Professional Documents
Culture Documents
Volume I
ผศ.ดร.สุรยิ ะ ทองมุณี
ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แนะนำวิชำ CE 372 Engineering Soil Tests
คานา
มวลดินถูกนำมำใช้ในงำนวิศวกรรมโยธำในสองรูปแบบคือกำรใช้เป็นวัสดุฐำนรำกโดยไม่มีกำรเคลื่อนย้ำยมวล
ดิน และใช้เป็นวัสดุถมโดยกำรเคลื่อนย้ำยจำกแหล่งหนึ่งมำสู่อีกแหล่งหนึ่ง มวลดินเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่แน่นอน
ขึ้นอยู่กับวิธีกำรกำเนิดของมวลดิน สภำพอำกำศ กำรพัดพำ วิธีกำรย่อยสลำย เป็นต้น ด้วยเหตุผลดังกล่ำวกำรใช้
คุณสมบัตขิ องมวลดินในแหล่งอื่นแทนมวลดินที่อยูใ่ นโครงกำรก่อสร้ำงไม่เป็นที่นิยมสำหรับวิศวกรโยธำ ดังนั้นจึงเป็น
ที่จำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องทรำบถึงวิธีกำรทดสอบคุณสมบัตขิ องมวลดินที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลที่น่ำเชื่อถือ และนำไปใช้
ประโยชน์ทำงวิศวกรรมต่อไป
เอกสำรฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงวิธีกำรทดสอบคุณสมบัติทำงวิศวกรรมของมวลดินเบื้องต้น ซึ่งประกอบ
กำรประเมิน ค่ ำ ควำมชื้น ของมวลดิ น กำรประเมิน ค่ ำ หน่ ว ยน้ ำหนั ก มวลดิ น กำรทดสอบเพื่อ ประเมิน ค่ ำ ควำม
ถ่วงจำเพำะของดิน กำรประเมินขนำดและปริมำณของเม็ดดินในมวลดินคละโดยวิธีร่อนผ่ำนตะแกรง กำรทดสอบ
เพื่อประเมินขนำดและปริมำณของเม็ดดินในมวลดินเม็ดละเอียดโดยวิธีไฮโดรมิเตอร์ กำรประเมินค่ำสัมประสิทธ์กำร
เคลื่อนที่ของน้ำผ่ำนมวลดินในห้องปฏิบัติกำร นอกจำกนี้ ยังใช้ประกอบกำรสอนในรำยวิชำ 251-372 กำรทดสอบ
คุณสมบัตขิ องมวลดิน (CE372 Engineering Soil Tests)
ผู้เรียบเรียงหวังว่ำเอกสำรฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษำ และผู้ที่สนใจ หำกมีข้ อผิดพลำดประกำรใด ผู้
เรียบเรียงยินดีรับคำติชม เพื่อให้เกิดควำมสมบูรณ์มำกยิ่งขึ้น
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี ii
แนะนำวิชำ CE 372 Engineering Soil Tests
สารบัญ
หน้ำ
คำนำ ii
รำยละเอียดประกอบกำรแนะนำ iv
แผนกำรสอน ix
รายละเอียดประกอบการแนะนา
2. หัวข้อการสอน
2.1 MOISTURE CONTENT DETERMINATION เป็นกำรทดลองเพื่อประเมินค่ำควำมชื้นของตัวอย่ำงดิน โดย
ใช้เตำอบไฟฟ้ำอบดินให้แห้ง และ DETERMINATION OF TOTAL UNIT WEIGHT OF SOILS เป็นกำร
ทดสอบเพื่อประเมินค่ำหน่วยน้ำหนักมวลดินโดยใช้วงแหวน
2.2 SPECIFIC GRAVITY TEST เป็นกำรทดลองเพื่อประเมินค่ำ Specific Gravity ของตัวอย่ำงดินเม็ดละเอียด
โดยใช้ ขวดแก้ว (volumetric flask) ควำมจุ 500 cc เป็นขวดหำ ถ.พ. (Pycnometer)
2.3 GRAIN SIZE ANALYSIS หรือ PARTICLE SIZE ANALYSIS เป็นกำรทดลองเพื่อประเมินปริมำณของ
เม็ดดินขนำดต่ำงๆในตัวอย่ำงมวลดินคละ (particle size distribution) สำหรับตัวอย่ำงมวลดินคละเม็ดหยำบ
จะทดลองโดยวิธีกล (mechanical method) หรือ SIEVING TEST โดยกำรนำตัวอย่ำงมวลคละทั้งหมดไปล้ำงน้ำ
ผ่ำนตะแกรง No.200 (wash sieving) แล้วนำดินส่วนที่ค้ำงบนตะแกรง No.200 ไปร่อนผ่ำนชุดตะแกรงหยำบ
แบบแห้ง (dry sieving) ส่วนตัวอย่ำงมวลดินคละเม็ดละเอียด (ร่อนผ่ำนตะแกรง No.200) จะทดลองด้วยวิธี
HYDROMETER TEST โดยอำศัยหลักกำรตกตะกอนของ Stokes’ Law ในกำรประเมินขนำดของเม็ดดิน และใช้
hydrometer ในกำรประเมินปริมำณของเม็ดดินขนำดต่ำงๆที่ลอยอยูใ่ นหลอดทดลอง
2.4 ATTERBERG LIMITS TEST เป็นกำรทดลองเพื่อประเมินค่ำ Atterberg Limits หรือ Consistency Limits
ของตัวอย่ำง ดินเม็ดละเอียด (เม็ดดินที่ร่อนผ่ำนตะแกรง No.40) ประกอบด้วยกำรทดลองประเมิน ค่ำ Liquid
Limit (LL), Plastic Limit (PL), และ Shrinkage Limit (SL) ของตัวอย่ำงดิน และรวมไปถึงกำรทดลองเพื่อ
ประเมินค่ำ Linear Shrinkage (LS) ของตัวอย่ำงดินด้วย
2.5 PERMEABILITY TEST เป็นกำรทดลองเพื่อศึกษำประสิทธิภำพกำรไหลของน้ำผ่ำนมวลดินโดยกำร
ประเมินค่ำ Coefficient of Permeability (k) ของตัวอย่ำงดินในห้องปฏิบัติกำร โดยวิธี constant head method
และวิธี variable head หรือ falling head method
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี iv
แนะนำวิชำ CE 372 Engineering Soil Tests
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี v
แนะนำวิชำ CE 372 Engineering Soil Tests
3. การเข้าชั้นเรียนปฏิบัติการ
3.1 กำรเรียนภำคปฏิบัติแต่ละครั้ง จะอยู่ในควำมรับผิดชอบของอำจำรย์ โดยมีผู้ช่วยวิชำกำรเป็นผู้
ควบคุมดูแลและแนะนำวิธีกำรปฏิบัติทดลอง รวมไปถึงกำรสั่งกำรเพื่อรักษำระเบียบต่ำงๆ ภำยในช่วงเวลำ
กำรเรียนภำคปฏิบัตติ ำมที่อำจำรย์ผู้ควบคุมกำหนดไว้
3.2 ผู้ทีข่ าดเรียนภำคปฏิบัติมากกว่า 2 คาบเวลำ จะมีเวลำเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 ตำมประกำศมหำวิทยำลัย
เชียงใหม่ ผู้สอนจะไม่อนุญำตให้เข้ำทำกำรสอบไล่
3.3 นักศึกษำที่ขำดเรียนภำคปฏิบัตหิ ัวข้อใด คะแนนภำคปฏิบัตใิ นหัวข้อนัน้ รวมทั้งคะแนนรำยงำนจะเป็นศูนย์
3.4 กำรเข้ำเรียนภำคปฏิบัติ ต้องแต่งกำยให้เรียบร้อยรัดกุม เพื่อป้องกันอันตรำยที่อำจเกิดขึ้น โดยเฉพำะ
อย่ำงยิ่งให้ใส่รองเท้ำหุม้ ส้นที่ปิดมิดชิด ผู้ที่แต่งกำยไม่เรียบร้อย อำจำรย์หรือผู้ช่วยวิชำกำรที่ควบคุมอยู่ อำจ
ไม่อนุญำตให้เข้ำเรียนหรือทำกำรปฏิบัตติ อ่ ไปได้ และจะถือว่ำขำดกำรเรียนในคำบเวลำนัน้ ๆ
3.5 ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องขำดกำรเรียนในหัวข้อใด จะต้องเข้ำเรียนทดแทน (make up) หัวข้อนั้น ๆ ในวัน
อื่น (ในกรณีที่ยังมีกำรเรียนในหัวข้อนั้นในตอนอื่น ๆ) ทั้งนี้จะต้องได้รับอนุญำตจำกอำจำรย์ผู้รับผิดชอบกำร
เรียนในหัวข้อนั้นก่อน ถ้ำไม่สำมำรถ make up ได้ จะถือว่ำขำดเรียนในหัวข้อนั้น
4. การทารายงาน
กำรทำรำยงำนผลปฏิบัตกิ ำรในแต่ละหัวข้อกำรทดลองเพื่อส่งอำจำรย์ผู้สอน ให้นักศึกษำแต่ละกลุ่มย่อย ทำ
รำยงำนผลปฏิบัตกิ ำรแต่ละหัวข้อกำรทดลอง ตามที่อาจารย์ผู้ควบคุมกาหนด นำส่งที่ผู้ช่วยวิชำกำรในโรงประลอง
ก่อนเข้ำชั้นเรียนในสัปดำห์ถัดไป หรือตำมที่อำจำรย์ผู้ควบคุมกำหนด เนื้อหำหลักในรำยงำนโดยทั่วไปจะ
ประกอบด้วย
4.1 บทนำ (Introduction)
4.2 วัตถุประสงค์ของกำรทดลอง (purposes)
4.3 ทฤษฎีและหลักกำรที่เกี่ยวข้องกับกำรทดลอง (related principles and theories)
4.4 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ทำกำรทดลอง (samples, lab. materials and equipment)
4.5 วิธีกำรทดลองตำมที่ปฏิบัตจิ ริง (experimental procedures)
4.6 ข้อมูลที่ได้จำกกำรทดลอง กำรคำนวณและกำรนำเสนอผลกำรทดลอง (data, calculations, presentation
of calculation results, graphical presentations)
4.7 สรุปผลกำรทดลอง (summary of test results)
