You are on page 1of 4535

บทที่ 323 หวนคืนอย่ างกังวล

หยุนเช่อเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งโดยมิ
มีผใู ้ ดไล่ตามมา มันเหม่อมองพื้นสี ขาวกว้างใหญ่ไพศาลของแดน
เมฆาสุ ดเยือกแข็งขณะเดินทาง ในใจมันบังเกิดความสิ้ นหวังลังเล
ขึ้นมาเป็ นครั้งแรก
นางเซียนน้ อย เจ้ าอยู่ที่ใดกัน… เจ้ าไปอยู่ที่ใด… ข้ าควรจะ
ทําเช่ นไรถึงจะหาเจ้ าพบ…
จัสมินที่สมั ผัสสภาพจิตของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจนเอ่ยขึ้น
อย่างไม่ทุกข์ร้อน “บางทีเจ้าอาจไม่จาํ เป็ นต้องออกตามหานางก็
ได้ ด้วยอิทธิพลของเจ้าในยามนี้ ข่าวคราวเรื่ องที่เจ้ายังไม่ตายย่อม
ต้องแพร่ ออกไปอย่างรวดเร็ ว ไม่นานนางเองก็คงได้ยนิ เมื่อนั้น
นางย่อมต้องออกมาสื บเสาะหาเจ้าด้วยตัวเอง
“ไม่!” หยุนเช่อส่ ายศีรษะก่อนจะเอ่ยพลางถอนหายใจ
“ท่านไม่เข้าใจนาง นางเป็ นคนเย็นชาเกินไป และยังเคยชินกับการ
อยูเ่ พียงลําพังอย่างเงียบเหงา นางไม่เคยคิดจะพบปะผูค้ นแปลก
หน้า ยิง่ นางตั้งครรภ์และทําลายวิชายุทธ์ของตัวเองไปแล้ว นาง
ย่อมต้องหลีกเลี่ยงผูค้ นยิง่ กว่าเดิมเพื่อปกป้องตัวเด็กเอาไว้… มิ
เช่นนั้น ด้วยความงามไร้ที่เปรี ยบของนางที่ทาํ ให้ทุกผูค้ นลุ่มหลง
เหตุใดจึงไม่มีข่าวคราวว่าพบเจอนางหลังจากนางถูกขับออกจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทั้งที่เนิ่นนานมาแล้วเล่า? กระทัง่
ศิษย์พี่หญิงเสวีย่ หลอยังไม่ทราบว่านางถูกขับจากสํานัก… ดังนั้น
นางย่อมต้องไปยังดินแดนรกร้างว่างเปล่าเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งที่นางสามารถตัดขาดจากโลกภายนอกได้เป็ นแน่
สถานที่ที่จะไม่มีผใู ้ ดมารบกวนนางหรื อทําร้ายลูกของเรา…
เช่นนั้นแล้ว จึงไม่มีทางทําให้นางรู ้วา่ ข้ายังอยูไ่ ด้เลย… และข้าก็
ไม่รู้วา่ ควรจะไปตามหานางที่ไหนด้วย”
“มีคนมา!” จัสมินพลันเอ่ยปาก
หยุนเช่อเลิกคิ้วขึ้น เงาร่ างสี ขาวพุง่ ตรงมาทางมันด้วย
ความเร็ วสูงยิง่ จากทิศทางของแดนศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่ร่างนั้นจะ
ปรากฎขึ้นในสายตามัน
เงาร่ างนั้นแท้จริ งเป็ นสัตว์อสู รวิหคยักษ์สีขาวดุจหิ มะ ตัวสู ง
กว่าสิ บเมตรและทั้งตัวเป็ นสี ขาวดุจหิ มะ รู ปร่ างมันราวกับนก
เหยีย่ วแต่บึกบึน สู งใหญ่และทรงอํานาจกว่านัก ศีรษะแม้จะ
เหมือนเหยีย่ ว แต่กส็ ง่างามยิง่ กว่า กรงเล็บมันดุจตะขอ ดวงตา
ส่ องประกายเยียบเย็นดุจคมดาบ คลื่นพลังของมันสูงส่ งน่าเกรง
ขาม และความเร็ วของมันยังสูงลํ้ายิง่ กว่าราวกับสายฟ้า บนหลัง
มันนัง่ ด้วยสตรี ในชุดขาวผูห้ นึ่ง เส้นผมสี ดาํ สนิทราวกับรัตติกาล
ของนางยาวจรดเอว ดุจดังบุปผาท่ามกลางหุบเขาและหิ มะ สําแดง
ความบริ สุทธิ์และสู งส่ งของความงามอันมากล้น
“ฉู่เยว่...หลี?” คิ้วของหยุนเช่อขมวดเล็กน้อย มันหยุดฝี เท้า
ก่อนจะเฝ้ามองฉู่เยว่หลีเข้ามาใกล้อย่างเงียบงัน
ด้วยความเร็ วอันเหนือลํ้า อสูรวิหคพลันหยุดลงเบื้องหน้า
หยุนเช่อในพริ บตา ฉู่เยว่หลีบิดเอวบางของนางสลัดหิ มะออก
ก่อนจะทะยานร่ างลงเบื้องหน้าหยุนเช่อพร้อมกับสายลมเย็นเยียบ
ดัง่ ธิดาหิ มะที่จุติลงมาบนโลก ก่อนจะพบดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งจับ
จ้องมายังนาง
หยุนเช่อขมวดคิ้วอย่างลืมตัว ก่อนจะผ่อนคลายลงเมื่อมัน
ไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้ายหรื อจิตสังหารใดจากตัวฉู่เยส่ หลี
“เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้มาเพือ่ หาเรื่ องเจ้า ข้าในตอนนี้มิใช่คู่มือเจ้า
แล้ว” ฉู่เยว่หลีเอ่ยปากก่อนหยุนเช่อ นํ้าเสี ยงของนางเย็นชาและ
ชัดเจนดุจผลึกนํ้าแข็ง “ตอนแรก ข้าเกลียดเจ้าเข้ากระดูกดําเพราะ
เรื่ องที่เกิดกับท่านพีข่ องข้า แต่จู่ๆตอนนี้ ข้ากลับไม่เกลียดชังเจ้า
อีกต่อไป… แม้เจ้าจะหลบหลู่และเหยียบยํา่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง ทําลายประตูวงั ของข้า และยังทําร้ายนางหญิงแดน
ศักดิ์สิทธิ์จนบาดเจ็บ… แต่เรื่ องที่เจ้าทําทั้งหมดนี้กลับทําให้เจ้า
คู่ควรกับท่านพี่”
“เจ้าตามข้ามาถึงนี่แค่เพื่อพูดเรื่ องนี้ง้ นั รึ ?” หยุนเช่อถาม
ฉู่เยว่หลียกมือเรี ยวงามของนางขึ้น ก่อนจะสะบัดเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง ปรากฏวิหคยักษ์สีขาวราวหิ มะขยับหมุนควงเป็ นวง
เหิ นร่ อนลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน จากนั้น วิหคสี ขาวเก็บปี กข้าง
ลําตัวก่อนทิ้งตัวลงยังด้านข้างของฉู๋เยว่หลี่อย่างเชื่อฟัง...หยุนเช่อ
สามารถสัมผัสระดับพลังชั้นลมปราณฟ้าได้จากร่ างของมัน!
หรื อนี่จะเป็ นสัตว์อสู รชั้นลมปราณฟ้า?
“นี่คือสัตว์อสู รเวหาหงส์หิมะ สัตว์อสู รเวหาระดับสู งที่
เพียงมีอยูใ่ นแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งนี้เท่านั้น กระทัง่ ในอาณาเขต
ของแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง ยังปรากฏเพียงสามตัว แม้พวกมันจะ
เป็ นสัตว์อสู รชั้นปราณฟ้า หากลักษณะนิสยั อ่อนโยนเชื่อฟัง
สามารถสร้างพันธสัญญาระหว่างกันได้ง่ายกว่าสัตว์อสู รชั้น
ปราณปฐพีทว่ั ไปเสี ยอีก” ฉู่เยว่หลี่กล่าวแผ่วเบา “แม้ความเข้มแข็ง
ของเจ้าในตอนนี้จะน่าแตกตื่นอย่างยิง่ ทว่าด้วยข้อจํากัดของพลัง
ปราณ เจ้ายังไม่สามารถเหาะไปในอากาศได้ ทั้งเจ้ายังไม่มีตรา
ประทับสัตว์อสู รพันธสัญญา ดังนั้น ข้าขอมอบสัตว์อสู รตัวนี้เป็ น
สัตว์อสู รพันธสัญญาของเจ้า”
เมื่อฉู่เยว่หลี่กล่าววาจาได้ครึ่ งหนึ่ง หยุนเช่อล้วนสามารถ
คาดเดาออกได้อย่างรางๆ ถึงเจตนาแท้จริ งของนาง คุณค่าของ
สัตว์อสู รชั้นลมปราณฟ้า ล้วนไม่มีใดแตกต่างจากศาสตราวุธชั้น
ลมปราณฟ้าแม้แต่นอ้ ย! กระทัง่ เหล่าพรรคใหญ่ท้ งั สี่ ยังไม่อาจมี
ในครอบครองเกินสามถึงสี่ ตวั การที่ฉู่เยว่หลี่ยนิ ดีมอบสัตว์อสู ร
พันธสัญญาระดับนี้ให้แก่มนั ย่อมไม่ต่างจากการมอบของกํานัล
อันใหญ่หลวง ทว่าหยุนเช่อไม่เสี ยเวลาครุ่ นคิดมากความ ชาย
หนุ่มสัน่ ศีรษะปฏิเสธ “นัน่ ไม่จาํ เป็ น! ข้าไม่คุน้ ชินกับการเดินทาง
โดยสัตว์อสู ร ทั้งการเดินเท้ายังนับเป็ นการฝึ กฝนให้แก่ขา้ อีกทาง
หนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของชายหนุ่มนับว่าไม่เหนือความ
คาดหมายของฉู่เยว่หลี่มากมายนัก หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชาว่า
“มันเรี ยกว่าฉานน้อย ผูท้ ี่จบั มันและทําพันธสัญญากับมันคือท่าน
พี่ เจ้าของเพียงหนึ่งเดียวของมันจนกระทัง่ บัดนี้ คือท่านพีเ่ พียงผู ้
เดียว”
หยุนเช่อพลันเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาของมันส่ องประกายลังเลวูบ
หนึ่งขณะจับจ้องไปยังสัตว์อสูรหงส์หิมะที่เชื่อฟังยิง่
“ท่านพี่ตดั พันธะกับมันและให้มนั อยูท่ ี่นี่ก่อนนางจะ
ออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ดูท่านางจะไม่อยากถูก
ตามตัวพบเพราะสัตว์อสู รหงส์หิมะตัวนี้ หากเจ้าต้องการออกตาม
หาท่านพี่ ก็จงนํามันไปด้วย มันถือกําเนิดในแดนหิ มะสุ ดเยือก
แข็งก็จริ ง แต่กส็ ามารถเข้ากับเขตอากาศร้อนและแห้งแล้งได้ ซํ้า
มันยังมีปราณธาตุวายุและวารี มันไม่เพียงเดินทางได้หนึ่งพันห้า
ร้อยกิโลเมตรต่อวัน มันยังมีพลังโจมตีที่รุนแรงด้วย และเพราะ
ท่านพี่เป็ นนายคนแรกของมัน มันย่อมไม่ลืมเลือนพลังของนาง
แม้จะตัดขาดพันธะกันแล้ว มันย่อมต้องช่วยให้เจ้าตามหาท่านพี่
ได้เร็ วขึ้นแน่” เอ่ยจบ ฉู่เยว่หลี่กส็ าํ ทับ “การที่ขา้ มอบมันให้เจ้า
มิได้จะช่วยเจ้า แต่เพือ่ ตัวท่านพี่เท่านั้น”
แววตาหยุนเช่อปั่ นป่ วนเล็กน้อย ก่อนมันจะพลันทะยานมา
เบื้องหน้าและยืน่ มือออก โลหิตหยดหนึ่งพลันลอยออกมาจาก
ปลายนิ้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยดมันไปที่กลางหว่างคิ้วของหงส์
หิ มะ
สัตว์อสู รหงส์หิมะกางปี กออก ก่อนจะส่ งเสี ยงร้องแผ่วเบา
หว่างคิ้วของมันส่ องแสงวูบหนึ่ง… ก่อนที่ตราผนึกสี ขาวจะ
ปรากฎขึ้นบนหลังมือหยุนเช่อและค่อยๆจางหายไป
ด้วยความช่วยเหลือจากตราประทับสัตว์อสู รพันธสัญญาที่
ฉู่เยว่ฉานทิ้งไว้เบื้องหลัง หยุนเช่อสามารถประสบความสําเร็ จใน
การผูกพันธสัญญากับสัตว์อสู รหงงส์หิมะอย่างรวดเร็ ว สัตว์อสู ร
หงส์หิมะกู่ร้องยาวนาน จากนั้นเหิ นบินในระดับตํ่า ร่ อนลงยังข้าง
กายของชายหนุ่ม
“ขอบคุณ” หยุนเช่อแสดงความขอบคุณด้วยสี หน้าเฉื่ อยชา
อย่างที่สุด
ฉู่เยว่หลี่ผงกศีรษะเล็กน้อย หญิงสาวไม่กล่าวอันใด นาง
เหิ นร่ างขึ้นสู่ ฟ้าด้วยเจตนาจากไป
“ฉิ งเยว่เล่า? เหตุใดข้าไม่พบเห็นนาง?” หยุนเช่อพลันกล่าว
ถาม
ร่ างของฉู่เยว่หลี่น่ิงค้างกลางอากาศ หญิงสาวลังเลเล็กน้อย
ก่อนกล่าวว่า “หนึ่งปี ก่อน ฉิงเยว่ผา่ นเข้าสู่ ช้ นั ที่สามสิ บเอ็ดของ
ด่านทดสอบทัณฑ์นรกานต์เยือกแข็ง กลายเป็ นบุคคลแรกในรอบ
เก้าร้อยปี ของสํานักที่สามารถทะลวงขึ้นสู่ด่านที่สามสิ บเอ็ดได้
ทุกวันนี้ นางกําลังอยูใ่ นช่วงการเก็บตัวฝึ กฝนวิชาเทพยุทธ์ภายใต้
คุกเยือกแข็งที่เหล่าผูอ้ าวุโสตกทอดทิ้งไว้ต้ งั แต่เมื่อหนึ่งพันปี ก่อน
โดยไม่มีผใู ้ ดสามารถฝึ กสําเร็ จได้ ----- วิชาเทพยุทธ์สุดเยือกแข็ง
ดังนั้น แม้แต่ขา้ ก็ไม่อาจทราบได้วา่ นางจะออกมาจากด่าน
ทดสอบในเวลาใด ในฐานะที่เจ้าเป็ นสามีในนาม รวมทั้งผูม้ ี
พระคุณยิง่ ใหญ่ต่อฉิงเยว่ หากเจ้าต้องการทิ้งข้อความใดให้แก่นาง
ข้าสามารถบอกกล่าวต่อนางยามที่นางออกมาจากด่านทดสอบ”
หลังจากนิ่งสงบไปชัว่ ครู่ หยุนเช่อสัน่ ศีรษะเล็กน้อย “นัน่
ไม่จาํ เป็ น”
ฉู่เยว่หลี่ไม่เอ่ยปากอีก นางเดินทางผ่านเขตหิ มะก่อนจะ
หายไปจากคลองจักษุหยุนเช่อ
“ฉานน้อย…” หยุนเช่อเดินเข้าหาหงส์หิมะ มันยืน่ มือไปลูบ
ปี กสี ขาวเนียนนุ่มอยูพ่ กั หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เช่นนี้กไ็ ม่
เป็ นไร ไปตามหานางหญิงเจ้าด้วยกันเถอะ”
ทว่ามันสมควรจะเริ่ มต้นหาที่ใดดี? และมันสมควรจะตาม
หานางเช่นไร?
เมื่อมองไปยังทุ่งกว้างสี ขาวสุ ดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า หยุ
นเช่อก็รู้สึกอับจนหนทาง มันหันหน้าไปทางทิศเหนือ ตะวันตก
และทางทิศใต้… ก่อนจะจับจ้องไปทางทิศตะวันออก
ตะวันออก… เมืองเมฆาล่ อง… ท่ านปู่ อาหญิงเล็ก…
ดวงตาหยุนเช่อสัน่ คลอนอย่างรุ นแรง
ไม่นานจะครบสามปี ที่มนั ออกจากตระกูลเซี่ยวมา
สามปี …
ยามที่มนั ถูกขังอยูใ่ ต้ลานจัดสรรกระบี่ ชายหนุ่มเชื่อว่าตน
คงไม่อาจรักษาสัญญาว่าจะกลับไปหาในสามปี ได้อีก แต่มนั กลับ
รอดชีวติ มาได้อย่างปลอดภัย พลังฝี มือของมันในยามนี้เองก็
เพียงพอจะไม่ให้ผใู ้ ดในเมืองเมฆาล่องมาข่มเหงรังแกท่านปู่ และ
อาหญิงเล็กได้อีก…
เงาร่ างของท่านปู่ และอาหญิงเล็กในใจมันยิง่ มายิง่ แจ่มชัด
ก่อนจะเข้ากลืนกินความคิดมันจนหมดสิ้ น…
“ฉานน้อย ไปกันเถอะ!”
หงส์หิมะส่ งเสี ยงกู่ร้องยาวนาน ก่อนจะกระพือปี กเหิ นขึ้น
ฟ้าพร้อมกับหยุนเช่อที่กระโดดขึ้นไปนัง่ บนแผ่นหลัง ก่อนที่ท้ งั
สองจะกลายเป็ นเงาร่ างสี ขาวสายหนึ่งหายไปในท้องฟ้าใน
พริ บตา
ในฐานะสัตว์อสู รชั้นลมปราณฟ้า ระดับความเร็ วและความ
ทนทานของสัตว์อสูรหงส์หิมะน่าประทับใจอย่างยิง่ ยามที่ฉู่เยว่
หลี่กล่าวว่ามันสามารถ “เดินทางไกลหนึ่งพันห้าร้อยกิโลเมตรใน
หนึ่งวัน” หญิงสาวมิได้กล่าววาจาเกินเลยไปจริ งๆ
หลังจากออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ หยุนเช่อก็เร่ ง
เดินทางทั้งวันทั้งคืนมุ่งหน้าสู่นครหลวงวายุครามเพื่อสกัดขบวน
เจ้าบ่าวของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง เดิมมันคิดจะเร่ งรุ ดมายังเมืองเมฆาล่อง
หลังจากพักที่นครหลวงสักคืนหนึ่ง แต่เมื่อมันทราบเรื่ องของฉู่
เยว่ฉาน มันก็เปลี่ยนใจรุ ดไปยังแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งพร้อมกับ
ความกังวลที่เผาผลาญในใจ… แต่บดั นี้ แม้เรื่ องของฉู่เยว่ฉานจะ
ฝังลึกในใจมัน แผ่นดินก็กว้างใหญ่ไพศาลนักและมันยังไม่มี
เบาะแสให้ตามหา ดังนั้นเวลาที่มนั กับนางจะได้พบกันอีกก็คงได้
แต่พ่ งึ ลิขิตฟ้า ใจมันบัดนี้คิดหวนแต่จะกลับบ้าน จึงเร่ งเดินทางไม่
หยุดทั้งคืนวันราวกับอัสนีบาตรสู่ ทางตะวันออก เท่าที่มนั จําได้
มันกําลังเข้าใกล้เมืองเมฆาล่องอันคุน้ เคยเข้าไปทุกที
ชายหนุ่มมาถึงน่านฟ้าเมืองจันทร์เสี้ ยวในวันนี้เอง
แม้มนั จะอาศัยอยูใ่ นเมืองจันทร์เสี้ ยวไม่นาน มันก็ได้พบเจอ
เรื่ องราวทุกรู ปแบบ และเมืองนี้ยงั เป็ นที่ที่มนั ได้พบชางเยว่และ
ถูกพาไปยังนครหลวงวายุคราม ก่อนจะพบเจออุปสรรคมากมาย
กล่าวได้วา่ การพบเจอชางเยว่ในเมืองจันทร์เสี้ ยวเป็ นจุดเปลี่ยน
ชะตาชีวติ มันครั้งใหญ่ทีเดียว
ชายหนุ่มยังคงจดจําได้ หลังจากมาถึงเมืองจันทร์เสี้ ยว หยุ
นเช่อตามหาซีคงหานก่อนเป็ นอันดับแรกตามคํากล่าวของเซี่ย
เหล่ย เพือ่ ให้มนั จัดหาที่พกั พิงให้แก่หยุนเช่อ จากนั้น ชายหนุ่มเข้า
ร่ วมวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว...ทว่าสุ ดท้ายแล้ว นับว่าหยุนเช่อเพียงพัก
เท้าอยูใ่ นวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวได้เพียงสองวันเท่านั้น
หลังทบทวนหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต หยุนเช่อเก็บสัตว์
อสู รพันธสัญญาลงในตราประทับ พร้อมทั้งทิ้งร่ างลงยังวังยุทธ์
จันทร์เสี้ ยว
“...เจ้าได้ยนิ มาหรื อไม่? หยุนเช่อมิได้ตายในครั้งนั้น มันยัง
มีชีวติ อยู่ ทั้งยังกลับมายังนครหลวงวายุคราม ช่วงชิงองค์หญิงชาง
เยว่มาจากนายน้อยเฟิ นเจวีย๋ เฉิงแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทั้งยังทํา
ร้ายมันอย่างสาหัส...ข้าได้ยนิ มาว่ามียอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณฟ้าถึง
แปดคนคอบคุม้ กันมัน...ตั้งแปดคน เจ้ารู ้ม้ ยั ! แต่ไม่น่าเชื่อ หยุ
นเช่อเพียงผูเ้ ดียวไล่ทุบตีพวกมันจนไม่เป็ นขบวน! พลังฝี มือที่มนั
แสดงออกช่างราวกับพลังอํานาจยิง่ ใหญ่ไร้ผตู ้ า้ นอย่าง
แท้จริ ง!”
“เหลวไหล! ยังมีผใู ้ ดที่ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่ องนี้อีกรึ ?! ทว่าเรื่ อง
ยอดฝี มือลมปราณฟ้าแปดคนของเจ้าดูจะผิดไป ข้าได้ยนิ มาว่ามี
ยอดฝี มือลมปราณฟ้าถึงยีส่ ิ บคนติดตามเฟิ นเจวีย๋ เฉิงไป ก่อนจะ
ถูกศิษย์พี่หยุนเช่ออัดร่ วงทีละคน ก่อนที่นายน้อยตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าผูย้ งิ่ ใหญ่จะถูกอัดเละดุจสุ นขั สุดท้ายหยุนเช่อก็ไว้ชีวติ
น่าอดสู ของมันด้วยเมตตาจิต ก่อนจะปล่อยให้มนั วิง่ หนีกลับ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไป ศิษย์พห่ี ยุนเช่อนับเป็ นอัจฉริ ยะที่ยอด
เยีย่ มที่สุดในจักรวรรดิวายุครามโดยแท้!” ยามคนผูน้ ้ ีเอ่ยคําว่า
“ศิษย์พหี่ ยุนเช่อ” ดวงตาของมันก็ส่องประกายเลื่อมใส
เมื่อคิดว่ามันสามารถเรี ยกตัวเองเป็ นศิษย์นอ้ งของหยุนเช่อ
ที่เคยอยูใ่ นวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว มันก็รู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีจน
แทบจะสลบไป
หลังจากลงสู่ พ้นื หยุนเช่อก็เดินทางไปยังสถานที่ที่มนั จะ
ซ่อนตัวได้ และสิ่ งแรกที่มนั ได้ยนิ กลับเป็ นเรื่ องของมัน
มันไม่ทราบว่าการที่มนั เคยเป็ นศิษย์วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว
ช่วงเวลาหนึ่ง ทําให้ชื่อเสี ยงของวังยุทธ์ทะยานสู งขึ้นอย่างรวดเร็ ว
ชื่อเสี ยงของมันสูงลํ้ากว่าวังยุทธ์สาขาอื่น และเป็ นรองเพียงวัง
ยุทธ์วายุครามที่เป็ นสาขาหลักเท่านั้น
บทที่ 324 กลับสู่ เมฆาล่ อง

“พวกเจ้าทั้งสองทําไมยังไม่ไปยังห้องซ้อมอีก มาคุยอะไร
กันอยูต่ รงนี้”
ชายหนุ่มผูห้ นึ่งอายุราวยีส่ ิ บปี หากแต่มีท่วงท่าสง่างามแลดู
ภูมิฐานได้ปรากฏกายขึ้นเดินออกมา ทว่าการตําหนิจากเขา ทําให้
ทั้งสองศิษย์แห่งวังยุทธ์ผซู ้ ่ ึ งกําลังถกกันเรื่ องหยุนเช่อผูไ้ ม่เกรง
กลัวสิ่ งใดทั้งสิ้ น ศิษย์ท้ งั สองหัวเราะแหะๆออกมาพร้อมกล่าวว่า
“ท่านผูฝ้ ึ กสอนซีคง พวกข้าผิดไปแล้วขอได้โปรดให้อภัย ใต้เท้า
พวกเราจะรี บไปยังห้องฝึ กซ้อมเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
เมื่อบุคคลผูน้ ้ ีปรากฏตัวขึ้น ทําให้หยุนเช่อชะงักเล็กน้อย
เพราะเขาผูน้ ้ นั เป็ นบุคคลที่หยุนเช่อย่อมรู ้จกั เป็ นอย่างดี...บุตรชาย
ของผูอ้ าวุโสซี คงหาน ซีคงตู๋ซ่ ึงเป็ นผูท้ ี่เคยช่วยเหลือชายหนุ่มมา
นับครั้งไม่ถว้ นเมื่อคราที่หยุนเช่ออาศัยอยูใ่ นวังยุทธ์วายุครามใน
กาลก่อน!
หื มม์? ท่านอาจารย์ซีคง? มันเคยกล่าวไว้วา่ จะไม่ร้ ังอยูใ่ น
นครหลวงวายุครามหลังจบการศึกษาจากวังยุทธ์วายุคราม ทั้งยัง
จะกลับมายังบ้านเกิดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในนครหลวง มัน
ทําตามคําพูดจริ งๆ ซํ้ายังกลับมาเป็ นท่านอาจารย์ซีคง ณ วังยุทธ์
จันทร์เสี้ ยวอีกด้วย...แม้วา่ มันจะยังคงอายุเยาว์ ทั้งยังอายุไม่ห่าง
จากเหล่าศิษย์เท่าใดนัก หากตัวมันในปัจจุบนั ล้วนสามารถบรรลุ
ชั้นลมปราณจิตได้แล้ว นับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการสัง่ สอน
เหล่าศิษย์ท้ งั หลาย
“อ้า ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ซีคง ข้าเคยได้ฟังมาว่า ยามที่ท่าน
อยูท่ ี่วงั ยุทธ์วายุคราม ท่านเคยพบกับหยุนเช่อผูน้ ้ นั มาก่อน ใช่
หรื อไม่?”
สายตาของซีคงตู๋สนั่ ไหวเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะรับครา
หนึ่ง “ท่านปู่ ของมันและบิดาของข้ามีความสัมพันธ์เก่าก่อน เมื่อ
ครั้งที่มนั เข้าร่ วมวังยุทธ์วายุคราม ข้าจึงอาสาดูแลมัน และพยายาม
มอบความช่วยเหลือให้แก่มนั ทว่าเมื่อย้อนคิดทบทวนแล้ว การ
พยายามดํารงความเที่ยงธรรมและช่วยเหลือยอดอัจฉริ ยะขั้น
สู งสุ ดเช่นมันด้วยความสามารถตํ่าต้อยของข้า นับว่าช่างไร้
เดียงสาและน่าขันอย่างยิง่ ...จริ งสิ จงไปฝึ กฝนต่อได้แล้ว นี่มิใช่ที่
สําหรับจับกลุ่มสนทนา”
“ขอรับ ท่านอาจารย์”
พลันศิษย์ท้ งั สองแห่งวังยุทธ์กว็ งิ่ หนีหายไป ซีคงตู๋เสมือน
นึกบางสิ่ งใดพลางถอนหายใจอย่างเศร้าโศก ขณะที่ชายหนุ่ม
กําลังจะก้าวเดินไป ชายหนุ่มก็ได้ยนิ เสี ยงมาจากทางขวาของมัน
“ท่านพี่ซีคง ไม่ได้พบกันเสี ยนาน”
ซี คงตู๋มองไปทางขวา จากนั้นหมุนร่ างกายของมันไป
ทางขวาและเพ่งมองไปยังหยุนเช่อที่กาํ ลังเดินตรงมาที่มนั ด้วย
สายตาที่เบิกกว้าง ชายหนุ่มไม่อาจเชื่อสายตาของมันได้ “หยุ
นเช่อ!? ทําไมกัน ทําไมเจ้าถึงมาอยูท่ ี่นี่ได้?”
“ชู่วว!” หยุนเช่อทําท่าทางบอกให้ชายหนุ่มเงียบเสี ยงเพราะ
กลัวว่าเสี ยงของซี คงตู๋จะไปทําให้คนอื่นๆสนใจเข้า ชายหนุ่มเดิน
เข้ามาใกล้พลางกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าท่านพี่ซีคงจะมากลายเป็ นผู ้
ฝึ กสอนของวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวแห่งนี้ ช่างน่าแปลกใจจริ งๆ ข้าเดา
ว่าท่านต้องเป็ นผูฝ้ ึ กสอนที่อายุนอ้ ยที่สุดในประวัติศาสตร์ของวัง
ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวเป็ นแน่แท้?”
“ข้าเป็ นเพียงผูฝ้ ึ กสอนฝึ กหัดเท่านั้นในตอนนี้ และข้ายังใช้
ชื่อเสี ยงของพ่อข้าเพื่อความสะดวกอีกด้วย” ซีคงตู๋กล่าวพลางมอง
หยุนเช่อตั้งแต่หวั จรดเท้า ความตื่นเต้นในสายตาของชายหนุ่ม
ยังคงอยูอ่ ย่างเนิ่นนาน ชายหนุ่มพลางหัวเราะเยาะตัวเอง “แต่
ความสําเร็ จอันน้อยนิดของข้าคงไม่อาจกล่าวถึงได้เมื่อต้องไป
เปรี ยบเทียบกับเจ้า”
“สิ่ งที่ท่านพี่ซีคงกล่าวนั้นมันไม่เป็ นความจริ งเลย” หยุ
นเช่อกล่าวอย่างจริ งใจ “เมื่อครั้งที่ขา้ เข้าไปยังวังยุทธ์วายุคราวนั้น
ท่านพี่ซีคงได้ช่วยและสอนสัง่ ข้าอย่างมากมาย ถ้าข้าไม่ได้รับ
ความช่วยเหลือจากท่านพี่ซีคง มันก็คงเป็ นไปไม่ได้สาํ หรับข้าที่
จะยืนหยัดอยูภ่ ายในวังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ วถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนี้ขา้
นั้นจดจําฝังแน่นลงไปในหัวใจของข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ซีคงตู๋หวั เราะออกมาอย่างจริ งใจพลางกล่าว
ชื่นชม “ไม่มีขอ้ อ้าง ไม่มีการหลอกลวง และไม่มีความหยิง่ ยโส
เมื่อเทียบกับเหล่าอัจฉริ ยะจากสํานักใหญ่ที่ใช้แต่ชื่อเสี ยงและ
ทรัพยากรของสํานักมัน เจ้านั้นเยีย่ มยอดกว่าไม่รู้ต้งั กี่เท่า” สายตา
ของมันพลางมองไปยังรอบๆและกล่าวว่า “เข้าเรื่ องสําคัญกัน
เถอะ สําหรับเจ้าที่ต้ งั ใจเดินทางกลับมาที่นี่น้ นั มันต้องมีบางสิ่ ง
บางอย่างที่เจ้าจําเป็ นจะต้องทําใช่หรื อไม่ สําหรับข้านั้นตอนนี้ได้
ลงหลักปักฐานที่วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวแห่งนี้แล้ว ถ้าเจ้ามีปัญหา
เกี่ยวข้องกับวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว บางทีขา้ อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้”
หยุนเช่อผงกศีรษะเล็กน้อยและกล่าว “ข้ามาที่นี่เพราะมีสิ่ง
ที่ตอ้ งทําจริ งๆ และข้าจําเป็ นต้องขอความช่วยเหลือจากท่านลุงซี
คง ข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านอยูท่ ี่ใดในยามนี้?”
“ท่านพ่อ?” ซีคงตู๋หยุดไปครู่ หนึ่งก่อนตอบกลับ “ท่านพ่อ
เพิ่งจะเดินทางไปทางใต้เมื่อสองวันก่อน และกว่าที่จะกลับมานั้น
คงต้องใช้เวลาอีกสามวันเป็ นอย่างน้อย ถ้าไม่ใช่เรื่ องสําคัญอะไร
นักเจ้าสามารถบอกข้าได้ บางทีขา้ อาจจะสามารถช่วยได้”
“มิใช่เรื่ องสําคัญอันใด” หยุนเช่อไม่ลงั เลแม้เพียงนิด พร้อม
กล่าว “ข้ากําลังเดินทางกลับไปที่เมืองเมฆาล่องเพือ่ ไปรับท่านปู่
และอาหญิงเล็กกลับมากับข้า พรรคตระกูลเซี่ยวเป็ นพวกขลาด
เขลาและแล้งนํ้าใจ พวกมันติดหนี้ท่านปู่ ของข้าและอาหญิงเล็ก
มากมายนัก ข้าไม่อาจให้ท้ งั สองอยูใ่ นตระกูลเซี่ยวได้อีกต่อไป
ทว่าในตอนนี้ในเมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศอันคุกรุ่ น
และเต็มไปด้วยหลากหลายกองกําลังที่แตกต่างอยูท่ ี่นน่ั
สถานการณ์ช่างซับซ้อนยิง่ นัก ข้านั้นไม่สบายใจที่จะพาพวกเขา
ไปลงหลักปักฐานที่นนั่ ด้วย ดังนั้น…”
เรื่ องราวระหว่างหยุนเช่อและพรรคตระกูลเซี่ยว ซีคงตู๋
ได้รับฟังมาจากซี คงหานมาก่อน ชายหนุ่มจึงเข้าใจได้ในทันที
พลางยิม้ กล่าวว่า “ข้าคิดว่ามันจะเป็ นเรื่ องยากเสี ยอีก มันเป็ นเรื่ อง
ที่ง่ายดายยิง่ นัก ปัญหานี้ไม่จาํ เป็ นต้องไปถึงท่านพ่อข้าหรอก ข้า
ให้สญ ั ญาแก่เจ้าในตอนนี้ได้เลยว่า หากท่านลุงเซี่ยวต้องการมาที่
แห่งนี้ ไม่วา่ จะเป็ นตําแหน่งเจ้าวังหรื อผูฝ้ ึ กสอน ลงไปจนกระทัง่
เฝ้ายามหรื อเพียงพักผ่อน ท่านลุงเซี่ยวสามารถเลือกได้ตามใจ ใน
ที่แห่งนี้ ไม่มีผใู ้ ดดูแลท่านไม่ดีอย่างแน่นอน”
ซี คงตู๋หวั เราะพลางกล่าว “ยิง่ ไปกว่านั้นด้วยชื่อเสี ยงของเจ้า
การที่เจ้าพาปู่ ของเจ้ามาที่วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวของพวกเรานั้น ท่าน
เจ้าวังโจว และแม้กระทัง่ ท่านเจ้าเมืองจันทร์เสี้ ยวล้วนต้องการ
แบกหามเกี้ยวออกมาเพื่อทักทายปู่ ของเจ้าด้วยไหล่ของตัวเอง
หรื อแม้กระทัง่ ท่านเจ้าวังยุทธ์วายุครามก็จะเดินทางจากแดนไกล
เพื่อมาทักทาย นี่ไม่ใช่เจ้าขอความช่วยเหลือจากพวกเรา แต่เป็ น
ของขวัญสําหรับวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวต่างหาก ของขวัญที่ยงิ่ ใหญ่”
หยุนเช่อแย้มยิม้ อย่างเท่าทันก่อนกล่าวว่า “ตกลง เช่นนั้นคง
ต้องรบกวนท่านพี่ซีคงในเรื่ องนี้ ตอนนี้ ข้าต้องมุ่งหน้าไปยังเมือง
เมฆาล่องแล้ว”
“ระวังตัวด้วย ข้าได้ยนิ มาว่า หลังจากเจ้าทําลายพิธีมงคล
ระหว่างเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งและองค์หญิงชางเยว่ ทั้งยังทําร้ายร่ างกายเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงบาดเจ็บสาหัส เหล่าผูค้ นจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่าง
ควานหาตัวเจ้าไปทัว่ ทุกที่ ตระกูลใหญ่ที่ยนื หยัดมานานกว่าพันปี
เช่นตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน
แม้วา่ เจ้าในตอนนี้ลว้ นมีชื่อเสี ยงลือลัน่ ทั้งยังมีผคู ้ นสนับสนุน
และเลื่อมใสมากมาย หากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแน่นอนว่าย่อมไม่
มีทางปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เจ้าสมควรปกปิ ดร่ องรอยการเดินทาง
ตลอดเวลาจึงจะดีที่สุด” ซีคงตู๋กล่าวกระตุน้ เตือน
หยุนเช่อแย้มยิม้ เล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว”
ทุกผูค้ นล้วนทราบว่าหยุนเช่อเข้าทําลายพิธีรับตัวเจ้าสาว
ของนายน้อยตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ทว่ายังไม่มีผใู ้ ด
ทราบว่าชายหนุ่มลงมือสวนกลับ เข่นฆ่าสังหารยอดฝี มือชั้น
ลมปราณฟ้าทั้งแปดที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าส่ งมาจนหมดสิ้ น...ทั้ง
ยังรวมไปถึงหัวหน้าผูอ้ าวุโสอีกผูห้ นึ่ง มิเช่นนั้น อาณาจักรวายุ
ครามย่อมต้องยิง่ ปั่นป่ วนวุน่ วายเพราะชายหนุ่มเป็ นแน่แท้
“อา ใช่แล้ว มีบางอย่างเกิดขึ้น ไม่ทราบนี่เกี่ยวข้องอันใดกับ
เจ้าหรื อไม่” ซี คงตู๋นึกขึ้นได้ถึงเรื่ องบางอย่าง ก่อนจะพลันกล่าว
ขึ้น “ตอนที่ขา้ กําลังกลับมาจากการส่ งท่านพ่อออกนอกเมือง ข้า
กลับพบเห็นใบหน้าอันไม่น่าอภิรมย์ของคนผูห้ นึ่ง เจ้าเองก็รู้จกั
มัน ทั้งยังเคยมีเรื่ องราวต่อกันมาก่อน”
“ผูใ้ ด?” หยุนเช่อถาม
“เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น!”
“เป็ นมัน?” หยุนเช่อนิ่งค้างไปชัว่ ขณะ เฟิ นเจวีย๋ เฉิน
บุตรชายของเฟิ นต้วนหุน เพราะมันมีปัญหากับเฟิ นเจวีย๋ ปี้ ชาย
หนุ่มจึงออกจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้ามาสู่ วงั ยุทธ์วายุครามและถือ
ครองตําแหน่งอันดับหนึ่งแห่งลําดับเทพยุทธ์ในวังยุทธ์ช้ นั ใน
และในวันที่จะเดินทางไปยังหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อที่จะเข้าร่ วม
การประลองสัประยุทธ์ชายหนุ่มถูกกําราบโดยหยุนเช่อผูโ้ กรธ
แค้น
และเพราะเหตูน้ นั ทําให้ชายหนุ่มไม่สามารถเข้าร่ วมการ
ประลองสัประยุทธ์ได้ หลังจากนั้นล้วนไม่ปรากฏข่าวคราวใด
ของมันอีกเลย
“ตอนที่ขา้ ออกจากวังยุทธ์วายุครามมา ข้าได้ยนิ ข่าวลือมาว่า
มันได้กลับไปยังตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเพราะการตายของเฟิ นเจวีย๋
ปี้ และข้าไม่ได้ให้ความสนใจมันอีกต่อไป ในวันนั้นข้าเพียงมอง
ผ่านๆและดูเหมือนว่าจะเป็ นมัน แต่มนั ไม่มีเหตุผลที่จะมาโผล่ที่
แห่งนี้และไม่มีความเคลื่อนไหวจากสาขาย่อยของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าเช่นกัน… หรื อข้านั้นอาจจะเพียงตาฝาดไป” ซีคงตู๋กล่าว
อย่างลังเล
หยุนเช่อครุ่ นคิดอยูค่ รู่ หนึ่งและชายหนุ่มก็ผงกศีรษะ “ข้า
เข้าใจแล้ว ท่านพี่ซีคง ขอบคุณที่บอกข้าในเรื่ องนี้ พวกเราควรได้
พบกันอีกครั้งในเร็ วๆนี้”
หลังจากแลกเปลี่ยนตราประทับสื่ อสารกับซีคงตู๋ หยุนเช่อก็
ออกจากวังยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยวพุง่ ตรงไปยังเมืองเมฆาล่องโดยการขับ
ขี่สตั ว์อสู รหงส์หิมะออกไป
——————————————
เนื่องจากเป็ นเมืองที่เล็กที่สุดในอาณาจักรวายุคราม เมือง
เมฆาล่องนั้นไม่เคยที่จะมีชีวติ ชีวาหรื อความจอแจ
เมื่อเมืองเล็กๆ ที่ปรากฏตรงหน้าค่อนข้างเงียบเหงาและ
เก่าแก่อย่างชัดตา หัวใจของหยุนเช่อมีเสี ยงเต้น ตึกตัก ตึกตัก
อย่างควบคุมไม่ได้
ด้วยความที่มนั อยูท่ ี่นี่มากว่าสิ บหกปี จะเป็ นไปได้เยีย่ งไรที่
หยุนเช่อจะไม่มีอารมณ์ความรู ้สึกต่อเมืองเล็กๆนี้ที่เต็มไปด้วย
ประสบการณ์ความทรงจําวัยเด็กของชายหนุ่ม
เมืองเมฆาล่องภายในสายตาของชายหนุ่มนั้นใกล้ข้ ึนและ
ใหญ่ข้ ึนเรื่ อยๆ ชายหนุ่มค่อยๆเห็นที่ต้ งั พรรคตระกูลเซี่ยวอย่าง
ช้าๆ และภูเขาสี เขียวเข้มหลังพรรคตระกูลเซี่ยว ความคิดถึงพรั่ง
พรู ออกมาจากจิตใจของชายหนุ่มพร้อมกับเงาร่ างของบุคคลสอง
คนที่หยัง่ ลึกลงไปในความทรงจําอันชัดเจนของมัน ความต้องการ
ที่จะพุง่ ตรงไปหาพวกเขานั้นเข้มข้นราวกับนํ้าป่ าที่กาํ ลังถูกกักขัง
โดยเขื่อนยักษ์ มองตรงไปข้างหน้าดวงตาของมันเริ่ มที่จะเหม่อ
ลอยและเริ่ มควบคุมปากของมันไม่ได้ มันค่อยๆพูดพึมพํากับ
ตนเอง “ท่านปู่ อาหญิงเล็ก ข้ากลับมาแล้ว… ข้ากลับมาแล้ว… ข้า
จะไม่มีวนั ยอมให้ผใู ้ ดมากดขี่ข่มเหงหรื อทําร้ายท่านเป็ นครั้งที่
สอง…”
อารมณ์ความรู ้สึกของชายหนุ่มเอ่อท่วมท้น หยุนเช่อมาถึง
ประตูเมืองเมฆาล่องในที่สุด หากยังคงบินต่อไป แน่นอนว่าสัตว์
อสู รหงส์หิมะย่อมต้องกระตุน้ ความสนใจของผูค้ น หยุนเช่อเก็บ
หงส์หิมะลงผนึก พร้อมทั้งเหินร่ อนลงยังประตูเมือง ก่อนจะเดิน
เท้าเข้าสู่ เมืองเมฆาล่องที่แสนคุน้ เคยทว่าแปลกหน้าอย่างยิง่
โดยไม่รู้ตวั สามปี ผ่านไปแล้ว
ประสบการณ์สามปี ที่ผา่ นมา เมื่อหวนคํานึงถึง ทั้งหมด
ล้วนราวกับความฝัน
แรกสุ ด ยามที่หยุนเช่อกลํ้ากลืนความเคียดแค้นออกจาก
เมืองเมฆาล่อง ชายหนุ่มสาบานจะกลับมาที่นี่พร้อมความ
แข็งแกร่ งที่สามารถบดขยี้ตระกูลเซี่ยวทั้งตระกูลให้ได้ภายในสาม
ปี ให้ท้ งั ตระกูลเซี่ยวต้องคุกเข่าขอร้องให้ท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
ของมันออกจากหุบเขาสํานึกผิด...ในเวลานั้น แม้หยุนเช่อจะ
สาบานต่อตนเอง หากชายหนุ่มกระจ่างแจ้งแก่ใจดีวา่ เรื่ องราวนี้
ยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด ดังนั้น ชายหนุ่มทุ่มสุ ดตัวในการฝึ กปรื อ
วิชาฝี มือ ทั้งยังกระตุน้ โทสะสร้างศัตรู เพื่อพัฒนาตนเองอย่างก้าว
กระโดด
ณ เวลานั้น หยุนเช่อคาดคิดมิถึงว่า ความเข้มแข็งของพลัง
ฝี มือของตนเองจะก้าวลํ้าสู งส่ งจนเกินกว่าเพียงสามารถทลาย
ตระกูลเซี่ยว...ตระกูลเซี่ยวเมืองเมฆาล่องในยามนี้ เมื่อเทียบกับ
พลังฝี มือของชายหนุ่ม ยังไม่เพียงพอให้หยุนเช่อชายตามองแม้
เพียงครั้ง
เมื่อเหยียบย่างลงบนพื้นดินในเมืองเมฆาล่อง ฝี เท้าของชาย
หนุ่มไม่มน่ั คงอยูบ่ า้ ง แม้ในใจของหยุนเช่อจะกระเหี้ ยน
กระหื อรื ออย่างถึงที่สุด หากทว่าก้าวย่างของชายหนุ่มกลับไม่
รวดเร็ วเท่าใด ชายหนุ่มกําลังครุ่ นคิดถึงยามพบปะท่านปู่ และอา
หญิงเล็ก มันสมควรเข้าสวมกอดทั้งคู่ หรื อกล่าวทักทาย สมควร
รํ่าไห้ หรื อสมควรหัวเราะกันแน่...
ทางเดินเท้าในเมืองเมฆาล่องไม่มากไม่นอ้ ย ทุกผูค้ น
เดินทางอย่างรี บเร่ ง ไม่มีผใู ้ ดสังเกตสนใจมันเลยแม้แต่นอ้ ย
กระทัง่ ยามที่พวกมันเดินสวนทางในระยะใกล้ กลับไม่ปรากฏ
ผูใ้ ดเยาะเย้ยถากถางมันเป็ นเศษสวะและหัวเราะเยาะมันถูกเฉดหัว
ออกจากเมืองเช่นเมื่อสามปี ก่อนแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อเดินตรงผ่านถนนเส้นต่างๆ ใกล้ตระกูลเซี่ยวเข้าไป
เรื่ อยๆ ในขณะนั้นเองชายหนุ่มก็ได้หยุดฝี เท้าลง ผงกศีรษะขึ้นมา
พลางมองไปยังประตูที่ต้ งั ตระหง่านตรงหน้าของมัน สอง
ตัวอักษรสี ทองขนาดใหญ่ถูกสลักอยูเ่ หนือประตูน้ นั
คฤหาสน์ตระกูลเซี่ย
นี่เป็ นบ้านเกิดของเซี่ยฉิ งเยว่และเซี่ยหยวนป้า
สําหรับครอบครัวพ่อค้า คฤหาสน์ตระกูลเซี่ยมักจะเต็มไป
ด้วยบรรยากาศอันจอแจและกลิ่นอายการค้า แต่เมื่อยืนอยูห่ น้า
คฤหาสน์ตระกูลเซี่ยในเวลานี้น้ นั สิ่ งที่หยุนเช่อสัมผัสได้คือความ
เงียบที่ไม่เคยมีมาก่อนในความทรงจําของมัน ชายหนุ่มยืนอยูต่ รง
นั้นสักพักโดยไม่ได้มุ่งหน้าไปต่อ กลับกัน หยุนเช่อเก็บซ่อนกลิ่น
อาย ก่อนจะพลันกระโดดสู งข้ามกําแพงร่ อนลงไปยังลานบ้านที่
ใหญ่โตของคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย
บทที่ 325 เปิ ดตัวด้ วยลูกเตะ

ตระกูลที่ร่ าํ รวยที่สุดในเมืองเมฆาล่องมีผรู ้ ับใช้จาํ นวนมาก


และสาวใช้อีกจํานวนสองถึงสามร้อยคน
ปกติบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีผคู ้ น
แน่นขนัดเดินเข้าออก แต่ยามหยุนเช่อได้เข้ามา กลับเห็นมีเพียง
คนรับใช้ใส่ ชุดสี เขียวกําลังกวาดพื้นดินในลานที่วา่ งเปล่าอยู่
เท่านั้น หมู่ตึกนับร้อยรวมไปถึงห้องโถงต่างถูกปิ ดประตูอย่าง
แน่นหนา ทําให้บรรยากาศดูปราศจากสิ่ งมีชีวติ ใดๆและเงียบสงัด
มีเพียงบรรดาดอกไม้และพืชพันธุท์ ี่มีสรรพคุณหายากเท่านั้นที่
ยังคงเบ่งบานพอช่วยให้สถานที่น้ ีดูมีชีวติ ชีวา
หัวใจของหยุนเช่อเต็มไปด้วยความกังวล
เกิดอะไรขึน้ ? เหตุใดสถานที่นีจ้ ึ งเงียบและสงบเช่ นนี?้
ผู้คนของตระกูลเซี่ยหายไปไหน? ท่ านลุงเซี่ยและคนอื่นๆอยู่ที่
ใด?
แต่เดิมหยุนเช่อแอบเข้ามาที่นี่เพื่อตามหาเซี่ยหงอี้ และถาม
ถึงเซี่ยหยวนป้าว่าได้กลับมาหรื อไม่ ชายหนุ่มมิได้คาดคิดมาก่อน
ว่าจะได้มาพบกับสภาพรกร้างเช่นนี้ ในขณะที่ชายหนุ่มกําลัง
งุนงงนี้เอง หยุนเช่อลืมเลือนความตั้งใจที่จะแอบซ่อนอีกต่อไป
ผูร้ ับใช้ในชุดเขียวที่กาํ ลังกวาดพื้นอยูน่ ้ นั ก็พบเห็นหยุนเช่อ
และได้หนั มาตะโกนด้วยความตกใจ
“เจ้า...เจ้าเป็ นใคร? เจ้าเข้ามาเมื่อไหร่ ..”
ขณะที่ชายหนุ่มกําลังตะโกนยังไม่จบประโยคนั้น ชายหนุ่ม
ก็ได้เห็นใบหน้าหน้าของหยุนเช่อและแน่น่ิงไปชัว่ ครู่ ก่อนจะเอ่ย
อย่างลังเลใจ
“เจ้า… เจ้าเป็ นคนของตระกูลเซี่ยวใช่หรื อไม่….อืม...”
แม้วา่ จะผ่านมาแล้วถึงสามปี นอกเหนือจากกลิ่นอายความ
เย็นชาที่เพิม่ พูนขึ้นตรงหว่างคิว้ ของหยุนเช่อ รู ปร่ างหน้าตาของ
ชายหนุ่มไม่มีส่ิ งใดเปลี่ยนไปเลย ยิง่ ผูค้ นมีขอบเขตพลังยุทธ์สูงส่ ง
เพียงใด ริ้ วรอยแห่งวัยยิง่ ปรากฏขึ้นช้าลงเพียงนั้น ด้วยวิชา
มหาเทพยุทธ์รวมไปถึงโลหิ ตของเทพหงสาและเทวะมังกร ชาย
หนุ่มสมควรมีอายุขยั ยืนยาวอย่างน้อยหนึ่งพันปี
หยุนเช่อก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมเอ่ยอย่างไม่ออ้ มค้อม
“ข้าคือหยุนเช่อ ผูท้ ี่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซี่ยวเมื่อสามปี
ก่อน บอกข้ามา เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเซี่ย? และผูน้ าํ ตระกูลของ
เจ้าอยูท่ ี่ไหน? สองปี มานี้นายน้อยของเจ้าได้กลับมาหรื อไม่? เหตุ
ใดตระกูลเซี่ ยจึงเป็ นเช่นนี้?”
ผูร้ ับใช้จอ้ งมองหยุนเช่อก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเฉื่อยชา
“นายท่าน...นายท่านได้จากไปแล้ว...ท่านได้จากไปเมื่อหนึ่งปี
ก่อน”
“จากไป?” หยุนเช่อขมวดคิ้ว “เขาไปไหน? เหตุใดจึงจาก
ไป?”
ผูร้ ับใช้กล่าวออกมาด้วยนํ้าเสี ยงสะอึกสะอื้น “นายท่าน ไม่
ต้องการจากไป แต่เขาได้ผา่ นอะไรมามากมาย ข้าติดตามนายท่าน
มายีส่ ิ บปี นายท่านเป็ นคนอ่อนโยน จิตใจดีและไม่เคยแสดงความ
ทุกข์ออกมาให้เห็น แต่ขา้ รู ้ความเจ็บปวดในใจของนายท่านดี สิ บ
ปี ก่อนนายหญิงได้จากไป จากนั้นเป็ นต้นมานายท่านมักล้างหน้า
ด้วยนํ้าตาของท่านยามเมื่ออยูค่ นเดียว ตลอดสิ บปี มานี่นายท่านมิ
เคยสมรสใหม่เลยซักครา ต่อมา….ต่อมาคุณหนูกไ็ ด้เข้าแดนศักดิ์
สิ ทธ์เมฆาเยือกแข็งและกลายเป็ นผูท้ ี่อยูค่ นละโลกกับพวกเราไป”
“แต่อย่างน้องนายท่านยังมีนายน้อย แต่เมื่อนายน้อยหายตัว
ไป หากจะกล่าวว่านายน้อยยังมีชีวติ อยูก่ ม็ ิมีผใู ้ ดหาตัวนายน้อยได้
พบ หากจะกล่าวว่านายน้อยเสี ยชีวติ แล้วก็มิมีผใู ้ ดสามารถหาศพ
นายน้อยพบเช่นกัน ไม่มีผใู ้ ดล่วงรู ้วา่ นายน้อยจากไปไหนและมี
ชีวติ อยูห่ รื อไม่...นายหญิงได้จากไป คุณหนูกลายเป็ นศิษย์ของ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง และตอนนี้บุตรชายเพียงคนเดียว
ของนายท่าน กลับหายไปโดยไม่แจ้งชัดว่ายังมีชีวติ อยู่ แม้วา่ นาย
ท่านจะผ่านพ้นประสบการณ์ที่ยากลําบากมาครึ่ งค่อนชีวติ ท่าน
ล้วนไม่สามารถแบกรับไหว!”
“...เช่นนั้น เขาไปที่ใด? อย่าบอกข้านะว่าเขาไปตามหานาย
น้อยของเจ้า?” หยุนเช่อพูดด้วยหัวใจที่บีบรัด
“ใช่” ผูร้ ับใช้พยักหน้า “นายท่านกล่าวว่า หากนายน้อยลา
โลกไปแล้วจริ งๆ แม้ตระกูลเราจะมัง่ คัง่ กว่านี้สกั สิ บเท่าจะมี
ประโยชน์อนั ใด? หนึ่งปี ก่อน นายท่านได้ขายทรัพย์สมบัติ ปลด
คนรับใช้และจากไปด้วยตนเอง ทิ้งไว้เพียงข้าและผูเ้ ฒ่าหลิวให้
ดูแลลานกว้างที่วา่ งเปล่านี้”
“เขาได้บอกเจ้าหรื อไม่วา่ ไปที่ใด?” หยุนเช่อถามอย่างร้อน
รน เซี่ยหงอี้ มีบุตรชายเพียงคนเดียวคือเซี่ยหยวนป้าเท่านั้น หาก
ปราศจากข่าวของหยวนป้าไม่รู้วา่ มีชีวติ อยูห่ รื อไม่ บิดาที่ไหนเล่า
จะทนไหว
ผูร้ ับใช้คิดอยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะกล่าว “ยามที่ท่านจากไป ข้าได้
ถามว่าท่านจะมุ่งหน้าไปที่ใด แต่ท่านไม่บอกข้า อย่างไรเสี ย ข้าจํา
ได้วา่ ตอนข้าช่วยนายท่านเก็บของอยูน่ ้ นั นายท่านได้ถือแผ่นป้าย
และสัมผัสมันไว้เป็ นเวลานาน ข้าแอบมองแผ่นป้ายนั้น ไม่มี
ตัวอักษรใดบนแผ่นป้ายนั้นเลย แต่กลับมีลวดลายจันทร์เสี้ ยวสี ดาํ
ทมิฬ”
สีดาํ ...จันทร์ เสีย้ ว…
จันทร์ ทมิฬ?
สมาคมการค้ าเดือนดับ!!
สมาคมการค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า สมาคม
การค้าเดือนดับ ปั จจุบนั มีสาขาอยูท่ ุกเมืองและทุกนครทัว่ ทุกทวีป
สามารถกล่าวได้วา่ มีส่วนแบ่งในทุกรายการค้าที่เกิดขึ้น ยังมี จุด
แข็งของสมาคมมิใช่เพียงการเป็ นอาณาจักรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุด
หากสมาคมยังควบคุมเครื อข่ายข้อมูลที่ซบั ซ้อนมากที่สุดในทวีป
รายได้ที่สมาคมการค้าเดือนดับได้จากการขายข้อมูลเป็ นจํานวน
มากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
การที่เซี่ ยหงอี้มีแผ่นป้ายของสมาคมการค้าเดือนดับ บาง
ทีเซี่ยหงอี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับสมาคมการค้าเดือน
ดับ และหากเขาต้องการตามหาเซี่ยหยวนป้า การพึ่งพาเครื อข่าย
ข้อมูลของสมาคมการค้าเดือนดับนับว่าเป็ นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้วา่ ตระกูลเซี่ยจะรํ่ารวยที่สุดในเมืองเมฆา
ล่อง ในสายตาของสมาคมการค้าเดือนดับ หรื อแม้เพียงแค่สาขา
ของสมาคมการค้าเดือนดับนั้น ล้วนไม่มีค่าใดๆเลย
“เจ้าอย่าได้กงั วลไป นายน้อยของเจ้าย่อมสบายดี ท่าน
ลุงเซี่ยเป็ นบุคคลที่ชาญฉลาด ย่อมไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่นอน
ทั้งคู่ตอ้ งกลับมาในเร็ ววัน” หยุนเช่อพูดปลอบใจ
“นายท่านเป็ นคนจิตใจเมตตา ทั้งยึดถือคนรับใช้เป็ นดัง่
ครอบครัวของท่าน แต่เหตุใดท่านจึงต้องลงเอยเช่นนี้ ต้องถูก
พรากจากภรรยาและบุตรธิดา เฮ้อ สวรรค์ช่างไม่ยตุ ิธรรม ข้า
สงสัยเหลือเกินว่านายท่านจะกลับมาเมื่อใด” ผูร้ ับใช้กล่าวออกมา
พร้อมนํ้าตาในดวงตาที่ไหลริ น
หยุนเช่อไม่ได้พดู สิ่ งใดต่อและทิ้งคฤหาสน์ตระกูลเซี่ยไป
ด้วยความหนักใจ
“หยวนป้า เจ้าไปที่ใดกันแน่? หากเจ้าได้ทราบข่าวว่าข้ายังมี
ชีวติ อยู่ จงรี บกลับมา ข้าไม่ได้จากโลกไปเพราะช่วยชีวติ เจ้า
กลับกัน ข้าได้พบพานญาติร่วมสายเลือดของข้าครั้งแรก อีกทั้งยัง
ประสบวาสนาใหญ่หลวง ไม่มีส่ิ งใดให้เจ้าต้องก่นด่าตัวเองอีก
ต่อไปแล้ว” หยุนเช่อบ่นพึมพํากับตัวเองด้วยเสี ยงแผ่วเบาขณะ
ก้าวเดินไปบนถนน ไม่นานประตูของตระกูลเซี่ยวก็ปรากฏขึ้น
เบื้องหน้าหยุนเช่อ คํา “ตระกูลเซี่ยว” สองคําบนประตู ที่ถูก
ประดับตกแต่งเด่นเป็ นสง่ายังคงอยูเ่ ช่นเดิม ทุกๆอย่างในความ
ทรงจําของหยุนเช่อยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ดูคล้าย
กับว่า หลังจากการ 'อุปการะ' ของพรรคตระกูลเซี่ยวเมื่อสามปี
ก่อน ภายในล้วนไม่มีส่ิ งใดเปลี่ยนเเปลงไปแม้แต่นอ้ ย
ไกลจากสายตาของชายหนุ่ม ภูเขาด้านหลังของตระกูลเซี่ยว
ยังคงเห็นปรากฏให้เห็นอยูเ่ ลือนราง สามปี ก่อนเซี่ยวเหล่ยและ
เซี่ยวหลิงซี ถูกคุมขังอยูท่ ี่นน่ั ด้วยเหตุผลความผิดทางอาญา
ร้ายแรงที่ขโมยของขวัญสําคัญยิง่ ของตระกูลเซี่ยว
พวกเขาต้องถูกจองจําเป็ นเวลาสิ บห้าปี เพราะเรื่ องนี้
เกี่ยวข้องกับพรรคตระกูลเซี่ยว ดังนั้นตระกูลเซี่ยวย่อมไม่ปล่อย
ทั้งคู่ออกมาโดยเร็ ววัน ทั้งหมดนี้เป็ นเพราะการร่ วมมือกันเสแสร้ง
ใส่ ร้ายของเซี่ยวหยุนไห่ เซี่ยวยูห่ ลง กับเซี่ยวกวงหยุน หาก
อาจารย์ของเซี่ ยฉิงเยว่ ฉู่เยว่หลี่ ไม่ปรากฏตัวออกมาเวลานั้น
ชะตากรรมของเซี่ ยวหลิงซียอ่ มต้องทุกข์ทนอนาถากว่าถูกกักขัง
อิสรภาพเช่นนี้ แม้วา่ หยุนเช่อในเวลานั้นจะทั้งโกรธแค้นและเศร้า
เสี ยใจ หากชายหนุ่มล้วนปราศจากพลังอํานาจพอที่จะขัดขวางได้

ดังนั้นตลอดสามปี มานี้ หยุนเช่อกระหายพลังอํานาจอย่างบ้าคลัง่


หาที่เปรี ยบมิได้ สําหรับกับเซี่ยวหยุนไห่ รวมทั้งเหล่าผูค้ นที่ใส่
ร้ายและกลัน่ แกล้งครอบครัวและสมาชิกตระกูลเพือ่ ผลประโยชน์
ของพวกมันเองได้อย่างไม่ลงั เล....ยิง่ ไม่มีทางให้อภัยได้!
ความแค้นนี้ยงั คงฝังรากลึกอยูใ่ นจิตใจและทุกอณูร่างกายของหยุ
นเช่อ ตั้งแต่เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซี่ยวและไม่เคยลดหย่อน
ลงเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะที่สายตาของชายหนุ่มเหม่อมองไปยังภูเขาด้านหลัง
หยุนเช่อบ่นพึมพําเสี ยงแผ่วเบาอีกครั้ง “ท่านปู่ ..อาหญิงเล็ก..ข้า
กลับมาแล้ว..ข้ากลับมาแล้ว!”
หยุนเช่ออยากที่จะมุ่งหน้าไปยังเขาด้านหลังด้วยความเร็ ว
สู งสุ ดที่ชายหนุ่มสามารถทําได้และเข้าสวมกอดทั้งสองคนที่ตอ้ ง
แยกห่างกันมานานถึงสามปี บุคคลที่ชายหนุ่มคิดถึงมากที่สุดใน
ชีวติ แม้ยามหลับฝัน
แต่เมื่อคิดถึงคําสาบานที่วา่ เมื่อเขากลับมา เขาจะทําให้
ตระกูลเซี่ ยวทั้งตระกูลคุกเข่าขอร้องให้บุคคลทั้งสองออกจากหุบ
เขาหลัง หยุนเช่อพยายามหักห้ามความรู ้สึกตื่นเต้นในหัวใจของ
ตน ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินไปหยุดยังเบื้องหน้าประตูใหญ่ของ
ตระกูลเซี่ ยว จากนั้นจึงตวัดเท้าเตะออกในทันที
ประตูไม่ได้ถูกปิ ดแน่นหนามากนัก ภายใต้ลูกเตะจากหยุ
นเช่อ ประตูถูกกระแทกเปิ ดออกทันทีพร้อมกับเสี ยงดัง...
ตระกูลเซี่ ยวในวันนี้ครึ กครื้ นเป็ นอย่างยิง่ เพราะวันนี้เป็ น
วันจัดงานประลองสมาชิกรุ่ นเยาว์ของตระกูลเซี่ยว สถานที่จดั การ
ประลองอยูต่ รงลานใจกลางของพรรคตระกูลเซี่ยวพอดี ลูกศิษย์
กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าต่างสู ก้ นั อย่างดุเดือด
แถวที่นงั่ ตั้งอยูท่ ้งั สองข้าง ผูน้ าํ ตระกูลเซี่ยวหยุนไห่ ผู ้
อาวุโสอันดับหนึ่งเซี่ยวหลี่ ผูอ้ าวุโสอันดับสองเซี่ยวป๋ อ ผูอ้ าวุโส
อันดับสามเซี่ ยวเจ๋ อ และผูอ้ าวุโสอันดับสี่ เซี่ยวเฉิ ง ล้วนนัง่ อยู่ ณ
ที่น้ นั
เมื่อประตูที่ถูกเตะเปิ ดออก ทุกผูค้ นต่างจ้องมองไปยังประตู
ด้วยสายตาเย็นชาและกดดัน
“โอหังนัก! ผูใ้ ดบังอาจตอแยตระกูลเซี่ยวเรา” ผูอ้ าวุโส
อันดับหนึ่งเซี่ยวหลี่ทะลึ่งลุกขึ้นยืนในทันทีพร้อมทั้งคําราม
ออกไปด้วยความเกรี้ ยวกราด
สายตาของหยุนเช่อกวาดกราดไปโดยรอบ ชายหนุ่มไม่
คาดคิดมาก่อนว่าจะปรากฏผูค้ นมากมายชุมนุมตรงหน้า ราวกับ
ทั้งหมดล้วนมายังที่น้ ีเพื่อต้อนรับการกลับมาของมันโดยเฉพาะ
หยุนเช่อก้าวเดินด้วยฝี เท้าอันปลอดโปร่ ง ใบหน้าประดับ
ด้วยรอยยิม้ เย็น ริ มฝี ปากเปล่งเสี ยงประกาศอย่างเสี ยงดังฟังชัดว่า
“เจ้าพวกสุ นขั แก่ตระกูลเซี่ยว ผ่านมาเพียงสามปี พวกเจ้ากลับลืม
นายน้อยของพวกเจ้าได้เร็ วนัก!”
เซี่ยวหยุนไห่ เซี่ ยวหลี่ เซี่ยวป๋ อ เซี่ยวเจ๋ อ เซี่ยวเฉิ ง ทุกคนอยู่
ในสายตาของชายหนุ่มทั้งหมด ไม่มีคนใดหายไป ก่อนหน้านี้
พวกมันทั้งหมดร่ วมมือกันข่มเหงเซี่ยวเหล่ยที่แข็งแกร่ งที่สุดใน
ตระกูลมาตลอดระยะเวลาหลายปี
สามปี ก่อน เป็ นพวกมันทั้งหมดที่ต่างร่ วมมือกันจัดฉากใส่
ร้ายอย่างชัว่ ช้าเพื่อประจบเซี่ยวกวงหยุน และเอื้ออํานวยให้มนั
สามารถนําตัวเซี่ ยวหลิงซีจากไป! ถึงแม้หยุนเช่อจะลบล้างข้อ
กล่าวหาที่เป็ นเท็จของพวกมันแล้ว พวกมันยังคงบีบบังคับลง
ทัณฑ์ท้ งั คู่อย่างไร้ยางอาย...พวกมันทั้งหมด ล้วนไม่มีผใู ้ ด
สามารถหนีรอดบัญชีแค้นที่ตอ้ งชําระสะสางในวันนี้ได้!
“เซี่ยวเช่อ?” เซี่ยวหลี่จอ้ งมองมายังหยุนเช่อเล็กน้อย ก่อน
จะระเบิดเสี ยงหัวเราะ “ข้าก็นึกว่าใครที่ไหนมาอาละวาด ที่แท้ก็
เจ้าเด็กที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเมื่อสามปี ก่อนนี่เอง จิ๊จิ๊ ข้าคิดว่า
หลังจากขยะของตระกูลเซี่ยวเช่นเจ้าออกไป คงกลายเป็ นขอทาน
และตายลงด้วยการถูกคนทุบตีไม่เกินสองถึงสามคราเสี ยอีก ไม่
คาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะกล้ากลับมายัว่ โทสะพวกข้า”
ในตระกูลเซี่ยว ผูท้ ี่มีพลังลมปราณสู งสุ ดอยูใ่ นชั้นลมปราณ
จิต เพียงพิจารณาถึงพลังยุทธ์เท่านั้น หยุนเช่อสามารถเหยียบ
ตระกูลเซี่ ยวให้จมดินได้อย่างง่ายดาย และไม่มีใครรู ้สึกได้ถึงพลัง
ลมปราณของหยุนเช่อได้เลย เป็ นธรรมดาที่พวกมันจะไม่คิดว่าหยุ
นเช่อที่พวกมันกําลังจ้องมองอย่างดูถูกในเวลานี้จะมีพลัง
ลมปราณเหนือลํ้ากว่าพวกมัน เนื่องเพราะหยุนเช่อในกาลก่อนนั้น
เส้นชีพจรลมปราณพิการ
“เซี่ยวเช่อ ข้าได้พดู ไปแล้วเมื่อสามปี ก่อนว่า เจ้าถูกขับไล่
ออกจากตระกูลเซี่ยวไปแล้ว และไม่สามารถกลับเข้ามายังตระกูล
เซี่ยวได้อีกตลอดชีวติ ” เซี่ยวหยุนไห่ยนื ขึ้น การถูกเรี ยกว่า “สุ นขั
แก่” จากขยะเช่นนี้มนั ย่อมรู ้สึกไม่พอใจนัก “ไม่เพียงแต่เจ้ากล้า
เข้ามาภายในตระกูลเซี่ยวของข้า เจ้ายังดูถูกคนตระกูลเซี่ยว... มิใช่
ว่าอยูข่ า้ งนอกอับจนหนทาง เลยกลับมาแสวงหาความตายงั้นรึ ?”
“ผิดแล้ว!” หยุนเช่อยิม้ อย่างเย็นชา “ข้ากลับมาทวงหนี้จาก
สุ นขั แก่เช่นพวกเจ้า เซี่ยวยูห่ ลงที่ท้ งั ตาบอด หูหนวก เป็ นใบ้พิการ
รวมถึงถูกตัดอัณฑะ ตอนนี้เป็ นอย่างไรบ้าง? อา...ข้าควรถามแบบ
นี้มากกว่า ลูกชายของท่านที่กลายเป็ นกองเนื้อเน่านัน่ ยังมีชีวติ อยู่
หรื อไม่? ”
คําพูดของหยุนเช่อเปรี ยบดัง่ เข็มพิษที่ทิ่มแทงเข้าไปยังทุก
โสตประสาทบังเกิดความเจ็บปวดอย่างสุ ดแสน เซี่ยวหยุนไห่
ร่ างกายสัน่ เทากล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล “เซี่ยวหยาง จับ
มัน….แล้วตัดแขนขามันให้หมด!”
“ทราบแล้ว ท่านผูน้ าํ ตระกูล!”
พลังลมปราณของเซี่ยวหยางในปัจจุบนั พึ่งจะบรรลุข้นั ที่สี่
ของชั้นลมปราณก่อตั้ง และติดอันดับหนึ่งในสามสิ บของการ
ประลองในวันนี้ มันรู ้สึกปิ ติยนิ ดีเป็ นอย่างยิง่ ที่จะได้กาํ จัดขยะที่
เส้นชีพจรลมปราณพิการ ที่ไม่ปรากฏรัศมีพลังปราณใดๆเลย
แม้แต่นอ้ ยผูน้ ้ ี นี่ช่างเปรี ยบเสมือนการเล่นกับเด็กทารก
“ฮี่ฮี่...” เซี่ยวหยางเคลื่อนเข้าประชิดพลางหัวเราะเยาะเย้ย
หยุนเช่อ มันพยายามลงมือบิดข้อมือชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
“เซี่ยวเช่อ ข้านับว่านับถือเจ้าขึ้นมาโดยกะทันหันจริ งๆ ขยะเช่น
เจ้า โดดเดี่ยวอยูภ่ ายนอกมากว่าสามปี แต่กลับยังมีชีวติ อยูม่ าจน
ทุกวันนี้ได้ ไม่ตอ้ งพูดถึงการเอาชีวติ รอด กระทัง่ เจ้ายังมีความกล้า
กลับมาก่อกวนเรื่ องราวถึงตระกูลเซี่ยวเรา ให้ท่านปู่ ผูน้ ้ ีสง่ั สอน
บทเรี ยนอันเหมาะสมให้แก่เจ้าเถอะ! ครั้งก่อน เจ้าเดินออกไปจาก
ตระกูลเซี่ ยวเรา ครั้งนี้ ข้าจะให้เจ้าต้องคลานออกไปเช่นเต่าที่น่า
สมเพช!”
ทันทีที่เซี่ยวหยางกล่าวจบคํา มือขวาของมันสะบัดเหวีย่ ง
ออกมาอย่างเรี ยบง่ายเพื่อคว้าจับไปยังลําคอของหยุนเช่อ บนฝ่ า
มือปรากฏพลังปราณจํานวนเล็กน้อยรวมตัวอยูภ่ ายใน
บทที่ 326 สะสางบัญชี

พลังยุทธ์ช้ นั ปราณก่อตั้ง หากเป็ นหยุนเช่อเมื่อสามปี ก่อน


ย่อมเป็ นขอบเขตที่มนั เพียงสามารถแหงนมองด้วยความอิจฉา
ทว่า ในสายตาของหยุนเช่อในปัจจุบนั นี้ ล้วนไม่ต่างจากเด็กเล่น
เมื่อพบเห็นสี หน้าชิงชังรังเกียจของเซี่ยวหยาง ชายหนุ่มยกยิม้ เย้ย
หยัน ก่อนจะเตะเท้าขวาออกโดยไม่ขยับเคลื่อนไหวร่ างกายท่อน
บนแม้แต่นอ้ ย
ด้วยระดับพลังฝี มือเช่นเซี่ยวหยาง มันจะสามารถโต้ตอบ
ความเร็ วในปั จจุบนั ของหยุนเช่อได้อย่างไร? ขณะที่มนั กําลัง
มองเห็นฝ่ ามือของตนคว้าจับลงไปบนลําคอของหยุนเช่อ พร้อม
ทั้งยกชูร่างชายหนุ่มขึ้นราวลูกไก่ตวั หนึ่ง ฉับพลัน บริ เวณสะโพก
ของมัน...กลับรู ้สึกราวกับถูกกระแทกด้วยขุนเขามหึ มาอย่าง
เหี้ ยมโหด
ตูม!!!
“จ๊ ากกกกกก!!!”
เซี่ยวหยางกรี ดร้องลัน่ ร่ างของมันปลิวลิ่วไปดุจลูกหนังใบ
หนึ่ง หมุนคว้างกลางอากาศหลายตลบ ใบหน้าเปื้ อนเปรอะด้วย
คราบโลหิ ตยามร่ วงหล่นลงถึงพื้นดิน ไม่ทราบเป็ นตายร้ายดี
“หยาง...ลูกหยาง!” เซี่ยวป๋ อใบหน้าซีดด้วยความตื่น
ตระหนก มันกระโจนขึ้นในทันทีพร้อมกรี ดร้องเสี ยงหลง หลังจับ
ชีพจรเซี่ยวหยาง สี หน้าของมันเปลี่ยนเป็ นม่วงคลํ้าดุจตับหมู
อาการบาดเจ็บของมันแม้ไม่ถึงขั้นเอาชีวติ ทว่าเส้นชีพจร
ลมปราณของมันต่างถูกสะบั้นจนหมดสิ้ น! แม้จะมียาเม็ด
ผลัดเปลี่ยนทองคําในตํานาน ยังเป็ นไปไม่ได้ที่จะฟื้ นคืนสภาพ...
ซึ่งหมายความว่า เซี่ยวหยางจะกลับกลายเป็ นขยะชิ้นหนึ่งไป
ตลอดชีวติ
“เจ้า...เจ้า...” เซี่ยวป๋ อลุกขึ้นยืน ร่ างกายของมัน่ สัน่ สะท้าน
ไปทั้งร่ าง ใบหน้ากลับกลายเป็ นแดงกํ่าดุจโลหิ ตด้วยความแตกตื่น
และโกรธแค้น “เซี่ยวเช่อ เจ้าลูกสําส่ อน...เจ้าทําอะไรเซี่ยวหยาง!?
ข้า...ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้า...เจ้าเด็กบัดซบ!!”
เซี่ยวป๋ อทะยานขึ้นด้วยโทสะที่ระเบิดพลุ่งพล่าน ราวกับ
สุ นขั ป่ าหิ วโหยที่ปราศจากตรรกะใดๆทั้งสิ้ น มันส่งกําปั้นเข้าใส่
หยุนเช่ออย่างโกรธแค้นด้วยพละกําลังเต็มสิ บส่ วน เมื่อเผชิญหน้า
กับหมัดที่พงุ่ เข้าจู่โจมของเซี่ยวป๋ อ หยุนเช่อแสดงท่าทาง
หวาดกลัวจนโง่งม ชายหนุ่มไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่นอ้ ยราวกับ
ผูค้ นอันไร้ฝีมือจนไม่สามารถหลบหลีกได้ ทรวงอกของหยุ
นเช่อกระทบเข้ากับกําปั้นหนักหน่วงของเซี่ยวป๋ ออย่างถนัดถนี่
ทุกผูค้ นในตระกูลเซี่ยวต่างคาดคิดว่าทรวงอกของหยุนเช่อ
สมควรถูกหักเป็ นเสี่ ยง อย่างน้อยมันต้องบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย
อย่างมากก็ตายคาที่ ทว่า ทันทีที่กาํ ปั้นของเซี่ยป๋ อกระทบเข้ากับ
ทรวงอกของหยุนเช่อ กลับไม่ปรากฏสุ ม้ เสี ยงปะทะใดๆทั้งสิ้ น
ราวกับหมัดที่บรรจุพลังเปี่ ยมล้นของมันมิได้กระทบลงบนร่ าง
เลือดเนื้อของมนุษย์ แต่กลับคล้ายการฟาดลงบนลูกบอลผ้าที่นุ่ม
นิ่มอย่างถึงที่สุด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการกระแทกร่ างหยุนเช่อลอย
ถอยไป ทั้งร่ างของชายหนุ่มไม่ขยับเคลื่อนไหว ทั้งไม่สน่ั สะเทือน
เลยด้วยซํ้า
นี่มนั เรื่ องตลกอะไรกัน ฝ่ ามือจากความโกรธเกรี้ ยวของฉู่
เยว่หลี่ยงั ทําให้หยุนเช่อที่ไร้การป้องกันถอยหลังไปเพียงไม่กี่กา้ ว
เท่านั้น พลังลมปราณของเซี่ยวป๋ อที่อยูเ่ พียงขั้นแปดของลมปราณ
จิต สําหรับหยุนเช่อแล้วล้วนไม่ต่างอันใดกับการถูกยุงเกาะที่
หน้าอกเพียงเท่านั้น
ด้วยกําปั้นที่ฟาดลงอย่างหนักแน่นรุ นแรงของมันที่หน้าอก
ของหยุนเช่อ ก่อนหน้านี้ เซี่ยวป๋ อที่ยงั คงมีรอยยิม้ ยินดีอยูบ่ น
ใบหน้าพลันกลับกลายเป็ นว่างเปล่าโง่งม มังจ้องมองไปยังหมัด
ขวาที่ราวกับถูดดูดตรึ งไว้ตรงบริ เวณหน้าอกของหยุนเช่อ ลูกตา
ทั้งสองข้างเบิกกว้างโปนถลน...ที่สะท้อนอยูใ่ นแววตาของมัน
เป็ นเสี ยงหัวร่ อยะเยียบเย็นชาราวอสู รร้ายจากหยุนเช่อ
ท่ามกลางเสี ยงหัวร่ อเย้ยหยันอันเย็นเยียบ ทรวงอกของหยุ
นเช่อดีดสะท้อนกลับ
“เจี๊ยกกกกก!!-------”
นอกจากเสี ยงกรี ดร้องของเซี่ยวป๋ อ ทุกผูค้ นในตระกูลเซี่ยว
ต่างตกอยูใ่ นความเงียบงัน สี หน้าของพวกมันทุกกลับเต็มไปด้วย
ความหวาดกลัวและไม่เชื่อในสิ่ งที่เกิดอย่างยิง่
เมื่อยามที่เซี่ ยวหยางจู่ๆก็กระเด็นกลับออกมาพร้อมสิ้ นสติ
ไป พวกมันต่างตกตะลึง แต่ถึงอย่างไรนัน่ ก็ไม่เพียงพอที่จะทําให้
พวกมันทั้งหมดหวาดกลัวได้ ทว่าความแข็งแกร่ งของเซี่ยวป๋ อนั้น
คือระดับใดกัน? ขั้นที่แปดระดับชั้นปราณจิต พลังฝี มือของมัน
นับว่าอยูใ่ นระดับสู งสุ ดของเมืองเมฆาล่อง ยิง่ ไปกว่านั้น การ
โจมตีของมันนั้นราวกับว่าทําได้เพียงให้หยุนเช่อรู ้สึกคันเท่านั้น
ขณะหยุนเช่อเพียงเคลื่อนไหวอย่างเรี ยบง่ายด้วยความแผ่วเบาจน
มิอาจจะเบาได้มากไปกว่านี้ แต่ทนั ทีสมั ผัส กลับทําให้ท้ งั
แขนขวาของมันแตกละเอียด รัศมีพลังอันน่าสะพรึ งกลัวนั้น
ปรากฏวูบแล้วหายวับในทันที ทําให้พวกมันรู ้สึกราวกับว่าจมลง
ใต้หุบเหวนํ้าแข็ง ราวกับว่าหัวใจของมันพวกได้หยุดเต้นลง
พลังฝี มือนี่คืออะไรกัน?
นี่คือพลังฝี มืออันสูงส่ งสุดยอดที่เหนือความเข้ าใจของพวก
มันโดยสิ ้นเชิ ง!
อย่างไรก็ตาม บุคคลผูซ้ ่ ึงอยูเ่ บื้องหน้าสายตาพวกมัน
ชัดเจนว่ามันเป็ นขยะของตระกูลเซี่ยวที่ผคู ้ นทัว่ ทั้งเมืองเมฆาล่อง
ต่างก็รู้ดี ขยะที่เกิดมาพร้อมกับเส้นชีพจรลมปราณที่พิกลพิการ
ขยะที่ไม่มีอนาคตอันใด!
“สุ นขั เฒ่าแซ่เซี่ยว” หยุนเช่อกล่าวพลางหัวเราะเยียบเย็น
“ระวังปากของเจ้าไว้ หนึ่ง นามของข้าไม่ใช่ลูกสําส่ อน สอง แซ่
ของข้ามิใช่แซ่เซี่ยวเช่นกัน...ตั้งแต่สามปี ก่อน ข้าเปลี่ยนชื่อแซ่
เป็ นหยุนเช่อ! นับแต่บดั นั้น นอกจากท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
รวมทั้งหนี้แค้นที่ตอ้ งชําระสะสาง ข้าปราศจากความสัมพันธ์อนั
ใดกับตระกูลเซี่ยว!”
นาม “หยุนเช่อ” ราวอสนีบาตฟาดกรอกหูของพวกมัน
ใบหน้าทุกดวงต่างฉายแววหวาดหวัน่ *อึ้ก* เซี่ยวเฉิ งกลํ้ากลืน
นํ้าลายลงคออย่างยากลําบาก ก่อนกล่าวถามด้วยเส้นเสี ยงอันสัน่
สะท้าน “หรื อจะเป็ น..หรื อว่า...หยุนเช่อ...แห่งการประลองยุทธ
วายุคราม...เป็ นเจ้า?”
วันที่สองหลังจบงานประลองยุทธวายุคราม นาม “หยุ
นเช่อ” ขจรขจายไปทัว่ ทั้งอาณาจักร จากนั้น หลังจากการสิ้ นชีวติ
ของชายหนุ่ม นามนี้ลว้ นเปรี ยบดัง่ ดวงอาทิตย์ฉายแสงร้อนแรง
กลางเวหา จากบรรดาข่าวลือทัง่ หลายเกี่ยวกับมัน….และหนึ่งใน
นั้น ย่อมรวมถึงข่าวที่วา่ หยุนเช่อมาจากเมืองเมฆาล่อง ทั้งเซี่ยฉิ ง
เยว่ที่มนั ตบแต่ง ยังมาจากเมืองเมฆาล่องเช่นกัน...
คํารํ่าลือนี้เข้าหูผคู ้ นจากตระกูลเซี่ยวเมืองเมฆาล่องเช่นกัน
หลายเรื่ องราวในข่าวลือนี้ โดยเฉพาะข้อที่มนั แต่งงานกับเซี่ยฉิง
เยว่ สอดคล้องกับเซี่ยวเช่อผูถ้ ูกขับไล่ออกจากตระกูลยิง่ ทว่า ใน
ทุกซอกทุกมุมของตระกูลเซี่ ยว รวมทั้งทัว่ ทั้งเมืองเมฆาล่อง เหล่า
ฝูงชนล้วนยืนกรานอย่างยิง่ ต่างไม่มีผใู ้ ดยินยอมเชื่ออย่างเด็ดขาด
ทั้งคาดคิดว่านี่ลว้ นเป็ นความผิดพลาด จากนั้น หลังจากมีข่าวว่า
หยุนเช่อเคยเป็ นคนของตระกูลเซี่ยว พวกมันทั้งหมดต่างคิดว่า
เป็ นเรื่ องตลกขําขันเท่านั้น
เหตุผลทั้งหมดเรี ยบง่ายอย่างยิง่ ผูค้ นในเมืองเมฆาล่อง
ทราบกระจ่างว่าชายหนุ่มเกิดมาพร้อมเส้นชีพจรลมปราณที่พิการ
เป็ นดังเศษสวะอันแท้จริ งที่ไม่สามารถก้าวข้ามชั้นลมปราณ
แรกเริ่ มได้จนตลอดชีวติ ขณะที่หยุนเช่อในตํานานผูน้ ้ นั แม้จะ
อายุยงั เยาว์ หากกลับสามารถพิชิตชัยชนะติดต่อกันจากเหล่าศิษย์
สื บทอดของบรรดาพรรคใหญ่ ทั้งยังได้รับความชื่นชมจากองค์
หญิง รวมถึงได้รับนํ้าใจจากนางเซียนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง มันเป็ นบุคคลที่ยนื อยูบ่ นจุดสู งสุ ด เป็ นตัวตนที่ได้รับพร
จากสรวงสวรรค์….ความแตกต่างของทั้งสองล้วนราวกับเมฆบน
ท้องฟ้าและโคลนตมใต้ฝ่าเท้า ไม่วา่ อย่างไร ล้วนเป็ นไปไม่ได้ที่
ทั้งสองจะเป็ นคนๆเดียวกัน
หากมีผคู ้ นที่มีพรสวรรค์ปานกลางได้รับประสบการณ์
ปาฏิหาริ ย ์ ยังมิใช่เป็ นไปไม่ได้ที่มนั จะพุง่ ทะยานขึ้นสู่ จุดสุ ดยอด
ทว่า สําหรับกับขยะโดยกําเนิดที่จะแปลงร่ างเป็ นอัจฉริ ยะอันดับ
หนึ่งแห่งการประลองยุทธวายุคราม...นี่ช่างเป็ นเรื่ องตลกอย่าง
ที่สุด ท่ามกลางข่าวลือทั้งหมด มีข่าวคราวที่ระบุวา่ หยุนเช่อเป็ นผู ้
สื บทอดจาก “พรรคเทพหงสา” หรื อ “ศิษย์สายตรงจากยอดฝี มือที่
ซุ่มซ่อน” และอื่นๆ อีกมากที่ไม่เกี่ยวข้องใดกับพรรคตระกูลเซี่ยว
ที่พวกมันคุน้ เคยเลยแม้แต่นอ้ ย
ทว่า ชัว่ เวลาชัว่ พริ บตาเมื่อครู่ ภายในห้วงความคิดอัน
สับสนของพวกมัน ความแข็งแกร่ งอันน่าหวาดผวาจากบุคคลที่
พวกมันเชื่อมัน่ มาตลอดว่าเพียงเป็ นขยะชิ้นหนึ่ง ช่างละม้าย
เหมือนกับความแข็งแกร่ งของนามที่ถูกเล่าขานไม่ผดิ เพี้ยน “เรื่ อง
ตลก” ที่พวกมันเชื่อถือมาตลอด กลับกลายมาเป็ นความเป็ นจริ ง
ในชัว่ พริ บตา
ฝ่ ามือหยุนเช่อปรากฏประกายแสงสี ดาํ ทมิฬวูบขึ้นคราหนึ่ง
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรล้วนเผยโฉมออกมา ทันใดนั้นเอง กระบี่หนัก
ร่ วงหล่นลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง เสี ยง *ตูม* ดังสนัน่ ขณะที่
พื้นหิ นอ่อนสุ ดแข็งแกร่ งที่ใต้ฝ่าเท้าแตกร้าวออกในทันที บังเกิด
ริ้ วรอยแยกหลายสิ บสายแตกลามออกไปจนถึงใต้ฝ่าเท้าของศิษย์
ตระกูลเซี่ยวที่ยนื ห่างไปหลายสิ บเมตร หยุนเช่อกระชับด้ามทัณฑ์
มังกรก่อนจะกล่าวด้วยเสี ยงตํ่า “ชัดเจนว่า ข้าหยุนเช่อ--มีเพียงคน
เดียวในโลกนี้!!”
พื้นดินแยกออกเป็ นรอยกว้างกว่าสามสิ บเซ็นติเมตร รอย
แตกร้าวลึกลํ้าไม่เห็นก้น ใบหน้าของเซี่ยวหยุนไห่ถึงกับเผย
ร่ องรอยแห่งความหวาดผวา ทุกผูค้ นในที่น้ นั แสดงสี หน้าซีดเผือด
ไร้สีเลือดด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างสุ ดแสน
สายตาทุกคู่เบิกกว้างโปนถลนราวกับจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์
บางคนที่สภาวะจิตใจไม่หนักแน่นถึงกับล้มลงนัง่ บนพื้น ร่ างกาย
สัน่ สะท้านจากความตื่นกลัว...ที่บงั เกิดขึ้นเบื้องหน้าของพวกมัน
คือพลังอํานาจยิง่ ใหญ่จนไม่อาจทําความเข้าใจ และไม่อาจ
จินตนาการได้! เป็ นความเข้มแข็งที่มีเพียงอัจฉริ ยะระดับเทพเจ้า
ในตํานานจึงสามารถครอบครอง...
กระทัง่ ในความฝัน พวกมันยังไม่มีทางฝันว่าเซี่ยวเช่อผูถ้ ูก
เยาะเย้ยถากถางและด่าทอมากว่าสิ บปี จะสามารถหวนกลับมา
ด้วยพลังความเข้มแข็งในระดับนี้ ในระดับที่พวกมันไม่มีทางไป
ถึงจนตลอดชีวติ ระดับที่พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะใฝ่ ฝันถึง เมื่อ
มองไปยังกรอบใบหน้าที่พวกมันเคยแต่จอ้ งมองด้วยสายตาดู
หมิ่นดูแคลน ที่พวกมันสามารถรู ้สึกได้ในขณะนี้ มีเพียงความ
หวาดกลัวและพรั่นพรึ ง
ทั้งหัวใจและใบหน้าของเซี่ยวหยุนไห่บิดเบี้ยวอย่างรุ นแรง
รอยแตกบนพื้นดินที่เป็ นผลมาจากทัณฑ์มงั การเมื่อครู่ แผ่ลาม
มาถึงใต้สองขาของมันโดยบังเอิญ ส่ งผลให้จิตวิญญาณของมัน
แทบหลุดลอยออกจากร่ างไป กระทัง่ ถึงตอนนี้ ทัว่ ร่ างของมัน
หลัง่ เหงื่อเย็นเยียบโซมกาย มันพยายามฝื นเค้นรอยยิม้ อันสุดแสน
อัปลักษณ์ข้ ึนบนใบหน้า “เจ้า...เป็ นเจ้าเอง….หยุนเช่อในตํานาน
คนนั้นก็คือเจ้า! ฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่า...ข้าสมควรรู ้ความจริ งเรื่ องนี้มานาน
แล้ว ข้าคาดไม่ถึงจริ งๆ ว่าหลังจากหลานรักของข้าออกจาก
ตระกูลเซี่ยวไป
“ฉลองบรรพบุรุษเจ้าสิ บแปดรุ่ น!!” หยุนเช่อตัดบทเซี่ยว
หยุนให่ดว้ ยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิม้ เย็นชา ชายหนุ่มยกฝ่ ามือ
ขึ้น กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรหลุดลอยขึ้นจากระดับพื้น “ข้าจะพูดอีกครั้ง
วันนี้ ข้ามาที่นี่เพือ่ คิดบัญชีกบั พวกเจ้า!”
เงาร่ างของหยุนเช่อวูบขึ้นคราหนึ่ง เงาร่ างแยกกระพริ บวาบ
ราวภูติพราย พุง่ ตรงเข้าใส่ เซี่ยวหยุนไห่ สายตาของเซี่ยวหยุนไห่
ละลานพร่ าพราย มันไม่ทนั จ้องมองได้ชดั เจน ปรากฏพลังอัน
หนักหน่วงกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันกิโลกรัมบดขยี้ลงบนทรวงอก
ส่ งผลให้มนั กระอักโลหิ ตออกมากองใหญ่ก่อนจะเกลือกกลิ้งลง
ไปบนพื้น ขณะที่มนั กําลังจะเปล่เสี ยงร้องรํ่าครํ่าครวญอย่าง
เจ็บปวด บาทาข้างหนึ่งกดประทับลงบนริ มฝี ปากของมันอย่าง
ถนัดถนี่จนมันไม่อาจเปล่งเสี ยงใดๆ ออกมาได้แม้เพียงนิด
ฝ่ าเท้าข้างขวาของหยุนเช่อเหยียบยํา่ ลงบนศีรษะของเซี่ยว
หยุนไห่ กดศีรษะของมันแนบแน่นลงกับพื้นดิน ชายหนุ่มกล่าว
เสี ยงเย็นชาว่า “เซี่ยวหยุนไห่ ในฐานะผูน้ าํ ตระกูลเซี่ยว เพราะเพือ่
ผลประโยชน์ส่วนตน และต้องการประจบเอาใจขยะตระกูลเซี่ยว
ผูน้ ้ นั เจ้าถึงกับกล้าจัดฉากใส่ ร้ายอาหญิงเล็กของข้า จนแทบทําให้
นางต้องตกลงสู่ หุบเหวแห่งความสิ้ นหวัง! พฤติการณื ที่เจ้า
แสดงออกในวันนั้น นับว่ายอดเยีย่ มยิง่ ด้วยทักษะการแสดงขั้น
สุ ดยอด ร่ วมกับจิตใจอันชัว่ ช้าอํามหิ ตของเจ้า การให้คนอย่างเจ้า
ขึ้นเป็ นผูน้ าํ ตระ◌ู ลเซี่ยว สวรรค์ช่างไร้นยั น์ตานัก!”
“เจ้ากล้าทําร้ายท่านผูน้ าํ ตระกูลเรอะ!”
เซี่ ยวหลี่คาํ ราม มันพลันเสื อกส่ งกระบี่เข้าใส่ หยุนเช่อโดย
กะทันหัน หยุนเช่อไม่หนั หลังกลับ ชายหนุ่มเพียงยืน่ เหยียดฝ่ ามือ
ออกคว้าจับไปทางเบื้องหลังอย่างเรี ยบง่าย ฝ่ ามือข้างนั้นสัมผัสลง
บนปลายกระบี่ของเซี่ยวหลี่ ช่วงชิงกระบี่ออกจากฝ่ ามือของชาย
ชราในพริ บตา
จากนั้น หยุนเช่อเพียงหมุนควงและสะบัดฝ่ ามือคราหนึ่ง
กระบี่ยาวเคลื่อนไหวราวอสรพิษ พุง่ กลับยงทิษทางตรงกันข้าม
ก่อนจะเสี ยบทะลุเข้าใส่ หวั ไหล่ของเซี่ ยวหลี่อย่างแม่นยํา ด้าม
กระบี่เกาะเกี่ยวเข้ากับกระดูกหัวไหล่ของมัน ก่อนจะลากพาร่ าง
ทั้งร่ างปลิวลิ่วไปไกลโข บังเกิดเสี ยง *ตูม* คราหนึ่ง ตัวกระบี่ปัก
ลงบนกําแพงสู งที่ดา้ นหลัง เสี ยบร้อยเซี่ยวหลี่ไว้ในสภาพนั้น
สุ ม้ เสี ยงหวนโหยราวสุ กรถูกเชือดดังออกมาจากปากของ
เซี่ยวหลี่ มันดิ้นรนขัดขืนอย่างรุ นแรงราวบ้าคลัง่ หากยิง่ มันดิ้นรน
มากเท่าใด คมกระบี่ยงิ่ ปักลึกลงไปมากเท่านั้น กระดูกไหล่ของ
มันยิง่ ถูกเสี ยบแทงอย่างทรมาณ โลหิ ตทะลักออกจากบาดแผลราว
นํ้าพุ เปลี่ยนแปลงพื้นที่ใต้ผา่ เท้าของมันให้กลายเป็ นแอ่งนํ้าอย่าง
รวดเร็ ว
เซี่ ยวเจ๋ อและเซี่ยวเฉิงเดิมต้องการลงมือเช่นกัน ทว่า เมื่อ
เห็นสภาพอันอเนจอนาถของเซี่ยวหลี่ ทั้งยังมีเซี่ยวป๋ อที่เกลือก
กลิ้งอยูก่ บั พื้นดิน ใบหน้าของทั้งสองซีดขาวราวกระดาษ หนัง
ศีรษะและผิวหนังกลับกลายเป็ นด้านชา ดวงตาเปี่ ยมล้นไปด้วย
ความหวาดผวา ทั้งสองเก็บกระบี่อย่างเชื่อฟัง หดร่ างอยูก่ บั ที่ ไม่
กล้าก้าวเท้าออกไปแม้แต่กา้ วเดียว
บทที่ 327 เพลิงพิโรธผลาญฟ้า

“เซี่ ยว...อ่า ไม่สิ..หยุนเช่อ” ขาของเซี่ยวเจ๋ อสัน่ เทา พร้อม


กับกลืนนํ้าลายพรางพูดว่า “หลานชายของข้าเฉิงจือเดินทางไป
พรรคตระกูลเซี่ ยวพร้อมกับเซี่ยวกวงหยุนได้สามปี แล้ว และเป็ น
คนของพรรคตระกูลเซี่ยวแล้ว ข้า...ข้าขอร้องเจ้าได้โปรดเห็นแก่
ชื่อของมัน”
สําหรับพวกมันแล้วพรรคตระกูลเซี่ยวเปรี ยบดัง่ สถานที่
ของพระเจ้า การที่สามารถเข้าพรรคตระกูลเซี่ยวนั้นนับว่าเป็ น
เกียรติที่สุดในชีวติ ของพวกมัน เซี่ยวเจ๋ อต้องการใช้ชื่อของเซี่ยว
เฉิ งจือที่เข้าพรรคตระกูลเซี่ยวเพือ่ ทําให้หยุนเช่อหวาดกลัวแต่
ก่อนที่มนั จะพูดจบหยุนเช่อกลับจ้องมองมันด้วยสายตาที่เย็นชา
และกดดันทําให้มนั ไม่พดู สิ่ งใดๆออกมาอีก “เซี่ยวเฉิงจือ? เหอะ!
ใยต้องสนใจมันด้วย อย่างมันก็เป็ นได้แค่คนเฝ้าประตูทางเข้า
เบื้องล่างของพรรคตระกูลเซี่ยวเท่านั้น แม้วา่ ผูน้ าํ พรรคตระกูล
เซี่ยว เซี่ยวเจวีย๋ เทียนมา ข้าก็จะคืนหนี้แค้นชําระให้มนั ! หนี้แค้น
ที่บุตรชายของมันติดต้างไว้ มันซึ่ งเป็ นบิดาย่อมมิสามารถปัด
ความรับผิดชอบไปได้!!”
วาจาของหยุนเช่อทั้งเย็นชายะเยียบราวนํ้าแข็ง ทั้งเสี ยดแทง
จิตใจผูฟ้ ัง ทั้งยังไม่ให้ความสําคัญอันใดต่อผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยว
เช่นเซี่ยวเจวีย๋ เทียนแม้แต่นอ้ ย ทุกผูค้ นต่างจิตใจสัน่ สะท้านเมื่อได้
ยินคํากล่าวของชายหนุ่ม... หากกระทัง่ เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนมันยังไม่ให้
ราคา เช่นนั้นเซี่ ยวเฉิ งจือล้วนไม่ต่างอันใดจากลมตดเพียงเท่านั้น
...ไม่ ไม่สิ! เซี่ ยวเฉิ งจือล้วนไม่อาจนับเป็ นลมตดของผูค้ นได้ดว้ ย
ซํ้า
ปั ง!
หยุนเช่อเหวีย่ งเท้าเตะเซี่ยวหยุนไห่ ร่ างของเซียวหยุนไห่
ลอยถลากลับไปด้านหลังและล้มลงในขณะที่บรรดาศิษย์ต่างอยู่
เบื้องหลัง อย่างไรก็ตามแม้หยุนเช่อจะโจมตีหลายครั้ง แต่ทุกการ
โจมตี ล้วนไม่มีเจตนาเอาชีวติ
มิเช่นนั้น ด้วยความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อในเวลานี้ เพียง
แค่ใช้พลังเพียงสิ บในร้อยก็เพียงพอที่จะทําให้ทุกคนตาย
กลายเป็ นกองศพได้ในทันที
เซี่ยวหยุนไห่ที่เป็ นถึงผูน้ าํ ตระกูลเซี่ยว ย่อมมิใช่คนโง่เขลา
มันเองสามารถจับสังเกตุเรื่ องนี้ได้ มันพยายามลุกขึ้นอย่าง
ทุลกั ทุเลและพูดขึ้น “หยุนเช่อ ครานั้น พวกข้าทําให้ท่านอาวุโส
อันดับที่หา้ ต้องผิดหวังจริ ง แต่เวลานั้นสถานการณ์มนั บีบบังคับ
พวกข้า พวกข้าไม่สามารถที่จะกระทําการขัดคนของพรรคตระกูล
เซี่ ยวได้ หากพวกข้าไม่ทาํ แบบนั้น จะไม่เป็ นการดีต่อพวกเราทุก
คน การที่เจ้าถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซี่ยวนั้นก็เพราะเจ้ามิได้มี
สายเลือดของตระกูลเซี่ยว แต่….อย่างน้อยพวกข้าก็เลี้ยงดูเจ้า
มาถึงสิ บหกปี ...”
เซี่ ยวหยุนไห่เดิมมิใช่ผทู ้ ี่จะรักษาศักดิ์ศรี มากกว่าชีวติ ของ
ตน มันยอมก้มหัวเพื่อแลกกับชีวติ มันได้ มิเช่นนั้นมันย่อมต้องไม่
ขายและใส่ ร้ายคนในตระกูลเพื่อประจบเซี่ยวกวงหยุนในตอนนั้น
ดังนั้นเมื่อมันสังเกตุเห็นว่าหยุนเช่อไม่ได้ตอ้ งการฆ่ามันจริ งๆ มัน
จึงวิงวอนโดยทันที
“เหลวไหล !” หยุนเช่อสบถพูดพร้อมขมวดคิ้วลง :
“สถานการณ์บีบบังคับ? วันแรกยามเซี่ยวกวงหยุนมาที่นี่ มัน
ไม่ได้เห็นอาหญิงเล็กเลยซักครั้ง แล้วความคิดสกปรกของมันที่มี
ต่ออาหญิงเล็กมาจากไหน? ในวันที่สองเจ้าได้ทาํ การใส่ ร้าย
สารพัดแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไม่สามารถช่วยได้? ยิง่ กว่านั้นคนที่
เลี้ยงดูขา้ มามีเพียงเซี่ยวเหล่ยปู่ ข้าเท่านั้น ไม่ใช่พวกตระกูลเซี่ยว
เช่นเจ้า! สิ่ งที่พวกเจ้าให้ขา้ มามีเพียงการดูถูกข้า เย้าะเย้ยข้าและกด
ขี่ขา้ ซึ่งข้าไม่มีวนั ลืม!”
ในขณะที่หยุนเช่อพูดนั้น มันมองทุกคนที่อยูต่ รงหน้า ไม่วา่
ใครก็ตามที่ถูกหยุนเช่อมองนั้น ร่ างกายต่างแข็งทื่อ โดยเฉพาะ
พวกที่เย้าะเย้ยหยุนเช่อเป็ นเศษสวะก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างรี บก้ม
หัวลงเร็ วที่สุดเท่าที่พวกมันจะทําได้ ร่ างกายของพวกมันต่างสัน่
กลัวไม่กล้าแม้จะหายใจ
ปกติแล้วพวกมันจะไม่กม้ ตัวหัวหดกันแบบนี้ คนของ
ตระกูลเซี่ ยวทุกคนนั้นสามารถกล่าวได้วา่ พวกมันแกร่ งที่สุดใน
เมืองเมฆาล่อง แต่ความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อนับว่าเป็ นของจริ ง
และน่าเกรงขามเกินไป เซี่ยวป๋ อ เซี่ยวหยุนไห่ เซี่ยวหลี่ ทั้งสาม
คนที่นบั ว่าแกร่ งที่สุดหากนับตามระดับพลังพื้นฐาน ก็ยงั นับว่าไม่
มีพลังเพียงพอจะต่อสู ก้ บั หยุนเช่อที่สามารถแยกพื้นดินได้อย่าง
ง่ายดาย เพียงการกวัดแกว่งกระบี่ของชายหนุ่มยิง่ ทําให้ผคู ้ นแทบ
ล้มหมดสติลงกับที่ดว้ ยความหวาดผวา
ด้วยการมองที่กดดันเช่นนี้พวกมันทําได้เพียงแค่รู้สึกกลัว
เท่านั้นและไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลยแม้แต่นอ้ ย
แขนขวาของเซี่ยวป๋ อตอนนี้พกิ ารอย่างสมบูรณ์ เซี่ยวหลี่เอง
ติดตรึ งอยูบ่ นกําแพง เสี ยงกรี ดร้องที่ดงั ลัน่ ก็กลายเป็ นแหบแห้ง
อย่างไม่น่าเชื่อ ผูน้ าํ ตระกูลเซี่ยว เซี่ยวหยุนไห่คุกเข่าลงข้างนึงด้วย
ใบหน้าอาบโลหิ ต เซี่ยวเฉิ งและเซี่ยวเจ๋ อตัวสัน่ เทาไม่กล้าขยับ
แม้แต่กา้ วเดียว คนของตระกูลเซี่ยวทั้งหมดต่างเต็มไปด้วย
ความรู ้สึกสิ้ นหวัง เมื่อมองมาที่หยุนเช่อผูเ้ ปล่งรัศมีพลังกดดันสุ ด
ต้านทาน ความเคียดแค้นชิงชัง รวมทั้งความดุร้ายอํามหิ ต สําไล้
ของพวกมันทั้งหมดแทบแตกทําลายลงด้วยความหวาดกลัว
ยามนี้ผทู ้ ี่มีชื่อเสี ยงเขย่ายุทธภพ แท้จริ งคือเซี่ยวเช่อที่ถูกขับ
ไล่ออกจากตระกูลได้กลับมาแล้ว! หากก่อนหน้าพวกมันไม่ได้ทาํ
การใส่ ร้ายและมุ่งร้ายเพื่อประจบเซี่ยวกวงหยุน หยุนเช่อในวันนี้
ย่อมสร้างชื่อให้แก่ตระกูลเซี่ยว ชื่อเสี ยงของตระกูลเซี่ยวจะ
ทะยานขึ้นสู่ ฟ้าเบื้องบนและจะไม่ดอ้ ยไปกว่าพรรคตระกูลเซี่ ยว
นอกจากนี้ ...ชื่อของตระกูลเซี่ยวจะได้เป็ นที่รู้จกั ไปทัว่ ทั้งยุทธภพ
อีกทั้งเพราะหยุนเช่อ พวกมันต่างจะได้มีความสัมพันธ์กบั
ราชวงค์วายุครามและแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอีกด้วย
และเรื่ องเหล่านี้เป็ นเรื่ องที่พวกมันไม่กล้าเพ้อฝันเพราะมัน
ห่างไกลกว่าของที่พวกมันได้รับจากพรรคตระกูลเซี่ยวตลอดทั้ง
สามปี นับล้านเท่า
สิ่ งที่พวกมันควรจะได้รับนั้นกลับถูกทําลายลงด้วยความ
โลภของพวกมันเมื่อสามปี ก่อน สิ่ งที่พวกมันได้มาแทนคือ
ความแค้นของหยุนเช่อเช่นเดียวกับความสิ้ นหวังอย่างสุ ดแสน
นับว่าเป็ นครั้งแรกในชีวติ ของพวกมัน เซี่ยวหยุนไห่และ
บรรดาเหล่าผูอ้ าวุโสต่างเข้าใจถึงคําว่า “สํานึกเสี ยใจ” ได้อย่าง
ถ่องแท้ ไม่มีตวั ยาใดๆ เพือ่ รักษาอาการเสี ยใจในโลกนี้ และยิง่
เป็ นไปไม่ได้สาํ หรับพวกมันที่จะย้อนเวลากลับไป ตอนนี้พวกมัน
ต่างทําได้เพียงยอมรับและตําหนิตนเอง พวกมันจะต้องเจ็บปวด
กลํ้ากลืนกับผลที่พวกมันได้ทาํ ไว้
เซี่ยวเฉิง พูดอย่างระวัง “ใช่! ทุกอย่างล้วนเป็ นความผิดของ
พวกข้า พวกข้านั้นตาบอดเพราะพรรคตระกูลเซี่ยว แต่... แต่ทุก
อย่างนั้นล้วนเป็ นความคิดของเซี่ยวยูห่ ลง พวกข้าเพียง...เพียงแค่
ให้ความร่ วมมือกับเซี่ยวยูห่ ลงเท่านั้น แต่เซี่ยวยูห่ ลงก็ได้รับ
บทลงโทษจากการกระทําของมันไปแล้ว ในคืนนั้นดวงตาของมัน
ถูกควักออก จมูก หู ลิ้น ล้วนถูกตัดทิ้งแม้กระทัง่ เส้นเอ็นในแขน
และขาสุ ดท้ายกลายเป็ นขันทีที่มิสามารถสื บพันธุ์ได้ ...ทั้งหมด
นั้นไม่ใช้ความคิดของพวกข้าทั้งสิ้ น”
เรื่ องของเซี่ ยวยูห่ ลงนั้นเป็ นเรื่ องต้องห้ามที่หา้ มพูดถึง
เด็ดขาด มิเช่นนั้นเซี่ยวหยุนไห่จะต้องเป็ นโรคประสาทแน่หาก
เรื่ องราวแพร่ ออกไป แต่ยามนี้เพื่อที่จะให้มนั มีชีวติ รอดเซี่ยวเฉิ ง
ไม่ลงั เลที่จะพูดถึงเรื่ องนี้และโยนความผิดทั้งหมดไปให้เซี่ยวยู่
หลงผูท้ ี่ตายอย่างอนาถไปแล้ว หยุนเช่อหันไปด้านข้างและยิม้
เยาะเย้ย : “ท่านพูดถูก! ทั้งหมดนั้น คือผลแห่งการกระทํา และสิ่ ง
ที่พวกเจ้าได้ทาํ กันในวันนั้น ไม่เคยคิดกันหรื อว่าไม่ชา้ ก็เร็ ว เจ้า
เองย่อมต้องได้รับผลกรรมนั้นวันใดวันหนึ่งเช่นกัน”
เสี ยงของหยุนเช่อราวกับดังก้องกังวานอยูข่ า้ งๆหูของพวก
มัน ร่ างของชายหนุ่มพลันอันตรธานหายไปในพริ บตา ในทันใด
เซี่ยวเฉิ งและเซี่ ยวเจ๋ อพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังลมปราณที่แหลม
คมราวกับดาบและอํามหิ ตราวคลื่นยักษ์กวาดกระแทกเข้าที่
ใบหน้าของมัน
เผียะ!
เผียะ!
เสี ยงตบสองครั้งซ้อนกันสะท้อนดังสนัน่ จนทําให้พวกมัน
แก้วหูสะเทือน เซี่ ยวเจ๋ อและเซี่ยวเฉิ งปลิวลิ่วไปไกลตามแรงตบ
โดยพร้อมเพรี ยง ร่ วงหล่นลงบนพื้น มันไม่สามารถที่จะยืนขึ้นมา
ได้เป็ นเวลานาน โลหิ ตไหลกลบออกมาจากมุมปาก หน้าของพวก
มันชโลมไปด้วยเลือด ใบหน้าส่ วนที่ถูกตบนั้นได้ปูดบวมออกมา
สองถึงสามเท่าจากขนาดปกติ ทัว่ ทั้งใบหน้าของมันรู ้สึกไหม้
เกรี ยมราวกับถูกเผาไหม้จากไฟ พวกมันร้องครวญครางเสี ยงตํ่า
ด้วยความเจ็บปวด
ร่ างของชายหนุ่มวูบไหวราวประกายแสงและปรากฎมาอีก
ครั้ง หยุนเช่อกลับมายืนอยูท่ ี่ตาํ แหน่งเดิมด้วยท่วงท่าเดิมไม่
ผิดเพี้ยน ความเร็ วของเขานั้นไม่มีใครในขณะนี้สามารถจะ
มองเห็นได้อย่างชัดเจน หยุนเช่อกอดอกพลางกล่าวด้วยนํ้าเสี ยง
เยาะเย้ย “พวกเจ้าอย่ากังวลไป ข้ายังไม่ฆ่าพวกเจ้าตอนนี้หรอก มิ
เช่นนั้น พวกเจ้าคงได้กลายเป็ นกองซากศพไปตั้งนานแล้ว ไม่ใช่
เพราะว่าข้าไม่อยากฆ่า หากแต่เป็ นเพราะท่านปู่ ของข้าและอา
หญิงเล็ก ทั้งสองจิตใจดีและมีเมตตา ทั้งยังไม่เคยต้องมาแปด
เปื้ อนบาปจากการฆ่าคนมาก่อนในชีวติ ของพวกเขา อีกอย่างนึง
ท่านปู่ ของข้าและอาหญิงเล็กก็ยงั ถือว่าเป็ นคนในตระกูลเดียวกับ
พวกเจ้า ถ้าหากข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดที่นี่ ทั้งสองคนก็จะรู ้สึกว่า
การตายของสวะอย่างพวกเจ้าเป็ นความผิดของตน และอาจจะ
ต้องแบกรับความความรู ้สึกผิดเพราะเรื่ องพวกนี้”
พวกมันไม่กี่คนที่เหลือที่ราวกับสิ้ นหวังไปแล้วกลับได้ยนิ
คําพูดเช่นนี้ ทันใดนั้น พวกมันรู ้สึกราวกับได้ยนิ ข่าวดีที่คาดไม่ถึง
มาก่อน , หากทว่าจากนั้น ทั้งหมดผุดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้
สี หน้าของพวกมันกลับเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง แปรเปลี่ยนกลับ
กลายจนอัปลักษณ์สุดทนดู
เซี่ยวหยุนไห่รีบลุกยืนขึ้นด้วยความร้อนร้นพลางกล่าว “มัน
...มันเป็ นเพราะพวกเราทําร้ายผูอ้ าวุโสห้าก่อน, มันเป็ นบาปอัน
ยิง่ ใหญ่ ที่ทาํ ให้พวกเราสมควรได้รับวิบากกรรมในวันนี้...ถ้าหาก
ว่าเจ้า...จะไว้ชีวติ พวกเราวันนี้, จากนี้ไปพวกเราตระกูลเซี่ยวจะ
ขอติดตามเจ้าในฐานะผูน้ าํ ตระกูล ถ้าหากเป็ นคําขอของเจ้าแล้ว
ละก็...อาาา ไม่สิ, หากเป็ นคําสัง่ ของเจ้า ต่อให้ตอ้ งบุกนํ้าลุยไฟ
พวกเราก็จะทําตามอย่างแน่นอน พวกเราหวังเพียงว่ามันจะ
สามารถชดใช้ความผิดที่พวกเราได้ก่อไว้ในอดีตได้”
การเปลี่ยนแปลงสี หน้าท่าทางของพวกมันถูกบันทึกไว้
ดวงตาของหยุนเช่อ ชายหนุ่มรู ้สึกถึงบางสิ่ งที่ผดิ ปกติเล็กน้อย
หากล้วนไม่ได้ใส่ ใจ หยุนเช่อมองไปที่เซี่ยวหยุนไห่ดว้ ยสายตา
เย็นชา “เซี่ยวหยุนไห่ เจ้าแน่ใจในข้อเสนอนี้ของเจ้านะ เจ้าไล่ขา้
ออกจากตระกูล มาถึงตอนนี้เจ้าอยากจะเริ่ มต้นสร้าง
ความสัมพันธ์กบั ข้า? ดี! แต่น้ ีไปพวกเจ้าตระกูลเซี่ยวต้องเชื่อฟัง
คําสัง่ ของข้า เพราะงั้นตอนนี้ ข้ามีสิ่งหนึ่งที่จะให้พวกเจ้าทํา!”
หยุนเช่อจ้องมองลงมาที่พวกมันพลางกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเย็น
ชา : “พวกเจ้าทุกคนที่เหลือจงตรงไปยังด้านหลังที่หุบผาสํานึกผิด
จงคุกเข่าลงต่อหน้าทางเข้าที่กกั ขังของท่านปู่ และอาหญิงเล็กของ
ข้าและขอร้องให้พวกท่านให้ออกมาจากหุบผาสํานึกผิดซะ ถ้า
พวกเจ้าทําได้ขา้ จะไว้ชีวติ เจ้า ให้โชคชะตาของเจ้าขึ้นอยูก่ บั ท่านปู่
ของข้า แต่หากว่าพวกเจ้าทําไม่สาํ เร็ จละก็….ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะให้
พวกเจ้าคุกเข่าอยูท่ ี่น้ นั ไปจนตาย!”
ปกติแล้วหยุนเช่อไม่ใช่คนที่มีความเมตตากรุ ณาใดๆ หาก
ทว่าปู่ ของเขา เซี่ ยวเหลยนั้นมีความกรุ ณาต่อผูอ้ ื่นเสมอ เซี่ยวหลิง
ซี กเ็ ช่นเดียวกัน, โดยเฉพาะอย่างยิง่ เซี่ยวเหลย ถ้าหากว่าเขามิได้
ให้คุณค่ากับความภักดีและความรักอย่างยิง่ แล้วไซร้ ชายชราคง
จะไม่อดทนต่อถ้อยคําการวิพากษ์วจิ ารณ์นบั พันครั้ง และยังฝ่ าฟัน
เลี้ยงดูหยุนเช่อมา แม้วา่ ชายหนุ่มจะเป็ นผูม้ ีเส้นชีพจรลมปราณ
พิการ แม้วา่ ชายหนุ่มจะไม่ใช่หลานแท้ๆของเขาเลยก็ตาม หยุ
นเช่อรู ้วา่ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากว่าชะตากรรมของคนพวกนี้ถูก
มอบให้เซี่ยวเหลยเป็ นผูต้ ดั สิ น ถึงแม้วา่ พวกมันจะสร้างความ
ผิดหวังอย่างถึงที่สุดให้กบั เซี่ยวเหลย แต่ชายชราก็จะไม่ตดั สิ น
โทษตายให้กบั พวกมัน...หยุนเช่อรู ้ส่ิ งนี้อย่างกระจ่างชัดในหัวใจ
ชายหนุ่มจึงเลือกกระทําเช่นนี้ มิฉะนั้นแล้ว มันจะเป็ นเหมือนที่
เขาได้กล่าวไว้ มันจะทําให้ปู่ของเขารู ้สึกผิดและติดค้างในหัวใจ
จนเป็ นเรื่ องยากที่จะลืมเลือนต่อจากนี้ไป
หากทว่า ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่าหลังจากที่มนั ได้กล่าว
ประโยคนั้นออกมา สมาชิกตระกูลเซี่ยวแทนที่จะปรากฎอาการดี
ใจหรื อแสดงความโล่งอกบนสี หน้า ในทางกลับกันพวกมันกลับ
แสดงอาการหวาดหวัน่ ขวัญผวายิง่ กว่าเดิม คิ้วของชายหนุ่มขมวด
มุ่น ความรู ้สึกถึงสิ่ งที่เลวร้ายได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของหยุ
นเช่อในทันใด
“เรื่ องนี้….เอ่อ...เรื่ องนี้…” ขณะนี้เห็นได้ชดั เจนว่า
ความหวังนี้ช่างยิง่ ใหญ่ดุจล่องลอยลงมาจากสวรรค์และเกือบเป็ น
ดัง่ ของขวัญจากพระผูเ้ ป็ นเจ้า เซี่ยวหยุนไห่และพวกมันที่เหลือ
ร่ างกายพลันรู ้สึกเย็นเยียบ เซี่ยวหยุนไห่คุกเข่าลงอีกครั้ง ทัว่ ร่ าง
ราวกับไร้ซ่ ึงเรี่ ยวแรงแม้แต่จะยืนขึ้นมาอีกครั้ง นํ้าเสี ยงของมัน
เปลี่ยนเป็ นแหบพร่ าด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ ง “ผูอ้ าวุโส
ห้า…. เอ่อ...และเซี่ยวหลิงซี...ตอนนี้น้ นั ...ในตอนนี้…”
รู ม่านตาของหยุนเช่อหดลงในทันที ทัว่ ร่ างของชายหนุ่ม
ปลดปล่อยรังสี และแผ่เจตนาฆ่าฟันที่หนาวยะเยือก หยุนเช่อ
เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ วดุจแสง ปรากฏตัวตรงหน้าเซี่ยวหยุนไห่
เขากระชากคอเสื้ อมันแน่น และตะโกนด้วยดวงตาแดงกํ่า “เกิด
อะไรขึ้นกับท่านปู่ และอาหญิงเล็กของข้า? เกิดอะไรขึ้นกับพวก
เขา… พูด.. พูดสิ … พูดมาเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่หยุนเช่อดึงคอเสื้ อมันไว้ ใบหน้าของเซี่ ยวหยุนไห่
เริ่ มกลายเป็ นซีดขาวเนื่องจากขาดอากาศหายใจ เซี่ยวเฉิ ง ผูซ้ ่ ึงยืน
อยูข่ า้ งๆพวกเขานั้นจับใบหน้าที่บูดบวมของมันเองแล้วกล่าว
พลางหลบหน้าว่า “พวกเขา...พวกเขาไม่ได้อยูท่ ี่หุบเขาด้านหลัง
แล้ว”
ในหัวของหยุนเช่อบังเกิดความรู ้สึก “วืดดด” ขึ้นคราหนึ่ง
ชายหนุ่มรู ้สึกคลื่นไส้เหมือนจะอาเจียนจนวิงเวียนศีรษะ
คลื่นพลังเย็นเยียบดุจนํ้าแข็งแผ่ขยายออกมาอย่างรุ นแรง
ราวกับมันผุดมาจากนรก ทําให้ทวั่ ร่ างของพวกมันสัน่ สะท้าน
เซี่ยวเฉิงกลืนนํ้าลายลงคออย่างยากเย็นพลางพูดอย่างเร่ งร้อนด้วย
หวาดกลัวหยุนเช่อจะระเบิดโทสะออกมาแล้วเข่นฆ่าพวกมัน
“พวกมันคือตระกูลอัคคีผลาญฟ้า...มันเป็ นคนจากตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า…”
“สามวันก่อน, กลุ่มคนของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจู่ๆก็มาที่นี่
พวกมันกล่าวว่าพวกมันต้องการพาเซี่ยวเหล่ย และเซี่ยวหลิงซีไป
...พวกเราไม่รู้เหตุผลทั้งหมด พวกมันไม่ได้อธิบายสิ่ งใดกับเรา
นอกเหนือไปจากว่า นี่เป็ นคําสัง่ จากตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เราไม่
กล้าขัดขวางหรื อต่อต้านใดๆต่อพวกมัน ทําได้เพียงแค่ดูพวกมัน
เมื่อพวกมันไปที่หุบเขาด้านหลังและพาผูอ้ าวุโสห้ากับเซี่ยวหลิงซี
ไป...มันเป็ นพวกตระกูลอัคคีผลาญฟ้า...พวกเราไม่สามารถทําสิ่ ง
ใดได้…”
“~!#$%...”
เป็ นสิ่ งที่ผดุ ขึ้นในความคิดหยุนเช่อตอนนี้ ราวกับพลันมี
บางสิ่ งบางอย่างระเบิดออกในศีรษะของชายหนุ่ม เลือดทุกหยาด
หยดภายในร่ าง เส้นประสาททุกมัด ทุกๆ เส้นสายแห่งจิตวิญญาณ
ภายในร่ าง ขณะนี้ลว้ นเอ่อล้นทะลักทลายไปด้วยความโกรธ
เกรี้ ยวและความเคียดแค้นชิงชังที่ปะทุออกมาโดยฉับพลัน
บทที่ 328 เพลิงพิโรธผลาญฟ้า (2)

“อ๊ากกก!!”
หยุนเช่อคํารามอย่างโกรธแค้น และเหวีย่ งร่ างของเซี่ยว
หยุนไห่กระเด็นออกไปไกล ศีรษะของเซี่ยวหยุนไห่กระแทกลง
กับพื้น โลหิ ตสดๆ สาดกระจายไปทัว่ ทุกสารทิศพร้อมกับที่มนั
สลบลงในทันที ก่อนที่หยุนเช่อจะทะยานร่ างไปทางภูเขา
ด้านหลังอย่างบ้าคลัง่
ชายหนุ่มกลับมายังเมืองเมฆาล่องพร้อมกับความร้อนรน
โหยหา ตื่นเต้น และปิ ติยนิ ดี คราที่ชายหนุ่มย่างเท้ากลับมาถึงที่
แห่งนี้ ความรู ้สึกเหล่านั้นต่างหลอมรวมกันราวกับเกลียวคลื่น
โดยมีความยินดีเป็ นส่ วนประกอบหลัก
นัน่ เป็ นเพราะอีกเพียงครู่ เดียวชายหนุ่มก็จะได้พบกับท่านปู่
และอาหญิงเล็กที่ไม่ได้พบกันมานานกว่าสามปี
เขากําลังจะพาคนทั้งสองออกจากความทุกข์ทรมานตลอด
สามปี …
เขาอยากให้คนทั้งสองได้เห็นว่าบัดนี้เขากลายเป็ นบุคคล
เช่นใด บอกกล่าวแก่ท้ งั สองว่าเขาเติบโตขึ้นแล้ว ขอจงอย่าเป็ น
กังวล แต่จงยินดีและภาคภูมิใจในตัวเขา
เขากําลังจะสําเร็ จตามแผนที่วางไว้ และทําตามสัญญาที่ให้
ไว้กบั ท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
เขากําลังจะชําระแค้นต่อตระกูลเซี่ยว และช่วยบรรเทาความ
กังวลและความคับแค้นใจทั้งปวงของท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยคาดคิดเลยว่าตนเองจะมาพบพาน
กับความตื่นตะลึงอันไม่คาดฝันเช่นนี้
หยุนเช่อราวกับเป็ นพายุคลัง่ ที่โหมพัดพาสู่ ภูเขาด้านหลัง
ชายหนุ่มพุง่ กายผ่านหุบผาสํานึกตน ไปหยุดยังสถานที่ที่เซี่ยว
เหล่ยและเซี่ ยวหลิงซีถูกกักขังมาตลอดสามปี
พื้นภูเขา หญ้าอันแห้งกรอบ ห้องศิลา และสายธารใส
สะอาด… สถานที่น้ ีเรี ยบง่ายและสงบอย่างยิง่ แต่กลับห่างไกล
จากผูค้ น เซี่ ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซีถูกกักขังอยูท่ ี่นี่ ไม่อาจก้าว
ออกจากสถานที่น้ ีแม้เพียงครึ่ งก้าว หยุนเช่อหยุดยืนอยูต่ รงหน้า
ห้องศิลา ไม่กล้าก้าวเดินต่อเป็ นระยะเวลานาน… เพราะชายหนุ่ม
ไม่อาจยอมรับว่าสิ่ งที่ได้รับฟังมาเป็ นเรื่ องจริ ง อยากเชื่อว่าทุกสิ่ ง
ที่คนตระกูลเซี่ ยวบอกกล่าวแก่ตนล้วนเป็ นเรื่ องโกหก… กระทัง่
เลือกจะเชื่อว่าทุกสิ่ งที่ได้รับฟังมาล้วนเป็ นความฝัน!
ชายหนุ่มนําพาความโหยหาอาวรณ์ ความห่วงใย และความ
กังวลที่สะสมมาตลอดสามปี กลับมาที่นี่ เขามิอาจยอมรับผลลัพธ์
เช่นนี้ได้
“ท่านปู่ … ท่านปู่ !”
“อาหญิงเล็ก… พวกท่านอยูข่ า้ งในหรื อไม่?”
“ข้าเซี่ยวเช่อ… ข้ากลับมาแล้ว! ท่านปู่ อาหญิงเล็ก ได้ยนิ ข้า
หรื อไม่?! หากได้ยนิ รี บออกมาพบข้าเร็ ว!”
ชายหนุ่มตะโกนเรี ยกครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เทา
สุ ม้ เสี ยงของชายหนุ่มสะท้อนดังไปไกล แต่กลับไม่มีเสี ยงใดตอบ
กลับมา
ความหวังเสี้ ยวสุ ดท้ายของชายหนุ่มแตกสลายไปราวกับ
ฟองสบู่ หยุนเช่อกลั้นหายใจและเดินไปด้านหน้า เมื่อชายหนุ่ม
ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ทัว่ ร่ างกลับกลายชะงักค้างโดยพลัน…
สิ่ งที่ชายหนุ่มพบในห้องศิลาเบื้องหน้ากลับเป็ นคราบโลหิ ตสี แดง
เข้มคราบหนึ่ง
หัวใจของหยุนเช่อบีบหนึบ ชายหนุ่มทะยานไปเบื้องหน้า
ราวกับพายุ ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าแอ่งโลหิ ตและพบว่าโลหิ ต
นั้นแห้งแล้วแต่กลับมีช้ นั ฝุ่ นเกาะอยูบ่ นผิวเล็กน้อย ในสถานที่
แห่งนี้ที่ลมภูเขาพัดพาไม่เคยหยุดนิ่ง ชั้นฝุ่ นบางๆนี้เป็ นเครื่ อง
ยืนยันว่าคราบเลือดนี้เพิ่งเกิดขึ้นเพียงเมื่อสามถึงสี่ วนั ก่อนเท่านั้น
ไม่ไกลจากคราบโลหิ ต หยุนเช่อพบกระบี่เปื้ อนสนิมหักๆ
สองเล่ม แต่นอกจากนั้นไม่พบร่ องรอยการต่อสู อ้ ื่นใดอีก ต่อหน้า
ความแข็งแกร่ งของคนจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เซี่ยวเหล่ยและ
เซี่ยวหลิงซี จะดิ้นรนขัดขืนได้อย่างไร?!
ฝ่ ามือของหยุนเช่อกดแน่นลงกับพื้น นิ้วมือทั้งสิ บฝังลึกลง
ไปในก้อนหิ น ศีรษะก้มตํ่า ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน ชายหนุ่มขบกราม
แน่นจนได้ยนิ เสี ยงแตกหัก โทสะอันเข้มข้นและความขมขื่นลํ้า
ลึกแผ่ปกคลุมทัว่ ห้องศิลาราวกับมีชีวติ กดดันให้สายลมในที่น้ นั
ถึงกับหยุดนิ่ง
“ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า…”
ถ้อยคําเข่นเขี้ยวลอดผ่านไรฟันอย่างเงียบเชียบ ราวกับเสี ยง
ภูติผปี ี ศาจจากขุมนรกที่ข้ ึนมาเพื่อคร่ าชีวติ ผูค้ น
ชายหนุ่มจดจําได้ดีวา่ ที่เมืองจันทร์เสี้ ยว ซีคงตูก้ ล่าวถึง
ผูใ้ ด…
บุตรชายคนที่สามของเฟิ นต้วนหุน เฟิ นเจวีย๋ เฉิน!!
ซี คงตูม้ ิได้ตาฝาด นัน่ เป็ นเฟิ นเจวีย๋ เฉินจริ งๆ! เหตุผลที่มนั
มายังเมืองจันทร์เสี้ ยวเพียงเพื่อแค่ผา่ นทาง… เป้าหมายที่แท้จริ ง
ของมันกลับเป็ นสถานที่แห่งนี้!
ความแค้นระหว่างชายหนุ่มและตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เริ่ มต้นขึ้นเมื่อสองปี ก่อน เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งพยายามลอบสังหารชาย
หนุ่ม แต่กลับเป็ นเฟิ นเจวีย๋ ปี้ ที่เสี ยชีวติ … ขบวนวิวาห์ของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงที่ มาสู่ ขอชางเยว่ถูกทําลายลง และถูกทําร้ายจนบาดเจ็บ
สาหัส เรื่ องราวเหล่านี้ลว้ นทําให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเสี ยหน้า
อย่างมาก จนภายหลังถึงกับส่ งยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าแปดคนที่
นําโดยเฟิ นม่อหลีมาสังหารชายหนุ่ม!!
หยุนเช่อสังหารไปเจ็ด และปล่อยหนึ่งให้มีชีวติ รอด… คน
ที่รอดไปนั้นนับเป็ นคําเตือนที่ชายหนุ่มส่ งให้ตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า พร้อมทั้งนับเป็ นการมอบหนทางประนีประนอมยอมไว้หน้า
อยูเ่ ล็กน้อย… เพราะอย่างไรตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถือเป็ นพรรคอัน
ทรงอํานาจที่ก่อตั้งมานานหลายพันปี นอกจากชายหนุ่มจะหมด
สิ้ นหนทาง ย่อมมิอยากเป็ นปฏิปักษ์ต่อตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไป
ตลอดกาล
แต่ชายหนุ่มมิเคยคาดคิดเลยว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะโต้
กลับด้วยการกระทําเช่นนี้!
แม้ความแค้นระหว่างเขาและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะหนัก
หนากว่านี้อีกสิ บเท่า แต่มนั เกี่ยวกับเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี
อย่างไร!?
“อ๊ ากกกกก!!!”
หยุนเช่อตะโกนออกด้วยลมทั้งหมดที่มีจนเสี ยงแหบแห้งลง
ชายหนุ่มกําหมัดต่อยลงกับพื้นอย่างรุ นแรงจนพื้นเบื้องหน้า
บังเกิดเป็ นหลุมลึกหลายเมตร จากนั้นจึงพุง่ ร่ างออกไป ขึ้นขี่
อินทรี หิมะ และบินไปพร้อมความเกลียดชังเป็ นปรปั กษ์ที่
มากมายเสี ยดฟ้า
“เจ้าพวกสุ นขั เฒ่าตระกูลเซี่ยว… ทั้งหมดเป็ นเพราะพวก
เจ้า… เพราะพวกเจ้าทุกคน!! หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านปู่ และอา
หญิงเล็กของข้า… ข้าจะมอบความตาย...ให้แก่ท้ งั ตระกูลของพวก
เจ้า!!!”
เสี ยงที่ราวกับดังจากนรกขุมลึกที่สุดสะท้อนก้องลงมาจาก
ฟากฟ้าเหนือตระกูลเซี่ยว พวกมันล้วนแหงนเงยหน้าขึ้นอย่าง
ตระหนกและเห็นอินทรี หิมะยักษ์สีขาวบริ สุทธิ์โฉบผ่านท้องฟ้า
พวกมันล้วนนิ่งงันอยูบ่ นพื้น ร่ างกายสัน่ สะท้านอย่างมิอาจ
ควบคุม แม้ยามอินทรี หิมะสี ขาวหายลับไปจากสายตาแต่พวกมัน
ยังมิอาจลุกยืนขึ้นได้อย่างมัน่ คง
กระแสลมเย็นเยือกที่แล่นผ่านทําให้จิตใจของหยุนเช่อสงบ
ลงได้บา้ ง แต่ท้ งั สมองและช่องอกยังคงบรรจุไว้ดว้ ยความเกลียด
ชังอัดแน่นราวกับจะระเบิดออก ชายหนุ่มขบกรามแน่นก่อนจะ
หยิบหยกสื่ อสารและยันต์สื่อสารพันลี้ออกมา ส่งกระแสเสี ยง
แหบกระด้างไปยังซีคงตู ้ “ศิษย์พี่ซีคง… บอกข้า...ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าตั้งอยูท่ ี่ใด…”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“รี บบอกข้า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตั้งอยูท่ ี่ใด!” หยุนเช่อ
คํารามเกรี้ ยวกราด
“...สามพันกิโลเมตรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง
จันทร์เสี้ ยว เมื่อเจ้าไปถึงสถานที่ที่เรี ยกว่า ‘เขตเพลิงคราม’ จงถาม
หาที่ต้ งั ของ ‘หุบเขาอัคคีผลาญฟ้า’ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตั้งอยูใ่ น
หุบเขาอัคคีผลาญฟ้า… เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก!”
หยุนเช่อเก็บหยกสื่ อสารและมองไปยังทิศตะวันตกเฉี ยงใต้
ด้วยแววตาเกลียดชัง อินทรี หิมะใต้ร่างรับรู ้ได้ถึงอารมณ์ของนาย
ตน มันเริ่ มบินด้วยความเร็ วสุดกําลัง กลายเป็ นเส้นแสงสี ขาวพุง่
ตรงเป็ นสายก่อนจะหายลับไปสุ ดสายตา
เมืองเมฆาล่องห่างไกลจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอย่างมาก
แม้พวกมันจะเดินทางด้วยสัตว์อสู รไม่ธรรมดาสามัญยังต้องใช้
เวลาเดินทางไปกลับถึงราวๆสิ บวัน จะเปรี ยบเทียบความเร็ วกับ
อินทรี หิมะของหยุนเช่อได้อย่างไร หากฝ่ ายที่นาํ หน้ารี บเร่ ง
เดินทาง และฝ่ ายที่ตามหลังไล่ตามด้วยความเร็ วสู งสุ ดของตน เมื่อ
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกลับถึงตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หยุนเช่อสมควรอยูห่ ่าง
จากเขตเพลิงครามไม่เกินห้าสิ บกิโลเมตร
ท่ามกลางขบวนนี้มีดรุ ณีนางหนึ่งดูแล้วอายุสิบเจ็ดสิ บแปด
ปี ใบหน้านางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ข้างกายนางเป็ นผูเ้ ฒ่า
อายุหา้ หกสิ บปี ที่ไม่หวัน่ ไหวและโกรธเกรี้ ยวผูห้ นึ่ง จากใบหน้าที่
ซี ดเผือดของมัน เห็นได้ชดั ว่ามันบาดเจ็บหนักไม่นอ้ ย
คนทั้งสองย่อมเป็ นเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี!
เมื่อพวกมันมาถึงหน้าประตูตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทุกคน
ล้วนลงจากหลังพาหนะตน ดรุ ณีนอ้ ยขบฟันกําหมัดแน่น
“ระหว่างเราไม่มีเรื่ องบาดหมางอันใดกัน พวกเจ้าคิดจะทําอะไร
กันแน่!?”
ชายชราผูห้ นึ่งเดินมาอยูเ่ บื้องหน้านาง ก่อนจะผลักนางด้วย
สองมือพลางเอ่ยปาก “ไอ้ขยะชั้นตํ่า เดินไปได้แล้ว!”
เซี่ ยวเหล่ยพลันก้าวเท้าออกเพือ่ บังตัวเซี่ยวหลิงซีไว้ ก่อนจะ
ถูกชายชราผูน้ ้ นั ผลักจนล้มลงบนพื้นทันที
“ท่านพ่อ!” เซี่ยวหลิงซีร้องอย่างเสี ยใจก่อนจะรี บพยุงตัว
เซี่ยวเหล่ยขึ้น เซี่ ยวเหล่ยกุมหน้าอกก่อนจะไออย่างรุ นแรง สี หน้า
มันยามนี้ซีดเผือดกว่าเดิม
“หยุดมือ!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นพลันหันมาเอ่ยอย่างเย็นชา “ใครสัง่
ให้เจ้ายุง่ กับพวกเขา! พวกนี้จะอยูห่ รื อตายไม่ได้ข้ ึนกับเจ้า ถ้าเจ้า
กล้าสอดมืออีก ข้าจะตัดมือเจ้าออกซะ!”
ชายชราผูน้ ้ นั ที่กาํ ลังจะเอ่ยปากด่าเซี่ยวเหล่ยพลันตัวแข็งทื่อ
ก่อนจะรี บพยักหน้าและถอยเท้ากลับทันทีที่ได้ยนิ คําของเฟิ นเจวีย๋
เฉิ น
“นําเซี่ ยวเหล่ยนี่ไปขังไว้ที่ช้ นั ล่างสุ ดของคุกกักมังกร ส่ วน
ผูห้ ญิง…” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นไม่ได้มองเซี่ยวหลิงซี แต่สีหน้าของมัน
กลับแปลกพิกล “พานางไปยังตําหนักกําเนิดฟ้าของข้า และให้
สาวใช้ระดับสองจื่อหลานจับตาดูไว้”
“รับทราบ!”
ตําหนักล้างนคร ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ทั้งแขนซ้ายของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งถูกพันไว้อย่างแน่นหนา ส่ วน
แขนขวามันห้อยค้าง… แม้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะมีเม็ดยาและ
สมุนไพรเลอค่านับไม่ถว้ น ซํ้าตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเองก็มีพลังฝี มือไม่
ตํ่าทราม แต่กระบวนท่าของหยุนเช่อนั้นร้ายกาจเกินไป ใน
ระยะเวลาเพียงสิ บวัน บาดแผลของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งจึงไม่อาจหาย
สนิท ตลอดหลายวันที่ผา่ นมา ความเจ็บปวดและการโดนเหยียด
หยามในใจมันกลายเป็ นความเกลียดชังที่มีต่อหยุนเช่อมากขึ้นทุก
ที
ประตูตาํ หนักล้างนครพลันถูกเตะอย่างรุ นแรงจนเปิ ดออก
พร้อมกับตัวเฟิ นต้วนหุนที่เดินเข้ามาอย่างเกรี้ ยวกราด แม้จะ
เห็นชัดว่าเฟิ นต้วนหุนเปี่ ยมด้วยโทสะ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกลับไม่ตกใจ
หรื อสับสนแม้แต่นอ้ ย มันลุกขึ้นก่อนจะถามทั้งที่รู้คาํ ตอบอยูแ่ ล้ว
“ท่านพ่อ ผูใ้ ดทําให้ท่านโกรธเคืองถึงเพียงนี้กนั ?”
“เจ้าเป็ นคนสัง่ ให้ลูกเฉิ นไปยังเมืองเมฆาล่องและนําตัวสอง
คนนั้นมาใช่หรื อไม่?” เฟิ นต้วนหุนถามอย่างเกรี้ ยวกราด
“ถูกต้อง!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งยอมรับทันที
“เจ้าก่อเรื่ องแล้ว! เจ้าไม่ปรึ กษาเรื่ องนี้กบั ข้าเลยสักนิด!”
“เพราะถ้าข้าปรึ กษา ท่านต้องไม่ยอมแน่!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ไร้เกียรติที่สุด!” เฟิ นต้วนหุนตะโกนพลางทุบโต๊ะหยก
ด้วยสองมือ “เจ้ารู ้หรื อไม่วา่ กําลังทําอะไรอยู!่ หยุนเช่อตอนนี้
ไม่ใช่คนที่เจ้าสมควรหาเรื่ องด้วยที่สุด! ผูอ้ าวุโสใหญ่เฟิ นต้วนชาง
และเฟิ นม่อหลี… หนึ่งผูบ้ รรลุถึงครึ่ งก้าวปราณจักรพรรดิและ
ยอดฝี มือลมปราณฟ้าอีกเจ็ด ล้วนแต่พา่ ยแพ้ยอ่ ยยับด้วยเงื้อมมือ
มัน เหลือเพียงเฟิ นต้วนไห่ที่ถูกปล่อยไว้ให้เป็ นคําเตือนและไว้
หน้าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา! ตามที่เฟิ นต้วนไห่บอก พลังฝี มือ
ของหยุนเช่อนั้นเข้มแข็งระดับเดียวกับท่านปู่ ของเจ้า! หากเจ้า
สามารถเป็ นมิตรกับบุคคลเช่นนี้ได้จงเร่ งผูกมิตร หากไม่อาจ
กระทํา ก็จงอย่าได้หาเรื่ องมันเป็ นอันขาด แต่เจ้ากลับ…”
“งั้นท่านพ่ออยากจะทนต่อไปแบบนี้สินะ!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผุด
ลุกขึ้นอย่างดุดนั ก่อนจะใช้สายตาที่ดุร้ายดุจสัตว์ป่าประสานกับ
สายตาโกรธเกรี้ ยวของเฟิ นต้วนหุน “มันสังหารน้องสองของข้า…
ลูกของท่าน! มันทําลายงานแต่งงานของข้า ทําให้ขา้ และทั้ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องเสี ยหน้าจนพวกเรากลายเป็ นตัวตลกใน
สายตาทุกคน! ความเกลียดชังนี้ไม่อาจลบเลือนไปได้เด็ดขาด!
ไม่ใช่แค่ขา้ กระทัง่ ผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทั้งหลายล้วนแต่อยาก
เห็นหยุนเช่อถูกสับเป็ นพันท่อนเช่นกัน! แต่ท่านพ่อ ท่านกลับ
เลือกที่จะทนเรื่ องนี้ในการประชุมใหญ่ของตระกูล… จะให้พวก
เราทนได้เช่นไร! ตลอดช่วงเวลานับพันปี ของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าเรา ยามที่พวกเราต้องลําบาก มีหรื อที่เราถูกเหยียดหยามถึง
เพียงนี้ เคยมีผใู ้ ดกล้าสังหารทั้งนายน้อย ผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนัก
ของเรามากมายเช่นนี้หรื อ… เมื่อใดกันที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา
อ่อนแอจนต้องเกรงกลัวไอ้เด็กข้างถนนไร้สกุลรุ นชาติเช่นนี้!”
“หุบปาก!” เฟิ นต้วนหุนสะบัดสองแขน “ข้าต้องไม่ลืมเรื่ อง
ที่เจ้าพูดถึงอยูแ่ ล้ว! ข้าไม่เคยบอกว่าให้ปล่อยหยุนเช่อไป แต่พลัง
ฝี มือหยุนเช่อในยามนี้น่ากลัวเกินไป พวกเราต้องรอคอยอย่าง
รอบคอบและอย่าได้ลงมือหุนหัน! การที่มนั ปล่อยให้เฟิ นต้วนไห่
กลับมาหมายความว่ามันเองก็ไม่อยากจะแตกหักถึงตายกับเรา
ดังนั้นเราจึงมีเวลาให้เฝ้ามองและตัดสิ นใจอีกมาก… แต่เจ้ากลับ
ลอบให้ลูกเฉิ นไปจับตัวญาติท้ งั สองของมันมา!”
“หยุนเช่อเป็ นบุคคลที่รักผูอ้ ื่นยิง่ มันยอมสละชีวติ ตนเอง
เพื่อช่วยชีวติ เซี่ยหยวนป้าที่บรรลุเพียงลมปราณเริ่ มต้น สิ่ งที่เจ้า
ทํา… นับว่าไม่ต่างอะไรจากการถลกหนังมันทั้งเป็ น! หากข่าว
คราวเรื่ องนี้แพร่ ออกไป ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเราจะต้องถูกเรี ยกว่า
เป็ นอาชญากรไร้ยางอาย จนชื่อเสี ยงต้องป่ นปี้ แน่!”
บทที่ 329 เพลิงพิโรธผลาญฟ้า (3)

