Professional Documents
Culture Documents
ในก๊ าซและสารละลาย
(Random Molecular Motion in Gases and Solutions)
พรพรรณ พึ่งโพธิ์
CHEM 1210 ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์
1
สถานะของสสาร
แก๊ส ของเหลว ของแข็ง
แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล น้ อย มาก
3
โมเลกุลของแก๊สเคลื่อนทีต่ ลอดเวลาอย่ างอิสระใน
ทุกทิศทางและสามารถฟุ้งกระจายเต็มภาชนะทีบ่ รรจุ
ปริมาตรของแก๊ส (V) ขึน้ อยู่กบั ความดัน (P) และอุณหภูมิ (T)
หน่ วยของปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิ
ปริมาตร (Volume, V)
⬧ ลิตรหรื อลูกบาศก์เดซิเมตร (L, dm3)
⬧ มิลลิลติ ร (mL) หรื อลูกบาศก์เซนติเมตร (cm3)
⬧ ลูกบาศก์เมตร (m3)
1 L = 1000 mL = 1000 cm3 = 0.001 m3
4
อุณหภูมิ (Temperature, T)
⬧ เคลวิน (Kelvin, K) หน่ วยวัดอุณหภูมสิ ั มบูรณ์ ใช้ สัญลักษณ์ T
⬧ องศาเซลเซียส (Celcius, oC) ใช้ สัญลักษณ์ t
T (K) = 273 + t (oC)
ุ หภูมหิ น่ วย เคลวิน (K) เสมอ
การคานวณเรื่ องแก๊ส ต้ องใช้ อณ
สภาวะมาตรฐาน (STP)
อุณหภูมิ (T) = 0 oC = 273 K
ความดัน (P) = 1 atm
5
ความดัน (Pressure, P)
แรงเนื่องจากการชนระหว่ างโมเลกุลของแก๊สกับผนังภาชนะ
⬧ ปาสคาล (Pascal, Pa) หรื อนิวตันต่ อตารางเมตร (N/m2)
⬧ บรรยากาศ (Atmosphere, atm) ⬧ มิลลิเมตรปรอท (mmHg)
⬧ บาร์ (bar) ⬧ ทอร์ (torr)
1 Pa = 1 N/m2
1 atm = 760 mmHg = 760 torr
= 1.0133 bar
= 1.0133 × 105 Pa
6
กฎของก๊ าซ
กฎของบอยล์
กฎของชาร์ ล
กฎของเกย์ลูสแสค
กฎของอาโวกาโดร
ทฤษฎีจลน์ ของแก๊ส
7
กฎของบอยล์ “ปริมาตร (V) ของแก๊สแปรผกผันกับความดัน (P)
เมื่ออุณหภูมิและจานวนโมลคงที”่
V ลดลง
P เพิม่ ขึน้
P เพิม่ ขึน้
V ลดลง
Vα
1
P
เมื่อ T และ n คงที่ P1V1 = P2V2
8
ตัวอย่าง แก๊สชนิดหนึ่งมีปริมาตร 250.0 cm3 ทีค่ วามดัน 4.0 atm จงหาว่า
ปริมาตรแก๊สจะเปลีย่ นไปเป็ นเท่าใด เมื่อความดันเปลีย่ นไปเป็ น 6.0 atm
ทีอ่ ุณหภูมิคงที่
วิธีทา จากสู ตร P1V1 = P2V2
P1 = 4.0 atm P2 = 6.0 atm
V1 = 250 cm3 V2 = ?
แทนค่ าตัวแปรดังกล่ าวลงในสู ตร จะได้
(4.0 atm)(250.0 cm3) = (6.0 atm)(V2)
V2 = (4.0 atm)(250.0 cm3)
(6.0 atm)
ตอบ V2 = 166.7 cm3
9
ตัวอย่าง แก๊ส CO2 มีปริมาตร 150.0 mL และความดัน 35.3 mmHg
ถ้ าปริมาตรแก๊สลดลงเหลือ 50.0 mL ความดันจะเป็ นเท่าไร (อุณหภูมิคงที)่
วิธีทา จากสู ตร P1V1 = P2V2
P1 = 35.3 mmHg P2 = ?