4.8 บทวิเครำะห์วิจำรณ์ ผลกำรทดลองและวิธีทำกำรทดลอง โดยเปรียบเทียบกับทฤษฎี และ/หรือ วิธีกำรที่
ถูกต้อง รวมทั้งข้อแนะนำเพิ่มเติม (discussion of test results and recommendations)
4.9 เอกสำรอ้ำงอิง (references)
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี vi
แนะนำวิชำ CE 372 Engineering Soil Tests
รำยละเอียดดังกล่ำวนี้อำจเปลี่ยนแปลงได้ตำมคำสั่งของอำจำรย์ผู้ควบคุมแต่ละหัวข้อกำรทดลอง ดังนั้น
หำกมีข้อสงสัยใด ๆ ให้สอบถำมจำกอำจำรย์ผู้ควบคุม
5. การจัดทาและคะแนนรายงานการเรียนภาคปฏิบัติ
ให้จัดทำและส่งรำยงำน (ตำมที่อำจำรย์ ผู้สอนแต่ละหัวข้อ เป็นผู้กำหนด) จำนวน 12 หัวข้อกำรทดสอบ
ประกอบด้วย
คะแนนรำยงำน
1. Moisture Content Determination 10
2. Specific Gravity Test 15
3. Grain Size Analysis: Sieving Test และ
4. Grain Size Analysis: Hydrometer Test (รวม 2 หัวข้อ) 30
5. Atterberg’s Limits Test 15
6. Permeability Test 15
7. Soil Compaction Test และ
8. Field Density Test (รวม 2 หัวข้อ) 30
9. Consolidation Test (2 คำบเวลำ) 30
10. Unconfined Compression Tests 15
11. Direct Shear Test 20
12. Triaxial Compression Test 20
รวมคะแนนรำยงำน 200
7. การคิดคะแนนพิจารณาผลการศึกษา
คะแนนภำคปฏิบัติ จำกกำรเข้ำเรียนและกำรทำรำยงำน 40 % ของคะแนนรวมตัดเกรด
คะแนนสอบข้อเขียน (Mid Term และสอบไล่) 60 % ของคะแนนรวมตัดเกรด
9. การพิจารณาผลการศึกษา (เกณฑ์ปกติ)
1. ขำดกำรเรียนภำคปฏิบัตใิ นระหว่ำงภำคเรียนมำกกว่ำ 2 คำบเวลำ/หัวข้อกำรทดลอง ไม่มสี ิทธิเข้ำสอบไล่
2. จะพิจำรณำคะแนนเฉพำะส่วนที่เป็นกำรสอบข้อเขียนก่อน (คะแนนสอบ Mid Term และ คะแนนสอบไล่)
ถ้ำได้คะแนนสอบข้อเขียน มำกกว่ำ 30% (54 คะแนน จำก 180 คะแนน) จึงจะนำคะแนนสอบข้อเขียนไปรวม
กับคะแนนรำยงำน เป็นคะแนนรวมตัดเกรด เพื่อตัดเกรดขัน้ สุดท้ำยต่อไป แต่ถ้ำได้คะแนนสอบข้อเขียนต่ำกว่ำ
30% (54 คะแนน) จะถูกพิจำรณำให้สอบตก โดยไม่ต้องนำคะแนนรำยงำนมำพิจำรณำร่วมด้วยแต่อย่ำงใด
3. ได้คะแนนรวมตัดเกรด (คะแนนรำยงำนภำคปฏิบัติ + คะแนนสอบข้อเขียน) มำกกว่ำ 50% ถือว่ำสอบผ่ำน
10. เอกสารอ้างอิง
เอกสำรจัดทำโดย ผศ.เดชำวุธ จำรุตำมระ
ปรับปรุงครัง้ ที่ 1 โดย ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี
แผนการสอนรายวิชา
2. รายละเอียดวิชาที่สอน
รหัสกระบวนวิชำ CE 372
ชื่อกระบวนวิชำ ปฏิบัตกิ ำรกลศำสตร์ดนิ (ENGINEERING SOIL TESTS)
จำนวนหน่วยกิต 1 หน่วยกิต ลักษณะกระบวนวิชำ ปฏิบัติ
ลักษณะกำรสอน สอนหลำยคน วันเวลำที่สอน ขึน้ อยูก่ ับกำรจัดเวลำในแต่ละภำคกำรศึกษำ
3. คาอธิบายลักษณะกระบวนวิชา
กำรทดสอบในสนำมและในห้องปฏิบัตกิ ำรเกี่ยวกับปฐพีกลศำสตร์, มำตรฐำนในกำรหำค่ำคุณสมบัติของดิน,
กำรใช้เครื่องมือ, กำรเขียนรำยงำน กำรวิเครำะห์ผล และกำรอภิปรำยของผลกำรทดสอบ
Field testing and laboratory experiments in soil mechanics; standard tests to determine various
engineering properties of soils; uses of equipment; report writing, analysis, and discussion of test results.
4. แผนการสอน
สัปดาห์ที่ เนื้อหาที่สอน แบบฝึกหัด ผู้สอน หมายเหตุ
INTRODUCTION TO SOIL TESTING and REPORT
1 ผศ.ดร.สุริยะ
MOISTURE CONTENT DETERMINATION
2 SPECIFIC GRAVITY and SIEVE ANALYSIS REPORT ผศ.ดร.สุริยะ เนื้อหา
3 HYDROMETER TEST REPORT ผศ.ดร.สุริยะ สอบกลางภาค
REPORT 80 คะแนน
4 ATTERBERG LIMITS TESTS ผศ.ดร.สุริยะ
5 SOIL COMPACTION REPORT ผศ.ดร.พีรพงศ์
6 FIELD DENSITY TEST REPORT ผศ.ดร.พีรพงศ์
7 PERMEABILITY TEST REPORT ผศ.ดร.พีรพงศ์
8 Midterm Examination
9 UNCONFINED COMPRESSION TEST REPORT ผศ.ดร.ธวัชชัย
10 DIRECT SHEAR TEST REPORT ผศ.ดร.ธวัชชัย เนื้อหา
11 TRIAXIAL COMPRESSION TEST REPORT ผศ.ดร.ธวัชชัย สอบ FINAL
12-14 CONSOLIDATION TEST REPORT ผศ.ดร เศรษฐพงศ์ 100 คะแนน
15 COURSE SUMMARY AND REPORTING REPORT
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี ix
แนะนำวิชำ CE 372 Engineering Soil Tests
5. ระบุกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ
ให้นัก ศึกษำทำงำนเป็น กลุ่ม และสำมำรถวิเครำะห์คุณสมบัติข องดิน ได้โดยอำศั ยผลจำกกำรทดสอบใน
ห้องปฏิบัตกิ ำร
6. ระบุเวลาสอบ
สอบกลำงภำค ขึน้ อยูก่ ับกำรจัดเวลำในแต่ละภำคกำรศึกษำ
สอบปลำยภำค ขึน้ อยูก่ ับกำรจัดเวลำในแต่ละภำคกำรศึกษำ
7. สัดส่วนการให้คะแนน
คะแนนสอบกลำงภำค 25 %
คะแนนสอบไล่ 35 %
คะแนนรำยงำนและกำรปฏิบัตกิ ำร 40 %
8. หนังสือ/วารสาร ประกอบการเรียนการสอน
1. BOWLES, J.E. “Engineering Properties of Soils and Their Measurement”
2. DAS, B.M.; “Soil Mechanics Laboratory Manual”
9. เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล
(/) อิงเกณฑ์
(/) อิงกลุ่ม
ผศ.ดร.สุริยะ ทองมุณี x
CE 372 ENGINEERING SOIL TESTS
การทดสอบเรือ่ งที่ 1
การทดสอบเพื่อประเมินค่าความชื้นของมวลดิน
LABORATORY DETERMINATION OF MOISTURE CONTENT OF SOILS
การทดสอบเพื่อประเมินค่าหน่ วยนา้ หนักมวลดิน
LABORATORY DETERMINATION OF TOTAL UNIT WEIGHT OF SOILS
1. บทนา
มวลดินประกอบไปด้วยเม็ดดิน (soil particles) และช่องว่างระหว่างเม็ดดิน (voids) น้าทีม่ อี ยูใ่ นมวลดิน จะ
อยูใ่ นช่องว่างระหว่างเม็ดดิน มวลดินทีไ่ ม่มนี ้าในช่องว่างระหว่างเม็ดดิน เรียกว่า ดินแห้ง (dry soil) และมวลดินทีม่ ี
น้าอยูเ่ ต็มช่องว่างระหว่างเม็ดดิน เรียกว่า มวลดินอิม่ ตัว (saturated soil) ในมวลดินทัวไป ่ ช่องว่างระหว่างเม็ด
ดินอาจมีน้าอยูเ่ ป็ นบางส่วน ทีว่ ่างทีเ่ หลือเป็ นช่องว่างอากาศ (air voids) มวลดินลักษณะนี้ เรียกว่า มวลดินไม่
อิม่ ตัว (partially saturated soil) ปริมาณน้าทีม่ อี ยูใ่ นมวลดิน มีผลกระทบต่อคุณสมบัตทิ างวิศวกรรมของมวลดิน
นัน้ เป็ นอย่างมาก มวลดินชนิดเดียวกันและมีชอ่ งว่างระหว่างเม็ดดินเท่ากัน แต่มปี ริมาณน้าในช่องว่างไม่เท่ากัน จะ
มีคณ ุ สมบัตทิ างวิศวกรรมทีแ่ ตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ก้อนดินเหนียวแห้งจะมีความแข็งแรงสูง ไม่สามารถบีบหรือ
ปั น้ ให้เปลีย่ นแปลงรูปร่างได้ แต่ถา้ นาก้อนดินเหนียวก้อนนัน้ ไปแช่น้าจนอยูใ่ นสภาพอิม่ ตัว (saturated) ความ
แข็งแรงของก้อนดินเหนียวจะลดลง สามารถบีบหรือปั น้ ให้เป็ นรูปร่างต่างๆได้ การบ่งบอกปริมาณน้าทีม่ อี ยูใ่ น
มวลดิน ทีใ่ ช้อยูใ่ นวิชา Soil Mechanics มีอยู่ 2 วิธี คือ
ก. บอกปริมาณน้าทางด้านปริมาตร โดยการเปรียบเทียบปริมาตรน้าในมวลดิน (Vw) เป็ นสัดส่วนของ
ปริมาตรช่องว่างระหว่างเม็ดดิน (Vv) ในมวลดินนัน้ ค่าทีไ่ ด้ เรียกว่า degree of saturation; Sr
