพับของหน้าต่างที่เริ่มขึ้นสนิมถูกลมพัดส่งเสียงดังขึ้น
เรื่อยๆมันดังไปตามจังหวะเสียงเคาะที่พักแขนบนโซฟาใน
ขณะที่ลมก็ดูเหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่เขาหยุดมือลงเพื่อ
ฟังเสียงลมที่เริ่มแรงขึ้นนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังแทรกเข้า
มา
ก็อก!!!ก็อก!!!ก็อก!!!
บทที่ 83 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 2 (2)

เขาลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว
‘โอเดียส ฟลินน์’ รีบเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วพร้อมกับ
แจกรอยยิ้มสดใสให้กับแขกที่มาเยือน
“โอ้ตายแล้ว!…นายน้อยคาร์ล…เชวฮัน…กระผมไม่คาดมาก่อน
ว่าจะได้พบกับท่านทั้งสองในวันนี้….ท่านรู้หรือไม่ว่ากระผม
ตกใจยิ่งนักที่ได้รับจดหมายแจ้งผ่านทางบิลอสมา”
คาร์ลได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากโอเดียสและเป็นสิ่งที่เขา
คาดไว้อยู่แล้วว่าจะได้รับมันทันทีที่เขาก้าวเข้ามาให้ห้อง
“ไม่จาเป็นต้องตกใจเลยสักนิด”
คาร์ลไม่คิดที่จะมองไปรอบๆห้องและเอ่ยตอบประโยคทักทาย
ของโอเดียสอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบน
โซฟากลางห้องทันที โอเดียสลอบสังเกตอาการของคาร์ลอยู่ครู่
หนึ่งก่อนจะหันไปทางประตูที่เปิดค้างเอาไว้ซึ่งมีเชวฮันยืนนิ่ง
อยู่ตรงนั้นโดนไม่แม้แต่จะขยับตัวเข้ามาในห้องแต่อย่างใด
“กระผมจะรออยู่ข้างนอกนะขอรับ..นายท่านคาร์ล”
“เชวฮัน..เจ้าไม่อยากเข้ามาในห้องหน่อยรึ?”
“ไม่”
เชวฮันยังคงยืนตรงหน้าประตูเช่นเดิมท่าทางของเขานั้นไม่ต่าง
จากองครักษ์เลยสักนิด มีทางเดินแคบๆด้านนอกประตูพร้อม
กับบาร์นั่งเล่นที่อยู่ตรงชั้นล่าง ห้องนี้ตั้งอยู่บนชั้นสองของ
โรงแรมแห่งหนึ่งในอาณาเขตสแตน โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างยุ่ง
มากเนื่องจากมีแขกเป็นจานวนมากเลือกเข้ามาใช้บริการทั้ง
ช่วงกลางวันและช่วงกลางคืนซึ่งเป็นสถานที่ที่คาร์ลแจ้งให้บิลอ
สนัดพบโอเดียสให้แก่เขา
“เข้ามานั่งพักในห้องนี้ได้ทุกเมื่อ…หากเจ้ารู้สึกเหนื่อย
จนเกินไป”
“ข้าจะทาตามที่ท่านบอก….ขอให้มีการสนทนาที่ดีด้วยเถิด..
ท่านโอเดียส”
“แน่นอน”
โอเดียสค่อยๆปิดประตูลงโดยมีเพียงคาร์ลที่อยู่ในห้องนี้กับเขา
ตามลาพัง ตามหลักแล้วโอเดียสต้องเดินไปนั่งบนโซฟาตรง
ข้ามกับคาร์ลแต่เขากับเลือกนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างๆประตู
แทนก่อนจะเริ่มสนทนากับคาร์ลด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“นายน้อยคาร์ล…กระผมดีใจยิ่งนักที่ได้พบกับท่านอีกครั้ง”
“งั้นหรือ?’
“ขอรับ…กระผมไม่คิดมาก่อนว่าท่านก็อยากเจอกระผม
เช่นกัน”
“อืม…ข้าเข้าใจแล้ว”
“กระผมแทบไม่อยากเชื่อ…แม้แต่บิลอสก็ยังไม่รู้ว่ากระผมอยู่ที่
ใด…แล้วทาไมนายน้อยจึงรู้ว่ากระผมอยู่ที่อาณาเขตสแตนล่ะ
ขอรับ?”
คาร์ลไม่ได้ตอบคาถามของโอเดียสทันทีแต่กลับลุกขึ้นยืนเพื่อ
หันไปสบตากับโอเดียสที่กาลังลอบสังเกตเขาอย่างไม่ยอมให้
หลุดรอดสายตาไปได้ คาร์ลไม่ต้องการที่จะเสียเวลาเพื่อพูด
เรื่องไร้ประโยชน์อีกต่อไป
“โอเดียส…ข้าต้องการว่าจ้างเจ้า…”
ประโยคของคาร์ลทาให้โอเดียสเริ่มยิ้ม
“นายน้อยคาร์ล..ท่านรู้หรือไม่?…ว่าบิลอสได้ส่งคนที่น่ากลัวมา
ให้กระผมเสียแล้ว”
สายตาของโอเดียสนั้นเป็นประกายวาวขึ้นอย่างน่ากลัวเมื่อเขา
พูดประโยคดังกล่าวออกมา คาร์ลรู้ได้อย่างไรกัน? เขาเป็นคนที่
มีความสามารถหรือเปล่า? อย่างไรก็ตามโอเดียสไม่ได้ให้ความ
สนใจกับมันไปมากกว่านี้
คาร์ลมีความคิดมากมายที่ไหลผ่านเข้ามาหัวของเขาเมื่อเฝ้า
มองท่าทางที่เปลี่ยนไปมาของโอเดียส
‘เขาต่างจากคนอื่นจริงๆ’
มันต่างจากคนอื่นเมื่อคาร์ลเปิดเผยความลับในตัวตนที่แท้จริง
ของอีกฝ่าย โอเดียสดูเหมือนไม่แปลกใจเลยสักนิด อ่า…เขา
รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างที่ไม่ได้เห็นท่าทางประหลาดๆที่เขาคาดหวัง
เอาไว้
ผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียในคราบของพ่อค้า เขามีประสบการณ์
หลากหลายรูปแบบและมีโอกาสได้ทาหลายๆสิ่งมาตลอดช่วง
อายุ 60 ปีของเขา โอเดียสเริ่มตั้งคาถามให้แก่คาร์ล
“เรากาลังพูดถึงการว่าจ้างแบบใดหรือขอรับ?”
“ข้ารู้…ว่าเจ้าคุยด้วยง่าย”
คาร์ลมีท่าทางผ่อนคลายและดูสบายๆมากราวกับกาลังนอน
เล่นอยู่บนเตียงนอนของตัวเองอยู่ ซึ่งตัวโอเดียสไม่อยากจะเชื่อ
กับท่าทางที่แสนผ่อนคลายของคาร์ลเลยสักนิด เขาแทบจะ
หัวเราะออกมาแต่กลั้นมันเอาไว้ได้ก่อน
“เจ้าไม่อยากกาจัดมาร์ควิสสแตนหรือ?”
ก่อนที่รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนจะกลับมาประดับบนใบหน้าของ
โอเดียสไว้อีกครั้ง
“กระผมไม่แน่ใจว่านายน้อยคาร์ล…กาลังหมายถึงอะไร?”
“อ่า…ถ้าจะให้พูดตรงประเด็นขึ้นล่ะก็?..ไม่ใช่ว่ามาร์ควิสสแตน
กาลังขวางทางการเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างเต็มรูปแบบในดินแดน
ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเจ้าหรอกหรือ?”
โอเดียสที่กาลังนั่งฟังเงียบๆพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้คาร์ลอยู่นั้น
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มนั้นกลับเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะ
ที่คาร์ลกลับมีท่าทางสงบมากราวกับว่าเขากาลังพูดถึงสภาพ
ดินฟ้าอากาศหรืออะไรทานองนั้นอยู่
“ข้าแน่ใจว่าชาวบ้านจะต้องตกใจและเสียความรู้สึกยิ่งนัก..เมื่อ
คนที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีความเป็นขุนนางเฉกเช่นมาร์ควิสส
แตน…ผู้ที่มักอ้างว่าตนเป็นคนมีมารยาทมีคุณธรรมในการ
ปกป้องและพัฒนาดินแดนของตนเองนั้น..แท้จริงแล้วกลับเป็น
คนที่โหดเหี้ยมทารุณและร้ายกาจมากที่สุดคนหนึ่งบนโลกใบ
นี้…เจ้าว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
“นายน้อยคาร์ล”
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดหลายสิบปีของโอ
เดียสนั้นไม่ได้สูญหายแต่อย่างใด เขากลับมามีท่าทางผ่อน
คลายเช่นเดียวกับคาร์ลอีกครั้ง
“ท่านต้องการอะไรจากกระผมหรือขอรับ?”
ตัวคาร์ลเองก็สามารถตอบกลับได้อย่างง่ายดาย
“ก็…จะเลือกใช้บริการจากเจ้านะสิ!”
“อะไรนะ?”
ในที่สุดสิ่งนี้ก็ทาให้โอเดียสเป็นกังวล บริการ? นี่เขากาลังพูดถึง
อะไรอยู่?
“มันเป็นอย่างที่เจ้าได้ยิน..ข้าต้องการได้รับบริการจากเจ้าเพื่อ
ปกปิดร่องรอยของข้าในดินแดนสแตนแห่งนี้..รวมไปถึงจัดหา
ทุกอย่างให้แก่ข้าหากข้าต้องการมัน..อ้อ..ยังมีที่พักและอาหาร
ทุกมื้อๆให้แก่ข้าด้วย”
โอเดียสแสยะยิ้มเมื่อเอ่ยถามอย่างไม่ตั้งใจ
“ท่านพยายามจะใช้ความลับของข้า…มาใช้เป็นจุดอ่อนเพื่อให้
ข้ากลายมาเป็นคนรับใช้ท่านสินะ?”
อย่างไรก็ตามโทนเสียงและการเรียกคาร์ลนั้นกลับเปลี่ยนไปมัน
เต็มไปด้วยความเย็นชาและโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด แววตา
ของโอเดียสเป็นประกายวาวขึ้นดูเหมือนมันจะเต็มไปด้วย
ความกังวลกับเรื่องในอดีตและกลายเป็นความโกรธในที่สุด
คาร์ลเอ่ยตอบอย่างไม่คิดจะสนความรู้สึกของใครเช่นกัน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องการจะทาอะไร?”
“…ท่านกาลังหมายถึงอะไร?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องการจะทาอะไร?”
ก็อก!!!ก็อก!!!ก็อก!!!
ทันใดนั้นโอเดียสได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่เขาไม่มีโอกาส
หันหลับไปมองเพราะคาร์ลได้เอ่ยขึ้นก่อน
“เพราะเหตุนี้จึงต้องมีคนอื่นเข้าร่วมสนทนากับเราด้วย”
หมายความว่ากาลังจะมีอีกคนเข้ามาในห้องนี้
เอี๊ยด!!!!!!!!
ประตูค่อยๆเปิดออกช้าๆแม้จะไม่มีใครได้เอ่ยอะไรออกมาอีกแต่
โอเดียสกลับลุกขึ้นยืนและหันกลับไปมองทางฝั่งประตูที่ถูกเปิด
ออกทันที
เอี๊ยด!!!!!! ปัง!
ประตูเปิดออกกว้างในที่สุดก่อนจะมีคนสวมเสื้อคลุมมีฮู้ดเข้ามา
ในห้อง แขกผู้นี้ค่อยๆถอดฮู้ดออกจากศีรษะก่อนจะปรากฏ
ใบหน้าให้เห็นได้อย่างชัดเจน
อึ่กก!!!!!!
โอเดียสไม่สามารถบังคับร่างของตนไว้ได้ เขาอ้าปากค้างเมื่อ
เห็นบุคคลที่อยู่ตรงหน้า คนผู้นี้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็น
ศูนย์กลางของข้อมูลลับที่เขาได้มาและเขาพิจารณาแล้วว่าคน
ผู้นี้มีความสาคัญเป็นอย่างมากในอาณาเขตสแตนแห่งนี้
“ไม่เจอกันนานแล้วซินะ..ท่านนักบวช”
เธอผู้นี้คือคนที่อยู่ข้างกาย ‘เทย์เลอร์ สแตน’ผู้ที่พยายามอย่าง
แรงกล้าที่จะเข้ารับตาแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลสแตน
เธอเป็นผู้หญิงผมสั้นและสวมชุดคล้ายฟอร์มนักบวชที่ไม่มีตรา
ประจาวิหารและเทพเจ้าที่เธอนับถือติดเอาไว้หากดูให้ชัดมาก
ขึ้นจะเห็นได้ว่าชุดนักบวชของวิหารพระเจ้าแห่งความตาย
ไม่ได้อยู่ภายใต้เสื้อคลุมที่เธอสวมใส่ในวันนี้
เธอคือ ‘เคจ’ นักบวชผู้บ้าคลั่งที่คาร์ลคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“อ้อ!…ไม่ใช่สินะ?”
คาร์ลรีบแก้คาทักทายของตนทันที
“ท่านไม่ใช่นักบวชแล้วนี่นา….เอาเป็นว่า…ไม่ได้เจอกันนาน
มากแล้วสินะ..ท่านเคจ”
“ใช่แล้วนายน้อยคาร์ล…ยินดีที่ได้พบท่านอีกครั้ง”
คาร์ลหันไปมองโอเดียสที่กาลังมองมาทางเขาอยู่ แววตาของโอ
เดียสเต็มไปด้วยความอยากรู้อย่างปิดไม่มิด
นิยายเรื่องนี้มีเพียง2-3บรรทัดที่อธิบายเกี่ยวกับมาร์ควิสสแตน
และเวเนี่ยนเอาไว้เมื่อตอนที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับมังกร
ดา มี2-3บรรทัดที่กล่าวถึงเวเนี่ยนที่ได้รับความไว้วางใจให้ทา
สิ่งที่ถือเป็นตัวตายตัวแทนของมาร์ควิสสแตนได้ (53380)
<แม้ว่าต่อหน้าคนอื่น‘เวเนี่ยน’อาจจะเป็นขุนนางน้าดีคนหนึ่ง
แต่เบื้องหลังนั้นเขากลับทาสิ่งที่เลวร้ายและสกปรกในหลายๆ
เรื่อง นั่นเป็นเหตุผลว่าทาไมเขาจึงไม่สามารถถอนตัวออกจาก
โลกมืดของอาณาเขตสแตนได้>
ประโยคดังกล่าวทาให้คิมร็อกโซเข้าใจได้ทันทีว่า‘เวเนี่ยน’คือ
ต้นเหตุที่ทาให้‘เทย์เลอร์ สแตน’ต้องสูญเสียขาของเขาไปและ
สุดท้ายก็ลงมือทาร้ายเทย์เลอร์จนต้องจบชีวิตลงในที่สุด
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เกิดจากประโยคที่ถูกกล่าวเอาไว้เพียง2-
3บรรทัดนี้เช่นกัน แม้ว่ามันจะเป็นประโยคที่สั้นแต่ก็นับเป็น
ข้อมูลที่ดีมากที่ทาให้คาร์ลรู้จักคนเช่นเวเนี่ยนได้มากขึ้น
โดยเฉพาะข้อมูลในอดีตที่แสนเลวทรามของหมอนั่น ก่อนที่
คาร์ลจะเริ่มถามคาถามกับโอเดียส
“ถ้าเช่นนี้แล้ว?…เจ้าไม่อยากรู้เกี่ยวกับการว่าจ้างของข้าหน่อย
หรือ?”
โอเดียสทรุดตัวลงนั่งเช่นเดิมโดยยังไม่พูดอะไรออกมาในขณะที่
เคจเลือกนั่งลงบนโซฟาที่ว่างอยู่ ตอนนี้ถือเป็นเวลาเหมาะสมที่
จะเริ่มเจรจากันได้เสียที
ให้คะแนน: ส่งคะแนน
บทที่ 84 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 3 (1)

การสนทนาเริ่มต้นด้วยคนที่อยากรู้เรื่องนี้มากที่สุด แน่นอนว่า
โอเดียสเป็นคนแรกที่เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา
“กระผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกท่านทั้งสองรู้จักกัน”
“เจ้าอยากรู้เรื่องนี้หรือไง?”
โอเดียสตอบกลับราวกับมันไม่ใช่เรื่องสาคัญกับเขาเช่นกัน
“ไม่เลยขอรับ!…กระผมไม่อยากรู้มันสักนิด”
คาร์ลอดยอมรับไม่ได้ว่ามันเป็นคาตอบที่ค่อนข้างชัดเจน คน
เช่นโอเดียสไม่จาเป็นเป็นต้องถามเจ้าของเรื่องโดยตรงก็ได้
เพราะเขามีวิธีที่ที่สามารถตรวจสอบอย่างลับๆได้เช่นกัน ไม่แน่
ว่าคนขายข่าวหรือข้อมูลสาคัญๆอาจเป็นหนึ่งในลูกค้าของเขา
และอาจจะขายข้อมูลเกี่ยวกับเขาให้โอเดียสได้เช่นกัน คาร์ลไม่
คิดสนใจในเรื่องนี้ก่อนจะเอ่ยถามโอเดียสขึ้น
“โอเดียส…เวเนี่ยนจะเดินทางมาสถานที่แห่งนั้นเมื่อใด?”
ในขณะที่โอเดียสเริ่มทางานในตลาดมืดมาตลอดระยะห้าปี เขา
คิดเสมอว่ามีใครบางคนที่เป็นอุปสรรคต่อการขึ้นเป็นหนึ่งและ
ควบคุมตลาดมืดทั้งหมดของเขาเอาไว้ อย่างไรก็ตามเขาไม่
สามารถหาคาตอบได้ว่าบุคคลผู้นั้นเป็นใคร
และข้อมูลดังกล่าวเขาเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้และเป็นข้อมูล
เดียวกับที่ออกมาจากปากของคาร์ลนั่นเอง
“นายน้อยหมายถึงตรอกมืดหรือขอรับ?”
นายน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้รู้ว่าเวเนี่ยนกาลังจะเดินทางมา
ที่ตรอกมืดอย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าคาร์ลกาลังใช้ข้อมูลที่เขารู้มาจากนิยายกระตุ้นให้
โอเดียสตอบในเรื่องนี้
พวกเขาเรียกด้านมืดของอาณาเขตสแตนว่า ‘ตรอกมืด’ มัน
เป็นสถานที่ที่รวบรวมอบายมุขทุกๆอย่างไว้ด้วยกัน ทั้งการ
พนัน แอลกอฮอล์ การค้าประเวณี มีสิ่งผิดกฎหมายและ
ศีลธรรมเกือบทุกชนิด การค้าขายทาสหรือแม้แต่การใช้ความ
รุนแรง สิ่งสกปรกเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวันในตรอกมืดแห่งนี้
มีเพียงโอเดียสเท่านั้นที่ไม่คิดค้าขายทาสและการใช้ความ
รุนแรงทุกชนิด เขาตั้งกฎขึ้นมาเพื่อให้เกิดการคุ้มครองในตัว
ลูกค้าและตัวของเขาเองและการที่เขาตั้งกฎเพื่อคุ้มครองสิ่ง
ต่างๆขึ้นมาทาให้คาร์ลเลือกที่จะมาพบกับโอเดียสในวันนี้
นอกจากนี้ ‘เทย์เลอร์ สแตน’ ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของมาร์ค
วิสสแตนอาจมีความคิดเช่นเดียวกันกับเขาหรืออาจจะแตกต่าง
กันบ้างเล็กน้อย
เทย์เลอร์รู้ดีว่าเวเนี่ยนเป็นตัวการที่ทาให้ขาทั้งสองข้างของเขา
เป็นอัมพาตแต่ตัวเทย์เลอร์นั้นไม่รู้ว่าเวเนี่ยนเรียกใช้ทรัพยากร
พวกนั้นจากแหล่งใดไม่ว่าจะเป็นกาลังเงิน กาลังคนหรือสิ่ง
สกปรกต่างๆ นั่นเป็นวิธีที่ทาให้เวเนี่ยนหลบซ่อนด้านมืดของ
ตนเอาไว้ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้และนั่นก็เป็นจุดแข็งของเขาด้วย
เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเทย์เลอร์สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งหมดจากข้อมูลบางส่วนของคาร์ลและเขาก็พบว่าข้อมูลนั้น
สาคัญเป็นอย่างมาก
ความต้องการทั้งหมดของเทย์เลอร์ถูกส่งผ่านให้แก่นักบวชผู้ถูก
คว่าบาตรในที่สุด
“นายน้อยเทย์เลอร์ต้องการรู้ข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับอาณา
เขตสแตนและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ”
เคจและโอเดียสสบตาเข้าหากัน เทย์เลอร์และเคจขอให้คาร์ล
เป็นตัวเชื่อมในการติดต่อกับโอเดียสให้แก่พวกเขาทันทีที่ได้ยิน
ข้อมูลพวกนี้จากคาร์ล
“ในฐานะที่เป็นขุนนางชั้นสูงและเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูล
ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้…นายน้อยเทย์เลอร์จึงรู้สึกเกลียด
ตลาดมืดเช่นนี้ยิ่งนัก”
“ข้าเห็นด้วย…ข้าก็เกลียดมันเช่นกัน”
คาร์ลบอกว่าตนรู้สึกเกลียดสิ่งนี้ด้วยเสียงอันดังในขณะที่โอเดีย
สเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“กระผมเข้าใจขอรับ..ขุนนางดีๆที่เห็นแก่ประโยชน์ของ
ประชาชนมาก่อนประโยชน์ของตนเองมักจะรู้สึกเช่นนี้…ว่าแต่
อาณาเขตเฮนิตัสคงไม่มีตลาดมืดพวกนี้ใช่มั้ยขอรับ?”
โอเดียสพูดถูกแม้ว่าอาณาเขตเฮนิตัสจะมีกลุ่มกบฏและพวก
อันธพาลอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีขุมนรกหรือตลาดมืดพวกนี้ แม้ว่า
เคานต์เดอรัชจะดูธรรมดาๆแต่เขากกลับเป็นคนที่อุทิศชีวิต
ให้กับตาแหน่งขุนนางผู้สูงส่งของตน
เขามีความรับผิดชอบในหน้าที่และมีเงินจานวนมากพอที่จะ
ไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เขารับผิดชอบ นอกจากนี้ทาเลที่ดู
อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหมืองแร่และทรัพยากรต่างๆที่พวกเขามี
ทาให้พวกเขามองข้ามและไม่จาเป็นต้องก่อตั้งและพัฒนาธุรกิจ
มืดพวกนี้ให้เกิดขึ้นในอาณาเขตเฮนิตัสของพวกเขาอีกด้วย
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว…หมายความว่านายน้อยเทย์เลอร์ต้องการ
กาจัดตลาดมืดสินะขอรับ?”
“ใช่”
โอเดียสยิ้มให้กับคาตอบสั้นๆของเคจจากนั้นจึงหันไปมองคาร์ล
“นายน้อยคาร์ล….ดูเหมือนนายน้อยเทย์เลอร์จะเป็นขุนนาง
อย่างแท้จริง”
ประโยคถัดไปถือเป็นประโยคที่สาคัญที่สุด
“เขาไม่ต้องการให้ความยุติธรรมในตัวเขาต้องหายไปสินะ
ขอรับ?”
ในนิยายเรื่องนี้ถือว่ามีหลายสาเหตุที่ทาให้ตระกูลสแตนต้องล่ม
สลายลง พวกเขามีเหตุให้บาดหมางกับเชวฮันจนเกิดการต่อสู้
ขึ้นก่อนที่พวกเขาจะพ่ายแพ้และตกลงในสถานการณ์ที่เลวร้าย
ที่สุด รวมไปถึงมังกรดาที่คุ้มคลั่งนั้นด้วย
นอกจากนี้โอเดียสยังเป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่ม
สลายของตระกูลสแตนอีกด้วย เขาเปิดเผยความลับของ
เวเนี่ยนที่พัวพันกับตลาดมืดเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าควบคุม
ตลาดมืดทั้งหมดไว้ในกามือได้ อีกทั้งยังพยายามทาลาย
ชื่อเสียงของมาร์ควิสสแตนและความน่าเชื่อถือของตระกูลส
แตนทั้งหมดลง
ตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์มีส่วนพัวพันกับบางสิ่งที่ผิดกฎหมาย
และทาลายประชาชนที่ตนปกครองย่อมหมายถึงได้ทาลาย
ความไว้วางใจจากพวกเขาทั้งหมดไปแล้ว
แน่นอนว่าการที่โอเดียสตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวตนของตนเอง
เพื่อเปิดโปงเรื่องราวเหล่านี้สู่สาธารณะตัวเขาเองจึงตกอยู่ใน
อันตรายด้วยเช่นกัน แม้ว่าเชวฮันจะรู้จักเขาเพราะสถานการณ์
ที่เกิดขึ้นในเผ่าหมาป่าสีน้าเงินแต่เขาก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าไป
ช่วยโอเดียสได้
อย่างไรก็ตามไม่มีเหตุผลใดๆที่จะปล่อยให้เรื่องราวดาเนินไปถึง
จุดนั้น จึงทาให้คาร์ลตัดสินใจตัดบทเรื่องนี้และพูดในสิ่งที่ตน
ต้องการออกไป
“พวกท่านสองคนค่อยไปจัดการเรื่องพวกนี้ภายหลังแล้วกัน…
ตอนนี้เราต้องจัดการกับศัตรูร่วมของเราเสียก่อน”
โอเดียสและเคจค่อนข้างสงสัยในเรื่องนี้
คาร์ล เฮนิตัสผู้นี้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับเวเนี่ยนกันแน่? ทาไม
เขาจึงดูเกลียดชังเวเนี่ยนยิ่งนัก? นี่เป็นคาถามที่ทั้งสองคนรู้สึก
เช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล…ท่านวางแผนจะทาสิ่งใดกับนายน้อยเวเนี่ยน
อย่างนั้นหรือ?”
โอเดียสโยนสิ่งที่ตนสงสัยออกไปก่อนจะหันไปถามสิ่งนี้กับคาร์ล
แทน ในขณะที่คาร์ลเองก็มีคาตอบง่ายๆให้แก่เขา
“ฆ่าเขาซะ”
“นั่นมัน!”
อดีตนักบวชเคจอุทานออกมาด้วยความตกใจและหันไปมอง
คาร์ลอย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่คาร์ลจะพูดต่อในทันที
“แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้..แต่มันมีบางอย่างที่เลวร้ายกว่า
ความตายเสียอีก”
“อะไรนะ?”
สีหน้าของเคจเต็มไปด้วยความว่างเปล่าเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ล
กล่าวเพิ่มออกมา
จะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าการลงมือฆ่าเขาด้วยหรือ?
เธอรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างก่อนจะหันกลับไปมองคาร์ลอีกครั้งทันที
ท่าทางของคาร์ลในตอนนี้ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็
ตามเธอมั่นใจว่าเธอค่อนข้างรู้จักคาร์ลดี เขาเป็นคนที่ให้พวก
เธอยืมเงินรวมถึงให้ความช่วยเหลือเพื่อเข้าไปในเมืองหลวง
อย่างลับๆ ในขณะเดียวกันพวกเธอยังได้สาบานกับเทพเจ้า
แห่งความตายเพื่อปกป้องความลับทั้งหมดเอาไว้
เขาเป็นคนประเภทที่จะรักษาคาพูดของตนอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า—-”
โอเดียสเริ่มหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แน่นอนขอรับ…มีอีกหลายสิ่งที่เลวร้ายกว่าความตายเสียอีก”
“อืม…”
เคจพึมพาในลาคอของตนก่อนจะเริ่มถามคาร์ล
“แล้วท่านวางแผนจะทาอย่างไร?”
เธอเห็นคาร์ลหันไปมองโอเดียสแทนที่จะตอบคาถามของเธอ
เขากาลังจ้องเขม็งไปที่โอเดียสตาไม่กระพริบซึ่งการจ้องมอง
เช่นนี้ทาให้โอเดียสรู้ตัวทันทีว่าเขาต้องเป็นคนทาบางอย่าง
ให้แก่คาร์ล
“กระผมจะเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆให้แก่นายน้อยขอรับ..ท่านไม่
ต้องเป็นกังวลไป”
อย่างน้อยโอเดียสก็รู้สึกดีและเต็มใจที่จะรับใช้คาร์ลมากขึ้นถึง
อย่างไรเขาก็ไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้แล้ว
“หลังจากที่ข้าได้รับความช่วยเหลือจากโอเดียสไปบ้างแล้ว..
ส่วนที่เหลือข้าจะเป็นคนจัดการต่อเอง”
นี่เป็นการบอกกลายๆแก่โอเดียสว่าเขาไม่จาเป็นต้องลงมือทา
สิ่งใดให้แก่เวเนี่ยนด้วยตัวของเขาเอง
‘อ่า…ไม่ใช่ฉันด้วยเช่นกันแต่เป็นมังกรต่างหาก’
ตัวคาร์ลนั้นไม่จาเป็นต้องลงมือทาสิ่งใดเลย สิ่งที่เขาต้องทาคือ
การเตรียมทุกอย่างให้แก่ราอนและคอยจัดการทุกอย่างให้
เรียบร้อยก็เท่านั้น
“โอ้…ดูเหมือนว่าหลังจากนี้กระผมจะเริ่มยุ่งเสียแล้วล่ะขอรับ”
โอเดียสชายชราวัย60ปีแสร้งบ่นออกมาราวเขาเป็นคนอ่อนแอ
ซึ่งไม่พร้อมจะทางานหลายสิ่งให้แก่คาร์ลแต่ใบหน้าของเขานั้น
กลับเต็มไปด้วยความสดใสและพร้อมสนุกสนานไปกับงานเลี้ยง
ฉลองอย่างเต็มที่
“ถ้าเช่นนั้น…เจ้าก็ไปเตรียมพร้อมได้แล้วล่ะ…ข้าจะพักอยู่ที่นี่..
หากมีปัญหาอะไรก็มาแจ้งข้าได้ทุกเมื่อ”
“ขอรับ”
โอเดียสชายวัยชราที่ยังดูแข็งแรงน้อมรับคาสั่งของคาร์ลก่อน
จะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อมุ่งหน้าไปยัง ประตูห้องแต่เขาต้องชะงัก
ไปก่อนเมื่อเขาได้ยินเสียงเรียกจากคาร์ล
“โอเดียส…หาบ้านให้ข้าสักหลังด้วย”
“บ้านหรือขอรับ?”
โอเดียสหันกลับมามองคาร์ลให้เต็มตาอีกครั้ง
“ใช่แล้ว…เจ้าต้องตั้งใจบริการข้าให้ดีด้วยแล้วกัน…ข้ามักชอบ
ของที่มีคุณภาพดีและราคาแพงๆเท่านั้น”
โอเดียสคงต้องยอมรับกับคาสั่งของคาร์ลจริงๆสินะ อ่า..เขาคง
เหมาะกับการเป็นข้ารับใช้ของคาร์ลเสียแล้วล่ะ
“กระผมไม่เคยได้รับคาสั่งเช่นนี้มาก่อนตลอดช่วงอายุ60ปีของ
กระผม…แต่กระผมจะคิดเสียว่ามันเป็นเกียรติอันสูงส่งของตัว
กระผมแล้วกัน”
“เอาน่า…เจ้าจะได้รับเงินที่มากพอสาหรับงานนี้…อย่าลืมสิว่า
ข้ากาลังจะกาจัดขวากหนามให้แก่เจ้านะ”
“อ่า…นั่นก็ถือว่ามากพอแล้วก็ขอรับนายน้อย”
โอเดียสผลักประตูออกไปในที่สุดก่อนจะเจอกับเชวฮันที่กาลัง
ส่งยิ้มมาให้เขาอยู่ ตอนนี้โอเดียสเข้าใจแล้วว่าทาไมเชวฮันต้อง
ยืนเฝ้าหน้าประตูเช่นนี้เพราะเรื่องที่พวกเขาสนทนากันนั้น
ต้องการใครสักคนเป็นต้นทางให้นั่นเอง
“เชวฮัน…เอาไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”
“แน่นอน…ท่านพ่อค้า”
เชวฮันปิดประตูลงอีกครั้งหลังจากที่โอเดียสเดินจากไป ตอนนี้มี
เพียงแค่คาร์ลและเคจเท่านั้นที่อยู่ภายในห้อง คาร์ลเริ่มถาม
คาถามของตนทันทีที่เหลือเพียงพวกเขาสองคน
“ท่านเคจ”
“ว่าอย่างไรหรือนายน้อยคาร์ล?”
“ทาไมถึงฆ่าเวเนี่ยนไม่ได้ล่ะ?”
เคจตอบกลับคาร์ลอย่างรวดเร็วราวกับว่าคาดเอาไว้ก่อนแล้ว
ว่าคาร์ลจะถามคาถามนี้
“เทย์เลอร์จะแจ้งบางอย่างต่อหน้าพี่น้องของเขาในอีกสองวัน
ข้างหน้า”
คาร์ลแสดงท่าทางว่าเขารู้ในสิ่งนี้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
และเอ่ยออกไปทันที
“เขาจะประกาศต่อหน้าพี่น้องของเขา..ว่าจะไม่ลงมือฆ่าพวก
เขาสินะ”
“…..ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านต้องรู้ในเรื่องนี้”
เธอกล่าวชื่นชมคาร์ลออกมาก่อนจะพูดต่อ
“ถึงแม้ว่ามันจะขัดแย้งกับวิถีชีวิตของตระกูลสแตนที่เคยทามา
..แต่มันก็ไม่ได้เป็นการขัดแย้งกันอย่างสมบูรณ์เช่นกัน…หากผู้
สืบทอดตาแหน่งสามารถทาให้เหล่าพี่น้องของตนไม่คิดที่จะ
กาจัดหรือพยายามแย่งตาแหน่งของตนไป”
แน่นอนว่าคนภายนอกอาจมีข้อสงสัยว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า
พวกเขาจะไม่คิดคดทรยศในภายหลังหากไม่จัดการฆ่าพวกเขา
ไปซะ? นั่นเป็นเหตุผลที่เธอวางแผนจะอธิบายเรื่องที่เธอและ
เทย์เลอร์วางแผนเอาไว้ให้แก่คาร์ลได้ทราบ อย่างไรก็ตามตัว
คาร์ลเองก็รู้คาตอบนี้แล้วเช่นกัน
“พวกท่านวางแผนจะใช้คาสาบานแห่งความตายกับพวกเขา
ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว…ข้าคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ท่านฟังเพิ่มเติมหรอก
สินะ?…นายน้อยคาร์ล”
“ท่านเคจ…ดูเหมือนว่าพระเจ้าแห่งความตายไม่ได้ไปไหนไกล
จากตัวท่านเลยนะ?” (53380)
แม้ว่าวิหารของพระเจ้าแห่งความตายจะคว่าบาตรเธอลงแต่
พระเจ้าแห่งความตายไม่ได้ทาเช่นนั้น เคจเริ่มยิ้มออกมาและ
เอ่ยตอบคาร์ลอย่างอารมณ์ดี
“ข้าจะมีความสุขยิ่งกว่านี้เสียอีกหากเขาหยุดรบกวนข้าเสียที”
บทสนทนาเริ่มเครียดน้อยลงเมื่อโอเดียสเดินทางกลับไปแล้ว
และเคจก็ไม่ได้มีปัญหาในการเอ่ยสิ่งที่ตนต้องการออกไป
เช่นกัน นักบวชคนอื่นๆอาจตกใจได้หากมาได้ยินคาพูดที่เธอ
เอ่ยออกไป
“เราไม่สามารถได้สิ่งที่เราต้องการใช่หรือไม่..นายน้อยคาร์ล?”
แน่นอนว่าคาร์ลไม่คิดที่จะตอบคาถามนี้ของเคจเช่นกัน
“เอาไว้เราค่อยคุยกันอีกทีแล้วกัน..วันนี้ข้าเหนื่อยมามาก
พอแล้ว”
คาร์ลเอ่ยตัดบทสนทนาลงในที่สุด เขาดูจนแน่ใจว่าเคจได้
เดินทางออกไปจากโรมแรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยเรียกเชว
ฮันและราอนที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนอาพรางร่างตนเอาไว้
เช่นเดิม
“เข้ามานั่งรอในห้องก่อนแล้วกัน”
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่จาเป็นต้องเสียเวลารอเป็นเวลานาน
บทที่ 84 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 3 (2)

คาร์ลกาลังยืนอยู่บนหลังคาและกวาดสายตามองไปรอบๆ
บริเวณ
“อากาศช่างเป็นใจยิ่งนัก”
มันเป็นวันที่มีอากาศอบอ้าวและหมอกเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่
ส่งผลให้บรรยากาศในตอนนี้มีความชื้นเล็กน้อย
“แม้แต่เวลาก็ช่างเหมาะสมเช่นกัน”
มันเป็นเวลาเช้าตรู่ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นสู่ท้องฟูา ฮงยืนอยู่
ข้างๆคาร์ลพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลพูดแม้ว่าตาจะ
ปิดอยู่ก็ตามแต่มันก็พยายามฝืนตัวเองให้ตื่นตัวตลอดเวลา
“อ่า..แม้แต่ผู้คนก็ไม่พลุ่กพล่านเสียด้วย”
เนื่องจากทั้งความชื้นของอากาศและหมอกหนาทึบที่เข้าปก
คลุมตั้งแต่เช้าตรู่ย่อมเป็นปัจจัยสาคัญที่ขัดขวางไม่ให้ผู้คน
ออกมาข้างนอกในตอนนี้ โดยเฉพาะบริเวณที่กลุ่มของคาร์ลอยู่
ในตอนนี้คือ‘ตรอกมืด’แล้วล่ะก็? แน่นอนว่าผู้คนที่เข้ามาใช้
บริการและสนุกสนานกับอบายมุขที่แสนชั่วร้ายกันตลอดทั้งคืน
ก็ต้องพากันสลบไสลและเพิ่งเข้านอนกันเป็นกิจจะลักษณะเมื่อ
ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
คาร์ลก้มลงมองพื้นด้านล่างอีกครั้ง
‘กระผมรู้มาว่ามีถนนหลายเส้นที่พาไปยังตรอกมืดได้…แต่ถ้า
เป็นวันนี้แล้วล่ะก็?…กระผมคาดว่ามีโอกาสถึง70%ที่เขาจะใช้
เส้นทางนี้ขอรับ’
คาร์ลนึกถึงสิ่งที่โอเดียสแจ้งให้เขาทราบและมองไปที่พื้นเบื้อง
ล่างเช่นเดิม ราอนยังคงนั่งเงียบๆและจ้องเขม็งไปยังจุดที่คาร์ล
มองเช่นกัน
คาร์ลลูบเบาๆไปที่ศีรษะของราอน
“มนุษย์…อย่าทาแบบนี้นะ!”
ตรงกันข้ามกับสิ่งที่มันบอกแก่คาร์ล ราอนยังคงนั่งเฉยๆและ
ปล่อยให้คาร์ลลูบหัวมันเล่นราวกับมันเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่อง
ตัวหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปสักพักมันก็หันมาจ้อง
คาร์ลทันที
“เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…วันนี้เจ้าไม่คิดจะลงมือทาสิ่งใดใช่มั้ย?”
“ไม่หรอกน่า..ข้าแค่จะเฝูาดูเฉยๆ”
“ต่อให้เฝูาดูเฉยๆ..เจ้าก็ต้องระวังตัว!”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ราอนรู้สึกพอใจกับคาตอบของคาร์ลก่อนจะกระพือปีกถี่ขึ้นและ
ลอยตัวสู่อากาศทันที การเคลื่อนไหวของราอนทาให้เชวฮัน
ออนและฮงรีบขยับตัวตามทันที
“ออน…ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว”
“นี่ถือเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสาหรับข้า!”
ออนส่ายหางของตนเบาๆก่อนจะเดินหายไปท่ามกลางหมอก
ทึบ ฮงหันไปมองคาร์ลเมื่อเห็นพี่สาวของตนหายไปจากสายตา
แล้ว
“ถึงตาข้า..ที่จะใช้พิษแล้วใช่หรือไม่?”
“อืม”
ฮงพยักหน้าตอบรับกับสิ่งที่คาร์ลตอบและเดินเข้าหาราอนที่
กาลังลอยตัวลงมาหยุดที่จุดเดิม ฮงใช้เท้าแตะไปที่ร่างของ
ราอนเบาๆพร้อมส่งรอยยิ้มสดใสไปให้ก่อนจะหายเข้าไปใน
หมอกทึบตามออนไปอีกตัว
“กระผม..ขอตัวไปตามจุดที่ได้รับมอบหมายก่อนนะขอรับ”
เชวฮันเริ่มเคลื่อนตัวย้ายไปหยุดอยู่บนหลังคาอีกหลังทันทีเมื่อ
กล่าวจบ
“ราอน”
“มีอะไรหรือ?”
“ทาในสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ”
ราอนเริ่มยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเขาเอ่ยตอบคาร์ลออกไป
“อย่าพูดอะไรที่มันชัดเจนเช่นนั้นสิ”
ร่างของราอนหายเข้าไปในหมอกหนาทึบทันทีเช่นกัน คาร์ลยก
แขนขึ้นกอดอกด้วยท่าทางสบายๆในขณะที่สายตาก็เหลือบไป
มองพื้นเบื้องล่างอีกครั้ง
ดูเหมือนโอกาส 70% ที่ว่านั้นจะกลายเป็นถูกต้อง 100% เสีย
แล้ว
มีคนสามคนที่คลุมกายด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่กาลังเดินเข้าไปใน
ตรอกเล็กๆ เวเนี่ยนควรจะเป็นหนึ่งในสามคนนี้อย่างแน่นอน
คาร์ลเอนตัวลงแนบกับหลังคาและมองไปยังร่างทั้งสามคนทันที
‘เวเนี่ยน สแตน’ ไม่รู้ตัวว่าตนถูกซุ่มมองอยู่ เขากาลังเร่งฝีเท้า
ของตนให้เร็วขึ้น
‘ไอ้บ้าเอ้ย!’
เวเนี่ยนสบถในใจอย่างหยาบคายซึ่งมันไม่ใช่วิธีที่ขุนนางชั้นสูง
สมควรทาเลยสักนิด เมื่อวานนี้พี่ชายของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น
อัมพาตแต่สามารถกลับมาเป็นปกติได้แจ้งบางอย่างที่แสน
โง่เง่าให้แก่พวกเขาได้ทราบ
‘ข้าจะไม่เข่นฆ่าเหล่าพี่น้องของตนเอง…ข้าวางแผนที่จะ
ปกครองพวกเจ้าอย่างสงบสุขเพียงเท่านั้น’
สิ่งที่เทย์เลอร์กล่าวออกมาก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับที่แตกต่าง
กันออกไปของสมาชิกในตระกูลและมันสร้างความโกลาหล
วุ่นวายมาจนถึงตอนนี้ ด้วยเหตุวุ่นวายนี้เองจึงทาให้เวเนี่ยน
สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ตั้งแต่เช้าตรู่
ในขณะนี้เทย์เลอร์ได้รับความไว้วางใจและมีอานาจเพิ่มมากขึ้น
เรื่อยๆ แน่นอนว่าเทย์เลอร์ต้องการกาจัดเขาให้พ้นทางเช่นกัน
โดยปกติแล้วเวเนี่ยนจะไม่เดินทางมาที่นี่ด้วยตนเองแต่ถึงจะ
เป็นเช่นนั้นเขาก็จาเป็นต้องพาลูกน้องของเขาที่กาลังเดิน
ตามหลังเขาเข้ามาในตรอกมืดตั้งแต่เช้าตรู่ในวันนี้ เช่นกัน ชาย
ผู้เป็นหนึ่งในพ่อค้าตลาดมืดที่มีอิทธิพลมากที่สุดยังคงสาวเท้า
เดินอย่างต่อเนื่องแม้ว่าสภาพอากาศในตอนนี้จะทาให้พวกเขา
เดินทางลาบากมากเพียงใดก็ตาม
‘มีแต่พวกโง่และไร้ประโยชน์ยิ่งนักที่มักติดตามข้ามา’
เวเนีย่ นเดาะลิ้นของตนอย่างหงุดหงิดเมื่อหันไปมองลูกน้องของ
ตนแวบหนึ่งก่อนจะสาวเท้าเดินฝุาหมอกทึบเข้าไปอย่าง
รวดเร็ว เขารู้สึกขอบคุณหมอกพวกนี้เพราะมันทาให้ผู้คนไม่
สังเกตเห็นเขาได้ง่าย
‘อย่างน้อยอากาศในวันนี้ก็ช่วยข้าเอาไว้’
เวเนี่ยนดีใจที่หมอกเริ่มหนาทึบขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ลูกน้องทั้ง
สองก็สาวเท้าเดินตามเขามาไม่ห่าง แต่มีบางอย่างที่พวกเขาทา
พลาดไปเมื่อพวกเขาเดินฝุาหมอกทึบเข้าไปแล้ว สาเหตุมาจาก
ฮู้ดที่ตกลงมาปรกหน้าของพวกเขาจนเกินความจาเป็นเพื่อ
ปูองกันคนจาพวกเขาได้
หมอกที่ลอยอยู่บนศีรษะของพวกเขาเริ่มเกาะกลุ่มรวมตัวกัน
และกลายเป็นสีดาในที่สุด
เมี้ยว!!!!
“เตราะ!!”
เวเนี่ยนเดาะลิ้นเอย่างอารมณ์เสียเมื่อได้ยินเสียงแมวดังขึ้น ดู
เหมือนว่าเช้าตรู่เช่นนี้จะมีทั้งคนและสัตว์จรจัดอาศัยอยู่แถว
ตรอกมืดมากเกินไปเสียแล้ว พวกเขาจะต้องจับพวกมันทั้งหมด
มารวมเอาไว้และอาจจะสั่งสอนให้พวกมันรู้จักว่าอะไรควรไม่
ควรหรือบางทีอาจจะฆ่าพวกมันให้หมดซะ
เมี้ยว!!!
การได้ยินเสียงร้องของแมวเช่นนี้ทาให้เวเนี่ยนนึกถึงบางสิ่ง มัน
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทาให้ตัวของเขาต้องเดือดร้อนมาถึงทุกวันนี้
‘ข้าควรลงมือฆ่าให้มันตายๆไปซะ’
เวเนี่ยนขมวดคิ้วมุ่น
เขาควรจะฆ่ามังกรดาตัวนั้น ปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นเลย
หากเขาทาแบบนั้นตั้งแต่แรกไม่มัวมานั่งเลี้ยงมันให้เชื่องจนทา
ให้ตัวเขาพังพินาศมาถึงทุกวันนี้
เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อนึกถึงมัน ทันใดนั้นเอง
เขาก็ได้ยินเสียงแมวดังขึ้นอีกครั้ง
เมี้ยว!!!
“น่าราคาญโว้ย!”
มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เวนี่ยนบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
อึ่ก!!! ฮึก!!
มีเสียงดังคล้ายกับคนที่พยายามสูดหายใจเข้าไปในร่างกายของ
ตนให้ได้และมันดังอยู่ทางด้านหลังของเวเนี่ยน
ฟึ่บ!!
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่หล่นลงไปบนพื้น
“…น…น..นายน้อย”
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของลูกน้องร้องเรียกเขาขึ้นมาก่อนที่เขา
จะหันกลับไปมองทางด้านหลังทันที
“มีอะไร?!”
หนึ่งในลูกน้องของเขาที่ล้มไปกองบนพื้นพยายามจับลาคอของ
ตนอย่างทุลักทุเล ในขณะที่ลูกน้องคนที่เอ่ยเรียกเขานั้นกาลัง
ส่ายหน้าให้เขาก่อนจะค่อยๆล้มลงช้าๆ
“แค่ก!!…หายใจไม่ออก..อึ่ก!!!!”
ใบหน้าของลูกน้องผู้นี้เปลี่ยนเป็นสีน้าเงินก่อนที่ร่างของเขาจะ
ล้มลงไปกองบนพื้นในที่สุด ปลายฮู้ดของเขากระเด็นมาโดน
รองเท้าบู๊ตของเวเนี่ยนทันที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทาให้เวเนี่ยนขมวดคิว้ มุ่นและเริ่มกระสับกระส่ายอย่าง
หวาดระแวง
เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เมี้ยว!!!
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแมวร้องดังขึ้นมาอีก เวเนี่ยนตระหนัก
ถึงบางอย่างที่ผิดแปลกออกไป
แมวตัวนี้กาลังเดินเข้ามาใกล้เขาช้าๆ
เมี้ยว!!!
ข้างบน!
มันมีบางอย่างที่อยู่เหนือศีรษะของเขา!
เวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตาค้างกับสิ่งที่ตนมองเห็น
“ห๊ะ!?”
มันไม่เหมือนกับหมอกสีขาวที่อยู่รอบๆบริเวณนี้แต่อย่างใด
หมอกที่อยู่บนหัวของเขามันถูกชโลมจนกลายเป็นสีดาและสี
แดง หมอกนี้มันอันตราย! เวเนี่ยนรับรู้ได้ในจุดนี้ก่อนที่ขาของ
เขาจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นเอง
แปะ!
มีบางอย่างสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของเวเนี่ยน
เวเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่งและแตะเข้ากับดาบที่พกติดตัวมาเพื่อ
สร้างความอุ่นใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองทันที
แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับมีเพียงหมอกเท่านั้น
“นี่มันอะไรกัน?”
เขาพึมพาออกมาอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่ลูกน้องของเขาก็ยังคง
ทุรนทุรายอยู่ทางด้านหลังเขาเช่นเดิม
“อึ่ก!!!…แค่ก!!!…ช…ช่วย..ด้วย”
“อั่ก!!!!แค่ก!!!!!…หายใจ…ไ….ไม่…ออก”
ในเวลาเดียวกันนั้นเขารู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดผ่านร่างเขาไป
(53380)
ฟิ้ว!!!!
มันเป็นจังหวะที่เวเนี่ยนกาลังจะละสายตาหันไปมองยังทิศที่ลม
พัดผ่านร่างเขาไป
“สวัสดี…!!!”
เวเนี่ยนได้ยินเสียงทักทายเขาขึ้นมาทาให้เขาหันกลับมามอง
ข้างหน้าอีกครั้งแต่เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใดอยู่ดี
ไม่สิ!ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย มันมีเงาสีดาอยู่ตรงหน้าของ
เขาในตอนนี้และมันกาลังค่อยๆเผยร่างของมันให้เขาได้เห็น
อย่างช้าๆ
“เอ่อ….”
เวเนี่ยนขยับถอยหลัง
ปึ่ก!
อย่างไรก็ตามเส้นทางหนีของเขาถูกกั้นไว้ด้วยร่างของลูกน้องที่
หมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่เงาสีดาจะเผยร่างของมัน
ให้เวเนี่ยนได้เห็นอย่างเต็มตา
แววตาที่ส่งมายังร่างของเวเนี่ยนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
และความแค้นอย่างแรงกล้า
เขาไม่ได้เห็นร่างนี้มาสักพักแล้วสินะ?
“เรากลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วสินะ…เวเนี่ยน?”
มังกรดาปรากฏตัวต่อหน้าเขาในตอนนี้แล้ว
มังกรน้อยราอนกาลังส่งยิ้มเย็นให้กับชายที่มอบรอยแผลทางใจ
ไว้ให้กับมัน
บทที่ 85 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 4 (1)

“…เ…เจ้างั่งนี่เอง…เป็นเจ้าได้อย่างไร?…ไอ้ขยะ!”
คาหยาบที่ไม่เหมาะสมกับขุนนางชั้นสูงตามที่เวเนี่ยนมักเป็นถูก
พ่นออกจากปากของเขาทันที ฮู้ดของเขาถูกถอดออกช้าๆจน
เผยให้เห็นใบหน้าของเขาทั้งหมด แน่นอนว่าสีหน้าของเขา
ในตอนนี้มันซีดเสียยิ่งกว่าไก่ต้มเสียด้วยซ้า
มังกรดากระพือปีกของตนช้าๆในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เวเนี่ยน
มากขึ้นเรื่อยๆ
“ทาไมเจ้าต้องดูประหลาดใจที่ได้เห็นข้าด้วยล่ะ?”
เสียงเรียบเย็นที่ถูกกดต่าลงลอดเข้ามาในหูของเวเนี่ยน
“มันคืออะไรกันน้า?…อ้อ!…บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าต้องลาบาก
ไปสักหน่อยที่จะสามารถจดจาข้าได้ในทันที…นั่นเป็นเพราะตัว
ข้าไม่ได้ชโลมไปด้วยเลือดเหมือนอยากที่เจ้าคุ้นเคยสินะ?”
ราอนแสยะยิ้มออกมาราวกับมันไม่ได้แยแสกับเรื่องในอดีตใน
ขณะที่เท้าเล็กๆของมันก็ก้าวเข้าหาเวเนี่ยนช้าๆต่อไป มีพลัง
เวทย์สีดาลอยขึ้นรอบตัวของราอนอย่างต่อเนื่อง
เวเนี่ยนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ
“อึ่ก!”
เท้าของเขาเหยียบเข้ากับร่างของหนึ่งในลูกน้องที่นอนสลบอยู่
บนพื้น
“เวเนี่ยน สแตน”
มังกรกาลังเอ่ยเรียกชื่อของเวเนี่ยนออกมา เขาไม่เคยได้ยิน
มังกรพูดมาก่อนตลอดช่วงอายุสี่ปีที่มันถูกจองจาอยู่ในถ้า
แม้แต่ตอนที่เขาเฝ้าดูเวลามันถูกทรมานมันก็ไม่เอ่ยเรียกชื่อของ
เขาเลยสักครั้ง มังกรที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ต่างจากมังกรที่
เคยถูกทุบตีและทรมานร่างกายโดยใช้ทั้งกระบองและแส้ฟาด
ไปบนร่างของมัน แม้ว่ามังกรตัวนี้จะมีขนาดเล็กเท่าเดิมเหมือน
เมื่อตอนที่มันถูกขังอยู่ในถ้าแต่ในเวลานี้มันกลับยืนอยู่ต่อหน้า
เขาในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ดูสูงส่งกว่าเขาเสียแล้ว
“ถ้าหากให้เดา..เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะกลับมาให้เจ้าเห็นหน้าอีก
ครั้งสินะ?”
เวเนี่ยนไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็นสิ่งนี้ สิ่งที่เขาคิดไว้มีเพียง
ค้นหาตัวมันให้เจอและสั่งสอนให้มันรู้สานึกว่าสิ่งที่มันทาเป็น
สิ่งที่โง่เง่าเพียงใดเท่านั้น เท้าของเขาเริ่มขยับถอยหลังไปอีก
ก้าวมันเริ่มสั่นแรงขึ้นจนเขารู้สึกถึงมันได้
“นั่นอะไร?….มันเกิดอะไรขึ้น?”
หมอกสีแดงเข้มพุ่งเข้าสู่ร่างของเขาและเริ่มเคลื่อนตัวเพื่อรัด
รอบตัวเขาเอาไว้ มันเริ่มขยับตั้งแต่ปลายเท้าและขยับขึ้นสู่ขา
ของเขาทันที มันเป็นเหมือนงูที่โอบรัดรอบตัวเขาเอาไว้และตัว
เขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนเพื่อหนีไปได้เช่นกัน
“ยังไงก็ตาม…ยินดีที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง”
มังกรบ้าตัวนี้เอ่ยทักทายเขาด้วยการใช้พลังเวทย์รัดรอบตัวเขา
เอาไว้อย่างนั้นหรือ? เขาไม่สามารถทาอะไรได้เพราะหมอกที่
เหมือนดั่งงูตัวนี้มันขยับมาถึงคอของเขาแล้ว
“เฮือก…”
ลูกน้องของเวเนี่ยนที่เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาต่างตกใจกับสิ่งที่เห็น
ก่อนที่จะเงียบเสียงลงไปอีกครั้ง
ฟ่อ!!!!!!!!
เสียงลมที่ดังขึ้นคล้ายกับเสียงงูแผ่แม่เบี้ยดังก้องเต็มสองหูของ
เขา สภาพของเวเนี่ยนในตอนนี้ดูโทรมยิ่งนักเมื่อเทียบกับสภาพ
ปกติที่เขามักเป็น
“ไ….ไม่…ไม่นะ!!!!!!!”
หมอกเริ่มขยับมาถึงใต้จมูกของเขาแล้ว
เขาไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขาไม่สามารถขยับ
ร่างกายของตนเองได้เลย ร่างกายของเขาในตอนนี้กาลังเป็น
อัมพาตเพราะพลังเวทย์ของมังกรดา
หมอกสีแดงเข้มเข้าปกคลุมไปทั่วจมูกและใบหน้าของเขาอย่าง
ช้าๆ เขาพยายามกลั้นหายใจเอาไว้แต่ในที่สุดหมอกก็ลอดเข้า
มาในจมูกของเขาจนได้
เขาเริ่มหายใจไม่ออกและตอนนั้นเองที่เขาสามารถเห็นใบหน้า
ของมังกรผ่านหมอกหนานี้ไปได้
“ข้ารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก..ที่ได้พบกับเจ้าในวันนี้…เวเนี่ยน….
สแตน”
“อึ่ก!!!!….แค่ก!!!!!”
ราอนสามารถมองเห็นใบหน้าเหยเกของเวเนี่ยนผ่านหมอกทึบ
ได้อย่างชัดเจน ร่างของเวนี่ยนเริ่มกระตุกช้าๆหลังจากสูดเอา
หมอกที่ออนเป็นผู้สร้างขึ้นพร้อมกับพิษที่ฮงผสมเข้าไปในนั้น
อีกเล็กน้อย ราอนค่อยๆคลายพลังเวทย์ที่รัดรอบตัวของ
เวเนี่ยนออก
ฟุ่บ!!
เวเนี่ยนล้มไปกองบนพื้นทันที เขาหมดสติไปก่อนหน้าที่ราอน
จะคลายพลังเวทย์ของเขาออกเสียด้วยซ้า
ราอนยังคงจ้องไปที่ร่างของเวเนี่ยนที่นอนกองบนพื้นอย่าง
เงียบๆก่อนจะรู้สึกถึงมือที่ลูบไปบนศีรษะของมันเบาๆ
มันเป็นมือของคาร์ลนั่นเอง คาร์ลใช้‘เสียงเรียกของวายุ’เพื่อ
กระโดดลงมาจากหลังคา เขายังคงลูบศีรษะของราอนต่อไปใน
ขณะที่สายตาก็จ้องไปที่ร่างของเวเนี่ยน เขาได้ยินเสียงของ
ราอนดังขึ้นในเวลาต่อมา
“อ่อนแอ!…หมอนี่ช่างอ่อนแอยิ่งนัก!”
คาร์ลเริ่มยิ้มแหยเมื่อได้ยินเสียงราอนบ่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเขาก็ตัดสินใจที่จะถามราอนขึ้นมาอยู่ดี
“งั้น..เจ้าอยากหยุดมั้ย?”
“ไม่!…ข้าจะทากับเขาเหมือนที่เขาทาไว้กับข้า!”
คาร์ลลูบหัวกลมๆของราอนแรงขึ้นอีกเล็กน้อยหลังจากที่เห็น
ว่าราอนเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล เขามองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
อีกครั้ง
“งั้นมาเริ่มกันเถอะ!”
ตึง! ตึง!
ลูกแมวน้อยออนและฮงรีบกระโดดลงมาจากหลังคาที่อยู่
บริเวณข้างๆทันทีเมื่อได้ยินคาร์ลพูดขึ้นออนเริ่มควบคุมหมอก
เพื่อเปิดเส้นทางให้แก่เชวฮันเดินเข้ามาหาพวกเขาได้
“พวกเขาทั้งหมดกาลังรออยู่ที่ปากทางขอรับ…”
คาร์ลหันไปมองร่างของราอนที่เริ่มเลือนหายไปด้วยเวทย์
ล่องหนก่อนจะออกคาสั่งแก่เชวฮัน
“บอกพวกเขาให้เข้ามาที่นี่ได้แล้ว”
“ขอรับ..”
ใช้เวลาไม่นานก็ปรากฏรถม้าสองคันแล่นเข้ามาในตรอกมืด
แห่งนี้และหยุดลงบริเวณที่พวกคาร์ลอยู่ก่อนจะมีคนออกมา
จากรถม้าคันหนึ่งทันที
“เอ่อ….อรุณสวัสดิ์…นายน้อยคาร์ล”
“พวกเขาอยู่นั่น!”
‘เคจ’ อดีตนักบวชผู้บ้าคลั่งเหลือบไปมองบริเวณที่คาร์ลชี้ให้ดู
ทันที เธอเห็นร่างของคนสองคนที่หมดสติกองอยู่บนพื้น รวมไป
ถึงร่างของเวเนี่ยนที่เชวฮันกาลังพยุงขึ้นมาจากพื้น
ก่อนหน้านี้เธอมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตรอกเล็กๆนี้เลยสักนิด
เพราะหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณแต่เหตุผลส่วนใหญ่นั่นเป็น
เพราะเชวฮันกาลังยืนเฝ้าดูต้นทางเอาไว้ต่างหาก
เธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงของลูกน้องเวเนี่ยน
ทั้งสองคนแม้ว่าพวกเขาจะหมดสติอยู่ก็ตามและใบหน้าของ
เวเนี่ยนนั้นก็ดูซีดเซียวเป็นอย่างมาก
“เราไม่มีเวลาแล้ว”
“เอ่อ…อืม…ใช่…ใช่แล้ว”
เธอเรียกสติของตนกลับคืนมาเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆของคาร์ลดัง
ขึ้น ก่อนจะสั่งให้ผู้ติดตามของเธอทั้งสองคนเข้าไปเคลื่อนย้าย
ร่างลูกน้องของเวเนี่ยนขึ้นไปเก็บไว้บนรถม้าอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ผู้ติดตามของเธอกาลังทาหน้าที่ของตนอยู่นั้นเธอก็
สาวเท้าเข้าหาคาร์ลที่กาลังจะออกไปจากที่นี่พร้อมกับร่างหมด
สติของเวเนี่ยนด้วยรถม้าอีกคัน
“หวังว่าท่านคงจาได้…เพียงสี่วันเท่านั้น”
“อืม…ข้าจาได้…สี่วันก็มากพอแล้ว”
คาร์ลตอบอย่างมั่นใจว่าใช้เวลาเพียงสี่วันก็เพียงพอสาหรับเขา
แล้ว เช่นเดียวกับเชวฮันที่กาลังโยนร่างของเวเนี่ยนไปไว้มุม
หนึ่งบนรถม้า พวกเขาทั้งคู่ดูสงบเป็นอย่างมากในขณะที่เคจ
เริ่มรู้สึกเย็นไปทั่วแผ่นหลัง
เขาให้ความรู้สึกต่างจาก‘คาร์ล เฮนิตัส’ ผู้ที่ก้าวขึ้นมาปกป้อง
ประชาชนเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในจัตุรัสกลาง
เมืองรวมถึงนายน้อยคาร์ลคนเดียวกับที่ให้การช่วยเหลือเธอ
และเทย์เลอร์ อย่างไรก็ตามเคจก็เลือกที่ยิ้มออกมาเธอ
จาเป็นต้องดาเนินการตามแผนทุกอย่างให้ถูกต้องและรวดเร็ว
ที่สุด
“ได้..ข้าจะเชื่อใจท่าน…ในเมื่อท่านแจ้งแก่ข้าไว้ว่า‘สี่วัน’…ได้
โปรดอย่าลืมมันเสียเล่า…นายน้อยคาร์ล”
‘สี่วัน’ คาร์ลกาลังคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสี่วันต่อจาก
นี้ในขณะที่ปากก็เอ่ยรับคาอย่างจริงจังต่อเคจผู้ที่เต็มไปด้วย
ความกังวลใจว่าตัวเขาจะไม่รักษาสัญญา
“ได้สิ…เป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะลืมมัน…ดังนั้นได้โปรดหยุด
กังวลเถิด..ท่านเคจ”
คาร์ลละสายตาไปมองร่างไร้สติของเวเนี่ยนเมื่อกล่าวต่อไป
“ในแต่ละวันที่ผ่านไปมันจะไม่ต่างกับหนึ่งปี…เขาจะไม่มีทาง
ลืมมันได้อย่างแน่นอน”
จากนั้นเขาจึงหันไปทางเคจเพื่อเอ่ยคาลา
“เราคงต้องขอตัวก่อน”
“อ่า…..ได้ๆๆๆ”
เธอจะไม่มีวันลืมสายตาที่คาร์ลใช้มองเวเนี่ยนเป็นอันขาด มัน
เป็นแววตาที่ดูน่ากลัวจนเธอเริ่มขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง เธอยังคง
มองตามหลังรถม้าที่กาลังเคลื่อนตัวออกไปจากตรอกจนหาย
ลับไปจากสายตา
‘….อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องดีเพราะเขาสัญญาว่าจะไม่ฆ่า
เวเนี่ยน’
คาร์ลสัญญาว่าจะส่งตัวเวเนี่ยนกลับคืนมาโดยจะไม่ลงมือฆ่า
เขาแต่อย่างใด เคจกับเทย์เลอร์เชื่อใจในตัวคาร์ลเพราะเขา
ไม่ใช่คนที่จะทาผิดสัญญาต่อผู้อื่นและเหตุผลสาคัญคือเขาเป็น
คิดแผนนี้ขึ้นมาตั้งแต่ต้น
“เราควรเชื่อใจในตัวเขา…ตัง้ แต่ที่เรายอมให้เขาทาสิ่งนี้ตั้งแต่
แรก”
เคจตัดปัญหากวนใจทั้งหมดออกไปเพราะต้องเริ่มเคลื่อนย้าย
ออกจากที่นี่อย่างรวดเร็วเช่นกัน
“สองคนนั้น..อยู่บนรถม้าแล้วใช่มั้ย?”
“ขอรับ!”
“ดี…งั้นไปกันเถอะ”
รถม้าของเคจเริ่มเคลื่อนตัวออกจากตรอกเล็กๆนี้เช่นกัน รถม้า
คันนี้กาลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับรถม้าของคาร์ล
รถม้าของคาร์ลกาลังมุ่งหน้าไปยังทิศตรงข้ามกับคฤหาสน์
สแตน มันมุ่งหน้าไปยังแหล่งที่หรูหราที่สุดซึ่งเป็นย่านที่เหล่า
คนรวย ขุนนางและองครักษ์ระดับสูงอาศัยอยู่ ถนนดูสะอาดตา
และอาคารบ้านเรือนก็ดูโอ่อ่าสวยงาม
เอี๊ยด!!!!!!อ๊าด!!!!!
รถม้าที่วิ่งฝ่าสายหมอกยามเช้าตรู่หยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
ก่อนที่ประตูเหล็กขนาดใหญ่จะเปิดออกช้าๆ
คลิ๊ก!!!ครืด!!!!!!!!!!!!!
เอี๊ยด!!!!!!อ๊าด!!!!!
รถม้าเคลื่อนตัวเข้าไปด้านหลังของบ้านพักทันทีที่ประตูเหล็ก
บานใหญ่เปิดกว้างออก (53380)
มันหยุดลงหน้าประตูบานเล็กๆซึ่งถือว่าดูดีเป็นอย่างมากเมื่อ
เทียบว่ามันเป็นเพียงประตูที่เปิดเข้าสู่ชั้นใต้ดิน
“มันเป็นบ้านที่ดูดียิ่งนัก”
คาร์ลกวาดสายตาไปมองบริเวณรอบๆในขณะที่เท้าก็ก้าวลง
จากรถม้าก่อนจะหันไปมองคนบังคับรถม้าในเวลาต่อมา คน
บังคับรถม้าใช้ฮู้ดคลุมศีรษะของตนจนไม่สามารถเห็นใบหน้าที่
แท้จริงของเขาได้
ก่อนที่ฮู้ดจะถูกยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อตอบรับคาสั่งของคาร์ล
“เจ้าไปได้แล้วล่ะ”
‘โอเดียส’ ชายผู้อยู่ภายใต้ฮู้ดผืนใหญ่โค้งศีรษะให้คาร์ล
เล็กน้อยและเดินจากไปเงียบๆก่อนจะไปหยุดยืนบริเวณประตู
บานหนึ่งของบ้านพัก เขาต้องการที่จะหันกลังกลับไปมองคาร์ล
อีกครั้งแต่ก็ดึงตัวเองกลับคืนมาได้ก่อน
‘ข้าจะผิดต่อเขา’
เขาต้องออกไปจากที่นี่เพียงลาพังเพราะคาร์ลบอกเขาไว้ว่าไม่
สามารถละทิ้งลูกน้องของตนไว้ข้างหลังได้ ตอนนี้เขาเข้าใจ
แล้วว่าทาคาร์ลต้องให้เขาคอยรับใช้ในการนี้ สิ่งที่พวกเขาทา
ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถรู้ได้
‘ห้องทรมาน’
บทที่ 85 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 4 (2)

