You are on page 1of 55

กฎหมายทะเล

The Law of the Sea


วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการนวัตกรรม
วิวฒ
ั นาการของกฎหมายทะเล
• ก่ อนศตวรรษที่ 17 เป็ นยุคทะเลปิ ด
• Hugo Grotius เสนอแนวคิดเรื่อง เสรีภาพในทะเล
• ศตวรรษที่ 18 มีการยอมรับหลักเสรีภาพใน
ทะเลหลวง ซึ่งกลายเป็ นหลักการพืน้ ฐานของ
กฎหมายระหว่ างประเทศมาจนทุกวันนี้
การประชุ
การประชมุ กฎหมายทะเลครั้งที่ 1
United Nations Conference on the Law of
the Sea (UNCLOS I) ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยทะเลอาณาเขตและเขตต่ อเนื่อง ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยเขตไหล่ ทวีป ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยทะเลหลวง ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยการอนุรักษ์ ทรัพยากรในทะเลหลวง ค.ศ.
1958
การประชุ
การประชมุ กฎหมายทะเลครั้งที่ 2
UNCLOS II ค.ศ. 1960
• เจรจาเรื่องความกว้ างของทะเลอาณาเขต แต่ ไม่
ประสบความสำเร็จ
• ข้ อเสนอ Six plus Six Formula ซึ่งกำหนดให้ รัฐ
ชายฝั่งได้ ทะเลอาณาเขต 6 ไมล์ ทะเล และเขตประมง
6 ไมล์ ทะเล ขาดคะแนนเสี ยงรับรองสามในสี่ ไปเพียง
1 คะแนนเสี ยง
การประชุมกฎหมายทะเลครั้งที่ 3
UNCLOS III ค.ศ. 1973-1982
• เนื่องจากกฎหมายทะเลพัฒนาการเปลีย่ นแปลงไป
มาก และเกิดความห่ วงใยเกีย่ วกับทรัพยากรในพืน้
ทะเลลึกและพืน้ สมุทร
• ครอบคลุมหัวข้ อของกฎหมายทะเลอย่ างกว้ างขวาง
• ประสบความสำเร็จในการจัดทำอนุสัญญากฎหมาย
ทะเล ค.ศ. 1982 หลังการเจรจากว่ า 9 ปี
อนุสัญญากฎหมายทะเล ค.ศ. 1982
UN Convention on the Law of the Sea
(UNCLOS)
• 320 มาตรา 9 ภาคผนวก
• เป็ นกฎหมายแม่ บทของกฎหมายทะเลทีม่ เี นือ้ หา
ครอบคลุมทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องสิ่ งแวดล้ อมในทะเล
• มีผลบังคับใช้ เมือ่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 หลังจากที่
มีการจัดทำความตกลงแก้ ไขเพิม่ เติมบทบัญญัตเิ กีย่ ว
กับการจัดการทรัพยากรในพืน้ ทะเลลึกและพืน้ สมุทร
จนเป็ นทีพ่ อใจแก่ ประเทศพัฒนาแล้ ว
Gulf of Thailand
น่ านน้ำภายใน (Internal Waters)
• น่ านน้ำภายใต้ อธิปไตยทีอ่ ยู่ระหว่ างชายฝั่งกับเส้ นฐานปรกติตาม
แนวน้ำลด หรือกับเส้ นฐานตรง
• เส้ นฐานตรงจะต้ องไม่ หักเหจากแนวชายฝั่งโดยทัว่ ไปจนเกินสมควร
• น่ านน้ำทีถ่ ูกจัดเป็ นน่ านน้ำภายในต้ องมีความสั มพันธ์ อย่ างใกล้ชิด
กับผืนแผ่ นดิน
• หากการลากเส้ นฐานตรงมีผลทำให้ น่านน้ำภายในทีเ่ คยเป็ น
ทะเลอาณาเขตกลายเป็ นน่ านน้ำภายใน ให้ คงสิ ทธิผ่านโดยสุ จริตใน
