Professional Documents
Culture Documents
323 631
323 631
หยุนเช่อเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งโดยมิ
มีผใู ้ ดไล่ตามมา มันเหม่อมองพื้นสี ขาวกว้างใหญ่ไพศาลของแดน
เมฆาสุ ดเยือกแข็งขณะเดินทาง ในใจมันบังเกิดความสิ้ นหวังลังเล
ขึ้นมาเป็ นครั้งแรก
นางเซียนน้ อย เจ้ าอยู่ที่ใดกัน… เจ้ าไปอยู่ที่ใด… ข้ าควรจะ
ทําเช่ นไรถึงจะหาเจ้ าพบ…
จัสมินที่สมั ผัสสภาพจิตของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจนเอ่ยขึ้น
อย่างไม่ทุกข์ร้อน “บางทีเจ้าอาจไม่จาํ เป็ นต้องออกตามหานางก็
ได้ ด้วยอิทธิพลของเจ้าในยามนี้ ข่าวคราวเรื่ องที่เจ้ายังไม่ตายย่อม
ต้องแพร่ ออกไปอย่างรวดเร็ ว ไม่นานนางเองก็คงได้ยนิ เมื่อนั้น
นางย่อมต้องออกมาสื บเสาะหาเจ้าด้วยตัวเอง
“ไม่!” หยุนเช่อส่ ายศีรษะก่อนจะเอ่ยพลางถอนหายใจ
“ท่านไม่เข้าใจนาง นางเป็ นคนเย็นชาเกินไป และยังเคยชินกับการ
อยูเ่ พียงลําพังอย่างเงียบเหงา นางไม่เคยคิดจะพบปะผูค้ นแปลก
หน้า ยิง่ นางตั้งครรภ์และทําลายวิชายุทธ์ของตัวเองไปแล้ว นาง
ย่อมต้องหลีกเลี่ยงผูค้ นยิง่ กว่าเดิมเพื่อปกป้องตัวเด็กเอาไว้… มิ
เช่นนั้น ด้วยความงามไร้ที่เปรี ยบของนางที่ทาํ ให้ทุกผูค้ นลุ่มหลง
เหตุใดจึงไม่มีข่าวคราวว่าพบเจอนางหลังจากนางถูกขับออกจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทั้งที่เนิ่นนานมาแล้วเล่า? กระทัง่
ศิษย์พี่หญิงเสวีย่ หลอยังไม่ทราบว่านางถูกขับจากสํานัก… ดังนั้น
นางย่อมต้องไปยังดินแดนรกร้างว่างเปล่าเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งที่นางสามารถตัดขาดจากโลกภายนอกได้เป็ นแน่
สถานที่ที่จะไม่มีผใู ้ ดมารบกวนนางหรื อทําร้ายลูกของเรา…
เช่นนั้นแล้ว จึงไม่มีทางทําให้นางรู ้วา่ ข้ายังอยูไ่ ด้เลย… และข้าก็
ไม่รู้วา่ ควรจะไปตามหานางที่ไหนด้วย”
“มีคนมา!” จัสมินพลันเอ่ยปาก
หยุนเช่อเลิกคิ้วขึ้น เงาร่ างสี ขาวพุง่ ตรงมาทางมันด้วย
ความเร็ วสูงยิง่ จากทิศทางของแดนศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่ร่างนั้นจะ
ปรากฎขึ้นในสายตามัน
เงาร่ างนั้นแท้จริ งเป็ นสัตว์อสู รวิหคยักษ์สีขาวดุจหิ มะ ตัวสู ง
กว่าสิ บเมตรและทั้งตัวเป็ นสี ขาวดุจหิ มะ รู ปร่ างมันราวกับนก
เหยีย่ วแต่บึกบึน สู งใหญ่และทรงอํานาจกว่านัก ศีรษะแม้จะ
เหมือนเหยีย่ ว แต่กส็ ง่างามยิง่ กว่า กรงเล็บมันดุจตะขอ ดวงตา
ส่ องประกายเยียบเย็นดุจคมดาบ คลื่นพลังของมันสูงส่ งน่าเกรง
ขาม และความเร็ วของมันยังสูงลํ้ายิง่ กว่าราวกับสายฟ้า บนหลัง
มันนัง่ ด้วยสตรี ในชุดขาวผูห้ นึ่ง เส้นผมสี ดาํ สนิทราวกับรัตติกาล
ของนางยาวจรดเอว ดุจดังบุปผาท่ามกลางหุบเขาและหิ มะ สําแดง
ความบริ สุทธิ์และสู งส่ งของความงามอันมากล้น
“ฉู่เยว่...หลี?” คิ้วของหยุนเช่อขมวดเล็กน้อย มันหยุดฝี เท้า
ก่อนจะเฝ้ามองฉู่เยว่หลีเข้ามาใกล้อย่างเงียบงัน
ด้วยความเร็ วอันเหนือลํ้า อสูรวิหคพลันหยุดลงเบื้องหน้า
หยุนเช่อในพริ บตา ฉู่เยว่หลีบิดเอวบางของนางสลัดหิ มะออก
ก่อนจะทะยานร่ างลงเบื้องหน้าหยุนเช่อพร้อมกับสายลมเย็นเยียบ
ดัง่ ธิดาหิ มะที่จุติลงมาบนโลก ก่อนจะพบดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งจับ
จ้องมายังนาง
หยุนเช่อขมวดคิ้วอย่างลืมตัว ก่อนจะผ่อนคลายลงเมื่อมัน
ไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้ายหรื อจิตสังหารใดจากตัวฉู่เยส่ หลี
“เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้มาเพือ่ หาเรื่ องเจ้า ข้าในตอนนี้มิใช่คู่มือเจ้า
แล้ว” ฉู่เยว่หลีเอ่ยปากก่อนหยุนเช่อ นํ้าเสี ยงของนางเย็นชาและ
ชัดเจนดุจผลึกนํ้าแข็ง “ตอนแรก ข้าเกลียดเจ้าเข้ากระดูกดําเพราะ
เรื่ องที่เกิดกับท่านพีข่ องข้า แต่จู่ๆตอนนี้ ข้ากลับไม่เกลียดชังเจ้า
อีกต่อไป… แม้เจ้าจะหลบหลู่และเหยียบยํา่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง ทําลายประตูวงั ของข้า และยังทําร้ายนางหญิงแดน
ศักดิ์สิทธิ์จนบาดเจ็บ… แต่เรื่ องที่เจ้าทําทั้งหมดนี้กลับทําให้เจ้า
คู่ควรกับท่านพี่”
“เจ้าตามข้ามาถึงนี่แค่เพื่อพูดเรื่ องนี้ง้ นั รึ ?” หยุนเช่อถาม
ฉู่เยว่หลียกมือเรี ยวงามของนางขึ้น ก่อนจะสะบัดเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง ปรากฏวิหคยักษ์สีขาวราวหิ มะขยับหมุนควงเป็ นวง
เหิ นร่ อนลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน จากนั้น วิหคสี ขาวเก็บปี กข้าง
ลําตัวก่อนทิ้งตัวลงยังด้านข้างของฉู๋เยว่หลี่อย่างเชื่อฟัง...หยุนเช่อ
สามารถสัมผัสระดับพลังชั้นลมปราณฟ้าได้จากร่ างของมัน!
หรื อนี่จะเป็ นสัตว์อสู รชั้นลมปราณฟ้า?
“นี่คือสัตว์อสู รเวหาหงส์หิมะ สัตว์อสู รเวหาระดับสู งที่
เพียงมีอยูใ่ นแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งนี้เท่านั้น กระทัง่ ในอาณาเขต
ของแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง ยังปรากฏเพียงสามตัว แม้พวกมันจะ
เป็ นสัตว์อสู รชั้นปราณฟ้า หากลักษณะนิสยั อ่อนโยนเชื่อฟัง
สามารถสร้างพันธสัญญาระหว่างกันได้ง่ายกว่าสัตว์อสู รชั้น
ปราณปฐพีทว่ั ไปเสี ยอีก” ฉู่เยว่หลี่กล่าวแผ่วเบา “แม้ความเข้มแข็ง
ของเจ้าในตอนนี้จะน่าแตกตื่นอย่างยิง่ ทว่าด้วยข้อจํากัดของพลัง
ปราณ เจ้ายังไม่สามารถเหาะไปในอากาศได้ ทั้งเจ้ายังไม่มีตรา
ประทับสัตว์อสู รพันธสัญญา ดังนั้น ข้าขอมอบสัตว์อสู รตัวนี้เป็ น
สัตว์อสู รพันธสัญญาของเจ้า”
เมื่อฉู่เยว่หลี่กล่าววาจาได้ครึ่ งหนึ่ง หยุนเช่อล้วนสามารถ
คาดเดาออกได้อย่างรางๆ ถึงเจตนาแท้จริ งของนาง คุณค่าของ
สัตว์อสู รชั้นลมปราณฟ้า ล้วนไม่มีใดแตกต่างจากศาสตราวุธชั้น
ลมปราณฟ้าแม้แต่นอ้ ย! กระทัง่ เหล่าพรรคใหญ่ท้ งั สี่ ยังไม่อาจมี
ในครอบครองเกินสามถึงสี่ ตวั การที่ฉู่เยว่หลี่ยนิ ดีมอบสัตว์อสู ร
พันธสัญญาระดับนี้ให้แก่มนั ย่อมไม่ต่างจากการมอบของกํานัล
อันใหญ่หลวง ทว่าหยุนเช่อไม่เสี ยเวลาครุ่ นคิดมากความ ชาย
หนุ่มสัน่ ศีรษะปฏิเสธ “นัน่ ไม่จาํ เป็ น! ข้าไม่คุน้ ชินกับการเดินทาง
โดยสัตว์อสู ร ทั้งการเดินเท้ายังนับเป็ นการฝึ กฝนให้แก่ขา้ อีกทาง
หนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของชายหนุ่มนับว่าไม่เหนือความ
คาดหมายของฉู่เยว่หลี่มากมายนัก หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชาว่า
“มันเรี ยกว่าฉานน้อย ผูท้ ี่จบั มันและทําพันธสัญญากับมันคือท่าน
พี่ เจ้าของเพียงหนึ่งเดียวของมันจนกระทัง่ บัดนี้ คือท่านพีเ่ พียงผู ้
เดียว”
หยุนเช่อพลันเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาของมันส่ องประกายลังเลวูบ
หนึ่งขณะจับจ้องไปยังสัตว์อสูรหงส์หิมะที่เชื่อฟังยิง่
“ท่านพี่ตดั พันธะกับมันและให้มนั อยูท่ ี่นี่ก่อนนางจะ
ออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ดูท่านางจะไม่อยากถูก
ตามตัวพบเพราะสัตว์อสู รหงส์หิมะตัวนี้ หากเจ้าต้องการออกตาม
หาท่านพี่ ก็จงนํามันไปด้วย มันถือกําเนิดในแดนหิ มะสุ ดเยือก
แข็งก็จริ ง แต่กส็ ามารถเข้ากับเขตอากาศร้อนและแห้งแล้งได้ ซํ้า
มันยังมีปราณธาตุวายุและวารี มันไม่เพียงเดินทางได้หนึ่งพันห้า
ร้อยกิโลเมตรต่อวัน มันยังมีพลังโจมตีที่รุนแรงด้วย และเพราะ
ท่านพี่เป็ นนายคนแรกของมัน มันย่อมไม่ลืมเลือนพลังของนาง
แม้จะตัดขาดพันธะกันแล้ว มันย่อมต้องช่วยให้เจ้าตามหาท่านพี่
ได้เร็ วขึ้นแน่” เอ่ยจบ ฉู่เยว่หลี่กส็ าํ ทับ “การที่ขา้ มอบมันให้เจ้า
มิได้จะช่วยเจ้า แต่เพือ่ ตัวท่านพี่เท่านั้น”
แววตาหยุนเช่อปั่ นป่ วนเล็กน้อย ก่อนมันจะพลันทะยานมา
เบื้องหน้าและยืน่ มือออก โลหิตหยดหนึ่งพลันลอยออกมาจาก
ปลายนิ้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยดมันไปที่กลางหว่างคิ้วของหงส์
หิ มะ
สัตว์อสู รหงส์หิมะกางปี กออก ก่อนจะส่ งเสี ยงร้องแผ่วเบา
หว่างคิ้วของมันส่ องแสงวูบหนึ่ง… ก่อนที่ตราผนึกสี ขาวจะ
ปรากฎขึ้นบนหลังมือหยุนเช่อและค่อยๆจางหายไป
ด้วยความช่วยเหลือจากตราประทับสัตว์อสู รพันธสัญญาที่
ฉู่เยว่ฉานทิ้งไว้เบื้องหลัง หยุนเช่อสามารถประสบความสําเร็ จใน
การผูกพันธสัญญากับสัตว์อสู รหงงส์หิมะอย่างรวดเร็ ว สัตว์อสู ร
หงส์หิมะกู่ร้องยาวนาน จากนั้นเหิ นบินในระดับตํ่า ร่ อนลงยังข้าง
กายของชายหนุ่ม
“ขอบคุณ” หยุนเช่อแสดงความขอบคุณด้วยสี หน้าเฉื่ อยชา
อย่างที่สุด
ฉู่เยว่หลี่ผงกศีรษะเล็กน้อย หญิงสาวไม่กล่าวอันใด นาง
เหิ นร่ างขึ้นสู่ ฟ้าด้วยเจตนาจากไป
“ฉิ งเยว่เล่า? เหตุใดข้าไม่พบเห็นนาง?” หยุนเช่อพลันกล่าว
ถาม
ร่ างของฉู่เยว่หลี่น่ิงค้างกลางอากาศ หญิงสาวลังเลเล็กน้อย
ก่อนกล่าวว่า “หนึ่งปี ก่อน ฉิงเยว่ผา่ นเข้าสู่ ช้ นั ที่สามสิ บเอ็ดของ
ด่านทดสอบทัณฑ์นรกานต์เยือกแข็ง กลายเป็ นบุคคลแรกในรอบ
เก้าร้อยปี ของสํานักที่สามารถทะลวงขึ้นสู่ด่านที่สามสิ บเอ็ดได้
ทุกวันนี้ นางกําลังอยูใ่ นช่วงการเก็บตัวฝึ กฝนวิชาเทพยุทธ์ภายใต้
คุกเยือกแข็งที่เหล่าผูอ้ าวุโสตกทอดทิ้งไว้ต้ งั แต่เมื่อหนึ่งพันปี ก่อน
โดยไม่มีผใู ้ ดสามารถฝึ กสําเร็ จได้ ----- วิชาเทพยุทธ์สุดเยือกแข็ง
ดังนั้น แม้แต่ขา้ ก็ไม่อาจทราบได้วา่ นางจะออกมาจากด่าน
ทดสอบในเวลาใด ในฐานะที่เจ้าเป็ นสามีในนาม รวมทั้งผูม้ ี
พระคุณยิง่ ใหญ่ต่อฉิงเยว่ หากเจ้าต้องการทิ้งข้อความใดให้แก่นาง
ข้าสามารถบอกกล่าวต่อนางยามที่นางออกมาจากด่านทดสอบ”
หลังจากนิ่งสงบไปชัว่ ครู่ หยุนเช่อสัน่ ศีรษะเล็กน้อย “นัน่
ไม่จาํ เป็ น”
ฉู่เยว่หลี่ไม่เอ่ยปากอีก นางเดินทางผ่านเขตหิ มะก่อนจะ
หายไปจากคลองจักษุหยุนเช่อ
“ฉานน้อย…” หยุนเช่อเดินเข้าหาหงส์หิมะ มันยืน่ มือไปลูบ
ปี กสี ขาวเนียนนุ่มอยูพ่ กั หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เช่นนี้กไ็ ม่
เป็ นไร ไปตามหานางหญิงเจ้าด้วยกันเถอะ”
ทว่ามันสมควรจะเริ่ มต้นหาที่ใดดี? และมันสมควรจะตาม
หานางเช่นไร?
เมื่อมองไปยังทุ่งกว้างสี ขาวสุ ดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า หยุ
นเช่อก็รู้สึกอับจนหนทาง มันหันหน้าไปทางทิศเหนือ ตะวันตก
และทางทิศใต้… ก่อนจะจับจ้องไปทางทิศตะวันออก
ตะวันออก… เมืองเมฆาล่ อง… ท่ านปู่ อาหญิงเล็ก…
ดวงตาหยุนเช่อสัน่ คลอนอย่างรุ นแรง
ไม่นานจะครบสามปี ที่มนั ออกจากตระกูลเซี่ยวมา
สามปี …
ยามที่มนั ถูกขังอยูใ่ ต้ลานจัดสรรกระบี่ ชายหนุ่มเชื่อว่าตน
คงไม่อาจรักษาสัญญาว่าจะกลับไปหาในสามปี ได้อีก แต่มนั กลับ
รอดชีวติ มาได้อย่างปลอดภัย พลังฝี มือของมันในยามนี้เองก็
เพียงพอจะไม่ให้ผใู ้ ดในเมืองเมฆาล่องมาข่มเหงรังแกท่านปู่ และ
อาหญิงเล็กได้อีก…
เงาร่ างของท่านปู่ และอาหญิงเล็กในใจมันยิง่ มายิง่ แจ่มชัด
ก่อนจะเข้ากลืนกินความคิดมันจนหมดสิ้ น…
“ฉานน้อย ไปกันเถอะ!”
หงส์หิมะส่ งเสี ยงกู่ร้องยาวนาน ก่อนจะกระพือปี กเหิ นขึ้น
ฟ้าพร้อมกับหยุนเช่อที่กระโดดขึ้นไปนัง่ บนแผ่นหลัง ก่อนที่ท้ งั
สองจะกลายเป็ นเงาร่ างสี ขาวสายหนึ่งหายไปในท้องฟ้าใน
พริ บตา
ในฐานะสัตว์อสู รชั้นลมปราณฟ้า ระดับความเร็ วและความ
ทนทานของสัตว์อสูรหงส์หิมะน่าประทับใจอย่างยิง่ ยามที่ฉู่เยว่
หลี่กล่าวว่ามันสามารถ “เดินทางไกลหนึ่งพันห้าร้อยกิโลเมตรใน
หนึ่งวัน” หญิงสาวมิได้กล่าววาจาเกินเลยไปจริ งๆ
หลังจากออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ หยุนเช่อก็เร่ ง
เดินทางทั้งวันทั้งคืนมุ่งหน้าสู่นครหลวงวายุครามเพื่อสกัดขบวน
เจ้าบ่าวของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง เดิมมันคิดจะเร่ งรุ ดมายังเมืองเมฆาล่อง
หลังจากพักที่นครหลวงสักคืนหนึ่ง แต่เมื่อมันทราบเรื่ องของฉู่
เยว่ฉาน มันก็เปลี่ยนใจรุ ดไปยังแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งพร้อมกับ
ความกังวลที่เผาผลาญในใจ… แต่บดั นี้ แม้เรื่ องของฉู่เยว่ฉานจะ
ฝังลึกในใจมัน แผ่นดินก็กว้างใหญ่ไพศาลนักและมันยังไม่มี
เบาะแสให้ตามหา ดังนั้นเวลาที่มนั กับนางจะได้พบกันอีกก็คงได้
แต่พ่ งึ ลิขิตฟ้า ใจมันบัดนี้คิดหวนแต่จะกลับบ้าน จึงเร่ งเดินทางไม่
หยุดทั้งคืนวันราวกับอัสนีบาตรสู่ ทางตะวันออก เท่าที่มนั จําได้
มันกําลังเข้าใกล้เมืองเมฆาล่องอันคุน้ เคยเข้าไปทุกที
ชายหนุ่มมาถึงน่านฟ้าเมืองจันทร์เสี้ ยวในวันนี้เอง
แม้มนั จะอาศัยอยูใ่ นเมืองจันทร์เสี้ ยวไม่นาน มันก็ได้พบเจอ
เรื่ องราวทุกรู ปแบบ และเมืองนี้ยงั เป็ นที่ที่มนั ได้พบชางเยว่และ
ถูกพาไปยังนครหลวงวายุคราม ก่อนจะพบเจออุปสรรคมากมาย
กล่าวได้วา่ การพบเจอชางเยว่ในเมืองจันทร์เสี้ ยวเป็ นจุดเปลี่ยน
ชะตาชีวติ มันครั้งใหญ่ทีเดียว
ชายหนุ่มยังคงจดจําได้ หลังจากมาถึงเมืองจันทร์เสี้ ยว หยุ
นเช่อตามหาซีคงหานก่อนเป็ นอันดับแรกตามคํากล่าวของเซี่ย
เหล่ย เพือ่ ให้มนั จัดหาที่พกั พิงให้แก่หยุนเช่อ จากนั้น ชายหนุ่มเข้า
ร่ วมวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว...ทว่าสุ ดท้ายแล้ว นับว่าหยุนเช่อเพียงพัก
เท้าอยูใ่ นวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวได้เพียงสองวันเท่านั้น
หลังทบทวนหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต หยุนเช่อเก็บสัตว์
อสู รพันธสัญญาลงในตราประทับ พร้อมทั้งทิ้งร่ างลงยังวังยุทธ์
จันทร์เสี้ ยว
“...เจ้าได้ยนิ มาหรื อไม่? หยุนเช่อมิได้ตายในครั้งนั้น มันยัง
มีชีวติ อยู่ ทั้งยังกลับมายังนครหลวงวายุคราม ช่วงชิงองค์หญิงชาง
เยว่มาจากนายน้อยเฟิ นเจวีย๋ เฉิงแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทั้งยังทํา
ร้ายมันอย่างสาหัส...ข้าได้ยนิ มาว่ามียอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณฟ้าถึง
แปดคนคอบคุม้ กันมัน...ตั้งแปดคน เจ้ารู ้ม้ ยั ! แต่ไม่น่าเชื่อ หยุ
นเช่อเพียงผูเ้ ดียวไล่ทุบตีพวกมันจนไม่เป็ นขบวน! พลังฝี มือที่มนั
แสดงออกช่างราวกับพลังอํานาจยิง่ ใหญ่ไร้ผตู ้ า้ นอย่าง
แท้จริ ง!”
“เหลวไหล! ยังมีผใู ้ ดที่ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่ องนี้อีกรึ ?! ทว่าเรื่ อง
ยอดฝี มือลมปราณฟ้าแปดคนของเจ้าดูจะผิดไป ข้าได้ยนิ มาว่ามี
ยอดฝี มือลมปราณฟ้าถึงยีส่ ิ บคนติดตามเฟิ นเจวีย๋ เฉิงไป ก่อนจะ
ถูกศิษย์พี่หยุนเช่ออัดร่ วงทีละคน ก่อนที่นายน้อยตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าผูย้ งิ่ ใหญ่จะถูกอัดเละดุจสุ นขั สุดท้ายหยุนเช่อก็ไว้ชีวติ
น่าอดสู ของมันด้วยเมตตาจิต ก่อนจะปล่อยให้มนั วิง่ หนีกลับ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไป ศิษย์พห่ี ยุนเช่อนับเป็ นอัจฉริ ยะที่ยอด
เยีย่ มที่สุดในจักรวรรดิวายุครามโดยแท้!” ยามคนผูน้ ้ ีเอ่ยคําว่า
“ศิษย์พหี่ ยุนเช่อ” ดวงตาของมันก็ส่องประกายเลื่อมใส
เมื่อคิดว่ามันสามารถเรี ยกตัวเองเป็ นศิษย์นอ้ งของหยุนเช่อ
ที่เคยอยูใ่ นวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว มันก็รู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีจน
แทบจะสลบไป
หลังจากลงสู่ พ้นื หยุนเช่อก็เดินทางไปยังสถานที่ที่มนั จะ
ซ่อนตัวได้ และสิ่ งแรกที่มนั ได้ยนิ กลับเป็ นเรื่ องของมัน
มันไม่ทราบว่าการที่มนั เคยเป็ นศิษย์วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว
ช่วงเวลาหนึ่ง ทําให้ชื่อเสี ยงของวังยุทธ์ทะยานสู งขึ้นอย่างรวดเร็ ว
ชื่อเสี ยงของมันสูงลํ้ากว่าวังยุทธ์สาขาอื่น และเป็ นรองเพียงวัง
ยุทธ์วายุครามที่เป็ นสาขาหลักเท่านั้น
บทที่ 324 กลับสู่ เมฆาล่ อง
“พวกเจ้าทั้งสองทําไมยังไม่ไปยังห้องซ้อมอีก มาคุยอะไร
กันอยูต่ รงนี้”
ชายหนุ่มผูห้ นึ่งอายุราวยีส่ ิ บปี หากแต่มีท่วงท่าสง่างามแลดู
ภูมิฐานได้ปรากฏกายขึ้นเดินออกมา ทว่าการตําหนิจากเขา ทําให้
ทั้งสองศิษย์แห่งวังยุทธ์ผซู ้ ่ ึ งกําลังถกกันเรื่ องหยุนเช่อผูไ้ ม่เกรง
กลัวสิ่ งใดทั้งสิ้ น ศิษย์ท้ งั สองหัวเราะแหะๆออกมาพร้อมกล่าวว่า
“ท่านผูฝ้ ึ กสอนซีคง พวกข้าผิดไปแล้วขอได้โปรดให้อภัย ใต้เท้า
พวกเราจะรี บไปยังห้องฝึ กซ้อมเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
เมื่อบุคคลผูน้ ้ ีปรากฏตัวขึ้น ทําให้หยุนเช่อชะงักเล็กน้อย
เพราะเขาผูน้ ้ นั เป็ นบุคคลที่หยุนเช่อย่อมรู ้จกั เป็ นอย่างดี...บุตรชาย
ของผูอ้ าวุโสซี คงหาน ซีคงตู๋ซ่ ึงเป็ นผูท้ ี่เคยช่วยเหลือชายหนุ่มมา
นับครั้งไม่ถว้ นเมื่อคราที่หยุนเช่ออาศัยอยูใ่ นวังยุทธ์วายุครามใน
กาลก่อน!
หื มม์? ท่านอาจารย์ซีคง? มันเคยกล่าวไว้วา่ จะไม่ร้ ังอยูใ่ น
นครหลวงวายุครามหลังจบการศึกษาจากวังยุทธ์วายุคราม ทั้งยัง
จะกลับมายังบ้านเกิดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในนครหลวง มัน
ทําตามคําพูดจริ งๆ ซํ้ายังกลับมาเป็ นท่านอาจารย์ซีคง ณ วังยุทธ์
จันทร์เสี้ ยวอีกด้วย...แม้วา่ มันจะยังคงอายุเยาว์ ทั้งยังอายุไม่ห่าง
จากเหล่าศิษย์เท่าใดนัก หากตัวมันในปัจจุบนั ล้วนสามารถบรรลุ
ชั้นลมปราณจิตได้แล้ว นับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการสัง่ สอน
เหล่าศิษย์ท้ งั หลาย
“อ้า ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ซีคง ข้าเคยได้ฟังมาว่า ยามที่ท่าน
อยูท่ ี่วงั ยุทธ์วายุคราม ท่านเคยพบกับหยุนเช่อผูน้ ้ นั มาก่อน ใช่
หรื อไม่?”
สายตาของซีคงตู๋สนั่ ไหวเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะรับครา
หนึ่ง “ท่านปู่ ของมันและบิดาของข้ามีความสัมพันธ์เก่าก่อน เมื่อ
ครั้งที่มนั เข้าร่ วมวังยุทธ์วายุคราม ข้าจึงอาสาดูแลมัน และพยายาม
มอบความช่วยเหลือให้แก่มนั ทว่าเมื่อย้อนคิดทบทวนแล้ว การ
พยายามดํารงความเที่ยงธรรมและช่วยเหลือยอดอัจฉริ ยะขั้น
สู งสุ ดเช่นมันด้วยความสามารถตํ่าต้อยของข้า นับว่าช่างไร้
เดียงสาและน่าขันอย่างยิง่ ...จริ งสิ จงไปฝึ กฝนต่อได้แล้ว นี่มิใช่ที่
สําหรับจับกลุ่มสนทนา”
“ขอรับ ท่านอาจารย์”
พลันศิษย์ท้ งั สองแห่งวังยุทธ์กว็ งิ่ หนีหายไป ซีคงตู๋เสมือน
นึกบางสิ่ งใดพลางถอนหายใจอย่างเศร้าโศก ขณะที่ชายหนุ่ม
กําลังจะก้าวเดินไป ชายหนุ่มก็ได้ยนิ เสี ยงมาจากทางขวาของมัน
“ท่านพี่ซีคง ไม่ได้พบกันเสี ยนาน”
ซี คงตู๋มองไปทางขวา จากนั้นหมุนร่ างกายของมันไป
ทางขวาและเพ่งมองไปยังหยุนเช่อที่กาํ ลังเดินตรงมาที่มนั ด้วย
สายตาที่เบิกกว้าง ชายหนุ่มไม่อาจเชื่อสายตาของมันได้ “หยุ
นเช่อ!? ทําไมกัน ทําไมเจ้าถึงมาอยูท่ ี่นี่ได้?”
“ชู่วว!” หยุนเช่อทําท่าทางบอกให้ชายหนุ่มเงียบเสี ยงเพราะ
กลัวว่าเสี ยงของซี คงตู๋จะไปทําให้คนอื่นๆสนใจเข้า ชายหนุ่มเดิน
เข้ามาใกล้พลางกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าท่านพี่ซีคงจะมากลายเป็ นผู ้
ฝึ กสอนของวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวแห่งนี้ ช่างน่าแปลกใจจริ งๆ ข้าเดา
ว่าท่านต้องเป็ นผูฝ้ ึ กสอนที่อายุนอ้ ยที่สุดในประวัติศาสตร์ของวัง
ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวเป็ นแน่แท้?”
“ข้าเป็ นเพียงผูฝ้ ึ กสอนฝึ กหัดเท่านั้นในตอนนี้ และข้ายังใช้
ชื่อเสี ยงของพ่อข้าเพื่อความสะดวกอีกด้วย” ซีคงตู๋กล่าวพลางมอง
หยุนเช่อตั้งแต่หวั จรดเท้า ความตื่นเต้นในสายตาของชายหนุ่ม
ยังคงอยูอ่ ย่างเนิ่นนาน ชายหนุ่มพลางหัวเราะเยาะตัวเอง “แต่
ความสําเร็ จอันน้อยนิดของข้าคงไม่อาจกล่าวถึงได้เมื่อต้องไป
เปรี ยบเทียบกับเจ้า”
“สิ่ งที่ท่านพี่ซีคงกล่าวนั้นมันไม่เป็ นความจริ งเลย” หยุ
นเช่อกล่าวอย่างจริ งใจ “เมื่อครั้งที่ขา้ เข้าไปยังวังยุทธ์วายุคราวนั้น
ท่านพี่ซีคงได้ช่วยและสอนสัง่ ข้าอย่างมากมาย ถ้าข้าไม่ได้รับ
ความช่วยเหลือจากท่านพี่ซีคง มันก็คงเป็ นไปไม่ได้สาํ หรับข้าที่
จะยืนหยัดอยูภ่ ายในวังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ วถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนี้ขา้
นั้นจดจําฝังแน่นลงไปในหัวใจของข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ซีคงตู๋หวั เราะออกมาอย่างจริ งใจพลางกล่าว
ชื่นชม “ไม่มีขอ้ อ้าง ไม่มีการหลอกลวง และไม่มีความหยิง่ ยโส
เมื่อเทียบกับเหล่าอัจฉริ ยะจากสํานักใหญ่ที่ใช้แต่ชื่อเสี ยงและ
ทรัพยากรของสํานักมัน เจ้านั้นเยีย่ มยอดกว่าไม่รู้ต้งั กี่เท่า” สายตา
ของมันพลางมองไปยังรอบๆและกล่าวว่า “เข้าเรื่ องสําคัญกัน
เถอะ สําหรับเจ้าที่ต้ งั ใจเดินทางกลับมาที่นี่น้ นั มันต้องมีบางสิ่ ง
บางอย่างที่เจ้าจําเป็ นจะต้องทําใช่หรื อไม่ สําหรับข้านั้นตอนนี้ได้
ลงหลักปักฐานที่วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวแห่งนี้แล้ว ถ้าเจ้ามีปัญหา
เกี่ยวข้องกับวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว บางทีขา้ อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้”
หยุนเช่อผงกศีรษะเล็กน้อยและกล่าว “ข้ามาที่นี่เพราะมีสิ่ง
ที่ตอ้ งทําจริ งๆ และข้าจําเป็ นต้องขอความช่วยเหลือจากท่านลุงซี
คง ข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านอยูท่ ี่ใดในยามนี้?”
“ท่านพ่อ?” ซีคงตู๋หยุดไปครู่ หนึ่งก่อนตอบกลับ “ท่านพ่อ
เพิ่งจะเดินทางไปทางใต้เมื่อสองวันก่อน และกว่าที่จะกลับมานั้น
คงต้องใช้เวลาอีกสามวันเป็ นอย่างน้อย ถ้าไม่ใช่เรื่ องสําคัญอะไร
นักเจ้าสามารถบอกข้าได้ บางทีขา้ อาจจะสามารถช่วยได้”
“มิใช่เรื่ องสําคัญอันใด” หยุนเช่อไม่ลงั เลแม้เพียงนิด พร้อม
กล่าว “ข้ากําลังเดินทางกลับไปที่เมืองเมฆาล่องเพือ่ ไปรับท่านปู่
และอาหญิงเล็กกลับมากับข้า พรรคตระกูลเซี่ยวเป็ นพวกขลาด
เขลาและแล้งนํ้าใจ พวกมันติดหนี้ท่านปู่ ของข้าและอาหญิงเล็ก
มากมายนัก ข้าไม่อาจให้ท้ งั สองอยูใ่ นตระกูลเซี่ยวได้อีกต่อไป
ทว่าในตอนนี้ในเมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศอันคุกรุ่ น
และเต็มไปด้วยหลากหลายกองกําลังที่แตกต่างอยูท่ ี่นน่ั
สถานการณ์ช่างซับซ้อนยิง่ นัก ข้านั้นไม่สบายใจที่จะพาพวกเขา
ไปลงหลักปักฐานที่นนั่ ด้วย ดังนั้น…”
เรื่ องราวระหว่างหยุนเช่อและพรรคตระกูลเซี่ยว ซีคงตู๋
ได้รับฟังมาจากซี คงหานมาก่อน ชายหนุ่มจึงเข้าใจได้ในทันที
พลางยิม้ กล่าวว่า “ข้าคิดว่ามันจะเป็ นเรื่ องยากเสี ยอีก มันเป็ นเรื่ อง
ที่ง่ายดายยิง่ นัก ปัญหานี้ไม่จาํ เป็ นต้องไปถึงท่านพ่อข้าหรอก ข้า
ให้สญ ั ญาแก่เจ้าในตอนนี้ได้เลยว่า หากท่านลุงเซี่ยวต้องการมาที่
แห่งนี้ ไม่วา่ จะเป็ นตําแหน่งเจ้าวังหรื อผูฝ้ ึ กสอน ลงไปจนกระทัง่
เฝ้ายามหรื อเพียงพักผ่อน ท่านลุงเซี่ยวสามารถเลือกได้ตามใจ ใน
ที่แห่งนี้ ไม่มีผใู ้ ดดูแลท่านไม่ดีอย่างแน่นอน”
ซี คงตู๋หวั เราะพลางกล่าว “ยิง่ ไปกว่านั้นด้วยชื่อเสี ยงของเจ้า
การที่เจ้าพาปู่ ของเจ้ามาที่วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวของพวกเรานั้น ท่าน
เจ้าวังโจว และแม้กระทัง่ ท่านเจ้าเมืองจันทร์เสี้ ยวล้วนต้องการ
แบกหามเกี้ยวออกมาเพื่อทักทายปู่ ของเจ้าด้วยไหล่ของตัวเอง
หรื อแม้กระทัง่ ท่านเจ้าวังยุทธ์วายุครามก็จะเดินทางจากแดนไกล
เพื่อมาทักทาย นี่ไม่ใช่เจ้าขอความช่วยเหลือจากพวกเรา แต่เป็ น
ของขวัญสําหรับวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวต่างหาก ของขวัญที่ยงิ่ ใหญ่”
หยุนเช่อแย้มยิม้ อย่างเท่าทันก่อนกล่าวว่า “ตกลง เช่นนั้นคง
ต้องรบกวนท่านพี่ซีคงในเรื่ องนี้ ตอนนี้ ข้าต้องมุ่งหน้าไปยังเมือง
เมฆาล่องแล้ว”
“ระวังตัวด้วย ข้าได้ยนิ มาว่า หลังจากเจ้าทําลายพิธีมงคล
ระหว่างเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งและองค์หญิงชางเยว่ ทั้งยังทําร้ายร่ างกายเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงบาดเจ็บสาหัส เหล่าผูค้ นจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่าง
ควานหาตัวเจ้าไปทัว่ ทุกที่ ตระกูลใหญ่ที่ยนื หยัดมานานกว่าพันปี
เช่นตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน
แม้วา่ เจ้าในตอนนี้ลว้ นมีชื่อเสี ยงลือลัน่ ทั้งยังมีผคู ้ นสนับสนุน
และเลื่อมใสมากมาย หากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแน่นอนว่าย่อมไม่
มีทางปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เจ้าสมควรปกปิ ดร่ องรอยการเดินทาง
ตลอดเวลาจึงจะดีที่สุด” ซีคงตู๋กล่าวกระตุน้ เตือน
หยุนเช่อแย้มยิม้ เล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว”
ทุกผูค้ นล้วนทราบว่าหยุนเช่อเข้าทําลายพิธีรับตัวเจ้าสาว
ของนายน้อยตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ทว่ายังไม่มีผใู ้ ด
ทราบว่าชายหนุ่มลงมือสวนกลับ เข่นฆ่าสังหารยอดฝี มือชั้น
ลมปราณฟ้าทั้งแปดที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าส่ งมาจนหมดสิ้ น...ทั้ง
ยังรวมไปถึงหัวหน้าผูอ้ าวุโสอีกผูห้ นึ่ง มิเช่นนั้น อาณาจักรวายุ
ครามย่อมต้องยิง่ ปั่นป่ วนวุน่ วายเพราะชายหนุ่มเป็ นแน่แท้
“อา ใช่แล้ว มีบางอย่างเกิดขึ้น ไม่ทราบนี่เกี่ยวข้องอันใดกับ
เจ้าหรื อไม่” ซี คงตู๋นึกขึ้นได้ถึงเรื่ องบางอย่าง ก่อนจะพลันกล่าว
ขึ้น “ตอนที่ขา้ กําลังกลับมาจากการส่ งท่านพ่อออกนอกเมือง ข้า
กลับพบเห็นใบหน้าอันไม่น่าอภิรมย์ของคนผูห้ นึ่ง เจ้าเองก็รู้จกั
มัน ทั้งยังเคยมีเรื่ องราวต่อกันมาก่อน”
“ผูใ้ ด?” หยุนเช่อถาม
“เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น!”
“เป็ นมัน?” หยุนเช่อนิ่งค้างไปชัว่ ขณะ เฟิ นเจวีย๋ เฉิน
บุตรชายของเฟิ นต้วนหุน เพราะมันมีปัญหากับเฟิ นเจวีย๋ ปี้ ชาย
หนุ่มจึงออกจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้ามาสู่ วงั ยุทธ์วายุครามและถือ
ครองตําแหน่งอันดับหนึ่งแห่งลําดับเทพยุทธ์ในวังยุทธ์ช้ นั ใน
และในวันที่จะเดินทางไปยังหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อที่จะเข้าร่ วม
การประลองสัประยุทธ์ชายหนุ่มถูกกําราบโดยหยุนเช่อผูโ้ กรธ
แค้น
และเพราะเหตูน้ นั ทําให้ชายหนุ่มไม่สามารถเข้าร่ วมการ
ประลองสัประยุทธ์ได้ หลังจากนั้นล้วนไม่ปรากฏข่าวคราวใด
ของมันอีกเลย
“ตอนที่ขา้ ออกจากวังยุทธ์วายุครามมา ข้าได้ยนิ ข่าวลือมาว่า
มันได้กลับไปยังตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเพราะการตายของเฟิ นเจวีย๋
ปี้ และข้าไม่ได้ให้ความสนใจมันอีกต่อไป ในวันนั้นข้าเพียงมอง
ผ่านๆและดูเหมือนว่าจะเป็ นมัน แต่มนั ไม่มีเหตุผลที่จะมาโผล่ที่
แห่งนี้และไม่มีความเคลื่อนไหวจากสาขาย่อยของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าเช่นกัน… หรื อข้านั้นอาจจะเพียงตาฝาดไป” ซีคงตู๋กล่าว
อย่างลังเล
หยุนเช่อครุ่ นคิดอยูค่ รู่ หนึ่งและชายหนุ่มก็ผงกศีรษะ “ข้า
เข้าใจแล้ว ท่านพี่ซีคง ขอบคุณที่บอกข้าในเรื่ องนี้ พวกเราควรได้
พบกันอีกครั้งในเร็ วๆนี้”
หลังจากแลกเปลี่ยนตราประทับสื่ อสารกับซีคงตู๋ หยุนเช่อก็
ออกจากวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวพุง่ ตรงไปยังเมืองเมฆาล่องโดยการขับ
ขี่สตั ว์อสู รหงส์หิมะออกไป
——————————————
เนื่องจากเป็ นเมืองที่เล็กที่สุดในอาณาจักรวายุคราม เมือง
เมฆาล่องนั้นไม่เคยที่จะมีชีวติ ชีวาหรื อความจอแจ
เมื่อเมืองเล็กๆ ที่ปรากฏตรงหน้าค่อนข้างเงียบเหงาและ
เก่าแก่อย่างชัดตา หัวใจของหยุนเช่อมีเสี ยงเต้น ตึกตัก ตึกตัก
อย่างควบคุมไม่ได้
ด้วยความที่มนั อยูท่ ี่นี่มากว่าสิ บหกปี จะเป็ นไปได้เยีย่ งไรที่
หยุนเช่อจะไม่มีอารมณ์ความรู ้สึกต่อเมืองเล็กๆนี้ที่เต็มไปด้วย
ประสบการณ์ความทรงจําวัยเด็กของชายหนุ่ม
เมืองเมฆาล่องภายในสายตาของชายหนุ่มนั้นใกล้ข้ ึนและ
ใหญ่ข้ ึนเรื่ อยๆ ชายหนุ่มค่อยๆเห็นที่ต้ งั พรรคตระกูลเซี่ยวอย่าง
ช้าๆ และภูเขาสี เขียวเข้มหลังพรรคตระกูลเซี่ยว ความคิดถึงพรั่ง
พรู ออกมาจากจิตใจของชายหนุ่มพร้อมกับเงาร่ างของบุคคลสอง
คนที่หยัง่ ลึกลงไปในความทรงจําอันชัดเจนของมัน ความต้องการ
ที่จะพุง่ ตรงไปหาพวกเขานั้นเข้มข้นราวกับนํ้าป่ าที่กาํ ลังถูกกักขัง
โดยเขื่อนยักษ์ มองตรงไปข้างหน้าดวงตาของมันเริ่ มที่จะเหม่อ
ลอยและเริ่ มควบคุมปากของมันไม่ได้ มันค่อยๆพูดพึมพํากับ
ตนเอง “ท่านปู่ อาหญิงเล็ก ข้ากลับมาแล้ว… ข้ากลับมาแล้ว… ข้า
จะไม่มีวนั ยอมให้ผใู ้ ดมากดขี่ข่มเหงหรื อทําร้ายท่านเป็ นครั้งที่
สอง…”
อารมณ์ความรู ้สึกของชายหนุ่มเอ่อท่วมท้น หยุนเช่อมาถึง
ประตูเมืองเมฆาล่องในที่สุด หากยังคงบินต่อไป แน่นอนว่าสัตว์
อสู รหงส์หิมะย่อมต้องกระตุน้ ความสนใจของผูค้ น หยุนเช่อเก็บ
หงส์หิมะลงผนึก พร้อมทั้งเหินร่ อนลงยังประตูเมือง ก่อนจะเดิน
เท้าเข้าสู่ เมืองเมฆาล่องที่แสนคุน้ เคยทว่าแปลกหน้าอย่างยิง่
โดยไม่รู้ตวั สามปี ผ่านไปแล้ว
ประสบการณ์สามปี ที่ผา่ นมา เมื่อหวนคํานึงถึง ทั้งหมด
ล้วนราวกับความฝัน
แรกสุ ด ยามที่หยุนเช่อกลํ้ากลืนความเคียดแค้นออกจาก
เมืองเมฆาล่อง ชายหนุ่มสาบานจะกลับมาที่นี่พร้อมความ
แข็งแกร่ งที่สามารถบดขยี้ตระกูลเซี่ยวทั้งตระกูลให้ได้ภายในสาม
ปี ให้ท้ งั ตระกูลเซี่ยวต้องคุกเข่าขอร้องให้ท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
ของมันออกจากหุบเขาสํานึกผิด...ในเวลานั้น แม้หยุนเช่อจะ
สาบานต่อตนเอง หากชายหนุ่มกระจ่างแจ้งแก่ใจดีวา่ เรื่ องราวนี้
ยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด ดังนั้น ชายหนุ่มทุ่มสุ ดตัวในการฝึ กปรื อ
วิชาฝี มือ ทั้งยังกระตุน้ โทสะสร้างศัตรู เพื่อพัฒนาตนเองอย่างก้าว
กระโดด
ณ เวลานั้น หยุนเช่อคาดคิดมิถึงว่า ความเข้มแข็งของพลัง
ฝี มือของตนเองจะก้าวลํ้าสู งส่ งจนเกินกว่าเพียงสามารถทลาย
ตระกูลเซี่ยว...ตระกูลเซี่ยวเมืองเมฆาล่องในยามนี้ เมื่อเทียบกับ
พลังฝี มือของชายหนุ่ม ยังไม่เพียงพอให้หยุนเช่อชายตามองแม้
เพียงครั้ง
เมื่อเหยียบย่างลงบนพื้นดินในเมืองเมฆาล่อง ฝี เท้าของชาย
หนุ่มไม่มน่ั คงอยูบ่ า้ ง แม้ในใจของหยุนเช่อจะกระเหี้ ยน
กระหื อรื ออย่างถึงที่สุด หากทว่าก้าวย่างของชายหนุ่มกลับไม่
รวดเร็ วเท่าใด ชายหนุ่มกําลังครุ่ นคิดถึงยามพบปะท่านปู่ และอา
หญิงเล็ก มันสมควรเข้าสวมกอดทั้งคู่ หรื อกล่าวทักทาย สมควร
รํ่าไห้ หรื อสมควรหัวเราะกันแน่...
ทางเดินเท้าในเมืองเมฆาล่องไม่มากไม่นอ้ ย ทุกผูค้ น
เดินทางอย่างรี บเร่ ง ไม่มีผใู ้ ดสังเกตสนใจมันเลยแม้แต่นอ้ ย
กระทัง่ ยามที่พวกมันเดินสวนทางในระยะใกล้ กลับไม่ปรากฏ
ผูใ้ ดเยาะเย้ยถากถางมันเป็ นเศษสวะและหัวเราะเยาะมันถูกเฉดหัว
ออกจากเมืองเช่นเมื่อสามปี ก่อนแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อเดินตรงผ่านถนนเส้นต่างๆ ใกล้ตระกูลเซี่ยวเข้าไป
เรื่ อยๆ ในขณะนั้นเองชายหนุ่มก็ได้หยุดฝี เท้าลง ผงกศีรษะขึ้นมา
พลางมองไปยังประตูที่ต้ งั ตระหง่านตรงหน้าของมัน สอง
ตัวอักษรสี ทองขนาดใหญ่ถูกสลักอยูเ่ หนือประตูน้ นั
คฤหาสน์ตระกูลเซี่ย
นี่เป็ นบ้านเกิดของเซี่ยฉิ งเยว่และเซี่ยหยวนป้า
สําหรับครอบครัวพ่อค้า คฤหาสน์ตระกูลเซี่ยมักจะเต็มไป
ด้วยบรรยากาศอันจอแจและกลิ่นอายการค้า แต่เมื่อยืนอยูห่ น้า
คฤหาสน์ตระกูลเซี่ยในเวลานี้น้ นั สิ่ งที่หยุนเช่อสัมผัสได้คือความ
เงียบที่ไม่เคยมีมาก่อนในความทรงจําของมัน ชายหนุ่มยืนอยูต่ รง
นั้นสักพักโดยไม่ได้มุ่งหน้าไปต่อ กลับกัน หยุนเช่อเก็บซ่อนกลิ่น
อาย ก่อนจะพลันกระโดดสู งข้ามกําแพงร่ อนลงไปยังลานบ้านที่
ใหญ่โตของคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย
บทที่ 325 เปิ ดตัวด้ วยลูกเตะ
“อ๊ากกก!!”
หยุนเช่อคํารามอย่างโกรธแค้น และเหวีย่ งร่ างของเซี่ยว
หยุนไห่กระเด็นออกไปไกล ศีรษะของเซี่ยวหยุนไห่กระแทกลง
กับพื้น โลหิ ตสดๆ สาดกระจายไปทัว่ ทุกสารทิศพร้อมกับที่มนั
สลบลงในทันที ก่อนที่หยุนเช่อจะทะยานร่ างไปทางภูเขา
ด้านหลังอย่างบ้าคลัง่
ชายหนุ่มกลับมายังเมืองเมฆาล่องพร้อมกับความร้อนรน
โหยหา ตื่นเต้น และปิ ติยนิ ดี คราที่ชายหนุ่มย่างเท้ากลับมาถึงที่
แห่งนี้ ความรู ้สึกเหล่านั้นต่างหลอมรวมกันราวกับเกลียวคลื่น
โดยมีความยินดีเป็ นส่ วนประกอบหลัก
นัน่ เป็ นเพราะอีกเพียงครู่ เดียวชายหนุ่มก็จะได้พบกับท่านปู่
และอาหญิงเล็กที่ไม่ได้พบกันมานานกว่าสามปี
เขากําลังจะพาคนทั้งสองออกจากความทุกข์ทรมานตลอด
สามปี …
เขาอยากให้คนทั้งสองได้เห็นว่าบัดนี้เขากลายเป็ นบุคคล
เช่นใด บอกกล่าวแก่ท้ งั สองว่าเขาเติบโตขึ้นแล้ว ขอจงอย่าเป็ น
กังวล แต่จงยินดีและภาคภูมิใจในตัวเขา
เขากําลังจะสําเร็ จตามแผนที่วางไว้ และทําตามสัญญาที่ให้
ไว้กบั ท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
เขากําลังจะชําระแค้นต่อตระกูลเซี่ยว และช่วยบรรเทาความ
กังวลและความคับแค้นใจทั้งปวงของท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยคาดคิดเลยว่าตนเองจะมาพบพาน
กับความตื่นตะลึงอันไม่คาดฝันเช่นนี้
หยุนเช่อราวกับเป็ นพายุคลัง่ ที่โหมพัดพาสู่ ภูเขาด้านหลัง
ชายหนุ่มพุง่ กายผ่านหุบผาสํานึกตน ไปหยุดยังสถานที่ที่เซี่ยว
เหล่ยและเซี่ ยวหลิงซีถูกกักขังมาตลอดสามปี
พื้นภูเขา หญ้าอันแห้งกรอบ ห้องศิลา และสายธารใส
สะอาด… สถานที่น้ ีเรี ยบง่ายและสงบอย่างยิง่ แต่กลับห่างไกล
จากผูค้ น เซี่ ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซีถูกกักขังอยูท่ ี่นี่ ไม่อาจก้าว
ออกจากสถานที่น้ ีแม้เพียงครึ่ งก้าว หยุนเช่อหยุดยืนอยูต่ รงหน้า
ห้องศิลา ไม่กล้าก้าวเดินต่อเป็ นระยะเวลานาน… เพราะชายหนุ่ม
ไม่อาจยอมรับว่าสิ่ งที่ได้รับฟังมาเป็ นเรื่ องจริ ง อยากเชื่อว่าทุกสิ่ ง
ที่คนตระกูลเซี่ ยวบอกกล่าวแก่ตนล้วนเป็ นเรื่ องโกหก… กระทัง่
เลือกจะเชื่อว่าทุกสิ่ งที่ได้รับฟังมาล้วนเป็ นความฝัน!
ชายหนุ่มนําพาความโหยหาอาวรณ์ ความห่วงใย และความ
กังวลที่สะสมมาตลอดสามปี กลับมาที่นี่ เขามิอาจยอมรับผลลัพธ์
เช่นนี้ได้
“ท่านปู่ … ท่านปู่ !”
“อาหญิงเล็ก… พวกท่านอยูข่ า้ งในหรื อไม่?”
“ข้าเซี่ยวเช่อ… ข้ากลับมาแล้ว! ท่านปู่ อาหญิงเล็ก ได้ยนิ ข้า
หรื อไม่?! หากได้ยนิ รี บออกมาพบข้าเร็ ว!”
ชายหนุ่มตะโกนเรี ยกครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เทา
สุ ม้ เสี ยงของชายหนุ่มสะท้อนดังไปไกล แต่กลับไม่มีเสี ยงใดตอบ
กลับมา
ความหวังเสี้ ยวสุ ดท้ายของชายหนุ่มแตกสลายไปราวกับ
ฟองสบู่ หยุนเช่อกลั้นหายใจและเดินไปด้านหน้า เมื่อชายหนุ่ม
ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ทัว่ ร่ างกลับกลายชะงักค้างโดยพลัน…
สิ่ งที่ชายหนุ่มพบในห้องศิลาเบื้องหน้ากลับเป็ นคราบโลหิ ตสี แดง
เข้มคราบหนึ่ง
หัวใจของหยุนเช่อบีบหนึบ ชายหนุ่มทะยานไปเบื้องหน้า
ราวกับพายุ ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าแอ่งโลหิ ตและพบว่าโลหิ ต
นั้นแห้งแล้วแต่กลับมีช้ นั ฝุ่ นเกาะอยูบ่ นผิวเล็กน้อย ในสถานที่
แห่งนี้ที่ลมภูเขาพัดพาไม่เคยหยุดนิ่ง ชั้นฝุ่ นบางๆนี้เป็ นเครื่ อง
ยืนยันว่าคราบเลือดนี้เพิ่งเกิดขึ้นเพียงเมื่อสามถึงสี่ วนั ก่อนเท่านั้น
ไม่ไกลจากคราบโลหิ ต หยุนเช่อพบกระบี่เปื้ อนสนิมหักๆ
สองเล่ม แต่นอกจากนั้นไม่พบร่ องรอยการต่อสู อ้ ื่นใดอีก ต่อหน้า
ความแข็งแกร่ งของคนจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เซี่ยวเหล่ยและ
เซี่ยวหลิงซี จะดิ้นรนขัดขืนได้อย่างไร?!
ฝ่ ามือของหยุนเช่อกดแน่นลงกับพื้น นิ้วมือทั้งสิ บฝังลึกลง
ไปในก้อนหิ น ศีรษะก้มตํ่า ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน ชายหนุ่มขบกราม
แน่นจนได้ยนิ เสี ยงแตกหัก โทสะอันเข้มข้นและความขมขื่นลํ้า
ลึกแผ่ปกคลุมทัว่ ห้องศิลาราวกับมีชีวติ กดดันให้สายลมในที่น้ นั
ถึงกับหยุดนิ่ง
“ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า…”
ถ้อยคําเข่นเขี้ยวลอดผ่านไรฟันอย่างเงียบเชียบ ราวกับเสี ยง
ภูติผปี ี ศาจจากขุมนรกที่ข้ ึนมาเพื่อคร่ าชีวติ ผูค้ น
ชายหนุ่มจดจําได้ดีวา่ ที่เมืองจันทร์เสี้ ยว ซีคงตูก้ ล่าวถึง
ผูใ้ ด…
บุตรชายคนที่สามของเฟิ นต้วนหุน เฟิ นเจวีย๋ เฉิน!!
ซี คงตูม้ ิได้ตาฝาด นัน่ เป็ นเฟิ นเจวีย๋ เฉินจริ งๆ! เหตุผลที่มนั
มายังเมืองจันทร์เสี้ ยวเพียงเพื่อแค่ผา่ นทาง… เป้าหมายที่แท้จริ ง
ของมันกลับเป็ นสถานที่แห่งนี้!
ความแค้นระหว่างชายหนุ่มและตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เริ่ มต้นขึ้นเมื่อสองปี ก่อน เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งพยายามลอบสังหารชาย
หนุ่ม แต่กลับเป็ นเฟิ นเจวีย๋ ปี้ ที่เสี ยชีวติ … ขบวนวิวาห์ของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงที่ มาสู่ ขอชางเยว่ถูกทําลายลง และถูกทําร้ายจนบาดเจ็บ
สาหัส เรื่ องราวเหล่านี้ลว้ นทําให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเสี ยหน้า
อย่างมาก จนภายหลังถึงกับส่ งยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าแปดคนที่
นําโดยเฟิ นม่อหลีมาสังหารชายหนุ่ม!!
หยุนเช่อสังหารไปเจ็ด และปล่อยหนึ่งให้มีชีวติ รอด… คน
ที่รอดไปนั้นนับเป็ นคําเตือนที่ชายหนุ่มส่ งให้ตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า พร้อมทั้งนับเป็ นการมอบหนทางประนีประนอมยอมไว้หน้า
อยูเ่ ล็กน้อย… เพราะอย่างไรตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถือเป็ นพรรคอัน
ทรงอํานาจที่ก่อตั้งมานานหลายพันปี นอกจากชายหนุ่มจะหมด
สิ้ นหนทาง ย่อมมิอยากเป็ นปฏิปักษ์ต่อตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไป
ตลอดกาล
แต่ชายหนุ่มมิเคยคาดคิดเลยว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะโต้
กลับด้วยการกระทําเช่นนี้!
แม้ความแค้นระหว่างเขาและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะหนัก
หนากว่านี้อีกสิ บเท่า แต่มนั เกี่ยวกับเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี
อย่างไร!?
“อ๊ ากกกกก!!!”
หยุนเช่อตะโกนออกด้วยลมทั้งหมดที่มีจนเสี ยงแหบแห้งลง
ชายหนุ่มกําหมัดต่อยลงกับพื้นอย่างรุ นแรงจนพื้นเบื้องหน้า
บังเกิดเป็ นหลุมลึกหลายเมตร จากนั้นจึงพุง่ ร่ างออกไป ขึ้นขี่
อินทรี หิมะ และบินไปพร้อมความเกลียดชังเป็ นปรปั กษ์ที่
มากมายเสี ยดฟ้า
“เจ้าพวกสุ นขั เฒ่าตระกูลเซี่ยว… ทั้งหมดเป็ นเพราะพวก
เจ้า… เพราะพวกเจ้าทุกคน!! หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านปู่ และอา
หญิงเล็กของข้า… ข้าจะมอบความตาย...ให้แก่ท้ งั ตระกูลของพวก
เจ้า!!!”
เสี ยงที่ราวกับดังจากนรกขุมลึกที่สุดสะท้อนก้องลงมาจาก
ฟากฟ้าเหนือตระกูลเซี่ยว พวกมันล้วนแหงนเงยหน้าขึ้นอย่าง
ตระหนกและเห็นอินทรี หิมะยักษ์สีขาวบริ สุทธิ์โฉบผ่านท้องฟ้า
พวกมันล้วนนิ่งงันอยูบ่ นพื้น ร่ างกายสัน่ สะท้านอย่างมิอาจ
ควบคุม แม้ยามอินทรี หิมะสี ขาวหายลับไปจากสายตาแต่พวกมัน
ยังมิอาจลุกยืนขึ้นได้อย่างมัน่ คง
กระแสลมเย็นเยือกที่แล่นผ่านทําให้จิตใจของหยุนเช่อสงบ
ลงได้บา้ ง แต่ท้ งั สมองและช่องอกยังคงบรรจุไว้ดว้ ยความเกลียด
ชังอัดแน่นราวกับจะระเบิดออก ชายหนุ่มขบกรามแน่นก่อนจะ
หยิบหยกสื่ อสารและยันต์สื่อสารพันลี้ออกมา ส่งกระแสเสี ยง
แหบกระด้างไปยังซีคงตู ้ “ศิษย์พี่ซีคง… บอกข้า...ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าตั้งอยูท่ ี่ใด…”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“รี บบอกข้า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตั้งอยูท่ ี่ใด!” หยุนเช่อ
คํารามเกรี้ ยวกราด
“...สามพันกิโลเมตรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง
จันทร์เสี้ ยว เมื่อเจ้าไปถึงสถานที่ที่เรี ยกว่า ‘เขตเพลิงคราม’ จงถาม
หาที่ต้ งั ของ ‘หุบเขาอัคคีผลาญฟ้า’ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตั้งอยูใ่ น
หุบเขาอัคคีผลาญฟ้า… เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก!”
หยุนเช่อเก็บหยกสื่ อสารและมองไปยังทิศตะวันตกเฉี ยงใต้
ด้วยแววตาเกลียดชัง อินทรี หิมะใต้ร่างรับรู ้ได้ถึงอารมณ์ของนาย
ตน มันเริ่ มบินด้วยความเร็ วสุดกําลัง กลายเป็ นเส้นแสงสี ขาวพุง่
ตรงเป็ นสายก่อนจะหายลับไปสุ ดสายตา
เมืองเมฆาล่องห่างไกลจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอย่างมาก
แม้พวกมันจะเดินทางด้วยสัตว์อสู รไม่ธรรมดาสามัญยังต้องใช้
เวลาเดินทางไปกลับถึงราวๆสิ บวัน จะเปรี ยบเทียบความเร็ วกับ
อินทรี หิมะของหยุนเช่อได้อย่างไร หากฝ่ ายที่นาํ หน้ารี บเร่ ง
เดินทาง และฝ่ ายที่ตามหลังไล่ตามด้วยความเร็ วสู งสุ ดของตน เมื่อ
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกลับถึงตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หยุนเช่อสมควรอยูห่ ่าง
จากเขตเพลิงครามไม่เกินห้าสิ บกิโลเมตร
ท่ามกลางขบวนนี้มีดรุ ณีนางหนึ่งดูแล้วอายุสิบเจ็ดสิ บแปด
ปี ใบหน้านางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ข้างกายนางเป็ นผูเ้ ฒ่า
อายุหา้ หกสิ บปี ที่ไม่หวัน่ ไหวและโกรธเกรี้ ยวผูห้ นึ่ง จากใบหน้าที่
ซี ดเผือดของมัน เห็นได้ชดั ว่ามันบาดเจ็บหนักไม่นอ้ ย
คนทั้งสองย่อมเป็ นเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี!
เมื่อพวกมันมาถึงหน้าประตูตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทุกคน
ล้วนลงจากหลังพาหนะตน ดรุ ณีนอ้ ยขบฟันกําหมัดแน่น
“ระหว่างเราไม่มีเรื่ องบาดหมางอันใดกัน พวกเจ้าคิดจะทําอะไร
กันแน่!?”
ชายชราผูห้ นึ่งเดินมาอยูเ่ บื้องหน้านาง ก่อนจะผลักนางด้วย
สองมือพลางเอ่ยปาก “ไอ้ขยะชั้นตํ่า เดินไปได้แล้ว!”
เซี่ ยวเหล่ยพลันก้าวเท้าออกเพือ่ บังตัวเซี่ยวหลิงซีไว้ ก่อนจะ
ถูกชายชราผูน้ ้ นั ผลักจนล้มลงบนพื้นทันที
“ท่านพ่อ!” เซี่ยวหลิงซีร้องอย่างเสี ยใจก่อนจะรี บพยุงตัว
เซี่ยวเหล่ยขึ้น เซี่ ยวเหล่ยกุมหน้าอกก่อนจะไออย่างรุ นแรง สี หน้า
มันยามนี้ซีดเผือดกว่าเดิม
“หยุดมือ!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นพลันหันมาเอ่ยอย่างเย็นชา “ใครสัง่
ให้เจ้ายุง่ กับพวกเขา! พวกนี้จะอยูห่ รื อตายไม่ได้ข้ ึนกับเจ้า ถ้าเจ้า
กล้าสอดมืออีก ข้าจะตัดมือเจ้าออกซะ!”
ชายชราผูน้ ้ นั ที่กาํ ลังจะเอ่ยปากด่าเซี่ยวเหล่ยพลันตัวแข็งทื่อ
ก่อนจะรี บพยักหน้าและถอยเท้ากลับทันทีที่ได้ยนิ คําของเฟิ นเจวีย๋
เฉิ น
“นําเซี่ ยวเหล่ยนี่ไปขังไว้ที่ช้ นั ล่างสุ ดของคุกกักมังกร ส่ วน
ผูห้ ญิง…” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นไม่ได้มองเซี่ยวหลิงซี แต่สีหน้าของมัน
กลับแปลกพิกล “พานางไปยังตําหนักกําเนิดฟ้าของข้า และให้
สาวใช้ระดับสองจื่อหลานจับตาดูไว้”
“รับทราบ!”
ตําหนักล้างนคร ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ทั้งแขนซ้ายของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งถูกพันไว้อย่างแน่นหนา ส่ วน
แขนขวามันห้อยค้าง… แม้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะมีเม็ดยาและ
สมุนไพรเลอค่านับไม่ถว้ น ซํ้าตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเองก็มีพลังฝี มือไม่
ตํ่าทราม แต่กระบวนท่าของหยุนเช่อนั้นร้ายกาจเกินไป ใน
ระยะเวลาเพียงสิ บวัน บาดแผลของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งจึงไม่อาจหาย
สนิท ตลอดหลายวันที่ผา่ นมา ความเจ็บปวดและการโดนเหยียด
หยามในใจมันกลายเป็ นความเกลียดชังที่มีต่อหยุนเช่อมากขึ้นทุก
ที
ประตูตาํ หนักล้างนครพลันถูกเตะอย่างรุ นแรงจนเปิ ดออก
พร้อมกับตัวเฟิ นต้วนหุนที่เดินเข้ามาอย่างเกรี้ ยวกราด แม้จะ
เห็นชัดว่าเฟิ นต้วนหุนเปี่ ยมด้วยโทสะ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกลับไม่ตกใจ
หรื อสับสนแม้แต่นอ้ ย มันลุกขึ้นก่อนจะถามทั้งที่รู้คาํ ตอบอยูแ่ ล้ว
“ท่านพ่อ ผูใ้ ดทําให้ท่านโกรธเคืองถึงเพียงนี้กนั ?”
“เจ้าเป็ นคนสัง่ ให้ลูกเฉิ นไปยังเมืองเมฆาล่องและนําตัวสอง
คนนั้นมาใช่หรื อไม่?” เฟิ นต้วนหุนถามอย่างเกรี้ ยวกราด
“ถูกต้อง!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งยอมรับทันที
“เจ้าก่อเรื่ องแล้ว! เจ้าไม่ปรึ กษาเรื่ องนี้กบั ข้าเลยสักนิด!”
“เพราะถ้าข้าปรึ กษา ท่านต้องไม่ยอมแน่!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ไร้เกียรติที่สุด!” เฟิ นต้วนหุนตะโกนพลางทุบโต๊ะหยก
ด้วยสองมือ “เจ้ารู ้หรื อไม่วา่ กําลังทําอะไรอยู!่ หยุนเช่อตอนนี้
ไม่ใช่คนที่เจ้าสมควรหาเรื่ องด้วยที่สุด! ผูอ้ าวุโสใหญ่เฟิ นต้วนชาง
และเฟิ นม่อหลี… หนึ่งผูบ้ รรลุถึงครึ่ งก้าวปราณจักรพรรดิและ
ยอดฝี มือลมปราณฟ้าอีกเจ็ด ล้วนแต่พา่ ยแพ้ยอ่ ยยับด้วยเงื้อมมือ
มัน เหลือเพียงเฟิ นต้วนไห่ที่ถูกปล่อยไว้ให้เป็ นคําเตือนและไว้
หน้าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา! ตามที่เฟิ นต้วนไห่บอก พลังฝี มือ
ของหยุนเช่อนั้นเข้มแข็งระดับเดียวกับท่านปู่ ของเจ้า! หากเจ้า
สามารถเป็ นมิตรกับบุคคลเช่นนี้ได้จงเร่ งผูกมิตร หากไม่อาจ
กระทํา ก็จงอย่าได้หาเรื่ องมันเป็ นอันขาด แต่เจ้ากลับ…”
“งั้นท่านพ่ออยากจะทนต่อไปแบบนี้สินะ!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผุด
ลุกขึ้นอย่างดุดนั ก่อนจะใช้สายตาที่ดุร้ายดุจสัตว์ป่าประสานกับ
สายตาโกรธเกรี้ ยวของเฟิ นต้วนหุน “มันสังหารน้องสองของข้า…
ลูกของท่าน! มันทําลายงานแต่งงานของข้า ทําให้ขา้ และทั้ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องเสี ยหน้าจนพวกเรากลายเป็ นตัวตลกใน
สายตาทุกคน! ความเกลียดชังนี้ไม่อาจลบเลือนไปได้เด็ดขาด!
ไม่ใช่แค่ขา้ กระทัง่ ผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทั้งหลายล้วนแต่อยาก
เห็นหยุนเช่อถูกสับเป็ นพันท่อนเช่นกัน! แต่ท่านพ่อ ท่านกลับ
เลือกที่จะทนเรื่ องนี้ในการประชุมใหญ่ของตระกูล… จะให้พวก
เราทนได้เช่นไร! ตลอดช่วงเวลานับพันปี ของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าเรา ยามที่พวกเราต้องลําบาก มีหรื อที่เราถูกเหยียดหยามถึง
เพียงนี้ เคยมีผใู ้ ดกล้าสังหารทั้งนายน้อย ผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนัก
ของเรามากมายเช่นนี้หรื อ… เมื่อใดกันที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา
อ่อนแอจนต้องเกรงกลัวไอ้เด็กข้างถนนไร้สกุลรุ นชาติเช่นนี้!”
“หุบปาก!” เฟิ นต้วนหุนสะบัดสองแขน “ข้าต้องไม่ลืมเรื่ อง
ที่เจ้าพูดถึงอยูแ่ ล้ว! ข้าไม่เคยบอกว่าให้ปล่อยหยุนเช่อไป แต่พลัง
ฝี มือหยุนเช่อในยามนี้น่ากลัวเกินไป พวกเราต้องรอคอยอย่าง
รอบคอบและอย่าได้ลงมือหุนหัน! การที่มนั ปล่อยให้เฟิ นต้วนไห่
กลับมาหมายความว่ามันเองก็ไม่อยากจะแตกหักถึงตายกับเรา
ดังนั้นเราจึงมีเวลาให้เฝ้ามองและตัดสิ นใจอีกมาก… แต่เจ้ากลับ
ลอบให้ลูกเฉิ นไปจับตัวญาติท้ งั สองของมันมา!”
“หยุนเช่อเป็ นบุคคลที่รักผูอ้ ื่นยิง่ มันยอมสละชีวติ ตนเอง
เพื่อช่วยชีวติ เซี่ยหยวนป้าที่บรรลุเพียงลมปราณเริ่ มต้น สิ่ งที่เจ้า
ทํา… นับว่าไม่ต่างอะไรจากการถลกหนังมันทั้งเป็ น! หากข่าว
คราวเรื่ องนี้แพร่ ออกไป ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเราจะต้องถูกเรี ยกว่า
เป็ นอาชญากรไร้ยางอาย จนชื่อเสี ยงต้องป่ นปี้ แน่!”
บทที่ 329 เพลิงพิโรธผลาญฟ้า (3)
ชายชราชุดขาวผูก้ ล่าววาจากับหยุนเช่อก่อนหน้านี้แทบถูก
แรงกระทุง้ จากการโจมตีของหยุนเช่อบิดเคลื่อนข้อมือออกจากที่
แม้มนั จะตกตะลึงอยูภ่ ายในใจ หากสี หน้าของมันไม่แสดงออกถึง
ความรู ้สึกใด มันกล่าววาจาด้วยนํ้าเสี ยงเคร่ งขรึ ม “อย่างที่คาด เจ้า
แข็งแกร่ งจริ งๆ! ไม่น่าแปลกที่กระทัง่ ท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโสยังตก
ตายภายใต้เงื้อมมือเจ้า ทว่าทันทีที่ค่ายกลนวปราณกลุ่มดาวหมี
ใหญ่แล้วเสร็ จ ไม่วา่ เจ้าจะดิ้นรนเพียงใด ก็ตอ้ งตายอย่างอนาถ
ภายในวันนี้!”
ปรากฏผูค้ นเก้าคนทะยานออกมาที่เบื้องหน้าโดยพร้อม
เพรี ยง ตวัดส่ งมังกรเพลิงสี ม่วงทั้งเก้าสายจากดาบอัคคีผลาญฟ้า
ของพวกมันตรงเข้าใส่ หยุนเช่อที่อยูก่ ่ ึงกลางวงล้อม
“ที่ตอ้ งตาย คือพวกเจ้าต่างหาก!”
หยุนเช่อคํารามลัน่ ชายหนุ่มยืนปักหลักอยูก่ บั ที่ขณะเร่ งเร้า
ปลดปล่อยพลังของกระบี่หนัก “ราชันพิโรธ” ระเบิดออกบดขยี้
เข้าใส่ พร้อมเสี ยงครื นครั่นดังสนัน่ ...กระบี่น้ ี กลับจู่โจมเข้าใส่
ผูค้ นทั้งเก้าโดยพร้อมเพรี ยงกัน!!
ตูม!!
คลื่นพลังยุทธ์แตกระเบิดครอบคลุมทัว่ ท้องฟ้า เพลิงอัคคีสี
ม่วงลามเลียขึ้นเบื้องบน รัศมีพ้นื ที่โดยรอบสามสิ บเมตรราบเป็ น
หน้ากลอง ทั้งหมดถูกพัดกระจัดกระจายไปไกลทัว่ ทั้งบริ เวณราว
เศษใบไม้ไร้ชีวติ
พลังแท้จริ งของกระบี่หนักช่างยิง่ ใหญ่ไพศาลเกินต้านทาน
ถึงระดับนี้ แม้กระบี่น้ ีของชายหนุ่มจะจู่โจมเข้าใส่ ผคู ้ นถึงเก้าคน
ในเวลาเดียวกัน!! ดังนั้น นี่ลว้ นไม่ต่างอันใดกับการปะทะ
กระบวนท่าระหว่างผูค้ นหนึ่งคนกับยอดฝี มือชั้นลมปราณฟ้า
สามสิ บคน! เป็ นยอดยุทธ์ท้ งั เก้าที่มีพลังฝี มือรวมกันเท่าเทียมกับ
ยอดฝี มือชั้นปราณฟ้าถึงสามสิ บคน! ท่ามกลางการระเบิดของ
พลัง
เหล่าผูอ้ าวุโสทั้งเก้าของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่างถูกระเบิด
กระจัดกระจายไปกว่าสามสิ บเมตร หยุนเช่อมิได้ขยับเคลื่อนกาย
แม้เพียงก้าวเดียว หากมุมปากของชายหนุ่มกลับบังเกิดริ้ วรอย
โลหิ ตไหลลงมาเป็ นเส้นสาย
หยุนเช่อรับบาดเจ็บภายในจากการโจมตีเมื่อครู่
บุคคลทั้งเก้าที่ทะยานร่ างเข้าหาหยุนเช่อล้วนชะงักงันอยู่
กลางทาง สี หน้าของพวกมันแปรเปลี่ยนจากมุ่งร้ายกลายเป็ น
ตะลึงงัน ก่อนจะเปลี่ยนผันเป็ นหวาดกลัวอย่างรุ นแรงในฉับพลัน
ม่านตาของพวกมันหดตัวอย่างรวดเร็ วพร้อมกับที่ทวั่ ร่ างสัน่
สะท้านราวกับหมู่มวลใบไม้ตอ้ งลม
ทั้งหมดนี้เป็ นเพราะมีมงั กรตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า
พวกมัน...มังกรขนาดมหึ มาเหนือประมาณแผ่ร่างปกคลุมผืนฟ้า
ร่ างของมันยาวหลายพันเมตร ศีรษะใหญ่โตราวขุนเขา แผ่รัศมีอนั
ใหญ่โตมโหฬารจนมิอาจบรรยายกดดันจากฟากฟ้าเบื้องบน
ภายใต้รัศมีอนั สะกดข่มนี้ พวกมันรู ้สึกเล็กจ้อยราวกับตนเองเป็ น
เพียงเม็ดทรายในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่เท่านั้น
ท้องฟ้ามืดหม่นลง สายฟ้าพิโรธคํารามคลัง่ จากเบื้องบน
สัน่ สะเทือนแดนดินจนสะท้านไหวหลายระลอก ภาพเหตุการณ์
เบื้องหน้าดูน่าหวาดหวัน่ ราวกับวันสิ้ นโลกได้มาถึงโดย
กระทันหัน
“นะ...นะ...นัน่ ...นัน่ มันอะไรกัน!?” เมื่อมองไปยังมังกร
ยักษ์อนั น่าหวาดผวาเบื้องหน้าตน พร้อมกับที่โลกรายรอบพวก
มันแปรเปลี่ยนไปในพริ บตา แข้งขาของพวกมันล้วนอ่อนแรง
ร่ างกายสัน่ สะท้าย ดวงตาปูดโปนถลน พร้อมปลดปล่อยเสี ยงกรี ด
ร้องที่ดงั ที่สุดเท่าที่พวกมันเคยเปล่งออกมาในชีวติ
มังกรขนาดมหึ มานั้นดูราวกับได้ยนิ เสี ยงกรี ดร้องขวัญผวา
ของพวกมัน ทันใดนั้นศีรษะอันใหญ่โตก็พงุ่ โฉบลงมาจากบนฟ้า
ปากมังกรอ้ากว้าง พุง่ ดิ่งมาทางพวกมัน
“อ๊ าาาาาาาา!!!”
เสี ยงกรี ดร้องแหลมที่เปี่ ยมไปด้วยความหวาดหวัน่ ราวกับ
จะกรี ดแทงไปถึงสวรรค์ ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าที่ไร้เทียมทานบัดนี้
ดูราวกับหนูตวั น้อยในเงื้อมมือพยัคฆ์ร้าย ภายใต้พลังอันมหาศาล
และอารมณ์หวาดกลัวทําให้พวกมันมิอาจขัดขืนต้านทานได้เลย
ร่ างกายของพวกมันอ่อนปวกเปี ยก สู ญเสี ยเรี่ ยวแรงทั้งปวง ไม่
หลงเหลือแม้แรงหนี พวกมันแต่ละคนขดงออยูบ่ นพื้น ยกมือกุม
ศีรษะของตนพร้อมกับส่ งเสี ยงร้องขวัญผวาอย่างน่าอนาถ
ปัง!
ผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคนหนึ่งที่กาํ ลังสัน่ สะท้านถูก
หยุนเช่อแทงกระบี่ทะลุหน้าอกในกระบวนท่าเดียว ดวงตาของ
มันเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวขณะที่ลม้ ลง
ปัง!!
ร่ างของเจ้าตําหนักตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคนหนึ่งที่กาํ ลังกรี ด
ร้องโหยหวนถูกกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตัดผ่านเป็ นสองซีกด้วยการวาด
กระบี่ครั้งเดียว
ตูม!!
บังเกิดเสี ยงดังสนัน่ พร้อมกับที่ร่างของผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าสี่ คนถูกโจมตีจนร่ างลอยกระเด็น กลายเป็ นศพในชัว่
พริ บตา… ค่ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ถูกทําลายลงในคราเดียว
และเมื่อไม่มีพลังจากค่ายกลคอยหนุนเสริ ม สําหรับหยุนเช่อแล้ว
พลังป้องกันของพวกมันย่อมอ่อนแอจนน่าหัวร่ อ
ภายในเขตแดนวิญญาณมังกร และภายใต้พลังมหาศาล
พวกมันล้วนสู ญเสี ยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู ล้ งโดยสิ้ นเชิง
คงเหลือไว้เพียงความหวาดกลัวเท่านั้น อย่าว่าแต่โจมตีหยุนเช่อ
ต่อเลย พวกมันมิอาจแม้กระทัง่ ขัดขืนและหนีเอาตัวรอด พวกมัน
ที่แข็งแกร่ งไร้เทียมทานบัดนี้กลับเป็ นราวกับแกะอันอ่อนแอที่รอ
ถูกเชือด ที่บดั นี้ได้ตายตกลงทีละคนอย่างง่ายดายภายใต้คมกระบี่
ของหยุนเช่อ
ด้านนอกเขตแดนวิญญาณมังกร เหล่าสมาชิกตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าบัดนี้ลว้ นขวัญผวาโดยสิ้ นเชิง พวกมันได้ยนิ เพียงเสี ยง
มังกรคําราม และมองเห็นเงาร่ างมังกรปรากฏขึ้นเบื้องหลังหยุ
นเช่ออย่างฉับพลัน… หลังจากนั้นพวกมันเห็นทุกคนที่โอบล้อม
หยุนเช่อพากันชะงักค้างอยูก่ บั ที่ ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้านตั้งแต่ศีรษะ
จรดปลายเท้า นัยน์ตาเบิกกว้าง บนใบหน้าของพวกมันดูราวกับ
กําลังมองเห็นภาพอันน่าพรั่นพรึ งที่สุด
และเป็ นเวลานั้นเองที่แสงแห่งค่ายกลลมปราณสาดแสงขึ้น
อย่างฉับพลัน และค่ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ที่เชื่อมต่อเส้น
ลมปราณและเชื่อมความคิดคํานึงของยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าทั้ง
เก้าไว้ดว้ ยกัน… ทั้งหมดได้หายวับไปในคราเดียว!!
หยุนเช่อโผนทะยานร่ างราวกับพยัคฆ์ป่า กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
ฟาดฟันใส่ ร่างของผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักคนแล้วคนเล่าอย่างบ้า
คลัง่ … พวกมันราวกับถูกปี ศาจร้ายสิ งร่ าง เมื่อพบเห็นหยุนเช่อ
พวกมันล้วนทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหวาดหวัน่ จบชีวติ ลงภายใต้การ
ตวัดกระบี่ครั้งเดียวท่ามกลางเสี ยงร้องครํ่าครวญโหยหวน… พวก
มันไม่โจมตีตอบโต้ ไม่ป้องกันตนเอง กระทัง่ หลังจากตายลง
ดวงตาของพวกมันยังคงเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความหวาด
ผวาราวกับกําลังเข้าสู่ ยมโลก
“เกิด...เกิดอะไรขึ้น!? นัน่ มันอะไรกัน!!” พวกมันกําลังจะ
เห็นภาพหยุนเช่อจบชีวติ ลงท่ามกลางค่ายกลนวปราณดาวหมี
ใหญ่ แต่ราวกับฝันร้ายได้กลํ้ากลายมาถึง ยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้า
อันแข็งแกร่ งแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากลับถูกหยุนเช่อสังหาร
ขณะนัง่ นิ่งสัน่ สะท้านอยูก่ บั ที่… เขตแดนวิญญาณมังกรเป็ นเขต
แดนจิตใจ ไร้ซ่ ึ งสี หรื อรู ปร่ าง ภายในเขตแดนนอกจากบุคคลผูน้ ้ นั
จะมีพลังจิตใจอันเข้มแข็งเพียงพอ พวกมันจะมิอาจล่วงรู ้ถึงสิ่ งที่
กําลังเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่นอ้ ย
เขตแดนจิตวิญญาณมังกรที่หยุนเช่อปลดปล่อยออกมิได้มี
ขนาดกว้างขวางเท่าใด เนื่องเพราะยิง่ เขตแดนมีอาณาเขตกวาง
ขวางเท่าใด ยิง่ สิ้ นเปลืองพลังจิตใจมากขึ้นเท่านั้น ขนาดของเขต
แดนเพียงพอครอบคลุมยอดฝี มือทั้งเก้าที่รายล้อมรอบมันไว้ดว้ ย
ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ เขตแดนจิตวิญญาณมังกร มิใช่
เขตแดนที่เด่นด้านพลังการโจมตี ทั้งยังมิใช่เขตแดนควบคุมเช่น
เขตแดนเมฆาเยือกแข็ง กลับกัน มันคือเขตแดนที่ส่งผลกระทบต่อ
สภาวะจิตใจ เป็ นสิ่ งที่หยุนเช่อไม่เคยประสบมาก่อน...ชายหนุ่ม
คาดคิดมิถึงจริ งๆ ว่า เขตแดนจิตวิญญาณมังกรจะเปี่ ยมอานุภาพ
น่าพรั่นพรึ งถึงเพียงนี้ กระทัง่ เหล่ายอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าล้วน
แปรเปลี่ยนเป็ นเพียงลูกแกะไร้พิษสงที่เพียงยืนรอการสังหารหมู่
อนุญาตให้ชายหนุ่มปลิดชีวติ ลงตามอําเภอใจขณะที่พวกมันเพียง
สามารถสัน่ สะท้านหมอบราบลงด้วยความหวาดกลัวเพียงเท่านั้น
อานุภาพเช่นนี้ ช่างน่าหวาดหวัน่ จนแม้แต่ชายหนุ่มเองยัง
ต้องแตกตื่นตะลึงลาน!
แม้เขตแดนนี้ไม่อาจเข่นฆ่าผูค้ น ทั้งไม่อาจทําร้ายผูใ้ ดทาง
กายภาพ ยังคงนับว่าทรงพลังอํานาจเหนือกว่าเขตแดนควบคุม
อื่นๆ ที่ชายหนุ่มเคยรับรู ้มา
อย่างไรเสี ย นี่ลว้ นเป็ นเขตแดนจากเทวะมังกร ที่เพียง
สามารถเปิ ดใช้ออกด้วยจิตวิญญาณเทวะมังกรเพียงเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม เขตแดนอันแข็งแกร่ งถึงระดับนี้ ล้วนต้อง
สิ้ นเปลืองพลังยุทธ์และสมาธิจิตใจอย่างมากมายเกินประมาณได้
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ...เพียงผ่านไปห้าลม
หายใจ ศีรษะของหยุนเช่อล้วนรู ้สึกหนักหน่วง แสดงออกถึง
ความวิงเวียนที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มถึงกับรู ้สึกว่า หาก
ยังคงฝื นใช้พลังออกต่อไป ย่อมต้องประสบความเสี ยหายทาง
จิตใจ ทั้งยังอาจสิ้ นสติลงในทันทีเมื่อยกเลิกการใช้งาน
ในช่วงระยะเวลาห้าลมหายใจ เหล่าผุอ้ าวุโสชั้นลมปราณฟ้า
ทั้งสองคน ต่างจบสิ้ นชีวติ ลงภายใต้กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรจนหมดสิ้ น
“ราชันย์ พโิ รธ!!”
ร่ างของหยุนเช่อพุง่ ทะยานไปเบื้องหน้า ตรงเข้าสู่ ก่ ึงกลางที่
เหล่าอาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารวมกลุ่มกันหนาแน่นที่สุด
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดฟาดฟันลงอย่างรุ นแรง ขณะเดียวกับที่เขต
แดนจิตวิญญาณมังกรที่ถูกคงไว้เพียงไม่กี่ลมหายใจถูกยกเลิกการ
ใช้งานเช่นกัน
เปรี้ ยง!!
ผืนดินหลายสิ บเมตรถูกพลิกตลบขึ้น ร่ างผูอ้ าวุโสหกคน
ปลิวขึ้นบนท้องฟ้า ภายใต้เขตแดนเทวะมังกร ไม่เพียงร่ างกายของ
พวกมันปล่อยวางการถ่ายทอดพลังค่ายกลนวลมปราณดาวหมี
ใหญ่ กระทัง่ เกราะปราณคุม้ กายยังพังทลายลงจากความหวาดกลัว
เพียงกระบี่เดียวของหยุนเช่อ ผูอ้ าวุโสทั้งหกล้วนตกตาย ไม่มีผใู ้ ด
เหลือรอดซักคนเดียว
เหตุการณ์ตรงหน้าแต่เดิมสมควรเป็ นภาพความตายที่ยา่ ง
ใกล้เข้าหาหยุนเช่อ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ชวั่ ลมหายใจกลับ
แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็ นภาพของผูอ้ าวุโสระดับปราณฟ้าสิ บ
แปดคนถูกสังหารลงต่อเนื่องกันราวกับใบไม้ร่วง เหตุพลิกผันนี้
ทําให้ทุกคนถึงกับมิอาจตั้งตัวได้ทนั ภาพความมืดมิดพุง่ เข้าจู่โจม
เฟิ นต้วนหุนอย่างกระทันหันพร้อมกับที่มนั กระอักโลหิ ตสดๆ
ออกมาอย่างรุ นแรง
เขตแดนวิญญาณมังกรถูกยกเลิก เหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้า
ตําหนักที่รอดชีวติ ราวกับตื่นขึ้นจากฝันอย่างฉับพลัน พวกมันรู ้ดี
ว่าตนเองต้องตกสู่ อุบายบางอย่างของหยุนเช่อเป็ นแน่ เมื่อเห็น
ภาพศพกองระเกะระกะอยูร่ ายรอบ พวกมันคํารามกึกก้องพร้อม
พุง่ ตัวเข้าหาหยุนเช่ออย่างบ้าคลัง่ … แต่ค่ายกลนวปราณดาวหมี
ใหญ่มิอาจสร้างขึ้นใหม่ได้อีกแล้ว แม้พวกมันจะเข้าโจมตีหยุ
นเช่อพร้อมกัน แต่กลับคุกคามต่อหยุนเช่อน้อยลงอย่างเห็นได้ชดั
หยุนเช่อในตอนนี้หลงเหลือกําลังอยูเ่ พียงครึ่ งจากสภาวะ
สมบูรณ์ แต่ต่อหน้าผูฝ้ ึ กยุทธ์ระดับปราณฟ้าที่ไม่มีค่ายกลนว
ปราณดาวหมีใหญ่แล้ว ความกดดันต่อชายหนุ่มจึงพลันลดลงไป
กว่าครึ่ ง กระบี่ทณ
ั ฑ์มงั กรร่ ายรําก่อเกิดพายุกระบี่ดงั หวีดหวิว
ดูดกลืนร่ างของผูค้ นเข้าสู่ หว้ งแห่งความตายทีละคน ทีละคน
ภายใต้กาํ ลังมหาศาลจากกระบี่ของหยุนเช่อ เหล่ายอดยุทธ์ระดับ
ปราณฟ้าผูม้ ีนามสะท้านทัว่ อาณาจักรวายุครามมิอาจเข้าใกล้ชาย
หนุ่มได้ในระยะสิ บเมตร และเมื่อพวกมันสัมผัสถูกกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกร การต้องถูกแม้เพียงเล็กน้อยกลับทําให้พวกมันบาดเจ็บ
สาหัส เมื่อรับการโจมตีรุนแรงทําให้พวกมันตายตกลงอย่าง
โหดเหี้ ยม ในเวลาเพียงไม่นาน
รอยเยาะหยันบนใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งอันตรธานหายจน
หมดสิ้ น กล้ามเนื้อทุกมัดของมันบิดกระตุกขณะจ้องมองหยุนเช่อ
เข่นฆ่าเสาหลักที่ค้ าํ จุณตระกูลอัคคีผลาญฟ้าลงทีละคนๆ ...
ยิง่ กว่านั้น มันกําลังตัดเส้นชีวติ ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าลงทีละ
เล็กทีละน้อย! ฝ่ ามือทั้งสองของมันพลันรู ้สึกเย็นเฉียบราวนํ้าแข็ง
มันกัดฟันแนบแน่นขณะความหวาดกลัวท่วมท้นทรวงอก...ทันใด
นั้นเอง มันพลันคิดได้ถึงบางสิ่ ง ก่อนจะวิง่ เข้าไปในตําหนัก
กําเนิดฟ้าอย่างรวดเร็ วราวฟั่นเฟื อน
ประตูตาํ หนักกําเนิดฟ้าถูกเตะเปิ ดออก สายตาของเฟิ นเจี๋ย
เฉิ งจับจ้องไปยังเซ๊่ยวหลิงซีก่อนจะพุง่ ร่ างเข้าหาหญิงสาว
เงาร่ างหนึ่งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เป็ นเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเข้าขัด
ขวางทาง สายตาของมันเปี่ ยมไปด้วยประกายเย็นชา “เจ้าจะทํา
อะไร?”
“ข้าจะทําอะไร? แน่นอน มาเอาชีวติ นางแลกกับหยุนเช่
อน่ะสิ !” เฟิ นเจวีย๋ เฉิงกล่าวเสี ยงแผ่วตํ่า “หยุนเช่อยินยอมมาที่นี่
เพราะนาง หมายความว่านางสําคัญต่อมัน! ข้าจะนําตัวนางไปที่
เบื้องหน้ามัน...ให้มนั ฆ่าตัวตายเพื่อแลกชีวติ !”
เซี่ยวหลิงซีขยับก้าวถอยหลัง สองตาเต็มไปด้วยความ
หวาดหวัน่ แผ่นหลังพิงชิดติดกรอบหน้าต่าง
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นไม่ขยับเคลื่อนกายแม้เพียงก้าวเดียว สุ ม้ เสี ยง
ของมันเย็นชาไร้อารมณ์ยงิ่ “ข้าบอกแล้วว่านางเป็ นเพียงเหยือ่ ล่อ!
เพียงเท่านั้น นี่คือขอบเขตที่เราตกลงกันไว้ต้ งั แต่ตน้ !
นอกเหนือจากนั้น...ไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนไม่อาจแตะต้องนาง!!”
“หยุนเช่อสังหารผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักไปกว่ายีส่ ิ บคน
แล้ว! ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากําลังจะถูกมันกลบฝังทั้งตระกูล แต่เจ้า
ยังจะมาพล่ามเรื่ องขอบเขตขั้นตํ่าอะไรของเจ้า...ไสหัวไป!!”
สี หน้าเฟิ นเจวีย๋ เฉิงดุร้ายอํามหิต มันยกแขนขวาของตนขึ้น
กระแทกเฟิ นเจวีย๋ เฉินหลีกทางไป จากนั้นพุง่ เข้าคว้าจับเซี่ยวหลิง
ซี
“เจ้าอยากตายใช่ม้ ยั !!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกลับกลายเป็ นขุ่นแค้น
โซ่ตรวนอัคคีเส้นหนึ่งพุง่ ออกจากฝ่ ามือทั้งสอง ม้วนพันรอบ
ร่ างกายของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผูอ้ ยูเ่ บื้องหน้าของเซี่ยวหลิงซี
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มทะยานร่ างไปด้านหน้า กระโจนเข้าหาเฟิ น
เจวีย๋ เฉิ งราวสุ นขั ป่ าดุร้ายตัวหนึ่ง
“ที่หาที่ตายเป็ นเจ้า! เจ้ามันก็ไอ้เศษสวะที่ยนื กรานทําท่า
สู งส่ ง ในสายตาของข้า เจ้ามันก็แค่ตวั โง่เขลาอันน่าสมเพช! ด้วย
ความสามารถของเจ้า..คิดว่าจะขวางข้าได้ง้ นั เรอะ!?”
เปรี้ ยง!
โซ่ตรวนอัคคีอีกเส้นระเบิดออกไปด้านหน้า เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
และเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเข้าโรมรัน เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งอัดแน่นไปด้วยความ
ต้องการจับกุมเซี่ยวหลิงซีเพือ่ ข่มขู่หยุนเช่อ ส่ วนเฟิ นเจวีย๋ เฉิน
ล้วนเปี่ ยมล้นด้วยความปรารถนาปกป้องเซี่ยวหลิงซี รวมทั้งความ
โกรธแค้นและเจตนาฆ่าฟันอันท่วมท้น สองพี่นอ้ งที่ส่วนใหญ่
สามารถ “เข้ากันได้ดี” คู่น้ ี พลันบังเกิดเพลิงอํามหิ ตลุกฮือโหม
กระบวนท่าจู่โจมร้ายกาจดุดนั ไม่เว้นหนทางถอยแม้เพียงนิด
แขนซ้ายและฝ่ ามือขวาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งบาดเจ็บสาหัสอยู่
ก่อนหน้า ทั้งยังรับบาดเจ็บภายใน ทว่า พลังฝี มือมันยังทิ้งช่วงห่าง
จากเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นอยูห่ นึ่งระดับชั้น ทั้งยังสามารถสะกดข่มเฟิ น
เจวีย๋ เฉินลงได้อย่างรวดเร็ ว หลังประกระบวนท่าไปสิ บกว่า
กระบวนท่า เปลวไฟสายหนึ่งกวาดกระแทกเข้าใส่ บริ เวณทรวง
อกของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น ส่ งมันปลิวออกไปไกล แผ่นหลังกระทบเข้า
กับกําแพงห้องจนแตกหักเสี ยหาย โต๊ะเก้าอี้ที่ขา้ งกายพลันปะทุ
เปลวไฟขึ้นมา
“ขยะ!!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิงยิม้ เย้ยหยัน ลงมือคว้าจับเซี่ยวหลิงซี
อีกครั้ง
“เจ้า...ว่า...ใคร...ขยะ!!!”
ฝ่ ามือรู ปเปลวไฟพลุ่งพล่านด้วยเพลิงโทสะพุง่ เข้าใส่
ใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งในทันที กวาดพัดมันถดถอยกายไปสามสี่
ก้าว เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกระโดดขึ้นจากพื้น กระโจนเข้าหาเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ราวสุ นขั บ้า
“หาทีต่ าย!!!”
สี หน้าชัว่ ร้ายอํามหิ ตพลันเผยแววขึ้นบนใบหน้าของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิน มันกู่ร้องคํารามลัน่ คราหนึ่ง ระเบิดเปลวเพลิงเต้นเร่ าราว
มีชีวติ สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเหี้ ยมเกรี ยมดุดนั แม้พลังอัคคีของ
มันจะด้อยกว่าพี่ชาย หากแรงกดดันที่มนั ปลดปล่อยออกล้วนไม่
ด้อยกว่าเลยแม้แต่นอ้ ย ยิง่ กว่านั้น สายตาของมันยังเยือกเย็นยิง่
กว่าคมดาบ มันคํารามตํ่า ขัดขวางย่างก้าวไปเบื้องหน้าของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงอย่างดื้อรั้น แม้ผวิ หนังและเลือดเนื้องของมันจะถูกเปลว
ไฟของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเผาไหม้จนกรอบเกรี ยม ทว่ามันล้วนไม่เปล่ง
เสี ยงออกมาแม้แต่คาํ เดียว ทั้งยังไม่ถดถอยไปแม้เพียงนิด
“สิ่ งที่ขา้ ...เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นต้องการปกป้อง...นอกจาก..ข้าตก
ตาย..มิเช่นนั้น...อย่าหมายทําการตามอําเภอใจได้!!”
“อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้านะ! เจ้าสวะไร้ค่า!!”
สี หน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งทวีความเหี้ ยมเกรี ยม เปลวไฟของ
มันกลืนกินเปลวไฟของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นด้วยระดับความเร็ วมาก
กว่าเดิม ท่อนแขนกว่าครึ่ งหนึ่งของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นล้วนถูกเผาไหม้
จนแทบเห็นกระดูก หากมันยังคงไม่วางมือ..เปลวเพลิงเริ่ มลาม
เลียไปทัว่ ฝ่ ามือทั้งสอง และแขนทั้งสองข้าง...
เซี่ ยวหลิงซี ยนื อยูข่ า้ งบานหน้าต่าง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด
สําหรับกับเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น หญิงสาวสมควรบังเกิดความแค้นต่อ
อมันอย่างลึกลํ้า เนื่องเพราะเป็ นมันที่นาํ พาตัวนางและบิดามายัง
ที่น้ ี หากแต่มนั ออกหน้าปกป้องนางหลายต่อหลายครั้ง...กระทัง่
ยินยอมสละชีวติ เพือ่ นาง หญิงสาวไม่เข้าใจอย่างแม้จริ งว่าเหตุใด
บุคคลที่ท้ งั ไร้ความรู ้สึกทั้งเงียบขรึ มผูน้ ้ ีกาํ ลังคิดสิ่ งใดจากก้นบึ้ง
แห่งจิตใจ ทว่าเซี่ ยวหลิงซีในยามนี้ลว้ นปราศจากความเคียดแค้น
ใดๆต่อเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นอีกต่อไป กลับกลายเป็ นความรู ้สึกอัน
ซับซ้อนสับสนยิง่ ชนิดหนึ่งเข้าแทนที่...
แม้วา่ พลังยุทธ์ของนางไม่อาจเทียบเปรี ยบกับทั้งสอง หาก
หญิงสาวรู ้ดีวา่ ไม่วา่ เฟิ นเจวีย๋ เฉินกราดเกรี้ ยวเพียงไหน มันย่อมไม่
อาจต้านทานเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งได้ สายตาของหญิงสาวกวาดผ่านไปยัง
บานหน้าต่างไม้ เลื่อนตกลงบนเงาร่ างที่กาํ ลังสู ร้ บพัวพันอย่าง
ดุเดือด เงาร่ างที่ปรากฏคราบโลหิ ตอาบย้อมจนชุ่มโชก เพียงเพื่อ
นาง...
ฉับพลัน ความหวาดหวัน่ ทั้งหมดของเซี่ยวหลิงซีพลัน
อันตรธานหายไปโดยสิ้ นเชิง ใบหน้าปรากฏรอยแย้มยิม้ อันปลาบ
ปลื้มปี ติชนิดหนึ่งขึ้น
“เช่อน้อย...เจ้าต้องคิดถึงข้าด้วยนะ...”
เปรี้ ยง!!
เพียงฝ่ ามือเดียว กรอบหน้าต่างไม้ถูกฟาดป่ นเป็ นผุยผง
หญิงสาวกระโดดผ่านบานหน้าต่างอย่างมุทะลุ ก่อนจะปิ ดเปลือก
ตา ปล่อยให้ร่างของนางทิ้งดิ่งลงไปเบื้องล่างโดยปราศจากการดิ้น
รน
เซี่ยวหลิงซี หวาดกลัวต่อความตาย
ทว่าหากต้องตกเป็ นตัวประกันเพื่อให้หยุนเช่อถูกจับกุม
สร้างอันตรายให้แก่ชายหนุ่ม...หญิงสาวยินยอมเลือกมุ่งไปสู่
ความตาย
บทที่ 335 ค่ ายกลอัคคีสวรรค์ ผลาญดารา
สุ ม้ เสี ยงกรอบบานหน้าต่างไม้ที่แตกหักล้วนถูกเสี ยง
ครื นครั่นสนัน่ หูที่กระจายไปทัว่ ทั้งบริ เวณกลบกลืนจนหมดสิ้ น
ไม่มีผใู ้ ดทันสังเกตแม้แต่นอ้ ย ทว่า ราวกับมีคลื่นสัมพันธ์ทาง
จิตใจ สายตาของหยุนเช่อราวกับถูกดึงดูดไว้ดว้ ยบางสิ่ งบางอย่าง
ที่ไม่ปรากฏรู ปร่ างแน่ชดั ชายหนุ่มมองขึ้นไปโดยไม่รู้ตวั ...เพียง
ชัว่ พริ บตา ในกรอบสายตาปรากฏร่ างของเซี่ยวหลิงซีที่หลุดร่ วง
ลงมาจากกรอบหน้าต่าง
พลังด้านการมองเห็นของหยุนเช่อในปัจจุบนั เทียบเท่ากับ
ผูส้ าํ เร็ จวรยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิ สามารถแยกแยะต้นไม้ใบ
หญ้าในรัศมีสามร้อยเมตรรอบกายได้อย่างชัดเจน ทว่ายังไม่อาจ
มองเห็นใบหน้าผูค้ นที่ห่างไปกว่าหนึ่งพันเมตรได้ กระทัง่
ลักษณะรู ปร่ างภายนอกยังไม่ชดั เจน แต่วา่ ชัว่ วินาทีที่สายตาของ
ชายหนุ่มกวาดกราดไปยังร่ างที่กาํ ลังร่ วงหล่นลงมาของเซี่ยวหลิง
ซี รู ม่านตาของหยุนเช่อพลันยืดขยาย ภายในใจสัน่ สะท้านรัวแรง
...ในศีรษะเพียงปรากฏคําสองคําจู่โจมจิตวิญญาณ
อาหญิงเล็ก!!
แม้วา่ หยุนเช่อมิอาจมองเห็นใบหน้า มิอาจมองเห็นทั้ง
เสื้ อผ้าที่สวมใส่ และรู ปร่ างภายนอกอย่างแจ่มชัด...ที่มองเห็นเป็ น
เพียงเงาร่ างอันพร่ ามัว ทว่าในห้วงความคิดคํานึงกลับบังเกิดเพียง
ถ้อยคํา “อาหญิงเล็ก” สามคําชัดเจนแจ่มแจ้ง เนื่องเพราะชายหนุ่ม
คุน้ เคยกับนางเป็ นอย่างยิง่ ...สิ บห้าปี เต็มที่เติบโตมาพร้อมกัน อยู่
ร่ วมกันทั้งวันคืน ราวกับร่ างและเงาที่ไม่อาจแยกจาก ระยะเวลาที่
ทั้งสองใช้ร่วมกัน ยังยาวนานกว่าซูหลิงเอ๋ อร์เสี ยด้วยซํ้า ไม่วา่ เป็ น
รู ปร่ างหน้าตา บุคลิกลักษณะ ความชื่นชอบ สายตา ความคิดคํานึง
ของหญิงสาว...แม้กระทัง่ กลิ่นอาย ชายหนุ่มล้วนคุน้ เคยจนเข้าไข
กระดูก จิตวิญญาณของทั้งสองล้วนแทบประสานเข้าเป็ นหนึ่ง
เดียวมาเนิ่นนานแล้ว
“อาหญิงเล็ก!!”
การร่ วงหล่นลงจากที่สูงกว่าสองร้อยเมตรไม่อาจทํา
อันตรายผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั ลมปราณจิต ทว่าพลังยุทธ์ของเซี่ยวหลิงซี
เพียงเพิง่ ทะลวงสู่ ช้ นั ปราณก่อตั้ง หากร่ วงหล่นจากความสู งระดับ
นั้น หญิงสาวล้วนต้องตกตายลงในทันที! ดวงตาที่เดิมทีวา่ งเปล่า
ด้วยความตกตะลึงของหยุนเช่อ เพียงพริ บตาล้วนแปรเปลี่ยนเป็ น
แดงฉานดุจโลหิ ตคัง่ อยูภ่ ายใน ราวกับเลือดทั้งหมดพลันแล่นขึ้น
สู่ ศีรษะของหยุนเช่อในชัว่ เสี้ ยววินาที ชายหนุ่มกู่ร้องคํารามดัง
สะท้าน กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรถูกเก็บกลับคืน หยุนเช่อละความสนใจ
ต่อทุกสิ่ งรอบกาย ชายหนุ่มโจนทะยานออกไปราวบ้าคลัง่
หยุนเช่อผูท้ ี่ก่อนหน้านี้ดุร้ายป่ าเถื่อนจนผูค้ นไม่อาจเข้าถึง
ตัวโดยง่ายดาย กลับพลันสลายเจตนาฆ่าฟันทั้งหมดลงอย่าง
สิ้ นเชิง เปิ ดช่องโหว่ขนาดมโหฬาร กระทัง่ กระบี่ช้ นั ลมปราณ
จักรพรรดิอนั น่าเกรงขามเล่มนั้นยังถูกเก็บเข้าไป ปรากฏผูอ้ าวุโส
ชั้นลมปราณฟ้าสามคนพุง่ เข้าหา กางกรงเล็บโลหิตผลาญฟ้าของ
มันตะกุยเข้าใส่ แผ่นหลังของหยุนเช่อในทันที
หยุนเช่อคํารามลัน่ ขณะที่เลือดไหลซึมออกทางมุมปาก ชาย
หนุ่มหยิบยืมกําลังจากการโจมตีของผูอ้ าวุโสชั้นลมปราณฟ้าทั้ง
สาม ส่ งร่ างของตนพุง่ ทะยานออกไปเบื้องหน้าด้วยความเร็ วที่
สู งขึ้นกว่าเดิม สายตาจับจ้องเพียงจุดที่เซี่ยวหลิงซีกาํ ลังร่ วงหล่น
ลงมา ความเร็ วของชายหนุ่มหลังจากเก็บกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรนับว่า
รวดเร็ วอย่างถึงที่สุด ทว่า หากต้องการรับร่ างเซี่ยวหลิงซีก่อนตก
ลงมากระแทกพื้นนั้น ด้วยความเร็ วระดับนี้ ยังไม่อาจเป็ นไปได้
อีกเพียงสามร้อยเมตรก่อนหยุนเช่อจะมาถึง ร่ างกายของ
เซี่ยวหลิงซี ร่วงหล่นลงได้ครึ่ งทาง เบื้องล่างของหญิงสาวนั้นมีพ้นื
หิ นอ่อนที่แข็งแกร่ งไร้ที่ติ หากนางตกลงมา แน่นอนว่าย่อมมิอาจ
รอดชีวติ ได้ หยุนเช่อเอื้อมแขนไปเบื้องหน้าพร้อมเปล่งเสี ยงครํ่า
ครวญอย่างเจ็บปวด…. ชายหนุ่มไม่เคยวิงวอนให้เวลาสามารถ
หยุดลงได้มากมายเท่านี้มาก่อนในชีวติ
“อาหญิงเล็ก… อาหญิงเล็ก!!”
ตะโกนแหบแห้งเรี ยกหาเซี่ยวหลิงซีผกู ้ าํ ลังร่ วงหล่น หญิง
สาวคิดว่านี่คือความฝัน หญิงสาวค่อยๆเปิ ดตาขึ้น สายลม
โหยหวนที่รุนแรงและหนาวเย็นที่ขา้ งใบหูฟังคล้ายเหมือนเสี ยง
เพรี ยกจากเทพมรณะ ทว่ากลับปรากฏสุ ม้ เสี ยงนางสุดแสนคุน้ เคย
และถวิลหาผสมปนเปมาด้วย หญิงสาวค่อยๆ เหลือบสายตามอง
ไปด้านข้างตามเสี ยงเรี ยก และเห็นเงาร่ างหนึ่งกําลังพุง่ ตรงมาหา
อย่างบ้าคลัง่ นางสบสายตาที่จอ้ งมองด้วยความตื่นตระหนกและ
หวาดหวัน่ ขวัญผวาคู่น้ นั ...
หัวใจของหญิงสาวถูกกระตุกอย่างรุ นแรง ความรู ้สึกยินดี
พวยพุง่ ออกมาพร้อมกับความต้องการมีชีวติ ต่อปรากฏขึ้นในใจ
ของหญิงสาว หญิงสาวหลับตาลงและปลดปล่อยพลังยุทธ์เพื่อ
ป้องกันแรงกระแทก เซี่ยวหลิงซีร่วงหล่นลงมาด้วยความเร็ วที่
เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น หญิงสาวกําลังจะหล่นกระแทกพื้นดินที่หนาว
เย็นและแข็งแกร่ งในอีกไม่เกินสามลมหายใจ
“ย๊ ากกก!!”
“ทัณฑ์ อสู รนรกานต์ !!”
หยุนเช่อคํารามลัน่ ดัง่ อสู รร้าย ด่านลมปราณเทพอสู รด่านที่
สามเปิ ดขึ้นโดยฉับพลันทันที ประกายแสงสี แดงเปล่งออกมาจาก
ร่ างกายของชายหนุ่ม พลังยุทธ์ของมันพลันเดือดพล่านดุจเปลว
เพลิง ขับเคลื่อนชายหนุ่มไปยังเบื้องหน้า... แม้วา่ ความเร็ วของหยุ
นเช่อจะเพิม่ ขึ้น ทว่าเซี่ยวหลิงซีเองกําลังจะถึงพื้นด้วยอัตรา
ความเร็ วทวีคูณเช่นกัน
“ระบําหงส์ เพลิงฟ้าสยายปี ก!!”
หยุนเช่อกลายเป็ นลูกศรเพลิงพุง่ ไปข้างหน้าข้ามผ่าน
ระยะทางห่างไกลด้วยความรวดเร็ วสุ ดแสน...ทันใดนั้นเอง
ปรากฏแขนซ้ายลักษณะโปร่ งแสงสี ครามข้างหนึ่งพุง่ ออกมาด้วย
ความเร็ วดัง่ ดาวตก
“หัตถ์ ปราณไร้ ลกั ษณ์ ….ไป!!”
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์น้ ีเต็มเปี่ ยมไปด้วยความเชื่อและ
ความหวังของชายหนุ่ม สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังหัตถ์
ปราณไร้ลกั ษณ์ที่ถลาเข้าหาเซี่ยวหลิงซี ขณะเดียวกันชายหนุ่ม
มิได้สงั เกตุเลยว่าหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ของชายหนุ่มนั้นเป็ นสี
ครามอย่างแท้จริ ง!
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ของชายหนุ่มนั้นเป็ นสี แดงยามอยูใ่ น
สภาวะปกติ เป็ นสี สม้ ยามเปิ ดใช้วญ ิ ญาณอสู ร และสี เหลืองยาม
เปิ ดใช้อสู รผลาญใจ จากนั้นหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์สมควรมีสีเขียว
หากใช้ทณ ั ฑ์อสู รนรกานต์…. แต่ตอนนี้หตั ถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ของ
หยุนเช่อที่ออกมานั้นกลับเป็ นสี คราม! เป็ นสี ครามเฉก
เช่นเดียวกับหยุนชางไห่!
ความเร็ วของหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์น้ นั รวดเร็ วกว่าตัวของหยุ
นเช่อยิง่ นัก ก้อนพลังมุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ วแสง... แต่ใน
สายตาของหยุนเช่อ ยังนับว่าเชื่องช้าอย่างยิง่ การไหลของเวลาดู
ราวกับเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชดั เจน ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มเบิก
กว้าง มองดูเซี่ ยวหลิงซีค่อยๆร่ วงหล่นลงมาทีละเล็กละน้อย และดู
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ที่คืบใกล้เข้าไปทุกชัว่ ขณะ... ในที่สุดเพียง
สองย่างก้าวก่อนที่เซี่ยวหลิงซีจะถึงพื้นหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ที่เต็ม
ไปด้วยความหวังของหยุนเช่อก็คว้าถึงตัวนางได้ทนั ท่วงที
ปัง!!
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ชนเข้ากับหน้าผา และคลื่นพลังงาน
ระเบิดในทันทีแต่ไม่รุนแรงนัก แรงระเบิดช่วยชะลอการร่ วงหล่น
ของเซี่ ยวหลิงซี และพัดโยนร่ างของหญิงสาวในแนวขวาง ราวกับ
ใบไม้ร่วงที่ปลิดปลิวลงสู่ พ้นื ดิน หยุนเช่อทะยานร่ างมาถึงพอดี
แขนสองข้างของชายหนุ่มกอดรัดเซี่ยวหลิงชีอย่างแนบแน่น...
ช่วงเวลานั้น ชายหนุ่มรู ้สึกราวกับตนเองสามารถปกป้องโลกทั้ง
ใบเอาไว้ได้
ปัง!!
เสี ยงดังสนัน่ ลัน่ ขึ้นคราหนึ่ง เมื่อศีรษะของหยุนเช่อซึ่งไม่มี
เวลาหยุดตนเองจากการพุง่ ทะยานมาด้วยความเร็ วชนเข้ากับหิ น
ผาอย่างรุ นแรง ชายหนุ่มร่ วงหล่นลงมาขณะที่ยงั คงกอดเซี่ยวหลิง
ซีไว้ ในอ้อมกอด เซี่ยวหลิงซีได้รับการป้องกันจากพลังยุทธ์ของ
ชายหนุ่มและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ หยุนเช่อหยัดตัวลุกขึ้นอย่าง
รวดเร็ ว อ้อมแขนของชายหนุ่มโอบกระชับเซี่ยวหลิงซีไว้แน่น ใน
ที่สุดมันล้วนได้พบนางแล้ว ทั้งสองนิ่งค้างโดยพร้อมเพรี ยง ภาพ
เหตุการณ์โดยรอบดูคล้ายดังถูกแช่แข็งไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันทุกวันคืนไม่เคยแยกห่างกันแม้ซกั
ครา สามปี ที่ผา่ นมานั้น คือสามปี ของการแยกห่างของทั้งคู่ซ่ ึงเป็ น
เวลาที่ยาวนานยากเกินจะทน ระยะเวลาสามปี ที่ผา่ น เปรี ยบดัง่
สามศตวรรษที่ผา่ นพ้นไป
เซี่ยวหลิงซี ยามนี้สีหน้าซีดเผือด ลมหายใจอ่อนแรงอย่าง
มาก ถึงแม้ร่างกายของหญิงสาวจะมิได้ตกลงสู่ พ้นื ทว่าแรงตก
รวมทั้งแรงกระแทกอันนุ่มนวลที่สุดเท่าที่เป็ นไปได้จากหัตถ์
ปราณไร้ลกั ษณ์ ส่ งผลให้พลังในร่ างและคลื่นพลังของหญิงสาว
พลุ่งพล่านปั่นป่ วน อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ หากมิใช่
ความปาารถนามุ่งมัน่ ในการมองหน้าของหยุนเช่อสักครา
เมื่อก่อนหน้านี้ หญิงสาวสมควรสิ้ นสติไปนานแล้ว
หญิงสาวจ้องมองมายังหยุนเช่อ สายตาของนางพร่ ามัวด้วย
เมฆหมอกราวอยูใ่ นความฝัน ดวงตาของหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้
เต็มไปด้วยความปรารถนาตกตายกลับถูกแทนที่ดว้ ยประกายที่จะ
มีชีวติ อยูต่ ่อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น...ความยินดี ความพึงพอใจ ความ
หวัน่ ไหว ความสํานึกขอบคุณ...หญิงสาวรับรู ้ถึงร่ างกายของตนที่
อยูภ่ ายในอ้อมอกแน่นหนาของหยุนเช่อ ช่างเป็ นความรู ้สึกอันคุน้
ชินเช่นเก่าก่อน หากแต่ครั้งนี้ ระยะเวลาได้ล่วงผ่านมาเนิ่นนาน
นับจากครั้งสุ ดท้าย...หญิงสาวทิ้งตัวลงอย่างสงบสุ ขภายในอ้อม
แขนของชายหนุ่ม นางไม่รับรู ้ถึงสุ ม้ เสี ยงอื่นใด ไม่รับรู ้ถึงความ
อ่อนล้าและเจ็บปวดใดๆของร่ างกายอีกต่อไป ลืมเลือนภยันตราย
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้ประสบมาจนหมดสิ้ น...ภายในใจ มีเพียง
ความผ่อนคลาย ความอบอุ่น และความสุ ขสงบที่มีเพียงหยุนเช่อ
จึงสามารถทําให้นางได้สมั ผัสถึงเท่านั้น...
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมือเรี ยวเล็กสี
ขาวราวหิมะ งดงามราวสลักจากหยก ค่อยๆ เอื้อมขึ้นไปบนหน้า
ของหยุนเช่อ และพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “เช่อน้อย...ในที่สุด...
เจ้าก็กลับมา”
เพียงประโยคเบาๆ ไม่กี่คาํ สําหรับหยุนเช่อ ล้วนทําให้ชาย
หนุ่มสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและการเฝ้ารอคอยอันยาวนานที่
ยิง่ ใหญ่ท่วมท้นราวคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร นํ้าตาของหยุนเช่อเอ่อ
ท้นโดยทันที มือของเซี่ยวหลิงซีร่วงลงในชัว่ ขณะนี้ เนื่องเพราะ
หญิงสาวพลันหมดสติไป
ตลอดสามปี ที่ไม่ได้พบเจอ เซี่ยวหลิงซีสูงขึ้นเล็กน้อย เอว
ของหญิงสาวทั้งบอบบางทั้งอ่อนนุ่ม การโอบประคองหญิงสาว
ให้ความรู ้สึกบางเบาเหมือนผ้าไหมที่ไร้น้ าํ หนัก จากหญิงสาวอายุ
สิ บห้าปี เติบโตมาเป็ นหญิงสาวอายุสิบแปดปี ที่แสนงดงามทว่า
กลับบอบบางยิง่ ตลอดสามปี ที่มีค่าของหญิงสาวนั้น ที่ตอ้ ง
ประสบพบเจอคือความโดดเดี่ยวอันสุ ดทานทน ความทุกข์ตรมน่า
เวทนา เช่นเดียวกับความคิดคํานึงที่เคี่ยวกรํา และความโหยหาที่
อยูเ่ คียงข้างตลอดทุกวันคืน
หยุนเช่อลุกขึ้นยืนและเงยหน้ามองสู่ เบื้องบนไปยังตําหนัก
กําเนิดฟ้า ชายหนุ่มพบเห็นร่ างเงาสองร่ างกําลังทอดสายตามองลง
มา... นัน่ คือเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง และเฟิ นเจวีย๋ เฉิน!
ชายหนุ่มปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟันออกมาอย่างรุ นแรง ความ
ไม่พอใจภายในจิตใจของชายหนุ่มเปรี ยบดัง่ คลื่นยักษ์อสู รกายใน
ห้วงมหาสมุทร อย่างไรก็ตาม หยุนเช่อหักห้ามเจตนาฆ่าฟันและ
ความเกลียดชังนั้น ชายหนุ่มโอบประคองเซี่ยวหลิงซีไว้ก่อนจะ
เรี ยกหงส์หิมะออกมาแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกทันที….
หยุนเช่อมิอยากกลับไปต่อสู ต้ ่อ... ชายหนุ่มเพียงต้องการให้
อาหญิงเล็กปลอดภัยจึงต้องไปจากที่แห่งนี้ให้เร็ วที่สุด! ต่อให้
ความโกรธแค้นและความไม่พอใจมีมากกว่านี้นบั ล้านเท่าก็ไม่
เพียงพอและสําคัญไปกว่าความปลอดภัยของเซี่ยวหลิงซี ในขณะ
ที่หยุนเช่อพาเซี่ยวหลิงซีไปนั้น ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าก็มีการ
เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ “ปรับใช้ขบวนค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญ
ดาราเดี๋ยวนี้!!” เฟิ นต้วนหุนคํารามลัน่ หลังจากได้เห็นฉากน่า
สังเวชของผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักกลายเป็ นกองซากศพ เฟิ นต้วน
หุนไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป นํ้าเสี ยงที่พดู ออกมานั้นทั้งสัน่
สะท้านทั้งดุดนั รุ นแรง
เฟิ นม่อจี๋ ที่กาํ ลังตะลึงงันอยูน่ ้ นั พลันสะดุง้ คืนสติทนั ที
หลังจากได้ยนิ คําสัง่ ของเฟิ นต้วนหุน และรี บกล่าวว่า “แต่.. ท่าน
ผูน้ าํ ค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราควรจะใช้เมื่อพบกับศัตรู ที่อาจ
ทําให้เราพินาศ อีกทั้งค่ายกลนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และ
ต้องใช้เวลาสามร้อยปี ในการสร้างอีกครั้ง”
“แล้วศัตรู ที่อยูต่ ่อหน้าเราตอนนี้น้ นั ยังมิอาจนําเราไปสู่
ความพินาศได้รึ?” เฟิ นต้วนหุนคํารามกัดฟันแน่น “หยุนเช่อ ต้อง
ตาย! มิเช่นนั้น หากมันรอดไปได้วนั นี้ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของ
พวกเราจะต้องพบกับภัยพิบตั ิแห่งการล่มสลายในอนาคตแน่!!
เร็ ว ไป!”
“พวกเจ้ าทั้งหมด ไป!!!!”
หยุนเช่อขับขี่หงส์หิมะโบยบินไปด้วยความรวดเร็ ว เพราะ
หงส์หิมะนั้นเหนื่อยล้าจากการบินไม่หยุดตลอดสามพันกิโลเมตร
หลังจากเรี ยกใช้อีกครั้ง ความเร็ วของมันมิได้เร็ วอย่างเคย อีกทั้ง
ระดับความสู งของการบินก็นอ้ ยกว่าสามสิ บเมตร ทว่าสถานที่ที่
ชายหนุ่มมุ่งไปนั้นไม่มีผอู ้ าวุโสคนใดพุง่ เข้า กลับกัน พวกมัน
ทั้งหมดเหิ นร่ างหลบหลีก ปล่อยให้ชายหนุ่มออกไปตาม
ต้องการ…. หยุนเช่อในยามนี้ลว้ นเหนื่อยล้าสิ่ นเรี่ ยวแรง อีกทั้งยัง
มีบุคคลอยูใ่ นอ้อมอก นับว่าเป็ นโอกาสที่ดีที่สุดของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าที่จะโจมตีชายหนุ่ม
เวลานี้จู่ๆก็มีเสี ยงเตือนจากจัสมินดังก้อง “ค่ายกลการโจมตี
ด้วยลมปราณที่พร้อมโจมตีปรากฏขึ้นข้างหน้าอย่างฉับพลัน ค่าย
กลนี้เพียงพอที่จะสามารถโค่นผูท้ ี่มีลมปราณจักรพรรดิข้นั สู ง”
คําพูดของจัสมินนั้นทําให้หยุนเช่อหัวใจสัน่ สะท้านเย็น
เยียบขึ้นมาทันที …. สามารถโค่นล้มผูท้ ี่มีปราณชั้นจักรพรรดิข้นั
สู งได้? ภายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ถึงกับมีค่ายกลที่น่าเกรงขาม
เช่นนี้ซุกซ่อนอยู?่ อย่างที่คิด หนึ่งในสี่ พรรคมหาอํานาจล้วนไม่
อาจดูแคลนได้
“อย่างไรเสี ย...” เสี ยงของจัสมินผ่อนเบาลงและตามมาด้วย
การเยาะเย้ยเหยียดหยาม “ค่ายกลนี้…. คือค่ายกลปราณอัคคี
บริ สุทธิ์!”
หลังจากจัสมินพูดจบพลันเกิดค่ายกลมหยุทธเพลิงสี ม่วง
โผล่ออกมาจากพื้นดินเบื้องล่างใต้ฝ่าเท้าของหยุนเช่อก่อนจะหมุน
วนอย่างรวดเร็ ว สุ ดขอบของค่ายกลบังเกิดเสาอัคคีสีม่วงกว่า
สามสิ บเสาปะทุข้ ึนอย่างกระทันหันขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า แต่ละเสาหนาห้า
ฟุต สู งกว่าร้อยเมตร ล้อมรอบหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีที่ยงั คง
ไม่ได้สติอยูใ่ จกลาง
บทที่ 336 พรรคอัคคีผลาญฟ้าทีใ่ กล้ล่มสลาย
ภายใต้ค่ายกลลมปราณที่หมุนวนและเสาอัคคีอีกหลายสิ บ
พุง่ เป็ นระลอกไปบนฟ้าได้ปิดกั้นเส้นทางด้านหน้าและเส้นทาง
หลบหนีของหยุนเช่อทั้งหมด มวลความร้อนสูงที่ถูกปล่อยออกมา
จากเสาอัคคีพวกนี้เหนือกว่าที่ผา่ นมาอย่างมหาศาล น่าหวาดหวัน่
กว่าอัคคีผลาญฟ้าจากผูอ้ าวุโสที่ได้ปะทะกันด้วยกระบี่กบั หยุ
นเช่อ
ภายนอกค่ายกล ปรากฏสุ ม้ เสี ยงขู่คาํ รามด้วยความโกรธ
แค้นดังมาให้ได้ยนิ “หยุนเช่อ ดูซิวา่ เจ้าจะหยิง่ ผยองไปได้ซกั กี่
มากน้อย! เมื่อค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ไม่สามารถ
จัดการเจ้าได้ เช่นนั้น จงเข้ามารับความตายด้วยค่ายกลอัคคีสวรรค์
ผลาญดาราซะ! สามารถตกตายภายใต้อคั คีสวรรค์ผลาญดารานี้
นับว่าเจ้าไม่เสี ยชาติเกิดแล้ว! ที่บรรจุอยูใ่ นค่ายกลนี้ คือเพลิงอัคคี
ขั้นสู งสุ ดของของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา ภายใต้อคั คีสวรรค์
ชนิดนี้ เจ้าล้วนต้องร่ างแหลกสลายเป็ นเถ้าถ่าน...ในพริ บตา!!”
ตูม!!
เสาอัคคีหลายสิ บต้นพลันแตกระเบิดโดยกะทันหัน หลอม
รวมเป็ นทะเลเพลิงสี ม่วงอันลึกลํ้าท่วมท้นเติมเต็มพื้นที่ท้ งั หมดใน
ค่ายกล กักหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีเอาไว้ภายใน
ตราผนึกค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราที่ใต้เท้าหมุนวนอย่า
รวดเร็ วถึงขีดสุ ด เร่ งเร้าอัตราการเผาผลาญของอัคคีสวรรค์ให้เผา
ไห้มอย่างบ้าคลัง่ ทุกสิ่ งทุกอย่างภายใต้ค่ายกลล้วนถูกเผาผลาญ
ด้วยคลื่นรังสี อนั ร้อนแรง กลิ่นไหม้เกรี ยมกลบกลืนไปทัว่ ทั้ง
บริ เวณ หากกลับไม่ปรากฏประกายเปลวไฟแม้ส่วนเสี้ ยวที่
สามารถลามเลียออกมานอกเขตผนึก เปลวเพลิงทั้งหมดเพียงลุก
โชติช่วงอยูใ่ นผนึก สู บกลืนทุกสิ่ งทุกอย่างเข้าไปในวงล้อมอัคคี
โดยไม่มีท่าทีจะมอดดับ ภายในค่ายกลไม่ปรากฏสิ่ งอื่นใด ที่
หลงเหลือมีเพียงเปลวไฟเท่านั้น
“ในที่สุด...ก็ตายซะที!”
ดาบผลาญฟ้าร่ วงหล่นลงบนพื้นอย่างไร้พลังทีละเล่ม ทีละ
เล่ม เหล่าอาวุโสและเจ้าตําหนักทั้งหลายต่างทิ้งตัวลงนัง่ กับ
พื้นดิน เหม่อมองไปยังเลือดเนื้อเลอะเลือนที่กระจัดกระจาย
รวมทั้งเปลวไฟสี ม่วงที่แผ่ลามไปทัว่ บริ เวณอย่างไร้คาํ พูด
”จากบันทึกของบรรพบุรุษ อัคคีสวรรค์ผลาญดาราสามารถ
โค่นล้มยอดยุทธืช้ นั ลมปราณจักรพรรดิข้นั สู งได้อย่างง่ายดาย หยุ
นเช่อต้องตายแน่นอน ยามนี้ มันสมควรเปลี่ยนเป็ นเถ้าถ่านไป
เรี ยบร้อยแล้ว” เฟิ นม่อจี๋ทอดถอนหายใจหนักก่อนจะกล่าวกลับ
เฟิ นต้วนหุน
เฟิ นต้วนหุนเองทรุ ดร่ างลงกองกับพื้นราวอัมพาตเช่นกัน...
หยุนเช่อตกตายแล้ว การถูกเผาผลาญโดยอัคคีสวรรค์ผลาญดารา
เช่นนี้ มันล้วนไม่มีทางรอดชีวติ ค่ายกลนี้สามารถเรี ยกเป็ น
ปราการป้องกันด่านสุ ดท้ายที่แข็งแกร่ งที่สุดของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า หากวันใดตระกูลได้รับการรุ กรานจากศัตรู ที่มีพลัง
เหนือกว่าอย่างมหาศาล ทันทีที่ใช้ค่ายกลนี้ออก ล้วนสามารถเผา
ทําลายหมู่อริ ท้งั หลายได้จนหมดสิ้ น...ทว่าวันนี้ กลับต้องถูก
บังคับใช้ออกเพื่อจัดการผูค้ นเพียงคนเดียว...ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ น
เพียงผูเ้ ยาว์อายุสิบเก้าปี ผูห้ นึ่ง!!
ทั้งก่อนหน้านั้น เหล่าผูอ้ าวุโสของตระกูล เจ้าตําหนัก
รวมทั้งศิษย์อีกจํานวนไม่นอ้ ย ล้วนตกตายภายใต้เงื้อมมือของผู ้
บุกรุ ก
เพียงวันเดียว ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่สามารถเรี ยกลมเรี ยก
ฝนได้ในอาณาจักรวายุครามแห่งนี้ กลับต้องเผชิญฝันร้ายอันน่า
พรั่นพรึ ง...ขุมกําลังทั้งหมดของพวกมันล้วนถูกทําลายอย่างสาหัส
และอาจไม่สามารถฟื้ นฟูกลับมาได้อีกเลยก็เป็ นได้
เหม่อมองหยุนเช่อที่ถูกอัคคีสวรรค์แผดเผาจนดับดิ้น มันไม่
เพียงไม่สามารถหัวเราะออกมาแม้เพียงครึ่ งคํา หากมันกลับ
ต้องการเปล่งเสี ยงรํ่าไห้สะอึกสะอื้นรอบหนึ่งมากกว่า ภายในใจ
ของมัน มีเพียงความโศกาอาดูรอย่างวสุ ดแสน หากให้มนั มี
โอกาสเลือกครั้งที่สอง แม้จะต้องลดเกียรติลดศักดิ์ศรี สกั เพียงใด
เพื่อประนีประนอมต่อหยุนเช่อครั้งแล้วครั้งเล่า มันล้วนไม่
ต้องการล่วงเกินหยุนเช่อแม้เพียงกระผีกริ้ น
“ท่านผูน้ าํ ตระกูล ท่านเป็ นอะไรไป?”
ผูอ้ าวุโสประจําตระกูลสองสามคนก้าวเดินเข้ามา ก่อนจะ
กล่าวถามพร้อมหอบหายใจหนักหน่วง ร่ างกายของพวกมัน
เกลื่อนด้วยรอยแผล ทั้งหมดมีสีหน้าหนักอกหนักใจ ไม่มีผใู ้ ด
แสดงสี หน้ายินดีเลยแม้แต่ผเู ้ ดียว
“เฮ้อ หากท่านอดีตผูน้ าํ ตระกูลและท่านอดีตหัวหน้าผู ้
อาวุโสอยูท่ ี่นี่ หากเป็ นเช่นนั้น พวกเราล้วนไม่ตอ้ งเกรงกลัวหยุ
นเช่อผูน้ ้ ีแล้ว ทั้งยังไม่ตอ้ งถูกบีบคั้นถึงขั้นนี้...”
“ท่านอดีตผูน้ าํ และอดีตผูอ้ าวุโสต่างตัดประสาทสัมผัสทั้ง
ห้า เก็บตัวฝึ กตนมาเนิ่นนาน ไม่ยงุ่ เกี่ยวเรื่ องราวในพรรค
นอกจากพวกมันปรากฏตัวออกมาเอง มิเช่นนั้น...เฮ้อ”
“อย่าได้กล่าวแล้ว” เฟิ นต้วนหุนโบกมือ ก่อนจะหยัดกายลุก
ขึ้นอย่างทุลกั ทุเลพร้อมกล่าวหนักว่า “เรี ยกรวมเหล่าศิษย์ สะสาง
สถานที่ ตระเตรี ยมงานไว้อาลัยแด่ผทู ้ ี่เสี ยชีวติ ทั้งผูอ้ าวุโสและเจ้า
ตําหรักทั้งหลาย...เรื่ องอื่น ค่อยหารื อกันภายหลัง”
“หายนะภัยในวันนี้ ถึงที่สุดแล้ว ผูท้ ่ีชกั นําให้เกิดขึ้นล้วน
แล้วแต่เป็ นพวกเราทั้งสิ้ น! ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารุ่ งเรื องเฟื่ องฟูมา
ยาวนาน นับแต่ผอู ้ าวุโสไล่เรี ยงจนถึงผูร้ ับใช้ ต่างเย่อหยิง่ ผยองใน
โลกภายนอก หากมิใช่เช่นนั้น เหตุใดจึงสามารถผูกปมความแค้น
แก่หยุนเช่อผูน้ ้ ีได้ถึงเพียงนี้! ท้ายที่สุด ยังจับตัวครอบครัวของมัน
มาเป็ นประกัน! พฤติการณ์ต่าํ ช้าเลวทราม จึงนํามาซึ่งผลกรรม
เช่นที่เราประสบอยูน่ ้ ี!” ยามเฟิ นต้วนหุนกล่าวคํา สายตาของมัน
กวาดมองไปบนใบหน้าเหล่าผุอ้ าวุโสทีละคนทีละคน ไม่วา่ ผูใ้ ดที่
สบตามันล้วนลดศีรษะลง ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็ นละอายเสี ยใจ
พฤติการณ์อนั ชัว่ ช้าที่สามารถสร้างมลทินให้แก่ชื่อเสี ยง
เกียรติภูมิอนั สู งส่ งของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หากมิใช่ได้รับการ
สนับสนุนจากสภาผูอ้ าวุโส เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งแน่นอนย่อมไม่อาจหาญ
กระทําการตามอําเภอใจแม้วา่ มันจะชิงชังหยุนเช่อถึงระดับใดก็
ตาม ผูอ้ าวุโสเหล่านี้ เนื่องเพราะกระหายใคร่ ลา้ งแค้นแก่หวั หน้าผู ้
อาวุโสและสมาชิกคนอื่นๆ ล้วนปรารถนาใคร่ ฉีกเนื้อหยุนเช่อ
เป็ นชิ้นๆ มานานแล้ว ดังนั้น พวกมันสนับสนุนให้จบั ตัว
ครอบครัวของหยุนเช่อมาเป็ นเหยือ่ ล่อ พร้อมทั้งปิ ดบังเรื่ องนี้จาก
เฟิ นต้วนหุน…
ทั้งยังเนื่องจากการตัดสิ นใจของพวกมันทั้งหมด ทําให้
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องประสบมหันภัยร้ายแรงเช่นนี้...ศิษย์ใน
ตระกูลกว่าหลายพัน รวมผุอ้ าวุโสอีกหลายสิ บคน และเหล่าเจ้า
ตําหนักทั้งหลายต้องกลับกลายเป็ นซากศพ ยิง่ กว่านั้น ยัง
สิ้ นเปลืองค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราออกไปเช่นนี้
หากสรรหาผูร้ ับผิดแล้ว พวกมันนับเป็ นคนบาปของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าอย่างแท้จริ ง
เหล่าผูอ้ าวุโสแยกย้ายสลายตัวไปทีละคน พวกมันนําพา
เหล่าศิษย์สะสางบริ เวณพื้นที่ภายในตระกูลที่อยูใ่ นสภาพ
อเนจอนาถ ชัว่ พริ บตา ผ่านไปร่ วมสิ บนาที อารมณ์ความรู สึกของ
ศิษย์ในตระกูลต่างสงบลงบ้างเล็กน้อย อัคคีสวรรค์สีม่วงยังคงเผา
ผลาญโชติช่วง ไม่มีวแ่ี ววว่าจะมอดดับลง...ตามบันทึกของตระกุล
อัคคีสวรรค์ในค่ายกลจะเผาผลาญต่อเนื่องไปกว่าสิ บห้านาที
ชัว่ เวลานี้เอง สายตาของผูอ้ าวุโสท่านหนึ่งพลันจ้องมองไป
ยังเปลวไฟกลุ่มหนึ่งภายในค่ายกลก่อนจะส่ งเสี ยงที่เต็มไปด้วย
ความประหลาดแปลกใจสุ ดแสนออกมา “ดูนน่ั เร็ ว พวกเจ้า เปลว
ไฟในผนึกดูไปแปลกประหลาดอยูบ่ า้ ง”
เปลวเพลิงในค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราเผาไหม้อย่าง
เงียบงันเสมอมา ทะเลเพลิงที่ลุกไหม้แผ่กระจายอย่างสมํ่าเสมอ
ทว่ายามนี้ ทะเลเพลิงกลับปั่นป่ วนด้วยลําอัคคีสายแล้วสายเล่า
ปริ มาณคลื่นพลังเปลวเพลิงเพิม่ สู งขึ้น ทะยานขึ้นสูงลดลงตํ่าด้วย
ระดับความหนาแน่นเป็ นชั้นๆ ราวกับมันกําลังเผชิญการขัดขวาง
จากบางสิ่ งบางอย่าง
ฉับพลันทันใด ทะเลอัคคีสวรรค์สีม่วงกลับค่อยๆ เคลื่อน
สู งขึ้นราวถูกยกด้วยบางสิ่ งบางอย่าง...ถูก! ทะเลอัคคีท้ งั แผ่นผืน
กําลังถูกลกลอยขึ้นอย่างช้าๆ ยิง่ กว่านั้น เปลวไฟสี ม่วงยิง่ มายิง่
เลื่อนสูงขึ้นไป จากครึ่ งฟุต เป็ นหนึ่งฟุต สองฟุต...ยกระดับขึ้น
ด้วยอัตราความเร็ วอันคงที่
ฉากเหตุการณ์อนั แสนลึกลับยากต่อการอธิบายที่เบื้องหน้า
ส่ งผลให้ผคู ้ นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่างโง่งมในทันที ทั้งหมด
ดวงตาเบิกกว้างโปนโต ไม่สามารถเปล่งเสี ยงพูดใดๆ ออกมา
แม้แต่คาํ เดียว ชัว่ ขณะแรก พวกมันต่างคาดคิดว่าพวกมันกําลัง
มองเห็นบางสิ่ ง….ทว่า คนผูห้ นึ่งสามารถเห็นภาพหลอนล้วนเป็ น
เรื่ องปกติ แต่หากทุกผูค้ นเห็นภาพหลอนเช่นเดียวกัน เช่นนั้น นัน่
นับเป็ นภาพหลอนจริ งหรื อไม่?
ทะเลเพลิงยังคงลอยตัวขึ้นไปเรื่ อยๆ กระทัง่ ถึงระดับ
ส่ วนสู งของผูค้ นที่ยนื อยูบ่ นพื้น….เบื้องล่างทะเลอัคคีอนั แผดเผา
เงาร่ างผูค้ นที่ที่ถูกอาบย้อมด้วยแสงสะท้อนของเปลวไฟสี ม่วงเจิด
จ้าปรากฏขึ้น ฝ่ ามือซ้ายของมันยังคงโอบรัดหญิงสาวอ่อนแอบอบ
บางที่ไร้ซ่ ึงสติสมั ปชัญญะนางหนึ่ง ฝ่ ามือขวายกชูข้ ึนสู ง และ
เหนือจากฝ่ ามือข้างนั้น...คือทะเลอัคคีสีม่วงอันร้อนแรงนัน่ เอง!
“หยุน...หยุนเช่อ!!”
“นัน่ มันหยุนเช่อ!!”
เสี ยงร้องตะโกนด้วยความประหวัน่ ดังขึ้นมาให้ได้ยนิ จาก
ทุกสารทิศ...หยุนเช่อที่พวกมันเชื่อมัน่ ว่าถูกเผาเป็ นเถ้าถ่านไป
แล้วภายในค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญฟ้ากลับยังคงมีชีวติ อยู!่ ไม่
เพียงยังไม่ตาย ถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่นอ้ ย! ทั้งเสื้ อผ้า
ผมเผ้า รวมทั้งเด็กสาวในอ้อมกอดของมันไม่มีแม้รอยขีดข่วน
เปลวเพลิงที่ถูกจุดขึ้นโดยค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญฟ้านี้ร้อนแรง
แผดเผาจนสามารถเผาผลาญยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิข้นั
สู งจนสิ้ นชื่อได้ของตระกูล...กลับกําลังถูกยกขึ้นด้วยฝ่ ามือข้าง
เดียวของหยุนเช่อจริ งๆ!
ภาพเหตุการณ์น้ ีส่งผลให้ศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทั้งผุ ้
อาวุโสและเต้าตําหนักทั้งหมด ล้วนหวาดผวาจนความกล้า
ทั้งหมดในอกของพวกมันแทบถูกระเบิดหายไปสิ้ น
“เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้
...เป็ นไปไม่ได้!! เรื่ องเช่นนี้จะเป็ นไปได้เยีย่ งไร!!” ทัว่ ร่ างของ
เฟิ นต้วนหุนแทบกลับกลายเป็ นชาด้าน คําว่า “เป็ นไปไม่ได้” ถูก
เอ่ยออกมาจากปากของมันติดต่อกันถึงห้าครั้ง มัน - ในฐานะผูน้ าํ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากลับกําลังยืนตัวสัน่ ไปทั้งร่ างด้วยรู ม่านตาที่
หดเล็กลง...เปลวอัคคีผลาญฟ้าอันน่าหวาดหวัน่ กลับไม่สามารถ
ทําอันตรายหยุนเช่อได้แม้เพียงน้อยนิด ทั้งยังถูกชายหนุ่มยกลอย
ขึ้น กลับกลายเป็ นเปลวเพลิงในอุง้ มือของมันอีกด้วย! ชัว่ เวลานี้
เงาร่ างของหยุนเช่อที่อาบชโลมด้วยเปลวเพลิงสี ม่วง ล้วนดูราว
กับเทพอัคคีผไู ้ ด้รับการสดุดีจากสรวงสวรรค์ ส่ งผลให้ภายในใจ
และจิตวิญญาณของทุกผูค้ นสัน่ สะท้านด้วยความเกรงกลัว
ยามที่จสั มินกล่าวว่า ค่ายกลโจมตีน้ ีเป็ นค่ายกลปราณอัคคี
บริ สุทธิ์ ความวิตกกังวลทั้งปวงของหยุนเช่อล้วนมลายหายไป
ชายหนุ่มปล่อยให้ตนเองถูกล้อมด้วยเปลวเพลิงโดยปราศจากการ
ต่อต้าน ภายในทะเลเพลิง ชายหนุ่มเก็บหงส์หิมะเข้าสู่ ผนึก ก่อน
จะผลักดันเปลวไฟทั้งหมดออกห่าง มิให้เซี่ยวหลิงซีได้รับ
อันตราย ขณะเดียวกัน ด้วยความสามารถควบคุมเปลวไฟอันไร้
ขีดจํากัดของเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุอคั คี หลังผ่านไปร่ วมสิ บ
นาที หยุนเช่อล้วนสามารถบงการเปลวไฟเหล่านี้เป็ นของตนเอง
ได้สาํ เร็ จ
“จะฆ่าข้างั้นรึ ? พวกเจ้ายังไม่คู่ควร!!” หยุนเช่อฉี กยิม้ สี
หน้าท่าทีเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความเคียดแค้นบ้าคลัง่ “คิด
จะฆ่าข้าด้วยค่ายกลอัคคีกระจอกเช่นนี้? นับว่าเป็ นความเพ้อฝัน
ของคนโง่เง่าโดยแท้...ข้าเพียงต้องการทะลวงหนทางหลบหนีใน
คราแรก แต่ขา้ เปลี่ยนใจแล้ว ข้าพลันอยากรู ้ข้ ึนมาว่า ภาพทิวทัศน์
จะวิเศษสักเพียงใด...หากก้อนเปลวไฟนี้ถูกขว้างลงใส่ ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าของเจ้าแทน!”
คํากล่าวของหยุนเช่อ ล้วนไม่ต่างจากถ้อยคําของปี ศาจร้าย
สี หน้าของทุกผูค้ นในที่น้ นั แปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างรุ นแรง
รัศมีความหวาดกลัวลึกลํ้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน
“จะ-เจ้า..เจ้ากล้า!!” ผูอ้ าวุโสท่านหนึ่งคํารามเสี ยงกึกก้อง
ทว่าฝี เท้าของมันกลับถดถอยหลังอย่างสัน่ เทาด้วยความหวาดกลัว
ก่อนจะเสี ยหลักทรุ ดลงนัง่ กับพื้น ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้านราวใบไม้แห้ง
เหี่ ยวที่ปลิดปลิว แม้ทะเลอัคคีเมื่อครู่ จะทรงอานุภาพน่า
หวาดหวัน่ ทว่าทั้งหมดล้วนถูกกักไว้ภายในผนึกอัคคีสวรรค์
ผลาญดารา ทั้งยังไม่อาจรั่วไหลออกมาได้ แต่หากอัคคีสวรรค์ถูก
ขว้างเข้าใส่ ตระ◌ู ลอัคคีผลาญฟ้าจริ งๆ ทั้งหมดทั้งมวลต้องแปร
เปลี่ยนเป็ นหายนะภัยอันใหญ่หลวง เปลวอัคคีสวรรค์ยอ่ มต้องเผา
ผลาญอย่างบ้าคลัง่ แพร่ กระจายท่วมท้นเข้าสู่ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เปลวอัคคีสวรรค์ที่บรรจุอยูภ่ ายในค่ายกลนี้ ล้วนเพียงพอในการ
กวาดทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าให้ราบไปครึ่ งหมู่บา้ น! ทุกผูค้ น
ในที่น้ ี หากถูกกักไว้ภายในอัคคีสวรรค์ ล้วนไม่มีผใู ้ ดสามารถรอด
ชีวติ ออกไปได้!
หากกลุ่มอัคคีสวรรค์น้ ีถูกหยุนเช่อสลัดเหวีย่ งออก...เช่นนั้น
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าสมควรถึงกาลจบสิ้ นเป็ นแน่!!
“หื มม์? เจ้ากําลังบอกว่า..ข้าไม่กล้า?” หยุนเช่อหรี่ ตาเล็กลง
จ้องมองไปยังผูอ้ าวุโสที่เอ่ยวาจาเมื่อครู่ ทัว่ ร่ างของผูอ้ าวุโสสัน่
สะท้าน ริ มฝี ปากสัน่ ระริ ก ไม่กล้าเอื้อยเอ่ยคําใด
“หยุด...หยุด!!” เฟิ นต้วนหุนยืน่ ฝ่ ามือออกมาทางหยุนเช่อ
สองตาของมันแดงฉานดุจโลหิต มันกล่าวออกมาด้วยนํ้าเสี ยงอัน
สัน่ สะท้าน “หยุนเช่อ...พวกเราสามารถเจรจา พวกเราล้วน
สามารถหารื อกันได้..อย่าได้ววู่ าม!”
“เฮอะ! ข้าไม่มีส่ิ งใดว่ากล่าวกลับสุ นขั เฒ่าอัคคีผลาญฟ้าเช่น
พวกเจ้า!!”
“ไม่...ไม่ไม่!!” เฟิ นต้วนหุนโบกมืออย่างบ้าคลัง่ ใบหน้า
ของมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์สุดขีดด้วยความหวาดผวา “ในโลกนี้
ไม่มีความแค้นใดที่มิอาจชําระสะสาง...ดับ...ดับไฟในมือของเจ้า
ลงซะ ทุกอย่างล้วนสามารถปรึ กษาหารื อกัน ทุกเรื่ องราวล้วน
สามารถสะสางได้...ความผิดที่ก่อขึ้น พวกเราล้วนต้องแบกรับไว้
...สําหรับเรื่ องราวก่อนหน้านี้ ข้าย่อมต้องขอขมาต่อครอบครัว
ของเจ้าอย่างเหมาะสม ขอเพียงเอ่ยปาก...แม้ตอ้ งแลกด้วยชีวติ ของ
ข้า ข้าย่อมต้องทําตามความประสงค์ของเจ้าให้ได้!!”
คําพูดทั้งหมดนี้ เป็ นผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าออกปากด้วย
ตนเอง ในจุดยืนของตระกูลแล้ว นี่ลว้ นเป็ นคําสัตย์และศักดิ์ศรี
ของสํานักทั้งหมด ทว่า ที่เฟิ นต้วนหุนกําลังเผชิญ คือความเสี่ ยง
ในการล้างผลาญสํานักของมันจนสิ้ นซาก หากสามารถรักษา
รากฐานของสํานักไว้ได้ แม้ตอ้ งกล่าววาจาที่น่าอับอายกว่านี้สกั
สิ บเท่า มันล้วนยินยอมพร้อมใจ
สิ่ งที่เฟิ นต้วนหุนได้รับจากการประนีประนอมและลดตัวลง
ร้องขอความเมตตาจากหยุนเช่อ คือรอยยิม้ เย็นชาหนึ่งรอย ทว่า
พลังอํานาจมหาศาลนี้จะสามารถควบคุมได้โดยง่ายเช่นไร ? การ
อดทนถึงขั้นนี้ลว้ นนับเป็ นขีดจํากัดของหยุนเช่อเช่นกัน หากหยุ
นเช่อยังไม่ดบั เพลิงลงภายในสามลมหายใจ ทะเลอัคคียอ่ มระเบิด
ออกที่เบื้องบนศีรษะของชายหนุ่มอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจ้อง
มองไปยังอาหญิงเล็กที่สลบไสลไม่ได้สติ ภายในดวงใจเจ็บปวด
เกินทานทน ความหวาดกลัวที่ยงิ่ ใหญ่กว่าคือความหวาดหวัน่ ลึก
ลํ้าว่าเหตุการณ์น้ ีจะเกิดขึ้นซํ้ารอยอีกครั้ง เนื่องเพราะตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า เซี่ ยวหลิงซีและหยุนเช่อแทบต้องพรากจากกันจนชัว่ นิ
รันดร์ ท่านปู่ ของตนยังคงอยูใ่ นมือของพวกมันโดยไม่ทราบเป็ น
ตายร้ายดีเช่นกัน เมื่อครุ่ นคิดคํานึงถึงตอนนี้ เพลิงโทสะของหยุ
นเช่อพลันลุกฮือโหม ชายหนุ่มเปล่งเสี ยงคํารามลัน่ อย่างดุดนั
“ความผิดที่เจ้าก่อ...ต้องชดใช้ดว้ ยการทําลายล้าง! พวก..เจ้ า...
ทั้งหมด...ตายซะ!!!!!”
จบคํา หยุนเช่อกวัดแกว่งแขนของมันอย่างเร่ งร้อน กลุ่ม
ก้อนของทะเลอัคคีที่อดั แน่นด้วยคลื่นความร้อนแผดเผาท่วมท้น
ท้องฟ้าพุง่ ไปเบื้องหน้า โดยมีสายตาสิ้ นหวังจํานวนนับไม่ถว้ น
เบิกกว้างจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...
บทที่ 337 ผู้นําตระกูลรุ่นก่อน เฟิ นอีเ้ จี๋ย
หลังจากช่วยเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซีออกมาได้อย่าง
ปลอดภัย แม้หยุนเช่อต้องการมอบบทเรี ยนอันน่าขนลุกที่สุด
ให้แก่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า แต่ชายหนุ่มมิอาจทอดทิ้งท่านปู่ และ
อาหญิงเล็กที่เพิง่ ได้กลับมาพานพบกันไว้เพียงลําพัง ทั้งสองยังคง
อยูใ่ นเขตเพลิงคราม หากการต่อสู ก้ บั ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ายังคง
ติดพันอยูเ่ ช่นนี้อาจทําให้คนทั้งสองเป็ นอันตรายได้
สิ่ งที่ชายหนุ่มต้องการทําที่สุดคือการพาตัวทั้งสองไปยัง
สถานที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่กระทําได้
ก่อนจะรุ่ งสาง หยุนเช่อได้เดินออกจากหุบเขาอัคคีผลาญฟ้า
พร้อมกับเซี่ ยวเลี่ยและเซี่ยวหลิงซี เข้าใกล้เขตเพลิงครามยิง่ ขึ้น
เรื่ อยๆ เป็ นเวลานั้นเองที่ชายหนุ่มได้รับถ่ายทอดกระแสเสี ยง
จากหลิงเจี่ยอย่างคาดไม่ถึง
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เสี ยงร้องของวิหควายุประจิมก็ดงั
ขึ้นจากฟากฟ้าทิศเหนือ รัศมีปราณที่หลิงเจี่ยจงใจปลดปล่อย
ออกมาถูกประสาทสัมผัสอันแหลมคมของหยุนเช่อจับสังเกตได้
เช่นกัน หยุนเช่อซึ่งยืนอาบไล้ลมเย็นในยามเช้าพลันลุกขึ้นยืน
พร้อมกับที่ชายหนุ่มจุดอัคคีเทพหงสาบนฝ่ ามือของตน
วิหควายุประจิมเหิ นร่ อนลงในทันที แม้ระยะจะยังห่างไกล
แต่หลิงเจี่ยได้กระโดดลงจากหลังของมันอย่างร้อนรน ก่อนจะ
เดินโซเซมาเบื้องหน้าหยุนเช่อและกล่าวถามอย่างกังวล “ลูกพี่
ท่านสบายดีหรื อไม่? เอ๋ ?”
เมื่อมองไปยังเซี่ยวหลิงซีที่ยนื อยูข่ า้ งหยุนเช่อ และเซี่ยว
เหล่ยที่อยูห่ ่างออกไปไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มมองด้วยสายตาว่างเปล่า
ไปชัว่ ครู่ ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจระคนยินดี “สองคนนี้
คือสมาชิกครอบครัวของท่านที่ถูกตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจับตัวไป?
ท่านช่วยพวกเขาออกมาได้ท้ งั สองคน… ยอดไปเลย! สมแล้วที่
เป็ นลูกพี่ ท่านกลับทําสําเร็ จได้อย่างรวดเร็ วจริ งๆ”
“อืมม์!” หยุนเช่อพยักหน้าตอบด้วยรอยยิม้ ชายหนุ่มบ่ง
บอกได้วา่ สี หน้าร้อนใจและเป็ นห่วงของหลิงเจี่ยนั้นส่ งตรงมาจาก
จิตใจของเด็กหนุ่ม มิได้ป้ ันแต่งขึ้นมาแม้แต่นอ้ ย ในใจของชาย
หนุ่มพลันเปี่ ยมไปด้วยความรู ้สึกอบอุ่น “นี่คือท่านปู่ ของข้า ส่ วน
นี่อาหญิงเล็กของข้า… เขาคือน้องชายของข้า นายน้อยคนรอง
แห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์-หลิงเจี่ย”
หลิงเจี่ยรี บก้าวไปด้านหน้าและกล่าว “คารวะท่านปู่ เซี่ยว
เอ่อ… อืมมม… คารวะอาหญิงเล็ก… ผูเ้ ยาว์มีชื่อว่าหลิงเจี่ย พวก
ท่านจะเรี ยกข้าว่าเจี่ยน้อยก็ได้”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยวหลิงซีดูน่าจะอายุรุ่ นราวคราวเดียวกับตน
แล้ว คําว่า “อาหญิงเล็ก” ที่ออกจากปากของหลิงเจี่ยจึงดูกระอัก
กระอ่วนเขินอายอย่างยิง่ ในทางกลับกัน ตําแหน่ง “นายน้อยแห่ง
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์” ของเด็กหนุ่มย่อมทําให้เซี่ยวเหล่ยและ
เซี่ยวหลิงซี ตกตะลึงอย่างมาก เซี่ยวเหล่ยเปล่งเสี ยงหัวเราะ
อ่อนโยนพร้อมกับที่ดวงตาฉายแววความประหลาดใจและชื่นชม
ส่ วนเซี่ยวหลิงซี ตอบกลับอย่างตะลึงงันอยูบ่ า้ ง
“นายน้อย...หลิง… ช่วยข้าด้วย… ช่วยข้าด้วย…”
ขณะที่หลิงเจี่ยกําลังจะตอบอยูน่ ้ นั เอง สุ ม้ เสี ยงแห้งผากและ
แหบโหยพลันดังขึ้น หลังจากค้นหาต้นตอของเสี ยงแล้วหลิงเจี่ย
จึงพบว่ามันดังมาจากคนผูห้ นึ่งซึ่ งนอนอยูใ่ นพุม่ ไม้แห้งกรอบ
เบื้องขวาของเด็กหนุ่ม สายตาของคนผูน้ ้ นั เลื่อนลอย ใบหน้าซีด
เซียวไร้สีสนั ทั้งเสื้ อผ้าและผมเผ้าล้วนยุง่ เหยิง แขนขาสัน่
สะท้าน… ทัว่ ร่ างไม่มีร่องรอยพลังปราณอยูแ่ ม้แต่นอ้ ย เห็นได้ชดั
ว่าเส้นชีพจรลมปราณของมันถูกทําลายลง
“เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง!” เมื่อเด็กหนุ่มมองเห็นหน้าของมันชัดๆ หลิง
เจี่ยจึงตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง เด็กหนุ่มหันไปมองหยุนเช่อ
ด้วยความอัศจรรย์ใจ… ชายหนุ่มมิเพียงช่วยเหลือสมาชิกใน
ครอบครัวทั้งสองจากเงื้อมมือของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้สาํ เร็ จ
แต่ยงั ลักพาตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกลับอีกด้วย… ในอาณาจักรวายุคราม
จะหาบุคคลที่ทาํ เช่นนี้ได้อีกสักกี่คนกัน?