เขามั่นใจว่าชื่อเสียงของคาร์ลที่รู้จักโดยทั่วไปถือเป็นคนดีคน
หนึ่ง เขาเป็นคนดีที่พร้อมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น อย่างไรก็
ตามสิ่งที่คนอื่นๆพูดกันนั้นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคาร์ล แม้แต่
เชวฮันที่เขามั่นใจว่าเป็นคนดียังเลือกที่จะติดตามคาร์ลและ
น้อมรับคาสั่งของคาร์ลทุกอย่าง โอเดียสนึกถึง‘บิลอส’
หลานชายของตนที่แจ้งความประสงค์ต่อเขาว่าจะติดตามคาร์ล
เช่นกัน
จากนั้นโอเดียสจึงเริ่มขยับตัวอีกครั้ง เขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่าง
รวดเร็วเพื่อทาการปกปิดร่องรอยของคาร์ลในอีกสี่วันข้างหน้า
“เฮ้อ…มันเป็นปัญหาของตัวข้าแล้วสินะ?..ที่ตัวข้าเองก็เลือก
ติดตามเขาราวกับมันเป็นเรื่องปกติ”
โอเดียสพึมพาพลางส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหายลับไปในหมอก
ทึบ
คาร์ลเปิดประตูลงสู่ชั้นใต้ดินทันทีที่โอเดียสหายไปจากสายตา
ของเขา
เอี๊ยด!!!!
เขาได้ยินเสียงเรียบเย็นเอ่ยทักเขาขึ้นมาทันทีที่ลงสู่ชั้นใต้ดิน
แล้ว
“อ่า…นายน้อยมาถึงแล้ว”
เขามองเห็นบารอคยืนอยู่ข้างๆประตู บารอคเดินทางมาถึงที่นี่
เมื่อเย็นวานนี้ เขาคือลูกชายของนักฆ่ารอน เขาคือนักดาบฝีมือ
ดีและยังเป็นพ่อครัวอีกด้วย เขามีหลากหลายฉายาที่สามารถ
เลือกใช้ได้และแน่นอนว่าอีกหนึ่งฉายาที่จะเรียกเขาในตอนนี้คือ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมาน
“อืม…เรามาเริ่มกันเถอะ”
เชวฮันดึงร่างของเวเนี่ยนขึ้นมาและมุ่งหน้่าไปทางบารอคทันที
บารอคมองตามร่างที่ขยับเข้ามาก่อนจะเหลือบไปมองมังกรดา
ที่กาลังกระพือปีกบินอยู่ข้างๆคาร์ล
คาร์ลแกล้งทาเป็นไม่เห็นสายตาของบารอคที่กาลังจ้องมาที่
ราอนอยู่ เขาได้เปิดเผยตัวตนของราอนให้บารอคทราบเมื่อ
วานนี้
ซึ่งตัวบารอคเองสามารถยอมรับมันได้อย่างง่ายดาย
‘กระผมเข้าใจแล้วขอรับ’
บารอคยอมรับมันได้ในทันทีเมื่อคาร์ลแจ้งแก่เขาว่าราอนเป็น
คนนาวัตตุดิบต่างๆมาให้เขาประกอบอาหารเมื่อครั้งที่พวกเขา
เดินทางไปยังเมืองหลวง อย่างไรก็ตามบารอคกลับมีปัญหาใน
สิ่งที่พวกเขาจะลงมือทาต่อจากนี้เพราะคาร์ลไม่ได้อธิบายเรื่อง
ของเวเนี่ยนให้เขาฟัง
‘แต่อย่างน้อยเขาก็ทาตามคาสั่งได้ดี’
บารอคเป็นคนละเอียดรอบคอบยิ่งนัก
คาร์ลสัมผัสถึงสิ่งนี้ของบารอคได้มากขึ้นทันทีที่พวกเขาไปถึง
ห้องขนาดใหญ่
“เจ้าเตรียมทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบมาก”
มีอุปกรณ์หลากหลายประเภทตั้งไว้มุมห้องซึ่งบารอคเป็นคน
จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้
“มันเหมือน…มันเหมือนยิ่งนัก”
ราอนเอ่ยให้คะแนนอย่างสงบ ห้องทรมานใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้าง
ให้มีความใกล้เคียงกับถ้าที่ราอนต้องทนทุกข์ทรมานมาตอลด
ระยะเวลาสี่ปีที่มันลืมตาขึ้นมาดูโลก
เชวฮันโยนร่างของเวเนี่ยนลงไปบนเก้าอี้ บารอคมองภาพนั้น
อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปถามบางอย่างแก่คาร์ล
“กระผมต้องลงมือทรมานเขาหรือขอรับ?”
“ใช่”
“แล้วกระผมต้องทาอะไรบ้างขอรับ?”
ราอนเป็นผู้เดียวที่สามารถตอบคาถามนี้ของบารอคได้ ราอน
บินไปหยุดตรงหน้าของบารอคเพื่อตอบคาถามนี้
“ข้าจะคืนทุกสิ่งให้กับหมอนี่..สาหรับความทุกข์ทรมานทุก
อย่างที่ข้าได้รับ”
“….ความทุกข์ทรมาน?”
บารอคไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับราอนมาก่อน
“ใช่…ข้าถูกทรมานมาเป็นเวลากว่าสี่ปีตั้งแต่ที่ข้าลืมตาขึ้นมาดู
โลก…ข้าถูกทรมานร่างกายและถูกเฆี่ยนตีในทุกๆวัน…ข้าถูกขัง
ในถ้ามืดๆ..ไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวัน…ข้าต้องการตอบแทน
ความทุกข์ทรมานที่ข้าเคยได้รับมาตลอดสี่ปีให้แก่เขา…ใน
ตลอดช่วงสี่วันต่อจากนี้”
เสียงเรียบเย็นของราอนดังก้องไปทั่วห้อง เชวฮันถูใบหน้าของ
ตนกับใบหน้าของออนและฮงอย่างไม่รู้จะทาอะไรดี
คาร์ลยกมือขึ้นมากอดอกก่อนจะหันไปมองราอน เขาคิดว่า
ราอนเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก มันเป็นเรื่องยากที่
ไม่ว่าใครก็ตามจะสามารถพูดถึงความเจ็บปวดในอดีตด้วย
ท่าทางที่สงบเรียบเย็นอย่างที่ราอนกาลังทาอยู่
“ข้าจะพูดโดยสรุปคร่าวๆว่าตัวข้าได้รับความทรมานอย่างไร
บ้าง…อันดับแรก..ร่างของข้าถูกเฆี่ยนตีจนกระทั่งผิวมังกรผู้
ยิ่งใหญ่อย่างข้าอักเสบ”
ราอนเริ่มอธิบายทุกอย่างโดยละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่มันต้อง
เผชิญมาตลอดช่วงสีปี่ที่มันต้องทนทุกข์ทรมาน ราอนดู
กระตือรือร้นอย่างมากเมื่อเขาเล่าทุกอย่างให้บารอคที่กาลังฟัง
เขาอย่างตั้งใจ เขาต้องการเอาคืนเวเนี่ยนทุกอย่างๆที่หมอนี่ทา
กับมันไว้
“ต้องเฆี่ยนลงจุดสาคัญในการเรียกเลือดออกมาให้ได้มากที่สุด
และต้องเป็นจุดที่เจ็บปวดที่สุด….นี่คือพื้นฐานสาคัญในการลง
มือทรมานใครสักคน”
ปั้ง!!!
ราอนหยุดเสียงลงก่อนจะหันไปมองทางต้นกาเนิดเสียง
คาร์ลเตะเก้าอี้ที่มีร่างอันไร้สติของเวเนี่ยนนั่งอยู่บนนั้นโดยแรง
ร่างของเวเนี่ยนล้มไปกองบนพื้นทันทีแต่ก็ไม่ทีท่าว่าจะฟื้น
ขึ้นมาแต่อย่างใด เรื่องนี้ทาให้คาร์ลสงสัยว่าพิษของยาสลบ
ของฮงนั้นรุนแรงเพียงใดจึงทาให้เวเนี่ยนสลบไสลถึงเพียงนี้?
คาร์ลเอ่ยขึ้นมาราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ทาในสิ่งที่เจ้าต้องการต่อไปเถอะ”
“…ข้าเข้าใจแล้ว…เจ้ามนุษย์”
ราอนหันกลับไปเล่าต่อทันที มันเลือกเล่าในสิ่งที่เป็นเรื่องหลักๆ
เท่านั้นเพราะไม่มีเวลามากนัก ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่ว
ห้องทันทีที่มันเล่าจบ
คาร์ลมองไปที่บารอคแล้วเริ่มยิ้มออกมา
บารอคหยิบถุงมือสีขาวออกมาจากกระเป๋าของตน เขามักจะ
สวมพวกมันเอาไว้เสมอเพื่อไม่ให้มือเขาต้องเปื้อนกับสิ่งสกปรก
“ฟังดูแล้ว..ท่าจะมีเลือดเยอะเกินไป”
จากนั้นเขาจึงหยิบถุงมืออีกคู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วสวมมัน
ทับถุงมือคู่แรกทันที คาร์ลไม่เคยเห็นหรือได้อ่านมาก่อนว่าบา
รอคเลือกสวมถุงมือสองคู่เวลาลงมือทรมานใครสักคน
“บารอค”
“ขอรับ?”
บารอคหันไปมองคาร์ลเมื่อได้ยินเขาร้องเรียกตนขึ้น
“ไปทาอาหารก่อนที่เจ้าจะเริ่มลงมือ…”
“….ทาอาหาร?”
บารอคมองคาร์ลตาค้างราวกับว่าคาร์ลบ้าไปแล้ว อย่างไรก็
ตามคาร์ลชี้ไปยังร่างของราอนที่กาลังกระพือปีกถี่ขึ้นอย่างเห็น
ด้วยกับความคิดของคาร์ล
“ราอนต้องการอาหาร”
“หมอนั้น…นั่งดูข้าโดนทรมานพร้อมกับทานอาหารไปด้วย..
หมอนั่นเคยบอกข้าไว้ว่าการได้เห็นเลือดของข้าทาให้เขาเจริญ
อาหารมากขึ้น”
“ไอ้บ้าเอ้ย!!!!!”
เชวฮันสบถออกมาทันที ในขณะที่บารอคหยิบถุงมือขึ้นมาอีกคู่
ก่อนที่จะหันมาพูดกับราอนและคาร์ล
“ดูเหมือนว่ากระผมต้องเตรียมงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่เสียแล้ว
ล่ะ”
สิ่งนี้ทาให้คาร์ลมั่นใจว่าบารอคเป็นคนที่อ่อนไหวต่อผู้ที่อ่อนแอ
กว่า เขาอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานแต่ไม่ว่าจะเป็น
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินหรือแม้แต่ราอน บารอคกลับดู
อ่อนไหวและเอ็นดูเด็กๆเหล่านี้เป็นอย่างมาก
บารอคเอ่ยถามอีกครั้งก่อนจะมุ่งหน้าไปจัดเตรียมอาหาร
“ข้าสามารถทาร้ายเขาจนตายได้หรือไม่?”
“ไม่จาเป็นต้องทาถึงขั้นนั้น”
ราอนตอบกลับไป
“ตกลง…แล้วนายน้อยล่ะขอรับ?…ท่านจะอยู่ในนี้ด้วยหรือ
ขอรับ?”
‘ฮืม….’
คาร์ลส่งเสียงคร่าครวญผ่านลาคอก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่นตาม
คาถามของบารอค
‘ฉันก็ไม่อยากจะอยู่ในนี้สักเท่าไหร่?…ใครอยากจะเห็นภาพพวก
นั้นกันเล่า…แต่…..’
เขาต้องการอยู่เงียบๆอย่างสงบเพราะไม่ต้องการเห็นเลือดหรือ
สงคราม อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเกิดขึ้นถือเป็นโอกาสพิเศษ
พวกเขาได้ติดตั้งเครื่องมือเวทย์ล่องหนไว้ที่มุมห้อง มันอาจเป็น
เรื่องยุ่งยากหาคาร์ลเปิดเผยตัวตนให้เวเนี่ยนได้เห็น ดังนั้นเขา
สามารถดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากมุมห้องที่ถือเป็นจุดลับเฉพาะ
‘ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเพลิดเพลินไปกับการกินอาหารในขณะที่
ตาก็ต้องดูการทรมานไปด้วย….อ่า…ฉันต้องจิบไวน์สักหน่อย
แล้วล่ะ’
คาร์ลรู้ดีว่ามันต้องเป็นภาพที่โหดร้ายพอสมควรเพราะราอน
ต้องการโยนความโกรธแค้นทั้งหมดที่มันมีส่งไปให้แก่เวเนี่ยน
อย่างแน่นอน สถานการณ์เช่นนี้การได้รับแอลกอฮอล์เข้า
กระแสเลือดถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ในขณะที่คาร์ลจะเอ่ย
ปากขอไวน์จากบารอคนั้นราอนก็ชิงพูดตัดหน้าคาร์ลเสียก่อน
“ข้าเข้าใจ..มนุษย์อ่อนแอ..เจ้าไม่ต้องคิดอะไรให้มากไปกว่านี้…
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเจ้าไม่จาเป็นต้องดูมันหรอก”
“ราอนพูดถูก..กระผมรู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องยากสาหรับท่านนะ
ขอรับ…”
เชวฮันเอ่ยสาทับราอนขึ้นอีกคนรวมไปถึงออนและฮงก็พยัก
หน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ทั้งคู่พูดเช่นกันก่อนที่คาร์ลจะเริ่มพูด
ขึ้นด้วยความประหลาดใจเต็มใบหน้า
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?”
คาร์ลลูบศีรษะของราอนเบาๆเมื่อมันเดินผ่านหน้าเขาไป
“หากข้าไม่ดูมันกับเจ้า…แล้วเจ้าจะดูมันคนเดียวงั้นหรือ?”
มันย่อมมีบางอย่างในโลกใบนี้ที่เราอาจต้องฝืนใจตนเองไปบ้าง
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากเพียงใดก็ตาม คาร์ลล้วงบางอย่าง
ออกมาจากกระเป๋าเวทย์ของตนก่อนจะส่งมันให้แก่บารอค
“ใช้ยานี้ซะหากเขาดูเหมือนใกล้จะตาย…หลังจากนั้นหมอนี่จะ
อยู่ได้นานถึงสี่วันอย่างแน่นอน”
“ขอรับ”
บารอคเอ่ยรับคาอย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่
ใครๆก็ทากัน ในขณะที่เชวฮันและราอนนั้นกลับมีท่าทางที่บา
รอคไม่ค่อยจะเข้าใจมันสักเท่าไหร่?
“เจ้าไปเตรียมอาหารได้แล้วล่ะ”
บารอคจัดเตรียมอาหารชุดใหญ่สาหรับงานเลี้ยงฉลองภายใน
ห้องใต้ดิน แน่นอนว่ามันเป็นงานเลี้ยงฉลองของราอนแต่เพียง
ผู้เดียว
.
.
.
“อึ่ก….อืม!!!….โอ๊ะ!!!”
เวเนี่ยนส่งเสียงครางออกมาเบาๆและพยายามขยับร่ายกาย
ของตน ร่างกายของเขาในตอนนี้มันหนักมากแม้ว่าเขารู้สึกได้
ถึงร่างกายทุกๆส่วนของตนแต่มันกลับหนักอึ้งไปทั่วร่าง มัน
รู้สึกราวกับว่าไม่มีแม้แต่อากาศหายใจเสียอย่างนั้น ใช้เวลาไม่
นานเขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้ทั้งหมดและพยายามจะนึกให้ออ
กว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
“เฮือก…อึ่ก”
เวเนี่ยนเบิกตากว้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า มันเป็นภาพของ
งานเลี้ยงฉลองบางอย่าง (53380)
มันเป็นงานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่มากที่แม้กระทั่งขุนนางระดับสูง
หลายๆคนก็ไม่เคยเห็นเมนูอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
ตรงหน้าเขามาก่อน
มังกรดานั่งอยู่บนหัวโต๊ะอาหารก่อนจะเหลือบมองไปที่ร่างของ
เวเนี่ยน
เคร้ง!!! กราว!!!!!
เวเนี่ยนหันศีรษะของตนไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงโซ่ที่
พันธนาการแขน ขาและลาคอของเขาเอาไว้
“อึ่ก…อ่า….อื้ออออออ!!!!!!!!!”
เขาพยายามตะโกนออกมาเสียงดังแต่ไม่มีแม้แต่เสียงที่เล็ดลอด
ออกมาให้ได้ยินมันเป็นเพราะโซ่อาคมที่รัดรอบคอเขาเอาไว้ทา
ให้เขาไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้
เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาได้เหมือนกับที่ราอนเคย
เผชิญมาก่อนหน้านี้
ฟรึ่บ!!!!เผี๊ยะ!!!!!!!!!!!
แส้ถูกฟาดลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วห้อง มันเป็นแส้
ขนาดใหญ่ที่มีโลหะและเศษแก้วประดับอยู่บนแส้ มันเป็นแส้ที่
คล้ายคลึงกับที่พวกมันเคยใช้กับราอน
ชายสวมหน้ากากเดินควงแส้เข้ามาและก้าวเข้าหาเวเนี่ยน
อย่างช้าๆ
“ลงมือได้!!!”
ราอนตะโกนสั่งเสียงดังทันที
บทที่ 86 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 5 (1)

บารอคสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าในขณะที่มือก็ควงแส้
ฉวัดเฉวียนไปมากลางอากาศ
เพี๊ยะ!!!!!
แส้แหวกผ่านอากาศก่อนหยุดลงที่ร่างของเวเนี่ยน
“อ๊าก!!!”
ร่างกายของเวเนี่ยนถึงจะหนักจนชาไปหมดแต่เขาก็ยังสามารถ
รับรู้ถึงความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี แส้ยังคงแหวกผ่านอากาศ
และปะทะลงไปยังร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง เครื่องแบบของขุน
นางภายใต้เสื้อคลุมของเวเนี่ยนเริ่มฉีกขาดและผิวด้านในเริ่มมี
เลือดซึมออกมาไม่ขาดสายเมื่อแส้ที่มีเศษแก้วแหลมคมปะทะ
กับแผ่นหลังของเขา เศษแก้วบางส่วนหลุดออกจากแส้และปัก
ลงบนผิวหนังของเขาอย่างน่ากลัว
มันเป็นแบบเดียวกับที่ราอนเคยโดนเมื่อครั้งยังเป็นเพียงเด็ก
แรกเกิด
“อึ่ก!!!!!อ๊าก!!!!….อ่อยยยยย!!!!”
เวเนี่ยนพยายามตะโกนบางอย่างออกมาแต่มันก็ยังไม่สามารถ
เปล่งเสียงออกมาเป็นคาพูดใดๆได้ เขาพยายามดิ้นรนขัดขืน
และขยับร่างกายให้ได้มากที่สุดแต่ร่างกายของเขาก็ยังเป็น
อัมพาตอยู่เช่นเดิม
มันเป็นเหมือนกับที่ราอนเคยเป็น ราอนต้องทนทรมานภายใต้
โซ่อาคมที่ล็อกร่างกายของมันอย่างแน่นหนา
เวเนี่ยนไม่สามารถทาอะไรได้นอกเสียจากต้องทนรับความทุกข์
ทรมานทีก่ าลังเผชิญอยู่ เขาค่อยๆปล่อยร่างของตนให้ไหลไป
ตามแรงโน้มถ่วงช้าๆ
อย่างไรก็ตามสายตาที่เวเนี่ยนมองไปยังร่างของมังกรดาที่นั่ง
อยู่บนหัวโต๊ะกลับเป็นประกายจ้า มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า
เขาจะไม่ยอมแพ้ให้กับมัน
เพี๊ยะ!!!!!เพี๊ยะ!!!!!
แส้ตวัดผ่านแก้มของเขาในขณะที่ส่งสายตาคมกล้าให้แก่มังกร
“อั่ก!!!…อึ่ก!!!!….”
ร่างของเวเนี่ยนสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เลือดค่อยๆ
ไหลออกมาจนโชกไปทั่วร่างแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นบารอคก็ยังไม่
แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมาเขายังคงฟาดแส้ลงไปบนร่างของ
เวเนี่ยนอย่างต่อเนื่อง
บารอคหวดแส้ลงไปบนพื้นที่ที่ชุ่มไปด้วยเลือดและยังคงไหล
ออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาหวดมันลงไปซ้าแล้วซ้าเล่าและ
ยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแม้ว่าเลือดจะพุ่งไปทั่วห้องก็
ตาม
“เฮือก….”
คาร์ลหันไปมองด้านข้างทันทีที่ได้ยินเสียงสั่นๆดังขึ้น ก่อนจะ
เห็นลูกแมวน้อยออนและฮงขดตัวเข้าหากันอย่างหวาดกลัว
ตอนนี้พวกเขากาลังอยู่ในเขตพื้นที่ที่ใช้เวทย์ล่องหนอาพรางตา
เอาไว้
ดูเหมือนฮงกาลังประสบกับความลาบากที่จะมองภาพตรงหน้า
ให้ชัดขึ้นเพราะมันกาลังมองไปยังร่างของเวเนี่ยนสลับกับมอง
พื้นเบื้องล่างซ้าไปซ้ามา
ราอนได้ร่ายเวทย์ปิดกั้นเสียงในเขตพื้นที่ล่องหนเอาไว้ทาให้ไม่
มีโอกาสที่จะพลาดท่าให้เวเนี่ยนจับได้ แต่ถึงแม้เวเนี่ยนจะได้
ยินเสียงดังอะไรออกไปก็ไม่ใช่เรื่องสาคัญเช่นกัน
“อั๊ก!!!!อึ่ก!!!!!!อึ่ก!!!!”
แก้มของเวเนี่ยนโชกไปด้วยเลือดในขณะที่ปากก็เปล่งเสียงร้อง
ครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดสลับกับพึมพาในสิ่งที่ไม่
สามารถจับใจความได้ ทุกครั้งที่เวเนี่ยนแสดงอาการเช่นนี้บา
รอคก็เหวี่ยงแส้กระทบร่างของเขาหนักขึ้นทันที
ห้ามพูด!
อยู่นิ่งๆ!
หยุดมองได้แล้ว!
นี่ดูเหมือนจะเป็นข้อความที่บอกแก่เวเนี่ยนผ่านแส้ที่กระทบเขา
กับร่างของเขาเมื่อใดก็ตามที่เขาแสดงปฏิกิริยาเหล่านั้นออกไป
“….ข้าอยากจะดูมัน…แต่…ข้าไม่สามารถทามันได้”
นั่นคือสิ่งที่ลูกแมวน้อยขนสีเงินเอ่ยขึ้นในขณะที่ศีรษะก็ก้ม
ต่าลงเรื่อยๆ คาร์ลเข้าใจดีว่าพวกมันรู้สึกเช่นไร ออนและฮง
รู้สึกเจ็บปวดเมื่อมองภาพนี้
ภายในห้องใต้ดินมืดๆ แขน ขาและลาคอของเวเนี่ยนถูกล่าม
ด้วยโซ่อาคมที่ถูกชโลมจนกลายเป็นเป็นสีแดงสดจากเลือดที่
ไหลออกมาจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพราะภาพนี้ที่
ทาให้ลูกแมวน้อยทั้งสองรู้สึกว่ามันน่ากลัวหรือรู้สึกสงสาร
เวเนี่ยนแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะพวกมันกาลังสัมผัสถึง
ช่วงเวลาอันทุกข์ทรมานของราอนต่างหากและมันเป็นเพียง
จุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานทั้งหมดเสียด้วยซ้า
คาร์ลลูบศีรษะของออนและฮงเบาๆ
“พวกเจ้าไม่จาเป็นต้องดูมัน..หากมันฝืนความรู้สึกของพวกเจ้า
เกินไป”
คาร์ลหันศีรษะของตนกลับไปที่เดิมเพื่อมองราอนที่นั่งอยู่บน
โต๊ะอาหารเพียงลาพัง
ราอนกาลังนั่งทานอาหารจานโปรดของมันอยู่ มันค่อยๆตักส
เต็กเข้าปากของมันเรื่อยๆ
“อ๊ากก!!!!!!!!!!!!อึ่ก!!!!”
ราอนยังคงตักอาหารเข้าปากของมันอย่างต่อเนื่องในขณะที่หูก็
ฟังเสียงกรีดร้องของเวเนี่ยนเป็นระยะๆ
ราอนตั้งตารอเวลาเหล่านี้มานานมาก มันวาดฝันที่จะเห็นภาพ
เหล่านี้มานานแสนนาน
นั่นคือเหตุผลที่มันไม่ยอมพลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีในการลิ้มรส
อาหารที่แสนอร่อยพร้อมกับภาพที่สร้างความบันเทิงใจให้แก่
มันแม้จะไม่มีดนตรีบรรเลงก็ตาม อาหารที่แสนล้าค่าเหล่านี้มัน
ไม่เคยแม้แต่นึกฝันว่าอีกครึ่งปีต่อมามันจะได้ลิ้มลอง
เช่นเดียวกับร่างกายของมันที่แข็งแรงขึ้นพร้อมๆกับอิสรภาพที่
เข้ามาเยือนในชีวิตมัน ราอนยังคงตั้งหน้าตั้งตายัดอาหารเข้า
ปากมันไปเรื่อยๆ มันต้องการที่จะชิมอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
ให้หมด
“แค่กๆๆๆๆ!!!!”
ราอนกระหน่าไออยู่ครู่หนึ่งเพราะอาหารที่มันยัดเข้าปากเยอะ
เกินไปจนเริ่มติดคอแต่มันก็ยังไม่หยุดที่จะยัดเข้าปากเช่นเดิม
คาร์ลหันไปสังเกตใบหน้าและท่าทางของราอน
ราอนกาลังร้องไห้แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดมือ
“อืม…อร่อย…แค่กๆๆๆๆ!!!!!”
มันยังคงบรรจุอาหารลงกระเพาะด้วยความเร็วเช่นเดิมใน
ขณะที่ตาก็เหลือบมองร่างของเวเนี่ยนที่ถูกแส้กระหน่าตีเป็น
ระยะๆ ออนและฮงไม่ได้สนใจท่าทางของราอนในตอนนี้แต่
คาร์ลนั้นกับลอบสังเกตอาการของราอนอย่างพิจารณามากขึ้น
“อ๊อก!!!!!อึ่ก!!!!อ๊าก!!!!!”
ร่างของเวเนี่ยนเริ่มกระตุกแรงขึ้นในขณะที่บารอคก็หวดแส้ลง
ไปในตาแหน่งที่จะทาให้เวเนี่ยนเจ็บปวดที่สุด เวเนี่ยนไม่
สามารถส่งสายตาอันคมกล้าไปยังร่างของมังกรดาที่นั่งอยู่บน
โต๊ะอาหารได้อีกต่อไป
ตาของเขาเริ่มพร่ามัวในขณะที่สติสัมปชัญญะก็ค่อยๆเลือน
หายไปช้าๆ
เพี๊ยะ!!!!!
แส้กระทบเข้ากลางศีรษะของเวเนี่ยนส่งผลให้เขาสลบเหมือด
จมกองเลือดของตนเองในที่สุด
ราอนหยิบสเต็กยัดเข้าปากของตนอีกครั้ง ดวงตาของราอน
ยังคงมองไปยังภาพเบื้องหน้าเช่นเดิม ไม่ใช่ว่าภาพที่มันเห็น
ในตอนนี้คือภาพของเวเนี่ยนแต่เป็นภาพของมันเมื่อครั้งในอดีต
ต่างหาก นั่นคือสาเหตุที่มันไม่สามารถหยุดมือของมันลงได้
ทันใดนั้นเอง
“เจ้าจะหายใจไม่ทัน”
แปะ!!แปะ!!แปะ!!แปะ!!
ราอนรับรู้ถึงน้าหนักมือที่ตบลงไปบนหลังเขาอย่างแรงแต่มัน
กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นซึ่งตอนนี้เขาคุ้นเคยกับมันเป็น
อย่างดี ราอนค่อยๆเงยหน้าตนขึ้น
“เตราะ!….ดูสิ!…ปากเจ้าเลอะหมดแล้ว”
เสียงห้วนๆดังขึ้นเหมือนดังปกติที่มันมักได้ยินบ่อยๆ ราอนเริ่ม
มองเห็นแขนเสื้อที่ยื่นเข้ามาเช็ดปากของมันและใบหน้าของ
คาร์ลได้ชัดขึ้นก่อนที่มันจะหันกลับไปมองที่จุดเดิมอีกครั้ง
(53380)
เวเนี่ยนหมดสติลงไปนอนกองกับพื้นแม้ว่าจะมีโซ่พันธนาการ
ไว้ก็ตาม ราอนจ้องเขม็งไปที่ร่างของเวเนี่ยนและเอ่ยขึ้น
“ข้าจะดูต่อไป”
“ได้สิ…เจ้าสามารถดูมันต่อได้แน่นอน”
ราอนวางคางเกยกับโต๊ะอาหารเมื่อได้ยินคาร์ลพูดเช่นนั้น คาร์ล
ยังคงตบไปที่หลังของมันเบาๆในขณะที่ตาก็จ้องไปยังร่างของ
บารอคเขม็ง
บารอคมองเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของคาร์ลก็นึกสังสัยขึ้นมาทันที
“มีอะไรหรือขอรับ?…นายน้อยคาร์ล”
“ทาไมเจ้าถึงจะใช้ยาตอนนี้ด้วยเล่า?”
คาร์ลเชิดคางของตนไปยังขวดยาในมือของบารอคในขณะที่บา
รอคก็ถามกลับทันทีด้วยความมึนงง
“เราไม่ต้องรักษาเขาก่อนหรือขอรับ?”
“เลือกใช้มัน…เมื่อเขาใกล้จะหมดลมเท่านั้น!”
แม้ว่าเวเนี่ยนจะดูเหมือนสลบไปแต่เขายังคงส่งเสียงพึมพา
ออกมาเบาๆ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดจนดูเหมือนว่าสี
ผิวของเวเนี่ยนเป็นสีแดง
บารอคหันกลับมามองร่างของเวเนี่ยนเมื่อได้ยินคาสั่งของคาร์ล
ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
บทที่ 86 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 5 (2)

“เขายังไม่ตายจริงๆด้วยขอรับ…คาสั่งของนายน้อยถูกต้องและ
น่าทึ่งยิ่งนัก”
บารอคเก็บขวดยากลับคืนที่เดิมทันที
คาร์ลถอนหายใจยาวและยกร่างของราอนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
ของตนก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
หนัก!
ราอนตัวหนักมาก!!!!
แม้ว่าร่างกายของราอนจะไม่ได้ขยายขึ้นในช่วง2-3เดือนที่ผ่าน
มาแต่ดูเหมือนน้าหนักตัวของมันจะเพิ่มมากขึ้น คาร์ลรู้สึกว่า
แขนของตนกาลังสั่นๆแต่ก็ยังคงอุ้มมันไว้เช่นเดิม เขาไม่
สามารถทิ้งมันไว้ตรงนี้ได้
คาร์ลรู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากร่างของตนเมื่อก้มลงมอง
ออนและฮงที่วิ่งวนไปทั่วร่างของเขาและราอนอย่างเป็นห่วง
คาร์ลก้มลงมองแขนของตนอีกครั้งและพูดขึ้นก่อนที่แขนของ
เขาจะชาไปมากกว่านี้
“มาพักกันก่อนล่ะกัน”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาอีกแต่คงยกเว้นบารอคไว้หนึ่งคนเมื่อเขา
เอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ
“แล้วต้องทาอย่างไรต่อ..หากเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว?”
“….นี่มันยังไม่ชัดอีกหรือไง?”
ก่อนที่ราอนจะเป็นคนตอบคาถามนี้และเอ่ยเพิ่มขึ้น
“เราจะทามันต่อทันที”
“เมื่อกี้…เจ้าว่าอะไรนะ…บารอค?”
“ไม่มีอะไรขอรับ…ข้าเข้าใจแล้ว”
คาร์ลผลักประตูออกไปพอให้ได้ยินเสียงเบาๆ เชวฮันยืนอยู่
ตรงหน้าประตูพร้อมกับแสดงความโกรธแค้นและเศร้าใจ
ออกมาให้ได้เห็น คาร์ลเริ่มออกคาสั่งแก่เชวฮันที่ยังคงมองมาที่
ร่างของเขาสลับกับร่างของราอนที่อยู่ในอ้อมแขน
“มีไวน์อยู่ขวดหนึ่งที่ยังไม่ถูกเปิด…เจ้าไปเอามันมาให้ข้าที..อ้อ!
อย่าลืมแก้วด้วย”
คาร์ลตัดสินใจแล้วว่าถึงอย่างไรเขาก็ต้องได้ดื่มในค่าคืนนี้
คาร์ลสาวเท้าไปยังที่พักชั้นหนึ่งในขณะที่ปากก็เอ่ยถามราอน
ขึ้นมา
“เจ้าโตขึ้นรึเปล่า?….ตัวเจ้าหนักกว่าคราวทีแล้วอีก”
“เจ้ามนุษย์อ่อนแอ…แขนเจ้ามันไม่มีแรงเองต่างหากเล่า”
“ข้าพูดอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย?”
ราอนผู้ยัดกระเพาะตนเองด้วยอาหารเลิศรสตั้งแต่เช้าตรู่เงย
หน้าขึ้น มันมองเห็นวิวที่อยู่รอบๆที่พักได้อย่างชัดเจน หมอก
เริ่มจางลงบ้างแล้วและแสงตะวันในยามเช้าก็กาลังเข้ามาเยือน
อย่างรวดเร็ว
“ก็ด…
ี ที่เจ้าโตขึ้นเรื่อยๆ…เรายังมีงานใหญ่ให้ทาอีกเยอะ”
ราอนซบใบหน้าของมันบนไหล่ของคาร์ลหลังจากที่ได้ยินเขา
พูดจบ แขนของคาร์ลสั่นขึ้นเรื่อยๆแต่ราอนก็แสร้งทาเป็นไม่
สนใจในขณะที่คาร์ลเองก็ปล่อยให้ราอนซบไหล่ของเขาต่อไป
ราอนเพิ่งอายุสี่ขวบมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มันจะแสดง
ท่าทางเช่นนี้ออกมา
.
.
.
สามวันผ่านไป
ราอนกาลังกระพือปีกบินอยู่เหนือร่างของเวเนี่ยน
“อึ่ก!!!!!แฮ่กกก!!!!”
เวเนี่ยนหายใจหอบเหนื่อย เขาเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย สภาพ
ของเขาในตอนนี้ไม่อาจเรียกว่าขุนนางผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีของตน
ได้อีกต่อไปเพราะมันเหลือเพียงสภาพของขอทานผู้ต้องวอนขอ
ชีวิตของตนเองจากผู้อื่น
ในตอนแรกเขามักมองไปรอบๆเสมอเพราะมีความหวังว่า
จะต้องมีคนบุกเข้ามาช่วยเหลือเขาออกไปแต่ก็ไม่มีใครโผล่หัว
ออกมาให้เขาเห็นสักคน เขาเจ็บปวดและเหนื่อยล้าไปทั้งกาย
และใจ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขารู้คือมังกรดาจะนั่งทาน
อาหารอยู่บนโต๊ะในขณะที่ดูเขาถูกทรมานไปด้วย
“เวเนี่ยน….สแตน”
ราอนเอ่ยเรียกเวเนี่ยนขึ้นมาก่อนจะก้มลงมองเวเนี่ยน ใบหน้า
ของเวเนี่ยนแนบไปกับพื้นและไม่มีแรงที่จะยกศีรษะของตน
ขึ้นมาได้
ราอนยังจดจาใบหน้าของคนอื่นๆที่ลงมือทาร้ายเขาได้ดีและ
คาร์ลก็มีแผนที่จะแก้แค้นพวกนั้นในภายหลังรวมไปถึงตัวมาร์ค
วิสสแตนด้วยแม้ว่าคนผู้นี้จะไม่ได้ลงมือทรมานมันโดยตรงแต่
มันก็ยินดีที่จะตอบแทนให้แก่คนผู้นี้อย่างสาสมเช่นกัน
“ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป…”
เพื่อแผนการขั้นต่อไปทาให้ราอนวางแผนที่จะปล่อยให้เวเนี่ยน
มีชีวิตต่อไป
ราอนรู้สึกว่าชายที่นอนกองอยู่บนพื้นกาลังมองไปที่พื้นอย่าง
หมดอาลัยตายยากและไม่สามารถขยับตัวให้หันมามองมันได้
ราอนยังจาได้ในทุกๆสิ่งที่เวเนี่ยนเคยพูดกับมันเมื่อครั้งอดีต
‘นับเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ข้าได้เห็นเลือดสดๆของเจ้า…เจ้า
มังกรโง่!….ฮ่าฮ่าฮ่า….เมื่อใดก็ตามที่ข้ารู้สึกอารมณ์ไม่ดีแล้วได้
เห็นเลือดเจ้าเช่นนี้..มันจะทาให้ข้าอารมณ์ดีขึ้นเสมอ…เยี่ยม!…
เยี่ยมที่สุด!…ฮ่าฮ่าฮ่า’
เสียงเรียบเย็นดังก้องทั่วสองหูของเวเนี่ยน
“แล้วข้าจะตามหาตัวเจ้าให้เจอ..ในทุกๆครั้งที่ข้าอยาก
เพลิดเพลินกับมื้ออาหารที่แสนอร่อย”
ราอนวางแผนที่จะทรมานเวเนี่ยนในครั้งหน้าหากมันสบโอกาส
ที่เหมาะสม
ร่างของเวเนี่ยนเริ่มสั่นเทาขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินสิ่งที่ราอน
พูด หมอกสีแดงเข้มเข้าล้อมรอบร่างของเวเนี่ยนเอาไว้ ร่างของ
เขาสั่นแรงขึ้นสลับกับกระตุกเป็นระยะๆจนในที่สุดโลกที่เขา
มองเห็นก็พลันมืดลง
“ดูเหมือนว่าเขาจะสลบไปแล้วขอรับ”
เวเนี่ยนหมดสติไปในที่สุดโดยมีบารอคเข้าไปตรวจอาการของ
เขาและเอ่ยยืนยันให้แก่คาร์ลทราบทันทีที่เวเนี่ยนสลบไป คาร์ล
มองไปที่บารอคด้วยความทึ่งเล็กน้อย
เป็นเวลากว่าสามวันย่างเข้าสู่วันที่สี่ บารอคได้ปลูกฝังความ
หวาดกลัวในทุกสิ่งๆให้แก่เวเนี่ยน มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
หากร่างกายทุกส่วนของเวเนี่ยนจะได้รับบาดเจ็บแต่บารอคก
ลับให้เวเนี่ยนมากกว่านั้น
‘ไม่จาเป็นที่เขาต้องเรียกใช้เคจเลยด้วยซ้า’
พวกเขาไม่ได้เรียกหาเคจในการทรมานด้านจิตใจของเวเนี่ยน
แน่นอนว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่มันเป็นเรื่องยากสาหรับผู้ลง
มือทรมานเช่นบารอคแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็สัญญาว่าจะทา
มันให้ออกมาดีที่สุดและมันก็เป็นไปได้ดีดังที่เขาสัญญาเอาไว้
เสียด้วย
เชวฮันเดินเข้ามาสมทบกับพวกเขาและก้มมองไปที่ร่างอันไร้
สติของเวเนี่ยนอยู่ครู่หนึ่ง
“ดูเหมือนว่าเขาจะยังมีหวังอยู่…แย่จริงๆ”
มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นไปได้สาหรับเวเนี่ยนในตอนนี้ หากเขาเป็น
ผู้สืบทอดตาแหน่งที่ถูกต้องจริงๆแล้วเขามาหายตัวไปเช่นนี้
แน่นอนว่าคนจากตระกูลสแตนต้องเริ่มตามหาเขาอย่าง
แน่นอน
“เจ้าหมายถึงอะไร?”
“อ่า…เปล่าขอรับ”
เชวฮันส่ายหน้าปฏิเสธกับคาถามของคาร์ลก่อนจะได้ยินเสียง
ของบารอคดังขึ้น
“กระผมรู้สึกว่าเราต้องทรมานเขาให้มากกว่านี้อีก..แต่นี่มันเป็น
เรื่องของราอน..ดังนั้นกระผมจะหยุดมือไว้เท่านี้แล้วกันขอรับ”
“ดี…”
‘ถึงแม้ว่าราอนจะบอกไม่ให้ลงมือฆ่าเขา..แต่ลึกๆในใจของ
ราอนนั้นต้องหวังถึงมันเช่นกัน’
เชวฮันก้มลงมองร่างของเวเนี่ยนอีกครั้งพร้อมกับแสดงสีหน้า
แปลกๆบนใบหน้าของตน
มาร์ควิสสแตนกาลังส่งคนออกตามหาเวเนี่ยน
ลูกน้องของเวเนี่ยนทั้งสองถูกจับกุมตัวโดยลูกน้องของเทย์เลอร์
พวกเขาทั้งสองสารภาพเรื่องราวเกี่ยวกับตลาดมืดที่เวเนี่ยนมี
ส่วนเกี่ยวข้องจนหมด การสารภาพเรื่องราวดังกล่าวถูก
แพร่กระจายไปทั่วทาให้ประชาชนในอาณาเขตสแตนต่างตกใจ
กับเรื่องนี้ยิ่งนัก ถึงแม้ว่ามาร์ควิสสแตนและตระกูลของเขาจะ
กดขี่ข่มเหงชาวบ้านเพียงใดก็ตามแต่พวกเขาก็เชื่อมั่นเสมอว่า
ขุนนางย่อมมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรงและไม่ทาผิดกฎหมายและ
ศีลธรรมอย่างแน่นอน (53380)
มาร์ควิสสแตนกาลังตามหา ‘เวเนี่ยน สแตน’ผู้ที่กาลังนอน
หมดสติและร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้
แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับคาสั่งให้ออกตามหาเวเนี่ยนในครั้งนี้คือ
บุตรชายคนโตของเขา ‘เทย์เลอร์ สแตน’
คาร์ลเอ่ยสั่งบารอคและเชวฮันอีกครั้ง
“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม”
บารอคล้วงถุงมือสีขาวมาสวมก่อนจะหยิบขวดยาที่คาร์ลให้
ออกมา ‘เวเนี่ยน สแตน’ จะถูกพบตัวในฐานลับของเขาใน
ตรอกมืดโดยร่างกายจะไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดเจ็บใดๆ
ถึงเวลาที่เขาจะต้องเผชิญกับชีวิตที่สิ้นหวังโดยยังมีลมหายใจ
อยู่
บทที่ 87 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 6 (1)

การเห็นศัตรูหมดอาลัยตายอยากในชีวิตถือเป็นความสุขของ
ราอน
“มันดูหรูดีนี่?”
ก่อนที่คาร์ลจะออกคาสั่งแก่เชวฮัน
“วางเขาลงบนเก้าอี้ตัวนี้ซะ!”
“ขอรับ”
เชวฮันโยนร่างของเวเนี่ยนที่ยังคงหมดสติลงไปบนเก้าอี้หนังที่
ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา คาร์ลหันไปมองเชวฮันทันทีเมื่อรู้สึก
ว่าสายตาของเชวฮันหันมาจ้องที่เขา
“อ่า…ขอโทษด้วยขอรับที่กระผมทาแรงไปหน่อย…กระผมรู้สึก
โมโหยิ่งนักเมื่อได้เข้ามาเห็นฐานลับแห่งนี้…”
ในตอนนี้กลุ่มของคาร์ลได้ลอบเข้ามาใน―ฐานลับ‖ของเวเนี่ยน
ในตรอกมืดแล้วทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยของตกแต่งราคาแพงและ
เต็มไปด้วยความหรูหราเป็นอย่างมาก
―เคจ‖ นักบวชผู้บ้าคลั่งได้แจ้งให้คาร์ลทราบถึงสถานที่ลับแห่ง
นี้เมื่อสองวันก่อน เคจผู้ที่คอยรับใช้พระเจ้าแห่งความตายยังคง
เป็นนักบวชอยู่แม้ว่าเธอจะถูกคว่าบาตรจากคนในวิหารแล้วก็
ตาม เธอเชี่ยวชาญในการสาปแช่งและทรมานจิตใจผู้อื่น มันจึง
เป็นเรื่องง่ายสาหรับเธอที่จะเค้นเอาข้อมูลจากลูกน้องของ
เวเนี่ยนออกมาได้ แน่นอนว่าความสามารถที่เธอมีเกิดจากพลัง
ของพระเจ้าไม่ได้เกิดจากตัววิหารที่เธอเคยอยู่ เธอจึงสามารถ
เลือกใช้คาสาปแช่งของเธอในสถานการณ์อื่นๆที่เธอเชื่อว่ามัน
สมควรแก่การใช้มันแต่เธอเองก็ยังคงมีความยุติธรรมมาก
พอที่จะไม่ใช้คาสาปในครั้งนี้รุนแรงเกินไป
―ถึงจะเป็นอย่างนั้น..แต่เคจก็ยังดูน่าทึ่งอยู่ดี‖
ไม่มีใครที่สามารถรับใช้พระเจ้าแห่งความตายได้ทุกๆอย่าง
เสมอไปและนี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอยังคงเป็นนักบวชผู้มีจิตใจ
เมตตา
―อืม..จะว่าไปหมอผีก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งนี่นา‖
เช่นเดียวกับโลกแฟนตาซีเรื่องอื่นๆที่ผู้อ่านมักจะเจอตัวละคร
หลักที่มีลักษณะเช่นนี้
―โลกนี้ก็เหมือนกัน‖
นิยายเรื่อง―กาเนิดวีรบุรุษ‖เป็นนิยายที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในแง่
ของการพัฒนาตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆให้มีความคาดไม่
ถึงอยู่ตลอดเวลา
คาร์ลเหลือบมองร่างอันไร้สติของเวเนี่ยนที่โค้งตัวงออยู่บน
เก้าอี้
“ข้าเข้าใจดีว่าทาไมเจ้าถึงอยากโยนร่างของเขาแบบนั้น..แต่
ลักษณะของเขาในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ….บารอค!”
“เฮ้อ!!…ขอรับนายน้อย”
บารอคถอนหายใจยาวก่อนจะขยับไปใกล้กับเก้าอี้ที่มีร่างของ
เวเนี่ยนนั่งอยู่ก่อนจะเอื้อมมือไปจัดระเบียบร่างกายของเวเนี่ยน
ใหม่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้าผมและท่านั่งให้ดูเป็นระเบียบ
เรียบร้อยมากขึ้น
ใครก็ตามที่มาเห็นสภาพของเวเนี่ยนในตอนนี้ก็ต้องคิดว่าเขา
เป็นเพียงคนที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติไม่เหมือนคนที่ได้รับ
บาดเจ็บสาหัสมาตลอดระยะ2-3วันที่ผ่านมา แผ่นหลังของ
เวเนี่ยนยังมีร่องรอยของบาดแผลเล็กๆอยู่บ้างที่ไม่สามารถ
รักษาให้หายขาดได้ ส่วนใบหน้า มือ แขนขา และร่างกาย
ส่วนๆอื่นที่โผล่พ้นร่มผ้ากลับไม่มีร่อยรอยของบาดแผลให้เห็น
เลยสักนิด
“เราจะไปอยู่ตามจุดที่นายน้อยสั่งเอาไว้ก่อนนะขอรับ..”
“อืม”
บารอคพาเชวฮันไปยืนหลบตามจุดที่คาร์ลสั่งเอาไว้ทันที
ในขณะที่คาร์ลก็เดินไปหาราอนที่ยังคงนั่งกอดขาตัวเองอยู่
เงียบๆมาตั้งแต่แรกตรงมุมห้องอีกฝั่งหนึ่ง
“เราจะเริ่มกันเลยหรือเปล่า?”
“เอาสิ..เจ้ามนุษย์!”
“พวกเจ้าก็เข้ามาด้วยสิ!”
เมี้ยว!!!!!
ออนและฮงกระโดดลงจากโต๊ะและไปนั่งข้างๆราอนกับคาร์ล
ทันที เมื่อคาร์ลตรวจสอบจนมั่นใจว่าทุกคนอยู่ตามจุดๆต่างที่
เขาสั่งเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ปรากฏพลังเวทย์สีดาออกมา
จากอุ้งเท้าของราอน
ได้เวลาที่จะดูละครฉากสาคัญแล้วสินะ!
ผ่าง!!!!!!!!
มีเสียงดังขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ร่างของคาร์ลและคนอื่นๆจะเริ่ม
เลือนหายไป พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถถูกมองเห็นในฐานลับ
แห่งนี้ได้อีกต่อไป
“อึ่ก…อ๊ะ!…โอ้ย…..”
หลังจากนั้นไม่นานทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงโอดครวญของ
เวเนี่ยน เขากาลังขมวดคิ้วมุ่นราวกับว่าเพิ่งตื่นจากฝันร้าย
“เฮือก!!!”
เขาอ้าปากค้างเมื่อตื่นขึ้นเต็มตา เขามองสิ่งที่อยู่รอบตัวเขา
ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงและความว่างเปล่า เขา
กระพริบตาติดๆกัน2-3ครั้งและพยายามนึกให้ออกว่าตอนนี้ตน
อยู่ที่ไหน?
“หืม?..นี่มันที่—–”
เวเนี่ยนเอามือแตะลาคอตนเองทันทีด้วยความตกใจ เขาพูดได้
แล้ว! มันมีเสียงลอดออกมาจากปากของเขาและมันเป็นภาษา
ที่สามารถจับใจความได้อีกด้วยและที่สาคัญไม่มีโซ่รัดที่คอเขา
อีกต่อไป
จากนั้นเขาก็ก้มสารวจร่างกายของตนอย่างบ้าคลั่งเพื่อดูว่า
ร่างกายของตนได้รับบาดเจ็บบริเวณใดบ้าง? มีคราบเลือดที่
แขนและขาของเขาหรือไม่? แน่นอนว่าชุดขุนนางที่เขาใส่อยู่ก็
ไม่มีคราบเลือดติดอยู่เลยสักหยด
เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยด้วยซ้า
“….ข้าฝันไปหรือนี่?”
เขาไม่สามารถยืนยันกับตัวเองได้ว่านี่คือความฝันจริงๆหรือไม่?
มันเป็นสิ่งน่ากลัวและสร้างความเจ็บปวดจนฝังลึกลงไปใน
ความทรงจาของเขาไปแล้วแต่มันต้องเป็นความฝันสิ!
เขายกมือขึ้นลูบหน้าตนช้าๆและวางมือลงบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า
ของตน
แล้วทาไมมันถึงเหมือนจริงเช่นนี้กันนะ?
ใช่แล้ว!ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เป็นของจริง
เวเนี่ยนเริ่มขมวดคิ้วมุ่นและนึกสงสัยว่าตนอาจเดินทางมาถึงที่
ฐานลับแห่งนี้และเผลอหลับไปจนฝันเป็นตุเป็นตะว่าตนถูก
ลักพาตัวไปทรมานร่างกาย
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”
เวเนี่ยนหัวเราะออกมาเบาๆแต่กลับมีหลากหลายความรู้สึกที่
ไหลผ่านออกมา
“ใช่!…มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น”
มันเป็นความฝันอย่างแน่นอน เขายังรู้สึกถึงแส้ที่ตวัดผ่าน
ร่างกายเขาได้ดีไหนจะสายตาเย็นชาของผู้ที่ลงมือทรมานเขา
และสายตาที่มังกรใช้จ้องมองเขานั่นอีกแต่มันเป็นเพียงความ
ฝันเท่านั้น! ไม่สาคัญว่ามันจะน่ากลัวเพียงใดเพราะเรื่อง
เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง
มิเช่นนั้นจะเอาอะไรมาอธิบายสาเหตุที่ตัวเขากลับมาอยู่ที่นี่ได้?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”
เวเนี่ยนยกมือขึ้นลูบคอของตนอีกครั้งเขาสัมผัสได้ถึงความ
อบอุ่นจากฝ่ามือของตนได้ดีก่อนจะฉีกยิ้มอย่างดีใจ ทันใด
นั้นเอง!
เมี้ยววววว!!!!!!!
ไหล่ของเวเนี่ยนสะท้านขึ้นทันทีก่อนที่ร่างของเขาจะเริ่มสั่นขึ้น
คาร์ลที่เฝ้าสังเกตจากมุมห้องในสภาพล่องหนยกมือขึ้นลูบหัว
ของฮงเบาๆด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนที่ฮงจะส่งเสียงร้องออกมาอีก
ครั้ง
เมี้ยววววว!!!!!!!
ใบหน้าของเวเนี่ยนซีดลงเรื่อยๆในขณะที่มือของเขาก็สั่นขึ้นจน
ไม่สามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ ทันใดนั้นก็มีบางอย่างไหลผ่าน
เข้ามาในหัวของเขา
[―ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป…‖]
[―แล้วข้าจะตามหาตัวเจ้าให้เจอ..ในทุกๆครั้งที่ข้าอยาก
เพลิดเพลินกับมื้ออาหารที่แสนอร่อย‖]
มือของเวเนี่ยนที่วางอยู่บนโต๊ะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“บ…บ้าเอ้——ย”
เขาก้มลงมองพื้นเบื้องล่างและตัวก็เริ่มสั่นแรงขึ้น
หมอกสีแดงเข้มกาลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขาช้าๆราวกับงูที่
กาลังเลื้อยเข้าหาเหยื่อ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยดน้าตา
ราวกับเด็กน้อยขี้แย
“นี่มัน?…ไอ้มังกรบ้า…ไอ้บ้า!!!”
เขาเริ่มปัดหมอกให้ออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็วแต่หมอก
เหล่านี้ก็ไม่ยอมหายไปแต่อย่างใดและมันกาลังขยับเข้ามาใกล้
เขาเต็มทีแล้ว เขารู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะบ้าเต็มทีก่อนที่
เวเนี่ยนจะตระหนักได้ถึงบางอย่าง
มันแตกต่างจากครั้งที่แล้ว
มันไม่เหมือนกับครั้งก่อนเพราะเขาสามารถขยับร่างกายของตน
ได้ เวเนี่ยนหันไปมองรอบๆห้องทันทีก่อนสายตาจะหยุดลงที่
ประตูอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาที่เวเนี่ยนกวาดสายตาเพื่อมองหาประตูนั้น คาร์ลได้
เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ผนังห้อง ถ้าเวเนี่ยน
รีบกว่านี้อีกสักหน่อยมันจะสร้างฉากที่สมบูรณ์ได้ดีทีเดียว
คาร์ลแตะไปที่หลังของออนเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้
ชิ้ง!!!!!
หมอกหนาทึบเริ่มไต่ระดับเข้าพันขาทั้งสองข้างของเวเนี่ยน
อย่างรวดเร็ว
เมี้ยว!!!!! เมี้ยว!!!!!!
เสียงร้องของลูกแมวสองตัวก็ดังขึ้นกว่าเดิม
ขาทั้งสองข้างของเวเนี่ยนสั่นเป็นเจ้าเข้าแต่เขาก็รีบลุกขึ้นจาก
เก้าอี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
โครม!!!!
เก้าอี้หนังล้มลงกระแทกพื้นจนส่งเสียงดังไปทั่วห้องแต่เวเนี่ยน
ก็ไม่มีเวลามาสนใจมันเขารีบวิ่งไปที่ประตูทันที มันดูไม่เหมาะ
กับชุดขุนนางที่ดูหรูหราราคาแพงและเส้นผมที่ดูเป็นระเบียบ
เรียบร้อยตามที่ขุนนางระดับสูงคนหนึ่งพึงเป็นเพราะสีหน้าและ
ท่าทางของเวเนี่ยนในตอนนี้ราวกับคนบ้าที่เสียสติไปแล้วจาก
ความกลัวที่วิ่งพล่านไปทั่วร่าง
“ต้อง…ต้องเร็วกว่านี้!”
เวเนี่ยนรีบวิ่งไปคว้าลูกบิดประตูห้องทันที ในจังหวะนั้นเอง!
คลิ๊ก!!!
เขาได้ยินเสียงเหมือนกับคนหมุนลูกบิดประตูจากด้านนอก
ลูกน้องของเขาสินะ? เวเนี่ยนรู้สึกว่าตนไม่ต้องเผชิญหน้ากับ
สถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวนี้อีกต่อไป เขาโล่งใจ! แน่นอนว่าผู้ที่
กาลังหมุนลูกบิดอยู่ข้างนอกนั้นต้องเป็นลูกน้องสองคนที่มา
พร้อมกับเขาเมื่อเช้านี้นี้อย่างแน่นอน
มีผู้เปิดประตูจากทางด้านนอกให้เขา ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่
ทาให้เขาไม่ต้องลงมือทาสิ่งใดประตูก็เปิดอ้าให้เขา
เอี๊ยด!!!!!
ประตูถูกเปิดออกช้าๆซึ่งตัวเวเนี่ยนก็มัวแต่สนใจกับประตูที่
กาลังเปิดออกจนไม่ทันได้สังเกตว่าหมอกที่กาลังพันไปทั่วขาทั้ง
สองข้างได้หายไปแล้ว เวเนี่ยนสูดหายใจเข้าปอดพร้อมกับซึม
ซับเอาแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องจากประตูที่เปิดออก
ช้าๆอย่างดีใจ (53380)
ประตูถูกเปิดออกกว้างโดยสมบูรณ์
“ในที่สุด…เราก็หาตัวเจ้าเจอ”
ผู้ที่เอ่ยทักทายเวเนี่ยนในตอนนี้ไม่ใช่ลูกน้องทั้งสองของเขาแต่
กลับเป็น―เทย์เลอร์ สแตน‖พี่ชายคนโตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น
อัมพาต
“….หืม—-”
เวเนี่ยนก้าวขาถอยหลังโดยอัตโนมัติ ด้านหลังของเทย์เลอร์คือ
เส้นทางที่มุ่งสู่ฐานลับแห่งนี้และตอนนี้มันเต็มไปด้วยผู้คนเป็น
จานวนมาก มันมีทั้งคนของเทย์แลอร์และชาวบ้านจากอาณา
เขตสแตน
“นี่….นี่มันอะไรกัน?”
เทย์เลอร์ตรวจสอบร่างกายของเวเนี่ยนว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
ใดๆก่อนจะหยุดสายตาลงที่ใบหน้าของเวเนี่ยนซึ่งใบหน้าของ
เวเนี่ยนในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เทย์เลอร์มองผ่านไหล่ของเวเนี่ยนเข้าไปในห้อง มันอาจไม่มี
ใครอยู่ในห้องนี้แต่เขามั่นใจว่ากลุ่มของคาร์ลต้องอยู่ภายใน
ห้องนี้อย่างแน่นอน เขาเคยใช้อุปกรณ์เวทย์ล่องหนของคาร์ล
มาก่อนจึงเป็นเหตุผลที่ทาให้เขามั่นใจในเรื่องนี้
“นี่…ข้ากาลังฝันอยู่ใช่หรือไม่?…ข้ากาลังฝันอยู่สินะ?”
บทที่ 87 เรากลับมาพบกันอีกครั้ง 6 (2)

เวเนี่ยนเริ่มพึมพากับตัวเองเบาๆอย่างว่างเปล่า เทย์เลอร์
เหลือบไปมองน้องชายของเขาอีกครั้ง น้องชายที่เขาแสนจะ
เกลียดชังก่อนจะตอบคาถามออกไป
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะฝันร้ายไปอีกนานเลยล่ะ…”
เทย์เลอร์หันไปมองรอบๆและเอ่ยสั่งเหล่าองครักษ์ของตนทันที
“จับกุมเขาซะ!”
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่าฝันร้ายของเวเนี่ยน
ไม่ใช่เพียงแค่เขาต้องถูกปลดออกจากตาแหน่งผู้สืบทอดโดย
สมบูรณ์แต่เขายังต้องถูกดาเนินคดีสาหรับการกระทาที่ผิด
กฎหมายของเขา แน่นอนว่าเขาต้องได้รับความเกลียดชังจาก
คนในตระกูลสแตนโทษฐานที่ทาลายชื่อเสียงของตระกูล
“…มังกร…มังกรมันทาข้า…มันทาเรื่องทั้งหมด—-”
เทย์เลอร์ไม่สนใจในสิ่งที่เวนี่ยนพึมพาออกมาเพราะเขากาลัง
สนใจในสิ่งที่เคจกาลังแจ้งแก่เขาเมื่อเธอขยับมาเดินข้างๆ
“คืนนี้…”
เทย์เลอร์จะได้พบกับผู้มีพระคุณของเขาในคืนนี้ อ่า…มันผ่าน
มานานมากแล้วสินะ
“นายน้อยขอรับ?…กระผมสามารถค้นหาหลักฐานในห้องนี้ได้
เลยหรือไม่ขอรับ?”
เทย์เลอร์ส่ายหน้าปฏิเสธให้กับคาถามขององครักษ์
“สิ่งสาคัญที่สุดในตอนนี้คือการแอบพาเวเนี่ยนกลับไปยัง
คฤหาสน์สแตนให้ได้ต่างหาก…ตอนนี้ชาวบ้านรออยู่ข้างนอก
มากเกินไป”
“มันจะไม่ยากเกินไปหรือขอรับ?..หากจะพาตัวเขาแอบกลับไป
เงียบๆ?”
พลเมืองของอาณาเขตสแตนต่างมารวมตัวกันอยู่ข้างนอก นั่น
คือสาเหตุที่เหล่าองครักษ์และทหารคนอื่นๆต่างวิตกกังวลใน
เรื่องนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพราะโอเดียสได้
แพร่ข่าวลือออกไปตามคาสั่งที่ได้รับจากคาร์ล เทย์เลอร์ก็รู้ใน
เรื่องนี้เช่นกันแต่ก็แสร้งทาเป็นกังวลได้อย่างหาข้อตาหนิได้ยาก
ไม่น่าเชื่อว่าฝีมือการแสดงของเขาจะถึงขั้นนี้แล้ว
“นั่นมันก็จริง…แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องแอบพาเขากลับไปให้
เงียบที่สุดเท่าที่เราจะทาได้…เราไม่สามารถทาให้ชื่อเสียงของ
เราตกต่าไปมากกว่านี้แล้ว”
“…กระผมเข้าใจแล้วขอรับ!”
องครักษ์เอ่ยตอบรับเขาอย่างแข็งขัน
“เอาไว้เจ้าค่อยกลับมาค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากนั้นแล้ว
กัน…เราจะปล่อยทหารยามและองครักษ์บางส่วนทิ้งไว้ที่นี่เพื่อ
ป้องกันทางเข้าเอาไว้และไม่ให้คนอื่นๆเข้ามาที่นี่ได้”
“ขอรับ!”
เทย์เลอร์ออกคาสั่งเพื่อเอื้อให้แก่คาร์ลได้ออกไปจากที่นี่ได้ง่าย
ขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ทันที ตอนนี้เขาต้องเดินทาง
กลับไปยังคฤหาสน์สแตนเพื่อลงมือตัดแขนตัดขาของมาร์ควิสส
แตนและเวเนี่ยนทีละข้างๆ
องครักษ์บางคนยังอยู่โยงเพื่อดูแลความเรียบร้อยของฐานลับที่
ว่างเปล่าในห้องนี้ ส่วนคนอื่นๆแยกตัวไปจับกุมลูกน้องของ
เวเนี่ยนที่พักอยู่ห้องอื่นๆ
“เฮ้!…มาตั้งใจเฝ้าที่นี่กันเถอะ!”
“เฮ้อ…มันไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยนะ!…เราไม่ได้หยุดพักกันเลยตลอด
2-3วันที่ผ่านมา…มาพักกันสักหน่อยเถอะน่า…มันไม่มีอะไร
หรอก”
“เราทาอย่างนั้นไม่ได้นะ!”
“แล้วทาไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วยเล่า?…เราแค่คอยป้องกัน
ไม่ให้ใครเข้ามาในนี้ก็เท่านั้นเอง”
ทหารองครักษ์สองนายพูดคุยกันอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นๆ
ได้ยิน สายลมพัดผ่านหลังของพวกเขาไปแต่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่
คิดจะสนใจมัน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกที่จู่ๆก็มีลมพัดเข้ามา
แต่พวกเขาก็มองไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆจึงไม่ได้ให้ความสาคัญ
กับเรื่องนี้
คาร์ลคือผู้ที่ทาให้เกิดสายลมนั้น เขากาลังก้าวขึ้นรถม้าที่ถูก
เตรียมเอาไว้ไม่ไกลจากฐานลับของเวเนี่ยนมากนัก ราอน
ผู้ติดตามคนสาคัญของคาร์ลได้คลายเวทย์ล่องหนออกจากตัว
ทุกคนยกเว้นตัวมันคนเดียว
“เราจะเดินทางออกจากที่นี่กันแล้วใช่มั้ยขอรับ?”
“ใช่”
โอเดียสปิดประตูรถม้าและนั่งลงตรงตาแหน่งคนบังคับม้าทันที
รถม้าเคลื่อนตัวช้าๆและมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของคาร์ลที่โอ
เดียสจัดหาไว้ให้ คาร์ลเอนหลังพิงเบาะและรู้สึกได้ว่าเบาะหนัง
ที่นุ่มเช่นนี้ช่วยผ่อนคลายร่างกายเขาได้เป็นอย่างดี
เขามองลงไปพื้นเบื้องล่างและรู้สึกว่าตนกาลังสบตาเข้ากับ
ราอนที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนพรางกายตนเอาไว้อยู่ เขารู้สึกได้
ถึงน้าหนักตัวของราอนที่นั่งลงบนตักของเขาในเวลาต่อมา
ในขณะที่ราอนเองก็ฉีกยิ้มกว้างและเริ่มพูดขึ้น
“ข้าไม่ได้เลวร้ายเกินไป!..ข้าเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่
ที่สุด!”
“ใช่แล้ว…นรกของพวกเขาเพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น”
“ถูกต้อง!”
คาร์ลหันไปพูดกับสมาชิกคนอื่นๆที่เหลือ
“พวกเราทั้งหมดก็มาทานอาหารอร่อยๆกันเถอะ…วันนี้ก็นอน
พักผ่อนให้เต็มที่ไปเลย!..พวกเราเหนื่อยกันมามากแล้ว”
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคาร์ลกาลังเพลินเพลิดไปกับอาหาร
เย็นของเขากับคนอื่นเสียแล้ว
“ข้าเดาว่า…ตอนนี้ท่านคงพอมีเวลาว่างสินะ?”
“ใช่แล้ว…ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ต้องมาให้ได้..เพราะมันคือการมา
พบท่านนี่นา..นายน้อยคาร์ล”
‘เทย์เลอร์และเคจ’ พวกเขาทั้งสองเดินทางมาหาคาร์ลพร้อม
กับนาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และแก้วติดตัวมาด้วย พวกเขามา
หาคาร์ลในช่วงหัวค่าเล็กน้อยดังนั้นคาร์ลจึงเลิกดื่มและเลิก
ทานอาหารร่วมกับเหล่าสมาชิกของตนเพื่อมาร่วมดื่มกับพวก
เขาแทน
“หลังจากวันนี้…ข้าอาจจะยุ่งมากขึ้น”
“แน่นอน…มันย่อมเป็นเช่นนั้น”
คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เทย์เลอร์พูดและหันไปมองเคจ
เธอยิ้มให้คาร์ลเล็กน้อยก่อนจะยกขวดเหล้ารินใส่แก้วของคาร์ล
ในขณะที่คาร์ลเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มโดยไม่มีการ
เปลี่ยนแปลงใดๆบนสีหน้าของเขา
“นายน้อยคาร์ล…รายชื่อส่วนใหญ่ที่ท่านแจ้งให้เราทราบ..ต่าง
เป็นคนของเวเนี่ยนและมีส่วนเกี่ยวข้องกับตรอกมืดเกือบ
ทั้งหมด”
“อย่างนั้นหรือ?”
เทย์เลอร์ลอบมองคาร์ลอย่างไม่ค่อยจะสบายใจนัก เขารู้สึกอึด
อัดใจและละอายใจยิ่งนักเกี่ยวกับสิ่งที่คนในตระกูลของเขาก่อ
ขึ้น คาร์ลเป็นคนแจ้งข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับฐานลับของเวเนี่ยน
และผูค้ นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวเนี่ยนเกือบทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้น
นับเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งนักแต่มันกลับมีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า
นี้อีก
“มีคนของท่านพ่อข้า..เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน”
“อะไรนะ?…ข้าไม่เห็นทราบเรื่องนี้มาก่อน”
คาร์ลหันไปมองเทย์เลอร์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ
แน่นอนว่าท่าทางทั้งหมดของเขาเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
เวเนี่ยนได้รับคาสั่งจากมาร์ควิสสแตนให้ทรมานมังกรดาเพื่อทา
ให้มันเชื่องให้ได้ ด้วยเหตุนี้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้าที่ใช้คุม
ขังมังกรดาย่อมมีคนของมาร์ควิสสแตนรวมอยู่ด้วย ย่อมเป็นที่
แน่นอนที่คนทั้งคู่ต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ชั่วร้ายที่เวเนี่ยน
เป็นคนทา ไม่มีทางที่เวเนี่ยนเพียงคนเดียวจะสามารถทาเรื่อง
เหล่านี้ได้หากไม่มีบิดาของเขาคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
เวเนี่ยนและคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องได้รับบทลงโทษ
หากเจอโทษสถานเบาอาจถูกจาคุกตลอดชีวิตแต่ถ้าโดนหนักก็
มีสิทธิ์ที่จะโดนประหารชีวิตได้ อาณาเขตสแตนถือเป็นดินแดน
ที่มีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์และเข้มงวดที่สุดในอาณาจักรโรมัน
คาร์ลค่อนข้างมั่นใจว่ามาร์ควิสสแตนกาลังพยายามฆ่าปิดปาก
พวกเขาทั้งหมดเพื่อปกปิดความผิดของตนอยู่อย่างแน่นอน
“….ข้าจะเชื่อใจท่าน..หากท่านบอกว่าไม่รู้ในเรื่องนี้”
เทย์เลอร์กล่าวออกมาอย่างเชื่อมั่นในตัวคาร์ล เขาวาง
ขวดเหล้าลงบนโต๊ะตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง
“อ่า..ถ้างั้น..เรามาจัดการเหล้าขวดนี้กันก่อนดีกว่า?”
“แน่นอน…เรามาดื่มกันเถอะ”
“ฟังดูเข้าท่าดีนี่!”
คนทั้งสามต่างผลัดกันดื่มและรินเหล้าให้กันและกันจนเหล้า
หมดขวด เทย์เลอร์กับเคจจะต้องเดินทางกลับไปก่อนเพื่อ
จัดการกับเรื่องต่างๆเมื่อเหล้าเกลี้ยงขวดแล้ว
“พรุ่งนี้..ท่านจะเดินทางไปจากที่นี่แล้วสินะ?”
“ใช่”
“ข้าได้ยินมาว่า..ท่านจะใช้เส้นทางสายตะวันตกเพื่อมุ่งหน้าเข้า
สู่เมืองหลวง…เมืองหลวงคือปลายทางสุดท้ายของท่านใช่
หรือไม่?”
เทย์เลอร์เห็นเพียงรอยยิ้มที่คาร์ลส่งมาให้แก่ตนแทนคาตอบ
และตัวเขาเองก็ไม่คิดจะถามอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน เขาเพียงแค่
อยากแจ้งในสิ่งที่เขาต้องการให้แก่คาร์ลทราบเท่านั้น
“ข้าจะตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างแน่นอน…สาหรับความ
ช่วยเหลือที่ท่านมีให้แก่ข้ามาโดยตลอด” (53380)
“ข้าจะรอแล้วกัน”
“แน่นอน..ท่านตั้งตารอได้เลย…นายน้อยคาร์ล”
เมื่อเห็นสายตาที่เทย์เลอร์ส่งตรงมาให้แก่ตนเมื่อเขาเอ่ยยืนยัน
ว่าให้คาร์ลตั้งตารอคอยการตอบแทนจากเขาให้ได้นั้น คาร์ลก็
เริ่มคิดถึงพรรคพวกกลุ่มใหม่ๆของเขาในภูมิภาคตะวันตกเฉียง
เหนือนี้
เทย์เลอร์และโอเดียส อย่างน้อยเขาก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจ
สามารถใช้งานได้ในอนาคตอันใกล้นี้
.
.
.
คาร์ลเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นและมองเข้าไป
ในกระจกเงาก่อนจะเอ่ยถามราอนซึ่งกาลังจ้องมาที่เขาผ่าน
กระจกบานนี้เช่นกัน
“เจ้าคิดออกหรือยัง?…ว่าพลังเวทย์ที่องค์ชายรัชทายาท
ครอบครองอยู่คืออะไร?”
“ข้ารู้ว่ามันคืออะไรเจ้ามนุษย์….ข้าคือมังกรที่ยอดเยี่ยมและ
ยิ่งใหญ่ที่สุด…ข้าย่อมรู้ในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
ใบหน้าของคาร์ลเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินในสิ่งที่ราอนพูด
ในขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องไปที่กระจกต่อไป
บทที่ 88 ข้าคิดว่ามันคือของขวัญ 1 (1)