น่ านน้ำนั้น
ทะเลอาณาเขต (Territorial Sea)
• อยู่ภายใต้ อำนาจอธิปไตยของรัฐชายฝั่ง
• เรือต่ างชาติมสี ิ ทธิผ่านโดยสุ จริต (Right of Innocent
Passage)
• รัฐชายฝั่งมีทะเลอาณาเขตกว้ าง 12 ไมล์ ทะเล
• เรือและอากาศยานต่ างชาติมสี ิ ทธิผ่านช่ องแคบ (right
of transit passage) ทีเ่ ป็ นทะเลอาณาเขตได้
สิ ทธิการผ่ านโดยสุจริต
Right of Innocent Passage
•สิ ทธิของเรือต่ างชาติในการผ่ านเข้ าไปในทะเลอาณาเขต
ของรัฐชายฝั่งโดยไม่ ต้องขออนุญาต
•เป็ นการผ่ านทะเลอาณาเขตโดยไม่ เข้ าไปในน่ านน้ำภายใน
หรือเพือ่ เดินเรือผ่ านเข้ าไปหรือออกมาจากน่ านน้ำภายใน
•อาจหยุดชั่วคราวได้ หากว่ าเป็ นความจำเป็ นในการเดิน
เรือตามปรกติ หรือเหตุสุดวิสัยหรือทุกขภัย
เงือ่ นไขการใช้ สิทธิผ่านโดยสุ จริต
• การผ่ านจะถือว่ า “ไม่ สุจริต” หากว่ าเสื่ อมเสี ยต่ อ
สั นติภาพ ความสงบเรียบร้ อย หรือความมัน่ คง
(peace, good order, or security) ของรัฐชายฝั่ง
• รัฐชายฝั่งอาจห้ ามการผ่ านโดยสุ จริตเป็ นการชั่วคราว
ได้ หากมีความจำเป็ นเพือ่ ความมัน่ คง
• เรือดำน้ำจะต้ องโผล่ขนึ้ เหนือน้ำ และแสดงธงของตน
การผ่ านทีถ่ อื ว่ า “ไม่ สุจริต” ภายใต้
อน
อนุุสัญญาฯ 1982
•การคุกคามและการใช้ กำลังต่ อรัฐชายฝั่ง
•การซ้ อมอาวุธ
•การสอดแนมสื บความลับ
•การโฆษณาชวนเชื่อ
•การกระทำผิดข้ อบังคับการศุลกากร การเงิน การเข้ า
เมือง และการสาธารณสุ ข
การผ่ านทีถ่ อื ว่ า “ไม่ สุจริต” (2)
•การทำการประมง
•การก่อมลพิษอย่ างร้ ายแรง
•การวิจัย และการสำรวจ
•การรบกวนการสื่ อสารของรัฐชายฝั่ง
•กิจกรรมใดๆทีไ่ ม่ เกีย่ วข้ องกับการผ่ านโดยตรง
การผ่ านของเรือรบ
• เรือรบมีสิทธิการผ่ านโดยสุจริตหรือไม่ ?
• เรือรบต้ องแจ้ งให้ ทราบล่ วงหน้ าหรือได้ รับ
อนุญาตก่ อนเข้ ามาในทะเลอาณาเขตหรือ
ไม่
• รัฐมีการปฎิบัตทิ แี่ ตกต่ างกัน
สิ ทธิในการผ่ านช่ องแคบ
Corfu Channel Case (1949) ICJ
(U.K. v. Albania)
•เรือต่ างชาติมสี ิ ทธิผ่านโดยสุ จริตในช่ องแคบทีใ่ ช้ ในการ
เดินเรือระหว่ างประเทศ
•ให้ พจิ ารณาว่ าเป็ นช่ องแคบทีใ่ ช้ ในการเดินเรือระหว่ าง
ประเทศ โดยดูจากลักษณะทางภูมศิ าสตร์ ว่าเป็ นช่ องแคบ
ทีเ่ ชื่อมระหว่ างส่ วนหนึ่งของทะเลหลวง กับอีกส่ วนหนึ่ง
ของทะเลหลวงเป็ นสำคัญ
สิ ทธิการผ่ านโดยส
นโดยสุุ จริตในช่ องแคบ
ตามอนุสัญญาฯ 1982
การห้ ามชั่วคราวซึ่งสิ ทธิผ่านโดยสุ จริตของเรือต่ างชาติที่
ผ่ านช่ องแคบซึ่งใช้ ในการเดินเรือระหว่ างประเทศจาก
ส่ วนหนึ่งของทะเลหลวง กับอีกส่ วนหนึ่งของทะเลหลวง
หรือทะเลอาณาเขตของรัฐต่ างประเทศจะกระทำมิได้