“ช่วยข้าด้วย… ช่วยข้าด้วย…” เมื่อเห็นว่าหลิงเจี่ยจดจํามัน
ได้ ประกายแห่งความหวังได้พาดผ่านในดวงตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
มันวิงวอนร้องขอ “พรรคใหญ่ท้ งั สี่ ของพวกเรา...ล้วนสนิทสนม
กลมเกลียว… ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของข้าและหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ลว้ นมีสมั พันธ์อนั ดีต่อกันมาเนิ่นนาน… ท่านต้อง… ช่วย
ข้า… ช่วยข้า…”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งหวาดกลัวต่อความตาย มันคาบช้อนทองมา
ตั้งแต่เกิด ทั้งฐานะและชาติตระกูลล้วนเหนือชั้นกว่าองค์ชายอยู่
มาก ชายหนุ่มล้วนเติบโตมาพร้อมกับเกียรติยศชื่อเสี ยง ทุกคน
ล้วนมีมนั เป็ นแบบอย่าง มันไม่เคยคิดเลยว่าคืนวันอันน่าอนาถ
เช่นนี้จะมาถึง
“เอ่อ เรื่ องนี้…” หลิงเจี่ยใช้นิ้วแตะปลายจมูก และกล่าวด้วย
สี หน้าขออภัย “หยุนเช่อเป็ นลูกพี่ของข้า แต่ท่านกับข้า… มิได้
สนิทกันมากมายนัก จะให้ขา้ ช่วยท่านจากลูกพี่ ไม่วา่ จะคิดเช่นไร
ก็ดูไม่เหมาะไม่ควร”
ความหวังที่เพิ่งบังเกิดขึ้นกับเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งล้วนแปรเปลี่ยน
เป็ นความสิ้ นหวังในทันที
“เจี่ยน้อย เจ้ามาที่นี่ทาํ ไม?” หยุนเช่อถาม
หลิงเจี่ยหันกลับมาตอบอย่างจริ งจัง “จริ งๆแล้ว เมื่อสี่ วนั
ก่อนข้าได้ข่าวว่าคนของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเดินทางไปยังเมือง
เมฆาล่องและพาคนกลับไปที่ตระกูลสองคน ทั้งยังเป็ นไปได้มา
กว่าทั้งสองคนนั้นเป็ นสมาชิกในครอบครัวของท่าน”
คิ้วของหยุนเช่อกระตุกในทันที… สมแล้วที่เป็ นหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าย่อมต้องลอบทําเรื่ องนี้อย่าง
เงียบเชียบอย่างยิง่ แต่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ยงั ล่วงรู ้เรื่ องนี้ได้อย่าง
รวดเร็ ว
“ครานั้นข้าทั้งโกรธและกังวล ข้าจึงโน้มน้าวให้ท่านพ่อ
ออกหน้า…” สี หน้าของหลิงเจี่ยแปรเปลี่ยนเป็ นกระอักกระอ่วน
ไปเล็กน้อย “แต่ท่านพ่อเป็ นบุคคลประเภทที่ไม่ยงุ่ กับเรื่ องราว
ของผูอ้ ื่น ดังนั้นข้าจึงออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพียงลําพัง
เตรี ยมจะมาที่นี่และเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าปล่อยตัว
ญาติของท่าน… ด้วยฐานะของข้า รวมทั้งอ้างชื่อของท่านพ่อของ
ข้า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจึงสมควรไว้หน้าข้าบ้าง มิเช่นนั้นหาก
เลวร้ายที่สุดพวกมันไม่ยอมปล่อยตัวประกัน ข้าจะข่มขู่วา่ จะ
เผยแพร่ การกระทําตํ่าช้าไร้ยางอายของพวกมัน ข้าอยากจะส่ งข่าว
เรื่ องนี้ให้ท่านทราบ แต่ขา้ กลัวว่าด้วยนิสยั ของท่านจะหุนหัน
จนเกินไป และกลัวจะรบกวนถึงเรื่ องที่ท่านกําลังกระทําอยู่
ดังนั้นข้าจึงมิได้บอกท่าน และวางแผนที่จะช่วยพวกเขาออกมา
ก่อน แต่ขา้ ไม่คาดคิดเลยว่าระหว่างทางมาที่นี่ ข้าจะได้ยนิ คนใน
หมู่บา้ นกล่าวว่าท่านได้ไปถึงตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแล้ว และยังได้
ต่อสู ค้ รั้งใหญ่ต่อคนตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มิเพียงเผชิญหน้ากับค่าย
กลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราที่กระทัง่ หมู่บา้ นของข้ายังบันทึกไว้ แต่
ท่านยังประมือกับกระทัง่ ประมุขตระกูลรุ่ นก่อน-เฟิ นอี้เจี๋ยและ
หัวหน้าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน-เฟิ นจื่อหยาที่ได้หลีกลี้จากทางโลกไป
เนิ่นนาน”
หยุนเช่อ “...”
เรื่ องที่เกิดขึ้นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
กลับล่วงรู ้ได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชดั ว่าในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ย่อมมีหูตาของหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์อยู!่
“เจี่ยน้อย ขอบคุณเจ้ามาก” หยุนเช่อกล่าวอย่างจริ งใจ คนผู ้
นี้ตะโกนออกมาว่าจะเป็ นลูกน้องของเขาด้วยความไร้เดียงสาและ
เลือดร้อนของผูเ้ ยาว์ แม้บดั นี้จะเติบโตขึ้นแล้ว แต่เด็กหนุ่มยัง
เดินทางมาเป็ นพันกิโลเมตรเพื่อเขาในสถานการณ์เช่นนี้ มิตรภาพ
ในครั้งนี้ยากยิง่ ที่ชายหนุ่มจะลืมเลือน
“มิตอ้ ง มิตอ้ ง” หลิงเจี่ยรี บร้อนโบกไม้โบกมือ “ข้าย่อมต้อง
ทําเรื่ องเหล่านี้เพือ่ ลูกพี่เป็ นธรรมดา ยิง่ ไปกว่านั้นข้ายังมิอาจช่วย
ท่านได้มากมาย” เมื่อกล่าวถึงจุดนี้แววตาของหลิงเจี่ยเริ่ มเปล่ง
ประกายเจิดจ้าพร้อมกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “ลูกพี่! ข้าไม่อาจ
เชื่อเลยว่าบัดนี้ท่านจะยอดเยีย่ มเช่นนี้! ท่านเล่นงานตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าจนปั่ นป่ วนวุน่ วายถึงเพียงนี้ดว้ ยตัวคนเดียว ยังกระทัง่
บังคับให้ประมุขรุ่ นก่อนเปิ ดเผยตัว บัดนี้ท่านยังกระทัง่ จับตัวเฟิ น
เจวีย๋ เฉิ ง… ลูกพี่ แต่ละสิ่ งที่ท่านทํานั้นทําให้ทว่ั หล้าตกตะลึงได้
ทั้งสิ้ น หากเรื่ องนี้แพร่ ออกไป บางทีอาจไม่มีคนเชื่อเลยก็เป็ นได้”
“พวกมันหาเรื่ องใส่ตวั เอง… อีกไม่นานทุกคนใต้หล้าจะรู ้
ว่าข้ามิเพียงแต่จะทําลายพรรคตระกูลอัคคีผลาญฟ้า แต่ยงั จะ
ทําลายชื่อเสี ยงและเกียรติภูมิของพวกมันให้หมดสิ้ น”
ขณะที่ชายหนุ่มกล่าวคํา สุ ม้ เสี ยงของหยุนเช่อล้วนสงบ
เยือกเย็น เมื่อมองไปยังชายหนุ่มทําให้จิตใจของหลิงเจี่ยสัน่
สะท้านขึ้นอย่างมิอาจควบคุม ถ้อยคําเหล่านี้ทาํ ให้เด็กหนุ่มรู ้ซ้ ึ งว่า
สมาชิกในครอบครัวของหยุนเช่อเป็ นราวกับระเบิดที่ไม่อาจแตะ
ต้องเช่นใด
เมื่อนึกย้อนกลับไปยังลานจัดสรรกระบี่ หยุนเช่อไม่ลงั เลที่
จะใช้ชีวติ ของตนแลกกับการช่วยเซี่ยหยวนป้า… สําหรับคนที่
สนิทสนมกับชายหนุ่ม หยุนเช่อนั้นเป็ นคนที่ใจร้อนและเสี ยสละ
อย่างยิง่ แต่กบั ศัตรู แล้ว ชายหนุ่มนั้นโหดเหี้ ยมราวกับปี ศาจ…
เวลานั้นเองหลิงเจี่ยจึงพลันยินดีท่ีตนเองมิใช่ศตั รู ของชายหนุ่ม
อีกทั้งยินดีที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์มิใช่ศตั รู ของชายหนุ่มเช่นกัน
“เจี่ยน้อย ข้ามีเรื่ องต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้า” หยุ
นเช่อกล่าว
หลิงเจี่ยผงกศีรษะรับ “บอกมาเลยลูกพี่ ข้าย่อมต้องกระทํา
อย่างสุ ดความสามารถอย่างแน่นอน”
หยุนเช่อหันกลับไปมองเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี “ช่วยพา
ท่านปู่ ของข้าและอาหญิงเล็กกลับไปยังนครหลวงวายุครามที
ก่อนหน้านี้ขา้ อยากพาพวกเขากลับไปยังเมืองจันทร์เสี้ ยวด้วยกัน
แต่ในเมื่อเจ้ามาข้าจึงเปลี่ยนใจแล้ว”
“ตกลง!” หลิงเจี่ยตอบรับอย่างไม่ลงั เล ก่อนจะถาม
“เช่นนั้น ท่าน…”
“เช่อน้อย เจ้าไม่กลับไปกับพวกเราหรื อ?” เซี่ยวหลิงซีจบั
ความคิดที่แฝงไว้ในถ้อยคําของชายหนุ่มได้ จึงรี บเดินไปรั้ง
หยุนเช่อเอื้อมกลับไปคว้ามือของเซี่ยวหลิงซี ก่อนจะมอง
ไปที่นางและเซี่ยวเหล่ย “เจี่ยน้อยเป็ นนายน้อยแห่งหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ หากมีเขาคอยคุม้ กัน พวกท่านย่อมสามารถกลับไปยังนคร
หลวงวายุครามได้อย่างปลอดภัย อีกไม่กี่วนั ข้าจะตามไป ข้า
สาบานว่าเพียงไม่กี่วนั ข้าจะกลับไปสมทบกับพวกท่านอย่าง
ปลอดภัย”
“เจ้า… เจ้าจะอยูจ่ ดั การกับตระกูลอัคคีผลาญฟ้า?” เซี่ยวหลิง
ซี เอ่ยแผ่วเบา พร้อมกับที่ม่านนํ้าตาเริ่ มเคลือบคลุมดวงตางาม “แต่
พวกเราหนีมาได้แล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังกลับไปหาอันตราย? ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้านั้นแข็งแกร่ งไร้เทียมทาน ข้าเกรงว่า… ข้าเกรง
ว่า…”
หยุนเช่อเผยยิม้ บาง พร้อมกล่าวอย่างเชื่องช้าแต่แน่วแน่
“เพราะข้าอยากให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้รู้ และให้ทุกคนใต้หล้า
นี้ได้รู้ ว่าหากกล้าแตะต้องกับท่านปู่ และอาหญิงเล็กของข้าแล้ว
พวกมันจะมีจุดจบเช่นไร!! เกลียดข้า ใส่ ร้ายข้า ลอบสังหารข้า ข้า
ยังพอทานทนได้ชวั่ ครู่ แต่หากมันกล้าแตะต้องพวกท่านแล้ว ไม่
ว่ามันจะเป็ นใคร ข้าย่อมไม่มีทางปล่อยมันไปแน่! ข้าจะใช้การ
สังหารล้มล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้านี้เป็ นเครื่ องมือบอกทุกคนว่า
การทําร้ายพวกท่านจะมีผลที่ตามมาอย่างไร!”
ตลอดชีวติ ในทวีปเมฆคราม หยุนเช่อเข้าใจในเรื่ องนี้อย่าง
กระจ่างแจ้ง
ชายหนุ่มอยากให้เซี่ยวหลิงซีและเซี่ยวเหล่ยปลอดภัยอย่าง
แท้จริ งภายในอาณาจักรวายุคราม โดยไม่กล้ามีผใู ้ ดข่มเหงและทํา
ร้ายทั้งสองได้
“แต่วา่ … แต่วา่ … อือ… ท่านพ่อ ท่านห้ามเช่อน้อยที ข้า
กลัวว่าจะมีเรื่ องเกิดขึ้นกับเขา” เซี่ยวหลิงซีมองไปยังเซี่ยวเหล่ย
ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
“เรื่ องนี้ขา้ สนับสนุนการตัดสิ นใจของลูกเช่อ” เซี่ยวเหล่ย
ถอนหายใจเล็กน้อย
“อ๊ะ?” ริ มฝี ปากแดงสดใสของเซี่ยวหลิงซีเผยอขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
“ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถูกกดดันถึงขั้นนี้ แม้ลูกเช่อจะหยุด
ที่นี่ พวกมันย่อมไม่มีทางปล่อยลูกเช่อไปอย่างแน่นอน” เซี่ยว
เหล่ยเดินมาตบไหล่ของหยุนเช่อแผ่วเบา “การพัฒนาของเจ้า
สําหรับข้าแล้วราวกับความฝัน เมื่อข้าได้เห็นเจ้าในตอนนี้แล้ว แม้
ข้าจะต้องตายลงตอนนี้ยงั คงรู ้สึกซาบซึ้ งใจอย่างยิง่ จงทําสิ่ งที่
หัวใจของเจ้าต้องการ หลิงซีและข้าจะเดินเที่ยวในนครหลวงวายุ
คราม รอการได้พบกับเจ้าอีกครั้ง”
“ขอรับ… ขอรับ!” หยุนเช่อพยักหน้าซํ้าแล้วซํ้าเล่า ชาย
หนุ่มขยับปากราวกับกําลังจะกล่าวสิ่ งใดออกมา แต่แล้วก็เริ่ มลังเล
“ท่านปู่ มีบางสิ่ งที่ขา้ ไม่รู้วา่ สมควรบอกแก่ท่านหรื อไม่”
“ฮ่าฮ่า” เซี่ยวเหล่ยแย้มยิม้ อ่อนโยน “ชีวติ นี้ของข้า ได้รับทั้ง
แผลกายและแผลใจมานับไม่ถว้ น ในโลกนี้ลว้ นไม่มีส่ิ งที่ขา้ ไม่
สามารถทานทนได้อีกแล้ว ไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องใดก็จงกล่าวออกมา
เถอะ”
การสู ญเสี ยบุตร สูญเสี ยหลานชาย สู ญเสี ยภรรยา… หลายปี
ที่ผนั ผ่านมานี้เซี่ยวเหล่ยต้องทนทุกข์ถึงเพียงใด หยุนเช่อพลัน
รู ้สึกขมขื่นขึ้นมา ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “ท่านปู่ ข้า
ได้ทราบแล้วว่าเป็ นผูใ้ ดที่ไล่ล่าบิดามารดาของข้าและสังหารท่าน
ลุงเซี่ ยวในตอนนั้น”
แต่เดิมรัศมีพลังของเซี่ยวเหล่ยเยือกเย็นราวกับนํ้านิ่งไร้
ระลอกคลื่น แต่เมื่อหยุนเช่อกล่าวจบลง ทัว่ ร่ างชายชราพลันสัน่
สะท้านรุ นแรงพร้อมกับที่นยั น์ตาเต็มไปด้วยหยาดนํ้า จนเวลา
ผ่านไปนานชายชราจึงค่อยหันศีรษะมาถามด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เทา
“เจ้า...ว่าอย่างไร? เจ้าพบ...ฆาตกรแล้ว?”
เซี่ยวยิงเป็ นบุตรชายที่มนั ภาคภูมิใจอย่างมาก ทั้งยังเป็ น
บุตรชายคนเดียวกลับถูกผูค้ นเข่นฆ่า ลูกสะใภ้ของมันก็ฆ่าตัวตาย
อย่างเศร้าโศก หลังจากภรรยาของมันให้กาํ เนิดเซี่ยวหลิงซีนางก็
สิ้ นใจลงด้วยความเศร้าสร้อยและคะนึงหา… ชีวติ ของเซี่ยวเหล่ย
ได้ตกลงสู่ ขมุ นรกแห่งความทุกข์อนั ลึกลํ้าไร้ที่สิ้นสุ ด หากมิใช่
ต้องเลี้ยงดูเซี่ ยวหลิงซีและหยุนเช่อแล้ว บางทีมนั อาจตามภรรยา
ของตนไปเนิ่นนานแล้ว
ความเกลียดชังเดียวตลอดชีวติ ของมันทุ่มเทให้กบั ฆาตกรที่
ฆ่าบุตรชายของตน มันตามหาตัวคนร้ายตลอดสิ บปี เต็มโดยไม่
หยุดหย่อน… มันผูซ้ ่ ึ งมีนิสยั อ่อนโยนและจิตใจดีงาม ผูซ้ ่ ึงในชีวติ
นี้ไม่เคยสังหารคนเลยแม้แต่คนเดียว อยากกระทัง่ ฉี กทึ้งร่ างของ
คนผูน้ ้ นั ให้กลายเป็ นชิ้นๆ ด้วยวิธีอนั โหดเหี้ ยมที่สุดเท่าทีมี!
บทที่ 343 คําแนะนําของหลิงเจี่ย
หลังจากถูกเพลิงเทพหงสาเผาผลาญไปเมื่อคืนก่อน ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าก็ปั่นป่ วนวุน่ วายยิง่ ทัว่ บริ เวณสํานักเต็มไปด้วยกลิ่น
ไหม้คละคลุง้ ผูใ้ ดจะคาดคิดว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันยิง่ ใหญ่
และดูหมิ่นโลกหล้าอย่างเย่อหยิง่ วันหนึ่งจะตกอยูใ่ นสภาพน่าอด
สู ถึงเพียงนี้ ซํ้ายังเป็ นเพราะฝี มือของคนคนเดียวอีก
พวกมันเคยคาดว่าการปรากฎตัวของผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน
และผูอ้ าวุโสใหญ่จะหยุดยั้งหายนะของหยุนเช่อได้ แต่ภายในวัน
เดียว ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าก็ถูกทําลายจนเละเทะอย่างคาดไม่ถึง
อีกครั้ง
เฟิ นอี้เจี๋ยนอนมิหลับทั้งคืน บุคลิกท่าทีของมันสุดโต่งตั้งแต่
ยังเยาว์ และแทบไม่เคยพ่ายแพ้เมื่อเติบโตขึ้นจนท้ายที่สุดก็ได้
กลายเป็ นหนึ่งในผูท้ ี่ยนื หยัดอยูบ่ นจุดสู งสุ ดของจักรวรรดิวายุ
คราม มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าหลังจากปลีกตัวฝึ กฝนฝี มือมานานปี
มันกลับถูกเด็กอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี หยอกล้อจนต้องอับอาย จิตที่สงบ
นิ่งมากว่ายีส่ ิ บปี ของมันยังแทบพังทลายลงเพราะเรื่ องนี้
ในหอประชุมใหญ่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในยามรุ่ งสาง จาก
เจ้าตําหนักสามสิ บสามคนและยีส่ ิ บผูอ้ าวุโส กลับหลงเหลือเพียง
ยีส่ ิ บสองคนเท่านั้น ซํ้ากว่าครึ่ งก็มีร่องรอยบาดเจ็บบนร่ าง พวก
มันมองหน้ากันด้วยแววตาเสี ยใจ ทันทีที่เฟิ นอี้เจี๋ยมาถึง ภายนอก
พลันบังเกิดสุ ม้ เสี ยงตกใจ “ท่านเจ้าตระกูล แย่… แย่แล้ว!”
เฟิ นต้วนหุนผุดลุกขึ้นพร้อมเอ่ยด้วยเสี ยงเคร่ งขรึ ม “เกิด
อะไรขึ้นถึงได้แตกตื่นเช่นนี้!”
“ปะ… เป็ นนายน้อย! ท่านถูกห้อยอยูบ่ นประตูเมืองเพลิง
ครามตอนนี้!!”
“วะ… ว่าไงนะ!!”
เหล่าผูอ้ าวุโสล้วนแต่ผดุ ลุกขึ้นด้วยความตกใจ ในหัวของ
เฟิ นต้วนหุนพลันตื้อตัน โทสะของมันแทบจะระเบิดออกมา
“พิกลนัก!!” กระดูกทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี๋ยส่งเสี ยงดังลัน่ ขณะมัน
พุง่ ร่ างออกไปอย่างว่องไวด้วยโทสะลึกลํ้า… ขณะมันกําลังจะยํา่
เท้าออกนอกเขตสํานัก มันพลันฝื นใจหยุดเท้าขบฟันแน่น ก่อนจะ
สะกดโทสะสุ ดกําลังเพื่อเอ่ยปาก “หยุนเช่อนั้นเหลี่ยมจัดนัก นี่
อาจเป็ นมันล่อพยัคฆ์ออกจากถํ้าอีกครั้งก็เป็ นได้… จื่อหยา เจ้าอยู่
ที่นี่ไว้!”
“รับทราบ!” เฟิ นจื่อหยาหยุดเท้าก่อนจะพยักหน้ารับ
เล็กน้อย พริ บตาต่อมาเฟิ นอี้เจี๋ยก็ทะยานร่ างขึ้นฟ้าตรงสู่ เมืองเพลิง
ครามโดยมีเฟิ นต้วนหนและสิ บสองผูอ้ าวุโสติดตามไปอย่าง
ใกล้ชิด
บริ เวณประตูเมืองเพลิงครามเต็มไปด้วยผูค้ นมามุงดู
มากมาย
เหนือประตูเมืองสู งชะลูด มีคนผูห้ นึ่งถูกแขวนไว้ดว้ ยเชือก
ยาวเส้นหนา คนผูน้ ้ นั ถูกเปลื้องเสื้ อผ้าออกจนหมด เส้นผมของมัน
รุ งรังดุจรังนก ทัว่ ร่ างไร้ซ่ ึ งเรี่ ยวแรงไม่ขดั ขืนแม้แต่นอ้ ย แม้สอง
ตามันจะยังเปิ ด แต่กไ็ ร้ซ่ ึ งแววตาอันใดราวกับคนตาย ทว่า
กล้ามเนื้อบนร่ างที่กระตุกเป็ นครั้งคราวบ่งบอกว่ามันยังมีชีวติ อยู่
แดนเพลิงครามนั้นร้อนระอุตลอดปี กระทัง่ สายลมยามเช้า
ยังร้อนแรง แต่คนที่ถูกมัดไว้เหนือประตูเมืองผูน้ ้ ีกลับตัวสัน่ ไม่
หยุดใต้สายลมร้อน หว่างขามันปรากฎหนอนน้อยขนาดเท่า
นิ้วก้อยแกว่งไกวเป็ นครั้งคราว
ผูค้ นยิง่ มารวมตัวกันบริ เวณประตูเมืองมากขึ้นทุกที และ
เมื่อทุกคนได้เห็นคนที่ถูกมัดไว้อย่างชัดตาก็ลว้ นแต่ตกตะลึงจน
ทําอะไรไม่ถูก… เพราะคนผูน้ ้ ีไม่มีใครในแดนเพลิงครามไม่รู้จกั
มันคืออันดับหนึ่งของคนรุ่ นเยาว์ในแดนเพลิงคราม และยังเป็ น
ผูป้ กครองแดนเพลิงครามที่ไม่มีผใู ้ ดกล้าลบหลู่ในอนาคตอีก
นัน่ คือนายน้อยแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง!
ตัวตนอันสู งส่ ง ณ จุดสู งสุ ดในอาณาจักรวายุครามนี้ กลับ
ถูกเปลื้องผ้าล่อนจ้อนแขวนประจานอยูท่ ี่หน้าประตูเมือง! ผูค้ น
ภายในเมืองเพลิงครามต่างแตกตื่นตระหนก พวกมันแทบไม่อาจ
เชื่อสายตาตนเองได้ เจ้าเมืองเพลิงครามตะเกียกตะกายมาถึงอย่าง
รวดเร็ วทันทีที่ได้รับทราบข่าว หากทว่ามันเอาแต่ขดตัวอยูม่ ุม
หนึ่ง ไม่กล้าออกคําสัง่ ในการนําร่ างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งลงมา...ใน
ฐานะเจ้าเมืองเมืองหนึ่ง มันย่อมไม่โง่เขลา ผูค้ นที่ใจกล้าบังอาจ
ทั้งยังมีความสามารถดูหมิ่นเหยียดหยามนายน้อยตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าได้ถึงเพียงนี้ ย่อมต้องเป็ นบุคคลที่มนั ไม่อาจล่วงเกินได้
อย่างแน่นอน หากมันออกคําสัง่ ให้นาํ ตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิงลงมา
เป็ นไปได้อย่างสู งว่าย่อมเป็ นการล่วงเกินศัตรู ผนู ้ ่ากลัวอีกผูห้ นึ่ง
ฝูงชนที่มามุงดูเริ่ มทวีจาํ นวนมากขึ้นเรื่ อยๆ ข่าวใหญ่โต
มโหฬารที่เพียงพอในการปั่นป่ วนทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุครามนี้แพร่
สะพัดไม่ทว่ั ด้วยระดับความเร็ วอันน่าตระหนก เนื่องด้วยแรง
ขับเคลื่อนจากยันตร์สื่อสาร ข่าวชิ้นนี้ถูกแพร่ ออกไปยังนครหลวง
วายุครามเนิ่นนานแล้ว
ในสายตาของเหล่าผูช้ ม ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเดิมเป็ นตัวตน
อันสู งส่ งจนมิอาจปี นป่ ายถึง เพียงศฺษย์ผหู ้ นึ่งของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้ายังได้รับความริ ษยาจากบุคคลทัว่ ไป ไม่มีผใู ้ ดอาจหาญ
ล่วงเกินพวกมัน ผูค้ นต่างไม่คาดคิดมาก่อนในชีวติ ว่าจะมีโอกาส
ได้เห็นภาพเหตุการณ์เยีย่ งนี้ ต่างสัมผัสความรู ้สึกได้อย่างเลือน
รางว่า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ที่แผ่อิทธิพลในอาณาเขตเมืองเพลิง
ครามนี้มาเนิ่นนาน กําลังก้าวเข้าสู่ ยคุ สมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
แล้ว
คลื่นกระแสลมแปลกประหลาดหวีดหวิวมาจากทางทิศใต้
รัศมีพลังอันยิง่ ใหญ่ไร้ตา้ นทานสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ส่ งผลให้
ผูค้ นแทบลมหายใจขาดห้วงลงโดยพร้อมเพรี ยงกัน ทรวงอกของ
ทั้งหมดอึดอัดคับข้องราวถูกหิ นใหญ่หนักร่ วมห้าร้อยกิโลกรัมกด
ทับไว้ ต่างพากันมองไปยังทิศใต้ในเวลาเดียวกัน...เบื้องบน
ห้วงอากาศ ปรากฏจุดเล็กๆ สี ดาํ จุดหนึ่ง ทว่าในพริ บตาเดียว จุดสี
ดําเล็กๆ พลันยืดขยายบดบังสายตาของพวกมัน ระดับความรวด
เร็ ซของจุดสี ดาํ นี่ ช่างเหนือความเข้าใจของพวกมันไปโดยสิ้นเชิง
เฟิ นอี้เจี๋ยโบยบินมาด้วยระดับความเร็ วสุดแสน ทันทีที่
บรรลุถึงหน้าประตูเมืองเพลิงคราม มันจึงสามารถมองเห็นเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงที่ถูกเปลื้องเสื้ อผ้า แขวนห้อยต่องแต่งอยูก่ บั ประตูเมืองได้
ทันทีที่กวาดสายตามอง ทางด้านล่าง ปรากฏฝูงชนจํานวน
มหาศาล กําลังยกนิ้วชี้ไปทางเฟิ นเจวีย๋ เฉิง พร้อมทั้ง
วิพากษ์วจิ ารณ์เป็ นการใหญ่ ดวงตาทั้งคู่ขอเฟิ นอี้เจี๋ยเบิกกว้าง
ทรวงอกของมันแทบระเบิดออกในทันทีจากความโกรธเกรี้ ยว
และความอัปยศอดสู
“ย๊ากกกกกก!!!” เฟิ นอี้เจี๋ยผูฝ้ ึ กจิตใจมาเป็ นเวลานับสิ บปี
บุคคลที่มีอายุยนื ยาวมาร่ วมร้อยปี ผูน้ ้ ี ถึงกับเปล่งเสี ยงคํารามราว
สัตว์ป่าบ้าคลัง่ ตนหนึ่งออกมา ท่ามกลางเสี ยงกู่ร้องตะโกนก้อง
ทัว่ ร่ างของมันท่วมท้นด้วยเปลวเพลิง มันยืน่ ฝ่ ามือทั้งคู่ออกมาที่
เบื้องหน้า คว้าจับไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งที่ถูกห้อยอยูก่ ลางอากาศ
ทันทีที่ฝ่ามือของมันห่างจากร่ างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งไม่ถึงสิ บ
ห้าเมตร เปลวเพลิงรู ปหงส์อคั คีพลันพวยพุง่ เข้าใส่ ใบหน้าของมัน
ในพริ บตา เฟิ นอี้เจี๋ยสองตาแดงหํ่าดุจโลหิ ต มันล่าถอยหลบเลี่ยง
ในทันที ก่อนจะตบเข้าใส่ หงส์เพลิงตัวนั้นอย่างไร้ปรานี ดวงตาที่
แทบระเบิดถลนออกจับจ้องไปยังเงาร่ างของคนผูห้ นึ่งที่ยนื อยู่
เบื้องล่างมัน
หยุนเช่อก้าวเท้าออกมาเบื้องหน้าด้วยฝี เท้าปลอดโปร่ ง
พร้อมทั้งลากกระบี่ทณั ฑ์มงั กรติดตามหลังมาด้วย ทุกก้าวที่วาง
เท้าลงไป ล้วนปรากฏรอยปริ แยกบนพื้นดิน พร้อมทั้งร่ องรอย
ประทับฝ่ าเท้าอันลึกลํ้า ชายหนุ่มจับจ้องเฟิ นอี้เจี๋ยที่กลางอากาศ
ก่อนเชิดจมูกเหยียดเย้ย “ในที่สุดเจ้าก็มา ถึงกับทําให้ขา้ ต้องรอ
คอยอย่างยาวนานถึงเพียงนี้ ดูท่านหลานชายคนนี้คงมิได้
สลักสําคัญอันใดต่อเจ้ามากมาย”
“หมูโสโครก!!” ทรวงอกเฟิ นอี้เจี๋ยหอบขึ้นลงด้วยความ
รุ นแรง ท่วมท้นปั่ นป่ วนไปด้วยคลื่นรังสี ฆ่าฟันที่มนั ปรารถนา
แปรสภาพให้เป็ นวัตถุเพื่อฉี กกระชากร่ างหยุนเช่อเป็ นชิ้นเล็กชิ้น
น้อย “ข้าจะต้อง...ป่ นกระดูกเจ้าให้แหลกเละด้วยสองมือของข้า
เอง!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยนิ คํากล่าวของเฟิ นอี้เจี๋ย หยุนเช่อเปล่ง
เสี ยงหัวเราะเย้ยหยันถึงขีดสุ ด
“เจ้าหัวเราะอะไร!” สี หน้าของเฟิ นอี้เจี๋ยแปรเปลี่ยนเป็ นยะ
เยียบเย็นชาและมืดทะมึนอย่างยิง่
“ข้าหัวเราะ เพราะตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเจ้าเพียงเป็ นสถานที่
สุ มหัวของเหล่าตัวโง่งมอวดดีเช่นพวกเจ้าน่ะสิ ” หยุนเช่อยกกระบี่
ทัณฑ์มงั กร ปลายกระบี่ช้ ีไปยังกลางอากาศที่เฟิ นอี้เจี๋ยลอยตัวอยู่
คลื่นรัศมีพลังที่แฝงไว้ดว้ ยอํานาจของเทวะมังกรอันแท้จริ งค่อยๆ
ถูกปลดปล่อยออกมาโดยรอบ ส่ งผลให้เหล่าผูค้ นในที่น้ นั ต่าง
วิงเวียนและอึดอัดในทรวงอก ก่อนจะเร่ งรี บถอยเท้าไปห่างไกล
ด้วยความหวาดกลัว กระทัง่ ถอยร่ นเข้าสู่ ระยะที่พวกมันไม่รู้สึกถึง
ความอันตรายอีกต่อไป “เดิมที ข้ามีเรื่ องราวมากหลายที่
จําเป็ นต้องสะสาง ทั้งไม่คิดเสี ยเวลาวุน่ วายกับตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าของเจ้า ทว่าพวกเจ้าถึงกับใช้วธิ ีต่าํ ช้า บีบคั้นข้ามายังหน้าประตู
บ้านเจ้าด้วยตนเอง ที่ตอ้ งน่าอเนจอนาจถึงเพียงนี้ในวันนี้ พวกเจ้า
เพียงสามารถโทษว่าตนเองได้เท่านั้น นี่ไม่มีใดอยุติธรรมแม้แต่
น้อย! สําหรับเจ้า...เฮอะ เจ้าคิดจริ งๆหรื อว่าที่ขา้ หลีกเลี่ยงเจ้า
ตลอดมา เป็ นเพราะข้าเกรงกลัวต่อเจ้า?”
“เฮอะ อาจบางที สิ บปี ข้างหน้า ข้าย่อมต้องหวาดกลัวเจ้า
ทว่าตัวเจ้าในตอนนี้ ไม่มีคุณสมบัติอวดโอ่ต่อหน้าข้า! น่าสมเพช
ที่เจ้าไม่มีทางอยูร่ อดไปได้ถึงสิ บปี ข้างหน้า เนื่องเพราะวันนี้ ข้า
จะเป็ นคนจัดการเจ้าด้วยตนเอง!”
หยุนเช่อย่นจมูกเย้ยหยันคราหนึ่ง “ข้าไม่รู้วา่ ตนเองสามารถ
มีชีวติ ไปอีกสิ บปี หรื อไม่ แต่ท้ ี่ขาแน่ใจอย่างยิง่ คือเจ้า...ไม่มีทางอยู่
ไปอีกสิ บปี อย่างแน่นอน!”
ขณะเดียวกับที่มนั กล่าวคํา หยุนเช่อพลันจู่โจมออกอย่าง
โหดเหี้ ยม รัศมีกระบี่แผ่กาํ จายครอบคลุมทัณฑ์มงั กร มันกวาด
กระบี่ซ่ ึ งแฝงไปด้วยพายุอนั บ้าคลัง่ โหมเข้าใส่ เฟิ นอี้เจี๋ย
“เจ้าเด็กอวดดี! วันนี้เจ้าจะได้รู้ถึงผลของการกระตุน้ โทสะ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของข้า!”
เฟิ นอี้เจี๋ยสะบัดฝ่ ามือออก เปลวอัคคีสามสายหนากว่าหนึ่ง
ฟุตพลันพุง่ ออกมาอย่างเกรี้ ยวกราด ระเบิดออกกลางอากาศ
ส่ งผลให้การโจมตีของหยุนเช่ออ่อนกําลังลงอย่างรวดเร็ ว
“เพลิงอัคคีผลาญฟ้า,เพลิงกายานรกานตร์!”
เปลวเพลิงสี ม่วงปะทุปกคลุมทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี๋ย เส้นผมสี ดาํ
ของมันลุกฮือขึ้นตั้งต้านแรงโน้มถ่วง คลื่นเปลวเพลิงคลื่นแล้ว
คลื่นเล่าพวยพุง่ สู่ ทอ้ งฟ้าราวกับเปลวเพลิงจากนรกโลกันต์ กักขัง
หยุนเช่อเอาไว้ในแบบที่ปิดคลุมทัว่ ฟ้า
เสี ยงร้องตื่นตกใจดังสะท้อนก้องจากทัว่ ทุกที่บริ เวณหน้า
ประตูเมือง รัศมีเพลิงสี ม่วงซึ่งปะทุปิดคลุมผืนฟ้านี้อยูห่ ่างจากฝูง
ชนที่ใกล้ที่สุดราวครึ่ งกิโลเมตร หากแต่พวกมันยังคงรู ้สึกราวถูก
นําไปปล่อยไว้ในลาวาเดือดพล่านโดยไม่ทนั ได้ต้ งั ตัว ทัว่ ทั้งร่ าง
พวกมันแทบถูกเผา ตลอดชีวติ ที่ผา่ นมาพวกมันไม่เคยพบเจอพลัง
มหาศาลอันน่าพรั่นพรึ งเช่นนี้มาก่อน พวกมันส่ วนหนึ่งหลบหนี
อย่างหวาดกลัวพร้อมกับหวีดร้อง อีกส่ วน ยืนนิ่งขึงอยูก่ บั ที่จอ้ ง
มองเปลวเพลิงสี ม่วงทั้งหมดตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลน...เนื่อง
เพราะในชีวติ นี้ พวกมันคงไม่อาจมีโอกาสได้เป็ นพยานในการ
ต่อสู ร้ ะดับสู งเช่นนี้อีก
"แล้วเจ้าจะได้รู้วา่ เปลวเพลิงอัคคีผลาญฟ้าที่แท้จริ งเป็ นเช่น
ไร!! ข้าจะเผาเจ้าจนแม้แต่เถ้าถ่านกระดูกก็ไม่หลงเหลือ...ตาย!!"
คํากล่าวของเฟิ นอี้เจี๋ยทั้งไร้ความปราณี และน่าสยดสยอง
ความเกลียดชังที่มนั มีต่อหยุนเช่อฝังลึกซึมลงไปถึงไขกระดูก แม้
ต้องเผชิญกับเปลวเพลิงอัคคีผลาญฟ้า หยุนเช่อยังคงกุมทัณฑ์
มังกรไว้ในมือและมิได้ขยับเคลื่อนไหว อีกทั้งยังปล่อยให้เปลว
เพลิงสี ม่วงเหล่านั้นทะลักทลายเข้าครอบคลุมตัวมันเองจนกลืน
กินร่ างมันไว้ภายในอย่างสมบูรณ์
“สลาย!!”
เสี ยงอันชัว่ ร้ายตามติดด้วยเสี ยงครวญมังกรซึ่งสัน่ คลอนจิต
วิญญาณของผูค้ นดังออกมาจากเปลวเพลิงสี ม่วง ปัดเป่ าเปลวเพลิง
ที่กลืนกินหยุนเช่ออยูอ่ อกไปในทันที ทั้งยังเปลี่ยนเปลวเพลิง
เหล่านั้นให้เป็ นเพียงเศษเปลวเพลิงกระจัดกระจายออกไปทัว่ ทุก
ทิศทาง หยุนเช่อยังคงยืนอยูโ่ ดยมิได้รับอันตรายใดๆ ไม่แม้แต่
เส้นผมซักเส้นของมันจะถูกเผา มันหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
"โอ้...นี่คือเปลวเพลิงอัคคีผลาญฟ้าที่เจ้ากล่าวถึงรึ ข้าได้ประจักษ์
แล้ว...ช่างน่าหัวร่ อจนสี ขา้ งถลอกเสี ยจริ ง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
"เจ้า..." ดวงตาของเฟิ นอี้เจี๋ยปูดโปนเล็กน้อยขณะที่ความตก
ตะลึงปรากฏทัว่ ใบหน้า ฝ่ ามือของมันคว้าจับออก ดาบยาวสี
โลหิ ตเก้าฟุตพลันปรากฎในมือ ตัวดาบถูกห่อหุม้ ด้วยเพลิงร้อน
ระอุ...นามของดาบนี้คือ "อัคคีอาญาสิ ทธิ์" หนึ่งในสองศาสตราวุธ
ชั้นปราณฟ้าที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถือครอง เป็ นมรดกตกทอด
จากบรรพบุรุษผูก้ ่อตั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หากใช้ดาบเล่มนี้
ร่ วมกับกระบวนท่าสายอัคคีกจ็ ะสามารถแสดงพลังออกมาได้มาก
ยิง่ ขึ้น
“ข้าเกือบลืมไปว่าเจ้าสามารถปลดปล่อยเพลิงเทพหงสาได้
...ทั้งยังไม่เกรงกลัวเปลวไฟ เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าได้ตายภายใต้คม
ดาบผลาญฟ้า!”
เฟิ นอี้เจี๋ยพลันเหิ นร่ างลงมาอย่างกะทันหันพร้อมทิ่มแทง
ดาบออก ส่ งรังสี ดาบความยาวกว่าสิ บห้าเมตรที่ปกคลุมด้วยเปลว
ไฟสี ม่วงร้อนแผดเผารายล้อมรอบพุง่ ตรงไปเบื้องหน้า
เปรี้ ยง!เปรี้ ยง! เปรี้ ยง!
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรต้านปะทะเข้าใส่ รังสี ดาบ เพียงระยะเวลา
ชัว่ พริ บตา คมกระบี่และรังสี ดาบปะทะหักล้างกันไม่ต่าํ กว่าสิ บ
ครั้ง อัคคีสีม่วงอันร้อนแรงถูกปัดกระแทกแตกกระจายไปทัว่
บริ เวณ สุ ม้ เสี ยงคมกระบี่ปะทะกันเสี ยดแทงแก้วหูผคู ้ นจนแทบหู
ดับดังสะท้านจนกระทัง่ ผูท้ ี่ยนื ห่างไปหลายกิโลเมตรยังสามารถ
ได้ยนิ อย่างชัดเจน
“ราชันย์พโิ รธ!!”
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดสู งขึ้นกลางอากาศ พลังของตัวกระบี่
พลันเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล กระบี่หนาหนักกวาดปะทะเข้ากับรังสี
ดาบอันทรงอานุภาพ
เปรี้ยง!!!
รังสี ดาบยาวสิ บห้าเมตรพลันสลายหายไป พลังที่หลงเหลือ
จากตัวกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรยังคงพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า ระเบิดเข้าใส่
เฟิ นอี้เจี๋ย เฟิ นอี้เจี๋ยพ่นลมออกจมูกคราหนึ่ง มันยกฝ่ ามือฟาดหวด
ลงเบื้องล่างเพื่อสลายพลังโจมตีของกระบี่ ชัว่ วินาทีน้ ีเอง ที่พลัน
ปรากฏลูกบอลอัคคีสีม่วงขึ้นที่เบื้องหลังหยุนเช่อ ที่รอบกายชาย
หนุ่ม ยังปรากฏวงแหวนอัคคีสีม่วงขนาดยักษ์ข้ ึนในเวลาเดียวกัน
“เขตแดน... ผลาญ… สวรรค์!!”
บทที่ 345 ฝี มืออันอํามหิต
“ลูกเฉิ ง!!!!”
ม่านตาของเฟิ นต้วนหุนหดเล็กลงขณะมันเปล่งเสี ยงร้อง
ออกมา ตอนนั้นเองเชือกที่ตรึ งร่ างเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งไว้กถ็ ูกเผาไหม้จน
หมดสิ้ น เฟิ นต้วนหุนเร่ งรุ ดไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผูซ้ ่ ึงร่ วงลงสู่ พ้นื
พลางเร่ งพลังลมปราณของตนขึ้นโดยไม่ออมแรง ทว่ามันกลับมิ
อาจสงบเปลวเพลิงบนร่ างของอีกฝ่ ายได้แม้แต่นอ้ ย… มันทําได้
เพียงเบิกตากว้างจับจ้องบุตรชายของตนดิ้นรนเป็ นครั้งสุ ดท้ายใน
ฐานะคนเป็ น ก่อนจะกลายเป็ นเพียงเถ้าถุลีต่อหน้าต่อหน้า
เพลิงเทพหงสานั้นเหนือลํ้ากว่าเพลิงปราณสามัญทุก
รู ปแบบมากนัก เพียงไม่กี่อึดใจ ร่ างเฟิ นเจวีย่ เฉิ งก็มอดไหม้จน
หมดสิ้ น กระทัง่ กระดูกมันยังกลายเป็ นเถ้าถุลี มิตอ้ งพูดถึงซากศพ
กระทัง่ เถ้ากระดูกมันก็ถูกสายลมพัดกระจายไป เฟิ นต้วนหุนได้
แต่ยนื หน้าซี ดอยูก่ บั ที่ ราวกับมันเพิ่งได้พบเจอกับฝันร้ายอันน่า
กลัว ก่อนที่มนั จะสะบัดมือชี้นิ้วอันสัน่ เทาไปยังหยุนเช่อพลางส่ ง
เสี ยงกู่ร้องแหบแห้ง “หยุนเช่อ… เจ้า… หัวใจเจ้าช่างอํามหิ ตนัก!”
ใบหน้าหยุนเช่อฉาบด้วยรอยยิม้ เย็นเยียบขณะมันพึมพํา
อย่างแผ่วเบา “ข้าดีกบั ผูท้ ี่ดีต่อข้าเท่านั้น ข้าไม่รู้วา่ จะทําดีกบั คนที่
ตํ่าช้ากว่าสุ นขั สุ กรไปเพื่ออะไร! เหตุที่ขา้ รอจนเจ้ามาถึงแล้วจึงลง
มือสังหารมันก็เพื่อให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของการสู ญเสี ย
คนรักยามที่มาหาเรื่ องกับข้า!!”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
เฟิ นต้วนหุนไม่อาจควบคุมอารมณ์ตวั เองได้อีก มันหยิบ
ดาบอัคคีผลาญฟ้าพลางส่ งเสี ยงกู่ร้องก่อนจะพุง่ ร่ างเข้าหาหยุ
นเช่อพร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลัง่
“เจ้ามิใช่คู่มือมัน ถอยกลับมา!” เฟิ นอี้เจี๋ยตะโกน
เฟิ นต้วนหุนผูม้ ิเคยขัดคําสัง่ กลับเมินเฉยเสี ยงตะโกนของ
บิดามันขณะทะยานเข้าหาหยุนเช่อราวกับคนบ้า แม้แต่พลัง
ลมปราณในร่ างมันก็ยงั ปั่นป่ วน
เคร้ง!!
ดาบอัคคีผลาญฟ้าในมือเฟิ นต้วนหุนถูกหยุนเช่อฟาด
กระเด็นในกระบี่เดียว ก่อนที่กระบี่ต่อมาจะซัดเข้าที่ทรวงอกมัน
ทุบทําลายม่านลมปราณคุม้ กายจนแตกสลายในพริ บตา เฟิ นต้วน
หุนพลันกระอักโลหิตก่อนจะหมดสติด่ิงร่ างลงจากฟ้า
มันผูบ้ รรลุเพียงลมปราณฟ้าขั้นเก้า ย่อมมิใช่คู่มือหยุนเช่อ
ด้วยสภาวะจิตใจอันปั่ นป่ วนของมัน เพียงสองกระบวนท่าของหยุ
นเช่อก็ทาํ ให้มนั บาดเจ็บสาหัสแล้ว
ดวงตาของเฟิ นอี้เจี๋ยแดงกํ่าเมื่อมันต้องเบิกตามองเห็น
หลานชายตัวเองกลายเป็ นถุลีและบุตรชายถูกทําร้ายจนบาดเจ็บ
สาหัส มันคํารามออกมา “ความแค้นนี้… ไม่อาจประนีประนอม
กันได้อีกแล้ว!!”
พลังลมปราณทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี๋ยพลันปะทุอย่างบ้าคลัง่ เพียง
เสี้ ยววินาที รัศมีพลังที่มีเปล่งออกมาพลันเพิม่ พูนขึ้นทบทวี…
พลังที่แฝงอยูใ่ นทุกอณูของร่ างมันปะทุบ้ ึนด้วยโทสะ ก่อนที่มนั
จะเปล่งเสี ยงกู่ร้องยาวทะยานร่ างขึ้นเหนือศีรษะหยุนเช่อพร้อม
กับดาบในมือ ปลายดาบปรากฎคลื่นลมปราณหมุนวนดุจพายุส่ง
เสี ยงเสี ยดหูราวกับจะตัดผ่าฟ้าดิน
ชิ้งงง!!
หยุนเช่อถอยหลบ ผืนดินใต้เท้ามันพลันถูกกระแสลมปราณ
คว้านออกจนบังเกิดหลุมใหญ่ ดวงตาของเฟิ นอี้เจี๋ยจับจ้องไปที่หยุ
นเช่ออย่างไม่วางตา มันเหยียดฝ่ ามือซ้ายออกทําสัญลักษณ์มือ
พิสดาร ก่อนที่คลื่นพลังอันลึกลํ้าจะพลันควบแน่นและปะทุออก
“ตราประทับอัคคีผลาญฟ้า!!”
พริ บตานั้นเอง พลันปรากฎรอยแตกขึ้นเบื้องหน้าระยะห่าง
ของทั้งสอง ก่อนที่รอยประทับรู ปฝ่ ามืออันทรงพลังจะบดขยี้เข้า
ใส่ กระโหลกหยุนเช่อราวกับฝ่ ามือจากสวรรค์ แรงกดดันจากพลัง
มหาศาลนี้ทาํ ให้การเคลื่อนไหวของหยุนเช่อชะงักไปจังหวะหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของหยุนเช่อเชื่องช้าลงขณะที่แววตาของ
มันเปลี่ยนเป็ นเย็นชา ชายหนุ่มยกกระบี่ทณั ฑ์มงั กรขึ้นก่อนจะ
ตะโกนก้องพุง่ ร่ างเข้าปะทะ
บรึ้มมม!!!
เสี ยงระเบิดกึกก้องราวกับอัสนีบาตดังก้องไปทัว่ เมืองเพลิง
ครามจนผูค้ นที่อยูห่ ่างไปหลายกิโลเมตรยังหูอ้ือตามัว คลื่นพลัง
ลมปราณอันเข้มแข็งจนแทบจะจับต้องได้ระเบิดออกจนประตูหิน
ของเมืองเพลิงครามยังแตกสลายจากแรงปะทะราวกับไม้ผุ บังเกิด
ฝุ่ นทรายมากมายพร้อมกับเปลวเพลิงสี ม่วงเข้าปกคลุมร่ างของหยุ
นเช่อและเฟิ นอี้เจี๋ย ทุกคนล้วนได้แต่เบิกตากว้างจับจ้อง รอคอย
ให้ฝนควั ุ่ นจางลงตาไม่กระพริ บ… พวกมันล้วนแต่ตอ้ งการทราบ
ว่าผูใ้ ดกันที่เป็ นฝ่ ายมีเปรี ยบ และหยุนเช่อผูเ้ ข้มแข็งระดับเทว
ตํานานจะสามารถรับกระบวนท่าเปี่ ยมโทสะของราชันได้หรื อไม่
ภายในฝุ่ นควันปรากฎเสี ยงกระบี่และดาบปะทะกันต่อเนื่อง
ฝุ่ นควันเหล่านี้พลันสลายไปอย่างรวดเร็ วด้วยพายุลมปราณที่ปะทุ
ขึ้นอย่างต่อเนื่องเผยให้เห็นร่ างของทั้งสอง แขนเสื้ อของหยุนเช่อ
ขาดออกจนหมด รอยโลหิ ตเล็กน้อยปรากฎขึ้นเต็มสองแขนมัน
มุมปากของชายหนุ่มมีคราบโลหิ ตเล็กน้อย เสื้ อผ้าของเฟิ นอี้เจี๋ยก็
ขาดวิน่ ไม่แพ้กนั บนแขนมันมีรอยโลหิ ตแดงฉานที่ทาํ ให้ผพู ้ บ
เห็นต้องตกใจ
“ความแค้นนี้ระหว่างเรา ต่อให้ขา้ ต้องใช้แก่นโลหิ ตทั้งหมด
ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!!”
แววตาของเฟิ นอี้เจี๋ยดุดนั ยิง่ ใบหน้าของมันดุร้ายไร้ซ่ ึงท่าที
สํารวมอย่างที่อดีตผูน้ าํ ตระกูลสมควรมี มันดูราวกับคนใกล้เสี ย
สติดว้ ยซํ้า ทุกกระบวนท่ามันยิง่ มายิง่ ดุดนั แต่หยุนเช่อก็สามารถ
รับไว้ได้ท้ งั หมด
“เหอะ เช่นนั้นเจ้าคงต้องเผาแก่นโลหิ ตทั้งหมดของตัวเอง
แล้วเราจะได้เห็นกัน!! อดีตผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันทรง
เกียรติกลับไม่อาจรับมือกับเด็กน้อยเช่นข้าได้… เจ้าไม่ใช่แค่ขยะ
ธรรมดา เจ้ามันขยะน่าสมเพชและน่าขันที่รู้จกั แต่พดู อวดโอ่
เท่านั้น!!” หยุนเช่อพ่นคําดูถูกอย่างหนักหน่วง
“อ๊ากกก!!” เฟิ นอี้เจี๋ยเบิกตากว้างพลางคํารามลัน่ ก่อนที่
“ตราประทับอัคคีผลาญฟ้า” จะบดขยี้ลงมาอีกครา
บรึ้ มม!!!!
ทั้งคู่ต่างกระเด็นไปก่อนจะล้มลงพร้อมกัน บังเกิดหลุม
ใหญ่นบั ร้อยเมตรบนพื้นที่พงั ทลายย่อยยับ
ด้านเฟิ นต้วนหุนได้ผอู ้ าวุโสจงประคองไว้และป้อนยาเม็ด
ฟื้ นฟูอย่างรวดเร็ ว ไม่มีผใู ้ ดหวาดกลัวจนหัวหดยามมองการปะทะ
ของหยุนเช่อและเฟิ นอี้เจี๋ย จนถึงตอนนี้ พวกมันเห็นว่าหยุนเช่อ
ถูกเฟิ นอี้เจี๋ยกดดันอย่างหนักหน่วง… แต่หยุนเช่อดูเหมือนจะยัง
มิได้ใช้พลังฝี มือทั้งหมดออกต่อหน้าเฟิ นอี้เจี๋ยผูล้ ุแก่โทสะ ต่อ
หน้าผูบ้ รรลุพลังลมปราณชั้นจักรพรรดิข้นั ที่สี่และยอดฝี มือผูน้ งั่
อยูบ่ นจุดสู งสุ ดของยุทธภพ ชายหนุ่มก็ดูมิได้เสี ยเปรี ยบมากมาย
อันใด มันรับกระบวนท่าตราประทับอัคคีผลาญฟ้าทั้งหมดของ
เฟิ นอี้เจี๋ยซึ่งหน้าได้จนหมด
“หยุนเช่อผูน้ ้ ี มันฝึ กฝนมาแบบไหนกัน… ถะ… ถึงกับ
สามารถปะทะกับท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนได้!” ผูอ้ าวุโสคนหนึ่ง
เอ่ยด้วยปากอันสัน่ เทา
“มีข่าวลือว่ามันเป็ นคนจากสํานักเทพหงสา… แต่เหล่าคน
รุ่ นเยาว์ของตําหนักเทพหงสาล้วนแต่กล่าวว่าไม่เคยพบเจอบุคคล
เช่นมัน ซํ้าบางข่าวยังลือว่ามันเป็ นผูส้ ื บทอดของหนึ่งในสี่ ดินแดน
ศักดิ์สิทธิ์… อาจารย์ของมันนับเป็ นคนเช่นไรกัน!”
ปราณปฐพีปะทะปราณจักรพรรดิ มิตอ้ งพูดว่าไม่เคยมีผใู ้ ด
พบเห็น… ตลอดประวัติศาสตร์ของทวีปลมปราณฟ้า เรื่ องเช่นนี้
ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน!”
“ท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนเรามีประสบการณ์และอาวุโสกว่า
เพียงไหนกัน? หยุนเช่ออาจพอรับมือท่านได้ในยามนี้ แต่หากศึก
นี้ยดื เยื้อไป มันย่อมมิใช่คู่มือของท่านแน่”
การปะทะระหว่างหยุนเช่อและเฟิ นอี้เจี๋ยทําให้หวั ใจพวก
มันต้องสัน่ คลอนอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันก็เห็นพ้องต้องกันใน
พริ บตาว่าเฟิ นอี้เจี๋ยนั้นมีเปรี ยบในด้านตําแหน่งที่ยนื และการ
เคลื่อนไหวมากนัก! มันสามารถใช้พลังลมปราณเพือ่ เหาะเหินได้
อย่างอิสระแต่หยุนเช่อนั้นมิใช่! กระบวนท่าของชายหนุ่มจึงด้อย
ประสิ ทธิภาพลงไปจากสภาพเสี ยเปรี ยบนี้มาก
“ดาบทะลวงตะวัน!!”
แม้ตวั ดาบจะไร้ซ่ ึงเปลวไฟ อานุภาพของมันก็ยงั น่า
สะพรึ งกลัวยิง่ บังเกิดรอยแยกไร้กน้ ยาวนับร้อยเมตรเป็ นแนวตาม
ทางของดาบ หัวไหล่และชายโครงซ้ายของหยุนเช่อบังเกิดโลหิ ต
พวยพุง่ ออกมาจากบาดแผลที่ลึกจนแทบเห็นกระดูก ชายหนุ่ม
โซเซถอยหลัง เฟิ นอี้เจี๋ยฉวยโอกาสที่หยุนเช่อเสี ยหลักพุง่ เข้าใส่
จากเบื้องบนอย่างดุดนั ก่อนจะปรากฎรอยฝ่ ามือยักษ์พงุ่ เข้าหามัน
“ตราประทับผลาญนที!!”
ตูมม!!
กระบี่ทณั ฑ์มงั กรถูกพลังอันน่ากลัวผลักออก ก่อนที่รอบฝ่ า
มือที่แฝงพลังทําลายลึกลํ้าจะซัดเข้าใส่ทรวงอกหยุนเช่อ ครึ่ งท่อน
ล่างของมันจมลงบนพื้นทันที ปากของมันกระอักลิ่มเลือดออกมา
ขณะใบหน้าเปลี่ยนเป็ นซีดเผือด… ก่อนที่เฟิ นอี้เจี๋ยจะทันได้หวั
ร่ อ ในคลองจักษุมนั ก็พบเห็นเงาเลือนราง และหยุนเช่อก็หายตัว
ไปจากตําแหน่งเดิมพร้อมกับคลื่นพลังที่รุนแรงยิง่ กว่า “ตรา
ประทับผลาญนที” จะพุง่ เข้าใส่ ทรวงอกมัน
เมื่อเฟิ นอี้เจี๋ยลอยอยูบ่ นฟ้า หยุนเช่อทําได้เพียงป้องกันเป็ น
ส่ วนใหญ่ ชายหนุ่มฉวยโอกาสที่มนั พุง่ ร่ างลงมาจู่โจม ผสาน
ราชันพิโรธเข้ากับท่าเท้าเทพดาราแยกเงาฟาดเข้าใส่ ทรวงอกของ
เฟิ นอี้เจี๋ยอย่างแรง… คลื่นพลังของกระบี่หนักปะทะเข้ากับทรง
งอกมันอย่างหนักหน่วง
บรึ้มม!!!
ซี่ โครงสองท่อนของเฟิ นอี้เจี๋ยหักดัง “เป๊ าะ” ร่ างของมัน
กระเด็นไปนับร้อยเมตร มันกุมหน้าอกไว้ขณะโลหิ ตไหลออก
จากมุมปาก สายตาของมันจับจ้องไปยังหยุนเช่ออย่างดุร้าย
“เจ้า!!”
หยุนเช่อหายใจหนักหน่วง สายตาของมันเย็นช้าและบ้าคลัง่
มันปาดคราบโลหิ ตจากมุมปากพลางเอ่ยอย่างเย็นชา “คนที่จะตาย
วนวันนี้ มีแค่เจ้าเท่านั้น!”
เฟิ นอี้เจี๋ยถ่มโลหิ ตออก ก่อนจะเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงขุ่นมัว “ข้า
ต้องขอมยอมรับว่าเจ้านับเป็ นยอดอัจฉริ ยะโดยแท้ อายุยงั ไม่ถึง
ยีส่ ิ บแต่กลับสามารถปะทะกับราชันได้! เจ้าสมควรเป็ นอันดับ
หนึ่งในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิวายุครามโดยแท้! แต่เจ้าเป็ น
ศัตรู … ในฐานะศัตรู ยิง่ เจ้ามีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ เจ้ายิง่ สมควร
ตายมากเท่านั้น!”
“แม้พลังฝี มือเจ้าจะน่าตกใจ แต่เจ้ายังเด็กเกินไป และยังเริ่ ม
เหนื่อยล้า… หากยืดเยื้อไป เจ้าย่อมไม่ใช่คู่มือข้าแน่!”
“เช่นนั้นรึ ?” หยุนเช่อหัวร่ ออย่างเย็นชา มันยืดตัวตรง คลื่น
พลังน่าหวาดเกรงปะทุท่วมกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร “เจ้าแน่ใจจริ งๆหรื อ
ว่าพลังฝี มือของข้าทัดเทียมกับเจ้าเพียงชัว่ ขณะ? เจ้าดูเหมือนจะ
ทุ่มสุ ดกําลังแล้วนี่… แต่วา่ ข้ายังไม่ใช่!”
เฟิ นอี้เจี๋ยนิ่งค้างเล็กน้อย ก่อนจะหัวร่ ออย่างดูแคลน “กําลัง
ภายในเจ้าอ่อนโทรมลงแล้ว พลังลมปราณก็ปั่นป่ วน แต่เจ้ายังกล้า
อวดโอ่อย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก! เช่นนั้น ให้ขา้ ได้ชม
“สุ ดกําลัง” ของเจ้าหน่อยสิ !”
“ดาบผ่าสายรุ ้ง!!”
ดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์เปล่งแสงออกไปทัว่ ทิศทาง มันถึงกับ
กลบแสงสว่างจากท้องฟ้าได้ชวั่ ขณะ ก่อนที่จะทันลงดาบ พลัง
ของมันก็ทาํ ให้ผคู ้ นที่ห่างไปหลายกิโลเมตรตัวเย็นวาบ ตอน
นั้นเอง เสี ยงคํารามกึกก้องพลันดังขึ้นจากที่ห่างไกล
“ท่านผูน้ าํ ตระกูล ข้าจะช่วยท่านอีกแรง!!”
ฝุ่ นควันโหมกระพือเมื่อสายลมกรรโชกมาจากทางทิศใต้
ชายชราเสื้ อเทาถือดาบยาวสี ทองพลันทะยานร่ างมา เมื่อเหล่าผู ้
อาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเห็นมันก็ลว้ นแต่ส่งเสี ยงยินดีปน
แปลกใจ “ท่านผูอ้ าวุโสใหญ่!”
เฟิ นจื่อหยารู ้เรื่ องทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่านทางหยกสื่ อสาร มัน
จึงเร่ งรุ ดมายังข้างกายเฟิ นอี้เจี๋ย และตกใจที่พบว่าเฟิ นอี้เจี๋ยได้รับ
บาดเจ็บ มันเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงหดหู่ขณะจ้องมองหยุนเช่ออย่าง
เกรี้ ยวกราด “ไอ้เด็กนี่ทาํ ลายสํานักเรา สังหารศิษย์และเหล่าผู ้
อาวุโส และถึงกับทําร้ายนายน้อยและสังหารทิ้ง! หนี้เลือดก้อน
ใหญ่น้ ี ต่อให้หมื่นชีวติ มันก็ไม่อาจชดใช้ได้! ข้าทราบว่าท่านผูน้ าํ
ตระกูลไม่อยากเข้ากลุม้ รุ มด้วย แต่ไอ้เด็กนี่…”
“ข้าเข้าใจ! วันนี้เราสองจะร่ วมมือกันสังหารมันที่นี่! อย่าได้
เปิ ดช่องให้มนั หลบหนีเป็ นอันขาด!” เฟิ นอี้เจี๋ยเอ่ยด้วยดวงตาแดง
กํ่า “จะดีกว่าหากให้มนั เพียงปางตาย… ปล่อยให้มนั ตายไปเช่นนี้
นับว่าปราณี ต่อมันเกินไป”
“ตกลง!” เฟิ นจื่อหยาพยักหน้ารับ
“ท่านอดีตผูน้ าํ ตระกูลกับท่านผูอ้ าวุโสใหญ่จะร่ วมมือกัน…
ครั้งนี้ หยุนเช่อต้องตายแน่!”
“ไอ้มารน้อยตัวนี้… ศพมันต้องถูกบดเป็ นหมื่นชิ้น!” ผู ้
อาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าผูห้ นึ่งเอ่ยด้วยสี หน้าเศร้าสลด
เมื่อโดนเฟิ นอี้เจี๋ยประกบหน้าและเฟิ นจื่อหยาประกบหลัง
หยุนเช่อรู ้สึกราวกับถูกแท่งเหล็กหนักกดขยี้จากทั้งหน้าและหลัง
สองมือมันลอบกระชับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไว้แน่น หน้าผากมัน
ปรากฎหยาดเหงื่อผุดขึ้น สองตาเย็นเยียบราวกับเหมันต์
ชายหนุ่มกําลังจะปะทะกับผูบ้ รรลุพลังลมปราณจักรพรรดิ
อันยิง่ ใหญ่พร้อมกันถึงสองคน
ในจักรวรรดิวายุครามที่ผบู ้ รรลุพลังลมปราณจักรพรรดิหา
ยากดุจเขากิเลนขนวิหคเพลิง นี่นบั เป็ นสถานการณ์ที่ยอ่ มไม่อาจ
เกิดขึ้นได้
แต่วนั นี้มนั กลับเกิดขึ้นกับชายหนุ่มผูอ้ ายุเพียงสิ บเก้าปี
ไม่วา่ มันจะพ่ายแพ้หรื อถูกสังหารในวันนี้ หรื ออาจกระทัง่
เอาชนะได้ดุจปาฎิหารย์ จะแบบไหนมันย่อมสัน่ คลอนจักรวรรดิ
วายุครามไปจนถึงแก่นเป็ นแน่
บทที่ 347 ฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะ
เมื่อหยุนเช่อออกจากเมืองเพลิงครามและเดินทางสู่ เมือง
หลวงวายุคราม เงาคนผูห้ นึ่งได้ปรากฏขึ้นบนฟ้าเหนือตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าอย่างเงียบๆ
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นจากไปแล้ว หลงเหลือเพียงกลิ่นอายแห่งมรณะ
อันสงัดงันแขวนลอยอยูใ่ นชั้นบรรยากาศภายในตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า พื้นดินที่ถูกทําลายทิ้งไว้กบั กระจายไปด้วยซากศพ
บรรยากาศโดยรอบเอ่อล้นไปด้วยการเน่าเปื่ อยและกลิ่นไหม้ ราว
กับผ่านพ้นภัยพิบตั ิวนั สิ้ นโลก เป็ นครั้งคราวที่ปรากฏผูเ้ ปี่ ยมจิต
วิญญาณกล้าหาญหนึ่งหรื อสองคนมาถึงเพื่อแสวงหาข่าวคราว
เมื่อมองเห็นเคราะห์ร้ายที่ทาํ ลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ร่ างทั้งหมด
ของพวกมันสัน่ ด้วยความกลัวโดยไม่มีขอ้ ยกเว้น ทั้งหมดหลัง่
เหงื่ออย่างชุ่มโชก ขณะที่พวกมันรี บออกไปและไม่มีใครกล้าที่จะ
เสี่ ยงที่จะอยูใ่ กล้สถานที่น้ นั
“อนิจจา ในที่สุด ข้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง”
เงาคนบนท้องฟ้ามองลงมายังสถานที่ปรักหักพังและ
คงเหลือเพียงความเงียบสงัดเป็ นเวลานาน ในที่สุด มันอ้าปาก
ออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ที่ติดตามมาคือรัศมีพลังกดดันอันรุ นแรงที่ไร้
ขอบเขตถูกปล่อยลงจากท้องฟ้า ห่อหุม้ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ทั้งหมด ในฉับพลัน การไหลของมวลอากาศทั้งหมดได้หยุดชะงัก
ทําให้เถ้าถ่านในอากาศยังคงหยุดนิ่ง ราวกับเวลาทั้งหมดล้วนถูก
หยุดไว้ “พลังที่มากมายนัก ถ้ามันคือบุคคลที่มีคุณธรรม มันจะให้
คุณแก่อาณาจักรวายุคราม ทว่าโชคร้ายที่มนั มีจิตใจแห่งอสู ร
อํามหิ ต ด้วยการสังหารที่เหี้ ยมโหดที่ได้เกิดขึ้นกับตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าทั้งตระกูล นี่นบั เป็ นหายนภัยต่ออาณาจักรวายุคราม ข้า
จะไม่อยูเ่ ฉยแน่นอน”
สายตาของเขาเลื่อนไปทางทิศเหนือ มันไม่หนั กลับไปยัง
ทิศทางที่มนั มา แทนที่ มันเหิ นขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า สู่ ทิศเหนือ ในชัว่
กระพริ บตา ร่ างของมันได้ปรากฏห่างไปหลายกิโลเมตร
————————————————
“....รากฐานของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ถูกทําให้ลดลง
กลายเป็ นกองแห่งความพินาศ ผูน้ าํ ตระกูล ผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน
เจ้าตําหนักสามสิ บสามคน ผูอ้ าวุโส ยีส่ ิ บเจ็ดคน และศิษย์ของ
ตระกูลทั้งหมด…..ได้ตายทั้งหมดไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว….
ระบบการปกครองของตระกูลทั้งหมดได้ถูกทําลาย….ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าสิ้ นสุ ดลงอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงตระกูลทั้งตระกูลที่
ถูกทําลายล้าง มันยังถูกทําลายลงจนอยูใ่ นสภาพอันน่าสังเวชอย่าง
ถึงที่สุด ความโหดเหี้ ยมอํามหิ ตของหยุนเช่อนั้น เหนือกว่าที่เรา
จินตนาการไว้….”
“สาขาภายนอกของตระกูลอัคคีผลายฟ้ามากมายในเมือง
ขนาดใหญ่ท้ งั หมดตอนนี้ได้รับข่าวแล้ว และเกือบทั้งหมด
เปลี่ยนแปลงชื่อของพวกมันในฉับพลันทันใดหลังจากนั้น เนื่อง
เพราะหวาดกลัวว่าปิ ศาจร้ายเช่นหยุนเช่อจะคิดร้ายต่อพวกมัน”
หลังจากได้ยนิ สิ่ งเหล่านี้ ร่ างของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนเย็นเยียบ
จับจิต และหลังจากการได้ยนิ การทําลายล้างที่เกิดขึ้นกับตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า แม้แต่ช่องว่างระหว่างฟันของมันยังรู ้สึกราวมี
กระแสลมหนาวเย็นวิง่ ผ่าน เซี่ยวเจวีย๋ เทียนล้วนคิดเช่นเดียวกับ
ทุกผูค้ น ต่างไม่คาดคิดว่าการตอบโต้ของหยุนเช่อจะไร้ความ
ปรานีถึงระดับนี้
เดิมเซี่ ยวเจวีย๋ เทียนคิดว่าหยุนเช่อสังหารผูน้ าํ ตระกูล
เช่นเดียวกับสมาชิกหลักที่เหลืออยูจ่ ะเป็ นข้อจํากัดของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าที่ชดใช้ให้แก่หยุนเช่อ ที่มนั ไม่เคยคาดคิด คือที่หยุ
นเช่อกระทําการ ล้วนเป็ นทัณฑ์จากนรก
หลังจากได้ยนิ ข้อเท็จจริ ง มันตกตะลึงอย่างใหญ่หลวง
ยิง่ กว่านั้น เมื่อทราบเรื่ องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันยิง่ บังเกิดลาง
สังหรณ์อปั มงคลกว่าเดิม!
บนพื้นฐานบุคลิกของหยุนเช่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสาม
ปี ก่อนไม่ง่ายที่จะลืมไปได้
แม้วา่ นี้จะเป็ นผลของการวางแผนด้วยตนเองของเซี่ยวกวง
หยุน ถ้ามันอดทนต่อความเจ็บปวดของการสู ญเสี ยทายาทคนเดียว
ของมันจากภรรยาหลวง และเริ่ มต้นเจรจากับหยุนเช่อ เช่นนั้น
เรื่ องราวล้วนสามารถคลี่คลายโดยสันติวธิ ี ยิง่ กว่านั้น การ
ประนีประนอมกับใครบางคนที่สามารถทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า ไม่ใช่สิ่งที่ทาํ ให้เสี ยเกียรติเกินไป
อย่างไรก็ตาม ผูน้ าํ พรรครุ่ นก่อนเซี่ยวอู่ฉิงเหี้ ยมหาญองอาจ
มาชัว่ ชีวติ มันเป็ นบุคคลที่วางเกียรติภูมิของสํานักไว้เหนือว่าชีวติ
ของตนเอง มันย่อมไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่ องราวเช่นนี้ มันกลับ
เลือกให้อาวุโสเซี่ ยวอู๋อ้ ีพกนําอาวุธลับประจําตระกูลไปยังตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าเพื่อกําจัดฆ่าหยุนเช่อ...และผลลัพธ์ คือการสู ญเสี ย
โอกาสทั้งหมดจนสิ้ น!
“ท่านผูน้ าํ เราควรทําอย่างไรดี?” ชายชราที่ดา้ นข้างกล่าว
ถามเซี่ยวเจวีย๋ เทียน “พรรคตระกูลเซียวเราไม่เคยต้องหวัน่ เกรง
ต่อศัตรู ภายนอก ทว่าหยุนเช่อผูน้ ้ ีไม่อาจประมาทได้ มันมี
ความสามารถลบตระกูลอัคคีผลาญฟ้าออกไปจากแผนที่ได้ใน
ไม่กี่วนั นี่หมายความว่า...”
“นี่ไม่ใช่เวลาบรรเลงดนตรี อนั ใดอีกต่อไป” เซี่ยวเจวีย๋ เทียน
สู ดลมหายใจลึก สองมือรวบกําเป็ นหมัดแนบแน่น ก่อนจะ
ประกาศออกมาอย่างชัดเจน “หากหยุนเช่อเพียงมีระดับพลังฝี มือ
เข้มแข็ง เช่นนั้นหากมันมาที่นี่ พวกเราเพียงสละชีวติ ตกตายพร้อม
กับมัน ทว่า...วิธีการของมัน นับว่าเหี้ ยมโหดสุ ดขั้ว! เพียงลักพา
ญาติพี่นอ้ งของมันมาสองคน ทั้งยังสามารถรอดชีวติ ออกไปอย่าง
ปลอดภัย ถึงกับนํามาซึ่งการฆ่าล้างทั้งตระกูล! ยิง่ เมื่อเทียบเปรี ยบ
ความเข้มแข็งระหว่างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าและพรรคตระกูลเซี่ยว
...ท่านอารองยังตกตายใต้เงื้อมมือมัน การที่มนั สามารถกําจัด
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หมายความว่ามันมีความสามารถกําจัดพรรค
ตระกูลเซี่ ยวเราได้เช่นกัน..นี่ลว้ นเป็ นความจริ งที่ไม่อาจปฏิเสธ
ได้!”
เหล่าเจ้าตําหนักต่างๆ พากันเงียบงันไป เสี ยงเดียวที่สามารถ
ได้ยนิ มีเพียงสุ ม้ เสี ยงใจเต้นระรัวของพวกมันทั้งหมดเท่านั้น
“พวกเราต้องไม่เผชิญพบหายนะเช่นเดียวกับตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า!”
เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนหมุนกายกลับหลัง สายตากวาดกราดลงยัง
ใบหน้าทุกผูค้ น “หากหยุนเช่อมาที่นี่ จงอย่าได้ประมือกับมัน
เด็ดขาดไม่วา่ จะเกิดอะไรขึ้น! หากเราสามารถสงบศึก เช่นนั้น
แม้วา่ จะต้องแลกด้วยศักดิ์ศรี เกียรติภูมิท้งั หมด ก้ตอ้ งยินยอม หาก
ท้ายที่สุดเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู ไ้ ด้แล้วละก็...เช่นนั้นจงนํา
ลูกแก้วทลายสวรรค์ออกมา และยอมตกตายในกองไฟไปพร้อม
กับมัน! เราต้องไม่ยอมให้พรรคตระกูลเซี่ยวกลับกลายเป็ นตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าที่สองโดยเด็ดขาด”
“ท่านผูน้ าํ อย่าได้มองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป” เซี่ยวป๋ อ
หยุนสื บเท้ามาเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง “พลังฝี มือของหยุนเช่อแม้จะน่า
ตื่นตระหนกอย่างแท้จริ ง ทว่าในอาณาจักรวายุคราม ผูท้ ่ีมี
คุณสมบัติฆ่ามันยังมีอยู.่ ..จากข่าวคราวที่ได้รับมา บุคคลผูน้ ้ นั ออก
จากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์มาแล้วโดยลําพังเมื่อคืนก่อน”
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนตื่นตระหนก “เจ้าหมายถึง...เทพกระบี่หลิง
เทียนหนี่?”
“มิผดิ !” เซี่ ยวป๋ อหยุนผงกศีรษะ “หลิงเทียนหนี่เที่ยงธรรม
และเที่ยงตรงมาตลอดชัว่ ชีวติ เห็นความชัว่ ร้ายดุจความเเค้น
ส่ วนตัว ยิง่ กว่านั้น มันเป็ นสหายกับเฟิ นอี้เจี๋ย มันเก็บตัวไม่ยงุ่
เกี่ยวเรื่ องทางโลกมาร่ วมสิ บปี ทว่าคืนก่อนมันเร่ งเดินทางออก
จากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ สมควรเป็ นการออกเดินทางเพื่อมา
ช่วยเหลือตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทว่าน่าเสี ยดายที่มนั ไปถึงช้า
เกินไป หากมันได้เห็นความพินาศของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทาง
หนึ่งมันย่อมต้องรู ้สึกสํานึกผิด อีกทาง...ย่อมต้องเป็ นความเคียด
แค้นต่อวิธีการชัว่ ร้ายอํามหิ ตของหยุนเช่อ ทั้งสองทางล้วน
เพียงพอในการอนุญาตมันตามล่าล้างหยุนเช่อแล้ว! อาจบางที
เวลานี้ หลิงเทียนหนี่อาจกําลังตามล่าหยุนเช่ออยูก่ เ็ ป็ นได้”
คํากล่าวของเซี่ยวป๋ อหยุนสร้างความโล่งใจให้แก่เซี่ยวเจวีย๋
เทียน มันกล่าวเพิม่ เติมอย่างแผ่วเบาว่า “ดีมาก..หากความจริ งเป็ น
เช่นนี้ หยุนเช่อย่อมไม่มีทางรอดพ้นไปได้! มันได้รับบาดเจ็บ
หนักจากการตอบโต้ก่อนตายของเฟิ นอี้เจี๋ย นี่หมายความว่าพลัง
ฝี มือของมันมิได้เหนือลํ้ากว่าเฟิ นอี้เจี๋ยเท่าใด ทว่ากระทัง่ เฟิ นอี้เจี๋ย
สิ บคนยังไม่อาจโค่นล้มเทพกระบี่ได้ หากเทพกระบี่ออกจาก
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อมาช่วยตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจริ ง เช่นนั้น
...มันย่อมต้องออกหน้าพิพากษาหยุนเช่อด้วยตนเองอย่าง
แน่นอน!”
——————————————————
ข่าวคราวของการทําลายล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ครอบคลุมอาณาจักรวายุครามทั้งหมดดุจดัง่ พายุที่รุนแรง ส่งให้
อาณาจักรวายุครามเกิดความสับสนวุน่ วายดุจดัง่ แผ่นดิน
สัน่ สะเทือน ข่าวที่ประชาชนวายุครามทุกคนได้ยนิ ในชัว่ ชีวติ ของ
พวกมัน กลายเป็ นความตื่นตระหนกที่สุด น่าสยดสยองที่สุดอย่าง
แท้จริ งขณะที่พวกมันตกใจมากแล้วพวกมันเคยเจอะเจอในชีวติ
พวกมันถูกครอบงําไปด้วยความน่าขนพองสยองเกล้าและทิ้ง
ความสงสัยไป
ด้านหนึ่งคือตระกูลแห่งตํานานที่โดดเดี่ยวและห่างไกลที่
ยืนหยัดมานับพันปี
อีกด้านหนึ่งเป็ นชายหนุ่มที่อายุเพิง่ จะอายุสิบเก้าปี
ชายหนุ่มอายุสิบเก้าปี ผูน้ ้ ี สิ่ งที่มนั ทํากลายเป็ นสิ่ งที่
เปรี ยบเทียบกับความจริ งที่ทา้ ทายสรวงสวรรค์ที่ซ่ ึงยากจะเชื่อและ
ยอมรับได้
ไม่วา่ มันจะเปี่ ยมล้นด้วยความอาฆาตเเค้นสักเพียงไหน
หากการกําจัดฆ่าล่าล้างจนสิ้ นเผ่าพันธุ์เช่นนี้ มีเพียงปี ศาจร้ายจึงใช้
วิธีการโหดร้ายและมีจิตใจโหดเหี้ ยมถึงเพียงนี้...นี่เป็ นการกระทํา
ของบุรุษหนุ่มอายุเพียงสิ บเก้าปี จริ งหรื อ!
อาณาจักรวายุครามต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทัว่ ทุก
สถานที่เต็มไปด้วยบทสนทนาวิพากษ์วจิ ารณ์การทําลายล้าง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า คํา “หยุนเช่อ” สองคํานี้มามารถได้ยนิ ไปทัว่
ทุกหัวระแหง สาขาของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าภายในนครหลวง
วายุครามปิ ดตัวลงทั้งหมด ป้ายชื่อ “ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า” อัน
แสนลํ้าค่าที่ประตูหน้าล้วนถูกปลดลงมาทําลายเป็ นชิ้นๆ ภายใน
ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ล้วนถูกแทนที่ดว้ ยแผ่นป้ายจารึ กคํา “ตระกูล
เมฆาสู งส่ ง”... นามตระกูลใหม่น้ ี แสดงออกถึงความหวาดกลัวต่อ
หยุนเช่อและความต้องการประจบเอาใจชายหนุ่ม
หยุนเช่อเดินทางด้วยสัตว์อสู รหงส์หิมะตลอดการเดินทาง
ขณะที่ชายหนุ่มเหาะเหนือท้องนภาเมืองหลวงวายุคราม ชายหนุ่ม
ให้ความสนใจต่อคนเดินถนนจํานวนนับไม่ถว้ นที่หยุดยืนและ
มองขึ้นมา ก่อนจะร้องด้วยความตกใจ ชายหนุ่มยังคงบินต่อไปสู่
น่านฟ้าเหนือวังหลวงวายุครามและเมื่อมาถึงวังตําหนักโอบจัน
ทราภายในวังหลวง ชายหนุ่มเก็บสัตว์อสู รหงส์หิมะกลับและร่ อน
ลงจากท้องฟ้าอย่างนิ่มนวล
“อ้า…..เป็ นผูใ้ ด!”
เพิ่งจะลงสู่ พ้นื เสี ยงตกใจของหญิงสาวร้องออกมาข้างหลัง
ชายหนุ่ม หยุนเช่อหมุนร่ างไปรอบตัวและเห็นนางกํานัลหน้าไร้สี
เลือดคนหนึ่ง
“อ้า! คุณ…...คุณชายหยุน!”
ครั้งแรกที่หยุนเช่อมาที่ตาํ หนักโอบจันทรา ชายหนุ่มได้พบ
นางกํานัลมากมายนี้ ดังนั้นเป็ นธรรมดาที่นางจะจดจํามันได้
ขณะที่นางเห็นหน้าชายหนุ่ม นางร้องเรี ยกชื่อดังกว่าเสี ยงตกใจ
ของนางก่อนหน้านี้เสี ยอีก การแสดงออกบนหน้าของนางเป็ น
การผสมผสานของความตื่นตกใจ ความเลื่อมใสศรัทธา…..และ
สิ่ งที่ดูเหมือนความกลัวอย่างชัดเจนด้วย
การสังหารคนกว่าเจ็ดหมื่นคนในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเป็ น
วิธีการที่เหี้ ยมเกรี ยม ทําให้ผคู ้ นต้องร่ างกายสัน่ เทาด้วยความ
หวาดผวา
หยุนเช่อจับตาการแสดงออกของนางกํานัลทั้งหมด ชาย
หนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยวาจาออกมาด้วยอาการอดรนทนไม่
ไหว “องค์หญิง ทรงอยูท่ ี่ใด? เอ่อ…..เจ้าดูจะหวาดกลัวข้านะ?”
“ไม่...ไม่ใช่เช่นนั้น” ภายใต้สายตาจับจ้องของหยุนเช่อ นาง
กํานัลในตําหนักยังคงกล่าวออกมาอย่างละลํ่าละลัก เมื่อเผชิญพบ
บุคคลที่พฤติการณ์ของมันเป็ นตํานานเช่นนี้ สัญชาตญาณของนาง
ส่ งผลให้หญิงสาวร่ างกายแข็งค้างด้วยความหวาดหวัน่ นางไม่
กล้ามองสบตาหยุนเช่อตรงๆ หากแต่เหล่มองไปทางตําหนักโอบ
จันทราก่อนตะโกนว่า “องค์หญิงเพคะ คุณชายหยุน..คุณชาย
หยุนมา”
หลังจบเสี ยงประกาศของนางกํานัล เงาร่ างหนึ่งในชุดสี
เขียวอ่อนเจือจางปรากฏขึ้น เงาร่ างอ้อนแอ้นแบบบางโลดแล่นเข้า
หาราวผีเสื้ อโบยบิน เมื่อมองเห็นหยุนเช่อ ทัว่ ทั้งร่ างของนางล้วน
เปี่ ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ริ มฝี ปากเปล่งเสี ยงเรี ยกขาน
ออกมาว่า “เช่อน้อย!”
เซี่ ยวหลิงซี โผไปเบื้องหน้า ก่อนจะทิ้งตัวลงสู อ้ อ้ มอกของ
หยุนเช่อ กอดรัดมันอย่างแน่นหนา ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
หญิงสาวแทบไม่อาจควบคุมความยินดีพร้อมทั้งกระโดดโลดเต้น
ด้วยความปี ติ “เจ้ากลับมาแล้ว...เอ๋ ? เจ้ารับบาดเจ็บหรื อไม่? เจ็บ
ตรงไหนบ้าง?”
สามารถพบพานเซี่ยวหลิงซีในวันนี้ หยุนเช่อมิได้รู้สึก
ตื่นเต้นประหลาดใจอันใด ก่อนมายังวังหลวง ชายหนุ่มล้วนมั้นใจ
กว่าเจ็ดในสิ บส่ วนว่าหลิงเจี่ยย่อมต้องนําเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิง
ซี มายังข้างกายของชางเยว่ ชายหนุ่มโอบเอวเซี่ยวหลิงซี ก่อนจะ
กล่าววาจาพลางหัวเราะ “อย่าได้กงั วล ข้าไม่มีบาดแผลแม้แต่แห่ง
เดียวบนร่ างกาย หากไม่เชื่อ ข้าจะเปลื้องผ้าออกมาให้ท่านดู
ภายหลัง ดีหรื อไม่?”
“อี๋!!” เซี่ ยวหลิงซีบิดแขนหยุนเช่อเบาๆคราหนึ่ง หญิงสาวบุ ้
ปากกล่าวว่า “ฮึ่มม เจ้าล้อข้าเล่นอีกแล้ว...” อย่างไรก็ตาม หญิง
สาวเพียงสามารถรักษาความโกรธแค้นไว้ได้ชว่ั ครู่ ก่อนแทนที่
ด้วยความยินดี “ฮี่ ข้ารู ้วา่ เช่อน้อยย่อมต้องรักษาคําพูด ท่านพ่อ
และข้าวิตกกังวลใจแทบตายในหลายวันที่ผา่ นมา ทว่า ยังดีที่วงั
หลวงมีเรื่ องราวน่าสนใจมากหลาย ทั้งยังมีองค์หญิงคอยอยูเ่ ป็ น
เพื่อน ทําให้ขา้ มีเรื่ องเล่นสนุกมากมาย”
ชัว่ เวลานี้เองที่ชางเยว่ปรากฏกายขึ้น หญิงสาวฉลอง
พระองค์โดยชุดเต็มยศ ดูไปงดงามสง่าหาใดเทียบ ชางเยว่มองไป
ยังทั้งสองที่อยู๋ในอ้อมกอดของกันและกัน นางหัวเราะพลางกล่าว
ว่า “ศิษย์นอ้ งหยุน เจ้ากลับมาแล้ว”
“ขออภัยที่ทาํ ให้ศิษย์พี่หญิงต้องกังวลใจ” หยุนเช่อแย้มยิม้
เล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ทั้งยังรบกวนท่านดูแลท่านปู่ และอาหญิง
เล็กอีกด้วย”
“ญาติพี่นอ้ งของเจ้า ก็เปรี ยบเสมือนญาติพี่นอ้ งของข้า”
หลังกล่าวจบคํา ชางเยว่พลันรู ้สึกผิดแผกบางอย่างโดนเลือนราง
ใบหน้าของหญิงสาวพลันปรากฏสี แดงเป็ นริ้ วๆ ก่อนจะเร่ งกล่าว
เปลี่ยนหัวข้อ “ท่านปู่ เซี่ยวยามนี้อยูเ่ คียงข้างกายพระบิดา ยังมีท่าน
ลุงตงฟางคอยอารักขา ท่านย่อมปลอดภัยไร้อนั ตราย ว่าไปแล้ว...
เจ้าพบพานฉู่เยว่ฉานแล้วหรื อไม่?”
หยุนเช่อหน้าอกยุบแฟบลง ชายหนุ่มสัน่ ศีรษะปฏิเสธ “ไม่
นางไม่ได้อยูใ่ นแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ไม่มีผใู ้ ดทราบว่า
นางอยูท่ ี่ใด?”
ริ มฝี ปากของชางเยว่เปิ ดออกน้อยๆ หญิงสาวกล่าวออกโดย
นํ้าเสี ยงปลอบประโลม “อย่ากังวลใจไป นางเซียนโฉมงามเยือก
แข็งมีพลังฝี มือระดับชั้นราชันย์ ในยุทธภพวายุคราม ไม่มีผใู ้ ด
สามารถทําอันตรายนางได้ อาณาจักรวายุครามเล็กนิดเดียว เจ้า
ต้องตามหานางพบได้อย่างแน่นอน ข้าจะรวบรวมทรัพยากร
ทั้งหลายของวังหลวงเพื่อช่วยตามหา...แล้ว เรื่ องตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า..พวกมันถูก...เจ้าล้างตระกูลจริ งๆ?”
“อืม” หยุนเช่อผงกศีรษะโดยไม่ลงั เล “เนื่องเพราะพวกมัน
ได้ล่วงเกินสิ่ งที่ไม่ควรล่วงเกิน! เรื่ องราวนี้ แม้ท้ งั โลกหล้าจะเคียด
แค้นด่าทอข้า ข้าจะไม่มีทางสํานึกเสี ยใจ! อาหญิงเล็ก ศิษย์พี่หญิง
..พวกท่านทั้งสองโทษว่าข้าหรื อไม่?”
สี หน้าของชางเยว่พลันกลับกลายเป็ นสับสนซับซ้อนอย่าง
ยิง่ ขณะที่นางกําลังจะกล่าวตอบคํา หญิงสาวพลันได้ยนิ เซี่ยวหลิง
ซี เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “แม้วา่ การพรากชีวติ จะเป็ นความผิด..แต่
หากเป็ นเช่อน้อย ผูค้ นที่มนั ฆ่าย่อมต้องเป็ นบุคคลที่สมควรถูกฆ่า
ล้วนต้องเป็ นคนเลว! ดังนั้น ข้าไม่มีทางโทษว่าเจ้า”
เซี่ยวหลิงซี ไม่เคยฆ่าผูใ้ ดมาก่อนในชีวติ กระทัง่
ประสบการณ์ติดต่อสัมพันธ์กบั ผูค้ นทัว่ ไปยังจํากัดนัก
บุคลิกลักษณะท่าทางของนางนุ่มนวลบอบบางราวกลีบบุปผา
ทว่าคําพูดทั้งหมดเหล่านี้ กลับกล่าวออกมาราวเป็ นจริ งเป็ นจัง
เต็มไปด้วยความมัน่ อกมัน่ ใจและความเที่ยงตรง ชีวติ ของผูค้ นนับ
หมื่นถูกล้างสังหารสิ้ น...ทว่าหญิงสาวแน่วแน่ไม่คลอนแคลน...
ไม่ สมควรกล่าวว่าหญิงสาวเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อคือความถูกต้อง
ชางเยว่กล่าวถามอย่างอับจนปัญญา “เจ้า...เหตุใดจึงคิด
เช่นนั้น?”
“เนื่องเพราะเช่อน้อยเป็ นบุคคลที่ดีที่สุดในโลกนี้” เซี่ยวห
ลิงซีกระพริ บปริ บดวงตาอันสดใสราวอัญมณี ล้ าํ ค่า ก่อนจะเอ่ยคํา
ออกมาโดยปราศจากท่าทีลงั เล ชัว่ เวลานั้น ชางเยว่จบั จ้องตาไม่
กระพริ บ
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวพลันเข้าใจว่าเหตุใดหยุนเช่อจึงดิ้น
รนกระเสื อกกระสนถึงเพียงนั้นตลอดเวลาสามปี ที่ผา่ น เเละเหตุ
ใดชายหนุ่มจึงกลับกลายเป็ นพิโรธโกรธเกรี้ ยวจนกระทัง่ ลงมือ
กําจัดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูลเมื่อพวกมันจับตัวเซี่ยวห
ลิงซี ไป…
ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มและเซี่ยวหลิงซีขา้ มพ้นความ
เชื่อมัน่ และไว้วางใจไปไกลห่าง หากเป็ นความสัมพันธ์ท่ีชีวติ ของ
อีกฝ่ ายล้วนหลอมกลืนเข้าหากัน โดยเฉพาะอย่างยิง่ วิธีการที่
เซี่ยวหลิงซี ปฏิบตั ิต่อหยุนเช่อ กระทัง่ ชางเยว่เองยังสามารถรับรู ้
ได้วา่ แม้วา่ ทัว่ ทั้งโลกหล้าล้วนโป้ปดต่อนาง หญิงสาวยังคงวาง
ความเชื่อมัน่ อย่างสุดหัวใจของนางไว้กบั หยุนเช่อ แม้วา่ ทัว่ โลก
หล้าบอกว่ามันเป็ นปี ศาจร้าย นางยังคงเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อคือ
บุคคลที่มีจิตใจดีงามที่สุด
ความรู ้สึกลึกซึ้ งอันแสนลี้ลบั ทว่าละเอียดอ่อนเช่นนี้ ส่ งผล
ให้ชางเยว่เองรู ้สึกอิจฉาอย่างแท้จริ ง
หญิงสาวตระหนักดีวา่ ในโลกนี้ ไม่มีผใู ้ ดสามารถแทนที่
เซี่ยวหลิงซีภายในใจของหยุนเช่อได้
ชางเยว่แย้มยิม้ เจือจาง ภายใต้สายตาของเซี่ยวหลิงซี
ความรู ้สึกซับซ้อนที่ฝังลึกในใจของนางมลายหายไปโดยไร้
ร่ องรอย หญิงสาวมองไปยังหยุนเช่อ...ก่อนมองไปยังบุรุษที่สร้าง
ความภาคภูมิให้แก่นาง...ในสองปี ที่ผา่ น หยุนเช่อก้าวเดินผ่านจาก
บุรุษหนุ่มธรรมดาผูอ้ ่อนแอ ผูถ้ ูกพรรคตระกูลเซี่ยวตามไล่ล่าผู ้
หนึ่ง ไปเป็ นบุคคลที่สามารถยืนหยัดอย่างหยิง่ ทระนง ณ ตําแหน่ง
สู งในอาณาจักรวายุคราม
เป็ นช่วงเวลานี้เอง สุม้ เสี ยงราบเรี ยบเคร่ งขรึ มเสี ยงหนึ่ง
พลันดังออกมาจากท้องฟ้าอันห่างไกล
“หยุนเช่อ เพียงเพราะความแค้นส่ วนตัว เจ้ากระทําเกินเลย
โดยกําจัดฆ่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูล วิธีการของเจ้าชัว่ ร้าย
อํามหิ ต จิตใจพยาบาทไร้เมตตา จนแม้แต่มนุษย์และเทพเซียนยัง
ต้องพิโรธโกรธเกรี้ ยว เจ้าสมควรได้รับทัณฑ์สวรรค์ เฒ่าชราเช่น
ข้าจะขอผดุงความยุติธรรมแทนฟ้าในวันนี้ ข้าขอส่งเจ้าไปยัง
หนทางสู่ แม่น้ าํ แห่งความตายด้วยตนเองเพื่อชดใช้...จงแสดงตัว
ออกมา!”
สุ ม้ เสี ยงราวกับถูกถ่ายทอดลงมาจากท้องฟ้า สะท้อนก้อง
ไปทัว่ ทุกมุมถนนในนครหลวงวายุคราม ส่ งผลให้ทว่ั ทั้งนคร
หลวงตกอยูใ่ นความเงียบสงัดงัน ทุกผูค้ นเงยศีรษะขึ้นเบื้องบน
ต่างพากันตกตะลึงเมื่อมองเห็นท้องฟ้าอันว่างเปล่า พยายามหา
ที่มาของเสี ยงสะท้อน
“เอ๋ ..อะ..นัน่ เสี ยงอะไร? มันตะโกนร้องอันใด ดูคล้ายมัน
เรี ยกหาเช่อน้อย” เซี่ยวหลิงซีหมุนกายสํารวจมองไปโดยรอบ คํา
กล่าวที่ดงั มาจากท้องฟ้าสร้างความหวาดหวัน่ ให้แก่นางอยูบ่ า้ ง
“คนผูน้ ้ ี...เป็ นผูใ้ ด?” ชางเยว่คว้าจับแขนของหยุนเช่ออย่าง
รวดเร็ ว สี หน้าของนางเผยแววตื่นกลัว เมื่อหยุนเช่อกําจัดตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า ทั้งยังเข่นฆ่าผูเ้ ข้มแข็งที่มีพลังฝี มือแตกต่างกว่ากัน
ถึงหนึ่งระดับชั้น บุคคลที่มายังที่น้ ีเพื่อทวงความแค้นต่อหยุนเช่อ
...แน่นอนว่าย่อมต้องมีความเข้มแข็งอันน่าตกตะลึง
“เหอะ” หยุนเช่อพ่นลมออกจมูก ก่อนจะหาตําแหน่งของผู ้
มาเยือนอย่างรวดเร็ ว ชายหนุ่มกล่าววาจาอย่างไม่นาํ พาต่อชางเยว่
และเซี่ ยวหลิงซี “ดูท่าจะมีตวั น่ารําคาญบางตัวมาถึง...ขอเวลาข้า
สักครู่ ข้าจะจัดการเอง”
ขณะที่มนั กําลังจะเคลื่อนไหว เสี ยงของจัสมินดังขึ้นมาใน
หัวของชายหนุ่มในทันที “อย่าไป! หากเจ้าออกไป ล้วนไม่ต่าง
จากออกไปแสวงหาความตาย!”
บทที่ 357 - ตาต่ อตาฟันต่ อฟัน
“อะไรกัน!”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหยุนเช่อทําให้ในใจ
ของหลิงเทียนหนี่สนั่ สะท้านอย่างแรง เพราะรัศมีพลังของมันที่
เดิมอ่อนโทรมจนเหลือไม่ถึงหนึ่งส่ วนกลับเพิม่ พูนขึ้นอย่าง
รวดเร็ วทันทีที่เปลวเพลิงปะทุข้ ึนจนกลับสู่ สภาพก่อนจะต่อสู ใ้ น
พริ บตา… ไม่สิ ถึงขั้นเหนือลํ้ากว่าด้วยซํ้า!
ประสบการณ์ในด้านการฝึ กฝนพลังของหลิงเทียนหนี่ยอ่ ม
ไม่เป็ นรองผูใ้ ด ทว่าหยุนเช่อกลับสรรหาเรื่ องประหลาดที่มนั ไม่
อาจเข้าใจได้มาแสดงให้มนั พบซํ้าแล้วซํ้าอีก
นี่เป็ นครั้งที่สองที่หยุนเช่อเผาผลาญโลหิ ตเทพหงสา
โดยตรง ที่จะทําให้มนั รี ดเร้นพลังจากโลหิ ตเทพหงสาทั้งสามหยด
นี้ออกมาได้จนหมดสิ้ น โดยแลกกับการที่มนั จะไม่อาจใช้เพลิง
เทพหงสาได้ไปอีกสองสามเดือน ขณะชายหนุ่มกําสองมือแน่น
ดวงตาทั้งสองแฝงด้วยดวงแสงสี ชาดลุกโชนอยู่ “ฉิ งเยว่ พลังใน
ร่ างของข้าคงอยูไ่ ด้อย่างมากเพียงยีส่ ิ บอึดใจ… ข้าต้องขอยืมแรง
เขตแดนเมฆาเยือกแข็งของท่าน… ข้าต้องทําให้มนั พ่ายแพ้ยอ่ ยยับ
ต่อหน้าหน้าภายในยีส่ ิ บอึดใจให้ได้!!”
การทําให้เทพกระบี่พา่ ยแพ้ยอ่ ยยับในยีส่ ิ บอึดใจเป็ นได้
เพียงเรื่ องตลกสําหรับคนทัว่ ไปเท่านั้น แววตาเซี่ยฉิ งเยว่สน่ั ไหว
เล็กน้อย ขณะที่นางกําลังจะเอ่ยปากพูดบางสิ่ ง หยุนเช่อก็ทะยาน
ร่ างขึ้นสู่ ฟ้าพร้อมกับคํารามกึกก้อง กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรฟาดส่ งเพลิง
เทพหงสาหลายสายออกมาพร้อมบังเกิดเสี ยงคํารามมังกรและ
เสี ยงร้องวิหคเพลิงดังสะท้านสรวงสวรรค์
เซี่ ยฉิ งเยว่ได้แต่ทอดถอนใจเบาๆอย่างเงียบงันโดยไม่เอ่ย
อะไรอีก นางเหิ นร่ างขึ้นขณะสายรัดแพรบุปผาหิมะหงส์น้ าํ แข็ง
สะบัดประกายแสงของหิ มะอันลึกลํ้าออก… เพลิงเทพหงสาและ
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาเข้ากระหนาบหลิง
เทียนหนี่โดยพร้อมเพรี ยงกัน
หลิงเทียนหนี่รู้สึกราวกับร่ างซี กหนึ่งถูกโยนลงลาวาและถูก
นรกเยือกแข็งกัดกินอีกครึ่ งที่เหลือ มันตวัดกระบี่เขียวของตน
ปลดปล่อยคลื่นกระบี่ทรงอํานาจตัดผ่านเพลิงเทพหงสาและเคล็ด
เยือกแข็งบรรจบไปพร้อมกัน ตอนนั้นเองทั้งหยุนเช่อและเซี่ยฉิ ง
เยว่กม็ าถึงเบื้องหน้ามัน
“ฉิ งเยว่!” หยุนเช่อตะโกนเสี ยงแผ่วออกมา
ตรวนนํ้าแข็งหลายสิ บเส้นพลันปรากฎขึ้นจากความว่าง
เปล่าปิ ดทางหนีโดยรอบหลิงเทียนหนี่จนหมดสิ้ น เส้นผมของเซี่ย
ฉิ งเยว่ปลิวไสวขณะทัว่ ร่ างนางเปล่งแสงสี ฟ้าอ่อนเจิดจ้า บังเกิด
จิตวิญญาณนํ้าแข็งนับหมื่นกระจายตัวออกและเปลี่ยนอาณา
บริ เวณในรัศมีสามร้อยเมตรให้กลายเป็ นโลกสี ฟ้าในพริ บตา
เขตแดนเมฆาเยือกแข็ง… เปิ ด!
อากาศรอบด้านพลันเยียบเย็นเสี ยดกระดูก การเคลื่อนไหว
ของเทพกระบี่พลันดูเชื่องช้าลงและฤทธิ์กระบี่ของมันก็อ่อน
โทรมลงไปมาก
ทว่าแม้เขตแดนเมฆาเยือกแข็งจะพอถ่วงเทพกระบี่ไว้ได้ แต่
ก็ยงั ไม่มากพอจะคุกคามอีกฝ่ ายได้ หลิงเทียนหนี่ตวัดกระบี่เขียว
ขึ้นเบื้องบนด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย ก่อนจะบังเกิดเสี ยงอากาศฉีกขาด
และปรากฎรอยแตกร้าวเป็ นแนวยาวขึ้นบนเขตแดนสี ฟ้าอ่อน
“เคล็ดศักดิ์สิทธิ์กระบี่สวรรค์สามารถเฉือนผ่านเขตแดน
หลากรู ปแบบได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่เจ้าจะมีพลังลมปราณสูงลํ้า
กว่าข้า การใช้เขตแดนต่อหน้าข้าก็นบั ว่าเปล่าประโยชน์และเพียง
ผลาญพลังลมปราณเจ้าให้หมดไวขึ้นเท่านั้น” หลิงเทียนหนี่เอ่ย
ด้วยนํ้าเสี ยงเรี ยบนิ่ง ทันทีที่สิ้นคํา มันพลันสัมผัสได้ถึงรัศมีพลัง
พิสดารยิง่ ขุมหนึ่ง แขนของมันหยุดขยับขณะมันหันกลับไปมอง
หยุนเช่ออย่างรวดเร็ ว
บัดนี้สองตาหยุนเช่อเปล่งประกายแสงสี ครามเจิดจ้าจนน่า
ตกใจ เบื้องหลังมันปรากฎภาพสี ครามล่องลอยไปมา… เงาร่ าง
นั้นส่ งเสี ยงคํารามขึ้นฟ้าพลางกางเขี้ยวเล็บด้วยท่าทีองอาจน่า
หวาดหวัน่ แม้จะเป็ นเพียงภาพเลือนราง มันก็ยงั แผ่รัศมีองอาจที่ดู
หมิ่นโลกหล้าออกมา… มันคือเงาร่ างมังกรสี ครามตัวหนึ่ง!
เสี ยงคํารามอันทรงพลังของมังกรดังลงมาจากสรวงสวรรค์
สัน่ สะท้านวิญญาณของผูค้ นยามเสี ยงคํารามนี้ดงั สู่โลกหล้า เหนือ
ศีรษะของหยุนเช่อสามฟุตปรากฏดวงตาสี ครามที่เจิดจ้าราวกับ
ดวงดาวและลึกลํ้าดุจท้องนภาคู่หนึ่งเบิกขึ้น
ร่ างของหลิงเทียนหนี่พลันนิ่งค้างทันทีที่มนั เห็นดวงตาสี
ครามคู่น้ ี ทัว่ ร่ างมันนิ่งสนิทมีเพียงม่านตาที่เบิกกว้างขึ้น… จน
แทบจะเต็มดวงตา
แสงสว่างรอบด้านพลันมดหม่นลงจนไร้ซ่ ึงแสงสว่าง มัน
ราวกับได้ยนิ เสี ยงอัสนีบาตนับแสนผ่าลงมาพร้อมกันและยังได้
ยินเสี ยงร้องของมังกรที่สนั่ สะเทือนฟ้าดินด้วยความกลัว… หัว
สมองมันสับสนวุน่ วาย มันลืมเลือนไปว่าตนอยูท่ ี่ใดและกําลังทํา
สิ่ งใดอยู่ ก่อนที่เบื้องหน้ามันจะปรากฎภาพที่ราวกับฝันร้ายผุด
ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง...
sand between heaven and earth.
มันเห็นภาพตัวมันเองถูกหยุนเช่อโค่นล้มก่อนจะทําลายวร
ยุทธ์ท้ งั หมดไปพร้อมกับเส้นชีพจรลมปราณและกระดูกทุกชิ้นใน
ร่ าง… จากเทพกระบี่ที่ยนื หยัดอยูบ่ นยุทธภพอย่างภาคภูมิ
กลายเป็ นเพียงคนพิการที่ต่าํ ต้อยยิง่ กว่าขอทานและไม่อาจตายได้
แม้จะปรารถนา… หลังจากนั้นหยุนเช่อที่ถูกมันตามล่าก็ได้ระบาย
โทสะใส่ ท้ งั หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ สังหารทายาทของมันทุกชีวติ
ทรมานศิษย์หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ทุกคนจนสิ้ นลม และศิษย์สตรี ที่
หน้าตางดงามล้วนแต่ถูกมันขืนใจ กระบี่ทุกเล่มในลานจัดสรร
กระบี่กถ็ ูกมันทําลายทิ้งจนหมดสิ้ น ทั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
กลายเป็ นกองเพลิง… จากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์อนั สู งส่ งใน
จักรวรรดิวายุครามกลายเป็ นนรกบนดินเพราะชายหนุ่ม… ส่ วน
มันที่พิการก็ได้แต่เฝ้ามองอย่างทุกข์ตรม…
ตอนนี้เอง หยุนเช่อพลันปรากฎตัวขึ้นในสายตามันและ
แสยะยิม้ อย่างชัว่ ร้าย… ก่อนที่มนั จะทะยานขึ้นฟ้าและกลายร่ าง
เป็ นมังกรยักษ์… มังกรยักษ์ที่ตวั ใหญ่สุดประมาณยิง่ กว่าท้องนภา
ร่ างกายยาวกว่าหมื่นเมตร แค่ส่วนหัวมันก็ใหญ่โตดุจภูเขา แรง
กดดันมหาศาลที่มนั แผ่ออกมานั้นสู งลํ้ายิง่ ภายใต้แรงกดดันนี้มนั
รู ้สึกราวกับตนเป็ นเพียงเม็ดทรายไร้ค่าเม็ดหนึ่งเท่านั้น
ร่ างของหลิงเทียนหนี่พลันเริ่ มสัน่ สะท้านราวกับเป็ นไข้ นี่
เป็ นครั้งแรกในฐานะเทพกระบี่ท่ีมนั รู ้สึกหวาดกลัวผูอ้ ื่น
ยิง่ กว่านั้นยังเป็ นความกลัวที่ฝังลึกลงในจิตวิญญาณและไม่อาจ
ลบเลือนไปได้ชว่ั ชีวติ ความกลัวนี้ทาํ ให้แขนขามันหมดแรงและ
ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน มันถึงกับบังเกิดความคิดจะคุกเข่าขอความ
เมตตาต่อหน้าอีกฝ่ าย…
เขตแดนเทวะมังกรมิใช่พลังของภพนี้ ดังนั้นต่อให้เป็ นหลิง
เทียนหนี่กไ็ ม่อาจขัดขืนได้แม้แต่นอ้ ย พลังลมปราณทัว่ ร่ างมัน
อ่อนโทรมลงอย่างรวดเร็ ว ดวงตามันแข็งทื่อ ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน
อย่างเห็นได้ชดั ทว่าต่อให้เป็ นหยุนเช่อในสภาพเต็มร้อยก็
สามารถใช้เขตแดนเทวะมังกรได้เพียงห้าอึดใจเท่านั้น ด้วยสภาพ
มันในยามนี้ เพียงสามอึดใจก็เต็มกําลังแล้ว
แต่เพียงสามอึดใจนี้กม็ ากพอจะส่ งหลิงเทียนหนี่ลงสู่ กน้ บึ้ง
แห่งฝันร้ายแล้ว!
เขคแดนเทวะมังกรเลือนหายไปในสามอึดใจ… จิตใจของห
ลิงเทียนหนี่น้ นั เข้มแข็งสุ ดประมาณ เพียงชัว่ พริ บตาแววตามันก็
ปรากฎสติรับรู ้อีกครั้ง ทว่ากระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรของหยุนเช่อกลับอยู่
ห่างจากอกมันไม่ถึงหนึ่งฟุตและยังถูกเขตแดนเมฆาเยือกแข็งแช่
แข็งทัว่ ร่ างในเวลาสามอึดใจนี้จนไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ทั้งจิตใจ พลังต่อสู แ้ ละม่านคุม้ กันตัวของหลิงเทียนหนี่ลว้ น
พังทลายภายใต้ทวิเขตแดนนี้
“ทําลายจันทร์ดบั ดารา!!”
ตูมมม!!
กระบี่อนั ดุดนั ฟาดเข้าใส่ ทรวงอกหลิงเทียนหนี่อย่างหนัก
หน่วง
บังเกิดเสี ยงกึกก้องขณะชั้นนํ้าแข็งที่เกาะทรวงอกหลิง
เทียนหนี่อยูแ่ ตกกระจายส่ วนร่ างมันปลิวกระเด็นดุจลูกปื นใหญ่
ด้วยพลังลมปราณอันมากมายของหลิงเทียนหนี่ ต่อให้
สภาพอาจดูไม่จืดนัก แต่การถูกกระบี่ของหยุนเช่อเข้าจังๆก็ยงั ไม่
อาจทําให้มนั บาดเจ็บสาหัสได้ แต่ภายใต้เขตแดนเทวะมังกร ทั้ง
จิตใจและพลังลมปราณของมันก็พงั ทลายลงจนหมดสิ้ น ม่าน
ลมปราณคุม้ กายหลงเหลือพลังไม่ถึงสามส่ วนจากปกติ แม้มนั จะ
โคจรพลังให้เร็ วที่สุด แต่ภายใต้การแช่แข็งจากเขตแดนเมฆาเยือก
แข็งอย่างต่อเนื่องก็ทาํ ให้ร่างมันแข็งทื่อและชาด้านจนโคจรพลัง
เชื่องช้าลงยิง่ … ทําลายจันทร์ดบั ดาราของหยุนเช่อฟาดมันจน
กระเด็นจากตําแหน่งเดิม
“วิหคเพลิงทะยานฟ้า!”
เพลิงเทพหงสาโหมลุกอย่างบ้าคลัง่ บนร่ างหยุนเช่อ แผ่น
หลังมันปรากฎเงาจางของปี กเทพหงสาขึ้น ร่ างมันเปล่งประกายสี
แดงชาดบนฟากฟ้าก่อนจะตามหลิงเทียนหนี่ที่กระเด็นมาทันและ
ตวัดฟาดกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรลงอย่างแรง…
ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!...
กระบี่หนักฟาดเข้าใส่ ร่างหลิงเทียนหนี่เป็ นชุด ทุกกระบวน
ท่ายิง่ มายิง่ รุ นแรง ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ส่งเสี ยงครื นสะเทือนฟ้า
สะท้านดิน ฝูงชนที่รายล้อมล้วนแต่ตะลึงงันอยูก่ บั ที่ ต่อให้พวก
มันเห็นด้วยตาได้ยนิ ด้วยหูกย็ งั ไม่อาจทําใจเชื่อได้วา่ พลังเช่นนี้จะ
บังเกิดขึ้นจากกระบี่เล่มหนึ่ง...ทั้งพลังและสุ ม้ เสี ยงมันราวกับอัสนี
บาตจากสวรรค์ที่สนั่ สะเทือนพิภพไม่มีผดิ !!
พลังที่แฝงอยูใ่ นทุกกระบี่จะน่ากลัวเพียงไหนก็สุดจะ
จินตนาการ
การถูกเขตแดนเมฆาเยือกแข็งแช่ร่างของต่อเนื่องผสานกับ
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่ฟาดลงไม่หยุด ไม่ตอ้ งพูดถึงการหันกลับมา
ตอบโต้ กระทัง่ พลังลมปราณเฮือกสุ ดท้ายที่ประคองร่ างมันไว้ก็
ลดลงจนแทบหมดสิ้ น พลังที่หยุนเช่อปลดปล่อยออกมาอย่างบ้า
คลัง่ ก็อ่อนโทรมลงทีละน้อย มันสู ดหายใจลึกพลางจ้องมองหลิง
เทียนหนี่กโ็ ชกเลือดและสองแขนถูกฟาดจนแตกหัก ชายหนุ่มยก
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรขึ้นสู งขณะเบื้องหลังปรากฎภาพหมาป่ าฟ้า
ขึ้น…
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี!!”
“ลูกพี่!!”
ขณะที่เทพหมาป่ าผ่าปฐพีกาํ ลังจะฟาดลง เสี ยงแหบพร่ า
ของหลิงเจี่ยพลันดังขึ้นอย่างแผ่วเบาข้างหูมนั กระบวนท่าชาย
หนุ่มชะลอเล็กน้อยก่อนมันจะรั้งพลังของกระบวนท่ากลับมาถึง
หกส่ วน
ตูมมม!!!!
ภาพหมาป่ าสี ครามปะทะเข้าใส่ ทรวงอกหลิงเทียนหนี่จน
โลหิ ตพวยพุง่ ออกมา เมื่อเห็นบุปผาโลหิ ตเบ่งบาน สองมือหยุ
นเช่อที่กมุ กระบี่ไว้กห็ อ้ ยลงขณะหัวสมองมันหนักอึ้ง มันถอนใจ
ยาวก่อนจะทิ้งร่ างลงอย่างหมดแรง
เขตแดนเมฆาเยือกแข็งสลายไปก่อนที่เงาร่ างหนึ่งจะปรากฎ
ขึ้นอย่างรวดเร็ ว ร่ างหยุนเช่อที่ร่วงหล่นก็ถูกเซี่ยฉิ งเยว่พยุงไว้
อย่างแผ่วเบาก่อนจะลงสู่ พ้นื จากแช่มช้า ส่ วนหลิงเทียนหนี่ร่วง
กระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง หลิงเจี่ยส่ งเสี ยงตะโกนดังลัน่ ก่อน
จะเร่ งรุ ดไปคุกเข่าอยูข่ า้ งมัน
สถานที่น้ ีอยูภ่ ายในนครหลวงวายุคราม ดังนั้นผูค้ นจึง
หนาแน่นยิง่ ตั้งแต่เริ่ มต้น เหล่าผูค้ นที่มาชมนั้นมากกว่าแสนคน
ทว่าบัดนี้ทุกคนล้วนแต่น่ิงเงียบ พวกมันได้แต่มองอย่างเหม่อลอย
ไปยังผืนดินที่ถูกทําลายจนย่อยยับและไม่อาจคิดสิ่ งใดได้…
เทพกระบี่… ยอดฝี มืออันดับหนึ่งไร้ผทู ้ ดั เทียมแห่ง
จักรวรรดิวายุคราม… พ่ายแพ้แล้ว!
ไม่วา่ ผูใ้ ดก็บอกได้วา่ ด้วยยีส่ ิ บกว่ากระบี่ของหยุนเช่อก็ทาํ
ให้หลิงเทียนหนี่บาดเจ็บสาหัสยิง่ แล้ว… โดยเฉพาะกระบวนท่า
สุ ดท้ายนัน่ ทรวงอกของมันถึงกับระเบิดออกและอวัยวะภายในก็
อาจถูกทําลายจนหมดสิ้ น
เด็กหนุ่มผูน้ ้ ีเพิ่งเริ่ มมีชื่อเสี ยงเมื่อสองปี ก่อน ภายในเวลา
เพียงสองปี มันก็เติบโตด้วยความเร็ วที่ไม่อาจจินตนาการได้และ
สร้างตํานานบทแล้วบทเล่า ผูช้ นะเลิศการประลองจัดอันดับวายุ
คราม… พังขบวนเจ้าบ่าวนายน้อยตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… สังหาร
หมู่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนวอดวาย…
วันนี้มนั ถึงกับทําร้ายหลิงเทียนหนี่จนสาหัส!!
การโค่นยอดฝี มืออันดับหนึ่งของจักรวรรดิวายุครามได้
หมายความว่า… มันมีคุณสมบัติพอจะขึ้นเป็ นยอดฝี มืออันดับ
หนึ่งของจักรวรรดิวายุครามคนใหม่แทนที่หลิงเทียนหนี่แล้ว!
และปี นี้มนั อายุเพียงสิ บเก้าปี เท่านั้น!
“ท่านรู ้สึกอย่างไรบ้าง?” เซี่ยฉิ งเยว่ที่พยุงหยุนเช่อและ
สัมผัสได้วา่ ร่ างมันไร้ซ่ ึงเรี่ ยวแรง
ในตอนนี้พลังทั้งหมดที่หยุนเช่อได้รับมาจากเพลิงเทพหง
สาก็หายไปจนหมดสิ้ น โลหิ ตเทพหงสาทั้งสามหยดที่เผาผลาญ
พลังจนหมดสิ้ นก็อยูใ่ นสภาวะหลับไหลไปอีกสองสามเดือน และ
ร่ างมันในยามนี้กไ็ ร้ซ่ ึ งเรี่ ยวแรง ซํ้าสติมนั ยังเลือนรางจากการเปิ ด
ใช้เขตแดนเทวะมังกรเมื่อครู่ ดว้ ย… หากจะบอกว่าหยุนเช่อใน
ยามนี้ถูกผูฝ้ ึ กยุทธ์ระดับชั้นปราณเริ่ มต้นสังหารได้กย็ งั ไม่เกินเลย
อันใด
“ข้าไม่เป็ นไร… เพียงเหนื่อยเท่านั้น” หยุนเช่อตอบขณะ
หอบหายใจหนักหน่วงและสงบพลังในร่ างลง พลังที่ต่อต้านฟ้า
ดินอย่างเขตแดนเทวะมังกรนั้นเหลือลํ้ากว่ากฎธรรมชาติจนทําให้
มันสามารถเอาชนะยามต้องปะทะกับเทพกระบี่ที่เดิมไม่อาจ
ต่อกรได้สาํ เร็ จ
อาการบาดเจ็บของหลิงเทียนหนี่น้ นั สาหัสยิง่ มันลุกยืนขึ้น
ได้หลังจากหลิงเจี่ยพยุงมัน หลังจากที่มนั มีชื่อเสี ยง ที่เป็ นครั้ง
เดียวที่มนั พ่ายแพ้และยังพ่ายแพ้ผเู ้ ยาว์ที่มีพลังฝี มือตํ่าชั้นกว่า
มากมายนัก เมื่อเทียบกับบาดแผลบนร่ างแล้ว ผลที่มีต่อจิตใจมัน
ยังนับว่าสาหัสกว่ามากนัก…
ยิง่ กว่านั้น ในจิตวิญญาณมันยังมีความกลัวต่อเขตแดนเทวะ
มังกรอันน่าหวัน่ ใจฝังลึกไว้และไม่อาจลบเลือนได้อีก
บทที่ 362 พรรคตระกูลเซี่ยวทีต่ ื่นกลัว
อาการบาดเจ็บของหลิงเทียนหนี่สาหัสอย่างยิง่ หาก
บาดแผลบนหน้าอกของมันลึกกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยย่อมเพียงพอ
ให้อวัยวะภายในถูกทําลาย มันกระจ่างแก่ใจดียง่ิ ว่าหยุนเช่อได้
ปรานีย้งั มือไว้ในกระบวนท่าสุ ดท้าย มิเพียงพลังโจมตีกว่าครึ่ งถูก
ถอนรั้งไปอย่างฉับพลัน กระทัง่ เป้าโจมตียงั เบนออกจากจุดตาย
ชายชราทอดถอนใจยาวภายในจิตใจ และกล่าวกับหลิงเจี่ยด้วย
นํ้าเสี ยงอ่อนแรง “พวกเรา...ไปกันเถอะ…”
หลิงเจี่ยมิได้กล่าวคําใด และกําลังจะพาหลิงเทียนหนี่จาก
ไป ทันใดนั้นเองสุ ม้ เสี ยงเย็นเยียบประดุจนํ้าแข็งของหยุนเช่อก็ดงั
ขึ้นจากเบื้องหลัง “หลิงเทียนหนี่ เจ้าจะจากไปง่ายๆอย่างนี้หรื อ?”
ฝี เท้าของหลิงเจี่ยชะงักงัน ร่ างของหลิงเทียนหนี่สน่ั สะท้าน
ขึ้นเล็กน้อย… และหลิงเจี่ยรู ้สึกได้ถึงร่ างที่สน่ั ไหวของหลิง
เทียนหนี่อย่างชัดเจน… มิผดิ มันกําลังสัน่ สะท้าน! ยิง่ กว่านั้นยัง
เป็ นการสัน่ ด้วยความกลัว เมื่อใดที่ปีศาจร้ายแห่งความกลัวถูก
ปลูกฝังลงในจิตใจแล้ว กระทัง่ ยอดยุทธ์ไร้เทียมทานระดับเทพ
กระบี่ยงั มิอาจหลุดพ้นและต่อต้านมันได้
หยุนเช่อจดจ้องหลิงเทียนหนี่ดว้ ยแววตามุ่งร้าย “จากไป
ง่ายๆเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะจดความแค้นนี้ไว้ใจ จนวันหนึ่งไล่
เข่นฆ่าสังหารไปจนถึงหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ แปรเปลี่ยนหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ของเจ้าให้กลายเป็ นตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแห่งที่สอง
หรื ออย่างไร! อย่าได้เคลือบแคลงว่าข้าจะทําเรื่ องนี้ได้หรื อไม่…
สามปี ก่อนข้าไม่มีพลังปราณแม้เพียงเศษเสี้ ยว เมื่อหนึ่งปี ครึ่ งที่
ผ่านมา ข้าคว้าตําแหน่งอันดับหนึ่งในการประลอง และตอนนี้ขา้
สามารถสังหารล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ดว้ ยมือเดียว… แม้วา่
บัดนี้ขา้ จะยังไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ดว้ ยตัวคนเดียว และยิง่ เป็ นไป
ไม่ได้ที่ขา้ ในตอนนี้จะทําลายหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ของเจ้า แต่ใน
อีกสองปี หากให้เวลาข้าอย่างมากสองปี ข้าจะสามารถเปลี่ยน
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ให้กลายเป็ นซากปรักหักพังได้ง่ายดายดุจ
พลิกฝ่ ามือ… เจ้าเชื่อหรื อไม่!!”
ในเวลาสามปี จากไม่มีพลังปราณจนสามารถทําร้ายหลิง
เทียนหนี่จนบาดเจ็บสาหัสได้ การก้าวหน้ารวดเร็ วเช่นนี้มิเคย
บังเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ สามารถสัน่ สะเทือนโลกหล้า
จนทําให้ผคู ้ นขนลุกได้แม้ไม่เหน็บหนาว ไม่มีผใู ้ ดจินตนาการได้
ว่าในอีกสองปี ข้างหน้า ด้วยความเร็ วในการก้าวหน้าเช่นนี้ หยุ
นเช่อจะมีพลังฝี มืออยูใ่ นระดับน่าหวาดหวัน่ เพียงใด
บางทีเมื่อถึงเวลานั้น ชายหนุ่มอาจสามารถใช้มือข้างเดียว
ต่อกรกับหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ท้ งั หมู่บา้ นก็เป็ นได้
ทัว่ ร่ างหลิงเทียนหนี่สน่ั สะท้านอีกครั้ง… ผูเ้ ยาว์อายุเพียงไม่
ถึงยีส่ ิ บปี กลับกล้ากู่ร้องว่าจะสังหารล้างหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ นี่
สมควรเป็ นเรื่ องชวนหัวร่ ออย่างยิง่ เรื่ องหนึ่งเท่านั้น แต่มิเพียงห
ลิงเทียนหนี่ไม่อาจหัวเราะออก แต่มนั กลับรู ้สึกหนาวเหน็บไปทัว่
ร่ าง แม้วา่ ในร่ างของชายชราจะไม่มีความกลัวอันลึกลํ้าสถิตอยู่
ภายใน แต่ถอ้ ยคําเพียงไม่กี่ประโยคของหยุนเช่อกลับเพียงพอให้
อวัยวะภายในทัว่ ร่ างของมันสัน่ เทาด้วยความหวาดกลัว เพราะใน
วันนี้มนั ได้สมั ผัสถึงความน่าหวาดหวัน่ ของหยุนเช่อด้วย
ตนเอง… แม้กระทัง่ ตัวมันเอง บัดนี้ยงั รู ้สึกสํานึกเสี ยใจอย่างยิง่ ที่
ออกหน้าไล่ล่าหยุนเช่อในครานี้ สุ ดท้ายแล้วมิเพียงมันไม่อาจ
สังหารหยุนเช่อ แต่ตนเองกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสและกลับมา
พร้อมความกลัวลึกลํ้าในจิตใจ ทั้งยังชักพาศัตรู อนั น่าหวาดผวาถึง
ขีดสุ ดเข้าสู่ หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
“แต่ไม่ตอ้ งกังวล ข้าจะไม่ทาํ เช่นนั้น!” หยุนเช่อกล่าวพร้อม
ขบฟันลงเล็กน้อย “เพราะบุคคลที่ตอ้ งการสังหารข้ามีเพียงเจ้า
มิใช่คนทั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ และกระทัง่ เจ้าข้าก็ยงั จะไม่
สังหาร… เพราะเจี่ยน้อยเป็ นน้องชายของข้า และข้าย่อมไม่ยนิ ดีที่
จะทําร้ายและสังหารคนที่เขารัก เหตุผลที่ขา้ บอกเรื่ องนี้กบั เจ้าก็
เพื่อให้เจ้าได้รู้วา่ ข้าไม่ใช่คนโหดเหี้ ยมชัว่ ร้ายดังที่เจ้าพูด สิ่ งที่ขา้
ทํา ผูค้ นที่ขา้ สังหาร ข้าล้วนมีบรรทัดฐานและขีดจํากัดของข้าเอง
ความแค้นระหว่างข้าและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไม่ได้เกี่ยวพันกับ
ผูอ้ ื่นแม้แต่นอ้ ย หากทายาทของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องการมา
ล้างแค้นกับข้า เช่นนั้นนับว่าถูกต้องและสมควรแล้ว แต่เจ้า หลิง
เทียนหนี่… เจ้าเป็ นเพียงคนนอกที่ไม่รู้เรื่ องราวใดๆ เจ้าใช้เหตุผล
อันใดมาทําตนเป็ นผูต้ ดั สิ นถูกผิดต่อหน้าข้า และยังกระทัง่
ประกาศว่าจะสังหารข้าในนามของสวรรค์!”
“แม้วา่ ข้าจะยังเหลือกําลังพอที่จะสังหารเจ้า แต่วนั นี้ขา้ จะ
ไว้ชีวติ เจ้า หลังจากนี้ขา้ เองก็จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กบั
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เช่นเดียวกัน หากเจ้ายังคงคิดว่าข้าเลวทราม
ตํ่าช้าไร้ความเป็ นคน เช่นนั้นก็จงเชิญมาสังหารข้าอีกครั้งเมื่อ
อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว!”
หลิงเทียนหนี่ปิดเปลือกตาลงและทอดถอนใจยาว “บางครา
อาจเป็ นข้าเองจริ งๆที่คิดผิดไป ในเมื่อวันนี้ขา้ พ่ายแพ้ต่อเจ้า วัน
หน้าข้ายิง่ ไม่อาจสังหารเจ้า ข้าได้แต่หวังอย่างแท้จริ งว่า...ข้าเข้าใจ
ผิดไปจริ งๆ...”
“ลูกเจี่ย ไปกันเถอะ”
หลิงเจี่ยหันกลับไปมองหยุนเช่อ ในแววตาปรากฏร่ องรอย
ความตื้นตัน ชื่นชม และยังมีความรู ้สึกอันซับซ้อนที่มิอาจบรรยาย
ออกมาเป็ นคํา สุ ดท้ายแล้วเด็กหนุ่มไม่ได้กล่าวสิ่ งใด ทําเพียงหัน
หลังกลับไปและพยุงหลิงเทียนหนี่ข้ ึนบนหลังของวิหควายุ
ประจิม และหายลับไปบนฟากฟ้า
“ฟู่ …”
หยุนเช่อปลดปล่อยลมหายใจยาว ทั้งร่ างล้มลงฟุบกับอกนุ่ม
นิ่มของเซี่ยฉิ งเยว่อย่างหมดสิ้ นเรี่ ยวแรง ชายหนุ่มหลับตาและ
กล่าวเสี ยงแผ่ว “ฉิ งเยว่ อย่าเพิ่งไป ในเวลาช่วงหนึ่งหลังจากนี้…
ข้าต้องการการปกป้องจากท่าน…”
หลังกล่าวจบหยุนเช่อก็ไม่อาจคงสติไว้ได้อีก และความนึก
คิดทั้งปวงจมดิ่งลงสู่ความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง...
——————————————————
เมื่อข่าวคราวมาถึง ทั้งมือและเท้าของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน
แปรเปลี่ยนเป็ นเย็นเยียบดุจนํ้าแข็ง หนังศีรษะชาจนไร้ความรู ้สึก
ในศีรษะว้าวุน่ จนแทบระเบิดออก
“ที่เจ้าพูด...เป็ นความจริ งหรื อ?”
“จริ งอย่างไม่ตอ้ งสงสัย!” เซี่ยวป๋ อหยุนกล่าวด้วยสี หน้า
จริ งจัง “หลิงเทียนหนี่ทาํ ตามที่พวกเราคาดจริ งๆ และกระทัง่ ตาม
ไปถึงนครหลวงวายุคราม แต่มิเพียงมันไม่สามารถสังหารหยุ
นเช่อ แต่ยงั ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีประสานระหว่าง
หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่ ในตอนสุ ดท้ายหยุนเช่อได้ร้ ังมือเอาไว้ มิ
เช่นนั้นกระทัง่ หลิงเทียนหนี่อาจตกตายด้วยฝี มือหยุนเช่อไปแล้ว
พวกมันต่อสู ก้ นั ภายในนครหลวงวายุคราม มีผคู ้ นนับไม่ถว้ นเป็ น
พยาน”
“ยิง่ ไปกว่านั้น เซี่ยฉิ งเยว่ได้เข้าช่วยหยุนเช่อในนามของ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ทั้งนางยังไม่ลงั เลที่จะลงมือกับหลิง
เทียนหนี่… หยุนเช่อเพียงคนเดียวก็นบั ว่าอันตรายจนสุ ดประมาณ
แล้ว แต่เบื้องหลังของมันยังกลับมีแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ปกป้องอยูอ่ ย่างเต็มกําลัง! อีกทั้งข้ายังได้ยนิ มาว่าทุกคนในที่น้ นั
ล้วนได้ยนิ ชื่อ “เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ” เซี่ยฉิ งเยว่อาจ
บรรลุยอดวิชาไร้เทียมทานในตํานานของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งแล้วก็เป็ นได้ กระทัง่ หลิงเทียนหนี่ยงั มิอาจทําสิ่ งใดจนพ่ายแพ้
ให้แก่หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่ที่ร่วมแรงร่ วมใจในฐานะสามีภรรยา
ทั้งอาณาจักรวายุครามล้วนไม่มีผใู ้ ดเป็ นคู่มือของพวกมัน!”
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนทรุ ดตัวลงบนเก้าอี้ ทั้งหน้าผากเต็มเปี่ ยมไป
ด้วยหยาดเหงื่อ
“ท่านประมุข หลังจากหยุนเช่อโจมตีหลิงเทียนหนี่จน
บาดเจ็บสาหัส มันเองก็หมดสิ้ นพลังงานไปมาก กระทัง่ สิ้ นสติลง
ที่ตรงนั้น ตอนนี้มนั ต้องอ่อนแออย่างมากเป็ นแน่ พวกเราควร…”
แม้วา่ เซี่ ยวป๋ อหยุนจะไม่ได้กล่าวต่อ แต่น้ าํ เสี ยงและสี หน้าล้วนบ่ง
บอกเจตนาชัดเจน
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย จากนั้นพลันเอ่ยถาม
ออกมา “เซี่ ยฉิ งเยว่จากไปหรื อยัง?”
เมื่อได้ยนิ คําเหล่านั้น สี หน้าของเซี่ยวป๋ อหยุนแปรเปลี่ยน
ไปเล็กน้อย ก่อนที่มนั จะสัน่ ศีรษะ “นางพาหยุนเช่อเข้าไปในวัง
หลวงวายุคราม จนบัดนี้ยงั ไม่กลับออกมา”
“ว่ากันว่าเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบเป็ นเคล็ดวิชาอัน
ไร้เทียมทานที่อาจเหนือกว่ากระทัง่ วิชาเทพยุทธ์กระบี่สวรรค์
หากเซี่ยฉิ งเยว่บรรลุเคล็ดวิชานี้จริ ง กระทัง่ บิดาของข้ายังอาจมิใช่
คู่มือของนาง พวกเราจะเอาอะไรไปลอบสังหารหยุนเช่อภายใต้
การคุม้ กันของเซี่ยฉิงเยว่?! หากเราลอบสังหารมันไม่สาํ เร็ จและ
เจตนาของเราเล็ดรอดออกไป เช่นนั้นพวกเราจะไม่หลงเหลือทาง
ประนีประนอมได้อีก!” เซี่ยวเจวีย๋ เทียนกล่าวลอดไรฟันด้วยความ
ขมขื่น
มันลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน และกล่าว “ไปเตรี ยมลูกแก้ว
สวรรค์ชีพจรม่วง ยาหยกม่วงเกล็ดกาญจน์ และโลหิ ตสัตว์อสู ร
เหยีย่ วแดงเดี๋ยวนี้เลย เจ้าจะต้องไปพบหยุนเช่อและกล่าวอวยพร
แก่มนั ด้วยตนเอง และจงนําลูกแก้วผลึกม่วงสิ บห้ากิโลกรัม หยก
ลมปราณขาวสิ บกิโลกรัม พร้อมทั้งคัดเลือกศิษย์สตรี อายุต่าํ กว่า
สิ บแปดปี ในพรรคที่มีฝีมือและรู ปโฉมเหนือธรรมดา และมอบ
พวกนางให้แก่หยุนเช่อ… รี บออกเดินทางก่อนอาทิตย์ตกดินวันนี้
จงแน่ใจว่าทุกสิ่ งจะไปถึงก่อนหยุนเช่อจะหายดี”
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วง ยาหยกม่วงเกล็ดกาญจน์ และ
โลหิ ตสัตว์อสู รเหยีย่ วแดง… เหล่านี้ลว้ นเป็ นสมบัติล้ าํ ค่าและหา
ยากที่สุดสามสิ่ งในหมู่ยาวิเศษกว่าหมื่นชนิดในคลังของตระกูล
เซี่ยว เพียงเพื่อแสดงความจริ งใจต่อหยุนเช่อ กล่าวได้วา่ เซี่ยวเจวีย๋
เทียนถึงกับแข็งใจกรี ดเลือดตนเองออกไปมากมาย เมื่อได้ยนิ
ถ้อยคําเหล่านี้ กล้ามเนื้อทัว่ ร่ างเซี่ยวป๋ อหยุนเจ็บแปลบจนมันสัน่
สะท้านอย่างมิอาจหยุดยั้ง แต่ในเมื่อเรื่ องราวดําเนินถึงจุดนี้ เมื่อ
เทียบกับโอกาสที่ท้ งั ตระกูลจะถูกสังหาร พวกมันล้วนไม่มี
ทางเลือกอื่นใดอีก
........................................
หยุนเช่อหมดสติไปถึงสองวันเต็มๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะฟื้ น
ขึ้นในท้ายที่สุด
สาเหตุหลักที่ชายหนุ่มหมดสติไปเนิ่นนานนั้นมิใช่เพราะใช้
พลังปราณเกินขีดจํากัด หากเป็ นเพราะเขาได้ใช้พลังจิตใจมากมาย
เกินไป อย่างไรเสี ยการใช้เขตแดนเทวะมังกรก็ถือว่าหนักหนา
สาหัสจนเกินไปสําหรับระดับในปัจจุบนั ของชายหนุ่ม
“ท่านฟื้ นแล้ว”
เมื่อหยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาขึ้นก็พลันได้ยนิ นํ้าเสี ยงเยือกเย็น
แจ่มชัดขึ้นที่ขา้ งหู ชายหนุ่มพบว่าตนเองกําลังนอนอยูบ่ นเตียงนุ่ม
โดยรอบมีผา้ ม่านหรู หราปักลายหงส์สีทองห้อยระย้า กลิ่นหอม
แผ่วจางลอยมาแตะที่ปลายจมูก ชายหนุ่มมองไปด้านข้างและพบ
กับเงาร่ างงดงามของเซี่ยฉิ งเยว่อยูข่ า้ งเตียง
“ฉิ งเยว่…” หยุนเช่อเอ่ยเรี ยก สุ ม้ เสี ยงของชายหนุ่มแห้งผาก
และขมขื่นอยูบ่ า้ ง ทัว่ ร่ างยังเต็มไปด้วยความรู ้สึกอ่อนแรง “ข้า
หลับไปกี่วนั ?”
“สองวัน” เซี่ยฉิ งเยว่หนั หลังกลับ “ข้าจะไปเรี ยกพวกเขาเข้า
มา”
“อา...ช้าก่อน” หยุนเช่อรี บเอ่ยหยุดยั้งนาง ฝี เท้าของเซี่ยฉิ ง
เยว่เองก็หยุดลงเช่นกัน
“ครั้งนี้ตอ้ งขอบคุณมากที่ท่านมา” หยุนเช่อกล่าวพร้อม
รอยยิม้
เซี่ยฉิ งเยวเบี่ยงกายกลับมามอง นํ้าเสี ยงของนางยังคงเรี ยบ
นิ่งเยือกเย็นหากทว่าอ่อนโยน “แม้ไม่มีขา้ หลิงเทียนหนี่กม็ ิอาจ
สังหารท่านได้เช่นกัน”
“แม้มนั จะสังหารข้าไม่ได้ แต่ขา้ คงทําได้เพียงซวนเซ
หลบหนีออกมา ทว่าเมื่อมีท่าน ข้าสามารถทําให้มนั กลับไปด้วย
ใบหน้าซีดขาว...ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง”
“เรื่ องที่หลิงเทียนหนี่ถูกท่านทําร้ายสาหัสกําลังแพร่ กระจาย
ไปทัว่ ตําแหน่งอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุครามบัดนี้ได้เปลี่ยน
มือแล้ว” เซี่ ยฉิ งเยว่เหลืองมองหยุนเช่อ
“เช่นนั้นหรื อ...แต่สิ่งเฉกเช่นตําแหน่งไม่วา่ เมื่อใดล้วน
แล้วแต่ไร้ประโยชน์ที่สุด” หยุนเช่อกล่าวอย่างไม่ยนิ ดียนิ ร้าย
ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มจับจ้องไปที่เซี่ยฉิ งเยว่ “ฉิ งเยว่ ท่านเข้ามา
ใกล้อีกนิดได้หรื อไม่? ข้ารู ้สึกเหมือนข้า...ไม่ได้มองท่านใกล้ๆมา
เนิ่นนานแล้ว”
บทสนทนาแปรเปลี่ยนเป็ นน่าสงสัยขึ้นในฉับพลัน ทําให้
จังหวะลมหายใจของเซี่ ยฉิ งเยว่สะดุดลงเล็กน้อย หญิงสาวมิได้
ขยับกาย แต่หลังจากเวลาผ่านไปครู่ หนึ่งนางจึงค่อยๆก้าวไปนัง่ ที่
ข้างเตียง
หยุนเช่อเองก็ยนั กายขึ้นนัง่ ในเวลาเดียวกัน แม้ร่างกายชาย
หนุ่มจะเชื่องช้าติดขัด แต่พลังปราณมิได้วา่ งเปล่า ระหว่างที่สิ้น
สติไปสองวัน พลังปราณของชายหนุ่มได้ฟ้ื นฟูข้ ึนราวหนึ่งใน
สามส่ วน หลังได้สติแล้วอัตราการฟื้ นฟูน้ ียอ่ มรวดเร็ วขึ้นอีกหลาย
เท่า เมื่อเซี่ยฉิ งเยว่ทรุ ดกายนัง่ ลงด้านข้าง ชายหนุ่มพลันเอื้อมมือ
ไปโอบรอบไหล่บางของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง
ร่ างของเซี่ยฉิ งเยว่แข็งค้างไปเล็กน้อยจนเห็นได้ชดั หญิง
สาวพยายามเบี่ยงกายหลบตามสัญชาตญาณ “ท่าน…”
“ฉิ งเยว่ หลับตาของท่านลงสิ ” หยุนเช่อโอบกอดนางจาก
ด้านหลังจากอ่อนโยนทว่าแน่วแน่ อ้อมแขนของชายหนุ่มเลื่อนลง
จากไหล่บางไปที่เอวนุ่มบอบบางดุจกิ่งหลิว เมื่อได้มองนางใน
ระยะประชิดเช่นนี้ รู ปลักษณ์ของหญิงสาวนับว่าสมบูรณ์แบบราว
กับภาพฝัน
“ท่าน...จะทําอะไร?” เมื่อถูกชายหนุ่มโอบกอดไว้เช่นนี้ ลม
หายใจของเซี่ ยฉิ งเยว่ปั่นป่ วนไปโดยสิ้ นเชิง ทัว่ ร่ างของหญิงสาว
ชะงักค้าง เวลาผ่านไปครู่ หนึ่งหญิงสาวยังคงไม่รู้วา่ ตนเองสมควร
ขัดขืนและหนีออกจากวงแขนของชายหนุ่มหรื อไม่
ใบหน้าของหยุนเช่อค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ สุ ม้ เสี ยงราวกับ
แฝงไว้ดว้ ยมนตร์สะกดดังขึ้นที่ขา้ งหูของหญิงสาว “ฉิงเยว่ภรรยา
ข้า พวกเราแต่งงานกันได้สามปี แล้ว แต่ระหว่างเป็ นสามีภรรยา
กันมาสามปี ข้ายังไม่เคยจุมพิตท่านมาก่อน ครั้งนี้...ท่านจะให้ขา้
จูบท่านได้หรื อไม่?”
“...” เสี ยงของหยุนเช่อเคลื่อนเข้ามาใกล้ทีละน้อย ทีละน้อย
ลมหายใจอุ่นชื้นของชายหนุ่มค่อยๆเคลื่อนละจากข้างหูมายังข้าง
แก้ม และกระทัง่ ตกกระทบริ มฝี ปากของหญิงสาว ทัว่ ร่ างของเซี่ย
ฉิ งเยว่แข็งค้าง นางที่ไม่เคยประสบเรื่ องราวเช่นนี้มาก่อน บัดนี้
สมองมิอาจประมวลผลใดๆได้โดยสิ้ นเชิง ร่ างของหญิงสาวที่เป็ น
ราวกับบัวนํ้าแข็งอันสู งส่ ง บัดนี้ราวกับได้กลายเป็ นตุก๊ ตาไม้ตวั
หนึ่ง
แก้มของหยุนเช่อเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า ขณะที่ชาย
หนุ่มกําลังจะสัมผัสกับริ มฝี ปากของเซี่ยฉิ งเยว่อยูน่ นั่ เอง คลื่นพลัง
อันเร่ งร้อนทว่าเย็นเยียบดุจนํ้าแข็งพลันผลักร่ างของชายหนุ่ม
กระเด็นออกไป เซี่ยฉิ งเยว่ผดุ ลุกขึ้นยืน หญิงสาวไม่กล้าสบสายตา
ชายหนุ่ม และกล่าวคํา “ข้าจะไปบอกพวกเขาว่าท่านฟื้ นแล้ว”
อย่างเร่ งรี บ ก่อนที่จะผลุบหายไปราวกับหลบหนี
ศีรษะของหยุนเช่อโขกกับผนังด้วยแรงกระแทก ชายหนุ่ม
รู ้สึกเจ็บจนต้องกัดฟัน ก่อนจะใช้มือลูบศีรษะที่ปูดโน และพึมพํา
เสี ยงเบาอย่างหงุดหงิด “เมื่อข้าบรรลุถึงระดับปราณฟ้าเมื่อไหร่
ไม่วา่ อย่างไรจะต้องใช้กาํ ลังกับท่านให้ได้… อ๊าก โอ๊ย..โอ๊ย...โอ๊ย
...…”
บทที่ 363 บังคับเข้ าพิธีสมรส
ในฐานะองค์ชายของจักรวรรดิ เมื่อมาเยือนยังอาณาจักรอื่น
เฟิ งซีเฉิ นสามารถเดินยืดอกไปไหนมาไหนได้อย่างสมบูรณ์ ไม่วา่
ผูใ้ ด เมื่อเผชิญพบกับมัน ล้วนแล้วแต่ตอ้ งเก็บปากเงียบ มิอาจ
แสดงความไม่เคารพหรื อตอแยมันแม้เพียงน้อย ยิง่ ไม่ตอ้ ง
กล่าวถึงยามมันมายังอาณาจักรวายุคราม
ทว่า ด้วยสถานะองค์ชายเทพหงสา ไม่ได้ทาํ ให้ความ
หวาดกลัวซึมซับสู่ หยุนเช่อแม้เศษเสี้ ยว นี่แน่นอนย่อมส่ งผลให้
ภายในใจของเฟิ งซีเฉิ นเจ็บปวดยิง่ เจตนากําจัดสังหารหยุนเช่อ
เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน มันหัวเราะออกมาอย่างหยิง่ ยโส “หยุนเช่อ เรา
องค์ชายกังขาอย่างยิง่ ว่าเจ้าพกนําความอวดดีและความมัน่ ใจถึง
ขั้นนี้มาจากที่ใด ถึงกับกล้าแสดงท่าหยิง่ ผยองต่อหน้าองค์ชายผูน้ ้ ี
เจ้าคิดว่าเจ้ายอดเยีย่ มยิง่ เพียงเพราะสามารถทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า หนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่หรื อ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า กบที่ไม่เคยเดิน
ออกมานอกกะลาช่างน่าตลกและน่าสงสาร กล่าวตามตรง ตลอด
ทาง ข้าได้ยนิ ข่าวลือเกี่ยวกับเจ้ามากมาย แน่นอนข้าคาดหวังกับ
เจ้าเล็กน้อย แต่ขา้ ไม่เคยคิดว่าพลังปราณของเจ้าแท้จริ งอยูเ่ พียง
ขั้นลมปราณปฐพี นี่ไม่อาจใช้คาํ ว่า “น่าสงสาร” ได้ดว้ ยซํ้า ดูท่าสี่
พรรคใหญ่เหล่านี้ ล้วนเป็ นเพียงสี่ ตวั ตลกอันน่าขันที่สุด….”
เฟิ งซี เฉิ นมองหยุนเช่ออย่างสงบนิ่ง สายตาราวกําลังมองมด
ตํ่าต้อยตัวหนึ่งที่ไม่มีคุณสมบัติอยูต่ ่อหน้ามัน “แต่ เจ้ายังนับว่ามี
วาสนา ที่จะได้ตกตายอย่างมีเกียรติดว้ ยมือของเราองค์ชาย ก่อน
เจ้าตาย องค์ชายผูน้ ้ ีจะอนุญาตสวะที่มีสายเลือดผสมเช่นเจ้า ให้มี
โอกาสได้เป็ นพยานว่าเพลิงหงสาที่แท้จริ งเป็ นอย่างไร!!”
เฟิ งซี เฉิ นขยับมือ พัดหยกขาวกางเปิ ดออก ตราประทับรู ป
ดวงไฟสี แดงชาดที่หน้าผากของมันเรื องรองขึ้น ส่ องประกายเจิด
จ้าบาดตา ทันใดนั้น เพลิงหงสาสี แดงพวยพุง่ ขึ้นสู งราวพายุลูก
ใหญ่กวาดม้วนท่วมท้นท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์จนสิ้ นใน
พริ บตา ชั้นบรรยากาศแผ่ขยายไหวกระเพื่อมเป็ นระลอกจนทุก
ผูค้ นสามารถมองเห็นมวลอากาศอันบิดเบี้ยวอย่างรุ นแรง คลื่น
ความร้อนแผ่ออกครอบคลุมลงมา ส่ งผลให้ผคู ้ นที่อยูบ่ ริ เวณ
ใกล้เคียงต่างรู ้สึกราวถูกเพลิงลาวาล้อมกักไว้ก่ ึงกลาง ทั้งหมด
กลั้นหายใจ ขณะที่ผวิ หนังภายนอกราวกําลังถูกเผาไหม้ดว้ ยเปลว
ไฟอันร้อนแรง
กรี๊ ซซซซ~~
กรี๊ ซซซซ~~
เสี ยงร้องครํ่าครวญของวิหคเพลิงเทวะดังออกมาให้ได้ยนิ
จากกลางเปลวเพลิง สัน่ สะท้านจิตใจผูร้ ับฟังทั้งหมดจนถึงส่วน
ลึกภายในใจ ฝูงชนยกศีรษะขึ้น ก่อนจะมองเห็นภาพอันน่าตื่น
ตะลึงของเปลวเพลิงแดงกํ่าเผาไหม้ทวั่ ผืนฟ้าที่ดูคล้ายสร้างขึ้นมา
จากหงสาอัคคีท่ีเหิ นร่ อนอย่างเสรี จาํ นวนนับไม่ถว้ น ปลดปล่อย
พลังทําลายล้างอันมหาศาลที่สามารถผลาญทําลายทั้งสวรรค์และ
พิภพ
เหล่ายอดยุทธ์วายุครามทั้งหลายก้าวถอยหลังด้วยความ
หวาดหวัน่ ความร้อนแรงแผดเผาของเปลวไฟ รวมทั้งพลังอันลึก
ลํ้าไร้ตา้ นทานที่พวกมันประสบล้วนเกินจินตนาการและความ
เข้าใจของพวกมันไปอย่างสิ้ นเชิง กระทัง่ เปลวไฟสี ม่วงแห่ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่จดั เป็ นเปลวไฟขั้นสู งสุ ด ยังไม่อาจเทียบ
เปรี ยบได้กบั เปลวเพลิงสี แดงที่เบื้องหน้า เนื่องเพราะนี่เป็ นอัคคี
เทพหงสาจากพรรคเทพหงสา...กอปรไปด้วยพลังแห่งสัตว์เทวะ
เป็ นเปลวเพลิงที่ได้รับการยอมรับเป็ นอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้า!! เหล่ายอดยุทธ์มากมายในที่น้ นั ไม่มีผใู ้ ดแม้แต่คน
เดียวที่หาญกล้าเผชิญหน้ากับเปลวไฟเทพหงสานี้ ยังมี กระทัง่ ตง
ฟางซิ ว ยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิเอง ยังอาจสามารถถูกทํา
ร้ายถึงแก่ชีวติ ได้ในพริ บตาหากเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงอันน่า
หวาดหวัน่ อย่างถึงที่สุดนี้
เมื่อเห็นอัคคีเทพหงสาที่ครอบคลุมท้องฟ้า ชายชราชุดดํา
และชุดแดงต่างผงกศีรษะช้าๆ ชายชราชุดดําทอดถอนใจยาว “แม้
ไหวพริ บปฏิภาณขององค์ชายไม่อาจกล่าวได้วา่ เด่นลํ้ากว่าองค์
ชายทุกพระองค์ อย่างไรเสี ย ยังคงรักษาไว้ซ่ ึงสายโลหิ ตเทวะ ใน
ปี นี้ ระดับพลังของเพลิงเทพหงสาของพระองค์บงั เกิดการทะลุ
ทะลวงหลายครั้งครา ปัจจุบนั ล้วนไม่ดอ้ ยไปกว่าพวกเราเฒ่าชรา
อีกต่อไป ข้าเชื่อว่า ผ่านไปอีกหนึ่งปี พระองค์ยอ่ มก้าวข้ามพวก
เราไปได้แน่นอน”
อาวุโสชุดแดงกล่าวว่า “โฮ่โฮ่ พวกเราเพียงเป็ นองครักษ์ใน
พรรค ขีดจํากัดในชีวติ ของพวกเราเพียงอยูใ่ นชั้นปราณจักรพรรดิ
จะเทียบเปรี ยบกับองค์ชายได้อย่างไร? ด้วยระดับความก้าวหน้า
ขององค์ชายในปั จจุบนั พระองค์อาจสามารถบรรลุถึงชั้น
ทรราชย์!”
อัคคีเทพหงสาที่ลามเลียทัว่ ผืนฟ้าเปรี ยบดังเพลิงโลกันตร์
กลุ่มอัคคีแฝงพลังทําลายล้างอันไร้ขอบเขตถาโถมทะลักทลายเข้า
หาหยุนเช่อ เมื่อมองเห็นกลุ่มก้อนเปลวไฟอันนร้อนแรงที่ร่วง
หล่นลงมา หยุนเช่อเดิมคล้ายต้องการกระทําการบางอย่าง ทว่า
ทันใดนั้นเอง ราวกับชายหนุ่มพลันบังเกิดความคิด มือทั้งสองข้าง
ที่ยกขึ้นมาถูกเก็บลงที่เดิม ปล่อยให้เปลวไฟที่ถาโถมกลบกลืน
ร่ างกายของตนเองไว้จนหมดสิ้ น
“ลูกพี่!!”
“หยุนเช่อ!!”
ทะเลเพลิงที่กลบบดบังทัว่ ท้องนภาห่อหุม้ หยุนเช่อไว้จน
หมดสิ้ น กระทัง่ ทัว่ ร่ างรวมทั้งรัศมีพลังของชายหนุ่มยังถูกกลืน
กินลงไปไม่หลงเหลือ บริ เวณโดยรอบบังเกิดเสี ยงอุทานอย่างตื่น
ตระหนกขณะที่ทุกผูค้ นต่างมองดูภาพเหตุการณ์น้ ีดว้ ยความสิ้ น
หวัง หลิงเจี่ยและตงฟางซิวกระโดดออกมาจากฝูงชน อย่างไรก็
ตาม ก่อนที่พวกมันจะสามารถเข้าถึงเปลวไฟ ร่ างของพวกมันทั้ง
สองต่างถูกดีดสะท้อนกลับมาด้วยพลังความร้อนที่เหนือลํ้าเกิน
จินตนาการ พวกมันไม่อาจเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่นอ้ ย...ท่ามกลาง
สภาวะอันหวาดหวัน่ ขวัญผวา ทั้งสองล้วนไม่กล้าจินตนาการถึง
ผลลัพธ์หากพวกมันถูกกลืนกินด้วยอัคคีเพลิงอันร้อนแรงเช่นนี้
ได้เลย อาจบางที เพียงชัว่ วินาทีเดียว เสื้ อผ้า ผมเผ้า ผิวหนัง เลือด
เนื้อ รวมทั้งกระดูก ทั้งหมดสมควรถูกเผาเป็ นเถ้าถ่านในพริ บตา
หยุนเช่อผูถ้ ูกอัคคีเทพหงสากลบกลืนจนสิ้ น แท้ที่จริ งแล้ว
ล้วนปราศจากภยันตรายใด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงเฟิ งซีเฉิน กระทัง่ พระ
บิดาของมัน-พระจักรพรรดิแห่งเทพหงสามาอยู่ ณ ที่น้ ี ยังคง
อย่าได้คิดหวังทําอันตรายหยุนเช่อด้วยไฟเทพหงสาได้แม้ปลาย
เส้นผม ชายหนุ่มยืนเเน่วนิ่งกลางเปลวเพลิงเทพหงสา บีบบังคับ
ร่ างกายตนเองรับทราบและสัมผัสถึงเปลวไฟที่เดือดพล่านอยูร่ อบ
กาย เพลิงเทพหงสาแน่นอนย่อมต้องใช้โลหิ ตเทพหงสาในการ
กระตุน้ ใช้ออก สาเหตุท่ีหยุนเช่อเองสามารถใช้อคั คีเทพหงสาได้
เนื่องเพราะชายหนุ่มกอปรไปด้วยโลหิ ตเทพหงสาอยูภ่ ายใน
ร่ างกาย หยุนเช่อต้องการทราบถึงความแตกต่างระหว่างเพลิงเทพ
หงสาของตนเอง และเพลิงเทพหงสาของทายาทที่รับสื บทอดกัน
มาอย่างยาวนานของพรรคเทพหงสา
และผลที่ได้รับ สร้างความผิดหวังให้แก่หยุนเช่ออย่างใหญ่
หลวง
หากระบุอย่างชัดแจ้ง ไม่วา่ เพลิงที่ถูกจุดโดยหยุนเช่อ หรื อ
เพลิงจากผูค้ นในพรรคเทพหงสา ทั้งหมดล้วนมิใช่ไฟเทพหงสาที่
แท้จริ งทั้งสิ้ น กลับกัน มันคือปราณธาตุอคั คีที่แฝงไว้ดว้ ยพลังเท
วะอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพหงสา มีเพียงเปลวไฟจากสัตว์เทวะเอง
เท่านั้น เช่นเปลวไฟจากเทพหงสาที่แท้จริ ง จึงสามารถเรี ยกเป็ น
อัคคีเทพหงสาได้ ดังนั้น ความบริ สุทธิ์ของสายเลือดภายในเส้น
โลหิ ตของแต่ละผูค้ น จึงเป็ นตัวตดสิ นความบริ สุทธิ์ของเพลิงเทพ
หงสาเช่นกัน ในฐานะผูร้ ับสื บทอดเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุ
อัคคี ทั้งยังครอบครองเพลิงเทพหงสา หยุนเช่อกระจ่างแจ้งดีถึง
กฏแห่งเปลวไฟ รวมทั้งตระหนักถึงความสามารถในการควบคุม
เปลวไฟของตนเองว่ามีความแข็งแกร่ งเพียงใด ชายหนุ่มถึงกับ
สามารถรับรู ้ได้วา่ “ความบริ สุทธิ์” ของเพลิงเทพหงสาของเฟิ งซี
เฉิ น ไม่ได้ครึ่ งของตัวหยุนเช่อเองด้วยซํ้า!
อย่างไรเสี ย ที่มาของเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ ได้รับสื บ
ทอดโดยตรงจากสัตว์เทวะ รับสื บทอดมาจากจิตวิญญาณเทพหง
สาเอง
ขณะที่สายเลือดเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นสื บทอดต่อกันมา
หลายต่อหลายรุ่ น ความบริ สุทธิ์ของสายเลือด แน่นอนย่อมมิอาจ
เทียบเคียงกับหยุนเช่อ บุคคลเพียงผูเ้ ดียวที่สามารถมีความบริ สุทธิ์
ของสายโลหิ ตเทพหงสาในร่ างกายเท่าเทียมกับหยุนเช่อ คือบรรพ
บุรุษรุ่ นแรกขององค์ชายสิ บสาม ผูร้ ับสื บทอดโลหิ ตเทพหงสาคน
แรกเพียงเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม กรรมวิธีการปลุกเพลิงเทพหงสา รวมทั้งกฏ
แห่งพลังทําลายล้างของเปลวไฟ กลับเป็ นความลี้ลบั ซับซ้อนอย่าง
ถึงที่สุด ภายในเพลิงเทพหงสา หยุนเช่อสามารถมองเห็นเงาของ
“ท่วงทํานองเทพหงสา” ได้ ครั้งนั้น ในสนามทดสอบเทพหงสา
หยุนเช่อใช้ความสามารถและพลังของเมล็ดวิญญาณธาตุอคั คีของ
เทพอสู ร ฝื นทะลวงกฏเกณฑ์พ้นื ฐานของเพลิงเทพหงสา ภายใต้
เงื่อนไขที่ปราศจากวิชาอัคคีเทพหงสา หยุนเช่อฝื นทําคงามเข้าใจ
ต่อท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หกจนสําเร็ จ อย่างไรก็
ตาม อัคคีเทพหงสาของหยุนเช่อเพียงสามารถสําแดงพลังเพลิง
เทพหงสาขั้นพื้นฐานออกมาได้เพียงเท่านั้น ดังนั้น อํานาจของ
วิชาอัคคีเทพหงสาทั้งสองกระบวนท่า ล้วนถูกจํากัดไว้เช่นกัน
ขณะที่พรรคเทพหงสาครอบครองท่วงทํานองเทพหงสาขั้น
พื้นฐานตั้งแต่ข้ นั แรกถึงขั้นที่สี่ หากหยุนเช่อสามารถได้รับวิชาสี่
ขั้นแรก และหลอมรวมเข้าสู่ ข้นั ที่หา้ และขั้นที่หก พลังอํานาจของ
เพลิงเทพหงสาแน่นอนว่าย่อมต้องพุง่ ทะยานขึ้นสู่จุดสู งสุ ดอันไม่
อาจคาดเดาได้
หยุนเช่อพยายามจับร่ องรอยของ “ท่วงทํานองเทพหงสา”
จากเปลวไฟของเฟิ นซีเฉิ น ทว่า ชายหนุ่มล้มเลิกความตั้งใจอย่าง
รวดเร็ ว อย่างไรเสี ย การพยายามสื บเสาะทําความเข้าใจทักษะวิชา
ยุทธ์แบบย้อนทวนเช่นนี้นบั ว่าเป็ นสิ่ งที่คล้ายไม่อาจเป็ นไปได้ หยุ
นเช่อกางแขนทั้งสองออก ตราประทับรู ปเปลวไฟสี ทองอร่ ามที่
กึ่งกลางหน้าผากสาดประกายวูบหนึ่ง เปลวไฟสี แดงจัดจ้านปะทุ
ออกมาจากร่ างกายของชายหนุ่มเช่นกัน จากนั้น มันพลุ่งพล่าน
เดิอดทะลักอย่างบ้าคลัง่
ในชัว่ พริ บตา ราวกับอมนุษย์กลางท้องทะเลเดือดพลันผุด
โผล่ มวลอากาศสัน่ สะเทือนอย่างหนักหน่วง สุ ม้ เสี ยงราวผืนผ้า
ถูกฉี กกระชากดังออกมาอย่างชัดเจน เปลวเพลิงเทพหงสาที่ลุก
ไหม้ลามไปทัว่ ผืนฟ้าลพันกลับกลายเป็ นปั่ นป่ วนจากพลังงานที่
ระเบิดออกอย่างรุ นแรงในชัว่ พริ บตา เปลวไฟทั้งหมดแหลกสลาย
เป็ นชิ้นๆ ก่อนจะอันตรธานหายไปในอึดใจ...และที่ขบั ไล่อคั คี
เทพหงสาออกไป กลับเป็ นอัคคีเทพหงสาอีกกลุ่มหนึ่ง...ที่มาจาก
ร่ างของหยุนเช่อ!! อย่างไรก็ตาม เปลวไฟทั้งสองล้วนแตกต่าง
เปลวไฟของเฟิ งซีเฉินดูคล้ายอสรพิษอันไร้สิ้นสุ ด ขณะที่เปลวไฟ
ของหยุนเช่อดูราวกับมังกรเทวะผูค้ รอบครองท้องนภา ไม่วา่
ทะยานไปที่ใดเปลวไฟอสรพิษของเฟิ งซีเฉิ นล้วนถูกบดขยี้จน
แตกกระจายหายไป
“อะ..อะไร!!”
ความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ส่ งผลใหเฟิ งซีเฉิน
รวมทั้งผูอ้ าวุโสชุดดําและชุดแดงตกตะลึงอย่างใหญ่หลวง หยุ
นเช่อถูกเปลวไฟของเฟิ งซีเฉินกลืนกินด้วเวลาเกือบห้าวินาที พวก
มันทั้งสามล้วนเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อย่อมถูกแผดเผาเป็ นเถ้าธุลีไป
แล้วอย่างแน่นอน ทว่า พวกมันคาดไม่ถึงว่าหยุนเช่อมิเพียงไม่ได้
รับอันตรายแม้ปลายเส้นผม หากพลังเพลิงเทพหงสาที่ระเบิดออก
โดยกะทันหันของมันยังสามารถพัดไฟเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นจน
ปลิวกระจัดกระจาย...
กวาดทําลายเปลวไฟขององค์ชายเทพหงสาจนมลาย
หายไป!!
ผูค้ นสมควรทราบ สายโลหิ ตเทพหงสาในพรรคเทพหงสา
เหล่าราชวงศ์เทพหงสาล้วนเป็ นกลุ่มที่มีสายเลือดบริ สุทธิ์ที่สุด
หากอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขของระดับพลังยุทธ์ที่เท่าเทียม พลังเพลิง
เทพหงสาที่ถูกจุดโดยสมาชิกราชวงศ์ ย่อมเหนือลํ้ากว่าศิษย์
ธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด พลังยุทธ์ของเฟิ งซีเฉิ นอยูใ่ นระดับขั้น
สองชั้นปราณจักรพรรดิ หากมันกลับสามารถโค่นล้มศิษย์
ธรรมดาในพรรคที่มีระดับพลังขั้นสี่ ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิ
ทว่าหยุนเช่อผูม้ ีพลังลมปราณขั้นที่เจ็ดชั้นลมปราณปฐพี
และเพลิงเทพหงสาที่มีที่มาจาก “ลูกสําส่ อน” นอกคอกผูน้ ้ ี กลับ
สามารถเป่ าทําลายเพลิงเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นจนกระเจิดกระเจิง
ได้!!
ชัว่ วินาทีน้ นั ราวกับพวกมันได้พบเห็นผีสางยามกลางวัน
แสกๆ ก็มิปาน
ยังมี ในเวลาเดียวกันนั้น จิตวิญญาณของพวกมันกลับสัน่
สะท้านอย่างไม่อาจควบคุม พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงพลัง
กดดันชนิดหนึ่งที่มาจากโลหิตเทพหงสา! ทั้งยังเป็ นพลังกดดันที่
พวกมันทั้งสามเคยคุน้ เป็ นที่ยงิ่ เป็ นพลังกดดันที่ดาํ รงคงอยูใ่ น
สายเลือดของพวกมัน ที่เพียงสําแดงออกมาได้เมื่อความบริ สุทธิ์
ของสายเลือดอีกฝ่ าย เหนือลํ้ากว่าพวกมันเพียงเท่านั้น ทั้งยังเป็ น
ระดับความบริ สุทธิ์ที่เข้มข้นกว่าที่มีอยูใ่ นโลหิ ตของพวกมันอย่าง
ชัดเจน หากแต่ ความรู ้สึกนี้ กลับแผ่ออกมาจากร่ างของหยุนเช่อผู ้
นี้
นี่เป็ นไปได้เยีย่ งไร?
สายโลหิ ตของลูกสําส่ อนที่กาํ เนิดจากภายนอก จะกดดันให้
องค์ชายจากพรรคเทพหงสา สามารถรับทราบถึงพลังอํานาจที่
เหนือกว่า...นี่จะเป็ นไปได้อย่างไร?!
สี หน้าของเฟิ งซีเฉิ นนิ่งขึง จากนั้น ใบหน้าของมันบิดเบี้ยว
อย่างช้าๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย มันจับจ้องอย่างโง่งมไปยังอัคคีเทพ
หงสาของมันที่ถูกศัตรู ของตนเองใช้เพลิงเทพหงสาเช่นเดียวกัน
ฉี กกระชากเป็ นชิ้นๆ มันรู ้สึกราวกับความภาคภูมิและเกียรติยศ
ล้วนถูกทุบทําลายจนกลายเป็ นเศษส่ วนพร้อมกับไฟเทพหงสา
ของมัน
เฟิ งซี เฉิ นกัดฟันแนบแน่น ก่อนจะคํารามออกมาเสี ยง
กึกก้อง มันโผนทะยานร่ างขึ้นสู่ กลางอากาศ ตราประทับเทพหง
สาที่กลางหน้าผากเปล่งแสงวาววับ พัดหยกขาวกางออก ส่งเพลิง
เทพหงสาพร่ างพรมลงมาอย่างบ้าคลัง่ ราวมรสุ มแห่งเปลวไฟ “ไอ้
เด็กสําส่ อน เราองค์ชายถือครองสายเลือดแห่งราชวงศ์เทพหงสา
อันศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าเราองค์ชาย กลับกล้าแส่ หาความอับอายด้วย
เพลิงเทพหงสาของลูกสําส่ อนเจ้า!! เราองค์ชายจะให้เจ้าได้เป็ น
พยาน...ว่าเพลิงเทพหงสาที่แท้จริ งเป็ นเช่นไร!!”
“พลังเทพหงสา...เขตแดนวิหคเทวะ!!”
เสี ยงกู่ร้องของวิหคเพลิงก้องสะท้อนทัว่ ผืนฟ้า เปลวไฟเทพ
หงสาที่สามารถครอบคลุมผืนฟ้าผืนดินพลันยืดขยายออกไปอีก
หลายเท่าอีกครั้งครา ก่อนหน้านี้ เฟิ งซีเฉินที่ภายในใจเปี่ ยมด้วย
ความเย้ยหยันและเจตนาหยอกล้อเพียงใช้พลังออกสี่ ในสิ บส่ วน
เท่านั้น ทว่าครานี้ มันใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ทั้งยังทุ่มเทใช้เขต
แดนทําลายล้างอันแข็งแกร่ งที่สุดของตนเองในยามนี้---เขตแดน
วิหคเทวะ
เพลิงเทพหงสาลุกโหมราวบ้าคลัง่ กลับกลายเป็ นหงส์เพลิง
อันร้อนแรงขนาดยักษ์ หมุนวนอย่างเหี้ ยมอํามหิ ต ส่งพลังทําลาย
มหาศาลพร่ างพรมสัน่ สะท้านไปทัว่ ทั้งฟ้าดิน
มุมปากของหยุนเช่อยกเป็ นรอยยิม้ เหยียดหยัน ชายหนุ่ม
กางแขนทั้งสองข้าง ตราประทับเปลวไฟสี ทองที่ก่ ึงกลางหน้าผาก
ปรากฏ เพลิงสี แดงชาดเบ่งบานออกเป็ นดอกบัวอัคคีขนาดยักษ์
อย่างสง่างาม
“บัวปี ศาจผลาญดารา!!”
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ยง...
บุปผาอันแรงร้อนเบ่งบานออกเป็ นชั้นๆ แผ่รัศมีพลังอัน
สามารถแผดเผาทุกสิ่ งสิ้ น ดอกบัวแผ่กลีบขยายออกอย่างรวดเร็ ว
ทุกชั้นกลีบบุปผาอัคคีที่คลี่กาง ฉี กกระชากเขตแดนวิหคเทวะ
ออกเป็ นช่องว่างอย่างโหดร้าย หงส์อคั คีที่เพิ่งก่อรู ปร่ างขึ้นถูกบด
ขยี้เป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปลวไฟเทพหงสาที่กาํ ลังสูญสลายถูกล้อม
กักไว้ในอาณาเขตเพลิงบัวปี ศาจ ดูราวหิ มะขาวที่ถูกแสงอาทิตย์
อันแรงร้อนสาดส่ อง มลายหายไปอย่างรวดเร็ วจนเหลือเพียง
ความว่างเปล่า
บทที่ 370 ไร้ ผ้ ูต้าน
วาจาของหยุนเช่อทําเอาทั้งสามคนจากพรรคเทพหงสา…
และทุกคนที่อยูร่ อบด้านล้วนแต่คิดว่าหูของตนเพี้ยนไปแล้วหรื อ
อย่างไร พรรคเทพหงสาที่น่าพรั่นหรึ ง ตัวตนอันสูงส่ งผูเ้ รื อง
อํานาจบนทวีปลมปราณฟ้ากลับถูกชายหนุ่มจากดินแดนเล็กๆ
อย่างจักรวรรดิวายุครามข่มขู่ให้ทิ้งมือเท้าไว้อย่างละข้าง มิตอ้ งพูด
ถึงว่าเคยพบเห็นหรื อได้ยนิ แค่จินตนาการก็มิเคยมีผใู ้ ดกระทํา
แล้ว ในฐานะจักรพรรดิของจักรวรรดิวายุคราม ชัว่ ชีวติ ชางว่าน
เฮ่อพบเผชิญเรื่ องต่างๆมานับไม่ถว้ น และยังผ่านวิกฤตเฉี ยดตาย
มาแล้ว ทว่าทันทีที่มนั ได้ยนิ คําพูดเหล่านี้ มันก็ตะลึงจนใจเต้นไม่
เป็ นสํ่า
เส้นผมของทั้งสามจากพรรคเทพหงสาลุกตั้งขึ้นกว่าเดิม
ปรากฎประกายเพลิงพวกพุง่ ไปทัว่ ขณะที่ศีษะของพวกมันแทบ
จะระเบิดออกด้วยโทสะ ชายชราชุดแดงชี้หน้าหยุนเช่อก่อนจะ
เอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงเกรี้ ยวกราดอย่างที่สุด “ไอ้เด็กเปรต! เจ้า… เจ้าถึง
กลับกล้าข่มขู่องค์ชายจักรวรรดิเทพหงสาเรา! องค์ชายเป็ นคน
ของพรรคเทพหงสา และยังเป็ นองค์ชายสิ บสามของจักรวรรดิ
เทพหงสา!! ข้าท้าให้เจ้าลองแตะต้องเส้นผมองค์ชายซักเส้นดู!!”
ศีรษะชางว่านเฮ่อเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ขณะที่มนั กําลังจะ
ก้าวออกไปเปิ ดปาก มันพลันได้ยนิ เสี ยงหัวเราะเย็นชาของหยุ
นเช่อ “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึ ? เหอะ… ข้าเดี๋ยวข้าจะแตะให้เจ้าดู
เอง!”
ก่อนจะสิ้ นเสี ยง หยุนเช่อก็ทะยานร่ างออกไปแล้ว กระบี่
ทัณฑ์มงั กรโหบคลื่นพลังลมปราณมหาศาลขณะฟาดเข้าใส่ ท้ งั
สามคนพร้อมกับเสี ยงมังกรคํารามที่สะท้านถึงวิญญาณ
คิ้วเรี ยวของเซี่ยฉิ งเยว่กระตุกเล็กน้อยขณะนางทะยานร่ าง
ขึ้น… คู่ต่อสู ม้ ีถึงสามคน หนึ่งบรรลุพลังลมปราณชั้นจักรพรรดิ
ขั้นสองและขั้นสามอีกสองคนซํ้าทุกคนยังมีสายเลือดเทพหงสา
นางเกรงว่าจะตึงมือหยุนเช่ออยูบ่ า้ งหากมันรับมือคนเดียว แต่
ก่อนที่นางจะได้เอ่ยปาก หยุนเช่อพลันคํารามกึกก้องจนได้ยนิ ไป
ทัว่ “ห้ามผูใ้ ดสอดมือเป็ นอันขาด!”
เซี่ ยฉิ งเย่วชะงักร่ าง หลังจากครุ่ นคิดเล็กน้อยนางก็ตวัดมือ
ออก บังเกิดกําแพงนํ้าแข็งโปร่ งใสขนาดยักษ์จากพื้นดินเข้า
ล้อมรอบหยุนเช่อและคนจากพรรคเทพหงสาทั้งสามไว้อย่าง
รวดเร็ วเพือ่ ไม่ให้ผคู ้ นรอบด้านต้องโดนลูกหลงยามพวกมัน
ปะทะกัน
แม้เวลาเพิง่ จะผ่านพ้นมาไม่ถึงสองเดือน เคล็ดศักดิ์สิทธิ์
เยือกแข็งบรรจบของเซี่ยฉิ งเยว่กร็ ุ ดหน้าขึ้นอีกขั้น
ชายชราทั้งชุดดําและแดงบัดนี้ลว้ นแต่มน่ั ใจว่าหยุนเช่อตรง
หน้าผูน้ ้ ีเป็ นแค่คนเสี ยสติเท่านั้น!!
แรงกดดันมหาศาลของจักรวรรดิเทพหงสาของพวกมัน
กลับไม่มีผลต่อชายหนุ่มแม้แต่นอ้ ย! ในทวีปลมปราณฟ้านี้มีเพียง
คนบ้าเท่านั้นที่จะทําเหมือนจักรวรรดิเทพหงสาของพวกมันไม่มี
ตัวตน! และมีแค่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าลงมือทําร้ายองค์ชาย
จักรวรรดิเทพหงสาโดยไม่ออมมือ!
“ไอ้หนู… เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!!”
โทสะโหมกระพือคนทั้งสอง ชายชราชุดดําสาวเท้าไปเบื้อง
หน้าขณะในมือปรากฎหอกยาวสี ดาํ สนิท อัคคีโหมลุกขึ้นบนตัว
หอกราวกับอสรพิษเพลิงกําลังบิดตัว
ร่ างของชายชราชุดดําทะยานออกอย่างว่องไวประดุจ
สายฟ้า ปลายหอกมุ่งตรงเข้าสู่ จุดสําคัญบนทรวงอกหยุนเช่อขณะ
เงาร่ างมันพร่ ามัวและทิ้งประกายเพลิงสี ชาดไว้เป็ นทาง เสี ยง
อากาศปะทุผสานกับเสี ยงร้องเสี ยดหูของวิหคเพลิงดังเข้าสู่โสต
ประสาทของฝูงชน
สี หน้าของหยุนเช่อยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ร่ างมันยังไม่
เปลี่ยนทิศทาง แววตาเย็นเยียบดุจนํ้าแข็ง คลื่นกระบี่หนักที่ดุดนั
ยิง่ พลันปะทุดว้ ยเพลิงเทพหงสาสี ชาด แม้คลื่นพลังขุมนี้จะมิได้
เฉี ยบคม แต่แรงกดดันของมันก็ราวกับอัสนีบาตที่ผา่ ลงสู่ ดิน
ขณะที่ท้ งั สองอยูห่ ่างกันไม่ถึงห้าฟุต ชายชราชุดดําก็พลัน
สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของคลื่นพลังจากหยุนเช่อ มันเข้าใจ
ในทันทีวา่ เหตุใดเฟิ งซี เฉิ นที่สวมใส่ สมบัติเทพหงสาบนร่ างยัง
บาดเจ็บสาหัสในกระบี่เดียว ทันทีที่มนั หายตะลึง มันก็ไม่เหลือ
เวลาจะเปลี่ยนท่าร่ างอีกและทําได้เพียงเตรี ยมใจรับมือซึ่งหน้า
เท่านั้น
ตูม!!!
เพลิงเทพหงสาบนตัวหอกถูกกดดันด้วยพลังของกระบี่
หนักจนสลายไป ตัวหอกเองก็ถูกแรงกระแทกซัดจนงอแทบหัก
ชายชราชุดแดงเบื้องหลังมันเองก็ตกใจยิง่ มันทราบถึงพลังใน
เพลงหอกของชายชุดดําดี มันเองก็เคยเห็นพลังที่น่าตกใจของหยุ
นเช่อมา แต่มนั ไม่เคยคาดคิดเลยว่าหยุนเช่อจะสามารถทําลาย
กระบวนท่าสังหารของชายชราชุดดําได้อย่างง่ายดายปานนี้
พลังของกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรก็ชะงักไปวูบหนึ่งด้วยแรงปะทะ
ขณะที่เพลิงเทพหงสาพลันปะทุข้ ึนพุง่ เข้าใส่ ชายชราชุดดํา
ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง มันถอนร่ างกลับอย่างรวดเร็ ว
ยิง่ ก่อนจะกัดฟันส่ งเสี ยงคํารามกึกก้องขว้างหอกในมือออกแล้ว
จุดเพลิงอันแน่นหนาขึ้นทัว่ ร่ าง อากาศรอบด้านพลันบิดเบี้ยวยิง่
กระทัง่ ผืนดินเบื้องล่างยังถูกเผาจนเป็ นสี แดงราวกับชายชราชุดดํา
ถูกโลหิ ตชโลมทัว่ ร่ าง
“ฮ่ าาห์ !!”
เปลวเพลิงที่เข้มข้นดุจโลหิ ตพลันปะทุออกกลายเป็ น
อสรพิษอัคคีที่วอ่ งไวดุจสายฟ้าพุง่ ทะยานไปเบื้องหน้า
เปรี๊ ยะ! เปรี๊ ยะ! ฟู่ ววว…
ประกายเพลิงสี โลหิ ตเข้าสกัดเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ
จนกระจายไปทีละน้อย หากเป็ นเพียงเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ
อย่างเดียว ก็ยงั อาจเป็ นไปได้ที่จะสลายมันไปจนหมดสิ้ น ทว่าสิ่ ง
ที่มากับเพลิงเทพหงสาคือคลื่นพลังของกระบี่หนักที่ไม่อาจต้าน
ติด
คลื่นกระบี่หนักเบื้องหลังพลันถาโถมเข้าใส่ ในพริ บตา
ต่อมาพร้อมกับเพลิงเทพหงสา เพียงเสี้ ยววินาทีมนั ก็กลืนกินและ
ทลายเพลิงสี โลหิ ตอันเข้มข้นราวกับอสรพิษยักษ์ที่ไร้ทางต่อกร…
ก่อนที่ในดวงตาของชายชราชุดดําจะสะท้อนภาพกระบี่หนักฟาด
เข้าใส่ ทรวงอกมันอย่างรุ นแรง ทะลวงม่านปราณคุม้ กายเข้าสู่ ร่าง
และเส้นชีพจรอย่างง่ายดาย
ชายชราชุดดําพลันหน้าซีดเผือด มันถอยเท้ากลับหลายสิ บ
ก้าว แขนขาสัน่ สะท้านขณะทวารบนใบหน้าปรากฎโลหิ ตไหล
ริ น เสื้ อผ้ามันถูกแผดเผาจนเป็ นเถ้าถ่านและผิวกายที่เผยออกก็ถูก
เผาไหม้จนดําเกรี ยมเกือบหมดเช่นกัน นับเป็ นสภาพน่าอดสู จน
ยากจะบรรยายได้
เหล่าผูช้ มล้วนแต่เงียบสงัด ไม่ใช่เพียงเฟิ งซีเฉิ น แม้แต่สอง
ผูอ้ าวุโสระดับผูค้ ุม้ กันจากพรรคเทพหงสายังถูกหยุนเช่อฟาดจน
บาดเจ็บในสามกระบวนท่า และยังเป็ นอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้าง
รุ นแรงอีกด้วย
พลังฝี มือของหยุนเช่อนับว่าน่ากลัวกว่าที่เล่าลือกันมากนัก!
เหล่าฝูงชนไม่อาจจินตนาการถึงขีดจํากัดของชายหนุ่มได้เลย
ยามก่อนในแดนเพลิงคราม พลังลมปราณของหยุนเช่อบรร
ลุเข้าสู่ ช้ นั ปราณปฐพีข้นั เจ็ด แต่มนั เพียงบรรลุถึง แต่ยงั มิได้ปรับ
สภาพลมปราณ หลังจากสองเดือนผ่านไป พลังลมปราณของหยุ
นเช่อในระดับชั้นปราณปฐพีข้ นั เจ็ดก็สมดุลจนเกินปกติแล้ว และ
ยังเริ่ มที่จะก้าวขึ้นสู่ ระดับชั้นต่อไป เสริ มด้วยเรื่ องที่มนั ยังคงทาน
เนื้อมังกรเป็ นอาหารทุกวันในช่วงเวลาสองเดือนนี้ ร่ างกายของ
มันเองก็เข้มแข็งขึ้นมาก พลังฝี มือของชายหนุ่มในยามนี้เหนือลํ้า
กว่าตอนที่ปะทะกับหลิงเทียนหนี่มากนัก
หากหลิงเทียนหนี่ปะทะกับมันอีกครั้งตอนนี้ มันย่อมต้อง
ตกใจกับความเร็ วในการพัฒนาของชายหนุ่มแน่ และการพัฒนานี้
ยังเกิดขึ้นทั้งที่พลังลมปราณของมันมิได้กา้ วข้ามระดับชั้นอีกด้วย
ใบหน้าของชายชราชุดดําบัดนี้กลายเป็ นสี แดงดุจตับหมู
การถูกทําร้ายจนบาดเจ็บเป็ นเรื่ องรอง แต่มนั ที่เป็ นถึงผูค้ ุม้ กันแห่ง
พรรคเทพหงสาอันทรงเกียรติกลับถูกผูเ้ ยาว์จากจักรวรรดิวายุ
ครามอันตํ่าต้อยทําร้ายจนบาดเจ็บในสามกระบวนท่า และยัง
เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนในที่น้ ี ในฐานะผูค้ ุม้ กันของพรรคเทพ
หงสาอันสู งส่ งและเย่อหยิง่ หน้าตาย่อมสําคัญกว่าชีวติ และใน
วันนี้ เรี ยกได้วา่ ใบหน้าชราของมันก็ราวกับถูกฝ่ าเท้าเหยียบยํา่
ขณะที่มนั กุมหน้าอกไว้ ร่ างของชายชราชุดดําก็สน่ั สะท้าน ส่วน
ชายชราชุดแดงข้างกายมันก็มีสีหน้ามืดหม่นยิง่ ทว่าหยุนเช่อกลับ
ไม่มีทีท่าจะหยุดมือแม้แต่นอ้ ย มันทะยานร่ างพร้อมกับลากกระบี่
ทัณฑ์มงั กรเข้าใส่ อีกครั้ง
“เพลิงเทพหงสาผลาญฟ้า!”
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลอันน่ากลัว ทั้งชายชรา
ชุดดําและแดงไม่อาจห่วงหน้าตาตนเองได้อีกต่อไปและลงมือ
พร้อมกัน คลื่นอัคคีสายแล้วสายเล่าพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งนภา กระทัง่
มิติเองก็ราวกับจะถูกแผดเผาจนเปิ ดออก… สองผูค้ ุม้ กันระดับ
ปราณจักรพรรดิแห่งพรรคเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่ลงมือพร้อมกัน
สุ ดกําลังนั้นจะทรงพลังถึงเพียงไหน แม้จะมีกาํ แพงนํ้าแข็งของ
เซี่ยฉิ งเยว่ขวางไว้ ผูฝ้ ึ กยุทธ์ทุกคนในที่น้ ีกย็ งั รู ้สึกราวกับโลหิ ตทัว่
ร่ างของมันเดือดพล่าน หัวใจแทบหลุดออกจากร่ างขณะบังเกิด
ความอึดอัดยิง่ ขึ้นทั้งตัว พวกมันไม่มีทางเลือกนอกจากเร่ งเร้าพลัง
ปราณสุ ดกําลังขึ้นสร้างม่านปราณคุม้ กายขึ้นมา
“ชะ… ช่างน่ากลัวนัก!”
“ทั้งสองคนโกรธอย่างเห็นได้ชดั … พวกเขาเป็ นคนจาก
พรรคเทพหงสา และยังเป็ นถึงคนข้างกายองค์ชาย! แค่รัศมีพลัง
รอบตัวที่แผ่ออกก็น่ากลัวแล้ว หากต้องปะทะซึ่งหน้าข้าก็ไม่อาจ
จินตนาการได้เลย ต่อให้เป็ นหยุนเช่อ ก็สมควรจะรับไว้ไม่ได้แน่
จริ งหรื อไม่?”
ทว่าสองผูค้ ุม้ กันจากพรรคเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่กลับร่ วมมือ
กันจู่โจมผูเ้ ยาว์ที่อายุยงั ไม่ถึงหนึ่งในสี่ ของพวกมัน! มิตอ้ งพูดถึง
ผูค้ นรอบด้าน กระทัง่ พวกมันเองยังรู ้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ทว่าพลัง
ฝี มือของหยุนเช่อเหนือลํ้ากว่าที่พวกมันคาดไว้มากนัก และการที่
พวกมันจะกูห้ น้าตากลับมาได้บา้ งก็มีแต่ตอ้ งสังหารชายหนุ่มลง
ที่นี่เท่านั้น
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสุ ดกําลังของสองยอด
ฝี มือระดับปราณจักรพรรดิจากจักรวรรดิเทพหงสา สี หน้าของหยุ
นเช่อกลับไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย บนกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรพลัน
บังเกิดเสี ยงคํารามดังสนัน่ ยามมันผสานพลังกับเพลิงเทพหงสา
คลื่นพลังมหาศาลไร้ผตู ้ า้ นเล็งไปยังชายชราชุดดําแดงก่อนจะปะทุ
ออกอย่างบ้าคลัง่
บรึ้ มมมมมมม!!
การปะทะกันของเพลิงเทพหงสาทําเอามิติถึงกับระเบิดออก
เสี ยงร้องของวิหคเพลิง เสี ยงครื นคราน อากาศปะทุและเสี ยงมิติ
ถูกฉี กกระชากดังก้องไปทัว่ แสงเจิดจ้าจากพลังลมปราณแทบจะ
กลบแสงจากดวงอาทิตย์เบื้องบน แสงเจิดจ้าจากเปลวไฟและเสี ยง
กึกก้องทําเอาผูค้ นรอบด้านสูญเสี ยประสาทด้านการมองและได้
ยินไปในพริ บตา พลังของอัคคีพวยพุง่ ไปรอบด้านอย่างรุ นแรง
ผืนดินพลิกตลบสู งกว่าสิ บเมตร กําแพงเยือกแข็งบรรจบที่เซี่ยฉิ ง
เยว่ทุ่มเทพลังทั้งหมดสร้างขึ้นถึงกับสัน่ ไหว ก่อนจะปรากฎรอย
แตกเป็ นทางยาวไปทัว่ ขณะเศษเสี้ ยวพลังลมปราณบางส่ วนเล็ด
รอดผ่านรอยแตกเล็กๆนี้ออกมา… แต่เสี้ ยวพลังที่หลุดรอดออกมา
เหล่านี้กเ็ ป่ าร่ างของผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่อยูใ่ กล้จนกระเด็นไปในพริ บตา
ส่ วนผูท้ ี่มีพลังปราณอ่อนด้อยก็ได้แต่กระอักโลหิ ตอยูก่ บั ที่จน
บังเกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชน
แสงจากเพลิงเทพหงสาที่ส่องสว่างถึงท้องนภายังคงอยูอ่ ีก
สิ บกว่าอึดใจ ก่อนจะเริ่ มสลายไป ทุกคนเริ่ มมองเห็นได้ชดั อีกครั้ง
ในตอนนี้เอง เมื่อมองผ่านกําแพงนํ้าแข็งโปร่ งใสที่แทบจะ
พังทลาย พวกมันก็เห็นชายชราชุดดําและแดงถูกเผาจนไหม้
เกรี ยมตั้งแต่เสื้ อผ้าจรดเส้นผม ทั้งหมดล้วนแต่ถูกเผาจนกลายเป็ น
เถ้าถ่าน พวกมันยืนห่างจากจุดเดิมนับน้อยเมตร… ทว่าเมื่อมอง
ไปยังหยุนเช่อ บนร่ างมันไม่มีบาดแผลแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ เสื้ อผ้า
หน้าผมก็ไม่เปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย
ภาพนี้ทาํ ให้ทุกคนต่างสู ดหายใจลึก กว่าครึ่ งได้แต่ตกตะลึง
ไม่อาจทําใจเชื่อในสิ่ งที่เห็นไปอีกพักใหญ่
หยุนเช่อใช้หนึ่งกระบี่เพียงลําพัง… กลับฟาดพลังของสอง
ราชันผูย้ ง่ิ ใหญ่จากจักรวรรดิเทพหงสากลับไปได้โดยไม่บาดเจ็บ
แม้แต่นอ้ ย!!
หยุนเช่อปักกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรลงบนพื้น มุมปากประดับด้วย
รอยยิม้ จาง แววตามันสุ ขมุ แต่กล็ ึกลํ้า ปลายผมปลิวไสวด้วย
กระแสพลังปราณที่ยงั สลายไปไม่หมด… ตอนนั้นเอง หยุนเช่อ
ในสายตาของทุกคนก็ราวกับจักรพรรดิผดู ้ ูหมิ่นโลกหล้า! แรง
กดดันนี้ยงั เหนือลํ้ากว่าจักรพรรดิวายุครามที่ครองบัลลังก์มาหลาย
ทศวรรษอย่างชางว่านเฮ่อเสี ยอีก!
ชายชราชุดดําและแดงล้วนแต่ปากสัน่ แววตามันปรากฎ
ความหวาดกลัว เมื่อผสานกําลังกันลงมือเมื่อครู่ พวกมันมิได้ออม
มือแม้แต่นอ้ ย และลงมือด้วยพลังทั้งหมดที่มี! แต่แม้จะร่ วมมือกัน
พวกมันก็ยงั ถูกอัดกลับมา หัวใจพวกมันบังเกิดความกลัวจนแทบ
จะระเบิดออก… ในดินแดนเล็กๆอย่างจักรวรรดิวายุคราม มี
ตัวตนเช่นนี้อยูไ่ ด้เช่นไร!
“ฮ่า…” มุมปากหยุนเช่อพลันเปลี่ยนเป็ นราบเรี ยบขณะเสี ยง
หัวเราะบางเบาเล็ดรอดริ มฝี ปากออกมา ก่อนที่ร่างของมันจะ
กลายเป็ นเงาพร่ ามัวสายหนึ่งพุง่ ตรงเข้าหาเฟิ งซีเฉิน… ในการ
ปะทะเมื่อครู่ เฟิ งซีเฉิ นย่อมต้องได้รับผลกระทบไปด้วย อาการ
บาดเจ็บของมันที่ไม่ใช่เบาๆเมื่อครู่ กห็ นักหนาขึ้น ตอนนี้มนั ได้
แต่หอบหายใจหนักหน่วงขณะทําท่ากึ่งคุกเข่าอยูบ่ นพื้น
“อย่า!” ชายชราชุดดําแดงล้วนแต่หน้าซีดเผือดด้วยความ
ตกใจ บัดนี้พวกมันไม่เพียงเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อเป็ นคนเสี ยสติท่ีไม่
สนใจผลที่จะตามมาเท่านั้น มันยังเชื่อว่าหยุนเช่อเป็ นคนเสี ยสติท่ี
หน้ากลัวด้วย! คนบ้าเช่นนี้ยอ่ มทําทุกสิ่ งที่กระทําได้! บางทีมนั
อาจลงมือสังฟารเฟิ งซีเฉิ นจริ งๆก็ได้ หากองค์ชายสิ บสามสิ้ นชีพ
ลงที่นี่จริ ง ต่อให้ตกตายนับหมื่นครั้งพวกมันก็ไม่อาจชดใช้
ความผิดได้ รวมไปถึงครอบครัวของพวกมันด้วย… การ
เคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของหยุนเช่อทําเอาหัวใจพวกมันแทบ
ระเบิดออก พวกมันส่ งเสี ยงคํารามกึกก้องขณะทัว่ ร่ างปลดปล่อย
พลังออกมาอย่างบ้าคบัง่ …
“เพลิงผลาญมังกร!!”
พลังของทั้งคู่ผสานกันและควบแน่นจนถึงขีดสุ ด ส่ งเพลิง
เทพหงสาสายหนึ่งที่เข้มแข็งยิง่ สายฟนึ่งพุง่ เข้าใส่ หยุนเช่อพร้อม
ส่ งเสี ยงร้องสะเทือนฟ้า
หยุนเช่อเลิกตาขึ้นขณะสบัดกระบี่หนัก สายลมโหยหวน
ขณะบังเกิดเงาร่ างหมาป่ าทะยานออกไป
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี!!”
ตูมมมมม!
เสี ยงอากาศระเบิดกึกก้อง พลังของเพลิงเทพหงสาและเทพ
หมาป่ าผ่าปฐพีปะทะกันอย่างดุดนั เข้าเฉื อดเฉือนกลืนกินกันและ
กัน ทว่าเพียงไม่นานเพลิงเทพหงสาก็ถูกเงาร่ างหมาป่ าทะลวงผ่าน
จนขาดเป็ นสองส่ วนพร้อมกับเสี ยงคํารามของหมาป่ ากึกก้อง เงา
ร่ างของเทพหมาป่ าผ่าปฐพียงั คงทะยานไปเบื้องหนก่อนจะปะทะ
เข้ากับร่ างของชายชราทั้งสอง
แม้พลังของเทพหมาป่ าผ่าปฐพีจะถูกเพลิงเทพหงสาบัน่
ทอนไปถึงเจ็ดส่ วน พลังที่ยงั ผลงเหลือก็ยงั น่ากลัวสุ ดประมาณ
ม่านปราณคุม้ กายของทั้งสองพลันแตกสลาย ผิวและเนื้อบริ เวณ
ทรวงอกของพวกมันกระจายออก โลหิตสาดกระจายไปทัว่ ก่อนที่
ร่ างของพวกมันจะกระเด็นไปไกลกว่าสามสิ บเมตรและไม่อาจลุก
ขึ้นได้อีกนาน
หยุนเช่อทะยานไปอยูเ่ บื้องหน้าเฟิ งซีเฉินแล้ว ก่อนจะงัด
ร่ างมันขึ้นด้วยลูกเตะ ชายหนุ่มหมุนร่ างกลางอากาศก่อนจะ
กระแทกลงอย่างแรง และจุดที่เท้าขวาของมันดิ่งลงก็คือศีรษะของ
เฟิ งซีเฉิ นนัน่ เอง
ตูมมมม!!
ครั้งนี้หยุนเช่อมิได้ร้ ังนํ้าหนักของกระบี่ทณั ฑ์มงั กรไว้ และ
ปล่อยให้มนั ฉุดร่ างตัวเองจากกลางอากาศลงมา กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
ที่หนักกว่าสองหมื่นกิโลกรัมพลันทําเอาผืนดินแตกกระจาย
ศีรษะของเฟิ งซี เฉิ นเองก็ถูกหยุนเช่อกระทืบจนจมดิน กระทัง่ เส้น
ผมซักเส้นก็ยงั ไม่เล็ดรอดออกมา
บทที่ 372 อเนจอนาถ
เที่ยงคืน ตําหนักโอบจันทรา
เงาร่ างของเซี่ยวหลิงซีนงั่ อยูข่ า้ งสระบัว สองมือทาบทับอยู่
สองข้างแก้ม หญิงสาวนัง่ เฝ้าดูระลอกนํ้าไหวกระเพื่อมจากสาย
ลมเย็นโชยพัดอย่างเงียบงัน แสงจันทรากระจ่างสาดส่ องต้องผืน
นํ้า สะท้อนประกายบนวงหน้าขาวราวหิมะและดวงตาระยิบระยับ
ทั้งคู่
หญิงสาวนัง่ นิ่งท่ามกลางความเงียบสงัดงัน ไม่มีผใู ้ ดทราบ
ว่านางกําลังครุ่ นคิดสิ่ งใด
“อาหญิงเล็ก ท่านยังไม่นอนหรื อ?”
สุ ม้ เสี ยงคุน้ เคยทว่าเปี่ ยมด้วยความประหลาดใจส่ งผลให้
เซี่ยวหลิงซี เงยหน้าขึ้น หญิงสาวมองเห็นหยุนเช่อที่ไม่ทราบมายืน
ข้างนางตั้งแต่เมื่อใด เซี่ยวหลิงซีน่ิงตะลึงก่อนจะกล่าวออกมา
อย่างนุ่มนวลว่า “เช่อน้อย? เจ้ามาทําอะไรที่นี่? มิใช่สมควรอยู่
ภายในห้องหอกับพี่หญิงหรอกหรื อ? เหตุใดจึงไม่อยูเ่ ป็ นเพือ่ น
นาง...ออกมาที่นี่ดว้ ยเหตุใด!”
“นางหลับไปแล้ว แล้วก็...ข้าเป็ นห่วงท่านเล็กน้อย ข้าไปหา
ท่านที่หอ้ ง ก่อนจะมาตามหาท่านที่นี่” หยุนเช่อกล่าวพลางแย้มยิม้
จากนั้น ชายหนุ่มก้าวเท้ามาเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ทรุ ดนัง่ ที่ดา้ นข้าง
ของเซี่ยวหลิงซี ชื่นชมทิวทัศน์ของสระปทุมสะท้อนประกาย
ท่ามกลางแสงจันทร์ยามคํ่าคืน
“ข้า...ข้านอนไม่หลับ” เซี่ยวหลิงซีกม้ ศีรษะลง หัวใจของ
นางคล้ายเต้นระรัวกว่ายามปกติอยูบ่ า้ ง หญิงสาวหยุดชะงักชัว่ ครู่
ก่อนจะกล่าวต่อด้วยนํ้าเสี ยงอันอ่อนโยน “เหตุใดเจ้าจึงกังวลถึง
ข้า? ข้าไม่เป็ นอะไร...เจ้าควรทุ่มเทจิตใจและเวลาอยูก่ บั พี่หญิงจึง
ถูกต้อง”
หยุนเช่อมิตอบคํา กลับกัน ชายหนุ่มจ้องมองเซี่ยวหลิงซีอยู่
ชัว่ ครู่ ก่อนจะยืน่ เหยียดฝ่ ามือออกข้างหนึ่ง โอบไหล่หญิงสาวเข้า
สู่ ออ้ มอกของมัน
“อ๊าา..” เซี่ยวหลิงซี อุทานออกมาด้วยความตกใจ ทว่า หญิง
สาวมิได้ดิ้นรนขัดขืน นางเพียงทิ้งตัวลงภายในอ้อมกอดของหยุ
นเช่อ
“ท่านว่า...นี่เหมือนกับคราที่แล้วหรื อไม่” หยุนเช่อสู ดดมก
ลื่นอายของเซี่ ยวหลิงซีขฯะกล่าวคําด้วยรอยยิม้
“คราที่แล้ว...เมื่อใด?”
“สามปี ก่อนเมื่อข้าเข้าพิธีแต่งงาน คืนนั้นล้วนเป็ นเช่นนี้
เช่นกัน ภายใต้ทอ้ งนภายามคํ่า ข้าโอบกอดอาหญิงเล็กไว้เช่นนี้”
ประโยคนี้กระตุน้ เตือนถึงความทรงจําของคนทั้งคู่ให้พลัน
หวนระลึกนึกถึงคํ่าคืนนั้น ความรู ้สึกต้องห้ามอันคลุมเครื อเลือน
ราง ทว่ากลับมอมเมาทั้งสองจนไม่อาจไถ่ถอนตัวได้ บุรุษสตรี ท้ งั
สองต่างไม่มีผใู ้ ดกล้าทําลายภาพเหตุการณื ในคํ่าคืนนั้น คืนที่
สมควรเป็ นวันเข้าหอของหยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่ หากแต่หยุนเช่อ
ใช้เวลาตลอดคืนโอบกอดเซี่ยวหลิงซีไว้ในอ้อมแขน ณ บริ เวณ
ภูเขาหลังแห่งบ้านตระกูลเซี่ยว
คืนนี้ เป็ นคืนแต่งงานของชายหนุ่มเช่นเดิม และที่ขา้ งกาย
ยังคงเป็ นเซี่ยวหลิงซีคนเดิมอีกเช่นกัน
“นัน่ ไม่เหมือนกัน...” เซี่ยวหลิงซีสนั่ ศีรษะแผ่วเบา ก่อนจะ
กล่าววาจาอย่างนุ่มนวล “ครานั้น ตอนที่เจ้ากําลังจะแต่งงาน
กับเซี่ยฉิ งเยว่ เดิมที ...ข้ารู ้สึกอึดอัดใจมากกว่ายินดี ยิง่ งาน
แต่งงานใกล้เข้ามาเท่าไร ข้ายิง่ รู ้สึกว่าเช่อน้อยไกลห่างจากข้า
ออกไปทุกที กลับกลายเป็ นของผูอ้ ่ืนไป ยิง่ กว่านั้น ข้ากริ่ งเกรงว่า
เซี่ยฉิ งเยว่จะปฏิบตั ิต่อเจ้าไม่ดี กลัวว่านางจะรังแกเจ้า นางเป็ นถึง
ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อนั ดับหนึ่งแห่งเมืองเมฆาล่อง เจ้ามิใช่คู่มือนาง
ข้าเองก็มิอาจเคียงข้างเพือ่ ปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป...บิดาคล้ายดัง่ มี
ความคิดเช่นเดียวกัน ท่านพ่อยินดีที่เจ้าแต่งงาน ทว่าก็วติ กกังวล
อย่างยิง่ เช่นกัน...หากแต่ครานี้ลว้ นแตกต่างไปอย่างสิ้ นเชิง”
ดวงตางดงามทั้งคู่ของเซี่ยวหลิงซีทอประกายสดใส “พี่
หญิงเป็ นองค์หญิงแห่งอาณาจักรวายุคราม เป็ นสตรี ท่ีสูงส่ งที่สุด
ในอาณาจักรนี้ นางอ่อนโยนนุ่มนวลทั้งมีรูปโฉมงามสง่า...ข้า
บอกได้เลยว่าบิดามีความสุ ขที่สุดในวันนี้ นี่เป็ นครั้งแรกที่ขา้ เห็น
ท่านพ่อเมามาย เมื่อเห็นเช่อน้อยได้ตบแต่งภรรยาที่ดี ข้าเองล้วน
ยินดียงิ่ เช่นกัน”
“..หากอาหญิงเล็กยินดียงิ่ จริ งๆ เหตุใดไม่อาจนอนหลับ
กลับนัง่ ฝันกลางวันอยูใ่ นที่น้ ีเพียงผูเ้ ดียว?”
เซี่ ยวหลิงซี นิ่งเงียบงันไป หญิงสาวอิงแอบเข้าสู่ ออ้ มอกของ
ชายหนุ่มเพื่อให้สามารถได้ยนิ เสี ยงหัวใจเต้นในอกของหยุนเช่อ
ผ่านไปชัว่ ครู่ เซี่ ยวหลิงซีจึงสามารถเปล่งวาจาออกมาในที่สุด “ข้า
เกิด...คิดถึงวันวาน….ยามที่ขา้ และเช่อน้อย...อยูด่ ว้ ยกันเสมอมา...
ทุกนาที...ทุกวินาที หากข้าต้องการ ล้วนสามารถพบเจอเจ้าได้
ตลอดเวลา เช่อน้อยเป็ นของข้า โลกทั้งใบ ล้วนเป็ นของเราสอง
คน...”
หยุนเช่อ “...”
“ตอนนี้ เช่อน้อยเติบโตแล้ว ทั้งยังเข้มแข็งอย่างยิง่ เจ้าได้รับ
ความเคารพนับถือจากผูค้ น ทั้งยังได้ตบแต่งสตรี อนั ประเสริ ฐสุ ด
ในแผ่นดินเป็ นภรรยา หนึ่งคือเทพธิดาสู งสุ ดแห่งวายุคราม อีก
หนึ่งคือองค์หญิงเพียงพระองค์เดียวแห่งจักรวรรดิ...ข้าปี ติยนิ ดี
และภาคภูมิใจยิง่ ...แต่ขา้ ยังเสี ยใจเล็กน้อย...เนื่องเพราะ...เพราะ...”
เซี่ ยวหลิงซี หดร่ างเล็กลงเพื่ออิงแอบเข้าหาหยุนเช่อให้แนบ
แน่นยิง่ ขึ้น ราวกับว่าชายหนุ่มอาจสามารถอันตรธานหายไปได้
ทุกเมื่อหากนางปล่อยมือ “เนื่องเพราะข้าไม่อาจไล่ติดตามก้าวย่าง
ของเจ้าได้ทนั ข้าไม่อาจเป็ นส่ วนหนึ่งในโลกของเจ้าอีกต่อไป...
ข้าธรรมดาสามัญยิง่ ไม่อาจเทียบได้กบั องค์หญิง ไม่อาจเทียบ
เปรี ยบกับเซี่ ยฉิ งเยว่...ผูค้ นที่มาในวันนี้ต่างเป็ นบุคคลที่ขา้ เพียง
เคยได้ยนิ จากตํานานเรื่ องเล่า...ข้าไม่มีความสามารถพิทกั ษ์
ปกป้องเช่อน้อยได้อีกต่อไป...กลับกัน...ข้าเพียงสามารถเป็ นได้
แค่ภาระ...อืมม...”
ริ มฝี ปากของเซี่ยวหลิงซีพลันถูกปิ ดลงด้วยฝ่ ามือของหยุ
นเช่อ มิให้นางได้กล่าววาจาออกมาอีกแม้เพียงครึ่ งคํา
“อา…”
“อาหญิงเล็ก ท่านทราบหรื อไม่...” หยุนเช่อกล่าววาจาด้วย
ทีท่าสงบนิ่งเยือกเย็นและเด็ดขาด “หากท่านต้องการให้ขา้ บอกว่า
ที่สาํ คัญที่สุดในใจข้าคือผูใ้ ด คนผูน้ ้ นั ย่อมเป็ นอาหญิงเล็ก...
ยิง่ กว่านั้น จะยังคงเป็ นท่านตลอดไป ไม่วา่ ผูใ้ ดหรื ออะไรก็ตาม
ล้วนไม่อาจแทนที่ท่านได้! ดังนั้น ข้าไม่ยนิ ยอมให้ผใู ้ ดกล่าวหา
ท่านด้อยกว่าผูอ้ ื่น แม้แต่ตวั ท่านเองก็ไม่อาจพูด”
“อา...”
เสี ยงอุทานอย่างเงียบงัน จิตใจของหญิงสาวหวัน่ ไหวจากคํา
กล่าวของชายหนุ่ม ทัว่ ร่ างอ้อนแอ้นของเซี่ยวหลิงซีสนั่ สะท้าน
หัวใจทั้งดวงเต้นถี่ระรัว จากนั้น หญิงสาววางฝ่ ามือลงบนทรวง
อกของหยุนเช่อพร้อมหัวเราะเล็กน้อย “เช่อน้อยยังคงเป็ นเช่อ
น้อย ช่างปากหวาน เอาอกเอาใจข้า”
“ข้ามิได้พดู จาเพือ่ เอาใจท่าน ทุกคําพูดมาจากหัวใจของข้า
ที่ขา้ กล่าวในวันนี้เป็ นความจริ ง ที่ขา้ เคยกล่าวเมื่อวันวานก็เป็ น
ความจริ งเช่นกัน” หยุนเช่อรับรองอย่างจริ งจัง “อย่างเช่น...ที่ขา้
เคยกล่าวต่ออาหญิงเล็กในครั้งอดีต ไม่ทราบอาหญิงเล็กยังจดจํา
ได้หรื อไม่”
“คําพูดใด?”
หยุนเช่อมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวด้วยความเสน่หา
“ขอเพียงท่านไม่ใช่อาหญิงเล็กของข้า...ข้าจะแต่งงานกับท่าน!”
ชั้นบรรยากาศโดยรอบเข้มข้นหนาหนัก บุรุษสตรี ท้ งั สอง
นิ่งค้างราวถูกแช่แข็ง ขณะที่ดวงตาทั้งคู่สบประสานกันและกัน
ครั้งแรกที่หยุนเช่อกล่าวคําพูดนี้ต่อเซี่ยวหลิงซี คือคืนวันเข้า
หอของชายหนุ่ม...ทว่า คํากล่าวนี้ ต่างความหมายจากครานั้น
เนื่องเพราะครานั้น เซี่ยวหลิงซีคืออาหญิงเล็กของมัน
แต่ทว่าครานี้ ทั้งสองและผูค้ นทัว่ หล้า ต่างทราบดีวา่ พวก
มันมิได้เกี่ยวพันอันใดตามสายเลือด
ตึกตัก...ตึกตัก…. ตึกตัก…
ท่ามกลางราตรี กาลอันสงัดงัน หยุนเช่อสามารถได้ยนิ เสี ยง
หัวใจเต้นระรัวของเซี่ยวหลิงซีอย่างชัดเจน ทันใดนั้น ร่ างบอบ
บางในอ้อมกอดของหยุนเช่อเริ่ มขยับไหว แทนที่ดว้ ยแรงผลักอัน
ไม่มากไม่นอ้ ย หยุนเช่อไม่ทนั ตั้งตัว ชายหนุ่มร่ วงหล่นลงไปกอง
กับพื้น ที่เบื้องหน้าชายหนุ่ม เป็ นสี หน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่น
เคืองของเซี่ ยวหลิงซี ...
“จ-จ-จ-เจ้า...เจ้าใช้วาจาไร้สาระแบบเมื่อก่อนมาเอารัดเอา
เปรี ยบข้าอีกแล้ว!” แก้มทั้งสองของเซี่ยวหลิงซีแดงกํ่า หญิงสาว
ท่าทีสบั สันวุน่ วายใจ วาจาที่กล่าวเริ่ มตะกุกตะกัก “วันนี้ เจ้าตบ
แต่งองค์หญิง...ทว่าเจ้ากลับบอกต่อหญิงสาวอีกคนว่าจะแต่งงาน
กับนางในคืนวันส่ งตัวของเจ้า...ครั้งที่แล้ว เจ้าก็ทาํ เช่นนี้..เช่อน้อย
...เจ้า...เจ้าเป็ นผูช้ ายเจ้าชูม้ กั มากอย่างแท้จริ ง!”
หยุนเช่อพลันลุกขึ้นยืนด้วยสี หน้าบริ สุทธิ์ไร้เดียงสา “ข้า...”
“หยุดพูด!” เซี่ยวหลิงซี หนั หลังกลับพร้อมกล่าววาจาเสี ยง
ดัง “เหตุใดเจ้าจึงไม่กลับไปหาองค์หญิงภรรยาของเจ้า หากเจ้า
ยังคงพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระอยูท่ ี่น้ ี ข้าจะ..ข้าจะ...ข้าจะบอกองค์
หญิง...และไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป! รี บกลับไปเสี ย ไป ไป ไป!”
หยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีอยูร่ ่ วมกันมานานเป็ นสิ บปี ชาย
หนุ่มเคยคาดคิดว่าตนเองอ่านหญิงสาวออกอย่างทะลุปรุ โปร่ ง ซึ่ ง
กระจ่างกระทัง่ ชายหนุ่มเชื่อมัน่ ว่าสามารถจับสังเกตความเปลี่ยน
เเปลงทางอารมณ์แม้เพียงเล็กน้อยของนางได้อย่างแม่นยํา ทว่า
ครานี้ หยุนเช่อกลับต้องตกตะลึงด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่าง
กะทันหันของหญิงสาว ชายหนุ่มเพียงสามารถกล่าวตอบอย่างลน
ลานว่า “ตกลง ตกลง...ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้...อาหญิง
เล็ก..ท่านต้องรี บพักผ่อน...”
“ไปเดี๋ยวนี้!!!”
“อ้าาา...ก็ได้”
เซี่ ยวหลิงซี ใช้น้ าํ เสี ยงออกคําสัง่ ที่หยุนเช่อไม่เคยขัดขืนมา
ก่อนในอดีต นี่ลว้ นเป็ นแบบแผนที่ปฏิบตั ิมานานนับสิ บปี หยุ
นเช่ออันตรธานไปจากข้างกายของเซี่ยวหลิงซีกลับไปยังห้องหอ
อย่างเชื่อฟัง หากเซี่ยวหลิงซีมิได้กลับไปยังห้องหับของตนเอง
นางยังคงนัง่ นิ่งอยูร่ ิ มสระ...ครานี้ หญิงสาวมิได้มีทีท่าเหม่อลอย
หากกลับยกมือปิ ดบังใบหน้าเป็ นบางครั้ง ก่อนจะหัวเราะอย่างโง่
งม รอยยิม้ ของนางสดใสเปล่งประกายยิง่ กว่าดวงดาราบนท้องฟ้า
————————————————
หลังผ่านไปถึงยามห้า ท้องฟ้าภายนอกกลับกลายเป็ นสว่าง
เรื่ อเรื องขึ้น
ชางเยว่ที่ผา่ นพ้นคํ่าคืนแรกตื่นขึ้นมาในเวลานี้ หญิงสาวเปิ ด
เปลือกตาขึ้น ก่อนจะรับรู ้ความรู ้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย จากนั้น
ความปวดเมื่อยตามร่ างกายกระตุน้ ความทรงจําของหญิงสาวว่า
เรื่ องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มิใช่ความฝัน
“เสวีย่ หลอ อยากพักผ่อนต่อหรื อไม่? นี่ยงั เช้าอยูม่ ากนัก”
เมื่อหญิงสาวขยับกาย หยุนเช่อตื่นขึ้นเช่นกัน ชายหนุ่มแย้ม
รอยยิม้ เมื่อมองสบดวงตาอันเขินอายของนาง
“อืมม..” เมื่อพบเห็นร่ างเปลือยเปล่าของบุรุษที่ดา้ นหน้า
รวมทั้งร่ างกายอันปราศจากเสื้ อผ้าของตนเองเช่นกัน ชางเยว่เปล่ง
เสี ยงราวสัตว์เล็กๆ ที่ซุกซ่อนร่ างของตนลงในผ้าห่ม จากนั้น หญิง
สาวกล่าววาจาอย่างนุ่มนวลว่า “วันนี้เป็ นวันแต่งงานวันแรก ใน
ฐานะคู่แต่งงาน เราสมควรไปคารวะต่อพระบิดาแต่ขา้ ..ข้า..จะ
ช่วยท่านแต่งตัวก่อน เป็ นอย่างไร?”
“....”
ด้านหลังผ้าม่านสี แดง ชางเยว่คุกเข้าลงบนเตียงขณะ
ช่วยเหลือหยุนเช่อแต่งกายด้วยสองมือเรี ยวงามของนาง ชัว่ เวลานี้
นางมิใช่องค์หญิง หากทว่าเป็ นสตรี ที่กาํ ลังปรนนิบตั ิบุรุษของนาง
อยู่ หากยังคงสามาถเห็นได้ชดั เจน ว่าหญิงสาวไม่คุน้ เคยต่อหน้าที่
นี้เท่าใดนัก เนื่องเพราะกิริยาอาการของนางยังเชื่องช้าติดขัดอยู่
บ้าง หญิงสาวตลอดทั้งร่ างเปล่าเปลือยปราศจากอาภรณ์ปกปิ ดใด
ขณะช่วยหยุนเช่อแต่งตัว ยังคงถูกชายหนุ่มลูบคลําคว้าจับ
ตลอดเวลา กระทัง่ ใบหน้าแดงกํ่า ทรวงอกสะท้อนหอบหายใจ จึง
สามารถแต่งกายให้หยุนเช่อจนสําเร็ จได้ในท้ายที่สุด จากนั้น
หญิงสาวจึงเริ่ มต้นสวมใส่ ชุดหงส์ปักลวดลายทองคําของตนเอง...
“หยุนเช่อคํานับท่านพ่อตา”
“เยว่เอ๋ อร์คาํ นับพระบิดา”
หยุนเช่อและชางเยว่เคียงข้างกันเข้ามายังท้องพระโรงเพื่อ
เข้าเฝ้าชางว่านเฮ่อ องค์จกั รพรรดิพยักพระพักตร์ก่อนแย้มยิม้ ยินดี
“ลูกเช่อ ตอนนี้ ข้านับว่าฝากฝังเยว่เอ๋ อให้แก่เจ้า ข้าสามารถวางใจ
ได้แล้ว ยิง่ เมื่อเจ้าทั้งสองต่างมีใจตรงกัน ยิง่ สมบูรณ์แบบอย่าง
ที่สุด มารดาของนางย่อมสามารถหลับอย่างสุ ขสงบนสรวง
สวรรค์ อีกสามวัน จงอย่าลืมไปเยีย่ มคารวะมารดาของนาง”
“รับทราบ นี่เป็ นหน้าที่ของหยุนเช่อ” หยุนเช่อกล่าวตอบคํา
“ดีมาก!!” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ สี หน้าของพระองค์พลัน
มืดครึ้ มขึ้นทันที “ลูกเช่อ เมื่อวานคือวันมงคลใหญ่ของเจ้า ดังนั้น
มีเรื่ องราวบางอย่างไม่อาจกล่าวออกได้ แต่วา่ วันนี้ ข้าขอกล่าวว่า
ข้าเชื่อว่าเจ้ามิใช่คนหุนหันพลันแล่น เรื่ องราวเมื่อวานนี้นบั ว่า
สร้างความยุง่ ยากอย่างใหญ่หลวง ขุมกําลังของพรรคเทพหงสา
ยิง่ ใหญ่ไพศาลเกินจินตนาการ แม้พรรคใหญ่ท้ งั สี่ ในอาณาจักร
ของเราจะผสานกําลัง ยังไม่อาจต่อกรกระทัง่ พรรคสาขาของ
พรรคเทพหงสาได้ มรดกฝี มือและสมบัติตกทอดของพวกมัน
สามารถเทียบได้กบั แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ วานนี้ สาเหตุสาํ คัญที่เจ้า
กล้าลงมืออย่างหนักหน่วง ทั้งยังบีบบังคับพวกมันล่าถอยไปได้
ล้วนสื บเนื่อง
จากที่เจ้าตระหนักดีวา่ พวกมันย่อมต้องพยายามปกปิ ด
เรื่ องราวนี้ ทว่า พวกเรานับว่ายังไม่อาจทําความเข้าใจอย่าง
กระจ่างชัดว่าเหตุใดพวกมันจึงกระทําการทั้งหมดนี้ ดังนั้นจึงยัง
ไม่อาจมัน่ ใจได้วา่ พวกมันจะปกปิ ดเรื่ องราวจริ งๆ ยิง่ กว่านั้น มี
ผูค้ นมากมายในวันงาน แม้เราจะได้ตกั เตือนพวกมัน หากยังไม่
อาจรับประกันว่าจะไม่มีผใู ้ ดแพร่ งพรายเรื่ องนี้ หรื อป่ าวประกาศ
ต่อสาธารณะ หากเรื่ องราวนี้ถูกเผยแพร่ ออกไปจริ ง...พรรคเทพ
หงสาย่อมต้องพยายามกําจัดฆ่าเจ้าแน่นอน”
แม้ชางว่านเฮ่อจะกล่าววาจาทั้งหมดนี้ ทว่าสี หน้าของหยุ
นเช่อยังคงนิ่งสงบอย่างยิง่ ชายหนุ่มเพียงผงกศีรษะเล็กน้อยก่อน
กล่าวว่า “ข้าได้ใคร่ ครวญถึงเรื่ องที่พระบิดาทรงตรัสมาก่อนแล้ว
ขอทรงโปรดวางพระทัย ข้อเท็จจริ งที่ขา้ กล้าลงมือต่อพวกมันทั้ง
สามจากพรรคเทพหงสา ไม่เพียงเนื่องเพราะแน่ใจว่าพวกมันจะ
พยายามปกปิ ดเรื่ องนี้ อันที่จริ ง แม้เรื่ องนี้จะถูกกล่าวขานออกไป
ภายนอก หรื อแม้พวกมันจะจงใจแจ้งเรื่ องราวแก่พรรคของพวก
มันเองจริ งๆ พรรคเทพหงสา ย่อมไม่มีทางกลับมาแก้แค้นข้า
ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้แน่นอน”
“อ้อ?” ชางว่านเฮ่อมีสีหน้าสงสัย
หยุนเช่อเงยศีรษะขึ้นก่อนกล่าวว่า “เนื่องเพราะ “งาน
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า” ที่กาํ ลังมาถึง รวมทั้ง
“นาวาปราณบรรพกาล” ด้วยเรื่ องสําคัญทั้งสองเรื่ อง รวมกับความ
จริ งที่ขา้ กล่าวว่าจะไปยังอาณาจักรเทพหงสาในอีกห้าเดือนนับ
จากนี้ แม้พรรคเทพหงสาทราบว่าเมื่อวานเกิดเรื่ องราวใด พวกมัน
ยังคงไม่มายังที่น้ ีเพือ่ ทวงความแค้น”
“ทว่า เพือ่ เป็ นการระมัดระวังไว้ ข้ายังคงต้องตระเตรี ยมการ
เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่เป็ นไปได้บางประการ ดังนั้น ข้าจะออก
จากวังหลวงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
บทที่ 376 การเชื้อเชิญแห่ งเมฆาเยือกแข็ง
ทัว่ ทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความยินดีเนื่องด้วย
งานมงคลสมรสระหว่างหยุนเช่อและชางเยว่ ทว่าเรื่ องราวยังไม่
ทันได้จางหายกลับปรากฏข่าวคราวอันน่าประหลาดใจจากภายใน
ราชวังหลวง…….
สองวันหลังจากงานมงคลสมรสอันยิง่ ใหญ่ของหยุนเช่อ
และชางเยว่ จู่ๆชางว่านเฮ่อก็ออกคําสัง่ ให้จบั กุมองค์รัชทายาท
และองค์ชายสามกักขังพวกเขาไว้ในเรื อนจําที่มีการป้องกัน
หนาแน่นอย่างที่สุด จากนั้นทรงแจกแจงความผิดของพวกเขานับ
สิ บรวมไปถึงความผิดอันน่าตกตะลึงอย่าง “การก่อกบฎ” และ
วางแผน “ปิ ตุฆาต” สามวันถัดมาองค์รัชทายาทชางหลินและองค์
ชายสามชางซว่อถูกประหารโดยการตัดหัวต่อหน้าฝูงชน และ
สมาชิกผูส้ มคบคิดอื่นๆยังถูกจับกุมและกวาดล้างจนสิ้ นโดยไร้
ข้อยกเว้น
ชางว่านเฮ่อได้แสดงออกด้วยท่าทีสงบอย่างที่สุดจนกระทัง่
ตอนนี้หลังจากที่พกั ฟื้ นร่ างกายไม่กี่เดือนก่อนและยังยึดอํานาจ
คืนภายใต้อิทธิพลของหยุนเช่อ ทว่าในทันใด ภายหลังงานสมรส
ของหยุนเช่อและชางเยว่ พระองค์กไ็ ด้ลงมือด้วยความรุ นแรง
พระองค์ไม่ลงั เลที่จะใช้ทุกวิถีทางในการลงมือเพือ่ แสดงให้เห็น
ถึงความตั้งใจและไร้ปราณี ขององค์จกั รพรรดิ ดูราวกับว่า
พระองค์ได้ตดั สิ นพระทัยไปเรี ยบร้อยแล้วแค่รอเพียงโอกาสอัน
เหมาะสม หลังจากท่าทีของชางว่านเฮ่อ องค์ชายทั้งหลายรวมไป
ถึงเหล่ากลุ่มผูม้ ีอิทธิพลและฝ่ ายต่างๆ ซึ่งเดิมทีเข้าร่ วมกับองค์รัช
ทายาทและองค์ชายสามต่างรู ้สึกว่าตนเองตกอยูใ่ นมรณภัย พวก
มันตัวสัน่ ด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้ชางว่านเฮ่อได้รับการ
สนับสนุนโดยหยุนเช่อ แรงกดดันจากพระองค์ทรงอํานาจไม่ดอ้ ย
ไปกว่าเหล่าสามพรรคใหญ่ ณ ขณะนี้ พวกมันไม่กล้าอาจหาญ
ต่อต้านหรื อไม่เชื่อฟังชางว่านเฮ่อ โชคดีที่ภายหลังจากการ
ประหารชีวติ องค์รัชทายาทและองค์ชายสาม เช่นเดียวกับผูร้ ่ วมก่อ
การอื่นๆ ชางว่านเฮ่อมิได้แสดงท่าทีวา่ จะจัดการอันใดกับพวกมัน
นี่ทาํ ให้พวกมันโล่งใจอย่างยิง่ ที่พวกมันไม่ได้ตกอยูใ่ นอันตราย
ต่างไม่เสี ยเวลาแม้แต่นอ้ ยในการแสดงความจงรักภักดีต่อชางว่าน
เฮ่อในทุกวิถีทาง พวกมันประพฤติตวั เรี ยบร้อยอย่างที่สุด ราวกับ
ว่าจะเปิ ดหน้าอกและควักหัวใจของพวกมันออกมาเพื่อมอบให้แก่
ชางว่านเฮ่อ ให้ได้เห็นถึงความอุทิศตนแก่พระองค์เพื่อพิสูจน์
ความจงรักภักดีของพวกมัน
อํานาจที่ชางว่านเฮ่อมีในกํามือยามนี้นบั ได้วา่ เป็ นจุดสู งสุ ด
นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้ทรงครองราชย์เป็ นพระจักรพรรดิแห่ง
จักรวรรดิวายุคราม….มันเป็ นจุดสู งสุ ดที่พระองค์ไม่เคยคาดคิดมา
ก่อน ตําแหน่งของพระองค์ในฐานะจักรพรรดิมีความมัง่ คงมาก
ขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตที่ผา่ นมา ในตอนนี้แม้แต่สามพรรคใหญ่ยงั
ไม่กล้าแม้แต่ดูแคลนเกียรติภูมิของพระองค์ในฐานะจักรพรรดิ
ชางว่านเฮ่อเข้าใจชัดเจนเป็ นอย่างดีวา่ ด้วยการสนับสนุน
จากหยุนเช่อพระองค์จึงได้เพลิดเพลินไปกับทุกสิ่ งเหล่านี้
พระองค์รู้สึกซาบซึ้ งบุญคุณหยุนเช่ออย่างมากและทรงเคารพต่อ
เซี่ยวเหล่ยเป็ นที่ยงิ่ ยามอยูก่ บั เซี่ยวเหล่ย พระองค์ไม่แสดงท่าทาง
เป็ นจักรพรรดิและปฏิบตั ิต่อเขาอย่างเท่าเทียมราวกับพี่นอ้ ง
สําหรับคู่บ่าวสาว หยุนเช่อและชางเยว่หาได้มีความสนใจ
ในสิ่ งที่เกิดขึ้นในพระราชวังและใช้เวลาแต่ละวันทั้งหมดในการ
อยูด่ ว้ ยกัน วันเวลาผ่านไปโดยไม่มีใครทันรู ้ตวั ระยะเวลาหนึ่ง
เดือนที่หยุนเช่อได้รับปากที่จะไปเยือนแดนศักสิ ทธิ์เมฆาเยือก
แข็งได้มาถึงอย่างรวดเร็ วในที่สุด
ก่อนจะจากไปแดนศักสิ ทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หยุดเช่อมิได้ลืม
ที่จะจัดการเรื่ องราวสําคัญ…. เรื่ องนี้แน่นอนว่ามีสาเหตุเนื่องจาก
ชายหนุ่มถูกมองว่าเป็ นดัง “มารร้าย” คนทัว่ ไปมองว่ามันสังหาร
ผูค้ นได้โดยไม่นาํ พาสิ่ งใด
เมืองหลวงจักรวรรดิวายุคราม ตําหนักแพทย์ เทวะ
ตําหนักแพทย์เทวะ ก่อตั้งโดยแพทย์เทวะคนแรกแห่ง
อาณาจักรวายุคราม ผูค้ นจํานวนมหาศาลจนไม่อาจนับถ้วนต้อง
มายังที่น้ ีเพื่อรับการรักษา ผูค้ นจํานวนไม่นอ้ ยพกนําสมบัติล้ าํ ค่า
และเงินทองมากมายมาเพือ่ ร้องขอให้ก่ชู ิวหงเปิ ดจุดชีพจรให้แก่
ศิษย์อจั ฉริ ยะในสํานักของพวกมัน เนื่องเพราะทักษะการแพทย์
และอิทธิพลอํานาจสู งส่ ง กู่ชิวหงสะสมทรัพย์สมบัติมากมายจน
ไม่นบั ว่าเกินเลยหากจะกล่าวว่ามันคือผูท้ ี่ร่ าํ รวบที่สุดในอาณาจักร
ทว่า ในช่วงระยะเวลาสองสามวันที่ผา่ น ประตูทางเข้าของ
ตําหนักแพทย์เทวะปิ ดสนิท ไม่เคยเปิ ดออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
ในอดีต สาเหตุที่ตาํ หนักแพทย์เทวะปิ ดตัวลงเป็ นครั้งคราว
มักมาจากการที่ก่ชู ิวหงออกเดินทางไปยังสถานที่อื่น หากครานี้
ล้วนผิดแผกแตกต่างไป กู่ชิวหงเก็บตัวเงียบอยูภ่ ายในตลอดเวลา
สองสามวันที่ผา่ นมา ตั้งแต่ที่มนั ได้รับข่าวการจับกุมตัวขององค์
ชายอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยการประหารชีวติ องค์รัชทายาท
และองค์ชายสาม ภายในใจของมันเต็มไปด้วยความวิตกว้าวุน่
ห้วงความคิดถูกครอบงําอย่างสิ้ นเชิงด้วยความหวาดหวัน่ พรั่น
พรึ ง มันใช้เวลาผ่านไปด้วยความวิตกกังวลและเคร่ งเครี ยด...สอง
สามเดือนก่อน มันเพิ่งตระหนักว่าการรักษาของหยุนเช่อสามารถ
ฟื้ นฟูอาการของชางว่านเฮ่อ หมายความว่ามันย่อมต้องรับรู ้อย่าง
กระจ่างถึงอาการประชวรขององค์จกั รพรรดิวา่ มีสาเหตุมาจากสิ่ ง
ใด ...เมื่อเป็ นเช่นนี้ แน่นอนว่ากู่ชิวหงย่อมเป็ นบุคคลแรกที่ตอ้ ง
สงสัย..ไม่ ผิดแล้ว! มีเพียงมันคนเดียวเท่านั้นที่ตอ้ งสงสัย!
หากมันต้องเผชิญหน้ากับบุคคลอื่น กู่ชิวหงทราบกระจ่าง
แก่ใจดีวา่ ด้วยอิทธิพลของมัน มันไม่จาํ เป็ นต้องเกรงกลัวอันใด
ทั้งสิ้ น ทว่าหยุนเช่อกลับเป็ นคนบ้าคลัง่ ที่สามารถกําจัดล้างทั้ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้โดยไม่ลงั เลเลยแม้แต่นอ้ ย ทั้งยังสามารถ
ทุบตีองค์ชายสิ บสามแห่งอาณาจักรเทพหงสาได้โดยไม่แยแส
หากหยุนเช่อต้องการเชือดหมอธรรมดาๆ เช่นมัน แน่นอนว่าชาย
หนุ่มย่อมไม่คาํ นึงถึงหลักศีลธรรมอันใด
ยามนี้ มันกักตนเองไว้ภายในตําหนักแพทย์เทวะ ใช้เวลาเฝ้า
สวดภาวนาถึงสวัสดิภาพและทําทุกวิถีทางเพื่อกรุ ยทางรอดชีวติ
ของมันภายใต้สถานการณ์คบั ขันเช่นนี้ มันเคยคิดถึงความเป็ นไป
ได้ในการหลบหนีออกจากอาณาจักร ทว่า ก่อนที่มนั จะพบโอกาส
ในการกระทําการ เงาร่ างของยมทูตกลับทาบทับลงบนแผ่นหลัง
ของมันเสี ยก่อน
“แพทย์เทวะกู่ชิวหงผูย้ ง่ิ ใหญ่ บริ เวณโดยรอบนอกของ
ตําหนักแพทย์เทวะเบียดเสี ยดไปด้วยผูค้ นทํามาค้าขาย แต่ท่าน
กลับมาเก็บตัวอยูใ่ นที่น้ ี ผ่านวันเวลาอย่า’สุ ขสบายและผ่อนคลาย
ยิง่ นัก ท่านหมอเทวดาในตํานานแห่งจักรวรรดิวายุคราม กลับใช้
เวลาของตนเสพสุ ขสําราญราวเทพเซียน”
กู่ชิวหงสะท้านทั้งร่ างเมื่อได้ฟังเสี ยงที่พลันดังออกมาจาก
ทางด้านหลัง มันหมุนกายกลับไปอย่างรวดเร็ วก่อนจะพบเห็นหยุ
นเช่อ ทัว่ ร่ างของมันสัน่ เทา ดวงใจบิดกระตุก กู่ชิวหงเอ่ยปาก
กล่าวอย่างติดขัดว่า “เจ้า...เจ้า...เป็ น...เป็ นหยุน...เป็ นท่านหยุน ข้า
ซาบซึ้ งยิง่ และเป็ นเกียรติ...อย่างสู งสุ ด...ที่ใต้เท้าหยุนมายัง
สถานที่ของผูต้ ่าํ ต้อย...คนนี้”
ข้างกายของกู่ชิวหงมีศิษย์ของมันอยูบ่ า้ ง หากไม่มีผใู ้ ด
สามารถจับสังเกตการมาถึงของหยุนเช่อได้เลยแม้แต่ผเู ้ ดียว
มองเห็นหยุนเช่อที่พลันผุดโผล่ข้ ึนมาราวภูติพราย ต่างพากันตัว
สัน่ งันงกด้วยความหวาดกลัว ทั้งหมดนิ่งชะงักงัน ก่อนจะกลั้น
หายใจ...ในฐานะศิษย์รับสื บทอดจากกู่ชิวหง พวกมันทราบ
กระจ่างดีถึงสิ่ งที่ก่ชู ิวหงกระทําต่อองค์จกั รพรรดิ พวกมันเองล้วน
ใช้วนั เวลาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงเช่นเดียวกับกู่ชิวหงใน
ที่น้ ีเช่นกัน
หยุนเช่อก้าวเข้าหามันพร้อมด้วยสี หน้าเหยียดหยาม
“ซาบซึ้ ง? เป็ นเกียรติ? เช่นนั้นเหตุใดข้าเพียงเห็นความหวาดกลัว
บนใบหน้าของพวกเจ้า? เป็ นไปได้หรื อไม่วา่ พวกเจ้าอาจบังเอิญ
กําลังหวาดกลัวต่อข้า? โอ้ ช่างแปลกเสี ยนี่กระไร พวกเราต่างไม่
เคยไม่ความเกี่ยวข้องอันใดกันจนกระทัง่ บัดนี้ ทั้งยังแทบไม่เคย
พบหน้ากันมาก่อน เหตุใดพวกเจ้าต้องกลัวข้าด้วยเล่า?”
“ไม่ ไม่...” กู่ชิวหงเปล่งวาจาอออกมาด้วยความหวาดหวัน่
เพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่อึดใจที่ผา่ น ทัว่ ร่ างของมันกลับหลัง่
เหงื่อจนชุ่มโชก กระทัง่ ปรากฏหยาดเหงื่อไหลลงมาตามปลายนิ้ว
“ใต้เท้าหยุนเป็ นพระราชบุตรเขยขององค์จกั รพรรดิ ทั้งยังเป็ นที่
ยอมรับว่าคือยอดฝี มืออันดับหนึ่งแห่งวายุคราม แน่นอนว่าเป็ น
เรื่ องที่ทรงเกียรติอย่างยิง่ ที่ท่านมาเยีย่ มเยียนเราหมอธรรมดาๆ ผู ้
หนึ่ง”
“โอ้? หมอ? เจ้าบอกว่าเจ้าเป็ นหมอ? ข้าเกิดมีคาํ ถามเกี่ยวกับ
การรักษาขึ้นมาพอดี ไม่ทราบสามารถปรึ กษาท่านหมอได้
หรื อไม่?” หยุนเช่อหรี่ ตาลงขณะกล่าวถาม นัยน์ตาส่ วนลึก
สะท้อนประกายแหลมคมทิ่มแทง กู่ชิวหงเคยเรี ยกตนเองเป็ น
“หมอเทวดา” มันไม่ทราบเลยว่าคํากล่าวเรี ยกตนเองของมันนี้
สร้างความขุ่นเคืองให้แก่หยุนเช่อเป็ นที่ยงิ่ เนื่องเพราะท่าน
อาจารย์ของชายหนุ่มที่ประสิ ทธิ์ประสาทวิชาแพทย์เอง ล้วนมี
ฉายาเป็ น “หมอเทวดา” เช่นกัน การที่หมอขยะผูจ้ ิตใจโสมมผู ้
หนึ่ง กลับมีชื่อฉายาเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ที่มนั เคารพนบนอบ
มากที่สุด นับเป็ นการสร้างความแปดเปื้ อนให้แก่นาม “หมอ
เทวดา” เป็ นอย่างยิง่
กู่ชิวหงสติแตกไปแล้ว มันเพียงสามารถผงกศีรษะรับ “เป็ น
..เป็ นเกียรติอย่างสู งยิง่ ต่อข้าที่ท่านมาปรึ กษา ใต้เท้าหยุน โปรด
บอกข้าว่าท่านต้องการทราบเรื่ องใด ผูต้ ่าํ ต้อยจะพยายามอย่างสุ ด
ความสามารถเพื่อให้คาํ ตอบอันน่าพึงพอใจแก่ท่าน”
“อย่าได้กงั วลถึงเพียงนั้น ข้าเพียงมีปัญหาเล็กน้อยต้องการ
ถาม ข้าเชื่อว่าหมอระดับเจ้าย่อมสามารถวินิจฉัยได้โดยง่ายดาย
อย่างแน่นอน” หยุนเช่อยกยิม้ มุมปาก สายตาของชายหนุ่มเปล่ง
ประกายชัว่ ร้ายแปลกประหลาด “มีคนใกล้ชิดข้า ถูกแพร่ ปรสิ ตที่
มีนามว่า “ปรสิ ตกลืนจิตผูกชีจร” ไว้ภายในกาย ไม่ทราบท่าน
หมอกู่มีวถิ ีทางในการรักษามันหรื อไม่?”
สําหรับกู่ชิวหง คํา “ปรสิ ตกลืนจิตผูกชีพจร” นี้ ฟังราวกับ
เสี ยงกระซิ บจากทูตมรณะที่กาํ ลังเพรี ยกหาลมหายใจของมันไป
ทัว่ ร่ างของมันพลันสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง ขาทั้งสองข้างของมัน
ชาด้านปราศจากความรู ้สึกใดจนแทบทรุ ดลงบนพื้น มันกล่าว
ตอบด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เทา “ไม่...ข้าไม่ทราบ ผูต้ ่าํ ต้อย...เพียงมีทกั ษะ
วิชาแพทย์ในระดับทัว่ ไป และ..ไม่..ไม่เคยได้ยนิ ชื่อปรสิ ตกลืนจิต
ผูกชีพจรมาก่อน...ข้า..ขอใต้เท้าหยุน...โปรดอภัยในความด้อย
ปั ญญาของข้า”
“อ้อ? ไม่ทราบ?” หยุนเช่อหัวเราะอย่างน่าสยดสยอง
“หลังจากเสี ยเวลาไปเป็ นร้อยปี เจ้ากลับไม่รู้จกั กระทัง่ เรื่ อง
เล็กน้อยเช่นปรสิ ตกลืนจิตผูกชีพจร ทว่าเจ้ากลับกล้าเรี ยกตัวเอง
เป็ นหมอเทวดาแห่งอาณาจักรวายุคราม? เช่นนั้น เจ้าก็เป็ นเพียง
แค่พวกต้มตุ๋นชาวบ้าน หื มม์! หากนี่เป็ นบุคคลอื่นที่กระทํา
เรื่ องราวเหล่านี้ ข้าคงไม่แยแสสนใจอันใด แต่หากแพทย์ผสู ้ มควร
ทําประโยชน์เพือ่ สังคมโดยการช่วยชีวติ ผูค้ น กลับไม่มีทกั ษะทาง
การแพทย์ ไม่มีความมุ่งมัน่ ในการรักษา ทั้งยังไม่มีจรรยาบรรณ
ทางการแพทย์ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการช่วยชีวติ คน นี่กลับจะเป็ นการ
ทําร้ายคนเสี ยมากกว่า! ยิง่ กว่านั้น ไม่ใช่เพียงคนสองคน ผูค้ น
มากมายล้วนต้องถูกทําร้ายจากภาพลวงตานี้ เมื่อเจ้าเพียงเป็ นขยะ
ที่ไร้สามารถนอกจากสร้างความเสี ยหายแก่ผอู ้ ื่น...เจ้าก็ไม่
จําเป็ นต้องมีชีวติ อยูอ่ ีกต่อไป!!”
“อ้า..” กู่ชิวหงเบิกตากว้าง มันกําลังจะเอ่ยคํา ขณะที่
ประกายแสงสี แดงวาบหนึ่งกระพริ บวูบขึ้นที่เบื้องหน้าสายตา...
ฉัวะ!!
เปลวเพลิงเทพหงสาเป็ นเส้นสายพุง่ ทะลวงเข้าสู่ ทรวงอก
ของกู่ชิวหง หลงเหลือไว้เพียงรู ขนาดใหญ่ที่กลางหน้าอก
สี หน้าของกู่ชิวหงแข็งค้าง ร่ างของมันทิ้งลงบนพื้นพร้อม
เสี ยง “ตุบ” คราหนึ่ง ใต้ร่างบังเกิดแอ่งเลือดไหลนองขยายขนาด
ขึ้นอย่างรวดเร็ ว
“อา...อาจารย์!” ศิษย์ท้ งั สี่ คนของกู่ชิวหงสี หน้าเผือดขาว
ด้วยความหวาดหวัน่ แม้ท้ งั หมดต่างเปล่งเสี ยงออกมาโดยไม่รู้ตวั
จากความตระหนก หากไม่มีผใู ้ ดกล้าหาญก้าวเข้าประคองร่ างกู่
ชิวหง ทั้งหมดต่างซุกร่ างอยูท่ ี่มุมห้องเช่นเดิม เมื่อสายตาของหยุ
นเช่อเบนไปทางพวกมัน ร่ างของพวกมันสะท้านขึ้นโดยพร้อม
เพรี ยง ต่างกัดฟันแนบแน่น สองในสี่ ถึงกับปัสสาวะราดออกมา…
หยุนเช่อเป็ นบุคคลที่โหดเหี้ ยมอํามหิ ตราวอสูรกายโดยเเท้ กระทัง่
กู่ชิวหง แพทย์เทวะอันดับหนึ่งแห่งวายุคราม ผูเ้ ปี่ ยมอิทธิพล
อํานาจ มันยังพูดคุยก่อนด้วยสี หน้าเฉื่อยชา ก่อนจะลงมือสังหาร
อย่างกะทันหันตามอําเภอใจ! พฤติการณ์ปลอดโปร่ งสบาย ราว
กําลังบี้มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
“เจ้าพวกปัญญาอ่อนทั้งสี่ พวกเจ้าสมควรเป็ นศิษย์รับสื บ
ทอดจากกู่ชิวหงกระมัง? พูดมา เจ้าต้องการอยูห่ รื อตาย?” หยุ
นเช่อกล่าวด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย
ทันทีที่ท้ งั สี่ ได้ยนิ ว่ายังมีความหวังมีชีวติ จากสถานการณ์ใน
ปั จจุบนั ทั้งหมดต่างคุกเข่าลงในทันที โขกศีรษะคารวะต่อหยุ
นเช่อครั้งแล้วครั้งเล่า “พวกเราต้องมีการมีชีวติ ย่อมต้องการมี
ชีวติ ...หากใต้เท้าหยุนยินยอมปล่อยพวกเราไป พวกเรายินยอมรับ
ใช้ท่านไปชัว่ ชีวติ ...”
หยุนเช่อกล่าวอย่างเย็นชา “กู่ชิวหงวางแผนปลงพระชนม์
องค์จกั รพรรดิ กระทําความผิดที่ความตายยังไม่อาจลบล้างได้
สําหรับพวกเจ้า ข้ายังคงเว้นหนทางรอดไว้ให้...พวกเจ้าติดตามกู่
ชิวหงมาเป็ นเวลานาน สมควรทราบกระจ่างถึงความชัว่ ร้ายเลว
ทรามที่มนั กระทําการโดยอาศัยทักษะการแพทย์และชื่อเสี ยงของ
มัน ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ภายในสามวันนี้ จงรวบรวม
หลักฐานอันน่าเชื่อถือทั้งหมดที่ก่ชู ิวหงวางแผนปลงพระชนม์
รวมทั้งความเลวทรามของมันทั้งหลายป่ าวประกาศให้ผคู ้ นทัว่
โลกหล้าได้รับรู ้...ให้ผคู ้ นรับทราบว่า มันมิได้คู่ควรต่อฉายา
“หมอเทวดา” แม้แต่นอ้ ย จากนั้น จงใช้ทกั ษะวิชาแพทย์ที่เจ้ารํ่า
เรี ยนมาช่วยชีวติ ผูค้ น จึงจะสามารถไถ่ถอนบาปกรรมที่พวกเจ้า
ได้กระทํายามติดตามกู่ชิวหงได้ จดจําไว้วา่ จงอย่าได้ใช้วชิ าแพทย์
ของพวกเจ้าในทางชัว่ ร้ายอีกเป็ นอันขาด มิเช่นนั้น พวกเจ้าล้วน
ต้องตกตายภายใต้เงื้อมมือของข้า!!”
ทั้งสี่ ยนิ ดีจนไม่อาจเชื่อเมื่อได้ยนิ คํากล่าวของหยุนเช่อ พวก
มันทั้งหมดสาบานทําตามคําสัง่ ของหยุนเช่อขณะหลัง่ นํ้าตาเนือง
นองหน้าด้วยความสํานึกขอบคุณ...
สามวันต่อมา ข่าวกู่ชิวหงสมคบคิดกับองค์ชายรัชทายาท
และองค์ชายสามในการลอบปลงพระชนม์องค์จกั รพรรดิ โดยใช้
ปรสิ ตกลืนจิตผูกชีพจรล้วนแพร่ สะพัดไปทัว่ ทั้งเมืองหลวง ศิษย์
สื บทอดทั้งสี่ ของกู่ชิวหงแสดงหลักฐานอันแน่นหนามากมาย ถึง
เรื่ องราวอันน่าอัปยศอดสู ที่ก่ชู ิวหงกระทําโดยใช้ทกั ษะทางการ
รักษาในทางที่ผดิ ของมัน ความผิดทั้งหมดที่ถูกเขียนขึ้นโดยศิษย์
ทั้งสี่ เมื่อนับรวมกันแล้วมากกว่าหนึ่งพันข้อ สร้างความตกตะลึง
ให้ทุกผูค้ นในอาณาจักรวายุคราม นามของหมอเทวดาที่สนั่
สะท้านทัว่ อาณาจักร ล้วนถูกผูค้ นด่าทอและเขียนประณาม เหล่า
กองกําลังและผูย้ งิ่ ใหญ่ที่เคยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับมัน ล้วน
แสดงออกอย่างชัดเจนต่อผูค้ นว่าพวกมันตัดความสัมพันธ์กนั
อย่างสิ้ นเชิงไม่วา่ ด้านใด โดยให้เหตุผลว่าพวกมัน “รู ้สึกชิงชังต่อ
ความชัว่ ร้ายที่ก่ชู ิงหงกระทํา”
เวลานี้เอง หยุนเช่อกล่าวคําอําลาต่อชางเยว่และเซี่ยวหลิงซี
ก่อนจะเหิ นบินไปบนหลังวิหคหิ มะสู่ แดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง
“จัสมิน ข้ารู ้สึกว่าพลังฝี มือของข้ายามนี้มาถึงทางตันแล้ว”
หยุนเช่อที่นอนหลับตาอยูบ่ นหลังวิหคหิ มะพลันเอ่ยถึงเรื่ องที่
รบกวนใจมันมาพักหนึ่งออกมา
“ทางตัน? จวบจนบัดนี้พลังฝี มือเจ้าก็รุดหน้าขึ้นโดยไม่มี
สะดุด เจ้ากําลังพูดถึงทางตันอันใด?” จัสมินตอบคํา
“ที่ขา้ กล่าวถึงคือนี่ผา่ นมาเป็ นเวลานานแล้ว หากข้ายังไม่
อาจหาหนทางในการเพิ่มพูนพลังฝี มือแบบก้าวกระโดดเช่นก่อน
หน้านี้ได้อีกเลย” หยุนเช่อกล่าวอย่างเชื่องช้า “ช่วงระยะเวลาที่ขา้
อยูภ่ ายใต้ลานกระบี่จดั สรรที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ระดับพลังยุทธ์
ของข้าเพิม่ สู งขึ้นราวโจนทะยาน ทว่าตอนนี้ เพียงข้อเท็จจริ งที่ขา้
แทบมิได้ดื่มกินเนื้อและโลหิ ตมังกร ความสามารถในการเพิม่
ความแข็งแกร่ งที่มนั มอบให้แก่ขา้ ในยามนี้ลว้ นจํากัดยิง่ ยังมีเวลา
อีกสี่ เดือนกว่าจะถึงงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
หลังจากบรรลุถึงจักรวรรดิเทพหงสา ที่ขา้ ต้องเผชิญมิใช่เพียงการ
ประลองเท่านั้น ดังนั้น ยามนี้ ข้าจําเป็ นยิง่ ยวดที่จะต้องหาหนทาง
หรื อโอกาสในการทะลวงด่านพลังฝี มือให้ได้โดยเร็ วที่สุด”
“โอกาส เฮอะ! ผูค้ นสมควรก้าวเดินไปทีละก้าว! วิธีการฝื น
เพิ่มพลังยุทธ์โดยซึมซับพลังจากเลือดเนื้อของมังกรก่อนหน้านี้
ของเจ้า เป็ นวิธีท่ีอนั ตรายอย่างถึงที่สุด หากมิใช่เจ้ามีเคล็ดมหาวิถี
โพธิสตั ว์คอยปกป้อง ภายในร่ างกายของเจ้ายามนี้ ย่อมต้องเต็มไป
ด้วยร่ องรอยแห่งอาการบาดเจ็บที่แอบแฝงอยูเ่ นื่องจากการฝื นดูด
ซับพลัง ระดับความก้าวหน้าในการฝึ กฝี มือของเจ้านับว่าค่อนข้าง
รวดเร็ วอยูแ่ ล้วแม้ปราศจากปัจจัยภายนอกหนุนเสริ ม”
“…”
“แต่พลังฝี มือของข้าในยามนี้ต่อหน้าพรรคเทพหงสาก็ไร้
ความหมาย” หยุนเช่อเอ่ยด้วยท่าทีซึมเซา “ดูเหมือนข้าจําต้อง
ทุ่มเทเต็มที่เพื่อเพิ่มพูนพลังฝี มือในอีกสี่ เดือนข้างหน้านี้ พูดถึง
เรื่ องนี้… ดูเหมือนว่าท่านผูเ้ ป็ นอาจารย์ขา้ จะไม่ได้สอนอะไรข้า
มานานแล้ว ข้าไม่ทราบว่าท่านฝึ กฝนวิชายุทธ์แบบใด แต่พลัง
ฝี มือของท่านช่างเข้มแข็งนัก วิชาที่ท่านฝึ กฝนย่อมต้องร้ายกาจหา
ที่เปรี ยบ ข้าหมายถึง… ทําไมท่านถึงไม่ลองสอนข้าดูสกั หน่อย
เล่า?”
“คิดเป็ นเด็กไปได้!” จัสมินเอ่ยด้วยเสี ยงราบเรี ยบไร้อารมณ์
“ในบรรดาสรรพวิชาที่ขา้ มี เทพดาราแยกเงาเป็ นวิชาเดียวที่เจ้า
สามารถฝึ กฝนได้ดว้ ยระดับพลังฝี มือของเจ้าในตอนนี้! ระดับพลัง
ของเจ้าตํ่าเกินจะฝึ กฝนวิชาอื่นอีก หากเจ้าฝื นฝึ กฝนวิชายุทธ์และ
กระบวนท่าสังหารของข้า มันจะเป็ นภัยต่อชีวติ เจ้าเอง”
“ข้าในตอนนี้ฝึกฝนวิชายุทธ์ของเทพอสูรและเทพแห่ง
ความพิโรธพร้อมกันอยู่ และไม่รู้สึกติดขัดอะไรแม้แต่นอ้ ย หรื อ
วิชายุทธ์ของท่านจะทรงพลังยิง่ กว่าวิชายุทธ์เทพอสู รและมหาวิถี
โพธิสตั ว์?” หยุนเช่อเบิกตากว้างพร้อมเอ่ยอย่างตกใจ
“พวกมันล้วนแต่ต่างกันโดยสิ้นเชิง” จัสมินเอ่ยอย่างเย็นชา
“หากเจ้าคิดฝึ กฝนวิชายุทธ์ขา้ จริ ง ก็จงรอจนพลังลมปราณเจ้า
บรรลุถึงชั้นราชันย์จกั รพรรดิข้นั ปลายก่อน หลังจากเจ้าสร้าง
ร่ างกายให้ขา้ ใหม่แล้ว ข้าจะลองคิดเรื่ องมอบ ‘โลหิตสังหารฟ้า’
ให้เจ้าสักหยดดู มันจะทําให้เจ้าสามารถฝึ กฝนวิชายุทธ์ของข้าได้”
“ขะ… ขั้นราชันย์จกั รพรรดิ… แถมยังเป็ นขั้นปลายอีกรึ ?”
หยุนเช่อตื่นตะลึงจนต้องผุดตัวขึ้นมานัง่ “แล้วโลหิตสังหารฟ้านี่
คือสิ่ งใดกัน?”
“เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องรู ้”
“...”
บทที่ 378 องค์ ชายรัตติกาลนิรันดร์
ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ซุกซ่อนไว้ดว้ ยดินแดนลี้ลบั แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งสอง
สามแห่ง สถานที่ลบั แห่งนี้ หนึ่งในนั้นเป็ นที่เก็บตัวฝึ กวิชาของ
ท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆเยือกแข็งรุ่ นก่อนตลอดเวลาที่
ผ่านมา หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่กา้ วเดินตามหลังกงยูเ่ ซียนลงมา
โดยตลอด ท้ายที่สุด ล้วนบรรลุถึงเบื้องหน้าห้องนํ้าแข็งห้องหนึ่ง
“ท่านอาจารย์อาวุโส หยุนเช่อมาถึงแล้ว” กงยูเ่ ซี่ยนกล่าว
วาจาด้วยทีท่านอบน้อมที่เบื้องหน้าห้องนํ้าแข็ง
ทันใดนั้นเอง สุ ม้ เสี ยงสตรี ที่ค่อนข้างสุ งอายุดงั ออกมาจาก
ภายในห้องนํ้าแข็ง “เข้ามา”
สิ้ นเสี ยงกล่าว ประตูหอ้ งนํ้าแข็งที่ปิดสนิทค่อยเลื่อนเปิ ด
ออกอย่างเชื่องช้า ผลึกนํ้าแข็งจํานวนนับไม่ถว้ นปลิวว่อนกระจัด
กระจายอยูภ่ ายในห้องนํ้าแข็ง ทั้งยังไม่สงบลงเป็ นเวลานาน
ณ กึ่งกลางห้องนํ้าแข็งปรากฏสตรี มีอายุผมู ้ ีสีหน้านิ่งสงบ
ดุจนํ้านิ่ง ผมเผ้าขาวโพลนไปครึ่ งศีรษะ นัง่ แผ่นหลังเหยียดตรง
แน่วแน่อยูบ่ นหยกนํ้าแข็งเย็นยะเยียบสี ฟ้า หยกนํ้าแข็งเย็น
ปลดปล่อยไอหมอกอันหนาวเหน็บ บดบังเงาร่ างของนางจนพร่ า
เลือนท่ามกลางหมอกควัน เมื่อกลุ่มของกงยูเ่ ซี่ยนทั้งสามก้าวเข้าสู่
ภายใน ดวงตาที่ปิดสนิทของนางพลันเปิ ดขึ้น ดวงตาสาดประกาย
อ่อนโยนนุ่มนวล ทว่าห่างไกลจากผูค้ นจนไม่อาจเอื้อมมือถึงชนิด
หนึ่ง และสายตานี้ กําลังจับจ้องมาทางหยุนเช่อ
นางคือสตรี ที่เป็ นท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งรุ่ นก่อน ---- ฟ่ งเชียนฮุ่ย
“ศิษย์กงยูเ่ ซี ยน คํานับท่านอาจารย์อาวุโส”
“ศิษย์เซี่ยฉิ งเยว่ คํานับท่านหญิงรุ่ นก่อน”
สตรี สูงอายุที่เบื้องหน้ายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสี ยง
แผ่วเบา “ไม่ตอ้ งมากพิธี นัง่ ลง.. เช่นนั้น เจ้าคงเป็ น หยุนเช่อ?”
บุคคลที่เบื้องหน้า คือหนึ่งในยอดยุทธ์ข้นั สู งสุ ดแห่ง
อาณาจักรวายุครามอีกผูห้ นึ่ง หยุนเช่อสามารถรับรู ้ได้ถึงพลัง
กดดันอันไม่ดอ้ ยไปกว่าหลิงเทียนหนี่ได้จากร่ างของนาง ชาย
หนุ่มสื บเท้าไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง กล่าววาจาออกพร้อมประสาน
มือคารวะ “ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อ คํานับผูอ้ าวุโส”
ฟ่ งเชียนฮุ่นสํารวจมองหยุนเช่อจากศีรษะจรดปลายเท้า
ก่อนผงกศีรษะอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง แววตาของนางแปรเปลี่ยน
โดยกะทันหัน แขนข้างหนึ่งของนางกวาดออกอย่างเร่ งร้อน ส่ ง
ผลึกนํ้าแข็งหลายสิ บแท่งรวมตัวกันที่กลางอากาศเข้าใส่ ทรวงอก
ของหยุนเช่อในทันที เมื่อเผชิญพบการโจมตีอย่างกะทันหันจาก
ฟ่ งเชียนฮุ่ย หยุนเช่อมิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก ชายหนุ่มยังคง
ยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ ยืดหลังตั้งตรง ทว่ามิได้เกร็ งพลังลมปราณขึ้น
ต่อต้านใดๆ หยุนเช่อใช้เพียงร่ างกายเลือดเนื้อของตนเพื่อรับการ
โจมตีเพียงเท่านั้น
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง…
ผลึกนํ้าแข็งทั้งหมดกระแทกกระทั้นเข้าใส่ ร่างของหยุนเช่อ
ทว่ากลับแหลกละเอียดเป็ นเศษส่ วนในทันทีที่ปะทะเข้ากับร่ าง
เลือดเนื้อของชายหนุ่ม ก่อนจะสลายหายไปในพริ บตา บนร่ างกาย
ของหยุนเช่อปราศจากริ้ วรอยบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้ น
ประกายความกังขาวูบขึ้นในแววตาของฟ่ งเชียนฮุ่ย ผลึก
นํ้าแข็งเมื่อครู่ แม้มีพลังเพียงครึ่ งหนึ่งของนางบรรจุไว้ ทว่ายัง
ยากเย็นสําหรับยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าในการต้านรับ ทว่าบุรุษหนุ่ม
ที่เบื้องหน้านางเพียงมีระดับพลังฝี มือชั้นปราณปฐพี หากกลับ
สามารถใช้เพียงร่ างเลือดเนื้อต้านทานรับการจู่โจมโดยตรง
ยิง่ กว่านั้น มันยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นอ้ ย...เพียงเรื่ องนี้ ภายใน
อาณาจักรวายุคราม ล้วนไม่อาจหาบุคคลที่สองที่สามารถทัดเทียบ
เปรี ยบได้
หากแต่การประเมินของฟ่ งเชียนฮุ่ยแน่นอนว่ามิได้มีเพียง
เท่านี้ ขณะเกล็ดนํ้าแข็งทั้งมวลร่ วงหล่นลงบนพื้นห้อง นางยกสอง
มือขึ้นประสาน ผมเผ้ารวมทั้งจิตวิญญาณนํ้าแข็งที่รายล้อมรอบ
ล้วนหมุนวนล่องลอยขึ้นโดยพร้อมเพรี ยง ปลดปล่อยพลังเยือก
แข็งปริ มาณมหาศาลสุ ดคณานับออกไปเบื้องหน้า ส่ งผลให้หอ้ ง
นํ้าแข็งเย็นที่มีขนาดไม่ใหญ่โตแต่เริ่ มแรก กลับกลายเป็ นนรก
เยือกแข็งไปในทันตา
ตามสัญลักษณ์มือที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วของฟ่ งเชียน
ฮุ่ย ปรากฏดอกบัวเยือกแข็งเจ็ดดอกเบ่งบานขึ้นทีละดอกล้อมรอบ
หยุนเช่อ...ทั้งหมดล้วนเป็ นดอกบัวนํ้าแข็ง ทว่าดอกบัวนํ้าแข็งจาก
ฟ่ งเชียนฮุ่ย ล้วนมิใช่สิ่งที่ดอกบัวจากเซี่ยฉิ งเยว่สามารถเทียบเคียง
ได้เลย พลังเยือกแข็งที่บรรจุไว้ในดอกบัวแต่ละดอกล้วนเพียงพอ
ในการเยือกแข็งทะเลสาบที่มีอาณาเขตกว้างกว่าห้ากิโลเมตรได้
อย่างง่ายดาย
นัยน์ตาของหยุนเช่อสาดประกายวูบหนึ่ง ชายหนุ่มไม่รอให้
ดอกบัวเยือกแข็งทั้งหมดเริ่ มแปรสภาพ สองมือคว้าจับกระบี่
ทัณฑ์มงั กรพร้อมทั้งเปิ ดด่านอสู รผลาญใจขึ้นในทันที ชายหนุ่ม
สลับเท้าก้าวออกด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา ส่ งกระบวนท่าจู่โจม
อันทรงพลังสุ ดต้านทานออกไปเจ็ดกระบี่ในชัว่ พริ บตา
กระบี่ท้ งั เจ็ดพุง่ ออกไป ทัณฑ์มงั กรอันตรธานหายไปจาก
สองมือของชายหนุ่มเช่นกัน
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง!
เสี ยงปะทะพลังเสี ยดแก้วหูสะท้านสะเทือนไปทัว่ ห้อง
นํ้าแข็ง ก่อนที่บวั นํ้าแข็งทั้งเจ็ดจะสามารถเบ่งบานปลดปล่อยพลัง
เยือกแข็งสุ ดขั้วของมันออกมา ล้วนถูกระเบิดออกติดต่อตามกัน
ราวดอกไม้ไฟ กลายสภาพเป็ นเพียงเกล็ดนํ้าแข็งปลิวว่อนไปทัว่
ทิศ พลังลมกระบี่ท่ีหลงเหลือผลักดันเกล็ดนํ้าแข็งทั้งมวลเข้าสู่
ผนังห้อง ปกคลุมผนังนํ้าแข็งด้วยผลึกนํ้าแข็งหนาเป็ นชั้น
แขนทั้งสองข้างของฟ่ งเชียนฮุ่ยนิ่งค้างอยูก่ ลางอากาศ
ประกายสายตาปรากฏประกายแตกตื่นประหลาดใจขึ้น ไม่วา่ คํา
รํ่าลือจะมากมายปานใด ยังไม่เทียบเท่าการได้เห็นด้วยตาตนเอง
เพียงการพิสูจน์ฝีมือสองกระบวนท่า ล้วนเพียงพอให้นาง
รับทราบถึงความร้ายกาจที่แท้จริ งของหยุนเช่อ และพลังยุทธ์ของ
ชายหนุ่ม ยังคงอยูใ่ นชั้นปราณปฐพีจริ งๆ อย่างน่าตระหนก
“ประเสริ ฐ!” ฟ่ งเชียนฮุ่ยอุทานชื่นชม “ดูท่าชื่อฉายา “ยอด
ยุทธ์อนั ดับหนึ่งแห่งวายุคราม”ของเจ้ามิได้เกินเลยไปจริ งๆ
วีรบุรุษอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรวายุคราม มิใช่
เพียงคําคุยโตแม้แต่นอ้ ย”
หยุนเช่อกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ผูอ้ าวุโสกล่าวชมเชยเกินไป
ผูเ้ ยาว์ยงั คงด้อยวัยวุฒิ เพียงพื้นฐานพลังฝี มืออันคับแคบ ย่อมไม่
อาจเทียบได้กบั ชนชั้นเช่นท่านผุอ้ าวุโส คํา “ยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่ง
แห่งวายุคราม”เพียงเป็ นคํากล่าวตามอําเภอใจ ผูเ้ ยาว์มิกล้ารับ
ฉายาเช่นนั้นแน่นอน”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวตอบว่า “ข้าได้ยนิ ว่าเจ้ากําจัดล้างตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า ทั้งยังทําร้ายองค์ชายเทพหงสาบาดเจ็บสาหัส เป็ น
บุคคลที่อาฆาตพยาบาทและเย่อหยิง่ จองหองโดยไม่ประมาณตน
เมื่ออยูต่ ่อหน้าเราผูเ้ ฒ่า มิตอ้ งเสแสร้งแสดงไป...นัง่ ลง”
หยุนเช่อนัง่ ลงตามคําอนุญาตจากฟ่ งเชียนฮุ่ย
“เราผูเ้ ฒ่ามีนามเรี ยกขานว่าฟ่ งเชียนฮุ่ย เจ้าสามารถเรี ยกว่า
ท่านยายเชียนฮุ่ย ด้วยศักดิ์ฐานะและเกียรติภูมิของเจ้าในปัจจุบนั
เจ้าสามารถปฏิเสธบอกปัดคําขอพบหน้าของเราผูเ้ ฒ่า ทัว่ ทั้ง
จักรวรรดิวายุคราม แทบไม่มีผใุ ้ ดที่มีคุณสมบัติร้องขอให้เจ้าเข้า
พบ เหตุใดเจ้าจึงดั้นด้นมาไกลถึงเพียงนี้ เพื่อพบหน้าเราผูเ้ ฒ่า?”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าว สองตาจับจ้องมองใบหน้าของหยุนเช่อ สี หน้า
ของนางบ่งบอกว่า นี่มิใช่คาํ ถามธรรมดาสามัญทัว่ ไปอย่าง
แน่นอน
เนื่องเพราะท่าทีของหยุนเช่อที่มีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง จะเป็ นตัวตัดสิ นการตัดสิ นใจในอนาคตของนาง
“เกี่ยวกับเรื่ องนี้...” หยุนเช่อเหลือบสายตาไปด้านข้าง มอง
ไปยังกงยูเ่ ซี ยนและเซี่ยฉิ งเยว่ “ผูอ้ าวุโสต้องการได้ฟังความจริ งใช่
หรื อไม่?”
“แน่นอน ความจริ ง”
“ตกลง เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ขอกล่าวตามตรง” หยุนเช่อยืดอกของ
มันขึ้น ทรงตัวมัน่ คงและพูดออกมาอย่างเป็ นธรรมชาติ “ที่จริ ง
แล้วเหตุผลนั้นง่ายมาก ฉิ งเยว่เป็ นศิษย์แดนเมฆาเยือกแข็ง และ
เป็ นภรรยาของผูเ้ ยาว์เช่นกัน ผูเ้ ยาว์กงั วลว่า ถ้าในโอกาสนี้ผเู ้ ยาว์
ไม่ได้มาที่นี่ จะทําให้ฉิงเยว่ภรรยาตกที่นงั่ ลําบาก เพราะฉะนั้น
ผูเ้ ยาว์จึงมา”
เซี่ยฉิ งเยว่ “...”
“หยุนเช่อ เจ้ามิอาจพูดเรื่ องเหลวไหลต่อหน้าท่านหญิงแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งได้!” กงยูเ่ ซียน ขมวดคิ้วพูดด้วยนํ้าเสี ยง
เยือกเย็น
“ไม่เป็ นไร” ฟ่ งเชียนฮุ่ยจ้องเข้าไปในดวงตาของหยุนเช่อ
ทว่านางเผยรอยยิม้ เล็กน้อย “มันมิได้กล่าววาจาไร้สาระ ที่มนั
กล่าวออกมา เป็ นสิ่ งที่มนั คํานึงอยูใ่ นจิตใจของมันอย่างแท้จริ ง
หยุนเช่อ เราผูเ้ ฒ่าได้ยนิ มาว่า เนื่องเพราะครอบครัวของเจ้า
ถูกจับตัวไป
เจ้ากําจัดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูลเพื่อระบาย
ความแค้น เจ้ามาเยือนเราผูเ้ ฒ่าในที่น้ ี เพียงเพราะไม่ตอ้ งการให้
เซี่ยฉิ งเยว่ตกอยูใ่ นสถานการณ์อนั ยากลําบาก ดูท่า เจ้าเป็ นผูค้ นที่
เห็นมิตรภาพและความสัมพันธ์ครอบครัว เหนือลํ้ากว่าความ
เข้มแข็ง...ประเสริ ฐมาก เช่นนั้นเจ้าทราบหรื อไม่ เหตุใดเราผูเ้ ฒ่า
ต้องการพบหน้าเจ้าตลอดมา?”
“ขอท่านผูอ้ าวุโสไขความกระจ่าง”
หยุนเช่อเพียงสามารถคาดเดาได้อย่างเลือนรางประมาณเจ็ด
ในสิ บส่ วน หากชายหนุ่มมิอาจมัน่ ใจได้ ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มมิ
เคยได้ยนิ เรื่ องราวของท่านหญิงรุ่ นก่อนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งมาก่อน แน่ชดั ว่านางตัดขาดเรื่ องราวจากโลกภายนอก
ทั้งหลายมาเนิ่นนาน แต่ตอนนี้ นางกลับต้องการพบปะกับมัน
เห็นได้ชดั ว่า เรื่ องราวย่อมต้องเป็ นเรื่ องสําคัญที่เกี่ยวพันถึงแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งที่กระทัง่ กงยูเ่ ซียนยังไม่อาจตัดสิ นใจได้
ฟ่ งเชียนฮุ่ย พูดอย่างช้าๆว่า “เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง
เจ้าและศิษย์ของเราฉู่เยว่ฉานเราผูเ้ ฒ่ารับรู ้ทุกสิ่ งแล้ว ตั้งแต่เจ้าร่ วม
สัมพันธ์กบั เยว่ฉาน เจ้าสมควรรู ้ถึงความลับอันยิง่ ใหญ่เกี่ยวกับ
เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งแล้ว เริ่ มตั้งแต่เมื่อสองปี ก่อน เจ้าได้รับ
เคล็ดวิชาสําคัญของสํานัก...เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง เจ้าจะปฎิเสธ
รึ เปล่า?” “ตามจริ ง เคล็ดเมฆาเยือกแข็งอยูใ่ นตัวข้า ทว่า ข้าไม่เคย
ใช้ออกต่อหน้าผูค้ นมาก่อน ทั้งยังไม่เคยบอกกล่าวต่อผูใ้ ด” หยุ
นเช่อกล่าวตามสัตย์จริ ง
ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวต่อว่า “เคล็ดวิชายุทธ์เป็ นจิตวิญญาณของ
สํานัก ทั้งยังเป็ นข้อห้ามที่ไม่อาจเปิ ดเผยสู่ ภายนอก! ไม่วา่ การ
เปิ ดเผยเคล็ดวิชาออกไปส่ วนใดส่ วนหนึ่ง หรื อการแอบลอบขโมย
เรี ยนรู ้เคล็ดวิชาสํานักอื่น ล้วนเป็ นข้อห้ามร้ายแรงที่สุดในยุทธ
ภพ! ไม่วา่ พรรคใด เมื่อขับไล่ศษิยข์ องตนออกจากสํานัก ล้วนต้อง
ทําลายวิชายุทธ์เป็ นสิ่ งแรก เยว่ฉานเติบโตมาในแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็ง ทั้งเป็ นหัวหน้าเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง แม้จะ
เป็ นอย่างนั้น ยังคงต้องทําลายวิชายุทธ์ของตนเองก่อนออกจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์...ขณะที่เจ้ามิใช่ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เรา แต่กลับ
มีวชิ ายุทธ์ของเราอยู่ นี่คือสาเหตุที่เราผูเ้ ฒ่าต้องการพบเจ้า เราผู ้
เฒ่าเชื่อมัน่ ว่าเจ้าจะไม่บอกกล่าววิชายุทธ์แก่ผใู ้ ด อาจบางทีเจ้า
ล้วนไม่เห็นเราแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอยูใ่ นสายตาด้วยซํ้า
ทว่า สําหรับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา นี่เป็ นเรื่ องใหญ่ที่ไม่
อาจปล่อยผ่านได้!”
หยุนเช่อถอนใจเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ผูอ้ าวุโสต้องการ
ให้ขา้ ทําอย่างไร?”
“เจ้ามีสองทางเลือก” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม
“ทางเลือกแรก ให้เราผูเ้ ฒ่าทําลายเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งของเจ้า
ซะ นํ้าและไฟมีแต่จะทะเลาะกัน เจ้ามีสายเลือดเทพหงสาอยู่
ลมปราณเยือกแข็งจึงไม่เหมาะสมกับเจ้าอย่างยิง่ และยังอาจ
ก่อให้เกิดภาระและความเสี ยหายกับเส้นชีพจรลมปราณของเจ้า
ได้ เพราะความไม่เข้ากันของธาตุท้ งั สอง เช่นนั้น การทําลายเคล็ด
วิชาเมฆาเยือกแข็ง เพื่อตัวเจ้า มันไม่น่าเป็ นสิ่ งที่รับไม่ได้”
แค่การละทิ้งเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง แน่นอนว่าหยุนเช่อ
ย่อมไม่หวั เสี ยไปกับมัน เคล็ดวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งนั้นมีพลังมากมายประสิ ทธิภาพมหาศาลในสายตาคนทัว่ ไป
แต่เมื่อเปรี ยบเทียบกับพลังของเทพอสู ร เทพหงสา เทพแห่งความ
พิโรธ และเทพสุ นขั ป่ าที่หยุนเช่อมีน้ นั มันช่างอ่อนแอมาก เมื่อ
ต่อสู ก้ บั ศัตรู หยุนเช่อไม่ได้ใช้มนั บ่อยนัก ด้วยการใช้พลังระดับ
เท่ากันเพลิงเทพหงสารุ นแรงกว่าเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งอยูม่ าก
หยุนเช่อใช้วชิ าเมฆาเยือกแข็งออกเป็ นบางเวลาเพือ่ ปกปิ ดตัวตน
เล็กน้อยด้วยปราการเมฆาเยือกแข็งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชานี้ได้มาจากฉู่เยว่ฉาน! ได้รับมาผ่าน
พรหมจรรย์หยินหญิงสาว กลับกลายเป็ นสายสัมพันธ์ที่มิอาจตัด
ขาดระหว่างมันกับฉู่เยว่ฉาน ยามนี้ฉู่เยว่ฉานไม่ทราบอยูท่ ี่ใด นี่จึง
เป็ นสิ่ งสุ ดท้ายที่นางเหลือทิ้งไว้ให้หยุนเช่อ
ดังนั้น ชายหนุ่มย่อมไม่ตอ้ งการให้เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง
ต้องรั่วไหลออกไป
“ข้าต้องการฟังตัวเลือกที่สอง” หยุนเช่อไม่ครุ่ นคิดมาก
ความ ชายหนุ่มกล่าววาจาออกไปในทันที
ฟ่ งเชียนฮุ่ยจับจ้องลึกลงไปในแววตาของหยุนเช่อพร้อม
กล่าวว่า “ทางที่สอง เข้าร่ วมเป็ นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
เรา”
ประโยคนี้ของฟ่ งเชียนฮุ่ยนับว่าสร้างความตกตะลึงอย่าง
ใหญ่หลวงโดยแท้จริ ง ไม่มีผใู ้ ดในบุคคลทั้งสามคาดคิดว่านางจะ
กล่าวคํานี้ออกมา ก่อนที่หยุนเช่อจะกล่าวตอบคํา กงยูเ่ ซียนยืนขึ้น
พร้อมทั้งกล่าววาจาออกมาอย่างไม่อาจระงับกิริยา “ท่านอาจารย์
อาวุโส นี่...”
“ไม่ตอ้ งพูดแล้ว” ฟ่ งเชียนฮุ่ยโบกมือข้างหนึ่งเพื่อหยุดกงยู่
เซียน ก่อนจะกล่าววาจาอย่างเยือกเย็น “ข้ามีความคิดของข้า”
กงยูเ่ ซียนอ้าปากคิดกล่าวคํา ทว่ามิได้พดู ต่อ เซี่ยฉิงเยว่ที่
ด้านข้างล้วนมีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน
“นี่… จากที่ขา้ ทราบ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งรับเพียง
ศิษย์สตรี มาแต่แรกก่อตั้ง ไม่เคยรับศิษย์บุรุษมาก่อน หรื อว่า ผู ้
อาวุโส… ใช่ละเมิดกฏข้อนี้เพราะเรื่ องราวของผูเ้ ยาว์หรื อไม่?”
หยุนเช่อกล่าวด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว
“เหตุผลว่าทําไมแดนเมฆาเยือกแข็งเราถึงรับแต่ศิษย์สตรี
นั้น เพราะสตรี น้ นั โน้มเอนเอียงไปทางธาตุหยิน และง่ายต่อ
การศึกษาเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง และในขณะเดียวกัน ที่กล่าวกัน
ว่าความรักระหว่างชายหญิงจะขัดขวางการศึกษาเคล็ดวิชาเมฆา
เยือกแข็งให้ลม้ เหลว ความลับของเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งคือมัน
สามารถถ่ายทอดสู่ ผอู ้ ื่นผ่านความสัมพันธ์อนั ลึกซึ้ งได้ เป็ นเหตุผล
หลักที่ทาํ ให้เราไม่มีศิษย์บุรุษ” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวช้าๆ “แต่ภายใต้
เงื่อนไขที่ไม่อนั ตรายต่อเรา กฎของเราก็สามารถโอนอ่อนได้
เล็กน้อย เจ้าเป็ นสามีของฉิงเยว่แต่ในนาม มีเคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็งที่ส่งผ่านมาจากฉู่เยว่ฉานและมีความสัมพันธ์อย่างมากกับ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแล้ว ด้วยพลังและความแข็งแกร่ งที่
เจ้ามียามนี้ หากเจ้าต้องการเข้ามาร่ วมกับแดนเมฆาเยือกแข็งเรา
จะช่วยยกระดับอิทธิพลแดนเมฆาเยือกแข็งของเราได้ สุ ดท้าย
หากเจ้าไม่ตอ้ งการทําลายเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง เราสามารถ
ยกเว้นให้เจ้าเป็ นศิษย์ชายคนแรกในประวัติศาสตร์ของแดนศักดิ์
สิ ทธ์เมฆาเยือกแข็งเรา”
บทที่ 380 เข้ าร่ วมเมฆาเยือกแข็ง
ก่อนมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หยุนเช่อได้คิดถึง
ความเป็ นไปได้มากมายหลายทางแต่ไม่ได้คาดหมายว่านายหญิง
แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่ นก่อนผูล้ ้ ีลบั และเปี่ ยมพลังอํานาจจะต้องการให้
ชายหนุ่มเป็ นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง!
ถ้าหยุนเช่อตกลง ชายหนุ่มจะเป็ นศิษย์บุรุษคนแรกของ
ประวัติศาสตร์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทั้งหมด!
พิจารณาจากกงยูเ่ ซียนและปฏิกิริยาของเซี่ยฉิ งเยว่ ดูราวกับ
ว่าพวกนางไม่รู้ตวั ล่วงหน้า
ภายในจิตใจของหยุนเช่อเริ่ มพลุ่งพล่านปั่นป่ วน พูดถึง
ประโยชน์ของตัวหยุนเช่อเอง ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นใดต่อแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง แต่เพราะเซี่ยฉิ งเยว่และฉู่เยว่ฉาน ล้วน
เป็ นชะตาลิขิตให้ชายหนุ่มต้องพัวพันโดยไร้ที่สิ้นสุ ดกับแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ขณะนี้ หยุนเช่อ
มิได้อยูใ่ นสังกัดวังยุทธ์วายุครามอีกต่อไป การไร้สาํ นักทําให้ชาย
หนุ่มสามารถร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งได้อย่างอิสระ และ
หลังจากการเข้าร่ วม หยุนเช่อกับเซี่ยฉิ งเยว่จะอยูใ่ นสํานักเดียว
โดยไร้อุปสรรค หลังจากพบฉู่เยว่ฉาน อาจมีความเป็ นไปได้
สําหรับนางที่จะได้หวนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งใน
อนาคตอีกด้วย
แต่ท้ งั หมดนี้เป็ นอันดับรอง
ที่สาํ คัญที่สุด….นั่นคือจากเบือ้ งสูงจนถึงเบือ้ งตํา่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์ เมฆาเยือกแข็งก่ อตั้งจากสตรี ท้ังหมด! และยามแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งคัดเลือกศิษย์ ไม่เพียงพิจารณา
ความสามารถเป็ นหลักเท่านั้น ยังต้องมีรูปโฉมงดงามสู งส่ งอย่าง
ยิง่ อีกด้วย นอกจากนี้ผลของเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง ศิษย์ของ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทุกคนล้วนมีผวิ พรรณนํ้าแข็งกระดูก
หยก ริ มฝี ปากแดงดุจผลเชอร์รี่ รวมทั้งใบหน้าไร้ที่ติ ศิษย์ทุกคน
ล้วนได้รับยกย่องว่ามีความงามผิดธรรมดาในโลกภายนอก
โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุครามเกือบทั้งหมดมาจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง! พูดจากหลักเกณฑ์น้ ี แดนศักดิ์สิทธื์
เมฆาเยือกแข็งเป็ นแดนสุ ขาวดีท่ีผชู ้ ายกระหายที่จะอยูใ่ นความฝัน
ของพวกมันอย่างแน่นอน!
หากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเปิ ดรับศิษย์บุรุษ สมควร
กล่าวได้วา่ ทัว่ ทั้งวายุครามย่อมต้องบังเกิดปรากฏการณ์แผ่นดิน
สะเทือนครั้งใหญ่
และขณะนี้สรวงสวรรค์ในความใฝ่ ฝันของบุรุษนี้ กลับ….
เปิ ดออกมาต่อหน้าหยุนเช่อ ยิง่ กว่านั้น ยังนับเป็ นการเปิ ดประตู
เป็ นครั้งแรกนับแต่ปรากฏมาในประวัติศาสตร์!
ในฐานะบุรุษผูม้ ีความปกติไร้ขอ้ บกพร่ องใดๆ ทั้งทางสรี ระ
และทางจิตใจ หากกล่าวว่าหยุนเช่อไม่มีความตื่นเต้น ย่อมเป็ นไป
ไม่ได้! อย่างไรก็ดี หยุนเช่อใบหน้านิ่งสงบอย่างผิดธรรมดา
(หื มม์ ?) ขณะที่ชายหนุ่มถามด้วยนํ้าเสี ยงเมินเฉยอย่างยิง่ “ผูเ้ ยาว์
มิได้สงั กัดสํานักใดสํานักหนึ่งในปัจจุบนั และไม่มีปัญหาในการ
เข้าร่ วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หากผูเ้ ยาว์จาํ ต้องทําความ
เข้าใจเข้าใจก่อนเป็ นประการแรก คือหลังจากเข้าร่ วมแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ข้าต้องปฏิบตั ิตนเยีย่ งไร และข้าจะได้รับ
สิ่ งใด”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยเข้าใจดีวา่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเป็ นที่
ดึงดูดต่อบุรุษเพศถึงเพียงไหน เมื่อเห็นทีท่าวางเฉยอย่างสิ้ นเชิง
ของหยุนเช่อ นางต้องลอบยกย่องชายหนุ่มภายในใจพร้อมกล่าว
ว่า “หลังจากเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์ฯของข้า เจ้าไม่ตอ้ งกระทํา
หน้าที่ใด และไม่ตอ้ งกระทําตามกฎของสํานัก เจ้าไม่ตอ้ งอยูใ่ น
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งตลอดเวลาและสามารถไปกลับเท่าที่
เจ้าต้องการได้อย่างเต็มที่ สิ่ งที่เจ้าต้องทําเพียงสองสิ่ ง…..ประการ
แรก ไม่ทาํ สิ่ งที่คา้ นคุณธรรมอันดีและผิดหลักธรรมชาติในนาม
ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ประการที่สอง….” ฟ่ งเชียนฮุ่ย
หยุดชะงักชัว่ ครู่ ขณะที่สีหน้าของนางกลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ ม
อย่างยิง่ “เพียงวันใด ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเผชิญกับภัย
พิบตั ิ ในฐานะศิษย์ ข้าหวังว่าเจ้าจะป้องกันแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งด้วยพลังของเจ้าทั้งหมด”
ขณะที่นางกล่าวถึงยามนี้ ฟ่ งเชียนฮุ่ยหยุดวาจาลง หยุนเช่อ
ผูก้ าํ ลังนิ่งฟังอย่างตั้งใจเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจแล้ว
ถามอย่างหยัง่ เชิง “นัน่ …..คือทั้งหมด?”
“ถูกต้อง เพียงเท่านี้ !!!" ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน
"และสําหรับสิ่ งที่เจ้าจะได้รับ... เนื่องจากเจ้าเป็ นศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ดังนั้นเจ้าสามารถศึกษาเคล็ดวิชาทั้งหมด
ของแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า อันประกอบด้วยเคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็ง เคล็ดวิชาจิตเยือกแข็ง ท่าเท้าหิ มะเยือกแข็ง สิ บสามเพลง
กระบี่เมฆาเยือกแข็ง... และเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ ! เจ้า
จะได้รับอนุญาตให้ใช้ทรัพยากรของสํานักได้ตามต้องการ และยัง
สามารถเข้าออกแดนต้องห้ามได้อย่างอิสระ ! หากเจ้าเผชิญวิกฤต
หรื อมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ สํานักก็จะช่วยเหลืออย่างดี
ที่สุดเท่าที่เราจะทําได้เช่นกัน... เอาล่ะ เจ้าต้องการจะเข้าร่ วมแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เป็ นศิษย์บุรุษคนแรกของแดนศักดิ์สิทธิ์
หรื อไม่ ?"
หยุนเช่ออ้าปาก แต่มิอาจกล่าววาจาใดได้ครู่ ใหญ่
เดิมที สิ่ งที่ทาํ ให้หยุนเช่อลังเลใจอย่างที่สุดในการเข้าร่ วม
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งคือ "กฏข้อห้าม" ของสํานัก ทุก
สํานักล้วนมีกฏต่างๆ ของตนเอง และโดยเฉพาะสํานักที่พิเศษ
อย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนี้ ก็ยอ่ มต้องมีกฏที่เข้มงวดกว่า
สํานักอื่น หลังจากเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง การ
กระทําต่างๆ ที่ถูกจํากัดจะกลายเป็ นสิ่ งที่ไม่อาจทําได้ตามปกติอีก
ต่อไป
แต่หยุนเช่อไม่คาดคิดเลยว่าฟ่ งเชียนฮุ่ยจะอนุญาตให้มนั
ละเลยกฏต่างๆ และสามารถไปมาอย่างอิสระได้จริ งๆ ... นี่
หมายความว่ามันสามารถมาได้เมื่อต้องการ ไปได้เมื่อพอใจจะไป
และไม่จาํ เป็ นต้องทําตามคําสัง่ ของผูใ้ ด กระทัง่ สามารถใช้
ทรัพยากรของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง และฝึ กเคล็ดวิชา
สําคัญทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไม่มีขอ้ จํากัด สําหรับ
เงื่อนไขสองประการที่ฟ่งเชียนฮุ่ยกําหนดนั้น ช่างง่ายดายไม่ต่าง
กับการไม่มีขอ้ กําหนดใดๆ เลย
การดูแลเอาใจใส่ เช่นนี้ มันราวกับขนมหวานที่ร่วงหล่นจาก
ฟากฟ้า... ท่านไม่จาํ เป็ นต้องหว่านพืช ก็เก็บเกี่ยวผลได้อย่างที่
ต้องการ !
การทําลายกฏข้อบังคับนับพันปี ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งอย่างไม่บนั ยะบันยังเพื่อรับศิษย์บุรุษอย่างมัน และยังให้
การดูแลเอาใจใส่ ถึงเพียงนั้น หยุนเช่อพลันรู ้สึกแต่เพียงว่ามัน
เหลือเชื่ออย่างที่สุด กงยูเ่ ซียนที่อยูข่ า้ งๆ มันก็ยง่ิ ทวีความตื่น
ตระหนกขึ้นเรื่ อยๆ นางต้องการสอดวาจาอยูห่ ลายคราแต่ก็
พยายามอดกลั้นสุ ดกําลัง
หยุนเช่อครุ่ นคิดอยูค่ รู่ ใหญ่ก่อนกล่าวถามอย่างเคร่ งขรึ ม
"ท่านผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์ตอ้ งการทราบอย่างแท้จริ งถึงเหตุผล
เบื้องหลังข้อยกเว้นที่มีข้ ึนเพื่อให้ขา้ เข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง และยังให้การดูแลต่อข้าเยีย่ งนั้น ?"
ฟ่ งเชียนฮุ่ยยิม้ บาง "เพราะความแข็งแกร่ ง ศักยภาพ อิทธิพล
รวมไปถึงอนาคตอันมิอาจหยัง่ ถึงของเจ้า ยิง่ กว่านั้น แม้วา่ วิธี
ปฏิบตั ิของเจ้าจะค่อนข้างสุ ดโต่ง แต่เจ้าก็ให้ความสําคัญแก่
มิตรภาพและความซื่อสัตย์อย่างยิง่ เราผูเ้ ฒ่าเชื่อว่าหากเจ้าเป็ นศิษย์
แดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา หากในอนาคตแดนศักดิ์สิทธิ์ตอ้ งเผชิญกับ
เหตุการณ์ที่เลวร้ายจริ งๆ เจ้าจะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเต็มกําลังอย่างแน่นอน... พอใจคําอธิบายนี้หรื อไม่ ?"
ซุ่มเสี ยงของฟ่ งเชียนฮุ่ยราบเรี ยบจริ งใจ แววตานางยิง่
กระจ่างใสราวกับนํ้าพุ หยุนเช่อไม่รู้สึกถึง ความไม่บริ สุทธิ์ใจ
การเสแสร้งหลอกลวงจากตัวนาง ครานี้หยุนเช่อไม่ลงั เลอีกต่อไป
... และไม่มีเหตุผลใดให้ตอ้ งลังเลอีก มันกล่าวพลางผงกศีรษะรับ
"ตกลง ! ด้วยความเมตตาของผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อจะเข้าร่ วม
เป็ นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง... ทว่าก่อนเข้าแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ผูเ้ ยาว์มีขอ้ ร้องขอประการหนึ่ง... แม้
ผูเ้ ยาว์จะไร้ค่ายพรรคสังกัด แต่กม็ ีอาจารย์อยูก่ ่อนแล้ว ดังนั้นหาก
อาจารย์ไม่ตกลง ผูเ้ ยาว์กไ็ ม่อาจยอมรับอาจารย์ท่านอื่นได้"
"ฮาฮา" ฟ่ งเชียนฮุ่ยยิม้ บาง "ไม่เป็ นไร ด้วยความสามารถ
และความแข็งแกร่ งของเจ้า ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครในแดนศักดิ์สิทธิ์
ของข้าคู่ควรเป็ นอาจารย์ของเจ้า เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องรับผูใ้ ดเป็ น
อาจารย์ และสามารถเข้าร่ วมสํานักได้เลย หากเจ้าสนใจเคล็ดวิชา
ของแดนศักดิ์สิทธิ์ ฉิ งเยว่สามารถสอนเจ้าได้โดยตรง"
ทว่าในความคิดของฟ่ งเชียนฮุ่ย หยุนเช่อนั้นไม่เหมาะที่จะ
ฝึ กเคล็ดวิชาพลังเยือกแข็งเลยเนื่องจากมันมีสายเลือดของเทพหง
สาอยูใ่ นกาย และมันคงไม่เลือกที่จะสงวนกําลังไว้เพื่อฝึ กเคล็ด
วิชาปราณนํ้าแข็งที่ขดั กับเพลิงเทพหงสาอย่างสิ้ นเชิง
เมื่อได้ยนิ คํากล่าวนี้ หากหยุนเช่อยังไม่ยอมรับ กระทัง่ ตัว
มันเองก็คงเห็นว่ามันเป็ นตัวโง่งม มันคุกเข่าลงและกล่าวอย่าง
นอบน้อม "ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อ ยินดีเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง เป็ นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง นับจากนี้ไปจะร่ วม
แบ่งปั นเกียรติยศชื่อเสี ยงและความอัปยศกับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง หากสํานักเผชิญวิกฤต หยุนเช่อจะหวนคืนสํานักโดย
พลัน และจะปกป้องสํานักสุ ดกําลัง"
"เยีย่ ม !" ฟ่ งเชียนฮุ่ยพยักหน้าอย่างแรง ดวงตาทอประกาย
อิ่มเอมใจลึกซื้ ง นางชูนิ้วขึ้น และกดประทับไปที่ความว่างเปล่า
ลูกแก้วเย็นยะเยือกลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของนาง
จากนั้นก็ลอยไปทางหยุนเช่อ หลังจากสัมผัสกับแขนของชาย
หนุ่ม มันก็หายเข้าไปในผิวกายของชายหนุ่มทันทีเหมือนเกล็ด
หิ มะละลาย "นี่คือ 'ผลึกวิญญาณเมฆาเยือกแข็ง' เมื่อมีผลึก
วิญญาณเมฆาเยือกแข็งอยูท่ ี่ตวั ยามนี้เจ้าก็คือศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งอย่างเป็ นทางการแล้ว ! ขณะเดียวกันผลึกวิญญาณ
เมฆาเยือกแข็งของศิษย์เมฆาเยือกแข็งแต่ละคนจะสัมผัสถึงกันได้
นี่เป็ นสิ่ งแสดงตนในฐานะศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า และมันจะ
ช่วยแยกแยะว่าผูใ้ ดเป็ นสหายร่ วมสํานักด้วย ! ผลึกวิญญาณเมฆา
เยือกแข็งจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดต่อร่ างกาย หากวันใดเจ้า
ต้องการออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เจ้าก็สามารถนํามัน
ออกเองเมื่อใดก็ได้"
หลังจากผลึกวิญญาณเมฆาเยือกแข็งเข้าสู่ ร่างกาย หยุนเช่อก็
พลันรู ้สึกถึงการดํารงอยูท่ ี่คล้ายกันจากร่ างกายของกงยูเ่ ซียน
และเซี่ ยชิงเยว่
หลังจากมาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งด้วยความรู ้สึก
ไม่แน่ใจ มันกลับกลายเป็ นศิษย์อย่างเป็ นทางการของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไปจริ งๆ !
ผลลัพธ์เช่นนี้ทาํ ให้หยุนเช่อออกจะรู ้สึกว่ามันเป็ นเรื่ องเพ้อ
ฝันเล็กน้อย
"หยุนเช่อ เนื่องจากเจ้าได้เข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งของข้าแล้ว ในฐานะนายหญิงอาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีบาง
สิ่ งที่อยากเตือนเจ้า" ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวขึ้น
หยุนเช่อผงกศีรษะรับ "ขอนายหญิงอาวุโสโปรดชี้แนะ"
ฟ่ งเชียนฮุ่ยนิ่งเงียบครู่ หนึ่งก่อนจะกล่าวท่าทีเคร่ งขรึ ม "ข้า
ได้ยนิ ว่าเมื่อสองปี ก่อนในงานประลองจัดอันดับยอดยุทธ์วายุ
คราม ผูอ้ าวุโสหลิงคุนแห่งแดนกระบี่เดชาสวรรค์ - หนึ่งในสี่
แดนศักดิ์สิทธิ์ ได้เชิญเจ้าเข้าร่ วมแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ครานั้น
เจ้าไม่ได้ตอบรับมันไป แต่ยงั คงเก็บรักษาตราประทับถ่ายทอด
เสี ยงของหลิงคุนไว้... ข้าอยากรู ้วา่ เป็ นไปได้หรื อไม่ที่ในอนาคต
เจ้าจะเข้าร่ วมแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ?"
หยุนเช่ออํ้าๆ อึ้งๆ พลางครุ่ นคิดถึงเหตุผลที่ฟ่งเชียนฮุ่ยหยิบ
ยกเรื่ องนี้ข้ ึนมากล่าว สื บเนื่องจากความตายของหยุนชางไห่
ความตายของเซี่ ยวยิง และบิดามารดาผูใ้ ห้กาํ เนิด ทําให้มนั เกลียด
ชังแดนกระบี่เดชาสวรรค์เข้ากระดูก ทว่าด้วยความสามารถมัน
ในตอนนี้ มันไม่มีคุณสมบัติแม้แต่นอ้ ยในอันที่จะต่อกรกับแดน
กระบี่เดชาสวรรค์ ดังนั้นมันจึงไม่อาจเปิ ดเผยความเกลียดชังนี้ต่อ
หน้าผูใ้ ดได้เลย มันกล่าวอย่างอ้อยอิ่งภายใต้ท่าทีสงบนิ่ง "ไม่วา่ จะ
อย่างไรแดนกระบี่เดชาสวรรค์กเ็ ป็ นหนึ่งในสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมี
สถานะสู งสุ ดในทวีปลมปราณฟ้า ทุกผูค้ นภายใต้ผนื ฟ้านี้ที่ฝึก
พลังยุทธ์ลว้ นใฝ่ ฝันปรารถนาว่าตนจะสามารถเข้าร่ วมแดน
ศักดิ์สิทธิ์ ผูเ้ ยาว์เองนั้นรักอิสระ แต่หากในอนาคตต้องเผชิญ
ปั ญหาติดขัดทางพลังฝี มือ ก็อาจมีโอกาสที่ผเู ้ ยาว์จะเข้าสู่ แดน
กระบี่เดชาสวรรค์เพื่อหาวิธีทะลวงผ่าน"
ฟ่ งเชียนฮุ่ยนิ่งเงียบ จากนั้นจึงทอดถอนใจแผ่วเบาและกล่าว
ว่า "หากในอนาคตเจ้ามีโอกาสเข้าสู่ หนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ นัน่ จะ
เป็ นโอกาสและอนาคตที่ดียงิ่ สําหรับเจ้า อย่างไรก็ตาม ไม่วา่ จะ
เป็ นแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน วังเจ้าสมุทร หรื อวิหารเทพสุ ริยนั
จันทรา เจ้าสามารถเลือกหนึ่งในสามของแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้
หากมีโอกาส มีเพียงแดนกระบี่เดชาสวรรค์เท่านั้นที่เจ้าไม่ควร
เลือกอย่างยิง่ "
"เพราะเหตุใด ?" หยุนเช่อกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
"ความสามารถของเจ้าลํ้าเลิศ อุปนิสยั ของเจ้านั้นยิง่ เหมาะ
แก่การแสวงหาขีดจํากัดแห่งวิถียทุ ธ์ หนําซํ้าโชคชะตายังมัก
เข้าข้างเจ้าอย่างยิง่ ! อนาคตเจ้าไร้ซ่ ึงขีดจํากัด มาตรว่าแดนกระบี่
เดชาสวรรค์จะเป็ นแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่ามันก็เป็ นดินแดนที่เต็มไป
ด้วยความชัว่ ร้ายเลวทรามและสิ่ งโสมมเหลือคณานับ ข้าจะไม่
ยอมให้ศิษย์ในสํานักแปดเปื้ อนไปด้วยสิ่ งโสมมจากแดนกระบี่เด
ชาสวรรค์ ซึ่งจะทําให้อนาคตของทั้งชีวติ ของมันถูกทําลายลง
อย่างเด็ดขาด !"
ถ้อยคําของฟ่ งเชียนฮุ่ยทําให้หยุนเช่อตื่นตะลึง "นายหญิง
อาวุโส หรื อว่าระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งกับแดนกระบี่
เดชาสวรรค์จะมีความคับแค้นใจบางประการอยู่ ? ถึงศิษย์จะไม่
ใคร่ ได้ยนิ เรื่ องราวเกี่ยวกับ 'แดนกระบี่เดชาสวรรค์' นัก แต่กไ็ ม่
เคยได้ยนิ คํารํ่าลืออันเลวร้ายเกี่ยวกับมัน... หวังว่านายหญิงอาวุโส
จะช่วยให้ความกระจ่างแก่ศิษย์"
ขณะที่เพ่งพินิจหยุนเช่อ แววตาส่ วนลึกของฟ่ งเชียนฮุ่ยก็
ไหววูบด้วยความรู ้สึกต่อสู ข้ ดั แย้งในใจ... นางรู ้ดีวา่ ไมตรี ที่แดน
ศักดิ์สิทธิ์หยิบยืน่ ให้น้ นั มีความหมายเพียงใดต่อผูฝ้ ึ กยุทธ์ นัน่ เป็ น
ความมุ่งมาดปรารถนาสู งสุ ดของผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่กาํ ลังฝึ กตนตาม
แนวทางลมปราณ หากไม่มีเหตุผลเพียงพอ ย่อมไม่มีผใู ้ ดจะ
ปฏิเสธไมตรี จากแดนศักดิ์สิทธิ์
หลังจากลังเลอยูค่ รู่ ใหญ่ ฟ่ งเชียนฮุ่ยลอบถอนใจและกล่าว
ในที่สุดว่า "รู ้หรื อไม่วา่ กว่าพันปี ก่อน ในทวีปลมปราณฟ้าไม่ได้มี
เพียงสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ แต่มีหา้ แดนศักดิ์สิทธิ์ ?"
"ห้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ?" หยุนเช่อต้องประหลาดใจอีกครา
ตลอดมามันเพียงแต่ได้ยนิ ชื่อสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ และไม่เคยได้ยนิ ชื่อ
'ห้าแดนศักดิ์สิทธิ์' และช่วงเวลาที่ 'ห้าแดนศักดิ์สิทธิ์' ดํารงอยูน่ ้ นั
คือพันปี ที่แล้ว ในแง่ของการพัฒนาค่ายสํานัก ระยะเวลาพันปี นี้
ไม่ใช่เวลาที่ยาวนานนัก โดยเฉพาะอย่างยิง่ สําหรับขุมกําลังระดับ
แดนศักดิ์สิทธิ์น้ ี และมันก็ไม่ควรถูกลืมเลือนไปภายในเวลาพันปี
เช่นกัน กระนั้นหยุนเช่อก็ไม่เคยได้ยนิ ชื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หา้ มา
ก่อนเลย
"พันปี ก่อน นอกจาก แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน วังเจ้าสมุทร
วิหารเทพสุ ริยนั จันทรา และแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ทวีปลมปราณ
ฟ้ายังมีอีกหนึ่งขุมกําลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของมันคือ
'ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์' ขุมกําลังอันยิง่ ใหญ่ที่หา้ ทั้งหมด
รวมกันเรี ยกว่าห้าแดนศักดิ์สิทธิ์"
บทที่ 381 ความลับแห่ งรัตติกาลนิรันดร์ มหันตภัยแห่ งสหัสวรรษ
จํานวนศิษย์ของพรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
นับรวมกันได้หลายแสนคน จนอาจมากถึงหลักล้าน ยิง่ หากนับ
รวมพรรคสาขา ยิง่ มากมายสุ ดคาดคิด หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เอง
หากนับจํานวนตั้งแต่เบื้องสูงมาถึงเบื้องตํ่า อาจมากถึงหลายล้าน
คน เมื่อเปรี ยบเทียบกันแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งที่มี
ชื่อเสี ยงเกียรติภูมิในระดับเดียวกันมีขนาดย่อมกว่ามากนัก นับ
รวมกันทั้งหมด แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมีจาํ นวนสมาชิก
เพียงสองพันคน
อย่างไรก็ดีโถงหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งยังคง
กว้างและมีเนื้อที่ใหญ่โตมโหฬารมากซึ่ งมันสามารถรองรับศิษย์
หลายพันคนได้ ยอดนํ้าแข็งที่ลอ้ มรอบสู งตํ่าไล่ระกระจัดกระจาย
อยูท่ ว่ั ไป รอบด้านตั้งประดับด้วยนํ้าแข็งศักดิ์สิทธิ์รูปร่ างแตกต่าง
กันจํานวนมาก ก้อนนํ้าแข็งที่กระจายอยูอ่ าจมีประวัติศาสตร์
ยาวนานเป็ นพันเป็ นหมื่นปี ตึกทุกตึกในที่น้ ีลว้ นสร้างขึ้นมาจาก
ผลึกนํ้าแข็ง เป็ นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการพบเห็นหญ้าเกล็ดหิ มะ
อันลํ้าค่าในทุกทิศทาง
หยุนเช่อตามเซี่ยฉิงเยว่เป็ นเวลาชัว่ โมงหนึ่ง ยังไม่สามารถ
พบกับศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งสักคนเดียว ศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์ฯทุกคนมีหอ้ งฝึ กและที่พกั ส่ วนตัว ยิง่ กว่านั้น พวกนาง
แต่ละคนล้วนมีอารมณ์ความรู ้สึกเย็นชาราวนํ้าแข็ง แม้จะอยู่
ภายในสํานัก ยังคงยากที่จะได้พบเห็นพวกนางได้
“สถานที่น้ ีใช่เงียบเกินไปหน่อยหรื อไม่? อยูใ่ นที่นี่มาหลาย
ปี ท่านไม่รู้สึกเบื่อหรื อ?” หยุนเช่อมองสิ่ งรอบตัว ชายหนุ่มอด
กล่าวออกมามิได้ ภูมิทศั น์ของสถานที่น้ ีบริ สุทธิ์งดงามราวภาพ
มายา คล้ายดังผูค้ นได้เดินเข้ามาในสรวงสวรรค์
การชื่นชมทิวทัศน์บา้ งเป็ นครั้งคราวมิใช่เรื่ องเลวร้าย ทว่า
หากให้หยุนเช่ออยูใ่ นสถานที่โดดเดี่ยวและหนาวเย็นตลอดไป
ชายหนุ่มไม่ทราบสามารถอดกลั้นได้ยาวนานเท่าใดก่อนจะอึดอัด
ใจตาย
เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวอย่างนุ่มนวล “วรยุทธ์เคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็งและเคล็ดจิตเยือกแข็งของสํานักของข้าทั้งหมดเน้นความนิ่ง
สงบและความเย็นราวนํ้าแข็งไม่มีใดเหมาะสมยิง่ กว่าการฝึ กตน
ในสถานที่น้ ี สภาพแวดล้อมเช่นนี้เหมาะสมกับข้า ทั้มิได้แตกต่าง
จากที่ขา้ ใช้ชีวติ ก่อนเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเท่าใด”
ก่อนที่จะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เซี่ยฉิ งเยว่อยูใ่ น
ห้องตลอดเวลาและก้าวออกจากบ้านนานๆครั้ง แม้แต่หยุนเช่อผูท้ ี่
นางได้หมั้นหมายตั้งแต่เด็ก เพียงสามารถเห็นนางครั้งสองครั้ง
ตลอดระยะเวลามากกว่าสิ บปี
“ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมีหอ้ งและที่พกั เป็ น
ของตนเอง ทันทีที่ท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์ฯได้ประกาศข่าวการ
ร่ วมสํานักของเจ้าในวันพรุ่ งนี้ ห้องและที่พกั ของเจ้าจะถูก
จัดการ….” เซี่ ยฉิ งเยว่เงยขึ้นมองหยุนเช่อ “หากเจ้าต้องการ”
“ต้องการ แน่นอน ข้าต้องการ!” หยุนเช่อตอบทันทีทนั ควัน
“ปัจจุบนั ราคาที่พกั แพงมาก คนโง่เท่านั้นที่ไม่ตอ้ งการที่พกั ฟรี ….
โอ้ ใช่ ฉิ งเยว่ภรรยาข้า ห้องฝึ กและที่พกั ของท่านอยูท่ ี่ใด? เรา
แต่งงานมานานหลายปี แล้ว แม้ไม่ได้นอนร่ วมกันยังไม่นบั เป็ น
ปั ญหา แต่ขา้ ไม่รู้แม้แต่วา่ เจ้านอนที่ใด!”
เซี่ยฉิ งเยว่เอียงศีรษะพลางมองไปยังผลึกนํ้าแข็งที่สะท้อน
แสงเป็ นประกาย “ห้องฝึ กฝี มือของข้าค่อนข้างพิเศษอยูบ่ า้ ง
หลังจากข้าเข้าใจเคล็ดเยือกแข็งบรรจบแล้ว นายหญิงก็อนุญาตให้
ข้าเข้าไปฝึ กฝนในแดนลับเมฆาเยือกแข็งที่สลักเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบเอาไว้อยู”่
“เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ…” หยุนเช่อหางคิ้วกระตุก…
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผา่ นมานี้ มันครุ่ นคิดถึงวันวิวาห์ของมันกับ
ชางเยว่อยูเ่ ป็ นประจํา ภาพที่เซี่ยฉิ งเยว่ร้ ังสองราชันผูก้ ล้าแกร่ งจาก
พรรคเทพหงสาเอาไว้ แช่แข็งเปลวเพลิงและผนึกการเคลื่อนไหว
ของพวกมัน… เพลิงที่ราชันทั้งสองปล่อยออกมาย่อมเป็ นเพลิง
เทพหงสาที่จุดขึ้นมาด้วยสายเลือดเทพหงสา! แต่เพลิงเหล่านั้น
กลับถูกเซี่ยฉิ งเยว่ที่มีระดับพลังเท่ากันแช่แข็งเอาไว้ได้! นี่เป็ นข้อ
ชี้ชดั ว่า… พลังของเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบอาจถึงขั้นไม่
สู งลํ้ากว่าก็ไม่แพ้เพลิงเทพหงสาเลยทีเดียว!
แน่นอนว่าเพลิงเทพหงสาของทั้งคู่มิใช่เพลิงเทพหงสา
บริ สุทธิ์อย่างตัวเทพหงสาเอง และเป็ นเพียงเพลิงปราณที่มี
ลักษณะของเพลิงเทพหงสาแฝงอยูเ่ ล็กน้อยเท่านั้น ทว่าแม้จะมิใช่
เพลิงเทพหงสาบริ สุทธิ์ เพลิงปราณสามัญก็ยงั ไม่อาจเทียบชั้นกับ
มันได้ มิเช่นนั้น พรรคเทพหงสาคงไม่กลายเป็ นพรรคอันดับหนึ่ง
ในทวีปลมปราณฟ้าแล้ว
“ช่วยพาข้าไปชมแดนลับเมฆาเยือกแข็งที่ท่านพูดถึงที ข้า
ชักรู ้สึกอยากเห็นเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบของสํานัก
ท่าน… อ่า ไม่สิ ของสํานักเราขึ้นมาแล้ว”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยเองได้เอ่ยปากไว้แล้วว่าที่ใดที่เซี่ยฉิ งเยว่ได้รับ
อนุญาตให้ไป มันเองก็ไปได้ดว้ ยเช่นกัน เซี่ยฉิงเยว่มิปฎิเสธพลาง
เอ่ยปากขึ้น “ถ้าเช่นนั้น ตามข้ามา”
แดนลับเมฆาเยือกแข็งที่เซี่ยฉิงเยว่เอ่ยถึงนั้นอยูท่ าง
ตะวันออกของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หยุนเช่อเดินตามเซี่ย
ฉิ งเยว่ผา่ นทางเดินผลึกนํ้าแข็งมาครู่ ใหญ่ ดวงตาของเซี่ยฉิ งเยว่
เยือกเย็นดุจนํ้าแข็ง สงบนิ่งและสง่างามขณะจับจ้องไปเบื้องหน้า
อย่างไม่หวัน่ ไหว หยุนเช่อใช้เวลาครู่ หนึ่งสํารวจสภาพภูมิ
ประเทศรอบด้าน และเวลาอีกครู่ ใหญ่เพือ่ จ้องมองใบหน้าและ
รู ปร่ างของเซี่ ยฉิ งเยว่… ครั้งแรกที่มนั ได้พบกับนาง นางยังอายุไม่
ถึงสิ บปี แต่มนั ก็รู้สึกว่านางช่างงดงามจนดูราวกับไม่ใช่ของจริ ง
บัดนี้เมื่อมันมองไปยังเซี่ยฉิ งเยว่ที่อยูใ่ กล้จนแทบจะคว้ามาได้ มัน
ก็ยงั คงรู ้สึกเช่นเดิม การได้แต่งงานกับหญิงสาวที่งดงามจนราวกับ
ภาพมายาและเป็ นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิวายุคราม
ย่อมเป็ นความใฝ่ ฝันของเหล่าบุรุษ แต่นางเป็ นภรรยาของมันแล้ว
และแม้ท้ งั สองจะแต่งงานกันมาแล้วกว่าสามปี ทั้งคู่กย็ งั ไม่เคยได้
เป็ นสามีภรรยากันตามความหมายจริ งๆซักครั้ง… ในฐานะบุรุษ
แล้ว จะให้หยุนเช่อไม่พอใจเลยก็เป็ นไปไม่ได้!
“อืม อะแฮ่ม…” หยุนเช่อพลันเปิ ดปากและเอ่ยอย่างจริ งจัง
“ฉิ งเยว่ภรรยาข้า นางหญิงรุ่ นก่อนได้กล่าวว่าเราทั้งสองไม่อาจ
เป็ นสามีภรรยากันตามความหมายจริ งได้จนกว่าท่านจะสําเร็ จ
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบจนสมบูรณ์… เอ้อ ท่านรู ้สึกอย่างไรกับเรื่ อง
นั้น?”
“...” เซี่ยฉิ งเยว่ยงั คงก้าวเดินอย่างแผ่วเบาอยูเ่ บื้องหน้าหยุ
นเช่อ ไร้ซ่ ึงปฎิกิริยาตอบรับราวกับนางไม่ได้ยนิ สิ่ งที่มนั เอ่ย
“งั้นข้าลองเปลี่ยนคําถามดูเป็ นอย่างไร” สายตาของหยุ
นเช่อเลื่อนจากบนลงล่าง จับจ้องไปยังส่ วนเว้าส่วนโค้งอัน
สมบูรณ์แบบของร่ างบางที่ราวกับเทพธิดาจากจันทรา มันได้แต่
กลืนนํ้าลายอึกใหญ่ “เมื่อไหร่ … ท่านจะสําเร็ จเคล็ดศักดิ์สิทธิ์
เยือกแข็งบรรจบกัน?”
เซี่ยฉิ งเยว่มิตอบสนอง แต่หากหยุนเช่อมาเดินเบื้องหน้านาง
มันคงได้เห็นทรวงอกของนางขยับขึ้นลงอย่างแรง
เพราะประเด็นหลักของคําถามหยุนเช่อคือ… เมื่อไหร่ ท่าน
จะหลับนอนกับข้า!
“ฉิ งเยว่ภรรยาข้า โปรดอย่าได้คิดว่านี่เป็ นเรื่ องเล็กน้อย
ระหว่างสามีภรรยาแล้วคําถามนี้เป็ นเรื่ องสําคัญยิง่ ” หยุนเช่อเอ่ย
ด้วยสี หน้า “เศร้าใจ” “การเป็ นคู่สมรสที่แท้จริ งมิใช่เพียงการ
ผูกมัดด้วยนามและความรู ้สึก มันยังต้องให้ร่างกายและวิญญาณ
หลอมรวมกันอีกด้วย และในการหลอมรวมร่ างกาย ยังต้องให้ท้ งั
สามีภรรยา…”
“เรามาถึงแล้ ว”
สี่ คาํ นี้ราวกับผลึกนํ้าแข็งที่ร่วงหล่นลงมาขัดคําหยุนเช่อ
เอาไว้ เซี่ยฉิ งเยว่หยุดเท้าลงเบื้องหน้าประตูผลึกนํ้าแข็งขนาดใหญ่
ที่ปลดปล่อยม่านหมอกหนาทึบสี ขาวออกมา
เซี่ ยฉิ งเยว่เหยียดมือออกก่อนจะสัมผัสประตูผลึกนํ้าแข็ง
กลางฝ่ ามือนางปรากฎประกายแสงสี ฟ้าอ่อน หลังจากบังเกิดเสี ยง
เขยื้อนแผ่วเบา ประตูผลึกนํ้าแข็งที่ปิดสนิทพลันเปิ ดออกอย่าง
เงียบงัน และความหนาวเสี ยดสะท้านก็พงุ่ เข้าปะทะใบหน้า เบื้อง
หน้ามันคือตําหนักอันกว้างขวาง แต่กาํ แพงของตําหนักใหญ่น้ ี
กลับไม่ได้สร้างจากนํ้าแข็ง แต่กลับสร้างขึ้นจากศิลาสี เขียวนํ้า
ทะเลเข้ม
อากาศเย็นเยียบที่แผ่ออกมาแฝงด้วยกลิ่นอายอันคุน้ เคย ----
เป็ นกลิ่นอายสตรี ของเซี่ยฉิ งเยว่ ดูเหมือนเซี่ยฉิ งเยว่จะใช้เวลาของ
นางส่ วนใหญ่ที่นี่
“ตําหนักนี้มีชื่อว่า “ตําหนักเยือกแข็งบรรจบ” เป็ นสถานที่
ฝึ กฝนของบรรพชนเรา และยังเป็ นสถานที่ที่พวกท่านจากโลกนี้
ไปด้วย” เซี่ ยฉิ งเยว่กา้ วเข้าไปอย่างแช่มช้า สุ ม้ เสี ยงของนาง
นุ่มนวลและเชื่องช้า… ราวกับวาจาไร้สาระของหยุนเช่อเมื่อครู่
ไม่ได้เข้าหูนางแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อเบ้ปากก่อนจะยืน่ มือไปทางบั้นท้ายของเซี่ยฉิ งเยว่
และทําท่าบีบกลางอากาศ นี่ทาํ ให้มนั รู ้สึกดีข้ ึนเล็กน้อย ก่อนที่มนั
จะเดินตามนางเข้าไป
ภายในตําหนักกว้างขวางและว่างเปล่า ทั้งผนัง กําแพงและ
เพดานล้วนแต่ปูดว้ ยศิลาสี คราม สี ของศิลาเหล่านี้แม้จะเข้มแต่ก็
โปร่ งใส พวกมันสะท้อนแสงเล็กน้อยราวกับหยกดํา แต่
นอกจากนี้แล้วทั้งตําหนักล้วนแต่วา่ งเปล่า ไม่มีเก้าอี้หรื อคบไฟให้
เห็นแม้แต่นอ้ ย
“ท่านฝึ กฝนที่นี่เป็ นประจํารึ ? ที่นี่ดูไม่ได้พิเศษอะไรขนาด
นั้น” หยุนเช่อกวาดตามองไปทัว่ ขณะเอ่ยปาก ก่อนที่สายตามันจะ
หยุดที่ดา้ นขวามือสุ ดของตําหนัก มันเอ่ยปากถาม “นัน่ คืออะไร?”
ทางขวาสุ ดของตําหนักมีศิลาทรงกลมขนาดสามเมตรอยู่ สี
ของมันไม่แตกต่างจากตัวตําหนักจนแทบจะมองข้ามได้ จาก
มุมมองของหยุนเช่อ ดูเหมือนจะมีอะไรพิเศษถูกสลักไว้อยู่
“นี่เป็ นผนึกปราณหลบหนีที่บรรพชนได้หลงเหลือไว้” เซี่ย
ฉิ งเยว่หรี่ ตางามของนางลงเล็กน้อย “หากสํานักพบเจอมหันตภัย
ที่ไม่คาดคิดและไม่หลงเหลือทางอื่น ก็ให้ใช้เคล็ดเมฆาเยือกแข็ง
เพื่อเปิ ดใช้ผนึกปราณนี้ ผนึกปราณนี้แฝงพลังในการฉี กกระชาก
มิติ หลังจากเปิ ดใช้แล้ว มันจะส่ งผูใ้ ช้ไปยังดินแดนอื่นแบบสุ่ ม
แต่มนั จะเคลื่อนย้ายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และหลังจากใช้แล้ว
ผนึกจําต้องใช้เวลาอีกหนึ่งร้อยปี เพื่อสะสมพลังพอเปิ ดมิติอีกครั้ง
พูดง่ายๆคือ หากใช้ตราผนึกนี้ไป พวกเราต้องรออีกหนึ่งศตวรรษ
เพื่อใช้มนั อีกครั้ง”
“ทว่าตั้งแต่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งดํารงอยูม่ าจนถึง
ยามนี้น้ นั ก็ไม่เคยได้ใช้ ผนึกปราณหลบหนีน้ ีมาก่อนเลย”
“โอ้…”หยุนเช่อจ้องมองไปยังผนึกปราณอันพิสดารอยูเ่ นิ่น
นาน มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งจะมีผนึกปราณหลบหนีเช่นนี้อยู่ มันสามารถตัดเปิ ดช่องว่าง
มิติและพาผูค้ นหลบหนีไปได้เป็ นพันไมล์
“เมื่อสักครู่ ท่านพูดว่าเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบถูก
จารึ กไว้ที่นี่ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีมนั อยู”่
หยุนเช่อกล่าวขณะขยับสายตาของมัน
เซี่ ยฉิ งเยว่ไม่ได้กล่าวคํา นางยกแขนของตนขึ้น ยกหยกขาว
ของนางส่ องกับนํ้าแข็งเย็นเยียบปรากฎประกายแสงสี ฟ้าอ่อน...