ข. บ่งบอกปริมาณน้าทางด้านมวล โดยการเปรียบเทียบมวลของน้าในมวลดิน (Ww) เป็ นสัดส่วนของมวล
ของเม็ดดิน (soil solids; Ws) ในมวลดินนัน้ ค่าทีไ่ ด้ เรียกว่า ค่าความชืน้ (moisture content; m, หรือ
water content; w)
2. วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
เพือ่ ฝึกฝนให้นกั ศึกษารูจ้ กั วิธกี ารประเมินค่าความชืน้ ของมวลดินอย่างถูกต้อง พร้อมทัง้ เรียนรูท้ าความ
เข้าใจความหมายของความชืน้ ของมวลดิน เพราะการประเมินค่าความชืน้ เป็ นการทดสอบพืน้ ฐานในการวิเคราะห์
คุณสมบัตทิ างวิศวกรรมต่างๆของมวลดิน
3. เอกสารอ้างอิ ง
3.1 มาตรฐาน ASTM D 2216
Standard Method for Laboratory Determination of Water (Moisture) Content of Soil, Rock,
and Soil Aggregate Mixtures
CE 372 Lab. No.1 Page 2
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง
ความชืน้ หรือ moisture content เป็ นคุณสมบัตทิ างกายภาพพืน้ ฐานของมวลดิน ค่าความ ชืน้ ของมวลดิน
ถูกกาหนด ให้เป็ นอัตราส่วนระหว่าง น้าหนัก (มวล) ของน้าทีม่ อี ยูใ่ นมวลดินใดๆ กับน้าหนัก (มวล) ของเม็ดดินทีม่ ี
อยูใ่ นมวลดินเดียวกันนัน้ หรือ
Ww
w = ……………….. (1.1)
Ws
Ww
w = x 100 (%) ……………….. (1.2)
Ws
ค่าความชืน้ ของมวลดินใดๆ สามารถมีคา่ เกิน 1.00 เมือ่ ประเมินโดยสมการที่ 1.1 หรือมีค่าเกิน 100%
เมือ่ ประเมินจากสมการที่ 1.2 ก็ได้ หมายความว่าในมวลดินนัน้ ๆมีมวลของน้ามากกว่ามวลของเม็ดดิน ซึง่ เป็ นไป
ได้ในกรณีทม่ี วลดินดังกล่าวมีช่องว่างระหว่างเม็ดดินมาก เช่นมวลดินเหนียวทีจ่ ดั ตัวแบบ edge-to-face
flocculation เม็ดดินแผ่นแบบจับตัวกันอย่างหลวมๆทาให้มวลดินมีปริมาตรช่องว่าง (void) มากกว่าปริมาตรเม็ด
ดิน มีทาให้มวลดินนัน้ มีคา่ ความพรุน (porosity) สูง มวลดินทีอ่ มิ่ ตัว (saturated) จึงมีปริมาตรและมวลของน้า
มากกว่าปริมาตรและมวลของเม็ดดิน
CE 372 Lab. No.1 Page 3
5. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
6. วิ ธีการทดสอบ
9.1 เตาอบทีใ่ ช้ตอ้ งสามารถควบคุมอุณหภูมคิ งทีไ่ ด้ท่ี 1100C (+/-) 50C แต่ถา้ ตัวอย่างดินเป็ นดินที่ มี
สารอินทรีย์ หรือมีแร่ยปิ ซัม่ หรือมีสารประกอบบางชนิดทีส่ ามารถแปรสภาพได้งา่ ยภายใต้ความร้อน
สูงปนอยูม่ าก การอบตัวอย่างดินดังกล่าวทีอ่ ณ ุ หภูมสิ งู จะทาให้สารดังกล่าวสลายตัวไปพร้อมกับน้า
ในมวลดิน ทาให้คา่ ความชืน้ ของมวลดินทีป่ ระเมินได้ สูงกว่าความเป็ นจริง ดังนัน้ การอบดิน
ประเภทนี้ จึงควรควบคุมอุณหภูมเิ ตาอบไว้ทป่ี ระมาณ 600C
9.2 ASTM D 2216 ระบุว่า ส่วนใหญ่แล้ว การอบตัวอย่างดินข้ามคืน หรืออย่างน้อย ระหว่าง 12 – 16
ชัวโมง
่ ก็น่าจะเพียงพอทีจ่ ะทาให้ตวั อย่างดินแห้งได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างดินชืน้ ทีใ่ ช้ทาการ
ทดสอบ ควรจะมีปริมาณทีเ่ หมาะสม ถ้ามากเกินไป จะอบให้แห้งได้ยาก หากน้อยเกินไป จะเกิด
ความคลาดเคลื่อนของผลการทดสอบได้มาก AASHTO และ BOWLES (1992) แนะนาปริมาณ
ตัวอย่างดินสาหรับทดสอบหาความชืน้ โดยพิจารณาจากขนาดของเม็ดดินในตัวอย่างดินนัน้ ๆ ดัง
แสดงไว้ในตารางที่ 1.1 หรือ ทีแ่ นะนาโดย ASTM ตามตารางที่ 1.2
9.3 เมือ่ นาตัวอย่างดินเปี ยกใส่กระป๋ องหาความชืน้ แล้ว ให้รบี นาไปชังน ่ ้าหนักทันที หากตัง้ ทิง้ ไว้ น้าใน
ตัวอย่างดินอาจระเหยหายไปบางส่วน ทาให้ประเมินค่าความชืน้ ของตัวอย่างดินได้น้อยกว่าทีเ่ ป็ น
จริง แต่เมือ่ ชังน
่ ้าหนักกระป๋ องดินเปี ยกแล้ว จะตัง้ กระป๋ องดินทิง้ ไว้ก่อน แล้วจึงนากระป๋ องดินเปี ยก
ไปเข้าเตาอบในภายหลังก็ได้
CE 372 Lab. No.1 Page 4
@@@@@@@@@@@@@@@@@
CE 372 Lab. No.1 Page 5
1.บทนา
ค่าน้ าหนักรวมต่อหน่ วยปริ มาตร (Total Unit Weight) หรื อหน่ วยน้ าหนักของมวลดินในธรรมชาติ
(Moist Unit Weight) มีความสาคัญอย่างมากสาหรับวิศวกรปฐพีสาหรับการคานวณค่าหน่วยแรงกดทับของชั้น
ดินตามธรรมชาติที่ความลึกต่างๆ (Overburden Pressure) นอกจากนี้ ยงั ถูกนาไปใช้เป็ นค่าคงตัวที่เป็ นตัวแปรใน
สู ตรการคานวณต่างๆ เช่นการคานวณค่าน้ าหนักบรรทุกของฐานราก การคานวณการทรุ ดตัวของดิ น เป็ นต้น
การทดลองหาค่าน้ าหนักรวมต่อหน่ วยปริ มาตร (Total Unit Weight) โดนทัว่ ไปจะจากัดเฉพาะดิ นเหนี ยวที่
สามารถตั้งรู ปทรงได้ ตัวอย่างที่ทดสอบต้องเป็ นตัวอย่างดิ นคงสภาพ ซึ่ งเป็ นข้อจากัดที่ไม่สามารถทดลองกับ
ตัวอย่างทราย-กรวดได้ เพราะไม่สามารถเก็บตัวอย่างแบบคงสภาพได้ (การเก็บตัวอย่างด้วยกระบอกโดยทัว่ ไป
ถือว่าตัวอย่างจะถูกรบกวนไปบ้างแล้ว) อย่างไรก็ตามในบางกรณี ที่มีความจาเป็ นจะต้องได้ค่าน้ าหนักรวมต่อ
หน่วยปริ มาตร (Total Unit Weight) ของดินสามารถทาได้หลายวิธี คือ
1. วิธีใช้วงแหวนตัวอย่าง (Sample Ring) มีขอ้ ดีที่ทดลองได้สะดวก รวดเร็ วใช้ตวั อย่างดินน้อย ซึ่ งเป็ น
ตัวอย่างการทดลองในบทนี้ แต่อาจจะไม่เหมาะกับดินที่มีกรวด-ทรายปน
2. วิธีใช้วดั ปริ มาตรดิ นในกระบอก สาหรับตัวอย่างดินที่แข็งมาก ไม่สามารถดันตัวอย่างดิ นออกจาก
กระบอกได้ และดินที่มีกรวด-ทรายผสม เมื่อดันตัวอย่างดินออกมาแล้ว อาจจะไม่ทรงตัว
3. วิธีใช้หาปริ มาตรของดินด้วยการแทนที่น้ าหรื อปรอท สาหรับดินเหนี ยวที่มีสัมประสิ ทธิ์ การซึ มผ่าน
ต่าที่จะไม่ซึมซับน้ าเข้าไปในตัวอย่างในระยะเวลาสั้นๆ สามารถใช้วิธีแทนที่น้ าได้ ส่ วนดินที่แห้งและแตกง่าย
ควรใช้วธิ ี แทนที่ปรอทวิธีน้ ีสามารถใช้กบั ตัวอย่างดินที่ไม่เป็ นรู ปทรงแน่นอน (Irregular Shape)
อีกวิธีหนึ่ งที่จะได้น้ าหนักรวมต่อหน่วยปริ มาตร (Total Unit Weight) ระหว่างทดลองแรงอัดแบบไม่
ถูกจากัด (Unconfined Compression Test) และทดสอบอัดตัวคายน้ า (Consolidation Test) การทดสอบแรงอัด 3
แกน (Triaxial Test) เมื่อได้ทาการตัดแต่งตัวอย่างเป็ นรู ปทรงที่แน่นอน ก็สามารถคานวณค่าน้ าหนักรวมต่อ
หน่วยปริ มาตร (Total Unit Weight) ได้โดยตรงและจะต้องรายงานค่าน้ าหนักรวมต่อหน่วยปริ มาตร (Total Unit
Weight) ของตัวอย่างดินประกอบรายงานด้วย
2. วัตถุประสงค์ ของการทดสอบ
เพื่อฝึ กฝนให้นกั ศึกษารู ้จกั วิธีการในการหาค่าน้ าหนักรวมต่อหน่วยปริ มาตรของมวลดินอย่างถูกต้อง
เพื่อเตรี ยมความพร้อมสาหรับการทาการทดสอบอื่น ๆ ในห้องปฏิบตั ิการต่อไป
3. เอกสารอ้างอิง
CE 372 Lab. No.1 Page 6
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกีย่ วข้ อง
หน่วยน้ าหนักรวม (Total Unit Weight) หรื อ หน่วยน้ าหนักดินเปี ยก (Moist Unit Weight) เป็ น
คุณสมบัติทางกายภาพพื้นฐานของมวลดิน หน่วยน้ าหนักรวมของมวลดินถูกกาหนด ให้เป็ นอัตราส่ วนระหว่าง
น้ าหนักของดินเปี ยกกับปริ มาตรของมวลดินนั้น หรื อ
……………….. (1.1)
2. การหาหน่ วยน้าหนักรวม