(รัฐชายฝั่งยังคงมีสิทธิในการห้ ามการผ่ านทีถ่ อื ว่ า “ไม่
สุ จริต”)
สิ ทธิการผ่ านช่ องแคบ
(Right of Transit Passage)
•กำหนดขึน้ เป็ นครั้งแรกตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
•เป็ นสิ ทธิในการเดินเรือและบินผ่ านของเรือหรือ
อากาศยานต่ างชาติ เพือ่ การผ่ านอย่ างต่ อเนื่องและ
โดยไม่ ชักช้ า (continuous and expeditious transit)
ในช่ องแคบทีเ่ ชื่อมระหว่ างทะเลหลวง หรือ EEZ กับ
ทะเลหลวง หรือ EEZ
Right of Transit Passage (2)
• รัฐชายฝั่งต้ องไม่ ขดั ขวาง หรือห้ ามชั่วคราว การใช้ สิทธิการผ่ านช่ องแคบ
• เรือและอากาศยานต่ างชาติ มีหน้ าที่
– เดินเรือ หรือบินผ่ านโดยมิชักช้ า
– งดเว้ นการกระทำใดๆทีเ่ ป็ นการคุกคาม และ/หรือการใช้ กำลังต่ อ
อธิปไตย บูรณาภาพแห่ งอาณาเขต และเอกราชทางการเมืองของรัฐ
ชายฝั่ง
– งดเว้ นการกระทำใดๆทีม่ ใิ ช่ ลกั ษณะปรกติ (normal modes) ของการ
ผ่ านอย่ างต่ อเนื่องและไม่ ชักช้ า
ช่ องแคบทีไ่ ม่ มี Right of Transit Passage
•ช่ องแคบทีอ่ ยู่ระหว่ างเกาะ และผืนแผ่ นดินของ
รัฐชายฝั่ง หากมีเส้ นทางเดินเรืออยู่อกี ด้ านหนึ่งที่
ให้ ความสะดวกเท่ าเทียมกัน
•ช่ องแคบทีเ่ ชื่อมระหว่ างทะเลหลวง หรือ EEZ
กับทะเลอาณาเขตของรัฐต่ างประเทศ
•แต่ เรือต่ างชาติยงั คงมีสิทธิการผ่ านโดยสุ จริตใน
ช่ องแคบทั้งสองประเภทนี้
เขตต่ อเนื่อง (The Contiguous Zone)
• เป็ นเขตทะเลทีต่ ่ อเนื่องออกมาจากทะเลอาณาเขต ซึ่งรัฐ
ชายฝั่งประกาศเพือ่ วัตถุประสงค์ ในการบังคับใช้ กฎหมาย
ต่ างๆ เช่ น กฎหมายศุลกากร กฎหมายคนเข้ าเมือง กฎหมาย
สาธารณสุ ข
• อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982 กำหนดให้ เขตต่ อเนื่องมีความกว้ าง
24 ไมล์ทะเลจากเส้ นฐานทีใ่ ช้ วดั ความกว้ างของ
ทะเลอาณาเขต
เขตไหล่ ทวีป
The Continental Shelf
วิวฒ
ั นาการของเขตไหล่ ทวีป
• 1945 คำประกาศทรู แมน (Truman Proclamation)
อ้างสิ ทธิในทรัพยากรทีอ่ ยู่ในพืน้ ทะเลในบริเวณทีอ่ ยู่
ประชิดชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา
• 1958 อนุสัญญาว่ าด้ วยเขตไหล่ทวีป
– เขตไหล่ ทวีปได้ แก่ พนื้ ทะเลและดินใต้ พนื้ ทะเลทีอ่ ยู่ประชิด
กับรัฐชายฝั่งไปจนถึงความลึก 200 เมตร หรือไปจนถึง
บริเวณทีค่ วามลึกของน้ำทะเลเปิ ดให้ แสวงประโยชน์ ได้
เขตไหล่ ทวีปตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
เขตไหล่ ทวีปของรัฐชายฝั่งประกอบด้ วยพืน้ ทะเล และดิน
ใต้ พนื้ ทะเลทีข่ ยายออกไปจากทะเลอาณาเขตไปจนตลอด
ส่ วนทอดยาวตามธรรมชาติ (natural prolongation)