คาร์ลเดินออกจากห้องนอนก่อนจะมุ่งหน้าไปหาโอเดียสที่รอ
เขาอยู่ทางประตูด้านหลัง
“โอเดียส…เจ้าทางานได้เยี่ยมยิ่งนัก…ข้าพอใจกับมันมาก”
โอเดียสไม่รู้ว่าเขาควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่ได้รับคาชมจาก
คาร์ลแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผลประโยชน์
ที่เขาได้รับจากเรื่องนี้มีค่าเป็นอย่างมาก เขามีความสุขในเรื่อง
นี่จากใจจริงๆ
“ไม่หรอกขอรับนายน้อยคาร์ล…หากเทียบกับสิ่งที่กระผมได้รับ
จากเรื่องนี้ยังถือว่ามันน้อยไปด้วยซ้า”
“อืม…อย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลไม่ได้ล้อโอเดียสเล่นแต่อย่างใดว่าเขาจะว่าจ้างให้โอเดียส
ทางานให้แก่เขา ผลตอบแทนที่โอเดียสได้รับจากคาร์ลในการ
อานวยความสะดวกต่างๆในอาณาเขตสแตนนั้นถือว่าน้อยไป
เลยด้วยซ้าหากเทียบกับที่คาร์ลสามารถกาจัดเวเนี่ยนให้พ้น
จากทางของเขาได้
“เอาไว้..ข้าจะใช้บริการเจ้าในครั้งหน้าอีกแล้วกัน”
จากใจจริงๆของโอเดียสเขาไม่อยากพบเจอกับคาร์ลอีกแล้ว
สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของเขาที่มีมาตลอดช่วงอายุ
ของเขานั้นมันกาลังร้องเตือนให้เขารู้ว่าสิ่งนี้มันอันตรายและ
เขาอาจต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกายและใจได้ อย่างไรก็ตาม
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาโดยตลอดของเขามันก็แจ้งเตือนเขา
เช่นกันว่าเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากเรื่องนี้ได้ เขาจะไม่มี
ทางเลือกอื่นนอกจากต้องพบกับคาร์ลอีกครั้งและบางทีอาจ
ต้องทางานให้เขาอีกด้วย
“ขอรับ…แล้วกระผมจะติดต่อไปหานายน้อยบ่อยๆ”
“ดี”
คาร์ลก้าวขึ้นรถม้าก่อนจะเหลือบไปมองบารอคที่นั่งประจา
ตาแหน่งคนขับรถม้าโดยการเดินทางออกจากอาณาเขตสแตน
ในครั้งนี้บารอคจะรับหน้าที่เป็นสารถีให้แก่พวกเขา
“โอเดียส”
“ขอรับ?”
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่?…ว่าควรทาอย่างไรกับห้องใต้ดินนั่น”
แววตาของโอเดียสสั่นไหวเล็กน้อย เขาหันไปมองยังทิศที่มี
ประตูทางเข้าชั้นใต้ดินซึ่งถูกสร้างไว้ใกล้ๆกับประตูหลังซึ่งอีกไม่
นานหลังจากนี้มันอาจจะเหลือเพียงเศษซากของหินและอิฐกอง
อยู่เท่านั้น
“…กระผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยขอรับ”
“ดี”
ก่อนหน้านี้ตัวโอเดียสเองก็เห็นร่องรอยของเศษซากจากงาน
เลี้ยงฉลองรวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ทรมานร่างกาย มันมี
ร่องรอยการชารุดที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันผ่านการใช้งาน
มาหนักเพียงใดก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะถูกทาลายลง
‘ให้ตายสิ!…เรื่องทั้งหมดที่เขาทา..มันไม่ได้บ่งบอกว่าเขาเป็นคน
ดีเลยสักนิด’
ไม่มีขุนนางที่ดีพร้อมและมีความเสียสละ มีเพียงขุนนางที่ใจ
โหดเป็นหินและเขี้ยวลากดินเท่านั้น
“อ้อ!…ข้าไม่ต้องการให้เจ้าบอกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับบิลอส”
“การรักษาความลับย่อมเป็นค่าตอบแทนสาหรับค้าจ้างทั้งหมด
ขอรับ”
“อืม…แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น”
ก่อนที่คนทั้งคู่จะส่งยิ้มให้แก่กัน แน่นอนว่าภายในใจของทั้ง
สองไม่ได้ยิ้มตามที่แสดงออกมาเลยสักนิด
“ถ้าเช่นนั้น…ข้าขอตัว..ออกเดินทางก่อนแล้วกัน”
“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ..นายน้อยคาร์ล”
การบอกลาของโอเดียสเปี่ยมไปด้วยความจริงใจราวกับว่าเขา
อยากให้คาร์ลออกไปจากที่นี่เสียทีและไม่ต้องกลับมาให้เขาเห็น
หน้าอีกต่อไป คาร์ลยิ้มหยันให้กับคาลาของโอเดียสก่อนจะปิด
ประตูรถม้าลงทันที
ในขณะที่บารอคก็เริ่มบังคับรถม้าทันทีที่ประตูถูกปิดลง
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากอาณาเขตสแตนและกาลังมุ่งหน้าไปยัง
ภาคตะวันตกของอาณาจักร พวกเขาเร่งการเดินทางอย่าง
รวดเร็วจะมีหยุดพักก็เพียงตอนนอนพักผ่อนในเวลากลางคืน
เท่านั้น
“เบื่อหรือ?”
คาร์ลที่กาลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าหันกลับมามองด้าน
ในรถม้าทันทีที่ได้ยินเสียงอ่อนโยนของเชวฮันดังขึ้น รอยยิ้มอัน
บริสุทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชวฮันถูกประดับอยู่บน
ใบหน้าของเขาในขณะที่มือก็ยื่นอาหารว่างให้แก่ออนและฮงไป
ด้วย
“ไม่สักหน่อย!…ไม่เบื่อเลยสักนิด!”
“ข้าสนุกจะตายไป…แค่ได้เดินหมุนไปรอบๆแค่นี้ก็ดีแล้ว..ไม่
เห็นต้องทาอะไรเยอะแยะเลย!”
เชวฮันหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตอบกลับลูกแมวน้อยทั้งสอง
ตัว
“พวกเจ้านี่…ช่างเหมือนกับท่านคาร์ลจริงๆ”
‘….นี่เขากาลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย?’
คาร์ลหันมาสนใจเชวฮันมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่อาจเป็นไป
ได้ทั้งคาชมหรือคาจิกกัดตนเองก่อนจะละสายตาไปมองออน
และฮงที่ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารที่เชวฮันยื่นให้
ตอนนี้รถม้าของพวกเขาเดินทางถึงชายแดนที่มีรอยต่อพื้นที่
ระหว่างภาคตะวันตกเฉียงเหนือกับภาคตะวันตกเฉียงใต้ของ
อาณาจักรโรมัน ถ้าจะเรียกให้ง่ายขึ้นพวกเขากาลังอยู่ใน
ภูมิภาคตะวันตกของอาณาจักร หากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาเขตเฮนิตัสซึ่งมีชื่อเสียงในด้านหินอ่อน
ภาคตะวันตกเฉียงเหนือกินพื้นที่ไปทั่วภาคตะวันตกก็ขึ้นชื่อใน
เรื่องของหินแกรนิต นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ภูมิภาคแห่งนี้เต็มไป
ด้วยภูเขาหินเป็นจานวนมาก
เชวฮันยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
“ข้าเคยมาที่นี่แล้ว…จาได้ว่าครั้งนั้น…ที่นี่ก็ไม่มีอะไรเลย
นอกจากภูเขาหินพวกนี้”
‘หืม?….เชวฮันเคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อนอย่างนั้นหรือ?’
คาร์ลกาลังนึกถึงความจริงในเรื่องนี้ก่อนจะนึกออกในที่สุด โรส
ลินนั่นเอง!
เขาอาจเคยผ่านเส้นทางนี้เมื่อครั้งเดินทางไปยังอาณาจักรเบร็ค
พร้อมกับล็อกเพื่อช่วยโรสลินในครั้งนั้นก็เป็นได้?
“เจ้าเคยผ่านมาทางนี้..เมื่อครั้งที่เดินทางไปยังอาณาจักร
เบร็คหรือ?”
คาร์ลรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเชวฮันที่มีต่อคาถามของ
เขา การได้เห็นท่าทางที่ลังเลใจในการจะตอบคาถามของเขา
นั้นทาให้คาร์ลอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ก่อนจะพูดต่อไปราวกับไม่มี
สิ่งผิดปกติใดๆเกิดขึ้น
“เจ้าไปก่อความวุ่นวายในอาณาจักรเบร็คมาหรือเปล่า?”
“..เปล่านะขอรับ!…กระผมไม่ได้ทาเช่นนั้น”
คาร์ลไม่ได้คิดจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมเช่นกัน
เขาไม่ได้อยากรู้มันแค่ได้ยินผลลัพธ์จากสิ่งที่เกิดขึ้นจากองค์
ชายรัชทายาทอัลเบิร์กก็นับว่ามากพอแล้ว อย่างไรก็ตามมีเรื่อง
อื่นที่เขาต้องการถามเชวฮันแทน
“เมื่อครั้งที่เจ้าเดินทางไปยังฝั่งตะวันตกของทวีป…เจ้าได้ผ่าน
‘ภูเขาสิบนิ้ว’ไปหรือเปล่า?”
“หืม?…มีภูเขาชื่อนี้ด้วยหรือขอรับ?…กระผมไม่เคยได้ยินมันมา
ก่อน”
หลังจากนั้นทั้งออน ฮงและราอนก็หันมาสนใจในชื่อแปลกๆ
ของภูเขาลูกนี้เช่นกัน ประกายตาของพวกมันที่ส่งมาให้คาร์ล
ล้วนแต่คาดคั้นให้คาร์ลอธิบายให้พวกมันฟังเพิ่มเติมจนคาร์ล
อดหน้าบึ้งตึงไม่ได้
แปะ!!!!
ราอนแตะอุ้งมือของมันไปที่เข่าของคาร์ลเบาๆ
“มนุษย์!…อธิบายให้ข้าฟังที…ข้าอยากรู้!?”
จนท้ายที่สุดคาร์ลก็ยอมจานนและอธิบายให้พวกเขาทั้งหมดฟัง
“มีหินที่มีลักษณะแน่น ทึบ หนักและแข็งแรง พวกมันทนต่อ
แรงขีดข่วนและต้านทานความชื้นได้ดี…หินประเภทนี้เราเรียก
มันว่าหินแกรนิต…พวกมันถูกพบเป็นจานวนมากในภาค
ตะวันตกแต่ก็ไม่ใช่ว่าหินทั้งหมดในภูมิภาคนี้จะเป็นหินแกรนิต
ทั้งหมดหรอกนะ..มันยังมีหินอื่นๆอยู่เป็นจานวนมากเช่นกัน..”
คาร์ลหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“อย่างไรก็ตามบริเวณชายแดนระหว่างภาคตะวันตกและ
ตะวันตกเฉียงใต้มีภูเขาหินแกรนิตขึ้นติดกัน…พวกมันขึ้นติดกัน
ถึงสิบยอดจนดูคล้ายกับนิ้วมือสิบนิ้ว”
ยอดเขาของหินแกรนิตเหล่านี้ตั้งอยู่ชายแดนภาคตะวันตกและ
และภาคตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์
เฉพาะตัวคือการที่มันขึ้นติดกันจนมีลักษณะคล้ายกับนิ้วมือสิบ
นิ้วทาให้ภูเขาแห่งนี้ถูกเรียกว่า ‘ภูเขาสิบนิ้ว’
“อืม…กระผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมันนะขอรับ?..เพราะเราใช้
เส้นทางตัดผ่านไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่ได้ผ่านไปทาง
ตะวันตกเฉียงใต้…ทั้งขาไปและขากลับพวกกระผมก็ใช้เส้นทาง
เดียวกัน…กระผมมั่นใจ..ถ้าหากได้ผ่านเส้นทางนั้นและได้เจอ
ภูเขาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้…กระผมต้องจามันได้อย่าง
แน่นอน”
“จริงเหรอ?…ข้าชักอยากเห็นมันแล้วสิ!…เจ้าบอกว่ามันมี
จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครใช่หรือเปล่า?…ข้าอยากเห็นมันแล้ว..เจ้า
มนุษย์!”
ราอนหันไปถามคาร์ลเมื่อได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับ‘ภูเขาสิบนิ้ว’มัน
รู้สึกตื่นเต้นและอยากเห็นมันด้วยตาตัวเอง ราอนยังจาได้ดีว่า
คาร์ลเคยบอกกับลิทาน่าว่าเขาสนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวไป
ยังสถานที่ต่างๆมากเพียงใด
ราอนกาลังจะอ้าปากพูดว่า ‘เราไปตอนนี้กันเถอะ!’แต่คาร์ลนั้น
กลับเร็วกว่า
“อีกประมาณหนึ่งปี..ข้ามีแผนที่จะเดินทางไปที่นั่น..ข้าก็เลย
ถามเจ้าว่าเคยเห็นมันบ้างหรือเปล่า?”
“อีกหนึ่งปีเหรอ?”
“ใช่”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกหนึ่งปีข้างหน้าคาร์ลจะต้องเดินทางไป
ยัง‘ภูเขาสิบนิ้ว’ให้ได้
‘พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณลาดับสุดท้ายจะปรากฏตัวขึ้นที่นั่น’
คาร์ลจาเป็นต้องได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณลาดับสุดท้ายนี้ให้ได้
มันเป็นพลังที่ใช้โจมตีคล้ายกับสายฟ้าฟาด
“ข้าคิดว่ามันจะดีกว่า…หากพวกเราได้เดินทางไปที่นั่น
ด้วยกัน”
คาร์ลพึมพาออกมาโดยไม่คิดใส่ใจกับมันมากนัก แต่ประโยคที่
เขาพูดออกมานั้นกลับทาให้ความเบื่อหน่ายบนสีหน้าของออน
ฮงและราอนหายวับไปทันที ในขณะที่เชวฮันก็มีรอยยิ้มเล็กๆ
แต้มบนมุมปากของเขาเช่นกัน
“มันฟังดูน่าสนุกใช่มั้ย?…แต่มันอาจลาบากไปสักหน่อยเพราะ
มันไม่มีหมู่บ้านอยู่แถวๆนั้นเลย”
“อ้าว?…ทาไมล่ะขอรับ?..ทาไมถึงไม่มีหมู่บ้านอยู่ที่นั่น?”
คาร์ลหันไปมองเชวฮันและพวกเด็กๆทั้งสาม
“มันไม่มีเลย..จากที่ข้ารู้มา..มันไม่มีหมู่บ้านใดๆที่อยู่บริเวณนั้น
เลย..ไม่มีสักหมู่บ้าน”
‘ไม่มีเลยสักแห่ง’
หากจุดสุดท้ายคือหมู่บ้านของมนุษย์มันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่
อะไรสาหรับเขาแต่การที่มันเป็นหมู่บ้านเอลฟ์ที่รักในความเป็น
ธรรมชาติและคลั่งไคล้ในตัวมังกรมากเกินไป มันคือปัญหาใหญ่
สาหรับเขา
‘เอลฟ์’
พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่เชี่ยวชาญในการใช้พลังเวทย์ เอลฟ์ได้ใช้
พลังเวทย์ซ่อนหมู่บ้านของพวกเขาให้รอดพ้นจากสายตาของ
มนุษย์และสร้างหมู่บ้านให้อยู่ห่างไกลจากมนุษย์ พวกเขาเป็น
เผ่าพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุดเป็นรองเพียงแค่
เผ่าพันธุ์มังกรเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถจัดการ
ใช้ทรัพยากรทั้งสี่ธาตุได้ไม่ว่าจะเป็นดิน น้า ลม และไฟอีกทั้งยัง
มีรูปลักษณ์ที่สวยงามจนมนุษย์ก็ยังอดชื่นชมไม่ได้ พวกเขาจะ
แตกต่างจาก‘เอลฟ์มืด’[1] ที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามเช่นเดียวกัน
แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถดึงพลังจากความมืดมา
ใช้ได้
ในนิยายนั้นเชวฮันและล็อกได้ใช้เส้นทางที่ผ่าน‘ภูเขาสิบนิ้ว’
เมื่อครั้งที่เดินทางกลับจากการจัดการปัญหาภายในของ
อาณาจักรเบร็ค พวกเขาบังเอิญไปพบเข้ากับหมู่บ้านเอลฟ์และ
มีเหตุให้เข้าไปพัวพันกับเอลฟ์ตนหนึ่งเข้า
‘เพนดริก’ เอลฟ์ผู้เป็นหมอเยียวยาและรักษา (53380)
ซึ่งจะแตกต่างจากคาร์ลที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณในการฟื้นฟู
ร่างกายส่วนเพนดริกนั้นมีความสามารถในการรักษาและ
เยียวยาผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นรักษาทั้งสภาพกายและจิตใจรวมถึง
เป็นที่ยึดเหนี่ยวความเชื่อและศรัทธาจากผู้อื่น เขาตัดสินใจเข้า
ร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของเชวฮันและร่วมเดินทางผจญภัยไป
กับพวกเขา
[1] ประวัติของเอลฟ์จะแตกต่างกันออกไปตามตานานที่ผู้แต่ง
จะนาออกมาใช้ เช่นในตานานนอร์ส เอลฟ์มืด/ดาร์กเอลฟ์/
DarkElf หรือ Dökkálfar ซึ่งเหมือนขั้วตรงข้ามกับ เอล์ฟ
สว่าง/ไลท์เอลฟ์/Light Elf หรือ Ljósálfar ในตานานระบุไว้
ว่าเอล์ฟสว่างจะ ‘ส่องสว่างดุจพระอาทิตย์’ส่วนเอล์ฟมืดนั้นดา
มืดเหมือนหลุมลึก ซึ่งเอล์ฟสว่างจะอาศัยอยู่ใน Alfheim
ในขณะที่เอล์ฟมืดอาศัยอยู่ใต้ดิน ส่วนในเกมส์หรืออนิเมะต่างๆ
ส่วนมากจะแต่งให้เอล์ฟมืดคือเอลฟ์สว่างที่หันไปใช้พลังเวทย์
มืดแทน อย่างเช่นในใน Lineage2 เอล์ฟมืดคือเผ่าเอลฟ์ที่หัน
ไปใช้เวทย์มนต์ดาเลยถูกสาปให้มีผิวสีดาและต้องอาศัยอยู่ใต้
ดิน
บทที่ 88 ข๎าคิดวํามันคือของขวัญ 1 (2)

นิยายแฟนตาซีดูเหมือนจะต๎องมีเอลฟ์อยํางน๎อยหนึ่งตนที่เข๎า
รํวมเป็นสมาชิกของกลุํมตัวละครเอกซึ่งเพนดริกก็เป็นเอลฟ์ตน
นั้นในนิยายเรื่องนี้
‘และปัญหาอีกอยํางคือเขาจะต๎องจบชีวิตลงในที่สุด’
ตามเนื้อหาในนิยายผู๎ที่ทาให๎ล็อกเข๎าสูํภาวะบ๎าคลั่งและกลาย
รํางในที่สุดก็คือการตายของเพนดริก เขาเสียชีวิตลงในขณะที่ล็
อกพยายามปกปูองและชํวยชีวิตเขาไว๎และนั่นสํงผลให๎ล็อก
เสียใจจนคลุ๎มคลั่งจนเกิดการกลายรํางเป็นครั้งแรก นอกจากนี้
มันยังทาให๎เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งบุคลิกและรูปรํางของล็อก
อีกด๎วย
นั่นเป็นเหตุผลที่เพนดริกไมํควรต๎องจบชีวิตลงถ๎ายังไมํได๎พบ
กับล็อกหรือออกเดินทางรํวมกับพรรคพวกของเชวฮันกํอน
จนกระทั่งถึงตอนนี้เพนดริกยังไมํมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับคาร์ล เชว
ฮันหรือล็อกแตํอยํางใด ถ๎าหนึ่งปีผํานไปโดยที่พวกเขายังไมํเจอ
กันนั่นหมายความวําเพนดริกจะมีชีวิตที่ยืนยาวกวําที่เขาเคยมี
ในนิยาย
มันถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญํที่สุดในการเปลี่ยน
เนื้อหาของนิยายตามต๎นฉบับที่ปรากฏเอาไว๎
“ใชํ…มันไมํมีหมูํบ๎านอยูํเลย”
คาร์ลพึมพาออกมาเบาๆและตัดสินใจในที่สุดวําตนจะ
หลีกเลี่ยงจากหมูํบ๎านเอลฟ์เมื่อครั้งที่ต๎องไปยังภูเขาสิบนิ้วในปี
หน๎า แคํในตอนนี้เขาก็มีภาระที่ต๎องดูแลมากพอแล๎วดังนั้นเขา
จึงคิดที่จะตัดปัญหาพวกนี้ออกไปให๎พ๎นตัวและทาในสิ่งที่คิดวํา
มันเป็นวิธีที่งํายที่สุดสาหรับเขาก็พอ เพราะเขาจะไมํยอมให๎
เหตุการณ์เดิมๆวนกลับมาซ้าอีกครั้งในปีหน๎า
“ข๎าอยากให๎มันถึงปีหน๎าแล๎วลํะ…ข๎าไมํสนหรอก…วํามันจะมี
หมูํบ๎านหรือไมํมีหมูํบ๎าน”
คาร์ลเหลือบไปมองราอนที่แสดงความตื่นเต๎นออกมาอยํางเห็น
ได๎ชัด
แนํนอนวําเขาไมํสามารถพามังกรไปปรากฏตัวที่หมูํบ๎านเอลฟ์
เป็นอันขาด ราอนจะได๎รับการต๎อนรับและดูแลราวกับวํามันคือ
พระเจ๎า แคํจินตนาการถึงภาพพวกนั้นเขาก็อดขนลุกไมํได๎
คาร์ลเบือนหน๎าหนีจากราอนอยํางรวดเร็วและยืนกรานกับตน
อยํางหนักแนํนวําเขาจะไมํยํางกรายไปยังภาคตะวันตกเฉียงใต๎
จนกวําจะไปเยือนที่นั่นในอีกหนึ่งปีข๎างหน๎า เขาจะไปที่นั่น
พร๎อมแผํนปูายทองคาขององค์ชายรัชทายาท
คาร์ลเปิดหน๎าตํางเล็กๆที่เชื่อมกับที่นั่งคนขับรถม๎าออกกํอนจะ
เอํยสั่งบารอคขึ้น
“เรํงความเร็วอีกหนํอยแล๎วกัน”
“ขอรับ”
รถม๎าทะยานไปข๎างหน๎าด๎วยความรวดเร็ว มันวิ่งออกจากภาค
ตะวันตกกํอนจะเข๎าสูํเขตเมืองหลวงในที่สุด
.
.
.
“ถวายบังคมพะยํะคํะองค์ชาย…นี่ก็ผํานมานานทีเดียวกับครั้ง
สุดท๎ายที่หมํอมฉันได๎มีโอกาสเข๎าเฝูาพระองค์”
คาร์ลยิ้มเต็มใบหน๎าเมื่อเอํยทักทายองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก
วันนี้เขาเลือกสวมชุดเรียบๆแตํมีลักษณะที่สามารถดึงดูดความ
สนใจจากทุกคนให๎หันมามองเขาได๎
“อืม..นานมากจริงๆ…ข๎าดีใจที่ได๎เจอเจ๎าอีกครั้ง…อาการของ
เจ๎าเป็นอยํางไรบ๎าง?..แข็งแรงดีแล๎วใชํมั้ย?”

บุรุษผู๎มีผมสีบลอนด์และตาสีฟูา อัลเบิร์กยังคงดูหลํอเหลา
เชํนเดิม เขาสํงยิ้มให๎คาร์ลอยํางอํอนโยนในขณะที่มือก็
สวมกอดคาร์ลอยํางยินดี
ขณะนี้พวกเขายืนอยูํหน๎าตาหนักสํวนพระองค์ขององค์ชายรัช
ทายาท โดยองค์ชายอัลเบิร์กนั้นให๎การต๎อนรับคาร์ลอยําง
อบอุํนเพราะถึงอยํางไรคาร์ลก็ยังเป็นวีรบุรุษในใจของ
ประชาชนจากเหตุการณ์กํอการร๎ายในจัตุรัสกลางเมือง
แม๎วําในตอนนี้จะไมํมีการเอํยถึงเรื่องนี้อีกตํอไปแตํจัตุรัสกลาง
เมืองก็ถูกซํอมแซมและบางสํวนก็ถูกสร๎างขึ้นมาใหมํอีกทั้งยังมี
ทหารองครักษ์และอัศวินคอยลาดตระเวนเพื่อดูแลความ
ปลอดภัยรอบๆบริเวณอีกด๎วย นอกจากนี้ยังมีชาวเมืองสํวน
ใหญํที่ไมํพอใจในการการทางานของพระราชวังที่ไมํยอม
เปิดเผยตัวตนของผู๎กํอการร๎ายเสียที
“ที่หมํอมฉันสามารถพักฟื้นได๎อยํางสะดวกสบายและสุขภาพก็
กลับมาแข็งแรงได๎อยํางรวดเร็วเชํนนี้…ก็เป็นเพราะความ
หํวงใยจากพระองค์และพระมหากรุณาธิคุณจากราชวงศ์ทุก
พระองค์พะยํะคํะ”
คาร์ลฉีกยิ้มกว๎างราวกับยืนยันวําสิ่งที่ตนพูดออกมานั้นล๎วนมา
จากใจของเขาจริงๆและเป็นการยืนยันวําตนในตอนนี้สุขภาพ
แข็งแรงเชํนเดิมหรืออาจจะดีกวําเดิมเสียด๎วยซ้า องค์ชายรัช
ทายาทอัลเบิร์กมองดูคาร์ลราวกับมีความสุขที่คาร์ลกลับมา
แข็งแรงแล๎ว กํอนจะชี้ไปด๎านในของตาหนัก
“เข๎าไปด๎านในกันเถอะ…อยํางน๎อยก็ให๎ข๎าเลี้ยงน้าชาเจ๎าบ๎าง
แล๎วกัน…ครั้งสุดท๎ายที่ข๎าดื่มชากับเจ๎าก็นานมากแล๎วนี่นา”
“พะยํะคํะองค์ชาย…หมํอมฉันมั่นใจวําพระองค์อาจจะทรงงาน
หนักในชํวงนี้และคงยุํงนําดู..ดังนั้นหมํอมฉันคงไมํรบกวนเวลา
ของพระองค์นานนัก”
~ ข้าล่ะไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ…ว่าทาไมเจ้าต้องมีท่าทางเช่นนี้ทุก
ครั้งเลย ~
คาร์ลก็คิดเหมือนกับราอนแตํมันก็ไมํมีทางเลือกอื่นให๎เขานี่นา
คลิ๊ก!!!!
ชํวงเวลาที่พวกเขายํางเท๎าเข๎าไปในห๎องทรงงานขององค์ชาย
รัชทายาทและปิดประตูลงนั้นทั้งคาร์ลและอัลเบิร์กก็ผละออก
หํางจากกันอยํางรวดเร็ว
“องค์ชาย..คงเหนื่อยมากแนํๆ”
“ข๎าแนํใจ..วําเจ๎าเองก็รู๎สึกแบบเดียวกับข๎า”
อัลเบิร์กถอนหายใจยาวกํอนจะชี้ไปยังโต๏ะที่ตั้งอยูํอีกฝั่งหนึ่ง
ของห๎องทางาน อยํางไรก็ตามเขากลับเห็นทําทางที่ดูเหมือน
คุ๎นเคยกับห๎องนี้เป็นอยํางดีที่คาร์ลแสดงออกมา คาร์ลเดินไปยัง
จุดที่อัลเบิร์กชี้และเลือกนั่งลงบนโซฟาที่นั่งสบายที่สุดในห๎องนี้
ทันที
“หากคนอื่นมาเห็นทําทางของเจ๎าในตอนนี้..คงคิดวําเจ๎าเคย
เข๎ามาในห๎องนี้เป็นครั้งที่สองแล๎วกระมัง”
“อํา..มันอาจเป็นครั้งแรกที่หมํอมฉันมาที่นี่..แตํหมํอมฉันกลับ
รู๎สึกคุ๎นเคยกับที่นี่ยิ่งนัก..อาจเป็นเพราะการต๎อนรับอันอบอุํน
จากพระองค์ก็เป็นได๎พะยํะคํะ”
คาร์ลไมํมีปัญหาในการใช๎ลิ้นกะลํอนของตนเองในการเอํย
ชมอัลเบิร์กออกมา ในขณะที่อัลเบิร์กเองเพียงแคํมองคาร์ลที่
กาลังนัง่ บนโซฟาที่เขาเลือกเองกับมืออยํางเงียบๆกํอนจะ
สาวเท๎าไปนั่งเก๎าอี้ที่อยูํหัวโต๏ะทางาน
“ข๎าได๎บอกกับเจ๎าใชํหรือไมํ..วําให๎มาที่นี่โดยเร็วที่สุด”
“…นั่นเป็นสาเหตุที่หมํอมฉันเรํงเดินทางมาที่นี่โดยแทบไมํได๎
หลับไมํได๎นอนเลยพะยํะคํะ”
อัลเบิร์กพํนลมออกจากจมูกของตนเบาๆให๎กับสิ่งที่คาร์ลเอํย
ออกมา เขาไมํรูํวําคาร์ลคิดจะทาอะไรกันแนํแตํคนที่ควรจะอยูํที่
อาณาเขตเฮนิตัสที่ตั้งอยูํทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับ
เดินทางมายังเมืองหลวงโดยใช๎เส๎นทางที่ใครๆก็รู๎วําเขาเพิ่ง
เดินทางกลับมาจากภาคตะวันตกเสียอยํางนั้น และแนํนอนวํา
เขายํอมรู๎ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคตะวันตก อ๎อ!ไมํใชํสินะ…ต๎อง
บอกวําเป็นภาคตะวันตกเฉียงเหนือตํางหาก
“เจ๎า..นี่มันนําสงสัยจริงๆ”
อัลเบิร์กยกชาที่นางกานัลนามาถวายขึ้นจิบช๎าๆ ในขณะที่
สายตาก็ลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆ จนกระทั่งเหลํานางกานัล
ทั้งหมดทางานจนเสร็จสิ้นและเตรียมตัวออกจากห๎องไป วันนี้
เขามีเรื่องที่จะต๎องคุยกับคาร์ลคํอนข๎างมากและยังมีเรื่องที่เขา
ต๎องขอร๎องให๎คาร์ลทาอีกด๎วย
~ ทาไมองค์ชายรัชทายาทจึงมีสีหน้าแปลกๆอย่างนั้นด้วยล่ะ?
~
คาร์ลเห็นด๎วยกับสิ่งที่ราอนเอํยขึ้นแตํก็แกล๎งทาเป็นไมํสนใจกับ
สายตาที่องค์ชายรัชทายาทใช๎มองตน การจ๎องมองด๎วยสายตา
เชํนนี้มันเหมือนกับวําอัลเบิร์กมีสิ่งที่ต๎องการจากเขาเป็น
จานวนมากทีเดียว อยํางไรก็ตามความคิดและการแสดงออก
ของพวกเขายํอมเป็นสิ่งที่สวนทางกัน
คลิ๊ก!!!!!
เหลํานางกานัลออกจากห๎องไปในที่สุด กํอนที่อัลเบิร์กจะอ๎า
ปากพูดอะไรออกไปคาร์ลกับชิงพูดขึ้นกํอน
“องค์ชายพะยํะคํะ”
‘หืม?’
คาร์ลสบตากับอัลเบิร์กซึ่งมีทําทางงุนงงอยํางเห็นได๎ชัด
ในขณะที่ราอนก็กาลังเอํยเข๎ามาในหัวของคาร์ลอีกครั้ง
~ …ข้ามั่นใจยิ่งนักว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก…แปลกมาก
จริงๆ ~
คาร์ลหยิบกระเป๋าเวทย์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของตน
“หมํอมฉันมีของขวัญมามอบให๎พระองค์พะยํะคํะ”
“…สาหรับข๎าหรือ?”
“ใชํพะยํะคํะ…ของขวัญสาหรับดวงดาวของอาณาจักรผู๎เป็นที่
พึ่งของเหลํา——-”
“พอเถอะ!”
อัลเบิร์กไมํได๎รู๎สึกดีใจที่ได๎ยินวําคาร์ลมีของขวัญมอบให๎แกํเขา
และตอนนี้เขากาลังมองไปที่คาร์ลด๎วยความสงสัยเพิ่มขึ้น
กวําเดิมเพราะคาร์ลไมํยอมเข๎าประเด็นในเรื่องนี้เสียที อยํางไร
ก็ตามเขาเองก็อดยอมรับไมํได๎วําตัวเองก็คาดหวังเมื่อได๎ยินวํา
คาร์ลจะมอบของขวัญให๎แกํเขาเชํนกัน เมื่อไมํกี่สัปดาห์ที่ผําน
มาอัลเบิร์กได๎รับของขวัญชิ้นหนึ่งจากคาร์ลโดยมอบมันภายใต๎
ชื่อของสมาคมการค๎าฟลินน์แทน
“กํอนอื่นมาดูของขวัญที่เจ๎าวํากํอนแล๎วกัน”
คาร์ลคํอยๆเปิดกระเปุาเวทย์ออกเมื่อได๎รับการอนุญาต
จากอัลเบิร์กแล๎ว เสียงของราอนลอดเข๎ามาหัวของเขาเมื่อเขา
กาลังหยิบขวดแก๎วเล็กๆออกจากกระเป๋าเวทย์
~ อืม…เขามีลักษณะเฉพาะตัวที่แปลกเพราะมันมืดมาก…มัน
คือพลังมืดอย่างแน่นอน ~
ปึ้ง!!!
เสียงขวดแก๎วกระทบกับโต๏ะสํงเสียงดังขึ้น
“…นี่คือสิ่งใด?”
คาร์ลไมํได๎ตอบสิ่งใดออกมาแตํแสดงมันให๎อัลเบิร์กเห็นแทน
ขวับ!!!!แคว็ก!!!!
คาร์ลเปิดฝาขวดแก๎วออกช๎าๆซึ่งภายในบรรจุไปด๎วยน้าสีดา
เต็มขวดแก๎วเล็กๆนี้
ฝาถูกเปิดออกจนหมดกํอนที่สสารบางอยํางที่ไมํสามารถ
มองเห็นด๎วยตาเปลําจะลอยออกมาจากขวดแก๎วช๎าๆ
~ …ข้าคุ้นเคยกับกลิ่นนี้…มันเป็นกลิ่นเดียวกับหนองน้าสีดานั่น
~
มันคือกลิ่นของพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎วและมันคํอยๆลอยเข๎าปก
คลุมไปทั่วทั้งห๎อง นี่เป็นสิ่งที่เขาได๎รับมันจากเผําวาฬระหวํางที่
กาลังเดินทางไปยังอาณาจักรวิปเปอร์ มันไมํเหมือนกับขวด
อื่นๆที่คาร์ลได๎รับเพราะขวดนี้เป็นเพียงขวดเดียวที่บรรจุพลัง
เวทย์แหํงความตายที่ไมํมีพิษเจือปน
หนึ่งในสามขวดที่เขาได๎รับจากราชาแหํงเผําวาฬได๎ถูกบรรจุอยูํ
ในขวดแก๎วเล็กๆนี้แล๎ว
“เ…เจ๎า—-”
คาร์ลหมุนฝาขวดกลับคืนและปิดมันจนสนิทในที่สุดเมื่อเห็น
วําอัลเบิร์กไมํสามารถพูดอะไรตํอได๎
“องค์ชายพะยํะคํะ..แนํนอนวําของขวัญชิ้นนี้ไมํได๎มอบให๎
พระองค์ฟรีๆ”
ไมํมีทางที่คาร์ลจะมอบสิ่งล้าคําเชํนนี้ให๎กับคนอื่นฟรีๆโดยไมํได๎
รับคําตอบแทนใดๆกลับคืน
มันอาจเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายตํอมนุษย์และไมํมีประโยชน์ใดๆ
เลยด๎วยซ้าแตํคาร์ลยังจาได๎ดีถึงสิ่งที่ราอนพูดถึงอัลเบิร์กเมื่อ
ครั้งลําสุดที่พวกเขามาที่นี่
[~ ทาไมมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกเรียกว่าองค์ชายรัชทายาทจึง
ปกปิดสีผมของเขาด้วยพลังเวทย์ด้วย?มันเป็นพลังเวทย์ที่อยู่ใน
ระดับเดียวกับมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่เช่นข้าเท่านั้นที่จะ
มองเห็นมันได้…หรือว่าจะมีมังกรตัวอื่นใช้พลังเวทย์ปกปิดสีผม
ให้เขา?หรือไม่มันก็อาจจะเป็นพลังเวทย์อย่างอื่นหรือเปล่า
นะ?~ ]
พลังเวทย์ชนิดตํางๆที่มีบนโลกใบนี้ ราอนยํอมสามารถบอกได๎
วํามันมีความแตกตํางจากพลังที่เกิดจากธรรมชาติอยํางไรบ๎าง?
เพราะเขาคือมังกรแตํจากประสบการณ์ที่น๎อยนิดของมันเมื่อ
ครั้งนั้นอาจยังไมํสามารถทาให๎มันแนํใจได๎วํามันคือพลังเวทย์
ชนิดใดกันแนํ? อยํางไรก็ตามมันยํอมตํางจากครั้งนี้เมื่อมันได๎
ผํานประสบการณ์ที่เกี่ยวข๎องกับเรื่องนี้โดยตรง
“พลังเวทย์ที่ตายไปแล๎ว”
คาร์ลพึมพาออกมาเบาๆเหมือนบํนให๎ตนได๎ยินเพียงคนเดียว
มากกวํา
“มันไมํใชํทั้งพลังเวทย์ของอสูร พลังเวทย์ด๎านมืดหรือเวทย์
มนต์ของพํอมดหมอผี”
มันคือพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎ว
มันสามารถถูกใช๎งานโดยผู๎ที่มีคุณสมบัติความมืดโดยเฉพาะ
เพราะมันจะถูกนาไปใช๎เพื่อสร๎างพลังเวทย์ให๎แกํเจ๎าของ
แนํนอนวํามันแตกตํางจากพลังเวทย์ทั่วๆไปซึ่งอุปกรณ์เวทย์ที่
สร๎างขึ้นมาใช๎ในปัจจุบันจะไมํสามารถตรวจพบพลังเวทย์ที่ตาย
ไปแล๎วได๎ โดยเฉพาะอยํางยิ่งหากพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎วถูก
ครอบครองโดยผู๎ที่มีพลังเวทย์ขั้นสูง
“หมํอมฉันเคยได๎ยินมาวํา..อดีตพระราชินีเป็นเพียงสามัญชน..
ซึ่งคนสํวนใหญํเข๎าใจวําพระองค์อาจมาจากภาคใต๎เพราะสีผิว
ของพระองค์คํอนข๎างเข๎ม” (53380)
ราอนเคยบอกเอาไว๎วําองค์ชายรัชทายาทมีผมสีน้าตาลเหมือน
คนสํวนใหญํในอาณาจักร
ทั้งสีผมและสีตาของเขาเป็นเพียงสีทั่วๆไปที่พบได๎ทั่วไปใน
อาณาจักรแตํอัลเบิร์กนั้นขึ้นชื่อของหน๎าตาและรูปลักษณ์ที่
หลํอเหลาแม๎แตํแมํของเขาก็ได๎รับการยกยํองในเรื่องของ
หน๎าตาและรูปรํางที่สวยงามเชํนกัน
“เอลฟ์มืดมีผิวสีคล้า…แตํหมํอมฉันเคยได๎ยินมาวําเอลฟ์มืด
เลือดผสมจะมีสีผิวที่คล๎ายกับชาวใต๎”
คาร์ลจ๎องไปที่อัลเบิร์กและตัดสินจบเรื่องนี้ในที่สุด
“ถ๎าเชํนนั้น…องค์ชายคิดวําบุตรชายของเอลฟ์ดาเลือดผสมจะ
มีสีผิวเชํนไรหรือพะยํะคํะ?”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กเอํยกับคาร์ลอยํางมาดมั่นโดยไมํมี
ทําทีสะทกสะท๎านแตํอยํางใด มันเป็นสิ่งที่เกินกวําที่คาร์ลจะ
คาดถึงนัก
“เจ๎ากาลังจะทาให๎ข๎าเป็นบ๎า”
“หมํอมฉันคิดวํา…หมํอมฉันกาลังเดาถูกใชํมั้ยพะยํะคํะ?”
บทที่ 89 ข้าคิดว่ามันคือของขวัญ 2 (1)

คาร์ลและอัลเบิร์กหันมามองกันพลางลอบสังเกตกันและกัน
อย่างเงียบๆ
“แล้วยังไงต่อ?”
ประโยคที่ออกมาจากปากขององค์ชายรัชทายาทหลังจากที่
ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องมาครู่ใหญ่ค่อนข้าง
เต็มไปด้วยความถือดี ใบหน้าของเขานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือ
มีอาการสะทกสะท้านให้คาร์ลเห็นเลยสักนิด คาร์ลเพียงยักไหล่
ของตนเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มีเพียงเท่านี้พะย่ะค่ะ…หม่อมฉันจะมอบของสิ่งนี้ให้แก่
พระองค์และแน่นอนว่าไม่ได้มอบให้ฟรีๆ”
อัลเบิร์กไม่เชื่อในตัวคาร์ลว่าจะไม่มีอะไรพูดเพิ่มเติมหรือหาข้อ
ต่อรองให้แก่ตนอีกหลังจากที่คาร์ลสร้างอาการเสียหลักให้กับ
ตัวเขาอย่างรุนแรงแม้ว่าเขาจะสามารถเก็บอาการไว้ได้ก็ตาม
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
อัลเบิร์กเริ่มหัวเราะ มันทาให้คาร์ลรู้สึกสงสัยว่ามันจะเกิดอะไร
ขึ้นหากในห้องทางานนี้ไม่มีอุปกรณ์เวทย์เก็บเสียงหรือว่าเขา
ไม่ให้เหล่านางกานัลและข้ารับใช้คนอื่นๆออกจากห้องไปก่อน
หน้านี้
บรรยากาศภายในห้องเริ่มผ่อนคลายลงอีกครั้ง
“ข้ามีแผนจะให้เจ้าทางานให้แก่ข้า..แต่…เฮ้อ…ข้าไม่ควรเรียก
เจ้ามาที่นี่เลยสินะ”
อัลเบิร์กเหนื่อยใจที่จะมองใบหน้าที่ผ่อนคลายตามปกติที่ตัว
คาร์ลมักเป็นอีกต่อไป เขาเบนสายตาไปมองขวดแก้วเล็กๆที่
บรรจุน้าสีดาอยู่เต็มขวด
‘แม่’
น้าหนักของคาๆนี้กระแทกเข้าไปในใจของอัลเบิร์ก
คาร์ลไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกและทาเพียงนั่งเงียบๆต่อไป เขา
หันไปมององค์ชายรัชทายาทที่กาลังจ้องมองขวดแก้วเล็กๆโดย
ไม่คิดสนใจสิ่งอื่นที่อยู่รอบๆตัว
เอลฟ์มืดหรือดาร์กเอลฟ์
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในความมืดที่ถูกลงโทษและ
ตราหน้าจากประชาชนในทวีปเพียงเพราะพวกเขามีการดาเนิน
ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความมืด ฐานพลังของพวกเขาคือพลังเวทย์
ที่ตายแล้วมันไหลออกจากสิ่งมีชีวิตที่จบชีวิตลง เมื่อครั้งอดีต
เอลฟ์มืดมักจะพบได้ทั่วๆไปบริเวณหลุมฝังศพหรือหมู่บ้านที่
เกิดโรคระบาดหรือเต็มไปด้วยผู้คนที่ล้มป่วย นั่นเป็นเหตุผลที่
คนส่วนใหญ่เกลียดชังเอลฟ์มืดแม้ว่าพวกเอลฟ์มืดไม่เคยทา
ร้ายคนและซากศพใดๆก็ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้นทาให้เอลฟ์มืดต้องหลบซ่อนตัวของพวกเขาและ
พวกเขาสามารถซ่อนตัวได้ดีกว่าพวกเอลฟ์เผ่าพันธุ์อื่นๆเสียอีก
อัลเบิร์กย้ายสายตาจากขวดแก้วเล็กๆนั้นมาหยุดที่ใบหน้าของ
คาร์ลก่อนที่คาร์ลจะส่งยิ้มให้แก่ตน
“แล้วเจ้า..จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างนั้นหรือ?”
“พะย่ะค่ะ”
“แต่ก็ไม่ทาให้ฟรีๆสินะ?”
“มันเป็นเรื่องธรรมดาๆที่ใครๆก็ทากันพะย่ะค่ะ”
อัลเบิร์กเลือกที่จะพูดตามความรู้สึกของตนออกมา
“เจ้าเล่ห์…เจ้านี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ..ที่เอ่ยชมหม่อมฉัน”
อัลเบิร์กรู้สึกหมั่นไส้คาร์ลที่ไม่สะทกสะท้านใดๆต่อคาจิกกัดที่
เขามอบให้แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกโล่งใจที่คาร์ลเลือกเข้า
หาเขาโดยตรงแทนที่จะไปพบกับองค์ชายสามหรือองค์ชายรอง
ที่เล็งตาแหน่งองค์ชายรัชทายาทของเขาไปครอบครองอยู่
และนั่นหมายความว่าคาร์ลต้องการทาข้อตกลงบางอย่างกับ
เขา
มันคือเหตุผลที่ทาให้เขารู้สึกโล่งใจเพราะคาร์ลนั้นคล้ายกับเขา
มากแต่ถึงอย่างไรเขาก็มีเรื่องที่คาใจอยู่ดี
“เจ้า..ไม่ใช่พวกเดียวกับข้าจริงๆหรือ?”
คาร์ลจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาได้อย่างไรกัน?หากเขาไม่ใช่
เอลฟ์มืดแบบเดียวกับเขา? อัลเบิร์กไม่สามารถเข้าใจในสิ่งนี้ได้
ผู้ที่จะสามารถรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้จะต้องเป็นพี่น้อง
จากเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเขาเท่านั้น เหล่าพี่น้องจากเอลฟ์มืด
ช่วยปกปิดตัวตนที่แท้จริงของมารดาเขาจนแม้แต่บิดาซึ่งเป็น
พระราชาองค์ปัจจุบันก็ไม่สามารถรู้ถึงสิ่งนี้ได้ แน่นอนว่าพวก
เขาก็คอยช่วยเหลืออัลเบิร์กอยู่ห่างๆเช่นกัน
คาร์ลชี้ไปที่ขวดแก้วและตอบคาถามของอัลเบิร์ก
“หม่อมฉันจะตาย..หากดื่มน้าในขวดนี้”
พลังเวทย์ที่ตายแล้วเปรียบเหมือนพิษร้ายที่สามารถคร่าชีวิต
ของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
~ไม่ต้องห่วงนะมนุษย์…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…มังกรผู้ยิ่งใหญ่
และยอดเยี่ยมที่สุดตนนี้จะคอยช่วยเจ้าเอง…ไม่ต้องกังวล ~
คาร์ลไม่ได้สนใจในสิ่งที่ราอนบอกก่อนจะผลักขวดแก้วไปไว้
ตรงหน้าอัลเบิร์ก
“องค์ชาย..ไม่ต้องการมันหรือพะย่ะค่ะ?”
อัลเบิร์กตัดสินใจยอมรับสิ่งนี้ในที่สุด
“แน่นอน..ว่าข้าต้องการมัน..มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสาหรับข้า…มัน
จะช่วยให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นและมันยังเป็นพลังที่บริสุทธิ์…มันไม่มี
พิษร้ายเจือปนอยู่ในขวดนี้เลยสักนิด”
“พะย่ะค่ะ..มันเป็นสิ่งที่ล้าค่ายิ่งนัก”
คาร์ลพูดต่อทันทีราวกับว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้เป็นเรื่องปกติ
และไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรแม้แต่น้อย
“เพราะมันเป็นพลังเวทย์ที่ตายแล้วจาก..มังกร”
“…อะไรนะ?”
อัลเบิร์กไม่สามารถเก็บความตกใจบนสีหน้าของตนเอาไว้ได้
จากนั้นจึงถอนหายใจยาวเมื่อมองเห็นรอยยิ้มของคาร์ล
“เจ้ากาลังทาให้ข้าเป็นบ้า…”
อัลเบิร์กไม่ได้พูดกับคาร์ลเหมือนคนที่อยู่ในตาแหน่งที่เหนือกว่า
อย่างน้อยในวันนี้เขาก็ไม่ต้องการทาเช่นนั้น เขาเลือกที่จะพูด
กับคาร์ลเหมือนกาลังพูดคุยกับพี่น้องจากเผ่าพันธุ์เดียวกับแม่
ของเขาแทน
“เจ้าไม่มีแผน..ที่จะเปิดโปงความลับของข้าใช่หรือไม่?”
ทุกวันนี้มันยากที่หาพลังเวทย์ที่ตายแล้วได้และยิ่งเป็นพลัง
เวทย์ที่ตายแล้วจากมังกรเช่นนี้มันยิ่งหายากมากขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าปริมาณของพลังเวทย์ที่ตายแล้วในขวดแก้วนี้มีน้อย
มากแต่ความจริงที่ว่ามันเป็นพลังที่ได้จากมังกรนั้นจะทา
ให้อัลเบิร์กมีพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าตอนนี้ประมาณ 3-4
เท่าด้วยซ้า
อัลเบิร์กไม่เข้าใจว่าทาไมคาร์ลจึงเลือกที่จะมอบสิ่งที่มีค่าเช่นนี้
ให้แก่เขาแม้ว่ามันจะเป็นของขวัญเพื่อตอบแทนอะไรบางอย่าง
ก็ตาม คาร์ลมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับเขามากที่สุดแต่ในตอนนี้
มันยากที่เขาจะเข้าใจในตัวคาร์ลได้อยู่ดี
“ทาไมองค์ชายจึงตรัสถามชัดเจนแบบนี้ล่ะพะย่ะค่ะ?”
อัลเบิร์กพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ยินคาร์ลเอ่ยว่าคาถามของ
เขามันชัดเจนเกินไป อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นคาตอบที่ชัดเชน
ในความรู้สึกของคาร์ล
‘อาณาจักรโรมันต้องการแข็งแกร่งขึ้น’
หากเรามองดูการแย่งชิงอานาจระหว่างอาณาจักรต่างๆจะเห็น
ได้ว่าอาณาจักรเบร็กและอาณาจักรโรมันถือว่าอยู่ท้ายขบวนใน
ขณะที่อาณาจักรวิปเปอร์โดยการนาทัพของทูนก้าเปรียบดังหัว
ขบวนรถไฟที่พร้อมจะมุ่งสู้นรกโดยไม่เกรงกลัวศัตรูหน้าไหน
ทั้งสิน้ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่และอาณาจักรก็มีเรื่องราว
ที่ต่างกันออกไป
ไหนจะป่าทางตอนใต้ที่ค่อยๆฟื้นคืนชีพจากไฟป่าที่ถูกดับลงได้
เร็วขึ้นกว่าที่ระบุไว้ในนิยาย อาณาจักรใกล้เคียงหรือแม้แต่
ทูนก้าเองจึงต้องให้ความเคารพและเกรงใจในอานาจของลิทา
น่ามากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่เธอสามารถดับไฟในพื้นที่ป่าทาง
ตอนใต้ได้ในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรทางตอนเหนือของทวีปที่กาลังวางแผน
บุกโจมตีเช่นกัน อัลเบิร์กกาลังรวบรวมเหล่านักเวทย์จาก
อาณาจักรวิปเปอร์เพื่อขยายอิทธิพลของตนเองและ
เตรียมพร้อมรับมือสาหรับการบุกโจมตีจากกลุ่มพันธมิตรทาง
ตอนเหนือ
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีเพียงเท่านี้
‘มันยังมีกลุ่มอัศวินไวย์เวิร์นและองค์จักรพรรดิจากอาณาจักร
โมโครุอีกด้วย’
คาร์ลไม่รู้ว่าเรื่องราวหลังจากจบนิยายเล่มที่ห้าจะมีการดาเนิน
เรื่องราวไปเช่นไร? แต่ถึงอย่างไรคุณสมบัติที่มีติดตัวผู้คนส่วน
ใหญ่คือ ‘จินตนาการ’ อยากให้เรื่องราวดาเนินไปเช่นไรก็อยู่ที่
จินตนาการของแต่ละคน
‘แต่ยังมีสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน’
กลุ่มอัศวินไวย์เวิร์นจะเข้ายึดครองผืนฟ้าส่วนองค์ชายจาก
อาณาจักรโมโครุย่อมแสดงความโลภของตนเพิ่มขึ้นโดยการ
ขยายอานาจการปกครองของตนไปทั่วทวีปตะวันตก เมื่อเป็น
เช่นนี้แล้วอาณาจักรเบร็คและอาณาจักรโรมันคงไม่ต่างจาก
เทียนที่ถูกจุดกลางสายฝน
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลต้องการให้อาณาจักรโรมันแข็งแกร่งขึ้น
และมีกาลังมากพอที่จะปกป้องตัวเขาให้พ้นจากอันตรายต่างๆ
และมีชีวิตที่แสนสงบสุข เมื่อรูปการเป็นเช่นนี้พวกเขาจึง
จาเป็นต้องมีผู้นาที่เข้มแข็งเพื่อคอยนาทางพวกเขา (53380)
‘เพราะมันคือพิษที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของฉัน…ฉันก็ใช้มันทา
สิ่งนี้แทนแล้วกัน’
แต่คาร์ลไม่ต้องการให้พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป องค์
ชายอัลเบิร์กนั้นแข็งแกร่งกว่าที่นิยายได้บอกเอาไว้ อีกทั้ง
ตระกูลสแตนในตอนนี้อยู่ภายใต้อานาจของเทย์เลอร์นั่น
หมายความว่าพวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับองค์ชายอัลเบิร์กอย่าง
แน่นอน
มันยังมีอีกอย่างหนึ่ง
คาร์ลเอ่ยถามอัลเบิร์กขึ้นมาทันที
“องค์ชาย..ต้องการครอบครองหอคอยพลังเวทย์หรือไม่พะย่ะ
ค่ะ?”
“มันคงยากที่จะตอบอะไรออกไป..ในเมื่อตัวเจ้าเองก็รู้ในเรื่องนี้
ดีอยู่แล้ว”
จานวนนักเวทย์ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อองค์ชายรัชทายาทมีจา
นานที่สูงมากและมันก็กาลังเพิ่มจานวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“…‘อุปกรณ์เวทย์เรียกรวมพล’ที่ได้จากหอคอยพลังเวทย์นั้น…
ใช้งานได้ดียิ่งนัก”
บทที่ 89 ข้าคิดว่ามันคือของขวัญ 2 (2)

คาร์ลได้มอบอุปกรณ์เวทย์จานวนหนึ่งชิ้นที่ได้จากห้องลับบน
ชั้นที่ 21ของหอคอยพลังเวทย์ มันเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เวทย์ที่
อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์ มันมี
คุณสมบัติที่ทาให้ผู้ครอบครองอุปกรณ์เวทย์ชิ้นนี้สามารถส่ง
ข้อความสั้นๆไปยังเหล่านักเวทย์ที่อยู่ทั่วอาณาจักรวิปเปอร์ได้
ในทันที
ผู้ครอบครองหอคอยพลังเวทย์ถือเป็นผู้ที่อยู่ในตาแหน่งที่สูง
ที่สุดของเหล่านักเวทย์ในอาณาจักรวิปเปอร์ เขาถือเป็นกาลัง
สาคัญในการคิดค้นอุปกรณ์เวทย์ต่างๆและคอยดูแลหอคอย
พลังเวทย์ให้สงบสุขมาโดยตลอด ดังนั้นมันคงเป็นเรื่องที่ไม่
สมเหตุสมผลหากจะบอกว่าคนผู้นี้ไม่ได้ติดต่อกับเหล่านักเวทย์
ที่อยู่อาศัยอยู่ทั่วอาณาจักรวิปเปอร์
ทูนก้าและลูกน้องของเขาไม่เคยพบอุปกรณ์เวทย์ชิ้นนี้เพราะ
มันถูกซ่อนอยู่ในห้องลับบนชั้นที่ 21
คาร์ลได้มอบของชิ้นนี้ให้แก่อัลเบิร์กผ่านทางบิลอสและเมื่อ
ได้รับอุปกรณ์เวทย์ชิ้นนี้อัลเบิร์กจึงดาเนินการส่งข้อความถึง
เหล่านักเวทย์ที่อยู่ในอาณาจักรวิปเปอร์ทันที
[ผู้ปกครองอาณาจักรโรมันในอนาคต…จะเป็นผู้คุ้มครองพวก
ท่าน]
ดูเหมือนว่าอัลเบิร์กจะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าเขาต้องการให้คาร์ลย้ายหอคอยพลังเวทย์ไปไว้ยังที่
ใดสักแห่งในอาณาจักรโรมันหรือจัดการซ่อมแซมมันซะ
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะขอสิ่งพวกนี้จากคาร์ล
ได้