1.1 น้าหนักของวงแหวนตัวอย่าง (Wt. ring) ......................... กรัม
1.2 น้าหนักของวงแหวนตัวอย่างและตัวอย่างดิน (Wt. ring + wet soil) ......................... กรัม
1.3 น้าหนักขอตัวอย่างดิน (Wt. soil, W) ......................... กรัม
1.4 ปริมาตรของตัวอย่างดิน (Volume of soil, V) ......................... ซม3
3. รายการคานวณ
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
CE 372 ENGINEERING SOIL TESTS
การทดสอบเรือ่ งที่ 2
การทดสอบเพื่อประเมินค่าความถ่วงจาเพาะของดิน
TEST FOR SPECIFIC GRAVITY OF SOILS
1. บทนา
2. วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
3. เอกสารอ้างอิ ง
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง
s Ws 1
GS s = = x ……………….. (2.1)
w4 Vs w 4
WwT
VWT = = VS ……………….. (2.2)
wT
Ws wT
GS = x ……………….. (2.3)
w 4 WwT
ในหน่วยระบบ METRIC และระบบ SI W4 มีคา่ = 1.000 g/cc ดังนัน้ สมการที่ 2.3 จึงเขียนได้เป็ น
W
GS = wT s ……………….. (2.4)
WwT
CE 372 Lab. No. 2 page 10
s Ws 1
GS s = = x ……………….. (2.5)
w 20 Vs w 20
Ws wT
GS = x
w 20 WwT
wT Ws
และ GS = ……………….. (2.6)
w 20 WwT
5. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
6. วิ ธีการทดสอบ
7. การคานวณผลการทดสอบ
นาข้อมูลทีไ่ ด้จากการทดสอบมาคานวณประเมินค่าความถ่วงจาเพาะของเม็ดดินในมวลดิน
คละ โดยพิจารณาจากสมการที่ 2.4 กาหนดให้ WaT เป็ นน้าหนักขวดหาค่าความถ่วงจาเพาะเมือ่ มีน้าเต็มที่
อุณหภูม ิ TOC และ เมือ่ นาขวดดังกล่าว ไปใส่เม็ดดินแห้ง มีมวล WS แล้วเติมน้าให้เต็มขวดทีอ่ ณ ุ หภูม ิ TOC
ขวดนี้จะมีน้าหนัก WbT หากสมมุตวิ ่า เอาเม็ดดิน WS ใส่ลงไปในขวดทีม่ นี ้าเต็มอยูแ่ ล้วซึง่ มีน้าหนัก WaT มวล
รวมของขวด ดิน และ น้า ในทีน่ ้ี จะเป็ น Wt หรือ
wT Ws
GS = ……………… (2.10)
WaT Ws WbT
ในกรณีทท่ี าการทดสอบตามมาตรฐาน ASTM นาสมการที่ 2.9 ไปแทนค่าในสมการที่ 2.6 จะได้
wT Ws
GS = ……………… (2.11)
w 20 WaT Ws WbT
CE 372 Lab. No. 2 page 13
Maximum G s
< 1.02 ……………… (2.12)
Minimum G s
8. บทวิ เคราะห์วิจารณ์
สมการที่ 2.13
CE 372 Lab. No. 2 page 14
wT
WaT = WaTi Wf Wf ……………… (2.13)
wTi
1
GS(av) = ……………… (2.14)
R P
100 G 100 G
S1 S2
9.3 มวลดินคละทีป่ ระกอบไปด้วยเม็ดดินทีม่ ขี นาดเล็กกว่า 4.75 มม. ทัง้ หมด (หรือ เล็กกว่า 2.00 มม.
ทัง้ หมด แล้วแต่กรณี) จะใช้ตวั อย่างดินทีอ่ บแห้งแล้วหรือจะใช้ตวั อย่างดินทีม่ คี วามชืน้ ตามธรรมชาติ
มาทาการทดสอบก็ได้ กรณีทใ่ี ช้ตวั อย่างดินทีม่ คี วามชืน้ มวลดินชืน้ ทีใ่ ช้ในการทดสอบควรมีน้าหนัก
เพิม่ ขึน้ มากกว่าทีร่ ะบุไว้สาหรับดินแห้งเล็กน้อย หลังจากทาการทดสอบแล้ว จึงนาตัวอย่างดินทีใ่ ช้ใน
การทดสอบมาอบแห้ง เพือ่ หาน้าหนักดินแห้งทีใ่ ช้ทาการทดสอบในภายหลัง
9.4 การผสมตัวอย่างดินกับน้ากลันโดยเฉพาะตั
่ วอย่างดินเหนียวเม็ดละเอียดทีม่ คี วามชืน้ ตามธรรมชาติ
จะต้องกวนผสมให้เม็ดดินแยกแตกตัวออกจากกันในน้ากลันให้ ่ ได้มากทีส่ ดุ โดยใช้เครือ่ งปั น่ ผสมดิน
แบบใบพัดทัง้ นี้ เพือ่ ป้ องกันมิให้มฟี องอากาศหลงเหลืออยูใ่ นช่องว่างระหว่างเม็ดดินทีย่ งั เกาะตัวเป็ น
ก้อนในส่วนผสมนัน้
CE 372 Lab. No. 2 page 15
@@@@@@@@@@@@@@@@
CE 372 Lab. No.2 page 15
CE 372 ENGINEERING SOIL TESTS
EXPERIMENT No. 2
SPECIFIC GRAVITY TEST
ชื่อ-สกุล ………………………......................................……….…… รหัส .................................. ตอนที่ .......... กลุม่ ที่ ................ วันทดสอบ ........................................
258
257
(น้ ำหนักขวด + น้ ำเต็มขวด) (WaT) (กรัม)
256
255
254
253
252
251
250
16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32
มวลดินโดยทัวไปประกอบไปด้
่ วยเม็ดดินขนาดต่างๆปนกันอยูใ่ นปริมาณทีแ่ ตกต่างกัน การ
บ่งชีช้ นิดของมวลดินใดๆตามหลักวิชาการ จาเป็ นจะต้องใช้ปริมาณของเม็ดดินขนาดต่างๆทีป่ ระกอบกันขึน้ เป็ น
มวลดินนัน้ เป็ นข้อมูลเบือ้ งต้นในการจาแนกชนิดและประเภทของมวลดิน นอกจากนัน้ ปริมาณของเม็ดดินขนาด
ต่างๆในมวลดิน ยังใช้เป็ นข้อมูลพืน้ ฐานประกอบการศึกษาวิเคราะห์ เพือ่ ประเมินคุณสมบัตทิ างกายภาพและ
คุณสมบัตทิ างวิศวกรรมของมวลดินนัน้ ๆ เช่น ความหนาแน่นและความพรุนของมวลดิน คุณสมบัตกิ ารไหลซึม
ของน้าผ่านมวลดิน เป็ นต้น และยังใช้เป็ นข้อกาหนดทีส่ าคัญในการคัดเลือกวัสดุดนิ ทีจ่ ะนาไปใช้ในงานก่อสร้าง
ต่างๆอีกด้วย ในการทดสอบนี้ จะกล่าวถึงการประเมินขนาดและปริมาณของเม็ดดินในมวลดินคละทีป่ ระกอบไป
ด้วยเม็ดดินขนาดใหญ่กว่า 0.075 มม. ซึง่ เป็ นการทดสอบด้วยวิธกี ล (mechanical method) โดยการร่อนมวลดิน
คละ ผ่านชุดตะแกรงทีม่ ชี อ่ งเปิ ดขนาดต่างๆกัน หรือเรียกโดยทัวไปว่
่ า sieve analysis
2. วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
3. เอกสารอ้างอิ ง
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง
การทดสอบเพือ่ คัดขนาดและประเมินปริมาณของเม็ดดินขนาดต่างๆในมวลดินคละโดยวิธี
ร่อนผ่านตะแกรง จะนามวลดินคละอบแห้งทีเ่ ตรียมไว้มาร่อนผ่านชุดตะแกรง แล้วบันทึกข้อมูลน้าหนักดินแห้งที่
ค้างบนตะแกรงแต่ละอัน นาข้อมูลมาคานวณหาปริมาณมวลคละทีร่ อ่ นผ่านตะแกรงแต่ละอัน เป็ นค่าร้อยละของ
น้าหนักมวลดินคละอบแห้งทีใ่ ช้ทาการทดสอบ และเมือ่ ใช้ขนาดช่องเปิ ดของตะแกรง เป็ นขนาดเทียบเท่าของเม็ด
ดิน ก็สามารถรายงานผลการทดสอบได้เป็ นค่า percentage finer หรือ percentage passing หรือเรียกกัน
โดยทัวไปว่
่ า percent finer ซึง่ เป็ นค่าบอกปริมาณเม็ดดินในมวลดินคละทีส่ ามารถร่อนผ่านตะแกรงแต่ละขนาดได้
โดยระบุเป็ นค่าร้อยละโดยน้าหนักของมวลดินแห้งทีใ่ ช้ทาการทดสอบทีเ่ ม็ดดินมีขนาดเล็กกว่าขนาดช่องเปิ ดของ
ตะแกรงใดๆ หลังจากนัน้ นาผลทดสอบไป plot เป็ นกราฟความสัมพันธ์ระหว่างค่า percentage finer บน natural
scale กับ ขนาดเทียบเท่าของเม็ดดิน (particle diameter หรือ grain diameter) บน logarithmic scale ใน
กระดาษกราฟ semi-log กราฟความสัมพันธ์น้ีเรียกว่า particle size distribution curve หรือ grading curve
รูปร่างลักษณะของ grading curve ของมวลคละใดๆ นอกจากจะใช้บ่งชีป้ ริมาณของเม็ดดินขนาดต่างๆทีม่ อี ยูใ่ น
มวลดินคละนัน้ แล้ว ยังสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าส่วนผสมของเม็ดดินในมวลดินคละนัน้ มีลกั ษณะเป็ น poorly
graded (uniform graded หรือ gap graded) หรือเป็ น well graded soils โดยพิจารณาจากค่าสัมประสิทธิ ์ที่
คานวณได้จาก grading curve 2 ค่า คือ ค่าสัมประสิทธิ ์แห่งความสม่าเสมอ (Coefficient of Uniformity, CU) และ
