Professional Documents
Culture Documents
แก๊ส : Gas
พลังงานกับการเปลีย่ นแปลงสถานะ
ดูดความร้ อน
การระเหิด
“ที่อุณหภูมิและความดันคงที่ ปริมาตรของแกสจะแปรผันตรงกับจำานวนโมลของแก
นวนโมลของแกสนั้น”
จากความสัมพันธ์ข้างต้น จะสรุปเป็นกฎแก๊สอุดมคติได้ดังนี้
PV 1 atm × 22.4 L
0.0821 L·atm·mol K
1 1
R
nT 1 mol × 273 K
การคํานวณโดยใช้กฎแก๊สอุดมคติ แสดงดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. แก๊สโอโซน (O3) จําานวน 1.25 โมล ในภาชนะ 8 ลิตร ที่อุณหภูมิ 39 องศาเซลเซียส จะมีความดันเป็ น เท่าไร
3. แก๊สนีออน (Ne) ปริ มาตร 250 ลูกบาศก์ เซนติเมตร ที่ STP จะมีมวลกี่กรัม
4. ภาชนะใบหนึ่งมีปริมาตร 0.5 ลิตร บรรจุแก๊ สชนิดหนึง่ มวล 0.4 กรัม ที่ความดัน 0.75 บรรยากาศ และ
อุณหภูมิ 303 เคลวิน แก๊สนี้มีมวลโมเลกุลเท่าไร
ค ค ม ม ลค ม ่ ล
จากกฎของบอยล์ P1V1 P 2V 2
⎛ P11V11 ⎞
PB ⎜ V ⎟ PB แทนความดันของแก๊ส B
⎝ 22 ⎠ B
A
B
He 2 atm N2 1 atm
5L 3L
วิธีทำา 1) หาความดันย่อยของแก๊ส He
2) หาความดันย่อยของแก๊ส N2
3) หาความดันรวมของแก๊ส He กับ N2
ความรู้เพิ่มเติม
การเตรียมแก๊สโดยการแทนที่นำ้า ความดันแก๊สที่กำาหนดเป็ หนดเป็นความดความดัันรวมที
รวมท่ีเกิกิดจากความดั
จากความดันของแก๊
ของแก๊ส
รวมกับความดันของไอน้ำา ดัดังนั้นถ้าจะหาความดันของแก๊สต้องนำาความดันของไอน้ำาไปลบออกจากความดั
ไปลบออกจากความดันรวมรวม
เช่น เตรียมแก๊สออกซิเจนโดยการแทนที่น้ำาที่อุณหภูมิ 25 องศาเ
องศาเซลเซียส วัวัดปริมาตรได้ 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ความดัน 756 มิลลิเมตรปรอท
มตรปรอท ความดัความดันไอน้ำาที่ 25 องศาเซลเ
ซลเซีซียส
ซลเ เท่ากับ 30 มิลลิเมตรปรอท
ส เท่ มตรปรอท ดังนั้นความดัน
ของแก๊สออกซิเจนจึงเท่ากับ 75630 30 726 มิลลิเมตรปรอท
ค ค ม ม ลค ม ่ ม มค
จากสมการสถานะของแก๊สอุดมคติ PV nRT
n BRT
PB
V
และจาก PT PAPB
n A RT n BRT
V V
RT
(n n )
V A B
nRT
nRT
จะได้ว่า PT
V
เมื
เมื่อ n nAnB
ตัวอย่าง ภาชนะปริ มาตร 15 ลิตร บรรจุแก๊ส A 1 โมล แก๊ส B 2 โมล และแก๊ส C 1.5 โมล
ทีอ่ ุณหภูมิ 27 องศา เซลเซียส ความดันย่อยของแก๊สแต่ละชนิดและความดันรวมเป็ นเท่าไร
วิธีทาํ 1) หาความดันย่อยของแก๊ส
2) หาความดันรวม
2) หามวลของแก๊ส O2
ค ค ม ่ ลค ม ม
เ ่ มล
ความสัมพันธ์ระหว่างความดันย่อยกับความดันรวมหาได้โดยพิจารณาระบบของแก๊สผสม A กับ B ดังนี้
n A RT
PA