“ข้าไม่คิดว่าตัวข้า..จะสั่งการหรือมอบหมายให้เจ้าทาตามที่ข้า
บอกได้…มันน่าจะเป็นการขอร้องเจ้าเสียมากกว่า”
“หม่อมฉันไม่คิดที่จะซ่อมแซมหอคอยพลังเวทย์พะย่ะค่ะ…”
อัลเบิร์กรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่คาร์ลจะกล่าวออกมา นั่นเป็นเหตุผลที่
เขาพยายามโน้มน้าวใจของคาร์ลให้ได้เพราะเขารู้ดีว่าคาร์ลไม่
ชอบสิ่งที่น่าราคาญและสิ่งที่ก่อความวุ่นวายให้แก่ตนเอง
“แต่หม่อมฉัน…สามารถมอบแบบแปลนก่อสร้างบางส่วน..
เพื่อให้องค์ชายสร้างหอคอยพลังเวทย์แห่งใหม่ขึ้นมาพะย่ะค่ะ”
อัลเบิร์กยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบใบหน้าตนเบาๆ
“ถ้าเช่นนั้น…เจ้าต้องการอะไร?”
อัลเบิร์กรู้ว่าไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องโน้มน้าวใจของคาร์ลอีก
ต่อไป ทาอย่างไรเขาก็ไม่สามารถเอาชนะคาร์ลได้และตอนนี้
เขาก็ไม่สามารถควบคุมบรรยากาศในการสนทนาได้อีกต่อไป
เช่นกัน
“หม่อมฉันต้องการบางสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกสองปีพะย่ะ
ค่ะ”
คาร์ลรู้ดีว่านอกจากสถานะทางการเงินที่มั่นคงแล้วยังมีอีก
อย่างที่เป็นสิ่งสาคัญเช่นกัน มันจะเป็นสิ่งที่ทาให้เขาสามารถใช้
ชีวิตที่แสนเกียจคร้านได้ตามที่เขาใฝ่ฝันเอาไว้ ทาไมการเป็น
คนเกียจคร้านจึงเป็นเรื่องที่ดี?เป็นเพราะคุณไม่จาเป็นต้อง
กังวลในเรื่องใดๆนอกเสียจากเรื่องของตัวเองและครอบครัว
คาร์ลไม่ต้องการใช้ชีวิตที่ต้องขึ้นตรงหรือต้องทาตามคาสั่งของ
ใคร ไม่สาคัญว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นเพียงขยะไร้ค่า เขาแค่
อยากมีชีวิตอยู่เพียงแค่กิน นอนและไม่ต้องลงมือทาสิ่งใดเลย
อ่า…มันจะเป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหนกันนะ?
คาร์ลมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาขององค์ชายอัลเบิร์กเมื่อ
เขากาลังอ่านรายละเอียดในเอกสารที่คาร์ลทาขึ้นมา อัลเบิร์กม
องมันด้วยความสับสนก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วมุ่นและจบลงด้วย
ความตกใจเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองคาร์ล
“….นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
คาร์ลตอบเพียงสั้นๆเท่านั้น
“นี่เป็นสิ่งที่…พระองค์ต้องพิจารณาเอาเองพะย่ะค่ะ”
เฮ้อ!!!!
อัลเบิร์กไม่รู้จะทาอะไรดีนอกจากถอนหายใจยาวออกมา
อย่างไรก็ตามคาร์ลสามารถออกจากห้องทรงงานขององค์ชาย
รัชทายาทโดยมีเอกสารสัญญาที่มีตราประทับและลงพระนาม
จากองค์ชายรัชทายาท
“ข้าไม่รู้ว่าต้องจัดการกับความรู้สึกของตนอย่างไรดี?…
หลังจากที่ข้าตัดสินใจลงนามของข้าเพื่อยอมรับสิ่งที่เอื้อ
ประโยชน์ให้กับข้ามากเพียงนั้น…ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน..”
“เพียงแค่สนุกไปกับมันก็พอพะย่ะค่ะ….เพราะสิ่งนี้ต่างเอื้อ
ประโยชน์ให้กับเราทั้งคู่”
มันเป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้แก่องค์ชายรัชทายาทอย่างแน่นอน
คาร์ลสัญญาจะเก็บความลับชาติกาเนิดของเขาเอาไว้ ไหนจะ
มอบของขวัญเป็นขวดแก้วเล็กๆที่บรรจุน้าสีดาเอาไว้มันเป็น
พลังเวทย์ที่ตายแล้วจากมังกร รวมไปถึงแบบแปลนก่อสร้าง
เพื่อก่อสร้างหอคอยพลังเวทย์แห่งใหม่ขึ้นมาในอีกไม่กี่ปี
ข้างหน้า
อัลเบิร์กรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องนี้แม้ว่าเขาจะได้ผลกาไร
มหาศาลซึ่งไม่สามารถเอาไปเทียบกับเม็ดเงินได้เลยด้วยซ้า
อัลเบิร์กไม่สบายใจเพราะเห็นคาร์ลยิ้มมากเกินไป เขายิ้มราว
กับว่าตนกาลังเพลิดเพลินไปกับทุ่งดอกไม้พร้อมกับรอชมพระ
อาทิตย์ตกยามเย็นเสียอย่างนั้น
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว..หม่อมฉันขอตัวกลับก่อนนะ
พะยะค่ะ”
“อ่า…ตกลง…เจ้ากลับไปเถิด”
แม้ว่าปากของอัลเบิร์กจะอนุญาตให้คาร์ลกลับไปได้แต่ใจเขา
นั้นไม่ได้คิดเช่นนี้ เขาอยากรั้งตัวคาร์ลไว้ที่นี่เพื่อคาดคั้นให้เขา
บอกข้อมูลทุกอย่างแก่เขาก่อน อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทา
เช่นนั้นได้
‘ป่าแห่งความมืด, เส้นทางสัญจรในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
และทะเล’
อัลเบิร์กไม่เข้าใจในสิ่งที่คาร์ลตั้งใจทา คาร์ลเลือกขอในสิ่งที่
ไม่ใช่เงินหรือสิ่งของมีค่า
ในทางกลับกันคาร์ลไม่ได้สนใจว่าองค์ชายอัลเบิร์กจะรู้สึกเช่น
ไรหรือเขาจะหาคาตอบนี้ได้หรือไม่? เขารีบตรงดิ่งไปยังรถม้า
ของตนทันทีหลังจากบรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการมายังเมือง
หลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้วและไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะต้องอยู่
เมืองหลวงอีกต่อไป
“พวกเราจะเดินทางกลับไปยังอาณาเขตเฮนิตัสกันแล้วหรือ
ขอรับ..นายน้อย?”
“ใช่…กลับกันเถอะ”
บารอคพยักหน้าตอบรับก่อนจะปิดประตูลงและบังคับรถม้าให้
เคลื่อนที่ในทันที
“มนุษย์…เราจะกลับไปพักกันแล้วหรือ?”
“อืม…ข้าจะกลับไปพักผ่อน…พักผ่อนเงียบๆสักพักใหญ่เลยล่ะ”
คาร์ลตอบคาถามของราอนก่อนเอนหลังพิงเบาะนั่ง เขาควรจะ
ได้กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอนโดยไม่ต้องลงมือทาอะไรอีกสักหก
เดือนหรืออย่างมากสุดก็หนึ่งปีและหลังจากนั้นหากเขาสามารถ
อยู่ได้โดยรอดปลอดภัยจากภัยสงครามที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่เขารอ
คอยมาโดยตลอดก็น่าจะมาถึง ชีวิตที่อยู่อย่างสุขสบายและ
แสนผ่อนคลายเฉกเช่นคนขี้เกียจพึงเป็น
.
.
.
คาร์ลสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์เฮนิตัส
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อ..นายน้อย…ท่านกลับมาแล้ว!!”
รองพ่อบ้านฮันส์คือผู้ที่ออกมาต้อนรับเขาทันทีที่รถม้าหยุดลง
หน้าคฤหาสน์เฮนิตัสแต่มีบางอย่างที่ผิดปกติไป ฮันส์ดูเหมือนมี
เรื่องกังวลใจจนคาร์ลมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
“เร็วเข้า…รีบแจ้งให้ข้าทราบ!”
คารล์ไม่ได้หันไปมองเชวฮัน บารอค ออนและฮงที่รีบลงจากรถ
ม้าและพากันหยุดยืนอยู่ด้านหลังเขา คาร์ลพุ่งความสนใจของ
ตนไปที่ฮันส์เพียงคนเดียวเท่านั้น เขารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้มัน
เหมือนเป็นลางบอกเหตุที่ทาให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
‘นี่…ฉันจะไม่ได้พักผ่อนเลยใช่มั้ย?’
มันต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะข้ารับใช้และเหล่า
ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆฮันส์ต่างก็มีสีหน้าเป็นกังวล
เช่นเดียวกัน ในสมองของคาร์ลเต็มไปด้วยความสงสัยจน
วุ่นวายไปหมดและมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ
เพียงห้าวินาทีเท่านั้น
“นายน้อยขอรับ…พ่อบ้านรอนกลับมาแล้วขอรับ!”
“รอนกลับมาแล้วหรือ?”
“พ่อของข้ากลับมาแล้วรึ?”
ทั้งบารอคบุตรชายของรอนและคาร์ลหันไปถามฮันส์ด้วยความ
ตกใจ รอนไม่ควรเดินทางกลับมาที่นี่ในตอนนี้เขาควรจะมาถึง
ที่นี่หลังจากนี้อีก2-3เดือน
จากนั้นฮันส์จึงหลับตาลงแน่นราวกับกาลังควบคุมความรู้สึก
ของตนอยู่ แน่นอนว่าสิ่งนี้ทาให้คาร์ลรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
ฮันส์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะละสายตาไปมองบารอคและเริ่ม
พูดต่อทันที
“พ่อบ้านรอน…ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา” (53380)
“พาข้าไปดูเขา..เดี๋ยวนี้!”
ฮันส์ได้ยินเสียงห้วนๆของคาร์ลดังขึ้นจึงหันกลับไปมองนาย
น้อยของตนอย่างรวดเร็วและรีบพาพวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์
ทันที คาร์ลเดินตามหลังฮันส์ไปติดๆโดยมีบารอคเดินอยู่ข้างๆ
เขา
ฮันส์เดินนาทางพวกเขาไปอย่างรวดเร็วและหยุดลงที่หน้าห้อง
ห้องหนึ่ง มันไม่ใช่ห้องนอนของรอนแต่เป็นห้องนอนที่ดูหรูหรา
ซึ่งสงวนไว้ให้แขกของท่านเคานต์เท่านั้น
“เปิดประตู”
“ขอรับ”
เอี๊ยด!!!!
ประตูถูกเปิดออกก่อนที่กลิ่นเหม็นเน่าจะปะทะเข้าจมูกของ
คาร์ลทันที
“…นายน้อย”
ร่างของคาร์ลแข็งทื่อขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขามาในโลกใบนี้
“….รอน”
รอนผู้เป็นทั้งนักฆ่าและชายชราผู้แสนเจ้าเล่ห์กาลังนอนอยู่บน
เตียงกลางห้อง
“พ….พ่อ!”
บารอควิ่งผ่านร่างของคาร์ลเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว
คาร์ลมองเข้าไปในตาของรอนและเอ่ยถามขึ้น
“….รอน…เกิดอะไรกับแขนของเจ้า?”
รอนกลับมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้พร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่ขาด
หายไป
บทที่ 90 ข้าคิดว่ามันคือของขวัญ 3 (1)

“สุดท้าย..กระผมก็ลงเอยด้วยสภาพเช่นนี้”
รอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าของรอนเหมือนทุกครั้ง
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขานั้นซีดและเต็มไปด้วยบาดแผล
เล็กน้อย กลิ่นเหม็นเน่าก็ยิ่งแรงขึ้นเมื่อคาร์ลขยับเข้าไปใกล้
รอนมากกว่าเดิม
แขนข้างซ้ายของรอนตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมาขาดหายไป
“ฮันส์”
“ขอรับ?”
“ออกไปก่อน”
“อะไรนะขอรับ?”
คาร์ลหันไปมองฮันส์รวมไปถึงข้ารับใช้คนอื่นๆที่อยู่ในห้องและ
ทหารองครักษ์ของบิดาก่อนจะเริ่มขยายความของคาสั่งอีกครั้ง
“ยกเว้นบารอคและเชวฮัน…ให้คนอื่นๆออกไปจากห้องนี้ก่อน”
ฮันส์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็พาทุกคนออกไปจากห้องนี้อย่าง
รวดเร็วเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของคาร์ล แม้แต่ออนและฮงก็ชัก
เท้าของพวกมันกลับทันทีเช่นกันเมื่อเห็นสายตาของคาร์ลที่ส่ง
มาให้พวกมัน
เมี้ยว!!!!
เมี้ยว!!!!
ลูกแมวน้อยออนและฮงหันไปมองรอนหลายครั้งด้วยความเป็น
ห่วงก่อนจะตัดสินใจพากันออกจากห้องไปในที่สุด
ห้องดูกว้างขึ้นทันตาเมื่อคนกลุ่มนั้นพากันออกจากห้องไป
“เจ้ามีแรงพอ..ที่จะพูดหรือไม่?”
น้าเสียงเรียบๆจากคาร์ลถูกส่งตรงไปให้แก่รอนทันที รอยยิ้มอัน
อ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของรอนอีกครั้งและดูเหมือนกับว่า
เขาไม่มีอาการเจ็บปวดอะไรเลยสักนิด
“ขอรับนายน้อย…กระผมยังพอมีแรงอยู่”
“ดี…ถ้าเช่นนั้นเจ้าเล่าให้ข้าฟังที..ว่าเจ้ากลับมาในสภาพเช่นนี้
ได้อย่างไร?..ในเมื่อตัวเจ้าเองบอกกับข้า..ว่าจะไปตามล่าสุนัข
จิ้งจอก”’
รอนเบือนหน้าหนีจากคาร์ลและหันไปมองบารอคลูกชายของ
ตนแทน บารอคนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงและจ้องไปยังแขนข้าง
ซ้ายที่ว่างเปล่าของบิดาตนเงียบๆ
‘บางที…ข้าก็ไม่ควรกลับมา’
แต่นี่คือสถานที่แห่งเดียวที่อยู่ในใจของเขามาตลอดหลายเดือน
หากเขากาลังจะตายเขาก็ต้องการกลับมาที่นี่เพื่อพบกับลูกชาย
และคนอื่นๆอีก2-3คนเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
“กระผมเดินทางมาจากทวีปตะวันออก..ตั้งแต่ที่บารอคยังเป็น
เพียงเด็กตัวเล็กๆเท่านั้น”
รอนเริ่มเล่าเรื่องราวในชีวิตของตนขึ้นมา เขาต้องการใครสัก
คนที่จะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้หากเขาต้องจบชีวิตลง
จริงๆ
“อย่างที่นายน้อยทราบว่ากระผมคือนักฆ่า..ตลาดมืดของทวีป
ตะวันออกนั้นมีตระกูลนักฆ่าที่มีชื่อเสียงอยู่ห้าตระกูลและ
ตระกูลโมแลนของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น..กระผมได้รับการดูแล
อย่างดีเพื่อที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นาตระกูลคนต่อไป”
“พ่อ….”
บารอคเอ่ยเรียกรอนออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ตระกูลโมแลนของเราถูกฆ่าล้างจากองค์กรที่ถูกเรียกว่า
‘อาร์ม’…ทุกคนในตระกูลเสียชีวิตจนหมดในขณะที่ตัวกระผม
และบารอคสามารถหลบหนีออกมาได้..ก่อนจะพากันข้ามมายัง
ทวีปตะวันตก…กระผมต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เพื่อ
ความอยู่รอด”
เฮือกกก!!!!
รอนสูดหายใจลึกยาวและใบหน้าของเขานั้นซีดเผือดมาก
กว่าเดิม
“แม้ว่าองค์กรที่เรียกตัวเองว่า‘อาร์ม’จะเข้าควบคุมตลาดมืดใน
ทวีปตะวันออกไว้ได้แต่พวกมันก็เป็นเพียงองค์กรระดับล่าง
เท่านั้น…องค์กรใหญ่ของพวกมันอยู่ที่อื่น..กระผมรู้สึกกลัว
เพราะความแข็งแกร่งขององค์กรใหญ่นี้มันเกินกว่าที่จะเข้าใจ
ได้..นั่นคือสาเหตุที่กระผมตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตเป็นเพียงพ่อบ้าน
ผู้ต่าต้อยเพียงเท่านั้น”
รอนเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“แต่..กระผมได้กลิ่นอายของพวกมันเป็นครั้งแรกในรอบหลาย
สิบปี”
บารอคสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่สายตาของรอนมองผ่านร่าง
ของคาร์ลไปหยุดอยู่ที่เชวฮันซึ่งกาลังยืนฟังเรื่องราวทั้งหมด
อย่างเงียบๆและตอนนี้สีหน้าของเชวฮันเต็มไปด้วยความไม่
อยากเชื่อ ใช่แล้ว!กลิ่นอายหรือออร่าของอาร์มปรากฏออกจาก
ร่างของเจ้าลูกหมาคนนี้
“…เชวฮันมีกลิ่นอายของอาร์มเมื่อเขาปรากฏตัวที่คฤหาสน์เฮ
นิตัสเป็นครั้งแรก”
นั่นคือเหตุผลที่รอนและบารอคโจมตีเชวฮันทันทีเมื่อครั้งที่เขา
เดินทางออกจากหมู่บ้านแฮร์ริสเป็นครั้งแรก เขามีกลิ่นอายของ
องค์กรที่ชื่อ‘อาร์ม’ติดตัวของเขามาในครั้งนั้น
แววตาของเชวฮันเริ่มสั่นไหว
“…หรือว่าจะเป็นพวกนักฆ่าที่ข้าสู้กับพวกมันที่หมู่บ้านแฮร์
ริส?”
“อืม…มีความเป็นไปได้สูงที่นักฆ่าพวกนั้นจะเป็นพวก‘อาร์ม’”
เชวฮันหันไปมองคาร์ลทันทีก่อนที่รอนจะเริ่มพูดต่อ
“กระผมมั่นใจว่าพวกมันกาลังขยายอาณาเขตของพวกมัน
มายังทวีปตะวันตกเมื่อได้ไปสืบเรื่องของพวกมันในเมือง
หลวง…มันเหมือนกับสุนัขที่เดินเข้าถ้าเสือมากกว่าจะเป็นการ
ล่าสุนัขจิ้งจอก”
รอนนึกสงสัยว่าอะไรจึงทาให้เขามั่นใจในรูปแบบการบุกโจมตี
ขององค์กรนี้แต่เขารู้ดีว่าพวกมันจะต้องทาแบบเดียวกันกับทุก
ครั้ง ในเมื่อเขามีโอกาสดีๆเช่นนี้แล้วเขาต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมัน
วางแผนจะทาอะไรกันแน่
“กระผมตามสืบเรื่องราวของพวกมันมาได้สักพัก..จึงตัดสินใจ
บุกเข้าโจมตีหนึ่งในทีมจู่โจมของอาร์ม..ตอนนั้นกระผมคิดเพียง
ว่าต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันวางแผนจะทาอะไร?”
เขาบุกเข้าโจมตีเพื่อได้มาซึ่งข้อมูลเพียงเล็กน้อยหลังจาก
ทาลายหน่วยจู่โจมของอาร์มหน่วยนั้นลง
“อย่างไรก็ตาม…หลังจากนั้นไม่นาน..กระผมก็ลงเอยด้วยการ
เสียแขนข้างซ้ายไปและต้องหลบหนีออกมาจนเกือบจะเอาชีวิต
ไม่รอด”
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของรอน สีหน้าของเขาดูยุ่ง
เหยิงยิ่งนักสาหรับคนที่ฝึกฝนการใช้มีดสั้นโดยใช้แขนทั้งสอง
ข้างมาตลอดช่วงอายุของเขา การสูญเสียแขนหนึ่งข้างไปใน
ครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่าได้
คาร์ลที่ฟังเงียบๆมาสักพักใหญ่จึงเอ่ยถามขึ้น
“ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว..เจ้าคงไม่ได้ขอมูลที่สามารถระบุถึงตัวตนที่
แท้จริงขององค์กรที่ชื่อ‘อาร์ม’ได้สินะ?”
“ขอรับ..น่าเสียดายยิ่งนักที่กระผมไม่ได้รู้เกี่ยวกับพวกมันไป
มากกว่านี้”
รอนไม่ได้เข้าใกล้ข้อมูลพวกนั้นไปมากกว่าเมื่อก่อนเลยด้วยซ้า
“รอน”
รอนหันไปมองคาร์ลผู้ที่มีออร่าบางอย่างเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาอยู่
ห่างกัน เขารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่ทาให้ตัวเขาต้องโค้ง
คานับให้แก่คาร์ลทันที
“ใครเป็นคนตัดแขนเจ้า!?”
“….เขาเป็นนักเวทย์หนุ่มที่ดูเหมือนจะตัดแขนของศัตรูทิ้งทันที
ที่เริ่มสู้กัน”
เชวฮันสะดุ้งก่อนจะหันไปมองคาร์ลทันทีที่ได้ยินรอนพูด
“เจ้าบ้านั่น!”
มีคาสบถอย่างหยาบคายออกมาจากปากของคาร์ล
‘อาร์ม’อาจเป็นองค์กรลับที่ตัวคาร์ลเองก็รู้จักดี นี่อาจเป็น
องค์กรลับที่ทาการสังหารหมู่ในหมู่บ้านแฮร์ริส เป็นองค์กร
เดียวกับที่มอบราอนให้แก่มาร์ควิสสแตน เป็นองค์กรที่ทาการ
ก่อการร้ายในจัตุรัสกลางเมืองและเป็นองค์กรเดียวกับที่บุกเข้า
โจมตีเผ่าหมาป่าสีน้าเงิน
ยิ่งไปกว่านั้นคาร์ลรู้สึกราวกับว่าตนรู้จักกับคนที่ลงมือตัดแขน
ของรอนและแน่นอนว่าตัวเชวฮันก็อาจจะรู้จักเจ้าบ้าคนนี้
เช่นกัน
นักเวทย์ที่เป็นผู้นาของเหตุการณ์ก่อการร้ายในจัตุรัสกลางเมือง
มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเป็น‘เรดิก้า’ นักเวทย์โรคจิตผู้นั้น
เขาต้องสูญเสียแขนซ้ายและตาข้างซ้ายด้วยฝีมือของเชวฮัน
ตัวคาร์ลเองก็ไม่แน่ใจว่าทาไมเรดิก้าจึงสามารถใช้พลังเวทย์
ด้วยมือเพียงข้างเดียวได้?มิหนาซ้ายังสามารถลงมือตัดแขน
ผู้อนื่ ไปได้อีกแต่ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นเรดิก้าได้เช่นกัน
“ได้..ได้ไงกัน…สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?”
ดูเหมือนว่าเชวฮันจะตกอยู่ในภาวะสับสนเมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น
เขากาหมัดของตนแน่นขึ้นอย่างพยายามระงับอารมณ์ อย่างไร
ก็ตามมีอย่างอื่นที่คาร์ลจาเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจ รอน
ค่อนข้างแข็งแรงและเชียวชาญในการต่อสู้ ความถนัดของเขา
คือการลอบฆ่าและการหลบหนีที่เหนือกว่าเรดิก้าด้วยซ้าต้องมี
เหตุผลที่รอนยอมเสียแขนของตนไปและหลบหนีออกมา
(53380)
“กลิ่นเหม็นเน่านี่มันคืออะไรกัน?”
คาร์ลจาเป็นต้องระบุตัวตนของกลิ่นเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไป
ทั่วห้องให้ได้ เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันคือกลิ่นของเนื้อเน่า
รอนยิ้มให้คาร์ลโดยไม่คิดจะตอบคาถามของคาร์ล รอยยิ้มนั้น
ทาให้คาร์ลผิดหวังก่อนจะเดินเข้าไปหารอนบนเตียงและดึงผ้า
ห่มที่คลุมร่างของรอนออกทันที
“อ๊ะ!!”
เชวฮันอ้าปากค้างด้วยความตกใจในขณะที่บารอคก็มีสีหน้า
เคร่งเครียดขึ้น
“กระผมถูกพิษบางอย่างขอรับ”
ต้นขาและลาตัวของรอนเปลี่ยนเป็นสีดาอย่างช้าๆเนื่องจากถูก
พิษ มีของเหลวบางอย่างไหลออกมาด้วยเช่นกัน เชวฮันไม่เคย
เห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต
อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับเคยเห็นมันมาก่อน
“พิษของเงือก”
บทที่ 90 ข้าคิดว่ามันคือของขวัญ 3 (2)

รอนหันไปมองคาร์ลก่อนจะเอ่ยขึ้น
“…พวกมันคอยให้การช่วยเหลือพวกเงือกขอรับ”
คาร์ลถอนหายใจยาวเมื่อรับรู้ถึงความจริงในเรื่องนี้ เขายกมือ
ทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าของตนครู่หนึ่ง
ถ้าจะให้พูดตามตรง เขาก็สงสัยในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
เขาสงสัยว่าองค์กรลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเงือกตั้งแต่ครั้ง
แรกที่สมาชิกจากเผ่าวาฬเอ่ยขอร้องให้เขาพาไปยังป่าแห่ง
ความมืด มันทาให้ความสงสัยของเขาแน่ชัดขึ้นเมื่อพวกเขา
พบว่าส่วนผสมบางอย่างในป่าแห่งความมืดทาให้เหล่าเงือก
แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะไม่คิดถึงมัน
ทาไมนะหรือ? เพราะมันน่าราคาญเกินไป
เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับพวกเขาไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตาม
หากว่าเขาเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องนี้จนสุดท้ายทราบถึงตัวตนที่
แท้จริงของพวกมันเขาก็ต้องบอกเรื่องนี้แก่เชวฮันในท้ายที่สุด
และนั่นจะยิ่งทาให้เรื่องทุกอย่างวุ่นวายเข้าไปใหญ่ นั่นจึงเป็น
เหตุผลที่เขาตัดสินใจปล่อยผ่านเรื่องนี้ มันไม่มีอะไรที่จะบอกได้
เลยว่าชีวิตของเขาจะอยู่รอดปลอดภัยในอนาคต
“เจ้าชั่วเอ้ย!!!!”
แต่เขาจะไม่มีทางปล่อยให้พวกนั้นบุกรุกเข้ามาในดินแดนของ
เขาเป็นอันขาด
จริงอยู่ที่ตัวเขาไม่ชอบรอนเท่าไรนักแต่เมื่อเห็นรอนตกอยู่ใน
สภาพแบบนี้ทาให้คาร์ลประจักษ์เห็นในบางอย่าง? รอนคือ
ลูกน้องของเขา! รอนคือคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ
เขา!
ที่จริงแล้วคิมร็อกโซเป็นคนที่รักในพวกพ้องของตนเอง
โดยเฉพาะคนที่ถือเป็นลูกน้องของเขาเพราะเขาสามารถอยู่
รอดปลอดภัยก็เพราะความช่วยเหลือจากลูกน้องของตนและ
การได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น
บารอค รอนและแม้แต่เชวฮันไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธแค้นของคาร์ล พวกเขาทั้งสามไม่เคยเห็นสี
หน้าของคาร์ลเช่นนี้มาก่อน คาร์ลคลุมผ้าห่มลงไปบนร่างของ
รอนเช่นเดิมก่อนจะถามขึ้น
“มันเกิดขึ้นในมหาสมุทรอย่างนั้นหรือ?”
“มันเป็นเกาะขอรับ”
มีหมู่เกาะมากมายที่ปรากฏอยู่ในทวีปตะวันตกและตะวันออก
“เชวฮัน”
“ขอรับ?”
คาร์ลมองไปที่เชวฮันซึ่งกาลังจ้องไปยังแขนข้างซ้ายที่ว่างเปล่า
ของรอนอยู่เช่นเดิม นั่นคงเป็นเพราะเขากาลังรู้สึกผิด เขารู้สึก
ว่าสิ่งที่ทาให้เรดิก้านักเวทย์โรคจิตผู้นั้นคุ้มคลั่งขึ้นมาจนเที่ยว
ไล่ฟันแขนของศัตรูนั่นก็เป็นเพราะสิ่งที่เขาลงมือทากับเรดิก้า
นั่นเอง
“เจ้ากาลังทาอะไรอยู่?”
เชวฮันต้องละสายตาออกจากสิ่งที่ตนมองเมื่อได้ยินเสียงตวาด
ของคาร์ลก่อนจะได้ยินเสียงของคาร์ลเอ่ยต่อไป
“หยุดคิดถึงสิ่งที่ไร้ประโยชน์ได้แล้ว..ไปเรียกมุลเลอร์มาหาข้า
ที”
สิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างนั้นหรือ? เชวฮันทราบในทันทีว่าคาร์ลรู้
ในสิ่งที่เขาคิดก่อนที่เขาจะกัดริมฝีปากของตนแน่นขึ้น
“กระผม..เพียงต้องพามุลเลอร์มาใช่มั้ยขอรับ?”
“ใช่…บอกให้เขาเอาแบบแปลนเรือมาด้วย..เร็วเข้า..รีบไปได้
แล้ว”
คาร์ลไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธออกมาแต่อย่างใด เขาเพียงออก
คาสั่งเพิ่มเติมด้วยท่าทางเคร่งขรึม อย่างไรก็ตามเชวฮันกลับรีบ
สาวเท้าออกจากห้องไปด้วยความเร็วกว่าปกติที่เขาเคยทา
รอนรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินคาร์ลเอ่ยถึงแบบแปลนเรือ
“นายน้อยขอรับ?”
ความเคร่งขรึมของคาร์ลยังคงดาเนินต่อไปแม้ว่ารอนจะเอ่ย
เรียกเขาก็ตาม
“เจ้าก็ต้องไปกับข้าเช่นกัน…เตรียมตัวให้พร้อม”
ก่อนที่เขาจะบ่นออกมาอีกเล็กน้อย
“นักฆ่าเช่นเจ้า..ทาไมถึงได้บาดเจ็บกลับมาได้?”
“แต่กระผม..ยังมีชีวิตอยู่นะขอรับ”
คาร์ลยังจาเนื้อหาของจดหมายที่รอนส่งมาให้เขาได้ดี
< ‘กระผมยังมีชีวิตอยู่…แล้วท่านล่ะนายน้อยยังมีชีวิตอยู่
เช่นกันใช่มั้ยขอรับ?’>
คาร์ลถอนหายใจยาวออกมาก่อนจะหันไปมองบารอค
“บารอค…อย่างน้อยปากของเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่นะ”
“..ข….ขอรับ”
บารอคเอ่ยตอบคาร์ลอย่างไร้จิตวิญญาณ คาร์ลวางมือของตน
ลงบนไหล่ของบารอคทันที
“เร็วเข้า…ไปเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย….อย่าลืมเรียกทุกคน
ด้วยล่ะ..เราต้องเร่งออกเดินทางกันแล้ว”
ก่อนที่ประโยคถัดไปของคาร์ลจะทาให้บารอคหันไปมองเขา
อย่างรวดเร็ว
“อย่างน้อย..เราก็ต้องกาจัดพิษของเงือกออกไปให้ได้”
พิษของเงือกมีคุณสมบัติของความมืดและวิธีการรักษาก็ไม่ได้
เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย บารอคซึ่งเชี่ยวชาญด้านการ
ทรมานและการลอบฆ่าย่อมรู้ในเรื่องนี้ดีกว่าผู้อื่น
ตัวรอนเองก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องกลับมา
เจอลูกชายของตน เขาพาร่างกายอันบอบช้าของตนกลับมายัง
บ้านหลังที่สองของเขาเพื่อพบกับลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่
เขาจะเสียชีวิตลง
ต้องขอบคุณภูมิคุ้มกันของรอนที่มีต่อพิษหลายชนิดรวมทั้งยา
คุณภาพสูงที่ท่านเคานต์เดอรัชสั่งให้นามาใช้รักษาเขาเพื่อไม่ให้
เนื้อบนร่างกายของเขาแห้งตายและป้องกันการแพร่กระจาย
ของพิษไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
ยาคุณภาพสูงสุดเพื่อช่วยให้เขายังคงแข็งแรงในขณะเดียวกันก็
ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ มันสามารถเป็นไปได้เพียงเพราะตระกูล
เฮนิตัสเป็นตระกูลที่ร่ารวย
“ม..มัน..มันมีวิธีรักษาหรือขอรับ?”
บารอคผู้ที่มักพูดจาชัดถ้อยชัดคาตามนิสัยเจ้าระเบียบนั้นกลับ
พูดจาตะกุกตะกักผิดวิสัยของเขา ก่อนที่คาร์ลจะทวนคาสั่งของ
เขาขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม
“ไปเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม..เราต้องเร่งเดินทางอย่าง
รวดเร็ว”
ตามเนื้อหาในนิยายมันจะเป็นวิธีที่โรสลินเข้าใจมันได้อย่าง
รวดเร็วแต่ตัวคาร์ลเองก็เคยใช้มันมาก่อนเช่นกัน เขาเคยใช้มัน
เพื่อรักษาชีวิตของพาสตัน
“ไม่ต้องกังวล…พ่อของเจ้าจะมีชีวิตอยู่อีกหลายปี”
แม้ว่าคาร์ลจะพูดติดตลกแต่ในใจของเขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ตรงกันข้ามกับคาพูดของเขาท่าทางในตอนนี้ของคาร์ลกลับดู
หนักแน่นกว่าที่เคยเป็น
‘ให้ตายเถอะ!’
เขาไม่ได้โกรธที่เขาจะไม่ได้พักผ่อน แต่เป็นเพราะสิ่งต่างๆที่
เกิดขึ้นกาลังผิดเพี้ยนไปกว่าที่เขาคาดเอาไว้ในนิยายไม่ได้มี
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
รอนพูดอะไรบางอย่างกับบารอคจนเขาออกจากห้องไปในที่สุด
ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงคาร์ลและรอนสองคนเท่านั้น
“นายน้อยขอรับ”
“มีอะไรหรือ?”
“ดูเหมือนพวกอาร์ม..จะมีจุดหมายอยู่ที่ทะเลและเงือกขอรับ”
รอนแบ่งปันข้อมูลที่เขารู้มาให้คาร์ลได้ทราบซึ่งคาร์ลก็ตอบ
กลับในทันที
“ข้ารู้แล้ว”
“อะไรนะขอรับ?”
“มันก็เห็นได้ชัดไม่ใช่หรือไง”
มันเป็นสิ่งชัดเจน มันชัดเจนมากเมื่อคาร์ลรู้ว่าพวกมันข้ามมา
จากทวีปตะวันออก
“รอน…ข้ารู้ว่ามันยาก..แต่ข้าขอถามเจ้าอีกเรื่องได้หรือไม่?”
“ได้ขอรับ”
“มีใครเห็นหน้าของเจ้าบ้าง?”
“….มีเพียงนักเวทย์ผู้นั้นคนเดียวขอรับ”
รอนไม่ได้มีความสุขเมื่อต้องแบ่งปันข้อมูลอันล้มเหลวของตน
ให้แก่ผู้อื่น ในทางกลับกันแววตาของคาร์ลกลับขุ่นมัวขึ้น
เรื่อยๆ
“นายน้อยขอรับ?”
“หืม?”
“ท่านคงไม่คิดที่จะทาสงครามกับองค์กรนั้นใช่มั้ย…ขอรับ?”
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
รอนกาลังดิ้นรนกับพิษที่เริ่มกาเริบขึ้นอีกครั้งแต่เขาก็ยังคงยิ้ม
อยู่เช่นเดิม แน่นอนว่าเขามองเห็นสิ่งที่คาร์ลวางแผนที่จะทา
“กระผมแน่ใจ…ว่าทุกอย่างจะเป็นประโยชน์ต่อนายน้อย”
“เจ้ารู้จักข้าดีจริงๆ”
คาร์ลไม่ได้วางแผนที่จะทาสิ่งที่จะทาให้ชีวิตของเขายุ่งยากไป
มากกว่านี้ เขาเพียงแค่จะขยับเข้าใกล้ศัตรูและหลบหนีไปอย่าง
รวดเร็ว แน่นอนว่าเขาวางแผนที่จะทาให้เกิดเสียงดังก่อนที่เขา
จะหลบหนีไป
คาร์ลได้ยินเสียงของราอนที่ดังก้องเข้ามาในหัวของเขา
(53380)
~มนุษย์อ่อนแอ..เจ้าไม่ต้องกังวลไป ~
คาร์ลรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายที่ถูกส่งมายังโลกใบนี้
เขาไม่มีพลังมากพอที่จะทาอะไรแบบนั้นได้
‘ไอ้พวกบ้า…น่าราคาญที่สุด’
องค์กรลับที่ถูกเรียกว่าอาร์มและพวกเงือกนั้นต่างเป็นศัตรูที่
แข็งแกร่งมาก คงเป็นการยากที่จะทาสงครามกับพวกมันได้ แต่
ถึงอย่างไรก็ตาม
~ราอนผู้ยิ่งใหญ่จะอยู่เคียงข้างเจ้าเอง ~
อย่างน้อยคาร์ลก็รู้สึกอุ่นใจเมื่อมีราอน เชวฮัน โรสลินและผู้คน
ที่แข็งแกร่งคนอื่นๆอยู่รายรอบตัวเขา
เขารีบวางแผนในหัวของตนอย่างรวดเร็ว เขาจาเป็นต้อง
วางแผนเพื่อป้องกันตนเองและผู้คนรอบข้าง นั่นเป็นวิธีเดียวที่
จะทาให้ร่างกายและจิตใจของเขาสามารถผ่อนคลายได้อย่าง
สบายในอนาคต
“พักผ่อนให้พอ..จนกว่าเราจะเริ่มออกเดินทาง”
คาร์ลเดินออกจากห้องของรอนและมุ่งหน้าไปยังห้องเวทย์
สื่อสารทางไกลทันที เขาจาเป็นต้องเดินทางไปยังชายฝั่งทะเล
ตะวันออกเฉียงเหนือ เขาต้องเดินทางไปยังอาณาเขตอัลบา
โดยเร็วที่สุด
บทที่ 91 หากข้าต้องเคลื่อนพล 1 (1)

ไม่กี่วันต่อมาคาร์ลได้กลิ่นเค็มของทะเลลอยมาตามลมเมื่อเขา
ก้าวลงจากรถม้า ตรงหน้าเขาตอนนี้คือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ที่ยังคงมีวังน้้าวนหมุนวนอย่างบ้าคลั่งเช่นเดิม
“นายน้อยคาร์ล..เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านในวันนี้”
“เจ้าคือผู้รับผิดชอบโครงการนี้หรือ?”
“ขอรับ”
หัวหน้าโครงการผู้เป็นตัวแทนจากอาณาเขตเฮนิตัสเอ่ยทักทาย
คาร์ลอย่างยินดี เขาพร้อมกับหัวหน้าฝ่ายคนอื่นๆได้รับ
มอบหมายให้ด้าเนินการก่อสร้างและพัฒนาฐานทัพเรือใน
อาณาเขตอัลบาซึ่งในตอนนี้มีเขารวมถึงหัวหน้าอีกสองคนซึ่ง
เป็นตัวแทนขององค์ชายรัชทายาทและอาณาเขตอัลบาในการ
จัดการดูแลความเรียบร้อยในการพัฒนาฐานทัพเรือแห่งนี้
“การด้าเนินการทุกอย่างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วขอรับ…นั่น
เป็นเพราะวังน้้าวนบางส่วนได้หายไปท้าให้เราเข้าถึงหมู่เกาะ
อื่นๆได้มากขึ้น”
“จริงหรือ?”
“ใช่ขอรับ..ต้องขอบคุณมันยิ่งนัก..ที่ส้าคัญเราสามารถ
พัฒนาการออกแบบเรือของเราได้เร็วขึ้นอีกด้วย”
ตระกูลเฮนิตัสลงทุนเงินเป็นจ้านวนมากในการพัฒนาฐาน
ทัพเรือแห่งนี้ นั่นเป็นเพราะตระกูลอัลบาต้องการให้ราชวงศ์มี
ส่วนเกี่ยวข้องในฐานทัพเรือให้น้อยที่สุด พวกเขาทั้งสองฝ่าย
ต่างต้องการผลประโยชน์เป็นการตอบแทนโดยสิ่งที่ตระกูลเฮ
นิตัสต้องการคือการใช้สอยพื้นที่บริเวณชายฝั่งได้ฟรีๆ
“ถ้าเช่นนั้น..กระผมจะพานายน้อยไปยังที่พักนะขอรับ”
“ไม่ต้อง…เดี๋ยวรอก่อน”
คาร์ลหันไปมองรถม้าที่อยู่ทางด้านหลังก่อนจะขยับนิ้วเพื่อส่ง
สัญญาณเรียก
ประตูรถม้าเปิดกว้างออกก่อนจะมีร่างเล็กๆใบหน้าซีดเผือด
ก้าวลงจากรถม้าช้าๆ
“เร็วเข้า!”
“ขอรับ…”
มุลเลอร์รีบวิ่งไปหาคาร์ลทันทีก่อนจะไปหยุดยืนตรงกลาง
ระหว่างคาร์ลและหัวหน้าโครงการ
สภาพของมุลเลอร์ในตอนนี้ดูอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเขาสวมใส่
เสื้อผ้าที่ดูหรูหราและมีสีสันสดใส เคานต์เตสวิโอแลนท้างานได้
ยอดเยี่ยมยิ่งนักเมื่อมุลเลอร์ไปอยู่ภายใต้การดูแลของเธอ เธอก็
สามารถดูแลให้เขาได้กินดีอยู่ดีพร้อมจัดหาเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา
ราคาแพงให้ใช้
คาร์ลแตะมือของตนลงบนไหล่ของมุลเลอร์
“ท้าไมเจ้า..ไม่แสดงแบบแปลนเรือให้เขาดูล่ะ”
“ห๋า?..อ่า…ขอ..ขอรับ!”
มุลเลอร์อ้าปากค้างก่อนจะยื่นแบบแปลนเรือให้กับหัวหน้า
โครงการโดยเร็ว ในฐานะที่เป็นหัวหน้าโครงการที่รับผิดชอบ
ดูแลการพัฒนาฐานทัพเรือแห่งนี้ถือว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่มี
ความรู้ความสามารถในงานก่อสร้างและเส้นทางการเดินเรือ
“เอ๊ะ?…..ห๊ะ?”
หัวหน้าโครงการพิจารณาแบบแปลนเรืออยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะก้ม
ลงมองมุลเลอร์และแบบแปลนเรือสลับกันไปมา ในขณะที่มุล
เลอร์ที่ยังคงมีใบหน้าซีดเซียวก็เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าโครงการ
เช่นกัน
“นายน้อย…นี่มัน..นี่มัน?!!”
“ใช่แล้ว..อย่างที่เจ้าเข้าใจนั่นล่ะ”
“กระผมไม่เคยเห็นเรือแบบนี้มาก่อนเลย”
นั่นท้าให้คาร์ลชะงักค้างไปทันทีก่อนจะก้มลงมองแบบแปลน
เรือที่อยู่ในมือของหัวหน้าโครงการคาร์ลรู้สึกตกใจปนทึ่งเมื่อ
เห็นเรือที่มุลเลอร์ออกแบบด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก
―หมอนี่…ไม่ใช่คนเกาหลีอพยพมาตั้งรกรากอยู่แถวนี้ใช่มั้ย?‖
มุลเลอร์ยึดมั่นและจริงจังในหน้าที่ของตนเอง เขาอยู่ภายใต้
การดูแลของเคานต์เตสวิโอแลนที่คอยเป็นทั้งที่ปรึกษาและให้
การสนับสนุนเขาในทุกเรื่องมาได้สักพักใหญ่ เมื่อมาเห็นสีหน้า
หงุดหงิดของคาร์ลเขาก็เริ่มลนลานแทบจะท้าอะไรไม่ถูก คาร์ล
ถอนหายใจให้กับท่าทางของมุลเลอร์ก่อนจะเงยหน้ามอง
หัวหน้าโครงการอีกครั้ง
“เจ้าไม่คิดว่ามันดีหรือ..หากเราจะสร้างมันขึ้นมา?”
“มันจะยิ่งกว่า—”
หัวหน้าโครงการไม่สามารถเอ่ยจนจบประโยคได้มันไม่ใช่แค่ดี
หรือไม่ดี?แต่นี่มันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก คาร์ลปล่อยผ่านค้าถามนี้ไป
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าโครงการไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“อย่างน้อย..มันก็น่าจะแข็งแรงทนทานใช่หรือไม่?”
“ขอรับ..มันต้องแข็งแรงทนทานอย่างแน่นอน…แต่ว่า?”
มันจะมีความแข็งแรงและทนทานอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม
หัวหน้าโครงการมีค้าถามที่อยากจะถามคาร์ลเกี่ยวกับเรือล้านี้
นี่มันคือเรือโดยสารจริงๆหรือ? ท้าไมมันดูเหมือนเรือรบเสีย
มากกว่า?
อย่างไรก็ตามคาร์ลก็ตัดบทการสนทนาขึ้นเสียก่อนที่หัวหน้า
โครงการจะทันได้เอ่ยถามสิ่งใด
“..นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้..ไปจัดการให้เรียบร้อย”
หัวหน้าโครงการไม่สามารถเอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัยได้อีกต่อไป
และยอมรับกับตัวเองในใจว่าคาร์ลต้องการเรือที่มีความ
แข็งแรงและทนทานมากกว่าเรือที่มีประโยชน์เพียงการขนส่ง
โดยสารเท่านั้น ก่อนที่เขาจะตระหนักในปัญหาที่จะเกิดขึ้นหาก
ลงมือก่อสร้างเรือล้านี้ขึ้นมา
“ดูเหมือนว่ามันจะมีค่าใช่จ่ายที่สูงมากทีเดียวหากสร้างเรือล้านี้
ขึ้นมา..โดยเฉพาะตอนนี้ตราประทับเต่าสีทองของ—–”
“เจ้ากังวลเรื่องอะไรกันเล่า?”
ปัญหานั้นไม่ใช่เรื่องที่คาร์ลต้องกังวลเช่นกัน
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด”
รอยยิ้มของความพอใจประดับอยู่เต็มใบหน้าของหัวหน้า
โครงการ
“กระผมจะตั้งใจท้างานอย่างเต็มที่..เพื่อสร้างผลงานชิ้นเอกนี้
ขึ้นมาให้ได้ขอรับ!”
คาร์ลละสายตาออกจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของ
หัวหน้าโครงการและเดินกลับไปยังรถม้าที่ยังคงจอดรออยู่จุด
เดิม
“ให้คนของเจ้าพาข้าไปยังที่พักแล้วกัน…ส่วนเจ้าก็อยู่ที่นี่เพื่อ
คุยรายละเอียดกับมุลเลอร์ให้เรียบร้อย”
“อ่า..ได้..ได้ขอรับ!”
“นายน้อย…พักผ่อนอย่างมีความสุขนะขอรับ!”
คาร์ลปิดประตูรถม้าลงหลังจากเห็นมุลเลอร์โค้งค้านับให้แก่
ตนเองก่อนที่รถม้าจะเริ่มเคลื่อนตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พัก
ในทันที หัวหน้าโครงการหันกลับมามองมุลเลอร์ที่เริ่มเชิดไหล่
ของตนสูงขึ้นอย่างโอ้อวด
“อะแฮ่ม…เจ้ารู้หรือไม่?..ว่าเรือล้านี้จะไม่พังแม้ว่ามันจะถูก
ระเบิดพลังเวทย์ท้าลายก็ตาม”
“อ่า..ใช่แล้ว..ดูเหมือนมันจะเป็นเช่นนั้น…แต่ว่าเราสามารถ
สร้างเรือแบบนี้ขึ้นมาได้เพียงล้าเดียวเท่านั้นนะ”
“เป้าหมายของเรา..ก็เพียงแค่ล้าเดียวเท่านั้นล่ะ”
มุลเลอร์แสร้งกระแอมไอขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่ามีโอกาสสูงที่
เขาจะได้อยู่ในคฤหาสน์แห่งใหม่ของตระกูลเฮนิตัสรวมถึงเรือ
ล้านี้ด้วยเช่นกัน เขาจึงระดมสมองเพื่อน้าทุกสิ่งที่เขามีไว้ใน
แบบแปลนเหล่านี้เพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
“ด้วยความสัตย์จริงที่ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบ…ขั้นตอนต่อไปที่
เราจะท้าต่อจากนี้..คือการก่อสร้างภายในของเรือ…ซึ่งแบบ
แปลนภายในของเรือก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน”
มุลเลอร์เชิดไหล่สูงขึ้นพร้อมกับยืดอกของตนอย่างเย่อหยิ่ง
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้น้ามันออกมาให้นายน้อยได้ดู..แต่แนวคิดที่
ข้าคิดขึ้นมามันเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
“แนวคิดนั้น..มันคืออะไรหรือ?”
มุลเลอร์ตอบออกไปอย่างมั่นใจในแนวคิดของตน
“การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตีที่แข็งแกร่งและรุนแรงที่สุด!”
โจมตีก่อนที่เราจะเป็นฝ่ายถูกโจมตี
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงความคิดของมุลเลอร์เท่านั้นเนื่องจาก
เขายังไมได้รับอนุญาตจากคาร์ล
.
.
.
คาร์ลพิจารณาสมาชิกคนอื่นๆที่มารวมตัวกันในห้องโถงอย่าง
เงียบๆเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ครั้งนี้..มันไม่ง่ายเลยสินะ”
สมาชิกทั้งหมดในคณะของคาร์ลมารวมตัวกันที่นี่ยกเว้นแต่รอน
ที่คาร์ลให้เข้าไปพักในห้องพักของเขาโดยมีบารอคไปดูแลอย่าง
ใกล้ชิด
ไม่ว่าจะเป็นเด็กสามคนที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ปี เชวฮัน โรสลิน
ล็อกและแม้แต่รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนและเด็กๆจากเผ่า
หมาป่าสีน้าเงินทั้ง10คนก็มารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงแห่งนี้
อย่างรวดเร็ว
คาร์ลเรียกรวมพลสมาชิกทั้งหมดในห้องโถงกึ่งห้องท้างานที่
ทางอาณาเขตอัลบาจัดเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ
―มันไม่ใช่การรวมพลเพื่อบุกโจมตีอาณาจักรแห่งอื่นหรืออะไรก็
ตามที่จะบ่งบอกว่าเป็นแบบนั้นได้‖
คาร์ลรู้สึกว่าสิ่งนั้นดูจะเป็นสิ่งที่ใหญ่เกินก้าลังของเขามาก
เกินไปแต่เขาไม่มีข้อมูลของศัตรูมากพอดังนั้นการเตรียมพร้อม
ไว้ล่วงหน้าย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า
โรสลินหันไปมองคาร์ลก่อนจะถามขึ้น
“นายน้อยคาร์ล…เราจะเดินทางโดยเรือเพื่อไปยังเกาะฮาอิส
อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่..เราอาจจะไปหยุดอยู่ตรงจุดไหนสักแห่ง..รอบๆ―เกาะฮา
อิสที่5‖ก็ได้”
―เกาะฮาอิส‖ เป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกหมู่เกาะที่อยู่ระหว่าง
ทวีปตะวันตกและตะวันออก โดยตัวเลขที่ใช้เรียกในแต่ละเกาะ
นั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงล้าดับที่ค้นพบ
เป้าหมายของคาร์ลคือเกาะฮาอิสที่5 มันเป็นเกาะล้าดับที่5ทีถ่ กู
ค้นพบเช่นเดียวกับขนาดของพื้นที่บนเกาะซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด
ในหมู่เกาะละแวกนั้นอีกทั้งยังเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับทวีป
ตะวันตกมากที่สุดท้าให้สามารถเดินทางโดยเรือได้โดยง่าย นั่น
เป็นเหตุผลที่ท้าให้รอนสามารถเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาได้
(53380)
“ข้าได้ยินมาว่า..มีฐานก้าลังของเงือกอยู่บนเกาะนั่น”
“มันเป็นเรื่องที่แปลกยิ่งนัก…ที่พวกเขามีฐานก้าลังอยู่บนบก
เช่นนั้น”
“นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง..ที่เกาะแห่งนั้นอาจเป็นฐานลับของ
พวกอาร์มได้..และที่นั่นคือจุดหมายแรกของเราด้วยเช่นกัน”
คาร์ลตัดสินใจแล้วว่าพวกเขาทั้งหมดจะไปยังที่ใดของเกาะ
เหล่านั้น
“พวกเราจะไปเกาะฮาอิสที่ 12 กัน”
เกาะฮาอิสที่ 12 คือเกาะที่ถูกค้นพบเป็นล้าดับที่ 12 มันเป็น
เพียงเกาะเล็กๆที่อยู่ใกล้กับเกาะฮาอิสที่ 5 มากที่สุด
“เอ่อ…นายน้อยขอรับ”
รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนเริ่มพูดอย่างระมัดระวังก่อนที่
คาร์ลจะส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อได้
“นายน้อยไม่ได้บอกให้เราต่อสู้กับพวกเงือกอยู่ใช่มั้ยขอรับ?…
ไม่ใช่ว่าตอนนี้เผ่าวาฬก้าลังท้าศึกกับเงือกอยู่หรือ?”
“ใช่”
บทที่ 91 หากข๎าต๎องเคลื่อนพล 1 (2)

ฮิลส์แมนดูจริงจังมากในตอนนี้ซึ่งตํางจากความโงํตามตัวตน
ปกติของเขานั่นอาจเป็นเพราะเขารู๎วําชีวิตของรอนขึ้นอยูํกับ
สิ่งนี้ คาร์ลยังคงมองฮิลส์แมนเงียบๆตํอไปในขณะที่เขานึกถึง
สิ่งที่บิดาของเขาเอํยแกํตนเอาไว๎
< ―ไมํเกี่ยววําเขาจะเป็นนักฆําหรือไมํก็ตาม?…ถึงอยํางไรเขาก็
ยังเป็นคนของอาณาเขตเฮนิตัสอยูํดี..เขาคือคนของพํอ!…ต๎อง
ชํวยเขาให๎ได๎!..มันคงไมํสายเกินไปหรอกที่จะมานั่งกังวล
เกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่ลูกชํวยชีวิตเขาไว๎ได๎แล๎ว‖>
คนอื่นอาจคิดวําทาไมเคานต์เดอรัชจึงต๎องยื่นมือเข๎ามา
ชํวยเหลือข๎ารับใช๎คนนี้และอาจมีข๎อสงสัยวําทาไมเขาจึงต๎องใช๎
ความพยายามมากมายเพื่อชํวยเหลือพํอบ๎านผู๎ต่าต๎อยคนนี้ไว๎
ด๎วย?อยํางไรก็ตามคาร์ลรู๎ในเรื่องนี้ดี เป็นเพราะรอนเฝ้าดูแล
คาร์ลเป็นเวลาหลายสิบปี เขาคอยดูแลคาร์ลที่ตํอต๎านสมาชิก
คนอื่นๆในครอบครัวตนเองและปรารถนาเพียงอ๎อมอกจากคน
เป็นพํอมากกวําชายผู๎เป็นเจ๎าของตาแหนํงเคานต์
“มันจะไมํเป็นไรหรือขอรับนายน๎อย?..กระผมเคยได๎ยินมาวํา…
พวกเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตในความมืดและตอนนี้พวกมันก็
แข็งแกรํงขึ้นกวําเดิมจากพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎ว…ที่สาคัญพิษ
ของพวกมันร๎ายกาจยิ่งนัก”
ฮิลส์แมนเป็นกังวลเกี่ยวกับคุณสมบัติในความมืดของพวกเงือก
และไหนจะมีพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎วนั่นอีก
โรสลินตอบคาถามนี้แทนคาร์ล
“เราจะปลอดภัยจากสิ่งนี้..นายน๎อยคาร์ลรู๎วิธีรักษาพิษของ
เงือกเป็นอยํางดี…และเราสามารถเอาชนะพลังเวทย์จากสิ่งที่
ตายไปแล๎วโดยการใช๎พลังที่แข็งแกรํงกวําพวกมัน”
มันเป็นเพียงกลยุทธ์ธรรมดาๆหากต๎องตํอสู๎กับสิ่งมีชีวิตใน
ความมืดที่ใช๎พลังอันแข็งแกรํงจากพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎ว เรา
ต๎องแข็งแกรํงกวําพวกมันโดยการโจมตีอยํางรุนแรงเพียงครั้ง
เดียวเพื่อยํนระยะเวลาในการตํอสู๎ พวกเขาจาเป็นต๎องใช๎พลัง
เวทย์หรือกลิ่นอายที่แข็งแกรํงยิ่งกวําหรือแม๎แตํการโจมตีที่
รุนแรงมากพอเพื่อกาจัดพลังเวทย์ที่ตายไปแล๎วให๎ได๎
แนํนอนวําคาร์ลยํอมรู๎ในพลังที่แข็งแกรํงกวําพลังเวทย์ที่ตายไป
แล๎ว
―ชีวิต‖
―มันเป็นวิธีที่โงํมากแตํกลับใช๎งานกับพวกมันได๎ดีที่สุด‖
จริงๆแล๎วมันเป็นเรื่องที่งํายดายยิ่งนัก
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกรํงกวําความตาย มันมีบางสิ่งที่สามารถ
พิสูจน์ได๎อยํางแมํนยาวํามีสิ่งที่เหนือกวําพวกมันอยูํ
โรสลินยังคงอธิบายตํอไป
“แนํนอนวําวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดและได๎ผลที่สุดในการตํอสู๎
กับสิ่งมีชีวิตในความมืดที่มีความแข็งแกรํงจากพลังเวทย์ที่ตาย
ไปแล๎ว…ก็คือการใช๎เลือด..แตํมันก็เป็นสิ่งที่เป็นอันตรายมาก
เชํนกัน”
ใชํแล๎ว ―เลือด‖
และพวกมันก็ต๎องการเลือดเป็นจานวนมาก
แม๎แตํมนุษย์อํอนแอที่ไร๎ซึ่งพลังใดๆก็สามารถยับยั้งและทาให๎
พลังของสิ่งมีชีวิตในความมืดถดถอยลงได๎ในระยะเวลาสั้นๆ
หากพวกเขากรีดเลือดของตนให๎ไหลออกมา อยํางไรก็ตามมี
โอกาสสูงที่พวกเขาจะเสียชีวิตจากการสูญเสียเลือดในปริมาณ
มากเกินไป มันไมํมีทางเป็นไปได๎หากเราต๎องตํอสู๎กับสิ่งมีชีวิต
ในความมืดที่มีพลังอันแข็งแกรํงโดยใช๎เลือดเพียงเล็กน๎อย
―แม๎วําเลือดอาจจะใช๎ไมํได๎ผลกับเอลฟ์มืดหรือแวมไพร์‖
สาหรับเอลฟ์มืดหรือดาร์กเอล์ฟนั้นยังถือเป็นเรื่องตามกฎของ
ธรรมชาติที่สามารถดารงชีวิตอยูํได๎โดยการใช๎เลือดแม๎วําพวก
เขาจะใช๎พลังเวทย์จากสิ่งที่ตายไปแล๎วก็ตามเชํนเดียวกับแวม
ไพร์ที่สามารถดื่มกินเลือดได๎ตามปกติ
ตาราโบราณได๎กลําวถึงเผําปีศาจเอาไว๎วําพวกมันจะชโลม
หัวใจของมนุษย์ด๎วยพลังเวทย์จากสิ่งที่ตายแล๎วเพื่อให๎พวกเขา
สามารถเอาชนะมนุษย์ได๎ตํอไปแม๎วํามนุษย์จะเสียชีวิตลงแล๎วก็
ตาม
―นี่มันเรื่องบ๎าอะไรกันนี่!‖
มันฟังดูบ๎าสาหรับคาร์ลเชํนกัน
ในเวลาเดียวกับที่คาร์ลคิดนั้นปากเขาก็เผลอพึมพาออกมาโดย
ไมํรู๎ตัว
“เลือดของข๎า..อาจมีคุณภาพเยี่ยมที่สุดก็ได๎นี่นา”
เลือดของเขาได๎รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ―พละกาลังแหํงดวงใจ‖
ด๎วยความสามารถของพลังที่ชํวยซํอมแซมและฟื้นฟูรํางกาย
ในทันทีมันจะทาให๎เลือดของเขามีปริมาณที่มากกวําสิ่งมีชีวิต
หรือมนุษย์คนอื่นๆเลือดของเขาจะปะทุออกมาอยํางตํอเนื่อง
และไหลออกมาไมํขาดสาย ต๎องขอบคุณ―พละกาลังแหํง
ดวงใจ‖ที่ชํวยเติมเลือดและรักษาชีวิตของเขาไปพร๎อมๆกัน จะ
ไมํมีอะไรที่มีประสิทธิภาพตํอสิ่งมีชีวิตในความมืดไปมากกวํา
เลือดของเขาอีกแล๎ว
แม๎วําเขาอยากจะทดสอบเพื่อให๎แนํใจวําเขาจะยับยั้งพวกเงือก
ได๎นานเพียงใด?แตํสิ่งสาคัญที่สุดคือพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเป็น
พลังที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์ นั่นหมายความวํา
―พละกาลังแหํงดวงใจ‖ถือเป็นคุณลักษณะสาคัญของการเป็น
ทั้งธรรมชาติและชีวิต มีโอกาสเป็นไปได๎สูงที่มันจะแข็งแกรํง
กวําพลังจากความมืดได๎
คาร์ลเริ่มจินตนาการไปเรื่อยๆ
“อืม..แล๎วถ๎าข๎ากรีดเลือดของตัวเองแล๎ว—-”
ถ๎าเขาชโลมเลือดของตัวเองไปทั่วรํางกายและปลํอยให๎มันไหล
กระฉูดใสํรํางของศัตรูลํะ?
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุํน
―มันต๎องดูนํารังเกียจแนํๆ‖
มันฟังดูแล๎วนําขยะแขยงยิ่งนัก
คาร์ลสังเกตวําทั่วทั้งห๎องเงียบไปในทันทีเมื่อเขากวาดสายตา
มองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังลั่นขึ้นมาทํามกลางความ
เงียบของห๎องในตอนนี้
“ชํางเป็นความคิดที่บ๎าที่สุด!…ทาไมมนุษย์อํอนแอเชํนเจ๎าถึงคิด
อะไรแบบนี้ออกมา!..พวกเราไมํต๎องการเลือดอํอนแอของเจ๎า
หรอกนะ!”
ราอนดูโกรธมาก
“ข๎าหวังวําเจ๎าจะหยุดความคิดแปลกๆแบบนี้ซะ!”
“แปลก…มันแปลกมาก…มันเป็นความคิดที่แปลกมากๆ!”
แม๎แตํออนและฮงก็สํงสายตามายังรํางของคาร์ลราวกับเขาเป็น
คนบ๎า
ประโยคเหลํานั้นทาให๎คาร์ลหันไปมองโรสลินซึ่งกาลังสั่นศีรษะ
ของตนอยํางรุนแรง มันเป็นสัญญาณที่บํงบอกวําเธอไมํเห็น
ด๎วยที่คาร์ลคิดจะทาแบบนั่นและไมํมีทางที่พวกเขาจะปลํอยให๎
คาร์ลทาแบบนั้นเป็นอันขาด
“นายน๎อยคาร์ล..ไมํจาเป็นที่ทํานต๎องทาแบบนั้น..”
คาร์ลยังคงกวาดสายตาไปมองทุกคนกํอนจะหยุดลงเมื่อเห็น
ใบหน๎าของฮิลส์แมนซึ่งกาลังสํงยิ้มอยํางชื่นชมมาให๎เขาด๎วย
เหตุผลบางประการ
คาร์ลตัดสินใจตอบกลับพวกเขาเพื่อให๎พวกเขาทั้งหมดคลาย
ความกังวลลง
“แนํนอน..วําข๎าไมํคิดจะทาเชํนนั้น”
―ทาไมฉันต๎องใช๎เลือดอันมีคําของตัวเองด๎วยลํะ?‖
เขายังมีไพํอีกหลายใบให๎ใช๎นอกจากการใช๎เลือดของตัวเอง
ทาไมเขาต๎องใช๎เลือดของตัวเองด๎วยในเมื่อเขาเกลียดความ
เจ็บปวดที่สุด? เขาอยากจะหนีไปให๎พ๎นมากกวําที่จะทาอะไร
แบบนี้เสียด๎วยซ้า เขาสามารถรักษาอาการของรอนได๎หากเขา
ได๎ศพของเงือกมาสักตนกํอนจะหลบหนีไปให๎ไกลจากความ
วุํนวายนี้
ราอนกระพือปีกบินและหยุดลงตรงโซฟาที่คาร์ลนั่งอยูํ มันพูด
ขึ้นด๎วยน้าเสียงที่เต็มไปด๎วยความโกรธ
“ข๎าจะทาให๎แนํใจ..วําเจ๎าจะไมํทาอะไรแบบนั้นเป็นอันขาด!”
ไมํมีใครเชื่อวําเขาจะไมํทาสิ่งนี้
คาร์ลยิ้มหยันให๎กับปฏิกิริยาของพวกเขาและตัดสินใจอยําง
รวดเร็ววําจะลืมมันไป ไมํมีทางที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเป็นอันขาด
ดังนั้นเขาจึงรู๎สึกวําไมํจาเป็นต๎องมาเสียพลังงานไปกับเรื่องไร๎
สาระเหลํานี้อีกตํอไป
เขาลุกขึ้นยืนช๎าๆ
“เจ๎าจะไปไหน?”
คาร์ลเอํยตอบราอนในทันที
“หน๎าผาแหํงสายลม”
มันคือหน๎าผาที่สูงชันที่สุดในบริเวณชายฝั่งแหํงนี้ คาร์ลมุํงหน๎า
ไปยังหน๎าผาสูงที่มีวังน้าวนหมุนวนอยูํด๎านลําง
เขาก๎มลงมองพื้นทะเลเบื้องลํางเมื่อเดินทางขึ้นไปถึงหน๎าผา
เรียบร๎อยแล๎ว ทั่วทั้งชายฝั่งตํางยุํงอยูํกับการกํอสร๎างฐาน
ทัพเรือ อยํางไรก็ตามสายตาของคาร์ลกลับพุํงไปที่เส๎นขอบฟ้า
ทะเลที่อยูํไกลออกไปจากสายตา
“ทํานคาร์ล..ทํานจะทาอะไรอยํางนั้นหรือ?”
คาร์ลเพียงยักไหลํให๎กับคาถามของเชวฮันกํอนจะล๎วงเอาขลุํย
หอยสังข์ออกมาจากกระเป๋าเวทย์ของตนเอง เชวฮันเคยเห็น
ของชิ้นนี้มากํอนเพราะมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่คาร์ลได๎รับจากวิ
เทียร์เมื่อครั้งที่พวกเขาได๎พบกับราชาแหํงเผําวาฬตอนที่กาลัง
เดินทางไปยังอาณาจักรวิปเปอร์
“…อะไร..ทํานจะทา—–?”
เหมือนกับเชวฮันจะรู๎วําคาร์ลคิดจะทาสิ่งใดอยูํ
คาร์ลจรดริมฝีปากของตนไปยังชํองเล็กๆที่อยูํบนขลุํยหอยสังข์
กํอนจะเริ่มเป่ามันในทันที
ปรี๊ดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงแหลมสูงดังขึ้นเบาๆกํอนที่ขลุํยหอยสังข์จะถูกปกคลุมไป
ด๎วยแสงสีฟ้า มันเป็นเสียงที่เบามากจนคนข๎างลํางไมํสามารถ
ได๎ยินมันได๎แตํมีผู๎ที่อยูํไกลออกไปสามารถได๎ยินมันได๎อยําง
ชัดเจน
อีกสองวันตํอมาคาร์ลกลับมายืนอยูํบนหน๎าผาแหํงสายลมอีก
ครั้ง เขากาลังยืนชมพระอาทิตย์ตกดินอยํางสบายอารมณ์ พระ
อาทิตย์ดวงโตคํอยๆลดตัวต่าลงไปตามแนวเส๎นขอบฟ้า
ทันใดนั้นเขาก็หยิบขลุํยหอยสังข์ออกมาแนบกับใบหูของตน
ปรี๊ด!!!!
เขาได๎ยินเสียงบางอยํางดังออกมาจากขลุํยหอยสังข์
“พวกเขาอยูํนี่แล๎ว…” (53380)
ราอนชี้ไปยังเส๎นขอบฟ้ากํอนจะตะโกนออกมาเหมือนกับสิ่งที่
คาร์ลพูดขึ้น
“พวกเข๎าอยูํนี่แล๎ว!!!”
“ว๎าว!!!!”
“ห๏ะ?…”
เชวฮันผู๎ที่สันนิษฐานเอาไว๎วํามันจะต๎องเกิดสิ่งนี้ขึ้นเผลอปลํอย
เสียงออกมาอยํางตกตะลึงในขณะที่โรสลินก็มองไปข๎างหน๎า
ด๎วยใบหน๎าวํางเปลําดูเหมือนวําตอนนี้เธอจะตกใจเกินกวําจะ
พูดอะไรออกมาได๎
ซํา!!!!ตู๎ม!!!!!ซํา!!!!ตู๎ม!!!!!
มหาสมุทรบริเวณเส๎นขอบฟ้าดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวอยําง
รุนแรง สาเหตุเป็นเพราะวาฬขนาดใหญํสองตัวและวาฬตัวเล็ก
อีกหนึ่งตัวกาลังเคลื่อนที่เข๎ามาชายฝั่งอยํางรวดเร็ว
คาร์ลหันกลับไปมองสมาชิกคนอื่นๆในกลุํมของตน พวกเขาหัน
ไปมองคาร์ลที่โดนแสงอาทิตย์สํองเข๎ากับเส๎นผมจนดูแดงเข๎ม
กวําพระอาทิตย์เสียด๎วยซ้า พวกเขามองเห็นรอยยิ้มบนใบหน๎า
ของคาร์ลได๎อยํางชัดเจน
“ถึงเวลาออกเดินทางแล๎ว”
ไกด์กิตติมศักดิ์ของพวกเขาเดินทางมาถึงแล๎ว
―บางครั้งฉันอาจต๎องขี่วาฬสักครั้งในชีวิต..หากต๎องเคลื่อนพล
ในครั้งนี้จริงๆ‖
บทที่ 92 หากข้าต้องเคลื่อนพล 2 (1)