V1 = 150.0 mL V2 = 50.0 mL
แทนค่ าตัวแปรดังกล่ าวลงในสู ตร จะได้
(35.3 mmHg)(150.0 mL) = (P2)(50.0 mL)
10
ตัวอย่ าง แก๊ สชนิดหนึ่งมีปริ มาตร 12 L ที่ความดัน 1.2 atm จงหาปริ มาตรของ
แก๊สนีถ้ ้ าความดันของแก๊สเพิม่ เป็ น 2.4 atm ทีอ่ ุณหภูมิเดียวกัน
แนวคิด: เรารู ้ปริ มาตรของแก๊สที่ความดันหนึ่งและต้องการหาปริ มาตรของแก๊สที่อีกความดัน
แนวคิหนึด่:งเรารู
(อุณ้ปหภู
ริ มมาตรของแก๊ สทีา่คต้วามดั
ิคงที่) แสดงว่ องใช้นกหนึ
่ งและต้องการหาปริ มาตรของแก๊สที่อีกความดัน
ฎของบอยล์
หนึ่ง (อุณหภูมิคงที่) แสดงว่าต้องใช้กฎของบอยล์
วิธีทา V = 12 L P = 1.2 atm
1 1
V2 = ? P2 = 2.4 atm
จากกฎของบอยล์: P1V1 = P2V2 ดังนั้นหา V2
P1V1 (1.2 atm)(12 L)
V2 = P2
= 2.4 atm
= 6.0 L
-273 oC
12
ตัวอย่าง ทีอ่ ุณหภูมิ 25 oC และความดัน 760 mmHg แก๊สชนิดหนึ่งมี
ปริมาตร 50 cm3 จงหาว่าเมื่อปริมาตรของแก๊สเพิม่ ขึน้ เป็ น 80 cm3
แก๊ สชนิดนีจ้ ะมีอุณหภูมิเท่ าใด ถ้ าความดันคงที่
15
ตัวอย่ าง บรรจุแก๊ สไนโตรเจนลงในภาชนะปริมาตร 50 L อุณหภูมิ 35๐C มีความ
ดัน 15 atm ถ้ าอุณหภูมสิ ู งขึน้ เป็ น 80๐C จะมีความดันเท่ าใด
16
ตัวอย่าง แก๊สมีเทนมีความดัน 350 torr ทีอ่ ุณหภูมิ 18°C ความดันของแก๊ส
จานวนนีม้ ีค่าเท่ าไร ถ้ าปริมาตรคงตัวและอุณหภูมิเพิม่ ขึน้ เป็ น 45 °C
วิธีทา จากสมการ 𝐏𝟏 𝐏𝟐
=
𝐓𝟏 𝐓𝟐
17
กฎของอาโวกาโดร “ปริมาตร (V) ของแก๊สแปรผันโดยตรงกับจานวนโมล (n)
เมื่ออุณหภูมิและความดันคงที่ ”
n เพิม่ ขึน้ V1 V2
=
n1 n2
n = 1 mol n = 2 mol
V เพิม่ ขึน้
ที่ STP แก๊ สใดๆ 1 โมล มีปริมาตร 22.4 L (standard molar volume)
18
ตัวอย่าง ลูกโป่ งปริมาตร 4.8 L บรรจุแก๊ สฮีเลียม 0.22 mol หากต้ องการ
ให้ ลูกโป่ งมีปริมาตร 6.4 L จะต้ องบรรจุแก๊ สฮีเลียมเพิม่ เข้ าไปกีโ่ มล ที่
อุณหภูมิและความดันคงที่
20
กฎรวมแก๊ส V a
T P1 V1
=
P2 V2
P T1 T2
22
แก๊สอุดมคติ (ideal gas)
◼ ไม่ มีแรงดึงดูดหรื อแรงผลักระหว่างโมเลกุล
◼ ปริ มาตรของโมเลกุลมีค่าน้ อยมาก
ทีส่ ภาวะใด ๆ
PV
แก๊ สอุดมคติ 1 โมล RT
= 1 เสมอ แต่ แก๊สจริง 1 โมล PV
1
RT
แก๊สจริงจะมีพฤติกรรมเสมือนแก๊สอุดมคติที่ P ต่าและ T สู ง
http://www.chem.ufl.edu/~itl/2045/lectures/lec_e.html
28
29
30
แก๊สทีม่ พี ฤติกรรมตามสมการ
PV = nRT เรียกว่ า Ideal Gas