ฉับพลันเกิดแสงสี ฟ้าบริ สุทธิ์สะท้อนออกมาจากกําแพงด้านหน้า
ของทั้งสองเรี ยงเป็ นแถวตัวอักษรสี ฟ้า...ทางด้านขวาสุ ดของ
ข้อความมีคาํ สี่ คาํ ใหญ่ๆปลดปล่อยคลื่นพลังจิตวิญญาณเย็นเยือก
อันน่าหวัน่ เกรงออกมา ดูราวกับมันถูกประกอบขึ้นมาจากผลึก
นํ้าแข็ง ‘เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ’
เซี่ ยฉิ งเยว่ลดมือลง แสงสี ฟ้าในมือนางจางหายไปพร้อมกับ
ข้อความบนผนัง นางพูดออกมาเสี ยงเบาว่า“เฉพาะยามใช้รัศมี
แสงจากเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งเท่านั้นจึงจะทําให้เคล็ดศักดิ์สิทธิ์
เยือกแข็งบรรจบปรากฎออกมาได้ ถ้าหากผูใ้ ดที่มิใช่ศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ต่อให้พวกมันมาถึงที่นี่กม็ ิอาจจะได้รับรู ้
ถึงเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบได้”
“โอ้ เป็ นเช่นนี้เอง”หยุนเช่อพลันเข้าใจในทันที
“นอกจากนี้ ศิลาสี ฟ้าที่ภายในโถงนี้เรี ยกว่า ‘ศิลาหยก
สวรรค์’ มันได้รับการกล่าวว่าเป็ นหิ นศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการหล่อ
เลี้ยงจากอํานาจของเทพเจ้าแท้จริ งในยุคเริ่ มแรก แข็งแรงและ
ทนทานยิง่ นัก โดนเฉื อนไร้ริ้วรอย ไม่แตกหักจากความเย็น ไม่
ละลายยามถูกเผา แม้จะเป็ นผูท้ ี่มีลมปราณชั้นจักรพรรดิกม็ ิอาจทํา
อันตรายมันได้ ฉะนั้นยามเจ้าฝึ กฝนในที่แห่งนี้ เจ้าจะใช้ออกด้วย
ความสามารถเท่าใดก็ได้และไม่ตอ้ งกังวลว่าจะเผลอไปทําลายสิ่ ง
ใด”
“แม้แต่พลังลมปราณชั้นจักรพรรดิ...ก็ทาํ อะไรมันไม่ได้
หรื อ?”หยุนเช่อก้มหน้าลงมองไปยังพื้นศิลาใต้ฝ่าเท้าของตน
แสดงออกด้วยสี หน้าไม่มน่ั ใจ อย่างไรก็ดีมนั ไม่สามารถหา
ร่ องรอยความเสี ยหายบนพื้นผิวศิลานี้ในระยะสายตาได้เลย ไม่
ต้องพูดถึงรอยแตก แม้แต่รอยขีดข่วนบนพื้นผิวศิลานี้ซกั เพียง
เล็กน้อยมันก็ไม่เห็น หรื อจะเป็ นดัง่ ที่เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวจริ งๆ?
โดยไม่ตอ้ งคิดให้ยงุ่ ยากหรื อสอบถามจากเซี่ยฉิ งเยว่อีก
ต่อไป หยุนเช่อจับทัณฑ์มงั กรขึ้นมาและเหวีย่ งลงไปบนพื้น
ด้านหน้า
เคล้ง!!
มันเหวีย่ งดาบลงไปบนพื้นหยกศิลาอย่างเห็นได้ชดั แต่หยุ
นเช่อกลับรู ้สึกดัง่ ฟาดทัณฑ์มงั กรปะทะกับแผ่นเหล็กกล้าก็มิปาน
เปิ ดเป็ นเสี ยงดังก้องทะลวงแก้วหู แม้แต่ทณ ั ฑ์มงั กรที่หนักเป็ น
หมื่นกิโลกรัมยังกระดอนกลับขึ้นมา แรงสัน่ สะเทือนที่ตีกลับมา
ส่ งผลให้มือของหยุนเช่อรู ้สึกชาเล็กน้อย...และบนจุดที่ทณ ั ฑ์
มังกรฟาดลงไปนั้นไม่ได้รับความเสี ยหายใดๆเลยแม้แต่ร่องรอย
ขีดสี เงินเล็กๆที่มองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าก็ยงั ไม่พบ
หยุนเช่อจ้องมองอย่างเลื่อนลอยอยูช่ วั่ ครู่ ...แขนของมันมี
พละกําลังมากมายมหาศาลและทัณฑ์มงั กรก็ยงั เป็ นถึงกระบี่หนัก
ระดับจักรพรรดิ ปกติแล้วไม่มีส่ิ งใดที่มนั ไม่สามารถทะลวงผ่าน
และมิมีสิ่งใดขวางทางมันได้ แม้แต่ขนุ เขามันก็ยงั สามารถทําให้
เขยื้อนได้ดว้ ยการเหวีย่ งกระบี่หนักเพียงครั้งเดียว...ทว่ายามนี้มนั
ไม่สามารถแม้แต่ทิ้งร่ องรอยแม้เพียงเล็กน้อยไว้บนศิลานี้!!
มุมปากของหยุนเช่อเหยียดขึ้นเล็กน้อย กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
เองยังส่ งเรี ยงร้องครํ่าครวญออกมา...กระบี่หนักระดับจักรพรรดิ
กลับไม่สามารถแม้แต่ทิ้งร่ องรอยไว้บนศิลาเพียงก้อนหนึ่งจริ งๆ
หรื อ หากหยุนเช่อเองถอดใจ จิตสํานึกของกระบี่กลับยังมิอาจ
ยอมรับได้
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไร้เทียมทาน!” อากาศถ่ายเท
ไหลเวียนอย่างต่อเนื่องภายในอกของหยุนเช่อ มันไม่ตอ้ งอดกลั้น
นานนัก ชายหนุ่มใช้สองมือจับทัณฑ์มงั กร เปิ ดใช้“อสู รผลาญใจ”
คํารามออกด้วยเสี ยงอันดังและเหวีย่ งกระบี่หนักลงไปโดยตรง
ด้วยพลังเก้าในสิ บส่ วนของมัน
“ฮ่าาาา!!”
เคล้ ง!!!!
ห้วงมิติโดยรอบสัน่ ไหว พื้นสัน่ สะเทือนเล็กน้อย ทันทีที่
ทัณฑ์มงั กรปะทะกับศิลาหยกสวรรค์พลันบังเกิดคลื่นเสี ยงฉีก
กระชากเยือ่ แก้วหูของหยุนเช่อ บังเกิดแรงสัน่ สะเทือนอย่าง
รุ นแรงทําให้มนั เซถอยไปเล็กน้อย เลือดและพลังในกายพลัน
ปั่ นป่ วน แม้แต่ทณ ั ฑ์มงั กรยังแทบกระเด็นหลุดออกจากมือ
ั ฑ์มงั กรฟาดลงไป ก็ยงั คงไร้ร่องรอยใดๆแม้
และ...จุดที่ทณ
เพียงเล็กน้อย
ยามนี้หยุนเช่อจนด้วยคําพูดอย่างสมบูรณ์แบบ
อเวจีเถอะ!!? ทําไมเจ้ าศิลานี่มนั ถึงแข็งแกร่ งเยีย่ งนี ้
บทที่ 383 สํ าเร็จบทพืน้ ฐานเยือกแข็งบรรจบ
พลังของกระบี่ที่หยุนเช่อทุ่มเทกําลังออกกว่าเก้าส่วนย่อมมิ
อ่อนด้อย เซี่ยฉิ งเยว่ถูกบีบให้ล่าถอยไปเบื้องหลังกว่าสามสิ บเมตร
นางเพียงมองดูหยุนเช่อที่มีท่าทีเสี ยใจเล็กน้อยอย่างเงียบงันโดยไร้
คําพูด หยุนเช่อเก็บกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร สะบัดสองแขนที่ชาด้านไป
กว่าครึ่ งและเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าลอง
แล้ว ศิลานี้แข็งแกร่ งยิง่ สมกับเป็ นสถานที่ที่บรรพชนสํานักเมฆา
เยือกแข็งเลือกสรร หากปิ ดผนึกไว้ มันย่อมเป็ นสถานที่ที่
ปลอดภัยที่สุดในจักรวรรดิวายุครามแน่ ต่อให้หมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ยกคนมาทั้งหมู่บา้ นก็ยงั ไม่อาจบุกรุ กเข้ามาได้เด็ดขาด”
สิ้ นคํา หยุนเช่อก็หนั ไปยังผนังที่จารึ กไว้ดว้ ยเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบ ก่อนจะยืน่ มือออกพร้อมกับโคจรเคล็ดเมฆาเยือกแข็ง
อย่างเงียบงัน เมื่อมือมันเปล่งแสงสี ฟ้าจาง ตัวอักษรสี ฟ้าใสพลัน
ปรากฎขึ้นบนกําแพงสี เขียวอย่างรวดเร็ ว
“ข้าได้ยนิ มาว่านอกจากบรรพชนเมฆาเยือกแข็งแล้ว ตลอด
ช่วงพันปี มานี้มีเพียงฉิ งเยว่ภรรยาข้าที่สามารถเข้าใจและฝึ กฝน
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบได้ นี่พิสูจน์ได้สองอย่าง หนึ่งคือฉิ งเยว่
ภรรยาข้านั้นช่างยอดเยีย่ มนัก และยังพิสูจน์อีกว่าเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบนั้นลึกลับยิง่ ” ตัวเคล็ดวิชาของ ‘เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ’
พลันเริ่ มสลักเข้าสู่ หว้ งความคิดมัน “ไหนขอดูหน่อยว่าวิชานี้มี
อะไรบ้าง” “เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ ---- เคล็ดหลัก --- นํ้าแข็ง สุ ด
ขั้ววารี สุ ดขีดเยือกเย็น สรรพสิ่ งใต้ฟ้าล้วนกลายเป็ นนํ้าแข็งได้ แช่
วารี เป็ นนํ้าแข็ง แช่โลหิ ตเป็ นนํ้าแข็ง แช่คลื่นพลังเป็ นนํ้าแข็ง แช่
ลมปราณเป็ นนํ้าแข็ง ภูผา หุบเขา และท้องนภาล้วนแต่ถูกแช่
กลายเป็ นนํ้าแข็งได้…”
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบแม้ดูโผงผางและเรี ยบง่าย แต่กล็ ึกลํ้า
ยิง่ เช่นกัน หากมองเพียงผิวเผิน วิชานี้ดูไม่เหมือนเคล็ดวิชาที่ทรง
พลังแม้แต่นอ้ ย และเป็ นเพียงข้อความที่เวิน่ เว้อเกินจริ ง คราแรก
หยุนเช่อเพียงคิดจะลองดูเคล็ดเยือกแข็งบรรจบอันลึกลับนี้
เล็กน้อย แต่หลังจากตัวเคล็ดได้ผา่ นสายตาเข้าสู่ หวั ใจและ
วิญญาณของมันแล้ว ชายหนุ่มกลับจมจ่อมอยูก่ บั ตัวเคล็ดวิชาโดย
ไม่รู้ตวั แม้แต่นอ้ ย สี หน้ามันเองก็พลันสงบราบเรี ยบขึ้น หลังจาก
นั้นเมื่อชายหนุ่มจมจ่อมอยูก่ บั เคล็ดวิชาลึกขึ้น กระทัง่ ประสาท
สัมผัสทั้งหกของมันก็ปิดลงจนหมด มันถึงกับลืมเลือนว่าเซี่ยฉิ ง
เยว่ยนื อยูข่ า้ งกายด้วยซํ้าไป
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบซึมซับเข้าสู่ หวั ใจมันผ่านทางสายตา
ภายในห้วงสํานึกของหยุนเช่อ พลันบังเกิดสุ ม้ เสี ยงอันแช่มช้าเอ่ย
ตัวเคล็ดเยือกแข็งบรรจบออกมาขณะมันจดจําเสี ยงนี้ไว้ในใจ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะสัมผัสได้วา่ เมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี ท่ี
สงบนิ่งมาตลอดพลันตื่นขึ้นราวกับสัมผัสได้ถึงสิ่ งมันที่โหยหา
หยุนเช่อที่มีสีหน้าผ่อนคลายเมื่อครู่ บดั นี้กลับมีสีหน้า
ราบเรี ยบไร้อารมณ์ขณะมองไปยังกําแพง เซี่ยฉิงเยว่แม้จะ
ประหลาดใจแต่กม็ ิได้ส่งเสี ยงอะไรออกไปรบกวนหยุนเช่อ
ก่อนที่ใบหน้านางจะปรากฎความแตกตื่นขึ้น… ตัวเคล็ดวิชาของ
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบนั้นลึกซึ้ งหาที่เปรี ยบ มันประกอบด้วยกฎ
พื้นฐานเรื่ องพลังแห่งธาตุน้ าํ แข็งอันลึกซึ้ งและเข้าถึงได้ยากที่สุด
ยามศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมาสัมผัสผนังนี้เป็ นครั้งแรก
พวกนางที่พบเจอกับเคล็ดวิชาอันลึกลํ้าเช่นนี้กไ็ ด้แต่รู้สึกว่า “ไม่
อาจเข้าใจได้” เพื่อที่จะทําความเข้าใจเคล็ดเยือกแข็งบรรจบ เซี่ย
ฉิ งเยว่จาํ ต้องใช้เวลาอยูใ่ นนรกเยือกแข็งหลายเดือน นางฝังร่ าง
ตัวเองลงในปราณนํ้าแข็งเพือ่ เข้าถึงพลังธาตุน้ าํ แข็งอย่างถ่องแท้
และฝึ กฝนเคล็ดเยือกแข็งบรรจบได้สาํ เร็ จ
หยุนเช่อเพียงสัมผัสมันเป็ นครั้งแรก ซํ้าคนที่ใช้ปราณอัคคี
ที่ขดั แย้งกับธาตุน้ าํ แข็งเป็ นหลักอย่างมันกลับเข้าใจในเคล็ดวิชา
ได้อย่างนั้นรึ !?
เมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี ภายในเส้นชีพจรลมปราณ
ของหยุนเช่อส่ งเสี ยงร้องออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความตื่นเต้น
ก่อนจะเริ่ มโคจรหมุนวนอย่างแช่มช้า ตอนนั้นเองพลันปรากฎ
หมอกทรงกลมแผ่ออกมาล้อมร่ างชายหนุ่มไว้พร้อมกับหมอก
ทรงกลมลูกที่สองปรากฎขึ้นล้อมชายหนุ่มไว้อีกครั้ง ทว่าในคราว
นี้ม่านหมอกยังคงสภาพไว้เนิ่นนาน ก่อนที่ประกายแสงสี ฟ้าอ่อน
จะสาดส่ องและปรากฎจิตวิญญาณนํ้าแข็งขึ้นเริ งระบํารอบตัวหยุ
นเช่อภายในม่านหมอกราวกับมีชีวติ
ฝี ปากสี ชมพูของเซี่ยฉิ งเยว่อา้ ออกเล็กน้อย ดวงตาทรงเสน่ห์
ของนางฉาบไปด้วยความไม่อยากเชื่อ จิตวิญญาณนํ้าแข็งนี้มิใช่
ผลึกนํ้าแข็งสามัญที่เกิดจากพลังความเย็นของเคล็ดเมฆาเยือกแข็ง
แต่เป็ นจิตวิญญาณนํ้าแข็งที่จะปรากฎขึ้นยามเมื่อบรรลุเคล็ดเยือก
แข็งบรรจบขั้นแรกได้แล้วเท่านั้น!
ซํ้าตั้งแต่หยุนเช่อเริ่ มทําความเข้าใจเคล็ดเยือกแข็งบรรจบ
เวลายังผ่านไปเพียงหนึ่งชัว่ โมงเท่านั้น!
สุ ดยอดเคล็ดวิชาธาตุน้ าํ แข็งที่ไม่มีผใู ้ ดในแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งสามารถบรรลุได้มาตลอดพันปี และแม้แต่ตวั เซี่ย
ฉิ งเยว่ที่มีพรสวรรค์ในการทําความเข้าใจสู งลํ้ายังต้องใช้เวลาถึง
หลายเดือนเพื่อจะเข้าถึง หยุนเช่อกลับใช้เวลาไม่ถึงชัว่ โมงก็บรรลุ
ถึงขั้นพื้นฐาน!
เซี่ ยฉิ งเยว่ได้แต่จบั จ้องหยุนเช่ออย่างตกตะลึง นางสงสัย
เหลือเกินว่าบุรุษผูเ้ ป็ นสามีแต่ในนามของนางผูน้ ้ ียงั มีความลับซุก
ซ่อนเอาไว้อีกมากมายเพียงใด
ความจริ งแล้ว แม้พรสวรรค์ในการทําความเข้าใจของหยุ
นเช่อจะสู งลํ้า มันก็ไม่อาจเหนือกว่าเซี่ยฉิ งเยว่ได้
ทว่าในร่ างของชายหนุ่มมีเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี อยู่
นํ้าแข็งเป็ นสภาวะหนึ่งของนํ้า ในการจะเข้าถึงเคล็ดเยือก
แข็งบรรจบ ผูฝ้ ึ กจําต้องมีความเข้าใจในกฎพื้นฐานของนํ้าแข็งใน
ระดับที่สูงมากเสี ยก่อน และหยุนเช่อผูค้ รอบครองเมล็ดวิญญาณ
เทพอสู รธาตุวารี ยอ่ มคุน้ เคยกับวารี ธาตุเป็ นอย่างดี ความเข้าใจ
ของมันในเรื่ องกฎของนํ้าแข็งก็บรรลุถึงขีดสุ ดเช่นกัน ดังนั้น
อุปสรรคในการฝึ กเคล็ดเยือกแข็งบรรจบสําหรับหยุนเช่อแล้วก็
เหมือนไม่มีอยู!่
ขณะเดียวกัน ความเร็ วในการตีความเคล็ดวิชาและประทับ
ลงสู่ วญ
ิ ญาณนั้นเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณของผูฝ้ ึ กอย่างที่สุด หยุ
นเช่อที่มีวญ ิ ญาณเทวะมังกรในร่ าง แม้จะไม่อาจสําแดงพลัง
วิญญาณพิสดารออกมาได้มากเนื่องจากข้อจํากัดจากพลัง
ลมปราณ พลังวิญญาณของชายหนุ่มก็ยงั เหนือลํ้ากว่าคนทัว่ ไป
อย่างเทียบไม่ติด เมื่อมีวญ ิ ญาณเทวะมังกรในร่ าง การจะพูดว่าหยุ
นเช่อสามารถฝึ กฝนเคล็ดวิชาทุกแขนงในจักรวรรดิลมปราณฟ้า
ได้กไ็ ม่นบั ว่าพูดเกินเลยแม้แต่นอ้ ย
อีกชัว่ โมงผ่านพ้น จิตวิญญาณนํ้าแข็งรอบตัวหยุนเช่อก็
เพิ่มพูนขึ้นเรื่ อยๆ จากหนึ่งเป็ นสิ บ หลายสิ บ และหลายร้อย…
หลังจากซึ มซับเคล็ดเยือกแข็งบรรจบทั้งหมดเข้าสู่จิตใจและ
วิญญาณแล้ว หยุนเช่อก็หลับตาลง ก่อนที่ร่างของมันจะพลันเปล่ง
คลื่นพลังเย็นเยียบเสี ยดกระดูกและทําให้จิตใจทื่อด้านออกมา
ก่อนที่จะปรากฎผลึกนํ้าแข็งออกจากร่ างมันและเข้าห้อมล้อม
สร้างนํ้าแข็งคลุมร่ างชายหนุ่มไว้ช้ นั แล้วชั้นเล่า
หยุนเช่อในยามนี้ได้เข้าสู่ สภาวะลืมตัวตนโดยสมบูรณ์ เป็ น
สภาวะขั้นสู งสุ ดในการตีความเคล็ดวิชาและไม่สมควรจะถูก
รบกวนไม่วา่ กรณี ใดๆ เซี่ยฉิงเยว่พลันเหินร่ างขึ้น เหม่อมองชาย
หนุ่มสักครู่ ก่อนจะจากไปโดยไร้สุม้ เสี ยง… ภายใต้สภาวะระดับนี้
ผูฝ้ ึ กจะไม่รับรู ้เวลาแม้แต่นอ้ ย และจะฝึ กฝนต่อเนื่องหลายวัน
หรื อหลายสิ บวันก็ยงั มิใช่เรื่ องแปลก และหากผูเ้ ข้าสภาวะนี้มีพลัง
สู งลํ้า ก็อาจจะเข้าสู่ สภาวะนี้หลายปี หรื อหลายร้อยปี ได้โดยไม่
รู ้ตวั
ทว่าเวลาที่หยุนเช่อใช้ในครานี้ไม่ได้นานอย่างที่เซี่ยฉิ งเยว่
คาดไว้
จันทราเย็นเยียบซ่อนตัวอยูห่ ลังม่านเมฆ ขณะทัว่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมด้วยความมืดของรัตติกาลเข้าสู่ สภาวะไร้ผคู ้ น
หยุนเช่อก็ตื่นขึ้นจากสภาวะลืมตัวตน
เพล้ ง!!
ทันทีที่มนั ลืมตา ผนึกนํ้าแข็งที่ลอ้ มร่ างมันไว้กพ็ ลันแตก
ออกกลายเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หยุนเช่อกางแขนออกพลางมองดู
มือทั้งสองข้าง สัมผัสได้เพียงว่าร่ างมันในยามนี้สดชื่นและสบาย
อย่างที่สุดตั้งแต่หวั จรดเท้า ราวกับร่ างมันถูกชําระล้างจนบริ สุทธิ์
ไร้มลทิน
“พฤกษาเยือกแข็งบรรจบ!”
เพียงหยุนเช่อพึมพํา พฤกษาผลึกนํ้าแข็งสองต้นพลันผุดขึ้น
จากสองฝ่ ามือมันอย่างรวดเร็ ว ก่อนจะบังเกิดกิ่งก้านและใบที่เกิด
จากนํ้าแข็ง
“กระจกมายาเยือกแข็งบรรจบ!”
กิง๊ !!
เพียงหยุนเช่อกางสองมือออก ม่านพลังทรงกลมใสกระจ่าง
พลันล้อมร่ างมันไว้ภายใน คลื่นพลังเย็บเยียบจากร่ างมันพลันถูก
ปิ ดกั้นแทบจะสมบูรณ์ สุ ม้ เสี ยงถูกกลบหายไปจนหมด วิชายุทธ์
เร้นกายนี้เข้มแข็งกว่า “ม่ านเมฆาเยือกแข็ง” ของเคล็ดเมฆาเยือก
แข็งไม่รู้กี่เท่า หากเรี ยกใช้ม่านพลังนี้ หยุนเช่อมัน่ ใจว่าต่อให้เป็ น
คนที่มีพลังลมปราณสู งกว่ามันสองระดับชั้นพยายามตามหามัน
ในระยะสามร้อยเมตร ก็ยงั ยากลําบากยิง่ หยุนเช่อเลิกใช้กระจก
มายาเยือกแข็งบรรจบก่อนจะพึมพําแผ่วเบา “บรรลุถึงขั้นที่สี่ใน
อึดใจเดียว เคล็ดเยือกแข็งบรรจบนี้ดูไม่ได้ยากเย็นเท่าใดนัก…
นับว่าง่ายดายกว่าการบรรลุเทพดาราแยกเงาและมหาวิถีโพธิสตั ว์
ให้ระดับสู งขึ้นมากนัก”
มิตอ้ งพูดถึงคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ต่อให้
บรรพชนแดนศักดิ์สิทธิ์มาได้ยนิ คําพูดของหยุนเช่อด้วยตนเอง
นางคงได้แต่กระอักโลหิ ตราดใบหน้ามันด้วยโทสะเป็ นแน่…
เมล็ดวิญญาณเทพอสู รและวิญญาณเทวะมังกร มันที่มีของสุดโกง
จากโลกอื่นมากมาย กลับกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมาได้!
เซี่ ยฉิ งเยว่มิได้อยูข่ า้ งกายมันแล้ว หยุนเช่อเดินขึ้นมาจากชั้น
ใต้ดินด้วยตัวเอง มันจึงได้ทราบว่ายามนี้เป็ นช่วงกลางคืนแล้ว
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งยามคํ่าคืนนั้นเงียบงันสุ ดประมาณ
ในคลองจักษุมนั ไม่มีผใู ้ ดเลยแม้แต่คนเดียว
แม้แสงจันทร์ส่วนใหญ่จะถูกเมฆบดบังตลอดปี แสง
สะท้อนจากพื้นหิ มะก็ทาํ ให้แดนนี้ไม่ได้มืดมิดเกินไป หยุนเช่อ
พลันเสี ยใจขึ้นมาที่ไม่ได้ถามทางไปห้องของเซี่ยฉิงเยว่ในตอน
กลางวันไว้ มิเช่นนั้น… ช่างเป็ นโอกาสดีอะไรเช่นนี้!!
นอกจากมันแล้ว ในแดนศักดิ์สิทธิ์ยอ่ มมีแต่อิสตรี เมื่อเป็ น
ยามคํ่าคืน การจะให้มนั ไปตามหาผูอ้ ื่นนอกจากเซี่ยฉิ งเยว่กด็ ูไม่
เหมาะสม ซํ้าหลินยูเ่ ซียนยังไม่ได้ประกาศให้มนั เป็ นศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์ หากมันไปพบกับศิษย์คนอื่นก็คงเกิดเรื่ องวุน่ วายแน่…
หรื อจะตะโกนชื่อเซี่ยฉิ งเยว่ตรงนี้ดี? ฟังดูไม่เข้าท่ายิง่ กว่าเดิมเสี ย
อีก
ข้าควรทําเช่นไรดี? อย่าบอกนะว่าต้องรอตรงนี้จนกว่าฉิ ง
เยว่ภรรยาข้าจะมาหาเอง?
หยุนเช่อยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ไม่ขยับอยูน่ าน หากเป็ นสถานที่อื่น
ต่อให้เป็ นหนึ่งในสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ มันก็ยงั กล้าเดินเล่นอยูบ่ า้ ง แต่
สถานที่น้ ีกลับมีแต่สตรี ท้ งั หมด… การจะเคลื่อนไหวยามคํ่าคืนคง
ไม่ง่ายดายนัก! เอาเถอะ… กลับไปที่ตาํ หนักศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบก่อนก็แล้วกัน
หยุนเช่อคิดอย่างเสี ยไม่ได้ ก่อนจะหันหลังเตรี ยมกลับลงไป
ใต้ดิน เพียงก้าวไปเบื้องหน้าได้หนึ่งก้าว ใบหูของมันก็กระตุก…
ทางด้านขวาของมันมีสุม้ เสี ยงของอิสตรี ดงั ขึ้นอย่างแผ่วเบา มัน
เร่ งตั้งใจฟังในทันที… เป็ นเสี ยงของสตรี หลายคนและน่าจะห่าง
จากมันประมาณสองสามร้อยฟุต
และหนึ่งในนั้น...เป็ นเสี ยงของฉู่เยว่หลี่!
หากมันพบเจอกับฉู่เยว่หลี่ เรื่ องที่จะตามมานั้นถือว่าจัดการ
ได้ง่ายกว่ามาก หยุนเช่อพลันเร่ งเดินไปยังต้นเสี ยงโดยไม่ขบ
คิด… ยิง่ มาเข้าใกล้ สุ ม้ เสี ยงก็ยง่ิ ชัดเจนขึ้นเรื่ อยๆ
“เยว่หลี่ ยังไม่มีข่าวคราวจากศิษย์พี่หญิงเยว่ฉานอีกหรื อ?”
“ไม่มีเลย ท่านพี่อาจจะกังวลเรื่ องความปลอดภัยของทารก
จึงมุ่งสู่ สถานที่ที่ตดั ขาดจากโลกภายนอก นางอาจจะจาก
จักรวรรดิวายุครามไปแล้วก็ได้… เฮ้อ ข้าเป็ นห่วงนางจริ งๆ”
อีกเสี ยงที่อ่อนโยนดุจสายนํ้าดังขึ้น “อย่าห่วงไปเลย พลัง
ฝี มือของศิษย์พี่เยว่ฉานสู งส่ งระดับปราณจักรพรรดิ แม้นางจะไม่
มีวชิ ายุทธ์แล้ว การจะปกป้องตัวเองก็ยงั ไม่ใช่ปัญหาแน่”
“ข้ายังไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดศิษย์พี่หญิงเยว่ฉานถึงทําเรื่ อง
เช่นนั้นกับคนที่ชื่อหยุนเช่อกัน? ช่าง… ไม่อาจเข้าใจได้จริ งๆ” สุ ม้
เสี ยงนี้ฟังดูร่าเริ งราวกับออกมาจากปากของเด็กสาว
“อืมม ไม่เข้าใจเลยจริ งๆ… ว่าไปแล้ว หยุนเช่อคนนั้นสุ ด
ยอดขนาดนั้นจริ งๆรึ ? นายหญิงคนก่อนทําไมถึงต้องการพบมัน
มาตลอดกัน? ศิษย์พหี่ ญิงเยว่หลี่ทราบหรื อไม่?” สุ ม้ เสี ยงนี้แทบจะ
เหมือนกับเสี ยงก่อนหน้า หากสําเนียงการพูดไม่ได้แตกต่างกัน
เล็กน้อยแล้ว ก็อาจเข้าใจผิดว่าเป็ นเสี ยงของคนเดียวกันได้อย่าง
ง่ายดาย
หยุนเช่อเดินเข้าใกล้ข้ ึนทุกที มันไม่ได้ซุกซ่อนพลังของตน
และถูกสตรี เหล่านี้พบเจอได้อย่างรวดเร็ ว ไม่ชา้ สุ ม้ เสี ยงของพวก
นางล้วนแต่มุ่งตรงมาหามัน…
เพียงแต่มนั เพิ่งฝึ กเคล็ดเยือกแข็งบรรจบสําเร็ จจนทัว่ ร่ าง
เปล่งพลังเย็นเยียบออกมา และตัวมันยังมี “ผลึกวิญญาณเมฆา
เยือกแข็ง” ฝังไว้ ทําให้คนที่เป็ นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเหมือนกันสัมผัสได้ในทันที และเชื่อว่ามันย่อมเป็ นศิษย์คน
หนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเช่นกัน…
และพวกนางย่อมไม่คาดคิดว่าจะมีบุรุษมาเดินใกล้พวกนาง
เช่นนี้
“มีคนกําลังมาทางนี้ เอ๋ ? คลื่นพลังนี้… รู ้สึกไม่คุน้ แปลกๆ”
“คลื่นพลังนี้ดูเหมือนจะเป็ นคลื่นพลังของเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบ นี่ไม่ถูกต้อง เจ้าของคลื่นพลังนี้เห็นชัดว่าบรรลุช้ นั ปราณ
ปฐพีข้ นั เจ็ดเท่านั้น ไม่ใช่ฉิงเยว่แน่”
“ทุกคนมาลองทายกันไหมว่าจะเป็ นพี่นอ้ งหรื อศิษย์คน
ใด?”
“ข้าคิดว่าหลิงเสวีย่ … ไม่สิ หรื อจะเป็ นซัวหลอ?”
“ดูเหมือนจะเป็ นลู่หลัว… คลื่นพลังนี้ไม่ค่อยคุน้ เลย หรื อจะ
เป็ นพี่นอ้ งคนไหนจงใจซุกซ่อนพลังเพือ่ หยอกพวกเรากัน?”
“น้องสาวด้านนอกรี บเข้ามาเร็ ว หากเจ้ายังหลบๆซ่อนๆ
แบบนี้ พวกเราจะออกไปคว้าเจ้าเข้ามานะ”
สระนํ้าพุภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนั้นยังมีอีกชื่อ
คือ “เมฆาเยือกแข็ง” ซึ่ งมันถูกเรี ยกว่า “นํ้าพุเมฆาเหมันต์เยือก
แข็ง” ที่มีอยูน่ บั ตั้งแต่ก่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ท่ามกลางโลกหิ มะนํ้าแข็งอันเหน็บหนาวในที่น้ ี สระนํ้าพุน้ ีกลับมิ
เคยจับตัวเป็ นนํ้าแข็งตลอดระยะเวลาอันยาวนาน สายนทีที่ผดุ พุง่
ขึ้นมาใสกระจ่างอย่างถึงที่สุด สามารถมองเห็นกรวดทรายแต่
ละเม็ด ก้อนหิ นแต่ละก้อนข้างใต้อย่างชัดเจน พลังงานเยือกแข็งที่
สะสมอยูใ่ นสระนํ้าพุห่างไกลจากนํ้าแข็งศักดิ์สิทธิ์ในที่น้ ียง่ิ นัก
ยามที่ศิษย์สตรี แดนเมฆาเยือกแข็งลงแช่ในสระนํ้าพุ ไม่เพียง
สามารถสร้างความสุ ขสบายอย่างยิง่ เท่านั้น นํ้าพุน้ ีเป็ นมิตรกับ
พลังปราณภายในร่ างกายและช่วยให้พลังที่ไม่เสถียรสงบลงอีก
ด้วย
ดังนั้นหลังจากที่เหล่าศิษย์ท้ งั หลายฝึ กฝนมาทั้งวันแล้ว ศิษย์
สตรี จาํ นวนไม่นอ้ ยย่อมลงแช่ในสระนํ้าพุน้ ี...และเมื่อพวกนางลง
แช่ในสระนํ้าพุ การเปลือยกายไร้อาภรณ์แม้เพียงชิ้นจึงเป็ นเรื่ อง
ธรรมชาติ เพื่อให้ร่างกายเปล่าเปลือยที่ขาวนวลประดุจหยกได้
สัมผัสกับสายนํ้าโดยตรง แม้พวกนางจะได้ยนิ เสี ยงใดๆจาก
ภายนอก ทั้งหมดล้วนมิได้เร่ งรี บสวมอาภรณ์มากนัก...เพราะแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนี้มีเพียงอิสตรี เท่านั้นและไม่มีทางเป็ นไป
ได้ที่จะมีบุรุษใดย่างกรายเข้ามา
ทว่าวันนี้ เหตุไม่คาดฝันอันยิง่ ใหญ่ที่ชื่อหยุนเช่อได้ปรากฎ
ขึ้น!
และสิ่ งที่น่าแปลกใจที่สุดคือ...สระนํ้าพุที่เหล่าศิษย์แดน
เมฆาเยือกแข็งจะมาลงแช่และขึ้นอย่างรวดเร็ วนั้น ในคืนนี้มีศิษย์
ตั้งแต่ระดับกลางถึงระดับสู งปรากฎตัวและลงแช่สระนํ้าพุอย่างใจ
เย็นมาพักหนึ่ง ทั้งหกคนกําลังแช่อยูใ่ นสระ ซึ่งหยุนเช่อเคยได้ยนิ
ชื่อเสี ยงเรี ยงนามของพวกนางมาหลายครั้ง และได้พบกันยามมัน
ได้เป็ นศิษย์ของแดนศักสิ ทธิ์เมฆาเยือกแข็ง…
มู่หรงเชียนเสวีย่ ----เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับสอง!
จวินเหลียนเชีย-----เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับสาม!
มู่หลันอี้-----เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับสี่ !
อาจารย์ของเซี่ยฉิงเยว่เจ็ดนางเซียนอันดับห้าฉู่เยว่หลี่ที่หยุ
นเช่อได้พบปะบ่อยครั้ง!!
แล้วก็เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับหกและเจ็ดพี่นอ้ ง
ฝาแฝด เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ !!
ถูกแล้ว! ทั้งหก...คือเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งเป็ นรอง
เพียงนายหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเท่านั้น! หากไม่
นับรวมเซี่ ยฉิ งเยว่ นางเซียนทั้งหกอยูท่ ี่นี่ท้ งั หมด!
หากหยุนเช่อได้เห็นกองภูเขาซากศพหลังผลักเปิ ดประตู
นํ้าแข็ง แม้แต่คิ้วของมันยังไม่กระตุกด้วยซํ้า และถึงแม้วา่ มันจะ
พบสัตว์อสู รลมปราณมืดฟ้ามัวดินพุง่ เข้ามาอาละวาด ก็แค่ทาํ ให้
มันจ้องมองเล็กน้อยเท่านั้น...ในทั้งสองชีวติ ของหยุนเช่อ มันได้
สร้างภูเขาซากศพและกระดูกจํานวนนับไม่ถว้ น ได้พบเจอกับ
เหตุการณ์อนั ตรายร้ายแรงมาหลายครั้งคราที่บุคคลทัว่ ไปมิอาจ
คาดถึง มันคิดว่าจิตใจของมันแข็งแกร่ ง ขนาดที่วา่ แม้ขนุ เขาไท่
ซานจะแหลกสลายต่อหน้ามัน ชายหนุ่มยังคงไม่สะท้านหวัน่ ไหว
แม้แต่นอ้ ย (หยุนเช่อ:ไก่ไรวะ ภูเขาไท่ซาน) บางครั้ง ชายหนุ่มมัก
แสดงปฏิกิริยาตอบโต้จนเกินจริ งให้ผอู ้ ื่นเห็น ทว่าภายในจิตใจ
ของมันตระหนักรู ้อย่างชัดแจ้งโดยตลอด…
แต่ในทั้งสองชีวติ ของมัน มันยังไม่เคยพบกับภาพเหตุการณ์
เช่นนี้มาก่อน!!!
ถ้ามันต้องใช้สองคําอธิบายสถานการณ์ในปัจจุบนั ล่ะก็ วลี
ที่แล่นในหัวก็คือ….
มูล ศักดิ์สิทธิ์!!!
ร่ างของเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันเปลือยเปล่าที่เล่าลือ
ในตํานานได้ปรากฏต่อตาหยุนเช่อแล้ว แค่จินตนาการถึง
เหตุการณ์น้ ี หลอดเลือดดําของเหล่าบุรุษล้วนสามารถระเบิด
ออกมาได้ แต่สิ่งที่หยุนเช่อเห็นอยูน่ ้ ีน้ นั ทุกสิ่ งทุกอย่างที่มนั เคย
พบเจอมาตลอดสองชีวติ ยังมิอาจสัน่ สะเทือนขวัญวิญญาณของ
มันได้เท่าภาพตรงหน้า มันรู ้สึกได้ถึงกระแสโลหิ ตและพลังงานที่
ไหลเวียนอย่างปั่นป่ วนบ้าคลัง่ ภายในร่ างกาย ซึ่งมันคงพุง่ ออก
ทางจมูกแน่หากมันยังจ้องมองต่อไป
เมื่อเจ็ดนางเซียนในสระนํ้าพุเย็นแลเห็นหยุนเช่อ…หาก
กล่าวอย่างถูกต้อง ชัว่ พริ บตาที่พวกนางมองเห็นบุรุษ ทั้งหมดตก
ตะลึงราวโง่งม ทว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดล้วนมิใช่สตรี สามัญ
ทัว่ ไป เมื่อเผชิญพบเหตุการ์อนั เหนือสามัญสํานึกเช่นนี้ พวกนาง
ไม่ได้หวาดกลัวจนร่ างกายนิ่งค้างดังสตรี ปกติ...กลับกัน ผูเ้ ยาว์
ที่สุดในกลุ่มเฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ หลุดเสี ยงร้องออกมา
อย่างตกใจ เป็ นสุ ดยอดเสี ยงกรี ดร้องอานุภาพเจาะทะลวงแก้วหู…
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอันสงบเงียบนี้ เสี ยงกรี ด
ร้องทั้งสองได้รวมกันกลายเป็ นเสี ยงอันทรงพลังแพร่ กระจายไป
ทัว่ ทุกซอกทุกมุม พร้อมกับความตื่นตระหนกและหวาดผวาใน
เสี ยงกรี ดร้องนี้ ทําให้ศิษย์ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ต้องสะดุง้ ตกใจ หยุนเช่อค่อยๆ ก้าวถอยหลังในขณะที่กาํ ลังสัน่
กลัว มันละลํ่าละลักกล่าว “ขะ-ขะ-ข้าผิดเอง...มะ...มาผิดทาง ทะ
...ทุกท่านเชิญแช่น้ าํ ต่อตามสบายเถอะ…”
หลังพูดจบ หยุนเช่อไม่ลืมที่จะจับภาพไว้เป็ นครั้งสุ ดท้าย
ก่อนสู ดหายใจเตรี ยมเผ่นหนี
“หยุนเช่อ!! ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
ก่อนที่หยุนเช่อจะออกวิง่ ฉู่เยว่หลี่ตะโกนเสี ยงเย็นด้วย
เจตนาฆ่าฟันเต็มที่มาจากด้านหลังมัน ทันใดนั้นเอง กระบี่ผลึก
นํ้าแข็งในมือของหญิงสาวที่บรรจุไว้ดว้ ยพลังความเย็นพลันทิ่ม
แทงเข้าใส่ ปลายกระบี่ก่อเกิดเป็ นดอกบัวนํ้าแข็งสี ฟ้าเบ่งบานขึ้น
อย่างรวดเร็ วและพุง่ ทะลวงไปยังแผ่นหลังของหยุนเช่อ
ในเวลาไล่เรี ยงกัน เหล่านางเซียนที่หลงเหลือต่างสวมใส่ ผา้
คลุมเรี ยบร้อยพร้อมกับลอยตัวขึ้น อภิมหาฝนผลึกนํ้าแข็งก็ได้
ถล่มลงมายังเบื้องล่างในยามคํ่าคืนอันสวยงามนี้ เสี ยงหวีดหวิว
แห่งสายลมเย็นเยือกนั้นเล็งเป้าไปที่หยุนเช่ออย่างแม่นยํา มวล
อากาศทัว่ ร่ างของชายหนุ่มแทบถุกเยือกแข็งจนหมดสิ้ น ในทันใด
กําแพงนํ้าแข็งหนาสามเมตรก็ปรากฎขึ้นขวางหน้ามัน แทบทําให้
หยุนเช่อต้องเสี ยหลักหากพุง่ เข้าใส่ โดยไม่ดูตาม้าตาเรื อ
ย่างก้าวของมันถูกบังคับให้หยุดนิ่งทันที หกนางเซียนพลัน
ล้อมกรอบเข้ารอบด้านจากทิศทางต่าง ๆ ในทันที กระบี่ผลึก
นํ้าแข็งแผ่รัศมีเย็นเยือกทั้งหกต่างพุง่ เป้าไปที่หยุนเช่อ แม้พวกนาง
จะใส่ เสื้ อคลุมเรี ยบร้อยแล้ว ภายใต้สภาพที่ตื่นตระหนกและเร่ ง
รี บ พวกนางต่างมิทนั ได้เช็ดนํ้าออกจากร่ างกาย เส้นสายหยาดนํ้า
บนร่ างกายพวกนางทําให้เสื้ อคลุมหิ มะอันบางเบารัดแนบลงบน
ร่ างกายอันสมบูรณ์แบบของทั้งหก เปิ ดเผยส่ วนเว้าโค้งอันงดงาม
มิอาจหาสิ่ งใดเทียบเคียงได้ ภาพตรงหน้าช่างน่าหลงใหลเกิน
จินตนาการมากกว่าตอนพวกนางเปลือยเปล่าเสี ยอีก เมื่อมองเห็น
ภาพนี้ หยุนเช่อแทบยกมือปิ ดจมูกตัวเองโดยไม่รู้ตวั …
คืนแรกในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งของมันช่าง
ประเสริ ฐยิง่ นัก เพียงพอให้มนั แลกชีวติ ได้เลย!
“หยุนเช่อ ข้าไม่เคยคาดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็ นผูม้ ากตัณหา
เช่นนี้ ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิง่ นัก!” ฉู่เยว่หลี่กดั ฟันกล่าวออกมาด้วย
ใบหน้าเย็นเยือก ยอดหยกที่ปรากฏขึ้นบริ เวณทรวงอกผ่านเสื้ อ
คลุมเปี ยกชื้นที่รัดแนบออกมามีสณ ั ฐานราวพระจันทร์ครึ่ งเสี้ ยว
อันสมบูรณ์แบบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงโทสะของหญิงสาว
“ไร้ยางอาย บุรุษโสโครกน่ารังเกียจ เจ้าบุรุษตํ่าต้อยกล้า
บังอาจมาแอบดูเราพี่นอ้ ง...ให้อภัยไม่ได้! แม้วา่ เจ้าจะเป็ นผูท้ ี่ท่าน
หญิงรุ่ นก่อนต้องการพบ ข้าก็จะฆ่าเจ้าวันนี้!” มู่หรงเชียนเสวีย่
กล่าวออกอย่างเยือกเย็นหนาวเหน็บและกระหายเลือด นาง
ปลดปล่อยคลื่นพลังระดับชั้นลมปราณฟ้าออกจากร่ างกายและพุง่
เป้าหมายไปยังหยุนเช่อ
“อุววว...ทําอย่างไรดี? มันเห็นหมดแล้ว...อุว…” สองพี่นอ้ ง
ฝาแฝดเฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ ราวกับได้รับความสู ญเสี ย
อย่างหนักได้แต่จอ้ งมองออกไปอย่างว่างเปล่า สี หน้าบิดเบี้ยว
เหล่าจิตวิญญาณหิ มะล่องลอยอยูร่ อบกายหยุนเช่อพร้อมกับ
เกล็ดนํ้าแข็งที่ร่ายรําอยูใ่ นอากาศ ใบหน้าเจ็ดนางเซียนแต่ละนาง
นั้นช่างหาที่เปรี ยบมิได้ ราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์จุติมายัง
พื้นโลกก็มิปาน การที่พวกนางจะปรากฎตัวออกมาในเวลา
เดียวกันนั้นเป็ นยิง่ กว่าเรื่ องราวอันอัศจรรย์แปลกตา แทบทําให้
สถานที่ที่พวกนางย่างกรายสูญเสี ยสี สนั ไปจนหมดสิ้ น การถูก
ห้อมล้อมด้วยนางเซียนทั้งหกที่จอ้ งมองลงมายังพื้นโลกนั้นช่าง
รู ้สึกดัง่ เรื่ องปาฏิหาริ ย…
์ อย่างไรก็ตาม ที่หยุนเช่อสามารถรับรู ้ได้
อย่างแจ่มชัดยิง่ กว่ากลับเป็ นพลังมากมายมหาศาลที่รุนแรงพอจะ
เยือกแข็งโลกทั้งใบเลยทีเดียว เป็ นจิตสังหารที่หนาวยะเยือกถึง
หัวใจ เย็นเยียบทะลวงกระดูก หยุนเช่อรี บยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ ว
“นางเซี ยน ข้าไม่ได้ต้งั ใจล่วงเกินพวกท่านจริ งๆ ข้าผ่านมาที่นี่
ด้วยความบังเอิญเพียงเท่านั้น และไม่ทราบจริ งๆว่าที่นนั่ …”
“ผายลม! ขนาดนี้แล้วเจ้ายังจะกล้าแก้ตวั อีก!” ความไม่
พอใจปรากฎขึ้นทัว่ ใบหน้าของจวินเหลียนเชีย นางชี้ไปยังก้อน
นํ้าแข็งขนาดใหญ่ดา้ นข้างของนาง “แม้เจ้าไม่ทราบว่าสระนํ้าพุ
เมฆาเหมันต์ของสํานักเราอยูท่ ี่ใด แต่อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จกั
อักษรพวกนี้?”
หยุนเช่อมองไปตามทิศทางที่นางชี้ไป และได้เห็นคําสี่ คาํ
ขนาดใหญ่ที่สลักอยูบ่ นกําแพงของตัวตึกนํ้าแข็งนั้น นํ้าพุเมฆา
เหมันต์!!
ดัง่ เหมือนอัลปาก้า(?!?)นับหมื่นตัวโหยหวนออกมาจากใจ
หยุนเช่อ...ทัว่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเกลื่อนกลาดไปด้วย
ก้อนนํ้าแข็งและหยกเย็นมากมายมหาศาล ผูใ้ ดสามารถจ้องมอง
ตัวอักษรบนก้อนนํ้าแข็งทุกก้อนได้กนั !? ยิง่ ตนเองเพียงเดินตาม
เสี ยงมาเท่านั้น...จะมีแก่ใจสังเกตุสนใจก้อนนํ้าแข็งสองข้างทาง
ได้เช่นไร!?
“ไม่จาํ เป็ นต้องพูดกับมันแล้ว!” มู่หลันอี้สะบัดกระบี่ผลึก
นํ้าแข็งด้วยใบหน้าเตรี ยมพร้อมสังหาร “พวกเราเจ็ดนางเซียน
เมฆาเยือกแข็งสะอาดและบริ สุทธิ์ดงั่ หยกขาว แต่วนั นี้พวกเรา
กลับต้องแปดเปื้ อนเพราะดวงตาของเจ้าคนชั้นตํ่า...ไม่สาํ คัญว่า
มันเป็ นใคร มันต้องตายเพือ่ ขอขมาพวกเรา...พี่นอ้ ง ลงมือ!”
จิตวิญญาณนํ้าแข็งที่ปั่นป่ วนพลันอาละวาด พายุหิมะ
นํ้าแข็งพลันระเบิดออกจนแทบฉี กกระชากร่ างของหยุนเช่อเป็ น
ชิ้นๆ
เงาร่ างงดงามประดุจสรวงสรรค์ของนางเซียนทั้งหก
ล่องลอยคืบใกล้และถอยห่างออกไปโดยรอบ ล้อมกักหยุนเช่อไว้
กึ่งกลาง ทว่าบรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เหล่า
นางเซียนเมฆาเยือกแข็งทั้งหกต่างเป็ นสตรี เมื่อสตรี บงั เกิดความ
บ้าคลัง่ พวกนางจะยั้งมือได้อย่างไร? กระบี่ทุกเล่มต่างมุ่งเป้าใส่
อวัยวะสําคัญของหยุนเช่อ ชายหนุ่มก้าวเท้าออกหลบหลีกเงา
กระบี่ดว้ ยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา
แม้นี่จะเป็ นอุบตั ิเหตุ หากหยุนเช่อนับว่าล่วงเกินนางเซียน
ทั้งหกจริ ง ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความรู ้สึกสํานึกผิดแน่นอนย่อม
ไม่ตอบโต้พวกนาง หยุนเช่อต้านทานการโจมตีของนางเซียน
ทั้งหมดด้วยการหลบหลีก พร้อมทั้งไม่ลืมตะโกนร้องอีกทางหนึ่ง
“นางเซียน โปรดสงบสติอารมณ์ก่อน ! ข้ามิได้ต้ งั ใจจริ งๆ ...หาก
ข้าจงใจกระทําการเช่นนี้จริ ง เช่นนั้นข้ายินดีควักลูกตาทั้งสองข้าง
ออก ไม่อาจเห็นแสงสว่างอีกต่อไป!”
แต่นางเซียนผูก้ าํ ลังพิโรธทั้งหกล้วนมิอาจได้ยนิ คําแก้ตวั
ของหยุนเช่อ แม้ชายหนุ่มจะเพียงหลบหลีกและป้องกัน ทั้งไม่
ยอมตีโต้ หากโทสะและความกระหายเลือดของพวกนางล้วนไม่
ลดหย่อนลงเลยแม้แต่นอ้ ย กลับยิง่ มายิง่ หนาแน่นขึ้น...สตรี แห่ง
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งล่วนบริ สุทธิ์ปราศจากมลทิน พวก
นางยังเป็ นถึงเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งที่เพียงมีศกั ดิ์ฐานะและ
พลังอํานาจรองจากท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์ฯ! ทว่าร่ างกายอัน
บริ สุทธิ์ของพวกนางกลับถูกมองเห็นโดยหยุนเช่อ สําหรับพวก
นางแล้ว นี่คือมลทินและความอัปยศสู งสุ ดที่ไม่อาจลบเลือนได้
จนชัว่ ชีวติ !
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอันเงียบสงบล้วนสะท้านตื่น
ขึ้นจากความวุน่ วาย สุ ม้ เสี ยงดังมาจากที่ไกลไม่หยุดยั้งเมื่อเงาร่ าง
งดงามที่ยงิ่ มายิง่ มากเหิ นบินเข้ามาอย่างเร่ งร้อน...นํ้าพุเมฆา
เหมันต์เยือกแข็ง….หกนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง...พร้อมทั้งเหล่า
ศิษย์ท้ งั หมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กาํ ลังเดินทางมา แม้มีร้อยปากยัง
ไม่อาจแก้ต่างได้ ชายหนุ่มย่อมต้องถูกเรี ยกเป็ นบุรุษมักมาก บ้า
กาม และโรคจิตโดยศิษย์สตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เป็ นแน่
“โปรดหยุดมือก่อน ข้าขอกล่าวอีกครั้ง ข้าไม่ได้ต้ งั ใจจริ งๆ
...เอาอย่างนี้ ข้าขออภัยพวกท่าน...จะให้ขา้ ทําอะไรก็ได้ทุกอย่าง
เพื่อไถ่โทษ...”
“นี่ นี่ นี่! พวกท่านให้ความสําคัญต่อชื่อเสี ยงเกียรติภูมิยงิ่
ไม่กลัวผูค้ นรู ้วา่ ...อ๊าา! หากท่านยังคงโจมตีใส่ ขา้ ข้าจะโต้กลับละ
นะ!”
“คําพูดของหยุนเช่อมิเพียงไม่อาจลดทอนการกลุม้ รุ มจู่โจม
หากยิง่ เป็ นการราดนํ้ามันลงบนกองเพลิง ท้องฟ้าปกคลุมด้วยพายุ
หิ มะ ขณะแท่งนํ้าแข็งมรณะปลิวเวียนว่อนกลางอากาศอย่างบ้า
คลัง่ ...”
ฉัวะ!!
หยุนเช่อถูกกระบี่ของมู่หลันอี้จู่โจมใส่ บริ เวณหัวไหล่
เสื้ อผ้าท่อนบนของชายหนุ่มพลันถุกกรี ดเปิ ดออก บนผิวหนัง
พลันปรากฏริ้ วรอยกระบี่เจือจางสายหนึ่ง แม้ไม่ปรากฏโลหิ ต
หลัง่ ไหล หากยังสามารถทําให้หยุนเช่อต้องแยกเขี้ยวยิงฟันพร้อม
กล่าวเตือนอีกครั้งว่า “หากพวกท่านยังไม่หยุด ข้าจะ...ตอบโต้ละ
นะ..”
ฉับ!!
ประกายเย็นเยียบวูบผ่านบนศีรษะชายหนุ่ม เส้นผมหนึ่งกํา
มือหลุดร่ วงออกจากหนังศีรษะ
หยุนเช่อหดคอลงตามสัญชาตญาณ จากนั้น ชายหนุ่มกัดฟัน
สองแขนกางออก จากนั้น ด้วยพลังเมล็ดวิญญาณเทพอสู ร หยุ
นเช่อโคจรใช้เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบในทันที
“พฤกษาศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ!”
พฤกษาผลึกนํ้าแข็งสองต้นทะลวงขึ้นจากพื้นทั้งสองฟาก
ข้างของหยุนเช่อ เติบโตสู งขึ้นกว่าสิ บเมตรในชัว่ พริ บตา พฤกษา
ทั้งสองต้นแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาอันเย็นยะเยือกกดดันนางเซียนทั้ง
หกถอยร่ นไป พลังความเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกส่ งผลให้พวก
นางที่คุน้ เคยกับความหนาวเหน็บมาตลอดชีวติ ทั้งยังกอปรด้วย
พลังฝี มือชั้นลมปราณฟ้า ยังต้องหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย
“นี่มนั ...เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ!”
“หยุนเช่อ เจ้ากลับกล้าขโมยรํ่าเรี ยนเคล็ดวิชาสู งสุดของ
สํานักเรา เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ! แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งเราไม่มีวนั อภัยให้เจ้า!”
ชัว่ วินาทีน้ ีเอง เสี ยงเย็นเยือกทรงอํานาจพลันดังสะท้อนมา
จากเบื้องบน “เรื่ องอันใด? พวกเจ้าทั้งหมดทําอะไรกันอยูท่ ี่นี่?”
เงาร่ างเย็นเยียบดุจนํ้าแข้งวูบผ่าน กงยูเ่ ซียนปรากฏกายกลาง
อากาศ จากนั้นเหิ นร่ อนลงยังพื้นดิน สายตาเย็นชาของนางกวาด
ผ่านหยุนเช่อและร่ างของนางเซียนเยือกแข็งทั้งหก บริ เวณ
โดยรอบปรากฏศิษย์ในสํานักทยอยเข้ามาเรื่ อยๆ
“ท่านหญิง!”
“ท่านหญิง หยุนเช่อ...หยุนเช่อแอบลอบเข้ามาในนํ้าพุเมฆา
เหมันต์เยือกแข็ง...แอบดูพวกเราอาบนํ้า!”
ยามที่กงยูเ่ ซี ยนเห็นสภาพของพวกนางทั้งหก นางเองคาด
เดาเรื่ องราวออกบ้างเป็ นบางส่ วน กงยูเ่ ซียนปรายตามองหยุนเช่อ
ก่อนกล่าวถามอย่างเย็นชาว่า “หยุนเช่อ จริ งหรื อไม่? ”
“มิผดิ ”... หยุนเช่อมิได้ปฏิเสธ “ผูเ้ ยาว์ล่วงเกินนางเซียนทั้ง
หกจริ ง ทว่าข้ามิได้มีเจตนาแอบดู! ยามที่ผเู ้ ยาว์มาถึงยังแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ผูเ้ ยาว์เพียงอยูท่ ี่ตาํ หนักเมฆาเยือกแข็ง
ตลอดทั้งวันจนไม่ทราบเวลาผ่านเข้ายามกลางคืนแล้ว เมื่อไม่
ทราบตนเองสมควรไปที่ใด ข้าจึงเดินตามเสี ยงมายังที่น้ ี ข้าไม่
ทราบจริ งๆว่า พวกนางกําลังอาบนํ้าอยู.่ .”
“อย่าได้ฟังวาจาไร้สาระของมัน ท่านหญิง! มันมีเจตนาชัว่
ร้าย ทั้งยังจงใจลักลอบแอบมอง...ไม่เพียงเท่านั้น ยามที่เราต่อสู ้
กับมันเมื่อครู่ มันยังใช้ออกด้วยเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ!
มันขโมยรํ่าเรี ยนเคล็ดวิชาสู งสุดของสํานักเรา!”
“อะไรนะ? เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ?” กงยูเ่ ซียน
แตกตื่นตะลึงลาน “หยุนเช่อ! เจ้ากลับสามารถฝึ กปรื อ...เคล็ด
ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบสําเร็ จจริ ง?”
ตอนที่ 385 คําตอบ
หยุนเช่อนั้นพูดด้วยท่าทางหนักแน่นมัน่ ใจ ประกอบกับ
เส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าของเซี่ยฉิ งเยว่เป็ นหลักฐาน แม้แต่กงยู่
เซียนและศิษย์ท้ งั หลายยังตื่นตระหนก พวกนางต่างไม่มีทางเลือก
นอกจากได้แต่โน้มเอียงลงไปและเริ่ มเชื่อถือเรื่ องราวนี้มากยิง่ ขึ้น
เพื่อเปิ ดจุดชีพจรลมปราณเทพเจ้า ความคิดนั้นจะเป็ นเช่น
ไรได้? นัน่ คือสุ ดยอดความปรารถนาของเหล่าชาวยุทธ์ ซึ่งเป็ นได้
เพียงแค่ความฝันแม้แต่ยอดยุทธ์ในทวีปลมปราณฟ้าก็ยงั เป็ นเรื่ อง
ที่ยากเย็นแสนเข็ญ ผูท้ ี่สามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณสิ บจุดได้
อย่างถาวร ในรอบหนึ่งร้อยปี ยังนับว่าเป็ นอัจฉริ ยะที่สูงส่ งยิง่ แต่
การเปิ ดจุดชีพจรลมปราณทั้งหมด… แม้แต่ระดับนางเซียนทั้งเจ็ด
ยังมิกล้าแม้คิดฝันที่จะกล่าววาจาหลอกลวงเช่นนี้
ท่านหญิงผูก้ ่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ฯ มู่ปิงหยุน ยามแรกที่นาง
กําเนิดมาก็มีจุดชีพจรลมปราณที่เปิ ดอยูเ่ พียงสิ บเก้าจุดเท่านั้น
กระทัง่ เวลาผ่านไปจนนางอายุได้สองร้อยเจ็ดสิ บปี นางเพียง
สามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณขึ้นมาได้เพียงสามสิ บเจ็ดจุด ถึง
กระนั้นนางก็ยงั เป็ นอันดับหนึ่งในอาณาจักรวายุคราม แม้แต่ผู ้
ก่อตั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ยงั แพ้พา่ ยด้วยนํ้ามือนาง
ถ้าหากพวกนางสามารถบรรลุถึงเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า
ได้จริ งๆ ความแข็งแกร่ งของพวกนางยังจะสามารถสู งส่ งยิง่ กว่า
บรรพบุรุษของพวกนางมู่ปิงหยุนเสี ยอีก และจะไม่พบกับปัญหา
ลมปราณติดขัดในการฝึ กฝนพลังปราณอีกต่อไป บางทีในระยะ
เพียงไม่กี่ปี มันมีความเป็ นไปได้ที่พวกนางจะทะลวงผ่าน
ระดับชั้นปราณจักรพรรดิได้...ในอนาคตมีความเป็ นไปได้ที่จะ
เป็ นถึงราชัน! แม้แต่เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบที่พวกนางมิ
อาจฝึ กฝนได้กม็ ีความเป็ นไปได้อย่างยิง่ ที่จะสามารถฝึ กฝนจน
สําเร็ จ!
นัน่ เปรี ยบได้ดง่ั การกําเนิดใหม่ ในแง่ของความแข็งแกร่ ง
ด้านพรสวรรค์แล้ว นับประสาอะไรกับจักรวรรดิวายุคราม แม้แต่
การก้าวขึ้นสู่ จุดสู งสุ ดของทวีปลมปราณฟ้าทั้งหมดก็สามารถ
เป็ นได้! การที่ทะยานขึ้นเป็ นดินแดนที่แข็งแกร่ งที่สุดนั้นพวกนาง
ล้วนไม่เคยแม้แต่นึกถึงมันมาก่อน!
หากหยุนเช่อสามารถทําได้จริ งๆ เช่นนั้นนัน่ ย่อมห่างไกล
จากคําว่าชดเชยได้“เพียงพอ”...อย่างน้อยมันสามารถเปรี ยบได้ดง่ั
การชดเชยสิ บล้านครั้ง! มันย่อมไม่ใช่เรื่ องเล็กน้อย ไม่ต่างจากการ
กําเนิดใหม่!
“ท่านหญิง เช่นนั้นโปรดอนุญาตศิษย์ทดลองก่อนเถิด”
ระหว่างเจ็ดนางเซียนด้วยกัน มู่หรงเชียนเสวีย่ ถือว่าอาวุโส
ที่สุด แม้วา่ นางมิได้มีอุปนิสยั สุ ดโต่งเฉกเช่นฉู่เยว่ฉาน กระนั้น
ความเย็นชาไม่แยแสกลับเสมือนไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้า
นาง นางโยนกระบี่ผลึกนํ้าแข็งทิ้งไปก่อนร่ อนลงตรงหน้าหยุ
นเช่อ จ้องมองอย่างเย็นชา “หากเจ้าสามารถเปิ ดจุดชีพจร
ลมปราณทุกจุดให้แก่ขา้ และบรรลุถึงเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า
ได้จริ ง เรื่ องราวในวันนี้ขา้ จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น
เรื่ องราวความแค้นที่ขา้ มีต่อเจ้าจะไม่ถือสาหาความอีก และยังจะ
รําลึกบุญคุณนี้เอาไว้ในใจ และจะตอบแทนอย่างถึงที่สุดในภาย
ภาคหน้า”
หยุนเช่อพยักหน้าและใช้สายตาอันสงบนิ่งมองสํารวจ
ร่ างกายมู่หรงเชียนเสวีย่ ตั้งแต่หวั จรดเท้า มันเปิ ดปากอย่างไม่ค่อย
มัน่ ใจออกมาครู่ หนึ่ง...ราวกับว่ามันกําลังกังวลใจบางอย่าง
“เจ้าต้องการเข็มเงินงั้นหรื อ?”เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวออกมา
“เข็มเงินงั้นหรื อ?”คิ้วของกงยูเ่ ซียนขยับเล็กน้อย“ถ้าเจ้า
ต้องการเข็มเงินล่ะก็ ตําหนักเหมันต์เยือกแข็งเรามีเก็บไว้อยู่ ถ้าเจ้า
ต้องการสิ่ งใดอีกสามารถกล่าวมาได้เลย”
“ไม่ ไม่ใช่!” หยุนเช่อโบกมือ “ยามนั้นพลังปราณของข้าพึ่ง
อยูแ่ ค่ระดับปราณเริ่ มต้นทําให้ไม่สามารถส่ งพลังปราณเข้าสู่จุด
ชีพจรโดยตรงได้ ทําให้ขา้ ต้องใช้เข็มเงินช่วย ยามนี้ขา้ ไม่
จําเป็ นต้องใช้แล้ว เพียงแค่...เพียงแค่…”
หยุนเช่อกลืนนํ้าลายเล็กน้อย(เอ๋ !?!)หลังจากที่มนั รวบรวม
ความมุ่งมัน่ ทั้งหมดอย่างเต็มที่แล้ว ในที่สุดก็กล่าวออกมาอย่าง
ลังเล “ความยากลําบากในการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณคือสิ่ งที่ท่าน
น่าจะรู ้ดี มันอาจจะมีความเสี่ ยงในระดับหนึ่ง หากข้าประมาท
เพียงเล็กน้อยไม่เพียงการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณเท่านั้น มันอาจทํา
ให้จุดชีพจรลมปราณได้รับความเสี ยหายและปิ ดอย่างถาวร
ตลอดไปด้วย ฉะนั้นตลอดเวลาที่ขา้ กําลังเปิ ดจุดชีพจรให้ท่าน ไม่
ว่าข้าจะแตะตรงส่ วนใดจะไม่สามารถมีอาภรณ์มาปิ ดกั้น
ระหว่าง…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ทันทีที่หยุนเช่อเห็นถึงความโกรธเคือง
บนใบหน้าอันงดงามของมู่หรงเชียนเสวีย่ ตรงหน้ามัน มันจึงรี บ
กล่าวออกมาทันที “แน่นอนว่าข้าไม่ได้มีเจตนาหยาบคาย ฉิงเยว่
สามารถเป็ นประจักษ์พยานในเรื่ องนี้ได้”
เซี่ ยฉิ งเยว่พยักหน้าช้าๆโดยปราศจากความลังเล “ใช่แล้ว
ศิษย์สามารถเป็ นพยาน คราวที่หยุนเช่อเปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้
ศิษย์ในกาลก่อนนั้น ศิษย์กไ็ ม่ได้สวมใส่ อาภรณ์ใดเช่นกัน แต่ท่าน
อาจารย์หญิงมู่หรงไม่ตอ้ งกังวลจนเกินไป เพียงแค่เผยให้เห็น
ด้านหลังของท่านก็เพียงพอแล้ว”
หยุนเช่อพยักหน้าอย่างรวดเร็ ว แต่ภายในใจของมันนั้นเริ่ ม
หัวเราะอย่างมีตณ ั หา...การเปิ ดจุดชีพจรลมปราณนั้นต้องยืมพลัง
บริ สุทธิ์จากไข่มุกพิษสวรรค์เป็ นหลัก จําเป็ นต้องให้เปิ ดแผ่นหลัง
งั้นหรื อ! ในคราวที่มนั ให้เซี่ยฉิ งเยว่เปิ ดแผ่นหลังให้ดูครานั้น นัน่
เป็ นเพียงเพราะต้องการยลโฉมนางเท่านั้น!
และการกระทํานี้ ก็ยอ่ มควรได้รับการสานต่อไปอย่างเป็ น
ธรรมชาติ!
ต้องการตบตีฆ่าข้าให้ตายในคราแรก และยังคงต้องการให้
ข้าเปิ ดจุดชีพจรให้ในยามนี้...ช่างราวกับเป็ นเรื่ องเล่าราคาถูกเสี ยนี่
กระไร! ให้ขา้ เปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้น้ นั ง่ายมาก...หากแต่วา่
ค่าธรรมเนียมที่ตอ้ งจ่ายยังคงต้องมี!
มู่หรงเชียนเสวีย่ และคนอื่นๆคราแรกกรุ่ นโกรธภายในใจ
เป็ นอย่างมาก พวกนางคิดว่าหยุนเช่อต้องการเอาเปรี ยบพวกนาง
โดยใช้เรื่ องนี้เป็ นข้ออ้าง(จริ งๆแล้วมันก็ใช้เป็ นข้ออ้างนัน่ แหละ)
ทว่าจากคํากล่าวของเซี่ยฉิ งเยว่ ทําให้คาํ พูดของหยุนเช่อนั้นมี
นํ้าหนักมากขึ้น พวกนางจะสามารถทําอะไรได้นอกจากเชื่อ
เท่านั้น มู่หรงเชียนเสวีย่ จ้องไปที่หยุนเช่อด้วยสายเย็นชาและ
กล่าวคํา “เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักครา...แต่หากเจ้ากล้ากระทําการ
ใดที่ไม่เกี่ยวข้องล่ะก็ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้รับผลของมัน”
“ข้าทราบแล้ว” หยุนเช่อกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงไร้พลัง และ
พึมพําออกมาเบาๆหลังจากนั้น “หากข้าล่วงเกินท่านจริ ง...ท่าน
เองปราศจากความสามารถขัดขืนข้าได้เช่นกัน”
“เจ้า…”ความโกรธกรุ่ นหวนกลับขึ้นมาที่ใบหน้ามู่หรง
เชียนเสวีย่ อีกครั้งทว่าครานี้มิได้ปะทุออกมา นางว่ากล่าวด้วยเสี ยง
เย็นชาออกไป “หันไปซะ”
หยุนเช่อบิดรี มฝี ปากเล็กน้อยแล้วจึงหันร่ างออกไป
“อย่ากังวลไป ในเมื่อหยุนเช่อกล้ารับประกันต่อหน้าพวก
เราเช่นนี้มนั คงไม่หลอกลวงพวกเราหรอก ยังมิตอ้ งกล่าวถึงว่ายัง
มีเซี่ยฉิ งเยว่เป็ นพยาน…” คํากล่าวของกงยูเ่ ซียนช่วยให้
บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีข้ ึน “เชียนเสวีย่ ระงับโทสะ
ของเจ้าลงเถอะ หากว่าหยุนเช่อสามารถเปิ ดจุดชีพจรให้เจ้าได้
สําเร็ จนัน่ จะเป็ นโชคชะตาครั้งยิง่ ใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวติ เจ้า
ทั้งหมด”
“รับทราบ ท่านหญิง” จังหวะหัวใจของมู่หรงเชียนเสวีย่
สงบระงับลงหลังจากนางกล่าวรับคํา
“หยุนเช่อ หากปราศจากอาภรณ์ใดๆกั้นขวาง เจ้ามัน่ ใจว่า
จะไม่เกิดความเสี่ ยงถึงความเสี ยหายร้ายแรงของจุดชีพจรระหว่าง
กระบวนการใช่หรื อไม่?” กงยูเ่ ซียนผินหน้ามาทางหยุนเช่อ ก่อน
จะกล่าวถามอย่างเคร่ งขรึ มจริ งจัง หยุนเช่อผงกศีรษะรับโดยไม่
ลังเล “ตราบใดที่เส้นชีพจรมีสภาพปกติ หากไม่มีอาภรณ์ใดขวาง
กั้น ศิษย์รับประกันว่าจะไม่มีความเสี่ ยงใดๆอย่างแน่นอน...หาก
ปรากฏชั้นเสื้ อผ้ากั้นกลาง นี่ลว้ นยากจะกล่าวได้”
“ประเสริ ฐ!” กงยูเ่ ซียนผงกศีรษะ “เชียนเสวีย่ ถอดผ้าคลุม
หิ มะออกซะ...เจ้าเพียงต้องเปลือยหลังแก่มนั ยิง่ กว่านั้น พวกเรา
ทั้งหมดอยูท่ ี่น้ ี เจ้าสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่...เริ่ มเถอะ”
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง”
มู่หรงเชียนเสวีย่ หมุนกายกลับ จากนั้นปลดสายรัดเอว...
อาภรณ์หิมะขาวบริ สุทธิ์ที่ชุ่มไปด้วยหยาดนํ้าพุสมควรแนบติดกับ
เรื อนร่ างนาง ทว่าเนื่องด้วยผิวพรรณอันเรี ยบลื่นนุ่มละมุนอย่างถึง
ที่สุด ผ้าคลุมลื่นไหลลงไปตามลาดไหล่และเรี ยวแขนราวสลัก
จากหยกของนางทันทีที่ปลดสายรัด ขณะที่ลบเลือนร่ องรอยของ
สายนํ้าบนผิวขาวผ่องราวหิ มะอันน่าหลงใหล พริ บตานั้น แผ่น
หลังขาวนวลเนียนเปล่งประกายอมชมพูละเอียดอ่อนพลันเปิ ดเผย
ออกโดยปราศจากอุปสรรคใด
มู่หรงเชียนเสวีย่ รั้งดึงชุดสี ขาวหิ มะของนางขึ้นปิ ดบังทรวง
อก...การยินยอมเปิ ดเผยแผ่นหลังของนางต่อหน้าบุรุษเช่นนี้เป็ น
เรื่ องราวที่นางไม่เคยคาดฝันมาก่อนในชีวติ หญิงสาวเพียง
สามารถสงบจิตใจลงได้ภายใต้เคล็ดจิตเยือกแข็งหลังจากหอบ
หายใจรุ นแรงสองสามครั้ง นางปิ ดเปลือกตาลงพร้อมกล่าวว่า “ลง
มือเถอะ”
“หยุนเช่อ ลงมือได้” กงยูเ่ ซียนกล่าว สายตาของนางจับจ้อง
เขม็งในทุกการกระทําของหยุนเช่อ สี หน้าของนางเต็มเปี่ ยมด้วย
ความคาดหวังที่เอ่อล้นออกมา...ระยะเวลาสิ บห้านาที แลกกับเส้น
ชีพจรลมปราณเทพเจ้า...หากหยุนเช่อมีความสามารถเช่นนี้จริ ง
ทั้งสามารถใช้ออกต่อศิษย์แดนเมฆาเยือกแข็งทั้งหมด เช่นนั้น
นางไม่อาจจินตนาการได้ถึงความรุ่ งเรื องที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งจะได้รับในอนาคตได้เลย!!
หยุนเช่อหันกายกลับหลังไป ปรากฏแผ่นหลังเปลือยเปล่า
ราวหยกสลักของมู่หรงเชียนเสวีย่ เบื้องหน้า องค์เอวอ้อนแอ้นดุจ
กิ่วหลิว ส่ วนโค้งเว้าทอดแนวยาวลงมาราวสายนํ้า เชื่อมต่อกับ
สะโพกผายที่ซุกซ่อนอยูใ่ นผืนผ้าสี ขาว ผิวกายขาวผ่องอมชมพูไร้
รอยมลทิน เปล่งประกายราวเนื้อกระเบื้อง ส่ งผลให้ผคู ้ นตกอยูใ่ น
ภวังค์ฝันอันไร้ที่สิ้นสุ ดเมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์อนั เย้ายวนใจอย่าง
ถึงที่สุดที่ปรากฏอยู๋เบื้องหน้าร่ างงดงามทรงเสน่ห์น้ ี หยุนเช่อลอบ
กลืนนํ้าลาย หากทว่าสี หน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย ชายหนุ่มทรุ ดนัง่
ลงที่ดา้ นหลังพร้อมยืน่ นิ้วลงแตะบนแผ่นหลังของหญิงสาว...
พริ บตาที่ปลายนิ้วและแผ่นหลังขาวเนียนราวหิ มะสัมผัสกัน ทัว่
ร่ างของหญิงสาวสัน่ สะท้านเล็กน้อย หากพลันกลับเข้าสู่ ความนิ่ง
สงบอย่างรวดเร็ ว ขณะที่หยุนเช่อฉวยโอกาสวางฝ่ ามือของตนลง
บนแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างเต็มมือ...ทันใดนั้นเอง ความนุ่ม
ลื่นยืดหยุน่ สะท้อนเต็มฝ่ ามือทั้งสองของชายหนุ่ม ขณะเดียวกัน
ฝ่ ามือข้างหนึ่งสะท้อนประกายสี เขียววูบวับ ปลดปล่อยพลังชําระ
ล้างของไข่มุกพิษสวรรค์ออกไป ตรงเข้าสู่ จุดชีพจรหยกไม้ มู่หรง
เชียนเสวีย่ พลันรู ้สึกราวจุดชีพจรหยกไม้สนั่ สะท้านวูบหนึ่ง ทว่า
ก่อนที่นางจะทันมีปฏิกิริยาใด จุดชีพจรหยกขาวพลันถูกกรุ ยปรุ
โปร่ งในพริ บตา พลังปราณนํ้าแข็งเย็นไหลหลากท่วมท้น หมุน
วนโดยรอบจุดชีพจรหยกขาวในทันที
มู่หรงเชียนเสวีย่ พลันเปิ ดเปลือกตาออกพร้อมทั้งรํ่าร้อง
ออกมาอย่างไม่รู้ตวั ด้วยความไม่อยากเชื่อ
“จุดชีพจรหยกไม้...เปิ ดแล้ว!!”
“หา!?”
“จริ ง..จริ งรึ ?”
“แน่นอนที่สุด!” กระทัง่ มู่หรงเชียนเสวีย่ ผูม้ ีจิตใจและ
วิญญาณราวหิ มะนํ้าแข็งยังไม่อาจสะกดระงับความแตกตื่นในยาม
นี้ของนางได้ “จุดชีพจรหยกไม้ในยามนี้ลว้ นถูกกรุ ยปรุ โปร่ ง ทั้ง
ไม่มีความเจ็บปวดหรื ออึดอัดคับข้องแม้แต่นอ้ ย”
“อย่าได้กล่าววาจา!” หยุนเช่อพลันกล่าวออกมาด้วยสี หน้า
เคร่ งขรึ ม “ปิ ดตาลง สงบจิตใจและลมหายใจ ห้ามเคลื่อนไหว
ร่ างกาย และพยายามมิให้พลังยุทธ์ภายในร่ างหมุนวนโคจรเท่าที่
จะทําได้”
หากเป็ นก่อนหน้านี้ มู่หรงเชียนเสวีย่ มีหรื อจะฟังคําสัง่ ของ
หยุนเช่อ? ทว่ายามนี้ เพียงคําตวาดว่าคราเดียว มู่หรงเชียนเสวีย่
หยุดวาจาลงในทันใด พร้อมทั้งสงบลมหายใจลงอย่างเชื่อฟัง ไม่
เพียงไม่กล่าววาจาตอบโต้ แม้แต่สีหน้าไม่พึงพอใจยังไม่ปรากฏ
ให้เห็นแม้แต่นอ้ ย
กงยูเ่ ซียนและนางเซียนทั้งหลายต่างสงบปากคําลงอย่าง
รวดเร็ ว ไม่มีผใู ้ ดกล้ากล่าวสิ่ งใดออกไปแม้แต่คาํ เดียว สี หน้าของ
พวกนางต่างตื่นเต้นยินดีจนมิอาจควบคุมตนเองได้...แม้จะมีเซี่ย
ฉิ งเยว่เป็ นหลักฐาน ทว่าภายในส่ วนลึกของจิตใจยังคงบังเกิด
ความกังขา อย่างไรเสี ย การได้มาซึ่งเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า
ล้วนเป็ นสิ่ งที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไป ทว่าในเวลานี้ เพียงเวลาไม่กี่
ลมหายใจ ชายหนุ่มกลับสามารถเปิ ดจุดชีพจรได้อย่างง่ายดาย!!
ความระแวงสงสัยส่วนสุ ดท้ายที่พวกนางมีต่อหยุนเช่อ
อันตรธานหายไปในทันที สายตาของพวกนางปราศจากแวว
กระหายหรื อเจตนาฆ่าฟันเมื่อก่อนหน้านี้อย่างสิ้ นเชิง... ที่ปรากฏ
แทนที่ มีเพียงความแตกตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด รวมทั้งความ
คาดหวังและความปิ ติยนิ ดีอย่างสุ ดแสน โดยเฉพาะอย่างยิง่ กงยู่
เซียน ในฐานะท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งผูใ้ ช้วชิ าจิต
เยือกแข็งมาตลอดเวลาร่ วมร้อยปี ยังไม่อาจสะกดระงับจังหวะ
หัวใจที่เต้นกระหนํ่าอย่างบ้าคลัง่ ในยามนี้ได้
ไม่นานหลังจากนั้น…
ชีพจรพัดม่วงเปิ ดออก!
ชีพจรสุ สานขาวเปิ ดออก!
ชีพจรทานตะวันฟ้าเปิ ดออก!
ชีพจรอาทิตย์ครามเปิ ดออก…
….
ผ่านไปห้านาที จุดชีพจรของมู่หรงเชียนเสวีย่ มากกว่าสิ บจุด
ถูกกรุ ยปรุ โปร่ งจนหมดสิ้ น! ความแตกตื่นภายในใจของกงยูเ่ ซียน
และพรรคพวกมากล้นจนไม่อาจบ่งบอกบรรยายได้ สายตาของ
พวกนางยามมองมายังหยุนเช่อ สะท้อนประกายราวกําลังจ้องมอง
ยังเทพยดาก็มิปาน!
ทุกคราที่ชายหนุ่มสามารถกรุ ยจุดชีพจรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจุด
ฝ่ ามือของหยุนเช่อที่กดทาบลงบนแผ่นหลังอันบอบบางของมู่
หรงเชียนเสวีย่ ล้วนลูบไล้เคลื่อนไหวไปทุกทิศทางเป็ นเวลานาน
กระทัง่ ยังประสานเป็ นสัญลักษณ์หตั ถ์ต่างๆ ที่ดูซบั ซ้อนสุ ดหยัง่
ถึง ทว่าในความเป็ นจริ งแล้ว หากหยุนเช่อต้องการกรุ ยชีพจรจุด
ใด ที่ชายหนุ่มต้องทําเพียงต้องวางฝ่ ามือลงตรงจุดนั้น พร้อมกับ
ใช้พลังชําระล้างของไข่มุกพิษสวรรค์ออกเล็กน้อย นี่เพียงใช้เวลา
ไม่กี่ลมหายใจ ยิง่ กว่านั้น ไม่ตอ้ งพูดถึงการสัมผัสแผ่นหลังเปล่า
เปลือยของผูอ้ ื่น ชายหนุ่มสามารถกระทําการทั้งหมดโดยมีเสื้ อผ้า
กั้นขวาง หรื อกระทัง่ ส่ งพลังข้ามจากที่ไกลได้อย่างง่ายดาย...
ระยะเวลาที่หยุนเช่อใช้ออกทั้งสิ้ นเพื่อเปิ ดจุดชีพจรลมปราณ
ทั้งหมด นับรวมกันเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ สําหรับเวลาที่เพิม่
ขึ้นมานั้น...ทั้งหมดล้วนใช้เพือ่ การนวดเฟ้นเคล้าคลึง ทุ่มเทเพื่อ
การเคล้นคลึงอย่างสุ ดความสามารถ!
ยามที่เปิ ดจุดชีพจรให้เซี่ยฉิ งเยว่ในครานั้น แม้ชายหนุ่ม
สามารถมองเห็นชัดเจน หากเนื่องด้วยการใช้พลังผ่านเข็มเงิน หยุ
นเช่อปราศจากโอกาสแตะต้องร่ างกายนาง ทว่าครานี้ลว้ น
แตกต่างไป ภายใต้การจับจ้องจากกงยูเ่ ซียนและนางเซียน
ทั้งหลาย การคลึงเคล้นของหยุนเช่อหนักแน่นมัง่ คงยิง่ ราวกับเป็ น
เรื่ องจําเป็ นยิง่ ยวด กระทัง่ สภาวะจิตใจจดจ่อสัมพันธ์กนั ฝ่ ามือ
ของหยุนเช่อยามนี้เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและกลิ่นอายหอม
กรุ่ น มีเพียงคนโง่จึงไม่ฉกฉวยโอกาสที่อยูต่ รงหน้า!
ยิง่ ไม่ฉกฉวยโอกาสต่อสาวงามที่ยนิ ยอมพร้อมใจอยูเ่ บื้อง
หน้าเช่นนี้..จึงมีแต่ไอ้งงั่ ในหมู่ไอ้งง่ั อย่างที่สุดเท่านั้น!
บทที่ 387 การตัดสิ นใจของแดนศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
ระดับที่สี่แห่งวิชาเยือกแข็งบรรจบ “พฤกษาเยือกแข็ง
บรรจบ” นั้นยืดหยุน่ ผันแปรอย่างยิง่ มันสามารถใช้โจมตี ป้องกัน
ผนึก กักขัง และแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แม้วา่ ความสามารถใน
การหยัง่ รู ้เข้าใจของหยุนเช่อจะสู งส่ ง และชายหนุ่มครอบครอง
เมล็ดพันธุเ์ ทพอสู ร แต่ชายหนุ่มยังมิอาจทําความเข้าใจมันได้ใน
เวลาอันสั้น
“ทําไมเจ้าถึงสนใจวิชาเยือกแข็งบรรจบนัก? ในด้านพลัง
มันอ่อนด้อยกว่าอัคคีเทพหงสาและกระบี่หนัก กลับกันยังทําให้
เจ้าเสี ยความมุ่งมัน่ จดจ่อ เสี ยทั้งเวลาและสมาธิ” จัสมินถามขึ้นมา
ทันควันเมื่อเห็นหยุนเช่อจดจ่ออยูท่ ี่เคล็ดวิชาเยือกแข็งบรรจบ
“นี่แตกต่างออกไป” เหตุผลที่พรรคเทพหงสากลายเป็ น
พรรคทรงอํานาจที่สุดในทวีปลมปราณฟ้าเป็ นเพราะอัคคีเทพหง
สา แต่วชิ าเยือกแข็งบรรจบที่ใช้ออกด้วยพลังระดับเดียวกัน
สามารถแช่แข็งอัคคีเทพหงสาได้ แปลว่าภายในทวีปลมปราณฟ้า
วิชานี้ถือเป็ นยอดวิชาอย่างแท้จริ ง… แม้วา่ พลังทําลายล้างจะด้อย
กว่าอัคคีเทพหงสา แต่วชิ ายุทธ์ธาตุน้ าํ แข็งส่ วนใหญ่แล้วจะเด่น
ด้านการป้องกันและผนึก ซึ่งเป็ นสิ่ งที่อคั คีเทพหงสาและกระบี่
หนักมิอาจกระทําได้ ย่อมจะต้องมีวนั ที่มนั จะมีประโยชน์มากเป็ น
แน่
หยุนเช่อหรี่ ตาและพึมพํา “ในอีกสี่ เดือนข้าจะไปที่
จักรวรรดิเทพหงสา หากไม่มีเรื่ องผิดพลาดจะเป็ นไปได้มากที่ขา้
จะต้องประมือกับคนจากพรรคเทพหงสา… และธาตุน้ าํ แข็งเป็ น
ปฏิปักษ์ต่อไฟ! ข้าไม่กลัวไฟ และหากธาตุของวิชายุทธ์ของข้ายัง
สามารถหักล้างมันได้… โอกาสที่ขา้ จะรอดชีวติ กลับมาย่อมต้อง
เพิ่มขึ้นอย่างมาก”
“ฮึ่ม ดูเหมือนเจ้าเองก็รู้นี่วา่ พรรคเทพหงสาอันตราย
เพียงใด!”
“ข้าไม่มีทางเลือก” หยุนเช่อกล่าวอย่างจนปัญญา “แม้วา่ ข้า
จะรู ้วา่ ไม่มีทางหลบเลี่ยงเรื่ องนี้ได้ แต่ขา้ ไม่เคยคิดเลยว่าคนจาก
พรรคเทพหงสาจะมาเร็ วเช่นนี้ หากมิใช่จะมีการประลองยุทธ์เจ็ด
อาณาจักรและเรื่ องของนาวาปราณบรรพกาล ข้าคงไม่มีกระทัง่
เวลาหลายเดือนนี้ให้เตรี ยมตัว… ตอนนี้ขา้ ทําได้เพียงหาหนทาง
และวิธีการเพิ่มโอกาสเอาชีวติ รอดให้มากที่สุด เมื่อข้าไปถึง
จักรวรรดิเทพหงสาแล้วจะได้มีแผนการให้ทาํ ตาม”
“...มีคนกําลังมา”
ขณะที่จสั มินพูดจบนี้เอง ได้บงั เกิดเสี ยงแผ่วเบาขึ้นจาก
เบื้องหลังของชายหนุ่ม จากนั้นประตูของตําหนักศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบก็ถูกเปิ ดออกอย่างเงียบเชียบ สตรี อ่อนเยาว์งดงามบริ
สุ ทธ์สองนางยืนอยูท่ ี่นน่ั ราวกับเป็ นภาพวาด ใบหน้าเล็กๆ ทั้งสอง
เหมือนกันไม่ผดิ เพี้ยน และจากสี หน้าของพวกนางสามารถบ่ง
บอกได้ถึงความคาดหวังและความตื่นเต้น...อีกทั้งความกังวล
เล็กน้อย
นางเซียนอันดับที่หกและเจ็ดแห่งเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือก
แข็งคือสตรี ฝาแฝดคู่น้ ี —— เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ ใน
ขณะเดียวกัน นอกจากเซี่ยฉิ งเยว่แล้ว พวกนางยังเยาว์วยั ที่สุดใน
หมู่เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอีกด้วย ชายหนุ่มไม่รู้อายุที่แท้จริ ง
ของหญิงสาวทั้งสอง แต่ดูจากภายนอกแล้วพวกนางดูเหมือนดรุ ณี
น้อยอายุสิบเจ็ดสิ บแปดปี เท่านั้น
นางเซียนเมฆาเยือกแข็งทั้งเจ็ดล้วนเย็นชาสู งส่ งราวกับ
ดอกบัว โดยเฉพาะฉู่เยว่ฉานที่เย็นชาที่สุด ทว่าฝาแฝดคู่น้ ีกลับ
ตรงกันข้าม อย่างน้อยคราที่หยุนเช่อพบพวกนางครั้งแรกชาย
หนุ่มไม่ได้มองว่าพวกนางเย็นชาและสง่างาม แต่กลับมองว่าเป็ น
หญิงสาวที่งดงามอ่อนหวาน เมื่อเทียบกับศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งคนอื่นๆ ที่มกั จะสวมหน้ากากนํ้าแข็งอยูเ่ สมอแล้ว ริ ม
ฝี ปากดุจหยกเนื้อดีของหญิงสาวทั้งสองมักจะยกยิม้ อยูเ่ สมอ คิ้ว
โค้งดุจจันทร์เสี้ ยวของพวกนางก็มกั จะขยับยกโดยไม่รู้ตวั กระทัง่
ดวงตาของพวกนางยังดูเฉลียวฉลาดเปี่ ยมไหวพริ บ… แทนที่จะ
กล่าวว่าพวกนางดูเหมือนนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง พวกนางยังดู
เหมือนกับภูติหิมะอันบริ สุทธิ์ไร้มลทินเสี ยมากกว่า
ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอันหนาวเหน็บและเงียบ
เหงาไปทุกซอกทุกมุม ความผิดปกติน้ ีมิใช่เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล
ปกติแล้วศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์จะพักเพียงลําพังในตําหนักนํ้าแข็ง
ของตน ทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดไปกับการฝึ กยุทธ์ ทว่าคู่ฝาแฝดนี้
พักอยูด่ ว้ ยกันในห้องเดียว พวกนางมักจะตัวติดกันเสมอ เดินทาง
ไปด้วยกันทุกที่ ทําทุกสิ่ งทุกอย่างร่ วมกัน ดังนั้นจึงไม่เคยรู ้สึก
เหงามาก่อน ทุกๆวันพวกนางไม่เคยขาดบุคคลพูดคุยสนทนา
พวกนางร่ าเริ งสดใสกว่าศิษย์อื่นๆทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง ดังนั้นทั้งความคิดและบุคลิกของพวกนางจึงแตกต่าง
จากศิษย์คนอื่น
ต่อหน้ามู่หรงเชียนเสวีย่ จวินเหลียนเชีย มู่หลันอี้และคน
อื่นๆ หยุนเช่อยังคงรู ้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นอยูบ่ า้ ง แม้วา่
ชายหนุ่มจะเอารัดเอาเปรี ยบพวกนางอย่างเปิ ดเผย แต่เมื่อ...เมื่อมี
โอกาส ชายหนุ่มกลับไม่กล้ากระทําเกินเลยอื่นๆต่อพวกนาง แต่
เมื่อพบคู่พนี่ อ้ งเฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ จิตใจของหยุนเช่อก
ลับไม่มีความกดดันใดๆอยูเ่ ลย ชายหนุ่มหันกลับไปแย้มยิม้ กว้าง
ต่อเด็กสาวทั้งสอง “ศิษย์พหี่ ญิงทั้งสองของข้า ข้ารอพวกท่านมา
พักหนึ่งแล้ว รี บเข้ามาเถิด”
“เอ๋ ~? ศิษย์พี่หญิง?” เฟิ งหานเยว่กระพริ บตาปริ บอย่างงุนงง
“ผิดแล้ว อาจารย์อาต่างหาก!” เฟิ งหานเสวีย่ แก้คาํ ของหยุ
นเช่อในทันควัน “เจ้าเรี ยกพวกเราว่าศิษย์พี่หญิงไม่ได้ เจ้าต้อง
เรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา!”
“เอ๋ ~? อาจารย์อา?” หยุนเช่อทําหน้าตาตื่นตกใจ “ท่านทั้ง
สองเห็นได้ชดั ว่าอายุนอ้ ยกว่าข้า เรี ยกพวกท่านว่าศิษย์พี่หญิงก็
กระอักกระอ่วนใจมากแล้ว… จะให้ขา้ เรี ยกท่านทั้งสองว่าอาจารย์
อาได้อย่างไร?”
“แม้วา่ พวกเราจะดูอ่อนเยาว์มาก แต่จริ งๆแล้วพวกเรา
อาวุโสกว่าเจ้า อาวุโสกว่ามากด้วย!” เฟิ งหานเยว่กล่าวหน้าบึ้ง
สตรี ส่วนมากชื่นชอบที่จะลดอายุของพวกนาง แต่เฟิ งหานเยว่
กลับกล่าวว่าตนเองอายุมากกว่าหยุนเช่ออย่างปิ ติยนิ ดีอย่างยิง่
“ฉิ งเยว่เรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา เจ้าเป็ นสามีของนางก็
สมควรจะเรี ยกพวกเราเหมือนที่นางเรี ยก” เฟิ งหานเสวีย่ อธิบาย
อย่างเคร่ งเครี ยด
“แต่ฉิงเยว่ภรรยาข้าก็อยูใ่ นเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง
เช่นเดียวกับพวกท่านทั้งสอง ทั้งนางยังเป็ นผูน้ าํ แห่งนางเซียนทั้ง
เจ็ดอีกด้วย” หยุนเช่อเอ่ยเชื่องช้า “เมื่อเป็ นเช่นนั้น ฉิ งเยว่กน็ บั ว่า
อยูล่ าํ ดับอาวุโสเดียวกับพวกท่าน ดังนั้นที่ขา้ เรี ยกพวกท่านว่าศิษย์
พี่หญิงก็สมควรถูกต้องแล้ว”
“อืมมม์… ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล...อ๊าาา! ไม่~! ยังไงฉิงเยว่กย็ งั
เรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา และเจ้าก็เป็ นศิษย์ที่เพิง่ เข้าสํานัก เจ้า
ควรเรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา!”
“โอ้~ ก็ได้” หยุนเช่อพยักหน้าอย่างสัตย์ซื่อ “ก่อนที่ขา้ จะ
เปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้ศิษย์พี่ท้ งั สอง ข้าขอรบกวนให้พวกท่าน
ปิ ดประตูศิลาลงก่อน จะเป็ นการดีที่สุดหากพวกเราไม่ถูกรบกวน
ระหว่างกระบวนการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณ”
“ตกลง...และเจ้าเรี ยกพวกเราผิดแล้ว ต้องเป็ นอาจารย์อา!
ห้ามเรี ยกพวกเราว่าศิษย์พี่หญิง!”
“อ๋ าาาา? ก็ได้ ก็ได้ เมื่อครู่ ขา้ เรี ยกพวกท่านผิดไป… เอิ่ม..
ศิษย์พี่หญิงท่านไหนจะเริ่ มก่อน?” หยุนเช่อถามด้วยดวงตากลม
โตใสซื่ อ
“ต้องเรี ยกอาจารย์อา อาจารย์อา-อาจารย์อา-อาจารย์อา!!!”
พี่นอ้ งเยว่เสวีย่ คลัง่ ขึ้นพร้อมกัน
“คร้าบ คร้าบ… เช่นนั้น ศิษย์พหี่ ญิงท่านไหนก่อนดี?”
“~!#¥%……”
………………………………
เฟิ งหานเยว่นงั่ เบื้องหน้าหยุนเช่อพร้อมกับปลดอาภรณ์สี
ขาวราวหิมะ เผยแผ่นหลังขาวเรี ยบเนียนประดุจหยกเนื้อดี ดวงตา
ของหญิงสาวปิ ดแน่น แพขนตาขยับไหวอย่างกังวลใจ ด้านข้าง
นาง ดวงตาคู่งามของเฟิ งหานเสวีย่ กระพริ บไม่หยุด พร้อมกับที่
มองการกระทําหยุนเช่อและปฏิกิริยาตอบรับของพี่สาวนางด้วย
สายตาใคร่ รู้แกมกังวล หญิงสาวบางครั้งก็ขมวดคิ้ว บางคราก็ทาํ
หน้ามุ่ย บางคราวก็เอียงคอ… ราวกับหญิงสาวเป็ นแมวน้อยขี้
สงสัยที่กาํ ลังมองสิ่ งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หยุนเช่อดูครํ่าเคร่ งจดจ่อเป็ นอย่างยิง่ ชายหนุ่มเริ่ มนวดคลึง
รอบๆแผ่นหลังของเฟิ งหานเยว่ จุดชีพจรลมปราณยีส่ ิ บจุดเปิ ด
ออกทีละจุด ทีละจุด… ทันใดนั้นเอง เฟิ งหานเยว่ที่พยายามไม่ส่ง
เสี ยงพลันตัวแข็งในฉับพลันพร้อมเปล่งเสี ยงหัวเราะออกมาอย่าง
มิอาจควบคุม
“อ๋ าาา? ท่านพี่ มีอะไรผิดปกติหรื อ?” เฟิ งหานเสวีย่ ถาม
อย่างร้อนรน
“สัม...สัมผัสของเขาจัก๊ จี้อย่างยิง่ ”
“แต่อย่างไรท่านก็หา้ มส่ งเสี ยงและห้ามขยับตัว มิเช่นนั้น…
หากมีส่ิ งผิดพลาดเกิดขึ้นเช่นนั้นต้องเกิดหายนะแน่ๆ” เฟิ งหาน
เสวีย่ เอ่ยเตือนนางอย่างกังวล
“ข้ารู ้” เฟิ งหานเยว่แลบลิ้นและตอบอย่างสบายใจ “ไม่ตอ้ ง
ห่วงน่า จุดชีพจรลมปราณของข้าถูกเปิ ดออกห้าสิ บสามจุดแล้ว
เหลืออีกเพียงหนึ่งจุดก็จะครบถ้วน ดังนั้นแม้ตอนนี้ขา้ จะขยับตัว
เช่นนี้กไ็ ม่เป็ นไรแล้ว”
“โอ้ เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดีแล้ว” เฟิ งหานเสวีย่ ดูราวกับนางนั้น
ได้กงั วลมากเกินไป
หยุนเช่อขมวดคิ้วพร้อมกับลบร่ องรอยแย้มยิม้ บนใบหน้า
ขณะที่ชายหนุ่มกําลังจะเปิ ดจุดชีพจรลมปราณจุดสุ ดท้ายของเฟิ ง
หานเยว่อยูน่ นั่ เอง มือของชายหนุ่มพลันละออกจากแผ่นหลังของ
หญิงสาวในทันที พร้อมกับลดมือลงอย่างเชื่องช้า สี หน้าของชาย
หนุ่มกลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ มจริ งจึง
“เอ๋ ~?” ขณะที่เฟิ งหานเยว่กาํ ลังรอคอยการได้รับเส้นชีพจร
ลมปราณเทพเจ้าอย่างเปี่ ยมสุ ขอยูน่ ้ นั หญิงสาวพลันรู ้สึกได้วา่ มือ
ของหยุนเช่อผละออกจากหลังของนาง ชายหนุ่มไม่เคยทําเช่นนี้
มาก่อนระหว่างที่เปิ ดจุดชีพจรลมปราณของมู่หรงเชียนเสวีย่ จวิน
เหลียนเชียและศิษย์พี่หญิงคนอื่นๆ
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างร้อนรน “เดี๋ยว ช้าก่อน… ตอนนี้จุด
ชีพจรลมปราณเปิ ดออกเพียงห้าสิ บสามจุด ยังคงเหลือจุดสระหยก
อยู่ เจ้า เจ้า...เจ้าคงไม่ได้ลืมใช่หรื อไม่?”
“ข้ารู ้ แต่...แต่..” หยุนเช่อเผยสี หน้าจนใจพร้อมกับดูลงั เล
ไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะพึมพําออกมา “ศิษย์พหี่ านเยว่ จุดสระหยกของ
ท่าน...ดู...ดูเหมือนว่ามีปัญหาอยูบ่ า้ ง”
“อ๊ะ!?!”
ถ้อยคําของหยุนเช่อทําให้เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ ร้อง
ออกมาอย่างตกใจโดยพร้อมเพรี ยงกัน ท่ามกลางความตกตะลึง
และวิตกกังวล เฟิ งหานเยว่เกือบจะหันกลับมา ก่อนจะรี บรวบ
อาภรณ์สีขาวหิ มะของนางเข้าปิ ดบังทรวงอกก่อนจะหันหลัง
กลับมา เวลานี้นางไม่สนใจอีกแล้วว่าหยุนเช่อจะเรี ยกนางว่าศิษย์
พี่หญิงหรื อนายหญิงรุ่ นก่อน หญิงสาวถามอย่างร้อนรน “จริ ง...
จริ งหรื อ? จุดสระหยกของข้ามีปัญหาอันใด? ร้ายแรงหรื อไม่...
อย่าบอกนะว่ามันมิอาจเปิ ดได้?”
“ใช่ จริ งด้วย ปัญหาคือสิ่ งใดกันแน่? เหตุใดจึงมีปัญหา
เช่นนี้? ร้ายแรงหรื อไม่?” เฟิ งหานเสวีย่ และเฟิ งหานเยว่เอ่ยถาม
ออกเป็ นจุด ดูราวกับเฟิ งหานเสวีย่ จะร้อนรนยิง่ กว่าเฟิ งหานเยว่
เสี ยด้วยซํ้า
“เรื่ องนี้…”หยุนเช่อถอนหายใจแผ่วเบาก่อนที่จะกล่าวออก
“ศิษย์พี่หญิงทั้งสอง อย่าเพิง่ กังวลใจไป ปัญหาของศิษย์พี่หญิง
หานเยว่มิใช่อาการบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายใน เป็ นเพียง
อาการจุดชีพจรซ่อนเร้นผกผันแต่กาํ เนิดเท่านั้น”
“จุดชีพจรซ่อนเร้นผกผัน?” เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่
ถามขึ้นพร้อมกัน พวกนางดูสบั สนงุนงงเนื่องจากนี่เป็ นครั้งแรกที่
ทั้งสองได้ยนิ ถ้อยคําดังกล่าว… ซึ่ งไม่น่าแปลกใจเนื่องจากเป็ น
คําศัพท์ที่หยุนเช่อบัญญัติข้ ึนเอง
“แค่ก แค่ก จุดชีพจรซ่อนเร้นผกผันเป็ นศัพท์เฉพาะทาง
การแพทย์ เป็ นธรรมดาที่พวกท่านทั้งสองจะไม่เคยได้ยนิ ” หยุ
นเช่อกล่าวด้วยหน้าเรี ยบนิ่ง “จุดชีพจรลมปราณที่ผกผันนั้นจริ งๆ
แล้วพบได้บ่อยอย่างยิง่ หมายความถึงจุดชีพจรที่ซ่อนเร้นตนเอง
ไว้ภายในเส้นชีพจรลมปราณ ทั้งยังเติบโตกลับข้าง พูดตรงๆแล้ว
ไม่นบั ว่าเป็ นจุดชีพจรที่บกพร่ องเพราะว่ามันไม่ส่งผลใดๆ ต่อการ
ฝึ กยุทธ์ มันทํางานได้เฉกเช่นจุดชีพจรธรรมดาและมิอาจเปิ ดได้
เองภายในร่ างกายจากการฝึ กยุทธ์… ทว่าหากจะเปิ ดจุดชีพจร
ลมปราณประเภทนี้จากภายนอก แม้วา่ จะใช้วธิ ีการเดียวกันก็
นับว่ายากเย็นกว่าปกติอย่างมาก อีกทั้งยังไม่อาจเปิ ดได้จาก
ด้านหลัง”
เมื่อได้ยนิ หยุนเช่อกล่าวเช่นนั้น ฝาแฝดทั้งสองถอนหายใจ
อย่างโล่งอก… หยุนเช่อพูดเพียงว่าจะยากกว่าปกติ แต่มิได้กล่าว
ว่าเป็ นไปไม่ได้ เฟิ งหานเสวีย่ ถามอย่างระมัดระวัง “หากเจ้าไม่
อาจเปิ ดจากด้านหลัง… เช่นนั้นเจ้าจะทําอย่างไร?”
“เรื่ องนี้…” หยุนเช่อแสดงสี หน้าจนใจ ชายหนุ่มดูลงั เลไป
ครู่ หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบเสี ยงนุ่ม “หากข้าพูดแล้ว ขอพวกท่าน
อย่าได้มีโทสะ… ศิษย์พี่หญิงทั้งสอง ท่านสมควรรู ้ตาํ แหน่งของ
จุดสระหยกใช่หรื อไม่? มันอยูบ่ ริ เวณ...ตําแหน่งหน้าอกขวา หาก
เป็ นจุดชีพจรปกติสามารถเปิ ดได้จากแผ่นหลังด้านขวา แต่
เนื่องจากมันซ่อนเร้นผกผัน จึงสามารถเปิ ดได้เพียงจากด้านตรง
ข้ามก็คือด้านหน้า ซึ่งยังเป็ น...ยังเป็ นตําแหน่งหน้าอกด้านขวา
ของศิษย์พหี่ ญิงหานเยว่… เรื่ องนี้ เรื่ องนี้...ข้ารู ้วา่ ศิษย์พี่หญิงย่อม
ไม่ยนิ ยอมพร้อมใจอย่างแน่นอน ดังนั้น...ข้าคงทําได้เพียงเท่านี้”
บทที่ 390 อุ้งมือมาร (1)
“อ๊าาา!?”
โดยไม่คาดหวัง สองพี่นอ้ งหานเยว่ส่งเสี ยงร้องเมื่อได้ฟังคํา
กล่าวของหยุนเช่อ ท่าทางราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง
“นะนะหน้า…..หน้าอก?” เฟิ งหานเยว่กระชับเสื้ อคลุมหิ มะ
ของนางกับอกนางด้วยสัญชาติญาณขณะที่นางพูดตะกุกตะกัก
“หากเจ้าต้องเปิ ดจุดชีพจรสระหยก เจ้าต้องวางฝ่ ามือลง...
เช่นเดียวกับที่วางลงบนแผ่นหลัง แต่เป็ นตําแหน่งหน้าอกของ
นาง?” เฟิ งหานเสวีย่ จับจ้อง สองตากลมโตเบิกกว้าง
หยุนเช่อผงกศีรษะรับด้วยท่าทางสัตย์ซื่อ
“เป็ นไปได้อย่างไร!!” พี่นอ้ งเสวีย่ เยว่ท้งั สองอุทานออกมา
โดยพร้อมเพรี ยง
“นี่ นี่...” เสี ยงร้องของสตรี ท้งั สองดังขึ้นกว่าเดิม ในระดับเด
ซิ เบลที่ทาํ ให้หยุนเช่อต้องหดคอลงอย่างไม่อาจควบคุม พร้อมทั้ง
รี บกล่าวอย่างเร่ งร้อน “ข้าทราบดีวา่ ท่านสองพี่นอ้ งบริ สุทธิ์สูงส่ ง
ทั้งไม่ยนิ ยอมให้เกิดเรื่ องราวเช่นนี้ ดังนั้น...ดังนั้นข้าจึงไม่ทราบ
ควรทําอย่างไรเช่นกัน”
“เจ้า เจ้า เจ้า...เจ้ามิได้กล่าวเช่นนี้เพียงเพื่อฉวยโอกาสกับ
ท่านพี่หรอกกระมัง?” เฟิ งหานเสวีย่ จ้องมองหยุนเช่อเมื่อนาง
โพล่งออกไปตามตรง
คําพูดของเฟิ งหานเสวีย่ กระตุน้ เตือนเฟิ งหานเยว่เช่นกัน
“ถูกต้อง ใช่แล้ว! เจ้าจงใจใช่หรื อไม่?! เจ้า...เจ้าแอบลอบดูพวกเรา
อาบนํ้าคืนนั้น เจ้าต้อง...ต้อง… เป็ นตัวลามกดังที่ศิษย์พี่เชียนเสวีย่
และศิษย์พี่เหลียนเชียกล่าวแน่นอน!”
“!#¥%…” มุมปากของหยุนเช่อกระตุกบิดเบี้ยว เมื่อ
มันเอ่ยปากกล่าววาจาด้วยทีท่าเสี ยใจและอึดอัดคับข้อง “ข้ากล่าว
วาจาอธิบายไปหลายรอบแล้วว่าเมื่อคืนนั้นข้ามิได้ต้งั ใจ ฉิ งเยว่เอง
สามารถยืนยันความบริ สุธ์ ิใจของข้าได้ หากท่านไม่เชื่อข้า ก็
สมควรเชื่อถือฉิงเยว่กระมัง กระทัง่ ท่านหญิงรุ่ นก่อนยังเชื่อถือข้า
ยินยอมแหกกฎเกณฑ์พนั ปี ของสํานักเพือ่ รับข้าเข้าเป็ นศิษย์ บุคคล
เช่นข้าจะเป็ น “ตัวลามก”ได้อย่างไร!”
“เอ่อ...” ทีท่าเศร้าโศกเสี ยใจและคับแค้นของหยุนเช่อส่ งผล
ให้สองพี่นอ้ งเสวีย่ เยว่ตกตะลึง จากคํากล่าวของชายหนุ่ม พวก
นางรู ้สึกว่าตนเองปรักปรํามัน เฟิ งหานเยว่กระชับเสื้ อคลุมหิมะ
เข้ากับหน้าอกตนเองก่อนกล่าวถามอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้า...เจ้ามิได้
โป้ปดเพือ่ ฉวยโอกาสจากพวกเราจริ งๆ?”
หยุนเช่อสี หน้าเคร่ งเครี ยดจริ งจัง “หากท่านไม่เชื่อว่าจุดชีพ
จรสระหยกเป็ นจุดชีพจรผกผัน ท่านสามารถออกไปปรึ กษา
ผูเ้ ชี่ยวชาญจากภายนอกได้ พวกมันย่อมต้องกล่าวเช่นเดียวกับข้า
แน่นอน!
”
“แต่เราสองพี่นอ้ งไม่เคยออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง ทั้งยังไม่รู้จกั ผูเ้ ชี่ยวชาญทางการแพทย์แม้แต่คนเดียว” เฟิ ง
หานเยว่กล่าวตอบคําด้วยที่ท่าอ่อนแรง
“เอ๋ ? พวกท่านไม่เคยออกจากสํานักเลย?” เมื่อได้ยนิ คําพูดนี้
หยุนเช่อแสดงสี หน้าตกตะลึง พวกนางมีระดับพลังยุทธ์ สูงส่ งทั้ง
เป็ นถึงเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง หากไม่ เคยออกจากสํานักเลย?
“ถูกต้อง..เนื่องเพราะท่านหญิงกล่าวว่า เราทั้งสองมักสร้าง
เรื่ องวุน่ วาย ออกไปภายนอกมีแต่สร้างความเสื่ อมเสี ยหน้าแก่
สํานัก” สุม้ เสี ยงของเฟิ งหานเสวีย่ กลับกลายเป็ นหม่นหมอง “อืออ
...เราพี่นอ้ งเชื่อฟังคํากล่าว และสนิทสนมกับพี่นอ้ งอื่นๆ ในสํานัก
มาตลอด ทว่า ศิษย์พี่ศิษย์นอ้ งคนอื่นสามารถออกไป แต่พวกเรา
ล้วนถูกห้ามโดยท่านหญิง...ท่านหญิงลําเอียงอย่างยิง่ ”
หยุนเช่อสามารถเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดถึงสาเหตุที่กงยู่
เซียนไม่อนุญาตพวกนางออกไปโลกภายนอก
เหตุผลเรี ยบง่ายอย่างยิง่ ...สตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งทุกนางต่างให้บรรยากาศเย็นยะเยือกและผลักไสผูค้ นจนไกล
ห่าง โดยเฉพาะสายตาเย็นเยียบที่แทบสามารถแช่แข็งจิตใจผูฟ้ ัง
แต่แม้ท้ งั สองพี่นอ้ งฝึ กปรื อเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งช่นกัน หาก
บุคลิกภาพของพวกนางไม่มีความ “ภาคภูมิเยือกเย็น” เช่นผูอ้ ื่น
ยิง่ กว่านั้น ทั้งสองต่างเป็ นสองในเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง
หากมีปฏิสมั พันธ์กบั ผูค้ นมากเกินไป อาจสามารถเปิ ดเผยลักษณะ
นิสยั ดั้งเดิมออกมา แน่นอนย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กบั
ภาพประทับใจของผูค้ นที่มีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
“แท้จริ งแล้ว ท่านหญิงมิได้หา้ มพวกท่านทั้งสองออกไป
เพราะมีอคติใดๆ หากแต่นนั่ คือการแสดงออกถึงความรักและ
ความห่วงใยของนางต่อพวกท่าน” หยุนเช่อพูดตอบกลับไปอย่าง
จริ งจัง “ในโลกภายนอกมีอนั ตรายนานับประการที่เกินกว่าพวก
ท่านจินตนาการไว้มากมายนัก โดยเฉพาะอย่างยิง่ พวกคนลามก
อย่างที่ท่านพูดถึง ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแห่งนี้ ศิษย์
พี่หญิงทั้งสองไม่เพียงสวยสดงดงามเท่านั้น แต่ยงั น่ารักเป็ นที่สุด
อีกด้วย แม้วา่ ข้าจะพึ่งรู ้จกั พวกท่านทั้งสองได้เพียงสามวัน เมื่อใด
ก็ตามที่ขา้ ได้พานพบพวกท่านทั้งสองจิตใจของข้าล้วนอิ่มเอมไป
ด้วยความปิ ติทนั ทีที่เห็น ท่านหญิงต้องชอบพวกท่านเป็ นอย่าง
มาก นัน่ คือเหตุที่นางเป็ นห่วงเรื่ องความปลอดภัยของพวกท่าน
นางคงรู ้สึกไม่ปลอดภัยหากปล่อยให้พวกท่านออกจากแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไปยังโลกภายนอก”
ความชอบต่อคําชมเชยนับเป็ นธรรมชาติของมนุษย์
โดยเฉพาะกับสตรี ที่นบั ว่าเป็ นลักษณะพื้นฐาน เพียงคําพูดไม่กี่คาํ
ของหยุนเช่อเปรี ยบดัง่ คําพูดจากสวรรค์ พวกนางจึงตอบกลับด้วย
ความปลื้มปิ ติ “ที่เจ้าพูดมานั้นจริ งหรื อ?”
“เป็ นจริ งแน่นอน” หยุนเช่อผงกศีรษะหนักแน่นก่อนกล่าว
วาจา “หากข้าเป็ นตัวลามกใหญ่เช่นที่ท่านเข้าใจ ศิษย์พี่เชียนเสวีย่
ศิษย์พเี่ หลียนเชีย ศิษย์พี่หลันอี้ ศิษย์พี่เยว่หลี่...ข้าย่อมต้องฉวย
โอกาสกับพวกนางทั้งหมด แต่พวกนางต่างสามารถเปิ ดจุดชีพจร
ได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าเป็ นผลสําเร็ จ ท่านทั้งสองน่ารัก
อย่างยิง่ ข้าจะคิดกลัน่ แกล้งท่านได้อย่างไร หากท่านยังคงไม่
เชื่อถือ ข้าเองล้วนมิอาจทําสิ่ งใดได้”
เมื่อหยุนเช่อกล่าว ชายหนุ่มปั้นสี หน้าเจ็บปวดใจ
“ไม่ ไม่...พวกเรามิใช่สงสัยในตัวเจ้าจริ งจัง แต่ แต่...อืออ
ทําอย่างไรดี? เหลือเพียงจุดชีพจรสระหยกเท่านั้น...ศิษย์พี่ทุกท่าน
ต่างได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าแล้ว แต่ขา้ ...” เฟิ งหานเสวีย่
ขบกัดริ มฝี ปากก่อนถามไถ่ดว้ ยความลังเล “หยุนเช่อ เปิ ดจุดชีพจร
ทั้งหมดห้าสิ บสามจุด เพียงหลงเหลือจุดชีพจรสระหยก หากเรา
ยกเว้นไปหนึ่งจุด ผลลัพธ์คงไม่แตกต่างเท่าใดกระมัง?”
หยุนเช่อจ้องมองและส่ ายหัว “หากเปรี ยบจุดชีพจร
ลมปราณห้าสิ บสามจุดกับจุดชีพจรลมปราณห้าสิ บสี่ จุดนับว่าไม่
แตกต่างกันเท่าใด อย่างไรเสี ย ความแตกต่างระหว่างการเปิ ดจุด
ชีพลมปราณห้าสิ บสามจุดกับการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณห้าสิ บสี่
จุดนั้นนับว่าต่างกันแล้วสวรรค์กบั โลก! เนื่องเพราะท่านสามารถ
ได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าได้ เมื่อเปิ ดจุดชีพจรครบทั้งห้า
สิ บสี่ จุดเท่านั้น หากขาดไปเพียงจุดเดียวก็ไม่นบั ว่าเป็ นเส้นชีพจร
ลมปราณเทพเจ้าได้ เหตุผลที่เส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าถูกเรี ยก
ขานเช่นนี้เป็ นเพราะ เมื่อจุดชีพจรลมปราณทั้งหมดถูกเปิ ดออก
การไหลเวียน การรวมตัวและปลดปล่อยพลังลมปราณจะเพิ่มพูน
ขึ้นราวกับกฏเกณฑ์ของโลกได้เปลี่ยนแปลงไป เส้นลมปราณจะ
ก้าวผ่านความเป็ นมนุษย์ไปยังระดับที่สูงกว่าระดับหนึ่งอย่าง
สมบูรณ์ หากเปรี ยบเทียบความแตกต่างจะเป็ นเช่นเดียวกับ
ระดับชั้นลมปราณ ขั้นที่เก้าของระดับปราณฟ้ากับขั้นที่สิบ ระดับ
ปราณฟ้านั้นนับว่าไม่มีความแตกต่างกันเท่าใดนัก แต่หากเป็ นขั้น
ที่เก้าระดับปราณฟ้ากับขั้นแรกของระดับปราณจักรพรรดิแล้วนั้น
นับว่าแตกต่างกันราวเมฆาเบื้องบนกับดินโคลนเบื้องล่าง”
“ศิษย์พหี่ านเยว่เปิ ดจุดชีพจรสามสิ บสามจุด ความแข็งแกร่ ง
ของนางเพิ่มพูนขึ้นกว่าสองเท่า แต่เมื่อเปรี ยบกับศิษย์พี่ท่านอื่นที่
เปิ ดเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าแล้ว ระดับความเร็ วในการฝึ กปรื อ
ความเร็ วในการโคจรพลัง ทั้งยังความเร็ วในการสะสมพลังยุทธ์
ล้วนแตกต่างกันครึ่ งหนึ่ง”
“คะ..ครึ่ งหนึ่ง!?!?”
คําพูดของหยุนเช่อส่ งผลให้สตรี ท้ งั สองนิ่งชะงักไปชัว่ ครู่
โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อกล่าวถึงมู่หรงเชียนเสวีย่ และนางเซียนคน
อื่นๆ ในบรรดาเจ็ดนางเซียน เมื่อได้ฟังถึงความแตกต่างของ
ตนเองและนางเซียนท่านอื่น เฟิ งหานเยว่ถึงกับรํ่าไห้ออกมา
ในทันที..ในฐานะศิษย์รุ่ นเดียวกัน ทั้งยังเป็ นเจ็ดนางเซียนเมฆา
เยือกแข็ง ต่างมีคุณสมบัติใกล้เคียงและเติบใหญ่มาพร้อมกัน ทว่า
ยามนี้ เพียงเพราะจุดชีพจรสระหยก นางจําต้องยอมรับความ
เสี ยเปรี ยบใหญ่หลวงเช่นนี้ จิตใจอันบริ สุทธิ์และมุ่งมัน่ แข่งขัน
ของนางจะยอมรับได้อย่างไร
“ฮือออ เสวีย่ เสวีย่ ข้าควรทําอย่างไรดี? หากปล่อยทิ้งไว้
เช่นนี้ ระยะห่างของข้าและเหล่าศิษย์พี่ยง่ิ มายิง่ มากขึ้น...” เฟิ งหาน
เยว่กล่าวถามอย่างอับจนปัญญา
“...อย่าได้กงั วล รอจนพวกเราได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพ
เจ้าทั้งคู่ พวกเราจะทวีความมานะพยายามยิง่ ขึ้น หากเราทําเช่นนี้
จะป้องกันศิษย์พี่ท้ งั หลายทิ้งห่างพวกเราไปได้” เฟิ งหานเสวีย่
กล่าวปลอบประโลมด้วยจิตใจที่เจ็บปวด
วาจาอันใสซื่อและคําปลอบโยนไม่สามารถปลอบประโลม
นางได้แม้แต่นอ้ ย กลับยิง่ ทําให้เฟิ งหานเยว่รู้สึกอับจนปัญญามาก
ยิง่ ขึ้น...เนื่องเพราะไม่เพียงเหล่าศิษย์พี่ กระทัง่ น้องสาวของนาง
เองยังได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าเช่นกัน ไม่เพียงศิษย์พ่ี
ทั้งหลายทอดทิ้งนาง กระทัง่ น้องสาวยังยืดระยะห่างทางพลังฝี มือ
ออกไปจากนางเช่นกัน…
ไม่ ไม่ ไม่ ข้ าไม่ อาจให้ พวกนางทอดทิ ง้ ข้ าไว้ เบือ้ งหลัง
เพียงแค่ ขนั้ ตอนเดียว ข้ าจะสามารถเป็ นได้ เช่ นเหล่ าศิษย์ พ.ี่ ..ข้ าไม่
มีทางให้ มนั เกิดขึน้ …
เฟิ งหานเยว่หนั หน้ากลับมาจ้องมองไปทางหยุนเช่อ ก่อน
กล่าววาจาอย่างน่าเวทนา “หยุนเช่อ ไม่มีวธิ ีอื่นในการเปิ ดจุดชีพ
จรสระหยกแล้วจริ งๆ?”
หยุนเช่อกล่าวตอบคําด้วยความรู ้สึกละอายใจว่า “หากมีทาง
ข้ายินยอมเสี่ ยงด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีของข้าเพื่อช่วยเหลือ
ศิษย์พหี่ านเสวีย่ ทว่า...ตําแหน่งของจุดชีพจรสระหยกโดดเด่น
เป็ นเอกลักษณ์ยงิ่ ไม่มีทางเลือกอื่นอีก”
เฟิ งหานเยว่ไม่กล่าวคําใดอีกต่อไป แนวฟันขาวราวไข่มุก
ขบกัดริ มฝี ปาก ยิง่ มายิง่ ขบกัดแน่นขึ้นเรื่ อยๆ ผ่านไปครู่ ใหญ่ นาง
ตัดสิ นใจครั้งสําคัญที่สุดในชีวติ หญิงสาวกล่าวตอบด้วยสี หน้าที่
เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “หาก..หากเจ้าช่วยเหลือข้าเปิ ดจุดชีพ
จรสระหยก..สามารถกั้นด้วยเสื้ อผ้าหรื อไม่?”
“เอ๋ ? ท่านพี่ ท่านยินยอม?”
เฟิ งหานเยว่ปิดซ่อนใบหน้าของนางด้วยเสื้ อคลุมหิ มะก่อน
กล่าวงึมงําอย่างเชื่อฟัง “อีกเพียงเล็กน้อย จากนั้นข้าจะสามารถ
ได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า...หากข้าไม่เปิ ดจุดชีพจรสระ
หยก ข้าอาจไม่สามารถเป็ นนางเซียนเมฆาเยือกแข็งกับเสวีย่ เสวีย่
ได้อีกต่อไป..ยิง่ กว่านั้น...ยิง่ กว่านั้น มันเองได้เห็นไปหมดแล้วใน
วันนั้น...ยังมี เมื่อเทียบกับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าแล้ว ทั้งหมด
นี้ไม่นบั เป็ นอย่างไรได้!!!”
“นี่...” หยุนเช่อเลือกสรรคําอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่หานเยว่
ท่านมัน่ ใจว่าท่านต้องการทําจริ งๆ? หากกระบวนการนี้มีเสื้ อผ้า
กั้นขวาง นับว่ามีความเสี่ ยงสูงอย่างยิง่ ยิง่ กว่านั้น ยังมีความ
เป็ นไปได้ที่จุดชีพจรสระหยกจะได้รับความเสี ยหายและถูก
ทําลาย...”
“เช่นนั้น...ปิ ดตา?”
“ข้ามิอาจมองเห็นได้หากปิ ดตา หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน...”
“~!#¥%%… ข้าไม่สน ข้าไม่สน!!” เฟิ งหานเยว่ผยู ้ นื
เผชิญกับหยุนเช่อโดยหันหลังมาโดยตลอดพลันหันกลับมา แม้
เสื้ อคลุมหิมะยังคงปิ ดบังอยูท่ ี่บริ เวณทรวงอก หากแต่เส้นโค้งจาก
ลาดไหล่อนั เปี่ ยมเสน่ห์ของนางลงมายังเบื้องล่างกลับงดงามเกิน
คําบรรยาย ดวงตางดงามทั้งคู่จบั จ้องทิ่มแทงไปยังหยุนเช่อ สี หน้า
ของนางแสดงออกถึงความมุ่งมัน่ ตั้งใจอย่างถึงที่สุด “หากเราเปิ ด
จุดชีพจรสระหยก...จะต้องใช้เวลานานเท่าใด?”
“...เพียงสามนาที”
“นานมาก...แต่...แต่… หลังจากเจ้าช่วยข้าเปิ ดจุดชีพจรสระ
หยกแล้ว เจ้าต้องห้ามบอกเล่าเรื่ องในวันนี้เด็ดขาด! เจ้าต้องห้าม
บอกผูใ้ ดทั้งสิ้ น! แม้กระทัง่ ฉิ งเยว่! เจ้าไม่สามารถบอกผูใ้ ดได้!”
หยุนเช่อผงกศีรษะติดต่อตามกันราวไก่จิกข้าวสาร
“แน่นอน เรื่ องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสี ยงของศิษย์พี่ ข้าไม่มีทาง...ไม่มี
ทางบอกเล่าเรื่ องนี้ต่อผูใ้ ดทั้งสิ้น!”
เหลวไหล หากชนชั้นกงยู่เซียนรั บรู้ เรื่ องราวเหล่ านี ้ คําโป้
ปดของข้ าย่ อมต้ องถูกเปิ ดโปง!!
“เช่น...เช่นนั้น...เจ้า...ลงมือเถอะ!!”
ฝ่ ามือบอบบางของเฟิ งหานเยว่ที่ยดึ กุมเสื้ อคลุมหิ มะของ
นางสัน่ สะท้านเล็กน้อยก่อนที่หญิงสาวจะปิ ดเปลือกตาลงและ
คลายมือออก พริ บตานั้นเอง เสื้ อคลุมหิ มะพัดพลิ้วลงยังเบื้องล่าง
ขณะที่ความขาวละมุนเป็ นแผ่นผืนถูกเปิ ดเผยออก ราวกับบุปผา
ตูมน่าทะนุถนอมคู่หนึ่งที่กาํ ลังจะเบ่งบานสัน่ สะท้านอยูบ่ น
ผิวพรรณที่ท้ งั อ่อนนุมทั้งขาวนวลเนียน ส่ งผลให้สายตาของหยุ
นเช่อกลับกลายเป็ นหมุนวนพร่ าพรายในทันที
“อ๊าาาา!!” เฟิ งหานเสวีย่ ปิ ดปากของนางด้วยความแตกตื่น...
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิ งหานเยว่จะอาจหาญถึงเพียงนี้….
บทที่ 391 อุ้งมือมาร (2)
เซี่ยฉิ งเยว่มาถึงเบื้องหน้าประตูศิลาตําหนักเยือกแข็งบรรจบ
หญิงสาวกล่าวเสี ยงดังเพื่อส่งเสี ยงผ่านบานประตูศิลา “หยุนเช่อ
ข้าเข้าไปได้หรื อไม่?”
หลังกล่าวจบ เซี่ ยฉิ งเยว่มิได้ยนิ คําโต้ตอบ หลังจากนิ่ง
ฟังอย่◌ูเป็ นนาน ยังคงปราศจากเสี ยงการเคลื่อนไหวใดจาก
ภายใน
หรื อเขาไม่ อยู่ภายในแล้ ว?
“หยุนเช่อ ท่านอยูห่ รื อไม่?” เซี่ยฉิ งเยว่เรี ยกออกไปอีกครา
ครานี้ ยังคงปราศจากปฏิกิริยาโต้ตอบ
เซี่ ยฉิ งเยว่ยนื่ ฝ่ ามือออก เมื่อประกายแสงจากพลังเมฆาเยือก
แข็งอาบไล้บนบานประตูศิลา บังเกิดเสี ยงสะท้อนอึงอลเบาๆ
พร้อมกับบานประตูที่ค่อยแง้มเปิ ดออกช้าๆ หญิงสาวสื บเท้าไป
เบื้องหน้าก้าวหนึ่ง...เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น พริ บตาที่กา้ วเท้าเข้าไป
ภายใน เซี่ยฉิ งเยว่น่ิงค้างด้วยความตกตะลึง
หยุนเช่อมิได้ไปที่ใด ชายหนุ่มใช้เวลาอยูภ่ ายในตําหนัก
เมฆาเยือกแข็งมาตลอดเจ็ดวันที่ผา่ นมา ชัว่ เวลาที่ประตูเปิ ดออก
เซี่ยฉิ งเยว่สงั เกตุเห็นชายหนุ่มในพริ บตา หยุนเช่อนัง่ ขัดสมาธิอยู่
บนพื้นนํ้าแข็ง หลังตั้งตรง สองแขนผายออกด้านข้างลักษณะ
หงายฝ่ ามือขึ้นเบื้องบน ฝ่ ามือซ้ายปรากฏแสงสะท้อนของพฤกษา
เหมันต์บรรจบ บนฝ่ ามือขวาปรากฏลูกบอลเพลิงเทพหงสาแดง
ฉานกระพริ บไหว
ที่ส่งผลให้เซี่ยฉิ งเยว่ตื่นตระหนกมิใช่เพียงแค่น้ ี หากแต่เป็ น
มวลอากาศที่พวยพุง่ ออกมา...
ด้านขวามือของร่ างกาย หญิงสาวรู ้สึกราวเป็ นอเวจีเยือก
แข็ง ด้านซ้ายรู ้สึกราวตกลงสู่ ทะเลเพลิงกัลป์ อันร้อนแรง...พื้นที่
ว่างภายในตําหนักเมฆาเยือกแข็งถูกแบ่งออกเป็ นสองส่ วนอย่าง
ชัดเจน แบ่งออกเป็ นโลกสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง!
ดวงตางดงามทั้งคู่ของเซี่ยฉิ งเยว่สน่ั สะท้านรุ นแรง เป็ น
เช่นนี้ได้อย่างไร?
ตามหลักแล้ว ความร้อนแผดเผาและความเย็นสุ ดขั้วย่อม
ต้องหักล้างซึ่งกันและกัน ลดทอนพลังของแต่ละฝ่ าย เช่นเดียวกับ
ไฟและนํ้าแข็งที่ลบล้างพลังฝ่ ายตรงข้าม นี่เป็ นหลักพื้นฐานที่
ทารกยังทราบกระจ่าง ทว่าที่เบื้องหน้าเซี่ยฉิ งเยว่คือภาพเหตุการณ์
ที่พลิกตลบความเข้าใจของเซี่ยฉิ งเยว่อย่างสิ้ นเชิง! ความเย็นที่
ด้านขวา และความร้อนที่ดา้ นซ้ายกลับไม่บ่งบอกถึงสัญญาณใน
การหักล้างซึ่งกันและกัน ราวกับระหว่างพลังทั้งสองปรากฏ
ปราการโปร่ งแสงที่ก้ นั ขวางให้พลังไม่อาจล่วงลํ้ากันและกันได้
ยามนี้ หยุนเช่อที่นิ่งสงบตลอดมาพลันเคลื่อนไหว ชายหนุ่ม
ขยับสองมือเข้าหากันด้วยอากัปกิริยาเชื่องช้าอย่างถึงที่สุด ราวกับ
ทุกการเคลื่อนไหวสิ้ นเปลืองพลังอย่างมหาศาล ที่ตามมาจากการ
เคลื่อนไหวของชายหนุ่ม คือนํ้าแข็งและไฟบนฝ่ ามือทั้งสองที่
เคลื่อนใกล้เข้าไปเรื่ อยๆ กระทัง่ บรรจบพบกันในที่สุด
เพลิงเทพหงสามิได้รบกวนพลังเยือกแข็ง พัลงเยือกแข็งเอง
ล้วนมิได้แช่แข็งเปลวไฟ ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เซี่ยฉิ งเยว่
ประสบปั ดเป่ าความรู ้ความเข้าใจพื้นฐานทัว่ ไปของนางจนหมด
สิ้ น...พลังเยือกแข็งบรรจบและเพลิงเทพหงสากลับค่อยๆ ผสาน
รวมกัน พลังเยือกแข็งมิได้กลายเป็ นเปลวเพลิง เปลวเพลิงเองมิได้
กลายเป็ นนํ้าแข็ง ทั้งสองธาตุมิได้หกั ล้างกัน ทั้งมิได้ลดทอนพลัง
ของอีกฝั่ง แต่กลับกลมกลืนเข้าหากันราวกับของเหลวสองชนิด
จากนั้น ผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์
ไฟและนํา้ แข็ง...กําลังผสานรวมกัน!?
ขณะเดียวกัน ตําหนักเมฆาเยือกแข็งที่ถูกแบ่งออกเป็ นสอง
ส่ วนเมื่อครู่ บรรยากาศความร้อนและความเย็นเยียบสุ ดขั้วล้วน
ผสานรวมกันเช่นกัน...เมื่อความเย็นหนาหนัก ผสมรวมกับความ
ร้อนแผดเผา อุณหภูมิที่ได้สมควรกลับสู่ความสมดุล ทว่าเซี่ยฉิ ง
เยว่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนสุดขีด และความเย็นสุ ดขั้ว
ที่ยงั คงอยู่ พัวพันอย่างบ้าคลัง่ บิดผันชั้นบรรยากาศ ทัง่ ร่ างอขง
หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความรู ้สึกอึดอัดคับข้องอย่างถึงที่สุดใน
สภาวะแวดล้อมอันเหนือสภาวะปกติโดยธรรมชาติเช่นนี้ กระทัง่
จําต้องใช้ออกด้วยพลังปราณคุม้ กายเก้าในสิ บส่ วนเพื่อลดทอน
ความอึดอัดลง
และขณะนี้เอง ที่เพลิงเทพหงสาและพลังศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบของหยุนเช่อผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ สี สนั ของ
นํ้าแข็งแห่งเยือกแข็งบรรจบและสี แดงแห่งอัคคีเทพหงสาล้วน
อันตรธานหายไป ต่างทับซ้อนพัวพันกันอยูบ่ นฝ่ ามือของหยุนเช่อ
ที่ปรากฏกลับกลายเป็ นลูกบอลเพลิงสี ฟ้าครามอันลี้ลบั น่า
หลงใหล!
ตามระดับชั้นของพลังปราณอัคคี ที่อ่อนด้อยที่สุดคือสี สม้
ถัดมาคือสี แดง ฟ้า ม่วง หากแต่เพลิงสี ฟ้าบนฝ่ ามือของหยุนเช่อ
เป็ นสี ฟ้าที่แตกต่างจากสี ฟ้าของปราณอัคคีทวั่ ไป กลับกัน มันเป็ น
สี ฟ้าที่เซี่ ยฉิ งเยว่คุน้ เคยจนไม่อาจคุน้ เคยยิง่ กว่า...เป็ นสี ฟ้าเยือก
แข็ง!
เปลวเพลิงสีฟ้าเยือกแข็ง!
เพลิงฟ้าเยือกแข็งพลิ้วไหวอยูบ่ นฝ่ ามือทั้งสองของหยุนเช่อ
ทั้งยิง่ มายิง่ กระพริ บไหวอย่างเฉียบคมรุ นแรงขึ้นเรื่ อยๆ สองมือ
ของชายหนุ่มสัน่ สะท้านรุ นแรงขึ้นเช่นกัน ราวกับหยุนเช่อเอง
ค่อยๆสู ญเสี ยความควบคุมต่อเปลวเพลิง...ท้ายที่สุด ร่ างทั้งร่ าง
ของหยุนเช่อพลันเอียงวูบ สี หน้ากลับกลายเป็ นซีดขาวขณะพ่น
โลหิ ตออกมาคําโต อัคคีฟ้าเยือกแข็งเองร่ วงหล่นลงจากฝ่ ามือสู่
พื้นศิลาหยกสวรรค์
เซี่ยฉิ งเยว่ผอ่ นลมหายใจ ร่ างงามของนางไหววูบคราหนึ่ง
ก่อนจะเข้าถึงตัวหยุนเช่อ ขณะที่นางกําลังจะเอ่ยปาก สายตาของ
นางมองไปยังหยุนเช่อ...ก่อนที่ร่างทั้งร่ างของหญิงสาวต้องตะลึง
จนแข็งค้างไปอีกครั้งครา
หลุมลึกหนึ่งฟุตกว้างครึ่ งฟุตหลุมหนึ่งปรากฏขึ้นยังบริ เวณ
ที่เพลิงสี ฟ้าเยือกแข็งเมื่อครู่ ร่วงหล่นลง หลุมนี้เป็ นทรงกลม
ภายในเรี ยบเนียนอย่างยิง่ เรี ยบจนสามารถสะท้อนเงาผูค้ น ราวกับ
เป็ นชิ้นงานอันปราณี ตพิถีพิถนั จากการทุ่มเทแรงงานบดอัด
ออกมาจนมีสภาพเยีย่ งนี้!
เซี่ยฉิ งเยว่มน่ั ใจอย่างยิง่ ว่าที่แห่งนี้ปราศจากหลุมใดมาก่อน
เนื่องเพราะทุกทิศล้วนหลอมสร้างมาจากศิลาหยกสวรรค์ ภายใน
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนี้ กระทัง่ ฟ่ งเชียนฮุ่ยเองยังไม่อาจ
สร้างริ้ วรอยใดแก่ศิลาหยกสวรรค์ได้ กระทัง่ กระบี่หนักอันทรง
พลังน่าตระหนกของหยุนเช่อที่มีระดับเท่าศาสตราวุธชั้นปราณ
จักรพรรดิ แม้จะทุ่มเทพลังถึงเก้าในสิ บส่ วน ชายหนุ่มยังไม่อาจ
สร้างรอยขีดข่วนต่อศิลาชนิดนี้ได้
ทว่ายามนี้ กลับปรากฏหลุมขึ้นหนึ่งหลุมอย่างน่าตื่นตะลึง
หรื อว่ า...นี่เป็ นเพราะเฟลวไฟสีฟ้าเมื่อครู่ ?
ภายในหลุม ไม่ปรากฏร่ องรอยของนํ้าแข็ง ทั้งไม่ปรากฏ
ร่ องรอยของการเผาไหม้ใดๆ!
“ฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่า..ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”
หยุนเช่อนัง่ อยูก่ บั พื้นโดยไม่สนใจรอยเลือดที่ดา้ นข้างของ
ตน ชายหนุ่มเริ่ มต้นหัวเราะอย่างบ้าคลัง่ “ในที่สุด...ก็สาํ เร็ จ...ฮ่า
ฮ่าฮ่าฮ่า..”
“นัน่ เป็ น...อะไรกันแน่?” สายตาที่ไม่อาจสะกดรับความ
แตกตื่นกวาดผ่านใบหน้าของหยุนเช่อ
“เป็ นอัคคีอนั พิเศษเฉพาะ ทั้งยังเป็ นนํ้าแข็งอันไม่ธรรมดา
สามัญ นี่คือพลังที่ได้มาจากการฝื นวิถีแห่งฟ้า!” หยุนเช่อยกฝ่ ามือ
ขึ้นเช็ดคราบโลหิ ตที่มุมปากก่อนฉี กยิม้ กว้างขวาง “เพียงแต่ขา้ เพิง่
จับเคล็ดได้เมื่อครู่ จึงสามารถใช้ออกได้อย่างจํากัดอยูบ่ า้ ง...ทั้งยัง
ต้องทนทานกับความเสี ยหายใหญ่หลวง ทว่า...แต่นี่กลับเป็ น
หลักฐานสําคัญในการพิสูจน์วา่ การฝื นวิถีฟ้ามิใช่เป็ นไปไม่ได้!
ยิง่ กว่านั้น หลังทําสําเร็ จ พลังที่ได้รับนับว่าเหนือลํ้ากว่าที่ขา้
คาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง”
“ท่านหมายความว่า...การผสานพลังนํ้าแข็งและเปลวไฟ?
สามารถทําได้จริ งๆ?” เซี่ยฉิงเยว่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
“ข้าสามารถ แต่ผอู ้ ื่นไม่” หยุนเช่อเหยียดริ มฝี ปากเป็ น
รอยยิม้ แม้ชายหนุ่มจะต้องประสบความเสี ยหาย หากการสามารถ
หลอมรวมพลังไฟนํ้าแข็งสร้างความตื่นเต้นแก่ชายหนุ่มยิง่ หยุ
นเช่อหยัดกายลุกขึ้นยืนจ้องมองไปยังเซี่ยฉิ งเยว่ก่อนกล่าวว่า
“เรื่ องราวนี้เป็ นความลับอย่างหนึ่งของข้า อย่าได้บอกกล่าวต่อ
ผูใ้ ด”
เซี่ยฉิ งเยว่ “....”
“ข้าอยูท่ ี่นี่มานานเท่าใด?”
“เจ็ดวัน”
“เจ็ดวัน...” หยุนเช่อยกฝ่ ามือตนเองแตะปลายคาง จากนั้น
ชายหนุ่มพลันฉุกคิดเรื่ องราวบางประการ ก่อนจะนําหยกสื่ อสาร
ของตนเองออกมา ดังคาด หยกสื่ อสารประทับตราสื่ อสารของชาง
เยว่และชางว่านเฮ่อ
“เพียงเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนจากงานประลอง หากเร่ ง
เดินทาง จากที่นี่เดินทางถึงนครวิหคเทวะใช้เวลาสิ บวัน ท่าน
สมควรเร่ งเตรี ยมตัว” เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวเตือน แม้หญิงสาวจะตื่น
ตระหนกอย่างถึงที่สุด หากนางมิได้กล่าวถึงไฟนํ้าแข็งอีกเป็ นครั้ง
ที่สอง
“อืมม เข้าใจแล้ว” หยนเช่อผงกศีรษะรับ “เดี๋ยว ท่านกล่าว
ว่าข้าสมควรเตรี ยมตัวในทันที..ท่านหมายความว่า ท่านจะไม่ไป
พร้อมกับข้า?”
“ท่านหญิงไม่อนุญาตข้าเข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ
ในครั้งนี้”
“เพราะเหตุใด”
เซี่ ยฉิ งเยว่เพียงทอดถอนใจ หากยังไม่กล่าวบอกสาเหตุที่
แท้จริ ง “ตามข้าไปพบท่านหญิง”
หลังติดตามเซี่ยฉิ งเยว่เพื่อเข้าพบกงยูเ่ ซียน ก่อนที่กงยูเ่ ซียน
จะทันเอ่ยปาก หยุนเช่อกลับถามเข้าเรื่ องในทันที “ท่านหญิง เหตุ
ใดไม่อนุญาตฉิ งเยว่เข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิในครานี้
ตามเกณฑ์ผเู ้ ข้าร่ วมงานประลอง คืออายุระหว่างสิ บแปดถึงยีส่ ิ บ
ห้าปี ในอาณาจักรวายุครามเรา ผูท้ ่ีสมควรเป็ นตัวแทนที่สุดคือฉิ ง
เยว่”
กงยูเ่ ซี ยนทราบดีวา่ หยุนเช่อย่อมต้องถามคําถามนี้ นาง
กล่าวตอบอย่างเชื่องช้าด้วยสี หน้าเยือกเย็น “นี่มิใช่ความตั้งใจของ
ข้า แต่เป็ นความตั้งใจของท่านหญิงรุ่ นก่อน”
“ท่านหญิงรุ่ นก่อน? ท่านมีเหตุใดผลอันใด?” หยุนเช่อกล่าว
ถามสื บต่อ
กงยูเ่ ซี ยนจับจ้องลึกลงในดวงตาของหยุนเช่อก่อนกล่าวว่า
“หยุนเช่อ ข้าทราบดีวา่ เจ้าสงสัยมาโดยตลอดว่าสาเหตุที่แท้จริ งที่
ท่านหญิงยินยอมทําลายกฏเกณฑ์นบั พันปี ของสํานักเราเพื่อรับเจ้า
เข้าสู่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งคือสิ่ งใด ข้าสามารถบอกต่อเจ้า
ได้ในวันนี้...ที่จริ ง ท่านหญิงมิได้โป้ปดต่อเจ้าในวันนั้น
เหตุผลทั้งหมดที่ท่านต้องการรับเจ้าเข้าสู่ แดนศักดิ์สิทธิ์ลว้ น
เนื่องเพราะความสามารถและพลังฝี มือของเจ้า เพียงแต่ เบื้องหลัง
เหตุผลนั้น มีสาเหตุสาํ คัญที่สุดอีกหนึ่งประการ นัน่ คือมหันตภัย
แห่งสหัสวรรษของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา”
“มหันตภัยแห่งสหัสวรรษ?” หยุนเช่อกล่าวออกมาด้วย
ความประหลาดใจ
“มหันตภัยแห่งสหัสวรรษ เป็ นคําพยากรณ์ที่ตกทอดมาจาก
บรรพชนเรา ทํานายไว้วา่ หลังผ่านไปหนึ่งพันปี แดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งย่อมต้องพานพบมหันตภัยร้ายแรง และปี นี้ คือปี ที่
ครบรอบหนึ่งพันปี พอดิบพอดี เพือ่ เพิม่ พูนความต้านทานของเรา
ในการรับมือกับหายนภัย ท่านหญิงรุ่ นก่อนจึงเลือกรับเจ้าเข้าสู่
สํานักเพื่อหวังพึ่งพาพลังฝี มือของเจ้า...นอกจากนี้ ความสัมพันธ์
ของเจ้ากับฉิ งเยว่และเยว่ฉาน เจ้าสมควรไม่ปฏิเสธบอกปัด”
คํากล่าวของกงยูเ่ ซียนส่ งผลให้หยุนเช่องงงัน หลังนิ่งเงียบ
ไปครู่ หนึ่ง ชายหนุ่มพลันกล่าวว่า “เช่นนั้นสาเหตุที่ท่านหญิงรุ่ น
ก่อนไม่อนุญาตฉิ งเยว่เข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ หรื อเป็ น
เพราะ...”
“จากโลหิ ตเทพหงสาในตัว เจ้าเองไม่สามารถหลีกเลี่ยงจาก
บุญคุณความแค้นในพรรคเทพหงสา สี่ เดือนก่อน เจ้าทําร้ายองค์
ชายสิ บสามบาดเจ็บสาหัส ยิง่ เป็ นการยํ้าความแค้นให้ลึกลํ้า ดังนั้น
การเดินทางไปยังแดนเทพหงสาครานี้ ทุกก้าวเปี่ ยมอันตราย
อันตรายถึงขั้นที่เจ้าอาจสิ้ นชื่อลงได้ หากเจ้ายังคงยืนกรานที่จะไป
หากฉิ งเยว่ไปพร้อมกับเจ้า เมื่อเจ้าเผชิญพบมหันตภัย นางใน
ฐานะภรรยาย่อมไม่มีทางเพิกเฉยได้ ผลลัพธ์คือนางเองย่อมตกอยู่
ในอันตราย ฉิ งเยว่คือว่าที่ท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเรา นางเป็ นความหวังของสํานัก ไม่อาจให้เกิดเรื่ องราวไม่
คาดฝันอันใดทั้งสิ้ น! ดังนั้น...”
“เข้าใจแล้ว” หยุนเช่อผงกศีรษะ เมื่อฟังถึงยามนี้ ชายหนุ่ม
กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าเหตุใดฟ่ งเชียนฮุ่ยไม่อนุญาตเซี่ยฉิ งเยว่
เดินทางไปพร้อมกับตนเอง...แม้เซี่ยฉิ งเยว่เองสามารถเปล่ง
ประกายในงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ ทั้งยังสามารถนําพาชื่อเสี ยง
เกียรติภูมิสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งได้อย่างแน่นอน แต่หาก
นางเดินทางไป มีความเป็ นไปได้อย่างสูงที่นางย่อมต้องพัวพันสู่
บุญคุณความแค้นของหยุนเช่อและพรรคเทพหงสา ความเสี่ ยงที่
ต้องเดินทางสู่ จกั รวรรดิเทพหงสาในครานี้ หยุนเช่อกระจ่างแจ้งดี
ที่สุด...แม้แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งต้องประสบหายนะจากม
หันตภัยจนสู ญสิ้ นทั้งสํานัก แต่ตราบใดที่เซี่ยฉิ งเยว่ยงั อยู่ นับว่ายัง
มีความหวังไม่สิ้นสุ ด แต่หากเซี่ยฉิ งเยว่ประสบเภทภัย...แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งล้วนไม่อาจยอมรับได้
“คําสัง่ ท่านหญิงมิอาจขัดขืน ขอท่านระมัดระวังตัวให้ดียาม
เดินทางสู่ นครวิหคเทวะ” เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวอย่างนุ่มนวล
“อย่าได้กงั วล หากข้าเกิดเรื่ องราวโดยง่ายดาย คงไม่อาจมี
ชีวติ รอดจนถึงทุกวันนี้” หยุนเช่อกล่าวอย่างหยิง่ ผยอง ชายหนุ่ม
คารวะต่อกงยูเ่ ซี ยนพร้อมกล่าวว่า “ท่านหญิง เช่นนั้นศิษย์ขอ
เดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งในวันนี้ ย้อนกลับ
ไปยังนครหลวงวายุคราม ก่อนจะเดินทางต่อไปยังนครวิหคเทวะ
แห่งอาณาจักรเทพหงสา”
“เจ้าต้องการไปที่นนั่ ล่วงหน้าเพื่อสื บทราบการเคลื่อนไหว
ของพรรคเทพหงสารึ ?” กงยูเ่ ซียนผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็ดี
เคลื่อนไหวก่อนดีกว่าตั้งรับกับที่ เมื่อไปถึงนครวิหคเทวะ จง
ระมัดระวังให้มากไว้ ที่สาํ คัญที่สุดคือสามารถรอดชีวติ กลับมา
จดจําไว้ มหันตภัยแห่งสหัสวรรษกําลังมา พวกเรายังต้องพึ่งพา
กําลังของเจ้า”
“แน่นอน ศิษย์ไม่มีทางลืมเลือนสถานะศิษย์ของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ศิษย์ตอ้ งรอดชีวติ กลับมาเพื่อชดเชยความ
เมตตาและพระคุณในหลายเดือนที่ได้รับจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งให้ได้” หยุนเช่อกล่าวอย่างหนักแน่น
บทที่ 394 เพียงคนเดียว
“เจ้า….คนเดียว?”ชางว่านเฮ่อมีสีหน้าตกตะลึง อย่างไรก็ดี
หลังจากครุ่ นคิดชัว่ ขณะ ทันใดชางว่านเฮ่อรู ้สึกว่านี่ดูไม่
เหมือนกับเป็ นข้อเสนอที่พระองค์ไม่อาจยอมรับได้ ในอาณาจักร
วายุครามในหมู่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ภายใต้อายุยสี่ ิ บห้าปี มีเพียงเซี่ยฉิ งเยว่ที่
สามารถเปรี ยบเทียบกับหยุนเช่อได้ และถ้าเซี่ยฉิงเยว่ไม่ร่วมมือ
ไม่มีใครที่มีค่าพอจะนํามาเปรี ยบเทียบกับหยุนเช่อ….ต่อให้เป็ นห
ลิงหยุนผูท้ ี่ถูกอ้างว่าเป็ นมือหนึ่งของรุ่ นเยาว์กต็ าม
เช่นนั้น แม้วา่ พระองค์จะคัดเลือกผูเ้ ยีย่ มยุทธ์อายุต่าํ กว่ายีส่ ิ บ
ห้าปี เก้าคนจากกองกําลังของราชวงศ์...ไม่ตอ้ งกล่าวถึงจํานวน
เพียงเก้าคน แม้จะมีถึงเก้าสิ บคน ยังไม่อาจเทียบเปรี ยบกับหยุ
นเช่อได้แม้แต่นอ้ ย
เมื่อเป็ นเช่นนี้ ส่ งหยุนเช่อไปคนเดียว กับเลือกคนไปด้วย
อีกเก้าคนจะแตกต่างอันใด? ผูค้ นทั้งเก้าเพียงเป็ นตัวอุดช่องโหว่
เท่านั้น
แม้น่ีเป็ นความจริ ง แต่การส่ งผูค้ นเพียงคนเดียวเข้าร่ วมการ
แข่งขันประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า...ในประวัติศาสตร์
ของทั้งเจ็ดจักรวรรดิที่ผา่ น ดูคล้ายไม่เคยมีมาก่อน สําหรับหก
อาณาจักรที่เหลือ การต่อสู แ้ ย่งชิงตําแหน่งผูเ้ ข้าร่ วมทั้งสิ บคนแทบ
เป็ นการตัดสิ นเป็ นตาย พวกมันต่างเกลียดชังข้อเท็จจริ งที่วา่ มันมิ
อาจขยายจํานวนผูเ้ ข้าร่ วมเป็ นหนึ่งพัน สถานการณ์ขาดแคลนผู ้
แข่งขันจนไม่อาจหาครบสิ บคนได้ ล้วนไม่เคยปรากกมาก่อน
ทว่า สําหรับอาณาจักรวายุครามนั้น…
“เฮ้อ!” ชางว่านเฮ่อถอนหายใจเป็ นครั้งที่สาม แสดงออกถึง
ความผิดหวังหนักหน่วงและอับจนปั ญญาต่อสถานการณ์น้ ี
“เช่นนั้นก็ไม่เลว เจ้าเพียงคนเดียวกับบังคับผูค้ นเข้าร่ วมเพิม่ อีกเก้า
คนล้วนไม่แตกต่างเท่าใด กลับกัน ยิง่ เป็ นการทําให้เหล่าผูไ้ ด้รับ
กล่าวขานเป็ นอัจฉริ ยะอีกเก้าคนของอาณาจักรเราต้องพบความ
อัปยศใหญ่หลวงมากกว่า แต่เมื่อเป็ นเช่นนี้ เจ้ากลับต้องรับศึก
เพียงลําพังอย่างแท้จริ ง...และคําว่าต่อสู เ้ พียงลําพังนี้ ไม่ได้
หมายความเพียงเจ้าต้องขึ้นเวทีเพียงลําพังเท่านั้น แม้แต่ทว่ั ทั้ง
สนามประลอง ยังไม่อาจหาผูค้ นจากอาณาจักรเราได้แม้แต่คน
เดียวเข้าชมงานประลองด้วยซํ้า เนื่องเพราะสถานที่น้ นั คือลาน
แห่งความอัปยศของประชากรชาววายุครามเราตลอดมา ในงาน
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า ไม่เคยปรากฏประชาชน
จากวายุครามเราไปเข้าร่ วมโดยสมัครใจมาก่อน...อ้อ เดี๋ยวก่อน
ไม่ถูกต้อง! คราวนี้อาจแตกต่างไป”
ดวงตาชางว่านเฮ่อพลันทอประกายกล้า “หากผูก้ ล้าแห่ง
อาณาจักรวายุครามเราทราบว่าเจ้าไปเข้าร่ วมในฐานะตัวแทน
อาณาจักรวายุครามในงานประลองเจ็ดจักรวรรดิครั้งนี้ บางที อาจ
จุดประกายความหวังของพวกมันในการประกาศศักดาในงาน
ประลองครั้งนี้ได้! เพราะเจ้าคือผูเ้ ยีย่ มยุทธ์รุ่นเยาว์ที่เป็ นตํานาน
แห่งอาณาจักรวายุคราม ที่สามารถทําร้ายหลิงเทียนหนี่ได้แม้จะ
อายุเพียงสิ บเก้าปี ! ด้วยระดับพลังยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพี กลับมี
ทักษะการต่อสู เ้ ทียบเท่าชั้นปราณจักรพรรดิข้นั กลาง...เป็ นไป
ไม่ได้ที่เจ้าจะไม่เปล่งประกายออกมาในงานประลองเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้าในครานี้!”
“นอกจากนี้ ในยุทธภพวายุครามเรา ยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์ที่
ศรัทธาชื่นชมต่อเจ้ามีจาํ นวนมากมายมหาศาลยิง่ ครั้งนี้ เจ้ากําลัง
เข้าร่ วมสงครามเพื่องช่วงชิงเกียรติยศแก่วายุครามเรา เป็ นไปได้
อย่างสู งที่หากเจ้าก้าวลงยังลานประลอง เหล่าผูส้ นับสนุนจะ
แสดงตัวออกมาไม่นอ้ ย เพื่อเป็ นพยานแก่ยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่งใน
ประวัติศาสตร์วายุครามเรา!”
ชางว่านเฮ่อยิง่ กล่าวยิง่ ตื่นเต้นยินดี พระองค์ตบลงบนบ่า
ของหยุนเช่อ “เราจะประกาศเรื่ องนี้ให้ทว่ั ราชอาณาจักร ทว่า
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เจ้าต้องแบกรับภาระหนังหน่วงทั้งหมดเพียงผู ้
เดียว แต่วา่ แม้เจ้าจะลงประลองเพียงลําพัง หากเจ้าจะไม่ขาดไร้
ผูต้ ิดตามอย่างแน่นอน เราจะเดินทางไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
ครานั้น แม้หยุนเช่อกล่าวว่าตนเองจะเดินทางไปนครหลวง
วิหคเทวะเพื่อเข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิต่อหน้าทุกผูค้ น
หากเนื่องเพราะเรื่ องราวในวันนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่
ออก ในเวลานี้จึงยังไม่มีข่าวคราวรั่วไหล
“พระบิดา ท่านจะไปพร้อมกับข้า?” หยุนเช่อกล่าวด้วย
ความตื่นตระหนก
“ถูกต้อง” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ “เราเชื่อมัน่ ใน
ความสามารถของเจ้า...แม้จะมีเพียงเจ้าคนเดียว เรายังเชื่อว่าเจ้าจะ
สามารถกรุ ยทางสร้างประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรวายุครามเรา!
เหตุใดเราจะไม่ไปดูดว้ ยตาตนเองเล่า?”
หากหยุนเช่อกลับไม่คิดเช่นนั้น ชายหนุ่มสัน่ ศีรษะอย่าง
เด็ดขาด “ไม่ พระบิดาไม่อาจไปร่ วมกับข้า!”
“...เพราะเหตุใด?” ทีท่าเด็ดเดี่ยวของหยุนเช่อสร้างความตก
ตะลึงแก่ชางว่านเฮ่อ
“พระบิดา หากนี่เป็ นเพียงงานประลองยุทธ ข้าย่อมยินดียงิ่
ที่ท่านจะไปเข้าร่ วมกับข้า ทั้งยังปรารถนานําเสวีย่ หลอ ท่านปู่ และ
อาหญิงเล็กไปด้วย แต่วา่ การไปยังอาณาจักรเทพหงสาในครานี้
ของข้า มิใช่การเข้าร่ วมงานประลองเพียงอย่างเดียว สาเหตุหลักที่
ข้าจําต้องไปครานี้ เพือ่ สะสางเรื่ องราวระหว่างข้าและพรรคเทพ
หงสา ตราบใดที่บุญคุณความแค้นยังไม่ถูกสะสาง พวกมันย่อม
ไม่มีทางละความสนใจจากข้าไม่วา่ นานเท่าใด หากวันใดวันหนึ่ง
พวกมันคิดเคลื่อนไหว ไม่แน่อาจส่ งผลกระทบใหญ่หลวงต่อผูค้ น
ที่ขา้ งกายข้า ดังนั้น ข้าตั้งใจใช้งานประลองนี้ถือโอกาสสะสาง
เรื่ องราวระหว่างข้าและพวกมัน...ในงานประลอง ผูค้ นจากทั้งหก
จักรวรรดิ อาจรวมทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ต่างมาเข้าร่ วม ภายใต้
สายตาของฝูงชนมากมายเป็ นพยาน การสะสางบัญชีอนั ใดล้วน
ง่ายดายกว่าการกระทําการโดยส่ วนตัวกับพรรคเทพหงสาเท่านั้น
นี่เป็ นโอกาสที่ดีที่สุดสําหรับข้า...ขณะเดียวกัน ย่อมนํามาซึ่ง
ภยันตรายที่มองไม่เห็นทุกเมื่อ”
“ดังนั้น ข้าเดินทางไปนครวิหคเทวะเพียงผูเ้ ดียวล้วน
เพียงพอแล้ว เมื่อข้ากระทําการใด ล้วนไม่ตอ้ งห่วงพะวง ทั้ง
ปราศจากข้อติดขัดใดๆ” หยุนเช่อกล่าวด้วยสี หน้าสงบเยือกเย็น
“แต่...”