สัมประสิทธิ ์แห่งความโค้ง (Coefficient of Curvature, CC หรือ CZ) grading curve นัน้ โดยที่
D 60
CU = ……………….. (3.1)
D10
2
D 30
CZ = ……………….. (3.2)
D 60 D10
ในกรณีทม่ี วลดินคละ มีเม็ดดินขนาดเล็กกว่า 0.075 มม. ซึง่ จัดเป็ นเม็ดดินประเภท silt และ
clay ปนอยูม่ ากพอสมควร การใช้ตวั อย่างดินอบแห้งร่อนผ่านตะแกรงโดยตรงตามวิธที เ่ี รียกว่า การร่อนแบบแห้ง
CE 372 Lab. No.3 page 19
5. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
6. วิ ธีการทดสอบ
7. การคานวณผลการทดสอบ
8. บทวิ เคราะห์วิจารณ์
@@@@@@@@@@@@@@@@@
CE 372 Lab. No.3 page 27
เมื่อเตรียมตัวอย่าง หลังจากล้าง
ข้อมูลตัวอย่างดิ น
ก่อนนาไปล้างผ่านตะแกรง ผ่านตะแกรง No. 200
เครือ่ งหมายถาดใส่ตวั อย่างดิ น
น้าหนักถาด + ดิ นแห้ง (กรัม)
น้าหนักถาดใส่ตวั อย่างดิ น (กรัม)
น้าหนักดิ นแห้งที่ใช้ทดสอบ (กรัม)
รวม
Note: น้าหนักดิ นแห้งค้างใน Pan = (น้าหนักดิ นแห้งค้างใน Pan จากการร่อนแห้ง ) + (น้าหนักดิ นแห้งส่วนที่ล้างผ่านตะแกรง No.200)
CE 372 ENGINEERING SOIL TESTS
การทดสอบเรือ่ งที่ 4
การทดสอบเพื่อประเมินขนาดและปริมาณของเม็ดดินในมวลดินเม็ดละเอียด
โดยวิธีไฮโดรมิเตอร์
PARTICLE SIZE ANALYSIS OF FINE GRAINED SOILS
HYDROMETER METHOD
1. บทนา
การประเมินขนาดและปริมาณของเม็ดดินในมวลดินคละเม็ดละเอียดโดยวิธกี ลจะไม่สามารถ
กระทาได้ เนื่องจากเม็ดดินประเภท silt และ clay มีขนาดเล็กมากและเม็ดดินมีแรงยึดเหนี่ยวดึงดูดซึง่ กันและกัน
หรือ cohesion ทาให้เม็ดดินเกาะติดกันเป็ นก้อนดินทีม่ คี วามมันคงสู ่ ง การทุบมวลดินคละด้วยค้อนยาง ไม่
สามารถทาให้เม็ดดินแยกตัวออกจากกันเป็ นเม็ดดินอิสระจนหมดสิน้ ได้ เมือ่ นามวลดินคละนัน้ ไปร่อนผ่านตะแกรง
โดยวิธีกล จึงทาให้เม็ดดินค้างอยู่บนตะแกรงทีม่ ชี ่องเปิ ดขนาดใหญ่กว่าขนาดที่แท้จริงของเม็ดดินแต่ละเม็ด
นอกจากนัน้ เม็ดดินทีม่ ขี นาดเล็กมาก มีค่า specific surface สูง สามารถดึงดูดติดอยู่กบั เส้นลวดแผ่นตะแกรง ทา
ให้เกิดการอุดตันของแผ่นตะแกรงได้งา่ ย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทาให้ผลทดสอบแสดงปริมาณเม็ดดินค้างอยู่บน
ตะแกรงทีม่ ชี ่องเปิ ดขนาดเล็ก มีปริมาณมากกว่าความเป็ นจริง อีกทัง้ การผลิตแผ่นตะแกรงทีม่ ชี ่องเปิ ดขนาดเล็ก
มาก (ขนาดเล็กกว่า 0.038 มม หรือ 38 microns) ย่อมไม่ได้ผลดี ยากแก่การควบคุมขนาดช่องเปิ ดของตะแกรง
ให้คงทีไ่ ด้มาตรฐาน และยากต่อการดูแลรักษา แผ่นตะแกรงมักจะเกิดอุดตันระหว่างการทดสอบและเกิด การชารุด
เสียหายได้งา่ ย ดังนัน้ การประเมินขนาดและปริมาณของเม็ดดินในมวลดินคละเม็ดละเอียด จึงต้องเปลีย่ นไปใช้
วิธกี ารทางเคมี โดยใช้สารเคมีทม่ี คี ณ
ุ สมบัตทิ าลายแรงดึงดูดระหว่างเม็ดดินผสมเข้ากับมวลดินคละเพื่อช่วยให้เม็ด
ดินขนาดเล็ก แยกตัวออกจากกันเป็ นเม็ดดินอิสระ หรือ ทาให้เม็ดดินอยู่ในสภาพ deflocculation และอาศัยกฎ
การตกตะกอนของอนุ ภาครูปทรงกลมในของเหลว หรือ Stokes’ Law ช่วยในการประเมินขนาดและปริมาณของ
เม็ดดินในมวลดินคละนัน้ วิธกี ารทดสอบนี้เรียกว่า Hydrometer Analysis หรือ Hydrometer Method ซึง่ ตาม
มาตรฐาน AASHTO และ ASTM ระบุว่าใช้ทดสอบกับมวลดินคละส่วนทีเ่ ม็ดดินมีขนาดเล็กกว่า 0.075 มม. หรือ
มวลดินส่วนทีร่ ่อนผ่านตะแกรง ASTM No.200 โดยทีข่ อ้ กาหนดตามกฏของ Stokes สามารถนาไปใช้ได้กบั
อนุภาคทีม่ ขี นาดเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 0.0002 มม. ถึง 0.2 มม. (BOWLES, 1992)
2. วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
3. เอกสารอ้างอิ ง
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง
2 s f D 2
v = ……………….. (4.1)
9 2
18 v
D = ……………….. (4.2)
980.7 G s G w
CE 372 Lab. No.4 page 31
L
v = ในหน่วย cm/s ……………….. (4.3)
t
และเมือ่ แทนค่า v นี้ลงในสมการที่ 4.2 พร้อมทัง้ เปลีย่ นหน่วยของเวลา (t) เป็ น นาที และเปลีย่ นหน่วยของขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางของอนุภาค หรือ particle size (D) เป็ น มม. จะเขียนสมการที่ 4.2 ได้ใหม่ เป็ น
30 L
D = ……………….. (4.4)
980.7 G s G w t
L
หรือ D = K ……………….. (4.5)
t
1 V
L = L1 L 2 b ……………….. (4.6)
2 Ac
เมือ่ L เป็ นระยะทางจากจุด scale reading ใดๆ (ค่า R หน่วย g/l) บนก้าน hydrometer
ถึงระดับจุดศูนย์ถ่วงของกระเปาะ hydrometer เมือ่ hydrometer นัน้ ลอยตัวอยูใ่ น
น้าดิน มีหน่วยเป็ น cm
L1 เป็ นระยะทางจากจุด scale reading ใดๆ (ค่า R หน่วย g/l) บนก้าน hydrometer
ถึงระดับ scale reading ทีอ่ ยู่ต่าสุดบนก้าน hydrometer นัน้ (ปกติจะเป็ น scale reading
ที่ R = 60 g/l) มีหน่วยเป็ น cm
L2 เป็ นระยะทางจากจุด scale reading ทีอ่ ยูต่ ่าสุดบนก้าน hydrometer (ปกติจะเป็ นค่า
R = 60 g/l) ถึงจุดปลายสุดของกระเปาะ hydrometer มีหน่วยเป็ น cm
Vb เป็ นปริมาตรของกระเปาะ hydrometer มีหน่วยเป็ น cc
AC เป็ นพืน้ ทีห่ น้าตัดภายในของกระบอกตวงความจุ 1000 cc ทีใ่ ช้ทดสอบการตกตะกอนของ
เม็ดดิน มีหน่วยเป็ น cm2
เมือ่ พิจารณาจากรูปที่ 4.1 จะเห็นได้ว่า ระยะจาก scale reading ทีเ่ ป็ นค่า R ใดๆ ลงไปถึง
1
จุดศูนย์ถ่วงของกระเปาะ hydrometer จะมีคา่ L = L1 L 2 แต่จากรูปที่ 4.2 การนา hydrometer ไปจุ่มลง
2
ในของเหลวในกระบอกตวง ปริมาตรของกระเปาะ hydrometer (Vb) จะไปแทนทีข่ องเหลวในกระบอกตวง เป็ น
V
ผลให้ระดับผิวของเหลวในกระบอกตวงสูงขึน้ จากระดับเดิม เป็ นระยะ = b (ระดับเดิมในทีน่ ้ี คือ ระดับขีด
Ac
แสดงปริมาตร 1000 cc ของกระบอกตวง) ทาให้จุดศูนย์ถ่วงของกระเปาะ hydrometer เคลื่อนทีส่ งู ขึน้ มาใน
1 Vb
กระบอกตวงเป็ นระยะทาง = เมือ่ เปรียบเทียบกับระดับทีจ่ ุดศูนย์ถ่วงของกระเปาะ hydrometer ควรจะ
2 A c
วางตัวอยู่ใน ของเหลว หากระดับผิวของของเหลวทรงตัวอยู่ทร่ี ะดับเดิม (ทีข่ ดี แสดงปริมาตร 1000 cc) ในการ
ประเมินความสัมพันธ์ระหว่าง ระยะ L และค่า hydrometer reading, R โดยสมการที่ 4.6 นี้ จะถือว่า ก้าน
hydrometer ส่วนทีจ่ มลงไปแทนทีข่ องเหลวในกระบอกตวง มีปริมาตรน้อยมาก เมือ่ เปรียบเทียบกับปริมาตรของ
CE 372 Lab. No.4 page 33
a Rc
N = 100 มีหน่วยเป็ น % ……………….. (4.7)
Ws
เมือ่ N เป็ นค่า percentage finer than particle size D ณ เวลา t ใดๆ
WS เป็ นน้าหนักของมวลดินแห้งในกระบอกตวงทีใ่ ช้ทาการทดสอบในครัง้ นี้ มีหน่วยเป็ น กรัม
a เป็ น factor ทีข่ น้ึ อยูก่ บั ค่า specific gravity ของเม็ดดิน ประเมินได้จากสมการ
1.65 G s
a = ……………….. (4.8)
2.65 G s 1
โดยที่ GS เป็ นค่า specific gravity ของเม็ดดิน และ a = 1.00 เมือ่ GS = 2.65