“แล้ว?” เฟิ นเจวีย๋ เฉิงขมวดคิว้ นิ่วหน้า สี หน้าของมันกลับ


กลายเป็ นดุร้ายป่ าเถื่อน “พวกเราสมควรปลดปล่อยญาติของมัน
ทั้งสองคนในทันที และออกไปขอความกรุ ณาจากมัน? พวกเราจะ
รักษาเกียรติภูมิของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเราไว้ได้เช่นนี้?”
“เจ้า!” เฟิ นต้วนหุนเงื้อฝ่ ามือขึ้นหมายจะตบลงบนใบหน้า
ของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ทว่าเมื่อมองเห็นสภาพอเนจอนาถที่ถูกทําร้าย
อย่างสาหัส รวมทั้งความคับแค้นใจในสี หน้า ฝ่ ามือของมันล้วน
ไม่อาจตบลงไปได้
“เกียรติภูมิของตระกูลเรา ทั้งหมดล้วนถูกหยุนเช่อฉี ก
กระชากเป็ นชิ้นๆ ตั้งแต่วนั พิธีมงคลของข้า! ชื่อเสี ยงนับพันปี ของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา ล้วนถูกเปลี่ยนให้กลายเป็ นส่ วนเสริ ม
ให้แก่ศกั ดิ์ศรี เกียรติภูมิของหยุนเช่อจนหมดสิ้ น! หากข่าวคราว
ของท่านผูอ้ าวุโสทั้งเจ็ดที่ถูกส่ งไปล้วนถูกสังหารใต้เงื้อมมือของ
มันแพร่ กระจายออก เช่นนั้นพวกเราทั้งหมดล้วนต้องกลับ
กลายเป็ นตัวตลก! ยิง่ ในสถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเรากลับเลือก
รี รอลังเลในการลงมือ ทั้งยังอดทนกลํ้ากลืนต่อมันในเวลานี้
กระทัง่ ข้าเอง ในฐานะนายน้อยแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ยังต้องดู
แคลนตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของตนเองด้วยเช่นกัน!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
กัดฟันคําราม มันซึ่งเดิมทีลว้ นเชื่อฟังว่าง่ายต่อหน้าบิดาเช่นเฟิ นต้
วนหุนอย่างยิง่ กลับไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่นอ้ ยในยามนี้
“มีเพียงการกําจัดฆ่าหยุนเช่อเท่านั้น ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เราจึงจะสามารถกอบกูศ้ กั ดิ์ศรี และสามารถเผชิญหน้าต่อท่านผู ้
อาวุโสทั้งหมด รวมทั้งบรรพบุรุษทั้งหลายที่ล่วงลับไปได้!
สําหรับเรื่ องนี้ ที่ผดิ พลาดมีเพียงเรื่ องวิธีการอันไร้ยางอายของ
พวกเรา! หากบิดาหวาดกลัวว่าชื่อของท่านจะแปดเปื้ อนมลทิน
ในครั้งนี้ เช่นนั้น หลังจากสังหารหยุนเช่อไปได้แล้ว ท่านสามารถ
โยนความผิดทั้งหมดมาที่ขา้ บอกต่อผูค้ นว่าเป็ นข้าที่กระทําการ
ลักพาตัวครอบครัวของมันมาโดยพละการ บอกว่าทั้งหมดนี้ลว้ น
ไม่มีใดข้องเกี่ยวกับผูค้ นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคนอื่นๆ”
ทุกคําพูดของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งยิง่ มายิง่ เกรี้ ยวกราดดุร้าย การที่
มันกระทําการเช่นนี้ เกียรติยศศักดิ์ศรี ของตระกูลอันใดล้วนเป็ น
เพียงเรื่ องรองลงไป สาเหตุสาํ คัญคือการที่มนั สามารถล้างแค้นต่อ
หยุนเช่อ เพื่อระบายความเคียดแค้นที่เสี ยดลึกจนถึงไขกระดูกทุก
อณูของมัน! ในฐานะบิดาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิง แน่นอนเฟิ นต้วนหุน
ทราบกระจ่างแก่ใจดีถึงเจตนาแท้จริ งของเฟิ นเจวีย๋ เฉิง ทว่าทุก
คําพูดของบุตรชายมันทิ่มแทงตรงเข้าสู่ ส่วนสําคัญ...ภายในการ
ชุมนุมสภาผูอ้ าวุโส ความคิดเห็นส่ วนใหญ่ลว้ นไม่ต่างไปจากนี้
หากมิใช่วา่ พวกมันส่ วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับวิธีการนี้แต่ตน้ ตัว
มันเองในฐานะผูน้ าํ ตระกูล จะเพิ่งได้ทราบข่าวเรื่ องนี้ในวันนี้ได้
เช่นไร
ไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนสามารถกระทําการโดยหุนหันพลันแล่น
หรื อแม้กระทัง่ ใช้วธิ ีการตํ่าช้าต่างๆ เพื่อสะสางเรื่ องราว หากทว่า
มันไม่สามารถ ในฐานะผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มันย่อมต้อง
คํานึงภึงภาพรวมของสถานการณ์ ทั้งยังต้องชัง่ นํ้าหนักผลดี
ผลเสี ยต่อทุกเรื่ องราว...ทว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้ นอกเหนือจากการต่อสู ้
หํ้าหัน่ และกําจัดหยุนเช่อให้ได้ในที่น้ ี มันนับว่าไม่เหลือตัวเลือก
อื่นใดอีก
“ช่างมันเถอะ” ฝ่ ามือของเฟิ นต้วนหุนลดลงก่อนจะทอด
ถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา ทว่า สายตาของมันยังคงยะเยียบ
เย็นชาและดุดนั อย่างถึงที่สุด “ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการ
ถูกรังแก กระทัง่ ถูกปฏิเสธ เจ้ายังไม่เคยประสบด้วยซํ้า ทว่าเจ้า
กลับถูกหยุนเช่อดูหมิ่นเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า ข้ารู ้ดีวา่ เจ้าคง
ไม่อาจสงบใจลงได้หากไม่ได้ชาํ ระแค้น ความแค้นในการกําจัด
ฆ่าผูอ้ าวุโสท่านอื่นๆ ทั้งหลายล้วนต้องชําระสะสาง...ข้าจะปล่อย
ให้เจ้ากระทําการตามอําเภอใจเช่นนี้ครั้งหนึ่ง ข้าจะตระเตรี ยม
สร้างค่ายกลเพื่อสังการหยุนเช่อ...แต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น หากเจ้า
กล้ากระทําการโดยไม่คาํ นึงถึงผลกระทบเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ปล่อย
เจ้าไปง่ายๆ อย่างแน่นอน!”
รัศมีความยิง่ ใหญ่น่าเกรงขามของเฟิ นต้วนหุนในฐานะผูน้ าํ
ตระกูลย่อมเป็ นสิ่ งที่เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งมิอาจต้านทาน ร่ างท่อนบนของ
มันสัน่ สะท้าน จากนั้นมันกล่าวตอบโดยทันทีวา่ “ความเคียดแค้น
ที่ขา้ มีต่อหยุนเช่อลึกลํ้าอย่างที่สุด ท่านผูอ้ าวุโสที่สอง รวมทั้งท่าน
อื่น ต่างคิดกําจัดหยุนเช่อโดยเร็ วที่สุดเพือ่ แก้แค้นให้ท่านหัวหน้า
ผูอ้ าวุโส ดังนั้น...ดังนั้นจึงเป็ นเหตุให้ขา้ กระทําการลับหลังท่าน
พ่อ...เจวีย๋ เฉิ งรับปากว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกอย่าง
แน่นอน หลังจากกําจัดหยุนเช่อได้แล้ว ความผิดที่กระทําการตาม
อําเภอใจ ไม่วา่ บิดาจะดุด่าว่ากล่าวหรื อลงทัณฑ์เช่นใด ข้าขอน้อม
รับทั้งสิ้ น”
“เฮอะ!” เฟิ นต้วนหุนหัวร่ ออย่างเย็นชา ก่อนจะก้าวเดิน
ออกไปพร้อมสะบัดแขนเสื้ อคราหนึ่ง เมื่อมันมาถึงประตู มันพลัน
หยุดยั้งฝี เท้าลงชัว่ ครู่ “เหตุใดเจ้าออกคําสัง่ ให้ลูกเฉิ นนําผูค้ นไป
จัดการเรื่ องนี้ มันมีลกั ษณะนิสยั ดื้อรั้นเด็ดเดี่ยว ทั้งไม่มีทาง
ยอมรับการกระทําเช่นการจับตัวครอบครัวผูอ้ ื่นเป็ นประกันเช่นนี้
เจ้าทําเช่นไรจึงสามารถโน้มน้าวมันได้?”
“บิดาท่านอาจยังไม่ทราบ สาเหตุที่นอ้ งสามไม่อาจไป
ร่ วมงานประลองยุทธ์วายุคราม ล้วนสื บเนื่องจากหยุนเช่อ ตอนที่
มันไปยังวังยุทธ์วายุคราม หยุนเช่อมิเพียงเอาชนะน้องสาม ทั้งยัง
เหยียบยํา่ มันจมอยูใ่ ต้เท้า...คราก่อน น้องรองเพียงเหยียดหยามมัน
ประโยคหนึ่ง มันถึงกับจากตระกูลเราไปหลายปี สาบานให้นอ้ ง
รองต้องชดใช้ ทว่าหยุนเช่อเหยียบยํา่ ศักดิ์ศรี มนั ไว้ใต้ฝ่าเท้า ท่าน
เจ้าตําหนักตั้วชางที่ถูกหยุนเช่อสังหารทิ้ง ล้วนเป็ นผูค้ นที่นอ้ ง
สามชื่นชมที่สุดในชีวติ ความอาฆาตเเค้นที่มนั มีต่อหยุนเช่อ
นับว่าไม่เป็ นรองข้าเท่าใด! ข้าสัญญากับน้องสามว่า เมื่อหยุนเช่อ
ใกล้ตายเมื่อใด ข้าจะให้มนั ได้เยาะเย้ยถากถางหยุนเช่อจนสุ ด
หัวใจ ทั้งยังให้มนั เป็ นผูล้ งมือสังหารหยุนเช่อด้วยตนเอง มันจึง
ยอมรับข้อเสนอ...สําหรับเหตุผลที่ขา้ ส่ งให้มนั ไป...” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ลดศีรษะลง “เนื่องเพราะน้องสามอยูภ่ ายนอก ไม่ได้กลับมายัง
ตระกูลเราเป็ นเวลานาน ดังนั้นย่อมไม่กระตุน้ ความสงสัยของ
ท่านพ่อโดยง่าย”
“เฮอะ!”เฟิ นต้วนหุนเบือนหน้าหนี มันไม่เอ่ยคําใด ก่อนจะ
จากไปด้วยความขุ่นแค้น หลังผ่านไปสิ บลมหายใจ สุ ม้ เสี ยงแหบ
ตํ่าของมันพลันกระจายไปทัว่ ทุกซอกมุมในอาณาเขตตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า “ผูอ้ าวุโสและหัวหน้าตําหนักทุกท่านฟังคําสัง่ ! ให้มา
รวมตัวกันที่หอ้ งโถงใหญ่ภายในสิ บห้านาที มีเรื่ องด่วนต้อง
หารื อ!”
“เฒ่าจิ่ว! พวกมันทั้งสองถูกคุมขังอยูท่ ี่ใด?” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ตะโกนก้อง
ทางด้านนอก ปรากฏบุคคลหลังค่อมผูห้ นึ่งก้าวเดินเข้ามา
ก่อนจะกล่าวตอบด้วยเสี ยงแผ่วเบา “เซี่ยวเหล่ยถูกคุมขัง ณ ชั้น
ล่างสุ ดของคุกกักมังกร ส่ วนเด็กสาวนามเซี่ยวหลิงซี...นางถูกคุม
ขัง ณ ตําหนักกําเนิดฟ้าตามคําสัง่ ของนายน้อยสาม”
“ตําหนักกําเนิดฟ้า?” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งนิ่งค้างไปชัว่ ครู่ “เจ้า
แน่ใจนะว่านี่เป็ นคําสัง่ ของเจวีย๋ เฉิ นจริ งๆ...เฮอะ นี่ช่างน่าสนใจ
จริ งๆ ตําหนักกําเนิดฟ้านับเป็ นสถานที่ตอ้ งห้ามสําหรับมันเท่านั้น
กระทัง่ ข้าอาจต้องถูกทุบตียามลอบเข้าไปเพียงแค่มนั สัง่ การ มัน
ถึงกับขังสตรี ที่เป็ นเหยือ่ ล่อไว้ในนั้น”
ชายที่ถูกเรี ยกว่าเฒ่าจิ่วกล่าวต่อด้วยนํ้าเสี ยงคลุมเครื อ “แม้
เซี่ยวหลิงซี จะเป็ นอาหญิงของหยุนเช่อ หากนางดูไปอ่อนวัยกว่า
นายน้อยสามเล็กน้อย รู ปโฉมสะคราญตายิง่ ทั้งยังมี
บุคลิกลักษณะอันพิเศษเฉพาะ นายน้อยสามบางทีอาจมีความคิด
อื่นเกี่ยวกับนาง”
“อ้อ มีเรื่ องเช่นนั้น?” มุมปากของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งบิดเบ้ จากนั้น
พลันแปรเปลี่ยนเป็ นรอยยิม้ ชัว่ ช้า “ไปตําหนักกําเนิดฟ้ากับข้า...
การที่หยุนเช่อจะได้รับข่าวและมาถึงที่นี่ใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวัน
ช่วงเวลานี้ มีหลายสิ่ งหลายอย่างที่สามารถกระทําได้!”
“ขอรับ!”
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ตั้งอยูใ่ นหุบเขาอัคคีผลาญฟ้า
อสังหาริ มทรัพย์ท้ งั หมดตั้งอยูบ่ นพื้นที่ราบ ทว่าเป็ นพื้นที่ราบที่
ตั้งอยูบ่ นเทือกเขาสูงตํ่าไล่ระกันไป ท่ามกลางหุบเขาที่ราบ ล้วน
ประดับด้วยหุบผาที่ลึกชันและมีความสู งแตกต่างกันอยูท่ ว่ั ไป
ตําหนักกําเนิดฟ้าเป็ นที่อาศัยของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น ที่มนั ได้ชื่อว่า
“ตําหนักกําเนิดฟ้า” ล้วนเนื่องเพราะมันถูกสร้างขึ้นบนหน้าผาสู ง
ที่สุดของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ซึ่ งมีความสู งมากกว่าหนึ่งร้อย
เมตร
นี่เป็ นที่อยูข่ องเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ทั้งยังถูกใช้เป็ นสถานที่ฝึกฝี มือ
ในบางครั้ง ไม่อนุญาตผูค้ นผ่านเข้าออกตามอําเภอใจ แน่นอน
หากเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งยืนกรานเข้าไป ย่อมไม่มีผใู ้ ดกล้าขัดขวางมัน
เช่นกัน
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นไม่อยู่ ณ ตําหนักกําเนิดฟ้า เฟิ นเจวีย๋ เฉิงจึง
สามารถเข้าไปภายในได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่มนั เปิ ดประตูเข้าไป
มันพลันพบเห็นสายตาของเด็กสาวนางหนึ่งที่มองมายังมันด้วย
ใบหน้าตื่นกลัวจากข้างกรอบหน้าต่างไม้
เมื่อพบเห็นหญิงสาวนางนี้ ประกายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งสาด
ประกายวูบหนึ่ง เผยแววตากระหายใคร่ อยากราวสุ นขั ป่ าหิ วโหย
ออกมา
สตรี ที่เบื้องหน้ามันผูน้ ้ ีดูไปอายุได้สิบเจ็ดสิ บแปดปี แม้
ข่าวสารที่มนั ได้รับจะระบุวา่ อาหญิงของหยุนเช่อมิได้สูงอายุ
เท่าใด หากมันไม่คาดคิดว่านางจะอ่อนเยาว์ถึงเพียงนั้น กระทัง่ ยัง
อ่อนวัยกว่าหยุนเช่อเสี ยด้วยซํ้า เส้นสายบนใบหน้าของหญิงสาว
นุ่มละมุนเปี่ ยมเสน่ห์ ริ มฝี ปากสี กหุ ลาบชุ่มชื่นฉํ่านํ้า จมูกน้อยๆ
โด่งรั้นละเอียดบอบบาง ภายใต้ขนตาหนายาวสี ดาํ เป็ นแพเป็ น
ดวงตาตื่นกลัวคู่หนึ่ง ทว่ายังคงสดใสกระจ่างราวอัญมณี และ
ดวงดาวบนฟากฟ้า เสื้ อชุดยาวที่นางสวมใส่ เรี ยบง่ายอย่างยิง่ ทั้ง
ยังดูไปเก่าครํ่าคร่ าอยูบ่ า้ ง ทว่าเมื่ออยูบ่ นร่ างกายนาง กลับให้
ความรู ้สึกงดงามประณี ตชนิดหนึ่ง
สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งจับจ้องเขม็งโดยไม่อาจละสายตา
เป็ นเวลานาน สถานที่เล็กจ้อยที่มนั ไม่เสี ยเวลาสนใจ มันไม่เคย
คาดคิดว่าสถานที่เยีย่ งนั้นจะสามารถให้กาํ เนิดสตรี งดงามที่
รวบรวมเสน่ห์ท้ งั หลายบนโลกมาไว้กบั ตัวได้เช่นนี้ เมื่อ
เปรี ยบเทียบกับใบหน้าอันงดงามอ่อนโยนของหญิงสาวแล้ว ที่
ส่ งผลให้จิตใจของผูค้ นยิง่ เต้นระรัว คือความบริ สุทธิ์สดใสที่ราว
กับไม่เคยเปื้ อนเปรอะมลทินใดๆในโลกนี้ บนร่ างนางปลดปล่อย
ความรู ้สึกอันบอบบางน่าทะนุถนอม ทําให้ผคู ้ นบังเกิดความรู ้สึก
อยากปกป้องคุม้ ครองนางจนไม่อาจควบคุมได้ โดยเฉพาะดวงตา
ทรงเสน่ห์ท้ งั คู่ ที่ช่างกระจ่างสดใส น่ารักน่าหลงใหล ราวกับบ่อ
นํ้าพุส่องประกายระยิบระยับวับวาว
สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งสลับสับเปลี่ยนระหว่างความ
กระหายใคร่ อยากและความปรารถนาอันรุ นแรง มันตวัดเท้าเตะ
บานประตูปิดลง ก่อนจะเดินเข้าหาเซี่ยวหลิงซี พร้อมรอยยิม้ ลามก
“เจ้า...เจ้าเป็ นใคร? พวกเจ้าต้องการจะทําอะไร?” เมื่อสบ
สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ร่ างของเซี่ยวหลิงซีเย็นวาบไปทัว่
สรรพางค์กาย หญิงสาวถดถอยกายไปหลายก้าวด้วยความ
ตระหนก สองมือยึดจับชายเสื้ อด้านหน้าบริ เวณทรวงอกอย่าง
แนบแน่น
“อ้อ ข้าลืมแนะนําตนเอง” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกล่าวพลางฉี กยิม้
“เราผูน้ ้ ีคือนายน้อยตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเฟิ นเจวีย๋ เฉิง เจ้าต้อง
จดจําชื่อนี้ไว้ให้ดี เจ้าเป็ นอาของหยุนเช่อ? หากข้าจําไม่ผดิ ชื่อ
ของเจ้าคือเซี่ยวหลิงซี ? ผูค้ นที่สามารถทําให้ขา้ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผูน้ ้ ี
จดจําชื่อได้ในโลกนี้มีไม่มากนัก ช่างยอดเยีย่ มนักที่เจ้ามิได้ทาํ ให้
ข้าต้องผิดหวัง ทั้งยังสามารถทําให้ขา้ ตื่นเต้นยินดีอย่างยิง่ ได้อีก
ด้วย”
ยิง่ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกล่าววาจามากขึ้น ท่าทีของมันยิง่ ทวีความ
หยาบช้า
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ในสายตาของเซี่ยวหลิงซี เป็ นตัวตนที่
สู งส่ งในตํานาน เป็ นเหล่าผูค้ นที่นางไม่เคยคิดว่าจะมีการติดต่อ
สัมพันธ์กนั ได้เลยจนชัว่ ชีวติ นี้ ทว่าเพียงคํ่าคืนเดียว กลับเกิด
เหตุการณ์เลวร้ายอันไม่คาดฝันขึ้นเช่นนั้น ทั้งบิดาและตัวนางเอง
ถูกนํามากักขังยังที่แห่งนี้ ….ระหว่างทางมายังที่น้ ี จากคําสนทนา
ของสมาชิกตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หญิงสาวได้ยนิ บางสิ่ งบางอย่าง
เป็ นระยะ กระทัง่ นางสามารถเข้าใจได้อย่างเลือนรางว่าเหตุใด
นางและบิดาจึงต้องถูกนําตัวมา นี่สืบเนื่องจากหยุนเช่อ...และหยุ
นเช่อนั้น คือเซี่ยวเช่อที่นางเฝ้าใฝ่ ฝันและถวิลหาตลอดวันคืนที่
ผ่านมา
เพียงแต่ ที่นางยังไม่เข้าใจ คือระหว่างพวกมัน แท้จริ งเกิด
เรื่ องอันใดขึ้น
ยามที่ทวั่ ทั้งอาณาจักรวายุครามกล่าวถึงหยุนเช่อและ
กระพือพัดข่าวคราวของมัน เซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซีที่ถูกจํากัด
บริ เวณในเขตภูเขาหลังล้วนไม่ทราบอันใดทั้งสิ้ น...ทั้งยังเป็ นไป
ไม่ได้ที่พวกมันจะรับรู ้เรื่ องราวใด ในภาพความทรงจําของหญิง
สาว คงอยูเ่ พียงหยุนเช่อที่อ่อนแอและเส้นชีพจรลมปราณพิการ ผู ้
ต้องการการปกป้องดูแลจากนางตลอดมา หากทว่ายังคงยืนกราน
เด็ดขาดในการยืนหยัดอยูเ่ บื้องหน้าของหญิงสาว เผชิญหน้ากับ
พรรคตระกูลเซี่ ยวเพือ่ ปกป้องนาง
“ข้า...ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด” เซี่ยวหลิงซีผา่ นวันเวลาในที่น้ ี
ด้วยความอกสัน่ ขวัญแขวน สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิงยิง่ สร้างความ
หวาดกลัวให้นางยิง่ ขึ้น หญิงสาวสัน่ ศีรษะพลางกล่าวว่า “บิดา
ของข้าเล่า? ท่านอยูท่ ี่ใด? เจ้าทําอะไรเขาหรื อไม่? พวกเจ้าต้องการ
อะไรกันแน่?!”
“พวกเราต้องการทําอะไร? ฮี่ฮี่ เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องรู ้หรอก”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งยกฝ่ ามือซ้ายที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลของมันขึ้นมา
ก่อนจะขยับเคลื่อนไหวไหล่เพื่อความคล่องตัว “แต่เจ้ากําลังจะได้
รู ้วา่ ข้ากําลังทําอะไรในอีกไม่ชา้ ...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนี้ขา้ กลับรู ้สึก
สํานึกขอบคุณหยุนเช่อขึ้นมาโดยกะทันหัน ที่ทาํ ให้ขา้ มีโอกาส
ค้นพบวัตถุงดงามเช่นนี้ ก่อนที่มนั จะมา ให้ขา้ ได้มีโอกาสเชยชม
ร่ างกายของเจ้าก่อนแล้วกัน!”
หลังกล่าวจบคํา เฟิ นเจวีย๋ เฉิงหัวเราะอย่างชัว่ ช้าลามก ก่อน
จะกระโจนร่ างเข้าหาเซี่ ยวหลิงซี
“อ๊ะ..อย่าเข้ามานะ!” เซี่ยวหลิงซีกระโดหลบไปอีกทาง
พลางกรี ดร้อง ฝ่ ามือทั้งสองวางลงบนหน้าอกของตนเอง “ไป...
ไปให้พน้ ! ถ้าเจ้ากล้าเดินเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว..ข้าจะ...ข้าจะ
สะบั้นชีพจรหัวใจของตนเอง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งหัวร่ ออย่างหื่ นกระหาย “พลังยุทธ์
ของเจ้าอยูช่ ้ นั ปราณก่อตั้งอันน่าสมเพช เจ้าคิดจะสะบั้นชีพจร
ตนเองต่อหน้าข้า? ทําไมไม่ทดลองดูเลยล่ะ...”
ขณะเปล่งเสี ยงหัวร่ อ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกระโจนเข้าหาเซี่ยวหลิง
ซี อีกครา...ครานี้ ทางเบื้องหลังมันพลันปรากฏเสี ยงโครมขึ้นครา
หนึ่ง ประตูที่ถูกปิ ดสนิทพลันถูกเตะเปิ ดออกอย่างรุ นแรง เฟิ น
เจวีย๋ เฉิงหมุนตัวกลับหลังอย่างรวดเร็ ว ก่อนจะพลันมองเห็นสี
หน้ามืดทะมึนของเฟิ นเจวีย่ เฉินที่ยนื อยูห่ น้าประตู
“ใครอนุญาตเจ้าเข้ามา!” สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นจับจ้อง
เขม็งนิ่ง ราวกับมันกําลังจ้องมองไปยังศัตรู คู่อาฆาต
“ข้าเห็นว่าเจ้าไม่อยู่ ข้าเลยเข้ามาโดยตนเอง เจ้ามาได้พอดี
ข้าต้องการรับตัวสตรี นางนี้ไป”
สี หน้าที่เดิมทีดุร้ายยิง่ ของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นพลันมืดทะมึนลง
สายตาของมันบรรจุไว้ดว้ ยไอเย็นชาราวนํ้าแข็งชนิดหนึ่ง...เป็ น
รังสี ฆ่าฟัน มันกล่าววาจาออกมาด้วยนํา◌้เสี ยงเย็นเยียบ “ข้าเป็ น
คนนําตัวนางมาที่นี่! ข้าเพียงกล่าวว่าจะนําพาตัวพวกมันมา หาก
ไม่เคยกล่าวว่าจะมอบให้เจ้าเป็ นคนจัดการ...ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“โอ้?” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งหรี่ ตาลง “จิ๊จิ๊ ปฏิกิริยาของน้องสามใน
ที่น้ ีช่างหายากยิง่ นัก น้องสามท่านใช่ชื่นชอบสตรี นางนี้ใช่
หรื อไม่?”
“เช่นนั้นแล้วเป็ นอย่างไร?” ไม่เพียงสายตาทั้งคู่ กระทัง่ คลื่น
พลังทัว่ ร่ างเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นยังปลดปล่อยกลิ่นอายฆ่าฟันอันรุ นแรง
ออกมา ราวกับว่าหากเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งยังไม่ออกไป มันจะพุง่ เข้าจู่
โจมในทันที
“โอ้!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิงเผยรอยยิม้ รู ้ทนั อันคลุมเครื อชนิด
หนึ่ง “เป็ นเช่นนี้เอง น้องสามตลอดมาดื้อรั้นเย็นชา ทั้งไม่สนใจ
ในความรักต่อสตรี ปฏิบตั ิต่อพวกนางเฉกเช่นเดียวมาตลอด ข้า
เคยคาดคิดมาก่อนว่าน้องสามอาจเป็ นรักร่ วมเพศ แต่ดูท่าข้าคง
วิตกกังวลในตัวเจ้ามากเกินไป….ในเมื่อนางเป็ นสตรี ที่เจ้าชมชอบ
เช่นนั้น ข้า ในฐานะพี่ชาย ย่อมต้องวางมือ...ทว่าน้องสามโปรดจง
อย่าลืมว่า นางเป็ นอาหญิงของหยุนเช่อ!!”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งแย้มยิม้ เจือจางพร้อมก้าวเท้าเดินออกจากประตู
ไปอย่างปลอดโปร่ ง ทว่าทันทีที่กา้ วออกจากประตูหอ้ ง รอยยิม้
บนใบหน้าของมันพลันสลายหายไป สี หน้าแปรเปลี่ยนเป็ นดํามืด
ทะมื่น สายตาเปี่ ยมล้นด้วยรังสี ฆ่าฟัน
หากเป็ นยามปกติธรรมดา เฟิ นเจวีย๋ เฉินแน่นอนว่ามิใช่คู่มือ
ของมัน ทว่ายามนี้ แขนซ้ายของมันบาดเจ็บสาหัส แขนขวาไม่
อาจขยับเคลื่อนไหว ทั้งยังมีอาการบาดเจ็บภายใน หากตัดสิ นใจ
ลงมือ ผูใ้ ดแพ้ชนะยังไม่อาจตัดสิ นได้ ยิง่ กว่านั้น เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น
เป็ นบุคคลที่อาจกลับกลายเป็ นบ้าคลัง่ หากมันเข้าสู่สภาวะ
เสี ยเปรี ยบในการต่อสู ้ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งย่อมไม่ตอ้ งการต่อสู ก้ บั มัน
ในสถาพบาดเจ็บเช่นนี้
“ขอบ...ขอบคุณ” เมื่อเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งจากไป เซี่ยวหลิงซีจึง
คลายความหวาดกลัวลงเล็กน้อย หญิงสาวลูบกึ่งกลางหน้าอก
ก่อนจะเอ่ยคําขอบคุณออกมาอย่างแผ่วเบา
นางและเซี่ยวเหล่ยถูกพามาที่น่ีโดยเฟิ นเจวีย๋ เฉิน เคราะห์
ร้ายทั้งหลายในระยะเวลาหลายวันที่ผา่ นมานี้ ล้วนเป็ นมันนําพา
มาให้แก่นาง หากทว่าหญิงสาวยังคงเอ่ย “ขอบคุณ” ต่อมันอย่าง
จริ งใจ เนื่องเพราะมันเป็ นผูข้ บั ไล่เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง...หญิงสาวทั้งดีงาม
ทั้งบริ สุทธิ์ใจอย่างยิง่ จนผูค้ นต้องเจ็บปวดใจ
หัวใจของเฟิ นเจวีย๋ เฉินรู ้สึกราวถูกปลิดดึงออกมาจาก
ความรู ้สึกอันไม่อาจบ่งบอกบรรยายนั้น มันนัง่ ลงบนเก้าอี้ หัวคิ้ว
ขมวดมุ่น ผ่านไปเนิ่นนาน มันจึงเอ่ยปากออกมาในท้ายที่สุด “ไม่
จําเป็ น! อย่าได้กงั วล เจ้าเพียงถูกนําตัวมาที่นี่เพือ่ เป็ นเหยือ่ ล่อ...ไม่
มีผใู ้ ดทําอันตรายเจ้าได้!”
“เหยือ่ ล่อ? ทั้งหมดนี่...เพื่อจัดการกับเช่อน้อย?” เซี่ยวหลิงซี
ยิง่ กลับกลายเป็ นหวาดผวา หญิงสาวกล่าววาจาด้วยความกังวล
“เกิดเรื่ องอันใดขึ้นระหว่างพวกท่าน ข้า...ข้าขอยอมรับผิดแทน
เขา และขอขมาต่อท่าน ได้หรื อไม่? ได้โปรดไว้ชีวติ เขา เช่อน้อย
เป็ นบุคคลที่มีจิตใจดีงาม เขาย่อมไม่มีทางเจตนาตอแยพวกท่าน
อย่างแน่นอน”
“ยอมรับผิด? ขอขมา?” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกัดฟันแนบแน่นพร้อม
กล่าวออกมาด้วยนํ้าเสี ยงเคียดแค้นอาฆาต “น่าขัน! ล้วนต้องชดใช้
ด้วยชีวติ !!”
ภายในใจของเซี่ยวหลิงซีพลันบีบรัดตัวอย่างรุ นแรง หญิง
สาวหวาดหวัน่ ขวัญผวา...ที่นางหวาดกลัวย่อมมิใช่สถานการณ์
ของตนเอง หากแต่เป็ นสถานการณ์ของบุคคลสําคัญที่สุดในชีวติ
ที่ประทับอยูใ่ นจิตใจของนาง หญิงสาวไม่ทราบเขาทําเช่นใดจึง
สามารถสร้างความขุ่นเคืองแก่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เซี่ยวหลิงซี
ขบกัดริ มฝี ปากของตนเอง พลันกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น
“หากพวกเจ้ามีความแค้นอย่างลึกลํ้าถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่สะสาง
กันด้วยวิธีการอันชอบธรรม! ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของเจ้ายิง่ ใหญ่
เพียงไหน เพราะเพื่อจัดการกับเช่อน้อย พวกเจ้าถึงกับ...ถึงกับจับ
ข้าและท่านพ่อมาเป็ นเหยือ่ ล่อ พวกเจ้า...พวกเจ้าไม่รู้สึกนี่ช่างชัว่
ร้ายน่าละอายยิง่ หรอกหรื อ!!”
วาจาของเซี่ยวหลิงซีส่งผลให้ใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งบิด
เบี้ยวเหยเกไปชัว่ ขณะ สองมือของมันกําหมัดแนบแน่น มันกัด
ฟันกล่าวว่า “นี่เป็ น...ความชัว่ ร้าย...และน่าละอาย...การทําเช่นนี้
ช่างชัว่ ช้าน่าละอายอย่างแท้จริ ง! ทว่า หยุนเช่อเหยียบยํา่ ศักดิ์ศรี
ความภาคภูมิชวั่ ชีวติ ของข้าด้วยฝ่ าเท้าของมัน ทั้งยังสังหารบุคลล
ที่นบั เป็ นกึ่งบิดากึ่งอาจารย์ของข้า! ความสามารถในปัจจุบนั ของ
ข้า ไม่อาจต่อกรกับมันได้เลย...หากข้าสามารถชําระแค้นนี้ได้
เช่นนั้นกระทําเรื่ องชัว่ ช้าน่าละอายนี้สกั ครั้ง ล้วนไม่นบั เป็ น
อย่างไร!”
ทันใดนั้นเอง เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นพลันบังเกิดความรู ้สึกอึดอัดคับ
ข้อง คลื่นพลังดุร้ายกระหายเลือดอันเฉียบคมและเย็นยะเยือกราว
นํ้าแข็ง บรรจุลน้ ด้วยความเคียดแค้นชิงชังอย่างลึกลํ้าชนิดหนึ่ง
พลันปรากฏขึ้นโดยไม่ทราบที่มา ส่ งผลให้มนั ไม่อาจหายใจได้...
ตลอดชัว่ ชีวติ นี้ นี่เป็ นครั้งแรกที่มนั ได้สมั ผัสรังสี ฆ่าฟันอันน่า
หวัน่ ผวาถึงขั้นนี้ ฉับพลัน เสี ยงกู่คาํ รามดังลัน่ ลงมาจากบนฟากฟ้า
ราวสายอสนีบาตฟาดผ่าลงจากสรวงสวรรค์เก้าชั้น
“ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เจ้ าพวกตัวบัดซบ!! พวกเจ้ าทั้งหมด
ไสหัวออกมารับความตาย!!”
เสี ยงคํารามสัน่ สะเทือนสวรรค์เขย่าทัว่ ทั้งอาณาเขตตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าจนสัน่ สะท้าน รังสี ฆ่าฟันอันแหลมคมครอบคลุมลง
ยังทุกอณูพ้นื ที่ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันใหญ่โต ส่ งผลให้ผคู ้ น
รู ้สึกราวกับพวกมันพลัดตกลงไปในหล่มนํ้าแข็ง ทัว่ ทั้งร่ างสัน่
สะท้านอย่างไม่อาจควบคุมคราหนึ่ง
สี หน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น รวมถึงเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผูย้ งั ไม่ทนั ก้าว
ออกจากตําหนักกําเนิดฟ้า รวมทั้งเฟิ นต้วนหุนและเหล่าผูอ้ าวุโส
ในที่ประชุมสภาผูอ้ าวุโส ณ ห้องโถงใหญ่ลว้ นแปรเปลี่ยนกลับ
กลายในทันที
การจับกุมคุมขังเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี ล้วนเพือ่ เป็ น
เหยือ่ ล่อหยุนเช่อ
ทว่ าพวกมันทั้งหมดล้ วนไม่ มีผ้ใู ดคาดการณ์ ว่าชายหนุ่มจะ
สามารถมาถึงรวดเร็วเพียงนี!้ รวดเร็วจนพวกมันแทบไม่ ทนั ตั้ง
ตัว!
บทที่ 330 ทําร้ ายเฟิ นต้ วนหุนสาหัส

บังเกิดเสี ยงสะเทือนเลื่อนลัน่ ราวฟ้าผ่าดังไปทัว่ ตระกูลอัคคี


ผลาญฟ้า ฝุ่ งผงอันเบาบางเริ่ มตลบอบอวล ศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าทุกคนล้วนแหงนเงยหน้าขึ้นสู ง… น่าอัศจรรย์ยงิ่ พวกมันเห็น
นกยักษ์ขนาดมหึ มาสี ขาวดุจหิมะตลอดทั้งร่ างบินอยูเ่ หนือตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า มันแผ่พลังอันเย็นดุจนํ้าแข็งจากระยะไกล บนหลัง
ของมันมีบุรุษอายุเยาว์สีหน้าเฉยชาแต่งกายในชุดสี ดาํ สนิทยืนอยู่
ร่ างของชายหนุ่มแผ่จิตสังหารอันเข้มข้นน่าหวาดหวัน่ ถึงขีดสุ ด
จนทําให้พวกมันรู ้สึกเย็นเยียบถึงไขสันหลัง กระบี่รูปร่ าง
ประหลาดที่ชายหนุ่มถืออยูด่ ูราวกับมังกรพิโรธที่กาํ ลังร้องคําราม
ไม่วา่ ผูใ้ ดที่จอ้ งมองล้วนรู ้สึกกดดันจนหายใจติดขัด
“หยุน… หยุนเช่อ!!”
“ที่อยูข่ า้ งใต้มนั คือ… หงส์หิมะของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง!”
ความตระหนกตกใจระลอกแล้วระลอกเล่าบังเกิดขึ้นภายใน
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ชื่อเสี ยงของหยุนเช่อดังขจรขจายกว่าคนทัว่ ไปมาเป็ น
เวลานาน กระทัง่ ในหมู่สี่พรรคใหญ่ ชายหนุ่มยังนับเป็ นบุคคลอัน
น่าตื่นตะลึงอย่างยิง่ โดยเฉพาะหลังจากที่มนั ขัดขวางขบวนพิธี
แต่งงานของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งและทําร้ายยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าถึงแปด
คนจนบาดเจ็บสาหัส ชื่อของชายหนุ่มเป็ นชื่อที่คนในตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้ากล่าวถึงบ่อยครั้งที่สุด หลังจากที่พวกมันได้ยนิ ข่าวลือ
เรื่ องที่ผอู ้ าวุโสสู งสุ ดนําคนไปถึงแปดคนเพื่อสังหารหยุนเช่อ แต่
เจ็ดคนในนั้นกลับเป็ นฝ่ ายถูกสังหารแทน ชายหนุ่มยิง่ กลับ
กลายเป็ นตัวตนราวกับปี ศาจในความนึกคิดของทุกคน
พวกมันส่ วนใหญ่ลว้ นไม่เคยพบเจอกับหยุนเช่อมาก่อน แต่
ด้วยกระบี่ยกั ษ์รูปร่ างราวกับมังกรปี ศาจได้กลายเป็ นสัญลักษณ์
แทนตัวตนของชายหนุ่มมาเนิ่นนาน ข่าวลือว่าตระกูลของพวกมัน
ได้จบั ตัวคนในครอบครัวหยุนเช่อมาได้แพร่ ไปทัว่ ตระกูล พวก
มันหลายคนยังคงสงสัยในสิ่ งที่เกิดขึ้น แต่หยุนเช่อกลับมาปรากฏ
ตัวบนฟากฟ้าเหนือตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเสี ยแล้ว เหล่าคนที่ยงั ไม่
เคยพบหยุนเช่อ หรื อแคลงใจ หรื อไม่เชื่อในความสามารถของ
ชายหนุ่ม เมื่อพวกมันรู ้สึกถึงกระแสพลังและจิตสังหารจากหยุ
นเช่อด้วยตนเองจึงช่วยมิได้ที่จะเปลี่ยนแปลงสี หน้าอย่างปั่นป่ วน
ร้อนรน
ดวงตาทั้งคู่ของหยุนเช่อประดุจเหยีย่ วที่จบั จ้องทุกสิ่ งใน
สายตาได้ทุกซอกทุกมุม… ตลอดการเดินทางสามพันกิโลเมตรที่
ผ่านมา ชายหนุ่มไม่กิน ไม่พกั ผ่อน ไม่หยุดแม้สกั วินาที หงส์หิมะ
ใต้ร่างใช้พลังงานและพลังชีวติ เกินขีดจํากัดของมันแล้ว แม้วา่ ครา
ที่ชายหนุ่มเริ่ มออกเดินทางจะคล้อยหลังเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิง
ซี อยูม่ าก แต่ชายหนุ่มกลับมาถึงช้ากว่าทั้งสองเพียงแค่หนึ่ง
ชัว่ โมง!
หลังรี บเร่ งเดินทางมากว่าสามพันกิโลเมตร โทสะของชาย
หนุ่มมิได้เบาบางลงแม้สกั เล็กน้อย ชายหนุ่มไม่แม้กระทัง่ เหน็ด
เหนื่อยลงหลังจากปั่นป่ วนไปด้วยโทสะ...ทั้งช่องอก โลหิ ต และ
จิตวิญญาณของชายหนุ่ม...ล้วนเปี่ ยมไปด้วยความปรารถนาฆ่า
ฟัน!
บุรุษสองคนรี บรุ ดเหาะเหิ นขึ้นจากโถงใหญ่ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า… ผูห้ นึ่งคือประมุขตระกูลอัคคีผลาญฟ้า-เฟิ นต้วนหุน
และอีกผูห้ นึ่งคือผูอ้ าวุโสรอง-เฟิ นม่อจี๋ เมื่อพวกมันปรากฏตัวขึ้น
เหล่าศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจึงเริ่ มคํานับ “ท่านประมุข...ผู ้
อาวุโสรอง!”
ถ้อยคําที่พวกมันเรี ยกขานเฟิ นต้วนหุนและเฟิ นม่อจี๋ทาํ ให้
สายตาของหยุนเช่อเกร็ งเขม็งพร้อมกับจับจ้องไปที่ร่างของทั้ง
สองในทันที เมื่อคนทั้งสองมองเห็นสายตาของหยุนเช่อ จิตใจ
พวกมันล้วนฝังลึกไปด้วยความกลัว พลังที่แผ่พงุ่ ออกจากร่ างชาย
หนุ่มทําให้พวกมันอดมิได้ที่จะชื่นชม… เห็นได้ชดั ว่ากระแสพลัง
ชายหนุ่มอยูเ่ พียงระดับปราณปฐพีข้นั ที่หกเท่านั้น แต่ชายหนุ่ม
กลับปลดปล่อยพลังที่ทาํ ให้พวกมันชะงักงันและกดดันพวกมัน
ได้ แต่อย่างไรเสี ยที่นี่กเ็ ป็ นอาณาเขตของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
มากว่าหลายพันปี ในที่น้ ีพวกมันย่อมไม่หวัน่ เกรงผูใ้ ด! แม้จะเป็ น
หัวหน้าหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์รุ่นก่อน… พวกมันอาจตื่นตะลึง แต่
ย่อมไม่หวาดกลัวอย่างแน่นอน!
แม้หยุนเช่อจะมาถึงเร็ วกว่าที่พวกมันคาดคิดไปมาก แต่
อย่างไรชายหนุ่มก็มา ดังนั้นนับว่าพวกมันบรรลุวตั ถุประสงค์ ใน
สายตาของพวกมัน ไม่วา่ อย่างไรวันนี้หยุนเช่อก็ไม่มีทางหนีรอด
ไปได้อย่างแน่นอน
เฟิ นม่อจี๋รีบเหาะไปด้านข้างหยุนเช่อพร้อมกับคํารามตํ่า
“เจ้าคือหยุนเช่อ? ดีเสี ยจริ งที่เจ้ามา! ชดใช้สิ่งที่เจ้าติดค้างตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าให้หมดสิ้ น อย่าตกหล่นไปแม้เพียงนิดเดียว”
“ติดค้างพวกเจ้า?” หยุนเช่อเบิกตากว้าง เพลิงโทสะราวกับ
ได้แปรเปลี่ยนเป็ นเพลิงจริ งๆที่แผดเผาอยูภ่ ายในตาของชายหนุ่ม
จนแทบระเบิดออกมา “ข้าเสี ยดายจริ งๆ ที่คราที่พวกเจ้าส่ งเฒ่า
บัดซบเฟิ นม่อหลีมาสังหารข้า ข้ามิได้แก้แค้นในทันที แต่กลับ
สร้างความหวังอันริ บหรี่ ให้พวกเจ้าอย่างโง่เขลา…” หยุนเช่อ
เบือนสายตาไปหาเฟิ นต้วนหุนอย่างมุ่งร้ายและจ้องเขม็งอย่างดู
แคลน พร้อมกล่าวอย่างโกรธแค้นชิงชัง “ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เป็ นตระกูลที่คงอยูแ่ ละมีชื่อเสี ยงมาหลายพันปี ! แม้วา่ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
จะชัว่ ร้ายเลวทราม และเฟิ นม่อหลีเกือบจะสังหารข้าถึงสองครั้ง
แต่นอกจากสองคนนี้ ข้ายังคงนับถือตระกูลอัคคีผลาญฟ้าและ
ประมุขตระกูลเฟิ นต้วนหุนอยูบ่ า้ ง แต่วา่ ...ข้าช่างตาบอดเสี ยจริ ง!
แม้ระหว่างเราจะมีความแค้นนับพันความเกลียดชังนับหมื่น แต่
ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับข้า พวกเจ้าจะมาแก้แค้นเมื่อใดก็ได้! แต่เจ้า...
กลับทําเรื่ องตํ่าช้าไร้ยางอายเช่นนี้! นี่คือตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่มี
ประวัติเนิ่นนานหลายพันปี ! พวก~~เจ้ า~~ทําให้ ข้า~~รังเกียจ!!”
ถ้อยคําของหยุนเช่อเป็ นราวกับใบมีดทิ่มแทงไปยังเฟิ นต้วน
หุน แม้ภายนอกมันจะดูสงบนิ่งอย่างมาก แต่ภายในจิตในกลับ
ปั่ นป่ วน ไม่อาจกล่าวคําใดออกมา การกระทํานี้กระทัง่ มันเองยัง
คิดว่าน่ารังเกียจ แต่พวกมันได้จบั ตัวบุคคลทั้งสองมาแล้ว และหยุ
นเช่อได้มาถึงที่น่ีแล้วอย่างโกรธแค้น พวกมันไม่มีทางอื่น
นอกจากจับตัวและสังหารชายหนุ่มเสี ย
เฟิ นม่อจี๋ตะโกนก้องอย่างกราดเกรี้ ยว “เจ้าหนอนแมลง
น้อย! เจ้าสังหารนายน้อยคนรอง สังหารพี่ชายของข้า และกระทัง่
ดูหมิ่นนายน้อยและตระกูลของพวกเรา! การใช้วธิ ีใดก็ตามเพือ่
สังหารเจ้าแก้แค้นให้กบั นายน้อยรองและพี่ชายของข้าได้สงบสุ ข
ในปรโลกย่อมนับว่าไม่เกินเลย! ในเมื่อวันนี้เจ้ามาถึงที่น่ีแล้ว จง
ยอมรับความตายอย่างเชื่อฟังเสี ยเถอะ!”
“ยอมรับความตาย!” หยุนเช่อหัวเราะเย็นชา ท่ามกลางความ
โกรธแค้นที่แผ่พงุ่ ราวกับเปลวเพลิง ชายหนุ่มกล่าวเสี ยงตํ่าต่อทั้ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าราวกับปี ศาจร้าย “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า
เป็ นครั้งสุดท้าย… ปล่อยตัวท่านปู่ และอาหญิงเล็กของเข้า แล้วข้า
จะลองคิดฆ่าแค่เฟิ นเจวีย๋ เฉินและเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง! มิเช่นนั้น… ข้าจะ
ทําให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… ไม่เหลือรอดไปแม้แต่คนเดียว!!"
“ใกล้จะตายแล้ว แต่เจ้ายังกลับกล้าทําตัวยโสโอหังเช่นนี้
ช่างตลกเสี ยจริ ง! ข้าจะสะสางกับเจ้าในวันนี้ดว้ ยตัวเอง!”
เฟิ นม่อจี๋คาํ รามดังก้อง มันสะบัดมือหนึ่งครั้ง ดาบผลาญ
สวรรค์สีม่วงก็ปรากฏขึ้นในมือ มันกวัดแกว่งดาบสร้างเปลวเพลิง
ยาวกว่าหกสิ บเมตรตัดผ่านผืนฟ้ามาทางหยุนเช่อ
การมาถึงของหยุนเช่อสร้างความปั่ นป่ วนโกลาหลไปทัว่
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หลายปี มานี้ไม่เคยมีผใู ้ ดกล้าทะนงตนอวดดี
ภายในเขตแดนของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ดวงตาของศิษย์เกือบทุก
คนล้วนจับจ้องไปบนท้องฟ้า ผูค้ นจํานวนมากหลัง่ ไหลออกมา
อย่างเร่ งรี บ ในหมู่พวกมันประกอบด้วยผูอ้ าวุโสระดับสู ง เจ้า
ตําหนัก เจ้าหอ และผูค้ ุม้ กัน รวมทั้งศิษย์ระดับล่าง...รวมกันไม่ต่าํ
กว่าหนึ่งแสนคน
หลังจากเห็นเฟิ นม่อจี๋เริ่ มออกกระบวนท่า ศิษย์ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าหลายคนต่างก็ร้องออกมาอย่างตระหนก… เพราะในหมู่
พวกมันส่ วนใหญ่ลว้ นมิเคยเห็นผูอ้ าวุโสระดับปราณฟ้าขั้นที่สิบ
ลงมือด้วยตาตนเองมาก่อน
ระดับปราณฟ้าขั้นที่สิบนับเป็ นสุ ดสู งสุ ดในเหล่าสุ ดยอด
ฝี มือภายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เมื่อเฟิ นม่อจี๋ลงมือ พลังมหาศาล
และคลื่นกระแทกอันร้อนแรงแผ่ขยายไปถึงสามร้อยเมตร ทําให้
ศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจํานวนนับไม่ถว้ นตาเป็ นประกาย ลํา
อัคคีสีม่วงตัดผ่านอากาศตรงมาทางลําคอของหยุนเช่อ แต่หยุ
นเช่อยังคงนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน เมื่อลําอัคคีเข้าใกล้ชายหนุ่มใน
ระยะสามเมตร ชายหนุ่มยืน่ เหยียดมือออกด้วยความเร็ วราว
สายฟ้าคว้าจับไปยังลําอัคคีน้ นั พลังอันปะทุคลัง่ จากลําอัคคีพลัน
สะท้อนกลับไปยังมือของเฟิ นม่อจี๋ในทันที
“อ๊ ากก!!”
เมื่อทุกคนเห็นหยุนเช่อคว้าจับลําอัคคีสีม่วงด้วยมือเปล่า
พวกมันล้วนคาดเดาว่ามือขวาของหยุนเช่อจะต้องบาดเจ็บสาหัส
ในทันทีอย่างแน่นอน และทั้งมือของชายหนุ่มย่อมต้องถูกเผาเป็ น
เถ้าถ่าน แต่ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่าผูท้ ี่เปล่งเสี ยงร้องโหยหวนนั้นกลับ
เป็ นเฟิ นม่อจี๋ ท่ามกลางเสี ยงกรี ดร้องนั้น โลหิ ตได้สาดกระเซ็นใน
อากาศจากฝ่ ามือข้างที่มนั ใช้ถือดาบ ง่ามนิ้วของมันถูกแผดเผาจน
เน่าในพริ บตา มันปล่อยดาบผลาญสวรรค์ในทันทีเนื่องจากถูกหยุ
นเช่อส่ งลําอัคคีกลับมาโจมตีมือของมัน…
ติ๊ง!!!
เช่นเดียวกับอายุขยั ของเฟิ นม่อจี๋ ดาบผลาญสวรรค์ระดับ
ปราณปฐพีข้นั สู งก็ถูกหักเป็ นสองท่อนในมือของหยุนเช่อ
เช่นเดียวกัน ชิ้นส่ วนดาบที่แตกหักทั้งสองร่ วงหล่นลงจากท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันก่อนจะกระทบพื้นเป็ นเสี ยงดัง “เคร้ง” อันเย็น
เยียบ
“อะ...อะ….อะ...อะไรกัน!!”
ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเป็ นราวกับสายฟ้าจาก
สวรรค์ฟาดลงยังห้วงความคิดคํานึงของทุกคน ส่ งความตื่นตะลึง
และสิ้ นหวังขึ้นเปี่ ยมล้นในจิตใจ
การที่หยุนเช่อเอาชนะเฟิ นม่อหลีได้ พลังยุทธ์ของชายหนุ่ม
สมควรจะสู งส่ งผิดปกติอยูบ่ า้ ง แต่เฟิ นม่อจี๋เองมิเคยคาดคิดเลยว่า
หยุนเช่อจะแข็งแกร่ งถึงเพียงนี้ ภายในการแลกเปลี่ยนหนึ่ง
กระบวนท่า อาวุธของมันกลับถูกหยุนเช่อยึดไปและแตกหักลงใน
มือของหยุนเช่ออย่างง่ายดาย ยิง่ ไปกว่านั้นมือของมันยังบาดเจ็บ
สาหัส… เฟิ นต้วนไห่ที่หนีมาได้เคยกล่าวว่าพลังของหยุนเช่อ
สามารถเทียบได้กบั ประมุขรุ่ นก่อนของพวกมัน แต่ไม่มีผใู ้ ด
เชื่อถือคํากล่าวนั้น แต่บดั นี้มนั เริ่ มเข้าใจแล้วว่าคํากล่าวของเฟิ นต้
วนไห่มิใช่เพียงคําพูดที่กล่าวด้วยความตื่นกลัวเท่านั้น
“นี่คือการล้างแค้นของเจ้า? ประเสริ ฐเสี ยจริ ง” หยุนเช่อ
สะบัดชิ้นส่ วนดาบผลาญสวรรค์ที่แตกหักออกจากมือ นํ้าเสี ยงเย็น
เยียบและสี หน้ามืดทะมึนเริ่ มแปรเปลี่ยนอย่างมุ่งร้าย “เจ้าลูกสุ นขั
และเจ้าพวกเหลือขอทั้งหลาย วันนี้ ที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันชัว่
ช้าโสมมนี้… ข้าจะดื่มโลหิ ตของพวกเจ้าอย่างยินดี!!”
“ตาย!!”
หยุนเช่อคํารามอย่างโกรธแค้นพร้อมกับนํากระบี่ทณั ฑ์
มังกรซึ่งเปล่งร้องเสี ยงมังกรพิโรธดังไปทัว่ ผืนฟ้า และทะยานร่ าง
ตรงเข้าหาเฟิ นต้วนหุนและเฟิ นม่อจี๋
“ท่านประมุข ผูอ้ าวุโสรอง ระวัง!!”
ใต้ร่างของพวกมัน เฟิ นต้วนไห่เห็นหยุนเช่อขยับโจมตี จึง
ส่ งเสี ยงตะโกนด้วยความตื่นตระหนก… มันเป็ นผูเ้ ดียวในที่น้ นั ที่
เคยเห็นความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อด้วยตาตนเอง มันเข้าใจ
กระจ่างแจ้งกว่าผูใ้ ด เมื่อสิ บวันก่อนคราที่เฟิ นม่อหลีถูกสังหาร
มันมิใช่เพียงพ่ายแพ้แก่หยุนเช่อ แต่ถูกบดขยี้อย่างยับเยิน! เฟิ นม่
อหลีผซู ้ ่ ึงทรงพลังถึงระดับครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิ กลับไม่มีแม้
เพียงโอกาสดิ้นรนขัดขืนหรื อหนีจากเงื้อมมือของหยุนเช่อจนตาย
ตกไปอย่างน่าอนาถ!
ด้วยระดับพลังของหยุนเช่อและอารมณ์โกรธแค้นในตอนนี้
ไม่วา่ จะเป็ นเฟิ นต้วนหุนหรื อเฟิ นม่อจี๋เพียงผูเ้ ดียว...ล้วนไม่อาจ
เอาชีวติ รอดได้เกินกว่าห้ากระบวนท่า!
“เด็กน้อย เจ้ากล้ารึ !!”
หลังจากตื่นตะลึงถึงขั้นนี้ เฟิ นต้วนหุนและเฟิ นม่อจี๋ลว้ นมิ
อาจประเมินหยุนเช่อไว้ต่าํ ได้อีก พวกมันจึงเริ่ มกระทัง่ สํานึก
เสี ยใจที่กล้าต่อกรหยุนเช่อด้วยจํานวนคนเพียงสองคนเท่านั้น
พวกมันลงโจมตีพร้อมกัน ลําอัคคีสีม่วงสองสายหลอมรวมกัน
เป็ นคลื่นอันร้อนจัดเทียมสวรรค์พงุ่ ตรงเข้าหาหยุนเช่อ
ตูม!!
อัคคีสีม่วงปะทะเข้ากับทัณฑ์มงั กร และถูกทําลายกลายเป็ น
ประกายไฟปลิวว่อนไปทัว่ ท้องฟ้าในพริ บตา เฟิ นต้วนหุนและ
เฟิ นม่อจี๋หน้าซี ดเผือดด้วยความตื่นตระหนก พวกมันผนึก
ลมปราณทัว่ ร่ างและรวมพลังกัน แต่กลับถูกกระบี่หนักของหยุ
นเช่อต้านรับไว้ได้
พวกมันชะงักงันได้เพียงชัว่ ครู่ ก่อนที่เฟิ นต้วนหุนและ
เฟิ นม่อจี๋จะทันกระทัง่ สู ดลมหายใจ พลังทําลายที่หลงเหลือจาก
กระบี่หนักลอบพุง่ เข้าจู่โจมพวกมันอย่างโหดเหี้ ยม หักทําลายมือ
ขวาของเฟิ นต้วนหุนและมือซ้ายของเฟิ นม่อจี๋โดยพร้อมเพรี ยง
ก่อนจะกระแทกลงบนหน้าอกของทั้งสองราวกับค้อนยักษ์
หยุนเช่อที่กาํ ลังโกรธแค้นไม่มีความลังเลหรื อเห็นใจแม้
เพียงน้อยนิด กระบวนท่าของชายหนุ่มล้วนหนักหน่วงโหดเหี้ ยม
เฟิ นต้วนหุนและเฟิ นม่อจี๋กระเด็นหงายหลังออกไปพร้อมกัน
พร้อมกับที่โลหิ ตสดๆ พุง่ ออกจากปาก ทิ้งไว้เพียงหมอกโลหิ ต
เป็ นทางยาวสองสาย
บุคคลทั้งสองที่พา่ ยแพ้แก่หยุนเช่ออย่างหมดท่ามิใช่เพียง
คนธรรมดาสามัญ หนึ่งในนั้นมีนามสะท้านสะเทือนใต้หล้า-
ประมุขตระกูลอัคคีผลาญฟ้าผูอ้ ยูช่ ้ นั ปราณฟ้าระดับที่เก้า อีกคน
หนึ่งคือผูอ้ าวุโสที่เป็ นรองเพียงเฟิ นม่อหลีเท่านั้น ระดับพลัง
ปราณของมันบรรลุถึงระดับปราณฟ้าขั้นที่สิบ-เฟิ นม่อจี๋ บุคคลทั้ง
สองนับเป็ นยอดยุทธ์ระดับสู งสุดในใต้หล้านี้ แต่แม้พวกมันจะ
รวมพลังกัน กลับถูกหยุนเช่อที่โกรธแค้นโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส
ในพริ บตา
เหตุการณ์เช่นนี้เป็ นราวกับฝันร้ายอันเหนือจินตนาการที่
กระแทกลงในจิตวิญญาณของศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทุกคน
อย่างไร้ปรานี
“กล้าทําร้ายประมุขของพวกเรา...ตาย!!”
ยอดยุทธ์แห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้าล้วนเร่ งรุ ดเข้าโจมตีจาก
ทัว่ ทุกสารทิศ มังกรอัคคีสีน้ าํ เงินและสี ม่วงมากกว่าพันสายพุง่ ขึ้น
สู่ ทอ้ งฟ้าเข้าโจมตีหยุนเช่อ ชายหนุ่มตกอยูใ่ นวงล้อมของ
กระบวนท่าอัคคีนบั ไม่ถว้ นที่หลอมรวมกันเป็ นพายุเพลิงขนาด
ใหญ่ แม้เฟิ นม่อหลีซ่ ึงฝึ กฝนกระบวนท่าอัคคีผลาญฟ้าย่อมต้องถูก
พายุเพลิงนี้เผาไหม้จนกลายเป็ นเท่านั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่
บาดเจ็บแม้เพียงนิดเดียว เสี ยงคํารามอย่างเคียดแค้น บ้าคลัง่ ไร้
ปรานีของชายหนุ่มดังก้องสะท้อนจากภายในพายุเพลิง “ดีแล้วที่
พวกเจ้าโจมตีเข้ามาพร้อมกัน… ยิง่ มากเท่าไหร่ ยง่ิ ดี!
ประหยัดเวลาที่ขา้ จะต้องตามหาพวกเจ้าทีละคนเพือ่ จะส่ งไปลง
นรก!!”
บทที่ 331 ล้ างสั งหาร

เหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักล้วนแต่อยูบ่ ริ เวณใกล้เคียง


หอประชุมใหญ่ และผูท้ ี่เข้ามาหยุดยั้งหยุนเช่อมิให้ลงมือกับเฟิ นต้
วนหุนและเฟิ นม่อจี๋ต่อ ล้วนแล้วแต่เป็ นบรรดาลูกศิษย์ระดับชั้น
ปราณจิตและปราณปฐพีท้ งั สิ้น ทว่ากับคู่มือระดับนี้ยอ่ มไม่เป็ น
ปั ญหาต่อหยุนเช่อแม้แต่นอ้ ย ชายหนุ่มเก็บหงส์หิมะก่อนจะปล่อย
ให้เพลิงอัคคีผลาญฟ้าคลอกร่ างตนอย่างไม่ใส่ ใจ มันดิ่งร่ างลง
พร้อมกับกู่ร้องอย่างบ้าคลัง่ ก่อนจะตวัดฟาดกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรลง
อย่างรุ นแรง
ตูมมม!!!
ผืนดินทั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้าพลันสัน่ สะท้าน
บังเกิดเสี ยงกรี ดร้องน่าสังเวชสะเทือนฟ้าขึ้น เหล่าศิษย์
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในรัศมีสามสิ บเมตรโดยรอบล้วนแต่ปลิว
กระเด็นไปนับร้อยเมตร ทันทีที่ตกสู่ พ้นื หากพวกมันไม่เจ็บหนัก
จนลุกไม่ข้ ึนก็ลว้ นแต่ตกตายคาที่ ทันทีท่ีร่างหยุนเช่อถึงพื้น ชาย
หนุ่มก็กลายเป็ นประกายแสงสายหนึ่งก่อนจะพุง่ ทะลวงราวกับ
กระบี่อนั เฉี ยบคมเข้าใส่ เหล่าศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ดาหน้า
เข้ามาดุจนํ้าหลาก กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดฟาดลงพร้อมกับเสี ยงลม
โหยหวนดุจพายุหมุน
ตูมมม!!!
บังเกิดเสี ยงระเบิดกึกก้องพร้อมกับผืนดินตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าที่สนั่ สะเทือนอีกครั้ง
เพียงหนึ่งกระบี่ ศิษย์มากกว่าร้อยคนก็หลงเหลือแค่วญ ิ ญาณ
สองกระบี่ เพียงสองกระบี่ของมันก็ทาํ ลายขวัญกําลังใจของแทบ
ทุกคนจนหมดสิ้ น
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกมันคงไม่อาจทําใจเชื่อได้
ว่าแรงสะเทือนจากผืนดินนั้น เกิดจากการลงมือของบุรุษหนุ่มผูน้ ้ ี
และยังคงคิดว่าเป็ นเพียงแผ่นดินไหวตามธรรมชาติเท่านั้น แม้แต่
ยามที่ผอู ้ าวุโสของตระกูลปะทะกันก็ยงั ไม่ได้มีพลังรุ นแรงถึง
เพียงนี้ คนในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าล้วนแต่มิธรรมดา กระทัง่ ศิษย์
ทัว่ ไปของตระกูลก็ยงั ได้เป็ นถึงระดับผูฝ้ ึ กสอนในโลกภายนอก
แต่เบื้องหน้าชายหนุ่มผูน้ ้ ี พวกมันก็กลายเป็ นเพียงกองซากศพ
ด้วยกระบี่เดียวเท่านั้น
“ผู้ใดอยากตายก็เข้ ามา!”
หยุนเช่อส่ งเสี ยงคํารามเกรี้ ยวกราดพลางฟาดฟันกระบี่หนัก
ในมือ ทุกหนึ่งกระบี่ลว้ นแต่ส่งศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไม่ต่าํ
กว่าสามสิ บคนปลิวกระเด็น มิตอ้ งพูดถึงการหยุดกระบวนท่า
ยอดฝี มือชั้นปราณจิตและปราณปฐพีเหล่านี้แค่รังสี กระบี่ของชาย
หนุ่มยังรับมือไม่ไหวด้วยซํ้า ในตอนนั้นเอง ทุกคนในตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าสัมผัสได้ถึงพสุ ธาที่สนั่ สะท้าน เสี ยงลมโหยหวนของ
พายุ และเสี ยงท้องฟ้ารํ่าร้อง… เช่นเดียวกับโลหิ ต แขนขาและเศษ
กระดูกที่สาดกระจายเริ งระบําอยูบ่ นฟ้า
ไม่นานนัก เหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักก็ปรากฎตัวขึ้นที่
หอประชุมใหญ่โดยพร้อมเพรี ยงกัน บรรดายอดฝี มือที่มกั เย่อหยิง่
เหล่านี้พลันมือเท้าเย็นเฉี ยบจนชาด้านเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันน่า
พรั่นพรึ งที่แผ่ออกมาจากตัวหยุนเช่อ
“มะ… มันคือหยุนเช่อคนนั้นรึ ?” ผูอ้ าวุโสผูห้ นึ่งเอ่ยด้วย
เสี ยงสัน่ เทา
“มะ… มีเด็กรุ่ นเยาว์ที่น่ากลัวปานนี้ได้เช่นไร! ไม่แปลกเลย
ที่มนั สามารถสังหารท่านผูอ้ าวุโสใหญ่ลงได้”
“แต่พลังลมปราณที่แผ่ออกมาของมันอยูแ่ ค่ช้ นั ปราณปฐพี
ขั้นหกชัดๆ!”
การที่สามารถสําแดงพลังฝี มือได้น่าเกรงขามถึงเพียงนี้ท้ งั ที่
บรรลุเพียงปราณปฐพีข้ นั หกนับว่าน่าตกใจโดยแท้!

เคร้ ง เคร้ ง เคร้ ง เคร้ ง!


ท่ามกลางความวุน่ วายพลันปรากฎกระบี่ที่ลุกท่วมด้วยเพลิง
ปราณสี่ เล่มฟาดฟันเข้าใส่ แผ่นหลังหยุนเช่อพร้อมกัน ทว่าเสี ยงที่
บังเกิดกลับเป็ นเสี ยงโลหะกระทบกับโลหะด้วยกัน กระบี่ที่ผใู ้ ช้
ทั้งสี่ ทุ่มเทพลังฝี มือทั้งหมดออกกลับราวกับฟาดใส่ แผ่นเหล็กกล้า
จนข้อมือเกือบหักอย่างน่าตกตะลึง และเมื่อมองไปยังรอยขาด
ของเสื้ อผ้าหยุนเช่อ ผิวหนังของมันมีเพียงรอยแดงจางๆสองสาม
ขีดเท่านั้น มิตอ้ งพูดถึงบาดแผล กระทัง่ โลหิ ตซักหยดยังไม่หลัง่
ออกมาด้วยซํ้า
ใบหน้าของคนทั้งสี่ พลันซีดเผือดด้วยความตกใจจนดวงตา
พวกมันถลนออกมา หยุนเช่อตอบโต้กลับราวกับคลื่นยักษ์ก่อนจะ
บังเกิดเสี ยงดังกึกก้องพร้อมกับร่ างของทั้งสี่ ที่กลายเป็ นชิ้นเล็กชิ้น
น้อยกระจายไปทัว่ รังสี กระบี่หนักที่แฝงอยูย่ งั คงทะยานต่อไป
พร้อมกับสังหารศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่พยายามบุกเข้ามาไป
อีกนับสิ บ
ร่ างของหยุนเช่อมีพลังของมหาวิถีโพธิสตั ว์ปกปักไว้ ซํ้ายัง
ได้รับการเสริ มกําลังจากโลหิ ตเทพหงสาและโลหิ ตเทวะมังกร
และมันยังได้รับไขกระดูกเทวะมังกรจากเทพมังกรและถือกําเนิด
ใหม่อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้อีก… แม้หยุนเช่อจะมิได้ใช้พลัง
ลมปราณเพื่อคุม้ ครองตัวเอง ความแข็งแกร่ งของร่ างมันก็เหนือลํ้า
เกินจินตนาการและความเข้าใจของทุกผูค้ นไปมาก เมื่อเทียบกับ
พลังโจมตีที่สูงลํ้าแบบสุ ดกู่ของมันแล้ว ร่ างของมันยังมีพลัง
ป้องกันที่เหนือลํ้ายิง่ กว่า อาจกล่าวได้วา่ ต่อให้หยุนเช่อในยามนี้
คิดอยากจะตาย ก็นบั ว่าไม่ใช่เรื่ องง่ายนัก
หากผูฝ้ ึ กยุทธ์คนใดมุ่งจู่โจม การป้องกันของมันย่อมต้อง
อ่อนโทรมลงแน่ กระบวนท่าของกระบี่หนักนั้นแม้จะดุดนั ทรง
พลังเหนือธรรมดา แต่ช่องโหว่ที่มนั เผยออกก็ใหญ่หลวงจนศัตรู
สามารถฉกฉวยเพื่อชิงเผด็จศึกได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ต่อให้มี
พลังทําลายมหาศาลนับร้อยเท่า แต่หากไม่สามารถป้องกันตัวเอง
ได้กน็ บั ว่าเปล่าประโยชน์ พลังโจมตีของหยุนเช่อสู งลํ้าผิดปกติ
จนน่ากลัวอยูแ่ ล้ว มันยังมีพลังป้องกันที่สูงลํ้าจนยากจะ
จินตนาการอีก ต่อให้ชายหนุ่มยืนนิ่ง ศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่
ร่ วมกันจู่โจมมันนี้กย็ งั ยากจะทําอันตรายมันได้…
หยุนเช่อที่ถูกศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเข้ากลุม้ รุ มในยามนี้
จึงไม่ต่างอะไรจากเครื่ องจักรสังหารที่ไม่อาจหยุดยั้ง!
ตามปกติแล้ว ไม่วา่ จะเป็ นยอดฝี มือที่กล้าแกร่ งเพียงใด ก็
ยังคงต้องหวัน่ เกรงคนจํานวนมากเข้ากลุม้ รุ มอยูบ่ า้ ง ดังนั้น
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจึงไม่จาํ เป็ นต้องเกรงกลัวใครหน้าไหนใน
อาณาเขตของตนเอง ในสายตาของทุกคน หากหยุนเช่อกล้าบุก
เข้ามาก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย แต่ราวกับว่ากฎข้อนี้ใช้
กับชายหนุ่มไม่ได้แม้แต่นอ้ ย การเข้ากลุม้ รุ มโจมตีจากรอบด้าน
ไม่เพียงไม่ทาํ ให้หยุนเช่อสะเทือนแม้แต่นอ้ ย แต่ราวกับพวกมัน
กําลังวิง่ เข้าไปให้ชายหนุ่มล้างบางอย่างเต็มใจ…
“ไอ้ หนู ตายซะเถอะ!!”
คลื่นพลังเข้มแข็งระดับลมปราณฟ้าพลันจู่โจมเข้าใส่ หยุ
นเช่อพร้อมกันจากเบื้องหลัง สองคนท่ามกลางเหล่าผูอ้ าวุโสและ
เจ้าตําหนักที่เฝ้ามองอยูร่ อบด้านพลันลงมือจู่โจมออก พวกมันฉก
ฉวยช่องโหว่ตอนที่หยุนเช่อถูกรุ มล้อมประสานปลายกระบี่
ปลดปล่อยกระบี่เพลิงสี ม่วงเข้มทะลวงเข้าใส่ กลางหลังหยุนเช่อ
ทันที
ตูมมม!!
หยุนเช่อพลันหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ วดุจสายฟ้าฟาด ก่อน
จะตวัดฟาดกระบี่หนักทัณฑ์มงั กรระดับจักรพรรดิที่หนักกว่าหนึ่ง
หมื่นกิโลกรัมออกประดุจไร้น้ าํ หนัก กระบี่เพลิงสี ม่วงที่ยอดฝี มือ
ระดับลมปราณฟ้าใช้ออกพร้อมกันพลันระเหิ ดหายไปก่อนที่พายุ
อันรุ นแรงจากกระบี่หนักจะฟาดเข้าใส่ ทรวงอกของทั้งคู่อย่าง
รุ นแรงพร้อมกับเสี ยงระเบิดกึกก้อง
ในตอนนั้นเอง ทั้งสองก็ได้เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดทุกครั้งที่
กระบี่ของหยุนเช่อตวัดฟาดออก ผืนดินถึงได้สนั่ สะท้าน… มัน
มิใช่ภาพมายาหรื อเรื่ องคิดไปเอง เพราะทั้งสองรู ้สึกราวกับถูก
ค้อนจากสรวงสวรรค์กระแทกเข้าใส่ หน้าอก!
ทั้งคู่ปลิวถอยหลังไปทางเดียวกันก่อนจะกระแทกเข้าใส่
ภูเขาที่อยูห่ ่างไปร่ วมสามร้อยเมตรจนสัน่ สะเทือน ร่ างของสอง
ยอดฝี มือระดับลมปราณฟ้าที่แข็งแกร่ งยิง่ กว่าศิลากลับกระจาย
เป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อยผสมปนเปกันก่อนจะร่ วงหล่นลงสู่ พ้นื ต่อให้
บุพการี ของพวกมันมาดูดว้ ยตาตนเองก็ยงั ไม่อาจแยกออกว่า
ชิ้นส่ วนไหนเป็ นของใคร
“ท่านผูอ้ าวุโสสิ บสี่ !!”
“ท่านเจ้าตําหนักต้วนฉื อ!!”
เสี ยงร้องอย่างโศกเศร้าดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าจาก
ภายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า สี หน้าของเหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้า
ตําหนักพลันแปรเปลี่ยนซํ้าไปซํ้ามา พวกมันรู ้ซ้ ึ งถึงพลังฝี มือของ
คนทั้งคู่ดี ทว่าต่อหน้าหยุนเช่อพวกมันกลับล้วนแต่เปราะบางยิง่
นัก
รากฐานขุมอํานาจของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าก็คือเหล่ายีส่ ิ บ
เจ็ดผูอ้ าวุโสและสามสิ บสามเจ้าตําหนัก ผูท้ ี่จะเป็ นผูอ้ าวุโสหรื อ
เจ้าตําหนักได้จาํ ต้องบรรลุพลังลมปราณชั้นฟ้าเสี ยก่อน! สามารถ
กล่าวได้วา่ ยอดฝี มือระดับลมปราณฟ้าที่เป็ นระดับตํานานในโลก
ภายนอก ในตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากลับมีอยูถ่ ึงหกสิ บคนไม่นบั
รวมผูน้ าํ ตระกูลเฟิ นต้วนหุน! จํานวนยอดฝี มือระดับลมปราณฟ้า
ของพรรคตระกูลเซี่ยวและแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเองก็ยอ่ ม
ไม่ดอ้ ยกว่ากันนัก ส่วนทางหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์กลับสามารถนับ
ได้เป็ นตัวเลขถึงสามหลัก
นี่จึงเป็ นพลังที่แท้จริ งของสี่ สาํ นักใหญ่ ไม่ตอ้ งพูดถึงเหล่า
ศิษย์จาํ นวนมากที่พวกมันมี แค่ส่งเหล่ายอดฝี มือลมปราณฟ้า
เหล่านี้ออกไปก็มากพอจะกวาดล้างทุกสํานักที่มีจนหมด
หลงเหลือเพียงสี่ สาํ นักใหญ่เท่านั้น
ในบรรดาเหล่ายอดฝี มือระดับลมปราณฟ้าของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้ารวมถึงตัวเฟิ นต้วนหุน มีผบู ้ รรลุพลังลมปราณฟ้าชั้น
ปลายอยูท่ ้งั สิ้ นเจ็ดคน ที่เหลือล้วนแต่บรรลุลมปราณฟ้าชั้นกลาง
หรื อชั้นต้น ส่ วนผูท้ ี่มีพลังฝี มือเข้มแข็งที่สุดคือเฟิ นม่อหลีที่บรรลุ
ถึงครึ่ งก้าวชั้นปราณจักรพรรดิ
แม้จาํ นวนยอดฝี มือระดับลมปราณฟ้าถึงหกสิ บชีวติ จะ
เรี ยกว่ามากมายจนน่ากลัวสําหรับผูฝ้ ึ กยุทธ์ทวั่ ไปของจักรวรรดิ
วายุคราม แต่เบื้องหลังของยอดฝี มือลมปราณฟ้าแต่ละคนล้วนแต่
ได้รับทรัพยากรและการทุ่มเทจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไป
มากมาย ทุกครั้งที่มียอดฝี มือระดับลมปราณฟ้าสิ้ นชีพก็ลว้ นนับว่า
เป็ นการสู ญเสี ยครั้งยิง่ ใหญ่ ทว่าในบรรดายอดฝี มือระดับ
ลมปราณฟ้าเหล่านี้ กลับถูกหยุนเช่อสังหารคราเดียวถึงเจ็ดคน…
และทั้งสามคนที่ตายไป ทั้งเฟิ นม่อหลี เฟิ นต้วนชาง และเฟิ นม่อห
รานล้วนแต่เป็ นสามในเจ็ดผูบ้ รรลุลมปราณฟ้าชั้นปลายที่ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้ามี!!
เมื่อนับรวมอีกสองคนเมื่อครู่ หยุนเช่อได้จดั การเก้าในหก
สิ บยอดฝี มือระดับลมปราณฟ้าไปแล้วด้วยตัวคนเดียว!
นี่นบั เป็ นความสู ญเสี ยครั้งใหญ่ที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไม่
เคยพบไม่เคยเจอ ไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง
หัวใจของเหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักที่มารวมตัวกันล้วน
แต่สน่ั สะท้าน
ไม่มีผใู ้ ดกล้าก้าวเท้าออกไปในตอนนี้ เมื่อตอนที่หยุนเช่อ
มาถึง พวกมันเคยคิดว่าเรื่ องราวจะง่ายดายดุจจับตะพาบในไห แต่
พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าการยอมทําลายชื่อเสี ยงสํานักตัวเองด้วย
การลักพาตัวเหยือ่ เพื่อล่อให้ลูกแกะเข้ามาติดกับดักและถูกเชือด
จะกลายเป็ นการล่อหมาป่ ากระหายเลือดผูโ้ กรธแค้นและทรงพลัง
เหนือจินตนาการเช่นนี้มาหา! พวกมันไม่ทนั จะได้แตะต้องอีกฝ่ าย
แม้แต่ปลายผม พวกมันก็สูญเสี ยผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักไปอย่าง
ละคน และยังลูกศิษย์ตระกูลอีกหลายร้อย… ซํ้าศิษย์เหล่านี้ยงั เป็ น
ญาติสนิทมิตรสหายของพวกมันอีกมากมายด้วย!
ใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกระตุกขณะยืนมองอยูบ่ นยอดเขา
ของตําหนักกําเนิดฟ้า ดวงตาของมันเบิกกว้างขณะจับจ้องไปยัง
หยุนเช่อที่ถูกล่อเข้ามา แต่มนั กลับมิได้ถูกกลุม้ รุ มและสยบไว้ทว่า
กลับสังหารหมู่แทน! วงล้อมกดดันจากศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
นับหมื่นกลับกลายเป็ นกองซากศพที่ส่งเสี ยงกรี ดร้องโหยหวนคน
แล้วคนเล่าที่ถูกหยุนเช่อลงมือสังหารเพียงลําพัง… เขตแดนของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเองกลับกลายเป็ นแดนสังหารหมู่ของหยุ
นเช่อ! เมื่อตอนที่มนั ถล่มขบวนเจ้าบ่าวที่นครหลวงยามก่อน มัน
ยังมิใช่คู่มือของเฟิ นต้วนชางด้วยซํ้า แต่ภายในเวลาไม่ถึงเดือน
พลังฝี มือของมันกลับสู งลํ้าจนน่าหวาดกลัวเช่นนี้… ตอนนี้เองที่
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าการที่ผอู ้ าวุโสใหญ่และคนอื่นๆ
ที่ไปตามล่าชายหนุ่มตกตายมิใช่เพราะเล่ห์เหลี่ยมของมัน แต่ถูก
ขยี้ดว้ ยพลังฝี มือโดยแท้
ไม่สิ! ด้วยพลังฝี มืออันน่าหวาดกลัวที่หยุนเช่อแสดงออก มิ
ต้องพูดถึงเฟิ นม่อหลีหนึ่งคน… ต่อให้เป็ นสิ บเฟิ นม่อหลีกย็ งั ต้อง
สิ้ นชีพ!
“ทํา… ทําไมถึงเป็ นเช่นนี้!” ดวงตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเบิก
กว้างขณะฟันของมันส่ งเสี ยงกระทบกันไม่หยุด
ภายในตําหนักกําเนิดฟ้า ใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเองก็
กระตุกเช่นกัน
เมื่อมองไปยังหยุนเช่อ มันก็ตกใจจนหัวใจแทบจะระเบิด
ออกหลายต่อหลายครั้ง
“ท่านผูน้ าํ ตระกูล เราควรทําเช่นไรต่อดี?” เฟิ นม่อจี๋รวมรวบ
พลังปราณทัว่ ร่ างสะกดอาการบาดเจ็บไว้ เสี ยงของมันสัน่ เครื อ
อย่างชัดเจนขณะเอ่ยปาก “หยุนเช่อผูน้ ้ ี… ราวกับร่ างจุติของเทพ
มารไม่มีผดิ ! มันยังอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี เหตุใดถึงได้มีพลังฝี มือน่า
สะพรึ งกลัวปานนี้… ท่านผูน้ าํ ตระกูล หรื อพวกเรา…”
“ใช้หยกสื่ อสารติดต่อหาผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทุกคน
เดี่ยวนี้…” เฟิ นต้วนหุนใช้มือกุมหน้าอกไว้พลางหอบหายใจหนัก
หน่วง “เริ่ มเตรี ยมตัวใช้ ‘ค่ ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ ’ ไม่วา่ ยังไง
เราต้องฆ่ามันให้ได้ในวันนี้!”
ทันทีที่ได้ยนิ คําว่า “ค่ ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ ” ดวงตา
ของเฟิ นม่อจี๋กเ็ บิกกว้าง เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลอันน่ากลัว
จากตัวหยุนเช่อ มันไม่คิดว่านี่เป็ นเรื่ องเกินเลยแม้แต่นอ้ ย มันเร่ ง
พยักหน้า “ประเสริ ฐ! หาก ‘ค่ ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ ’ ถูกใช้
ออก ต่อให้มนั เก่งกาจกว่านี้สิบเท่าก็ยงั ต้องตกตายแน่!”
บทที่ 332 ค่ ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่

ศิษย์ทวั่ ไปของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทุกผูถ้ อยร่ นกระจัด


กระจาย ด้วยพวกมันทั้งหมดรู ้ดีวา่ หากสอดมือเข้าไป นัน่ เป็ นการ
เอาชีวติ ไปทิ้งขวาง ในยามนี้ เหล่าผูท้ ี่ปิดล้อมหยุนเช่ออยูท่ ้งั หมด
ล้วนอยูใ่ นชั้นปราณปฐพีข้นั กลาง อย่างไรก็ตาม การร่ วมแรงบุก
ของพวกมันมิต่างอันใดจากการทิ้งขวางชีวติ ภายใต้คมกระบี่
หนักของหยุนเช่อ พวกมันถูกบดทําลายเป็ นกลุ่มหมู่ราวกับท่อน
ไม้ผุ สิ่ งที่พวกมันทําอย่างมากที่สุดเป็ นเพียงการหน่วงย่างก้าว
ของหยุนเช่อไว้
ไม่ถึงสิ บห้านาทีต้งั แต่ที่หยุนเช่อเริ่ มต้นกวัดแกว่งกระบี่
หนัก ทั้งอย่างนั้นร่ างมากมายของเหล่าคนแห่งตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้ากลับลงไปนอนกองซ้อนกันอยูก่ บั พื้น ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอัน
ทรงเกียรติ ดุดนั และงามสง่าเจิดจ้า เป็ นที่พรั่นพรึ งในสายตาของ
เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ทว่ั ไป ได้ถูกทําให้ตกอยูใ่ นความโกลาหลในเวลา
อันสั้นเช่นนี้ดว้ ยตัวหยุนเช่อ หวาดกลัว เสี ยงกรี ดร้องอย่างทุกข์
ทรมานและเสี ยงโหยหวนครํ่าครวญอย่างไม่สิ้นสุ ดที่คล้ายกับ
ออกมาจากปากของวิญญาณร้ายดังมาจากทุกหนแห่ง ขณะนั้นเอง
เสี ยงตะโกนอันเยือกเย็นพลันดังจากสถานที่ไม่ไกลออกไป: “ทุก
คน ถอยกลับมา!!”
ผูท้ ี่ถ่ายทอดคําสัง่ นัน่ คือผูอ้ าวุโสสอง เฟิ นม่อจี๋ ด้วยคําสัง่
ของมัน เหล่าคนตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ลอ้ มหยุนเช่อไว้อยูร่ ู ้สึก
ราวกับได้ยนิ เสี ยงจากสวรรค์… พลังอันน่าสะพรึ งของหยุนเช่อ
และวิธีการอันโหดเหี้ ยมอํามหิ ตได้ทาํ ให้พวกมันหวาดผวามานาน
แต่ก่อนหน้านี้แล้ว พวกมันแค่ฝืนตัวโหมเข้าใส่ ชายหนุ่ม ทันใดที่
ได้ยนิ คําสัง่ ที่ถ่ายทอดมา ทุกคนถอยหนีอย่างหวาดกลัวราวกับ
สายธารแยก
หยุนเช่อยืนอย่างไร้การเคลื่อนไหวอยูก่ บั ที่ โดยรอบตัวของ
ชายหนุ่มนั้นคือพื้นที่ที่ก่ายกองไปด้วยร่ างอันแยกเป็ นชิ้นเป็ น
ส่ วนซึ่ งแผ่ขยายกว้างไปเป็ นรัศมีมากกว่าสามสิ บเมตร โลหิ ตที่อยู่
ใต้เท้าของมันหลัง่ ไหลดัง่ สายธารา ช่างน่าผวาหวัน่ ยามพบเห็น
หากพวกมันมิได้เห็นสิ่ งนี้ดว้ ยตาของตนเอง ย่อมไม่มีใครเชื่อได้
ลงเป็ นแน่วา่ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแห่งสี่ พรรคใหญ่จะถูก
เปลี่ยนเป็ นโรงสังหารที่ชโลมด้วยโลหิ ตโดยชายหนุ่มที่ยงั อายุไม่
ถึงยีส่ ิ บปี ด้วยซํ้า หยุนเช่อไม่ได้ตามพวกมันมาหรื อก้าวลํ้าเข้ามา
ต่อ รอบตัวชายหนุ่ม ร่ างมนุษย์ร่างแล้วร่ างเหล่าเคลื่อนไหวอย่าง
รวดเร็ ว และเมื่อทั้งหมดได้หยุดลง พวกมันได้จดั ขนวนขึ้นเป็ น
ค่ายกลศึกประหลาดที่มีชายหนุ่มอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง
มีท้ งั สิ้ นสามสิ บคนที่รายล้อมชายหนุ่มไว้ ในหมู่คนพวกนี้
กระทัง่ อ่อนวัยสุ ดยังปาเข้าไปตั้งสี่ สิบต้น ชายเก้าคนที่ลอ้ มอยูใ่ กล้
ชายหนุ่มที่สุดยืนประจําอยูใ่ นเก้าตําแหน่งที่แตกต่างกันโดยรอบ
ตัวชายหนุ่มอย่างสมํ่าเสมอ ขณะที่อีกยีส่ ิ บเอ็ดคนยืนกระจาย
ประจําอยูท่ ี่เบื้องหลังของพวกมันอย่างกระจัดกระจาย อีกมากกว่า
หกสิ บเมตรเบื้องหลังพวกมันยังมีอีกยีส่ ิ บคนที่มีใบหน้าเปี่ ยมล้น
ไปด้วยสมาธิอย่างมัน่ หนัก ทั้งนั้นพวกมันมิได้เข้ามาใกล้ เหล่าคน
ทั้งหมดนี้ถือดาบอัคคีผลาญฟ้า...และไฟที่อยูบ่ นดาบอัคคีผลาญ
ฟ้าทั้งหมดทุกเล่มเป็ นสี ม่วง!! ซึ่งได้บ่งบอกแล้วว่าพลังลมปราณ
ของคนพวกนี้... ทั้งหมดอย่างน้อยล้วนอยูใ่ นระดับชั้นปราณฟ้า!!
“จงระวังตัวไว้ นี่คือค่ายกลลมปราณถ่ายโอนพลังที่ถูกสร้าง
ขึ้นโดยเหล่าคนผูฝ้ ึ กฝนเคล็ดวิชาลมปราณเคล็ดเดียวกัน!” เสี ยง
ของจัสมินพลันดังสะท้อนขึ้นในจิตของหยุนเช่อ เสี ยงของเด็ก
สาวเจือไว้ดว้ ยนํ้าเสี ยงเคร่ งหนักเล็กน้อย: “ค่ายกลลมปราณนี้
สามารถทําให้ทุกผูท้ ี่อยูภ่ ายในค่ายกลได้รับการถ่ายโอนพลังจาก
คนทั้งหมดที่รวมศูนย์กนั ไว้มายังคนเก้าคน ไม่เพียงเท่านั้น เก้าคน
ที่จะได้รับถ่ายโอนพลังนี้ยงั ไม่ถูกกําหนดตายตัว และสามารถ
สลับคนเข้ามาโจมตีเจ้าหรื อสลับคนที่ถูกเจ้าโจมตีออกได้ทุกเวลา
ค่ายกลนี้สามารถจัดขบวนคนได้สูงสุ ดสามสิ บคน มันอาจน้อย
กว่านั้นได้ แต่มิอาจมากกว่านั้น แม้วา่ เจ้าจะฆ่าหนึ่งในพวกมันไป
ได้ เจ้าพวกคนที่อยูด่ า้ นหลังนัน่ จะเข้ามาอุดรอยรั่วของค่ายกล
ในทันที… จนกว่าพวกมันจะสยบและสังหารเจ้าได้ หรื อฉุดรั้ง
การต่อสู ไ้ ว้จนกว่าเจ้าจะเหนื่อยล้า!”
หยุนเช่อ: “...”
“ระดับชั้นปราณฟ้าทั้งหมดของพรรคนี้คงมารวมกันอยูท่ ี่นี่
หมดแล้ว หึ เพียงเพื่อสังหารเจ้าคนเดียว พวกมันถึงกับไม่ลงั เลที่
จะระดมผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าทั้งหมดของพวกมันมา ตัวข้านั้น
พูดได้เลยว่าเจ้าคือศัตรู ที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวก
มัน!” จัสมินกล่าวอย่างไม่แยแส เพียงเสี ยงของจัสมินจบลง ผิว
กายของทั้งเก้าคนที่อยูใ่ กล้หยุนเช่อได้ส่องสว่างขึ้นทันควัน ใน
เวลาเดียว พลังปราณของพวกมันทั้งหมดก็พลันพุง่ ทะยานขึ้น
หลายเท่า
ดวงตาของหยุนเช่อหดเล็กลง ชายหนุ่มกวาดสายตามองทุก
ผูท้ ี่อยูเ่ บื้องหน้า… ใต้เท้าของพวกมันมีภาพของตราผนึกส่ องแสง
แวววับให้เห็นจาง ๆ แรงกดดันอันหนักหน่วงกดทับลงบนร่ าง
ของหยุนเช่อในเวลานี้ ส่ งให้มนั รู ้สึกได้ถึงภัยคุกคามขึ้นมา
เล็กน้อย เป็ นครั้งแรกนับแต่เหยียบเท้าเข้ามาในตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า
“ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งว่าด้วยเสี ยง
ตํ่าขณะยืนอยูต่ รงกลางระหว่างทางผ่านภูเขาของตําหนักกําเนิดฟ้า
สี หน้ามืดครึ้ มก่อนหน้าของมันดูวางใจขึ้นทันใด ปรากฏความ
ประหลาดใจอย่างรื่ นรมย์ ความหยิง่ ผยอง และรอยยิม้ อํามหิ ต
ออกมาให้เห็น “ทั้งยังเป็ นกระทัง่ ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่
ที่ถูกจัดขบวนขึ้นโดยผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทั้งสิ้ น… ฮาฮ่า ฮ่าฮ่า
ฮ่าฮ่า… หยุนเช่อ เจ้าสวะ! ยามนี้ แม้นเจ้าจะแข็งแกร่ งกว่านี้สิบ
เท่า เจ้ายังต้องถึงคราวตายโดยไร้ดินกลบหน้าอยูด่ ี!”
ในหมู่เก้าคนที่อยูใ่ กล้หยุนเช่อที่สุด ผูท้ ี่อาวุโสสุ ด คือชาย
ชราผูห้ นวดเคราและเส้นผมกลายเป็ นสี ขาวหมดสิ้ น มันจ้องเขม็ง
มาที่หยุนเช่อและเริ่ มเอื้อนเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงอันเคร่ งขรึ ม “หยุนเช่อ
หากไม่ใช่วา่ ตาเฒ่าผูน้ ้ ีได้เห็นเองกับตาคงไม่กล้าเชื่อได้แน่วา่ มีคน
เช่นเจ้าปรากฏขึ้นในอาณาจักรวายุครามจริ ง ๆ ด้วยความสามารถ
ของเจ้า อนาคตของเจ้าย่อมต้องยิง่ ใหญ่ทรงอํานาจพอจะ
สัน่ สะเทือนโลกหล้า ทว่าช่างเคราะห์ร้าย ที่เจ้าได้ประเมิน
ความสามารถของตนเองสู งและมาล่วงเกินตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ของข้า เจ้าได้พาตัวเองลงหลุม ตัดซึ่ งโอกาสในอนาคต เจ้าจะโทษ
ใครไปไม่ได้นอกจากตัวเอง! มันไม่ยตุ ิธรรมที่พวกข้าหลายสิ บคน
ร่ วมกันจัดตั้งค่ายกลขึ้นมาจัดการเจ้า ทว่า…”
“หุบปากแก่ ๆ ของเจ้าไปซะ!” หยุนเช่อฟาดกระบี่หนักลง
ใส่ พ้นื ตัดคําพูดของชายแก่ลงด้วยเสี ยงดังสนัน่ ชายหนุ่มเย้ยหยัน
อย่างดูแคลน “กลุ่มของพวกสุนขั แก่ที่อุม้ ลักพาคนบริ สุทธิ์มาเป็ น
ตัวประกัน น่ารังเกียจถึงขั้นที่สวรรค์และปฐพียงั ต้องปรามาส
อย่างพวกเจ้ายังสนเรื่ องความอยุติธรรมอยูอ่ ีกหรื อ?! ตอแห*!”
วาจาของหยุนเช่อทําเอาชายชราผมขาวถึงกับต้องหน้าแดง
กํ่าด้วยความโกรธ ใบหน้าของมันบิดเบี้ยว ทว่าต่อหน้าสายตาเย็น
เยือกที่เปี่ ยมไปด้วยความดูถูกของหยุนเช่อ มันไม่อาจกระทัง่ จะ
เอ่ยสิ่ งใดได้ทนั อีกแล้ว หลังจากที่ท้ งั ร่ างของมันสัน่ สะท้าน มัน
คํารามออกมาอย่างเคืองแค้น “ไอ้เจ้าหนูอวดดี...ตาย!”
“เจ้าพวกสุ นขั แก่ที่เสนอหน้ามาเห่าหอนเบื้องหน้าข้า...จง
ไปเห่าหอนต่อในนรกซะ!!”
ร่ างหยุนเช่อพลันทะยานออกไป และทัณฑ์มงั กรปะทะเข้า
กับร่ างของชายชราผูเ้ พิ่งเอ่ยเสี ยงดังก้องออกมาเมื่อก่อนหน้า ด้วย
พลังอํานาจอํานาจคลัง่ ดุจปี ศาจร้าย บรรยากาศโดยรอบพลันถูกผ่า
แยกออกมาควบแน่นจนสามารถมองเห็นได้เป็ นเส้นโค้งลางๆ
หมุนวนรอบทัณฑ์มงั กร
พลังทําลายซึ่งตามหลังการโจมตีกาํ ลังพุง่ ฮวบเข้ามานี้ทาํ ให้
ชายชราสี หน้าแปรเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน แต่เพียงครู่ เดียวก็สงบ
ลงอีกครั้ง ผูอ้ าวุโสทั้งเก้าที่รายล้อมหยุนเช่อ จู่โจมโดยพร้อม
เพรี ยง ดาบผลาญสวรรค์ท้งั เก้าเล่มพุง่ เข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
ตามมาด้วยคลื่นความร้อนที่เผาผลาญชั้นบรรยากาศจนแทบ
หลอมละลายและพุง่ เข้าจู่โจมหยุนเช่อ
แคร้ ง!!
เสี ยงที่ดงั สนัน่ จนทําให้แก้วหูทุกคนที่อยูโ่ ดยรอบแทบฉี ก
ขาด ดาบผลาญสวรรค์ท้ งั หกเล่มติดอยูบ่ นทัณฑ์มงั กรในเวลา
เดียวกันและปลดปล่อยพลังลมปราณออกไปโดยรอบ หยุนเช่อ
รับแรงกระแทกนี้และล่าถอยไปห้าถึงหกเก้า ในขณะที่ขอ้ มือของ
มันเริ่ มชาด้าน...แต่คนทั้งหกที่เผชิญหน้ากันกลับถูกกระแสพลัง
กระเด็นไปไม่ต่าํ กว่าสิ บเมตร อย่างไรก็ตามทั้งหกเพียงแค่ลอยไป
เท่านั้น ไม่จาํ เป็ นต้องรักษาอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด และระหว่าง
ที่หยุนเช่อเสี ยสมดุลนั้นเอง ริ้ วพลังลมปราณสามสายก็พงุ่ เข้าหา
มันจากด้านหลัง และดาบผลาญสวรรค์สามเล่มก็ฟันลงที่หลังหยุ
นเช่ออย่างรวดเร็ ว
พรึบ…
โลหิ ตสาดกระจายไปทัว่ จากแผ่นหลังของหยุนเช่อ เส้น
โลหิ ตสามสาย ที่ยาวหนึ่งฟุตและลึกครึ่ งนิ้ว ปรากฎขึ้นที่หลังของ
หยุนเช่อ ความเจ็บปวดอย่างรุ นแรงจากแผ่นหลังนํามาซึงความ
โกรธกริ้ วสุ ดระงับ ด้วยเสี ยงคํารามของหยุนเช่อที่ระเบิดก้อง
ทัณฑ์มงั กรนํามาซึ่งเสี ยงคํารามของมังกรขณะที่มนั ตวัดไป
ด้านหลัง
ตามด้วยเสี ยงดังลัน่ ดาบผลาญสวรรค์ท้ งั สามเล่มถูกทําลาย
และลอยออกไปจากมือของพวกมัน ผูอ้ าวุโสทั้งสามบาดเจ็บอย่าง
หนักถูกแรงระเบิดปะทะอัดพาร่ างกระเด็นไกลออกไป
ก่อนหน้านี้การจู่โจมรวมประสานของทั้งหกได้ปะทะเข้า
กับทัณฑ์มงั กรที่เบื้องหน้า และการโจมตีอีกสามสายจากด้านหลัง
ได้สร้างบาดแผลให้เขาไม่เบา...คิ้วของหยุนเช่อพลันขมวดแน่น
และพลังลมปราณภายในร่ างพลันหมุนวนอย่างรวดเร็ วประดุจนํ้า
เดือด...ค่ายกลนี้ แข็งแกร่ งกว่าที่มนั คาดไว้มาก
ขณะที่หยุนเช่อบังเกิดความตระหนกเล็กน้อย ทว่าความ
ตระหนกของเหล่าสมาชิกตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ดา้ นข้างนั้นมาก
เสี ยจนไม่สามารถทําใจยอมรับได้
พวกมันไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับบาดเจ็บจากหยุนเช่อ
ภายในกระบวนท่าเดียว ไม่เพียงแต่การรวมพลังจู่โจมประสาน
ของผูอ้ าวุโสทั้งหกจะไม่มีผลใดๆ พวกมันกลับถูกแรงระเบิดซัด
เสี ยกระเด็น ทั้งการโจมตีจากดาบทั้งสามเล่มที่บรรจุพลัง
ลมปราณไว้เต็มเปี่ ยมยังสร้างรอยแผลตื้น ๆ ได้เพียงสามรอย
เท่านั้น
ทั้งเก้าคนนี้มิใช่เพียงยอดยุทธชั้นปราณฟ้าธรรมดา! ภายใน
ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ ร่ างของพวกมันรวมบรรจบไว้
ด้วยพลังของยอดยุทธชั้นปราณฟ้าถึงสามสิ บคน! พวกมันย่อมมิ
อาจเชื่อได้วา่ ทั้งพลังและร่ างกายของหยุนเช่อจักน่าหวัน่ เกรงถึง
เพียงนี้
แม้วา่ จะตกตะลึงอย่างสุ ดแสน พวกมันยังคงเชื่อมัน่ อย่าง
เต็มเปี่ ยมว่าเมื่อพวกมันได้สาํ แดงพลังค่ายกลนวลมปราณดาวหมี
ใหญ่ออกมาแล้ว ไม่วา่ หยุนเช่อจะแข็งแกร่ งสักเพียงใด มันย่อม
ไม่มีทางเป็ นไปได้ที่ชายหนุ่มจะรอดไปได้ในวันนี้ เพราะ
นอกจากผูอ้ าวุโสใหญ่รุ่ นก่อนและหัวหน้าตระกูลรุ่ นก่อนผูล้ ะ
จากทางโลกไปนานแล้ว ที่อยูท่ ี่นี่คือขุมพลังที่แข็งแกร่ งที่สุดของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่พวกมันสามารถรวมพลมาได้! และเมื่อ
พวกมันอยูภ่ ายในค่ายกลนี้ หยุนเช่อผูค้ งกระพันอยูเ่ สมอเมื่อก่อน
หน้านั้นได้รับบาดเจ็บไปหนึ่งคราแล้วจริ ง ๆ
บทที่ 333 เขตแดนจิตวิญญาณมังกร

ชายชราชุดขาวผูก้ ล่าววาจากับหยุนเช่อก่อนหน้านี้แทบถูก
แรงกระทุง้ จากการโจมตีของหยุนเช่อบิดเคลื่อนข้อมือออกจากที่
แม้มนั จะตกตะลึงอยูภ่ ายในใจ หากสี หน้าของมันไม่แสดงออกถึง
ความรู ้สึกใด มันกล่าววาจาด้วยนํ้าเสี ยงเคร่ งขรึ ม “อย่างที่คาด เจ้า
แข็งแกร่ งจริ งๆ! ไม่น่าแปลกที่กระทัง่ ท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโสยังตก
ตายภายใต้เงื้อมมือเจ้า ทว่าทันทีที่ค่ายกลนวปราณกลุ่มดาวหมี
ใหญ่แล้วเสร็ จ ไม่วา่ เจ้าจะดิ้นรนเพียงใด ก็ตอ้ งตายอย่างอนาถ
ภายในวันนี้!”
ปรากฏผูค้ นเก้าคนทะยานออกมาที่เบื้องหน้าโดยพร้อม
เพรี ยง ตวัดส่ งมังกรเพลิงสี ม่วงทั้งเก้าสายจากดาบอัคคีผลาญฟ้า
ของพวกมันตรงเข้าใส่ หยุนเช่อที่อยูก่ ่ ึงกลางวงล้อม
“ที่ตอ้ งตาย คือพวกเจ้าต่างหาก!”
หยุนเช่อคํารามลัน่ ชายหนุ่มยืนปักหลักอยูก่ บั ที่ขณะเร่ งเร้า
ปลดปล่อยพลังของกระบี่หนัก “ราชันพิโรธ” ระเบิดออกบดขยี้
เข้าใส่ พร้อมเสี ยงครื นครั่นดังสนัน่ ...กระบี่น้ ี กลับจู่โจมเข้าใส่
ผูค้ นทั้งเก้าโดยพร้อมเพรี ยงกัน!!
ตูม!!
คลื่นพลังยุทธ์แตกระเบิดครอบคลุมทัว่ ท้องฟ้า เพลิงอัคคีสี
ม่วงลามเลียขึ้นเบื้องบน รัศมีพ้นื ที่โดยรอบสามสิ บเมตรราบเป็ น
หน้ากลอง ทั้งหมดถูกพัดกระจัดกระจายไปไกลทัว่ ทั้งบริ เวณราว
เศษใบไม้ไร้ชีวติ
พลังแท้จริ งของกระบี่หนักช่างยิง่ ใหญ่ไพศาลเกินต้านทาน
ถึงระดับนี้ แม้กระบี่น้ ีของชายหนุ่มจะจู่โจมเข้าใส่ ผคู ้ นถึงเก้าคน
ในเวลาเดียวกัน!! ดังนั้น นี่ลว้ นไม่ต่างอันใดกับการปะทะ
กระบวนท่าระหว่างผูค้ นหนึ่งคนกับยอดฝี มือชั้นลมปราณฟ้า
สามสิ บคน! เป็ นยอดยุทธ์ท้ งั เก้าที่มีพลังฝี มือรวมกันเท่าเทียมกับ
ยอดฝี มือชั้นปราณฟ้าถึงสามสิ บคน! ท่ามกลางการระเบิดของ
พลัง
เหล่าผูอ้ าวุโสทั้งเก้าของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่างถูกระเบิด
กระจัดกระจายไปกว่าสามสิ บเมตร หยุนเช่อมิได้ขยับเคลื่อนกาย
แม้เพียงก้าวเดียว หากมุมปากของชายหนุ่มกลับบังเกิดริ้ วรอย
โลหิ ตไหลลงมาเป็ นเส้นสาย
หยุนเช่อรับบาดเจ็บภายในจากการโจมตีเมื่อครู่

ทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุคราม นอกจากหยุนเช่อแล้ว ผูใ้ ดอาจ


หาญต้านทานท่าโจมตีจากยอดยุทธ์ลมปราณฟ้าสามสิ บคนใน
เวลาเดียวกัน!?
แม้จะรับบาดเจ็บภายใน ทว่าสี หน้าของหยุนเช่อกลับนิ่ง
สงบอย่างถึงที่สุด ไม่ปรากฏวีแ่ ววของความหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง
เลยแม้แต่นอ้ ย ค่ายกลนวปราณหมู่ดาวหมีใหญ่นบั ว่าเป็ นสิ่ งที่
ยุง่ ยากกว่าที่ชายหนุ่มคาดการณ์เล็กน้อย แต่หากพวกมันต้องการ
โค่นชายหนุ่มพ่ายแพ้ พวกมันอย่าหมายจะทําสําเร็ จได้โดยง่าย!
ผูค้ นทั้งเก้าที่ถูกแรงระเบิดกระแทกไปไกลต่างถาโถมกลับ
เข้ามาพร้อมทั้งคํารามลัน่ พวกมันทั้งหมดมาจากตระกูลเดียวกัน
ทั้งยังฝึ กฝนวิชายุทธ์อคั คีผลาญฟ้า ภายใต้ค่ายกลประจําสํานัก
รวมถึงพลังยุทธ์ระดับเดียวกัน การเคลื่อนไหวของทั้งหมดพร้อม
เพรี ยงอย่างยิง่ ต่างกระทําการรุ กคืบ ล่าถอย รวมทั้งล้อมกักไว้
อย่างปราศจากช่องว่างจุดอ่อนใดๆ
ตูม! เปรี้ ยง! เคร้ง! วูบบบบ….
เสี ยงระเบิดพลังของกระบี่หนักเลื่อนลัน่ แทบหูดบั ทุกครั้ง
คราที่กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรถูกกวัดแกว่ง ล้วนนํามาซึ่งสุ ม้ เสี ยงสะท้าน
ดังสนัน่ พร้อมทั้งกวาดพัดเหล่าผูอ้ าวุโสทั้งเก้าที่รายล้อมรอบให้
แตกกระจายออก ทว่า ผูอ้ าวุโสทั้งเก้าล้วนสามารถกลับเข้ามาใน
ขบวนอีกครั้งในทันที ส่ งเปลวไฟสี ม่วงอันแผดเผาอย่างถึงที่สุด
เข้าใส่ กักขังร่ างของหยุนเข่อไว้ตรงกึ่งกลางวงล้อม ขณะที่ค่อยๆ
สะกดพลังของชายหนุ่มลงทีละน้อย
ในฐานะค่ายกลอันดับหนึ่งของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่อยูม่ า
นับพันปี พลังอํานาจของค่ายกลนวปราณหมู่ดาวหมีใหญ่มิใช่ของ
ล้อเล่นแม้แต่นอ้ ย หยุนเช่อเริ่ มตระหนักขึ้นอย่างชัดเจนว่าตนเอง
กําลังตกเป็ นฝ่ ายเสี ยเปรี ยบ สี หน้าของเฟิ นต้วนหุนและเหล่าศิษย์
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเองล้วนค่อย ๆ ผ่อนคลายลงในที่สุด
ฉัวะะ
หัวไหล่ซา้ ยของหยุนเช่อรับการโจมตีอีกหนึ่งดาบ รอยแผล
บาดลึกถึงกระดูก เมื่อได้รับความเจ็บปวด สัญชาตญาณอันดุร้าย
ของชายหนุ่มล้วนถูกกระตุน้ กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรพลันฟาดฟันลง
ราวมังกรพิโรธใส่ ผอู ้ าวุโสที่ทาํ ร้ายมันหนึ่งดาบในทันที
“ทําลายจันทร์ดบั ดารา….ตาย!”
เปรี้ ยง!!
ดาบเพลิงผลาญฟ้าที่กีดขวางกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่ดา้ นหน้า
ล้วนถูกปัดกระแทกแตกกระจายในพริ บตา กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่
เปี่ ยมอานุภาพมหาศาลฟาดทําลายเข้าใส่บริ เวณทรวงอกของฝ่ าย
ตรงข้าม ระเบิดทรวงอกของมันออกเป็ นรู กว้างเท่าศีรษะมนุษย์รู
หนึ่ง ผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าผูน้ ้ นั เปล่งเสี ยงร้องโหยหวน
ยาวเหยียด ร่ างของมันปลิวลิ่วไปทางด้านหลังราวลูกปื นใหญ่ พุง่
เข้าชนใส่ ผอู ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอีกคนหนึ่งทางด้านหลัง
บดกระแทกใส่ บริ เวณกระดูกอกของมันจนแตกละเอียด ทั้งสอง
ปลิวกระเด็นไปกว่าหนึ่งร้อยห้าสิ บเมตรเคียงคู่กนั
“อาวุโสม่ออู่ อาวุโสสิ งเฮ่า!!”
กระทัง่ ตกอยูภ่ ายใต้ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ ยัง
สามารถกําจัดฆ่าผูอ้ าวุโสของตระกูลได้ หัวใจของเฟิ นต้วนหุน
บีบรัดจนโลหิ ตแทบหยาดหยด อย่างไรก็ตาม ค่ายกลนับว่าไม่ได้
รับผลกระทบมากนัก หลังจากหยุนเช่อทําร้ายผูค้ นหนึ่งตกตาย
หนึ่งบาดเจ็บสาหัส ผูค้ นที่หลงเหลือล้วนเข้ามาแทนที่ รักษาจุด
ศูนย์กลางของค่ายกลเอาไว้อย่างเหนียวแน่น เมื่อยอดยุทธ์
ลมปราณฟ้าที่เบื้องนอกเข้ามาเติมอีกสองคน ค่ายกลนวลมปราณ
ดาวหมีใหญ่นบั ว่ายังคงสภาพสามสิ บคนไว้ได้ครบถ้วน
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี!!”
ผูค้ นทั้งเก้ารายล้อมหยุนเช่ออีกครั้ง ทว่ากลับถูกเงาหมาป่ า
จากกระบวนท่าเทพหมาป่ าผ่าปฐพีกวาดใส่ จนกระเจิดกระเจิงอีก
ครา ผูอ้ าวุโสสองคนที่เพิ่งเข้าร่ วมขบวนค่ายกลยังไม่ทนั ได้กวัด
แกว่งดาบจู่โจม หากร่ างของพวกมันล้วนถูกแยกเป็ นสองส่วน
จากกระบี่เทพหมาป่ าผ่าปฐพีของหยุนเช่อโดยพร้อมเพรี ยงกัน
“อะ...อะไร!?”เฟิ นต้วนหุนทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน แทบกระอัก
โลหิ ตออกมา ณ ตรงนั้น
ทักษะวิชาเทพยุทธ์ยงั คงอนุญาตหยุนเช่อสามารถเข่นฆ่า
ศัตรู ของมันได้อย่างง่ายดายแม้จะตกอยูภ่ ายใต้การสะกดโดยค่าย
กล ทว่าไม่วา่ กระบวนท่าทําลายจันทร์ดบั ดารา หรื อท่าเทพหมา
ป่ าผ่าปฐพี ทั้งหมดล้วนติดตามมาด้วยการสู ญสิ้ นพลังยุทธ์อย่าง
มหาศาล ทุกครั้งคราที่กระบวนท่าเหล่านี้ถูกปลดปล่อย ล้วน
สามารถสังหารศัตรู ได้หนึ่งหรื อสองคน หากแต่ฝ่ายตรงข้าม
สามารถส่ งคนเข้ามาแทนที่ในทันที สะกดข่มชายหนุ่มไว้ในค่าย
กลอีกครั้ง….ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่มิได้อ่อนแรงลงเลย
ทว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มใช้ท่าไม้ตายออก ความเข้มแข็งและรัศมี
พลังกดดันของหยุนเช่อต่างลดระดับลงทีละน้อย
หยุนเช่อเองตระหนักถึงเรื่ องนี้ดีที่สุด
ทว่าไม่วา่ ชายหนุ่มจะใช้กระบวนท่าออกมาหรื อไม่ หากทุก
กระบี่ที่กวัดแกว่งออกยังคงทรงพลังมหาศาล แม้ผคู ้ นทั้งเก้าที่ราย
ล้อมจะช่วงชิงเป็ นฝ่ ายมีเปรี ยบ หากหัวใจของพวกมันทุกผูต้ ่าง
เต้นระทึกด้วยความหวาดหวัน่ ทุกขณะจิต….ความรู ้สึกน่าพรั่น
พรึ งที่กระบี่ทณั ฑ์มงั กรของหยุนเช่อส่ งตรงมายังพวกมัน ยังน่า
หวาดหวัน่ ยิง่ กว่าฝันร้ายที่เคยพบเจอ
ั ฑ์มงั กรที่น้ าํ หนักร่ วมหมื่นกิโลกรัมอยู่ การ
เมื่อมีกระบี่ทณ
เคลื่อนไหวของหยุนเช่อล้วนถูกจํากัดลงอยูบ่ า้ ง เมื่อรวมกับที่ฝ่าย
ตรงข้ามสามารถใช้เคล็ดวิชาท่องนภาขณะที่ตนเองไม่สามารถ
หยุนเช่อจึงไม่อาจหลบหลีกจากการกลุม้ รุ มจู่โจมของทั้งหมดได้
บาดแผลบนร่ างกายของหยุนเช่อค่อยๆ เพิ่มจํานวนขึ้นทีละน้อย
ร่ างกายยิง่ มายิง่ เปรอะเปื้ อนไปด้วยริ้ วรอยโลหิ ต ทว่าชายหนุ่มยัง
ไม่เคยพลาดท่าล้มลงแม้เพียงครั้งอย่างแท้จริ ง กลับกัน เหล่าศัตรู
ฝ่ ายตรงข้ามกลับตกตายลงทีละคนทีละคนภายใต้การระเบิดพลัง
โจมตีของชายหนุ่ม
ทุกคราที่ทาํ ลายจันทร์ดบั ดาราหรื อเทพหมาป่ าผ่าปฐพีถูก
ปลดปล่อย ต้องบังเกิดผูค้ นอย่างน้อยหนึ่งคนกลับกลายเป็ น
ซากศพอยูบ่ นพื้น นอกจากนั้น เหล่าบุคคลทั้งหมดนี้ต่างเป็ นผู ้
อาวุโสประจําตระกูล หรื อเจ้าตําหนักในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ทั้งสิ้ น ทุกครั้งที่ปรากฏผูค้ นตกตาย หัวใจของเฟิ นต้วนหุนก็บีบ
กระตุกขึ้นคราหนึ่ง หลังจากกลายร่ างเป็ นซากศพไปหกคน ทัว่
ร่ างของมันสะท้านขึ้นคราหนึ่ง ก่อนจะล้มลงคุกเข่ากับพื้น...จวบ
จนบัดนี้ หากนับรวมท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโส ยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณ
ฟ้าในตระกูลทั้งสิ้ นสิ บห้าคนล้วนตกตายภายใต้เงื้อมมือของหยุ
นเช่อ!!
สู ญเสี ยศิษย์ในตระกูลระดับชั้นปราณปฐพี ยังนับเป็ นเรื่ อง
เล็กน้อย ทว่าสู ญเสี ยเหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทั้งหลาย นับว่า
เป็ นเรื่ องหนักหนาสาหัสยิง่ แม้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะรั้งอันดับสี่
ในบรรดาสี่ พรรคใหญ่ หากพวกมันล้วนเชื่อมัน่ มาตลอดว่า ขุม
กําลังของพวกมันล้วนไม่ดอ้ ยไปกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
หรื อพรรคตระกูลเซี่ยวเลยแม้แต่นอ้ ย แต่การสู ญเสี ยยอดยุทธ์
ชั้นสู งไปถึงสิ บห้าคน พวกมันนับว่าปราศจากคุณสมบัติเคียงบ่า
เคียงไหล่กบั พรรคอื่นๆ โดยสิ้ นเชิง
แม้วนั นี้พวกมันจะประสบความสําเร็ จในการกําจัดฆ่าหยุ
นเช่อ หากความเสี ยหายใหญ่หลวงนี้ลว้ นไม่อาจกูค้ ืนกลับมาได้
เช่นกันและความเสี ยหายใหญ่หลวงถึงระดับนี้ ล้วนเป็ นการลงมือ
โดยลําพังของหยุนเช่อ!
เฟิ นต้วนหุนกัดฟันแนบแน่น กระดูกนิ้วมือทุกข้อกลับ
กลายเป็ นขาวซีดจากการกําหมัด...มันรู ้สึกว่าการกระตุน้ โทสะ
ของหยุนเช่อครั้งแล้วครั้งเล่า นําพาซึ่งหายนะยิง่ ใหญ่ที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของมัน! หากให้มนั สามารถ
ย้อนกลับไปเลือกใหม่ มันย่อมเลือกมิให้เฟิ นเจวีย๋ เฉิงเป็ นผูน้ าํ เฟิ น
เจวีย๋ ปี้ ไปร่ วมงานประลองยุทธ์วายุคราม และยามที่เหล่าผูอ้ าวุโส
ของตระกูลยืนกรานสังหารหยุนเช่อ มันย่อมต้องใช้ความพยายาม
ทั้งหมดยับยั้งไว้ให้ได้ ทว่า มันไม่มีโอกาสเลือกเป็ นครั้งที่สอง
ยิง่ กว่านั้น ขีดจํากัดของหยุนเช่อ ดูไปยังคงอยูไ่ กลห่างกว่า
ที่ตาเห็น เดิมทีมนั คาดการณ์วา่ ด้วยพลังฝี มือชั้นลมปราณปฐพี
ของชายหนุ่ม หยุนเช่อสมควรไม่อาจทานทนได้ยาวนานนัก ยิง่ มี
กระบี่หนักเป็ นอาวุธด้วยแล้ว ชายหนุ่มสมควรหมดเรี่ ยวสิ้นเเร
งรวดเร็ วกว่าเดิม มันคาดคิดมิถึงว่า แม้ทวั่ ร่ างจะเกลื่อนไปด้วย
บาดแผลมากมาย หากกระบี่หนักในมือกลับยังสามารถเปล่งรัศมี
ไพศาลน่าหวาดหวัน่ ถึงขั้นนี้ แม้ผคู ้ นทั้งเก้าประสานกําลังโจมตี
จะมีเปรี ยบ หากกลับไม่อาจสะกดข่มหยุนเช่อลงได้อย่างสิ้ นเชิง
ตําหนักกําเนิดฟ้าอยูบ่ นจุดสู งสุ ดของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
จากที่น้ นั ผูค้ นสามารถมองเห็นได้สุดอาณาเขตของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า เซี่ยวหลิงซียนื อยูร่ ิ มหน้าต่างไม้ หญิงสาวสามารถ
มองเห็นเหตุการณ์ท้ งั หมดที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน….ตั้งแต่ยามที่
หยุนเช่อปรากฏกาย สายตาทั้งคู่ของนางจับจ้องไปยังชายหนุ่ม ไม่
อาจละสายตาออกมาได้แม้ชวั่ เสี้ ยววินาที...หญิงสาวเฝ้ามองชาย
หนุ่มคํารามลัน่ อย่างโกรธแค้น กวัดแกว่งกระบี่หนัก เปลี่ยน
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันเหี้ ยมหาญในใต้หล้าให้กลายเป็ นทะเล
เลือด…
“เช่อน้อย...เช่อน้อย….” เซี่ยวหลิงซียกสองมือปิ ดปากแนบ
แน่น ทัง่ ร่ างของหญิงสาวสัน่ สะท้านจนไม่อาจควบคุม ดวงตา
งดงามทั้งคู่เปล่งประกายพร่ ามัวราวอยูใ่ นความฝัน...นัน่ เป็ นสุ ม้
เสี ยงของชายหนุ่มอย่างแท้จริ ง หญิงสาวสามารถจดจําเงาร่ างของ
หยุนเช่อ...ทว่า นางไม่อาจเชื่อ ว่านี่คือเช่อน้อยที่เติบโตมากับนาง
แต่ยงั เยาว์วยั ผูซ้ ่ ึงต้องการการปกป้องคุม้ ครองจากนางตลอดมา…
“ฮ่าาาา!!”
“บัวปี ศาจผลาญดารา!!”
หยุนเช่อกู่คาํ รามเสี ยงดังสนัน่ ดอกบัวอัคคีปะทุข้ ึนบนร่ าง
กวาดพัดออกสู่ บริ เวณโดยรอบ ส่ งคลื่นความร้อนปริ มาณ
มหาศาลขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า
“สะกัดไว้!!”
ชัว่ พริ บตาที่บวั ปี ศาจแห่งเทพหงสาบานสะพรั่ง คลื่นความ
ร้อนเร่ าแผดเผาอันเกินจินตนาการของผูค้ นพุง่ เข้าใส่ ใบหน้าของ
พวกมัน ผูอ้ าวุโสทั้งเก้าคํารามลัน่ ทั้งหมดก้าวไปเบื้องหน้าโดย
พร้อมเพรี ยงกันอย่างไม่กลัวตาย เกร็ งพลังลมปราณในร่ างทุก
หยาดหยดประสานเข้ารับกลีบบัวอัคคีที่เบ่งบานเป็ นสี แดงฉานที่
กําลังเคลื่อนใกล้เข้ามา
อัตราการเบ่งบานของบังปี ศาจผลาญดาราพลันลดระดับ
ความเร็ วลงอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เริ่ มไหววูบตามพลังกดดันที่
ได้รับจากบุคคลทั้งเก้า สุ ดท้าย บัวปี ศาจหยุดการสยายกลีบเพลิง
ภายใต้การหยุดชะงักนานกว่าสิ บสองลมหายใจ บัวอัคคีเทพหงสา
พลันแตกระเบิดออก กระแทกกระทั้นกลีบบัวทั้งหมดกระจายขึ้น
สู่ ทอ้ งฟ้า ผูอ้ าวุโสทั้งเก้าล้วนถูกคลื่นพลังอันแผดเผากระแทก
ปลิวไปเช่นกัน เสื้ อผ้าและผมเผ้าของทุกผูค้ นแทบถูกเผาไหม้จน
หมดสิ้ น ใบหน้าเปลี่ยนเป็ นดําเมี่ยมดุจเถ้าถ่าน ฝ่ ามือของทั้งหมด
ถูกเผาจนไหม้เกรี ยม ทั้งเก้าล้วนตกอยูใ่ นสภาพอันน่าสมเพช
เวทนา
เมื่อมองจากมุมของหยุนเช่อ ชายหนุ่มซึ่งเพิ่งปลดปล่อยบัว
ปี ศาจผลาญดาราพลันรู ้สึกถึงคลื่นพลังแห่งความอ่อนล้าแผ่ไปทัว่
สรรพางค์กาย ทั้งร่ างกายหมดสิ้ นเรี่ ยวแรง หยุนเช่อร่ วงคุกเข่าลง
กับพื้นข้างหนึ่ง อ้าปากหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ที่หน้าผาก
ปรากฏหยาดเหงื่อทะลักออกมาราวนํ้าท่วม ทัว่ ร่ างเกลื่อนกลาด
ด้วยริ้ วรอยโลหิ ตหลายสาย
หยุนเช่อเริ่ มหมดเรี่ ยวแรงลงอย่างชัดเจน ทว่าชายหนุ่มกลับ
ยังสามารถทนทานได้ถึงเพียงนี้ภายใต้การกดดันจากค่ายกลนวลม
ปราณดาวหมีใหญ่ ทั้งยังสามารถกําจัดฆ่าผูอ้ าวุโสไปได้ถึงเก้า
คน! นี่นบั เป็ นปาฏิหาริ ยอ์ นั น่าหวาดหวัน่ เป็ นความฝันอันเลวร้าย
เพียงพอให้พวกจดจําไปจนรุ่ นต่อไป ทุกผูค้ นล้วนสามารถกล่าว
ได้วา่ แม้จะไม่มีค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ เพียงแค่ยอดฝี มือ
ชั้นลมปราณฟ้าทั้งเก้าจู่โจมเข้าหาโดยพร้อมเพรี ยง พวกมันล้วน
แต่มีหนทางตายสถานเดียว
“หยุนเช่อ ความตายของเจ้าอยูเ่ พียงเอื้อมมือ ดูซิวา่ เจ้าจะ
ยโสไปได้ถึงเพียงไหน!”
เฟิ นม่อจี๋มือหนึ่งกุมทรวงอก อีกมือชี้นิ้วคํารามขู่ใส่ หยุนเช่อ
แม้น้ าํ เสี ยงของมันทั้งหยาบกระด้างทั้งเย็นชายะเยียบ หากทุกผูค้ น
สามารถได้ยนิ หางเสี ยงอันสัน่ สะท้านสอดแทรกอยูภ่ ายใน
หยุนเช่อยกศีรษะขึ้น สองมือยังคงกระชับแน่นอยูบ่ นด้าม
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร ที่มุมปากยังคงปรากฏริ้ วรอยแย้มยิม้ อย่างเย็นชา
ขณะกล่าวคํา “ถ้าหาก...พวกมันทั้งหมดในที่น้ ีลว้ นตกตาย...
เช่นนั้น..นี่มิใช่นบั เป็ นจุดจบของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเจ้าหรอก
หรื อ?”
เสี ยงหัวเราะเย็นเยียบของหยุนเช่อสร้างความขนพองสยอง
เกล้าราวเสี ยงของปี ศาจอันเหี้ ยมโหด คําพูดของมัน ยังเปรี ยบดัง่
คําสาปอสรพิษร้าย ส่ งผลให้กระทัง่ ผูอ้ าวุโสลําดับสองผูแ้ สน
ยิง่ ใหญ่ของตระกูลยังต้องสัน่ ผวาโดยไม่อาจควบคุม กล้ามเนื้อทุก
มัดบนใบหน้าบิดกระตุก มันยกนิ้วชี้ไปยังหยุนเช่อก่อนจะตะเบ็ง
เสี ยงคํารามอย่างโกรธแค้นออกมาจนสุ ดเสี ยง
“เจ้าถึงกับบังอาจกล่าววาจาเย่อหยิง่ อวดดีถึงเพียงนี้...ผู ้
อาวุโส ท่านเจ้าตําหนักทั้งหลาย มันเปรี ยบดัง่ เกาทัณฑ์ที่ยงิ จนสุ ด
ล้า รี บฆ่ามันแก้แค้นให้แก่พี่นอ้ งที่ตกตายเร็ วเข้า!”
“มารร้าย ตายซะเถอะ!!”
บุคคลทั้งเก้าที่ถูกทําร้ายบาดเจ็บด้วยบัวปี ศาจผลาญดารา
ถอยกลับทั้งหมด ปรากฏผูอ้ าวุโสอีกเก้าคนรุ กคืบเข้ามาแทนที่ คม
ดาบผลาญฟ้าทั้งเก้าของพวกมันแต่ละเล่มทิ่มแทงไปยังจุดสําคัญ
ของหยุนเช่อทั้งเก้าจุด... ทุกการโจมตีมุ่งหมายเอาชีวติ ! พวกมัน
คาดหวังลบล้างความหวาดกลัวด้วยการทําลายหยุนเช่อในทันที
ชัว่ เวลานี้ หยุนเช่อพลันยืนขึ้นอย่างรวดเร็ วพร้อมด้วยทัณฑ์
มังกรในอุง้ มือ ประกายแสงสี ครามอันเร้นลับพลันปรากฎออกมา
จากดวงตาของชายหนุ่ม ที่เบื้องหลังบังเกิดขึ้นเป็ นรู ปลักษณ์มงั กร
สี ครามอย่างรวดเร็ ว
“เขตแดน...วิญญาณ...มังกร!!”
โฮกกกกกก!!!
ด้วยความสู งส่ งน่าเกรงขาม ยิง่ ไปกว่านั้นยังครอบงําไปด้วย
เสี ยงมังกรคํารามดัง่ ลงมาจากสวรรค์ จิตวิญญาณทั้งโลกสัน่ ไหว
ไปด้วยความหวาดกลัว บริ เวณสามฟุตเหนือศีรษะของหยุนเช่อ
นัยน์ตาสี ครามเจิดจ้าราวดวงดารา ทว่าลึกลํ้าดัง่ ห้วงนภากาศ พลัน
เปิ ดออกโดยทันที
บทที่ 334 เช่ อน้ อย เจ้ าต้ องคิดถึงข้ านะ…