วาฬตัวใหญ่ที่กาลังว่ายตัดผ่านมหาสมุทรใกล้ถึงชายฝั่งหายวับ
ไปในทันทีก่อนจะปรากฏร่างของชายผู้คุ้นตามายืนดูด้านหน้า
ของคาร์ลแทน
“นายน้อยคาร์ล…ไม่ได้เจอท่านเสียนานเลย”
“ดีใจที่พบเจ้าเช่นกัน….”
มีเพียง―พาสตัน‖วาฬหลังค่อมเลือดผสมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่
กลายร่างเป็นมนุษย์ขึ้นมาพบกับคาร์ลในขณะที่กลุ่มของคาร์ล
นั้นมีเพียงราอน เชวฮันและโรสลินเท่านั้นที่ยืนอยู่บนหน้าผาอัน
มืดมิดในวันนี้
“ทาไม..ท่านจึงเรียกให้เรามาพบกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?”
พาสตันย้ายสายตาของตนไปหยุดที่ขลุ่ยหอยสังข์ในมือของ
คาร์ล พวกเขากาลังต่อสู้กับเหล่าเงือกจึงต้องละมือมาหาเขา
อย่างกะทันหันเมื่อได้ยินสัญญาณเรียกจากคาร์ล
สัญญาณที่คาร์ลส่งไปให้คือ―ด่วน‖มันเป็นเสียงที่มีเพียงสัตว์
อสูรจากเผ่าวาฬเท่านั้นที่จะได้ยินมัน
“ท่านต้องการ..ใช้งานจากพลังอันแข็งแกร่งของพวกเราแล้ว
รึ?”
หนึ่งในข้อตกลงระหว่างคาร์ลและเผ่าวาฬคือคาร์ลสามารถ
เรียกใช้งานเผ่าวาฬในการคุ้มครอง ต่อสู้หรืออะไรก็ตามที่คาร์ล
ต้องการจากพวกเขา แน่นอนว่าคาร์ลต้องการเข้าประเด็น
ในทันทีโดยไม่คิดจะอ้อมค้อมแต่อย่างใด
“ข้าพบองค์กรที่ให้การช่วยเหลือพวกเงือกแล้ว”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
คาตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากของคาร์ลทาให้ใบหน้า
ของพาสตันแข็งค้างขึ้นทันที
เผ่าวาฬต้องผจญกับปัญหาชวนปวดหัวครั้งสาคัญเมื่อมีกลุ่ม
คนเข้ายึดเกาะฮาอิสที่ 5 และแอบให้การช่วยเหลือพวกเงือก
อย่างลับๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขามีพลังอันแข็งแกร่งจนพวกเขาเกรง
กลัวแต่อย่างใดแต่ความจริงที่ว่าพวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
เงือกต่างหากที่เป็นปัญหาสาคัญ
“หนึ่งในลูกน้องของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสืบเรื่องนี้…
ข้าติดต่อกับเจ้าอย่างกะทันหันเป็นเพราะเราต้องจัดการกับพิษ
เงือกโดยเร็วที่สุดและเจ้าจาเป็นต้องรู้ข้อมูลนี้โดยด่วนเช่นกัน”
อย่างไรก็ตามพาสตันมีคาถามหลังจากได้ยินสิ่งที่คาร์ลแจ้งแก่
ตน
“นายน้อยคาร์ล..ทาไมท่านจึงสนใจประเด็นนี้ด้วยล่ะ?”
คาร์ลเม้มปากของตนชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากและ
เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา
“นั่นเป็นเพราะข้าเป็นห่วง..”
ราอนไม่ได้ใช้เวทย์ล่องหนอาพรางร่างของตนเอาไว้แต่เลือกที่
จะพูดในใจกับคาร์ลแทน
~นี่เจ้า..จะทามันอีกแล้วหรือ? ~
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจมันและเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา
เล็กน้อย
“การที่พวกเงือกแข็งแกร่งขึ้นก็มาจากป่าแห่งความมืดใน
อาณาเขตของข้า…อย่างน้อยข้าก็ต้องการช่วยในเรื่องนี้…แม้ว่า
ข้าจะรู้ดีว่าเผ่าวาฬที่แข็งแกร่งเช่นพวกเจ้าย่อมจัดการในเรื่อง
นี้ได้ก็ตาม”
พาสตันรู้สึกว่าสีหน้าของคาร์ลในตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด
และลาบากใจ มันเป็นสีหน้าแบบเดียวกับตอนที่คาร์ลช่วย
กาจัดพิษเงือกออกจากขาของเขา อารมณ์หลากหลายรูปแบบ
ปรากฏผ่านสายตาของพาสตันผู้หล่อเหลาดวงตาคมสวยของ
เขาเป็นประกายจ้าแม้ว่ามันจะอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามค่าคืนก็
ตาม
คาร์ลหันหน้าไปมองพาสตันเมื่อได้ยินเสียงพาสตันเอ่ยขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“พวกเรา…คงไม่ใช่คนแปลกหน้าซึ่งกันและกันหรอกใช่มั้ย?”
คาร์ลกล่าวออกมาอย่างจงใจก่อนจะกันไปสบตากับสมาชิกคน
อื่นๆในกลุ่มของตน
โรสลินและเชวฮันก็กาลังจ้องมาที่คาร์ลเช่นกัน แววตาของ
พวกเขาปรากฏคาพูดออกจากใจพวกเขาอย่างชัดเจน มันชัด
มากจนคาร์ลรู้ว่าพวกเขากาลังบอกอะไรกับตนอยู่
―มันไม่ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆไปหน่อยหรือ?‖
พาสตันเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“ขอบคุณท่านมากนายน้อยคาร์ล…ท่านช่วยเราไว้อีกครั้ง
หลังจากที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้เมื่อครั้งนั้น”
คาร์ลยังไม่ได้หันกลับไปมองพาสตันในทันทีเมื่อเห็นโรสลิน
และเชวฮันเอ่ยถามเขาผ่านสายตาอีกครั้ง
―ท่านไปช่วยเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?‖
คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยเมื่อเห็นสายตาของพวกเขาทั้งคู่ เชวฮัน
นั้นดูเหมือนจะหาเสียงของตนไม่เจอในขณะที่โรสลินกลับพูด
ขึ้นแต่ไม่ใช่ประโยคที่เธอสงสัยแต่อย่างใด
“นายน้อยคาร์ลรีบตรงมาที่นี่ทันทีที่ทราบข้อมูลนี้…พวกเรา
จาเป็นต้องกาจัดพิษเงือกโดยเร็วที่สุดแต่นายน้อยคาร์ลนั้น..
กลับเห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสาคัญที่จะต้องแจ้งให้เผ่าวาฬ
ทราบโดยเร็วที่สุดเช่นกัน”
คาร์ลแสดงความขอบคุณผ่านสายตาของตนนี่เป็นครั้งแรกที่มี
คนช่วยเขาโกหกผู้อื่น เชวฮันเพียงเม้มปากของตนแน่นขึ้นก่อน
จะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ข้าเข้าใจแล้ว..เดี๋ยวพวกข้าจะรีบนาศพเงือกกลับมาให้ท่าน
เพื่อช่วยรักษาพิษของลูกน้องท่านเอง”
“พวกเราจะไปกันเอง”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
คาร์ลหันกลับไปมองพาสตันก่อนจะเอ่ยย้าอีกครั้ง
“พวกเรากาลังจะไปที่นั่นเช่นกัน”
มีบางสิ่งที่เขาจะต้องไปจัดการที่นั่น
แน่นอนว่าสิ่งที่ออกมาจากของคาร์ลนั้นแตกต่างจากความคิดที่
แท้จริงของเขามากทีเดียว
“กลุ่มของพวกเรามีคนไม่มากนัก..ดังนั้นเราอาจไม่ได้ช่วยพวก
เจ้าต่อสู้ได้แต่เราอาจให้การช่วยเหลือพวกเจ้าได้บ้างแม้ว่ามัน
จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม”
อันที่จริงแล้วคาร์ลวางแผนที่จะโจมตีแล้วเผ่นหนีโดยเร็ว
ต่างหาก แค่นั้นก็เพียงพอแล้วนี่นา!
แววตาของพาสตันเริ่มสั่นไหว
เผ่าวาฬและพวกเงือกอยู่ช่วงกลางของการทาสงครามซึ่งเป็น
ระยะการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุด แน่นอนว่าพวกเขาย่อมได้เปรียบ
เพราะรู้เกี่ยวกับพลังเวทย์และพิษที่แข็งแกร่งของพวกมัน
ล่วงหน้ามาแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเงือกมีจานวนที่มากกว่า
ในขณะที่เผ่าวาฬกลับมีอุปสรรคขวางทางเอาไว้เพราะพวกเขา
ต้องคอยปกป้องเหล่าสัตว์ทะเลที่อ่อนแอกว่าในขณะที่ทาการ
ต่อสู้กับพวกเงือกไปด้วย
นั่นเป็นเหตุผลที่ผ่าวาฬต้องการกาลังที่แข็งแกร่งเพิ่มเติม
―นายน้อยคาร์ลเคยบอกว่าพวกเขาอ่อนแอแต่….——-‖
สายตาของพาสตันมุ่งไปที่มังกรดาทันที
มันไม่ใช่สิ่งสาคัญไม่ว่าสมรภูมิรบจะเป็นบนบกหรือในทะเลก็
ตาม
“เจ้ามองอะไร?…เจ้าวาฬน้อย”
มังกรดาตัวเล็กที่มีขาสั้นๆส่งผลให้รูปลักษณ์ของมันดูน่ารักน่า
เอ็นดูขึ้น มันกาลังย่นจมูกและเริ่มกระพือปีกแรงขึ้นท่าทางของ
มันในตอนนี้คล้ายกับจะพูดว่า ―ข้านี่ล่ะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว!‖
พาสตันเคยเห็นพลังของมังกรตัวนี้มาก่อน เขาเคยเห็นพลังที่
ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ด้วยสองตาของเขาเอง
“ไม่มีอะไร..ท่านมังกร”
“ฮึ!…ข้าก็จะไปเหมือนกัน”
ราอนพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูนอบน้อมของพาสตันก่อนจะ
เบือนหน้าหนีทันที ในเวลาเดียวกันราอนก็เอ่ยขึ้นในใจของ
คาร์ล
~ข้าทาได้ดีใช่มั้ย?…ข้าดูยอดเยี่ยมหรือเปล่า? ~
คาร์ลพยักหน้าให้กับราอนเล็กน้อย มันทาได้ดีหากเทียบกับอายุ
ของมัน คาร์ลไม่ได้สนใจกับท่าทางของราอนว่ามันจะตื่นเต้น
มากเพียงใดที่ได้รับคาชมจากเขา? เมื่อเขาเริ่มพูดกับพาสตัน
ขึ้นอีกครั้ง
“ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ระหว่างทางแล้วกัน..ข้าต้องการออก
เดินทางโดยเร็วที่สุด…เจ้ามีความเห็นเช่นไร?”
พาสตันตอบแบบเดียวกับที่คาร์ลคาดเอาไว้
“เราสามารถเริ่มเดินทางได้ทันที”
“ดี!”
คาร์ลกาลังเตรียมตัวที่จะออกเดินทางเงียบๆในตอนกลางคืน
พวกเขาจะไม่ออกจากท่าเรือเพราะมีทหารยามจานวนมากที่
ออกลาดตระเวนบริเวณนั้น
ในตอนนี้คาร์ลและคนอื่นๆอยู่บนเกาะเล็กๆที่อยู่ห่างจาก
ชายฝั่งมากที่สุด พวกเขาทุกคนเคลื่อนพลมาอยู่บนเกาะแห่งนี้
เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา
“โอ้!”
“ว้าว!”
พาสตันรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ เขาคาดหวังเพียงจะ
ได้เจอออนและฮงเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับมีคนมากกว่าที่เขาคาด
ไว้เสียอีก เขายังรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ออกมาจากร่างของ
พวกเขาเช่นกัน
พาสตันคิดว่าเขาอาจจะเดาผิดเพราะเขาเป็นเพียงวาฬผู้
อ่อนแอเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคิดจะถูกเมื่อเห็นปฏิกิริยา
ของวาฬเพชฌฆาตสองตัวที่มาพร้อมกับเขา
“อาร์ชี..ไม่เจอเจ้านานแล้วสินะ”
―อาร์ชี‖วาฬเพชฌฆาตซึ่งทาหน้าที่เป็นผู้อารักขา―ชิกเลอร์‖
ราชาแห่งเผ่าวาฬโค้งคานับคาร์ลด้วยท่าทางไม่เต็มใจจากนั้น
เขาก็เงยหน้าขึ้นมองคาร์ลทันที
สายตาของคาร์ลและมังกรดาที่จ้องมายังร่างของเขานั้นทาให้
เขารู้สึกแปลกๆ
ราอนเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“เราจะได้ขี่วาฬเพชฌฆาตตัวนี้หรือ?…เจ้ามนุษย์”
“อาจจะ”
อาร์ชีขมวดคิ้วมุ่น นี่เขาได้ยินถูกมั้ยนะ? เมื่อกี้พวกนั้นพูดว่าจะ
ขี่เขาอย่างนั้นหรือ? อาร์ชีหันกลับไปมองพาสตันอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่พาสตันจะเริ่มอธิบาย
“อะแฮ่ม…เรือลาใหญ่มันจะเป็นจุดเด่นเกินไปและทาให้
มองเห็นได้ง่าย..ดังนั้นเราจะเดินทางโดยเรือขนาดกลางแทน
เพื่อให้ทุกคนล่องไปในทะเลได้..แต่เนื่องจากขนาดของเรือมี
พื้นที่จากัด..อีกทั้งยังมีคนเจ็บในเรือด้วย..เพราะฉะนั้นท่าน
คาร์ลและท่านมังกรจะ—–” (53380)
“ตอนนี้ข้าคือราอน!”
“อ่า..ท่านราอน..ใช่แล้วท่านราอนและลูกน้องอีกไม่กี่คนของ
ท่านคาร์ลจะติดตามเราไปแทน..เอ่อ..พวกเขาจะใช้เวทย์
ลอยตัว..เอ่อ..แล้ว..แล้วมาขี่หลังของพวกเจ้าทั้งสองคน”
“ห๊ะ?!”
อาร์ชีไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง นี่เขาได้ยินอะไรกันแน่นะ? ก่อน
จะได้ยินเสียงของราอนพูดขึ้น
“แต่วาฬเพชฌฆาตมีขนาดเล็กกว่าวาฬหลังค่อมนี่นา..จะมี
พื้นที่เพียงพองั้นหรือ?”
วาฬเพชฌฆาตมีขนาดตัวที่เล็กหากเทียบกับวาฬหลังค่อมแต่
อย่างไรก็ตามขนาดตัวของพวกมันก็ยังมีความยาวประมาณ 7-
10 เมตร อาร์ชีขมวดคิ้วมุ่นมากกว่าเดิมในขณะที่วาฬ
เพชฌฆาตอีกหนึ่งตัวที่ติดตามมาด้วยก็เริ่มมีใบหน้าสับสน
เช่นกัน
“อาร์ชี…ขอบคุณเจ้าล่วงหน้าแล้วกัน”
แปะ!!แปะ!!
บทที่ 92 หากข้าต้องเคลื่อนพล 2 (2)

คาร์ลตบไปที่ไหล่ของอาร์ชีเบาๆและเริ่มยิ้มออกมา ในขณะที่
อาร์ชีเองก็รู้สึกว่าคาร์ลกาลังยิ้มเยาะเขาอยู่ก่อนที่เขาจะได้ยิน
พาสตันพูดอีกครั้ง
“หน้าที่ของพวกเจ้าสองคนอีกอย่างก็คือต้องลากเรือขนาด
กลางไปด้วยเช่นกัน…มันมีการร่ายเวทย์ลงบนเชือกเป็นที่
เรียบร้อยแล้ว..พวกเจ้าเพียงแค่ผูกมันไว้กับตัวเท่านั้นก็พอ..เรา
ไม่สามารถปล่อยให้ลูกเรือคนอื่นๆให้พ้นสายตาเราได้”
“ทาไมข้าต้องทาแบบนั้นด้วยเล่า!..”
“พ่อของข้าบอกเอาไว้..ห้ามปฏิเสธและต้องทาทุกอย่างตาม
คาสั่ง!”
อาร์ชีเม้มปากตนแน่นเมื่อได้ยินคาตอบของพาสตัน ทุกวันนี้
ราชาแห่งเผ่าวาฬจะอ่อนไหวมากเป็นพิเศษเพราะเคร่งเครียด
กับการทาศึกกับพวกเงือกดังนั้นเขาอาจถูกเขาทุบตีจนตายได้
หากขัดคาสั่งหรือทาอะไรผิดไป
“ให้ตายเถอะ!”
อาร์ชีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
คาร์ลยังคงยืนอยู่ที่เดิมจึงเอื้อมมือไปตบไหล่ของอาร์ชีอีกครั้ง
“ข้าจะอยู่บนหลังของเจ้า..ดังนั้นจงว่ายน้าอย่างระมัดระวังด้วย
ล่ะ”
อาร์ชีได้กลายเป็นเรือโดยสารมีชีวิตไปเสียแล้ว
.
.
.
ซ่า!!!!!ครืน!!!!ซ่า!!!
คาร์ลเฝ้ามองท้องทะเลในยามกลางคืนในขณะที่หูก็เอียงฟัง
เสียงคลื่นที่กระทบดังเป็นระยะๆ เขากาลังนั่งกินลมชมวิวอย่าง
สบายใจบนหลังของวาฬเพชฌฆาต
แปะ!แปะ!
ราอนใช้อุ้งมือเล็กๆของมันเคาะไปบนแผ่นหลังของวาฬ
เพชฌฆาต ออนและฮงนั่งอยู่ข้างๆรอนบนเรือขนาดกลาง
เพราะพวกมันกลัวน้าจึงไม่กล้าที่จะมานั่งบนหลังของวาฬ
อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักๆของพวกมันคืออยากอยู่ใกล้กับรอน
ให้มากที่สุด ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งสองจะเป็นกังวลกับรอน
มากกว่าที่คาร์ลเป็นเสียอีก
“มนุษย์…หลังของวาฬลื่นมากเลย”
“มันก็ควรเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่”
“อ๋อ..ข้าเข้าใจแล้ว”
ราอนมีสีหน้าแปลกๆในขณะที่เหยียดกายเอนไปตามหลังของ
วาฬเพชฌฆาตเหมือนกับที่คาร์ลทาอยู่ตอนนี้ อาร์ชีเป็นที่รู้จัก
โดยทั่วไปว่าเป็นนักล่าที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมที่สุด เขามี
ขนาดใหญ่กว่าวาฬเพชฌฆาตทั่วๆไป เขามีความยาว
ประมาณ 12 เมตรดังนั้นมันจึงให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่ง
บนอาคารขนาดกาลังพอเหมาะเสียมากกว่า
คาร์ลเหลือบไปมองวาฬเพชฌฆาตอีกตัวที่กาลังเคลื่อนที่ด้วย
ความเร็วเดียวกัน ตรงกลางระหว่างอาร์ชีและวาฬเพชฌฆาต
ตัวนี้มีเรือขนาดกลางที่ถูกผูกกับร่างของพวกเขาด้วยเชือกที่
ร่ายเวทย์เอาไว้และแน่นอนว่าพาสตันกาลังว่ายน้าอยู่ด้านหน้า
สุดเพื่อคอยนาทางพวกเขา
―นี่มันเหมือนเรือสปีดโบ๊ทเลย..มันแล่นเร็วมาก!‖
มันเคลื่อนที่ได้เร็วมากก่อนที่คาร์ลจะเหลือบไปมองสมาชิกคน
อื่นๆที่อยู่บนหลังวาฬเพชฌฆาตอีกตัว
โรสลินและเชวฮันนั่งอยู่หลังวาฬเพชฌฆาตตัวนั้นพร้อมทั้ง
แสดงสีหน้าแปลกๆในขณะที่อาการเมาเรือของฮิลส์แมนยัง
ทางานอย่างต่อเนื่องจนทาให้เขามัวแต่วุ่นวายกับการเอามือปิด
ปากของตน คาร์ลเบือนหน้าหนีออกจากภาพนั้นเพราะมันทา
ให้เขารู้สึกอึดอัดตามไปด้วยก่อนจะเริ่มมองท้องฟ้ายามค่าคืนที่
มีดาวส่องแสงเต็มท้องฟ้า
จากนั้นเขาก็เริ่มคิดบางอย่างขึ้นมา
―ควรจะลงมือทาลายเกาะสักเกาะดีหรือเปล่านะ?‖
คาร์ลยังคงเพลิดเพลินไปกับวิวรอบข้างที่แสนสงบสุข
จนกระทั่งเดินทางมาถึงเกาะฮาอิสที่ 1
เป็นเพราะเกาะฮาอิสที่ 12 ตั้งอยู่ใกล้กับฐานลับของพวกอาร์ม
ซึ่งอยู่บนเกาะฮาอิสที่ 5 พวกเขาไม่ต้องการให้พวกมันเห็น
สมาชิกจากเผ่าวาฬจึงเลือกมาหยุดพักบนเกาะฮาอิสที่ 1
ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนย้ายไปยังเกาะฮาอิสที่ 12 ต่อไป
“ข้าจะไปหาพี่สาวของข้าก่อน”
พาสตันแจ้งกับคาร์ลอย่างขึงขังว่าเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
พร้อมกับพี่สาวของตน คาร์ลได้บอกให้พาสตันทราบว่าองค์กร
ลับที่แอบช่วยเหลือพวกเงือกนั้นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มี
ระเบิดพลังเวทย์อยู่ในครอบครองและเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อ
การร้ายในจัตุรัสกลางเมืองของอาณาจักรโรมัน
“อืม..เจ้ากลับมาให้เร็วที่สุดแล้วกัน”
“ได้..ข้าจะกลับมาให้ไวที่สุด..เกาะฮาอิสที่ 1 อยู่ในเขตการดูแล
ของพวกเราดังนั้นท่านไม่ต้องห่วงว่าพวกเงือกจะเข้ามา
เพ่นพ่านบนเกาะนี้”
“อืม..ข้าเข้าใจแล้ว”
พาสตันก้มศีรษะให้แก่คาร์ลเล็กน้อยก่อนจะออกไปจากเกาะ
อย่างรวดเร็ว อาร์ชีและวาฬเพชฌฆาตอีกวไม่ได้หันกลับไป
มองกลุ่มของคาร์ลเมื่อพวกเขาไล่ตามหลังของพาสตันไปติดๆ
“นายน้อยคาร์ล…เราควรตั้งกระโจมกันเลยหรือไม่ขอรับ?”
“อืม…หากตั้งเสร็จแล้วอย่างลืมย้ายรอนเข้าไปพักให้เรียบร้อย
ด้วยล่ะ”
“ขอรับ!”
―เมส‖ เด็กชายจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินรับคาของคาร์ลอย่าง
หนักแน่นก่อนจะเดินไปหาล็อกที่กาลังเดินสารวจรอบเกาะแห่ง
นี้อยู่ ส่วนด้านหน้าของพวกเขามีร่างของฮิลส์แมนที่กาลังยุ่ง
กับการอาเจียนเพราะอาการเมาเรือ
ใช้เวลาไม่นานโรสลิน เมสและคนอื่นๆที่เหลือก็ตั้งกระโจม
ขนาดใหญ่สองกระโจมใกล้กับชายฝั่งของเกาะฮาอิสที่ 1 เสร็จ
เรียบร้อย แน่นอนว่าคาร์ลคือคนเดียวที่ไม่ได้ลงมือทาอะไรเขา
เพียงแค่เฝ้าดูพวกเขาทาทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย
เชวฮันยืนอยู่ตรงหน้าคาร์ลในตอนนี้เพราะเขาเรียกให้เชวฮัน
มาพบ
“เชวฮัน”
“ขอรับ..ท่านคาร์ล”
“ข้าคิดว่าการเห็นแก่ตัว..มันย่อมดีกว่าปล่อยให้คนของเรา
ได้รับบาดเจ็บ”
เป้าหมายของคาร์ลคือการจากไปอย่างเงียบๆโดยไม่ได้รับ
บาดเจ็บใดๆจากการต่อสู้ระหว่างเผ่าวาฬและเงือก
“แต่มีบางอย่าง…ที่เราต้องทาในครั้งนี้”
มีบางอย่างที่คาร์ลต้องบอกให้เชวฮันได้รู้ก่อนที่สมาชิกจากเผ่า
วาฬจะกลับมา
“เจ้าจานักเวทย์…ที่เป็นหัวหน้าขององค์กรลับเมื่อครั้งก่อการ
ร้ายในจัตุรัสพลาซ่าได้หรือไม่?”
สีหน้าของเชวฮันขรึมขึ้นทันที เจ้านักเวทย์เล่นเลือดคนนั้น คน
ที่เชวฮันตัดแขนเขาออกไป
คาร์ลพูดเบาๆราวกับเสียงกระซิบเพื่อให้เชวฮันได้ยินเพียงคน
เดียวเท่านั้น
“เขาเป็นคนเดียวที่มองเห็นใบหน้าของรอนได้อย่างชัดเจน…มี
อยู่สองเรื่องที่ข้าเชื่อว่าสาคัญที่สุดในการทาภารกิจนี้”
เชวฮันสบตาเข้ากับคาร์ลทันที
“สิ่งแรกคือการช่วยชีวิตของรอนจากพิษเงือก..และข้อที่สอง
คือกาจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับรอนหรืออาจเกิดขึ้นกับพวก
เราในอนาคต..เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่?…ว่าข้าหมายถึงอะไร?”
เชวฮันเอ่ยตอบคาร์ลโดยไม่มีความลังเลใดๆ
“กระผมจะทาลายดวงตาของนักเวทย์คนนั้น…หรือไม่ก็อาจจะ
ฆ่าเขาให้ตายไปซะ”
จากนั้นเขาก็พูดต่อทันที
“บารอคอาจต้องการเป็นคนลงมือเอง..แต่กระผมคิดว่ามัน
น่าจะดีกว่าหากกระผมเป็นคนลงมือ..ตอนนี้อารมณ์ของเขาไม่
ค่อยมั่นคงนักและนั่นอาจทาให้เขาใช้อารมณ์เหนือเหตุผลได้”
เชวฮันรู้ตัวดีว่าเขาควรทาสิ่งใด รอนต้องตกอยู่ในสภาพนี้
เพราะเขาไม่สามารถฆ่าเรดิก้าได้ตั้งแต่แรก เขาไม่ได้มีความคิด
ที่จะอยากฆ่าคนอีกต่อไปแล้วเพราะมันทาให้เขาเจ็บปวดแต่มัน
จะไม่เป็นไรเช่นกันถ้าไอ้สวะพวกนั้นต้องตายไป ไม่สิ!มันจะต้อง
เป็นเรื่องที่ดีมากกว่าถ้าไอ้พวกสวะนั้นต้องตายตกไปตามๆกัน
“ไม่จาเป็นต้องรุนแรงเกินไปจนต้องลงมือฆ่าเขา…ข้าไม่ได้มี
ความคิดที่จะให้มือของเจ้าต้องสกปรกหรอกนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกขอรับ”
คาร์ลรู้ว่าเชวฮันเป็นคนดีและเขายังขาดทักษะในการฆ่าผู้อื่น
เช่นกัน อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ต้องการให้เลือดของใครก็ตาม
ต้องมาเปื้อนมือพวกเขาแม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวหรือ
เป็นเรื่องอยุติธรรมเพียงใดก็ตาม
“เชวฮัน..แผนของข้าก็คือ—–”
ทันใดนั้นเอง
ซ่า!!! ครืน!!!!ซ่า!!! ครืน!!!!
คาร์ลได้ยินเสียงคลื่นกระทบชายฝั่งแรงขึ้น ก่อนจะเม้มปากตน
แน่นขึ้นเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดลอยเข้าจมูกของเขา
เขารีบหันไปมองยังผืนทะเลเบื้องหน้าทันที
มีคนบางประเภทที่ใช้วิธีโง่ๆในการต่อสู้และแน่นอนว่ามันคือ
วาฬไม่ใช่มนุษย์แต่อย่างใด
“นายน้อยคาร์ล..ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เจอท่านอีกครั้ง”
แม้ว่าเลือดจะโชกไปทั่วร่างแต่น้าเสียงกับสงบราบเรียบและ
ไพเราะดังเดิม
ทันใดนั้นราอนก็ตะโกนเข้ามาในหัวของเขา
~ข้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด…ข้าไม่ต้องการที่จะใช้เลือดทา
เช่นนั้น!…และแน่นอนว่าตัวเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ทาเช่นนั้นเป็นอัน
ขาด! ~ (53380)
ราอนยืนกรานหนักแน่น
~รีบเข้าสิ!…เอาหินมนตราพวกนั้นมาให้ข้า!…ข้าจะสร้างระเบิด
พลังเวทย์ที่รุนแรงและยอดเยี่ยมที่สุดให้แก่เจ้า!…เอาสักร้อยๆ
ลูกเลยเป็นไง?…หากเจ้าต้องการมัน! ~
คาร์ลมีหินมนตราอยู่ในความครอบครองมากกว่าร้อยลูก
พวกมันต่างได้รับการยกย่องว่ามีพลังเวทย์ขั้นสูงและเป็น
อันตรายที่สุด พลังของมันอยู่ในระดับเดียวกับราอนและโรสลิ
นด้วยซ้า
“เชวฮัน”
ในขณะที่คาร์ลสาวเท้าเข้าใกล้วิเทียร์ปากของคาร์ลก็เริ่ม
กระซิบบางอย่างให้เชวฮันได้ยิน มันเบามากและมีเพียงแค่เชว
ฮันเท่านั้นที่ได้ยิน มันคืองานที่จะมีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ต้องเป็น
คนลงมือ
“เจ้าไม่เก่งเรื่องการลักลอบใช่มั้ย?”
แผนการในครั้งนี้มีชื่อว่า ―สะท้อนกลับ‖
จงคืนทุกสิ่งที่พวกเขาได้รับกลับคืนให้แก่พวกมัน คงไม่มีอะไรที่
จะเลวร้ายหรือน่าราคาญไปกว่าการคืนสิ่งเดียวกันกับที่พวกมัน
มอบให้แก่พวกเขา
บทที่ 93 หากข้าต้องเคลื่อนพล 3 (1)

คาร์ลไม่รอฟังคาตอบจากเชวฮันและตรงดิ่งไปยืนอยู่ตรงหน้า
วาฬหลังค่อมตัวใหญ่ที่มีเลือดท่วมไปทั่วร่าง
―มันเป็นเลือดที่เกิดจากการบาดเจ็บโดยตั้งใจ…มันย่อมมี
จุดประสงค์ที่ทาเช่นนี้‖
ร่างกายของวาฬหลังค่อมไม่ได้มีบาดแผลมากนัก อาการ
บาดเจ็บเล็กน้อยเหล่านี้จะหายไปโดยไม่เกิดแผลเป็นหลังจาก
ใช้ยาบางอย่าง
“ดูเหมือนว่าเจ้า..จะใช้เลือดของเจ้าบ้างสินะ?”
คิ้วของวิเทียร์เลิกสูงขึ้นหลังจากได้ยินเสียงเรียบเย็นที่ดูไม่กังวล
ในเรื่องใดๆของคาร์ลดังขึ้น
“เพียงเล็กน้อยเท่านั้น…ข้าอยู่กองหน้าจึงจาเป็นต้องใช้เลือด
บ้าง..อย่างน้อยมันก็น่าจะดีที่สุดสาหรับศึกครั้งนี้”
การมีเลือดนักสู้ของวิเทียร์ทาให้เธอเลือกเป็นกองหน้าแม้จะมี
วาฬเพชฌฆาตที่นิยมความรุนแรงที่สุดไว้ใช้งานก็ตาม เธอเป็น
ประเภทไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดและไม่คิดสนใจหากจะได้รับ
บาดเจ็บก็ตาม
ความคิดเช่นนี้ถือเป็นสิ่งจาเป็นเมื่อต้องอยู่กลางสนามรบ
ในขณะที่สมาชิกเผ่าวาฬตนอื่น รวมไปถึงสัตว์อสูรเผ่าอื่นๆใน
ทะเลและสัตว์น้ากาลังต่อสู้กับเงือก วิเทียร์ก็เลือกเป็นทัพหน้า
เพื่อฉีดพ่นเลือดของเธอเพื่อต้อนและกาจัดเงือกที่ใช้พลังเวทย์
ที่ตายไปแล้วให้ล่าถอยออกไป มันจะน่ากลัวมากขนาดไหนนะ?
อย่างน้อยก็เป็นเรื่องของการสร้างขวัญกาลังใจในกองกาลัง
ของเธอได้มากทีเดียว
―แน่นอนว่าฉัน..ไม่มีทางคิดจะทาเช่นนั้นเป็นอันขาด‖
การไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆถือเป็นสิ่งสาคัญที่สุดสาหรับคาร์ล เขา
จะต้องทาทุกอย่างแม้ว่ามันจะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นเพื่อไม่ให้
ตนได้รับบาดเจ็บก็ตาม
“ข้าว่า..เราเข้าไปคุยกันในกระโจมกันดีกว่า”
“ได้สิ!”
ชิ้ง!!!!!!!!
ไอน้ากลุ่มใหญ่ปรากฏขึ้นเมื่อวิเทียร์กลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนที่
เธอจะก้าวขาลงเหยียบพื้นดินในเวลาต่อมา
―….น่ากลัว‖
เธอดูน่ากลัวมากเพราะเธอกลายร่างเป็นมนุษย์โดยที่เลือดยังคง
โชกไปทั่วร่าง คาร์ลค่อยๆขยับถอยห่างจากวิเทียร์และมุ่งหน้า
ไปยังกระโจมส่วนตัวของตนทันที
“ตามข้ามา”
“ตกลง”
คาร์ลก้าวเข้าไปในกระโจมซึ่งดูแตกต่างจากกระโจมที่รอนพัก
รักษาตัวพอสมควร
“เจ้าได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากพาสตันแล้วหรือยัง?”
“อืม….เรากาลังปวดหัวเพราะกลุ่มคนที่ช่วยเหลือพวกเงือกอยู่
พอดี…คนพวกนั้นดูท่าแล้วจะแข็งแกร่งกันมาก..แต่เราก็ไม่คิด
มาก่อนว่าพวกเขาจะมาจากองค์กรใหญ่ขนาดนั้น”
อาการบาดเจ็บของวิเทียร์เริ่มหายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่เธอดื่ม
ยาเข้าไป
“ทั้งนักดาบและผู้ใช้หอกบนเรือลานั้นต่างตื่นตัวกันเต็มที่
ในช่วง2-3วันที่ผ่านมา..พวกเขาจะโจมตีเราทุกครั้งที่มีสมาชิก
จากเผ่าของเราขึ้นไปเหนือน้า”
―หืม?…ไม่กี่วันที่ผ่านมา?‖
คาร์ลชะงักไปเล็กน้อยในขณะที่วิเทียร์เล่าต่อไป
“นักเวทย์ที่ใช้เวทย์อัคคีก็น่าราคาญเช่นกัน..แต่นักดาบที่ใช้ออ
ร่าโจมตีเข้ามาในน้าก็ก่อปัญหาให้เราได้จริงๆ”
―กลิ่นอายหรือออร่าอย่างนั้นหรือ?..เป็นนักดาบที่สามารถใช้
กลิ่นอายในการโจมตี..ไม่ใช่ในระดับนักดาบทั่วไปใช่มั้ย?‖
―นี่มันต่างจากที่ฉันคาดเอาไว้‖
“เจ้านักหอกบ้านั่นก็น่าราคาญเช่นกัน..ดูเหมือนว่าเขาจะ
ฝึกฝนศิลปะการใช้หอกจากทวีปตะวันออกมา…ออร่าของเขา
นั้นอาจไม่แข็งแกร่งเท่านักดาบแต่เขาก็ค่อนข้างมีฝีมือในการ
ใช้หอกต่อสู้..ดูท่าแล้วเขาอาจจะถึงขั้นสูงสุดในไม่ช้านี้”
―…..ยังมีคนอื่นเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับนักดาบคนนั้นอีกรึ?‖
นี่มันต่างจากที่เขาคาดเอาไว้มากเกินไปแล้ว
ดวงตาทั้งสองข้างของคาร์ลเริ่มสั่นไหว ศัตรูแข็งแกร่งกว่าที่เขา
คาดเอาไว้
คาร์ลมองไปยังวิเทียร์ที่มีท่าทางสงบเช่นเดิม
แม้ว่าสมาชิกของเผ่าวาฬจะมีจานวนน้อยแต่วาฬหลังค่อม
โดยเฉพาะผู้สืบสายเลือดอันแข็งแกร่งจากราชาแห่งเผ่าวาฬผู้ที่
แข็งแกร่งกว่าเชวฮันเสียอีก ไหนจะวาฬเพชฌฆาตที่มีความ
แข็งแกร่งพอๆกับเชวฮันแต่วาฬที่เหลือก็ดูจะอ่อนแอกว่าเชว
ฮันกันทั้งนั้น
“มีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งมาเป็นกาลังเสริมให้กับพวกนั้นสินะ?”
“ใช่แล้ว?..แต่ข้าคิดว่ามันจะง่ายขึ้นหากเราสามารถกาจัดเงือก
ได้คราวละมากๆ”
ในตอนนี้นักรบเงือกที่ได้รับพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วได้หลบหนี
สมาชิกเผ่าวาฬและเข้าโจมตีสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆและสัตว์อสูร
เผ่าอื่นที่อาศัยในทะเลแทน
คาร์ลได้รับข้อมูลสั้นๆจากวิเทียร์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น..ทั้งนักดาบ..ผู้ใช้หอกและนักเวทย์พวกนั้น..จะบุก
เข้าโจมตีเผ่าวาฬงั้นหรือ?”
“อืม..ใช่แล้ว”
สมาชิกจากเผ่าวาฬจะต้องปรากฏตัวทุกครั้งในระหว่างการสู้
รบและแน่นอนว่าองค์กรลับจะไม่พลาดโอกาสนี้ในการโจมตี
“ไม่มีสมาชิกวัยผู้ใหญ่ของเผ่าเราได้รับบาดเจ็บ..แต่วาฬเด็ก
เล็กของเรานั้นได้รับบาดเจ็บกันมากทีเดียว”
นั่นเป็นสาเหตุที่วิเทียร์พยายามที่จะฆ่ากลุ่มคนเหล่านั้นให้ได้แต่
เธอไม่สามารถไปถึงเกาะฮาอิสที่ 5 ได้เร็วอย่างที่ใจคิดเพราะ
เงือกยังคงบุกโจมตีเหล่าสัตว์ทะเลที่อ่อนแอและสัตว์อสูรชนิด
อื่นๆอย่างต่อเนื่องซึ่งตอนนี้ราชาแห่งเผ่าวาฬ―ชิกเลอร์‖ก็กาลัง
วางแผนที่จะเข้าโจมตีเกาะฮาอิสที่ 5 อยู่เช่นกัน
“อืม…ข้าเข้าใจแล้ว”
พวกเขาได้รับการติดต่อจากคาร์ลเมื่อกาลังวางแผนนี้อยู่ พวก
เขารู้สึกขอบคุณที่ได้รับข้อมูลขององค์กรนี้จากคาร์ล รวมไปถึง
ความเห็นของคาร์ลที่จะเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาแม้ว่ามันจะ
ทาได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม มันจะทาให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นหากกลุ่ม
ของคาร์ลสามารถต่อสู้กับศัตรูที่อยู่เหนือน้าแทนพวกเขาได้
“นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะไม่ถามถึงสาเหตุที่ท่านจะช่วยเหลือ
เรา…แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเราอย่าง
มาก..หากนายน้อยคาร์ลยื่นมือเข้ามาช่วยเราในครั้งนี้”
ความคิดของวิเทียร์เกี่ยวกับการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือของ
คาร์ลคือกลุ่มของคาร์ลจะร่วมต่อสู้ไปกับพวกเขาด้วย อย่างไรก็
ตามแผนของคาร์ลกลับต่างออกไปเล็กน้อย
“วิเทียร์”
“ว่าอย่างไร?”
“ข้าคิดจะทาลายเกาะ!”
“ท่านว่าอะไรนะ?!”
แผนที่ถูกเปิดออกก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าของวิเทียร์ที่กาลังมี
ท่าทางสับสน ราอนเปิดแผนที่ด้วยอุ้งมือของมันและชี้ไปยัง
ตาแหน่งหนึ่งบนแผนที่ใบนี้
“ข้ากาลังคิดที่จะลบเกาะฮาอิสที่ 5…..ออกไปจากแผนที่”
คาร์ลพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
หมู่เกาะฮาอิสที่ 1-15 อยู่ห่างกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง จาก
ข้อมูลที่ราอนแจ้งให้คาร์ลรู้มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆอาศัยอยู่บน
เกาะฮาอิสที่ 5 นอกไปจากกลุ่มคนจากองค์กรลับ
“เรือสามารถแล่นต่อไปได้อีกเล็กน้อย..เพื่อไปยังเกาะฮาอิสที่
7”
เกาะฮาอิสที่ 7 จะเป็นสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่สาหรับผู้ใช้
เส้นทางเดินเรือ
“นั่นจะเป็นไปได้หรื—–?”
วิเทียร์ต้องหยุดพูดเพราะมังกรดาจ้องเขม็งมาที่เธอ
“มันเป็นไปได้..เจ้าวาฬน้อย!”
“อ่า…ใช่…จริง…มันจริงอย่างที่ท่านพูด..ท่านมังกร”
มันเป็นไปได้อย่างแน่นอน แม่ว่าเกาะฮาอิสที่ 5 จะมีขนาดใหญ่
กว่าหนองน้าสีดามากนักแต่มันก็ไม่จาเป็นต้องมีการควบคุม
ใดๆในขณะที่พวกเขาพยายามจะทาลายมันลง (53380)
“แต่ข้ามีอยู่สองสิ่งที่ข้าต้องการ…”
“มันคืออะไรหรือ?”
ท่าทางสงบและเยือกเย็นของวิเทียร์นั้นทาให้คาร์ลนึกทึ่งและไม่
แปลกใจเลยที่เธอมาจากเผ่าที่อาศัยในมหาสมุทร
เธอไม่คิดสนใจเกาะซึ่งเป็นที่ดินผืนหนึ่งจะต้องสูญหายไป
ในทางกลับกันคาร์ลอาจจะหยุดพิจารณาสักหน่อยและอาจจะ
ยอมแพ้ไปในที่สุดหากมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆอาศัยอยู่บนเกาะฮาอิสที่
5
“ที่จริงแล้วยังมีข้อกาหนดเบื้องต้น..ก่อนจะไปถึงสองข้อหลักที่
ข้าต้องการด้วย”
“มันเป็นสิ่งที่จาเป็นต้องมีอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว…เราวางแผนที่จะต่อสู้โดยจะไม่เปิดเผยตัวตนของเรา
..โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องต่อสู้กับองค์กรนั้น”
วิเทียร์เข้าใจดีว่าคาร์ลต้องการจะสื่ออะไร มันจะเป็นจุดจบที่ไม่
เข้าท่านักหากคาร์ลต้องลงเอยด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายเพราะ
เข้ามายุ่งเกี่ยวกับองค์ลับเพื่อช่วยเหลือพวกเธอ
อีกอย่างหนึ่งสิ่งนั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อยยิ่งนักเมื่อเขาจะทา
เพียงแค่ทาลายเกาะให้พวกเธอเท่านั้น
บทที่ 93 หากข้าต้องเคลื่อนพล 3 (2)

“อืม..ข้าเข้าใจแล้ว”
“ดี…ก่อนอื่นเราต้องทาการเคลื่อนพลก่อน”
“ข้าจะเรียกวาฬตนอื่นมาให้ท่านเอง”
“ขอเป็นวาฬเด็กแล้วกัน”
“แน่นอน..มันจะทาให้คล่องตัวและพรางสายตาได้ดีทีเดียว”
คาร์ลต้องการวาฬตัวเล็กสาหรับเด็กๆที่เหลือ
“ประการที่สอง”
คาร์ลและวิเทียร์สบตาเข้าหากัน
“ข้าต้องการให้เจ้า..เป็นทัพหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจ”
“ดึงดูดความสนใจ?”
“ข้าต้องการวาฬที่มุ่งโจมตีอย่างบ้าคลั่งเพื่อทาให้พวกมัน
ไขว้เขว”
คาร์ลยังคงพูดต่อเรื่อยๆ
“ก่อนจะอาศัยจังหวะนั้น..ทาลายเกาะฮาอิสลงรวมไปถึงฐาน
ทัพของพวกเงือกที่อยู่ใต้เกาะนั้นด้วย”
“ท่านต้องการให้ข้าดึงพวกนั้นมาทางข้าสินะ…จะดีหรือไม่หาก
ข้าจะดึงทั้งนักดาบ..นักหอก..และนักเวทย์นั้นออกมาด้วย?”
“แน่นอน”
“อ๊ะ!!!!?”
วิเทียร์นึกบางสิ่งได้กะทันหัน
“ดูเหมือนเจ้านักเวทย์คนนั้นจะไม่ออกมานอกเกาะเพราะมีนัก
ดาบและนักหอกมาเป็นทัพหน้าแล้ว…เขาจะไม่ยอมออกมา…
นอกเสียจากเราจะเข้าไปใกล้เกาะแล้วจริงๆ”
“จริงหรือ?”
ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆถือว่าแผนครั้งนี้สมบูรณ์แบบที่สุด
มันจะดีกว่าถ้าเขาสามารถระเบิดเรดิก้าไปพร้อมๆกับเกาะได้
“จริงสิ…เขา…เอ่อ…ดูเหมือนว่าเขาจะบ้าไปสักหน่อย”
ทันใดนั้นคิ้วของวิเทียร์ก็ขมวดเป็นปมเมื่อเห็นท่าทางของคาร์ล
ที่ดูเหมือนจะรู้ในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“เขาจะเริ่มหัวเราะและพุ่งเข้าหาเจ้าทันที….เมื่อเจ้าใช้เลือดใน
การโจมตีสินะ?”
“ท่านรู้ได้อย่างไร?”
“จากข้อมูลที่เรารวบรวมมา..มันระบุเอาไว้ว่าเขาจะเริ่มคลุ้ม
คลั่งเมื่อเห็นอะไรก็ตามแต่ที่เป็นสีแดง”
“อ่า….”
วิเทียร์มองไปที่คาร์ลด้วยความกังวล ในขณะที่ราอนก็หันขวับ
ไปมองคาร์ลอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดัง
คาร์ลเห็นสีหน้าประหลาดบนใบหน้าของพวกเขาก่อนจะยกมือ
ขึ้นปัดเส้นผมสีแดงของตนเบาๆและพูดต่อทันที
“นั่นเป็นเหตุผลที่มันจะยุ่งยากมากขึ้น..หากเขาเห็นข้า”
“ให้ตายเถอะ..เจ้ามนุษย์!”
“ข้าเข้าใจแล้ว….”
ทั้งวาฬและมังกรต่างก็เข้าใจในเรื่องนี้
วิเทียร์เริ่มพึมพาขึ้นมาอีกครั้ง
“นักดาบคนนั้นก็แปลกเช่นกัน”
“นักดาบ?”
“ใช่..ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะมีบุคลิกคล้ายๆกับเจ้านักเวทย์
เช่นกัน..แต่ท่านไม่ต้องกังวลเพราะท่านไม่จาเป็นต้อง
เผชิญหน้ากับนักดาบผู้นี้”
วิเทียร์ยิ้มให้คาร์ลส่วนราอนก็จ้องไปที่ใบหน้าของคาร์ลตาไม่
กระพริบ
“เอาล่ะ..ข้าจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้วกัน”
คาร์ลเพิ่งตัดสินใจกับตนเองว่าจะไม่คิดอะไรเกี่ยวกับมันอีก
เขาพูดคุยรายละเอียดอื่นๆกับวิเทียร์อีกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะ
ขอตัวกลับไปเพื่อไปเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมในการส่งเด็กๆ
จากเผ่าหมาหมาป่าสีน้าเงินและฮิลส์แมนให้ออกเดินทางในเช้า
วันรุ่งขึ้น
“พวกวาฬจะเป็นคนนาทางพวกเจ้าไปที่นั่น..เมื่อไปถึงเกาะฮา
อิสที่ 12 แล้วจงทาตัวให้เงียบที่สุด..จงเงียบให้เหมือนกับหนู
เข้าไว้…เจ้ามีชุดที่ข้ามอบให้แล้วใช่มั้ย?”
“ขอรับ..นายน้อยคาร์ล..พวกเราจะใส่ชุดนั้นทันที..และกระผม
จะคอยดูแลเด็กๆให้ดีที่สุด!”
คาร์ลเลือกที่จะเมินเฉยกับคากล่าวของฮิลส์แมนและมองไปที่ล็
อกกับเมสแทน เด็กชายทั้งสองพยักหน้ารับคาอย่างหนักแน่น
ล็อกมักจะมีท่าทางขี้อายอยู่เสมอแต่เมื่ออยู่กับน้องๆในเผ่าของ
ตน ความรับผิดชอบในฐานะพี่ชายคนโตดูเหมือนจะเปลี่ยน
พฤติกรรมของเขาได้ทันควัน
“อยู่ที่นั่นให้ดี..หากเกิดสิ่งผิดปกติให้ยิงพลุขึ้นท้องฟ้าทันที..
เข้าใจหรือไม่?”
“ขอรับ!!!!!”
ทั้งสิบสองคนจัดเตรียมอาวุธและสัมภาระต่างเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนจะพากันเดินไปหาวาฬวัยรุ่นและวาฬเด็กเล็กสองตัวที่มี
ขนาดลาตัวน้อยกว่า 4 เมตรและพากันออกจากเกาะเพื่อมุ่ง
หน้าไปยังเกาะฮาอิสที่ 12 ทันที คาร์ลมองตามหลังพวกเขาจน
ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็หายลับไปกับตา คาร์ลหันกลับมาเอ่ย
กับบารอคในเวลาต่อมา
“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่ชอบใจนักที่ไม่มีส่วนร่วมกับงานนี้..แต่ถึง
อย่างไรเจ้าก็ต้องคอยอยู่ดูแลพ่อของเจ้าให้ดี”
“กระผมเข้าใจขอรับ…นายน้อย”
“ดี”
“ช่วยพ่อของกระผมให้ได้นะขอรับ!”
คาร์ลเข้าใจดีว่าบารอครู้สึกอย่างไร อยากสู้แต่ก็ไม่สามารถทา
ได้
“ไม่ต้องห่วง”
เขาตบไปที่ไหล่ของบารอคเบาๆก่อนจะหันไปดูสมาชิกในกลุ่ม
ที่เหลือ โรสลิน เชวฮัน ออน ฮงและราอน คือบรรดาสมาชิกที่
จะต้องปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ร่วมกับคาร์ล เขาหยิบชุดสีดาออก
จากกระเป๋าเวทย์ออกมาหลายชุด
“เอาล่ะ..เอาไปใส่ก่อน”
เชวฮันเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“เราต้องใส่มันอีกครั้งหรือขอรับ?”
มันเป็นชุดสีดาที่มีดาวสีแดงและดาวสีขาวห้าดวงล้อมรอบ
เอาไว้ตรงอกเสื้อและหน้ากากสีดา มันเป็นชุดเดียวที่พวกเขา
เคยใส่เมื่อครั้งที่เข้าไปช่วยราอนนั่นเอง แน่นอนว่าชุดดาที่
เลียนแบบชุดดาจริงๆขององค์กรลับนั้นมีบางจุดที่ต่างออกไป
“ใช่”
ท่าทางของเชวฮันเปลี่ยนไปคล้ายกับหมดข้อสงสัยเมื่อได้รับ
คายืนยันจากคาร์ลมีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ต้องจัดการเปลี่ยน
ชุดจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่โรสนลินและราอนจะเริ่มร่ายเวทย์
ขึ้น
“เราจะออกเดินทางกันแล้ว!”
หลังราอนพูดจบกลุ่มของคาร์ลก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและมุ่งหน้า
ไปยังเกาะฮาอิสที่ 5 ทันที
เมื่อพวกเขาลอยมาถึงบริเวณเกาะฮาอิสที่ 5 ในเวลา
อันรวดเร็วก็ได้ยินเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งเกาะ
“เฮ!!!!!!เฮ!!!!!”
“ลุย!!!”
“โจมตี!!!”
คาร์ลก้มลงมองน้าทะเลเบื้องล่างก็พบการกระเพื่อมที่รุนแรง
ขึ้นเรื่อยๆ
ซ่า!!!!! ตู้ม!!!!!ซ่า!!!!! ตู้ม!!!!!
วาฬหลังค่อมตัวใหญ่มีแผลเป็นรูปตัว ‘X’ อยู่กลางหลังพุ่งขึ้น
เหนือน้าก่อนจะจมหายลงสู่พื้นน้าด้านล่างอย่างรวดเร็ว
และนั่นทาให้เกิดคลื่นระรอกใหญ่บนพื้นน้า
สมาชิกจากเผ่าวาฬต่างตั้งใจทางานอย่างหนักเพื่อสร้างความ
วุ่นวาย
“ว้าว!!…พวกเขาทางานได้เยี่ยมยิ่งนัก!”
พวกเขากาลังลงมือทาในสิ่งที่แจ้งแก่คาร์ลเอาไว้ว่าพวกเขาจะ
ทามัน
อ๊าก!!!!!!
วาฬหลังค่อมตัวใหญ่พุ่งขึ้นกลางอากาศอีกครั้งพร้อมกับเงือกที่
อยู่ในปากของมันแน่นอนว่าเงือกตนนี้ตายคาที่
“มนุษย์…ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามไปที่นั่นเป็นอันขาด!”
“ใช่แล้วท่านคาร์ล…โปรดอยู่ให้ห่างเข้าไว้!”
“น้องเล็กของเราพูดถูก!…แม้ว่าเจ้าอยากจะไปตรงนั้นจริงๆก็
อย่าไปคนเดียวเป็นอันขาด!”
คาร์ลตะโกนออกมาเมื่อได้ยินพวกเขากังวลจนเกิดเหตุ
“พวกเจ้าคิดว่าข้าบ้าหรือไง?…ทาไมข้าจะต้องไปที่นั่นด้วย?!”
“เอ๊ะ!!!?”
คาร์ลก้มลงมองด้านล่างอีกครั้งเมื่อเห็นเชวฮันก้มลงมองก่อน
หน้านี้ พวกเขาเห็นเรือสองลาที่ถูกปกคลุมไปด้วยโล่พลังเวทย์
มันกาลังเคลื่อนตัวไปใกล้กับเผ่าวาฬโดยมีคนยืนอยู่บนหัวเรือ
ทั้งสองลา
หญิงสาวผมสีบลอนด์ที่ดูเหมือนจะเป็นนักดาบกาลังหันดาบ
ของเธอไปยังพื้นน้าด้านล่าง ดาบของเธอปกคลุมไปด้วยออร่าสี
ทอง
นักดาบหญิงคนนี้เหวี่ยงดาบของเธอแรงขึ้นและตะโกน
บางอย่างขึ้นมาซึ่งคาร์ลก็ไม่สามารถได้ยินมันได้ (53380)
“ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าอะไรน่ะ?”
ราอนเป็นคนตอบคาถามนี้แก่คาร์ลเหมือนปกติที่มันเคยทา
“เธอพูดว่า…‘ข้าสงสัยเหลือเกินถ้ามหาสมุทรที่เต็มไปด้วยเลือด
..มันจะสวยงามเพียงใดนะ?’”
‘โรคจิตชัดๆ’
‘ไม่ได้การล่ะ..วิเทียร์ต้องดึงสมาชิกขององค์กรลับออกจากเกาะ
ฮาอิสที่ 5 ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้’
สิ่งนี้จาเป็นอย่างยิ่งเพราะมันจะทาให้เขาปลอดภัยและหลบหนี
ไปได้อย่างง่ายดาย
คาร์ลยังคงสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปเพื่อรอให้วาฬที่
โจมตีอย่างบ้าคลั่งดึงคนออกไปจากเกาะให้ได้มากที่สุด
ปั้ง!!!!!
ลาแสงสีทองพุ่งออกจากดาบของนักดาบหญิงผู้นั้นก่อนพุ่งลง
กลางน้าจนเกินรอยแยกเป็นสองส่วนชั่วระยะหนึ่ง
“ราอน”
“ว่าอย่างไร…เจ้ามนุษย์?”
“เร่งมือเข้า!”
คาร์ลรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นจนแทบจะออกมานอกร่าง
การได้เห็นความแข็งแกร่งของศัตรูเช่นนี้มันอันตรายกับ
สุขภาพจิตของเขาเกินไปแล้ว
บทที่ 94 หากข้าต้องเคลื่อนพล 4 (1)

ความเร็วในการเหาะของคณะคาร์ลเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยและ
ราอนก็พูดขึ้นทันที
“วาฬตัวนั้น…ถือว่าใช้ได้ทีเดียว”
‘วาฬงั้นหรือ?’
คาร์ลก้มลงมองท้องทะเลด้านล่างอีกครั้ง
มีร่างของผู้หญิงที่เขาคุ้นเคยพุ่งตัวขึ้นมาจากรอยแยกน้้าทะเล
“วาฬตัวเล็กนั่น…ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน”
มีชายหนุ่มคนหนึ่งพุ่งตัวขึ้นมาและตามหลังเธอไปติดๆ
ใช่แล้ว!พวกเขาทั้งสองคือวิเทียร์และพาสตันในร่างมนุษย์ สอง
พี่น้องกระชับอาวุธประจ้ากายของตนให้แน่นขึ้นก่อนที่วิเทียร์ที่
ถือแส้ขนาดใหญ่จะพุ่งตัวเข้าหานักดาบหญิงผู้นั้น ส่วนพาสตัน
ก็คว้าดาบของตนพุ่งเข้าหานักหอกทันที
ในขณะที่ทั้งสองก้าลังพุ่งตัวไปข้างหน้าก็ฉีดพ่นเลือดของพวก
เขาไปด้วยเพื่อสร้างความเร็วในการมุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายได้ไว
ขึ้น
“เชวฮัน”
“ขอรับ..ท่านคาร์ล?”
“ระวังตัวด้วยล่ะ!”
เชวฮันยังคงสังเกตสถานการณ์อย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ตอบกลับ
คาร์ลแต่อย่างใด
เพี๊ยะ!!!!!เพี๊ยะ!!!!!
แส้ของวิเทียร์ปะทะเข้ากับนักดาบที่ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสี
ทอง
ปั้ง!!!!!
แสงสีฟ้าที่อยู่รอบๆแส้ของวิเทียร์นั้นถือเป็นพลังพิเศษของเผ่า
วาฬ ออร่าสีฟ้าของวิเทียร์นั้นแข็งแกร่งพอๆกับออร่าสีทองของ
นักดาบหญิงและนั่นท้าให้คาร์ลรู้ว่าเธอในตอนนั้นเพียงแค่
หยอกล้อทูนก้าเล่นเท่านั้น
“ไม่ต้องกังวลไป..เชวฮันจะไม่แพ้…โรสลินก็จะไม่แพ้เช่นกัน”
ราอนพูดประโยคนี้ขึ้นมาก่อนที่จะเร่งความเร็วขึ้นอีกเท่าตัว
เชวฮันและโรสลินต่างก็หันไปส่งยิ้มให้กับคาร์ลอย่างขอบคุณ
“ท่านเองก็ไม่ต้องกังวลเช่นกันนายน้อยคาร์ล..ตัวข้ากับเชวฮัน
จะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแม้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นตามแผนที่วาง
เอาไว้”
แม้ว่าสิ่งต่างๆจะไม่เป็นตามแผนที่ถูกวางเอาไว้ เธอก็เชื่อว่า
คาร์ลจะสามารถจัดการนักเวทย์คนนั้นได้ หนึ่งในเป้าหมาย
หลักของคาร์ลคือการก้าจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้เสียก่อน
เพราะมันเป็นสิ่งที่ยากเช่นกันที่พวกเขาจะสามารถก้าจัด
องค์กรลับได้อย่างถอนรากถอนโคน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าโรสลินและเชวฮันจะยังเข้าใจผิดกับ
ท่าทางที่คาร์ลแสดงออกไป
“โรสลินพูดถูกแล้วท่านคาร์ล…กระผมจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่าง
แน่นอน”
‘….สิ่งที่ฉันกังวลคือกลัวว่าตัวฉันเองต่างหากล่ะที่จะได้รับ
บาดเจ็บ!’
คาร์ลไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้แต่ถึงกระนั้นออนก็ส่ายหัว
ของมันเบาๆในขณะที่มันอยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลเพื่อแสดงให้
เห็นว่าโรสลินและเชวฮันก้าลังเข้าใจผิดอย่างแรง ออนแตะไปที่
แขนของคาร์ลเบาๆ
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ…อย่ากังวลไปเลย”
ออนรู้ว่าคาร์ลก้าลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามสายตาของเด็กวัย
สิบขวบที่ส่งมาให้คาร์ลนั้นเต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ
แน่นอนว่าคาร์ลก็ไม่ได้ชอบใจเท่าไหร่นัก เขาไม่อยากจะฟังสิ่ง
ที่ออนพูดต่อและหันไปพูดกับราอนแทน
“เร็วขึ้นอีก!”
“ได้ส…
ิ เจ้ามนุษย์!”
ใช้เวลาไม่นานกลุ่มของคาร์ลก็ลอยอยู่เหนือเกาะฮาอิสที่ 5
ก่อนที่โรสลินจะพูดขึ้น
“มีทั้งกับดักเวทย์และสัญญาณเตือนภัยอยู่รอบๆเกาะ…เป็น
อย่างที่นายน้อยคาร์ลเคยบอกเอาไว้จริงๆสินะ?…ว่าการ
ไหลเวียนของพลังเวทย์ถูกจ้ากัดบนพื้นที่นี้เท่านั้น”
“ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน”
ราอนพูดเพิ่มเติมเมื่อเห็นโรสลินพูดจบแล้ว สีหน้าของราอน
เต็มไปด้วยความพอใจเหมือนจะบอกว่าโรสลินเป็นนักเวทย์
มนุษย์ที่ฉลาดที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องที่น่าขันเช่นกัน
เพราะตัวราอนได้เรียนรู้การใช้พลังเวทย์ของมนุษย์จากโรสลิน
“เป็นไปได้หรือไม่?..ที่เราจะผ่านกับดักเวทย์และเรือ
ลาดตระเวนของพวกมันเข้าไปในตัวอาคารได้?”
คาร์ลกางแผนที่ออกดูในขณะที่เอ่ยถามขึ้นมา
เนื่องจากรอนไม่สามารถวาดมันขึ้นมาเองได้เพราะอาการ
บาดเจ็บที่ได้รับ แผนที่นี้จึงดูยากไปสักหน่อย
“มันค่อนข้างยาก…”
“เจ้านักเวทย์บ้าคนนั้น…ได้สร้างฐานทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมาโดย
การสร้างอาคารทุกอย่างจากเส้นใยเวทย์”
แค่ก!!! เชวฮันแสร้งกระแอมไอออกมาเบาๆ เป็นไปได้สูงที่เจ้า
บ้าเรดิก้าจะท้าเช่นนั้น
“จริงหรือ?”
ถ้าอย่างนั้นมันก็ง่ายสินะ
“ถ้าเช่นนั้นก็ท้าตามแผนที่เราวางเอาไว้และอย่าไปแตะต้องกับ
ฐานอาคารเมื่อตอนที่พวกเจ้าเข้าไปวางระเบิดพลังเวทย์”
ราอนได้สร้างระเบิดพลังเวทย์ขึ้นมา เนื่องจากพลังเวทย์ของ
ราอนจะเป็นตัวเชื่อมสัญญาณในการท้าให้ระเบิดพลังเวทย์
ท้างานขึ้นมาได้ ราอนจึงต้องให้ความส้าคัญกับระเบิดพลัง
เวทย์ทั้งสิบลูกเพื่อให้พวกมันสามารถท้างานได้โดยไม่ติดขัด
ราอนต้องใช้พลังเวทย์อย่างเต็มที่นอกเหนือไปจากการ
จุดชนวนระเบิดเพียงอย่างเดียวเหมือนกับตอนที่ใช้ระเบิดพลัง
เวทย์สองลูกในการท้าลายหนองน้้าสีด้านั่น เป็นเพราะระเบิด
ทั้งสิบลูกที่ราอนสร้างขึ้นมาใหม่ท้าขึ้นจากหินมาตราที่มีพลัง
เวทย์ระดับสูงแน่นอนว่าพลังท้าลายล้างของมันย่อมสูงกว่า
และต้องการการควบคุมอย่างเต็มที่จากราอน ดังนั้นระเบิด
เหล่านี้จะไม่ระเบิดขึ้นในทันทีและพวกเขาสามารถหลบหนีกัน
ได้ก่อน
“ถ้าเช่นนั้น..เราจะติดตั้งระเบิดทั้งสิบลูกไว้จุดไหนกันบ้างล่ะ?”
คาร์ลชี้ไปตามจุดต่างๆบนแผนที่ตามสิ่งที่ราอนเอ่ยถาม พวก
เขาทั้งหมดสามารถมองเห็นจุดทั้งสิบจุดบนแผนที่ใบนี้ได้อย่าง
ชัดเจน
“พวกเจ้าสามารถวางระเบิดหนึ่งลูก..ไว้ตามจุดเหล่านี้ได้”
โรสลินก้มมองจุดทั้งสิบจุดก่อนจะอ้าปากค้างและงับมันลงอีก
ครั้ง เธอเริ่มคิดบางอย่างในหัวเมื่อหันไปมองคาร์ลและราอน
‘มันคือระเบิดที่ท้าจากหินมนตราระดับสูงสุด’
ระเบิดพลังเวทย์ที่ราอนสร้างขึ้นมาถือเป็นอาวุธสงครามที่
ร้ายแรงที่สุดมันแข็งแกร่งกว่าระเบิดพลังเวทย์ทั่วไปที่ถูกใช้ใน
สงครามหลายต่อหลายครั้ง พลังท้าลายล้างของมันขึ้นอยู่กับ
คุณภาพของหินมนตราและแน่นอนว่าระเบิดที่อยู่กับพวกเธอ
ในตอนนี้ท้ามาจากหินมนตราระดับสูงสุด
โรสลินเคยเห็นความน่ากลัวจากพลังเวทย์อันแข็งแกร่งที่
รวมตัวกันอยู่ในหินมนตราระดับสูงสุดเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นองค์
หญิงรัชทายาทแห่งอาณาจักรเบร็คอยู่
‘นาย…นายน้อยคาร์ล..ได้หินมนตราพวกนี้จากที่ใดกันนะ?’
อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับน้าของมีค่าเหล่านี้ออกมาใช้โดยไม่
แสดงอาการเสียดายแต่อย่างใด เขามอบหินมนตราระดับสูงสุด
ถึงสิบลูกให้กับราอนเพื่อสร้างระเบิดพลังเวทย์ขึ้นมา สิ่งนี้มันก็
เพียงพอที่จะบอกได้ว่าคาร์ลนั้นร่้ารวยมากเพียงใด โรสลินรู้สึก
ทึ่งยิ่งนักที่เห็นความตั้งใจของคาร์ลในการใช้หินมนตราเหล่านี้
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เกิดขึ้นในความคิดของโรสลินเพราะเธอไม่รู้
ว่าคาร์ลถือครองหินมนตราระดับสูงหลายร้อยก้อน สิ่งที่อยู่ใน
ความครอบครองของคาร์ลทั้งหมดอาจมีมูลค่าสูงกว่าที่สมาคม
การค้าฟลินน์มีเสียอีก
“จากนั้นเราจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม..เพื่อวางระเบิดพวกนี้”
แควก!!
แผนที่ถูกฉีกแบ่งครึ่งและคาร์ลได้ยื่นแผนที่ครึ่งหนึ่งให้โรสลิน
“เจ้าสองคน…ดูแลครึ่งนี้แล้วกัน”
เชวฮันและโรสลินพยักหน้าตอบรับ
คาร์ลหันไปส่งสัญญาณให้กับราอนก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะ
ลอยตัวลงแตะพื้นเบื้องล่างในเวลาต่อมา พวกเขายืนอยู่บน
หน้าผาอันเงียบสงบที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสนามรบของพวกวาฬ
คาร์ลเหลือบไปมองป่าอันเขียวชอุ่มที่อยู่ทางด้านหลังหน้าผา
แห่งนี้
กร็อบแกร็บ!!!!
เสียงฝีเท้าที่เหยียบเข้ากับเศษใบไม้ดังขึ้นเมื่อเขาเดินไป
ด้านหน้าเล็กน้อยในขณะที่มือก็กระชับหน้ากากบนใบหน้าให้
แน่นขึ้น สิ่งที่พวกเขามองเห็นกันและกันมีเพียงดวงตาทั้งสอง
ข้างเท่านั้นและแน่นอนว่าคนอื่นๆก็มีสภาพเหมือนกันกับเขา
(53380)
“เราจะกลับมารวมตัวกันที่นี่”
กลุ่มของคาร์ลแยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจทั่วเกาะฮาอิสที่ 5
ในทันที
~ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่แถวๆนี้ ~
กร็อบแกร็บ!!!!ตึง!!ตึง!!ตึง!!
คาร์ลก้าลังกระโดดข้ามเถาวัลย์และหญ้าที่มีขนาดสูงชัน ใบ
ใหญ่และหนาทึบโดยไม่มีสัตว์อื่นๆเข้ามาแทะเล็มมันแต่อย่าง
ใด
ตึง!!ตึง!!ตึง!!
ออนและฮงกระโดดข้ามต้นไม้ขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆกับคาร์ล
ออนสร้างหมอกทึบล้อมรอบพวกเขาเป็นระยะๆและจะสร้าง
มันเมื่อถึงยามจ้าเป็นเท่านั้น
~อยู่นี่!! ~
คาร์ลหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินเสียงราอนตะโกนบอกในหัว
คาร์ลรับผิดชอบในฝั่งตะวันออกของฐานลับที่ตั้งอยู่ใจกลาง
ของเกาะ
คาร์ลหยิบระเบิดพลังเวทย์ออกจากกระเป๋าเวทย์ของตนและฝัง
มันลงในดิน การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
‘ฉันต้องตายแน่ๆ…หากสิ่งนี้ต้องเกิดกับตัวฉันเอง’
บทที่ 94 หากข้าต้องเคลื่อนพล 4 (2)