V
n BRT
PB
V
PT PAPB
(n A + n B ) RT
V
Pi XiPT
เมื่อ Pi แทนความดันย่อยของแก๊สแต่ละชนิด
Xi แทนเศษส่วนโมลของแก๊สแต่ละชนิด
PT แทนความดันรวม
nA
เศษส่วนโมลของแก๊ส A XA
n A + nB
nB
เศษส่วนโมลของแก๊ส B XB
n A + nB
และ XAXB 1
ตัวอย่าง แก๊สผสมในอากาศที่อุณหภูมิหอ้ งประกอบด้วยแก๊สออกซิ เจน (O2) 2.35 โมล
แก๊สไนโตรเจน (N2) 7.40 โมล ไอน้ําา (H2O) 0.25 โมล ถ้าความดันบรรยากาศเป็ น 745 mmHg
ความดันย่อยของแก๊สแต่ละชนิด เป็ นเท่าไร
วิธีทาํ า 1) หาเศษส่ วนโมลของแก๊ส O2 N2 และ H2O
เศษส่วนโมลของแก๊ส O2 :
เศษส่วนโมลของแก๊ส N2 :
ความดันย่อยของแก๊ส O2 :
ความดันย่อยของแก๊ส N2 :
ความดันย่อยของแก๊ส H2O :
่ ล ่ ่
เ ม
แกสสามารถแพรได การแพรของแกสอธิบายได ดวยทฤษฎีจลนของแกส ท�ีอุณหภูมิเดียวกัน
แกสจะแพร ไดชาหรื อเร็ วข� ึนอยกู บั มวลโมเลกุล อัตราการแพรของแก๊สเป็ นสัดสวนผกผันกับรากท�ีสอง
ของมวลโมเลกุลของแกส สัมพันธกบั กฎการแพร่ ผา่ นของเกรแฮม
การแพร่ (diffusion) หมายถึง การที�อนุภาค
ของสารเคลื� อนท�ี ผา� นตัวกลางจากที� หน� ึ งไปสู �อีกที� หน� ึ ง
ข เช�น การเคล�ือนท�ีของโมเลกุลน�าํ าหอมผ�านไปในอากาศ
โมเลกุลของอากาศ
ก โมเลกุลของแก๊ส (น้ำาหอม)
ทิศทางการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของแก๊ส
รูป การแพร่ ของแกส
ตามทฤษฎีจลน์ของแก๊ส การแพร�ของแก๊สเกิดข� ึนเนื�องจากโมเลกุลของแก๊สเคลื�อนที�ตลอดเวลา
เกิดการชนกัน ระหว�างโมเลกุลของแก๊สและโมเลกุลของอากาศหรื อแก๊สอ�ืนๆ ทําให�ทิศทางการเคลื�อนที�ของโมเลกลุ
ของแก๊สเปล�ียนแปลง ตลอดเวลา การแพร�ของแก๊สจึงเกิดข� ึนได�อย�างช�าๆ แตกต�างจากอัตราเร็ วในการเคลื�อนที�
ของแต�ละโมเลกุลของแก๊ส
ระยะทางที่เคลื่อนที่ได้ทั้งหมด
อัตราเร็
ราเร็วในการเคลื่อนที่ของโมเลกุลแก๊ส
เวลา
ระยะทางจากจุดเริ เริ่มต้นถึงจุดสุดท้าย
อัตราการแพร่ของโมเลกุลแก๊ส
เวลา
สรุ ปเกี�ยวกับการแพร่ของแก๊สได้ดงั น� ี
1. แก๊สแอมโมเนียทำาปฏิกิริยากับแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ได้ของแข็งสีขาว คือ แอมโมเนี
แอมโมเนียมคลอไ
มคลอไรด์
รด์ (NH4Cl)
มีลักษณะเป็นวงแหวนเกาะที่หลอดแก้ว ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเขียนได้ดังนี้
HCl(g)NH3(g) → NH4Cl(s)
แก๊สแอมโมเนียมีมวลโมเลกุลเท่ากับ 17 แพร่ได้เร็วกว่าแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ที่มีมวลโมเลกุลเท่ากับ
2.