บุคคลทั้งเก้าที่ทะยานร่ างเข้าหาหยุนเช่อล้วนชะงักงันอยู่
กลางทาง สี หน้าของพวกมันแปรเปลี่ยนจากมุ่งร้ายกลายเป็ น
ตะลึงงัน ก่อนจะเปลี่ยนผันเป็ นหวาดกลัวอย่างรุ นแรงในฉับพลัน
ม่านตาของพวกมันหดตัวอย่างรวดเร็ วพร้อมกับที่ทวั่ ร่ างสัน่
สะท้านราวกับหมู่มวลใบไม้ตอ้ งลม
ทั้งหมดนี้เป็ นเพราะมีมงั กรตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า
พวกมัน...มังกรขนาดมหึ มาเหนือประมาณแผ่ร่างปกคลุมผืนฟ้า
ร่ างของมันยาวหลายพันเมตร ศีรษะใหญ่โตราวขุนเขา แผ่รัศมีอนั
ใหญ่โตมโหฬารจนมิอาจบรรยายกดดันจากฟากฟ้าเบื้องบน
ภายใต้รัศมีอนั สะกดข่มนี้ พวกมันรู ้สึกเล็กจ้อยราวกับตนเองเป็ น
เพียงเม็ดทรายในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่เท่านั้น
ท้องฟ้ามืดหม่นลง สายฟ้าพิโรธคํารามคลัง่ จากเบื้องบน
สัน่ สะเทือนแดนดินจนสะท้านไหวหลายระลอก ภาพเหตุการณ์
เบื้องหน้าดูน่าหวาดหวัน่ ราวกับวันสิ้ นโลกได้มาถึงโดย
กระทันหัน
“นะ...นะ...นัน่ ...นัน่ มันอะไรกัน!?” เมื่อมองไปยังมังกร
ยักษ์อนั น่าหวาดผวาเบื้องหน้าตน พร้อมกับที่โลกรายรอบพวก
มันแปรเปลี่ยนไปในพริ บตา แข้งขาของพวกมันล้วนอ่อนแรง
ร่ างกายสัน่ สะท้าย ดวงตาปูดโปนถลน พร้อมปลดปล่อยเสี ยงกรี ด
ร้องที่ดงั ที่สุดเท่าที่พวกมันเคยเปล่งออกมาในชีวติ
มังกรขนาดมหึ มานั้นดูราวกับได้ยนิ เสี ยงกรี ดร้องขวัญผวา
ของพวกมัน ทันใดนั้นศีรษะอันใหญ่โตก็พงุ่ โฉบลงมาจากบนฟ้า
ปากมังกรอ้ากว้าง พุง่ ดิ่งมาทางพวกมัน
“อ๊ าาาาาาาา!!!”
เสี ยงกรี ดร้องแหลมที่เปี่ ยมไปด้วยความหวาดหวัน่ ราวกับ
จะกรี ดแทงไปถึงสวรรค์ ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าที่ไร้เทียมทานบัดนี้
ดูราวกับหนูตวั น้อยในเงื้อมมือพยัคฆ์ร้าย ภายใต้พลังอันมหาศาล
และอารมณ์หวาดกลัวทําให้พวกมันมิอาจขัดขืนต้านทานได้เลย
ร่ างกายของพวกมันอ่อนปวกเปี ยก สู ญเสี ยเรี่ ยวแรงทั้งปวง ไม่
หลงเหลือแม้แรงหนี พวกมันแต่ละคนขดงออยูบ่ นพื้น ยกมือกุม
ศีรษะของตนพร้อมกับส่ งเสี ยงร้องขวัญผวาอย่างน่าอนาถ
ปัง!
ผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคนหนึ่งที่กาํ ลังสัน่ สะท้านถูก
หยุนเช่อแทงกระบี่ทะลุหน้าอกในกระบวนท่าเดียว ดวงตาของ
มันเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวขณะที่ลม้ ลง
ปัง!!
ร่ างของเจ้าตําหนักตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคนหนึ่งที่กาํ ลังกรี ด
ร้องโหยหวนถูกกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตัดผ่านเป็ นสองซีกด้วยการวาด
กระบี่ครั้งเดียว
ตูม!!
บังเกิดเสี ยงดังสนัน่ พร้อมกับที่ร่างของผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าสี่ คนถูกโจมตีจนร่ างลอยกระเด็น กลายเป็ นศพในชัว่
พริ บตา… ค่ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ถูกทําลายลงในคราเดียว
และเมื่อไม่มีพลังจากค่ายกลคอยหนุนเสริ ม สําหรับหยุนเช่อแล้ว
พลังป้องกันของพวกมันย่อมอ่อนแอจนน่าหัวร่ อ
ภายในเขตแดนวิญญาณมังกร และภายใต้พลังมหาศาล
พวกมันล้วนสู ญเสี ยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู ล้ งโดยสิ้ นเชิง
คงเหลือไว้เพียงความหวาดกลัวเท่านั้น อย่าว่าแต่โจมตีหยุนเช่อ
ต่อเลย พวกมันมิอาจแม้กระทัง่ ขัดขืนและหนีเอาตัวรอด พวกมัน
ที่แข็งแกร่ งไร้เทียมทานบัดนี้กลับเป็ นราวกับแกะอันอ่อนแอที่รอ
ถูกเชือด ที่บดั นี้ได้ตายตกลงทีละคนอย่างง่ายดายภายใต้คมกระบี่
ของหยุนเช่อ
ด้านนอกเขตแดนวิญญาณมังกร เหล่าสมาชิกตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าบัดนี้ลว้ นขวัญผวาโดยสิ้ นเชิง พวกมันได้ยนิ เพียงเสี ยง
มังกรคําราม และมองเห็นเงาร่ างมังกรปรากฏขึ้นเบื้องหลังหยุ
นเช่ออย่างฉับพลัน… หลังจากนั้นพวกมันเห็นทุกคนที่โอบล้อม
หยุนเช่อพากันชะงักค้างอยูก่ บั ที่ ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้านตั้งแต่ศีรษะ
จรดปลายเท้า นัยน์ตาเบิกกว้าง บนใบหน้าของพวกมันดูราวกับ
กําลังมองเห็นภาพอันน่าพรั่นพรึ งที่สุด
และเป็ นเวลานั้นเองที่แสงแห่งค่ายกลลมปราณสาดแสงขึ้น
อย่างฉับพลัน และค่ายกลนวปราณดาวหมีใหญ่ที่เชื่อมต่อเส้น
ลมปราณและเชื่อมความคิดคํานึงของยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าทั้ง
เก้าไว้ดว้ ยกัน… ทั้งหมดได้หายวับไปในคราเดียว!!
หยุนเช่อโผนทะยานร่ างราวกับพยัคฆ์ป่า กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
ฟาดฟันใส่ ร่างของผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักคนแล้วคนเล่าอย่างบ้า
คลัง่ … พวกมันราวกับถูกปี ศาจร้ายสิ งร่ าง เมื่อพบเห็นหยุนเช่อ
พวกมันล้วนทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหวาดหวัน่ จบชีวติ ลงภายใต้การ
ตวัดกระบี่ครั้งเดียวท่ามกลางเสี ยงร้องครํ่าครวญโหยหวน… พวก
มันไม่โจมตีตอบโต้ ไม่ป้องกันตนเอง กระทัง่ หลังจากตายลง
ดวงตาของพวกมันยังคงเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความหวาด
ผวาราวกับกําลังเข้าสู่ ยมโลก
“เกิด...เกิดอะไรขึ้น!? นัน่ มันอะไรกัน!!” พวกมันกําลังจะ
เห็นภาพหยุนเช่อจบชีวติ ลงท่ามกลางค่ายกลนวปราณดาวหมี
ใหญ่ แต่ราวกับฝันร้ายได้กลํ้ากลายมาถึง ยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้า
อันแข็งแกร่ งแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากลับถูกหยุนเช่อสังหาร
ขณะนัง่ นิ่งสัน่ สะท้านอยูก่ บั ที่… เขตแดนวิญญาณมังกรเป็ นเขต
แดนจิตใจ ไร้ซ่ ึ งสี หรื อรู ปร่ าง ภายในเขตแดนนอกจากบุคคลผูน้ ้ นั
จะมีพลังจิตใจอันเข้มแข็งเพียงพอ พวกมันจะมิอาจล่วงรู ้ถึงสิ่ งที่
กําลังเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่นอ้ ย
เขตแดนจิตวิญญาณมังกรที่หยุนเช่อปลดปล่อยออกมิได้มี
ขนาดกว้างขวางเท่าใด เนื่องเพราะยิง่ เขตแดนมีอาณาเขตกวาง
ขวางเท่าใด ยิง่ สิ้ นเปลืองพลังจิตใจมากขึ้นเท่านั้น ขนาดของเขต
แดนเพียงพอครอบคลุมยอดฝี มือทั้งเก้าที่รายล้อมรอบมันไว้ดว้ ย
ค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ เขตแดนจิตวิญญาณมังกร มิใช่
เขตแดนที่เด่นด้านพลังการโจมตี ทั้งยังมิใช่เขตแดนควบคุมเช่น
เขตแดนเมฆาเยือกแข็ง กลับกัน มันคือเขตแดนที่ส่งผลกระทบต่อ
สภาวะจิตใจ เป็ นสิ่ งที่หยุนเช่อไม่เคยประสบมาก่อน...ชายหนุ่ม
คาดคิดมิถึงจริ งๆ ว่า เขตแดนจิตวิญญาณมังกรจะเปี่ ยมอานุภาพ
น่าพรั่นพรึ งถึงเพียงนี้ กระทัง่ เหล่ายอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าล้วน
แปรเปลี่ยนเป็ นเพียงลูกแกะไร้พิษสงที่เพียงยืนรอการสังหารหมู่
อนุญาตให้ชายหนุ่มปลิดชีวติ ลงตามอําเภอใจขณะที่พวกมันเพียง
สามารถสัน่ สะท้านหมอบราบลงด้วยความหวาดกลัวเพียงเท่านั้น
อานุภาพเช่นนี้ ช่างน่าหวาดหวัน่ จนแม้แต่ชายหนุ่มเองยัง
ต้องแตกตื่นตะลึงลาน!
แม้เขตแดนนี้ไม่อาจเข่นฆ่าผูค้ น ทั้งไม่อาจทําร้ายผูใ้ ดทาง
กายภาพ ยังคงนับว่าทรงพลังอํานาจเหนือกว่าเขตแดนควบคุม
อื่นๆ ที่ชายหนุ่มเคยรับรู ้มา
อย่างไรเสี ย นี่ลว้ นเป็ นเขตแดนจากเทวะมังกร ที่เพียง
สามารถเปิ ดใช้ออกด้วยจิตวิญญาณเทวะมังกรเพียงเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม เขตแดนอันแข็งแกร่ งถึงระดับนี้ ล้วนต้อง
สิ้ นเปลืองพลังยุทธ์และสมาธิจิตใจอย่างมากมายเกินประมาณได้
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ...เพียงผ่านไปห้าลม
หายใจ ศีรษะของหยุนเช่อล้วนรู ้สึกหนักหน่วง แสดงออกถึง
ความวิงเวียนที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มถึงกับรู ้สึกว่า หาก
ยังคงฝื นใช้พลังออกต่อไป ย่อมต้องประสบความเสี ยหายทาง
จิตใจ ทั้งยังอาจสิ้ นสติลงในทันทีเมื่อยกเลิกการใช้งาน
ในช่วงระยะเวลาห้าลมหายใจ เหล่าผุอ้ าวุโสชั้นลมปราณฟ้า
ทั้งสองคน ต่างจบสิ้ นชีวติ ลงภายใต้กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรจนหมดสิ้ น
“ราชันย์ พโิ รธ!!”
ร่ างของหยุนเช่อพุง่ ทะยานไปเบื้องหน้า ตรงเข้าสู่ ก่ ึงกลางที่
เหล่าอาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารวมกลุ่มกันหนาแน่นที่สุด
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดฟาดฟันลงอย่างรุ นแรง ขณะเดียวกับที่เขต
แดนจิตวิญญาณมังกรที่ถูกคงไว้เพียงไม่กี่ลมหายใจถูกยกเลิกการ
ใช้งานเช่นกัน
เปรี้ ยง!!
ผืนดินหลายสิ บเมตรถูกพลิกตลบขึ้น ร่ างผูอ้ าวุโสหกคน
ปลิวขึ้นบนท้องฟ้า ภายใต้เขตแดนเทวะมังกร ไม่เพียงร่ างกายของ
พวกมันปล่อยวางการถ่ายทอดพลังค่ายกลนวลมปราณดาวหมี
ใหญ่ กระทัง่ เกราะปราณคุม้ กายยังพังทลายลงจากความหวาดกลัว
เพียงกระบี่เดียวของหยุนเช่อ ผูอ้ าวุโสทั้งหกล้วนตกตาย ไม่มีผใู ้ ด
เหลือรอดซักคนเดียว
เหตุการณ์ตรงหน้าแต่เดิมสมควรเป็ นภาพความตายที่ยา่ ง
ใกล้เข้าหาหยุนเช่อ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ชวั่ ลมหายใจกลับ
แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็ นภาพของผูอ้ าวุโสระดับปราณฟ้าสิ บ
แปดคนถูกสังหารลงต่อเนื่องกันราวกับใบไม้ร่วง เหตุพลิกผันนี้
ทําให้ทุกคนถึงกับมิอาจตั้งตัวได้ทนั ภาพความมืดมิดพุง่ เข้าจู่โจม
เฟิ นต้วนหุนอย่างกระทันหันพร้อมกับที่มนั กระอักโลหิ ตสดๆ
ออกมาอย่างรุ นแรง
เขตแดนวิญญาณมังกรถูกยกเลิก เหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้า
ตําหนักที่รอดชีวติ ราวกับตื่นขึ้นจากฝันอย่างฉับพลัน พวกมันรู ้ดี
ว่าตนเองต้องตกสู่ อุบายบางอย่างของหยุนเช่อเป็ นแน่ เมื่อเห็น
ภาพศพกองระเกะระกะอยูร่ ายรอบ พวกมันคํารามกึกก้องพร้อม
พุง่ ตัวเข้าหาหยุนเช่ออย่างบ้าคลัง่ … แต่ค่ายกลนวปราณดาวหมี
ใหญ่มิอาจสร้างขึ้นใหม่ได้อีกแล้ว แม้พวกมันจะเข้าโจมตีหยุ
นเช่อพร้อมกัน แต่กลับคุกคามต่อหยุนเช่อน้อยลงอย่างเห็นได้ชดั
หยุนเช่อในตอนนี้หลงเหลือกําลังอยูเ่ พียงครึ่ งจากสภาวะ
สมบูรณ์ แต่ต่อหน้าผูฝ้ ึ กยุทธ์ระดับปราณฟ้าที่ไม่มีค่ายกลนว
ปราณดาวหมีใหญ่แล้ว ความกดดันต่อชายหนุ่มจึงพลันลดลงไป
กว่าครึ่ ง กระบี่ทณ
ั ฑ์มงั กรร่ ายรําก่อเกิดพายุกระบี่ดงั หวีดหวิว
ดูดกลืนร่ างของผูค้ นเข้าสู่ หว้ งแห่งความตายทีละคน ทีละคน
ภายใต้กาํ ลังมหาศาลจากกระบี่ของหยุนเช่อ เหล่ายอดยุทธ์ระดับ
ปราณฟ้าผูม้ ีนามสะท้านทัว่ อาณาจักรวายุครามมิอาจเข้าใกล้ชาย
หนุ่มได้ในระยะสิ บเมตร และเมื่อพวกมันสัมผัสถูกกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกร การต้องถูกแม้เพียงเล็กน้อยกลับทําให้พวกมันบาดเจ็บ
สาหัส เมื่อรับการโจมตีรุนแรงทําให้พวกมันตายตกลงอย่าง
โหดเหี้ ยม ในเวลาเพียงไม่นาน
รอยเยาะหยันบนใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งอันตรธานหายจน
หมดสิ้ น กล้ามเนื้อทุกมัดของมันบิดกระตุกขณะจ้องมองหยุนเช่อ
เข่นฆ่าเสาหลักที่ค้ าํ จุณตระกูลอัคคีผลาญฟ้าลงทีละคนๆ ...
ยิง่ กว่านั้น มันกําลังตัดเส้นชีวติ ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าลงทีละ
เล็กทีละน้อย! ฝ่ ามือทั้งสองของมันพลันรู ้สึกเย็นเฉียบราวนํ้าแข็ง
มันกัดฟันแนบแน่นขณะความหวาดกลัวท่วมท้นทรวงอก...ทันใด
นั้นเอง มันพลันคิดได้ถึงบางสิ่ ง ก่อนจะวิง่ เข้าไปในตําหนัก
กําเนิดฟ้าอย่างรวดเร็ วราวฟั่นเฟื อน
ประตูตาํ หนักกําเนิดฟ้าถูกเตะเปิ ดออก สายตาของเฟิ นเจี๋ย
เฉิ งจับจ้องไปยังเซ๊่ยวหลิงซีก่อนจะพุง่ ร่ างเข้าหาหญิงสาว
เงาร่ างหนึ่งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เป็ นเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเข้าขัด
ขวางทาง สายตาของมันเปี่ ยมไปด้วยประกายเย็นชา “เจ้าจะทํา
อะไร?”
“ข้าจะทําอะไร? แน่นอน มาเอาชีวติ นางแลกกับหยุนเช่
อน่ะสิ !” เฟิ นเจวีย๋ เฉิงกล่าวเสี ยงแผ่วตํ่า “หยุนเช่อยินยอมมาที่นี่
เพราะนาง หมายความว่านางสําคัญต่อมัน! ข้าจะนําตัวนางไปที่
เบื้องหน้ามัน...ให้มนั ฆ่าตัวตายเพื่อแลกชีวติ !”
เซี่ยวหลิงซีขยับก้าวถอยหลัง สองตาเต็มไปด้วยความ
หวาดหวัน่ แผ่นหลังพิงชิดติดกรอบหน้าต่าง
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นไม่ขยับเคลื่อนกายแม้เพียงก้าวเดียว สุ ม้ เสี ยง
ของมันเย็นชาไร้อารมณ์ยงิ่ “ข้าบอกแล้วว่านางเป็ นเพียงเหยือ่ ล่อ!
เพียงเท่านั้น นี่คือขอบเขตที่เราตกลงกันไว้ต้ งั แต่ตน้ !
นอกเหนือจากนั้น...ไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนไม่อาจแตะต้องนาง!!”
“หยุนเช่อสังหารผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักไปกว่ายีส่ ิ บคน
แล้ว! ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากําลังจะถูกมันกลบฝังทั้งตระกูล แต่เจ้า
ยังจะมาพล่ามเรื่ องขอบเขตขั้นตํ่าอะไรของเจ้า...ไสหัวไป!!”
สี หน้าเฟิ นเจวีย๋ เฉิงดุร้ายอํามหิต มันยกแขนขวาของตนขึ้น
กระแทกเฟิ นเจวีย๋ เฉินหลีกทางไป จากนั้นพุง่ เข้าคว้าจับเซี่ยวหลิง
ซี
“เจ้าอยากตายใช่ม้ ยั !!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกลับกลายเป็ นขุ่นแค้น
โซ่ตรวนอัคคีเส้นหนึ่งพุง่ ออกจากฝ่ ามือทั้งสอง ม้วนพันรอบ
ร่ างกายของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผูอ้ ยูเ่ บื้องหน้าของเซี่ยวหลิงซี
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มทะยานร่ างไปด้านหน้า กระโจนเข้าหาเฟิ น
เจวีย๋ เฉิ งราวสุ นขั ป่ าดุร้ายตัวหนึ่ง
“ที่หาที่ตายเป็ นเจ้า! เจ้ามันก็ไอ้เศษสวะที่ยนื กรานทําท่า
สู งส่ ง ในสายตาของข้า เจ้ามันก็แค่ตวั โง่เขลาอันน่าสมเพช! ด้วย
ความสามารถของเจ้า..คิดว่าจะขวางข้าได้ง้ นั เรอะ!?”
เปรี้ ยง!
โซ่ตรวนอัคคีอีกเส้นระเบิดออกไปด้านหน้า เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
และเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเข้าโรมรัน เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งอัดแน่นไปด้วยความ
ต้องการจับกุมเซี่ยวหลิงซีเพือ่ ข่มขู่หยุนเช่อ ส่ วนเฟิ นเจวีย๋ เฉิน
ล้วนเปี่ ยมล้นด้วยความปรารถนาปกป้องเซี่ยวหลิงซี รวมทั้งความ
โกรธแค้นและเจตนาฆ่าฟันอันท่วมท้น สองพี่นอ้ งที่ส่วนใหญ่
สามารถ “เข้ากันได้ดี” คู่น้ ี พลันบังเกิดเพลิงอํามหิ ตลุกฮือโหม
กระบวนท่าจู่โจมร้ายกาจดุดนั ไม่เว้นหนทางถอยแม้เพียงนิด
แขนซ้ายและฝ่ ามือขวาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งบาดเจ็บสาหัสอยู่
ก่อนหน้า ทั้งยังรับบาดเจ็บภายใน ทว่า พลังฝี มือมันยังทิ้งช่วงห่าง
จากเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นอยูห่ นึ่งระดับชั้น ทั้งยังสามารถสะกดข่มเฟิ น
เจวีย๋ เฉินลงได้อย่างรวดเร็ ว หลังประกระบวนท่าไปสิ บกว่า
กระบวนท่า เปลวไฟสายหนึ่งกวาดกระแทกเข้าใส่ บริ เวณทรวง
อกของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น ส่ งมันปลิวออกไปไกล แผ่นหลังกระทบเข้า
กับกําแพงห้องจนแตกหักเสี ยหาย โต๊ะเก้าอี้ที่ขา้ งกายพลันปะทุ
เปลวไฟขึ้นมา
“ขยะ!!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิงยิม้ เย้ยหยัน ลงมือคว้าจับเซี่ยวหลิงซี
อีกครั้ง
“เจ้า...ว่า...ใคร...ขยะ!!!”
ฝ่ ามือรู ปเปลวไฟพลุ่งพล่านด้วยเพลิงโทสะพุง่ เข้าใส่
ใบหน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งในทันที กวาดพัดมันถดถอยกายไปสามสี่
ก้าว เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกระโดดขึ้นจากพื้น กระโจนเข้าหาเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ราวสุ นขั บ้า
“หาทีต่ าย!!!”
สี หน้าชัว่ ร้ายอํามหิ ตพลันเผยแววขึ้นบนใบหน้าของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิน มันกู่ร้องคํารามลัน่ คราหนึ่ง ระเบิดเปลวเพลิงเต้นเร่ าราว
มีชีวติ สายตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเหี้ ยมเกรี ยมดุดนั แม้พลังอัคคีของ
มันจะด้อยกว่าพี่ชาย หากแรงกดดันที่มนั ปลดปล่อยออกล้วนไม่
ด้อยกว่าเลยแม้แต่นอ้ ย ยิง่ กว่านั้น สายตาของมันยังเยือกเย็นยิง่
กว่าคมดาบ มันคํารามตํ่า ขัดขวางย่างก้าวไปเบื้องหน้าของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงอย่างดื้อรั้น แม้ผวิ หนังและเลือดเนื้องของมันจะถูกเปลว
ไฟของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเผาไหม้จนกรอบเกรี ยม ทว่ามันล้วนไม่เปล่ง
เสี ยงออกมาแม้แต่คาํ เดียว ทั้งยังไม่ถดถอยไปแม้เพียงนิด
“สิ่ งที่ขา้ ...เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นต้องการปกป้อง...นอกจาก..ข้าตก
ตาย..มิเช่นนั้น...อย่าหมายทําการตามอําเภอใจได้!!”
“อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้านะ! เจ้าสวะไร้ค่า!!”
สี หน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งทวีความเหี้ ยมเกรี ยม เปลวไฟของ
มันกลืนกินเปลวไฟของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นด้วยระดับความเร็ วมาก
กว่าเดิม ท่อนแขนกว่าครึ่ งหนึ่งของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นล้วนถูกเผาไหม้
จนแทบเห็นกระดูก หากมันยังคงไม่วางมือ..เปลวเพลิงเริ่ มลาม
เลียไปทัว่ ฝ่ ามือทั้งสอง และแขนทั้งสองข้าง...
เซี่ ยวหลิงซี ยนื อยูข่ า้ งบานหน้าต่าง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด
สําหรับกับเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น หญิงสาวสมควรบังเกิดความแค้นต่อ
อมันอย่างลึกลํ้า เนื่องเพราะเป็ นมันที่นาํ พาตัวนางและบิดามายัง
ที่น้ ี หากแต่มนั ออกหน้าปกป้องนางหลายต่อหลายครั้ง...กระทัง่
ยินยอมสละชีวติ เพือ่ นาง หญิงสาวไม่เข้าใจอย่างแม้จริ งว่าเหตุใด
บุคคลที่ท้ งั ไร้ความรู ้สึกทั้งเงียบขรึ มผูน้ ้ ีกาํ ลังคิดสิ่ งใดจากก้นบึ้ง
แห่งจิตใจ ทว่าเซี่ ยวหลิงซีในยามนี้ลว้ นปราศจากความเคียดแค้น
ใดๆต่อเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นอีกต่อไป กลับกลายเป็ นความรู ้สึกอัน
ซับซ้อนสับสนยิง่ ชนิดหนึ่งเข้าแทนที่...
แม้วา่ พลังยุทธ์ของนางไม่อาจเทียบเปรี ยบกับทั้งสอง หาก
หญิงสาวรู ้ดีวา่ ไม่วา่ เฟิ นเจวีย๋ เฉินกราดเกรี้ ยวเพียงไหน มันย่อมไม่
อาจต้านทานเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งได้ สายตาของหญิงสาวกวาดผ่านไปยัง
บานหน้าต่างไม้ เลื่อนตกลงบนเงาร่ างที่กาํ ลังสู ร้ บพัวพันอย่าง
ดุเดือด เงาร่ างที่ปรากฏคราบโลหิ ตอาบย้อมจนชุ่มโชก เพียงเพื่อ
นาง...
ฉับพลัน ความหวาดหวัน่ ทั้งหมดของเซี่ยวหลิงซีพลัน
อันตรธานหายไปโดยสิ้ นเชิง ใบหน้าปรากฏรอยแย้มยิม้ อันปลาบ
ปลื้มปี ติชนิดหนึ่งขึ้น
“เช่อน้อย...เจ้าต้องคิดถึงข้าด้วยนะ...”
เปรี้ ยง!!
เพียงฝ่ ามือเดียว กรอบหน้าต่างไม้ถูกฟาดป่ นเป็ นผุยผง
หญิงสาวกระโดดผ่านบานหน้าต่างอย่างมุทะลุ ก่อนจะปิ ดเปลือก
ตา ปล่อยให้ร่างของนางทิ้งดิ่งลงไปเบื้องล่างโดยปราศจากการดิ้น
รน
เซี่ยวหลิงซี หวาดกลัวต่อความตาย
ทว่าหากต้องตกเป็ นตัวประกันเพื่อให้หยุนเช่อถูกจับกุม
สร้างอันตรายให้แก่ชายหนุ่ม...หญิงสาวยินยอมเลือกมุ่งไปสู่
ความตาย
บทที่ 335 ค่ ายกลอัคคีสวรรค์ ผลาญดารา

สุ ม้ เสี ยงกรอบบานหน้าต่างไม้ที่แตกหักล้วนถูกเสี ยง
ครื นครั่นสนัน่ หูที่กระจายไปทัว่ ทั้งบริ เวณกลบกลืนจนหมดสิ้ น
ไม่มีผใู ้ ดทันสังเกตแม้แต่นอ้ ย ทว่า ราวกับมีคลื่นสัมพันธ์ทาง
จิตใจ สายตาของหยุนเช่อราวกับถูกดึงดูดไว้ดว้ ยบางสิ่ งบางอย่าง
ที่ไม่ปรากฏรู ปร่ างแน่ชดั ชายหนุ่มมองขึ้นไปโดยไม่รู้ตวั ...เพียง
ชัว่ พริ บตา ในกรอบสายตาปรากฏร่ างของเซี่ยวหลิงซีที่หลุดร่ วง
ลงมาจากกรอบหน้าต่าง
พลังด้านการมองเห็นของหยุนเช่อในปัจจุบนั เทียบเท่ากับ
ผูส้ าํ เร็ จวรยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิ สามารถแยกแยะต้นไม้ใบ
หญ้าในรัศมีสามร้อยเมตรรอบกายได้อย่างชัดเจน ทว่ายังไม่อาจ
มองเห็นใบหน้าผูค้ นที่ห่างไปกว่าหนึ่งพันเมตรได้ กระทัง่
ลักษณะรู ปร่ างภายนอกยังไม่ชดั เจน แต่วา่ ชัว่ วินาทีที่สายตาของ
ชายหนุ่มกวาดกราดไปยังร่ างที่กาํ ลังร่ วงหล่นลงมาของเซี่ยวหลิง
ซี รู ม่านตาของหยุนเช่อพลันยืดขยาย ภายในใจสัน่ สะท้านรัวแรง
...ในศีรษะเพียงปรากฏคําสองคําจู่โจมจิตวิญญาณ
อาหญิงเล็ก!!
แม้วา่ หยุนเช่อมิอาจมองเห็นใบหน้า มิอาจมองเห็นทั้ง
เสื้ อผ้าที่สวมใส่ และรู ปร่ างภายนอกอย่างแจ่มชัด...ที่มองเห็นเป็ น
เพียงเงาร่ างอันพร่ ามัว ทว่าในห้วงความคิดคํานึงกลับบังเกิดเพียง
ถ้อยคํา “อาหญิงเล็ก” สามคําชัดเจนแจ่มแจ้ง เนื่องเพราะชายหนุ่ม
คุน้ เคยกับนางเป็ นอย่างยิง่ ...สิ บห้าปี เต็มที่เติบโตมาพร้อมกัน อยู่
ร่ วมกันทั้งวันคืน ราวกับร่ างและเงาที่ไม่อาจแยกจาก ระยะเวลาที่
ทั้งสองใช้ร่วมกัน ยังยาวนานกว่าซูหลิงเอ๋ อร์เสี ยด้วยซํ้า ไม่วา่ เป็ น
รู ปร่ างหน้าตา บุคลิกลักษณะ ความชื่นชอบ สายตา ความคิดคํานึง
ของหญิงสาว...แม้กระทัง่ กลิ่นอาย ชายหนุ่มล้วนคุน้ เคยจนเข้าไข
กระดูก จิตวิญญาณของทั้งสองล้วนแทบประสานเข้าเป็ นหนึ่ง
เดียวมาเนิ่นนานแล้ว
“อาหญิงเล็ก!!”
การร่ วงหล่นลงจากที่สูงกว่าสองร้อยเมตรไม่อาจทํา
อันตรายผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั ลมปราณจิต ทว่าพลังยุทธ์ของเซี่ยวหลิงซี
เพียงเพิง่ ทะลวงสู่ ช้ นั ปราณก่อตั้ง หากร่ วงหล่นจากความสู งระดับ
นั้น หญิงสาวล้วนต้องตกตายลงในทันที! ดวงตาที่เดิมทีวา่ งเปล่า
ด้วยความตกตะลึงของหยุนเช่อ เพียงพริ บตาล้วนแปรเปลี่ยนเป็ น
แดงฉานดุจโลหิ ตคัง่ อยูภ่ ายใน ราวกับเลือดทั้งหมดพลันแล่นขึ้น
สู่ ศีรษะของหยุนเช่อในชัว่ เสี้ ยววินาที ชายหนุ่มกู่ร้องคํารามดัง
สะท้าน กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรถูกเก็บกลับคืน หยุนเช่อละความสนใจ
ต่อทุกสิ่ งรอบกาย ชายหนุ่มโจนทะยานออกไปราวบ้าคลัง่
หยุนเช่อผูท้ ี่ก่อนหน้านี้ดุร้ายป่ าเถื่อนจนผูค้ นไม่อาจเข้าถึง
ตัวโดยง่ายดาย กลับพลันสลายเจตนาฆ่าฟันทั้งหมดลงอย่าง
สิ้ นเชิง เปิ ดช่องโหว่ขนาดมโหฬาร กระทัง่ กระบี่ช้ นั ลมปราณ
จักรพรรดิอนั น่าเกรงขามเล่มนั้นยังถูกเก็บเข้าไป ปรากฏผูอ้ าวุโส
ชั้นลมปราณฟ้าสามคนพุง่ เข้าหา กางกรงเล็บโลหิตผลาญฟ้าของ
มันตะกุยเข้าใส่ แผ่นหลังของหยุนเช่อในทันที
หยุนเช่อคํารามลัน่ ขณะที่เลือดไหลซึมออกทางมุมปาก ชาย
หนุ่มหยิบยืมกําลังจากการโจมตีของผูอ้ าวุโสชั้นลมปราณฟ้าทั้ง
สาม ส่ งร่ างของตนพุง่ ทะยานออกไปเบื้องหน้าด้วยความเร็ วที่
สู งขึ้นกว่าเดิม สายตาจับจ้องเพียงจุดที่เซี่ยวหลิงซีกาํ ลังร่ วงหล่น
ลงมา ความเร็ วของชายหนุ่มหลังจากเก็บกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรนับว่า
รวดเร็ วอย่างถึงที่สุด ทว่า หากต้องการรับร่ างเซี่ยวหลิงซีก่อนตก
ลงมากระแทกพื้นนั้น ด้วยความเร็ วระดับนี้ ยังไม่อาจเป็ นไปได้
อีกเพียงสามร้อยเมตรก่อนหยุนเช่อจะมาถึง ร่ างกายของ
เซี่ยวหลิงซี ร่วงหล่นลงได้ครึ่ งทาง เบื้องล่างของหญิงสาวนั้นมีพ้นื
หิ นอ่อนที่แข็งแกร่ งไร้ที่ติ หากนางตกลงมา แน่นอนว่าย่อมมิอาจ
รอดชีวติ ได้ หยุนเช่อเอื้อมแขนไปเบื้องหน้าพร้อมเปล่งเสี ยงครํ่า
ครวญอย่างเจ็บปวด…. ชายหนุ่มไม่เคยวิงวอนให้เวลาสามารถ
หยุดลงได้มากมายเท่านี้มาก่อนในชีวติ
“อาหญิงเล็ก… อาหญิงเล็ก!!”
ตะโกนแหบแห้งเรี ยกหาเซี่ยวหลิงซีผกู ้ าํ ลังร่ วงหล่น หญิง
สาวคิดว่านี่คือความฝัน หญิงสาวค่อยๆเปิ ดตาขึ้น สายลม
โหยหวนที่รุนแรงและหนาวเย็นที่ขา้ งใบหูฟังคล้ายเหมือนเสี ยง
เพรี ยกจากเทพมรณะ ทว่ากลับปรากฏสุ ม้ เสี ยงนางสุดแสนคุน้ เคย
และถวิลหาผสมปนเปมาด้วย หญิงสาวค่อยๆ เหลือบสายตามอง
ไปด้านข้างตามเสี ยงเรี ยก และเห็นเงาร่ างหนึ่งกําลังพุง่ ตรงมาหา
อย่างบ้าคลัง่ นางสบสายตาที่จอ้ งมองด้วยความตื่นตระหนกและ
หวาดหวัน่ ขวัญผวาคู่น้ นั ...
หัวใจของหญิงสาวถูกกระตุกอย่างรุ นแรง ความรู ้สึกยินดี
พวยพุง่ ออกมาพร้อมกับความต้องการมีชีวติ ต่อปรากฏขึ้นในใจ
ของหญิงสาว หญิงสาวหลับตาลงและปลดปล่อยพลังยุทธ์เพื่อ
ป้องกันแรงกระแทก เซี่ยวหลิงซีร่วงหล่นลงมาด้วยความเร็ วที่
เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น หญิงสาวกําลังจะหล่นกระแทกพื้นดินที่หนาว
เย็นและแข็งแกร่ งในอีกไม่เกินสามลมหายใจ
“ย๊ ากกก!!”
“ทัณฑ์ อสู รนรกานต์ !!”
หยุนเช่อคํารามลัน่ ดัง่ อสู รร้าย ด่านลมปราณเทพอสู รด่านที่
สามเปิ ดขึ้นโดยฉับพลันทันที ประกายแสงสี แดงเปล่งออกมาจาก
ร่ างกายของชายหนุ่ม พลังยุทธ์ของมันพลันเดือดพล่านดุจเปลว
เพลิง ขับเคลื่อนชายหนุ่มไปยังเบื้องหน้า... แม้วา่ ความเร็ วของหยุ
นเช่อจะเพิม่ ขึ้น ทว่าเซี่ยวหลิงซีเองกําลังจะถึงพื้นด้วยอัตรา
ความเร็ วทวีคูณเช่นกัน
“ระบําหงส์ เพลิงฟ้าสยายปี ก!!”
หยุนเช่อกลายเป็ นลูกศรเพลิงพุง่ ไปข้างหน้าข้ามผ่าน
ระยะทางห่างไกลด้วยความรวดเร็ วสุ ดแสน...ทันใดนั้นเอง
ปรากฏแขนซ้ายลักษณะโปร่ งแสงสี ครามข้างหนึ่งพุง่ ออกมาด้วย
ความเร็ วดัง่ ดาวตก
“หัตถ์ ปราณไร้ ลกั ษณ์ ….ไป!!”
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์น้ ีเต็มเปี่ ยมไปด้วยความเชื่อและ
ความหวังของชายหนุ่ม สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังหัตถ์
ปราณไร้ลกั ษณ์ที่ถลาเข้าหาเซี่ยวหลิงซี ขณะเดียวกันชายหนุ่ม
มิได้สงั เกตุเลยว่าหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ของชายหนุ่มนั้นเป็ นสี
ครามอย่างแท้จริ ง!
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ของชายหนุ่มนั้นเป็ นสี แดงยามอยูใ่ น
สภาวะปกติ เป็ นสี สม้ ยามเปิ ดใช้วญ ิ ญาณอสู ร และสี เหลืองยาม
เปิ ดใช้อสู รผลาญใจ จากนั้นหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์สมควรมีสีเขียว
หากใช้ทณ ั ฑ์อสู รนรกานต์…. แต่ตอนนี้หตั ถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ของ
หยุนเช่อที่ออกมานั้นกลับเป็ นสี คราม! เป็ นสี ครามเฉก
เช่นเดียวกับหยุนชางไห่!
ความเร็ วของหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์น้ นั รวดเร็ วกว่าตัวของหยุ
นเช่อยิง่ นัก ก้อนพลังมุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ วแสง... แต่ใน
สายตาของหยุนเช่อ ยังนับว่าเชื่องช้าอย่างยิง่ การไหลของเวลาดู
ราวกับเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชดั เจน ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มเบิก
กว้าง มองดูเซี่ ยวหลิงซีค่อยๆร่ วงหล่นลงมาทีละเล็กละน้อย และดู
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ที่คืบใกล้เข้าไปทุกชัว่ ขณะ... ในที่สุดเพียง
สองย่างก้าวก่อนที่เซี่ยวหลิงซีจะถึงพื้นหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ที่เต็ม
ไปด้วยความหวังของหยุนเช่อก็คว้าถึงตัวนางได้ทนั ท่วงที
ปัง!!
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ชนเข้ากับหน้าผา และคลื่นพลังงาน
ระเบิดในทันทีแต่ไม่รุนแรงนัก แรงระเบิดช่วยชะลอการร่ วงหล่น
ของเซี่ ยวหลิงซี และพัดโยนร่ างของหญิงสาวในแนวขวาง ราวกับ
ใบไม้ร่วงที่ปลิดปลิวลงสู่ พ้นื ดิน หยุนเช่อทะยานร่ างมาถึงพอดี
แขนสองข้างของชายหนุ่มกอดรัดเซี่ยวหลิงชีอย่างแนบแน่น...
ช่วงเวลานั้น ชายหนุ่มรู ้สึกราวกับตนเองสามารถปกป้องโลกทั้ง
ใบเอาไว้ได้
ปัง!!
เสี ยงดังสนัน่ ลัน่ ขึ้นคราหนึ่ง เมื่อศีรษะของหยุนเช่อซึ่งไม่มี
เวลาหยุดตนเองจากการพุง่ ทะยานมาด้วยความเร็ วชนเข้ากับหิ น
ผาอย่างรุ นแรง ชายหนุ่มร่ วงหล่นลงมาขณะที่ยงั คงกอดเซี่ยวหลิง
ซีไว้ ในอ้อมกอด เซี่ยวหลิงซีได้รับการป้องกันจากพลังยุทธ์ของ
ชายหนุ่มและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ หยุนเช่อหยัดตัวลุกขึ้นอย่าง
รวดเร็ ว อ้อมแขนของชายหนุ่มโอบกระชับเซี่ยวหลิงซีไว้แน่น ใน
ที่สุดมันล้วนได้พบนางแล้ว ทั้งสองนิ่งค้างโดยพร้อมเพรี ยง ภาพ
เหตุการณ์โดยรอบดูคล้ายดังถูกแช่แข็งไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันทุกวันคืนไม่เคยแยกห่างกันแม้ซกั
ครา สามปี ที่ผา่ นมานั้น คือสามปี ของการแยกห่างของทั้งคู่ซ่ ึงเป็ น
เวลาที่ยาวนานยากเกินจะทน ระยะเวลาสามปี ที่ผา่ น เปรี ยบดัง่
สามศตวรรษที่ผา่ นพ้นไป
เซี่ยวหลิงซี ยามนี้สีหน้าซีดเผือด ลมหายใจอ่อนแรงอย่าง
มาก ถึงแม้ร่างกายของหญิงสาวจะมิได้ตกลงสู่ พ้นื ทว่าแรงตก
รวมทั้งแรงกระแทกอันนุ่มนวลที่สุดเท่าที่เป็ นไปได้จากหัตถ์
ปราณไร้ลกั ษณ์ ส่ งผลให้พลังในร่ างและคลื่นพลังของหญิงสาว
พลุ่งพล่านปั่นป่ วน อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ หากมิใช่
ความปาารถนามุ่งมัน่ ในการมองหน้าของหยุนเช่อสักครา
เมื่อก่อนหน้านี้ หญิงสาวสมควรสิ้ นสติไปนานแล้ว
หญิงสาวจ้องมองมายังหยุนเช่อ สายตาของนางพร่ ามัวด้วย
เมฆหมอกราวอยูใ่ นความฝัน ดวงตาของหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้
เต็มไปด้วยความปรารถนาตกตายกลับถูกแทนที่ดว้ ยประกายที่จะ
มีชีวติ อยูต่ ่อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น...ความยินดี ความพึงพอใจ ความ
หวัน่ ไหว ความสํานึกขอบคุณ...หญิงสาวรับรู ้ถึงร่ างกายของตนที่
อยูภ่ ายในอ้อมอกแน่นหนาของหยุนเช่อ ช่างเป็ นความรู ้สึกอันคุน้
ชินเช่นเก่าก่อน หากแต่ครั้งนี้ ระยะเวลาได้ล่วงผ่านมาเนิ่นนาน
นับจากครั้งสุ ดท้าย...หญิงสาวทิ้งตัวลงอย่างสงบสุ ขภายในอ้อม
แขนของชายหนุ่ม นางไม่รับรู ้ถึงสุ ม้ เสี ยงอื่นใด ไม่รับรู ้ถึงความ
อ่อนล้าและเจ็บปวดใดๆของร่ างกายอีกต่อไป ลืมเลือนภยันตราย
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้ประสบมาจนหมดสิ้ น...ภายในใจ มีเพียง
ความผ่อนคลาย ความอบอุ่น และความสุ ขสงบที่มีเพียงหยุนเช่อ
จึงสามารถทําให้นางได้สมั ผัสถึงเท่านั้น...
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมือเรี ยวเล็กสี
ขาวราวหิมะ งดงามราวสลักจากหยก ค่อยๆ เอื้อมขึ้นไปบนหน้า
ของหยุนเช่อ และพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “เช่อน้อย...ในที่สุด...
เจ้าก็กลับมา”
เพียงประโยคเบาๆ ไม่กี่คาํ สําหรับหยุนเช่อ ล้วนทําให้ชาย
หนุ่มสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและการเฝ้ารอคอยอันยาวนานที่
ยิง่ ใหญ่ท่วมท้นราวคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร นํ้าตาของหยุนเช่อเอ่อ
ท้นโดยทันที มือของเซี่ยวหลิงซีร่วงลงในชัว่ ขณะนี้ เนื่องเพราะ
หญิงสาวพลันหมดสติไป
ตลอดสามปี ที่ไม่ได้พบเจอ เซี่ยวหลิงซีสูงขึ้นเล็กน้อย เอว
ของหญิงสาวทั้งบอบบางทั้งอ่อนนุ่ม การโอบประคองหญิงสาว
ให้ความรู ้สึกบางเบาเหมือนผ้าไหมที่ไร้น้ าํ หนัก จากหญิงสาวอายุ
สิ บห้าปี เติบโตมาเป็ นหญิงสาวอายุสิบแปดปี ที่แสนงดงามทว่า
กลับบอบบางยิง่ ตลอดสามปี ที่มีค่าของหญิงสาวนั้น ที่ตอ้ ง
ประสบพบเจอคือความโดดเดี่ยวอันสุ ดทานทน ความทุกข์ตรมน่า
เวทนา เช่นเดียวกับความคิดคํานึงที่เคี่ยวกรํา และความโหยหาที่
อยูเ่ คียงข้างตลอดทุกวันคืน
หยุนเช่อลุกขึ้นยืนและเงยหน้ามองสู่ เบื้องบนไปยังตําหนัก
กําเนิดฟ้า ชายหนุ่มพบเห็นร่ างเงาสองร่ างกําลังทอดสายตามองลง
มา... นัน่ คือเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง และเฟิ นเจวีย๋ เฉิน!
ชายหนุ่มปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟันออกมาอย่างรุ นแรง ความ
ไม่พอใจภายในจิตใจของชายหนุ่มเปรี ยบดัง่ คลื่นยักษ์อสู รกายใน
ห้วงมหาสมุทร อย่างไรก็ตาม หยุนเช่อหักห้ามเจตนาฆ่าฟันและ
ความเกลียดชังนั้น ชายหนุ่มโอบประคองเซี่ยวหลิงซีไว้ก่อนจะ
เรี ยกหงส์หิมะออกมาแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกทันที….
หยุนเช่อมิอยากกลับไปต่อสู ต้ ่อ... ชายหนุ่มเพียงต้องการให้
อาหญิงเล็กปลอดภัยจึงต้องไปจากที่แห่งนี้ให้เร็ วที่สุด! ต่อให้
ความโกรธแค้นและความไม่พอใจมีมากกว่านี้นบั ล้านเท่าก็ไม่
เพียงพอและสําคัญไปกว่าความปลอดภัยของเซี่ยวหลิงซี ในขณะ
ที่หยุนเช่อพาเซี่ยวหลิงซีไปนั้น ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าก็มีการ
เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ “ปรับใช้ขบวนค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญ
ดาราเดี๋ยวนี้!!” เฟิ นต้วนหุนคํารามลัน่ หลังจากได้เห็นฉากน่า
สังเวชของผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักกลายเป็ นกองซากศพ เฟิ นต้วน
หุนไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป นํ้าเสี ยงที่พดู ออกมานั้นทั้งสัน่
สะท้านทั้งดุดนั รุ นแรง
เฟิ นม่อจี๋ ที่กาํ ลังตะลึงงันอยูน่ ้ นั พลันสะดุง้ คืนสติทนั ที
หลังจากได้ยนิ คําสัง่ ของเฟิ นต้วนหุน และรี บกล่าวว่า “แต่.. ท่าน
ผูน้ าํ ค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราควรจะใช้เมื่อพบกับศัตรู ที่อาจ
ทําให้เราพินาศ อีกทั้งค่ายกลนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และ
ต้องใช้เวลาสามร้อยปี ในการสร้างอีกครั้ง”
“แล้วศัตรู ที่อยูต่ ่อหน้าเราตอนนี้น้ นั ยังมิอาจนําเราไปสู่
ความพินาศได้รึ?” เฟิ นต้วนหุนคํารามกัดฟันแน่น “หยุนเช่อ ต้อง
ตาย! มิเช่นนั้น หากมันรอดไปได้วนั นี้ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของ
พวกเราจะต้องพบกับภัยพิบตั ิแห่งการล่มสลายในอนาคตแน่!!
เร็ ว ไป!”
“พวกเจ้ าทั้งหมด ไป!!!!”
หยุนเช่อขับขี่หงส์หิมะโบยบินไปด้วยความรวดเร็ ว เพราะ
หงส์หิมะนั้นเหนื่อยล้าจากการบินไม่หยุดตลอดสามพันกิโลเมตร
หลังจากเรี ยกใช้อีกครั้ง ความเร็ วของมันมิได้เร็ วอย่างเคย อีกทั้ง
ระดับความสู งของการบินก็นอ้ ยกว่าสามสิ บเมตร ทว่าสถานที่ที่
ชายหนุ่มมุ่งไปนั้นไม่มีผอู ้ าวุโสคนใดพุง่ เข้า กลับกัน พวกมัน
ทั้งหมดเหิ นร่ างหลบหลีก ปล่อยให้ชายหนุ่มออกไปตาม
ต้องการ…. หยุนเช่อในยามนี้ลว้ นเหนื่อยล้าสิ่ นเรี่ ยวแรง อีกทั้งยัง
มีบุคคลอยูใ่ นอ้อมอก นับว่าเป็ นโอกาสที่ดีที่สุดของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าที่จะโจมตีชายหนุ่ม
เวลานี้จู่ๆก็มีเสี ยงเตือนจากจัสมินดังก้อง “ค่ายกลการโจมตี
ด้วยลมปราณที่พร้อมโจมตีปรากฏขึ้นข้างหน้าอย่างฉับพลัน ค่าย
กลนี้เพียงพอที่จะสามารถโค่นผูท้ ี่มีลมปราณจักรพรรดิข้นั สู ง”
คําพูดของจัสมินนั้นทําให้หยุนเช่อหัวใจสัน่ สะท้านเย็น
เยียบขึ้นมาทันที …. สามารถโค่นล้มผูท้ ี่มีปราณชั้นจักรพรรดิข้นั
สู งได้? ภายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ถึงกับมีค่ายกลที่น่าเกรงขาม
เช่นนี้ซุกซ่อนอยู?่ อย่างที่คิด หนึ่งในสี่ พรรคมหาอํานาจล้วนไม่
อาจดูแคลนได้
“อย่างไรเสี ย...” เสี ยงของจัสมินผ่อนเบาลงและตามมาด้วย
การเยาะเย้ยเหยียดหยาม “ค่ายกลนี้…. คือค่ายกลปราณอัคคี
บริ สุทธิ์!”
หลังจากจัสมินพูดจบพลันเกิดค่ายกลมหยุทธเพลิงสี ม่วง
โผล่ออกมาจากพื้นดินเบื้องล่างใต้ฝ่าเท้าของหยุนเช่อก่อนจะหมุน
วนอย่างรวดเร็ ว สุ ดขอบของค่ายกลบังเกิดเสาอัคคีสีม่วงกว่า
สามสิ บเสาปะทุข้ ึนอย่างกระทันหันขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า แต่ละเสาหนาห้า
ฟุต สู งกว่าร้อยเมตร ล้อมรอบหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีที่ยงั คง
ไม่ได้สติอยูใ่ จกลาง
บทที่ 336 พรรคอัคคีผลาญฟ้าทีใ่ กล้ล่มสลาย

ภายใต้ค่ายกลลมปราณที่หมุนวนและเสาอัคคีอีกหลายสิ บ
พุง่ เป็ นระลอกไปบนฟ้าได้ปิดกั้นเส้นทางด้านหน้าและเส้นทาง
หลบหนีของหยุนเช่อทั้งหมด มวลความร้อนสูงที่ถูกปล่อยออกมา
จากเสาอัคคีพวกนี้เหนือกว่าที่ผา่ นมาอย่างมหาศาล น่าหวาดหวัน่
กว่าอัคคีผลาญฟ้าจากผูอ้ าวุโสที่ได้ปะทะกันด้วยกระบี่กบั หยุ
นเช่อ
ภายนอกค่ายกล ปรากฏสุ ม้ เสี ยงขู่คาํ รามด้วยความโกรธ
แค้นดังมาให้ได้ยนิ “หยุนเช่อ ดูซิวา่ เจ้าจะหยิง่ ผยองไปได้ซกั กี่
มากน้อย! เมื่อค่ายกลนวลมปราณดาวหมีใหญ่ไม่สามารถ
จัดการเจ้าได้ เช่นนั้น จงเข้ามารับความตายด้วยค่ายกลอัคคีสวรรค์
ผลาญดาราซะ! สามารถตกตายภายใต้อคั คีสวรรค์ผลาญดารานี้
นับว่าเจ้าไม่เสี ยชาติเกิดแล้ว! ที่บรรจุอยูใ่ นค่ายกลนี้ คือเพลิงอัคคี
ขั้นสู งสุ ดของของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา ภายใต้อคั คีสวรรค์
ชนิดนี้ เจ้าล้วนต้องร่ างแหลกสลายเป็ นเถ้าถ่าน...ในพริ บตา!!”
ตูม!!
เสาอัคคีหลายสิ บต้นพลันแตกระเบิดโดยกะทันหัน หลอม
รวมเป็ นทะเลเพลิงสี ม่วงอันลึกลํ้าท่วมท้นเติมเต็มพื้นที่ท้ งั หมดใน
ค่ายกล กักหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีเอาไว้ภายใน
ตราผนึกค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราที่ใต้เท้าหมุนวนอย่า
รวดเร็ วถึงขีดสุ ด เร่ งเร้าอัตราการเผาผลาญของอัคคีสวรรค์ให้เผา
ไห้มอย่างบ้าคลัง่ ทุกสิ่ งทุกอย่างภายใต้ค่ายกลล้วนถูกเผาผลาญ
ด้วยคลื่นรังสี อนั ร้อนแรง กลิ่นไหม้เกรี ยมกลบกลืนไปทัว่ ทั้ง
บริ เวณ หากกลับไม่ปรากฏประกายเปลวไฟแม้ส่วนเสี้ ยวที่
สามารถลามเลียออกมานอกเขตผนึก เปลวเพลิงทั้งหมดเพียงลุก
โชติช่วงอยูใ่ นผนึก สู บกลืนทุกสิ่ งทุกอย่างเข้าไปในวงล้อมอัคคี
โดยไม่มีท่าทีจะมอดดับ ภายในค่ายกลไม่ปรากฏสิ่ งอื่นใด ที่
หลงเหลือมีเพียงเปลวไฟเท่านั้น
“ในที่สุด...ก็ตายซะที!”
ดาบผลาญฟ้าร่ วงหล่นลงบนพื้นอย่างไร้พลังทีละเล่ม ทีละ
เล่ม เหล่าอาวุโสและเจ้าตําหนักทั้งหลายต่างทิ้งตัวลงนัง่ กับ
พื้นดิน เหม่อมองไปยังเลือดเนื้อเลอะเลือนที่กระจัดกระจาย
รวมทั้งเปลวไฟสี ม่วงที่แผ่ลามไปทัว่ บริ เวณอย่างไร้คาํ พูด
”จากบันทึกของบรรพบุรุษ อัคคีสวรรค์ผลาญดาราสามารถ
โค่นล้มยอดยุทธืช้ นั ลมปราณจักรพรรดิข้นั สู งได้อย่างง่ายดาย หยุ
นเช่อต้องตายแน่นอน ยามนี้ มันสมควรเปลี่ยนเป็ นเถ้าถ่านไป
เรี ยบร้อยแล้ว” เฟิ นม่อจี๋ทอดถอนหายใจหนักก่อนจะกล่าวกลับ
เฟิ นต้วนหุน
เฟิ นต้วนหุนเองทรุ ดร่ างลงกองกับพื้นราวอัมพาตเช่นกัน...
หยุนเช่อตกตายแล้ว การถูกเผาผลาญโดยอัคคีสวรรค์ผลาญดารา
เช่นนี้ มันล้วนไม่มีทางรอดชีวติ ค่ายกลนี้สามารถเรี ยกเป็ น
ปราการป้องกันด่านสุ ดท้ายที่แข็งแกร่ งที่สุดของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า หากวันใดตระกูลได้รับการรุ กรานจากศัตรู ที่มีพลัง
เหนือกว่าอย่างมหาศาล ทันทีที่ใช้ค่ายกลนี้ออก ล้วนสามารถเผา
ทําลายหมู่อริ ท้งั หลายได้จนหมดสิ้ น...ทว่าวันนี้ กลับต้องถูก
บังคับใช้ออกเพื่อจัดการผูค้ นเพียงคนเดียว...ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ น
เพียงผูเ้ ยาว์อายุสิบเก้าปี ผูห้ นึ่ง!!
ทั้งก่อนหน้านั้น เหล่าผูอ้ าวุโสของตระกูล เจ้าตําหนัก
รวมทั้งศิษย์อีกจํานวนไม่นอ้ ย ล้วนตกตายภายใต้เงื้อมมือของผู ้
บุกรุ ก
เพียงวันเดียว ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่สามารถเรี ยกลมเรี ยก
ฝนได้ในอาณาจักรวายุครามแห่งนี้ กลับต้องเผชิญฝันร้ายอันน่า
พรั่นพรึ ง...ขุมกําลังทั้งหมดของพวกมันล้วนถูกทําลายอย่างสาหัส
และอาจไม่สามารถฟื้ นฟูกลับมาได้อีกเลยก็เป็ นได้
เหม่อมองหยุนเช่อที่ถูกอัคคีสวรรค์แผดเผาจนดับดิ้น มันไม่
เพียงไม่สามารถหัวเราะออกมาแม้เพียงครึ่ งคํา หากมันกลับ
ต้องการเปล่งเสี ยงรํ่าไห้สะอึกสะอื้นรอบหนึ่งมากกว่า ภายในใจ
ของมัน มีเพียงความโศกาอาดูรอย่างวสุ ดแสน หากให้มนั มี
โอกาสเลือกครั้งที่สอง แม้จะต้องลดเกียรติลดศักดิ์ศรี สกั เพียงใด
เพื่อประนีประนอมต่อหยุนเช่อครั้งแล้วครั้งเล่า มันล้วนไม่
ต้องการล่วงเกินหยุนเช่อแม้เพียงกระผีกริ้ น
“ท่านผูน้ าํ ตระกูล ท่านเป็ นอะไรไป?”
ผูอ้ าวุโสประจําตระกูลสองสามคนก้าวเดินเข้ามา ก่อนจะ
กล่าวถามพร้อมหอบหายใจหนักหน่วง ร่ างกายของพวกมัน
เกลื่อนด้วยรอยแผล ทั้งหมดมีสีหน้าหนักอกหนักใจ ไม่มีผใู ้ ด
แสดงสี หน้ายินดีเลยแม้แต่ผเู ้ ดียว
“เฮ้อ หากท่านอดีตผูน้ าํ ตระกูลและท่านอดีตหัวหน้าผู ้
อาวุโสอยูท่ ี่นี่ หากเป็ นเช่นนั้น พวกเราล้วนไม่ตอ้ งเกรงกลัวหยุ
นเช่อผูน้ ้ ีแล้ว ทั้งยังไม่ตอ้ งถูกบีบคั้นถึงขั้นนี้...”
“ท่านอดีตผูน้ าํ และอดีตผูอ้ าวุโสต่างตัดประสาทสัมผัสทั้ง
ห้า เก็บตัวฝึ กตนมาเนิ่นนาน ไม่ยงุ่ เกี่ยวเรื่ องราวในพรรค
นอกจากพวกมันปรากฏตัวออกมาเอง มิเช่นนั้น...เฮ้อ”
“อย่าได้กล่าวแล้ว” เฟิ นต้วนหุนโบกมือ ก่อนจะหยัดกายลุก
ขึ้นอย่างทุลกั ทุเลพร้อมกล่าวหนักว่า “เรี ยกรวมเหล่าศิษย์ สะสาง
สถานที่ ตระเตรี ยมงานไว้อาลัยแด่ผทู ้ ี่เสี ยชีวติ ทั้งผูอ้ าวุโสและเจ้า
ตําหรักทั้งหลาย...เรื่ องอื่น ค่อยหารื อกันภายหลัง”
“หายนะภัยในวันนี้ ถึงที่สุดแล้ว ผูท้ ่ีชกั นําให้เกิดขึ้นล้วน
แล้วแต่เป็ นพวกเราทั้งสิ้ น! ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารุ่ งเรื องเฟื่ องฟูมา
ยาวนาน นับแต่ผอู ้ าวุโสไล่เรี ยงจนถึงผูร้ ับใช้ ต่างเย่อหยิง่ ผยองใน
โลกภายนอก หากมิใช่เช่นนั้น เหตุใดจึงสามารถผูกปมความแค้น
แก่หยุนเช่อผูน้ ้ ีได้ถึงเพียงนี้! ท้ายที่สุด ยังจับตัวครอบครัวของมัน
มาเป็ นประกัน! พฤติการณ์ต่าํ ช้าเลวทราม จึงนํามาซึ่งผลกรรม
เช่นที่เราประสบอยูน่ ้ ี!” ยามเฟิ นต้วนหุนกล่าวคํา สายตาของมัน
กวาดมองไปบนใบหน้าเหล่าผุอ้ าวุโสทีละคนทีละคน ไม่วา่ ผูใ้ ดที่
สบตามันล้วนลดศีรษะลง ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็ นละอายเสี ยใจ
พฤติการณ์อนั ชัว่ ช้าที่สามารถสร้างมลทินให้แก่ชื่อเสี ยง
เกียรติภูมิอนั สู งส่ งของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หากมิใช่ได้รับการ
สนับสนุนจากสภาผูอ้ าวุโส เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งแน่นอนย่อมไม่อาจหาญ
กระทําการตามอําเภอใจแม้วา่ มันจะชิงชังหยุนเช่อถึงระดับใดก็
ตาม ผูอ้ าวุโสเหล่านี้ เนื่องเพราะกระหายใคร่ ลา้ งแค้นแก่หวั หน้าผู ้
อาวุโสและสมาชิกคนอื่นๆ ล้วนปรารถนาใคร่ ฉีกเนื้อหยุนเช่อ
เป็ นชิ้นๆ มานานแล้ว ดังนั้น พวกมันสนับสนุนให้จบั ตัว
ครอบครัวของหยุนเช่อมาเป็ นเหยือ่ ล่อ พร้อมทั้งปิ ดบังเรื่ องนี้จาก
เฟิ นต้วนหุน…
ทั้งยังเนื่องจากการตัดสิ นใจของพวกมันทั้งหมด ทําให้
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องประสบมหันภัยร้ายแรงเช่นนี้...ศิษย์ใน
ตระกูลกว่าหลายพัน รวมผุอ้ าวุโสอีกหลายสิ บคน และเหล่าเจ้า
ตําหนักทั้งหลายต้องกลับกลายเป็ นซากศพ ยิง่ กว่านั้น ยัง
สิ้ นเปลืองค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราออกไปเช่นนี้
หากสรรหาผูร้ ับผิดแล้ว พวกมันนับเป็ นคนบาปของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าอย่างแท้จริ ง
เหล่าผูอ้ าวุโสแยกย้ายสลายตัวไปทีละคน พวกมันนําพา
เหล่าศิษย์สะสางบริ เวณพื้นที่ภายในตระกูลที่อยูใ่ นสภาพ
อเนจอนาถ ชัว่ พริ บตา ผ่านไปร่ วมสิ บนาที อารมณ์ความรู สึกของ
ศิษย์ในตระกูลต่างสงบลงบ้างเล็กน้อย อัคคีสวรรค์สีม่วงยังคงเผา
ผลาญโชติช่วง ไม่มีวแ่ี ววว่าจะมอดดับลง...ตามบันทึกของตระกุล
อัคคีสวรรค์ในค่ายกลจะเผาผลาญต่อเนื่องไปกว่าสิ บห้านาที
ชัว่ เวลานี้เอง สายตาของผูอ้ าวุโสท่านหนึ่งพลันจ้องมองไป
ยังเปลวไฟกลุ่มหนึ่งภายในค่ายกลก่อนจะส่ งเสี ยงที่เต็มไปด้วย
ความประหลาดแปลกใจสุ ดแสนออกมา “ดูนน่ั เร็ ว พวกเจ้า เปลว
ไฟในผนึกดูไปแปลกประหลาดอยูบ่ า้ ง”
เปลวเพลิงในค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราเผาไหม้อย่าง
เงียบงันเสมอมา ทะเลเพลิงที่ลุกไหม้แผ่กระจายอย่างสมํ่าเสมอ
ทว่ายามนี้ ทะเลเพลิงกลับปั่นป่ วนด้วยลําอัคคีสายแล้วสายเล่า
ปริ มาณคลื่นพลังเปลวเพลิงเพิม่ สู งขึ้น ทะยานขึ้นสูงลดลงตํ่าด้วย
ระดับความหนาแน่นเป็ นชั้นๆ ราวกับมันกําลังเผชิญการขัดขวาง
จากบางสิ่ งบางอย่าง
ฉับพลันทันใด ทะเลอัคคีสวรรค์สีม่วงกลับค่อยๆ เคลื่อน
สู งขึ้นราวถูกยกด้วยบางสิ่ งบางอย่าง...ถูก! ทะเลอัคคีท้ งั แผ่นผืน
กําลังถูกลกลอยขึ้นอย่างช้าๆ ยิง่ กว่านั้น เปลวไฟสี ม่วงยิง่ มายิง่
เลื่อนสูงขึ้นไป จากครึ่ งฟุต เป็ นหนึ่งฟุต สองฟุต...ยกระดับขึ้น
ด้วยอัตราความเร็ วอันคงที่
ฉากเหตุการณ์อนั แสนลึกลับยากต่อการอธิบายที่เบื้องหน้า
ส่ งผลให้ผคู ้ นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต่างโง่งมในทันที ทั้งหมด
ดวงตาเบิกกว้างโปนโต ไม่สามารถเปล่งเสี ยงพูดใดๆ ออกมา
แม้แต่คาํ เดียว ชัว่ ขณะแรก พวกมันต่างคาดคิดว่าพวกมันกําลัง
มองเห็นบางสิ่ ง….ทว่า คนผูห้ นึ่งสามารถเห็นภาพหลอนล้วนเป็ น
เรื่ องปกติ แต่หากทุกผูค้ นเห็นภาพหลอนเช่นเดียวกัน เช่นนั้น นัน่
นับเป็ นภาพหลอนจริ งหรื อไม่?
ทะเลเพลิงยังคงลอยตัวขึ้นไปเรื่ อยๆ กระทัง่ ถึงระดับ
ส่ วนสู งของผูค้ นที่ยนื อยูบ่ นพื้น….เบื้องล่างทะเลอัคคีอนั แผดเผา
เงาร่ างผูค้ นที่ที่ถูกอาบย้อมด้วยแสงสะท้อนของเปลวไฟสี ม่วงเจิด
จ้าปรากฏขึ้น ฝ่ ามือซ้ายของมันยังคงโอบรัดหญิงสาวอ่อนแอบอบ
บางที่ไร้ซ่ ึงสติสมั ปชัญญะนางหนึ่ง ฝ่ ามือขวายกชูข้ ึนสู ง และ
เหนือจากฝ่ ามือข้างนั้น...คือทะเลอัคคีสีม่วงอันร้อนแรงนัน่ เอง!
“หยุน...หยุนเช่อ!!”
“นัน่ มันหยุนเช่อ!!”
เสี ยงร้องตะโกนด้วยความประหวัน่ ดังขึ้นมาให้ได้ยนิ จาก
ทุกสารทิศ...หยุนเช่อที่พวกมันเชื่อมัน่ ว่าถูกเผาเป็ นเถ้าถ่านไป
แล้วภายในค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญฟ้ากลับยังคงมีชีวติ อยู!่ ไม่
เพียงยังไม่ตาย ถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่นอ้ ย! ทั้งเสื้ อผ้า
ผมเผ้า รวมทั้งเด็กสาวในอ้อมกอดของมันไม่มีแม้รอยขีดข่วน
เปลวเพลิงที่ถูกจุดขึ้นโดยค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญฟ้านี้ร้อนแรง
แผดเผาจนสามารถเผาผลาญยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิข้นั
สู งจนสิ้ นชื่อได้ของตระกูล...กลับกําลังถูกยกขึ้นด้วยฝ่ ามือข้าง
เดียวของหยุนเช่อจริ งๆ!
ภาพเหตุการณ์น้ ีส่งผลให้ศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทั้งผุ ้
อาวุโสและเต้าตําหนักทั้งหมด ล้วนหวาดผวาจนความกล้า
ทั้งหมดในอกของพวกมันแทบถูกระเบิดหายไปสิ้ น
“เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้
...เป็ นไปไม่ได้!! เรื่ องเช่นนี้จะเป็ นไปได้เยีย่ งไร!!” ทัว่ ร่ างของ
เฟิ นต้วนหุนแทบกลับกลายเป็ นชาด้าน คําว่า “เป็ นไปไม่ได้” ถูก
เอ่ยออกมาจากปากของมันติดต่อกันถึงห้าครั้ง มัน - ในฐานะผูน้ าํ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากลับกําลังยืนตัวสัน่ ไปทั้งร่ างด้วยรู ม่านตาที่
หดเล็กลง...เปลวอัคคีผลาญฟ้าอันน่าหวาดหวัน่ กลับไม่สามารถ
ทําอันตรายหยุนเช่อได้แม้เพียงน้อยนิด ทั้งยังถูกชายหนุ่มยกลอย
ขึ้น กลับกลายเป็ นเปลวเพลิงในอุง้ มือของมันอีกด้วย! ชัว่ เวลานี้
เงาร่ างของหยุนเช่อที่อาบชโลมด้วยเปลวเพลิงสี ม่วง ล้วนดูราว
กับเทพอัคคีผไู ้ ด้รับการสดุดีจากสรวงสวรรค์ ส่ งผลให้ภายในใจ
และจิตวิญญาณของทุกผูค้ นสัน่ สะท้านด้วยความเกรงกลัว
ยามที่จสั มินกล่าวว่า ค่ายกลโจมตีน้ ีเป็ นค่ายกลปราณอัคคี
บริ สุทธิ์ ความวิตกกังวลทั้งปวงของหยุนเช่อล้วนมลายหายไป
ชายหนุ่มปล่อยให้ตนเองถูกล้อมด้วยเปลวเพลิงโดยปราศจากการ
ต่อต้าน ภายในทะเลเพลิง ชายหนุ่มเก็บหงส์หิมะเข้าสู่ ผนึก ก่อน
จะผลักดันเปลวไฟทั้งหมดออกห่าง มิให้เซี่ยวหลิงซีได้รับ
อันตราย ขณะเดียวกัน ด้วยความสามารถควบคุมเปลวไฟอันไร้
ขีดจํากัดของเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุอคั คี หลังผ่านไปร่ วมสิ บ
นาที หยุนเช่อล้วนสามารถบงการเปลวไฟเหล่านี้เป็ นของตนเอง
ได้สาํ เร็ จ
“จะฆ่าข้างั้นรึ ? พวกเจ้ายังไม่คู่ควร!!” หยุนเช่อฉี กยิม้ สี
หน้าท่าทีเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความเคียดแค้นบ้าคลัง่ “คิด
จะฆ่าข้าด้วยค่ายกลอัคคีกระจอกเช่นนี้? นับว่าเป็ นความเพ้อฝัน
ของคนโง่เง่าโดยแท้...ข้าเพียงต้องการทะลวงหนทางหลบหนีใน
คราแรก แต่ขา้ เปลี่ยนใจแล้ว ข้าพลันอยากรู ้ข้ ึนมาว่า ภาพทิวทัศน์
จะวิเศษสักเพียงใด...หากก้อนเปลวไฟนี้ถูกขว้างลงใส่ ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าของเจ้าแทน!”
คํากล่าวของหยุนเช่อ ล้วนไม่ต่างจากถ้อยคําของปี ศาจร้าย
สี หน้าของทุกผูค้ นในที่น้ นั แปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างรุ นแรง
รัศมีความหวาดกลัวลึกลํ้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน
“จะ-เจ้า..เจ้ากล้า!!” ผูอ้ าวุโสท่านหนึ่งคํารามเสี ยงกึกก้อง
ทว่าฝี เท้าของมันกลับถดถอยหลังอย่างสัน่ เทาด้วยความหวาดกลัว
ก่อนจะเสี ยหลักทรุ ดลงนัง่ กับพื้น ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้านราวใบไม้แห้ง
เหี่ ยวที่ปลิดปลิว แม้ทะเลอัคคีเมื่อครู่ จะทรงอานุภาพน่า
หวาดหวัน่ ทว่าทั้งหมดล้วนถูกกักไว้ภายในผนึกอัคคีสวรรค์
ผลาญดารา ทั้งยังไม่อาจรั่วไหลออกมาได้ แต่หากอัคคีสวรรค์ถูก
ขว้างเข้าใส่ ตระ◌ู ลอัคคีผลาญฟ้าจริ งๆ ทั้งหมดทั้งมวลต้องแปร
เปลี่ยนเป็ นหายนะภัยอันใหญ่หลวง เปลวอัคคีสวรรค์ยอ่ มต้องเผา
ผลาญอย่างบ้าคลัง่ แพร่ กระจายท่วมท้นเข้าสู่ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เปลวอัคคีสวรรค์ที่บรรจุอยูภ่ ายในค่ายกลนี้ ล้วนเพียงพอในการ
กวาดทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าให้ราบไปครึ่ งหมู่บา้ น! ทุกผูค้ น
ในที่น้ ี หากถูกกักไว้ภายในอัคคีสวรรค์ ล้วนไม่มีผใู ้ ดสามารถรอด
ชีวติ ออกไปได้!
หากกลุ่มอัคคีสวรรค์น้ ีถูกหยุนเช่อสลัดเหวีย่ งออก...เช่นนั้น
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าสมควรถึงกาลจบสิ้ นเป็ นแน่!!
“หื มม์? เจ้ากําลังบอกว่า..ข้าไม่กล้า?” หยุนเช่อหรี่ ตาเล็กลง
จ้องมองไปยังผูอ้ าวุโสที่เอ่ยวาจาเมื่อครู่ ทัว่ ร่ างของผูอ้ าวุโสสัน่
สะท้าน ริ มฝี ปากสัน่ ระริ ก ไม่กล้าเอื้อยเอ่ยคําใด
“หยุด...หยุด!!” เฟิ นต้วนหุนยืน่ ฝ่ ามือออกมาทางหยุนเช่อ
สองตาของมันแดงฉานดุจโลหิต มันกล่าวออกมาด้วยนํ้าเสี ยงอัน
สัน่ สะท้าน “หยุนเช่อ...พวกเราสามารถเจรจา พวกเราล้วน
สามารถหารื อกันได้..อย่าได้ววู่ าม!”
“เฮอะ! ข้าไม่มีส่ิ งใดว่ากล่าวกลับสุ นขั เฒ่าอัคคีผลาญฟ้าเช่น
พวกเจ้า!!”
“ไม่...ไม่ไม่!!” เฟิ นต้วนหุนโบกมืออย่างบ้าคลัง่ ใบหน้า
ของมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์สุดขีดด้วยความหวาดผวา “ในโลกนี้
ไม่มีความแค้นใดที่มิอาจชําระสะสาง...ดับ...ดับไฟในมือของเจ้า
ลงซะ ทุกอย่างล้วนสามารถปรึ กษาหารื อกัน ทุกเรื่ องราวล้วน
สามารถสะสางได้...ความผิดที่ก่อขึ้น พวกเราล้วนต้องแบกรับไว้
...สําหรับเรื่ องราวก่อนหน้านี้ ข้าย่อมต้องขอขมาต่อครอบครัว
ของเจ้าอย่างเหมาะสม ขอเพียงเอ่ยปาก...แม้ตอ้ งแลกด้วยชีวติ ของ
ข้า ข้าย่อมต้องทําตามความประสงค์ของเจ้าให้ได้!!”
คําพูดทั้งหมดนี้ เป็ นผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าออกปากด้วย
ตนเอง ในจุดยืนของตระกูลแล้ว นี่ลว้ นเป็ นคําสัตย์และศักดิ์ศรี
ของสํานักทั้งหมด ทว่า ที่เฟิ นต้วนหุนกําลังเผชิญ คือความเสี่ ยง
ในการล้างผลาญสํานักของมันจนสิ้ นซาก หากสามารถรักษา
รากฐานของสํานักไว้ได้ แม้ตอ้ งกล่าววาจาที่น่าอับอายกว่านี้สกั
สิ บเท่า มันล้วนยินยอมพร้อมใจ
สิ่ งที่เฟิ นต้วนหุนได้รับจากการประนีประนอมและลดตัวลง
ร้องขอความเมตตาจากหยุนเช่อ คือรอยยิม้ เย็นชาหนึ่งรอย ทว่า
พลังอํานาจมหาศาลนี้จะสามารถควบคุมได้โดยง่ายเช่นไร ? การ
อดทนถึงขั้นนี้ลว้ นนับเป็ นขีดจํากัดของหยุนเช่อเช่นกัน หากหยุ
นเช่อยังไม่ดบั เพลิงลงภายในสามลมหายใจ ทะเลอัคคียอ่ มระเบิด
ออกที่เบื้องบนศีรษะของชายหนุ่มอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจ้อง
มองไปยังอาหญิงเล็กที่สลบไสลไม่ได้สติ ภายในดวงใจเจ็บปวด
เกินทานทน ความหวาดกลัวที่ยงิ่ ใหญ่กว่าคือความหวาดหวัน่ ลึก
ลํ้าว่าเหตุการณ์น้ ีจะเกิดขึ้นซํ้ารอยอีกครั้ง เนื่องเพราะตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า เซี่ ยวหลิงซีและหยุนเช่อแทบต้องพรากจากกันจนชัว่ นิ
รันดร์ ท่านปู่ ของตนยังคงอยูใ่ นมือของพวกมันโดยไม่ทราบเป็ น
ตายร้ายดีเช่นกัน เมื่อครุ่ นคิดคํานึงถึงตอนนี้ เพลิงโทสะของหยุ
นเช่อพลันลุกฮือโหม ชายหนุ่มเปล่งเสี ยงคํารามลัน่ อย่างดุดนั
“ความผิดที่เจ้าก่อ...ต้องชดใช้ดว้ ยการทําลายล้าง! พวก..เจ้ า...
ทั้งหมด...ตายซะ!!!!!”
จบคํา หยุนเช่อกวัดแกว่งแขนของมันอย่างเร่ งร้อน กลุ่ม
ก้อนของทะเลอัคคีที่อดั แน่นด้วยคลื่นความร้อนแผดเผาท่วมท้น
ท้องฟ้าพุง่ ไปเบื้องหน้า โดยมีสายตาสิ้ นหวังจํานวนนับไม่ถว้ น
เบิกกว้างจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...
บทที่ 337 ผู้นําตระกูลรุ่นก่อน เฟิ นอีเ้ จี๋ย

ตามติดมาพร้อมกิริยาเหวีย่ งสะบัดแขนของหยุนเช่อ ทะเล


อัคคีสวรรค์จากผนึกอัคคีสวรรค์ผลาญดาราทะลักท่วมท้นไป
ด้านหน้าราวภูเขาไฟอันเดือดพล่าน ชัว่ พริ บตานั้น ทุกผูค้ นใน
ตระกูลกรี ดร้องออกมาอย่างเสี ยขวัญโดยไม่อาจควบคุม ราวกับ
วันสิ้ นโลกมาถึงพวกมันแล้ว
“มารร้าย เจ้ากล้า!!”
ชัว่ ขณะนี้เอง ปรากฏเสี ยงคํารามดังลัน่ ราวสายอสนีบาต
ฟาดทลาย ส่ งผลให้ผคู ้ นหูลนั่ อึงอลด้วยความตระหนก หยุนเช่อ
เบนสายตามองไปด้านหน้า...บุรุษวัยประมาณสี่ สิบถึงห้าสิ บปี
สองคนในชุดสี เพลิงเหิ นร่ างเข้ามาอย่างรวดเร็ ว เปลวไฟสี ม่วงลุก
ท่วมร่ างของทั้งคู่ ทั้งสองรวดเร็ วราวสายฟ้า เพียงพริ บตา ล้วน
บรรลุถึงผืนทะเลเพลิงสวรรค์ บุคคลทั้งคู่ยนื่ เหยียดฝ่ ามือออกโดย
พร้อมเพรี ยง ริ มฝี ปากปลดปล่อยเสี ยงคํารามกึกก้อง ประสานพลัง
ผลักดันเข้าใส่ อคั คีสวรรค์กอ้ นนั้น
ตูมมมม~~~~~
คลื่นเสี ยงครื นครั่นสนัน่ แก้วหูระเบิดออกอย่างรุ นแรง ก้อน
เปลวเพลิงสี ม่วงพลันหยุดลง ณ ที่น้ นั จากนั้น เปลวไฟทั้งหมด
หมุนเปลี่ยนทิศทางไปทางทิศตะวันออก ก่อนจะปลิวไปตกลงยัง
ที่ห่างไกลกว่าพันเมตรท่ามกลางสายตาของผูค้ นจํานวนนับไม่
ถ้วน
ตูมมม!!!!
พร้อมกับคลื่นเสี ยงสัน่ สะท้านรุ นแรง ประกายแสงสี ม่วง
ของอัคคีสวรรค์พงุ่ ทะยานสู่ ทอ้ งฟ้า เผาผลาญห้วงนภากาศจนแดง
ฉาน สามารถมองเห็นได้แม้อยูห่ ่างไกลกว่าห้าสิ บกิโลเมตร อัคคี
เพลิงแผ่ขยายอาณาเขต หลอมกลืนทุกสิ่ งโดยรอบอย่างรวดเร็ ว
ประตูใหญ่ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถูกเผาเป็ นเถ้าถ่านในพริ บตา
พื้นที่หนึ่งในสิ บของสํานักล้วนจมอยูภ่ ายใต้กองไฟ แม้จะถูกซัด
เหวีย่ งออกไปจนสุ ดขอบอาณาเขต หากยังคงสามารถสร้างความ
เสี ยหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทว่าล้วนไม่มี
ผูใ้ ดได้รับบาดเจ็บ เมื่อเทียบเปรี ยบกับตําแหน่งดั้งเดิมที่ถูกซัด
ขว้างออกโดยหยุนเช่อ ผลลัพธ์นบั ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว
บุรุษกลางคนทั้งสองที่เหวีย่ งทะเลไฟออกไปร่ อนลงมาโดย
พร้อมเพรี ยงกัน สายตาและรัศมีพลังของพวกมันต่างจับตรึ งไปยัง
ร่ างของหยุนเช่อ
“ท่านผูน้ าํ รุ่ นก่อน ท่านอดีตผูอ้ าวุโส!!”
ไม่มีศิษย์รุ่ นเยาว์ผใู ้ ดในสํานักรู ้จกั บุคคลทั้งสอง ทว่า เหล่า
ผูอ้ าวุโสรวมทั้งเจ้าตําหนักทั้งหลายต่างเปล่งสุ ม้ เสี ยงออกมาด้วย
ความปี ติยนิ ดียงิ่ บางคนถึงกับทรุ ดลงคุกเข่ากับพื้น หยาดนํ้าเอ่อ
ท่วมท้นดวงตาของพวกมัน
“หนึ่งคือชั้นลมปราณจักรพรรดิข้นั สอง หนึ่งคือชั้น
ลมปราณจักรพรรดิข้นั สี่ ...ตัวเจ้าในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องพวก
มัน หนีเร็ ว!!” จัสมินกล่าวออกมาอย่างเร่ งร้อน
หยุนเช่อขมวดคิ้วแนบแน่น และชัว่ เวลานี้เอง ชายวัย
กลางคนทางด้านซ้ายพลันพุง่ ทะยานร่ างขึ้นกลางอากาศ บน
แขนขวาของมันกลับกลายเป็ นเปลวอัคคีมงั กรเพลิงสี ม่วงบดขยี้
เข้าใส่ ทรวงอกของหยุนเช่อ
สี หน้าของหยุนเช่อแปรเปลี่ยนเป็ นเคร่ งขรึ มจริ งจัง ชาย
หนุ่มกระชับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร พลังยุทธ์ทว่ั ร่ างพลุ่งพล่านดาล
เดือด รัศมีเงาเทพสุ นขั ป่ าสี ครามปรากฏขึ้นที่ดา้ นหลัง
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี!!”
ตูม!!!!
สุ นขั ป่ าและมังกรเพลิงปะทะกันกลางอากาศ ก่อกําเนิด
เสี ยงดังลัน่ สะท้านราวสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ช้ นั เก้าฟาดผ่าลงมา
เบื้องล่าง รัศมีเพลิงสี ม่วงระเบิดออกกลางอากาศ แผ่กระจายไป
โดยรอบหลายสิ บเมตร คลื่นพลังหนักหน่วงรุ นแรงระเบิด
กระแทกเหล่าศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถอยหลังไปหลายร้อย
เมตร
ท่ามกลางประกายแสงสี ม่วง หยุนเช่อพ่นฟองโลหิ ตออกมา
เต็มคํา ร่ างกายปลิวลิ่วออกไปราวลูกกระสุ นปื นใหญ่ ตกลงไปใน
กองเพลิงสี ม่วงที่อยูห่ ่างไปหลายร้อยเมตร...ทว่าทันใดนั้นเอง
วิหคยักษ์สีขาวราวหิ มะสยายปี กโผบินขึ้นจากกองไฟ กลับ
กลายเป็ นเพียงจุดสี ขาวที่ปลายขอบฟ้าด้วยความรวดเร็ วสุ ดแสน
บุรุษกลางคนในชุดแดงค่อยๆ ร่ อนลงมาเบื้องล่างอย่างช้าๆ
ร่ างของมันไหวโอนเอนไปวูบหนึ่งขณะเหิ นลอยลงมา ใบหน้า
ปรากฏริ้ วรอยแดงพาดผ่านวูบหนึ่งอย่างไม่สามัญ ประกายในแวว
ตาเคร่ งขรึ มจริ งจังอย่างถึงที่สุด
“ตามไปเร็ ว ห้ามให้มนั หนีไปได้เด็ดขาด!” เฟิ นม่อจี๋คาํ ราม
ลัน่ สองตาจับจ้องไปยังทิศทางที่หยุนเช่อบินหนีไป
“อย่าตาม!” ชายวัยกลางคนผูย้ นื อยู่ ณ ตําแหน่งหน้าสุ ดยก
มือขึ้นห้าม สุ ม้ เสี ยงของมันนุ่มนวลเชื่องช้า ทว่าเปี่ ยมล้นด้วยพลัง
จนโลหิ ตในกายของผูค้ นแทบเยือกแข็ง “มันมิได้รับบาดเจ็บ
รุ นแรงเท่าใด หากตามไป เพียงแต่เป็ นการเอาชีวติ ไปทิ้งเท่านั้น”
กล่าวจบคํา ร่ างของมันพลันสะท้านขึ้นอย่างรุ นแรง มันยก
มือขึ้นกุมไปที่ทรวงอกของตนเองอย่างรวดเร็ ว ริ มฝี ปากเปล่ง
เสี ยงครางแหบแห้งคราหนึ่ง
“ท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน เกิดอะไรขึ้น?” เฟิ นม่อจี๋กล่าว
ด้วยความสับสน
“พลังความเข้มแข็งอันน่าตระหนกนัก” ชายวัยกลางคนมอง
ไปยังที่ไกลตา เปล่งวาจาออกมาด้วยนํ้าเสี ยงแหบพร่ า “หลังจาก
เก็บตัวฝึ กตนกว่ายีส่ ิ บปี ไม่คาดว่าจะปรากฏยอดฝี มือระดับนี้ข้ ึน
ในอาณาจักรวายุครามเราจริ งๆ”
“ดูจากอายุของมัน สมควรไม่เกินยีส่ ิ บปี ดูท่าว่าหลายปี มานี้
อาณาจักรวายุครามเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง” ชายวัย
กลางคนในชุดสี แดงอีกคนก้าวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า สี หน้าเคร่ ง
ขรึ มจริ งจังยิง่ ทั้งสองตัดสิ นใจไม่ไล่ติดตามชายหนุ่ม การเปลี่ยน
ทิศทางของกลุ่มเปลวไฟอันทรงพลังมหาศาลเมื่อครู่ มิใช่เรื่ อง
ง่ายดาย ทั้งยังนับว่าสร้างความเสี ยหายให้แก่พวกมันที่มีระดับ
พลังลมปราณชั้นจักรพรรดิอยูบ่ า้ ง ก่อนหน้านี้พวกมันทุ่มเทใช้
พละกําลังทั้งหมดออกมาเพือ่ ปัดป่ ายเปลวไฟไปด้านข้าง กระนั้น
ยังคงไม่สามารถผลักดันเปลวเพลิงร้อนแรงกลุ่มนี้ออกไปพ้น
อาณาเขตสํานักได้ หลังจากการผลักดันพลังอัคคีเมื่อครู่ ภายใน
ร่ างของมันปรากฏพลังลมปราณพลุ่งพล่านปั่นป่ วน ทั้งยังไม่อาจ
สงบลงได้จนบัดนี้ ทั้งคู่รู้จกั วิหคยักษ์สีขาวเมื่อครู่ เป็ นอย่างดี นัน่
เป็ นหงส์หิมะแห่งแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งอย่างแน่นอน แม้จะเป็ น
พวกมันเอง ยังไม่มีความสามารถไล่ติดตามหงส์น้ าํ แข็งได้ทนั
ชายวัยกลางคนทั้งสอง หนึ่งคือผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนเฟิ นอี้
เจี๋ย หนึ่งคืออดีตหัวหน้าผูอ้ าวุโสเฟิ นจื่อหยา แม้ท้ งั สองดูไปยังไม่
แก่ชราเท่าใด หากอายุจริ งล้วนมากกว่าร้อยไปแล้ว พวกมันเดิมที
หลบซ่อนตัวฝึ กวิชาอยูภ่ ายใน ไม่ยงุ่ เกี่ยวเรื่ องราวในตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าอีกต่อไป ทว่าวันนี้ ทั้งสองต่างถูกปลุกขึ้นด้วยความ
เคลื่อนไหวอันวุน่ วายภายในตระกูล
เมื่อมองไปยังกองโลหิ ต ซากชิ้นส่ วนมนุษย์กระจัดกระจาย
ตลอดจนผูบ้ าดเจ็บที่ทอดร่ างอยูบ่ นพื้น กระทัว่ หัวใจที่นิ่งสงบดุจ
นํ้านิ่งของเฟิ นอี้เจี๋ยยังถูกกระตุน้ ให้เกิดโทสะ มันกล่าวถามด้วย
เสี ยงหนักว่า “ต้วนหุน เกิดเรื่ องราวใด? บุรุษหนุ่มนั้นเป็ นผูใ้ ด?
พวกเจ้าทั้งหลายยิง่ มายิง่ เหลวไหล ประวัติศาสตร์นบั พันปี ของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา แทบถูกบุรุษหนุ่มผูห้ นึ่งกลบฝังไปจน
หมดสิ้ นแล้ว!!”
แม้เฟิ นต้วนหุนจะเป็ นผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคนปัจจุบนั
หากเกียรติภูมิของบิดามันยังคงอยู่ เมื่อรวมถึงความละอายใน
จิตใจ มันทอดถอนใจยาว ก่อนจะเล่าเรื่ องราวทั้งหมดออกมา...
————————————————
หงส์หิมะมุ่งตรงไปทางบูรพาทิศ หลังเหิ นบินไปไกลชัว่
ระยะทางหนึ่ง มันเปล่งเสี ยงครํ่าครวญอันทุกข์ทรมาณคราหนึ่ง
ร่ างของวิหคยักษ์ร่วงหล่นลงยังเบื้องล่างพร้อมปี กทั้งคู่ที่มิอาจ
ขยับเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป นําพาทั้งหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีดิ่ง
ลงยังผืนดิน
หยุนเช่อโจนทะยานออกจากหลังของหงส์หิมะโดยมี
เซี่ยวหลิงซีอยูใ่ นอ้อมแขน ก่อนจะหมุนตัวหลายตลบพร้อมทั้ง
ร่ อนลงบนพื้นดิน ทั้งหมดร่ วงลงมายังหุบผาแห่งหนึ่ง หยุนเช่อ
ทรุ ดร่ างลงนัง่ อย่างยากลําบาก...ด้านข้างชายหนุ่ม ศีรษะของหงส์
หิ มะปักทิ่มลงบนพื้นดิน ทัว่ ร่ างของมันสัน่ สะท้านด้านชาอย่างไม่
อาจควบคุม กระทัง่ เสี ยงร้องครํ่าครวญของมันยังเปลี่ยนเป็ นเสี ยง
ครางอย่างแผ่วเบาเท่านั้น
หลังผ่านการบินอย่างเร่ งรี บมากว่าสามพันกิโลเมตร หงส์
หิ มะนับว่าถึงขีดจํากัด มันเข้าร่ วมการต่อสู อ้ นั ดุเดือดร่ วมกับหยุ
นเช่อ ทั้งยังบรรทุกหยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีหลบหนีมาด้วย
ความเร็ วสูงสุ ด หงส์หิมะในปัจจุบนั นับว่าเสื่ อมสูญสิ้ นเรี่ ยวแรง
ทั้งหมด ทั้งยังเผาผลาญอายุขยั ของมันเอง หยุนเช่อก้าวเข้าหา ลูบ
ลงบนขนสี ขาวบริ สุทธิ์อนั แสนอ่อนนุ่ม ก่อนจะกล่าวออกมาด้วย
หัวใจที่เจ็บปวด “ฉานน้อย ลําบากเจ้าแล้ว...กลับเข้ามาพักผ่อน
เสี ยเถอะ”
หงส์หิมะส่ งเสี ยงครางแผ่วเบา วิหคยักษ์กลับกลายเป็ น
ลําแสงสี ขาวพุง่ กลับเข้าสู่ ผนึก
เซี่ ยวหลิงซี ยงั คงหมดสติ ภายใต้ปราการป้องกันที่หยุนเช่อ
ทุ่มเทพลังลงไปเป็ นส่ วนใหญ่ตลอดเวลา หญิงสาวไม่บาดเจ็บ
ใดๆเลยแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ ยามแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับเฟิ น
อี้เจี๋ยก่อนหน้านี้ แม้ตวั หยุนเช่อเองยังได้รับความ
กระทบกระเทือน หากชายหนุ่มยืนกรานโอบอุม้ เซี่ยวหลิงซีเอาไว้
ไม่ยอมปล่อย หลังผ่านไปหลายชัว่ ลมหายใจ ชายหนุ่มเริ่ มต้น
สํารวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ
สถานที่น้ ีแห้งแล้งอย่างยิง่ ผืนดินแห้งผากและขาดไร้ซ่ ึงพืช
พรรณใด ไม่มีร่องรอยสิ่ งมีชีวติ ใดๆในที่น้ ี เพียงกวาดสายตามอง
ขุนเขาตํ่าเตี้ยและโขดหิ นระเกะระกะไปทัว่ นี่สมควรเป็ นที่รกร้าง
ว่างเปล่าที่ปราศจากมนุษย์ผา่ นเข้าออกมาเนิ่นนานแล้ว
สถานที่แห่งนี้ ยังคงอยูใ่ นอาณาเขตหุบเขาผลาญฟ้า และหุบ
เขาผลาญฟ้า เป็ นอาณาเขตของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเอง
หยุนเช่อนิ่งครุ่ นคิดชัว่ ครู่ ชายหนุ่มเลือกไม่เดินทางจากไป
กลับกัน เขาดึงกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรออกมา ก่อนจะฟาดหวดลงไปยัง
กําแพงภูเขาที่ดา้ นหลังของตนเอง ระเบิดออกเป็ นถํ้าลึกสิ บเมตร
อย่างรวดเร็ ว ชายหนุ่มเข้าไปภายในถํ้าพร้อมทั้งโอบอุม้ เซี่ยวหลิง
ซี เข้าไปภายใน ก่อนจะวางปราการเมฆาเยือกแข็งที่สามารถกลบ
บดบังรัศมีพลังของผูค้ นได้… สถานที่ที่อนั ตรายที่สุด ก็คือ
สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน เหล่าคนจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ย่อมคาดไม่ถึงว่า หลังจากขับขี่สตั ว์อสู รเวหาเป็ นพาหนะ หยุ
นเช่อไม่ออกพ้นจากอาณาเขตศัตรู หากกลับเลือกซุกซ่อนตนอยู่
ภายใน
หยุนเช่อเองไม่ตอ้ งการเดินทางไกล เนื่องเพราะเซี่ยวเหล่ย
ยังคงอยูใ่ นเงื้อมมือของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
สี หน้าของเซี่ยวหลิงซีผยู ้ งั ไม่ได้สติสงบสันติยงิ่ ราวเด็ก
ทารกที่หลับใหลอย่างสนิท ยามที่หยุนเช่อวางร่ างของนางลง ราว
กับหญิงสาวสามารถสัมผัสรับรู ้ได้วา่ ตนเองกําลังออกจากอ้อมอก
ของชายหนุ่ม แนวขนงอันงดงามของนางขมวดเป็ นปม ขนตา
งอนหนาเป็ นแพสัน่ สะท้านเล็กน้อยด้วยกังวล สี หน้าเผยวีแ่ วว
ความหวาดหวัน่ ...หยุนเช่อโอบรัดร่ างของหญิงสาวอีกครา กอบ
กุมมือของนางไว้แนบแน่น...หญิงสาวกลับสงบลงอีกครั้ง ที่มุม
ปากเองยังบังเกิดรอยยิม้ เปี่ ยมสุ ขสายหนึ่ง
เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยวหลิงซีในอ้อมแขน หยุนเช่อพลัน
รู ้สึกสํานึกขอบคุณยิง่ ทั้งยังรู ้สึกเจ็บปวดใจอย่างลึกลํ้า ชายหนุ่ม
เคยคาดหวังนําพาสองบิดาและบุตรี ออกจากตระกูล ไปยังสถานที่
ที่ไม่มีผใู ้ ดทําร้ายพวกมันได้ คาดไม่ถึงว่าก่อนที่ตนเองจะมีโอกาส
กลับไปพบหน้า ตนเองกลับทําให้ท้ งั สองต้องเผชิญพบเคราะห์
กรรมสาหัสเพียงนี้ ...สื บเนื่องเพราะตัวมันเอง
หยุนเช่อมิได้วางร่ างเซี่ยวหลิงซีลง ชายหนุ่มเพียงนัง่ ลงโอบ
กอดหญิงสาวไว้เช่นนั้น ทางด้านหนึ่งโคจรพลังรักษาอาการ
บาดเจ็บให้แก่นาง ทางด้านหนึ่งโคจรพลังมหาวิถีโพธิสตั ว์ ฟื้ นฟู
พละกําลังและอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกของตนด้วย
อัตราความรวดเร็ วอย่างที่สุด
——————————————
“สารเลว!!”
ก่อนที่เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งจะทันได้เรี ยกหาคํา “ท่านปู่ ” ซักคําหนึ่ง
มันกลับถูกส่ งปลิวออกไปด้วยลูกตบจากเฟิ นอี้เจี๋ย ฝ่ ามือนี้รุนแรง
อย่างยิง่ ใบหน้าด้านข้างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิงบวมแดงขึ้นชัดเจน
ในทันที ที่มุมปากปรากฏโลหิ ตหยาดหยด บนพื้นกลับม้วนกลิ้ง
ไว้ดว้ ยฟันสามซี่ที่แตกละเอียดของมัน
เฟิ นอี้เจี๋ยพลุ่งพล่านดาลเดือดถึงขีดสุ ดเมื่อทราบเรื่ องราว
ทั้งหมด เมื่อจ้องมองไปยังใบหน้าทุกผูค้ นในที่น้ นั สภาวะอารมณ์
อันนิ่งสงบมากว่ายีส่ ิ บปี ของมันกลับสัน่ สะท้านด้วยความโกรธ
แค้น “ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของข้า ถึงกับให้กาํ เนิดเหล่าคนสาร
เลวเช่นพวกเจ้า!! ไม่เพียงส่ งผูอ้ าวุโสกลุ่มใหญ่ออกไล่ล่าเด็กน้อย
ผูห้ นึ่ง หากยังใช้ฝีมือตํ่าช้าลักพาตัวครอบครัวของผูอ้ ื่นมาเป็ น
เหยือ่ ล่อ ช่างเพ้อฝันเลิศลอยนัก!! หากไม่นบั เรื่ องที่พวกเจ้าสร้าง
ความเสื่ อมเสี ยหน้าแก่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า พวกเจ้ายังหยิง่ ผยอง
จนคิดว่าสามารถล้อมจับตะพาบไว้ในไห...โชคร้ายที่มนั กลับ
กลายเป็ นพยัคฆ์ที่แทบทําลายล้างสํานักเราจนสิ้ น! หากมิใช่ขา้
และจื่อหยามาถึงทันเวลา พวกเจ้าทั้งหมดล้วนต้องตกตาย
กลายเป็ นซากศพ! ประวัติศาสตร์นบั พันปี ของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าของข้า คงถูกลบล้างไป ณ ที่นนั่ ในวันนี้ไปแล้ว!”
เมื่อเผชิญพบความขุ่นแค้นของเฟิ นอี้เจี๋ย เหล่าผุอ้ าวุโสและ
เจ้าตําหนักทั้งหลายพลันกลับกลายเป็ นเงียบงันราวจักจัน่ ในฤดูจาํ
ศีล ต่างไม่กล้าพ่นลมหายใจออกมาโดยแรง เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเองแทบ
ถูกตบจนสิ้ นสติไป ณ ตรงนั้น มันคุกเข่าลงเบื้องหน้าด้วยร่ างกาย
อันสัน่ สะท้าน ไม่ตอ้ งพูดถึงการกล่าววาจาอันใด กระทัง่ เสี ยงร้อง
ครํ่าครวญด้วยความเจ็บปวด มันยังไม่กล้าปล่อยออกมา
“เฮ้อ ที่แล้วก็ให้แล้วไป ไม่จาํ เป็ นต้องโกรธา” เฟิ นจื่อหยา
สัน่ ศีรษะ มันทอดถอนใจยาวคราหนึ่งก่อนกล่าวว่า “ต้วนหุน
ความเสี ยหายในครานี้หนักหนาเพียงใด?”
เฟิ นต้วนหุนปิ ดเปลือกตาลง ก่อนกล่าวคําออกมาด้วยความ
เศร้าโศก “ผูอ้ าวุโสยีส่ ิ บเจ็ดคน เจ้าตําหนักอีกสามสิ บคน มี
ทั้งหมดสามสิ บเอ็ดคนที่ตกตายใต้เงื้อมมือของหยุนเช่อ รวมถึง
หัวหน้าผูอ้ าวุโสเฟิ นม่อหลี่ ศิษย์ระดับกลางของสํานักจํานวน
หนึ่งร้อยยีส่ ิ บเจ็ดคน ศิษย์ช้ นั สามัญอีกหนึ่งพันหกร้อยเก้าสิ บสอง
คนล้วนเสี ยชีวติ ระหว่างการต่อสู .้ ..”
จํานวนที่เฟิ นต้วนหุนรายงานออกมายิง่ มายิง่ สร้างความตก
ตะลึงแก่ผคู ้ น กระทัง่ เฟิ นอี้เจี๋ยทัว่ ร่ างสัน่ สะท้านด้วยความโกรธ
แค้น กําปั้นของมันกระแทกลงที่ดา้ นข้าง ป่ นโต๊ะศิลาที่ขา้ งกาย
มันจนเป็ นผุยผง มันยกศีรษะขึ้นมองไปเบื้องนอก ก่อนจะกล่าว
วาจาด้วยนํ้าเสี ยงแผ่วลึก “เด็กน้อยผูน้ ้ ี จําต้องตาย!!”
“ญาติสนิทของมันอีกผูห้ นึ่งยังคงอยูท่ ี่นี่ ด้วยลักษณะนิสยั
ของมัน มันย่อมต้องกลับมาแน่นอน” เฟิ นม่อจี๋กล่าวอย่าง
ระมัดระวังขณะสังเกตสี หน้าที่แปรเปลี่ยนไปของเฟิ นอี้เจี๋ย
ขณะที่เฟิ นอี้เจี๋ยกําลังจะระเบิดโทสะ เฟิ นจื่อหยาพลันกล่าว
ขึ้นมาว่า “เด็กน้อยนี้ จําต้องกําจัดฆ่าทิ้งจริ งๆ ที่กระทําแล้วล้วน
ผ่านพ้นไปแล้ว หยิบยืม “เหยือ่ ล่อ” ที่ถูกลักพามาเป็ นวิธีการเรี ยบ
ง่ายทรงประสิ ทธิภาพที่สุดจริ ง พี่ใหญ่ไม่จาํ เป็ นต้องบันดาลโทสะ
ในเรื่ องนี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มารร้ายผูน้ ้ นั นับว่าได้รับ
บาดเจ็บไปบ้างตามที่ขา้ เห็น เมื่อรวมกับข้อเท็จจริ งที่วา่ มันรู ้วา่ มี
เราสองคนอยูท่ ี่น้ ี ดังนั้น มันย่อมต้องกลับมาเมื่อสามารถฟื้ นฟู
อาการบาดเจ็บจนหายดีแล้วเท่านั้น...อย่างน้อยล้วนไม่กลับมา
ภายในเจ็ดวันนี้แน่นอน ช่วงเวลานี้ ต้องฉวยโอกาสสะสาง
เรื่ องราวภายในสํานักให้เรี ยบร้อย ”
เฟิ นอี้เจี๋ยนิ่งเงียบงันไปก่อนจะจะผงกศีรษะอย่างช้าๆ
เฟิ นจื่อหยากล่าวถูกต้อง หยุนเช่อย่อมกําลังรอคอยบาดแผล
ของมันสมานตัว รอคอยฟื้ นฟูพละกําลังทั้งหมด ก่อนบุกกลับเข้า
มายังตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มันไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่า ระยะเวลาที่หยุ
นเช่อใช้เพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บทั้งหมดนั้น มิใช่เจ็ดวัน…
มันเพียงใช้เวลาวันเดียวเท่านั้น!!
บทที่ 338 ของขวัญชิ้นใหญ่ ส่งถึงประตู

คุณแม่บา้ น POR Aradeer BiGz


กาลเวลาหมุนไปอย่างเชื่องช้า วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบ
เหงา
สถานที่หยุนเช่อได้หยุดพักมันเป็ นสถานที่สงบยิง่ ไม่มีผใู ้ ด
เข้ามารบกวนชายหนุ่ม หยุนเช่อใช้เวลาหนึ่งวันในความเงียบใน
ขณะที่โอบตัวเซี ยวหลิงชีไว้ภายในอ้อมแขน อาการบาดเจ็บและ
พลังปราณของชายหนุ่มล้วนฟื้ นฟูกลับมาสมบูรณ์ภายในหนึ่งวัน
ด้วยอัตราการฟื้ นฟูที่อยูเ่ หนือสามัญสํานึก หยุนเช่อมิได้รู้สึกถึง
ความอ่อนแอเนื่องจากบาดแผลที่สาหัสและการใช้พลังปราณเกิน
ขีดจํากัดเฉกเช่นยามก่อนหน้านี้
เซี่ ยวหลิงซี ผซู ้ ่ ึ งกําลังนอนอยูภ่ ายในอ้อมอกของชายหนุ่ม
ได้สงบลงแล้ว ใบหน้าของนางปรากฏสี แดงกุหลาบเล็กน้อย และ
อาการบาดเจ็บภายในของนางไม่ได้สาหัสมากนัก และเกือบจะ
หายเป็ นปกติในตอนนี้ หญิงสาวส่ งเสี ยงไอเบาๆ ออกมา ขนตา
ของนางกระเพือ่ มเล็กน้อยก่อนจะเปิ ดขึ้นอย่างช้าๆ
หยุนเช่อจับสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวอย่างออนแรงของ
หญิงสาว ดวงตาของชายหนุ่มพลันลืมขึ้นในทันทีและมองไปยัง
เซี่ยวหลิงซี
ขอบข่ายการมองที่เลือนลางค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น แม้สถานที่
ทั้งคู่อยูในตอนนี้จะค่อนข้างมืด หากแต่หญิงสาวสามารถจ้องมอง
ใบหน้าของหยุนเช่อได้อย่างชัดเจนในความมืดมิด… นัยน์ตาทั้ง
สองของนางสัน่ ระริ กและร่ างกายทุกส่ วนของนางพลันแข็งทื่อ
ในทันที
ทุกสิ่ งอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผา่ นดุจดัง่ ฝันที่
สับสนอย่างมาก เริ่ มแรก หญิงสาวมิอาจจําแนกแยกแยะว่าส่ วน
ไหนเป็ นความฝันส่ วนไหนเป็ นความจริ ง
เซี่ ยวหลิงซีและบิดาได้ถูกนํามาที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
สถานที่ที่นางเพียงเคยได้ยนิ จากคํารํ่าลือ… นางพบเช่อน้อยผูท้ ี่
นางถวิลหาทุกคืนวัน… เซี่ยวหลิงซีเห็นเช่อน้อยบุกฝ่ าตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าด้วยตัวมันเอง และทําให้เกิดความสับสนอลหม่าน
มากมายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าซึ่งมีอาํ นาจอย่างไม่อาจหาที่
เปรี ยบได้… นางกระโดดจากหน้าผาสู ง ทั้งยังรู ้สึกว่าร่ างของนาง
ตกลงในอ้อมอกของชายหนุ่ม แล้วในที่สุดนางก็ได้พบหยุนเช่อ
ก่อนที่สติของนางจะดับวูบไป…
สิ่ งเหล่านี้ท้ งั หมดทั้งมวลดุจภาพลวงตาดัง่ วาดวิมานใน
อากาศ
นางมิอาจคาดคิดได้เลยว่าฝันในยามต่อไปของนางจะเป็ น
ฝันร้ายหรื อฝันดี
เมื่อดวงตาของนางเลิกขึ้น ความมืดมิดคือสิ่ งแรกที่เข้ามา
ทักทายพวกมัน หากทว่าหลังจากที่นางเห็นหยุนเช่อ นัยน์ตาของ
นางพลันเปล่งประกาย โดยมีท้งั ความกังวลใจผสมปนเปกับ
ความสุ ข ทั้งยังรู ้สึกถึงถึงอุณหภูมิร่างกายของชายหนุ่มและกลิ่น
กายที่นายถวิลหามานานอย่างเด่นชัด เซี่ยวหลิงซีพลันตระหนักว่า
สิ่ งเหล่านี้มิมีทางเป็ นความจริ งได้ นี่สมควรเป็ นเพียงฉากมายา
ฉากหนึ่งเท่านั้น จากนั้น ทุกสิ่ งอย่างที่นางเห็นก่อนหมดสติพลัน
ย้อนกลับเข้ามาในมโนสํานึกของนาง นํ้าตาสี ใสเริ่ มเอ่อล้นจาก
ดวงตาของนางอย่างมิอาจควบคุมได้ เซี่ยวหลิงซีถดกายออกจาก
อ้อมกอดของชายหนุ่มก่อนที่นางจะสวมกอดมันด้วยมือทั้งสอง
ข้าง เสี ยงร้องไห้ดว้ ยความโทมนัสและความเจ็บปวดของนางขาด
หายไป ท่ามกลางเสี ยงร้องไห้สะอึกสะอื้น นางแทบมิอาจเปล่ง
เสี ยงกล่าวออกมาเป็ นคําพูด ราวหญิงสาวกําลังรํ่าไห้จนนํ้าตาเป็ น
สายเลือด “เช่อน้อย… เช่อน้อย… เช่อน้อย… ”
หยาดนํ้าตาที่ไหลริ นออกมาของนางวาววับและโปร่ งแสง
จากภายในถํ้า ราวไข่มุกสะท้อนประกายในยามราตรี หยุนเช่อ
สัมผัสหยาดนํ้าตาของนางที่เกลือกกลิ้งในมือของมัน ราวกับผูท้ ี่
ต้องการเก็บเกี่ยวหยาดนํ้าค้างที่มีค่ามากที่สุดในโลกนี้
ยามที่นางกอดหยุนเช่ออีกครั้ง หญิงสาวยิง่ รู ้สึกได้อย่าง
ชัดเจนยิง่ ขึ้นว่า นางมิอาจปล่อยมันไปจากชีวติ ของนางได้อีกแล้ว
พวกมันอยูด่ ว้ ยกันมาสิ บห้าปี เพราะอย่างนั้นนางจึงมิอาจทราบถึง
ความนัยของการแยกกันอยูจ่ ากมันได้ อย่างไรก็ตาม นางเข้าใจมัน
อย่างหมดจดตลอดสามปี ที่ผา่ นมา… ชีวติ และจิตวิญญาณของนาง
ผูกพันกับชายหนุ่มตั้งแต่นานมาแล้ว นางรู ้สึกราวกับสู ญเสี ยจิต
วิญญาณของตนเองไปเมื่อปราศจากชายหนุ่มที่อยูข่ า้ งกายนาง ทุก
วันที่ผา่ นไปล้วนปราศจากคุณค่าความหมายใดเมื่อไม่มีชายหนุ่ม
อยูข่ า้ งกาย
“อาหญิงเล็ก...” หยุนเช่อแตะแผ่นหลังของนางและกอด
นางอย่างแนบแน่น ขอบตาของมันเปี ยกชื้นก่อนมันจะกล่าวอย่าง
อ่อนโยน “ทั้งหมดมันเป็ นเพราะข้าที่ทาํ ให้ท่านกับท่านปู่ ต้อง
เสี ยใจและทนทุกข์ทรมานมากเช่นนี้… แต่ขา้ รับรองว่าทุกสิ่ งจะดี
ขึ้นในยามนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านและท่านปู่ ต้องรู ้สึกขับค้องใจ
ใดๆ อีกแล้ว… ”
“อืออออ… ” เซี่ยวหลิงซีทาํ เพียงแค่ร้องไห้ นางเป็ นเด็ก
เพียงมีอายุแค่สิบห้าปี เมื่อสามปี ก่อนและแม้วา่ ยามนี้นางจะสิ บ
แปดปี แล้ว หากแต่นางก็ยงั คงร้องไห้ข้ ีแยราวกับเด็กน้อย...
——————————————
“ หลังจากวันที่จากท่านและท่านปู่ ตอนนี้กผ็ า่ นมาสามปี
แล้ว แรกเริ่ มข้าไปที่หลุมฝังศพของท่านพ่อที่เสี ยสละทุกสิ่ งเพื่อ
ข้า ตอนนั้นข้าเปลี่ยนแซ่ เป็ นสกุลทางสายเลือดของบิดาที่แท้จริ ง
ของข้า นับจากนั้นข้าก็เรี ยกตัวเองว่าหยุนเช่อ ต่อมาข้าได้ออกจาก
เมืองเมฆาล่อง...ไม่นานหลังจากนั้น ข้าได้พบกับบุคคลที่ไม่
ธรรมดาและนางกลายมาเป็ นอาจารย์ขา้ ด้วยสาเหตุบางอย่าง...
เอกลักษณ์และการคงอยูข่ องนางเป็ นอะไรที่พิเศษมาก ข้าไม่ได้
รับอนุญาตให้กล่าวอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นข้าจึงไม่
สามารถบอกท่านถึงเรื่ องของนางได้... ”
“นางช่วยข้าฟื้ นฟูชีพจรลมปราณ สอนวิธีฝึกฝนลมปราณ
ให้ขา้ มอบวิทยายุทธและทักษะการต่อสู ต้ ่างๆ และช่วยชีวติ ข้า
หลายต่อหลายครั้ง...จากนั้นข้ามาถึงวังยุทธจันทร์เสี้ ยวตาม
คําแนะนําของท่านปู่ ...”
เซี่ ยวหลิงซี ซุกใบหน้าน้อยๆของนางบนแผ่นอกหยุนเช่อ
และดันมือน้อยๆของนางไปที่อกหยุนเช่อ รับฟังเรื่ องเล่าของเขา
อย่างสนอกสนใจ ร่ างของนางไม่ตอ้ งการจากชายหนุ่มแม้เพียง
เสี่ ยววินาที เรื่ องเล่าของหยุนเช่อนั้นเชื่องช้าและยืดยาว เขาเล่าถึง
ความยากลําบากและปัญหาที่เขาต้องเผชิญมาตลอดสามปี ที่ผา่ น
มาที่ละเล็กทีละน้อย … โดยไม่มีผใู ้ ดทราบ กลางวันผ่านพ้น เวลา
กลางคืนได้มาเยือน แสงจันทร์กระจ่างแขวนอยูส่ ูงบนฟากฟ้า
ภายนอกถํ้า สายลมเย็นยามคํา◌่คืนพัดผ่านเข้ามาในถํ้า ปัดเป่ า
ความร้อนแห้งแล้งภายในให้สดชื่นกระชุ่มกระชวย
ประสบการณ์ของหยุนเช่อราวกับเรื่ องเล่าอันน่าอัศจรรย์
สําหรับเซี่ยวหลิงซีผไู ้ ม่เคยก้าวเท้าออกจากเมืองเมฆาล่อง แม้หยุ
นเช่อจะลงใจละเว้นเรื่ องราวบางประการ เพียงการนัง่ ฟังยัง
สามารถเห็นใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูของความแตกตื่นประหลาดใจ
รวมทั้งความหวาดกลัวได้จากสี หน้าของหญิงสาว
ทบทวนหวนนึกถึงสิ่ งต่างๆ ที่นางได้พบเจอในตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า เซี่ยวหลิงซียนิ ยอมเชื่อถือทุกสิ่ งที่หยุนเช่อกล่าวโดยไร้
ข้อกังขา ชายหนุ่มผูซ้ ่ ึ งถูกตราหน้าเป็ นสวะไร้ค่าโดยผูค้ นทัว่ ทั้ง
เมือง ยามนี้กลับกลายเป็ นยอดยุทธ์ระดับสู งที่สามารถบีบคั้น
พรรคใหญ่ในอาณาจักรวายุครามเช่นตระกูลอัคคีผลาญฟ้าให้เข้า
สู่ สถานการณ์คบั ขัน หญิงสาวสามารถเชื่อมัน่ อย่างยิง่ เนื่องเพราะ
บุคคลที่เบื้องหน้าของนางไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็ นเช่อน้อยของ
นางอย่างแท้จริ ง รู ปร่ างลักษณะ ดวงตา กลิ่นอาย รัศมีพลัง...
ทั้งหมดคือเช่อน้อยที่นางคุน้ เคยอย่างที่สุด หญิงสาวอาจผิดพลาด
ในการแยกแยะผูค้ นได้ทุกคน หากไม่มีทางผิดพลาดในการจดจํา
หยุนเช่ออย่างแน่นอน
“ข้ารู ้มาตลอดว่าเช่อน้อยของข้าล้วนคู่ควรให้สวรรค์เมตตา
เช่อน้อยย่อมต้องโบยบินขึ้นสู่ฟ้าในวันหนึ่ง ให้ทุกผูค้ นต้องแหงน
หน้ามอง ข้ารู ้ดี...” เซี่ยวหลิงซีกระซิบแผ่ว หยาดนํ้าตาแห่งความ
ปลื้มปี ติไหลอาบใบหน้า ขณะเดียวกัน ความรู ้สึกหวาดกลัวชนิด
หนึ่งเข้าครอบคลุมภายในจิตใจ ทว่าความหวาดกลัวกลับสู ญ
สลายหายไปในพริ บตา...แม้ชายหนุ่มจะพุง่ ทะยานขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า
กลับกลายเป็ นบุคคลที่สามารถทอดตามองทัว่ โลกหล้า แม้ชาย
หนุ่มจะสามารถขึ้นสู่ ที่สูงจนหญิงสาวไม่อาจมองเห็นได้ แม้
ระยะห่างระหว่างทั้งสองจะถ่างกว้างออกราวคูป้องกันรอบเมือง
สวรรค์ เช่นนั้นแล้วอย่างไร? ก่อนหน้านี้ ยามผูค้ นเย้ยหยันชาย
หนุ่มเป็ นเศษขยะ หญิงสาวปฏิบตั ิต่อมันราวสมบัติล้ าํ ค่า เมื่อ
ในตอนนี้ ชายหนุ่มกลับกลายเป็ นยอดฝี มือเหนือโลก อย่างไรเสี ย
ชายหนุ่มยังคงเป็ นเช่อน้อยของนางตลอดไป...เช่อน้อยเดินทาง
นับพันลี้มาที่นี่โดยไม่รีรอลังเล บุกทะลวงเข้าสู่ พรรคยิง่ ใหญ่เช่น
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเพื่อเข่นฆ่าเข้าไปช่วยเหลือนาง!!
นางเชื่อมัน่ ว่าไม่วา่ ชายหนุ่มจะสู งส่ งเพียงใดในอนาคต จะ
ไม่มีวนั เกิดช่องว่างระหว่างระหว่างกัน...และแม้วา่ เขาผูน้ ้ นั จะอยู่
ห่างไกลอย่างแท้จริ ง นางล้วนยินยอมพร้อมใจที่จะกัดฟันและใช้
พลังทั้งหมดของนางเพื่อไล่ตามเขาด้วยก้าวย่างที่ยาวขึ้น ถึงแม้
นางต้องเป็ นดัง่ แมลงที่บินเข้ากองไฟก็ตาม
หยุนเช่อก่อเตาขึ้นมา และเริ่ มต้มนํ้าซุปกระต่ายแสนอร่ อย
กลิ่นหอมของเนื้อโชยขึ้นมาในอากาศ ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่ามัน
สร้างความทรมานให้กบั มนุษย์ที่หิวโหยทั้งคู่ในเวลาเที่ยงคืน
ท่ามกลาง“ความทรมาณ”นี้ หยุนเช่อเริ่ มฟังเรื่ องราวที่น่าสนใจ
ของเซี่ยวหลิงซีในรอบสามปี ที่ผา่ นมา...นางใช้ชีวติ ในสามปี อย่าง
เรี ยบง่าย จึงเป็ นเรื่ องยากที่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวติ นางใน
ช่วงเวลาเหล่านี้ นางเพียงฝึ กฝนพลังฝี มือ เพลงกระบี่ และเมื่อตก
อยูใ่ นความเงียบงันจากความคิดคํานึงถึงหยุนเช่อ...
โดยที่คนทั้งคู่ไม่คาดคิด เวลาล่วงผ่านมาถึงยามเที่ยงคืน
ดวงจันทร์ที่สุกสกาวฉายแสงเรื องรองที่จุดสู งสุ ดบนท้องฟ้า และ
ท้ายที่สุดซุปกระต่ายที่ปรุ งรสอย่างยอดเยีย่ มล้วนเสร็ จเรี ยบร้อย
หยุนเช่อเติมนํ้าซุปครึ่ งชาม และเป่ ามันอย่างระมัดระวังจนเย็นลง
ก่อนจะนํามันมาไว้ตรงหน้าเซี่ยวหลิงซี อย่างไรก็ตามมันมิได้วาง
ซุปลง แต่พดู อย่างเป็ นธรรมชาติวา่ “อาหญิงเล็ก ให้ขา้ ป้อนท่าน”
เซี่ ยวหลิงซีฟ้ื นตัวภายใต้การดูแลจากหยุนเช่อ สภาพของ
นางก็ไม่ได้แตกต่างจากปกติ แม้วา่ ร่ างของนางจะยังทอดตัวอย่าง
นิ่งสงบอยูบ่ นอ้อมกอดของหยุนเช่อจนถึงตอนนี้ ไม่ตอ้ งกล่าวถึง
การปล่อยให้นางดื่มนํ้าซุปด้วยตัวเองผูเ้ ดียว แม้กระทัง่ การปี นป่ าย
ภูเขาและโขดหิ นในยามนี้ลว้ นไม่เป็ นปัญหาสําหรับนางอีกต่อไป
ทว่าหยุนเช่อยังปฏิบตั ิตนราวกําลังดูแลผูป้ ่ วยที่มีอาการสาหัส
เซี่ยวหลิงซี หวั เราะคิกคักทิ้งตัวลงบนร่ างหยุนเช่ออย่างช้าๆ หญิง
สาวหรี่ ดวงตางดงามราวจันทราของตน และเปิ ด ริ มฝี ปากของ
นางเล็กน้อย
ช้อนที่เต็มไปด้วยนํ้าซุปถูกยกจ่อริ มฝี ปากเซี่ยวหลิงซี นํ้า
แกงบางส่วนไหลผ่านลําคอ ขณะที่บางส่ วนเปรอะเปื้ อนริ มฝี ปาก
นาง หลังจาก นํ้าแกงเข้าสู่ ภายในร่ างของนางมันก็ชกั นําความ
อบอุ่นสายหนึ่งหมุนวนภายในร่ างไปด้วย สร้างความอบอุ่นให้แก่
หัวใจและร่ างกายของนาง...ช่วงสิ บห้าปี ที่ผา่ นมา ทั้งสองเคยป้อน
อาหารให้แก่กนั มาบ้าง ทว่าวันนี้ หญิงสาวกลับสามารถรับรู ้ได้ถึง
ความอบอุ่นที่ซึมเข้าสู่ จิตวิญญาณ เนื่องเพราะนี่เป็ นสิ่ งที่ทาํ ให้
นางได้รู้วา่ ชายหนุ่มยังคงเป็ นเช่อน้อยของนาง ผูไ้ ม่เคย
แปรเปลี่ยน
เซี่ยวหลิงซีดื่มนํ้าแกงจนหมดถ้วยอย่างรวดเร็ วภายใต้
บรรยากาศอันสงบสันติ ขณะที่ชายหนุ่มกําลังจะเติมนํ้าซุป กลับ
พลันหันกลับมาอย่างรวดเร็ ว อากัปกิริยากลับกลายเป็ นชะงักค้าง
อยูก่ บั ที่ หยุนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เซี่ยวหลิงซี กลับกลายเป็ นวิตกกังวลยิง่ เมื่อพบเห็นความ
เปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของหยุนเช่อ หญิงสาวกอดรัดลงบนแขน
ของชายหนุ่มแนบแน่น ก่อนกล่าววาจาว่า “เช่อน้อย มีเรื่ องอัน
ใด?”
“ชี่….” หยุนเช่อยกนิ้วชี้ข้ ึนข้างหนึ่ง ส่ งสัญญาณให้หญิง
สาวสงบปากคํา
ไม่นาน ปรากฏเสี ยงฝี เท้าผูค้ นสองคนย่างก้าวเข้ามาใกล้ข้ ึน
เรื่ อยๆ เสี ยงสนทนาระหว่างพวกมันยิง่ มายิง่ ชัดเจน
“...ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกมันมอบหมายเราสองคนแอบ
เข้าสู่ เมืองเพลิงครามดึกดื่นป่ านนี้ เฮ่อ พวกเราเป็ นผูค้ รองอิทธิพล
ในเมืองเพลิงครามมานาน นี่นบั เป็ นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ตอ้ ง
รู ้สึกถูกสะกดข่มและเสี ยเปรี ยบเช่นนี้”
“พวกเราไม่สามารถทําอันใดได้ ความแข็งแกร่ งของหยุ
นเช่อน่าหวาดหวัน่ จริ งๆ มันเป็ นสัตว์ประหลาด! หากมิใช่ท่าน
ผูน้ าํ รุ่ นก่อนและท่านอดีตหัวหน้าผูอ้ าวุโสปรากฏกาย ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าเราคงต้องย่อยยับ พวกเราเองย่อมต้องกลายเป็ นเถ้า
ถ่านไปพร้อมกับตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเช่นกัน”
“จากการคาดการณ์ของท่านผูน้ าํ รุ่ นก่อน หยุนเช่อสมควร
เป็ นทายาทจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ มิเช่นนั้นคงไม่มีพลังถึงระดับ
นี้...ฮ่า! เจ้าคิดว่าอย่างไร? เป็ นไปได้หรื อไม่ที่มนั จะมาหลบซ่อน
อยูใ่ นเมืองเพลิงคราม?”
“ข้าเองไม่แน่ใจ ทว่า หยุนเช่อบาดเจ็บหนัก ทั้งยังสู ญเสี ย
พลังยุทธ์ไปมากหลาย ดังนั้นมันย่อมต้องการสิ่ งของเพื่อฟื้ นฟู
พละกําลัง และในรัศมีพนั ไมล์ มีเพียงเมืองเพลิงครามที่เดียวที่มี
ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สุดในอาณาเขตนี้ ทรัพยากรจากเมือง
เล็กๆ อื่นๆ ล้วนไม่เพียงพอต่อบุคคลที่มีระดับพลังฝี มือสู งส่งเช่น
มัน ดังนั้น เป็ นได้อย่างยิง่ ว่ามันจะหลบซ่อนอยูท่ ี่น้ นั ...ท่านผูน้ าํ
รุ่ นก่อนจะเป็ นผูล้ งมือทันทีที่เราสามารถระบุที่อยูข่ องมันได้
อาการบาดเจ็บของมันยังไม่ทุเลา ข้าไม่เชื่อว่ามันจะสามารถหนี
รอดเงื้อมมือท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนไปได้”
เสี ยงฝี เท้าของพวกมันใกล้เข้ามาเรื่ อยๆ รัศมีพลังของทั้ง
สองไม่ต่าํ ทราม หนึ่งอยูช่ ้ นั ลมปราณปฐพีข้นั ห้า อีกหนึ่งอยูช่ ้ นั
ปราณปฐพีข้นั หกเช่นเดียวกับหยุนเช่อ ทั้งสองสมควรเป็ นบุคคล
ชนชั้นหัวหน้าป้อมหรื อผูฝ้ ึ กสอนภายในตระกูล จากบทสนทนา
หยุนเช่อสามารถทําความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ท่ีพวกมันเดิน
ทางผ่านสถานที่น้ ีได้ในที่สุด
จากคลื่นพลังของทั้งสอง หยุนเช่อคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่งลง
ชายหนุ่มหันหลังกลับไปกล่าววาจาด้วยรอยยิม้ ผ่อนคลาย “อย่าได้
กังวล เพียงแค่หนูเล็กๆสองตัวที่โชคร้ายผ่านทางมา คอยดูขา้
จัดการพวกมัน”
หลังจบคํา ร่ างของหยุนเช่อไหวขึ้นวูบหนึ่ง ชายหนุ่ม
ทะยานออกจากปากถํ้าด้วยการกระโดดเพียงคราเดียวก่อนจะทิ้ง
ร่ างลงที่เบื้องหน้าคนทั้งสอง การปรากฏตัวของชายหนุ่มสร้าง
ความแตกตื่นจนขวัญหนีแก่บุคคลทั้งสองที่กาํ ลังจดจ่อกับการ
สนทนา
“ผูใ้ ด!?” ทั้งสองตะโกนถามด้วยความเย็นชาโดยพร้อม
เพรี ยง ทว่า เมื่อมองเห็นใบหน้าของหยุนเช่อ ต่างยืนนิ่งขึงลิ้นพัน
กัน เพียงสามารถเบิกตาโปนโตไปเบื้องหน้า...แม้ในความฝัน
พวกมันยังไม่เคยคิดฝันว่าจะบังเอิญมาพบเจอหยุนเช่อในที่น้ ีได้
“พวกเจ้ามาได้ประจวบเหมาะพอดี” หยุนเช่อเปล่งเสี ยงหัว
ร่ อเยือกเย็น ชายหนุ่มกล่าววาจาที่บุคคลทั้งสองไม่อาจทําความ
เข้าใจได้แม้แต่นอ้ ยออกมา
“เจ้า...”
ก่อนที่ท้ งั สองจะสามารถกล่าวจบ สายตาของพวกมันกลับ
กลายเป็ นพร่ าพราย ทรวงอกบังเกิดแรงกระแทกหนักหน่วง
รุ นแรงฟาดหวดเข้าใส่ อย่างไร้ปราณี
เปรี้ยง!!
ร่ างของทั้งสองถูกกระแทกปลิวลิ่วไปดัว่ มัดฟางข้าว ผูค้ นที่
ด้านขวาตกตายในทันที ผูค้ นที่อยูช่ ้ นั ลมปราณปฐพีข้นั หกยังคง
รักษาลมหายใจร่ อแร่ รวยริ นไว้ได้ ร่ างกายท่อนบนของมันสัน่
สะท้าน สองตาเบิกกว้างจับจ้องไปยังร่ างของหยุนเช่อที่กา้ วเข้ามา
ใกล้ แววตาทอประกายสิ้ นหวัง
หยุนเช่อยืน่ มือออกปลดปล่อยหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ที่พลัน
ทิ่มแทงเข้าสู่ ภายในจิตใจของบุคคลผูน้ ้ นั ในทันที...ทันใดนั้นเอง
ความทรงจําทุกประการที่เกี่ยวข้องกับหัวหน้าป้อมแห่งตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าผูน้ ้ ีหลัง่ ไหลเข้าสู่ภายในศีรษะของหยุนเช่อด้วย
ความเร็ วสุ ดแสน
บทที่ 339 แทรกซึมเข้ าคุกกักมังกร

มิวชิ าเขตแดนจิตอันน่ากลัวชนิดหนึ่งเรี ยกว่า “วิชาสื บค้น


จิต” ด้วยทักษะวิชานี้ ผูค้ นสามารถรุ นลํ้าเข้าสู่ จิตใจของผูอ้ ื่นได้
โดยพลังจิตของตน ดึงความทรงจําออกมา ทว่า การใช้ออกล้วน
ไม่ง่ายดาย เนื่องจากเพียงสามารถใช้กบั บุคคลที่มีพลังฝี มือต้อยตํ่า
กว่าผูร้ ุ กรานอย่างมาก หรื อเป้าหมายมีสภาพจิตใจยํา่ แย่ถึงขีดสุ ด
เท่านั้น ยิง่ กว่านั้น การใช้ออกด้วยวิชานี้ทาํ ให้ผใู ้ ช้ตกอยูใ่ นความ
เสี่ ยงอย่างใหญ่หลวง หากเป้าหมายสามารถหาโอกาสตอบโต้วชิ า
นี้กลับ เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ได้ลว้ นเป็ นความเสี ยหายใหญ่หลวงจน
ไม่อาจทนทานรับได้
หัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ไม่เพียงสามารถขึ้นรู ปเป็ นสภาพวัตถุ
ใช้โจมตีศตั รู หากยังสามารถใช้ออกเป็ นพลังวิญญาณบริ สุทธิ์ที่
สามารถใช้จู่โจมจิตวิญญาณผูค้ น แน่นอนว่าย่อมสามารถกระทํา
การที่ “วิชาสื บค้นจิต” สามารถกระทําได้ ยิง่ กว่านั้น พลังที่ตอ้ ง
สู ญเสี ยไปและความยากในการใช้งานหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ลว้ น
สะดวกดายอย่างยิง่ เมื่อเปรี ยบกับวิชาสื บค้นจิต นอกจากนี้ เมื่อ
หัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์เป็ นวัตถุที่มีความเอกเทศ จึงปราศจากความ
เสี่ ยงในการรับผลสะท้อนกลับหากการใช้วชิ าล้มเหลวไม่วาจะ
ด้วยเหตุไม่คาดฝันอันใดก็ตาม
ไม่เพียงผูค้ นที่เบื้องหน้าจะมีพลังฝี มือตํ่าต้อยกว่าหยุนเช่อ
อย่างมาก มันยังใกล้ตายอีกด้วย ดังนั้น กระบวนการอ่านความ
ทรงจําของเป้าหมายล้วนง่ายดายยิง่ หยุนเช่อเก็บหัตถุป์ ราณไร้
ลักษณ์อย่างรวดเร็ ว สําหรับบุคคลผูน้ ้ นั ล้วนนอนทอดร่ างแน่น่ิง
อยูก่ บั พื้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่อาจส่งเสี ยงใดๆอีกต่อไป
บุคคลผูน้ ้ ีมีนามว่าเฟิ นจื้อจ๋ าย เป็ นหัวหน้าป้อมที่เจ็ดสิ บสอง
ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เป็ นผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของเหล่าผูอ้ าวุโส
มันอายุได้สี่สิบห้าปี และมีรูปร่ างใกล้เคียงกับหยุนเช่อ ยิง่ กว่านั้น
ระดับพลังยุทธ์ยงั อยูใ่ นชั้นปราณปฐพีข้นั หกเช่นเดียวกับหยุนเช่อ
อีกด้วย สาเหตุท่ีมนั ออกมาภายนอกตระกูลในยามวิกาลเช่นนี้ คือ
ที่มนั เคยกล่าวก่อนหน้า มันต้องการออกมายืนยันว่าหยุนเช่อมิได้
หลบซ่อนอยูใ่ นเมืองเพลิงคราม
“นี่เป็ นของกํานัลชิ้นโตที่ขา้ คาดไม่ถึงจริ งๆ” หยุนเช่อก้มลง
มองพร้อมเย้ยหยัน หลังจากสังเกตุการณ์เส้นสายบนใบหน้าของ
เฟิ นจื้อจ๋ ายอยูช่ วั่ ครู่ หยุนเช่อเปลื้องชุดเสื้ อชั้นนอกของมันออก
สวมใส่ จากนั้น ชายหนุ่มระเบิดหลุมขึ้นมาหลุมหนึ่ง ก่อนจะเตะ
ซากของทั้งสองคนลงไปในนั้น พร้อมทั้งกลบฝังมันลงไปอย่าง
มิดชิด
หยุนเช่อปลดปล่อยหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ออกมาอีกครา
ก่อนจะตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ของตนพลัน
แปรเปลี่ยนเป็ นสี สม้
ขณะนี้ ชายหนุ่มอย่ในสภาวะปกติธรรมดาที่สุด ยังมิได้เปิ ด
ด่านชีพจรลมปราณเทพอสู รเลยแม้แต่นอ้ ย ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้
สี ของหัตถุป์ ราณสมควรเป็ นสี แดง ทว่าครานี้ ที่หยุนเช่อ
ปลดปล่อยออกมากลับเป็ นหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์สีสม้ !!
ชายหนุ่มนิ่งครุ่ นคิดอีกครา ก่อนหน้านี้ยามอยูใ่ นตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า หยุนเช่อบังคับเปิ ดด่านทัณฑ์อสู รนรกานตร์ พร้อม
ทั้งส่ งหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ออกไปเพื่อช่วยชีวติ เซี่ยวหลิงซี...หัตถุ์
ปราณไร้ลกั ษณ์ในยามนั้นเป็ นสี ฟ้าสดใสอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกับที่หยุนชางไห่ปู่ของตนมี!
เกิดอะไรขึน้ ? เหตุใดหั ตถุ์ปราณไร้ ลกั ษณ์ กลับปรากฏออก
ในระดับชั้นที่สูงขึน้ ทั้งที่ร่างกายข้ าล้ วนไม่ มใี ดเปลีย่ นแปลง?
หรื อนี่จะเป็ นเพราะ...ไขกระดูกเทวะมังกร?
เมื่อครุ่ นคิดถึงขั้นนี้ หยุนเช่อพลันค้นพบคําตอบที่น่าจะ
เป็ นไปได้มากที่สุด ความเข้มแข็งของหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ลว้ น
ขึ้นอยูก่ บั เส้นโลหิ ตและเส้นชีพจรลมปราณอย่างละครึ่ ง เมื่อเปิ ด
ด่านวิญญาณอสู ร พลังเส้นชีพจรก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น พลังของหัตถุ์
ปราณไร้ลกั ษณ์เองล้วนเพิ่มสู งขึ้นอีกหนึ่งขั้นเช่นกัน ทว่า
หลังจากรับไขกระดูกเทวะมังกร เส้นโลหิ ตของชายหนุ่มเองมีการ
เปลี่ยนแปลงไปด้วย...โลหิ ตเทวะมังกรช่วยปรับเปลี่ยน
ส่ วนประกอบของเส้นโลหิ ตให้แก่ชายหนุ่ม เช่นนั้น ไขกระดูกเท
วะมังกร กลับเป็ นการประทานการผลัดเปลี่ยนไขกระดูกในเส้น
เลือดทั้งหมด! แม้โลหิ ตเทวะมังกรจะหลอมรวมเข้ากับเส้นโลหิ ต
และหลอดเลือดในร่ างกาย หากไขกระดูกเทวะมังกรนั้น ทําหน้าที่
ผลิตโลหิ ตออกมา! เมื่อไขกระดูกเทวะมังกรเข้าสู่ร่างกาย มันจะ
เปลี่ยนแปลงเส้นโลหิ ตของหยุนเช่อให้ยงิ่ มายิง่ คล้ายคลึงกับเส้น
โลหิ ตแห่งมังกรที่แท้จริ งขึ้นเรื่ อยๆ ...
หากเป็ นเช่นนี้ หัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ท่ีสมั พันธ์กบั เส้นเลือด
และชีพจร ล้วนยิง่ มายิง่ แข็งแกร่ งเกินต้านทาน!!
ภายใต้สภาวะปกติ สี ของหัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์แปรเปลี่ยน
จากสี แดงสู่ สีสม้ อาจบางทีในอนาคต หัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ใน
สภาวะปกติจะสามารถเพิ่มพูนพลังสู งขึ้นกว่าสี สม้ ก็เป็ นได้!
ยิง่ เส้นชีพจรลมปราณและโลหิ ตเทวะมังกรแข็งแกร่ งมาก
ขึ้นเท่าไหร่ หัตถุป์ ราณไร้ลกั ษณ์ยอ่ มเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น!
เมื่อหยุนเช่อกลับเข้ามาภายในถํ้า เซี่ยวหลิงซีโผเข้าอ้อมอก
ชายหนุ่มพร้อมทั้งกอดรัดอย่างแนบแน่น “เช่อน้อย เจ้าเป็ น
อย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรื อไม่?”
“ฮ่าฮ่า อย่าได้กงั วล” หยุนเช่อหัวเราะด้วยทีท่าปลอดโปร่ ง
“ณ ปัจจุบนั นี้ ผูท้ ี่สามารถทําร้ายข้าได้ในอาณาจักรวายุครามล้วน
สามารถนับได้ดว้ ยนิ้วมือเดียว แมลงวันเล็กจ้อยเหล่านี้ไม่ใช่คู่มือ
ข้าแม้แต่นอ้ ย ท่านทานอาหารต่อเถอะ อย่าได้สนใจเรื่ องเมื่อครู่
เลย”
จิตใจของเซี่ ยวหลิงซีสงบลง หญิงสาวกล่าวอย่างนุ่มนวล
ขณะจับจ้องไปยังหยุนเช่อ “เช่อน้อยของข้าเติบโตแล้ว ทั้งยังยอด
เยีย่ มยิง่ ...แต่..ฮี่ฮี่...เจ้ายังคงเป็ นคนเดิมที่ขา้ คุน้ เคยตลอดมา”
“นัน่ ย่อมแน่นอน ไม่วา่ เกิดเรื่ องราวใด พวกเรายังนับเป็ น
ผูค้ นที่สนิทชิดใกล้ท่ีสุดของกันและกัน ข้าจะไม่เป็ นที่คุน้ เคยของ
ท่านได้อย่างไร…? มา อ้าปากออก” หยุนเช่อยืน่ ช้อนเข้ามาที่ริม
ฝี ปากของเซี่ ยวหลิงซี นํ้าแกงในช้อนถูกหยุนเช่อลักลอบโรยผงสี
เทาบางชนิดลงไปเมื่อครู่
ทันทีที่หญิงสาวกลืนนํ้าแกงลงท้อง นางพลันรู ้สึกถึงความ
อ่อนเพลียอย่างท่วมท้น หญิงสาวกระพริ บตาถี่รัว ก่อนจะค่อยๆ
ปิ ดปากลง “เช่อน้อย ข้าพลัน...เหน็ดเหนื่อยขึ้นมากะทันหัน...”
“เหน็ดเหนื่อย อืมม์ เช่นนั้น ท่านนอนพักผ่อนเสี ยเถอะ ข้า
จะคอยอยูข่ า้ งๆ”
เพียงไม่นาน ลมหายใจของเซี่ยวหลิงซีกลับกลายเป็ น
จังหวะราบรื่ นสมํ่าเสมอ เป็ นลักษณะเฉพาะของผูค้ นที่หลับใหล
ไปแล้วเท่านั้น หยุนเช่อดึงผ้าห่มออกมาปูลงบนพื้น ก่อนจะวาง
ร่ างของเซี่ยวหลิงซีลงนอนราบ ชายหนุ่มจ้องมองไปยังใบหน้า
หลับใหลอันสุ ขสงบของหญิงสาวก่อนกล่าวว่า “ขออภัย อาหญิง
เล็ก...แต่วา่ ท่านอย่าได้กงั วล ข้าจะรี บกลับมา ข้ารับรองว่ายามที่
ท่านลืมตาตื่น ท่านจะได้พบเห็นท่านปู่ และข้าอยูข่ า้ งกายท่าน
อย่างแน่นอน”
แม้ชายหนุ่มสามารถช่วยเหลือเซี่ยวหลิงซีออกมาได้อย่าง
ปลอดภัย ทว่า ท่านปู่ เซี่ยวเหล่ยยังคงอยูใ่ นเงื้อมมือของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า
ทุกวินาทีที่หยุนเช่อกบดานในที่น้ ี ยิง่ เพิ่มพูนอันตรายและ
ความทุกข์ทรมาณให้แก่เซี่ยวเหล่ย ดังนั้น ชายหนุ่มจําต้องทุ่มเท
ความพยายามถึงขีดสุ ดเพื่อช่วยเหลือท่านปู่ ออกมาอย่างรวดเร็ ว
ที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ หยุนเช่อล้วนไม่อาจรั้งรอต่อไปได้อีกแม้
เพียงเสี้ ยววินาที แผนการสําหรับช่วยเหลือเซี่ยวเหล่ยล้วนถูกร่ าง
จนเสร็ จสิ้ นภายในหัวของเขาเรี ยบร้อยแล้ว หากแต่หยุนเช่อย่อมมิ
อาจนําพาเซี่ยวหลิงซีติดตามไป ทว่าชายหนุ่มเองย่อมไม่อาจทิ้ง
ให้นางอยู่ ณ ที่น้ ีเพียงลําพังเช่นกัน หญิงสาวย่อมต้องวิตกกังวล
อย่างสุ ดแสน ดังนั้น หยุนเช่อเพียงสามารถทําให้นางหลับใหลไป
เช่นนี้เท่านั้น
ชายหนุ่มออกจากถํ้า ก่อนจะใช้เวลาปิ ดผนึกปากถํ้าไปอีก
ร่ วมสิ บนาที หยุนเช่อนิ่งครุ่ นคิดเล็กน้อย จากนั้นนําหยดเลือด
มังกรภายในไข่มุกพิษสวรรค์ออก ผสมผสานสมุนไพรอีกสิ บกว่า
ชนิด หยดนํ้าลงไปจํานวนหนึ่ง ก่อนจะหลอมสร้างตัวยาหยกวารี
ปราณเยือกแข็งขึ้นมาห้าเม็ด
หยุนเช่อเรี ยกสัตว์อสู รหงส์หิมะออกมาจากผนึก ป้อนมัน
ด้วยหยกวารี ปราณเยือกแข็งทั้งห้า หลังจากรับประทานตัวยา หงส์
หิ มะที่เดิมทีอ่อนล้าโรยแรงยิง่ กลับสยายปี กออกด้วยความฮึก
หาญเปี่ ยมพลัง พร้อมทั้งกู่ร้องเสี ยงสดใสออกมาอีกครั้ง
“ฉานเอ๋ อร์ ไม่เจอกันนาน ข้าต้องรบกวนเจ้าอีกแล้ว ทว่า
ครานี้ลว้ นใช้เวลาไม่นานเท่าใดนัก เจ้าไม่ตอ้ งทนรับความลําบาก
เท่าใดแน่นอน” หยุนเช่อกล่าวด้วยความสํานึกเสี ยใจอยูบ่ า้ งพร้อม
ทั้งลูบไล้ลงบนขนปลายหางอันอ่อนนุ่มของสัตว์อสู ร หยกวารี
ปราณเยือกแข็งสามารถฟื้ นฟูพละกําลังของหงส์หิมะได้อย่าง
รวดเร็ ว หากยังไม่อาจฟื้ นคืนพลังชีวติ ได้ การเหิ นบินด้วย
ความเร็ วสูงสุ ดโดยอาศัยเพียงพลังภายนอก ย่อมต้องสร้างความ
เสี ยหายร้ายแรงสู่ พลังชีวติ ของมัน ทว่า หยุนเช่อปราศจากตัวเลือก
อื่น ชายหนุ่มเพียงต้องพึ่งพามันอีกครั้งเท่านั้น
หยุนเช่อเก็บหงส์หิมะลงในผนึก ก่อนจะผลัดเปลี่ยนไปใส่
เสื้ อผ้าของเฟิ นจื้อจ๋ าย ชายหนุ่มจัดแจงทรงผมพร้อมทั้งสวมใส่
แหวนมิติของเฟิ นจื้อจ๋ ายลงบนนิ้วของตน หยุนเช่อวางมือลงบน
ใบหน้า ก่อนจะเคลื่อนไหวฝ่ ามือด้วยท่าทางคล้ายกําลังถูทา
บางอย่าง ไม่นาน ใบหน้าของหยุนเช่อล้วนเปลี่ยนแปลงไปเป็ น
ใบหน้าที่ถอดพิมพ์ออกมาจากเฟิ นจื้อจ๋ ายไม่ผดิ เพี้ยน ชายหนุ่ม
ปรับท่าทางการเดินก่อนจะก้าวอย่างเขื่องโขไปยังทิศทางที่ต้งั ของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ยามนี้เป็ นยามดึกสงัด ภายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้ายังคงอยู่
ภายใต้ความสับสนวุน่ วายอย่างสิ้ นเชิง ทั้งหมดยังคงไม่อาจฟื้ นตัว
จากหายนภัยที่ประสบพบเจอมาเมื่อวานได้ ประตูทางเข้าหลักอัน
แสนโอ่อ่าสง่างามอันตรธานหายไปโดยไร้ร่องรอย ประตูทางเข้า
สํารองของพวกมันเองกลับกลายเป็ นเพียงซากปรักหักพัง บนเศษ
ซากวัสดุเหล่านั้นยังมีผคู ้ นหลายสิ บคนยืนรักษาการณ์ บางคนยืน
อ้าปากหาวเป็ นระยะๆ ด้วยความง่วงงุน
ชัว่ เวลานี้เอง เงาร่ างมนุษย์ร่างหนึ่งก้าวเข้ามาด้วยฝี เท้าอัน
เร่ งร้อน การมาถึงของมันสร้างความตื่นตัวให้แก่เหล่าศิษย์ที่ยนื
ยามรักษาการณ์อยูท่ ี่ “ประตู” พวกมันกล่าวออกมาด้วยนํ้าเสี ยง
เครี ยดเคร่ งจริ งจัง “เป็ นผูใ้ ด!?”
“ข้าเอง!” ฝี เท้าของบุคคลที่กา้ วเดินเข้าใกล้ชะลอเชื่องช้าลง
มันกล่าวตอบออกมาด้วยนํ้าเสี ยงเร่ งร้อนและเคร่ งเครี ยด
“โอ้ เป็ นท่านหัวหน้าป้อมที่เจ็ดสิ บสอง ขออภัยที่กระทํา
การไม่เหมาะสม!” เมื่อยามรักษาการณ์มองเห็นใบหน้าผูม้ าถึง
มันล้วนหลบไปยืนทางด้านข้าง ก่อนจะก้มศีรษะแสดงความ
คารวะ
ศิษย์อีกคนของสํานักกล่าวถามว่า “ท่านหัวหน้าป้อมที่เจ็ด
สิ บสอง ท่านมิใช่เพิง่ ออกเดินทางไปยังเมืองเพลิงครามกับท่าน
หัวหน้าป้อมที่เจ็ดสิ บสามหรอกหรื อ? เหตุใดกลับมาอย่างรวดเร็ ว
นัก?”
“แน่นอน เป็ นข้าค้นพบข้อมูลสําคัญ จึงได้เร่ งรี บกลับมา
รายงานท่านผูอ้ าวุโสไงล่ะ” “เฟิ นจื้อจ๋ าย” กล่าวด้วยทีท่าร้อนรน
เร่ งรี บ “จงเฝ้าระมัดระวังสถานที่น้ ีให้ดี จดจําไว้วา่ เรากําลังตกอยู่
ในสถานการณ์คบั ขัน ห้ามคนแปลกหน้าเข้าใกล้สถานที่น้ ีอย่าง
เด็ดขาด!”
เมื่อกล่าวจบ มันทะยานร่ างเข้าสู่ ภายในบริ เวณพรรคอย่าง
รวดเร็ ว ตรงไปยังสถานที่พกั ของท่านผูอ้ าวุโสที่แปด
ทุกผูค้ นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าฝึ กฝนวิชายุทธ์ธาตุอคั คี
ดังนั้น ต่างปรากฏธาตุอคั คีรายล้อมรอบกายอยูบ่ า้ งไม่มากก็นอ้ ย
หยุนเช่อสามารถกระทําสําเร็ จได้อย่างง่ายดายโดยความช่วยเหลือ
จากเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุอคั คีของตน แม้การแสร้ง
เปลี่ยนแปลงรัศมีของตนให้เหมือนวิชายุทธ์ธาตุอคั คีของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าอย่างหมดจดจะไม่อาจกระทําได้ แต่ตราบใดที่ท่าน
มิได้จงใจเพ่งสมาธิตรวจสอบคลื่นพลังของหยุนเช่อย่างจริ งจัง
การแยกแยะออกมานั้น ล้วนไม่ใช่เรื่ องง่ายดาย ยิง่ กว่านั้น ระดับ
พลังยุทธ์ของหยุนเช่อยังอยูใ่ นระดับเดียวกันกับเฟิ นจื้อจ๋ ายอย่าง
ไม่มีผดิ เพี้ยน ดังนั้น การหลอกลวงตบตาในครั้งนี้ สมควรกล่าว
ได้วา่ ไร้ช่องโหว่อย่างสิ้ นเชิง
แม้จะเป็ นกลางดึก ทว่ายังคงปรากฏเหล่าศิษย์ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าลาดตระเวณอยูภ่ ายในไม่ขาดสาย หากไม่มีผใู ้ ดสงสัยใน
ตัวตนที่แท้จริ งของบุคคลที่เดินผ่านพวกมัน ว่านี่เพียงเป็ นผูท้ ี่
ปลอมแปลงตนเองเข้ามาแทนที่เฟิ นจื้อจ๋ ายเท่านั้น
ไม่ปรากฏผูค้ นเข้าขัดขวางหรื อสร้างความลําบากใดๆแก่หยุ
นเช่อตลอดรายทาง ชายหนุ่มเข้าสู่ ตาํ หนักของท่านผูอ้ าวุโสที่แปด
อย่างราบรื่ น เมื่อรายงานว่ามีเรื่ องราวเร่ งด่วนจําต้องรายงาน ชาย
หนุ่มล้วนสามารถเข้าพบผูอ้ าวุโสที่แปดเฟิ นม่อฉื อได้ตามต้องการ
เฟิ นม่อฉือยังคงไม่หลับ เมื่อพบหน้าเฟิ นจื้อจ๋ าย มันกล่าว
ถามเสี ยงตํ่าว่า “เรื่ องอันใด? มิใช่มอบหมายเจ้าและเจิ้งจื้อลักลอบ
เข้าเมืองเพลิงคราม ฉวยโอกาสยามคํ่าคืนเสาะหาสถานที่ซ่อนตัว
ของหยุนเช่อหรอกหรื อ? เหตุใดเจ้าจึงกลับมารวดเร็ วนัก? ยังมี เจ้า
มีเรื่ องรี บด่วนใดต้องการรายงานงั้นรึ ?”
“เฟิ นจื้อจ๋ าย” กล่าวรายงานอย่างเร่ งร้อน “เรี ยนผูอ้ าวุโส
พวกเราไม่จาํ เป็ นต้องสํารวจเมืองเพลิงครามอีกต่อไป...ระหว่าง
ทางข้าได้รับข่าวสารทางยันตร์สื่อสารจากสหายเก่าผูห้ นึ่งในเมือง
เพลิงครามเกี่ยวกับข่าวคราวของหยุนเช่อ มันกล่าวว่าเมื่อวานตอน
บ่าย พวกมันพบเห็นวิหคยักษ์สีขาวสง่างามตัวหนึ่งบินผ่านเมือง
เพลิงครามไป ร่ อนลงยังทิศเหนือของตัวเมือง...จากนั้น กลับไม่
พบเห็นวิหคใดบินออกจากที่น้ นั ดังนั้น ทั้งหมดนี้ลว้ นสามารถ
สรุ ปได้แน่นอนว่า หยุนเช่อย่อมต้องซ่อนตัวอยูภ่ ายในเมือง”
“เป็ นอย่างที่คิดจริ งๆ !” เฟิ นม่อฉื อลุกขึ้นยืนโดยทันทีพร้อม
ทั้งส่ งเสี ยง “ฮึ!” คราหนึ่ง ใบหน้าเปี่ ยมแววโทสะอัดอก “เฮอะ!
มันนับว่าดูถูกพวกเราตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนเกินไป ถึงกับกล้า
ร่ อนลงยังเมืองเพลิงคราม มันคิดว่าพวกเราไม่กล้าเป็ นฝ่ ายออกไล่
ล่ามันก่อนเช่นนั้นรึ ? ยามนี้ มีท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน รวมทั้ง
ท่านอดีตผูอ้ าวุโสอยูท่ ี่นี่ ข้าจะดูซิวา่ มันจะเย่อหยิง่ ยโสไปได้สกั
เพียงไหน!!”
“เฟิ นจื้อจ๋ าย” ลอบแสดงท่าทีเหยียดหยาม มันกล่าวต่อว่า
“ผูอ้ าวุโส แม้หยุนเช่อหลบซ่อนอยูใ่ นเมืองเพลิงครามเป็ นเรื่ อง
จริ ง ทว่าสถานที่น้ นั มีขนาดใหญ่โต หยุนเช่อเองย่อมระมัดระวัง
ตัวอย่างยิง่ ดังนั้นจึงเป็ นการยากที่จะตามหาที่ซ่อนของมันพบ ข้า
ให้เจิ้งจื้อเดินทางต่อไปยังเมืองเพลิงคราม ส่ วนตัวข้ากลับมายัง
ที่น้ ีเพื่อร้องขอคําสัง่ บางประการจากท่านผูอ้ าวุโส”
“อะไรรึ !?” เฟิ นม่อฉื อเลิกคิ้วถาม
“เฟิ นจื้อจ๋ าย” กลํ้ากลืนนํ้าลายลงคอก่อนกล่าวออกมาด้วยที
ท่าวิตกกังวล “หยุนเช่อมีญาติสนิทคนหนึ่ง ที่ถูกกักขังอยูใ่ นคุก
กักมังกร ศิษย์ตอ้ งการของบางสิ่ งบนร่ างกายของมันผูน้ ้ ี...ไม่วา่
ของสิ่ งใดล้วนสามารถใช้ได้ อาจเป็ นเสื้ อผ้าหรื อจี้หอ้ ยคออันใด
จากนั้น ศิษย์จะเร่ งเดินทางไปยังเมืองเพลิงคราม ห้อยแขวน
สิ่ งของลงบนสถานที่อนั โดดเด่น อาจบางที นี่สามารถชักนําหยุ
นเช่อออกมาจากที่ซ่อน ทันทีท่ีพวกเราสังเกตุเห็นมัน การจะหา
พบที่ซ่อนมันล้วนไม่ใช่เรื่ องยากเย็นอีกต่อไป นี่เป็ นความเห็นตํ่า
ต้อยของศิษย์ผนู ้ ้ ี ไม่ทราบท่านผูอ้ าวุโสคิดเห็นเป็ นเช่นไร”
“โอ้...” เฟิ นม่อฉือก้มศีรษะลงก่อนพึมพําบางสิ่ งต่อตนเอง
ผ่านไปชัว่ ครู่ มันจึงกล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า “วิธีการเช่นนี้นบั ว่า
โจ่งแจ้งเกินไป ทั้งยังไม่อาจล่อปลาออกมาฮุบเบ็ด ทว่ามันยังอายุ
เยาว์...เต็มไปด้วยความฮึกหาญเปี่ ยมล้น กระทําการด้วยความุทะลุ
วิธีการนี้ หากใช้ต่อมันอาจได้ผล...ตกลง! ทําตามที่เจ้าบอก ทว่า
แม้ตอนนี้หยุนเช่อยังคงบาดเจ็บ แต่ท้ งั เจ้าและเจิ้งจื้อยังไม่ใช่คู่มือ
ของมัน ตอนนี้มนั สมควรอ่อนล้าอยูบ่ า้ ง ดังนั้นพวกเจ้าต้อง
ระมัดระวังให้ดี เมื่อค้นพบสถานที่ซ่อนของมัน จงส่ งยันตร์
สื่ อสารมาหาข้าโดยทันที”
“รับทราบ!”
“นี่เป็ นแผ่นป้ายคําสัง่ ของข้า ด้วยแผ่นป้ายนี้ เจ้าสามารถเข้า
ออกคุกกักมังกรได้ตามประสงค์ รี บไป” เฟิ นม่อฉื อส่ งแผ่นป้ายสี
แดงแผ่นหนึ่งให้แก่หยุนเช่อ ก่อนจะกล่าววาจาอย่างเฉื่ อยชา
แผ่นป้ายคําสัง่ นี้เองคือสิ่ งที่หยุนเช่อต้องการมากที่สุด
ภายใต้การปลอมแปลงโฉมอันไร้ที่ติ หยุนเช่อคาดคิดว่าทุกสิ่ งช่าง
เป็ นไปตามแผนการณ์อย่างราบรื่ นเสี ยจริ ง ชายหนุ่มรับแผ่นป้าย
พร้อมจากมา จากนั้น มุ่งหน้าตรงไปยังคุกกักมังกรในทันที
เฟิ นม่อฉือยังคงยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ขณะพึมพําต่อตนเองอีกชัว่ ครู่
มันรู ้สึกราวมีบางอย่างไม่ถูกต้อง หากทว่ากลับไม่อาจทราบว่าอยู่
ที่ใด ผ่านไปครู่ หนึ่ง มันหยิบหยกสื่ อสารออกมา ก่อนจะกล่าวว่า
“ท่านผูน้ าํ ตระกูล พวกเราสามารถยืนยันได้แล้วว่าหยุนเช่อหลบ
ซ่อนอยูใ่ นเมืองเพลิงครามในขณะนี้...”
คุกกักมังกรเป็ นคุกภายในของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ศิษย์คน
ใดที่กระทําความผิดพลาดร้ายแรง หรื อก่ออาชญากรรมอันใหญ่
หลวงล้วนถูกคุมขังอยูใ่ นที่น้ ี รวมไปถึงเหล่าศัตรู ที่ที่สร้างความ
โกรธแค้นแก่ตระกูล ทั้งหมดล้วนอยูใ่ นที่น้ ีเช่นกัน แน่นอน มี
ผูค้ นบางคนที่ได้รับอิสรภาพ และมีบางคนที่ถูกกักขังอยู่ ณ ที่น้ ี
อย่างลับๆ คุกกักมังกรมีท้ งั หมดเจ็ดชั้น ยิง่ อยูช่ ้ นั ตํ่าลงเท่าใด
สถานที่คุมขังยิง่ มืดมนขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ชั้นตํ่าสุ ด ล้วนเป็ นที่คุม
ขังนักโทษสําคัญหรื อกระทําความผิดร้ายแรงที่สุดเช่นกัน
“คุกกักมังกรนี้เป็ นสถานที่สาํ คัญยิง่ เจ้าไม่อาจผ่านเข้าไป
ได้!” ทันทีที่หยุนเช่อก้าวเข้าใกล้สถานที่คุมขัง ปรากฏศิษย์รักษา
ประตูขดั ขวางทางพร้อมทั้งกล่าวเตือนด้วยนําเสี ยงหนักแน่นเคร่ ง
ขรึ ม
หยุนเช่อนําแผ่นป้ายคําสัง่ ออกมาแสดง มันเงยหน้าขึ้น
พร้อมกล่าวว่า “จากคําสัง่ ของท่านผูอ้ าวุโสที่แปด ข้ากําลังจะไป
ยังคุกกักมังกรชั้นเจ็ดเพื่อนําสิ่ งของบางสิ่ งจากตัวนักโทษไปใช้
งาน”
ศิษย์รักษาการณ์มองไปยังแผ่นป้ายก่อนจะผงกศีรษะ
จากนั้น มันจึงเป็ นผูน้ าํ ทางเข้าไปด้วยตนเอง “ตามข้ามา”
อาศัยแผ่นป้ายคําสัง่ ของเฟิ นม่อฉื อ หยุนเช่อก้าวเท้าเข้ามา
ในคุกกักมังกรโดยปราศจากความหวาดกลัวและภยันตรายใด แม้
จะมีแผ่นป้ายคําสัง่ นําทาง หากยังคงปรากฏศิษย์รักษาการณ์สี่คน
ถือดาบเดินตามหลังชายหนุ่มทุกฝี ก้าว ทั้งสี่ กา้ วเดินรายล้อมอยูท่ ้ งั
หน้าหลังทันทีที่กา้ วเข้ามาในอาณาบริ เวณคุมขัง อย่างไรเสี ย ผูค้ น
ที่ถูกคุมขังอยูใ่ นถานที่น้ ี หากมีการเผยแพร่ ออกไปภายนอก อาจ
สร้างความโกรธแค้นมหาศาลให้แก่ผคู ้ น ปรากฏกระทัง่ “ผูค้ น
พิเศษ” บางคน ที่ถูกจับกุมมาเพื่อเค้นถามเคล็ดวิชาลับ หรื อ
ความลับสําคัญของพรรคใหญ่ต่างๆ...
รวมไปถึงผูค้ นเช่นเซี่ยวเหล่ย ที่การเปิ ดเผยตัวของมัน ล้วน
สามารถส่ งผลให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งมวลต้องสูญสิ้ น
เกียรติยศศักดิ์ศรี ท้ งั หมด ผูท้ ี่ถูกจับมาเป็ นเพียง “เหยือ่ ล่อ”
เมื่อเข้ามายังคุกกักมังกร กลิ่นเหม็นฉุนรุ นแรงชนิดหนึ่ง
กระทบเข้ากับโสตประสาท ยิง่ เข้าไปลึกเท่าใด กลิ่นเหม็นรุ นแรง
ยิง่ ฉุนขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มมิอาจเก็บสี หน้าได้อีกต่อไป เมื่อคิดว่า
ท่านปู่ ของตนต้องถูกกักขังอยูใ่ นสถานที่เช่นนี้ ภายในใจของหยุ
นเช่อล้วนเต็มไปด้วยเพลิงพิโรธ ชายหนุ่มสะกดระงับความเคียด
แค้นและความร้อนรนทั้งหมดลง ก้าวเดินตามยามรักษาการณ์ลง
ไปยังส่ วนลึกของสถานที่คุมขังด้วยฝี เท้าอันปลอดโปร่ ง หลังจาก
ก้าวผ่านทางเดินวนเวียนชัว่ ระยะหนึ่ง พวกมันล้วนบรรลุถึงชั้น
เจ็ดได้ในท้ายที่สุด
หยุนเช่อเหลือบมองเห็นเซี่ยวเหล่ยได้ในทันทีที่มาถึงคุกที่
คุมขังชั้นเจ็ด เนื่องเพราะชายหนุ่มกําลังมองไปยังห้องขังห้องแรก
ภายหลังบานประตูคุกกักมังกรชั้นเจ็ดพอดิบพอดี
บทที่ 340 ล่ อเสื อออกจากถํา้