ระเบิดพลังเวทย์ที่ใช้ในหนองน้้าสีด้านั้นมีพลังท้าลายล้างที่สูง
มากแต่ระเบิดชุดนี้ถูกสร้างด้วยส่วนผสมที่ดียิ่งกว่า นั่นเป็น
เหตุผลว่าท้าไมจึงมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะท้าลายเกาะฮาอิส
ที่5และฐานลับของเงือกใต้เกาะแห่งนี้ได้
―ไม่มีทางที่คนขี้ขลาดจะท้าสิ่งนี้ได้‖
คาร์ลคิดว่าการใช้วิธีสร้างสนามรบแบบนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่
ถูกต้อง เขาค่อยๆขยับระเบิดพลังเวทย์ในดินอย่างระมัดระวัง
~มนุษย์…ไปต่อกันเถอะ! ~
ราอนตะโกนเร่งเข้ามาในหัวของคาร์ลแต่คาร์ลก็ยังคงพิถีพิถัน
ในการฝังระเบิดอย่างใจเย็น
พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มีลมหมุนสองลูกล้อมรอบที่เท้า
ของคาร์ลในขณะที่เขาเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
~มีมนุษย์อื่น…อยู่แถวนี้! ~
คาร์ลชะงักความเร็วของตนลงก่อนจะส่งสัญญาณไปให้ออน
และฮงทันที ออนเริ่มสร้างหมอกหนาทึบในขณะที่คาร์ลใช้เท้า
กระทืบพื้นดินเพื่อยันร่างของตนให้กระโดดไปอยู่บนยอดไม้สูง
จากนั้นเขาก็ก้มลงมองพื้นโดยรอบ
“หมอกนี้..มาจากไหนกัน?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ?..อากาศก็มักจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา…อย่า
ลืมสิว่าเราอยู่บนเกาะนะ!”
จุดที่คาร์ลอยู่ในตอนนี้เป็นโกดังเก็บเสบียงของฐานลับแห่งนี้
สมาชิกจากองค์กรลับทั้งสองคนค่อนข้างตึงเครียดแม้ว่าพวก
เขาจะพูดอย่างไม่ใส่ใจนักแต่สายตาของคนทั้งคู่ก็กวาดมองไป
รอบๆตลอดเวลาเพื่อค้นหาผู้บุกรุก
~มนุษย์…เราควรสู้กับพวกเขาหรือไม่?! ~
คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธให้กับค้าถามของราอน
―ท้าไมต้องไปสู้กับพวกเขาด้วยล่ะ?‖
ดูเหมือนว่าทุกคนในกลุ่มของเขาอยากจะสู้กันทั้งนั้นหากต้อง
เผชิญหน้ากับศัตรู อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ต้องการจะท้าเช่นนั้น
เพราะเขาไม่ต้องการได้รับความสนใจจากศัตรูไม่ว่าจะทางตรง
หรือทางอ้อมก็ตาม
คาร์ลค่อยๆลงมาจากต้นไม้สูงโดยไม่ส่งเสียงดังใดๆออกมาก่อน
จะหยิบเครื่องมือเวทย์ล่องหนออกมาจากกระเป๋าเวทย์
~เฮ้อ….เจ้ามนุษย์…ทาไมเจ้าต้องใช้ชีวิตยากลาบากขนาดนี้
ด้วยเนี่ย?! ~
คาร์ลไม่สนใจในสิ่งที่ราอนพูดและเปิดใช้งานเครื่องมือเวทย์
ล่องหนทันทีหลังจากนั้นเขาก็เริ่มขุดดินเพื่อฝังระเบิดอีกลูกด้วย
ความระมัดระวัง ออนและฮงถอนหายใจยาวก่อนจะช่วยคาร์ล
ขุดอีกแรง
ทันใดนั้นเอง
ปี๊บบบบบบบบบบบบบ!!!!!!!!!
ปี๊บ!!!!!!
พวกเขาได้ยินสัญญาณเตือนภัยที่ก้าลังจะดับลงมาจาก
ระยะไกลๆ
“เอ๊ะ!…นั่นสัญญาณเตือนภัยใช่มั้ย?…มีคนบุกรุกเข้ามาหรือ
เปล่านะ?”
“ไปดูเร็วเข้า!…เดี๋ยวข้าอยู่เฝ้าที่นี่เอง”
“ตกลง!”
เฮ้อ……..
คาร์ลถอนหายใจยาว
ชีวิตของตัวละครหลักมักจะมีวงโคจรเกี่ยวข้องกับการต่อสู้อยู่
เสมอ คาร์ลให้ก้าลังใจเชวฮันในฐานะตัวละครเอกซึ่งก้าลัง
ติดตั้งระเบิดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะแห่งนี้
~ไม่ใช่ว่าโรสลินกับเชวฮัน…ถูกเจอตัวเข้าแล้วเหรอ? ~
ไม่จ้าเป็นต้องเอ่ยถามก็ได้ค้าตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ออนและฮงเร่งมือขุดให้เร็วขึ้นกว่าเดิมในขณะที่คาร์ลยังคง
พิถีพิถันอยู่เช่นเดิม
―ฉันแน่ใจ…ว่าพวกเขาจะต้องไม่เป็นไร‖
มันจะท้าให้ทุกย่างก้าวของคาร์ลเป็นไปได้ง่ายขึ้นหากความ
สนใจมุ่งไปทางทิศตะวันตกแทน
~เร่งมือเข้าสิ!…พวกเขาอาจจะเจอเราได้เช่นกัน!~
ราอนยังคงกระตุ้นให้คาร์ลเร่งมือให้ไวขึ้นแต่คาร์ลก็ยังคงติดตั้ง
ระเบิดทั้งหมดอย่างช้าๆและไม่เร่งรีบแต่อย่างใด ทั้งหมดนี้ต้อง
ขอบคุณเชวฮันและโรสลินที่ท้าให้เกิดเสียงอึกทึกขึ้น แม้ว่าเขา
จะค่อนข้างแน่ใจว่าอาจมีเพียงเชวฮันแค่คนเดียวที่ท้าให้
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา
―มันจะไม่เป็นไร..ตราบใดที่ข้อมูลส่วนตัวไม่ถูกเปิดเผยออกไป‖
อย่างน้อยพวกเขาทั้งสองคนก็ท้าให้คาร์ลมั่นใจว่าพวกเขาจะ
สามารถปกปิดตัวตนได้ตลอดรอดฝั่ง
คาร์ลจัดการติดตั้งระเบิดพลังเวทย์ลูกสุดท้ายเสร็จสิ้นจึงรีบ
กลับไปยังจุดนัดพบทันที มีบุคคลที่คาร์ลคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่
รอใต้หน้าผาสูงแห่งนี้
“ไม่เจอกันสักพักแล้วสินะ…อาร์ชี”
―อาร์ชี‖วาฬเพชฌฆาตหนุ่มสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เขาแปลกใจกับ
ชุดที่คาร์ลใส่ในวันนี้เพราะมันคล้ายกับชุดขององค์กรลับที่ให้
ความช่วยเหลือพวกเงือก
“ท้าไมเจ้าถึงใส่ชุดนี้ล่ะ?…ช่างมันเถอะ!…ขึ้นมาก่อนแล้วกัน…
เราต้องไปกันแล้ว!”
คาร์ลกระโดดลงจากหน้าผาสูงอย่างนุ่มนวล
มันเป็นเรื่องยากส้าหรับราอนที่จะท้าให้กลุ่มของคาร์ลทั้งหมด
สามารถเหาะบนอากาศในขณะที่มันต้องควบคุมการจุดชนวน
ระเบิดทั้งสิบลูกและตรวจสอบสิ่งที่จะเป็นอันตรายอื่นๆไปด้วย
นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลเรียกใช้บริการเรือสปีดโบ๊ทความเร็วสูงล้า
นี้อีกครั้ง
“คนอื่นที่เหลือก็ก้าลังตามมาเช่นกัน”
อาร์ชีหันไปมองคาร์ลด้วยความสงสัยโดยไม่ทันได้ตอบอะไร
ออกไป สายตาของเขาดูเหมือนจะถามว่าพวกเขาจะท้าลาย
เกาะจริงๆอย่างนั้นหรือ? อย่างไรก็ตามเขาไม่มีโอกาสที่จะเอ่ย
ค้าถามนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน
“จับตัวพวกมันให้ได้!…ฆ่ามันซะ!!!!!”
พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนของใครบางคนดังก้องขึ้นมา ร่างของ
คาร์ลเริ่มสั่นขึ้นเล็กน้อยและหันไปตรวจสภาพศีรษะของตน
ทันทีว่ามันถูกเก็บรวบเส้นผมสีแดงสดของเขาเรียบร้อยหรือ
ยัง?เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ไม่!…อย่าปล่อยให้พวกมันกระโดดลงไป!”
ทันใดนั้นเองก็มีร่างของคนสองคนที่สวมชุดสีด้าเช่นเดียวกับ
คาร์ลกระโดดลงมาจากหน้าผา รวมทั้งมีผู้คนจ้านวนมากที่สวม
ชุดสีด้าก็เริ่มปรากฏตัวบนหน้าผาสูงแห่งนี้เช่นกัน พวกเขา
ทั้งหมดคือสมาชิกขององค์กรลับตัวจริงเสียงจริง!
คาร์ลมองเห็น―เรดิก้า‖นักเวทย์เล่นเลือดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
“โอ้!….เจ้าท้ามันจริงๆด้วย!”
เชวฮันส่งยิ้มแหยๆเมื่อได้ยินประโยคของคาร์ล ในตอนนี้ร่าง
ของเรดิก้าถูกประคองโดยลูกน้องของเขา ตาซ้ายของเขาถูก
พันเอาไว้ในขณะที่ตาข้างขวาโชกไปด้วยเลือด
“..กระผมวิ่งเข้าโจมตีเขา…เมื่อตอนที่ก้าลังติดตั้งระ—–”
“เอาไว้ค่อยเล่าทีหลัง”
คาร์ลเอ่ยตัดบทเชวฮันและหันไปสั่งอาร์ชีแทน
“รีบไปกันเถอะ!”
อาร์ชีเริ่มเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นเรดิก้าและสมาชิก
คนอื่นๆในองค์กรลับดูเหมือนว่าอาร์ชีจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็น
เรดิก้าได้รับบาดเจ็บ คาร์ลกระตุ้นเขาอีกครั้ง
“เร็วกว่านี้!…ให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะท้าได้!”
อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องไปให้ถึงเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากสายตา
โดยเร็วที่สุด มันคือเกาะฮาอิสที่12 ซึ่งเป็นเกาะที่ใกล้ที่สุดกับ
เกาะฮาอิสที่ 5 แต่มันก็ยังอยู่ไกลพอสมควร
ในขณะนั้นเองราอนก็พูดขึ้น
“ดูเหมือนจะมีคนพบระเบิด!”
เชวฮันก้มหน้าลงต่้ายิ่งกว่าเดิม สมาชิกขององค์กรลับพบระบิด
พลังเวทย์ในขณะที่ออกตามล่าพวกเขา คาร์ลตบไหล่ของเชว
ฮันเบาๆในขณะที่ออกค้าสั่ง
“เริ่มได้!”
“ตกลง!”
ราอนเริ่มรวมรวบพลังเวทย์ด้วยอุ้งเท้าเล็กๆของมัน คาร์ลหัน
ไปมองโรสลิน
“สร้างโล่ป้องกันที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่ท่านจะท้ามันได้.
ตรวจสอบให้แน่ใจ…ว่าได้รวมอาร์ชีไว้ในโล่ป้องกันนี้ด้วย”
“ได้!”
โรสลินเริ่มร่ายเวทย์เพื่อสร้างโล่ป้องกันขึ้นมา เธอสร้างโล่
ป้องกันขนาดใหญ่ขึ้นมาสองโล่ คาร์ลสามารถมองเห็นวิเทียร์
และสมาชิกคนอื่นๆจากเผ่าวาฬที่ก้าลังต่อสู้อย่างดุเดือด
ทางด้านทิศตะวันออก คาร์ลรู้สึกว่าตนสบตาเข้ากับวิเทียร์
แม้ว่าเธอจะอยู่ไกลเพียงใดก็ตาม (53380)
เพี๊ยะ!!!
วิเทียร์ฟาดแส้ของตนลงบนน้้า ท้องทะเลเริ่มปั่นป่วนและเกิด
คลื่นสูงขึ้นทันที วิเทียร์อาศัยจังหวะนั้นเพื่อน้าวาฬที่เป็นทัพ
หน้าถอยห่างจากพื้นที่โดยเร็ว
ในที่สุดทุกคนก็ออกมาจากแนวระเบิดแล้ว
“ทุกอย่าง…ถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อย!!”
คาร์ลสบตาเข้ากับราอนทันที เขาออกค้าสั่งให้ราอนผู้ที่รอรับ
ค้าสั่งของเขาด้วยความกระตือรือร้น
“ระเบิดได้!!!”
พลังเวทย์สีด้าจากอุ้งเท้าของราอนถูกรวบรวมเข้าหากันราวกับ
ลูกธนู พลังเวทย์ทั้งสิบสายพุ่งเข้าหาเกาะราวกับเกิดพลุแสงสี
คาร์ลยกมือขึ้นปิดหูทันที
บู้ม!!!!!!!!!!บู้ม!!!!!!!!!!บู้ม!!!!!
ตู้ม!!!!!!!!ตู้ม!!!!!!!!ตู้ม!!!!!!!!
ปั้ง!!!!!!!!!ปั้ง!!!!!!!!!ปั้ง!!!!!!!!!
ทั่วทั้งมหาสมุทรต่างสั่นไหวอย่างรุนแรง
บทที่ 95 หากข้าต้องเคลื่อนพล 5 (1)

คลื่นขนาดใหญ่จู่โจมเข้าหาพวกเขาทันที
“อึ่ก!….ทุกคน!….จับร่างของข้าให้แน่นไว้!”
อาร์ชีตะโกนออกมาอย่างร้อนใจคลื่นที่เกิดจากระเบิดพลังเวทย์
ยังเป็นอันตรายอยู่แม้ว่าพวกเขาจะจะอยู่นอกรัศมีการระเบิดก็
ตาม คาร์ลและคนอื่นๆที่เหลือต่างพากันทิ้งตัวเอนลงไปกับร่าง
ของอาร์ชีเพื่อกอดเขาไว้อย่างรวดเร็ว
คาร์ลมองไปยังแหล่งที่มาของเสียงดังหลังคลื่นสูงนี้ก่อนจะ
หลับตาลง
บู้ม!!!!!!!!!!!!บู้ม!!!!!!!!!!!!
ตู้ม!!!!!!!!!ตู้ม!!!!!!!!!ตู้ม!!!!!!!!!
ครืด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ครืด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แสงสว่างจ้าพุ่งออกจากเกาะท่ามกลางเสียงดังไปทั่วบริเวณ
คาร์ลสามารถมองเห็นควันดาที่ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อลืมตา
ขึ้นมาอีกครั้ง
เศษซากทุกอย่างกระเด็นออกมาจากควันดา
คาร์ลอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
“….นี่มัน”
ดูเหมือนว่าเกาะทั้งเกาะจะลอยหายไปเมื่อเห็นเพียงฝุ่นละออง
กระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่
“…..มันแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้เสียอีก?”
เขาไม่เคยคาดหวังว่าระเบิดจะมีอานุภาพทาลายล้างรุนแรง
ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่ามันอาจจะแรงกว่าระเบิด
ทั่วๆไป เขาอ้างกับตัวเองว่าจะทาลายเกาะแห่งนี้เพียงเล็กน้อย
แต่ผลกระทบจากแรงระเบิดที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรกับรุนแรง
กว่าที่เขาคิดไว้
ราอนที่ยังคงมีท่าทางสงบและใจเย็นราวกับไม่ตกใจกับสิ่งที่
เกิดขึ้น มันเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลด้วยความสับสน
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรือมนุษย์?…ข้าคิดว่าเจ้าหมายถึง
แบบนี้เมื่อเจ้าบอกว่าจะทาลายเกาะแห่งนี้…ข้าก็เลยเสริมความ
แรงให้กับระเบิดเข้าไปอีกประมาณ 2-3 ครั้ง”
นี่เป็นผลจากการสื่อสารผิดพลาด
ไม่จาเป็นต้องเสริมความแรงให้กับระเบิดพลังเวทย์พวกนี้เลย
สักนิด
คาร์ลยังคงเกาะร่างของอาร์ชีไว้แน่นเมื่อหันไปมองรอบๆเกาะที่
ถูกทาลายลง สิ่งที่เขามองเห็นก็คือควันดาจากเกาะที่เขาได้เข้า
ไปเยือนเมื่อสักครู่นี้
“ว่ายถอยกลับ…ไปอีกหน่อยได้ไหม?”
อาร์ชีสะดุ้งขึ้นก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวเงียบๆตามคาสั่งของราอน
ในขณะที่คาร์ลก็ไม่สามารถละสายตาออกจากมหาสมุทร
โดยรอบได้ ควันดาเริ่มจางลงและเกาะก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ครืดด!!!!!!!!! แกร็ก!!!!!!!แกร็ก!!!!!!!
หน้าผาที่พวกเขายืนกันอยู่เมื่อครู่นี้กาลังพังลงช้าๆ มันดูคล้าย
กับโดมิโนที่กาลังไล่ระดับล้มลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานทั่ว
ทั้งเกาะก็เริ่มจมลงสู่ก้นมหาสมุทร
ฟิ้ว วิ้ว วิ้ว ~ ~ ~ ฟิ้ว วิ้ว วิ้ว ~ ~ ~ ฟิ้ว วิ้ว วิ้ว ~ ~ ~
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มันเป็นเสียงลมที่ดังไปทั่วบริเวณแต่คาร์ลมั่นใจว่าเสียงที่ดัง
แทรกมากับเสียงลมเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของมนุษย์และ
เงือก
ตู้ม!!!! ซ่า!!!!!
น้ากระเพื่อมขึ้นเมื่อวิเทียร์พุ่งตัวขึ้นสู่อากาศ
“โจมตี!!!!!”
หลังจากได้ยินคาสั่งของวาฬหลังค่อมตัวใหญ่ สมาชิกจากเผ่า
วาฬและสัตว์อสูรชนิดอื่นๆในมหาสมุทรแห่งนี้ต่างก็กรูเข้าไป
ยังเกาะที่พังทลายในทันที ผู้คนที่หนีตายออกจากเกาะจะต้อง
เผชิญหน้ากับแส้ของวิเทียร์
“…..ช่างเป็นภาพที่หน้ากลัวยิ่งนัก”
มันฟังดูเป็นความคิดเห็นแก่ตัวทั้งๆที่ตัวเขาเป็นคนทาให้สิ่งนี้
เกิดขึ้นแต่เขารู้สึกอึดอัดเมื่อมองเห็นความวุ่นวายพวกนี้ นั่น
เป็นเหตุผลว่าทาไมเขาถึงต้องการมีชีวิตที่สงบสุข
ดวงตาของคาร์ลเริ่มครึ้มขึ้นเรื่อยๆเมื่อมองออกไปในมหาสมุทร
วิธีที่เขามองออกไปทาให้ดูคล้ายกับว่าเขามีอารมณ์ที่ซับซ้อน
มากมายเกิดขึ้นภายในใจ
ก่อนที่ราอนจะเริ่มพูดขึ้น
“มันอาจเป็นปัญหาสาหรับเจ้าที่เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
ขึ้นมา..แต่นั่นก็นับว่าเป็นความแข็งแกร่งของเจ้าด้วย”
‘อะไร?….ความเห็นอกเห็นใจ?’
คาร์ลรู้สึกตกใจ คนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสามารถคิด
ทาลายเกาะได้อย่างนั้นหรือ?
ราอนยังคงพูดต่อ
“เราทาสิ่งที่ถูกต้องสาหรับเจ้ามนุษย์ชราผู้นั้น..บารอคก็ด้วย…
เขาช่วยข้าได้แก้แค้น..และครั้งนี้เราก็ช่วยเขาแก้แค้น!”
นั่นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่คาร์ลก็ไม่ใช่คน
ประเภทที่จะทาในสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
~อีกอย่าง..ไม่ใช่เจ้าเคยบอกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของ
องค์กรที่มอบข้าให้กับมาร์ควิสอย่างนั้นเหรอ?…แม้ว่าพวกเขา
จะไม่ได้ทาเช่นนั้นจริง.แต่พวกเขาทั้งหมดก็ดูเหมือนๆกันอยู่
ดี!!~
คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าหลังจากได้ยินประโยคที่ราอนพูด
เข้ามาในหัวของเขา จากนั้นก็ตบเบาๆไปที่หลังของวาฬ
เพชฌฆาต
“ไปกันเถอะ”
อาร์ชีมุ่งหน้าไปยังเกาะฮาอิสที่ 12 อย่างเงียบๆ
“กระผมเดาว่า..ท่านคาร์ลไม่ต้องการให้ล็อกและเด็กคนอื่นๆมี
ส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้สินะขอรับ”
“อืม..เป็นเช่นนั้น”
คาร์ลมองเห็นเกาะฮาอิสที่ 12 ในขณะที่เอ่ยตอบเชวฮัน เขา
สามารถมองเห็นเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินพร้อมกับวาฬเด็ก
เชวฮันที่มองไปยังพวกเขาเช่นกันก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา
“ท่านคาร์ล…ท่านสั่งให้พวกเขาทาเช่นนั้นหรือขอรับ?”
“ใช่!”
เชวฮันยังคงมองไปที่เด็กๆจากเผ่าหมาป่าเช่นเดิม ก่อนจะไม่
เอ่ยถามอะไรกับคาร์ลอีกเมื่อได้รับคาตอบที่ขึงขังจากเขาแล้ว
เชวฮันรู้สึกของคุณยิ่งนักที่ไม่ให้เด็กๆเข้าร่วมในภารกิจเมื่อครู่นี้
เกาะฮาอิสที่ 12 มีขนาดหนึ่งในสามของเกาะฮาอิสที่ 5 วาฬ
เพชฌฆาตตัวใหญ่รีบเคลื่อนตัวเข้าหาเกาะเล็กๆนี้อย่างรวดเร็ว
‘ตอนนี้ฉันก็รอให้วิเทียร์..นาศพของเงือกมาให้เพียงเท่านั้น’
คาร์ลค่อนข้างพอใจกับภารกิจในครั้งนี้
ทันใดนั้นเอง
“ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
‘หืม?’
คาร์ลหันหลังกลับไปมองในขณะที่ราอนก็พูดเข้ามาในหัวของ
เขา
~ข้าขอล่องหนก่อนแล้วกัน!~
‘เกิดอะไรขึ้น…?’
“เจ้าบ้านั่น!!”
‘หืม?’
เขาได้ยินเสียงเชวฮันตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นซึ่งเป็น
เวลาเดียวกับที่คาร์ลพบว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
“ให้ตายเถอะ!!!….”
เขาเห็นบางอย่างซึ่งมีสีแดงกาลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขาโดยใช้
เวทย์ลอยตัว
“ข้าจะฆ่าเจ้า!….เจ้าต้องตาย!”
สิ่งนั้นคือ‘เรดิก้า’นักเวทย์เล่นเลือดที่กาลังเหาะมายังทิศที่อาร์ชี
อยู่อย่างแม่นยา แม้ว่าตาเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่ดูเหมือนว่า
สายตายังคงใช้งานได้อยู่ ทั่วทั้งร่างของนักเวทย์โรคจิตคนนี้
ต่างโชกไปด้วยเลือดแต่ก็ยังสามารถเหาะมาหาพวกเขาด้วย
ความเร็ว
อย่างไรก็ตามการเหาะของเขาไม่ได้มั่นคงเป็นปกติมากนักอาจ
เป็นเพราะเขาควบคุมพลังเวทย์ของตนเองด้วยมือข้างเดียว
โรสลินคือผู้ทาลายความเงียบขึ้นมา
“อืม…ดูเหมือนว่าเขากาลังอยู่ในสภาวะระเบิดพลังเวทย์”
“อะไรนะ?”
‘สภาวะระเบิดพลังเวทย์’ เป็นวิธีที่นักเวทย์จัดการใช้พลังเวทย์
ของตนโดยนาพลังชีวิตใส่เข้าไปในพลังนี้ด้วย
เรดิก้าดูเหมือนจะบ้าไปแล้วจริงๆ
“แขนของเจ้า!…ดวงตาของเจ้า!..ก็ไม่พอสาหรับข้า!…เจ้า!!!…ไอ้
บ้า!…ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
เรดิก้ามองไปที่ร่างของเชวฮันเพียงคนเดียวเท่านั้น เขากาลัง
ร้องไห้น้าตานองเลือดในขณะที่เหาะไปยังศัตรูอย่างโกรธแค้น
“เฮ้อ….พูดแต่คาเดิมๆอยู่ได้!”
เชวฮันถอนหายใจอย่างราคาญก่อนจะลุกขึ้นยืนบนหลังของ
อาร์ชี
‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
คาร์ลถอนหายใจลึกยาว เขาไม่ได้กลัวเรดิก้าแม้แต่น้อย ใน
นิยายเชวฮันสามารถสู้กับมังกรที่ใช้สภาวะระเบิดพลังเวทย์ได้
อย่างสบายๆแล้วทาไมเขาจะต้องมากังวลกับเรดิก้าด้วยล่ะ?
อันที่จริงมันยิ่งดีด้วยซ้าที่พวกเขาจะสามารถกาจัดเรดิก้าให้สิ้น
ซากได้สักที
อย่างไรก็ตามคาร์ลมองผ่านร่างของเรดิก้าไปยังเบื้องหลัง
“ทาไม..ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”
เรือที่มีร่องรอยการชารุดจากแรงระเบิดกาลังเคลื่อนที่มายัง
เกาะฮาอิสที่ 12 หากจะพูดให้ชัดมากขึ้นเรือลานี้กาลังมุ่งหน้า
มายังกลุ่มของคาร์ลที่กาลังนั่งอยู่บนหลังของอาร์ชีนั่นเอง
เรือที่เต็มไปด้วยออร่าสีทองที่นักดาบหญิงผู้นั้นเป็นคนใช้มัน
กาลังตรงดิ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว (53380)
‘ทั้งลูกน้องและสมาชิกจากองค์กรลับที่เป็นองค์กรเดียวกับพวก
คุณกาลังหนีตายกันจ้าละหวั่น…หรือบางคนก็อาจกาลังจะ
เสียชีวิตลง…แล้วทาไม?…ถึงไม่ช่วยพวกเขา?…พากันมาที่นี่
ทาไม?’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลต้องการจะถาม
“เจ้าเป็นใคร?”
นักดาบหญิงเอ่ยถามแต่คาร์ลไม่คิดจะตอบแต่อย่างใดเขาไม่มี
เหตุผลที่จะต้องตอบเธอ คาร์ลหันไปมองโดยรอบและพบว่าไม่
มีฝ่ายพันธมิตรของพวกเขาตามมา ดูเหมือนพวกวาฬจะติดกับ
พวกเงือกเสียแล้ว
“…ข้าควรสู้กับพวกเขาหรือไม่?”
คาร์ลตบไปที่หลังของอาร์ชีเพื่อส่งสัญญาณคาว่า‘ไม่’ให้แก่เขา
ไป
“ข้าจะทามันเอง!”
โรสลินลุกขึ้นยืน พลังเวทย์สีน้าเงินหมุนวนอยู่เหนือฝ่ามือของ
โรสลินเพียงเล็กน้อย เชวฮันกัดริมฝีปากตนแน่นขึ้นเมื่อจ้องไป
ยังนักดาบหญิงผู้นี้ ผู้หญิงที่มีออร่าในระดับสูงคนนี้ดูเหมือนจะ
เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้าสมเนื้อกับโรสลิน ในขณะที่โรสลินยังคงพูด
ต่อไป
บทที่ 95 หากข้าต้องเคลื่อนพล 5 (2)

“เชวฮัน!…เจ้าจัดการนักเวทย์ผู้นั้น!..ส่วนข้าจะจัดการนักดาบ
เอง”
โรสลินคือนักเวทย์อัจฉริยะที่พลังของเธอกาลังเข้าใกล้ระดับ
สูงสุดแล้ว
“แน่นอน..ว่าข้าไม่คิดว่าตัวเองจะเอาชนะนางได้…แต่ข้าจะรั้ง
นางไว้ให้ได้อย่างแน่นอน”
โรสลินเพิกเฉยต่อสายตาของเชวฮันที่ส่งมาให้ก่อนจะหันไป
มองคาร์ล
“แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วใช่หรือไม่…นายน้อยคาร์ล?”
เธอไม่รู้ว่าทาไมเช่นกัน? แต่ความจริงที่ว่าราอนไม่สามารถอยู่
ในร่างปกติได้โดยไม่ใช้เวทย์ล่องหนมันจะเป็นเรื่องยากสาหรับ
ราอนหากเขาจะเข้ามาช่วยเธอสู้ในครั้งนี้ สาหรับเหตุการณ์ใน
วันนี้เธอก็แค่ก้าวขึ้นไปเป็นทัพหน้าก็เท่านั้น
“อืม…ท่านโรสลิน..ไปสู้กันเถอะ”
“อะไรนะ?”
‘นี่เขาคิดจะไปสู้กับข้างั้นหรือ?’
โรสลินหันไปมองคาร์ลด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับ
หันไปมองเกาะฮาอิสที่ 12 อ่า…เธอเข้าใจผิดนี่เอง นายน้อย
คาร์ลไม่ได้พูดว่าเขาจะสู้ร่วมกับเธอ
คาร์ลส่งเสียงตะโกนไปยังเกาะ
“ไปได้!!!”
“ขอรับ!!!” / “เจ้าค่ะ!!!”
เขาได้ยินคาตอบที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความ
กระฉับกระเฉงลอยตามลมกลับมา
ทัง้ 12 คน กระโดดขึ้นบนหลังของวาฬเด็กและมุ่งหน้าไปหา
ศัตรู วาฬตัวใหญ่อีกสองตัวที่มารอพร้อมกับพวกเขาที่เกาะฮา
อิสที่ 12 เช่นกันก็รีบว่ายตามพวกเขาไปติดๆ พวกเขาค่อยๆ
ว่ายผ่านร่างของอาร์ชีและมุ่งหน้าไปยังเรือลานั้นทันที
“เฮ้ย!…บ้าเอ้ย!….พวกบ้า!”
หนึ่งในลูกเรือตะโกนออกมาเมื่อเห็นพวกเด็กๆมุ่งหน้าไปหา
พวกเขา
คาร์ลยักไหล่ของตนสูงขึ้นและหันไปตอบคาถามของเชวฮันที่
ถามเขาเอาไว้เมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา
“พวกนั้นคือองค์ลับอย่างนั้นหรือ?..นับแต่นี้เป็นต้นไป…พวกเรา
ก็เป็นองค์กรลับเช่นกัน”
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินต่างสวมหน้ากากสีดาและชุดดาที่
มีดาวสีแดงหนึ่งดวงล้อมรอบไปด้วยดาวสีขาวห้าดวงตรงกลาง
อก พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังเรือลานั้นด้วยสายตามุ่งมั่น
คาร์ลไม่รู้เช่นกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ที่พวกเขาดูคุ้นเคยกับ
มันเช่นนี้?แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดต่างเคลื่อนไหวได้
อย่างคล่องแคล่วบนหลังวาฬ มันเหมาะสาหรับเผ่าหมาป่าสีน้า
เงินที่มีพรสวรรค์ในการใช้ร่างกายยิ่งนัก
“เจ้าก็ไปได้แล้ว!…ท่านก็ด้วย..โรสลิน”
เชวฮันและโรสลินหันมาสบตากันก่อนจะพูดบางอย่างกับคาร์ล
และมุ่งหน้าออกไปทันที
“กระผมจะกลับมาเร็วๆนี้…จงซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยนะ
ขอรับ!…ท่านคาร์ล”
“นายน้อยคาร์ล..ระวังตัวด้วย!”
วาฬเพชฌฆาต‘อาร์ชี’เหลือบมองพวกเขาด้วยความเหลือเชื่อ
แต่ก็ปิดปากเงียบเช่นเคย
เชวฮันลอยตัวขึ้นสู่อากาศก่อนจะหยุดลงที่ร่างของวาฬหนึ่งใน
สองตัวนั้นและมุ่งหน้าไปยังเรดิก้า ในขณะที่โรสลินใช้เวทย์
ลอยตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือลานั้น
“ฆ่า!ฆ่า!ฆ่า!…..ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!…เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
เรดิก้าตะโกนออกมาดังลั่นในขณะที่เหาะด้วยความไม่มั่นคง
พร้อมกับปล่อยพลังเวทย์สีแดงของตนออกมาเป็นระยะๆเพื่อ
โจมตีเชวฮัน อย่างไรก็ตามเชวฮันใช้ออร่าของเขาเพื่อทาลาย
เวทย์โจมตีทั้งหมดก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาหาตน
“พวกเจ้าเป็นใครกัน!?”
เสียงของนักดาบหญิงตะโกนแว่วเข้ามาในหูของเชวฮัน
นักดาบหญิงเหวี่ยงดาบของตนขึ้น ก่อนที่ออร่าสีทองจะก่อตัว
กลายเป็นบางอย่างที่ดูคล้ายกับบูมเมอแรงและพุ่งเข้าหาโรสลิ
นทันที
“โล่ป้องกัน!!!!”
โรสลินสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดายก่อนจะยิงลูกทรง
กลมออกไป นักดาบหญิงสามารถหลบได้แต่ลูกทรงกลมนั้นก็
พุ่งชนเข้ากับดาดฟ้าเรือ
ปัง!!!
บางส่วนของเรือพังลงทันที โรสลินจึงอาศัยจังหวะนี้เล่นกับนัก
ดาบหญิงที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยออร่าสีทอง
“อืม…ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน…แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราเป็นใครกัน
ล่ะ?…เจ้าบอกไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
เชวฮันได้ยินโรสลินล้อนักดาบหญิงคนนั้นเล่นก่อนที่เขาจะขยิบ
ตาอย่างเย้ยหยันและตะโกนตอบเรดิก้ากลับไป
“พวกเราคือองค์กรลับ!”
เฮ้อ…..
คาร์ลถอนหายใจยาวออกมาหลังจากได้ยินเสียงที่เชวฮันตะโกน
ขึ้นมา เขาไม่ได้ตั้งใจให้เขาพูดดังขนาดนั้นเสียหน่อยแต่มันก็ไม่
สาคัญเช่นกันตราบใดที่พวกเขาสามารถเก็บความลับเอาไว้ได้
“อาร์ชี…ขยับเข้าใกล้เกาะได้แล้วล่ะ”
“..อ่า…ได้ๆ”
อาร์ชีเฝ้ามองเชวฮัน โรสลินและเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้าเงินที่
กาลังต่อสู้กับสมาชิกของ‘อาร์ม’อย่างดุเดือดในขณะที่ขยับร่าง
ของตนเข้าใกล้เกาะฮาอิสที่ 12 เรื่อยๆ
อาร์ชีไม่อยากเชื่อในสิ่งนี้แต่เขาคิดว่ากลุ่มของคาร์ลแข็งแกร่ง
จริงๆ
ปั้ง!!!
อ๊าก!!!!!
เขาได้ยินเสียงดังบางอย่างและมีคนกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแต่
มันก็ไม่ใช่คนของคาร์ลเช่นกัน อาร์ชีไม่อยากเชื่อสายตาแต่ก็
เริ่มสงสัยหนักขึ้นว่าคนเก่งๆเหล่านี้ทาไมจึงเลือกรับใช้คนผู้นี้
เพียงผู้เดียวเท่านั้น?
“ข้าจะทาให้เลือดของเจ้าไหลออกมาทั่วร่างเช่นเดียวกับข้าให้
ได้!…อึ่ก!….ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เรดิก้าต้องเริ่มมีปัญหากับพลังเวทย์ของเขาเมื่อเขาเริ่มลอยตัว
อยู่ใกล้กับน้ามากกว่าเดิมในขณะเดียวกันก็ร่ายเวทย์โจมตีเชว
ฮันเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตามเชวฮันก็สามารถจัดการการโจมตี
ของเรดิก้าได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ออร่าของเขา
“แสดงสิ่งที่เจ้าต้องการออกมาซะ!…ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง!”
เชวฮันตอบกลับอย่างมั่นใจก่อนจะขยับเข้าใกล้เรดิก้ามากขึ้น
เรื่อยๆ การเคลื่อนไหวของเขาช้ามากราวกับว่ากาลังไล่ต้อน
มนุษย์ที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดซึ่งกาลังจะสูญเสียความเป็น
ตนเองและความเป็นเหตุเป็นผลของตนไปช้าๆจากการใช้
สภาวะระเบิดพลังเวทย์
“เจ้า…อึ่ก!…ตาย!!!!”
พลังเวทย์ของเรดิก้าพุ่งตัวออกมาราวกับระเบิด เชวฮันเตะวาฬ
ที่ตนนั่งอยู่ให้หลบรัศมีระเบิดอย่างรวดเร็ว
ปั้ง!!!!
เกาะฮาอิสที่ 12 โดนระเบิดจากพลังเวทย์ของเรดิก้าและก้อน
หินบางก้อนก็กระจายตัวขึ้นสู่อากาศทันที เชวฮันไม่สนใจในสิ่ง
ที่เกิดขึ้นเพราะเขามุ่งความสนใจไปยังเรดิก้าเพียงผู้เดียว
โรสลินก็ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน
“ว้าว….อุ้ย!…พี่สาว…ท่านเก่งมากเลย!….แข็งแกร่งยิ่งนัก”
“ใช่มั้ยล่ะ?….ข้าเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก”
โรสลินและนักดาบหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะสู้กันแบบไม่ตั้งใจนัก แต่
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตามเรือยังคงพังลงเรื่อยๆเมื่อพวกเธอทั้ง
สองเข้าปะทะกัน
อารีประหลาดใจยิ่งนักว่าทาไมกลุ่มคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้จึงมา
รวมตัวกันได้? อย่างไรก็ตามอาร์ชีไม่สามารถปิดบังสีหน้าอันตก
ตะลึงของตนได้อีกต่อไป
“…..นายน้อยคาร์ล…นั่น…นั่นท่านคิดจะทาอะไร?”
คาร์ลแกล้งไม่ได้ยินคาถามของอาร์ชีเมื่อกาลังไต่ลงจากหลัง
ของอาร์ชี
ตู้ม!!
คาร์ลกระโดดลงน้าที่อยู่เพียงระดับอกเท่านั้น
จากนั้นคาร์ลก็ย้ายไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของวาฬเพชฌฆาต
ตัวใหญ่
ราอนที่ใช้เวทย์ล่องหนอยู่ก็กาลังเกาะอยู่ที่หลังของคาร์ล
เช่นกัน
~มนุษย์…มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า?..ทาไมเราต้องมาซ่อนตัว
ด้านหลังของวาฬตัวนี้ด้วยล่ะ?!~
‘แน่นอน…ว่าฉันจะไม่ถูกพบตัวแน่ๆถ้าซ่อนตัวอยู่ด้านหลังสิ่งที่
มีขนาดใหญ่เช่นนี้’
“มาทาลายมันกันเถอะ”
อาร์ชีสะดุ้งหลังจากได้ยินเสียงของคาร์ล
‘อีกครั้งอย่างนั้นหรือ?…นี่เขาคิดจะทาลายอย่างอื่นงั้นหรือ?’
แต่ราอนกลับสงบมากราวกับรอเวลานี้อยู่
“ตกลง..เจ้ามนุษย์”
อาร์ชีสะดุ้งขึ้นอีกครั้ง เขามองไม่เห็นมังกรแต่เขามั่นใจว่าตน
เพิ่งได้ยินเสียงของเขาอย่างแน่นอน มังกรตัวเล็กพูดว่าเขาตก
ลงจะทาลายมัน! อาร์ชีค่อยๆปิดปากตนเองลง
“ตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ”
ราอนตัดสินใจที่จะลงโทษสมาชิกจากเหตุผลที่มันเคยถูกทารุณ
กรรมในช่วงสี่ปีแรกของมัน
ครืดดดดดดดดดดด!!!!!!
“ให้ตายสิ!”
อารชีที่กาลังปิดปากตนเองลงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
มากกว่านี้
ลูกธนูมนตราที่มีขนาดเรียวและเล็กปรากฏตัวขึ้นเต็มท้องฟ้า
“อ๊าก!….อั่ก!!!!…..อึ่ก”
ตอนนั้นเองที่เชวฮันสามารถตัดแขนขวาของเรดิก้าลงได้ เขา
มองมันร่วงลงไปในน้าด้วยความสะใจ (53380)
นักดาบหญิงผมสีบลอนด์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“….พี่สาว….พวกเจ้ามีนักเวทย์อีกคนงั้นรึ?”
“เมื่อกี้..พวกข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ…ว่าพวกเราคือองค์กร
ลับน่ะ?”
นักดาบหญิงเริ่มรวบรวมออร่าสีทองของตนให้ได้มากที่สุด โรส
ลินยิ้มเยาะเล็กน้อยก่อนจะตะโกนบางอย่างออกมา
“พวกเรา…ถอย!!!!!”
วาฬเด็กถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่
ต้องทาเช่นนั้นก็ได้
“ยิง!!”
ทันทีที่คาร์ลออกคาสั่ง ธนูมนตราจานวนมากก็ถูกยิงเข้าไปใน
เรือที่นักดาบหญิงอยู่
“ถอย!!!!”
นักดาบหญิงผมสีบลอนด์ตะโกนดังก้องเมื่อส่งออร่าสีทองของ
ตนไปต้านธนูมนตราเหล่านั้นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นออร่าสีทอง
ของเธอก็ไม่แข็งแกร่งหรือใหญ่มากพอที่จะป้องกันลูกธนูนับ
ร้อยได้
“พลังเวทย์ของมังกรช่างน่าทึ่งจริงๆ”
คาร์ลตกตะลังเมื่อเห็นลูกธนูปะทะเข้ากับเรือ
ปั้ง!!!!!!!ปั้ง!!!!!!!ปั้ง!!!!!!! บู้ม!!!!บู้ม!!!!บู้ม!!!!บู้ม!!!!
เสียงทุกอย่างที่ดังขึ้นจากแรงระเบิดทาให้หูของเขาอื้อไป
ชั่วคราว
บทที่ 96-1

หากข้ าต้ องเคลือ่ นพล 6 (1)

“เจ้าพูดถูก…ตัวข้าวิเศษที่สุด”
ราอนตอบกลับในขณะที่อาร์ชีกอ็ ุทานออกมาซึ่ งฟังดูคล้าย ๆ กับ
เป็ นคําชม
“นี่มนั บ้า…บ้ามาก!!!”
ตามหลักแล้วเรื อจะต้องได้รับความเสี ยหายมากที่สุดเมื่อเจอพลังที่
รุ นแรงเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเรื อกลับไม่ได้ถกู ทําลายลงโดยสมบูรณ์
“นักดาบคนนั้น..แข็งแกร่ งยิง่ นัก”
การประเมินของราอนถือว่าถูกต้อง นักดาบหญิงผูน้ ้ นั แข็งแกร่ งมาก
เธอสามารถส่ งออร่ าสี ทองคล้ายกับบูมเมอแรงอีกหนึ่งอันออกมา
เพื่อทําลายลูกธนูมนตราของราอนที่มีจาํ นวนหลายร้อยลูก
และมันยังมีพลังมากพอที่จะทําลายเรื อลงได้
“อึ่ก!!!!….”
ร่ างของเรดิกา้ สัน่ ขึ้นเรื่ อย ๆ เชวฮันยังคงมองร่ างของนักเวทย์ที่ไร้
แขนอยูเ่ ช่นเดิม
“ข้า..เดาว่าเขาใกล้จะตายแล้ว”
คาร์ลเฝ้ าสังเกตอาการของเรดิกา้ ด้วยเช่นกัน เรดิกา้ ใกล้ถึงขีดสุ ดของ
สภาวะระเบิดพลังเวทย์แล้ว คาร์ลคิดว่าเชวฮันจะไม่ลงมือทําสิ่ งใด
อีกเพราะเรดิกา้ กําลังจะตาย
ฉึก!!!!!
“อ๊าก!!!!”
แต่เขาคิดผิด
ซ่า!!!!ซ่า!!!!ซ่า!!!!
เลือดสาดกระจายไปทัว่
เชวฮันสะบัดดาบของตนแทงที่ตาขวาของเรดิกา้ อีกครั้ง
คาร์ลรี บเบือนหน้าหนีเพราะไม่ตอ้ งการเห็นภาพสยองขวัญ อย่างไร
ก็ตามเขากลับต้องมาเห็นเรื อที่เริ่ มพังทลายแทน
โครม!!!!! ตูม้ !!!!
เรื อแตกออกเป็ นเสี่ ยง ๆ โดยเริ่ มจากบริ เวณหัวเรื อแต่ถึงจะเป็ น
เช่นนั้นคาร์ลก็เพียงเดาะลิ้นตนเองเมื่อต้องมองดูภาพความหายนะ
ของเรื อลํานี้
“เหลืออีกคน..เหมือนที่ขา้ เดาไว้จริ ง ๆ ”
เพียงชัว่ พริ บตาคาร์ลก็ตอ้ งตกใจเมื่อตระหนักได้ถึงบางสิ่ ง
“เขาเป็ น..นักหอกเวทย์”
“มนุษย์…เจ้าไม่รู้มาก่อนหรื อ?”
“ไม่…ข้าไม่รู้มาก่อน”
“อืม….ข้าเข้าใจแล้ว”
นักหอกเวทย์คือคนที่สามารถใช้ท้ งั พลังเวทย์และหอกได้ แม้วา่ การ
ใช้หอกของเขาอาจไม่ได้อยูใ่ นระดับสูงสุ ดแต่เขาก็สามารถใช้พลัง
เวทย์ได้ นักหอกเวทย์ที่ไม่ได้ใช้พลังเวทย์ของตนตั้งแต่ตน้ ที่มายัง
เกาะแห่งนี้ เขากําลังใช้เวทย์ลอยตัวเพื่อเหาะไปช่วยเหลือเพียงคน
เดียว
มีเพียงนักดาบหญิงผมสี บลอนด์เท่านั้นที่สามารถเหาะขึ้นมาจาก
ซากเรื อที่อบั ปางลง
“อึ่ก.!!!!”
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
สมาชิกขององค์กรลับที่ยงั มีชีวติ อยูต่ ะโกนขอความช่วยเหลือกจาก
นักหอกเวทย์ผนู ้ ้ นั แต่เขากลับไม่คิดจะหันไปมองพวกเขาแต่อย่างใด
เขามองไปยังร่ างของเรดิกา้ เพียงเท่านั้น
“เขาแข็งแกร่ งมากทีเดียว”
คาร์ลรับรู ้ได้ถึงความแข็งแกร่ งขององค์กรลับ
หากนักเวทย์หอกสามารถใช้พลังเวทย์ของตนเพื่อช่วยเหลือคนสอง
คนเอาไว้ อย่างน้อยพลังเวทย์ของเขาก็อยูใ่ นระดับกลางค่อนไป
ระดับสูง เขาเป็ นทั้งนักเวทย์ระดับกลางที่มีแนวโน้มไปถึงระดับสู ง
และยังเป็ นนักหอกที่ใกล้ถึงระดับสูงสุ ดแล้วเช่นกัน
“ไม่ตอ้ งกังวลไปเจ้ามนุษย์…เขายังอ่อนแอกว่าเชวฮัน”
“ข้ารู ้น่า…แต่หมอนัน่ แข็งแกร่ งกว่าข้า”
ความเงียบเข้าปกคลุมทัว่ พื้นที่ก่อนที่ในที่สุดราอนจะเริ่ มพูดหลังจาก
เงียบไปนาน
“แข็งแกร่ งกว่าเจ้า…อืม…มันก็เห็นได้ชดั ว่า…เอ่อ…มีคนที่
แข็งแกร่ งกว่าเจ้า…เอ่อ..ดังนั้น…เจ้าอย่าอารมณ์เสี ยไปเลย”
คาร์ลต้องการพูดบางอย่างเพื่อตอบกลับราอนแต่ไม่สามารถทํามัน
ได้
ปั้ ง!!!
“….น่ากลัว”
ออร่ าสี ทองกระทบเข้ากับร่ างของเรดิกา้ และระเบิดออกเป็ นเสี่ ยง ๆ
คาร์ลมองเห็นเชวฮันผละถอยออกจากหลังวาฬและตอบโต้กลับด้วย
ออร่ าสี ดาํ ของเขา
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ไปถึงร่ างของนักดาบและนักหอกที่ยงั คงลอย
คว้างกลางอากาศ
เชวฮันเริ่ มขมวดคิว้ มุ่นพยายามเหวีย่ งดาบของเขาอีกครั้งเพราะเห็น
ร่ างของโรสลินเริ่ มเหาะขึ้นไปกลางอากาศแล้วเช่นกัน ทั้งสองหัน
ไปมองคาร์ลแต่ไม่สามารถเรี ยกชื่อเขาออกไปได้ ความเงียบยังคง
ดําเนินต่อไปและไม่มีกระทัง่ เสี ยงกรี ดร้องของผูค้ นบนเรื อที่กาํ ลัง
ลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง
โรสลินและเชวฮันพร้อมโจมตีท้ งั นักดาบหญิงผมสี บลอนด์และนัก
หอกเวทย์ได้ตลอดเวลา
ทันใดนั้นเอง
ซ่า!!!!!! ตูม้ !!!!
พวกเขาได้ยนิ นํ้ากระเพื่อมแรงขึ้นก่อนจะปรากฏร่ างของวิเทียร์รวม
ไปถึงสมาชิกจากเผ่าวาฬและสัตว์อสู รชนิดอื่น ๆ
“ช่างน่าผิดหวัง”
“นัน่ คือเหตุผลที่ขา้ พยายามบอกกับเจ้า..ว่าเราต้องหนีไปก่อน”
นักหอกเวทย์ดูเหมือนจะหงุดหงิดเมื่อตอบกลับนักดาบ จากนั้นเขาก็
หันไปมองเชวฮัน โรสลินและเด็ก ๆ จากเผ่าหมาป่ าสี น้ าํ เงินซึ่งพวก
เขาทั้งหมดยังคงสวมหน้ากากปกปิ ดใบหน้าเอาไว้
“ข้าไม่สามารถบอกได้….ว่าพวกเขาเป็ นใคร”
“บางที…ท่านพี่อาจจะรู ้กไ็ ด้..หากได้สูก้ บั พวกเขามากกว่านี้”
นักหอกเวทย์มองไปยังพลังเวทย์สีน้ าํ เงินที่หมุนวนอยูบ่ นฝ่ ามือของ
โรสลินแล้วส่ ายหน้าเบา ๆ
“มันเป็ นการต่อสูท้ ี่ยอดเยีย่ มที่สุด”
เพี๊ยะ!! ปั้ ง!!
แส้สีน้ าํ เงินขนาดใหญ่ลอยอยูบ่ นผิวนํ้าในขณะเดียวกันวิเทียร์กย็ นั
ร่ างของตนพุง่ ขึ้นไปบนอากาศ นักหอกเวทย์ผนู ้ ้ นั เรี ยกใช้หน้าต่าง
บานเลื่อนห้าสี ซ่ ึงทําให้โรสลินรู ้วา่ มันถูกปกคลุมไปด้วยผงหิ นมน
ตราระดับสูง
“ไม่นะ!!!!”
โรสลินยังคงตามวิเทียร์ไปติด ๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังศัตรู ท้ งั สองคน ออ
ร่ าสี ดาํ ของเชวฮันก็พงุ่ เข้าหาพวกเขาราวกับลูกกระสุ น
อย่างไรก็ตามนักหอกเวทย์ปิดหน้าต่างบานเลื่อนลงครึ่ งหนึ่งก่อนที่
การโจมตีของพวกเขาจะไปถึงและร่ างของนักหอกเวทย์และนักดาบ
หญิงก็เริ่ มโปร่ งใสขึ้นเรื่ อย ๆ มันคือการใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวล
สารนัน่ เอง ผูห้ ญิงผมสี บลอนด์ชกั สี หน้าเมื่อสะท้อนออร่ าของเชว
ฮันกลับคืนไปด้วยออร่ าของเธอเอง เกิดการระเบิดขึ้นเล็กน้อยและ
เธอใช้จงั หวะนั้นโบกมือลาให้แก่เชวฮันและโรสลิน
“ลาก่อน..บุคคลนิรนาม”
จากนั้นก็หนั ไปมองวิเทียร์ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นก่อน
จะยิม้ เยาะให้
“ว้า….น่าเศร้าจัง”
วิเทียร์ยงิ่ โมโหมากกว่าเดิม
คลิ๊ก!!!!
เสี ยงดังตามปกติของการใช้เวทย์หน้าต่างบานเลื่อนดังขึ้นเมื่อพวก
เขาทั้งสองดูเหมือนจะโปร่ งใสโดยสมบูรณ์ คาร์ลสูญเสี ยคําพูดไป
ชัว่ คราว
‘เป็ นวิธีการหลบหนีของพวกวายร้ายสิ นะ’
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนจะนัง่ อยูเ่ ฉย ๆ
“อึ่ก!!!!”
นักหอกเวทย์กระอักออกมาเป็ นเลือด ลูกธนูมนตราทะลุเข้าท้องของ
เขา ลูกธนูมนตราคันเล็กที่พงุ่ ทะลุเขาจากทางด้านหลังยังคงหมุนวน
อยูใ่ นร่ างของนักหอกเวทย์ผนู ้ ้ ี อาการบาดเจ็บเริ่ มขยายเป็ นวงกว้าง
มากขึ้นเรื่ อย ๆ
“ท่านพี่!….ไม่นะ..ไอ้…ไอ้พวกบ้า!”
ผูห้ ญิงผมบลอนด์ที่ดูจะอารมณ์ดีมาโดยตลอดแต่ตอนนี้กลับเต็มไป
ด้วยความโกรธ
คลิ๊ก!!!!
อย่างไรก็ตามหน้าต่างบานเลื่อนถูกเปิ ดใช้งานโดยสมบูรณ์แบบและ
ร่ างของพวกเขาทั้งสองก็หายลับไป ไม่มีเสี ยงใด ๆ รบกวนอยู่
บริ เวณนั้นอีกเลย
“อ่า….”
โรสลินชะงักค้างไปในขณะที่แส้ของวิเทียร์กส็ ะบัดผ่านตรงจุดที่
ศัตรู ท้ งั สองยืนอยูเ่ มื่อครู่ น้ ี เชวฮันกัดริ มฝี ปากตนแน่นขึ้นเมื่อมองไป
ิ ญาณของเรดิกา้
ยังร่ างไร้วญ
ในขณะเดียวกันคาร์ลก็ค่อย ๆ นําร่ างของตนออกมาจากด้านหลัง
ของอาร์ชีก่อนจะได้ยนิ เสี ยงที่ดงั มาจากเบื้องหลังของตน
“ข้าทํามัน!”
ราอนตอบอย่างมัน่ ใจ
“ร่ องรอยพลังเวทย์ของข้าจะยังคงอยูใ่ นร่ างของนักหอกเวทย์ผนู ้ ้ นั
แม้วา่ เขาจะรักษาการบาดเจ็บจนหายแล้วก็ตาม…จะมีเพียงมังกรตน
อื่นเท่านั้นที่จะหามันเจอ…และตัวข้าจะฆ่าเขาทันทีถา้ เขาเข้าใกล้เรา
อีกครั้ง”
ทุกคนหันไปมองราอนอย่างพร้อมเพรี ยง
วาฬเพชฌฆาตอาร์ชีสะดุง้ สุ ดตัวในขณะที่คาร์ลเริ่ มปรบมือเสี ยงดัง
“ราอน….เจ้าช่างยอดเยีย่ มจริ ง ๆ !!!”
ถ้ามันเป็ นไปได้จริ ง ๆ มันจะทําให้พวกเขารู ้ตวั ล่วงหน้าหากขยับเข้า
ใกล้องค์กรลับและสามารถหาทางรับมือได้ทนั แน่นอนว่าไม่ควรมี
สิ่ งใดต้องข้องเกี่ยวกับพวกเขาอีกต่อไปเพราะพวกนั้นเองไม่รู้ตวั ตน
ที่แท้จริ งของพวกคาร์ลแต่กไ็ ม่เป็ นไรถือว่าได้รับสิ ทธิคุม้ ครองพิเศษ
แล้วกัน
“ใช่แล้ว…ข้าน่าทึ่งที่สุด”
ราอนยืดอกอย่างภาคภูมิใจ มีเหตุผลที่มนั ทิ้งร่ องรอยพลังเวทย์ของ
ตัวเองไว้ เพียงแค่เห็นพลังของคนแค่สองคนก็ทาํ ให้พอจะรู ้แล้วว่ามี
คนแข็งแกร่ งอีกจํานวนมากที่อยูใ่ นองค์กรลับนัน่ มังกรเช่นมันรู ้สึก
สนุกที่จะได้สูก้ บั คนที่แข็งแกร่ ง
“…..ข้าจะรอ..จนกว่าข้าจะตัวใหญ่ข้ ึน”
“หื ม?….เจ้าพูดอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก..เจ้ามนุษย์”
คาร์ลไม่ได้ยนิ สิ่ งที่ราอนพูดแต่อาร์ชีได้ยนิ มันอย่างชัดเจน ทันใดนั้น
เขาก็เริ่ มรู ้สึกกลัวขึ้นมา มังกรดําเบื้องหน้าเขายังเด็กอยูแ่ ต่เขายังจํา
เรื่ องราวที่เคยได้ยนิ เกี่ยวกับมังกรโตเต็มวัยที่สามารถใช้ลมหายใจ
มังกรได้ เผ่าวาฬเคยได้ยนิ เรื่ องราวที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาหลายชัว่
อายุคนว่าทัว่ ทั้งทวีปจะราบเป็ นหน้ากลองหากมังกรโตเต็มวัยเกิด
อาการโกรธจัดและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
คาร์ลเริ่ มเดินเข้าชายฝั่งอย่างช้า ๆ
ซ่า!!!!!
วิเทียร์ขยับเข้าใกล้คาร์ลพอให้ถึงจุดที่น้ าํ ทะเลไหลผ่านตรงข้อเท้า
เท่านั้นและมีลูกน้องอีกสองคนยืนอยูด่ า้ นหลังของเธอด้วย
“ขออภัยท่านด้วยนายน้อยคาร์ล…เราไม่สามารถมุ่งเป้ าเพื่อจัดการ
กลุ่มคนพวกนั้นได้เต็มที่เพราะเราต้องกําจัดพวกเงือกเสี ยก่อน”
“ไม่เป็ นไร….มันก็คงเหมือนกับเราที่ไม่สามารถกําจัดพวกเขาได้”
“เราจะจัดการส่ วนที่เหลือเอง…นายน้อยคาร์ลท่านไม่ตอ้ งเป็ น
กังวล”
“ดี”
คาร์ลพยักหน้าในขณะที่เท้าก็กา้ วไปข้างหน้าเพื่อให้เข้าไปถึงพื้นที่
เกาะเสี ยที วิเทียร์รู้สึกขอโทษคาร์ลในใจหลังจากที่เห็นสี หน้า
หงุดหงิดของคาร์ล เธอรู ้สึกว่าตนเองทําให้เขายุง่ วุน่ วายโดยไม่
จําเป็ นเลยสักนิด
นัน่ คือสาเหตุที่วเิ ทียร์รีบส่ งสัญญาณให้กบั ลูกน้องของเธอมอบสิ่ งที่
คาร์ลขอเอาไว้อย่างรวดเร็ ว
“นี่คือสิ่ งที่ท่านขอเอาไว้”
“โอ้!…อืม…ได้ ๆ ”
บทที่ 96-2

หากข้ าต้ องเคลือ่ นพล 6 (2)