จากแผ่ นดินไปจนถึงริมนอกของขอบทวีป (continental
margin) หรือไปจนถึงระยะ 200 ไมล์ ทะเลจากเส้ นฐานที่
ใช้ วดั ความกว้ างของทะเลอาณาเขตในกรณีทรี่ ิมนอกของ
ขอบทวีปขยายไปไม่ ถงึ 200 ไมล์ ทะเล
กรณีเขตไหล่ ทวีปยาวกว่ า 200 ไมล์ ทะเล
จะต้ องกำหนดริมนอกของขอบทวีป ดังนี้
(1) ณ จุดทีค่ วามหนาอย่ างน้ อยทีส่ ุ ดของหินตะกอน
เท่ ากับร้ อยละ 1 ของระยะทางทีส่ ้ั นทีส่ ุ ดจากจุดนั้น
ไปยังเชิงลาดทวีป
(2) ณ จุดทีห่ ่ างไม่ เกิน 60 ไมล์ ทะเล โดยวัดจากเชิง
ลาดทวีป
กรณีเขตไหล่ ทวีปยาวกว่ า 200 ไมล์ ทะเล (ต่ อ)
ไม่ ว่าจะกำหนดโดยใช้ วธิ ี (1) หรือ (2)
ขอบเขตนอกสุดของไหล่ ทวีป จะต้ องไม่ เกิน
350 ไมล์ ทะเล วัดจากเส้ นฐาน หรือไม่ เกิน
100 ไมล์ ทะเลโดยวัดจากจุดทีน่ ้ำทะเลมี
ความลึก 2,500 เมตร
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งในเขตไหล่ ทวีป
•รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตย (sovereign right) ในการสำรวจ
และแสวงประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติในเขตไหล่ ทวีป
ได้ แก่ ทรัพยากรธรรมชาติทไี่ ม่ มชี ีวติ และอินทรีย์ภาพทีม่ ี
ชีวติ ประเภทติดอยู่กบั ที่ หรือไม่ สามารถเคลือ่ นทีไ่ ด้ เว้ นแต่
จะสั มผัสทางกายภาพกับพืน้ ทะเลตลอดเวลา
• สิ ทธินีไ้ ม่ ขนึ้ อยู่กบั การครอบครองหรือการกล่ าวอ้ าง หรือ
การออกประกาศใดๆ
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งในเขตไหล่ ทวีป (2)
• ในกรณีทเี่ ขตไหล่ ทวีปขยายออกไปเกิน 200 ไมล์ ทะเล ต้ องแบ่ ง
ผลประโยชน์ ทไี่ ด้ จากไหล่ ทวีปส่ วนส่ วนทิย่ ู่เกิน 200 ไมล์ ทะเล
ให้ แก่ องค์ การพืน้ ทะเลระหว่ างประเทศ (International
Seabed Authority หรือ the Authority) โดยให้ เริ่มจ่ ายหลัง
จากปี ที่ 5 ไปจนถึงปี ที่ 12
• ผลประโยชน์ ทไี่ ด้ ให้ นำมาแบ่ งให้ รัฐอืน่ โดยให้ คำนึงถึงประเทศ
กำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศทีย่ ากจนและรัฐไร้ ชายฝั่ง
สิ ทธิของรัฐอืน่ ในเขตไหล่ ทวีป
• สิ ทธิของรัฐชายฝั่งในเขตไหล่ ทวีปไม่ กระทบถึงน่ านน้ำทีอ่ ยู่เหนือ
ในฐานะทีเ่ ป็ นทะเลหลวง และไม่ กระทบถึงสถานะของห้ วง
อากาศทีอ่ ยู่เหนือน่ านน้ำ
• รัฐชายฝั่งไม่ อาจขัดขวางการวางและบำรุงรักษาสายและท่ อใต้ น้ำ
• การแสวงประโยชน์ ของรัฐชายฝั่งจะต้ องไม่ กระทบกระเทือนโดย
ปราศจากเหตุผลอันสมควรต่ อการเดินเรือ การประมง และการ
อนุรักษ์ ทรัพยากรทีม่ ชี ีวติ ในทะเล
การแบ่ งเขตไหล่ทวีป
North Sea Continental Shelf Cases (1969)
• หลักระยะห่ างเท่ ากัน (Equidistance) ไม่ ใช่ หลักกฎหมาย
ระหว่ างประเทศ ทีจ่ ะใช้ ในการแบ่ งเขตไหล่ ทวีปในทุกกรณี