เซี่ ยวเหล่ยเอนอยูท่ ี่มุมหนึ่งของคุกกักมังกร ใบหน้าของเขา


ผอมซูบและสี หน้าของเขาซีดเซียว ไม่มีความโกรธ ไม่มีความขุ่น
เคืองใจ ไม่มีความหวาดกลัวหรื อไม่ต่อสู ด้ ิ้นรน ในเรื่ องการมาถึง
ของใครบางคน เขาไม่มีปฏิกิริยาเลยสักน้อยนิดราวกับเขาไม่ต่าง
จากมีชีวติ หรื อตาย
รัศมีพลังของเซี่ยวเหล่ยอ่อนแอทุกนาที ทั้งยังแสดงออกถึง
การบาดเจ็บภายในเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่มีบาดแผลบน
ร่ างกายของเขาที่ทาํ ให้หยุนเช่อถอนหายใจเฮีอกใหญ่อย่างโล่งอก
ศิษย์ที่เฝ้าสถานที่คุมขังก้าวมาข้างหน้า เปิ ดประตูคุกที่หนัก
อึ้งและพูดอย่างกระด้าง “เข้าไป เร็ วเข้า”
“ไม่ตอ้ ง….” ตาของหยุนเช่อกลายเป็ นเย็นชา ก่อนทีิ ่ศิษย์ท้ งั
สี่ ท่ีเฝ้าคุกจะมีเวลาได้ตอบโต้ทณ ั ฑ์มงั กรได้มาอยูใ่ นมือชายหนุ่ม
เรี ยบร้อยและถูกตวัดเพียงครั้งเดียวในฉับพลัน
“เจ้า….”
ปั ง!!
พื้นผิวของคุกกักมังกรทั้งหลังสัน่ สะเทือนเล็กน้อยขณะที่
ศิษย์ที่เฝ้าคุกทั้งสี่ ถูกส่ งให้ปลิวไปทันทีทนั ใดพร้อมเสี ยงระเบิด
พวกมันได้รับการจู่โจมโดยตรงจากทัณฑ์มงั กร ผลสุ ดท้ายของ
พวกมันตกตายอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ก่อนที่พวกมันจะตาย ตาของ
พวกมันเบิกกว้าง สะท้อนภาพกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่น่าหวาดกลัว
อย่างฝันร้าย
การเปลี่ยนแปลงกระทันหันทําให้พ้ืนชั้นที่เจ็ดของคุกกัก
มังกรกลายเป็ นสับสนวุน่ วายในทันที ทุกคนที่ถูกขังไว้ภายในคุก
ได้พงุ่ ตัวไปข้างหน้า และไม่รู้พวกมันส่ งเสี ยงกรี ดร้องจํานวนมาก
นั้นด้วยความตื่นเต้นหรื อหวาดกลัว ในเวลานี้ เซี่ยวเหล่ยที่คล้าย
ไร้ชีวติ ได้ยกศีรษะขึ้น หยุนเช่อเดินไปข้างหน้าก้าวใหญ่ จับแขน
ของเซี่ยวเหล่ยด้วยมือหนึ่งขณะที่ชายหนุ่มตะโกนก้องด้วย
อารมณ์ความรู ้สึกเปี่ ยมล้น “ท่านปู่ ข้าเอง…..เป็ นลูกเช่อ!”
ขณะที่ชายหนุ่มพูดคํานั้น หยุนเช่อได้เช็ดใบหน้าของชาย
ชรา เมื่อใบหน้าของชายหนุ่มได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยว
เหล่ย ตาที่พร่ ามัวของเซี่ยวเหล่ยเปล่งประกายในทันที ชายชราจับ
แขนของหยุนเช่อขณะที่ร่างกายทั้งหมดสัน่ เทาไปด้วยอารมณ์
ความรู ้สึก “ลูกเช่อ เจ้า….เจ้า….”
หยุนเช่อกล่าวอย่างแน่วแน่ “ท่านปู่ พวกเราไม่ได้พบกัน
นาน ข้ามีหลายสิ่ งที่ตอ้ งการพูดกับท่าน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่
เหมาะสม…...เราต้องออกไปจากที่แห่งนี้เป็ นอันดับแรก…..อย่า
กังวลไปท่านปู่ เราจะหนีได้แน่นอน! อาหญิงเล็กกําลังรอพวกเรา
ในที่ปลอดภัย”
เซี่ ยวเหล่ยจับจ้องที่หยุนเช่อ มันมีความรู ้สึกและคําพูดนับ
ล้านที่จะกล่าว ชายชรามองที่ลกั ษณะท่าทางของหยุนเช่อ เซี่ยว
เหล่ยรู ้สึกถึงรังสี ที่หนักแน่นดัง่ ภูผา ไร้ที่สิ้นสุ ดดุจดัง่ ทะเล ช่าง
เป็ นความรู ้สึกอันแปลกแยกทว่าคุน้ เคยอย่างไม่อาจเปรี ยบได้
เซี่ยวเหล่ยผงกศีระของมันอย่างแรง “ตกลง….ตกลง!”
เสี ยงตะโกนดังจากด้านบน ติดตามด้วยเสี ยงฝี เท้าที่ใกล้เข้า
มาทุกที หยุนเช่อยกเซี่ยวเหล่ยขึ้น โอบร่ างของชายชราอย่างแนบ
แน่นและพูดอย่างนุ่มนวล “ท่านปู่ พวกเรากําลังจะออกไป
แล้ว…..ย้ากกกก!!!”
หยุนเช่อสู ดลมหายใจลึกอย่างแรงและตะโกนเสี ยงดังสนัน่
ตามด้วยเสี ยงดังและเสี ยงของมังกรครํ่าครวญที่ชดั เจน ทัณฑ์
มังกรเหวีย่ งขึ้นข้างบนอย่างแรง…..
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
เสี ยงระเบิดปะทะดังกึกก้องราวกับฟ้าถล่มดินทลายสิ้ นดัง
สะท้อนไปทัว่ ทั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทําให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ในยามราตรี ซ่ ึงแต่เดิมเงียบสงัดพลันเต็มไปด้วยเสี ยงกรี ดร้องตื่น
ตระหนกดังระงมไปทัว่ ทุกซอกทุกมุม เพียงการโจมตีครั้งเดียว
จากหยุนเช่อ คุกกักมังกรทั้งเจ็ดชั้นล้วนแต่ถูกตัดทะลุ หยุนเช่อ
พลันโอบอุม้ เซี่ยวเหล่ยกระโจนขึ้นสู งกว่าหกสิ บเมตรในพริ บตา
กลับสู่ ระดับผืนดิน
พื้นดินที่ระเบิดออกโดยกระทันหันย่อมดึงดูดสายตาทุก
ผูค้ นโดยรอบ แต่เมื่อศิษย์พรรคตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่อยูร่ ายรอบ
มองเห็นว่าเป็ นผูใ้ ดที่หยัง่ เท้าลง ใบหน้าของพวกมันล้วน
แปรเปลี่ยนเป็ นหวาดผวาสุ ดขีด “หยุน...หยุนเช่อ!!”
ตราประทับลมปราณบนหลังมือของหยุนเช่อเรื่ อเรื องแสง
ขึ้น สัตว์อสู รหงสาหิมะปรากฏกายขึ้นเบื้องข้างชายหนุ่มพร้อม
เปล่งเสี ยงร้องยาว ชายหนุ่มดันร่ างของเซี่ ยวเหล่ยขึ้นบนหลังของ
สัตว์อสู รหงสาหิ มะพร้อมกล่าวอย่างเยือกเย็น “ท่านปู่ ให้ฉาน
น้อยพาท่านออกไปก่อน มันจะพาท่านไปยังสถานที่เดียวกับอา
หญิงเล็ก… ข้าจะอยูช่ าํ ระหนี้แค้นอีกสักเล็กน้อย… ท่านโปรด
วางใจ ไม่เกินสี่ ชวั่ โมงข้าจะกลับไปพบพวกท่าน!”
“ฉานน้อย รี บไปเร็ ว!!”
“ลูกเช่อ เจ้า…”
ก่อนที่ถอ้ ยคําอันวิตกกังวลของเซี่ยวเหล่ยจะถูกเปล่งออกมา
จนจบ สัตว์อสู รหงสาหิ มะก็เหิ นร่ อนจากไปตามกระแสลม
ท่ามกลางเสี ยงร้องแหลมยาว ราวกับดาวตกสี ขาวท่ามกลางราตรี
อันมืดมิดและหายลับไปในพริ บตา หยุนเช่อไม่ทนั ได้ยนิ คําของ
เซี่ยวเหล่ย แต่ชายหนุ่มรู ้วา่ เซี่ยวเหล่ยต้องการกล่าวสิ่ งใด
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหงสาหิ มะบินจากไปไกลแล้วหยุนเช่อ
จึงเผยรอยยิม้ ยินดี ชายหนุ่มหันหลังกลับมาสี หน้ากลับผันแปร
เป็ นเย็นชาในฉับพลัน ด้วยความเร็ วของหงสาหิ มะ แม้จะเป็ นผูน้ าํ
ตระกูลรุ่ นก่อนก็ยงั มิอาจไล่ตามทั้งสองไปได้ทนั แต่บดั นี้หงสา
หิ มะได้ถูกฤทธิ์โอสถหนุนเสริ มพลังไว้ชวั่ คราว ย่อมมิอาจคง
ความเร็ วสู งสุ ดนี้ไปได้นาน ผนวกกับที่ซ่อนตัวของเซี่ยวหลิงซีอยู่
ไม่ไกลจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้านัก ชายหนุ่มจึงไม่อาจหนีไป
พร้อมกับเซี่ ยวเหล่ยได้ เพราะหากทําเช่นนั้นจะมีโอกาสถูกตาม
ทันอยูม่ าก อีกทั้งที่ซ่อนตัวก็อาจถูกค้นพบ
นอกจากนั้น เป้าหมายของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไม่เคยเป็ น
เซี่ยวเหล่ยตั้งแต่แรกเริ่ ม หากแต่เป็ นชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่ม
ปรากฏตัวขึ้นแล้วย่อมไม่มีผใู ้ ดสนใจเซี่ยวเหล่ยอีกต่อไป เมื่อ
เซี่ยวเหล่ยหนีไปได้แล้ว ชายชราย่อมต้องปลอดภัย!
หลังจากช่วยทั้งเซี่ยวหลิงซี และเซี่ยวเหล่ยออกจากตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าได้อย่างปลอดภัยแล้ว หยุนเช่อจึงวางใจได้ในที่สุด
แต่สาํ หรับชายหนุ่มแล้วเรื่ องนี้ยอ่ มยังไม่สิ้นสุ ดลง เพราะในที่สุด
ก็ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสม
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรฟาดลงพื้นดินเสี ยงดังสนัน่ รอยปริ แยก
ของแผ่นดินนับสิ บรอยพลันแผ่ขยายออกจากใต้ฝ่าเท้าของชาย
หนุ่มอย่างรวดเร็ ว มันขยายไปถึงผืนดินใต้ฝ่าเท้าของศิษย์ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า ทําให้พวกมันรี บถอยร่ นหนีอย่างตื่นตระหนก หยุ
นเช่อหัวเราะอย่างบ้าคลัง่ เมื่อเห็นเงาร่ างอันน่าสมเพชเวทนาของ
พวกมันและกล่าวออก “ถูกต้อง! ท่านปู่ แซ่หยุนของพวกเจ้ามาที่นี่
อีกแล้ว! จงรั้งรอข้าอย่างเชื่อฟัง! ข้า-หยุนเช่อ ขอสาบานว่าภายใน
หนึ่งเดือน ข้าจะลบชื่อของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของพวกเจ้าออก
จากทวีปลมปราณฟ้าตลอดกาล!”
สุ ม้ เสี ยงของหยุนเช่อดังเสี ยดหูอย่างยิง่ ถ้อยคําอันชัดเจน
ของชายหนุ่มก้องสะท้อนไปทัว่ ทั้งเขตตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ท่ามกลางเสี ยงหัวเราะอันบ้าคลัง่ หยุนเช่อถอนกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
ขึ้น หมุนตัวกลับหลัง ก่อนจะทะยานร่ างหายไปทางทิศใต้อย่าง
รวดเร็ ว เงาร่ างของชายหนุ่มหายไปท่ามกลางม่านราตรี อย่างฉับ
ไว
ไม่นานหลังจากนั้นพลันบังเกิดเสี ยงตะโกนกู่กอ้ งราวกับ
อัสนีบาตดังขึ้นจากบนฟากฟ้า “เจ้าเด็กปี ศาจ! คืนนี้ขา้ ผูเ้ ฒ่าจะทํา
ให้เจ้าหายสาบสู ญไปจากโลกนี้!! คิดว่าจะหนีไปไหนรอด?!”
สุ ม้ เสี ยงนี้ดงั เสี ยดหูยงิ่ กว่าหยุนเช่อ อีกทั้งยังแฝงไว้ดว้ ย
โทสะอันลึกลํ้า ชัดเจนว่ามันถูกถ้อยคําของหยุนเช่อยัว่ ยุปลุกปั่น
โทสะ ก่อนที่เสี ยงนั้นจะสิ้ นสุ ดลง เงาร่ างสี ดาํ ได้เหาะเหิ นลงจาก
ท้องฟ้า ไล่ตามไปยังทิศทางที่หยุนเช่อหนีไปด้วยความเร็ วราว
สัตว์ประหลาด… เงาร่ างทั้งสองนั้น หนึ่งคือผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน-
เฟิ นอี้เจี๋ย และอีกหนึ่งคือหัวหน้าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน-เฟิ นจื้อหยา!
เฟิ นต้วนหุนและผูอ้ าวุโสกลุ่มหนึ่งรี บรุ ดเข้ามาอย่างรวดเร็ ว
เมื่อเห็นความวุน่ วายเหนือคุกกักมังกรแล้ว พวกมันล้วนได้แต่สูด
หายใจหนาวเหน็บ
“ท่านประมุข พวกเราควรไปช่วยท่านประมุขรุ่ นก่อน
หรื อไม่?” เฟิ นม่อจี๋ถาม
“ไม่จาํ เป็ น!” เฟิ นต้วนหุนยกมือขึ้นห้าม “ด้วยความ
แข็งแกร่ งของบิดาข้าและหัวหน้าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน พวกเขาย่อมไม่
จําเป็ นต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา ฮึ่ม! หยุนเช่อเพิง่ จะ
ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเมื่อวานทั้งยังใช้พลังไปมากมาย ข้าไม่คิด
ว่ามันจะกล้าบุกเข้ามาอีก… ครั้งนี้เมื่อบิดาและหัวหน้าผูอ้ าวุโส
รุ่ นก่อนรวมพลังกัน ต่อให้มนั มีปีกย่อมมิอาจหลบหนีไปได้”
“สุ ดท้ายมันก็ยงั เด็กอยูน่ กั เพียงเพื่อช่วยญาติอนั ไร้ค่า มัน
ถึงกับยอมทิ้งชีวติ โดยไม่สนอาการบาดเจ็บของตนเอง ครานี้เมื่อ
ท่านประมุขรุ่ นก่อนและหัวหน้าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนรวมพลังกัน ย่อม
สําเร็ จเป็ นแน่แล้ว ข้าเชื่อว่าภายในสิ บห้านาทีพวกเขาย่อมจับตัว
มันได้… ครั้งนี้เราจะต้องให้หยุนเช่อตอบแทนอย่างใหญ่หลวง
และทรมานที่สุด!” ผูอ้ าวุโสอีกคนกล่าวพร้อมขบเคี้ยวฟัน ราวกับ
หยุนเช่อได้ตกอยูใ่ นกํามือของพวกมันแล้ว
หลังจากหยุนเช่อหลบหนีออกจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้
ไม่นาน ปรากฏคลื่นพลังแข็งแกร่ งหาใดเแปรี ยบสองสายไล่ติด
ตามหลัง ชายหนุ่มจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่าอยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะยก
ยิม้ เย้ยหยัน...ไม่คาดคิดจริ งๆว่าจะเป็ นสองเฒ่าปี ศาจหนังเหนียว
ไม่ยอมตายที่ไล่ติดตามมา นี่ช่าง...
ยอดเยีย่ มเสียนี่กระไร!!
หยุนเช่อมักสะพายกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไว้บนหลังยาม
เคลื่อนไหวร่ างกาย รวมทั้งใช้กระบี่หนักในการต่อสู ้ นี่เป็ นหนึ่ง
ในวิธการฝึ นฝนของชายหนุ่ม เมื่อมีกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรเป็ นคู่มือ
ยามสู ร้ บ หยุนเช่อเปี่ ยมล้นด้วยพลังทําลายล้าง หากยามถือกระบี่
ทัณฑ์มงั กรเคลื่อนไหว กลับกลายเป็ นอุปสรรคอยูบ่ า้ ง สําหรับกับ
ย้ายที่ หลบหลีก หรื อโจมตีโดยกะทันหัน หยุนเช่อล้วนพึ่งพาท่า
เท้าเทพดาราแยกเงา ดังนั้นเมื่อเก็บกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรกลับเข้าสู่ ร่าง
ล้วนไม่ต่างกับการย้ายขุนเขาออกจากแผ่นหลัง ระดับความเร็ ว
ของชายหนุ่มเพิ่มสู งขึ้นราวสายฟ้า ส่ งผลให้ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณ
จักรพรรดิที่เบื้องหลังไม่อาจไล่ติดตามทันในทันที
เงาร่ างมนุษย์หนึ่งหน้าสองหลังพุง่ ติดตามกันท่ามกลางยาม
คํ่าคืน คลื่นพลังของมนูาย์ที่เบื้องหลังทั้งสองสายจับตรึ งอยูท่ ี่ร่าง
ของหยุนเช่อ ยิง่ พวกมันไล่ติตามไม่ลดละ พวกมันยิง่ ทวีความตื่น
ตระหนก...พวกมันเห็นอย่างชัดเจนว่าหยุนเช่อได้รับบาดเจ็บเมื่อ
วานนี้ หากระยะเวลาที่ได้รับบาดเจ็บมาจนบัดนี้เพียงผ่านไปหนึ่ง
วันครึ่ งเท่านั้น หยุนเช่อกลับสามารถฟื้ นฟูสภาพร่ างกายได้ถึง
ระดับนี้ ถึงกับทําให้พวกมันต้องไล่ติดตามมายาวนานถึงขั้นนี้
ระยะทางสามสิ บกิโลเมตรผ่านไปโดยที่ท้ งั หมดไม่ทนั ตั้ง
ตัว หากระยะห่างระหว่างยอดยุทธ์ลมปราณจักรพรรดิท้งั สองและ
หยุนเช่อยังคงไม่ร่นเข้ามาแม้แต่เมตรเดียวจากระยะเดิมที่หนึ่งร้อย
เมตร และเวลานี้ ร่ างของหยุนเช่อกลับมาถึงปากทางเข้าป่ าลึกได้
ในที่สุด
“มารร้าย! จากสิ่ งที่เจ้าทําต่อตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา พวก
ข้าย่อมต้องฉี กกระชากเจ้าเป็ นพันเป็ นหมื่นชิ้น! ต่อให้เจ้าหนี
ไปจนสุ ดหล้า จงอย่าได้คิดหนีพน้ จากอุง้ มือเรา!!” เฟิ นอี้เจี๋ย
คํารามผ่านช่องว่างระหว่างมันและหยุนเช่อ ร่ างของชายหนุ่มยิง่
เข้าใกล้ข้ ึนเรื่ อยๆ
“อาศัยเจ้า? ยังไม่คู่ควร!!”
หยุนเช่อพลันทะยานร่ างกลับมาระหว่างการพุง่ หลบหนีราว
สายลม ในมือกระชับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร เงาร่ างหมาป่ าสี คราม
ปรากฏขึ้นที่เบื้องหลัง เทพหมาป่ าผ่าปฐพีพงุ่ เข้าจู่โจมผูค้ นทั้งสอง
ที่ติดตามมาเบื้องหลัง
โบร๋ ววววววววว!!!!
เงาเทพหมาป่ าโบยบินขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า พลังมหาศาลส่งผลให้
ทั้งสองมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันที ต่างไม่กล้าต้านทานรับ
กระบวนท่าตรงๆ ทั้งสองพุง่ ทะยานขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าแยกย้ายออกเป็ น
สองทิศทางเพื่อหลบหลีก...เงาเทพหมาป่ าเฉี ยดผ่านข้างกายไปจน
เส้นขนบนร่ างของพวกมันลุกชัน หากทั้งสองถูกโจมตีตรงๆ จาก
กระบวนท่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องรับบาดเจ็บไม่เบา
การพุง่ หลบหลีกที่ทุ่มเทพังทั้งหมดเพียงชัว่ พริ บตาเมื่อครู่
ก่อให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในการตรึ งรัศมีพลังของพวกมันไว้ที่
หยุนเช่อ ชายหนุ่มฉวยโอกาสนี้ทะยานร่ างเข้าไปในป่ าลึก มุ่งไป
ทางทิศใต้ดว้ ยความเร็ วสู งสุ ดเท่าที่จะทําได้
“เฮอะ! อย่าได้คิดฝันหนีพน้ จากเงื้อมมือพวกเราได้!!” ทั้ง
สองทุ่มเทจิตสมาธิเพื่อจับสัมผัสพลังของหยุนเช่ออีกครั้ง ก่อนจะ
ทะยานร่ างไล่ติดตามไปอย่างรวดเร็ ว ด้วยระดับความเร็ วที่สูงส่ ง
ยิง่ กว่าลมพายุคลัง่ ร่ างของบุคคลทั้งสองอันตรธานหายไปในผืน
ป่ าอันมืดมิด
และในเวลานี้เอง ร่ างของหยุนเช่อกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งยัง
ชายป่ าด้านนอกสุ ด ชายหนุ่มยกจมูกเหยียดเย้ยอยูภ่ ายในเกราะ
ปราการเมฆาเยือกแข็งที่หุ่อหุม้ ร่ าง สายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่
ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิท้ งั สองจากไป
ถูกต้อง ที่เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื้อหยาไล่ติดตาม เป็ นหัตถ์
ปราณไร้ลกั ษณ์นนั่ เอง!
หยุนเช่อหันกายกลับไปยังตระกูลอัคคีผลาญฟ้าโดนยังคง
ปราการเมฆาเยือกแข็งไว้โดยรอบร่ างกาย ระยะห่างระหว่างทั้ง
สามยิง่ มายิง่ ไกลห่าง ฝี เท้าของหยุนเช่อยิง่ มายิง่ รวดเร็ ว เมื่อได้
ระยะที่ชายหนุ่มคาดว่าทั้งสองไม่อาจสัมผัสคลื่นพลังของตนได้
อีกต่อไป หยุนเช่อปลดปราการเมฆเยือกแข็งลง ก่อนจะพุง่ ไปยัง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าด้วยความเร็ วเต็มที่
ไม่นานหลังจากนั้น ปรากฏทะเลเพลิงพวยพุง่ ขึ้นสู่ทอ้ งฟ้า
จากที่ไกล...ภายในป่ ามืดทึบ เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื้อหยา ผูส้ ู ญเสี ย
การติดตามจากคลื่นพลังของหยุนเช่อ ตัดสิ นใจใช้วธิ ีการพิเศษใน
การบีบบังคับหยุนเช่อผู ้ “แอบซ่อนตัว” อยูใ่ ห้ออกมา พวกมัน
วางเพลิงเผาป่ าโดยไม่มีทางคาดคิดเลยว่าหยุนเช่อได้เล็ดรอดออก
จากการติดตามคลื่นพลังของพวกมัน ทั้งยังไม่เชื่อว่า หยุนเช่อผูซ้ ่ ึง
“เพิ่งหายตัวไป” เมื่อครู่ น้ ี กลับอยูห่ ่างไกลจากพวกมันร่ วมห้า
กิโลเมตรแล้วในยามนี้
บทที่ 341 - เพลิงเทพหงสาเผาผลาญฟ้า

เมื่อผูน้ าํ ตระกูลและผูอ้ าวุโสสูงสุ ดรุ่ นก่อนเป็ นผูล้ งมือด้วย


ตัวเอง ทุกผูใ้ นตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคิดว่าหยุนเช่อต้องตายเป็ นแน่
แท้ หากสิ่ งที่พวกมันได้เห็นกลับมิใช่ผนู ้ าํ ตระกูลและผูอ้ าวุโส
สู งสุ ดรุ่ นก่อนจับหยุนเช่อกลับมา… ทว่ากลับเป็ นตัวหยุนเช่อที่
กลับมาแต่เพียงผูเ้ ดียว
“หยุน...หยุนเช่อ!!”
ครั้นเมื่อกระบี่ของหยุนเช่อที่สนั่ สะท้านทั้งแผ่นดินปรากฏ
ขึ้นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ราวกับทุกผูค้ นได้เห็นวิญญาณร้าย
จากขุมนรกที่หลอกหลอนให้พวกมันหวาดผวาจนถึงขั้นที่
วิญญาณหลุดออกจากร่ าง เฟิ นม่อจี๋ร้องตะโกน “หัวหน้าตระกูล
รุ่ นก่อน...กับผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนอยูท่ ี่ไหน! เหตุใดจึงมีเจ้าเพียงผู ้
เดียว?!”
“โอ้ เจ้ากําลังพูดถึงเจ้างัง่ ปัญญานิ่มสองตัวนัน่ รึ ?” หยุนเช่อ
ล้อเลียนทั้งเย้ยเยาะ “ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกมันไปเล่นไฟกันอยูท่ ี่ป่า
หนไหน พวกมันชอบเล่นกับไฟ ทว่าข้า...ชอบเชือดสุ นขั !!”
สี หน้าและนํ้าเสี ยงของหยุนเช่อพลันดํามืดขึ้นอย่างไร้ที่
เปรี ยบ พร้อมด้วยเสี ยงมังกรคําราม ทัณฑ์มงั กรฟาดฟันออกไป
ทันที
“หยุดมัน!!” เฟิ นต้วนหุนคํารามลัน่ มันเคยได้สมั ผัสความ
น่ากลัวของหยุนเช่อมาแล้วเมื่อวาน และสิ่ งเดียวที่มนั รู ้สึกต่อหยุ
นเช่อนั้นคือความครั่นคร้ามหวาดกลัว เห็นได้ชดั ว่าหยุนเช่อ
หลบหนีจากเฟิ นอี๋เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยามาได้และมุ่งตรงกลับมายัง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หัวใจของมันพลันตกลงไปถึงพื้น มันได้
เพียงแต่ภาวนาให้หยุนเช่อที่บาดเจ็บอยูเ่ มื่อวันก่อนยังไม่ฟ้ื นตัว
กลับมามากนัก
ทว่ามันกลับต้องสิ้ นหวัง ด้วยการฟาดฟันของหยุนเช่อ พายุ
ร้ายอันน่าหวาดหวัน่ พุง่ ตรงออกจากกระบี่หนักสู่ ผอู ้ าวุโสห้าคน!
พลังอํานาจของมันมิได้ดอ้ ยกว่าวันก่อนแม้แต่นอ้ ย ทั้งชายหนุ่มยัง
มิได้แสดงท่าทีวา่ บาดเจ็บหรื ออ่อนแอให้เห็นแม้นเพียงนิด
“ท่านพ่อ ท่านอยูท่ ี่ใด? ตอนนี้หยุนเช่อมันบุกเข้ามายัง
ตระกูลของเราอีกครั้งแล้ว!!” เฟิ นต้วนหุนตะโกนก้องผ่านหยก
สื่ อสารด้วยเสี ยงอันดังขณะที่มนั พลางถอยไปเบื้องหลัง ชัว่ ขณะที่
มันเสร็ จสิ้นการร้องเรี ยก ก่อนที่มนั จะได้รับการตอบกลับจากเฟิ น
อี้เจี๋ย ประกายรัศมีความตายพลันปรากฎขึ้นอย่างกระทันหัน
ตรงหน้าของมัน มันเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึง เนื่องจาก
ระหว่างตัวมันและกระบี่หนักของหยุนเช่อนั้นห่างกันไม่ถึงสิ บห้า
เมตร
“อย่ าริอาจปองร้ ายผู้นําตระกูลของพวกข้ า!!”
เสี ยงคํารามดังก้องขึ้นปานเสี ยงฟ้าผ่า มังกรเพลิงร่ างหนา
มากกว่าสิ บตัวพุง่ เข้าโจมตีหยุนเช่อจากหลากทิศทาง และระเบิด
ออกโดยทันทีที่สมั ผัสร่ างชายหนุ่ม อย่างไรก็ตาม ปราณเพลิงอัน
ทรงพลังที่มาจากยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าเหล่านี้สามารถขวางกั้นหยุ
นเช่อไว้ได้เพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไม่อาจทําร้ายชายหนุ่มได้
แต่อย่างใด หยุนเช่อฟันเปิ ดทางเปลวเพลิงออก และโดยไม่กระทัง่
หันมอง มันตวัดกระบี่ปลดปล่อย ราชันย์ พิโรธ พร้อมด้วยเสี ยง
มังกรคํารามอันสัน่ สะเทือนวิญญาณออกมา
ตูม!!
ด้วยพลังและศาสตราลมปราณอันเหนือกว่าอย่างสิ้ นเชิง
ดาบผลาญฟ้าระดับปราณปฐพีท้ งั สี่ เล่มถูกทําลายกลายเป็ นสี่ ชิ้น
กระทัง่ ผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งสี่ คนยังปลิวกระเด็นกลับ
หลังไปพลางกระอักเลือด ตกลงใส่ พ้นื ตรงจุดที่ห่างออกไปไกล
กว่าสามสิ บเมตร ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเป็ นเวลานาน
“เพลิงผลาญเผาฟ้า!!”
กระบี่เล่มหนึ่งที่มีเพลิงสี ม่วงอันลุกโชนห่อหุม้ ไว้พลันฟาด
ฟันเข้าใส่ หลังของหยุนเช่อ ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะขยับกาย ราวกับ
ว่าสัมผัสไม่ได้ถึงการจู่โจม เพียงเมื่อกระบี่ห่างจากศีรษะของชาย
หนุ่มแค่ครึ่ งฟุตนัน่ เอง รวดเร็ วราวอสนีบาต มันพลันยืน่ มือ
ออกไป คว้าจับดาบอัคคีผลาญฟ้าไว้… เสี ยงแคล้งคลั้งแสนเสี ยด
แทงแก้วหูดงั ขึ้นพร้อมด้วยเพลิงสี ม่วงบนดาบอัคคีผลาญฟ้าที่ดบั
สลายไปในทันที
ปากของผูอ้ าวุโสที่แอบลอบโจมตีหยุนเช่อเปิ ดออกพะงาบ
ๆ ดวงตาทั้งคู่ของมันแทบถลนออกจากเบ้า ด้วยเพียงพลิกฝ่ ามือ
กระบี่ครึ่ งหนึ่งที่อยูใ่ นมือของหยุนเช่อพุง่ ตรงไปแทงใส่ ร่างของผู ้
อาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ตรึ งร่ างของมันไว้กบั พื้นแน่น
“พีส่ ิ บเก้ า...อ้ าาา! หยุนเช่ อ ข้ าจะฆ่ าเจ้ า!!”
ครั้นเมื่อเห็นผูอ้ าวุโสถูกดาบอัคคีผลาญฟ้าของตัวเองเสี ยบ
แทงร่ าง ดวงตาของเฟิ นม่อจี๋กลายเป็ นแดงกํ่า ความกลัวที่มนั มี
ก่อนหน้านี้หายไปสิ้ นเปลี่ยนกลายเป็ นความบ้าคลัง่ มันชักดาบ
อัคคีผลาญฟ้าออกมา พุง่ ตรงใส่หยุนเช่อโดยมีเพียงแค่กรงเล็บสี
แดงดัง่ โลหิ ตที่เล็งใส่ แผ่นอกของหยุนเช่อเท่านั้น
“หึ เจ้ายกตนมากเกินไปแล้ว”
เพียงกรงเล็บโลหิ ตปะทะกับปลายกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร ใน
ทันทีทนั ใด กรงเล็บโลหิ ตที่ประจุพลังระดับปราณฟ้าไว้แหลก
สลาย ทัณฑ์มงั กรตวัดอย่างแผ่วเบา ตรงเข้ามุ่งสังหารเฟิ นม่อจี๋
“รี บหลบเร็ วผูอ้ าวุโสสอง!!” ด้วยล่วงรู ้ความน่ากลัวที่ซ่อน
เร้นอยูใ่ นกระบี่หนักของหยุนเช่ออยูเ่ ต็มอก ผูอ้ าวุโสและเจ้า
ตําหนักทุกคนร้องตะโกนขึ้นอย่างตระหนก
เปรี้ยง!!
ทัณฑ์มงั กรฟาดลงใส่ อกของเฟิ นม่อจี๋อย่างหนักหน่วง และ
บดหักกระดูกซี่ โครงมากกว่าสิ บซี่ไปด้วยเสี ยงดังก้องชัดหูของทุก
คน เฟิ นม่อจี๋ปลิวลอยเป็ นว่าวสายป่ านขาด กระอักเลือดเป็ น
หมอกกระจายเต็มฟ้า มันตกลงใส่ พ้นื ด้วยอวัยวะภายในที่แหลก
เหลว และไม่ส่งเสี ยงใด ๆ ออกมาอีก
ตามติดจากการตายของผูอ้ าวุโสใหญ่ เฟิ นม่อหลี กระทัง่ ผู ้
อาวุโสสอง เฟิ นม่อจี๋ ยังได้ตกตายอนาถภายใต้กระบี่ของหยุนเช่อ
“ผูอ้ าวุโสสอง!!”
สมาชิกตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตัวสัน่ เทาด้วยความกลัว พวก
มันไม่เคยคิดเลยว่า “เหยื่อ” ที่พวกมันล่อมาด้วยเล่ห์เพทุบายโดย
น่ารังเกียจ แท้จริ งแล้วจะเป็ นปี ศาจที่ยามนี้กาํ ลังถีบส่ งพวกมันลง
สู่ หุบเหวแห่งความสิ้ นหวัง เมื่อชายหนุ่มกลับมายังตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า ไม่ถึงสามสิ บชัว่ ลมหายใจ สามผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนัก
อีกหนึ่งคนได้ตกตายลงด้วยนํ้ามือของมัน ยิง่ กว่านั้น ยังมีอีกแปด
คนที่บาดเจ็บหนัก… สําหรับศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ระดับตํ่า
กว่าผูอ้ าวุโส มีจาํ นวนมากที่สิ้นชีพไป นี่เนื่องมาจากพวกมันมิอาจ
ต้านทานกระบี่หนักของหยุนเช่อได้… พวกมันจึงได้เพียงแค่ตาย
โดยมิได้มีสิทธิ์ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ก่อนหน้า
เฟิ นต้วนหุนคํารามอย่างโกรธแค้น “หยุนเช่อ เจ้ามันจะมาก
เกินไปแล้ว!!”
“มันเป็ นเจ้ามิใช่รึที่ทาํ มากเกินไปก่อน!” หยุนเช่อตวาดกลับ
“ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของเจ้าพยายามจะฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า
และข้าก็ยงั ได้ให้ทางรอดเจ้าแล้ว! ทว่าไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่รู้จกั ละ
รามือ เจ้ายังบังอาจมาแตะต้องครอบครัวคนสําคัญของข้า...แล้ว
ครานี้เจ้ามาพูดว่าข้าทํามากเกินไป!! เหลวไหลสิ้ นดี!”
หยุนเช่อชี้กระบี่ใส่ เฟิ นต้วนหุนและคําราม “ในสายตาข้า
ไม่มีผใู ้ ดแม้นแต่ตวั เดียวในตระกูลเจ้าสําคัญเท่าปลายเส้นผมของ
ครอบครัวข้า! ที่บงั อาจมาแตะต้องท่านปู่ และท่านอาหญิงเล็กของ
ข้า ข้าตอบแทนเจ้าด้วยการฆ่าล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของเจ้าทิ้ง
ทั้งตระกูล!”
ใบหน้าเฟิ นต้วนหุนบิดเบี้ยว เมื่อนึกถึงต้นเหตุของทุกสิ่ ง
แล้วมันอยากจะหักกระดูกเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งทิ้งเองกับมือจริ ง ๆ มันเอ่ย
อย่างเกรี้ ยวกราด “ฝันไปเถอะ! ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าและมรดก
นับพันปี ของพวกข้าจะไปถูกทําลายด้วยความเพ้อฝันของเจ้าได้
อย่างไร… ผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทุกท่าน ใช้กาํ ลังทั้งหมดของ
ทุกท่านหยุดมันไว้! ท่านผูน้ าํ รุ่ นก่อนกับท่านอดีตผูอ้ าวุโสใหญ่
กําลังเร่ งกลับมาอย่างเต็มที่และจะมาถึงในอีกไม่ชา้ !”
เพลิงผลาญฟ้าลุกโหมขึ้น แสงสี แดงม่วงอันเจิดจ้าสาดส่ อง
ถมสี ฟ้ายามราตรี เพลิงลมปราณของผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักทุก
คนผนึกพลังรวมกันเข้ามากลืนกินหยุนเช่อเข้าไปทั้งตัว หยุนเช่อ
พ่นลมหายใจพลางร้องตะโกน “ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของพวกเจ้า
ชอบเล่นกับไฟมิใช่หรื อ? เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า...ได้หรรษากับวงเพลิงนี้อย่างเต็มที่”
“บัว...ปี ศาจ...ผลาญ...ดารา!!”
หยุนเช่อทะยานร่ างขึ้นสู ง บัวเพลิงเทพหงสาที่ใหญ่ที่สุดซึ่ง
ได้ถูกปลดปล่อยออกมาพลันเบ่งบานขึ้นกลางเวหา เพลิงสี แดง
ฉานเบ่งบานออกอย่างต่อเนื่อง แผ่ขยายออกไปกว้างไกลกว่าสาม
ร้อยเมตร แสงเพลิงสี แดงปกคลุมทุกสรรพสิ่ งภายใต้ขอบเขตสาม
ร้อยเมตรไว้อย่างสมบูรณ์
“ระ...รีบหนีเร็ว!!”
ดอกบัวเพลิงบนท้องฟ้าปลดปล่อยอุณหภูมิอนั สู งจนน่า
พรั่นพรึ งออกมา เปลี่ยนสี หน้าของเหล่าผูท้ ี่เคยเล่นกับไฟมาตั้งแต่
เกิดไปอย่างมากมาย เหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักรี บเร่ ง
ตอบสนองโดยไม่กระทัง่ เสี ยเวลาคิด พวกมันใช้เกราะพลัง
ลมปราณที่แข็งแกร่ งที่สุดออกมาครอบคลุมร่ างกายและะพยายาม
หนีหวั ซุกหัวซุนออกไปข้างนอกเขตแดนสามร้อยเมตรอย่างหมด
ท่า
บัวปี ศาจผลาญดาราเบ่งบานจนถึงขนาดที่ใหญ่ที่สุด ถ้ามี
คนมองมาจากที่ห่างไกล พวกมันจะได้เห็นดอกบัวเพลิงสี แดงที่
น่าหลงใหลอย่างไม่อาจจะบรรยายเบ่งบานขึ้นกลางท้องฟ้า ครั้น
ทันใดที่บวั เพลิงนี้ร่วงหล่นลงมา ทะเลเพลิงพลันลุกโหมขึ้นอย่าง
บ้าคลัง่ และเผาผลาญทุกสิ่ งอย่างในครรลองสายตา อุณหภูมิซ่ ึง
ร้อนแทบไหม้เกือบจะปกคลุมทัว่ ทั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไว้
ในทันที ส่ งให้ผคู ้ นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารู ้สึกราวกับพวกมัน
กําลังถูกย่างทั้งเป็ นด้วยเพลิงนรกอเวจี ภายใต้เพลิงเทพหงสา ศิษย์
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ไม่อาจหนีเอาตัวรอดได้ทนั เวลาถูกเผาเป็ น
ถ่านไปในทันควัน และไม่มีกระทัง่ โอกาสได้ร้องโหยหวน
เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาผูอ้ ยูไ่ กลออกไปอีกสิ บห้า
กิโลเมตรยังคงสามารถมองเห็นท้องฟ้าเหนือตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
กลายเป็ นสี แดงเพลิงได้อย่างชัดเจน มันทั้งคู่ร้องคํารามอย่างมิ
แตกต่าง เร่ งความเร็ วขึ้นถึงขีดสุ ดและทะยานหวนกลับมาอย่างบ้า
คลัง่
หยุนเช่อมิได้วางแผนไว้วา่ จะอยูใ่ นตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
เป็ นเวลานาน นัน่ มิใช่เพราะมันหวาดกลัวเฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อห
ยา กลับกัน นัน่ เพราะท่านปู่ และท่านอาหญิงเล็กยังคงมี
ความสําคัญใหญ่หลวงในใจมัน ถ้ามันเผชิญหน้ากับเฟิ นอี้เจี๋ยกับ
เฟิ นจื่อหยาในเวลาเดียวกัน การถอยหนียอ่ มมิอาจทําได้ง่ายเป็ น
แน่แท้
หยุนเช่อทะยานออกจากศูนย์กลางของดอกบัวเพลิง ค้นหา
ภายในความทรงจําของเฟิ นจื่อจ้าย และพุง่ ตรงไปที่พกั ของเฟิ น
เจวีย๋ เฉิ ง
เปรี้ยง!!
กําแพงตําหนักทลายนครถูกทําลายออกด้วยการโจมตีครั้ง
เดียว เพียงตวัดสายตาหนึ่งครา หยุนเช่อก็พบตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิงที่
กําลังหน้าซี ดไร้สีเลือด เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งนั้นได้สนั่ กลัวอยูเ่ ป็ นวัน ด้วย
มันรู ้ดีวา่ บุคคลแรกที่หยุนเช่ออยากฆ่าคือมันเอง ความบาดหมาง
ทั้งมวลระหว่างหยุนเช่อและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าล้วนเกิดขึ้น
เพราะตัวมันเป็ นเหตุ กระทัง่ เฟิ นอี้เจี๋ยยังมีโทสะต่อมัน ในทันใด
นั้น ตัวมันได้นึกเสี ยใจจนลําไส้บิดม้วน… พริ บตาที่มนั เห็น
ใบหน้าของหยุนเช่อพลันปรากฏขึ้นมาตรงหน้า เปรี ยบได้ดงั่ มัน
ตกลงสู่ ฝันร้ายในฉับพลัน
“หยุนเช่อ เจ้า…”
เพียงเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งเพิง่ พ่นคําออกมาได้สามคํา มันก็ถูกหยุ
นเช่อกระชากคอเสื้ อและยกร่ างขึ้นราวกับไก่ที่ใกล้โดนเชือด
ทัณฑ์มงั กรหายไปจากมือของหยุนเช่อ ร่ างของชายหนุ่ม
ไหววูบ พุง่ ดิ่งไปทางทิศอุดร และหายไปในห้วงราตรี อย่าง
รวดเร็ ว… เบื้องหลังของมัน เสี ยงตะโกนว่า “นายน้อย!” ดังขึ้น
อย่างหวาดหวัน่
ยามที่เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยากลับมาถึงตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า ความโกลาหลวุน่ วายก็ได้ทาํ ให้พวกมันแทบจําที่นี่ไม่ได้แล้ว
เพลิงเทพหงสายังคงลุกโหมไหม้ เปลวเพลิงที่ครองพลังแห่งเทพ
หงสานี้ แม้แต่กบั ผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าซึ่งมีเคล็ดวิชา
ลมปราณธาตุไฟอันแข็งแกร่ งยังยากเย็นแสนเข็ญที่จะสะกดเพลิง
เทพหงสาให้มอดดับลงได้
หยุนเช่อได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว และยัง
กระทัง่ พาตัวนายน้อยเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งไปกับมันด้วย
เฟิ นอี้เจี๋ยร่ างสัน่ สะท้านและแทบจะกระอักเลือด เสี ยง
คํารามดัง่ ปี ศาจร้ายของมันก้องสะท้านไปทัว่ ทั้งหุบเขาอัคคีผลาญ
ฟ้า “หยุนเช่ อ! ตราบเท่ าทีข่ ้ า เฟิ นอีเ้ จี๋ยยังมีชีวติ ข้ าสาบานข้ า
จะต้ องบดกระดูกเจ้ าให้ เป็ นผงให้ ได้ !!”
หยุนเช่อยังคงมุ่งหน้าขึ้นเหนืออย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ เข้า
ใกล้สถานที่ที่มนั ซ่อนเซี่ยวหลิงซีไว้ หงส์หิมะยามนี้ได้ทาํ หน้าที่
เป็ นยามเฝ้าระวังอยูห่ น้าทางเข้าถํ้า เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกลับมา
มันส่ งเสี ยงร้องยาวด้วยความปิ ติยนิ ดี เมื่อพุง่ เข้ามาในถํ้า ชายหนุ่ม
เห็นเซี่ยวเล่ยคอยคุม้ ครองเซี่ยวหลิงซีอยูด่ า้ นข้าง… และเวลา
นั้นเองที่เซี่ ยวหลิงซีผอู ้ ยูใ่ นห้วงหลับลึกลืมตาของนางขึ้น
————————————————
รัตติกาลข้ามผ่าน และแสงแห่งรุ่ งอรุ ณได้ฉายแสงขึ้นอย่าง
เงียบงัน ถนนในเมืองเพลิงครามเงียบเชียบอย่างสิ้ นเชิง นอกจาก
ยามที่เฝ้าในกะดึก มีคนเพียงไม่กี่คนที่เดินไปมา
ในยามนั้นวิหควายุประจิมตัวหนึ่งกําลังบินข้ามเมืองเพลิง
ครามไป บนตัวของวิหควายุประจิมนั้นคือชายหนุ่มผูอ้ ายุรุ่ นราว
ประมาณสิ บเจ็ดถึงสิ บแปดปี
เมืองเพลิงครามอันแสนสงบสุ ขนั้นทําให้ชายหนุ่ม
ประหลาดใจ ชายหนุ่มหยุดลงกลางอากาศ ครุ่ นคิดอยูเ่ ป็ นการ
ใหญ่และพลันตบศีรษะตัวเองพลางว่ากับตนเอง “โอ้ใช่! ข้าเพิ่ง
นึกขึ้นได้วา่ ข้ามีตราผนึกสื่ อสารของเขา”
ชายหนุ่มหยิบหยกสื่ อสารและยันต์สื่อสารออกมาโดยเร็ ว
ไว หลังคิดอยูค่ รู่ หนึ่ง มันเอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่ นี่เจี่ย
น้อยเองนะ ข้าเพิง่ มาถึงอาณาเขตเพลิงฟ้า ข้ารู ้แล้วว่ามีอะไร
เกิดขึ้นระหว่างท่านกับตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเมื่อสองวันก่อน…
ท่านมีอะไรให้ขา้ ช่วยหรื อไม่?”
ยันต์สื่อสารค่อย ๆ หายไป และหลังจากนั้นชัว่ ขณะหนึ่ง
ตราผนึกรับสารปรากฏขึ้น เสี ยงของหยุนเช่อติดต่อกลับมา “เจ้า
อยูไ่ หน?”
หลิงเจี่ยเริ งรื่ นประหลาดใจเมื่อได้รับสารตอบกลับ และเร่ ง
สื่ อสารไปว่า “ตอนนี้ขา้ อยูเ่ หนือเมืองเพลิงคราม ท่านล่ะอยูท่ ี่ใด?
ให้ขา้ ไปหาท่านได้ไหม?”
เสี ยงของหยุนเช่อติดต่อกลับมาอย่างรวดเร็ ว “ราว ๆ สิ บ
กิโลเมตรจากเมืองเพลิงครามมาทางทิศใต้ เมื่อเจ้าเข้ามาถึงระยะ
แล้ว ข้าจะไปหาเจ้าเอง… ข้ามีอะไรบางอย่างที่อยากให้เจ้าช่วย”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” หลิงเจี่ยเก็บหยกสื่ อสารไปและ
รี บเร่ งให้วหิ ควายุประจิมบินเหิ นไปทางทิศใต้
บทที่ 342 การมาของหลิงเจี่ย

หลังจากช่วยเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซีออกมาได้อย่าง
ปลอดภัย แม้หยุนเช่อต้องการมอบบทเรี ยนอันน่าขนลุกที่สุด
ให้แก่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า แต่ชายหนุ่มมิอาจทอดทิ้งท่านปู่ และ
อาหญิงเล็กที่เพิง่ ได้กลับมาพานพบกันไว้เพียงลําพัง ทั้งสองยังคง
อยูใ่ นเขตเพลิงคราม หากการต่อสู ก้ บั ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ายังคง
ติดพันอยูเ่ ช่นนี้อาจทําให้คนทั้งสองเป็ นอันตรายได้
สิ่ งที่ชายหนุ่มต้องการทําที่สุดคือการพาตัวทั้งสองไปยัง
สถานที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่กระทําได้
ก่อนจะรุ่ งสาง หยุนเช่อได้เดินออกจากหุบเขาอัคคีผลาญฟ้า
พร้อมกับเซี่ ยวเลี่ยและเซี่ยวหลิงซี เข้าใกล้เขตเพลิงครามยิง่ ขึ้น
เรื่ อยๆ เป็ นเวลานั้นเองที่ชายหนุ่มได้รับถ่ายทอดกระแสเสี ยง
จากหลิงเจี่ยอย่างคาดไม่ถึง
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เสี ยงร้องของวิหควายุประจิมก็ดงั
ขึ้นจากฟากฟ้าทิศเหนือ รัศมีปราณที่หลิงเจี่ยจงใจปลดปล่อย
ออกมาถูกประสาทสัมผัสอันแหลมคมของหยุนเช่อจับสังเกตได้
เช่นกัน หยุนเช่อซึ่งยืนอาบไล้ลมเย็นในยามเช้าพลันลุกขึ้นยืน
พร้อมกับที่ชายหนุ่มจุดอัคคีเทพหงสาบนฝ่ ามือของตน
วิหควายุประจิมเหิ นร่ อนลงในทันที แม้ระยะจะยังห่างไกล
แต่หลิงเจี่ยได้กระโดดลงจากหลังของมันอย่างร้อนรน ก่อนจะ
เดินโซเซมาเบื้องหน้าหยุนเช่อและกล่าวถามอย่างกังวล “ลูกพี่
ท่านสบายดีหรื อไม่? เอ๋ ?”
เมื่อมองไปยังเซี่ยวหลิงซีที่ยนื อยูข่ า้ งหยุนเช่อ และเซี่ยว
เหล่ยที่อยูห่ ่างออกไปไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มมองด้วยสายตาว่างเปล่า
ไปชัว่ ครู่ ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจระคนยินดี “สองคนนี้
คือสมาชิกครอบครัวของท่านที่ถูกตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจับตัวไป?
ท่านช่วยพวกเขาออกมาได้ท้ งั สองคน… ยอดไปเลย! สมแล้วที่
เป็ นลูกพี่ ท่านกลับทําสําเร็ จได้อย่างรวดเร็ วจริ งๆ”
“อืมม์!” หยุนเช่อพยักหน้าตอบด้วยรอยยิม้ ชายหนุ่มบ่ง
บอกได้วา่ สี หน้าร้อนใจและเป็ นห่วงของหลิงเจี่ยนั้นส่ งตรงมาจาก
จิตใจของเด็กหนุ่ม มิได้ป้ ันแต่งขึ้นมาแม้แต่นอ้ ย ในใจของชาย
หนุ่มพลันเปี่ ยมไปด้วยความรู ้สึกอบอุ่น “นี่คือท่านปู่ ของข้า ส่ วน
นี่อาหญิงเล็กของข้า… เขาคือน้องชายของข้า นายน้อยคนรอง
แห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์-หลิงเจี่ย”
หลิงเจี่ยรี บก้าวไปด้านหน้าและกล่าว “คารวะท่านปู่ เซี่ยว
เอ่อ… อืมมม… คารวะอาหญิงเล็ก… ผูเ้ ยาว์มีชื่อว่าหลิงเจี่ย พวก
ท่านจะเรี ยกข้าว่าเจี่ยน้อยก็ได้”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยวหลิงซีดูน่าจะอายุรุ่ นราวคราวเดียวกับตน
แล้ว คําว่า “อาหญิงเล็ก” ที่ออกจากปากของหลิงเจี่ยจึงดูกระอัก
กระอ่วนเขินอายอย่างยิง่ ในทางกลับกัน ตําแหน่ง “นายน้อยแห่ง
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์” ของเด็กหนุ่มย่อมทําให้เซี่ยวเหล่ยและ
เซี่ยวหลิงซี ตกตะลึงอย่างมาก เซี่ยวเหล่ยเปล่งเสี ยงหัวเราะ
อ่อนโยนพร้อมกับที่ดวงตาฉายแววความประหลาดใจและชื่นชม
ส่ วนเซี่ยวหลิงซี ตอบกลับอย่างตะลึงงันอยูบ่ า้ ง
“นายน้อย...หลิง… ช่วยข้าด้วย… ช่วยข้าด้วย…”
ขณะที่หลิงเจี่ยกําลังจะตอบอยูน่ ้ นั เอง สุ ม้ เสี ยงแห้งผากและ
แหบโหยพลันดังขึ้น หลังจากค้นหาต้นตอของเสี ยงแล้วหลิงเจี่ย
จึงพบว่ามันดังมาจากคนผูห้ นึ่งซึ่ งนอนอยูใ่ นพุม่ ไม้แห้งกรอบ
เบื้องขวาของเด็กหนุ่ม สายตาของคนผูน้ ้ นั เลื่อนลอย ใบหน้าซีด
เซียวไร้สีสนั ทั้งเสื้ อผ้าและผมเผ้าล้วนยุง่ เหยิง แขนขาสัน่
สะท้าน… ทัว่ ร่ างไม่มีร่องรอยพลังปราณอยูแ่ ม้แต่นอ้ ย เห็นได้ชดั
ว่าเส้นชีพจรลมปราณของมันถูกทําลายลง
“เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง!” เมื่อเด็กหนุ่มมองเห็นหน้าของมันชัดๆ หลิง
เจี่ยจึงตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง เด็กหนุ่มหันไปมองหยุนเช่อ
ด้วยความอัศจรรย์ใจ… ชายหนุ่มมิเพียงช่วยเหลือสมาชิกใน
ครอบครัวทั้งสองจากเงื้อมมือของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้สาํ เร็ จ
แต่ยงั ลักพาตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกลับอีกด้วย… ในอาณาจักรวายุคราม
จะหาบุคคลที่ทาํ เช่นนี้ได้อีกสักกี่คนกัน?
“ช่วยข้าด้วย… ช่วยข้าด้วย…” เมื่อเห็นว่าหลิงเจี่ยจดจํามัน
ได้ ประกายแห่งความหวังได้พาดผ่านในดวงตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
มันวิงวอนร้องขอ “พรรคใหญ่ท้ งั สี่ ของพวกเรา...ล้วนสนิทสนม
กลมเกลียว… ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของข้าและหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ลว้ นมีสมั พันธ์อนั ดีต่อกันมาเนิ่นนาน… ท่านต้อง… ช่วย
ข้า… ช่วยข้า…”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งหวาดกลัวต่อความตาย มันคาบช้อนทองมา
ตั้งแต่เกิด ทั้งฐานะและชาติตระกูลล้วนเหนือชั้นกว่าองค์ชายอยู่
มาก ชายหนุ่มล้วนเติบโตมาพร้อมกับเกียรติยศชื่อเสี ยง ทุกคน
ล้วนมีมนั เป็ นแบบอย่าง มันไม่เคยคิดเลยว่าคืนวันอันน่าอนาถ
เช่นนี้จะมาถึง
“เอ่อ เรื่ องนี้…” หลิงเจี่ยใช้นิ้วแตะปลายจมูก และกล่าวด้วย
สี หน้าขออภัย “หยุนเช่อเป็ นลูกพี่ของข้า แต่ท่านกับข้า… มิได้
สนิทกันมากมายนัก จะให้ขา้ ช่วยท่านจากลูกพี่ ไม่วา่ จะคิดเช่นไร
ก็ดูไม่เหมาะไม่ควร”
ความหวังที่เพิ่งบังเกิดขึ้นกับเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งล้วนแปรเปลี่ยน
เป็ นความสิ้ นหวังในทันที
“เจี่ยน้อย เจ้ามาที่นี่ทาํ ไม?” หยุนเช่อถาม
หลิงเจี่ยหันกลับมาตอบอย่างจริ งจัง “จริ งๆแล้ว เมื่อสี่ วนั
ก่อนข้าได้ข่าวว่าคนของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเดินทางไปยังเมือง
เมฆาล่องและพาคนกลับไปที่ตระกูลสองคน ทั้งยังเป็ นไปได้มา
กว่าทั้งสองคนนั้นเป็ นสมาชิกในครอบครัวของท่าน”
คิ้วของหยุนเช่อกระตุกในทันที… สมแล้วที่เป็ นหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าย่อมต้องลอบทําเรื่ องนี้อย่าง
เงียบเชียบอย่างยิง่ แต่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ยงั ล่วงรู ้เรื่ องนี้ได้อย่าง
รวดเร็ ว
“ครานั้นข้าทั้งโกรธและกังวล ข้าจึงโน้มน้าวให้ท่านพ่อ
ออกหน้า…” สี หน้าของหลิงเจี่ยแปรเปลี่ยนเป็ นกระอักกระอ่วน
ไปเล็กน้อย “แต่ท่านพ่อเป็ นบุคคลประเภทที่ไม่ยงุ่ กับเรื่ องราว
ของผูอ้ ื่น ดังนั้นข้าจึงออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพียงลําพัง
เตรี ยมจะมาที่นี่และเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าปล่อยตัว
ญาติของท่าน… ด้วยฐานะของข้า รวมทั้งอ้างชื่อของท่านพ่อของ
ข้า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจึงสมควรไว้หน้าข้าบ้าง มิเช่นนั้นหาก
เลวร้ายที่สุดพวกมันไม่ยอมปล่อยตัวประกัน ข้าจะข่มขู่วา่ จะ
เผยแพร่ การกระทําตํ่าช้าไร้ยางอายของพวกมัน ข้าอยากจะส่ งข่าว
เรื่ องนี้ให้ท่านทราบ แต่ขา้ กลัวว่าด้วยนิสยั ของท่านจะหุนหัน
จนเกินไป และกลัวจะรบกวนถึงเรื่ องที่ท่านกําลังกระทําอยู่
ดังนั้นข้าจึงมิได้บอกท่าน และวางแผนที่จะช่วยพวกเขาออกมา
ก่อน แต่ขา้ ไม่คาดคิดเลยว่าระหว่างทางมาที่นี่ ข้าจะได้ยนิ คนใน
หมู่บา้ นกล่าวว่าท่านได้ไปถึงตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแล้ว และยังได้
ต่อสู ค้ รั้งใหญ่ต่อคนตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มิเพียงเผชิญหน้ากับค่าย
กลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราที่กระทัง่ หมู่บา้ นของข้ายังบันทึกไว้ แต่
ท่านยังประมือกับกระทัง่ ประมุขตระกูลรุ่ นก่อน-เฟิ นอี้เจี๋ยและ
หัวหน้าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน-เฟิ นจื่อหยาที่ได้หลีกลี้จากทางโลกไป
เนิ่นนาน”
หยุนเช่อ “...”
เรื่ องที่เกิดขึ้นในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
กลับล่วงรู ้ได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชดั ว่าในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ย่อมมีหูตาของหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์อยู!่
“เจี่ยน้อย ขอบคุณเจ้ามาก” หยุนเช่อกล่าวอย่างจริ งใจ คนผู ้
นี้ตะโกนออกมาว่าจะเป็ นลูกน้องของเขาด้วยความไร้เดียงสาและ
เลือดร้อนของผูเ้ ยาว์ แม้บดั นี้จะเติบโตขึ้นแล้ว แต่เด็กหนุ่มยัง
เดินทางมาเป็ นพันกิโลเมตรเพื่อเขาในสถานการณ์เช่นนี้ มิตรภาพ
ในครั้งนี้ยากยิง่ ที่ชายหนุ่มจะลืมเลือน
“มิตอ้ ง มิตอ้ ง” หลิงเจี่ยรี บร้อนโบกไม้โบกมือ “ข้าย่อมต้อง
ทําเรื่ องเหล่านี้เพือ่ ลูกพี่เป็ นธรรมดา ยิง่ ไปกว่านั้นข้ายังมิอาจช่วย
ท่านได้มากมาย” เมื่อกล่าวถึงจุดนี้แววตาของหลิงเจี่ยเริ่ มเปล่ง
ประกายเจิดจ้าพร้อมกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “ลูกพี่! ข้าไม่อาจ
เชื่อเลยว่าบัดนี้ท่านจะยอดเยีย่ มเช่นนี้! ท่านเล่นงานตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าจนปั่ นป่ วนวุน่ วายถึงเพียงนี้ดว้ ยตัวคนเดียว ยังกระทัง่
บังคับให้ประมุขรุ่ นก่อนเปิ ดเผยตัว บัดนี้ท่านยังกระทัง่ จับตัวเฟิ น
เจวีย๋ เฉิ ง… ลูกพี่ แต่ละสิ่ งที่ท่านทํานั้นทําให้ทว่ั หล้าตกตะลึงได้
ทั้งสิ้ น หากเรื่ องนี้แพร่ ออกไป บางทีอาจไม่มีคนเชื่อเลยก็เป็ นได้”
“พวกมันหาเรื่ องใส่ตวั เอง… อีกไม่นานทุกคนใต้หล้าจะรู ้
ว่าข้ามิเพียงแต่จะทําลายพรรคตระกูลอัคคีผลาญฟ้า แต่ยงั จะ
ทําลายชื่อเสี ยงและเกียรติภูมิของพวกมันให้หมดสิ้ น”
ขณะที่ชายหนุ่มกล่าวคํา สุ ม้ เสี ยงของหยุนเช่อล้วนสงบ
เยือกเย็น เมื่อมองไปยังชายหนุ่มทําให้จิตใจของหลิงเจี่ยสัน่
สะท้านขึ้นอย่างมิอาจควบคุม ถ้อยคําเหล่านี้ทาํ ให้เด็กหนุ่มรู ้ซ้ ึ งว่า
สมาชิกในครอบครัวของหยุนเช่อเป็ นราวกับระเบิดที่ไม่อาจแตะ
ต้องเช่นใด
เมื่อนึกย้อนกลับไปยังลานจัดสรรกระบี่ หยุนเช่อไม่ลงั เลที่
จะใช้ชีวติ ของตนแลกกับการช่วยเซี่ยหยวนป้า… สําหรับคนที่
สนิทสนมกับชายหนุ่ม หยุนเช่อนั้นเป็ นคนที่ใจร้อนและเสี ยสละ
อย่างยิง่ แต่กบั ศัตรู แล้ว ชายหนุ่มนั้นโหดเหี้ ยมราวกับปี ศาจ…
เวลานั้นเองหลิงเจี่ยจึงพลันยินดีท่ีตนเองมิใช่ศตั รู ของชายหนุ่ม
อีกทั้งยินดีที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์มิใช่ศตั รู ของชายหนุ่มเช่นกัน
“เจี่ยน้อย ข้ามีเรื่ องต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้า” หยุ
นเช่อกล่าว
หลิงเจี่ยผงกศีรษะรับ “บอกมาเลยลูกพี่ ข้าย่อมต้องกระทํา
อย่างสุ ดความสามารถอย่างแน่นอน”
หยุนเช่อหันกลับไปมองเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซี “ช่วยพา
ท่านปู่ ของข้าและอาหญิงเล็กกลับไปยังนครหลวงวายุครามที
ก่อนหน้านี้ขา้ อยากพาพวกเขากลับไปยังเมืองจันทร์เสี้ ยวด้วยกัน
แต่ในเมื่อเจ้ามาข้าจึงเปลี่ยนใจแล้ว”
“ตกลง!” หลิงเจี่ยตอบรับอย่างไม่ลงั เล ก่อนจะถาม
“เช่นนั้น ท่าน…”
“เช่อน้อย เจ้าไม่กลับไปกับพวกเราหรื อ?” เซี่ยวหลิงซีจบั
ความคิดที่แฝงไว้ในถ้อยคําของชายหนุ่มได้ จึงรี บเดินไปรั้ง
หยุนเช่อเอื้อมกลับไปคว้ามือของเซี่ยวหลิงซี ก่อนจะมอง
ไปที่นางและเซี่ยวเหล่ย “เจี่ยน้อยเป็ นนายน้อยแห่งหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ หากมีเขาคอยคุม้ กัน พวกท่านย่อมสามารถกลับไปยังนคร
หลวงวายุครามได้อย่างปลอดภัย อีกไม่กี่วนั ข้าจะตามไป ข้า
สาบานว่าเพียงไม่กี่วนั ข้าจะกลับไปสมทบกับพวกท่านอย่าง
ปลอดภัย”
“เจ้า… เจ้าจะอยูจ่ ดั การกับตระกูลอัคคีผลาญฟ้า?” เซี่ยวหลิง
ซี เอ่ยแผ่วเบา พร้อมกับที่ม่านนํ้าตาเริ่ มเคลือบคลุมดวงตางาม “แต่
พวกเราหนีมาได้แล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังกลับไปหาอันตราย? ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้านั้นแข็งแกร่ งไร้เทียมทาน ข้าเกรงว่า… ข้าเกรง
ว่า…”
หยุนเช่อเผยยิม้ บาง พร้อมกล่าวอย่างเชื่องช้าแต่แน่วแน่
“เพราะข้าอยากให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้รู้ และให้ทุกคนใต้หล้า
นี้ได้รู้ ว่าหากกล้าแตะต้องกับท่านปู่ และอาหญิงเล็กของข้าแล้ว
พวกมันจะมีจุดจบเช่นไร!! เกลียดข้า ใส่ ร้ายข้า ลอบสังหารข้า ข้า
ยังพอทานทนได้ชวั่ ครู่ แต่หากมันกล้าแตะต้องพวกท่านแล้ว ไม่
ว่ามันจะเป็ นใคร ข้าย่อมไม่มีทางปล่อยมันไปแน่! ข้าจะใช้การ
สังหารล้มล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้านี้เป็ นเครื่ องมือบอกทุกคนว่า
การทําร้ายพวกท่านจะมีผลที่ตามมาอย่างไร!”
ตลอดชีวติ ในทวีปเมฆคราม หยุนเช่อเข้าใจในเรื่ องนี้อย่าง
กระจ่างแจ้ง
ชายหนุ่มอยากให้เซี่ยวหลิงซีและเซี่ยวเหล่ยปลอดภัยอย่าง
แท้จริ งภายในอาณาจักรวายุคราม โดยไม่กล้ามีผใู ้ ดข่มเหงและทํา
ร้ายทั้งสองได้
“แต่วา่ … แต่วา่ … อือ… ท่านพ่อ ท่านห้ามเช่อน้อยที ข้า
กลัวว่าจะมีเรื่ องเกิดขึ้นกับเขา” เซี่ยวหลิงซีมองไปยังเซี่ยวเหล่ย
ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
“เรื่ องนี้ขา้ สนับสนุนการตัดสิ นใจของลูกเช่อ” เซี่ยวเหล่ย
ถอนหายใจเล็กน้อย
“อ๊ะ?” ริ มฝี ปากแดงสดใสของเซี่ยวหลิงซีเผยอขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
“ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถูกกดดันถึงขั้นนี้ แม้ลูกเช่อจะหยุด
ที่นี่ พวกมันย่อมไม่มีทางปล่อยลูกเช่อไปอย่างแน่นอน” เซี่ยว
เหล่ยเดินมาตบไหล่ของหยุนเช่อแผ่วเบา “การพัฒนาของเจ้า
สําหรับข้าแล้วราวกับความฝัน เมื่อข้าได้เห็นเจ้าในตอนนี้แล้ว แม้
ข้าจะต้องตายลงตอนนี้ยงั คงรู ้สึกซาบซึ้ งใจอย่างยิง่ จงทําสิ่ งที่
หัวใจของเจ้าต้องการ หลิงซีและข้าจะเดินเที่ยวในนครหลวงวายุ
คราม รอการได้พบกับเจ้าอีกครั้ง”
“ขอรับ… ขอรับ!” หยุนเช่อพยักหน้าซํ้าแล้วซํ้าเล่า ชาย
หนุ่มขยับปากราวกับกําลังจะกล่าวสิ่ งใดออกมา แต่แล้วก็เริ่ มลังเล
“ท่านปู่ มีบางสิ่ งที่ขา้ ไม่รู้วา่ สมควรบอกแก่ท่านหรื อไม่”
“ฮ่าฮ่า” เซี่ยวเหล่ยแย้มยิม้ อ่อนโยน “ชีวติ นี้ของข้า ได้รับทั้ง
แผลกายและแผลใจมานับไม่ถว้ น ในโลกนี้ลว้ นไม่มีส่ิ งที่ขา้ ไม่
สามารถทานทนได้อีกแล้ว ไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องใดก็จงกล่าวออกมา
เถอะ”
การสู ญเสี ยบุตร สูญเสี ยหลานชาย สู ญเสี ยภรรยา… หลายปี
ที่ผนั ผ่านมานี้เซี่ยวเหล่ยต้องทนทุกข์ถึงเพียงใด หยุนเช่อพลัน
รู ้สึกขมขื่นขึ้นมา ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “ท่านปู่ ข้า
ได้ทราบแล้วว่าเป็ นผูใ้ ดที่ไล่ล่าบิดามารดาของข้าและสังหารท่าน
ลุงเซี่ ยวในตอนนั้น”
แต่เดิมรัศมีพลังของเซี่ยวเหล่ยเยือกเย็นราวกับนํ้านิ่งไร้
ระลอกคลื่น แต่เมื่อหยุนเช่อกล่าวจบลง ทัว่ ร่ างชายชราพลันสัน่
สะท้านรุ นแรงพร้อมกับที่นยั น์ตาเต็มไปด้วยหยาดนํ้า จนเวลา
ผ่านไปนานชายชราจึงค่อยหันศีรษะมาถามด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เทา
“เจ้า...ว่าอย่างไร? เจ้าพบ...ฆาตกรแล้ว?”
เซี่ยวยิงเป็ นบุตรชายที่มนั ภาคภูมิใจอย่างมาก ทั้งยังเป็ น
บุตรชายคนเดียวกลับถูกผูค้ นเข่นฆ่า ลูกสะใภ้ของมันก็ฆ่าตัวตาย
อย่างเศร้าโศก หลังจากภรรยาของมันให้กาํ เนิดเซี่ยวหลิงซีนางก็
สิ้ นใจลงด้วยความเศร้าสร้อยและคะนึงหา… ชีวติ ของเซี่ยวเหล่ย
ได้ตกลงสู่ ขมุ นรกแห่งความทุกข์อนั ลึกลํ้าไร้ที่สิ้นสุ ด หากมิใช่
ต้องเลี้ยงดูเซี่ ยวหลิงซีและหยุนเช่อแล้ว บางทีมนั อาจตามภรรยา
ของตนไปเนิ่นนานแล้ว
ความเกลียดชังเดียวตลอดชีวติ ของมันทุ่มเทให้กบั ฆาตกรที่
ฆ่าบุตรชายของตน มันตามหาตัวคนร้ายตลอดสิ บปี เต็มโดยไม่
หยุดหย่อน… มันผูซ้ ่ ึ งมีนิสยั อ่อนโยนและจิตใจดีงาม ผูซ้ ่ ึงในชีวติ
นี้ไม่เคยสังหารคนเลยแม้แต่คนเดียว อยากกระทัง่ ฉี กทึ้งร่ างของ
คนผูน้ ้ นั ให้กลายเป็ นชิ้นๆ ด้วยวิธีอนั โหดเหี้ ยมที่สุดเท่าทีมี!
บทที่ 343 คําแนะนําของหลิงเจี่ย

“เป็ นความจริ ง? เป็ น… เป็ นผูใ้ ดกันที่สงั หารพี่ชายข้า!”


เซี่ยวหลิงซี เองก็เอ่ยถามอย่างเร่ งร้อน แม้นางจะมิได้ประสบพบ
เจอด้วยตนเอง แต่นางก็สมั ผัสได้ถึงความยากลําบากที่เซี่ยวเหล่ย
ต้องทนมาตลอดหลายปี นี้ราวกับพบเจอด้วยตัวเอง นางเองก็หวัง
จะตามหาตัวฆาตกรในวันนั้นเช่นกัน
หยุนเช่อพึมพํากับตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปาก “ท่านปู่ ข้า
รู ้วา่ การตามหาตัวคนร้ายเป็ นความปรารถนาสู งสุ ดของท่านมา
นาน ทว่าขุมกําลังที่สงั หารท่านลุงเซี่ยวในวันวานนั้นทรงพลังกว่า
ที่พวกเราคาดคิดไว้มากนัก… ขอให้ท่านเตรี ยมใจเอาไว้”
หัวใจของหลิงเจี่ยพลันสัน่ สะท้าน มันเร่ งลากตัวเฟิ นเจวีย๋
เฉิ งไปพร้อมเอ่ยปาก “ข้าจะไปให้อาหารวิหควายุประจิมของข้า
ก่อน หากพวกท่านพร้อมจะไปก็ขอให้เรี ยกก็แล้วกัน”
สิ้ นคํา มันก็ลากเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งไปไกลลิบ และสกัดประสาท
การฟังของตัวเอง
ทรวงอกของเซี่ยวเหล่ยสะท้านอย่างหนักหน่วง ก่อนที่จะ
สงบลงเล็กน้อยมันจึงเอ่ยปาก “บอกมาเลย ตลอดสิ บกว่าปี มากนี้
กระทัง่ ยามหลับข้าก็ยงั ต้องการทราบว่าผูใ้ ดสังหารลูกชายข้า…
ไม่วา่ จะเป็ นใครก็ตาม…”
หยุนเช่อพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ท่านปู่
ท่านเคยได้ยนิ เรื่ องสี่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหรื อไม่?”
“สี่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? นับเป็ นที่แบบใดกัน?” เซี่ยหลิงซีเอ่ย
ถามอย่างงุนงง
เซี่ยวเหล่ยตัวแข็งค้างไปวูบหนึ่ง ก่อนที่สีหน้าของมันจะ
แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง มันย่อมเคยได้ยนิ เรื่ องราวของสี่
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มา ยิง่ กว่านั้นยังได้ยนิ จากปากของเซี่ยวยิง
บุตรชายของมันเองอีก มันทราบว่าพวกมันคือสี่ ขมุ กําลังที่ทรง
อํานาจที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า ตัวตนที่เฝ้ามองทวีปนี้ประดุจ
ผูต้ รวจตรา ขุมกําลังของพวกมันเหนือลํ้ากว่าสี่ สาํ นักใหญ่
มากมายนัก เป็ นสุ ดยอดตํานานที่ไม่อาจแตะต้องได้ชวั่ ชีวติ
กระทัง่ จะได้ยนิ ชื่อของพวกมันก็นบั ว่ายากเย็นนัก ชายชราเอ่ย
ด้วยสุ ม้ เสี ยงตกตะลึง “อย่า อย่าบอกนะว่า ผูท้ ี่สงั หารบุตรชายข้า
คะ...คือ…”
“ผูท้ ี่ลงมือสังหารท่านลุงเซี่ยวข้ายังไม่ทราบแน่ชดั รู ้แต่
เพียงว่ามันมาจากแดนกระบี่เดชาสวรรค์ หนึ่งในสี่ ดินแดน
ศักดิ์สิทธิ์!” หยุนเช่อเอ่ยอย่างเคร่ งขรึ ม
ร่ างของเซี่ยวเหล่ยนิ่งค้าง ดวงตาและสองมือของมันสัน่
สะท้านด้วยความตกตะลึงและทุกข์ตรม ส่ วนเซี่ยหลิงซีดูจะตาม
บทสนทนาไม่ทนั นางเพียงกระซิบว่า “แดนกระบี่เดชาสวรรค์”
เท่านั้น นางซึ่งไม่เคยได้ยนิ ชื่อของ “สี่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” ย่อมไม่
เข้าใจถึงความน่าสะพรึ งกลัวของ “แดนกระบี่เดชาสวรรค์” ที่
กระทัง่ เจ้าหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ท่ีเรื องอํานาจยังไม่อาจเทียบกับ
ศิษย์ทวั่ ไปของแดนกระบี่เดชาสวรรค์ดว้ ยซํ้า
เซี่ยวเหล่ยที่ครั้งหนึ่งเคยคิดจะล้างแค้นนับครั้งไม่ถว้ น มัน
เคยสาบานในใจว่าไม่วา่ คนร้ายจะเป็ นผูใ้ ด มันจะต้องทําให้อีก
ฝ่ ายชดใช้หนี้เลือดนี้ดว้ ยตนเองให้ได้ ทว่าชื่อของ “แดนกระบี่เด
ชาสวรรค์” ได้บดขยี้หวั ใจมันดุจภูเขาสูงชลูดจนไม่อาจเห็นยอด
มันรู ้สึกสิ้ นหวังยิง่ เพลิงแค้นที่มีในตัวพลันแทบจะมอดดับไป...
ในบรรดาเจ็ดอาณาจักรของทวีปลมปราณฟ้า อาณาจักรวายุ
ครามมีขนาดเล็กที่สุด ทั้งยังมีขมุ กําลังอ่อนด้อยที่สุดอีกด้วย
กระทัง่ จําต้องส่ งของขวัญให้แก่จกั รวรรดิเทพหงสาทุกปี สําหรับ
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ เป็ นตัวตนที่เหนอลํา◌้ยง่ิ กว่าอาณาจักรทั้งเจ็ด
กระทัง่ จักรวรรดิเทพหงสา ยังไม่กล้าตอแยพวกมัน ต่อหน้าแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ สิ่ งมีชีวติ ทุกชนิดล้วนมีค่าเพียงมดปลวก...
ความแค้นยิง่ ใหญ่น้ ี จะชําระสะสางได้เยีย่ งไร? จะใช้วธิ ีการใดจึง
สามารถกระทําสําเร็ จ?
ปฏิกิริยาของเซี่ยวเหล่ยส่ งผลให้หยุนเช่อรับรู ้ถึงความรู ้สึก
นึกคิดของมันในปัจจุบนั ชายหนุ่มยืนต่อหน้าเซี่ยวเหล่ย ก่อนจะ
กล่าววาจาอย่างหนักแน่น “ท่านปู่ แม้ศตั รู ผนู ้ ้ ีจะเข้มแข็งกว่าเรา
มากกว่าที่ขา้ คาดไว้ ทว่านี่ยอ่ มมิได้หมายความว่าเราจะไม่มีทาง
ล้างแค้นได้ ยิง่ กว่านั้น ยิง่ มิอาจละทิ้งความหวังในการสะสาง
ความแค้นไว้เพียงแค่น้ ี...ด้วยระดับพลังฝี มือในปัจจุบนั ของข้า
นับว่าไม่อาจบุกไปยังแดนกระบี่เดชาสวรรค์เพื่อชําระอาฆาตได้
แต่ขา้ ขอให้ท่านปู่ เชื่อมัน่ ในตัวข้า ต้องมีวนั หนึ่งที่ขา้ สามารถเข่น
ฆ่าเข้าไปในแดนกระบี่เดชาสวรรค์เพื่อให้พวกมันชดใช้หนี้โลหิ ต
นี้!! เนื่องเพราะนี่ไม่ใช่เพียงหนี้โลหิ ตของท่านลุงเซ๊่ยว ยังมีท่านปู่
ที่แท้จริ งของข้า บิดามารดาที่แท้จริ ง...ทั้งหนี้แค้นของข้าเอง! ชีวติ
ข้า ตราบใดที่ยงั ไม่สิ้นลมหายใจ ข้าต้องให้พวกมันได้ชดใช้ ทั้งยัง
ไม่อาจขาดไปแม้แต่สตางค์เดียว!”
“ปู่ ...ที่แท้จริ งของเจ้า?” เซี่ยวเหล่ยตกตะลึงจังงัง
หยนเช่อผงกศีรษะรับเล็กน้อย “ปี ก่อน ข้าพบพานท่านปู่
ของข้าระหว่างที่ประสบอุบตั ิเหตุร้ายแรง ท่านปู่ ถูกทําร้ายบาดเจ็บ
สาหัสโดยแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ทั้งยังถูกผนึกไว้ในหุบเหวแห่ง
ความมืดมิดร่ วมร้อยปี หากมิใช่ขา้ ไปถูกที่ผดิ จังหวะเวลาเช่นนั้น
ชัว่ ชีวติ คงไม่มีโอกาสได้พบพานท่าน สําหรับท่านปู่ ที่แท้จริ งของ
ข้านั้น หลังปะติดปะต่อเรื่ องราว และค้นพบตัวตนแท้จริ งของ
บิดามารดาผูใ้ ห้กาํ เนิด ทั้งยังค้นพบตัวคนร้ายที่สงั หารท่านลุง
เซี่ยวยิงอีกด้วย”
“เช่นนั้น ท่านปู่ ของเจ้า...เป็ นเช่นไรบ้างในตอนนี้?”
“...” หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลง ค่อยๆ เบือนหน้าไป สองตา
เหม่อมองยังที่ไกลตา “ท่านสิ้ นลมแล้ว...เพื่อให้ขา้ ได้หลบหนี
ออกมา ท่านสะยั้นชีพจรหัวใจของตนเอง...ก่อนตาย ท่านต้องการ
ให้ขา้ กล่าวขอบคุณท่านปู่ แทน...ท่านกล่าวว่า ท่านปู่ คือบุคคลที่
ท่านสํานึกขอบคุณและรู ้สึกผิดที่สุดในชีวติ นี้”
เซี่ ยวเหล่ยสี หน้าตกตะลึงค้าง ไม่กล่าววาจาออกมาเป็ น
เวลานาน
“วันที่ท่านปู่ ที่แท้จริ งของข้าเสี ยชีวติ ข้าได้สาบานไว้วา่ ข้า
ต้องทวงหนี้โลหิ ตนี้จากแดนกระบี่เดชาสวรรค์ให้ได้ไม่วา่
อย่างไรก็ตาม วันใดที่ขา้ สามารถบุกเข้าไปยังแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ ข้าจะต้องหาตัวฆาตกรออกมา นํามันมาคุกเข้าที่เบื้องหน้า
ท่านปู่ ให้ท่านปู่ เป็ นผูล้ งมือกําจัดมันด้วยตนเองให้ได้” หยุนเช่อก
ล่าวอย่างหนักแน่น
สายตาของเซ๊่ยวเหล่ยสะท้านไหว เนิ่นนาน มันจึงผงกศีรษะ
รับคราหนึ่ง พร้อมทั้งเอ่ยวาจาออกมาราวกําลังอยูใ่ นความฝัน
“ต...ตกลง...ตกลง...”
เซี่ยวเหล่ยโดยปกติเป็ นบุคคลที่สงบสํารวมยิง่ หยุนเช่อไม่
เคยพบเห็นสภาพที่ไม่อาจควบคุมตนเองเช่นนี้ของชายชรามา
ก่อน ทว่าภายในใจของเซี่ยวเหล่ยในยามนี้ลว้ นพลุ่งพล่านสับสน
ยิง่ ก่อนหน้านี้ ชายชรากระหายใคร่ รู้ถึงตัวตนของมือสังหาร หาก
ความเป็ นจริ งโหดร้ายต่อมันจนเกินไป หยุนเช่อถึงกับสามารถ
สัมผัสได้ถึงความรู ้สึกต้องการตายที่แพร่ กระจายออกมาจากร่ าง
ของเซี่ ยวเหล่ย...
ที่ประคับประคองเซี่ยวเหล่ยผ่านวันเวลายาวนานหลายปี นี้
มิใช่เพียงเซี่ ยวหลิงซีและหยุนเช่อ ทว่า ยังเป็ นความมุ่งมัน่ ตามหา
ฆาตกรเพือ่ ล้างแค้น
ทว่าเมื่อความหวังแก้แค้นพลันกลับกลายเป็ นเรื่ องเพ้อฝัน
ความตื่นตระหนก ความสิ้ นไร้เรี่ ยวแรง รวมทั้งความสํานึกเสี ยใจ
ที่ทาํ ให้บุตรชายและภรรยาต้องผิดหวัง….นี่ส่งผลให้เพลิงในใจ
ของเซี่ ยวเหล่ยดับวูบลง หยุนเช่อเคยสาบานว่ามันย่อมต้องแก้
แค้น ทว่านัน่ เป็ ฯถึงแดนกระบี่เดชาสวรรค์ เป็ ฯตัวตนอันสู งส่งสุ ด
ยอดในแดนลมปราณฟ้า มันย่อมไม่คิดว่าหยุนเช่อจะสามารถ
เรี ยกร้องการชําระหนี้แค้นอันใด ยิง่ กว่านั้น มันเองไม่ตอ้ งการให้
หยุนเช่อต้องประสบเหตุการณ์ร้ายแรงใด หรื อต้องเสี่ ยงชีวติ เพื่อ
เรื่ องราวนี้
เมื่อมองไปยังสี หน้าของเซ๊่ยวเหล่ย หยุนเช่อลอบทอดถอน
ภายในใจ ชายหนุ่มลก่าวว่า “หลังจากที่ขา้ และท่านปู่ ที่แท้จริ ง
จดจํากันและกันได้ ข้าค้นพบความจริ งบางประการ...ครานั้น
หลังจากบิดามารดาตามสายเลือดของข้าออกจากเมืองเมฆาล่อง
ทั้งสองมิได้ถูกจับกุมตัวโดยแดนกระบี่เดชาสวรรค์ หากสามารถ
กลับสู่ บา้ นเกิดได้อย่างปลอดภัย...ท่านปู่ ท่ารู ้ม้ ยั ว่านี่หมายถึงสิ่ ง
ใด? นี่อย่างน้อยสามารถยืนยันว่า ผูท้ ี่ติดตามบิดามารดาข้าจากไป
ด้วย...บุตรชายของท่านลุงเซี่ยวยิง หลานชายแท้ๆ ของท่าน ยังไม่
ตาย ทั้งยังสามารถไปถึงสถานที่ปลอดภัยพร้อมกับบิดามารดา
ของข้าได้ในท้ายที่สุด”
คํากล่าวของหยุนเช่อสะท้อนกังวาลอยูข่ า้ งใบหูราวสายฟ้า
ฟาด สองตาของเซี่ยวเหล่ยเบิกกว้างจ้องไปด้านหน้า แววตาที่เดิม
ทีเต็มเปี่ ยมไปด้วยม่านหมอกมรณะสี เทาทึมพลันแปรเปลี่ยนเป็ น
สดใสชุ่มชื่นขึ้นอย่างหาใดเปรี ยบ ชายชรายึดจับสองบ่าของหยุ
นเช่อด้วยมือทั้งสอง ตื่นเต้นยินดีจนทัว่ ร่ างของมันสัน่ สะท้าน “ที่
เจ้าพูดทั้งหมด..เป็ นความจริ ง?...ที่เจ้าพูดทั้งหมดล้วนเป็ นความ
จริ ง!?”
“เป็ นความจริ งอย่างไม่ตอ้ งสงสัย!” หยุนเช่อยึดจับแขนทั้ง
สองข้างของเซี่ยวเหล่ย ชายหนุ่มกล่าวต่อพร้อมทั้งจับจ้องเข้าไป
ในดวงตาของชายชรา “หลังจากที่บิดามารดาของข้าหลบหนีออก
จากเมืองเมฆาล่อง ทั้งสองล้วนรับบาดเจ็บทั้งยังสิ้นเรี่ ยวแรง หาก
ผูค้ นของแดนกระบี่เดชาสวรร์คน้ พบพวกท่านทั้งสองจริ ง พวก
ท่านทั้งสองแน่นอนว่าย่อมไม่อาจรอดชีวติ ได้ ทว่าทั้งสอง
สามารถกลับไปยังบ้านเกิดได้ นี่หมายความว่า พวกท่านมิได้พบ
เจอศัตรู หลังจากนั้น เช่นนั้น ทารกในอ้อมแขนของพวกท่าน ย่อม
ต้องอยูร่ อดปลอดภัย...อายุของมันเท่ากับข้า จนถึงตอนนี้ ย่อม
ต้องมีอายุได้สิบเก้าปี เช่นกัน สายโลหิ ตของท่านปู่ สายโลหิ ตท่าน
ลุงเซี่ยวยิง...ทั้งหมดยังไม่เคยสูญสิ้ นไปเลย!!”
ทัว่ ร่ างของเซี่ยวเหล่ยแข็งค้าง สองตาเอ่อคลอด้วยหยาดนํ้า
ในชัว่ พริ บตา
หยุนเช่อกล่าวเสี ยงแผ่วว่า “ข้าคาดหวังพบหน้าบิดามารดาที่
แท้จริ ง มันเอง ย่อมต้องปรารถนาพบพานครอบครัวตามสายเลือด
ของมันเช่นกัน ดังนั้น ท่านปู่ ท่านต้องเข้มแข็งไว้ หลานชายที่
แท้จริ งของท่านยังคงรอคอยพบหน้าและกลับมาอยูร่ ่ วมกับท่าน”
สองมือของเซี่ยวเหล่ยคลายออก ใบหน้าอาบไว้ดว้ ยคราบ
นํ้าตา ทว่าประกายแสงในดวงตาทั้งคู่กลับกลายเป็ นแสงแห่ง
ความกระตือรื อร้น แทนที่แสงแห่งมรณะสี ทึบทึมเมื่อครู่ อย่าง
ชัดเจน มนผงกศีรษะรับอย่างหนักแน่นพร้อมกล่าวตอบด้วยเสี ยง
ตํ่าว่า “ตกลง...ตกลง!”
แม้สองคํานี้จะเป็ นคําพูดเดียวกัน ทว่า ความอ่อนระโหย
และโศกเศร้าเมื่อครู่ อนั ตรธานไป ปราศจากความรู ้สึกปรารถนา
ในความตายอีกต่อไป
หยุนเช่อลอบทอดถอนใจอย่างโล่งอก ชายหนุ่มเรี ยกหลิง
เจี่ยกลับมา ก่อนนําเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิงซีข้ ึนสู่ วหิ ควายุ
ประจิม
“เช่อน้อย เจ้าต้องระมัดระวังให้มากไว้ อย่าได้กระทําการ
เกินกําลังของตนเอง ยิง่ กว่านั้น อย่าปล่อยให้เกิดสิ่ งร้ายๆอันใดต่อ
ตัวเจ้าอย่างเด็ดขาด!” เซี่ ยวหลิงซียดึ กุมชายเสื้ อของตนเองอย่าง
แนบแน่น ขณะกล่าวคําพูดด้วยความวิตกกังวล
“ท่านอย่างกังวลไปเลย” หยุนเช่อกล่าวพลางเผยรอยยิม้ อัน
ปลอดโปร่ ง “ข้าในตอนนี้อยูย่ งคงกะพันยิง่ ข้าไม่เห็นตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าอันโดดเด่นอยูใ่ นสายตาด้วยซํ้า ข้าเพิ่งได้กลับมาพบกับ
ท่าน จะยอมตกตายโดยง่ายได้เช่นไร...ท่านท่องเที่ยวในนคร
หลวงอย่างเต็มที่สกั สองสามวันเถอะ เมื่อพวกท่านสนุกสนานจน
พอใจ สมควรเป็ นเวลาเดียวกับที่ขา้ กลับไปพอดิบพอดี”
“เฮอะ ไม่ได้พบกันมานานสามปี เช่อน้อยรู ้จกั พูดจา
วางก้ามแล้ว” เซี่ยวหลิงซีแย้มยิม้ หญิงสาวมองไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ที่หมดสภาพอยูบ่ นพื้นไม่ไกล พลันคิดได้ถึงบางอย่าง นางกล่าว
ออกมาว่า “เช่อน้อย หากว่า เจ้าสามารถทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าได้จริ ง เช่นนั้น เจ้าสามารถยกเว้นชีวติ คนผูห้ นึ่งได้
หรื อไม่?”
หยุนเช่อทัว่ ร่ างแข็งค้างราวถูกแช่แข็งไปขัว่ ครู่ จากนั้นจึง
กล่าวว่า “ผูท้ ี่อาหญิงเล็กกล่าวถึงคือ?”
“ข้าจดจําได้วา่ มันเรี ยกว่า….ใช่แล้ว! เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น!”
“เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น?” คิ้วของหยุนเช่อกดตํ่าลง ก่อนที่ชายหนุ่ม
จะกล่าวออกมาด้วยนํา◌้เสี ยงประหลาดใจ “เหตุใดต้องไว้ชีวติ
มัน? เป็ นมันชัดๆ ที่ลกั พาท่านทั้งสองมายังตระกูลอัคคีผลาญฟ้า!”
“แต่เป็ นเพราะมันทําตามคําสัง่ ของเจ้าผูน้ ้ นั ...” เซี่ยวหลิงซี
ยืน่ เหยียดมือออก ยกนิ้วชี้ตรงไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง “ยังมี หลังจาก
มาถึงตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เจ้าคนชัว่ ร้ายผูน้ ้ นั ต้องการ...ต้องการ
...ทํามิดีมิร้ายกับข้า เป็ นเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นที่เข้าขัดขวางมัน มิเช่นนั้น
ข้าอาจจะ...ยังมี ตอนที่เจ้ามาถึง เป็ นเจ้าผูน้ ้ ีอีกเช่นกันที่ตอ้ งการใช้
ข้าขู่บงั คับเจ้า เป็ นเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งอีกเช่นกันที่ขดั ขวางมันไว้ ทั้งยัง
รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องเพราะเรื่ องนี้”
คํากล่าวของเซี่ยวหลิงซีส่งผลให้หยุนเช่อหลัง่ เหงื่อเย็นเยียบ
ทัว่ ร่ างกาย สายตาของชายหนุ่มเบนเบือนไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง จับ
จ้องมองมันเขม็งด้วยความดุร้ายขณะปลดปล่อยรังสี ฆ่าฟันอันพ
ลุ่นพล่านอย่างบ้าคลัง่ ออกมาจากภายในใจ เมื่อปลดปล่อยพลัง
ความมุ่งมัน่ ตั้งใจอย่างถึงที่สุดนี้ออกแล้วเท่านั้น หยุนเช่อจึง
สามารถฝื นสะกดระงับรังสี ฆ่าฟันอันรุ นแรงเมื่อครู๋ ไว้ได้ ชาย
หนุ่มผงกศีรษะอย่างช้าๆ “เข้าใจแล้ว ข้าจะไว้ชีวติ มัน”
“ฟู่ ววว...” เซี่ยวหลิงซีวางมือลงบนหน้าอกตนเอง จากนั้น
ปลดปล่อยเสี ยงถอนหายใจโล่งอก “แม้มนั ดูไปน่าหวาดหวัน่ อยู่
บ้าง หากทว่าจิตใจของมันไม่นบั ว่าชัว่ ร้าย...แต่เจ้าผูน้ ้ ีที่เรี ยกว่า
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง เป็ นคนเลวโดยแท้จริ ง!”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งที่นอนแน่น่ิงอยูบ่ นพื้นเปล่งเสี ยงครํ่าครวญครา
หนึ่ง ราวกับมันต้องการปฏิเสธหรื อร้องขอความเมตตาอันใด ทว่า
ท้ายที่สุด มันเพียงสามารถฟุบกลับลงไปที่เดิม
วิหควายุประจิมค่อยๆ ร่ อนลงอย่างเชื่องช้า ทว่าหลิงเจี่ยยืน
อยูบ่ นพื้นเป็ นนาน ทั้งยังไม่กระโดดขึ้นไป หลังจากรี รอลังเลอยู่
ครู่ หนึ่ง เด็กหนุ่มพลันกล่าวต่อหยุนเช่อว่า “ลูกพี่ ครานี้ ท่านตั้งใจ
กําจัดทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนหมดสิ้ นจริ งๆ?”
“แน่นอน!” หยุนเช่อผงกศีรษะรับโดไม่ลงั เลแม้แต่นอ้ ย
“ดังที่ขา้ พูดก่อนหน้านี้ ข้าต้องให้ทุกผูค้ นรับทราบถึงผลลัพธ์ของ
การทําร้ายครอบครัวของข้า...แน่นอนย่อมไม่มีทางรอดอื่นใด
ทั้งสิ้ น”
มุมปากของหลิงเจี่ยขยับคราหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจพร้อม
กล่าวว่า “มีบางอย่างที่ขา้ ควร..ควรบอกกล่าวต่อท่าน ท่านปู่ ของ
ข้า มีช่วงเวลาหนึ่งที่สนิทสนมกับผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนเฟิ นอี้เจี๋ยอยู่
บ้าง แม้ขา้ ไม่เคยพบปะท่านปู่ บ่อยนัก หากข้าเคยได้ยนิ ท่านพ่อ
กล่าวว่าท่านปู่ เป็ นผูค้ นที่ให้ความสัมพันธ์ต่อมิตรภาพอย่างใหญ่
หลวง ข้าเกรงว่า...ข้าเกรงว่าหากตระกูลอัคคีผลาญฟ้ามาถึงจุดนั้น
จริ งๆ ท่านปู่ อาจลงมือเอง”
หยุนเช่อ :”...”
“สิ บปี ที่แล้ว ท่านปู่ บรรลุถึงขั้นกลางของปราณจักรพรรดิ์
ท่านได้รับการยอมรับเป็ นยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่งในอาณาจักรวายุ
คราม ผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเฟิ นอี้เจี๋ยแม้พลังฝี มือเข้มแข็ง แต่
แม้จะมีมนั ถึงสามคน นับว่ายังไม่อาจเอาชนะท่านปู่ ได้ หากท่านปู่
เคลื่อนไหวขึ้นมาจริ งๆ ข้าเกรงว่า..เกรงว่า…” กล่าวถึงตอนนี้
หลิงเจี่ยสัน่ ศีรษะอย่างแรงคราหนึ่ง ก่อนจะฝื นฉี กยิม้ “อ้า นี่เพียง
มีความเป็ นไปได้ต่าํ มาก ข้าอาจคิดมากเกินไป นอกจากนั้น ท่านปู่
กล่าวออกมาก่อนหน้านี้ ท่านตัดขาดเรื่ องทางโลก ไม่ตอ้ งการยุง่
เกี่ยวต่อเรื่ องราวใดอีกต่อไป...อย่างไรเสี ย ลูกพี่ ท่านยังคงต้อง
ระมัดระวังไว้”
“อืมม์ เข้าใจแล้ว ขอบใจที่บอกกล่าวต่อข้าถึงเรื่ องนี้” หยุ
นเช่อผงกศีรษะรับพลางกล่าวคํา
กระแสลมบางเบาพัดผ่านคราหนึ่ง หลิงเจี่ยกระโจนขึ้นหลัง
ของวิหควายุประจิม วิหคยักษ์กางปี กทั้งสองก่อนทะยานขึ้นสู่ ฟ้า
เหม่อมองไปยังวิหคมหึ มาที่กลายเป็ นจุดสี เขียวบนท้องฟ้า
ห่างไกลออกไปเรื่ อยๆ หยุนเช่อขมวดคิว้ ครุ่ นคิดถึงบางสิ่ งอยูเ่ นิ่น
นาน
หยุนเช่อเคยฟังชางเยว่กล่าวถึงท่านปู่ ของหลิงเจี่ยมาก่อน
เป็ นครั้งคราว
เป็ นสุ ดยอดฝี มืออันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม! เทพ
กระบี่หลิงเทียนหนี่!
บทที่ 344 สู้ ศึกเฟิ นอีเ้ จี๋ย

หลังจากถูกเพลิงเทพหงสาเผาผลาญไปเมื่อคืนก่อน ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าก็ปั่นป่ วนวุน่ วายยิง่ ทัว่ บริ เวณสํานักเต็มไปด้วยกลิ่น
ไหม้คละคลุง้ ผูใ้ ดจะคาดคิดว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันยิง่ ใหญ่
และดูหมิ่นโลกหล้าอย่างเย่อหยิง่ วันหนึ่งจะตกอยูใ่ นสภาพน่าอด
สู ถึงเพียงนี้ ซํ้ายังเป็ นเพราะฝี มือของคนคนเดียวอีก
พวกมันเคยคาดว่าการปรากฎตัวของผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน
และผูอ้ าวุโสใหญ่จะหยุดยั้งหายนะของหยุนเช่อได้ แต่ภายในวัน
เดียว ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าก็ถูกทําลายจนเละเทะอย่างคาดไม่ถึง
อีกครั้ง
เฟิ นอี้เจี๋ยนอนมิหลับทั้งคืน บุคลิกท่าทีของมันสุดโต่งตั้งแต่
ยังเยาว์ และแทบไม่เคยพ่ายแพ้เมื่อเติบโตขึ้นจนท้ายที่สุดก็ได้
กลายเป็ นหนึ่งในผูท้ ี่ยนื หยัดอยูบ่ นจุดสู งสุ ดของจักรวรรดิวายุ
คราม มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าหลังจากปลีกตัวฝึ กฝนฝี มือมานานปี
มันกลับถูกเด็กอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี หยอกล้อจนต้องอับอาย จิตที่สงบ
นิ่งมากว่ายีส่ ิ บปี ของมันยังแทบพังทลายลงเพราะเรื่ องนี้
ในหอประชุมใหญ่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในยามรุ่ งสาง จาก
เจ้าตําหนักสามสิ บสามคนและยีส่ ิ บผูอ้ าวุโส กลับหลงเหลือเพียง
ยีส่ ิ บสองคนเท่านั้น ซํ้ากว่าครึ่ งก็มีร่องรอยบาดเจ็บบนร่ าง พวก
มันมองหน้ากันด้วยแววตาเสี ยใจ ทันทีที่เฟิ นอี้เจี๋ยมาถึง ภายนอก
พลันบังเกิดสุ ม้ เสี ยงตกใจ “ท่านเจ้าตระกูล แย่… แย่แล้ว!”
เฟิ นต้วนหุนผุดลุกขึ้นพร้อมเอ่ยด้วยเสี ยงเคร่ งขรึ ม “เกิด
อะไรขึ้นถึงได้แตกตื่นเช่นนี้!”
“ปะ… เป็ นนายน้อย! ท่านถูกห้อยอยูบ่ นประตูเมืองเพลิง
ครามตอนนี้!!”
“วะ… ว่าไงนะ!!”
เหล่าผูอ้ าวุโสล้วนแต่ผดุ ลุกขึ้นด้วยความตกใจ ในหัวของ
เฟิ นต้วนหุนพลันตื้อตัน โทสะของมันแทบจะระเบิดออกมา
“พิกลนัก!!” กระดูกทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี๋ยส่งเสี ยงดังลัน่ ขณะมัน
พุง่ ร่ างออกไปอย่างว่องไวด้วยโทสะลึกลํ้า… ขณะมันกําลังจะยํา่
เท้าออกนอกเขตสํานัก มันพลันฝื นใจหยุดเท้าขบฟันแน่น ก่อนจะ
สะกดโทสะสุ ดกําลังเพื่อเอ่ยปาก “หยุนเช่อนั้นเหลี่ยมจัดนัก นี่
อาจเป็ นมันล่อพยัคฆ์ออกจากถํ้าอีกครั้งก็เป็ นได้… จื่อหยา เจ้าอยู่
ที่นี่ไว้!”
“รับทราบ!” เฟิ นจื่อหยาหยุดเท้าก่อนจะพยักหน้ารับ
เล็กน้อย พริ บตาต่อมาเฟิ นอี้เจี๋ยก็ทะยานร่ างขึ้นฟ้าตรงสู่ เมืองเพลิง
ครามโดยมีเฟิ นต้วนหนและสิ บสองผูอ้ าวุโสติดตามไปอย่าง
ใกล้ชิด
บริ เวณประตูเมืองเพลิงครามเต็มไปด้วยผูค้ นมามุงดู
มากมาย
เหนือประตูเมืองสู งชะลูด มีคนผูห้ นึ่งถูกแขวนไว้ดว้ ยเชือก
ยาวเส้นหนา คนผูน้ ้ นั ถูกเปลื้องเสื้ อผ้าออกจนหมด เส้นผมของมัน
รุ งรังดุจรังนก ทัว่ ร่ างไร้ซ่ ึ งเรี่ ยวแรงไม่ขดั ขืนแม้แต่นอ้ ย แม้สอง
ตามันจะยังเปิ ด แต่กไ็ ร้ซ่ ึ งแววตาอันใดราวกับคนตาย ทว่า
กล้ามเนื้อบนร่ างที่กระตุกเป็ นครั้งคราวบ่งบอกว่ามันยังมีชีวติ อยู่
แดนเพลิงครามนั้นร้อนระอุตลอดปี กระทัง่ สายลมยามเช้า
ยังร้อนแรง แต่คนที่ถูกมัดไว้เหนือประตูเมืองผูน้ ้ ีกลับตัวสัน่ ไม่
หยุดใต้สายลมร้อน หว่างขามันปรากฎหนอนน้อยขนาดเท่า
นิ้วก้อยแกว่งไกวเป็ นครั้งคราว
ผูค้ นยิง่ มารวมตัวกันบริ เวณประตูเมืองมากขึ้นทุกที และ
เมื่อทุกคนได้เห็นคนที่ถูกมัดไว้อย่างชัดตาก็ลว้ นแต่ตกตะลึงจน
ทําอะไรไม่ถูก… เพราะคนผูน้ ้ ีไม่มีใครในแดนเพลิงครามไม่รู้จกั
มันคืออันดับหนึ่งของคนรุ่ นเยาว์ในแดนเพลิงคราม และยังเป็ น
ผูป้ กครองแดนเพลิงครามที่ไม่มีผใู ้ ดกล้าลบหลู่ในอนาคตอีก
นัน่ คือนายน้อยแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง!
ตัวตนอันสู งส่ ง ณ จุดสู งสุ ดในอาณาจักรวายุครามนี้ กลับ
ถูกเปลื้องผ้าล่อนจ้อนแขวนประจานอยูท่ ี่หน้าประตูเมือง! ผูค้ น
ภายในเมืองเพลิงครามต่างแตกตื่นตระหนก พวกมันแทบไม่อาจ
เชื่อสายตาตนเองได้ เจ้าเมืองเพลิงครามตะเกียกตะกายมาถึงอย่าง
รวดเร็ วทันทีที่ได้รับทราบข่าว หากทว่ามันเอาแต่ขดตัวอยูม่ ุม
หนึ่ง ไม่กล้าออกคําสัง่ ในการนําร่ างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งลงมา...ใน
ฐานะเจ้าเมืองเมืองหนึ่ง มันย่อมไม่โง่เขลา ผูค้ นที่ใจกล้าบังอาจ
ทั้งยังมีความสามารถดูหมิ่นเหยียดหยามนายน้อยตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าได้ถึงเพียงนี้ ย่อมต้องเป็ นบุคคลที่มนั ไม่อาจล่วงเกินได้
อย่างแน่นอน หากมันออกคําสัง่ ให้นาํ ตัวเฟิ นเจวีย๋ เฉิงลงมา
เป็ นไปได้อย่างสู งว่าย่อมเป็ นการล่วงเกินศัตรู ผนู ้ ่ากลัวอีกผูห้ นึ่ง
ฝูงชนที่มามุงดูเริ่ มทวีจาํ นวนมากขึ้นเรื่ อยๆ ข่าวใหญ่โต
มโหฬารที่เพียงพอในการปั่นป่ วนทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุครามนี้แพร่
สะพัดไม่ทว่ั ด้วยระดับความเร็ วอันน่าตระหนก เนื่องด้วยแรง
ขับเคลื่อนจากยันตร์สื่อสาร ข่าวชิ้นนี้ถูกแพร่ ออกไปยังนครหลวง
วายุครามเนิ่นนานแล้ว
ในสายตาของเหล่าผูช้ ม ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเดิมเป็ นตัวตน
อันสู งส่ งจนมิอาจปี นป่ ายถึง เพียงศฺษย์ผหู ้ นึ่งของตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้ายังได้รับความริ ษยาจากบุคคลทัว่ ไป ไม่มีผใู ้ ดอาจหาญ
ล่วงเกินพวกมัน ผูค้ นต่างไม่คาดคิดมาก่อนในชีวติ ว่าจะมีโอกาส
ได้เห็นภาพเหตุการณ์เยีย่ งนี้ ต่างสัมผัสความรู ้สึกได้อย่างเลือน
รางว่า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ที่แผ่อิทธิพลในอาณาเขตเมืองเพลิง
ครามนี้มาเนิ่นนาน กําลังก้าวเข้าสู่ ยคุ สมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
แล้ว
คลื่นกระแสลมแปลกประหลาดหวีดหวิวมาจากทางทิศใต้
รัศมีพลังอันยิง่ ใหญ่ไร้ตา้ นทานสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ส่ งผลให้
ผูค้ นแทบลมหายใจขาดห้วงลงโดยพร้อมเพรี ยงกัน ทรวงอกของ
ทั้งหมดอึดอัดคับข้องราวถูกหิ นใหญ่หนักร่ วมห้าร้อยกิโลกรัมกด
ทับไว้ ต่างพากันมองไปยังทิศใต้ในเวลาเดียวกัน...เบื้องบน
ห้วงอากาศ ปรากฏจุดเล็กๆ สี ดาํ จุดหนึ่ง ทว่าในพริ บตาเดียว จุดสี
ดําเล็กๆ พลันยืดขยายบดบังสายตาของพวกมัน ระดับความรวด
เร็ ซของจุดสี ดาํ นี่ ช่างเหนือความเข้าใจของพวกมันไปโดยสิ้นเชิง
เฟิ นอี้เจี๋ยโบยบินมาด้วยระดับความเร็ วสุดแสน ทันทีที่
บรรลุถึงหน้าประตูเมืองเพลิงคราม มันจึงสามารถมองเห็นเฟิ น
เจวีย๋ เฉิงที่ถูกเปลื้องเสื้ อผ้า แขวนห้อยต่องแต่งอยูก่ บั ประตูเมืองได้
ทันทีที่กวาดสายตามอง ทางด้านล่าง ปรากฏฝูงชนจํานวน
มหาศาล กําลังยกนิ้วชี้ไปทางเฟิ นเจวีย๋ เฉิง พร้อมทั้ง
วิพากษ์วจิ ารณ์เป็ นการใหญ่ ดวงตาทั้งคู่ขอเฟิ นอี้เจี๋ยเบิกกว้าง
ทรวงอกของมันแทบระเบิดออกในทันทีจากความโกรธเกรี้ ยว
และความอัปยศอดสู
“ย๊ากกกกกก!!!” เฟิ นอี้เจี๋ยผูฝ้ ึ กจิตใจมาเป็ นเวลานับสิ บปี
บุคคลที่มีอายุยนื ยาวมาร่ วมร้อยปี ผูน้ ้ ี ถึงกับเปล่งเสี ยงคํารามราว
สัตว์ป่าบ้าคลัง่ ตนหนึ่งออกมา ท่ามกลางเสี ยงกู่ร้องตะโกนก้อง
ทัว่ ร่ างของมันท่วมท้นด้วยเปลวเพลิง มันยืน่ ฝ่ ามือทั้งคู่ออกมาที่
เบื้องหน้า คว้าจับไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งที่ถูกห้อยอยูก่ ลางอากาศ
ทันทีที่ฝ่ามือของมันห่างจากร่ างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งไม่ถึงสิ บ
ห้าเมตร เปลวเพลิงรู ปหงส์อคั คีพลันพวยพุง่ เข้าใส่ ใบหน้าของมัน
ในพริ บตา เฟิ นอี้เจี๋ยสองตาแดงหํ่าดุจโลหิ ต มันล่าถอยหลบเลี่ยง
ในทันที ก่อนจะตบเข้าใส่ หงส์เพลิงตัวนั้นอย่างไร้ปรานี ดวงตาที่
แทบระเบิดถลนออกจับจ้องไปยังเงาร่ างของคนผูห้ นึ่งที่ยนื อยู่
เบื้องล่างมัน
หยุนเช่อก้าวเท้าออกมาเบื้องหน้าด้วยฝี เท้าปลอดโปร่ ง
พร้อมทั้งลากกระบี่ทณั ฑ์มงั กรติดตามหลังมาด้วย ทุกก้าวที่วาง
เท้าลงไป ล้วนปรากฏรอยปริ แยกบนพื้นดิน พร้อมทั้งร่ องรอย
ประทับฝ่ าเท้าอันลึกลํ้า ชายหนุ่มจับจ้องเฟิ นอี้เจี๋ยที่กลางอากาศ
ก่อนเชิดจมูกเหยียดเย้ย “ในที่สุดเจ้าก็มา ถึงกับทําให้ขา้ ต้องรอ
คอยอย่างยาวนานถึงเพียงนี้ ดูท่านหลานชายคนนี้คงมิได้
สลักสําคัญอันใดต่อเจ้ามากมาย”
“หมูโสโครก!!” ทรวงอกเฟิ นอี้เจี๋ยหอบขึ้นลงด้วยความ
รุ นแรง ท่วมท้นปั่ นป่ วนไปด้วยคลื่นรังสี ฆ่าฟันที่มนั ปรารถนา
แปรสภาพให้เป็ นวัตถุเพื่อฉี กกระชากร่ างหยุนเช่อเป็ นชิ้นเล็กชิ้น
น้อย “ข้าจะต้อง...ป่ นกระดูกเจ้าให้แหลกเละด้วยสองมือของข้า
เอง!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยนิ คํากล่าวของเฟิ นอี้เจี๋ย หยุนเช่อเปล่ง
เสี ยงหัวเราะเย้ยหยันถึงขีดสุ ด
“เจ้าหัวเราะอะไร!” สี หน้าของเฟิ นอี้เจี๋ยแปรเปลี่ยนเป็ นยะ
เยียบเย็นชาและมืดทะมึนอย่างยิง่
“ข้าหัวเราะ เพราะตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเจ้าเพียงเป็ นสถานที่
สุ มหัวของเหล่าตัวโง่งมอวดดีเช่นพวกเจ้าน่ะสิ ” หยุนเช่อยกกระบี่
ทัณฑ์มงั กร ปลายกระบี่ช้ ีไปยังกลางอากาศที่เฟิ นอี้เจี๋ยลอยตัวอยู่
คลื่นรัศมีพลังที่แฝงไว้ดว้ ยอํานาจของเทวะมังกรอันแท้จริ งค่อยๆ
ถูกปลดปล่อยออกมาโดยรอบ ส่ งผลให้เหล่าผูค้ นในที่น้ นั ต่าง
วิงเวียนและอึดอัดในทรวงอก ก่อนจะเร่ งรี บถอยเท้าไปห่างไกล
ด้วยความหวาดกลัว กระทัง่ ถอยร่ นเข้าสู่ ระยะที่พวกมันไม่รู้สึกถึง
ความอันตรายอีกต่อไป “เดิมที ข้ามีเรื่ องราวมากหลายที่
จําเป็ นต้องสะสาง ทั้งไม่คิดเสี ยเวลาวุน่ วายกับตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าของเจ้า ทว่าพวกเจ้าถึงกับใช้วธิ ีต่าํ ช้า บีบคั้นข้ามายังหน้าประตู
บ้านเจ้าด้วยตนเอง ที่ตอ้ งน่าอเนจอนาจถึงเพียงนี้ในวันนี้ พวกเจ้า
เพียงสามารถโทษว่าตนเองได้เท่านั้น นี่ไม่มีใดอยุติธรรมแม้แต่
น้อย! สําหรับเจ้า...เฮอะ เจ้าคิดจริ งๆหรื อว่าที่ขา้ หลีกเลี่ยงเจ้า
ตลอดมา เป็ นเพราะข้าเกรงกลัวต่อเจ้า?”
“เฮอะ อาจบางที สิ บปี ข้างหน้า ข้าย่อมต้องหวาดกลัวเจ้า
ทว่าตัวเจ้าในตอนนี้ ไม่มีคุณสมบัติอวดโอ่ต่อหน้าข้า! น่าสมเพช
ที่เจ้าไม่มีทางอยูร่ อดไปได้ถึงสิ บปี ข้างหน้า เนื่องเพราะวันนี้ ข้า
จะเป็ นคนจัดการเจ้าด้วยตนเอง!”
หยุนเช่อย่นจมูกเย้ยหยันคราหนึ่ง “ข้าไม่รู้วา่ ตนเองสามารถ
มีชีวติ ไปอีกสิ บปี หรื อไม่ แต่ท้ ี่ขาแน่ใจอย่างยิง่ คือเจ้า...ไม่มีทางอยู่
ไปอีกสิ บปี อย่างแน่นอน!”
ขณะเดียวกับที่มนั กล่าวคํา หยุนเช่อพลันจู่โจมออกอย่าง
โหดเหี้ ยม รัศมีกระบี่แผ่กาํ จายครอบคลุมทัณฑ์มงั กร มันกวาด
กระบี่ซ่ ึ งแฝงไปด้วยพายุอนั บ้าคลัง่ โหมเข้าใส่ เฟิ นอี้เจี๋ย
“เจ้าเด็กอวดดี! วันนี้เจ้าจะได้รู้ถึงผลของการกระตุน้ โทสะ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของข้า!”
เฟิ นอี้เจี๋ยสะบัดฝ่ ามือออก เปลวอัคคีสามสายหนากว่าหนึ่ง
ฟุตพลันพุง่ ออกมาอย่างเกรี้ ยวกราด ระเบิดออกกลางอากาศ
ส่ งผลให้การโจมตีของหยุนเช่ออ่อนกําลังลงอย่างรวดเร็ ว
“เพลิงอัคคีผลาญฟ้า,เพลิงกายานรกานตร์!”
เปลวเพลิงสี ม่วงปะทุปกคลุมทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี๋ย เส้นผมสี ดาํ
ของมันลุกฮือขึ้นตั้งต้านแรงโน้มถ่วง คลื่นเปลวเพลิงคลื่นแล้ว
คลื่นเล่าพวยพุง่ สู่ ทอ้ งฟ้าราวกับเปลวเพลิงจากนรกโลกันต์ กักขัง
หยุนเช่อเอาไว้ในแบบที่ปิดคลุมทัว่ ฟ้า
เสี ยงร้องตื่นตกใจดังสะท้อนก้องจากทัว่ ทุกที่บริ เวณหน้า
ประตูเมือง รัศมีเพลิงสี ม่วงซึ่งปะทุปิดคลุมผืนฟ้านี้อยูห่ ่างจากฝูง
ชนที่ใกล้ที่สุดราวครึ่ งกิโลเมตร หากแต่พวกมันยังคงรู ้สึกราวถูก
นําไปปล่อยไว้ในลาวาเดือดพล่านโดยไม่ทนั ได้ต้ งั ตัว ทัว่ ทั้งร่ าง
พวกมันแทบถูกเผา ตลอดชีวติ ที่ผา่ นมาพวกมันไม่เคยพบเจอพลัง
มหาศาลอันน่าพรั่นพรึ งเช่นนี้มาก่อน พวกมันส่ วนหนึ่งหลบหนี
อย่างหวาดกลัวพร้อมกับหวีดร้อง อีกส่ วน ยืนนิ่งขึงอยูก่ บั ที่จอ้ ง
มองเปลวเพลิงสี ม่วงทั้งหมดตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลน...เนื่อง
เพราะในชีวติ นี้ พวกมันคงไม่อาจมีโอกาสได้เป็ นพยานในการ
ต่อสู ร้ ะดับสู งเช่นนี้อีก
"แล้วเจ้าจะได้รู้วา่ เปลวเพลิงอัคคีผลาญฟ้าที่แท้จริ งเป็ นเช่น
ไร!! ข้าจะเผาเจ้าจนแม้แต่เถ้าถ่านกระดูกก็ไม่หลงเหลือ...ตาย!!"
คํากล่าวของเฟิ นอี้เจี๋ยทั้งไร้ความปราณี และน่าสยดสยอง
ความเกลียดชังที่มนั มีต่อหยุนเช่อฝังลึกซึมลงไปถึงไขกระดูก แม้
ต้องเผชิญกับเปลวเพลิงอัคคีผลาญฟ้า หยุนเช่อยังคงกุมทัณฑ์
มังกรไว้ในมือและมิได้ขยับเคลื่อนไหว อีกทั้งยังปล่อยให้เปลว
เพลิงสี ม่วงเหล่านั้นทะลักทลายเข้าครอบคลุมตัวมันเองจนกลืน
กินร่ างมันไว้ภายในอย่างสมบูรณ์
“สลาย!!”
เสี ยงอันชัว่ ร้ายตามติดด้วยเสี ยงครวญมังกรซึ่งสัน่ คลอนจิต
วิญญาณของผูค้ นดังออกมาจากเปลวเพลิงสี ม่วง ปัดเป่ าเปลวเพลิง
ที่กลืนกินหยุนเช่ออยูอ่ อกไปในทันที ทั้งยังเปลี่ยนเปลวเพลิง
เหล่านั้นให้เป็ นเพียงเศษเปลวเพลิงกระจัดกระจายออกไปทัว่ ทุก
ทิศทาง หยุนเช่อยังคงยืนอยูโ่ ดยมิได้รับอันตรายใดๆ ไม่แม้แต่
เส้นผมซักเส้นของมันจะถูกเผา มันหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
"โอ้...นี่คือเปลวเพลิงอัคคีผลาญฟ้าที่เจ้ากล่าวถึงรึ ข้าได้ประจักษ์
แล้ว...ช่างน่าหัวร่ อจนสี ขา้ งถลอกเสี ยจริ ง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
"เจ้า..." ดวงตาของเฟิ นอี้เจี๋ยปูดโปนเล็กน้อยขณะที่ความตก
ตะลึงปรากฏทัว่ ใบหน้า ฝ่ ามือของมันคว้าจับออก ดาบยาวสี
โลหิ ตเก้าฟุตพลันปรากฎในมือ ตัวดาบถูกห่อหุม้ ด้วยเพลิงร้อน
ระอุ...นามของดาบนี้คือ "อัคคีอาญาสิ ทธิ์" หนึ่งในสองศาสตราวุธ
ชั้นปราณฟ้าที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถือครอง เป็ นมรดกตกทอด
จากบรรพบุรุษผูก้ ่อตั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หากใช้ดาบเล่มนี้
ร่ วมกับกระบวนท่าสายอัคคีกจ็ ะสามารถแสดงพลังออกมาได้มาก
ยิง่ ขึ้น
“ข้าเกือบลืมไปว่าเจ้าสามารถปลดปล่อยเพลิงเทพหงสาได้
...ทั้งยังไม่เกรงกลัวเปลวไฟ เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าได้ตายภายใต้คม
ดาบผลาญฟ้า!”
เฟิ นอี้เจี๋ยพลันเหิ นร่ างลงมาอย่างกะทันหันพร้อมทิ่มแทง
ดาบออก ส่ งรังสี ดาบความยาวกว่าสิ บห้าเมตรที่ปกคลุมด้วยเปลว
ไฟสี ม่วงร้อนแผดเผารายล้อมรอบพุง่ ตรงไปเบื้องหน้า
เปรี้ ยง!เปรี้ ยง! เปรี้ ยง!
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรต้านปะทะเข้าใส่ รังสี ดาบ เพียงระยะเวลา
ชัว่ พริ บตา คมกระบี่และรังสี ดาบปะทะหักล้างกันไม่ต่าํ กว่าสิ บ
ครั้ง อัคคีสีม่วงอันร้อนแรงถูกปัดกระแทกแตกกระจายไปทัว่
บริ เวณ สุ ม้ เสี ยงคมกระบี่ปะทะกันเสี ยดแทงแก้วหูผคู ้ นจนแทบหู
ดับดังสะท้านจนกระทัง่ ผูท้ ี่ยนื ห่างไปหลายกิโลเมตรยังสามารถ
ได้ยนิ อย่างชัดเจน
“ราชันย์พโิ รธ!!”
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดสู งขึ้นกลางอากาศ พลังของตัวกระบี่
พลันเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล กระบี่หนาหนักกวาดปะทะเข้ากับรังสี
ดาบอันทรงอานุภาพ
เปรี้ยง!!!
รังสี ดาบยาวสิ บห้าเมตรพลันสลายหายไป พลังที่หลงเหลือ
จากตัวกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรยังคงพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า ระเบิดเข้าใส่
เฟิ นอี้เจี๋ย เฟิ นอี้เจี๋ยพ่นลมออกจมูกคราหนึ่ง มันยกฝ่ ามือฟาดหวด
ลงเบื้องล่างเพื่อสลายพลังโจมตีของกระบี่ ชัว่ วินาทีน้ ีเอง ที่พลัน
ปรากฏลูกบอลอัคคีสีม่วงขึ้นที่เบื้องหลังหยุนเช่อ ที่รอบกายชาย
หนุ่ม ยังปรากฏวงแหวนอัคคีสีม่วงขนาดยักษ์ข้ ึนในเวลาเดียวกัน
“เขตแดน... ผลาญ… สวรรค์!!”
บทที่ 345 ฝี มืออันอํามหิต