มันเป็ นศพของเงือก สภาพของมันดูสะอาดและใหม่มากราวกับว่า


เงือกตนนี้ยงั มีชีวติ อยู่ คาร์ลได้ขอให้วเิ ทียร์นาํ ศพของเงือกที่
แข็งแกร่ งและดูดซึมพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วมาให้เขาหนึ่งตน
“เขาเป็ นใครหรื อ?”
“เป็ นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของเงือกนะ”
เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้รับศพของเงือกที่เป็ นหนึ่งในราชวงศ์มา
ก่อน
“อืม….เราจะนํามันกลับไปรักษาคนของเราทันที”
หากเป็ นเงือกธรรมดา ๆ อาจจะต้องใช้งานมันหนักหน่อยเพื่อที่จะ
สามารถกําจัดพิษออกไปได้แต่ถา้ เป็ นเลือดของเงือกที่แข็งแกร่ ง
เช่นนี้มนั จะทําทุกอย่างให้ง่ายและรวดเร็ วขึ้นรวมไปถึงการฟื้ นตัวใน
อนาคตก็มีแนวโน้มง่ายขึ้นมากทีเดียว
พิษในร่ างของรอนอาจยังไม่แพร่ ไปทุกส่ วนในร่ างกายแต่เขาก็ยงั
ต้องใช้เวลาอีกสักพักในการกําจัดพิษออกมา คาร์ลต้องการทําทุก
อย่างเท่าที่จะทําได้เพื่อกําจัดมันโดยไม่ทิ้งพิษหลงเหลือเอาไว้ให้เป็ น
ปัญหาในภายหลัง นี่คือเหตุผลว่าทําไมเขาถึงขอให้วเิ ทียร์เป็ นคนหา
ศพเงือกให้เขาแทนที่คาร์ลจะเป็ นคนหามันเอง
‘เรายังไม่มีวธิ ีจดั การกับแขนของเขาในตอนนี้’
การรักษาอาจมีทางเป็ นไปได้หากเขามีแขนข้างนั้นอยู่ อย่างไรก็ตาม
รอนไม่มีแขนข้างนั้นและแม้วา่ เขาจะมีมนั จริ ง ๆ มันก็คงเน่าเปื่ อยไป
ตั้งหลายวันแล้วนับตั้งแต่ที่เขาถูกตัดออกจากร่ างของเขา
‘….แต่มีอีกวิธีหนึ่ง’
แขนจริ งอาจเป็ นไปไม่ได้แต่แขนที่ดูคล้ายกันนั้นอาจเป็ นไปได้
พวกเขาต้องการหมอผีที่สามารถจัดการกับซากศพได้ หมอผีที่เป็ น
ทั้งนักกายวิภาคศาสตร์และช่างเทคนิคเฉพาะทาง มันคงจะแปลกไป
หน่อยถ้าพวกเขาไม่ได้เป็ นนักกายวิภาคศาสตร์และช่างเทคนิค
เฉพาะทางเพราะพวกเขานําเอาศพมารวม ๆ กันเพื่อใช้งานซากศพนี้
คาร์ลแน่ใจว่าหมอผีที่ทุกคนเชื่อว่าหายไปนั้นยังคงอยูส่ กั ที่ในทวีป
ตะวันตก
‘ปัญหาก็คือ..ฉันไม่รู้วา่ จะพวกเขาอยูท่ ี่ไหน?’
คาร์ลไม่มีขอ้ มูลในเรื่ องนี้มากนักเพราะมันไม่ได้พดู ถึงในนิยายเรื่ อง
นี้มากนัก นัน่ คือเหตุผลที่เขาตัดสิ นใจจะคิดเรื่ องนี้ในภายหลัง
“อาร์ชีและวาฬตนอื่น ๆ จะพาพวกท่านไปยังเกาะฮาอิสที่ 1”
“ตกลง…เจ้ายังมีสิ่งที่ตอ้ งจัดการอีกใช่ม้ ยั ?”
เผ่าวาฬอาจไม่อยากพลาดโอกาสนี้ในการจัดการพวกเงือกให้สิ้น
ซากไปและนัน่ อาจเป็ นสาเหตุที่ ‘ชิกเลอร์’ราชาแห่งเผ่าวาฬไม่ได้อยู่
ที่นี่และยังคงไล่ล่าพวกเงือกในตอนนี้อยู่
“ใช่…พวกมันหนีไปทางทิศตะวันออก..และเราจะไล่ล่าพวกมัน
จนถึงที่สุด”
วลีที่วา่ ‘ถึงที่สุด’ ฟังดูเลวร้ายยิง่ นักซึ่ งคาร์ลเองก็เอ่ยถามขึ้นมาโดย
ไม่ได้คิดอะไรมากเช่นกัน
“เจ้า..จะกําจัดพวกเงือกทั้งหมดเลยหรื อ?”
“ไม่หรอก…สิ่ งนี้อาจฟังแล้วดูตลก…แต่ความสมดุลทางธรรมชาติ
จะถูกทําลายลงหากพวกมันทั้งหมดสู ญหายไป…เราจําเป็ นต้องให้
พวกมันมีชีวติ อยูต่ ่อไปแต่จะทําให้พวกมันอยูใ่ นกํามือของเราอย่าง
เคร่ งครัดแทน”
“..อ่า….เผ่าวาฬเป็ นเผ่าที่น่ากลัวมากจริ ง ๆ ”
วิเทียร์ไม่ได้ตอบอะไรออกมาอีกและหันมายิม้ ให้คาร์ลแทน คาร์ล
ไม่ชอบรอยยิม้ แบบนี้แม้วา่ เขาไม่ควรพูดแบบนี้ต้ งั แต่ตดั สิ นใจเข้า
ช่วยเหลือเผ่าวาฬในการระเบิดเกาะตั้งแต่แรก แน่นอนว่าเผ่าวาฬมี
แนวโน้มที่จะคิดว่าพวกเขาเป็ นชนเผ่าที่แข็งแกร่ งที่สุดที่ยงั คงมีชีวติ
อยูจ่ นถึงทุกวันนี้
มันก็สมควรแล้วล่ะว่าทําไมพวกเงือกจึงเกลียดเผ่าวาฬที่คอย
ปกครองมหาสมุทรภายใต้คาํ จํากัดความที่วา่ ‘ความสงบสุ ข’
แต่มนั ก็ยอ่ มมีเรื่ องราวสองด้านอยูเ่ สมอ
‘ไม่ใช่ปัญหาของฉันสักหน่อย’
คาร์ลเป็ นคนที่มกั จะย้ายตนเองไปอยูบ่ นพื้นฐานของสิ่ งที่จะเป็ น
ประโยชน์ต่อเขาในแต่ละสถานการณ์ การคิดเกี่ยวกับสิ่ งนี้จะไม่เป็ น
ประโยชน์ต่อตัวเขาเองจึงไม่มีความจําเป็ นที่ตอ้ งคิดมันให้รกสมอง
อีกต่อไป
“เราต้องไปแล้ว..เร่ งเดินทางหน่อยแล้วกัน”
พวกเขาต้องการกลับไปรักษารอนโดยเร็ วที่สุดซึ่ งตอนนี้พวกเขามี
ส่ วนผสมที่จาํ เป็ นที่สุดอยูใ่ นมือแล้ว
คาร์ลมาถึงเกาะฮาอิสที่ 1 ก่อนจะพุง่ ตรงเข้ากระโจมอย่างรวดเร็ ว
“รอน”
“นายน้อยคาร์ล”
บารอคลุกขึ้นยืนและมองไปทางคาร์ล เขาเห็นเชวฮันและฮิลส์แมนที่
กําลังปิ ดปากของตนแน่นทางด้านหลังของคาร์ล เขาทั้งสองเป็ นคน
หิ้วศพเงือกเข้ามาในกระโจม
รอนกําลังหลับ นักฆ่าผูน้ ้ ีไม่รู้ตวั ว่ากลุ่มคนเหล่านี้กลับมาถึงแล้ว
เฮ้อ!!!!
เสี ยงถอนหายใจลึกยาวออกมาจากคาร์ล ยาคุณภาพดีทุกชนิดอยูข่ า้ ง
ๆ เตียงที่รอนหลับอยู่
“บารอค…เลิกผ้าห่มขึ้น”
“ขอรับ”
“ข้าขอยืม..ถุงมือของเจ้าด้วย”
บารอคที่กาํ ลังเลิกผ้าห่มออกชะงักไปทันที เขาเริ่ มพูดขึ้นโดยไม่หนั
กลับไปมองคาร์ล
“…นายน้อย….จะทํามันเองหรื อขอรับ?”
บารอคสังเกตใบหน้าของพ่ออย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ความคิดของเขา
นึกถึงสิ่ งที่พอ่ พรํ่าบอกกับเขาทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา พ่อบอกกับเขาว่า
องค์กรที่ชื่อ‘อาร์ม’ แข็งแกร่ งมากเพียงใด
เขาได้ยนิ คําตอบที่เต็มไปด้วยความมัน่ ใจของคาร์ลดังขึ้นในตอนนั้น
“ใช่..ข้าจะทํามัน”
บารอคหยิบถุงมือสี ขาวออกมาจากกระเป๋ าและมอบมันให้คาร์ล
ทันที คาร์ลสวมถุงมือทั้งสองข้างและตรวจสอบบริ เวณที่รอนได้รับ
พิษ ดูท่าความแรงของพิษจะลดลงเล็กน้อยหลังจากถูกราดด้วยยา
คุณภาพสูง
คาร์ลสัง่ ให้เชวฮันนําศพของเงือกเข้ามาใกล้เขาโดยเร็ ว เงาของศพ
ทาบทับร่ างของรอนในขณะที่คาร์ลหยิบมีดสั้นออกมาและจัดการ
ตัดชิ้นส่ วนของหนึ่งในเชื้อพระวงศ์เงือกออกทันที
ติ๋ง!!ติ๋ง!!
เลือดของเงือกเริ่ มหยดทีละหยดสองหยดก่อนจะพุง่ กระจายเป็ นวง
กว้างตามจุดที่คาร์ลต้องการ คาร์ลตรวจสอบจนมัน่ ใจว่าเลือดหยด
ลงบริ เวณด้านข้างและบริ เวณต้นขาของรอน จากนั้นเขาก็ตดั
ชิ้นส่ วนอื่น ๆ เพื่อจัดการกับจุดที่ได้รับพิษทั้งหมดบนร่ างของรอน
“บารอค…เทยาคุณภาพสูงที่สุดลงไป”
“ขอรับ”
ซู่ซู่ซู่ซู่!!!!
ยาคุณภาพสูง เลือดของเงือกและพิษของเงือกทําปฏิกิริยากันจนส่ ง
เสี ยงดังออกมา อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่าง
ชัดเจนว่าเลือดของเงือกที่ผสมเข้ากับยาคุณภาพสูงนั้นกําลังระเหย
พิษออกมา
“…อ่า…อึ่ก!!!”
รอนเริ่ มส่ งเสี ยงครางออกมา เปลือกตาของเขาก็เริ่ มสัน่ ระริ ก
เป็ นเพราะพิษเงือกที่อยูจ่ ุดที่ลึกที่สุดในร่ างกายของเขาเริ่ มหายไป
ดวงตาของรอนเริ่ มเปิ ดขึ้นช้า ๆ
“..นาย…นายน้อย”
“หยุดพูดก่อน..ข้ากําลังยุง่ อยู”่
แต่รอนก็พยายามถามต่อไป
“..นายน้อยกําลังรักษากระผมอยูห่ รื อขอรับ?”
“ใช่”
คาร์ลตรวจสอบจนมัน่ ใจว่าพิษร้ายที่อยูบ่ นร่ างของรอนหายไปจน
หมดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรอน
“พิษหมดแล้ว…ตอนนี้เจ้าเพียงแค่ตอ้ งฟื้ นฟูร่างกายเท่านั้น”
“….กระผมเข้าใจแล้วขอรับ”
คาร์ลถอดถุงมือสี ขาวออกและโยนมันเข้าไปในกองไฟ
“รอน”
“ขอรับนายน้อย”
รอนหันไปมองคาร์ล บารอคก็หนั ไปมองคาร์ลด้วยเช่นกัน
“คนที่เห็นหน้าเจ้าในองค์กรลับนั้นไม่มีใครเหลืออยูแ่ ล้ว….เจ้าเข้าใจ
ใช่ม้ ยั ว่าข้าหมายถึงอะไร?”
คาร์ลเบือนหน้าออกจากกองไฟเพื่อหันไปมองรอนให้เต็มตาก่อนจะ
พูดต่อ
“มันหมายความว่าถึงเวลาแล้ว…ที่เราจะกลับบ้านกันสักที”
พิษหายแล้วและคนที่ตดั แขนรอนก็ไม่ได้อยูบ่ นโลกนี้อีกต่อไป นัน่
คือสาเหตุที่คาร์ลบอกว่าตอนนี้พวกเขาสามารถกลับอาณาเขตเฮ
นิตสั ได้สกั ที
คําว่า‘บ้าน’ ทําให้รอนหลับตาลงช้า ๆ
“ขอรับ…นายน้อย”
คาร์ลพยักหน้าก่อนจะตบไปที่ไหล่ของบารอคเบา ๆ บารอคจับมือ
ของพ่อตนแน่นขึ้น
“เราจะเริ่ มฟื้ นฟูร่างกายของรอนทันที..ที่เรากลับไปถึง”
นัน่ คือสิ่ งสุ ดท้ายที่คาร์ลพูดก่อนจะออกจากกระโจม เขามองเห็น
มหาสมุทรอันกว้างใหญ่และท้องฟ้ าที่ไม่มีจุดสิ้ นสุ ด หลังจากทํางาน
หนักมาตลอดทั้งวันตอนนี้กเ็ ข้าสู่ยามคํ่าคืนแล้ว ท้องฟ้ ายามคํ่าคืน
เหนือมหาสมุทรมีวธิ ีที่ทาํ ให้คนผ่อนคลายได้ดีทีเดียว
“…ในที่สุดฉันก็จะได้พกั สักหน่อยแล้ว”
คาร์ลเริ่ มยิม้ ออกมา พวกเขาจะต้องจัดการฟื้ นฟูร่างกายของรอนแต่
อย่างน้อยสิ่ งนั้นก็ยนื ยันได้วา่ รอนยังคงมีชีวติ อยู่
คาร์ลคิดว่าตอนนี้เขาสามารถสนุกกับชีวติ เช่นคนเกียจคร้านเมื่ออยูท่ ี่
บ้านของตนได้อีกสักพักล่ะนะ
.
.
.
“นายน้อยคาร์ล…ท่านกลับมาแล้ว!!”
“ไม่เจอกันนานเลยนะ..ฮันส์”
รองพ่อบ้านฮันส์เอ่ยทักทายคาร์ลด้วยรอยยิม้ สดใส
“อืม…นายน้อย..แล้วพ่อบ้านรอนล่ะขอรับ?”
“พิษหายไปหมดแล้ว”
“โอ้!…ว้าว!…วิเศษมาก…ขอบคุณมากขอรับนายน้อย!”
“ทําไมเจ้าต้องขอบคุณข้าด้วยล่ะ?…ว่าแต่…ทุกอย่างเรี ยบร้อยดี
ใช่ม้ ยั ตอนที่ขา้ ไม่อยู?่ ”
“ขอรับ…ไม่มีสิ่งใดให้กระผมรายงานแก่นายน้อยเลยขอรับ”
หลังจากที่เห็นว่าฮันส์ไม่ได้มีทีท่ากังวลแต่อย่างใด คาร์ลก็เชื่อว่าเขา
สามารถใช้ชีวติ ดัง่ คนเกียจคร้านได้อีกครั้งแม้วา่ มันจะมีระยะเพียง
แค่ปีเดียวก็ตาม
อย่างน้อยนัน่ ก็คือสิ่ งที่เขาคิดในตอนนี้
บทที่ 97

รู้ สึกว่ า 1 (1)

หนึ่งเดือนต่อมา
คาร์ลใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์และรู ้สึกผ่อนคลายมากที่สุด
ในตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผา่ นมา หากพูดตามตรงสิ่ งนี้ดูเหมือน
จะเป็ นเพียงมุมมองของเขาเพียงเท่านั้นเพราะทุกคนมีความเห็นที่
ต่างออกไป
“เขากําลังเบื่อหรื อเปล่า?”
ราอนจ้องไปที่ร่างของคาร์ลที่กาํ ลังมองออกไปนอกหน้าต่างสลับ
กับกินผลไม้ประจําฤดูร้อนเป็ นระยะ ๆ สี หน้าของราอนเต็มไปด้วย
ความเคร่ งเครี ยด
มันจะไม่น่ากังวลได้อย่างไร? คาร์ลเอนหลังบนเก้าอี้โยกเป็ นเวลา
กว่าสองชัว่ โมงในขณะที่สายตาก็มองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับ
กินผลไม้ไปด้วย เขาไม่คิดจะพูดอะไรออกมาหรื อทําหน้านิ่วคิว้
ขมวดตามปกติที่เขามักทํา
เขาก้มลงเด็ดองุ่นหนึ่งเม็ดใส่ เข้าปากก่อนจะมองออกไปหน้าต่าง
ด้วยสี หน้าว่างเปล่าอีกครั้ง
“แปลก…มันแปลกมาก”
ลูกแมวน้อยฮงพึมพําอย่างแปลกใจพลางส่ ายหางของตนเป็ นจังหวะ
แรงขึ้นเรื่ อย ๆ มันนัง่ อยูข่ า้ ง ๆ ราอนในขณะที่สายตาก็ลอบสังเกต
คาร์ลอย่างพิจารณามากขึ้น
น่าเสี ยดายที่พวกมันทั้งสองพากันนอนกลิ้งอยูบ่ นเตียงซึ่ งเป็ นจุดที่
ห่างจากคาร์ลพอสมควรทําให้ตวั คาร์ลนั้นไม่ได้ยนิ ในสิ่ งที่พวกมัน
หารื อกันแต่อย่างใด
“เขาเริ่ มตื่นสายขึ้นทุก ๆ วัน…กินก็นอ้ ยลงเรื่ อย ๆ ..หลังจากนั้นก็
เข้านอนเร็ วขึ้น..เร็ วขึ้นกว่าเดิมในทุกวัน ๆ …แล้ววันนี้เขาก็แทบจะ
ไม่ขยับร่ างกายไปไหนเลย”
ราอนมีสีหน้าเคร่ งเครี ยดเมื่อแสดงความคิดเห็นจากการสังเกตอาการ
ของคาร์ลให้ฮงฟังจากนั้นเขาก็เริ่ มขมวดคิว้ ขึ้นทันที
“นัน่ !…เขาหลับอีกแล้ว!!”
ป๊ อก!
องุ่นในมือของคาร์ลหล่นลงพื้น เขาหลับไปอีกครั้งในขณะที่เก้าอี้
โยกยังคงโยกอยูเ่ ช่นเดิม
ตาทั้งสองข้างของราอนเริ่ มสัน่ ไหว
เขานอนมากกว่าเดิม กินก็นอ้ ยลงและยังไม่ขยับตัวไปไหนอีก! นี่
มัน! นี่ตอ้ งหมายความว่า!
“….เขาป่ วยหรื อเปล่า?”
ฮงเริ่ มเครี ยดเช่นเดียวกัน หูท้ งั สองข้างของมันตั้งสูงขึ้นทันที
“ไม่นะ!…นัน่ มันแย่มาก”
คาร์ลที่ราอนและฮงเห็นอยูใ่ นตอนนี้ดูซีดเซียวมากกว่าเดิม แน่นอน
ว่าต้องเป็ นเช่นนี้เพราะคาร์ลยังคงนัง่ ๆ นอนอยูใ่ นห้องในขณะที่คน
อื่น ๆ เริ่ มมีผวิ ที่คลํ้าลงจากแสงแดดในฤดูร้อนที่แผดเผาข้างนอกนัน่
“ข้าไม่คิดว่ามันเป็ นเช่นนั้นนะ”
มีเพียงลูกแมวขนสี เงินเท่านั้นที่ส่ายศีรษะของตนเบา ๆ เมื่อฟังในสิ่ ง
ที่นอ้ ง ๆ ทั้งสองพูดคุยกันสิ่ งที่ ออนเห็นคือการที่คาร์ลพบว่าทุก ๆ
อย่างเป็ นสิ่ งที่น่ารําคาญเกินไปจึงเลือกที่จะใช้เวลาในการผ่อนคลาย
บ้างก็เท่านั้น
“ไม่นะ!…เมื่อไม่นานมานี้ขา้ ได้อ่านเรื่ องบางอย่างมา..มันเป็ น
เรื่ องราวจากหนังสื อที่โรสลินนํากลับมาให้ขา้ !”
หลังจากได้เรี ยนพวกภาษาต่าง ๆ ที่ใช้สื่อสารในทวีปเป็ นที่เรี ยบร้อย
แล้ว ตอนนี้ราอนได้เริ่ มอ่านนิทานที่โรสลินนํามาให้เขาด้วยเช่นกัน
“มันมีแม้แต่เรื่ อง..ที่เจ้าชายตกอยูใ่ นคําสาปทําให้เขาหลับ
ตลอดเวลา!”
“ห๊ะ?!…โอ้พระเจ้า!!!”
ฮงตกใจมากก่อนที่ราอนจะรี บพูดต่ออย่างรวดเร็ ว แน่นอนว่าเสี ยง
มันไม่ดงั พอให้คาร์ลได้ยนิ
“เมื่อวานนี้..ข้าได้แอบไปตรวจเขาดูแล้วว่าเขาถูกสาปหรื อถูกวางยา
อะไรหรื อเปล่า?…มันยังโชคดีที่เขาไม่ถูกอะไรเลย…นัน่ น่าจะ
หมายความว่าเขากําลังป่ วย…เขาป่ วยหนักมาก!!”
‘ให้ตายเถอะ!’
ออนรู ้สึกทึ่งยิง่ นักที่ราอนถึงขั้นไปตรวจร่ างกายของคาร์ลว่าจะถูก
สาปหรื อโดนพิษหรื อไม่? อย่างไรก็ตามราอนยังคงยึดมัน่ ในความ
เชื่อของตัวเองเมื่อยังคงพูดทุกอย่างออกมาเรื่ อย ๆ
“อาการของเขายิง่ หนักขึ้นเรื่ อย ๆ หลังจากที่มาถึงหมู่บา้ นแฮร์ริส
และป่ าแห่งความมืดแล้ว..มันอาจเป็ นผลข้างเคียงหรื ออะไรบางอย่าง
ที่ยากจะอธิบายในป่ าความมืดนัน่ !”
ในตอนนี้คาร์ลและคณะพักอยูใ่ นหมู่บา้ นแฮร์ริส
แน่นอนว่าเหตุผลที่ทาํ ให้คาร์ลดู‘แย่ลง’ตามความเห็นของราอนนัน่
เป็ นเพราะคาร์ลได้เริ่ มต้นการใช้ชีวติ อย่างเกียจคร้านอย่างเต็ม
รู ปแบบแล้ว เขาจะสามารถใช้ชีวติ เช่นนี้ได้กต็ อ้ งเป็ นช่วงเวลาที่เขา
อยูห่ ่างจากเคานต์เดอรัชและคนอื่น ๆ ในตระกูลของเขา
แม้วา่ จะมีคนอื่น ๆ อยูใ่ นหมู่บา้ นแฮร์ริสเช่นกันแต่พวกเขาส่ วนใหญ่
ก็เป็ นเพียงทหารยาม เหล่าคนงานและหัวหน้างานในการออกแบบ
ก่อสร้างสุ สานและฟื้ นฟูหมู่บา้ นเท่านั้น
ไม่มีเหตุผลใดที่คาร์ลจะต้องหาเรื่ องให้ตวั เองเหนื่อยในการออกไป
ตรวจดูอะไรข้างนอกนัน่
ตอนนี้คาร์ลพักอยูใ่ นบ้านสองชั้นขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากที่
พวกเขากลับออกจากป่ าแห่งความมืดเมื่อครั้งล่าสุ ดนัน่ เอง
‘ท่านพ่อขอรับ..ในเมื่อลูกเองก็รับผิดชอบดูแลหมู่บา้ นแฮร์ริส..ลูกก็
อยากไปดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าตอนนี้การฟื้ นฟูหมู่บา้ นไปถึงขั้น
ไหนแล้วขอรับ’
‘….คาร์ล..บ้านพวกนั้นมันยังห่างไกลกับบ้านพักตากอากาศที่ลูกคิด
เอาไว้อยูน่ ะ’
‘มันยังมีบา้ นพักของพวกหัวหน้าคนงานตั้งหลายหลังไม่ใช่หรื อ
ขอรับ?….ลูกต้องการมันแค่2-3หลังเท่านั้นละขอรับท่านพ่อ…..มัน
คงจะเป็ นเรื่ องดีที่สุดสําหรับรอนที่จะได้ไปฟื้ นฟูร่างกายของตนเอง
ในหมู่บา้ นห่างไกลที่เต็มไปด้วยความสงบเช่นนั้น’
‘เฮ้อ…เอาล่ะ..พ่อเข้าใจแล้ว’
คาร์ลเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจและรี บเดินทางมายังหมู่บา้ นแฮร์
ริ สทันทีที่ได้รับการอนุมตั ิจากพ่อของตน
ราอนไม่รู้ในเรื่ องนี้จึงรู ้สึกกังวลกับมัน ตอนนั้นเองเสี ยงเคาะประตูก็
ดังขึ้น
ก็อก!ก็อก!ก็อก!
“นายน้อย…นายน้อยขอรับ!”
มันเป็ นเสี ยงของรองพ่อบ้านฮันส์
เสี ยงของเขาทําให้ออนและฮงเริ่ มยืดเส้นยืดสายในขณะที่ราอนก็เริ่ ม
กระพือปี กเบา ๆ ก่อนจะหุบลงทันที
คลิ๊ก!
“เฮ้อ…..”
ประตูถูกเปิ ดกว้างออกก่อนที่พวกมันจะได้ยนิ เสี ยงของฮันส์ถอน
หายใจและสะดุง้ ขึ้น
“สวัสดีฮนั ส์!”
“ดีใจที่ได้เจอเจ้า..รองพ่อบ้านฮันส์!”
“รองพ่อบ้านฮันส์….ข้าหิ วแล้ว!”
ประโยคที่ราอน ฮงและออนเอ่ยทักเขาขึ้นมาทําให้ฮนั ส์เริ่ มขมวดคิ้ว
สู ง แก้มของเขากระตุกช้า ๆ ในขณะที่จมูกก็บานขึ้นเล็กน้อย
“……ข้ารู ้สึกราวกับว่า..หัวใจของข้ากําลังจะหยุดเต้น”
ฮันส์ยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตนเอาไว้และแบ่งปัน
ความรู ้สึกที่เขามีให้แก่เด็ก ๆ
เขาได้รู้จกั ตัวตนที่แท้จริ งของออน ฮงและราอนทันทีที่เดินทางมาถึง
หมู่บา้ นแฮร์ริส ตอนแรกที่เขารู ้เรื่ องนี้เขาตกใจมากแต่เขาก็สามารถ
ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ ว
“อื้ม!!…เฮ้อ…”
คาร์ลรู ้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจยาวทันทีที่ลืมตาขึ้น ฮันส์
หันไปมองคาร์ลและเริ่ มตะโกนออกมา ตอนนี้เขาดูเหมือนกําลังจะ
ร้องไห้
“กระผมไม่เคยรู ้มาก่อนว่าสิ่ งมีชีวติ ที่น่ารักและสง่างามเช่นนี้จะมีอยู่
จริ ง!…กระผมดีใจยิง่ นักที่ได้มารับใช้นายน้อย!”
‘เขากําลังพูดอะไรกันเนี่ย?’
คาร์ลไม่สนใจเรื่ องไร้สาระของฮันส์ ตอนนี้ฮนั ส์ใช้เวลาในการดูแล
เด็ก ๆ ที่มีอายุเฉลี่ยเจ็ดปี มากกว่าคาร์ลเสี ยอีก เหตุผลที่ฮนั ส์มกั จะมา
ที่หอ้ งเขาบ่อย ๆ และยกอาหารมาเสิ ร์ฟในทุก ๆ มื้อก็ลว้ นแต่เป็ น
อาหารของพวกมันทั้งสามเสี ยมากกว่า
“รองพ่อบ้าน!…มีอะไรให้ขา้ กินบ้าง?.”
“ไอกู!!….ท่านราอน..วันนี้เรามีสเต็กเนื้อนุ่มจานโปรดของท่าน…
แล้วยังมีไอศกรี มวานิลลาหวาน ๆ ที่ท่านโรสลินและพ่อครัวบารอค
ช่วยกันทําขึ้นมา”
อืม
สิ่ งเหล่านี้ต่างเป็ นสิ่ งที่เด็ก ๆ กลุ่มนี้ชอบกินกันมาก
คาร์ลลุกขึ้นยืนช้า ๆ ในขณะที่ฟังพวกเขาพูดคุยกัน
“อื้อ….”
คาร์ลส่ งเสี ยงพึมพําออกมาเบา ๆ
‘ฉันควรยืดเส้นยืดสายสักหน่อยแล้ว?’
ร่ างกายของเขาตึงไปทุกส่ วนหลังจากนอนหลับบนเก้าอี้โยกโดย
ไม่ได้ขยับเขยื้อนร่ างกายไปไหนมานานเกินไป อย่างไรก็ตามคาร์ลก็
ยินดีที่จะจัดการกับความไม่สบายกายนี้เพื่อแลกกับการใช้ชีวติ อย่าง
คนเกียจคร้านต่อไป
เขามองไปที่ร่างของราอนและฮงอย่างไม่ใส่ นกั ก่อนจะหันไปถาม
ฮันส์
“ทุกคนอยูท่ ี่นี่กนั ใช่ม้ ยั ?”
“ขอรับ…วันนี้พวกเขาฝึ กเสร็ จเร็ วขอรับ”
คาร์ลพยักหน้าและเดินลงไปยังชั้นหนึ่งทันที
มีโต๊ะยาวหนึ่งตัวบนห้องอาหารชั้นหนึ่งนี้
“นายน้อย”
“รอน..อาการของเจ้าดูดีข้ ึนเยอะเลยนะ.”
“ใช่แล้วขอรับ…นี่น้ าํ มะนาวของนายน้อยขอรับ”
บทที่ 97

รู้ สึกว่ า 1 (2)

หื ม? สี หน้าของคาร์ลเริ่ มแปลกไปทันทีเมื่อมองไปยังแก้วใส่ น้ าํ
มะนาวที่อยูต่ รงหน้าตน รอนยังสามารถดูแลเขาอย่างมีประสิ ทธิภาพ
เช่นเดิมแม้จะมีเพียงแขนข้างเดียวก็ตาม คาร์ลยกนํ้ามะนาวขึ้นจิบ
หลังจากไม่ได้ดื่มมาสักพักใหญ่แล้ว
ทันใดนั้นเอง
เคร้ง!
จานอาหารถูกวางกระทบกับโต๊ะอย่างแรงด้วยฝี มือของบารอค เขา
เริ่ มพูดขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมาดร้าย
“ทําไมพวกเจ้า..ถึงไม่ไปอาบนํ้ากันก่อน?”
คาร์ลสะดุง้ ขึ้นทันทีก่อนจะนึกขึ้นได้วา่ ตนอาบนํ้ามาแล้วและมอง
ไปรอบ ๆ โต๊ะทันที
ล็อกและเด็กคนอื่น ๆ จากเผ่าหมาป่ าสี น้ าํ เงินทั้ง 10 คนรวมไปถึง
รองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมนมีสภาพที่แย่มาก พวกเขาดูโทรมและ
ร่ างก็เปี ยกโชกไปด้วยเหงื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ท่านพ่อครัวโปรดเข้าใจพวกข้าด้วย!…พวกเราเหนื่อยกัน
มากหลังจากซ้อมเสร็ จจนต้องหาอะไรสักอย่างกินก่อนจะไปทํา
อย่างอื่นได้”
ฮิลส์แมนยังคงหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อเอ่ยข้อแก้ตวั ออกไปและหัน
ไปมองคาร์ลที่พยักหน้าให้กบั ตน
“ไม่ตอ้ งกังวลกับข้า..พวกเจ้ากินกันตามสบายเถอะ”
ทันทีที่คาร์ลพูดจบฮิลส์แมนและเด็ก ๆ หมาป่ าก็เริ่ มกินอาหารกัน
อย่างดุเดือด เชวฮันมองดูพวกเขาด้วยความพอใจ
คาร์ลหันไปตั้งคําถามแก่เชวฮัน
“เจ้ายังจําที่ขา้ บอกได้ใช่ม้ ยั ?…ว่าอย่าหักโหมเกินไป”
ทุก ๆ วันเด็ก ๆ หมาป่ าและฮิลส์แมนจะเข้าไปฝึ กฝนฝี มือการต่อสู ้
ในป่ าแห่งความมืด พวกเขาสะดุง้ ไปตามคําพูดของคาร์ลและเงย
หน้ามองเชวฮันทันที
ท่าทางของฮิลส์แมนดูตลกมากร่ างของเขาแข็งค้างไปทันทีก่อนที่
ส้อมในมือที่เขาถืออยูจ่ ะสัน่ แรงขึ้นเรื่ อย ๆ
“ขอรับท่านคาร์ล..กระผมไม่ได้หกั โหมกับพวกเขาเลยสักนิด…พวก
เราฝึ กซ้อมกันแบบค่อย ๆ เป็ นค่อย ๆ ไปขอรับ”
เชวฮันตอบด้วยรอยยิม้ อ่อนโยนซึ่งทําให้คาร์ลไม่คิดจะสงสัยอะไร
อีก เขาไม่ตอ้ งการอยากรู ้เรื่ องพวกนี้อีกแล้ว
เด็ก ๆ จากเผ่าหมาป่ าสี น้ าํ เงินมองไปที่เชวฮันราวกับทหารที่ถูกจ่า
ฝึ กโหด ๆ ฝึ กซ้อมให้แต่พวกเขาก็ยงั ชักชวนกันไปหาเชวฮันในทุก
ๆ เช้าโดยไม่คิดโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้ น
‘แทนที่จะเป็ นเพียงเด็ก–’
ในสายตาของคาร์ลนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่ทหารองครักษ์
หรื ออัศวินแต่พวกเขาต่างดูเหมือนกับกองกําลังพิเศษอะไรบางอย่าง
เสี ยมากกว่า คาร์ลยกนํ้ามะนาวขึ้นจิบอีกครั้งและตัดสิ นใจเลิกคิดใน
สิ่ งที่ไร้สาระพวกนี้เสี ยที
“นายน้อยคาร์ล…เราจะอยูท่ ี่นี่จนถึงฤดูหนาวเลยหรื อไม่?”
คาร์ลพยักตอบรับกับคําถามของโรสลิน
“อาจจะเป็ นเช่นนั้น…ข้าคิดจะกลับบ้านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ…หาก
ท่านจะเดินทางไปที่ใดเพื่อทําการทดลองพลังเวทย์แล้วล่ะก็..ท่าน
สามารถทําได้ตามที่ใจต้องการเลย..อ้อ!…หากขาดเหลืออะไร
เกี่ยวกับส่ วนผสมในการทดลองของท่านก็สามารถแจ้งเราได้
เช่นกัน”
“ขอบคุณท่านมาก…นายน้อยคาร์ล”
“ไม่เป็ นไร”
โรสลินกําลังซุ่มทําการวิจยั และทดลองพลังเวทย์ในห้องใต้ดินของ
บ้านพักหลังนี้ คาร์ลให้การสนับสนุนเธอเต็มที่เพราะในอนาคต
ข้างหน้าเธอจะก้าวขึ้นไปเป็ นผูค้ รอบครองหอคอยพลังเวทย์
‘เป็ นเรื่ องดีที่มีคนจํานวนมาก…ที่จะทําให้ฉนั สามารถขอความ
ช่วยเหลือได้ในอนาคต’
การมีเครื อข่ายและเส้นสายที่ดีน้ นั ถือเป็ นอาวุธสําคัญเลยทีเดียว
คาร์ลกลับไปยังห้องของตนหลังจากทานอาหารเสร็ จแล้ว เขาทรุ ด
ตัวลงนัง่ เก้าอี้โยกทันทีเมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว
“ฟู่ !!!”
เสี ยผ่อนลมหายใจอย่างมีความสุ ขดังออกมาจากปากคาร์ล เขา
ต้องการใช้ชีวติ แบบนี้ในอีก70ปี ข้างหน้า เขาปรารถนาเพียงได้นงั่
มองพระอาทิตย์ตกดินข้าง ๆ หน้าต่างเช่นในเวลานี้ยงิ่ นัก
ราอนและฮงเริ่ มกระซิบกันอีกครั้ง
“เมื่อกี้ที่เขาถอนหายใจ..เป็ นเพราะเขากําลังเบื่อแน่ ๆ ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น…หรื อว่าเขาอยากเดินทางไปที่อื่นแล้ว”
ออนส่ ายหัวของเธออย่างไม่เห็นด้วยจนกระทัง่ สังเกตเห็นสิ่ งที่ต้ งั อยู่
มุมห้องส่องแสงออกมา เธอตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ ว
“อุปกรณ์เวทย์สื่อสารกําลังทํางาน!”
‘หื ม?’
คาร์ลเริ่ มสับสน อุปกรณ์เวทย์สื่อสารอย่างนั้นหรื อ? หรื อจะมีคนใน
ครอบครัวของเขาเชื่อมต่อสัญญาณเข้ามา
ออนยังคงรายงานต่อไป
“มันเป็ นสี แดง!”
คาร์ลเริ่ มขมวดคิ้วมุ่น
คาร์ลได้ต้ งั ค่าอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเอาไว้ โดยใช้สญ
ั ญาณเรื องแสงสี
แดงเป็ นตัวแทนของผูท้ ี่จะก่อให้เกิดความรําคาญกับตัวเขาได้และ
ในตอนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับเกียรติน้ ีจากเขา
คนผูน้ ้ ีคือองค์ชายรัชทายาท ‘อัลเบิร์ก คอสแมน’
“โอ้!…เป็ นองค์ชายรัชทายาทเองหรื อนี่!..เดี๋ยวข้าจะเชื่อมต่อ
สัญญาณเวทย์ให้เดี๋ยวนี้เลย”
พูดยังไม่ทนั ขาดคําราอนก็ส่งพลังเวทย์ของมันไปยังอุปกรณ์เวทย์
สื่ อสารทันที
‘ไมจําเป็ นต้องกระตือรื อร้นขนาดนี้กไ็ ด้..ไม่เห็นต้องทําแบบนี้เลย
สักนิด’
คาร์ลถอนหายใจยาวออกมาเมื่อเห็นว่าราอนรี บดําเนินการอย่าง
รวดเร็ วก่อนจะหันเก้าอี้โยกที่ตนนัง่ อยูไ่ ปทางอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
ในเวลาต่อมา
“ข้ากําลังเชื่อมต่อกับเขาแล้ว!”
แสงสี ฟ้าเข้าล้อมรอบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทันทีที่ราอนพูดจบก่อนที่
ภาพบางอย่างจะปรากฏขึ้นเหนืออุปกรณ์เวทย์สื่อสารนี้
คาร์ลมองเห็นใบหน้าเปื้ อนรอยยิม้ ของอัลเบิร์กปรากฎอยูต่ รงหน้า
[“ว้าว!..ท่านไวส์เคานต์คาร์ล…สมบัติอนั ลํ้าค่าแห่งอาณาจักร
โรมัน”]
วันนี้เป็ นวันดีใช่ม้ ยั ?
“ทําไมพระองค์ตอ้ งทําเช่นนั้นด้วยล่ะพะย่ะค่ะ?”
[“แล้วเรื่ องอะไรที่ขา้ จะไม่ทาํ เช่นนี้ล่ะ?…เจ้าอย่าลืมความสัมพันธ์
ของเราสิ ”]
‘…แล้วความสัมพันธ์ของเราเป็ นยังไงกันล่ะ?’
ในที่สุดคาร์ลก็รู้ซ้ ึงว่าอัลเบิร์กต้องรู ้สึกเช่นไร?เมื่อถูกเขาเรี ยกว่า
‘ดวงดาราแห่งอาณาจักรโรมัน’
“หม่อมฉันคิดว่า..เรามีความสัมพันธ์อนั ดีต่อกันใช่ม้ ยั พะย่ะค่ะ?”
ตรงข้ามกับสิ่ งที่เขาพูดออกไปการแสดงออกของคาร์ลนั้นก็เต็มไป
ด้วยความเย็นชาและแข็งกระด้างเช่นดังเคย อย่างไรก็ตามอัลเบิร์ก
ยังคงส่ งยิม้ ให้อย่างอ่อนโยน
[“แน่นอน…และเพราะเรามีความสัมพันธ์อนั ดีต่อกัน….”]
‘มันมีบางอย่างแปลก ๆ ’
คาร์ลเริ่ มรู ้สึกว่ามันเป็ นลางไม่ดี มันเหมือนกับว่าความสุ ขที่เขา
ได้รับมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผา่ นมานั้นเป็ นเพียงฉากสั้น ๆ ฉากหนึ่ง
ในหนังเรื่ องโปรดเท่านั้น
‘เอ่อ…มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง?’
[“ข้าหวังว่าเจ้า..จะสามารถช่วยข้าได้”]
“มันคงยากสักหน่อยพะย่ะค่ะ..เพราะตอนนี้หม่อมฉันกําลังยุง่ มาก”
แน่นอนว่าอัลเบิร์กเลือกที่จะไม่สนใจกับคําโกหกของคาร์ลและ
เลือกที่จะพูดในสิ่ งที่เขาต้องการเท่านั้น
[“หากเจ้าไม่ช่วยข้า..ข้าจะต้องถูกปลดออกจากตําแหน่งรัชทายาท
และถ้าหนักกว่านั้นข้าอาจจะตายก็ได้”]
คาร์ลสะดุง้ เมื่อเห็นว่าอัลเบิร์กจริ งจังในเรื่ องนี้
อัลเบิร์กกําลังรวบรวมเหล่านักเวทย์จากอาณาจักรวิปเปอร์เพื่อเข้ามา
เป็ นส่ วนหนึ่งในกําลังพลของเขาและมันจะเป็ นการพัฒนาศักยภาพ
ของอาณาจักรโรมันให้แข็งแกร่ งอีกด้วย คาร์ลได้ช่วยเหลือเขาใน
การเสริ มสร้างความมัน่ ใจว่าอาณาจักรแห่งนี้จะเป็ นบ้านที่แสน
อบอุ่นซึ่งทําให้เขาสามารถใช้ชีวติ ได้อย่างปลอดภัยและสงบสุ ข
คาร์ลลอบสังเกตใบหน้าของอัลเบิร์กเพื่อดูให้ชดั ว่าแววตาของเขา
นั้นเต็มไปด้วยความกังวลแม้วา่ ปากของเขาจะยิม้ อยูก่ ต็ าม
คาร์ลไม่ได้มองเรื่ องนี้เป็ นเรื่ องน่ากังวลแม้วา่ เขาจะรู ้จกั นิสยั ที่
แท้จริ งของอัลเบิร์กแล้วก็ตาม
คาร์ลลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นมาฟังสิ่ งที่พระองค์ตอ้ งการจะบอกและขอความ
ช่วยเหลือจากหม่อมฉันดีกว่าพะย่ะค่ะ?”
คาร์ลรู ้สึกถึงแผ่นหลังที่เริ่ มเย็นขึ้นเรื่ อย ๆ เขาไม่ได้สมั ผัสความรู ้สึก
ไม่ดีเช่นนี้มานานมากแล้ว
ราอนและฮงที่ไม่ได้ปรากฏตัวให้อลั เบิร์กเห็นกําลังส่ งสายตาให้กนั
และกันด้วยแววตาเป็ นประกาย
อัลเบิร์กเริ่ มอธิบายให้คาร์ลได้ทราบ
[“ดาร์กเอล์ฟ”]
‘ฉันรู ้อยูแ่ ล้ว’
คาร์ลคาดเอาไว้วา่ เขาจะพูดคํานี้ออกมา
คาร์ลหลับตาลงและมองเห็นชีวติ ของคนขี้เกียจกําลังโบกมือลาให้
เขาอยูก่ ่อนที่จะหายวับไปอย่างรวดเร็ ว
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กซึ่งเป็ นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ดาร์กเอล์ฟหรื อ
เอล์ฟมืดนี้ยงั คงอธิบายต่อไป
[“เจ้าสามารถเดินทางไปหมู่บา้ นดาร์กเอล์ฟได้หรื อไม่?”]
บทที่ 98

รู้ สึกว่ า 2 (1)

คาร์ลยังไม่คิดที่จะลืมตาขึ้นเขายังคงหลับตาเช่นเดิมเหมือนกับกําลัง
รวบรวมสมาธิ อย่างไรก็ตามอัลเบิร์กก็ไม่ได้พดู อะไรออกมาเช่นกัน
เป็ นเพราะเขารู ้วา่ ตนขอร้องคาร์ลมากเกินไปไม่เพียงแต่ให้คาร์ลได้
พบกับสมาชิกของดาร์กเอลฟ์ เท่านั้นแต่นี่เขากําลังให้คาร์ลเดินทาง
ไปยังหมู่บา้ นของดาร์กเอลฟ์ อีกด้วย
[“มีของบางอย่างในหมู่บา้ นดาร์กเอลฟ์ ที่ขา้ ต้องการให้เจ้านํากลับมา
ให้…ช่วยข้าหน่อยแล้วกัน..ตอนนี้ขา้ ไม่สามารถขยับตัวทําอะไรได้
มากนัก”]
อัลเบิร์กกําลังยุง่ อยูก่ บั การเสริ มพลังของตนให้แข็งแกร่ งขึ้นโดยมี
สมาชิกจากเผ่าดาร์กเอลฟ์ เข้ามาช่วยเหลือในการปลอมตัวเป็ นเขา
และคอยจัดการทุก ๆ อย่างแทนจนกว่าเขาจะปฏิบตั ิภารกิจสําเร็ จ
[“ข้าต้องการให้มีมนุษย์เดินทางไปด้วย”]
แม้วา่ ของสิ่ งนี้จะถูกสร้างขึ้นจากผูเ้ ชี่ยวชาญแต่มนั ก็เป็ นของที่
สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวและมันจะเริ่ มใช้งานทันทีที่สมั ผัส
เข้ากับผูท้ ี่มีเลือดของดาร์กเอลฟ์ นัน่ เป็ นสาเหตุที่ของสิ่ งนี้จะไม่มี
ปฏิกิริยาใด ๆ กับมนุษย์หรื อสัตว์ที่ไม่มีคุณสมบัติความมืดอยูใ่ นตัว
คาร์ลค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้โยก
“แล้วมันคืออะไรล่ะ..พะย่ะค่ะ?”
ท่าทางที่ผอ่ นคลายดูไม่สาํ รวมของคาร์ลนั้น เป็ นสิ่ งหนึ่งที่เหล่าเชื้อ
พระวงศ์อาจพิจารณาว่าเขากําลังต่อต้านหรื ออาจคิดก่อกบฏก็เป็ นได้
แต่อลั เบิร์กก็ทาํ เพียงขมวดคิว้ มุ่นเท่านั้น
[“..เฮ้อ…ทําไมข้าถึงมีเพียงคนเช่นเจ้า..ที่อยูข่ า้ งกายข้ากันนะ?”]
“พระองค์…ตรัสว่าอะไรนะพะย่ะค่ะ?”
[“อ้อ!…ข้ากําลังคิดว่า..ทําไมข้าถึงมีคนหล่อ ๆ เช่นเจ้าอยูข่ า้ งกายข้า
กันนะ”]
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กหัวเราะออกมาเบา ๆ เหมือนกับเรื่ องที่เขา
พูดออกมาเป็ นเรื่ องตลก เขาสังเกตว่าลักษณะนิสยั และตัวตนที่
แท้จริ งของเขาเริ่ มปรากฏออกมามากขึ้นเรื่ อย ๆ เมื่อเขาได้อยูก่ บั
คาร์ล
‘เขารู ้จุดอ่อนของข้า’
แต่ที่น่าขันกว่านั้นก็คือเหตุผลที่วา่ ‘คาร์ล เฮนิตสั ’ กลับเป็ นคนเดียว
ที่เขาไว้ใจได้ อย่างน้อยคาร์ลก็เก็บความลับของเขาเอาไว้ตลอดสอง
เดือนที่ผา่ นมา
“ถ้ามันเป็ นเรื่ องยากที่องค์ชายจะเสด็จในตอนนี้ได้…แล้วข้ารับใช้
ของพระองค์ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?…พวกเขาก็สามารถไปนํามันกลับมาให้
ได้นี่พะย่ะค่ะ?”
คาร์ลรู ้วา่ อัลเบิร์กมีขา้ รับใช้ที่ทาํ งานภายใต้คาํ สัง่ ของเขาเป็ นจํานวน
มากไม่วา่ จะมนุษย์หรื อดาร์กเอลฟ์ ก็ตาม
[“แล้วไม่คิดว่าข้าก็อยากทําเช่นนั้นหรื อ!”]
อัลเบิร์กถอนหายใจยาวออกมาในตอนนี้เขาแอบใช้อุปกรณ์เวทย์
สื่ อสารจากความช่วยเหลือของจอมเวทย์แห่งเผ่าดาร์กเอลฟ์ แทนที่
จะใช้บริ การจากนักเวทย์ของพระราชวัง
[“ข้าต้องเดินทางไปเยือนจักรวรรดิ”]
‘จักรวรรดิ?’ องค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรโรมันจะต้องเดินทาง
ไปเยือนจักรวรรดิที่ถือเป็ นอาณาจักรที่ยงิ่ ใหญ่ที่สุดอย่างนั้นหรื อ?
คาร์ลและอัลเบิร์กสบตากัน
[“องค์ชายแห่งองค์จกั รพรรดิ..เชิญข้าไปร่ วมงานเลี้ยงฉลองซึ่งจัด
โดยฝาแฝดซึ่งเป็ นตัวแทนของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน”]
‘งานเลี้ยงฉลอง?’
นี่คือสิ่ งที่ในนิยายเรื่ อง‘กําเนิดวีรบุรุษ’ไม่ได้กล่าวเอาไว้ คาร์ลไม่
ทราบถึงงานเลี้ยงฉลองนี้มาก่อน
แต่ถึงจะเป็ นเช่นนั้นคาร์ลก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ของอัลเบิร์
กได้อย่างรวดเร็ ว
ฝาแฝดซึ่ งเป็ นตัวแทนของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน เป็ นพรหมจาริ ณีที่
เคร่ งในคําสอนของพระเจ้าและเป็ นนักบวชที่ถูกขนานนามว่าเป็ น
ตัวแทนและศูนย์กลางของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
การที่พวกเธอเป็ นทั้งพรหมจาริ ณีที่เคร่ งครัดต่อพระเจ้าและนักบวช
นั้นถือเป็ นตัวละครสําคัญที่จาํ เป็ นต่อนิยายแฟนตาซี
“หื ม..?”
ทันใดนั้นคาร์ลก็เสี ยคําพูดไปชัว่ ขณะ
หญิงสาวพรหมจาริ ณีที่เคร่ งในคําสอนของพระเจ้าและเป็ นนักบวช
ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็ นคนดีมากนั้นได้รับการปฏิบตั ิจากผูอ้ ื่นในฐานะ
ที่เป็ นสัญลักษณ์แห่งการเสี ยสละในนิยายแฟนตาซี ซึ่งถือเป็ นเรื่ อง
ปกติที่จะเกิดขึ้นในนิยายเรื่ อง‘กําเนิดวีรบุรุษ’ได้ ระดับของพวกเขา
ที่จะถูกระบุวา่ พวกเขา‘ดีหรื อไม่ดี’ ก็ข้ ึนอยูก่ บั พระเจ้าที่พวกเขาเป็ น
ตัวแทน
[“วิหารของพระเจ้าแห่งแสงตะวันคือศัตรู ตวั ฉกาจของดาร์กเอลฟ์ …
ข้ากังวลว่าโอกาสที่พวกเขาจะรู ้วา่ ข้าเป็ นหนึ่งในดาร์กเอลฟ์ จะมี
ค่อนข้างสูง..หากมันเกิดขึ้นแล้วล่ะก็..เอ่อ….”]
“สถานการณ์จะยิง่ เลวร้ายลง”
มันก็จริ ง
ในทวีปตะวันตกพวกดาร์กเอลฟ์ มักถูกผูอ้ ื่นดูถูกและรังเกียจ ใน
ฐานะคนที่มีเลือดผสมของดาร์กเอลฟ์ เช่นเขาแล้วล่ะก็จะต้องถูกขับ
ออกจากตําแหน่งองค์ชายทันที นอกจากนี้เขาอาจตายได้
[“ฝาแฝดคู่น้ นั ..จะพยายามฆ่าข้า”]
คาร์ลไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ องนี้ออกมาได้
พระเจ้าแห่งแสงตะวันเป็ นตัวแทนแห่งดวงอาทิตย์ที่เกลียดชัง
สิ่ งมีชีวติ ในความมืดเป็ นเพราะเขาไม่สามารถท่องไปในความมืดได้
อย่างที่สิ่งมีชีวติ ในความมืดทําได้
วิธีจดั การกับสิ่ งมีชีวติ ที่เขาเกลียดเช่นนี้คือการเผาพวกมันให้ตายตก
ไปตาม ๆ กัน
นัน่ คือคําจํากัดความของสิ่ งที่เรี ยกว่ายุติธรรมนี้
‘ฉันรู ้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่ องนี้เลย’
อาการเย็นไปทัว่ แผ่นหลังในตอนนี้ดูแย่กว่าตอนที่เขาได้ยนิ คําว่า
‘ดาร์กเอลฟ์ ’เสี ยอีก ตอนนี้ทวั่ ทั้งร่ างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยขนที่
พร้อมใจกันลุกโชนขึ้นมา คาร์ลเผลอกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตวั
“โปรดสนุกไปกับการเดินทางนะ..พะย่ะค่ะ”
อัลเบิร์กเริ่ มหัวเราะ
[“ข้าไมมีแผนที่จะพาเจ้าไปด้วยหรอกน่า”]
“แล้วทําไมองค์ชายแห่งจักรวรรดิจึงได้จดั งานเลี้ยงฉลองนี้ข้ ึนมา
หรื อพะย่ะค่ะ?…หรื อเขาต้องการติดต่อกับอาณาจักรอื่น ๆ เพื่อสร้าง
พันธมิตร”
[“บางที..เขาอาจเสี ยสติไปแล้วกระมัง”]
คาร์ลพูดอะไรไม่ออกไปชัว่ ขณะเมื่อได้ยนิ สิ่ งที่อลั เบิร์กพูดออกมา
ไหนจะท่าทางที่ไม่เป็ นทางการนั้นอีก
“ตอนนี้พระองค์..ดูท่าจะประชวรหนักแล้วล่ะพะย่ะค่ะ?”
อัลเบิร์กเพียงยักไหล่และตอบกลับ
[“ข้าก็คิดว่ามันแปลกเช่นกัน…จากข้อมูลที่ขา้ รู ้มา..ดูเหมือนว่าองค์
จักรพรรดิและองค์ชายจะพยายามหาทางกําจัดวิหารของพระเจ้าแห่ง
แสงตะวันเสี ยมากกว่า”]
นัน่ คือสิ่ งที่ถูกต้อง
เหตุผลที่คาร์ลรู ้สึกถึงลางไม่ดีเป็ นเพราะเขารู ้วา่ องค์ชายแห่ง
จักรวรรดิไม่ชื่นชอบวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันนี้
องค์ชายแห่งจักรวรรดิตอ้ งการเป็ นหนึ่งในการควบคุมและ
ครอบครองจักรวรรดิโดยไม่คิดจะให้ผอู ้ ื่นได้รับศรัทธามากไปกว่า
ตนเอง ดังนั้นเขาจึงพัฒนาความแข็งแกร่ งและอิทธิพลของเขาโดย
การผลักดันการเล่นแร่ แปรธาตุให้พฒั นามากยิง่ ขึ้น แล้วทําไมคน
ประเภทนี้จึงมองเห็นคุณค่าของพระเจ้าผูท้ ี่เขาไม่สามารถควบคุมได้
นอกจากนี้วหิ ารของพระเจ้าแห่งแสงตะวันก็รู้เช่นกันว่าองค์
จักรพรรดิและองค์ชายกําลังพยายามจะขับไล่พวกเขาออกจาก
อาณาจักรแห่งนี้เช่นกัน
[“แต่องค์ชายก็ยงั สนับสนุนให้จดั งานครบรอบ150ปี ให้แก่วหิ ารของ
พระเจ้าแห่งแสงตะวันขึ้นมาอยูด่ ี?…เจ้าว่ามันสมเหตุสมผล
หรื อไม่?”]
“ไม่..พะย่ะค่ะ”
[แล้วเจ้ารู ้ม้ ยั ?…ว่าอะไรที่น่าสนุกยิง่ กว่านั้น?]
“อะไรหรื อพะย่ะค่ะ?”
[“มันเห็นได้ชดั เลยล่ะ…ว่าหอระฆังที่นกั เล่นแร่ แปรธาตุก่อตั้งขึ้นมา
ก็ครบรอบ500ปี ในวันนั้นเช่นกัน…และพวกเขาก็กาํ ลังจะจัดงาน
ฉลองวันครบรอบอีกด้วย”]
“ห๊ะ!”
คาร์ลอ้าปากค้าง
“วิหารของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน…จะยอมให้พวกเขาจัดงานขึ้นใน
วันเดียวกันหรื อพะย่ะค่ะ?”
[“พวกเขาอาจยอม..ไม่เช่นนั้นองค์ชายคงไม่เชิญผูค้ นเข้าร่ วมงาน
เช่นนี้หรอก”]
คาร์ลและฮัลเบิร์กสบตากันอีกครั้ง
“มันชักจะมีกลิ่นไม่ดีแล้วล่ะ..พะย่ะค่ะ”
[“กลิ่นไม่ดีอย่างแน่นอน”]
อัลเบิร์กเริ่ มยิม้ ออกมา
[“เจ้าไม่รู้สึกหรื อว่า….มันกําลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในงานเลี้ยง
ฉลองนัน่ ?”]
มันก็ควรจะรู ้สึกเช่นนั้น ไม่วา่ จะเป็ นเหตุการณ์หรื ออะไรก็ตามแต่ที่
อาจซ่อนเร้นในงานเลี้ยงฉลองนี้
“หม่อมฉันไม่แน่ใจพะย่ะค่ะ”
อย่างไรก็ตามคาร์ลแกล้งทําเป็ นไม่รู้
หนึ่งในส่ วนสําคัญของนิยายแฟนตาซีกค็ ือศาสนาหรื อพระเจ้า คาร์ล
ไม่ได้สนใจในตัวพระเจ้าหรื อศาสนาอยูแ่ ล้วเลยไม่คิดอะไรให้มาก
นักเกี่ยวกับเรื่ องนี้
‘ฉันไม่ตอ้ งการมีส่วนร่ วมกับพวกเขา..มันจะต้องน่าหงุดหงิดและน่า
รําคาญอย่างแน่นอน’
มันจะไม่เป็ นไรตราบใดที่เขาไม่ถูกลากเข้าไปยุง่ เกี่ยวกับเหตุการณ์
พวกนี้
สายตาของคาร์ลมองผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารไปหยุดยังร่ างของ
ราอน
ราอนเงยหน้าของมันขึ้นอย่างสงสัยว่าทําไมคาร์ลต้องมองมันด้วย
‘แต่ถา้ พระเจ้าหรื อสิ่ งอื่น ๆ พยายามลากฉันเข้าไปยุง่ กับ—–’
‘ไม่!…เป็ นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่ องพวกนี้ข้ ึน’
สิ่ งพวกนี้ไม่ควรเกิดขึ้นตราบใดที่เขามีราอน เชวฮันและโรสลินอยู่
ข้างกาย ถ้าทุกอย่างมันไม่เป็ นอย่างที่เขาคิดเอาไว้กเ็ พียงระเบิดมัน
ให้เละเหมือนกับเกาะฮาอิสที่ 5 คาร์ลรู ้สึกว่าตนค่อนข้างกล้าหาญ
มากกว่าแต่ก่อน
บทที่ 98

รู้ สึกว่ า 2 (2)

[“โกหก”]
อย่างไรก็ตามการแกล้งไม่รู้ใช้ไม่ได้ผลกับองค์ชายรัชทายาท
[“เฮ้อ…ถึงอย่างไรข้าก็ตอ้ งการความช่วยเหลือจากเจ้า..ข้าจะให้
รางวัลเจ้าอย่างแน่นอน”]
คาร์ลไม่ได้ตอบอะไรกับท่าทางขอร้องอย่างจริ งจังของอัลเบิร์ก
อัลเบิร์กอาจตกลงไปร่ วมงานเพราะตําแหน่งที่เขาเชิญนั้นไม่อนุญาต
ให้เป็ นองค์ชายรองหรื อองค์ชายสามได้
ในที่สุดคาร์ลก็เริ่ มพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก
“องค์ชายรัชทายาท..ผูเ้ ป็ นดวงดาราแห่งอาณาจักรโรมัน”
อัลเบิร์กถอนหายใจยาว ดูท่าแล้วคาร์ลจะปฏิเสธเขา อย่างไรก็ตาม
ประโยคที่คาร์ลเอ่ยต่อมาทําให้เขาเริ่ มยิม้ ขึ้นมาได้
“มันอยูท่ ี่ใดหรื อพะย่ะค่ะ?”
ไม่วา่ คาร์ลจะคิดหรื อรู ้สึกอย่างไร เขาก็เป็ นเพียงคนเดียว
นอกเหนือจากคนอื่นไม่กี่คนที่องค์ชายรัชทายาทผูม้ ีเลือดดาร์กเอลฟ์
อยูใ่ นตัวนี้จะพอเชื่อใจให้ทาํ สิ่ งนี้ได้
ซึ่งมันหมายความว่าคาร์ลไม่มีทางเลือก
เขาไม่สามารถปล่อยให้องค์ชายรัชทายาทสิ้ นพระชนม์ลงได้
อัลเบิร์กหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ และเริ่ มพูด
[“ตะวันตก..เจ้าต้องเดินทางไปยังทิศตะวันตก”]
คําตอบที่ได้รับจากอัลเบิร์กทําให้มีชื่อของสถานที่แห่งหนึ่งปรากฏ
ขึ้นในหัวของคาร์ล
มันเป็ นหนึ่งในห้าของสถานที่ตอ้ งห้าม
“เผ่าดาร์กเอลฟ์ อาศัยอยูใ่ นดินแดนแห่งความตายหรื อพะย่ะค่ะ?”
[“เจ้าช่างฉลาดจริ ง ๆ ”]
‘ดินแดนแห่งความตาย’หากฟังดูแล้วเป็ นชื่อที่คล้ายคลึงกับ ‘หุบเขา
แห่งความตาย’แต่มนั มีความต่างจากสถานที่ตอ้ งห้ามอื่น ๆ ที่ส่วน
ใหญ่เกิดขึ้นจากการรังสรรค์ของธรรมชาติแต่‘ดินแดนแห่งความ
ตาย’เป็ นผลผลิตของประวัติศาสตร์
มันเป็ นสถานที่ที่หมอผีในอดีตเข้าร่ วมทําศึกครั้งสุ ดท้ายกับกองทัพ
โครงกระดูก
‘ดินแดนแห่งความตาย’ ตั้งอยูใ่ นทะเลทรายที่มีสีแดงในตอน
กลางวันและตอนกลางคืนจะเปลี่ยนเป็ นสี ดาํ เนินทรายจะถูกสร้าง
ขึ้นใหม่ในทุก ๆ วัน
[“หมู่บา้ นดาร์กเอลฟ์ อยูท่ ี่นน่ั …เจ้าเพียงนําของสิ่ งนั้นจากท่านเจ้า
เมืองกลับมาให้ขา้ ”]
“อืม….องค์ชายพะย่ะค่ะ?”
คาร์ลได้ยนิ มาว่าดินแดนแห่งความตายที่เต็มไปด้วยทะเลทรายนั้น
ร้อนจัดจนพืชพรรณต่าง ๆ ก็ไม่สามารถอยูร่ อดได้ และตอนนี้กย็ งั
เป็ นฤดูร้อนอีก
“มีอะไรอย่างนั้นหรื อ?”
เสี ยงแผ่วเบาดังออกจากปากอัลเบิร์ก เขาไม่ได้แกล้งทําหรื อแอบวาง
กลยุทธ์อะไรเอาไว้ มันเป็ นนํ้าเสี ยงที่เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ที่ไร้
การแอบแฝงใด ๆ คาร์ลเอ่ยถามในสิ่ งที่ตนต้องการด้วยความ
ระมัดระวัง
“หม่อมฉันไม่ไปได้หรื อไม่พะย่ะค่ะ?”
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทัว่ ห้องชัว่ ระยะหนึ่ง
คาร์ลพยักหน้าของตนเบา ๆ อย่างจํายอม
“เฮ้อ…ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว..หม่อมฉันก็คงต้องไปสิ นะ…พะย่ะ
ค่ะ!”
[“อืม…ข้าจะให้คนนําทางร่ วมเดินทางไปกับเจ้าด้วย…เพราะมันเป็ น
ทะเลทราย…เจ้าจําเป็ นต้องอยูก่ บั คนที่รู้ทางเป็ นอย่างดี”]
มันเห็นได้ชดั ว่าเขาจะได้ไกด์นาํ ทางประเภทใด
[“นางเป็ นพี่สาวของแม่ขา้ เอง….ท่านป้ าของข้าเป็ นดาร์กเอลฟ์ เพียง
คนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้”]
ก่อนที่อลั เบิร์กจะพูดต่อ
[“อาจมีเพียงคนเดียว..แต่นางเป็ นคนเดียวที่ดูแลสมาชิกดาร์กเอลฟ์
ทั้งหมดภายใต้คาํ สัง่ ของข้า..เจ้าสามารถไว้ใจกับความสามารถของ
นางได้”]
คาร์ลพยักหน้ารับด้วยสี หน้าเคร่ งเครี ยด คาร์ลดูจริ งจังกับมันมาก
จนอัลเบิร์กรู ้สึกผิดต่อเขาไม่ได้ที่ทาํ ให้เขาต้องมาลําบากในเรื่ องนี้
“องค์ชายพะย่ะค่ะ”
[“ว่าอย่างไร..ไวส์เคานต์คาร์ล?”]
“หม่อมฉันขอให้พระองค์ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ได้
หรื อไม่พะย่ะค่ะ?…หม่อมฉันต้องการซื้อเครื่ องมือเวทย์ทาํ ความเย็น
เป็ นจํานวนมาก….หม่อมฉันเกลียดอากาศร้อนยิง่ นัก!..นอกจากนี้
หม่อมฉันยังสามารถรับรางวัลโดยไม่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายพวกนี้ใน
ภายหลังได้หรื อไม่พะย่ะค่ะ?..คราวนี้หม่อมฉันจะเลือกเงิน”
คาร์ลเอ่ยถามคําถามมากมายในขณะที่อลั เบิร์กเพียงฟังอย่างเงียบ ๆ
ก่อนจะให้คาํ ตอบแก่คาร์ล
[“แน่นอน..ทําในสิ่ งที่เจ้าต้องการเถอะ”]
คาร์ลเริ่ มยิม้ ออกมาเมื่อได้ยนิ คําตอบ
“หม่อมฉันมัน่ ใจว่าพระองค์ตอ้ งทราบอยูแ่ ล้ว..ว่าหม่อมฉันมักจะ
ปฏิบตั ิภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้มีประสิ ทธิภาพมากกว่า120%
เสมอ…ดังนั้นหม่อมฉันจึงคาดหวังกับรางวัลยิง่ นักว่ามันจะได้
มากกว่าที่เคยได้”
[“ข้ารู ้…นัน่ คือเหตุผลที่ขา้ ให้เจ้าทําในสิ่ งที่เจ้าต้องการซะ”]
“พะย่ะค่ะ..โปรดวางใจในตัวหม่อมฉันได้”
[“แน่นอน…ว่าข้าเชื่อใจเจ้า”]
คาร์ลและอัลเบิร์กสนทนากันต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่จะสิ้ นสุ ดการ
สนทนา แสงจากเครื่ องมือเวทย์สื่อสารดับลงก่อนที่ราอนและฮงจะ
เดินเข้ามาใกล้คาร์ล
“มนุษย์…เราจะออกเดินทางกันอีกครั้งใช่หรื อไม่?”
“ทะเลทรายมันร้อนมาก!….เจ้าห้ามเป็ นลมโดยเด็ดขาด!”
ราอนมองคาร์ลด้วยสี หน้าเคร่ งเครี ยดหลังจากได้ยนิ ฮงเอ่ยขึ้น คาร์ล
ไม่สนใจในเรื่ องนี้ก่อนจะยกมือชี้ไปยังอุปกรณ์เวทย์สื่อสารอีกครั้ง
และออกคํ่าสัง่ แก่ราอน
“เชื่อมต่ออุปกรณ์เวทย์สื่อสารให้ขา้ อีกครั้งที”
“อีกครั้ง?”
“ใช่…แต่เป็ นที่อื่น”
“ที่ไหน?”
ราอนมองใบหน้าที่เปื้ อนไปด้วยรอยยิม้ ของคาร์ล
ในโลกใบนี้ยงั มีวหิ ารที่ถือได้วา่ แข็งแกร่ งอีกที่หนึ่งนอกเหนือจาก
วิหารของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน มันเป็ นวิหารที่มีชื่อเสี ยงพอกับ
ความแข็งแกร่ งของมัน
วิหารแห่งแสงจันทราหรื อวิหารแห่งความมืด?
ไม่สิ!
มันเป็ นวิหารแห่งความมืดที่ดาํ รงอยูต่ ลอดกาล มันเป็ นสิ่ งที่ทาํ ให้
ผูค้ นไม่สามารถลืมตาขึ้นมาเห็นแสงตะวันอีกครั้ง
ความตาย! ความตายย่อมแข็งแกร่ งกว่าแสงสว่างจากดวงอาทิตย์
“เชื่อมต่อมันไปยัง….คฤหาสน์สแตน”
องค์ชายรัชทายาทอาจรู ้เกี่ยวกับพลังแห่งความตายแต่เขาไม่สามารถ
เอ่ยเรื่ องนี้กบั วิหารของพระเจ้าแห่งความตายได้ เพราะเขาไม่
สามารถไว้ใจคนอื่น ๆ ในวิหารนั้นได้และไม่ตอ้ งการเสี่ ยงที่จะ
เปิ ดเผยตัวตนที่แท้จริ งของเขาออกมา
อย่างไรก็ตามคาร์ลรู ้วา่ มีหนึ่งในนักบวชที่ถูกขับออกจากวิหารของ
พระเจ้าแห่งความตายและหลาย ๆ คนยังไม่รู้ในเรื่ องนี้ แม้จะถูกควํ่า
บาตรลงแล้วเธอก็ยงั เป็ นที่รักของพระเจ้าแห่งความตายอยูด่ ี
ในตอนนี้วหิ ารของพระเจ้าแห่งความตายไม่ได้มีนกั บวชหญิงหรื อ
นักบุญที่เป็ นที่โปรดปรานของพระเจ้าแห่งความตายอีกต่อไป ทําไม
จึงเป็ นเช่นนั้นนะหรื อ?
[“โอ้…นายน้อยคาร์ล”]
“สวัสดี..เคจ…ไม่เจอกันนานเลยนะ”
‘เคจ’นักบวชหญิงผูบ้ า้ คลัง่
อดีตนักบวชหญิงคนนั้นอยูต่ รงหน้าเขาตอนนี้แล้ว!
“ช่วงนี้..ท่านรู ้สึกเบื่อหรื อไม่?”
เคจทบทวนคําถามของคาร์ลอย่าสับสนและลอบสังเกตคาร์ลอยูค่ รู่
หนึ่งก่อนจะส่ ายหน้าของตนน้อย ๆ
[“วันนี้ขา้ รู ้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ….ข้าจําเรื่ องราวในฝันของตัวเองไม่ได้
แต่มนั รู ้สึกแปลก ๆ มันเหมือนมีรสขมในปากจะคายออกมาก็ยงั ไม่
หายอึดอัดใจ..อ้อ!..แต่กย็ งั มีเรื่ องดีที่เร็ ว ๆ นี้เทย์เลอร์จะได้ข้ ึนเป็ นผู ้
สื บทอดตําแหน่งอย่างเป็ นทางการ..แม้จะไม่มีความช่วยเหลือจากข้า
เลยก็ตาม”]
คาร์ลได้ยนิ เรื่ องนี้มาเช่นกัน
‘เทย์เลอร์ สแตน’ บุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนได้รับตําแหน่งผู ้
สื บทอดของตระกูลและในเร็ ว ๆ นี้จะได้รับการประกาศแต่งตั้งอย่าง
เป็ นทางการ
[“..ดังนั้น..ช่วงนี้ขา้ ก็เลยไม่มีอะไรให้ทาํ ”]
เคจยิม้ ออกมาก่อนจะเอ่ยถามคาร์ลเพิ่ม
[“ท่านจะให้ขา้ ทําอะไรให้ง้ นั หรื อ?”]
คาร์ลตอบอย่างรวดเร็ วเมื่อได้ยนิ คําถามที่ตรงประเด็นของเคจ
“พวกเราต้องเดินทางไปยังดินแดนแห่งความตาย”
[“ข้าจะเตรี ยมตัวทันที”]
เคจดูเหมือนจะไม่ลงั เลใจเลยสักนิดหลังจากที่ได้ยนิ เขาบอกว่ากําลัง
จะเดินทางไปยังดินแดนแห่งความตาย สมแล้วที่เธอเป็ นเพื่อนที่ดี
ที่สุดสําหรับเทย์เลอร์ ตอนนี้คาร์ลเข้าใจแล้วว่าทําไมพระเจ้าแห่ง
ความตายยังคงอยูข่ า้ งเธอต่อไปแม้วา่ เธอจะถูกควํ่าบาตรแล้วก็ตาม
เธอคือคนที่รวบรวมสิ่ งที่ยงิ่ ใหญ่กว่าความตายเอาไว้
[“ข้าต้องตอบแทนท่าน..สําหรับความช่วยเหลือทุกอย่างที่ได้มอบ
ให้แก่เรา”]
คาร์ลอมยิม้
“แล้วเอาไว้เจอกันในเร็ ว ๆ นี้…ท่านเคจ”
เขายิม้ อีกครั้งก่อนการสนทนาจะสิ้ นสุ ดลง คาร์ลลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
ทันที
“มนุษย์!..ทําดีมาก!…เจ้าต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงก่อนจะออก
เดินทาง!”
“…เจ้าพูดอะไรของเจ้ากันเนี่ย?”
คาร์ลเดินผ่านราอนและเปิ ดประตูหอ้ งออกไป เขาเห็นฮันส์กาํ ลังถือ
ถาดผลไม้เดินขึ้นมาตามทางเดิน
“ฮันส์”
“ขอรับ?”
“ไปเรี ยกทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี่…อ้อ!..ยกเว้นเพียงเด็ก ๆ จากเผ่า
หมาป่ า”
“นายน้อยขอรับ?…เอ่อ..รอนกับบารอคก็ดว้ ยหรื อขอรับ?”
คาร์ลไม่ทราบตําแหน่งที่แน่ชดั ของหมู่บา้ นดาร์กเอลฟ์ แต่การที่มนั
ตั้งอยูใ่ นดินแดนแห่งความตายทําให้เขาคาดเอาไว้วา่ อาจได้เจอกับ
หมอผีที่นนั่ ด้วย แน่นอนว่าเขามัน่ ใจเพียง50%เท่านั้น
แต่จะเป็ นการดีกว่าหากเตรี ยมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าในทุกเรื่ อง ๆ
“ใช่…บอกทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี่…เราต้องออกเดินทางกัน
แล้ว”
อีกสองวันต่อมา คาร์ลกําลังมุ่งหน้าออกจากอาณาเขตเฮนิตสั
หลังจากใช้ชีวติ ดัง่ คนขี้เกียจเพียงหนึ่งเดือน รถม้าสองคันกําลังมุ่ง
หน้าไปยังเมืองหลวงอย่างรวดเร็ ว
บทที่ 99