ค่า factor a นี้ จะอ่านโดยตรงจากตารางที่ 4.4 ก็ได้
RC เป็ นค่า hydrometer reading ทีถ่ กู ต้อง หลังจากปรับแก้ความคลาดเคลื่อนต่างๆแล้ว
คละ แล้วจุ่ม hydrometer ลงไปลอยอยูใ่ นส่วนผสมดังกล่าว อ่านค่าบนก้าน hydrometer ทีร่ ะดับ top of meniscus
จะได้คา่ CZ หากค่าทีอ่ า่ นได้อยู่ระหว่างช่วง scale 0 ถึง 60 g/l CZ จะมีค่าเป็ นบวก (+) แต่ถา้ อ่านค่าได้น้อยกว่า
0 g/l CZ จะมีค่าเป็ นลบ (-) ความคลาดเคลื่อนของค่า hydrometer reading อีกส่วนหนึ่งเป็ นผลเนื่องมาจาก
อุณหภูมขิ องน้าดินในขณะทีท่ าการอ่านค่า ซึง่ hydrometer ทีใ่ ช้ทาการทดสอบนี้ จะอ่านค่าได้ถูกต้องถ้าของเหลว
ทีใ่ ช้ทาการทดสอบมีอุณหภูม ิ 20OC หากอุณหภูมทิ ใ่ี ช้ทาการทดสอบผิดไปจากอุณหภูมมิ าตรฐาน 20OC ค่า
hydrometer reading (Ra) ทีอ่ ่านได้จะผิดไปจากความเป็ นจริง ค่าปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเนื่องจากผลของ
อุณหภูมนิ ้ี เรียกว่า temperature correction หรือ CT เป็ นค่าคานวณสาเร็จดังแสดงไว้ในตารางที่ 4.2 ซึง่ จะเห็นได้
ว่า เมื่ออุณหภูมทิ ท่ี าการทดสอบต่ากว่า 20OC CT จะมีค่าเป็ นลบ (-) ถ้าอุณหภูมสิ งู กว่า 20OC CT จะมีค่าเป็ น
บวก (+) โดยทัวไปแล้
่ ว การทดสอบจะดาเนินไปภายใต้การควบคุมอุณหภูมทิ ค่ี งทีโ่ ดยวางกระบอกตวงน้ าดินและ
กระบอกตวงทีใ่ ส่ dispersing agent ไว้ในอ่างน้ าควบคุมอุณหภูมคิ งที่ (thermal bath) ตลอดการทดลอง แต่
อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบทีต่ ่อเนื่องเป็ นระยะเวลานาน ควรจะทาการวัดอุณหภูมขิ องน้ าดินและน้ าผสม
dispersing agent ในกระบอกตวงทุกๆครัง้ ทีอ่ ่านค่า hydrometer (Ra) หลังจากทีเ่ ริม่ ต้นทาการทดสอบไปแล้ว
นานเกินกว่าสองชัวโมง ่ ค่าปรับแก้ความคลาดเคลื่อนทัง้ สองนี้ นามาใช้ปรับแก้ค่า hydrometer reading (Ra) ให้
เป็ นค่าทีถ่ กู ต้อง หรือ corrected hydrometer reading (RC) (BOWLES, 1992) ได้โดยใช้สมการ
RC = Ra - CZ + C T ……………….. (4.9)
โดยทาการ บวก และ ลบ ตามเครือ่ งหมาย และจะเห็นได้ว่า การปรับแก้ครัง้ นี้ ไม่มกี ารปรับแก้คา่ meniscus
error แต่อย่างใด ทัง้ นี้เนื่องจากค่า hydrometer reading (Ra) และค่าปรับแก้ CZ เป็ นค่าทีอ่ า่ นจากระดับ top of
meniscus ด้วยกันทัง้ คู่ meniscus error ทีเ่ กิดขึน้ จึงหมดไปโดยอัตโนมัติ
เมือ่ N/ เป็ นค่า percentage finer than particle size D เมือ่ เปรียบเทียบกับน้าหนักของมวลดิน
คละทัง้ ตัวอย่าง
N เป็ นค่า percentage finer than particle size D เมือ่ เปรียบเทียบกับน้าหนักดินแห้ง
เฉพาะทีใ่ ช้ทาการทดสอบ hydrometer analysis ซึง่ คานวณได้จากสมการที่ 4.7
N200 เป็ นค่าร้อยละโดยน้าหนักของมวลดินคละทัง้ ตัวอย่างทีร่ อ่ นผ่านตะแกรง ASTM No.200
ซึง่ ประเมินได้จากการทดสอบโดยวิธรี อ่ น (หรือล้าง) ผ่านตะแกรง
5. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
6. วิ ธีการทดสอบ
6.2 การทดสอบการตกตะกอนของเม็ดดิ น
6.2.1 เตรียมสารละลาย dispersing agent โดยใช้สารเคมี sodium hexametaphosphate หนัก
40 กรัม ละลายลงในน้ากลัน่ 1000 cc
6.2.2 นาตัวอย่างดินแห้งร่อนผ่านตะแกรง ASTM No.200 ประมาณ 50 กรัม ใส่ลงในกระป๋ อง
อะลูมเิ นียมทีใ่ ช้กบั เครือ่ งปั น่ (mixer) ดังในรูปที่ 4.3 ก. เติมน้ ากลันให้
่ ท่วมตัวอย่างดิน แล้ว
ใช้สารละลาย dispersing agent ทีเ่ ตรียมไว้ในข้อ 6.2.1 ปริมาตร 125 cc เติมลงใน
กระป๋ อง ใช้เครื่องปั น่ (mixer) กวนผสมให้เข้ากันเป็ นน้ าดิน เทน้ าดินทีก่ วนผสมแล้วลงใน
กระบอกตวง 1000 cc ทีใ่ ช้ calibrate hydrometer ในข้อ 6.1 ใช้น้ ากลันล้ ่ างเม็ดดินจาก
กระป๋ องเครื่องปั น่ ลงไปในกระบอกตวงให้หมด แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ dispersing agent ทา
ปฏิกริ ยิ ากับเม็ดดินเป็ นเวลาประมาณ 16 ชัวโมง ่ เพือ่ ให้เม็ดดินแตกตัวออกจากกัน
6.2.3 หลังจากเม็ดดินแตกตัวดีแล้ว เติมน้ ากลันลงในกระบอกตวงให้
่ ได้ปริมาตรน้ าดิน 1000 cc
แล้วใช้อปุ กรณ์กวนผสมน้าดินในกระบอกตวง ดังในรูปที่ 4.3 ข. กวนผสมให้เม็ดดินกระจาย
ตัวในกระบอกตวงอย่างทัวถึ ่ ง
6.2.4 ใช้กระบอกตวงความจุ 1000 cc ใบที่ 2 เตรียมสารเคมีในปริมาณเท่ากับทีใ่ ช้ผสมน้าดิน คือ
ใช้สารละลายทีเ่ ตรียมขึน้ ในขัน้ ตอนที่ 6.2.1 ปริมาตร 125 cc แล้วเติมน้ากลันเพิ ่ ม่ ให้ได้
CE 372 Lab. No.4 page 38
ก. กระป๋องสาหรับกวนผสมน้าดิ นด้วยเครื่องปัน่
ข. ใบพัดสาหรับกวนผสมน้าดิ นในกระบอกตวง
ตารางที่ 4.5 ค่า EFFECTIVE DEPTH, L สาหรับ HYDROMETER มาตรฐาน 152H และกระบอกตวง
มาตรฐานขนาด 1000 cc (จาก มาตรฐาน ASTM D 422)
Actual Effective Actual Effective Actual Effective Actual Effective
Reading Depth Reading Depth Reading Depth Reading Depth
R (g/l) L (cm) R (g/l) L (cm) R (g/l) L (cm) R (g/l) L (cm)
1 16.1 16 13.7 31 11.2 46 8.8
2 16.0 17 13.5 32 11.1 47 8.6
3 15.8 18 13.3 33 10.9 48 8.4
4 15.6 19 13.2 34 10.7 49 8.3
5 15.5 20 13.0 35 10.6 50 8.1
6 15.3 21 12.9 36 10.4 51 7.9
7 15.2 22 12.7 37 10.2 52 7.8
8 15.0 23 12.5 38 10.1 53 7.6
9 14.8 24 12.4 39 9.9 54 7.4
10 14.7 25 12.2 40 9.7 55 7.3
11 14.5 26 12.0 41 9.6 56 7.1
12 14.3 27 11.9 42 9.4 57 7.0
13 14.2 28 11.7 43 9.2 58 6.8
14 14.0 29 11.5 44 9.1 59 6.6
15 13.8 30 11.4 45 8.9 60 6.5
หมายเหตุ : L1 = 10.5 cm. เมื่อ R = 0 g/litre และ L1 = 2.3 cm. เมื่อ R = 50 g/litre
7. การคานวณผลการทดสอบ
8. บทวิ เคราะห์วิจารณ์
9.1 สารเคมีทใ่ี ช้เป็ น dispersing agent มีอยูห่ ลายชนิดแต่ทน่ี ิยมใช้กนั มาก เป็ นสารเคมีทม่ี ชี ่อื ผลิตภัณฑ์
ว่า CALGON หรือ sodium hexametaphosphate (NaPO3) ความเข้มข้น 4% ซึง่ เตรียมขึน้ ตามที่
กล่าวไว้ในข้อ 6.2.1 สารเคมีอกี ชนิดหนึ่งทีน่ ิยมนามาใช้ คือ sodium silicate หรือเรียกทัวไปว่ ่ า
water glass (Na2SiO3) ซึง่ เตรียมขึน้ โดยใช้สารละลาย (Na2SiO3) เข้มข้น ประมาณ 0.5-1.0 ml
ละลายในน้ า 125 ml สาหรับใช้ทาการทดสอบดิน 1 ตัวอย่าง ปริมาณสาร dispersing agent ตามที่
ระบุไว้น้ี อาจเปลีย่ นแปลงได้ ขึน้ อยูก่ บั ชนิดของดินทีน่ ามาทดสอบ
9.2 การจุ่ม hydrometer ลงในน้าดิน ต้องทาอย่างระมัดระวัง โดยจับก้าน hydrometer ให้อยูใ่ น แนวดิ่ ง
หย่อนลงไปในน้ าดินเบาๆ การกระทบกระเทือนจะรบกวนการตกตะกอนของเม็ดดิน และในขณะ
ทดสอบต้องระวังมิให้กระบอกตวงใส่น้ าดินได้รบั ความกระทบกระเทือนใดๆ ซึง่ จะเป็ นผลกระทบต่อ
การเคลื่อนทีต่ กตะกอนของเม็ดดินในกระบอกตวงนัน้
@@@@@@@@@@@@@
CE 372 Lab. No.4 page 43
Scale Reading
L1 L
TEST No. R
(กรัม/ลิ ตร) (ซม.) (ซม.)