• หลักในการแบ่ งเขตไหล่ ทวีปตามกฎหมายระหว่ างประเทศคือ
“การแบ่ งเขตจะต้ องเป็ นไปตามข้ อตกลง โดยยึดหลักความ
ยุตธิ รรม และโดยคำนึงถึงสถานการณ์ ต่างๆทีเ่ กีย่ วข้ อง เพือ่ ให้
แต่ ละรัฐได้ รับไหล่ ทวีปทีท่ อดยาวออกไปตามธรรมชาติจาก
แผ่ นดินของตนให้ มากทีส่ ุ ดเท่ าทีจ่ ะกระทำได้ โดยไม่ ล้ำเข้ าไป
ในส่ วนทีท่ อดออกไปตามธรรมชาติของรัฐอืน่ ”
การแบ่ งเขตไหล่ทวีปตาม
อน
อนุุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
Article 83
• การแบ่ งเขตไหล่ ทวีปจะกระทำโดยข้ อตกลงระหว่ างกัน
บนพืน้ ฐานของกฎหมายระหว่ างประเทศ เพือ่ ทีจ่ ะได้ การ
แก้ ไขปัญหาทีย่ ุตธิ รรมทีส่ ุ ด
Article 74
• ให้ นำเอาหลักตาม Article 83 มาใช้ บังคับกับการแบ่ งเขต
เศรษฐกิจจำเพาะโดยอนุโลม
เขตเศรษฐกิจจำเพาะ
Exclusive Economic Zone (EEZ)
•วิวฒ
ั นาการมาจากเขตประมงในช่ วง
ปลายทศวรรษ 60 และทศวรรษ 70
•อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982 รับรองเขต
EEZ เป็ นระยะกว้ าง 200 ไมล์ ทะเลวัด
จากเส้ นฐานทีใ่ ช้ วดั ความกว้ างของ
ทะเลอาณาเขต
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งใน EEZ
รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตย (sovereign rights) เพือ่
การสำรวจและแสวงประโยชน์ จากทรัพยากรทั้ง
ทีม่ ชี ีวติ และไม่ มชี ีวติ ทีอ่ ยู่ในน่ านน้ำ พืน้ ทะเล
และดินใต้ พนื้ ทะเล และการแสวงประโยชน์ ทาง
เศรษฐกิจอืน่ ๆ เช่ น การผลิตพลังงานจากน้ำ
กระแสน้ำ และลม
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งใน EEZ (2)
• รัฐชายฝั่งมีอำนาจทางกฎหมาย (jurisdiction) เหนือ
สิ่ งก่ อสร้ าง การใช้ เกาะเทียม สิ่ งติดตั้งและโครงสร้ าง
ต่ างๆ การวิจัยค้ นคว้ าทางวิทยาศาสตร์ และการ
คุ้มครอง และการสงวนรักษาสิ่ งแวดล้ อมในทะเล
• รัฐอืน่ ๆยังคงมีเสรีภาพในการเดินเรือ บินผ่ าน การ
วางสายเคเบิลและท่ อใต้ ทะเล
หน้ าทีข่ องรัฐชายฝั่งใน EEZ
• ต้ องจัดการทรัพยากรสั ตว์ น้ำมิให้ มกี ารแสวงประโยชน์ เกิน
สมรรถภาพของการผลิต โดยจะต้ องกำหนดปริมาณสั ตว์ น้ำที่
จะอนุญาตให้ จับได้ (allowable catch)
• ต้ องยอมให้ รัฐอืน่ ทีอ่ ยู่ในภูมภิ าคเดียวกันเข้ ามาแสวงประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติทมี่ ชี ีวติ ทีเ่ ป็ นส่ วนเกิน (surplus) โดย
ให้ คำนึงถึงรัฐไร้ ฝั่งทะเล (land-locked states) และรัฐทีเ่ สี ย
เปรียบทางภูมศิ าสตร์ เป็ นพิเศษ ทั้งนีใ้ ห้ ขนึ้ อยู่กบั ข้ อตกลง
ระหว่ างทั้งสองฝ่ าย
ข้ อสั งเกตเกีย่ วกับ EEZ
• การประกาศ EEZ ของประเทศเพือ่ นบ้ านทำให้ ไทยสู ญเสี ย