“พลังฝี มือของเจ้าแข็งแกร่ งเกินความคาดหมายของข้าอยู่


บ้าง แต่ไม่วา่ พลังฝี มือการต่อสูข้ องเจ้าจะเข้มแข็งเกินว่าผูฝ้ ึ กยุทธ์
ชั้นปราณปฐพีทว่ั ไปสักเพียงใด เจ้ายังคงไม่อาจต่อต้านเขตแดน
ของผูฝ้ ึ กยุทธ์ระดับราชันได้...เขตแดนผลาญสวรรค์!!”
หลังการปะทะหักล้างอย่างซึ่งหน้าไม่กี่กระบวนท่า ที่เฟิ น
อี้เจี๋ยสัมผัสได้มิใช่ “แข็งแกร่ งเกินความคาดหมายอยูบ่ า้ ง”ตามคํา
กล่าว ความแตกตื่นตระหนกภายในใจของมันล้วนราวกับคลื่น
ยักษ์ถาโถมโหมซัด หยุนเช่อมีพลังลมปราณชั้นปราณปฐพีลว้ น
เป็ นเรื่ องที่สามารถเห็นได้อย่างแจ่มชัด ทว่ากลับไม่ตกเป็ นฝ่ าย
เสี ยเปรี ยบต่ออัคคีสวรรค์และดาบผลาญฟ้าเลยแม้แต่นอ้ ย นี่เป็ น
เรื่ องที่มนั ไม่เคยคิดฝันมาก่อน
ในฐานะผูน้ าํ รุ่ นก่อนของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ยอดยุทธ์ข้นั
สุ ดยอดในยุคปั จจุบนั ทั้งยังเป็ นราชันที่แท้จริ ง ถึงกับไม่อาจ
จัดการต่อผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพีผหู ้ นึ่งภายในไม่กี่กระบวนท่า
ได้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ นี่เป็ นการปะทะต่อหน้าฝูงชนจํานวนไม่
น้อย มันย่อมไม่อาจรักษาหน้าและความเยือกเย็นภายในใจเอาไว้
ได้ จนตัดสิ นใจใช้ออกด้วยพลังเขตแดนอันทรงพลานุภาพของ
ตนเอง
คลื่นเปลวไฟอาละวาดทําลายล้างและพัดหมุนอย่างบ้าคลัง่
ล้อมรอบกายของหยุนเช่อ เปลวอัคคีสีม่วงพวยพุง่ สู่ทอ้ งฟ้า เฟิ น
อี้เจี๋ยตะโกนก้อง โลกหล้าภายใต้สายตาของชายหนุ่มกลับ
กลายเป็ นสี ม่วงบริ สุทธิ์จนหมดสิ้ น เปลวไฟร้อนแรงสี ม่วงที่
สามารถหลอมละลายได้แม้แต่เหล็กกล้าเติมเต็มทุกพื้นที่ขา้ งกาย
ราวกับชายหนุ่มพลันถูกกักขังไว้ในโลกแห่งเปลวไฟอันเดือด
พล่าน ที่มีเพียงไฟสี ม่วงและการเผาผลาญทุกสิ่ งจนเป็ นเถ้าถ่าน
ครอบคลุมอยูภ่ ายในพื้นที่น้ ี
บรรยากาศโดยรอบในเมืองเพลิงครามพลันร้อนรุ่ มขึ้น
เช่นกัน เมื่อมองมาจากที่ไกลตา ดูราวกับพลันปรากฏดวงอาทิตย์
สี ม่วงอีกดวงหนึ่งขึ้นกลางอากาศ ลูกไฟลบเลือนกระทัง่ ท้องฟ้า
และดวงอาทิตย์เบื้องบน แผดเผาชั้นบรรยากาศโดยรอบ กระทัง่
ห้วงอากาศยังถูกเผาไหม้จนแทบบิดเบี้ยว
“เขต...เขตแดน!”
“นัน่ เป็ นเขตแดนที่เพียงสามารถใช้ออกได้โดยราชันย์
เท่านั้น!”
“ข้าสามารถมีโอกาสได้เห็นเขตแดนในตํานานเช่นนี้ดว้ ยตา
ตนเอง...หยุนเช่อถูกกักอยูภ่ ายใน ไม่วา่ มันเข้มแข็งเพียงไหน
ยังคงไม่อาจมีชีวติ รอดภายใต้เขตแดนเช่นนี้ได้ ใช่หรื อไม่?”
เขตแดนผลาญสวรรค์แตกต่างจากเขตแดนควบคุมเช่นเขต
แดนเมฆาเยือกแข็ง และเขตแดนจิตวิญญาณเช่นของหยุนเช่อ มัน
เป็ นเขตแดนโจมตีอย่างแท้จริ ง รัศมีเขตแดนมิใช่ก่อกําเนิดที่รอบ
กายผูใ้ ช้ ทว่าก่อกําเนิดที่รอบกายของเป้าหมาย กักขังศัตรู เอาไว้
ในเขตแดนที่ไม่อาจหลีกหนีรอดพ้นได้ดว้ ยเปลวไฟอันไร้ที่
สิ้ นสุ ด
ร่ างของหยุนเช่อถูกกักอยูใ่ นเขตแดนเคลื่อนไหววูบหนึ่ง
ก่อนจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าอีกครั้ง ทว่า เปลวไฟดูคล้ายไร้
จุดสิ้ นสุ ดอย่างแท้จริ ง เมื่อมีเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุอคั คีใน
ร่ างกาย หยุนเช่อย่อมมิอาจเป็ นอันตรายภายใต้เปลวเพลิงนี้แม้วา่
จะร้อนแรงกว่านี้สกั สิ บเท่า หากเป็ นผูอ้ ื่น กระทัง่ ยอดยุทธ์ช้ นั
ลมปราณฟ้าขั้นปลาย ยังต้องรับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกเผาไป
แล้วอย่างแน่นอน
หยุนเช่อหยุดชะงักลง พร้อมเปล่งเสี ยงหัวเราะออกมาจาก
ก้นบึ้งของจิตใจ “เฟิ นอี้เจี๋ย เจ้าคิดว่าเขตแดนเพียงนี้สามารถกักข้า
ไว้ได้? เขตแดนของเจ้านี้ ในสายตาข้า ไม่มีคุณค่าความหมาย
แม้แต่แดงเดียว!”
หยุนเช่อคํารามกึกก้อง ก่อนจะรวบรวมกําลังทัว่ ร่ างตวัด
ฟาดกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไปเบื้องหน้า พลังอันดุร้ายรุ นแรงบับอัด
เป็ นรังสี กระบี่ความกว้างกว่าสามเมตร ทะลุทะลวงและระเบิดเข้า
ใส่ อคั คีทาํ ลายล้างที่เบื้องหน้า
ตูม!!
พร้อมกับเสี ยงดังสนัน่ คราหนึ่ง กระบี่ทณั ฑ์มงั กรพลัน
ทลายช่องว่างกว้างกว่าสามเมตรในเปลวเพลิง ปลายพลังที่
หลงเหลือรักษาสภาพช่องว่างนั้น ส่ งผลให้เปลวไฟไม่อาจลามเลีย
เข้าไปภายในได้แม้แต่นอ้ ยนิด หยุนเช่อบิดร่ างคราหนึ่ง ก้าวเท้า
ทะยานออกไปอีกครั้งคราด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา กระโดดไป
ทัว่ ทุกทิศทางภายในเขตแดนผลาญสวรรค์ ทุกคราที่ร่างกายของ
ชายหนุ่มวูบไหวคราหนึ่งต้องนํามาซึ่งเสี ยงครื นครั่นสนัน่ หู...
เพียงกระพริ บตาหนึ่งครั้ง หยุนเช่อฟาดฟันออกไปแล้วไม่ต่าํ กว่า
ร้อยกระบี่ ระเบิดโลกแห่งเปลวไฟที่เบื้องหน้าออกเป็ นช่องว่าง
นับพันช่อง เมื่อมองจากเบื้องนอก “ดวงอาทิตย์” สี ม่วงดวงนี้ ดู
ราวคล้ายกลับกลายเป็ นกระชอนขนาดใหญ่ไปในพริ บตา
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง
สุ ม้ เสี ยงคล้ายแก้วผลึกแตกกระจัดกระจาย เขตแดนผลาญ
สวรรค์ที่ถูกทําลายอย่างยับเยิน กลับล่มสลายแตกกระจายลงอย่าง
สิ้ นเชิงภายใต้การโจมตีกระบี่สุดท้ายของชายหนุ่ม เปลวอัคคีสี
ม่วงจํานวนมหาศาลพลันพลัดพรายไปทัว่ บริ เวณ ส่ งผลให้ช้ นั
บรรยากาศบิดเบี้ยวจากผลกระทบ
“เจ้า...เจ้าทําลายเขตแดนของข้าได้!!”
หลังใช้เขตแดนออก เฟิ นอี้เจี๋ยมิได้เร่ งเข้าช่วยเหลือเฟิ นเจวีย๋
เฉิ ง เนื่องเพราะมันต้องการรอคอยฟังเสี ยงกรี ดร้องอย่างสิ้ นหวัง
จากหยุนเช่อ ทว่าหลังผ่านไปสิ บลมหายใจ มันไม่เพียงไม่ได้ยนิ
เสี ยงร้องที่ตอ้ งการได้ยนิ มันยังต้องเป็ นพยานยืนมองเขตแดน
ผลาญสวรรค์ถูกระเบิดออกเป็ นรู ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะสลายไป
อย่างสิ้ นเชิง มันแตกตื่นจนจิตวิญญาณแทบทะยานขึ้นสู่ สรวง
สวรรค์ ยิง่ มองเห็นหยุนเช่อก้าวเท้าออกจากเขตแดนที่แตกสลาย
รู ม่านตาของมันเบิกกว้าง ไม่อาจเชื่อสายตาตนเองแม้แต่นอ้ ย
เนื่องเพราะหยุนเช่อ ผูถ้ ูกกักอยูใ่ นเขตแดน กลับไม่ได้รับ
อันตรายใดๆ เลยตั้งแต่หวั จรดเท้า!
“เป็ นไปไม่ได้..นี่มนั เป็ นไปไม่ได้!!”
ทัว่ ร่ างของเฟิ นอี้เจี๋ยไหววูบคราหนึ่ง มันหลุดเสี ยงอุทาน
ออกมาอย่างไม่ยนิ ยอมพร้อมใจยิง่ มันไม่อาจยอมรับภาพ
เหตุการณ์ที่มนั มองเห็นอยู่ ไม่อาจยอมรับได้ไม่วา่ อย่างไรก็ตาม
เขตแดนเป็ นพลังที่มีเพียงระดับชั้นราชันจึงสามารถใช้ออก ใน
อาณาจักรวายุคราม เขตแดนคือจุดสู งสุ ดของพลังอย่างไม่ตอ้ ง
สงสัย มีผคู ้ นไม่ถึงสิ บคนในอาณาจักรนี้ที่สามารถใช้เขตแดน
ออกได้ ทันทีที่ถูกใช้ออก นอกเหนือจากยอดยุทธ์ช้ นั สู งสุ ดเช่น
เหล่าราชันทั้งหลายแล้ว ย่อมไม่มีผใู ้ ดสามารถต้านทานเขตแดน
ได้...เนื่องเพราะเขตแดน มิใช่เพียงการสะกดข่มด้วยระดับพลัง
เท่านั้น หากยังเป็ นการสะกดข่มกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติและ
ดวงดาวอีกด้วย!
ชั้นลมปราณจักรพรรดิและชั้นลมปราณปฐพี ล้วนเปรี ยบดัง่
โลกสองโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้ นเชิง! เดิมทีนี่สมควรนับเป็ น
กฏเกณฑ์อนั เด็ดขาดที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงและฝ่ าฝื นได้ไม่วา่ ใน
กรณี ใดๆ
หากผลลัพธ์กลับเป็ นเขตแดนของตนถูกผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั
ลมปราณปฐพีผหู ้ นึ่งทําลาย! ยิง่ กว่านั้น ยังใช้เวลาแค่สิบลมหายใจ
เท่านั้น
การที่มนั ใช้เขตแดนออกโดยเร็ วเช่นนี้ ล้วนเพื่อแผดเผาหยุ
นเช่อให้เป็ นธุลีโดยเร็ วที่สุด มันไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะออกมา
แหกคอกเช่นนี้มาก่อน
ชัว่ เวลานี้เอง ภายในใจของเฟิ นอี้เจี๋ยพลันปรากฏเศษเสี้ ยว
แห่งความหวาดกลัวอย่างเจือจางขึ้นมา...ความหวาดกลัวว่าตนเอง
จะพ่ายแพ้ต่อหยุนเช่อขึ้นมาจริ งๆ สําหรับกับยอดยุทธ์ช้ นั
ปรมาจารย์เช่นมัน ทันทีที่ความหวาดกลัวเช่นนี้บงั เกิดขึ้น ย่อม
เปลี่ยนแปลงไปเป็ นความมุ่งร้ายกระหายเลือดอันไร้ที่สิ้นสุ ด
“ข้าเคยบอกแล้วว่าเขตแดนของเจ้าไร้ค่าในสายตาของข้า
อย่างสิ้ นเชิง!” หยุนเช่อกล่าวพลางหัวเราะเย็น
เฟิ นอี้เจี๋ยยกดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์ข้ ึน สุ ม้ เสี ยงของมันแฝงไว้
ด้วยรัศมีเย็นเยียบสุ ดเปรี ยบปานของเจตนาฆ่าฟันอันหนาแน่น
“พลังฝี มือของเจ้า เหนือกว่าที่ขา้ คาดคิดไปจริ งๆ..ทั้งยังคู่ควร ให้
ข้าได้เอาจริ ง!”
“โฮ่!” ริ มฝี ปากของหยุนเช่อยกเป็ นรอยยิม้ เหยียดเย้ย “เจ้า
พูดราวกับตนเองยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาเลย?”
“เจ้า..” ใบหน้าของเฟิ นอี้เจี๋ยบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ มันยกดาบ
อัคคีอาญาสิ ทธิ์ข้ ึนพร้อมกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเย็นยะเยือก “ข้าคงทํา
ผิดพลาดตั้งแต่ตน้ อาจบางทีเป็ นเพราะสายเลือดเทพหงสาในตัว
เจ้า พลังการควบคุมเปลวไฟของเจ้าเหนือกว่าที่ขา้ คาดการณ์ไว้
มากมาย กระทัง่ ไม่อาจทําอันตรายเจ้าไปด้วยไฟลมปราณธรรมดา
ทัว่ ไป ข้าไม่ควรใช้วชิ ายุทธ์อคั คีกบั เจ้าตั้งแต่ตน้ ...มิเช่นนั้น ผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพีเช่นเจ้า จะสามารถต่อต้านยอดยุทธ์ช้ นั ปราณ
จักรพรรดิเช่นข้าได้เยีย่ งไร!”
เฟิ นอี้เจี๋ยพลันระเบิดเสี ยงกู่คราหนึ่ง ก่อนสะบัดดาบอัคคี
อาญาสิ ทธิ์ฟาดฟันลงเบื้องล่าง...ครานี้ ไม่ปรากฏเปลวไฟบนตัว
ดาบแม้แต่นอ้ ย มีเพียงรังสี ดาบยาวกว่าสามเมตรเท่านั้น แม้น่ีจะ
เป็ นเพียงดาบที่จู่โจมลงมาโดยตรงอย่างเรี ยบง่าย หากฝูงชนที่ยนื
ห่างไปไกลหลายกิโลเมตรต่างสามารถรับรู ้ถึงพลังกดดันที่
สามารถแยกขุนเขาผ่าสายนํ้าได้ในดาบนี้
เนื่องเพราะนี่คือดาบที่ถูกฟาดฟันลงมาด้วยยอดยุทธ์ช้ นั
ราชันผูห้ นึ่ง
สาเหตุสาํ คัญที่หยุนเช่อสามารถต่อกรกับเฟิ นอี้เจี๋ยได้ก่อน
หน้านี้ เนื่องเพราะชายหนุ่มปราศจากความหวาดกลัวต่อเพลิง
ลมปราณแม้แต่นอ้ ยนิด อย่างไรก็ตาม นี่แน่นอนไม่ได้หมายความ
ว่าชายหนุ่มจะสามารถดูแคลนพลังอํานาจของราชันย์ได้ มองเห็น
ดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์ที่สะบัดฟาดฟันลงมาหา หยุนเช่อขมวดคิ้วนิ่ว
หน้า ก่อนตัดสิ นใจใช้ท่ากระบี่วาดเข้าปะทะ
ตัวกระบี่และคมดาบปะทะเข้าหากันอย่างถนัดถนี่ ปรากฏ
ประกายแสงแสบตาสาดกระจายจ้าออกมากลางอากาศ พลังงาน
สองสายปะทะพัวพัน ก่อเกิดกระแสพลังหมุนวนพวยพุง่ ขึ้นสู่
ท้องฟ้า พื้นปฐพีโดยรอบถูกเฉื อนแบ่งแยกเป็ นเศษส่ วน ก้อนศิลา
ที่แตกกระจาย เศษฝุ่ นเศษทรายสาดพุง่ ออกรอบข้างอย่างเต็มที่
เหล่าผูส้ งั เกตการณ์ที่หลายกิโลเมตรที่ห่างออกไปล้วนได้รับ
ผลกระทบจากพายุหมุนที่พลันก่อตัว โลหิ ตและลมปราณภายใน
ร่ างกายปั่นป่ วนโดยกะทันหัน ต่างไม่มีทางเลือกนอกจาก
รวบรวมพลังลมปราณในร่ างเพื่อป้องกันร่ างกาย ขณะบางคนที่มี
พลังอ่อนด้อยกว่าล้วนถูกแรงสะเทือนพัดปลิวออกไปจากจุด
ศูนย์กลาง
แม้กระทัง่ ผูท้ ี่อยูใ่ กล้เฟิ นอี้เจี๋ยและหยุนเช่อที่สุดยังห่าง
ออกไปกว่าหนึ่งกิโลเมตร...การปะทะกันของพลังทั้งสองสายนี้
สร้างความแตกตื่นตะลึงลานอย่างมหาศาลให้แก่ทุกผูค้ น
นี่คือความแข็งแกร่ งระดับราชันย์!!
หยุนเช่อถดถอยกายไปเจ็ดแปดก้าวติดต่อกัน พลังลมปราณ
ในร่ างพลุ่งพล่านปั่นป่ วน กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรถูกลากกรี ดเป็ นทาง
ยาวบนพื้น ก่อนหิ นที่แตกกระจัดกระจายภายใต้ฝ่าเท้าถูกเหยียบ
ยํา่ จนป่ นกลายเป็ นทรายละเอียด ร่ างของเฟิ นอี้เจี๋ยร่ วงหล่นจาก
บนอากาศเป็ นระยะทางหนึ่ง จากนั้นจึงหยุดชะงักลงโดย
กะทันหัน ก่อนจะก่อกําเนิดเงาร่ างสี เทาลากยาวเป็ นสายจากเบื้อง
บน เข้าประชิดในระยะห่างไม่ถึงสามสิ บเมตรจากตัวหยุนเช่อ
ดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์ฟาดฟันคมดาบมายาจํานวนนับไม่ถว้ นเข้าใส่
หยุนเช่อในทันที
ชี่สสสสสสสสส….
ผืนดินและชั้นบรรยากาศล้วนถูกตัดผ่าโดยรังสี ดาบอันคม
กริ บ รอยดาบรู ปกากบาทพลันเกลื่อนกล่นไปทัว่ พื้นผิวดิน
หยุนเช่อก้าวถดถอยไปก้าวแล้วก้าวเล่า ทุกดาบของเฟิ น
อี้เจี๋ยบรรจุไว้ดว้ ยพลังอํานาจอันแท้จริ งจากชนชั้นราชัน แม้
ร่ างกายของหยุนเช่อจะแข็งแกร่ งสุ ดทานทน หากการถูกรังสี ดาบ
เหล่านี้กรี ดวาดบนร่ างกายแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่ องบันเทิงใจเป็ น
แน่
ร่ างของหยุนเช่อวูบวับอยูท่ ่ามกลางรังสี ดาบอันน่า
สะพรึ งกลัว ทว่าชายหนุ่มไม่อาจมีโอกาสโจมตีตอบโต้ได้ในชัว่
ขณะนี้...เพียงการมองหนึ่งครั้ง เฟิ นอี้เจี๋ยฟาดฟันดาบออกมา
มากกว่าหนึ่งพันดาบ พื้นดินโดยรอบรัศมีหนึ่งพันเมตรล้วนกลับ
พรุ นเป็ นรังผึ้งจากการทําลายล้าง
“อย่างที่คาดไว้ หากไม่ใช้พลังปราณอัคคี เจ้าล้วนปราศจาก
หนทางตอบโต้โดยสิ้ นเชิง! ไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดเจ้าสามารถ
วิง่ พล่านวุน่ วายสร้างความปั่นป่ วนในตระกูลของข้า...แม้พลังของ
ดาบเพลิงผลาญฟ้าจะลดทอนลงเมื่อมิได้ใช้ปราณอัคคี หากแต่ยงั
นับว่าเกินพอที่จะสับทําลายเจ้าเป็ นเศษเนื้อ!!”
เฟิ นอี้เจี๋ยพลันคํารามตํ่าคราหนึ่ง ร่ างของมันลอยสูงขึ้น
กลางท้องฟ้าขณะสะบัดฟาดฟันดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์จากเบื้องบน
สะกดข่มหยุนเช่อผูไ้ ม่อาจใช้เคล็ดวิชาท่องนภาได้อย่างสิ้ นเชิง
และชัว่ เวลานี้เอง เฟิ นต้วนหุนและเหล่าอาวุโสตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าล้วนมาถึงในที่สุด ทั้งหมดมองเห็นการสัประยุทธ์ระหว่างเฟิ น
อี่เจี๋ยและหยุนเช่อแค่เพียงกวาดตามองคราแรก เมื่อเห็นหยุนเช่อ
ถูกสะกดไว้โดยเฟิ นอี้เจี๋ยอย่างสิ้ นเชิง พวกมันต่างพากันลอบทอด
ถอนหายใจด้วยความโล่งอก...ในสายตาของพวกมัน นี่จึงเป็ น
ผลลัพธ์ที่สมควรเกิดขึ้น แม้หยุนเช่อจะเข้มแข็งยิง่ กว่านี้ หากมัน
จะสามารถเข้มแข็งไปกว่าท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนได้เช่นไร?
ทว่าเมื่อทั้งหมดมองเห็นเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งที่ถูกห้อยแขวนเหนือ
ประตูเมืองโดยปราศจากชิ้นส่วนเสื้ อผ้าปกปิ ดแม้แต่ชิ้นเดียว
โลหิ ตทัว่ ร่ างของเฟิ นต้วนหุนแทบโคจรย้อนกลับจนมันคิด
กระอักโลหิ ตออกมา....แม้เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งกระทําความผิดร้ายแรงจน
เป็ นต้นเหตุให้ตระกูลต้องประสบภัยพิบตั ิ หากมันยังนับเป็ น
บุตรชายในสายเลือดของเฟิ นต้วนหุน! ยิง่ กว่านั้น มันยังเป็ นว่าที่
ผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอีกด้วย! แต่กลับต้องทนรับการเหยียด
หยามอัปยศอันโหดเหี้ ยมผิดมนุษย์เช่นนี้!
หลังจากวันนี้ไป มันจะมีหน้าอยูใ่ นอาณาจักรวายุคราม
ต่อไปเช่นไร! ยังมี ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเองต้องถูกผูค้ นเยาะเย้ย
ถากถางถึงเพียงไหน?
เฟิ นต้วนหุนคํารามก้อง ทะยานร่ างขึ้นจากพื้นเพื่อช่วยเหลือ
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ช่วงเวลานี้เอง ดวงตาของหยุนเช่อที่กาํ ลังถูกกดดัน
ถอยร่ นทีละก้าวทีละก้าวพลันสาดประกายแวววาม มุมปากของ
ชายหนุ่มปรากฏรอยยิม้ เย็นชาวูบหนึ่ง ฝี เท้าก้าวย่างที่กาํ ลังถดถอย
พลันหยุดยั้งโดยกะทันหัน พลังพายุหมุนอันรุ นแรงสายหนึ่ง
ระเบิดออกไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน
“ทําลายจันทร์ ดบั ดารา!!”
เสี ยงมังกรรํ่าครํ่าครวญสะท้านทัว่ ผืนฟ้า ทัณฑ์มงั กรกวาด
ปะทะเข้าใส่ รังสี ดาบปริ มาณมากมายมหาศาลที่เบื้องหน้า ปรากฏ
เสี ยงครื นครั่นสนัน่ หูที่ฟังคล้ายเสี ยงขุนเขามหึ มาสองลูกเคลื่อน
เข้าปะทะกันดังกึกก้อง รังสี ดาบทั้งหมดทั้งมวลสลายหายไปใน
พริ บตา ก่อนจะหักพุง่ กระจัดกระจายไปรอบทิศทางราวใบมีด
เฟิ นอี้เจี๋ยปลิวถอยหลังไปร่ วมร้อยเมตร ง่ามนิ้วมือฉี กขาดในทันที
เส้นโลหิ ตบนแขนขวาแตกระเบิดออก ส่ งนํ้าพุเลือดสาดกระจาย
ไปโดยรอบ
หลังกระแทกเฟิ นอี้เจี๋ยถอยร่ นในกระบวนท่าเดียว หยุนเช่อ
ลอยตัวขึ้นโจมตีเข้าใส่ เฟิ นต้วนหุนที่เข้าใกล้ร่างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ชายหนุ่มตวัดกระบี่ทณั ฑ์มงั กรอีกคราหนึ่ง หงส์เพลิงสายหนึ่งพุง่
ออกมา ระเบิดร่ างทะยานเข้าหาร่ างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
วิหคเพลิงปะทุระเบิดขึ้นทันทีที่สมั ผัสร่ างของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ก่อนจะแผ่ลามครอบคลุมไปทัว่ ร่ าง เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งที่เดิมแน่น่ิงไม่
ต่างจากซากศพพลันส่ งเสี ยงกรี ดร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมาณ
ราวผีร้ายที่ได้รับทุกขเวทนา ทัว่ ร่ างกระตุกดิ้นรนด้วยความ
เจ็บปวดทรมาณราวไส้เดือนที่ดิ้นพล่านอย่างรุ นแรง
บทที่ 346 ปะทะสองราชันเพียงลําพัง

“ลูกเฉิ ง!!!!”
ม่านตาของเฟิ นต้วนหุนหดเล็กลงขณะมันเปล่งเสี ยงร้อง
ออกมา ตอนนั้นเองเชือกที่ตรึ งร่ างเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งไว้กถ็ ูกเผาไหม้จน
หมดสิ้ น เฟิ นต้วนหุนเร่ งรุ ดไปยังเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งผูซ้ ่ ึงร่ วงลงสู่ พ้นื
พลางเร่ งพลังลมปราณของตนขึ้นโดยไม่ออมแรง ทว่ามันกลับมิ
อาจสงบเปลวเพลิงบนร่ างของอีกฝ่ ายได้แม้แต่นอ้ ย… มันทําได้
เพียงเบิกตากว้างจับจ้องบุตรชายของตนดิ้นรนเป็ นครั้งสุ ดท้ายใน
ฐานะคนเป็ น ก่อนจะกลายเป็ นเพียงเถ้าถุลีต่อหน้าต่อหน้า
เพลิงเทพหงสานั้นเหนือลํ้ากว่าเพลิงปราณสามัญทุก
รู ปแบบมากนัก เพียงไม่กี่อึดใจ ร่ างเฟิ นเจวีย่ เฉิ งก็มอดไหม้จน
หมดสิ้ น กระทัง่ กระดูกมันยังกลายเป็ นเถ้าถุลี มิตอ้ งพูดถึงซากศพ
กระทัง่ เถ้ากระดูกมันก็ถูกสายลมพัดกระจายไป เฟิ นต้วนหุนได้
แต่ยนื หน้าซี ดอยูก่ บั ที่ ราวกับมันเพิ่งได้พบเจอกับฝันร้ายอันน่า
กลัว ก่อนที่มนั จะสะบัดมือชี้นิ้วอันสัน่ เทาไปยังหยุนเช่อพลางส่ ง
เสี ยงกู่ร้องแหบแห้ง “หยุนเช่อ… เจ้า… หัวใจเจ้าช่างอํามหิ ตนัก!”
ใบหน้าหยุนเช่อฉาบด้วยรอยยิม้ เย็นเยียบขณะมันพึมพํา
อย่างแผ่วเบา “ข้าดีกบั ผูท้ ี่ดีต่อข้าเท่านั้น ข้าไม่รู้วา่ จะทําดีกบั คนที่
ตํ่าช้ากว่าสุ นขั สุ กรไปเพื่ออะไร! เหตุที่ขา้ รอจนเจ้ามาถึงแล้วจึงลง
มือสังหารมันก็เพื่อให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของการสู ญเสี ย
คนรักยามที่มาหาเรื่ องกับข้า!!”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
เฟิ นต้วนหุนไม่อาจควบคุมอารมณ์ตวั เองได้อีก มันหยิบ
ดาบอัคคีผลาญฟ้าพลางส่ งเสี ยงกู่ร้องก่อนจะพุง่ ร่ างเข้าหาหยุ
นเช่อพร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลัง่
“เจ้ามิใช่คู่มือมัน ถอยกลับมา!” เฟิ นอี้เจี๋ยตะโกน
เฟิ นต้วนหุนผูม้ ิเคยขัดคําสัง่ กลับเมินเฉยเสี ยงตะโกนของ
บิดามันขณะทะยานเข้าหาหยุนเช่อราวกับคนบ้า แม้แต่พลัง
ลมปราณในร่ างมันก็ยงั ปั่นป่ วน
เคร้ง!!
ดาบอัคคีผลาญฟ้าในมือเฟิ นต้วนหุนถูกหยุนเช่อฟาด
กระเด็นในกระบี่เดียว ก่อนที่กระบี่ต่อมาจะซัดเข้าที่ทรวงอกมัน
ทุบทําลายม่านลมปราณคุม้ กายจนแตกสลายในพริ บตา เฟิ นต้วน
หุนพลันกระอักโลหิตก่อนจะหมดสติด่ิงร่ างลงจากฟ้า
มันผูบ้ รรลุเพียงลมปราณฟ้าขั้นเก้า ย่อมมิใช่คู่มือหยุนเช่อ
ด้วยสภาวะจิตใจอันปั่ นป่ วนของมัน เพียงสองกระบวนท่าของหยุ
นเช่อก็ทาํ ให้มนั บาดเจ็บสาหัสแล้ว
ดวงตาของเฟิ นอี้เจี๋ยแดงกํ่าเมื่อมันต้องเบิกตามองเห็น
หลานชายตัวเองกลายเป็ นถุลีและบุตรชายถูกทําร้ายจนบาดเจ็บ
สาหัส มันคํารามออกมา “ความแค้นนี้… ไม่อาจประนีประนอม
กันได้อีกแล้ว!!”
พลังลมปราณทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี๋ยพลันปะทุอย่างบ้าคลัง่ เพียง
เสี้ ยววินาที รัศมีพลังที่มีเปล่งออกมาพลันเพิม่ พูนขึ้นทบทวี…
พลังที่แฝงอยูใ่ นทุกอณูของร่ างมันปะทุบ้ ึนด้วยโทสะ ก่อนที่มนั
จะเปล่งเสี ยงกู่ร้องยาวทะยานร่ างขึ้นเหนือศีรษะหยุนเช่อพร้อม
กับดาบในมือ ปลายดาบปรากฎคลื่นลมปราณหมุนวนดุจพายุส่ง
เสี ยงเสี ยดหูราวกับจะตัดผ่าฟ้าดิน
ชิ้งงง!!
หยุนเช่อถอยหลบ ผืนดินใต้เท้ามันพลันถูกกระแสลมปราณ
คว้านออกจนบังเกิดหลุมใหญ่ ดวงตาของเฟิ นอี้เจี๋ยจับจ้องไปที่หยุ
นเช่ออย่างไม่วางตา มันเหยียดฝ่ ามือซ้ายออกทําสัญลักษณ์มือ
พิสดาร ก่อนที่คลื่นพลังอันลึกลํ้าจะพลันควบแน่นและปะทุออก
“ตราประทับอัคคีผลาญฟ้า!!”
พริ บตานั้นเอง พลันปรากฎรอยแตกขึ้นเบื้องหน้าระยะห่าง
ของทั้งสอง ก่อนที่รอยประทับรู ปฝ่ ามืออันทรงพลังจะบดขยี้เข้า
ใส่ กระโหลกหยุนเช่อราวกับฝ่ ามือจากสวรรค์ แรงกดดันจากพลัง
มหาศาลนี้ทาํ ให้การเคลื่อนไหวของหยุนเช่อชะงักไปจังหวะหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของหยุนเช่อเชื่องช้าลงขณะที่แววตาของ
มันเปลี่ยนเป็ นเย็นชา ชายหนุ่มยกกระบี่ทณั ฑ์มงั กรขึ้นก่อนจะ
ตะโกนก้องพุง่ ร่ างเข้าปะทะ
บรึ้มมม!!!
เสี ยงระเบิดกึกก้องราวกับอัสนีบาตดังก้องไปทัว่ เมืองเพลิง
ครามจนผูค้ นที่อยูห่ ่างไปหลายกิโลเมตรยังหูอ้ือตามัว คลื่นพลัง
ลมปราณอันเข้มแข็งจนแทบจะจับต้องได้ระเบิดออกจนประตูหิน
ของเมืองเพลิงครามยังแตกสลายจากแรงปะทะราวกับไม้ผุ บังเกิด
ฝุ่ นทรายมากมายพร้อมกับเปลวเพลิงสี ม่วงเข้าปกคลุมร่ างของหยุ
นเช่อและเฟิ นอี้เจี๋ย ทุกคนล้วนได้แต่เบิกตากว้างจับจ้อง รอคอย
ให้ฝนควั ุ่ นจางลงตาไม่กระพริ บ… พวกมันล้วนแต่ตอ้ งการทราบ
ว่าผูใ้ ดกันที่เป็ นฝ่ ายมีเปรี ยบ และหยุนเช่อผูเ้ ข้มแข็งระดับเทว
ตํานานจะสามารถรับกระบวนท่าเปี่ ยมโทสะของราชันได้หรื อไม่
ภายในฝุ่ นควันปรากฎเสี ยงกระบี่และดาบปะทะกันต่อเนื่อง
ฝุ่ นควันเหล่านี้พลันสลายไปอย่างรวดเร็ วด้วยพายุลมปราณที่ปะทุ
ขึ้นอย่างต่อเนื่องเผยให้เห็นร่ างของทั้งสอง แขนเสื้ อของหยุนเช่อ
ขาดออกจนหมด รอยโลหิ ตเล็กน้อยปรากฎขึ้นเต็มสองแขนมัน
มุมปากของชายหนุ่มมีคราบโลหิ ตเล็กน้อย เสื้ อผ้าของเฟิ นอี้เจี๋ยก็
ขาดวิน่ ไม่แพ้กนั บนแขนมันมีรอยโลหิ ตแดงฉานที่ทาํ ให้ผพู ้ บ
เห็นต้องตกใจ
“ความแค้นนี้ระหว่างเรา ต่อให้ขา้ ต้องใช้แก่นโลหิ ตทั้งหมด
ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!!”
แววตาของเฟิ นอี้เจี๋ยดุดนั ยิง่ ใบหน้าของมันดุร้ายไร้ซ่ ึงท่าที
สํารวมอย่างที่อดีตผูน้ าํ ตระกูลสมควรมี มันดูราวกับคนใกล้เสี ย
สติดว้ ยซํ้า ทุกกระบวนท่ามันยิง่ มายิง่ ดุดนั แต่หยุนเช่อก็สามารถ
รับไว้ได้ท้ งั หมด
“เหอะ เช่นนั้นเจ้าคงต้องเผาแก่นโลหิ ตทั้งหมดของตัวเอง
แล้วเราจะได้เห็นกัน!! อดีตผูน้ าํ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอันทรง
เกียรติกลับไม่อาจรับมือกับเด็กน้อยเช่นข้าได้… เจ้าไม่ใช่แค่ขยะ
ธรรมดา เจ้ามันขยะน่าสมเพชและน่าขันที่รู้จกั แต่พดู อวดโอ่
เท่านั้น!!” หยุนเช่อพ่นคําดูถูกอย่างหนักหน่วง
“อ๊ากกก!!” เฟิ นอี้เจี๋ยเบิกตากว้างพลางคํารามลัน่ ก่อนที่
“ตราประทับอัคคีผลาญฟ้า” จะบดขยี้ลงมาอีกครา
บรึ้ มม!!!!
ทั้งคู่ต่างกระเด็นไปก่อนจะล้มลงพร้อมกัน บังเกิดหลุม
ใหญ่นบั ร้อยเมตรบนพื้นที่พงั ทลายย่อยยับ
ด้านเฟิ นต้วนหุนได้ผอู ้ าวุโสจงประคองไว้และป้อนยาเม็ด
ฟื้ นฟูอย่างรวดเร็ ว ไม่มีผใู ้ ดหวาดกลัวจนหัวหดยามมองการปะทะ
ของหยุนเช่อและเฟิ นอี้เจี๋ย จนถึงตอนนี้ พวกมันเห็นว่าหยุนเช่อ
ถูกเฟิ นอี้เจี๋ยกดดันอย่างหนักหน่วง… แต่หยุนเช่อดูเหมือนจะยัง
มิได้ใช้พลังฝี มือทั้งหมดออกต่อหน้าเฟิ นอี้เจี๋ยผูล้ ุแก่โทสะ ต่อ
หน้าผูบ้ รรลุพลังลมปราณชั้นจักรพรรดิข้นั ที่สี่และยอดฝี มือผูน้ งั่
อยูบ่ นจุดสู งสุ ดของยุทธภพ ชายหนุ่มก็ดูมิได้เสี ยเปรี ยบมากมาย
อันใด มันรับกระบวนท่าตราประทับอัคคีผลาญฟ้าทั้งหมดของ
เฟิ นอี้เจี๋ยซึ่งหน้าได้จนหมด
“หยุนเช่อผูน้ ้ ี มันฝึ กฝนมาแบบไหนกัน… ถะ… ถึงกับ
สามารถปะทะกับท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนได้!” ผูอ้ าวุโสคนหนึ่ง
เอ่ยด้วยปากอันสัน่ เทา
“มีข่าวลือว่ามันเป็ นคนจากสํานักเทพหงสา… แต่เหล่าคน
รุ่ นเยาว์ของตําหนักเทพหงสาล้วนแต่กล่าวว่าไม่เคยพบเจอบุคคล
เช่นมัน ซํ้าบางข่าวยังลือว่ามันเป็ นผูส้ ื บทอดของหนึ่งในสี่ ดินแดน
ศักดิ์สิทธิ์… อาจารย์ของมันนับเป็ นคนเช่นไรกัน!”
ปราณปฐพีปะทะปราณจักรพรรดิ มิตอ้ งพูดว่าไม่เคยมีผใู ้ ด
พบเห็น… ตลอดประวัติศาสตร์ของทวีปลมปราณฟ้า เรื่ องเช่นนี้
ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน!”
“ท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนเรามีประสบการณ์และอาวุโสกว่า
เพียงไหนกัน? หยุนเช่ออาจพอรับมือท่านได้ในยามนี้ แต่หากศึก
นี้ยดื เยื้อไป มันย่อมมิใช่คู่มือของท่านแน่”
การปะทะระหว่างหยุนเช่อและเฟิ นอี้เจี๋ยทําให้หวั ใจพวก
มันต้องสัน่ คลอนอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันก็เห็นพ้องต้องกันใน
พริ บตาว่าเฟิ นอี้เจี๋ยนั้นมีเปรี ยบในด้านตําแหน่งที่ยนื และการ
เคลื่อนไหวมากนัก! มันสามารถใช้พลังลมปราณเพือ่ เหาะเหินได้
อย่างอิสระแต่หยุนเช่อนั้นมิใช่! กระบวนท่าของชายหนุ่มจึงด้อย
ประสิ ทธิภาพลงไปจากสภาพเสี ยเปรี ยบนี้มาก
“ดาบทะลวงตะวัน!!”
แม้ตวั ดาบจะไร้ซ่ ึงเปลวไฟ อานุภาพของมันก็ยงั น่า
สะพรึ งกลัวยิง่ บังเกิดรอยแยกไร้กน้ ยาวนับร้อยเมตรเป็ นแนวตาม
ทางของดาบ หัวไหล่และชายโครงซ้ายของหยุนเช่อบังเกิดโลหิ ต
พวยพุง่ ออกมาจากบาดแผลที่ลึกจนแทบเห็นกระดูก ชายหนุ่ม
โซเซถอยหลัง เฟิ นอี้เจี๋ยฉวยโอกาสที่หยุนเช่อเสี ยหลักพุง่ เข้าใส่
จากเบื้องบนอย่างดุดนั ก่อนจะปรากฎรอยฝ่ ามือยักษ์พงุ่ เข้าหามัน
“ตราประทับผลาญนที!!”
ตูมม!!
กระบี่ทณั ฑ์มงั กรถูกพลังอันน่ากลัวผลักออก ก่อนที่รอบฝ่ า
มือที่แฝงพลังทําลายลึกลํ้าจะซัดเข้าใส่ทรวงอกหยุนเช่อ ครึ่ งท่อน
ล่างของมันจมลงบนพื้นทันที ปากของมันกระอักลิ่มเลือดออกมา
ขณะใบหน้าเปลี่ยนเป็ นซีดเผือด… ก่อนที่เฟิ นอี้เจี๋ยจะทันได้หวั
ร่ อ ในคลองจักษุมนั ก็พบเห็นเงาเลือนราง และหยุนเช่อก็หายตัว
ไปจากตําแหน่งเดิมพร้อมกับคลื่นพลังที่รุนแรงยิง่ กว่า “ตรา
ประทับผลาญนที” จะพุง่ เข้าใส่ ทรวงอกมัน
เมื่อเฟิ นอี้เจี๋ยลอยอยูบ่ นฟ้า หยุนเช่อทําได้เพียงป้องกันเป็ น
ส่ วนใหญ่ ชายหนุ่มฉวยโอกาสที่มนั พุง่ ร่ างลงมาจู่โจม ผสาน
ราชันพิโรธเข้ากับท่าเท้าเทพดาราแยกเงาฟาดเข้าใส่ ทรวงอกของ
เฟิ นอี้เจี๋ยอย่างแรง… คลื่นพลังของกระบี่หนักปะทะเข้ากับทรง
งอกมันอย่างหนักหน่วง
บรึ้มม!!!
ซี่ โครงสองท่อนของเฟิ นอี้เจี๋ยหักดัง “เป๊ าะ” ร่ างของมัน
กระเด็นไปนับร้อยเมตร มันกุมหน้าอกไว้ขณะโลหิ ตไหลออก
จากมุมปาก สายตาของมันจับจ้องไปยังหยุนเช่ออย่างดุร้าย
“เจ้า!!”
หยุนเช่อหายใจหนักหน่วง สายตาของมันเย็นช้าและบ้าคลัง่
มันปาดคราบโลหิ ตจากมุมปากพลางเอ่ยอย่างเย็นชา “คนที่จะตาย
วนวันนี้ มีแค่เจ้าเท่านั้น!”
เฟิ นอี้เจี๋ยถ่มโลหิ ตออก ก่อนจะเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงขุ่นมัว “ข้า
ต้องขอมยอมรับว่าเจ้านับเป็ นยอดอัจฉริ ยะโดยแท้ อายุยงั ไม่ถึง
ยีส่ ิ บแต่กลับสามารถปะทะกับราชันได้! เจ้าสมควรเป็ นอันดับ
หนึ่งในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิวายุครามโดยแท้! แต่เจ้าเป็ น
ศัตรู … ในฐานะศัตรู ยิง่ เจ้ามีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ เจ้ายิง่ สมควร
ตายมากเท่านั้น!”
“แม้พลังฝี มือเจ้าจะน่าตกใจ แต่เจ้ายังเด็กเกินไป และยังเริ่ ม
เหนื่อยล้า… หากยืดเยื้อไป เจ้าย่อมไม่ใช่คู่มือข้าแน่!”
“เช่นนั้นรึ ?” หยุนเช่อหัวร่ ออย่างเย็นชา มันยืดตัวตรง คลื่น
พลังน่าหวาดเกรงปะทุท่วมกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร “เจ้าแน่ใจจริ งๆหรื อ
ว่าพลังฝี มือของข้าทัดเทียมกับเจ้าเพียงชัว่ ขณะ? เจ้าดูเหมือนจะ
ทุ่มสุ ดกําลังแล้วนี่… แต่วา่ ข้ายังไม่ใช่!”
เฟิ นอี้เจี๋ยนิ่งค้างเล็กน้อย ก่อนจะหัวร่ ออย่างดูแคลน “กําลัง
ภายในเจ้าอ่อนโทรมลงแล้ว พลังลมปราณก็ปั่นป่ วน แต่เจ้ายังกล้า
อวดโอ่อย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก! เช่นนั้น ให้ขา้ ได้ชม
“สุ ดกําลัง” ของเจ้าหน่อยสิ !”
“ดาบผ่าสายรุ ้ง!!”
ดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์เปล่งแสงออกไปทัว่ ทิศทาง มันถึงกับ
กลบแสงสว่างจากท้องฟ้าได้ชวั่ ขณะ ก่อนที่จะทันลงดาบ พลัง
ของมันก็ทาํ ให้ผคู ้ นที่ห่างไปหลายกิโลเมตรตัวเย็นวาบ ตอน
นั้นเอง เสี ยงคํารามกึกก้องพลันดังขึ้นจากที่ห่างไกล
“ท่านผูน้ าํ ตระกูล ข้าจะช่วยท่านอีกแรง!!”
ฝุ่ นควันโหมกระพือเมื่อสายลมกรรโชกมาจากทางทิศใต้
ชายชราเสื้ อเทาถือดาบยาวสี ทองพลันทะยานร่ างมา เมื่อเหล่าผู ้
อาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเห็นมันก็ลว้ นแต่ส่งเสี ยงยินดีปน
แปลกใจ “ท่านผูอ้ าวุโสใหญ่!”
เฟิ นจื่อหยารู ้เรื่ องทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่านทางหยกสื่ อสาร มัน
จึงเร่ งรุ ดมายังข้างกายเฟิ นอี้เจี๋ย และตกใจที่พบว่าเฟิ นอี้เจี๋ยได้รับ
บาดเจ็บ มันเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงหดหู่ขณะจ้องมองหยุนเช่ออย่าง
เกรี้ ยวกราด “ไอ้เด็กนี่ทาํ ลายสํานักเรา สังหารศิษย์และเหล่าผู ้
อาวุโส และถึงกับทําร้ายนายน้อยและสังหารทิ้ง! หนี้เลือดก้อน
ใหญ่น้ ี ต่อให้หมื่นชีวติ มันก็ไม่อาจชดใช้ได้! ข้าทราบว่าท่านผูน้ าํ
ตระกูลไม่อยากเข้ากลุม้ รุ มด้วย แต่ไอ้เด็กนี่…”
“ข้าเข้าใจ! วันนี้เราสองจะร่ วมมือกันสังหารมันที่นี่! อย่าได้
เปิ ดช่องให้มนั หลบหนีเป็ นอันขาด!” เฟิ นอี้เจี๋ยเอ่ยด้วยดวงตาแดง
กํ่า “จะดีกว่าหากให้มนั เพียงปางตาย… ปล่อยให้มนั ตายไปเช่นนี้
นับว่าปราณี ต่อมันเกินไป”
“ตกลง!” เฟิ นจื่อหยาพยักหน้ารับ
“ท่านอดีตผูน้ าํ ตระกูลกับท่านผูอ้ าวุโสใหญ่จะร่ วมมือกัน…
ครั้งนี้ หยุนเช่อต้องตายแน่!”
“ไอ้มารน้อยตัวนี้… ศพมันต้องถูกบดเป็ นหมื่นชิ้น!” ผู ้
อาวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าผูห้ นึ่งเอ่ยด้วยสี หน้าเศร้าสลด
เมื่อโดนเฟิ นอี้เจี๋ยประกบหน้าและเฟิ นจื่อหยาประกบหลัง
หยุนเช่อรู ้สึกราวกับถูกแท่งเหล็กหนักกดขยี้จากทั้งหน้าและหลัง
สองมือมันลอบกระชับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไว้แน่น หน้าผากมัน
ปรากฎหยาดเหงื่อผุดขึ้น สองตาเย็นเยียบราวกับเหมันต์
ชายหนุ่มกําลังจะปะทะกับผูบ้ รรลุพลังลมปราณจักรพรรดิ
อันยิง่ ใหญ่พร้อมกันถึงสองคน
ในจักรวรรดิวายุครามที่ผบู ้ รรลุพลังลมปราณจักรพรรดิหา
ยากดุจเขากิเลนขนวิหคเพลิง นี่นบั เป็ นสถานการณ์ที่ยอ่ มไม่อาจ
เกิดขึ้นได้
แต่วนั นี้มนั กลับเกิดขึ้นกับชายหนุ่มผูอ้ ายุเพียงสิ บเก้าปี
ไม่วา่ มันจะพ่ายแพ้หรื อถูกสังหารในวันนี้ หรื ออาจกระทัง่
เอาชนะได้ดุจปาฎิหารย์ จะแบบไหนมันย่อมสัน่ คลอนจักรวรรดิ
วายุครามไปจนถึงแก่นเป็ นแน่
บทที่ 347 ฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะ

แม้วา่ การต่อสู ก้ บั เฟิ นอี้เจี๋ยจะเป็ นเรื่ องที่สุดแสนลําบาก


สําหรับหยุนเช่อ ชายหนุ่มยังคงมัน่ ใจอย่างเต็มเปี่ ยมว่ามันจะ
สามารถโค่นล้มหรื อกระทัง่ สังหารเฟิ นอี้เจี๋ยได้หลังจากที่เฟิ น
อี้เจี๋ยลงมืออย่างเต็มกําลัง เพราะชายหนุ่มยังมีไพ่ตายอีกหลายใบ
ในมือที่เฟิ นอี้เจี๋ยไม่อาจคาดคิด
ทว่าการปรากฏตัวของเฟิ นจื่อหยานั้นอยูน่ อกเหนือการ
คาดการณ์ของหยุนเช่อ มันทําให้ชายหนุ่มรู ้สึกกดดันขึ้นยิง่ กว่า
ก่อน
“หยุนเช่อ ไม่วา่ เจ้าจะเจ้าเล่ห์และร้ายกาจแค่ไหน เจ้ายังคง
มาตกอยูใ่ นกํามือของพวกข้า แม้วา่ เจ้าจะมีพลังอันน่าอัศจรรย์
เหนือสามัญธรรมดา วันนี้ เจ้าก็ไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือของข้า
ไปได้! ตาย!”
เฟิ นจื่อหยาทะยานออกมา ดาบสุ วรรณอัคคีของมันที่นาํ มา
ซึ่ งโซ่ตรวนเพลิงยาวเก้าเมตรฟาดฟันลง ด้วยหมายจะพันธนาการ
หยุนเช่อไว้ดว้ ยโซ่ตรวนเพลิง เฟิ นอี้เจี๋ยเองยังคํารามดังก้อง ดาบ
อัคคีอาญาสิ ทธิ์เปล่งประกายด้วยแสงเจิดจ้า ลําแสงดาบระเบิดพุง่
ออกไป มุ่งแทงใส่ ลาํ คอของหยุนเช่อ
ขุมพลังอันยิง่ ใหญ่จากการรวมพลังจู่โจมของสองพลังชั้น
ปราณจักรพรรดิผแู ้ กร่ งกล้าส่ งให้เมฆาและวายุเบื้องหน้าประตู
เมืองเพลิงครามแปรไหว ท้องฟ้าพลันกลายเป็ นมืดมิด ราวกับพายุ
แห่งหายนะกําลังมาถึง ร่ างของหยุนเช่อพลิ้วไหว ฉับพลันผันแปร
ออกเป็ นสี่ ร่างพุง่ ออกแยกออกสี่ ทาง เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาจ้อง
มองร่ างสองร่ างของหยุนเช่อที่พงุ่ ตรงเข้ามาหาพวกมัน...
ฉับ!
ลําแสงดาบของเฟิ นอี้เจี๋ยทะลวงภาพติดตาของหยุนเช่อ
และสร้างวงคลื่นขึ้นในห้วงอากาศแล้วหายไปในทันที ดาบของ
เฟิ นจื่อหยาแปรเปลี่ยนกระบวนท่า โซ่ตรวนเพลิงเส้นหนาบิด
หมุนเป็ นเกลียวกลางอากาศ เข้าพัวพันใส่ ร่างของหยุนเช่อสองร่ าง
หนึ่งในนั้นหายไปในทันที และโซ่ตรวนเพลิงที่สมั ผัสถูกร่ างจริ ง
ของหยุนเช่อก็สลายหายไปราวกับมันสัมผัสโดนนํ้าแข็งลมปราณ
พันปี กระบี่ยกั ษ์ของหยุนเช่อตวัดราวกับมังกรเหิ นถลา ราชันย์
พิโรธ ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุ นแรง
แคล้ ง!!!
เฟิ นจื่อหยาถูกผลักดันให้ล่าถอยรวดไปเกินกว่าสิ บก้าว
แขนขวาทั้งแขนของมันกลายเป็ นด้านชาและสัน่ น้อย ๆ บนดาบ
สุ วรรณอัคคีของมัน รอยร้าวกว้างร่ วมสองนิ้วที่แทบจะแผ่ขยาย
ไปถึงหนึ่งในสามของตัวดาบปรากฏขึ้นมาอย่างน่าตะลึง
“มันคือ...กระบี่ระดับปราณจักรพรรดิ!” เฟิ นจื่อหยามอง
กระบี่หนักในมือหยุนเช่อ พลังอันน่าพรั่นพรึ งนัน่ ส่ งผลให้ดาบ
สุ วรรณอัคคีในมือของมันสัน่ สะท้านโดยไม่รู้ตวั
เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยานั้นได้เปรี ยบเป็ นอย่างยิง่ ในด้าน
ของการเคลื่อนไหว หากก็ไม่ใช่วา่ หยุนเช่อจะไม่มีขอ้ ได้เปรี ยบใด
ๆ เลย… โดยสิ่ งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนนัน่ คือในด้านของ
ศาสตราลมปราณ!
ดาบสุ วรรณอัคคีของเฟิ นจื่อหยาเป็ นศาสตราลมปราณปฐพี
ชั้นสู งสุ ดที่แทบจะเป็ นระดับปราณฟ้าอยูร่ ่ อมร่ อ ทว่าความต่างชั้น
สองขั้นนั้นยังทําให้ดาบสุ วรรณอัคคีเหมือนมาพังตัวเองทิ้งอยูด่ ี
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่ทาํ ให้มนั แตกร้าวได้ในการ
ปะทะกันตรง ๆ เพียงครั้งเดียว ศาสตราลมปราณฟ้าของเฟิ นอี้เจี๋ย
ดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์เองยังได้รับรอยบิ่นต่างขนาดจํานวนนับไม่
ถ้วนมาจากการปะทะกับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรเมื่อก่อนหน้า
“จื่อหยา ความเข้าใจในกฏแห่งธาตุไฟของมันเหนือกว่า
สามัญสํานึก เป็ นเรื่ องยากมากที่จะใช้เพลิงลมปราณทําร้ายมันได้
อย่าเสี ยพลังลมปราณไปกับการใช้เพลิงลมปราณอย่างเปล่า
ประโยชน์ เปลี่ยนมาใช้ดาบอัคคีผลาญฟ้าและฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้า
จัดการกับมัน!” เฟิ นอี้เจี๋ยเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงเช่นผูน้ าํ
“เข้าใจแล้ว!” เฟิ นจื่อหยาพยักหน้าและเก็บดาบสุ วรรณอัคคี
ไป มือทั้งคู่ของมันร่ วมประสานออกท่าสัญลักษณ์
ฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าคือเคล็ดวิชาไร้เทียมทานของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าและต้องมีกาํ ลังภายในระดับชั้นปราณจักรพรรดิเพื่อ
ใช้มนั ในทั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มีเพียงเฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยา
ที่สามารถใช้มนั ได้ กระทัง่ เฟิ นม่อหลีผอู ้ ยูท่ ี่ครึ่ งก้าวสู่ ช้ นั ปราณ
จักรพรรดิยงั ไม่สามารถจะใช้มนั ได้ แม้นฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าจะ
เผาผลาญพลังไปมากมายในทุกคราที่ใช้ พลังของมันยังสามารถ
ทําให้ฟ้าถล่มแผ่นทลาย ในด้านการทําลายพื้นที่เล็ก พลังของมัน
เหนือกว่าเพลิงผลาญฟ้าในระดับเดียวกันไปไกลมากนัก
“ฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้า!”
“ฝ่ ามืออัคคีผลาญสมุทร!”
สองปราณหัตถ์ยงั จากสองราชัน นํามาซึ่งพลังกันดันอัน
แสนน่าหวาดหวัน่ มันพุง่ ซัดลงมาจากฟ้าเบื้องบน
การฝื นตอบโต้ปะทะฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าเพียงหนึ่งราชันนั้น
ย่อมมิสร้างแรงกดดันให้แก่หยุนเช่อแต่อย่างใด ทว่าการป้องรับ
ฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าจากสองราชันตรง ๆ นั้น แม้แต่ดว้ ยพลังของ
หยุนเช่อปูฐานมาในด้านพลังอันหนักหน่วงรุ นแรง มันย่อมยากยิง่
ที่ชายหนุ่มจะต้านรับมันไว้ได้ หากชายหนุ่มหักโหมป้องรับมัน
ไว้ นัน่ ย่อมทําให้ชายหนุ่มต้องเหนื่อยล้าอย่างสุ ดแสนและตกอยู่
ในอันตรายอย่างมิอาจคาดเดา ชายหนุ่มใช้เทพดาราแยกเงา
ออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่ างของมันแตกแยกเป็ นร่ างเงาสี่ ร่างที่ไม่
อาจแยกแยะได้วา่ ร่ างไหนเป็ นร่ างจริ ง และเคลื่อนไหวอย่าง
สับสนวุน่ วายไปทัว่ ภายใต้ฝ่ามืออัคคีผลาญฟ้าที่กาํ ลังตกลงมาจาก
เบื้องบน
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!...
ทุกครั้งที่ฝ่ามืออัคคีผลาญฟ้าซัดลงมา ล้วนทิ้งหลุมลึกกว่า
หกเมตรเอาไว้ เสื้ อผ้าบนร่ างกายท่อนบนของหยุนเช่อนั้นได้ขาด
รุ่ งริ่ งถึงขีดสุ ดไปแล้ว ทว่าชายหนุ่มยังมิได้รับบาดเจ็บจริ ง ๆ แต่
อย่างใด… ด้วยกายาแห่งเทวะมังกรของมัน ชายหนุ่มย่อมไม่ได้
รับบาดแผลสาหัสมากมายนักแม้จะโดนฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าเข้าไป
ตรง ๆ นับประสาอันใดกับแรงกระแทกจากพลังตกค้างของมัน
เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาทั้งคู่ลอยอยูส่ ู งกว่าหกสิ บเมตรบน
ฟ้า มองลงจากเบื้องบน ตําแหน่งของพวกมันเป็ นจุดยุทธศาสตร์ที่
ไร้พา่ ย ฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าของพวกมันยิง่ ทําให้หยุนเช่อตกอยูใ่ น
อันตรายจากการโจมตีอย่างไม่มีหยุดหย่อน ไม่มีกาํ ลังเหลือให้
ตอบโต้ใด ๆ ได้ท้งั สิ้น ทว่าผ่านไปเกินกว่าร้อยฝ่ ามืออัคคีผลาญ
ฟ้า สี หน้าของมันกลายเป็ นยิง่ หนักหน่วงและหนักหน่วงขึ้น…
เคล็ดวิชาตัวเบาของหยุนเช่อช่างพิสดารอย่างสุ ดแสนจริ ง ๆ ทั้งสี่
ร่ างที่แยกออกจากกันและเคลื่อนไหวย้ายตําแหน่งอย่างต่อเนื่องนี้
พวกมันไม่อาจมองออกได้เลยว่าร่ างไหนเป็ นร่ างจริ งและร่ างไหน
เป็ นร่ างลวง ภายใต้การถูกจู่โจมอย่างต่อเนื่อง แม้นพวกมันจะทํา
ให้หยุนเช่อตกอยูใ่ นสถานะที่ดูยากลําบากอย่างถึงที่สุดและ
เสี ยเปรี ยบอยูโ่ ดยสิ้ นเชิง พวกมันยังรู ้ดีวา่ ไม่มีปราณหัตถ์ใดซัดถูก
หยุนเช่อตรง ๆ เลยสักครั้ง ขณะที่ทุกครั้งที่พวกมันปล่อยฝ่ ามือ
อัคคีผลาญฟ้าออกมาจะต้องสู ญเสี ยพลังไปอย่างมาก หลังจู่โจมลง
ไปเกินร้อยฝ่ ามือ พวกมันรู ้สึกได้ชดั เจนเลยว่าพลังปราณของพวก
มันเหื อดแห้งไปอย่างมหาศาล
“ฝ่ ามืออัคคีผลาญภูผา!”
ปราณฝ่ ามือรู ปตัวอักษร “山” ซัดลงมาจากเบื้องบน พลัง
กดดันอันเหลือรับกดทับลงมาดัง่ ขุนเขา ก่อนที่มนั จะถึงพื้น ผืน
ปฐพีเบื้องล่างก็ได้ยบุ ลงไปเป็ นหลุมลึกแล้ว
ตูม!!
ทัว่ พื้นดินสัน่ สะเทือน ก้อนศิลาจํานวนเหลือคณานับแหลก
สลายปลิวว่อนไปทัว่ ระยะร้อยเมตรในอากาศ ทันทีทนั ใด ร่ าง
ของหยุนเช่อปรากฏวูบขึ้นที่ระยะสามสิ บกว่าเมตรไกลออกไป
ราวกับหายตัว ทั้งกระนั้นยังถูกผลักดันให้ถอยหลังไปอีกด้วยแรง
กระแทกของพลัง ชายหนุ่มมิได้ฝืนพลังกระแทกที่หลัง่ ไหลเข้ามา
และปล่อยร่ างให้พลิกลอยขึ้นไปบนอากาศธาตุ ประกายอํามหิ ต
สาดวาบผ่านดวงตาของมัน ด้วยเสี ยงคํารามตํ่า ทัณฑ์มงั กรตวัด
ฟาดขึ้นไปทางที่เฟิ นจื่อหยาอยู่
“วิหคเพลิง...ทะยานฟ้า!!”
ฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้าทั้งสองที่ซดั ลงมาจากด้านบนอย่าง
ต่อเนื่อง กดทับจนหยุนเช่อมิอาจหายใจได้ ทว่าพวกมันย่อมไม่
อาจคาดคิดได้วา่ หยุนเช่อที่ถูกอัดกระเด็นไปด้วยฝ่ ามืออัคคีผลาญ
ภูผาจะสามารถโจมตีสวนกลับมาได้อย่างทันควัน วิหคเพลิง
ทะยานฟ้านัน่ เป็ นการโจมตีฉบั พลันใส่ พวกมันอย่างรวดเร็ วราว
กับดาวตก คลื่นพลังและความร้อนที่มนั นําพามาส่งให้สีหน้าของ
เฟิ นจื่อหยาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่มีเวลาให้หลบหลีกได้อีก
ต่อไป มันจึงทําได้เพียงผนึกพลังปราณลงไปในฝ่ ามือทั้งสอง
จากนั้นจึงซัดสองฝ่ ามือออกไปผลักดันหงสาเพลิงที่กาํ ลังบินมุ่ง
มาหามันด้วยเสี ยงคํารามดังก้อง
ตูม!
เพลิงเทพหงสาระเบิดออกตรงหน้าของเฟิ นจื่อหยาและสาด
พิรุณเพลิงเทพหงสาให้กระจายไปทัว่ ท้องฟ้า วิหคเพลิงทะยานฟ้า
นั้นแน่นอนว่าย่อมมิใช่เพลิงเทพหงสาบริ สุทธิ์ มันได้ถูกเสริ มเข้า
ไปด้วยพลังทําลายอันบ้าคลัง่ ของกระบี่หนัก แม้นว่าเฟิ นอี้เจี๋ยและ
เฟิ นจื่อหยาจะอยูใ่ นระดับชั้นปราณจักรพรรดิท้งั คู่ เฟิ นจื่อหยาที่
อยูใ่ นขั้นที่สองของระดับชั้นปราณจักรพรรดิน้ นั ย่อมอ่อนแอกว่า
เฟิ นอี้เจี๋ยผูอ้ ยูใ่ นขั้นที่สี่ของระดับชั้นปราณจักรพรรดิมากนัก การ
โจมตีจากกระบี่หนักของหยุนเช่อนั้นเป็ นสิ่ งที่เฟิ นอี้เจี๋ยสามารถ
ทําได้แค่ตา้ นรับป้องกัน ทว่ามันมิใช่สิ่งที่เฟิ นจื่อหยาจะจัดการได้
ด้วยเสี ยงร้องอย่างเจ็บปวด ข้อมือซ้ายของเฟิ นจื่อหยาบิดงอ
ไป ในทันทีที่เพลิงเทพหงสาสัมผัสโดนฝ่ ามือของมัน เปลวเพลิง
พลันลุกติดขึ้นราวกับต้องกับหญ้าแห้ง และลุกท่วมฝ่ ามือทั้งคู่ของ
มันในพริ บตา หลังจากมันดับเพลิงเทพหงสาลงได้อย่างแสน
ยากเย็น ฝ่ ามือทั้งคู่ของมันได้ถูกเผาจนสภาพยํา่ แย่และแทบจะ
ไหม้เกรี ยมเป็ นสี ดาํ ไปเสี ยแล้ว จุดที่ถูกเผาไปรุ นแรงที่สุดกระทัง่
ถึงขั้นเผยให้เห็นกระดูกสี ขาว
เฟิ นจื่อหยาฝึ กฝนเคล็ดวิชาลมปราณธาตุไฟมาทั้งชีวติ และมี
ความสามารถในการต่อต้านปราณเพลิงสู งลํ้าเป็ นอย่างยิง่ กระนั้น
ยังต้องมาตกอยูใ่ นสภาพอันน่าอดสู เช่นนี้ ถ้าเป็ นคนอื่นที่
หาญกล้ามาฝื นต้านรับเพลิงเทพหงสาเช่นนี้ มือทั้งคู่ของมันย่อม
ต้องถูกเผาจนเหลือเพียงแต่กระดูก
“ไอ้เจ้าเด็กนี่!!” เฟิ นจื่อหยาเร่ งห่อหุม้ มือทั้งคู่ดว้ ยพลัง
ปราณ สี หน้าบูดเบี้ยวจากความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“หึ ข้าเคยคิดว่าจับเป็ นมันจะดีที่สุด ทว่ายามนี้ จะดีกว่าหาก
จะส่ งมันลงนรก… จื่อหยา ให้ขา้ ยืมพลังของเจ้าหน่อย!” เฟิ นอี้เจี๋ย
เอ่ยอย่างเคร่ งครึ มขณะที่มนั จ้องมองสภาพอาการบาดเจ็บของ
เฟิ นจื่อหยา
เฟิ นจื่อหยาตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย ด้วยเข้าใจถึงสิ่ งที่อีกฝ่ าย
พูดได้ มันพลิกฝ่ ามือขึ้น กดทาบลงไปที่หลังของเฟิ นอี้เจี๋ยโดยไม่
สัมผัสโดนตรง ๆ และถ่ายเทพลังปราณของมันไปยังร่ างของเฟิ น
อี้เจี๋ยอย่างไม่รีรอ
“ไอ้หนู เจ้าบังอาจสร้างบาดแผลให้ขา้ ...ครานี้ ข้าจะทําให้
เจ้าได้ชดใช้โดยการบดเจ้าให้เป็ นชิ้น ๆ!” เฟิ นจื่อหยาคํารามอย่าง
อํามหิ ตขณะที่มนั มองลงไปยังหยุนเช่อที่อยูข่ า้ งล่าง เฟิ นอี้เจี๋ยผูอ้ ยู่
เบื้องหน้าของเฟิ นจื่อหยา ประกบฝ่ ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน พลังทัว่
ร่ างของมันหลัง่ ไหลอย่างบ้าคลัง่ บนผิวของมัน น่าตะลึงที่มนั
เปล่งประกายแสงสี แดงฉาน… ยามมองไปที่มนั ดูราวกับว่ามี
โลหิ ตไหลซึ มออกมา
คลื่นพลังกดดันมหาศาลอันน่าหวาดผวายังปิ ดกั้น
ห้วงอากาศเบื้องล่างไว้ และทุกสิ่ งภายในระยะร้อยกว่าเมตรยัง
ต้องตกอยูใ่ นสภาวะหยุดนิ่งภายใต้แรงกดดันนี้
“อย่าบอกนะ...อย่าบอกนะว่า…” การกระทําของเฟิ นอี้เจี๋ย
ได้ทาํ ให้ผอู ้ าวุโสแห่งตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทุกผูค้ ิดพ้องกันถึงสุ ด
ยอดเคล็ดวิชาลมปราณในตํานานนั้น และในชัว่ ครู่ เดียว พวกมัน
ทั้งหมดรู ้สึกปิ ติยนิ ดีข้ ึนจนทั้งร่ างสัน่ สะท้าน ดวงตาของพวกมัน
เบิกกว้างจนถึงที่สุดขณะจ้องมองออกไป และไม่กล้าจะกระพริ บ
แม้แต่ครั้งเดียว ด้วยเกรงว่าจะพลาดสิ่ งที่จะเกิดขึ้นในวินาที
ต่อไปนี้
“ฝ่ ามือ...อัคคีผลาญ...เทวะ!!”
“เจ้าเด็กปี ศาจ จงพบกับความตายซะ!!”
เฟิ นอี้เจี๋ยระเบิดเสี ยงคําราม ปราณฝ่ ามือสี แดงเลือดทะยาน
ออกมา ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ วขณะที่มนั พุง่ พรวดตกลงมา
ในพริ บตาเดียว มันปิ ดกั้นพื้นที่เบื้องบนทั้งหมดไว้ ทั้งห้วงเวหา
เป็ นอันต้องสะเทือนสะท้าน
ไม่เพียงแต่พลังของปราณฝ่ ามือนี้จะเหนือกว่าทุก ๆ ฝ่ ามือ
ก่อนหน้าหลายเท่า มันยังครอบคลุมพื้นที่เกือบสามร้อยเมตร
แม้วา่ หยุนเช่อจะใช้เทพดาราแยกเงาติดต่อกัน มันย่อมไม่อาจ
หลบหนีการโจมตีน้ ีได้พน้ ชายหนุ่มก้าวถอยหลังต่อเนื่องหลาย
ก้าว จ้องเขม็งไปที่ปราณฝ่ ามือสี แดงดุจโลหิ ตที่ใกล้เข้ามาเรื่ อย ๆ
ขณะที่ในดวงตามีประกายอํามหิ ตสาดส่ อง ด้วยเสี ยงคํารามตํ่า
เสี ยงรํ่าร้องของมังกรและเสี ยงคํารามของหมาป่ าดังสะท้อนก้อง
ไปทัว่ สวรรค์ เทพหมาป่ าผ่าปฐพี ระเบิดทะยานพุง่ ออกไปใน
อากาศ
ครื่ น!!
ร่ างเงาเทพหมาป่ าปะทะกับปราณฝ่ ามือสี แดงดัง่ โลหิ ต และ
ต้านทานฝ่ ามือสี โลหิ ตอยูก่ ลางอากาศอย่างไม่มีการยอม
ลดราวาศอก ภาพนี้ส่งให้ท้ งั เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาเผยสี หน้า
ตะลึงพรึ งเพริ ด พลังปราณทัว่ ร่ างของพวกมันหลัง่ ไหล ถ่ายเทลง
ไปยังฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะ
เปรี๊ ยะ เปรี๊ ยะ เปรี๊ ยะ!
หลังจากการต้านทานกันเป็ นเวลาสั้น ๆ ฝ่ ามืออัคคีผลาญเท
วะกลับมาผลักดันลงไปอีกครั้ง ค่อยกลืนกินร่ างเงาเทพหมาป่ าไป
ทีละนิด ๆ และในกระบวนการทั้งหมดนี้ ฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะยัง
ได้ค่อย ๆ ลดขนาดลงด้วย ทว่าความเร็ วในการลดขนาดลงของ
มันนั้นเห็นได้ชดั ว่าช้ากว่าความเร็ วในการถูกกลืนกินของร่ างเงา
เทพหมาป่ า ในท้ายที่สุด เมื่อร่ างเงาเทพหมาป่ าถูกกลืนกินไปจน
หมดสิ้ น ฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะที่ยงั คงเหลือขนาดอยูเ่ กือบ ๆ หนึ่ง
ในสามจากขนาดเดิมก็ตกลงมาอย่างฉับพลัน มันซัดลงใส่ ร่างของ
หยุนเช่อ พลังอันบ้าคลัง่ ของมันฉี กกระชากเกราะลมปราณของ
ชายหนุ่มออกอย่างโหดร้ายและพุง่ เข้าใส่ร่างเนื้อของชายหนุ่ม
เสี ยงอึกทึกราวกับเสี ยงผ้าปูที่นอนที่ถูกฉี กกระชากดังขึ้น
และเสื้ อผ้าบนร่ างท่อนบนของหยุนเช่อได้ฉีกขาด โลหิ ตจาก
ภายในปาก แผ่นอก และไหล่ของชายหนุ่มไหลทะลักออกมา
ตามลําดับ ทั้งร่ างของมันถูกอัดลงไปกับพื้นอย่างรุ นแรง จากนั้น
จึงถูกฝังลึกลงไปโดยหิ นและทรายที่ตกลงมาหลังถูกกวาดพัดขี้น
ไป
เสี ยงร้องอย่างตกตะลึงดังมาเป็ นคลื่นจากที่ห่างไกล หยุ
นเช่อผูไ้ ม่แพ้พา่ ยภายใต้อาํ นาจของระดับชั้นปราณจักรพรรดิมา
ตั้งแต่เริ่ ม ในที่สุดได้ถูกบดโจมตีอย่างหนักหน่วงในครานี้ ปราณ
ฝ่ ามือนัน่ ช่างน่ากลัวยิง่ มันทําให้พวกมันเชื่ออย่างฝังลึกเลยว่าไม่
มีผใู ้ ดในทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุครามที่จะสามารถตั้งรับมันได้… หยุ
นเช่อ มนุษย์อศั จรรย์ผไู ้ ด้รับพรสวรรค์มาทําลายประวัติศาสตร์
เดิม จักต้องตกตายไปในครานี้จริ ง ๆ หรื อ?
มองลงไปยังพื้นเบื้องล่างที่กลบฝังหยุนเช่อไว้แล้ว เฟิ น
อี้เจี๋ยค่อย ๆ ถอนฝ่ ามือกลับมาช้า ๆ เฟิ นจื่อหยาเองก็ลดแขนของ
มันลง และพูดขึ้นพลางนิ่วหน้า “สามารถต้านสลายพลังเกือบเจ็ด
ส่ วนจากฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะได้ เจ้าเด็กนี่ช่างเป็ นสัตว์ประหลาด
โดยแท้… ทว่าโดนพลังกว่าสามส่ วนของฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะ
เข้าไปนัน่ ย่อมพอแล้วที่จะบดอวัยวะภายในของมันให้แหลก
เหลว”
“ไม่ มันยังไม่ตายหรอก” เฟิ นอี้เจี๋ยเอ่ย “แต่นี่กด็ ีเช่นกัน
แม้วา่ มันยังไม่ตาย มันย่อมต้องปางตายอย่างแน่แท้! ให้มนั ตาย
เช่นนี้ ช่างประเสริ ฐกว่าจัดการมันทิ้งง่าย ๆ ยิง่ นัก! ไปกัน และ
ลากมันขึ้นมา!”
ตูม!!
เพียงเฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาเกือบจะร่ อนลงไป เสี ยง
กัมปนาทพลันดังมาจากเบื้องล่าง พื้นดินได้ถูกระเบิดอัดขึ้นมา
หมดสิ้ น พัดหิ นและทรายขึ้นมาราวกับคลื่นตัก๊ แตนที่บินว่อน ร่ าง
ๆ หนึ่งทะยานออกมาจากภายใน และทิ้งตัวลงหยัง่ พื้นอย่างหนัก
หน่วง ศีรษะของมันกระเซิงยุง่ เหยิงและเสื้ อผ้าขาดรุ่ งริ่ งกลายเป็ น
แถบผ้าจํานวนนับไม่ถว้ นที่สวมไว้บนตัว บาดแผลอาบเลือดปก
คลุมทัว่ สรรพางค์กาย โลหิ ตสายแล้วสายเล่าไหลลงจากกระบี่
หนัก หยดลงไปยังผืนดินที่แตกร้าวเป็ นเสี่ ยง ๆ
สิ่ งที่เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยารู ้สึกในยามนี้ สามารถอธิบาย
ได้เพียงแค่วา่ ขวัญกระเจิงไปหมดสิ้ น แม้นว่าหยุนเช่อผูก้ ระโดด
ขึ้นมาจากพื้นข้างใต้จะร่ างกายเต็มไปด้วยบาดแผลอาบโลหิ ตและ
ดูจะอยูใ่ นสภาพอันน่าสังเวชอย่างสุ ดกู่ หากชายหนุ่มกลับยังยืน
ตรงเป็ นไม้บรรทัดและร่ างกายไม่ซวนเซแม้แต่นิด ไม่เพียงเท่านั้น
ไอคลื่นพลังของมันยังไม่อ่อนแอลงจากแต่ก่อนสักนิด กลับกัน
มันยิง่ จะนําพามาซึ่งจิตสังหารอันเย็นยะเยือกน่าขนลุกขนพองยิง่
กว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
ด้วยท่าทีน้ ีของมัน อย่าว่าแต่อยูใ่ นสภาพปากตายเลย มันไม่
กระทัง่ จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเสี ยด้วยซํ้า… อย่างมาก มันก็เพียง
ได้รับบาดเจ็บไปสาหัสกว่าแผลตื้นเล็กน้อย นอกจากนั้น พลังของ
มันคงแค่ร่อยหรอลงไปเท่านั้นจากทั้งหมดนี้
ถูกโจมตีโดยฝ่ ามืออัคคีผลาญฟ้า กระนั้นยังได้รับบาดแผล
มาเพียงเท่านี้… นี่ร่างของมันหลอมขึ้นจากเหล็กกล้าหรื ออะไร
สักอย่างใช่หรื อไม่?!
ภายใต้สายตาอันตะลึงผวาไม่เหลือบุคลิกภาพของสอง
ราชันผูย้ งิ่ ใหญ่ หยุนเช่อเงยหน้าขึ้นช้า ๆ คลื่นพลังอันดุดนั เฉี ยบ
คม และน่าหวาดหวัน่ จนถึงขีดสุ ดถูกปลดปล่อยออกมาจากใน
ดวงตาของมัน “เจ้าทําให้...ข้ากราดเกรี้ ยวได้...สําเร็ จแล้ว!!”
บทที่ 348 สั งหารราชัน!

พลันทัว่ ทั้งร่ างหยุนเช่อปลดปล่อยจิตสังหารอันน่า


ตระหนกออกมา... ชายหนุ่มโกรธเกรี้ ยวเป็ นอย่างมาก เคล็ดวิชา
เทพหมาป่ าผ่าปฐพีนบั ว่าเป็ นท่าสังหารที่แข็งแกร่ งที่สุดของมัน
ทั้งพลังของมันยังนับว่าเหนือกว่าราชันย์พิโรธและทําลายจันทร์
ดับดาราอีก ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่ปลดปล่อยเทพหมาป่ าผ่าปฐพี
ออกมา ล้วนสามารถทําลายสิ่ งกีดขวางได้เสมอ มิมีผใู ้ ดสามารถ
ต้านทานมันได้ หากแต่วนั นี้ เทพหมาป่ าผ่าปฐพีของมันกลับถูก
หยุดยั้งไว้เป็ นคราแรก ทั้งยังถูกขยี้ลงบนผืนพสุ ธาดุจผ้าขี้ริ้วที่ขาด
รุ่ งริ่ ง อีกทั้งบาดแผลที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าสามสิ บแห่งบนร่ างชาย
หนุ่ม แม้กระทัง่ อวัยวะภายในของมันยังได้รับบาดเจ็บไม่นอ้ ย
“ข้า... จะฆ่าเจ้า!!”
“ทัณฑ์อสู รโลกันต์!”
ด้วยเสี ยงคํารามดังสนัน่ ดวงตาของหยุนเช่อพลันปกคลุม
ไปด้วยประกายโลหิต บาดแผลทัว่ ร่ างของชายหนุ่มปริ ออก
ในทันทีในขณะที่โลหิ ตพุง่ กระจายออกไปทุกทิศทัว่ ทาง รัศมี
ลมปราณของหยุนเช่อพลันเฉียบคมขึ้นในเวลาเดียวกัน
ทั้งเฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาเกือบจะจู่โจมอีกครั้ง ทว่าพวก
มันพลันรู ้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงรังสี ท่ีมาจากร่ างของหยุนเช่อ
ดังนั้นพวกมันจึงถอยหลังพร้อมกันทันที ระหว่างการต่อสู ก้ ่อน
หน้านี้ หยุนเช่อได้ใช้พลังทั้งหมดของมันไปแล้วและได้รับ
บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง แต่รัศมีพลังของมันในขณะนี้กลับเพิ่มความ
รุ นแรงขึ้น ขอบเขตของพลังทําให้เฟิ งอี้เจี๋ยรู ้สึกสะพรึ งกลัวอยูล่ ึก

“มันอาจจะใช้วชิ าลับอันใด?” เฟิ นจื่อหยาพูดด้วยเสี ยงที่
จริ งจัง
“สมควรเป็ นเช่นนั้น! บางทีมนั อาจเผาไหม้แก่นโลหิ ตของ
มัน…หากเป็ นเช่นนั้น มันน่าจะใกล้หมดสติแล้ว จัดการมันเลย!”
ขณะที่ถ่วงเวลาสั้นๆ สองราชันย์ผยู ้ งิ่ ใหญ่พลันเปล่งเสี ยง
คํารามตํ่าออกมาในเวลาเดียวกัน ตราประทับอัคคีผลาญฟ้าสองจุด
พลันตกลงมาจากท้องนภาและพุง่ ไปยังศีรษะหยุนเช่อ
ในตอนนั้นเองหยุนเช่อกลับมิได้หลบเลี่ยง มันกลับพุง่ เข้า
หาฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะและกระโดดขึ้นกลางเวหาพร้อมวาด
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรเข้าใส่ พวกมันอย่างบ้าคลัง่
สุ ม้ เสี ยงดังปังสนัน่ เลือนลัน่ ฝ่ ามืออัคคีผลาญเทวะทั้งสอง
รอยซึ่งเต็มเปี่ ยมไปด้วยพลังปราณอันมหาศาล กลับถูกฉี กขาด
ออกจากกันอย่างง่ายดายดุจแผ่นกระดาษบางๆ สองแผ่น ชัว่
ขณะเดียวกันที่สมั ผัสกับกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร ร่ างของหยุนเช่อชะงัก
เพียงเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนไหวต่อไป รู ม่านตาของเฟิ นอี้เจี๋ยและ
เฟิ นจื่อหยาปรากฏเงาร่ างของชายหนุ่มพุง่ ตรงเข้ามาหาพวกมัน
ระยะห่างระหว่างทั้งสามนับว่าไม่ถึงสิ บเมตร
นัยน์ตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายอย่างไม่มีที่
สิ้ นสุ ด เจตนาฆ่าฟันและรังสี อาํ มหิ ต ส่งผลให้ท้ งั เฟิ นอี้เจี๋ยและ
เฟิ นจื่อหยารับรู ้ถึงความรู ้สึกเย็นเยียบที่ท่วมท้นไปทั้งร่ าง ขณะที่
พวกมันกําลังจะเคลื่อนไหว ในทรวงอกพลันชะงักงัน บังเกิด
สัมผัสอันหนักหน่วงชวนหายใจไม่ออกเข้าแทนที่ ในสมองพวก
มันรู ้สึกวิงเวียนอย่างรุ นแรง ร่ างกายที่เดิมสมควรเคลื่อนไหวกลับ
ราวถูกแช่แข็งเป็ นนํ้าแข็ง มิอาจเคลื่อนไหวได้อีกเป็ นเวลานาน
ที่สะกดการเคลื่อนไหวของพวกมันเป็ นแรงกดดันที่ทาํ ให้
ขนพองลุกอย่างเหลือแสน เป็ นคลื่นพลังข่มขวัญอย่างเหลือล้นที่
โหมซัดเข้ามา
มือของหยุนเช่อกํากระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไว้อย่างแน่นหนา แขน
ของชายหนุ่มพลันขยายขึ้นสองเท่ากว่าในยามปกติ ขณะที่ธาร
โลหิ ตพวยพุง่ ออกมาอย่างฉกาจฉกรรจ์ ตาขาวและตาดําพลัน
เลือนหาย หลงเหลือเพียงลูกตาแดงกํ่าดุจโลหิ ตคู่หนึ่ง คลื่นกลิ่น
อายมุ่งร้ายและรังสี อาํ มหิ ตที่ชวนให้รู้สึกว่าแพร่ ออกมาจากนรก
โลกันตร์ถูกปลดปล่อยในฉับพลัน
“ถล่มฟ้าทลายปฐพี!!”
ตูม้ มมมมมม!!!!!!
บรรยากาศรอบเมืองผลาญฟ้าถูกปกคลุมคลื่นเพลิง คล้าย
ผืนฟ้าและปฐพีล่มสลาย เสี ยงดังสนัน่ กระจายคร อบคลุมทัว่ ทั้ง
เมือง เมืองเพลิงครามสัน่ สะเทือนอย่งรุ นแรง และพื้นดินหลาย
กิโลเมตรถูกแรงสัน่ ะเทือนจนกระเด็นขึ้นมา ก้อนหิ นและฝุ่ น
ทรายในอาณาบริ เวณโดยรอบฟุ้งขึันมาในอากาศ พวยพุง่ ขึ้นจน
สู งเกือบถึงก้อนเมฆ
บรรยากาศโดยรอบ เต็มไปด้วยฝุ่ นควันคละคลุง้ ผูท้ ี่เฝ้ามอง
โดยรอบพลันหูดบั ในทันที นับตั้งแต่เหล่าผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า จนถึงชาวเมืองเพลิงคราม ล้วนถูกลมพายุพดั กระเด็นไป
โดยมิอาจต้านทานได้ และถูกแรงระเบิดพัดกระจายออกไป
การต่อสูอ้ ย่างไม่มีที่สิ้นสุ ด ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของพวก
มัน ขอบเขตอันน่ากลัวของพลังนี้ มากเกินกว่าสามัญสํานึกของ
พวกมันจะคาดถึง แม้กระทัง่ เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยาก็ไม่เคยพบ
ผูม้ ีพลังเข้มแข็งเช่นนี้เลยตลอดช่วงชีวติ ของพวกมัน พวกมันไม่
อาจจินตนาการได้เลยว่า ชายหนุมที่มีอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี จะสามารถ
ปลดปล่อยพลังในระดับที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ออกมาได้
ถล่มฟ้าทลายปฐพี นับเป็ นเคล็ดวิชาลมปราณเทพอสู ร
กระบวนท่าที่สาม การเคลื่อนไหวซึ่ งหยุนเช่อต้องจ่ายด้วยพลัง
ปราณมหาศาล เขาใช้พลังปราณไปจนหมด แม้กระทัง่ พลังชีวติ
ในการปลดปล่อยท่าสังหารที่มีพลังทําลายแข็งแกร่ งที่สุดนี้
ย้อนกลับไประหว่างการแข่งขันจัดอันดับ เมื่อเผชิญหน้า
กับเซี่ยฉิ งเยว่ ผูซ้ ่ ึงมีพลังกว่าเขา เขาเลือกใช้กระบวนท่าสังหารนี้
เป็ นครั้งแรก และครั้งที่สองที่ใช้มนั อีกครั้งคือการต่อสู ก้ บั สอง
ราชันชั้นปราณจักรพรรดิ
และความน่าหวาดหวัน่ ของมันมากเสี ยจนไม่อาจต้านทาน
ได้ กระทัง่ ราชันย์ผยู ้ ง่ิ ใหญ่ท้ งั สองก็มิอาจ
ท่ามกลางพลังทําลายของพายุที่น่ากลัวอย่างหาที่เปรี ยบ
ไม่ได้ เฟิ นอี้เจี๋ยและเฟิ นจื่อหยา กระเด็นออกมาเหมือนว่าวที่สาย
ป่ านขาดสองตัว เสื้ อผ้าบริ เวณทรวงอกของของพวกเขาทั้งสอง
คนขาดวิน่ ไม่ดีชิ้นดีราวกับถูกระเบิดจากภายใน อย่างไรก็ตาม
พวกเขามีปราณชั้นจักรพรรดิ์ ถึงแม้วา่ พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่าง
หนัก หากทว่ายังไม่ร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวติ ในขณะที่ท้ งั คู่ลอย
ออกไปอย่างหมดท่า พลังปราณอันมหาศาลของพวกมันว้าวุน่
ปั่นป่ วนอย่างหนักเกินกว่าอาการการบาดเจ็บในร่ างจะรับไหว ...
และในเวลานี้ฝนทรายกระจายเต็
ุ่ มท้องฟ้า ฝูงชนโดยรอบพลัน
เห็นประกายของเปลวไฟสี แดงเส้นหนึ่ง ราวกับดาวตกพุง่ ข้าม
ท้องฟ้ามุ่งไปยังร่ างของเฟิ นจื่อหยาที่ถูกพลังทําลายของถล่มฟ้า
ทลายปฐพีซดั กระเด็นไป
“ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก!!”
ภายในดวงตาของหยุนเช่อแฝงประกายดุร้ายอํามหิ ต พลัง
ยุทธ์ทวั่ ร่ างปั่นป่ วนเดือดพล่าน ตามมาด้วยเสี ยงกัมปนาทกึกก้อง
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรฟาดกระหนํ่าเข้าใส่ ทรวงอกของเฟิ นจื่อหยาที่
มองมาด้วยสายตาแห่งความสิ้นหวัง อัคคีเทพหงสาระเบิดปะทุ
ออกบนร่ างของมัน...
“เมื่อยามเจ้าลงนรกไปแล้ว อย่าได้หลงลืมที่จะบอกกับ
บรรพบุรุษของพวกเจ้า ว่าเจ้าเป็ นผูด้ บั ลมหายใจตัวเจ้าเอง… ผู ้
ทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของพวกเจ้า คือข้านาม หยุนเช่อ!!”
สุ ม้ เสี ยงของหยุนเช่อเย็นเยียบเข้าถึงจุดโดยตรงซึมซับเข้าสู่
ไขกระดูกและจิตวิญญาณ ทั้งยังดังกึกก้องข้างหูท้ งั สองข้างของ
มัน ฉับพลันหลังจากที่กล่าว สติสมั ปชัญญะของเฟิ นจื่อหยากลับ
กลายเป็ นว่างเปล่าขาวโพลนอย่างสมบูณ์ ในขณะที่กายหยาบของ
มันดิ่งลงดุจลูกกระสุ นปื นใหญ่ ทั้งที่เปลวเพลิงเทพหงสาอัน
ร้อนแรงยังคงลุกโชนอยู่
ภายใต้แรงสะท้อนจากกระบวนท่าระบําหงส์เพลิงฟ้าสยาย
ปี ก หยุนเช่อกระเด็นขึ้นไปบนท้องนภาจนสู งลิบ มันจ้องเขม็งไป
จุดที่เฟิ นจื่อหยายืนอยู่ ก่อนที่ชายหนุ่มทุ่มพลังเฮือกสุ ดท้ายของ
มันเข้าใส่กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
“วิหคเพลิง… ทะยานฟ้า!!”
ทัว่ เล่มกระบี่ทณั ฑ์มงั กรพลันลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง มือ
อีกข้างของหยุนเช่อพลันสะบั้นตัดผ่านอากาศเข้าใส่ เฟิ นจื่อหยา
อย่างรุ นแรง มันซึ่งเพิ่งตกลงไปบนผืนดิน ทั้งยังคงเหลือแค่ลม
หายใจสุ ดท้ายของชีวติ พลังยุทธ์แสนปั่นป่ วนท่วมทะลักเข้าใส่
ร่ างของมัน ทําให้อวัยวะภายในของมันราวกับกลายเป็ นแป้งเปี ยก
ดวงตาเฟิ นจื่อหยาพลันปูดโปนออกมา หากแต่มนั ก็ไม่สามารถ
เปล่งเสี ยงร้องสุ ดท้ายออกมาได้ ในขณะที่มนั สู ญสิ้ นทั้งเสี ยงร้อง
และชีวติ ดวงตาของมันเบิกกว้างยามใกล้จวนสิ้ นลม
ผูอ้ าวุโสชั้นปราณจักรพรรดิกลับตกตายภายใต้กระบี่ของ
หยุนเช่อ ณ ที่นี่และเวลานี้
ร่ างของหยุนเช่อตกลงมาจากฟากฟ้า ยามนี้มนั อ่อนล้าและ
ไม่มีแรงกระทัง่ หลงเหลือเรี่ ยวแรงสักส่ วนหนึ่งไว้ ประตูท้ งั สาม
ด่านในเส้นชีพจรลมปราณของชายหนุ่มปิ ดตัวลงเอง อาการ
บาดเจ็บบนร่ างกายทําให้สมองของชายหนุ่มหมุนตามมาด้วย
อาการมึนงง หลังจากปรายตามองไปที่เฟิ นอี๋เจี้ยอีกครั้งเป็ นครั้ง
สุ ดท้าย ผูซ้ ่ ึงตกลงห่างไปมากกว่ากิโลเมตร พลันชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ด้วยเสี ยงแหบแห้ง “ฉานน้อย...ไปกันเถอะ!”
หงส์หิมะบินออกจากตราผนึกสัตว์อสู รลมปราณ มันรับหยุ
นเช่อที่กาํ ลังตกลงไปก่อนจะพุง่ ขึ้นเวหาและโผบินไปไกลลิบ ผู ้
อาวุโสบางส่ วนของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องการไล่ล่าพวกมัน
หากทว่าความเร็ วของหงส์หิมะนับว่าเป็ นสิ่ งที่พวกมันสามารถไล่
ล่าได้เช่นไรกัน? พวกมันทําได้แค่เพียงจ้องมอง ในขณะที่หงส์
หิ มะหายลับไปจากคลองจักษุของพวกมันอย่างเร็ ว ด้วยความเร็ ว
ที่เหนือลํ้ากว่าพวกมัน
“ท่านผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน...ท่านผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน!!”
ยามพวกมันเข้าไปใกล้ร่างของเฟิ นจื่อหยา ก็พบว่าอวัยวะ
ทุกส่ วนของมันถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่เหลือกระทัง่
ส่ วนน้อยที่สุดของสัญญาณชีวติ ผูอ้ าวุโสที่เหลือน้อยคน พวกมัน
รู ้สึกราวกับว่าทัศนียภาพของพวกมันพลันมืดดับลง ก่อนปากของ
พวกมันจะอ้ากว้างเปล่งเสี ยงวิปโยค รํ่าไห้อย่างสู ญสิ้ นทุกสิ่ ง
ออกมา
ท่านผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนหมดลมหายใจอย่างอนาถา... นี่นบั ว่า
เป็ นสิ่ งที่ไม่เคยบังเกิดขึ้นกับประวัติศาสตร์ของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า
กระทัง่ เรื่ องที่ยอดยุทธ์ระดับปราณจักรพรรดิผหู ้ นึ่งถูก
สังหารยังแทบไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรวายุ
คราม
เป็ นเพราะระดับปราณจักรพรรดิถือเป็ นจุดสู งสุ ดแห่ง
อาณาจักรวายุครามโดยแท้จริ ง เมื่อก้าวถึงระดับนี้ถือว่าเพียงพอ
แล้วที่จะดูแคลนทั้งใต้หล้าโดยไร้เทียมทาน หากทั้งสองฝ่ ายล้วน
อยูร่ ะดับปราณจักรพรรดิ ฝ่ ายหนึ่งอาจพ่ายแพ้ แต่ยอ่ มมิอาจถูก
สังหาร ระดับปราณของเฟิ นอี้เจี๋ยอยูเ่ หนือกว่าเฟิ นจื่อหยาสอง
ระดับ แม้วา่ มันจะเอาชนะเฟิ นจื่อหยาได้ แต่การจะสังหารเฟิ นจื่
อหยาถือว่ายากเย็นถึงที่สุด
สาเหตุหลักที่สี่พรรคใหญ่คงความยิง่ ใหญ่ในอาณาจักรวายุ
ครามได้อย่างยาวนานนั้นเป็ นเพราะเหล่าราชันในแต่ละพรรค
นัน่ เอง
แม้วา่ ระดับปราณฟ้าจะถือว่าสู งส่ งอย่างยิง่ ในยุทธภพ
อาณาจักรวายุคราม แต่ยอ่ มมิใช่มีเพียงสี่ พรรคใหญ่เท่านั้นที่
สามารถฝึ กฝนขึ้นมาได้ พรรคใหญ่ทรงอํานาจหลายๆพรรคใน
อาณาจักรวายุครามล้วนสร้างยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าขึ้นมาได้
รวมถึงวังยุทธ์วายุครามที่มียอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าอยูจ่ าํ นวนหนึ่ง
แต่ผทู ้ ี่แข็งแกร่ งถึงระดับปราณจักรพรรดิ ตลอดมาปรากฏ
ขึ้นเพียงภายในสี่ พรรคใหญ่เท่านั้น
ยอดยุทธ์ระดับปราณจักรพรรดิภายในสี่ พรรคใหญ่น้ ี ถือ
เป็ นรากฐานและผูป้ กป้องคุม้ ครองพรรคโดยแท้จริ ง ทุกคราที่
พรรคหนึ่งมีราชันเพิม่ ขึ้นหนึ่งคน ย่อมหมายความว่าระดับความ
แข็งแกร่ งของพรรคยกระดับขึ้นอีกหนึ่งระดับ และนี่จึงเป็ นอีก
เหตุผลหนึ่งที่พรรคใหญ่อีกสามพรรคมีปฏิกิริยารุ นแรงอย่างยิง่
เมื่อเห็นฉู่เยว่ฉานแสดงพลังแห่งราชันระหว่างงานประลองยุทธ์
ในครานั้น
ในทางกลับกัน หากราชันผูห้ นึ่งเสี ยชีวติ ลง ระดับโดยรวม
ของทั้งสํานักก็จะลดฮวบลงเช่นกัน!
พลังอันน่าเกรงขามโดยแท้จริ งของสี่ พรรคใหญ่ตลอดมา
ล้วนมาจากยอดยุทธ์ระดับปราณจักรพรรดิ การสู ญเสี ยราชันไป
คนหนึ่งจึงถือเป็ นการสู ญเสี ยอํานาจคุกคามอย่างใหญ่หลวง
แม้วา่ หยุนเช่อจะสังหารผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนักผูอ้ ยูร่ ะดับ
ปราณฟ้าไปมากกว่าสามสิ บคน แต่ยอ่ มมิอาจเทียบได้กบั การ
ทําลายรากฐานของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เพราะหากเวลาหลายสิ บ
ปี ผ่านไปตระกูลอัคคีผลาญฟ้าย่อมสามารถปลุกปั้นผูฝ้ ึ กยุทธ์
ระดับปราณฟ้าหลายสิ บคนขึ้นได้อีกครั้ง เมื่อมีประมุขรุ่ นก่อน
และหัวหน้าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนคอยคุม้ กันอยู่ ย่อมไม่มีพรรคใดใน
อาณาจักรวายุครามกล้าย่างเข้ารุ กรานระหว่างที่พวกมันอ่อนกําลัง
เพราะการเผชิญหน้ากับราชันสองคนนั้นเพียงพอให้แม้กระทัง่
มหาอํานาจอย่างหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ตอ้ งสู ญเสี ยอย่างใหญ่หลวง
การตายอย่างน่าอนาถของผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนส่ งผลกระทบต่อ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูลอย่างหนักหน่วง พวกมันไม่เคย
คาดคิดและไม่เคยเชื่อมาก่อน...ว่าหยุนเช่อจะมีพลังพอจะสังหารผู ้
อาวุโสรุ่ นก่อนของพวกมันได้จริ ง
เหล่าผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่คุกเข่าลงเบื้องข้างศพ
ของเฟิ นจื่อหยาล้วนรํ่าไห้ครํ่าครวญ เฟิ นอี้เจี๋ยผูบ้ าดเจ็บอย่างหนัก
บัดนี้จึงค่อยสู ดหายใจได้อย่างสมํ่าเสมอ มันใบหน้าซีดขาวราว
ซากศพ สองมือกุมไว้ที่หน้าอก และกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงอ่อนแรง “จื่
อหยา...เป็ นอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าอันแก่ชราของผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่อยู่
ด้านข้างมันเต็มไปด้วยหยาดนํ้าตา และกล่าวตอบด้วยนํ้าเสี ยง
แหบพร่ า “ผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน...ผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อน เขา...เขา...เขาจาก
ไปยังสรวงสวรรค์แล้ว…”
ทัว่ ร่ างเฟิ นอี้เจี้ยแข็งค้าง ก่อนจะเริ่ มสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง
มันมองไปที่ศพของเฟิ นจื่อหยาที่อยูห่ ่างออกไป ริ มฝี ปากขาวซีด
จนน่ากลัวนั้นสัน่ ไหวขณะที่มนั กล่าวออก “พาข้า...กลับ...ไปที่
ตระกูล…”
พรวดด….
โลหิ ตสดๆ คําโตพุง่ ออกออกจากปากของเฟิ นอี๋เจี้ยอย่าง
รุ นแรง ศีรษะของมันพับเอียงไปด้านข้างพร้อมกับสิ้ นสติลงตรง
นั้นท่ามกลางเสี ยงร้องแตกตื่นของเหล่าผูอ้ าวุโส
หยุนเช่อและสัตว์อสู รหงสาหิ มะจากไปไกลแล้ว ไม่มีผใู ้ ด
ทราบว่าพวกมันอยูท่ ี่ใด เหล่าผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ทั้งหลายแบกร่ างอันไร้สติของเฟิ นต้วนหุนและเฟิ นอี้เจี๋ยรวมทั้ง
ศพของเฟิ นจื่อหยาตรงกลับไปยังตระกูลอัคคีผลาญฟ้าด้วยใบสี
หน้ามืดมน เหลือไว้เพียงเหล่าผูส้ งั เกตการณ์ซ่ ึงยังมิอาจนําพาสติ
ของตนกลับสู่ โลกแห่งความจริ งหลังพบกับเรื่ องราวอันน่าตื่น
ตะลึง พวกมันหลายคนล้วนบาดเจ็บบ้างหนักบ้างเบาจากคลื่น
พลังแห่งการต่อสู ้ แต่พวกมันล้วนมิอาจรู ้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
ในร่ างกายตนแม้แต่นอ้ ยเพราะความคิดคํานึงของมันยังล้วนเต็ม
เปี่ ยมไปด้วยภาพเหตุการณ์ที่พวกมันได้พบเห็นเมื่อครู่
ประตูเมืองเพลิงครามซึ่ งกว้างกว่าหกสิ บเมตรและสู งกว่า
สามสิ บเมตรถูกทําลายลงจนสิ้ นซาก กําแพงเมืองพังทลายลงเป็ น
จํานวนมาก อาณาเขตทิศใต้ของเมืองถูกทําลายพังพินาศจนกล่าว
ได้วา่ น่าสังเวชจนมิอาจบรรยาย ราวกับว่าเพิง่ ผ่านพ้นวันสิ้ นโลก
บนผืนดินบังเกิดหลุมขนาดมโหฬารกระจัดกระจายไปทัว่ ราวกับ
ดวงดาวบนฟากฟ้ายามราตรี หลุมที่ใหญ่ที่สุดลึกมากกว่าหนึ่งร้อย
เมตร กว้างมากกว่าสามร้อยเมตร
ทั้งอาภรณ์ของเจ้าเมืองเพลิงครามชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อมา
เนิ่นนานแล้ว บัดนี้เมืองเพลิงครามได้กลับสู่ ความสงบอีกครั้ง แต่
หัวใจของมันยังคงเต้นรัวกระหนํ่าราวกับจะทะลุออกมานอกอก
มันปาดเหงื่อเยียบเย็นบนหน้าผากอย่างรุ นแรง… มันแน่ใจเป็ น
อย่างยิง่ ว่าจากนี้ไปเมืองเพลิงครามจะตกเป็ นจุดสนใจของผูค้ นทัว่
อาณาจักรวายุครามไปอีกเนิ่นนาน กระแสลมเปลี่ยนทิศครั้งใหญ่
ย่อมพัดผ่านทัว่ ทั้งอาณาจักรในเวลาอีกไม่นานอย่างแน่นอน
บทที่ 349 การขอความช่ วยเหลือของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า

ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในปัจจุบนั มิได้ยงิ่ ใหญ่และสู งส่ งเช่น


กาลก่อน โดยเฉพาะเมื่อข่าวผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนได้รับบาดเจ็บ
สาหัสและอดีตหัวหน้าผูอ้ าวุโสเฟิ นจื่อหยาตกตายลงโดยหยุนเช่อ
ถูกเผยแพร่ ออกมา ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถูกปกคลุมด้วย
บรรยากาศอันน่าพรั่นพรึ ง เหล่าศิษย์ในตระกูลต่างตื่นตระหนก
ในความไม่สบายใจ พวกมันสังหรณ์ถึงการล่มสลายของตระกูล
ได้อย่างเลือนราง
แม้ความเสี ยหายที่ได้รับจะหยุดลงเพียงเท่านี้ หากแต่ต่อจาก
นี้ไป ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าหาได้มีคุณสมบัติที่จะมีชื่อในสี่ ตระกูล
ใหญ่เทียบเท่าหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
และพรรคตระกูลเซี่ยวอีกต่อไป
ณ ป้อมหลักตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เฟิ นอี้เจี๋ยได้สติฟ้ื นตื่นขึ้น
เฟิ นต้วนหุนและผูอ้ าวุโสทุกคนรวมทั้งเหล่าหัวหน้าป้อมต่างราย
ล้อมอยูโ่ ดยรอบ สี หน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหดหู่ทุกข์
ระทม
ทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากับหยุนเช่อ พวกมันต่างพบว่าได้
ประเมินพลังมันไว้ต่าํ เกินไป
ทุกครั้งที่มนั่ ใจว่าสามารถสังหารมันได้อย่างแน่นอน พวก
มันกลับได้รับผลลัพธ์ราวฝันร้าย
นาม หยุนเช่อ ได้ฝังรากลึกเป็ นฝันร้ายที่น่าสะพรึ งกลัวที่สุด
ในใจของพวกมัน
“ท่านพ่อ บาดแผลเป็ นเช่นไรบ้าง?” เฟิ นต้วนหุนก้าว
ออกมา เสี ยงของมันอ่อนล้าไร้เรี่ ยวแรงอย่างถึงที่สุด สําหรับมัน
แล้ว สิ่ งเดียวที่สามารถปลอบประโลมจิตใจในยามนี้คือหยุนเช่อ
เองก็เหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน มิเช่นนั้นมันคงไม่
หลบหนีไปในทันที
“ยังไม่ถึงกับตาย...แค่ก แค่ก แค่ก…”
เมื่อยามที่เฟิ นอี้เจี๋ยเอ่ยปาก มันไอออกมาอย่างรุ นแรงพัก
หนึ่ง ทุกการไอแต่ละครั้งตามด้วยโลหิ ตกองแล้วกองเล่า ท่า“ถล่ม
ฟ้าทลายปฐพี”ของหยุนเช่อทุบทําลายเกราะลมปราณของมันอย่าง
ง่ายดาย เคลื่อนย้ายและทําลายอวัยวะภายในทั้งหมด บาดแผลใน
ครั้งนี้ช่างสาหัสจนแม้กระทัง่ พลังของชั้นปราณจักรพรรดิยงั ต้อง
ใช้เวลาอย่างตํ่าสามเดือนในการรักษา
“ท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน…” ผูอ้ าวุโสกลุ่มหนึ่งต่างเข้ามา
โอบล้อมข้างเฟิ นอี้เจี๋ยอย่างรี บร้อน
“ไม่ตอ้ ง...กังวลไป ข้าไม่เป็ นไร” เฟิ นอี้เจี๋ยเดินพลัง
ลมปราณสะกดข่มอาการบาดเจ็บ มันเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไป
ด้วยความอํามหิ ตและเยียบเย็น “ข้าประเมินความสามารถของหยุ
นเช่อผิดไป พวกเราทุกคนต่างประเมินความสามารถของมันผิด!
และพวกเจ้า...ยังชักนําศัตรู เช่นนี้มา!”
ผูอ้ าวุโสทั้งหมดก้มหน้าลง ใบหน้าบ้างซีดเผือดราวภูติผี
บ้างดําเทาราวเถ้าถ่าน
หน้าอกเฟิ นอี้เจี๋ยกระเพื่อมขึ้นลงขณะมันกล่าวออกมาอย่าง
เคร่ งเครี ยด “มีหลายสิ่ งเกี่ยวกับหยุนเช่อที่มิอาจประเมินได้โดยใช้
เกณฑ์ปกติ ก่อนหน้านี้ มันได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
หากแต่ภายในวันเดียว ทั้งบาดแผลและพลังปราณทั้งหมดของมัน
ได้ฟ้ื นฟูกลับคืน...มันต้องมีเคล็ดวิชาลับบางอย่างที่ใช้ฟ้ื นฟู
บาดแผลเป็ นแน่ ในเวลานี้ มันได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกับข้า
แต่ทว่าคงเป็ นเช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อน สามารถฟื้ นฟูได้ภายใน
เวลาอันสั้น...เมื่อเวลานั้นมาถึง คงถึงคราวที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ของข้าต้องจบสิ้ น!”
ทันทีที่เฟิ นอี้เจี๋ยกล่าวคําเหล่านี้ออกมา สี หน้าของพวกมัน
เปลี่ยนกลับกลายราวรับประทานอุจจาระ คํากล่าวนี้มิได้มาจาก
ใครอื่น แต่ทว่าผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนเป็ นผูก้ ล่าว! อีกทั้งสิ่ งที่มนั พูด
ยังเป็ นความจริ งอันโหดร้ายที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ หัวหน้าผู ้
อาวุโสรุ่ นก่อนตกตายลง ค่ายกลอัคคีสวรรค์ผลาญดาราถูกทําลาย
ผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส หากหยุนเช่อบุกเข้าจู่โจม
อีกครา พวกมันคงมิอาจหาสิ่ งใดที่มีพลังพอมาต่อต้านชายหนุ่ม
ได้
"ท่านพ่อ เวลานี้พวกเราควรทําเช่นไรดี? จะปล่อยให้
ประวัติศาสตร์นบั พันปี ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องมาถูกทําลาย
ลงเช่นนี้ได้อย่างไร! มิเช่นนั้น พวกเราจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษ
ต้นตระกูลในโลกหลังความตายหรื อ!" เฟิ นต้วนหุนกําหมัดแน่น
ขณะกล่าว
“ณ เวลานี้เรามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น!” เฟิ นอี้เจี๋ยกล่าว
เฟิ นอี้เจี๋ยถอนหายใจยาวและกล่าวช้าๆด้วยเสี ยงตํ่า “ใน
สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ พวกเราต่างเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่มี
พลังพอจะป้องกันแต่อย่างใด ตอนนี้ เราคงได้แต่ขอความ
ช่วยเหลือจากผูอ้ ่ืน...และด้วยความแข็งแกร่ งระดับหยุนเช่อ คงมี
เพียงหมูบา้ นกระบี่สวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง และ
พรรคตระกูลเซี ยวเท่านั้นที่มีพลังพอจะรับมือกับหายนะในครั้งนี้
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งหาได้มีความเป็ นอริ หรื อความเมตตา
อันใดต่อพวกเรา ทั้งยังไม่ตอ้ งการข้องเกี่ยวกับเรื่ องบาดหมาง
เช่นนี เช่นนั้น การขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งย่อมมิมีผลอันใด...ดังนั้น เราคงได้แต่ขอความช่วยเหลือจาก
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์และพรรคตระกูลเซี ยวเท่านั้น...ข้ามี
มิตรภาพอันดีกบั หัวหน้าหมู่บา้ นคนก่อนของหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ หลิงเทียนหนี่ ทั้งยังมีคราหนึ่งที่เราดื่มร่ วมกัน ข้าได้กล่าว
ออกมาอย่างขําๆว่าหากมีวนั ใดที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องประสบ
กับเหตุหายนะ ข้าหวังว่ามันจะยืน่ มือเข้าช่วยเหลือพวกเรา และใน
ตอนนั้นมันได้ให้คาํ มัน่ พร้อมเสี ยงหัวร่ อ…”
หลิงเทียนหนี่?
ผูถ้ ูกกล่าวขานว่าเป็ นอันดับหนึ่งแห่งวายุครามผูต้ ดั ขาดจาก
เรื่ องทางโลก นักพรตกระบี่หลิงเทียนหนี่!?
ชื่อนี้ราวสายฟ้าฟาดผ่าก้องภายในหูของพวกมันทุกคน
ปรากฎแววประหลาดใจและริ ษยาบนในหน้า พวกมันไม่เคย
คาดคิดมาก่อนว่าเฟิ นอี้เจี๋ยจะมีมิตรภาพกับอันดับหนึ่งของ
อาณาจักรวายุครามจริ งๆ ทั้งยังมีคาํ มัน่ สัญญาว่าจะช่วยเมื่อ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าพบกับหายนะภัยอีกด้วย!
หากหลิงเทียนหนี่ยนื่ มือเข้าช่วยเหลือจริ ง เช่นนั้น หายนะ
ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในครั้งนี้ยอ่ มสามารถถูกปัดเป่ าออกไป
จนสิ้ นอย่างไม่ตอ้ งสงสัย อีกทั้ง...แม้หยุนเช่อจะแข็งแกร่ งมาก แต่
ทว่ามันย่อมมิใช่คู่มือของหลิงเทียนหนี่อย่างแน่นอน!
ยิง่ ไปกว่านั้น เบื้องหลังของหลิงเทียนหนี่คือหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์อนั ยิง่ ใหญ่
"ตกลง! ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะส่ งผ่านเสี ยงถึงหัวหน้าหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์หลิงเยว่เฟิ งทันที! และฝากให้มนั นําคํากล่าวนี้ไป
บอกต่อหัวหน้าหมู่บา้ นคนก่อน!" เฟิ นต้วนหุนกล่าวออกมาอย่าง
ตื่นเต้นเล็กน้อย
“อย่าเพิง่ ด่วนดีใจไป” เฟิ นอี้เจี๋ยกล่าวช้าๆ “หลิงเทียนหนี่
และข้ามิได้พบกันหลายสิ บปี แล้ว นิสยั ใจคอของมันมักไม่แยแส
สนใจสิ่ งใดและยังตัดขาดจากโลกภายนอกกว่ายีส่ ิ บปี อาจบางที
ในใจของมันคงว่างเปล่าและไม่สนใจข้องเกี่ยวกับเรื่ องราวทาง
โลกอีกต่อไป มันจะยินยอมช่วยหรื อไม่กย็ งั มิอาจรู ้ได้ สําหรับ
พรรคตระกูลเซี ยว...แม้ขา้ จะมีมิตรภาพกับเซียวอู๋ฉิงอยูบ่ า้ ง แต่ก็
ห่างไกลกับคําว่าสนิทสนม หากพรรคตระกูลเซียวรู ้ถึงระดับ
ความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อ พวกมันย่อมไม่กล้าสร้างความขุ่น
เคืองกับศัตรู ที่น่าพรั่นพรึ งเช่นนี้เพื่อพวกเราอย่างแน่นอน...แม้
กระนั้นพวกเราก็ควรลองทั้งสองวิธี ความหวังช่างรางเลือนยิง่
นัก”
“หากไม่ลอง แล้วจะรู ้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ผล!” คิ้วของเฟิ นต้
วนหุนผูกเป็ นปมแน่น หากแต่ไร้ซ่ ึ งความมืดมนเช่นก่อนหน้า “ข้า
ไม่มน่ั ใจว่านักพรตกระบี่จะลงมือ แต่ทางด้านตระกูลเซียว พวก
มันต้องให้พวกเรายืมมืออย่างแน่นอน!”
เฟิ นอี้เจี๋ยหันหน้ามอง กระแสความสับสนวาบผ่านใบหน้า
เฟิ นต้วนหุนกล่าวโดยทันใด "เมื่อนึกย้อนถึงเรื่ องราวของ
หยุนเช่อก่อนหน้านี้ พวกเราได้คน้ พบสาเหตุท่ีแท้จริ งที่ทาํ ให้มนั
ถูกขับออกจากตระกูลโดยไม่เจตนา นัน่ เป็ นเพราะมันมีเรื่ อง
บาดหมางกับบุตรคนที่สี่ของหัวหน้าพรรคตระกูลเซียวเซียวเจวีย๋
เทียน เซี ยวก๋ วงหยุน! เนื่องเพราะเซียวก๋ วงหยุนในตอนนั้น
ต้องการยื้อแย่งภรรยาของมัน และยังจะยืน่ มือเข้าข้องเกี่ยวกับอา
หญิงของมัน"
กระกายตาเฟิ นอี้เจี๋ยแกว่งไกว “มีเรื่ องเช่นนี้จริ งรึ ?”
“จริ งแท้แน่นอน!” เฟิ นต้วนหุนผงกศีรษะ “หยุนเช่อสาบาน
จะทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของพวกเราเพียงเพราะเราลักพา
ครอบครัวของมันมา เห็นได้วา่ มันเป็ นบุคคลที่ให้ความสําคัญกับ
ครอบกครัวมากอย่างยิง่ และยังใจแคบอย่างถึงที่สุดถึงขนาด
อาฆาตแค้นกับผูท้ ี่สร้างความไม่พอใจให้มนั แม้เพียงนิด! ความ
บาดหมางใหญ่หลวงนี้ได้เกิดขึ้นระหว่างมันและเซียวก๋ วงหยุน
เช่นนี้มนั จะไม่ลา้ งแค้นได้อย่างไร! หากเซียวก๋ วงหยุนเป็ นเพียง
ศิษย์ธรรมดาทัว่ ไปในพรรคนัน่ ย่อมมิเป็ นปัญหาอันใด หากแต่มนั
เป็ นบุตรของผูน้ าํ พรรค! เท่านี้กเ็ พียงพอแล้วที่ความบาดหมางนี้
จะกลายมาเป็ นความบาดหมางระหว่างหยุนเช่อและพรรคตระกูล
เซียว! แต่ดูเหมือนพรรคตระกูลเซียวจะยังมิทราบเรื่ องนี้ หาก
พรรคตระกูลเซี ยวได้ทราบและรู ้ลกั ษณะนิสยั ของหยุนเช่อที่จะ
ล้างแค้นแม้กระทัง่ เรื่ องบาดหมางเล็กน้อย...หากข้าเป็ นเซียวเจวีย๋
เทียน ข้าจะไม่นงั่ รอเฉยให้หยุนเช่อมาเยือนขณะที่กินไม่ได้นอน
ไม่หลับ กลับกัน ข้าจะหาโอกาสร่ วมมือกับผูอ้ ื่นตามไล่ล่าสังหาร
หยุนเช่อทันที!”
“ข้าจะไปส่ งข้อความถึงหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์และพรรค
ตระกูลเซียวเดี๋ยวนี้!”
——————————————————
เวลาเดียวกัน ภายในพรรคตระกูลเซียว
“เจ้าว่ากระไรนะ...เป็ นเรื่ องจริ งรึ ?” เซียวเจวีย๋ เทียนผุดลุก
ขึ้นกล่าวอย่างตื่นตระหนก
“เป็ นเรื่ องจริ ง! ชาวเมืองหลายหมื่นคน ณ เมืองเพลิงคราม
เป็ นพยานการต่อสูด้ ว้ ยตาของพวกมันเอง ไม่ชา้ ทุกคนผูค้ นใน
อาณาจักรวายุครามย่อมรับรู ้เรื่ องนี้” ชายชรากล่าวอย่าง
เคร่ งเครี ยดต่อเซี ยวเจวีย๋ เทียน
“นี่...ยากที่จะเชื่อ ข้าจําได้วา่ เมื่อครั้งการประลองจัดอันดับ
มันอายุเพียงสิ บเจ็ด ปัจจุบนั มันไม่น่าจะอายุมากกว่าสิ บเก้าใช่
หรื อไม่?” ความตื่นตระหนกบนใบหน้าเซียวเจวีย๋ เทียนมิได้คงอยู่
ยาวนานนัก มันยากสําหรับมันที่จะเชื่อว่าผูเ้ ยาว์อายุเพียงสิ บเก้า
สามารถเผชิญหน้ากับตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่มิได้อ่อนแอไปกว่า
พรรคตระกูลเซี ยวจนถึงจุดที่แทบจะล่มสลายได้ดว้ ย
ความสามารถของมันเพียงลําพัง ยิง่ กว่านั้น เมื่อต้องสู ก้ บั สองยอด
ยุทธชั้นปราณจักรพรรดิพร้อมกัน มันยังสามารถสังหารไปได้
หนึ่งภายในสถานการณ์เช่นนั้น
ช่างเป็ นความแข็งแกร่ งอันน่าสะพรึ ง! เป็ นข่าวที่น่า
ตระหนกอะไรเช่นนี้!
“ข้าสงสัยยิง่ นัก อาจารย์ชนิดใดจึงสามารถสัง่ สอนศิษย์
เช่นนี้ออกมาได้! หรื อเพราะความสามารถในการเรี ยนรู ้ของมัน
นับเป็ นพรสวรรค์อนั ยิง่ ใหญ่ของดินแดนนี้? หรื อไม่ อาจบางที
มันคงเป็ นดังข่าวลือ ผูส้ ื บเชื้อสายจากแดนศักดิ์สิทธิ์?” เซียวเจวีย๋
เทียนอุทาน มันพลันถามออก “หยุนเช่อสาบานทําลายล้างตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าให้หมดสิ้ น ความแค้นลึกลํ้าเพียงใดที่ฝังรากลึก
เช่นนี้? อย่าบอกนะว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าสังหารทําลายตระกูล
ของมัน?”
“มิใช่!” ชายชราสัน่ ศีรษะ “สาเหตุที่แท้จริ ง บางทีคงทําให้
ท่านหัวหน้าพรรคต้องขบขันแล้ว เฟิ นเจวีย๋ เฉิ งในยามนั้นหวังจะ
แต่งกับองค์หญิงชางเยว่ แต่ถูกขัดขวางโดยหยุนเช่อและต้องอับ
อายเป็ นอย่างมาก ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องการค้นหาตัวมันเพื่อ
ล้างแค้น ดูเหมือนพวกมันจะรี บร้อนมากเกินไป จึงได้ใช้วธิ ีการ
อันตํ่าช้าเช่นการลักพาสมาชิกในครอบครัวของมันสองคนมาจาก
เมืองเมฆาล่อง บ้านเกิดของหยุนเช่อ เพื่อล่อมันไปยังตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า...เพราะเรื่ องนี้ หยุนเช่อถึงกับเดือดดาลอย่างถึงที่สุดและ
ได้สบถสาบานว่าจะทําลายล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าให้พินาศ”
“ฮึ่ม ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ใช้วธิ ีการอันน่ารังเกียจอย่างถึง
ที่สุด” เซี ยวเจวีย๋ เทียนกล่าวเสี ยงตํ่าอย่างเยียบเย็นด้วยความ
รังเกียจ “คงเพราะคนในครอบครัวทั้งสองของมันถูกสังหาร
ทารุ ณอย่างโหดเหี้ ยมใช่หรื อไม่?”
“ไม่! คนทั้งสองต่างปลอดภัยแข็งแรงดี...แต่เนื่องเพราะ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าลักพาคนในครอบครัวของมัน มันจึงต้องการ
ทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งหมดให้ยอ่ ยยับ” ชายชราเงยหน้า
ขึ้นกล่าวด้วยความระมัดระวัง “ชัดเจนว่า มันเป็ นบุคคลที่จะตาม
พยาบาทล้างแค้นต่อความบาดหมางแม้เพียงเล็กน้อย และจะ
กลายเป็ นบ้าคลัง่ เสี ยสติเมื่อคลัง่ แค้นอาฆาต...พวกเราไม่อาจ
กระตุน้ โทสะมัน!”
“ย่อมแน่นอนว่าพวกเราไม่อาจกระตุน้ โทสะมัน!” เซียว
เจวีย๋ เทียนผงกศีรษะ “บุคคลซึ่งสามารถเผชิญกับตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าจนแทบล่มสลายด้วยตัวมันเอง ผูส้ ามารถเติบโตได้ดว้ ย
ความเร็ วอันน่าตระหนก แม้ไม่อาจเป็ นมิตรต่อกัน พวกเราก็มิอาจ
เป็ นศัตรู ...การประชุมในวันพรุ่ งนี้ จงอย่าได้ลืมประกาศต่อทัว่ ทั้ง
พรรคว่าเมื่อใดก็ตามที่พบกับหยุนเช่อหรื อใครก็ตามที่เคยมีส่วน
เกี่ยวข้องกับมัน ให้ทุกคนจงรักษาระยะห่างจากพวกมันเอาไว้ แม้
มันผูน้ ้ นั จะอ่อนแอ ก็มิอาจสร้างความขุ่นเคืองโดยเด็ดขาด”
ในฐานะหนึ่งในสี่ ผมู ้ ีอิทธิพลในอาณาจักรวายุคราม พรรค
ตระกูลเซี ยวไม่เคยต้องเกรงกลัวผูใ้ ดจากภายนอกมาก่อน หากแต่
เหตุนองเลือดในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถือเป็ นแบบอย่างที่ทาํ ให้มนั
เกิดความหวาดกลัวอันลึกลํ้าต่อหยุนเช่ออย่างมิอาจห้ามได้...
จนถึงขั้นกริ่ งเกรง ขยาดกลัว
ขณะนั้นเอง ชายชราในชุดเครื่ องแต่งกายสี ดาํ พลันก้าวเข้า
มาอย่างเร่ งร้อนพร้อมกล่าวอย่างเร่ งรี บ “ท่านหัวหน้าพรรค เฟิ นต้
วนหุนส่ งผ่านเสี ยงมาถึงพวกเรา ร้องขอในฐานะที่ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าเป็ นมิตรอันดีกบั พรรคของเรา ให้ช่วยคุม้ กันพวกมันจาก
หยุนเช่อ”
เมื่อได้ฟัง เซี่ยวเจวีย๋ เทียนมิได้แปลกใจแม้เพียงนิด มัน
หัวเราะออกมาก่อนกล่าว “ไม่ตอ้ งสนใจ พรรคตระกูลเซียวของ
ข้าและตระกูลอัคคีผลาญฟ้ามิได้มีมิตรภาพอันดีถึงขนาดที่ตอ้ งไป
กระตุน้ โทสะบุคคลที่อาจนํามาซึ่งความล่มสลายของพรรคเรา”
“แต่...แต่....” ชายชราชุดดํากล่าวอย่างยากลําบากขณะฝื น
กลืนนํ้าลายลงคอ “เฟิ นต้วนหุนกล่าวว่า...มันกล่าวว่า...มันกล่าว
ว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องเผชิญกับความอาฆาตแค้นทําลายล้าง
ทั้งตระกูลเพียงเพราะพวกมันลักพาครอบครัวของหยุนเช่อ
เช่นนั้น ความอาฆาตแค้นที่หยุนเช่อมีต่อพวกเราย่อมต้องลึกลํ้า
กว่าหลายร้อยเท่า...หากพวกเราไม่ให้ความช่วยเหลือแก่พวกมัน
หลังจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถูกทําลายลง ต่อจากนั้น...ต่อจากนั้น
ย่อมถึงคราวของพวกเรา”
หัวคิ้วเซียวเจวีย๋ เทียนผูกเป็ นปมอย่างถมึงทึง “ไร้เหตุผลสิ้ น
ดี! พรรคตระกูลเซียวของข้าและหยุนเช่อมิเคยมีเรื่ องบาดหมาง
อันใดต่อกันมาก่อน ความอาฆาตแค้นจะมาจากที่ใด! เพื่อให้พวก
เรายืน่ มือ แม้แต่ประโยคอันโง่เง่าตํ่าช้าเช่นนี้กย็ งั สามารถกล่าว
ออกมาจากปากเฟิ นต้วนหุนได้จริ งๆรึ ”
ชายชราชุดดําหลัง่ เหงื่อเย็นเยียบออกมาทั้วใบหน้าขณะที่
เสี ยงของมันเริ่ มสัน่ เทา “ท่านหัวหน้าพรรค ท่านจําได้หรื อไม่ เมื่อ
สามปี ก่อน ก่อนที่ผอู ้ าวุโสเซียวเจิ้นจะสิ้ นใจ ท่านได้นึกถึง
สายเลือดที่ทิ้งไว้ ณ เมืองเมฆาล่องและขอให้ท่านผูน้ าํ พรรคพา
คนผูห้ นึ่งกลับมายังพรรคตระกูลเซียว...และในตอนนั้น คนที่ท่าน
หัวหน้าพรรคส่ งไปคือนายน้อยคนเล็ก..ในตอนนั้น ผูท้ ี่ติดตาม
นายน้อยคนเล็กไปด้วยคือพ่อบ้านประจําป้อมตะวันออก เซียวโม่
ฉาน...เมื่อนายน้อยกลับมา เซียวโม่ฉานได้บอกกับข้าว่าตอนที่
นายน้อยอยูท่ ี่นน่ั นายน้อยได้จุดประกายความแค้นต่อผูเ้ ยาว์คน
หนึ่งเพื่อลงมือกับภรรยาที่เพิ่งแต่งและอาหญิงของมัน ทั้งยังบีบ
บังคับให้มนั ถูกขับไล่ออกจากตระกูลในท้ายที่สุด…”
“และคนผูน้ ้ นั ...คนผูน้ ้ นั ..คือ...คือหยุนเช่อในปัจจุบนั !!”
ขณะเดียวกับที่ชายชราชุดดํากล่าวประโยคสุ ดท้ายออกมา
ราวกับมีระเบิดปะทุข้ ึนในศีรษะของเซียวเจวีย๋ เทียน มันพลันผุด
ลุกขึ้นพร้อมกับร่ างกายที่สนั่ สะท้าน กล้ามเนื้อบนใบหน้าทั้งหมด
บิดเบี้ยวอัปลักษณ์อย่างร้ายแรง “เจ้าว่า...กระไรนะ?!!”
บทที่ 350 ทางเลือกของตระกูลเซี่ยว

“เรื่ องนี้เป็ นความจริ งอย่างที่สุด ที่เฟิ นต้วนหุนกล่าวแทบ


เป็ นสิ่ งเดียวกับที่เซี่ยวม่อซานบอกต่อข้า สามปี ก่อน ชื่อของหยุ
นเช่อมิใช่แซ่หยุน หากทว่าเป็ นเซี่ยวเช่อ มันเพิง่ เปลี่ยนชื่อแซ่ของ
มันคราที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล มันเป็ นผูท้ ี่นายน้อยเคย...”
“พอแล้ว!” เซี่ยวเจวีย๋ เทียนเพลิงโทสะลุกฮือโหมกระทัง่ ทัว่
ร่ างกายสัน่ สะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สองตาของมันแทบ
สามารถพวยพุง่ เปลวไฟออกมาภายนอก ชัว่ ครู่ ก่อน มันเอง
แตกตื่นถึงเพียงไหนเกี่ยวกับเรื่ องราวของหยุนเช่อ ทั้งยังยินดีใน
คราเคราะห์ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอยูไ่ ม่นอ้ ย ทว่าในพริ บตา
มันกลับมาได้ยนิ ข่าวคราวอันไม่น่าพิศมัยนี้ หากนี่เป็ นเรื่ องจริ ง
หากหยุนเช่อเป็ นบุคคลผูน้ ้ นั เมื่อสามปี ก่อน เช่นนั้นเรื่ องราวหน
หลังย่อมต้องเป็ นความเคียดแค้นฝังกระดูก หนี้บญั ชีน้ ี อย่างน้อย
นับว่าห่างไกลจากการลักพาตัวสมาชิกครอบครัวของมันมากมาย
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเผชิญพบจุดจบโดยการล้างผลาญทั้ง
ตระกูลเป็ นการแก้แค้นเมื่อลักพาครอบครัวหยุนเช่อมา หากนี่เป็ น
เรื่ องจริ ง…
ข่าวที่หยุนเช่อทําให้เฟิ นอี้เจี๋ยบาดเจ็บสาหัสและสังหาร
เฟิ นจื่อหยาเพียงตัวคนเดียวดังก้องขึ้นมาในหัวสมองของเซี่ยว
เจวีย๋ เทียน กระทัง่ ส่ งผลให้มนั ในฐานะประมุขพรรคหนึ่งยังต้อง
ร่ างสัน่ สะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ถึงแม้เฟิ นจื่อหยาจัดว่าเป็ น
ยอดยุทธ์ระดับปราณจักรพรรดิที่ค่อนข้างอ่อนด้อย แต่เฟิ นอี้เจี๋ย
นับว่าเป็ นผูท้ ี่มีความแข็งแกร่ งทัดเทียมได้กบั เซี่ยวอู่ฉิงประมุข
พรรคตระกูลเซี่ ยวรุ่ นก่อนด้วยซํ้า! ยามนี้ หยุนเช่อมีความสามารถ
เพียงพอที่จะล้างแค้นให้หนี้บญั ชีเก่าก่อน เป็ นไปได้อย่างยิง่ ที่มนั
จะมาถึงหน้าประตูพรรคตระกูลเซี่ยว!
“ไปตามเซี่ ยวม่อซานมาที่นี่เดี๋ยวนี้!” เฟิ นเจวีย๋ เทียนกัดฟัน
แน่นกล่าวพร้อมใบหน้าที่มืดมน
“รับคําสัง่ ท่านประมุข” ผูอ้ าวุโสในชุดสี ดาํ ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย
สิ่ งใดออกมาแม้แต่คาํ เดียว มันเร่ งฝี เท้าจากไปโดยเร็ ว
ไม่นานเซี่ยวม่อซานก็เดินเข้ามาอย่างเร่ งรี บ สําหรับผูน้ าํ
ตระกูลที่เรี ยกพบพ่อบ้านประจําป้อมตะวันออกเช่นมัน ทําให้มนั
ทั้งไม่สบายใจและสับสน หลังจากเข้ามาในตําหนักใหญ่กพ็ บเห็น
สี หน้าขอวเซี่ ยวเจวีย๋ เทียนที่มืดมนดัง่ เมฆฝน หัวใจของมันเต้น
ระทึกขึ้นทันที จึงค่อยๆพูดอย่างระมัดระวัง “เซี่ยวม่อซานรายงาน
ตัวท่านผูน้ าํ ข้าขอถามท่าน...”
“เซี่ยว… ม่อ… ซาน...!!”
สามคําที่ออกมาจากปากของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนนั้นสัน่ สะท้าน
และเต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรง ทําให้เหงื่อเย็นเยียบของเซี่ยว
ม่อซานทะลักออกมาทัว่ ร่ าง มันผูซ้ ่ ึงซื่อสัตย์และประพฤติดีเสมอ
มาและไม่เคยขัดคําสัง่ สักครา มันไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถทําให้
ผูน้ าํ ตระกูลโกรธแค้นได้ขนาดนี้ มันได้ยนิ เสี ยงอันมืดครึ้ มของ
เซี่ยวเจวีย๋ นเทียนที่เอ่ยออกมา : “เจ้ายังจําสามปี ที่ก่อนที่ได้รับ
มอบหมายงานจากผูอ้ าวุโสเซี่ยวเจิ้นก่อนไปยังเมืองเมฆาล่องทาง
ตะวันออกพร้อมกับกวงหยุนได้หรื อไม่?”
เซี่ยวม่อซานเงยศีรษะขึ้นและพยักหน้า “ข้าจําได้! ม่อซาน
จําได้อย่างดี ม่อซานออกจากตระกูลไปทั้งหมดสามครั้งในตลอด
สามปี มานี้และหนึ่งในนั้นเดินทางไปเมืองเมฆาล่องพร้อมกับ
นายน้อย”
ภายในหัวใจของเซี่ยวม่อซานรู ้สึกประหลาดใจยิง่ ขึ้น
เพราะเห็นว่าเรื่ องนี้เป็ นเรื่ องที่ไม่มีนยั สําคัญที่จะเอ่ยถึงเลยแม้แต่
น้อย หากจะให้พดู ถึงสิ่ งสําคัญนั้นคือมันได้พานพบเจอกับคน
ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งโดยบังเอิญ ทั้งยังเป็ นถึงนาง
เซียนกระจกเยือกแข็งฉู่เยว่หลี่หนึ่งในเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง
มันยังคงไม่เข้าใจว่าทําไมผูน้ าํ ถึงพูดถึงเรื่ องที่ไม่สาํ คัญในสามปี
ก่อนนั้น
เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนจองมองมาที่มนั อย่างเคร่ มขรึ ม : “สิ่ งที่
เกิดขึ้นหลังจากเจ้าและกวงหยุนไปเมืองเมฆาล่อง ข้าอยากให้เจ้า
พูดออกมาโดยไม่เว้นรายละเอียดใดๆ ด้วยความจําและพลังฝี มือ
ของเจ้าคงยังไม่ลืมเรื่ องราวสามปี นั้นไปเสี ยหมดกระมัง! บอกข้า
มาตั้งแต่ตน้ จนจบ! ถ้าเจ้ากล้าหลีกเลี่ยงหรื อซ่อนเรื่ องใดไว้ ข้าจะ
ระเบิดหัวเจ้าซะ! ”
ประโยคสุ ดท้ายของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนทําให้เหงื่อของเซี่ยว
ม่อซานไหลออกมาเหมือนสายฝน มันสังเกตุเห็นความสําคัญของ
เรื่ องนี้จึงรี บทรุ ดตัวคุกเข่าลง “ใช่แล้ว..ใช่แล้ว...ครานั้น ข้าและ
นายน้อยเดินทางไปยังเมืองเมฆาล่อง...”
เซี่ยวม่อซานบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตลอดสามปี ที่ผา่ นที่
พรรคตระกูลเซี่ ยว รวมทั้งคําพูดและการเคลื่อนไหวทุกอย่างทํา
มันสามารถจําได้เกี่ยวกับกวงหยุนเท่าที่มนั จะสามารถทําได้
ภายใต้สายตาอันเฉียบแหลมคมดัง่ ใบมีดของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน มัน
ไม่กล้าแม้จะปิ ดบังหรื อมีความลับใดๆจนหมดทุกอย่างที่มนั
สามารถจําได้ รวมไปถึงเรื่ องที่เซี่ยวกวงหยุนมีความคิดที่อยากได้
เมียของเซี่ยวเช่อและอาหญิงเล็ก อีกทั้งยังวางแผนใส่ ร้ายเซี่ยวยู่
หลงแต่กถ็ ูกเปิ ดโปงโดยหยุนเช่อ แต่กย็ งั สามารถกดดันให้หยุ
นเช่อถูกเนรเทศจากตระกูลเซี่ยวโดยการข่มขู่ดว้ ยนามพรรค
ตระกูลเซี่ยว
ก่อนเซี่ยวม่อซานจะกล่าวจบ ทัว่ ร่ างของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน
ล้วนสัน่ สะท้าน ปอดของมันแทบฉี กระเบิดออก เส้นสายสุ ดท้าย
ของความยับยั้งชัง่ ใจอันตรธานหายไปอย่างสิ้ นเชิง มันคํารามก้อง
ขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม “เจ้าลูกชัว่ ถึงกับ...ถึงกับกล้าวางแผน
ทําพฤติการณ์ชวั่ ช้าสารเลวถึงเพียงนี้!!”
“นา...นายน้อยอายุยงั เยาว์ จึงอาจประพฤติเหลวไหลไปบ้าง
ทั้งวัยนี้ยงั เป็ นวัยที่เต็มไปด้วยจิตราคะอันฟุ้งซ่าน การ...การ
กระทําเรื่ องราวเช่นนี้นบั ว่าเป็ นที่เข้าใจได้ เป็ น...เป็ นม่อซานเองที่
ไม่เข้มงวดกวดขัน ทั้งยังหย่อนยานต่อกฏระเบียบในการอบรม
นายน้อย ม่อซานยินดีรับโทษทัณฑ์จากท่านผูน้ าํ ตระกูล” เซี่ยว
ม่อซานก้มศีรษะลงพร้อมทั้งกล่าววาจาด้วยความสํานึกผิด ทว่า
ความสับสนมึนงงภายในใจของมันยิง่ มายิง่ ลึกลํ้า...ในบรรดา
บุตรชายทั้งสี่ คนของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน กอปรไปด้วย ฟง (วายุ), หยู
(พิรุณ), เหล่ย (อสนี), หยุน (เมฆา) เซี่ยวกวงหยูเป็ นบุตรชายเพียง
คนเดียวที่เกิดจากภรรยาหลวงของมัน ทั้งยังเติบโตมาโดยถูก
ตามใจเป็ นอย่างยิง่ มันมอมเมาตนเองอยูใ่ นความสุขทาง
กามารมณ์ตลอดทุกวีว่ นั เซี่ยวเจวีย๋ เทียนเพียงปล่อยผ่านโดยไม่
ตรวจสอบตลอดมา เรื่ องราวเช่นการยืน่ มือเข้ายุง่ เกี่ยวภรรยาของ
ผูอ้ ื่น เซี่ ยวกวงหยุนล้วนกระทําการมานับครั้งไม่ถว้ น หลังจาก
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนทราบเรื่ องราว อย่างมากมันมักด่าทอบุตรชายอยู่
หลายคํา สําหรับเรื่ องราวที่เกิดขึ้นในเมืองเมฆาล่อง เซี่ยวกวง
หยุนมิได้ส่ิ งที่มนั ต้องการด้วยซํ้า...มันไม่เข้าใจจริ งๆ ว่าเหตุใด
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนต้องขุ่นแค้นถึงขั้นนี้ต่อเรื่ องนี้
“สารเลว!!” ภายใต้เพลิงโทสะของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน มันตวัด
เท้าเตะส่ งเซี่ยวม่อซานคะมําไปด้านหลัง “เจ้ารู ้ม้ยั ว่าไอ้เด็กที่เจ้า
ต้องการชิงภรรยาและอาหญิงของมันมา ที่ถูกขับไล่ออกจาก
ตระกูลเซี่ ยวผูน้ ้ นั มันก็คือหยุนเช่อที่ได้อนั ดับหนึ่งในการ
ประลองยุทธวายุคราม คนเพียงคนเดียวที่สามารถทําลายล้าง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไปครึ่ งสํานัก!”
เซี่ ยวม่อซานผูท้ ี่เพิ่งหยัดตัวลุกขึ้นยืนได้ดว้ ยความมึนงง
พลันตกตะลึงจนดวงตาโปนโต มันกล่าววาจาออกมาด้วยความ
หวาดหวัน่ “เป็ น...เป็ นไปไม่ได้! คนผูน้ ้ ีก่อนหน้านี้มิได้เรี ยกว่าหยุ
นเช่อ หากแต่เป็ นเซี่ยวเช่อ ทั้งยังเป็ นเพียงเศษสวะที่มีเส้นชีพจร
ลมปราณพิกลพิการตั้งแต่เกิด เป็ นไปไม่ได้ นี่ไม่มีทางเป็ นไปได้
...นี่ตอ้ งมีอนั ใดไม่ถูกต้องเป็ นแน่!”
“เรื่ องราวในโลกนี้มีมากมายที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย
ของเจ้า!” ทรวงอกของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนสะท้อนขึ้นลงจนดูราว
กับแทบระเบิดออก มันยกนิ้วชี้ไปยังเซี่ยวม่อซาน ก่อนจะกล่าว
เน้นยํ้าทีละคําอย่างหนักแน่น “เจ้า ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ลากเซี่ยวกวง
หยุนมาที่นี่...ทันที!”
นี่เป็ นครั้งแรกในชีวติ ที่มนั ได้ฟังท่านประมุขเรี ยกขานนาม
เต็มของเซี่ยวกวงหยุน ร่ างกายของมันพลันสัน่ เทาตั้งแต่หวั จรด
เท้า “นาย...นายน้อย ท่าน...ท่านกําลัง….”
“ข้าไม่สนว่ามันกําลังทําอะไร หากมันกล้าไม่มา เช่นนั้นให้
ทุบตีมนั จนครึ่ งเป็ นครึ่ งตาย แล้วค่อยลากมันมาที่นี่!” เซี่ยวเจวีย๋
เทียนระเบิดเสี ยงตะโกนออกมาดังกึกก้อง
“ระ..รับทราบ..” เซี่ยวม่อซานถลาออกไป แผ่นหลังชุ่มโชก
ไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ชายชราที่ยนื อยูเ่ คียงข้างเซี่ยวเจวีย๋ เทียนมาตลอดเดินเข้ามา
ใกล้ ก่อนจะกล่าววาจาด้วยสี หน้าเคร่ งขรึ ม “ท่านผูน้ าํ เกี่ยวกับ
เรื่ องนี้ ท่านคิดจัดการอย่างไร”
คิ้วของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนขมวดชิดแนบแน่น สี หน้าหนักหน่วง
มืดทึบถึงขีดสุ ด “หากข่าวลือทั้งหมดล้วนเป็ นความจริ ง เช่นนั้น
พลังฝี มือของหยุนเช่อนับว่าก้าวถึงจุดที่พวกเรามิอาจไม่หวาด
เกรง...ไปพบบิดาพร้อมกับข้า นี่เป็ นเรื่ องราวที่ไม่อาจรั้งรอได้
แม้แต่นอ้ ย จะจัดการอย่างไร ให้บิดาเป็ นผูต้ ดั สิ นใจ”
…………………..
ภายในบริ เวณผืนป่ าแห้งแล้งในค่อนข้างลับตา หยุนเช่อ
นัง่ ขัดสมาธิ สัตว์อสู รหงส์หิมะคุม้ กันอยูด่ า้ นข้าง คอยขับไล่เหล่า
สัตว์อสู รชนิดอื่นออกห่าง
หลังจากการพักฟื้ นหนึ่งวันเต็มๆ รวมกับการรับตัวยา
สมุนไพรชนิดต่างๆ สัตว์อสู รหงส์หิมะนับว่าสามารถฟื้ นคืน
พละกําลังกว่าสามในสิ บส่ วน บาดแผลของหยุนเช่อเองล้วน
เยียวยาไปกว่าแปดในสิ บส่ วน พลังลมปราณฟื้ นฟูกลับมาเก้าใน
สิ บส่ วน ชัว่ เวลานี้ พลังยุทธ์ในเส้นชีพจรลมปราณของชายหนุ่ม
พลุ่งพล่านปั่นป่ วนยิง่ พลังลมปราณที่เดิมทีสงบดุจนํ้านิ่งกลับเอ่อ
ล้นทะลักทลายราวนํ้าเดือด
นี่คือสัญญาณของการทะลวงชั้นลมปราณ!
หลังการหลบหนีจากลานกระบี่จดั สรร หยุนเช่อล้วน
หลบหนีและเข้าร่ วมการต่อสูอ้ นั ดุเดือดมาโดยตลอด แม้ชายหนุ่ม
จะมิได้จงใจฝึ กฝน พลังลมปราณของหยุนเช่อล้วนเข้าสู่ ริมขอบ
ของการทะลุทะลวงขั้นลมปราณ จากการสะสมเพิ่มพูนผ่านการ
สัประยุทธ์หลายต่อหลายคราที่ผา่ นมาโดยไม่รู้ตวั
หยุนเช่อเพ่งสมาธิ ชักนําการโคจรพลังลมปราณ หลังผ่าน
ไปร่ วมสิ บนาที เส้นชีพจรลมปราณของชายหยุนบังเกิดเสี ยงลัน่
คราหนึ่ง พลังลมปราณที่เดือดปะทุพลันสงบนิ่งลงอย่างกะทันหัน
กลับกลายเป็ นกระแสพลังที่ท้ งั หนาแน่นทั้งทรงพลังยิง่ กว่าก่อน
หน้านี้
หยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาขึ้น พลังลมปราณในร่ างเองทะลวง
ผ่านเข้าสู่ ข้นั ที่เจ็ดของระดับชั้นลมปราณปฐพีในเวลาเดียวกัน
สําหรับกับหยุนเช่อ ทุกคราที่ระดับพลังลมปราณเพิ่มพูนขึ้น ล้วน
แตกต่างจากผูฝ้ ึ กวรยุทธ์โดยทัว่ ไปอย่างสิ้ นเชิง ภายใต้พลังทวีคูณ
ของปราณคลัง่ เช่นคุณสมบัติของชีพจรลมปราณเทพอสู ร ทุกครา
ที่เส้นชีพจรบังเกิดการทะลุทะลวงผ่าน พลังยุทธ์ที่เพิ่มพูนโดย
แท้จริ ง นับว่ามากมายกว่าผูฝ้ ึ กยุทธ์โดยทัว่ ไปมากนัก
หยุนเช่อจุดไฟหงสาและนําเนื้อมังกรออกมาย่างกิน
หลังจากทานอาหารชุดใหญ่เสร็ จแล้วนั้น ชายหนุ่มเปลี่ยนชุดใหม่
และลุกขึ้นยืนอย่างสดชื่น หากตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารู ้วา่ ชายหนุ่ม
สามารถฟื้ นฟูบาดแผลและเรี ยกคืนพลังเกือบทั้งหมดโดยใช้เวลา
เพียงวันเดียว สงสัยว่าพวกมันคงต้องเป็ นลมไปเพราะความสิ้น
หวังเป็ นแน่แท้
“เอาล่ะ! ข้าจะบุกทะลวงเข้าไปบดขยี้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ให้แหลกเหลวในคืนนี้!” หยุนเช่อมองไปยังทิศทางที่ต้งั ของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า พร้อมทั้งเอ่ยวาจาด้วยรอยยิม้ เย็น “แต่ขา้ ไม่รู้
ว่าพวกมันจะหวาดกลัวจนเสี ยสติ แล้วเตลิดหนีโดยโยนศักดิ์ศรี
และมรดกนับพันปี ของตระกูลทิ้งไปอย่างไม่ไยดีรึเปล่านะ”
“หลังจากถูกบีบคั้นถึงเพียงนี้ พวกมันย่อมต้องเคลื่อนไหว
อยูบ่ า้ ง เจ้าสมควรฟื้ นฟูพลังให้เต็มที่ก่อนจะไป” จัสมินกล่าว
เตือนชายหนุ่มด้วยนํา◌้เสี ยงเฉื่ อยชา
“หากพวกมันยังมีไพ่ตาย พวกมันสมควรหงายไพ่ออกมา
นานแล้ว” หยุนเช่อกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเหยียดหยัน “การกระทําที่
เป็ นไปได้ที่สุดที่พวกมันจะทําในตอนนี้ คือทิ้งสํานักและหลบหนี
ไป มิเช่นนั้น ก็คือการขอความช่วยเหลือจากพรรคอื่น แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไม่สนใจคําขอร้องของมัน สําหรับพรรค
ตระกูลเซี่ยวและหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์...”
คิ้วของหยุนเช่อกระตุกคราหนึ่ง พลันได้คิดถึงคําเตือน
ของหลิงเจี่ยเมื่อวานนี้ ชายหนุ่มทรุ ดร่ างลงนัง่ ในทันที “ใช่แล้ว
ท่านกล่าวถูกต้อง ข้าสมควรรอคอยกระทัง่ ร่ างกายฟื้ นตัวกลับคืน
มาอย่างเต็มที่ หนี้ที่พวกมันต้องชดใช้ พวกมันล้วนไม่มีทางหลีก
หนีได้!!”
…………………………………..
ขณะเดียวกัน เงาร่ างบุคคลสวมใส่ ชุดดําตลอดทั้งร่ างคน
หนึ่งพลันปรากฏขึ้น ณ ใจกลางตระกูลอัคคีผลาญฟ้าโดยไร้สุม้
เสี ยง เมื่อมองไปยังบรรยากาศโดยรอบที่กระจัดกระจายไว้ดว้ ย
ซากปรักหักพัง รวมทั้งเศษสิ่ งของระเกะระกะ มันหัวเราะอย่าง
เย็นชาคราหนึ่ง สี หน้ากึ่งเศร้าโศกกึ่งยินดี มันก้าวเท้าไปเบื้องหน้า
โดยปราศจากเสี ยงผิดปรกติใด มุ่งตรงไปยังตําหนักกลางซึ่งเป็ นที่
พักอาศัยของเฟิ นอี้เจี๋ยในพริ บตา
“นัน่ ใคร?” เฟิ นอี้เจี๋ยที่กาํ ลังนัง่ สมาธิอยูน่ ้ นั ลืมตาขึ้น
ด้านหน้าของมันมีร่างเงาสี ดาํ ปรากฏอยู่
“ฮ่าฮ่า สหาย ไม่ได้พบกันนานนม ยังคงจําข้าได้หรื อไม่”
ชายชุดดํายกศีรษะขึ้น พร้อมกล่าววาจากลั้วหัวเราะ
“เป็ นเจ้า!” เมื่อเห็นบุคคลที่อยูต่ รงหน้า เฟิ นอี้เจี๋ยรี บยกตัว
ขึ้นอย่างรวดเร็ ว จากนั้น ใบหน้าของมันเปลี่ยนแปลงเป็ นว้าวุน่
สับสนอยูช่ วั่ ครู่ มันพลันกล่าวว่า “เพียงเจ้าคนเดียว?”
“แค่คนเดียว เท่านี้ยงั ไม่พองั้นรึ ?” ชายชรากล่าวด้วยความ
โอหัง
เฟิ นอี้เจี๋ยขมวดคิ้วแน่นและกล่าว “ยังไม่พอ! เจ้ายังประเมิน
ความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อตํ่าเกินไป มันน่ากลัวมากกว่าที่เจ้าคิด
ไว้นกั ...”
เมื่อเฟิ นอี้เจี๋ยกล่าวคํา มันพลันมองเห็นแหวนมิติสีม่วงสาม
วงบนนิ้วของชายในชุดดํา สายตาของมันนิ่งค้าง สี หน้าปรากฏ
แววปี ติยนิ ดี “หรื อว่า นําสิ่ งนั้น...มาด้วยจริ งๆ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!” ชายชุดดําหัวเราะเสี ยงดังสนัน่ ผงกศีรษะ
ติดต่อกัน “เป็ นคําสัง่ ของท่านผูน้ าํ พรรครุ่ นก่อน ครานี้ หยุนเช่อ
คือศัตรู ร่วมของพวกเรา สมควรกําจัดฆ่าทิ้ง หากมันกล้ามา ข้าจะ
ทําให้มนั มิอาจจากไปตลอดกาล!!”
บทที่ 351 เซี่ยวอู๋อี้