“ข้าทราบดีถึงความตั้งใจของพระบิดา” หยุนเช่อพลันพูด
ขัดชางว่านเฮ่อ “พระบิดาอาจคิดช่วยออกหน้าสะสางบัญชี
ระหว่างข้าและพรรคเทพหงสาระหว่างการเข้าพบจักรพรรดิเทพ
หงสา แต่พรรคเทพหงสาไม่มีทางยินยอมประนีประนอมใดๆ
เพื่อผลประโยชน์แลกเปลี่ยนหากสิ่ งนั้นเกี่ยวข้องกับสายเลือดเทพ
หงสาของพวกมัน กระทัง่ องค์ชายสิ บสามยังไม่เห็นท่านใน
สายตา เช่นนั้นยิง่ มีความเป็ นไปได้วา่ จักรพรรดิเทพหงสาเอง..
ย่อมไม่สนใจคํากล่าวของพระบิดาเช่นกัน”
แม้คาํ กล่าวของหยุนเช่อตรงไปตรงมาอย่างยิง่ หากทั้งหมด
ล้วนเป็ นข้อเท็จจริ ง สี หน้าของชางว่านเฮ่อแข็งค้างไปชัว่ ครู่ ก่อน
จะทอดถอนใจเฮือกใหญ่ “ตกลง เมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนั้น เราย่อม
ไม่บีบบังคับเจ้า รับนี่ไป...”
ชางว่านเฮ่อนําตราสัญลักษณ์สีแดงล้วนออกมาส่ งมอบให้
หยุนเช่อสิ บชิ้น ทั้งหมดล้วนเหมือนกันทุกประการ ด้านหน้าตรา
สัญลักษณ์สลักไว้ดว้ ยลวดลายหงสาสยายปี ก ขณะที่คาํ “วายุ
คราม” สลักไว้ดา้ นหลัง
“นี่คือตราสัญลักษณ์ที่ได้รับมาพร้อมเทียบเชิญงานประลอง
เมื่อสวมใส่ เป็ นสัญลักษณ์วา่ เจ้าเป็ นผูเ้ ข้าร่ วมการแข่งขัน ทั้งเป็ น
หลักฐานในการอนุญาตเจ้าเข้าสู่ สนามประลองและที่พกั เมื่อเจ้า
บรรลุถึงจักรวรรดิเทพหงสาแล้ว เจ้าเพียงต้องสอดแทรกพลัง
ลมปราณเข้าไปเล็กน้อย จากนั้น ตราสัญลักษณ์น้ ีจะเป็ นบัตร
แสดงตัวของเจ้า แม้จะมีคนขโมยไป ผูล้ กั ขโมยยังคงไม่อาจลบ
ล้างคลื่นพลังของเจ้าที่อยูภ่ ายในได้ เมื่อเจ้าเป็ นคนเดียวที่เป็ น
ตัวแทนเข้าร่ วมงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิในครานี้ เราจึงของ
มอบตราทั้งสิ บชิ้นนี้แก่เจ้า หากเจ้าทําหายไปชิ้นหนึ่ง ยังคงมี
สํารองใช้ โฮ่โฮ่”
หยุนเช่อผงกศีรษะรับ ก่อนจะโคจรพลังถ่ายทอดเข้าไปใน
หนึ่งในตราสัญลักษณ์ จากนั้นเก็บตราสัญลักษณทั้งสิ บไว้กบั ตัว
“กล่าวถึงเรื่ องนี้ การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
ในครานี้ นับว่าละม้ายคล้ายคลึงกับงานประลองยุทธ์วายุครามเมื่อ
สองปี ก่อนอย่างยิง่ ...ทั้งสองครั้ง ล้วนมีเจ้าเป็ นตัวแทนราชวงศ์วายุ
ครามเราเพียงคนเดียว” ชางว่านเฮ่อเงยหน้าขึ้นทอดถอนใจ
“ระหว่างงานประลองยุทธวายุคราม เจ้าส่ งเสริ มให้นามราชวงศ์
วายุครามเรากระเดื่องเลื่องลือทัว่ ยุทธภพวายุครามได้อีกครั้ง และ
ครานี้ เจ้ายอมเสี่ ยงอันตรายใหญ่หลวงเข้าร่ วมเป็ นตัวแทนช่วงชิง
ชื่อเสี ยงมาสู่ วายุครามเราอีกครั้ง...ตระกูลชางของเรา ติดค้างเจ้า
จนเกินไปจริ งๆ”
“พระบิดา อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น” หยุนเช่อกล่าวพลาง
แย้มยิม้ “เสวีย่ หลอคือภรรยาของข้า ข้าเองเป็ นคนตระกูลชาง
ครึ่ งหนึ่ง เป็ นเรื่ องชอบธรรมแล้วที่ขา้ มุมานะเพื่อครอบครัวและ
ญาติพี่นอ้ งของตนเอง”
ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ จากนั้น ตบลงบนบ่าของหยุนเช่อ
อย่างแรงคราหนึ่ง “ไปเถอะ เปรี ยบเทียบกับความต้องการเห็นเจ้า
ได้รับชื่อเสี ยงเกียรติยศในงานประลอง...บิดาหวังให้เจ้ากลับมา
อย่างปลอดภัยมากกว่า แม้จะไม่สามารถสะสางเรื่ องราวระหว่าง
เจ้ากับพรรคเทพหงสาได้ หรื อว่าเรื่ องราวจะเลวร้ายลงก็ตาม ไม่
ว่าอย่างไร เจ้าต้องรอดกลับมาให้ได้!”
“พระบิดา อย่าทรงกังวล ความเสี่ ยงครานี้ อาจเป็ นไปได้วา่
มิได้มากมายอย่างที่ขา้ คาดการณ์ อย่างไรเสี ย เหล่าอาณาจักร
ทั้งหมดต่างร่ วมเป็ นสักขีในงานประลอง พรรคเทพหงสาล้วนไม่
กล้ากระทําการเกินเลย” หยุนเช่อกล่าวด้วยสี หน้าสงบเยือกเย็น
“เจ้าจะไปเมื่อใด?”
“พรุ่ งนี้”
……………………………………………..
คืนนั้น หยุนเช่อพักในตําหนักโอบจันทรา ชายหนุ่มโอบ
กอดชางเยว่ตลอดคืน ทั้งยังอยูร่ ับประทานอาหารเช้าร่ วมกับ
เซี่ยวหลิงซี และชางเยว่ จากนั้นจึงเริ่ มเตรี ยมการเดินทางลงสู่ใต้...
ในชีวติ นี้ ชายหนุ่มไม่เคยออกจากอาณาจักรวายุคราม หยุนเช่อ
เองไม่ทราบการเดินทางนี้จะมีจุดจบเยีย่ งไรเช่นกัน
“สามีขา้ นี่คือบัตรม่วงทองที่พระบิดาเพิ่งให้ผคู ้ นจัดส่ งมา
ท่านพกนํามันไปด้วย...จักรวรรดิเทพหงสามีสาขาใหญ่สมาคม
การค้าเดือนดับ ท่านสามารถแสวงหาสิ่ งของที่อาจใช้ประโยชน์
ได้จากที่นนั่ ” ชางเยว่ส่งบัตรม่วงทองให้ชายหนุ่ม ตัวบัตรส่ อง
ประกายสี ม่วงปลาบ “ตกลง ขอบพระทัยพระบิดาแทนข้าด้วย”
หยุนเช่อยืน่ มือออกมาเพื่อรับบัตรก่อนจะเก็บเข้าไปในไข่มุก “อ้อ
ใช่แล้ว เสวีย่ หลอ เกี่ยวกับร่ องรอยของฉู่เยว่ฉานและหยวนป้า...
อืมมม ยังไม่จาํ เป็ นต้องสื บเสาะในตอนนี้”
“เอ๋ ? เพราะเหตุใด?” ชางเยว่กล่าวด้วยทีท่างุนงง
หยุนเช่อยืดอกกล่าวว่า “ด้วยอิทธิพลของข้าในยามนี้ ใน
อาณาจักรวายุครามไม่มีผใู ้ ดไม่รู้จกั ข้า หากพวกนางทราบว่าข้ายัง
อยู่ ย่อมต้องกลับมาหา แต่ถึงบัดนี้ยงั คงไม่มีวแ่ี วว เยว่ฉานงดงาม
ราวเทพธิดา หยวนป้าเองทั้งร่ างกายใหญ่โตทั้งเต็มไปด้วยมัด
กล้าม ทั้งสองต่างมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น ทว่าผ่านไป
ยาวนานถึงเพียงนี้ยงั คงปราศจากร่ องรอยใด...จึงเหลือเพียงความ
เป็ นไปได้หนึ่งเดียว คือทั้งคู่มิได้อยูใ่ นอาณาจักรวายุครามอีก
ต่อไป แม้จะค้นหาต่อไป เพียงสิ้ นเปลืองแรงงานโดยเปล่า
ประโยชน์ เมื่อข้าบรรลุถึงนครวิหคเทวะ ข้าจะไปยังสมาคม
การค้าเดือนดับเพือ่ มอบภารกิจตามหาทั้งสองแก่สมาคมสาขา
ใหญ่...ความสามารถในการสื บเสาะข้อมูลของสมาคมการค้า
เดือนดับไม่เป็ นสองรองใคร ตราบใดที่ท่านมีกาํ ลังทรัพย์มากพอ
ย่อมต้องสามารถสื บหาที่อยูข่ องหยวนป้าและเยว่ฉานได้ในเร็ ว
วัน”
นี่เป็ นหนึ่งในเหตุผลที่หยุนเช่อเดินทางไปยังนครวิหคเทวะ
เช่นกัน ตราบใดที่ยงั ไม่รู้เบาะแสของบุตรภรรยา...ชายหนุ่มจะละ
ความกังวลใจทั้งวันคืนได้อย่างไร?
“อืม” ชางเยว่ผงกศีรษะเล็กน้อย “ข้าเชื่อว่าทั้งสองย่อมต้อง
ปลอดภัยไร้อนั ตรายแน่นอน”
เซี่ ยวหลิงซี กา้ วเท้ามาเบื้องหน้า ก่อนออกคําลัง่ กับหยุนเช่อ
ด้วยสี หน้าจริ งจัง “เราเตรี ยมชุดเสื้ อผ้ายีส่ ิ บชุดให้เจ้าไว้
ผลัดเปลี่ยน จดจําไว้วา่ ต้องผลัดเปลี่ยนเป็ นประจํา มิเช่นนั้น เจ้า
ต้องเหม็นคลุง้ อย่างแน่นอน...ห้ามลืมทานอาหาร ข้าและองค์หญิง
เตรี ยมเสบียงไว้ให้เรี ยบร้อยแล้ว ก่อนกลับมายังที่น้ ี ต้อง
รับประทานให้หมดสิ้ น...ห้ามกระทําการเสี่ ยงอันตราย ห้ามก่อ
เรื่ องต่อยตีผคู ้ นตามอําเภอใจ ตรงกลับมาที่นี่ทนั ทีที่จบงาน
ประลอง...ไม่วา่ เวลาใด ห้ามปิ ดการทํางานของหยกสื่ อสารโดย
เด็ดขาด เจ้าต้องติดต่อหาพวกเราทุกวัน ฮึ่มม องค์หญิงเคยกล่าวว่า
สามารถเสาะหายันต์สื่อสารสิ บหมื่นลี้ได้ที่สาขาใหญ่แห่งสมาคม
การค้าเดือนดับ...ยังมี! ที่สาํ คัญๆๆๆ ที่สุด ห้ามเจ้าทําตัวเจ้าชูห้ ลาย
ใจ!! หากเจ้ากล้านําพานางจิ้งจอกน้อยคนใดกลับมาอีกละก็ ข-ข-
ข-ข...ข้าและองค์หญิง จะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป”.
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว...ตกลง ตกลง ตกลง...” หยุนเช่อผงก
ศีรษะติดต่อกับพร้อมตกปากรับคํา
หลังจากชางเยว่และเซี่ยวหลิงซีออกคําสัง่ เสร็ จสิ้ น หยุนเช่อ
เรี ยกหงส์หิมะออกมา ชายหนุ่มหมุนกายกลับมากล่าวว่า “เสวีย่
หลอ อาหญิงเล็ก ข้าสัญญากับพวกท่าน ไม่วา่ ผลลัพธ์จะเป็ นดังที่
ข้าหวังหรื อไม่ แต่ขา้ จะต้องกลับมาหาพวกท่านภายในสองเดือน
ให้ได้...ข้าไปล่ะ!!”
หยุนเช่อแย้มยิม้ พร้อมโบกมือลา จากนั้น ชายหนุ่มก้าวเข้า
หาหงส์หิมะ
ในประกายตาของสตรี ท้ งั สองปรากฏความรู ้สึกวิตกกังวล
และไม่อาจตัดใจ หากทั้งสองไม่กล่าวคําพูดใด เนื่องเพราะพวก
นางทราบกระจ่างแก่ใจดีวา่ ไม่วา่ พวกนางไม่อาจตัดใจเพียงใด
ไม่วา่ จะขอร้องชายหนุ่มรั้งอยูส่ กั เพียงไหน..ท้ายที่สุด ชายหนุ่ม
ยังคงต้องไป และครานี้ เป็ นการเดินทางออกจากจักรวรรดิวายุ
ครามไปแสนไกล
เซี่ยวหลิงซี นิ่งค้างจ้องมองแผ่นหลังของหยุนเช่อ ริ มฝี ปาก
ของนางพลันสัน่ สะท้าน … ฉับพลัน ดวงตางดงามทั้งคู่ของนาง
กลับกลายเป็ นพร่ ามัว หญิงสาวมองเห็นร่ างของหยุนเช่อโปร่ งใส
จนสามารถมองทะลุไปยังสัตว์อสู รหงส์หิมะที่ดา้ นหลังชายหนุ่ม
ได้
“อ๊า...” เซี่ยวหลิงซีส่งเสี ยงอุทานออกมาโดยไม่รู้ตวั สายตา
ของนางกลับเป็ นปกติในนาทีน้ นั เช่นกัน หญิงสาวตะโกนนามที่
สลักลึกอยูใ่ นจิตวิญญาณของนางออกมาในทันที “เช่อน้อย!!”
หยุนเช่อชะงักเท้า ก่อนหันกลับมา ไม่ทนั ที่ชายหนุ่มจะเอ่ย
คําใด เซี่ ยวหลิงซี ถลาเข้าสู่ ออ้ มอกของชายหนุ่มพร้อมทั้งกอดรัด
ร่ างของหยุนเช่อแนบแน่น
หยุนเช่อสะท้านขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นจึงแย้มยิม้ ออกมา ชาย
หนุ่มยกสองมือขึ้นโอบกอดร่ างของเซี่ยวหลิงซีก่อนกล่าววาจา
อย่างอ่อนโยนว่า “อาหญิงเล็ก อย่ากังวล ข้าสัญญาแล้วว่าจะ
กลับมาอย่างปลอดภัยในสองเดือน เมื่อถึงยามนั้น ข้าจะเป็ นเช่อ
น้อยของอาหญิงเล็กเช่นเดิม จะอยูข่ า้ งกายท่านอย่างเชื่อฟัง ไม่วงิ่
วนวุน่ วายไปที่ใดอีก...เหมือนเช่นเมื่อก่อน ดีหรื อไม่?”
ภายในใจของเซี่ยวหลิงซีสบั สนวุน่ วายอย่างรุ นแรง หญิง
สาวเงยหน้าขึ้น ดวงตางดงามทั้งคู่เอ่อคลอด้วยหยาดนํ้า นางจับ
จ้องมองไปยังหยุนเช่ออย่างโง่งมก่อนผงกศีรษะคราหนึ่ง ทว่า
ความรู ้สึกอันไม่อาจหักใจของนางที่อยูใ่ นใจกลับยิง่ บีบรัดแน่น
ขึ้น...ที่ติดตามมาด้วย คือลางสังหรณ์เลวร้ายอันคลุมเครื อที่ไม่
ทราบมาจากที่ใด
กรี๊ ซซซ~~~~~
หงส์หิมะกู่ร้องสะท้านขึ้นถึงยอดเมฆก่อนจะนําพาร่ างของ
หยุนเช่อทะยานสู่ ฟากฟ้า พุง่ ทะลวงผ่านกลุ่มเมฆ กลับกลายเป็ น
จุดเล็กๆสี ขาวที่ปลายขอบฟ้า...เซี่ยวหลิงซีเฝ้ามองหยุนเช่อโบย
บินไปไกล สองมือกดทาบลงบนหน้าออกแนบแน่นโดยไม่รู้ตวั
แม้ผา่ นไปเนิ่นนาน หญิงสาวยังคงไม่ลดมือลง…
เหตุใดข้ าถึงบังเกิดความรู้ สึกเช่ นนี.้ ..ความกลัวว่ าจะไม่ ได้
พบเขาอีกตลอดกาล…? ใช่ เป็ นเพราะข้ าไม่ ต้องการเห็นเขาจากไป
ใช่ หรื อไม่ ...?
เช่ อน้ อย...เจ้ าต้ องปลอดภัยกลับมานะ…
บทที่ 396 เก็บหนีร้ ายทาง
พรรคเทพหงสาเป็ นพรรคที่ใหญ่โตที่สุดภายในทวีป
ลมปราณฟ้า แม้วา่ ความแข็งแกร่ งโดยรวมจะด้อยกว่าสี่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยขนาดของมัน มิอาจมีพรรคใดในทวีปลมปราณฟ้า
จะสามารถเทียบเคียงได้ และแน่นอนว่ามันยังเป็ นพรรคเดียวที่มี
คุณสมบัติพอที่จะท้าทายสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์
ในขณะเดียวกัน พรรคเทพหงสานั้นครอบครองความพิเศษ
เฉพาะหนึ่งเดียวภายในทวีป คือกองกําลังของพรรคและกองกําลัง
แห่งวังหลวง! พรรคเทพหงสามีสองรากฐานสําคัญ หนึ่งคือนคร
วิหคเทวะอีกหนึ่งคือวังหลวงเทพหงสา! อีกทั้งยังขยายพรรคสาขา
ไปทัว่ จักรวรรดิเทพหงสาโดยไร้ขอ้ ยกเว้นพวกมันนั้นควบคุมทุก
สิ่ ง
เห็นได้ชดั ว่าพรรคเทพหงสามีขมุ กําลังที่แข็งแกร่ งที่สุดใน
เจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
เฟิ งเหิ งคง นามสะท้านใต้หล้าที่ไม่มีผใู ้ ดไม่รู้จกั ในทวีป
ลมปราณฟ้านี้ เนื่องเพราะมันคือประมุขพรรคเทพหงสาคน
ปั จจุบนั ทั้งเป็ นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเทพหงสา พลังฝี มือสู งส่ ง
หาใดเปรี ยบ สามารถครอบแผ่นฟ้าด้วยฝ่ ามือเดียว เป็ นดังตัวตน
ในตํานานภายในใจของผูค้ นในทวีปลมปราณฟ้า สําหรับผูค้ นใน
จักรวรรดิท้ งั หก เหล่าจักรพรรดิของมันเป็ นตัวตนที่ไม่อาจเข้าถึง
ได้ หากจักรพรรดิเฟิ งเหิ งคงกลับก้าวข้ามจักรพรรดิแห่งอาณาจักร
ของพวกมันไปไกลห่าง ราวกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้บนสรวง
สวรรค์ เมื่อคิดถึงนามนี้ ความรู ้สึกเช่นนี้ลว้ นปรากฏขึ้นภายในใจ
ในบรรดาจักรวรรดิท้ งั หก ห้องท้องพระโรงย่อมต้องรายล้อมด้วย
องครักษ์จาํ นวนมหาศาล รวมทั้งยอดฝี มือจํานวนนับไม่ถว้ น
อารักขาในทางลับ เป็ นสถานที่ที่มีการรักษาการณ์เข้มงวดที่สุดใน
พระราชวัง ทว่าท้องพระโรงแห่งราชวงศ์เทพหงสาที่เฟิ งเหิ งคง
ประทับ เพียงมีแต่ความเงียบสงบ ไม่ปรากฏทหารรักษาการณ์
แม้แต่คนเดียว กระทัง่ องครักษ์ท่ีเดินลาดตระเวณยังหลีกเลี่ยง
สถานที่น้ ีโดยสัญชาตญาณ...ในพระราชวังหลวงของทุก
อาณาจักร เรื่ องราวเช่นนี้ยอ่ มเป็ นเรื่ องน่าแตกตื่น แต่สาํ หรับ
พระราชวังหลวงเทพหงสา นี่เป็ นเรื่ องธรรมดาสามัญ
น่าขัน! เฟิ งเหิ งเยว่มิใช่จกั รพรรดิธรรมดา มันยังเป็ นถึง
ประมุขพรรคอันดับหนึ่งแห่งลมปราณฟ้า---พรรคเทพหงสา! เป็ น
ความเข้มแข็งถึงระดับใด!? ด้วยระดับพลังฝี มือของมัน เหตุใดจึง
ต้องได้รับความคุม้ ครองจากผูอ้ ื่น? ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า มีผคู ้ น
กี่คนที่มีคุณสมบัติ หรื อสามารถคุม้ ครองมันได้?
ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า จะมีสกั กี่คนที่มีความกล้าหาญ หรื อ
ความสามารถในการตะลุยเข้าสู่ พระราชวังหลวงเทพหงสา?
ด้วยที่ไขว้มืออยูเ่ บื้องหลังเฟิ งเหิ งคงจ้องมองไปยังรู ปสลัก
เทพหงสาบนผนัง สายตาของมันจ้องมองไปอย่างไม่ขยับเขยื้อน
เหมือนดัง่ กําลังครุ่ นคิดสิ่ งใดอยู่ โดยปกติแล้วเครื่ องแต่งกายของ
จักรพรรดิจะใช้สีเหลืองทองปักด้วยลวดลายกรงเล็บมังกรห้าสาย
ทว่าเครื่ องแต่งกายของเฟิ งเหิงคงกลับเป็ นสี แดงเพลิงปักด้วย
ลวดลายวิหคสวรรค์สยายปี ก
มันอายุได้หนึ่งร้อยห้าสิ บห้าในปี นี้ หากทัว่ ร่ างของมันกลับ
ขาวอย่างยิง่ และปราศจากริ้ วรอยใดๆ มันมีคิ้วดัง่ กระบี่และดวงตา
แจ่มชัดด้วยความทระนงกล้าหาญที่แสดงชัดออกมา มันดูราวกับ
จะมีอายุได้เพียงสี่ สิบเท่านั้น...ด้วยระดับการฝึ กฝนของมัน หาก
มิใช่เพราะมันต้องการแสดงตัวให้เห็นจุดเด่นของจักรพรรดิและ
ต้องการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกับลูกๆของมัน มัน
สามารถที่จะทําให้ตนเองดูราวกับหนุ่มวัยยีส่ ิ บได้อย่างง่ายดาย
หากมันต้องการ มันมีลูกทั้งหมดสิ บหกคนเป็ นบุรุษสิ บห้าสตรี
หนึ่ง ลูกชายคนโตของมันเฟิ งซีหมิงนั้นอายุได้หนึ่งร้อยปี เต็มแล้ว
ขณะที่นอ้ งสาวคนสุดท้องพึ่งจะอายุสิบหกในปี นี้
ใช้เวลายาวนานอยูค่ รู่ ใหญ่ กว่าที่ดวงตาของเฟิ งเหิงคงจะ
บังเกิดความเปลี่ยนแปลง มันมิได้หนั กลับมา หากกลับกล่าววาจา
ออกมาอย่างฉับพลัน “ลูกหมิง เรื่ องอันใด? ”
มิทราบแต่เมื่อใดที่ปรากฏชายวัยกลางคนอายุราวสามสิ บปี
ในชุดยาวสี แดงขึ้นที่เบื้องหลังมัน ยามปรากฏปราศจากสุ ม้ เสี ยง
ใดแม้แต่นอ้ ย มันยืนอยูท่ ี่ดา้ นหลังของเฟิ งเหิ งคงมาชัว่ ระยะเวลา
หนึ่งแล้ว หากมันไม่กล้าส่ งเสี ยงใด ด้วยเกรงว่าจะเป็ นการรบกวน
องค์จกั รพรรดิ เมื่อมันได้ฟังเฟิ งเหิ งคงเอ่ยปาก ชายวัยกลางคน
ค้อมกายคารวะ “ผูบ้ ุตรคารวะพระบิดา...ผูบ้ ุตรมาเพื่อรายงาน
เรื่ องราวสองประการต่อท่าน”
เฟิ งเหิ งคงหมุนกายไปโดยรอบ ในฐานะที่องอาจดัง่ ขุนเขา
ใบหน้าของมันไม่ได้ปรากฎร่ องรอยความรู ้สึกใดๆออกมาจนมัน
กล่าวคําสองคําออกมาอย่างไม่แยแส “ว่ามา”
“ทราบแล้ว” ลูกชายคนโตของเฟิ งเหิ งคง เฟิ งซีหมิงนั้นเป็ น
ถึงนายน้อยของพรรคเทพหงสาและเป็ นองค์ชายแห่งราชวงศ์เทพ
หงสา หากเห็นได้ชดั ว่ามันยังคงเคารพต่อเฟิ งเหิ งคงมากไม่วา่
ท่าทางหรื อคําพูดล้วนมิกล้าปรากฎการกระทําอวดดี มันก้มหัวลง
เล็กน้อย “เรื่ องแรกที่จริ งเป็ นเพียงเรื่ องเล็กน้อยและไม่คุม้ ค่าให้
พระบิดาต้องหนักใจ ทว่ามันเป็ นเรื่ องของน้องสิ บสาม บุตรไม่
แน่ใจว่าควรจะรายงานเรื่ องนี้ต่อพระบิดาหรื อไม่”
“เฮอะ!” คิว้ ของเฟิ งเหิ งคงขมวดแนบแน่น “ในฐานะรัช
ทายาทแห่งจักรวรรดิเทพหงสา เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็ นลังเลขาด
ความมัน่ ใจเช่นนี้? หากเจ้าต้องการพูดอะไร ก็พดู มา หากไม่
ต้องการพูด ก็ไม่ตอ้ งพูด! กล่าววาจาวกวนอ้อมค้อมอันใด!?”
การดุด่าของเฟิ งเหิงคงไม่ใช่เรื่ องเล็กน้อย เฟิ งซีหมิงสัน่
สะท้านทัว่ ทั้งร่ างพร้อมกล่าวออกมาในทันที “พระบิดาสัง่ สอน
ได้ถูกต้อง ผูบ้ ุตรทราบความผิดแล้ว แม้เรื่ องนี้เป็ นเรื่ องเล็กน้อย
หากเกี่ยวพันถึงสายโลหิ ตเทพหงสา จึงสมควรรายงานพระบิดา
รับทราบก่อน”
“สายโลหิ ตของพรรคเรา? เมื่อเกี่ยวข้องกับสายโลหิตพรรค
เทพหงสา จะนับเป็ นเรื่ องเล็กน้อยได้อย่างไร!” สายตาของเฟิ งเหิ ง
คงเข้มขึ้น “เรื่ องราวนี้เป็ นเช่นไรกันแน่ พูดมา เร็ ว!”
“ทราบแล้ว...พระบิดายังคงจดจํานาม “หยุนเช่อ” ที่ผบู ้ ุตร
เคยกราบทูลเมื่อสองปี ก่อนได้อยูห่ รื อไม่” เฟิ งซีหมิงกล่าวถาม
“หยุนเช่อ?” สายตาของเฟิ งเหิงคงเบนไปเล็กน้อย “เจ้ากําลัง
พูดถึงผูท้ ี่ใช้เพลิงเทพหงสาออกมาในงานประลองยุทธวายุคราม?
มันมิใช่ตายไปตั้งแต่สองปี ก่อนแล้วหรอกหรื อ?”
“รายงานพระบิดา หยุนเช่อถูกกักอยูภ่ ายใต้ผนึก ณ ลาน
กระบี่จดั สรรแห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ดังนั้นผูค้ นต่างเชื่อมัน่ ว่า
มันต้องเสี ยชีวติ ไปแล้ว พวกเราต่างไม่คาดคิดว่ามันจะสามารถ
รอดกลับออกมา ทันทีที่ผบู ้ ุตรได้รับข่าว ผูบ้ ุตรอนุญาตองค์ชาย
สิ บสามเดินทางนําส่งเทียบเชิญงานประลองเจ็ดจักรวรรดิไปยัง
นครหลวงวายุครามด้วยตนเอง สาเหตุหลักคือเพื่อจัดการเรื่ องราว
นี้ หลังน้องสิ บสามพบพานหยุนเช่อ มันเองยืนยันว่าหยุนเช่อ
ครองครองโลหิ ตเทพหงสาเราจริ ง! เปลวไฟของมัน เป็ นเปลวไฟ
เทพหงสา!”
“มีเรื่ องเช่นนี้!” สี หน้าเฟิ งเหิ งคงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
โลหิ ตเทพหงสา คือเรื่ องต้องห้ามที่ยงิ่ ใหญ่ที่สุดของพรรคเทพหง
สา กฏข้อแรกของพรรคเทพหงสาคือสายโลหิ ตห้ามมิให้รั่วไหลสู่
ภายนอก มันกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม “มันเป็ นใครกันแน่ ที่อาจหาญ
ปล่อยให้สายเลือดเทพหงสาเรารั่วไหล...เรื่ องนี้สมควรจัดการ
เยีย่ งไร? หยุนเช่อผูน้ ้ นั บิดามารดามันมีญาติสนิทที่ใด เจ้าได้
สื บเสาะแล้วบ้างหรื อไม่?”
เฟิ งซี หมิงตอบ “พ่อแม่และญาติใกล้ชิดของหยุนเช่อ บุตร
คนนี้ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้วเมื่อสองปี ที่ผา่ นมา ทว่าน่า
เสี ยดาย ดูเหมือนพ่อแม่ของหยุนเช่อจะได้ตกตายไปแล้วหลังที่
มันเกิดได้ไม่นานด้วยศัตรู ของครอบครัวมัน มีบุคคลผูห้ นึ่งเก็บ
มันมาเลี้ยง มันมีนามว่าเซี่ยวเหล่ยซึ่ งสายเลือดของพวกมันมิได้
เกี่ยวข้องอันใดกันเลย นอกจากนี้เมื่อความจริ งได้ถูกเปิ ดเผยหยุ
นเช่อก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูล พ่อแม่ผใู ้ ห้กาํ เนิดมันสมควรตาย
ไปนานแล้วหรื อไม่กพ็ วกมันไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้าบุตรชายของ
พวกมันเลยตลอดยีส่ ิ บปี ทว่าทั้งหมดนี้ลว้ นเป็ นเรื่ องรอง เมื่อห้า
เดือนก่อน ยามที่นอ้ งสิ บสามได้เดินทางไปยังจักรวรรดิวายุคราม
อย่างลับๆเพื่อจัดการกับเรื่ องนี้ได้เหตุไม่คาดฝันขึ้น”
“เหตุไม่คาดฝัน? หมายความว่าเช่นไรเหตุไม่คาดฝัน?!” เฟิ ง
เหิ งคงขมวดคิ้วอีกครั้ง
ใบหน้าของเฟิ งซีหมิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ ยว เสี ยง
ของมันผงาดขึ้น “น้องสิ บสามเพียงต้องการฉุดคร่ า(What!?!)มัน
หลังจากที่ตรวจสอบแน่ใจแล้วว่าหยุนเช่อมีสายเลือดพรรคเรา
ทว่ามันมิเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหยุนเช่อจะดิ้นรนขัดขืน ใน
ที่สุด...ในที่สุดมันก็กลับกลายเป็ นพ่ายแพ้”
“น่าสมเพช!” เฟิ งเหิงคงสะบัดแขนอย่างแรง “ด้วยสายเลือด
เทพหงสา ลูกเฉิ นมีพรสวรรค์สูงส่ ง และยังเป็ นไปได้ยากที่จะที่
จะหาคู่ต่อสู ท้ ี่เหมาะสมในระดับอายุเท่ากัน แม้แต่ในจักรวรรดิ
เทพหงสาเรา ในจักรวรรดิเล็กๆไร้ค่าอย่างวายุคราม มันสามารถ
เข้าไปละเมิดกฎก็ยงั ไม่มีใครสามารถขัดขวางมันได้! ด้วยชื่อเสี ยง
ของมันเป็ นถึงองค์ชายเทพหงสาและบุตรชายของข้าเฟิ งเหิ งคง
ใครจะกล้าขัดขวางมันได้!”
“พระบิดาโปรดระงับโทสะ!” เฟิ งซีหมิงพลันกล่าววาจา “ผู ้
บุตรเองคาดไม่ถึงผลลัพธ์เช่นนี้ แม้หยุนเช่อจะเป็ นยอดฝี มือ
อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม หากมันมีพลังเพียงขั้นปราณ
ปฐพีเท่านั้น น้องสิ บสามต้องการคร่ ากุมมัน สมควรง่ายดายดุจปัด
ฝุ่ นละอองออกไปเท่านั้น”
“ทว่าที่มนั คาดไม่ถึง คือหยุนเช่อใช้ฐานะยอดยุทธ์อนั ดับ
หนึ่งแห่งจักรวรรดิวายุครามเพือ่ ไต่เต้าสู่ตาํ แหน่งราชบุตรเขยของ
จักรพรรดิชางว่านเฮ่อ! ยามที่นอ้ งสิ บสามไปถึงนครหลวง
ประจวบเป็ นช่วงงานพิธีอภิเษกขององค์หญิงลําดับหนึ่งแห่ง
จักรวรรดิพอดิบพอดี เมื่อเป็ นงานพระราชพิธีแห่งจักรวรรดิ
ราชวงศ์วายุครามเชื้อเชิญเหล่ายอดฝี มือทัว่ ราชอาณาจักรมาร่ วม
งาน แม้ยอดยุทธ์ในอาณาจักรวายุครามมีจาํ นวนน้อย แต่ยงั คงมี
ยอดยุทธ์ระดับราชันอยูบ่ า้ ง ในวันนั้นปรากฏพวกมันมาร่ วมงาน
ขณะที่นอ้ งสิ บสามกําลังจะคร่ ากุมหยุนเช่อ จักรพรรดิวายุคราม
ออกคําสัง่ ด้วยความพิโรธ ให้เหล่ายอดฝี มือชั้นราชันและชั้น
ปราณฟ้าเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรี ยง...น้องสิ บสามยังเยาว์วยั เมื่อ
รวมกับมันเพียงมียอดยุทธ์ช้ นั ราชันระดับต้นร่ วมทางไปอารักขา
มันเพียงสองคน พวกมันไม่คาดว่าต้องเผชิญยอดยุทธ์จาํ นวนมาก
สุ ดท้ายเสี ยเปรี ยบด้วยจํานวนอย่างมหาศาล...”
“ไม่...น่าเชื่อ!!”
เฟิ งเหิ งคงตกลงสู่ ความโกรธเกรี้ ยวอย่างรุ นแรง ภายใต้
ความโกรธสุ ดขีดของมันแม้แต่หว้ งอากาศยังสัน่ ไหว ท้องพระ
โรงทั้งหมดล้วนบิดเบือน คิ้วเรี ยวดัง่ กระบี่ของมันขมวดแน่นและ
กล่าวด้วยเสี ยงอันเคร่ งขรึ มอย่างที่สุด “จักรวรรดิเล็กๆอย่างวายุ
ครามกล้าบังอาจมาท้าทายข้า กล้าที่จะรวมกลุ่มรุ มทําร้ายลูกข้า
เช่นนี้! พวกมันไปได้ความคิดทะเยอทะยานแบบนี้มาจากที่ใด?”
“ผูบ้ ุตรโกรธแค้นเป็ นอย่างมากเมื่อได้ทราบข่าววานนี้ ทว่า
นี่ไม่อาจตําหนินอ้ งสิ บสาม การล่าถอยเมื่อเผชิญหน้ากับ
อาณาจักรเล็กจ้อยเช่นวายุครามนับเป็ นความอัปยศอันร้ายแรง
อย่างไม่ตอ้ งสงสัย ดังนั้นน้องสิ บสามไม่มีหน้าสู พ้ ระบิดา เมื่อ
รวมถึงพระบิดากําลังติดพันราชกิจในการเตรี ยมงานประลองเจ็ด
จักรวรรดิและนาวาปราณบรรพกาล น้องสิ บสามหวาดกลัวว่า
เรื่ องราวนี้จะรบกวนพระองค์ ดังนั้น มันปิ ดบังเรื่ องราวตลอดมา...
ทว่า ฝั่งอาณาจักรวายุคราม พวกมันหวาดกลัวมาตลอดจึงปิ ดบัง
เหตุการณ์ท้ งั หมด เรื่ องราวนี้ไม่มีผใู ้ ดทราบแม้จะผ่านมานาน
หลายเดือน ยิง่ กว่านั้น นี่เป็ นอีกเหตุผลหนึ่งที่นอ้ งสิ บสามไม่เคย
รายงานเรื่ อง...”
“พูด!”
“หยุนเช่อได้กล่าวไว้ในครานั้น มันจะเป็ นตัวแทนของ
จักรวรรดิลมปราณฟ้าเข้าร่ วมในการประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้า” เฟิ งซีหมิงกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม “เมื่อเทียบกับเรื่ อง
การเตรี ยมความพร้อมในการเข้าสู่ นาวาปราณบรรพกาล เรื่ อง
เล็กน้อยของพวกสารเลววายุครามไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเรา
ในตอนนี้”
“หื ม!” เฟิ งเหิ งคงกล่าวอย่างโมโหโกรธา “มันยังกล้าจะมา
ที่นี่อีกจริ งๆหรื อ? อาจเพราะมันคงรู ้วา่ ไม่อาจหลบหนีไปได้จึงคิด
จะเอาชีวติ ตัวเองมาทิ้ง!”
“บุตรก็คิดเช่นนั้น การต่อต้านของมันในวันนั้นอาจบางที
แค่ตอ้ งการความสงบเพียงไม่กี่เดือน” เฟิ งซีหมิงแค่นหัวเราะเสี ยง
เย็น “พระบิดาไม่จาํ เป็ นต้องพิโรธเกี่ยวกับเรื่ องเล็กน้อยเพียงนี้
หากมันกล้ามาที่จกั รวรรดิเทพหงสาจริ ง มันมิอาจคิดแม้แต่จะ
หลบหนี หากมันไม่มาบุตรจะจัดการเรื่ องนี้ดว้ ยตัวเอง หลังจาก
นั้นดังเช่นที่ท่านพ่อกล่าว แม้วา่ มันจะเพียงบุคคลตํ่าต้อยไร้ค่า
หากเกี่ยวข้องกับสายเลือดของเราก็ยงั นับเป็ นเรื่ องใหญ่”
สําหรับเรื่ องนี้เฟิ งซีหมิงได้ฟังมาจากเฟิ งซีเฉิ นเมื่อวันก่อน
ทว่าเรื่ องราวที่ได้ฟังนั้นช่างต่างกับเรื่ องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น...
ในวันนั้นเฟิ งซี เฉิ นได้ไปกับผูต้ ิดตามระดับลมปราณจักรพรรดิ
ของมันอีกสองคนและถูกจัดการโดยหยุนเช่อเพียงผูเ้ ดียว ทว่ามัน
กลับบอกเฟิ งซี หมิงว่าถูกยอดยุทธิ์ระดับลมปราณจักรพรรดิแห่ง
วายุครามล้อมกรอบกลุม้ รุ มทําร้าย หลังจากที่ต่อสู ม้ ายาวนานก็ได้
พ่ายแพ้ลงเพราะโดนรุ มจู่โจมอย่างสาหัส...ขณะที่ผตู ้ ิดตามอีก
สองคนก็กล่าวอ้างเช่นเดียวกัน
นัน่ เพราะมันเป็ นถึงองค์ชายแห่งราชวงษ์เทพหงสา ไม่
สามารถได้รับความพ่ายแพ้ได้ และยิง่ ให้ผอู ้ ื่นรับรู ้ไม่ได้วา่ มันถูก
ทําร้ายเยีย่ งสุ นขั จากระดับชั้นปราณปฐพีที่อายุเยาว์กว่ามันที่เกิด
ในอาณาจักรเล็กๆอย่างอาณาจักรวายุคราม! เพราะนัน่ คือ
เครื่ องหมายแห่งความอัปยศที่ประทับอยูใ่ นจิตวิญญาณของมันที่
มิอาจจางหายไปตลอดชีวติ ! และมันจะมิให้ผใู ้ ดทราบถึง
เครื่ องหมายอัปยศนี้เด็ดขาด!
“ไร้สาระ...แค่เรื่ องไร้สาระ!” เฟิ งเหิ งคงกํามือทั้งสองแน่น
ขณะที่ร่างกายอัดแน่นไปด้วยความโกรธ “เดิมเราค่อนข้างลังเล
แต่ดูเหมือนจะไม่จาํ เป็ นอีกต่อไปสําหรับการมีอยูข่ องจักรวรรดิ
เล็กๆอย่างวายุคราม!”
บทที่ 399 นครวิหคเทวะ
“อะไร…...หกหมื่นเมตร!?” หยุนเช่ออ้าปากค้างด้วยความ
ตกใจ
“หกหมื่นเมตร แม้นว่าจะเป็ นระยะทางบนพื้นดิน ก็ยงั
ไม่ใช่ตวั เลขน้อยๆ และถ้าตัวเลขนี้ใช้สาํ หรับความสู ง คงต้องใช้
คําว่า ‘น่าหวาดหวัน่ ’ อธิบายเท่านั้น อย่างน้อยที่สุด ในชัว่ ชีวติ
สองชาติภพของหยุนเช่อ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงหกหมื่นเมตร สามหมื่น
เมตรหยุนเช่อยังไม่เคยสัมผัส ชายหนุ่มไม่เคยเห็นนาวาปราณที่
สามารถขึ้นสู งเช่นนี้ได้ และที่ความสู งเช่นนี้ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงยอด
ฝี มือชั้นลมปราณฟ้า กระทัง่ ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิยงั ไม่
สามารถปี นป่ ายขึ้นไปได้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชางว่านเฮ่อเคยกล่าวว่าการจะขึ้นไปยัง
นาวาปราณบรรพกาลจําเป็ นต้องหยิบยืมพลังชั้นทรราชย์...ที่แท้
มันอยูส่ ู งขึ้นไปถึงเพียงนี้
และด้วยความสู งถึงระดับนั้น เงาสี ดาํ ที่ผคู ้ นมองเห็นได้
ยังคงกล่าวได้วา่ มโหฬารยิง่ ขนาดที่แท้จริ งของมันคงได้เพียง
จินตนาการแล้ว
ทว่ามีผคู ้ นเพียงจํานวนไม่มากเท่านั้นที่หยุดฝี เท้าแหงนเงย
ขึ้นมองมัน อย่างไรเสี ยนาวาปราณบรรพกาลอันลี้ลบั สุ ดหยัง่ ถึงนี้
ก็ได้ปรากฏขึ้นสองสามเดือนแล้ว
“จัสมิน ท่านรู ้หรื อไม่วา่ แท้จริ งแล้ว ‘นาวาปราณบรรพ
กาล’ นี้แท้จริ งคือสิ่ งใดกันแน่?” หยุนเช่อแหงนหน้าขึ้นพร้อมเอ่ย
ถาม
เนื่องจากชายหนุ่มอยูห่ ่างไกลจากมันอย่างมาก ทั้งยังมีช้ นั
เมฆหมอกหลายชั้นปกคลุมอยู่ ชายหนุ่มจึงมองเห็นเพียงเงาขนาด
ใหญ่และโครงของมันคร่ าวๆเท่านั้น ไม่อาจมองเห็นรายละเอียด
ได้แม้แต่นอ้ ย
“นัน่ สมควรเป็ นนาวาปราณจริ งๆ ข้าเคยพบนาวาปราณ
ขนาดใหญ่โตเช่นนี้มาหลายลํา แต่นาวาปราณลํานี้กลับทําให้ขา้
รู ้สึก...แปลกประหลาดนัก” จัสมินกล่าวอย่างครุ่ นคิด
“แปลกประหลาด?” แม้วา่ จัสมินจะกล่าวถ้อยคําคล้ายคลึง
กันนี้เป็ นครั้งที่สองแล้ว แต่หยุนเช่อยังคงชะงักงันในจิตใจ…
นาวาปราณขนาดใหญ่ โตมโหฬารถึงเพียงนี ้ แต่ นางกลับกล่ าวว่ า
นางเคยเห็นมาหลายครั้ ง...นํา้ เสียงของนางยังราวกับว่ าเคยชิ นกับ
ภาพเช่ นนี!้ สถานที่ที่นางเกิดและเติบโตขึน้ มานั้นเป็ นสถานที่อัน
น่ าหวาดหวัน่ เช่ นใดกัน?
“เหล่านาวาปราณล้วนผ่านการปรับปรุ งเปลี่ยนแปลงมาเป็ น
เวลาร่ วมร้อยล้านปี จนบัดนี้มนั มีรูปร่ างที่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน
ทั้งหมดมาเนิ่นนานแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เพื่อที่จะลดการสิ้ นเปลือง
ศิลาปราณ ผลึกปราณ หรื อกระทัง่ ศิลาเทวะและลูกแก้วเทวะ ส่ วน
หน้าของนาวาปราณล้วนมีรูปร่ างแหลมและยาว โครงลําของ
นาวาปราณทั้งหมดล้วนเรี ยบลื่นเป็ นพิเศษ จึงสามารถลดแรงต้าน
ขณะเหิ นบินได้อย่างมาก ทว่านาวาปราณลํานี้กลับตรงข้ามกัน
อย่างสิ้ นเชิง ดูราวกับว่าเป็ นนาวาปราณจากยุคดึกดําบรรพ์… สิ่ งที่
ประหลาดที่สุดคือ ขณะที่นาวาปราณลอยอยูบ่ นอากาศจะใช้
พลังงานมหาศาลอยูท่ ุกขณะ แต่ขา้ กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงกระแส
พลังงานใดๆจากเบื้องบนได้เลย! เรื่ องนี้นบั เป็ นเรื่ องที่เป็ นไป
ไม่ได้!
หยุนเช่อ “...”
“หากเจ้าสะสางเรื่ องราวกับพรรคเทพหงสาได้สาํ เร็ จและ
สามารถเข้าร่ วมการประลองยุทธ์เจ็ดอาณาจักร จงได้อนั ดับหนึ่ง
ในสามและขึ้นไปสํารวจนาวาปราณลํานี้ จู่ๆข้าก็อยากรู ้ข้ ึนมาแล้ว
สิ วา่ สิ่ งนี้คือสิ่ งใดกันแน่” จัสมินกล่าวจริ งจังอย่างยิง่ เห็นได้ชดั ว่า
นางปักใจสงสัยใคร่ รู้เกี่ยวกับนาวาปราณลึกลับที่กระทัง่ นางเอง
ยังมิอาจเข้าใจได้ลาํ นี้
“ตกลง” หยุนเช่อผงกศีรษะ “หวังว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงทุก
อย่างจะเป็ นไปตามแผน”
“ดูเหมือนว่าเจ้าได้ตระเตรี ยมแผนที่ดีเอาไว้แล้ว?”
“...ประมาณนั้น แต่สิ่งเช่นแผนการสุ ดท้ายก็เป็ นเพียง
แผนการ เมื่อถึงเวลาย่อมไม่มีผใู ้ ดคาดเดาสิ่ งที่จะเกิดขึ้นจริ งได้”
แม้หยุนเช่อจะกล่าวเช่นนี้ แต่สีหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่ง
เคร่ งขรึ มยิง่
“ยังมีเวลาอีกครึ่ งเดือนก่อนการประลองจะเริ่ ม เจ้าวางแผน
จะทําสิ่ งใด?”
“ข้าจะใช้เวลาสามส่ วนทําความคุน้ เคยกับนครหลวงเทพหง
สา เช่นนั้นเมื่อข้าหมดทางเลือกและจําเป็ นต้องหนีจะได้ไม่หนี
อย่างไม่รู้ทิศทางดุจแมลงวันไร้หวั สําหรับเวลาเจ็ดส่ วนที่เหลือ
ย่อมใช้เพิ่มพูนวรยุทธ์” หยุนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับหรี่ ตา
“ในช่วงหลายเดือนที่ผา่ นมาข้าฝึ กฝนเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบ แต่ระดับพลังปราณกลับล้าหลังโดยสิ้ นเชิง การประลอง
ยุทธ์เจ็ดอาณาจักรเป็ นงานที่รวมยอดยุทธ์รุ่นเยาว์ระดับสู งที่สุดใน
ทวีปลมปราณฟ้า งานประลองของอาณาจักรวายุครามไม่อาจ
เทียบได้เลย ด้วยความแข็งแกร่ งของข้าในตอนนี้ขา้ ไม่มน่ั ใจเลยว่า
จะคว้าอันดับหนึ่งในสามมาได้...ในช่วงหลายวันที่จะถึงนี้ขา้
จะต้องใช้วธิ ีพิเศษเพื่อเพิ่มระดับพลังปราณ”
“ในตอนนี้ขา้ มีหวั ใจของมังกรระดับจักรพรรดิ หนวดมังกร
ระดับจักรพรรดิ ลูกแก้วโลหิ ตเพลิงปี ศาจ หญ้าคงถง นํ้าจากดอก
บุปผาหยกหิ มะอยูใ่ นมือ… เมื่อข้าได้ครอบครองหยกพรหม
สวรรค์และดอกทานตะวันหงสา ข้าจะสามารถสกัดยาเม็ดปราณ
ฟ้าครอบจักรวาลได้ เมื่อข้ากินเข้าไปจะสามารถเพิ่มพูนระดับ
พลังปราณของข้าขึ้นสู่ ระดับปราณปฐพีข้นั ที่สิบ แม้วา่ หยกพรหม
สวรรค์และดอกทานตะวันหงสาจะมิอาจหาซื้อได้ในอาณาจักร
วายุคราม แต่ในนครเทพหงสานี้มีสาขาใหญ่ของสมาคมการค้า
เดือนดับตั้งอยู่ ตราบใดที่ขา้ มีเงิน ย่อมไม่มีส่ิ งใดที่มิอาจซื้อได้”
หลังกล่าวจบ หยุนเช่อก็หยิบแผนที่ของนครเทพหงสา
ออกมา และจับจ้องไปที่รูปจันทร์เสี้ ยวสี ดาํ สนิทสะดุดตาบนแผน
ที่อย่างรวดเร็ ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะเร่ งฝี เท้าตรงไปที่น้ นั
สมาคมการค้าเดือนดับนั้นตั้งกระจายอยูท่ ุกหนทุกแห่งทัว่
ทวีปลมปราณฟ้า และยังมีตาํ แหน่งเป็ นเจ้าแห่งโลกการค้าที่ไม่เคย
ถูกผูใ้ ดสัน่ คลอนมาก่อน สาขาใหญ่แห่งสมาคมการค้าเดือนดับ
ย่อมมีบรรยากาศยิง่ ใหญ่อลังการถึงที่สุดอย่างไม่ตอ้ งสงสัย แม้
เป็ นเช่นนั้นเมื่อหยุนเช่อเดินทางมาถึงทางเข้าสมาคมการค้าเดือน
ดับในที่สุด ชายหนุ่มยังคงถึงกับตะลึงงันโง่งม
ขนาดของสมาคมการค้าเดือนดับใหญ่โตกว้างขวางหลาย
สิ บกิโลเมตร สามารถทัดเทียมได้กบั เมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ไม่วา่
ผูใ้ ดล้วนไม่อาจทําใจเชื่อว่านี่เพียงเป็ นสมาคมพ่อค้าเท่านั้น ตัวตึก
ของสมาคมสู งแปดชั้น แม้จะมีเพียงแปดชั้น หากส่ วนสู งของแต่
ชั้นนั้นสู งอย่างน่าตกตะลึง เมื่อรวมทั้งแปดชั้นเข้าด้วยกัน กลับส่ ง
ให้ตวั ตึกสู งเสี ยดฟ้า บนยอดสุ ดปรากฏจันทร์เสี้ ยวสี ดาํ ทมิฬเผย
โฉมออกมาจากหมู่เมฆ ดูคล้ายว่า ไม่วา่ ท่านจะอยู่ ณ มุมใดใน
นครหลวงแห่งนี้ ย่อมสามารถมองเห็นสัญลักษณ์น้ ีได้เมื่อเงยหน้า
ขึ้นมอง
กําแพงสะท้อนประกายหยกบริ สุทธิ์ที่ก่อตัวเป็ นกําแพง อิฐ
ทุกก้อนล้วนมูลค่าสูงอย่างยิง่ ถึงกับมีค่าสู งกว่าอิฐเคลือบเงาที่
ประดับกําแพงพระราชวังวายุคราม ส่ องรัศมีใหญ่โตภูมิฐานและ
หรู หราสง่างามไล่ลงมายังเบื้องล่าง กระทัง่ ผูค้ นแทบถูกกระตุน้
ให้คอ้ มคารวะเมื่อมองไปยังตัวตึกแห่งนี้
รํ่ารวยอย่างถึงที่สุด...เมื่อเห็นสมาคมการค้าเดือนดับที่เบื้อง
หน้า หยุนเช่อทอดถอนใจหนักหน่วง ฉับพลัน ชายหนุ่ม
ปรารถนาใคร่ อยากรู ้ถึงตัวตนของผูท้ ี่เป็ นเจ้าของสมาคม ผู ้
ประกอบกิจการค้าอันยิง่ ใหญ่และครอบครองธุรกิจอันน่าแตกตื่น
นี้ไว้ในอุง้ มือ นี่มิใช่สิ่งที่เพียงมีเงินก็สามารถกระทําสําเร็ จได้
ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของหยุนเช่อยามนี้คือจตุรัสใหญ่โตที่
อัดแน่นไปด้วยมนุษย์จาํ นวนมหาศาล สถานที่ที่ผคู ้ นแออัดยัด
เยียดกันมากที่สุด คือเวทีหินผลึกที่ถูกแบ่งแยกออกด้วยเสาผลึก
สองสามต้น ที่เบื้องหน้าของเสาผลึกแต่ละต้นคือวัตถุพเิ ศษที่ถูก
จัดแสดง หมุนวนล่องลอยอยูอ่ ย่างช้าๆ วัตถุวเิ ศษเหล่านี้ถูก
จัดเรี ยงตามรู ปแบบรอบๆเวทีหินผลึก รอบๆ วัตถุเปล่งประกาย
ประหลาดลี้ลบั เป็ นสี รุ้ง เมื่อจ้องมองไปใกล้ๆ จะพบเห็นว่า
ทั้งหมดส่ องแสงสี แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า คราม และม่วง โดยมี
รู ปแบบที่แน่ชดั
“นี่คือสมาคมการค้าเดือนดับ? นี่มนั ...มัน...เกินไปรึ เปล่า?!”
ข้างๆ หยุนเช่อเช่อคือบุรุษหนุ่มที่ยนื นิ่งตะลึงด้วยความแตกตื่น
ปากของมัอา้ ค้างจนไม่อาจหุบลงได้เป็ นเวลานาน จากการแต่ง
กายของมัน สมควรเป็ นผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่แวะเวียนมายังนครวิหคเทวะ
แห่งนี้เป็ นครั้งแรก
“นี่เพียงเป็ นภายนอก จากคํารํ่าลือ ภายในยิง่ หรู หราโอ่อ่า
กว่านี้มากนัก” สหายของมันกล่าวขึ้น
“เหตุใดผูค้ นเหล่านั้นล้อมรอบเวทีหินผลึกนัน่ หากแต่ไม่
ยอมเข้าไปภายใน? อ้อ ใช่สิ เหตุใดข้ามองไม่เห็นประตู? พวกเรา
จะเข้าไปได้เยีย่ งไร?”
“เหอ สาขาใหญ่ของสมาคมการค้าเดือนดับใช่คิดเข้าก็เข้า
ได้หรื อ? กระทัง่ ศิษย์พี่ของเจ้าผูน้ ้ ียงั ไม่มีคุณสมบัติเข้าไปภายใน
ได้ เพียงสามารถเดินชมโดยรอบเท่านั้น อย่าได้คิดหวังว่าจะ
สามารถก้าวเข้าไปได้ หากเจ้าต้องการสิ่ งใด สามารถไปยังสาขา
อื่นหรื อสมาคมการค้าเล็กๆแทน ยังมี ถึงเจ้ามีคุณสมบัติเข้าไป สิ้ น
ค้าภายใน เจ้ายังไม่สามารถซื้ อหาได้”
“เหตุใดไม่สามารถเข้าไป หรื อพวกมันจะขับไล่ลูกค้า?
เช่นนั้นบุคคลเช่นใดจึงสามารถเข้าไปได้?”
“เห็นเวทีหินผลึกนัน่ มั้ย? มีวตั ถุวเิ ศษจัดแสดงอยูส่ ามสิ บหก
ชิ้นรอบเวที และนัน่ คือทางเข้าเพียงหนึ่งเดียวของสมาคม!หาก
เจ้าต้องการเข้าไป ต้องใช้พลังยุทธ์ของเจ้าโจมตีไปที่หินวิเศษ
พวกมันจะซึ บซับพลังที่ส่งเข้าไปก่อนจะประเมินพลังยุทธ์
จากนั้น จะปรากฏระดับชั้นของพลังขึ้นที่เสาหิ น พลังที่ปรากฏ
ต้องไม่มระดับตํ่ากว่าสี เขียว เจ้าจึงจะสามารถเข้าไปภายในได้...
แต่เจ้าเพียงสามารถเข้าไปชั้นที่หนึ่งและสอง ผูท้ ี่มีระดับพลังที่สี
ฟ้า สามารถเข้าไปชั้นที่สามและสี่ สี ครามสามารถขึ้นสู่ ช้ นั ที่หา้
และหก สําหรับสี ม่วงสู งสุ ดนั้น...สามารถขึ้นสู่ ช้ นั ที่เจ็ด! ”
หยุนเช่อได้ยนิ คําพูดทั้งหมดนี้ ก่อนจะทอดถอนใจอีกครั้ง
ครา ในโลกของพ่อค้า ตลอดมามีเพียงผูซ้ ้ื อเลือกสรรผูข้ าย เหล่า
สมาคมต่างๆ ล้วนใช้ฝีมือทุกชนิดเพื่อดึงดูดลูกค้าของตน...แต่
สมาคมการค้าเดือนดับกลับเป็ นฝ่ ายเลือกลูกค้าของมัน หากไม่มี
พลังฝี มือเพียงพอ กระทัง่ เข้าประตูยงั ไม่สามารถกระทําได้ แม้จะ
มีเม็ดเงินจํานวนมหาศาล ใช่วา่ จะทําให้สมาคมต้นรับท่านได้ และ
แม้จะเป็ นเช่นนี้ ลูกค้าของสมาคมไม่เพียงลดลงเหลือศูนย์
กลับกัน ปรากฏผูค้ นจํานวนมากมายนับไม่ถว้ นเฝ้าคิดหาหนทาง
เพื่อเข้าไปซื้อหาสิ นค้าสมาคม
ผูท้ ี่เปี่ ยมด้วยความเข้มแข็งและมัน่ ใจถึงเพียงนี้ ทัว่ ทั้ง
ลมปราณฟ้าเพียงมีสมาคมการค้าเดือนดับเท่านั้น!
“เช่นนั้นก็ไม่ยตุ ิธรรมสิ ” ผูฝ้ ึ กยุทธ์อายุเยาว์กล่าวด้วยความ
คับแค้นเคืองขุ่น “ตัดสิ นผูค้ นจากพลังยุทธ์ เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ยอ่ มต้อง
เสี ยเปรี ยบ? ทําเช่นนี้เพียงเอื้อต่อคนที่ฝึกยุทธ์มาเป็ นร้อยปี
เท่านั้น”
“ไม่! เข้าใจผิดแล้ว!” ผูท้ ี่เรี ยกว่าศิษย์พี่สนั่ ศีรษะ “ที่เสาผลึก
คํานวนไม่เพียงแต่ระดับพลังยุทธ์ หากเป็ นคุณสมบัติ! เมื่อเจ้า
โจมตีใส่ วตั ถุ ที่มนั รับทราบไม่เพียงพลังยุทธ์ ยังมีอายุของกระดูก
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ จากนั้น มันจะคํานวนโดยการผสมผสานทั้งอายุกระดูก
และพลังยุทธ์เข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น ด้วยระดับพลังของเจ้า
ในตอนนี้ หากเจ้าอายุสิบปี เจ้าย่อมมีโอกาสเข้าไปได้! แต่หากเจ้า
มีพลังยุทธ์ช้ นั ราชัน แต่อายุกระดูกยาวนานหลายร้อยปี เจ้าอาจวัด
ออกมาได้เพียงระดับสี เขียวเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว...ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ ท่านว่าเพียงสี ม่วงระดับ
สู งสุ ดจึงสามารถขึ้นสู่ ช้ นั ที่เจ็ด เช่นนั้น ท่านจะเข้าไปยังชั้นแปด
ได้เยีย่ งไร?”
“จากคํารํ่าลือ ชั้นที่แปดไว้สาํ หรับสมาคมในการต้อนรับ
ลูกค้าชั้นสูงของมันเท่านั้น มีเพียงผูย้ งิ่ ใหญ่อนั น่าเคารพนับถือ
อย่างสู งเช่นประมุขพรรคเทพหงสา บุคคลชั้นสุ ดยอดเช่นมัน จึง
สามารถเข้าไปได้...ข้าเกรงว่ากระทัง่ องค์ชายเทพหงสาทัว่ ไป
ยังคงไม่อาจเข้าไปได้เช่นกัน เช่นนั้น จงอย่าได้เพ้อฝันถึงมัน
ตลอดช่วงชีวติ นี้”
การสนทนาของบุคคลที่ขา้ งกายส่ งผลให้หยุนเช่อทราบวิธี
เข้าสู่ สมาคมการค้าเดือนดับอย่างปรุ โปร่ ง ชายหนุ่มถอนสายตา
จากจันทร์เสี้ ยวดําทมิฬเหนือหมู่เมฆ ก่อนจะก้าวเท้าออกไปเบื้อง
หน้าเวทีแก้วผลึก
ผูค้ นรอบเวทีเบียดเสี ยดเยียดยัด ยิง่ ในหลายวันมานี้ นคร
วิหคเทวะปรากฏฝูงชนล้นหลามเข้ามาจากอาณาจักรทั้งหก และผู ้
ที่สามารถเดินทางมาถึงที่น้ ี ไม่มีผใู ้ ดที่ไม่ใช่ยอดยุทธ์อนั โดดเด่น
หรื อยอดอัจฉริ ยะในยุทธภพภายในจักรวรรดิของพวกมัน เมื่อ
กล่าวถึงสาขาใหญ่แห่งสมาคมการค้าเดือนกับของที่น้ ี ทุกผูค้ น
ต่างบังเกิดความคิดต้องการเข้าไปเพื่อให้เห็นเป็ นบุญตา นี่คือ
เหตุผลสําคัญที่ผคู ้ นต่างมาอัดแน่นกันอยูใ่ นที่น้ ี
วัตถุวเิ ศษทั้งสามสิ บหกชิ้นปรากฏผูค้ นแออัดกันอยูท่ ี่เบื้อง
หน้า ทั้งหมดต่างมีใบหน้าแดงกํ่าเมื่อพวกมันทุ่มเทเค้นพลังยุทธ์
ออกมาอย่างเต็มที่เพือ่ โจมตีเข้าใส่ ทว่าทุกคราที่พลังมหาศาล
กระทบเข้ากับวัตถุวเิ ศษ พลังที่สะท้อนออกมากลับเบาบางอย่าง
ยิง่ ไม่มีผใู ้ ดสามารถสร้างแรงสะท้อนรุ นแรงหรื อความเสี ยหายได้
เลย พลังที่ส่งไปทั้งหมดแทบจะมลายหายไปในทันทีที่สมั ผัส
กระทัง่ ผูค้ นยีส่ ิ บสามสิ บคนพยายามโจมตีโดยพร้อมเพรี ยงกัน
พลังปราณที่อดั แน่นท่วมท้นถึงกับไม่เล็ดรอดออกมาให้ผคู ้ น
โดยรอบสัมผัสได้เลย
“กําปั้นสายฟ้าถล่มฟ้าดิน!!”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์อายุราวยีส่ ิ บปี มีสีหน้าเคร่ งขรึ มจริ งจัง สองแก้ม
ของมันบวมออก หลังจากรวบรวมพลังลมปราณยาวนานกว่าสิ บ
วินาที มันพลันตะโกนออกมาเสี ยงดังสนัน่ ก่อนจะส่ งพลังเข้า
โจมตีศิลาวิเศษที่เบื้องหน้าอย่างสุ ดกําลังด้วยทักษะยุทธ์ที่เข้าแข็ง
ที่สุดของมัน.. ยามจู่โจมแม้ไม่อาจใช้อาวุธ หากท่านสามารถใช้
ออกด้วยวิชายุทธ์ที่ทรงพลังได้อย่างเต็มที่
กําปั้นของผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์น้ นั กระแทกเข้าใส่ วตั ถุวเิ ศษ
วัตถุที่ล่องลอยกวาดกลืนคลื่นพลังยุทธ์เข้าไปโดนไร้เสี ยง จากนั้น
อัญมณี บงั เกิดปฏิกิริยา ระดับชั้นที่หนึ่งสี แดงปรากฏขึ้น ก่อนจะ
ทวีกาํ ลังสู่ ระดับที่สองสี สม้ จนถึงรดับที่สามสี เหลือง...ทว่า
ก่อนที่สีเหลือจะเปล่งประกายถึงขีดสุ ด มันกลับหยุดชะงักอยูก่ บั
ที่ ก่อนจะสลายกลายเป็ นสี ดาํ สี หน้าของผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์ที่เปี่ ยม
ไปด้วยความมัน่ ใจก่อนหน้านี้พลันแข็งค้างในทันที สองมือของ
มันสัน่ สะท้าน ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างไม่อาจควบคุม “ไม่...
เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...ข้ารั้งอันดับที่สิบสามในงาน
ประลองแห่งอาณาจักรมารทมิฬ อัจฉริ ยะอันดับหนึ่งแห่งลุ่มนํ้า
เหนือ! เป็ นไปไม่ได้ นี่ตอ้ งมีความผิดพลาดบางประการ...”
ในฐานะหนึ่งในอัจฉริ ยะที่แท้จริ งในจักรวรรดิ มันเติบโต
มาอย่างบุคคลที่มีความภาคภูมิใจและเย่อหยิง่ ผูไ้ ด้รับความเคารพ
บูชา ยกย่อง อิจฉาริ ษยา และประจบสอพลอ เสมอมาตลอดชีวติ
มาบัดนี้ เมื่อมันมาถึงสาขาหลักสมาคมการค้าเดือนดับ มันกลับไม่
สามารถแม้แต่จะมีคุณสมบัติข้นั ตํ่าสุ ดในการย่างก้าวเข้าสู่ ที่แห่งนี้
สําหรับอัจฉริ ยะผูส้ ามารถสัน่ สะเทือนจักรวรรดิหนึ่งได้ดว้ ยกําลัง
ของมันแล้ว ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า นี่นบั เป็ นการทําลายความมัน่ ใจ
ในตัวเองของมันอย่างมากมายหาใดเปรี ยบ
“ฮ่าๆๆๆ พวกเศษขยะจากจักรวรรดิเล็กๆอันตํ่าต้อย คิดฝัน
จะย่างเท้าเข้าสาขาหลักสมาคมการค้าเดือนดับ แม้กระทัง่ เอ่ยอ้าง
ว่าเป็ น ‘อัจฉริ ยะอันดับหนึ่ง’ ในบรรดาคนรุ่ นใหม่ของเขตเหนือ
แม่น้ าํ อะไรนัน่ … ฮ่าๆๆๆ ข้าแทบจะหัวร่ อจนฟังร่ วง ใน
จักรวรรดิเล็กๆของเจ้า เจ้าอาจเรี ยกว่าอัจฉริ ยะ แต่ในจักรวรรดิ
เทพหงสาแล้ว นัน่ ไม่ต่างอันใดจากมด ข้ารู ้สึกละอายแทนพวกเจ้า
ยิง่ นัก”
เสี ยงอันเย่อหยิง่ หาใดเปรี ยบดังขึ้นจากเบื้องหลังฝูงชน ทุก
คําพูดของมันช่างเสี ยดแก้วหูเหลือประมาณ เมื่อมันดูถูกเหยียด
หยามผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หมดจากหกจักรวรรดิ เหล่าผูม้ าชุมนุมในที่แห่ง
นี้ส่วนใหญ่มาจากหกจักรวรรดิ เมื่อพวกมันได้ยนิ เสี ยงนี้ ไม่มี
แม้แต่คนเดียวที่ไม่แสดงสี หน้าโกรธแค้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพวก
มันได้เห็นผูเ้ อ่ยวาจา ความโกรธที่ใกล้จะประทุออกมาพลันหยุด
สนิทด้วยเหตุผลบางอย่าง ในขณะที่พวกมันล้วนยืนนิ่งงัน ไม่กล้า
แม้แต่จะเปล่งเสี ยงเบาๆออกมา
บุคคลผูน้ ้ ีสวมใส่ ชุดผ้าสี แดงเพลิง บนอกปักไว้ดว้ ย
สัญลักษณ์นกเพลิงสยายปี ก ไม่วา่ จะเป็ นชุดผ้าสี แดงหรื อ
สัญลักษณ์ ล้วนยืนยันสถานะของบุคคลผูน้ ้ ี มันย่อมเป็ นศิษย์ของ
พรรคเทพหงสาอย่างมิตอ้ งสงสัย
9
บทที่ 401 เดิมพัน
หยุนเช่อสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสดชื่นอย่างถึงที่สุด
ที่รุกรานเข้ามาภายในใจก่อนจะมองเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่าง
ชัดเจนเสี ยอีก..ใช่แล้ว! เป็ นความสะอาด ความสดชื่นอย่างสุ ดขีด!
ตามธรรมดาของสมาคมการค้าทัว่ ไป กลิ่นอายที่เข้มข้นที่สุดมัก
เป็ นกลิ่นอายแห่งความเรี ยบง่ายโอ่อ่า ทว่าหยุนเช่อกลับรู ้สึกราว
กับว่าตนเองพลัดหลุดเข้ามาท่ามกลางแดนธรรมชาติอนั บริ สุทธิ์
สะอาดอย่างหมดจด โดยไม่มีความรู ้สึกว่าตนเองกําลังอยูใ่ น
สมาคมการเลยแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาก่อนมองไปเบื้องหน้า ที่น่าตื่นตะลึง
คือกลับปรากฏสวนพรรณไม้ยาวไกลสุ ดลูกหูลูกตาขึ้นที่เบื้อง
หน้าสายตา พฤกษชาติสีสนั สดใสประหลาดแปลกตาเกลื่อนกล่น
ภายใต้ประกายแสงสี เขียวของไม้ใหญ่ยนื ต้นตระหง่านขึ้นสู งชัน
สายธารไหลริ นทอดยาวลดเลี้ยว ก่อกําเนิดเสี ยงอณูสายนํ้ากระซิบ
กระซาบพึมพําไม่สิ้นสุ ด
ประกายความคิดคํานึงอันพร่ าพรายพลันบังเกิดขึ้นต่อหยุน
เช่อ...นี่คือสิ่ งก่ อสร้ างที่รังสรรค์ ขึน้ มาบนชั้นเจ็ดของสมาคม
การค้ าเดือนดับ?
นี่มนั ยูโทเปี ยแห่ งจักรวาลแฟรี่ ชัดๆ!
ที่ดา้ นหน้า สตรี รับใช้แช่มช้อยงามสง่าสามนางสวมใส่
อาภรณ์สีสนั แตกต่างกันก้าวเท้าเข้ามาหาหยุนเช่อ ไม่มีผใู ้ ดมิใช่
สาวงามหนึ่งในหมื่น หากที่ยงิ่ จับตากลับเป็ นอากัปกิริยาอันสู งส่ ง
แช่มช้อย ทั้งพลังฝี มือยังสูงส่ งถึงชั้นลมปราณฟ้า!
โฉมสะคราญทั้งสามนางเดินตรงมาอย่างหยุนเช่อก่อน
คารวะด้วยทีท่างดงาม “ลูกค้าผูท้ รงเกียรติ ยินดีตอ้ นรับท่านเข้าสู่
สมาคมการค้าเดือนดับ หากท่านมีสิ่งใดที่ตอ้ งการ โปรดอย่าลังเล
ที่จะบอกพวกเรา”
การปฏิบตั ิตนต่อลูกค้าของสมาคมการค้าเดือนดับในชั้นเจ็ด
แน่นอนว่าช่างพิเศษเฉพาะอย่างยิง่ ด้วยความสามารถน่าตื่นตะลึง
ของสตรี ท้งั สาม ไม่วา่ นางใดล้วนสามารถเป็ นผูย้ งิ่ ใหญ่ได้ใน
อาณาจักรวายุคราม ทว่าที่นี่ กลับเป็ นได้เพียงสตรี รับใช้คอย
ต้อนรับผูม้ าเยือนเท่านั้น
หยุนเช่อกวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ ว หากกลับมองไม่
เห็นสถานที่วางสิ่ งของเพือ่ ซื้อหาอันใด กระทัง่ วีแ่ ววว่าที่นี่คือ
สมาคมการค้ายังไม่ปรากฏ ชายหนุ่มคิดอยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะเอ่ย
“นางฟ้าทั้งสาม ข้าอยากรู ้วา่ ผูอ้ าวุโสที่ขา้ คุยด้วยก่อนหน้านี้อยูท่ ี่
ใด?”
“ฮ่าฮ่า” เสี ยงหัวเราะที่อ่อนโยนปรากฏมาจากที่ใดไม่ทราบ
“ให้มนั มาพบข้า”
“รับทราบ...ลูกค้าผูท้ รงเกียรติ เชิญมาทางนี้” หญิงสาวทั้ง
สามตอบอย่างพร้อมเพียง
หนึ่งโฉมงามนําหน้า สองแยกย้ายรายล้อมอยูซ่ า้ ยขวา
ทั้งหมดนําทางหยุนเช่อก้าวไปด้านหน้าด้วยทีท่านอบน้อม
หลังเดินลัดเลาะผ่านสวนบุปผชาติ เนินเขาลูกย่อมๆ และ
นํ้าตกขนาดเล็ก พลันปรากฏลานที่ดูเรี ยบง่ายในสายตาของชาย
หนุ่ม ใจกลางของลานนั้นมีศาลาตั้งอยูห่ นึ่งหลัง และมีชายชราชุด
ม่วงผูม้ ีรูปร่ างสันทัดยืนอยูข่ า้ งหน้าต้อนรับหยุนเช่อด้วยรอยยิม้
หยุนเช่อเดินเข้าไปและพูดอย่างสุ ภาพ “ผูน้ อ้ ยหลิงหยุน
คารวะท่านอาวุโส”
หยุนเช่อมิใช้ชื่อที่แท้จริ งดังนั้นชายหนุ่มจึงหยิบยืมชื่อ
ของหลิงหยุน
“โฮ่โฮ่ โปรดนัง่ ก่อน” ชายชราชุดนัง่ กวักมือเรี ยกและเดิน
ไปยังม้านัง่ หิ นอ่อนกลางศาลา หยุนเช่อพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะ
ไปนัง่ ฝั่งตรงข้ามชายชราชุดม่วง หนึ่งในสาวงามได้เดินจากไป
อย่างชดช้อย ในขณะที่อีกสองแยกย้ายยืนอยูข่ า้ งหลังของชาย
หนุ่ม สาวงามต่างค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและยิม้ เบาๆที่มุมปาก ซึ่ง
เป็ นกิริยาที่แสดงถึงความเคารพนบนอบอย่างสู งยิง่ ราวกับพวก
นางเป็ นเพียงของเหลือทิ้งของหยุนเช่อ
“ข้าขอทราบนามของท่านผูอ้ าวุโสได้หรื อไม่?” หยุนเช่อ
ถาม
“ชายชราผูน้ ้ ีมีแซ่วา่ จื่อ ส่ วนชื่อคือ จี๋” ชายชราตอบกลับ
พร้อมรอยยิม้
จื่อ? หยุนเช่อประหลาดใจเล็กน้อยเพราะนี่คือครั้งแรกที่มนั
ได้ยนิ แซ่ชื่อนี้ แต่ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบรับในทันที “ผูอ้ าวุโส
จื่อ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าก่อนหน้านี้.”
“เรื่ องก่อนหน้านี้น้ นั ชายชราผูน้ ้ ีมิอาจกล่าวได้วา่ เป็ นการ
ช่วยเหลือเจ้า ข้าเพียงแค่มิอยากให้เกิดเรื่ องแม้จะเล็กน้อยใน
สมาคมการค้าเดือนดับ ไม่มีส่ิ งใดอื่น” จื่อจี๋ จ้องมองเข้าไปยัง
ดวงตาของหยุนเช่อก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิม้ “หนุ่มน้อย ข้าควร
เรี ยกเจ้าว่า หยุนเช่อ หรื อพระราชบุตรเขยหยุน หรื อหลิงหยุน สิ่ ง
ไหนดีเล่า? ”
“...” หยุนเช่อชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้
ซึ่งความกังวล “เป็ นไปตามคาด ความสามารถในการรวบรวมข่าว
กรองของสมาคมการค้าเดือนดับนับเป็ นรองเพียงสวรรค์ ผูเ้ ยาว์
หยุนเช่อเล่นลวดลายภายใต้สายตาหยัง่ รู ้ใต้หล้าของผูอ้ าวุโสจื่อ
นับเป็ นที่น่าหัวเราะ ข้าหวังว่าผูอ้ าวุโสจื่อจะไม่เข้าใจผิดไป”
“ฮ่าฮา” จื่อจี๋หวั เราะอย่างไม่ใส่ ใจ “ความสามารถในการ
รวบรวมข่าวกรองของสมาคมการค้าเดือนดับมิได้เกินเลยถึงเพียง
นั้น เพียงแต่ตวั ตนของเจ้าง่ายที่จะจดจําเกินไป ชายชราผูน้ ้ ีติดต่อ
กับสมาชิกพรรคเทพหงสามายาวนานหลายปี และยังคุน้ เคยกับ
เพลิงเทพหงสาดี ถึงแม้วา่ เจ้าจะกลบกลิ่นอายดีแล้ว แต่ขา้ ยังคง
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเพลิงเทพหงสาในตัวเจ้า และผูท้ ี่มี
สายเลือดเทพหงสานอกจากพรรคเทพหงสาแล้ว มีเพียงราชบุตร
เขยหยุนจากจักรวรรดิวายุครามเท่านั้น”
หญิงสาววัยเยาว์ที่จากไปได้กลับมาพร้อมนํ้าชา กลิ่นหอม
ของนํ้าชานั้นฟุ้งไปทัว่ ทุกแห่ง จิตใจของหยุนเช่อผ่อนคลายลง
เมื่อได้สูดดมกลิ่นชา ชายหนุ่มรู ้ได้ถึงมูลค่าของชานี้ทนั ทีวา่ ลํ้าค่า
เพียงใด หยุนเช่อยกแก้วชาขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนกล่าวชมเชยว่า “ชา
ที่ดี หลังจากได้ฟังคําของผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์จึงได้คิดว่าการกลบ
เกลื่อนตัวตนต่อหน้าผูอ้ าวุโสนับเป็ นเรื่ องที่ไม่มีทางเป็ นไปได้”
“เจ้ากลบเกลื่อร่ องรอยด้วยพลังปราณนํ้าแข็ง นอกเหนือจาก
พวกมันจะจงใจตรวจสอบเจ้าอย่างเข้มงวด ข้าเกรงว่ากระทัง่ ผู ้
อาวุโสของพรรคเทพหงสายังไม่อาจสัมผัสถึงเพลิงเทพหงสาของ
เจ้าได้” จื่อจี๋แย้มยิม้ “เจ้าสามารถทําให้ผลึกสี ม่วงของสมาคม
การค้าเดือนดับของข้าเปล่งแสง นี่สามารถกล่าวได้วา่ พรสวรรค์
แท้จริ งของเจ้าย่อมต้องสร้างความแตกตื่นแก่จกั รวาลได้ ก่อน
หน้านี้ เราผูช้ ราจับตามองดูเจ้ามานาน มิเช่นนั้น ข้าคงไม่อาจจับ
สังเกตุถึงอัคคีเทพหงสาในตัวเจ้าได้ แต่สาํ หรับเราผูช้ ราแล้ว ดู
คล้ายเจ้ามิได้ตอ้ งการแอบซ่อนพรสวรรค์อนั โดดเด่นของเจ้ามาก
เท่าใด มิเช่นนั้นเจ้าคงไม่ให้ความสนใจต่อศิษย์พรรคเทพหงสาผู ้
นั้น จนเปิ ดเผยพรสวรรค์ของเจ้าออกมาอย่างไม่ปิดบังบนเวทีผลึก
นั้นเป็ นแน่”
“ดังที่คาด สมเป็ นผูค้ รองชั้นเจ็ดของสมาคมการค้าเดือนดับ
ภูมิหยัง่ รู ้ของท่านช่างไร้ขอบเขต” หยุนเช่อชมเชยจากใจจริ ง ณ
ชั้นเจ็ดแห่งสมาคมการค้าเดือนดับ ผูค้ นที่จื่อจี๋ติดต่อด้วยล้วน
แล้วแต่เป็ นสุ ดยอดฝี มือในทวีปลมปราณฟ้า ความสามารถในการ
วิเคราะห์และมองทะลุซ้ ึ งถึงผูค้ นของมันย่อมมิใช่สิ่งที่คนธรรมดา
ทัว่ ไปจะสามารถเทียบเปรี ยบได้ หยุนเช่อกล่าวออกมาแผ่วเบา
“ผูเ้ ยาว์ถูกผูค้ นไล่ล่ามาตลอดทั้งปี ทั้งเบื่อหน่ายจากการหลบหนี
และซ่อนตัวไปทุกที่ อีกครึ่ งเดือนจากนี้ไป ผูเ้ ยาว์จะเข้าเผชิญหน้า
กับพรรคเทพหงสาอย่างเต็มตัว เมื่อเป็ นเช่นนี้ ล้วนไม่มีความ
จําเป็ นต้องหวาดระแวงและสัน่ กลัวจนเกินไป ไม่สะดุดตาพรรค
เทพหงสาเป็ นสิ่ งดี แต่หากถูกพบเห็น ยังคงไม่นบั เป็ นอย่างไร
หากข้ามัวแต่หวาดระแวงตลอดทุกความเคลื่อนไหว นี่มิใช่ขา้
หวาดกลัวต่อพรรคเทพหงสาหรอกหรื อ?”
หยุนเช่อยกชาขึ้นดื่มจนหมดในอึกเดียว ยามกล่าวถึงพรรค
เทพหงสา สี หน้าท่าทางของชายหนุ่มไม่ปรากฏความหวาดหวัน่
แม้แต่นอ้ ย
การแสดงออกเช่นนี้ส่งผลให้จื่อจี๋ชื่นชมภายในใจ มันผงก
ศีรษะเป็ นการอนุญาต “สาเหตุที่พรรคเทพหงสามิได้สนใจตามหา
เจ้าอย่างจริ งจังตั้งแต่เมื่อสองปี ที่แล้วยามที่เจ้าเปิ ดเผยสายเลือด
เทพหงสาและการคงอยูข่ องเจ้า เพราะในสายตาพรรคเทพหงสา ผู ้
ฝึ กยุทธ์ทุกรู ปนามที่อยูใ่ นจักรวรรดิท้งั หกภายนอก ต่างไม่มี
คุณค่าแม้แต่นอ้ ยให้พวกมันชายตามอง ทว่า หลังจากพูดคุยกับเจ้า
เล็กน้อย เราผูช้ ราพลันรู ้สึกว่า แม้พรรคเทพหงสาอาจต้องจ่าย
ค่าตอบแทนอย่างสู งจากการดูถูกเจ้า...แต่คงไม่ใช่ในเร็ วๆ นี้
แน่นอน แม้เจ้าปราศจากความกลัวเกรง หากนี่มิได้หมายความว่า
เจ้ามีความสามารถต่อต้านพรรคเทพหงสา พรสวรรค์ของเจ้า
สู งสุ ดสุ ดยอด แต่ความสามารถของเจ้ายังไม่เติบโตอย่างเต็มที่ เจ้า
อาจแข็งแกร่ งว่าที่พรรคเทพหงสาคาดคิดหลายเท่า หากยังไม่
สามารถสร้างความหวัน่ เกรงต่อพวกมันได้”
“ผูเ้ ยาว์ทราบกระจ่างแก่ใจดีถึงข้อนี้” หยุนเช่อผงกศีรษะ
จากนั้นกล่าวสื บต่อถึงเหตุผลที่ตนเองมายังที่นี่ในวันนี้ “สาเหตุที่
ผูเ้ ยาว์มาเยือนยังที่น้ ีมีสองประการ หนึ่งผูเ้ ยาว์ตอ้ งการซื้ อหา
สิ่ งของสองสิ่ ง อีกประการคือซื้ อหาข่าวสาร ทว่า..”
สายตาของหยุนเช่อกวาดกราดไปโดยรอบ...เนื่องเพราะ
สถานที่น้ ีดูไปไม่คล้ายสถานที่ประกอบการค้าใดๆเลยแม้แต่นอ้ ย
จื่อจี๋หวั เราะด้วยความเข้าใจถึงอาการงุนงงของหยุนเช่อ
“อย่าได้ลงั เล บอกเราผูเ้ ฒ่ามาว่าเจ้าต้องการสิ่ งใด ชั้นเจ็ดของ
สมาคมแตกต่างจากหกชั้นแรก ชั้นเจ็ดไม่มีแขกมาเยือนบ่อยนัก
แขกผูเ้ กียรติทุกคนเป็ นเราผูช้ ราออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ไม่วา่
สิ่ งใดที่ท่านลูกค้าผูท้ รงเกียรติตอ้ งการ ขอเพียงเอ่ยปาก ไม่วา่
สมาคมเรามีส่ิ งของหรื อไม่ หากลูกค้าผูท้ รงเกียรติเอ่ยปากและมี
ความสามารถจ่ายออก สมาคมการค้าเดือนดับเราจะทําตามความ
ต้องการของท่านให้สาํ เร็ จ หากท่านเพียงต้องการสิ่ งของเล็กน้อย
ยังคงมีคนนําพาท่านไปยังชั้นหก”
เป็ นเช่ นนีเ้ อง...หยุนเช่อไม่ลงั เล ชายหนุ่มออกปากในทันที
“สิ่ งของสองประการที่ผเู ้ ยาว์ตอ้ งการ หนึ่งคือหยกพรหมสวรรค์
ยิง่ บริ สุทธิ์เท่าไหร่ ยิง่ ดีเท่านั้น และดอกทานตะวันหงสา”
จื่อจี๋ปิดเปลือกตาลง ก่อนจะเปิ ดออกในอีกชัว่ ครู่ ต่อมา ชาย
ชรายืน่ มือออกลูบลงไปยังแหวนมิติสีม่วงบนนิ้วของตนเอง หยิบ
กล่องหยกที่เปล่งรัศมีเยือกเย็นออกมาแสดงต่อหยุนเช่อ “นี่คือที่
ใหญ่ที่สุดที่มี ทั้งยังเป็ นชิ้นที่บริ สุทธิ์ที่สุดในบรรดาหยกพรหม
สวรรค์ที่สมาคมของเรามีอยูใ่ นมือ”
หนึ่งในโฉมงามที่ดา้ นข้างกก้าวเท้าออกมาก่อนจะขยับ
กล่องหยกนํ้าแข็งลงวางที่เบื้องหน้าหยุนเช่อ “ท่านลูกค้าผูท้ รง
เกียรติ โปรดผ่านตา”
หยุนเช่อเปิ ดกล่องหยกออกโดยไม่ลงั เล ภายใต้กลุ่มหมอก
ควันสี ขาวลอยอ้อยอิ่ง ชายหนุ่มมองเห็นชิ้นหยกบางเบาเปล่ง
ประกายสี เงินยวง ภายใต้ปรากฏเส้นชีพจรสี แดงเลือด หยุนเช่อยืน่
มือออกสัมผัสลงบนหยก ก่อนจะใช้ไข่มุกพิษสวรรค์เพื่อประเมิน
ค่าความบริ สุทธิ์...สิ่ งของจากสมาคมการค้าเดือนดับสาขาใหญ่
แน่นอนว่าไม่มีทางเป็ นของปลอม หยุนเช่อปิ ดกล่องหยกนํ้าแข็ง
ลงในทันทีพร้อมกล่าวว่า “ตกลง ขอท่านผูอ้ าวุโสตั้งราคา”
“หยกพรหมสวรรค์ราคาหกร้อยเหรี ยญม่วงต่อ 50 กรัม
หยกชิ้นนี้น้ าํ หนักรวมหกร้อยห้าสิ บกรัม คิดเป็ นมูลค่าเจ็ดพันแปด
ร้อยเหรี ยญม่วง” จื่อจี๋กล่าวออกมาอย่างปลอดโปร่ ง
แพงนรก!มุมปากของหยุนเช่อบิดกระตุก แต่เมื่อชายหนุ่มมี
เหรี ยญม่วงจํานวนมหาศาลกว่าสิ บล้านเหรี ยญอยูใ่ นกระเป่ า
แน่นอนว่าเขาย่อมจ่ายออกได้ หยุนเช่อนําเหรี ยญม่วงออกจาก
บัตรม่วงเงินของตนเพื่อแลกกับหยกพรหมสวรรค์ในทันที ก่อน
จะเก็บกล่องหยกเย็นลงไปในไข่มุกพิษสวรรค์
“สําหรับดอกทานตะวันหงสา ทั้งหมดสิ บสามดอกที่เรามี
เพิ่งถูกซื้ อไปโดยพรรคเทพหงสาเมื่อหกชัว่ โมงก่อน” จื่อจี๋กล่าว
“หากเจ้าต้องการใช้มนั จริ งๆ นอกเหนือจากสมาคมการค้าเดือน
ดับ ยังสามารถหาซื้ อได้จากสถานที่อื่น”
“ที่ใด?”
จื่อจี๋กล่าวออกอย่างเชื่องช้า “หนึ่งร้อยห้าสิ บกิโลเมตรไปทางใต้ มี
สมาคมการค้านาม “สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย” พรุ่ งนี้เวลาบ่าย
สาม พวกมันสมควรนําสิ่ งของมีค่าออกมาประมูล ในนั้นสมควร
มีดอกทานตะวันหงสาด้วย”
หยุนเช่อผงกศีรษะ “ผูเ้ ยาว์จดจําไว้ในใจ ขอบพระคุณผู ้
อาวุโสที่บอกกล่าว...เอ่อ ข้าจําเป็ นต้องจ่ายสําหรับข้อมูลนี้
หรื อไม่?”
“โฮ่โฮ่ ไม่จาํ เป็ น” จื่อจี๋หวั เราะบางเบา จากนั้นกระตุน้ เตือน
ว่า “แต่แม้สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยจะใช้ชื่อ “สมาคมการค้า”
หากแท้จริ งกลับเป็ นตลาดมืด สิ่ งที่มนั ขายมิใช่ที่ตลาดทัว่ ไปจะมี
ได้ เมื่อไปถึงที่นนั่ เจ้าจะเข้าใจเอง แต่เราผูช้ ราเชื่อมัน่ ว่าด้วย
สติปัญญาของเจ้า เจ้าสมควรไม่ขาดทุนเท่าใด เอาล่ะ ข่าวสารสอง
ประการที่เจ้าต้องการคือสิ่ งใด?”
“ผูเ้ ยาว์ตอ้ งการให้สมาคมการค้าเดือนดับสามารถช่วยสื บ
หาผูค้ นสองคนให้แก่ขา้ ได้หรื อไม่”
หยุนเช่อกล่าวอย่างเคร่ งเครี ยด “สองคนนั้น หนึ่งเรี ยกว่าฉู่
เยว่ฉาน อดีตศิษย์สตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแห่งวายุ
คราม หัวหน้าเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง อีกคนหนึ่งคือเซี่ย
หยวนป้า...”
หยุนเช่อให้รายละเอียดต่อจื่อจี๋มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จื่อ
จี๋ปิดเปลือกตาลง ระลึกนึกถึงเรื่ องราวบางประการ จากนั้นจึงผงก
ศีรษะกล่าวว่า “เราผูช้ ราจะส่ งผูค้ นออกสื บเสาะบุคคลทั้งสองแก่
เจ้า เพียงแต่ เครื อข่ายสมาคมการค้าเดือนดับในอาณาจักรวายุ
ครามเปราะบางและจํากัดอย่างยิง่ ดังนั้นนี่ลว้ นมิอาจรับรองผลได้
ในเวลาสั้นๆ ขอเจ้าทิ้งหยกสื่ อสารของเจ้าไว้ ทันทีที่ได้รับ
ข่าวสารอันน่าเชื่อถือ เราผูช้ ราจะติดต่อหาเจ้าในทันที ในฐานะ
ของลูกค้าผูท้ รงเกียรติ เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องจ่ายค่าสื บหาข่าวสาร
ล่วงหน้า เราสามารถชําระบัญชีได้ในวันยืนยันผลงาน ทั้งสอง
เรื่ องนี้ แม้เราผูช้ ราไม่ทราบเซี่ยหยวนป้าอยูท่ ี่ใด หากเราทราบ
ข่าวสารเกี่ยวข้องกับมันอยูบ่ า้ ง และสามารถบอกกล่าวต่อเจ้าได้
บางประการ”
หยุนเช่อตะลึงค้างก่อนทะลึ่งพรวดขึ้นทันที “ท่านรู ้จกั
หยวนป้า?”
“ข้าไม่เพียงรู ้จกั มัน ผูค้ นในนครวิหคเทวะหลายคนรู ้จกั มัน
เช่นกัน”
จื่อจี๋กล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า “กาลก่อน นามของมัน
สะท้านไปทัว่ กว่าครึ่ งเมืองวิหคเทวะภายในระยะเวลาสั้นๆ มัน
เป็ นคนบ้าคลัง่ วิปลาสผูห้ นึ่ง จากนั้น มันกลับสู ญหายไร้ร่องรอย
ไม่นานหลังจากที่มนั หายตัวไป บิดาของมันมาปรากฏตัวยังที่น้ ี
เช่นกัน ทั้งยังอาศัยอยู่ ณ สาขาใหญ่ของสมาคมชัว่ เวลาหนึ่ง...ฮี่ฮี่
หากเราผูช้ ราจดจําไม่ผดิ เซี่ยหงอี้บิดาของเซี่ยหยวนป้าเอง เป็ น
พ่อตาอีกคนของเจ้าเช่นกัน ใช่หรื อไม่?”
บทที่ 404 หัตถ์ ภูตมิ ายา
หลังจากออกมาจากสมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยหยุนเช่อได้
เข้าไปเดินปะปนในฝูงชนบนถนนภายในนครวิหคเทวะอย่างเร็ ว
ไว ด้วยทานตะวันหงสาได้อยูใ่ นกํามือเรี ยบร้อยแล้ว สิ่ งที่มนั จะ
ทําต่อไปล้วนง่ายดายอย่างยิง่ ซึ่งก็คือหาสถานที่อนั เงียบสงบที่จะ
ไม่มีใครสามารถรบกวนมันได้
ทันใดนั้นหยุนเช่อหยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน หันมองไป
รอบๆอย่างรวดเร็ วประดุจสายอัสนี สายตาคมวาวของชายหนุ่ม
กวาดมองไปด้านหลังทว่ากลับมิอาจพบสิ่ งใดที่แตกต่างแม้แต่
ความรู ้สึกที่เกิดขึ้นชัว่ แวบก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มันเข้าใจผิดไปงั้นหรื อ?
มิอาจเป็ นเช่นนั้นได้ มันจะเข้าใจเรื่ องเช่นนี้ผดิ ได้อย่างไร
ถ้าจะให้กล่าว มันรู ้สึกถึงสายตาแปลกประหลาดจ้องมองมา
ที่มนั ได้ในทันควันเมื่อครู่ น้ ี ยามก่อนที่มนั จะออกมาจากสมาคม
การค้าอัคคีร่วงโรยมันยังรู ้สึกได้เช่นเดียวกัน ความรู ้สึกเช่นนี้ไม่
ได้มาจากการรับรู ้ของมัน กลับกัน มันคือ “สัญชาตญาน”
มันเป็ นสัญชาตญาณที่เกิดมาจากการถูกตามล่าจนไปถึงสุด
ขอบเขตแห่งความเป็ นความตาย!
หากความรู ้สึกเช่นนี้มาจาการรับรู ้ของมัน บางทีมนั อาจยัง
นับเป็ นการเข้าใจผิดได้ ทว่าตั้งแต่มนั เป็ นความรู ้สึกจาก
“สัญชาตญาน” มันมิอาจจะพลาดผิดไปได้เพราะว่ามันเคย
ช่วยชีวติ หยุนเช่อไว้มาหลายครั้งหลายคราแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดีปฏิกิริยาอันรวดเร็ วดุจสายฟ้าของหยุนเช่อที่ได้
ทําการค้นหาที่มาของความรู ้สึกนี้หาได้มีประโยชน์อนั ใด
หากชายหนุ่มมิได้เข้าใจผิด นัน่ ก็หมายความได้อย่างเดียว...
ว่าอีกฝ่ ายที่หลบซ่อนตัวอยูน่ ้ นั มีระดับที่สูงจนน่ากลัว ในทวีป
ลมปราณฟ้านี้นี่เป็ นครั้งแรกที่มนั ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของ
เป้าหมายหลังจากที่ตรวจพบได้
มันคือผูใ้ ดกันแน่...เหตุใดพวกมันถึงจับจ้องมายังข้า? ใน
นครวิหคเทวะไม่ควรจะมีผใู ้ ดรู ้จกั ข้านี่
“จัสมิน เจ้าสัมผัสได้วา่ มีใครติดตามข้ามาหรื อไม่?” หยุ
นเช่อกล่าวเสี ยงเบา
“จัสมิน?”
“กําลังนอนอยู.่ ..อย่ามากวนข้า!”
“......” (O_O)
หยุนเช่อย่นจมูก ถอนสายตากลับออกมาและมุ่งหน้าเดิน
ตรงต่อไป
บุคคลที่เห็นตัวได้อย่างชัดเจนห่างออกไปไม่เกินหกสิ บ
เมตรจากด้านหลังของหยุนเช่อเงยหน้าขึ้นช้าๆจากภายในหมู่ชน
ดวงตาของมันวาวประกายด้วยความประหลาดใจ
ครึ่ งชัว่ ยามต่อมา หยุนเช่อเลี้ยวเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่มนั พัก
เมื่อคืน ในนครวิหคเทวะนี้ การหาที่พกั นั้นแน่นอนว่าช่างยากเย็น
หากแต่ตราบใดที่เป็ นผูม้ งั่ คัง่ แม้วา่ จะมีประชากรเยอะกว่านี้เป็ น
สองเท่าก็ยงั คงไร้ซ่ ึงปัญหา ห้องที่หยุนเช่อพักอยูน่ ้ ีได้มาจากการ
จ่ายเงินสามสิ บเท่าจากราคาเดิมของผูจ้ องห้องที่ไม่อาจเดินทางมา
พักได้
“ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าท่าน
ต้องการกลับห้องเพือ่ ผักผ่อนหรื อต้องการทานอาหาร?”
เมื่อหยุนเช่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยมเสี่ ยวเอ้อหน้าตาดีได้เข้า
ต้อนรับชายหนุ่มอย่างแข็งขัน ผูท้ ี่สามารถเข้าพักในโรงเตี๊ยม
ระดับสู งในเวลาเช่นนี้เปรี ยบประดุจดังเทพเจ้าผูม้ งั่ คัง่ ฉะนั้นมัน
จึงต้องต้อนรับดูแลอย่างเต็มที่
“ทําอาหารเย็นให้ขา้ ช้าหน่อยวันนี้ ก่อนจะคํ่า นําไปส่ งที่
ห้องของข้าโดยตรง” หยุนเช่อตอบ
“ทราบแล้ว เชิญพักผ่อนให้สบาย ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ หาก
ท่านต้องการสิ่ งใดขอให้เอ่ยปากได้ทุกเมื่อ” เสี่ ยวเอ้อกล่าวอย่าง
สุ ภาพ
หลังจากหยุนเช่อกลับเข้าห้อง มันกลับไม่ได้ทาํ ตามแผนที่
วางไว้ก่อนหน้าที่จะหลอมสกัดยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาล
ในทันที แต่มนั กลับปิ ดประตูและล้มตัวลงบนเตียงนอน มันดู
เหมือนจะเหนื่อยล้ามาก เพราะว่าไม่นานหลังจากมันล้มตัวลงไป
ก็ได้ยนิ เสี ยงกรนเบาๆดังออกมาพร้อมกับที่มนั เดินทางเข้าสู่ แดน
แห่งความฝัน
หยุนเช่อหลับไปตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงยามเย็น ในยามนี้มี
ควันที่ไร้เสี ยงไร้กลิ่นซึ่ งมิอาจมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าล่องลอย
ออกมาจากหน้าต่างด้านหลังห้องและผสมอยูก่ บั อากาศภายใน
ห้อง หยุนเช่อยังคงหลับและกรนอยู่ ลมหายใจของมันไม่มีกระทัง่
มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อสิ่ งที่เกิดขึ้นแม้แต่นอ้ ย
ควันนั้นหยุดลงหลังจากนับได้สิบลมหายใจ ทุกอย่างอยูใ่ น
ความเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่สิ่งบ่งชี้วา่ เกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
ครึ่ งเค่อ(หนึ่งเค่ อ = สิ บห้ านาที)ผ่านไปประตูหอ้ งของหยุ
นเช่อก็มีเสี ยงเคาะลอยออกมา
“ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ มื้อเย็นของท่านมาถึงแล้ว
หยุนเช่อยังคงหลับสนิทไร้ซ่ ึงปฏิกิริยาตอบสอนงใดๆ
ทั้งสิ้ น
“ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ...ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ? ท่านอยูด่ า้ นใน
หรื อไม่?”
เสี่ ยวเอ้อผลักประตูอย่างแผ่วเบา ประตูเพียงปิ ดสนิทแต่
มิได้ลงกลอนไว้จึงเปิ ดออกด้วยแรงผลัก เสี่ ยวเอ้อลังเลเล็กน้อย
ก่อนจะเปิ ดประตูพร้อมกับยกสํารับอาหารเข้ามาอย่างระมัดระวัง
เสี ยงฝี เท้าของเสี่ ยวเอ้อนั้นค่อนข้างทุม้ หนัก สํารับอาหาร
ในมือก็ส่งเสี ยงกระทบกันไม่หยุดทว่าหยุนเช่อที่นอนอยูบ่ นเตียง
ก็ยงั คงไม่ตอบสนองชี้ชดั ว่ามันหลับเป็ นตาย เสี่ ยวเอ้อวางสํารับ
อาหารลงบนโต๊ะ หลังจากกวาดตามองหยุนเช่อชัว่ ครู่ มนั ก็เดินไป
ทางชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า เพียงแต่ในครานี้ ฝี เท้าของมัน… กลับ
ไร้เสี ยงและสายตาระแวดระวังเมื่อครู่ พลันราบเรี ยบดุจสายนํ้า
ลมหายใจของหยุนเช่อสมํ่าเสมอขณะมันนอนหลับสนิท
อวัยวะรับประสาทสัมผัสทุกส่ วนของมันไร้ซ่ ึงท่าทีตอบสนอง
หลังจากยืนยันจนมัน่ ใจแล้ว สี หน้าระแวดระวังของเสี่ ยวเอ้อก็
ผ่อนคลายลงเล็กน้อย มันเดินมายังข้างกายหยุนเช่อก่อนจะเอื้อม
มือไปสัมผัสแหวนมิติของชายหนุ่ม
ในพริ บตาที่นิ้วมือมันกําลังจะสัมผัสตัวหยุนเช่อ มือของหยุ
นเช่อพลันพุง่ ออกประดุจสายฟ้าคว้าจับข้อมือเสี่ ยวเอ้อไว้พร้อม
กับดวงตาที่ปิดมาตั้งแต่ตอนกลางวันของชายหนุ่มซึ่งพลันเปิ ดขึ้น
กําลังแขนของหยุนเช่อมากมายเพียงไหนกัน? ต่อให้เป็ น
ราชันที่ถูกคว้าข้อมือเช่นนี้ ก็อย่าหมายจะดิ้นหลุดไปได้โดยง่าย
แต่ขณะหยุนเช่อกําลังจะกระชับแรงบีบ มันพลันสัมผัสได้ถึงบาง
สิ่ งที่ลื่นหลุดออกจากมือไปราวกับตนเองมิได้กาํ ลังคว้าจับแขน
มนุษย์แต่กาํ ลังจับมัจฉาอยู!่ ท่อนแขนที่มนั กุมไว้แน่นพลันดิ้น
หลุดจากมือก่อนที่เสี่ ยวเอ้อจะทะยานร่ างออกทางหน้าต่างไผ่และ
เหิ นร่ างหนีไปไกลลิบด้วยความว่องไวไร้ที่เปรี ยบ
เดิมหยุนเช่อคิดจะติดตามไป แต่ทนั ทีที่มนั ก้าวเท้าได้หนึ่ง
ก้าว มันก็หยุดนิ่งและจ้องมองอย่างงงงัน… เพราะความเร็ วของ
คนผูน้ ้ ีรวดเร็ วเกินไป รวดเร็ วสุ ดจะประมาณได้ มันใช้เวลาเพียง
พริ บตาเพือ่ ดิ้นหลุดจากมือชายหนุ่มและเหิ นร่ างหนีไปได้ใน
พริ บตาเช่นกัน เงาร่ างของคนผูน้ ้ นั บัดนี้กลายเป็ นเพียงจุดเล็กๆใน
คลองจักษุมนั เท่านั้น…
พลังลมปราณของคนผูน้ ้ นั ไม่ได้สูงลํ้านัก บรรลุเพียง
ลมปราณฟ้าชั้นกลาง แต่ความเร็ วที่มนั ใช้ออกสู งลํ้ากว่าชั้นปราณ
ฟ้าไปมากนัก อาจถึงขั้นว่องไวกว่าหงสาหิ มะอยูห่ ลายเท่าตัว…
เป็ นบุคคลที่วอ่ งไวที่สุดเท่าที่หยุนเช่อเคยพบเจอมาในทวีป
ลมปราณฟ้านี้
บังเกิดเสี ยงฝี เท้าเร่ งร้อนขึ้นก่อนที่เสี่ ยวเอ้อจะเปิ ดประตู
ออกเมื่อได้ยนิ เสี ยงดังเมื่อครู่ พร้อมกับเอ่ยปากถามอย่างแตกตื่น
“เกิดเรื่ องอันใดขึ้นรึ ท่าน?”
เสี่ ยวเอ้อตรงหน้าชายหนุ่มมีหน้าตาเหมือนกับเสี่ ยวเอ้อที่
เพิง่ หลบหนีไปทุกประการ กระทัง่ สี หน้าและนํ้าเสี ยงก็ยงั ไม่
แตกต่าง หยุนเช่อส่ ายหน้า “ไม่มีอะไร ให้คนมาซ่อมหน้าต่างให้
ข้าด้วย ข้าจะจ่ายค่าเสี ยหายเอง”
หลังจากบอกให้เสี่ ยวเอ้อจากไป หยุนเช่อก็ไปยืนข้างหน้า
ต่างก่อนจะมองแหวนมิติในมือและครุ่ นคิด มันสวมแหวนมิติเพื่อ
ปกปิ ดไข่มุกพิษสวรรค์ ภายในแหวนไม่มีอะไรอยูแ่ ม้แต่นอ้ ย ดู
เหมือนมันจะคิดไม่ผดิ ว่ามีคนสะกดรอยมันอยู่ อีกทั้ง
ความสามารถในการสะกดรอย การกลบเกลื่อนร่ องรอย การ
เปลี่ยนรู ปลักษณ์และนํ้าเสี ยงได้อย่างง่ายดายและทักษะการวาง
หมอกนิทราของอีกฝ่ ายก็เรี ยกได้วา่ สู งลํ้า ความสามารถในการ
หลบหนีของมันทําหยุนเช่อตกตะลึงยิง่ ทั้งความเร็ วของมันก็ยงั
ว่องไวอย่างที่สุด…
มันเป็ นใครกัน? ทําไมถึงต้องหมายหัวข้า?
มันสัมผัสได้วา่ มีคนจ้องมองอยูเ่ มื่อครั้งกําลังจะออกจาก
สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย หมายความว่าคนผูน้ ้ ียอ่ มต้องอยูใ่ น
กลุ่มคนภายในสมาคม…
คิ้วหยุนเช่อขมวดเป็ นปม… ทั้งการเปลี่ยนรู ปลักษณ์และ
นํ้าเสี ยง การใช้หมอกนิทรา ความสามารถในการหลบหนีและ
ความว่องไว… ล้วนแล้วแต่เป็ นทักษะของจอมโจรมือฉมัง! และ
การถูกโจรฝี มือฉกาจเช่นนี้หมายหัวไว้ยอ่ มมิใช่เรื่ องเล็กๆ โจรผูน้ ้ ี
สะกดรอยตามมันมาตลอดทางและวางแผนอย่างแยบยลเช่นนี้ ชี้
ชัดว่าชายหนุ่มมีสิ่งที่โจรผูน้ ้ ีให้ความสนใจยิง่ อยู่ เช่นนั้น… มัน
สมควรไม่ยอมแพ้หลังจากล้มเหลวเพียงหนึ่งครั้งแน่ มันสมควร
จะลงมืออีกครั้ง
ไม่นานนักคนซ่อมหน้าต่างก็มาถึง หยุนเช่อออกจากที่พกั
พลางครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง มันก็เดินตรงไปทางสมาคมการค้าอัคคีร่วง
โรย ในเมื่ออีกฝ่ ายติดตามมันมา มันย่อมสมควรออกจากสมาคม
การค้าอัคคีร่วงโรยตามชายหนุ่มมาติดๆ แปลว่ามันได้แต่ลอง
สอบถามว่าใครบ้างที่ออกจากสมาคมการค้าหลังจากมันเผือ่ จะได้
เบาะแสอะไรบ้าง
ยามพลบคํ่าผ่านพ้นไปแล้ว แต่ถนนหนทางยังคงคึกคัก
เช่นเดิม มีเพียงเส้นทางก่อนจะถึงเขตของสมาคมการค้าอัคคีร่วง
โรยเท่านั้นที่ไร้ผคู ้ น หยุนเช่อเลือกที่จะเดินทางบนถนนที่มีผคู ้ น
สัญจรไปมาน้อย ตอนนั้นเอง เสี ยงหวีดร้องของหญิงสาวพลันดัง
ขึ้น “ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วย…”
“เฮะเฮะเฮะ เจ้าตกอยูใ่ นกํามือของข้าท่านเจ้าผูย้ ง่ิ ใหญ่แล้ว
ยังคิดจะหลบหนีอีกรึ ! ฮะฮ่าฮ่าฮ่า…”
ตรงหัวมุมถนนเบื้องหน้าชายหนุ่มปรากฎหญิงสาวผูห้ นึ่ง
วิง่ มาอย่างรวดเร็ ว นางสวมเสื้ อผ้าสี น้ าํ เงิน ด้วยใบหน้าดุจดอกท้อ
ดวงตาใสกระจ่าง เรี ยกได้วา่ นางเป็ นสาวงามที่พิชิตใจบุรุษเพศให้
เอ็นดูได้อย่างง่ายดาย ไล่หลังนางมาเป็ นชายวัยกลางคนรู ปร่ างลํ่า
สันไล่กวดนางมาอย่างสบายใจพลางส่ งเสี ยงหัวเราะอย่างหยาบ
โลนออกมาราวกับกําลังเล่นวิง่ ไล่จบั
หญิงสาวมองหยุนเช่อด้วยสายตาราวกับพบเห็นฟางเส้น
สุ ดท้ายในความสิ้ นหวัง นางวิง่ เข้าหาและหลบข้างหลังมันอย่าง
ไม่คิดชีวติ ก่อนจะขอร้อง “คุณชาย ได้โปรดเมตตาช่วยข้าด้วย เจ้า
อันธพาลผูน้ ้ ี มัน… มันล่วงเกินข้า… คุณชาย โปรดช่วยข้าด้วย…”
หยุนเช่อยืน่ มือมาบดบังหญิงสาวไว้เบื้องหลังพลางจ้องมอง
ชายที่วงิ่ ไล่กวดเข้ามาอย่างเย็นชาพลางเอ่ยอย่างเถรตรง “แม่นาง
อย่าได้หวาดกลัวไป มีขา้ อยู่ เจ้านัน่ อย่าหมายได้แตะต้องท่าน
แม้แต่ปลายเส้นผม… เฮ้อ! ในคืนที่แสงจันทร์สาดส่ องอย่าง
งดงามเช่นนี้เจ้ากลับกล้าลงมือล่วงเกินหญิงสาวจากตระกูลผูด้ ีบน
ท้องถนน เจ้ามันตํ่าช้าไร้ยางอายและอภัยให้มิได้เป็ นที่สุด”
“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายวัยกลางคนหัวร่ ออย่างเบิกบาน “ไอ้หนู
ขนยังไม่ข้ ึนซักเส้นกลับกล้าทําเป็ น “วีรบุรุษช่วยสาวงาม” เรอะ?
รี บไสหัวไปซะไม่ง้ นั บิดาผูน้ ้ ีจะจัดการเจ้าก่อนเอง”
“หาที่ตาย!” หยุนเช่อบันดาลโทสะ มันเดินหนึ่งก้าวพลาง
ชกออก บังเกิดเสี ยงแหวกอากาศเสี ยดหูขณะกําปั้นของมัน
กระแทกเข้าทรวงอกชายวัยกลางคนอย่างแรง ดวงตาของชายวัย
กลางคนเบิกกว้างขณะมันส่ งเสี ยงครํ่าครวญก่อนจะกระเด็นไป
ไกลและล้มสลบลง
“อ๊า…” หญิงสาวพลันส่ งเสี ยงร้องอย่างพิกลใจออกมา
“หึ !” หยุนเช่อชักมือกลับพร้อมเอ่ยอย่างดูถูก “พลังฝี มือ
เพียงแค่น้ ียงั กล้าออกมาทําเรื่ องชัว่ ช้า นับว่าหาเรื่ องใส่ ตวั โดยแท้”
มันหันกลับมาเอ่ยอย่างกังวล “แม่นาง ท่านเป็ นอะไรหรื อไม่?”
หญิงสาวนางนั้นคํานับและเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงสะอื้นเปี่ ยมด้วย
ความกลัวและซาบซึ้ งใจ “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยข้าเอาไว้… ข้าจะ
ขอทราบนามอันยิง่ ใหญ่ของท่านได้หรื อไม่? ผูน้ อ้ ยจะต้องตอบ
แทนนํ้าใจใหญ่หลวงนี้คืนแน่”
“หึ หึ เรื่ องเพียงเล็กน้อยอย่าได้กงั วลไป” หยุนเช่อเอ่ยอย่าง
สบายใจ สายตามันหลุบตํ่าลงเผยแววตาชื่นชมความงามของสตรี
ตรงหน้า “ข้าขอทราบนามของแม่นางได้หรื อไม่?”
หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา “ผูน้ อ้ ยมีนามว่า เยีย่ นเสี่ ยวฮ
วา”
“เยีย่ นเสี่ ยวฮวา” หยุนเช่อฉี กยิม้ “แม่นางทั้งงดงามและ
ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ ออกมาเดินเพียงลําพังเช่นนี้อนั ตรายยิง่ ภายภาค
หน้าขอให้ท่านระวังตัวด้วย”
หญิงสาวถอนหายใจขณะเผยสี หน้าโศกเศร้า “ผูน้ อ้ ยปกติ
จะอยูแ่ ต่ในห้อง นานๆครั้งจะออกมาข้างนอก แต่วนั นี้ท่านพ่อ
ของข้า…”
ขณะหญิงสาวกําลังเอ่ยปาก หยุนเช่อที่นิ่งฟังอย่างตั้งใจมา
ตลอดพลันสะบัดฝ่ ามือฟาดใส่ ทรวงอกของหญิงสาว ระยะห่าง
ของทั้งคู่น้ นั ไม่ถึงสามฟุตอีกทั้งฝ่ ามือของหยุนเช่อนี้กฟ็ าดออก
โดยมิได้เตือนล่วงหน้า ดังนั้นอีกฝ่ ายไม่เพียงกําลังเอ่ยปากพูดอยู่
เท่านั้น ตัวหญิงสาวเองก็ไม่สมควรจะหลบกระบวนท่านี้ได้
เช่นกัน
ตึง!
ทว่ากระทัง่ ใช้กระบวนท่าออกอย่างฉับพลันเช่นนี้ หยุนเช่อ
ก็ยงั ฟาดถูกเพียงอากาศธาตุ
สุ ม้ เสี ยงเสี ยดหูดงั สนัน่ จนบรรยากาศโดยรอบถึงกับสัน่
สะท้าน หญิงสาวเบื้องหน้ามันหายตัวไปหลงเหลือเพียงภาพติด
ตาขณะร่ างจริ งเคลื่อนที่ห่างออกไปร่ วมสามเมตรในพริ บตาก่อน
จะหลบหนีไปไกลอย่างรวดเร็ วประดุจสายฟ้า
มันเคยหลบหนีจากเงื้อมมือหยุนเช่อไปแล้วคราหนึ่ง แต่หยุ
นเช่อจะยอมให้ตวั เองพลาดท่าซํ้าสองได้เช่นไร? พริ บตาที่มนั
สัมผัสได้วา่ ฟาดถูกเพียงอากาศธาตุ หยุนเช่อก็ตอบโต้ในเสี้ ยว
วินาที…
“เขตแดนวิญญาณมังกร!!”
เสี ยงคํารามของมังกรสัน่ สะเทือนนภาขณะพื้นที่บริ เวณ
หนึ่งร้อยสิ บห้าเมตรโดยรอบชายหนุ่มถูกแรงกดดันอันเหนือลํ้า
ของวิญญาณมังกรเทวะบดทับ ร่ างของ“หญิงสาว” ที่กาํ ลัง
หลบหนีพลันสัน่ สะท้านพลางเผยสี หน้าหวาดผวา นางร่ วงหล่น
จากอากาศอย่างไร้เรี่ ยวแรง… ขณะนางกําลังจะร่ วงลงพื้น หยุ
นเช่อก็เร่ งใช้วหิ คเพลิงทะยานฟ้าเข้าใส่ทรวงอกนางทันที
ปุ๊ !!
เสื้ อผ้าที่ “หญิงสาว” สวมไว้พลันฉี กขาดขณะนางกระอัก
ลิ่มเลือดออกมาและร่ วงลงบนพื้นอย่างแรง ร่ างหยุนเช่อสัน่ ไหว
ก่อนจะปรากฎขึ้นข้างกายนาง มันเหยียบแก่นเส้นชีพจรลมปราณ
ของนางไว้ไม่ให้นางโคจรพลังปราณในร่ างได้
“เจ้าเป็ นใครกันแน่ ทําไมถึงต้องหมายหัวข้า?!” หยุนเช่อ
ถามอย่างเย็นชา ทว่าในใจมันยังคงแตกตื่นไม่อาจสงบ ใน
สถานการณ์เช่นนี้หยุนเช่อเชื่อว่าต่อให้เป็ นตัวมันเองก็ยงั ไม่อาจ
หลบหลีกกระบวนท่าฉับพลันเมื่อครู่ ได้ ทว่ากระทัง่ กับชายเสื้ อ
ของอีกฝ่ ายก็ยงั ไม่อาจกระทบถูก
มันได้แต่ยอมรับว่าหากมันไม่มีเขตแดนวิญญาณมังกรที่
ต่อต้านสวรรค์ได้แล้ว มันย่อมไม่อาจจับกุมบุคคลที่เหมือนดัง่ ภูติ
พรายผูน้ ้ ีได้แน่
“เหอะ เหอะ…”
“หญิงสาว” เปิ ดปาก และสุ ม้ เสี ยงนั้นเป็ นของบุรุษเพศอย่าง
ชัดเจน มันมิได้เสี ยใจหรื อโกรดเกรี้ ยว แต่กลับหัวร่ อด้วยสี หน้า
สงบนิ่ง “ชัว่ ชีวติ นี้… ข้ามิเคยพลาดพลั้ง… แปดราชันทรราชย์ไล่
จับข้าเจ็ดวันเจ็ดคืนยังไม่อาจสัมผัสข้าได้แม้แต่ปลายผม… ทว่า
วันนี้… ข้ากลับพลาดท่าให้กบั เจ้า… พลาดท่าให้กบั เงื้อมมือเด็ก
ชั้นปราณปฐพีอย่างเจ้า… ข้าคงได้แต่เอ่ยว่า… น่าประทับใจ
นัก…”
หยุนเช่อพลันตกตะลึง… การหลบหนีแปดราชันทรราชย์
ได้เจ็ดวันเจ็ดคืนโดยไร้ซ่ ึงบาดแผล ทัว่ ทวีปลมปราณฟ้านี้มีกี่คน
กันที่ทาํ ได้? ถึงกับทําให้ราชันทรราชย์แปดคนไม่ลงั เลที่จะ
ร่ วมมือกันไล่สงั หารมัน… บุคคลใต้ฝ่าเท้ามันผูน้ ้ ีเป็ นเทพแบบใด
กัน?!
บทที่ 409 คุกเข่ าหนึ่งครา
ยามวิกาลค่อยๆคืบคลานเข้ามา หยุนเช่อติดตามบุรุษผูน้ ้ นั
ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่สุดขอบนครวิหคเทวะด้านทิศใต้
“เหตุใด...เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า?” บุรุษผูน้ ้ นั ถามด้วยความ
ระแวดระวังหลังจากที่อยูภ่ ายใต้ความเงียบงันมาเป็ นเวลานาน ดัง่
เช่นหยุนเช่อ มันเป็ นผูท้ ่ีเคยอยูใ่ นสถานการณ์เป็ นตายมานับครั้ง
ไม่ถว้ น สัญชาตญาณและความรอบคอบของมันจึงไม่ได้ดอ้ ยไป
กว่าหยุนเช่อ ดังนั้นมันสามารถบอกได้ในทันทีวา่ มีใครคิดร้าย
หรื อสบคบคิดทําอันตรายมันหรื อไม่ อย่างไรก็ดี มันไม่พบเจตนา
ร้ายหรื อแผนการร้ายใดๆจากหยุนเช่อ “เพียงแค่จิตใจแห่งการ
รักษาของแพทย์มนั ตื่นขึ้นมาหลังจากหลับใหลเป็ นเวลานาน” หยุ
นเช่อกล่าวพร้อมทอดถอนหายใจอยูภ่ ายใน...มีหวั ใจแห่งแพทย์ที่
จะรักทุกสิ่ งภายใต้สรวงสวรรค์และช่วยเหลือผูค้ น นัน่ คือสิ่ งที่ทาํ
ให้จิตวิญญาณทั้งหมดของมันกลับไปเป็ นเช่นนั้น และเป็ นส่ วน
สําคัญที่อาจารย์ของมันเคยบอกกล่าว ทว่าสุ ดท้ายอาจารย์ของมัน
ก็ถูกล่าสังหาร หัวใจแห่งแพทย์ของมันก็ถูกแทนที่ดว้ ยความ
เกลียดชังอันไร้ที่สิ้นสุ ด จากนั้นมันก็ไม่เคยใช้วชิ าแพทย์รักษา
ผูใ้ ดอีกเลย
“เอ่อ…” คําตอบนี้ทาํ ให้บุรุษผูน้ ้ นั มึนงงสับสน
“เจ้ากล่าวว่าเจ้าได้นาํ ทานตะวันหงสามาครึ่ งก้าน?” หยุ
นเช่อกล่าวถามอย่างเป็ นธรรมชาติ
“ใช่” บุรุษผูน้ ้ นั พยักหน้า “ทุกปี ปริ มาณของทานตะวันหง
สาที่โตเต็มที่น้ นั มีนอ้ ยมาก และส่ วนใหญ่พรรคเทพหงสาก็จะเก็บ
รวบรวมไปทั้งหมด ข้ามีทางเลือกเดียวคือแทรกซึมเข้าไปใน
ตําหนักเก็บสมบัติของพรรคเทพหงสา ทว่าที่นนั่ มีค่ายปราณคุม้
ภัยอยูท่ ุกหนแห่ง เมื่อข้าเข้าไปข้าจึงพลาดไปแตะโดนหนึ่งในนั้น
ทําให้ขา้ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากหลบหนี...โชคเข้าข้างข้าที่
ก่อนหลบหนีขา้ ได้ทานตะวันหงสาครึ่ งก้านมาอยูใ่ นมือ ข้าเชื่อว่า
เหตุผลที่ขา้ ขโมยมันมาได้ง่ายดาายเช่นนี้ตอ้ งเป็ นเพราะทานตะวัน
หงสาครึ่ งก้านนั้นได้สูญเสี ยสรรพคุณทางยาไปจํานวนมาก มันจึง
ถูกวางทิ้งไว้บนตูห้ ยก”
หยุนเช่อก้าวช้าลงและกล่าวด้วยความตระหนก “เจ้า...
แทรกซึ มเข้าไปในพรรคเทพหงสา?” “ใช่” ได้ฟังนํ้าเสี ยงตื่น
ตระหนกในคําหยุนเช่อ บุรุษตบที่หน้าอกของตนพร้อมพยักหน้า
ด้วยความภาคภูมิ “ในโลกนี้ต้ งั แต่สี่แดนศักดิ์สิทธิ์จนถึงสมาคม
การค้าเดือนดับไม่มีที่ใดที่ขา้ ไม่สามารถลอบเข้าไปได้ แม้แต่พวก
มันจะค้นพบข้า...หึ หึ พวกมันไม่สามารถแตะต้องได้แม้แต่
ชายเสื้ อข้า ก่อนที่ขา้ จะหายไปภายในอึดใจโดยไร้ร่องรอยใดให้
สื บหา”
หยุนเช่อ “...”
บุรุษผูน้ ้ ีกล่าวว่าบรรพบุรุษผูห้ นึ่งของมันได้แทรกซึมเข้าไป
ในตําหนักเทพตะวันจันทรา นัน่ ทําให้มนั ตื่นตระหนกแล้ว ทว่า
บุรุษข้างตัวมันนี้...มันลักลอบเข้าไปขโมยสิ่ งของในพรรคเทพหง
สาและหนีรอดออกมาได้โดยซึ่งรอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้ นหลังจาก
ถูกค้นพบ…
มันเป็ นใคร...วะเนี่ย...
บุรูษลดเสี ยงลงและกล่าวด้วยใบหน้าเป็ นทุกข์ “ยามข้า
ลักลอบเข้าไปในพรรคเทพหงสา เดิมข้าต้องการไปสื บเสาะ
เกี่ยวกับตํานานเจ้าหญิงหิ มะ ทว่านางมิได้อยูท่ ี่นนั่ ข้าได้ยนิ บาง
คนกล่าวมาว่ามาเดินทางไปยังหุบเขาหงส์สถิตย์nd.”
“เจ้าหญิงหิ มะ?” หยุนเช่อยกคิ้วขึ้น “หนึ่งในเจ้าหญิงของ
พรรคเทพหงสางั้นรึ ?”
หลังจากหยุนเช่อกล่าวจบมันเห็นดวงตาของบุรุษตรงหน้า
เบิกกว้าง สี หน้า...ดัง่ เห็นมนุษย์ต่างดาวอยูต่ รงหน้า
“หรื อว่า...เจ้าไม่รู้จกั เจ้าหญิงหิ มะ?” บุรุษกล่าวด้วยดวงตา
เบิกกว้าง
“เจ้าหญิงหิ มะนี้...มีชื่อเสี ยงโด่งดังมากงั้นหรื อ?” หยุนเช่อ
ถามกลับ
หยุนเช่อไม่เปลี่ยนท่าทีซ่ ึงไร้การแสดงออกถึงการกล่าวคํา
เท็จใดๆ มันไล่สายตามองหยุนเช่อขึ้นและลง หลังจากนั้นก็แสดง
ท่าทางไม่อยากเชื่ออีกครั้ง สายตานั้น...ไม่เหมือนกับสายตาที่ใช้
มองผูค้ นที่ยงั มีชีวติ “เทพเจ้าวัวศักดิ์สิทธิ์! เจ้าพูดจริ งรึ ? เจ้าไม่รู้จกั
เจ้าหญิงหิ มะจริ งๆรึ ? หรื อว่าจะ-จะ-จะ-จะ-เจ้าจะไม่ใช่คนใน
จักรวรรดิเทพหงสา แม้หากเจ้ามาจากถิ่นภูเขาห่างไกลจาก
จักรวรรดิอื่น ก็ไม่มีทางเป็ นไปได้ที่เจ้าจะไม่รู้จกั เจ้าหญิงหิมะ!”
หยุนเช่อ “...”
อันที่จริ งนี่เป็ นครั้งแรกที่มนั ได้ยนิ ชื่อเจ้าหญิงหิ มะ
“เช่นนั้น...เจ้าเคยได้ยนิ ชื่อ ‘ฮวาหมิงไห่’ รึ เปล่า?” ดวงตา
ของบุรุษส่ องประกาย
“ฮวาหมิงไห่? มิเคยได้ยนิ มาก่อน เป็ นคนใหญ่คนโตอีกงั้น
หรื อ?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“เทพเจ้าวัวศักดิ์สิทธิ์!!” ชายหนุ่มกระโดดขึ้นเล็กน้อยพร้อม
ตะโกนออกมา “จะ-จะ-จะ-เจ้า หากเจ้าไม่รู้จกั เจ้าหญิงหิ มะ ทว่า
เจ้ามิเคยได้ยนิ ไ◌้ดฟ้ ังนามฮวาหมิงไห่ผยู ้ ง่ิ ใหญ่เช่นกัน! ฉายาของ
มันคือ ‘หัตถ์ภูติมายา’ ผูท้ ี่เยีย่ มยอดที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า...
แคกแคก หนึ่งในพวกมัน อย่าว่าแต่ผคู ้ นแม้แต่ปลาในตมยังรู ้จกั
นามอันยิง่ ใหญ่น้ ี จะมีคนเช่นไรกันที่มิเคยได้ยนิ นามนี้มาก่อน!!”
“หัตถ์ภูติมายา? นี่มนั ชื่อบ้าอะไรเนี่ย” หยุนเช่อม้วนริ ม
ฝี ปากของมัน
“-! # & @ %......” กล้ามเนื้อบนหน้าของบุรุษกระตุก และดู
เหมือนมันต้องการสูต้ ายกับหยุนเช่อ “เจ้าไม่ได้มาจากต่างมิติใช่
หรื อไม่?”
หยุนเช่อหันกายกลับและพยักหน้าอย่างจริ งจัง “ท่านเชื่อถือ
เรื่ องนั้นได้”
“ฟั*ทอง!”
“เจ้าคงไม่ใช่… ‘หัตถ์ภูตมายา’ นัน่ ฮวาหมิงไห่ คือเจ้า?”
หยุนเช่อมองอีกฝ่ ายอย่างประเมินค่าใหม่
“ถูกต้อง นั้นคือข้า!” ฮวาหมิงไห่ตบอกตัวเอง จากนั้นหาง
ตาของมันจึงบิดเบี้ยวอย่างไม่อาจควบคุม ฟักผัดศักดิ์สิทธิ์เถอะ...
นี่เป็ นครั้งแรกเลยที่มนั เปิ ดเผยชื่อของตัวเองกับใครสักคน…
กระนั้นเจ้าคนผูน้ ้ ีมนั ก็ยงั ไม่เคยได้ยนิ ชื่อของมันมาก่อน!
“โอ้ ข้าเข้าใจล่ะ” หยุนเช่อเอ่ยอย่างราบเรี ยบ “เช่นนั้นข้า
ควรเรี ยกเจ้าว่า ฮวาน้อย หรื อ ไห่นอ้ ย ดี?”
“...แค่เรี ยกข้าว่า ไห่นอ้ ย เถอะ” ฮวาหมิงไห่แทบจะรํ่าไห้
ไม่วา่ จะอย่างไร มันนั้นแทบจะอายุสามสิ บปี เข้าไปแล้ว และเห็น
ได้ชดั ว่าเจ้าเด็กนี้มนั ยังอายุไม่ถึงกระทัง่ ยีส่ ิ บปี
“พูดถึงเจ้าหญิงหิ มะ ทําไมนางถึงโด่งดังนัก?” หยุนเช่อถาม
อย่างระมัดระวังอยูบ่ า้ ง
“อะแฮ่ม อึม เจ้าไม่อยากรู ้เรื่ องความสําเร็ จในอดีตของหัตถ์
ภูตมายาก่อนหรื อ?”
“ไม่ล่ะ”
“! #$%@&........” ฮวาหมิงไห่สูดลมหายใจเฮือก เพียงเมื่อ
ใช้พลังใจทั้งหมดไปแล้วเท่านั้นมันจึงจะสามารถสงบสติตวั เอง
ลงได้เพือ่ ตอบคําถาม “เจ้าหญิงหิ มะคือ สมบัติล้ าํ ค่าของอาณาจักร
เทพหงสา ที่รักแห่งวิญญาณเทพหงสา และปาฏิหารย์ที่สวรรค์ที่
มอบลงมาให้แก่พรรคเทพหงสา นี่คือเหล่าฉายาทั้งหลายของนาง
เมื่อกาลก่อนที่ยงั ไม่เคยมีใครได้เห็นนางมาก่อน ในปี ที่เจ้าหญิง
หิ มะพระชันษาได้สิบสามขวบปี นางปรากฏตัวบนยอดหอคอย
นครวิหคเทวะเพราะงานเฉลิมฉลองบางอย่าง ในปี นั้น นครวิหค
เทวะที่ไม่เคยเห็นหิ มะมาก่อนเลยแม้แต่นอ้ ย โดยไม่คาดฝันกลับมี
หิ มะตกลงมาให้เห็นจากฟากฟ้า เจ้าหญิงหิ มะปรากฏตัว และทัว่
ทั้งบริ เวณกลับกลายเป็ นดินแดนแห่งความเงียบงัน ทุก ๆ คนที่
มองไปที่นางกลายเป็ นตกตะลึงอยูก่ บั ที่ ราวกับพวกมันได้เห็น
เทพธิดาลงมายังแดนมนุษย์… ในวันถัดมา นางได้ถูกขนานนาม
ว่าเป็ นโฉมงามอันดับหนึ่งของทวีปปราณฟ้า มันเป็ น
ประวัติการณ์ และกระทัง่ บุคคลผูท้ ี่มีคุณสมบัติจะได้ถูกล่าวถึงใน
ตําแหน่งเดียวกับนางก็ไม่มีอยู”่
“สิ บสามปี งั้นรึ ? งดงามที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า?”
“ใช่ ครานั้นเจ้าหญิงหิ มะเพียงอายุได้สิบสามเท่านั้น ทว่า
ยามนี้นางอายุได้สิบหกในปี นี้ แน่นอนว่าความงดงามของนาง
ต้องเพิ่มพูนเป็ นทบทวีแน่ น่าเสี ยดาย นับตั้งแต่นางอายุสิบสาม
นางไม่เคยออกมาพบผูใ้ ดเลย ไม่ใครรู ้วา่ ยามนี้นางงดงามเท่าใด
แล้ว” ฮวาหมิงไห่กล่าวด้วยใบหน้าโหยหา
“เจ้าเคยเห็นนางเมื่อสามปี ก่อน?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ไม่ ข้าแค่ได้ฟังมาจากผูอ้ ื่น…”
หยุนเช่อแสยะยิม้ “เช่นนั้นเจ้าจะรู ้ได้เช่นไรว่านางงดงาม
ดังที่กล่าว? สําหรับสตรี หากเจ้ากําลังพูดถึงสตรี อายุสิบสาม นาง
ยังไม่ได้เติบโต ไม่แม้แต่เบ่งบาน นางจะงดงามได้เพียงใด?” เมื่อ
หยุนเช่อกล่าวถึงตรงนี้กห็ ยุดไป เพราะมันกําลังนึกถึงจัสมิน…
คราแรกที่มนั เจอจัสมิน นางเพียงอายุได้สิบสามเท่านั้น ความตก
ตะลึงยามมองเห็นจัสมินยามที่นางอายุสิบสามปี ยังเหนือกว่ายาม
ชายหนุ่มพบเซี่ยฉิ งเยว่ครั้งแรกเสี ยอีก...
ทว่าจัสมินนั้นแตกต่างออกไปจากสามัญสํานึกของโลกนี้
อย่างสิ้ นเชิงซึ่งไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้ แล้วผูท้ ี่ถูก
เรี ยกว่า “เจ้าหญิงหิมะ” จะงดงามได้ดงั่ นางงั้นหรื อ?
มีหิมะร่ วงโรยลงมาจากท้องฟ้า นัน่ เป็ นเรื่ องเหลวไหลยิง่
กว่า นครวิหคเทวะนั้นเป็ นหน้าร้อนตลอดปี เช่นนั้นหิ มะนี่มาจาก
ที่ใดกัน? ข้าขอเดาเลยว่าฉายาโฉมงามอันดับหนึ่งและเจ้าหิ มะที่
ต้องมานี้ท้ งั หมดจะต้องเป็ นการจัดฉากเพื่อสร้างชื่อเสี ยงของ
พรรคเทพหงสา
“แต่ทุกคนพูดออกมาเช่นนั้น…”
“ข้าเพียงแค่เชื่อสิ่ งที่ขา้ ได้เห็นเองกับตา ไม่ใช่สิ่งที่ขา้ ได้ฟัง
มา” หยุนเช่อเอ่ยอย่างเนิบช้า “ถ้าเจ้าพูดถึงโฉมงามอันดับหนึ่งใน
โลกหล้านี้ ข้าคิดว่ามีเพียงภรรยาข้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับฉายา
นี้… ใครบ้างล่ะจะไม่รู้วธิ ีประกาศตนเองแบบนั้น?”
“หึ …” ฮวาหมิงไห่พน่ ลมหายใจเสี ยงเบา จากนั้นจึงกล่าว
“ข้าได้ยนิ มาว่าในงานประลองจัดอันดับยุทธเจ็ดอาณาจักร องค์
หญิงหิ มะจะทรงปรากฏตัว ในยามนั้น ข้าย่อมจะต้องเข้าไปปะปน
กับฝูงชนและตรวจสอบดูวา่ เจ้าหญิงหิ มะมีหน้าตาเป็ นไรอย่าง
แน่นอน เจ้าสนใจหรื อไม่?”
“ไม่น่าสนใจ”
“........”
ในขอบซอกหลืบมุมหนึ่งของนครวิหคเทวะ ฮวาหมิงไห่
ย่างก้าวมาหยุดลงตรงที่หน้าบ้านหลังเล็กที่ดูคล้ายถูกทิ้งร้างหลัง
หนึ่ง มันกลั้นลมหายใจ เร่ งสํารวจโดยรอบและกระซิบ “ที่นี่
แหละ… ตามข้าเข้ามา”
ประตูถูกเปิ ดออกและกลิ่นยาอันหนาแน่นก็ลอยฟุ้งออกมา
ที่แห่งนี้เห็นได้ชดั เลยว่าเป็ นสถานที่พกั ชัว่ คราว การตกแต่งของ
มันช่างเรี ยบง่ายยิง่ ผลึกสี ม่วงที่อยูบ่ นเตียงหลังเล็ก มีประกายแสง
สี ม่วงไหววูบ แสงผลึกสี ม่วงเหล่านี้ดูลึกลํ้าและเป็ นภาพมายา
และที่ทอดกายนอนอย่างสงบอยูบ่ นผลึกสี ม่วงนัน่ ก็คือสตรี ผมู ้ ี
ร่ างกายผ่ายผอม ครั้นเมื่อนางได้ยนิ เสี ยงประตูเปิ ดออก หญิงสาวก็
ขยับเขยื้อนและเอ่ยเสี ยงอันแผ่วเบากระนั้นก็ยงั มีความ
กระตือรื อร้นออกมา “สามี...ท่าน...กลับมา…”
เสี ยงนี้ทาํ ให้ฮวาหมิงไห่สน่ั ไปหมดทั้งตัว มันเร่ งรี บวิง่ อย่าง
รวดเร็ วโยนตัวเองลงตรงหน้าเตียงและกล่าวอย่างเปี่ ยมความรู ้สึก
“เสี่ ยวยา เจ้าตื่นแล้ว...เจ้ารู ้สึกเช่นไรบ้าง? เจ็บปวดมากหรื อไม่?”
หยุนเช่อก้าวเดินเข้ามาด้านในและยืนอยูห่ ลังฮวาหมิงไห่
มันมองไปยังใบหน้าของสตรี ผนู ้ ้ นั ...นางมีสภาพร่ างกายอ่อนแอ
มาก ใบหน้านางไร้ซ่ ึงสี สนั ตาของนางปิ ดลงครึ่ งหนึ่ง และสายตา
ดัง่ หมอก...สายตาเช่นนี้เป็ นสายตาที่มิอาจมองเห็นสิ่ งใดได้
สิ่ งที่เห็นได้ชดั ที่สุดบนหน้าของนางนั้นอยูท่ ี่หน้าผาก...ตรง
นั้นมีตราประทับสี ดาํ ฟ้าปรากฎอยูอ่ ย่างชัดเจน
ยามได้เห็นสี ดาํ ฟ้านี้คิ้วของหยุนเช่อขมวดเล็กน้อย
“ไม่เป็ นไร...ข้าเพียงแค่ตื่นขึ้นมา...รู ้สึก...ดีข้ ึนมากแล้ว…”
นางพยายามยิม้ ให้ดีที่สุด ในยามนี้ในที่สุดดวงตาของนางก็
สามารถจับภาพเงาของผูอ้ ื่นได้อย่างพร่ าเลือน นางกล่าวอย่าง
นุ่มนวล “สามี...เรามี...แขกงั้นหรื อ?”
ไม่ตอ้ งรอให้ฮวาหมิงไห่กล่าวหยุนเช่อได้กล่าวออกมาก่อน
“สวัสดี...ข้าชื่อหลิงหยุนเป็ นสหายของฮวาหมิงไห่”
“สหาย…”
คําที่ตามมาของหยุนเช่อทําให้ดวงตาของนางเกิดประกาย
แปลกประหลาด นางกล่าวถามอย่างอย่างสนใจจดจ่อ “เจ้าคือ
เพื่อนของสามีขา้ จริ งหรื อ? สามี...เขาเป็ น...เพือ่ นท่านจริ งหรื อ?”
หยุนเช่อชะงักไปเล็กน้อย ทว่าฮวาหมิงไห่รู้วา่ ทําไมนางถึง
ดีใจนัก มันพยักหน้าอย่างแรง “อืม! เสี่ ยวยา เขาคือสหายที่ขา้ ได้
พบจากข้างนอก...หากเขามิใช่สหายข้า เช่นนั้นแล้วเขาจะรู ้วา่ ข้า
ชื่อฮวาหมิงไห่ได้อย่างไร”
“สหาย...สหายของสามี…” หญิงสาวหัวร่ อ รอยยิม้ ของนาง
ช่างซีดเผือดกระนั้นก็ยงั ดูสุขสันต์ นางทวนคําเสี ยงค่อย “สามีมี
สหายผูห้ นึ่งแล้ว... สามีมีสหายผูห้ นึ่งแล้วจริ ง ๆ…”
“...” หยุนเช่อลอบปล่อยลมหายใจ และก้าวออกมาข้างหน้า
หนึ่งก้าว “ไม่เพียงแต่ขา้ จะเป็ นสหายของไห่นอ้ ย ข้ายังเป็ นหมอ
อีกด้วย เหตุผลที่ขา้ มาที่นี่กบั ไห่นอ้ ยก็เพือ่ ดูวา่ ข้าสามารถรักษา
อาการป่ วยของเจ้าได้หรื อไม่...ไห่นอ้ ย หลบออกไปก่อน ให้ขา้ ดู
อาการของนาง”
หลังจากได้ยนิ เช่นนั้น ฮวาหมิงไห่รีบก้าวหลบไปด้านข้าง
ดวงตาทั้งคู่ของมันจ้องตรงมาที่หยุนเช่อ “พี่ใหญ่! ได้โปรดใช้
พลังทั้งหมดของท่านช่วยเสี่ ยวยาด้วย ถ้าท่านสามารถช่วยนางได้
จริ ง ๆ...”
ต่อหน้าของเสี่ ยวยา ฮวาหมิงไห่ไม่สามารถพูดคําต่อไป
ออกมาได้ แม้นว่ามันจะอาวุโสกว่าหยุนเช่ออย่างน้อยก็ร่วมสิ บปี
คําว่า “พี่ใหญ่” ยังได้ออกมาจากจิตวิญญาณของมัน ถ้าหยุนเช่อ
สามารถช่วยชีวติ นางได้ อย่าว่าแต่ “พี่ใหญ่” แม้จะให้มนั เรี ยกชาย
หนุ่มว่า “ท่านปู่ ” ไปชัว่ ชีวติ มันก็จะขอยอมรับอย่างเต็มใจ และ
มันก็ได้รู้สึกขอบคุณหยุนเช่อมากแล้วที่ยอมมาที่นี่กบั มัน
“แน่นอน ข้าจะทําให้ดีที่สุด” หยุนเช่อเอ่ยอย่างสงบ จากนั้น
มันจึงเดินไปอยูต่ รงข้างเตียงขณะที่สายตาของมันมองตกลงไปยัง
หน้าผากของหญิงสาว… ประจักษ์เห็นได้วา่ ตรงหว่างคิ้วของนาง
คือพิษเย็นสี น้ าํ เงินเข้มที่แพร่ กระจายอยูใ่ นร่ างของนาง มัน
เกือบจะลามมาถึงสมองของนางอยูแ่ ล้ว
ผลึกสี ม่วงทั้งหมดที่นางมีน้ นั มิอาจประเมินค่าได้ เพราะ
หนึ่งในนั้นคือลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วง! ร่ างกายของนางทรุ ดโทร
มอย่า่ งหนัก และเหตุผลหลักที่นางยังมีชีวติ อยูผ่ า่ นมานานหลายปี
ภายใต้การคุกคามของพิษเย็นเช่นนี้เป็ นเพราะครึ่ งหนึ่งของ
ร่ างกายนางหลอมรวมกับผลึกสวรรค์ชีพจรม่วง
“ข้าชื่อ...หรู เสี่ ยวยา ข้าสามารถเรี ยกเจ้าว่าพี่ใหญ่ได้
หรื อไม่?” เมื่อหยุนเช่อมองไปที่นาง นางก็ถามด้วยนํ้าเสี ยงอ่อน
แรง
“...อืม” หยุนเช่อพยักหน้าตอบรับ
“ขอบคุณ...พี่ใหญ่…”
“เจ้าขอบคุณข้าเพราะเหตุใด?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ขอบคุณนะ… ที่มาเป็ นสหายของไห่นอ้ ย” หรู เสี่ ยวยาเอ่ย
ขอบคุณอย่างซื่อตรง “ในหลายปี มานี้...เพื่อยืดชีวติ ของข้า...สามี
ไม่ลงั เลเลยที่จะทอดทิ้งคําสอนประจําตระกูลที่วา่ ปล้นคนรวย
เพื่อช่วยผูย้ ากจน… และตระเวนไปทุกหนทุกแห่งเพื่อขโมยยา
และลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงมามากมาย… เพราะข้า… เขาจึงไม่มี
มิตรสหายเลย...และยังไม่สามารถ...มีสหายได้…”
“ข้าไม่อยากเป็ นภาระของเขาแม้แต่นอ้ ย...ทว่าว่าข้าก็ยงั ไม่
อยากตาย...เพราะถ้าข้าตาย...สามีจะโดดเดี่ยวอย่างแท้จริ ง...ใน
ที่สุดเขา...ก็มี...พี่ใหญ่...คนหนึ่งแล้ว...ประเสริ ฐ…”
เสี ยงของหรู เสี่ ยวยาเบาลงเรื่ อย ๆ จนกระทัง่ ท้ายที่สุดนางก็
หมดสติไป นางอ่อนแอเกินไป และการเอื้อนเอ่ยถ้อยคําออกมา
มากมายย่อมเผาผลาญพลังของนางไปเป็ นจํานวนมาก
บทที่ 411 บุญคุณอันยิง่ ใหญ่
“นางหมดสติไปแล้ว” หยุนเช่อกล่าว
ฮวาหมิงไห่ทว่ั ร่ างสัน่ สะท้านขณะที่มนั ขบกัดฟัน ใช้กาํ ลัง
ทั้งหมดเพือ่ ยับยั้งมิให้น้ าํ ตาหลัง่ ไหลออกมา มันหันหลังกลับด้วย
มือทั้งสองที่กมุ อยูบ่ นศีรษะและเอ่ยอย่างน่าเวทนา “ข้ารู ้วา่ นาง
ช่างน่าเวทนาเพียงใดในหลาย ๆ ปี มานี้ สําหรับนาง การตาย
แท้จริ งแล้วถือได้วา่ เป็ นการเป็ นอิสระ...ทว่า… ทว่าจะให้ขา้ ดูนาง
จากไปโดยมิทาํ สิ่ งใดเลยได้อย่างไร…”
“นี่เป็ นการตัดสิ นใจอันโหดร้ายที่เจ้าไม่มีทางเลือก ไม่วา่ เจ้า
จะเลือกสิ่ งใดมันย่อมมีท้ งั ถูกและผิด...โดยไร้ซ่ ึงประสบการณ์ซ่ ึง
ความรู ้สึกเช่นนี้ดว้ ยตนเองมาก่อนย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจ” หยุ
นเช่อถอนหายใจ จากนั้นจึงเปลี่ยนนํ้าเสี ยง “อย่างไรก็ดี เพราะเจ้า
ได้พบกับข้า ทางเลือกและความบากบัน่ ของเจ้าจึงเป็ นสิ่ งที่
ถูกต้อง”
“หะ!?” ฮวาหมิงไห่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มในทันใด
หยุนเช่อหันกลับมามองตรงเข้าไปในตาของอีกฝ่ าย “ข้า
เพียงเคยเห็นอาการป่ วยของภรรยาเจ้ามาก่อนบ้าง และเข้าก็เข้าใจ
มันไม่มากก็นอ้ ย ออกไปคุม้ กันที่ดา้ นนอก อย่าปล่อยให้ใครเข้า
มาได้ นอกจากจะได้รับคําอนุญาตจากข้า เจ้าไม่สามารถเข้ามาได้
เจ้าควรจะรู ้วา่ ยิง่ คนป่ วยตกอยูใ่ นสภาวะอันตรายมากเท่าใด มันยิง่
มีเหตุผลที่ในระหว่างรับการรักษาจะยิง่ ต้องไม่ถูกรบกวนมาก
เท่านั้น”
เห็นทีท่าอันไม่ปิดบังของหยุนเช่อ ฮวาหมิงไห่วา่ ขึ้นอย่าง
เริ งรื่ น “เป็ น… เป็ นไปได้ไหมว่าท่านมีทาง… รักษาเสี่ ยวยา…
ท่านมีทางรักษาช่วยเสี่ ยวยาจริ ง ๆ ใช่ไหม!?”
“ข้าไม่สามารถพูดยืนยันได้” หยุนเช่อมองมาที่มนั : “ถ้าเจ้า
สามารถหายตัวจากสายตาข้าได้เดี๋ยวนี้ โอกาสสําเร็ จจะเพิ่มขึ้น
เป็ นร้อยละเก้าสิ บเก้า
ฟี้ ว! ปัง!
สายลมกรรโชกพุง่ วาบผ่านดวงตาของหยุนเช่อ และฮวา
หมิงไห่ได้หายไปจากครรลองจักษุของมันพร้อมกับเสี ยงประตูที่
ถูกปิ ดลงอย่างเร่ งรี บด้วยเสี ยงดังก้อง
ความเร็ วที่ตกตะลึงโลกหล้านี่ สร้างเสี ยงราวกับเสี ยงกรี ด
ร้องของภูตพรายและทําให้หยุนเช่อชะงักชะงันไปอยูเ่ ป็ นนาน
กว่าจะฟื้ นคืนสติกลับมาได้
เจ้าคนผูน้ ้ ีมนั ฝึ กเคล็ดวิชาตัวเบาแบบใดกัน!?
พลังปราณของมันจะมากจะน้อยก็อยูท่ ี่ช้ นั ปราณขั้นสู ง
กระนั้นเคล็ดวิชาตัวเบาของมันกลับอยูใ่ นขอบเขตที่น่ากลัวถึง
เพียงนี้!
เหตุผลที่หยุนเช่อไล่ฮวาหมิงไห่ออกไปข้างนอกนั้นชัดเจน
ว่ามิใช่เพราะกลัวว่าจะถูกรบกวน แต่เป็ นเพราะชายหนุ่มกลัวว่า
มันจะถูกเห็นวิธีที่ตนเองใช้รักษาเสี ยวยาต่างหาก ทั้งนี้หากมันจะ
สลายพิษออกไปในเวลาที่ส้ นั ที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ มัน
จําเป็ นต้องใช้ไข่มุกพิษสวรรค์ ถ้าไม่ใช้ไข่มุกพิษสวรรค์ หยุนเช่อ
จะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปอีกนับสิ บล้านเท่าเพื่อสลายพิษ
เย็น… ด้วยพิษเย็นนั้นได้คงอยูม่ าเนินนานถึงห้าปี และผสานเข้า
ไปกับเลือดและเส้นชีพจรทางผ่านลมปราณทัว่ ร่ างของนาง ไม่
เพียงแต่มนั จะแสนยากเย็นที่จะสลายมันออกไปได้หมด มันยัง
ควบคู่มาด้วยความเสี่ ยงอันสู งลิบ
นอกจากต้องพิษ นางยังได้รับบาดเจ็บภายใจอย่างสาหัส…
เนื่องด้วยการคงอยูข่ องพิษเย็น ไม่เพียงอาการบาดเจ็บภายในนี้จะ
ไม่ถูกเยีย่ วยา มันยังยิง่ จะยํา่ แย่ลงไปทุกวัน ๆ สําหรับหยุนเช่อแล้ว
อาการบาดเจ็บภายในของนางนั้นเป็ นปัญหาเสี ยยิง่ กว่าพิษเย็นซะ
อีก
หยุนเช่อยืน่ มือซ้ายออกไปยังเตียงของหรู เสี่ ยวยาที่อยูเ่ บื้อง
หน้า วางทาบลงไปยังอกของนาง รัศมีสีเขียวของไข่มุกพิษ
สวรรรค์ส่องประกายขึ้นมาช้า ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ แผ่ขยาย
ครอบคลุมไปทัว่ ทั้งร่ างของนาง ภายใต้พลังของไข่มุกพิษสวรรค์
พิษเย็นที่กดั กินร่ างของนางมาเป็ นเวลาห้าปี เต็มถูกสลายออกไป
อย่างรวดเร็ วโดยไม่มีการต่อต้านใด ๆ
ราวกับหนูติดจัน่ ฮวาหมิงไห่เดินไปเดินมาอยูข่ า้ งนอก ทว่า
ไม่กล้าทําให้เกิดเสี ยงฝี เท้าใด ๆ(สกิลตีนแมวใช้ได้ All the time.
มันคือ windwalk)
สายลมหนาวยามราตรี พดั ผ่านมา บางสิ่ งพลันกระจ่างขึ้น
ในใจของฮวาหมิงไห่ โดยปกติมนั จะเป็ นคนที่ระมัดระวังตัวอย่าง
ถึงที่สุดอยูเ่ สมอ มิเช่นนั้น มันคงมิอาจรักษาชีวติ ของหรู เสี่ ยวยามา
ได้ถึงเดี๋ยวนี้ กระนั้นในวันนี้ มันกลับนําคนที่เพียงได้พบกันเป็ น
ครั้งมายังที่ซ่อนตัวในปัจจุบนั และยังกระทัง่ ปล่อยให้มนั เข้าใกล้
ตัวหรู เสี่ ยวยาเพียงลําพัง ยามนี้เมื่อมันคิดถึงเรื่ องนั้น มันก็รู้สึก
พิกลใจ… บางทีคงเป็ นเพราะกลิ่นอายอันลึกลับจากร่ างของหยุ
นเช่อที่ทาํ ให้ส่วนลึกในใจของมันบังเกิดความหวังอันมิอาจ
พรรณนาขึ้น
ครึ่ งชัว่ ยามข้ามผ่านไปโดยไม่มีสุ่มเสี ยงใดเล็ดรอดออกมาก
จากภายในบ้าน นี่ทาํ ให้ฮวาหมิงไห่รู้สึกลังเลเป็ นอย่างยิง่ มัน
อยากจะดึงประตูเปิ ดออกมาอยูห่ ลายครั้งหลายครา ทว่าทุกครั้ง
มันจะรู ้สึกว่าตัวมันควรยั้งตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด ในเวลานี้เองที่
นํ้าเสี ยงอันไม่หนักไม่เบาของหยุนเช่อได้ดงั ออกมาจากภายใจ
“เข้ามา”
ราวกับอัสนีบาต ฮวาหมิงไห่กระชากเปิ ดประตูแล้วพุง่
พรวดเข้าไปข้างใน มันแลเห็นว่าส่ วนผสมยาในห้องไร้ซ่ ึงการ
เปลี่ยนแปลง หรู เสี่ ยวยายังคงนอนอยูก่ บั ที่ นางไม่กระทัง่ มีการ
เคลื่อนไหว มันเร่ งรี บก้าวตรงเข้าไปและเอ่ยอย่างร่ นร้อน “เสี่ ยว
ยาเป็ นอย่างไรบ้าง…?”