1 0
2 10
3 20
4 30
5 40
6 50
35
30
25
20
15
10
0
0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 55 60
HYDROMETER SCALE READING (R) (กรัม/ลิ ตร)
CE 372 Lab. No.4 page 44
วัน-เวลา อ่านค่า ค่า ค่าที่ ปรับแก้ effective ค่า Grain ปรับแก้ Percent Finer
วัน เวลา อุณหภูมิ ปรับแก้ อ่านได้ เป็ นค่า depth K Size Ra เป็ น ตัวอย่าง มวลรวม
เดือน เวลา ผ่านไป T CT Ra R L จากตาราง D Rc N N'
ปี (นาที) (องศา C) (กรัม/ลิ ตร) (กรัม/ลิ ตร) (ซม.) ที่ 4.3 (มม.) (กรัม/ลิ ตร) (%) (%)
0.00
0.25
0.50
0.75
1.00
1.50
2.00
3.00
4.00
6.00
8.00
10.00
15.00
20.00
30.00
45.00
60.00
a N %
N /
L
DK Rc Ra Cz CT N % 100 R c N 200
t Ws 100
CE 372 ENGINEERING SOIL TESTS
การทดสอบเรือ่ งที่ 5
การทดสอบเพื่อประเมินค่าพิกดั สถานะความคงตัวของมวลดิน
(การประเมินค่าพิกดั อัตตาเบอร์ก)
TESTS FOR THE CONSISTENCY LIMITS OF SOILS
(ATTERBERG LIMITS DETERMINATION)
1. บทนา
2. วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
3. เอกสารอ้างอิ ง
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง
ความสัมพันธ์ ระหว่างค่า water content (w) ของตัวอย่างดิน กับจานวนครัง้ ทีท่ าการเคาะ บนกระดาษกราฟ
semi-logarithmic โดยให้ค่า water content อยู่บน linear scale และจานวนครัง้ การเคาะอยู่บน logarithmic
scale ดังในรูปที่ 5.4 แล้วลากเส้นตรง (line of best fit) ในแนวของจุดต่างๆที่ plot ไว้ ค่า Liquid Limit ของ
ตัวอย่างดิน จะเป็ นค่าความชืน้ ณ จุดทีเ่ ส้นกราฟลากผ่านจานวนครัง้ การเคาะ 25 ครัง้ ดังในรูปที่ 5.4
รูปที่ 5.4 การ PLOT และประเมิ นค่า LIQUID LIMIT ของตัวอย่างดิ น จากผลการทดสอบ
N tan
LL = w N ……………….. (5.1)
25
ทาได้โดยนาดินเปี ยกความชื้น wi (เมื่อ wi > LL) ใส่ถว้ ยโลหะปริมาตรคงที่ (Vt) นาไปอบจนแห้ง ก้อนดินแห้ง
ในถ้วยโลหะจะมีขนาดเล็กลง นาก้อนดินแห้งไปหาปริมาตร (Vd) โดยการแทนทีป่ รอท ดังในรูปที่ 5.5 ค่าปริมาตร
Vd ดังกล่าว จะเท่ากับปริมาตรเมือ่ ก้อนดินนัน้ มีความชืน้ เท่ากับค่า Shrinkage Limit ซึง่ เป็ นขณะสุดท้ายทีก่ อ้ นดิน
นัน้ อยู่ในสภาพ saturated ในการทดสอบนี้ ดังนัน้ จึงกล่าวได้ว่า ขณะทีค่ วามชืน้ ของตัวอย่างดินลดลงจาก wi
จนตัวอย่างดินมีความชืน้ เท่ากับค่า Shrinkage Limit (SL) ปริมาตรของก้อนดินลดลงจาก Vt ลงมา เหลือเป็ น
ปริมาตร Vd ปริมาตรทีห่ ายไปในช่วงเวลาดังกล่าวคือ (Vt - Vd) จะเป็ นปริมาตรของน้ า (Vw) ทีห่ ายไปจาก
ตัวอย่างดิน ขณะทีค่ วามชืน้ ลดลงจาก wi ลงมาเป็ น wSL ดังนัน้ เมื่อค่า Shrinkage Limit ของมวลดิน เป็ นค่า
ความชืน้ เมือ่ มวลดินมีปริมาตร Vd และยังอยูใ่ นสภาพอิม่ ตัวด้วยน้า จึงเขียนเป็ นสมการได้คอื
Ww SL
SL = 100 ……………….. (5.2)
Ws
Wwi Vt Vd w
SL = 100
Ws
Wwi Vt Vd w
SL = 100 100
W
s Ws
W
และ เมือ่ wi = 100 wi เป็ นความชืน้ ของตัวอย่างดินเปี ยกทีเ่ ตรียมขึน้ เพือ่ การทดสอบ
Ws
Vt Vd w
ดังนัน้ SL = w i 100 ……………….. (5.6)
W s
PI = LL - PL ……………….. (5.7)
เมือ่ PI, LL, และ PL เป็ นค่า Plasticity Index, Liquid Limit, และ Plastic Limit ของมวลดินตามลาดับ
V
100
Vd V Ws
SR = = ……………….. (5.8)
W V W
d w
100 w
Ws
V Ws
SR = และ
Vd V w
Ws
SR = ……………….. (5.9)
Vd w
1
GS = เมือ่ SL มีหน่วยเป็ น ร้อยละ ……………… (5.10)
1 SL
SR 100
CE 372 Lab. No. 5 page 55
L
LS = 100 ……………… (5.11)
Li
5. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
6. วิ ธีการทดสอบ
7. การคานวณผลการทดสอบ
8. บทวิ เคราะห์วิจารณ์
@@@@@@@@@@@@@@@
CE 372 Lab. No.5 page 63
ค่าเฉลี่ย LINEAR SHRINKAGE (L.S.) (%) ESTIMATED P.I. (P.I. = 2.13 x L.S.) (%)
CE 372 ENGINEERING SOIL TESTS
การทดสอบเรือ่ งที่ 6
การทดสอบเพื่อประเมิน
ค่าสัมประสิทธ์ ิ การเคลื่อนที่ของน้าผ่านมวลดินในห้องปฏิบตั ิ การ
LABORATORY TESTS FOR
THE COEFFICIENT OF PERMEABILITY OF SOIL
1. บทนา
2. วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
3. เอกสารอ้างอิ ง
4. ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง
h
q = k A ……………….. (6.1)
L
i = h ……………….. (6.2)
L
k 20 = k T T ……………….. (6.4)
20
รูปที่ 6.1 การติ ดตัง้ อุปกรณ์ การทดสอบแบบ CONSTANT HEAD ตามวิ ธีการทดลองของ
DARCY
Q L
k = ……………….. (6.5)
A t h
aL h
k = 2.3 log 1 ……………….. (6.6)
A t h2
5. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
6. วิ ธีการทดสอบ
รูปที่ 6.3 DIAGRAM แสดงการติ ดตัง้ อุปกรณ์ ทดสอบวิ ธี CONSTANT HEAD โดยให้น้าไหลผ่าน
ตัวอย่างดิ นแบบ DOWNWARD FLOW
รูปที่ 6.4 DIAGRAM แสดงการติ ดตัง้ อุปกรณ์ ทดสอบวิ ธี CONSTANT HEAD โดยให้ น้าไหล
ผ่านตัวอย่างดิ นแบบ UPWARD FLOW
CE 372 Lab. No.6 page 72
6.1.5 เปิ ดน้ าเข้า constant head tank ให้มปี ริมาณ overflow ทีเ่ หมาะสม แล้วเปิ ด valve ให้น้ า
จาก constant head tank ไหลผ่านตัวอย่างดินออกไปทาง outlet
6.1.6 ปล่อยให้น้ าไหลผ่านตัวอย่างดินใน permeameter เพื่อไล่อากาศออกจากช่องว่างระหว่าง
เม็ดดินจนตัวอย่างดินอยูใ่ นสภาวะ saturate ตรวจดูให้แน่ ใจว่าไม่มฟี องอากาศหลงเหลืออยู่
ในตัวอย่างดินและในส่วนต่างๆของระบบท่อและ manometer แล้วตรวจสอบระดับน้ าใน
constant head tank ให้คงที่
6.1.7 บันทึกค่า h1 และ h2 จาก manometer คานวณค่า total head difference ( h )
6.1.8 ใช้กระบอกตวง รองรับน้ าทีไ่ หลผ่านตัวอย่างดินออกมาทาง outlet ดังในรูป ในเวลา t ที่
กาหนดไว้ ในการทดสอบนี้ จะกาหนดเวลา t เป็ นเท่าใด ขึน้ อยู่กบั ค่า k ของตัวอย่างดิน
โดยเวลา t จะต้องไม่เร็ว หรือ นานเกินไป และปริมาตร Q ทีว่ ดั ได้ มีปริมาณทีเ่ หมาะสม
แล้ววัดอุณหภูมขิ องน้าทีไ่ หลผ่านการทดลองออกมาในกระบอกตวง
6.1.9 ทดสอบซ้าตามขัน้ ตอนที่ 6.1.8 อีก 2 ครัง้ โดยใช้ระยะเวลา t เท่าเดิม เพื่อตรวจสอบว่าการ
ไหลของน้ าผ่านตัวอย่างดินเป็ นไปในลักษณะ steady flow โดยปริมาตร Q ทีว่ ดั ได้ ทัง้ 3
ค่า ควรจะมีคา่ ใกล้เคียงกัน ถ้าครัง้ ใดได้คา่ ทีแ่ ตกต่างไปมาก ให้ทดสอบใหม่
6.1.10 ทดสอบซ้าตามขัน้ ตอนที่ 6.1.8 ถึง 6.1.9 อีก 1 รอบ โดยเปลีย่ นค่า t ไปตามความเหมาะสม
6.1.11 เปลีย่ นระดับ constant head tank เพือ่ เปลีย่ นแปลงค่า h แล้วเริม่ ทดสอบเก็บข้อมูลตาม
ขัน้ ตอนที่ 6.1.7 ถึง 6.1.10 อีก 1 ชุด