สถานะผูย้ งิ่ ใหญ่ของพรรคทั้งสี่ ในอาณาจักรวายุครามไม่


เคยถูกสัน่ คลอนมาก่อน พลังกดดันที่มาพร้อมนามอันยิง่ ใหญ่ของ
พวกมันเหนือลํ้ากว่าราชวงศ์วายุครามมาเนิ่นนานแล้ว
และวันนี้ หนึ่งในผูย้ งิ่ ใหญ่ที่แผ่อิทธิพลในยุทธภพวายุคราม
ถูกสัน่ คลอนอย่างรุ นแรง...แทบถูกกดดันจนถึงจุดของการล่ม
สลาย เหล่ายอดฝี มือชนชั้นลมปราณฟ้าในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
จํานวนนับไม่ถว้ น ผูส้ ามารถกระทําการตามอําเภอใจมาตลอดไม่
ว่าที่ใด ล้วนถูกกําจัดหายไปเป็ นจํานวนมาก กระทัง่ ชนชั้นปราณ
จักรพรรดิผเู ้ ป็ นตัวตนอันลึกลับ ที่เป็ นดังเสาหลักของพรรคใหญ่
เช่นนี้ ยังหนึ่งตกตายหนึ่งบาดเจ็บสาหัส
สถานะอเนจอนาจของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า รวมทั้งการศึก
ณ ประตูเมืองเพลิงครามแพร่ สะพัดไปทัว่ ทั้งอาณาจักร นาม “หยุ
นเช่อ” ที่เคยนําพาซึ่งความตกตะลึงขนานใหญ่มาแล้ว สามารถ
สร้างความปั่นป่ วนไปทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุครามได้อีกครั้งในชัว่
ข้ามคืน
ยามเช้าตรู่ ก่อนฟ้าสว่าง เหล่าบุคคลสําคัญที่ยงั คงเหลืออยู่
ภายในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าล้วนมารวมตัวกันเพื่อหารื อเรื่ อง
สําคัญ ที่ภายนอกตําหนักกลาง ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่แทบกลับ
กลายเป็ นแดนรกร้าง พื้นที่โดยรอบกว่าครึ่ งหนึ่งตกอยูใ่ นความ
เงียบงันแห่งมรณะ เหล่าศิษย์ในตระกูลที่มกั มีความโอหังเย่อหยิง่
ประดับอยูบ่ นใบหน้า ทั้งหมดล้วนแปรเปลี่ยนเป็ นอักษร “สลด
หดหู่” เข้าแทนที่ หลังจากข่าวที่วา่ ท่านผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนกลับ
กลายเป็ นซากศพ รวมทั้งข่าวอดีตผูน้ าํ ตระกูลถุกทําร้ายบาดเจ็บ
สาหัสแพร่ ออกไป ปราการป้องกันทางจิตใจด่านสุ ดท้ายของพวก
มันทั้งหมดก็แทบแหลกสลายไปพร้อมกัน
“ให้ขา้ แนะนํามันต่อพวกเจ้า”
เฟิ นอี้เจี๋ยนัง่ อยูต่ รงตําแหน่งกึ่งกลาง แม้มนั จะยืดหลังตรง
ทว่าสี หน้าอันขาวซีดล้วนเป็ นข้อพิสูจน์ถึงความหนักหนาสาหัส
ของอาการบาดเจ็บภายในที่มนั ได้รับ มันมองไปทางชายชุดสี ดาํ ที่
ยืนอยูด่ า้ นข้าง “ท่านผูน้ ้ ี คือเซี่ยวอู๋อ้ ีแห่งพรรคตระกูลเซี่ยว”
เซี่ยวอู๋อ้ ีสวมเสื้ อคลุมยาวสี ดาํ ตัวหลวมโพรก กระทัง่
ใบหน้ายังถูกปิ ดคลุม มันไม่ตอ้ งการให้ผคู ้ นพบเห็นใบหน้าที่
แท้จริ ง ก่อนเฟิ นอี้เจี๋ยจะแนะนํามัน ทุกผูค้ นต่างลอบสังเกตการณ์
และคาดเดาตัวตนของมัน ทว่าเมื่อได้ยนิ นาม “เซี่ยวอู๋อ้ ี” ทั้งหมด
ลุกขึ้นยืนโดยทันที เฟิ นต้วนหุนมิอาจเก็บวาจาได้ มันกล่าว
ออกมาว่า “ที่แท้เป็ นอาวุโสเซี่ยวอู๋อ้ ีเอง ผูเ้ ยาว์ขออภัยที่เสี น
มารยาทก่อนหน้านี้”
เซี่ ยวอู๋อ้ ีเป็ นพี่นอ้ งร่ วมท้องเดียวกันของผูน้ าํ พรรคตระกูล
เซี่ยวรุ่ นก่อน เป็ นหนึ่งในยอดฝี มือชั้นปราณจักรพรรดิในพรรค
ตระกูลเซี่ ยว และเป็ นหนึ่งในราชันที่มีจาํ นวนน้อยนิดใน
อาณาจักรวายุคราม เหล่าผูเ้ ยาว์อาจไม่มีผใู ้ ดคุน้ เคยต่อนามของมัน
ทว่าสําหรับชนชั้นเช่นเฟิ นต้วนหุน นามของมันล้วนไม่ต่างจาก
สายฟ้าฟาดกรอกหู.
“ไม่ตอ้ งกล่าวมากความ” เซี่ยวอู๋อ้ ีกล่าวอย่างเฉื่อยชา
“วัตถุประสงค์ที่ขา้ มาในวันนี้มีเพียงอย่างเดียว คือช่วยพวกเจ้า
กําจัดหยุนเช่อ”
เฟิ นต้วนหุนเหลือบสายตามองเซี่ยวอู๋อ้ ี “ระดับพลังของผู ้
อาวุโสเป็ นหนึ่งในใต้หล้า ทว่าขออภัยที่ผเู ้ ยาว์ตอ้ งกล่าวตามตรง
ผูอ้ าวุโสไม่เคยพบความเข้มแข็งที่แท้จริ งจากหยุนเช่อ ทั้งยัง
ประเมินความสามารถของมันตํ่าไป บิดาของข้ายามนี้ทนรับ
อาการบาดเจ็บสาหัส หามีเพียงท่านผูอ้ าวุโสเพียงคนเดียว เกรงว่า
...”
“ฮ่าฮ่า...” เซี่ ยวอู๋อ้ ีหวั เราะอย่างจองหอง มันยืน่ ฝ่ ามือออก
“เพียงข้าคนเดียว อาจไม่เพียงพอ ในเรื่ องนี้ หากรวมวัตถุน้ ีเข้าไป
ด้วยเล่า?”
หลังบรรลุผา่ นชั้นลมปราณจักรพรรดิ ริ้ วรอยอายุของผูค้ น
จะลดลงอย่างมาก กระทัง่ อาจดูไปเยาว์วยั กว่าเดิม ทว่า ฝ่ ามือข้าง
นั้นของเซี่ยวอู๋อ้ ียบั ย่นอย่างยิง่ ราวกับถูกทําลายอย่างถาวรด้วยบาง
สิ่ งบางอย่าง ที่มุมฝ่ ามือของมันปรากฏลูกกลมสี ม่วงสดใสลูก
หนึ่งส่ องประกายเจิดจ้า หากสังเกตุอย่างรอบคอบ จะสามารถ
มองเห็นลวดลายผนึกจํานวนนับไม่ถว้ นสลักอยูบ่ นพื้นผิว
เฟิ นต้วนหุนแข็งค้างไปชัว่ ขณะ จากนั้นมันพลันระลึกได้ถึง
บางสิ่ ง สี หน้าของมันแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง นอกจากมัน
แล้ว เหล่าผูอ้ าวุโสคนอื่นๆต่างพากันตะโกนก้อง “หรื อจะเป็ น...
หรื อ...จะเป็ น..ลูกแก้วทลายสวรรค์?”
ชัว่ เวลาที่คาํ “ลูกแก้วทลายสวรรค์” ถุกเปล่งออกจากปาก สี
หน้าของทุกผูค้ นแปรเปลี่ยนกลับกลาย ผูค้ นบางคนถึงกับถดถอย
หลังไปหลายก้าวอย่างไม่อาจควบคุม สี หน้าเต็มไปด้วยความ
หวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง
“ฮ่าฮ่า ถูกต้อง” เซี่ยวอู๋อ้ ีหวั ร่ อเล็กน้อย “นี่เป็ นลูกแก้วทลาย
สวรรค์ของฝ่ ายยุทธภัณฑ์พรรคตระกูลเซี่ยว เป็ นรองเพียงระเบิด
ทลายสวรรค์ ทว่า หากนับเพียงพลังอํานาจแต่ละลูกของมันแล้ว
นับว่าเหนือกว่าลูกระเบิดทลายสวรรค์มากมายนัก ข้าเชื่อว่าพวก
เจ้าทุกคนในที่น้ ีลว้ นเคยได้ยนิ อานุภาพของมันมาบ้าง ครานั้น มัน
ล้วนสามารถสังหารหมู่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ช้ นั ลมปราณฟ้าและผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั
ครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิสองคนได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยอดยุทธ์
ชั้นลมปราณฟ้าที่หลงเหลือ ยังต้องตกตายด้วยควันพิษที่
ปลดปล่อยออกมาหลังการระเบิด”
เหล่าผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งหมดพากันกลืน
นํ้าลายลงคออย่างยากลําบาก เผยสี หน้าที่หวาดหวัน่ ขวัญผวาจน
ไม่อาจสะกดไว้ได้ สายตาของทั้งหมดไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยัง
ลูกแก้วทะลายสวรรค์ลูกนี้....อานุภาพของลูกแก้วทลายสวรรค์
เป็ นที่ประจักษ์ชดั แก่เหล่าสี่ พรรคใหญ่มาเนิ่นนาน ในพรรค
ตระกูลเซี่ยวมีสาขาพิเศษชื่อสาขายุทธภัณฑ์ สาขานี้เชี่ยวชาญการ
สร้างและดัดแปลงอาวุธอัคคีหลากชนิด แม้วา่ พลังยุทธ์ของเหล่า
ศิษย์ในสาขาจะตํ่าต้อย ทว่าทัว่ ร่ างต่างซุกซ่อนไว้ดว้ ยอาวุธอัคคี
มากหลาย กระทัง่ ศิษย์สาํ นักเดียวกันที่มีพลังปราณเหนือกว่าหนึ่ง
ช่วงชั้น ยังไม่กล้าตอแยพวกมัน
และอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของสาขานี้ คือ ระเบิดทลายสวรรค์
และลูกแก้วทลายสวรรค์
“กระทัง่ การสะสมมากว่าพันปี ของพรรคเราเอง ยังมีเพียง
ลูกแก้วทลายสวรรค์ยสี่ ิ บสามลูก ในการกําจัดฆ่าหยุนเช่อในครั้งนี้
ข้าพกนํามาห้าลูก..เฮอะ เจ้ายังคิดว่า ข้า-เพียงคนเดียวที่นี่ ไม่
เพียงพอหรื อไม่?”
ห..ห้ า?
เฟิ นต้วนหุนเร่ งกล่าววาจา “เพียงพอ..แน่นอนว่าต้อง
เพียงพอ ด้วยพลังอํานาจของลูกแก้วทลายสวรรค์น้ ี อย่างมากสอง
..อ้า เพียงลูกเดียวล้วนเกินพอ ตอนนี้พวกเรามีความช่วยเหลือของ
ผูอ้ าวุโส หากหยุนเช่อกล้ามายังที่น้ ี ข้ามันใจว่ามันไม่มีทางรอด
กลับไปได้...โปรดอภัยวาจาก้าวร้าวของผูเ้ ยาว์เมื่อครู่ ดว้ ย”
ข่าวลือกล่าวว่า กระทัง่ ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิเอง ยัง
ต้องบาดเจ็บสาหัสเมื่อเผชิญพบลูกแก้วทลายสวรรค์โดยตรง
เช่นนี้ หากลูกแก้วทั้งห้าลูกล้วนถูกใช้ออกจนหมดสิ้ น ย่อม
เพียงพอในการระเบิดร่ างหยุนเช่อจนเป็ นจุล ครานี้ พรรคตระกูล
เซี่ยวไม่เพียงส่ งเซี่ ยวอู๋อ้ ีมา หากยังให้มนั นําลูกแก้วทลายสวรรค์
มาอีกห้าลูก นี่ลว้ นพิสูจน์อย่างชัดเจนถึงความมุ่งมัน่ ในการกําจัด
ฆ่าหยุนเช่อของพรรคตระกูลเซี่ยว
ชัว่ เวลานี้เอง ภายนอกที่ตกอยูใ่ นความเงียบสงัดมาตลอด
กลับปรากฏสุ ม้ เสี ยงห้าวหาญป่ าเถื่อนยิง่ เสี ยงหนึ่งดังลงมาจาก
ท้องฟ้า “สุ นขั เฒ่าอัคคีผลาญฟ้า ท่านปู่ หยุนเช่อของเจ้าอยูท่ ี่น้ ี เหตุ
ใดยังไม่รีบไสหัวออกมารับความตาย!”
เฟิ นอี้เจี๋ยลุกขึ้นยืนพร้อมเสี ยง *วูบ* คราหนึ่ง ก่อนจะแทบ
ทรุ ดลงคุกเข่าจากอาการบาดเจ็บภายในกําเริ บ เมื่อได้ยนิ เสี ยงรํ่า
ร้องตะโกนก้องของหยุนเช่อเมื่อครู่ ภายในใจของมันพลันบังเกิด
ความเคียดแค้น ความหวาดกลัว และความตกตะลึงคืบคลาน...ที่
ครอบคลุมอยูภ่ ายในใจ ส่ วนใหญ่ลว้ นเป็ นความแตกตื่นตะลึง
ลาน! นี่เพียงผ่านไปได้สองวันจากศึกที่ประตูเมืองเพลิงคราม ครา
นั้น อาการบาดเจ็บของหยุนเช่อมิได้ดอ้ ยกว่ามันเลยแม้แต่นอ้ ย
ทว่าขณะที่อาการบาดเจ็บของมันเพียงสามารถทรงตัวอยูไ่ ด้เพียง
เล็กน้อย เสี ยงคํารามของหยุนเช่อกลับเต็มเปี่ ยมด้วยพลัง...ไม่
ปรากฏสัญญาณของการรับบาดเจ็บใดๆ
เป็ นไปได้หรื อไม่วา่ อาการบาดเจ็บภายในและภายนอกของ
มันล้วนสามารถฟื้ นฟูเต็มที่แล้ว?
แม้มนั จะฝึ กฝนวิชาลับอันใด นี่นบั เป็ นความรวดเร็ วใน
ระดับที่ไม่เคยได้ยนิ ได้ฟังมาก่อนเลย
ชัว่ ขณะที่หยุนเช่อผูฟ้ ้ื นฟูสภาพแล้วเข้ามายังภายในตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า ชายหนุ่มเองล้วนสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอัน
แปลกแยกสายหนึ่ง มองไปยังเบื้องหน้า มันจับจ้องด้วยสายตาเย็น
ชาพลางหัวเราะเยือกเย็น ก่อนจะกล่าวคําเสี ยงแผ่วเบา “ดูคล้ายว่า
แม้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะไม่เลือกหนทางหลบหนี อย่างที่คาด
พวกมันมิได้น่ิงเฉยรอความตาย”
“มีราชันเพิ่มมาอีกผูห้ นึ่ง ทว่ามิใช่คนของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า ระดับพลังของราชันผูน้ ้ ีเหนือลํ้ากว่าเฟิ นจื่อหยา หากยังด้อย
กว่าเฟิ นอี้เจี๋ยก่อนหน้าที่จะถูกเจ้าทําร้ายอยูเ่ ล็กน้อย” จัสมินกล่าว
“พวกมันคงมิได้โง่เขลาจนคิดว่าเพียงราชันอีกหนึ่งจะ
สามารถกําจัดข้าได้กระมัง? ดูท่านี่ตอ้ งมีเลศนัยแอบแฝง” มุมปาก
ของหยุนเช่อยกขึ้นเป็ นรอยยิม้ เย็นเยียบ “ในอาณาจักรวายุคราม มี
เพียงพรรคใหญ่ที่มีราชัน แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไม่สมควร
กระทําการเช่นนี้ ดังนั้นราชันที่เพิ่งผุดโผล่มาผูน้ ้ ีเพียงสามารถมา
จากหมู่บา้ นกระบี่หรื อพรรคตระกูลเซี่ยว ข้าหวังว่าคงเป็ นอย่าง
หลัง เฮอะ...มาดูซิวา่ เจ้าผูท้ ี่ยนื กรานเกลือกกลั้วในปลักนํ้าสกปรก
เช่นนี้เป็ นใครกัน!”
ท่ามกลางเสี ยงคํารามกึกก้องของหยุนเช่อ เฟิ นต้วนหุนและ
เหล่าผูอ้ าวุโสทะยานขึ้นจากพื้น อารักขาเฟิ นอี้เจี๋ยผูบ้ าดเจ็บไว้ที่
เบื้องหลัง
เมื่อต่างมองเห็นสภาพของหยุนเช่อในวันนี้ ความหวาดกลัว
ลึกลํ้าปรากฏบนใบหน้าของพวกมัน ในวันนั้น ทุกผูค้ นต่างเห็น
หยุนเช่อโบยบินหลบหนีไปด้วยอาการบาดเจ็บอันหนักหนา
สาหัส สู ญสิ้ นพลังลมปราณ ทว่าหยุนเช่อ ณ เวลานี้ไม่ปรากฏ
สัญญาณของความอ่อนล้าของคลื่นพลังและสี หน้าเลยแม้แต่นอ้ ย
ทั้งระดับพลังยุทธ์ของมันยังเพิม่ พูนขึ้นเล็กน้อย...ครั้งที่แล้ว หยุ
นเช่ออยูใ่ นระดับชั้นลมปราณปฐพีข้นั ที่หก วันนี้ มันบรรลุข้นั ที่
เจ็ดชั้นลมปราณปฐพีแล้ว!
ในสายตายอดยุทธ์เช่นพวกมัน การเลื่อนขั้นหนึ่งขั้นของผู ้
ฝึ กยุทธ์ช้ นั ลมปราณปฐพีลว้ นไม่อยูใ่ นสายตา ทว่าการเลื่อนขั้น
ของหยุนเช่อสร้างความกดดันเพิ่มพูนให้แก่พวกมันเล็กน้อย พวก
มันต่างสามารถรับรู ้ถึงความรู ้สึกดุร้ายกระหายเลือดที่สร้างความ
หนาวเย็นให้แก่พวกมัน...ไม่เพียงอาการบาดเจ็บทั้งหมดจะหาย
เป็ นปกติ พลังยุทธ์ลว้ นฟื้ นสภาพสมบูรณ์ กระทัง่ ระดับพลังยัง
ทะลุทะลวงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง…
มันเป็ นสัตว์ ประหลาดชนิดใดกันแน่ !
“หยุนเช่อ ความเย่อหยิง่ อวดดีของเจ้า..จะจบสิ้ นลงใน
วันนี้!” เฟิ นต้วนหุนกัดฟันกล่าว “หนี้แค้นที่เจ้าสังหารบุตรชาย
และทําลายตระกูลของข้า วันนี้ ข้าจะ...ทวงคืนทั้งหมดไม่ให้ขาด
แม้แต่แดงเดียว!!”
หยุนเช่อฉีกรอยยิม้ กว้างขวางก่อนจะเชิดศีรษะหัวเราะเสี ยง
ดังสนัน่ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สุ นขั เฒ่าเฟิ น ดูจากท่าทางของพวกเจ้า ล้วน
น่าอนาถายิง่ กว่าขอทานเร่ ร่อนบนท้องถนน ข้าสงสัยจริ งๆ ว่าเหตุ
ใดเจ้าจึงมีความมัน่ ใจกล่าววาจาเช่นนั้นออกมา..ใช่เป็ นเพราะเจ้า
คนที่ซ่อนตัวอยูน่ นั่ หรื อไม่?”
“เจ้า...” ดวงตาของเฟิ นต้วนหุนเบิกกว้าง ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน
รุ นแรงด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” เสี ยงหัวเราะแหบตํ่าดังกังวานเสี ยงหนึ่งดัง
ขึ้นมาให้ได้ยนิ เซี่ยวอู๋อ้ ีภายใต้ผา้ คลุมสี ดาํ ตัวโคร่ งก้าวเดินออกมา
จากตําหนักกลางด้วยฝี เท้าเชื่องช้า มันเงยหน้าขึ้น สองตาภายใต้
เสื้ อคลุมจับจ้องมองไปยังหยุนเช่อพร้อมทั้งกล่าววาจาพลาง
หัวเราะ “เจ้าเองคือหยุนเช่อ? เพียงอายุเท่านี้ กลับมีบุคลิกภาพถึง
ขั้นนี้ ทั้งยังสามารถกดดันตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนอยูใ่ นสภาพ
เช่นนี้ได้ดว้ ยตัวคนเดียว ผูค้ นกล่าวว่าเจ้านับเป็ นวีรบุรุษอันดับ
หนึ่งในอาณาจักรวายุครามนี้ นับว่าไม่เกินเลยไปเลยจริ งๆ”
หยุนเช่อเปิ ดปากหัวร่ อเช่นกัน “เจ้าเองล่ะเป็ นใคร มาที่นี่
เพื่อตระกูลอัคคีผลาญฟ้า คงมิใช่มาเพือ่ สรรเสริ ญเยินยอข้าเท่านั้น
กระมัง?”
“สรรเสริ ญเจ้า? ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซี่ยวอู๋อ้ ีหวั ร่ อ “ไม่ ไม่ ข้ามาเพื่อ
บอกเจ้าว่า เหล่าวีรบุรุษ มักอายุส้ นั !”
“งั้นรึ ?” หยุนเช่อหรี่ ตาเล็กลง “แม้วา่ เจ้าจะกล่าววาจาวกวน
อ้อมค้อมต่อหน้าข้า หากข้ายังเมตตามอบคําอวยพรคําหนึ่งให้เจ้า”
“โอ้ คําว่าอะไร?”
“ไสหัวไป!!!”
“หากเจ้าไสหัวไป ยังมีโอกาสมีชีวติ อยูอ่ ีกสองสามวัน หาก
ไม่..เฮอะ!” หยุนเช่อหัวเราะเสี ยงเย็น “เช่นเดียวกับเจ้าเหล่าสุนขั
เฒ่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้า...ชีวติ ของเจ้าจะสั้นลงอย่างยิง่ ! กระทัง่
พรรคตระกูลเซี่ ยวที่หนุนหลังเจ้า...ก็จะหมดอายุขยั เช่นกัน!!”
ชัว่ ขณะที่คาํ “พรรคตระกูลเซี่ยว” ถูกกล่าวออก คลื่นพลัง
ของเซี่ ยวอู๋อ้ ีเองปั่นป่ วนไปชัว่ ครู่

ในทางหนึ่ง การใส่ เสื้ อคลุมตัวหลวมใหญ่ลว้ นสามารถปกปิ ด


อาวุธอัคคีที่ซุกซ่อนอยูบ่ นร่ างกาย...อย่างไรเสี ย การโยนอาวุธ
อัคคีออกจากเสื้ อผ้าย่อมง่ายดายกว่านําออกมาจากแหวนมิติ อีก
ทางด้านหนึ่ง ยังเป็ นการปกปิ ดตัวตนอีกด้วย แม้วา่ มันจะมีลูกแก้ว
ทลายสวรรค์อยูใ่ นมือถึงห้าลูก ทั้งยังกอปรด้วยความมัน่ ใจเปี่ ยม
ล้นในการระเบิดหยุนเช่อจนกระจุยเป็ นผุยผง พรรคตระกูลเซี่ยว
เองย่อมมิอาจเพิกเฉยต่อบุคคลที่สามารถกดดันจนตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าอยูใ่ นสภาพแห่งความสิ้ นหวังถึงเพียงนี้ได้ ดังนั้น ยามที่
มันมาที่นี่ เซี่ ยวอู่อ้ ีวางแผนปิ ดบังตัวตนมิให้หยุนเช่อทราบได้วา่
มันเป็ นผูใ้ ดจนกว่าจะสามารถกําจัดฆ่าชายหนุ่มได้ แม้นี่จะราวกับ
การขโมยระฆังปิ ดบังใบหูของตนเองอยูบ่ า้ ง...อย่างไรเสี ย ทันทีที่
ใช้ลูกแก้วทลายสวรรค์ออกไป หยุนเช่อย่อมต้องค้นพบว่ามันมา
จากพรรคตระกูลเซี่ยวโดยเร็ ว หากวีธีการนี้สามารถลดทอนความ
หวาดระแวงที่มนั มีต่อหยุนเช่อ...อย่างน้อย มันยังบังเกิดความ
วางใจมากกว่าการปรากฏตัวออกมาโดยใบหน้าที่แท้จริ ง
ทว่ามันคาดไม่ถึงจริ งๆ ว่าหยุนเช่อกลับรํ่าร้องคํา “พรรค
ตระกูลเซี่ยว” ออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ภายในใจของมันดิ่งวูบ
ลง ทว่ามันเริ่ มต้นหัวเราะเสี ยงเย็นในทันที เพียงโบกสะบัดมือครา
หนึ่ง เงาร่ างเหยีย่ วสี เขียวเจือจางปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังมันในทันที
“หยุนเช่อ ความสามารถในการคิดคํานวนของเจ้านับว่าเหนือกว่า
ที่ผคู ้ นรํ่าลือไปมากโข แต่ขา้ ยังสงสัยอยูว่ า่ ความเข้มแข็งที่แท้จริ ง
ของเจ้าจะเป็ นดังคํากล่าวหรื อไม่!”
ภายใต้เสี ยงสายลมโหยหวน เสื้ อคลุมของเซี่ยวอู๋อ้ ีกระพือ
พลิ้ว ร่ างกายของมันโผนทะยานขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าราวเหยีย่ วกระหาย
เลือด ภาพมายากระบี่กระพริ บวูบที่ฝ่ามือทั้งสองก่อนจะแปร
สภาพเป็ นรังสี กระบี่สีคราม ครอบคลุมเข้าใส่ อวัยวะสําคัญทัว่ ร่ าง
ของหยุนเช่อ
บทที่ 352 ลูกแก้ วทลายสวรรค์

ทันทีที่ข่ายกระบี่ก่อตัวครอบคลุม ระดับความเร็ วของ


เซี่ยวอู๋อ้ ีเพิม่ สู งขึ้นโดยกะทันหัน ร่ างของมันพุง่ ถลาเข้าใส่ ประดุจ
กลับกลายเป็ นลําแสงสี ดาํ เส้นหนึ่ง ในบรรดาพรรคใหญ่ท้ งั สี่
พรรค วิชาท่าร่ างของพรรคตระกูลเซี่ยวมาเป็ นอันดับหนึ่ง ยิง่ เมื่อ
ใช้ออกโดยเซี่ยวอู๋อ้ ี ท่าร่ างของมันยิง่ น่าตื่นตระหนกถึงขีดสุ ด
ภายใต้ระดับความเร็ วอันสู งสุด ภาพมายากระบี่ถกั ทอประสาน
เป็ นแผ่นผืนบดบังท้องฟ้า จนผูค้ นสายตาละลานพร่ าพราย ไม่อาจ
จับจ้องมองตรงๆ ได้
หยุนเช่อหรี่ ตาเล็กลง...ชายหนุ่มไม่เคยได้เปรี ยบในด้าน
ความเร็ วมาก่อนอยูแ่ ล้ว ทว่ามันยังไม่เคยหวาดเกรงต่อคู่ต่อสูท้ ี่มี
ระดับความเร็ วเหนือลํ้ากว่ามันอย่างเด่นชัดถึงเพียงนี้มาก่อน เนื่อง
เพราะไม่วา่ คู่ต่อสู จ้ ะรวดเร็ วถึงระดับใด หรื อมีวชิ าท่าร่ างพิศดาร
เพียงไหน ที่มนั ต้องทํา...ล้วนเมีพียงแค่การสะบัดกระบี่คราหนึ่ง
เท่านั้น!
หยุนเช่อก้าวเท้าออกด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา ชายหนุ่ม
สื บเท้าออกไปด้านหน้าด้วยท่วงท่าปลอดโปร่ งสบาย ทันทีที่ข่าย
กระบี่ยดื ขยายออกมา ร่ างของชายหนุ่มกลับพลันเคลื่อนออกไป
จากตําแหน่งเดิมยีส่ ิ บก้าว ก่อนจะกระหนํ่าฟาดกระบี่เข้าใส่ ขบวน
กระบี่ของเซี่ยวอู๋อ้ ี
เคร้ ง..เคร้ ง...เคร้ ง...เคร้ ง...เคร้ ง!!
ภาพมายากระบี่ของเซี่ยวอู๋อ้ ีลว้ นเปรี ยบดังคลื่นยักษ์อนั บ้า
คลัง่ ที่สามารถฉี กกระชากมวลอากาศจนแทบแหลกสลาย กระบี่
เดียวจากหยุนเช่อเปรี ยบดัง่ มังกรพายุประกาศศักดาท่ามกลาง
มรสุ มลมคลุม้ ฝนคลัง่ ต้านทานกระแสคลื่นพร้อมทั้งมองมายัง
โลกหล้าอันตํ่าต้อย...ชัว่ พริ บตาเดียว มายากระบี่ลว้ นถูกระเบิด
แตกกระจายเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตัวกระบี่ปะทะหักล้างเข้ากับ
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรโดยตรง ท่ามกลางเสี ยงปะทะแสบแก้วหู เซี่ยวอู๋
อี้ร่างสะท้านก่อนจะถูกกระแทกสะท้อนถอยหลังไป ขณะร่ อนลง
พื้น มันขวางกระบี่ไว้เบื้องหน้า หว่างคิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะพลัน
ตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวงเมื่อค้นพบรอยแตกร้าวเล็กๆ หลาย
สิ บรอยแผ่ลามบนตัวกระบี่ของมัน
สี หน้าของเซี่ยวอู๋อ้ ีบิดเบี้ยวเหยเกอยูค่ รู่ ใหญ่ ก่อนมายังที่น้ ี
มันเคยได้ยนิ มาว่ากระบี่ของหยุนเช่อมีอานุภาพน่าหวาดหวัน่
และไม่อาจต้านทานรับโดยตรงอย่างซึ่งหน้า ทว่าในฐานะราชันย์
ผูห้ ยิง่ ผยอง มันจะต้องหวาดกลัวผูเ้ ยาว์ผหู ้ นึ่งงั้นหรื อ?...อย่างไรก็
ตาม หลังจากปะทะหักล้างกระบวนท่ากับหยุนเช่อรอบหนึ่ง สอง
แขนของมันล้วนกลับกลายเป็ นด้านชา กระบี่ที่อยูค่ ู่กายมันมากว่า
สิ บปี เองยังถูกทําลาย ถึงขั้นที่แทบไม่อาจฟื้ นคืนสภาพให้ดีดงั เดิม
ได้
เซี่ยวอู๋อ้ ีเก็บกระบี่ของมัน ฝ่ ามือทั้งสองรวบกําเป็ นหมัด
กระทัง่ กระดูกแทบทิ่มแทงออกมา “เจ้านับว่ามีความสามารถที่
แท้จริ งอยูบ่ า้ ง...ดูท่าข้าจําต้องเอาจริ งขึ้นมาบ้างเช่นกัน”
“แคว๊ กกกกก!”
ด้วยเสี ยงกรี ดสะท้านแก้วหู อินทรี ขนาดมหึ มาที่เบื้องหลัง
เซี่ยวอู๋อ้ ีพลันฉี กขาด แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็ นพายุสลาตันที่หมุน
วนอย่างบ้าคลัง่ ลูกหนึ่ง ทันใดนั้นเอง พายุขยายขนาดออกมาด้วย
ความเร็ วอย่างสุ ดแสน กระทัง่ มีขนาดความกว้างร่ วมหนึ่งร้อย
เมตรรอบกายเซี่ยวอู๋อ้ ี
“เขตแดนวายุสุดขั้ว!!”
เสี ยงโหยหวนราวกับดังอยูท่ ี่ขา้ งใบหูทุกผูค้ น เซี่ยวอู๋อ้ ีค่อย
ก้าวย่างอย่างเชื่องช้า...ในพริ บตา มันกลับปรากฏตัวขึ้นที่เบื้อง
หน้าของหยุนเช่อ การระเบิดการเคลื่อนไหวถึงขีดสุดในพริ บตานี้
รวดเร็ วราวสายฟ้าฟาด ยังรวดเร็ วกว่าความเร็ วก่อนหน้านี้
หลายเท่าตัว ทุกผูค้ นในที่น้ นั รวมทั้งหยุนเช่อ เพียงสามารถ
สัมผัสได้ถึงเงาภาพติดตาอันเลือนรางเพียงเท่านั้น
พายุหมุนติดตามมาพร้อมกับเซี่ยวอู๋อ้ ี ครอบคลุมหยุนเช่อ
ไว้ภายในในทันที เซี่ยวอู๋อ้ ีกรี ดร้องคํารามสนัน่ พายุสลาตันทวี
ความรุ นแรงขึ้นอย่างบ้าระหํ่า ทุกสิ่ งทุกอย่างในรัศมีร้อยเมตร
รอบกายของหยุนเช่อกลับกลายเป็ นสายลมแห่งอเวจี กระแสลม
ทุกเส้นแปรสภาพเป็ นคมมีดสายลมอันคมกริ บ ยามพัดผ่านไป
โดยรอบ ราวกับคลื่นวายุสีเขียวอันปั่ นป่ วนห้องล้อมไปรอบกาย
ของหยุนเช่อ
แววตาของหยุนเช่อพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากทว่า
ไม่มีร่องรอยความหวาดหวัน่ แม้เพียงเศษเสี้ ยว หยุนเช่อคําราม
ก้องคราหนึ่ง กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดขึ้น กอ่กาํ เนิดเสี ยงมังกรครํ่า
ครวญกลบกลืนลมพายุดุร้ายพุง่ ทะยานขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า รังสี กระบี่
ของกระบี่หนักที่ขยายขนาดขึ้นเรื่ อยๆราวกับมังกรดุร้ายประกาศ
ศักดา มันพุง่ เข้าไปในลมพายุราวแหวกป่ าไผ่ พลังอํานาจอันน่า
หวาดหวัน่ นี้ ราวกับจะสามารถทิ่มแทงเข้าไปแม้แต่ในชั้น
บรรยากาศ….
ชิ ง้ ...ชิ ง้ … ชิ ง้ .. ชิ ง้ … ชิ ง้ …
ประกายแสงสี เขียวปั่นป่ วนเชื่อมกันเป็ นพื้นที่ขนาดใหญ่
พร้อมเสี ยงปะทะแทบฉี กกระชากเยือ่ แก้วหู พายุหมุนในเขตแดน
วายุสุดขั้วได้สร้างความเสี ยหายไว้เป็ นอย่างมากราวกับคมดาบนับ
พันนับหมื่นที่พยายามฉี กกระชากร่ างของหยุนเช่อออกเป็ นชิ้นๆ
หากแต่เมื่อพายุเหล่านี้ปะทะเข้ากับคลื่นกระบี่ของทัณฑ์มงั กร มัน
กลับแตกกระจายออกราวไร้ตวั ตน ท่ามกลางเสี ยงครวญมังกร
ปรากฏรอยแยกกว้างกว่าสามเมตรลากตรงออกนอกเขตแดนวายุ
สุ ดขั้ว ร่ างหยุนเช่อพร่ าเลือน มันกระโจนออกมาโดยทันที ก่อน
จะร่ อนลงสู่ พ้นื ดิน มันพลันพลิกตัวไปด้านหลัง ฟาดทัณฑ์มงั กร
ส่ งวิหคเพลิงทะยานฟ้าโจมตีอย่างต่อเนื่องใส่ เซียวอู๋อ้ ีเจ็ดครา
นําพาเพลิงเทพหงสาอันร้อนระอุและคลื่นกระบี่หนักอันทรงพลัง
ตูมม ตูมม ตูมม ตูมม ตูมม...
เขตแดนลมปราณอันรุ นแรงซึ่งสามารถตัดผ่าทุกสิ่ งทุกอย่าง
กลับมิอาจต้านทานพลังกระบี่ของทัณฑ์มงั กรที่เหนือกว่า ปรากฎ
รอยรั่วเจ็ดรู บนพื้นผิวเขตแดนในทันที เพลิงเทพหงสาทะลักเข้าสู่
รอยรั่วเผาไหม้ร่วมกับกระแสลม เพียงชัว่ พริ บตา เขตแดน
ลมปราณอันรุ นแรงกลับกลายสภาพเป็ นทะเลเพลิงเทพหงสา
ภายในทะเลเพลิง เงาร่ างของคนผูห้ นึ่งเหินร่ อนอย่างโคลงเคลงลง
สู่ พ้นื ดินด้วยใบหน้าอับอายยิง่ เสื้ อผ้าของมันมากกว่าครึ่ งถูกเผา
ไหม้เป็ นเถ้าถ่าน มันจ้องเขม็งไปยังหยุนเช่อด้วยดวงตาตกตะลึง
เพียงเมื่อได้ประมือกับหยุนเช่อมันจึงได้รู้ถึงความน่ากลัว
ของชายหนุ่มและเข้าใจอย่างแท้จริ งว่าเพราะเหตุใดตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าจึงเกือบจะถูกทําลายลงด้วยนํ้ามือของมัน ความน่ากลัว
และพลังกระบี่หนักนี้เกินกว่าที่มนั คาดการณ์ไว้มากนัก เขตแดน
อันทรงพลังที่มนั สร้างขึ้นด้วยพลังปราณชั้นปราณจักรพรรดิกลับ
ถูกทําลายลงอย่างง่ายดาย มันสามารถกล่าวได้เลยว่ามิมีสิ่งใดใน
ทวีปลมปราณฟ้าอีกแล้วที่กระบี่หนักในมือของหยุนเช่อไม่อาจ
ทําลายได้! ความน่าสะพรึ งของหยุนเช่อได้ทาํ ให้หวั ใจของมัน
ต้องเย็นเยียบด้วยความตกตะลึง มันตัดสิ นใจสังหารหยุนเช่อให้
ได้ในวันนี้ไม่วา่ อย่างไรก็ตาม แม้ตอ้ งสาบาน...มิเช่นนั้น ด้วยนิสยั
ที่ตามจองเวรจองกรรมกับความอาฆาตแม้เพียงนิด พรรคตระกูล
เซียวอาจกลายเป็ นดังเช่นตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่สองก็เป็ นได้!
เซียวอู๋อ้ ีกมุ กระชับลูกแก้วทลายสวรรค์ในมือ
“เหอะ…” มันหยัดกายขึ้นหัวเราะเสี ยงเย็นอย่างเคร่ งขรึ ม
“เจ้ามีความสามารถอย่างแท้จริ ง ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมจึง
สามารถทําให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าตกอยูใ่ นสภาวะเช่นนั้นได้ แต่
ทว่า หากเจ้าคิดว่าสามารถล้มข้าได้เช่นนี้แล้วล่ะก็ เจ้าคงคิดผิด
มหันต์...ข้า เซียวอู๋อ้ ีแห่งพรรคตระกูลเซี ยวจะแพ้ให้กบั เด็กน้อย
เช่นเจ้าได้อย่างไร!”
เซี ยวอู๋อ้ ีจอ้ งมองด้วยแววตาอันมืดมิด มันพลันตะโกนก้อง
พุง่ ร่ างออกมาอย่างดุร้าย พลังปราณทั้งหมดรวมอยูท่ ี่ฝ่ามือขวา
ทัว่ ร่ างครอบคลุมเต็มไปด้วยพายุหมุนยักษ์สีมรกต พุง่ เข้าหาหยุ
นเช่ออย่างรวดเร็ ว
“หื ม เจ้าประเมินตนสู งไป!”
แม้หยุนเช่อเมื่อสองวันก่อนมิได้เปิ ดด่านทัณฑ์อสู รโลกันต์
มันยังสามารถจัดการกับเซียวอู๋อ้ ีได้ มิตอ้ งกล่าวถึงว่ามันสามารถ
ทลายความแข็งแกร่ งมากยิง่ ขึ้น มันยกแขนขึ้นเตรี ยมรับการโจมตี
ฉับพลัน สัญชาตญาณของมันพลันหวีดร้อง ความรู ้สึกอันตราย
ปรากฎบนใบหน้า การโจมตีโต้ตอบของมันเปลี่ยนเป็ นเยียบเย็น
ขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เสี ยงร้องเตือนของจัสมินได้ดงั ขึ้นในหัว
“หลบมัน! พลังประหลาดบางอย่างแผ่ออกมาจากมือของมัน...เร็ ว
เข้า หลบเร็ ว!!”
ใบหน้าเซียวอู๋อ้ ีเผยรอยยิม้ ชัว่ ร้าย ฝ่ ามือของมันที่เดิมกํา
แน่นได้คลายออก ลําแสงสี ม่วงแผ่วจางพลันพุง่ ออกมาด้วย
ความเร็ วอันน่าตระหนก “ไปลงนรกซะ!!”
ความเร็ วของเซียวอู๋อ้ ีน้ นั รวดเร็ วเป็ นอย่างยิง่ ทั้งลําแสงของ
ลูกแก้วทลายทลายสวรรค์ยงั รวดเร็ วอย่างถึงที่สุด ด้วยความเร็ ว
เช่นนี้ ทั้งยังด้วยระยะห่างเพียงไม่ถึงหกสิ บเมตร แม้กระทัง่ ราชัน
ยังไม่มีโอกาสหลบหลีก
ประกายแสงสี ม่วงขยายใหญ่ข้ ึนอย่างรวดเร็ วในม่านตาของ
หยุนเช่อ สิ่ งที่ทาํ ให้มนั รู ้สึกได้ถึงอันตรายย่อมต้องมิใช่ธรรมดา
โดยไม่ตอ้ งหยุดคิด มันพลิ้วร่ างหลบอย่างรวดเร็ ว
วูบบบบ!!
ลูกแก้วทลายสวรรค์กระทบเข้ากับร่ างของหยุนเช่อ ทว่า
ก่อนที่เซี่ยวอู๋อ้ ีจะสามารถเปล่งเสี ยงหัวร่ ออันแสนชัว่ ร้ายของมัน
ออกมา มันพลันพบเห็นว่าลูกแก้วทลายสวรรค์กลับวูบผ่านร่ าง
ของหยุนเช่อ พุง่ ต่อไปเป็ นเส้นตรงสําหรับร่ างจริ งของหยุนเช่อ
นั้น กลับล่องลอยอยูก่ ลางอากาศห่างไกลกว่าสามสิ บเมตร
แม้ยามที่หยุนเช่อควงกระบี่หนัก การเคลื่อนไหวของชาย
หนุ่มจะถูกจํากัดอยูบ่ า้ ง ทว่าท่าเท้าเทพดาราแยกเงาสามารถทําให้
ชายหนุ่มหลบหลีกและล่าถอยในชัว่ พริ บตาได้อย่างทรง
ประสิ ทธิภาพ ซึ่งแทบเท่าเทียมกับการกลบเกลื่อนข้อด้อยทั้งหมด
ของผูใ้ ช้กระบี่หนักได้ ขณะที่เซี่ ยวอู๋อ้ ีกาํ ลังตกตะลึงต่อภาพเงา
ร่ างติดตาของหยุนเช่อที่กาํ ลังเลือนหาย หากปฏิกิริยาของมันยัง
เป็ นไปอย่างรวดเร็ ว ในพริ บตาต่อมา มันจับตําแหน่ง ณ ปัจจุบนั
ของหยุนเช่อได้ในทันทีก่อนจะขว้างปาลูกแก้วทลายสวรรค์อีกลูก
ออกไป
ลูกแก้วทลายสวรรค์สองลูกในชัว่ ระยะเวลาไม่ถึงสิ บลม
หายใจ ครั้งนี้หยุนเช่อแขวนร่ างกลางอากาศ ปราศจากหนทาง
หลบหนีแม้แต่นอ้ ย ชายหนุ่มกัดฟันแนบแน่น พลังลมปราณ
ภายในร่ างพลุ่งพล่านทะลักทลาย…
“ผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆา!!”
ตูมมม!!!!!
ประดุจดังฟ้าถล่มดินทลาย ปรากฏเสี ยงระเบิดดังสะเทือน
ฟ้าดินโดยไล่เลี่ยกัน แม้เหล่าศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าล้วนเกร็ ง
ลมปราณคุม้ ครองกาย หากทว่าใบหูของมันยังปวดร้าวอย่างยิง่
บางคนปรากฏโลหิ ตหลัง่ ไหลออกจากรู หูเป็ นเส้นสาย ลูกกลม
แสงสองลูกพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าพร้อมทั้งเสี ยงสายฟ้าฟาดสะเทือน
ทุกสิ่ งทุกอย่างในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรแหลกป่ นเป็ นผุยผง ผูอ้ าวุโส
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่อยูใ่ กล้เคียงถูกคลื่นพลังกระแทกสะท้อน
ไปห่างไกล ต่างเร่ งโคจรพลังคุม้ ครองร่ างกาย สี หน้าเคลือบคลุม
ด้วยแววหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง...เพียงคลื่นพลังที่หลงเหลือยังน่า
สะพรึ งกลัวถึงเพียงนี้ พลังที่แท้จริ งย่อมต้องฉี กกระชากขวัญ
วิญญาณจนไม่อาจจินตนาการได้!
พลังทําลายล้างถึงขั้นนี้ลว้ นสามารถกลบฝังราชันย์ที่แท้จริ ง
ผูห้ นึ่งลงพื้นดินได้โดยไม่ยากเย็น! ขณะที่เหล่ายอดยุทธ์ช้ นั
ปราณฟ้า หรื อชั้นครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิ นับว่าปราศจาก
โอกาสหลบเลี่ยงพลังอํานาจของมันได้อย่างสิ้ นเชิง!!
ภายใต้ประกายสายฟ้าและเปลวเพลิง กลุ่มก้อนเปลวควัน
กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทว่าน่าแปลก
ประหลาดที่ควันนี้กลับไม่ลอยไปทางใดตามกระแสลม
ยิง่ กว่านั้น หลังจากลอยขึ้นมาสู่ ระดับที่สูงระดับหนึ่ง กลับจับกลุ่ม
รวมตัวไม่แตกกระจัดกระจาย กลุ่มควันที่ปลดปล่อยอกมากลับมี
สี เขียวอย่างพิศดาร…
ควันพิษสังหารที่สามารถเข่นฆ่าในพริ บตาเมื่อเข้าสู่ ร่างของ
มนุษย์!
เซี่ ยวอู๋อ้ ีถดถอยร่ างอย่างรวดเร็ ว หลังมองเห็นประกาย
สายฟ้าระเบิดออก ใบหน้าของมันเผยรอยยิม้ แย้มอันชัว่ ช้า
จากนั้น มันยกศีรษะขึ้นเปล่งเสี ยงหัวร่ ออย่างบ้าคลัง่ สี หน้าของ
เฟิ นอี้เจี๋ยผ่อนคลายลง เฟิ นต้วนหุนและเหล่าผูอ้ าวุโสต่างตื่นเต้น
ยินดี ทั้งหมดมองเห็นหยุนเช่อถูกลูกแก้วทลายสวรรค์ซดั ใส่ เต็ม
สองตา ด้วยพลังระดับนั้น แม้มนั จะไม่ตกตายคาที่ ย่อมต้อง
บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย ยิง่ หากมันสัมผัสถูกควันพิษ ณ ที่น้ นั มัน
ย่อมไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน!
“มันตายรึ ยงั ?” ผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้ากล่าวถามไถ่
ด้วยความตื่นเต้น เจ้าปี ศาจร้ายผูน้ ้ ีสุดท้ายกลับตกตายลงต่อหน้า
ต่อตา มันบังเกิดความหวัน่ ไหวกระทัง่ ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาด
นํ้า
“เฮอะ!” เซี่ ยวอู๋อ้ ีกล่าวอย่างอวดโอ่ขณะทําเสี ยงเยาะเย้ย
“ลูกแก้วทลายสวรรค์สูงส่ งสุ ดยอด กระทัง่ ท่านผูน้ าํ รุ่ นก่อนของ
เรายังไม่กล้าต้านทานรับตรงๆ ตําแหน่งที่ลูกแก้วซัดถูกเมื่อครู่
พอดีเป็ นตําแหน่งทรวงอกของมัน..มันย่อมต้องตายอย่างไม่มีขอ้
สงสัย!!”
“อ้อ? เช่นนั้นรึ ?”
สุ ม้ เสี ยงเย้ยหยันพลันดังออกมาจากภายในกลุ่มควัน
“เช่นนั้นข้าคงต้องขออภัยยิง่ ข้ายังไม่ตายและยังสบายดีอีกด้วย”
“อะ...อะไร!!” เสี ยงที่ดงั ขึ้นข้างหูทุกผูค้ นในเวลานี้ลว้ นไม่
ต่างจากสายฟ้าฟาด ส่ งผลให้พวกมันทุกผูค้ นต่างจ้องมองจน
ดวงตาแทบทะลักออกจากเบ้า หัวใจบีบกระตุก
หลังจากสุ ม้ เสี ยงเลือนรางจางหาย เงาร่ างของหยุนเช่อ
ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเหนือกลุ่มหมอกควัน สองตาของมันเฉี ยบคม
อํามหิ ตยิง่ มุมปากแฝงแววเยาะเย้ยถากถาง ทัว่ ร่ างปลดปล่อยรังสี
ฆ่าฟันอันเข้มข้นเจือความโกรธเกรี้ ยวอย่างสุ ดแสน “เช่นนั้น นี่คือ
ลูกแก้วทลายสวรรค์? จิ๊จิ๊ ชื่อเรี ยกช่างอวดโอ่จนสุ ดประมาณ ทั้ง
ยังสามารถสร้างความประทับใจให้ผคู ้ นได้อยูบ่ า้ ง...น่าเสี ยดายที่
มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้ นเชิง!!”
บทที่ 353 สั งหารล้ างตระกูล

แม้วา่ หยุนเช่อจะกล่าวอย่างดูไม่กงั วลใจ แต่แท้จริ งแล้วเมื่อ


สักครู่ ชายหนุ่มตื่นกลัวกระทัง่ หลัง่ เหงื่อเยียบเย็นทัว่ ร่ าง หากมิใช่
มีการคุม้ กันอันเข้มแข็งจากผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆา พลังทําลายอันน่า
ตื่นตะลึงของลูกแก้วทลายสวรรค์ยอ่ มเพียงพอให้ชายหนุ่ม
บาดเจ็บสาหัสในทันทีเป็ นแน่
มิใช่วา่ หยุนเช่อไม่เคยเผชิญหน้ากับอาวุธของตระกูลเซี่ยว
มาก่อน ครั้งที่ชายหนุ่มไปที่พรรคตระกูลเซี่ยวสาขาเมืองจันทร์
เสี้ ยว เขาได้พบกับด้ามอัคคีพษิ และระเบิดสะท้านฟ้า แต่อานุภาพ
ของอาวุธเหล่านั้นมิอาจเทียบได้กบั ลูกแก้วทลายสวรรค์เมื่อครู่
หลังจากฝุ่ นควันสลายไป ตําแหน่งที่หยุนเช่อยืนได้ขยับไป
กว่าจุดเดิมถึงหลายสิ บเมตร แต่ทว่ั ร่ างชายหนุ่มไม่ปรากฏ
บาดแผลใดเลยแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ จุดโลหิ ตยังไม่ปรากฏให้เห็น
“เจ้า… เจ้า…” เซี่ยวอู๋อ้ ี ผูซ้ ่ ึงวางตัวสู งส่ ง เฉยชา และเชื่อถือ
เสมอมาว่าทุกสิ่ งอยูภ่ ายใต้การควบคุมของตน บัดนี้นยั น์ตาเบิก
กว้างออกจนสุ ด ม่านตาหดแคบอย่างรุ นแรงราวกับได้พบกับเทพ
อสู รที่น่าหวาดกลัวที่สุด ในจิตใจบังเกิดถ้อยคําหนึ่งก้องสะท้อน
ไปมาอย่างบ้าคลัง่ … เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้!
สิ่ งที่โจมตีหยุนเช่อเมื่อครู่ มิใช่เป็ นเพียงอาวุธระดับตํ่าอย่าง
ประทัดสะท้านอัสนีบาตหรื อระเบิดสะท้านฟ้า แต่เป็ น ลูกแก้ว
ทลายสวรรค์-สมบัติล้ าํ ค่าที่สุดประจําตระกูลเซี่ยว ที่ท้ งั ตระกูล
เซี่ยวมีเพียงยีส่ ิ บลูกเท่านั้น กระทัง่ ผูฝ้ ึ กยุทธ์ระดับปราณจักรพรรดิ
ยังมิอาจทนรับการโจมตีไว้ได้!
มิเพียงพลังทําลายล้างของลูกแก้วทลายสวรรค์จะรุ นแรง
อย่างยิง่ แต่มนั ยังปลดปล่อยละอองควันพิษหลังจากระเบิดออก
เมื่อพิษนั้นสัมผัสกับโลหิ ต มันจะตรงเข้าสู่ ร่างของผูไ้ ด้รับพิษและ
ทําให้คนผูน้ ้ นั สิ้ นชีวติ ลงในเวลาเพียงไม่กี่ชวั่ ลมหายใจ หายใจสู ด
ดมเข้าไปพิษนั้นก็จะแสดงผลอย่างรวดเร็ วเช่นกัน… แต่หยุ
นเช่อกลับเพียงยืนอยูท่ ่ามกลางหมอกพิษพร้อมใบหน้าเยาะหยัน
มิได้ดูผดิ แผกไปจากปกติแม้เพียงนิดเดียว!
“พูดตรงๆว่าพลังของสิ่ งที่เรี ยกว่าลูกแก้วทลายสวรรค์น้ ี
นับว่าไม่เลวเลย พิษนี้เองก็ถือว่าน่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน” หยุ
นเช่อจับจ้องเซี่ยวอู๋อ้ ีซ่ ึ งยังคงตื่นตะลึง และกล่าวขึ้นช้าๆ “พิษ
ชนิดนี้ถูกสกัดขึ้นจากหญ้าผลาญเส้นเลือด ดอกพันพยาธิ เถา
กระดูกราตรี ดอกโลหิ ตนํ้าตาอสู ร และพิษจากงูพษิ ร้ายและ
คางคกอัสนีเพลิง พิษชนิดนี้ร้ายแรงอย่างยิง่ ทั้งยังออกฤทธิ์รวดเร็ ว
ถึงที่สุด หากมันแพร่ เข้าสู่ ร่างแล้ว แม้กระทัง่ ราชันยังมิอาจสะกด
พิษได้โดยง่าย และหากบาดเจ็บจากการระเบิดของลูกแก้วทลาย
สวรรค์อยูก่ ่อนแล้ว หากสู ดดมหมอกพิษชนิดนี้เข้าไป บางครา
กระทัง่ ราชันยังยากจะรอดชีวติ …”
หยุนเช่อเริ่ มก้าวย่างไปด้านหน้า พร้อมกับที่สุม้ เสี ยงเย็น
เยียบขึ้นทุกขณะ “อย่างน้อยจนบัดนี้ ข้ายังไม่เคยล่วงเกินพรรค
ตระกูลเซี่ ยวของเจ้า ทั้งไม่เคยพูดคุยหรื อขัดแย้งใดๆต่อกัน แต่เจ้า-
พรรคตระกูลเซี่ ยว เพื่อสังหารข้า พวกเจ้ากลับวางแผนไว้มากมาย
และใช้วธิ ีอนั ตํ่าช้าเช่นนี้ ช่าง...ยอดเยีย่ มจริ งๆ!”
ถ้อยคําของหยุนเช่อทําให้จิตใจของเซี่ ยวอู๋อ้ ีบีบรัดอย่าง
รุ นแรง… หยุนเช่อได้ร่ายส่ วนประกอบของพิษร้ายที่แฝงไว้ใน
ลูกแก้วทลายสวรรค์อย่างไม่ผดิ พลาดเลยแม้เพียงนิดเดียว! การที่
ชายหนุ่มยังคงดูสบายดีภายใต้การโจมตีจากลูกแก้วทลายสวรรค์
ผนวกกับประโยคที่ชายหนุ่มเพิ่งกล่าวขึ้นเมื่อครู่ ได้สะท้าน
สะเทือนต่อปราการแห่งจิตใจของเซี่ ยวอู๋อ้ ีอย่างรุ นแรง เมื่อนึกถึง
สภาพอันน่าสังเวชของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า และนึกถึงผลจาก
การสังหารหยุนเช่อไม่สาํ เร็ จ ทําให้บนแผ่นหลังของมันหลัง่ เหงื่อ
เยียบเย็นชุ่มโชกราวกับสายฝน
“หยุน...เช่อ…” ชื่อของหยุนเช่อลอดผ่านไรฟันของเซี่ยวอู๋อ้ ี
ชายหนุ่มบัดนี้เดินเข้ามาใกล้มนั มากขึ้นเรื่ อยๆ จนบัดนี้เหลือ
ระยะห่างเพียงสามสิ บเมตร เมื่อชายหนุ่มตรงเข้ามาใกล้ ความ
หวาดหวัน่ อันมิอาจควบคุมได้บงั เกิดขึ้นภายในก้นบึ้งจิตใจของ
เซี่ยวอู๋อ้ ี มันเบิกตากว้างพร้อมกับขบกรามแน่น มือขวาที่เคยกํา
หมัดแน่นพลันขยับอย่างฉับพลันพร้อมกับคว้าจับลูกแก้วทลาย
สวรรค์สองลูกที่ไว้ในมือเพือ่ เตรี ยมจะโยนออกไป
เมื่อรู ้วา่ บนร่ างเซี่ยวอู๋อ้ ีได้ซุกซ่อนสิ่ งที่น่าหวาดกลัวอย่าง
ลูกแก้วทลายสวรรค์ หยุนเช่อจึงเกร็ งประสาทสัมผัสทัว่ ร่ าง สมาธิ
ส่ วนใหญ่จบั จ้องอยูท่ ี่ฝ่ามือของเซี่ยวอู๋อ้ ี เมื่อเห็นว่ามือของมัน
ขยับเล็กน้อยอย่างพิสดาร ดวงตาของหยุนเช่อพลันเปล่งประกาย
อัคคีเทพหงสาบัดลุกโชนขึ้นจากทัว่ ร่ าง
“ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก!!”
เหตุผลที่หยุนเช่อเดินเข้าไปใกล้เซี่ยวอู๋อ้ ีทีละก้าว ทีละก้าวก็
เพียงเพือ่ จังหวะนี้ เมื่อเซี่ยวอู๋อ้ ีนาํ ลูกแก้วทลายสวรรค์สองลูก
ออกมาและกําลังจะโยนออก เงาอัคคีพลันพลิ้วผ่านไปเบื้องหน้า
มัน พลังอันดุดนั อย่างยิง่ ทะลักทะลายออกอย่างฉับพลัน ความเร็ ว
ของเงาอัคคีน้ นั รวดเร็ วจนทําให้กระทัง่ ราชันเช่นมันมิอาจโต้ตอบ
ได้ทนั เวลา มันทันได้เห็นเพียงดวงตาของหยุนเช่อที่ขยับใกล้เข้า
มา ขณะที่ขอ้ มือของมันเริ่ มขยับเพื่อโยนลูกแก้วออกนั้นเอง พลัง
ทําลายอันมหาศาลได้ปะทะเข้ากับหน้าอกของมันอย่างรุ นแรง
ตูม!!
พลังปะทะจากระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กซึ่งใช้ออกด้วย
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรมิได้ดอ้ ยไปกว่าลูกแก้วทลายสวรรค์เลยแม้แต่
น้อย ซี่โครงของเซี่ยวอู๋อ้ ีส่งเสี ยงแตกหักออกมาพร้อมกับที่มนั
กระเด็นออกไปในแนวขวางท่ามกลางเสี ยงกรี ดร้องอย่างทรมาน
พร้อมกับที่ลูกแก้วทะลายสวรรค์สองลูกที่กาํ ลังจะถูกโยนออก
บัดนี้ได้ลื่นหลุดจากมือของมัน หยุนเช่อหมุนตัวหนึ่งครั้งและคว้า
จับลูกแสงสี ม่วงทั้งสองไว้ในมือ… เมื่อลูกแก้วทลายสวรรค์ตกสู่
กํามือของหยุนเช่อ ชายหนุ่มตรวจสอบผนึกปราณบนลูกแก้วนั้น
และรับรู ้วธิ ีใช้มนั ในทันที
เปรี้ยง!
เซี่ยวอู๋อ้ ีกระเด็นไปไกลมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร หลังจากกลิ้ง
ไปบนพื้นนับสิ บตลบมันก็ลุกขึ้นอย่างรี บร้อน พร้อมกับใช้มือข้าง
หนึ่งกุมหน้าอกที่ยบุ ลงไปอย่างรุ นแรงและใช้อีกมือหนึ่งพยายาม
ดับอัคคีเทพหงสาที่เผาไหม้บนร่ าง มันทะยานขึ้นบนฟ้าและ
พยายามหนีอย่างบ้าคลัง่
“ฮึ่ม จะหนีหรื อ?”
ดวงตาของหยุนเช่อมืดทะมึน ชายหนุ่มเก็บกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกรพร้อมกับติดตามไปด้วยความเร็ วสู งสุ ด ทว่าเซี่ยวอู๋อ้ ีเหิ นร่ าง
สู งขึ้นเรื่ อยๆ แม้วา่ ความเร็ วของชายหนุ่มจะมิได้ดอ้ ยไปกว่ามัน
แต่กม็ ิอาจตามมันทันได้ หยุนเช่อแหงนหน้าขึ้นพร้อมกับจับจ้อง
ไปที่เซี่ยวอู๋อ้ ี ชายหนุ่มกําลูกแก้วทะลายสวรรค์ลูกหนึ่งไว้ในมือ
ขวา ก่อนจะสะบัดข้อมือเขวี้ยงออกในทันที
ข้อจํากัดในการกวัดแกว่งกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่หนักกว่าหมื่น
กิโลกรัมอย่างคล่องแคล่วของหยุนเช่อคือชายหนุ่มต้องมีกาํ ลัง
แขนอันน่าหวาดหวัน่ เหนือประมาณ ด้วยกําลังแขนนี้ ลูกแก้ว
ทลายสวรรค์ที่ชายหนุ่มเขวี้ยงออกไม่มีผใู ้ ดทราบได้วา่ รวดเร็ ว
กว่าคราที่เซี่ยวอู๋อ้ ีเป็ นผูโ้ ยนกี่เท่า เซี่ยวอู๋อ้ ีซ่ ึงจิตใจทุ่มเทไปที่การ
หนีเอาตัวรอดพลันได้ยนิ เสี ยงกระแสลมที่กรี ดร้องขึ้นจาก
เบื้องหลัง มันหันศีรษะกลับไปมองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะพบ
กับจุดแสงสี ม่วงที่บดั นี้อยูห่ ่างออกไปไม่ถึงหนึ่งฟุต
“อ๊ ากกก….” ดวงตาของเซี่ยวอู๋อ้ ีเบิกกว้างจนราวกับจะฉี ก
ขาด เสี ยงกรี ดร้องแหบแห้งอย่างสิ้ นหวังถูกเปล่งออกจากปากของ
มัน...
ตูม!!!
ลูกแก้วทลายสวรรค์ระเบิดออก ราวกับบังเกิดอัสนีบาตจาก
สวรรค์ผา่ ลงสะท้านสะเทือนทัว่ หล้าระเบิดออกกลางอากาศ คลื่น
การสัน่ สะเทือนทําให้ท้ งั ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าสัน่ ไหว แสงอัคคี
แผ่พงุ่ ขึ้นกลางอากาศ อัสนีบาตฟาดลงอย่างบ้าคลัง่ เกรี้ ยวกราด
พร้อมกับที่หมอกพิษเริ่ มแพร่ กระจายอย่างเชื่องช้า เงาร่ างสี ดาํ
กระเด็นขึ้นสู งบนท้องฟ้าก่อนที่จะดิ่งวูบลงฟาดกับพื้นอย่าง
รวดเร็ ว
ผ้าคลุมบนร่ างของเซี่ยวอู๋อ้ ีขาดออกเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทัว่
ร่ างบัดนี้บาดเจ็บอย่างร้ายแรง หมอกพิษได้แพร่ กระจายเข้าสู่
สายโลหิ ตของมันและออกฤทธิ์อย่างโหดเหี้ ยม ทําให้มนั บิดกลิ้ง
ร่ างไปมาบนพื้นดินพร้อมกับเปล่งเสี ยงกรี ดร้องอย่างเจ็บปวด
แสนสาหัส
หยุนเช่อเดินเข้ามาอย่างผ่อนคลายจนกระทัง่ หยุดยืนที่ขา้ ง
ร่ างของมัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยิบกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรออกมาและ
ทิ่มแทงลงด้วยสี หน้าเฉยชา
ฉั วะ…
ปลายกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรอันทื่อด้านแทงทะลุร่างของเซี่ยวอู๋อ้ ี
โดยไร้การต่อต้านขัดขืน ปักทะลุตรงยังหัวใจของมัน ร่ างของ
เซี่ยวอู๋อ้ ีแข็งค้างไปชัว่ ครู่ ดวงตาที่เหลือกถลนจ้องตรงที่หยุนเช่อ
ครู่ หนึ่ง ก่อนที่ร่างกายจะหมดสิ้ นเรี่ ยวแรงและไม่ขยับเขยื้อนอีก
ภายในเวลาสามวัน สองราชันได้สิ้นชีวติ ลงอย่างต่อเนื่องใต้
คมกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
หยุนเช่อดึงแหวนมิติของเซี่ยวอู๋อ้ ีออกมาและดูส่ิ งที่อยู่
ภายในอย่างคร่ าวๆ รอยยิม้ พึงพอใจเผยขึ้นบนใบหน้าของชาย
หนุ่มอย่างฉับพลัน ในฐานะผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนของพรรคตระกูล
เซี่ยว บนร่ างของมันย่อมไม่มีส่ิ งของอันธรรมดา หากนําสิ่ งใด
ออกมาย่อมกลับกลายเป็ นสมบัติล้ าํ ค่าที่คนธรรมดามิอาจกล้า
ใฝ่ ฝันถึง ในสิ่ งของเหล่านี้ยงั มีลูกแก้วทลายสวรรค์อีกหนึ่งลูก
รวมถึงกุญแจพิเศษหลายดอก… ซึ่ งน่าจะใช้สาํ หรับเปิ ดเข้าสู่
สถานที่สาํ คัญภายในพรรคตระกูลเซี่ยว
หยุนเช่อเตะร่ างของเซี่ยวอู๋อ้ ีออกไป ก่อนจะหันกลับไป
มองเฟิ นต้วนหุนและเหล่าผูอ้ าวุโสซึ่ งสี หน้าแปรเปลี่ยนเป็ นซีด
ขาวเนิ่นนานแล้ว… เรื่ องที่ลูกแก้วทลายสวรรค์มิอาจทําอันตราย
หยุนเช่อได้ทาํ ให้จิตใจของพวกมันราวกับดิ่งวูบลงในหุบเขา และ
ด้วยการตายอย่างน่าเอน็จอนาถของเซี่ยวอู๋อ้ ียง่ิ ทําให้ความหวัง
เสี้ ยวสุ ดท้ายของพวกมันกลับกลายเป็ นความสิ้ นหวังอย่างแท้จริ ง
“พวกเจ้าจะเลือกจบชีวติ ตนเอง หรื ออยากให้ขา้ เป็ น
ผูจ้ ดั การพวกเจ้าเอง?” หยุนเช่อหรี่ ตาพูดอย่างเย็นชา
ในหมู่เจ้าตําหนักสามสิ บสามคนและผูอ้ าวุโสยีส่ ิ บเจ็ดคน
บัดนี้หลงเหลืออยูเ่ พียงสิ บกว่าคนเท่านั้น แต่กระทัง่ สิ บกว่าคนนี้
รวมพลังกันยังมิอาจเป็ นคู่มือของหยุนเช่อได้ ผูเ้ ดียวที่สามารถ
ต่อกรกับหยุนเช่อได้มีเพียงประมุขรุ่ นก่อน-เฟิ นอี้เจี๋ยที่บดั นี้
บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แววตาของพวกมันเปี่ ยมด้วยความเศร้าโศก
สิ้ นหวัง ทําให้มนั มิอาจรวบรวมกําลังใจแม้เพียงเศษเสี้ ยวเพือ่ ดิ้้น
รนขัดขืนได้
“หยุนเช่อ เจ้าจะ....ไม่ไว้ชีวติ แม้เพียงสักคนจริ งๆหรื อ!”
เฟิ นอี้เจี๋ยพูดพร้อมกัดฟันแน่น
สี หน้าของหยุนเช่อมืดทะมึน ทุกถ้อยคําที่กล่าวล้วนเย็นชา
ดุจนํ้าแข็ง “ข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้า และเปิ ดทางถอยให้พวกเจ้า
หลายครั้งหลายครา… แต่เป็ นพวกเจ้าที่ยนื กรานกดดันให้ขา้
สังหารล้างตระกูลพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า! วันนี้พวกเจ้าทุกคน
ต้องตาย และจากพรุ่ งนี้เป็ นต้นไป จะไม่มีตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
อีก!”
หยุนเช่อยกแขนขึ้น ชี้ปลายกระบี่หนักทัณฑ์มงั กรไปยัง
เฟิ นอี้เจี๋ยผูส้ ิ้ นหวัง ราวกับกําลังประกาศประกาศิตชี้ขาด
เฟิ นอี้เจี๋ยยกดาบอัคคีอาญาสิ ทธิ์ข้ ึน พร้อมแหงนเงยหน้าขึ้น
มองฟ้า “ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่สืบทอดกันมากว่าพันปี กลับต้อง
มาสิ้ นสุ ดลงในยุคของข้า ข้าจะมีหน้าที่ไหนไปพบเหล่าบรรพ
บุรุษ… หยุนเช่อ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของข้ามาตกอยูใ่ นสภาพนี้
ล้วนเกิดขึ้นเพราะพวกเราทําตัวเองจริ งๆ มิอาจกล่าวโทษเจ้าได้
ทั้งหมด! แต่เหล่าศิษย์ในตระกูลล้วนเป็ นผูบ้ ริ สุทธิ์ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะ
ไม่ลงมือกับพวกเขาเช่นกัน หลังจากปล่อยตัวพวกเขาทั้งหมดไป
แล้ว พวกเราจะจบชีวติ ตนเอง!”
“เหอะ…” หยุนเช่อหัวเราะเย็นชา เสี ยงนั้นชัว่ ร้ายและเย็น
เยียบราวกับถูกเปล่งออกโดยปี ศาจร้าย “พวกเจ้าหูหนวกรึ ! ข้าเพิ่ง
จะบอกไปว่าพวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย...พวกเจ้าทุกคน!! วันที่เจ้า
ทําเรื่ องตํ่าช้า ลักพาตัวครอบครัวของข้า ข้าได้สาบานไว้แล้วว่า
จะต้องทําให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของเจ้า...แปรเปลี่ยนเป็ นธาร
โลหิ ต แม้แต่ตน้ หญ้าต้นเดียวก็ไม่เหลือรอด!!”
เฟิ นอี้เจี๋ยเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ใบหน้าของเฟิ นต้วนหุน
และเหล่าผูอ้ าวุโสล้วนแสดงอาการตื่นตะลึงและหวาดกลัวถึงขีด
สุ ด ศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่อยูร่ ายรอบต่างก็เริ่ มตัวสัน่ เทาด้วย
ความหวาดหวัน่ … ความหมายที่แฝงไว้ในถ้อยคําของหยุนเช่อคือ
มิเพียงชายหนุ่มจะสังหารประมุขตระกูล ผูอ้ าวุโส และเจ้าตําหนัก
จนสิ้ นซาก… ชายหนุ่มยังจะสังหารทุกคนในตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่าง!!
ทําให้ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งหมดพานพบกับการสังหาร
ล้ างตระกูลโดยแท้ จริ ง!
สายลมอันหนาวเหน็บแน่นหนาพัดโชยผ่านร่ างของทุกคน
ในตระกูลอัคคีผลาญฟ้า พวกมันไม่เคยคาดคิดเลยว่าการล้างแค้น
ของหยุนเช่อจะโหดเหี้ ยมอํามหิ ตและหมดจดสมบูรณ์ถึงเพียงนี้
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ นอี้เจี๋ยเริ่ มสัน่ สะท้าน “เจ้า… เจ้า… แม้วา่ ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าของข้าจะเป็ นฝ่ ายล่วงเกินเจ้าก่อน แต่ยงั ไม่ถึงขั้น
สมควรรับผลกรรมอันหนักหนาเท่านี้… เหล่าศิษย์ในตระกูลล้วน
ไม่เคยมีเรื่ องบาดหมางแค้นเคืองต่อเจ้า เจ้าไม่มีเหตุผลใดที่จะ
สังหารพวกมัน… เจ้า… เจ้าไม่กลัวสวรรค์จะพิโรธรึ !!”
หยุนเช่อแย้มยิม้ มันเป็ นรอยยิม้ ที่เฟิ นอี้เจี๋ยและบุคคลอื่นมิ
อาจเข้าใจได้ ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสี ยงตํ่า “จํานวนผูค้ นที่ขา้ ได้เข่น
ฆ่ามาตลอดสองชาติภพนี้ มากมายกว่าผูค้ นที่พวกเจ้าได้เคยพบปะ
มาทั้งชีวติ มากมายนัก บาปแห่งการสังหารที่ขา้ แบกรับไว้ กระทัง่
รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์สกั หมื่นครั้งก็ยงั ไม่เพียงพอ! จะเพิ่มอีก
หลายสิ บหมื่นคนจะเป็ นไร!”
“พวกเจ้าทําข้าเกือบตายมาหลายต่อหลายครั้ง ข้ายังสามารถ
ไม่ใส่ ใจ แต่การลักพาตัวครอบครัวของข้า ทําให้พวกเขาเกือบเอา
ชีวติ ไม่รอด… เพียงเพราะเหตุผลนี้พวกเจ้าจึงต้องชดใช้ดว้ ยการ
ตายยกตระกูล! หากมีคนจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้ารอดชีวติ
เพิ่มขึ้นหนึ่งคน เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังก็จะถูกปลูกฝัง
เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเมล็ด หากวันใดที่ตน้ กล้าแห่งความแค้นนี้เติบโต
พ้นผืนดินเมื่อใด มันอาจทําอันตรายต่อท่านปู่ และอาหญิงเล็กของ
ข้าได้ ไม่วา่ ความเป็ นไปได้น้ นั จะน้อยนิดเพียงใด ข้าย่อมมิอาจ
ปล่อยให้มนั เกิดขึ้น! และเพียงเพราะเหตุผลนี้ พวกเจ้าทุกคน…
ต้องตาย!!”
ถ้อยคําของหยุนเช่อไม่ปรากฏอารมณ์อนั ใด และไม่เปิ ดทาง
หนีเลยแม้แต่นอ้ ย ราวกับเสี ยงพึมพําจากอสู รร้ายที่ทาํ ให้จิต
วิญญาณของทุกคนสัน่ สะท้าน เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบร่ างของมันก็
ทะยานขึ้น พร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่หนัก อัคคีเทพหงสามากกว่า
สิ บสายพุง่ ไปยังศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าโดยรอบท่ามกลางสาย
ลมพัดหวีดหวิว
ตูม ตูม ตูม ตูม…
อัคคีพงุ่ ทะยานขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าและระเบิดออกยังสถานที่ต่างๆ
ก่อนที่เพลิงจะลุกลามอย่างรวดเร็ ว แผดเผาฝูงชนตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้ากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าให้กลายเป็ นเถ้าถ่าน ทําให้ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าทั้งตระกูลจมดิ่งสู่ หว้ งแห่งเสี ยงกรี ดร้องอันทุกข์ทรมาน
ในชัว่ พริ บตา
เมื่อเห็นศิษย์ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจํานวนมากตายตกลงใน
พริ บตา ร่ างของเฟิ นต้วนหุนและบุคคลอื่นๆสัน่ สะท้านจน
เกือบจะครํ่าครวญออกมาเสี ยงดัง คราแรกพวกมันคิดว่าพวกตน
ได้เผลอกระตุน้ โทสะของสุ นขั ป่ าอันดุร้ายหรื อพยัคฆ์อนั
เหี้ ยมโหด แต่บดั นี้เองที่พวกมันกระจ่างแจ้งอย่างแท้จริ งว่าผูท้ ี่มนั
กระตุน้ โทสะแท้จริ งแล้วคือบุรุษคลัง่ คนหนึ่ง… คือปี ศาจร้าย!
“เจ้า...เจ้าปี ศาจร้าย! แม้วา่ พวกเราจะถูกทุบตีจนร่ างแหลก
สลาย แต่พวกเราจะต้องลากเจ้าไปนรกด้วยกันให้จงได้!!”
เหล่าผูอ้ าวุโสตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่คราแรกหวังจะปลิด
ชีวติ ตนเองต่างพยุงร่ างอันบาดเจ็บของตนคว้าจับดาบอัคคีผลาญ
สวรรค์และทะยานร่ างเข้าหาหยุนเช่อ นําพาความทุกข์ระทมไร้ที่
สิ้ นสุ ดและความสิ้ นหวังเปี่ ยมล้นในดวงตาอันแดงกํ่าด้วยโลหิ ต
บทที่ 354 ไร้ ซึ่งสรรพชีวติ

จากเบื้องสู งจนถึงเบื้องตํ่า ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าปราศจากผู ้


เข้มแข็งที่คู่ควรต่อกรกับหยุนเช่อ แม้วา่ พวกมันยังคงมีศิษย์นบั
หมื่นคน แม้จะมีศิษย์ในตระกูลร่ วมหมื่นคน แต่ยงั คงไม่อาจสร้าง
ความลําบากใดแก่หยุนเช่อได้แม้จะทวีจาํ นวนกว่านี้สกั สองเท่า ที่
ติดตามเสี ยงร้องคํารามของเหล่าผูอ้ าวุโส ทุกผูค้ นเพียงปรากฏ
ความหวาดกลัวของการถูกล่าล้างตระกูล รวมทั้งความโศกเศร้า
เสี ยใจในการถูกทําลายล้าง ต่างเปล่งเสี ยงรํ่าร้องโหยหวนราวสุ นขั
ป่ า หยิบฉวยอาวุธวิง่ เข้าใส่ หยุนเช่อ
หยุนเช่อยกศีรษะขึ้น สายตากวาดกราดไปทัว่ ในฝูงชน บน
ใบหน้าไม่ปรากฏวีแ่ ววของความหวัน่ ไหวแม้แต่นอ้ ย ที่เบื้องหน้า
สายตา ผูอ้ าวุโสสิ บสามคนสุ ดท้ายของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถา
โถมเข้าหาโดยพร้อมเพรี ยง ท่ามกลางความรู ้สึกสิ้ นหวัง โศกเศร้า
อาดูร รวมทั้งความเดือดดาลคัง่ แค้น สี หน้าของพวกมันบิดเบี้ยว
อัปลักษณ์ สองตาเบิกถลนแทบระเบิดออก แม้จะเกลื่อนกลาดด้วย
รอยแผลทัว่ ร่ าง ทว่าแต่ละคนกลับเปล่งอานุภาพพลังฝี มือสู งส่ งยิง่
กว่ายามปกติของตนเองออกมา
หยุนเช่อยกชูกระบี่หนักพร้อมสื บเท้าไปเบื้องหน้าอย่างไร้
อารมณ์ความรู ้สึกใด...นี่เป็ นก้าวแรกแห่งการสังหารหมู่! เป็ นย่าง
ก้าวแรกในการส่ งตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไปยังก้นหุบเหวแห่งการ
กําจัดสิ้ นทั้งตระกูล
ตูม!
เหล่าผูอ้ าวุโสทั้งสิ บสามต่างมุ่งหวังสละชีวติ เพื่อแตกดับไป
พร้อมกับหยุนเช่อ เมื่อชายหนุ่มจู่โจมเข้าใส่ ทั้งหมดไม่มีผใู ้ ด
ยินยอมหลบหนี ทั้งยังฝื นทานต้านรับกระบวนท่า ทว่าเพียงความ
แข็งแกร่ งชั้นลมปราณฟ้า ล้วนไม่มีค่าอันใดในสายตาของหยุ
นเช่อ ท่ามกลางเสี ยงกระหึ่ มคราหนึ่ง ทั้งหมดถูกระเบิดปลิว
กระจัดกระจาย กว่าครึ่ งรับบาดเจ็บสาหัสโดยทันที หยุนเช่อก้าว
เท้าไปเบื้องหน้าอีกหนึ่งก้าว ตวัดกระบี่ทณั ฑ์มงั กรก่อเกิดคลื่น
พลังมหาศาลอีกคราเข้าใส่ เฟิ นต้วนหุน
เฟิ นต้วนหุนเดิมมิใช่คู่มือของหยุนเช่อ เมื่อรวมกับอาการ
บาดเจ็บก่อนหน้านี้ มันถูกกระบี่น้ ีระเบิดกระแทกออก แขนทั้ง
สองข้างหักผิดรู ปในทันที หากแต่หยุนเช่อมิได้ไล่ติดตามมันไป
สายตาของชายหนุ่มเลื่อนไปหยุดอยูท่ ี่เฟิ นอี้เจี๋ยแทนที่ เพลิงวิหค
อันร้ายกาจพุง่ ทะยานออกจากกระบี่หนักตามการสะบัดฟาดฟัน
ในทันที
พลังอันน่าเกรงขามกรี ดเฉือนคลื่นมวลอากาศอย่างรุ นแรง
เปลวอัคคีร้อนแผดเผาสาดประกายบนใบหน้าซีดเผือดของเฟิ นอี้
เจี๋ย สองเท้าของมันถดถอยหลังขณะสองแขนยกขึ้นมาขวางอยู่
เบื้องหน้า เกร็ งกําลังทั้งหมดเพือ่ ป้องกันร่ างกายของมัน…
เปรี้ ยง!!!
เปลวอัคคีเทพหงสาระเบิดออก ทว่าพลังโจมตีจากกระบี่
หนักยังคงไม่สลายไป ก่อนจะพุง่ เข้าบดขยี้ปราการคุม้ ครองร่ างที่
ฝื นรักษาไว้ของเฟิ นอี้เจี๋ย…
เมื่อไม่อาจใช้พลังยุทธ์ออกโดยราบรื่ นภายใต้อาการ
บาดเจ็บ ทั้งยังได้รับท่ากระบี่อนั รุ นแรง เฟิ นอี้เจี๋ยกระอักโลหิต
ออกมาคําโต รัศมีพลังทั้งมวลสู ญสลายหายไป ร่ างกายก้าว
ถดถอยหลังติดต่อกันหลายสิ บเมตร วิหคเพลิงทะยานฟ้าดําดิ่งเข้า
หาอย่างไม่หยุดยั้ง พุง่ กระแทกเข้าใส่ บริ เวณทรวงอกของเฟิ น
อี้เจี๋ยอย่างเต็มที่...ก่อนจะทะลุทะลวงผ่านออกทางด้านหลังพร้อม
เสี ยงกู่ร้องคราหนึ่ง!
“ท่ าน...ท่ านผู้นํารุ่นก่ อน!”
“ท่ านผู้นํารุ่นก่ อน!!!!”
เฟิ นอี้เจี๋ยมองไปยังสภาพการณ์อนั โกลาหลปั่นป่ วนของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่แตกสานซ่านเซ็นและสับสนวุน่ วายด้วยสี
หน้าตกตะลึงราวโง่งม ชัว่ วินาทีน้ นั เอง ภาพเหตุการณ์ของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าอันรุ่ งเรื องเกริ กไกรวูบผ่านในสายตา ทว่าล้วน
แปรเปลี่ยนเป็ นภาพว่างเปล่าขาวโพลนโดยไร้ที่สิ้นสุ ดเข้าแทนที่
ร่ างกายของมันล้วนร่ วงหล่นลงไปในโลกอันเวิง้ ว้างไร้ขอบเขต
นั้น สุ ม้ เสี ยงสุ ดท้ายที่ดงั อยูข่ า้ งหู คือเสี ยงร้องรํ่าครํ่าครวญด้วย
ความโศกเศร้าเสี ยใจอันแสนสัน่ ขวัญกระชากวิญญาณที่ราย
ล้อมรอบกาย
แม้เฟิ นอี้เจี๋ยมิได้ปรากฏตัวขึ้นต่อสาธารณะมากว่ายีส่ ิ บปี
มันยังคงนับเป็ นเสาหลักของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนถึงท้ายที่สุด
การสิ้ นชีวติ ของมัน ล้วนเปรี ยบดัง่ การสิ้นสุ ดอย่างแท้จริ งของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเช่นกัน
“ไม่จาํ เป็ นต้องตะโกนเสี ยงดังถึงเพียงนั้น” หยุนเช่อกล่าว
โดยไร้อารมณ์ “เนื่องเพราะพวกเจ้าทั้งหมด...จะได้ตามไปเป็ น
เพื่อนมันสู่ นรกในไม่ชา้ !!”
ทันทีที่สิ้นเสี ยงกล่าว ลูกเปลวไฟกลมเกลี้ยงลูกหนึ่งระเบิด
ปะทุออกอย่างฉับพลัน ในชัว่ วินาทีน้ นั อัคคีเทพหงสาอันโชติ
ช่วงกลืนกินพื้นที่หลายร้อยเมตรรอบกาย กวาดรวบเหล่าศิษย์
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเข้าสู่ เพลิงโลกันตร์อนั มีมรณะกาลเป็ นที่
สิ้ นสุ ด...เพลิงเทพหงสาแพร่ กระจายโดยไร้แรงลมหนุน
ครอบคลุมทัว่ ทั้งพื้นที่ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า...แม้จะเป็ นยาม
ตะวันชิงพลบ ทว่าแสงไฟอันร้อนแรงแผดเผายังคงแต่งแต้ม
ท้องฟ้าเหนือตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนแดงกํ่าดุจโลหิต
——————————————
“อ๊ะ!!”
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนผูต้ กอยูใ่ นภวังค์ครุ่ นคิดอย่างลึกลํ้าขณะปิ ด
เปลือกตา พลันลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันราวถูกสายฟ้าฟาด สอง
มือของมันสัน่ ระริ ก เหงื่อกาฬเย็นเยียบกระจายเต็มหน้าผาก
“ท่านผูน้ าํ เกิดอะไรขึ้น?” ผูอ้ าวุโสที่เบื้องข้างมันกล่าวถาม
ด้วยวิตก
ปลายหางตาของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนสัน่ กระตุก สี หน้าเต็มไป
ด้วยความหวาดหวัน่ และแตกตื่นตระหนก ในฐานะหัวหน้าพรรค
ตระกูลเซี่ยว มันแทบไม่เคยได้เปิ ดเผยสี หน้าเช่นนี้มาก่อนเลย
“ตราประทับวิญญาณของท่านอารองหายไป...มัน..ตายแล้ว!”
“อะไรนะ!?” ผูอ้ าวุโสชุดดําตะโกนโพล่งออกมาอย่างไม่
อาจควบคุม ก่อนจะสัน่ ศีรษะปฏิเสธด้วยความหวาดหวัน่
“เป็ นไปไม่ได้! อาวุโสอู๋อ้ ีเป็ นรองเพียงท่านผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน
แทบไม่อาจหาผูใ้ ดต่อกรได้ในอาณาจักรวายุครามแห่งนี้
ยิง่ กว่านั้น มันพกนําลูกแก้วทลายสวรรค์ไปด้วยถึงห้าลูก มันจะ
สามารถ...”
“ข้าไม่ตอ้ งการเชื่อเรื่ องนี้เช่นกัน แต่ตราประทับวิญญาณไม่
เคยโกหก! ท่านอารองตายแล้วจริ งๆ ยิง่ กว่านั้น จากระยะเวลาที่
ตราประทับอ่อนกําลังลงจนกระทัง่ สลายหายไปโดยสิ้ นเชิง เพียง
เป็ นระยะเวลาไม่กี่ลมหายใจตั้งแต่ตน้ จนจบ ท่านอารองมิเพียง
ตายอย่างอนาถ หากยังเป็ นการลงมือของผูท้ ี่มีพลังสู งส่ งยิง่ ด้วย
ความแข็งแกร่ งชั้นปราณจักรพรรดิระดับสาม การสามารถสังหาร
ได้ในชัว่ ระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้...”
เมื่อเซี่ ยวเจวีย๋ เทียนกล่าวถึงยามนี้ มันไม่อาจฝื นกล่าวคําพูด
ได้อีกต่อไป มันพลันรู ้สึกได้ถึงกระแสเย็นเยียบเสี ยดกระดูกแล่น
ผ่านไขสันหลัง แทรกซึมลึกลํ้าสู่ ไขกระดูกของมัน...หยุนเช่อ
สามารถทําร้ายเฟิ นอี้เจี๋ยบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังสามารถสังหารเฟิ นจื่
อหยา นี่ลว้ นสร้างความแตกตื่นให้แก่มนั ถึงเพียงไหน การตกตาย
ลงในเวลาอันรวดเร็ วของเซี่ยวอู๋อ้ ี ยิง่ เป็ นการบ่งบอกต่อมันอย่าง
ชัดเจนว่าความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อบรรลุถึงระดับชั้นใดในยาม
นี้...ที่สาํ คัญยิง่ กว่า การตายของเซี่ยวอู๋อ้ ี พิสูจน์ยนื ยันว่ามันไม่
เพียงไม่อาจฆ่าหยุนเช่อ หากยังถูกหยุนเช่อลงมือสังหารกลับจน
ตกตายอย่างรวดเร็ ว หลังจากที่ชายหนุ่มสะสางเรื่ องราวกับตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าจนจบสิ้ น บัญชีแค้นเก่าเมื่อสามปี ก่อน อาจถูกนํามา
ชําระแค้นใหม่ในวันนี้กเ็ ป็ นได้…
แผ่นหลังของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนพลันอาบชโลมชุ่มโชกด้วย
หยาดเหงื่อเย็นยะเยือก มันพลันเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างเร่ งร้อน “รี บ
ด่วน...ไปยังสาขาเมืองเพลิงครามเพื่อสื บเสาะข่าวคราวถึง
สถานการณ์ปัจจุบนั ของตระกูลออัคคีผลาญฟ้าโดยด่วน...ไปเร็ ว!”
หลังจากหอบหายใจรุ นแรงอยูส่ องสามครั้ง เซี่ยวเจวีย๋ เทียน
สงบจิตใจลงได้ในที่สุด มันพุง่ ร่ างออกจากตําหนักกลางด้วย
ความเร่ งรี บ มุ่งตรงไปยังสถานที่ลบั ที่ท่านผูน้ าํ พรรครุ่ นก่อนเก็บ
ตัวอยู.่ ..มันพลันรู ้สึกขึ้นมาอย่างรุ นแรงว่าหายนะภัยที่เกี่ยวพันถึง
ความอยูร่ อดของพรรคตระกูลเซี่ยวกําลังมาถึง ทั้งยังเป็ นหายนะที่
แทบไม่อาจหาทางเลี่ยงได้ พรรคตระกูลเซี่ยวทั้งหมดจําต้อง
เตรี ยมการทุกอย่างเท่าที่จะเป็ นไปได้ให้เร็ วที่สุด
——————————————
บรรยากาศของอาณาบริ เวณตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในวันนี้
ร้อนแล้งแผดเผายิง่ กว่ายามปกติมากนัก ลูกเปลวไฟทรงกลมที่แผ่
รัศมีความร้อนแรงแผดเผาอย่างถึงที่สุดลุกโชนอยู่ ณ ใจกลาง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ภายในระยะเวลาสองชัว่ โมง มันซอกซอน
ไปกว่าห้ากิโลเมตร แผ่ครอบคลุมทัว่ บริ เวณทุกตารางนิ้วของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เผาผลาญประวัติศาสตร์นบั พันปี ของตระกูล
จนเหลือเพียงพื้นที่รกร้างว่างเปล่า
ภายในเปลวเพลิง ศพแล้วศพแล้ว กองแล้วกองเล่าของซาก
อสุ ภที่ถูกเผาไหม้เป็ นเถ้าธุลี นับจากเหล่าผูอ้ าวุโส ลงไปถึงศิษย์
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอีกนับหมื่น ไม่มีผใู ้ ดสามารถเล็ดรอดจาก
เปลวไฟที่จุดประกายโดยเทพหงสา ทั้งหมดสิ้ นชีพตกตายภายใต้
เพลิงเทพหงสาและกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
นี่คือท้ องทุ่งแห่ งซากร่ างมนุษย์ ไร้ ซึ่งสรรพชีวิตอย่ าง
สิ ้นเชิ ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าซึ่ งเคยได้รับการเฝ้ามองอย่างริ ษยาจาก
ผูค้ น ถูกเรี ยกขานเป็ นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวายุคราม กลับแปร
สภาพเป็ นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเถ้าถ่านเพียงชัว่ ระยะเวลาหนึ่งวัน
กลับกลายเป็ นสุ สานที่อดั แน่นไปด้วยความร้อนแผดเผา แห้งแล้ง
และไร้ซ่ ึ งความหวัง
ที่ยนื อยูท่ ่ามกลางเศษซากเถ้าละอองสี ดาํ ที่หลงเหลือ เหม่อ
มองไปยังตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ถูกทําลายโดยตนเอง หยุนเช่อไม่
รู ้สึกยินดี ไม่รู้สึกถึงความเวทนาสงสาร ทั้งไม่รู้สึกภาคภูมิหรื อ
หยิง่ ทระนงอันใดทั้งสิ้ น ที่ชายหนุ่มรู ้สึกกลับเป็ นเพียงความสงบ
เยือกเย็นอย่างที่สุด...ผูค้ นนับหมื่นตกตายภายใต้เปลวเพลิงและ
กระบี่หนักของมัน ทว่ามันกลับเพียงรู ้สึกถึงความสงบนิ่งราวกับ
มันเพียงบดบี้มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น
และความสงบนิ่งนี้ มิใช่การเสแสร้งแสดงหรื อรักษาไว้โดย
ตัวของชายหนุ่มทั้งสิ้ น กลับกัน นี่เป็ นความสงบนิ่งอันจริ งแท้ท่ี
ออกมาจากจิตวิญญาณของหยุนเช่อโดยแท้จริ ง ผูค้ นธรรมดา
โดยทัว่ ไปย่อมไม่อาจเป็ นพยานในสถานการณ์และภาพเหตุการณ์
เช่นนี้ ยิง่ ไม่กล้าเป็ นผูล้ งมือกระทํา ทว่าหยุนเช่อ ทั้งหมดนี้ลว้ น
เคยผ่านมามากมาย มากมายจนเกินนับคํานวณ…
ครานั้น เนื่องเพราะความแค้นข้ออาฆาตต่อผูค้ นที่ลงมือ
สังหารท่านอาจารย์ ชายหนุ่มใช้พิษในไข่มุกพิษสวรรค์กาํ จัด
พรรคต่างๆ ออกไปทีละพรรค ทีละพรรค...เปลี่ยนสํานักทั้งสํานัก
กระทัง่ เมืองทั้งเมืองให้กลายเป็ นทุ่งร้างที่ท่วมท้นซ้อนทับไปด้วย
ซากร่ างไร้ชีวติ ท่ามกลางพรรคเหล่านั้น บางพรรคยังมีขนาดใหญ่
กว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไม่รู้กี่เท่าตัว
วันนี้ ล้วนสื บเนื่องเพราะความแค้นเช่นกัน แม้ท้ งั เซี่ยวเหล่ย
และเซี่ ยวหลิงซี ลว้ นถูกช่วยเหลือรอดชีวติ ทั้งยังปลอดภัยไร้
อันตราย แต่ประสบการณ์เมื่อชาติก่อนสอนชายหนุ่ม มิให้เมตตา
สงสารโดยโง่งมอีกต่อไป แม้จะต้องถูกเรี ยกขานเป็ นปี ศาจ ถูก
รังเกียจ ถูกสาปแช่ง ถูกหวัน่ เกรงโดยผูค้ นทั้งมวลบนโลกนี้ หยุ
นเช่อยังคงไม่สาํ นึกเสี ยใจ
เนื่องเพราะชีวติ ในชาติภพก่อน เป็ นเพราะความเมตตา ท่าน
อาจารย์จึงถูกผูค้ นบีบคั้นจนตกตาย เป็ นเพราะความเมตตา
หลังจากรอดชีวติ มาหลายต่อหลายครั้ง ชายหนุ่มยังคงถูกบีบคั้น
จนต้องทิ้งร่ างลงจากผาบรรจบเมฆ และเนื่องเพราะความเมตตา
เพียงชัว่ วูบ กลับเปิ ดโอกาสให้ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าสามารถลักพา
ตัวท่านปู่ และอาหญิงเล็ก! นี่มิใช่หวั ใจของหยุนเช่อกลับกลายเป็ น
นํ้าแข็งเย็นเยือกมืดหม่น หากแต่ชีวติ ทั้งสองภพที่ผา่ นมาสัง่ สอน
บทเรี ยนแก่ชายหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าการเมตตาต่อศัตรู เป็ น
ความอํามหิ ตต่อคนสําคัญที่ขา้ งกายตนเอง...บางครั้ง ความ
อํามหิ ตโหดร้ายนี้ลว้ นหนักหนาสาหัสยิง่ !
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังที่หลงเหลือของ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มิใช่เพียงหยุนเช่อผูเ้ ดียวที่ยงั มีชีวติ รอด ที่
เบื้องหน้าของหยุนเช่อ ร่ างมนุษย์ร่างหนึ่งลุกขึ้นยืนหยัด มันสัน่
สะท้านไปทั้งร่ าง ผมเผ้ายุง่ เหยิง ใบหน้าเปรอะเปื้ อนฝุ่ นละออง
ทั้งร่ างเกลื่อนกล่นด้วยบาดแผล สองตาสาดประกายดุร้ายเจิดจ้า
ราวสุ นขั ป่ าพยาบาท
ร่ างทั้งร่ างของมันสัน่ ไหวโอนเอน มันเพียงสามารถฝื นยืน
หยัดขึ้นได้อย่างยากลําบากหลังจากใช้ความพยายามทั้งหมด ทว่า
เมื่อมันเปล่งเสี ยงคํารามออกมาคราหนึ่ง กลับสามารถดึงพลังซ่อน
เร้นอันไม่ทราบมาจากที่ใด มันพุง่ ร่ างเข้าหาหยุนเช่อ สองมืออ้า
ออกหมายบีบลําคอของชายหนุ่ม
การกระทําของมันส่ งผลให้ดวงตาของหยุนเช่อสาด
ประกาย...ร่ างกายของมันล้วนหมดเรี่ ยวสิ้ นแรงไปแล้ว ทว่ายัง
สามารถปะทุพลังออกมาได้ และนี่...เห็นได้ชดั เจนว่าเป็ นพลัง
ความเข้มแข็งที่ถูกบีบเค้นออกมาจากจิตวิญญาณของมัน!
หยุนเช่อผ่านมาสองชีวติ นี่เป็ นครั้งแรกที่พบพานใครบาง
คนที่มีลกั ษณะเดียวกับมัน ผูท้ ี่เปี่ ยมด้วยพลังความมุ่งมัน่ ตั้งใจอัน
สามารถบีบคั้นพลังออกมาจากจิตวิญญาณของตนเองได้!
หยุนเช่อยกแขนขึ้นกวาดออกไปคราหนึ่ง กลุ่มก้อนสายลม
พัดพาบุรุษผูน้ ้ นั ปลิวออกไปไกลห่าง มันร่ วงลงสู่พ้นื ทัว่ ร่ างสัน่
เทา จากนั้น มันยกร่ างท่อนบนขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองเบิก
กว้างด้วยความโกรธแค้น ความอาฆาตพยาบาทสลักลงลึกใน
กระดูกและจิตวิญญาณ
“เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น เจ้าสมควรรักษาพลังไว้เพือ่ หายใจบ้าง! ครา
ก่อน ณ วังยุทธ์วายุคราม แม้เจ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องข้า หากเจ้ายัง
สามารถประมือกับข้าได้บา้ ง ทว่าเจ้าในตอนนี้ ไม่มีคุณสมบัติให้
ข้าชายตามองเจ้าเสี ยด้วยซํ้า! ด้วยพลังของเจ้า กระทัง่ ข้ายืนนิ่งเฉย
เจ้ายังไม่อาจทําร้ายแม้เส้นผมสักเส้นบนศีรษะข้าได้!”
หยุนเช่อมองไปยังบุรุษหนุ่มอายุเยาว์ที่เบื้องหน้าด้วยความ
สมเพชเวทนา บุคคลที่ทวั่ ร่ างเต็มไปด้วยความเกลียดชังคัง่ แค้น
และเพลิงอํามหิ ต “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในวันนี้ แค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น
แต่วางใจเถอะ ที่ขา้ ไม่ฆ่าเจ้า มิใช่เพราะความเวทนาสงสาร ยิง่
ไม่ใช่เพราะข้าไม่ตอ้ งการฆ่าเจ้าอย่างเด็ดขาด ข้าเข้าใจผลของการ
ถอนโคนไม่ขดุ รากเป็ นอย่างดีกว่าผูใ้ ดทั้งหมด”
“ทว่ายามที่อาหญิงเล็กจากไป นางขอร้องต่อข้าโดยเฉพาะ
ขอร้องให้ขา้ ไว้ชีวติ เจ้า ข้ารับปากนาง...และไม่วา่ สิ่ งใดที่ขา้
รับปากนาง ข้าต้องทําให้สาํ เร็ จ” หยุนเช่อกล่าวอย่างเย็นชา
ตัดโคนไม่ถอนรากย่อมเป็ นการเหลือรากเหง้าแห่งปัญหา สี
หน้าของเฟิ นเจวีย๋ เฉิน ยืนยันความคิดของชายหนุ่มในยามนี้วา่
การไว้ชีวติ มันวันนี้ ย่อมนํามาซึ่ งความยุง่ ยากมหาศาลยิง่ กว่าการ
ปล่อยเฟิ นอี้เจี๋ยให้รอดชีวติ เสี ยอีก! ที่คงหลงเหลือ ล้วนเป็ นปัญหา
ในอนาคตที่ไม่อาจคาดเดาได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหนุ่มได้รับปากต่อเซี่ยวหลิงซี
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางฆ่าเฟิ นเจวีย๋ เฉิน ยิง่ กว่านั้น จากคํา
กล่าวของเซี่ยวหลิงซี หากมิใช่เฟิ นเจวีย๋ เฉินเข้าสอดแทรกหลาย
ต่อหลายครั้ง หญิงสาวคงต้องจบชีวติ นเองก่อนหน้านี้ไปแล้ว
หลายคราเนื่องเพราะเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง
ทั้งหมดนี้ ล้วนเพียงพอในการเป็ นเหตุผลให้ไว้ชีวติ เฟิ น
เจวีย๋ เฉินแล้ว สําหรับผลลัพธ์ท้ งั หมดในอนาคต ชายหนุ่มล้วน
ยินยอมแบกรับไว้ท้ งั สิ้ น!
บทที่ 355 ความลับทีซ่ ่ อนเร้ นของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า

เมื่อเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นได้ยนิ วาจาของหยุนเช่อ มันกลับรู ้สึก


ตนเองถูกหมิ่นหยามอย่างรุ นแรง ไม่วา่ ที่ชายหนุ่มไว้ชีวติ มันจะ
เป็ นด้วยเหตุผลใด ทั้งหมดล้วนนับเป็ นความเวทนารู ปแบบหนึ่ง...
ความเวทนาสงสารที่มาจากบุคคลที่สงั หารญาติพนี่ อ้ งและทําลาย
พวกมันทั้งตระกูล
“หยุนเช่อ..ถ้าแน่จริ งก็ฆ่าข้าสิ ! ข้าไม่ตอ้ งการความเมตตา
สงสารจากศัตรู อย่างเจ้า!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นหอบหายใจอย่างรุ นแรง
นิ้วทั้งสิ บของมันจิกลึกลงไปในดิน โลหิตหลัง่ ไหลออกมาเป็ น
เส้นสาย สองตาจับจ้องทิ่มแทงด้วยรังสี ฆ่าฟันอันลึกลํ้า ราวกับ
ต้องการฉีกกระชากหยุนเช่อออกเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากสายตา
จ้องเขม็งของมันเอง
“ข้าจะกล่าวอีกครั้ง เหตุผลที่ขา้ ไม่ฆ่าเจ้า มิใช่ความสงสาร
ทั้งมิใช่ความสมเพชเวทนา หากแต่เป็ นคําขอร้องของอาหญิงเล็ก
ให้ขา้ ละเว้นเจ้า...ทว่า นี่จะเป็ นเพียงครั้งเดียวที่ขา้ จะปล่อยเจ้าไป!
หากวันใดเจ้ากล้าวางแผนชัว่ ช้าสามานย์อนั ใด ข้าจะเป็ นคนเชือด
เจ้าทิ้งด้วยตนเอง! ดังนั้น หากเจ้าต้องการล้างแค้นจริ งๆ จงมาหา
ข้ายามที่เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอ จงอย่าละทิ้งโอกาสรอดอันน้อย
นิดที่เจ้าได้รับไปนี้อย่างเปล่าประโยชน์!”

หยุนเช่อหันหลังกลับ ไม่มองไปทางเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นอีกต่อไป ก่อน


จะก้าวเดินจากไปอย่างเงียบงัน เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นถลึงตาจนแทบถลน
ออกนอกเบ้ามองตามร่ างที่จากไปของหยุนเช่อ ทัว่ ร่ างของมันสัน่
สะท้านบิดกระตุกรุ นแรง มันตะโกนร้องออกมาด้วยนํ้าเสี ยงแหบ
พร่ าราวกระดาษทราย “หยุนเช่อ..ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป! ข้าไม่
อนุญาตให้เจ้าไป...ข้ายังไม่ได้เอาชีวติ เจ้า...ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะทุบ
ทําลายร่ างของเจ้าให้แตกป่ นเป็ นพันเป็ นหมื่นชิ้น บดกระดูกเจ้า
ให้แหลกเป็ นผง! ข้าจะให้เจ้ารับทุกข์ทรมาณที่สุดในโลกนี้..ข้าไม่
อนุญาตเจ้าไป...กลับมาเดี๋ยวนี้...อ๊ากกกก!!!”
ท่ามกลางเสี ยงร้องรํ่าครํ่าครวญอย่างหวนโหยของเฟิ นเจวีย๋
เฉิ น ฝี เท้าของหยุนเช่อไม่หวัน่ ไหวแม้เพียงนิด ภายในเวลาชัว่ ครู่
ร่ างของชายหนุ่มลับหายไปจากสายตามัน เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นทิ้งร่ างลง
เกลือกกลิ้งบนพื้นเถ้าถ่าน สาดรดพื้นดินด้วยโลหิ ตที่เกรอะกรัง
บนฝ่ ามือทั้งสอง ก่อนจะเริ่ มต้นรํ่าไห้ออกมาอย่างไร้สิ้นความหวัง
จนสุ ดขีด
ตั้งแต่ที่มนั เริ่ มต้นฝึ กฝนวรยุทธ์มากสิ บกว่าปี มันไม่เคยหลัง่
นํ้าตาแม้เพียงหยดเดียว
ทว่าวันนี้ มันรํ่าไห้จากก้นบึ้งของจิตใจ ด้วยความปวดร้าว
ทิ่มแทงอย่างสุ ดแสน
บิดามารดาของมัน ท่านปู่ ของมัน ญาติพนี่ อ้ ง คนในตระกูล
บ้านของมัน ทั้งหมดล้วนจากไป! ชีวติ ของมันในฐานะบุตรชาย
ของเจ้าสํานักใหญ่ อันตรธานหายไปภายในวันเดียว หลงเหลือ
เพียงความว่างเปล่า ที่ยงั คงอยูม่ ีเพียงความเคียดแค้นอาฆาตอัน
กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุ ดที่อาบชโลมจนถึงแก่นแห่งจิตใจ แทรกซึมเข้า
สู่ โลหิ ตทุกหยด ไขกระดูกและจิตวิญญาณของมันเท่านั้น
สติสมั ปชัญญะที่ยงั หลงเหลือของมันประทับเงาร่ างของหยุ
นเช่อที่หนั หลังเดินจากไปเข้าไปอย่างลึกลํ้า “ข้าต้องแก้แค้น...ข้า
ต้องแก้แค้น..ข้าต้องแก้แค้น...หยุนเช่อ...ข้า...จะฆ่าเจ้า!!!!”
“แม้ร่างข้าจะต้องแหลกเป็ นชิ้นๆ ต้องตกนรกหมกไหม้ ข้า
ก็ตอ้ งฆ่าเจ้าให้ได้!!!!”
สุ ม้ เสี ยงสบถสาบานอันเต็มไปด้วยความพยาบาทล่องลอย
ไปไกลตามกระแสลมโดดเดี่ยวอ้างว้าง ยิง่ ผืนฟ้ามืดหม่นลง สาย
ลมหวีดหวิวยิง่ มายิง่ เร่ งร้อน ราวกับท้องฟ้าไร้ขอบเขตกําลังสัน่
สะท้านจากรังสี ความอาฆาตอันหนาแน่นที่แอบแฝงอยูใ่ นเสี ยง
ครํ่าครวญของมัน
“เหตุผลที่ข้าไม่ ฆ่าเจ้ า มิใช่ ความสงสาร ทั้งมิใช่ ความ
สมเพชเวทนา หากแต่ เป็ นคําขอร้ องของอาหญิงเล็กให้ ข้าละเว้ น
เจ้ า...”
เป็ นนาง…
เป็ นนางเอ่ ยปากขอร้ องให้ หยุนเช่ อไว้ ชีวิตข้ า…
เป็ นนาง...ที่อนุญาตข้ าได้ มชี ีวิตอนาถานีต้ ่ อไป…
สองตาของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นพลันกลับกลายเป็ นพร่ ามัว วันเวลา
อันไม่อาจลบเลือนเหล่านั้นหมุนวนกลับมาในความทรงจํา
วันแห่งชะตากรรม วันที่มนั นําพาผูค้ นไปยังเมืองเมฆาล่อง
เพื่อจับตัวสมาชิกครอบครัวทั้งสองของหยุนเช่อ ยามที่มนั ไปถึง
หุบเขาหลังแห่งบ้านตระกูลเซี่ยว พริ บตาที่มนั พบเห็นเซี่ยวหลิงซี
จิตใจที่เคยเปี่ ยมไปด้วยความเผด็จการและเย่อหยิง่ อวดดีมาตลอด
ของมันพังทลายลง ณ ที่น้ นั
เวลานั้น เซี่ยวหลิงซีนงั่ อยูข่ า้ งธารนํ้าใส สองมือวางลงบน
เข่าทั้งสองข้าง ร่ างของหญิงสาวอบอวลด้วยกลิ่นหอมจรุ งใจ
ประกายสายตาของนางสลัวรางดุจเมฆหมอกปกคลุม กอปรด้วย
บุคลิกลักษณะดึงดูดใจผูค้ น แม้จะไม่อาจทราบกระจ่างว่า ณ เวลา
นั้นหญิงสาวกําลังจดจ่ออยูก่ บั เรื่ องใด
สายนํ้าที่ไหลลัง่ ลงมาดัง่ นํ้าตกพร่ างพรู เข้าสู่ ลาํ ธาร ส่ งผล
ให้สายนํ้าสาดละอองพร่ างพรายืท่ามกลางความเงียบงัน จาก
มุมมองของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น ที่มนั สะดุดตามีเพียงใบหน้าด้านข้าง
ของหญิงสาว ทว่าเพียงใบหน้าด้านข้างนั้น หัวใจของมันพลันได้
สัมผัสถึงความเคลิบเคลิ้มงมงายอย่างแท้จริ งเป็ นครั้งแรกในชีวติ
ปลายคิ้วอันบอบบางละเอียดอ่อน จมูกที่ราวกับสลักเสลา
จากหยกเนื้อดี ริ มฝี ปากอ่อนหวานบอบบาง นัยน์ตาส่ องประกาย
ราวอัญมณี ผิวพรรณขาวผ่องราวหิ มะชุ่มชื้นเปล่งประกายราวถูก
ปั ดทาด้วยแป้งประทินโฉม
ขุนเขาไร้สิ้นสุ ดโอบล้อมด้วยสายนํ้า บุปผาเบ่งบานเป็ น
สัญญาณของฤดูใบไม้ผลิ พฤกษาชาติแต่งแต้ม รวมกับทิวทัศน์
โดยรอบที่ขบั เน้นโฉมงามเหนือจินตนาการ ทั้งหมดล้วนซีดจาง
ปราศจากสี สนั ในทันใดเมื่อเทียบเปรี ยบกับความงดงามของเด็ก
สาวที่อยูเ่ บื้องหน้า ทั้งหมดเพียงสามารถเป็ นได้แค่เครื่ องประดับ
ของนางเท่านั้น เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นรู ้สึกราวทรวงอกถูกกระชากครา
หนึ่ง มันไม่เคยพบเห็นสตรี เช่นนี้มาก่อน อารมณ์ความรู ้สึกของ
มันพลุ่งพล่านปั่นป่ วนขึ้นมาในนาทีน้ นั ...มันไม่แน่ใจด้วยซํ้าว่าที่
ปรากฏอยูเ่ บื้องหน้าสายตาคือเด็กสาวนางหนึ่ง หรื อเทพธิดา
งดงามแห่งขุนเขาโดยรอบ
ชัว่ เวลานั้น เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นรู ้สึกราวตนเองต้องคําสาปร้ายแรง
อันไม่อาจไถ่ถอนได้ การเดินทางจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไปยัง
เมืองเมฆาล่องใช้เวลาสี่ วนั ทว่าระยะเวลาเดินทางกลับสิ้ นเปลือง
เวลาไปกว่าหกวัน มันตั้งใจลดระดับฝี เท้า ด้วยวิตกกังวลว่าเซี่ยวห
ลิงซีอาจไม่อาจทานทนและไล่ติดตามฝี เท้าอันรวดเร็ วได้ ตลอด
การเดินทาง มันเฝ้าระวังมิให้นางได้รับอันตรายจากผูใ้ ด ทั้งยัง
พยายามทําทุกวิถีทางให้นางปลอดภัยไร้อนั ตราย และยืนยันว่าอีก
ไม่นาน มันจะสามารถส่ งนางกลับบ้านได้ดว้ ยตนเอง
และเพื่อรักษาคําพูดที่มีต่อนาง มันยินยอมประมือกับเฟิ น
เจวีย๋ เฉิ ง เพื่อปกป้องภยันตรายใดๆที่มาถึง
มันไม่เคยคาดคิดจริ งๆ ว่า หญิงสาวกลับยินยอมขอร้อง
ความเมตตาให้แก่มนั ...ให้หยุนเช่อไว้ชีวติ มัน
ความรู ้สึกอันไม่อาจบ่งบอกบรรยายได้ชนิดหนึ่งท่วมท้น
จิตใจเฟิ นเจวีย๋ เฉิ น โลกของมันที่เต็มไปด้วยความหาวเหน็บและ
ความเคียดแค้น พลันปรากฏสายใยแห่งความอบอุ่นอ่อนโยน
อย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่ง ทว่า ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางความเศร้า
เสี ยใจ มันสลัดทิ้งความรู ้สึกทั้งมวล...ที่มนั สามารถครุ่ นคิดได้
ในตอนนี้ คือความเคียดแค้น! และนาง คือญาติสนิทของหยุนเช่อ
คือญาติสนิทของปี ศาจที่ทาํ ลายล้างตระกูลของมัน!
“ฆ่า...ฆ่า...ฆ่าจะฆ่าเจ้า...ข้าจะล้างแค้น!!”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นยืนหยัดขึ้น มองไปยังผินดินที่ถูกเผาไหม้ใต้ฝ่า
เท้าด้วยสายตาอันว่างเปล่า มันเริ่ มก้ามเท้าไปเบื้องหน้าโดย
ปราศจากความคิดว่ามันจะไปที่ใด ร่ างเคลื่อนไปเบื้องหน้าโดยไร้
ชีวติ ชีวา ฝ่ าเท้าแต่ละก้าวที่วางลงไปบนพื้นดินร้อนระอุลว้ นถูก
เผาไหม้จนหมดสภาพ ชายหนุ่มก้าวผ่านร่ างไร้วญ ิ ญาณจํานวน
นับไม่ถว้ นขณะลากเท้าก้าวผ่านไป...และเวลานี้เอง มันพลันได้
ยินเสี ยงครวญครางเบาบางเสี ยงหนึ่งที่ขา้ งใบหู
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นชะงักฝี เท้าราวถูกแช่แข็ง มันทิ้งตัวลงกับพื้น
เกลือกกลิ้งร่ างเข้าหาเฟิ นอี้เจี๋ยที่ทอดร่ างอยูบ่ นพื้น...ทรวงอกของ
เฟิ นอี้เจี๋ยปรากฏโพรงขนาดเท่าหัวสมองมนุษย์โพรงหนึ่งที่อาบ
เต็มไปด้วยโลหิ ต อวัยวะภายในของมันทะลักออกมาภายนอก ณ
ขณะนั้น มันแทบหมดสิ้ นลมหายใจไปแล้ว เวลาผ่านมากว่าสอง
ชัว่ โมง แม้มนั จะเป็ นถึงราชัน มันย่อมสมควรตกตายไปแล้วอย่าง
ไม่อาจหวนกลับ...ทว่ามันกลับยังไม่ยอมตกตาย หลงเหลือเพียง
ลมหายใจสุ ดท้ายอันรวยริ น ชัว่ เวลาที่เฟิ นเจวีย๋ เฉินตะเกียกตะกาย
มายังข้างกายมัน เปลือกตาของมันพลันสัน่ ระริ ก
“ท่านปู่ … ท่านปู่ !”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นและเฟิ นอี้เจี๋ยเดิมแทบไม่ได้พบปะกัน ทั้งสอง
ถึงขนาดเกลียดชังกันเสี ยด้วยซํ้า ทว่ายามนี้เมื่อมองไปยังปู่ ของตน
ที่ยงั คงหายใจอยู่ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นก็สน่ั สะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ดว้ ย
ความรู ้สึกที่ถาโถม
“ลูกเฉิ น…”
เฟิ นอี้เจี๋ยส่ งเสี ยงเรี ยกอย่างอ่อนแรงยิง่ มันใช้กาํ ลังที่
หลงเหลืออยูท่ ้ งั หมดยกมือขวาขึ้นอย่างไม่เร่ งร้อน และที่นิ้วมัน
กุมไว้คือกุญแจสี ดาํ สนิทดอกหนึ่งที่หอ้ มล้อมด้วยหมอกดํา
“ลูกเฉิ น… กุญแจดอกนี้… บรรพบุรุษเราทิ้งเอาไว้ให้…
มันผนึก… เรื่ องต้องห้าม… และความลับน่ากลัวเอาไว้… บรรพ
ชนท่านทิ้งข้อความไว้… ว่าเพียงยามจนตรอกเท่านั้น… ที่เราจะ
สามารถ… นํากุญแจนี้ออกมาได้… ในกุญแจดอกนี้… มีตรา
ประทับความทรงจํา… มันจะนําเจ้าไปยัง… สถานที่ที่จะใช้กญ ุ แจ
ดอกนี้… มันจะทําให้เจ้าสู ญเสี ยวิญญาณ… สู ญเสี ยทุกสิ่ ง…
กระทัง่ ทําลาย… ทั้ง… ทวีปลมปราณฟ้า…”
“แต่… ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเรา… ต้องไม่… จากไปอย่าง
น่าอดสู เช่นนี้… เจ้าต้องล้างแค้น… ล้าง… แ..ค้น…”
มือขวาที่ยกขึ้นของเฟิ นอี้เจี๋ยพลันตกลงอย่างแรง ขณะลม
หายใจสุ ดท้ายของมันกําลังจะหลุดลอย มันยังดิ้นรนรักษาชีวติ ไว้
มิยอมตกตายเพือ่ ส่ งต่อความลับสุ ดท้ายของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้า…
ความลับต้องห้าม
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นยืน่ มืออันสัน่ เทาออกไปปิ ดตาเฟิ นอี้เจี๋ยผูต้ าย
ตาไม่หลับ อีกมือกระชับกุญแจดําไว้แน่น…
ก่อนที่จะพลันปรากฎหมอกดําพิสดารลอยผ่านนิ้วมือมัน
ออกมาพร้อมกับคลื่นพลังปี ศาจอันลึกลับ...
————————————————
การล่มสลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทําให้จิตมารของหยุนเช่อ
สงบลง มันรู ้แจ้งว่าทําสิ่ งใดลงไป และรู ้ดียงิ่ กว่าถึงปัญหาต่างๆที่
จะเข้ามาหามันจากเรื่ องที่ทาํ ลงไป เช่นเดียวกับผลกระทบของการ
กระทํานี้
หลังจากออกจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หยุนเช่อก็เรี ยกหงส์
หิ มะออกมาเหิ นขึ้นฟ้าสู่ ทิศเหนือตรงไปยังนครหลวงวายุคราม
“เจ้าได้ใช้กระจกสังสารวัฎ ถือกําเนิดใหม่ และเปลี่ยนแปลง
วัฎจักรแห่งกรรมจริ งๆด้วย!”
หยุนเช่อที่กาํ ลังจะผล็อยหลับบนหลังหงส์หิมะพลันได้ยนิ
เสี ยงของจัสมินในใจ
“หื อ ทําไมท่านถึงพูดเช่นนั้น?” ดวงตาที่กาํ ลังจะปิ ดของหยุ
นเช่อพลันเบิกขึ้นขณะมันเอ่ยปากถามกลับ
“สังหารผูค้ นมากมายเช่นนี้ในคราเดียว แต่กลับสามารถทํา
ตัวเช่นเดิมได้ กระทัง่ รัศมีพลังหรื อชีพจรเจ้าก็ไม่เปลี่ยนเลยซัก
นิด! ต่อให้เป็ นปี ศาจร้ายที่โหดเหี้ ยมที่สุด ก็ยงั ไม่อาจทําหน้านิ่ง
หลังจากสังหารไปมากมายเช่นนี้ได้แน่” จัสมินเอ่ยอย่างเย็นชา
“เจ้าอายุเพียงสิ บเก้าปี ดูจากประสบการณ์ชีวติ ของเจ้าแล้ว เจ้าไม่
มีทางทําเช่นนี้ได้แน่ ความเป็ นไปได้ทางเดียวที่มีคือ เจ้าได้ใช้
กระจกสังสารวัฎเพือ่ กลับชาติมาเกิด! ก่อนที่จะใช้กระจกสัง
สารวัฎ ประสบการณ์ชีวติ เจ้าเองก็ตอ้ งไม่ธรรมดาสามัญแน่ เจ้า
สมควรคร่ าชีวติ มานับไม่ถว้ น แบกรับบาปและหนี้แค้นมากมาย
และเรื่ องที่กระจกสังสารวัฎไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง ก็เป็ น
หลักฐานว่ามันได้ถูกใช้ในช่วงยีส่ ิ บปี มานี้!”
“ช่วงเวลาของทวีปเมฆครามต่างจากบนทวีปลมปราณฟ้า
และตอนที่เจ้าถูกวิญญาณของเทพอสูรส่ งตัวไปยังทวีปเมฆคราม
เรื่ องประหลาดมากมายก็พลันบังเกิดขึ้น ข้าเริ่ มสงสัยตั้งแต่ตอน
นั้น ตอนนี้ขา้ สรุ ปได้แล้ว… เจ้าต้องใช้ชีวติ ชาติก่อนบนทวีปเมฆ
ครามแน่ ส่ วนซูหลิงเอ๋ อร์คนนั้น เหอะ… ต้องเป็ นหนึ่งในกลุ่ม
สตรี ของเจ้า!”
“ฮู่…” หยุนเช่อถอนใจเล็กน้อย มันไม่อาจเก็บซ่อนสิ่ งใด
จากจัสมินได้จริ งๆ มันหลับตาลงก่อนจะเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ท่าน
คาดเดาได้ถูกต้อง ข้ามีชีวติ ‘ชาติก่อน’ ที่ยากจะหยัง่ ถึงจริ ง และยัง
มีชีวติ บนทวีปเมฆครามด้วย แต่ตอนนั้นข้าที่สมควรตกลงมา
สิ้ นชีพ กลับมาเกิดใหม่ที่นี่อย่างไม่ทราบสาเหตุ กระทัง่ ข้าทราบ
ว่าข้ามีกระจกสังสารวัฎในครอบครอง ข้าถึงเริ่ มปะติดปะต่อ
เรื่ องราวได้อย่างช้าๆ แต่เรื่ องนี้นอกจากท่านแล้ว จะมีผใู ้ ดเชื่อข้า
กันต่อให้ขา้ บอกเรื่ องจริ งกับพวกเขา?”
“ท่านยังจําตอนนั้นที่ขา้ บอกว่าข้าสังหารผูค้ นมามากกว่า
ท่านมากได้หรื อไม่? ในตอนนั้นท่านมิได้เชื่อถือคําพูดข้า… แต่ขา้
มิได้พดู เล่นแม้แต่นอ้ ย ข้าไม่เพียงสังหารผูค้ นมามากมายกว่าท่าน
มาก จํานวนของคนที่ขา้ สังหารยังมากมายจนท่านมิอาจคิดฝัน…
หากท่านคิดว่าตนเองเป็ นสิ่ งมีชีวติ ที่ชว่ั ร้าย เป็ นปี ศาจที่ไม่มีวนั
ได้รับการให้อภัย เช่นนั้นข้า…” หยุนเช่อพลิกตัว ก่อนจะเสริ ม
ด้วยท่าทีน่ิงเฉย “ข้าก็เป็ นปี ศาจในหมู่ปีศาจ แต่ขา้ ไม่เคยสังหาร
โดยไร้เหตุผล และไม่เคยสํานึกเสี ยใจทุกชีวติ ที่สงั หารไป ข้าเชื่อ
ว่าท่านและข้าคล้ายคลึงกันในเรื่ องนี้” จัสมินนิ่งค้างก่อนจะนิ่ง
เงียบไปนาน
ผ่านไปชัว่ ครู่ จัสมินก็พลันเอ่ยปากขึ้น “ครานี้ เจ้าไว้ชีวติ
คนผูห้ นึ่งที่เจ้าไม่สมควรไว้ชีวติ ! เจ้าเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นนัน่ อันตรายยิง่
ในอนาคต บางทีมนั อาจจะสามารถคุกคามเจ้าได้กไ็ ด้”
“ข้าทราบแล้ว พลังใจของมันเข้มแข็งจนน่าตกใจ ด้วยเรื่ อง
ที่มนั เจอในวันนี้ ความคิดล้างแค้นของมันจะทําให้มนั เสาะหา
ความแข็งแกร่ งทุกวิถีทาง และกลายเป็ นคนคลุม้ คลัง่ ที่พร้อมจะ
สละทุกสิ่ งไป ทว่าไม่วา่ จะเพราะมันช่วยอาหญิงเล็กเอาไว้ หรื อ
เพราะอาหญิงเล็กยอมออกหน้าแทนมันก็ดี ข้าก็ไม่อาจลงมือต่อ
มันได้”
สิ้ นคํา หยุนเช่อก็กระตุกมุมปาก ก่อนจะสําทับด้วยท่าที
ผ่อนคลาย “ข้ามีสายเลือดมังกรเทวะกับเทพหงสา และยังมีเส้น
ชีพจรลมปราณเทพอสู รอยู่ ต่อให้มนั กลายเป็ นคนคลัง่ ในหมู่คน
เสี ยสติ มันก็ยอ่ มไม่อาจตามพลังฝี มือของข้าทัน ข้ากลับหวังให้
มันสามารถรักษาชีวติ อันมีค่าที่อาหญิงเล็กของข้ามอบให้มนั ไว้
ให้ดี และหาสถานที่เพื่อใช้ชีวติ อย่างสงบสุ ขและปลอดภัย หากมี
วันใดที่มนั มาตามหาข้าเพื่อล้างแค้น ข้าก็คงได้แต่ส่งมันกลับไป
อยูก่ บั ครอบครัวที่ตายไปแล้วเท่านั้น”
บทที่ 356 โทสะของเทพกระบี่

เมื่อหยุนเช่อออกจากเมืองเพลิงครามและเดินทางสู่ เมือง
หลวงวายุคราม เงาคนผูห้ นึ่งได้ปรากฏขึ้นบนฟ้าเหนือตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าอย่างเงียบๆ
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นจากไปแล้ว หลงเหลือเพียงกลิ่นอายแห่งมรณะ
อันสงัดงันแขวนลอยอยูใ่ นชั้นบรรยากาศภายในตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า พื้นดินที่ถูกทําลายทิ้งไว้กบั กระจายไปด้วยซากศพ
บรรยากาศโดยรอบเอ่อล้นไปด้วยการเน่าเปื่ อยและกลิ่นไหม้ ราว
กับผ่านพ้นภัยพิบตั ิวนั สิ้ นโลก เป็ นครั้งคราวที่ปรากฏผูเ้ ปี่ ยมจิต
วิญญาณกล้าหาญหนึ่งหรื อสองคนมาถึงเพื่อแสวงหาข่าวคราว
เมื่อมองเห็นเคราะห์ร้ายที่ทาํ ลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ร่ างทั้งหมด
ของพวกมันสัน่ ด้วยความกลัวโดยไม่มีขอ้ ยกเว้น ทั้งหมดหลัง่
เหงื่ออย่างชุ่มโชก ขณะที่พวกมันรี บออกไปและไม่มีใครกล้าที่จะ
เสี่ ยงที่จะอยูใ่ กล้สถานที่น้ นั
“อนิจจา ในที่สุด ข้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง”
เงาคนบนท้องฟ้ามองลงมายังสถานที่ปรักหักพังและ
คงเหลือเพียงความเงียบสงัดเป็ นเวลานาน ในที่สุด มันอ้าปาก
ออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ที่ติดตามมาคือรัศมีพลังกดดันอันรุ นแรงที่ไร้
ขอบเขตถูกปล่อยลงจากท้องฟ้า ห่อหุม้ ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ทั้งหมด ในฉับพลัน การไหลของมวลอากาศทั้งหมดได้หยุดชะงัก
ทําให้เถ้าถ่านในอากาศยังคงหยุดนิ่ง ราวกับเวลาทั้งหมดล้วนถูก
หยุดไว้ “พลังที่มากมายนัก ถ้ามันคือบุคคลที่มีคุณธรรม มันจะให้
คุณแก่อาณาจักรวายุคราม ทว่าโชคร้ายที่มนั มีจิตใจแห่งอสู ร
อํามหิ ต ด้วยการสังหารที่เหี้ ยมโหดที่ได้เกิดขึ้นกับตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าทั้งตระกูล นี่นบั เป็ นหายนภัยต่ออาณาจักรวายุคราม ข้า
จะไม่อยูเ่ ฉยแน่นอน”
สายตาของเขาเลื่อนไปทางทิศเหนือ มันไม่หนั กลับไปยัง
ทิศทางที่มนั มา แทนที่ มันเหิ นขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า สู่ ทิศเหนือ ในชัว่
กระพริ บตา ร่ างของมันได้ปรากฏห่างไปหลายกิโลเมตร
————————————————
“....รากฐานของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ถูกทําให้ลดลง
กลายเป็ นกองแห่งความพินาศ ผูน้ าํ ตระกูล ผูน้ าํ ตระกูลรุ่ นก่อน
เจ้าตําหนักสามสิ บสามคน ผูอ้ าวุโส ยีส่ ิ บเจ็ดคน และศิษย์ของ
ตระกูลทั้งหมด…..ได้ตายทั้งหมดไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว….
ระบบการปกครองของตระกูลทั้งหมดได้ถูกทําลาย….ตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าสิ้ นสุ ดลงอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงตระกูลทั้งตระกูลที่
ถูกทําลายล้าง มันยังถูกทําลายลงจนอยูใ่ นสภาพอันน่าสังเวชอย่าง
ถึงที่สุด ความโหดเหี้ ยมอํามหิ ตของหยุนเช่อนั้น เหนือกว่าที่เรา
จินตนาการไว้….”
“สาขาภายนอกของตระกูลอัคคีผลายฟ้ามากมายในเมือง
ขนาดใหญ่ท้ งั หมดตอนนี้ได้รับข่าวแล้ว และเกือบทั้งหมด
เปลี่ยนแปลงชื่อของพวกมันในฉับพลันทันใดหลังจากนั้น เนื่อง
เพราะหวาดกลัวว่าปิ ศาจร้ายเช่นหยุนเช่อจะคิดร้ายต่อพวกมัน”
หลังจากได้ยนิ สิ่ งเหล่านี้ ร่ างของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนเย็นเยียบ
จับจิต และหลังจากการได้ยนิ การทําลายล้างที่เกิดขึ้นกับตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า แม้แต่ช่องว่างระหว่างฟันของมันยังรู ้สึกราวมี
กระแสลมหนาวเย็นวิง่ ผ่าน เซี่ยวเจวีย๋ เทียนล้วนคิดเช่นเดียวกับ
ทุกผูค้ น ต่างไม่คาดคิดว่าการตอบโต้ของหยุนเช่อจะไร้ความ
ปรานีถึงระดับนี้
เดิมเซี่ ยวเจวีย๋ เทียนคิดว่าหยุนเช่อสังหารผูน้ าํ ตระกูล
เช่นเดียวกับสมาชิกหลักที่เหลืออยูจ่ ะเป็ นข้อจํากัดของตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าที่ชดใช้ให้แก่หยุนเช่อ ที่มนั ไม่เคยคาดคิด คือที่หยุ
นเช่อกระทําการ ล้วนเป็ นทัณฑ์จากนรก
หลังจากได้ยนิ ข้อเท็จจริ ง มันตกตะลึงอย่างใหญ่หลวง
ยิง่ กว่านั้น เมื่อทราบเรื่ องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันยิง่ บังเกิดลาง
สังหรณ์อปั มงคลกว่าเดิม!
บนพื้นฐานบุคลิกของหยุนเช่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสาม
ปี ก่อนไม่ง่ายที่จะลืมไปได้
แม้วา่ นี้จะเป็ นผลของการวางแผนด้วยตนเองของเซี่ยวกวง
หยุน ถ้ามันอดทนต่อความเจ็บปวดของการสู ญเสี ยทายาทคนเดียว
ของมันจากภรรยาหลวง และเริ่ มต้นเจรจากับหยุนเช่อ เช่นนั้น
เรื่ องราวล้วนสามารถคลี่คลายโดยสันติวธิ ี ยิง่ กว่านั้น การ
ประนีประนอมกับใครบางคนที่สามารถทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า ไม่ใช่สิ่งที่ทาํ ให้เสี ยเกียรติเกินไป
อย่างไรก็ตาม ผูน้ าํ พรรครุ่ นก่อนเซี่ยวอู่ฉิงเหี้ ยมหาญองอาจ
มาชัว่ ชีวติ มันเป็ นบุคคลที่วางเกียรติภูมิของสํานักไว้เหนือว่าชีวติ
ของตนเอง มันย่อมไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่ องราวเช่นนี้ มันกลับ
เลือกให้อาวุโสเซี่ ยวอู๋อ้ ีพกนําอาวุธลับประจําตระกูลไปยังตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าเพื่อกําจัดฆ่าหยุนเช่อ...และผลลัพธ์ คือการสู ญเสี ย
โอกาสทั้งหมดจนสิ้ น!
“ท่านผูน้ าํ เราควรทําอย่างไรดี?” ชายชราที่ดา้ นข้างกล่าว
ถามเซี่ยวเจวีย๋ เทียน “พรรคตระกูลเซียวเราไม่เคยต้องหวัน่ เกรง
ต่อศัตรู ภายนอก ทว่าหยุนเช่อผูน้ ้ ีไม่อาจประมาทได้ มันมี
ความสามารถลบตระกูลอัคคีผลาญฟ้าออกไปจากแผนที่ได้ใน
ไม่กี่วนั นี่หมายความว่า...”
“นี่ไม่ใช่เวลาบรรเลงดนตรี อนั ใดอีกต่อไป” เซี่ยวเจวีย๋ เทียน
สู ดลมหายใจลึก สองมือรวบกําเป็ นหมัดแนบแน่น ก่อนจะ
ประกาศออกมาอย่างชัดเจน “หากหยุนเช่อเพียงมีระดับพลังฝี มือ
เข้มแข็ง เช่นนั้นหากมันมาที่นี่ พวกเราเพียงสละชีวติ ตกตายพร้อม
กับมัน ทว่า...วิธีการของมัน นับว่าเหี้ ยมโหดสุ ดขั้ว! เพียงลักพา
ญาติพี่นอ้ งของมันมาสองคน ทั้งยังสามารถรอดชีวติ ออกไปอย่าง
ปลอดภัย ถึงกับนํามาซึ่งการฆ่าล้างทั้งตระกูล! ยิง่ เมื่อเทียบเปรี ยบ
ความเข้มแข็งระหว่างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าและพรรคตระกูลเซี่ยว
...ท่านอารองยังตกตายใต้เงื้อมมือมัน การที่มนั สามารถกําจัด
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หมายความว่ามันมีความสามารถกําจัดพรรค
ตระกูลเซี่ ยวเราได้เช่นกัน..นี่ลว้ นเป็ นความจริ งที่ไม่อาจปฏิเสธ
ได้!”
เหล่าเจ้าตําหนักต่างๆ พากันเงียบงันไป เสี ยงเดียวที่สามารถ
ได้ยนิ มีเพียงสุ ม้ เสี ยงใจเต้นระรัวของพวกมันทั้งหมดเท่านั้น
“พวกเราต้องไม่เผชิญพบหายนะเช่นเดียวกับตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า!”
เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนหมุนกายกลับหลัง สายตากวาดกราดลงยัง
ใบหน้าทุกผูค้ น “หากหยุนเช่อมาที่นี่ จงอย่าได้ประมือกับมัน
เด็ดขาดไม่วา่ จะเกิดอะไรขึ้น! หากเราสามารถสงบศึก เช่นนั้น
แม้วา่ จะต้องแลกด้วยศักดิ์ศรี เกียรติภูมิท้งั หมด ก้ตอ้ งยินยอม หาก
ท้ายที่สุดเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู ไ้ ด้แล้วละก็...เช่นนั้นจงนํา
ลูกแก้วทลายสวรรค์ออกมา และยอมตกตายในกองไฟไปพร้อม
กับมัน! เราต้องไม่ยอมให้พรรคตระกูลเซี่ยวกลับกลายเป็ นตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าที่สองโดยเด็ดขาด”
“ท่านผูน้ าํ อย่าได้มองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป” เซี่ยวป๋ อ
หยุนสื บเท้ามาเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง “พลังฝี มือของหยุนเช่อแม้จะน่า
ตื่นตระหนกอย่างแท้จริ ง ทว่าในอาณาจักรวายุคราม ผูท้ ่ีมี
คุณสมบัติฆ่ามันยังมีอยู.่ ..จากข่าวคราวที่ได้รับมา บุคคลผูน้ ้ นั ออก
จากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์มาแล้วโดยลําพังเมื่อคืนก่อน”
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนตื่นตระหนก “เจ้าหมายถึง...เทพกระบี่หลิง
เทียนหนี่?”
“มิผดิ !” เซี่ ยวป๋ อหยุนผงกศีรษะ “หลิงเทียนหนี่เที่ยงธรรม
และเที่ยงตรงมาตลอดชัว่ ชีวติ เห็นความชัว่ ร้ายดุจความเเค้น
ส่ วนตัว ยิง่ กว่านั้น มันเป็ นสหายกับเฟิ นอี้เจี๋ย มันเก็บตัวไม่ยงุ่
เกี่ยวเรื่ องทางโลกมาร่ วมสิ บปี ทว่าคืนก่อนมันเร่ งเดินทางออก
จากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ สมควรเป็ นการออกเดินทางเพื่อมา
ช่วยเหลือตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทว่าน่าเสี ยดายที่มนั ไปถึงช้า
เกินไป หากมันได้เห็นความพินาศของตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ทาง
หนึ่งมันย่อมต้องรู ้สึกสํานึกผิด อีกทาง...ย่อมต้องเป็ นความเคียด
แค้นต่อวิธีการชัว่ ร้ายอํามหิ ตของหยุนเช่อ ทั้งสองทางล้วน
เพียงพอในการอนุญาตมันตามล่าล้างหยุนเช่อแล้ว! อาจบางที
เวลานี้ หลิงเทียนหนี่อาจกําลังตามล่าหยุนเช่ออยูก่ เ็ ป็ นได้”
คํากล่าวของเซี่ยวป๋ อหยุนสร้างความโล่งใจให้แก่เซี่ยวเจวีย๋
เทียน มันกล่าวเพิม่ เติมอย่างแผ่วเบาว่า “ดีมาก..หากความจริ งเป็ น
เช่นนี้ หยุนเช่อย่อมไม่มีทางรอดพ้นไปได้! มันได้รับบาดเจ็บ
หนักจากการตอบโต้ก่อนตายของเฟิ นอี้เจี๋ย นี่หมายความว่าพลัง
ฝี มือของมันมิได้เหนือลํ้ากว่าเฟิ นอี้เจี๋ยเท่าใด ทว่ากระทัง่ เฟิ นอี้เจี๋ย
สิ บคนยังไม่อาจโค่นล้มเทพกระบี่ได้ หากเทพกระบี่ออกจาก
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อมาช่วยตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจริ ง เช่นนั้น
...มันย่อมต้องออกหน้าพิพากษาหยุนเช่อด้วยตนเองอย่าง
แน่นอน!”
——————————————————
ข่าวคราวของการทําลายล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ครอบคลุมอาณาจักรวายุครามทั้งหมดดุจดัง่ พายุที่รุนแรง ส่งให้
อาณาจักรวายุครามเกิดความสับสนวุน่ วายดุจดัง่ แผ่นดิน
สัน่ สะเทือน ข่าวที่ประชาชนวายุครามทุกคนได้ยนิ ในชัว่ ชีวติ ของ
พวกมัน กลายเป็ นความตื่นตระหนกที่สุด น่าสยดสยองที่สุดอย่าง
แท้จริ งขณะที่พวกมันตกใจมากแล้วพวกมันเคยเจอะเจอในชีวติ
พวกมันถูกครอบงําไปด้วยความน่าขนพองสยองเกล้าและทิ้ง
ความสงสัยไป
ด้านหนึ่งคือตระกูลแห่งตํานานที่โดดเดี่ยวและห่างไกลที่
ยืนหยัดมานับพันปี
อีกด้านหนึ่งเป็ นชายหนุ่มที่อายุเพิง่ จะอายุสิบเก้าปี
ชายหนุ่มอายุสิบเก้าปี ผูน้ ้ ี สิ่ งที่มนั ทํากลายเป็ นสิ่ งที่
เปรี ยบเทียบกับความจริ งที่ทา้ ทายสรวงสวรรค์ที่ซ่ ึงยากจะเชื่อและ
ยอมรับได้
ไม่วา่ มันจะเปี่ ยมล้นด้วยความอาฆาตเเค้นสักเพียงไหน
หากการกําจัดฆ่าล่าล้างจนสิ้ นเผ่าพันธุ์เช่นนี้ มีเพียงปี ศาจร้ายจึงใช้
วิธีการโหดร้ายและมีจิตใจโหดเหี้ ยมถึงเพียงนี้...นี่เป็ นการกระทํา
ของบุรุษหนุ่มอายุเพียงสิ บเก้าปี จริ งหรื อ!
อาณาจักรวายุครามต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทัว่ ทุก
สถานที่เต็มไปด้วยบทสนทนาวิพากษ์วจิ ารณ์การทําลายล้าง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า คํา “หยุนเช่อ” สองคํานี้มามารถได้ยนิ ไปทัว่
ทุกหัวระแหง สาขาของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าภายในนครหลวง
วายุครามปิ ดตัวลงทั้งหมด ป้ายชื่อ “ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า” อัน
แสนลํ้าค่าที่ประตูหน้าล้วนถูกปลดลงมาทําลายเป็ นชิ้นๆ ภายใน
ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ล้วนถูกแทนที่ดว้ ยแผ่นป้ายจารึ กคํา “ตระกูล
เมฆาสู งส่ ง”... นามตระกูลใหม่น้ ี แสดงออกถึงความหวาดกลัวต่อ
หยุนเช่อและความต้องการประจบเอาใจชายหนุ่ม
หยุนเช่อเดินทางด้วยสัตว์อสู รหงส์หิมะตลอดการเดินทาง
ขณะที่ชายหนุ่มเหาะเหนือท้องนภาเมืองหลวงวายุคราม ชายหนุ่ม
ให้ความสนใจต่อคนเดินถนนจํานวนนับไม่ถว้ นที่หยุดยืนและ
มองขึ้นมา ก่อนจะร้องด้วยความตกใจ ชายหนุ่มยังคงบินต่อไปสู่
น่านฟ้าเหนือวังหลวงวายุครามและเมื่อมาถึงวังตําหนักโอบจัน
ทราภายในวังหลวง ชายหนุ่มเก็บสัตว์อสู รหงส์หิมะกลับและร่ อน
ลงจากท้องฟ้าอย่างนิ่มนวล
“อ้า…..เป็ นผูใ้ ด!”
เพิ่งจะลงสู่ พ้นื เสี ยงตกใจของหญิงสาวร้องออกมาข้างหลัง
ชายหนุ่ม หยุนเช่อหมุนร่ างไปรอบตัวและเห็นนางกํานัลหน้าไร้สี
เลือดคนหนึ่ง
“อ้า! คุณ…...คุณชายหยุน!”
ครั้งแรกที่หยุนเช่อมาที่ตาํ หนักโอบจันทรา ชายหนุ่มได้พบ
นางกํานัลมากมายนี้ ดังนั้นเป็ นธรรมดาที่นางจะจดจํามันได้
ขณะที่นางเห็นหน้าชายหนุ่ม นางร้องเรี ยกชื่อดังกว่าเสี ยงตกใจ
ของนางก่อนหน้านี้เสี ยอีก การแสดงออกบนหน้าของนางเป็ น
การผสมผสานของความตื่นตกใจ ความเลื่อมใสศรัทธา…..และ
สิ่ งที่ดูเหมือนความกลัวอย่างชัดเจนด้วย
การสังหารคนกว่าเจ็ดหมื่นคนในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเป็ น
วิธีการที่เหี้ ยมเกรี ยม ทําให้ผคู ้ นต้องร่ างกายสัน่ เทาด้วยความ
หวาดผวา
หยุนเช่อจับตาการแสดงออกของนางกํานัลทั้งหมด ชาย
หนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยวาจาออกมาด้วยอาการอดรนทนไม่
ไหว “องค์หญิง ทรงอยูท่ ี่ใด? เอ่อ…..เจ้าดูจะหวาดกลัวข้านะ?”
“ไม่...ไม่ใช่เช่นนั้น” ภายใต้สายตาจับจ้องของหยุนเช่อ นาง
กํานัลในตําหนักยังคงกล่าวออกมาอย่างละลํ่าละลัก เมื่อเผชิญพบ
บุคคลที่พฤติการณ์ของมันเป็ นตํานานเช่นนี้ สัญชาตญาณของนาง
ส่ งผลให้หญิงสาวร่ างกายแข็งค้างด้วยความหวาดหวัน่ นางไม่
กล้ามองสบตาหยุนเช่อตรงๆ หากแต่เหล่มองไปทางตําหนักโอบ
จันทราก่อนตะโกนว่า “องค์หญิงเพคะ คุณชายหยุน..คุณชาย
หยุนมา”
หลังจบเสี ยงประกาศของนางกํานัล เงาร่ างหนึ่งในชุดสี
เขียวอ่อนเจือจางปรากฏขึ้น เงาร่ างอ้อนแอ้นแบบบางโลดแล่นเข้า
หาราวผีเสื้ อโบยบิน เมื่อมองเห็นหยุนเช่อ ทัว่ ทั้งร่ างของนางล้วน
เปี่ ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ริ มฝี ปากเปล่งเสี ยงเรี ยกขาน
ออกมาว่า “เช่อน้อย!”
เซี่ ยวหลิงซี โผไปเบื้องหน้า ก่อนจะทิ้งตัวลงสู อ้ อ้ มอกของ
หยุนเช่อ กอดรัดมันอย่างแน่นหนา ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
หญิงสาวแทบไม่อาจควบคุมความยินดีพร้อมทั้งกระโดดโลดเต้น
ด้วยความปี ติ “เจ้ากลับมาแล้ว...เอ๋ ? เจ้ารับบาดเจ็บหรื อไม่? เจ็บ
ตรงไหนบ้าง?”
สามารถพบพานเซี่ยวหลิงซีในวันนี้ หยุนเช่อมิได้รู้สึก
ตื่นเต้นประหลาดใจอันใด ก่อนมายังวังหลวง ชายหนุ่มล้วนมั้นใจ
กว่าเจ็ดในสิ บส่ วนว่าหลิงเจี่ยย่อมต้องนําเซี่ยวเหล่ยและเซี่ยวหลิง
ซี มายังข้างกายของชางเยว่ ชายหนุ่มโอบเอวเซี่ยวหลิงซี ก่อนจะ
กล่าววาจาพลางหัวเราะ “อย่าได้กงั วล ข้าไม่มีบาดแผลแม้แต่แห่ง
เดียวบนร่ างกาย หากไม่เชื่อ ข้าจะเปลื้องผ้าออกมาให้ท่านดู
ภายหลัง ดีหรื อไม่?”
“อี๋!!” เซี่ ยวหลิงซีบิดแขนหยุนเช่อเบาๆคราหนึ่ง หญิงสาวบุ ้
ปากกล่าวว่า “ฮึ่มม เจ้าล้อข้าเล่นอีกแล้ว...” อย่างไรก็ตาม หญิง
สาวเพียงสามารถรักษาความโกรธแค้นไว้ได้ชว่ั ครู่ ก่อนแทนที่
ด้วยความยินดี “ฮี่ ข้ารู ้วา่ เช่อน้อยย่อมต้องรักษาคําพูด ท่านพ่อ
และข้าวิตกกังวลใจแทบตายในหลายวันที่ผา่ นมา ทว่า ยังดีที่วงั
หลวงมีเรื่ องราวน่าสนใจมากหลาย ทั้งยังมีองค์หญิงคอยอยูเ่ ป็ น
เพื่อน ทําให้ขา้ มีเรื่ องเล่นสนุกมากมาย”
ชัว่ เวลานี้เองที่ชางเยว่ปรากฏกายขึ้น หญิงสาวฉลอง
พระองค์โดยชุดเต็มยศ ดูไปงดงามสง่าหาใดเทียบ ชางเยว่มองไป
ยังทั้งสองที่อยู๋ในอ้อมกอดของกันและกัน นางหัวเราะพลางกล่าว
ว่า “ศิษย์นอ้ งหยุน เจ้ากลับมาแล้ว”
“ขออภัยที่ทาํ ให้ศิษย์พี่หญิงต้องกังวลใจ” หยุนเช่อแย้มยิม้
เล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ทั้งยังรบกวนท่านดูแลท่านปู่ และอาหญิง
เล็กอีกด้วย”
“ญาติพี่นอ้ งของเจ้า ก็เปรี ยบเสมือนญาติพี่นอ้ งของข้า”
หลังกล่าวจบคํา ชางเยว่พลันรู ้สึกผิดแผกบางอย่างโดนเลือนราง
ใบหน้าของหญิงสาวพลันปรากฏสี แดงเป็ นริ้ วๆ ก่อนจะเร่ งกล่าว
เปลี่ยนหัวข้อ “ท่านปู่ เซี่ยวยามนี้อยูเ่ คียงข้างกายพระบิดา ยังมีท่าน
ลุงตงฟางคอยอารักขา ท่านย่อมปลอดภัยไร้อนั ตราย ว่าไปแล้ว...
เจ้าพบพานฉู่เยว่ฉานแล้วหรื อไม่?”
หยุนเช่อหน้าอกยุบแฟบลง ชายหนุ่มสัน่ ศีรษะปฏิเสธ “ไม่
นางไม่ได้อยูใ่ นแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ไม่มีผใู ้ ดทราบว่า
นางอยูท่ ี่ใด?”
ริ มฝี ปากของชางเยว่เปิ ดออกน้อยๆ หญิงสาวกล่าวออกโดย
นํ้าเสี ยงปลอบประโลม “อย่ากังวลใจไป นางเซียนโฉมงามเยือก
แข็งมีพลังฝี มือระดับชั้นราชันย์ ในยุทธภพวายุคราม ไม่มีผใู ้ ด
สามารถทําอันตรายนางได้ อาณาจักรวายุครามเล็กนิดเดียว เจ้า
ต้องตามหานางพบได้อย่างแน่นอน ข้าจะรวบรวมทรัพยากร
ทั้งหลายของวังหลวงเพื่อช่วยตามหา...แล้ว เรื่ องตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า..พวกมันถูก...เจ้าล้างตระกูลจริ งๆ?”
“อืม” หยุนเช่อผงกศีรษะโดยไม่ลงั เล “เนื่องเพราะพวกมัน
ได้ล่วงเกินสิ่ งที่ไม่ควรล่วงเกิน! เรื่ องราวนี้ แม้ท้ งั โลกหล้าจะเคียด
แค้นด่าทอข้า ข้าจะไม่มีทางสํานึกเสี ยใจ! อาหญิงเล็ก ศิษย์พี่หญิง
..พวกท่านทั้งสองโทษว่าข้าหรื อไม่?”
สี หน้าของชางเยว่พลันกลับกลายเป็ นสับสนซับซ้อนอย่าง
ยิง่ ขณะที่นางกําลังจะกล่าวตอบคํา หญิงสาวพลันได้ยนิ เซี่ยวหลิง
ซี เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “แม้วา่ การพรากชีวติ จะเป็ นความผิด..แต่
หากเป็ นเช่อน้อย ผูค้ นที่มนั ฆ่าย่อมต้องเป็ นบุคคลที่สมควรถูกฆ่า
ล้วนต้องเป็ นคนเลว! ดังนั้น ข้าไม่มีทางโทษว่าเจ้า”
เซี่ยวหลิงซี ไม่เคยฆ่าผูใ้ ดมาก่อนในชีวติ กระทัง่
ประสบการณ์ติดต่อสัมพันธ์กบั ผูค้ นทัว่ ไปยังจํากัดนัก
บุคลิกลักษณะท่าทางของนางนุ่มนวลบอบบางราวกลีบบุปผา
ทว่าคําพูดทั้งหมดเหล่านี้ กลับกล่าวออกมาราวเป็ นจริ งเป็ นจัง
เต็มไปด้วยความมัน่ อกมัน่ ใจและความเที่ยงตรง ชีวติ ของผูค้ นนับ
หมื่นถูกล้างสังหารสิ้ น...ทว่าหญิงสาวแน่วแน่ไม่คลอนแคลน...
ไม่ สมควรกล่าวว่าหญิงสาวเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อคือความถูกต้อง
ชางเยว่กล่าวถามอย่างอับจนปัญญา “เจ้า...เหตุใดจึงคิด
เช่นนั้น?”
“เนื่องเพราะเช่อน้อยเป็ นบุคคลที่ดีที่สุดในโลกนี้” เซี่ยวห
ลิงซีกระพริ บปริ บดวงตาอันสดใสราวอัญมณี ล้ าํ ค่า ก่อนจะเอ่ยคํา
ออกมาโดยปราศจากท่าทีลงั เล ชัว่ เวลานั้น ชางเยว่จบั จ้องตาไม่
กระพริ บ
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวพลันเข้าใจว่าเหตุใดหยุนเช่อจึงดิ้น
รนกระเสื อกกระสนถึงเพียงนั้นตลอดเวลาสามปี ที่ผา่ น เเละเหตุ
ใดชายหนุ่มจึงกลับกลายเป็ นพิโรธโกรธเกรี้ ยวจนกระทัง่ ลงมือ
กําจัดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูลเมื่อพวกมันจับตัวเซี่ยวห
ลิงซี ไป…
ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มและเซี่ยวหลิงซีขา้ มพ้นความ
เชื่อมัน่ และไว้วางใจไปไกลห่าง หากเป็ นความสัมพันธ์ท่ีชีวติ ของ
อีกฝ่ ายล้วนหลอมกลืนเข้าหากัน โดยเฉพาะอย่างยิง่ วิธีการที่
เซี่ยวหลิงซี ปฏิบตั ิต่อหยุนเช่อ กระทัง่ ชางเยว่เองยังสามารถรับรู ้
ได้วา่ แม้วา่ ทัว่ ทั้งโลกหล้าล้วนโป้ปดต่อนาง หญิงสาวยังคงวาง
ความเชื่อมัน่ อย่างสุดหัวใจของนางไว้กบั หยุนเช่อ แม้วา่ ทัว่ โลก
หล้าบอกว่ามันเป็ นปี ศาจร้าย นางยังคงเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อคือ
บุคคลที่มีจิตใจดีงามที่สุด
ความรู ้สึกลึกซึ้ งอันแสนลี้ลบั ทว่าละเอียดอ่อนเช่นนี้ ส่ งผล
ให้ชางเยว่เองรู ้สึกอิจฉาอย่างแท้จริ ง
หญิงสาวตระหนักดีวา่ ในโลกนี้ ไม่มีผใู ้ ดสามารถแทนที่
เซี่ยวหลิงซีภายในใจของหยุนเช่อได้
ชางเยว่แย้มยิม้ เจือจาง ภายใต้สายตาของเซี่ยวหลิงซี
ความรู ้สึกซับซ้อนที่ฝังลึกในใจของนางมลายหายไปโดยไร้
ร่ องรอย หญิงสาวมองไปยังหยุนเช่อ...ก่อนมองไปยังบุรุษที่สร้าง
ความภาคภูมิให้แก่นาง...ในสองปี ที่ผา่ น หยุนเช่อก้าวเดินผ่านจาก
บุรุษหนุ่มธรรมดาผูอ้ ่อนแอ ผูถ้ ูกพรรคตระกูลเซี่ยวตามไล่ล่าผู ้
หนึ่ง ไปเป็ นบุคคลที่สามารถยืนหยัดอย่างหยิง่ ทระนง ณ ตําแหน่ง
สู งในอาณาจักรวายุคราม
เป็ นช่วงเวลานี้เอง สุม้ เสี ยงราบเรี ยบเคร่ งขรึ มเสี ยงหนึ่ง
พลันดังออกมาจากท้องฟ้าอันห่างไกล
“หยุนเช่อ เพียงเพราะความแค้นส่ วนตัว เจ้ากระทําเกินเลย
โดยกําจัดฆ่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูล วิธีการของเจ้าชัว่ ร้าย
อํามหิ ต จิตใจพยาบาทไร้เมตตา จนแม้แต่มนุษย์และเทพเซียนยัง
ต้องพิโรธโกรธเกรี้ ยว เจ้าสมควรได้รับทัณฑ์สวรรค์ เฒ่าชราเช่น
ข้าจะขอผดุงความยุติธรรมแทนฟ้าในวันนี้ ข้าขอส่งเจ้าไปยัง
หนทางสู่ แม่น้ าํ แห่งความตายด้วยตนเองเพื่อชดใช้...จงแสดงตัว
ออกมา!”
สุ ม้ เสี ยงราวกับถูกถ่ายทอดลงมาจากท้องฟ้า สะท้อนก้อง
ไปทัว่ ทุกมุมถนนในนครหลวงวายุคราม ส่ งผลให้ทว่ั ทั้งนคร
หลวงตกอยูใ่ นความเงียบสงัดงัน ทุกผูค้ นเงยศีรษะขึ้นเบื้องบน
ต่างพากันตกตะลึงเมื่อมองเห็นท้องฟ้าอันว่างเปล่า พยายามหา
ที่มาของเสี ยงสะท้อน
“เอ๋ ..อะ..นัน่ เสี ยงอะไร? มันตะโกนร้องอันใด ดูคล้ายมัน
เรี ยกหาเช่อน้อย” เซี่ยวหลิงซีหมุนกายสํารวจมองไปโดยรอบ คํา
กล่าวที่ดงั มาจากท้องฟ้าสร้างความหวาดหวัน่ ให้แก่นางอยูบ่ า้ ง
“คนผูน้ ้ ี...เป็ นผูใ้ ด?” ชางเยว่คว้าจับแขนของหยุนเช่ออย่าง
รวดเร็ ว สี หน้าของนางเผยแววตื่นกลัว เมื่อหยุนเช่อกําจัดตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า ทั้งยังเข่นฆ่าผูเ้ ข้มแข็งที่มีพลังฝี มือแตกต่างกว่ากัน
ถึงหนึ่งระดับชั้น บุคคลที่มายังที่น้ ีเพื่อทวงความแค้นต่อหยุนเช่อ
...แน่นอนว่าย่อมต้องมีความเข้มแข็งอันน่าตกตะลึง
“เหอะ” หยุนเช่อพ่นลมออกจมูก ก่อนจะหาตําแหน่งของผู ้
มาเยือนอย่างรวดเร็ ว ชายหนุ่มกล่าววาจาอย่างไม่นาํ พาต่อชางเยว่
และเซี่ ยวหลิงซี “ดูท่าจะมีตวั น่ารําคาญบางตัวมาถึง...ขอเวลาข้า
สักครู่ ข้าจะจัดการเอง”
ขณะที่มนั กําลังจะเคลื่อนไหว เสี ยงของจัสมินดังขึ้นมาใน
หัวของชายหนุ่มในทันที “อย่าไป! หากเจ้าออกไป ล้วนไม่ต่าง
จากออกไปแสวงหาความตาย!”
บทที่ 357 - ตาต่ อตาฟันต่ อฟัน

“คนผูน้ ้ ีอยูข่ ้นั หกชั้นปราณจักรพรรดิ! ยิง่ ไปกว่านั้นมันยัง


อยูใ่ นขั้นนี้เป็ นเวลานานแล้วด้วย พลังปราณของมันทั้งหนาแน่น
และเฉี ยบคมอย่างไม่น่าเชื่อ” จัสมินกล่าวเตือน “มิคาดเลยว่าใน
ดินแดนนี้จะมีผสู ้ ามารถไปถึงขั้นกลางชั้นปราณจักรพรรดิ ด้วย
ความสามารถของเจ้าในยามนี้ ยังมิอาจเป็ นคู่ต่อสู ข้ องมัน”
ขั้นกลางชั้นปราณจักรพรรดิ?
หยุนเช่อมองไปยังทิศใต้ ใบหน้าตึงเครี ยด จากคํากล่าว
ของจัสมิน มันกลับนึกไปถึงคนผูห้ นึ่ง...ในเวลานี้มนั พลันจดจํา
ได้ถึงคําเตือนของหลิงเจี่ย
ยอดยุทธแห่งอาณาจักรวายุคราม ------- หลิงเทียนหนี่!!!
ในอาณาจักรวายุคราม มีเพียงหลิงเทียนหนี่ที่แข็งแกร่ งถึง
เพียงนั้น!
คําเตือนของหลิงเจี่ยได้กลายเป็ นจริ ง...ไม่เพียงเท่านั้น กลับ
ยิง่ กว่าคํากล่าวเตือนของมันอีก ไม่เพียงหลิงเทียนหนี่จะยืน่ มือเข้า
ยุง่ เกี่ยว มันยังมายังเมืองหลวงวายุครามด้วยตนเองและประกาศ
ต่อทุกผูค้ นว่าจะเอาชีวติ หยุนเช่อ!
หลิงเทียนหนี่ หัวหน้าหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์คนก่อน มันอยู่
บนจุดสู งสุ ดที่เปรี ยบดังตํานานในอาณาจักรวายุคราม เป็ นที่รู้กนั
โดยทัว่ ว่ามันแข็งแกร่ งที่สุด ตั้งแต่ยงั เยาว์ มันมีชื่อเสี ยงเป็ นที่รู้จกั
โดยทัว่ ทั้งยังบ้าคลัง่ หลงไหลในกระบี่เป็ นอย่างยิง่ เมื่อยีส่ ิ บปี ก่อน
มันได้กลายเป็ นผูแ้ ข็งแกร่ งที่สุดในอาณาจักร พลังปราณและ
ความชํานาญด้านกระบี่ของมันบรรลุถึงจุดสู งสุ ดเหนือคนทัว่ ไป
จนถึงวันนี้ มันมิได้ปรากฎตัวเป็ นเวลากว่ายีส่ ิ บปี แล้ว แม้กระนั้น
ภายในอาณาจักรวายุครามยังคงมีการกล่าวขานถึงเรื่ องราวของมัน
ผูฝ้ ึ กยุทธรุ่ นเยาว์ต่างเคารพนับถือมันจากตํานานที่ได้ยนิ ได้ฟัง
วันนี้ ตํานานผูน้ ้ ีได้ปรากฎตัวด้วยจุดประสงค์เดียวคือ
สังหารหยุนเช่อ มีเพียงหยุนเช่อเท่านั้นที่ได้รับเกียรติเช่นนี้
เมื่อหลิงเทียนหนี่ส่งผ่านเสี ยงของมัน มันและหยุนเช่อก็
มิได้อยูห่ ่างกันมากนัก หยุนเช่อสามารถบอกได้เลยว่ามันอยูห่ ่าง
จากหน้าวังยุทธราวสองกิโลเมตร คาดว่าหลิงเทียนหนี่น่าจะรู ้ถึง
ตําแหน่งของมัน เพียงแต่ไม่ตอ้ งการโจมตีภายในวังยุทธเพียง
เท่านั้น
เพราะไม่วา่ อย่างไร หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์และราชวงศ์วายุ
ครามต่างใกล้ชิดสนิทสนมกันแต่แรกเริ่ ม
“กระทัง่ กําจัดตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มันก็มิได้ปรากฎกาย ข้า
จึงคิดมาตลอดว่ามิใช่เรื่ องน่ากังวลอะไร มิคาดว่ามันจะปรากฎตัว
ในท้ายที่สุด” หยุนเช่อกล่าวกับจัสมิน “ทว่า ด้วยระยะห่างอันใกล้
อีกทั้งมันยังส่ งผ่านเสี ยงประกาศไปทัว่ ทั้งวังหลวงเพื่อบีบให้ขา้
ออกไป...การหลบหนีมิใช่สิ่งที่ขา้ หยุนเช่อ จะกระทํา!”