พฤติกรรมของแก๊สจริง
แก๊สจริง (real gas)
◼ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่ างโมเลกุล
◼ โมเลกุลมีขนาดทีแ่ น่ นอน
32
พฤติกรรมของแก๊ สจริงเบี่ยงเบนไปจากแก๊ สอุดมคติ
1. แก๊สจริงมีปริมาตรที่แน่นอนทาให้ บริเวณทีโ่ มเลกุลแก๊ สเคลื่อนที่ได้
อย่างอิสระลดลง
จะได้ P = nRT
V
(2.0 mol) (0.082 L atm K -1 mol -1 ) (350 K)
=
5.0 L
37
กฎของแก๊สจริง (สมการแวนเดอร์ วาลส์ )
2
(P + V )(V - nb) = nRT
an
2
an 2
P= nRT
–
(V - nb) V2
38
an 2
P= nRT
–
(V - nb) V2
a และ b เป็ นค่าคงตัวของแวนเดอร์ วาลส์ ของแก็สไฮโดรเจนมีค่า 0.244 L2 atm mol-2 และ 0.0266 L mol-1
ตามลาดับ
ตัวอย่าง A เป็ นแก๊สจริ ง จงเขียนความสัมพันธ์ RT ของแก๊ส A ที่อุณหภูมิ 1000 K, 300 K
PV
PV
และ 1200 K ลงในกราฟ เปรี ยบเทียบกับ RT ของแก๊สสมบูรณ์
ตอบ
ที่อุณหภูมิ T หนึ่งๆ PV
RT
ของแก๊ ส สมบู ร ณ์ n โมงมีค่าคงตัว = n (PV = nRT,
PV
RT
= n)
Pt = P1 + P2 + P3 + …
Pt = ความดันรวม
PtV = ntRT
nt = จานวนโมลทั้งหมดของแก๊สผสม
Pi
=
n i RT/V
=
ni
= Xi = n1 + n2 + n 3 + …
Pt n t RT/V nt
Pi = ความดันย่อยของแก๊สแต่ ละชนิด
Pi = XiPt เรียกว่า partial pressure
แนวคิด:
(a) โจทย์กาหนดจานวนโมลของแก๊สแต่ละชนิดมาให้
ใช้กฎแก๊สอุดมคติเพื่อหาความดันรวมจากจานวนโมลรวม
(b) ความดันย่อยของแก๊สแต่ละชนิด
คานวณ แทนจานวนโมลของแก๊สแต่ละชนิดในสมการ PV = ntotalRT
ตัวอย่าง ภาชนะหนึ่งปริมาตร 10.0 L มีแก๊สมีเทน 0.200 mol ไฮโดรเจน
0.300 mol และไนโตรเจน 0.400 mol ที่ 25oC
จงหา (a) ความดันในหน่ วย atm ภายในภาชนะ
(b) ความดันย่อยของแก๊สแต่ ละชนิดในแก๊สผสม
วิธีทา
(a) ntotal = 0.200 mol CH4 + 0.300 mol H2 + 0.400 mol N2 = 0.900 mol of gas
V = 10.0 L T = 25oC + 273o = 298 K
แทนค่าต่างๆ ลงในสมการ PtotalV = ntotalRT และคานวณหา Ptotal
L.atm
(0.900 mol)(0.0821 )(298 K)
Ptotal = mol.K
10.0 L
= 2.20 atm
(b) หาความดันย่อยของแก๊สแต่ละชนิด
สาหรับแก๊สมีเทน CH4 , n = 0.200 mol, V = 10.0 L และ T = 298 K
ความดันย่อยหาได้ดงั นี้
L.atm
nCH RT (0.200 mol)(0.0821mol.K)(298 K)
PCH4 = V
4 = 10.0 L
= 0.489 atm
สาหรับการหาความดันย่อยของ ไฮโดรเจนและไนโตรเจนสามารถทาได้ในทานองเดียวกัน
การบ้าน แสดงวิธีการอย่างละเอียด
PH2 ????
PN2 ????