36.5 สังเกตได้จากวงแหวนสีขาวที่เกิดขึ้นอยู่ห่างจากปลายด้านสำาลีชุบสารละลายแอมโมเนียมากกว่าปลายด้านสำาลีชุบ
สารละลายกรดไฮโดรคลอริก HCl(g)NH (g) → NH Cl(s)3 4
แก๊ส สุญญากาศ
การแพร่ผ่าน (effusion)
แพร่
แก๊สเบา
แก๊สหนัก
แผ่นกั้น
อากาศ
การแพร่ (diffusion)
่ ่ เ ม
“ที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน อัตราการแพร่ผ่านของแกสจะเปนสัดส่วนผกผันกับ
รากที่สองของมวลต่อโมลหรือมวลโมเลกุลของแกส”
เรียกว่า กฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม (Graham’s law of effusion) ดังนี้
1 k
r
M
หรือ r
M
เมื่อ r แทนอัตราการแพร่ผ่านของแก๊ส
ทอมัส เกรแฮม
M แทนมวลต่อโมลหรือมวลโมเลกุลของแก๊ส
่ ่ ม ล มเล ล
ถ้าต้องการเปรียบเทียบอัตราการแพร่ผ่านของแก๊ส 2 ชนิด ที่บรรจุในหลอดขนาดเล็กๆ โดยทำาการทดลอง
ที่อุณหภูมิและความดันเดียวกันซึ่งค่า k เท่ากัน จะได้ดังนี้
k1 k2 r1 M2
r1
M1
r2
M2
ดังนั้น r2
M1
่ ่ ค ม ่
ที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน ความหนาแน่นของแก๊สเป็นสัดส่วนโดยตรงกับมวลต่อโมลหรือมวลโมเลกุล
ของแก๊ส ดังนี้ D M หรือ D kM
เมื่อ D แทนความหนาแน่นของแก๊ส
M แทนมวลโมเลกุลของแก๊ส
ใน คค ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน อัตราการแพร่ผ่านของแก๊สเป็นสัดส่วนผกผันกับ
รากที่สองของความหนาแน่นของแก๊ส ดังนี้
1 หรือ r k การแพร่ผ่านของแก๊สเป็นไป
r
D D เช่นเดียวกับการแพร่ของแก๊ส
กฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม
ดังนั้น r1 D2 สามารถใช้อธิบายการแพร่
r2 D1 ของแก๊สได้ในกรณีที่มี
ระยะทางการแพร่ช่วงสั้นๆ
เมื่อ D1 และ D2 แทน ความหนาแน่นของแก๊สชนิดที่ 1 และ 2 และที่ความดันคงที่
เมื่อเปรียบเทียบอัตราการแพร่ผ่านของแก๊ส 2 ชนิด ที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน เขียนความสัมพันธ์ได้
ดังนี้ r1 M2 D2
r2 M1 D1
่ ่ ลเล
อัตราการแพร่ผ่านของแก๊สเท่ากับระยะทางที่แก๊สเคลื่อนที่ในหนึ่งหน่วยเวลา เขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้
S เมื่อ S แทนระยะทางที่แก๊สเคลื่อนที่ได้
r
t t แทนเวลาที่แก๊สใช้ในการเคลื่อนที่
จากความสัมพันธ์ข้างต้นพบว่า อัตราการแพร่ผ่านของแก๊สเป็นสัดส่วนโดยตรงกับระยะทางที่แก๊สเคลื่อนที่ได้
แต่เป็นสัดส่วนผกผันกับเวลาทีแ่ ก๊สใช้ในการเคลือ่ นที ่ หมายความว่า แก๊สทีม่ อี ตั ราการแพร่ผา่ นต่าำ หรือแพร่ได้ชา้ จะเคลือ่ นที่
ได้ระยะทางน้อยแต่ใช้เวลามาก ส่วนแก๊สทีม่ อี ตั ราการแพร่ผา่ นสูงหรือแพร่ได้เร็วจะเคลือ่ นทีไ่ ด้ระยะทางมากแต่ใช้เวลาน้อย