“ฮึ่มม ข้าคิดแล้วว่าเจ้าต้องพูดเช่นนี้!” จัสมินตอบอย่าง


รังเกียจ “หากเจ้าไม่ตอ้ งการหนี ที่สุดแล้วเจ้าก็จาํ ต้องสู ก้ บั มัน แม้
เป็ นไปไม่ได้ที่จะชนะ หากแต่ดว้ ยการปกป้องจากเส้นโลหิ ตเทพ
มังกร มันก็มิอาจสังหารเจ้าได้โดยง่ายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หาก
ไม่รู้วา่ เมื่อใดที่ควรถอย ก็มีเพียงความตายเท่านั้น”
“ข้าทราบ ชีวติ ของข้ามีค่ายิง่ กว่าเงินทองของมีค่าอันใด ข้า
ย่อมไม่ยอมมาตกตายอย่างไร้ความหมายที่นี่...แต่เมื่อมันอยูท่ ี่นี่
แล้ว พวกเราก็ไปพบผูม้ ีชื่ออันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุครามเสี ย
หน่อยเถอะ!”
“ไปกันเถอะ ฉานน้อย!”
บรรทุกหยุนเช่อไว้บนหลัง หงส์หิมะนํ้าแข็งเปล่งเสี ยงกู่
ร้องยาว กระพือปี กบินตรงเข้าหาหลิงเทียหนี่ เพียงหงส์หิมะอยู่
เหนือพื้นดิน รัศมีพลังปราณอันแข็งแกร่ งพลันพุง่ เข้าหาหยุนเช่อ
“อะไร? คนผูน้ ้ นั คือ...หลิงเทียนหนี่? เทพกระบี่ในตํานาน?”
เนื่องเพราะที่นี่คือวังหลวงวายุคราม ท่ามกลางเหล่าผู ้
อาวุโส มีจาํ นวนมากที่เคยเห็นความรุ่ งโรจน์ของเทพกระบี่เมื่อ
กาลก่อน ดังนั้น เมื่อหลิงเทียนหนี่ปรากฎกายในวังหลวงวายุคราม
คนส่ วนหนึ่งจึงตะโกนชื่อของมันออกมาอย่างตกตะลึง
“กระบี่...เทพกระบี่?”
“นัน่ คือเทพกระบี่ในตํานาน? โอ้สวรรค์! ข้าได้พบตํานาน
แห่งอาณาจักรวายุครามจริ งๆ!”
“ไม่ตอ้ งเดาเลยว่าเป็ นผูใ้ ดที่มาพร้อมเจตจํานงสังหารหยุน
เช่อ...นอกจากเทพกระบี่จะมีใครมีพลังปราณและรัศมีเช่นนี้ได้
อีก”
“หยุนเช่อมีปัญหาแล้ว ไม่วา่ มันจะแข็งแกร่ งเพียงใด มันคง
ไม่มีแม้โอกาสจะต่อกรกับเทพกระบี่ หากมันฉลาดซักนิดคงรี บ
หาที่ซ่อนไปแล้ว”
“ได้ยนิ ว่าเทพกระบี่ไม่สนใจเรื่ องราวโลกภายนอกมากว่า
ยีส่ ิ บปี แล้ว ดูเหมือนไม่เพียงการล่มสลายของตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าจะสัน่ สะเทือนทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุคราม มันยังสามารถ
กระตุน้ หลิงเทียนหนี่ได้อีกด้วย”
“กล่าวได้วา่ เทพกระบี่มีนิสยั เถรตรงดังเช่นกระบี่ มันกําจัด
มารร้ายโดยมิลงั เล ทั้งยังใกล้ชิดสนิทสนมกับผูน้ าํ ตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้ารุ่ นก่อน เฟิ นอี้เจี๋ย เป็ นอย่างมาก เมื่อหยุนเช่อทําลายล้าง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าในครั้งนี้ ไม่น่าประหลาดใจนักที่มนั จะลง
มือ”
ราวสองกิโลเมตรเหนือท้องฟ้าหน้าวังยุทธวายุครามปรากฎ
เงาร่ างสี ดาํ ชุดผ้าสี ดาํ พริ้ วสะบัดส่ งเสี ยงพรึ่ บพรั่บตามกระแสลม
เบื้องล่าง ผูค้ นรวมตัววิพากย์วจิ ารย์อยูโ่ ดยรอบมากขึ้นเรื่ อยๆ มี
หลายคนที่เร่ งรี บมายังที่แห่งนี้เพียงเพือ่ ชื่นชมภาพของเทพกระบี่
ฉับพลัน เสี ยงกู่ร้องดังยาวมาจากทางวังยุทธพร้อมกับที่เงาร่ างสี
ขาวพาดผ่านอย่างรวดเร็ วหยุดลงตรงหน้าร่ างสี ดาํ พวกมันต่าง
จ้องมองไปที่อีกฝ่ าย
“อ้าา? นัน่ ...นัน่ มันหยุนเช่อ!”
“มันอยูใ่ นวังยุทธจริ งๆ...ทั้งยังกล้าปรากฎตัว!”
“แม้มนั จะแข็งแกร่ งพอจนสามารถทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า ทว่าเผชิญกับเทพกระบี่...ผูม้ าเพื่อสังหารมัน ช่างอาจ
หาญยิง่ นัก!”
“นี่ตอ้ งเป็ นการต่อสูท้ ี่ยอดเยีย่ ม”
หลิงเทียนหนี่ดูราวอายุสี่สิบ แม้มนั เคยเป็ นหัวหน้าหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ บิดาของหลิงเยว่เฟิ ง มันกลับดูเยาว์กว่าเล็กน้อย มัน
ดูไปคล้ายหลิงเยว่เฟิ งอยูม่ าก หากทว่า รัศมีกระบี่บนร่ างของมัน
กลับเฉี ยบคมกว่าหลิงเยว่เฟิ งหลายสิ บเท่า หลิงเทียนหนี่ยา้ ยความ
สนใจมายังหยุนเช่อ เพียงเท่านั้น...เพียงการกวาดตามองธรรมดา
กลับทําให้หยุนเช่อแตกตื่นราวถูกกระหนํ่าทิ่มแทง
“เจ้าคือหยุนเช่อ?” หลิงเทียนหนี่กล่าวช้าๆ เสี ยงของมัน
สงบนิ่งราบเรี ยบราวสายนํ้าไหล
“ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อคํานับผูอ้ าวุโสหลิง ได้พบเทพกระบี่ใน
ตํานานเช่นนี้ ผูเ้ ยาว์โชคดียงิ่ นัก” หยุนเช่อตอบอย่างนอบน้อม
“เจ้ายังเยาว์และพลังปราณอยูเ่ พียงขั้นที่เจ็ดชั้นปราณปฐพี
หากแต่กลับสามารถกําจัดตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ท้งั ตระกูล
ความสําเร็ จด้วยอายุเพียงเท่านี้เหนือลํ้ากว่าข้ามากมายนัก” หลิง
เทียนหนี่กล่าวชมเชยอย่างเยือกเย็น สามารถให้เทพกระบี่กล่าวคํา
สี่ คาํ ‘เหนือลํ้ากว่าข้า’ ได้ หยุนเช่อนับเป็ นผูแ้ รก อย่างไรก็ตาม
หลังคําชมเชย มันมีเพียงจิตสังหารอันเยียบเย็นเท่านั้น “ด้วย
พรสวรรค์เช่นเจ้า เจ้าจะกลายเป็ นอัจฉริ ยะในอาณาจักรวายุคราม
เป็ นเพชรเม็ดงามแห่งยุคสมัยนี้ สําเร็ จสิ่ งที่แม้แต่หมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ของข้าก็มิอาจไปถึง หากเจ้าเข้าร่ วมการประลองจัดอันดับ
วายุครามครั้งที่เจ็ด เจ้าย่อมสามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์อนั น่า
หดหู่นบั พันปี ของอาณาจักรวายุครามทั้งยังได้รับชื่อเสี ยงเป็ น
อย่างมาก ทว่า เจ้าอํามหิ ตและเลือดเย็นเกินไป! เนื่องเพราะความ
อาฆาตแค้นส่ วนตัว เจ้าถึงกับสังหารหมู่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้ง
เจ็ดหมื่นสามพันหกร้อยกว่าชีวติ ! เป็ นการกระทําที่น่าสยดสยอง
อย่างแท้จริ ง!”
หยุนเช่อเผยยิม้ มุมปากขณะกล่าวตอบ “ผูอ้ าวุโสกล่าว
รุ นแรงไปแล้ว แม้ขา้ มิใช่คนดีมีเมตตา แต่กม็ ิได้ ‘อํามหิ ตและ
เลือดเย็น’ ดังที่ท่านกล่าว แม้ขา้ สังหารคนจํานวนมาก หากแต่
มิได้ไร้เหตุผล ข้ากําจัดตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเนื่องเพราะพวกมันลํ้า
เส้นมากเกินไป พวกมันสมควรได้รับ อีกทั้งยังเป็ นการกล่าวเตือน
ผูท้ ี่คิดแตะต้องคนในครอบครัวของข้า…อย่างไรก็ตาม นี่เป็ นเรื่ อง
ระหว่างข้าและตระกูลอัคคีผลาญฟ้า เกี่ยวอันใดกับท่าน?”
“เหอะ สิ่ งที่เกิดกับตระกูลอัคคีผลาญฟ้านั้นบางทีแม้แต่ทวย
เทพก็ยงั พิโรธ เจ้าทั้งชัว่ ช้าและดุร้ายกระหายเลือด สมควรถูกลง
ทัณฑ์จากสวรรค์ ทุกผูค้ นล้วนมีสิทธิ์สงั หารเจ้า! ข้าจะสังหารเจ้า
ในนามแห่งสวรรค์!”
“ในนามแห่งสวรรค์? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หยุนเช่อหัวเราะเสี ยงดัง
เสี ยงของมันพลันเปลี่ยนเป็ นเยียบเย็น “แม้ขา้ ได้ขอ้ งเกี่ยวกับ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเพียงไม่นาน ข้ากลับรับรู ้ถึงการกระทําอันน่า
รังเกียจของคนในตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้อย่างชัดเจน ตระกูล
เช่นนั้นกลับมีพฤติกรรมที่แสนชัว่ ช้ามากว่าหลายพันปี มีผคู ้ น
มากมาย มากกว่าเจ็ดหมื่นสามพันหกร้อยคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงโดย
อิทธิพลของพวกมัน ผูค้ นถูกสังหารทั้งโดยต่อหน้าและลับหลัง!
ในเวลานั้น ท่านไปอยูท่ ี่ใด? เหตุใดจึงไม่ลงทัณฑ์มนั ในนามแห่ง
สวรรค์เล่า!”
หลิงเทียนหนี่พลันตกตะลึงมิอาจกล่าวคํา
“ทราบมาว่าหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์และราชวงศ์วายุครามมี
ความสนิทสนมชิดเชื้อกันมาแต่บรรพกาล หัวหน้าหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์รุ่ นแรกและจักรพรรดิวายุครามพระองค์แรกต่างเป็ นพี่นอ้ ง
ร่ วมสาบานกัน ครั้นเมื่อพวกมันสร้างหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์และ
ราชวงศ์วายุคราม พวกมันยังสาบานว่าจะยืนหยัดฟันฝ่ าอุปสรรค
ร่ วมกันไม่วา่ จะเกิดอะไรขึ้น ทว่า จากความสู งส่ งของหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ในวันนี้อีกทั้งเบื้องหลังยังมีแดนกระบี่เดชาสวรรค์
กล่าวได้วา่ ราชวงศ์วายุครามได้แต่อดทนอดกลั้นมาโดยตลอด
จนกระทัง่ วันนี้ยงั ประสบภัยหายนะ แม้แต่พรรคตระกูลเซี่ยวและ
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้ายังอาศัยสถานการณ์เช่นนี้เข้ามาแก่งแย่งเพื่อ
อํานาจและผลประโยชน์ จักรพรรดิวายุครามเกือบจะถูกลอบ
สังหาร ด้วยอิทธิพลของหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่
ทราบถึงวิกฤติของราชวงศ์วายุคราม หากทว่า เหตุใดหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์มิยนื่ มือเข้าช่วยเหลือ! ท่านกล่าวว่าต้องการลงทัณฑ์
ผูค้ น ‘ในนามแห่งสวรรค์’ เหตุใดจึงไม่มีกระทัง่ สามัญสํานึกขั้น
พื้นฐานและความยุติธรรม! ตรงกันข้าม ข้าได้ยนื่ มือเข้ายุง่ เกี่ยว
เพื่อช่วยชีวติ องค์จกั รพรรดิ หากข้าไม่ทาํ เช่นนี้ องค์จกั รพรรดิคง
สิ้ นลมไปแล้ว และหากเป็ นเช่นนั้น เจ้าจะไปพบหน้าบรรพบุรุษ
ของตนได้หรื อ!”
หยุนเช่อจ้องมองไปยังหลิงเทียนหนี่ขณะกล่าว “คําที่เจ้า
กล่าว ‘ในนามแห่งสวรรค์’ ช่างน่าขันนัก! เจ้ามีสิทธิอนั ใดกล่าว
ตักเตือนข้า! หากมิใช่เพราะนาม ‘เทพกระบี่’ ข้าคงไม่แม้แต่จะ
เหลือบแลคนเช่นเจ้า! เช่นนี้...การที่ขา้ กําจัดตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ย่อมมิใช่เพียงได้ชาํ ระความขุ่นแค้น หากแต่ยงั เป็ นในนามแห่ง
สวรรค์โดยแท้จริ ง!”
หลิงเทียนหนี่มาเพื่อเรี ยกร้องความยุติธรรม ทว่า ต่อหน้าหยุ
นเช่อผูท้ าํ การสังหารหมู่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า มันผูย้ นื อยูบ่ นความ
เที่ยงธรรมแต่แรกเริ่ ม ผูต้ อ้ งการลงทัณฑ์ชายหนุ่มต่อหน้า
สาธารณะชน มิคาด กลับถูกว่ากล่าวติเตียนโดยหยุนเช่อต่อหน้า
ฝูงชนแทน ยิง่ ไปกว่านั้น คํากล่าวของหยุนเช่อยังทิ่มแทงจี้จุดอ่อน
ไหวของมันเป็ นอย่างยิง่ หลิงเทียนหนี่มิรู้วา่ ควรตอบกลับไปเช่น
ไร มันผูก้ ระทําการ ‘ในนามแห่งสวรรค์’ กลับกลายเป็ นบุคคลไร้
หัวใจที่ชวั่ ช้าสารเลว จากข้อโต้แย้งข้างต้น ฝูงชนต่างเห็นด้วยกับ
หยุนเช่อ
โดยเฉพาะเหล่าคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงโดยพรรคใหญ่ต่างๆ
เหล่าผูท้ ี่โกรธแค้นแต่มิกล้าตัดพ้อร้องทุกข์ คํากล่าวของหยุนเช่อ
นั้นลึกซึ้ งกินใจยิง่ เหล่าคนที่ถูกข่มเหงโดยตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
และตระกูลสาขาของพวกมันต่างกําหมัดแน่นข้อนิ้วลัน่ ขณะ
สภาวะอารมณ์โลดขึ้นสู ง ความเคารพศรัทธาที่มีต่อเทพกระบี่
พลันสลายหายไปอย่างเห็นได้ชดั
หลิงเทียนหนี่ถอนหายใจหนักหน่วง “ไม่เพียงพรสวรรค์จะ
น่าตกใจแข็งแกร่ งสะท้านสะเทือนโลก ดูเหมือนจะยังมีลิ้นอันคม
กริ บอีกด้วย ทว่า ไม่วา่ คําพูดของเจ้าจะสวยหรู เพียงใดเจ้าก็ไม่
สามารถปิ ดซ่อนบัญชีเลือดที่ก่อไว้ได้ สําหรับเจ็ดหมื่นกว่าชีวติ ที่
ตายลงด้วยนํ้ามือของเจ้า ข้าจะนําความยุติธรรมกลับคืนมาด้วย
กระบี่น้ ีเอง ไม่วา่ เหตุผลจะเป็ นเช่นไร เจ้าก็ไม่อาจหนีพน้ ความ
ตาย”
“เฮอะ!” หยุนเช่อหัวเราะอย่างเยียบเย็น “เจ้าคิดว่าข้าเปลือง
นํ้าลายกับเจ้าเพียงเจ้าเพื่อให้เจ้าปล่อยข้าไป? ประมาณตนสู ง
เกินไปแล้ว ด้วยเพียงตัวเจ้า ยังไม่มีคุณสมบัติพอให้ขา้ เกรงกลัว
ทั้งยังไม่มีความสามารถพอจะสังหารข้า”
ต่อหน้าผูท้ ี่ตอ้ งการสังหารมัน หยุนเช่อมิได้มีความเคารพ
นบนอบอีกต่อไป มันยกแขนขึ้น ทัณฑ์มงั กรยาวกว่าสามเมตร
พลันปรากฎในมือ จุดชนวนการต่อสู ้ “วันนี้ ข้าจะทดสอบเจ้า
เทพกระบี่ จงให้ขา้ ได้เห็นว่าหนทางของเจ้าจะสามารถสัน่ คลอน
หนทางของข้าได้อย่างไร!”
หยุนเช่อพลิกตัวลงจากหงส์หิมะก่อนเปิ ดใช้อสู รผลาญใจ
รัศมีพลังปราณพลันระเบิดออก ทัณฑ์มงั กรสะบัดกรี ดผ่าอากาศ
เข้าใส่ หลิงเทียนหนี่ดว้ ยพลังที่สนั่ สะเทือนแดนสวรรค์ หลิง
เทียนหนี่เหลือบมองช้าๆ กระบี่ยาวสี เขียวมรกตปรากฎในมือ
อย่างเงียบงัน ลํากระบี่มิได้เปล่งกระกาย ความเฉียบคมของมันมิ
อาจประเมินได้ดว้ ยตาเปล่า ทว่า เมื่ออยูใ่ นมือของเทพกระบี่ มัน
กลับปลดปล่อยพลังกดดันอันหนักหน่วงลึกลํ้า
เมื่อเจอแรงระเบิดกระแทกจากหยุนเช่อ หลิงเทียนหนี่
เจตนามิหลบเลี่ยง มันกลับแทงกระบี่สวนออกช้าๆ ถูกต้อง มัน
แทงกระบี่สวนออกช้าๆ ไม่วา่ หยุนเช่อหรื อผูใ้ ดจากเบื้องล่าง
แม้แต่ผฝู ้ ึ กยุทธชั้นปราณแรกเริ่ มยังสามารถเห็นการเคลื่อนไหว
ของมันได้อย่างชัดเจน
หากแต่ ทั้งที่เป็ นการแทงกระบี่ที่เชื่องช้าและชัดเจน กลับ
ราวการกระโดดข้ามผ่าน ชัว่ ครึ่ งลมหายใจก่อนทั้งที่ยงั ทิ้ง
ระยะห่างเกือบร้อยเมตร ชัว่ ครึ่ งลมหายใจถัดมา มันกลับ...กําลัง
ทิ่มแทงเข้าใส่ ทรวงอกของหยุนเช่อ
สัญชาตญาณอันตรายพลันร้องเตือน โดนมิได้แจ้งล่วงหน้า
พลังกดดันอันหนักหน่วงรุ นแรงได้มาถึงตรงหน้าหยุนเช่อผู ้
ปราศจากการป้องกันอันใด มันรู ้สึกเจ็บแปลบบริ เวณทรวงอก
หยุดชะงักการเคลื่อนไหวไปชัว่ ขณะ โดยไม่เสี ยเวลาคิด มันพลัน
ใช้ออกด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงาเพื่อถอยหลบกลิ้งไถลไปกับ
พื้นดิน
เมื่อลงสู่ พ้นื หน้าอกหยุนเช่อเต็มไปด้วยโลหิ ตแดงฉาน รอย
กระบี่ยาวครึ่ งฟุตสองรอยกรี ดผ่าเป็ นร่ องลึก...หยุนเช่อมิทนั รู ้ตวั
ว่ามันถูกกระบี่ฟันเมื่อใด
บทที่ 358 เพลิงเทพหงสา เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ (1)

“เมื่อครู่ นัน่ คือการแทรกแซงมิติ! เจตจํานงกระบี่ของมัน


ถึงกับแข็งแกร่ งจนสามารถทิ่มแทงผ่านห้วงอากาศ แม้นี่จะ
สามารถนับเป็ นการสอดแทรกมิติระดับตํ่าสุ ดได้อยู่ หากแต่ลว้ น
เพียงพอในการจัดการกับเจ้าแล้ว” จัสมินกล่าวเสี ยงเย็น “ต่อหน้า
มัน...เจ้าไม่มีโอกาสได้ชยั !”
“แทรกแซงมิติ? น่าสนใจนัก!” นิ้วของหยุนเช่อไล้ผา่ น
บริ เวณทรวงอก ชายหนุ่มเร่ งหยุดเลือดที่ไหลออกจากบาดแผล
“หิ นรองเท้ายิง่ สูงใหญ่ โลกที่ท่านสามารถมองเห็นยิง่ กว้างใหญ่
ขึ้นเท่านั้น ในโลกนี้ ถึงกับมีผคู ้ นที่สามารถใช้เจตจํานงแห่งกระบี่
ของมันทิ่มแทงผ่านห้วงอากาศ...เหอะ ไม่น่าแปลกที่มนั ถูกเรี ยก
ขานเป็ นเทพกระบี่ผแู ้ ข็งแกร่ งที่สุดในอาณาจักรวายุครามนี้”
“หากแต่ กระบี่ท้ งั สองของเจ้าเพียงสามารถสร้างบาดแผล
สองรอยที่ไม่เจ็บไม่คนั แก่ขา้ ..นี่ไม่นบั เป็ นอย่างไรได้!”
แม้หยุนเช่อจะกล่าววาจาด้วยเสี ยงที่ไม่ดงั นัก หากหลิง
เทียนหนี่ยงั คงสามารถได้ยนิ ทุกคําอย่างชัดเจน มันไม่กล่าวคําพูด
ใด เพียงก้าวเท้าออกมาสองก้าวที่กลางอากาศ กระบี่สีเขียวของ
มันค่อยๆ ชี้ปลายตรงไปเบื้องหน้า...ฉับพลัน รังสี กระบี่ยาวสอง
เมตรระเบิดออกจากปลายกระบี่ จากนั้นจึงแยกตัวออกเป็ น สอง
ห้า สิ บ กลับกลายเป็ นรังสี กระบี่จาํ นวนสุ ดคณานับ...ขณะที่รังสี
กระบี่พงุ่ เข้ามาใกล้ชายหนุ่ม กระบี่ที่แยกตัวออกล้วนเติมเต็ม
ช่องว่างกลางอากาศทั้งหมด ล้อมกักร่ างของหยุนเช่อไว้ภายใน

หยุนเช่อยกศีรษะขึ้น จากนั้นมองลงยังเบื้องล่าง ก่อนจะตวัด


กระบี่ทณั ฑ์มงั กรฟาดฟันลงอย่างดุร้าย
“ราชันย์พโิ รธ!!”
สุ ม้ เสี ยงมังกรคํารามสะท้อนก้องภายในค่ายกลกระบี่สีเขียว
จํานวนนับไม่ถว้ น ระเบิดออกสร้างช่องทางขนาดรัศมีสามเมตรที่
กึ่งกลางรังสี กระบี่ ด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา หยุนเช่อหลบหนี
ออกจากช่องทางนั้นพร้อมทั้งจู่โจมเข้าหาหลิงเทียนหนี่
หลิงเทียนหนี่มิอาจไม่ประทับใจเมื่อเห็นค่ายกลกระบี่ของ
มันสามารถถูกทําลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม มัน
กลับคืนสู่ ความเยือกเย็นก่อนจะค่อยๆ สะบัดชี้ปลายกระบี่ออก
เบื้องนอกอีกครั้งครา
ติง!!
ปลายกระบี่สีเขียวเรื องรองจี้สกัดเข้ากับคมของกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกร ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงจากทัณฑ์มงั กร กระบี่เขียว
โค้งงอลงดุจจันทร์เสี้ ยว หยุนเช่อขมวดคิ้ว เร่ งส่ งพลังเข้าหักหาญ
ฉับพลัน ชายหนุ่มรู ้สึกราวบังเกิดพลังอันมหาศาลสุดต้านทาน
สายหนึ่งแล่นจู่โจมเข้าใส่ จากทางเบื้องหน้า...กระบี่เขียวที่คดโค้ง
พลันดีดออกจนเป็ นเส้นตรง กระแทกสะท้อนทัณฑ์มงั กรจนถอย
หลัง แขนทั้งสองข้างของหยุนเช่อรู ้สึกราวกับถูกทุบด้วยค้อนยักษ์
จนชาด้านในทันที กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรแทบหลุดลอยออกจากสอง
มือ ร่ างของชายหนุ่มถูกแรงกระแทกดีดปลิวไปด้านหลัง
ท่ามกลางเสี ยงปะทะ
ตูม!!!
หยุนเช่อร่ วงกระทบพื้นอย่างรุ นแรงจนใต้ฝ่าเท้าก่อเกิดรอย
พื้นดินแตกระแหงเป็ นเส้นสาย ขณะเดียวกัน กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
หลุดกระเด็นออกจากอุง้ มือในที่สุด แขนขวาบังเกิดรอยบาดแผล
มากมาย โลหิ ตหลัง่ ไหลไม่หยุดยั้ง อวัยวะภายในของชายหนุ่มตก
อยูใ่ นสภาพเสี ยหายร้ายแรง หยุนเช่อรู ้สึกเจ็บปวดสุ ดทานทน ราว
กับร่ างกายของมันล้วนถูกฉี กออกเป็ นชิ้นๆ
บุคคลที่อยูต่ ่อหน้ามันผูน้ ้ ี คือบุคคลที่ได้รับการยกย่องจาก
ผูค้ นในฐานะยอดยุทธ์สุดยอดอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม
แน่นอนหยุนเช่อย่อมไม่ประมาทมัน อย่างไรก็ตาม กระทัง่ หยุ
นเช่อได้ประมือกับมันเมื่อครู่ ชายหนุ่มจึงตระหนักอย่างแท้จริ งถึง
ความเข้มแข็งของยอดยุทธ์ผนู ้ ้ ี หลิงเทียนหนี่แข็งแกร่ งกว่าที่หยุ
นเช่อคาดคิดไว้อย่างยิง่ หากเพียงเปรี ยบเทียบความแข็งแกร่ งของ
ระดับพลัง แม้วา่ หยุนเช่อที่มีความแข็งแกร่ งสามารถเทียบเคียงกับ
ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิข้นั สี่ และหลิงเทียนหนี่ที่มีพลังยุทธ์
ชั้นปราณจักรพรรดิข้นั หกจะถือว่าเป็ นความต่างชั้นที่มากโข หาก
ยังไม่นบั ว่าเกินเลยไป
ทว่า ขอบเขตชั้นที่หลิงเทียนหนี่ยนื อยู่ ณ เวลานี้ กลับเหนือ
ลํ้ากว่าหยุนเช่ออย่างสิ้ นเชิง...มันอยู่ ณ จุดที่หยุนเช่อไม่อาจทํา
ความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แม้กระทัง่ ในเวลานี้ เจตจํานงกระบี่
ของหลิงเทียนหนี่ แข็งแกร่ งเกินต้านทาน ทั้งผันแแปรไม่แน่นอน
ทั้งสามารถแหลมคมจนตัดผ่านทุกสรรพสิ่ ง บางครากลับยิง่ ใหญ่
ไพศาลราวมหาสมุทร ถึงกับสามารถแทรกแซงมิติ ส่ งผลให้ศตั รู
มิอาจต่อกรหรื อเตรี ยมการต้านรับใดๆ ได้
หยุนเช่อตกเป็ นฝ่ ายเสี ยเปรี ยบอย่างสิ้ นเชิงจากการประมือ
เมื่อครู่ น้ ี ทั้งที่กระบี่ทณ
ั ฑ์มงั กรยังไม่อาจแตะถูกแม้ชายเสื้ อ หาก
ร่ างกายของหยุนเช่อล้วนเกลื่อนกล่นไปด้วยบาดแผลนับไม่ถว้ น
ความหยิง่ ทระนงที่สลักลึกจนถึงกระดูกของชายหนุ่มกลับไม่
อนุญาตมันยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้! หยุนเช่อลุกขึ้นยืนหยัด
ชายหนุ่มเหยียดแขนขวาที่เต็มไปด้วยคราบโลหิ ตออก กระบี่
ทัณฑ์มงั กรบินกลับเข้าสู่ อุง้ มือของชายหนุ่มในทันที สายตาของ
หยุนเช่อจดจ้องเขม็งไปยังเทพกระบี่ที่กลางท้องฟ้า ไม่มีเพียง
ปรากฏร่ องรอยของความหวาดหวัน่ ในสี หน้า จิตต่อสู แ้ ละเพลิง
พิโรธของชายหนุ่มกลับยิง่ โหมกระพือขึ้นหลายเท่าตัว
“ไม่เลวเลย ถึงกับสามารถบีบบังคับข้าใช้พลังออกถึงเจ็ดใน
สิ บส่ วนเพื่อสยบเจ้า ไม่น่าสงสัยเลยที่เจ้าสามารถทําลายล้าง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ท้ งั ตระกูล” หลิงเทียนหนี่ล่องลอยลงมา
จากฟากฟ้า กระบี่สีเขียวในมือสาดประกายเย็นเยือกอย่างน่าขน
ลุก “อัจฉริ ยะเช่นนี้ ทว่ากลับมีจิตใจราวปี ศาจ ช่างน่าเสี ยดายที่ขา้
จําต้องกําจัดเจ้าทิ้งในวันนี้!”
เสี ยงกล่าวพิพากษาของหลิงเทียนหนี่แผ่วเบาหากเปี่ ยมล้น
ด้วยพลังกระทบจิตใจผูฟ้ ัง สุ ม้ เสี ยงที่กระจ่างชัดอย่างพิศดารของ
มันสามารถให้ผคู ้ นภายในนครหลวงกว่าครึ่ งได้ยนิ อย่างชัดเจน
ยามกล่าวจบคํา เจตจํานงกระบี่ของมันพลุ่งพล่านทะลักทลาย
กระบี่สีเขียวพลันเปล่งประกายแสงเจ็ดสี ยามพลังกระบี่ไร้เทียม
ทานห่อหุม้ ล้อมรอบกายของหยุนเช่อ
ฉับพลัน เงาร่ างสี เขียวร่ างหนึ่งทะยานออกมาอย่างเร่ งร้อน
จากพระราชวังวายุคราม เงาร่ างนั้นคือวิหควายุประจิม บนหลัง
ของสัตว์อสู รเวลา นัง่ ไว้ดว้ ยบุรุษหนุ่มอายุเยาว์ที่มีใบหน้าเปี่ ยม
แววหวาดหวัน่ วิตก “ท่านปู่ หยุดมือ!”
กระบี่ของหลิงเทียนหนี่หยุดชะงักกลางอากาศ สายตาของ
มันสัน่ ไหววูบหนึ่งเมื่อมองไปยังบุรุษหนุ่มที่เพิ่งปรากกกาย “ลูก
เจี่ย? เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”
วิหควายุประจิมพุง่ ทะยานเข้ามาด้วยความเร็ วสู ง พาร่ าง
ของหลิงเจี่ยกีดขวางอยูก่ ่ ึงกลางระหว่างหยุนเช่อและหลิงเทียนห
นี่ หลิงเจี่ยยกมือปาดเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะประสานมือทั้ง
สองเข้าหากันอย่างวิตกกังวล ร้องขอต่อหลิงเทียนหนี่ “ท่านปู่
ท่านฆ่ามันไม่ได้! ข้ารู ้จกั มันมาเป็ นเวลานาน มันมิใช่ผคู ้ นอันมี
จิตใจชัว่ ร้ายอํามหิ ตเช่นที่ท่านกล่าว”

หลิงเทียนหนี่ยงั มิได้ลดกระบี่ลง ประกายกระบี่เจ็ดสี เรื่ อเรื อง


งดงามอย่างน่าพิศวง หากกลับทําให้ผคู ้ นต้องสัน่ สะท้านในเวลา
เดียวกัน “แทนที่จะอยูใ่ นหมู่บา้ นอย่างเชื่อฟัง เจ้ากลับออกมายัง
ที่น้ ีเพื่อปกป้องเด็กชัว่ ร้ายผูน้ ้ ี? มันล้างสังหารผูค้ นกว่าเจ็ดหมื่นคน
เพียงบาปกรรมนี้ ล้วนไม่อาจชดใช้หมดสิ้ นไม่วา่ มันจะตกตายสัก
กี่ครั้ง!”
หลิงเจี่ยสัน่ ศีรษะปฏิเสธอย่างรุ นแรงพลางกล่าวอ้อนวอน
“ท่านปู่ เข้าใจผิดแล้ว แม้การที่มนั ฆ่าล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจะ
ค่อนข้าง...ค่อนข้างเกินเลยไปบ้าง ทว่าข้ากระจ่างต่อสถานการณ์
ยิง่ กว่าท่านปู่ เป็ นตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่ติดตามตอแยมันไม่ยอม
เลิกรา ทั้งยังบีบคั้นมันจนแทบสิ้ นชีวติ เมื่อหลายวันก่อน มันถูก
บีบบังคับกระทัง่ ถึงจุดที่มิอาจทานทนได้อีกต่อไป ดังนั้นจึง
บันดาลโทสะ ฆ่าล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้า”
“ฮึ่ม! สังหารล้างตระกูลเพียงเพราะความแค้นส่ วนตัว! ต่อ
ให้ครึ่ งตระกูลอัคคีผลาญฟ้านับเป็ นคนชัว่ ช้า แต่อีกครึ่ งที่บริ สุทธิ์
มินบั ว่าตายเปล่าหรอกรึ ? เจ้าถึงกับออกตัวปกป้องคนชัว่ ช้าเช่นนี้?
ข้าผิดหวังจริ งๆ… ถอยไปเดี๋ยวนี้!”
หลิงเทียนหนี่มีอาํ นาจสู งสุ ดในหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ แม้แต่
ตัวหลิงเจี่ยที่ไม่เคร่ งครัดและมักเพิกเฉยสิ่ งที่หลิงเยว่เฟิ งผูเ้ ป็ นบิดา
เอ่ยปากอยูเ่ สมอยังมิกล้าทําตัวเช่นเดิมต่อหน้าหลิงเทียนหนี่ ทุก
วลีของมันราวกับภูผาหนักแน่นกดเข้าใส่ ตวั หลิงเจี่ยทําให้มนั
กังวลจนแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าของมันยามนี้แดงฉานขณะ
มันกัดฟันตอบอย่างดื้นรั้น “ท่านปู่ … ชายผูน้ ้ ีเป็ นคนที่ขา้ ยอมรับ
นับถือเป็ นลูกพี่ และเป็ นคนเดียวในโลกนี้ที่ขา้ ชื่นชมสุ ดหัวใจ
หากเขาเป็ นบุคคลเช่นที่ท่านปู่ คิด ข้าจะยอมรับนับถือเขาเป็ นลูกพี่
ได้เช่นไร… ท่านปู่ ข้าขอร้องให้ท่านหยุดมือเถอะ อย่าฆ่าเขา
เลย… หากท่านคิดจะฆ่าเขาจริ งๆ ท่านก็ตอ้ งฆ่าข้าก่อน!”
“เจ้า!” หลิงเทียนหนี่เบิกตาจับจ้องมัน สองมือตวัดกระบี่
เล็กน้อย… สี หน้าของหยุนเช่อนิ่งค้าง มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าหลิง
เจี่ยจะเอ่ยปากเช่นนี้ต่อหน้าหลิงเทียนหนี่
ทุกสิ่ งเกิดขึ้นเพราะหยุนเช่อ การที่หลิงเจี่ยไม่สนใจผลที่จะ
ตามมาและยอมใช้ชีวติ ตัวเองเพื่อปกป้องหยุนเช่อทําให้มนั
ซาบซึ้ งใจยิง่ แต่มนั จะยอมให้เรื่ องของมันมากระทบ
ความสัมพันธ์ของหลิงเจี่ยกับปู่ แท้ๆของมันเองได้เช่นไร? ชาย
หนุ่มสาวเท้าไปเบื้องหน้าก่อนจะวางบนลงบนไหล่หลิงเจี่ยเพื่อ
ปลอบใจ ก่อนจะเอ่ยปากด้วยรอยยิม้ “ข้าจะจําไว้ตลอดไปว่าเจ้า
ยืนหยัดเพือ่ ข้า… แต่พอแล้วล่ะ นี่เป็ นเรื่ องของข้า และข้าจะ
จัดการกับมันเอง”
หลิงเจี่ยหันกลับมามองด้วยความกังวลยิง่ “แต่วา่ …”
“อย่าห่วงไปเลย” หยุนเช่อเอ่ยปากตามตรง “ต่อให้ท่านปู่
เจ้าเข้มแข็งจนน่ากลัว การจะสังหารข้าก็ยงั ไม่ได้ง่ายดายปานนั้น
หากข้าตายง่ายๆ ข้าก็คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ถอยไปเถอะ ข้า
รับรองว่าทุกอย่างจะเรี ยบร้อย การที่เจ้ายังอยูต่ รงนี้มีแต่จะทําให้
ข้าและท่านปู่ เจ้ายุง่ ยากใจขึ้นเท่านั้น”
วาจาของหยุนเช่อดูเหมือนจะมีพลังที่ทาํ ให้หลิงเจี่ยเชื่อมัน่
ในตัวมันได้เสมอ มันลังเลเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะและถอยไป
อย่างเชื่องช้า ทว่าสายตามันยังคงจ้องมองคนทั้งคู่อย่างกังวลใจ
ตอนนี้เอง กระบี่เจ็ดสี บนมือหลิงเทียนหนี่พลันทิ่มแทงมา
เบื้องหน้า ปรากฎแสงส่ องประกายเจิดจ้าขึ้นกลางอากาศเบื้อง
หน้าหยุนเช่อ
หยุนเช่อเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตาฉายแววดุดนั บ้าคลัง่ ขึ้น
วูบหนึ่ง
“ทัณฑ์อสู รโลกันตร์!”
สองตาหยุนเช่อพลันเปลี่ยนเป็ นแดงฉานพร้อมกับเพลิงเทพ
หงสาในร่ างมันที่ปะทุข้ ึนอย่างบ้าคลัง่ เปลวเพลิงที่เสริ มด้วยพลัง
ของทัณฑ์อสู รโลกันตร์โหมลุกอย่างดุร้ายจนชายหนุ่มราวกับ
กลายเป็ นตะวันเจิดจ้าดวงหนึ่ง
“ครื นนนน…”
บังเกิดเสี ยงระเบิดกึกก้องขึ้นรอบตัวหยุนเช่อเมื่อมัน
รวบรวมกําลังที่ปะทุข้ ึนมหาศาลเข้าสู่ สองแขนจนขยายขนาดขึ้น
เป็ นสามเท่า พลังลมปราณที่ปะทุข้ ึนอย่างฉับพลันทําเอาอากาศ
รอบด้านหมุนวนอย่างคลุม้ คลัง่ และมิติยงั สัน่ สะเทือน
“ถล่มฟ้าทลายปฐพี!!!”
ทันทีที่กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรตวัดฟาดออก มิติรอบด้านพลันบิด
ผัน กระทัง่ ผูช้ มที่อยูห่ ่างไปหลายกิโลเมตรยังถึงกับกลั้นหายใจ
ราวกับบรรยากาศทั้งหมดบนโลกล้วนแต่บิดเบี้ยว… หยุนเช่อได้
ใช้กระบวนท่าที่น่ากลัวที่สุดที่มนั มีออกอีกครั้งหนึ่ง! พลังฝี มือ
ของเทพกระบี่น้ นั เหนือกว่าที่มนั คาดไว้และโอกาสเดียวที่จะ
เอาชนะอีกฝ่ ายได้มีเพียงต้องพึ่งกระบวนท่าที่มนั ทุ่มสุ ดตัวนี้
เท่านั้น!!
หลิงเทียนหนี่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เมื่อพบเจอกระบวนท่านี้
ในฐานะบุคคลที่แข็งแกร่ งที่สุดของจักรวรรดิวายุคราม
พลังฝี มือของหลิงเทียนหนี่น้ นั ไร้ซ่ ึ งผูใ้ ดในจักรวรรดิจะต่อกร ไม่
มีผใู ้ ดในจักรวรรดิวายุครามที่มีพลังลมปราณสูงส่ งกว่ามัน ทว่า
พลังที่ปะทุออกมาจากกระบี่ของหยุนเช่อนั้นถึงกับเหนือลํ้ากว่า
ขีดจํากัดของหลิงเทียนหนี่อย่างเห็นได้ชดั !!เป็ นพลังอันน่า
หวาดหวัน่ ที่ต่อให้ทุ่มสุ ดตัวมันก็ไม่อาจใช้ออก!!ในพริ บตา
นั้น ในสายตาของมัน หยุนเช่อดูราวกับมังกรบรรพกาลตัวใหญ่
ยักษ์!
อายุสิบเก้ าปี … พลังลมปราณชั้นปฐพีขนั้ เจ็ด… ทําไมถึงมี
พลังรุ นแรงถึงเพียงนีไ้ ด้ !
ขณะตกใจ กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่ างของหลิงเทียนหนี่กข็ ยาย
ขึ้น มันปลดปล่อยพลังฝี มือเต็มร้อยโดยไม่เหนี่ยวรั้ง! มันตั้งท่า
ร่ างพิสดารขณะทั้งร่ างมันเปล่งแสงสี ขาวนวลราวกับนํ้านม
บรึ้มมม!!
เกิดเสี ยงระเบิดกึกก้องเสี ยดหูขณะที่จิตกระบี่ขนาดยักษ์ใน
คลื่นกระบี่สีรุ้งถูกพลังอันบ้าคลัง่ ของกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรทําลาย
อย่างง่ายดาย พลังอํานาจของเทพอสู รผสานกับกระบี่หนักพุง่ เข้า
กลืนกินหลิงเทียนหนี่ในพริ บตาราวกับมังกรยักษ์ที่พงุ่ ขึ้นคําราม
บนฟากฟ้า ทันทีที่มนั สัมผัสกับประกายแสงสี นวล เสี ยงคําราม
พลันดังขึ้นกลบเสี ยงของกรี ดร้องของผูค้ นทัว่ นครหลวง
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังทําลายอันน่ากลัวนี้ แม้แต่หลิงเทียนห
นี่ยงั เลือกที่จะทุ่มเทพลังเพื่อปกป้องตัวเอง ทว่าทันทีที่พลังทําลาย
ของ “ถล่มฟ้าทลายปฐพี” ปะทะเข้ากับม่านปราณคุม้ กายของเทพ
กระบี่ ม่านคุม้ กายก็ถูกกดดันด้วยพลังของเทพเจ้าที่แท้จริ ง ภายใต้
แรงกดดันสองต่อนี้ ประกายแสงสี นวลก็ถูกทําลายและกลืนกิน
ในพริ บตา เพียงสามอึดใจ ประกายแสงนี้กจ็ างหายไปเกินครึ่ ง
และแทบจะสลายอยูร่ อมร่ อ… ตอนนั้นเอง สองตาของหลิง
เทียนหนี่พลันเปล่งประกายด้วยคลื่นกระบี่เจิดจ้าสองสาย…
“เขตแดนกระบี่สวรรค์!!!”
หลิงเทียนหนี่กางสองแขนออกก่อนจะปรากฎกระบี่นบั พัน
ขึ้นกลางอากาศรวมตัวกลายเป็ นพยุหะกระบี่เข้าตัดฝ่ าพลังทําลาย
ของ “ถล่มฟ้าทลายปฐพี” อย่างดุดนั รุ นแรง
บทที่ 359 เพลิงเทพหงสา เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ (2)

เขตแดนกระบี่สวรรค์เป็ นสุ ดยอดเขตแดนของราชันกระบี่


สวรรค์ มันเป็ นเขตแดนสายจู่โจมเต็มตัว และนับได้วา่ เป็ นเขต
แดนขั้นพัฒนาของเขตแดนกระบี่สวรรค์ข้นั แรกเริ่ มอย่าง “เขต
แดนหมื่นกระบี่” มันถูกนับเป็ นเขตแดนที่ทรงพลังที่สุดและไร้ซ่ ึง
ผูใ้ ดในจักรวรรดิวายุครามจะต้านติดเช่นกัน ทันทีที่เขตแดนกระบี่
สวรรค์ถูกใช้ออกในจักรวรรดิวายุคราม เรี ยกได้วา่ ไม่มีใครหน้า
ไหนจะต้านรับได้แม้แต่คนเดียว
หลิงเทียนหนี่และหยุนเช่อเพียงเริ่ มประมือแต่มนั กลับถูก
บีบให้ใช้เขตแดนกระบี่สวรรค์ออก สําหรับมันแล้วนี่นบั ได้วา่
เป็ นครั้งแรกในชีวติ แต่พลังที่หยุนเช่อใช้ออกนั้นน่าสะพรึ งกลัว
เกินไป หากมันไม่ใช้เขตแดนที่ทรงพลังที่สุดของตนแล้ว เพียง
กระบวนท่าเดียวของหยุนเช่อนี้มนั ก็อาจบาดเจ็บสาหัสได้ทนั ที
นี่นบั เป็ นครั้งที่สามที่หยุนเช่อใช้ถล่มฟ้าทลายปฐพี ครั้ง
แรกคือตอนที่มนั เอาชนะเซี่ยฉิงเยว่ที่มีพลังฝี มือสู งลํ้ากว่ามันมาก
ในกาลก่อน ครั้งที่สองคือตอนที่มนั สังหารหนึ่งในสองราชันผู ้
ยิง่ ใหญ่และยังทําร้ายอีกหนึ่งจนบาดเจ็บหนัก… และในครานี้ มัน
ก็บีบให้สุดยอดฝี มืออันดับหนึ่งของจักรวรรดิวายุครามจนตรอก
จนต้องใช้พลังสู งสุ ดของตัวเองออกมา
บรึ้ ม บรึ้ ม บรึ้ ม บรึ้ ม บรึ้ ม…
บังเกิดเสี ยงระเบิดเสี ยดหูอย่างบ้าคลัง่ จนแม้แต่หว้ งมิติกร็ าว
กับจะยุบตัวลง พลังของกระบี่หนักนั้นทรงพลังราวกับอัสนีบาต
ขณะที่คลื่นกระบี่นบั ไม่ถว้ นก็ฉีกกระชากห้วงมิติ คลื่นกระบี่แตก
สลายชั้นแล้วชั้นเล่าในขณะที่คลื่นพลังรุ นแรงเองก็อ่อนโทรมลง
ทีละน้อย เทพกระบี่ยนื อยูต่ รงกลางคลื่นลมอันปั่นป่ วน แต่ร่างมัน
กลับไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียวดุจศิลาที่ยนื หยัดมานับหมื่นปี
ตอนนั้นอง มันพลันเบิกตากว้าง คลื่นกระบี่กว่าเจ็ดส่ วน
ระเบิดออกรวมตัวกันเป็ นพยุหะกระบี่นบั พันพุง่ เข้าปะทะกับพลัง
ทําลายอันรุ นแรงรอบด้าน...
ตูมมม!
พลังของ “ถล่มฟ้าทลายปฐพี” สลายไปจนหมดสิ้ นพร้อม
กับเสี ยงระเบิดกึกก้องปิ ดท้าย เทพกระบี่ยงั คงยืนหยัดอยูต่ าํ แหน่ง
เดิมไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นอ้ ย บนร่ างปราศจากร่ องรอยบาดแผล
กระทัง่ เสื้ อผ้าหน้าผมก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่นอ้ ย… ทว่านี่
มิได้แปลว่าหลิงเทียนหนี่จะผ่อนคลายแต่อย่างใด รัศมีสีนวลบน
ร่ างมันจางหายไปจนหมดสิ้ น รัศมีพลังของมันก็ถดถอยไปมากโข
ยิง่ กว่านั้น เขตแดนกระบี่สวรรค์ที่เคยไร้เทียมทานในจักรวรรดิ
วายุครามบัดนี้สลายไปกว่าเก้าส่ วน จากคลื่นกระบี่นบั พันบัดนี้
หลงเหลือเพียงไม่กี่ร้อยเล่มเท่านั้น
หลิงเจี่ยที่อยูเ่ บื้องหลังได้แต่ตะลึงงันอยูก่ บั ที่ นี่เป็ นครั้งแรก
ที่มนั ได้เห็นหยุนเช่อสําแดงฝี มือหลังจากไม่ได้เจอกันร่ วมปี มัน
เข้าใจดีวา่ พลังฝี มือของหยุนเช่อที่สามารถล้างตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าได้ดว้ ยตัวคนเดียวย่อมต้องสู งส่ งจนน่ากลัว ทว่าหลิงเจี่ยไม่เคย
คาดคิดว่ามันจะน่ากลัวถึงเพียงนี้… มันถึงกับบีบให้ท่านปู่ ใช้เขต
แดนกระบี่สวรรค์ และยังถึงกับทําลายเขตแดนไปได้มากมายเพียง
นั้น!
หากมิได้พบเห็นด้วยตนเอง มันต้องไม่เชื่อแน่… ต่อให้เป็ น
คนของหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เองก็คงไม่เชื่อเช่นกัน
แววตาของหยุนเช่อหม่นลงเมื่อมองไปยังหลิงเทียนหนี่ที่ไร้
รอยขีดข่วน
แม้ภายนอกหลิงเทียนหนี่จะยังคงสงบนิ่ง ทว่าในใจมัน
ปั่นป่ วนดุจพายุในท้องทะเล เพียงเพื่อป้องกันหนึ่งกระบวนท่า
ของหยุนเช่อ เขตแดนกระบี่สวรรค์มนั ถึงกับเสี ยหายจนแทบ
พังทลาย… ส่ วนพลังลมปราณของมันเองก็สูญเสี ยไปถึงสี่ ส่วน!
มันรับกระบวนท่าของอีกฝ่ ายเพียงกระบวนท่าเดียว แต่
กลับต้องใช้พลังไปถึงสี่ ส่วน! สําหรับมันแล้วนี่นบั ว่าเป็ นเรื่ องที่
ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทว่าขณะเดียวกันในใจมันก็บงั เกิดจิต
สังหารปะทุข้ ึนอีกระลอก… อาศัยพลังลมปราณเพียงชั้นปฐพี มัน
ถึงกับมีพลังฝี มือสู งลํ้าจนน่ากลัวเพียงนี้ เมื่อเสริ มด้วยความเร็ วใน
การพัฒนาของมัน ทันทีที่ชายหนุ่มบรรลุถึงลมปราณฟ้า แม้แต่ตวั
มันเองก็คงมิใช่คู่มือ และคงไม่มีใครหน้าไหนในจักรวรรดิวายุ
ครามที่จะต่อกรกับมันได้อีกเช่นกัน! ไม่วา่ อย่างไร มันจะต้อง
สังหารชายหนุ่มลงให้ได้ในวันนี้
ส่ วนทางหยุนเช่อที่ฝืนเปิ ดทัณฑ์อสู รโลกันตร์และฝื นใช้
ถล่มฟ้าทลายปฐพีไปก็ใช้พลังไปกว่าแปดส่ วน ทว่ามันก็มิได้ทุ่ม
สุ ดตัว… มันยังคงสํารองพลังส่ วนหนึ่งเอาไว้หลบหนี
“ไอ้ปีศาจ ตายซะ!!”
รัศมีพลังของหยุนเช่ออ่อนโทรมลงไปมาก หลิงเทียนหนี่
เข้าใจดีวา่ หนึ่งกระบวนท่าของหยุนเช่อเมื่อครู่ ยอ่ มต้องเป็ นการ
เดิมพันอย่างสิ้ นหวัง และบัดนี้มนั ก็ไม่ต่างอะไรจากตะเกียงใกล้
มอด แทบไม่หลงเหลือกําลังอีก มันเปล่งเสี ยงคํารามดังลัน่ ก่อนที่
กระบี่นบั ร้อยเบื่องหลังจะลอยมารวมตัวกันอย่างว่องไวกลายเป็ น
กระบี่สวรรค์สีทองอร่ ามยาวกว่าสามสิ บเมตรกว้างสามเมตรคม
กริ บไร้ผทู ้ ดั เทียม ก่อนจะพุง่ เข้าใส่ หยุนเช่อ
“ท่านปู่ … หยุดมือ!!”
ก่อนที่หลิงเจี่ยจะทันได้สติ มันก็พลันเห็นท่านปู่ ปล่อย
กระบี่สวรรค์อนั น่ากลัวเล่มนั้นออกมา ใบหน้าของมันพลันซี ด
เผือดขณะทะยานร่ างออกสุ ดกําลัง ทว่าความเร็ วของมันจะ
เทียบเท่ากระบี่สวรรค์ได้เช่นไร? หลิงเทียนหนี่ไม่ใส่ ใจเสี ยงร้อง
ลัน่ ของมันแม้แต่นอ้ ย ความเร็ วของกระบี่สวรรค์กลับเพิ่มพูนขึ้น
ก่อนจะพุง่ ลงมาเบื้องล่าง
“ลูกพี่!!” ตาของหลิงเจี่ยหดวูบขณะมันส่ งเสี ยงคํารามแหบ
พร่ า ไม่วา่ ผูใ้ ดขอเพียงมีพลังลมปราณอยูบ่ า้ ง ก็จะสัมผัสได้อย่าง
ชัดเจนว่ารัศมีพลังของหยุนเช่อในยามนี้ถดถอยลงมากเพียงใด
ด้วยสภาพของมันตอนนี้ แค่จะรับกระบี่ธรรมดาจากหลิงเทียนห
นี่เพียงกระบวนท่าเดียวยังแทบไม่ได้ดว้ ยซํ้า ไม่ตอ้ งพูดถึงกระบี่
สวรรค์ที่น่ากลัวเล่มนี้! กระบี่สวรรค์เล่มนี้คือแก่นที่แท้จริ งของ
“เขตแดนกระบี่สวรรค์” หลังจากคลื่นกระบี่นบั ไม่ถว้ นเข้าทําลาย
วิถีรุกรับของคู่ต่อสู แ้ ล้ว มันจะปิ ดท้ายด้วยการรวมตัวกันเป็ น
กระบี่ที่ปกคุลมผืนฟ้ามอบความสิ้ นหวังให้กบั อีกฝ่ าย แม้พลังของ
กระบี่สวรรค์จะหลงเหลือเพียงหนึ่งส่ วนเนื่องจากเขตแดนกระบี่
สวรรค์ที่มีสภาพร่ อแร่ แต่มนั ก็มีพลังมากพอจะสลายร่ างของหยุ
นเช่อในตอนนี้จนหมดสิ้ นได้แน่
ประกายแสงเบื้องบนพลันเปลี่ยนแปลงไป หยุนเช่อเงยหน้า
ขึ้นและเห็นแสงสี ทองแสบตาคลุมฟ้าครอบตะวัน ภายในของมัน
แฝงด้วยพลังไร้ผตู ้ า้ นมากล้นจนร่ างมันราวกับถูกหิ นหนักสิ บตัน
กดไว้จนไม่อาจขยับได้
“ผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆา!”
ต่อหน้ากระบี่ทณ ั ฑ์สวรรค์ที่พงุ่ ลงมา หยุนเช่อเหยียดร่ าง
ขึ้นก่อนจะพลันปลดปล่อยม่านลมปราณคุม้ กันของเทพอสูร
ออกมา
ตูมมม!!!
กระบี่สวรรค์เผชิญการกีดขวางจากม่านป้องกันของผนึก
สุ ริยนั กั้นเมฆา เจตจํานงกระบี่พร้อมทั้งรังสี กระบี่สุดคณานับท่วม
ท้นท้องฟ้าพลันปลดปล่อยพลังออกโดยพร้อมเพรี ยงกันอย่างบ้า
คลัง่ ดูราวกับดวงอาทิตย์สีทองเจิดจ้าระเบิดออก กระบี่สวรรค์รุก
คืบเข้าไปทีละน้อยทีละน้อย ทว่า ยังไม่อาจทลายกําแพงของเทพ
อสู รเข้าไปได้ เพียงสามารถผลักดันร่ างของหยุนเช่อก้าวถอยหลัง
ไปทีละก้าว ทีละก้าว…
แคร่ กก แคร่ กก!
รอยปริ แยกปรากฏขึ้นทั้งบนกระบี่สวรรค์และปราการแห่ง
เทพอสู ร รอยแตกทั้งสองแผ่ลามออกอย่างรวดเร็ ว หนึ่งลุกลาม
ครอบคลุมทัว่ ตัวกระบี่ อีกหนึ่งแพร่ กระจายไปทัว่ ม่านปราการคุม้
กัน!
เปรี้ยง!!
ปราการเทพอสู รและกระบี่สวรรค์ดูราวกับระเบิดออกโดย
พร้อมเพรี ยงกัน กลับกลายเป็ นชิ้นส่ วนพลังเกลื่อนกล่นเต็ม
ท้องฟ้า ร่ างของหยุนเช่อถูกผลักดันถอยหลังไปหลายสิ บเมตร ชัว่
ขณะที่ร่อนลงสู่ พ้นื ร่ างของชายหนุ่มวูบขึ้นคราหนึ่งด้วยท่าเท้า
เทพดาราแยกเงา พร้อมทั้งหลบหลีกลูกหลงทั้งหลายแหล่ที่
ตามมาจากการปะทะกับกระบี่สวรรค์เมื่อครู่ เส้นผมสักเส้นบน
ร่ างกายของหยุนเช่อไม่ได้ภยั อันตรายใดๆ หากคลื่นรัศมีพลังที่
ปลดปล่อยออกกลับอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน ชัว่ ขณะที่มนั หยุดร่ าง
ลง ชายหนุ่มต้องอ้าปากหอบหายใจเฮือกใหญ่
“!?” หยุนเช่อกลับสามารถรอดพ้นจากกระบี่สวรรค์ไปได้
โดยไร้อนั ตราย ใบหน้าของหลิงเทียนหนี่เคลือบคลุมด้วยความ
ตื่นตระหนกอีกครั้ง ทว่ามันพลันเปลี่ยนสี หน้าอย่างรวดเร็ ว หลิง
เทียนหนี่โบกมือคราหนึ่ง ในพริ บตา พลังงานที่ถูกระเบิดออกจาก
กระบี่สวรรคฺ เมื่อครู่ ลว้ นก่อรู ปร่ างขึ้นเป็ นรังสี กระบี่สีทองหลาย
สิ บเส้น พุง่ ตรงเข้าหาร่ างที่เพิ่งร่ อนลงถึงพื้นขณะปลดปล่อยรัศมี
พลังอันแหลมคมที่สามารถฉี กกระชากชั้นบรรยากาศได้
หยุนเช่อเพิ่งรับกระบี่สวรรค์เมื่อครู่ ทั้งยังเพิง่ ใช้ท่าเท้าเทพ
ดาราแยกเงาหลบหลีกปลายพลังที่หลงเหลือ พลังในร่ างล้วน
เสื่ อมสู ญสิ้ น ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันโคจรพลัง รังสี กระบี่สีทอง
กลับติดตามหลังมา ชัว่ วินาทีที่ปลายฝ่ าเท้าของชายหนุ่มแตะลง
บนพื้น ปลายรังสี กระบี่สีทองล้วนอยูห่ ่างไปไม่ถึงหนึ่งเมตร ไม่
เปิ ดโอกาสให้ชายหนุ่มหลบหลีกรอดพ้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพร่ างกายแข็งแกร่ งราวมังกร รังสี
กระบี่ที่เทพกระบี่รวบรวมขึ้นมาล้วนไม่สามารถแทงทะลุร่างชาย
หนุ่มได้ อย่างมากที่สุด มันอาจสามารถสร้างริ้ วรอยบาดแผล
บางๆ นับสิ บเส้นลงบนร่ างกาย ชัว่ ขณะที่หยุนเช่อกัดฟันเตรี ยม
ตัวพรักพร้อมในการรับรังสี กระบี่ ประกายแสงสี ฟ้าเยือกเย็นพลัน
พร่ างพรมลงมาจากบนท้องฟ้า ชั้นบรรยากาศโดยรอบควบรวม
หนาแน่นขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกัน รังสี กระบี่ที่เพียงห่างจากร่ าง
ของหยุนเช่อไม่กี่เซ็นติเมตร กลับนิ่งค้างชะงักอยูก่ ลางอากาศ
จากนั้น สี สนั ของมันพลันเปลี่ยนแปลงจากสี ทองแวววาวเป็ นสี ฟ้า
ครามเข้มอย่างรวดเร็ ว
จากนั้น รังสี กระบี่แหลมคมแตกกระจัดกระจายดัง “เปรี้ ยง”
กลับกลายเป็ นเพียงเศษชิ้นส่ วนนํ้าแข็งสี น้ าํ เงินอันลึกลํ้า...ชิ้นส่ วน
นํ้าแข็งทั้งหมดร่ วงหล่นลงเบื้องล่าง ทว่าก่อนที่น้ าํ แข็งเย็นจะ
สัมผัสพื้นดิน พวกมันล้วนมลายหายไปกลางอากาศจนหมดสิ้ น
“นี่มนั ...”
หยุนเช่อเงยหน้าขึ้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ ว
หลิงเทียนหนี่ขมวดคิ้วแนบแน่น มันเปล่งเสี ยงคําราม
“เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง?ไม่..เดี๋ยวก่อน! หรื อจะเป็ น...”
พลังนํ้าแข็งสี น้ าํ เงินอันร้ายกาจราวปี ศาจ กลิ่นอายแข็งแกร่ ง
อันลี้ลบั ที่มิได้มาจากพลังเมฆาเยือกแข็ง เตือนความทรงจําของห
ลิงเทียนหนี่ถึงบางสิ่ งบางอย่าง สี หน้าของมันพลันแปรเปลี่ยน
อย่างกะทันหัน มันรี บหมุนกายกลับไปมองยังท้องฟ้าเบื้องบน
เหนือฟากฟ้าสู งกว่าสองสามร้อยเมตร ปรากฏเงาร่ างสี ฟ้า
เจือจางล่องลอยอยู่ รู ปลักษณะของหญิงสาว ณ ชัว่ เวลานี้ กลบบด
บังรัศมีประกายความงามทั้งมวลในใต้หล้า ชัว่ วินาทีที่ผคู ้ น
ทอดตามอง ทั้งหมดล้วนไม่อาจไถ่ถอนสายตาจากไปได้ ราวกับ
เทพธิดาที่ดาํ เนินลงมาจากสรวงสวรรค์ ช่างเลือนรางห่างไกลและ
ลี้ลบั ทั้งงดงามเหนือจินตนาการจนสุ ดบ่งบอกเป็ นถ้อยร้อย
พรรณาได้
“ฉิ งเยว่...” หยุนเช่อพึมพําแผ่วเบา
ครานั้น ยามที่หยุนเช่อมุ่งหน้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง ชายหนุ่มมิได้พบหน้าหญิงสาว หากเขากลับไม่เคย
คาดคิดว่าจะได้มาพบนางอีกครั้งในสภาวการณ์เช่นนี้ ความรู ้สึกที่
หยุนเช่อมีต่อเซี่ ยฉิ งเยว่หลังการแยกจากมากกว่าหนึ่งปี
แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง หญิงสาวยังคงเป็ นสตรี ที่เปี่ ยมความ
งดงามเหนือมนุษย์ หากทว่าครานี้กลับผสมผสานด้วยความรู ้สึกลี้
ลับชนิดหนึ่งที่ไม่อาจบ่งบอกบรรยาย ที่รอบกายของหญิงสาว จิต
วิญญาณนํ้าแข็งเย็นยังคงโบยบินรายล้อมรอบ ทว่า พวกมันกลับ
ผิดแผกแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้ นเชิง...เกล็ดนํ้าแข็งที่
ควบแน่นอยูใ่ นชั้นบรรยากาศที่เคยถูกปลดปล่อยก่อนหน้านี้ลว้ น
งดงามศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเยือกเย็นยะเยียบ หากทว่ากลับสร้าง
ความรู ้สึกยินดีแก่ผพู ้ บเห็น แต่นอกเหนือจากรู ปลักษณ์ภายนอกที่
งดงาม พวกมันกลับไม่สร้างประโยชน์อนั ใด
แต่จิตวิญญาณนํ้าแข็งที่กาํ ลังล่องลอยโดยรอบร่ างกายของ
เซี่ยฉิ งเยว่ในขณะนี้ กลับดูคล้ายมีชีวติ ราวกับพวกมันแต่ละตนมี
จิตวิญญาณเป็ นของตนเอง เป็ นจิตหิ มะนํ้าแข็งอันเอกเทศ จิต
วิญญาณทั้งหมดร่ ายระบําโบยบินอย่างเสรี หมุนวนรายล้อม
ร่ างกายของนายหญิง ราวกับหมู่ดาราล้อมจันทร์
“นางเซียนจันทราเยือกแข็ง...เซี่ยฉิ งเยว่! เหตุใดนางจึง..อยู่
ที่น้ ี? ทั้งนางยัง...สามารถเยือกแข็งรังสี กระบี่ของท่านปู่ จากที่
ห่างไกลเช่นนั้นได้อย่างหมดจด!” หลิงเจี่ยเงยหน้าขึ้นจ้องมอง
อย่างตกตะลึงขณะเปล่งเสี ยงอุทาน สุ ม้ เสี ยงผูค้ นวิพากษ์วจิ ารณ์
อย่างเซ็งแซ่ดงั ออกมาจากรอบกาย
ขณะนี้ ทุกผูค้ นในอาณาจักรวายุครามรับรู ้ความสัมพันธ์
ของเซี่ยฉิงเยว่และหยุนเช่อ การปรากฏกายโดยกะทันหันของนาง
ส่ งผลให้ผคู ้ นทั้งหมดจิตใจสัน่ ไหวขึ้นมา
หยุนเช่อจ้องมองไปยังเซี่ยฉิงเยว่ เซี่ยฉิงเยว่เองจับจ้องมอง
มายังหยุนเช่อเช่นกัน ผูค้ นทั้งสองกลับมาพบพานอีกคราหลังการ
พรากจาก “ชัว่ ชิต” สี หน้าและอารมณ์ความรู ้สึกของบุคคลทั้งคู่
แฝงไว้ดว้ ยความซับซ้อนสับสนอันยากบรรยาย หลังการแต่งงาน
ของทั้งสอง นี่เป็ นการพบพานครั้งที่สอง ทุกครั้งคราที่พบหน้า
ต่างฝ่ ายต่างรุ ้สึกถึงความสนิทสนมคุน้ เคย รวมทั้งความแปลกแยก
ไม่คุน้ ชิน ชายหนุ่มมิใช่หยุนเช่อดุจเดียวกับคราก่อน และหญิง
สาวเอง ล้วนมิใช่เซี่ยฉิ งเยว่คนเดิมเช่นกัน
จากการเพิม่ พูนระดับพลังฝี มือ ย่อมต้องตามมาด้วยความ
เปลี่ยนแปลงเป็ นธรรมดา กระทัง่ สภาวะจิตใจโดยดั้งเดิมล้วน
แตกต่างไป ทั้งสองมิอาจบ่งบอกได้วา่ ปัจจุบนั นี้ ที่สลักสําคัญต่อ
อีกฝ่ ายคือสิ่ งใด ที่พวกมันไล่ติดตามถามหา ยังคงเป็ นเช่นเดิม
หรื อไม่ ที่ยงิ่ กว่านั้นคือ ทั้งสองต่างไม่ทราบว่าความรู ้สึกบางอย่าง
ที่อบอุ่นรุ่ มร้อนขึ้นยามเคียงข้างกันในแดนลับสระสวรรค์ในครา
นั้น ใช่กลับกลายเป็ นเย็นเยือกยะเยียบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผ่านพ้น
เหตุการณ์ “สวรรค์พราก” นี้ไปแล้วหรื อไม่
อาจบางที ความรู ้สึกที่ท้ งั สองมีลว้ นเป็ นเพียงความพร่ ามัว
สลัวรางชนิดหนึ่งเท่านั้น
หลิงเทียนหนี่มิได้โจมตีหยุนเช่อสื บต่อ มันเงยหน้าขึ้นจ้อง
มองเซี่ยฉิงเยว่ที่ปรากฏกาย มันทอดถอนหายใจยาว “ปี ก่อน ข้า
เคยได้ฟังถึงศิษย์อนั เปี่ ยมล้นพรสวรรค์อย่างยอดเยีย่ มผูห้ นึ่งของ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง มิเพียงมีพรสวรรค์น่าตระหนก นาง
ยังได้รับโชควาสนาอันใหญ่หลวง ด้วยอายุเพียงสิ บเจ็ดปี กลับ
สามารถขึ้นสู่ ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิข้นั สองได้...ยามนี้ นางบรรลุ
ชั้นปราณจักรพรรดิข้นั สี่ เมื่อหวนนึกทบทวน ข้าใช้ระยะเวลากว่า
ห้าสิ บปี เพื่อปี นป่ ายจากปราณจักรพรรดิข้นั สองสู่ ข้นั ที่สี่ ขณะที่
เจ้า ใช้เวลาไม่ถึงสองปี ด้วยซํ้า ดูท่า ยุคสมัยของข้าคงผ่านพ้นไป
แล้ว ความสําเร็ จในอนาคตของเจ้า ข้าล้วนไม่อาจเทียบเปรี ยบได้
จนชัว่ ชีวติ ”
เซี่ ยฉิ งเยว่กล่าวเสี ยงอ่อนโยนว่า “ท่านผุอ้ าวุโสชมเชย
เกินไป ผูเ้ ยาว์ไม่กล้ารับ ก่อนหน้านี้ ผูเ้ ยาว์สอดมือเข้าล่วงเกินผู ้
อาวุโส ขอท่านผูอ้ าวุโสอย่าได้ถือสา ผูเ้ ยาว์เพียงขอท่านผูอ้ าวุโส
ปลดปล่อยหยุนเช่อจากไป มันมิใช่บุคคลอันชัว่ ช้าเลวทรามอัน
ใด”
หลิงเทียนหนี่สีหน้าเรี ยบเฉย มันกล่าวพลางทอดถอนใจ
“เจ้ าต้ องการปกป้ องหยุนเช่ อ เป็ นความต้ องการส่ วนตัวของเจ้ า
หรื อเป็ นความตั้งใจของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง?”
บทที่ 360 เพลิงเทพหงสา เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ(3)

เซี่ยฉิ งเยว่ กล่าวตอบ “นัน่ เป็ นความหวังของผูเ้ ยาว์, อีกทั้ง


ยังเป็ นเจตนารมณ์ของสํานักด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไรบุรุษผูน้ ้ ีกค็ ือ
สามีของผูเ้ ยาว์ ในฐานะภรรยา, ข้าไม่สามารถเมินเฉยต่อเรื่ องนี้ได้
ทั้งหยุนเช่อและสํานักของผูเ้ ยาว์ยงั มีความสนิทสนมคุน้ เคยกัน
เขายังมีบุญคุณต่อสํานักของข้า ท่านหญิงทราบเป็ นอย่างดีวา่
หลังจากการทําลายล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้า ผูอ้ าวุโสย่อมมิอาจ
นิ่งเฉยอย่างแน่นอน ด้วยเหตุน้ ี จึงได้ขอร้องให้ฉิงเยว่มาที่นี่ เพือ่
วิงวอนต่อท่านผูอ้ าวุโสได้โปรดเมตตาไว้หน้าสํานักของเราแม้
เพียงสักน้อย ท่านหญิงแห่งแดนศักสิ ทธิ์ให้คาํ สัตย์วา่ จะไปเยีย่ ม
เยียนท่านที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์และตอบแทนบุญคุณของท่านใน
วันหน้าอย่างแน่นอน”
สี หน้าของหลิงเทียนหนี่ปรากกฏแววประหลาดใจขึ้นมา
เล็กน้อย มันคาดไม่ถึงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งจะใช้ชื่อ
ของสํานักตนเพื่อปกป้องหยุนเช่อ หากทว่าหลังจากที่มนั ได้ประ
มือกับหยุนเช่อเมื่อสักครู่ ด้วยความรู ้สึกตกตะลึงและหวัน่ กลัวนับ
ครั้งไม่ถว้ นที่ได้เกิดขึ้นมากมายในจิตใจ ทําให้มนั ได้ตดั สิ นใจ
แล้วว่า มันมิอาจจะไว้ชีวติ หยุนเช่อได้ มิเช่นนั้นแล้ว อาจนํามาซึ่ง
ปั ญหามากมายในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุ ดเป็ นแน่
“มิใช่วา่ ข้าไม่เห็นแก่หน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หาก
ทว่าบาปกรรมอันชัว่ ช้าของหยุนเช่อนั้นย่อมไม่อาจละเว้น”
เซี่ ยฉิ งเยว่ ทอดถอนลมหายใจ พลันแพรบุปผาหิ มะหงส์
นํ้าแข็งได้ล่องลอยลงมาจากฟากฟ้า พันล้อมรอบร่ างของเซี่ยฉิ ง
เยว่ ร่ ายรําไปรอบร่ างของหญิงสาว “หากท่านผูอ้ าวุโสยังยืนกราน
ตามที่กล่าวมา, เช่นนั้น จากนี้ไปโปรดให้อภัยผูเ้ ยาว์ดว้ ยที่ตอ้ งเสี ย
มารยาท”
เมื่อสุ ม้ เสี ยงของเซี่ยฉิ งเยว่จางหาย สายรัดแพรหิ มะหงส์
นํ้าแข็งพลันเต้นระบํา โซ่ตรวนนํ้าแข็งยาวกว่าร้อยเมตรหนึ่งเส้น
หมุนเหวีย่ งออกมาภายนอก เซี่ยฉิ งเยว่เหินร่ อนลงจากกลางอากาศ
นําพารัศมีอนั เย็นเยียบเสี ยดกระดูกลงมาด้วย
สายรัดแพรโฉบพลิ้วเข้าใกล้ การเคลื่อนไหวดุจราวกับ
อสรพิษนํ้าแข็งโจนทะยาน ด้วยขอบเขตพลังฝี มือของชนชั้น
เช่นหลิงเทียนหนี่ การโจมตีเช่นนี้แม้รวดเร็ วดุร้าย ทว่ายังไม่
นับเป็ นอุปสรรคอันใดต่อมันแม้แต่นอ้ ย
ทว่ายามมองเห็นโซ่ผลึกนํ้าแข็ง สี หน้าของชายชราพลัน
แปรเปลี่ยนไป ขณะที่โซ่ตรวนกําลังจะม้วนพันรอบร่ าง หลิง
เทียนหนี่ยดื แขนออกพร้อมทั้งยกร่ างขึ้น ทันใดนั้นเอง ประกาย
แสงสี ทองระเบิดออกจากร่ างกายทัว่ ทุกทิศทางโดยฉับพลัน พลัง
ยุทธ์สีทองและเจตจํานงกระบี่อนั แหลมคมสุ ดแสนพุง่ ออกไป
รอบข้าง หลิงเทียนหนี่มิได้กวัดแกว่งกระบี่ หากกลับปรากฏด้าม
กระบี่ข้ ึนที่เบื้องหน้ามัน...และตัวกระบี่น้ นั กลับเป็ นร่ างกายของ
มันเอง!!
หลิงเทียนหนี่ทะยานจู่โจมไปด้านหน้าโดยร่ างกระบี่ของ
ตนเอง ประกายสายตาสงบนิ่งไร้ระลอกราวกับบ่อนํ้าอันเหื อด
แห้ง เปล่งแสงเจิดจ้าเฉี ยบคมยิง่ กว่ารังสี กระบี่ มวลอากาศถูกบีบ
อีดในทุกตารางนิ้วที่ปลายกระบี่เคลื่อนผ่าน สลักพื้นดินลงเป็ น
ร่ องลึกราวคูน้ าํ จากแรงกดดัน
พลังกระบี่ระดับนี้ส่งผลให้ผคู ้ นต้องกลั้นลมหายใจ พวกมัน
รู ้สึกราวกับร่ างกายล้วนกลับกลายเป็ นอัมพาตไปจากแรงกดดัน
หนักหน่วงแม้จะอยูห่ ่างไกลหลายกิโลเมตร ความน่าหวัน่ เกรง
ของเทพกระบี่ ช่างเกินกว่าจินตนาการของพวกมันไปอักโข
เซี่ยฉิ งเยว่จะสามารถต้านทานท่ากระบี่อนั สู งส่ งถึงระดับนี้
ได้หรื อไม่?
ที่ตามมาคือเสี ยงโซ่ที่แหลกสลายเป็ นชิ้นๆ โซ่หิมะนํ้าแข็ง
ของเซี่ยฉิงเยว่ลว้ นถูกทําลายลงในพริ บตา กลับกลายเป็ นเพียงเศษ
นํ้าแข็งกระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า เมื่อต้องเผชิญพบกับรังสี กระบี่
สี ทองของเทพกระบี่หลิงเทียนนี่ ใบหน้าขาวราวหิมะของเซี่ยฉิ ง
เยว่สงบราบเรี ยบยิง่ ทัว่ ร่ างหญิงสาวพลันป่ วนปั่นทะลักทลายด้วย
ประกายแสงสี ฟ้าอ่อน เหล่าจิตวิญญาณนํ้าแข็งนับพันนับหมื่น
พลันล่องลอยออกห่าง แสงเย็นเยือกสี ฟ้าถักทอเป็ นแผงอัน
ยืดหยุน่ ห่อหุม้ รังสี กระบี่ท่ีจู่โจมเข้าหาพร้อมร่ างของหลิงเทียนห
นี่ไว้ภายใน
วูบบบบบ!!!!
พลังนํ้าแข็งและเจตจํานงกระบี่ปะทุออกโดยพร้อมเพรี ยง
ประกายสี ทองและแสงสี ฟ้าปะทะหักล้างกันอย่างดุเดือด ต่างโอบ
ล้อมทําลายอีกฝ่ ายอย่างบ้าคลัง่ มวลอากาศถูกผลักไสออกมา
ภายนอก กระแสลมเชือดเฉือนกวาดกราดก่อเกิดลมพายุหมุนอัน
บ้าระหํ่า คราแรก รังสี กระบี่ช่วงชิงเป็ นฝ่ ายมีเปรี ยบ บดทําลายจิต
วิญญาณนํ้าแข็งจํานวนมหาศาล ทว่าทันใดนั้น ระดับความเร็ ว
ของการจู่โจมทําลายของรังสี กระบี่กลับลดลงเป็ นเท่าตัว ยิง่ มายิง่
ถูกแช่แข็งและแตกหักเสี ยหายลงเรื่ อยๆ
เปรี้ ยง!!
พลังลมปราณทั้งสองสายระเบิดออก จากนั้นคนทั้งคู่ต่าง
ปลิวถอยหลังไปกว่าร้อยเมตร พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองถูกกรี ด
เฉื อนจนหมดสิ้ นสภาพ ผลึกนํ้าแข็งที่สาดกระจายครอบคลุมเต็ม
ท้องฟ้าเมื่อครู่ ร่วงหล่นลง กลบถมร่ องรอยแยกของพื้นดินด้วยชั้น
นํ้าแข็งหนาหนัก
ทัว่ ศีรษะ ไหล่บ่า และกระทัง่ กระบี่ของหลิงเทียนหนี่ลว้ น
ถูกปกคลุมด้วยชั้นนํ้าแข็งหนา ชายชรามีสภาพน่าเอนจอนาถอยู่
บ้าง มันโคจรพลังปราณขับไล่ช้ นั นํ้าแข็งให้แตกกระจายออกจน
สิ้ น เมื่อมันมองไปยังเซี่ยฉิ งเยว่อีกครั้ง แววตาได้แปรเปลี่ยนไป
จากเดิมอย่างสิ้ นเชิงอีกครา บนใบหน้าไม่ปิดบังความอัศจรรย์ใจ
และความชื่นชมจากก้นบึ้งของจิตใจ “มันมิใช่วชิ าเมฆาเยือกแข็ง
จริ งๆ! หรื อว่า...เจ้ากลับบรรลุ...เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ
แล้ว?”
ชัว่ ขณะที่คาํ ว่า “เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ” ถูกกล่าว
ออก ผูค้ นในที่น้ นั ล้วนสับสนมึนงง ทว่าร่ างของหลิงเจี่ยกลับสัน่
สะท้าน บนใบหน้าบ่งบอกชัดถึงความตื่นตะลึง
ทุกผูค้ นล้วนรับรู ้วา่ วิชายุทธ์หลักประจําแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งคือวิชาเมฆาเยือกแข็ง
แต่กลับมีนอ้ ยคนนักที่ล่วงรู ้วา่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ยังมีกระบวนวิชายุทธ์ท่ีเข้มแข็งทรงพลังยิง่ กว่าวิชาเมฆาเยือกแข็ง
อย่างมาก… อันได้แก่เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ
ในฐานะผูส้ ื บทอดสายโลหิ ตของหัวหน้าหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ หลิงเจี่ยได้รับรู ้ความลับข้อหนึ่งอย่างแจ่มชัด… บรรพ
บุรุษของมันเมื่อหนึ่งพันปี ก่อนซึ่งเป็ นผูก้ ่อตั้งหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ เคยพ่ายแพ้ให้แก่คนผูห้ นึ่งในอาณาจักรวายุคราม ——
อีกทั้งตลอดชีวติ ยังพ่ายแพ้ให้แก่บุคคลเพียงผูเ้ ดียว
และคนผูน้ ้ นั คือผูก้ ่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ——
มู่ปิงหยุน!
ในครั้งนั้น ผูก้ ่อตั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์มีระดับพลังยุทธ์อยู่
ที่ระดับปราณจักรพรรดิข้ นั ที่แปด วิชาเทพยุทธ์กระบี่สวรรค์ของ
มันก็บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบ มู่ปิงหยุนอยูเ่ พียงระดับปราณ
จักรพรรดิข้ นั ที่หก ระดับพลังปราณตํ่ากว่ามันถึงสองระดับ… แต่
ในการประมือกันทั้งสามครั้งระหว่างมันและมู่ปิงหยุน มันกลับ
เป็ นฝ่ ายพ่ายแพ้ต่อเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบของหญิงสาว
ทุกครั้งครา
จากบันทึกที่ผกู ้ ่อตั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ได้จารึ กไว้ เคล็ด
ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบเป็ นวิชายุทธ์อนั ไร้เทียมทานที่เหนือชั้น
กว่าวิชาเทพยุทธ์กระบี่สวรรค์อย่างเทียบไม่ติด ถึงระดับที่มิได้
ด้อยไปกว่าวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ เลยแม้แต่นอ้ ย การฝึ กฝน
วิชาเมฆาเยือกแข็งจนบรรลุระดับสู งสุ ดสามารถแช่แข็งทุกสรรพ
สิ่ ง ถึงกับสามารถแช่แข็งได้กระทัง่ วิชาและพลังลมปราณ หาก
เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบของมู่ปิงหยุนกลับสามารถแช่แข็ง
ได้กระทัง่ เจตจํานงกระบี่ จิตแห่งกระบี่ และกระทัง่ ดวงจิตและ
ดวงวิญญาณของมัน
ในการฝึ กฝนเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ มิเพียงผูฝ้ ึ กฝน
ต้องมีวชิ าเมฆาเยือกแข็งเป็ นพื้นฐาน แต่ยงั ต้องมีภูมิปฏิภาณอัน
สู งส่ งอย่างยิง่ ทว่าหลังจากมู่ปิงหยุนก่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งมานับพันปี กลับไม่มีผใู ้ ดฝึ กฝนเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบตั้งแต่กระบวนต้นถึงปลายได้สาํ เร็ จเลย วิชายุทธ์อนั ทรง
พลังที่ผกู ้ ่อตั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ยงั ยกย่องว่าสูงส่ งกว่าวิชายุทธ์
กระบี่สวรรค์ได้ถูกหลงลืมลงทีละน้อยตลอดเวลาหนึ่งพันปี มี
เพียงอีกสามพรรคใหญ่ที่ยงั คงมีบนั ทึกเกี่ยวกับมัน
เมื่อพานพบกับสายตาตกตะลึงของหลิงเทียนหนี่ เซี่ยฉิ งเยว่
มิได้เอ่ยคํา...แต่ความเงียบงันของหญิงสาวถือเป็ นการยอมรับโดย
ปริ ยาย!
เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบได้ปรากฏขึ้นในยุทธภพอีก
ครั้ง จิตใจของหลิงเทียนหนี่ปั่นป่ วนมิอาจสงบลง มันกล่าวพร้อม
ทอดถอนใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้พบเห็นวิชาเทพ
ยุทธ์สุดเยือกแข็งในตํานานด้วยตาตนเอง เมื่อมีผสู ้ ื บทอดเช่นเจ้า
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งย่อมต้องเจริ ญรุ่ งเรื องอย่างแน่นอน
หากเจ้าสามารถใช้เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบได้สมบูรณ์ถึง
ระดับในตํานานที่สามารถแช่แข็งเจตจํานงกระบี่และดวงวิญญาณ
ได้ บางที กระทัง่ ข้าในวันนี้กอ็ าจมิใช่คู่มือของเจ้า แต่เห็นได้ชดั ว่า
เจ้าเพิง่ บรรลุถึงระดับพื้นฐาน เป็ นไปไม่ได้ที่เจ้าจะรับมือข้าได้…
เจ้าควรถอนตัวซะ”
ร่ างของหลิงเทียนหนี่พงุ่ ทะยานเป็ นแนวตรง กระบี่สีเขียว
ในมือถูกตวัดฟันออกอย่างปราดเปรี ยว ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็
แผ่พงุ่ ขึ้นบนฟ้า ดูดกลืนทุกสรรพสิ่ งใต้หล้า ประกายกระบี่สีทอง
สว่างจนกลบกลืนดวงอาทิตย์ ตัดผ่าอากาศอันว่างเปล่าราวกับผ่า
แบ่งผืนฟ้าออกเป็ นสองส่ วน ภายใต้พลังอันกล้าแข็งของท่ากระบี่
นี้ ผูค้ นที่รายล้อมรู ้สึกราวกับฟ้าดินกําลังจะถูกแบ่งแยกออกจาก
กัน
สายรัดแพรบุปผาหิมะหงส์น้ าํ แข็งสัน่ ไหวแผ่วเบาพร้อมส่ ง
เสี ยงครวญราวกับมิอาจต้านรับพลังอันหนักหน่วงไว้ได้ กระทัง่
จิตเยือกแข็งที่บินวนอยูร่ อบร่ างของหญิงสาวยังเริ่ มเคลื่อนไหว
เชื่องช้าลง
เซี่ ยฉิ งเยว่ยงั คงมิเปลี่ยนสี หน้า ราวกับเป็ นรู ปปั้นนํ้าแข็ง
หมื่นปี ที่ไม่มีทางละลาย หญิงสาวกางแขนออกกว้าง สี ผวิ
แปรเปลี่ยนเป็ นสี ขาวดุจหิ มะ กระทัง่ เส้นผมยาวที่แผ่วพลิ้วยังกลับ
กลายเป็ นสี ฟ้าอ่อนราวผลึกนํ้าแข็งในฉับพลัน ดอกบัวอันเย็น
เยียบทว่างดงามเปล่งประกายเบ่งบานอย่างวิจิตรอลังการเบื้อง
หน้าร่ างของหญิงสาว
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง…
ดอกบัวนํ้าแข็งและกระบวนท่ากระบี่ผา่ นภาของเทพกระบี่
เข้าปะทะกันอย่างดุดนั แสงสี ทองและสี ฟ้าเข้าโรมรันกันวุน่ วาย
อีกครั้ง แต่การปะทะกันอย่างสูสีน้ นั ดําเนินไปได้เพียงสิ บชัว่ ลม
หายใจเท่านั้น คลื่นกระบี่สีทองก็พลันหนักหน่วงทรงพลังยิง่ ขึ้น
จนเข้าสะกดและกลบกลืนประกายแสงสี ฟ้าอ่อนอย่างหักโหม
เป็ นดัง่ ที่หลิงเทียนหนี่วา่ ไว้ แม้เซี่ยฉิ งเยว่จะสามารถฝึ กฝน
เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบจนสําเร็ จได้ นางก็เรี ยนรู ้เพียงขั้น
พื้นฐานเท่านั้น จะอย่างไรนางก็ศึกษาและเริ่ มฝึ กฝนมาได้เพียง
ครึ่ งปี ในเวลาอันสั้นเพียงนี้ ต่อให้นางมีความสามารถสู งส่ ง
เพียงใดก็เพียงฝึ กฝนได้ถึงขั้นที่สามเท่านั้น
ยิง่ กว่านั้น ด้วยการฝึ กฝนมานับร้อยปี พลังลมปราณของห
ลิงเทียนหนี่จึงมากมายและสู งส่ งกว่าเซี่ยฉิ งเยว่อย่างมิอาจ
ประมาณ แค่การที่นางสามารถรับมือหลิงเทียนหนี่ได้อย่างคู่คี่ก็
นับเป็ นความสําเร็ จที่สามารถเชิดหน้ามองโลกหล้าได้อย่าง
ภาคภูมิแล้ว
ปังง!!!
ดอกบัวเยือกแข็งบรรจบพลันระเบิดออกส่ งร่ างเซี่ยฉิ งเยว่
กระเด็นไปไกล หลิงเทียนหนี่จรดกระบี่กบั ร่ างก่อนจะฟาดฟัน
ลง… การที่เซี่ยฉิ งเยว่ลงมือจู่โจมมันโดยไม่ลงั เลชี้ชดั แล้วว่านาง
พร้อมจะแตกหักเพื่อช่วยเหลือหยุนเช่อ เช่นนั้น หากมันคิด
สังหารหยุนเช่อ ก็จาํ ต้องทําให้นางมิอาจต่อสู ไ้ ด้อีกก่อน
คลื่นกระบี่สีทองอร่ ามทะลวงม่านลมปราณคุม้ กายของเซี่ย
ฉิ งเยว่ไปกว่าครึ่ งในพริ บตาราวกับทะลวงผ่านไม้ไผ่ ก่อนที่จะ
บังเกิดพายุกระโชกขึ้นอย่างเกรี้ ยวกราดเบื้องหลังมันในเวลา
เดียวกัน
“นี่เจ้ากําลังทําเหมือนข้าไม่มีตวั ตนงั้นรึ !!!”
ทัว่ ร่ างหยุนเช่อลุกโชนด้วยเพลิงเทพหงสา เส้นผมดําขลับ
ของมันปลิวไสวไปมา ดวงตาแดงกํ่าดุจโลหิ ตราวกับมารร้ายที่
เปี่ ยมล้นด้วยโทสะ ใบหน้าอันดุดนั และพลังทําลายอันน่าหวาด
ผวาที่แผ่ออกมาจากกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรของชายหนุ่มทําเอาเทพ
กระบี่หวั ใจกระตุกไปวูบหนึ่ง มันหันร่ างกลับมาด้วยความเร็ ว
สู งสุ ดก่อนที่คลื่นกระบี่จะเบนออกจากเซี่ยฉิ งเยว่เข้าปะทะกับ
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรเต็มกําลัง
ตูมมมมม!!!!
กระบี่หนักปะทะกับกระบี่สีเขียวซึ่งหน้าปราศจากเล่ห์กล
บังเกิดเสี ยงระเบิดน่ากลัวขึ้นระหว่างหยุนเช่อกับหลิง
เทียนหนี่ กระแสพลังลมปราณคว้านผืนดินจนเป็ นหลุมลึก เศษ
ทรายและหิ นกระจายเต็มท้องฟ้า ความน่ากลัวของพลังอันลึกลํ้านี้
ไม่ต่างจากทะเลยามปั่นป่ วนแม้แต่นอ้ ย
การฟาดเข้าใส่ ตรงๆในระยะประชิดนับเป็ นสุ ดยอดข้อ
ได้เปรี ยบของกระบี่หนัก ด้วยพลังอํานาจมหาศาลของกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกร กระทัง่ ร่ างของเทพกระบี่หลิงเทียนหนี่ยงั ต้องสัน่ สะท้าน
อย่างแรง แขนขวาของมันพลันชาวาบ แววตาของหยุนเช่อนั้น
ดุดนั ยิง่ สองมือมันปรากฎเส้นโลหิ ตปูดโปนขณะชายหนุ่มส่ ง
เสี ยงคํารามแผ่วเบา ร่ างของมันเปล่งพลังทําลายออกมาอีกครั้ง
เป็ นคํารบสอง
ตูมมม!!
หลิงเทียนหนี่ถูกฟาดกระเด็นไปไกลลิบราวกับถูกพายุพดั
ใส่ หลังจากถูกซัดกระเด็นไปกว่าร้อยห้าสิ บเมตรมันก็ต้ งั หลัก
กลางอากาศได้
ร่ างของหยุนเช่อกระเด็นถอยหลังอย่างรวดเร็ ว ทันทีที่ถึง
พื้นชายหนุ่มก็โซเซ มันเร่ งเดินไปหาเซี่ยฉิ งเยว่ สายตาจับจ้องไป
ยังร่ างบางของนางขณะเอ่ยปากถาม “ฉิ งเยว่ ท่านเป็ นอะไร
หรื อไม่?”
“...ทําไมเมื่อครู่ ท่านถึงไม่หนีไป?” ดวงตาคู่งามของเซี่ยฉิ ง
เยว่ราบเรี ยบไร้อารมณ์ สุ ม้ เสี ยงนางนุ่มนวลแต่กเ็ ย็นเยียบ
“เราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว และเมื่อได้พบกัน คําแรก
ของท่านก็บอกให้ขา้ จากไปงั้นเหรอ?” หยุนเช่อมีสีหน้าใจสลาย
“หน้าที่ภรรยาของท่านจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรื อไร?”
สายตาของเซี่ยฉิ งเยว่จบั จ้องใบหน้ามัน นิ่งค้างอยูช่ วั่ ครู่
ก่อนจะเบนออกอย่างเงียบงัน นางเอ่ยอย่างแผ่วเบา “พลังฝี มือของ
ท่านผูอ้ าวุโสเทพกระบี่ มิใช่สิ่งที่ขา้ จะรับมือได้ พูดสั้นๆคือข้าจะ
ทุ่มสุ ดฝี มือเพื่อถ่วงเวลาอีกฝ่ ายไว้สามสิ บอึดใจ ท่านควรทุ่มเท
สุ ดกําลังเพื่อหลบหนี สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่อะไรที่ท่านจะ…”
“เหตุที่ขา้ ไม่จากไปมิใช่เพราะข้าถูกไล่ตอ้ น แต่เป็ นเพราะ
อีกฝ่ ายเพียงไม่อาจสังหารข้าได้ต่างหาก!” หยุนเช่อตัดบทนาง มัน
เดินไปหยุดเคียงข้างนาง ก่อนจะกดฝ่ ามือลงบนอกตัวเองและเอ่ย
ด้วยเสี ยงแผ่วเบา “ในเมื่อข้ากล้าปรากฎตัวต่อหน้ามัน ข้าย่อม
มัน่ ใจว่าจะไม่ถูกสังหาร ข้าเดิมตั้งใจว่าหลังจากปะทะกับอีกฝ่ าย
เล็กน้อยก็จะหลีกหนีไปให้ไกล แต่ตอนนี้ขา้ เปลี่ยนใจแล้ว”
บนทรวงอกหยุนเช่อ พลันปรากฎดวงแสงสี แดงชาดขึ้น
สามลูกก่อนที่พวกมันจะพลันลุกไหม้ หยุนเช่อหรี่ ตาลง “ต่อให้ห
ลิงเทียนหนี่จะเข้มแข็งยิง่ แต่พลังฝี มือของพวกเราในยามนี้กม็ ิได้
แตกต่างจากมันขนาดนั้นเช่นกัน! เมื่อประมือกับมันก่อนหน้านี้
มันถูกบีบจนใช้พลังไปแล้วถึงสี่ ส่วน หากเราร่ วมมือกัน การจะ
โค่นล้มมันก็มิใช่วา่ เป็ นไปไม่ได้!!”
ซูมมมม!!
เปลวเพลิงพลันลุกโชนขึ้นบนร่ างหยุนเช่อขณะโลหิ ตเทพ
หงสาทั้งสามต่างลุกไหม้อย่างบ้าคลัง่ พลังของมันที่อ่อนโทรมลง
ไปมากเมื่อครู่ เองก็พลันเพิ่มพูนขึ้น… เดิมทีชายหนุ่มตั้งใจว่าจะ
หลบหนีโดยอาศัยพลังจากการเผาผลาญโลหิ ตเทพหงสา แต่การ
ปรากฎตัวของเซี่ ยฉิงเยว่ทาํ ให้มนั ตัดสิ นใจเปลี่ยนแผนการ… มัน
จะขยี้เทพกระบี่ผทู ้ าํ หน้าที่ตดั สิ นถูกผิดคนนี้ต่อหน้าทุกคนใน
นครหลวงนี้อย่างไร้ปราณี !! และให้มนั ชดใช้ในสิ่ งที่มนั สมควร
จะต้องชดใช้!!
บทที่ 361 ทวิเขตแดน

“อะไรกัน!”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหยุนเช่อทําให้ในใจ
ของหลิงเทียนหนี่สนั่ สะท้านอย่างแรง เพราะรัศมีพลังของมันที่
เดิมอ่อนโทรมจนเหลือไม่ถึงหนึ่งส่ วนกลับเพิม่ พูนขึ้นอย่าง
รวดเร็ วทันทีที่เปลวเพลิงปะทุข้ ึนจนกลับสู่ สภาพก่อนจะต่อสู ใ้ น
พริ บตา… ไม่สิ ถึงขั้นเหนือลํ้ากว่าด้วยซํ้า!
ประสบการณ์ในด้านการฝึ กฝนพลังของหลิงเทียนหนี่ยอ่ ม
ไม่เป็ นรองผูใ้ ด ทว่าหยุนเช่อกลับสรรหาเรื่ องประหลาดที่มนั ไม่
อาจเข้าใจได้มาแสดงให้มนั พบซํ้าแล้วซํ้าอีก
นี่เป็ นครั้งที่สองที่หยุนเช่อเผาผลาญโลหิ ตเทพหงสา
โดยตรง ที่จะทําให้มนั รี ดเร้นพลังจากโลหิ ตเทพหงสาทั้งสามหยด
นี้ออกมาได้จนหมดสิ้ น โดยแลกกับการที่มนั จะไม่อาจใช้เพลิง
เทพหงสาได้ไปอีกสองสามเดือน ขณะชายหนุ่มกําสองมือแน่น
ดวงตาทั้งสองแฝงด้วยดวงแสงสี ชาดลุกโชนอยู่ “ฉิ งเยว่ พลังใน
ร่ างของข้าคงอยูไ่ ด้อย่างมากเพียงยีส่ ิ บอึดใจ… ข้าต้องขอยืมแรง
เขตแดนเมฆาเยือกแข็งของท่าน… ข้าต้องทําให้มนั พ่ายแพ้ยอ่ ยยับ
ต่อหน้าหน้าภายในยีส่ ิ บอึดใจให้ได้!!”
การทําให้เทพกระบี่พา่ ยแพ้ยอ่ ยยับในยีส่ ิ บอึดใจเป็ นได้
เพียงเรื่ องตลกสําหรับคนทัว่ ไปเท่านั้น แววตาเซี่ยฉิ งเยว่สน่ั ไหว
เล็กน้อย ขณะที่นางกําลังจะเอ่ยปากพูดบางสิ่ ง หยุนเช่อก็ทะยาน
ร่ างขึ้นสู่ ฟ้าพร้อมกับคํารามกึกก้อง กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรฟาดส่ งเพลิง
เทพหงสาหลายสายออกมาพร้อมบังเกิดเสี ยงคํารามมังกรและ
เสี ยงร้องวิหคเพลิงดังสะท้านสรวงสวรรค์
เซี่ ยฉิ งเยว่ได้แต่ทอดถอนใจเบาๆอย่างเงียบงันโดยไม่เอ่ย
อะไรอีก นางเหิ นร่ างขึ้นขณะสายรัดแพรบุปผาหิมะหงส์น้ าํ แข็ง
สะบัดประกายแสงของหิ มะอันลึกลํ้าออก… เพลิงเทพหงสาและ
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาเข้ากระหนาบหลิง
เทียนหนี่โดยพร้อมเพรี ยงกัน
หลิงเทียนหนี่รู้สึกราวกับร่ างซี กหนึ่งถูกโยนลงลาวาและถูก
นรกเยือกแข็งกัดกินอีกครึ่ งที่เหลือ มันตวัดกระบี่เขียวของตน
ปลดปล่อยคลื่นกระบี่ทรงอํานาจตัดผ่านเพลิงเทพหงสาและเคล็ด
เยือกแข็งบรรจบไปพร้อมกัน ตอนนั้นเองทั้งหยุนเช่อและเซี่ยฉิ ง
เยว่กม็ าถึงเบื้องหน้ามัน
“ฉิ งเยว่!” หยุนเช่อตะโกนเสี ยงแผ่วออกมา
ตรวนนํ้าแข็งหลายสิ บเส้นพลันปรากฎขึ้นจากความว่าง
เปล่าปิ ดทางหนีโดยรอบหลิงเทียนหนี่จนหมดสิ้ น เส้นผมของเซี่ย
ฉิ งเยว่ปลิวไสวขณะทัว่ ร่ างนางเปล่งแสงสี ฟ้าอ่อนเจิดจ้า บังเกิด
จิตวิญญาณนํ้าแข็งนับหมื่นกระจายตัวออกและเปลี่ยนอาณา
บริ เวณในรัศมีสามร้อยเมตรให้กลายเป็ นโลกสี ฟ้าในพริ บตา
เขตแดนเมฆาเยือกแข็ง… เปิ ด!
อากาศรอบด้านพลันเยียบเย็นเสี ยดกระดูก การเคลื่อนไหว
ของเทพกระบี่พลันดูเชื่องช้าลงและฤทธิ์กระบี่ของมันก็อ่อน
โทรมลงไปมาก
ทว่าแม้เขตแดนเมฆาเยือกแข็งจะพอถ่วงเทพกระบี่ไว้ได้ แต่
ก็ยงั ไม่มากพอจะคุกคามอีกฝ่ ายได้ หลิงเทียนหนี่ตวัดกระบี่เขียว
ขึ้นเบื้องบนด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย ก่อนจะบังเกิดเสี ยงอากาศฉีกขาด
และปรากฎรอยแตกร้าวเป็ นแนวยาวขึ้นบนเขตแดนสี ฟ้าอ่อน
“เคล็ดศักดิ์สิทธิ์กระบี่สวรรค์สามารถเฉือนผ่านเขตแดน
หลากรู ปแบบได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่เจ้าจะมีพลังลมปราณสูงลํ้า
กว่าข้า การใช้เขตแดนต่อหน้าข้าก็นบั ว่าเปล่าประโยชน์และเพียง
ผลาญพลังลมปราณเจ้าให้หมดไวขึ้นเท่านั้น” หลิงเทียนหนี่เอ่ย
ด้วยนํ้าเสี ยงเรี ยบนิ่ง ทันทีที่สิ้นคํา มันพลันสัมผัสได้ถึงรัศมีพลัง
พิสดารยิง่ ขุมหนึ่ง แขนของมันหยุดขยับขณะมันหันกลับไปมอง
หยุนเช่ออย่างรวดเร็ ว
บัดนี้สองตาหยุนเช่อเปล่งประกายแสงสี ครามเจิดจ้าจนน่า
ตกใจ เบื้องหลังมันปรากฎภาพสี ครามล่องลอยไปมา… เงาร่ าง
นั้นส่ งเสี ยงคํารามขึ้นฟ้าพลางกางเขี้ยวเล็บด้วยท่าทีองอาจน่า
หวาดหวัน่ แม้จะเป็ นเพียงภาพเลือนราง มันก็ยงั แผ่รัศมีองอาจที่ดู
หมิ่นโลกหล้าออกมา… มันคือเงาร่ างมังกรสี ครามตัวหนึ่ง!
เสี ยงคํารามอันทรงพลังของมังกรดังลงมาจากสรวงสวรรค์
สัน่ สะท้านวิญญาณของผูค้ นยามเสี ยงคํารามนี้ดงั สู่โลกหล้า เหนือ
ศีรษะของหยุนเช่อสามฟุตปรากฏดวงตาสี ครามที่เจิดจ้าราวกับ
ดวงดาวและลึกลํ้าดุจท้องนภาคู่หนึ่งเบิกขึ้น
ร่ างของหลิงเทียนหนี่พลันนิ่งค้างทันทีที่มนั เห็นดวงตาสี
ครามคู่น้ ี ทัว่ ร่ างมันนิ่งสนิทมีเพียงม่านตาที่เบิกกว้างขึ้น… จน
แทบจะเต็มดวงตา
แสงสว่างรอบด้านพลันมดหม่นลงจนไร้ซ่ ึงแสงสว่าง มัน
ราวกับได้ยนิ เสี ยงอัสนีบาตนับแสนผ่าลงมาพร้อมกันและยังได้
ยินเสี ยงร้องของมังกรที่สนั่ สะเทือนฟ้าดินด้วยความกลัว… หัว
สมองมันสับสนวุน่ วาย มันลืมเลือนไปว่าตนอยูท่ ี่ใดและกําลังทํา
สิ่ งใดอยู่ ก่อนที่เบื้องหน้ามันจะปรากฎภาพที่ราวกับฝันร้ายผุด
ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง...
sand between heaven and earth.
มันเห็นภาพตัวมันเองถูกหยุนเช่อโค่นล้มก่อนจะทําลายวร
ยุทธ์ท้ งั หมดไปพร้อมกับเส้นชีพจรลมปราณและกระดูกทุกชิ้นใน
ร่ าง… จากเทพกระบี่ที่ยนื หยัดอยูบ่ นยุทธภพอย่างภาคภูมิ
กลายเป็ นเพียงคนพิการที่ต่าํ ต้อยยิง่ กว่าขอทานและไม่อาจตายได้
แม้จะปรารถนา… หลังจากนั้นหยุนเช่อที่ถูกมันตามล่าก็ได้ระบาย
โทสะใส่ ท้ งั หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ สังหารทายาทของมันทุกชีวติ
ทรมานศิษย์หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ทุกคนจนสิ้ นลม และศิษย์สตรี ที่
หน้าตางดงามล้วนแต่ถูกมันขืนใจ กระบี่ทุกเล่มในลานจัดสรร
กระบี่กถ็ ูกมันทําลายทิ้งจนหมดสิ้ น ทั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
กลายเป็ นกองเพลิง… จากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์อนั สู งส่ งใน
จักรวรรดิวายุครามกลายเป็ นนรกบนดินเพราะชายหนุ่ม… ส่ วน
มันที่พิการก็ได้แต่เฝ้ามองอย่างทุกข์ตรม…
ตอนนี้เอง หยุนเช่อพลันปรากฎตัวขึ้นในสายตามันและ
แสยะยิม้ อย่างชัว่ ร้าย… ก่อนที่มนั จะทะยานขึ้นฟ้าและกลายร่ าง
เป็ นมังกรยักษ์… มังกรยักษ์ที่ตวั ใหญ่สุดประมาณยิง่ กว่าท้องนภา
ร่ างกายยาวกว่าหมื่นเมตร แค่ส่วนหัวมันก็ใหญ่โตดุจภูเขา แรง
กดดันมหาศาลที่มนั แผ่ออกมานั้นสู งลํ้ายิง่ ภายใต้แรงกดดันนี้มนั
รู ้สึกราวกับตนเป็ นเพียงเม็ดทรายไร้ค่าเม็ดหนึ่งเท่านั้น
ร่ างของหลิงเทียนหนี่พลันเริ่ มสัน่ สะท้านราวกับเป็ นไข้ นี่
เป็ นครั้งแรกในฐานะเทพกระบี่ท่ีมนั รู ้สึกหวาดกลัวผูอ้ ื่น
ยิง่ กว่านั้นยังเป็ นความกลัวที่ฝังลึกลงในจิตวิญญาณและไม่อาจ
ลบเลือนไปได้ชว่ั ชีวติ ความกลัวนี้ทาํ ให้แขนขามันหมดแรงและ
ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน มันถึงกับบังเกิดความคิดจะคุกเข่าขอความ
เมตตาต่อหน้าอีกฝ่ าย…
เขตแดนเทวะมังกรมิใช่พลังของภพนี้ ดังนั้นต่อให้เป็ นหลิง
เทียนหนี่กไ็ ม่อาจขัดขืนได้แม้แต่นอ้ ย พลังลมปราณทัว่ ร่ างมัน
อ่อนโทรมลงอย่างรวดเร็ ว ดวงตามันแข็งทื่อ ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน
อย่างเห็นได้ชดั ทว่าต่อให้เป็ นหยุนเช่อในสภาพเต็มร้อยก็
สามารถใช้เขตแดนเทวะมังกรได้เพียงห้าอึดใจเท่านั้น ด้วยสภาพ
มันในยามนี้ เพียงสามอึดใจก็เต็มกําลังแล้ว
แต่เพียงสามอึดใจนี้กม็ ากพอจะส่ งหลิงเทียนหนี่ลงสู่ กน้ บึ้ง
แห่งฝันร้ายแล้ว!
เขคแดนเทวะมังกรเลือนหายไปในสามอึดใจ… จิตใจของห
ลิงเทียนหนี่น้ นั เข้มแข็งสุ ดประมาณ เพียงชัว่ พริ บตาแววตามันก็
ปรากฎสติรับรู ้อีกครั้ง ทว่ากระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรของหยุนเช่อกลับอยู่
ห่างจากอกมันไม่ถึงหนึ่งฟุตและยังถูกเขตแดนเมฆาเยือกแข็งแช่
แข็งทัว่ ร่ างในเวลาสามอึดใจนี้จนไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ทั้งจิตใจ พลังต่อสู แ้ ละม่านคุม้ กันตัวของหลิงเทียนหนี่ลว้ น
พังทลายภายใต้ทวิเขตแดนนี้
“ทําลายจันทร์ดบั ดารา!!”
ตูมมม!!
กระบี่อนั ดุดนั ฟาดเข้าใส่ ทรวงอกหลิงเทียนหนี่อย่างหนัก
หน่วง
บังเกิดเสี ยงกึกก้องขณะชั้นนํ้าแข็งที่เกาะทรวงอกหลิง
เทียนหนี่อยูแ่ ตกกระจายส่ วนร่ างมันปลิวกระเด็นดุจลูกปื นใหญ่
ด้วยพลังลมปราณอันมากมายของหลิงเทียนหนี่ ต่อให้
สภาพอาจดูไม่จืดนัก แต่การถูกกระบี่ของหยุนเช่อเข้าจังๆก็ยงั ไม่
อาจทําให้มนั บาดเจ็บสาหัสได้ แต่ภายใต้เขตแดนเทวะมังกร ทั้ง
จิตใจและพลังลมปราณของมันก็พงั ทลายลงจนหมดสิ้ น ม่าน
ลมปราณคุม้ กายหลงเหลือพลังไม่ถึงสามส่ วนจากปกติ แม้มนั จะ
โคจรพลังให้เร็ วที่สุด แต่ภายใต้การแช่แข็งจากเขตแดนเมฆาเยือก
แข็งอย่างต่อเนื่องก็ทาํ ให้ร่างมันแข็งทื่อและชาด้านจนโคจรพลัง
เชื่องช้าลงยิง่ … ทําลายจันทร์ดบั ดาราของหยุนเช่อฟาดมันจน
กระเด็นจากตําแหน่งเดิม
“วิหคเพลิงทะยานฟ้า!”
เพลิงเทพหงสาโหมลุกอย่างบ้าคลัง่ บนร่ างหยุนเช่อ แผ่น
หลังมันปรากฎเงาจางของปี กเทพหงสาขึ้น ร่ างมันเปล่งประกายสี
แดงชาดบนฟากฟ้าก่อนจะตามหลิงเทียนหนี่ที่กระเด็นมาทันและ
ตวัดฟาดกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรลงอย่างแรง…
ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!ตูม!...
กระบี่หนักฟาดเข้าใส่ ร่างหลิงเทียนหนี่เป็ นชุด ทุกกระบวน
ท่ายิง่ มายิง่ รุ นแรง ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ส่งเสี ยงครื นสะเทือนฟ้า
สะท้านดิน ฝูงชนที่รายล้อมล้วนแต่ตะลึงงันอยูก่ บั ที่ ต่อให้พวก
มันเห็นด้วยตาได้ยนิ ด้วยหูกย็ งั ไม่อาจทําใจเชื่อได้วา่ พลังเช่นนี้จะ
บังเกิดขึ้นจากกระบี่เล่มหนึ่ง...ทั้งพลังและสุ ม้ เสี ยงมันราวกับอัสนี
บาตจากสวรรค์ที่สนั่ สะเทือนพิภพไม่มีผดิ !!
พลังที่แฝงอยูใ่ นทุกกระบี่จะน่ากลัวเพียงไหนก็สุดจะ
จินตนาการ
การถูกเขตแดนเมฆาเยือกแข็งแช่ร่างของต่อเนื่องผสานกับ
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรที่ฟาดลงไม่หยุด ไม่ตอ้ งพูดถึงการหันกลับมา
ตอบโต้ กระทัง่ พลังลมปราณเฮือกสุ ดท้ายที่ประคองร่ างมันไว้ก็
ลดลงจนแทบหมดสิ้ น พลังที่หยุนเช่อปลดปล่อยออกมาอย่างบ้า
คลัง่ ก็อ่อนโทรมลงทีละน้อย มันสู ดหายใจลึกพลางจ้องมองหลิง
เทียนหนี่กโ็ ชกเลือดและสองแขนถูกฟาดจนแตกหัก ชายหนุ่มยก
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรขึ้นสู งขณะเบื้องหลังปรากฎภาพหมาป่ าฟ้า
ขึ้น…
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี!!”
“ลูกพี่!!”
ขณะที่เทพหมาป่ าผ่าปฐพีกาํ ลังจะฟาดลง เสี ยงแหบพร่ า
ของหลิงเจี่ยพลันดังขึ้นอย่างแผ่วเบาข้างหูมนั กระบวนท่าชาย
หนุ่มชะลอเล็กน้อยก่อนมันจะรั้งพลังของกระบวนท่ากลับมาถึง
หกส่ วน
ตูมมม!!!!
ภาพหมาป่ าสี ครามปะทะเข้าใส่ ทรวงอกหลิงเทียนหนี่จน
โลหิ ตพวยพุง่ ออกมา เมื่อเห็นบุปผาโลหิ ตเบ่งบาน สองมือหยุ
นเช่อที่กมุ กระบี่ไว้กห็ อ้ ยลงขณะหัวสมองมันหนักอึ้ง มันถอนใจ
ยาวก่อนจะทิ้งร่ างลงอย่างหมดแรง
เขตแดนเมฆาเยือกแข็งสลายไปก่อนที่เงาร่ างหนึ่งจะปรากฎ
ขึ้นอย่างรวดเร็ ว ร่ างหยุนเช่อที่ร่วงหล่นก็ถูกเซี่ยฉิ งเยว่พยุงไว้
อย่างแผ่วเบาก่อนจะลงสู่ พ้นื จากแช่มช้า ส่ วนหลิงเทียนหนี่ร่วง
กระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง หลิงเจี่ยส่ งเสี ยงตะโกนดังลัน่ ก่อน
จะเร่ งรุ ดไปคุกเข่าอยูข่ า้ งมัน
สถานที่น้ ีอยูภ่ ายในนครหลวงวายุคราม ดังนั้นผูค้ นจึง
หนาแน่นยิง่ ตั้งแต่เริ่ มต้น เหล่าผูค้ นที่มาชมนั้นมากกว่าแสนคน
ทว่าบัดนี้ทุกคนล้วนแต่น่ิงเงียบ พวกมันได้แต่มองอย่างเหม่อลอย
ไปยังผืนดินที่ถูกทําลายจนย่อยยับและไม่อาจคิดสิ่ งใดได้…
เทพกระบี่… ยอดฝี มืออันดับหนึ่งไร้ผทู ้ ดั เทียมแห่ง
จักรวรรดิวายุคราม… พ่ายแพ้แล้ว!
ไม่วา่ ผูใ้ ดก็บอกได้วา่ ด้วยยีส่ ิ บกว่ากระบี่ของหยุนเช่อก็ทาํ
ให้หลิงเทียนหนี่บาดเจ็บสาหัสยิง่ แล้ว… โดยเฉพาะกระบวนท่า
สุ ดท้ายนัน่ ทรวงอกของมันถึงกับระเบิดออกและอวัยวะภายในก็
อาจถูกทําลายจนหมดสิ้ น
เด็กหนุ่มผูน้ ้ ีเพิ่งเริ่ มมีชื่อเสี ยงเมื่อสองปี ก่อน ภายในเวลา
เพียงสองปี มันก็เติบโตด้วยความเร็ วที่ไม่อาจจินตนาการได้และ
สร้างตํานานบทแล้วบทเล่า ผูช้ นะเลิศการประลองจัดอันดับวายุ
คราม… พังขบวนเจ้าบ่าวนายน้อยตระกูลอัคคีผลาญฟ้า… สังหาร
หมู่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนวอดวาย…
วันนี้มนั ถึงกับทําร้ายหลิงเทียนหนี่จนสาหัส!!
การโค่นยอดฝี มืออันดับหนึ่งของจักรวรรดิวายุครามได้
หมายความว่า… มันมีคุณสมบัติพอจะขึ้นเป็ นยอดฝี มืออันดับ
หนึ่งของจักรวรรดิวายุครามคนใหม่แทนที่หลิงเทียนหนี่แล้ว!
และปี นี้มนั อายุเพียงสิ บเก้าปี เท่านั้น!
“ท่านรู ้สึกอย่างไรบ้าง?” เซี่ยฉิ งเยว่ที่พยุงหยุนเช่อและ
สัมผัสได้วา่ ร่ างมันไร้ซ่ ึงเรี่ ยวแรง
ในตอนนี้พลังทั้งหมดที่หยุนเช่อได้รับมาจากเพลิงเทพหง
สาก็หายไปจนหมดสิ้ น โลหิ ตเทพหงสาทั้งสามหยดที่เผาผลาญ
พลังจนหมดสิ้ นก็อยูใ่ นสภาวะหลับไหลไปอีกสองสามเดือน และ
ร่ างมันในยามนี้กไ็ ร้ซ่ ึ งเรี่ ยวแรง ซํ้าสติมนั ยังเลือนรางจากการเปิ ด
ใช้เขตแดนเทวะมังกรเมื่อครู่ ดว้ ย… หากจะบอกว่าหยุนเช่อใน
ยามนี้ถูกผูฝ้ ึ กยุทธ์ระดับชั้นปราณเริ่ มต้นสังหารได้กย็ งั ไม่เกินเลย
อันใด
“ข้าไม่เป็ นไร… เพียงเหนื่อยเท่านั้น” หยุนเช่อตอบขณะ
หอบหายใจหนักหน่วงและสงบพลังในร่ างลง พลังที่ต่อต้านฟ้า
ดินอย่างเขตแดนเทวะมังกรนั้นเหลือลํ้ากว่ากฎธรรมชาติจนทําให้
มันสามารถเอาชนะยามต้องปะทะกับเทพกระบี่ที่เดิมไม่อาจ
ต่อกรได้สาํ เร็ จ
อาการบาดเจ็บของหลิงเทียนหนี่น้ นั สาหัสยิง่ มันลุกยืนขึ้น
ได้หลังจากหลิงเจี่ยพยุงมัน หลังจากที่มนั มีชื่อเสี ยง ที่เป็ นครั้ง
เดียวที่มนั พ่ายแพ้และยังพ่ายแพ้ผเู ้ ยาว์ที่มีพลังฝี มือตํ่าชั้นกว่า
มากมายนัก เมื่อเทียบกับบาดแผลบนร่ างแล้ว ผลที่มีต่อจิตใจมัน
ยังนับว่าสาหัสกว่ามากนัก…
ยิง่ กว่านั้น ในจิตวิญญาณมันยังมีความกลัวต่อเขตแดนเทวะ
มังกรอันน่าหวัน่ ใจฝังลึกไว้และไม่อาจลบเลือนได้อีก
บทที่ 362 พรรคตระกูลเซี่ยวทีต่ ื่นกลัว