7. การคานวณผลการทดสอบ
8. บทวิ เคราะห์วิจารณ์
9.1 มาตรฐาน ASTM และ AASHTO กาหนดไว้ว่า การทดสอบโดยวิธี constant head กับตัวอย่างดิน
granular soils ให้ใช้ permeameter มาตรฐาน ดังแสดงไว้ในรูปที่ 6.6 โดยขนาดของ
permeameter ต้องสัมพันธ์กบั ขนาดของเม็ดดินทีใ่ หญ่ทส่ี ุดในมวลคละทีใ่ ช้ทดสอบ ดังแสดงไว้ใน
ตารางที่ 6.1 โดยทีม่ วลคละ granular soils ทีใ่ ช้ทดสอบ จะมีเม็ดดินขนาดเล็กกว่า 75 microns หรือ
0.075 มม. (ผ่านตะแกรง ASTM No.200) ได้ไม่เกิน 10% ของมวลคละนัน้ โดยน้าหนัก
9.2 การไหลของน้ าผ่านมวลดินในการทดสอบในทุกกรณี ต้องเป็ นไปในลักษณะ steady state, laminar
flow โดยมีขอ้ กาหนด คือ
- การไหลของน้ าผ่านตัวอย่างดินต้องเป็ นไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ปริมาตรของตัวอย่างดินนัน้
- ขณะทีน่ ้ าไหลผ่านตัวอย่างดิน ช่องว่างระหว่างเม็ดดินต้องเต็มไปด้วยน้ า โดยไม่มฟี องอากาศ
หลงเหลืออยู่ หรือ ตัวอย่างดินอยูใ่ นสภาวะ fully saturated
- ในการทดลองโดยวิธี constant head ต้องให้น้ าไหลผ่านตัวอย่างดินภายใต้ค่า hydraulic
gradient (i) คงที่
- อัตราส่วนระหว่าง ความเร็วของการไหลของน้ าผ่านตัวอย่างดิน กับค่า hydraulic gradient, i มี
ค่าต่ากว่าค่าทีท่ าให้การไหลของน้าเป็ นไปแบบ turbulent
9.3 เนื่องจากค่า Coefficient of Permeability ของ granular soils โดยทัวไป ่ แปรผันขึน้ อยู่กบั void
ratio ของมวลคละนัน้ ดังนัน้ ในการทดสอบประเมินค่า Coefficient of Permeability ของมวลคละ
granular soils เพื่อต้องการข้อมูลไปใช้งานทางวิศวกรรม จึงเตรียมตัวอย่างทดสอบให้มคี วาม
หนาแน่ น หรือ void ratio ต่างกัน 3-4 ตัวอย่าง เมื่อทดสอบประเมินค่า k20 แล้ว นาค่า k20 และ ค่า
void ratio (e) ของแต่ละตัวอย่างไป plot ลงในกราฟ semi-log ดังในรูปที่ 6.7 โดย plot ค่า void
ratio ลงบน linear scale และ plot ค่า k20 ลงบน log scale เส้นกราฟที่ plot ได้จะเป็ นเส้นตรง
โดยประมาณ กราฟความสัมพันธ์น้ี สามารถนาไปใช้ประเมินค่า k20 ของมวลคละดังกล่าวในสภาพที่
ใช้งานจริง เมือ่ มวลคละนัน้ ได้รบั การบดอัดให้มคี า่ void ratio เป็ นค่าใดๆได้
รูปที่ 6.7 กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง VOID RATIO กับ ค่า k20 ของมวลคละ GRANULAR SOIL
ตัวอย่างหนึ่ ง
CE 372 Lab. No.6 page 76
T
ตารางที่ 6.2 ค่า VISCOSITY RATIO ที่ ใช้ปรับแก้ค่า kT ให้เป็ นค่า k20 ตามสมการที่ 6.4
20
T oC 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9
16 1.1056 1.1028 1.0999 1.0971 1.0943 1.0915 1.0887 1.0859 1.0803 1.0802
17 1.0774 1.0747 1.0720 1.0693 1.0667 1.0640 1.0613 1.0586 1.0560 1.0533
18 1.0507 1.0480 1.0454 1.0429 1.0403 1.0377 10.351 1.0325 1.0300 1.0274
19 1.0248 1.0223 1.0198 1.0174 1.0149 1.0124 1.0099 1.0074 1.0050 1.0025
20 1.0000 0.9976 0.9952 0.9928 0.9904 0.9881 0.9857 0.9833 0.9809 0.9785
21 0.9761 0.9738 0.9715 0.9692 0.9669 0.9646 0.9623 0.9600 0.9577 0.9554
22 0.9531 0.9509 0.9487 0.9465 0.9443 0.9421 0.9399 0.9377 0.9355 0.9333
23 0.9311 0.9290 0.9268 0.9247 0.9225 0.9204 0.9183 0.9161 0.9140 0.9118
24 0.9097 0.9077 0.9056 0.9036 0.9015 0.8995 0.8975 0.8954 0.8934 0.8913
25 0.8893 0.8873 0.8853 0.8833 0.8813 0.8794 0.8774 0.8754 0.8734 0.8714
26 0.8694 0.8675 0.8656 0.8636 0.8617 0.8598 0.8579 0.8560 0.8540 0.8521
27 0.8502 0.8484 0.8465 0.8447 0.8428 0.8410 0.8392 0.8373 0.8355 0.8336
28 0.8318 0.8300 0.8282 0.8264 0.8246 0.8229 0.8211 0.8193 0.8175 0.8157
29 0.8139 0.8122 0.8105 0.8087 0.8070 0.8053 0.8036 0.8019 0.8001 0.7984
30 0.7967 0.7950 0.7934 0.7917 0.7901 0.7884 0.7867 0.7851 0.7834 0.7818
31 0.7801 0.7785 0.7769 0.7753 0.7737 0.7721 0.7705 0.7689 0.7673 0.7657
32 0.7641 0.7626 0.7610 0.7595 0.7579 0.7564 0.7548 0.7533 0.7517 0.7502
33 0.7486 0.7471 0.7456 0.7440 0.7425 0.7410 0.7395 0.7380 0.7364 0.7349
34 0.7334 0.7320 0.7305 0.7291 0.7276 0.7262 0.7247 0.7233 0.7218 0.7204
35 0.7189 0.7175 0.7161 0.7147 0.7133 0.7120 0.7106 0.7092 0.7078 0.7064
@@@@@@@@@@@
CE 372 Lab. No.6 page 78
Viscosity Ratio
การทดสอบ
เวลา น้ า น้ า เวลา น้ า น้ า
รอบ ครัง้ t Q T เฉลี่ย t Q T เฉลี่ย
ที่ ที่ (s) (cc) (deg. C) (cm/s) (cm/s) (cm/s) (s) (cc) (deg. C) (cm/s) (cm/s) (cm/s)
1 1
2
3
2 1
2
3
สรุปผลการทดสอบ คุณสมบัติตวั อย่างดิ น DRY DENSITY kg/cu.m.
VOID RATIO
k20 cm./s
CE 372 Lab. No.6 page 79
ชื่อ-สกุล …………………..………..............…………………..................…..….….. รหัส .......................................... ตอนที่ ............... กลุ่มที่ ................... วันทดสอบ ..................................................
ข้อมูล PERMEAMETER และอุปกรณ์ ทดสอบ ข้อมูลตัวอย่างดิน
เส้นผ่าศูนย์กลางภายใน permeameter (d) (cm.) น้ าหนัก permeameter + ตัวอย่างดิน (g)
พื้นที่หน้าตัดภายใน permeameter (A) (sq.cm.) น้ าหนัก permeameter (g)
ความสูงตัวอย่างดินภายใน permeameter (H) (cm.) น้ าหนักตัวอย่างดิน (g)
พื้นที่หน้าตัดภายในหลอดแก้ว standpipe (a) (sq.cm.) ปริมาตรตัวอย่างดิน (Vt) (cc)
การหาความชื้นตัวอย่างดิ นทีใ่ ช้ทดสอบ ความหนาแน่ นรวม (rt) (kg/cu.m.)
หมายเลยกระป๋ องความชื้น ความชื้นตัวอย่างดิน (w) (%)
น้ าหนักกระป๋ อง + ดินชื้น (g) ความหนาแน่ นแห้ง (rd) (kg/cu.m.)
น้ าหนักกระป๋ อง + ดินแห้ง (g) Specific Gravity (Gs)
น้ าหนักกระป๋ องเปล่า (g) ปริมาตร soil solid ในตัวอย่างดิน (Vs) (cc)
น้ าหนักน้ าในตัวอย่างดิน (g) ปริมาตร voids ในตัวอย่างดิน (Vv) (cc)
น้ าหนักดินแห้งในกระป๋ อง (g) ค่า void ratio ตัวอย่างดิ น (e)
ความชื้นตัวอย่างดิ นที่ ใช้ทดสอบ (w) (%) ค่า porosity ในตัวอย่างดิ น (n)
ข้อมูลการทดสอบ
Standpipe ระยะเวลา อุณหภูมิ ปริมาตรน้ า
Viscosity Ratio
การทดสอบ
Readings ที่ระดับน้ าลดลง น้ า ที่ไหลผ่าน kT k20 k20
รอบ ครัง้ h1 h2 ใน standpipe, t T การทดลอง เฉลี่ย
ที่ ที่ (cm.) (cm.) นาที วินาที (degree C) (cc) (cm./s) (cm./s) (cm./s)
1 1
2
3
2 1
2
3