ซึ่งจะสัมพันธ์กับมวลโมเลกุลและความหนาแน่นด้วยดังนี้
r11 S1 t M2 D2
2
r22 S2 t1 M1 D1
ความรู้เพิ่มเติม
การคำานวณหามวลโมเลกุล ระยะทาง หรือเวลาทีแ่ ก๊สใช้เคลือ่ นทีอ่ าจใช้หลักการของทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ในการคำานวณได้
หลักการ คือ ที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน แก๊สทุกชนิดมีพลังงานจลน์เท่ากัน เขียนเป็น
ความสัมพันธ์ได้ดังนี้
1 2 1 2
M v M v
2 X X 2 Y Y
4 โมเลกุลของแก๊สที่ชนกันเอง หรือ
ชนกับผนังภาชนะ จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน
5 ณ อุณหภูมิเดียวกัน โมเลกุลของแก๊ส
แต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เท่ากัน ให้แก่กันได้ แต่พลังงานรวม
แต่จะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน โดยที่ ของระบบมีค่าคงที่
พลังงานจลน์เฉลี่ยของแก๊สจะแปรผันตรง
กับอุณหภูมิเคลวิน
แก๊สมีแรงดันเนื่องจากโมเลกุลของแก๊ส
ปริมาตรและรูปร่างของแก๊สไม่แน่นอน
เปลี่ยนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ เนื่องจาก ที่มีพลังงานจลน์เคลื่อนที่ชนผนังภาชนะ
โมเลกุลของแก๊สมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล และมีการถ่ายเทพลังงานทำาให้เกิดแรงดัน
น้อยมาก และเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระทุกทิศทาง ความดัน แรงดัน
พื้นที่
แก๊สมีความหนาแน่นน้อย
เพราะโมเลกุลอยู่ห่างกัน
มีมวลน้อย แต่มีปริมาตรมาก
ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
กับสมบัติของแก๊ส
แก๊สถูกบีบอัดให้มีปริมาตร
ลดลงได้มาก เพราะมีช่องว่าง
ระหว่างโมเลกุลมาก
P1 P2
สมบัติ
นัน่ คือ R 1
M
R = k 1 เมื่อ k คือค่าคงที่
M
R M = k
จะเห็นว่า R คูณ M จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่วา่ R M ตอนไหนๆ จะมีค่าเท่าเดิม
จึงได้วา่ R1 M1 = R2 M 2
R1 M2
หรื อ R2 = M1
เมื่อ R1 , R2 คืออัตราการแพร่ ของแก๊สตัวที่ 1 และ 2 ตามลาดับ
M1 , M2 คือมวลโมเลกุลของแก๊สตัวที� 1 และ 2 ตามลาดับ
R1 D2
นอกจากน้ียงั จะได้อีกว่า R 2 = D1
เมื่อ D1 , D1 คือความหนาแน่นของแก๊สตัวที่ 1 และ 2 ตามลาดับ
เทคโนโลยีทเี่ กีย่ วข้ องกับสมบัตขิ องของแข็ง ของเหลว และแก๊ ส
การทาน้าแข็งแห้ ง
ขั้นตอนการผลิตน้ าแข็งแห้งมีดงั แผนภาพต่อไปนี้
แก๊ส CO2 เพิ่มความดัน CO2 เหลว ทาให้ บริ สทุ ธิ์ CO2 เหลวแห้ง
ลดอุณหภูมิ และแห้ ง และบริ สุทธิ
เพิ่มความดัน และลดอุณหภูมิ