ทฤษฎีจลน์ ของแก๊ส (kinetic theory of gas)
อธิบายพฤติกรรมของแก๊ สในระดับโมเลกุล อาศัยสมมุติฐานทีส่ าคัญ ดังนี้
1. โมเลกุลของแก๊สมีขนาดเล็กมาก (V = 0) และอยู่ห่างกันมาก
→ แก๊สสามารถถูกอัดตัวได้ ง่าย
2. โมเลกุลของแก๊สไม่มีแรงกระทาระหว่างกัน
→ โมเลกุลเคลื่อนทีไ่ ด้ อย่ างอิสระ
3. โมเลกุลของแก๊สเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง ยกเว้นชนกันเองหรือ
ชนภาชนะและพลังงานจลน์รวมก่อนและหลังการชนมีค่าเท่าเดิม
4. พลังงานจลน์เฉลี่ยของแก๊สขึ้นอยู่กับอุณหภูมิสมั บูรณ์
49
พลังงานจลน์ เฉลีย่ ของแก๊สขึน้ อยู่กบั อุณหภูมสิ ั มบูรณ์
K.E. = ½ mv2 = 3/2RT , R = 8.314 J.mol-1.K-1
54
การแพร่ และการแพร่ ผ่าน (Diffusion and Effusion)
การแพร่ (diffusion) คือการทีแ่ ก๊สฟุ้งกระจายจากความเข้ มข้ นสู ง
ไปบริเวณทีม่ ีความเข้ มข้ นต่า โดยอาจมีการชนกันได้ เช่ น การแพร่
ของกลิน่ นา้ หอม
http://www.visualphotos.com
NH4OH HCl
http://heqeciv.etowns.net/58982.html
55
การแพร่ผ่าน (effusion) คือการทีแ่ ก๊สเคลื่อนทีผ่ ่านรูเล็ก
มาก เช่ น การซึมของลูกโป่ ง
56
57
กฎการแพร่ ของเกรแฮม
“อัตราการแพร่ ผ่าน (r) ของแก๊สแปรผกผันกับรากทีส่ องของ
ความหนาแน่ น (d)”
1 1
rα
d และ rα
M
เมื่อเปรียบเทียบแก๊ส 2 ชนิดภายใต้ สภาวะเดียวกัน จะได้
r1 d2
=
r2 d1
ความหนาแน่ นแปรผันโดยตรงกับมวลโมเลกุล (M)
r1 M2
r2
=
M1
แก๊สหนักจะแพร่ ผ่านได้ ช้ากว่ าแก๊สเบา
58
r1 M2
=
r2 M1
59
กฎการแพร่ ของเกรแฮม
60
ตัวอย่ าง แก๊ส H2 และ NH3 มีมวลโมเลกุลเป็ น 2 และ17 ตามลาดับ
จงเปรียบเทียบอัตราการแพร่ ผ่านของแก๊สทั้งสองชนิดนี้ และแก๊ส
ชนิดใดมีอตั ราการแพร่ ผ่านได้ เร็วกว่ าและเร็วกว่ ากันกี่เท่ า
วิธีทา r1
=
M2
r2 M1
rH 2 17
= = 2.9
rNH 3 2
61
ตัวอย่าง
่ า
จงเปรียบเทียบอัตราการแพร่ของ H2จะมีอตั ราการแพร่ได้เร็วกว่า UF6 กีเท่
วิธท
ี า
62
ตัวอย่ าง จงหาค่า Vrmp, Ṽ, Vrms ของแก๊สออกซิเจนที่อุณหภูมิ 0 ๐C (O = 16)
แนวคิด ใช้สูตรคานวณหาค่าความเร็ วของแก๊สออกซิ เจนทั้ง 3 ชนิดเมื่อทราบค่า
−
M = 32× 10 3 = 0.032 kg
R = 8.314 J K-1mol-2 (J = kg m2s-2)
T = 273 K
I-หาค่า Vmp
2RT
Vmp =
M
2 ×8.314 ×273
= = 376.64 ms-1
0.032
II-หาค่า Ṽ
8RT
Ṽ=
πM
8 ×8.314 ×273
= = 425.10 ms-1
3.14 × 0.032
III-หาค่า Vrms
3RT
Vrms =
M
3×8.314 ×273
= = 461.29 ms-1
0.032