รู้ สึกว่ า 3 (1)

คาร์ลไม่ได้มุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงแต่หยุดอยูท่ ี่หมู่บา้ นใกล้


ๆ กับเมืองหลวงเท่านั้น
“ดินแดนแห่งความตายกับดาร์กเอลฟ์ อย่างนั้นหรื อ?”
“ท่านมีความเห็นอย่างไร?”
เคจหันไปมองคาร์ลที่กาํ ลังใช้พดั ไล่ความร้อนออกจากร่ างกาย เขาดู
ผ่อนคลายยิง่ นักหากใครไม่รู้จกั เขามาก่อนอาจคิดว่าเขาเดินทางมา
ที่นี่เพื่อเพลิดเพลินไปกับการจิบนํ้าชาก็เป็ นได้
“ท่านหมายถึงความคิดเห็นของข้าอย่างนั้นหรื อ?…แน่นอน!…ว่าข้า
จะไป”
เธอมีท่าทางผ่อนคลายเช่นกัน
‘ข้าคิดว่ามันอาจเป็ นเรื่ องใหญ่เพราะตัวข้า..จําความฝันของตัวเอง
ไม่ได้’
แต่ขอ้ มูลที่เธอได้รับจากคาร์ลนั้นกลับไม่ใช่เรื่ องใหญ่เท่าใดนัก
“นายน้อยคาร์ล…สิ่ งที่ขา้ ต้องทําเพียงแค่สวดภาวนาให้กบั ของที่
ท่านได้จากดาร์กเอลฟ์ เท่านั้นหรื อ?”
“ใช่…วันละครั้งจนกว่าเราจะเดินทางกลับถึงเมืองหลวง…ข้า
ต้องการให้ท่านสวดภาวนาด้วยพลังของพระเจ้าแห่งความตายให้กบั
ของชิ้นนั้นในทุก ๆ วัน”
ดาร์กเอลฟ์ และพระเจ้าแห่งความตาย ทําให้สมองของคาร์ลยุง่ เหยิง
และวุน่ วายไปหมด
ดาร์กเอลฟ์ จะอ่อนแอต่อพระเจ้าแห่งแสงตะวันแต่พระเจ้าแห่งความ
ตายนั้นแข็งแกร่ งกว่าพระเจ้าแสงตะวัน แม้พระเจ้าแห่งแสงตะวันจะ
มีผศู ้ รัทธาเป็ นจํานวนมากแต่ความแข็งแกร่ งของพลังก็ไม่ได้ข้ ึนอยู่
กับจํานวนผูค้ นที่ศรัทธา
“นายน้อยคาร์ล”
“มีอะไรหรื อ?”
“มีคนบุกเข้าไปฆ่าหัวหน้านักบวช…ในวิหารของพระเจ้าแห่งแสง
ตะวัน”
“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็ นคนทําหรอกนะ?”
“นายน้อยคาร์ล..ท่านไม่มีเหตุผลที่จะต้องลงมือฆ่าหัวหน้านักบวช
เลยสักนิด..ไม่มีเหตุผลใดที่ท่านจะต้องตั้งตัวเป็ นศัตรู กบั วิหารพระ
เจ้าแห่งแสงตะวัน…ท่านเป็ นคนประเภทที่วหิ ารแห่งนั้นต้องการตัว
เสี ยด้วยซํ้า….ท่านทั้งรํ่ารวย…มีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอยูใ่ นครอบ
ครอบและที่สาํ คัญที่สุด..ท่านเป็ นคนดี”
คาร์ลไม่มีท่าทีใด ๆ เพื่อตอบสนองกับสิ่ งที่เคจกล่าว นอกเหนือจาก
ส่ วนที่วา่ คาร์ลเป็ นคนดีแล้ว คุณสมบัติหลาย ๆ อย่างของเขาก็ตรง
ตามที่วหิ ารแห่งนั้นต้องการจริ ง ๆ
ทั้งสองหยุดการสนทนาไปชัว่ คราวเมื่อได้ยนิ เสี ยงเคาะประตูดงั ขึ้น
คาร์ลลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อได้ยนิ เสี ยงที่ดงั ตามหลังมา
“ไปกันได้แล้ว!…ออกเดินทางกันเถอะ!”
มันเป็ นเสี ยงที่แหบแห้งแต่เต็มไปด้วยพลังและหนักแน่น
“ท่านเคจ…ข้ามีคนที่จะแนะนําให้รู้จกั ”
คาร์ลเดินไปยังประตูก่อนจะเปิ ดมันกว้างออก
“โอ้!…ท่านมีแขกเหรอ?”
มีร่างของผูห้ ญิงคนหนึ่งยืนอยูห่ น้าประตู เธอมีความสูงไล่เลี่ยกับ
คาร์ลและความงามของเธอก็ฉายออกมาได้ชดั เจนแม้วา่ เธอจะสวม
เสื้ อคลุมปิ ดบังเอาไว้กต็ าม เธอได้พบกับคาร์ลเมื่อสองวันก่อน
“นี่คือเคจ…เธอเป็ นส่ วนหนึ่งในกลุ่มของข้า”
“โอ้!…จริ งเหรอเจ้าค่ะ?”
เคจลอบสังเกตผูห้ ญิงที่กาํ ลังใช้คาํ พูดทั้งที่เป็ นทางการและไม่เป็ น
ทางการสลับไปมาเมื่อพูดกับคาร์ล ผูห้ ญิงคนนี้เอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“ท่านบอกทุกอย่างกับนางแล้วรึ ?”
“แน่นอน..ข้าบอกนางว่าเราจะเดินทางไปไหน..และจะนําอะไร
กลับมา”
ผูห้ ญิงคนนั้นยิม้ เมื่อได้รับคําตอบจากคาร์ลนัน่ หมายถึงทุกอย่างที่
เคจจําเป็ นต้องรู ้เกี่ยวกับเรื่ องนี้ คาร์ลเองก็พดู ทั้งเป็ นทางการและไม่
เป็ นทางการสลับไปมาเช่นกัน
ชัว่ ขณะที่เคจนึกสงสัยว่าผูห้ ญิงคนนี้เป็ นใครกันแน่ เธอก็รีบตรงดิ่ง
มาด้านหน้าของเคจและยืน่ มือให้ทนั ที
“ยินดีที่ได้รู้จกั …ข้าชื่อทาช่า”
เธอเป็ นผูห้ ญิงที่ดูสวยสะอาดตา เคจยกมือขึ้นก่อนจะจับมือของ
ทาช่าเขย่าเบา ๆ
ช่วงเวลาที่คาร์ลหันกลังกลับไปปิ ดประตูหอ้ ง ทาช่าก็ขยับตัวไป
กระซิบบางอย่างที่หูของเคจอย่างรวดเร็ ว
“ข้าคือดาร์กเอลฟ์ …และเป็ นผูน้ าํ ในการเดินทางครั้งนี้”
ผูห้ ญิงสองคนสบตากัน
“ตอนนี้ขา้ เปลี่ยนสี ผวิ ของตัวเองแล้ว…”
ทาช่ารี บเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่กาํ ลังประเมินเธออยูจ่ ากเคจ ก่อน
ที่เคจจะยิม้ ให้และเริ่ มแนะนําตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จกั …ข้าชื่อเคจ….เป็ นอดีตนักบวชที่ถูกควํ่าบาตรจาก
พระเจ้าแห่งความตาย”
ประโยคที่วา่ ‘พระเจ้าแห่งความตาย’ ทําให้ทาช่าผูเ้ ป็ นดาร์กเอลฟ์ หัน
กลับไปมองคาร์ลทันที คาร์ลส่ ายหน้าของตนเบา ๆ เพื่อแสดงให้
เห็นว่าตนไม่ได้พดู เรื่ องขององค์ชายรัชทายาทให้กบั เคจฟัง
“ฉลองกันหน่อยมั้ย..ไหน ๆ เราก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกคน”
“ท่านมีเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ม้ ยั ล่ะ?”
“เรามีเครื่ องดื่มทุกประเภท…”
คาร์ลมองไปที่ผหู ้ ญิงสองคนที่กาํ ลังสนทนากันอย่างตั้งใจและเริ่ ม
นอกเรื่ องไปเรื่ อย ๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“ท่าช่า..ไปกันเถอะ”
ทาช่าหันมาสบตากับคาร์ล
ทุกคนในกลุ่มของคาร์ลรู ้วา่ ทาช่าคือดาร์กเอลฟ์ อย่างไรก็ตามมีเพียง
เขา ราอน ออนและฮงเท่านั้นที่รู้วา่ เธอเป็ นป้ าขององค์ชายรัชทายาท
“เราจะใช้บริ การสํานักงานเคลื่อนย้ายมวลสาร…ในเมืองหลวง
หรื อไม่?”
ทาช่าส่ ายหัวให้กบั คําถามของเคจ
“เวทย์แปลงกายของข้าอาจถูกตรวจพบได้..ดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้
รถม้าในการเดินทางแทน”
“อ่า…”
“ข้ามีป้ายประจําตัวนะ”
ทาช่าแสดงป้ ายประจําตัวของตนเองให้เคจดู
“ทุกอย่างมันปลอมหมด..ยกเว้นชื่อและอายุของข้า”
เคจพบว่าหน้าตาที่แสดงชัดถึงความซื่ อสัตย์ของทาช่าเต็มไปด้วย
ความสดชื่นที่แฝงไปด้วยความแปลก ๆ บางอย่างแต่มนั ก็ดูน่ารักดี
จากนั้นเธอก็เหลือบไปดูรายละเอียดที่ระบุไว้บนป้ ายประจําตัวของ
ทาช่า
ทาช่าอายุ 29 ปี
ก่อนที่ทาช่าจะเริ่ มหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แน่นอน..ว่าท่านต้องเติมเลข‘0’ต่อท้ายด้วยจึงจะได้อายุที่แท้จริ ง
ของข้า ”
ทาช่าอายุ 290 ปี
เคจเงยหน้าขึ้นมองทาช่าอีกครั้ง
“ให้ขา้ เรี ยกท่านว่าพี่สาวได้ม้ ยั ?”
“ข้าว่า..ข้าชักจะชอบเจ้าแล้วล่ะ..เจ้าเป็ นมนุษย์คนที่สามที่ไม่เรี ยกข้า
ว่าท่านย่าหลังจากได้ยนิ อายุจริ ง ๆ ของข้า…โปรดเรี ยกข้าตามที่เจ้า
ต้องการเถิด..เคจ”
“ได้เลย…พี่สาว”
คาร์ลกอดอกของตนเมื่อมองผูห้ ญิงทั้งสองที่สนทนากันอย่างออก
รส เคจดูเหมือนจะผ่อนคลายมากในตอนนี้แต่เธอก็เป็ นประเภทไร้
ความกังวลใด ๆ เมื่อได้ดื่มเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่ทาช่าเอง
ก็ดูจะเป็ นเหมือนกัน
‘…มันควรจะเป็ นเรื่ องดีใช่ม้ ยั ?’
เขาเริ่ มพูดกับหญิงสาวทั้งสองที่กาํ ลังเกาะแขนกันอย่างสนิทสนม
และมองมาที่เขา
“เร็ วเข้าเถอะ..เพราะตอนนี้มนั ร้อนมาก!”
คาร์ลได้ยนิ เสี ยงของราอนดังลอดเข้ามาในหัวของตนทันที
~โกหก!…เจ้ามนุษย์อ่อนแอ..เจ้าไม่ได้ร้อนเลยสักนิด..เจ้าต้อง
ขอบคุณเวทย์ทาํ ความเย็นที่ทาํ ให้เจ้าไม่รู้สึกร้อน!…และข้ายังทําให้
เจ้ากลายเป็ นเครื่ องระบายความร้อนชั้นดีอีกด้วย!~
ราอนพูดถูก เขากําลังโกหกอย่างแน่นอน ตอนนี้คาร์ลรู ้สึกว่าตน
กําลังยืนอยูก่ ลางแจ้งท่ามกลางสายลมที่เบา ๆ ที่พดั ผ่านเข้ามาในช่วง
ฤดูใบไม้ร่วง
~ยังไงก็ตาม..ข้าจะล่องหนติดตามเจ้าไปเช่นนี้!..เพราะข้าจะอยูเ่ คียง
ข้างเจ้าตลอดเวลา~
มันหมายความว่าจะมีคนที่สามารถให้เขาร้องขอเพื่อเพิ่มเวทย์ทาํ
ความเย็นได้เมื่อใดก็ตามที่เขารู ้สึกว่ามันร้อนขึ้น นี่มนั ดีกว่าการมี
เครื่ องปรับอากาศติดไว้ตามห้องเสี ยอีก
“ข้าคิดว่าเราต้องไปยังอาณาจักรคาโร”
คาร์ลก้าวขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรคาโรซึ่งตั้งอยูท่ างตอน
ใต้ของอาณาจักรเบร็ คและอยูท่ างทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ
อาณาจักรมอร์แกน
ป้ ายทองคําชิ้นใหม่ที่องค์ชายรัชทายาทมอบให้อยูใ่ นกระเป่ าเสื้ อตัว
ในของเขา
คลิ๊ก!
ประตูรถม้าถูกเปิ ดออก
“อากาศร้อน..ไม่ใช่เรื่ องตลกเลยสักนิด”
สายลมที่เต็มไปด้วยไอร้อนพัดผ่านชุดที่เหมาะกับสภาพอากาศของ
ทะเลทราย มันยังคงร้อนอยูแ่ ม้วา่ พระอาทิตย์จะตกดินไปแล้ว
“นายน้อยต้องการดื่มนํ้ามะนาวเย็น ๆ หรื อไม่ขอรับ?”
“ไม่…เจ้าดื่มมันเองเถอะ”
รอน บารอคและเชวฮันรี บลงจากรถม้าเพื่อตรวจดูความเรี ยบร้อย
ต่าง ๆ ก่อนที่ออนและฮงจะเดินตามหลังคาร์ลลงมาจากรถม้า
“ทาช่า!”
ทาช่ากระโดดลงจากที่นงั่ คนขับรถม้าเมื่อได้ยนิ เสี ยงเรี ยกของคาร์ล
ตอนนี้กลุ่มของคาร์ลอยูใ่ นเขตพื้นที่ทางทิศตะวันตกของอาณาจักร
คาโร มันเป็ นหมู่บา้ นเล็ก ๆ ที่อยูใ่ นอาณาเขต‘ดูโบรี ’ ซึ่งอยูต่ ิดกับ
ดินแดนแห่งความตาย
“ดินแดนแห่งความตายอยูน่ อกประตูเมืองทางด้านทิศตะวันตกใช่
หรื อไม่?”
“ใช่แล้ว”
ทันใดนั้นเสี ยงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของราอนก็ดงั เข้ามาหัวของ
คาร์ล
~ทะเลทราย!…นี่เป็ นครั้งแรกที่ขา้ ได้เห็นมัน!…ถึงแม้ขา้ จะเคยได้
อ่านมันมาบ้างแต่มนั ก็ดูต่างจากของจริ งยิง่ นัก!…มนุษย์!…เจ้าต้อง
เดินทางไปที่ต่าง ๆ เพื่อไปสัมผัสมันด้วยตัวเองให้ได้!~
คาร์ลสะดุง้ ก่อนจะเพิกเฉยต่อสิ่ งที่น่ากลัวดังที่ราอนได้พดู ขึ้นมา
ทาช่าเห็นคาร์ลสะดุง้ และยิม้ แหย ๆ ออกมาจึงเอ่ยถามขึ้น
“มันฟังดูแปลกมาก..เจ้าว่าหรื อไม่?”
“ข้าคิดว่ามันเป็ นเช่นนั้น”
คาร์ลเห็นด้วยกับคําพูดของเธอ
ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถเดินทางกลับมาจากดินแดนแห่งความ
ตายได้
ความจริ งดังกล่าวรวมไปถึงตํานานของหมอผีทาํ ให้ดินแดนแห่งนี้
ถูกขนานนามว่าเป็ นดินแดนแห่งความตาย
ทาช่าเริ่ มยิม้ ออกมา
“มันแปลกที่มีประตู..แต่กลับไม่มีใครคิดอยากออกไปที่นนั่ ใช่ม้ ยั ?”
โรสลินลงจากรถม้าและตอบกลับ
“มันแปลกมากจริ ง ๆ ”
“ข้าเห็นด้วย”
เคจก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ทาช่ากําลังอ้าปากตอบแต่คาร์ลกลับชี้ไปยังกําแพงปราสาทก่อนที่
เธอจะได้เอ่ยอะไรออกมา
“ข้าคิดว่า.ข้ารู ้…ว่ามันเป็ นเพราะอะไร”
กําแพงปราสาท เอ่อ…มันเป็ นกําแพงเก่า ๆ ดูทรุ ดโทรมแต่ถึง
อย่างไรมันก็คงถูกเรี ยกว่ากําแพงปราสาทล่ะนะ? คาร์ลชี้ให้สมาชิก
ในกลุ่มดูผคู ้ นที่กาํ ลังพยายามปี นขึ้นไป
“จับพวกมันไว้!”
“จับพวกมัน!…ฆ่ามันให้หมด!”
อึ่ก! อ๊าก!!!!!!
พวกเขาได้ยนิ เสี ยงชาวบ้านกรี ดร้องผสมกับเสี ยงหัวเราะชอบใจของ
ทหารยาม
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทาช่ายิม้ อย่างขมขื่นเมื่อได้ยนิ คําถามของเชวฮัน เธอมองไปรอบ ๆ
ก่อนจะตอบออกมาด้วยนํ้าเสี ยงแผ่วเบา
บทที่ 99

รู้ สึกว่ า 3 (2)

“ขุนนางของอาณาเขตดูโบรี เรี ยกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากซึ่ งมัน


เป็ นไปไม่ได้เลยที่ชาวบ้านในหมู่บา้ นที่อยูต่ ิดกับทะเลทรายเช่นนี้จะ
สามารถจ่ายภาษีสูงลิ่วได้..ในอดีตดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลทราย
เหล่านี้เคยเป็ นพื้นที่ในอาณาจักรแห่งหนึ่งและมันยังมีพ้นื ที่ส่วน
หนึ่งที่เป็ นทะเลที่สามารถให้พวกเขาเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้”
ไม่จาํ เป็ นต้องอธิบายอะไรเพิม่ เติมอีก
ผูค้ นที่พยายามปี นกําแพงอยูน่ ้ นั ดูเหมือนจะเป็ นชาวบ้านที่มีฐานะ
ยากจน
คาร์ลเริ่ มพูดขึ้น
“พวกเขาสร้างประตูข้ ึนมาเพื่อไล่จบั ชาวบ้านที่วงิ่ หนี”
“นอกจากนี้ยงั จับคนที่พยายามหลบหนีออกไปอีกด้วย”
ดินแดนแห่งความตายและชาวบ้านที่พยายามหนีไปตายเอาดาบหน้า
ในทะเลทรายเพื่อให้ตวั เองหลุดพ้นจากภาษีที่ขดู รี ดเลือดเนื้อของ
พวกเขา
“แน่นอนว่ามีคนจํานวนน้อยที่คิดจะทําเช่นนั้น..อย่างไรก็ตามเจ้าก็
จะได้เห็นมันอยูเ่ รื่ อย ๆ ตราบใดที่อาณาเขตแห่งนี้ถูกปกครองจาก
ตระกูลดูโบรี ..และพวกเขายังคงเพิ่มภาษีให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
มักจะมีขนุ นางที่เลวร้ายมากกว่าขุนนางนํ้าดีเสมอ
“ไปที่ประตูเมืองกันเถอะ”
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังประตูขนาดเล็กหากเทียบกับประตูเมืองทัว่ ๆ ไป
มีทหารยามหลายนายและอัศวินสองนายที่ยนื เฝ้ าประตูเอาไว้
“มีอะไรให้พวกเรารับใช้หรื อไม่..ขอรับ?”
อัศวินนายหนึ่งทําความเคารพกลุ่มของคาร์ล เหตุผลที่เขาให้ความ
เคารพเป็ นเพราะเครื่ องแต่งกายของพวกเขาดูหรู หราราคาแพง
คาร์ลมองไปยังอัศวินอีกกลุ่มหนึ่งและทหารยามบางส่ วนก่อนจะ
มองย้อนกลับมาที่อศั วินที่ยนื เฝ้ าประตู
มีชาวบ้านสองรายที่พยายามปี นกําแพงเพื่อหลบหนีไปยังดินแดน
แห่งความตายกําลังถูกทหารทําร้ายเจียนตายอยูต่ รงนั้น
“อึ่ก..!…ได้โปรดเถิด…ไว้ชีวติ ข้าด้วย..อึ่กก!!!!”
“เจ้าโง่!..เจ้าคิดว่าเราจะไม่มาตรวจยามที่นี่เพราะเห็นว่าถึงอาหารเย็น
แล้วรึ ?…หนอย!….บางทีเจ้าอาจทําสําเร็ จหากเรากลับไปทานอาหาร
เย็นเร็ วกว่านี้!….เจ้าโง่…ไอ้โง่เอ้ย!”
“ข้าขอโทษ!…ท่านอัศวิน!…ข้าขอโทษ..เป็ นเพราะข้า..ไม่มีเงิน..
อึ่ก!!…อัก๊ !!!!”
ตุบ๊ บบ!!!!! ผลัว๊ ะ!!!!
“เราจะออกไปข้างนอกประตูนนั่ ”
อัศวินตัวสัน่ ขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางอันสงบของคาร์ลก่อนจะยิม้
ออกมาเต็มใบหน้าเมื่อคาร์ลยืน่ เหรี ยญทองให้ อัศวินนายนี้รีบคว้า
มันใส่ กระเป๋ าเสื้ อของตนและตะโกนให้ทหารยามเปิ ดประตูทนั ที
“เปิ ดประตู!!”
อัศวินหันกลับมามองชายหนุ่มที่ดูจะมีฐานะมัง่ คัง่ และเริ่ มยิม้ ออกมา
อีกครั้ง
“โปรดมีชีวติ รอดกลับมานะขอรับ”
มันย่อมเป็ นคําอวยพรที่ดีที่สุดสําหรับคนที่กาํ ลังเดินทางไปยัง
ดินแดนแห่งความตาย
เอี๊ยด!!!!
เสี ยงประตูเปิ ดแว่วเข้ามาในหูของคาร์ล เขาหันไปมองประตูที่ถูก
เปิ ดออกช้า ๆ เมื่ออัศวินนายนี้เริ่ มพูดอีกครั้ง
“กระผมจะสวดภาวนาให้ท่าน…ไม่ตอ้ งลงเอยด้วยการเป็ นอาหาร
ของทะเลทรายสี แดงนะขอรับ”
คาร์ลมองเห็นทะเลทรายสี แดงที่ดูจะสว่างกว่าสี ของพระอาทิตย์ตก
ดินและเส้นผมสี แดงสดของเขาเสี ยอีก มันเหมือนซากของภูเขาถล่ม
ที่ถูกชโลมไปด้วยเลือด
“แน่นอน…ว่าข้าจะรอดกลับมา”
คาร์ลเอ่ยตอบอัศวินทันควัน
“เอ๊ะ!”
อัศวินนายนี้รีบคว้าสิ่ งที่คาร์ลโยนไปให้ดว้ ยความมึนงง คาร์ลจ้อง
ไปที่อศั วินและเริ่ มพูดขึ้น
“ปล่อยพวกเขาไปซะ!”
“อ่า…”
อัศวินนายนี้เริ่ มมีรอยยิม้ แปลก ๆ บนใบหน้าของเขาอีกครั้ง อัศวินที่
เคร่ งในหน้าที่จะไม่เปิ ดประตูบานนี้โดยง่ายหากไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตามตัวเขาและอัศวินคนอื่น ๆ รวมไปถึงทหารยามต่างก็
เป็ นเหมือนกัน
พวกเขาไม่ได้สนใจมากนักเกี่ยวกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของอาณาเขต ผูน้ าํ
ที่ไม่ดีกม็ กั จะมีลูกน้องที่ไม่ดีตามเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า…กระผมเดาว่าท่านคงเป็ นคนดีและมีน้ าํ ใจมากสิ นะ
ขอรับ?!”
“เฮอะ…ข้าแค่ยงุ่ โดยไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น!…..”
คาร์ลเห็นชาวบ้านสองคนนั้นประคองร่ างเดินจากไปอย่างทุลกั ทุเล
ก่อนจะเริ่ มเดินไปหน้าประตูทนั ที เขาเอ่ยประโยคสุ ดท้ายให้แก่
อัศวินนายนี้
“หากข้ามีชีวติ รอดกลับมา..ข้าจะให้เหรี ยญทองเจ้าอีกเหรี ยญ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า….กระผมจะรอขอรับ”
คาร์ลได้รับคําตอบที่ดูอ่อนน้อมต่อเขาแต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
ก่อนจะก้าวเข้าสู่ ทะเลทรายเบื้องหน้า
เอี๊ยดดดด!!!! ปั้ง!!!
ประตูเมืองถูกปิ ดลงทันทีโดยไม่ให้คาร์ลได้มีเวลาเปลี่ยนใจเลยสัก
นิด
“พวกเจ้ามองอะไรกัน?”
คาร์ลเอ่ยถามเสี ยงห้วนกับสมาชิกในกลุ่มของตน เขาไม่สนใจ
ใบหน้าที่ดูหลากอารมณ์ของเชวฮัน เขารู ้สึกไม่ดีกบั สิ่ งที่เขาเพิง่ ทํา
ลงไปดังนั้นเขาจึงไม่ตอ้ งการที่จะสนใจอารมณ์ของคนอื่นเช่นกัน
“ทาช่า…รี บพาเราไปที่นนั่ ได้แล้ว!”
แม้บางคนอาจจะตกใจกับนํ้าเสี ยงแข็ง ๆ ของคาร์ลแต่ทาช่ากลับยิม้
ให้อย่างอ่อนโยนเมื่อเธอได้ยนื อยูข่ า้ ง ๆ คาร์ลในตอนนี้
“ได้สิ…นายน้อยคาร์ล…ท่านช่างเป็ นคนดีจริ ง ๆ ”
“คนดี?…เป็ นไปไม่ได้หรอก..ไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด”
คาร์ลเห็นว่าทาช่าจะพูดอะไรออกมาอีกจึงพูดขัดขึ้น
“เร็ วเข้า!”
“อ่า…ข้าเข้าใจแล้ว”
ทาช่าก้าวไปเดินนําหน้าคาร์ลทันที
“ไปอีกไม่ไกลนัก”
ทาช่าทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ ว คาร์ลเตะไปที่พ้นื ทรายเบา ๆ
หลังจากเห็นเธอพุง่ ตัวนําออกไป
ปั่ก!
ร่ างของคาร์ลเคลื่อนไปข้างหน้าโดยเร็ วจากการเตะเท้าไปข้างหน้า
เพียงครั้งเดียว
เชวฮันตามคาร์ลไปติด ๆ โดยมีออนและฮงอยูใ่ นอ้อมแขน ในเวลา
เดียวกันโรสลินก็ใช้เวทย์เร่ งความเร็ วให้ตวั เธอเองและเคจตามติด
พวกเขาไปทันทีเช่นกัน
“ท่านพ่อ…ให้ขา้ ช่วยหรื อไม่?”
“ไร้สาระ!..พ่อยังแข็งแรงดีและความเร็ วก็ยงั ไวเช่นเดิม”
รอนและบารอคเป็ นสองคนสุ ดท้ายที่เริ่ มเคลื่อนตัว ความเร็ วของ
รอนพอ ๆ กับเชวฮันและเคลื่อนผ่านทะเลทรายได้อย่างง่ายดาย
“เป็ นอย่างไรบ้าง?….ออกแรงวิง่ ตอนเย็นเช่นนี้สนุกดีหรื อไม่?…ฮ่า
ฮ่าฮา…,มา!…วิง่ ให้ห่างจากประตูให้ไวเข้า”
ทาช่าตะโกนดังลัน่ ในขณะที่ขาก็ยงั คงวิง่ ต่อไป คาร์ลอดทึ่งไม่ได้
หลังจากเห็นการวิง่ ของเธอ ทาช่าไม่ได้ใช้พลังเวทย์หรื อแม้แต่ออก
แรงจากกําลังของเธอเอง
‘มันคือองค์ประกอบของธาตุ’
ดาร์กเอลฟ์ เป็ นสิ่ งมีชีวติ ในความมืดที่อาศัยอยูด่ ว้ ยกฎของธรรมชาติ
พวกเขาสามารถจัดการธาตุต่าง ๆ ได้ดีเพราะเผ่าพันธุ์ของพวกเขาคือ
เอลฟ์ นัน่ คือเหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงเรี ยกตัวเองว่าสิ่ งมีชีวติ ใน
ธรรมชาติได้แม้จะมีคุณสมบัติที่เป็ นความมืดก็ตาม
ฟึ่ บ!!! ฟึ่ บ!!!
ทรายพุง่ ขึ้นสู่ อากาศหลังจากกลุ่มของคาร์ลเคลื่อนผ่าน คาร์ลรู ้สึก
ประหลาดใจกับทะเลทรายสี แดงที่ดูคล้ายกับสี เลือด
กลุ่มของคาร์ลวิง่ ตามหลังทาช่าไปพักใหญ่ จนในที่สุดทาช่าก็ลด
ฝี เท้าลงหลังจากวิง่ ห่างจากประตูเมืองค่อนข้างไกล
เธอหันไปมองพระอาทิตย์ตกเมื่อเอ่ยกับกลุ่มของคาร์ล
“จับตาดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเจ้าให้ดี”
‘จับตาดู?’
ช่วงเวลาที่คาร์ลนึกสงสัยเกี่ยวกับสิ่ งที่ทาช่าบอก พระอาทิตย์กล็ ดลง
ตํ่าสู่ พ้นื ดินและหายวับไป
“ห๊ะ…”
“เมี้ยว!!”
“เมี้ยว!!”
สมาชิกในกลุ่มต่างตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินทรายก็เริ่ มเปลี่ยนเป็ นสี ดาํ ช้า ๆ โดยเริ่ ม
จากเส้นขอบฟ้ าที่อยูไ่ กลสายตา มันเป็ นภาพที่ชวนตื่นตาตื่นใจยิง่ นัก
“มันอธิบายไม่ได้จริ ง ๆ ที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง”
ทะเลทรายสี ดาํ เริ่ มสะท้อนเป็ นประกาย
~มันเป็ นสี เดียวกับข้าเลย.!..ทะเลทรายแห่งนี้สวยงามยิง่ นัก…มันดูดี
เหมือนข้าเลย!~
ราอนก็ดูตื่นเต้นเช่นกัน
คาร์ลพูดออกมาตามที่ใจเขาคิด
“ดูเหมือนว่ากลางคืนจะเข้ามาเยือนพื้นโลกแล้ว”
“ถูกต้อง”
ทาช่าอมยิม้
“ถ้ากลางคืนเข้ามาเยือนพื้นโลก..แล้วพื้นดินพวกนี้จะต้องไปไหน
กันนะ?”
ทันใดนั้นลมเย็นก็พดั ผ่านเข้ามา
พื้นทรายเริ่ มหมุนวนไปตามแรงลมซึ่งก่อให้เกิดเนินทรายขึ้นหลาย
แห่ง
“เฮ้อ…”
คาร์ลเข้าใจในคําถามของทาช่า เขามองไปยังทรายสี ดาํ ที่กาํ ลัง
เคลื่อนตัวไปตามแรงลมที่พดั ผ่านแรงขึ้นเรื่ อย ๆ ในขณะเอ่ยตอบ
“ถ้าความมืดเข้ามาเยือนพื้นโลก”
สายตาของคาร์ลหยุดลงที่ทาช่า
“ก็เป็ นเวลาของดาร์กเอลฟ์ แล้วสิ นะ?”
“ถูกต้อง”
ทาช่าถอดสร้อยที่สวมเอาไว้และโยนมันไปที่พ้นื
“อ่า….”
โรสลินอ้าปากค้าง รู ปลักษณ์ของทาช่าเปลี่ยนเป็ นสี ดาํ อย่างรวดเร็ ว
ผิวสี ดาํ ที่เปล่งประกายล้อกับพื้นทะเลทรายสี ดาํ ทั้งสี ตาและสี ผมก็
เป็ นสี ดาํ สนิท มันเหมือนว่าเธอเป็ นมุกสี ดาํ ที่มารวมตัวเป็ นคนเสี ย
มากกว่า
ทาช่าที่เคยมีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากชาวเมืองทัว่ ไปได้หายไปแล้ว
ตอนนี้เธอได้กลับเข้าสู่ร่างที่แท้จริ งของตัวเอง เธอเริ่ มตะโกนขึ้นมา
“ตอนนี้…ข้าจะพาพวกเจ้าไปยังหมู่บา้ นดาร์กเอลฟ์ !!!”
ลมกําลังหมุนวนอยูบ่ นมือของเธอเนื่องจากธาตุที่เป็ นองค์ประกอบ
สําคัญของเอลฟ์ ทําให้ทรายเคลื่อนที่เร็ วขึ้นกว่าเดิม
พวกเขาอยูใ่ จกลางทะเลทรายและสามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบได้
อย่างชัดเจน
ประตูขนาดใหญ่ปรากฏอยูบ่ นพื้นทรายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็ นเนินทราย
ให้พวกเขาเคยยืนอยู่ ทาช่าดึงประตูทรงกลมบานนี้ดว้ ยแรงทั้งหมด
ของเธอ
“..ใต้…ใต้ดิน”
โรสลินเริ่ มขนลุก
หากกลางคืนเข้ามาเยือนพื้นโลก…พื้นโลกก็ตอ้ งขยับลงไปอีก
“ข้าจะเข้าไปก่อนคนแรก…คนที่เข้ามาสุ ดท้ายช่วยปิ ดประตูให้ขา้
ด้วยแล้วกัน”
ทาช่ากระโดดเข้าไปในหลุมนั้นทันที
“เดี๋ยวกระผมจะเป็ นคนปิ ดประตูเองขอรับ..ท่านคาร์ล”
คาร์ลถอยหลังไปหนึ่งก้าวหลังได้ยนิ เชวฮันพูดขึ้น ในหลุมมันมืด
มากจนเขามองไม่เห็นอะไรเลย
‘..ฉันจะไม่ตายใช่ม้ ยั ?’
~มนุษย์..ไปกันเถอะ!~
‘อย่างน้อยก็เป็ นเรื่ องดี…ที่ราอนอยูข่ า้ ง ๆ ฉัน’
คาร์ลหันไปมองรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เขาเมื่อเขาตั้งท่า
กระโดดเข้าไปในหลุมนั้น
“โอ้!!!”
คาร์ลรู ้สึกสนุก
มันเป็ นพื้นสไลด์!เขารู ้สึกถึงบางอย่างที่เกาะอยูบ่ นหลังของเขา ร่ าง
ของราอนไหลมากองติดกับเขาเมื่อลื่นลงมากับสไลเดอร์น้ ี
~มนุษย์..นี่มนั สนุกมาก!….ข้าอยากเล่นมันอีก!!~
ร่ างของคาร์ลยังไหลลงไปกับพื้นสไลด์ราวกับมันเป็ นเหวที่ไม่มี
จุดสิ้ นสุ ด ในที่สุดเขาก็มองเห็นแสงสว่างที่อยูต่ รงปลายทางนัน่ มัน
เป็ นแสงที่จา้ มาก
ตุบ๊ !!
คาร์ลร่ วงลงสู่ กองนุ่นทําให้เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ในที่สุดหมู่บา้ น
ดาร์กเอลฟ์ ก็ปรากฏอยูต่ รงหน้าของเขาแล้ว
มีแสงสว่างมากมายที่ปรากฏอยูบ่ นเพดานสู งโดยมีเสาต้นใหญ่
รองรับมันเอาไว้
เมืองใต้ดินที่สวยงามซึ่งเต็มไปด้วยองค์ประกอบทางธรรมชาติเช่น
นํ้าและต้นไม้ มันต่างรวมตัวอยูต่ รงหน้าของคาร์ลในตอนนี้
มีใครบางคนยืน่ มือออกมาเพือ่ ช่วยพยุงเขาขึ้นจากกองนุ่น เป็ นทาช่า
นัน่ เองที่ส่งมือมาให้เขา
“ยินดีตอ้ นรับสู่เมืองแห่งความตาย”
‘เมืองแห่งความตาย’
คาร์ลยืน่ ไปจับมือของทาช่าและยันร่ างของตนขึ้นยืน
“มันฟังดูดีนี่”
ทาช่ายิม้ ให้กบั ประโยคสั้น ๆ ที่คาร์ลเอ่ยขึ้น
บทที่ 100

รู้ สึกว่ า 4 (1)

ตุบ๊ ! ตุบ๊ ! ตุบ๊ !


เกิดเสี ยงดังจากของหนักล่วงลงสู่พ้นื ติดต่อกันซํ้า ๆ ทุกคนในกลุ่ม
ของคาร์ลหล่นลงบนกองนุ่นก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ ว
ปฏิกิริยาของพวกเขาเป็ นในทิศทางเดียวกันเมื่อมองเห็นสิ่ งที่อยูเ่ บื้อง
หน้า
“ว้าว!!”
“โอ้โห!!!”
“เมี้ยว!!!”
“นี่มนั ?!”
พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถเก็บอาการตาค้างเอาไว้ได้เมื่อได้เห็น
เมืองใต้ดินกับตาของตัวเอง พวกเขาจินตนาการภาพเอาไว้วา่ มันจะ
เป็ นเพียงสถานที่ที่มืดมิดแต่เมืองที่อยูต่ รงหน้าของพวกเขากลับเต็ม
ไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า
มีแสงจ้าส่ องลงมาจากเพดานสูงโดยมีลาํ ธารไหลผ่านอยูอ่ ีกฟากหนึ่ง
และล้อมรอบด้วยทุ่งธัญพืชทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้ยงั มีตน้ ไม้สูงที่
ปลูกเรี ยงรายเป็ นพื้นที่ป่าขนาดย่อม ๆ
“…มันเป็ นไปได้อย่างไร?”
โรสลินไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เธอไม่ได้มีอคติใด ๆ ต่อดาร์ก
เอลฟ์ มากนักแต่เธอยังมีความรู ้สึกด้านลบอยูบ่ า้ งเมื่อได้ยนิ ว่า
หมู่บา้ นแห่งนี้ถูกซ่อนอยูใ่ นดินแดนแห่งความตาย เมื่อรู ้อยูแ่ ล้วว่า
ดาร์กเอลฟ์ เป็ นเผ่าพันธุ์ที่ใช้พลังเวทย์จากความตาย คนเช่นโรสลิ
นซึ่งเป็ นผูห้ นึ่งที่ใช้พลังเวทย์จากธรรมชาติจึงไม่สามารถยอมรับ
เรื่ องนี้ได้สนิทใจนัก เธอยังคงรู ้สึกแง่ลบกับพวกเขา
ตอนนั้นเองที่เคจเริ่ มพูดขึ้น
“ความตายก็เป็ นส่ วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน”
โรสลินหันไปมองเคจซึ่งมีท่าทางเป็ นปกติราวกับว่าสิ่ งนี้เป็ นเรื่ อง
ธรรมดา ๆ ที่พบเจอได้ทวั่ ไป แน่นอนว่ามันเป็ นเรื่ องปกติของคาร์ล
เช่นกัน
“ธาตุ…”
คาร์ลหันไปมองทาช่าเมื่อได้ยนิ เสี ยงเธอดังขึ้น
“พลังแห่งธรรมชาติ”
ความหมายที่ทาช่าพยายามจะสื่ อคือมันเป็ นธาตุที่พบเจอใน
ธรรมชาติ
แม้วา่ พวกเขาจะได้รับพลังที่แข็งแกร่ งจากพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วแต่
เอลฟ์ ก็ยงั เป็ นสิ่ งมีชีวติ ในธรรมชาติอยูด่ ี ในฐานะที่เป็ นสิ่ งมีชีวติ ใน
ความมืดและเป็ นส่ วนหนึ่งของเผ่าพันธ์เอลฟ์ ทําให้พวกเขาสามารถ
จัดการใช้ธาตุที่มีอยูใ่ นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กับการใช้พลังเวทย์ที่
ตายไปแล้วได้เช่นกัน
ทาช่าผายมือเธอออกเมื่อเห็นดาร์เอลฟ์ กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหา
“โอ้!..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
“ให้ตายเถอะ!..ยัยบ้า!”
“เจ้าไม่เคยแม้แต่จะส่ งจดหมายมาหาเราสักฉบับ..นับเวลาได้กเ็ ป็ น
เวลาเกือบห้าปี แล้ว..จู่ ๆ เจ้าก็โผล่หวั กลับมาพร้อมกับประโยค
ที่วา่ …‘ไม่ได้เจอกันนาน’เลยนี่นะ?…”
ดาร์กเอลฟ์ สองตนรุ มต่อว่าทาช่าในขณะที่ดาร์กเอลฟ์ อีกตนกลับเอ่ย
ทักทายคาร์ลอย่างสุ ภาพ
“ยินดีที่ได้รู้จกั ขอรับ…เดี๋ยวข้าจะพาท่านไปยังที่พกั ก่อนแล้วกัน”
“เฮ้!…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…ชอว์น!”
“รี บตามข้ามาเถิดขอรับ”
ทาช่าเอ่ยทักทายชอว์นอย่างกระตือรื อร้นโดยที่เขาไม่คิดจะสนใจ
เธอแต่อย่างใด
“อ่า…ไม่เอาน่าชอว์น…นี่เจ้าโกรธข้ารึ ?”
“พวกท่านมีสมั ภาระอะไรหรื อไม่?…หากมีพวกเราจะจัดการให้ท่าน
เอง”
ชอว์นเมินเธอเช่นเดิม คาร์ลอมยิม้ ก่อนจะตอบออกไป
“เราไม่มีสมั ภาระหรอก..เชิญท่านทําทางพวกเราได้เลย”
ชอว์นลอบสังเกตคาร์ลเงียบ ๆ ซึ่งกําลังยกยิม้ จาง ๆ ให้เขาอยู่
“….ข้าได้ยนิ มาว่าท่านเป็ นขุนนาง..ดังนั้นไม่ตอ้ งใช้คาํ สุ ภาพอะไร
กับพวกข้าหรอกนะขอรับ”
“ได้..ข้าจะทํามันแล้วกัน”
คาร์ลไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้เช่นกัน
กลุ่มของคาร์ลและดาร์กเอลฟ์ ทั้งสามเดินเข้าสู่ใจกลางฐานที่ต้ งั ของ
ดาร์กเอลฟ์ หรื อที่รู้จกั กันในชื่อ ‘เมืองแห่งความตาย’
“เป็ นอย่างไรบ้าง?…มันพัฒนาไม่แพ้เมืองอื่น ๆ เลยใช่ม้ ยั ?”
ทาช่าเอ่ยถามสมาชิกในกลุ่มของคาร์ลด้วยสี หน้าภูมิใจ เมืองนี้ได้รับ
การพัฒนาค่อนข้างดีทีเดียว ความเจริ ญของมันเทียบเท่ากับเมืองที่
ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรโรมันเลยด้วยซํ้า
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่คิดจะตอบคําถามของเธอ เขากําลังยุง่ กับการ
มองอย่างอื่นอยู่
“มีมนุษย์อาศัยอยูท่ ี่นี่ดว้ ยหรื อ?”
ทาช่ายังคงยิม้ ค้างไว้เช่นเดิม
‘อ่า…ฉันเข้าใจแล้ว’
พวกเขามองเห็นกลุ่มดาร์กเอลฟ์ ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในเมืองซึ่ ง
มันเป็ นตามที่คาดเอาไว้แต่กลับมีมนุษย์ประมาณหนึ่งคนต่อดาร์ก
เอลฟ์ จํานวนสิ บตนปะปนกันอยูใ่ นเมืองนี้
ดินแดนแห่งความตายเป็ นหนึ่งในห้าของสถานที่ตอ้ งห้าม มีคน
กล่าวเอาไว้วา่ ไม่มีใครที่สามารถรอดชีวติ กลับมาเมื่อย่างกรายเข้าไป
ในดินแดนแห่งความตายแล้ว ความตายของพวกเขาทําให้ทะเลทราย
กลายเป็ นสี แดง บ้างก็วา่ เป็ นเพราะคําสาปของหมอผีที่เป็ นสาเหตุให้
คนตายในดินแดนแห่งนี้
คาร์ลเริ่ มเอ่ยขึ้น
“นี่คงเป็ นเหตุผล…ที่ทาํ ให้คนที่หนีเข้าไปในทะเลยทราย..ไม่เคยได้
กลับออกไปสิ นะ?”
กลุ่มดาร์กเอลฟ์ ที่รวมกลุ่มกันอยูก่ บั คาร์ลต่างอมยิม้ ทาช่ายักไหล่
ของตนสูงขึ้นเมื่อเริ่ มตอบ
“เราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตายได้หรอกนะ..โดยเฉพาะอย่างยิง่
เมื่อดาร์กเอลฟ์ เช่นเราต่างก็มีเรื่ องราวในอดีตเกี่ยวกับการหลบหนีที่
คล้าย ๆ กัน”
ในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ตอ้ งหลบหนีเพื่อเอาชีวติ รอดทําให้พวกเขาเข้าใจ
ชาวบ้านที่พากันหลบหนีเข้าไปในทะเลทรายที่ถูกขนานนามว่า
ดินแดนแห่งความตายได้ดี มันเป็ นเพราะพวกเขาหมดหวังกับชีวติ จึง
ตัดสิ นใจหลบหนีเข้ามาแม้วา่ มันจะหมายถึงความตายที่รออยู่
ข้างหน้าก็ตาม ดาร์กเอลฟ์ เช่นพวกเขาก็เคยสัมผัสกับความรู ้สึกเช่นนี้
มาก่อน
คาร์ลรู ้สึกขนลุกขึ้นเล็กน้อย
“วิเศษยิง่ นัก”
มันเป็ นเรื่ องที่วเิ ศษจริ ง ๆ แม้วา่ พวกเขาจะไม่เคยลงมือทําร้ายมนุษย์
แต่พวกเขาก็ถูกไล่ล่าและขับไล่ไสส่ งด้วยนํ้ามือมนุษย์เพียงเพราะ
พวกเขาเป็ นสิ่ งมีชีวติ ในความมืดที่เกี่ยวข้องกับความตายแต่หลังจาก
ที่รักษาบาดแผลทางใจจนดีข้ ึนพวกเขาก็ไม่คิดเคียดแค้นแต่อย่างใด
พร้อมกับอ้ามือรับพวกมนุษย์เข้ามาอาศัยร่ วมกับพวกเขาอีกด้วย
มันเป็ นสิ่ งที่แตกต่างกันอย่างมากหากเทียบกับพวกไวท์เอลฟ์ ที่
เกลียดชังการมีส่วนร่ วมใด ๆ กับมนุษย์
และนี่อาจเป็ นเหตุผลว่าทําไมธรรมชาติและองค์ประกอบของธาตุ
ไม่ละทิ้งพวกเขาไป
“ข้าเข้าใจแล้วล่ะว่าทําไมธรรมชาติจึงรักดาร์กเอลฟ์ ”
ธรรมชาติไม่ได้หลบเลี่ยงเผ่าพันธุ์ดาร์กเอลฟ์ แต่อย่างใดแต่ธรรมชาติ
กลับสร้างพื้นที่ในอ้อมแขนของพวกมันเพื่อต้อนรับดาร์กเอลฟ์ อย่าง
อบอุ่นต่างหาก ใบหน้าอันสดใสของเหล่ามนุษย์ที่อยูอ่ าศัยในเมือง
แห่งนี้ไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของคาร์ลได้
“ก็ตอ้ งขอบคุณธรรมชาติ..ที่รังสรรค์เอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กบั
ดินแดนแห่งนี้”
คาร์ลหันไปมอง ‘ชอว์น’ที่กาํ ลังดันแว่นสายตาของตนขึ้นเล็กน้อย
เขายังคงกล่าวต่อไปพร้อมกับที่สายตาของเขากวาดไปหยุดที่ร่าง
ของโรสลินอยูค่ รู่ หนึ่งก่อนจะละสายตาออกไป
“นี่คือดินแดนแห่งความตาย…เราไม่รู้เหตุเบื้องหลังที่แน่ชดั …แต่เรา
สังเกตเห็นว่าออร่ าความตายที่ปรากฏในทะเลทรายแห่งนี้…มักจะ
ปรากฏขึ้นปี ละสองครั้ง…มันจะปรากฏพลังเวทย์แห่งความตายเต็ม
พื้นทราย”
คาร์ลย้ายสายตาไปหยุดที่เคจซึ่งพยักหน้าของตนเบา ๆ
“ทะเลทรายแห่งนี้เต็มไปด้วยออร่ าแห่งความตาย..อย่างไรก็ตามมัน
ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายแต่อย่างใด..ออร่ าแห่งความตายเป็ นไปตามกฎแห่ง
ธรรมชาติและจะปรากฏอยูช่ วั่ ระยะหนึ่งก่อนจะสลายไปในที่สุด”
“ท่านต้องเป็ นนักบวช…จากวิหารพระเจ้าแห่งความตายใช่หรื อไม่?”
“ข้าถูกควํ่าบาตรแล้วต่างหาก”
ชอว์นสะดุง้ เมื่อได้ยนิ เคจกล่าวเช่นนั้น ในขณะเดียวกันคาร์ลก็พยัก
หน้าของตนเบา ๆ ก่อนจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ องนี้
“บางทีดินแดนแห่งนี้อาจเป็ นสถานที่ที่พระเจ้าแห่งความตายมอบให้
ก็ได้..เพียงเพราะพวกเจ้าต้องการพลังเวทย์จากสิ่ งที่ตายไปแล้วใน
ฐานะสิ่ งมีชีวติ ในความมืด…มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะเป็ น
คนชัว่ สักหน่อย”
คาร์ลยังคงพูดกับกลุ่มดาร์กเอล์ฟที่กาํ ลังจ้องสายตามาทางเขาต่อไป
“ยังมีมนุษย์อีกมากที่โหดร้ายและป่ าเถื่อนเช่นกัน…สิ่ งเหล่านั้นมัน
ต่างกันตรงไหนล่ะ?”
“นายน้อยพูดถูกขอรับ..”
รอนเห็นด้วยกับความคิดของคาร์ล ชอว์นมองไปที่รอนก่อนจะยิม้
ออกมาอย่างขมขื่นเมื่อเห็นรอยยิม้ ที่รอนส่ งมาให้ ทาช่ามองไปรอบ
ๆ ก่อนจะสรุ ปเรื่ องนี้ดว้ ยสิ่ งที่ดีที่สุด
“ถึงยังไงก็ตามดินแดนแห่งนี้..มันก็เป็ นสถานที่ที่เหมาะกับการอยู่
อาศัยไม่ใช่หรื อไง…”
นัน่ คือสิ่ งที่ถูกต้อง
คาร์ลมาถึงที่พกั ของพวกเขาในเวลาต่อมาและสภาพของโรงแรม
แห่งนี้ถือว่าคุณภาพดีทีเดียว
“นี่ถือเป็ นครั้งแรก..ที่มีแขกเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้”
“จริ งหรื อ?”
ชอว์นพยักหน้าตอบรับ
“เราสร้างโรงแรมแห่งนี้ข้ ึนมาเพื่อรองรับแขกผูม้ าเยือนในกรณี ที่
พวกเราค้นพบหมู่บา้ นดาร์กเอลฟ์ แห่งอื่น..อย่างไรก็ตามเราไม่
สามารถหามันเจอได้….นอกจากนี้มนุษย์ที่เข้ามาในดินแดนของเรา
ก็ไม่ได้อยูใ่ นสภาพที่จะเข้าพักในโรงแรงแห่งนี้ได้เช่นกัน”
“พวกเขาอยูใ่ นสภาพแบบใด?”
ชอว์นไม่มีปัญหาในการตอบคําถามของเชวฮัน
“พวกเขาส่ วนใหญ่อยูใ่ นสภาพอ่อนแรงจากการขาดนํ้าและอาหาร..
บางคนก็ใกล้ความตายเข้าไปทุกที…บางคนยังอยูใ่ นสภาพ
หวาดกลัวกับการเข้ามาในดินแดนแห่งความตายและพบเข้ากับดาร์ก
เอลฟ์ เช่นพวกเรา…นัน่ คือเหตุผลที่เราต้องส่ งพวกเขาไปรักษาตัวที่
ตึกพยาบาลโดยด่วน”
บทที่ 100

รู้ สึกว่ า 4 (2)

ชอว์นสาวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าของโรงแรมทันทีที่พดู จบ
“เจ้ามีแขกกลุ่มแรกเข้าพักแล้ว”
“โอ้!…ท่านพี่….ในที่สุดข้าก็มีแขกแล้ว!”
เจ้าของโรงแรมเป็ นมนุษย์ ชายชราผูน้ ้ ีดูเหมือนจะอยูใ่ นช่วงอายุ 70
ปี เขาลุกขึ้นปรบมือด้วยความยินดีเมื่อเห็นกลุ่มของคาร์ล
“ไอกู!!!….ยินดีตอ้ นรับแขกผูม้ ีเกียรติทุกท่านขอรับ…กระผมอาจดู
ไม่เหมือนนักแต่กระผมเป็ นมนุษย์ที่อยูน่ านที่สุดในเมืองแห่งนี้…
กระผมรู ้ทุกตารางนิ้วของเมืองแห่งนี้พอ ๆ กับพี่ชายดาร์กเอลฟ์ ของ
กระผมเลยล่ะ”
ทาช่าแอบกระซิบกับกลุ่มของคาร์ล
“ข้าจะบอกข้อมูลกับพวกเจ้าแล้วกัน..ชอว์นกับข้าอายุเท่ากัน”
คาร์ลยืน่ มือไปจับกับเจ้าของโรงแรม
“ท่านผูเ้ ฒ่า….ฝากตัวด้วยแล้วกัน..โปรดดูแลพวกเราอย่างเต็มที่”
“แน่นอนขอรับ…ยินดีตอ้ นรับสู่ เมืองแห่งชีวติ ”
“เมืองแห่งชีวติ ?”
ชายชรายิม้ อย่างสดใสเมื่อเห็นใบหน้าอันสับสนของคาร์ล
“ขอรับ…นัน่ คือสิ่ งที่เราเรี ยกขานดินแดนแห่งนี้”
“อ่า…ชื่อนี้ดูเหมาะกว่าอีก”
คาร์ลตอบก่อนจะหันไปหาชอว์นเพือ่ เอ่ยถาม
“ตอนนี้เรารู ้แล้วว่าเราพักอยูท่ ี่ไหน?..พอดีขา้ อยากจะซื้ อของตอนนี้
สักหน่อย..เจ้าจะว่าอย่างไร?”
“อ้อ!…พวกเขากําลังรอท่านอยูพ่ อดีขอรับ”
.
.
.
ตลาดตั้งอยูบ่ นชั้นที่สาม
มีเพียงทาช่าและชอว์นเท่านั้นที่นาํ คาร์ลและเชวฮันมาที่นี่ ส่ วนคน
อื่น ๆ รออยูท่ ี่โรงแรมและแน่นอนว่าราอนก็ใช้เวทย์ล่องหนตาม
คาร์ลมาเช่นกัน
“นี่คือสํานักงานฝ่ ายบริ หารเมืองแห่งนี้”
พวกเขาแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับพวกไวท์เอลฟ์ ที่อาศัยอยูใ่ น
ป่ าดุจฤาษี ดินแดนของดาร์กเอลฟ์ ดูเหมือนจะมีโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด
มีมนุษย์หลายคนที่ทาํ งานอยูใ่ นสํานักงานแห่งนี้
ทาช่ากําลังมองไปยังจุดที่คาร์ลสังเกตก่อนจะอธิบายให้ฟัง
“มนุษย์ส่วนใหญ่ที่มาที่นี่..ไม่รู้วา่ พวกเขาต้องเขียนอ่านอย่างไร?..
ส่ วนใหญ่พวกเขาต้องการเรี ยนรู ้ทกั ษะช่างเฉพาะทางหรื อการทํานา
เท่านั้น…อย่างไรก็ตามเด็กมนุษย์ทุกคนที่เกิดในเมืองแห่งนี้จะได้รับ
การศึกษาเช่นเดียวกับเด็กดาร์กเอลฟ์ ”
คาร์ลเคยนึกสงสัยมาก่อนว่าทวีปตะวันตกในโลกนิยายเรื่ องนี้มีส่วน
ใดที่ใกล้เคียงกับโลกจริ งบ้าง?
‘ที่นี่…น่าจะเป็ นคําตอบได้ดีที่สุด’
เมืองใต้ดินแห่งนี้ใกล้เคียงกับโลกอุดมคติมากที่สุด
อาจเป็ นเพราะสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่กลุ่มคนหนีจากเหล่า
ทรราชมารวมตัวกัน
“ส่ วนนี่คือห้องทํางานของท่านเจ้าเมืองขอรับ”
พวกเขามองเห็นประตูไม้เรี ยบ ๆ ตามมือที่ชอว์นชี้ให้ดู
“เมืองของเราจะถูกบริ หารโดยดาร์กเอลฟ์ ที่อาวุโสที่สุด…โดยท่าน
เจ้าเมืองคนปัจจุบนั มีอายุ 521 ปี ขอรับ”
ทันใดนั้นเอง
คลิ๊ก! กึกกัก!กึกกัก!
พวกเขาได้ยนิ เสี ยงลูกบิดประตูที่ถูกหมุนไปมา
และสุ ดท้าย
ปั้ง!
ประตูหอ้ งของท่านเจ้าเมืองถูกเปิ ดออก
“อ่า…ท่านเจ้าเมือง?”
ดาร์กเอลฟ์ วัยชราผูม้ ีเคราและเส้นผมสี ขาวซึ่ งตัดกับสี ผวิ เข้ม ๆ ของ
เขา อย่างไรก็ตามใบหน้าที่แฝงไว้ดว้ ยความหล่อและดูดีกลับซี ด
เผือดลงจนเห็นได้ชดั
“..ค…ความรู ้สึกนี้?”
ชอว์นรู ้สึกกังวล เขาหันกลับไปมองกลุ่มของคาร์ลก่อนจะสาวเท้า
ไปหาท่านเจ้าเมืองของตนทันที
“ท่านเจ้าเมืองเกิดสิ่ งใดขึ้น?…”
ทาช่าก็ดูรีบร้อนเช่นกันแต่คาํ เรี ยกที่เธอเอ่ยขึ้นนั้นต่างจากชอว์น
เล็กน้อย
“ท่านปู่ ..มีสิ่งใดผิดปกติอย่างนั้นหรื อ?”
‘ปู่ ?’
คํานั้นทําให้คาร์ลสะดุง้ เธอเรี ยกชายชราผูน้ ้ ีวา่ ปู่ ?เป็ นเพราะเธอสนิท
กับท่านเจ้าเมืองจนสามารถเรี ยกขานเช่นนี้ได้หรื อเป็ นเพราะ
สายเลือดของเธอที่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงกันแน่?
หากพวกเขาเป็ นคนในตระกูลเดียวกันคาร์ลก็สามารถเข้าใจในทันที
ว่าทําไมหมู่บา้ นแห่งดาร์กเอลฟ์ นี้จึงมีสายสัมพันธ์อนั ลึกซึ้งกับองค์
ชายรัชทายาท
“หลานสาวของท่านกลับมาถึงที่นี่เป็ นครั้งแรกในรอบหลายปี !…
แล้วทําไมสภาพของท่านจึงเป็ นเช่นนี้?”
ทาช่ามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับท่านเจ้าเมืองจริ ง ๆ
‘…ฉันรู ้แล้วว่าคนเช่นองค์ชายรัชทายาท..มีภูมิหลังทางครอบครัวที่
ดีเยีย่ มยิง่ นัก’
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กดูเหมือนจะมีพ้นื เพทางครอบครัวที่
แข็งแกร่ ง คาร์ลหันไปมองทาช่าและท่านเจ้าเมืองที่ยงั มีสีหน้าตกใจ
อยูเ่ ช่นเดิม ตอนนั้นเองที่สายตาของชายชราผูน้ ้ ีสบเข้ากับคาร์ลพอดี
ท่านเจ้าเมืองจ้องมาที่คาร์ลโดยไม่ยอมวางตาก่อนจะพึมพําบางอย่าง
ออกมา
“บ…บา…บางที”
เสี ยงของเขาสัน่ และทําให้คาร์ลรู ้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่ องนี้
ดาร์กเอลฟ์ วัยชราดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของ
ตนก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกยาว
“นายน้อยผูน้ ้ ี…ข้าได้ยนิ มาว่า..ท่านมีพลังเวทย์ของมังกรที่ตายไป
แล้วไว้ในครอบครอง”
‘มีบางอย่างแปลก ๆ ’
แม้วา่ เขาจะเป็ นขุนนางแต่เขาก็ไม่ได้อยูใ่ นระดับเล็ก ๆ ที่คนเช่น
ท่านเจ้าเมืองผูน้ ้ ีจะเอ่ยถามอะไรตรง ๆ ออกมาได้
“นายน้อย…ท่านเป็ นมังกร—”
ชอว์นและทาช่าชะงักค้างทันทีในขณะที่ดวงตาของเชวฮันก็เริ่ มสัน่
เล็กน้อย
“ไม่ใช่!”
คาร์ลตอบอย่างหนักแน่น
“ข้าไม่ใช่มงั กร”
ชอว์นและทาช่ารู ้สึกโล่งใจหลังจากได้ยนิ คําตอบของคาร์ลแต่ท่าน
เจ้าเมืองนั้นกลับมีความเห็นที่ต่างออกไป
“ข้ารู ้สึกได้ถึงออร่ าของมังกรที่อยูร่ อบ ๆ กายท่าน…ข้ามัน่ ใจยิง่
นัก!…มันมาจากรอบ ๆ ตัวท่าน..พลังที่เหนือธรรมชาติเช่นนี้มาจาก
ท่านอย่างแน่นอน!”
~ดาร์กเอลฟ์ ตนนี้..ฉลาดยิง่ นัก!~
ราอนที่กาํ ลังใช้เวทย์ล่องหนลอยตัวอยูด่ า้ นหลังของคาร์ลเอ่ยอย่าง
ชอบใจ ในขณะที่ท่านเจ้าเมืองก็เริ่ มพูดต่อทันที
“เมื่อครั้งอดีต..ข้าเคยพบกับท่านมังกรมาก่อน..มันเป็ นความรู ้สึก
เดียวกับที่ขา้ รู ้สึกในตอนนี้..ธาตุประจําตัวของข้าที่เคยพบกับมังกร
เมื่อครั้งนั้นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน”
คราวนี้เป็ นตาของคาร์ลที่สะดุง้ ขึ้น
‘เ..เขาพูดว่าอะไรนะ?..เขาเคยเห็นมังกรมาก่อนและธาตุประจําตัว
ของเขาก็เห็นมันเช่นกัน?..ธาตุเป็ นสิ่ งที่ยากที่สุดที่จะหลอกหลวงมัน
ได้’
~อะไรนะ?…มังกรอย่างนั้นเหรอ?!~
ราอนก็ดูเหมือนจะสนใจในเรื่ องนี้เช่นกัน
ท่านเจ้าเมืองผูน้ ้ ีมีอายุถึง 521 ปี ด้วยเวลาที่อยูม่ าอย่างยาวนานเช่นนี้
ก็พอจะบอกได้วา่ เขาได้พบกับมังกรมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ตอนนั้นเอง
“ท่าน..เจ้า..เมือง..ข้า..อยู.่ .ที่นี่..ตามที่…ท่านเรี ยก..พบแล้ว!!”
คาร์ลนึกว่าตนได้ยนิ เสี ยงแจ้งเตือนGPSดังขึ้น มันเป็ นเสี ยงผูห้ ญิงที่
ฟังสงบราบเรี ยบและเสี ยงนี้กย็ งั ดังต่อไป [1]
“ให้…ข้า…อยูร่ อ..ที่นี่..หรื อไม่?”
คาร์ลหันกลับไปมองก่อนจะเห็นคนสวมชุดคลุมสี ดาํ อําพรางกาย
ตั้งแต่หวั จรดเท้า ในขณะเดียวกันเสี ยงของราอนก็ดงั เข้ามาในหัว
ของเขา
~หื ม?…เธอเป็ นมนุษย์นี่นา?..แล้วทําไมเธอจึงมีคุณลักษณะทาง
ความมืดด้วยล่ะ!~
‘อ่า…ฉันเข้าใจแล้ว’ มีเพียงไม่กี่วธิ ีที่มนุษย์จะมีคุณลักษณะของ
ความมืดอยูใ่ นตัว สัญชาตญาณของเขาเป็ นสิ่ งที่ถูกต้อง
แต่ถึงอย่างไรเขาจําเป็ นต้องจัดการกับบางสิ่ งก่อน
“นายน้อย..ท่านไม่ใช่มงั กรจริ ง ๆ หรื อ?”
“ใช่แล้ว..ท่านเจ้าเมือง” คาร์ลถอนหายใจหลังจากเห็นว่าท่านเจ้า
เมืองผูน้ ้ ีไม่เชื่อในสิ่ งที่เขาพูด คาร์ลเดินเข้าไปในห้องทํางานของ
ท่านเจ้าเมืองและคนอื่น ๆ ก็ตามเขาเข้าไปทันที คาร์ลสบตาเข้า
กับเชวฮันซึ่งรู ้ในทันทีวา่ คาร์ลต้องการสิ่ งใด เชวฮันหันไปปิ ดประตู
ลงอย่างรวดเร็ ว
คาร์ลเริ่ มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบในห้องทํางานนี้
“ราอน”
[1] เป็ นเสี ยงเดียวกับเสี ยงของสิ ริ ( Siri)

You might also like