ไวเท่าที่มนั เอ่ยออกมาเช่นนั้น ดวงตาของมันพลันเบิก
ขยาย… ด้วยมันตะลึงที่เห็นว่ารอยสี น้ าํ เงินเข้มบนหน้าผากของ
หรู เสี่ ยวยาได้หายไปหมดสิ้ นแล้ว
ฮวาหมิงไห่ท้ งั ร่ างสัน่ สะท้านด้วยความตื่นเต้น มันยืน่ มือ
ออกไปวางทาบลงบนอกของหรู เสี่ ยวยา และตรวจสอบอย่าง
ระมัดระวังด้วยพลังปราณของมัน… มันไม่อาจสัมผัสถึงร่ องรอย
ของพิษเย็นแม้แต่นอ้ ยได้ในที่ใดอีกแล้ว…ไม่พบแม้กระทัง่ เศษ
เสี้ ยว
“พิษเย็นในร่ างของนางถูกสลายออกไปหมดแล้ว” หยุนเช่อ
เอ่ย มันจะเป็ นได้อย่างไรที่ไข่มุกพิษสวรรค์จะใช้เวลานับครึ่ งชัว่
ยามเพือ่ สลายพิษเย็นในร่ างของหรู เสี่ ยวยา? อย่างไรก็ตาม ถ้า
จัดการมันได้เร็ วเกิน มันย่อมไม่อาจเลี่ยงการพบกับความตะลึง
อย่างเกินเหตุ เช่นนั้นหยุนเช่อนึงนัง่ รออยูส่ กั พัก ยื้อเวลามาถึงกว่า
ครึ่ งชัว่ ยาม
ฮวาหมิงไห่ตวั สัน่ อย่างไม่อาจควบคุม มันทั้งสองถูก
ทรมานโดยพิษเย็นนี่มานานถึงห้าปี พิษนี่มนั คือฝันร้ายอันแสนน่า
สะพรึ งที่สุดของพวกมัน และพวกมันรู ้ดียงิ่ กว่าใครถึงความน่า
หวาดหวัน่ ของพิษเย็นนี้ รู ้ดีจนถึงกระทัง่ ถอดใจไปนานแล้วที่จะ
หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะสามารถรักษาพิษนี้ได้ เมื่อฮวาหมิงไห่พา
หยุนเช่อมา มันเองก็มิได้มีความหวังมากไปว่าจะมีปาฏิหารย์
เกิดขึ้น มันก็แค่ไม่อยากทอดทิ้งเศษเสี้ ยวแห่งความหวังชิ้นสุดท้าย
ไปก็เท่านั้น… มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าปาฏิหารย์จะบังเกิดและ
ปรากฏขึ้นจริ ง ๆ ตรงหน้าของมัน
“เสี่ ยวยา...เสี่ ยวยา…” ฮวาหมิงไห่จบั มือหรู เสี่ ยวยาไว้และ
ตื้นตันใจจนถึงกับพูดติด ๆ ขัด ๆ “เจ้าได้ยนิ ไหม...พิษของเจ้า
หายไปแล้ว...หายไปหมดสิ้ นแล้ว...เสี่ ยวยา...เจ้าได้ยนิ ไหม…”
“เอาล่ะ อย่ารบกวนนางเลย ออกมาข้างนอกกัน” หยุนเช่อ
เอ่ย “แม้นว่าพิษเย็นจะถูกสลายไปแล้ว แต่เนื่องด้วยถูกพิษเย็นกัด
กินมาตลอดห้าปี พลังปราณของนางจึงสูญสลายไปสิ้ น อวัยวะ
ภายในของนางเองยังได้รับผลกระทบหนักหนา หากมิใช่เพราะมี
ผลึกสวรรค์ชีพจรม่วงจํานวนมากค่อยล่อเลี้ยงรักษาอยูม่ าตลอด
หลายปี นี้ นางคงจะต้องตกตายไปอย่างเป็ นแน่แท้เมื่อพิษเย็นถูก
สลายไป ยามนี้ นางยังไม่พน้ จากสภาวะอันตรายดี เพื่อให้ได้พกั
ฟื้ นกลับมาอย่างสมบูรณ์ นางจําเป็ นต้องใช้เวลานานมากทีเดียว
สิ่ งที่นางต้องการในยามนี้คือการพักผ่อนอย่างเพียงพอ”
ฮวาหมิงไห่พลันควบคุมดึงตัวเองกลับมาจากการพูดคุย
ขณะที่มนั ได้จดั ที่นอนและผ้าห่มของหรู เสี่ ยวยาให้เรี ยบร้อย
จากนั้น มันจึงตามหยุนเช่อออกมาด้วยฝี เท้าแผ่วเบา
หยุนเช่อนําเอาขวดใบเล็กใบหนึ่งออกมายืน่ ไปให้ฮวาหมิง
ไห่ ภายในขวดบรรจุของเหลวสี แดงสดจํานวนเล็กน้อยไว้ “นี่คือ
โลหิ ตมังกรแท้จริ งชั้นปราณจักรพรรดิธาตุไฟ มันสามารถขจัด
พลังเย็นที่อยูเ่ ต็มไปหมดภายในร่ างของนางระหว่างหลายปี นี้ได้
และยังสามารถฟื้ นฟูพลังชีวติ ของนางได้อีกด้วย มีโลหิ ตมังกรอยู่
ในนี้ท้ งั หมดสิ บหยด เจ้าต้องหยดหนึ่งหยดลงไปในนํ้าสามลิตร
จากนั้นจึงป้อนให้นางสามหยดทุก ๆ วันเริ่ มนับตั้งแต่พรุ่ งนี้ ทุก ๆ
ครั้งที่ผา่ นไปครบเดือน เจ้าจะต้องหยดโลหิ ตเพิ่มลงไปอีกหนึ่ง
หยด… จําเอาไว้ เจ้าต้องไม่หยดเพิ่มไปมากกว่านั้น มิเช่นนั้น
ร่ างกายของภรรยาเจ้าจะรับมันไม่ไหว”
แม้วา่ มันจะถูกบรรจุไว้ในขวดหยก ด้วยประสาทสัมผัสอัน
ยอดเยีย่ มของฮวาหมิงไห่ กลิ่นอายมังกรบริ สุทธิ์ยอ่ มสามารถรับรู ้
ได้อย่างชัดเจน มันยังรู ้ดว้ ยว่าสําหรับร่ างกายอันอ่อนแอของหรู
เสี่ ยวยาที่เต็มไปด้วยพลังเย็นแล้ว โลหิ ตมังกรที่แท้จริ งทั้งยังเป็ น
โลหิ ตมังกรปราณจักรพรรดิธาตุไฟนัน่ ย่อมไม่ต่างอันใดจาก
โอสถสวรรค์
ฮวาหมิงไห่รับโลหิ ตมังกรมาและตื้นตันใจจนมิอาจเอ่ยสิ่ ง
ใดออกมาได้
“เจ้าดูแลภรรยาเจ้ามากว่าห้าปี ดังนั้นเจ้าจึงควรจะรู ้ดีวา่ ควร
ค่อย ๆ รักษาอาการบาดเจ็บภายในและฟื้ นฟูพลังชีวติ ของนาง
กลับมา มันไม่จาํ เป็ นที่ขา้ จะต้องพูดพรํ่ามากไป ทว่าข้ามีสิ่งหนึ่งที่
จะต้องเตือนเจ้าไว้ ในระหว่างสามเดือนนี้ เจ้าห้ามพานางออกจาก
ผลึกสวรรค์ชีพจรม่วงโดยเด็ดขาด พลังชีวติ ของนางนั้นลดตํ่าลง
อยูท่ ุกชัว่ ขณะ ฉะนั้นแล้วหากนางออกจาะผลึกสวรรค์ชีพจรม่วง
ไป ทุกความผิดพลาดสามารถพรากชีวติ ของนางไปได้ท้ งั สิ้น” หยุ
นเช่อเอ่ยอย่างจริ งจัง การช่วยเหลือชีวติ และรักษาอาการเจ็บไข้...
นัน่ คือสิ่ งที่ชายหนุ่มมักทําอยูเ่ สมอเมื่อก่อนนั้น และมันก็เคยมี
ความสุ ขกับมันอยูเ่ สมอ ทว่าในเวลานี้ มันไม่มีความรู ้สึกเช่นนั้น
อีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อให้เทียบระหว่างจํานวนคนที่มนั เคย
สังหารกับจํานวนคนที่มนั เคยช่วยเหลือไว้ จํานวนคนที่มนั เคย
ช่วยเหลือไว้...ช่างถูกทิ้งไปห่างไกลเหลือเกิน
“ขอบคุณ...ท่านผูม้ ีพระคุณ!” ฮวาหมิงไห่โพล่งออกมาด้วย
ความรู ้สึก จากนั้นจึงพลันคุกเข่าลง...การคุกเข่าลงครานี้หนัก
หน่วงยิง่ กว่าคราก่อน การคุกเข่าเมื่อคราก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วย
ความไม่เต็มใจอย่างไร้ท่ีสิ้นสุ ด ทว่าการคุกเข่าในครานี้น้ นั เต็มไป
ด้วยความเต็มใจอย่างเปี่ ยมล้น “ข้า ฮวาหมิงไห่จะจดจําบุญคุณอัน
ยิง่ ใหญ่น้ ีของท่านไว้ชว่ั ชีวติ ข้าขอถามนามอันยิง่ ใหญ่ของท่านได้
หรื อไม่? ข้า ฮวาหมิงไห่จะต้องใช้กาํ ลังทั้งหมดตอบแทนท่าน
อย่างแน่นอน”
“ไม่จาํ เป็ น ข้าเพียงทําตามหน้าที่ของแพทย์ตามโอกาส” หยุ
นเช่อกล่าวพลางถอนหายใจน้อย ๆ “สําหรับชื่อของข้า...ข้าได้
บอกเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วว่าชื่อของข้าคือ หลิงหยุน”
กับชื่อนี้ ฮวาหมิงไห่ไม่มีท่าทีใด ๆ กลับกัน มันกลับถาม
“เป็ นไปได้หรื อไม่วา่ นามที่แท้จริ งของผูม้ ีพระคุณคือ...หยุนเช่อ?”
“...” คิ้วของหยุนเช่อขมวดแน่น… ระยําเถอะ! นี่มนั อะไร
กัน? ข้าเพียงประกาศชื่อของข้าออกไปสองครา และข้าบอกว่าข้า
ชื่อ “หลิงหยุน” ไปทั้งสองครั้ง กระนั้นอีกฝ่ ายก็ยงั เรี ยกชื่อจริ ง
ของข้าออกมา… เป็ นไปได้ไหมว่าชื่อของข้าได้แพร่ สะพัดไปจน
คนทั้งนครวิหคเทวะรู ้จกั ข้าหมดแล้ว?
ครั้นเห็นว่าหยุนเช่อมิได้กล่าวสิ่ งใดออกมาเป็ นนาน ฮวา
หมิงไห่จึงรู ้ได้วา่ การคาดเดาของตนนั้นถูกแล้ว มันรี บเอ่ยต่อโดย
ไว “เมื่อข้าได้รอบเร้นเข้าไปในพรรคเทพหงสา ข้าเพียงได้ยนิ
นามของ ‘หยุนเช่อ’ มาโดยบังเอิญ และพวกมันพูดกันว่า ‘หยุ
นเช่อ’ นั้นมาจากอาณาจักรวายุคราม เขามิได้เป็ นคนของพรรค
เทพหงสา กระนั้นก็ยงั ครอบครองสายเลือดของเทพหงสา ท่านผู ้
มีพระคุณมากจากอาณาจักรวายุคราและสามารถใช้เพลิงเทพหง
สาได้… เช่นนั้นข้าจึงคิดมาตลอดว่าท่านผูม้ ีพระคุณคือ ‘หยุนเช่อ’
ผูน้ ้ ี
นั้นเองคือเหตุผล… หยุนเช่อวางใจในที่สุด มันไม่ชดั เจนว่า
ชื่อ ‘หยุนเช่อ’ นั้นไม่ได้สลักสําคัญอันใด แต่สิ่งที่ทุกคนให้ความ
สนใจก็คือ “คนนอกพรรคเทพหงสาคนหนึ่งที่ครอบครอง
สายเลือดเทพหงสา”
“ถูกแล้ว ข้าคือหยุนเช่อที่เจ้าพูดถึง ข้ามายังนครวิหคเทวะ
ครั้งนี้เพื่อสะสางเรื่ องกับพรรคเทพหงสา นั้นคือสาเหตุวา่ เหตุใด
ข้าจึงไม่ยอมมอบทานตะวันหงสาให้เจ้าเช่นกัน” หยุนเช่อมองไป
ยังท้องฟ้ายามราตรี จากนั้นจึงช่วยพยุงฮวาหมิงไห่ข้ ึนมา “เอาล่ะ
กลับไปดูแลภรรยาเจ้าซะ เจ้าไม่ตอ้ งคิดเกี่ยวกับเรื่ องที่จะขอบคุณ
ข้า หลังจากนางฟื้ นตัวแล้ว เจ้าควรพานางไปให้ไกลจากนครวิหค
เทวะและไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า”
ฮวาหมิงไห่เอ่ยอย่างลังเล “แม้ขา้ จะเป็ นโจร ข้ายังไม่เคยลืม
วิธีตอบแทนหนี้บุญคุณคน ข้าเคยพูดไว้ก่อนแล้ว ตราบเท่าที่ท่าน
สามารถช่วยชีวติ ภรรยาข้าได้ ชีวติ ของข้าคือของท่าน จากนี้เป็ น
ต้นไป หากท่านผูม้ ีพระคุณต้องการให้ขา้ กระทําสิ่ งใด อย่าลังเลที่
จะเอ่ยออกมา แม้นมันจะแสนอันตราย ข้าก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว
ให้เห็น! ถ้าท่านผูม้ ีพระคุณต้องการสิ่ งได้...แม้นมันจะเป็ นของที่
อยูใ่ นแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็ยงั เต็มใจที่จะบุกไปเพือ่ ท่านผูม้ ีพระคุณ”
คําสุ ดท้ายของฮวาหมิงไห่แกว่งหัวใจของหยุนเช่อ ชาย
หนุ่มปิ ดริ มฝี ปากออก ทว่าก่อนที่มนั จะได้กล่าวสิ่ งใด มันกลิ่นคํา
เหล่านั้นลงไป...ในนครวิหคเทวะ สิ่ งที่ชายหนุ่มประสงค์ตอ้ งการ
ที่สุดอย่างไม่ตอ้ งสงสัยย่อมเป็ น 《ท่วงทํานองแห่งเทพหง
สา》 ของพรรคเทพหงสา ถ้ามันสามารถเอาเคล็ดวิชาชั้น
รากฐานและสี่ ข้ นั แรกของ 《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 มา
ได้ มันย่อมสามารถสําเร็ จและเข้าใจปราณเทพหงสาได้อย่าง
สมบูรณ์
ทว่า 《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 คือวิชาหลักของ
พรรคเทพหงสา มันยังเป็ นเพราะ 《ท่วงทํานองแห่งเทพหง
สา》 อีกด้วยที่ทาํ ให้พรรคเทพหงสากลายเป็ นพรรคอันดับหนึ่ง
ของทวีปปราณฟ้า การป้องกันของพรรคเทพหงสาที่มีต่อ
《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 ย่อมแน่นหนาอย่างถึงที่สุด…
ทั้งนี้ท้ งั นั้น กับ 《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 ของพรรคเทพ
หงสา สิ่ งของธรรมดาสามัญย่อมมิอาจเทียบเคียงกับมันได้อย่าง
แน่นอน
ชายหนุ่มเพียงเพิ่งจะสลายพิษเย็นจากหรู เสี่ ยวยาไป ถ้าฮวา
หมิงไห่แทรกซึ มเข้าไปในพรรคเทพหงสาเพราะมัน นั้นย่อมเป็ น
การทําร้ายคนทั้งคู่
เห็นสี หน้าลังเลอย่างชัดเจนบนใบหน้าของหยุนเช่อ
ประกอบกับท่าทีย้งั คําพูดกลับคืนของชายหนุ่ม ฮวาหมิงไห่เร่ ง
กล่าวออกมา “ท่านผูม้ ีพระคุณ มีสิ่งใดที่ท่านต้องการงั้นหรื อ?
อย่าลังเลที่จะขอออกมาเลย ข้าจะช่วยท่านเอามันอย่างแน่นอน...
หากข้ามิได้ตอบแทนบุญคุณนี้ ข้าย่อมมิอาจผ่อนคลายใด ๆ ได้
ทั้งสิ้ น”
หยุนเช่อครุ่ นคิดอยูช่ วั่ ครู่ จากนั้นจึงเอ่ย “เจ้าพอจะบอกข้า
ได้ไหมว่าเจ้าใช้เคล็ดวิชาตัวเบาอันใด?”
ฮวาหมิงไห่ชะงักไป จากนั้นจึงเอ่ยออกมาหลังจากลังเลไป
เล็กน้อย “มันคือเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดมาจากตระกูลฮวาของข้า —
— ‘อสนีบาตมายาไร้ขอบเขต’”
บทที่ 412 ถูกล่ า
“อสนีบาตมายาไร้ขอบเขต…..ทักษะการเคลื่อนไหวนี้
สามารถถ่ายทอดให้บุคคลอื่นได้หรื อไม่?” หยุนเช่อถามอย่าง
จริ งจัง
“อ้า….” ฮวาหมิงไห่สีหน้าแข็งทื่อไปชัว่ ขณะ จากนั้น มัน
สัน่ ศีรษะด้วยความหวาดกลัวและทรมาณใจ “ขออภัย ท่านผูม้ ี
พระคุณ ไม่วา่ ท่านต้องการให้ขา้ ทําอะไร ข้าล้วนไม่ลงั เลทั้งสิ้ น
ทว่าเรื่ องนี้….อสนีบาตมายาไร้ขอบเขตคือสมบัติของตระกูลข้าที่
ได้รับประทานมาจากสวรรค์ และข้อห้ามที่สาํ คัญที่สุดของเราคือ
ไม่สามารถบอกต่อสู่ ผอู ้ ื่นได้ ข้า…”
“ข้าเข้าใจ” หยุนเช่อพยักหน้า “เคล็ดกระบวนยุทธ์ของ
ตระกูลหนึ่งไม่พึงมีการเผยแพร่ ออกสู่ ภายนอก เป็ นข้าเองที่เสี ย
มารยาท เจ้าดูแลภรรยาของเจ้าเถอะ”
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ หยุนเช่อหันกายพร้อมก้าวเดิน
ออกไปอย่างช้าๆ
“ผูม้ ีพระคุณ…..ข้า…..” ฮวาหมิงไห่มองที่ดา้ นหลังที่จาก
ไปของหยุนเช่อ ชายหนุ่มกัดฟันแนบแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วย
ความละอายใจ….สิ่ งหยุนเช่อกระทําเพือ่ มันแน่นอนว่าเป็ น
พระคุณยิง่ ใหญ่เทียมฟ้า มันเองสามารถส่ งเสริ มความปรารถนา
เดียวของหยุนเช่อให้สาํ เร็ จอย่างง่ายดาย ทว่ามันกลับไม่สามารถ
กระทําได้....ฮวาหมิงไห่เป็ นบุรุษที่เกลียดการเป็ นหนี้บุญคุณต่อ
คนอื่น ยิง่ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงพระคุณยิง่ ใหญ่ถึงเพียงนี้ ความรู ้สึกนี้ทาํ
ให้หวั ใจของฮวาหมิงไห่รู้สึกเจ็บปวดจนแทบไม่อาจทานทนได้
“อย่าใส่ ใจเลย” หยุนเช่อส่ งคลื่นเสี ยงกลับไปทางด้านหลัง
“ยามนี้ ที่สมควรทําที่สุดคือทุ่มเทกายใจดูแลภรรยาของเจ้า อย่าได้
เสี ยสมาธิเพราะเรื่ องราวอันไร้สาระ การช่วยชีวติ คนผูห้ นึ่ง
สามารถนับได้วา่ เป็ นการปลดเปลื้องบาปเคราะห์ส่วนหนึ่งของข้า
หากเจ้าต้องการชดเชยข้าจริ งๆ เช่นนั้น จงทุ่มเทพยายามฟื้ นฟู
สภาพร่ างกายของภรรยาเจ้า อย่าให้การช่วยเหลือของข้าต้องเสี ย
เปล่า”
ขณะที่เสี ยงของหยุนเช่อเลือนหาย ร่ างของชายหนุ่มได้หาย
ลับไปกับความมืดแห่งราตรี กาล ฮวาหมิงไห่มองไปข้างหน้า มัน
ไม่ได้เอ่ยคําใดออกมาเป็ นระยะเวลานาน ด้วยใบหน้าที่ยงุ่ เหยิง
เกินบรรยาย ราวกับมันกําลังต่อสู ก้ บั บางสิ่ งบางอย่างอย่างดุเดือด
.......................................
“ข้าไม่คิดว่าเจ้า ผูท้ ี่เห็นชีวติ มนุษย์ดุจเศษหญ้า ผูท้ ี่ทาํ ลาย
ตระกูลทั้งตระกูลโดยไม่กระพริ บตา จะยินยอมสิ้ นเปลืองกําลัง
เรี่ ยวแรงช่วยเหลือผูค้ นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผูห้ นึ่งได้” จัสมินก
ล่าวด้วยนํ้าเสี ยงที่แตกต่างอย่างยิง่
“นี่พิสูจน์วา่ ข้ายังคงเป็ นคนดีใช่ไหม?”
“.....” จัสมินพ่นลมหายใจ
.............................
เมื่อถึงยามที่หยุนเช่อกลับถึงโรงเตี๊ยม ล้วนล่วงเลยถึงยาม
เที่ยงคืน ชายหนุ่มตรงกลับห้องพัก ขณะกําลังยืนอยูเ่ บื้องหน้า
ประตูหอ้ งและผลักเปิ ดประตู สองมือของหยุนเช่อพลันแข็งค้าง
หัวคิ้วสองข้างขมวดแนบแน่น ประสาทสัมผัสทุกส่ วนในร่ างกาย
ตึงเครี ยดขึ้นโดยฉับพลัน
เนื่องเพราะหยุนเช่อรู ้สึกอย่างชัดเจนว่ามีใครบางคนอยูใ่ น
ห้องของมัน!
บุคคลที่หลบซ่อนตัวอยูใ่ นห้องของชายหนุ่มเป็ น
ผูเ้ ชี่ยวชาญในด้านการซ่อนเร้นตัวต้น หากพึ่งเพียงด้วยพลังปราณ
ของมันมิใช่ดว้ ยจิตสัมผัส ย่อมเป็ นไปไม่ได้เลยที่หยุนเช่อจะ
ค้นพบตัวตนของอีกฝ่ าย… ครั้นเมื่อชายหนุ่มรับถึงการมีตวั ตน
ของบุคคลผูน้ ้ ี สัมผัสยะเยือกอันทําให้ขนลุกชันก็ตามมาทันควัน
ความรู ้สึกเช่นนี้บอกให้มนั รู ้ได้เลยว่าไม่เพียงแต่บุคคลที่อยู่
ภายในนั้นจะแข็งแกร่ งจนน่าครั่นคร้าม บุคคลผูน้ ้ ียงั หวังจะมา
สังหารมันอีกด้วย!
“เร็ วเข้า รี บหนี! มันเป็ นระดับแปดของชั้นปราณจักรพรรดิ!
มันสัมผัสถึงตัวเจ้าได้แล้ว!”
ด้วยเสี ยงร้องเตือนอย่างเร่ งร้อนของจัสมิน หยุนเช่อไม่
เสี ยเวลาหยุดคิดอีกต่อไป มันเร่ งใช้เทพดาราแยกเงาพุง่ ออกจาก
โรงเตี๊ยมแล้วถีบทะยานตัวออกไปโดยไว
ประตูและผนังถูกทลายออกก่อให้เกิดเสี ยงสนัน่ เบื้องหลัง
ของมัน พร้อมกับคลื่นลมร้อนส่ งเสี ยงกรี ดร้องไล่ตามมา...
ความรู ้สึกร้อนไหม้เช่นนี้ช่างชัดเจนนัก...เพลิงเทพหงสา!
คนจากพรรคเทพหงสา!
หัวใจของหยุนเช่อหน่วงหนัก... เหตุใดจึงเป็ นคนจากพรรค
เทพหงสา? ทั้งจิ ตสังหารนี่ยงั เด่ นชัดเลยมันต้ องการสังหารชาย
หนุ่มให้ ตกตาย หรื อจะเป็ น...เฟิ งซีเฉิ น!?
หยุนเช่อใจปั่นป่ วน...ดูคล้ายจะเป็ นเพราะเหตุการณ์ก่อน
หน้านี้ ที่ตนเองไปเปิ ดเผยเพลิงเทพหงสากลางวันแสก ๆ ยามอยู่
ในสมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยและถูกเข้าใจผิดว่าเป็ นศิษย์พรรค
เทพหงสา จึงเป็ นเหตุให้พรรคเทพหงสาได้รับข่าวเกี่ยวกับมัน
และตามรอยจนมาเจอที่พกั ของมันได้
เหมือนมันจะประมาณมากเกินไป มันมัวแต่ให้ความสนใจ
กับฮวาหมิงไห่จนละเลยความเป็ นจริ งอันสลักสําคัญไป...ในนคร
วิหคเทวะ สายของพรรคเทพหงสามีอยูท่ ุกหนทุกแห่ง!
ความเร็ วของหยุนเช่อเห็นได้ชดั ว่ามิอาจเทียบเคียงกับผูฝ้ ึ ก
ยุทธในระดับชั้นปราณจักรพรรดิข้ นั สูงได้ ในเวลาไม่ถึงสิ บชัว่ ลม
หายใจ มันได้ถูกไล่ตามมาจนถึงจุดที่มีระยะห่างอยูเ่ พียงหกสิ บ
เมตร คลื่นเพลิงเทพหงสาอันร้อนแรงแหวกผ่าอากาศเข้ามาหา
ชายหนุ่ม
ฟิ้ ววว!!
เพลิงเทพหงสาที่ลุกโหมไหม้อย่างรุ นแรงในห้วงเวหาสาด
แสงส่ องสว่างกลางท้องฟ้ายามรัตติกาล หยุนเช่อเร่ งหลีกหลบ
เพลิงเทพหงสานั้น จากนั้น มันจึงทําใจดีสูเ้ สื อหยุดแล้วหัน
กลับไป... บุคคลที่ติดตามมาเองหยุดร่ างลงเช่นกัน เพราะใน
สายตาของมัน...หยุนเช่อคือเหยือ่ อันน่าสมเพชที่มิอาจหลีกพ้น
จากอุง้ มือมันได้
“เจ้าเป็ นใคร ?” หยุนเช่อถาม หัวคิ้วขมวดเป็ นร่ องลึก
สายตาของอีกฝ่ ายกวาดมองมันตั้งแต่หวั จรดเท้า จากนั้นก็
หัวร่ ออย่างเย็นชา “เจ้ามีพลังลมปราณเทพหงสาจริ งๆ เช่นนั้นเจ้า
ก็คือ… หยุนเช่อ เจ้าลูกสําส่ อนที่ผคู ้ นกล่าวขาน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้า
จะมาถึงเร็ วถึงเพียงนี้”
“หึ ” หยุนเช่อหัวร่ อเย็นชาบ้าง “ดูเหมือนพรรคเทพหงสา
ของเจ้าจะหวาดกลัวข้านะ”
“กลัวเจ้า ?”
“ถูกต้อง !” หยุนเช่อเยาะหยัน “ข้ามานครวิหคเทวะก็เพื่อยุติ
ข้อบาดหมางเกี่ยวกับสายเลือดกับพรรคเทพหงสาอย่างเปิ ดเผย
และมีเกียรติในงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิ แต่พรรคเทพหงสา
ของเจ้ากลับใช้วธิ ีที่น่าละอายอย่างการลอบสังหาร ดูเหมือนพรรค
เทพหงสาที่กล่าวขวัญ ล้วนมีเพียงนี้เท่านั้น”
“ฮาฮ่า” ชายวัยกลางคนหัวร่ อปรามาส “ในสายตาของพรรค
เทพหงสาของเรา เจ้ามันเป็ นเพียงแค่เดรัจฉานตัวน้อยที่ขโมย
สายเลือดของพรรคเราไปก็เท่านั้น ให้พรรคของข้าเกรงกลัว
เดรัจฉานน่าสมเพชตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งงั้นหรื อ? ช่างเป็ นเรื่ องน่า
ขบขันเท่าฟ้า เรื่ องในวันนี้ เป็ นเพียงเพราะองค์ชายสิ บสาม
ต้องการชีวติ ของเจ้า”
“อย่างที่คาด…” สายตาของหยุนเช่อทวีความหนาวเย็นขึ้น
ยิง่ กว่าเก่า
“เพียงแค่เดรัจฉานตัวหนึ่งจากอาณาจักรวายุครามกลับกล้า
มาล่วงเกินองค์ชายสิ บสาม กระทัง่ ให้จกั รพรรดิวายุครามคุกเข่า
ร้องขออภัยแทนเจ้า เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้มีชีวติ รอดผ่านพ้นคืนนี้
ไปได้...อย่างไรก็ตาม การตายด้วยนํ้ามือของข้า เฟิ งชือหัว ก็
เพียงพอจะให้เจ้าเอาไปคุยโวเมื่อได้ไปยังขุมนรกและเข้าสู่ วงั วน
แห่งการเกิดใหม่แล้ว! ไปพบโคตรเหง้าของเจ้าอย่างสงบซะ!”
ร่ างของเฟิ งชือหัวไหววูบ จากนั้น มันพลันพุง่ เข้าใส่ หยุนเช่อด้วย
เพลิงเทพหงสาที่ลุกไหม้อยูบ่ นนิ้วทั้งห้า เล็งตรงมายังกลางอก
ของหยุนเช่อ เห็นได้ชดั ว่ามันต้องการสังหารชายหนุ่มใน
กระบวนท่าเดียว… ขั้นแปดแห่งระดับชั้นปราณจักรพรรดิ คือผู ้
เป็ นราชันระดับสู งโดยแท้จริ ง หากการเผชิญหน้ากับเด็กน้อย
ระดับชั้นปราณปฐพิแต่มิอาจสังหารได้ในหนึ่งกระบวนท่า แม้แต่
ตัวมันยังรู ้สึกว่านี่เป็ นเรื่ องที่น่าขันนัก
สายตาของหยุนเช่อสาดประกาย ชายหนุ่มย่างก้าวด้วยเทพ
ดาราแยกเงา แบ่งร่ างลวงออกมาสามร่ างในทันใด ส่ งให้เฟิ งชือ
หัวคว้าจับพลาดไป ด้วยการสู ดลมหายใจลึก ชายหนุ่มรวบรวม
พลังปราณในร่ างแล้วพุง่ ทะยานไปยังทิศใต้
ในชัว่ พริ บตาที่คว้าจับอากาศธาตุ เฟิ งชือหัวถึงกับชะงักชะ
งัน มันไม่สามารถเห็นได้ชดั เจนว่าหยุนเช่อหลบไปจากครรลอง
สายตาของมันได้อย่างไร และความเร็ วที่หยุนเช่อใช้ในการ
หลบหนีน้ นั ยิง่ ทําให้มนั ตกตะลึงยิง่ กว่า… เห็นได้จะตาอยูว่ า่ ชาย
หนุ่มเป็ นเพียงระดับชั้นปราณปฐพี ทว่าความเร็ วของมันกลับไม่
ด้อยไปกว่าราชันระดับต้น!
“หึ ! เช่นที่คาด มันมีความสามารถทีเดียว” เฟิ งชือหัวพ่นลม
หายใจอย่างเย็นชา ร่ องรอยแห่งความโกรธาฉาบเคลือบหัวใจของ
มัน แม้นว่าความเร็ วของหยุนเช่อจะเหนือกว่าที่มนั คาด ความเร็ ว
เพียงเท่านี้ยงั ไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือของมันไปได้ นอกจากนี้
หยุนเช่อยังมีพลังลมปราณเพียงชั้นปราณปฐพี จึงย่อมเป็ นไป
ไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะบินได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้อง
วิง่ บนพื้น ซึ่งก็หมายความว่ามันจะไม่สามารถหนีรอดพ้นจาก
สายตาและการรับรู ้ของเฟิ งชือหัวไปได้
“ไอ้หนู มาดูสิวา่ เจ้าจะวิง่ ไปได้ถึงไหน!”
เฟิ งชือหัวคําราม ร่ างของมันพุง่ ทะยานตามหยุนเช่อมาราว
กับลูกศรที่พงุ่ ออกจากเกาทัณฑ์ ความเร็ วอันน่าตื่นตะลึงนํามาซึ่ง
เสี ยงแหวกอากาศดังเสี ยดแทงแก้วหู ด้วยความเร็ วอันต่างกันอย่าง
เห็นได้ชดั ภายในไม่กี่สิบชัว่ ลมหายใจ หยุนเช่อก็กลับมาถูกตาม
ทันด้วยระยะห่างหกสิ บเมตรอีกครา หยุนเช่อผูว้ งิ่ อยูพ่ ลันหันหลัง
และขว้างวัตถุสีดาํ สนิทบางอย่างไปใส่ เฟิ งชือหัวที่อยูก่ ลางอากาศ
จันทร์เสี้ ยวบนท้องฟ้าถูกนาวาปราณบรรพกาลบดบังสิ้ น
ทําให้ราตรี น้ นั มืดมิดราวนํ้าหมึก เฟิ งชือหัวได้ยนิ เสี ยงหวีดแหลม
ดังมาจากข้างหน้า แต่มองเห็นไม่ชดั ว่ามันคือสิ่ งใด มันไม่กล้าพา
ตัวเข้าขวางเพราะเกรงว่าฝ่ ายตรงข้ามจะใช้ออกด้วยอาวุธพิษ มัน
รี บหลบไปด้านข้าง เมื่อวัตถุน้ นั เฉี ยดผ่านมันไป ก็พบว่าวัตถุน้ นั
เป็ นเพียงก้อนหิ นธรรมดา... น่าจะเป็ นก้อนหิ นที่หยุนเช่อหยิบ
ฉวยมาระหว่างที่มนั กําลังหลบหนี
"วูบบบ !"
เสี ยงวัตถุแหวกอากาศดังมาอีกครั้ง และสายตาเฟิ งชือหัว
ฉายแววดูหมิ่นเหยียดหยาม ฟาดหิ นก้อนนั้นแตกออกเป็ นชิ้นๆ
อย่างไม่แยแส มันกล่าวว่า "ช่างเป็ นความพยายามที่น่าขันอย่าง
แท้จริ ง เจ้ายังคิดหรื อว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือเราไปได้ !?"
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ หยุนเช่อก็ถูกไล่ตามจนทิ้งระยะห่าง
เพียงสี่ สิบห้าเมตร สี หน้ามันยังสงบนิ่ง มันหันกลับไปอีกครั้งและ
วัตถุสีดาํ สนิทในมือก็ถูกขว้างออกไปอีก
สี่ สิบห้าเมตรจัดว่าอยูใ่ นระยะโจมตีของเฟิ งชือหัว มันเริ่ ม
รวบรวมพลังลมปราณมาไว้ที่ฝ่ามือ และเผชิญหน้ากับวัตถุน้ นั
โดยตรง มันฟาดมือออกไปโดยไม่ดูดว้ ยซํ้าว่าของสิ่ งนั้นคืออะไร
...
ตูม!!!
เสี ยงแห่งอสนีบาตลมปราณจากเก้าสวรรค์ดงั สะท้อนก้อง
ไปทัว่ นครวิหคเทวะอันเงียบสงบในยามราตรี พายุพลังปราณอัน
มหาศาลระเบิดออกอย่างรุ นแรงกลางอากาศ จากระยะไกล
ออกไป มันดูราวกับดอกไม้ไฟอันงดงามที่ระเบิดออก ณ กลาง
ฟากฟ้า
หิ นสองก้อนแรกที่หยุนเช่อขว้างออกมานั้นเป็ นเพียงแค่ตวั
หลอก ทว่าก้อนที่สามนี้ มันคือลูกแก้วทลายสวรรค์ที่หยุนเช่อ
ได้มาจากศพของเซี่ยวอู๋อ้ ี!
พลังมหาศาลของลูกแก้วทลายสวรรค์น้ นั เพียงพอที่จะทํา
ให้ราชันขั้นต้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ดว้ ยความสามารถของ
เฟิ งชือหัว หากมันใช้พลังลมปราณทั้งหมดเพือ่ ป้องกันตนเอง
ลูกแก้วทลายสวรรค์อาจไม่ทาํ ให้มนั บาดเจ็บมากนัก ทว่าการที่
มันทําเหมือนแมวหยอกหนูระหว่างไล่ตามหยุนเช่อ มันจึงไม่ได้
ป้องกันตัวแต่อย่างใด ภายใต้เปลวเพลิงที่เกิดจากลูกแก้วทลาย
สวรรค์ แขนซ้ายทั้งหมดของมันถูกเผาเกรี ยม.... เลือดปนเนื้อหยด
ลงพื้น เสื้ อคลุมหงสาถูกเผาไหม้เป็ นชิ้นๆ มันมีพลังรุ นแรงถึงขั้น
ทําให้หน้าอก แขนทั้งสองข้าง และใบหน้าของเฟิ งชือหัวเต็มไป
ด้วยบาดแผล ซํ้าผมของมันครึ่ งหนึ่งก็ถูกเผาทําลาย จนหงิกงอยุง่
เหยิง
สารรู ปมันน่าสมเพชอย่างที่สุด
ส่ วนหยุนเช่อนั้นได้หลบหนีไปนานแล้ว อย่างปราศจาก
ร่ องรอย
แม้จะมีบาดแผลมากมาย แต่กเ็ ป็ นเพียงบาดแผลเล็กน้อย
ยกเว้นแขนช้ายของมันที่บาดเจ็บค่อนข้างรุ นแรง นัน่ เป็ นเพียงการ
บาดเจ็บภายนอก ทว่ายามนี้อกเฟิ งชือหัวแทบระเบิดด้วยความ
เดือดดาล มันมองแขนตนเองด้วยสี หน้าอาฆาตมาดร้าย ร่ างกาย
สัน่ สะท้าน... มัน ราชันชั้นสู งผูย้ ง่ิ ใหญ่แห่งพรรคเทพหงสาต้อง
อยูใ่ นสภาพน่าสมเพชขนาดนี้เพราะเด็กหนุ่มระดับปราณปฐพีแค่
คนหนึ่ ง... นี่ถือเป็ นความอัปยศอดสู ที่สุดในชีวติ มัน !
"หยุนเช่อ... ข้าจะฉี กเจ้าเป็ นหมื่นชิ้น !!"
เฟิ งชือหัวผมชี้ต้งั เปลวเพลิงอันรุ นแรงลุกโชนทัว่ ร่ าง มัน
คํารามลัน่ โทสะพุง่ สู งถึงขีดสุด มันใช้ออกด้วยความเร็ วสู งสุด
เพื่อไล่ล่าหยุนเช่อ ประสาทสัมผัสถูกเปิ ดใช้อย่างเต็มที่
หลังจากที่วง่ิ เต็มฝี เท้ามาระยะหนึ่ง หยุนเช่อก็ชะลอฝี เท้าลง
ใช้พลังทั้งหมดควบคุมพลังลมปราณของตนไม่ให้แปรปรวน ยาม
คํ่าคืนนั้นเป็ นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการหลบหนี แต่ใน
ขณะเดียวกัน ในคํ่าคืนที่เงียบสงัด การเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่สุดก็
อาจก่อให้เกิดเสี ยงก้องกังวานทําลายความเงียบนั้นได้
เฟิ งซี เฉิ นได้สง่ั การให้บางคนมาสังหารมันก่อนการ
ประลองจัดอันดับจริ งๆ และความเคลื่อนไหวของเฟิ งซีเฉิ นก็
รวดเร็ วยิ่ ง... ยามนี้มนั เจอตัวหยุนเช่อแล้ว และนครวิหคเทวะก็
เต็มไปด้วยจารชนของพรรคเทพหงสา ดังนั้นนครวิหคเทวะจึง
ไม่ใช่สถานที่ที่มนั ควรพํานักอาศัยก่อนเริ่ มการประลองจัดอันดับ
อีกต่อไป มันต้องซ่อนตัวให้พน้ จากการไล่ล่าของเฟิ งชือหัว และ
ต้องออกจากนครวิหคเทวะก่อนจะรุ่ งเช้าด้วย
ขณะที่กาํ ลังถูกไล่ล่า ความคิดของหยุนเช่ออยูใ่ นสภาวะ
กระจ่างแจ้งอย่างที่สุด ภายใต้ความมืดมิดของนครวิหคเทวะ
สถานที่ที่มนั ไม่คุน้ เคยแม้แต่นอ้ ย มันได้ใช้ความสามารถในการ
หลบซ่อนและหลีกเร้นจนถึงขีดสุ ด มันเข้าใกล้พ้นื ที่ทางทิศใต้
ของนครวิหคเทวะอย่างรวดเร็ ว ด้วยการอาศัยเส้นทางที่ไม่คุน้ ชิน
และไม่อาจคาดเดา
คํ่าคืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า และแล้วแสงสี ขาวนวลก็เริ่ ม
ปรากฏขึ้นบนฟ้าทางทิศตะวันออก ประตูทิศใต้ที่สูงสง่าก็ปรากฏ
ขึ้นในครรลองจักษุหยุนเช่อเช่นกัน... และในราตรี ที่แสนยาวนาน
นี้เอง เฟิ งชือหัวผูท้ ี่คน้ หามันอย่างบ้าคลัง่ ก็ไม่พบร่ องรอยอันใด
ของมันเลย
หยุนเช่อสู ดลมหายใจลึก วางท่าให้เป็ นปกติ แล้วเดินไปยัง
ประตูนคร ทว่าเมื่อไปถึงทหารรักษานครสองนายก็สกัดขวางมัน
ไว้
"มีคาํ สัง่ จากวังหลวง ! ก่อนเจ็ดโมงเช้าของวันนี้ ห้ามมิให้
ผูใ้ ดออกนอกนคร ! ผูท้ ี่ฝ่าฝื นจะถูกจับกุมในทันที"
บทที่ 413 หัตถ์ ปราณไร้ ลกั ษณ์ ถูกเปิ ดเผย
เพียงสัมผัสที่ไหล่คราเดียว…และแม้จะมีชุดคลุมหงสา
ขวางกั้น…ทั้งยังเป็ นบุตรชายด้วยเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ ๆ ของตน…
ถึงกับหักข้อมือของมันโดยไร้ซ่ ึงความปราณี และจับขังไว้ถึงครึ่ ง
ปี …
ความหวงแหนบุตรสาวของจักรพรรดิเทพหงสาองค์น้ ีช่าง
ทะยานไปถึงขั้นที่สะเทือนสะท้านทั้งสวรรค์และปฐพี! (o[]o!!)
เปรี ยบเทียบกันแล้ว สิ่ งที่มนั ทําในระหว่างหลาย ๆ วันนี้คง
เพียงพอจะทําให้มนั ถูกจับประหารโดยการโดนสับเป็ นพัน ๆ ชิ้น
เหมือนหมูบะช่อได้นบั เกินกว่าแปดร้อยครั้ง!
และได้เติบโตมาภายใต้การปกป้องคุม้ ครองอย่างถึงขีดสุ ด
เช่นนี้ ไม่เพียงแต่หวั ใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ กระทัง่ ร่ างกายของนาง
เองก็ยงั บริ สุทธิ์เป็ นที่สุด และบริ สุทธิ์ยง่ิ ว่าสิ่ งใด ๆ มันย่อมง่ายที่
จะปลุกเร้าความปรารถนาที่จะสร้างมลทินและครอบครองภายใน
ส่ วนลึกของจิตใจบุรุษ —— โดยเฉพาะอย่างยิง่ กับบุคคลเช่นหยุ
นเช่อที่มิเคยยับยั้งใจตนเอง
หยุนเช่อไม่ดึงนิ้วก้อยกลับมา และเอ่ยด้วยรอยยิม้ ออกมา
เสี ยแทน ชายหนุ่มมองไปยังดวงตาประหนึ่งดวงดาราของเด็กสาว
“เสวีย่ เอ๋ อร์ พระบิดาของท่านช่างหวงแหนท่านมากจริ ง ๆ เขามิ
ต้องการให้ใครมาแตะต้องท่าน ซึ่งหมายความว่าเขาเป็ นห่วงว่า
ท่านจะถูกทําร้ายโดยผูอ้ ื่น”
“อืม ข้ารู ้ พระบิดาเป็ นคนที่เป็ นใส่ ใจในตัวข้ามากที่สุดแล้ว
ในโลกนี้” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยด้วยรอยยิม้ บาง
“อยา◌่งไรก็ตาม ถ้าเป็ นใครสักคนที่ท่านชื่นชอบและ
ใกล้ชิดสนิทสนมด้วย การแตะต้องสัมผัสทางร่ างกายย่อมไม่มี
ปั ญหาใด ๆ ทั้งยังสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ยงิ่ ใกล้ชิด
สนิทสนมและแน่นแฟ้นยิง่ ขึ้น เสวีย่ เอ๋ อร์คิดว่าข้าเป็ นคนที่
ต้องการทําร้ายเสวีย่ เอ๋ อร์ หรื อคนที่เสวีย่ เอ๋ อร์ชอบพอกันล่ะ?” หยุ
นเช่อถามด้วยสี หน้าอันบริ สุทธิ์และจริ งจัง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตอบโดยไม่ลงั เล “พี่ใหญ่หยุนเป็ นคนดีนกั
แน่นอนว่าข้าชอบพี่ใหญ่หยุน อยูด่ ว้ ยกันกับพี่ใหญ่หยุนแล้วทํา
ให้ขา้ มีความสุ ขจริ ง ๆ พี่ใหญ่หยุนสามารถช่วยทําความฝันที่ขา้ มี
มาหลายปี ให้กลับกลายเป็ นความจริ ง”
“อืม” หยุนเช่อยิม้ และยืน่ นิ้วก้อยมายังตรงหน้าของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ “เช่นนั้นเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
“อา…แต่…แต่…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยงั คงลังเลและกระดากอาย
“วางใจเถอะ มีเพียงเราสองคนที่น้ ี พระบิดาของท่านไม่เห็น
ไม่รับรู ้ใด ๆ ซึ่ งก็หมายความว่าเขาจะไม่โกรธ อีกทั้งเสวีย่ เอ๋ อร์ยงั
อายุสิบหกแล้วปี นี้ อายุสิบหกปี เป็ นวัยที่เสวีย่ เอ๋ อร์ได้โตแล้ว
พระบิดาของท่านไม่สามารถปกป้องท่านไปได้ตลอดชีวติ
เช่นนั้นท่านจําเป็ นต้องเริ่ มเรี ยนรู ้ที่จะเป็ นผูใ้ หญ่และมีความคิด
เป็ นของตนเอง ก่อนอื่นเลย ท่านต้องตัดสิ นใจตามส่ วนลึกของ
หัวใจท่าน ใช้ความรู ้สึกของท่านตัดสิ น และไม่นอ้ มตามคําพูด
ของผูอ้ ื่นไปตลอดกาล”
ด้วยการปกป้องที่เสวีย่ เอ๋ อร์ได้รับมา เป็ นเรื่ องธรรมดาอยู่
แล้วที่จะไม่เคยมีใครพูดเช่นนี้กบั นางมาก่อน เมื่อออกมาจากปาก
ของหยุนเช่อ ผลกระทบที่คาํ พูดเหล่านี้นาํ มายังจิตใจอันบริ สุทธิ์
ปราศจากมลทินของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ย่อมเป็ นที่คาดเดาได้อย่าง
ง่ายดาย เมื่อเด็กสาวได้คุน้ ชินกับวิถีชีวติ ที่เป็ นอยูม่ าเช่นนั้นถึงสิ บ
หกปี อย่างไรก็ตาม นางบังเกิดความต้องการที่จะทะลวงเกราะคุม้
กันและทลายความอัดอั้นทั้งหลายออกจากโลกของตนเองมาเนิ่น
นาน นี่ลว้ นเป็ นสัญชาตญาณตามธรรมชาติที่ซ่อนอยูใ่ นส่ วนลึก
ในจิตใต้สาํ นึกของมนุษย์ทุกผู ้ คํากล่าวที่ไม่เคยได้ยนิ ได้ฟังมา
ก่อน ทําให้หวั ใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รู้สึกราวกับได้สมั ผัสกับโลก
อันแตกต่างไปอย่างสิ้ นเชิง โลกที่นางไม่เคยได้รับรู ้มาก่อน เด็ก
สาวรับฟังด้วยหัวใจที่เต้นรัว และทวนคําพูดของหยุนเช่อครั้งแล้ว
ครั้งเล่าในใจ… ตามหัวใจของตนเอง ตัดสิ นใจดัง่ เช่นที่นาง
ต้องการ…
ในที่สุด ด้วยความพยายามเป็ นอย่างยิง่ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ การ
ตัดสิ นใจที่สามารถพูดได้วา่ ยิง่ ใหญ่ที่สุดนับแต่ที่นางเกิดมาก เด็ก
สาวเลียนแบบท่าทางของหยุนเช่อ ค่อย ๆ ยืน่ นิ้วก้อยอันเรี ยวบาง
และกระจ่างใสของนางไปสัมผัสกับนิ้วก้อยของหยุนเช่ออย่างช้า
ๆ… การเคลื่อนของนางช่างเชื่องช้า เป็ นกังวล ไม่มน่ั ใจ และทํา
อะไรไม่ถูก…เช่นเดียวกับความคาดหวังอย่างเจือจาง…
ที่สุดแล้ว นิ้วก้อยของนางได้สมั ผัสเข้ากับนิ้วก้อยของหยุ
นเช่อด้วยความยินยอมของนางเอง ทันใดนั้น ราวกับนางถูก
กระแสไฟฟ้าวิง่ ผ่าน เด็กสาวชักมือบางของนางกลับทันควัน ทว่า
หยุนเช่อมิให้โอกาสนั้นกับนาง นิ้วของชายหนุ่มเร่ งเคลื่อนไป
ข้างหน้าและเกี่ยวเข้ากับนิ้วของเด็กสาวอย่างรวดเร็ วและ
อ่อนโยน…ฉับพลัน ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนนิ่มและนุ่ม
ละมุนจนมิอาจหยัง่ ราวกับมันสัมผัสเข้ากับหยกที่พิสุทธิ์อบอุ่น
และไร้ตาํ หนิที่สุดในโลกหล้า
“อ้า…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้องเสี ยงเบา ทั้งร่ างของนางแข็งทื่อ
ไปนิด นิ้วก้อยของนางพยายามดิ้นให้หลุดเป็ นอิสระโดยไม่รู้ตวั
กระนั้นก็ยงั ถูกเกี่ยวรัดไว้แน่นโดยหยุนเช่อ ท่ามกลางความวิตก
กังวล นิ้วก้อยของนางเกี่ยวพันกับนิ้วของหยุนเช่อแน่น ทั้งร่ าง
ของนางไม่ขยับแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ ดวงตาเด็กสาวยังมิกล้าลืมขึ้น
“เกี่ยวก้อยสัญญา คําที่เราพูดกันไว้ก่อนจะหน้าจะไม่มี
กลับคืน หลังจากเสวีย่ เอ๋ อร์อายุยสี่ ิ บแล้ว เราจะไปยังแดนหิ มะสุ ด
เยือกแข็งเพื่อดูหิมะที่ตกลงมาอย่างไม่สิ้นสุ ด” หยุนเช่อยกข้อมือ
ขึ้นมา ดึงมือเล็กบางของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ และกล่าวอย่างจริ งจังเป็ น
ที่สุด เพียงแต่หลังจากเสี ยงของชายหนุ่มสิ้ นสุ ดลง มันยังคงไม่
คลายนิ้วออก เสี ยงของชายหนุ่ม ขับไล่ความวิตกกังวลทั้งหลาย
ทั้งมวล รวมทั้งความรู ้สึกอับจนปัญญาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ออกไป
แทบหมดสิ้ น ส่ งผลให้สีหน้าท่าทางของเด็กสาวผ่อนคลายลงโดย
ไม่รู้ตวั
ภายในไข่มุกพิษสวรรค์ จัสมินมองดูหยุนเช่อเกี่ยวก้อย
กับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ดว้ ยสายตาเย็นชา ใบหน้าเนียนละเอียดงดงามจน
ผิดธรรมชาติของนางเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์ “หึ มันเริ่ มอีก
แล้ว ไม่วา่ เจ้างัง่ บัดซบนี่จะไปที่ใด ทุกครั้งที่มนั ได้พบกับสตรี ที่
พอจะงดงามอยูบ่ า้ ง มันจะต้องเผยสันดานธาตุแท้ราวกับสัตว์ป่าที่
แสนวิปลาสของมันออกมา ไม่เคยเปลี่ยน!!” (กระทืบไลค์ให้จสั มิ
นแป๊ บ)
“เสวีย่ เอ๋ อร์ รู ้สึกเช่นไรบ้างยามนี้? ใช่รู้สึกเสี ยใจ หรื อพบว่า
มันยากจะยอมรับหรื อไม่?” เมื่อมองเห็นทีท่าสงบเยือกเย็นลงของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ หากทว่าดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิ ดสนิทแน่น ไม่
ยินยอมเปิ ดเปลือกตาขึ้นมา หยุนเช่อโน้มตัวเข้าชิดใกล้พร้อมทั้ง
เอ่ยปากถามไถ่
“อา…ช่างเป็ นความรู ้สึกอันแปลกประหลาดนัก” แพขนตา
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ระริ กเบา ๆ เด็กสาวตอบกลับมาอย่างบาง
เบา
“แปลก?”
“มันเป็ น…ความรู ้สึกที่อธิบายไม่ถูก มิใช่ความรังเกียจ ทั้ง
มิใช่ความเสี ยใจ…อือ…ข้าไม่เคยรู ้สึกแปลกเช่นนี้เลย…ทั้งหัวใจ
ข้าอยู่ ๆ กลับรู ้สึกเต้นแรงขึ้นมา…พี่ใหญ่หยุน ท่านพอจะบอกข้า
ได้ไหมว่าความรู ้สึกนี้มนั คืออะไร?”
“ข้าบอกท่านเรื่ องนี้ไม่ได้ เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งสัมผัสและทําความ
เข้าใจด้วยตัวเอง” หยุนเช่อกล่าวด้วยรอยยิม้ บาง ท่าทีของมันใน
ยามนี้ช่างเหมือนหมาป่ าชัว่ ร้ายตัวใหญ่ที่กาํ ลังย่องเข้าใกล้กระต่าย
ขาวน้อยตัวจ้อยไม่มีผดิ หลังจากลังเลเล็กน้อย มันพลันคว้าจับทั้ง
มือของเด็กสาวไว้…มือของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ช่างเล็กบอบบาง ฝ่ ามือ
ของนางถูกรวบไว้ได้หมดด้วยมือของชายหนุ่มในคราเดียว
“อ้า…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้องขึ้นเสี ยงเบา กระนั้นท่าที
ตอบสนองในครานี้น้ นั มิได้รุนแรงเท่าคราก่อน แม้กระทัง่ การดิ้น
ต่อต้านยังเกิดขึ้นเพียงชัว่ ขณะเดียวตามจิตใต้สาํ นึกในตอน
เริ่ มแรก
“ถ้าอย่างนั้น เช่นนี้เล่า เสวีย่ เอ๋ อร์กาํ ลังรู ้สึกเช่นใดอยูห่ รื อ?”
หยุนเช่อกุมมือบางของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้อย่างอ่อนโยน…เสพรับ
สัมผัสนุ่มละมุนและความเรี ยบลื่นที่ชายหนุ่มไม่อาจบ่งบอก
บรรยาย เพียงจับมือของนางไว้เงียบ ๆ เช่นนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกว่า
ระบบประสาททัว่ ร่ างของมันผ่อนคลายลงอย่างมิอาจควบคุม ไม่
ยินยอมที่จะปล่อยมือของนางไปไม่วา่ อย่างไรก็ตาม
“หัวใจ…เต้นเร็ วขึ้น…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พมึ พําเบา ๆ “เช่นนั้น
การสัมผัสกับพี่ใหญ่หยุนก็ให้ความรู ้สึกประหลาดเช่นนี้นี่เอง…พี่
ใหญ่หยุน เราอยูด่ ว้ ยกันอย่างนี้อีกสักพักได้หรื อไม่…ข้าอยากจะรู ้
จริ ง ๆ ว่าความรู ้สึกเช่นนี้มนั คืออะไร”
คําขอนี้ หยุนเช่อจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร อย่างไรมันก็หวัง
จะจับมือเด็กสาวไว้ตลอดกาล
ด้วยดวงตาที่ปิดสนิท เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดประสาทสัมผัสรับรู ้
อย่างกระตือรื อร้น ชัว่ ขณะผ่านไป เด็กสาวเอ่ยขึ้นเสี ยงเบา “ข้ายัง
ไม่เข้าใจ…ข้าเหมือนว่า…จะรู ้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นอยูข่ องพี่ใหญ่
หยุน ว้าว! สายเลือดเทพหงสาของพี่ใหญ่หยุนบริ สุทธิ์มากเลย
กระทัง่ บริ สุทธิ์กว่าของพระเชษฐาข้าเสี ยอีก…เอ๋ ?”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลืมตาขึ้นและมองมาที่หยุนเช่ออย่างฉงน
สงสัย “แปลกนัก เหตุใดพี่ใหญ่หยุนจึงยังมิได้ฝึก 《ท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสา》 ล่ะ?”
แม้วา่ หยุนเช่อจะครอบครองเคล็ดวิชาขั้นที่หา้ และหกของ
《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 มันเป็ นเพียงเคล็ดวิชาลมปราณ
สองขั้นนั้นเท่านั้น เคล็ดวิชาลมปราณสําแดงพลังโดยศาสตร์
ลมปราณที่มีพลังสอดคล้องกัน ขณะที่หยุนเช่อกลับโดดข้ามกฏ
ข้อนี้ไปด้วยพลังของเมล็ดพันธุ์เทพอสู รและความสามารถในการ
ทําความเข้าใจของมันเอง ฝื นใช้ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กและ
บัวปี ศาจผลาญดาราออกด้วยเพลิงเทพหงสาขั้นพื้นฐาน ทว่าใน
ด้านของพลังอํานาจ มันย่อมตํ่ากว่าเคล็ดวิชาที่ถูกใช้ออกมาโดย
ศาสตร์ลมปราณแห่งเทพหงสาที่แท้จริ ง
ดังนั้น ในแง่ของศาสตร์ลมปราณของท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสาแล้วสามารถพูดได้จริ ง ๆ ว่าหยุนเช่อมิได้ฝึกมันมาเลยแม้แต่
น้อย ผูท้ ี่ฝึกท่วงทํานองแห่งเทพหงสาจะสามารถบอกโดยโดยการ
ตรวจสอบคุณสมบัติลมปราณของชายหนุ่มเพียงลวก ๆ เท่านั้น
หยุนเช่อยับยั้งท่าทีของตนไว้แล้วเอ่ย “เพราะหลายปี ก่อน
หน้านี้ขา้ อยูใ่ นอาณาจักรวายุครามมาตลอด เพื่อปกปิ ดตัวตนของ
ข้าไม่เพียงแต่สายเลือดเทพหงสาที่ตอ้ งปกปิ ดไว้ ข้ายังมิสามารถ
ฝึ กฝนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาได้อีกด้วย ปี นี้ ข้าเพียงเพิง่ ได้
กลับมายังพรรค ผูอ้ าวุโสสิ บเก้ายุง่ ทุกวันจึงไม่มีเวลาว่างมาสอน
ข้า และนับแต่ที่ขา้ ห่างหายไปนั้นหลายปี จึงไม่มีสหายร่ วม
ตระกูลคนใดที่ขา้ คุน้ เคยด้วยเลย เช่นนั้นแล้วจึงไม่มีใครยอมสอน
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่ขา้ ”
“งั้นก็เป็ นเช่นนั้นเอง~ ไม่แปลกเลย…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ครุ่ นคิดเล็กน้อย จากนั้นประกายแสงพลันไหววูบผ่านดวงตาของ
เด็กสาว ท่าทีของนางกลายเป็ นตื่นเต้น “ถ้าอย่างนั้นพี่ใหญ่หยุน
ต้องการเรี ยนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาหรื อไม่?”
“แน่นอน ข้าต้องการ” หยุนเช่อพยักหน้าอย่างไม่ลงั เล
“เพียงแต่…”
“ถ้าท่านต้องการ เช่นนั้น ให้ขา้ สอนพี่ใหญ่หยุนเอง ดี
ไหม?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวด้วยรอยยิม้ เริ งร่ า ราวกับมันเป็ นสิ่ งที่
ทําให้นางมีความสุ ขเป็ นอย่างยิง่
“ท่าน…สอนข้า?” หัวใจและจิตใจของหยุนเช่อสัน่ ไหวไป
นิด
เมื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พดู ถึง “ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา”
ความคิดที่ทาํ ให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สอนท่วงทํานองเทพหงสาให้มนั
วาบผ่านความคิดของมันมาก่อน ทว่าก็พลันถูกปัดทิ้งไปในทันที
เพราะมันได้หลอกลวงเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เรื่ องตัวตนของมันมาก่อน
แล้ว และมันไม่มีใจจะไปหลอกลวงนางอีก…แม้นว่าท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาจะสําคัญกับมันเป็ นอย่างยิง่ เลยก็ตาม
ทว่ามันคาดไม่ถึงเลยว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะเต็มใจสอน
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่มนั
อารมร์ของหยุนเช่อพลันแปรเป็ นรู ้สึกซับซ้อนอย่างมิอาจ
เปรี ยบ
เห็นว่าหยุนเช่อไม่ตอบกลับมาทันที ทั้งสี หน้าของชายหนุ่ม
ยังกลายเป็ นลังเลและซับซ้อน เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลายกระวนกระวาย
เสี ยแทน นางเขย่ามือหยุนเช่อและเอ่ยราวกับว่านางทําอะไรผิด
“พี่ใหญ่หยุน ตกลงให้ขา้ สอนท่านเถอะนะ ได้ไหม? พี่ใหญ่หยุน
ให้ขา้ กินของอร่ อยมาก ไหนจะหิ มะแสนสวยนัน่ ท่านยังกระทัง่
ตกลงที่จะพาข้าไปยังดินแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง…ข้าไม่ได้มี
ความสุ ขมาก ๆ เช่นนี้มานานมากแล้ว ข้าอยากจะทําบางสิ่ งเพือ่ พี่
ใหญ่หยุนจริ ง ๆ แม้นว่าข้าจะไม่เคยสอนใครมาก่อน ข้าจะต้อง
สอนได้ดีมากๆๆๆ แน่นอน…พี่ใหญ่หยุน แค่ยอมตามข้านะ ได้
ไหม ได้ไหม?”
หยุนเช่อมมองเด็กสาวและกล่าวด้วยรอยยิม้ คล้ายไม่เชิงยิม้
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เป็ นเพราะเจ้าอยากจะให้ขา้ อยูท่ ี่นี่นาน ๆ เจ้าจะได้เล่น
กับฉานน้อยทุกวันใช่ไหม?”
เจตนาเกินครึ่ งหน่อย ๆ ของเด็กสาวถูกเปิ ดโปงอย่าง
ง่ายดาย เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยมิ้ เขินอาย “ไม่ใช่แค่ไป๋ น้อย ข้ายังชอบพี่
ใหญ่หยุนมาก ๆ ด้วยตอนนี้ และอยากจะให้พี่ใหญ่หยุนอยูก่ บั ข้า
อีกสักพัก…ก่อนนี้ ข้าอยูต่ วั คนเดียวที่นี่มาตลอด ทําแต่เรื่ องเดิม ๆ
ทุกวัน มันน่าเบื่อหน่ายมากจริ ง ๆ แต่เพราะพี่ใหญ่หยุนและไป๋
น้อยมาที่นี่ ข้ารู ้สึกเหมือนข้ามีความสุ ขจนแทบจะกลายบ้า ให้ขา้
สอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสากับท่านเถอะนะ แล้วพี่ใหญ่หยุน
ค่อยไปหลังจากเรี ยนมันแล้ว ได้ไหม?”
จากมุมมองของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ การสอนท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสาให้แก่คนในตระกูลนั้นมิใช่เรื่ องใหญ่อนั ใด เพราะมันคือ
เคล็ดวิชาลมปราณที่ศิษย์เทพหงสาใช้กนั เป็ นทุกคน และจะ
สามารถฝึ กได้โดยคนที่ครอบครองสายเลือดเทพหงสา คนที่
ครอบครองสายเลือดแห่งเทพหงสา กระนั้นก็ยงั มิได้ฝึก
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาจึงดูผดิ ประหลาดไปเสี ยแทน
เห็นว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เป็ นเช่นไรในยามนี้ ถ้าชายหนุ่มปฏิเสธ
ไป เด็กสาวย่อมต้องกลายเป็ นรู ้สึกแย่ไปเสี ยแทน แต่เดิมมันไม่มี
เจตนาจะ ‘ขโมย’ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาจากเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ทว่า…
“ก็ได้” หยุนเช่อเลือกที่จะยอมรับอย่างยินดี และเอ่ยกึ่งตลก
ขณะที่อุทานกับตนเอง “ได้เสวีย่ เอ๋ อร์…เจ้าหญิงหิ มะเป็ นผูส้ อน
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่ขา้ มันราวกับว่าข้ากําลังฝันไป
เลย”
“ฮิฮิ!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หวั เราะอย่างร่ าเริ ง “นี่เป็ นสิ่ งแรกเลยที่
ข้าได้ทาํ เพื่อพี่ใหญ่หยุน ข้าจะต้องจริ งจังกับมันให้มากอย่าง
แน่นอน เช่นนั้น…เรามาเริ่ มกันเลยดีไหม?”
“…ย่อมได้”
“พี่ใหญ่หยุนบาดเจ็บอยูต่ อนนี้ และเป็ นโอกาสที่จะได้ทาํ
ความเข้าใจพื้นฐานเคล็ดลมปราณขณะพักฟื้ นตัว เช่นนั้น ข้าจะ
สอนเคล็ดวิชาพื้นฐานให้พี่ใหญ่หยุน พี่ใหญ่หยุนต้องตั้งใจตีความ
มันมันให้ได้นะ เข้าใจไหม?”
ท่ามกลางเสี ยงอันแผ่วเบา เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยกนิ้วของนาง
ขึ้นมาและชี้ไปอย่างตรงหว่างกลางคิ้วของหยุนเช่อโดยไม่สมั ผัส
โดนชายหนุ่ม เส้นแสงเพลิงไหววูบจาง ๆ…โดยพลัน เคล็ดวิชา
พื้นฐานของท่วงทํานองแห่งเทพหงสาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนใน
ห้วงมหาสมุทรแห่งจิตสํานึกของหยุนเช่อ
บทที่ 422 สํ าเร็จเคล็ดวิชา
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นพื้นฐานกําลังไหลเวียนเข้าสู่
จิตใจของหยุนเช่อ ทว่าสิ่ งที่สนั่ ไหวขึ้นมาเป็ นอันดับแรกนั้นมิใช่
จิตใจหยุนเช่อ กลับเป็ นเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสูร อัคคีร้อนแรง
เริ่ มต้นเผาผลาญภายในจิตใจของหยุนเช่อ ค่อยๆสลักท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาลงไปในวิญญาณของมัน
สิ่ งที่จาํ เป็ นในการฝึ กฝนท่วงทํานองเทพหงสาก็คือ
สายเลือดเทพหงสา และแม้วา่ จะมีสายเลือดเทพหงสา มันก็ยงั คง
ต้องใช้เวลานานในการทําความเข้าใจท่วงทํานองแห่งเทพหงสา
ขั้นพื้นฐาน นัน่ เพราะว่าท่วงทํานองแห่งเทพหงสานั้นเป็ นเคล็ด
ลมปราณที่สืบเนื่องมาจากดินแดนแห่งเทพเจ้า ไฟแห่งเทพหงสา
นี้ฉีกกฎทั้งมวลและต่างออกไปจากลมปราณไฟทัว่ ไปไกลห่าง
แม้แต่ข้ นั แรกจากทั้งหกขั้นที่ง่ายที่สุดก็ยงั ยากลําบากอย่างแสน
สาหัสที่จะทําความเข้าใจได้สาํ เร็ จ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เคล็ดลมปราณ
ทัว่ ไปจะเทียบได้
ทว่าต่อหน้าหยุนเช่อนั้นล้วนมิตอ้ งกังวลใดๆ นัน่ เพราะว่า
การดํารงอยูข่ องเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสู รทําให้มนั สามารถทํา
ความเข้าใจและเรี ยนรู ้กฎทั้งหมดทั้งมวลของธาตุไฟต่างๆได้
โดยง่าย ด้วยเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสูร ร่ างกายหยุนเช่อเป็ นดัง่
หยกที่ยงั มิเปล่งประกายซึ่งสามารถเจียระไนเช่นไรก็ได้ แม้แต่
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสานี้มนั ก็สามารถทําความเข้าใจได้
โดยง่าย
หลังจากอ่านท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นพื้นฐานครั้งหนึ่ง
ภายในใจของมัน หยุนเช่อก็เข้าใจทุกอย่างทะลุปรุ โปร่ ง เคล็ด
พื้นฐานแห่งท่วงทํานองเทพหงสาพลันวิง่ วนวุน่ วายภายในจิตใจ
จากนั้นพลันหลอมรวมกันก่อกําเนิดเป็ นโลกใหม่อนั กว้างใหญ่
ขึ้นมา…ที่ซ่ ึงท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยหมู่ดาวจํานวนนับไม่ถว้ นไร้
ที่สิ้นสุ ดภายในกายของมัน ทันใดนั้นพลันบังเกิดเปลวไฟเผาไหม้
ไปทัว่ ทุกพื้นที่ ในเปลวไฟที่แม้แต่สามารถเผาผลาญโลกได้
บังเกิดเสี ยงร้องของเทพหงสาดังกังวาน และปรากฎวิหคเทวะสี
ทองกางสยายปี กออกอาบไล้ดว้ ยเปลวเพลิงถือกําเนิดออกจาก
ทะเลอัคคี
การหลัง่ ไหลของคลื่นพลังอันยิง่ ใหญ่น้ ีเติมเต็มจิตใจของ
หยุนเช่อให้เต็มเปี่ ยม และทําให้มนั รู ้สึกดัง่ ได้เปิ ดประตูสู่โลกอีก
ใบหนึ่ง ราวกับว่าร่ างกายของมันยามนี้ได้อยูใ่ นโลกใบใหม่…
……………………
เมื่อเคล็ดลมปราณเข้าไปในกายหยุนเช่อ มันปิ ดตาลงและ
เข้าสูู่ สภาพปราศจากการรับรู ้ใดๆ เจ้าหญิงหิ มะนัง่ ลงตรงหน้ามัน
อย่างเงียบเชียบ ดวงตางดงามของนางจ้องมองหยุนเช่อตลอดเวลา
เพื่อป้องกันเหตุผดิ พลาดเช่นวิญญาณได้รับความเสี ยหายหรื อ
ลมปราณฟุ้งซ่านปั่นป่ วนในสภาพที่กาํ ลังทบทวนทําความเข้าใจนี้
ทว่าครึ่ งชัว่ ยามผ่านไป หยุนเช่อไม่เพียงแต่สงบลงกว่าเดิม แม้แต่
ลมหายมันก็กลับแข็งแรงมัน่ คงดัง่ เหมือนมันกําลังดําดิ่งสู่ หว้ ง
นิทรา
เจ้าหญิงหิ มะแสดงทีท่าโล่งอก นางจ้องมองหยุนเช่ออีกพัก
หนึ่งและกล่าวกับตนเองเสี ยงเบา “เหมือนท่านจะเริ่ มทําความ
เข้าใจแล้ว ฉะนั้นควรไม่มีปัญหาใดๆอีกทว่ามันต้องใช้เวลานาน
มากๆ…”
“ไป๋ น้อย ไปเล่นกัน!”(อุ! ได้ยนิ ประโยคนี้แล้วเลือดลมสู บ
ฉี ด!)
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื ขึ้น ขณะที่นางมุ่งหน้าไปหาไป๋ น้อย
ปรากฎชั้นหมอกที่รูปร่ างคล้ายเปลวไฟขึ้นบนกายหยุนเช่อ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หยุดชะงักและจับจ้องไปที่หยุนเช่อด้วยความ
ประหลาดใจ ชั้นหมอกนั้นยึดติดลงบนกายหยุนเช่อค่อยๆไหล
เลื่อนบนผิวกายของมันสู งขึ้นทีละน้อย จากนั้นเมื่อเปลวไฟดับลง
และได้ปรากฎเงาเทพหงสาด้านหลังของหยุนเช่อ ขณะเดียวกัน
สัญลักษณ์เทพหงสาก็ได้ปรากฎขึ้นเองบนหน้าผากของหยุนเช่อ
และส่ องประกายแสงสี ทอง
“อา….”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่งเสี ยงร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
ขณะจ้องมองไปที่สญ ั ลักษณ์เทพหงสาบนหน้าผากหยุนเช่อ นัน่
คือสิ่ งที่ผมู ้ ีสายเลือดเทพหงสาทุกคนนั้นมี ขณะจุดเพลิงเทพหงสา
หากไร้ซ่ ึงเจตนาจะปิ ดบังมัน มันจะปรากฎออกมาด้วยตนเอง เจ้า
หญิงหิ มะยังคงจ้องมองอย่างมึนงง ยามนางจ้องไปยังสัญลักษณ์
เทพหงสาสี ทองบนหน้าผากหยุนเช่อ แววตาของนางปั่นป่ วน ราว
กับอารมณ์ความรู ้สึกในสายตานั้นกลับเป็ นสับสนวุน่ วาย…
ภาพเงาเทพหงสาปรากฎอยูเ่ ป็ นเวลานานจึงค่อยๆเลือนลาง
และจางหายไปพร้อมกับสัญลักษณ์สีทองบนหน้าผากหยุนเช่อ
หยุนเช่อเปิ ดตาออกมาเช่นกัน สิ่ งแรกที่มนั เห็นคือแววตาที่เติม
เต็มไปด้วยความประหลาดใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
“พี่ใหญ่หยุนท่าน…ทําความเข้าใจเกี่ยวกับท่วงทํานองแห่ง
เทพหงสาขั้นพื้นฐานกับสายเลือดเทพหงสาสําเร็ จแล้วหรื อ?” เฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์เบิกตากว้างและกล่าวคําออกมาด้วยนํ้าเสี ยงที่เต็มไป
ด้วยความเหลือเชื่อ
“ใช่แล้ว” หยุนเช่อพยักหน้า “นัน่ ไม่ง่ายนัก…ใช่ เสวีย่ เอ๋ อร์
ข้าใช้เวลาทั้งหมดเท่าใดกัน?”
“ใช้แค่…ครึ่ งชัว่ ยามเพียงเท่านั้น”
“ครึ่ งชัว่ ยาม…นี่ถือว่าใช้เวลาน้อยมาก?”
“น้อยจนมิอาจสามารถหยัง่ ถึงได้!” อารมณ์ของเฟิ งเสวี่
ยเอ๋ อร์กลับกลายเป็ นตระหนกตกใจ “เคล็ดพื้นฐานนี้คือ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา หลังจากที่ทาํ ความเข้าใจมันโดย
ละเอียดแล้วผูน้ ้ นั จะต้องทําการหลอมรวมสายเลือดและเคล็ด
ลมปราณเข้าด้วยกัน นี่คือช่วงที่สาํ คัญและสําคัญมากที่สุดอีกทั้ง
ยังเป็ นช่วงที่ยากมากและยากมากที่สุดอีกด้วย แม้แต่ภายใต้การ
ชี้แนะของผูอ้ าวุโส และแม้วา่ คนผูน้ ้ นั จะมีความสามารถในการทํา
ความเข้าใจระดับสู ง มันยังคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี บางคน
อาจใช้เวลานับหลายปี …ทว่าพีใ่ หญ่หยุนกลับใช้เวลาเพียงครึ่ งชัว่
ยาม!”
“เอ่อ…” ด้วยเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสูรความยากลําบาก
ในการฝึ กฝนเคล็ดลมปราณธาตุไฟใดๆ สําหรับมันนั้นกลับง่ายดัง่
พลิกฝ่ ามือ หลังจากได้ยนิ เสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวเช่นนี้ มันจึงได้รู้เวลาที่
มันใช้ในการฝึ กฝนเมื่อเทียบกับผูอ้ ื่นนั้นช่างรวดเร็ วเกินไป
ในขณะที่มนั กําลังคิดหาคําอธิบายนั้นมันกลับได้เห็นใบหน้า
น่ารักของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เบ่งบานด้วยความเคารพ “ว้าว! พี่ใหญ่
หยุน ท่านช่างน่าอัศจรรย์ ท่านนั้นช่างสุ ดยอดสุ ดยอดสุ ดยอด…
สุ ดยอดอัจฉริ ยะแบบที่ขา้ มิเคยพบมาก่อนเลย! ก่อนนี้ท่านพ่อยก
ย่องข้าให้เป็ นผูท้ ี่ทาํ ความเข้าใจได้เร็ วที่สุด ทว่าเมื่อเทียบกับพี่
ใหญ่หยุน ข้ากลับไม่อาจเทียบได้เลย”
“อืม…” หยุนเช่อเขินเล็กน้อยขณะเอามือกดที่หน้าผาก “ข้า
จะเยีย่ มยอดดัง่ ที่เสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวได้เช่นไร? ทั้งหมดนี้แน่นอนย่อม
มาจากการสัง่ สอนของท่าน ทําให้ขา้ สามารถทําความเข้าใจได้
รวดเร็ วต่างหาก”
“นี่! พีใ่ หญ่หยุน ข้ารู ้วา่ ท่านเพียงหยอกล้อข้าเท่านั้น ข้า
เพียงมอบเคล็ดลมปราณให้พี่ใหญ่หยุน ทว่ามิได้สอนหรื อแนะนํา
สิ่ งใด ยิง่ กว่านั้นคือข้าไม่ได้พลังปราณแนะนําหนทางใดๆให้ท่าน
ทั้งสิ้ น ทั้งหมดนี้ลว้ นไม่เกี่ยวข้องกับข้า เป็ นพี่ใหญ่หยุนต่างหากที่
ช่างน่าอัศจรรย์” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวด้วยรอยยิม้ กว้าง
“ไม่ ไม่ จริ งอยูท่ ี่ท่านมิได้แนะนําอันใด” หยุนเช่อกล่าวด้วย
ใบหน้าจริ งจัง “เสวีย่ เอ๋ อร์เจ้าทั้งงดงาม สูงส่ ง และทั้งยังมีจิตใจดี
งามตามธรรมชาติ การได้รับการถ่ายทอดท่วงทํานองแห่งเทพหง
สาอย่างเป็ นส่ วนตัวโดยเสวีย่ เอ๋ อร์ ล้วนนับเป็ นพรจากสวรรค์ของ
ทุกผูค้ น เช่นนี้แล้ว ไม่วา่ ปาฏิหาริ ยช์ นิดใดล้วนสามารถเกิดขึ้นได้
หากผูท้ ี่สอนข้านั้นเป็ นยายเฒ่า บางทีขา้ คงมิอาจทําความเข้าใจได้
แม้ใช้เวลาถึงสิ บปี ”
“ฮิๆ…” แม้นางจะทราบว่าหยุนเช่อเพียงหยอกนางเท่านั้น
ทว่านางยังคงหัวเราะออกมาอย่างเริ งร่ า “ข้าเพียงสอนเรื่ องทัว่ ไป
เล็กน้อยแก่ท่านเท่านั้น ทว่าเมื่อพี่ใหญ่หยุนช่างน่าอัศจรรย์
เช่นนี้…ฉะนั้นข้าจะสอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาทั้งหมดแก่พี่
ใหญ่หยุน บางทีท่านอาจสามารถเรี ยนรู ้ได้อย่างรวดเร็ ว”
เมื่อนางกล่าว เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กางมืออันงดงามราวกับหยก
ของนางออก เกิดจุดสี แดงพราวระดับขึ้นที่ระหว่างนิ้วมือของนาง
จากนั้นนางจึงค่อยๆแตะมันไปที่ระหว่างคิ้วของหยุนเช่อด้วย
ความระมัดระวัง…ทันใดนั้นเคล็ดวิชาทั้งหมดตั้งแต่ข้นั ที่หนึ่งถึง
ขั้นที่สี่ได้ไหลเข้าสู่ หว้ งความคิดของหยุนเช่ออย่างช้าๆ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นพื้นฐานส่ วนแรกทั้งหมดสี่ ข้นั
ซึ่ งเป็ นของพรรคเทพหงสานั้น ยามนี้หยุนเช่อได้มนั มา
ครอบครองในทํานองนี้เอง อีกทั้งยังครบถ้วนสมบูรณ์
หยุนเช่อได้รับสายเลือดเทพหงสาเมื่อสามปี ก่อน แม้วา่ มัน
จะได้ฝึกฝนวิชาปราณเทพหงสามาสองอย่าง ทว่าก็มิอาจนับเป็ น
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาได้ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสานั้นกล่าว
ได้วา่ เป็ นสิ่ งที่มนั ต้องการมาตลอดแม้ยามหลับฝัน และมันทราบดี
ว่ามันควรลําบากยากเย็นและอันตรายเพียงใดในการนํา
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสามาจากพรรคเทพหงสา มันเองมิเคย
คาดคิดมาก่อนเลยว่ามันจะได้รับท่วงทํานองแห่งเทพหงสาโดย
สมบูรณ์จากพรรคเทพหงสาในวันนี้
หากมันฝ่ าเข้าไปในอันตราย ผ่านพบแผนการ และเผชิญกับ
การเสี่ ยงดวง หรื อกะรทัง่ สู ญเสี ยเลือดเนื้อไปบ้างเพือ่ ได้รับ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา ชายหนุ่มย่อมไม่ปริ ปาก และคงได้
หัวเราะอย่างสุ ดจิตสุดใจออกมาในท้ายที่สุด
ทว่ายามนี้มนั กลับได้มาโดยมิตอ้ งใช้ความพยายามอันใด
กลับกันนี่กลับทําให้มนั รู ้สึกผิดและเสี ยศูนย์อยูบ่ า้ ง
เพราะว่าสิ่ งที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มอบให้มนั มิใช่เพียงท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสา ทว่ายังคงมีหวั ใจที่เชื่อในตัวมันเต็มที่และความ
เป็ นมิตรที่มอบให้อย่างบริ สุทธิ์ไร้ซ่ ึ งสิ่ งใดเจือปนทั้งสิ้ นแม้แต่
รอยจุดด่างพร้อยเล็กน้อย
ทว่ามันกลับหลอกลวงนางทุกอย่าง…แม้วา่ มันจะไม่มี
ทางเลือกอื่น
เมื่อเคล็ดลมปราณสี่ ข้นั แรกไหลเวียนเข้ามา เคล็ดลมปราณ
ขั้นที่หา้ และหกที่ถูกสลักลึกไว้เป็ นเวลานานภายในจิตใจหยุนเช่อ
และจิตวิญญาณของมันก็ตื่นขึ้นมาอีกคราในยามเดียวกัน จากนั้น
เคล็ดปราณทั้งหกก็ได้หลอมรวมกันด้วยตัวมันเองและกลายเป็ น
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นสมบูรณ์ซ่ ึ งมีท้ งั หมดหกขั้น แม้วา่
หยุนเช่อจะมีความรู ้สึกสับสนวุน่ วายภายในจิตใจ พลังปราณเทพ
หงสาก็ได้ปรับและหลอมรวมเคล็ดลมปราณนี้เข้าไปภายในจิตใจ
ของหยุนเช่อเอง…มันจึงหลับตาลง ขจัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมด
ออกไป และมุ่งเน้นไปที่การทําความเข้าใจเคล็ดลมปราณนี้
————————————
ยามเมื่องานประลองยุทธิ์เจ็ดจักรวรรดิยงิ่ เข้ามาไกล้ นคร
วิหคเทวะก็ยง่ิ อัดแน่นไปด้วยผูค้ นเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จอมยุทธจาก
ทั้งหกอาณาจักรผูท้ ี่เกี่ยวข้องในการแข่งขันจัดอันดับรวมถึงผูด้ ูแล
ของพวกมันยามนี้ได้อยูใ่ นนครวิหคเทวะทั้งหมดแล้ว สําหรับ
คุณสมบัติในการเข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ พวกมันมิเคย
สงสัยในตัวอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์ของพวกมันเองในทั้งหกอาณาจักร
อีกทั้งผูท้ ี่ไปยังเป็ นถึงผูท้ ี่แข็งแกร่ งเยีย่ มยอดวิชายุทธิ์ที่สุดใน
จักรวรรดิของพวกมันทั้งหก…โดยไร้ขอ้ ยกเว้น แม้แต่องค์
จักรพรรดิของทั้งหกอาณาจักรยังไปด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ผูค้ นเหล่านี้สามารถดูแคลนผูอ้ ื่นได้ท้ งั
ประเทศ ทว่ายามมันมาถึงนครวิหคเทวะก็มิมีทางเลือกนอกจาก
ลดท่าทีเย่อหยิง่ และระมัดระวังตนเอง ยามนี้เหลือเวลาอีกเพียง
สามวันก่อนงานประลองยุทธิ์เจ็ดจักรวรรดิจะเริ่ มต้น ในการ
แข่งขันนี้ท้ งั หกอาณาจักรยกเว้นอาณาจักรวายุครามนั้น อีกห้า
อาณาจักรได้มาถึงเรี ยบร้อยแล้ว และพํานักอยูท่ ี่ค่ายหลักของ
พระราชวังเทพหงสาในนครวิหคเทวะ
“หื ม? วันนี้แล้วอาณาจักรวายุครามก็ยงั คงมิส่งผูใ้ ดมา?” ฟัง
รายงานจากผูใ้ ต้บงั คับบัญชาทําให้เฟิ งซีหมิงครุ่ นคิด
“พะยะค่ะ ข้าถามผูค้ นที่อยูแ่ ถวประตูเมืองแล้วยังมิมี
ผูเ้ ข้าร่ วมของวายุครามเข้ามาในเมืองเลย เราควรจะส่ ง
สัญญาณเสี ยงไปสอบถามที่อาณาจักรวายุครามหรื อไม่?”
“ไม่จาํ เป็ น” เฟิ งซีหมิงยกฝ่ ามือขึ้น “ฮืมม! อาณาจักร
ลมปราณฟ้าเล็กจ้อยกล้าบังอาจกระทําราวกับการแข่งขันเจ็ด
อาณาจักรเป็ นเพียงเรื่ องตลก ข้าคิดว่าจะมีผทู ้ ี่น่าสนใจปรากฎขึ้น
ในงานประลองนี้ ดุเหมือนองค์ชายผูน้ ้ ีจะประเมินบุรุษนามหยุ
นเช่อสู งเกินไป เราองค์ชายเชื่อมัน่ ว่ามันจะมาร่ วมการแข่งขันนี้
ด้วยตนเองตามที่มนั ได้ประกาศไว้ ข้าเชื่อว่ามันคงซ่อนตัวอยูใ่ หน
ซักแห่งและคงเชื่อว่าพวกเรามิอาจหามันพบได้”
“ไม่จาํ เป็ นต้องรี บเร่ งและเตรี ยมสถานที่ให้อาณาจักวายุ
คราม มันคงดีกว่าหากพวกมันไม่มา นัน่ จะช่วยให้เราตัด
ตารางเวลาการแข่งขันออกไปได้ อีกทั้งสิ่ งนี้สาํ หรับพระบิดา…ยัง
นับเป็ นข้ออ้างที่ดีมากได้ สําหรับตอนนี้…ใช่ ในงานเลี้ยงวันนี้ มิ
ต้องจัดที่นงั่ ให้อาณาจักรวายุครามแล้ว”
“รับทราบ”
—————————————
“…กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบุรุษหนุ่มผูฝ้ ึ กยุทธสองคน ผู ้
หนึ่งชื่อซูคุนส่ วนอีกคนชื่อหลิวตี้ พวกมันมีความสามารถเพียง
ทัว่ ไปจึงถูกรังแกและเยาะหยันโดยผูอ้ ื่น ดังนั้นพวกมันจึงทํางาน
อย่างหนักเพื่อความก้าวหน้าและตัดสิ นใจเพียรพยายามฝึ กฝน
ด้วยกันทุกวัน ทุกๆวันก่อนพระอาทิตย์ข้ ึนพวกมันจะตื่นขึ้นมาแต่
เช้าตั้งแต่ยามไก่ขนั ลุกออกจากเตียงขึ้นมาฝึ กฝนดาบ วันแล้ววัน
เล่า ปี แล้วปี เล่า สุ ดท้าย…พวกมันทั้งคู่โดนแดกโดยไข้หวัดนก”
“หา? ไข้หวัดนกคืออะไรหรื อ?” เสวีย่ เอ๋ อร์ถามซอกแซกไป
มาด้วยความอยากรู ้
“อืม มันคือเชื้อโรคร้ายที่น่ากลัว” หยุนเช่อกล่าวหน้าตายอ
ย่างจริ งจัง “นิทานเรื่ องนี้มีชื่อว่า “ทํางานหนักในเล้าไก่” นิทาน
เรื่ องนี้สอนให้รู้วา่ เราควรอยูใ่ ห้ห่างจากไข้หวัดนก”
“อูวว…นิทานเรื่ องนี้น่าเบื่อ ข้ายังคงอยากฟังเรื่ องสโนว
ไวท์…หลังจากสโนวไวท์พบกับเจ้าชายกบแล้วจากนั้นเกิดอะไร
ขึ้นต่อหรื อ? ข้าต้องการรู ้มากเลยจริ งๆ”
“เรื่ องนี้…ให้ขา้ ได้คิดสักครู่ นะว่าเรื่ องราวที่ถูกต้องนั้นควร
เป็ นเช่นไร” หยุนเช่อเกาศีรษะของมัน
“คิดให้ดีแล้วกัน ตกลงนะ…พีใ่ หญ่หยุน อ้ามม” นางพิง
ไหล่ของหยุนเช่อและส่ งเนื้อมังกรที่นางกินไปครึ่ งหนึ่งเข้าปาก
หยุนเช่อ จากนั้นจ้องมองมันกัดเนื้อคําโตพร้อมกับรอยยิม้
ยามเมื่อกล่องแพนโดร่ าได้เปิ ดออก อดีตอันว่างเปล่าก็ได้
ถูกเติมเต็ม เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แน่นอนว่าที่ผา่ นมามิเคยได้ติดต่อกับ
ผูใ้ ดมาก่อน ทว่าบัดนี้กลับได้ใกล้ชิดกับหยุนเช่อ ร่ วมทานอาหาร
ด้วยกันภายใต้การชี้นาํ โดยหยุนเช่อ
หากเฟิ งเหิ งคงได้เห็นภาพนี้มนั คงโกรธจนถึงขีดสุดทะลุสุด
ขอบแห่งความเป็ นและความตาย สับหยุนเช่อเป็ นพันเป็ นหมื่น
ชิ้นก็อาจแค่ระบายโทสะของมันได้เล็กน้อย
บทที่ 423 ออกจากผาหงส์ สถิตย์
หยุนเช่อลงจากผาหงสาไร้เขตแดน ออกนอกหุบเขาเทพหง
สา มันพินิจพิเคราะห์อยูค่ รู่ หนึ่ง ก็กลับไปยังนครวิหคเทวะ มุ่ง
ตรงไปยังเมืองวิหคเพลิง
เมืองวิหคเพลิงตั้งอยูใ่ นพื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ของ
นครวิหคเทวะ ขณะที่เป็ นส่ วนหนึ่งของนครวิหคเทวะ มันก็ดาํ รง
ตนเป็ นเอกเทศด้วย มันเป็ นนครพิเศษที่ต้ งั อยูภ่ ายในนครหนึ่ง
เมืองวิหคเพลิงเป็ นฐานที่มน่ั ของพรรคเทพหงสา เช่นเดียวกับ
พระราชวังเทพหงสา แต่ที่ต่างกันคือ สิ่ งหนึ่งเป็ นแกนกลาง
อํานาจการปกครอง และอีกสิ่ งหนึ่งเป็ นแกนกลางของขุมกําลัง
แต่ท้ งั คู่ลว้ นมีกองทัพที่แข็งแกร่ งอย่างหาที่เปรี ยบมิได้
ภายในเมืองวิหคเพลิงมีเขตแดนหงสาซึ่งเป็ นสถานที่
สําหรับจัดงานประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรเสมอมา
เมื่อเข้าใกล้เมืองวิหคเพลิง ผูค้ นจะรับรู ้ได้ถึงความรู ้สึก
กดดัน และอากาศอันร้อนระอุที่แผ่พงุ่ เข้าปะทะใบหน้า เหนือ
ประตูนครขนาดมหึมาขึ้นไปคือเทพหงสาที่สง่างามน่าเกรงขาม
ขนาดใหญ่ หยุนเช่อชะงักฝึ เท้าไม่กา้ วเข้าไป ในฐานะผูเ้ ข้าร่ วม
ประลอง มันควรมีท่ีพกั ที่เจ้าภาพจัดไว้ให้ แต่หากย้ายเข้าไปอยูใ่ น
นั้น มันคงต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายอย่าง เนื่องจาก
ตัวตนของมันค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนใคร ที่มนั มาตอนนี้กเ็ พื่อ
ตรวจสอบสถานที่เท่านั้น หลังจากยืนยันสถานที่ต้ งั ของเมืองวิหค
เพลิงแล้วมันก็จากไป มันปลอมแปลงรู ปโฉมอย่างรวดเร็ วและเข้า
พักในโรงเตี๊ยมที่เงียบสงบห่างไกลแห่งหนึ่ง
เหลืออีกสามวันงานประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรก็จะเริ่ ม
ขึ้นแล้ว
เวลาสามวันนี้เพียงพอที่จะให้มนั ซึมซับตัวยาเม็ดปราณฟ้า
ครอบจักรวาลได้
หลังจากเข้าโรงเตี๊ยม ตรวจดูบริ เวณรอบๆ และเข้าห้องพัก
เรี ยบร้อย หยุนเช่อก็เอาดอกทานตะวันหงสา ลูกแก้วโลหิ ตเพลิง
ปี ศาจและวัตถุดิบอื่นๆ ออกมา จากนั้นก็ใช้ไข่มุกพิษสวรรค์
หลอมสกัดพวกมันอย่างรวดเร็ ว ชัว่ ไม่กี่อึดใจเม็ดยาสี แดงเข้มราว
กับถูกแช่ในเลือดสดก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ ามือของหยุนเช่อ เมื่อเม็ดยา
ก่อตัวเป็ นรู ปเป็ นร่ าง มันก็ปลดปล่อยคลื่นพลังเกรี้ ยวกราดออกมา
ทันที ขับดันอากาศโดยรอบออกไปอย่างรุ นแรง
หยุนเช่อยกมือขึ้น และโยนยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลที่
เพิง่ สกัดเสร็ จนี้เข้าปากไปโดยไม่ลงั เลแม้แต่นอ้ ย
ยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลละลายออกทันทีที่มนั เข้าไป
อยูใ่ นปากของหยุนเช่อ และแปรสภาพเป็ นคลื่นพลังความร้อน
ราวกับกระแสลาวาที่ไหลบ่าไปสู่ เส้นพลังลมปราณและจุดชีพจร
ทัว่ ร่ าง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับกําลังถูกเข็มมากมายทิ่ม
แทงไปทัว่ ตัว หยุนเช่อหลับตาลง สี หน้าสงบนิ่งอย่างยิง่ ราวกับว่า
มันไม่รู้สึกอะไรเลย เม็ดยาที่สามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่ ง
ของพลังลมปราณของผูค้ นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แน่นอนว่า
มันย่อมมีคุณสมบัติทางยารุ นแรงอย่างถึงขีดสุ ด และมักให้โทษยิง่
กว่าให้คุณ ทว่าหยุนเช่อมีสายเลือดเทพหงสาและไขกระดูกเทวะ
มังกร รวมทั้งมหาวิถีโพธิสตั ว์เป็ นเครื่ องป้องกัน ทําให้ครานั้นมัน
สามารถดื่มกินเลือดเนื้อของมังกรชั้นปราณจักรพรรดิท้งั ที่ตวั มัน
อยูใ่ นขั้นปราณจิตได้ดว้ ยซํ้า ยามนี้ลมปราณมันอยูใ่ นระดับปราณ
ปฐพี ดังนั้นการกลืนกินยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลจึงยิง่ ไม่น่า
กังวล
อย่างไรก็ตามคุณสมบัติที่รุนแรงของยาเม็ดปราณฟ้า
ครอบจักรวาลนั้นก็ไม่เป็ นที่น่ายินดียง่ิ สําหรับหยุนเช่อ ขณะที่
พลังของเม็ดยาค่อยๆ กระจายออกมา ไอร้อนที่ไหลบ่าไปยังเส้น
พลังลมปราณของมันก็ยง่ิ ทวีความรุ นแรงเกรี้ ยวกราด แม้วา่ สี หน้า
มันจะยังคงสงบนิ่ง ทว่าบริ เวณหน้าผากมันกลับปกคลุมไปด้วย
เม็ดเหงื่อมากมาย
………………………………
เวลาที่ใช้ในการซึมซับยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลเป็ นไป
ตามที่หยุนเช่อคาดการณ์ เมื่อมันซึมซับตัวยาจนหมดสิ้ น และลืม
ตาขึ้นมา เวลานั้นก็เป็ นยามเช้าตรู่ ของวันที่สามแล้ว
หยุนเช่อลุกขึ้นยืน เหยียดแขนมันออกไป สามวันที่ผา่ นมา
เสื้ อผ้ามันเปี ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อครั้งแล้วครั้งเล่า และกําลังส่งกลิ่น
เหม็นอย่างรุ นแรง มันแบมือออก แล้วลูกพลังลมปราณขนาดเล็ก
ก็ปรากฏขึ้นหมุนวนอยูต่ รงกลางฝ่ ามือ และเมื่อมันกํามือ ลูกพลัง
ลมปราณนั้นก็กระจายหายไปในทันที พร้อมกับมีเสี ยงปะทุของ
อากาศดังตามมา
“ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นนี้เป็ นไปตามที่ขา้ คิดไว้จริ งๆ ในที่สุดก็
เหลือเพียงอีกขั้นเดียวก็จะบรรลุขอบเขตชั้นลมปราณฟ้า” หยุ
นเช่อกําหมัดแน่น กล่าวพึมพัมกับตนเอง “จัสมิน ข้าใช้เวลานาน
เท่าใดในการซึ มซับยานี้ ?”
“สามวัน”
“ห๊ะ… ว่าไงนะ ? สามวัน ?!”
หยุนเช่อสัน่ สะท้าน และกระโจนขึ้นอย่างแรง มันรี บมอง
ออกไปนอกหน้าต่าง กะเวลานิดหนึ่ง จากนั้นก็ถลาไปที่ประตู
“จัสมิน ! ทําไม่เจ้าไม่เรี ยกข้า ! วันนี้เป็ นวันงานประลองจัดอันดับ
เจ้าก็รู้ และที่นี่กค็ ่อนข้างห่างไกลจากเมืองวิหคเพลิงด้วย !”
“ข้าไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องเตือนเจ้า”
ขณะที่พงุ่ ไปยังบันไดหน้าประตูหยุนเช่อก็ชะงักเท้าลง มัน
ดมแขนเสื้ อตนเองเล็กน้อยแล้วก็ปิดประตูที่เพิ่งเปิ ดออกอย่างแรง
“ให้ตาย ข้าต้องอาบนํ้าก่อน”
จัสมิน “…”
——————————————————————
เมื่อหยุนเช่อเร่ งรุ ดไปถึงเมืองวิหคเพลิง มันก็เป็ นเวลาเกือบ
เก้าโมงเช้าแล้ว เหลือเวลาไม่ถึงครี่ งชัว่ โมงการประลองจัดอันดับ
ก็จะเริ่ มขึ้น
บริ เวณหน้าประตูเมืองวิหคเพลิงแน่นขนัดไปด้วยฝูงชน
คนเหล่านี้ลว้ นเป็ นผูท้ ี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไป หรื อไม่กไ็ ม่มี
บัตรผ่านประตู จึงได้แต่ยา่ ํ เท้าไปมาอยูน่ อกนครอย่างไม่เต็มใจ
ด้วยหวังว่าพวกมันจะได้รับรู ้ผลการประลองในทันที หยุนเช่อรี บ
ผลักดันฝูงชนออกไปด้านข้างและรุ ดไปที่ดา้ นหน้าประตูทางเข้า
หลักของเมืองวิหคเพลิง แต่แล้วก็ถูกลูกศิษย์เทพหงสาสองคน
สกัดไว้
“แสดงคุณสมบัติสาํ หรับผ่านเข้าไปด้วย” ศิษย์เทพหงสาผูท้ ี่
สกัดมันไว้กล่าวอย่างเกียจคร้าน วันนี้มนั อาจกล่าวประโยคนี้มา
นับครั้งไม่ถว้ นแล้วก็เป็ นได้
“ข้าเป็ นผูเ้ ข้าประลองจากอาณาจักรวายุคราม” หยุนเช่อกล่า
วอย่างรวบรัด พร้อมกับนําเอาเครื่ องหมายผูเ้ ข้าประลองของตน
ออกมาด้วย
พลันที่เครื่ องหมายผูเ้ ข้าประลองสี แดงถูกนําออกมา สายตา
ของศิษย์เทพหงสาทั้งสองก็เพ่งมองมันด้วยความตั้งใจ เมื่อพบคํา
ว่า ‘วายุคราม’ พวกมันก็มองหน้ากันเล็กน้อย หนึ่งในสองคนนั้น
ตะโกนเข้าไปด้านใน “ศิษย์พจี่ า้ นหยุน ผูเ้ ข้าประลองจาก
อาณาจักรวายุครามมาถึงแล้ว !”
“ฮ้า ? วายุคราม !?”
ชายหนุ่มรู ปร่ างกํายําผูห้ นึ่งเดินออกมาในทันที มันมอง
เครื่ องหมายผูเ้ ข้าประลองในมือหยุนเช่อแวบหนึ่ง จากนั้นก็จอ้ ง
มองหยุนเช่อและกล่าวสุ ม้ เสี ยงแผ่วเบาว่า “เราคิดว่าอาณาจักรวายุ
ครามของเจ้าจะไม่กล้ามา แต่ตอนนี้เจ้าก็มาแล้วจริ งๆ พวกเจ้า
กําลังทําเหมือนการประลองจัดอันดับนี้เป็ นเรื่ องเล่นๆ … ช่าง
เถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าไปเอง ว่าแต่คนอื่นๆ อยูไ่ หนล่ะ ?”
“ไม่มี” หยุนเช่อส่ ายหน้า “มีแต่ขา้ ”
“ฮ้า ? มีแต่เจ้าคนเดียว ?”
“ถูกต้อง ครั้งนี้ขา้ เป็ นผูเ้ ข้าร่ วมประลองเพียงผูเ้ ดียวของวายุ
คราม ไม่มีผเู ้ ข้าประลองคนอื่น ไม่มีผดู ้ ูแล รบกวนพาข้าเข้าไป
ด้วย การประลองจัดอันดับกําลังจะเริ่ มแล้ว” หยุนเช่อกล่าว
ด้วยสุ ม้ เสี ยงสงบนิ่ง
มันประเมินหยุนเช่อตั้งแต่หวั จรดเท้า จากนั้นก็หยัง่ ดูระดับ
พลังลมปราณของมันอย่างคร่ าวๆ เฟิ งจ้านหยุนเบะปาก คร้านที่
จะพูดสิ่ งใด มันกล่าวอย่างไม่ใส่ ใจว่า “เอาเถอะ อย่างไรเจ้าก็
มาแล้ว ตามข้ามา”
“ศิษย์พี่จา้ ยหยุน เราควรรายงานเรื่ องนี้ต่อผูอ้ าวุโสสู งสุ ด
หรื อไม่ ?”
“ไม่จาํ เป็ น” เฟิ งจ้านหยุนโบกมือ “การประลองจัดอันดับ
กําลังจะเริ่ มแล้ว ไม่จาํ เป็ นต้องไปรบกวนผูอ้ าวุโสด้วยเรื่ อง
เล็กน้อยเช่นนี้ อย่างไรก็ตามมันมาที่นี่พอเป็ นพิธีเท่านั้น ไปทํา
หน้าที่ของเจ้าเถอะ”
เมืองวิหคเพลิงเป็ นฐานที่มน่ั ของพรรคเทพหงสา และไม่
อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาตามอําเภอใจ หนทางที่จะผ่านเข้า
ไปสู่ ใจกลางแดนหงสานั้น เป็ นเส้นทางที่ค่อนข้างแคบยาว ทั้ง
สองข้างของเส้นทางมีข่ายกลลมปราณอัคคีป้องกันอยู่ ไม่วา่ ผูใ้ ดที่
กล้าพยายามที่จะก้าวออกนอกทางเดินย่อมถูกข่ายกลลมปราณนี้
โจมตีอย่างแน่นอน
ขณะที่กาํ ลังเข้าไปในเขตแดนหงสา บรรยากาศคึกคักเร่ า
ร้อนก็แผ่กระจายออกมาก่อนที่พวกมันจะใกล้ถึงลานประลองจัด
อันดับเสี ยอีก และเมื่อเข้าไปในลานประลอง หยุนเช่อก็ตอ้ งตะลึง
งันไปชัว่ ขณะ
ก่อนหน้านี้ชางว่านเฮ่อได้บอกมันแล้วว่างานประลองจัด
อันดับเจ็ดอาณาจักรนั้นเป็ นความอัปยศอดสู ที่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ชาววายุ
ครามไม่อยากเอ่ยถึงที่สุด แต่สาํ หรับอีกหกอาณาจักรที่เหลือ มัน
เป็ นโอกาสอันยิง่ ใหญ่ที่สาํ คัญสุ ดสําหรับชาวยุทธภพซึ่งจะมีข้ ึน
ทุกยีส่ ิ บห้าปี เมื่องานประลองจัดอันดับนี้ใกล้เข้ามา ตั้งแต่
จักรพรรดิไปจนถึงสามัญชนทัว่ ไป ไม่มีผใู ้ ดที่ไม่เฝ้าติดตามด้วย
ใจจดจ่อ พวกมันยังเริ่ มเตรี ยมพร้อมสําหรับงานประลองจัดอันดับ
นี้หา้ ปี ล่วงหน้าด้วยซํ้า
ยามนี้เองที่หยุนเช่อเริ่ มจะเข้าใจแล้วว่า ‘งานประลองเจ็ด
จักรวรรดิ’ ที่ชาววายุครามไม่อยากเอ่ยถึง คืออะไร
สนามประลองมีขนาดมหึ มาใหญ่โตเกินกว่าที่มนั คาดคิดไว้
นัก และพื้นที่ส่วนใหญ่ของมันก็ถูกจัดเป็ นที่นงั่ สําหรับผูช้ ม มอง
แวบเดียวก็เห็นว่าฝูงชนเหล่านั้นกําลังคึกคักกับกิจกรรมต่างๆ กัน
อย่างไม่มีขีดจํากัด ตั้งแต่ช้ นั บนสุ ดลงมาถึงชั้นล่างของสนาม
ประลองเต็มไปด้วยผูค้ น ซึ่งมีจาํ นวนหลายล้านคนอย่างแน่นอน
สู งขึ้นไปในอากาศก็มีผคู ้ นมากมายกําลังเหิ นลอยไปมาราวกับฝูง
ตัก๊ แตน เทียบกับบรรยากาศและขนาดของงานประลองจัดอันดับ
อาณาจักรวายุครามแล้ว… กล่าวได้วา่ งานประลองจัดอันดับ
อาณาจักรวายุครามนั้นไม่มีคุณสมบัติใดที่จะนํามาเปรี ยบเทียบได้
เลย
บริ เวณที่นงั่ อันใหญ่โตมโหฬารอย่างหาที่เปรี ยบมิได้น้ นั
แบ่งออกเป็ นหลายส่ วน แต่ละส่ วนล้วนเต็มไปด้วยผูค้ น ไม่มีที่นง่ั
ใดว่างเว้นไว้เลย แต่พวกมันก็ยงั แบ่งกลุ่มกันอย่างชัดเจน หยุนเช่อ
พบว่าที่นงั่ บริ เวณด้านหน้าสุ ดมีเครื่ องหมายของห้าอาณาจักร
กระจายกันอยู่ ผูเ้ ข้าร่ วมประลองและผูด้ ูแลจากห้าอาณาจักรต่างก็
นัง่ อยูใ่ นที่ของตน ด้านหลังพวกมันแน่นอนว่าล้วนเป็ น
ผูส้ นับสนุนจากอาณาจักรของพวกมัน งานประลองจัดอันดับยัง
ไม่ทนั จะเริ่ มขึ้น ใบหน้าของของทุกผูค้ นก็แดงกํ่า ดวงตาเป็ น
ประกาย สี หน้าท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวังแล้ว
สําหรับพวกมัน การที่สามารถเข้ามาชมการประลองจัดอันดับ ให้
กําลังใจอาณาจักรของตนและได้เป็ นสักขีพยานในการประลองนี้
นับเป็ นเกียรติที่พวกมันสามารถโอ้อวดไปได้ตลอดชีวติ ทีเดียว
บริ เวณที่นงั่ หลักของลานประลองย่อมเป็ นของพรรคเทพ
หงสา ทว่าที่นงั่ แถวหน้าสุ ดของพรรคเทพหงสากลับว่างเปล่า ผู ้
ยิง่ ใหญ่ของพรรคยังมาไม่ถึง
หยุนเช่อกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ ว แต่กไ็ ม่พบที่
บริ เวณนัง่ ของอาณาจักรวายุครามเลย
“เฮ้ เป็ นไรไปล่ะ ? ตกใจหรื อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็น
เหตุการณ์ยงิ่ ใหญ่น่าตื่นเต้นขนาดนี้เลยใช่ไหมเล่า ?” เฟิ งจ้านหยุ
นกล่าวถามพร้อมกับมองหยุนเช่อด้วยหางตา
“เหตุใดจึงไม่มีที่นงั่ ของอาณาจักรวายุคราม ?” หยุนเช่อถาม
คิ้วมันขมวดมุ่น
“ทําไมต้องมี ?” เฟิ งจ้านหยุนห่อปากและถามย้อนกลับ “ผู ้
ฝึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุครามของเจ้ามาที่งานประลองเจ็ด
จักรวรรดิน้ ี ก็เพื่อให้ครบ ‘เจ็ดอาณาจักร’ เท่านั้นไม่ใช่หรื อ หรื อ
อาจ… ฮิฮิ มาเป็ นตัวตลกเพิม่ ขึ้นอีกหนึ่งตัวก็ได้ กล่าวไปแล้ว
พวกเจ้าก็ควรมีที่นง่ั เพราะอย่างน้อยพวกเจ้าก็ถือเป็ นอาณาจักร
หนึ่ง แต่จนกระทัง่ เมื่อสามวันก่อน เราก็ยงั ไม่ได้รับข่าวคราวอัน
ใดจากอาณาจักรวายุคราม และคิดว่าพวกเจ้าไม่แม้แต่จะใส่ ใจที่
จะ ‘ทําให้ครบ’ เจ็ดชาติ ดังนั้นเราจึงไม่ได้จดั เตรี ยมสิ่ งใดเกี่ยวกับ
อาณาจักรวายุครามไว้ รวมไปถึงที่นงั่ ด้วย”
หยุนเช่อขมวดคิ้วแน่น แต่มิได้กล่าวอันใด
การจัดเตรี ยมที่นงั่ หรื อไม่นี่ไม่ใช่ปัญหา แม้วา่ อาณาจักรวายุ
ครามจะแจ้งว่าไม่เข้าร่ วมงานล่วงหน้า แต่กค็ วรมีที่นงั่ ของ
อาณาจักรวายุคราม… เพราะมันเป็ นการให้การยอมรับและการให้
เกียรติข้นั พื้นฐานอย่างที่สุดแก่อาณาจักรหนึ่ง
ทว่าภายในสนามประลองตอนนี้ ทั้งหกอาณาจักรล้วนมา
อยูท่ ี่นี่ มีเพียงอาณาจักรวายุครามที่ไม่มีที่นง่ั … นี่เป็ นการบ่งบอก
ว่าพวกมันไม่เห็นอาณาจักรวายุครามอยูใ่ นสายตาอย่างโจ่งแจ้ง !
อาจเรี ยกได้วา่ เป็ นการจงใจดูหมิ่นเหยียบยํา่ ศักดิ์ศรี กนั
มันเชื่อว่าภายในสนามประลองนี้ตอ้ งมีผชู ้ มจํานวนมาก
ที่มาจากอาณาจักรวายุคราม ชาววายุครามทุกคนที่ได้พบเจอ
เหตุการณ์เช่นนี้ตอ้ งรู ้สึกโกรธจนอกแทบระเบิดแน่นอน
“โชคดีที่เราไม่ได้เตรี ยมไว้ อาณาจักรวายุครามมีแค่เด็ก
หนุ่มคนเดียวอย่างเจ้า จิ๊จิ๊ หากสํารองที่น่งั จํานวนมากไว้ให้วายุ
คราม ก็จะเป็ นการสิ้ นเปลืองเกินไป และสําหรับเจ้า… อืม ในเมื่อ
ไม่มีที่นงั่ ว่างแล้ว ข้าว่าเจ้าก็คงต้องยืนตรงนี้แหล่ะ เมื่อถึงเวลาที่
เจ้าต้องขึ้นไปบนเวที เจ้าก็แค่ทะยานจากตรงนี้ไป สะดวกอะไร
เช่นนี้… โอ๊ะ จริ งสิ ดูเหมือนเจ้าจะอยูแ่ ค่ขอบเขตลมปราณปฐพี
ยังไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาท่องนภาได้ เช่นนั้นก็ทาํ ตามที่เจ้าเห็น
ควรก็แล้วกัน การที่ขา้ เฟิ งจ้านหยุน พาเจ้ามาตรงนี้ดว้ ยตนเอง
และยังหาที่ให้เจ้าได้ยนื ก็ทาํ ให้เจ้าได้หน้ามากโขพอที่เอาไปคุย
โตได้เป็ นสิ บปี ทีเดียว”
‘ตรงนี้’ ที่เฟิ งจ้านหยุนกล่าวถึง เป็ นมุมหนึ่งที่อยูป่ ลายสุ ด
ของสนามประลองขนาดมหึ มา มันไม่เพียงเป็ นตําแหน่งที่แย่อย่าง
ที่สุด ทว่าท่านยังไม่อาจมองเห็นใจกลางของสนามประลองได้
หากกําลังสายตาของท่านไม่มากพอ และตรงนี้ไม่มีที่นง่ั ด้วยซํ้า !
หากจะหาข้อดีของตําแหน่งนี้ คงมีเพียงมันทําให้ท่านสามารถ
มองเห็นครึ่ งหนึ่งของสนามประลองได้อย่างเต็มตา
บทที่ 425 การมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์ (1)
“เจ้าหนู ข้าคงได้แต่บอกว่าข้านับถือความใจกล้าหน้าด้าน
ของเจ้าจริ งๆ หากเป็ นข้า ไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องมาเพียงลําพัง แค่เรื่ อง
พลังลมปราณชั้นปฐพีน้ ี… เหอะเหอะ ข้าคงไม่มีหน้าขึ้นไปบน
ลานประลองแล้ว” เฟิ งจ้านหยุนฉี กยิม้ เยาะเย้ย ก่อนที่สีหน้าของ
มันจะพลันสัน่ สะท้านพร้อมกับตวัดสายตาไปกลางแถวที่นงั่ หลัก
สุ ม้ เสี ยงของมันเปี่ ยมด้วยความตื่นเต้น “ทั้งท่านประมุขพรรค
นายน้อย และบรรดาผูอ้ าวุโสใหญ่ลว้ นแต่มากันแล้ว… อ๊ะ…”
ตอนนี้เอง ลมหายใจของเฟิ งจ้านหยุนพลันเปลี่ยนเป็ นเร่ ง
ร้อน ดวงตาของมันจ้องนิ่งไปเบื้องหน้าขณะสุ ม้ เสี ยงพลันสัน่
เครื อ “อะ… อะ-อะ-อะ-อะ… นัน่ มัน… หรื อว่า… เจ้าหญิงหิ มะ
งั้นรึ !?”
สนามประลองนั้นมีขนาดใหญ่โตยิง่ และสามารถจุคนได้
ร่ วมสามล้านชีวติ เพียงเสี ยงหายใจของทุกคนก็ไม่ต่างอันใดกับ
ฟ้าร้อง ทว่าในตอนนี้สนามประลองอันใหญ่โตกลับเป็ นเงียบงัน
อย่างที่สุดจนแม้แต่เสี ยงเข็มตกก็ยงั ได้ยนิ ทุกสิ่ งเองก็ราวกับหยุด
เคลื่อนไหว สายตาของทุกคนจับจ้องไปเบื้องบนพร้อมกับจ้อง
มองเพลิงเทพหงสาที่ลุกโชนบนฟากฟ้า
เปลวเพลิงบนฟ้ามีรูปร่ างดุจวิหคเพลิงที่กาํ ลังโผบิน
ด้านบนของวิหคเพลิงพลันปรากฎเงาร่ างหลายร่ างลอยตัวลงมา
อย่างแช่มช้า ในเขตที่นงั่ ของพรรคเทพหงสาล้วนแต่มีผจู ้ บั จองที่
นัง่ ไว้หมดแล้ว กระทัง่ เหล่าองค์ชาย บรรดาผูอ้ าวุโส เจ้าหอ เจ้า
ตําหนัก และเจ้าเมืองล้วนแต่นงั่ ประจําที่ ทว่าสิ บห้าที่นง่ั แถวหน้า
สุ ดของพรรคเทพหงสายังคงว่างเปล่า ซํ้าตําแหน่งของที่นงั่ ทั้งสิ บ
ห้าตัวนี้เห็นได้ชดั ว่าสู งส่ งกว่าของเหล่าองค์ชายและผูอ้ าวุโสเสี ย
อีก!
วันนี้ ในที่สุดเจ้าของสิ บห้าที่นงั่ หลักก็มาถึง
เงาร่ างหลายร่ างบนฟ้าค่อยๆลอยตัวลงมาขณะใต้เท้าลุก
โชนด้วยเพลิงเทพหงสา ท่ามกลางคนจากพรรคเทพหงสาเหล่านี้
มีเฟิ งเหิงคงและผูอ้ าวุโสใหญ่เฟิ งเฟยเยียน นายน้อยพรรคและ
องค์รัชทายาทเฟิ งซีหมิงเองก็ลอยตัวตามลงมาอย่างโอ่อ่า อีกสิ บ
คนที่เหลือล้วนแต่เป็ นเหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าเมืองที่มีพลังฝี มือและ
เกียรติยศสู งลํ้าในพรรคเทพหงสา จะกล่าวว่าผูค้ นเหล่านี้ลว้ นแต่
สามารถดูแคลนทุกชีวติ ในทวีปลมปราณฟ้าได้กไ็ ม่นบั ว่าเกินเลย
รัศมีกดดันของพวกมันเข้าล้อมรอบทั้งสนามประลองไว้จนผูค้ น
กว่าสามล้านชีวติ ภายในรู ้สึกอึดอัด
ทว่าแม้แต่หวั หน้าพรรคเทพหงสาอย่างเฟิ งเหิ งคงก็ไม่มีผใู ้ ด
จับจ้อง เพราะสายตาของทุกผูค้ นล้วนแต่จอ้ งมองไปยังร่ างบาง
ของเด็กสาวข้างกายเฟิ งเหิ งคงราวกับมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น
นางสวมเสื้ อผ้าวิหคเพลิงหรู หราและมงกุฎหยกวิหคเพลิง ผ้าคลุม
หน้าจากมงกุฏปิ ดบังตัวนางเอาไว้จนไม่มีผใู ้ ดเห็นรู ปร่ าง
ผิวพรรณของนางได้เลยแม้แต่นอ้ ย
แต่เมื่อผูค้ นมองไปยังเด็กสาว จิตวิญญาณของพวกมันก็
พลันพลุ่งพล่านทั้งที่ไม่อาจเห็นใบหน้าของนางได้แม้แต่นอ้ ย
พวกมันไม่อาจบรรยายความรู ้สึกราวกับตกอยูใ่ นห้วงความฝัน
และเฝ้ามองเด็กสาวผูน้ ้ ีเดินออกมาจากในฝันได้… แม้ไม่อาจเห็น
ใบหน้า ในใจของพวกมันทุกคนก็ลว้ นแต่เชื่อสุ ดหัวใจว่านางย่อม
ต้องเป็ นสาวงามที่สุดในโลกหล้าไม่แพ้เทพธิดาจากสรวงสวรรค์
แน่
ราวกับเป็ นมนตร์สะกดที่ไม่สมควรมาจากเด็กสาวชาว
มนุษย์
ในตอนนี้ตวั ตนระดับเฟิ งเหิ งคงและเฟิ งเฟยเยียนก็เป็ นได้
เพียงของประดับฉากเมื่อเคียงข้างนาง เป็ นเพียงดวงดาวที่ลอ้ ม
ห้อมจันทรา ในขณะที่เฟิ งเหิ งคงและเด็กสาวยืนอยูต่ รงกึ่งกลาง
พร้อมกับคนที่เหลือกระจายไปรอบด้าน ตรงกลางของขบวนนี้
แท้จริ งแล้วมิใช่เฟิ งเหิ งคง… แต่เป็ นตัวเด็กสาว
“เจ้าหญิงหิ มะ… เป็ นเจ้าหญิงหิ มะที่ร่ าํ ลือกันจริ งๆ!”
ภายในสนามประลองมีชายผูห้ นึ่งตะโกนออกมาด้วยสี หน้า
ตื่นเต้นยิง่
“นอกจากเจ้าหญิงหิมะแล้วจะมีใครหน้าไหนสามารถยืน
เคียงข้างผูน้ าํ พรรคเทพหงสาได้กนั … นอกจากเจ้าหญิงหิ มะแล้ว
จะมีผใู ้ ดอีกที่ดูราวกับเทพเช่นนี้… สวรรค์! ข้าได้เห็นเจ้าหญิง
หิ มะที่ร่ าํ ลือกันจริ งๆ…”
“เดิมทีขา้ รู ้สึกเสี ยดายอยูบ่ า้ งที่ตอ้ งใช้สมบัติของตระกูลไป
ถึงหนึ่งในสิ บเพือ่ ให้ได้บตั รเข้างานมา… แต่การได้เห็นเจ้าหญิง
หิ มะเช่นนี้ ต่อให้ขา้ ต้องเสี ยสมบัติของตระกูลไปทั้งหมด ก็ยงั
นับว่าคุม้ ค่า!”
“ข้าคงไม่ได้กาํ ลังฝันไปหรอก ใช่ไหม? เจ้าหญิงหิ มะ
ปรากฎตัวเพียงครั้งเดียวตอนนางอายุสิบสามเท่านั้น… วันนี้ ข้า
กลับได้พบเห็นเสน่ห์และความงามของนางด้วยตาตัวเอง…”
“น่าเสี ยดายที่พวกเราไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเจ้าหญิง
หิ มะได้ เจ้าหญิงหิ มะตอนอายุสิบสามก็มีความงามประดุจ
เทพธิดาแล้ว เจ้าหญิงหิ มะบัดนี้อายุสิบหก… ใครจะรู ้วา่ ความงาม
ของนางจะเพิ่มพูนขึ้นมาเพียงไหน”
“เจ้าหัดเจียมตัวเสี ยบ้าง! แค่ได้เห็นเงาร่ างของเจ้าหญิงหิ มะ
ด้วยตาเจ้าเองก็นบั ว่าเป็ นวาสนาจากชาติก่อนแล้ว! ความงาม
ระดับเทพธิดาของเจ้าหญิงหิ มะจะให้สามัญชนเช่นเราชื่นชมได้
เช่นไร!”
…………
…………
สนามประลองอันใหญ่โตพลันครึ กครื้ นขึ้นอีกครั้ง ความ
อึดอัดที่ปกคลุมลานประลองพลันเปลี่ยนเป็ นความตื่นเต้นและ
หลงใหลในตัวเจ้าหญิงหิ มะ จนผูค้ นแทบลืมเลือนไปว่าพวกมัน
มาที่นี่ในวันนี้ทาํ ไม พวกมันรู ้สึกว่าต่อให้พวกมันออกจากสนาม
ประลองโดยไม่ได้ชมการประลองจัดอันดับ แค่ได้เห็นความงาม
ของเจ้าหญิงหิ มะเพียงเล็กน้อยก็นบั ว่าคุม้ ค่ากว่านับร้อยเท่าพันทวี
แล้ว
ทัว่ โลกหล้าคงมีเพียงเจ้าหญิงหิ มะผูเ้ ดียวเท่านั้นที่เพียง
ปรากฎตัวก็ทาํ ให้ผคู ้ นแตกตื่นกันได้ถึงเพียงนี้ท้ งั ที่ยงั คงปิ ดบัง
ใบหน้าเอาไว้!
แววตาของเฟิ งเหิ งคงสงบนิ่งแต่กเ็ ข้มแข็ง มันกวาดสายตา
ไปทัว่ ฝูงชนและไม่แปลกใจกับความแตกตื่นของผูค้ นแม้แต่นอ้ ย
มันหันสายตากลับมายังเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขา้ งกายก่อนที่สายตาคมกล้า
จะกลับกลายเป็ นอ่อนโยนอย่างที่สุด เป็ นสายตาอ่อนโยนราวกับ
มันกลัวว่าสายตาของตนจะทําให้นางบาดเจ็บ
ผูน้ าํ อันดับหนึ่งแห่งเจ็ดจักรวรรดิทวีปลมปราณฟ้า ตัวตน
อันสู งส่ งประดุจจักรพรรดิสวรรค์จะแสดงความรู ้สึกเช่นนี้ออกมา
ยามมองบุตรี โทนของตนเท่านั้น
“เจ้าหญิงหิ มะ… เป็ นเจ้าหญิงหิ มะจริ งๆ”
ใบหน้าของเฟิ งจ้านหยุนพลันแดงกํ่า สองขาสัน่ สะท้าน มัน
ตื่นเต้นและยินดีจนแทบจะลงไปกองกับพื้น มันใช้มือกดหัวใจ
ตนอย่างแรงราวกับกลัวว่าหากไม่ทาํ หัวใจมันจะกระดอนหลุด
ออกมา มันเดิมคิดว่าจะทิ้งหยุนเช่อไว้ที่นี่และจากไปทันที ทว่า
การปรากฎตัวของเจ้าหญิงหิมะทําให้มนั ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้
สายตามันจ้องเขม็งขณะจิตวิญญาณราวกับล่องลอยออกไปนอก
โลก
หยุนเช่อย่อมรู ้ถึงเสน่ห์ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ดี เมื่อมองไปยัง
ร่ างอันงดงามของเสวีย่ เอ๋ อร์ไกลๆและกลับมามองยังสี หน้าของ
เฟิ งจ้านหยุน… ในฐานะบุรุษ มันบังเกิดความรู ้สึกอยากคํารามลัน่
ออกมา: ข้ าไม่ เพียงได้ เห็นใบหน้ าของเสวีย่ เอ๋ อร์ ข้ ายังเคยได้
สั มผัสมือและเส้ นผมของนางมาแล้ ว เจ้ าเชื่ อข้ าหรื อไม่ !? อิ จฉาข้ า
หรื อเปล่ า!?
แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้าเอ่ยคําเหล่านั้นออกไป ดูจากท่าที
ของทุกคนแล้ว มันมัน่ ใจว่าหากมันตะโกนออกไป เฟิ งเหิ งคงไม่
จําเป็ นต้องลงมือฉี กร่ างมันด้วยตนเอง แค่ทุกคนที่อยูร่ อบด้านใช้
สายตาจ้องมองก็พอจะทิ่มแทงร่ างมันให้พรุ นเป็ นเม่นได้แล้ว!
หยุนเช่อสะกิดเฟิ งจ้านหยุนก่อนจะเอ่ยถามพลางแสร้งทํา
เป็ นงุนงง “ไม่ใช่วา่ ท่านมาจากพรรคเทพหงสาหรอกรึ ? แล้ว
ทําไมถึงยังตื่นเต้นที่ได้เห็นเจ้าหญิงหิ มะอีก? หรื อว่าคนในพรรค
ไม่ได้เห็นนางเป็ นประจํา?”
“แน่นอน! ในโลกนี้มีซกั กี่คนกันที่มีสิทธิ์เข้าใกล้เจ้าหญิง
หิ มะน่ะ!” เฟิ งจ้านหยุนเอ่ยด้วยอารมณ์ “เจ้าหญิงหิ มะจะอยูข่ า้ ง
กายท่านเทพหงสาเสมอ นางเป็ นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของ
พรรคเทพหงสาที่ได้รับการชี้แนะจากท่านเทพหงสาโดยตรง
นอกจากหัวหน้าพรรคและคนระดับผูอ้ าวุโสใหญ่แล้ว ก็ไม่มีทาง
ได้พบเจ้าหญิงหิ มะหรอก…”
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ เฟิ งจ้านหยุนพลันได้สติจากความ
ตื่นเต้น “บัดซบ! เหตุใดข้าจึงต้องบอกเจ้าเรื่ องนี้! เจ้าโชคดีที่สุด
ในรอบแปดล้านปี ! คนที่มีพลังเพียงชั้นปราณปฐพี เพียงเข้ามา
เพื่อเติมเต็มที่วา่ งของอาณาจักรวายุครามเท่านั้น ลับสามารถได้ยล
โฉมเจ้าหญิงหิ มะ…นับว่าเจ้าเกิดมาไม่ตายเปล่าแล้ว!”
“….ใช่แล้ว ใช่แล้ว” หยุนเช่อผงกศีรษะ จากนั้นลอบขมวด
คิ้วนิ่วหน้า…ท่านเทพหงสา? แน่นอนที่สุด นัน่ ย่อมหมายถึงจิต
วิญญาณเทพหงสาตนนั้นเป็ นแน่! ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ท่านเพิง่ จะกล่าวว่า…เทพหงสา? ข้าเคยได้ยนิ มาว่าพรรคเทพหง
สามีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าห้าพันปี บรรพบุรุษเทพหงสา
ของท่านกลับอายุยนื ยาวถึงเพียงนี้?”
เฟิ งจ้านหยุนใช้สายตาเยีย่ งกําลังมองคนโง่ทึบคนหนึ่งเหล่
มองไปทางหยุนเช่อ “ท้ายที่สุด เจ้ามันก็แค่คนที่ไม่มีใครรู ้จกั คน
หนึ่งจากจักรวรรดิวายุคราม เจ้าจะรู ้เรื่ องราวภายในของพรรคเทพ
หงสาเราได้อย่างไร ท่านเทพหงสาของเราคือจิตวิญญาณที่ทรง
พลังอํานาจสู งสุ ด! แค่หา้ พันปี นับเป็ นอย่างไรได้ ท่านเทพหงสามี
อายุขยั ไม่สิ้นสุ ด! ท่านจะคงอยูเ่ พื่อปกปักษ์พรรคเทพหงสาเราไป
ตลอดกาล เจ้ารู ้จกั แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ หรื อไม่? แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าหนึ่งหมื่นปี พรรคเทพหงสาเรา
เพิ่งผุดขึ้นในยุทธจักรมาห้าพันปี ก่อน ใช้เวลาเพียงสามร้อยปี
กลับกลายเป็ นพรรคอันดับหนึ่งในทวีปลมปราณฟ้า แดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ไม่เคยคิดสะกดพวกเราลง เพราะเหตุใด? ฮี่ฮี่ เพราะ
การคงอยูข่ องท่านเทพหงสา! แม้จะเป็ นเซียนจักรพรรดิ เจ้าสมุทร
ปรมาจารย์กระบี่ ยังคงไม่กล้าสําแดงฤทธิ์ต่อหน้าท่านเทพหงสา
เรา…”
เฟิ งจ้านหยุนกล่าวโอ้อวดจบคํา จากนั้นจึงเม้มปากอย่างดู
แคลน “ช่างเถอะ กล่าวเรื่ องราวเหล่านี้ต่อเจ้าช่างไร้ความหมายนัก
ในชัว่ ชีวติ ของเจ้านี้ จุดสู งสุ ดของเจ้าสมควรเป็ นขั้นลมปราณฟ้า
แม้จะฝึ กปรื อไปอีกหนึ่งหมื่นชาติ ยังคงไม่อาจเอื้อมถึงระดับพลัง
ปั จจุบนั ของท่านเทพหงสาได้”
“อ้อ~~~” หยุนเช่อกล่าวตอบโดยไม่คิดมาก จากนั้นจ่อมจม
ลงในความคิดของตนเอง…จากที่เฟิ งจ้านหยุนกล่าว ไม่เพียงท่าน
เทพหงสายังมีชีวติ อยู่ ยังเป็ นอมตะ ทั้งยังข่มขู่แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
จนต้องเกรงขามในบารมีของมัน
ทว่าจัสมินกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงมัน่ อกมัน่ ใจยิง่ …ว่าจิตวิญญาณ
เทพหงสาตนนั้นตายไปแล้ว
หรื อว่า พรรคเทพหงสาเก็บซ่อนความลับถึงการสู ญสลาย
ไปของเทพหงสามาโดยตลอด?
นี่เป็ นไปได้อย่างยิง่ ! อย่างไรเสี ย การคงอยูข่ องจิตวิญญาณ
เทพหงสาเป็ นอุปสรรคสําคัญต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ หากข่าวการ
ดับสู ญของมันแพร่ กระจายออกไป เช่นนั้น ปราการยิง่ ใหญ่ที่สุด
ของพรรคล้วนสู ญสิ้ นไปด้วยเช่นกัน ยิง่ กว่านั้น พวกมันล้วน
ปราศจากคุณสมบัติทา้ ทายแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ อีกต่อไป
เพลิงเทพหงสาภายใต้ร่างของเฟิ งเหิ งคงและพวกพ้องดับลง
ทั้งหมดร่ อนลงยังที่นงั่ ของตนเอง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์นงั่ อยูข่ า้ งกายพระ
บิดา ในตําแหน่งเดียวกับเฟิ งเหิงคงไม่ผดิ เพี้ยน! หยุนเช่อลอบมอง
เงาร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พร้อมทั้งทอดถอนใจ …เสวีย่ เอ๋ อร์ ครั้ ง
หน้ าที่ท่านพบเห็นข้ า ท่ านจะบังเกิดความรู้ สึกเช่ นไร? เสียใจ
หรื อ เจ้ บปวด?…หากเป็ นเช่ นนั้น แม้ แต่ ข้าเอง ยังไม่ อาจให้ อภัย
ตนเองได้
สําหรับเฟิ งจ้านหยุน มันไม่มีความคิดจากไปแม้แต่นอ้ ย มัน
จับจ้องแน่วนิ่งไปยังเงาร่ างงดงามราวภาพฝันของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ใบหน้าเต็มไปด้วยความหลงใหลบูชา…หยุนเช่อคาดการณ์วา่
ยามนี้ แม้จะทุบตีมนั ด้วยท่อนไม้ มันยังคงไม่ยนิ ยอมจากไป
เฟิ งเหิ งคงนัง่ ลง กวาดกราดสายตาไปยังที่นงั่ ของพยานจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ โดยรอบพร้อมกล่าวว่า “แขกผูม้ ีเกียรติจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์ลว้ นมาแล้วกระมัง?”
“พวกมันต่างถือดีในศักดิ์ฐานะของตนเอง ไม่ถึงช่วงเวลา
สุ ดท้ายล้วนไม่ยอมปรากฏกาย ท่านประมุขอย่าได้ใส่ ใจ พวกมัน
ทุ่มเทความสนใจไปยังนาวาปราณบรรพกาล คนจะอย่างไรย่อม
ต้องมาแน่นอน” เฟิ งเฟยเยียนกล่าวอย่างเฉื่ อยชา มันคือพี่ชายของ
เฟิ งเหิ งคง ทั้งอายุมากกว่าเพียงเจ็ดปี ด้วยระดับการฝึ กปรื อของ
มัน ด้วยอายุสองร้อยปี มันสามารถมีรูปโฉมคล้ายดัง่ บุรุษหนุ่ม
อายุยสี่ ิ บถึงสามสิ บปี เท่านั้น ทว่าเห็นได้ชดั เจนว่ามันไม่มีความ
สนใจในการควบคุมรู ปโฉมของมันด้วยพลังการฝึ กปรื อแม้แต่
น้อย
“อืม” เฟิ งเหิ งคงกล่าวเชื่อช้า “เมื่อพวกมันล้วนเป็ นแขกผูม้ ี
เกียรติ เราจะรออีกสิ บห้านาที”
“อืม” เฟิ งเหิ งคงพยักหน้าช้า ๆ “นับแต่ที่พวกเขาเป็ นแขกผู ้
มีเกียรติ เราจะรออีกสักสิ บห้านาที”
“ฮาฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จบั เป็ นต้องรออีกสิ บห้านาทีหรอก ได้รับ
เกียรติเชิญชวนโดยเทพหงสา ข้าผูแ้ ซ่หลิงผูน้ ้ ี จะไม่มาได้
อย่างไร”
เสี ยงหัวเราะเบิกบานอันเสี ยดแทงแก้วหูดงั มาจากเบื้องบน
และพลันดังสะท้อนก้องทัว่ ทั้งสนามประลองราวกับพายุ กระทบ
ส่ งผลให้แก้วหูของทุกคนสัน่ สะเทือนอย่างรุ นแรง ทันทีหลังจาก
นั้น แรงกดดันอันยิง่ ใหญ่แห่งราชันทรราชย์ปกคลุมลงมา ขณะนี่
เงาร่ างสี เขียวได้พงุ่ วาบผ่านห้วงอากาศ จากนั้นจึงทิ้งตัวลงมายังที่
นัง่ ของ “แดนกระบี่เดชาสวรรค์” ราวกับภูตผี
ชัว่ ขณะที่เสี ยงนี้ดงั ขึ้น ความคิดของหยุนเช่อพลันลัน่ ดัง
ขึ้นมาในทันที เนื่องเพราะชายหนุ่มคุน้ เคยต่อเสี ยงนี้เป็ นอย่างยิง่
และเมื่อบุคคลเหิ นร่ อนลงมา คิ้วเข้มของหยุนเช่อขยับชิดเข้าหา
กัน
แน่นอน มันคือหลิงคุน!
ผูท้ ี่ถูกเชื้อเชิญมาที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อเป็ นพยานงาน
ประลองวายุคราม! ครั้งนั้น เป็ นมันหยิบยืน่ ไมตรี ต่อหยุนเช่อ
ออกปากเชื้อเชิญชายหนุ่มไปยังแดนกระบี่เดชาสวรรค์
ผูใ้ ดจะคาด ผูแ้ ทนแดนกระบี่เดชาสวรรค์ในครานี้ กลับเป็ น
มันอีกครั้ง!
บทที่ 426 การมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์ (2)
หลิงคุนรับแหวนนั้นมา หลังจากกวาดตาสํารวจด้านในแวบ
หนึ่ง มันก็ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด มันไม่คืนแหวน
มิติน้ นั ให้เย่ซิงหาน แต่เก็บเอาไว้พร้อมรอยยิม้ “ท่านเจ้าวิหารน้อย
ช่างเป็ นคนตรงไปตรงมานัก ดูเหมือนการที่เราผูเ้ ฒ่าจะติดต่อท่าน
เจ้าวิหารน้อยไปเพื่อทําการซื้อขายกันนี้นบั ว่าเป็ นการตัดสิ นใจที่
ถูกต้องที่สุดแล้ว… ปี นี้สตรี ผนู ้ ้ นั เพิง่ มีอายุสิบเก้าปี และอยูใ่ น
อาณาจักรวายุคราม”
“วายุคราม ?” เย่ซิงหานมีทีท่าประหลาดใจ ทําเสี ยงขึ้นจมูก
เล็กน้อย “ดินแดนเล็กๆ ที่ผคู ้ นคงรู ้สึกว่าต้องลดตัวลงไปหากจะ
ไปเยือนที่นน่ั สามารถให้กาํ เนิดผูท้ ี่ครอบครองกายเทวะในตํานาน
‘ร่ างนวปราณพิสุทธ์’ จริ งหรื อ ? ผูอ้ าวุโสหลิงคุน ท่านแน่ใจนะว่า
นัน่ เป็ น ‘ร่ างนวปราณพิสุทธ์’ ?”
ประโยคสุดท้ายของเย่ซิงหานแฝงนัยของการเตือนอย่าง
ชัดเจน อาณาจักรวายุครามเป็ นดินแดนที่ต่าํ ต้อย นับถือผูฝ้ ึ กยุทธ์
ระดับลมปราณจักรพรรดิวา่ เป็ นระดับสุ ดยอด นี่ทาํ ให้มนั ไม่อาจ
เชื่อได้เลยว่าที่นนั่ จะมีความเกี่ยวพันใดๆ กับ ‘ร่ างนวปราณพิ
สุ ทธ์’ ที่ยากจะพบพานแม้แต่ในรอบพันปี สี หน้าหลิงคุนไม่
แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ยยามที่มนั กล่าวเสี ยงตํ่า “หากไม่แน่ใจ ถึงข้า
จะมีขวัญกล้ากว่านี้กม็ ิบงั อาจทําการค้ากับท่านเจ้าวิหารน้อย หาก
เจ้าวิหารน้อยใช้ร่างนวปราณพิสุทธ์น้ ีเป็ นที่บ่มเพาะ การฝึ กยุทธ์
ของท่านจะต้องรุ ดหน้าขึ้นหลายขั้นแน่นอน ! เทียบกันแล้ว
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงเล็กๆ น้อยๆ เพียงหนึ่งกิโลครึ่ งนั้นไม่
นับเป็ นอะไรได้”
เย่ซิงหานพยายามควบคุมสี หน้าตนเองขณะหัวร่ อเบาๆ “ได้
ทําการซื้อขายกับผูอ้ าวุโสหลิงก็หลายครั้ง คําพูดนี้ของผูอ้ าวุโสห
ลิงทําให้ขา้ โล่งใจยิง่ นัก ข้าจะทะยอยรวบรวมลูกแก้วสวรรค์ชีพ
จรม่วงอีกครึ่ งกิโลกรัมนัน่ ผูอ้ าวุโสหลิงต้องไม่ทาํ ให้ขา้ ผิดหวัง
เมื่อเวลานั้นมาถึง”
“ไฮ้ ! เจ้าวิหารน้อยก็แค่รอเวลาที่ได้จะครอบครองของที่น่า
ตื่นตาตื่นใจอย่างยิง่ ก็เท่านั้น !” หลิงคุนกล่าวพร้อมหรี่ ตาเล็กลง
มันไม่ได้บอกให้ทราบว่าความงามของสตรี ที่ครอบครองร่ างนว
ปราณพิสุทธ์น้ นั มิได้ยง่ิ หย่อนไปกว่าเจ้าหญิงหิ มะเลย ถึงแม้เรื่ อง
นี้จะทําให้มนั สามารถต่อรองราคาได้มากขึ้นอย่างมหาศาล แต่นนั่
ก็จะทําให้เย่ซิงหานรี บไปดูตวั เซี่ยฉิ งเยว่โฉมงามอันดับหนึ่งแห่ง
อาณาจักรวายุครามในทันที หากเป็ นเช่นนั้น มันก็จะไม่ได้ลูกแก้ว
สวรรค์ชีพจรม่วงอีกครึ่ งกิโลกรัมที่วา่
ณ ที่นงั่ ในมุมที่ไม่สะดุดตามุมหนึ่ง บุคคลผูห้ นึ่งในเครื่ อง
แต่งเรี ยบง่ายธรรมดาจ้องมองด้านหลังของเย่ซิงหานด้วยสายตา
เย็นชา มือทั้งสองข้างของมันค่อยๆ กําแน่นเข้า เค้นเสี ยงรอด
ไรฟันด้วยความเกลียดชังที่ฝังแน่นอยูใ่ นใจ “วิหาร…เทพ…
สุ ริยนั …จันทรา…”
แดนกระบี่เดชาสวรรค์และวิหารเทพสุ ริยนั จันทราได้มาถึง
แล้ว ทว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันและวังเจ้าสมุทรต่างยังมาไม่
ถึง ความยโสโอหังของเย่ซิงหานดูจะไม่มีผลต่อเฟิ งเหิ งคง มันนัง่
นิ่ง เหลือบมองเวลาอีกครั้ง ยังเหลือเวลาอีกครู่ ใหญ่กว่าการ
ประลองจัดอันดับจะเริ่ มขึ้น
ยามนี้เองจู่ๆ สายลมอ่อนๆ ก็พดั แผ่วนําพากลิ่นหอมจาง
ของดอกไม้ที่ชวนให้ผคู ้ นรู ้สึกมึนเมามา พลันปรากฏกลีบดอกไม้
มากมายจากที่ใดมิอาจทราบได้ โปรยปรายพริ้ วไหวอยูเ่ หนือลาน
ประลอง ไม่วา่ จะเป็ นกลีบดอกไม้สีขาวบริ สุทธิ์ สี แดงชวนพิศ
หรื อสี เหลืองผุดผาด… พวกมันร่ ายรําแต่งแต้มให้ทอ้ งฟ้างดงาม
ยิง่
“หอมยิง่ นัก…”
“หรื อว่าจะมีเทพธิดามาเยือน ?”
“ต้องเป็ นเทพธิดาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แน่… วันนี้ขา้ โชคดี
เหลือเกิน ไม่เพียงแต่ได้เห็นเจ้าหญิงหิ มะ ซํ้ายังจะมีโอกาสได้เห็น
นางเซียนผูง้ ดงามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ดว้ ย !”
เมื่อได้เห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ที่กาํ ลังพริ้ วไหว
และได้กลิ่นหอมของดอกไม้ เหล่าผูช้ มที่เป็ นบุรุษก็บงั เกิดความ
ตื่นเต้น สายตาอันเร่ าร้อนของพวกมันจับจ้องไปที่เบื้องบน กลีบ
ดอกไม้ที่ลอยล่องนั้นเริ่ มทวีความหนาแน่นขึ้น พร้อมกันนั้นกลิ่น
หอมของมันก็ยง่ิ รุ นแรงชวนให้มึนเมา ฉับพลัน กลีบดอกไม้ที่
รวมตัวกันเป็ นลูกบอลขนาดใหญ่กแ็ ตกออกกลางอากาศฟุ้ง
กระจายไปทัว่ ภายใต้กลีบดอกไม้จาํ นวนมหาศาลที่ร่วงหล่นลง
มาราวกับสายฝนนั้นปรากฏเงาร่ างหนึ่งที่งดงามน่าหลงใหลอย่าง
ที่สุด
นี่เป็ นบุรุษที่หล่อเหลางดงามอย่างถึงขีดสุด อาภรณ์ขาวราว
กับหิ มะ ผมสี ดาํ ราวกับหมึก ใบหน้าขาวผ่องราวกับหยกนั้นราว
กับถูกสลักขึ้นจากฝี มือปฏิมากร ประณี ตงดงามยากจะหาใด
เปรี ยบ คิ้วโก่งเรี ยวยาวตวัดปลายขึ้นเล็กน้อย ดวงตากระจ่างใส
ราวดอกเชอรรี่ และสายตาระยิบระยับคู่น้ นั ก็ราวกับสายตาของ
เด็กสาว ทุกผูค้ นแหงนหน้าขึ้นมองบุรุษที่ค่อยๆ เยื้องกรายลงมา
พร้อมกับกลีบดอกไม้ดว้ ยอาการตื่นตะลึง ไมว่าชายหรื อหญิง ใน
ใจของพวกมันล้วนบังเกิดความรู ้สึกละอายในความต้อยตํ่าของ
ตนเอง
“ช่างเป็ นบุรุษที่หล่อเหลาสง่างามยิง่ นัก !” หยุนเช่ออดที่จะ
อุทานออกมามิได้ ขณะเดียวกันมันก็แอบคิดต่อในใจว่า ‘เกือบเท่า
ข้าทีเดียว’ (อ๊ากกกกกก…… ไอ้คนหลงตัวเอง !)
ชัว่ ขณะที่เย่ซิงหานและหลิงคุนเห็นบุรุษผูน้ ้ ีปรากฏกายขึ้น
สี หน้าของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปพร้อมกัน… ทว่ามิใช่ดว้ ยความ
ตื่นตะลึงหรื อหวาดกลัวอย่างแน่นอน แต่สีหน้ามันบ่งบอกถึง
ความทุกข์ระทมอย่างที่สุด หลิงคุนคํารามเสี ยงตํ่า “มารดามัน
เถอะ ! เหตุใดจึงเป็ นคนผูน้ ้ ี !”
ยามที่เฟิ งเหิ งคงเห็นกลีบดอกไม้โปรยปรายมาแต่ไกล หัว
สมองมันก็วา่ งเปล่าไปชัว่ ขณะ เมื่อร่ างขาวราวกับหิ มะนั้นปรากฏ
ขึ้นท่ามกลางกลีบดอกไม้ เฟิ งเหิ งคง… จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ
เทพหงสาผูส้ ง่างาม ประมุขพรรคเทพหงสา ก็สน่ั สะท้านไปทั้ง
ร่ าง นัยน์ตาหดแคบลงชัว่ อึดใจ มันรี บส่ งเสี ยงคําราม “ซีหมิง…
ไป… ไปต้อนรับเขาแทนเรา”
ก่อนที่เฟิ งซี หมิงจะทันตอบรับ สายตาของบุรุษผูน้ ้ นั ก็จบั
จ้องมาที่ร่างเฟิ งเหิ งคงแล้ว คิ้วโก่งเรี ยวยาวของมันพลันเลิกสู งขึ้น
ไปอีก แววตาเปล่งประกายระยิบระยับ ขณะที่ยกมือขึ้นปิ ดปาก
มันก็… เผยรอยยิม้ หว่านเสน่ห์อนั ยากจะทานทน พร้อมทั้งเปล่ง
นํ้าเสี ยงนุ่มนวลอ่อนโยนออกมา “คงคงน้อย ในที่สุดผูอ้ ื่นก็ได้พบ
ท่านอีกครั้ง รู ้หรื อไม่ ร้อยปี ที่ไม่อาจมาพบท่านได้ ผูอ้ ื่นคิดถึง
ท่านแทบตาย… ท่านคิดถึงผูอ้ ื่นหรื อไม่ ?”
ทั้งสนามประลองพลันตกอยูใ่ นความเงียบชนิดที่สามารถ
ได้ยนิ กระทัง่ เสี ยงเข็มตก ทุกผูค้ นตื่นตะลึงอย่างไม่มีขอ้ ยกเว้น
พวกมันอ้าปากค้างตาแทบพลัดหลุดลงมา
คน คน คน คน… คนผูน้ ้ ี…
เป็ นบุรุษ… หรื อสตรี … หรื อกึ่งบุรุษกึ่งสตรี … หรื อไม่ใช่
ทั้งบุรุษและสตรี …
สี หน้า… ท่าทาง… ดวงตาและคิ้วทั้งคู่… นํ้าเสี ยง… และ
การใช้คาํ แทนตนเองว่าผูอ้ ื่นนั้น… ช้าก่อน !
‘คงคงน้อย’ ที่มนั เรี ยกขาน… นัน่ หรื อว่าจะหมายถึง…
เป็ นไปได้ไหมว่ามันกําลังเรี ยกขาน… ประมุขพรรคเทพหง
สา เฟิ งเหิ งคง !?
มารดามันเถอะ !!
เฟิ งเหิ งคงกําลังจะรี บหาที่ซ่อนตัวอยูแ่ ล้ว ทว่าคําว่า ‘คงคง
น้อย’ กลับดังขึ้นมาเสี ยก่อน นี่ทาํ ให้ประมุขพรรคเทพหงสาผูท้ ี่สี
หน้าไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ยยามเผชิญกับความโอหังของเย่ซิง
หาน กลับสัน่ เทิ้มไปทั้้ งตัว ท่าทางของมันปั่นป่ วนยุง่ เหยิงเหมือน
เจียนจะกระอักเลือดออกมาเสี ยเดี๋ยวนั้น
เฟิ งซีหมิงรี บกล่าวต้อนรับด้วยความหวาดวิตกยิง่ “ผูเ้ ยาว์
องค์ชายเทพหงสาเฟิ งซีหมิงยินดีตอ้ นรับ… ผูอ้ าวุโสจีสู่ จกั รวรรดิ
เทพหงสา ผูอ้ าวุโสจี เราได้จดั เตรี ยมที่นงั่ ไว้ให้ท่านเล้ว เรี ยนเชิญ
ผูอ้ าวุโสจีประจําที่”
“อ๊าย !” ดวงตายัว่ ยวนของจีเชียนหลัวไหวระริ ก มันมอง
ประเมินเฟิ งซี หมิงตั้งแต่หวั จรดเท้า สายตาที่ฉ่ าํ หวานนั้นทําให้
เฟิ งซีหมิงตัวชาวูบ จีเชียนหลัวเยื้องย่างมาทางเฟิ งซีหมิงด้วยท่าที
รักใคร่ อย่างที่สุด เอวของมันแกว่งไกวไปมา และมันก็เริ่ มหัวร่ อ
คิกคักอย่างนุ่มนวล “เช่นนัน่ เจ้าก็คือหมิงหมิงน้อยจริ งๆ นะสิ ไม่
แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงหล่อเหลาปานนี้ แทบจะทัดเทียมคง
คงน้อยของข้าเลย ครั้งสุ ดท้ายที่ผอู ้ ื่นเห็นเจ้า เจ้ายังเป็ นเด็กน้อย
อายุสองสามขวบเอง พริ บตาเดียวเจ้าก็เติบใหญ่ยง่ิ นัก มา ขอผูอ้ ื่น
ดูหน่อยสิ วา่ เจ้าแข็งแกร่ งขึ้นหรื อไม่”
ขณะจีเชียนหลัวก้าวเดิน เอวอ่อนของมันก็บิดส่ ายไปมาราว
กับอสรพิษนํ้าที่กาํ ลังเริ งระบํา สะโพกสองข้างยักย้ายซ้ายทีขวาที
หากมันเป็ นสตรี นี่ตอ้ งเป็ นภาพที่ทาํ ให้ผคู ้ นไม่อาจละสายตา และ
อาจถึงขั้นเลือดกําเดาไหล… ทว่ายามนี้บุรุษทุกผูค้ นกลับรู ้สึก
คลื่นไส้อยากจะอาเจียน
นี่คือผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ?
นี่คือผูค้ นจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริ งๆ หรื อ ?
ก่อนที่เฟิ งซี หมิงจะเรี ยกสติกลับคืนมาได้ มือของมันก็ถูก
จีเชียนหลัวกุมไว้ และฝ่ ามือมันก็ถูกลูบคลําอย่างอ่อนโยน “ผิว
ของหมิงหมิงน้อยเรี ยบเนียนยิง่ ผูอ้ ื่นชอบสัมผัสผิวเรี ยบเนียนเป็ น
ที่สุด หมิงหมิงน้อยต้องบํารุ งรักษาสิ่ งนี้ให้ดีนะ…”
ราวกับถูกปลุกให้ตื่นจากฝัน เฟิ งซีหมิงดึงมือกลับรวดเร็ ว
ราวกับสายฟ้าแล็บ ร่ างมันกระถดถอยไม่หยุด มันรู ้สึกเหมือน
หัวใจหยุดเต้น ขนลุกพรึ บไปทั้งร่ าง โดยเฉพาะมือที่ถูกจีเชียน
หลัวสัมผัสนั้นก็เหมือนกับมีมดนับล้านๆ ตัวกําลังไต่ย้วั เยียไปมา
ทําให้มนั ปรารถนาอย่างยิง่ ที่จะฟันมือข้างนั้นทิ้งไปในทันที
ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าเหตุใดพระบิดาผูท้ ีไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
ถึงมีสีหน้าประหวัน่ พรั่นพรึ งยามได้ยนิ ชื่อ ‘จีหลัวเชียน’… เพราะ
เกรงว่าจะไม่สามารถซ่อนตัวได้ทนั เวลานัน่ เอง หน้าผากมันชุ่ม
ไปด้วยเหงื่อขณะกล่าวด้วยความรู ้สึกยํา่ แย่อย่างที่สุด “ผะ-ผะ-ผู-้ ผู ้
อาวุโสจี การประลองจัดอันดับ กะ-กะ-กะ-กําลังจะเริ่ มแล้ว เรี ยน
เชิญผูอ้ าวุโสจี ขะ-เข้าประจําที”
แม้แต่ประโยคง่ายๆ เฟิ งซีหมิงก็ยงั กล่าวอย่างตะกุกตะกัก
ไม่ต่อเนื่อง จีเชียนหลัวบีบนวดนิ้วตนเองพลางกล่าวแทะโลม
“หมิงหมิงน้อย เจ้าจะรี บร้อนไปเพื่ออันใด ผูอ้ ื่นยังไม่ได้สวมกอด
คงคงน้อยเพื่อแสดงความรักอย่างลึกซึ้ งเลย… คงคงน้อย ผูอ้ ื่น
มาถึงแล้ว เหตุใดท่านยังไม่รีบเข้ามา ? หรื อว่าหลายร้อยปี มานี้
ท่านมิได้คิดถึงผูอ้ ื่นเลย ?”
เฟิ งหงคงร่ างสัน่ สะท้าน ลําคอของมันพองออกเป็ นสองเท่า
ด้วยพยายามอดกลั้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจระงับโทสะได้อีก
ต่อไป มันคํารามด้วยความโกรธแค้น “จีเชียนหลัว ! หากท่านกล้า
กล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้อีก เรา… เรา… เราจะโยนท่านออกไป !”
การจะทําให้ประมุขพรรคเทพหงสาผูส้ ง่างามสู ญเสี ยการ
ควบคุมและเกิดอาการของขึ้นได้ภายใต้สายตาทุกผูค้ นนี้ ในทวีป
ลมปราณฟ้า จีเชียนหลัวนับว่าเป็ นผูเ้ ดียวที่สามารถกระทําได้
เมื่อเผชิญกับเฟิ งเหิ งคงผูเ้ กรี้ ยวกราด จีเชียนหลัวไม่เพียงแต่
ไม่รู้สึกตื่นตระหนก มันกลับหัวร่ ออย่างนุ่มนวลอีกครา “ฮิฮิฮิฮิ
ท่านเขินอายอีกแล้ว คงคงน้อยไม่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเลยจริ งๆ
เอาล่ะ เอาล่ะ ผูอ้ ื่นจะเชื่อฟังท่านก็แล้วกัน แต่ภายหลังการ
ประลองจัดอันดับนี้สิ้นสุ ดลง ท่านจะต้องปรนนิบตั ิผอู ้ ่ืนให้ดื่ม
สุ รานะ… หมิงหมิงน้อยก็สามารถมาร่ วมดื่มได้น๊าา ~.”
กล่าวจบจีเชียนหลัวก็บิดเอวเยื้องย่างไปยังที่ นงั่ ของตนอย่าง
นุ่มนวลอ่อนช้อย
เฟิ งเหิ งคง “~!#$%…”
เฟิ งเหิ งคงทรุ ดนัง่ ลงทันที เหงื่อเย็นเฉี ยบผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
ยามนี้เองที่มนั รู ้สึกว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่นง่ั อยูด่ า้ นข้างกําลังจ้องมอง
มันด้วยสายตาแปลกประหลาดอย่างยิง่ ตามันเบิกกว้าง สี หน้า
กลับกลายเป็ นลนลานในทันที ขณะรี บอธิบาย “เสวีย่ เอ๋ อร์ นี่
ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดอย่างแน่นอน จีเชียนหลัวผูน้ ้ ี เขาก็แค่คน
วิกลจริ ตผูห้ นึ่ง เสวีย่ เอ๋ อร์อย่าได้ใส่ ใจมัน”
“ผูบ้ ุตรทราบดีพระบิดา” เสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะรับ จากนั้นก็
หัวร่ อเบาๆ “คงคงน้อย… ฮิฮิ พระนามของพระบิดาช่างน่ารักนัก”
เฟิ งเหิ งคง “¥ x%$#(/^%$##$%O+#…”
“เช่นนั้น… นี่กค็ ือยายแม่มดผูอ้ ้ือฉาวนัน่ … อา ไม่ใช่สิ มัน
คือบุรุษลักเพศนี่ ?” เฟิ งจ้านหยุนเข่าแทบทรุ ด ประมุขพรรคเทพ
หงสาของพวกมันถูกบุรุษผูห้ นึ่งหยอกล้อจนแทบเสี ยสติต่อหน้า
ต่อตา มันรู ้สึกว่าโลกของมันแทบพังครื นลงมา
“คนผูน้ ้ ี…ไม่รวบรัดธรรมดา” หยุนเช่อลูกคางตนเองพลาง
กล่าวพึมพัมเหมือนกําลังครุ่ นคิดอันใดอยู่
“จัสมิน คนผูน้ ้ ีมีพลังยุทธ์ระดับใด ?”
“ระดับลมปราณทรราชย์ข้นั ท้าย… ว่ากันตามตรงก็คือ
ทรราชย์ข้นั สู ง ! เป็ นระดับที่เจ้าไม่อาจล่วงเกินได้โดยสิ้ นเชิง !”
จัสมินกล่าวอย่างไม่แยแส
ที่นง่ั ของวังเจ้าสมุทรอยูท่ างด้านขวาของวิหารเทพสุ ริยนั
จันทราพอดี หลังจากจีเชียนหลัวนัง่ ลง เย่ซิงหานและหลิงคุนที่นงั่
อยูข่ า้ งๆ ก็นงั่ นิ่งยืดตัวตรงทันที ไม่คาํ นึงถึงการกล่าวคําทักทาย
ใดๆ ราวกับว่าพวกมันมองไม่เห็นจีเชียนหลัวเลย จีเชียนหลัวจง
ใจขยับเข้าไปใกล้และกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงที่อ่อนโยนยิง่ “หานหาน
น้อย เราไม่ได้พบหน้ากันตั้งหลายปี ผูอ้ ื่นคิดถึงท่านแทบตาย รู ้
หรื อไม่ ท่านคิดถึงผูอ้ ื่นบ้างไหม ?”
เย่ซิงหานใบหน้ากระตุกเกร็ ง หน้าอกกระเพือ่ มขึ้นลงขณะ
พยายามเค้นเสี ยงลอดไรฟัน “หุบปาก !”
“เชอะ !” เมื่อเผชิญกับกิริยาหยาบคายของเย่ซิงหาน จีเชียน
หลัวก็พน่ เสี ยงใส ทําหน้ามุ่ยและเบือนหน้าหนี “น่ารังเกียจยิง่ นัก
พวกเจ้าบุรุษหน้าเหม็นล้วนเป็ นเหมือนกันหมด แต่ละคนใจไม้ไส้
ระกําเลือดเย็นยิง่ กว่าเมื่อก่อนอีก ผูอ้ ื่นจะไม่สนใจเจ้าแล้ว เชอะ !”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าเย่ซิงหานยิง่ กระตุกแรงขึ้น แต่ในที่สุด
มันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ดว้ ยความโล่งอก ทันใดนั้น จีเชียนหลัว
ผูท้ ี่บอกว่า ‘จะไม่สนใจเจ้าแล้ว’ ก็ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้งและกล่าว
อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน
“หานหานน้อย เจ้าจะไม่ใส่ ใจข้าอีกแล้วจริ งๆ หรื อ ? หลาย
ปี มานี้ ผูอ้ ื่นคิดถึงเจ้าจริ งๆ นะ รู ้หรื อไม่”
“ดูสิ คงคงน้อยยามนี้เติบโตเป็ นผูใ้ หญ่ยง่ิ กว่าเมื่อร้อยปี ก่อน
เสี ยอีก ให้ความรู ้สึกถึงความเป็ นบุรุษเพศยิง่ กว่าเดิม… ช่างมี
เสน่ห์ลน้ เหลือจริ งๆ แต่เทียบกับเนื้อหนังสดใหม่อย่างหานหาน
น้อยแล้ว ผูอ้ ื่นยังคงชอบแบบหานหานน้อยที่สุดเลย”
“อ๊าย หานหานน้อย เหตุใดสตรี ขา้ งกายเจ้ายิง่ มาก็ยง่ิ ขาด
แคลน ดูผวิ นัน่ สิ หยาบกร้านยิง่ นัก เมื่อเทียบกับผิวผูอ้ ื่นก็ยง่ิ ดู
หมองคลํ้า”
“หานหานน้อย…”
สุ ม้ เสี ยงอ่อนหวานนุ่มนวลนั้นทําให้หวั ใจเย่ซิงหานเต้นผิด
จังหวะ แขนขาหดเกร็ ง จุดชีพจรกระตุกถี่… กายมันสัน่ ระริ ก
ตลอดร่ าง เหมือนกําลังตกนรกทั้งเป็ น หากไม่เป็ นเพราะมันไม่
สามารถเอาชนะจีเชียนหลัวได้ และเพราะไม่อยากขัดแย้งกับเจ้า
สัตว์ประหลาดผูท้ ี่สามารถสับร่ างผูค้ นออกเป็ นชิ้นๆ ด้วยใบหน้า
ยิม้ แย้มนี้ เย่ซิงหานก็อยากจะตัดหัวคนผูน้ ้ ีออกและเสี ยบไว้ที่กน้
ของมันเอง
“ผูอ้ าวุโสหลิง…” เย่ซิงหานกัดฟันพูด “ลูกแก้วสวรรค์ชีพ
จรม่วงสามชิ้น… แลกกับการเปลี่ยนที่นงั่ กับเราเจ้าวิหารน้อย !”