พืน้ ทีท่ ำการประมง
• EEZ ให้ ท้งั สิ ทธิและหน้ าทีแ่ ก่รัฐชายฝั่ง
• หากรัฐชายฝั่งรับแต่ สิทธิ แต่ ไม่ ทำหน้ าที่ เช่ น ไม่ จัดการ
ทรัพยากรสั ตว์ น้ำอย่ างยัง่ ยืน หรือไม่ สงวนรักษาสิ่ ง
แวดล้อมใน EEZ ของตน ก็ย่อมก่อให้ เกิดผลกระทบต่ อรัฐ
อืน่ อย่ างหลีกเลีย่ งไม่ ได้
ทะเลหลวง (High Seas)
• ทะเลทั้งหมดทีไ่ ม่ จดั อยู่ใน น่ านน้ำภายใน
ทะเลอาณาเขต EEZ หรือน่ านน้ำหมู่เกาะ
ของรัฐหมู่เกาะ
• รัฐต่ างๆย่ อมมีสิทธิเท่ าเทียมกันในการใช้
ทะเลหลวง
เสรีภาพในทะเลหลวง
1. การเดินเรือ และบินผ่ าน
2. การทำประมง
3. การวางสายเคเบิลและท่ อใต้ ทะเล
4. เสรีภาพในการสร้ างเกาะเทียมและสิ่ งติดตั้งอืน่ ๆ
5. การค้ นคว้ าวิจัยทางวิทยาศาสตร์
รัฐต้ องคำนึงถึงประโยชน์ ของรัฐอืน่ ทีจ่ ะใช้ เสรีภาพดังกล่ าว
ด้ วย
การใช้ ทะเลหลวงเพือ่ ทดสอบอาวุธ
Nuclear Tests Case (1974) ICJ
• ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ร้องขอให้ ศาลมีคำสั่ งให้ ฝรั่งเศสยุติ
การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเป็ นการใช้ ทะเลหลวงโดย
มิชอบและเป็ นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของทั้งสองประเทศ
• ICJ มิได้ วนิ ิจฉัยประเด็นดังกล่ าว ด้ วยเหตุผลว่ าฝรั่งเศสได้
ประกาศว่ าจะไม่ ทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ในชั้น
บรรยากาศอีกต่ อไป
การจัดการทรัพยากรในพืน้ ทะเลลึก
และพืน้ สมุทร และดินทีอ่ ยู่ใต้
(Deep Seabed and Ocean Floor
and Subsoil Thereof)
ตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
• มีก้อนแมงกานีส (manganese nodules) ทีส่ ามารถนำ
มาถลุงเอาแร่ แมงกานีส นิกเกิล ทองแดง และโคบอลท์
• อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982 กำหนดให้ ทรัพยากรในพืน้
ทะเลลึกและพืน้ สมุทรทีอ่ ยู่นอกเขตอำนาจรัฐ (the
Area) เป็ นมรดกร่ วมกันของมนุษยชาติ (common
heritage of mankind)
• มีองค์ การพืน้ ทะเลระหว่ างประเทศ หรือ the
Authority เป็ นองค์ กรทีค่ วบคุมการแสวงประโยชน์
จาก the Area
การแสวงประโยชน์ ในพืน้ ทะเลลึกและพืน้ สมุทร
• ต้ องได้ รับอนุญาตจาก the Authority
• The Authority มีองค์ กรทีเ่ รียกว่ า the Enterprise ซึ่งสามารถ
ร่ วมแสวงประโยชน์
• ผลประโยชน์ ทไี่ ด้ จาก the Area ให้ นำมาแบ่ งให้ แก่รัฐอืน่ อย่ าง
ยุตธิ รรมโดยคำนึงถึงประเทศกำลังพัฒนา
• มีการจัดทำ New York Agreement ค.ศ. 1994 เพือ่ แก้ไขเพิม่ เติม
บทบัญญัตใิ นส่ วนนี้ และเพือ่ ให้ ลดการคัดค้ านจากประเทศพัฒนา
แล้ว

You might also like