เหงื่อเย็บเฉี ยบไหลย้อยลงจากหน้าผากของหลิงคุนทันที
มันรี บกล่าวว่า “เรื่ อง… เรื่ องนี้… แค่ก แค่ก ปัญหาไม่ได้อยูท่ ี่
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงหรื อลูกแก้วเทพชีพจรม่วง แต่เราผูเ้ ฒ่า
แก่มากแล้ว ไม่อาจทนความยากลําบากที่มากเกินไปนักได้ และ
เรายังอยากมีชีวติ ยืดยาวต่อไปอีกสักสองสามปี …”
เย่ซิงหาน “…”
บทที่ 428 การเปลีย่ นตารางการแข่ งขัน
หยุนเช่อจ้องมองไปยังเหล่าชาวยุทธและกลุ่มอัจฉริ ยะรุ่ น
เยาว์จากห้าอาณาจักรอย่างระมัดระวัง พลางทอดถอนใจ ในเวลา
นี้ หยุนเช่อยิง่ มายิง่ ตระหนักถึงความสําคัญของการประลองเจ็ด
จักรวรรดิ ทั้งเข้าใจสาเหตุที่ผคู ้ นในอาณาจักรวายุครามไม่ใส่ใจที่
จะกล่าวถึง หรื อแม้กระทัง่ สนใจการแข่งขันจัดอันดับนี้ นัน่ เป็ น
เพราะเหล่าชาวยุทธถือว่าเรื่ องนี้เป็ น ข้ อห้ ามที่น่าอับอาย
ตั้งแต่ตน้ จนจบ แม้ความแข็งแกร่ งโดยเฉลี่ยของ อาณาจักร
คลื่นนาวี อาณาจักรมารทมิฬ อาณาจักรมหาอสุ รา อาณาจักร
หยาดทานตะวัน และเหล่าผูฝ้ ึ กตนชั้นแนวหน้าทั้งหมดที่มีลว้ น
หลากหลาย ทว่าผลที่ออกมาก็ไม่แตกต่างกันมากนัก การแข่งขัน
จัดอันดับเจ็ดจักรวรรดิครั้งก่อน อาณาจักรคลื่นนาวีผรู ้ ้ ังอันดับ
สองได้นาํ ผูเ้ ชี่ยวชาญระดับปราณจักรพรรดิข้ นั ต้น ชั้นครึ่ งก้าวสู่
ปราณจักรพรรดิสองคน และระดับลมปราณฟ้าขั้นปลายอีกเจ็ด
คน ในขณะที่อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์ที่มีอนั ดับเหนือกว่าเพียง
อาณาจักรวายุครามเท่านั้นในการแข่งขันครั้งก่อน ได้พา
ผูเ้ ชี่ยวชาญระดับครึ่ งก้าวสู่ ลมปราณจักรพรรดิหนึ่งคน ชั้น
ลมปราณฟ้าขั้นปลายเเปดคนและขั้นกลางหนึ่งคน…ซึ่งนัน่ ยังไม่
สามารถเรี ยกได้วา่ เป็ นความเหลื่อมลํ้าที่มากเกินไปในการ
ประลอง เพราะตราบใดที่โชคยังเข้าข้างพวกมัน มีความเป็ นไปได้
สําหรับทุกอาณาจักรที่จะเข้าถึงอันดับสองในการประลองเจ็ด
จักรวรรดิ
ส่ วนเมื่อนํามาเปรี ยบกับจักรวรรดิวายุครามแล้ว นี่นบั ว่าน่า
อนาถเกินคําบรรยาย
นอกเหนือจากเซี่ยฉิ งเยว่แล้ว ไม่ปรากฏผูฝ้ ึ กยุทธผูใ้ ด
ภายในจักรวรรดิวายุครามที่มีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี แล้วมีพลัง
ปราณชั้นลมปราณฟ้าขั้นต้นแม้แต่คนเดียว
ลมปราณชั้นครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิเป็ นเพียงจุดสู งสุ ด
ของผูท้ ี่มีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี บริ บูรณ์ในห้าอาณาจักร แต่มนั
เป็ นจุดสู งสุ ดของผูฝ้ ึ กยุทธในอาณาจักรวายุคราม
แท้ที่จริ งแล้ว ทั้งอาณาจักรคลื่นนาวีและอาณาจักรมารทมิฬ
เคยพาผูท้ ี่มีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี แต่มีพลังชั้นปราณจักรพรรดิมา
เข้าร่ วมการแข่งขันเสี ยด้วยซํ้า!
หลังจากที่หา้ จักรวรรดิแห่งทวีปลมปราณฟ้าและจักรวรรดิ
เทพหงสามาพร้อมหน้ากัน เฟิ งเฟยเยียนกวาดตามองผ่านที่นงั่
อย่างรวดเร็ ว ก่อนจะกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “อย่างที่ทุกท่านเห็น มิ
ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงมีแต่จกั รวรรดิวายุครามที่ไม่เข้าร่ วมการ
ประลองจําลําดับครานี้ ไม่แม้แต่จะส่ งคนมาเข้าร่ วม ฮึ่ม จักรวรรดิ
วายุครามมิใช่จกั รวรรดิที่แข็งแกร่ งอันใดอยูแ่ ล้ว เช่นนั้นแล้ว ไม่
ว่าพวกนั้นจะเข้าร่ วมการแข่งขันหรื อไม่ ล้วนมิมีผลกระทบใดๆ
ต่อการประลอง ด้วยเหตุน้ ีเราจะตัดการแข่งขันให้กระชับสั้นลง
ซึ่ งมันจะดีกว่าการแข่งขันที่แล้วมา”
ฝูงชนผูเ้ ข้าร่ วมในอาณาบริ เวณโดยรอบระเบิดเสี ยงคําราม
และเสี ยงหัวเราะอย่างกึกก้อง ทุกคนรับรู ้วา่ ในการจัดลําดับครั้งที่
ผ่านๆ มานั้น จักรวรรดิวายุครามทั้งน่าอนาถและน่าสมเพชมาก
เพียงใด จักรวรรดิท้งั หกต่อสู เ้ พื่อศักดิ์ศรี และเกียรติยศ หากแต่
จักรวรรดิวายุคราม… เพียงมาทุกครั้งเพื่อให้ครบเจ็ดจักรวรรดิ
ตามชื่องานประลอง และในการจัดลําดับครานี้ ดูราวกับว่าพวก
มันไม่มีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับเรื่ องนี้อีกต่อไป
ภายในลานประลองมีประชากรจากจักรวรรดิวายุครามไม่
มาก แต่กไ็ ม่ได้หมายความว่ามันไม่มีเลย ถ้อยคําที่ผอู ้ าวุโสของ
จักรวรรดิเทพหงสากล่าวทําให้พวกมันอับอายเป็ นอย่างยิง่ แต่
พวกมันกลับทําได้เพียงกําหมัด กัดฟันและเงียบอดทนกับความ
อัปยศอดสู โดยไม่มีผใู ้ ดหน้าไหนกล่าวออกไป
“จิ๊ๆ เจ้าเด็กวายุคราม ยังคงมีเวลาให้เจ้าวิง่ หางจุกตูดกลับไป
แค่ความแข็งแกร่ งขี้ปะติ๋วนัน่ หากเจ้าขึ้นไปจริ งๆ แล้วละก็…
เท่ากับเจ้าขึ้นไปอย่างโดดเดี่ยว เจ้าไม่เพียงเสื่ อมเสี ยหน้า ยังจะ
สู ญเสี ยก้น… เจ้า! บัดซบ!”
ก่อนที่เฟิ งจ้านหยุนจะกล่าวจบ หยุนเช่อที่อยูข่ า้ งกายมันก็
กระโจนออกไป หลังจากกระโดดไม่กี่กา้ วก็พงุ่ ทะยานตรงเข้าสู่
ลานประลองเทพหงสา
“ช้าก่อน! ผูใ้ ดกล่าวว่าจักรวรรดิวายุครามไม่มีคนเข้าร่ วม
ประลองกัน!!”
เสี ยงตะโกนดุจฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทัว่ ลานประลอง เมื่อเสี ยง
ตะโกนสิ้ นสุ ดลง หยุนเช่อก็กระโดดขึ้นไปเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้ว
ภายใต้สายตาประหลาดใจของผูค้ น ชายหนุ่มเหิ นตัวลงบนลาน
ประลองอย่างหนักแน่น ในขณะที่พ้นื ลานประลองใต้เท้า
สัน่ สะเทือน จากนั้นมันก็มองไปยังเฟิ งเฟยเยียนอย่างสงบ ก่อนจะ
แสดงออกซึ่งความภาคภูมิใจและยกแขนขวาขึ้นเพือ่ แสดง
สัญลักษณ์เข้าร่ วมงานประลองที่ประทับตรา ‘วายุคราม’ ไว้ และ
กล่าว “หยุนเช่อ แห่งจักรวรรดิวายุคราม ยืนยันเข้าร่ วมงาน
ประลอง!”
“อ้า!”
เสี ยงอุทานแผ่วเบายิง่ พลันหลุดออกมาจากริ มฝี ปากของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เกิดเหตุอนั ใดขึ้น?” เฟิ งเหิงคงหันมองไป
โดยรอบอย่างรวดเร็ ว ขณะเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่… ไม่มีอนั ใด” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะ นํ้าเสี ยงของ
นางสัน่ เล็กน้อย “ข้าเพียงแค่คิดถึงบางสิ่ งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และ
เผลอใจลอยไป การเห็นใครบางคนทะยานขึ้นไปบนลานประลอง
หงสา… ข้าเลยตกใจเล็กน้อย… ข้ามิได้เป็ นอันใดจริ งๆ ”
แม้วา่ เฟิ งเหิ งคง จะยังคงกังขาอยู่ ทว่าในที่สุดมันมิได้เอ่ย
ปากถามสิ่ งใดเพิ่ม ในยามนั้นเฟิ งซีเฉิ น ผูซ้ ่ ึงนัง่ อยูเ่ บื้องหลังพลัน
ลุกขึ้นยืนก่อนจะร้องอุทาน “ฝ่ าบาท เป็ นมัน… มันคือหยุนเช่อผู ้
นั้น!”
“มันมาจริ งๆ” เฟิ งซีหมิงกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงธรรมดา “ดู
เหมือนว่ามันยังฉลาดอยูบ่ า้ ง มันคงจะรู ้ตวั แล้วว่า ไม่วา่ มันจะ
หลบหนีไปที่ใด ก็จะมิมีทางรอดพ้นจากอุง้ มือของพวกเราไปได้”
“เป็ นมันงั้นรึ ?” เฟิ งเหิ งคงจ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยัน
ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “ความใจกล้าของมันที่มาเหยียบที่นี่
ในวันนี้ นับได้วา่ เป็ นความกล้าหาญอยูบ่ า้ ง อย่าไปสนใจมัน
ไม่เช่นนั้นมันจะส่ งผลเสี ยต่อการประลองจัดลําดับอื่นๆ ได้ ตั้งแต่
มันเหยียบย่างเข้ามา มันก็มิควรหลอกตนเองว่า ตัวมันจะสามารถ
จากไปได้อย่างปลอดภัย”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รับฟังการสนทนาของพวกมันอย่างเงียบๆ
ทว่าจิตใจของนางกลับสับสนวุน่ วายอย่างยิง่
เฟิ งหลิงหยุน…
หยุนเช่อ…
พี่ใหญ่หยุน… คือหยุนเช่อ
มิใช่เฟิ งหลิงหยุน
เป็ น… ไปได้… อย่างไรกัน
…………………….
“ให้ตายสิ ! เป็ นเขาไปได้อย่างไร!!”
ในมุมของที่นงั่ ผูช้ ม บุคคลรู ปโฉมธรรมดาสามัญยิง่ ผูห้ นึ่ง
ล้วนใจสัน่ เล็กน้อยด้วยใบหน้าประหลาดใจยามเห็นหยุนเช่อกระ
โดดขึ้นไปบนลานประลองหงสา ทันทีที่มนั จบเสี ยงอุทานขึ้นมา
ในใจ เด็กหนุ่มราวสิ บเจ็ดปี ที่นงั่ อยูด่ า้ นขวามือของมันก่อนหน้านี้
พลันลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ วจนเป็ นเสี ยงพรึ บ “ลูกพี่! เป็ นอย่าง
ที่ขา้ คาดไว้ ท่านมาแล้ว ข้ารู ้วา่ ท่านจะมา!! ข้ามิได้มาโดยเปล่า
ประโยชน์… ข้านึกว่าท่านจะไม่มาแล้วเสี ยอีก!”
การที่เห็นเด็กหนุ่มแสดงท่าทางเช่นนี้ ตื่นเต้นจนถึงจุดที่มนั
เกือบหยุดหายใจ ชายหนุ่มถองข้อศอกใส่ เสื้ อของเด็กหนุ่มก่อน
จะถาม “เฮ้ เด็กน้อย เจ้ารู ้จกั คนผูน้ ้ ีรึ? เป็ นไปได้ม้ ยั ว่าเจ้าก็เป็ นผู ้
ที่มาจากจักรวรรดิวายุคราม? ”
“ย่อมใช่ ข้ารู ้จกั เขา!” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“เขาคือลูกพี่ของข้า ท่านรู ้ไหม! เหตุใดข้าถึงมาที่นี่จากแดน
ห่างไกลสุ ดลูกหูลูกตา เพราะเพียงเพื่อที่จะดูการประลองของ
เขา!”
“เขาเป็ นลูกพี่เจ้า? ขุ่นพระ ช่างบังเอิญเสี ยจริ ง! เขาเป็ นพี่
ใหญ่ซ่ ึงได้สาบานไว้ของข้าเช่นกัน! เหตุผลที่ขา้ มาที่… เอ่อ เอ่อ
โอ้ โอ้ คือมาดูการประลองของเขาเช่นกัน!”
“เป็ นเช่นนั้นจริ งรึ ?” เด็กหนุ่มถามในขณะที่มนั จ้องมองชาย
หนุ่มด้วยใบหน้าฉงนสงสัย
“เจ้าชื่ออะไร?”
“หลิงเจี่ย! หลิงเจี่ยแห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ของจักรวรรดิ
วายุคราม” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“หลิงเจี่ย? หลิงหยุนคือผูใ้ ด เป็ นอะไรกับเจ้า?”
“นัน่ พีช่ ายข้า… เจ้ารู ้จกั ชื่อพี่ชายข้าได้อย่างไร?”
“ย่อมใช่ เป็ นเพราะพี่ใหญ่หยุนเคยกล่าวถึง”
“เจ้ารู ้จกั ลูกพี่ขา้ จริ งรึ ? ช่างบังเอิญอะไรเยีย่ งนี้! เจ้าชื่อ
อะไร? มาจากจักรวรรดิใดกัน?”
“โอ้ ชื่อของข้าคือ เยีย่ นเสี่ ยวฮวา มิมีบา้ นช่องมิมีจกั รวรรดิ
ทว่าข้าสามารถบอกเจ้าได้วา่ ยามมองดูคราแรก ข้ามีอายุมากกว่า
เจ้า เจ้าสามารถเรี ยกข้าว่าพี่ใหญ่ฮวา ลูกพี่ฮวา หรื อผูอ้ าวุโสฮวา…
ชื่อใดก็ได้ลว้ นแต่ประเสริ ฐนัก!”
“เยีย่ นเสี่ ยวฮวา? เหตุใดชื่อของเจ้าจึงเหมือนกับชื่อของหญิง
สาวกันเล่า!”
“ย่อมใช่ เป็ นเพราะยามข้าเกิด ข้าทั้งหล่อเหลาและสง่างาม
เช่นนั้นแล้วชื่อของข้าจะต้องสง่างามด้วยเช่นกัน! อย่างน้อยมันก็
ยังดีกว่าชื่อของเจ้าที่ปราศจากลายเส้นยุง่ เหยิง”
“จิ๊!”
การปรากฎตัวของหยุนเช่อ มิตอ้ งสงสัยเลยว่ามันจะ
กลายเป็ นจุดสนใจในทันที ยามตัวแทนของจักรวรรดิท้ งั ห้าเข้าสู่
ลานประลอง เสี ยงเชียร์กึกก้องที่แทบจะดังถึงสรวงสวรรค์ก็
ระเบิดออกมา ทว่ายามนี้ เมื่อหยุนเช่อก้าวขึ้นมาบนลานประลอง
รอบข้างกลับเต็มไปด้วยเสี ยงสนทนาและหัวเราะ… เสี ยงโห่ร้อง
สนับสนุนเป็ นเพียงสิ่ งเดียวที่ขาดหายไป
“ผูเ้ ข้าร่ วมการประลองคนอื่นๆ ล้วนเหินลงมา ณ ประลอง
ทว่ามีเพียงหยุนเช่อผูเ้ ดียวเท่านั้นที่กระโดดขึ้นลานประลอง…
นัน่ แสดงว่าพลังปราณของมันไม่ถึงชั้นปราณฟ้าใช่หรื อไม่?”
“เจ้าโง่นนั่ ! มันมาจากจักรวรรดิวายุคราม จิ๊จิ๊ เจ้ารู ้หรื อไม่
อย่าบอกข้านะ ว่าเจ้าเคยได้ยนิ ว่ามีผมู ้ ีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี ใน
จักรวรรดิวายุครามที่มีพลังขั้นลมปราณฟ้า? พลังสู งสุ ดของพวก
มันมีพลังเพียงขั้นปราณปฐพี… ข้าจําได้วา่ ก่อนหน้านี้การ
ประลองเจ็ดจักรวรรดิ ผูเ้ ข้าร่ วมการประลองที่มีระดับสู งสุ ดก็อยู่
เพียงขั้นปราณปฐพี… แท้ที่จริ งแล้ว พวกมันเกือบทั้งหมดล้วนอยู่
ในขั้นลมปราณแท้จริ ง ฮ่าๆๆๆ มันทําให้ขา้ หัวเราะได้ทุกครา ยาม
คิดถึงเรื่ องนี้”
“หวา! มีผคู ้ นบางคนจากจักรวรรดิวายุครามมาจริ งๆ รึ ?
จักรวรรดิเทพหงสาไม่แม้แต่จะจัดเตรี ยมที่นง่ั ของจักรวรรดิวายุ
ครามไว้เสี ยด้วยซํ้า เห็นได้ชดั ว่าพวกมันไม่ได้คิดว่า จะมีคนจาก
จักรวรรดิวายุครามเข้าร่ วมงานประลองครั้งนี้ แต่ชายผูน้ ้ ีกลับขึ้น
ไปด้วยตัวเอง… จิ๊จิ๊ เพียงอยูข่ ้นั ปราณปฐพี ชายผูน้ ้ ีไม่อาจเทียบได้
แม้แต่กบั พลังของข้า เเน่แท้วา่ มันจะต้องเผชิญกับความสิ้ นหวัง
ทั้งหมด?!”
“เจ้าคงไม่รู้เรื่ องนี้ ว่าภายในจักรวรรดิวายุคราม ผูม้ ีพลังชั้น
ปราณปฐพี ที่อายุต่าํ กว่ายีส่ ิ บห้าปี นับว่าเป็ นพลังขั้นสู งสุ ดแล้ว ข้า
เคยได้ยนิ มาว่า อาจารย์ในวังยุทธ์วายุครามซึ่งเป็ นสํานักของ
ราชวงศ์ กลับมีพลังเพียงขั้นลมปราณจิตเท่านั้น สําหรับชั้นปราณ
ปฐพีนี่สามารถ เป็ นได้แม้กระทัง่ เจ้าสํานักสาขาของวังยุทธ์วายุ
คราม”
“บัดซบ! เจ้าพูดจริ งรึ ? เช่นนั้น ข้าจะไม่เป็ นถึงเจ้าสํานัก
สาขาหลักของวังยุทธวายุครามหรื อ หากข้าไป? ฮ่าฮ่าฮ่า… เอ๊ะ?
ไยขึ้นมาเพียงผูเ้ ดียว? อย่าบอกนะว่า จักรวรรดิวายุครามส่ งคนมา
เข้าร่ วมเพียงผูเ้ ดียว?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… ช่างน่าหัวเราะจริ งๆ การหัวเราะเช่นนี้ เพียง
พอที่จะทําให้ศีรษะคนผูห้ นึ่งหลุดออกมาได้ดว้ ยซํ้า แม้นจักวรรดิ
วายุครามมาที่นี่ แต่อย่างน้อยพวกมันก็ควรนําคนมาสิ บคน เพราะ
การแข่งขันในครั้งนี้เป็ นการแข่งขันแบบกลุ่ม… บิดาจะสิ้ นลม
เพราะการหัวเราะนี่แหละ ”
“มันก็ยงั ดีหากพวกมันเข้าร่ วม เมื่อมีจกั รวรรดิวายุครามแล้ว
ตําแหน่งสุดท้ายย่อมไม่ถูกผูอ้ ื่นแย่งชิงไป ”
………………
………………
ภายในลานประลองอันกว้างใหญ่อย่างหาที่เปรี ยบมิได้ ทุก
หัวมุมล้วนเต็มไปด้วยเสี ยงหัวเราะอันป่ าเถื่อนและประชดประชัน
เบื้องหน้าของพวกมันมีชายที่มีพลังเพียงขั้นปราณปฐพี ซํ้ายังได้
เป็ นตัวแทนจากจักรวรรดิวายุคราม มาเข้าร่ วมร่ วมการประลอง
เจ็ดจักรวรรดิ ความรู ้สึก “เหนือกว่า” ที่ไม่อาจสัมผัสได้ระเบิด
ออกภายในใจของพวกมันทั้งหลายจากจักรวรรดิท้ งั หก พวกมัน
จับจ้องไปที่ชายหนุ่มอย่างค่อนข้างขบขัน เวทนา และเยาะเย้ยทาง
สายตา…มากมายราวกับชายหนุ่มกําลังอยูบ่ นสนามทดสอบ
หยุนเช่อคุน้ เคยกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้มากเกินไป การ
ประลองยุทธ์วายุครามครานั้น ยามมันเป็ นตัวแทนวังยุทธ์วายุ
คราม มัน ผูซ้ ่ ึงมีพลังยุทธ์ข้ นั ลมปราณตํ่าที่สุด เคยถูกสบประมาท
และถูกเยาะเย้ยจากแทบผูค้ นทุกคนในปัจจุบนั สุ ม้ เสี ยงและ
สายตาที่จอ้ งมองล้วนอยูร่ อบตัวมันนั้น ดูเหมือน ยามนี้การกระทํา
ของสิ่ งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสองปี ก่อนจะหวนกลับมาอีกครั้ง แค่เวลา
สองปี ที่ผา่ นไป คําสบประมาทจากทุกสุ ม้ เสี ยงมิได้มีผลกระทบ
ต่อมันแม้แต่นอ้ ย อย่างน้อยที่สุดครานี้มนั ก็มิได้มีผลกระทบอัน
ใดเลยอีกต่อไป
ภายในสนามประลอง แม้วา่ จะมีชาวยุทธน้อยคนจาก
จักรวรรดิวายุคราม ทว่านัน่ มิได้หมายความว่าไม่มีผใู ้ ดเลยสักคน
เหตุผลที่พวกมันมาในวันนี้คือเพื่อดูฤทธิ์เดชของหยุนเช่อ เดือนที่
ผ่านมา ยามหยุนเช่อจากจากวังหลวงวายุครามไปจักวรรดิเทพหง
สา ชางว่านเฮ่อก็กระจายข่าวของหยุนเช่อที่จะเป็ นตัวแทน
จักรวรรดิวายุครามในการประลองเจ็ดจักรวรรดิโดยตัวเองต่อผู ้
ฝึ กยุทธทัว่ ทั้งจักรวรรดิในทันที เดิมที มันกล่าวกับหยุนเช่อแล้วว่า
หากชาวยุทธของวายุครามทราบว่ามันจะเข้าร่ วมการประลองใน
การประลองเจ็ดจักรวรรดิ มันอาจจะจุดฉนวนความหวังขึ้นมา
ได้… เพือ่ หวังว่ามันจะลบล้างความอัปยศอดสู ของพวกเราก่อน
หน้านี้! เนื่องเพราะหยุนเช่อเคยสร้างปฏิหาริ ย ์ ที่เป็ นไปไม่ได้ให้
เป็ นไปได้! มันกลายเป็ นกระทัง่ บุคคลในตํานานของชาวยุทธวายุ
คราม
เพราะหากชายหนุ่มเป็ นตัวแทนของจักรวรรดิวายุครามใน
การประลองครั้งนี้ ย่อมแน่นอนว่าหยุนเช่อจะทําให้โลกทั้งโลก
ตกตะลึง ทั้งยังลบล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ได้ดว้ ย!
ในหนึ่งเดือนมานี้ มีชาวยุทธวายุครามมากมายที่หวังและจด
จ่อกับการแข่งขัน มาถึงจักรวรรดิเทพหงสา ดินแดนแสนยิง่ ใหญ่
อันห่างไกล แม้จะมีความแตกต่างระหว่างจํานวนชาวยุทธวายุ
ครามกับจักรวรรดิท้ งั หกที่อยูภ่ ายในเวทีประลองอันแสนใหญ่โต
มันไม่รู้วา่ จํานวนนี้มากมายเพียงใด เมื่อเปรี ยบกับการแข่งขันครั้ง
ก่อนๆ
การเผชิญหน้ากับเสี ยงหัวเราะและเสี ยงเยาะเย้ยของฝูงชน
ชาวยุทธวายุครามที่มีอยูน่ อ้ ยคน จ้องมองไปยังหยุนเช่อ บ้างกํา
หมัดแน่น บ้างข่มใจไว้ และบ้างหัวเราะเย้ยหยัน รอคอยที่จะให้
หยุนเช่อทุบตีพวกมันให้แหลกเป็ นก้อนเนื้อ บางคนที่มิสามารถ
อดทนได้อีกต่อไปกลับเปล่งเสี ยงคํารามออกมา “หุบปาก! ไม่
เพียงหยุนเช่อของพวกข้าเป็ นอันดับหนึ่งของอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์ มัน
ยังเป็ นอันดับหนึ่งของชาวยุทธทัว่ ทั้งโลกหล้าด้วย… แม้มนั จะอยู่
เพียงขั้นลมปรานปฐพี ทว่ามันยังสามารถสู ก้ บั ขั้นปราณ
จักรพรรดิได้! ”
“ปราณขั้นปฐพี… สูก้ บั ปราณจักรพรรดิง้ นั รึ ? วะฮะฮะฮ่า
ฮ่า!!” ราวกับฝูงชนผูช้ มโดยรอบได้ยนิ มุกตลกที่สุดในโลก พวก
มันระเบิดเสี ยงหัวเราะกู่กอ้ งลัน่ “นี่เจ้าหนู ลืมกินยาเขย่าขวดก่อน
ออกจากบ้านมารึ ? ระดับชั้นปฐพีสูก้ บั ระดับชั้นจักรพรรดิง้ นั รึ ?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ชาวยุทธจากจักรวรรดิวายุครามตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลัง่ โดย
ที่ใบหน้ามันแดงกํ่าไปทัว่ ทุกอณูรูขมุ ขน สหายของมันดึงตัวมัน
นัง่ ลงกับที่ดงั เดิมก่อนจะสายศีรษะ “อย่าถือสาพวกมัน! รอ
จนกระทัง่ หยุนเช่อสําแดงเดชเสี ยก่อน แล้วพวกมันจะหุบปากไป
โดยปริ ยาย… หยุนเช่อ! ครานี้… เจ้าต้องกอบกูช้ ื่อเสี ยงเกียรติภูมิ
ของเราชาววายุครามต่อหน้าชาวยุทธทั้งแผ่นดินให้ได้!!”
บทที่ 431 ศักดาเทพหงสา
เมื่อเห็นว่าจิตใจของหลิงเจี่ยถูกกระทบกระเทือนอย่าง
รุ นแรงราวกับทําให้ความเชื่อของเด็กหนุ่มพังทลายลง ฮวาหมิง
ไห่จึงอดมิได้ที่จะปลุกปลอบเด็กหนุ่มโดยพลัน “เจ้าเองก็ไม่ตอ้ ง
หมดอาลัยตายอยากเช่นนั้น ข้าก็ได้เห็นความแข็งแกร่ งของลูกพี่
หยุนด้วยตาตนเอง แม้วา่ เป็ นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะพวกผิดปกติ
จากตระกูลเทพหงสา แต่การรับมืออีกห้าอาณาจักรที่เหลือย่อม
มิใช่ปัญหาอันใด… อืม อืม แม้จะหนึ่งต่อสิ บก็ไม่มีปัญหา! เพียง
บุคคลเดียวรับมือคนนับสิ บด้วยฐานะผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุ
คราม น่าประทับใจจะตายไป! ทั้งยังน่าตื่นตะลึง! ต่อไปอาณาจักร
วายุครามจะมีช่ือเสี ยงเกียรติยศขึ้นอย่างมาก! นามของลูกพี่หยุน
จะดังก้องไปทัว่ เจ็ดจักรวรรดิ สะท้านสะเทือนผืนพิภพ! และ
เจ้า…เอ่อ และข้า จะได้เป็ นสักขีพยานเหตุการณ์ท้งั หมดนี้!”
เมื่อฮวาหมิงไห่กล่าวเช่นนั้น จิตวิญญาณของหลิงเจี่ยพลัน
สะท้านขึ้น อารมณ์ของเด็กหนุ่มได้เปลี่ยนเป็ นแจ่มใสขึ้นใน
ฉับพลัน หลิงเจี่ยพยักหน้าตอบโดยแรง “ใช่แล้ว ถูกต้อง! พี่ใหญ่ฮ
วา ท่านพูดถูกแล้ว! ลูกพี่ ท่านต้องพยายามให้เต็มที่นะ…อาาา!
แค่คิดว่าลูกพีก่ าํ ลังจะเอาชนะคนสิ บคนเพียงลําพังและตบหน้าทุก
คนที่เคยดูหมิ่นอาณาจักรวายุคราม… ข้าก็แทบคุมความตื่นเต้นไว้
ไม่อยูแ่ ล้ว!”
.
“อืม! มีกาํ ลังใจเช่นนี้ดีข้ ึนอย่างมาก” ฮวาหมิงไห่ผงกหัว
อย่างพึงพอใจ และเมื่อกวาดสายตามองไปรอบลานประลอง
สายตาของมันกลับกลายเป็ นหนักอึ้ง…
เรื่ องการประลองในรอบต่ างๆ และผลการประลองล้ วน
เป็ นเรื่ องรอง
แต่ เรื่ องเกีย่ วกับสายโลหิ ตเทพหงสาในร่ างของท่ าน… ท่ าน
จะผ่ านพ้ นมันไปเช่ นไร? ที่ท่านจงใจมาร่ วมการประลองในครั้ งนี ้
สมควรจะเป็ นเพราะเรื่ องสายโลหิ ต…
“อ้อ ใช่แล้ว พี่ใหญ่ฮวา ท่านชื่อว่า ‘เยีย่ นเสี่ ยวฮวา’ จริ งรึ ?
เหตุใดข้าจึงรู ้สึกอยูต่ ลอดเวลาว่าชื่อของท่าน… เหมือนเป็ นชื่อ
ปลอม”
ฮวาหมิงไห่หนั กลับมาจับจ้องที่หลิงเจี่ย และกล่าวอย่าง
จริ งจังยิง่ “ไม่รู้เลยนะนี่… ว่าเจ้าเองก็ฉลาดอยูบ่ า้ งเล็กน้อย
เหมือนกัน”
การวัดระดับพลังปราณของผูร้ ่ วมการประลองจากพรรค
เทพหงสาเสร็ จสิ้ นลงอย่างรวดเร็ ว นอกจากเฟิ งเฟยไป๋ ที่อยูร่ ะดับ
ปราณจักรพรรดิข้นั ที่หา้ แล้ว อีกแปดคนที่เหลือล้วนอยูร่ ะดับ
ปราณจักรพรรดิข้นั ที่หกทั้งสิ้ น
เป็ นเวลานั้นเองที่ตวั แทนจากพรรคเทพหงสาคนที่สิบได้
ก้าวย่างออกมา… ใบหน้าของมันสงบนิ่งราวกับผืนนํ้า ใบหน้า
แฝงรอยยิม้ บาง ระหว่างคิ้วทั้งสองฉายประกายความสู งศักดิ์
ออกมาโดยธรรมชาติ อาภรณ์ของมันแตกต่างจากอีกเก้าคนที่
เหลืออยูบ่ า้ ง บนอาภรณ์หงสาสี แดงเพลิงนั้นได้ปักอักษรสี ทอง
สว่างจ้าเป็ นคําว่า “เฟิ ง” และอาภรณ์หงสาที่ปักด้วยทองนั้นบ่ง
บอกว่าผูท้ ี่สวมใส่ มนั เป็ นทายาทสายตรงแห่งราชวงศ์เทพหงสา
หลังจากเสี ยงย่างท้าวของชายหนุ่ม ในที่สุดร่ องรอยแห่ง
ความปั่นป่ วนก็เริ่ มปรากฏขึ้นจากที่นงั่ ฝั่งจักรวรรดิเทพหงสา
พร้อมกับที่เสี ยงอุทานด้วยความตื่นใจก็ดงั ก้องขึ้น
“นัน่ …องค์ชายสิ บสี่ !”
“หวาาา! องค์ชายสิ บสี่ เข้าร่ วมการประลองนี้ดว้ ยพระองค์
เลยเลยหรื อนี่!”
“ข้าได้ยนิ มาว่าองค์ชายสิ บสี่ เปี่ ยมพรสวรรค์ยงิ่ องค์ชาย
อื่นๆ หรื อกระทัง่ องค์รัชทายาทยังไม่มีพรสวรรค์เทียบเท่า เรี ยก
ได้วา่ พระองค์เป็ นอันดับหนึ่งแห่งผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งจักรวรรดิ
เทพหงสา! เมื่อองค์ชายมีพระชันษาเพียงสิ บปี พระองค์บรรลุถึง
ขั้นปราณฟ้าแล้ว”
นํ้าเสี ยงร้อนรนเหล่านั้นทําให้ความสนใจของหยุนเช่อทุ่ม
ไปที่ร่างของ “องค์ชายสิ บสี่ ” ผูน้ ้ ี แม้วา่ จะเป็ นองค์ชายเหมือนกัน
แต่ความแตกต่างระหว่างมันและองค์ชายสิ บสาม-เฟิ นซีเฉิ น ที่หยุ
นเช่อรู ้สึกได้น้ นั ราวกับฟ้าและดิน คนผูน้ ้ ีมีคลื่นพลังแห่งความ
สู งส่ งหยิง่ ทระนงที่สลักลึกลงถึงกระดูกโดยไม่คิดใส่ ใจที่จะเก็บ
กักความยโสโอหังไว้เลยแม้แต่นอ้ ย ทั้งยังมี… พลังกดดัน
บางอย่างที่ส่งตรงถึงจิตใจของผูค้ น
คนผู้นี… ้
เฟิ งซี ลวั่ —— ยีส่ ิ บสองปี —— ระดับปราณจักรพรรดิข้นั ที่
แปด
โอวววววว!!!!!
เสี ยงโห่ร้องครั้งแล้วครั้งเล่าที่มีให้กบั ยอดอัจฉริ ยะทั้งเก้า
แห่งจักรวรรดิเทพหงสาก่อนหน้านี้รวมกันยังมิอาจเทียบได้กบั
ความแตกตื่นในเวลาอันสั้นนี้ มิเพียงผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรทั้ง
หก แต่กระทัง่ ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากจักรวรรดิเทพหงสายังกลายเป็ นนิ่งงัน
โง่งมในฉับพลัน พวกมันล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง
แม้วา่ จะน่าตื่นตกใจถึงขีดสุ ด แต่การบรรลุถึงระดับปราณ
จักรพรรดิข้ นั กลางเมื่อมีอายุยสี่ ิ บห้าปี สําหรับชาวจักรวรรดิเทพ
หงสานั้นยังถือว่าพอรับได้
แต่การบรรลุถึงระดับปราณจักรพรรดิข้นั ปลายด้วยวัยเพียง
ยีส่ ิ บสองปี … ราชันขั้นสู งที่อายุเพียงยีส่ ิ บสอง! กระทัง่ ใน
จักรวรรดิเทพหงสาซึ่งมียอดยุทธ์อนั แข็งแกร่ งอยูม่ ากมายราวกับ
ก้อนเมฆบนท้องฟ้า นี่ยงั เกือบเรี ยกได้วา่ เป็ นตํานาน!
ดวงตาของเฟิ งซีลวั่ ทั้งสงบและเรี ยบนิ่ง มันรับเสี ยงร้องตื่น
ตะลึงและดวงตาที่ราวกับกําลังจ้องมองบุตรแห่งเทพเจ้าด้วย
รอยยิม้ บาง สายตาของหยุนเช่อจับจ้องอยูท่ ี่มนั ครู่ ใหญ่ คิ้วของ
ชายหนุ่มขมวดมุ่น
ความแข็งแกร่ งของคนผูน้ ้ ี… กลับเทียบเคียงได้กบั เฟิ งชือ
หัวที่ชายหนุ่มต้องใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่เก็บงําไว้เพื่อเอาชนะ
จนกระทัง่ เกือบแลกมาด้วยชีวติ !
กระทัง่ ในพรรคเทพหงสาเอง ตําแหน่งของเฟิ งชือหัวมิได้
ต้อยตํ่าเลยแม้แต่นอ้ ย ทั้งมันเองก็อายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี แล้ว…
แต่องค์ชายสิ บสี่ ผนู ้ ้ ี กลับมีอายุเพียงยีส่ ิ บสองปี เท่านั้น!
นี่แน่นอนว่าเป็ นบุคคลที่เปี่ ยมพรสวรรค์เชิงยุทธ์ที่สุดที่ชาย
หนุ่มเคยพบเจอมาในทวีปลมปราณฟ้า
“อืมม์ น่าประหลาดใจจริ ง องค์ชายสิ บสี่ กลับทะลวงระดับ
พลังได้อีกครา” ผูอ้ าวุโสที่สามเฟิ งเฟยหรานอุทาน “ช่างเปี่ ยม
ความสามารถ น่าตื่นตะลึงโดยแท้จริ ง ดูคล้าย อาจมีความหวัง
บรรลุถึงชั้นทรราชย์ได้ก่อนอายุส่ี สิบปี …ร้อยปี ต่อไป พระองค์
ย่อมต้องเข้าสู่ ช้ นั ราชันย์จกั รพรรดิได้แน่นอน”
“ที่ท่านผูอ้ าวุโสที่สามกล่าวล้วนถูกต้อง พรสวรรค์ขององค์
ชายสิ บสี่ น่าแตกตื่นโดยแท้จริ ง ทั้งยังไม่อาจหาผูใ้ ดเสมอเหมือน
ได้ในรอบหนึ่งพันปี ของพรรคเรา ในฐานะพี่ชาย ข้าช่างอ่อนด้อย
นัก” เฟิ งซีหมิงกล่าว กึ่งตัดพ้อกึ่งถ่อมตน
หากมองไปยังองค์ชายพระองค์อื่นในที่น้ ี บางคนมีสีหน้า
สงบเยือกเย็น ทั้งยังผงกศีรษะรับ…ทว่า ภายในส่ วนลึกในแววตา
ทุกพระองค์ต่างปรากฏแววแห่งความริ ษยาวูบขึ้นอย่างไม่อาจ
สะกดระงับได้โดยไม่มียกเว้น
“ไม่เลว” เฟิ งเหิ งคงผูเ้ ข้มงวดต่อบุตรชายเสมอมา ยังต้อง
ผงกศีรษะรับ รอยยิม้ ชื่นชมยินดีระดับอยูบ่ นพระโอษฐ์
“โฮ่ ดูคล้ายพรรคเทพหงสากําเนิดวีรบุรุษอายุเยาว์อีกแล้ว”
จีเชียนหลัวกล่าววาจาพลางแย้มยิม้ คนคล้ายกําลังเล่นกับนิ้วเรี ยว
งามดุจลําเทียนของตนเอง
“เฮอะ! นัน่ ยังไม่อาจเรี ยกขานเป็ นวีรบุรุษแห่งเจ็ดจักวรรดิ
ได้” เย่ซิงหานหัวร่ อเยาะเย้ย มันหรี่ ตาเล็กลง เสพรับการปรนิบตั ิ
จากสตรี งดงามทั้งสองที่บีบนวดร่ างกายของมันอยู่ สายตาของมัน
ตวัดมองไปทางเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หลายต่อหลายครา ก้นบึ้งในแววตา
สะท้อนประกายเพลิงปรารถนาอันร้อนแรง
“น่าเสี ยดาย หากใบหน้าของมันมิใช่แบบที่ผอู ้ ื่นชมชอบ มิ
เช่นนั้น ยามรํ่าดื่มสุ รากับคงคง มันเองสามารถมาร่ วมวงด้วยได้…
ฮืมมม์”
เย่ซิงหานหุบปากลงอย่างชาญฉลาด ปฏิเสธการร่ วมวง
สนทนากับสิ่ งมีชีวติ เช่นจีเชียนหลัว
ศิษย์ท้ งั สิ บคนแห่งพรรคเทพหงสาล้วนลงจากเวที ก้าวเข้าสู่
สถานที่เตรี ยมการประลองยุทธ บนลานประลอง เฟิ งเฟยเยียน
ประกาศว่า “ศิษย์รุ่นเยาว์ตวั แทนของทั้งเจ็ดจักรวรรดิเข้าประจําที่
เรี ยบร้อยแล้ว แม้ระดับพลังยุทธ์เป็ นสิ่ งสําคัญที่สุดในการวัด
ความเหลื่อมลํ้าทางฝี มือของผูฝ้ ึ กยุทธ์ หากมิใช่วา่ สามารถวัดเทียบ
ความสามารถที่แท้จริ งทั้งหมดของผูฝ้ ึ กยุทธ์ได้! จํานวนยอดฝี มือ
ในโลกนี้มีมากมายนับพันล้านคน ยิง่ ผูค้ นที่สามารถท้าทายผูท้ ี่มี
ระดับพลังยุทธ์เหนือกว่าได้ยง่ิ ไม่อาจนับคํานวณหมดสิ้ น! การจัด
อันดับพลังฝี มือขั้นสุ ดท้าย จะอย่างไรยังคงต้องพึ่งพาทักษะยุทธ์ที่
แท้จริ งของเหล่ายอดฝี มือทั้งเจ็ดจักรวรรดิ…ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นการ
จัดอันดับจากพลังฝี มือเฉลี่ยของสิ บยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์ของจักรวรรดิ
ทั้งเจ็ดอีกด้วย!”
“ลําดับการขึ้นสู่ เวทีประลองจะถูกสุ่ มขึ้นมาโดยศิลาปราณ
ระหว่างการประลอง เหล่าผุฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หมดมิได้รับอนุญาตให้
ออกจากบริ เวณกลางลานประลอง ทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้
โอสถที่มีคุณสมบัติเพิม่ พูนพลังลมปราณกะทันหันชัว่ คราวใดๆ มิ
เช่นนั้นจะถูกตัดสิ ทธิ์การแข่งขัน ระหว่างการแข่งขัน หากผูร้ ่ วม
ประลองยุทธ์มิอาจลุกขึ้นได้ภายในสิ บอึดใจ สิ้ นสติ กระทําผิด
กติกา หรื อถูกกระแทกตกเวทีหงสา ทั้งหมดล้วนนับเป็ นการพ่าย
แพ้ ทันทีที่ผเู ้ ข้าแข่งขันทั้งหมดของอาณาจักรนั้นๆ ถูกปรับพ่าย
แพ้หมดสิ้ น การแข่งขันรอบนั้นจึงถือว่าสิ้ นสุ ดลง บนเวทีหงสา ผู ้
ลงประลองสามารถใช้อาวุธและเครื่ องป้องกันต่างๆ ทว่าห้ามใช้
พิษหรื ออุปกรณ์ลอบสังหารใดๆ วิธีการหรื อกลวิธีต่างๆล้วน
สามารถใช้ออกได้ ไม่วา่ จะน่าละอายหรื อชัว่ ช้าเพียงไหน เนื่อง
เพราะศาสตรา สติปัญญา และความยืดหยุน่ ต่อสถานการณ์ ล้วน
นับรวมเป็ นหนึ่งในความสามารถโดยรวมของบุคคลทั้งสิ้ น!”
“ไม่ตอ้ งเสี ยเวลากล่าววาจาไร้สาระ ข้าขอเปิ ดงานประลอง
เจ็ดจักรวรรดิอย่างเป็ นทางการ ณ บัดนี้!!”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเฟยเยียนก้องกังวานทัว่ ทั้งลานประลอง เมื่อ
เสี ยงของมันจางหายไป มันยืดเหยียดฝ่ ามือออก บนฝ่ ามือปรากฏ
ลูกไฟลูกหนึ่งร่ วงหล่นลงบนศิลาลมปราณ
เปลวไฟสี แดงเฉิดฉายลุกท่วมศิลาปราณ ตัวอักษรสี ดาํ สนิท
สามตัวปรากฏขึ้นบนศิลา : คลื่นนาวี
หนึ่งในผูล้ งประลองรอบแรก คือผูร้ ้ ังอันดับสองของงาน
ประลองยุทธรอบที่แล้ว อาณาจักรคลื่นนาวี
“ประเสริ ฐมาก สามารถลงประลองรอบแรกได้ หมายความ
ว่าพวกเราจะมีเวลาพักผ่อนฟื้ นสภาพมากกว่าผูอ้ ื่น” เหล่าตัวแทน
อาณาจักรคลื่นนาวีเงยศีรษะขึ้นมองไปยังเวทีหงสาโดยพร้อม
เพรี ยง สี หน้าของพวกมันทั้งหมดเต็มไปด้วยความมัน่ อกมัน่ ใจ
และความเย่อหยิง่ ทระนง ในการจับคู่ประลองของทั้งหก
อาณาจักร เมื่อพรรคเทพหงสาไม่ลงมาร่ วมด้วย พวกมันล้วนไม่มี
เหตุผลที่แพ้ให้แก่อาณาจักรอื่นใด…และมีเพียงอาณาจักรคลื่น
นาวีของพวกมันเท่านั้น จึงมีคุณสมบัติทา้ ทายพรรคเทพหงสาและ
เข้าสู่ นาวาปราณบรรพกาลได้…
“ไป”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั สิ บของอาณาจักรคลื่นนาวีลอยตัวขึ้นกลาง
อากาศ กระโจนขึ้นสู่ ลานเวทีหงสาโดยพร้อมเพรี ยง พวกมันทุก
คนต่างมีแววตาภาคภูมิทระนง จิตต่อสู แ้ หลมคมรุ นแรงยิง่
ขณะเดียวกัน สายตาของพวกมันมองตรงไปยังศิลาปราณ รอคอย
นามของคู่ต่อสู ข้ องพวกมันที่จะปรากฏขึ้น
“คลื่นนาวีไม่พา่ ยแพ้!”
“ไม่วา่ อีกห้าอาณาจักรจะเป็ นใคร พวกมันล้วนต้องพบกับ
ฝันร้าย ไม่มีขอ้ ยกเว้น!”
“คลื่นนาวี! ถล่มศัตรู ของเราให้ราบ!”
“ว้าวววว…องค์ชายชมบุปผาช่างสง่างามเหลือเกิน!!”
เสี ยงโห่ร้องจากอาณาจักรคลื่นนาวีสะท้านแก้วหูทุกผูค้ น ที่
เหนืออัฒจรรรย์ฝั่งที่นงั่ ของอาณาจักรคลื่นนาวี ผูค้ รองอาณาจักร
คลื่นนาวี รวมทั้งเหล่าผูเ้ ยีย่ มยุทธ์ท้ งั หลายที่เปี่ ยมอิทธิพลอํานาจ
ต่างสี หน้าเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดกลับกลายเป็ นคาดหวังและ
เคร่ งเครี ยด นี่คือการสัประยุทธ์ท่ีเกี่ยวข้องกับชื่อเสี ยงเกียรติภูมิ
ของอาณาจักรคลื่นนาวีไปอีกยีส่ ิ บห้าปี แม้วา่ พวกมัน อดีตผูร้ ้ ัง
อันดับสองของการประลองครั้งที่แล้วจะมีความมัน่ ใจเต็มเปี่ ยม
หากทว่าพวกมันยังคงแบกรับความกดดันอยูไ่ ม่นอ้ ย…ก่อนการ
เผชิญหน้ากับจักรวรรดิเทพหงสา พวกมันล้วนไม่อาจพ่ายแพ้ได้
นามของอาณาจักรที่ตอ้ งเผชิญหน้ากับจักรวรรดิคลื่นนาวี
ปรากฏขึ้นมาบนศิลาลมปราณอย่างรวดเร็ ว
วายุคราม
ผูช้ มทั้งหมดรํ่าร้องตะโกนก้องออกมาอย่างคาดไม่ถึง
จากนั้น บรรยากาศพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างรุ นเเรง
“ฟัก! เป็ นวายุคราม! อะไรกันนี่?”
“เดิมข้าคิดว่าจะสามารถเห็นคลื่นนาวีประกาศศักดา…นี่จะ
เรี ยกเป็ นการประลองได้เยีย่ งไร? แต่หนึ่งในพวกมันผายลม
ออกมาคราหนึ่งก็เป่ าเจ้าหมอนัน่ ได้แล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! โชคของอาณาจักรคลื่นนาวีไม่เลวเลยจริ งๆ ไป
เจอแค่ตวั สํารองที่นงั่ ทันทีที่ข้ ึนเวที”
หยุนเช่อมองไปยังคําวายุครามที่ปรากฏ ชายหนุ่มหรี่ ตาลง
พร้อมทั้งกระโดดขึ้นสู่ เวทีหงสา ท่ามกลางเสี ยงโห่ร้องจากความ
ปั่ นป่ วนรอบข้าง
“เจ้าเด็กนี่ข้ ึนไปจริ งๆ หนึ่งต่อสิ บ จิ๊จิ๊จิ๊จิ๊ ช่างน่าประทับใจ!”
“อเวจีเถอะ! พวกมันกลับได้พบกับวายุครามเป็ นนัดแรก น่า
เบื่อยิง่ รี บกวาดเจ้าเด็กหยุนเช่อนัน่ ลงเวที แล้วเริ่ มประลองรอบ
อื่นซะที!”
“อย่าได้กล่าววาจาพล่อยๆ แม้พลังยุทธ์ของเด็กน้อยนี้จะ
เป็ นเช่นเศษสวะ ทว่าความหนาของผิวหนังบนใบหน้าของมัน
กลับมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาเช่นเจ้าจะเปรี ยบเทียบได้ หากเป็ นข้า
แน่นอนย่อมปราศจากความกล้ากระโดดขึ้นบนเวทีเพือ่ แส่ หา
ความเสื่ อมเสี ยหน้าถึงปานนั้น ข้าเดาว่าอย่างมากสามอึดใจ เจ้า
เด็กนี่ตอ้ งโดนกวาดร่ วงลงมาแน่”
“สามอึดใจ? อัจฉริ ยะแห่งจักรวรรดิคลื่นนาวีอนั ไพศาลของ
ข้าถึงกับต้องใช้เวลาสามอึดใจเพื่อจัดการสวะนี่? แค่สะบัดมือครา
เดียวก็แพ้น็อคแล้ว! หากเจ้าหนูนี่ยงั คงมีสติปัญญาอยูบ่ า้ ง มันย่อม
ต้องยกมือยอมแพ้เสี ยแต่ยามนี้ มิเช่นนั้น…หากเหล่าอัจฉริ ยะคลื่น
นาวีของอาณาจักรข้าคนใดพลั้งมือรุ นแรงขึ้นมานิดหน่อย หาก
มันต้องเสี ยอายุขยั ไปครึ่ งหนึ่งยังนับว่าเบาเกินไป”
“ไป หยุนเช่อ..ไป! ให้พวกมันได้รับทราบความร้ายกาจของ
เจ้า!!” ที่เกิดขึ้นโดยประปรายไปทัว่ ทั้งสนามประลอง คือเสี ยง
ตะโกนโห่ร้องให้กาํ ลังใจแก่หยุนเช่อ ทว่าเสี ยงอันกระจัดกระจาย
และเบาบางเหล่านั้น ล้วนถูกกลบกลืนด้วยเสี ยงของอาณาจักร
คลื่นนาวีจนหมดสิ้ น
“ฮ่าฮ์ น่าเบื่อจริ ง เดิมข้าตั้งใจจะต่อสู ศ้ ึกอันสง่างามอย่าง
สมใจเพื่อเพิ่มพูนเกียรติภูมิของข้า…ทว่ากลับต้องมาพบกับเด็ก
น้อยนี้” ผูฝ้ ึ กยุทธ์คนหนึ่งในบรรดาตัวแทนของอาณาจักรคลื่น
นาวียนื กอดอกจ้องมองมาทางหยุนเช่อด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง มัน
ปรายตามองมายังหยุนเช่อคราหนึ่ง ไม่เสี ยเวลามองซํ้าเป็ นครั้งที่
สอง
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่หลงเหลืออีกเก้าคนล้วนคิดเห็นไม่ต่างกัน บาง
คนในนั้นไม่มองยามหยุนเช่อกระโดดขึ้นเวทีเสี ยด้วยซํ้า
“งานประลองเจ็ดจักรวรรดิ ครั้งที่สามสิ บเก้า คู่ที่หนึ่ง
ระหว่าง จักรวรรดิคลื่นนาวี กับ จักรวรรดิวายุคราม…เริ่ มได้”
เฟิ งเฟยเยียนประกาศเริ่ มการแข่งขันทันที แต่หลังสิ้ นคํา
ประกาศ ทั้งสองฝ่ ายต่างมิได้เตรี ยมตัวต่อสู เ้ ลย หยุนเช่อยืนนิ่งจ้อง
มองจอมยุทธ์ของจักรวรรดิคลื่นนาวีตรงหน้าด้วยใบหน้า
ปราศจากอารมณ์ความรู ้สึก จอมยุทธ์ผเู ้ ข้าแข่งทั้งสิ บของ
จักรวรรดิคลื่นนาวีต่างยืนด้วยท่าทางเกียจคร้านจ้องมองมันด้วยสี
หน้าปั้นยาก มิตอ้ งกล่าวถึงการตั้งท่าต่อสู ้ แม้แต่เปลือกตาพวกมัน
ยังหลุบตํ่า ไม่ตอ้ งการกระทัง่ จะเปิ ดเปลือกตา
“จักทําเช่นไร? ผูใ้ ดจะขึ้นไปสู ?้ ” จอมยุทธ์คลื่นวารี ผหู ้ นึ่ง
กล่าว “ไม่วา่ เช่นไร ข้าก็ไม่ข้ ึนไปแน่นอน”
“บัดซบ เหตุใดพวกเจ้าจึงจ้องมองข้าเช่นนั้น? ข้าไม่ข้ ึนไป
เป็ นแน่ หกปี ก่อน ข้ายังมิใส่ ใจแม้แต่การสะกดข่มพวกหน้าใหม่
ระดับตํ่ากว่าชั้นลมปราณฟ้า”
“เหตุผลที่ขา้ เดินทางมาที่นี่เพือ่ ต่อสู ก้ บั นักสู ท้ ว่ั หล้าและ
เพิ่มพูนชื่อเสี ยง ลงมือกับบุคคลเช่นนี้เพียงสามารถแปดเปื้ อนนาม
ของข้า…ใครอยากสู ก้ ส็ ู ไ้ ป แต่ขา้ ไม่ไป ถึงจะตีขา้ จนตายข้าก็ไม่
สู !้ ”
“เช่นนั้น…ศิษย์นอ้ งจี้ เจ้าล่ะ?”
“เฮอะ! สวะเช่นนี้ เปลืองมือเปลืองเท้าข้าเปล่าๆ! ”
ผูเ้ ข้าประลองของจักรวรรดิคลื่นนาวีท้งั สิ บผลักไสกันไปมา
ไม่มีผใู ้ ดต้องการต่อสู ก้ บั หยุนเช่อ ราวกับการลงมือต่อชายหนุ่ม
เป็ นความอัปยศอย่างถึงที่สุดในชีวติ ของพวกมัน…ยิง่ หากคิดให้
พวกมันทั้งหมดลงมือโดยพร้อมเพรี ยงยิง่ ไม่อาจเป็ นไปได้ ข่าว
คราวอาจแพร่ สะพัดออกไป…อาณาจักรคลื่นนาวี ใช้สิบรุ มหนึ่ง
เพื่อเอาชนะผูเ้ ข้าประลองจากจักรวรรดิวายุคราม…พวกมันมิอาจ
ยอมรับการหมิ่นศักดิ์ศรี เช่นนั้นได้
และในยามนี้ สถานการณ์ของหยุนเช่อเพียงสามารถบ่ง
บอกบรรยายได้ดว้ ยประโยคเดียว:
นิ่งเฝ้าดูเหล่ าคนโง่ อวดโอ่ ความยิ่งใหญ่ ของตน
บทที่ 433 หวดตบเข้ าทีห่ น้ า
“อะ-อัคคีเทพหงสา!?”
“ถูกต้อง! นัน่ เป็ นรัศมีอคั คีเทพหงสา ปราณธาตุอคั คีอื่นใด
ล้วนไม่อาจลอกเลียนได้”
“หยุนเช่อผูน้ ้ ีจู่ๆไฉนจุดไฟเทพหงสาขึ้นมา? มิใช่ตอ้ งมี
สายเลือดเทพหงสาจึงสามารถจุดไฟเทพหงสาได้หรอกหรื อ?
หรื อว่า…หยุนเช่อผูน้ ้ ีจะสื บสายเลือดเทพหงสา?”
“หยุนเช่อไม่มีทางเป็ นศิษย์พรรคเทพหงสา มิเช่นนั้นมันจะ
กล้ามาเป็ นตัวแทนอาณาจักรวายุครามเพื่อกระตุน้ โทสะพรรค
เทพหงสาได้เช่นไร…หรื อจะเป็ นสายเลือดเทพหงสาในร่ างของ
พวกมันรั่วไหลออกสู่ ภายนอก?”
“แต่พรรคเทพหงสาแน่นอนย่อมไม่มีทางปล่อยให้
สายเลือดของพวกมันรั่วไหลออกไปแม้แต่นอ้ ยนิด…”
เพลิงเทพหงสาที่หยุนเช่อจุดขึ้นมาเรี ยกความสนใจจากทุก
ผูค้ น ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่าในการประลองรอบสุ ดท้ายกลับปรากฏ
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ข้ ึน
ไม่ตอ้ งกล่าวถึงเหล่าผูช้ มโดยรอบ กระทัง่ ผูค้ นจากแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ยงั เปิ ดเผยสี หน้าตกตะลึง
“เห.. ดูคล้ายกําลังจะมีการแสดงอันน่าสนุกสนานบนเวที”
เย่ซิงหานหรี่ สองตาลง ทีท่าราวกําลังจ้องดูการแสดงปาหี่ ชาย
หนุ่มเหล่มองไปทางหลิงคุน ก่อนเอ่อปากออกมาอย่างเกีจคร้าน
“อาวุโสหลิง ท่านดูคล้ายไม่แตกตื่นต่อเรื่ องนี้เท่าใด”
“เนื่องเพราะสองปี ก่อน ข้ารับทราบมาก่อนแล้วว่าเด็กน้อย
นี้มีสายเลือกเทพหงสา” หลิงคุนกล่าวตอบ
“อ้อ?”
“ข้าคาดเดาไม่ผดิ เนื่องจากแรงกดดันของพรรคเทพหงสา
มันจึงมาเข้าร่ วมงานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิในครานี้ ทั้งหมด
เพื่อสะสางเรื่ องราวของสายเลือดเทพหงสานี้เอง เพียงแต่วธิ ีการ
สะสาวเรื่ องราวของมันออกจะอุกอาจอยูบ่ า้ ง …ข้าเองคิดเห็น
เช่นเดียวกับท่านเจ้าวิหารน้อย รอคอยดูการแสดงที่กาํ ลังจะ
เริ่ มต้น ทว่า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเด็กหยุนเช่อผูน้ ้ ีเพียงต้องการรนหาที่
ตาย” หลิงคุนพิงพนักหลัง ผ่อนคลายทีท่าราวกับกําลังรอคอยดู
การแสดงใหญ่
เฟิ งเฟยเยียนคือผูค้ นที่ยนื อยูใ่ กล้เคียงกับหยุนเช่อที่สุด มัน
เองล้วนมิได้คาดคิดว่าหยุนเช่อจะเป็ นผูช้ ิงลงมือลงมือเปิ ดเผย
สายเลือดเทพหงสาในร่ างก่อน เมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้ มันเอง
ไม่มีความคิดนิ่งเฉยอีกต่อไปเช่นกัน ชายชราขมวดนิ้วแนบแน่น
พร้อมกล่าวอย่างดุดนั “หยุนเช่อ! พรรคเทพหงสาเราวางแผน
สะสางเรื่ องราวของสายเลือดเทพหงสาในตัวเจ้าหลังงานประลอง
ยุทธ เพื่อมิให้มีผลกระทบใดๆต่อการจัดงานประลอง แต่ดูท่าเจ้า
ไม่อาจอดรนทนรอได้แล้วกระมัง!”
“ถูกต้อง ข้ามิอาจอดรนทนรออีกต่อไป” หยุนเช่อผิงกายมา
ด้านข้าง ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นชายะเยียบดังสุ สานรกร้าง
ปราศจากความหวาดหวัน่ ใดๆ “เนื่องเพราะพรรคเทพหงสาเจ้า
ติดค้างคําอธิบายต่อข้า!!”
วาจาของหยุนเช่อราวกับสายฟ้าฟาดผ่ายามกลางวันแสกๆ
สะท้อนก้องเข้าสู่ รูหูผฟู ้ ังทั้งหลายจนนิ่งตะลึงราวโง่งม
ราชันแห่งจักรวรรดิท้ งั เจ็ด พรรคเทพหงสาผูม้ ิอาจถูกโยก
คลอน…ติดค้าง…คําอธิบายต่อมัน…?
เฟิ งเฟยเยียนตกตะลึงจังงัง จากนั้น มันไม่ทราบตนเอง
สมควรหัวเราะหรื อร้องไห้ดี “พรรคเทพหงสาเราติดค้าง
คําอธิบายต่อเจ้า? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ชัว่ ชีวติ นี้ ข้าไม่เคยได้ยนิ เรื่ องตลก
ถึงเพียงนี้มาก่อน”
หยุนเช่อสี หน้าเฉยเมยขณะกล่าวเน้นยํ้าทีละคําว่า “ครึ่ งปี
ก่อนในนครหลวงวายุคราม ภรรยาข้าชางเยว่และข้าอยูร่ ะหว่าง
งานฉลองพิธีมงคลสมรสในพระราชวัง วันนั้นสมควรเป็ นวัน
เฉลิมฉลองทัว่ ราชอาณาจักรวายุคราม ทุกทิศทางเพียงมีแต่ความ
ปี ติยนิ ดี ทว่า…” สายตาของหยุนเช่อเบนเบือนไป ก่อนตกลงยัง
องค์ชายสิ บสามเฟิ งซีเฉิ นผูน้ งั่ อยู่ ณ บริ เวณที่นงั่ ของพรรคเทพหง
สาอย่างแม่นยํา “องค์ชายสิ บสามแห่งพรรคเทพหงสาท่านเฟิ งซี
เฉิ นนําพาผูค้ นอีกสองคนบุกเข้าไปในงานโดยไม่ได้รับเชิญ ไม่
เพียงทําลายพิธีมงคลโดยไร้เหตุผล กระทัง่ ข่มขู่วา่ จะสังหารข้า
ในทันที หากมิใช่ความเป็ นจริ งที่วา่ องค์ชายสิ บสามฝี มืออ่อนด้อย
และถูกขับไล่ออกมาหลังจากถูกข้าทุบตีทาํ ร้ายรอบหนึ่ง ข้าอาจ
ต้องสิ้ นชีพลงในวันแต่งงานโดยปราศจากเหตุผลอันควร…”
“ข้าเดิมทีไร้ความแค้นข้ออาฆาตใดต่อพรรคเทพหงสา ทว่า
พวกเจ้ากลับต้องการช่วงชิงชีวติ ข้าเพียงเพราะเรื่ องน่าขันเช่น
“สายเลือดเทพหงสา” นี่เป็ นวิธีการของพรรคเทพหงสาในการ
จัดการเรื่ องราวต่างๆงั้นรึ ?! หากพวกเจ้ายังคงต้องการรักษา
หน้าตาเอาไว้บา้ ง สมควรให้คาํ อธิบายต่อข้า ต่อหน้าทุกผูค้ นใน
ที่น้ ี!?”
วาจาอันเที่ยงธรรมของหยุนเช่อฟาดหวดลงตรงจุดสําคัญ
ชายหนุ่มเพียงลําพังในนครวิหคเทวะ ณ ท่ามกลางศูนย์บญั ชาการ
หลักของพรรคเทพหงสา ต่อหน้าสมาชิกสําคัญของพรรคเทพหง
สา รวมทั้งผูค้ นกว่าสามล้านคนจากทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า หาก
หยุนเช่อล้วนปราศจากความหวาดกลัวยามกล่าวทวงถามอย่าง
หนักแน่นต่อค่ายพรรคยิง่ ใหญ่ไร้ผตู ้ า้ นอันดับหนึ่งแห่งทวีปนี้
นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว ปฏิกิริยาของทุกผูค้ นในที่
นั้นก็คือความแตกตื่น พวกมันไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่าจะมีผคู ้ น…ที่
เป็ นเพียงผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุครามที่เพียงอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี ผู ้
หนึ่ง กล้าถามไถ่ต่อพรรคเทพหงสาต่อหน้าสาธารณชนโดย
ปราศจากความกลัวเกรง มันต้องมีความดื้อรั้นดึงดันสักเพียง
ไหน? ต้ององอาจ กล้าหาญถึงระดับใด?
คําพูดทั้งหมดของหยุนเช่อเองบอกกล่าวต่อฝูงชนไม่มากก็
น้อยต่อเรื่ องราวระหว่างตัวมันเองและพรรคเทพหงสา ชัดเจนว่า
ยามที่พรรคเทพหงสารับรู ้วา่ หยุนเช่อมีสายเลือดเทพหงสาใน
ร่ างกาย พวกมันส่ งเฟิ งซีเฉิ นไปเพื่อส่ งเทียบเชิญงานประลองยุทธ
เจ็ดจักรวรรดิ และจัดการกับหยุนเช่ออีกทางหนึ่ง…เนื่องเพราะ
ครึ่ งปี ก่อน เป็ นเวลาที่เหล่าอาณาจักรทั้งห้า ต่างได้รับเทียบเชิญ
เช่นเดียวกัน
ทุกผูค้ นทราบดีวา่ สายเลือดเทพหงสาเป็ นเรื่ องต้องห้าม
อย่างใหญ่หลวงของพรรคเทพหงสา นี่เป็ นที่เข้าใจได้ ไม่วา่ ค่าย
พรรคสํานักใด ล้วนไม่อนุญาตวิชาหรื อทักษะลับใดๆในการ
รั่วไหลออกสู่ ภายนอก ยิง่ สายเลือดเทพหงสาที่เปรี ยบดัง่ จิต
วิญญาณของพรรคเทพหงสาด้วยแล้ว
ทว่าดูท่าองค์ชายสิ บสามเฟิ งซีเฉิ นไม่อาจอวดอ้างสําแดง
ศักดาต่อหน้าหยุนเช่อผูห้ วั รั้นผูน้ ้ ีได้ แต่กลับถูกยันกลับมาแทนที่
สี หน้าของเฟิ งซีเฉิ นแดงเถือก สายตาของทุกผูค้ นที่จอ้ งมอง
มายังมันส่ งผลให้มนั รู ้สึกราวตนเองนัง่ อยูบ่ นหมื่นเข็ม ต่อหน้า
ผูช้ มทัว่ ทั้งอัฒจรรย์ หยุนเช่อเพิ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ใน
ฐานะองค์ชายพรรคเทพหงสา ไม่เพียงมันสู ญเสี ยศักดิ์ศรี หน้าตา
ของมันเองล้วนเสื่ อมสู ญสิ้ น คําโป้ปดที่มนั กล่าวต่อเฟิ งเหิ งคง
และเฟิ งซีหมิงล้วนถูกเปิ ดโปงออกมาเช่นกัน…มันกําหมัดแนบ
แน่น ศีรษะกลับกลายเป็ นวิงเวียนขึ้นมาในทันที อารมณ์
ความรู ้สึกดิ่งลงอย่างรุ นแรงจนแทบสิ้ นสติ สี หน้าขององค์ชาย
พระองค์อื่นที่จบั จ้องมายังมันเองต่างเป็ นแววตาของผูท้ ี่ยนิ ดีใน
คราเคราะห์ของมันทั้งสิ้ น
เฟิ งซี หมิงถลันลุกขึ้นจากที่นง่ั ของตนในทันทีพร้อมเปล่ง
เสี ยงคํารามลัน่ “เหลวไหล! พรรคเทพหงสาเราสงวนรักษา
สายเลือดเทพหงสามากว่าห้าพันปี ไม่เคยอนุญาตให้สายเลือดของ
เรารั่วไหลออกไปได้ ทุกผูค้ นล้วนทราบกระจ่างแก่ใจ! แต่เจ้า เจ้า
มันลูกสําส่ อน เลือดผสมโสโครกที่พรรคเราทอดทิ้งไว้ภายนอก
โดยไม่ต้ งั ใจ! ตามกฏของสํานักเราแล้ว เจ้าเพียงสามารถกลับเข้าสู่
พรรคเทพหงสาเราและมีชีวติ อยูต่ ่อไป หรื อไม่กต็ อ้ งรับโทษ
ทัณฑ์จากพรรคเทพหงสา —คือโทษประหาร! น้องชายสิ บสาม
ของข้าสู งส่ งเพียงไหน ให้องค์ชายสิ บสามลดตัวลงไปจัดการกับ
เจ้านับว่าเป็ นการให้โอกาสอันยิง่ ใหญ่รางสรวงสวรรค์แก่เจ้าครา
หนึ่ง หากเจ้าไม่กลับเข้าสังกัดพรรค การสังหารเจ้าย่อมเป็ นเรื่ องที่
ถูกต้องชอบธรรมอย่างยิง่ เจ้ายังมีหน้ามาก่อกวนเรื่ องราวในที่น้ ี
อีกงั้นเรอะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หยุนเช่อระเบิดเสี ยงหัวเราะจากก้นบึ้งในใจ
ก่อนจะกล่าวถามกลับไป “ถูกต้องชอบธรรม? ขี้ววั ! ข้า หยุนเช่อ
ถือกําเนิดจากจักรวรรดิวายุคราม เติบโตขึ้นในจักรวรรดิวายุคราม
ไม่เคยได้รับการจุนเจือใดๆ จากพรรคเทพหงสา ทั้งไม่เคยได้รับ
บุญคุณใดๆ แม้แต่นอ้ ย ไม่เคยแม้แต่จะดื่มนํ้าสักคําของพรรคเทพ
หงสาเจ้า! ทว่าเจ้ากลับเริ่ มต้นกล่าววาจาทวงถามให้ขา้ กลับไป
หรื อยอมสยบ ไม่เช่นนั้นก็ยนิ ยอมตาย…เจ้ายังมีหน้ากล่าวคํา
ถูกต้องชอบธรรม? เจ้าอาศัยอะไร!!”
“อาศัยข้อเท็จจริ งที่เจ้ามีสายเลือดเทพหงสา! อาศัยเจ้าเป็ น
ลูกสําส่ อนของพรรคเราที่เล็ดลอดออกไปภายนอก!” เฟิ งซีหมิงก
ล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม
“น่าขัน!” หยุนเช่อหัวเราะอย่างเย็นชาด้วยนํ้าเสี ยงหมิ่น
แคลน “เช่นนั้น เจ้าอาศัยอะไรตัดสิ นว่าสายเลือดเทพหงสาในร่ าง
ข้า มาจากพรรคเทพหงสาของเจ้า!”
“นี่ยงั ต้องพิสูจน์อีกหรื อ? ” เฟิ งซีหมิงกล่าวตอบพร้อม
หัวเราะเย็น “สายเลือดของพรรคเรา มาจากเทพเจ้าหงสาศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นแผ่ขยายออกไปเช่นนั้น ก่อร่ างเป็ นพรรคเทพหงสาเราใน
ทุกวันนี้ ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า มีเพียงพรรคเทพหงสา จึงมี
สายเลือดเทพหงสาได้!”
“อย่างนั้นรึ ?” หยุนเช่อกล่าววาจาอย่างแช่มช้า “เช่นนั้นเจ้ารู ้
ได้อย่างไร ว่าสายเลือดเทพหงสาในร่ างของข้า มิได้มาจากสนาม
ทดสอบเทพหงสาเช่นกัน? เทพหงสาแท้จริ งสาปสู ญไปตั้งแต่ยคุ
บรรพกาล คํา “เทพหงสาศักดิ์สิทธิ์” ที่เจ้าพ่นออกมานั้น เป็ นเพียง
เศษเสี้ ยวจิตวิญญาณของสัตว์เทวะเทพหงสาที่ตกทอดทิ้งไว้เพื่อ
สื บสายเลือดเท่านั้น กระจัดกระจายไปทัว่ ทุกมุมโลก กระทัง่ ใน
ทวีปเดียวกัน ยังมีโอกาสที่จะมีหลงเหลืออยูจ่ าํ นวนหนึ่ง มิใช่
เพียงแห่งเดียวอย่างแน่นอน พวกเจ้าสามารถสื บทอด เจ้าอาศัย
อะไรคิดว่าผูอ้ ื่นไม่สามารถ!”
ชัว่ ขณะที่วาจาเหล่านี้ของหยุนเช่อเปล่งออกมา สี หน้าของ
ผูค้ นจากพรรคเทพหงสาทั้งหมดแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างใหญ่
หลวง ใบหน้าของเฟิ งเฟยเยียนหม่นลงโดยฉับพลัน มันคําราม
ออกมาเสี ยงกึกก้อง “เด็กน้อยกล่าววาจาเหลวไหล! เจ้ากล้าลบหลู่
เทพหงสาศักดิ์สิทธิ์ของพรรคเรา…คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าที่นี่รึ
ยังไง!?”
“ฮ่า สงครามนํ้าลายกับพวกเจ้าสิ้ นเปลืองเรี่ ยวแรงของข้า”
หยุนเช่อพ่นลมออกจมูก ชายหนุ่มตวัดทัณฑ์มงั กรขึ้น บังเกิดเสี ยง
ลมเสี ยดหูที่ขา้ งกาย ก่อนจะชี้ปลายกระบี่ไปยังเฟิ งซีลว่ั ชัว่ เวลา
เดียวกับที่ตวั กระบี่หนักลุกโชนด้วยเปลวเพลิง “มิใช่กล่าวว่า ข้า –
หยุนเช่อ เป็ นลูกสําส่ อนที่เล็ดลอดออกไปจากพรรคเทพหงสาเจ้า
หรอกหรื อ? ก็ได้…เช่นนั้น ข้าจะดูซิวา่ ผูท้ ี่มีอายุเท่าๆกับข้า มัน
คนไหนจะสามารถล้มข้าลงได้บนเวทีน้ ี! หากเหล่ายอดยุทธ์รุ่น
เยาว์ที่ครอบครองโลหิ ตศักดิ์สิทธิ์นี่ลว้ นไม่อาจโค่นข้าลงได้
เช่นนั้น นี่คือหลักฐาน…ว่าพวกเจ้านัน่ แหละ ที่เป็ นลูกสําส่ อน!?”
“ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้!” หากมิใช่อยูท่ ่ามกลางสายตาของ
ฝูงชนมหาศาล ทั้งมีแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ รวมทั้งเหล่าอาณาจักรทั้ง
หกเป็ นพยาน เฟิ งเฟยเยียนหวังเป็ นอย่างยิง่ ว่ามันสามารถสลัด
หัวโขนผูอ้ าวุโสใหญ่พรรคเทพหงสาออก พร้อมทั้งขึ้นไปตบหยุ
นเช่อให้ตายคามือด้วยฝ่ ามือเดียว ด้วยศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของพรรค
เทพหงสาที่ครอบคลุมใต้หล้า ต่อหน้าพวกมัน เคยมีผใู ้ ดไม่
หวาดหวัน่ มีผใู ้ ดกล้าแสดงออกโดยปราศจากความเคารพเช่นนี้?
ไม่มีใครกล้าหยามศักดิ์ศรี ของพรรคเทพหงสาถึงเพียงนี้มาก่อน
มันชี้นิ้วไปทางหยุนเช่อ ก่อนจะกล่าวด้วยสี หน้ามืดครึ้ ม
“ประเสริ ฐ ประเสริ ฐมาก…ในฐานะลูกสําส่ อนที่มีสายเลือดเทพ
หงสาไหลเวียนอยูใ่ นร่ าง ยังบังอาจจองหองดื้อด้านถึงเพียงนี้…
ประเสริ ฐยิง่ ! องค์ชายสิ บสี่ ขอท่านอย่าได้ออมมือ! ให้เจ้าเลือด
ผสมนี่ซาบซึ้งว่าสายเลือดบริ สุทธิ์และแท้จริ งของเทพหงสาเรา
เป็ นเยีย่ งไร!”
“ผูอ้ าวุโสใหญ่ ขอท่านวางใจ” เฟิ งซีลวั่ กล่าวตอบคําอย่าง
เรี ยบเรื่ อย มันหรี่ ตาเล็กลงจ้องมองเขม็งไปยังหยุนเช่อกอนกล่าว
เสี ยงแผ่วเบา “ฮ่าฮ่า เดิมข้าเพียงต้องการจบการต่อสู อ้ ย่างรวดเร็ ว
แต่ตอนนี้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว หากข้าพลั้งมือทําร้ายเจ้าแขนขาพิการ
ไป โปรดอย่าได้โทษว่าข้า โอเค้?”
“ข้าเพียงเกรงว่าคนที่จะต้องพิการ จะเป็ นเจ้า” หยุนเช่อก
ล่าวด้วยนํ้าเสี ยงยะเยียบเย็นชา
“ยังคงกล่าววาจาไร้สาระ แม้ความตายจะพาดคอของเจ้าอยู่
ช่างน่าขัน ทว่าน่าสมเพชอย่างยิง่ ! ” เฟิ งซีลวั่ ยกแขนทั้งสองข้าง
เปิ ดเผยฝ่ ามือที่พลันลุกโชติช่วงด้วยอัคคีเทพหงสา ขณะที่มนั
กําลังจะสื บเท้าก้าวออก คลื่นเสี ยงลมปราณที่ถ่ายทอดมาจากเฟิ ง
เหิ งคงพลันส่ งตรงถึงรู หูของมัน
“อย่าได้ประมาทศัตรู ! โจมตีเต็มกําลัง!…ฆ่ามันซะ!”
เฟิ งซี ลวั่ แข็งค้างไปชัว่ ครู่ จากนั้นชายหนุ่มพลันพลิกเปลี่ยน
กระบวนท่า เพลิงสี แดงฉานพวยพุง่ ออกมาระหว่างฝ่ ามือ จากนั้น
แปรสภาพกลายเป็ นทวนยาวแปดฟุตสี แดงชาดราวเหล็กร้อนถูก
เผาไฟ
“ศาสตราวุธชั้นจักรพรรดิ…ทวนเทพหงสา!! องค์ชายสิ บสี่
ถึงกับใช้ออกด้วยทวนเทพหงสาแต่แรกเริ่ ม”
“ดูท่าพระองค์คงบันดาลโทสะอย่างยิง่ คาดว่าทรงมีเจตนา
ให้หยุนเช่อต้องพ่ายแพ้อย่างอนาถในพริ บตา ไม่มีโอกาสเปิ ดปาก
กล่าววาจาได้อีก”
“ทันทีที่ทวนเทพหงสาปรากฏ…ลองคาดเดาดูสิ องค์ชาย
ต้องใช้กี่กระบวนท่าในการพิชิตชัย?” ศิษย์เทพหงสากล่าวด้วยที
ท่าปลอดโปร่ ง
“เจ็ดกระบวนท่า” ศิษย์เทพหงสาอีกคนหนึ่งกล่าวตอบ
“เจ็ดกระบวนท่า? เจ้าประเมินเด็กน้อยวายุครามสูงเกินไป
แล้ว” ศิษย์เทพหงสาผูท้ ี่เอ่ยถามเม้มปาก จากนั้นเย้ยหยันออกมาว่า
“อย่างมากห้ากระบวนท่า เจ้าเด็กนัน่ ย่อมต้องถูกเผาจนกระทัง่
บิดาผูใ้ ห้กาํ เนิดมันยังไม่อาจจดจําได้!”
บทที่ 438 ทัณฑ์ มังกร เทพหงสา
ซู่วววววว!!!!
เฟิ งซี ลวั่ ส่ งเสี ยงหัวร่ ออย่างขมขื่นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวขณะ
มันพึ่งพาพลังจากการเผาผลาญแก่นโลหิ ตของตนเพื่อสะกดข่ม
หยุนเช่อ ท่ามกลางเสี ยงหัวร่ อมันพลันสัมผัสได้ถึงความร้อน
พิสดารอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งปะทุข้ ึนมา จนทัว่ ร่ างมันราวกับ
ลุกไหม้ดว้ ยเปลวไฟ เพลิงเทพหงสาอันทรงพลังที่มนั เผาผลาญ
แก่นโลหิ ตของตนเพื่อแลกมาพลันสาบสู ญไปในทันทีราวกับ
นาวาลําน้อยที่ถูกคลื่นยักษ์กลืนกิน…
“อ๊ากกก…”
เสี ยงกรี ดร้องน่าสังเวชพลันดังลัน่ ทัว่ ลานประลอง คลื่น
อัคคีที่คงสภาพมาตลอดพลันพังทลายเข้าใส่ เฟิ งซีลว่ั ราวกับภูผา
ถล่ม เงาร่ างที่ลุกท่วมด้วยเปลวไฟร่ างหนึ่งพลันกระเด็นออกมา
จากทะเลเพลิงดุจใบไม้แห้งที่ถูกสายลมหอบหนึ่งพัดพาจน
กระเด็น ก่อนที่มนั จะกระแทกเข้าใส่ ม่านปราณคุม้ กันที่ราชัน
ทรราชย์หลายคนช่วยกันสร้างขึ้นอย่างรุ นแรง
“ซี ลว่ั !!!”
“องค์ชายสิ บสี่ !!!”
เนื้อผ้าสี ทองของเสื้ อคลุมหงสาของเฟิ งซีลว่ั สร้างขึ้นจาก
วัตถุดิบพิเศษหายากที่ยากจะทําลายได้ เหล่าคนของพรรคเทพหง
สาต่างรับรู ้ได้จากเนื้อผ้าสี ทองบนร่ างที่กาํ ลังลุกไหม้วา่ คนผูน้ ้ ี
ย่อมต้องเป็ นเฟิ งซี ลวั่ อย่างไม่ตอ้ งสงสัยขณะพวกมันเผยสี หน้า
ตกใจออกมา
เฟิ งเฟยเยียนที่อยูใ่ กล้ที่สุดพลันเร่ งรุ ดไปหาอีกฝ่ ายอย่าง
ว่องไวดุจสายฟ้าก่อนจะใช้พลังลมปราณของตนเพือ่ ดับเพลิงที่
กําลังลุกไหม้บนตัวเฟิ งซีลว่ั ไปจนหมดสิ้ น
เฟิ งซี ลวั่ นอนแน่น่ิง ลมหายใจของมันแผ่วเบาขณะตัวมัน
หมดสติ เส้นผมทุกเส้นของมันถูกแผดเผาไปจนหมดสิ้ น ทัว่ ร่ าง
มันเต็มไปด้วยรอยแผลไหม้และบางส่ วนก็ถูกเผาเกรี ยมจนเป็ นสี
ดําสนิท นอกเหนือไปจากนี้แล้ว มันก็ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ภายในอันใด และแม้บาดแผลไหม้จะร้ายแรง แต่กย็ งั เป็ นเพียง
บาดแผลภายนอก ด้วยทรัพยากรที่พรรคเทพหงสาสามารถ
รวบรวมมาได้ การจะรักษาให้หายดีหลงเหลือเพียงแผลเป็ น
เล็กน้อยก็ยงั นับว่าเป็ นไปได้… ด้วยพลังฝี มือของเฟิ งเฟยเยียน มัน
สามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่าหยุนเช่อจงใจเตะเฟิ งซีลว่ั
ออกมาจากทะเลเพลิง มิเช่นนั้นมันย่อมต้องถูกเผาผลาญจน
สิ้ นชีพในไม่กี่อึดใจแน่
ทว่าใบหน้าของมันกลับเผยโทสะอย่างที่สุดออกมา นี่เป็ น
เพราะสภาพของเฟิ งซีลวั่ นั้น… เห็นได้ชดั ว่าเป็ นผลจากการเผา
ผลาญแก่นโลหิ ตของตน!!!
มันนับเป็ นอัจฉริ ยะอันดับหนึ่งในยุคนี้ของพรรคเทพหงสา
มันยอมละทิ้งชีวติ และพรสวรรค์ของตนด้วยการเผาผลาญแก่น
โลหิ ตไปแบบนี้ได้เช่นไร!!!
ยามที่เพลิงเทพหงสาทั้งสองขุมปะทะกัน ทุกสิ่ งก็ถูกเปลว
เพลิงห้อมล้อมไว้จนมันไม่อาจรับรู ้ได้วา่ เกิดอะไรขึ้น หากมันรู ้วา่
เฟิ งซีลวั่ จะเผาผลาญแก่นโลหิ ตตัวเอง ต่อให้ตอ้ งสอดมือเข้าไปใน
การประลองเพือ่ หยุดยั้งมันไว้ มันก็จะทํา
เฟิ งเฟยเยียนได้แต่ยนื โกรธอยูก่ บั ที่ มันอยากจะตบตีเฟิ ง
ซี ลว่ั เสี ยร้อยทีและขยี้หยุนเช่อด้วยมือเปล่า ทว่าในตอนนี้เอง เฟิ ง
เหิ งคงก็มาถึงพร้อมกับกลุ่มผูอ้ าวุโส มันเอ่ยถามขณะขมวดคิ้ว
“ท่านพี่ อาการซี ลวั่ เป็ นเช่นไร?”
เฟิ งเฟยเยียนเงยหน้าขึ้นขณะกัดฟันเอ่ย “มันไม่เป็ นอะไร
มาก ทว่ามัน… กลับผลาญแก่นโลหิ ตของตนไป!”
“อะไรนะ!” ใบหน้าของเฟิ งเหิงคงและเหล่าผูอ้ าวุโสพลัน
เปลี่ยนแปลงไปทันที
“เจ้าสารเลว!” เฟิ งเหิงคงกําหมัดแน่นขณะใบหน้ามัน
กลายเป็ นสี เขียว คนที่มนั โกรธที่สุดไม่ใช่หยุนเช่อ แต่เป็ นเฟิ ง
ซี ลว่ั ตั้งแต่ยงั เด็กเฟิ งซีลวั่ ก็มีพรสวรรค์ไร้คู่เปรี ยบ และเมื่อมัน
เติบใหญ่กไ็ ม่มีคนรุ่ นราวคราวเดียวกันคนไหนจะต่อกรกับมันได้
เรื่ องนี้ทาํ ให้มนั ค่อนข้างจะเป็ นคนเย่อหยิง่ มันไม่ได้เคารพพีช่ าย
ที่อาวุโสกว่ามันทั้งสิ บสามคนเท่าใดนัก ทว่าเมื่อมีพรสวรรค์
สู งส่ งเช่นมัน การจะเป็ นคนเย่อหยิง่ ก็นบั ว่าเป็ นเรื่ องปกติ เฟิ งเหิ ง
คงเองก็พอใจในตัวมันที่สุดและไม่เคยดุด่ามันมาก่อนแม้แต่ครั้ง
เดียว
ทว่าในวันนี้มนั กลับได้พบพานกับคู่ต่อสู ท้ ี่เยาว์วยั กว่า
ตัวเองและยังเหนือลํ้ากว่ามันโดยสิ้ นเชิง! ยิง่ กว่านั้นก่อนการ
ประลอง มันก็ได้เยาะเย้ยถากถางหยุนเช่อต่อหน้าทุกคน ไม่วา่ จะ
เป็ นการกระทําหรื อคําพูด มันล้วนแต่แสดงออกประดุจชีวติ หยุ
นเช่ออยูใ่ นกํามือมันแล้ว ดังนั้นเมื่อมันถูกหยุนเช่อกําหราบ สติ
ของมันก็ขาดผึงในทันที!
ถึงขนาดมันกล้ากระทําเรื่ องบ้าคลัง่ อย่างการเผาผลาญแก่น
โลหิ ตของตัวเอง!
แม้การพ่ายแพ้จะน่าอับอาย แต่ดว้ ยพรสวรรค์ของมัน มัน
ย่อมสามารถกลายเป็ นราชันจักรพรรดิท่ีอยูเ่ หนือโลกหล้าได้แน่!
ทว่าในเมื่อมันได้เผาผลาญแก่นโลหิ ตของตนไป ผลที่ตามมาคือ
มันได้ทาํ ลายพรสวรรค์ของตนเอง ความสําเร็ จในอนาคตของมัน
จะไม่ได้ไร้ขอบเขตเช่นที่ผา่ นมาอีกต่อไป นี่นบั เป็ นการสูญเสี ย
ครั้งใหญ่ของพรรคเทพหงสา
เฟิ งเหิ งคงโกรธเสี ยจนอยากจะบีบคอบุตรชายที่น่าผิดหวัง
ของตน
สิ่ งที่ทาํ ให้มนั ตกใจยิง่ กว่าเดิมคือแม้เฟิ งซีลว่ั จะเผาแก่น
โลหิ ตของตนไป มันก็ยงั ถูกหยุนเช่อโค่นล้มได้อยูด่ ี
เพลิงเทพหงสาที่หยุนเช่อระเบิดออกมาในพริ บตาเมื่อครู่
นั้นเปี่ ยมด้วยแรงกดดันจนราวกับว่า… เป็ นพลังที่สูงลํ้ากว่าของ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาอยูข่ ้นั หนึ่ง!!!
“พามันไปรักษาตัวที่หอวิหคหยกทันที” สุ ม้ เสี ยงของเฟิ ง
เหิ งคงเปี่ ยมไปด้วยโทสะมากมายที่สะกดข่มเอาไว้ มันหันหน้าไป
มองเบื้องล่างอย่างเกรี้ ยวกราด สองตาฉายแววอํามหิ ตเสี ยด
กระดูก
เพลิงเทพหงสามอดดับลงทีละชั้นเผยให้เห็นร่ างของหยุ
นเช่อ ชายหนุ่มคุกเข่าลงข้างหนึ่งขณะสูดหายใจลึก ทว่ามันดู
ไม่ได้บาดเจ็บอันใดแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ เส้นผมก็ยงั ครบสมบูรณ์
ภายในเพลิงเทพหงสาอันร้อนแรง มันกลับไม่ถูกลวกไหม้แม้แต่
นิดเดียว!
ชายหนุ่มยังคงยืนอยูบ่ ริ เวณลานประลอง ทว่าตัวเวทีที่เดิม
สู งร่ วมสามเมตรบัดนี้หายไปจนหมดสิ้ น พื้นที่ใต้เท้าหยุนเช่อ
บัดนี้เหลือเพียงเศษซากสี ดาํ สนิท ไม่หลงเหลือสภาพศิลาหยกที่
ใช้สร้างเวทีแม้แต่นอ้ ย
ม่านปราณคุม้ กันที่บรรดาราชันทรราชย์สร้างขึ้นก็สลายไป
พร้อมกับกลิ่นไหม้และความร้อนจะพวยพุง่ ไปรอบลานประลอง
เพียงได้มอง ทุกคนก็ลว้ นแต่มีสีหน้าเหม่อลอย ไม่มีผใู ้ ดสามารถ
บรรยายความรู ้สึกของตนในยามนี้ออกมาได้
ทั้งภาพและความคิดที่ไม่อาจบรรยายออก… ราวกับมันได้
พลิกความเชื่อของทุกคนโดยสมบูรณ์
ไม่วา่ จะผูท้ ี่อ่อนแอที่สุดหรื อเข้มแข็งที่สุดในสนามประลอง
ที่มีผฝู ้ ึ กยุทธ์กว่าสามแสนชีวติ … ก็ไม่มีผใู ้ ดสามารถคาดเดาเรื่ อง
เช่นนี้ได้
ไม่มีแม้แต่คนเดียว!
ในใจพวกมันมีเพียงคําเดียวดังสะท้อนไปมาอย่างตื่นเต้น…
จักรวรรดิเทพหงสา… พ่ายแพ้แล้ว!!!
ถูกจักรวรรดิวายุครามโค่นล้ม!
คนรุ่ นเยาว์ที่เก่งกาจที่สุดจากจักรวรรดิเทพหงสา ถูกคนจาก
จักรวรรดิวายุครามโค่นล้ม… และคนผูน้ ้ นั ยังเด็กกว่ามันเสี ยอีก!!!
ไม่มีผใู ้ ดกล้าเชื่อผลเช่นนี้ และไม่มีผใู ้ ดกล้าคาดฝันเช่นกัน!
และตลอดห้าพันปี มานี้ ก็ไม่เคยปรากฎผูใ้ ดทําสําเร็ จมาก่อน
ทว่าในวันนี้ พวกมันกลับได้เป็ นประจักษ์พยานยาม
ความหวังเป็ นจริ ง!!! การประลองที่ทาํ ลายสถิติอนั ยืนยงกว่าห้า
พันปี ลงได้! ผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่ นเยาว์ที่ฉีกบันทึกอันยาวนานกว่าห้าพันปี
ทิ้ง
แม้เฟิ งเหิ งคงจะโกรธจัดจนแทบระเบิดและคิดอยากสังหาร
หยุนเช่ออีกรอบ มันก็ไม่ได้ลงมือหรื อเปิ ดปากอะไร… เพราะไม่
ว่าอาการบาดเจ็บของเฟิ งซีลวั่ จะหนักหนาเพียงใด ไม่วา่ หยุนเช่อ
จะมีสายเลือดหรื อศักดิ์ฐานะอะไร นี่กย็ งั เป็ นการประลองเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้า หยุนเช่อเอาชนะเฟิ งซีลว่ั อย่าง
ตรงไปตรงมาโดยมีพยานกว่าสามแสนชีวติ รวมไปถึงคนจากสี่
แดนศักดิ์สิทธิ์…
ในฐานะหัวหน้าพรรคเทพหงสาแล้ว หากมันกล้าลงมือต่อ
หยุนเช่อในตอนนี้ ทุกคนย่อมต้องรู ้เห็นและทําลายความเคารพ
นับถือที่พวกมันมีต่อจักรวรรดิเทพหงสาไปจนหมดสิ้ นและ
กลายเป็ นเพียงเรื่ องขบขันเท่านั้น
มันเองก็รู้ดีวา่ ที่หยุนเช่อกล้าทําเช่นนี้กเ็ พราะเหตุผลนี้เอง!
ทว่าการที่มนั ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ไม่ได้หมายความว่า
ผูอ้ าวุโสที่เหลือทั้งหมดของพรรคเทพหงสาจะทําได้เช่นมัน หลัง
จากเฟิ งซีลว่ั ถูกพาตัวไป เฟิ งเฟยเยียนก็ด่ิงร่ างลงไปจับจ้องหยุ
นเช่อด้วยใบหน้าเกรี้ ยวกราดและดูแคลน “เจ้าเด็กน้อยจากวายุ
คราม เจ้าถึงกับกล้าทําร้าย… องค์ชายสิ บสี่ ของพวกข้า! เจ้า… เจ้า
หาเรื่ องตายแล้ว!!”
มันไม่ได้เอ่ยเรื่ องที่ “เฟิ งซี ลวั่ ถูกบีบจนต้องผลาญแก่น
โลหิ ตตนเองไป” มิเช่นนั้น มันต้องกลายเป็ นเรื่ องน่าขันยิง่
กว่าเดิมแน่
เฟิ งซี ลวั่ ย่อมมีพลังฝี มือไม่ต่าํ ทราม และแม้หยุนเช่อจะ
ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายหลังจากโค่นล้มอีกฝ่ ายที่ผลาญแก่น
โลหิ ตของมันไป ชายหนุ่มก็ยงั เหน็ดเหนื่อยไม่นอ้ ย มันหอบ
หายใจและดูเหมือนจะไม่มีเรี่ ยวแรงพอจะลุกขึ้นยืน แต่มนั ก็ยงั คง
ดูดุดนั ก่อนจะตอกกลับซึ่งหน้า “แล้วอย่างไร! นี่เป็ นการประลอง
เจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า และข้าก็โค่นเฟิ งซีลวั่ อย่างขาวสะอาด!
ในการประลอง ที่บาดเจ็บก็เพราะอ่อนด้อย! หรื อจักรวรรดิเทพ
หงสาของเจ้าจะเป็ นพวกขี้แพ้ชวนตีที่บาดเจ็บไม่ได้กนั ? เจ้าจะฆ่า
ข้าเพราะตอนนี้ขา้ ทําให้เจ้าโกรธงั้นเรอะ!”
“เจ้า!” เฟิ งเฟยเยียนโกรธจัดยิง่ และเมื่อถูกหยุนเช่อตอก
กลับ ใบหน้าของมันก็เปลี่ยนสี ไป ทว่าก่อนที่มนั จะทันลงมือ ก็
ปรากฎสุ ม้ เสี ยงโกรธเกรี้ ยวดังมาจากบริ เวณที่นง่ั
“ถูกแล้ว! นี่เป็ นการประลองจัดอันดับ จะบาดเจ็บหรื อไม่ก็
ขึ้นอยูก่ บั พลังฝี มือของตน! หากมันอ่อนด้อย แล้วจะโทษอีกฝ่ าย
ได้เช่นไร! เจ้าเป็ นใครกันถึงมากล่าวโทษหยุนเช่อ!” หลิงเจี่ยเกร็ ง
คอก่อนจะใช้พลังลมปราณทั้งหมดตะโกนออกไป
สิ้ นเสี ยงหลิงเจี่ย ฮวาหมิงไห่เองก็ตะโกนกึกก้องเช่นกัน
“ใช่แล้ว! ในการประลอง ต่อให้ถูกสังหาร ก็ไม่นบั เป็ นเรื่ องติดใจ
เอาความกันแต่อย่างใด นี่เป็ นความจริ งและกฎที่แม้แต่คนโง่งมก็
ยังรู ้ตลอดประวัติศาสตร์ของการประลองจัดอันดับเจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้า! ยิง่ กว่านั้น นี่ยงั เป็ นกฎที่พวกเจ้าจักรวรรดิเทพหงสา
ตั้งขึ้นเองอีก หรื อจะบอกว่าผูป้ ระลองจากจักรวรรดิอื่นบาดเจ็บ
ได้ แต่คนจากพรรคเทพหงสาของพวกเจ้าบาดเจ็บไม่ได้กนั !”
ทันทีที่ท้ งั สองเอ่ยจบ ทัว่ ลานประลองพลันกลายเป็ นความ
โกลาหล เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่ตื่นเต้นยินดีจากจักรวรรดิวายุครามล้วน
แต่โกรธเกรี้ ยวและตะโกนออกมา… ไม่นานนัก เหล่าคนที่
ตะโกนยิง่ มายิง่ เพิม่ ขึ้น ไม่ใช่เพียงคนจากจักรวรรดิวายุคราม
เท่านั้น แม้แต่ผฝู ้ ึ กยุทธ์จากห้าจักรวรรดิที่เหลือเองก็เริ่ มส่ งเสี ยง
สนับสนุนหยุนเช่อเรี ยกร้องถึงความไม่เป็ นธรรมเช่นกัน การที่หยุ
นเช่อโค่นเฟิ งซีลว่ั ลงไม่ได้เป็ นเพียงความภูมิใจของจักรวรรดิวายุ
ครามเท่านั้น แต่ยงั เป็ นความภูมิใจของอีกหกจักรวรรดิที่เหลือ
เช่นกัน นี่เป็ นครั้งแรกที่เกิดเรื่ องเช่นนี้ข้ ึนกับหกจักรวรรดิ!
ภายในพริ บตาก็บงั เกิดเสี ยงโห่ร้องไปทัว่ ลานประลอง…
“ตลอดการประลองหลายครั้ง มีคนของเรามากมายที่
บาดเจ็บ และพวกเราก็ไม่ติดใจเอาความ ตอนนี้ศิษย์จากพรรคเทพ
หงสาคนหนึ่งบาดเจ็บ อะไรทําให้เจ้ามีสิทธิเอาผิดกัน! แถมดู
เหมือนเจ้าคิดจะล้างแค้นทันทีดว้ ยนี่?”
“พรรคเทพหงสาอันทรงเกียรติมีค่าเพียงนี้เองรึ ?”
“ต่อให้เป็ นคนโง่กบ็ อกได้วา่ หยุนเช่อปราณี ไม่เช่นนั้นองค์
ชายสิ บสี่ นนั่ ตอนนี้คงเป็ นผงไปแล้ว เจ้าไม่เพียงไม่ขอบใจมัน เจ้า
ยังกังขาและข่มขู่มนั อีก!”
“เป็ นถึงพรรคอันดับหนึ่งในทวีปลมปราณฟ้า จะไม่รักษา
หน้าตาตัวเองไว้หน่อยรึ !”
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น ใยไม่ลม้ เลิกการประลองเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้าไปเลยเล่า?! คนจากหกจักรวรรดิที่เหลือ
บาดเจ็บและตายได้ แต่คนจากเทพหงสาแค่บาดเจ็บสักคนก็มิได้
งั้นรึ ?”
“หากเจ้ากล้าล้างแค้นหยุนเช่อ ต่อให้เจ้าเข้มแข็งกว่าพวกเรา
สิ บเท่า พวกเราหกจักรวรรดิกจ็ ะเหยียดหยามเจ้าไปอีกหลายชัว่
รุ่ น!!!”
…………..
ความวุน่ วายขยายตัวอย่างรวดเร็ ว ไม่นานทัว่ สนามประลอง
ก็เข้าข้างหยุนเช่อ เสี ยงตะโกนกึกก้องจนผูค้ นแทบจะหูหนวก
หากมีเพียงลําพังตัว เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลของ
พรรคเทพหงสา ต่อให้มนั รู ้สึกขุ่นข้องและถูกดูแคลนมากเพียงใด
มันก็ยอ่ มไม่กล้ากังขาพรรคเทพหงสา ทว่าท่ามกลางผูค้ นนับล้าน
จากหกจักรวรรดิ ก็ยงั มีกลุ่มคนที่กล้ายืนหยัดต่อต้านมันโดยไม่
หวัน่ ไหว วาจาของพวกมันยิง่ มายิง่ ดุดนั … การที่หยุนเช่อโค่น
พรรคเทพหงสาได้นบั เป็ นความภูมิใจของทั้งหกจักรวรรดิ และผู ้
ฝึ กยุทธ์ทุกคนก็ลว้ นแต่ภาคภูมิในเรื่ องนี้ การที่พวกมันสามารถตั้ง
ข้อกังขากับพรรคเทพหงสาได้ นี่เป็ นประสบการณ์อนั น่าพึงใจนัก
และผลลัพธ์ของเรื่ องนี้กเ็ ป็ นไปตามที่หยุนเช่อคาดหวังไว้
หรื อจะเรี ยกว่าคาดเดาเอาไว้กไ็ ด้
บทที่ 443 ลงสู่ สนามประลอง!
“เจ้าเป็ นใคร!?”
เบื้องหน้าของทุกผูค้ นปรากฎชายผูก้ ล้าบ้าบิ่นรุ กลํ้าเข้ามายัง
เวทีประลองยุทธที่อยูภ่ ายใต้เขตแดนเทพหงสาของอาณาจักรหง
สา
เฟิ งเหิ งคงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปยังผูบ้ ุกรุ กที่ลอยอยู่
กลางอากาศ… พลันนั้นใบหน้าอันสงบนิ่งของมันสลายหายไป
โดยไม่เหลือร่ องรอย พร้อมกับความตื่นตระหนกที่ฉายชัดขึ้นมา
ในดวงตาของมัน
คิ้วของเฟิ งเฟยเยียนที่อยูถ่ ดั ไปจากเฟิ งเหิงคงเริ่ มขมวดแน่น
ขึ้น ก่อนที่มนั จะกระทําการใดออกไป พลังปราณที่เพิ่งโคจรมาได้
เพียงครึ่ งทางของมันพลันหยุดลง สี หน้าของมันเผยให้เห็นถึง
ความตระหนกตกใจเช่นเดียวกับเฟิ งเหิ งคง มันทําได้เพียงเบิกตา
กว้างจ้องไปยังรู ปร่ างอันใหญ่โตเทอะทะที่กาํ ลังพุง่ ลงมาอย่าง
รุ นแรงพร้อมกับคลื่นพลังอันป่ าเถื่อน จนกระทัง่ ร่ างนั้นร่ อนลงมา
ยืนเคียงข้างกับหยุนเช่อ
ตูม!!!
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มแหลกละเอียด พร้อมกับที่รอย
ปริ ร้าวพลันแผ่ขยายออกจากเท้าของมัน ในชัว่ วินาทีรอยแตกนั้น
ก็ขยายออกไปเป็ นทางยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร มันพุง่ ตรงไปผ่า
กลางที่นงั่ ของผูช้ ม ทั้งยังทําให้สีหน้าของผูฝ้ ึ กลมปราณที่นงั่ อยู่
ถึงกับซี ดขาวด้วยความหวาดกลัว
ทันทีที่ชายหนุ่มสัมผัสพื้นเวที ศิษย์อจั ฉริ ยะทั้งเก้าจาก
พรรคหงสาที่รายล้อมหยุนเช่อพลันสัมผัสถึงคลื่นลมที่รุนแรงราว
กับสึ นามิซดั เข้าใส่พวกมัน พวกมันแค่นเสี ยงคํารามออกมาพลาง
ถูกคลื่นพลังลมดันร่ างถดถอยไปหลายสิ บเมตร ความตกใจกลัว
ฉายชัดอยูบ่ นใบหน้าของพวกมันทุกคน… เพียงแค่คลื่นพลังที่เกิด
จากการเคลื่อนตัวลงมาของคนผูน้ ้ นั ถึงกับผลักดันพวกมันทั้งเก้า
จนถอยร่ นไปได้! พลังของชายผูน้ ้ ี… มันน่ากลัวได้ถึงขนาดไหน
กัน!?
“โอ้?” ปรมาจารย์จิตวิญญาณ กู่ชางมองไปยังเงาร่ างที่ร่อน
ลงมาอย่างใช้ความคิด พลางระลึกถึงเสี ยงคํารามลัน่ ของบุคคลผูน้ ้ ี
ก่อนหน้านี้ที่ดงั ก้องไปทัว่ ทั้งลานประลอง
คนผูน้ ้ ีมีรูปร่ างใหญ่โตหาใดเปรี ยบ ทั้งร่ างของมันกํายําลํ่า
สันราวกับสัตว์ประหลาด กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่ างกายล้วนปูด
โปนให้เห็นเด่นชัด ทั้งยังเปล่งประกายมันเงาราวกับโลหะ เพียง
มองไปยังพวกมันก็สามารถจินตนาการได้ถึงความน่ากลัวของ
พละกําลังที่หลับไหลอยูภ่ ายใต้มดั กล้ามแต่ละมัด
ขณะที่จอ้ งมองคนผูน้ ้ ี ใบหน้าของเหล่ายอดฝี มือแห่งพรรค
หงสาต่างถูกเคลือบไปด้วยความตะลึงลาน… เนื่องเพราะพลัง
ปราณที่แผ่ออกมาจากร่ างของคนผูน้ ้ ี… แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
ว่าเป็ นพลังระดับลมปราณทรราช!!
หากมันผูน้ ้ ีเป็ นเพียงราชันทรราช คงไม่สามารถสร้างความ
ตระหนกให้กบั ผูค้ นได้มากถึงเพียงนี้ แต่พวกมันล้วนเห็นชัดถึง
ความอ่อนวัยบนใบหน้าของชายผูน้ ้ ี ผูเ้ ป็ นเจ้าของร่ างประหลาด
อันใหญ่ยกั ษ์ แม้พลังปราณอันแข็งแกร่ งจะสามารถชะลอความแก่
ชราและปิ ดบังอายุแท้จริ ง ทว่ามันไม่อาจสามารถรักษาสภาพ
เยาว์วยั ที่เป็ นของหนุ่มสาวเอาไว้ได้ หรื อสามารถกล่าวได้วา่ อายุ
ของชายผูน้ ้ ีที่ถึงแม้จะมองมุมใด… ก็ยงั ไม่มีทางอายุเกินยีส่ ิ บไป
ได้!!
ราชันทรราชที่อายุยงั ไม่ถึงยีส่ ิ บปี !!
คลื่นพลังของมันชี้ให้เห็นชัดว่ามันเป็ นราชันทรราชชั้น
กลาง… ทรราชย์ผทู ้ รงอํานาจที่อาจสามารถกําราบเจ็ดในสิ บของ
ยอดฝี มือระดับอาวุโสในพรรคหงสาได้!
เมื่อเฟิ งเฟยเยียนและเฟิ งเหิ งคงซึ่ งเป็ นยอดฝี มือที่มีวรยุทธ
สู งลํ้าจนยากจะหาใครต่อกรในแผ่นดินลมปราณฟ้าได้รับรู ้ถึง
ความจริ งข้อนี้ พวกมันถึงกับตกอยูใ่ นความตื่นตะลึงไปชัว่ ครู่
หนึ่ง แม้เฟิ งเฟยเยียนจะเป็ นคนใจร้อนวูว่ าม หากแต่เมื่อ
เผชิญหน้ากับผูบ้ ุกรุ กเบื้องหน้าที่ทลายกําแพงและก้าวขึ้นมาบน
เวที มันไม่อาจหาญกระทําการหุนหันพลันแล่นออกมาได้
ราชันทรราชชั้นกลางผูม้ ีอายุยงั ไม่ถึงแม้แต่ยสี่ ิ บปี … นี่
นับเป็ นเรื่ องที่น่าหวาดหวัน่ จนเกินรับไหว
เพียงคลื่นพลังของชายหนุ่มถึงกับทําให้ศิษย์หงสาทั้งเก้า
ล้วนถูกพัดกระแทกออกไป พวกมันมองไปยังสัตว์ประหลาด
เบื้องหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสุ ดลํ้า ใน
ชัว่ เวลานั้นไม่มีพวกมันคนใดที่กล้าหาญพอจะย่างก้าวออกไป
ถึงกระนั้น หยุนเช่อที่อยูใ่ กล้กบั จุดที่ชายหนุ่มร่ อนลงมา
มากที่สุดกลับไม่ถูกคลื่นลมผลักดันออกไปแม้แต่นิ้วเดียว เห็นได้
ชัดว่ามันตั้งใจที่จะผ่อนคลื่นลมที่มุ่งไปยังทิศทางที่หยุนเช่อยืนอยู่
หยุนเช่อค่อย ๆ หมุนกายและมองไปยังชายหนุ่มด้วยความตะลึง
งัน เงาร่ างนั้นช่างคุน้ เคย ทว่าคลื่นพลังของมันช่างแตกต่าง
ออกไป ต่างจนกระทัง่ มันไม่อาจเชื่อได้วา่ นี่เป็ นคนเดียวกัน
“ยะ… หยวนป้า?”
คําเรี ยกขานที่หลุดมาจากปากของหยุนเช่อทําให้ร่างยักษ์
ถึงกับสัน่ ไหว มันค่อย ๆ หันกายกลับมา… ทุกอย่างเป็ นไปด้วย
ความเชื่องช้า ร่ างของมันสัน่ เทาไปทั้งร่ าง ไม่ทราบว่านี่สืบ
เนื่องมาจากตื่นเต้นยินดีอย่างถึงขีดสุ ด หรื อความหวาดกลัวว่า
ผูค้ นที่มนั กําลังจะหันไปเผชิญหน้า จะมิใช่บุคคลที่มนั คาดหวัง
หากท้ายที่สุด ร่ างกายของมันก็หมุนกลับมา พร้อมกับที่เผย
ให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความตื่นเต้นยินดี
เซี่ยหยวนป้า!!
หลังจากแยกจากกันไปกว่าสองปี รู ปร่ างอันน่าทึ่งของเซี่ย
หยวนป้านั้นสู งใหญ่ข้ ึนถึงสิ บห้าเซนติเมตร ท่าทางของมันดูเป็ น
ผูใ้ หญ่ข้ ึนเล็กน้อย นัยน์ตาและร่ องรอยที่หว่างคิ้วของมันต่างไม่
ปรากฎความโง่เขลาอ่อนแอเหมือนครั้งก่อน ในตอนนี้พวกมัน
กลับเต็มไปด้วยความมัน่ คงแน่วแน่ ทั้งยังแฝงไปด้วยความหนัก
แน่นที่สามารถเขย่าขวัญของผูค้ น ซึ่ งทั้งหมดนี้ลว้ นมิใช่สิ่งที่มนั
เป็ นเมื่อครั้งอดีต และเมื่อเทียบกันในด้านพลังปราณแล้ว มันช่าง
เหนือลํ้าแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้ นเชิง
แม้จะเป็ นเช่นนั้น หยุนเช่อก็เติบโตมาพร้อมกับมัน ไม่วา่
พวกมันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน หรื อแม้วา่ พวกมัน
จะไม่ได้พบหน้ากันกว่าสิ บปี เพียงแค่แวบมองก็สามารถทําให้
พวกมันจดจําซึ่งกันและกันได้
“พี่… เขย…”
เมื่อเซี่ ยหยวนป้าเอ่ยสามคํานี้ออกมา นํ้าตาพลันหลัง่ ไหล
และนํ้าเสี ยงมันกลับกลายเป็ นยากจะจับศัพท์ดว้ ยอาการสะอื้น
สําลักนํ้าตา “พี่เขย…พี่เขย!!”
เซี่ ยหยวนป้าร้องตะโกนด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เครื อ และจากนั้น
มันพลันก้าวออกมาข้างหน้า ร่ างยักษ์ใหญ่โตของมันโถมเข้าใส่
หยุนเช่อในฉับพลัน สองลําแขนท่อนใหญ่ของมันกอดตัวชาย
หนุ่มไว้แน่น และนิ่งค้างอยูเ่ ช่นนั้น ต่อหน้าฝูงชนหลายล้านคน
มันเริ่ มครํ่าครวญเสี ยงดังลัน่ บุรุษผูม้ ีร่างใหญ่โตเหลือคณากลับมา
รํ่าไห้ราวใจสลาย ทุก ๆ ซอกมุมของอัฒจรรย์เต็มไปด้วยเสี ยงครํ่า
ครวญหวนไห้ของมัน
“หยวนป้า เป็ นเจ้าจริ ง ๆ” หยุนเช่อเอามือวางทาบแขนของ
หยวนป้า และยิม้ บาง ความตกตะลึงและเชื่อไม่ลงในใจมันสลาย
หายไปอย่างรวดเร็ ว และแทนที่ดว้ ยความอบอุ่นและสบายใจ
เซี่ ยหยวนป้าเปลี่ยนไป พละกําลังของมันพลิกเปลี่ยนจาก
หน้ามือเป็ นหลังมือ ดวงตา ท่าที กลิ่นอาย ทุกสิ่ งทุกอย่าง
เปลี่ยนไปอย่างสิ้ นเชิง อย่างไรก็ตาม นํ้าเสี ยงที่มนั ใช้เรี ยกชาย
หนุ่ม ความรู ้สึกจากการโอบกอด(!!) และหยดนํ้าตาที่หลัง่ ไหลต่อ
หน้าชายหนุ่มนี้…ทั้งหมดมิเปลี่ยนไปแม้แต่นอ้ ย มันยังคงเป็ นเซี่ย
หยวนป้าที่ชายหนุ่มคุน้ เคยและใกล้ชิดมานับแต่วยั เยาว์
“พี่เขย…เป็ นท่านจริ ง ๆ…” เซี่ยหยวนป้าเอื้อนเอ่ยถ้อยคํา
เดียวกับหยุนเช่อ ไหล่ของมันตั้งขึ้นและไม่วา่ มันจะทําอย่างไร
นํ้าตาของมันก็มิอาจหยุดไหล ไม่วา่ คนเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร
ความรู ้สึกอันลํ้าค่าและสําคัญที่สุดในจิตวิญญาณของคนเราย่อม
ไม่อาจเปลี่ยนผัน ยิง่ กว่านั้น การแปรผันทั้งมวลที่มนั ได้ประสบ
พบเจอในสองปี ที่ผา่ นมานี้ ทั้งสิ้ นแล้วล้วนเป็ นเพราะหยุนเช่อ
แม้วา่ มันจะได้ยนิ ข่าวเรื่ องที่หยุนเช่อยังไม่ตายไปในสองปี
ก่อนจากบิดาของมันแล้ว เมื่อมันได้เห็นหยุนเช่อยังมีชีวติ และยัง
อยูด่ ีกบั ตา มันก็ยงั คงดีใจจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเก็บความรู ้สึกของ
ตนเองไว้ได้อยูด่ ี
“เอ๋ …อ้าาาาาา!!” หลิงเจี่ยมองเจ้ายักษ์ที่กาํ ลังกอดหยุนเช่อ
ไว้อยู่ และหลังจากเหม่อมองอยูน่ าน อยู่ ๆ มันก็พลันร้องขึ้นมา
เสี ยงแปร่ งพิกล
“เรื่ องอันใด? เจ้าคนผูน้ ้ นั มันคือใคร? เจ้ารู ้จกั มันงั้นหรื อ?”
ฮวาหมิงไห่เร่ งถาม
“ข้า…ข้ารู ้ แต่…แต่…แต่…” หลิงเจี่ยสูดลมหายใจลึก มัน
ตกตะลึงหนักหนาจนมิอาจกระทัง่ มิอาจเปล่งเสี ยงออกมาได้อย่าง
ที่ควร มันย่อมเคยเห็นเซี่ยหยวนป้ามาก่อนอยูแ่ ล้ว เพราะย้อนไป
เมื่อครานั้น มันได้ไปยังหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์กบั หยุนเช่อเพือ่ เข้า
ร่ วมในงานประลองจัดอันดับยุทธวายุคราม ลักษณะเด่นสุ ดทั้ง
สองอย่างของมัน: หนึ่งคือ ร่ างกายอันใหญ่โต และสองคือ พลัง
กายใจอันแสนอ่อนแอดัง่ ขยะ มันเป็ นไปมิได้เลยที่นนั่ จะไม่ทิ้ง
รอยประทับไว้ในใจของหลิงเจี่ย นอกจากนั้น มันยังเป็ นต้นเหตุท่ี
ทําให้หยุนเช่อถูกผนึกไว้ในลานจัดสรรค์กระบี่อีกด้วย
อย่างไรก็ดี เห็นชัด ๆ กันอยูว่ า่ พลังปราณของเซี่ยหยวนป้า
เมื่อครานั้นเป็ นเพียงแค่ช้ นั ปราณเริ่ มต้น มันสามารถพูดได้เลย
ว่าเซี่ยหยวนป้านั้นคือบุคคลผูม้ ีคุณสมบัติเลวร้ายที่สุดเท่าที่มนั เคย
เห็นมาในชีวติ
อย่างไรก็ดี ชัว่ ขณะที่มนั เหิ นร่ อนลงมา ไอพลังของมันก็
เห็นอยูว่ า่ สามารถทําให้ผนื ปฐพีพินาศยับ และเก้าอัจฉริ ยะราชันย์
แห่งพรรคเทพหงสาถูกซัดออกไปไกลถึงสิ บเมตรด้วยเพียงไอ
พลังของมัน…
ความแตกต่างนี้ช่างใหญ่หลวงเกินไป…จนเด็กหนุ่มยังมิ
อาจเชื่อในสายตาของตนเองได้
นี่มนั เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กนั …? ลูกพีโ่ ค่นเฟิ่ งซีลวั่ ผล
ตัดสิ นเรื่ องนี้กไ็ ด้น่าพิศวงพอแล้ว!! ทว่าเจ้าขยะในหมู่ขยะเมื่อ
ครานั้นผูน้ ้ ียงั กลับได้…กลับ…
“คนผูน้ ้ ี…” ความรู ้สึกพิศวงสุ ดกู่ปรากฏขึ้นบนสี หน้าของห
ลิงเจี่ย และความรู ้สึกพิศวงนี้ยงั รุ นแรงกว่ากันเลยเท่านักเมื่อเทียบ
กับเรื่ องที่หยุนเช่อโค่นเฟิ่ งซีลวั่ ลงได้ เพราะมันเคยพบเซี่ยหยวน
ป้ามาก่อนเช่นนั้น ย้อนไปเมื่อครานั้น มันได้เห็นเองกับตายามที่
หยุนเช่อใช้ชีวติ ของตนเพื่อช่วยชีวติ เซี่ยหยวนป้า หากมิใช่เพราะ
คําพูดของมันที่ใช้พดู กับหยุนเช่อและอารมณ์อนั มิอาจควบคุมได้
ของมัน แม้วา่ รู ปลักษณ์ของมันจะคล้ายคลึง เด็กหนุ่มย่อมมิอาจ
เชื่อได้แน่วา่ มันทั้งสองคือคน ๆ เดียวกัน
“ราชันย์ทรราชย์!?” เย่ซิงหานผูม้ ีท่าทีปล่อยวางอยู่
ตลอดเวลา ในยามนี้เองที่ได้ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาเช่นเดียวกัน เห็น
ได้ชดั เลยว่ามันเป็ นไปมิได้ที่ราชันย์ทรราชย์ผอู ้ ายุยงั มิทนั ล่วงเลย
ยีส่ ิ บปี เช่นนี้จะไม่กระตุน้ ความสนใจจากมัน
“เจ้าวิหารน้อย” หลิงคุนเอ่ย “หากข้าจะบอกว่าเมื่อสองปี
ก่อน พลังปราณของคนผูน้ ้ ีอยูเ่ พียงแค่ช้ นั ปราณเริ่ มต้นท่านจะเชื่อ
หรื อไม่?”
“ข้าก็วา่ ท่านผูอ้ าวุโสหลิงคุนรู ้จกั วิธีเล่นมุกตลกฝื ดเช่นกัน”
เย่ซิงหานยิม้ เยาะ
“โฮโฮ” หลิงคุนหัวเราะ และมิพดู คําอื่นใดออกมาอีก
“เจ้าเป็ นใคร! กล้าดีอย่างไรมากําแหงในแดนเทพหงสาของ
เรา!!” เฟิ่ งเฟยเยีย่ นมาถึงกลางอากาศเหนือร่ างเซี่ยหยวนป้าและ
กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงตํ่า อย่างไรก็ตามมันยังไม่กล้าทําตัวบุ่มบ่าม ด้วย
ราชันย์ทรราชย์ในวัยเยาว์ถึงเพียงนี้ ภูมิกาํ เนิดเดียวที่มนั จะ
สามารถคิดได้กม็ ีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยืนขึ้นจากที่นงั่ ถือแส้ปัดหาง
ม้าของตนไว้ในมือ มันยิม้ อย่างสงบเยือกเย็น “เด็กผูน้ ้ ีคือศิษย์คน
สนิทคนสุ ดท้ายของผูแ้ ซ่ก่เู อง ศิษย์รักของข้านิสยั บุ่มบ่ามนัก และ
เพราะเขาได้เห็นคนที่รู้จกั เข้าอย่างกะทันหัน เขาจึงเสี ยการ
ควบคุมอารมณ์ไป ทําให้ทุกท่านตกใจ ข้าหวังว่าพรรคอันน่า
เคารพของพวกท่านจะไม่ถือสา”
เมื่อปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยืนขึ้นพูดด้วยตนเอง เฟิ ง
เหิ งคงเร่ งยืนขึ้นเช่นกัน ด้วยสี หน้าประหลาดใจ มันเอ่ยว่า
“เช่นนั้นเขาก็คือศิษย์ของท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่นี่เอง มิ
แปลกในเลยที่เขาจะมีพลังปราณอันน่าอัศจรรย์ใจเพียงนี้ดว้ ยวัย
หนุ่มถึงเพียงนี้…ไม่ทราบว่าศิษย์ที่น่านับถือของท่านอายุเท่าใด
กันในปี นี้?”
ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางกล่าวพลางแย้มยิม้ บางเบา
“ศิษย์รักของข้า ปี นี้อายุได้สิบแปดปี แล้ว”
เมื่อคํา “สิ บแปดปี ” หลุดออกมาจากปาก เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่มี
พลังฝี มือตํ่ากว่าชั้นลมปราณทราชย์ผไู ้ ม่สามารถตรวจสอบชั้น
ลมปราณของเซี่ยหยวนป้าได้ลว้ นไม่มีปฏิกิริยาใด ทว่า ใบหน้า
ของเฟิ งเหิ งคง เฟิ งเฟยเยียน รวมทั้งเหล่าผูอ้ าวุโสของพรรคเทพ
หงสาล้วนซีดขาวด้วยความตระหนก กระทัง่ หัวคิ้วของเย่ซิงหาน
ยังต้องขมวดมุ่นอยูค่ รู่ หนึ่ง
.เฟิ งเหิ งคงกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงประหลาดใจ ” เป็ นศิษย์คน
สนิทที่ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางรับมาโดยตรงอย่างที่คิดไว้
ด้วยวัยเพียงสิ บแปดปี เขาก็อยูใ่ นขอบเขตทรราชย์แล้วจริ งๆ !
ความสําเร็ จในอนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจํากัด ! ขอแสดงความ
ยินดีกบั ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางด้วยที่มีศิษย์ที่มี
พรสวรรค์เช่นนี้”
เฟิ งเหิ งคงไม่ได้ลดเสี ยงเนื่องจากมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง
ด้วยพลังลมปราณอันเข้มข้นของมัน เสี ยงนั้นจึงแพร่ กระจายไป
ทัว่ สนามประลองอย่างง่ายดาย เมื่อคําว่า ‘อายุสิบแปดปี ’ และ
‘ทรราชย์’ เปล่งออกจากปากของมัน ไม่มีผฝู ้ ึ กยุทธ์ผใู ้ ดในสนาม
ประลองที่ไม่ตะลึงงัน
อุ๊บบ…
หลิงเจี่ยสําลักลมหายใจออกมาทันที “ท…ทร..ทรราชย์ง้ นั
หรื อ !?”
“นรก… ในที่อื่นนั้นยากที่จะพบเห็นทรราชย์ซกั คนแม้แต่
ในรอบร้อยปี และถือเป็ นบุคคลที่ล้ าํ ค่ายิง่ แต่วนั นี้… อายุสิบแปด
ปี …ทรราชย์… แน่ใจนะว่าไม่ได้กาํ ลังล้อเล่น ?” ฮวาหมิงไห่สูด
ลมหายใจด้วยอาการสัน่ สะท้าน จากนั้นสี หน้ามันก็สงบลงโดย
พลัน ขณะที่กล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงแผ่วเบาว่า “แต่เมื่อเห็นแล้วว่ามัน
สนิทสนมกับลูกพี่หยุนเพียงใด ซํ้ามันยังเป็ นศิษย์คนสนิทของ
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน… ลูกพี่
หยุนก็ดูเหมือนจะรอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงทันที”
“โฮ่โฮ่” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางหัวร่ อให้เฟิ งเหิงคง
เบาๆ จากนั้นมันก็เบนสายตาไปทางเซี่ยหยวนป้า พลางกล่าว
ด้วยสุ ม้ เสี ยงอ่อนเบา “หยวนป้า ในฐานะศิษย์ของแดนศักดิ์ ถึงเจ้า
จะไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ เจ้าก็ไม่ควรร้องไห้ครํ่าครวญเช่นนี้
สงบจิตสงบใจ และมาทักทายท่านประมุขพรรคเทพหงสา”
ยามนี้ อารมณ์ของเซี่ยหยวนป้าก็น่ิงสงบลงดุจบ่อนํ้าได้ใน
ที่สุด มันหันไปรอบๆ แต่มิได้มองมาทางปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชาง มันกลับกวาดตามองศิษย์เทพหงสาที่ยงั ลอยตัวอยูก่ ลาง
อากาศด้วยดวงตาดุร้าย “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าใช่ไหมที่กล่าวว่าวายุ
ครามไม่มีใครอีกแล้ว !? ซํ้ายังต้องการจะรุ มโจมตีพี่เขยของข้า
พร้อมกันเก้าคน !? เช่นนั้นก็เข้ามาเลย มาเจอกับบิดานี่… เข้า
มา !!”
ก่อนหน้าตอนที่เซี่ยหยวนป้ารํ่าไห้ครํ่าครวญเสี ยงดังราวกับ
เด็กตัวเล็กๆ ศิษย์เทพหงสาทั้งเก้าคนยังรู ้สึกว่ามันน่าขัน ทว่าชัว่
ขณะที่สายตาของเซี่ยหยวนป้ากวาดมองมาทางพวกมัน พลัง
อํานาจที่ฉายชัดในดวงตาคู่น้ นั ก็ทาํ ให้พวกมันใจสัน่ ได้ในทันที
ด้วยเสี ยงที่คาํ รามลัน่ ทุกถ้อยคําของมันดังกระหึ่ มก้องฟ้า ทําให้
พวกมันสัน่ สะท้านถึงขั้นที่เลือดลมในร่ างแทบพลุ่งพล่านปั่นป่ วน
ทําให้พวกมันรู ้สึกแทบจะกระอักเลือดออกมา ณ ตรงนั้น
หยุนเช่อประเมินเซี่ยหยวนป้าอีกครั้ง และมันก็ตอ้ งตื่น
ตะลึงอย่างยิง่ เซี่ ยหยวนป้าที่มนั รู ้จกั คุน้ เคยนั้นอ่อนแอ ซื่อๆ เซ่อๆ
แต่เซี่ยหยวนป้าคนนี้ ที่อยูใ่ นถิ่นของพรรคเทพหงสา กําลัง
เผชิญหน้ากับเจ้าพวกหัวสู งและศิษย์ของพรรคเทพหงสา รัศมี
แววตา สุม้ เสี ยงของมันนั้นช่างเกรี้ ยวกราดกดขี่ข่มเหงจริ งๆ
ความรู ้สึกเช่นนี้… ราวกับว่ามันคือจักรพรรดิผอู ้ ยูเ่ หนือทุกผูค้ นที่
กําลังดูแลโลกใบนี้และชีวติ นับไม่ถว้ นอย่างยโสโอหัง และทุก
สรรพสิ่ งในสายตามันเป็ นเพียงสิ่ งมีชีวติ ที่ไม่มีความหมายอันใด !
“ชีพจรเทพราชันทรราชย์ของมันถูกปลุกขึ้นแล้วอย่าง
แท้จริ ง” สุ ม้ เสี ยงของจัสมินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้วา่
นางจะเคยบอกหยุนเช่อเมื่อนานมาแล้วว่าชีพจรลมปราณของเซี่ย
หยวนป้าเป็ นชีพจรเทพราชันทรราชย์ที่หายากยิง่ นางยังบอกว่า
ด้วยลักษณะนิสยั ของมันนั้น เป็ นไปไม่ได้เลยที่ปลุกชีพจรเทพ
ราชันทรราชย์ของมันให้ตื่นขึ้นมา ในทางกลับกัน สิ่ งนี้จะ
กลายเป็ นภาระหนักยิง่ ต่อเส้นทางการฝึ กยุทธ์ของมัน ทําให้พลัง
ลมปราณของมันหยุดอยูท่ ี่ขอบเขตปราณแรกเริ่ มเท่านั้น
ทว่าความเป็ นจริ งที่ปรากฏอยูต่ รงหน้าพวกมันก็คือ ชีพจร
เทพราชันทรราชย์ของเซี่ยหยวนป้าได้ต่ืนขึ้นแล้วอย่างแท้จริ ง !
บทที่ 445 เจตนาสั งหารแห่ งเทพหงสา
จัสมินเคยกล่าวไว้ ทันทีที่เส้นชีพจรปราณราชันทรราชย์ตื่น
ขึ้น ระดับพลังฝี มือของคนผูน้ ้ นั จะถีบทะยานสู งขึ้นสู่ ช้ นั
จักรพรรดิเพียงชัว่ ข้ามคืน กระทัง่ พุง่ สู่ ช้ นั ลมปราณทรราชย์ใน
ที่สุด ยามนั้น หยุนเช่อเพียงรู ้สึกเหลือเชื่อจนเกินไป กระทัง่ ถ้านี่
มิใช่ออกจากปากจัสมิน ชายหนุ่มย่อมไม่มีทางเชื่อ
ทว่า เมื่อยืนอยูข่ า้ งกายเซี่ยหยวนป้าในยามนี้ ผูซ้ ่ ึงสองปี
ก่อนเพียงมีระดับพลังชั้นปราณแรกเริ่ ม แต่กลับกลายเป็ นชนชั้น
ราชันทรราชย์ที่สามารถโยกคลอนกระทัง่ ประมุขพรรคเทพหง
สา! ชายหนุ่มจะไม่เชื่อได้อย่างไร
ใต้หล้านี้ ยังมีเส้นชีพจรลมปราณอันน่าแปลกประหลาด
เหนือจินตนาการเช่นนี้….ยิง่ กว่านั้น ยังปรากฏอยูท่ ี่เบื้องหน้าของ
ตน เป็ นเซี่ยหยวนป้าที่เติบโตมาด้วยกัน!
“การตื่นขึ้นของเส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์ จําต้องได้รับ
การกระตุน้ จากความรู ้สึกคิดครอบครองใต้หล้าอันเข้มข้นถึง
ที่สุด” จัสมินกล่าวเสี ยงเรี ยบเรื่ อย “มันจําต้องกอปรด้วยความรู ้สึก
กระหายอยากอํานาจอันไร้สิ้นสุ ดจนเกือบเป็ นความคลุม้ คลัง่ เมื่อ
นั้นเส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์จึงจะถือกําเนิด ก่อนหน้านี้มนั มี
ลักษณะนิสยั อ่อนแอยิง่ ดังนั้นเส้นชีพจรพิเศษของมันจึงไม่เคย
ตื่นขึ้นมา แต่ดูท่าสองปี ที่ผา่ นมา ลักษณะนิสยั ของมัน
เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง หากข้าคาดเดาไม่ผดิ สมควร
เนื่องมาจากการที่มนั ต้องทนมองเห็นเจ้าเสี ยสละชีวติ ช่วยเหลือ
มันโดยไม่อาจทําอย่างไรได้ กลับกลายเป็ นแรงกระทบมหาศาล
ต่อพื้นเพนิสยั ของมัน จากความเจ็บปวดใจถึงขีดสุดและการโทษ
ว่าตําหนิตนเอง ส่ งผลให้มนั ไม่ตอ้ งการเป็ นเพียงขยะไร้ประโยชน์
ที่เพียงเป็ นภาระอีกต่อไป”
“…” หยุนเช่อสะท้านหวัน่ ไหว ชายหนุ่มรับรู ้จากชางเยว่วา่
หลังจากตนเองถูกผนึกไว้ใต้ลานจัดสรรกระบี่ เซี่ยหยวนป้า
เดินทางจากไปเพียงลําพัง เซี่ยหยวนป้า ผูแ้ ต่เดิมมีลกั ษณะนิสยั ใจ
อ่อนยิง่ กลับตัดขาดพันธะทุกทางอย่างเด็ดขาด…ผูอ้ าวุโสจื่อแห่ง
สมาคมการค้าเดือนดับเองบอกกล่าวแก่ชายหนุ่มว่า เซี่ยหยวนป้า
เคยปรากฏกายในนครวิหคเทวะมาก่อน มันท้าประลองพรรค
ต่างๆราวคนคลุม้ คลัง่ แม้ทวั่ ร่ างจนเกลื่อนกล่นด้วยบาดแผล หาก
ยังไม่ยนิ ยอมหยุดยั้งจนลมหายใจสุ ดท้าย…
มองมาที่หยวนป้าอีกครั้ง เด็กหนุ่มเติบใหญ่แล้ว…เติบใหญ่
จนถึงระดับที่หยุนเช่อเองยังคาดไม่ถึงไปไกลห่าง จากเด็กหนุ่มที่
จําต้องพึ่งพาการปกป้องจากตนเอง เป็ นบุคคลที่ไม่ยนิ ยอมถูก
ผูค้ นหมิ่นแคลนอีกต่อไป เป็ นบุคคลที่กระทําการด้วยจิตใจ
ละเอียดอ่อน บุคคลที่ผคู ้ นทั้งหลายต่างต้องแหงนหน้ามองขึ้นไป
เป็ นชนชั้นเหนือราชันแห่งทวีปลมปราณฟ้า
เมื่อเผชิญพบพลังอํานาจสุ ดน่าเกรงขามจากเซี่ยหยวนป้า
ศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งเก้าสัน่ สะท้านหวาดหวัน่ ไม่ตอ้ งเอ่ยถึง
การลงมือโจมตี ไม่มีผใู ้ ดกล้าเอ่ยปากด้วยซํ้า ปรมาจารย์จิต
วิญญาณกู่ชางสัน่ ศีรษะกล่าวว่า “หยวนป้า นี่เป็ นการประลองยุทธ
จัดอันดับ ญาติพี่นอ้ งของเจ้าเองเข้าร่ วมการประลอง ดังนั้น เขา
มิได้ถูกรุ มล้อมโดยปราศจากเหตุผล กลับมายังข้างกายอาจารย์
ก่อน”
“ศิษย์ทราบ!” ใบหน้าแข็งทื่อดุดนั ราวศิลาของเซี่ยหยวนป้า
ยังคงไม่เปลี่ยนแปร บุคลิกลักษณะของเด็กหนุ่มยามนี้หนักแน่น
มัน่ คงอย่างยิง่ ยวด ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเป็ นอาจารย์ของมัน
หากมันกลับยังไม่ยอมอ่อนข้อ “และข้าเองเพิง่ เอ่ยปากออกไป
เช่นกัน ข้าเป็ นตัวแทนอาณาจักรวายุคราม ข้าจะร่ วมสู ศ้ ึกกับพี่เขย
นี่มีอนั ใดไม่เหมาะสม!?”
เฟิ งเฟยเยียนพลันสู ญเสี ยความเยือกเย็น มันกล่าวออกมา
ในทันที “การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิเป็ นการแข่งขันระหว่าง
อาณาจักรทั้งเจ็ด วายุครามเพียงสามารถมีผฝู ้ ึ กยุทธ์จากจักรวรรดิ
วายุครามเป็ นตัวแทน มิใช่ผใู ้ ดจะสามารถลงประลองได้! หาก
มิใช่เช่นนี้ นี่จะเรี ยกเป็ นการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิได้เช่น
ไร!”
“กฎข้อนี้ ข้าจะไม่ทราบได้อย่างไร!” เผชิญหน้าท่าทีข่ม
ผูอ้ ื่นของเฟิ งเฟยเยียน เซี่ยหยวนป้ากลับสวนกลับด้วยนํ้าเสี ยง
หนักแน่นเคร่ งขรึ มไม่ลงั เล “ขออภัยที่ตอ้ งทําให้ท่านผิดหวัง!
เนื่องเพราะเดิมทีขา้ คือชาววายุคราม! เหตใดจึงไม่อาจเป็ นตัวแทน
อาณาจักรวายุครามลงประลองเล่า!?”
ท่าทางดื้อรั้นยืนกรานของเซี่ยหยวนป้าส่ งผลให้ปรมาจารย์
จิตวิญญาณกู่ชางส่ งเสี ยงหัวร่ อออกมาในทันที จากนั้นจึงกล่าว
อย่างอับจนปั ญญาว่า “ศิษย์ของผูต้ ่าํ ต้อยเป็ นชาววายุครามจริ งๆ”
เฟิ งเฟยเยียนและผูค้ นที่หลงเหลือหน้าเปลี่ยนสี กรามของ
เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ในสนามประลองต่างอ้าค้าง…หยุนเช่อผูส้ ามารถ
พิชิตชัยเฟิ งซี ลวั่ ผูน้ ้ ีมาจากวายุคราม และราชันทรราชย์อายุสิบ
แปดปี ผูน้ ้ ี ก็มาจากอาณาจักรวายุครามเช่นกัน!!
อาณาจักรเล็กจ้อยที่สุดของทวีปลมปราณฟ้า อ่อนด้อยที่สุด
ทั้งยังถูกผูค้ นทั้งหกอาณาจักรหมิ่นหยาม หากชัว่ อายุคนที่ผา่ น
มา…ใช่ได้รับการเหลียวแลจากเทพเซียนองค์ใดขึ้นมางั้นหรื อ!?
“ผิดแล้ว!” เฟิ งเฟยเยียนสัน่ ศีรษะปฏิเสธโดยทันที “แดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ เป็ นตัวตนนอกเหนือจากจักรวรรดิท้ งั เจ็ด มิได้เป็ น
ส่ วนหนึ่งของจักรวรรดิใดๆ เมื่อเจ้าเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชัน และได้เข้าเป็ นศิษย์ของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางแล้ว
ยามนี้ยอ่ มต้องเป็ นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ มิได้เป็ นคนของ
จักรวรรดิใดทั้งสิ้ น ไม่มีสิทธิ์ ร่ วมลงประลองยุทธ”
ชัว่ เวลาที่เฟิ งเฟยเยียนกล่าวจบประโยค เซี่ยหยวนป้าหมุน
กายกลับหลัง คุกเข่าลงไปยังทิศทางของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชางในทันที “อาจารย์ ศิษย์อกตัญ�ู ศิษย์ขออนุญาตตัดขาด
ความสัมพันธ์ฉนั ท์ศิษย์อาจารย์ และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชัน ขอท่านอาจารย์ส่งเสริ มความปรารถนา”
การกระทําของเซี่ยหยวนป้า นํ้าเสี ยง กิริยาท่าทางทั้งหมด
แน่วแน่มน่ั คงอย่างถึงที่สุด ปราศจากความรี รอลังเลใดๆ นี่ส่งผล
ให้ทุกผูค้ นปากอ้าตาค้าง หัวใจสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง
ถึงยามนี้ กระทัง่ คนโง่เง่าที่สุดยังรับรู ้ถึงความรู ้สึกที่เซี่ย
หยวนป้าผูน้ ้ ีมีต่อหยุนเช่อ (แอร๊ ยย ความรู้ สึกอัลไล??? >///<)
เบื้องหน้าเหล่าผูเ้ หี้ ยมหาญแห่งพรรคเทพหงสา วาจาท่าทางของ
มันเหี้ ยมหาญองอาจอย่างถึงที่สุด ทว่าต่อหน้าหยุนเช่อแล้ว มัน
กลับกลายเป็ นเพียงเด็กชายขี้แย เพราะเพือ่ ต้องการร่ วมลง
ประลองกับหยุนเช่อ มันยังต้องการตัดขาดความสัมพันธ์ของ
ตนเองและแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันอย่างปราศจากความลังเลแม้
ส่ วนเสี้ ยว…ตัดขาดจากสถานที่ในความใฝ่ ฝันของผูฝ้ ึ กยุทธ์แห่ง
ทวีปลมปราณฟ้าทั้งทวีป
ปรมาจารย์ก่ชู างผูน้ ่ิงสงบเสมอมายังไม่อาจไม่จบั จ้องไป
เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ มันสัน่ ศีรษะ ก่อนกล่าววาจา
ด้วยความอึดอัดคับข้อง “หยวนป้า..เจ้า…เพราะเหตุใด?”
แววตาของเซี่ยหยวนป้ากระจ่างสดใส ไร้ร่องรอยของความ
ไม่มน่ั ใจหรื อตะขิดตะขวงใดๆ เด็กหนุ่มกล่าวเน้นยํ้าทีละคําว่า
“อาจารย์ ศิษย์อกตัญ�ู ทําให้ท่านต้องเสี ยใจ ทว่า สําหรับศิษย์
แล้ว พี่เขยเป็ นญาติสนิทเพียงหนึ่งเดียวที่ศิษย์มิอาจหันหลังให้ได้
ชีวติ แรกของศิษย์เป็ นบิดามารดาให้กาํ เนิด ชีวติ ที่สอง กลับเป็ น
พี่เขยใช้ชีวติ ของเขาแลกกลับมา! ในหัวใจของศิษย์ พี่เขยเปรี ยบ
ได้ดงั่ บิดามารดา ศิษย์ยอมสู ญเสี ยตนเอง สู ญเสี ยอาจารย์ สู ญเสี ย
แดนศักดิ์สิทธิ์ สู ญเสี ยกระทัง่ สวรรค์ หากจะไม่ยอมสู ญเสี ยบุคคล
อันเป็ นที่รัก!” (<<<<<<<<<<<<<<
กรี๊ สสสสสสสสสสสสสสสสสสสส แอร๊ ไม่ ไหวแล้ ววว อะไรจะ
ร้ อนเร่ าขนาดเน้ 55555555 สารภาพรั กออกสื่ อไปเลย หยวนป้า
สู้ ๆ อุคิอุคิ)
สี หน้าของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเครี ยดเคร่ งลง กลับ
ไม่ทราบว่าจะกล่าววาจาเยีย่ งไรดี เมื่อพบหน้าหยุนเช่อ การที่เซี่ย
หยวนป้าสู ญเสี ยการควบคุมตนเองจนพิลาบรํ่าไห้นบั ว่าสร้าง
ความตื่นตะลึงแก่มนั …เนื่องเพราะเซี่ยหยวนป้าที่มนั รู ้จกั จิตใจ
แข็งแกร่ งดุจเหล็กไหล มันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเซี่ยหยวนป้าจะ
สามารถกระทําการเกินเลยถึงขั้นนี้เพียงเพื่อหยุนเช่อ นี่พิสูจน์
ชัดเจนว่าพันธะความผูกพันระหว่างบุคคลทั้งสองไม่ธรรมดา
เพียงแค่ญาติสนิทเท่านั้น
ยามนี้ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางไม่อาจสํานึกเสี ยใจ
มากกว่านี้ได้อีกที่นาํ พาเซี่ยหยวนป้ามา ความก้าวหน้าของเซี่ย
หยวนป้าสร้างความตกตะลึงและสัน่ สะท้านทัว่ แดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชันอย่างใหญ่หลวง เส้นชีพจรลมปราณของมันแตกต่าง
จากมนุษย์โดยทัว่ ไป มันแอบแฝงไว้ดว้ ยระดับพลังที่แม้แต่ชนชั้น
ราชันจักรพรรดิยงั คงไม่อาจมองทะลุได้ หลายคนในแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเชื่อมัน่ ว่า ด้วยระดับความก้าวหน้าอันไม่น่า
เชื่อของเซี่ยหยวนป้า ความสําเร็ จในอนาคตของมัน ย่อมต้อง
เหนือลํ้ากว่าชั้นราชันจักรพรรดิอย่างไม่ตอ้ งสงสัย!!
หากเซี่ ยหยวนป้าตัดใจจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันจริ งๆ
เช่นนั้นจะเป็ นความสู ญเสี ยอย่างใหญ่หลวงต่อแดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชันทั้งแดนดิน
แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน เป็ นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าชาว
ยุทธ์เพียงใฝ่ ฝันหากไม่อาจเอื้อมถึง หากเป็ นเหล่าสุดยอดอัจฉริ ยะ
เชิงยุทธ์ท้ งั หลาย ไม่วา่ อย่างไร พวกมันล้วนกระหายคลัง่ ไคล้และ
ไม่มีทางปล่อยมือไปอย่างแน่นอน
ทันใด ฝ่ ามือข้างหนึ่งวางลงบนบ่าของเซี่ยหยวนป้า หยุน
เช่อตบลงบนบ่าของเด็กหนุ่มพร้อมกล่าวว่า “หยวนป้า ลุกขึ้น
เถอะ แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน คือจุดสุ ดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสี่ สามารถเข้าร่ วมสํานักอันโดดเด่นเป็ นอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้าได้เป็ นความใฝ่ ฝันของชาวยุทธ์ทุกรู ปนามบนทวีปนี้
เจ้าไม่ตอ้ งทําเพื่อข้าถึงเพียงนี้ ข้ารู ้วา่ เจ้าเกรงกลัวข้าถูกผูค้ นข่มเหง
รังแก แต่การจัดการกับผูค้ นเหล่านี้ เพียงข้าคนเดียว ล้วนเกินพอ”
“แต่…” เซี่ ยหยวนป้าหันกลับไป มันสามารถอ่าน
สถานการณ์ของหยุนเช่อในยามนี้ เห็นได้ชดั ว่าพี่เขยของมันเพิ่ง
ผ่านการศึกที่หนักหนาสาหัส พลังยุทธ์ยงั ลดทอนลงกว่าครึ่ ง ทว่า
ผูค้ นเก้าคนกําลังรุ มล้อมหยุนเช่อ ทั้งแต่ละคนยังอยูใ่ นสภาพที่
เหนือกว่า…นี่มนั ข่มเหงรังแกกันชัดๆ ! หากการประลองดําเนิน
ต่อไปเช่นนี้ การพ่ายแพ้เพียงนับเป็ นเรื่ องรอง แต่หากหยุนเช่อก
ระทําผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจร้ายแรงถึงขั้นเสี ยชีวติ
ณ เวลานี้ เซี่ ยหยวนป้ามีความสามารถปกป้องหยุนเช่อแล้ว
มันจะยินยอมให้ผอู ้ ื่นรังแกหยุนเช่อแม้เพียงเล็กน้อยได้เช่นไร!
แม้มนั จะต้องหันหลังแก่อาจารย์ มันยังยินยอมเป็ นเกราะกําบัง
ให้แก่ชายหนุ่ม ส่ งศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งเก้าให้พน้ ทางไป
หยุนเช่อสัน่ ศีรษะ “เมื่อเจ้ารับท่านปรมาจารย์ก่ชู างเป็ น
อาจารย์ เจ้านับเป็ นศิษย์ช้ นั ใน หากจากมาเช่นนี้ นับว่าเกินเลยไป
บ้าง ทั้งยังทําให้อาจารย์ของเจ้าต้องเสื่ อมเสี ยหน้าต่อหน้าผูค้ น ข้า
เข้าใจถึงความกังวลของเจ้า แต่วางใจเถอะ ข้าคนเดียวล้วน
เพียงพอแล้วจริ งๆ…ข้าจะอย่างไรก็เป็ นพี่เขยของเจ้า ข้าเคยทําให้
เจ้าต้องผิดหวังด้วยรึ ”
ดวงตาของเซี่ยหยวนป้าสาดประกายสับสนว้าวุน่ ภายใน
เด็กหนุ่มทบทวนถึงความชื่นชมประทับใจไม่สิ้นสุ ดที่มนั มีต่อ
พี่เขยตั้งแต่กาลก่อน กี่ครั้งคราที่หยุนเช่อกระทําการที่เป็ นไป
ไม่ได้ให้เป็ นไปได้…ในยามนั้น ในสายตาของมัน หยุนเช่อ
สามารถกระทําได้ทุกสิ่ ง ไม่วา่ ศัตรู เข้มแข็งเพียงไร แม้วา่ จะเป็ น
ตัวตนที่มนั มองว่ายิง่ ใหญ่ระดับตํานาน ยังคงต้องสิ้ นท่าภายใต้
เงื้อมมือของหยุนเช่อ
ไม่วา่ เมื่อไหร่ หยุนเช่อล้วนไม่เคยพ่ายแพ้
“ตกลง” แม้จะยังคงวิตกกังวลอยูใ่ นใจ หากความเชื่อมัน่ ที่
หยัง่ รากฝังลึกในจิตใจของเซี่ยหยวนป้าเพียงส่ งผลให้มนั ลังเล
เล็กน้อย เด็กหนุ่มผงกศีรษะอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งยินยอมเชื่อ
ฟัง “เช่นนั้น ข้าจะรออยูด่ า้ นข้าง คอยดูพี่เขยสัง่ สอนพวกมัน…
พี่เขย ขอท่านระมัดระวังให้ดีดว้ ย”
“วางใจ ชะตาข้ากล้าแข็งยิง่ แม้จะอยากตาย ยังไม่อาจตาย
ได้” หยุนเช่อหัวเราะ
เซี่ยหยวนป้าก้าวเดินลงไปหาปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง
ในทันที กระทัง่ ด้วยบุคลิกภาพสุ ขมุ นิ่งสงบราววารี เช่นปรามา
จารย์ก่ชู าง ยังมิอาจไม่ลอบรู ้สึกอิจฉาอยูภ่ ายใน ในฐานะอาจารย์
ยามมันต้องการให้เซี่ยหยวนป้าลงจากเวที เซี่ยหยวนป้าไม่เพียง
ปฏิเสธ หากยังถึงขั้นกล่าวว่าจะตัดขาดจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชัน ทว่าเมื่อหยุนเช่อเปิ ดปาก เพียงไม่กี่คาํ ลูกศิษย์ของมันกลับ
เดินลงเวทีอย่างเชื่อฟัง
เฮ้ ออออ….นี่เป็ นสถานการณ์ เยีย่ งไรกันแน่
ขณะเดียวกัน มันก็บงั เกิดความคิดประหลาดใจขึ้นในจิตใจ
เหตุใดหยุนเช่อจึงบอกให้เซี่ยหยวนป้าลงจากเวที? ด้วยสภาพ
ร่ างกายในปั จจุบนั แน่นอนว่ามันย่อมไม่อาจเอาชนะศิษย์พรรค
เทพหงสาทั้งเก้าได้ ใช่เป็ นเพราะมันไม่ตอ้ งการให้เซี่ยหยวนป้า
ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเพียงเหตุผลเดียวจริ งๆ?
เหล่าศิษย์พรรคเทพหงสาที่เดิมหน้าตาเคร่ งเครี ยดต่างผ่อน
ลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในที่สุด…นัน่ มันราชัน
ทรราชย์! ราชันทรราชย์ที่มีอายุสิบแปดปี ! หากมันเป็ นตัวแทน
อาณาจักรวายุครามขึ้นมาจริ งๆ เช่นนั้นพรรคเทพหงสาของพวก
มันจะขึ้นประลองหานรกอันใด?!! ต่อหน้าราชันทรราชย์ ไม่ตอ้ ง
พูดถึงราชันเก้าคน ถึงจะมีราชันเก้าสิ บคน ยังคงต้องถูกไล่ทุบตี
ราวสุ นขั
หากสี หน้าของเฟิ งเฟยเยียนและเฟิ งเหิ งคงกลับยิง่ มืดครึ้ มลง
กว่าเดิม
หยุนเช่ อผู้นีต้ ้ องตาย!
แต่ทว่า ญาติสนิทเปี่ ยมพรสวรรค์สูงส่ งน่าหวาดหวัน่ ของ
มันกลับปรากฏออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน!
ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นบุคคลที่ยนิ ดีสละทุกสิ่ งทุกอย่างในชีวติ
เพื่อปกป้องมัน! หยุนเช่อยามนี้ไม่ต่างจากมีเกราะกําบังเป็ นแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันทางอ้อมแล้ว!
เช่ นนั้น นี่ยงิ่ เป็ นเหตุผลทีม่ ันมิอาจไม่ ถูกกําจัด!!
หากพวกมันยังไม่ฉกฉวยโอกาสในวันนี้ ระหว่างการ
ประลองยุทธเพื่อสังหารชายหนุ่มอย่าง “ชอบธรรม” การตามล่า
สังหารหยุนเช่อหลังจากนี้จะกลายเป็ นยากเย็นอย่างถึงที่สุด! หาก
มันเติบใหญ่ข้ ึนไปภายหน้า มันจะกลับกลายเป็ นตัวปัญหาที่ไม่
เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของพรรคเทพหงสาอย่างแน่นอน
หยุนเช่อเหยียดร่ างขึ้นพร้อมกระชับทัณฑ์มงั กรในอุง้ มือ
ทัว่ ทั้งสนามประลองเงียบลงไปในอึดใจเมื่อสายตาทุกคู่จบั จ้องไป
ยังชายหนุ่ม…ไม่มีผใู ้ ดยินยอมเชื่อว่าหยุนเช่อจะสามารถโค่นล้ม
ราชันขั้นกลางทั้งเก้าคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากสู ญเสี ย
พลังยุทธ์มหาศาลไปกับการต่อสู อ้ นั ดุเดือดกับเฟิ งซีลวั่ เช่นนั้น
มันต้องการทําอะไรกันแน่? มันจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนั้นรึ ?
เมื่อปราศจากแรงกดดันเกรงขามน่าหวาดหวัน่ จากเซี่ย
หยวนป้า เหล่าศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งหมดสงบจิตระงับใจลงได้
ในท้ายที่สุด ต่างกดดันไปยังหยุนเช่ออีกครา…ชัว่ เวลานี้เอง ที่ขา้ ง
หูของพวกมันแต่ละคน ปรากฏเสี ยงของเฟิ งเหิ งคงถ่ายทอดมา
โดยตรงอย่างลับๆว่า
“ใช้เขตแดนเทพหงสาออกสุ ดกําลังในทันที! เผามันด้วย
เขตแดนแห่งราชันทั้งเก้าพร้อมๆกัน! อย่าได้เปิ ดโอกาสให้มนั
ยอมแพ้ หรื อให้ผอู ้ ื่นสามารถสอดมือเข้าช่วยมันได้โดย
เด็ดขาด! ….ลงมือ! ”
บทที่ 446 ระบําหงส์ เพลิงฟ้าสยายปี กทีแ่ ท้ จริง
วังหลวง อาณาจักรวายุคราม
บัดนี้ พระพักตร์ของชางว่านเฮ่อพลุ่งพล่านไปด้วยโลหิ ต
พระเนตรว่างเปล่าเหม่อลอย พระหัตถ์สนั่ สะท้านอย่างรุ นแรง…
รุ นแรงจนกระทัง่ ทําให้โต๊ะสัน่ ไหวตามไปด้วย
เพียงสิ บห้านาทีก่อน พระองค์ได้รับกระแสเสี ยงรวมทั้ง
ข้อความที่ถูกส่ งมาไกลกว่าหนึ่งแสนลี้ จากทั้งอาณาจักรมหาอสุ
รา อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์ อาณาจักรมารทมิฬ อาณาจักรหยาด
ทานตะวัน และอาณาจักรคลื่นนาวี ทีละอาณาจักร การส่ งกระแส
เสี ยงเหล่านี้ที่ตอ้ งสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมากกลับถูกส่ งมาจาก
ผูน้ าํ จากทั้งห้าอาณาจักร! ในกระแสเสี ยงที่ถูกส่ งมานั้น สุ ม้ เสี ยง
ทักทายของจักรพรรดิท้ งั ห้าทั้งตื่นเต้น ทั้งเปี่ ยมรักเปี่ ยมศรัทธา จน
เกือบจะเป็ นประจบประแจง ก่อนจะกล่าวออกมาว่าปรารถนาจะ
มาเยีย่ มเยือนอาณาจักรวายุครามเพื่อพบกับราชวงศ์วายุครามด้วย
ตนเอง ไต่ถามอย่างเกรงอกเกรงใจว่าเร็ วๆนี้พระองค์พอจะมีเวลา
บ้างหรื อไม่
เป็ นเช่นนี้ท้ งั ห้าอาณาจักร
ทว่าในอดีต อย่าว่าแต่กล่าวว่าจะมาเยือนเลย แม้วา่ วายุคราม
จะเชื้อเชิญจักรพรรดิท้ งั ห้าอาณาจักรนี้ดว้ ยความนอบน้อมอย่าง
สุ ดแสน พวกมันล้วนแล้วแต่ดูแคลนหรื อกระทัง่ รําคาญใจ อย่าง
มากก็ส่งขุนนางที่ตาํ แหน่งไม่ใหญ่โตนักมาผูห้ นึ่ง นานๆครั้งเมื่อ
มีโอกาสที่จกั รพรรดิท้ งั หกอาณาจักรได้พบปะกัน อาณาจักรทั้ง
ห้านี้ยงั กระทัง่ คิดดูแคลนที่จะมาใส่ ใจต่อจักรพรรดิวายุคราม
แต่บดั นี้ จักรพรรดิจากอาณาจักรทั้งห้าต่างก็แย่งชิงกันที่จะ
มาเยีย่ มเยือนพระองค์ดว้ ยตนเอง ด้วยเกรงว่าจะไม่ทนั การ พวก
มันยังใช้กระทัง่ ยันต์สื่อสารแสนลี้อย่างไม่คิดเสี ยดาย
อาณาจักรคลื่นนาวีได้บอกกล่าวต่อพระองค์วา่ หยุนเช่อแห่ง
อาณาจักรวายุคราม ได้รับอันดับหนึ่งในการประลองเจ็ด
จักรวรรดิอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มิใช่อนั ดับสอง แต่เป็ นอันดับที่หนึ่ง!! พิชิตชัยเหนือ
จักรวรรดิเทพหงสาจนได้รับอันดับที่หนึ่ง!
นี่เป็ นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่นามของอาณาจักรวายุ
ครามได้อยูเ่ หนือจักรวรรดิเทพหงสา!
ชางว่านเฮ่อนัง่ เหม่อลอยอยูเ่ ป็ นเวลานาน รู ้สึกพระองค์
อย่างชัดเจน…ว่าพระองค์กาํ ลังฝันไป การประจบประแจงจาก
จักรพรรดิท้ งั ห้าอาณาจักรเป็ นเครื่ องพิสูจน์ถึงความจริ งที่ราวกับ
ความฝันนี้ แต่พระองค์กย็ งั ไม่กล้าเชื่อถือ เพราะเรื่ องนี้ดูเพ้อฝัน
และเหนือจริ งจนเกินไป… ดูคล้ายภาพมายาเสี ยยิง่ กว่าความฝัน
หยุนเช่อนั้นแข็งแกร่ งอย่างยิง่ ก็จริ ง แต่ชายหนุ่มทําได้เพียง
ทําร้ายหลิงเทียนหนี่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
ทว่าฝั่งนั้นคือจักรวรรดิเทพหงสา คือพรรคเทพหงสา!!
ยิง่ ไปกว่านั้น พระองค์รู้ชดั เจนยิง่ กว่าผูใ้ ดว่าหยุนเช่อเข้า
ร่ วมการประลองเพียงลําพัง! แต่ขอ้ ความที่พระองค์ได้รับเมื่อเช้านี้
กลับประกาศชัดเจนว่าตารางการประลองเจ็ดจักรวรรดิในครานี้
ถูกย่นระยะเวลาให้ส้ นั ลง ทําให้ทุกการประลองกลายเป็ นการ
ประลองแบบกลุ่ม!
หากข่าวที่ส่งมากล่าวว่าหยุนเช่อที่เป็ นตัวแทนอาณาจักร
วายุครามได้รับอันดับที่สอง พระองค์ยงั คงทําใจเชื่อถือได้ แต่การ
เอาชนะจักรวรรดิเทพหงสาและได้รับอันดับหนึ่ง… ทําได้เพียง
ทําให้พระองค์คิดว่ากําลังฝันไปเท่านั้น
เสี ยงฝี เท้าอันเร่ งร้อนดังขึ้น ในเวลาเพียงไม่นาน ขันทีส่วน
พระองค์เร่ งถลันเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน มันสะดุดธรณี ประตู
และหน้าทิ่มลงกับพื้นอย่างรุ นแรง เมื่อมันลุกขึ้นมันกลับล้มลงอีก
ครั้ง พร้อมกับกู่ร้องด้วยเสี ยงแหบโหย “ฝ่ าบาท! สวรรค์ประทาน
พรแล้ว… สวรรค์ประทานพรแล้ว! มีขอ้ ความส่ งมาจากจักรวรรดิ
เทพหงสา…ในการประลองเจ็ดจักรวรรดิครานี้ ราชบุตรเขยแห่ง
วายุครามของพวกเราใช้เพียงมือเดียวโค่นล้มยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์
อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิเทพหงสา ก่อนที่จะเอาชนะการโจมตี
สอดประสานจากราชันระดับกลางถึงเก้าคน คว้าตําแหน่งอันดับ
หนึ่งมาได้… ข่าวนี้ กระหม่อมตรวจสอบความจริ งนับสิ บๆ ครั้ง
มันเป็ นเรื่ องจริ งแท้แน่นอน…จริ งแท้แน่นอน!!”
ชางว่านเฮ่อลุกขึ้นยืน พระพักตร์พลุ่งพล่านด้วยโลหิ ตจน
แดงฉาน พระโอษฐ์สนั่ สะท้าน พระองค์ตื่นเต้นเสี ยจนมิอาจกล่าว
คําใดออกมาได้ แรกเริ่ มเดิมที ครั้งที่หยุนเช่อในฐานะตัวแทน
ราชวงศ์วายุครามได้รับตําแหน่งอันดับหนึ่งในการประลองยุทธ์
วายุคราม พระองค์ต่ืนเต้นยินดีอย่างยิง่ แต่การประลองเจ็ด
จักรวรรดิและการประลองยุทธ์วายุครามแตกต่างกันราวกับขาว
กับดํา หนึ่งคือผืนฟ้า อีกหนึ่งคือพื้นดิน การชนะงานประลองยุทธ์
วายุครามช่วยให้ราชวงศ์วายุครามกลับมามีเกียรติมีศกั ดิ์ศรี ใน
อาณาจักรวายุครามได้อีกครั้ง แต่ข่าวคราวที่พระองค์ได้รับใน
วันนี้ หากเป็ นความจริ งจะทําให้อาณาจักรวายุครามขึ้นสู่ จุดสู งสุ ด
แห่งทวีปลมปราณฟ้า! นี่เป็ นความฝันที่ไม่อาจเอื้อมของ
อาณาจักรวายุครามมานานกว่าพันปี
เซี่ ยวเหล่ยซึ่งนัง่ อยูด่ า้ นข้างนิ่งสงบกว่าชางว่านเฮ่อมากนัก
ชายชราเปิ ดปากถาม “ที่นน่ั หยุนเช่อพบปัญหาใดเรื่ องสายโลหิ ต
เทพหงสาบ้างหรื อไม่?”
ขันทีกล่าวตอบทันควันอย่างตื่นเต้น “ในลานประลอง ราช
บุตรเขยได้เผชิญหน้าครั้งใหญ่กบั พรรคเทพหงสาเนื่องเพราะ
สายโลหิ ตเทพหงสา ทว่าองค์หญิงหิ มะแห่งราชวงศ์เทพหงสาได้
ยืนยันด้วยพระองค์เองว่าสายโลหิ ตของราชบุตรเขยมิได้มีตน้
กําเนิดจากพรรคเทพหงสา หากแต่มาจากเทพหงสาอีกแห่งหนึ่ง
จักรพรรดิเทพหงสาก็ให้สญ ั ญาว่าจากนี้ไปพวกเขาจะไม่โจมตี
ราชบุตรเขยจากเรื่ องสายโลหิ ตอีก… นี่ถือเป็ นพรจากสวรรค์โดย
แท้จริ ง!”
“ประเสริ ฐ…ประเสริ ฐยิง่ !” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะอย่าง
เชื่องช้า พระองค์ตื่นเต้นตื้นตันเสี ยจนหลัง่ นํ้าตา ก่อนที่จะรี บรุ ด
เดินไปหาเซี่ ยวเหล่ย และร้อนใจจนทิ้งมาดทั้งหมดแห่งจักรพรรดิ
เสี ยสิ้ น “ผูอ้ าวุโสเซี่ ยว ท่านได้เลี้ยงดูบุตรแห่งสวรรค์แล้ว…
อาณาจักรวายุครามของข้าได้มีหยุนเช่อ นับเป็ นพรจากสวรรค์
อย่างแท้จริ ง!”
“จงรี บประกาศเรื่ องนี้ไปทัว่ อาณาจักรวายุครามโดยเร็ ว
ที่สุด! และจงรับราชโองการ จากวันนี้ไป… ทั้งอาณาจักรจะได้รับ
อภัยโทษทั้งหมด และราษฏรทั้งหมดจะไม่ตอ้ งเสี ยภาษีไปอีกสาม
ปี !”
“และรี บส่งราชโองการไปยังเจ้าวังฉิน ให้เขาเร่ งขยายสาขา
วังยุทธ์ให้มากขึ้นโดยพลัน”
“การตระเตรี ยมของขวัญแก่หา้ อาณาจักรเป็ นอันยกเลิก!”
“จงรี บจัดงานเลี้ยงฉลอง วันนี้ขา้ จะดื่มให้สาํ ราญ ฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่า….”
———————————————————————
“ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อคารวะผูอ้ าวุโสกู่ชาง ขอบคุณผูอ้ าวุโสกู่ชาง
ที่ช่วยพูดให้ผเู ้ ยาว์ก่อนหน้านี้” หยุนเช่อคุกเข่าคารวะตามธรรม
เนียมต่อปรมาจารย์จิตกู่ชาง
รอบกายปรมาจารย์จิตกู่ชางมิได้แผ่กระแสพลังใดๆ ออกมา
เลยแม้แต่นอ้ ย ดูภายนอกราวกับเป็ นชายชราผมขาวธรรมดาที่
จิตใจดีผหู ้ นึ่ง หากมีผฝู ้ ึ กยุทธ์เดินสวนกับชายชรา คงไม่มีผใู ้ ด
คาดคิดได้วา่ เบื้องหน้ามันคือราชันจักรพรรดิในตํานาน ผูอ้ ยู่
จุดสู งสุ ดแห่งทวีปลมปราณฟ้า ชายชราไม่เพียงไม่มีกระแสพลัง
ปราณแผ่ออกจากร่ าง แต่บุคลิกของชายชรายังปราศจากความ
โอหังหรื อความกดดันใดๆ มีเพียงรังสี พลังอันอ่อนบางเท่านั้น
ปรมาจารย์จิตกู่ชางพยุงหยุนเช่อให้ลุกขึ้นยืนอย่างสนิท
สนม ก่อนจะเผยยิม้ บางและพยักหน้า “ประเสริ ฐยิง่ เจ้ามิเพียงมี
พรสวรรค์และพลังอันน่าอัศจรรย์ บุคลิกและจิตใจของเจ้ายัง
เหนือกว่าคนรุ่ นราวคราวเดียวกัน ผูใ้ ดจะคาดคิดว่ายุคนี้จะมี
บุคคลแปลกประหลาดน่าพิศวงถึงสองคนมาจากอาณาจักรที่เคย
เล็กจ้อยและอ่อนแออย่างวายุคราม”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์จิตกู่ชางที่ชื่นชม” หยุนเช่อแย้มยิม้
เมื่อได้ยนิ ปรมาจารย์จิตกู่ชางเอ่ยชมหยุนเช่อ เซี่ยหยวนป้าปิ
ติตื่นเต้นยิง่ กว่าตนเองได้รับคําชม เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นอย่างเร่ งรี บ
“พี่เขยสุ ดยอดจริ งๆ! ต่อไปท่านจะต้องเป็ นคนที่น่าประทับใจ
ที่สุดในโลกแน่ๆ”
“ฮ่าฮ่า” ปรมาจารย์จิตกู่ชางหัวเราะอย่างอ่อนโยน หยุนเช่อ
ทําให้มนั ตื่นตะลึง ทั้งมันยังเห็นความสัมพันธ์อนั แน่นแฟ้น
ระหว่างชายหนุ่มและเซี่ยหยวนป้า ปกติแล้วบุคลิกของคนผูห้ นึ่ง
ยากยิง่ ที่จะเปลี่ยนแปลง ทว่าเซี่ยหยวนป้าเบื้องหน้าหยุนเช่อช่าง
แตกต่างจากเซี่ยหยวนป้าที่ชายชรารู ้จกั ราวกับเป็ นคนละคน
“หยุนเช่อ เจ้าสนใจการขึ้นไปยังนาวาปราณบรรพกาลวัน
พรุ่ งนี้หรื อไม่?” กู่ชางถาม
หยุนเช่อพยักหน้า “กล่าวตามจริ ง ผูเ้ ยาว์อยากจะขึ้นไป
สํารวจอย่างยิง่ …แม้วา่ การเดินทางนี้อาจจะอันตรายก็ตาม”
“อืมม์” ปรมาจารย์จิตกู่ชางพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า ชาย
ชราย่อมเข้าใจดีวา่ “อันตราย” ที่หยุนเช่อกล่าวถึงคือสิ่ งใด แม้วา่
เฟิ งเหิ งคงจะให้สญ ั ญาต่อหน้าผูค้ นว่าจะไม่เล่นงานหยุนเช่อเรื่ อง
สายโลหิ ตอีก แต่ไม่มีผใู ้ ดเชื่อถือแน่วา่ พรรคเทพหงสาจะยอมจบ
เรื่ องราวทั้งสิ้ นเช่นนี้ ปรมาจารย์จิตกู่ชางจึงเอ่ยปากออกก่อน “เมื่อ
เป็ นเช่นนี้ คืนนี้เจ้ามานอนทีบา้ นพักของเราเป็ นอย่างไร?”
ดวงตาของเซี่ยหยวนป้าเป็ นประกายพร้อมกับพูดอย่างร้อน
รน “ดี เยีย่ มเลย! พรรคเทพหงสาตระเตรี ยมที่พกั สําหรับพวกเรา
ไว้แล้ว พี่เขยควรจะมานอนที่บา้ นพักเดียวกับเรา ข้ามีหลายเรื่ อง
อยากจะเล่าให้พี่เขยฟัง”
หยุนเช่อไม่ลงั เล ชายหนุ่มพยักหน้าโดยพลัน ชายหนุ่มเองก็
มีเรื่ องอยากถามเซี่ยหยวนป้าหลายเรื่ องเช่นกัน อีกทั้งชายหนุ่มยัง
ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องที่พรรคเทพหงสาจะลอบโจมตียามคํ่าคืนหาก
เขาได้พกั ในบ้านพักเดียวกับปรมาจารย์จิตกู่ชาง “เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ขอ
รับคําเชิญจากท่าน”
“เยีย่ มไปเลย!” เซี่ยหยวนป้าเริ งร่ าจนเริ่ มเต้นรํา “เช่นนั้นเรา
กลับกันเถอะ พี่เขย ข้ามีคาํ ถามอยากถามท่านมากมาย อย่างเช่น
ท่านออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ได้อย่างไร พี่ใหญ่เป็ นอย่างไร
บ้าง ท่านแข็งแกร่ งขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วก็ แล้วก็…”
ขณะที่หยุนเช่อกําลังจะตอบคํานั้นเอง ชายหนุ่มก็เห็นร่ าง
ของหลิงเจี่ยอยูใ่ นฝูงชน รวมทั้งคนที่เด็กหนุ่มกําลังพูดคุยด้วย…
“ผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์ขอตัวก่อน”
หยุนเช่อหันกายอย่างฉับพลันพร้อมกับรี บสาวเท้าเข้าไปหา
เด็กหนุ่ม
“เจี่ยน้อย!” หยุนเช่อตะโกนเรี ยกเมื่อเดินเข้าไปใกล้
หลิงเจี่ยหันขวับจนเกิดเสี ยง “วูบ” ดวงตาของเด็กหนุ่มเปล่ง
ประกายพร้อมกับรี บรุ ดปรี เข้ามาอย่างปิ ติยนิ ดี ในแววตามี
ประกายระยิบระยับ “ลูกพี่! หวา หวาาา! ท่านสุ ดยอดไปเลยวันนี้
เท่สุดๆ… เอ๋ ว่าแต่ ลูกพี่ ทําไมท่านมาอยูท่ ี่นี่?”
“คําถามนี้ขา้ ควรจะถามเจ้ามากกว่า ทําไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้?”
หยุนเช่อถามกลับ
“ฮี่ฮี่” หลิงเจี่ยเกาหน้าผาก “จริ งๆแล้ว สองวันหลังจากลูกพี่
ออกมาจากวังหลวง จักรพรรดิวายุครามประกาศว่าท่านเป็ น
ตัวแทนอาณาจักรวายุครามเข้าร่ วมการประลองเจ็ดจักรวรรดิ พอ
ข้าได้ข่าวข้าก็ตดั สิ นใจมาที่นี่… ข้าไม่ได้มาเสี ยเที่ยวจริ งๆด้วย!
ลูกพี่ ท่านรู ้ไหม?! ตอนนี้ท่านไม่ได้เป็ นเพียงตํานานแห่ง
อาณาจักรวายุคราม แต่เป็ นตํานานแห่งทวีปลมปราณฟ้าทั้งทวีป!”
เพื่อชายหนุ่มแล้ว หลิงเจี่ยไม่ลงั เลเลยที่จะเดินทางไกลกว่า
แสนลี้เพียงลําพัง ในลานประลอง เด็กหนุ่มเสี่ ยงที่จะเป็ นอันตราย
เสี่ ยงตกเป็ นเป้าหมายของพรรคเทพหงสาเพื่อตะโกนให้กาํ ลังใจ
หยุนเช่อด้วยเรี่ ยวแรงทั้งหมดที่มี กระทัง่ กล้าตั้งคําถามต่อพรรค
เทพหงสา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทาํ ให้ดวงใจของหยุนเช่อตื้นตัน ชาย
หนุ่มยืน่ มือไปตบบ่าหลิงเจี่ย ก่อนจะมองไปยังฮวาหมิงไห่ดว้ ยสี
หน้าแปลกประหลาดพิกล
สิ่ งที่ชายหนุ่มสงสัยมิใช่เหตุใดฮวาหมิงไห่จึงพรางตัวอย่าง
ธรรมดาสามัญเช่นนี้ แต่เป็ น… เหตุใดสองคนนีจ้ ึงมาอยู่ด้วยกัน
ได้ !?
“ฮี่ฮี่” ฮวาหมิงไห่จบั คางพร้อมกล่าวอย่างจริ งใจ “ลูกพี่หยุน
ก่อนหน้านี้ที่ขา้ ชื่นชมท่านเป็ นเพราะท่านจับข้าได้ ทั้งยังช่วยชีวติ
ภรรยาของข้า แต่ตอนนี้… ข้า เยีย่ นเสี่ ยวฮวา ชื่นชมบูชาท่านราว
กับ…”
“พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มาก” หยุนเช่อเอ่ยขัดฮวาหมิงไห่
พร้อมกล่าวอย่างระมัดระวัง “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าตะโกน
ช่วยเหลือข้า มีโอกาสที่พรรคเทพหงสาจะเพ่งเล็งพวกเจ้า หากว่า
พรรคเทพหงสาสร้างปัญหาให้แก่พวกเจ้า จงรี บส่งสัญญาณเสี ยง
หาข้าในทันที”
“จิ๊ เหตุใดข้าจะต้องเกรงกลัวพรรคเทพหงสาด้วย?” ฮวา
หมิงไห่เผยสี หน้าดูแคลน ในสายตาของมัน พรรคเทพหงสาทําได้
เพียงกินขี้ฝนจากก้
ุ่ นของมันเท่านั้น
หลิงเจี่ยตบอกของตนเองและกล่าวอย่างไม่ใส่ ใจ “ลูกพี่
ท่านวางใจได้ ท่านตาของข้าเป็ นถึงผูอ้ าวุโสแห่งแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ แค่ขา้ เปิ ดเผยฐานะพวกมันก็ไม่กล้าทําอะไรแล้ว”
“อะไรนะ? ตาของเจ้ามาจากแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ทั้งยัง
เป็ นถึงผูอ้ าวุโส?” ฮวาหมิงไห่จบั จ้องด้วยตาเบิกกว้าง ก่อนที่จะ
กล่าวด้วยสี หน้าขุ่นเคือง “เจ้าเป็ นเพียงเด็กน้อยใจร้อน อ่อนแอ
ราวกับพวกขยะ แต่กลับมีเบื้องหลังยิง่ ใหญ่น่าอัศจรรย์เช่นนี้!
โลกนี้ไม่ยตุ ิธรรมเลย!!”
“ท่านตาของเจ้า?” หยุนเช่อมีสีหน้าประลาดใจ
หลิงเจี่ยพยักหน้ากล่าวตอบ “ก่อนหน้านี้ท่านแม่เลือกท่าน
พ่อมากกว่าท่านตา ทําให้ท่านตาโกรธมาก เมื่อไม่กี่วนั ก่อน ท่าน
พ่อกับท่านแม่พาข้าและพี่ใหญ่ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เดชาสวรรค์เพื่อ
ไปพบท่านตา ท่านแม่และท่านตาพูดคุยสะสางเรื่ องราวกันได้ใน
ที่สุด เอ…ท่านตากระทัง่ ดูชื่นชอบข้าอย่างมาก และบอกว่าจะ
ถ่ายทอดเคล็ดกระบี่เดชาสวรรค์ท้ งั หมดให้แก่ขา้ ฮี่ฮี่”
แววตาของหยุนเช่อแปรเปลี่ยนเป็ นซับซ้อนในพริ บตา ชาย
หนุ่มพยักหน้าและส่ งยิม้ บางให้แก่หลิงเจี่ย “เมื่อเป็ นเช่นนี้ขา้ ก็
วางใจ ข้าต้องเตรี ยมการขึ้นไปยังนาวาปราณบรรพกาลในวัน
พรุ่ งนี้ คงไม่ได้อยูก่ บั พวกเจ้า เจี่ยน้อย เจ้าอยูใ่ นนครวิหคเทวะได้
อีกสองสามวัน หลังจากสํารวจนาวาปราณบรรพกาลเสร็ จสิ้ น ข้า
จะกลับไปยังอาณาจักรวายุครามพร้อมกับเจ้า”
“ตกลง!!” หลิงเจี่ยตอบอย่างตื่นเต้น
“ถ้าเป็ นไปได้ สองสามวันนี้รบกวนเจ้าดูแลเจี่ยน้อยด้วย”
หยุนเช่อบอกฮวาหมิงไห่
“ไม่มีปัญหา! ดูแลน้องชายอ่อนแอบอบบางเช่นนี้ไม่
ยากเย็นอยูแ่ ล้ว” ฮวาหมิงไห่ตอบรับอย่างจริ งจัง เมื่อหลิงเจี่ยได้
ยินเช่นนั้นก็มองกลับอย่างดูแคลน
หยุนเช่อหัวเราะก่อนจะหันกลับไปทางปรมาจารย์จิตกู่ชาง
เดินคู่กบั เซี่ ยหยวนป้าไปยังบ้านพักรับรองในนครวิหคเทวะ
ฮวาหมิงไห่หนั หลังกลับ สี หน้ายิม้ แย้มหายวับในพริ บตา
กลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ มหนักอึ้ง…
ดูเหมือนว่ าเขาจะมีเรื่ องขัดแย้ งบางอย่ างกับแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ … ไม่ ใช่ สิ! สมควรเป็ นความแค้ น ทั้งยังเป็ นแค้ นที่ต้อง
ชําระ!
เมื่อนึกถึงแววตาที่เปลี่ยนแปลงในฉับพลันของหยุนเช่อยาม
ที่หลิงเจี่ยเอ่ยถึงแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ฮวาหมิงไห่พึมพํากับ
ตนเองเป็ นเวลานาน
บทที่ 452 หยวนป้าทีต่ ื่นขึน้
นี่คือภายในนาวาปราณบรรพกาล หากมิเพียงไม่มืดมิด
กลับสว่างเจิดจ้ายิง่ หยุนเช่อมองไปเบื้องหน้าก่อนจะกลับ
กลายเป็ นใบ้กิน เนื่องเพราะสายตาของเขาคือทุ่งหญ้าสี เขียวชอุ่ม
ไร้สิ้นสุ ด! สุ ดขอบทุ่งหญ้ายาวเหยียดจรดเส้นขอบฟ้า
“ว้าวว! เป็ นอย่างที่อาจารย์เคยบอกไว้จริ งๆ!” เซี่ยหยวนป้า
เข้ามาในนาวาปราณบรรพกาลเป็ นคราแรก เด็กหนุ่มตื่นตะลึง
อย่างยิง่ ยวด เขาเริ่ มต้นกล่าววาจาไม่หยุดยั้ง “อาจารย์กล่าวว่าที่นี่มี
กฏแห่งมิติที่แตกต่าง ภายในมีโลกอีกใบดํารงอยู่ เมื่อมองจากที่น้ ี
ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่านี่คือภายในของนาวาปราณบรรพกาล”
“โลกภายในของมันเอง?” สี หน้าของหยุนเช่อเผยแววตื่น
ตะลึง ขณะเดียวกัน สุ ม้ เสี ยงของจัสมินดังขึ้น “อย่างที่คาด กฏ
แห่งมิติของที่นี่แตกต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้ นเชิง! ดูคล้าย
พื้นที่ถายในของสถานที่น้ ีกลับมากกว่าที่เห็นอยูภ่ ายนอก! หรื อ…
อาจสามารถใหญ่กว่าทวีปลมปราณฟ้าหลายเท่า…อาจใหญ่กว่า
เป็ นสิ บล้านเท่าก็เป็ นได้!”
หยุนเช่อ “…”
ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มราบเรี ยบอย่างยิง่ ไม่อาจมองเห็นขอบเขต
ได้ ที่สะดุดตามีเพียงข่ายเวทย์ขนาดสามเมตรที่สะท้อนประกายสี
แดงอยูไ่ ม่ไกล เฟิ งเหิ งคงและเหล่าศิษย์พรรคเทพหงสายืนราย
ล้อมตราผนึก ท่าทีระแวดดระวัง
“มิติในที่น้ ีแปลกประหลาดยิง่ บนทวีปลมปราณฟ้า หากทิ้ง
ตราผนึกไว้เช่นนี้โดยไม่แตะต้อง ย่อมต้องเสื่ อมสภาพไปภายใน
ห้าพันปี ทว่าตราผนึกที่ถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของเรานี้กลับ
อ่อนแรงลงแปดในสิ บส่ วนจากสามร้อยปี ที่ผา่ นมา” เฟิ งเหิ งคง
ขมวดคิ้วยามกล่าววาจา
“ทว่า พลังที่หลงเหลือยังคงเพียงพอในการเคลื่อนย้ายพวก
เรามายังสถานที่ครั้งสุ ดท้ายที่ถูกสํารวจได้” เฟิ งเฟยเยียนชักมือ
กลับจากตราผนึกก่อนกล่าวโดยสํารวม นาวาปราณบรรพกาล
ใหญ่โตเกินไป ระยะเวลาสํารวจเพียงยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงไม่เพียงพอ
ดังนั้น หลังการสํารวจทุกครั้ง พรรคเทพหงสาจะทิ้งตราผนึกไว้
เมื่อนาวาปราณบรรพกาลเปิ ดออกอีกครั้ง ล้วนสามารถเคลื่อนย้าย
พวกมันมายังจุดสุ ดท้ายที่สาํ รวจค้างไว้พอดี
“เสริ มกําลังผนึกเดิมก่อน จากนั้นค่อยเริ่ มการสํารวจ” เฟิ ง
เหิ งคงกล่าวอย่างหนักแน่น
“รับทราบ!”
ราชันทรราชย์กว่ายีส่ ิ บคนลงมือเคลื่อนไหวโดยพร้อม
เพรี ยง ถ่ายทอดพลังยุทธ์ลงไปในผนึก รัศมีพลังมืดมนของตรา
ผนึกสว่างเรื องขึ้นอย่างรวดเร็ ว
หลังเสริ มกําลังผนึก เฟิ งเหิ งคงหมุนกายกลับมากล่าวว่า
“ท่านแขกผูเ้ กียรติจากแดนศักดิ์สิทธิ์และหกจักรวรรดิ ต้องการ
เดินทางสํารวจนาวาด้วยกันหรื อไม่? การสํารวจรุ่ นก่อนสามารถ
เข้าไปได้ไกลหนึ่งหมื่นห้าพันกิโลเมตรแล้ว แม้สุดท้ายไม่พบสิ่ ง
ใด หากไม่มีผใู ้ ดทราบว่าครานี้อาจเกิดการค้นพบวัตถุบรรพกาลลี้
ลับใดขึ้นก็เป็ นได้ ยิง่ เข้าไปลึกมากขึ้นยิง่ เปี่ ยมอันตราย ระยะหนึ่ง
หมื่นห้าพันกิโลเมตรเป็ นระยะที่สามารถพบพานสัตว์อสู รชั้น
ทรราชย์ อันตรายอย่างยิง่ ความเข้มแข็งของบุคคลเพียงคนเดียว
ไม่อาจเอาชนะอุปสรรคได้ การร่ วมมือกันจึงประเสริ ฐสุ ด ผูท้ ี่
ต้องการไปด้วยกัน โปรดก้าวเข้ามาในผนึกปราณนี้ ผูท้ ี่ตอ้ งการ
เดินทางอย่างอิสระ ล้วนตามแต่ใจท่าน ทว่า…” เฟิ งเหิ งคงหยุด
วาจาชัว่ ครู่ ก่อนกล่าวแผ่วเบา “ผูท้ ี่มิใช่ชนชั้นทรราชย์ลว้ นลืมไป
ได้เลย การก้าวเข้าสู่ตราผนึกนี้ ล้วนไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย”
ท่ามกลางผูค้ นทั้งหมดสามสิ บหกคน เพียงห้าคนมีพลังฝี มือ
ตํ่ากว่าชั้นทรราชย์ นัน่ คือหยุนเช่อ ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรมาร
ทมิฬอีกสองคน และเยว่จีและเหม่ยจีที่เย่ซิงหานพามาด้วย
นาวาปราณบรรพกาลปรากฏขึ้นหนึ่งครั้งในรอบสามร้อยปี
เมื่อเข้ามาแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องเลือกเดินทางสํารวจร่ วมกันไป
เบื้องหน้า ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางกล่าวถามว่า “หยวนป้า จะ
ไปกับอาจารย์หรื อไม่?”
เซี่ ยหยวนป้าสัน่ ศีรษะในทันที “ไม่จาํ เป็ น สาเหตุที่ศิษย์
ติดตามท่านอาจารย์มายังที่น้ ีลว้ นเพื่อเปิ ดหูเปิ ดตา มิใช่ความ
ปรารถนาอื่นใด ดังนั้น ข้าไม่ไปกับท่าน พี่เขยกับข้าจะเดินทาง
ผจญภัยไปด้วยกัน”
เมื่อหยุนเช่ออยูท่ ี่น้ ี กู่ชางเองทราบดีวา่ เซี่ยหยวนป้าย่อมต้อง
ตอบเช่นนี้ มันผงกศีรษะรับ “เช่นนั้นก็ดี ทว่า แม้เหล่าสัตว์อสูรใน
ที่น้ ีมิได้เป็ นอันตรายเท่าใด ยังคงมีความพิเศษเฉพาะยิง่ ไม่มีผใู ้ ด
ทราบว่าอันตรายแฝงอยูท่ ี่ใด ระมัดระวังตัวให้มากไว้”
“ยังมี เจ้าต้องท่องจําสิ่ งที่อาจารย์เคยบอกให้ข้ ึนใจ…ทันทีที่
ประตูนาวาเปิ ดออก มันจะหายไปอีกครั้งภายในยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมง เมื่อ
ใกล้ครบกําหนดเวลา มิติในที่น้ ีลว้ นสัน่ สะเทือน หากเจ้ารู ้สึกว่า
มิติเริ่ มเกิดอาหารไหวกระเพื่อม ต้องกลับออกสู่ ที่โล่งในทันที
เช่นนี้ เมื่อครบยีส่ ิ บสี่ ชว่ั โมง เจ้าจะถูกบีบบังคับส่ งกลับไป
ภายนอกเอง ทว่า หากเจ้าติดอยูใ่ นถํ้า หุบเขา หอคอย หรื อสิ่ งอื่นๆ
เจ้าจะถูกกักอยูใ่ นนี้และหายไปพร้อมนาวาปราณบรรพกาล ก่อน
หน้านี้มีบรรพบุรุษของเราที่ตอ้ งเผชิญพบชะตากรรมเลวร้าย
เช่นนั้น จิตวิญญาณของพวกมันล้วนสลายหายไปสิ้ น! จําไว้ให้
ดี!”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว” เซี่ยหยวนป้าผงกศีรษะ “เพียงแต่ศิษย์ไม่
เข้าใจ เหตุใดท่านจึงถูกรั้งไว้ในนาวาหากอยูบ่ ริ เวณที่ปิด?”
“เนื่องเพราะสถานที่น้ ี ผืนดินทั้งหมด หิ นทุกก้อน ล้วน
แข็งแกร่ งอย่างยิง่ ยิง่ กว่านั้น ยังเต็มไปด้วยธาตุดินอันเข้มข้นถึง
ขีดสุ ด” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยืน่ ฝ่ ามือออก ดูดศิลาก้อน
หนึ่งขั้นจากพื้นก่อนวางลงบนฝ่ ามือของเซี่ยหยวนป้า “หยวนป้า
ลองทําลายมันดูสิ”
“โอ้…” ด้วยระดับพลังปัจจุบนั ของเซี่ยหยวนป้าที่อยูร่ ะดับ
ทรราชย์ข้นั กลาง ไม่ตอ้ งกล่าวถึงหิ นเพียงหนึ่งก้อน เด็กหนุ่ม
สามารถบดขยี้แผ่นเหล็กได้กลายเป็ นผงได้อย่างง่ายดาย ก้อนหิ น
ในมือของเด็กหนุ่มมีน้ าํ หนักไม่ต่างจากก้อนหิ นธรรมดาสามัญ
เด็กหนุ่มหยิบก้อนหินนั้นขึ้นมาและออกแรงบีบมันอย่าง
รุ นแรง… ก่อนที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มจะเต็มไปด้วยรอยตื่นตะลึง
เพราะก้อนหิ นในมือของมันนั้น อย่าว่าแต่แตกเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เลย แม้แต่ร่องรอยเสี ยหายสักนิดยังไม่มี
เซี่ยหยวนป้าวางก้อนหิ นนั้นบนฝ่ ามือซ้าย เด็กหนุ่มแบมือ
ออก สู ดหายใจเข้าคราหนึ่งและกํามือขวาเป็ นหมัด ก่อนจะชกลง
ไปอย่างดุดนั
ผลุบ…
ใบหน้าครึ่ งหนึ่งของเซี่ยหยวนป้าบิดเบี้ยวด้วยความ
เจ็บปวด ก้อนหิ นในมือของเด็กหนุ่มร่ วงหลุดลงจากฝ่ ามือ… ไม่มี
ร่ องรอยเสี ยหายแม้แต่นอ้ ย
“นี่-นี่-นี่… นี่มนั หิ นอะไรกัน! เหตุใดจึงแข็งขนาดนี้!” เซี่ย
หยวนป้าสะบัดข้อมือพร้อมกล่าวด้วยสี หน้าตื่นตกใจ
หยุนเช่อยืนอยูด่ า้ นข้างเซี่ยหยวนป้า ฟังบทสนทนาระหว่าง
ศิษย์อาจารย์ เมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยหยวนป้าแล้ว ชายหนุ่มเองก็มีสี
หน้าตื่นตะลึงเช่นกัน
“หลายคนคาดเดาว่านาวาปราณบรรพกาลนี้เป็ นไปได้มาก
ที่จะเป็ นนาวาปราณจากยุคเหล่าเทพแห่งบรรพกาล ดังนั้นจึงเป็ น
สิ่ งของจากยุคสมัยแห่งเทพแท้จริ ง ดังนั้นแม้จะเป็ นก้อนหิ นเล็กๆ
จึงย่อมมิใช่ธรรมดาสามัญ ทุกสิ่ งในที่แห่งนี้แข็งแกร่ งกว่าที่เจ้าจะ
จินตนาการได้ แม้วา่ เจ้าจะใช้เรี่ ยวแรงจนหมดสิ้ นก็ยงั มิอาจทําลาย
ได้แม้แต่กรวดหิ นที่ธรรมดาที่สุด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงกําแพงหิ นเลย”
ปรมาจารย์จิตกู่ชางกล่าวเนิบช้า “เมื่อวัตถุในที่แห่งนี้สามารถทาน
ทนต่อเรี่ ยวแรงมหาศาล มันจึงย่อมทนทานต่อกระแสลมรุ นแรง
เช่นกัน หากในอีกยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงข้างหน้าเจ้ายังอยูใ่ นพื้นที่ปิด
ดังนั้นกระแสลมที่จะพาพวกเราออกจากนาวาปราณก็จะมิอาจ
เข้าถึงเจ้าได้เช่นกัน เจ้าจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่และจะถูกฝังอยู่
ในที่แห่งนี้ไปตลอดกาล หายไปพร้อมกับนาวาปราณบรรพกาล”
“โอ โอ ศิษย์เข้าใจแล้ว” เซี่ยหยวนป้ามองไปยังหิ นใต้ฝ่าเท้า
ด้วยสี หน้าตื่นกลัว ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเคร่ งครัด
“เพื่อยืนยันว่าเจ้าจะปลอดภัย หยวนป้า จงรับสิ่ งนี้ไว้”
ปรมาจารย์จิตกู่ชางนําจี้หยกออกมาอันหนึ่งและคล้องมันไว้รอบ
คอของเซี่ยหยวนป้า
“เอ๋ ท่านอาจารย์ นี่คือสิ่ งใด?” หยวนป้าถามอย่างสงสัย
“นี่คือหยกค่ายกลปราณที่สร้างขึ้นตามกฎแห่งมิติของนาวา
ปราณบรรพกาล ในนาวาปราณนี้ หากเจ้าพบกับอันตรายร้ายแรง
ถึงชีวติ หรื อในยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงข้างหน้าติดอยูใ่ นสถานที่ปิดไม่
สามารถออกมาได้ จงหักจี้หยกนี้ให้แตก ค่ายกลปราณในจี้น้ ีจะส่ ง
เจ้าไปยังนครวิหคเทวะด้านล่าง แม้วา่ ค่ายกลปราณในหยกนี้จะมี
ขนาดเล็ก แต่มนั ขัดต่อกฎเกณฑ์แห่งมิติในนาวาปราณบรรพกาล
จึงสร้างขึ้นมายากเย็นอย่างเหนือประมาณ ต้องใช้การรวมพลังกัน
ของราชันจักรพรรดิหลายคน”
“ก่อนหน้านี้ ศิษย์คนสนิทของท่านเซียนจักรพรรดิหลงทาง
อยูใ่ นโถงบรรพกาลในที่แห่งนี้และออกมาไม่ได้ จนหายไปพร้อม
กับนาวาปราณบรรพกาล ความแค้นเคืองเศร้าหมองของท่านจึง
ทําให้ท่านเจาะจงสร้างหยกนี้ข้ ึนเป็ นพิเศษเพือ่ ขัดขืนต่อกฎแห่ง
มิติของอาณาปราณบรรพกาล ทั้งทวีปลมปราณฟ้าแห่งนี้มีเพียง
แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันของเราที่ครอบครองมัน”
“โอ้! เป็ นเช่นนี้นี่เอง” เซี่ ยหยวนป้าพยักหน้ารับและกล่าว
ต่ออย่างไม่ตอ้ งคิด “อาจารย์ท่านมีหยกแบบนี้อีกชิ้นหนึ่งหรื อไม่?
มอบให้พี่เขยข้าชิ้นหนึ่ง!”
“เรื่ องนี้…” ใบหน้าของปรมาจารย์จิตกู่ชางเต็มไปด้วยความ
ลําบากใจ ขณะที่มนั กําลังจะส่ ายศีรษะอยูน่ ้ นั มันก็คิดเรื่ องหนึ่ง
ขึ้นมาได้ หากมันไม่มอบจี้หยกให้อีกชิ้นหนึ่ง เซี่ยหยวนป้าย่อม
มอบหยกของมันให้แก่หยุนเช่อเป็ นแน่ มันทําได้เพียงถอนใจ
เงียบงันอยูภ่ ายในพร้อมกับถอดจี้หยกชิ้นที่ตนเองสวมใส่ อยู่ “ช่าง
เถิด นําของอาจารย์ไป จี้หยกสองชิ้นนี้หายากยิง่ กว่าที่เจ้าคาดคิด
ไว้นกั นอกจากมีอนั ตรายถึงชีวติ จงอย่าใช้มนั โดยง่าย”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!” เซี่ยหยวนป้าส่งต่อหยกในมือมัน
ให้แก่หยุนเช่อโดยฉับพลัน ก่อนจะประสานมือลาปรมาจารย์จิตกู่
ชางอย่างสบายใจ “พี่เขย ไปกันเถอะ”
“แม้วา่ รอบๆนี้จะมีสตั ว์อสู รลมปราณ แต่ท่านอาจารย์บอก
ว่ารอบรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตรนี้สตั ว์อสู รที่แข็งแกร่ งที่สุดอยูเ่ พียง
ระดับปราณฟ้า จึงไม่มีอนั ตรายมากนัก”
เมื่อเห็นหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้าเดินไปทางทิศตะวันออก
ปรมาจารย์จิตกู่ชางได้แต่หวั เราะขมขื่นอยูภ่ ายในจิตใจ ทั้งทวีป
ลมปราณฟ้านี้ มีผคู ้ นตั้งเท่าใดใฝ่ ฝันจะได้เป็ นศิษย์ของมันแต่มิ
อาจเป็ น แต่เมื่อพบพานกับเซี่ยหยวนป้า ส่ วนใหญ่กลับเป็ นมันที่
ต้องพยายามเอาอกเอาใจเด็กหนุ่ม กลัวว่าจะสู ญเสี ยศิษย์ผนู ้ ้ ีไป…
อย่างไรเสี ยเซี่ยหยวนป้าก็ครอบครองเส้นชีพจรลมปราณเทพ
ราชันทรราชย์ในตํานาน เด็กหนุ่มถูกลิขิตมาแล้วให้เป็ นมหาบุรุษ
แห่งยุคนี้!
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเริ่ มรู ้สึกว่า การมีตวั ตนของหยุ
นเช่อ จะกลับกลายเป็ นอันตรายใหญ่หลวงต่อการตื่นขึ้นของเส้น
ชีพจรเทพราชันทรราชของเซี่ยหยวนป้า
ผูค้ นจากพรรคเทพหงสาเดินเข้าสู่ ตราผนึกทีละคน
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางและหลิงคุนยืนอยูด่ า้ นข้าง หลิงคุณ
เหลือบตามองแวบหนึ่งก่อนหยุดร่ างกลางอากาศ จากนั้นกล่าว
ต่อเย่ซิงหานว่า “เจ้าวิหารน้อย ท่านคิดมาร่ วมกับพวกเรา
หรื อไม่?”
“เฮอะ! อย่าหวัง” เย่ซิงหานแย้มยิม้ อย่างมีเลศนัย “หากนํา
เยว่จีและเหม่ยจีไป เจ้าพวกหัวโบราณย่อมมองเราด้วยสายตา
สกปรก เรื่ องตามหาวัตถุล้ าํ ค่าแห่งบรรพกาลอันใดเรานายน้อยไม่
ใส่ ใจ เพียงต้องการมีใช้เวลาเสพสุ ขบนนาวาปราณบรรพกาล
เท่านั้น”
กล่าวจบคํา เย่ซิงหานหัวเราะ เหิ นร่ างขึ้นพร้อมสตรี ท้ งั สอง
จากไปไกลห่าง
“ผูอ้ ื่นมายังที่น้ ีเพือ่ ชื่นชมวิวทิวทัศน์ เรื่ องราวเช่นการเข่น
ฆ่าหรื อต่อสู ส้ ปั ระยุทธ์ใดสมควรเป็ นเรื่ องของบุรุษเน่าเหม็นเช่น
พวกเจ้า ผูอ้ ื่นไม่ตอ้ งการร่ วมด้วย” จีเชียนหลัวสะบัดเส้นผมยาว
สลายของตน เบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนหันกายจากไปเพียงลําพังอย่าง
เย่อหยิง่ ยะโส
เมื่อเย่ซิงหานและจีเชียนหลัวต่างแยกย้ายไปตามทาง เฟิ ง
เหิ งคงไม่มีเจตนาฉุดรั้งพวกมันไว้ กลับกัน มันถอนหายใจโล่งอก
เมื่อไม่มีขวากหนามทั้งสองคอยทิ่มแทง ย่อมต้องสงบสุ ขลงเป็ น
อันมาก “เสวีย่ เอ๋ อร์ ไปกันเถอะ หลังจากนี้ ติดตามบิดาอย่าให้ห่าง
กาย ห้ามไปไหนเพียงลําพังโดยเด็ดขาด”
หลังกล่าวจบ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลับไม่ขยับแม้สกั ก้าวเดียว
หากหญิงสาวกลับกล่าวออกมาทันทีวา่ “พระบิดา เสวีย่ เอ๋ อร์
ต้องการท่องเที่ยวลําพัง ไม่ไปกับพระบิดา ได้หรื อไม่?”
บทที่ 456 การสมรู้ร่วมคิดในนาวาปราณ
ภายในนาวาปราณบรรพกาล บนแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าอัน
กว้างใหญ่ไพศาล
หลังจากเดินต่อไปอีกสองชัว่ โมง ทัศนียภาพเบื้องหน้าของ
พวกมันก็ยงั คงเป็ นแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าที่แผ่ขยายออกไปไกล
เหมือนเดิม หากจะให้ใช้คาํ ๆ เดียวในการอธิบายความรู ้สึกของ
หยุนเช่อยามนี้ ก็คงเป็ นคําว่า…
น่ าเบื่อ !!
ยิง่ ไปกว่านั้น มันยังไม่มีความรู ้สึกตื่นเต้น น่ากลัว หรื อน่า
พิศวงแม้แต่นอ้ ยในการสํารวจโลกประหลาดใบนี้ เท่าที่มองเห็น
ตอนนี้กล็ ว้ นเป็ นแผ่นดินรกร้างว่างเปล่า แทบจะไม่มีกอ้ นหิ น
ขนาดใหญ่ๆ เลยด้วยซํ้า มีสตั ว์อสู รลมปราณหนึ่งหรื อสองตัวที่วงิ่
รี่ อยูใ่ นบริ เวณใกล้เคียง แต่พวกมันก็ถูกทุบจนเละด้วยกําปั้นเดียว
ของเซี่ยหยวนป้า โดยที่หยุนเช่อไม่ตอ้ งทําอะไรเลย… ในการผจย
ภัยครั้งล่าสุ ดในแดนลับสระสวรรค์น้ นั มีหิมะปลิวกระจายเต็ม
ท้องฟ้า มีภยันตราย มีการเผชิญหน้าอันยิง่ ใหญ่… เปรี ยบเทียบกัน
แล้ว สถานที่น้ ีจืดชืดน่าเบื่อเป็ นที่สุด ไม่มีอะไรน่าดูนกั ไม่มีการ
เผชิญหน้า และไม่มีอนั ตรายใดๆ เลย
โชคยังดีที่มีเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผนู ้ ่ารักอยูเ่ คียงข้าง
“จัสมิน เจ้ารู ้สึกถึงสิ่ งใดบ้างหรื อไม่ ?” หยุนเช่อถามเอื่อยๆ
“…นี่เป็ นแผ่นดินอันรกร้างว่างเปล่าของโลกที่เป็ นเอกเทศ
แห่งหนึ่ง” จัสมินกล่าวอย่างไม่ยนิ ดียนิ ร้าย “สถานที่แห่งแรกที่
พวกเจ้ามาถึงนั้นเป็ นพื้นที่สีเขียวเพียงแห่งเดียวของโลกใบนี้
บริ เวณอื่นๆ ล้วนเป็ นแผ่นดินรกร้างว่างเปล่า และยิง่ พวกเจ้าเข้า
ไปลึกมากเท่าใด มันก็จะยิง่ รกร้างมากเท่านั้น”
“หมายความว่าอย่างไร ?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ก็หมายความว่าโลกใบนี้กาํ ลังจะจบสิ้ นนะสิ !” จัสมินก
ล่าวตอบ “แม้วา่ โลกใบนี้ยงั คงมีสตั ว์อสู รอยู่ เจ้าก็ควรจะรู ้วา่ สัตว์
อสู รที่นี่ไม่เพียงแต่มีจาํ นวนน้อย แต่พวกมันล้วนมีผวิ หนัง
ภายนอกที่แข็งแกร่ ง พวกมันล้วนเป็ นสัตว์อสู รที่ทนต่อ
สภาพแวดล้อมอันเลวร้ายอย่างถึงขีดสุ ดได้อย่างยอดเยีย่ ม ! แต่
หลังจากนี้ไปสองสามพันปี สัตว์อสู รที่ทรหดอย่างที่สุดพวกนี้ก็
จะค่อยๆ สู ญพันธุ์ไป เมื่อถึงตอนนั้น โลกใบนี้กจ็ ะกลายเป็ นโลก
ที่ไร้ชีวติ อย่างสมบูรณ์”
“…เหตุใดโลกใบนี้จึงต้องจบสิ้ น ?”
“นี่คือโลกที่เป็ นเอกเทศ ไม่ใช่โลกธรรมดาทัว่ ไปที่กาํ เนิด
จากจักรวาลอันยิง่ ใหญ่ เนื่องจากมันเป็ นโลกที่เป็ นเอกเทศที่เกิด
จากตัวมันเอง การดํารงอยูข่ องมันจึงต้องอาศัยการคํ้าจุนจากพลัง
บางอย่าง ทันทีที่พลังที่ค้ าํ จุนโลกใบนี้สูญสลายไป โลกใบนี้กจ็ ะ
ค่อยๆ ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวติ และจบสิ้ นลงไปด้วย”
หยุนเช่อ “…”
“พี่ใหญ่หยุน เมื่อวานนี้ขา้ ได้ยนิ มาว่าท่านคือราชบุตรเขย
แห่งวายุคราม ภรรยาของท่านก็เป็ นองค์หญิงเหมือนกัน…
เช่นนั้นภรรยาพี่ใหญ่หยุนก็ตอ้ งงดงามมาก ใช่หรื อไม่ ?” เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์เอียงคอมองหยุนเช่อขณะถามด้วยความอยากรู ้อยากเห็น
แต่ก่อนที่หยุนเช่อจะทันตอบ เซี่ยหยวนป้าก็ขยับเข้ามาใกล้
แล้วและกล่าวตอบอย่างจริ งจังว่า “ศิษย์พเี่ สวีย่ หลอย่อมสวยงาม
อยูแ่ ล้ว แต่นางก็ยงั สวยน้อยกว่าพี่สาวของข้า… โอ๊ะ ใช่แล้ว และ
พี่สาวข้าก็คือภรรยาหลวงของพี่เขย ถึงแม้ศิษย์พี่เสวีย่ หลอจะเป็ น
องค์หญิง แต่นางก็เป็ นเพียงภรรยารอง”
ในฐานะน้องชายของเซี่ยฉิ งเย่ว เซี่ยหยวนป้าย่อมรู ้สึกเป็ น
ปรปักษ์ต่อชางเยว่ ภรรยาผูม้ าทีหลังของหยุนเช่ออยูบ่ า้ ง เนื่องจาก
ฐานะองค์หญิงอันสู งส่ งและอุปนิสยั นุ่มนวลใจเย็นของชางเย่ว ทํา
ให้มนั อดไม่ได้ที่จะรู ้สึกว่าพี่สาวมันกําลังอยูใ่ นภาวะวิกฤต ดังนั้น
เมื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวถึงภรรยาของหยุนเช่อ ซํ้ายังกล่าวถึงองค์
หญิงชางเย่วโดยตรง มันจึงรี บสอดมือเข้ามายืนยันส่ งเสริ ม
ตําแหน่งภรรยาเอกของพี่สาวมัน
“…” หากในความเป็ นจริ งนั้นมันสามารถเอาชนะเซี่ยหยวน
ป้าได้ หยุนเช่อก็อยากจะเตะมันให้กระเด็นไปเสี ยจริ งๆ
“อ๊ะ ?” ริ มฝี ปากสี ชมพูของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อา้ ค้างด้วยความ
ประหลาดใจดังที่คาด “พี่ใหญ่หยุน ท่านมีภรรยาสองคน… จริ งๆ
หรื อ ?” (จริ งๆ มันมีสามจร้าาาา หิ มะน้อย)
“คุก คุก… เรื่ อง… เรื่ องนี้… คือเจ้าก็รู้ดีวา่ พี่ใหญ่หยุนของ
เจ้ามีเสน่ห์อย่างยิง่ ซึ่งบางสิ่ งบางอย่างก็ไม่อาจเป็ นไปตาม
เจตนารมณ์ของผูค้ นอยูบ่ า้ ง” หยุนเช่อละลํ่าละลักอธิบาย
มันไม่คาดคิดเลยว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะผงกศีรษะรับและถามอย่าง
จริ งจังว่า “อืม ใช่แล้ว พี่ใหญ่หยุนเป็ นคนดียงิ่ ดังนั้นย่อมต้องมี
สตรี มากมายที่ชื่นชอบท่าน ในวัยสิ บเก้าพี่ใหญ่หยุนมีภรรยาสอง
คน… ดูเหมือนจะไม่เยอะเท่าไหร่ เนอะ ! รู ้หรื อเปล่า พระบิดามี
ภรรยามากกว่าสี่ ร้อยหกสิ บคน มากกว่าพี่ใหญ่หยุนตั้งเยอะ !”
มะ…มากกว่ า…สี่ร้อยหกสิบคน ?!
หยุนเช่อสะท้านเยือก… การเป็ นจักรพรรดิน้ นั ช่าง
สะดวกสบายจนกระทัง่ ผูค้ นอิจฉาดังที่คิดไว้เลย !
ช้ าก่ อน… ภรรยามากกว่ าสี่ ร้อยหกสิ บคน แต่ กลับมีโอรส
สิ บสี่ คนและธิ ดาหนึ่งคนเท่ านั้น
หลังจากไตร่ ตรองเกี่ยวกับประเด็นหลังแล้ว หยุนเช่อก็สงบ
จิตสงบใจได้ในทันที มันพยักหน้าและกล่าวอย่างจริ งจังว่า “อื้ม !
ข้าจะเรี ยนรู ้จากพระบิดาของเสวีย่ เอ๋ อร์และพยามยามให้มากใน
เรื่ องนี้… เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้ามีบางคําถามที่อยากจะถามเจ้า หากเจ้า
สามารถตอบได้กต็ อบ แต่หากเจ้ารู ้สึกไม่สบายใจที่จะตอบก็ไม่
ต้องตอบ”
“อืม พี่ใหญ่หยุนเชิญถามได้เลย” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบ
อย่างร่ าเริ ง
หยุนเช่อจัดแจงความคิดของตนเอง แล้วกล่าวถาม “เสวีย่
เอ๋ อร์ ก่อนที่เจ้าจะอายุสิบหก เจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่อยูก่ บั ‘เทพหง
สา’ ของพรรคเจ้าใช่ไหม ?”
คําว่า ‘เทพหงสา’ ทําให้ฝีเท้าของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ชะงักลง
เล็กน้อย หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ หนึ่ง นางก็พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่
แล้ว ท่านเทพหงสาจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในวันที่ขา้ ถือกําเนิดและพา
ข้าไปอยูข่ า้ งกายท่าน จนกระทัง่ ข้าอายุแปดขวบข้าถึงได้เห็นพระ
บิดาเป็ นครั้งแรก จากนั้นข้าก็ใช้เวลาส่ วนใหญ่อยูก่ บั ท่านเทพหง
สา จนกระทัง่ ข้าอายุได้สิบสามปี …”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สน่ั พร่ า จากนั้นนางก็ไม่กล่าวอัน
ใดอีก
หยุนเช่อคาดเดาได้วา่ ‘ท่านเทพหงสา’ ได้ดบั สู ญไปตอนที่
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มีอายุสิบสามปี นั้นเอง ซึ่งเป็ นเวลาเมื่อสามปี ก่อน
แน่นอนว่ามันมิได้ต้ งั ใจที่จะให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื ยันความจริ งข้อนี้
ออกมา เพราะแม้แต่ในพรรคเทพหงสาเอง ก็คงมีไม่กี่คนที่ทราบ
ว่าจิตวิญญาณเทพหงสาได้ดบั สู ญไปแล้ว มันเป็ นความลับอัน
ยิง่ ใหญ่ที่มิอาจปล่อยให้แพร่ สะพัดออกไปได้ มันครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง
จากนั้นก็กล่าวถาม “แล้วท่านเทพหงสาของเจ้าเคยพูดถึง…เทพ
หงสาอีกตนหนึ่งให้เจ้าฟังไหม ?”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตางดงามของนางจ้องมองหยุ
นเช่อเงียบๆ อยูช่ วั่ ขณะ จากนั้นจึง…พยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านเทพหงสาเป็ นหนึ่งในสองของเศษเสี้ ยวจิตวิญญาณที่
หลงเหลืออยู่ ที่สตั ว์อสู รเทพหงสาทิ้งไว้ในทวีปลมปราณฟ้าเมื่อ
นานมาแล้ว เพื่อให้เป็ นผูช้ ้ ีนาํ ที่จะทําการทดสอบว่าผูใ้ ดสมควรที่
จะได้รับพลังเทพหงสาและสื บทอดมรดกตกทอดของมัน หนึ่งใน
สองของเศษเสี้ ยวจิตวิญญาณนั้นคือท่านเทพหงสาของจักรวรรดิ
เทพหงสาเรา ส่ วนอีกหนึ่งนั้นอยูใ่ นอาณาจักรวายุคราม… ท่าน
เทพหงสาเล่าเรื่ องนี้ให้ขา้ ฟังเมื่อนานมาแล้ว” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่า
วอย่างช้าๆ นางจ้องมองหยุนเช่อ “เมื่อวานนี้ท่านถามข้าว่าเหตุใด
ข้าจึงสอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่ท่าน ทั้งที่ขา้ ทราบว่า
ท่านเป็ นผูส้ ื บทอดของเทพหงสาอีกตนหนึ่ง… อันที่จริ งเมื่อวาน
ข้าได้ตอบคําถามนั้นไปเพียงครึ่ งเดียว ส่วนเหตุผลอีกครึ่ งหนึ่งก็
คือ… มันเป็ นประสงค์ของท่านเทพหงสา”
“ประสงค์ของท่านเทพหงสา ?” หยุนเช่อขมวดคิ้วแน่น
“เดิมทีท่านเทพหงสาเป็ นจิตวิญญาณที่บริ สุทธิ์ แต่เนื่องจาก
ได้อยูใ่ นทวีปลมปราณฟ้าเป็ นเวลานาน จิตวิญญาณที่บริ สุทธิ์ของ
มันจึงแปดเปื้ อนไปด้วยความโสมมของโลกมนุษย์ ทําให้มนั
บังเกิดความรู ้สึกที่ไม่ควรจะมี ทําให้มนั ปรารถนาที่จะเป็ นจิต
วิญญาณเทพหงสาเพียงหนึ่งเดียวในทวีปลมปราณฟ้านี้ และเอ่ย
อ้างว่าทวีปลมปราณฟ้าทั้งหมดเป็ นของมัน ผลก็คือ มันละทิ้ง
พันธะผูกพันของตนและทิ้งแดนทดสอบของตนไปยังอาณาจักร
วายุครามเพื่อตามหาอีกหนึ่งจิตวิญญาณ หลังจากต่อสู ก้ นั อย่าง
ดุเดือด มันก็ทาํ ลายอีกจิตวิญญาณหนึ่งลงได้ แต่ทว่ามันก็ได้รับ
บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ซึ่ งนอกจากพลังของมันจะลดลงหลายเท่า
แล้ว อายุขยั ของมันจากหลายหมื่นปี ก็ลดลงเหลือเพียงไม่กี่พนั ปี
ด้วย กระทัง่ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาก็ได้รับความเสี ยหายจาก
การต่อสูอ้ นั ดุเดือดนั้น จนแตกออกเป็ นชิ้น…”
“…” สิ่ งที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวมากับสิ่ งที่หยุนเช่อได้ยนิ จาก
ปากของจิตวิญญาณเทพหงสาตอนที่อยูใ่ นสนามทดสอบนัน่
ตรงกันทุกประการ เพียงแต่ความจริ งแล้วจิตวิญญาณเทพหงสา
ไม่ได้ดบั สู ญไปในครานั้น และท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของมัน
ก็ถูกทําลายแตกหักจนเหลือเพียงขั้นที่หา้ และขั้นที่หก
“เช่นนั้น เมื่ออายุขยั ของท่านเทพหงสาค่อยๆ ใกล้สิ้นสุ ดลง
มันก็ได้เข้าใจสิ่ งต่างๆ อย่างถ่องแท้ ความโสมมของมันจึงค่อยเจือ
จางลง ในช่วงเวลานั้นเอง มันก็นึกถึงการทําลายล้างอีกหนึ่งจิต
วิญญาณอย่างชัว่ ร้ายและน่าเสี ยใจของมัน อย่างไรก็ดี เมื่อสามปี
ก่อน… ตอนที่ท่านเทพหงสากําลังจะ… จู่ๆ ท่านเทพหงสาก็รู้สึก
ถึงการดํารงอยูข่ องอีกหนึ่งจิตวิญญาณและผูส้ ื บทอดสายเลือดเทพ
หงสาอีกผูห้ นึ่ง มันได้บอกกับข้าว่าหากข้าได้พบผูส้ ื บทอดเทพหง
สาคนอื่น ข้าควรจะมีความสุ ขสงบและสอนท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสาให้แก่คนผูน้ ้ นั … เนื่องจากท่านเทพหงสาได้ทาํ ท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หกสู ญหายไปในระหว่างที่ทาํ การ
ต่อสู ใ้ นครานั้น และมันก็ได้ทาํ ลายท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของ
อีกจิตวิญญาณหนึ่งไปจนหมด แม้วา่ ผูส้ ื บทอดจะมีสายเลือดเทพ
หงสา แต่คนผูน้ ้ นั ก็คงไม่มีวนั ฝึ กเคล็ดวิชาลมปราณเทพหงสาได้”
หยุนเช่อรับฟังด้วยงุนงงสับสนอย่างยิง่
ถึงแม้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะพยายามปกปิ ดสิ่ งต่างๆ ให้มากที่สุด
เท่าที่นางจะทําได้ แต่คาํ พูดส่ วนใหญ่ของนางล้วนบ่งชี้วา่ จิต
วิญญาณเทพหงสาได้ดบั สู ญไปแล้ว สิ่ งที่ทาํ ให้มนั รู ้สึกประหลาด
ใจก็คือ ‘เทพหงสา’ ที่จิตวิญญาณเทพหงสาเคยเตือนให้มนั ระวัง
สิ่ งที่มนั รู ้สึกหวาดกลัวที่สุดก่อนที่จะมายังพรรคเทพหงสานั้น ได้
บังเกิดความรู ้สึกเสี ยใจและรับสารภาพถึงความผิดและการทรยศ
หักหลังของตนต่อเสวีย่ เอ๋ อร์แล้ว โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยเหตุการณ์
ที่ไม่คาดฝันจริ งๆ
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพี่ใหญ่หยุนจะเป็ นผูส้ ื บทอดของท่าน
เทพหงสาอีกตนหนึ่ง ซํ้ายังได้รับพลังและจิตวิญญาณดั้งเดิมของ
มันมาด้วย… โอ๊ะ จริ งสิ พี่ใหญ่หยุน ท่านเทพหงสาอีกตนหนึ่ง
หน้าตาเป็ นอย่างไร ? มันยัง…สบายดีหรื อไม่ ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ถามอย่างตื่นเต้น
“หน้าตาดู…” หยุนเช่อครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวอย่าง
ค่อนข้างจนปั ญญาว่า “อันที่จริ ง ข้าก็ไม่เคยเห็นชัดๆ ว่ามันหน้าตา
เป็ นอย่างไร ทุกครั้งที่มองมัน ข้าก็เห็นแต่ดวงตาสี ทองเป็ น
ประกายแวววาวคู่หนึ่ง ตอนนี้มนั อยูท่ ี่ไหนสักแห่งในอาณาจักร
วายุคราม มันเคยเล่าให้ขา้ ฟังถึงข้อบาดหมางบางประการระหว่าง
มันกับท่านเทพหงสาของเจ้าในตอนนั้น เมื่อใดที่ขา้ กลับไปยังวายุ
คราม ข้าคงจะต้องไปพูดคุยกับมันถึงเรื่ องนี้ มันจะได้รู้สึกสบาย
ใจขึ้นบ้าง”
“อื้ม !” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พยักหน้า แต่แล้วสี หน้าของนางก็
หม่นหมองลง “อันที่จริ งตอนที่ท่านเทพหงสาพบว่าอีกหนึ่งจิต
วิญญาณเทพหงสายังไม่ดบั สูญ มันก็มีความสุ ขมากจริ งๆ
เหมือน… ความกลัดกลุม้ อย่างที่สุดของมันได้คลี่คลายลง ดังนั้น
เมื่อข้าพบว่าพี่ใหญ่หยุนเป็ นผูส้ ื บทอดของอีกหนึ่งจิตวิญญาณเทพ
หงสา ข้าจึงมีความสุขมาก”
ขณะที่หยุนเช่อกําลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง สุ ม้ เสี ยงบาดหู
เสี ยงหนึ่งก็พลันดังมาจากด้านหลัง
“โอ๊ะ ? นัน่ ใช่นอ้ งหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์ผงู ้ ดงามอย่างหาที่เปรี ยบ
มิได้ของข้า ใช่หรื อไม่ ? การที่ได้พบเจ้าในโลกลี้ลบั อันกว้างใหญ่
ใบนี้นบั เป็ นวาสนาของเจ้าวิหารน้อยผูน้ ้ ีจริ งๆ”
หยุนเช่อ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ และเซี่ยหยวนป้าหันกลับไป
พร้อมๆ กัน ที่อยูห่ ่างออกไปไม่นอ้ ยกว่าสามร้อยเมตรนั้นก็คือเย่
ซิ งหานผูแ้ ต่งการในชุดสี ดาํ ที่มาพร้อมกับสตรี ผเู ้ ย้ายวนสองนาง
ของมัน มันเดินมาอย่างปลอดโปร่ งใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิม้
ของมันนั้นไม่อาจปกปิ ดความโอหังและความชัว่ ช้าลามกอันมาก
ล้นของมันได้แม้แต่นอ้ ย
“เย่ซิงหาน ?” หยุนเช่อกล่าวพึมพัมคิ้วขมวดมุ่นทันที พลัน
สี หน้าและรอยยิม้ อันน่ากลัวของเย่ซิงหานทําให้มนั รู ้สึกไม่สบาย
ใจอย่างยิง่ มันกล่าวเบาๆ ว่า “หยวนป้าระวังตัวด้วย”
“โอ๊ะ…” คําพูดของหยุนเช่อทําให้เซี่ยหยวนป้านิ่งขึงไป
มันผงกศีรษะเล็กน้อยขณะที่เส้นเลือดทุกสายบนท่อนแขนแกร่ ง
หนาของมันปูดโปนขึ้นมา เซี่ยหยวนป้าเป็ นราชันทรราชย์ข้นั
กลาง ส่ วนเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อีกครึ่ งก้าวก็จะเป็ นราชันจักรพรรดิ เย่ซิง
หานนั้นก็เป็ นราชันทรราชย์ข้นั กลางเหมือนกัน ดังนั้นหากมัน
ต้องการที่จะต่อสู ้ มันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องทั้งเซี่ยหยวนป้าและเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์… แต่เพราะความจริ งข้อนี้แหล่ะที่ทาํ ให้หยุนเช่อยิง่
รู ้สึกไม่สบายใจ เพราะสี หน้าแววตาของเย่ซิงหานนั้นบ่งบอกว่า
มันมีแผนการบางอย่าง บ่งบอกว่ามันคว้าเหยือ่ ไว้ในกํามือได้
แล้ว !
“ท่านเจ้าวิหารน้อยเย่” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวทักทาย
“โอ~~” ดวงตาเรี ยวเล็กของเย่ซิงหานหรี่ แคบลงขณะที่มนั
จับจ้องรู ปร่ างงดงามราวเทพธิดาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ โดยไม่มองหยุ
นเช่อและเซี่ ยหยวนป้าเลย “น้องหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์ อย่าได้มีพิธีรีตอง
จนเกินไปเลย การที่เรี ยกข้าท่านเจ้าวิหารน้อยเย่น้ นั ดูจะไร้
ความรู ้สึกและห่างเหิ นเกินไป ข้าอยากให้นอ้ งหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์เรี ยก
ข้าว่า… พีใ่ หญ่เย่”
บทที่ 458 ตราผนึกทัณฑ์ หงสา
อานุภาพของกระบวนท่าระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กขั้น
สมบูรณ์มิเพียงแข็งแกร่ งอย่างถึงที่สุด หากยังก่อกําเนิดคลื่นพลัง
มหาศาลที่เหนือลํา◌้กว่ากาลก่อนอย่างสิ้ นเชิงอีกด้วย แม้เยว่จีและ
เหม่ยจีจะมีปฏิกิริยาตอบโต้และจู่โจมได้อย่างรวดเร็ ว หากพวก
นางยังต้องปลิวลิ่วไปไกลด้วยทักษะวิชาเทพยุทธ์จากเทพหงสา
กระบวนนี้ ร่ างของพวกนางโซเซไม่อาจยืนหยัดมัน่ พร้อมทั้ง
ปรากฏเปลวเพลิงรายล้อมรอบ
เงาร่ างหยุนเช่อวูบหาย ก่อนจะพลันปรากฏขึ้นอีกครั้งข้างๆ
เยว่จีโดยมีเสวีย่ เอ๋ อร์ในอ้อมแขน ชายหนุ่มสะบัดทัณฑ์มงั กรฟาด
ฟันลงเบื้องล่าง
เปรี้ยง!!
ม่านพลังคุม้ กันที่เยว่จีกางออกโดยกะทันหันถูกบดขยี้ลงไม่
เหลือชิ้นดี หญิงสาวหยิมยืมกําลังกระแทกสะท้อนม้วนตัวกลับ
หลัง ล่าถอยออกไปห่างไกลในทันที ขณะเดียวกัน หยุนเช่อพลัน
สัมผัสได้ถึงรังสี ฆ่าฟันเย็นเยียบเสี ยดกระดูกจากทางเบื้องหลัง
ชายหนุ่มกวาดกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไปด้านหลัง…เสี ยงระเบิดดัง
ต่อเนื่องตามกันสะท้านหวัน่ ไหว ระเบิดร่ างของทั้งสามแยกห่าง
จากกันไปคนละทิศละทาง ชั้นบรรยากาศโดยรอบปั่นป่ วน
โกลาหล ท่วมท้นไปด้วยพลังคลื่นแผดเผาและพลังยุทธ์มหาศาล
หยุนเช่อลอบถอนใจ หากก่อนหน้านี้ตนเองถือกระบี่ดว้ ยสองมือ
เขามัน่ ใจเต็มเปี่ ยมว่าสามารถทําร้ายเยว่จีบาดเจ็บได้จากการลอบจู่
โจมเมื่อครู่ น้ ี ทว่า ไม่เพียงการถือกระบี่ดว้ ยมือเดียวจะลดทอน
พลังทําลายล้างลงอย่างมาก ระดับความเร็ วในการจู่โจมและสวน
กลับยังลดลงด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันยังสิ้ นเปลืองแรงกาย
มากกว่าอีกด้วย
ภายใต้อานุภาพพลังโจมตีของระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก
และเปลวไฟเทพหงสาที่เผาไหม้ ชุดกระโปรงสั้นของสตรี ท้งั สอง
ถูกเผาทําลายจนมีสภาพน่าอนาถ แทบไม่อาจปิ ดบังร่ างกายของ
พวกนางได้อีกต่อไป ยามนี้ ในดวงตาของพวกนาง นอกเหนือจาก
รังสี ฆ่าฟันแล้ว ยังปรากฏวีแ่ ววของความระแวดระวัง ทั้งสองเดิม
คาดคิดว่าการผสานการโจมตีของพวกนางล้วนสามารถปราบหยุ
นเช่อลงได้อย่างง่ายดาย ไม่คาดว่าเพียงเริ่ มลงมือ การระเบิดพลัง
และประกายวาบคราหนึ่งจากหยุนเช่อจะสามารถสร้างความ
เสี ยหายแก่พวกนางถึงเพียงนี้
ทั้งสองสบตากันและกัน จากนั้นลงมือโดยพร้อมเพรี ยงกัน
ในทันที
แควกกก!!
ชุดกระโปรงอันขาดวิน่ ของเยว่จีและเหม่ยจีถูกฉี กกระชาก
ขาดออกจากร่ าง เรื อนร่ างขาวสล้างงดงามไร้สิ่งใดปกปิ ดปรากฏ
ขึ้นที่เบื้องหน้าของหยุนเช่อ ประกายรังสี ฆ่าฟันเย็นเยียบใน
ดวงตาก่อนหน้านี้อนั ตรธานหายไปอย่างรวดเร็ ว แทนที่ดว้ ย
สายตาเย้ายวนที่สามารถส่งผลให้บุรุษเพศทัว่ ไปต้องอ่อนยวบลง
ในทันที การกระทําของพวกนางทําให้หยุนเช่อหยุดชะงักวูบหนึ่ง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผเู ้ ฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสตรี ท้งั สองหลุดอุทาน
“อา” ออกมาโดยไม่รู้ตวั “พี่ใหญ่หยุน..ท่านมิอาจ…มิอาจ
มองดู…”
“พวกนางไม่อาจเทียบได้กบั เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้าไม่สนใจหรอก!”
หยุนเช่อกล่าวตอบในทันที ทว่าสองตากลับจับจ้องเขม็งไปยัง
ยอดบัวหิมะสู งชันทั้งสองคู่ที่กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดยั้งที่เบื้อง
หน้า…บ้ าเรอะ!ไม่ ดูกโ็ ง่ น่ะสิ ! หากเมื่อชายหนุ่มกล่าวออกไป
แล้ว จึงพลันตระหนักว่าที่ตนเองพูดไปเมื่อครู่ กลับมีความนัยอื่น
แอบแฝง
“พี่ใหญ่หยุน ท่านไม่เคยเห็นใต้ร่มผ้าของข้า ท่านทราบได้
อย่างไร…โอ..พี่ใหญ่หยุน..ท่านเป็ นตัวเลวร้ายจริ งๆ!” สองปราง
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ระเรื่ อ
“ข้า…ข้าไม่ได้หมายความเยีย่ งนั้น..”
“ฮืออ…”
เรื อนร่ างเปล่าเปลือยของเยว่จีและเหม่ยจีค่อยๆเยื้องย่างเข้า
มาใกล้หยุนเช่อ สี หน้าเย็นชาจับจิตเมื่อครู่ ถูกแทนที่ดว้ ยรอยยิว้
ยัว่ ยวนกวนสวาท บอกใบ้หยุนเช่อให้สามารถสนุกสนานกับเรื อน
ร่ างของพวกนางได้อย่างไร้กงั วล ถึงตอนนี้ สี หน้าของหยุนเช่อ
สัน่ สะท้านเล็กน้อย ความวิงเวียนปรากฏขึ้นชัว่ วูบ กระทัง่ กระแส
โลหิ ตที่ไหลเวียนอยูใ่ นร่ างยังโคจรรวดเร็ วขึ้นระดับหนึ่ง หยุ
นเช่อรวบรวมสติสมาธิ และพลันตื่นตัวขึ้นในทันที…
วิชามอมสวาท!?
ยิง่ กว่านั้น พวกนางล้วนไม่ลงั เลที่จะฉี กเสื้ อผ้าออกจนหมด
เพื่อยัว่ ยวนชายหนุ่ม สตรี ท้ งั สองนางนับว่าทุ่มเทฝี มือออกมาจน
หมดสิ้ น
น่ าเสี ยดาย…ที่มนั ถูกใช้ ผิดคน!
หยุนเช่อรักษาตําแหน่งของตนไว้ ดวงตาทั้งคู่ยง่ิ มายิง่ หม่น
มัว ภายในเมฆหมอกหม่นสลัวปรากฏประกายความหลงใหลที่ยง่ิ
มายิง่ เข้มข้น เยว่จีและเหม่ยจียง่ิ เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่ อยๆ กระทัง่ อยู่
ในระยะสิ บก้าว หยุนเช่อพลันกล่าววาจาออกมาอย่างแผ่วเบาว่า
“เสวีย่ เอ๋ อร์…หลับตาลง”
ประกายแสงสี ครามเข้มพลันสะท้อนออกจากนัยน์ตาของ
หยุนเช่อ ที่ดา้ นหลังของชายหนุ่ม ปรากฏภาพมายาของมังกร
ครามบรรพกาล ตามมาด้วยเสี ยงคํารามของเทวะมังกรอันสะท้าน
ฟ้าสะเทือนดิน นัยน์ตาคู่โตสี ครามเข้มลึกลํ้าราวท้องนภา ทั้ง
ระยิบระยับดุจดวงดาราปรากฏขึ้นที่เบื้องบนศีรษะ
เยว่จีและเหม่ยจีสนั่ สะท้านอย่างรุ นแรง สี หน้ายัว่ ยวนและ
รอยยิม้ น่าหลงใหลของพวกนางแข็งค้างไปในพริ บตา ก่อนจะ
พลันกลายเป็ นความหวาดหวัน่ สุ ดขีด แก้วตาสัน่ สะเทือน ทัว่ ร่ าง
สัน่ เทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จากพื้นฐานพลังฝี มือของสตรี ท้ งั สอง เดิมทีพวกนางไม่
สมควรได้รับความกระทบกระเทือนจากเขตแดนจิตวิญญาณ
มังกร แม้ความรู ้สึกเจ็ดในสิ บส่ วนอาจเป็ นความหวาดกลัวจน
ขวัญกระเจิง ทว่าสามในสิ บส่ วนสมควรรักษาความแจ่มใสไว้ได้
แต่คราครั้งนี้เป็ นพวกนางเองที่ใช้วชิ ามอมสวาทแก่หยุนเช่อ
ก่อน…เคล็ดวิชามอมสวาทเป็ นวิชายุทธ์จู่โจมจิตใจ เขตแดนจิต
วิญญาณมังกรเองใช่จู่โจมจิตใจเช่นกัน เช่นนั้นวิชามอมสวาทจะ
สามารถเทียบชั้นกับเขตแดนจิตวิญญาณมังกรได้อย่างไร? เมื่อ
เผชิญพบอานุภาพไพศาล วิชามอมสวาทของพวกนางตีกลับเข้า
ใส่ ตนเอง ปราการจิตของพวกนางล่มสลายลงโดยสิ้ นเชิง เป็ นผล
ให้ถูกสะกดโดยเขตแดนจิตวิญญาณมังกร ในห้วงความคิดเต็มไป
ด้วยความหวาดกลัว ปราศจากความสามารถต่อสู ข้ ดั ขืนใดๆ
หยุนเช่อเร่ งสื บเท้าไปเบื้องหน้า ทัณฑ์มงั กรเสี ยบตรงเข้าสู่
ลําคอของเยว่จี คมอันทื่อด้านของกระบี่สามารถแทงทะลุร่างของ
เยว่จีที่บดั นี้หลงเหลือพลังปราณคุม้ กายไม่ถึงหนึ่งส่ วนโดย
ง่ายดาย ทะลวงทะลุคอหอยของนางอย่างหมดจด จากนั้น หยุ
นเช่อชักดึงกระบี่ออกกวาดขวางไปด้านข้างพร้อมจุดเพลิงเทพหง
สา เสื อกส่ งเปลวไฟบนกระบี่เข้าใส่ บริ เวณทรวงอกของเหม่ยจี
เสี ยบร้อยทะลุไปเบื้องหลัง…ก่อให้เกิดรู ขนาดเท่าศีรษะมนุษย์รู
หนึ่งที่สามารถมองทะลุเห็นเบื้องหลังได้ตรงทรวงอกของนาง
เขตแดนจิตวิญญาณมังกรถูกบังคับไช้อย่างยากลําบาก
ประมาณสองอึดใจ ก่อนจะถูกยกเลิกโดยหยุนเช่อ…เนื่องเพราะ
ทุกวินาทีที่เปิ ดใช้เขตแดนมังกร สิ้ นเปลืองพลังจิตของชายหนุ่ม
อย่างมหาศาล ทว่าเพียงสองวินาทีลว้ นเพียงพอแล้ว พริ บตาที่เขต
แดนจิตวิญญาณมังกรสลายไป ร่ างของสตรี ท้ งั สองนางร่ วงหล่น
ลง แอ่งโลหิ ตก่อตัวขึ้นภายใต้ร่างของทั้งสองอย่างรวดเร็ ว
หากก่อนหน้านี้ยงั นับว่ามีหนทางรอดอย่างริ บหรี่ เช่นนั้น
ยามนี้ หลังจากลงมือสังหารสตรี ของเย่ซิงหาน…ทั้งยังเป็ นสนม
รักของมันเช่นนี้ หยุนเช่อและเย่ซิงหานย่อมกลับกลายเป็ นศัตรู
หัวใจ เย่ซิงหานคือเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา เป็ น
ที่ยอมรับโดยผูค้ นว่าจะขึ้นเป็ นนายเหนือแห่งหนึ่งในแดน
ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต ดังนั้น หยุนเช่อนับว่าได้กลายเป็ นศัตรู ต่อ
วิหารเทพสุ ริยนั จันทราไปแล้ว
มันเพิ่งประกาศเป็ นศัตรู ต่อพรรคเทพหงสาต่อหน้า
สาธารณะ ยามนี้ มันเองกลับกลายเป็ นศัตรู สาํ คัญของวิหารเทพ
สุ ริยนั จันทราอีกหนึ่ง!!
ช่างเป็ นชีวติ ที่เฮงซวยอะไรเช่นนี้!!
สําหรับความแค้นระหว่างตนเองและพรรคเทพหงสา หยุ
นเช่อจะอย่างไรสามารถตอบโต้ดว้ ยอํามหิ ต แม้ฝ่ายตรงข้ามจะยืน
กรานตามล่าล้างอย่างไม่หยุดยั้ง ชายหนุ่มยังไม่เกรงกลัวแม้แต่
น้อย ยิง่ กว่านั้น หยุนเช่อยังคิดใคร่ ครวญถึงวิธีการตอบโต้
หลากหลายวิธีการ…ทว่า การล่วงเกินวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา
นั้น…
เย่ซิงหานเป็ นบุคคลที่มีลกั ษณะนิสยั ชัว่ ร้ายกลิ้งกลอกดุจ
อสรพิษ ทัว่ ร่ างแผ่กลิ่นอายอันตรายถึงขีดสุ ด…มันแน่นอนย่อม
เป็ นผูค้ นที่ชวั่ ช้าไร้ยางอาย! หยุนเช่อกดมงกุฏหงส์ของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ลงกับอกตนเอง ปิ ดบังสายตาของหญิงสาวจากภาพนอง
เลือดไม่น่าดู ทว่าจากสรรพสําเนียงรอบข้าง เสวีย่ เอ๋ อร์สามารถ
สัมผัสได้วา่ สตรี ท้ งั สองต่างสิ้ นชีวติ แล้ว หญิงสาวเปิ ดเปลือกตา
ขึ้น แนบแก้มของตนลงกับอกของหยุนเช่อ รับรู ้ถึงจังหวะหัวใจที่
ไม่ปกติของชายหนุ่ม หญิงสาวกล่าวเสี ยงนุ่มนวลว่า “พีใ่ หญ่
หยุน…เป็ นข้า…ฉุดลากท่านเข้ามาพัวพัน…”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว นี่มิใช่ความผิดเจ้า” หยุนเช่อระงับลม
หายใจให้เป็ นปกติ “เมื่อเรื่ องราวมาถึงขั้นนี้ พวกเราสมควรดิ้นรน
ให้ถึงที่สุด ..เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องห่วงข้า หลังออกจากสถานที่น้ ี ข้าจะ
เดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน!!”
เมื่อมีเส้นสายของเซี่ยหยวนป้า การเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชันย่อมมิใช่เรื่ องยาก ในฐานะผูน้ าํ แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
วิหารเทพสุ ริยนั จันทราย่อมไม่กล้าล่วงเกิน หยุนเช่อสมควร
ปลอดภัยในที่น้ นั
ทว่าเงื่อนไขคือเซี่ยหยวนป้าจําต้องมีชีวติ อยู่
ถึงตอนนี้ หยุนเช่อถอนหายใจหนัก ทว่า เมื่อชายหนุ่ม
รวบรวมลมปราณ เขาพลันรู ้สึกถึงความวิงเวียนจนแทบหน้าควํ่า
ลงกับพื้น…แม้จะใช้เขตแดนจิตวิญญาณมังกรออกเพียงสองอึดใจ
กลับสู ญเสี ยพลังจิตใจไปอย่างมหาศาล ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ
อย่างรุ นแรงเพื่อขับไล่ความวิงเวียน จากนั้นเดินทางหลบหนีไป
ไกลอีกครั้ง
————————————
เปรี้ยง!!!
ลูกบอลเพลิงเทพหงสาระเบิดออกตรงบริ เวณทรวงอก
ของเซี่ยหยวนป้า ร่ างของเด็กหนุ่มปลิวลิ่วกระแทกลงบนพื้นอย่าง
รุ นแรง เขาครางออกมาพร้อมดีดร่ างลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทว่า ทันทีที่
ยืนหยัดมัน่ กลับต้องทรุ ดลงคุกเข่าข้างหนึ่งในทันที ไม่อาจลุก
ขึ้นมาอีกได้เป็ นนาน หน้าผาก สองมือ รวมทั้งบริ เวณอื่นบน
ร่ างกายปรากฏหยาดโลหิ ตหลัง่ ไหล
“ร่ างกายของเด็กน้อยนี่ไม่ธรรมดา หลังจากทนทานมานาน
ปานนี้ยงั ไม่ตกตาย ทั้งยังลุกขึ้นยืนได้อีก” เฟิ งเฟยเยียนกล่าวขณะ
เดาะลิ้น
“แต่น่าเสี ยดาย เพียงสามารถฝึ กฝนวิชาแก่นแท้ของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันได้เพียงสามส่ วน” เย่ซิงหานโบกสะบัดพัด
หยกในมือ กล่าววาจาราวกําลังพูดกับผูท้ ี่ตอ้ งตายแน่นอนแล้ว
“สามารถทนทานการจู่โจมเมื่อครู่ เป็ นขีดจํากัดของมันแล้ว
สมควรได้เวลาส่ งมันไปพบยมบาล เรานายน้อยไม่คิดมาก่อนเลย
ว่า แม้จะร่ วมมือกัน ยังต้องสิ้ นเปลืองเวลาจัดการเจ้าเด็กน้อยนี่
นานขนาดนี้ เรานายน้อยมิอาจทนรอได้โอบประคองเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้
ได้อีกต่อไป”
“นี่…ตายซะเถอะ!”
เฟิ งเฟยเยียนหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นคํารามออก ส่ ง
กําปั้นพร้อมเพลิงเทพหงสาอันรุ นแรงพุง่ เข้าใส่ ศีรษะของเซี่ย
หยวนป้า
เซี่ยหยวนป้าหอบหายใจ แววตาของเด็กหนุ่มเลื่อนลอย ทัว่
ร่ างชโลมไปด้วยโลหิ ตและหยาดเหงื่อ ภายนอกหนึ่งในสามส่ วน
ล้วนเป็ นเลือดเนื้อและโลหิ ตผสมผสานกัน จากการประสานการ
ลงมือของเฟิ งเฟยเยียนและเย่ซิงหาน เซี่ยหยวนป้าสามารถ
ทนทานได้ประมาณสิ บห้านาที ล้วนนับเป็ นปาฏิหาริ ยแ์ ล้ว
เมื่อเงามรณะคืบคลานเข้าหา เซี่ยหยวนป้าเงยหน้าขึ้น ใน
แววตาสะท้อนประกายกําปั้นเพลิงเทพหงสาอันแผดเผา สายตา
ของเด็กหนุ่มพลันกลับกลายเป็ นดุร้าย เซี่ยหยวนป้าคํารามลัน่
พลังยุทธ์ทว่ั ร่ างพลันแตกปะทุออกด้วยอานุภาพเกินต้านทาน
พลังที่พลุ่งพล่านออกมาจากเลือดเนื้อบนผิวกายระเบิดออกมาเป็ น
กําปั้นสวนกลับเข้าหาเฟิ งเฟยเยียน
ตูม!!!
พลังไฟระเบิดลุกลามออก กระแสมวลอากาศแตกร้าว เซี่ย
หยวนป้ากระอักโลหิตเป็ นฟูฝอยขณะที่ร่างของมันปลิวลิ่วราวว่าว
ขาดป่ าน…สี หน้าเย่ซิงหานเปิ ดเผยเเววตาชัว่ ร้ายและรอยยิม้ ดุจ
อสรพิษ มันสะบัดข้อมือส่ งรังสี พลังรู ปจันทร์เสี้ ยวออกจากพัด
สุ ริยนั จันทราวิบตั ิเข้าใส่ ลาํ คอของเซี่ยหยวนป้าในทันที
เซี่ ยหยวนป้าที่ล่องลอยอยูก่ ลางอากาศบาดเจ็บ
สติสมั ปชัญญะของมันเลือนรางราวคนตายยามรังสี จนั ทร์เสี้ ยวพุง่
เข้าใส่ พลังความมุ่งมัน่ ของเด็กหนุ่มบังคับร่ างกายให้พยายามขยับ
หลบหลีกกลางอากาศ
ฉัวะะะ!!!
รังสี ยทุ ธ์จากพัดสุ ริยนั จันทราวิบตั ิปาดเชือดเข้าใส่
ร่ างกาย…ส่ งผลให้แขนซ้ายทั้งข้างถูกตัดขาดออกจากร่ างในทันที
เปรี้ ยง!
เซี่ยหยวนป้าตกกระทบพื้นอย่างรุ นแรง แขนซ้ายของเด็ก
หนุ่มกลับร่ วงหล่นยังที่ห่างไกลกว่าสิ บฟุต ใบหน้าบิดเบี้ยว ทัว่
ร่ างบิดกระตุกจากความเจ็บปวดสาหัส ทว่าเด็กหนุ่มไม่มีแม้แต่
เสี ยงครวญครางแม้แต่นอ้ ย
“จิ๊จิ๊จิ๊ เจ้าช่างอดทนอดกลั้นจริ งๆ อดทนจนถึงขั้นน่า
เวทนา” เย่ซิงหานฉี กยิม้ กว้างขวางเมื่อเห็นความเจ็บปวดของเซี่ย
หยวนป้า “แย่จริ ง ในสายตาเรานายน้อย ความอดกลั้นของเจ้า
เพียงเป็ นเรื่ องโง่เง่าอันน่าขัน นอกจากสามารถทําให้เจ้ายิง่
เจ็บปวดและสร้างความบันเทิงให้เรานายน้อยได้บา้ งแล้ว ล้วน
เปล่าประโยชน์ใด”
หลังจากสู ญเสี ยแขนซ้าย เซี่ยหยวนป้าที่บาดเจ็บสาหัสขั้น
ตรี ทูตนอนแน่น่ิงอยูบ่ นพื้นโดยไม่มีวแ่ี ววว่าจะสามารถยืนขึ้น
ภายใต้ความเสี ยหายร้ายแรงทางร่ างกาย ดวงตาของเด็กหนุ่มไร้
ประกาย ไม่อาจมองเห็นกระทัง่ เงาร่ างของศัตรู ท้งั สอง ทว่า ความ
เคียดแค้นและเศร้าเสี ยใจมิได้จางหายไปเลยแม้แต่นอ้ ย เมื่อได้
ฟังเย่ซิงหานกล่าววาจา มันค่อยๆยกแขนขวาขึ้น พร้อมทั้งกระทํา
บางสิ่ งบางอย่างที่เย่ซิงหานและเฟิ งเฟยเยียนมิอาจทําความเข้าใจ
ได้
คว้ ากกกก!!!
เด็กหนุ่มใช้มือขวาปาดเฉือนร่ างกายทางด้านซ้ายของ
ตนเองที่มีบาดแผลยาวที่สุด จากนั้น แหวกถ่างออกอย่างเหี้ ยม
เกรี ยม…จนบาดแผลนั้นขาดวิน่ ออกจากกันอย่างน่าสยอง…
กระทัง่ สามารถมองทะลุเห็นกระดูกหน้าอก รวมทั้งหัวใจที่กาํ ลัง
เต้นระรัวอยูภ่ ายใต้ และเส้นชีพจรหัวใจของมัน
“หื ม?” เฟิ งเฟยเยียนเย้ยหยัน “คิดฆ่าตัวตาย?”
“ข้า..จะไม่ยอม…ให้พวกเจ้า…ทําร้าย…พี่เขยได้!!!!”
ความเจ็บปวดสาหัสากรรจ์ส่งผลให้เซี่ยหยวนป้าเปล่งวาจา
ทีละคําออกมาอย่างอ่อนระโหยและยากลําบากสุ ดแสน ทว่าทุก
คําพูดที่เปล่งออกมาทั้งดุดนั ทั้งเหี้ ยมอํามหิ ต เมื่อกล่าวจบคํา ฝ่ ามือ
ขวารวบรวมพลังเรี่ ยวแรงเล็กน้อยที่ยงั หลงเหลือ เด็กหนุ่มยกหมัด
ขวา ทุ่มเทพลังทั้งหมด ทุบลงไปบนเส้นชีพจรหัวใจของตนเอง
อย่างเหี้ ยมโหด!!!
เปรี้ยงงง!
กําปั้นนี้หนักหน่วงยิง่ สําหรับกับเซี่ยหยวนป้าที่ก่ ึงเป็ นกึ่ง
ตาย ล้วนเพียงพอในการปลิดชีวติ มัน! เมื่อกําปั้นกระแทกลงบน
หัวใจของมัน ร่ างสะบักสะบอมนั้นสะท้านขึ้นเฮือกหนึ่ง กลุ่ม
ก้อนโลหิ ตที่คงั่ ค้างพุง่ ทะลักออกจากปากและหลัง่ ไหลออกมา
จากภายใต้กาํ ปั้น สายตาสู ญเสี ยประกายลงอย่างสิ้ นเชิง ทว่ายามนี้
ใต้กาํ ปั้นขวาของเซี่ยหยวนป้าพลันปรากฏประกายแสงสี ทองสาด
ส่ อง มือขวาของเด็กหนุ่มตกห้อยลงเนื่องจากสู ญเสี ยสํานึกรู ้ตวั จน
หมดสิ้ น เปิ ดเผยให้เห็นถึงบาดแผลที่มนั ฉี กกระชากออกจนเห็น
เส้นชีพจรลมปราณหัวใจที่กาํ ลังเปล่งแสงสี ทองเจิดจ้า!
บทที่ 462 ระเบิด! การตื่นขึน้ ของเทพราชันทรราชย์ (2)
เย่ซิงหานใช้พละกําลังทั้งหมดหลบหนีออกมาอย่าง
ยากลําบากจากบทเพลงแห่งพิธีศพบุปผาที่ถูกกดทับไว้กว่าสิ บ
สองชัว่ โมง หลังจากระบายโทสะ ณ ที่น้ นั มันยังคงไม่เลิกล้ม
ความตั้งใจ และไล่ติดตามคนทั้งคู่มาอีกครั้ง จากนั้น มันเองเข้า
มายังป้อมปราการนี้ดว้ ยความสงสัยเช่นเดียวกับหยุนเช่อ… ที่จริ ง
มันล้มเลิกความคิดค้นหาเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไปแล้ว ไม่คาดว่าโชคลาภ
ของมันจะพลันร่ วงหล่นลงจากท้องฟ้ามาหาเช่นนี้
ทว่ายามนี้ ประตูศิลากลับกั้นกลางเย่ซิงหานจากเหยือ่ โอชะ
ที่อยูเ่ พียงเอื้อมมือ แม้จะโจมตีดว้ ยกระบวนท่าที่รุนแรงจนท่อน
แขนเจ็บปวด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการทําลายประตูศิลาลง กระทัง่ ริ้ ว
รอยขีดข่วนยังไม่ปรากฏด้วยซํ้า บานประตูที่เบื้องหน้าไม่มีวแ่ี วว
ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นอ้ ย
เย่ซิงหานผลักประตูหินด้วยพลังทั้งหมด สิ่ งที่ได้รับคือ
ความรู ้สึกประดุจดัง่ เขาเป็ นมดตัวจ้อยที่หาญกล้าเขย่าต้นไม้
เย่ซิงหานขัดเคืองใจยิง่ ความรู ้สึกราวเป็ ดที่ถูกปรุ งเรี ยบร้อย
กลับโบยบินออกจากมือ ส่ งผลให้มนั รู ้สึกเกินทานทน มันจ้อง
มองไปยังประตูศิลา เดินวนเวียนไปมาไม่หยุดยั้ง มันพยายามหา
กลไกเปิ ดประตูพร้อมทั้งเปล่งวาจาข่มขู่เสี ยงแข็ง “หยุนเช่อ หาก
ไม่อยากตายโดยไร้ที่กลบฝัง จงเปิ ดประตูเดี๋ยวนี้!”
หยุนเช่อไม่ตอบ ชายหนุ่มปิ ดตาหายใจสมํ่าเสมอ ก่อน
ค่อยๆ ฟื้ นสภาพอาการบาดเจ็บบนร่ างกาย แม้จะเตรี ยมรับการ
โจมตีจากเย่ซิงหาน หากบาดแผลที่ได้รับยังนับว่าไม่เล็กน้อย ทาง
ด้านข้าง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื่ มือออกมาเช็ดคราบโลหิตที่ริมฝี ปาก
ของหยุนเช่ออย่างระมัดระวัง ดวงตางดงามของนางเต็มไปด้วย
ความเจ็บปวด…ชายหนุ่มได้รับบาดแผลหนักหนาเพียงนี้ ทว่า
ยังคงพยายามอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้แม้ชายเสื้ อของนางต้องได้รับ
อันตรายใด ยามที่หญิงสาวไม่อาจป้องกันตนเองได้เลยเช่นนี้
เพียงเรื่ องนี้ หญิงสาวก็ซาบซึ้ งตื้นตันจนไม่อาจลืมเลือนไปจนชัว่
ชีวติ
เย่ซิงหานเดินวนรอบบริ เวณใกล้เคียงเป็ นเวลาหลายครั้ง
เขายังไม่สามารถค้นหาสิ่ งใดที่มองเหมือนกลไก เขาเลิกล้มการ
ค้นหาและยืนตรงหน้าประตูหิน สี หน้าของมันแปรเปลี่ยนอย่าง
รวดเร็ ว สุม้ เสี ยงของมันสงบลง “หยุนเช่อ เจ้าไม่เพียงทําลาย
แผนการใหญ่ของข้า ยังฆ่าสตรี ของข้าทั้งสองคน ไม่วา่ เจ้าจะทํา
อย่างไร ล้วนเพียงพอในการให้ขา้ ทรมาณเจ้าจนต้องร้องขอความ
ตาย! ลองคิดดูสิ แม้เจ้าจะสามารถหลบหนีขา้ ได้ในวันนี้ และออก
จากนาวาปราณบรรพกาลได้ …เฮอะ! ข้าจะไม่ลงั เลเลยที่จะทุ่มเท
กําลังของวิหารเทพสุ ริยนั จันทราทั้งหมดเพื่อไล่ล่าเจ้าจนสุ ดขอบ
ฟ้า เมื่อถึงยามนั้น ไม่เพียงไม่มีผใู ้ ดกล้าปกป้องเจ้า พวกมันยังจะ
ไล่สงั หารเจ้าเพื่อประจบเอาใจข้า เจ้าต้องหนีหวั ซุกหัวซุนราว
สุ นขั ไร้เจ้าของ ภาวนาว่าสามารถมองเห็นแสงสว่างของวันพรุ่ งนี้
กระทัง่ ซากศพเจ้าต้องถูกฉี กเป็ นหมื่นๆชิ้น!”
หยุนเช่อทราบดีในใจว่าคําพูดของเย่ซิงหานข่มขู่ แต่
ทั้งหมดล้วนเป็ นความจริ ง ความแค้นของพรรคเทพหงสาและ
ความแค้นของวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา ล้วนแตกต่างกันอย่าง
สิ้ นเชิง
“ถ้าเจ้าไม่ออกมา เจ้าจะถูกปิ ดตายในนาวาปราณบรรพกาล
แม้เจ้าจะออกไปได้ เบื้องนอกล้วนมีเพียงความตายรอคอยเจ้า
อยู!่ ” เย่ซิงหานกล่าวอย่างเอาจริ งเอาจัง “แต่ ตอนนี้ ข้าจะให้
โอกาสเจ้า! หากเจ้าเปิ ดประตูน้ ีและส่ งน้องเสวีย่ เอ๋ อร์มาให้ขา้
เช่นนั้น ทุกสิ่ งทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่ องที่เจ้าฆ่าสตรี ของข้า
ทั้งหมดล้วนเลิกแล้วกันไป! ข้าไม่เพียงจะให้เจ้าจากไป ยังจะให้
เจ้าออกจากนาวาปราณบรรพกาลอย่างปลอดภัย จากวันนี้ไป จะ
ไม่มีการไล่ล่า ทั้งยังอาจตบรางวัลให้แก่เจ้าอีกด้วย”
ในสถานการณ์อบั จนเช่นนี้ คําพูดเหล่านี้แน่นอนน่าสนใจ
อย่างยิง่ หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลง ทีท่าไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งไม่เอ่ย
ปากตอบคํา เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มองไปที่ชายหนุ่มอย่างกังวล ก่อนเอ่ย
ปากด้วยเสี ยงนุ่มนวล “พี่ใหญ่หยุน…”
“อย่าได้สนใจมัน” หยุนเช่อโอบไหล่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ พร้อม
กล่าวตอบอย่างอ่อนโยน
“เรานายน้อยเป็ นเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา
โอกาสรอดชีวติ ครั้งนี้ ถือเป็ นรางวัลใหญ่ให้แก่เจ้า จงอย่าทําตัวโง่
งม ยอมทําลายอนาคตและชีวติ ของตนเอง!” เย่ซิงหานกล่าวอย่าง
เครี ยดเคร่ ง ทว่า ความจริ งแล้ว ภายในใจของมันวิตกกังวลอย่าง
ใหญ่หลวง เนื่องเพราะอีกไม่ถึงสองชัว่ โมง จะถึงเวลาออกจาก
นาวาปราณบรรพกาล เมื่อถึงยามนั้น ไม่เพียงมันต้องสู ญเสี ยเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ ความชัว่ ช้ารวมทั้งพฤติกรรมเลวทรามล้วนต้องถูกเปิ ด
โปง ในอนาคต ยิง่ ยากลําบากในการลงมืออีกเป็ นเท่าตัว มันกล่าว
วาจาไร้สาระมากมาย ทว่ายังคงไม่อาจได้รับการตอบรับใดๆ
กระทัง่ เสี ยงเล็กน้อยจากภายในยังไม่มีดงั ลอดมาให้ได้ยนิ เย่ซิง
หานหน้าดําครํ่าเครี ยด “หยุนเช่อ! หากไม่ออกมา เจ้าคิดตายใน
นาวาปราณบรรพกาลงั้นเรอะ? เฮอะ สิ่ งมีชีวติ ชั้นตํ่าเช่นเจ้าตาย
ไปไม่นบั เป็ นอย่างไร แต่เจ้ามีคุณสมบัติใดฉุดลากเสวีย่ เอ๋ อร์ไป
กับเจ้าด้วย! ชีวติ ของนางลํ้าค่ากว่าเจ้ามากนัก หากคิดปกป้องนาง
จริ ง เช่นนั้นจงส่ งมอบนางให้ขา้ แต่โดยดี นี่เป็ นโอกาสเพียงหนึ่ง
เดียวของเจ้า!”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบโต้ดว้ ยสุ ม้ เสี ยงแข็งกร้าวที่สุดเท่าที่
สามารถเค้นออกมาได้ “เย่ซิงหาน! ข้า-เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนิ ยอมตาย
พร้อมพี่ใหญ่หยุน ดีกว่าตกไปอยูใ่ นเงื้อมมือเจ้า!”
“โอ้ เสวีย่ เอ๋ อร์ของข้า” เมื่อได้ฟังวาจาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
นํ้าเสี ยงของเย่ซิงหานโอนอ่อนลงมหาศาล “เหตุใดท่านต้อง
ปฏิเสธพี่ใหญ่เย่ผนู ้ ้ ีถึงปานนั้น? แม้วธิ ีการของข้าจะคดโกงไปบ้าง
แต่เนื่องเพราะพี่หลงใหลเจ้ามากเกินไป จนร้อนรนใคร่ คิด
ครอบครองท่าน”
“ไปให้พน้ !” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตะโกนก้องด้วยความขุ่นแค้น
“ข้าเกลียด…เกลียดเจ้าเข้ากระดูก!”
“น้องเสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้าจะรู ้จกั รักข้าขึ้นมาเอง” เย่ซิงหานกล่า
วาจาอย่างปลอดโปร่ ง “ข้า-เย่ซิงหาน คือเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหาร
เทพสุ ริยนั จันทรา จะกลายเป็ นชนชั้นผูน้ าํ แห่งทวีปลมปราณฟ้า
ในอนาคต มีเพียงข้าที่คู่ควรต่อท่าน และมีเพียงน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ ที่
คู่ควรกับข้า”
“ข้าสามารถรับรองกับน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ได้ในตอนนี้ ว่า
หลังจากการแต่งงาน ข้าจะทุ่มเททุกทางเพื่อปกป้องท่าน ให้ท่าน
ได้เป็ นสตรี ที่สมบูรณ์แบบและเป็ นที่ยกย่องของทุกผูค้ น เพือ่ เจ้า
ข้าสามารถสละสตรี ทุกนางในโลก”
“ข้าจะไม่..ไม่มีทางชอบพอท่านอย่างเด็ดขาด! พี่ใหญ่หยุ
นของข้า ดีเลิศกว่าท่านเป็ นพันเป็ นหมื่นเท่า!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่า
วอย่างขุ่นแค้น
“พี่ใหญ่หยุนของเจ้า?” เย่ซิงหานหรี่ ตาลง ก่อนหัวเราะด้วย
ความเหยียดหยาม “เจ้ากลับกล้าเอาข้าไปเปรี ยบกับสิ่ งมีชีวติ ชั้นตํ่า
เช่นมัน? ในสายตาข้า มันยังน่าสมเพชยิง่ กว่ามดข้างถนน คิดบด
ขยี้มนั ยังง่ายดายกว่าบดขยี้มดปลวก น้องเสวีย่ เอ๋ อร์ จาก
สติปัญญาและความบริ สุทธิ์ของท่าน เหตุใดใจท่านจึงมืดบอด
ปานนี้? มีเพียงการติดตามข้า ท่านจึงสามารถค้นพบความสมบูรณ์
แบบของท่านได้ แม้ท่านจะไม่คาํ นึงถึงอนาคตตัวเอง ยังคงต้อง
คิดถึงอนาคตของพรรคเทพหงสา เจ้าต้องการทําลายอนาคตพรรค
เทพหงสาด้วยความเห็นแก่ตวั และการตัดสิ นใจที่ผดิ พลาดงั้นรึ ?”
คําพูดสุ ดท้ายของเย่ซิงหานจู่โจมสู่ จิตใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
หยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาขึ้น กอบกุมฝ่ ามือเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ท่ียดึ จับ
แนบแน่นไว้ ก่อนสัน่ ศีรษะ “อย่าได้เชื่อถือวาจาตํ่าตมของคนชัว่
ร้ายเช่นมัน ไม่วา่ มันจะพูดอะไร อย่าได้ฟังมัน”
“อืม” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะ
หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลงอีกครั้ง รักษาเยียวยาอาการบาดเจ็บ
เย่ซิงหานจะอย่างไรย่อมต้องออกจากสถานที่น้ ีก่อนนาวาปราณ
บรรพกาลจะปิ ดลง เวลานั้น จะเป็ นเพียงโอกาสเดียวของทั้งเขา
และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ เพื่อรักษาชีวติ ตนเอง เย่ซิงหานย่อมต้องออก
ห่างจากป้อมปราการนี้ แม้นี่จะเป็ นความเสี่ ยงอย่างยิง่ ตราบใดที่
หยุนเช่อวางแผนการอย่างรอบคอบรัดกุม โอกาสความสําเร็ จ
แน่นอนว่าไม่ต่าํ ทราม
ยิง่ รักษาอาการบาดเจ็บได้มากเท่าไร โอกาสรอดยิง่ มากขึ้น
เท่านั้น หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อยูภ่ ายในห้องศิลา เย่ซิงหาน
เฝ้าอยูภ่ ายนอก สภานการณ์มาสู่ จุดที่ท้ งั สองฝ่ ายไม่อาจก้าวหน้า
หรื อถอยหลังได้ แม้จะทุ่มเทจนหมดกําลัง เย่ซิงหานยังไม่อาจเปิ ด
ประตูออกได้ ดังนั้น มันเพียงใช้วาจาล่อลวง ข่มขู่ ปลอบโยนทุก
วิถีทาง สุ ดท้าย ด้วยความขัดเคืองใจสุ ดแสน มันระเบิดความ
โกรธแค้นออกมาเป็ นคําสาปแช่งด่าทอ ทว่า ทั้งหยุนเช่อและเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ต่างไม่ตอบคํา
ครื นนน….
พื้นที่ใต้ฝ่าเท้าสัน่ สะเทือน กําแพงที่รายล้อม กระทัง่
บรรยากาศรอบกาย ทั้งหมดพลันสัน่ สะเทือนอย่างรุ นแรง ราวกับ
ผืนพสุ ธากําลังไหวสะท้าน
ความสัน่ สะเทือนนี้ส่งผลให้หยุนเช่อรวบรวมสัมผัส
ความรู ้สึก ทางด้านนอก สี หน้าของเย่ซิงหานเปลี่ยนแปลงอย่าง
รุ นแรง
“อา…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันฉุกคิดถึงบางอย่าง ก่อนรํ่าร้อง
ออกมา “พี่ใหญ่หยุน แย่แล้ว ข้าได้ฟังมาจากพระบิดา เมื่อมิติ
สัน่ สะเทือน หมายความว่าอีกครึ่ งชัว่ โมง นาวาปราณบรรพกาล
จะปิ ดตัวลง”
“ครึ่ งชัว่ โมง…” หยุนเช่อช้อนสายตาขึ้นจ้องมองประตูศิลา
สี หน้าเคร่ งขรึ ม
เสี ยงของเย่ซิงหานดังแว่วมาเช่นกัน “หยุนเช่อ! อีกครึ่ ง
ชัว่ โมงนาวาจะปิ ดลง หากไม่ออกมา เจ้าทั้งสองต้องถูกกักขังด้วย
พลังของนาวา สุ ดท้ายต้องตกตายอยูใ่ นนาวานี้ กระทัง่ ซากศพยัง
ต้องสาบสู ญไปด้วย!”
“ออกมา! เจ้าจะรอด! ไม่ง้ นั ก็ตอ้ งตายทั้งสองคน!!”
“เจ้าห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่านะ” หยุนเช่อกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าเองยังอยูภ่ ายในป้อมปราการนี้ แม้เราทั้งสองจะฝ่ าออกไป
ไม่ได้ เจ้าเองก็ตอ้ งเป็ นเพื่อนเราสองทิ้งชีวติ ไว้ที่นี่เช่นกัน”
“เป็ นเพื่อนพวกเจ้าทิ้งชีวติ ไว้? ฮ่า คําพูดเหล่านั้นฟังดูน่า
กลัวเพียงไหน เจ้าเพียงต้องเปิ ดประตูออกมา ง่ายๆแค่น้ ี เจ้าก็จะ
สามารถมีชีวติ ต่อไปได้อย่างสงบสุ ข เสวีย่ เอ๋ อร์เองก็รอดไปได้
เช่นกัน แต่หากเจ้ายังดื้อรั้น เจ้าเลือกโง่งมไปคนเดียวก็ไม่เป็ นไร
แต่ไม่อาจฉุดลากเสวีย่ เอ๋ อร์ของข้าไปด้วย นี่เป็ นครั้งแรกที่ขา้ พบ
เจอคนโง่เง่าถึงปานนี้ในชีวติ ข้า!”
“หากข้าเชื่อคําพูดของเจ้า เช่นนั้นจึงนับว่าข้าโง่งมอย่าง
แท้จริ ง” หยุนเช่อหัวเราะเย็นชา
ครื นนน….
ห้วงมิติสนั่ สะเทือน และจากบันทึกประวัติศาสตร์ ยิง่ นาวา
ปราณใกล้ปิดเท่าใด ยิง่ สัน่ สะเทือนมากขึ้นเท่านั้น สุ ดท้าย ชั้น
บรรยากาศทั้งหมดจะสัน่ สะท้านไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับห้วงมิติที่
กําลังพังทลายลง สี หน้าของเย่ซิงหานดําทะมึน มันหมุนตัว
กลับไปจ้องมองสวนหย่อม ในศีรษะคํานวณระยะเวลาที่ตอ้ งใช้
ในการหลบหนีออกจากป้อมปราการอย่างรวดเร็ ว พร้อมทั้งกัด
ฟันพูดว่า “หยุนเช่อ ข้าให้โอกาสสุ ดท้ายกับเจ้า เจ้าคนใดคนหนึ่ง
เปิ ดประตู…ไม่ง้ นั ก็ตายทั้งคู่!”
เวลาเคลื่อนผ่านไป ทุกวินาทีที่ผา่ นพ้น ราวกับย่างก้าวของ
พญามัจจุราชที่คืบใกล้ สี หน้าหยุนเช่อสงบเยือกเย็น ทว่าหน้าผาก
ของชายหนุ่มปรากฏเหงื่อเย็นเยียบไหลหลัง่ เนื่องเพราะนี่คือ
ช่วงเวลาสุ ดท้ายที่ตดั สิ นเป็ นตายของตนเองและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
หากเขายังคงไม่ออกไป เขาต้องตาย หากออกไปจากป้อมปราการ
ไม่ทนั กาลก่อนนาวาปราณจะปิ ดลง เขาเองล้วนไม่อาจรอดชีวติ
ไปได้เช่นกัน
สิ บห้านาทีผา่ นไป ความถี่ในการสัน่ สะเทือนของห้วงมิติยงิ่
มายิง่ มากขึ้น สี หน้าของเย่ซิงหานยิง่ มายิง่ หวาดวิตก มันเหลียว
หลังกลับไปอีกครั้ง คํานวณระยะทางและระยะเวลาทั้งหมดเพื่อ
หนีออกจากสถานที่น้ ี จากนั้น มันสู ดลมหายใจลึกพร้อมตะโกน
ว่า “หยุนเช่อ ข้าให้โอกาสเจ้าเป็ นครั้งสุ ดท้าย! หากคิดมีชีวติ …ก็
เปิ ดประตู!!”
ภายในห้องศิลา หยุนเช่อขมวดคิ้วนิ่วหน้า ชายหนุ่มกัดฟัน
ไม่กล่าวคําพูดใด เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เองกุมมือของหยุนเช่อแนบแน่น
สี หน้าเต็มไปด้วยความสับสนว้าวุน่
ครื นนนน….
มวลอากาศสัน่ สะท้านรุ นแรง ส่ งผลให้ท้ งั ร่ างของเย่ซิงหาน
ไหวเอน ยามนี้ห่างจากเวลายีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงที่กาํ หนดไว้เพียงสิ บห้า
นาที หากหยุนเช่อเปิ ดประตูส่งมอบเสวีย่ เอ๋ อร์ให้แก่มนั มันเองยัง
ไม่เหลือเวลากระทําการอันใดได้เช่นกัน สี หน้าของมันคลํ้าลง ทัว่
ร่ างสัน่ สะท้านก่อนคํารามออกมาอย่างเคืองแค้นพยาบาท
“ประเสริ ฐมาก เช่นนั้นข้าจะส่ งเสริ มความปรารถนาของเจ้าเอง!
เมื่อข้าไม่ได้ เช่นนั้น ทําลายเจ้าสองคนไปพร้อมกันก็ไม่เลว!!”
คํากล่าวของเย่ซิงหานทําให้หยุนเช่อทราบถึงความคิดที่มนั
ตั้งใจกระทํา ชายหนุ่มทะลึ่งร่ างลุกขึ้นตะโกนก้อง “หยุดมือ!”
ก่อนสิ้ นเสี ยง ฝ่ ามือของเย่ซิงหานฟาดใส่ บานประตูศิลา
ตําแหน่งที่ฟาดลง คือตราผนึกอันเล็กๆที่ควบคุมการเปิ ดปิ ดของ
ประตูศิลา
พลังอันหนักหน่วงแล่นเข้าสู่ตราผนึก วงล้อมผนึกเรื องแสง
ก่อนจะแตกสลายในพริ บตา ประกายแสงแห่งผนึกเลือนหายไป
อย่างช้าๆ
เมื่อตราผนึกถูกทําลาย บานประตูนบั ว่าถูกปิ ดตายอย่าง
ถาวร ไม่วา่ จากภายในหรื อภายนอก ล้วนไม่อาจเปิ ดออกได้
“ฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ตายอยูท่ ี่นี่…ตลอดไปซะเถอะ!!”
ตราผนึกที่ถูกทําลายฉี กกระชากความคาดหวังของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์และหยุนเช่อจนหมดสิ้ น ทั้งยังทําลายความคิดหมาย
ครอบครองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ของเย่ซิงหานจนไม่หลงเหลือ เย่ซิงหาน
หัวเราะออกมาด้วยความคัง่ แค้น มันเหิ นขึ้นบนอากาศด้วยสี หน้า
เคียดแค้น บินออกจากสถานที่ไปด้วยความเร็ วเต็มที่ มันร่ อนลง
จากบันไดศิลา ก่อนเร่ งออกจากป้อมปราการอย่างรวดเร็ วที่สุด
บทที่ 469 เสวีย่ เอ๋อร์ ….รอข้ า
“เจ้า…สารเลว!!”
สิ่ งที่หยุนเช่อกังวลใจมากที่สุดเกิดขึ้นแล้ว ด้วย
ความสามารถของเย่ซิงหาน ย่อมสามารถมองทะลุถึงกลไกผนึก
ยามนี้เย่ซิงหานโบยบินจากไปด้วยความเร็ วสู งสุ ด ภายในใจของ
หยุนเช่อตกวูบลง ชายหนุ่มทะยานร่ าง ตวัดทัณฑ์มงั กรฟาดเข้าใส่
บานประตูศิลาด้วยพละกําลังทั้งหมด
แคร้ง!!!
เสี ยงกรี ดจากการโจมตีดงั สะท้านแก้วหู พลังกระแทก
สะท้อนส่ งผลให้สองแขนของชายหนุ่มเจ็บร้าว อาการบาดเจ็บที่
สะกดข่มไว้กาํ เริ บขึ้นอีกครั้ง หยุนเช่อโซเซถอยหลัง ก่อนล้มลง
กับพื้นอย่างรุ นแรง
“พี่ใหญ่หยุน!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เลื่อนร่ างกายของนางโอบไหล่
ของหยุนเช่อ “ท่านเป็ นอะไรไหม บาดเจ็บหรื อไม่?”
สายตาของหยุนเช่อตกลงบนตําแหน่งบนบานประตูที่ฟาด
ทัณฑ์มงั กรลงไป..ไม่ตอ้ งกล่าวถึงรอยแตก กระทัง่ รอยขีดข่วนยัง
ไม่ปรากฏให้เห็นในสายตา ชายหนุ่มสู ดลมหายใจลึกพร้อมห่อ
ไหล่
“พี่ใหญ่หยุน….” มองหยุนเช่อตอนนี้และคิดถึงสถานการณ์
ของพวกเขา เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์โอบกอดหยุนเช่อแน่น…. “พี่ใหญ่
หยุน”
สําหรับนาง คําสามคํานี้คือสิ่ งคํ้าจุนทางอารมณ์ที่นางมี
“ข้าขอโทษเสวีย่ เอ๋ อร์ ในที่สุดเรายังคงถูกบังคับให้อยูส่ ถาน
ที่น้ ี” หยุนเช่อหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่ชายหนุ่มพูดอย่างอ่อน
แรง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะอย่างแรง “ไม่….เป็ นข้าที่ทาํ ร้ายพี่
ใหญ่หยุน ทั้งหมดเป็ นเพราะข้า ถ้าไม่ใช่พใี่ หญ่หยุนต้องการ
ปกป้องข้า คงไม่เป็ นเช่นนี้…”
หยาดนํ้าตาจากเด็กสาวแห่งหงสาหยดลง ร่ วงลงสัมผัสยัง
ท่อนแขนของหยุนเช่ออย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มหันมองไปที่นยั น์ตา
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์และกล่าวเบา ๆ ว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้ากลัวหรื อ?”
ใบหน้าของหยุนเช่อซีดขาว ทว่าความรู ้สึกที่สะท้อนจาก
นัยน์ตายังคงเป็ นสิ่ งที่นางคุน้ เคย เป็ นความรู ้สึกอบอุ่นที่ทาํ ให้
หญิงสาวหลงใหลอย่างไม่อาจไถ่ถอนตัว เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ
เชื่องช้า “หากข้าคนเดียว ข้าอาจหวาดกลัว แต่เมื่อมีพี่ใหญ่หยุน
เคียงข้าง เสวีย่ เอ๋ อร์ลว้ นไม่กลัวอันใด”
“แต่ ข้ากลัวเหลือเกิน” หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลง “ข้าเกรงว่า
ตนเองไม่อาจได้พบเจอบุคคลอันเป็ นที่รักและภรรยา…กลัวว่าไม่
อาจปกป้องพวกมันได้…กลัวว่าไม่อาจทําความปรารถนาสุ ดท้าย
ที่ท่านปู่ ฝากฝังให้เป็ นความจริ ง…กลัวไม่อาจได้พบกับนางเซียน
น้อยและเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา…ข้ากลัว…ทุกอย่าง…”
“ทว่าตอนนี้…ที่เบื้องหน้าสายตาของข้า ที่ขา้ หวาดกลัว
ที่สุด คือการมองเจ้าหมดลมหายใจไปต่อหน้า”
ครื น…..ครื น…..
สรรพสิ่ งรอบตัวได้สน่ั สะเทือนรุ นแรงมากขึ้นมากขึ้น เสี ยง
ดังสนัน่ หวัน่ ไหวดังไม่หยุดเป็ นเวลานาน ทัณฑ์มงั กรถูกเหวีย่ งไป
ด้านข้างโดยหยุนเช่อ มือของชายหนุ่มกุมมือน้อยของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ขณะที่มองขึ้นไปด้านบนและเอ่ยด้วยความท้อแท้ “เสวีย่
เอ๋ อร์ เจ้ารู ้ใช่ไหมว่าข้าเป็ นคนที่ทะนุถนอมชีวติ ตนเองและเป็ น
คนที่เห็นแก่ตวั อย่างหาที่เปรี ยบไม่ได้มากเสมอ ข้าใช้ยาพิษฆ่าคน
มากมายเพื่อให้ตวั ข้ามีชีวติ รอด มากมายจนเจ้าไม่อาจแม้นจะ
จินตนาการและภายในคนเหล่านี้มีผบู ้ ริ สุทธิ์มากมาย….”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ “ข้ารู ้เพียงว่าพี่ใหญ่หยุนเป็ นคนดี
ที่สุดในโลกและเป็ นคนที่ปฏิบตั ิกบั ข้าดีที่สุด ไม่สาํ คัญที่ผใู ้ ดบอก
ข้าว่าพี่ใหญ่หยุนเป็ นคนเลว ข้าไม่เชื่อมัน”
หยุนเช่อหัวร่ อออกมาเสี ยงดัง “เสวีย่ เอ๋ อร์ หัวใจของเจ้าช่าง
บริ สุทธิ์ดุจแก้วใส แม้ขา้ จะหลอกลวงเจ้าหลายอย่าง เจ้าไม่เพียง
ไม่เปิ ดโปงข้า กลับยังถ่ายทอดท่วงทํานองแห่งเทพหงสาแก่ขา้ อีก
ด้วย เมื่อวานนี้ ยังช่วยข้าพูดจาถึงเพียงนั้น…ต่อหน้าเจ้า ข้าเพียง
ละอายและรู ้สึกผิดบาปในความสกปรกและสํานึกผิดในความชัว่
ร้ายทั้งหลายที่เคยกระทํา…รู ปลักษณ์ดงั ไข่มุกอันงดงามลํ้าค่าของ
เจ้าแทรกซึ มลงสู่ จิตวิญญาณของข้า ช่างสู งค่าจนข้ายังไม่กล้าแตะ
ต้อง”
“พี่ใหญ่หยุน…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุนเช่อ
พลันกล่าววาจาประดานี้ออกมา ทุกคําพูดมีเพียงคําชื่นชมบูชา
ส่ งผลให้ภายในใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอบอุ่นยินดี ทว่า
ขณะเดียวกัน กลับแฝงไปด้วยความกระวนกระวายอันไม่อาจบ่ง
บอกบรรยายได้
“นี่คือเหตุผล ไม่วา่ อย่างไร ข้าก็ไม่อาจทนดูเจ้าตกตายโดย
ไม่ช่วยเหลือ..ในตอนนี้ ข้าขอยอมตายเองยังดีกว่า”
“…พี่ใหญ่หยุน ข้าจะขอจดจําคําพูดของท่านไว้ตลอดไป
แม้วา่ ข้าจะตาย จะไปกําเนิดขึ้นที่ใด ข้าก็จะขอจดจําไว้ไม่ลืม
เลือน” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าพึมพําอย่างนุ่มนวล การถูกกักขังอยูใ่ นที่
แห่งนี้โดยไม่อาจหนีออกไปที่ใด ทั้งยังเหลือเวลาเพียงสิ บห้านาที
ก่อนเผชิญหน้ากับความตาย หญิงสาวสมควรรู ้สึกหวาดกลัวมรณ
กาลที่กาํ ลังมาถึง ทว่าชัว่ วินาทีน้ ี ภายในใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สงบ
สุ ขอย่างยิง่ นางตระหนักถึงสาเหตุเป็ นอย่างดี…นี่เนื่องเพราะมีหยุ
นเช่ออยูเ่ คียงข้างกาย
ประกายความมุ่งมัน่ ปรากฏขึ้นในดวงตาของหยุนเช่อ ชาย
หนุ่มยกฝ่ ามือขึ้น ประกายสี ทองสะท้อนขึ้นที่หว่างคิ้วของชาย
หนุ่ม เขากล่าวต่อหญิงสาวว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ หลับตาซะ”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปิดเปลือกตาลงเช่นก่อนหน้านี้ หยุนเช่อยก
นิ้วขึ้นสองนิ้วแตะสัมผัสลงบนหว่างคิ้วของเสวีย่ เอ๋ อร์ ฉับพลัน
ตราประทับเทพหงสาวาบขึ้นกลางหน้าผากของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์…
ตราประทับสี ทองเช่นเดียวกับหยุนเช่อ
“อา…นี่คือ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดเปลือกตาขึ้น ริ มฝี ปากอ้า
ออกด้วยความตื่นเต้น
“นี่คือท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หก” หยุ
นเช่อกล่าว “เร็ ว สลักมันลงไปในวิญญาณของท่าน”
ท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่หา้ และหกเป็ นสิ่ งที่พรรคเทพหง
สาถวิลหามายาวนานกว่าห้าพันปี และยามนี้ กลับปรากฏบุคคลที่
ได้รับสื บทอดแล้ว แม้เวลานี้จะไม่เหมาะสมนัก ทว่าเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ยงั คงทําตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวปิ ดเปลือกตา สลักตรา
ประทับลงไปในจิตวิญญาณ
หลังจากเหลือเวลาไม่ถึงสิ บนาที เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดเปลือก
ตาออก หยุนเช่อยิม้ บาง “เสวีย่ เอ๋ อร์ยอ่ มชาญฉลาดกว่าที่ขา้
คาดการณ์มากนัก ถ้าเป็ นเช่นนี้ เสวีย่ เอ๋ อร์สมควรฝึ กปรื อสําเร็ จได้
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน”
รอบบริ เวณเริ่ มสัน่ สะเทือนอย่างต่อเนื่อง ยิง่ กว่านั้น ระดับ
ความสัน่ สะเทือนยิง่ มายิง่ รุ นแรง ราวกับกําลังจะพังทลายลงใน
วินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า ทว่าหยุนเช่อกลับมีสีหน้าสุ ขสงบยิง่
ชายหนุ่มสังเกตเห็นดวงตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปรากฏประกายเมฆ
หมอกพร่ ามัว จึงกล่าวออกมาอย่างกระตือรื อร้น “เสวีย่ เอ๋ อร์
ตอนนี้ ฟังคําข้าให้ดี เข้าใจมั้ย?”
“อืม” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะ “ข้าย่อมเชื่อฟังวาจาของพี่
ใหญ่หยุน”
หยุนเช่อหัวร่ อเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
แน่นอนว่ารู ้เรื่ องการจากไปของท่านเทพหงสาแล้ว การเปิ ดเผย
ความสามารถของเสวีย่ เอ๋ อร์ ณ งานประลองยุทธ์เมื่อวานยิง่ เป็ น
การยืนยันเรื่ องนี้ ในอนาคตอันใกล้ อาณาจักรเทพหงสาของเสวีย่
เอ๋ อร์ยอ่ มต้องเผชิญพบแรงกดดันและภยันตรายใหญ่หลวงสุด
คาดคิด ข้าไม่ทราบพระบิดาของเสวีย่ เอ๋ อร์วางแผนจัดการ
เรื่ องราวนี้เช่นไร ทั้งไม่มีผใู ้ ดทราบว่าจะเกิดเรื่ องราวใดในอนาคต
แต่ทว่า เสวีย่ เอ๋ อร์ หลังออกจากที่แห่งนี้ เจ้าต้องฝึ กฝนท่วงทํานอง
เทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หก เพื่อให้ได้รับพลังอํานาจที่สามารถ
ปกป้องตนเองได้”
“นอกจากพระบิดาและพระอัยยิกาของเจ้า อย่าได้เชื่อถือ
ไว้ใจผูใ้ ดทั้งสิ้ น นี่รวมถึงพระเชษฐาของเจ้าด้วยเช่นกัน เนื่อง
เพราะภายใต้แรงกดดันในการเพิ่มพูนวาสนาของพวกมัน อาจมี
บางคนหันหน้าเข้าหาแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ …และสําหรับข้า ชีวติ
ของเสวีย่ เอ๋ อร์สาํ คัญยิง่ กว่าพรรคเทพหงสา หากวันใดพรรคเทพ
หงสาเผชิญพบชะตากรรมที่ไม่อาจทนทานรับได้อีกต่อไป ข้าหวัง
ว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะไม่เสี่ ยงชีวติ ตนเองเพือ่ รักษาพรรคเอาไว้ หากแต่
ใช้พลังทั้งหมดเพื่อหลบหนีเอาชีวติ รอด…เสวีย่ เอ๋ อร์ รับปากพี่
ใหญ่หยุน”
“อา…” เสวีย่ เอ๋ อเปิ ดริ มฝี ปากบางของนางเล็กน้อย หญิง
สาวกําลังสับสนงุนงง “หลัง…ออกจากที่น่ ี? พวกเรายังสามารถ
ออกไปได้อีกหรื อ?”
“ไม่วา่ อย่างไร สัญญากับข้าก่อน” หยุนเช่อกล่าวจริ งจัง
“เจ้าเพิ่งกล่าวเมื่อครู่ หากเป็ นวาจาของข้า เจ้าล้วนเชื่อฟัง”
“อืม..” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะเล็กน้อย “เช่นนั้น …เสวีย่
เอ๋ อร์รับปากพี่ใหญ่หยุน”
หยุนเช่อเปิ ดปากหัวเราะ ชายหนุ่มยืน่ นิ้วก้อยออกไปให้เฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ “เช่นนั้น มาเกี่ยวก้อยครั้งสุดท้าย เกี่ยวก้อยสัญญา!!”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยน่ื นิ้วก้อยอันบอบบางเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อย
ของหยุนเช่อ ทั้งสองกระหวัดนิ้วรัดพันเข้าด้วยกันแนบแน่นขึ้น
เรื่ อยๆ ขณะดวงตาทั้งสองคู่ประสานสบกันและกัน ต่างระลึกถึง
คราแรกที่ท้ งั สองเกี่ยวก้อยสัญญา ก่อนจะหัวเราะออกมาโดย
พร้อมเพรี ยง หยุนเช่อกล่าวพลางแย้มยิม้ “เมื่อเกี่ยวก้อยสัญญา
เสวีย่ เอ๋ อร์สญั ญาแล้วไม่คืนคํา”
“อื้ม!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รับปาก “ข้าจะทําตามที่รับปากไว้อย่าง
แน่นอน พีใ่ หญ่หยุน ท่านเองอย่าลืมสัญญาที่จะพาข้าไปชมหิมะ”
ดวงตาของหยุนเช่อสัน่ ไหวเล็กน้อย ชายหนุ่มไม่ตอบคํา
ในทันที ทว่ายืน่ มือออก หยิบหยกเคลื่อนย้ายที่เซี่ยหยวนป้ามอบ
ให้แก่ตนเองออกมาจากลําคอ จากนั้น สวมให้แก่เสวีย่ เอ๋ อร์
“นี่คือ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สมั ผัสหยกที่ลาํ คอพร้มเอ่ยถามด้วย
ความมึนงง หยกส่ องประกายราวโปร่ งใส ทว่าเมื่ออยูบ่ นลําคอ
ขาวผ่องของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ อัญมณี อื่นใดล้วนไร้ประกายโดย
สิ้ นเชิง
หยุนเช่อวางฝ่ ามือของตนลงบนฝ่ ามือของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
จากนั้น ลอบกุมกระชับหยกเคลื่อนย้ายในอุง้ มือ ชายหนุ่มมอง
ดวงหน้าสะคราญของหญิงสาวอย่างอาลัยอาวรณ์ สุ ม้ เสี ยงของเขา
นุ่มนวลอ่อนโยนราวสายลมกระซิบ “ที่ขา้ รับปากต่อเสวีย่ เอ๋ อร์ ข้า
ย่อมต้องทํา…อีกสามปี ข้าจําพาเสวีย่ เอ๋ อร์ไปแดนหิ มะสุ ดเยือก
แข็ง อีกสามปี เสวีย่ เอ๋ อร์จะรอคอยพี่ใหญ่หยุนหรื อไม่?”
ครื นน… ครื น… ครื นนน…
ห้วงมิติโดยรอบเดือดพล่าน หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ถูก
สลัดเหวีย่ งภายใต้แรงสัน่ สะเทือนอันรุ นแรง นาวาปราณบรรพ
กาลในยามนี้มาถึงช่วงเวลาสุ ดท้ายก่อนปิ ดตัวลง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จบั
จ้องเหม่อมองไปทางหยุนเช่อ ดวงตาและหัวใจเต็มไปด้วยม่าน
หมอกพร่ าเลือน หญิงสาวกล่าววาจาออกมาด้วยความอัดอั้น “รอ
คอยท่าน? พี่ใหญ่หยุน เหตุใดข้าต้อง…รอคอยท่าน?”
แคว่ กกก!!
รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศห่างจากหยุ
นเช่อไม่เกินสามฟุต หากสี หน้าของชายหนุ่มยังคงมัน่ คงไม่
เปลี่ยนแปลง ราวกับในช่วงเวลานี้ ไม่มีส่ิ งใดในโลกที่สามารถ
สร้างความหวัน่ ไหวแก่ชายหนุ่มได้เลย หยุนเช่อกระชับฝ่ ามือ
แน่นเข้าหากัน เสี ยง *แกร๊ ก* ดังขึ้นแผ่วเบาคราหนึ่ง หยก
เคลื่อนย้ายเปล่งแสงอ่อนจาง ตราผนึกเคลื่อนย้ายวงเล็กๆปรากฏ
ขึ้นที่ใต้ร่างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ การปรากฏขึ้นโดยฉับพลันคลื่น
พลังลมปราณส่ งผลให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันบังเกิดลางสังหรณ์
อัปมงคลรุ นแรงขึ้นบางอย่าง “พีใ่ หญ่หยุน ท่าน…”
“เสวีย่ เอ๋ อร์…รอข้า…”
คําพูดสี่ คาํ ของหยุนเช่อทั้งเรี ยบง่ายทั้งสุขสงบ ทว่าเมื่อเข้าสู่
ใบหูของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ล้วนราวกับถูกอสนีบาตฟาดใส่ ร่าง ส่งผล
ให้จิตใจของหญิงสาวปั่ นป่ วนว้าวุน่ อย่างรุ นแรง…กระทัง่ แทบ
สิ้ นสติไป ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความหวาดหวัน่ ความ
หวาดกลัวและความเจ็บปวดใจแพร่ กระจายสู่ อวัยวะทัว่ ร่ างกาย
หญิงสาวยืดเหยียดฝ่ ามือออก ต้องการคว้าจับหยุนเช่อไว้ เพือ่ พลัน
ตระหนักว่าร่ างกายของนางกําลังเลือนรางลง คนทั้งคู่ยง่ิ มายิง่ ไกล
ห่าง…ห่างไกลออกไปทุกที….
“พีใ่ หญ่ หยุน…พีใ่ หญ่ หยุน! ไม่ !!!!”
เมื่อสิ้ นเสี ยงกรี ดร้องอันเสี ยขวัญของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ สรรพ
เสี ยงและแสงสว่างทั้งมวลล้วนไกลห่างออกไป เงาร่ างของหยุ
นเช่อกลับกลายเป็ นความพร่ าเลือนที่สุดขอบมิติอนั ไร้ที่สิ้นสุ ด…
ครื นนน…… โครม…. ซ่ าา…. ตูม….
ห้วงมิติท้ งั หมดถูกเหวีย่ งจนสับสนอลหม่าน โลกหล้ากําลัง
เข้าสู่ การล่มสลาย หยุนเช่อลดมือลง กระชับทัณฑ์มงั กรไว้ในอ้อม
แขนและกอดรัดกระบี่ไว้แน่น สองตาปิ ดลง…
ตูม…
มิติท้ งั หมดของนาวาปราณบรรพกาลคล้ายสู ญสลายเป็ น
เศษส่ วน รอยแตกร้าวของมิติปรากฏขึ้นแทบทุกพื้นที่ของนาวา
ร่ างของหยุนเช่อพลันปรากฏรอยบาดแผลจํานวนนับไม่ถว้ นขึ้น
เช่นกัน ทัว่ ทั้งร่ างกลับกลายเป็ นร่ างเลือดเนื้อเละเทะ ราวกับ
ร่ างกายล้วนถูกห้วงมิติสบั เฉื อนจนแหลกเละ กระจายเป็ นชิ้นๆ
ในชัว่ พริ บตา…
เวลานั้น คือยามเช้าตรู่ ของนครวิหคเทวะ ณ ใจกลางนคร
พลันปรากฏแสงสว่างเจิดจ้า ผูค้ นพลันเงยหน้ามองขึ้นสู่ เบื้องบน
ห้วงนภา ก่อนพบว่านาวาปราณบรรพกาลที่ล่องลอยอยูบ่ นฟ้าสี
ครามมายาวนานครึ่ งปี บัดนี้อนั ตรธานหายไปโดยไร้ร่องรอย
บทที่ 470 สู่ นครวิหคเทวะ – อีกครั้ง
“ท่าน…”
“ท่านเทพหงสา!!”
ถึงแม้วา่ องค์ชายและผูอ้ าวุโสระดับสู งภายในพรรคเทพหง
สาจะไม่เคยได้ยนิ เสี ยงหรื อพบเห็นรู ปลักษณ์ที่แท้จริ ง ยิง่ ใน
ตลอดชีวติ ของพวกมันไม่เคยพบเห็นมาก่อน แน่นอนด้วยเหตุน้ ี
จึงทําให้ส่งผลกระทบต่อความคิดของพวกมันว่าเทพหงสาได้จาก
พวกมันไปแล้ว จิตใจของพวกมันจึงราวกับถูกกระทบกระเทือน
ด้วยความหวาดกลัว จนกระทัง่ ตอนนี้เมื่อเทพหงสาได้กระทําการ
เปิ ดเผยตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์และสยบ”ข่าวลือ”ผูอ้ าวุโสพรรคเทพ
หงสาจํานวนไม่นอ้ ยต่างตกตะลึงด้วยความยินดีและพากันคุกเข่า
ลงกับพื้นดินกราบไหว้ภายใต้ใบหน้าที่แหงนมองไปบนฟ้า
พลังอํานาจของเทพหงสาแผ่ครอบคุลมทัว่ นครวิหคเทวะ
และแทรกซึ มสู่ ทว่ั ทุกซอกมุมแห่งเมืองวิหคเพลิง ดวงตาสี ทอง
ขนาดใหญ่ยกั ษ์สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง เพียง
พริ บตาเดียว ผูค้ นทั้งหมดคุกเข่าลงแหงนหน้าขึ้นมองเบื้องบน
ร่ างกายสัน่ สะท้านด้วยความตื่นเต้น ผูฝ้ ึ กยุทธ์เกินครึ่ งภายในนคร
วิหคเทวะเองต้องรุ ดลงคุกเข่าโดยไม่เต็มใจ เนื่องเพราะพลังกดดัน
อันไพศาลของเทพหงสาที่ทาํ ให้โลหิ ตในกายพวกมันแทบแข็งตัว
หมดสิ้ น
หากเฟิ งเหิ งคงยังแตกตื่นตระหนกยิง่ กว่า เพราะมันเป็ น
เพียงคนไม่กี่คนที่ทราบถึงการจากไปของเทพหงสา และพบเห็น
เหตุการณ์ดว้ ยตนเอง การพบเห็นนัยน์ตาสี ทองที่กลางฟ้าทําให้ตวั
มันตื่นตะลึงเนิ่นนานกว่าจะเรี ยกรั้งสติสมั ปชัญญะกลับมา มัน
ทรุ ดลงคุกเข่าอย่างเชื่องช้า สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“กู่ชางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันคารวะท่านเทพหงสาผู ้
ยิง่ ใหญ่” กู่ชางค้อมศีรษะคารวะเช่นผูเ้ ยาว์ ปรมาจารย์จิตวิญญาณ
กู่ชางถือกําเนิดมานานกว่าพันปี ทว่าเมื่ออยูต่ ่อหน้าเทพหงสา มัน
เพียงมีสถานะเช่นผูเ้ ยาว์เท่านั้น
หลิงคุนและจีเชียนหลัวคารวะอย่างนอบน้อม ต่อหน้าเทพ
หงสา อย่าว่าแต่พวกมัน แม้จะเป็ นชนชั้นเซียนจักรพรรดิ จ้าว
สมุทร เทพราชัน หรื อปรมาจารย์กระบี่ ทั้งหมดล้วนไม่กล้าเสี ย
มารยาท เนื่องเพราะทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า มีเพียงจิตวิญญาณ
เทพหงสา จึงเป็ นตัวตนเดียวที่บรรลุระดับพลังฝี มือในตํานาน ชั้น
ปราณเทวะ เป็ นตัวตนสู งส่ งที่สุดที่เล่าขานกันมาอย่างแท้จริ ง
“เป็ นไปไม่ได้…นี่มนั เป็ นไปไม่ได้!!” เย่ซิงหานเบิกตา
กว้างจ้องมองไปยังเนตรสี ทองอร่ ามกลางฟ้า “เทพหงสา…ตายไป
แล้วชัดๆ!”
ดวงตาสี ทองสามารถเป็ นภาพมายา กระทัง่ เสี ยงยังสามารถ
หลอกลวง ทว่ารัศมีพลังสู งส่ งสุ ดยอดเช่นนี้ไม่มีทางผิดพลาด
เพราะพลังนี้เหนือชั้นกว่าเทพราชันเย่เม่ยเสี ยบิดาของมัน เป็ น
พลังของระดับเทพเจ้าที่ไม่อาจลอกเลียนได้โดยผูใ้ ดทั้งสิ้ น
เสี ยงของเทพหงสาดังลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ทุกคําพูด
สัน่ สะท้านจิตใจผูร้ ับฟัง “เราเทพเจ้าเพียงงีบพักไปไม่กี่ปี กลับมี
คนกล้าโอหังต่อหน้าพรรคเทพหงสาเรา! ทั้งยังกล้าทําร้ายศิษย์
สื บทอดของเราอีกด้วย ช่างสามหาวนัก!”
ศิษย์สืบทอดที่เทพหงสากล่าวถึง แน่นอนว่าย่อมเป็ นเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์
ความพิโรธโกรธเกรี้ ยวของเทพหงสากดทับลงยังหมู่มนุษย์
เบื้องล่าง ส่ งผลให้ทุกผูค้ นเงียบสงัดลงด้วยความหวาดหวัน่
แก้วตาสี ทองอร่ ามสะท้อนประกายวูบวับ วงแหวนเพลิงสี
แดงฉานทอดลงมาจากเบื้องบน ล้อมรอบกายเย่ซิงหาน วงแหวน
เพลิงแผดเผาอย่างเร่ งร้อน ล้อมกักเย่ซิงหานไว้ภายใน
นี่เป็ นเพลิงเทพหงสาที่มาจากเทพหงสา ความร้อนแรงและ
อุณหภูมิที่เผาผลาญส่ งผลให้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั มวลใบหน้า
เผือดซีดด้วยหวาดหวัน่ กู่ชาง หลิงคุน รวมทั้งจีเชียนหลัวต่างถอย
กายออกมาโดยพร้อมเพรี ยง เย่ซิงหานถูกล้อมกรอบด้วยรัศมีวง
แหวนเพลิงอาณาบริ เวณกว้างร่ วมร้อยเมตร แม้เปลวไฟมิได้
สัมผัสต้องตัวมัน หากร่ างกายยังคงรู ้สึกราวตกลงสู่ หิน
หลอมเหลวแห่งนรกภูมิ เสื้ อผ้าของมันพลันลุกไหม้ ใบหน้า
ของเย่ซิงหานเต็มไปด้วยความหวาดหวัน่ มันไม่สงสัยเลยว่า หาก
เพลิงเทพหงสาเข้าถึงตัว มันต้องกลายเป็ นเถ้าธุลีในพริ บตา
ในโลกนี้ ผูท้ ี่กล้าสังหารมันมีจาํ นวนไม่มาก… ทว่า เทพหง
สาที่เบื้องหน้า กลับเป็ นหนึ่งในจํานวนนั้น! มันกระทัง่ สามารถ
สังหารบิดาของเย่ซิงหานได้ดว้ ยซํ้า จากพฤติการณ์และความยโส
โอหังของมันก่อนหน้านี้ หากถูกเทพหงสาเข่นฆ่าล้วนไม่น่า
ประหลาดใจแต่อย่างใด
เมื่อเผชิญหน้ากับเทพมรณะ เย่ซิงหานบังเกิดความ
หวาดกลัวขึ้นมาในที่สุด มันดับเพลิงเทพหงสาที่ลุกไหม้บน
ตัวอย่างรวดเร็ ว สี หน้าท่าทีสงบสํารวม “ท่านเทพหงสาผูย้ งิ่ ใหญ่
ได้โปรดระงับโทสะ บิดาของผูเ้ ยาว์เย่เม่ยเสี ยตักเตือนผูเ้ ยาว์ให้
สํารวมระวังตนเองต่อหน้าท่านเทพตลอดมา…เป็ นผูเ้ ยาว์ฟังข่าว
ลือเหลวไหลไร้สาระ จึงทําให้ผเู ้ ยาว์กระทําการอุกอาจไร้มารยาท
อย่างโง่เขลาออกมา ผูเ้ ยาว์หวังว่าท่านเทพหงสาจะมีจิตเมตตาไว้
ชีวติ ผูเ้ ยาว์ ผูเ้ ยาว์แน่นอนย่อมสํานึกขอบคุณอย่างสุ ดซึ้ ง ไม่กล้า
กระทําอีกเป็ นอันขาด…”
เพื่อรักษาชีวติ ตนเอง เย่ซิงหานไม่มีทางเลือกนอกจากเอ่ย
นามเย่เม่ยเสี ย สี หน้าของหลิงคุนเองแปรเปลี่ยนกลับกลายไม่
หยุดยั้ง ทว่ายังคงก้าวออกมาเบื้องหน้า พร้อมทั้งเอ่ยปากว่า “ท่าน
เทพหงสาผูย้ งิ่ ใหญ่ โปรดระงับเพลิงพิโรธ อย่างไรเจ้าวิหารน้อย
ยังเยาว์วยั นัก แม้พฤติการณ์วนั นี้จะตํ่าช้า หากผูเ้ ยาว์มกั หุนหัน
พลันแล่น หากมิใช่ไม่อาจอภัยได้ ยิง่ กว่านั้น เจ้าหญิงหิ มะเองก็
ปลอดภัยไร้อนั ตราย ดังนั้นไม่นบั ว่ามีผลเสี ยร้ายแรงถึงตาย วิหาร
เทพสุ ริยนั จันทราและพรรคเทพหงสาต่างเป็ นนํ้าบ่อนํ้าคลองไม่
ก้าวก่ายกันและกันตลอดมา หากเจ้าวิหารน้อยเย่กลับมาตกตายใน
ที่น้ ีจริ ง ข้าเกรงว่า…ขอท่านเทพหงสาโปรดพิจารณาด้วย”
ฟู่ ววววว!!
ทันทีที่หลิงคุนกล่าวจบคํา เพลิงเทพหงสาที่รายล้อมเย่ซิง
หานกลับลุกโหมกระพืออย่างรุ นแรง พัดโหมเข้าใส่ เย่ซิงหานวูบ
หนึ่ง ก่อนที่ทุกผูค้ นจะทันเปลี่ยนสี หน้าเป็ นซีดขาวด้วยความพรั่น
พรึ ง เพลิงเหล่านั้นล้วนอ่อนกําลังลงโดยทันที ทว่าปลายพลังยัง
สามารถส่ งร่ างเย่ซิงหานร่ างเหิ นลอยละลิ่ว
เย่ซิงหานร่ างม้วนกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกระอักโลหิ ตออกมา
กองใหญ่ ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ร่ างแผ่เหยียดยาวไม่อาจ
เคลื่อนไหวได้เป็ นเวลานาน สุม้ เสี ยงเย็นชายะเยียบของเทพหงสา
ดังมาจากเบื้องบน “เฮอะ! พันปี ที่ผา่ นมา เย่เม่ยเสี ยเคยมาเยีย่ ม
เยียนเราเทพเจ้าเพียงสองครั้ง เรายังสามารถนับว่ามีมิตรภาพต่อ
กันอยูบ่ า้ ง เพื่อเห็นแก่หน้าเย่เม่ยเสี ยและวิหารเทพสุริยนั จันทรา
เราจะไว้ชีวติ เจ้าครั้งหนึ่ง! ออกไปจากนครวิหคเทวะซะ อย่าได้
กลับเข้ามาอีกตลอดกาล หากเจ้ากล้าก้าวเข้ามาในนครนี้อีกแม้
เพียงครึ่ งก้าว…เราเทพเจ้าจะเชือดเจ้าทิ้งซะ!”
“ยังไม่ ไปอีก!?”
ทุกผูค้ นในนครวิหคเทวะต่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิฮึก
หาญ เย่ซิงหานตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น มือหนึ่งกุมอก พร้อมโซ
ซัดโซเซจากไปอย่างน่าเอนจอนาถ ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความไม่
พอใจ สาเหตุที่มนั มายังที่นี่ดว้ ยตนเองล้วนเพื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ก่อน
หน้านี้มนั เต็มไปด้วยความเชื่อมัน่ ว่าทุกสิ่ งล้วนอยูใ่ นกํามือ ทว่า
ท้ายที่สุด มันกลับประสบผลสุ ดท้ายอันเลวร้ายจากความพยายาม
เอารัดเอาเปรี ยบของมันเอง มันสู ญเสี ยเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ เยว่จี เหม่ยจี
รวมทั้งเครื่ องมือสําคัญเช่นเฟิ งเฟยเยียน มันถูกจีเชียนหลัวเล่น
ตลก ทั้งยังถูกทําร้ายบาดเจ็บโดยเทพหงสา ทั้งยังล่วงเกินกู่ชางจน
เกินอภัย จากนั้น ต้องกลับกลายมาอยูใ่ นสภาพอันน่าสมเพชต่อ
หน้าผูค้ นทัว่ ทั้งนครวิหคเทวะ เสื่ อมเสี ยศักดิ์ศรี …สุ ดท้าย กระทัง่
ข่าวลือที่วา่ เทพหงสาตายแล้ว ยังไม่เป็ นความจริ งอีกด้วย!
ในฐานะว่าที่เจ้าวิหารเทพสุ ริยนั จันทราคนต่อไป ภายใต้
การกําราบโดยเทพหงสา มันต้องหลบหนีจากไปราวสุ นขั เถื่อนไร้
เจ้าของ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงสมาชิกพรรคเทพหงสาต่าง
เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี สี หน้าของกู่ชาง จีเชียนหลัว และห
ลิงคุนต่างเต็มไปด้วยความสับสนซับซ้อน… ทั้งหมดเชื่อมัน่ เก้า
ในสิ บส่ วนว่าเทพหงสาล้วนจากไปแล้ว อีกหนึ่งส่วนคือความ
ระแวงสงสัย ทว่าวันนี้ท้ งั หมดล้วนทราบกระจ่างถึงข่าวโคมลอย
เหล่านี้… อาจบางที นี่กลับเป็ นข่าวที่ถูกพรรคเทพหงสาเองกุ
ขึ้นมาก็เป็ นได้
ครานี้ พวกมันทั้งสามยืนนิ่งค้าง ราวกับขุนเขามหึ มาโถม
ทับร่ างไว้ ไม่วา่ รัศมีพลังหรื อร่ างกาย ทั้งสามคนไม่มีผใู ้ ดสามารถ
ขยับเคลื่อนไหวได้ เนื่องเพราะจิตสมาธิของเทพหงสา ยามนี้กาํ ลัง
มุ่งเป้ามาที่พวกมันทั้งสามคน
“พวกเจ้าสามแดนศักดิ์สิทธิ์กเ็ ชื่อเช่นเดียวกันหรื อว่าเราได้
ดับสู ญไปแล้ว?”
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางทอดถอนหายใจ และกล่าวตอบ
ด้วยสุ ม้ เสี ยงที่อาจเรี ยกได้วา่ ค่อนข้างสงบ “ข้าละอายใจยิง่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันของข้าได้ยนิ ข่าวลือนั้นจริ งและส่ วนใหญ่ก็
เชื่อในข่าวลือ เพียงแต่วนั นี้ขา้ ได้ทราบแล้วว่าเทพหงสาผูท้ รง
เกียรติยงั คงสบายดี ยามนี้ผแู ้ ซ่ก่กู ม็ น่ั ใจ และเชื่อว่าท่านเซียน
จักรพรรดิกจ็ ะต้องรู ้สึกสบายใจเมื่อได้ทราบข่าวเช่นกัน”
“เราเป็ นจิตวิญญาณสวรรค์ของเทพหงสาและเป็ นหนึ่ง
เดียวกับโลกใบนี้ ตราบใดที่โลกใบนี้ยงั ไม่ดบั สลาย เราก็จะไม่มี
วันสู ญสลายไปเช่นกัน ! ถึงแม้ท้ งั ทวีปลมปราณฟ้าจะถูกทําลาย
สิ้ น เราก็จะยังคงอยู่ ! พวกเจ้าทั้งสามเป็ นแขกจากแดนไกล ดังนั้น
ไม่วา่ พวกเจ้าต้องการจากไปหรื อไม่กข็ ้ ึนอยูก่ บั พวกเจ้าเอง แต่อย่า
ได้มาดูหมิ่นศักดิ์ศรี ของพรรคเทพหงสาเรา”
“มิบงั อาจ มิบงั อาจ” หลิงคุนรี บกล่าวทันทีพลางโค้งคํานับ
พลังสะกดข่มจากเทพหงสาที่มนั สัมผัสได้น้ นั เหนือลํ้ากว่า
ปรมาจารย์กระบี่ซวนหยวนเวิน่ เทียนยิง่ นัก
“เหิ งคง พาเสวีย่ เอ๋ อร์ไปที่พาํ นักของเรา”
ทันทีที่เทพหงสากล่าวจบ ดวงตาสี ทองทั้งคู่กค็ ่อยๆ ปิ ดลง
ก่อนจะหายไปจากท้องฟ้าเบื้องบน
“น้อมส่งท่านเทพหงสา” บรรดาศิษย์เทพหงสาพากัน
ประสานเสี ยงดังลัน่ แต่พวกมันยังคงคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้นอยูเ่ ป็ น
เวลานาน
“ลูกหมิง จัดการเรื่ องราวที่เหลือแทนเราที” เฟิ งเหิงคงออก
คําสัง่ ก่อนจะเหิ นไปทางวิหารหลวงเทพหงสาพร้อมกับเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ที่ยงั คงหมดสติอยูอ่ ย่างรวดเร็ ว
ทันทีที่เทพหงสาจากไป ความรู ้สึกว่าต้องยอมศิโรราบทัว่
ทุกหัวระแหงก็หายไปในไม่ชา้ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางถอน
หายใจเล็กน้อยด้วยความรู ้สึกผ่อนคลาย และกล่าวกับเฟิ งซีเฉิ นว่า
“องค์ชายสิ บสี่ รบกวนท่านนําผูแ้ ซ่ก่ไู ปหาศิษย์ผตู ้ ่าํ ต้อยของเราได้
หรื อไม่ ?”
การที่ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเริ่ มเจรจากับมันก่อนด้วย
ท่าทีกระตือรื อร้นนั้น ทําให้เฟิ งซีเฉิ นรู ้สึกหวัน่ เกรง มันกล่าวตอบ
โดยพลันว่า “ได้ขอรับ ผูอ้ าวุโสกู่เชิญทางนี้”
————————————
การปรากฏตัวของจิตวิญญาณเทพหงสาทําให้ทวั่ ทั้งนคร
วิหคเทวะตื่นตระหนก และความรู ้สึกนี้กแ็ พร่ กระจายไปทัว่
จักรวรรดิเทพหงสาอย่างรวดเร็ ว ภายในนครวิหคเทวะเองก็มีการ
พูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับการปรากฏตัวของจิตวิญญาณเทพหงสากัน
ตลอดทั้งวัน ความกระตือรื อร้นของผูค้ นที่มีต่อเรื่ องนี้น้ นั ยิง่ กว่าที่
มีต่อการประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรและนาวาปราณบรรพ
กาลเสี ยอีก
ยามนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ กค็ งได้รับข่าวที่วา่ จิตวิญญาณเทพ
หงสายังไม่ได้จากไป ในขณะจิตใจของชาวจักรวรรดิเทพหงสาก็
ฟูฟ่องเบิกบาน ข่าวๆ หนึ่งก็ทาํ ให้จิตใจของชาววายุครามทุกผูค้ น
ที่อยูใ่ นนครวิหคเทวะสัน่ สะท้านเย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจ
หยุนเช่อผูเ้ อาชนะศิษย์อจั ฉริ ยะทั้งสิ บคนได้โดยลําพัง ผูท้ ี่
ทําให้อาณาจักรวายุครามได้อนั ดับหนึ่งในการประลองจัดอันดับ
เจ็ดอาณาจักรอย่างที่ไม่เคยมีผใู ้ ดทําได้มาก่อน ได้จากไปชัว่ นิ
รันดร์ภายในนาวาปราณบรรพกาลในขณะที่มนั ช่วยชีวติ เจ้าหญิง
หิ มะ
เมื่อหลิงเจี่ยผูท้ ี่รีบกลับเข้าเมืองวิหคเพลิงด้วยใจที่ฟูฟ่อง
เพื่อที่จะกลับไปยังอาณาจักรวายุครามพร้อมกับหยุนเช่อ ได้รับ
ข่าวนี้
มันก็ได้แต่ยนื งงอยูก่ บั ที่ ราวกับถูกฟ้าผ่า มันยืน่ นิ่งอยูน่ าน
เหมือนกับว่ามันได้กลายเป็ นรู ปปั้ นที่ไร้วญ ิ ญาณไปแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ วจากรุ่ งเช้าไปยามบ่าย เสี ยง
จ้อกแจ้กจอแจในนครวิหคเทวะก็ค่อยซาลงในที่สุด เฟิ งซีหมิงเร่ ง
รุ ดไปที่หอ้ งบรรทมขององค์จกั รพรรดิแห่งจักรวรรดิเทพหงสา
และกล่าวถามอย่างใจร้อนว่า “พระบิดา เสวีย่ เอ๋ อร์ได้สติหรื อยัง
พ่ะย่ะค่ะ ? ดูเหมือนว่าท่านเทพหงสาจะยังไม่ตายจริ งๆ เป็ นไปได้
หรื อไม่ที่ท่านเทพหงสาจะแสร้งทําเป็ นตายเพือ่ ดูปฏิกิริยาของ
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ พร้อมกับล่อให้พวกที่ไม่ซื่อสัตย์ภายในพรรค
ให้ออกมา ?”
“ไม่ใช่…” สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเหิงคงสงบนิ่งอย่างที่สุด มันหัน
หน้าที่ดูหดหู่เดียวดายยิง่ มา “ท่านเทพหงสาได้ดบั สู ญไปตั้งแต่
สามปี ก่อนแล้ว มันไม่ใช่การหลอกลวง… ทุกสิ่ งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ต่างหากที่เป็ นการหลอกลวง”
“อะ…อะไรนะ?” เฟิ งซีหมิงกลั้นหายใจโดยพลัน
“ท่านเทพหงสาที่ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้เป็ นเพียงภาพลวงตา
ที่ท่านเทพหงสาทิ้งไว้ให้ดว้ ยพลังเฮือกสุ ดท้ายก่อนการดับสูญ
ของมัน มันเป็ นการป้องกันล่วงหน้าในกรณี ที่การดับสู ญของมัน
ถูกเปิ ดเผยออกไป เพือ่ ป้องกันภัยพิบตั ิที่อาจมาเยือนพรรคเทพหง
สา… พลังสุ ดท้ายที่ท่านเทพหงสาทิ้งไว้ให้ บัดนี้ได้สูญหายไป
หมดแล้ว มันบอกให้เราไปยังวิหารหลวงเทพหงสาก็เพื่อใช้เสี ยง
ทางจิตสุ ดท้ายของมันบอกเรื่ องนี้แก่เรา” เฟิ งเหิ งคงกล่าวอย่าง
เคร่ งขรึ ม
สี หน้าเฟิ งซีหมิงราวกับปราศจากชีวติ หลังจากนิ่งเงียบไป
ครู่ ใหญ่ ในที่สุดมันก็ทอดถอนใจพลางกล่าวว่า “ท่านเทพหงสา
ช่างมองการณ์ไกลและปราดเปรื่ องยิง่ ที่สามารถคาดการณ์ถึงสิ่ งที่
จะเกิดขึ้นในวันนี้ได้… ตอนนี้ท้ งั โลกรวมถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
ต่างก็แน่ใจแล้วว่าเทพหงสายังดํารงอยู่ ด้วยการป้องปรามของ
ท่านเทพหงสา แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ยอ่ มไม่กล้าเข้ามาจู่โจมพรรค
เทพหงสาเราอีกเป็ นแน่”
“กระดาษไม่อาจห่อไฟ ถึงแม้ตอนนี้เราจะค่อนข้างมัน่ คง
แต่การดับสู ญของเทพหงสาก็เป็ นเรื่ องจริ ง เรื่ องนี้ยอ่ มรั่วไหล
ออกไปไม่วนั ใดก็วนั หนึ่ง” เฟิ งเหิ งคงขมวดคิ้วแน่น สี หน้ายิง่ มาก็
ยิง่ แน่วแน่ “ลูกหมิง วันนี้เจ้าก็เห็นแล้ว หากไม่มีการดํารงอยูข่ อง
เทพหงสา แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ จะดูหมิ่นเหยียดหยามพรรคเทพหง
สาเราเช่นไร ! ตอนนี้เราไม่มีเทพหงสาแล้ว และเสวีย่ เอ๋ อร์กอ็ ายุ
เพียงสิ บหกปี … ก่อนที่เสวีย่ เอ๋ อร์จะเป็ นผูใ้ หญ่เต็มที่ สิ่ งเดียวที่เรา
สามารถพึ่งพาได้กค็ ือตัวเราเอง ! เราต้องแข็งแกร่ งให้มากขึ้นให้
เร็ วขึ้น ภายในระยะเวลาที่ส้ นั ที่สุดเท่าที่จะทําได้”
“พระบิดากําลังจะตรัสว่า…”
เฟิ งเหิ งคงหรี่ ตาลงขณะกล่าวอย่างแผ่วเบา “เราต้องได้
เหมืองผลึกม่วงขนาดใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยูข่ องอาณาจักรวายุคราม
มา ! ข้อมูลจากการสอดแนมของหอวิญญาณปฐพีระบุวา่ ภายใน
เหมืองน้้ นั มีลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงจํานวนมหาศาลซ่อนอยู่ !
หากนี่เป็ นความจริ ง มันก็จะเป็ นประโยชน์ต่อพรรคเราอย่างยิง่ !”
“ตั้งแต่พรุ่ งนี้ไป จัดเตรี ยมกองทัพทั้งหมดให้พร้อม ! สาม
เดือนหลังจากนี้ ให้ยกทัพเข้าไปในอาณาจักรวายุคราม ! ภายใน
สามปี ต้องยึดครองดินแดนของวายุครามทั้งหมดให้ได้ !”
บทที่ 472 ท้ องฟ้าแปรผัน (2)