อาการบาดเจ็บของหลิงเทียนหนี่สาหัสอย่างยิง่ หาก
บาดแผลบนหน้าอกของมันลึกกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยย่อมเพียงพอ
ให้อวัยวะภายในถูกทําลาย มันกระจ่างแก่ใจดียง่ิ ว่าหยุนเช่อได้
ปรานีย้งั มือไว้ในกระบวนท่าสุ ดท้าย มิเพียงพลังโจมตีกว่าครึ่ งถูก
ถอนรั้งไปอย่างฉับพลัน กระทัง่ เป้าโจมตียงั เบนออกจากจุดตาย
ชายชราทอดถอนใจยาวภายในจิตใจ และกล่าวกับหลิงเจี่ยด้วย
นํ้าเสี ยงอ่อนแรง “พวกเรา...ไปกันเถอะ…”
หลิงเจี่ยมิได้กล่าวคําใด และกําลังจะพาหลิงเทียนหนี่จาก
ไป ทันใดนั้นเองสุ ม้ เสี ยงเย็นเยียบประดุจนํ้าแข็งของหยุนเช่อก็ดงั
ขึ้นจากเบื้องหลัง “หลิงเทียนหนี่ เจ้าจะจากไปง่ายๆอย่างนี้หรื อ?”
ฝี เท้าของหลิงเจี่ยชะงักงัน ร่ างของหลิงเทียนหนี่สน่ั สะท้าน
ขึ้นเล็กน้อย… และหลิงเจี่ยรู ้สึกได้ถึงร่ างที่สน่ั ไหวของหลิง
เทียนหนี่อย่างชัดเจน… มิผดิ มันกําลังสัน่ สะท้าน! ยิง่ กว่านั้นยัง
เป็ นการสัน่ ด้วยความกลัว เมื่อใดที่ปีศาจร้ายแห่งความกลัวถูก
ปลูกฝังลงในจิตใจแล้ว กระทัง่ ยอดยุทธ์ไร้เทียมทานระดับเทพ
กระบี่ยงั มิอาจหลุดพ้นและต่อต้านมันได้
หยุนเช่อจดจ้องหลิงเทียนหนี่ดว้ ยแววตามุ่งร้าย “จากไป
ง่ายๆเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะจดความแค้นนี้ไว้ใจ จนวันหนึ่งไล่
เข่นฆ่าสังหารไปจนถึงหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ แปรเปลี่ยนหมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ของเจ้าให้กลายเป็ นตระกูลอัคคีผลาญฟ้าแห่งที่สอง
หรื ออย่างไร! อย่าได้เคลือบแคลงว่าข้าจะทําเรื่ องนี้ได้หรื อไม่…
สามปี ก่อนข้าไม่มีพลังปราณแม้เพียงเศษเสี้ ยว เมื่อหนึ่งปี ครึ่ งที่
ผ่านมา ข้าคว้าตําแหน่งอันดับหนึ่งในการประลอง และตอนนี้ขา้
สามารถสังหารล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ดว้ ยมือเดียว… แม้วา่
บัดนี้ขา้ จะยังไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ดว้ ยตัวคนเดียว และยิง่ เป็ นไป
ไม่ได้ที่ขา้ ในตอนนี้จะทําลายหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ของเจ้า แต่ใน
อีกสองปี หากให้เวลาข้าอย่างมากสองปี ข้าจะสามารถเปลี่ยน
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ให้กลายเป็ นซากปรักหักพังได้ง่ายดายดุจ
พลิกฝ่ ามือ… เจ้าเชื่อหรื อไม่!!”
ในเวลาสามปี จากไม่มีพลังปราณจนสามารถทําร้ายหลิง
เทียนหนี่จนบาดเจ็บสาหัสได้ การก้าวหน้ารวดเร็ วเช่นนี้มิเคย
บังเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ สามารถสัน่ สะเทือนโลกหล้า
จนทําให้ผคู ้ นขนลุกได้แม้ไม่เหน็บหนาว ไม่มีผใู ้ ดจินตนาการได้
ว่าในอีกสองปี ข้างหน้า ด้วยความเร็ วในการก้าวหน้าเช่นนี้ หยุ
นเช่อจะมีพลังฝี มืออยูใ่ นระดับน่าหวาดหวัน่ เพียงใด
บางทีเมื่อถึงเวลานั้น ชายหนุ่มอาจสามารถใช้มือข้างเดียว
ต่อกรกับหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ท้ งั หมู่บา้ นก็เป็ นได้
ทัว่ ร่ างหลิงเทียนหนี่สน่ั สะท้านอีกครั้ง… ผูเ้ ยาว์อายุเพียงไม่
ถึงยีส่ ิ บปี กลับกล้ากู่ร้องว่าจะสังหารล้างหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ นี่
สมควรเป็ นเรื่ องชวนหัวร่ ออย่างยิง่ เรื่ องหนึ่งเท่านั้น แต่มิเพียงห
ลิงเทียนหนี่ไม่อาจหัวเราะออก แต่มนั กลับรู ้สึกหนาวเหน็บไปทัว่
ร่ าง แม้วา่ ในร่ างของชายชราจะไม่มีความกลัวอันลึกลํ้าสถิตอยู่
ภายใน แต่ถอ้ ยคําเพียงไม่กี่ประโยคของหยุนเช่อกลับเพียงพอให้
อวัยวะภายในทัว่ ร่ างของมันสัน่ เทาด้วยความหวาดกลัว เพราะใน
วันนี้มนั ได้สมั ผัสถึงความน่าหวาดหวัน่ ของหยุนเช่อด้วย
ตนเอง… แม้กระทัง่ ตัวมันเอง บัดนี้ยงั รู ้สึกสํานึกเสี ยใจอย่างยิง่ ที่
ออกหน้าไล่ล่าหยุนเช่อในครานี้ สุ ดท้ายแล้วมิเพียงมันไม่อาจ
สังหารหยุนเช่อ แต่ตนเองกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสและกลับมา
พร้อมความกลัวลึกลํ้าในจิตใจ ทั้งยังชักพาศัตรู อนั น่าหวาดผวาถึง
ขีดสุ ดเข้าสู่ หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
“แต่ไม่ตอ้ งกังวล ข้าจะไม่ทาํ เช่นนั้น!” หยุนเช่อกล่าวพร้อม
ขบฟันลงเล็กน้อย “เพราะบุคคลที่ตอ้ งการสังหารข้ามีเพียงเจ้า
มิใช่คนทั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ และกระทัง่ เจ้าข้าก็ยงั จะไม่
สังหาร… เพราะเจี่ยน้อยเป็ นน้องชายของข้า และข้าย่อมไม่ยนิ ดีที่
จะทําร้ายและสังหารคนที่เขารัก เหตุผลที่ขา้ บอกเรื่ องนี้กบั เจ้าก็
เพื่อให้เจ้าได้รู้วา่ ข้าไม่ใช่คนโหดเหี้ ยมชัว่ ร้ายดังที่เจ้าพูด สิ่ งที่ขา้
ทํา ผูค้ นที่ขา้ สังหาร ข้าล้วนมีบรรทัดฐานและขีดจํากัดของข้าเอง
ความแค้นระหว่างข้าและตระกูลอัคคีผลาญฟ้าไม่ได้เกี่ยวพันกับ
ผูอ้ ื่นแม้แต่นอ้ ย หากทายาทของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าต้องการมา
ล้างแค้นกับข้า เช่นนั้นนับว่าถูกต้องและสมควรแล้ว แต่เจ้า หลิง
เทียนหนี่… เจ้าเป็ นเพียงคนนอกที่ไม่รู้เรื่ องราวใดๆ เจ้าใช้เหตุผล
อันใดมาทําตนเป็ นผูต้ ดั สิ นถูกผิดต่อหน้าข้า และยังกระทัง่
ประกาศว่าจะสังหารข้าในนามของสวรรค์!”
“แม้วา่ ข้าจะยังเหลือกําลังพอที่จะสังหารเจ้า แต่วนั นี้ขา้ จะ
ไว้ชีวติ เจ้า หลังจากนี้ขา้ เองก็จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กบั
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เช่นเดียวกัน หากเจ้ายังคงคิดว่าข้าเลวทราม
ตํ่าช้าไร้ความเป็ นคน เช่นนั้นก็จงเชิญมาสังหารข้าอีกครั้งเมื่อ
อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว!”
หลิงเทียนหนี่ปิดเปลือกตาลงและทอดถอนใจยาว “บางครา
อาจเป็ นข้าเองจริ งๆที่คิดผิดไป ในเมื่อวันนี้ขา้ พ่ายแพ้ต่อเจ้า วัน
หน้าข้ายิง่ ไม่อาจสังหารเจ้า ข้าได้แต่หวังอย่างแท้จริ งว่า...ข้าเข้าใจ
ผิดไปจริ งๆ...”
“ลูกเจี่ย ไปกันเถอะ”
หลิงเจี่ยหันกลับไปมองหยุนเช่อ ในแววตาปรากฏร่ องรอย
ความตื้นตัน ชื่นชม และยังมีความรู ้สึกอันซับซ้อนที่มิอาจบรรยาย
ออกมาเป็ นคํา สุ ดท้ายแล้วเด็กหนุ่มไม่ได้กล่าวสิ่ งใด ทําเพียงหัน
หลังกลับไปและพยุงหลิงเทียนหนี่ข้ ึนบนหลังของวิหควายุ
ประจิม และหายลับไปบนฟากฟ้า
“ฟู่ …”
หยุนเช่อปลดปล่อยลมหายใจยาว ทั้งร่ างล้มลงฟุบกับอกนุ่ม
นิ่มของเซี่ยฉิ งเยว่อย่างหมดสิ้ นเรี่ ยวแรง ชายหนุ่มหลับตาและ
กล่าวเสี ยงแผ่ว “ฉิ งเยว่ อย่าเพิ่งไป ในเวลาช่วงหนึ่งหลังจากนี้…
ข้าต้องการการปกป้องจากท่าน…”
หลังกล่าวจบหยุนเช่อก็ไม่อาจคงสติไว้ได้อีก และความนึก
คิดทั้งปวงจมดิ่งลงสู่ความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง...
——————————————————
เมื่อข่าวคราวมาถึง ทั้งมือและเท้าของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน
แปรเปลี่ยนเป็ นเย็นเยียบดุจนํ้าแข็ง หนังศีรษะชาจนไร้ความรู ้สึก
ในศีรษะว้าวุน่ จนแทบระเบิดออก
“ที่เจ้าพูด...เป็ นความจริ งหรื อ?”
“จริ งอย่างไม่ตอ้ งสงสัย!” เซี่ยวป๋ อหยุนกล่าวด้วยสี หน้า
จริ งจัง “หลิงเทียนหนี่ทาํ ตามที่พวกเราคาดจริ งๆ และกระทัง่ ตาม
ไปถึงนครหลวงวายุคราม แต่มิเพียงมันไม่สามารถสังหารหยุ
นเช่อ แต่ยงั ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีประสานระหว่าง
หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่ ในตอนสุ ดท้ายหยุนเช่อได้ร้ ังมือเอาไว้ มิ
เช่นนั้นกระทัง่ หลิงเทียนหนี่อาจตกตายด้วยฝี มือหยุนเช่อไปแล้ว
พวกมันต่อสู ก้ นั ภายในนครหลวงวายุคราม มีผคู ้ นนับไม่ถว้ นเป็ น
พยาน”
“ยิง่ ไปกว่านั้น เซี่ยฉิ งเยว่ได้เข้าช่วยหยุนเช่อในนามของ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ทั้งนางยังไม่ลงั เลที่จะลงมือกับหลิง
เทียนหนี่… หยุนเช่อเพียงคนเดียวก็นบั ว่าอันตรายจนสุ ดประมาณ
แล้ว แต่เบื้องหลังของมันยังกลับมีแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ปกป้องอยูอ่ ย่างเต็มกําลัง! อีกทั้งข้ายังได้ยนิ มาว่าทุกคนในที่น้ นั
ล้วนได้ยนิ ชื่อ “เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ” เซี่ยฉิ งเยว่อาจ
บรรลุยอดวิชาไร้เทียมทานในตํานานของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งแล้วก็เป็ นได้ กระทัง่ หลิงเทียนหนี่ยงั มิอาจทําสิ่ งใดจนพ่ายแพ้
ให้แก่หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่ที่ร่วมแรงร่ วมใจในฐานะสามีภรรยา
ทั้งอาณาจักรวายุครามล้วนไม่มีผใู ้ ดเป็ นคู่มือของพวกมัน!”
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนทรุ ดตัวลงบนเก้าอี้ ทั้งหน้าผากเต็มเปี่ ยมไป
ด้วยหยาดเหงื่อ
“ท่านประมุข หลังจากหยุนเช่อโจมตีหลิงเทียนหนี่จน
บาดเจ็บสาหัส มันเองก็หมดสิ้ นพลังงานไปมาก กระทัง่ สิ้ นสติลง
ที่ตรงนั้น ตอนนี้มนั ต้องอ่อนแออย่างมากเป็ นแน่ พวกเราควร…”
แม้วา่ เซี่ ยวป๋ อหยุนจะไม่ได้กล่าวต่อ แต่น้ าํ เสี ยงและสี หน้าล้วนบ่ง
บอกเจตนาชัดเจน
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย จากนั้นพลันเอ่ยถาม
ออกมา “เซี่ ยฉิ งเยว่จากไปหรื อยัง?”
เมื่อได้ยนิ คําเหล่านั้น สี หน้าของเซี่ยวป๋ อหยุนแปรเปลี่ยน
ไปเล็กน้อย ก่อนที่มนั จะสัน่ ศีรษะ “นางพาหยุนเช่อเข้าไปในวัง
หลวงวายุคราม จนบัดนี้ยงั ไม่กลับออกมา”
“ว่ากันว่าเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบเป็ นเคล็ดวิชาอัน
ไร้เทียมทานที่อาจเหนือกว่ากระทัง่ วิชาเทพยุทธ์กระบี่สวรรค์
หากเซี่ยฉิ งเยว่บรรลุเคล็ดวิชานี้จริ ง กระทัง่ บิดาของข้ายังอาจมิใช่
คู่มือของนาง พวกเราจะเอาอะไรไปลอบสังหารหยุนเช่อภายใต้
การคุม้ กันของเซี่ยฉิงเยว่?! หากเราลอบสังหารมันไม่สาํ เร็ จและ
เจตนาของเราเล็ดรอดออกไป เช่นนั้นพวกเราจะไม่หลงเหลือทาง
ประนีประนอมได้อีก!” เซี่ยวเจวีย๋ เทียนกล่าวลอดไรฟันด้วยความ
ขมขื่น
มันลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน และกล่าว “ไปเตรี ยมลูกแก้ว
สวรรค์ชีพจรม่วง ยาหยกม่วงเกล็ดกาญจน์ และโลหิ ตสัตว์อสู ร
เหยีย่ วแดงเดี๋ยวนี้เลย เจ้าจะต้องไปพบหยุนเช่อและกล่าวอวยพร
แก่มนั ด้วยตนเอง และจงนําลูกแก้วผลึกม่วงสิ บห้ากิโลกรัม หยก
ลมปราณขาวสิ บกิโลกรัม พร้อมทั้งคัดเลือกศิษย์สตรี อายุต่าํ กว่า
สิ บแปดปี ในพรรคที่มีฝีมือและรู ปโฉมเหนือธรรมดา และมอบ
พวกนางให้แก่หยุนเช่อ… รี บออกเดินทางก่อนอาทิตย์ตกดินวันนี้
จงแน่ใจว่าทุกสิ่ งจะไปถึงก่อนหยุนเช่อจะหายดี”
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วง ยาหยกม่วงเกล็ดกาญจน์ และ
โลหิ ตสัตว์อสู รเหยีย่ วแดง… เหล่านี้ลว้ นเป็ นสมบัติล้ าํ ค่าและหา
ยากที่สุดสามสิ่ งในหมู่ยาวิเศษกว่าหมื่นชนิดในคลังของตระกูล
เซี่ยว เพียงเพื่อแสดงความจริ งใจต่อหยุนเช่อ กล่าวได้วา่ เซี่ยวเจวีย๋
เทียนถึงกับแข็งใจกรี ดเลือดตนเองออกไปมากมาย เมื่อได้ยนิ
ถ้อยคําเหล่านี้ กล้ามเนื้อทัว่ ร่ างเซี่ยวป๋ อหยุนเจ็บแปลบจนมันสัน่
สะท้านอย่างมิอาจหยุดยั้ง แต่ในเมื่อเรื่ องราวดําเนินถึงจุดนี้ เมื่อ
เทียบกับโอกาสที่ท้ งั ตระกูลจะถูกสังหาร พวกมันล้วนไม่มี
ทางเลือกอื่นใดอีก
........................................
หยุนเช่อหมดสติไปถึงสองวันเต็มๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะฟื้ น
ขึ้นในท้ายที่สุด
สาเหตุหลักที่ชายหนุ่มหมดสติไปเนิ่นนานนั้นมิใช่เพราะใช้
พลังปราณเกินขีดจํากัด หากเป็ นเพราะเขาได้ใช้พลังจิตใจมากมาย
เกินไป อย่างไรเสี ยการใช้เขตแดนเทวะมังกรก็ถือว่าหนักหนา
สาหัสจนเกินไปสําหรับระดับในปัจจุบนั ของชายหนุ่ม
“ท่านฟื้ นแล้ว”
เมื่อหยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาขึ้นก็พลันได้ยนิ นํ้าเสี ยงเยือกเย็น
แจ่มชัดขึ้นที่ขา้ งหู ชายหนุ่มพบว่าตนเองกําลังนอนอยูบ่ นเตียงนุ่ม
โดยรอบมีผา้ ม่านหรู หราปักลายหงส์สีทองห้อยระย้า กลิ่นหอม
แผ่วจางลอยมาแตะที่ปลายจมูก ชายหนุ่มมองไปด้านข้างและพบ
กับเงาร่ างงดงามของเซี่ยฉิ งเยว่อยูข่ า้ งเตียง
“ฉิ งเยว่…” หยุนเช่อเอ่ยเรี ยก สุ ม้ เสี ยงของชายหนุ่มแห้งผาก
และขมขื่นอยูบ่ า้ ง ทัว่ ร่ างยังเต็มไปด้วยความรู ้สึกอ่อนแรง “ข้า
หลับไปกี่วนั ?”
“สองวัน” เซี่ยฉิ งเยว่หนั หลังกลับ “ข้าจะไปเรี ยกพวกเขาเข้า
มา”
“อา...ช้าก่อน” หยุนเช่อรี บเอ่ยหยุดยั้งนาง ฝี เท้าของเซี่ยฉิ ง
เยว่เองก็หยุดลงเช่นกัน
“ครั้งนี้ตอ้ งขอบคุณมากที่ท่านมา” หยุนเช่อกล่าวพร้อม
รอยยิม้
เซี่ยฉิ งเยวเบี่ยงกายกลับมามอง นํ้าเสี ยงของนางยังคงเรี ยบ
นิ่งเยือกเย็นหากทว่าอ่อนโยน “แม้ไม่มีขา้ หลิงเทียนหนี่กม็ ิอาจ
สังหารท่านได้เช่นกัน”
“แม้มนั จะสังหารข้าไม่ได้ แต่ขา้ คงทําได้เพียงซวนเซ
หลบหนีออกมา ทว่าเมื่อมีท่าน ข้าสามารถทําให้มนั กลับไปด้วย
ใบหน้าซีดขาว...ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง”
“เรื่ องที่หลิงเทียนหนี่ถูกท่านทําร้ายสาหัสกําลังแพร่ กระจาย
ไปทัว่ ตําแหน่งอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุครามบัดนี้ได้เปลี่ยน
มือแล้ว” เซี่ ยฉิ งเยว่เหลืองมองหยุนเช่อ
“เช่นนั้นหรื อ...แต่สิ่งเฉกเช่นตําแหน่งไม่วา่ เมื่อใดล้วน
แล้วแต่ไร้ประโยชน์ที่สุด” หยุนเช่อกล่าวอย่างไม่ยนิ ดียนิ ร้าย
ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มจับจ้องไปที่เซี่ยฉิ งเยว่ “ฉิ งเยว่ ท่านเข้ามา
ใกล้อีกนิดได้หรื อไม่? ข้ารู ้สึกเหมือนข้า...ไม่ได้มองท่านใกล้ๆมา
เนิ่นนานแล้ว”
บทสนทนาแปรเปลี่ยนเป็ นน่าสงสัยขึ้นในฉับพลัน ทําให้
จังหวะลมหายใจของเซี่ ยฉิ งเยว่สะดุดลงเล็กน้อย หญิงสาวมิได้
ขยับกาย แต่หลังจากเวลาผ่านไปครู่ หนึ่งนางจึงค่อยๆก้าวไปนัง่ ที่
ข้างเตียง
หยุนเช่อเองก็ยนั กายขึ้นนัง่ ในเวลาเดียวกัน แม้ร่างกายชาย
หนุ่มจะเชื่องช้าติดขัด แต่พลังปราณมิได้วา่ งเปล่า ระหว่างที่สิ้น
สติไปสองวัน พลังปราณของชายหนุ่มได้ฟ้ื นฟูข้ ึนราวหนึ่งใน
สามส่ วน หลังได้สติแล้วอัตราการฟื้ นฟูน้ ียอ่ มรวดเร็ วขึ้นอีกหลาย
เท่า เมื่อเซี่ยฉิ งเยว่ทรุ ดกายนัง่ ลงด้านข้าง ชายหนุ่มพลันเอื้อมมือ
ไปโอบรอบไหล่บางของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง
ร่ างของเซี่ยฉิ งเยว่แข็งค้างไปเล็กน้อยจนเห็นได้ชดั หญิง
สาวพยายามเบี่ยงกายหลบตามสัญชาตญาณ “ท่าน…”
“ฉิ งเยว่ หลับตาของท่านลงสิ ” หยุนเช่อโอบกอดนางจาก
ด้านหลังจากอ่อนโยนทว่าแน่วแน่ อ้อมแขนของชายหนุ่มเลื่อนลง
จากไหล่บางไปที่เอวนุ่มบอบบางดุจกิ่งหลิว เมื่อได้มองนางใน
ระยะประชิดเช่นนี้ รู ปลักษณ์ของหญิงสาวนับว่าสมบูรณ์แบบราว
กับภาพฝัน
“ท่าน...จะทําอะไร?” เมื่อถูกชายหนุ่มโอบกอดไว้เช่นนี้ ลม
หายใจของเซี่ ยฉิ งเยว่ปั่นป่ วนไปโดยสิ้ นเชิง ทัว่ ร่ างของหญิงสาว
ชะงักค้าง เวลาผ่านไปครู่ หนึ่งหญิงสาวยังคงไม่รู้วา่ ตนเองสมควร
ขัดขืนและหนีออกจากวงแขนของชายหนุ่มหรื อไม่
ใบหน้าของหยุนเช่อค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ สุ ม้ เสี ยงราวกับ
แฝงไว้ดว้ ยมนตร์สะกดดังขึ้นที่ขา้ งหูของหญิงสาว “ฉิงเยว่ภรรยา
ข้า พวกเราแต่งงานกันได้สามปี แล้ว แต่ระหว่างเป็ นสามีภรรยา
กันมาสามปี ข้ายังไม่เคยจุมพิตท่านมาก่อน ครั้งนี้...ท่านจะให้ขา้
จูบท่านได้หรื อไม่?”
“...” เสี ยงของหยุนเช่อเคลื่อนเข้ามาใกล้ทีละน้อย ทีละน้อย
ลมหายใจอุ่นชื้นของชายหนุ่มค่อยๆเคลื่อนละจากข้างหูมายังข้าง
แก้ม และกระทัง่ ตกกระทบริ มฝี ปากของหญิงสาว ทัว่ ร่ างของเซี่ย
ฉิ งเยว่แข็งค้าง นางที่ไม่เคยประสบเรื่ องราวเช่นนี้มาก่อน บัดนี้
สมองมิอาจประมวลผลใดๆได้โดยสิ้ นเชิง ร่ างของหญิงสาวที่เป็ น
ราวกับบัวนํ้าแข็งอันสู งส่ ง บัดนี้ราวกับได้กลายเป็ นตุก๊ ตาไม้ตวั
หนึ่ง
แก้มของหยุนเช่อเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า ขณะที่ชาย
หนุ่มกําลังจะสัมผัสกับริ มฝี ปากของเซี่ยฉิ งเยว่อยูน่ นั่ เอง คลื่นพลัง
อันเร่ งร้อนทว่าเย็นเยียบดุจนํ้าแข็งพลันผลักร่ างของชายหนุ่ม
กระเด็นออกไป เซี่ยฉิ งเยว่ผดุ ลุกขึ้นยืน หญิงสาวไม่กล้าสบสายตา
ชายหนุ่ม และกล่าวคํา “ข้าจะไปบอกพวกเขาว่าท่านฟื้ นแล้ว”
อย่างเร่ งรี บ ก่อนที่จะผลุบหายไปราวกับหลบหนี
ศีรษะของหยุนเช่อโขกกับผนังด้วยแรงกระแทก ชายหนุ่ม
รู ้สึกเจ็บจนต้องกัดฟัน ก่อนจะใช้มือลูบศีรษะที่ปูดโน และพึมพํา
เสี ยงเบาอย่างหงุดหงิด “เมื่อข้าบรรลุถึงระดับปราณฟ้าเมื่อไหร่
ไม่วา่ อย่างไรจะต้องใช้กาํ ลังกับท่านให้ได้… อ๊าก โอ๊ย..โอ๊ย...โอ๊ย
...…”
บทที่ 363 บังคับเข้ าพิธีสมรส

ไม่นานหลังจากเซี่ยฉิ งเยว่จากไป ประตูหอ้ งหับถูกเปิ ดขึ้น


อีกครั้ง เซี่ยวหลิงซีเร่ งฝี เท้าเข้ามาภายใน ที่ติดตามหลังมาคือเซี่ยว
เหล่ยผูม้ ีสีหน้าวิตกกังวลเช่นเดียวกัน
"เช่อน้อย เจ้าฟื้ นแล้ว!" เซี่ยวหลิงซีรีบรุ ดโผเข้าจับหยุนเช่อ
‘เจ้ารู ้สึกเป็ นอย่างไร? ไม่สบายตรงไหนบ้างหรื อไม่?’
หยุนเช่อเพียงเพิ่งผลัดเปลี่ยนเสื้ อผ้าแล้วเสร็ จ ชายหนุ่ม
กระโดดลงจากเตียงก่อนจะกล่าวตอบคําอย่างง่ายๆ "อย่ากังวล ข้า
ไม่เป็ นไร เพียงเเค่ยงั อ่อนล้า หากมิได้รับบาดเจ็บภายใน อาการ
บาดเจ็บของข้าทั้งหมดล้วนแทบเยียวยาจนหมดสิ้ นหลังจากหลับ
ไปสองวันมานี้"
การเคลื่อนไหวของหยุนเช่อมัน่ คงว่องไว สี หน้าปราศจาก
วีแ่ ววของความอ่อนระโหย เซี่ยวหลิงซีปลดปล่อยลมหายใจ
ออกมาด้วยความโล่งใจในท้ายที่สุด เซี่ยวเหล่ยก้าวเท้าเข้าหาก่อน
กล่าวพลางแย้มยิม้ ว่า ‘เจ้าไม่เป็ นไรก็ดีแล้ว อย่าได้แสร้งเป็ น
เข้มแข็งเพือ่ สร้างความสบายใจแก่พวกเรา’
หยุนเช่อทุบไปที่หน้าอกของตัวเองและตอบกลับอย่าง
แน่ใจ “ท่านปู่ โปรดวางใจ ที่ดินแดนเพลิงครามท่านปู่ ได้เห็นก่อน
หน้านี้แล้วร่ างกายของหลานมีเคล็ดวิชาที่สามารถฟื้ นฟูได้รวดเร็ ว
... ท่านปู่ ใช้ท่ีนี่อาศัยอยูจ่ นถึงตอนนี้?”
เซี่ยวเหล่ยยิม้ และตอบกลับในขณะที่เหมือนกับจมลงไปใน
ห้วงความคิด “ข้าได้ใช้ชีวติ อย่างสะดวกสบายอยูใ่ นที่แห่งนี้ การ
ได้มาเยีย่ มเยียนเมืองของจักรพรรดิเป็ นความปรารถนาของข้าอยู่
บ่อยครั้ง ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะกล้านึกฝัน ที่ยง่ิ ไปกว่านั้นข้า
มาถึงที่ตรงนี้ได้สาํ เร็ จ ข้ายังได้มีโอกาสเข้าไปในวังจักรพรรดิ
พร้อมทั้งมีการต้อนรับพวกเราด้วยตัวพระองค์และยังเป็ นผูจ้ ดั งาน
เลี้ยงให้กบั พวกเรา… ก่อนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายเมื่อครุ่ นคิดดูแล้ว
มันเกินกว่าความฝันอย่างใหญ่หลวงยิง่ นัก”
ยามเซี่ ยวเหล่ยมาถึง ไม่เพียงชางว่านเฮ่อออกมาต้อนรับด้วย
ตนเอง หากยังคอยดูแล ในฐานะของพระจักรพรรดิ นอกจาก
ปฏิบตั ิดว้ ยความมีมารยาทต่อเซี่ยวเหล่ย ชางว่านเฮ่อยังแสดงออก
ถึงความเคารพในตัวของชายชรา องค์จกั รพรรดิมกั ใช้เวลาเสวย
พระกระยาหารคํ่าร่ วมกับแขกทั้งสองทุกวัน จัดงานเลี้ยงต้อนรับ
อย่างเป็ นทางการ กระทัง่ อนุญาตทั้งสองพักอาศัยในตําหนัก
สําหรับพระราชอาคันตุกะจากประเทศอื่น...เซี่ยวเหล่ยย่อมเข้าใจ
เป็ นอย่างดีวา่ การได้รับการปฏิบตั ิเยีย่ งนี้ ทั้งหมดทั้งมวล ล้วน
สื บเนื่องจากหยุนเช่อ
โดยเฉพาะสองวันมานี้ หลังหยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่พิชิต
ชัยหลิงเทียนหนี่ ชางว่านเฮ่อยิง่ เปี่ ยมมารยาทและความเคารพต่อ
เซี่ยวเหล่ยมากยิง่ ขึ้น ภายในพระราชวังหลวง ตั้งแต่ราชองครักษ์
ขันทีนางกํานัล องค์ชายและเหล่าขุนนาง ทั้งหมดต่างแสดงออก
ถึงความเคารพนบนอบและความประจบประแจงต่อหน้ามัน
เนื่องเพราะมันคือปู่ ของหยุนเช่อ
ทั้งหมดนี้ ล้วนเปรี ยบดัง่ ความฝัน
‘หากท่านชื่นชอบ ท่านและอาหญิงเล็กสามารถอาศัยอยูใ่ น
นครหลวงในอนาคต’ หยุนเช่อกล่าวออกมาในทันที ‘หากท่านไม่
ต้องการ การกลับไปยังเมืองจันทร์เสี้ ยวก็ไม่เลว ก่อนหน้านี้ ข้า
พบกับศิษย์พี่ซีคงที่วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว หากท่านอาจารย์ซีคงหาน
พบพานท่านปู่ มันย่อมต้องปี ติยนิ ดียงิ่ ทั้งเมืองจันทร์เสี้ ยวยังห่าง
จากเมืองเมฆาล่องไม่ไกลเท่าใด หากท่านปู่ คิดถึงบ้าน ท่านยังคง
กลับไปเยีย่ มบ้านได้ตลอดเวลา’
สถานะของหยุนเช่อเดิมทีลว้ นรุ่ งเรื องยิง่ อยูก่ ่อนแล้ว ยิง่ ยาม
นี้ที่มนั สามารถเอาชนะหลิงเทียนหนี่ผไู ้ ด้ชื่อว่ายอดเยีย่ มที่สุดใน
อาณาจักรวายุคราม เซี่ยวเหล่ยคือปู่ ของหยุนเช่อ ไม่วา่ มันไปที่ใด
ล้วนต้องปรากฏผูค้ นเข้าแถวยาวเหยียดรอต้อนรับชายชราอย่าง
แน่นอน เซี่ยวเหล่ยกล่าวตอบพลางหัวเราะ ‘หลิงซีชื่นชอบที่นี่ ข้า
เองก็รู้สึกพึงพอใจ ยามนี้ลว้ นยังไม่มีความคิดเดินทางต่อ เรื่ อง
เหล่านี้สามารถหารื อในภายหลัง’
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
เสี ยงหัวเราะอันทรงอํานาจทั้งเปี่ ยมความยินดีปรี ดาดัง
ออกมาจากเบื้องนอก ‘เราสนทนากับท่านพีเ่ หล่ยอย่างถูกคอมา
ตลอด หากท่านพี่เหล่ยต้องการจากไป เราคงต้องคิดถึงพี่เหล่ยจน
ตรอมใจแน่นอน’
เสี ยงหัวเราะดังมาจากชางว่านเฮ่อผูเ้ ดินเคียงคู่เข้ามากับชาง
เยว่ องค์จกั รพรรดิทรงฉลองพระองค์ปักลายมังกรสี ทอง ที่
ติดตามหลังคือตงฟางซิว ทันทีที่กา้ วเข้ามาในห้อง มันมองมาทาง
หยุนเช่อในทันที

ใบหน้าของชางว่านเฮ่อเป็ นสี แดง สุ ม้ เสี ยงเข้มแข็งทรงพลัง


สายตาเฉี ยบคม กระทัง่ เส้นผมหงอกขาวยามทรงประชวรเมื่อก่อน
หน้ายังกลับกลายเป็ นสี ดาํ สนิท ราวกับแปรเปลี่ยนไปเป็ นคนละ
คน
เนื่องด้วยทรัพยากรมากมายมหาศาลของราชวงศ์ อัตราการ
ฟื้ นฟูของชางว่านเฮ่อรวดเร็ วกว่าที่หยุนเช่อคาดการณ์มากนัก
พระองค์ทรงรู ้สึกปลาบปลื้มใจต่อความช่วยเหลือของหยุนเช่อ
ความเคารพนบนอบที่มีต่อเซี่ยวเหล่ย ส่ วนหนึ่งมาจากอิทธิพล
ของหยุนเช่อที่เพิ่มมากขึ้น ทว่าส่ วนใหญ่ลว้ นมาจากความสํานึก
บุญคุณ หยุนเช่อไม่เพียงช่วยชีวติ หากยังช่วยเหลือราชวงศ์วายุ
ครามไว้อีกด้วย
ที่ชางว่านเฮ่อกล่าวส่ งผลให้ชางเยว่ตื่นตกใจ ‘พระบิดา ท่าน
ปู่ เซี่ยวเหล่ยเป็ นผูอ้ าวุโสของศิษย์นอ้ งหยุนเช่อ พระองค์เรี ยกหา
เป็ นพี่...นี่มิใช่ทาํ ให้ลาํ ดับอาวุโสสับสนหรอกหรื อ’
หากคํานวณอายุ ชางว่านเฮ่อเพียงเยาว์วยั กว่าเซี่ยวเหล่ยไม่กี่
ปี อย่างไรก็ตาม หลังผ่านวิกฤติการณ์ในหลายปี ที่ผา่ นมา มัน
ปฏิบตั ิต่อราชธิดาพระองค์เดียวของตนเองด้วยความรักเอ็นดูยงิ่
กว่าเดิม ทันทีที่นางกล่าวจบ ชางว่านเฮ่อกลับกลายเป็ นอับอาย
ก่อนจะหัวเราะอย่างเบินบาน ‘ถูกต้อง ถูกต้อง ลูกเยว่วา่ กล่าวได้
ถูกต้อง เรามิอาจละเมิดอาวุโสได้ เช่นนั้น...เราควรเรี ยกท่านเป็ น
...ผูอ้ าวุโสเซี่ ยว?’
"นี่...ไม่อาจทําได้…" เซี่ยวเหล่ยตื่นตระหนกจนต้อง
ประสานมือคารวะ ‘หากพระองค์ตอ้ งการเรี ยกหาข้าเช่นนั้น ข้า
นับว่าไม่คู่ควรอย่างยิง่
ชางเยว่แย้มยิม้ ทันที หญิงสาวลากชุดหงส์ยาวของนางมา
เบื้องหน้าก่อนกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ศิษย์นอ้ งหยุน เจ้าเพิ่งฟื้ น
ร่ างกายยังคงอ่อนแอ สมควรพักผ่อนให้มากไว้”
‘ไม่จาํ เป็ น’ หยุนเช่อตบลงบนอกของตนเอง ‘ข้ารู ้สภาพ
ร่ างกายของตนเองดี ข้ามิได้บอบบางอย่างที่ศิษย์พหี่ ญิงเข้าใจ’
"ฮ่าฮ่า" ชางว่านเฮ่อหัวร่ อเสี ยงดัง "มันมีความสามารถทํา
ร้ายเทพกระบี่บาดเจ็บ เราไม่กงั วลในตัวมัน ลูกเยว่ เจ้าเองมิตอ้ ง
กังวลถึงเพียงนี้... สองวันมานี้เจ้าทั้งไม่กินไม่นอน มายังที่น้ ีทุก
ชัว่ โมง ข้ากังวลสุ ขภาพของเจ้ามากกว่า"
"พระบิดา" ต่อหน้าผูค้ นมากมาย ชางว่านเฮ่อล้วนเปิ ดเผย
ความรู ้สึกของนางออกมาจนหมดสิ้ น หญิงสาวเปล่งเสี ยงอุทาน
ด้วยความอับอายก่อนก้มศีรษะลงหลบสายตาผูค้ น ปฏิกิริยาของ
นางส่ งผลให้ชางว่านเฮ่อและตงฟางซิวอดหัวร่ ออกมามิได้

หยุนเช่อซาบซึ้ งใจ มันหัวร่ อออกมาเล็กน้อยก่อนมองไปยัง


ชางเยว่ ‘องค์จกั รพรรดิ ท่านเจ้าวังตงฟาง สองวันที่ขา้ ไม่ได้สติ มี
ผูใ้ ดพยายามฝ่ าเข้ามาหรื อไม่?’
ตงฟางซิ วสัน่ ศีรษะโดยไม่ลงั เล "เดิมข้าเกรงว่าจะมีบางคน
พยายามลอบสังหารเจ้ายามหมดสติจึงเพิม่ ความเข้มงวด ทว่า ดูท่า
ข้าคงกังวลมากไป ราชวังหลวงสงบยิง่ ไม่มีผใู ้ ดกล้าบุกฝ่ าเข้ามา
อาจเนื่องพราะนางเซียนเซี่ยยังคงอยูภ่ ายในวัง แม้จะมีเจตนา หาก
ยังคงกังวลว่านางเซียนเซี่ยยังอยูจ่ ึงมิอาจลงมือ"
ด้วยชื่อเสี ยงของหยุนเช่อที่เพิม่ พูนขึ้น เรื่ องในอดีตของชาย
หนุ่มยิง่ ถูกรับรู ้มากขึ้น มากขึ้น และมันแพร่ กระจายออกไปอย่าง
กว้างไกล ทั้งหมดนี้รวมถึงความแค้นระหว่างชายหนุ่มและเซี่ยว
กวงหยุนแห่งพรรคตระกูลเซี่ยวถูกรวมไว้ดว้ ยโดยธรรมชาติ ที่ตง
ฟางซิวห่วงใยกังวลในสองวันมานี้รวมไปถึงพรรคตระกูลเซี่ยว
ด้วย
"แต่กลับมีผคู ้ นมากหลายนําของขวัญมามอบให้’ ชางว่าน
เฮ่อหัวเราะ ‘พรรคและตระกูลใหญ่นอ้ ยจํานวนกว่าพันต่างนําพา
ของหายากและสมบัติวเิ ศษมากมายมามอบให้ ของขวัญของเจ้า
กองพะเนินดุจขุนเขา แม้พระราชวังเราจะใหญ่โต ทว่าเราแทบไม่
มีที่เก็บรักษาสมบัติของเจ้า ข้าไม่เคยพบเห็นของขวัญมากมาย
เช่นนี้มาก่อนแม้จะเป็ นจักรพรรดิมายาวนานขนาดนี้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"
"ท่ามกลางของขวัญเหล่านั้น ของกํานัลของตระกูลเซี่ยว
นับว่าทรงคุณค่ามากที่สุด’ ชางเยว่กล่าว ‘พวกมันส่ งลูกแก้ว
สวรรค์ชีพจรม่วง ยาเกล็ดทองหยกม่วง โลหิ ตอินทรี แดง และ
สมบัติล้ าํ ค่ามากมาย ยิง่ กว่านั้น พวกมันยังส่ งผลึกม่วงห้าสิ บ
กิโลกรัมและหยกปราณขาวสิ บกิโลกรัม จํานวนนี้มากกว่าที่ราช
วังเราเก็บสะสมมากว่าหลายสิ บปี นอกจากนี้…’ ชางเยว่พลัน
หัวเราะอย่างมีเลสนัย ‘พวกมันยังส่ งสุ ดยอดโฉมงามสามนางที่ยงั
ไม่ทนั อายุยสี่ ิ บปี …"
"อะ..อะไรนะ สุ ดยอดโฉมงาม!" ได้ยนิ เช่นนี้ เซี่ยวหลิงซี
เม้มปากพร้อมทั้งกระทืบเท้าคราหนึ่ง ก่อนจะกล่าวตอบด้วยความ
ขุ่นแค้น "พวกนางเป็ นปี ศาจอันอัปลักษณ์ชดั ๆ นับว่ายํา่ แย่กว่าข้า
และพี่หญิงกว่าร้อยเท่าพันเท่า! เช่อน้อยไม่มีทางชายตามองพวก
นาง! ใช่หรื อไม่ เช่อน้อย!?"
“ฮึ่มม ฮึ่มม” หยุนเช่อพลันผงกหัวเห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง
ในทันที และตอบด้วยนํ้าเสี ยงที่มนั่ คง “การจะเปรี ยบเทียบ
ระหว่างปุถุชนสามัญกับท่านอาหญิงเล็กและศิษย์พี่หญิงได้
อย่างไร! ข้าไม่เคยสนใจพวกนาง ส่ งพวกนางกลับไปยังที่ที่พวก
นางมา …. โอ้ หรื อท่านอาหญิงเล็กต้องการให้พวกนางเป็ นยัง
สาวรับใช้”
"ฮี่ฮี่ ไม่มีทาง ข้าไม่ตอ้ งการพวกนาง" เซี่ยวหลิงซีกล่าว
อย่างแย้มยิม้
“ของขวัญของพรรคตระกูลเซี่ยวถูกส่ งมาด้วยตนเองโดย
เซี่ยวป๋ อหยุน มันยังไม่จากไป มันกล่าวว่าต้องการพบเจ้าหลังจาก
เจ้าตื่นขึ้น เจ้าต้องการพบมันหรื อไม่?” ชางว่านเฮ่อกล่าวด้วยสี
หน้าซับซ้อน ในอดีต เหล่าผูอ้ าวุโสจากพรรคใหญ่ต่างเข้ามาใน
พระราชวังด้วยทีท่ายโสโอหัง บางคนยังถึงกับเมินเฉยต่อ
จักรพรรดิเช่นพระองค์ แม้พวกมันจะละเมิดข้อห้าม หากองค์
จักรพรรดิกลับละเว้นมาตลอด
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ผูอ้ าวุโสใหญ่เซี่ยวป๋ อหยุนแห่ง
พรรคตระกูลเซี่ ยว กลับเคารพนพนอบอย่างถึงที่สุดหลังจากเข้า
มาในพระราชวัง มันทั้งอัธยาศัยดี สุ ภาพ และ อ่อนน้อมถ่อมตน
ซึ่ งเป็ นความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง สิ่ งที่เกิดขึ้นนี้แทบทําให้ชาง
ว่านเฮ่อไม่สามารถรักษากิริยาได้...ในผืนพิภพนี้ มีเพียงพลัง
อํานาจจึงมีความหมาย มีเพียงพลังที่ยงิ่ ใหญ่เท่านั้นจึงจะได้ความ
เคารพจากผูค้ น แม้ราชวงศ์วายุครามดูเหมือนมีอาํ นาจปกครอง
โดยสมบูรณ์ หากต่อหน้าพลังอํานาจอันยิง่ ใหญ่ พวกมันทั้งหมด
ล้วนปราศจากความสําคัญใด
"เรื่ องนี้…" หยุนเช่อผงกศีรษะรับพลางหัวเราะ "พบ ย่อม
ต้องพบ หัวหน้าผูอ้ าวุโสพรรตระกูลเซี่ยว นําส่ งของขวัญลํ้าค่า
จากแดนไกล ข้าจะปล่อยให้มนั จากไปมือเปล่าได้เช่นไร"
"ตกลง" ชางว่านเฮ่อตอบ "เราเคยได้ฟังเรื่ องราวระหว่างเจ้า
และพรรคตระกูลเซี่ยวมาบ้าง เจ้าอยากสะสางเรื่ องนี้เช่นไร ล้วน
แล้วแต่เจ้า...อืมม เอ่อ อะแฮ่ม อะแฮ่ม…"
แม้จะเป็ นถึงองค์จกั รพรรดิ หากชางว่านเฮ่อกลับพลันเริ่ ม
กล่าววาจาสะดุดติดขัด ดูไปคล้ายลังเลในสิ่ งที่ตอ้ งการกล่าว หยุ
นเช่อขยับริ มฝี ปาก ก่อนจะกล่าวถามอย่างระมัดระวัง ‘ พระองค์
คล้ายมีคาํ สัง่ ใดต่อเราหยุนเช่อหรื อไม่?’
"มิใช่คาํ สัง่ แต่ อะแฮ่ม.. แค่ก..แค่ก…" ชางว่านเฮ่อกระแอม
ไอก่อนจะกล่าวออกมาอย่างชัดแจ้ง องค์จกั รพรรดิใบหน้าตั้งตรง
ประสานสายตาต่อหยุนเช่อ "หยุนเช่อ ชีวติ นี้ของเรา ได้รับการ
ช่วยเหลือจากเจ้า หากมิใช่เจ้า เราคงตกตายอย่างไปโดยไม่รู้
สาเหตุที่แท้จริ ง ยามนี้ ข้าเองยังรู ้สึกขอบคุณเจ้า แม้ขอ้ ขัดแย้งใน
ราชวงศ์อาจยังไม่คลี่คลาย หากข้ายังคงต้องขอบคุณสวรรค์ ข้า
ล้วนไม่มีใดไม่พึงพอใจอีก นอกจาก...นอกจาก เรื่ องเดียวที่เรายัง
วิตกกังวลทั้งวันคืน…"
"เรื่ องราวที่พระองค์ทรงวิตกทั้งวันคืนคือ.." หยุนเช่อพลัน
บังเกิดลางสังหรณ์
ชางว่านเฮ่อก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ดึงร่ างชางเยว่เข่ามาใกล้
ใบหน้าเปี่ ยมแววรักเมตตาและเฝ้าหวังรอคอย ‘ลูกเยว่เพียงเป็ น
ธิดาโทนของเรา หลายปี มานี้ เราถูกทําร้ายโดยผูท้ ี่มีเจตนาไม่ดี
รวมถึงบุตรอกตัญ�ูท้ งั หลาย มีเพียงลูกเยว่ที่อยูเ่ คียงข้าง ทํางาน
หนักเพื่อเรา เจ็บปวดเพื่อเรา ทั้งยังค้นพบผูม้ ีพระคุณเช่นเจ้าที่เข้า
มาช่วยเหลือเราทั้งคู่ ความปรารถนาเดียวของเราคือสามารถให้ลูก
เยว่ได้พบพานความสุ ขที่แท้จริ งในชีวติ ...โดยไม่ทนั รู ้ตวั บัดนี้ลูก
เยว่อายุยสี่ ิ บเอ็ดปี แล้ว
ในประวัติศาสตร์นบั พันปี ที่ผา่ นของราชวงศ์ องค์หญิงที่ยงั
มิได้เสกสมรสเมื่ออายุยสี่ ิ บเอ็ดปี น้อยนิดอย่างยิง่ ในฐานะบิดา เรา
กินไม่ได้นอนไม่หลับ วิตกกังวลใจตลอดเวลาจนต้องล้างหน้า
ด้วยคราบนํ้าตาทุกวีว่ นั รอคอยให้ธิดาค้นพบบุรุษที่ใช่ หากความ
ปรารถนานี้เป็ นจริ ง เรายินยอมแลกด้วยอายุขยั สามสิ บปี ของเรา
โดยไม่ลงั เล หากในปี นี้ ลูกเยว่ยงั ไม่อาจเป็ นฝั่งฝา เราย่อมต้อง
เสี ยใจและไม่อาจสู ห้ น้าพระมารดาที่ล่วงลับไปของนาง…’
ในขณะที่ชางว่านเฮ่อกล่าว ดวงตาชายชราพลันแดงกํ่าและ
ปริ่ มไปด้วยนํ้าตาคล้ายกับว่ากําลังร้องไห้
สิ่ งที่ชางว่านเฮ่อกล่าว ทําให้หนังหน้าหยุนเช่อกระตุกและ
สิ่ งที่พระองค์กล่าวต่อยิง่ ประเดประดังเข้าหาชายหนุ่ม…..
“เราสังเกตุเห็นว่าลูกเยว่น้ นั ไม่สนใจบุรุษอื่นใดยกเว้นเพียง
เจ้าเท่านั้นและหัวใจของนางทั้งยึดมัน่ อุทิศให้แก่เจ้า หากว่าเจ้ามี
ความรู ้สึกเช่นเดียวกันต่อลูกเยว่นนั่ จะเป็ นสิ่ งที่ประเสริ ฐมาก หาก
เจ้าเข้าพิธีสมรสกับลูกเยว่ต่อให้แม้ขา้ จะต้องตกตายในตอนนี้ ข้า
ล้วนปราศจากความเสี ยใจ แต่หากเจ้าไม่มีความรู ้สึก
เช่นเดียวกัน… เฮ้อ เช่นนั้นก็เป็ นเรื่ องที่ไม่อาจบังคับได้ มันเป็ น
เพียงความเห็นใจต่อลูกเยว่ที่ทาํ ได้เพียงแต่ปรารถนาอย่างไร้
ความหวังต่อเจ้าเท่านั้น ตลอดชีวติ ทั้งหมดของนางคงต้องโดด
เดี่ยว ทั้งหมดเป็ นความผิดของข้าเอง…”
บทที่ 364 วันวิวาห์

“พระบิดา เหตุใด….เหตุใดท่านพูดเรื่ องนี้ข้ ึนมา?” คําพูด


ของชางว่านเฮ่อทําให้องค์หญิงชางเยว่ไม่ทราบปฏิบตั ิตวั เช่นไร
ไปชัว่ ขณะ นางกําลังกระตุกชายผ้าฉลองพระองค์ของชางว่านเฮ่
ออย่างแรง ครึ่ งหนึ่งของการแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความ
กังวลใจ…..แม้วา่ นัยน์ตาที่มองหยุนเช่ออย่างเงียบๆได้เผยถึง
ความคาดหวังที่นางกําลังพยายามเก็บซ่อนไว้อย่างสุ ดเหวีย่ งก็ตาม
หากท่านมิใช่ตวั โง่งม ท่านย่อมต้องเข้าใจความหมายคําพูด
ของชางว่านเฮ่ออย่างชัดแจ้ง ขณะที่องค์จกั รพรรดิกล่าวคําเหล่านี้
ชางเยว่เองยืนอยูข่ า้ งพระองค์เช่นกัน เมื่อมีนางอยูท่ ี่น้ ี หยุนเช่อไม่
สามารถกล่าววาจาหลบหลีกได้ ริ มฝี ปากของชายหนุ่มขยับ
เคลื่อนไหว สายตาสัมผัสนัยน์ตาของชางเยว่ และแล้วหยุนเช่อได้
พูดด้วยท่าทีเคร่ งขรึ มจริ งจัง “ฝ่ าบาท ศิษย์พี่หญิงและข้าผูก
สัมพันธ์รักซึ่งกันและกัน เราได้ผา่ นประสบการณ์มีชีวติ และความ
ตายที่ยากลําบากมาด้วยกัน ทั้งเคยได้ให้คาํ มัน่ สัญญาชัว่ ชีวติ
อย่างไรก็ตาม ในอดีตข้าไม่ทราบว่าศิษย์พี่หญิงเสวีย่ หลอคือองค์
หญิงชางเยว่ ข้า หยุนเช่อเป็ นเพียงคนธรรมดาสามัญ ตราบใดที่
ศิษย์พหี่ ญิงยินดี และตราบใดที่พระองค์ไม่รังเกียจ ข้าจะใช้ชีวติ
ของข้าปกป้องศิษย์พี่หญิงและจะไม่ทรยศนางอย่างแน่นอน”
“ศิษย์นอ้ งหยุน…..” ริ มฝี ปากของชางเยว่สน่ั ไหว นัยน์ตาที่
งดงามของนางกลายเป็ นพร่ ามัวทันทีทนั ใด
“ดี! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ชางว่านเฮ่อพยักหน้าอย่างแรงและแล้ว
พระองค์ทรงพระสรวลเสี ยงดังพร้อมเงยพระเศียรขึ้น “หยุนเช่อ
ด้วยคําพูดของเจ้านี้ เราสามารถวางความกังวลที่ใหญ่ที่สุดในชีวติ
ลงในที่สุด สําหรับเครื อญาติของเจ้า เจ้าได้ทาํ ลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้าทั้งตระกูลโดยไม่ลงั เล จากสิ่ งนี้ เรารู ้วา่ เจ้าย่อมต้องเป็ น
บุคคลผูเ้ ที่ยงธรรมที่ยดึ ถือความสัมพันธ์อย่างจริ งจังมาก การมอบ
ลูกเยว่ให้เจ้า เราสามารถที่จะปล่อยวางได้อย่างสมบูรณ์ ฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่า”
ชางว่านเฮ่อหัวเราะเสี ยงดังอย่างเต็มใจ ระดับวรยุทธ์
อิทธิพลอํานาจของหยุนเช่อในปัจจุบนั ล้วนอยูใ่ นระดับสุ ดยอด
ของวายุคราม การพ่ายแพ้ของเทพกระบี่ที่ชายหนุ่มเป็ นชนวนทํา
ให้พรรคทั้งหมดสัน่ สะเทือน และทําให้ตระกูลเซี่ยวที่แข็งแกร่ ง
มากปฏิเสธความห่างเหิ นที่ยาวนานกลับมาแสวงหาความ
ประนีประนอมโดยไม่ลงั เล ถ้าชางเยว่สามารถแต่งงานกับหยุ
นเช่อ เช่นนั้น ด้วยความสามารถของมัน ระดับวรยุทธ์ที่ผคู ้ นต้อง
เกรงขาม และความพยายามปกป้องครอบครัวอย่างถึงที่สุดของ
มัน หยุนเช่อสามารถต่อกรกับผูค้ นจํานวนนับหมื่น ราชวงศ์วายุ
ครามย่อมสามารถขึ้นสู่ ความแข็งแกร่ งที่ไม่อาจเปรี ยบเปรยได้
เนื่องจากสิ่ งนี้!
ตงฟางซิ วผูท้ ี่อยูด่ า้ นหลังชางว่านเฮ่อเริ่ มพยักหน้าอย่างยิม้
แย้ม
การหัวเราะเสี ยงดังของชางว่านเฮ่อได้หยุดลงในที่สุด
จากนั้น สี หน้าชางว่านเฮ่อได้เปลี่ยนแปลงไปและเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยง
จริ งจัง “นับตั้งแต่เจ้าทั้งสองผูกสัมพันธ์รักใคร่ แล้วไม่มีปัญหาอื่น
ใด ในวันที่แปดในอีกสองเดือนข้างหน้ามันจะเป็ นวันมงคลที่สุด
ในปี นี้ เราจะเป็ นเจ้าภาพงานแต่งงานของเจ้าในวังหลวงแห่งนี้ เจ้า
มีส่ิ งใดคัดค้านอีกไหม?”
“อ้า!” ฉางเยว่ส่งเสี ยงร้องเบา ๆ นางไม่เคยคาดว่าชางว่าน
เฮ่อจะช่วยเรื่ องแต่งงานในทันที
“อา…...นี่…..นี่คือ…..”แม้วา่ หยุนเช่อรู ้สึกว่าเหมือนฝันเมื่อ
ชางว่านเฮ่อได้เอ่ยว่าจะจัดงานแต่งให้อีกสองเดือนข้างหน้า มัน
ยังคงทําให้ชายหนุ่มรู ้สึกมึนงงไปชัว่ ขณะ “นี่ไม่…..เร่ งรี บ
เกินไป….หน่อยหรื อ…..”
“รี บเกินไป? มันจะรี บเกินไปได้อย่างไร?” ชางว่านเฮ่อจับ
จ้อง สุ ม้ เสี ยงกล่าวพลันดังขึ้นอย่างฉับพลัน
“ลูกเยว่ปีนี้อายุยสี่ ิ บเอ็ดปี นางสมควรเป็ นฝั่งฝามานานแล้ว
เจ้าเองปี นี้อายุสิบเก้าปี สมควรตบแต่งภรรยาเช่นกัน พระราชวัง
หลวงมีขา้ ทาสบริ วารมากมาย เวลาสองเดือน ไม่ตอ้ งกล่าวถึงงาน
สมรสงานเดียว กระทัง่ งานพิธีอภิเษกสิ บงานยังสามารถจัดการได้
จะเรี ยกว่าเร่ งรี บได้อย่างไร!?”
“พระบิดา…..” ชางเยว่กระตุกมุมเสื้ อของชางว่านเฮ่อ ก้ม
ศีรษะนางลง หญิงสาวกล่าวบางอย่างด้วยความเขินอาย “เรื่ อง
นี้….เกี่ยวกับเรื่ องนี้ เสด็จพ่อมิใช่ใจร้อนไปหน่อย…..หยุนเช่อมี
ภรรยาคนหนึ่งแล้วเมื่อสามปี ก่อน ถ้าหยุนเช่อแต่งงานอีกครั้ง เรา
สมควร……”
“เรารู ้เรื่ องนี้อยูแ่ ล้ว” ชางว่านเฮ่อโบกมือย่างไม่ใส่ ใจ “ใน
ยุคสมัยนี้ มีบุรษใดบ้างที่ไม่มีภรรยาสามถึงสี่ คน? นัน่ ไม่ใช่
ปั ญหา! หยุนเช่อ ข้าขอกล่าวในฐานะบุรุษผูห้ นึ่ง การมีภรรยา
เพียงคนเดียวทั้งที่อายุสิบเก้าปี แม้แต่เรายังดูแคลนเจ้า แม้วา่ ตัวเจ้า
เองจะไม่มีความสนใจในเรื่ องนี้ เจ้ายังต้องคํานึงปู่ ของเจ้าให้ดี”
เมื่อพระองค์เอ่ยถึง”ปู่ ” ชางว่านเฮ่อตบพระเศียรตัวเอง
“จริ งๆ เราลืมสิ่ งสําคัญนี้…..พี่เซี่ยว อ้า ไม่ใช่ อาวุโสเซี่ยว ท่าน
เป็ นผูอ้ าวุโสของหยุนเช่อ โดยปกติการแต่งงานต้องได้รับการ
ยินยอมจากท่านเป็ นสิ่ งแรก ท่านคิดอย่างไร….เกี่ยวกับเรื่ องนี้?”
ชางว่านเฮ่อ ยินดีอย่างยิง่ ที่ได้เรี ยกชายชราว่า “อาวุโสเซี่ยว”
พระองค์คือพระบิดาของชางเยว่ ส่ วนเซี่ยวเหล่ยคือปู่ ของหยุนเช่อ
ถ้าทั้งสองกําลังจะแต่งงาน ในแง่ของความอาวุโสเซี่ยวเหล่ยย่อม
อาวุโสกว่า
เกี่ยวกับเรื่ องนี้ เซี่ยวเหล่ยมิได้มีการคัดค้านใด ๆ การที่
หลานชายจะได้อภิเษกสมรสกับองค์หญิงแห่งราชวงค์วายุคราม
ก่อนหน้านี้มนั เป็ นสิ่ งที่ชายชราผูน้ ้ ีไม่เคยคิดฝัน และทั้งสองได้
แสดงความรักที่จริ งใจต่อกันอย่างลึกซึ้ง เช่นนั้นแล้วเหตุใดชาย
ชราจะต้องมีความลังเล? ชายชราหัวเราะ “มันเป็ นวาสนาอย่างยิง่
ที่หยุนเช่อมีโอกาสได้อภิเษกสมรสกับองค์หญิง แน่นอนว่าข้าไม่
คัดค้านใด ๆ ในเรื่ องนี้ การตัดสิ นใจนี้แล้วแต่ท่านองค์จกั รพรรดิ
และทั้งสอง” ชายชราเดินไปหน้าหยุนเช่อและกล่าวด้วยเสี ยงที่
สงบนิ่ง “ลูกเช่อ ตั้งแต่ที่เจ้าและองค์หญิงชางเยว่ได้ให้สญ ั ญาจะ
ใช้ชีวติ ไปด้วยกัน เช่นนั้นการสมรสในเร็ ววันมีส่ิ งใดที่ไม่ดี? หรื อ
เวลานั้นเจ้าไม่สะดวก เช่นนั้นเจ้าสามารถพูดออกมาได้ และให้
องค์จกั รพรรดิทรงหาวันมงคลใหม่”
ในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มเร่ งรุ ดออกจากลานจัดสรรกระบี่ ที่
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อเดินทางตรงเข้ามาสู่ เมืองหลวงวายุคราม
และเดินทางไปยังดินแดนหิ มะ และย้อนกลับมายังเมืองจันทร์
เสี้ ยวและเมื่อเมฆาล่อง จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังเมืองเพลิงคราม
ชายหนุ่มยังไม่มีเวลาได้พกั แม้แต่วนั เดียวและยังไม่ได้คิดถึงคําว่า
“แต่งงาน” เมื่อชางว่านเฮ่อพูดถึงเรื่ องนี้ข้ ึนมา ชายหนุ่มพลัน
สู ญเสี ยความคิดไปชัว่ ขณะ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ชายหนุ่ม
สามารถสงบจิตใจได้ พลันรู ้สึกว่าเรื่ องนี้เป็ นสิ่ งที่ยอดเยีย่ มอย่าง
แท้จริ ง
ชายหนุ่มรักชางเยว่ มิใช่เพียงเพราะหญิงสาวมีตาํ แหน่งเป็ น
องค์หญิงแต่เป็ นเพราะหญิงสาวคือศิษย์พหี่ ญิงเสวีย่ หลอที่ได้ตรา
ตรึ งอยูภ่ ายในใจของชายหนุ่ม
หยุนเช่อรู ้สึกไม่คู่ควรต่อหลิงเอ๋ อร์ ...
หยุนเช่อสู ญเสี ยฉู่เยว่ฉานไปแล้ว….
และตอนนี้ เมื่อชางเยว่อยูข่ า้ งกาย เหตุใดชายหนุ่มจึงไม่
สมควรคว้าหญิงสาวไว้อย่างแนบแน่น และให้หญิงสาวอยูข่ า้ ง
กายตนตลอดไป
ชายหนุ่มมองตรงไปยังชางเยว่ และชางเยว่กม็ องมายังชาย
หนุ่มเช่นกัน ในขณะนี้ ในดวงตาของหญิงสาว ชายหนุ่มสามารถ
มองเห็นความประหม่า ความไม่แน่ใจ….หากที่มากยิง่ กว่าคือ
ความตื่นเต้นยินดีและความคาดหวัง รอยยิม้ ปรากฏขึ้นบนหน้า
ชายหนุ่มโดยไม่รู้ตวั ความคิดลังเลทั้งหมดทั้งปวงพลันหายไป
อย่างสมบูรณ์ ชายหนุ่มคํานับต่อชางว่านเฮ่อและกล่าวอย่างมัน่ ใจ
“เกี่ยวกับการรับศิษย์พี่หญิงเป็ นภรรยาข้านั้น นั้นเป็ นความ
ปราถนาของข้าตลอดมา ขอบพระทัยฝ่ าบาทที่ทรงพระเมตตา
ตอบสนองความต้องการของข้า ทุกอย่างจะเป็ นไปตามฝ่ าบาท
ตัดสิ นพระทัย”
“ประเสริ ฐ! ประเสริ ฐ! ประเสริ ฐนัก!” ชางว่านเฮ่อกล่าวคํา
ว่า “ประเสริ ฐ” ถึงสามครั้งสามคราจากนั้นจึงยกศีรษะขึ้นและเริ่ ม
หัวเราะเสี ยงดังอย่างเบิกบานใจ จนจุดนํ้าตาเริ่ มปรากฏบริ เวณหาง
ตาขององค์จกั รพรรดิ์
ชัว่ เวลานี้ หยุนเช่อพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังลมปราณที่
พลุ่งพล่านอย่างผิดปกติจากภายนอก ทันใดนั้น รัศมีพลังกลุ่มนั้น
พลันลอยตัวขึ้น ทะยานออกไปทางทิศเหนือด้วยความเร็ วสุดสู ง
จนมิอาจบ่งบอกบรรยาย
นี่มนั ...รัศมีพลังของฉิ งเยว่?
นางอยูท่ ี่ภายนอกมาโดยตลอด? เช่นนั้น นางสมควรได้ยนิ
เรื่ องราวทั้งหดมตั้งแต่ตน้ จนจบ
เดี๋ยวก่อน ทิศทางที่นางจากไปด้วยความเร็ วระดับนั้น...นาง
กําลังออกจากพระราชวังนัน่ เอง!
“รี บป่ าวประกาศให้ผคู ้ นล่วงรู ้ให้ทวั่ องค์หญิงของเรากําลัง
จะสมรสกับหยุนเช่อในอีกสองเดือนข้าหน้า! ให้ฝ่ายอักษรร่ าง
พระราชโองการและเทียบเชิญ ส่ งไปให้ทวั่ ทุกทิศ...”
ไม่ถึงสิ บนาทีต่อมา พระดํารัสของชางว่านเฮ่อก้องสะท้อน
ไปทัว่ พระราชวัง ราวกับกระทะหม้อใหญ่ที่เดือดพล่าน ราชวัง
หลวงวายุครามที่เดิมทีเงียบสงบกลับกลายเป็ นคึกคักขึ้นในทันที
ขณที่เซี่ยฉิ งเยว่กลับจากไปโดยไม่เอ่ยคํารํ่าลาใดๆ ...
——————————————
เวลาสองเดือนได้ผา่ นไปอย่างไม่รู้ตวั
เมืองหลวงวายุครามในช่วงสองเดือนที่ผา่ นมานี้ปั่นป่ วนยิง่
นัก ด้วยเพียงสาเหตุเดียวนัน่ ก็คือ…...พิธีแต่งงานอันสําคัญยิง่
ระหว่างองค์หญิงแขครามและหยุนเช่อ
เดิมที แม้วา่ งานอภิเษกสมรสขององค์หญิงจะเป็ นเหตุการณ์
ที่ทาํ ให้คนกว่าครึ่ งประเทศร่ วมเฉลิมฉลองไปด้วย แต่น้ นั ก็ยงั
จํากัดในหมู่ประชาชนทัว่ ไปและอาจกล่าวได้วา่ งานนี้ไม่เกี่ยวข้อง
กับพรรคหรื อนิกายใดๆ ทว่าด้วยการที่มีหยุนเช่อเข้าร่ วมงานพิธี
ในฐานะเจ้าบ่าว สองสิ่ งนี้นบั ว่าแตกต่างกันโดยสิ้ นเชิง
บุคคลซึ่งปี นี้อายุเพียงสิ บเก้าปี ผูท้ ี่ทาํ ลายตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าจนสิ้ น ซํ้ายังทําให้หลิงเทียนหนี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อนาคต
ของมันย่อมไร้ขอบเขตจนยากที่จะอธิบายได้ ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า
มันเป็ นสาเหตุให้ผคู ้ นนับไม่ถว้ นล้วนชื่นชมและเทิดทูนในตัว
ของหยุนเช่อ และในทํานองเดียวกัน มันก็เป็ นสาเหตุให้คนอีกนับ
ไม่ถว้ นหวาดผวาและเกรงกลัวต่อมัน ในวันนี้เป็ นวันแต่งงานที่
ยิง่ ใหญ่ของชายหนุ่ม เป็ นโอกาสอันดีที่พวกมันจะแสดงตัว หาก
พวกมันยังคงเก็บตัวอยูใ่ นที่ของตน แม้วา่ สิ่ งที่พวกมันทั้งหมดทํา
ก็คือการละทิ้งการสร้างความประทับใจอันเล็กน้อยซึ่งอาจเก็บ
เกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล แต่หากมองในมุมกลับกัน
หากนิกายหรื อพรรคอื่นไปร่ วมงาน แต่ตวั มันเองไม่ได้ไปนี่นบั ว่า
แสดงออกถึงการดูหมิ่นได้อย่างไม่ตอ้ งสงสัย หยุนเช่อสามารถ
กําจัดตระกูลอัคคีผลาญฟ้าจนสิ้ นดังที่มนั ได้เคยพูดไว้ ดังนั้นหาก
พวกมันทําให้บุคคลผูม้ ีฝีมือเช่นนี้ตอ้ งขัดเคือง การกวาดล้างพรรค
ของพวกมันก็อาจจะเป็ นเพียงการละเล่นของเด็กสําหรับชายหนุ่ม
ไม่วา่ จะเป็ นพรรคน้อยใหญ่ใดๆ แม้วา่ พวกมันจะได้รับการ
เชิญร่ วมงานหรื อไม่ ในตอนนี้พลันเกิดความวุน่ วาย พวกมันเค้น
สมองคิดหาของขวัญมากมายเพียงเพือ่ ที่จะให้หยุนเช่อพึงพอใจ
จะดีที่สุดหากว่าของขวัญแสดงความยินดีชิ้นนั้นสร้างความสนใจ
แก่ชายหนุ่ม และเพื่อสิ่ งนี้การประมูลเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของเมือง
ใหญ่ต่างๆ ขณะที่สมบัติล้ าํ ค่าบางอย่างก็ปรากฎยังสมาคมการค้า
เดือนดับ เหล่าพรรคใหญ่ต่างๆเมื่อได้รับข่าวก็รีบรุ มล้อมไปที่
นัน่ …..นี่ทาํ ให้เกิดการต่อสู ก้ นั ระหว่างพรรคน้อยใหญ่เพื่อแย่งชิง
สมบัติเหล่านั้น
เมืองวายุฉุยฉาย เป็ นเมืองที่ต้ งั อยูท่ างทิศตะวันตกของ
อาณาจักรวายุคราม และเป็ นเมืองใหญ่เพียงไม่กี่เมืองในจักรวรรดิ
วายุครามปั จจุบนั ในโรงเตี๊ยมของเมืองวายุฉุยฉาย ผูค้ นมากมาย
ต่างพูดคุยตามโต๊ะของพวกมันเอง
“อีกสามวันจะเป็ นวันอภิเษกสมรสของหยุนเช่อกับองค์
หญิงแขคราม ตอนนี้พรรคของเราได้ทุ่มเทความพยายามไปอย่าง
มาก แต่ทว่า พวกเราก็เพียงสามารถค้นหาชิ้นส่ วนของโสมโลหิ ต
อายุสามพันปี เท่านั้น ตอนนี้พวกเราก็ไม่รู้วา่ จะหาอะไรมาเป็ น
ของขวัญแล้ว” ผูฝ้ ึ กยุทธวัยกลางคนกล่าวออกมาขณะยกจอกเหล้า
ขึ้นดื่ม แม้วา่ เสี ยงของมันจะเยือกเย็น แต่ร่องรอยบนใบหน้าของ
มันก็แสดงออกอย่างแจ่มชัด โสมโลหิ ตนั้นมีอยูเ่ พียงน้อยนิดและ
หายากเป็ นลําดับต้นๆ และนี่ยงั เป็ นโสมโลหิ ตอายุกว่าสามพันปี
ดังนั้นมันจึงเป็ นสมบัติที่สูงค่าอย่างยิง่
“เจ้าสํานักหัวกล่าวเกินไปแล้ว พรรคของข้าเพียงแค่จะเป็ น
เจ้าของหยกตราประทับมังกรม่วงสามชิ้นก็ยากเต็มกลืนแล้ว ข้า
เกรงว่าเมื่อเวลามาถึง ข้าคงรู ้สึกอับอายที่จะนํามันออกมา” บุรุษ
วัยกลางคนอีกผูห้ นึ่งกล่าวด้วยสี หน้า “ละอายใจ”
บุรุษอีกคนที่นงั่ อยูโ่ ต๊ะเดียวกันกล่าวว่า “ ในครานี้ เราผู ้
แซ่หลี่ยงั ไม่พบของขวัญร่ วมอวยพรอันเหมาะสม เมื่อเทียบกับ
หัวหน้าพรรคทั้งสองแล้วนี่นบั ว่าไม่อาจกล่าวเทียบได้ แต่อย่างไร
เสี ยเราผูแ้ ซ่หลี่น้ ีจะนําบุตรี ไปพร้อมกับเราด้วย ฮี่ฮี่ คริ คริ อุอิอุอิ ”
ยามเมื่อมันปล่อยเสี ยงหัวเราะของมันออกมา มีหรื อที่บุรุษ
อีกสองคนจะไม่เข้าใจความหมายของมัน? ทันใดนั้น พวกมันแต่
ละคนพลันแค่นเสี ยงออกทางจมูก “เจ้ากําลังพยายามที่จะใช้กบั
ดักล่อผึ้งรึ ? ลืมไปเสี ยเถอะ! เซี่ยฉิ งเยว่ภรรยาคนแรกของหยุนเช่อ
นั้นงดงามราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ความงามของนางไม่
แพ้ฉู่เยว่ฉานในปี ก่อน นางได้รับการยอมรับว่าเป็ นโฉมงาน
อันดับหนึ่งในอาณาจักรวายุคราม และพวกข้าคงไม่ตอ้ งบอกเจ้า
อีกนะว่ามันเป็ นคนทําให้ฉู่เยว่ฉานตั้งครรภ์ องค์หญิงแขคราม
เป็ นผูท้ ี่มีรูปโฉมงดงามอย่างยิง่ ทั้งสถานะของนางยังสู งส่ ง เจ้าคิด
หรื อว่ามันจะชมชอบในตัวลูกสาวของเจ้า? ข้าไม่อยากจะข่มขวัญ
เจ้าหรอกนะ แต่ขา้ เกรงว่ามันคงไม่ชายตามองลูกเจ้าด้วยซํ้า คริ คริ
อุอิ” **เสี ยงสู๊งงง
ผูฝ้ ึ กยุทธตัวประกอบแซ่หลี่กลับไม่บงั เกิดโทสะใดๆแม้แต่
น้อย หากมันหรี่ ตาลงกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าสองคนมิได้รับรู ้ข่าว ข้าได้
ฟังมาว่าสองเดือนก่อน ผูอ้ าวุโสพรรคตระกูลเซี่ยว-เซี่ยวป๋ อหยุน
นําส่ งสุ ดยอดสาวงามอายุสิบหกปี เป็ นของขวัญแสดงความยินด
ต่อหยุนเช่อ...ฮี่ฮี่ หยุนเช่อรับพวกนางไว้ท้ งั หมด มันยังอายุไม่ถึง
ยีส่ ิ บปี แน่นอนว่าเป็ นวัยที่คนหนุ่มย่อมมีเลือดลมร้อนแรงที่สุด
บุรุษในวัยนี้ผใู ้ ดไม่นิยมสาวงามเคียงข้างกาย? แม้บุตรี ของข้ารู ป
โฉมอาจไม่เทียบเท่าเซี่ยฉิ งเยว่ หากยังนับเป็ นสาวงามหนึ่งใน
หมื่น หากนางได้รับความชื่นชมจากหยุนเช่อ แม้จะเป็ นเพียง
ภรรยารองหรื อสาวรับใช้ ยังนับว่าเป็ นก้าวแรกสู่ เกียรติยศ เมื่อถึง
เวลานั้น...เหอะ ข้าจะคอยดูวา่ มีผใู ้ ดกล้าล่วงเกินพรรคสลายหยก
ของข้า”
คําพูดเหล่านี้ส่งผลให้สีหน้าของบุรุษทั้งสองเปลี่ยนแปลง
ไปราวไร้ชีวติ ทันทีที่ได้ฟัง ริ มฝี ปากพวกมันสัน่ สะท้าน ในหัวมี
เพียงความคิดว่าเหตุใดตนเองไม่สามารถกําเนิดบุตรี ที่มีความ
งดงามหมดจดได้บา้ ง
ชัว่ เลานี้เอง บุคคลสี่ คนก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยม ฝี เท้าของ
พวกมันเชื่องช้า สายตาเปี่ ยมแววภาคภูมิทระนง ทั้งสี่ ลว้ นมีทีท่า
เย่อหยิง่ โอหังราวกับดูแคลนผูค้ นทั้งหล้า
ภายในโรงเตี๊ยม มีเหล่าเจ้าสํานักและหัวหน้าพรรคที่เร่ งรี บ
เดินทางสู่นครหลวงอยูบ่ า้ ง สายตาและท่าทางเหล่านั้นสร้างความ
รําคาญใจแก่พวกมัน ผูค้ นทั้งสี่ เดินมายังดต๊ะว่างหนึ่งเดียวที่
หลงเหลือ ก่อนที่จะนัง่ ลง เทียบเชิญขลิบทองใบหนึ่งถูกตบลงยัง
โต๊ะตัวนั้นพร้อมเสี ยง *ปัง* คราหนึ่ง สี หน้าของทั้งสี่ ยง่ิ เปี่ ยมแวว
เย่อหยิง่ ภาคภูมิ
เมื่อเห็นเทียบเชิญ ทัว่ ทั้งโรงเตี๊ยมแปรเปลี่ยนเป็ นเงียบสงัด
งัน ผูค้ นสองสามคนจ้องมองไปยังเทียบเชิญพร้อมกลั้นหายใจ
ในทันที
“เป็ นเทียบเชิญ!”
“ข้าเห็นแล้ว...พูดเบาๆหน่อย มีเพียงพรรคระดับสูงหนึ่ง
ร้อยพรรคที่สามารถได้รับเทียบเชิญ พวกมันมิใช่คนที่เราจะ
ล่วงเกินได้”
“ฮ่าา พรรคใหญ่ช่างน่าอิจฉาจริ งๆ ส่ วนใหญ่แล้ว ผูท้ ี่ไม่ได้
รับบัตรเชิญเช่นพวกเรา ไม่อาจเข้าได้แม้กระทัง่ ตําหนักข้าง”
“ข้าจําพวกมันได้แล้ว! เป็ นพรรคฝ่ ามือเหล็ก! ผูค้ นที่สวม
ชุดสี เขียวคือหัวหน้าพรรคของพวกมัน! จากคํารํ่าลือ มันมีพลังชั้น
ปราณฟ้าขั้นที่หา้ พรรคฝ่ ามือเหล็กแผ่อิทธิพลครอบงําหนึ่งใน
สามของภาคตะวันตกเฉี ยงเหนือ พวกมันได้อนั ดับที่ยสี่ ิ บเจ็ดใน
งานประลองยุทธวายุครามครั้งก่อน!”
ชัว่ ขณะที่ผคู ้ นจากพรรคฝ่ ามือเหล็กเปิ ดเผยเทียบเชิญออก
ทัว่ ทั้งโรงเตี๊ยมเงียบสงัดลง การสนทนาอย่างออกรสเมื่อครู่ ก่อน
กลับกลายเป็ นเสี ยงกระซิบกระซาบแผ่วเบาในทันที ผูค้ นทั้งสี่ นงั่
ลงอย่างเงียบงัน ใช้สายตาของผูท้ ่ีเหนือกว่ากวาดกราดไปทัว่ ด้วย
สี หน้าเปี่ ยมแววโอหัง
“ขยะ ด้วยความสามารถระดับนั้น พวกมันยังสามารถรั้ง
อันดับยีส่ ิ บเจ็ดในการประลองจัดอันดับ ฮ่าๆๆ….นี่ขา้ ไม่ได้กาํ ลัง
ฟังเรื่ องตลกใช่ม้ ยั ?”
ที่มุมหนึ่งของโรงเตี๊ยม คนสามคนนัง่ อยูท่ ี่โต๊ะที่ดูค่อนข้าง
โบราณ บุรุษผูห้ นึ่งที่อยูต่ รงกลางอายุราวยีส่ ิ บปี สวมเสื้ อคลุม
กิเลน ดวงตาของมันแหลมคม ลักษณะท่าทางผิดธรรมดา ผมของ
มันขมวดขึ้นและคาดไว้ดว้ ยปิ่ นปักผมสี แดงเลือดนก ขณะที่มือ
ของมันกําลังหมุนจอกหล้าไปมา สี หน้ามันประดับด้วยรอยยิม้
บาง บุคคลที่กาํ ลังพูดอยูก่ บั มันก็เช่นกัน นํ้าเสี ยงของมันไม่ได้เบา
นัก แต่ทว่าไม่มีใครสักคนในโรงเตี๊ยมที่ได้ยนิ เสี ยงของมัน ดูราว
กับว่าเสี ยงของมันถูกกั้นเอาไว้ดว้ ยกําแพงที่มองไม่เห็น
ภายในโต๊ะที่นงั่ ร่ วมกัน มีผอู ้ าวุโสสองคน ดูไปคล้ายอายุ
ราว ๆ ห้าสิ บถึงหกสิ บขวบ ผูห้ นึ่งสวมใส่ ดว้ ยชุดคลุมสี ดาํ อีกหนึ่ง
สวมด้วยชุดคลุมสี แดง สายตาของพวกมันแอบแฝงความลึกลํ้าที่
ไม่อาจมองทะลุซ้ ึ งได้ชนิดหนึ่ง ผูอ้ าวุโสชุดดํากล่าวว่า “ฝ่ าบาท
ท่านไม่จาํ เป็ นต้องตื่นตกใจ ในอาณาจักรวายุครามนี้ เพียงผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ช้ นั ลมปราณจิตล้วนนับเป็ นยอดฝี มือ ชั้นลมปราณปฐพี
นับเป็ นผูฝ้ ึ กสอน ชั้นลมปราณฟ้าสามารถนับเป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญที่
ได้รับการยอมรับจากผูค้ นนับหมื่น ชั้นลมปราณฟ้าขั้นสู งยิง่
นับเป็ นตัวตนที่ยงิ่ ใหญ่ไร้เทียมทาน เป็ นสิ่ งมีชีวติ ที่ขาดแคลนใน
ที่น้ ี นอกเหนือจากพรรคใหญ่ท้ งั สี่ ไม่มีพรรคใดกอปรไปด้วยยอด
ยุทธระดับราชัน หัวหน้าพรรคนี้เพียงมีระดับชั้นปราณฟ้าขั้นห้า
ในอาณาจักรนี้ ล้วนสามารถเรี ยกเป็ นพรรคชั้นยอดได้แล้ว”
บทที่ 365 พิธีมงคลอันยิง่ ใหญ่

“โอ้?” ชายหนุ่มวางจอกสุ ราลงพลางหัวเราะอย่างแผ่วเบา


“ข้าเคยได้ยนิ มาว่าในอาณาจักรทั้งเจ็ด อาณาจักรวายุครามนับว่า
อ่อนแอที่สุด แต่ขา้ ไม่คิดว่าจะอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ช่างน่าสงสาร
และน่าขบขันโดยแท้ ความคับแคบของดินแดนนี้เป็ นดัง่ เพียงหิ น
อ่อนก้อนเล็กๆเท่านั้น ข้าไม่เข้าใจเสี ยจริ งว่าเหตุใดพระบิดาข้าถึง
สนใจที่แห่งนี้”
“ฝ่ าบาทจะไม่กระทําการใดหากไร้ซ่ ึงเหตุผล เรื่ องนี้ยอ่ ม
ต้องสําคัญแน่นอน” ชายชุดดําผูส้ ู งวัยหัวเราะพลันกล่าวขึ้น “ข้า
เคยได้ยนิ มาอย่างคลุมเครื อว่าเหตุที่ฝ่าบาทกระทําการเช่นนี้เป็ น
เพราะเมื่อไม่นานที่ผา่ นมาหอวิญญาณปฐพีคน้ พบกลิ่นอายของ
เหมืองแก้วผลึกม่วงขนาดใหญ่ ทั้งแหล่งแร่ แก้วผลึกม่วงนั้นอยูท่ ี่
เขตชายแดนของอาณาจักรวายุคราม ก่อนที่มนั จะถูกค้นพบโดย
อาณาจักรวายุครามเราต้องยึดแก้วผลึกม่วงนี้มาโดยวิธีแบบ
ธรรมชาติจะดีที่สุด… ฮี่ฮี่”
“ไม่วา่ จะเป็ นความจริ งหรื อข่าวลือ ฝ่ าบาทคงเตรี ยมการไว้
พร้อมแล้วแต่คงยังไม่กระทําการใดๆในเร็ วนี้ ฝ่ าบาทคงรอ
หลังจากงานประลองเจ็ดจักรวรรดิจบเสี ยก่อน ถือว่าเป็ นโอกาสที่
ยิง่ ใหญ่ที่ยสี่ ิ บปี จัดหนหนึ่ง หากขาดไปหนึ่งอาณาจักร คงน่า
สงสารไม่นอ้ ย” ชายสู งอายุชุดแดงกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
ความรู ้สึก
“ฮ่าๆ” ชายสู งอายุชุดดําหัวเราะอย่างแผ่วเบา “การไม่
เคลื่อนไหวในครั้งนี้ยงั ไม่แน่วา่ มีความสัมพันธ์กบั การประลอง
เจ็ดจักรวรรดิ ในงานประลองนี้ อาณาจักรวายุครามเดิมรั้งท้ายมา
โดยตลอด เข้าร่ วมในฐานะตัวตลกก็เท่านั้น ไม่วา่ จะมีหรื อไม่ลว้ น
ไม่ต่างกัน ชัว่ เวลานี้ “นาวาปราณบรรพกาล” เพิง่ ปรากฏ อีกไม่
นานประตูสู่นาวาย่อมต้องเปิ ดออก ที่ฝ่าบาททรงทุ่มเทสมาธิใน
เวลานี้ ย่อมต้องเป็ นเรื่ องของนาวาปราณบรรพกาล ก่อนจะได้
ค้นพบปริ ศนาของนาวาปราณบรรพกาล พระองค์ไม่มีแก่ใจ
สิ้ นเปลืองพลังงานเรื่ องอาณาจักรวายุครามเล็กๆ แน่นอน”
“ดูเหมือนว่าพวกเราไม่ได้มาถึงในเวลาที่เหมาะสมนัก
เพราะงานมงคลสมรสของหยุนเช่อ” ชายหนุ่มหรี่ ตาลง “มันมี
อิทธิพลในพื้นที่เล็กๆน้อยๆเช่นนี้ได้นบั ว่าไม่เลว ไม่กี่วนั มานี้ขา้
ได้ยนิ ชื่อของมันมาไม่ต่าํ กว่าร้อยครั้ง”
“ข้าได้ยนิ มาว่าหยุนเช่อได้กวาดทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า ซึ่งเป็ นหนึ่งในสี่ พรรคใหญ่ของอาณาจักรวายุครามด้วย
ตัวคนเดียว ฮึ่ม ความสามารถเช่นกลับผุดโผล่ในแผ่นดินตํ่าต้อย
เช่นนี้ นี่ยอ่ มเป็ นบทพิสูจน์ในตัวของมันเอง”
“ถึงสายเลือด” ชายสูงวัยชุดแดงหรี่ ตาลงและตอบอย่าง
เฉื่ อยชา
“หึ ข้าสงสัยผูท้ ี่ให้กาํ เนิดมันข้างนอกเสี ยมากกว่า ที่พ่ งึ พา
สายเลือดเทพหงสาของพวกเรามาสร้างบารมีอยูใ่ นอาณาจักรวายุ
ครามเล็กๆนี้ ทว่า การบังเอิญมายังที่น้ ีในวันมงคลใหญ่ แม้แต่ขา้
เองยังไม่อาจทําใจแข็งได้ ยิง่ กว่านั้น หากพวกเราเดินเข้าไปทื่อๆ
แบบนี้ ยังอาจเป็ ฯการ “ขาดความเคารพ” อยูบ่ า้ ง อย่างน้อย คนที่
มันต้องการตบแต่งด้วย ล้วนเป็ นถึงพระธิดาพระองค์เดียวของ
อาณาจักร” ชายหนุ่มกล่าวในขณะที่ดวงตาฉายแววเยาะเย้ย
สายตาทั้งคู่ตกลงบนร่ างของคนทั้งสี่ ของพรรคฝ่ ามือเหล็ก รอยยิม้
เยาะบนใบหน้ากลับกลายเป็ นรอยยิม้ อันป่ าเถื่อน
หลังจากที่กลุ่มคนทั้งสี่ ของพรรคฝ่ ามือเหล็กได้กินและดื่ม
สมใจอยากแล้ว ต่างออกจากโรงเตี๊ยมและมุ่งหน้าไปยังเมือง
หลวงวายุคราม ตลอดการเดินทางเมื่อชื่อ “พรรคฝ่ ามือเหล็ก” ถูก
เปิ ดเผย ผูค้ นที่เดินตามทางไม่มีใครที่ไม่หลีกทางให้ เมื่อพวกมัน
เดินเข้าไปยังสถานที่แห้งแล้งพลันเกิดเสี ยงมาจากด้านหลัง
“สหายพรรคฝ่ ามือเหล็ก เป็ นไปได้หรื อไม่หากเราจะหารื อกันเสี ย
เล็กน้อย?”
จากเสี ยงที่ดูอ่อนนุ่มนั้นมีความเย่อหยิง่ เอ่อล้นออกมาและ
เห็นได้ชดั ว่าไม่ใช่เจตนาดี ทั้งสี่ ต่างหันไปรอบๆ ผูน้ าํ ตระกูลเถี่ย
รุ ยเต๋ อกวาดสายตาไปยังทั้งสามคน เห็นชายหนุ่มใส่ ชุดคลุมอยู่
ตรงกลางที่มีรัศมีไม่ธรรมดา มันมิได้ประมาทและตอบไปอย่าง
เรี ยบง่าย “หากเรื่ องสําคัญให้รีบกล่าวมา อย่าทําให้การเดินทาง
ของพรรคฝ่ ามือเหล็กของข้าต้องล่าช้า”
มันกล่าวชื่อพรรคฝ่ ามือเหล็กออกไปหวังเพื่อจะให้อีกฝ่ าย
ตื่นตกใจ แต่ยงั คงเห็นชายหนุ่มแสดงออกอย่างยิม้ แย้มแจ่มใส
บุรุษหนุ่มสะบัดฝ่ ามือออกและปรากฏพัดหยกสี ขาวบนมือ
กระพือพัดเบาๆและกล่าวอย่างสบายๆว่า “เราไม่ได้มีเรื่ องใหญ่
อันใด เพียงแค่ตอ้ งการยืมบัตรเชิญไม่กี่ใบจากพวกท่าน”
“เจ้าหาที่ตายโดยแท้!” ผูอ้ าวุโสของพรรคฝ่ ามือเหล็กก้าว
ไปข้างหน้าขณะที่คิ้วขมวดแสดงถึงความโกรธ “ท่านผูน้ าํ เห็นได้
ชัดว่าทั้งสามต้องการจะต่อสู ้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่พรรคฝ่ ามือเหล็ก
ของเราไม่ได้สาํ แดงความแข็งแกร่ งช่วงก่อนหน้านี้ เป็ นการทําให้
พวกหนูเหล่านี้กล้ามามีเรื่ องกับพวกเรา”
คิ้วของเถี่ยรุ่ ยเต๋ อขมวดลงและกล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้า
ต้องการสู ้ ข้าเกรงว่าเจ้าเลือกคนผิดเสี ยแล้ว ข้าให้พวกเจ้าสามล
มหายใจ รี บไสหัวออกไปจากสายตาข้าเดี๋ยวนี้ หรื อมิเช่นนั้น...”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! หรื อมิเช่นนั้นอะไร?” ชายหนุ่มหัวเราะอย่าง
เต็มที่ ปิ ดพัดหยกและยิม้ พลางเดินเข้าหาเถี่ยรุ่ ยเต๋ อ “ดูเหมือนว่า
สหายจะไม่ให้ความร่ วมมือ คนตํ่าต้อยเช่นข้าคงต้องช่วยตัวเอง
เสี ยแล้ว”
“เจ้าหนู รนหาที่ตาย!” ด้วยความโกรธอย่างที่สุด ผูอ้ าวุโส
พรรคฝ่ ามือเหล็กก้าวไปข้างหน้า มันยืดแขนขวาออก ฝ่ ามือของ
มันส่ งมาพร้อมกับสายลมกรรโชกที่เย็นจัดพุง่ ไปคว้าคอของชาย
หนุ่ม
เมื่อพวกมันคือพรรคฝ่ ามือเหล็ก แน่นอนว่าพลังฝี มือย่อม
ต้องเป็ นมือเหล็กทั้งคู่ ฝ่ ามือนี้แข็งแกร่ งพอที่จะสร้างรอยพิมพ์มือ
ที่ลึกลงในเหล็กกล้า แต่ต่อหน้าฝ่ ามือเหล็กนี้ บุรุษหนุ่มกลับ
หัวเราะเหยียดหยัน เพียงแค่สะบัดข้อมือเพียงเล็กน้อย พัดของชาย
หนุ่มก็ปะทะเข้ากับฝ่ ามือเหล็กที่กาํ ลังพุง่ เข้ามา
“อ๊าาาาาา!!”
เสี ยงกรี ดร้องที่ดงั อนาถเกินใจรับฟัง ผูอ้ าวุโสพรรคฝ่ ามือ
เหล็กที่ถูกโจมตีน้ นั รู ้สึกเหมือนดาบนับหมื่นเล่มกําลังทิ่มแทง
หัวใจ พลางก้มลงไปกอดแขนขวากลิ้งอยูก่ บั พื้น สี แขนถูกย้อม
เป็ นสี แดงด้วยเลือดทันที
“ท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโส!!”
สี หน้าเถี่ยรุ่ ยเต๋ อซีดขาวด้วยความหวาดหวัน่ พลังฝี มือของ
ท่านผูอ้ าวุโสสู งส่ งถึงชั้นลมปราณฟ้าขั้นสาม ในพรรคฝ่ ามือเหล็ก
เพียงเป็ นรองตัวมันเองเท่านั้น หากกลับถูกทําร้ายบาดเจ็บโดย
ง่ายดายภายในหนึ่งกระบวนท่าจากบุรุษหนุ่มผูน้ ้ นั หลังจากตก
ตะลึงไปชัว่ ครู่ เถี่ยรุ่ ยเต๋ อโถมเข้าโจมตีอย่างบ้าคลัง่ ฝ่ ามือทั้งสอง
เปลี่ยนเป็ นสี สนั ของเหล็กกล้าอย่างน่าตกใจ มันผลักฝ่ ามือทั้งสอง
ออกพร้อมกู่คาํ รามกึกก้อง
“จิ๊...จิ๊...” บุรุษหนุ่มเปล่งเสี ยงอุทานด้วยความเหยียดหยาม
เมื่อเผชิญท่าโจมตีจากเถี่ยรุ่ ยเต๋ อ มันไม่กา้ วถอยหลังแม้เพียงครึ่ ง
ก้าว บุรุษหนุ่มเพียงตวัดพัดในมือ ทิ่มแทง และกวาดออกคราหนึ่ง
เปรี้ ยง! เปรี้ ยง! ฉัวะ!!
ฝ่ ามือเหล็กของเถี่ยรุ่ ยเต๋ อที่บรรลุถึงขั้นกลางของระดับยุทธ์
ชั้นปราณฟ้ากลับอันตรธานหายไปโดยไร้ร่องรอย ราวกับตุก๊ ตา
ดินปั้นที่จมลงสู่ ทอ้ งทะเล ที่คอหอยของมันกลับปรากฏรู โลหิ ต
เพิ่มขึ้นมาหนึ่งรู ผูอ้ าวุโสอีกสองคนที่ดา้ นข้างล้วนปรากฏรอย
บาดยาวพาดผ่านคอหอยเช่นกัน...รอยปาดอันน่ากลัวแทบตัดขาด
ลําคอของทั้งสองออกจากลําตัว
“เจ้า...เจ้า...”
ดวงตาทั้งสองของเถี่ยรุ่ ยเต๋ อเบิกกว้างราวได้เห็นสิ่ งที่น่า
หวาดหวัน่ พรั่นพรึ งที่สุดในชีวติ ก่อนจะร่ วงลงไปนอนตาเบิกค้าง
พร้อมทั้งผูอ้ าวุโสอีกสองคนที่ดา้ นหลัง...ผูค้ นทั้งสี่ มิอาจส่ งเสี ยง
ใดๆ ไปตลอดกาล
เพียงระยะสองอึดใจ สมาชิกที่มีพลังฝี มือสู งส่ งที่สุดใน
พรรคฝ่ ามือเหล็ก ยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณฟ้าทั้งสี่ ต่างตกตายภายใต้
เงื้อมมือของบุรุษหนุ่มผูห้ นึ่ง รวดเร็ วจนผูอ้ าวุโสทั้งสองยังไม่ทนั
บังเกิดปฏิกิริยาใด ทั้งมิทราบพวกมันตกตายด้วยการลงมือแบบใด
ด้วยซํ้า
“ช่างอ่อนแอจริ ง อ่อนแอจนไม่อาจทานรับได้แค่เพียง
กระบวนท่าเดียว” บุรุษหนุ่มเก็บพัดหยกที่ปราศจากแม้รอยโลหิ ต
ใดเปรอะเปื้ อนลงไป
ชายชราชุดดําก้าวออกมาเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง ยืน่ มืออกทําท่า
คว้าจับไปในอากาศ แหวนมิติบนซากศพทั้งสี่ ต่างราวกับถูกดึงดูด
เข้ามาในฝ่ ามือของมัน ชายชราค้นหาเทียบเชิญก่อนจะโยนแหวน
มิติท้ งั สี่ วงทิ้งไปอย่างไม่แยแสโดยไม่เสี ยเวลาดูสิ่งของที่อยู่
ภายใน...สําหรับกับพรรคระดับนี้ แม้จะเป็ นสมบัติล้ าํ ค่าของพวก
มัน ในสายตาชายชราเพียงนับเป็ นขยะทัว่ ไปเท่านั้น
หลังเปิ ดเทียบเชิญออก นิ้วของชายชราปัดผ่านเทียบเทียบ
เชิญก่อนที่รายนามเดิมจะสลายหายไป เมื่อมันสะบัดนิ้วอีกครา
มันใช้พลังยุทธ์ของตนสลักนามใหม่ลงบนเทียบเชิญนั้น ก่อนจะ
ส่ งต่อให้กบั บุรุษหนุ่ม
“ดีมาก” บุรุษหนุ่มกล่าวคําก่อนจะหัวเราะอย่างสมใจ “ใน
ฐานะบุคคลที่มาจากชนชาติอนั เปี่ ยมความศิวไิ ลซ์ ข้าย่อมรู ้จกั
วิธีการอันเหมาะสมในฐานะแขกเหรื่ อ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไปเถอะ ให้เราได้ดูวา่ หยุนเช่อเป็ นตัวสวะเช่นไรกันแน่”
————————————————
วันนี้สมควรเรี ยกได้วา่ เป็ นวันที่คึกคักครึ กครื้ นที่สุดในนคร
หลวงวายุครามในรอบหลายร้อยปี
นครหลวงอันใหญ่โตคลาคลํ่าไปด้วยฝูงชนจากทัว่ สารทิศ
ทุกโรงเตี๊ยมและโรงแรมที่พกั ไม่วา่ ใหญ่หรื อเล็ก ต่างถูกจับจอง
ห้องพักจนหมดสิ้ นไปตั้งแต่หลายวันก่อน แม้ราคาห้องพักจะถูก
เพิ่มสู งขึ้นมากกว่าสิ บเท่า ผุค้ นยังคงยื้อแย่งกันเข้าจับจองอย่างบ้า
คลัง่ บนถนนสายรอบข้างพระราชวัง ไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนแทบไม่อาจ
หมุนกายได้จากความแออัดยัดเยียด
ทัว่ ทั้งนครหลวงถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและป้าย
สี สนั สดใสสุ ดสายตา บรรยากาศอบอวลไปด้วยความชื่นชมยินดี
พรมสี แดงและโคมไฟมงคลถูกวางไว้ทว่ั ทุกที่ รถบรรทุก
ของขวัญแต่งงานที่ถูกตกแต่งงดงามอย่างที่สุดไหลเรื่ อยไม่ขาด
สาย กอปรเป็ นภาพทิวทัศน์อนั น่าตกตะลึง ภายในพระราชวัง
หลวง ริ้ วธงประดับโบกสะบัดไปในอากาศ มวลหมู่บุปผาเบ่ง
บานสะพรั่ง...นี่นบั เป็ นพิธีมงคลสมรสขององค์หญิงที่แสน
หรู หรายิง่ ใหญ่อย่างที่สุด ท่ามกลางประวัติศาสตร์นบั พันปี ที่ผา่ น
มาของอาณาจักรวายุคราม ไม่เคยมีงานอภิเษกขององค์หญิงใดที่
ยิง่ ใหญ่ถึงเพียงนี้มาก่อน ยิง่ กว่านั้น องค์หญิงพระองค์น้ ีดูไปไม่
คล้ายกําลังแต่งออกเลยแม้แต่นอ้ ย...เมื่อพระราชวังหลวงถูกเลือก
เป็ นสถานที่จดั งาน ไม่วา่ มองอย่างไร ล้วนคล้ายดัง่ เป็ นอีกฝ่ ายที่
กําลังแต่งเข้า!
ชางว่านเฮ่อแทบทําให้งานมงคลใหญ่ของราชวงศ์กลายเป็ น
งานมงคลใหญ่ของอาณาจักร มันปรารถนาอย่างยิง่ ยวดให้ทุก
ผูค้ นในใต้หล้ารับทราบว่าบุตรี ของมันกําลังจะแต่งงานกับหยุ
นเช่อ ผูค้ นที่ผา่ นเข้ามาในนครหลวงวายุครามในขณะนี้ ไม่มีผใู ้ ด
ไม่พบเห็นมนุษย์จาํ นวนมหาศาลหลัง่ ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย
อย่างน่าอัศจรรย์ แม้วา่ ทั้งหมดล้วนเป็ นเจ้าสํานักที่มีประสบการณ์
อยูบ่ า้ ง ยังต้องอดตื่นตะลึงมิได้
“สวรรค์...นี่มิใช่เกินเลยไปหน่อยรึ ” ทันทีที่หลิงเจี่ยเร่ งรี บ
มาเข้าร่ วมงานพิธีลอยอยูเ่ หนือนครหลวงวายุคราม เด็กหนุ่มตก
ตะลึงชัว่ ครู่ ก่อนจะครํ่าครวญอยูใ่ นใจ
เจ้าเมืองทุกแห่งหน ทั้งเมืองใหญ่และเมืองเล็ก ทั้งหมดต่าง
รวมตัวกันในพระราชวังโดยไม่ขาดตกไปแม้แต่คนเดียว เหล่าชน
ชั้นผุน้ าํ ของพรรคต่างๆ ล้วนเดินทางเข้าสู่ นครหลวงเป็ นจํานวน
มาก ไม่มีผใู ้ ดที่ได้รับเทียบเชิญที่ไม่มาร่ วมงาน ทั้งยังรวมไปถึงผู ้
ที่มาร่ วมงานโดยไม่มีบตั รเชิญอีกมากหลาย หากมีเพียงองค์หญิง
ที่แต่งงาน ฉากเหตุการณ์เช่นนี้ยอ่ มไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ทว่าหยุน
เช่อ...นับเป็ นว่าที่อนั ดับหนึ่งของวายุครามในอนาคต ไม่วา่ ผูใ้ ด
ล้วนต้องการเข้าร่ วมแม้จะต้องทําตัวต้อยตํ่าเพียงใดก็ตาม
เก้านาฬิกาตรง ทั้งหมดเริ่ มต้อนรับแขกเหรื่ อ หากมีผใู ้ ดมา
เข้าร่ วมงานโดยไม่มีเทียบเชิญ พระราชวังหลวงล้วนต้อนรับ
ทั้งสิ้ น เพียงแต่ที่นง่ั ที่ถูกจัดไว้ในพระราชวังอาจมิได้หรู หราและ
ห่างไกลออกไปบ้าง
“เจ้าเมืองวายุฉุยฉาย หม่าเตงหยู พร้อมภรรยา!”
“แม่ทพั ทุ่งประจิมหลี่เหลียนเฉิง!”
“นายน้อยหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ หลิงหยุนและหลิงเจี่ย!!”
“เจ้าสํานักเหนือชั้นขั้นสุ ด อาจารย์ตู่ชางหรัน ท่านหัวหน้าผู ้
อาวุโสตู่หยุนเทียน และนายน้อยตู่จื่อเถิง!”
“เจ้าเมืองเหนือฟ้า โอวหยางป๋ อและภรรยา”
“ผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยว เซี่ยวเจวีย๋ เทียน ท่านหัวหน้าผู ้
อาวุโสเซี่ ยวป๋ อหยุน หัวหน้าหอโอสถพรรตระกูลเซี่ยว เซี่ยวอู่จ้ ี”
รายนามที่ยงิ่ มายิง่ น่าหวาดผวาส่ งผลให้สุม้ เสี ยงของ
พนักงานพิธีการสัน่ สะท้านขึ้นเรื่ อยๆ เหงื่อเย็นเยียบไหลอาบ
หน้าผาก มันมีชีวติ อยูม่ าเนิ่นนานปานนี้ เหล่าผูย้ ง่ิ ใหญ่ท้ งั หลายที่
มันเคยพบพาน แม้จะนับรวมตลอดชีวติ ของมัน ยังไม่เท่ากับที่มนั
พบเจอในวันนี้เพียงวันเดียว เหล่าผูค้ นที่หยุนเช่อและราชวงศ์เชื้อ
เชิญต่างเป็ นผูย้ งิ่ ใหญ่หรื อผูท้ รงอิทธิพลในแว่นแคว้นหนึ่ง
กระทัง่ เหล่าเจ้าเมืองยังต้องนัง่ เพียงตําหนักข้าง เหล่าผูม้ ีอิทธิพลที่
พบตัวได้ยากยิง่ รวมทั้งตระกูลที่พอมีชื่อเสี ยง จําต้องนัง่ อยู่
ภายนอกตําหนักพิธี หากพวกมันต่างปราศจากสี หน้าไม่พึงพอใจ
...เนื่องเพราะหากเปรี ยบเทียบตัวมันกับเหล่ารายนามยิง่ ใหญ่ที่ถูก
ขานชื่อทั้งหลาย ชื่อเสี ยงอิทธิพลเล็กจ้อยของพวกมันล้วน
ปราศจากความหมายใด
“ท่ านหญิงน้ อยแห่ งแดนศักดิ์สิทธิ์ เมฆาเยือกแข็งเซี่ยฉิ งเยว่
นางเซียนกระจกเยือกแข็งฉู่ เยว่ หลี”่
ในห้องโถงใหญ่ หยุนเช่อจดจ่อคอยฟังเสี ยงขานของ
พนักงานพิธีการทุกนาม เมื่อได้ฟังนามเซี่ยฉิ งเยว่ ภายในใจของ
ชายหนุ่มพลุ่งพล่านปั่นป่ วน สายตาเลื่อนมองไปยังทางเข้า
ตําหนักในทันที
บทที่ 366 องค์ ชายเทพหงสา

จากทิศทางของประตูทางเข้าตําหนักพิธี เงาร่ างงดงามราว


เทพธิดาก้าวเดินเข้ามาอย่างชดช้อย บุคลิกลักษณะราวจันทราสุ ก
สกาวกลางเวหาที่โผล่พน้ เงาเมฆ สาดประกายระยิบระยับแก่
สรรพสิ่ ง ส่ งผลให้โถงพิธีอนั ครึ กครื้ นพลันเงียบสงัดลงในทันที
สายตาทุกผู ้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เหล่าบุรุษหนุ่มทั้งหลายต่างจับจ้อง
รวมตัวที่ร่างของหญิงสาว สายตาทุกคู่ลว้ นจับจ้องแน่วนิ่งขณะลม
หายใจแทบขาดห้วง หัวใจของพวกมันแทบหยุดเต้น ทว่าฉับพลัน
ทันใด ทั้งหมดพลันรําลึกขึ้นมาได้วา่ นางเป็ นภรรยาของหยุนเช่อ
ต่างพากันลดศีรษะลง ไม่กล้าจ้องมองหญิงสาวอีกต่อไป
หยุนเช่อเร่ งสื บเท้าเข้าต้อนรับ ชายหนุ่มกล่าวว่า “ฉิงเยว่
มาแล้วหรื อ...สองเดือนก่อน เหตุใดท่านจากไปโดยไม่ร่ าํ ลา?”
เซี่ ยฉิ งเยว่กล่าววาจาเสี ยงแผ่วเบานุ่มนวลราวเส้นไหม
“คุณชายหยุนได้สติกลับมาเมื่อครานั้น ทั้งอาการบาดเจ็บล้วน
ทุเลาหายดี ขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยิอกแข็งพลันปรากฏเรื่ อง
รี บด่วน ดังนั้นจึงจากไปโดยไม่ร่ าํ ลา ขอคุณชายโปรดอย่าถือสา
วันนี้ ฉิงเยว่เป็ นตัวแทนแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเพื่อมาแสดง
ความยินดีต่องานมงคลใหญ่ของคุณชายหยุน”
หยุนเช่อย่อมไม่มีทางเชื่อคําพูดของเซี่ยฉิ งเยว่ ชายหนุ่ม
สาวเท้าเข้าใกล้อีกหนึ่งก้าว ก่อนจะลดเสี ยงลงกล่าวว่า “ใช่เป็ น
เพราะวันนั้น ท่าน...ได้ยนิ เรื่ องที่ขา้ จะแต่งงานกับศิษย์พี่หญิง จึง
บังเกิดความหึ งหวงหรื อไม่?”
“แค่ก...” ฉู่เยว่หลี่กา้ วเท้าเข้าประกบด้านข้างเซี่ยฉิ งเยว่ก่อน
จะกล่าววาจาด้วยสุ ม้ เสี ยงเย็นเยียบเสี ยดกระดูก “ความแข็งแกร่ ง
ของคุณชายหยุนสามารถเทียบเคียงยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณ
จักรพรรดิข้นั กลางได้ดว้ ยวัยเพียงสิ บเก้าปี อนาคตอันสดใสของ
ท่านย่อมไร้ขีดขั้นจํากัด เราศิษย์อาจารย์มายังที่น้ ีเพือ่ แสดงความ
ยินดีต่องานมงคลของท่านโดยเฉพาะ...เซี่ยฉิ งเยว่ ไปยังที่นงั่ ของ
เราเถอะ”
เมื่อกล่าวจบ ฉู่เยว่หลี่มิได้แยแสสนใจอันใดต่อหยุนเช่อ
หญิงสาวฉุดลากเซี่ยฉิ งเยว่ออกไป สายตาของนางแฝงความรู ้สึก
ไม่พอใจต่อตัวชายหนุ่มอยูบ่ า้ ง
สาเหตุลว้ นเรี ยบง่ายอย่างยิง่ พีส่ าวของนางยังไม่ทราบอยูท่ ี่
ใด หากหยุนเช่อกลับจัดพิธีแต่งงาน ศิษย์สตรี ของนางเป็ นภรรยา
หลวงของมันเช่นกัน ก่อนหน้านี้นางเองไม่ตอ้ งการยอมรับเรื่ องนี้
เท่าใด หากยามนี้ลว้ นไม่อาจเทียบเปรี ยบกับในอดีตได้ หยุนเช่อ
กําลังจะตบแต่งชางเยว่ ในฐานะอาจารย์ของเซี่ยฉิงเยว่ แน่นอน
ภายในใจของนางย่อมต้องไม่พึงพอใจไม่มากก็นอ้ ย...เนื่องเพราะ
ความรู ้สึกแปลกประหลาดบางประการที่เซี่ยฉิ งเยว่เคยแสดง
ออกมาให้นางรับรู ้ในบางครา แม้ไม่กระจ่างชัด หากนางยัง
สามารถรับรู ้ได้อย่างชัดเจน
หยุนเช่อก้าวเท้าไปยังเบื้องหน้าของโถงพิธี ในพริ บตานั้น
ฝูงชนหลัง่ ไหลเข้าต้อนรับชายหนุ่มในทันที
“พี่หยุน น้องหญิงสามารถได้ท่านเป็ นสามี เราผูพ้ ชี่ ่างยินดี
ยิง่ จากนี้ไป พวกเรานับเป็ นครอบครัวเดียวกัน...โอ้ ไม่ จากนี้
ปั ญหาของน้องเขย นับเป็ นปัญหาของเราผูพ้ ี่เช่นกัน หากน้องเขย
ต้องการให้เราช่วยเหลือสิ่ งใด เพียงกล่าวออกมาได้โดยไม่ตอ้ ง
ลังเล”
องค์รัชทายาทชางหลินกล่าวพร้อมก้าวเท้ามาเบื้องหน้า
อย่างรวดเร็ ว แม้มนั มีท่าทีโอ่อ่าผ่าเผย และสุ ภาพ ทั้งยังแสดงออก
ถึงความตื่นเต้นยินดี หยุนเช่อยังคงสามารถมองเห็นความกระอัก
กระอ่วน ความครั่นคร้าม และความกลัวเกรงที่มนั พยายามสะกด
ข่มไว้อย่างสุ ดความสามารถเพียงสบตามันแค่แวบเดียวเท่านั้น
“น้องหญิงและน้องเขยนับเป็ นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์บนั ดาล
การที่นอ้ งหญิงสามารถมีที่พกั พิงเช่นนี้ ข้าในฐานะพี่ชายตื่นเต้น
ยินดีอย่างสุ ดแสน กระทัง่ สามารถมอมเหล้าตนเองสามวันสามคืน
ยังไม่นบั ว่าเพียงพอ ฮ่า...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” องค์ชายสามชางซว่อก
ล่าวพลางหัวร่ อแหบแห้ง ทว่ามันมิได้ “เจ้าเล่ห์” เช่นเดียวกับองค์
ชายชางหลิน ตลอดเวลาที่มนั กล่าววาจา กล้ามเนื้อบนใบหน้าสัน่
กระตุกอย่างไม่หยุดยั้ง แสดงออกถึงความหวาดหวัน่ ภายในใจที่
ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้
บุรุษทั้งสองแน่นอนว่าหวาดกลัวต่อหยุนเช่ออย่างถึงที่สุด
พวกมันล้วนไม่มีทางลืมเลือนเรื่ องราวก่อนหน้านี้ ยามนี้ อาการ
ประชวรของชางว่านเฮ่อฟื้ นคืนราวปาฏิหาริ ย ์ ทั้งยังเรี ยกคืน
อํานาจทั้งมวลจนหมดสิ้ น การสมรสระหว่างหยุนเช่อและชางเยว่
ยิง่ เป็ นการหนุนเสริ มอิทธิพลของชางว่านเฮ่อจนสูงส่ งกว่าผูใ้ ดใน
วายุคราม ทุบทําลายความปรารถนาทั้งมวลของพวกมันจนไม่
เหลือชิ้นดี ทั้งสองไม่กล้าเคลื่อนไหวอันใดให้ผดิ สังเกตแม้แต่
น้อย ต่างใช้ชีวติ ผ่านวันคืนไปด้วยความหวาดระแวง ก่อนหน้านี้
องค์ชายทั้งสองอาจเข้าเยีย่ มพบพระบิดาของพวกมันปี ละครั้ง
ทว่าในปัจจุบนั พวกมันต่างเข้าเฝ้าองค์จกั รพรรดิทุกวันไม่มีขาด
ตลอดสองเดือนที่ผา่ นมา
เมื่อพบหน้าหยุนเช่อและหวนคิดถึงการชําระแค้นโดยกําจัด
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูล พวกมันทั้งสองต่างสัน่ เทาตั้งแต่
หัวจรดเท้า
หยุนเช่อแย้มยิม้ เล็กน้อยหากไม่ตอบคํา หลิงเจี่ยสอดแทรก
เข้ามาในยามนี้พร้อมทั้งกล่าววาจาด้วยรอยยิม้ กว้างขวาง “ลูกพี่
ยินดีดว้ ย ยินดีดว้ ย...ฮะฮะ ท่านและพี่หญิงกลับสามารถเข้าพิธี
ร่ วมกันในที่สุด พี่หญิงเป็ นบุคคลที่ขา้ เคยคิดฝันตบแต่งนางมา
เป็ นภรรยา ท่านไม่อาจรังแกนาง รู ้หรื อไม่?”
“ฮ่าฮ่า” หยุนเช่อหัวเราะอย่างซื่อตรง “หากข้ารังแกนาง ข้า
ยินยอมให้เจ้าสับข้าเป็ นร้อยชิ้น...ท่านปู่ ของเจ้าอาการเป็ นเช่นไร
บ้าง?”
หลิงเจี่ยไม่บงั เกิดปฏิกิริยาแม้แต่นอ้ ยเมื่อได้ยนิ ชื่อหลิง
เทียนหนี่ เด็กหนุ่มกล่าววาจาด้วยใบหน้าผ่อนคลาย “แม้อาการ
ของท่านปู่ จะหนักหนา ทว่ามิได้กระทบถึงเส้นชีพจรชีวติ อาการ
บาดเจ็บทั้งหมดล้วนสามารถเยียวยาได้ ยามนี้ลว้ นฟื้ นฟูได้กว่าหก
ในสิ บส่ วนแล้ว นี่นบั ว่าติดค้างนํ้าใจของลูกพี่...ในช่วงเวลาที่ผา่ น
มา ท่านปู่ ส่ งผูค้ นกระจายออกสื บเสาะความเป็ นมาของท่าน
นับว่าทําความรู ้จกั ต่อท่านมากขึ้น ตอนนี้ แม้จะยังมีความแค้นที่
ท่านกําจัดฆ่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูล ทว่าท่านไม่มี
ความคิดสังหารลูกพี่อีกต่อไป ข้าได้ยนิ ท่าปู่ กล่าวออกมาคราหนึ่ง
ว่า ท่านเกือบทําลายอัจฉริ ยะไร้ขอบเขตที่มิได้มีนิสยั เลวร้ายผูห้ นึ่ง
เนื่องเพราะตนเองหุนหันเกินไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หยุนเช่อหัวเราะจากใจ ความชิงชังต่อหลิง
เทียนหนี่สลายหายไปจนแทบหมดสิ้ น อย่างไรเสี ย หลิงเทียนห
นี่มมิใช่คนเลวโดยสันดาน ที่มนั ต้องการฆ่าตนเองเมื่อครานั้น
เนื่องเพราะมีเจตนาต้องการกําจัดมหันตภัยร้ายในอนาคตแก่
อาณาจักรวายุคราม
“น้องหยุน ผูแ้ ซ่เซี่ยวของแสดงความยินดีในวาระมงคล
ใหญ่ งานประลองยุทธวายุครามคราก่อน น้องหยุนสามารถตีโต้
ข้าถอยหลัง ไม่น่าเชื่อว่าเพียงสองปี น้องหยุนกลับสามารถได้ชื่อ
เป็ นผูเ้ ข้มแข็งอันดับหนึ่งแห่งวายุคราม ความสําเร็ จนี้เรี ยกได้วา่
เหนือความเข้าใจของผูค้ น ทั้งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
และสร้างความตื่นตะลึงในแก่ยคุ ปัจจุบนั ทําให้ผคู ้ นต้องร้อง
อุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ” เซี่ยวเจวีย๋ เทียนก้าวเข้ามา ก่อนจะ
กล่าววาจาด้วยนํ้าเสี ยงเรี ยบเรื่ อยมากที่สุดเท่าที่มนั สามารถทําได้
หยุนเช่อปรายตามองมันคราหนึ่งก่อนจะแย้มยิม้ เจือจาง
“ท่านผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยวชมเชยเกินไป หยุนเช่อเพียงเป็ น
ปุถุชนธรรมดา ท่านผูน้ าํ กลับไว้หน้ายินยอมมาอวยพรด้วยตนเอง
ผูเ้ ยาว์ซาบซึ้ งใจยิง่ วันหนึ่ง หยุนเช่อผูน้ ้ ี ย่อมต้องไปเยีย่ มเยียนถึง
ที่...เพื่อแสดงความคารวะท่านด้วยตนเองอย่างแน่นอน”
เมื่อประโยคสุ ดท้ายถูกกล่าวจบ หัวใจของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน
กระตุกอย่างรุ นแรง สี หน้าของเซี่ยวป๋ อหยุนและเซี่ยวอู๋จ้ ีที่
ด้านหลังเองแปรเปลี่ยนกลับกลายเช่นกัน มันไม่อาจแน่ใจได้วา่
คํา “เยีย่ มเยือนด้วยตนเอง” ของหยุนเช่อนั้น เพื่อไปคลี่คลายข้อ
บาดหมาง หรื อต้องการชําระแค้นกันแน่
ด้วยวิธีการล้างแค้นอันเหี้ ยมอํามหิ ต รวมถึงข้ออาฆาตเมื่อ
สามปี ก่อน ทั้งยังบัญชีใหม่ที่ช่วยเหลือตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเล่น
งานหยุนเช่อ...มีความเป็ นไปได้วา่ มันจะไปเพื่อข้อหลังมากกว่า
ในฐานะผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยว แม้แผ่นหลังของเซี่ยวเจวีย๋
เทียนจะชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ ทว่ามันยังมิอาจเผยสี หน้า
ผิดปกติใด เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนฝื นเค้นรอยยิม้ “น้องหยุน ท่านถึงกับจะ
ให้เกียรติไปเยีย่ มเยียนพวกเราด้วยตนเอง เราพรรคตระกูลเซี่ยว
ย่อมต้องนําศิษย์ท้ งั หลายเข้าแถวรอต้อนรับ...พรรคตระกูลเซี่ยว
เราตระหนักถึงคนชัว่ ช้าที่สร้างความเคืองแค้นแก่นอ้ งหยุนก่อน
หน้านี้ พรรคตระกูลเซี่ยวเราแน่นอนว่าน่อมต้องมีคาํ ว่ากล่าวแก่
ท่านเมื่อเวลานั้นมาถึง”
ท่านสามารถกล่าวได้วา่ เซี่ยวเจวีย๋ เทียนยังคงมีความลังเล
อยูบ่ า้ งหลังการล่าล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าของหยุนเช่อ เช่นนั้น
หลังจากที่ชายหนุ่มพิชิตชัยหลิงเทียนหนี่จนบาดเจ็บสาหัส
ความคิดต่อสู ห้ ลัง่ โลหิ ตทั้งหลายมั้งมวลของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนล้วน
อันตรธานไปจนหมดสิ้ น ที่อยูใ่ นหัวของมันมาโดยตลอด คือ
วิธีการบรรเทาความโกรธแค้นของหยุนเช่อ...มันยินดีทาํ ทุกสิ่ ง
แม้วา่ จะต้องจ่ายออกมากมายเพียงใด...เนื่องเพราะไม่วา่ จะต้อง
สู ญเสี ยอย่างมหาศาล หากนัน่ ยังนับว่าดีเลิศกว่าการถูกล่าล้างทั้ง
ตระกูลเช่นตระกูลอัคคีผลาญฟ้านับร้อยเท่าพันเท่า
“ท่านเจ้าเมืองจันทร์เสี้ ยวมู่หรงป๋ อ!!”
“นักพรตภูผาระฆังทองกระบี่เศียรหยกมาถึง!!”
“องค์ชายสิ บสามจักรวรรดิเทพหงสา...”
ลําคอของพนักงานพิธีการคล้ายดัง่ ถูกบางสิ่ งอุดไว้โดย
กะทันหัน สุ ม้ เสี ยงของมันพลันหยุดชะงักลงตรงนั้น คํา
“จักรวรรดิเทพหงสา” ที่มนั กล่าวออกล้วนราวลูกระเบิดเลื่อนลัน่
ที่ขา้ งใบหูผฟู ้ ังทั้งหมด ส่ งผลให้หอ้ งโถงใหญ่อนั คึกคักเงียบสงัด
ลงอย่างถึงที่สุด สายตาของทุกผูค้ นเลื่อนไปยังที่เดียวกันโดยมิได้
นัดหมาย
“จักร..จักรวรรดิเทพหงสา...องค์ชายสิ บสามแห่งจักรวรรดิ
เทพหงสาเฟิ งซี เฉิ นมาถึง!”
อะไรนะ? จักรวรรดิเทพหงสา?..องค์ชายสิ บสาม?
ไม่วา่ ภายในหรื อภายนอกห้องโถง สายตาทุกผุค้ นต่างมุ่งไป
ยังเงาร่ างของบุคคลสามคนที่กา้ วเดินเข้ามายังประตูตาํ หนัก...
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผุท้ ี่ยนื อยูต่ รงกลาง มันดูไปเพียงอายุยสี่ ิ บปี
สวมใส่ ชุดยาวปั กลวดลายกิเลน มือโบกสะบัดพัดหยกขาว
ท่ามกลางสายตาจับจ้องของฝูงชน มันดูไปไม่ได้รับผลกระทบ
แม้แต่นอ้ ย บุรุษหนุ่มยังคงก้าวเยื้องย่างเข้ามาอย่างปลอดโปร่ ง
ราวกับเพียงมีมนั อยูท่ ี่น้ ีเพียงผูเ้ ดียว ชายชุดดําและชุดแดงสองคน
ที่เบื้องหลังก้าวเท้าตามติดมาทุกฝี ก้าว
ชางว่านเฮ่อผูน้ ง่ั อยูต่ าํ แหน่งเก้าอี้ประธานมาตลอดลุกขึ้น
ยืนในทันที สายตาของมันจ้องมองไปยังบุรุษหนุ่มที่กาํ ลังเป็ นเป้า
สายตาของผูค้ นทั้งหมด หยุนเช่อขมวดคิ้วแนบแน่น
ผู้คนจากจักรวรรดิเทพหงสา…
ทั้งเป็ นถึงองค์ ชายของจักรวรรดิอีกด้ วย?!
นี่เป็ นความจริ งหรื อเป็ นเรื่ องเท็จ?
หากเป็ นจริ ง เหตุใดองค์ ชายผู้สูงศักดิ์แห่ งอาณาจักรเทพหง
สาถึงมายังที่นีด้ ้ วยตนเอง?
เมื่อเฟิ งซี เฉิ นมาถึง บรรยากาศทัว่ ทั้งโถงพิธีแปรเปลี่ยน
อย่างชัดเจน เนื่องเพราะคํา “จักรวรรดิเทพหงสา” สร้างผล
สะท้อนใหญ่หลวง แต่เมื่อรวมถึงคําว่า “องค์ชาย” ด้วยแล้ว
ผลกระทบที่เกิดขึ้นล้วนพลุ่งพล่านเป็ นพันเท่า ส่ งผลให้ทุกผูค้ น
ไม่เว้นกระทัง่ เหล่าตัวแทนจากพรรคใหญ่ทรงอิทธิพลทั้งหลาย
ต่างต้องตื่นตะลึง ภายในใจแปรเปลี่ยนเป็ นเย็นเฉียบ
บนทวีปลมปราณฟ้า อาณาจักรเทพหงสาคือหนึ่งในเจ็ด
อาณาจักรที่กินอาณาบริ เวณมากที่สุด พื้นที่ของจักรวรรดิใหญ่โต
กว้างขวางกว่าวายุครามหลายสิ บเท่า ความรุ่ งเรื องและอิทธิพล
อํานาจ ตลอดทั้งความเหี้ ยมหาญของผูค้ นในยุทธภพ เหนือลํ้ากว่า
อาณาจักรวายุครามทั้งสิ้ น การเปรี ยบเปรยอาณาจักรวายุครามและ
อาณาจักรเทพหงสา ล้วนไม่ต่างจากการเปรี ยบเทียบหมู่บา้ นเล็กๆ
กับนครหลวงเลยแม้แต่นอ้ ย
คํารํ่าลือกล่าวว่า พรรคใหญ่ท้ งั สี่ ที่ทรงอิทธิพลสู งสุ ดใน
อาณาจักรวายุคราม เพียงเปรี ยบได้กบั พรรคขนาดกลางใน
จักรวรรดิเทพหงสาเท่านั้น
และที่สาํ คัญที่สุดคือ…
ในอาณาจักรวายุคราม แม้ตาํ แหน่งองค์ชายจะสู งศักดิ์ หาก
เพียงมีความหมายต่อประชาชนธรรมดาทัว่ ไป ในยุทธภพวายุ
คราม ตําแหน่งองค์ชายไม่มีคุณค่าความหมายใด ไม่เพียงเหล่า
พรรคใหญ่ท้ งั สี่ เท่านั้น กระทัง่ พรรคใหญ่อื่นๆ ที่มีความเหี้ ยม
หาญ ล้วนไม่เห็นองค์ชายหรื อราชวงศ์อยูใ่ นสายตา ทั้งราชวงศ์เอง
ยังอาจต้องประจบเอาใจพวกมันในบางคราวด้วยซํ้า
ทว่านี่แตกต่างจากจักรวรรดิเทพหงสาอย่างสิ้ นเชิง!
เนื่องเพราะจักรวรรดิเทพหงสาแข็งแกร่ งที่สุด ทั้งยังเป็ น
พรรคที่เข้มแข็งที่สุดอีกด้วย หากไม่นบั รวมจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั
สี่ ท่ีเป็ นที่ยอมรับโดยทัว่ ไปในทวีปลมปราณฟ้า...พรรคเทพหงสา
เป็ นส่ วนหนึ่งของราชวงศ์เทพหงสา! ตามชื่อเรี ยกขานล้วนฟัง
คล้ายเป็ นพรรคผูพ้ ทิ กั ษ์ราชวงศ์ หากแท้ที่จริ งแล้ว ราชวงศ์เทพ
หงสาเป็ นส่ วนหนึ่งของพรรคเทพหงสา ดังนั้น ราชวงศ์เทพหงสา
ก็คือพรรคเทพหงสา จักรพรรดิทุกพระองค์ของอาณาจักร ล้วนมา
จากประมุขพรรคเทพหงสาทั้งสิ้ น!
ราชวงศ์วายุครามควบคุมอํานาจทางการเมืองสู งสุ ดใน
อาณาจักรวายุคราม
ทว่าราชวงศ์เทพหงสามิเพียงครอบครองอํานาจทางการ
เมืองสูงสุ ดของจักรวรรดิ หากยังมีอาํ นาจควบคุมทัว่ ทั้งจักรวรรดิ
โดยแท้จริ ง ซึ่งนี่นบั เป็ นขุมอํานาจยิง่ ใหญ่ที่สุดในทวีปลมปราณ
ฟ้า
ดังนั้น องค์ชายแห่งจักรวรรดิเทพหงสา และองค์ชายแห่ง
จักรวรรดิวายุคราม ล้วนนับเป็ นตัวตนที่ต่างชั้นกันอย่างสิ้ นเชิง!
หากบุรุษหนุ่มผูน้ ้ ีนบั เป็ นองค์ชายแห่งจักรวรรดิ เช่นนั้น ใน
อาณาจักรเทพหงสา อํานาจของมันเรี ยกได้วา่ สามารถปิ ดบัง
ท้องฟ้าด้วยฝ่ ามือเดียวตามความหมายโดยแท้จริ งที่สุด ตําแหน่ง
ของมัน เพียงรองจากองค์จกั รพรรดิและรัชทายาทแห่งเทพหงสา
เพียงเท่านั้น
ตัวตนอันพิเศษจําเพาะถึงเพียงนี้ ไม่สมควรปรากฏขึ้นใน
ที่น้ ีได้ หากกลับมาถึงโดยกะทันหัน แน่นอนย่อมต้องสร้างคลื่น
ความระแวงสงสัยภายในใจผูค้ นจนท่วมท้น
เฟิ งซี เฉิ นก้าวเท้าไปเบื้องหน้า หยุดยืนอยูก่ ่ ึงกลางห้องโถง
มันคารวะชางว่านเฮ่อเล็กน้อย ก่อนจะกล่าววาจาพลางแย้มยิม้ เจือ
จาง “ผูเ้ ยาว์เฟิ งซีเฉินจากพรรคเทพหงสา คารวะจักรพรรดิวายุ
ครามแห่งจักรวรรดิ การมาเยือนโดยมิได้แจ้งล่วงหน้าในครั้งนี้
หวังว่าองค์จกั รพรรดิวายุครามเป็ นผูใ้ หญ่ใจกว้าง ขอโปรดอย่าได้
ถือสา”
บทที่ 367 งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า

ชางว่านเฮ่อได้กา้ วมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ใบหน้าของ


พระองค์เต็มไปด้วยความไม่เชื่อถืออันเข้มข้น แม้รัศมีที่แผ่ออกมา
ของบุรุษหนุ่มนั้นจะโดดเด่นไม่ธรรมดาจนสามารถทําให้
จักรพรรดิเช่นมันยังต้องสัน่ สะท้าน หากชางว่านเฮ่อยังคงไม่อาจ
ทําใจเชื่อว่าองค์ชายเทพหงสาจะมาเยือนยังสถานที่น้ ีจริ งๆ มัน
กล่าวถามอย่างลังเลว่า “ท่านคือ…..เจ้าชายแห่งอาณาจักรเทพหง
สาจริ งหรื อ?”
เฟิ งซี เฉิ นหัวเราะอย่างไม่ใส่ ใจ “ข้ามีหยกเทพหงสาเป็ น
เครื่ องพิสูจน์”
ขณะที่ชายหนุ่มพูด เฟิ งซีเฉิ นยืน่ มือขวาของมันออกและ
หยกที่มีรูปคล้ายหงสาสี แดงเลือดเข้มข้นชิ้นหนึ่งปรากฏอยูบ่ นฝ่ า
มือ หยกสี เลือดนี้ปรากฏครั้งเดียว ธาตุไฟที่หนาแน่นรุ นแรงได้
กระจายออกด้านนอกอย่างประหลาดเหมือนเพลิงนรกที่ลุกโหม
ลอยสู่ ทอ้ งนภา เผาไหม้ไปทัว่ ทั้งห้องโถงหลัก สี หน้าของผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ระดับตํ่าบางคนกลายเป็ นสี แดงทันที ร่ างทั้งหมดของพวกมัน
ทั้งหมดรู ้สึกราวกับถูกย่าง
ตอนนี้ ชางว่านเฮ่อไม่มีความสงสัยในอะไรก็ตามอีก แต่ใน
เวลาเดียวกัน ความตกใจได้เพิม่ ขึ้นในใจของมันอย่างรวดเร็ ว ชาง
ว่านเฮ่อได้กา้ วไปข้างหน้าอีกก้าว แม้มนั จะพยายามรักษา
บุคลิกภาพท่าทีของพระจักรพรรดิไว้ ทว่ายังคงสามารถ
สังเกตเห็นสี หน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครี ยดอย่างชัดเจน ชางว่าน
เฮ่อหัวเราะอย่างอ่อนโยน “เราไม่เคยคาดคิดว่ามีแขกที่สูงศักดิ์จาก
อาณาจักรเทพหงสามาเยือนเพื่อส่ งเสริ มสง่าราศีถึงบ้านเรา นี่คือ
ความประหลาดใจที่เหนือความคาดหมายสําหรับพวกเราอย่าง
แท้จริ ง”
เฟิ งซี เฉิ นเก็บหยกเทพหงสา สะบัดเปิ ดพัดหยกและเอ่ย
อย่างไม่เป็ นทางการ “จักรพรรดิวายุครามตรัสหนักเกินไปแล้ว ข้า
ไม่สมควรได้รับยกย่องเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติ ความจริ งข้ามาในวันนี้
โดยไม่ได้รับเชิญ ข้าหวังว่าจักรพรรดิวายุครามอย่าทรงขุ่นเคือง”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า องค์ชายสิ บสาม ท่านกําลังตรัสสิ่ งใด? เมือง
หลวงเทพหงสาอยูห่ ่างจากเมืองหลวงของวายุครามหลายพัน
กิโลเมตร สําหรับองค์ชายที่สิบสามได้เดินทางทั้งบนบกและทาง
นํ้ามาไกลนี้ สมควรพูดได้วา่ ราชวงศ์วายุครามได้รับเกียรติในการ
ปรากฏตัวของพระองค์ เราไม่สามารถรอต้อนรับพระองค์อย่าง
สมเกียรติ ดังนั้นเราจะต่อว่าท่านได้อย่างไร…..ทหาร เร็ ว เตรี ยมที่
นัง่ สําหรับแขกผูม้ ีเกียรติจากอาณาจักรเทพหงสาของเรา”
“ไม่ตอ้ ง”เฟิ งซีเฉิ นโบกมือและหัวเราะเบาๆ “ผูเ้ ยาว์ได้มาถึง
จักรวรรดิอนั สู งศักดิ์ของท่านเนื่องเพราะมีเรื่ องราวสําคัญ ที่กลับ
ประจวบเหมาะพอดีกบั งานสมรสของพระธิดาของพระองค์
ดังนั้น ผูเ้ ยาว์ไม่กล้าถ่วงเวลาอีกต่อไป ...ผูเ้ ยาว์ใครขอถามว่าองค์
จักรพรรดิท่านสามารถคาดเดาได้หรื อไม่วา่ เรื่ องที่เรามาในวันนี้
คือเรื่ องใด?”
ตามความจริ งแล้ว แขกเหรื่ อเอ่ยปากถามผูค้ รองนครถึง
วัตถุประสงค์ในการมาของมันเองอย่างไร้แบบแผนเช่นนี้นบั ว่า
เป็ นการไม่เคารพอยูบ่ า้ ง การกระทํานี้ของมันเย่อหยิง่ ยะโสถึงขีด
สุ ด ทว่าไม่มีผใู ้ ดในที่น้ นั แม้แต่คนเดียวที่คิดว่าการกระทําของมัน
เกินเลยเกินไป...เนื่องเพราะมันคือองค์ชายแห่งเทพหงสา...หาก
กล่าวว่าอิทธิพลอํานาจของมันในทวีปลมปราณฟ้านี้เหนือลํ้ายิง่
กว่าพระจักรพรรดิวายุครามไปหลายเท่าตัว ทั้งหมดล้วนไม่เกิน
เลยแม้แต่นอ้ ย! ไม่ตอ้ งกล่าวว่ามันยังนับว่าสุ ภาพมีมารยาทต่อชาง
ว่านเฮ่ออยูบ่ า้ ง ต่อให้มนั วางตัวยิง่ ใหญ่ไพศาลพร้อมทั้งกล่าววาจา
ราวอันธพาล ชางว่านเฮ่อยังคงไม่กล้าปะทะกับมัน ทุกผูค้ นในที่น้ ี
ต่างไม่มีผใู ้ ดกล้าต่อต้านหรื อรู ้สึกคับแค้นอันใดทั้งสิ้ น
ชางว่านเฮ่อครุ่ นคิดชัว่ ครู่ ก่อนถามว่า “อาจบางที...เป็ นเรื่ อง
การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้ากระมัง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เฟิ งซีเฉิ นหัวร่ ออย่างเต็มปอด “อีกไม่ถึงครึ่ งปี
จะถึงงานเปิ ดการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าในรอบ
ยีส่ ิ บห้าปี ทว่าอาณาจักรต่างๆ กับเริ่ มทวงถามมายังข้าล่วงหน้า
กว่าสามปี เพื่อให้ตระเตรี ยมงานประลอง มีเพียงอาณาจักรของ
ท่านที่รักษาความเงียบสงบและนิ่งเฉยตลอดมา เดิมทีขา้ คาดว่า
ท่านอาจลืมเลือนกําหนดการนี้ไปแล้ว”
หลังจากที่เฟิ งซีเฉิ นก้าวเข้ามาในห้องโถงและเปิ ดเผยตัว
แม้วา่ คํากล่าวของมันจะโอหัง ทว่าวิธีการพูดจายังคงให้เกียรติอยู่
บ้าง แต่ทนั ทีที่มนั กล่าวคําพูดนี้ออกมา หากท่านมิใช่ตวั โง่งม
ท่านย่อมต้องฟังออกถึงความเหยียดหยามที่แอบแฝงอยูใ่ นคําพูด
เหล่านั้นอย่างชัดเจน ผูฝ้ ึ กยุทธ์บางคนในที่น้ นั ต่างบังเกิดความ
โกรธแค้นอยูภ่ ายในใจ หากส่ วนใหญ่กลับรู ้สึกสิ้ นหวังและอับ
อายอย่างสิ้ นเชิง...เนื่องเพราะในงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้าที่ผา่ นมา อาณาจักรวายุครามล้วนต้องถูกดูหมิ่น
เหยียดหยามทุกครั้งครา ทั้งยังถูกยํา่ ยีอย่างไร้ปรานี สร้างความ
อัปยศอดสู และเสื่ อมเสี ยหน้าจากอาณาจักรทั้งหกมาโดยตลอด
การเข้าร่ วมงานประลองของอาณาจักรต่างๆ ล้วนมุ่งหวัง
สําแดงความเข้มแข็ง ให้อาณาจักรอื่นๆ รับรู ้ศกั ดาของพวกมัน
แต่ราวกับว่าจักรวรรดิวายุครามล้วนเข้าร่ วมงานประลอง
ยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้านี้ เพียงเพือ่ ไปให้ผคู ้ นเหยียบยํา่
เท่านั้น ในประวัติศาสตร์พนั ปี ที่ผา่ นมา จักรพรรดิวายุคราม
คัดเลือกยอดยุทธที่เข้าร่ วมประลองยุทธวายุครามไปเป็ นตัวแทน
หากไม่วา่ เข้าร่ วมประมือกับอาณาจักรใด ล้วนแล้วแต่ตอ้ งพ่ายแพ้
อย่างย่อยยับ ในทุกงานประลองยุทธลมปราณฟ้า พวกมันล้วน
ต้องเป็ นตัวตลกที่ตอ้ งรับความเจ็บปวดทุกครั้งครา ต่างต้องแพ้
พ่ายและถูกหยามอัปยศตลอดมา
วาจาและเสี ยงหัวเราะอย่างสุ ดจิตสุ ดใจอย่างเต็มที่ของเฟิ งซี
เฉิ นแสดงออกถึงความหมิ่นแคลนและดูถูกต่อยุทธภพวายุคราม
อย่างรุ นแรง
สี หน้าของชางว่านเฮ่อแปรเปลี่ยนไป ก่อนจะกลับคืนสู่
ความสงบนิ่งอย่างรวดเร็ วพร้อมทั้งหัวเราะอย่างปลอดโปร่ ง “เรา
ย่อมไม่มีทางลืมเลือนงานประลองยุทธอันยิง่ ใหญ่ที่เพียงจัดขึ้น
ทุกยีส่ ิ บห้าปี ในทวีปลมปราณฟ้าได้ เพียงแต่ช่วงปี ที่ผา่ นมาเรา
ต้องนอนพักฟื้ นอยูบ่ นแท่นบรรทมมาตลอด ดังนั้นจึงไม่มีจิตใจ
สนใจเรื่ องราวอื่นใด องค์ชายสิ บสามใช่มาที่นี่เพือ่ นําส่ งเทียบเชิญ
งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าหรื อไม่?”
“มิผดิ ” เฟิ งซีเฉิ นผงกศีรษะรับ จากนั้น เทียบเชิญสี ทอง
ประทับตราวิหคเพลิงสี แดงฉานปรากฏขึ้นระหว่างร่ องนิ้วของมัน
“ห้าเดือนนับจากนี้ งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าจะ
ถูกจัดขึ้น ณ จักรวรรดิเทพหงสา ในเมื่อนี่คือ “งานประลองยุทธ
เจ็ดจักรวรรดิ” ดังนั้น วายุครามเองสมควรไปร่ วมเช่นกัน พรรค
เทพหงสาของเราจะรอต้อนรับเหล่ายอดยุทธ์แห่งลมปราณฟ้าตาม
เวลานัดหมายที่เมืองวิหคเทวะ งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้าล้วนถูกจัดขึ้นเพื่อพิสูจน์ฝีมือและแสดงพลังความ
เข้มแข็งของแต่ละอาณาจักร มีกฏการประลองบัญญัติไว้ เชื่อว่า
อาณาจักรวายุครามเองล้วนตระหนักในข้อนี้เป็ นอย่างดีแล้ว
เช่นนั้น ผูน้ อ้ ยไม่ขอกล่าววาจามากความ ทว่า งานประลองยุทธ
เจ็ดจักรวรรดิในครานี้ลว้ นแตกต่างจากครั้งก่อนหน้า องค์
จักรพรรดิวายุครามใช่เคยได้ยนิ คําว่า “นาวาปราณบรรพกาล”มา
หรื อไม่?”
“นาวาปราณบรรพกาล?” ชางว่านเฮ่อนิ่งอึ้งไปครู่ หนึ่ง
จากนั้น สี หน้าแตกตื่นตะลึงลานพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า สุ ม้
เสี ยงกล่าววาจาล้วนหายไปสิ้ น “หรื อว่า..นาวาปราณบรรพกาล
กลับมาปรากฏในอาณาจักรเทพหงสาอีกครางั้นรึ ?”
เมื่อคํา “นาวาปราณบรรพกาล” ถูกเปล่งออก ผูค้ นส่ วน
ใหญ่ในห้องโถงใหญ่ลว้ นมีสีหน้าจับต้นชนปลายไม่ถูก หยุนเช่
อเช่อเองแสดงสี หน้างุนงงสงสัยเช่นกัน ทว่าหลิงเจี่ย ฉู่เยว่หลี่
รวมทั้งเซี่ ยวเจวีย๋ เทียนและพรรคพวกต่างสี หน้าแปรเปลี่ยนกลับ
กลายอย่างใหญ่หลวง
“นาวาปราณบรรพกาลกลับมาปรากฏอีกครั้งจริ งๆ งั้นรึ ?”
หลิงเจี่ยพึมพํา
หลิงหยุนขมวดคิ้วนิ่วหน้าพร้อมทั้งกล่าววาจาแผ่วเบา “ใน
ประวัติศาสตร์ที่ผา่ นมา นาวาปราณบรรพกาลจะปรากฏขึ้นทุก
สามร้อยปี จากที่มีบนั ทึกไว้ เมื่อหักลบกับระยะเวลาที่ปรากฏขึ้น
ในครั้งก่อนหน้า นับว่าประมาณสามร้อยปี พอดี...ดูท่าทวีป
ลมปราณฟ้าต้องกลับสู่ ความโกลาหลอีกครั้ง...เพียงแต่ ทั้งหมดนี้
ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับวายุครามแต่อย่างใด ในระยะเวลาที่ผา่ นมา ผู ้
ฝึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุคราม ไม่เคยมีผใู ้ ดมีโอกาสเฉี ยดกราย
นาวาปราณบรรพกาลมาก่อน”
“ถูกต้อง!” เฟิ งซีเฉินกล่าวหนักแน่น “ครึ่ งเดือนก่อน นาวา
ปราณบรรพกาลปรากฏขึ้นเหนือนครวิหคเทวะของข้า จากบันทึก
ที่เคยมีปรากฏเรื่ องนาวาปราณบรรพกาล หลังจากมันเผยตัวตน
ออกมาครึ่ งปี ประตูสู่นาวาจะเปิ ดออก หลังจากการคํานวณอย่าง
ละเอียด กลับตรงกับวันตัดสิ นผลการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ
พอดิบพอดี คํารํ่าลือกล่าวว่า นาวาปราณบรรพกาลบรรจุไว้ดว้ ย
สมบัติสวรรค์และความลี้ลบั อันน่าตกตะลึง แต่การเปิ ดออกของ
ประตูนาวาไม่เพียงมีระยะเวลาแสนสั้น หากยังจํากัดจํานวนยอด
ยุทธ์ที่สามารถเข้าไปได้อีกด้วย มีเพียงผูเ้ ข้มแข็งจึงได้รับสิ ทธิ์เข้า
สํารวจนาวาปราณบรรพกาลตามลําดับ ในเวลานั้น อาณาจักรที่
ได้รับสามอันดับแรกจากงานประลองยุทธจะได้รับอภิสิทธิ์น้ ี ข้า
เชื่อว่าพระจักรพรรดิวายุคราม รวมทั้งเหล่าอาณาจักรสู งส่ งที่
เปี่ ยมผูเ้ ยีย่ มยุทธ์ยอ่ มต้องมีความสนใจอย่างยิง่ ยวดต่อนาวาปราณ
บรรพกาลอย่างแน่นอน”
ความลี้ลบั ซับซ้อนของนาวาปราณบรรพกาลนั้นไร้ที่เปรี ยบ
หากท่านเคยได้ฟังตํานานกล่าวขาน ท่านย่อมต้องปรารถนาใฝ่ ฝัน
ถึงมันอย่างยิง่ ยวด หากจักรพรรดิชางว่านเฮ่อตระหนักถึงศักยภาพ
ของอาณาจักรวายุครามดี ดังนั้น มันย่อมไม่อาจตั้งความหวังสู ง
เกินไป
เนื่องเพราะมันไม่เคยตั้งความหวังสู งส่ งเกินไป มันแน่นอน
ย่อมมิได้ตื่นเต้นจนลืมตน ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะรับก่อนกล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว นี่นบั เป็ นข่าวอันน่าตื่นตระหนกอย่างแท้จริ ง ด้วยศักดิ์
ฐานะขององค์ชายสิ บสาม เราคาดไม่ถึงว่าพระองค์จะมายังที่น้ ี
ด้วยตนเองเพือ่ นําส่งเทียบเชิญในครั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่ องที่วา่ มา
จักรวรรดิของท่านวุน่ วายกังวลเป็ นอย่างยิง่ กระมัง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หวัง
ไห่ เหตุใดยังไม่ไปรับเทียบเชิญอีก?”
นี่เดิมทีเป็ นงานแต่งงานของหยุนเช่อและองค์หญิงชางเยว่
หยุนเช่อผูม้ ีนามกระเดื่องเลื่องลือทัว่ ทั้งแดนวายุคราม หมายความ
ว่ามันคือตัวเอกของงานนี้ ทว่าการปรากฏตัวของเฟิ งซีเฉิ นดึงดูด
ความสนใจของผูค้ นไปจนหมดสิ้ น ทั้งหมดลืมเลือนว่าวันนี้คือ
วันมงคลของชายหนุ่มโดยสิ้ นเชิง..เนื่องเพราะสถานะของเฟิ งซี
เฉิ นในฐานะองค์ชายแห่งจักรวรรดิเทพหงสาน่าแตกตื่น
จนเกินไป กลับช่วงชิงแสงรัศมีไปจากหยุนเช่อจนหมดสิ้ น
เฟิ งซี เฉิ นส่ งมอบเทียบเชิญ มุมปากของมันยกขึ้นแอบแฝง
ริ้ วรอยของความเหยียดหยามดูแคลน ทั้งยังแฝงไว้ดว้ ยความรื่ น
เริ งบันเทิงใจยิง่ สองตาหรี่ เล็กเลื่อนมาจับจ้องยังหยุนเช่อ
“จักรพรรดิวายุครามท่านดูเหมือนจะเข้าพระทัยผิดไป สาเหตุของ
งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิที่ถูกจัดขึ้นเพียงเป็ นเรื่ องรองที่ขา้
มาที่นี่ สาเหตุสาํ คัญที่ขา้ มาด้วยตนเอง...กลับเป็ นเขยขวัญคนใหม่
ของอาณาจักรวายุคราม...หยุนเช่อ”
“บนร่ างของมัน ตราไว้ดว้ ยเรื่ องคอขาดบาดตายของ
สายโลหิ ตเทพหงสาของข้า!!”
บทที่ 368 เงื้อกระบี่ง้างเกาทัณฑ์

ขณะที่คาํ พูดของเฟิ งซีเฉิ นเอ่ยออกมา บรรยากาศในห้อง


โถงใหญ่โตเย็นยะเยือก สายตาเคร่ งเครี ยดมองไปที่หยุนเช่อทีละคู่
ทีละคู่
พูดตามความเป็ นจริ ง ไม่มีใครรู ้สึกแปลกประหลาดที่เฟิ งซี
เฉิ นจะเล็งเป้าไปที่หยุนเช่อในทันที เพราะในการจัดลําดับเมื่อ
สองปี ที่แล้ว หยุนเช่อได้เปิ ดเผยเพลิงหงสา มีเพียงผูท้ ี่เกี่ยวพันกับ
พรรคเทพหงสาและผูค้ รอบครองสายเลือดเทพหงสาเพียงเท่านั้น
จึงสามารถใช้พลิงเทพหงสาได้!
สายเลือดของเทพหงสา สถิตย์อยู่ ณ สถานที่ที่จิตวิญญาณ
แห่งพรรคเทพหงสาตั้งอยู่ เป็ นสิ่ งที่พรรคเทพหงสายินยอมสละ
ทุกสิ่ งทุกอย่างโดยไม่ลงั เลเพื่อปกปั กษ์รักษาไว้ พวกมันไม่
ยินยอมให้จิตวิญญาณและสายเลือดนี้หลุดรอดออกไปด้านนอก
เด็ดขาด เพราะฉะนั้น นอกจากหยุนเช่อจะเป็ นศิษย์แท้จริ งของ
พรรคเทพหงสา เมื่อข่าวคราวของหยุนเช่อที่ครอบครองสายเลือด
ของเทพหงสาแพร่ ขจายไป ตระกูลเทพหงสาย่อมต้องมาเคาะ
ประตูของมันในวันหนึ่ง
และวันนี้ ในที่สุดก็มาถึง
และผูท้ ี่มา กลับเป็ นถึงองค์ชายแห่งอาณาจักรเทพหงสา ผูม้ ี
ชื่อเสี ยงระดับนายน้อยแห่งพรรคเทพหงสา! เมื่อเฟิ งซีเฉิ นกําลัง
เผชิญหน้ากับหยุนเช่อ คําพูดของมันตรงเข้าประเด็น มันเอ่ยอ้าง
ถึงคํา “สายเลือด” ในทันที
ดวงหน้าขาวผ่องดุจหิ มะของเซี่ยฉิ งเยว่กลับกลายเป็ น
จริ งจังขึ้นเล็กน้อย คิ้วโก่งดุจคันศรของฉู่เยว่หลี่ขมวดมุ่น สี หน้า
ของชางว่านเฮ่อยิง่ แปรเปลี่ยนไปมา… เรื่ องราวเกี่ยวกับสายโลหิ ต
พรรคเทพหงสา แม้วา่ พระองค์จะเป็ นจักรพรรดิแห่งอาณาจักร
วายุคราม ยังคงไม่มีสิทธิ์ออกพระโอษฐ์แม้แต่นอ้ ย พระองค์ทาํ ได้
เพียงมองไปอย่างหยุนเช่อด้วยสายตากังวลอย่างลึกลํ้า… บัดนี้
พระองค์หวังเพียงให้ ‘สายโลหิตเทพหงสา’ ของชายหนุ่มเป็ น
เพียงเรื่ องเข้าใจผิด เพราะอย่างไรเสี ยแม้ผคู ้ นจะโจษจันกันว่าอัคคี
ที่หยุนเช่อใช้คืออัคคีเทพหงสา แต่หยุนเช่อเองไม่เคยเอ่ยยอมรับ
ดังนั้นมันจึงอาจเป็ นเพียงอัคคีที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น
ทว่าสี หน้าของหยุนเช่อกลับสงบนิ่งเกินบรรยาย ชายหนุ่ม
กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเรี ยบนิ่ง “โอ้? เรื่ องราวสําคัญเกี่ยวกับสายโลหิ ต
ของพรรคเจ้า? เรื่ องนี้ขา้ ไม่เข้าใจ ข้า-หยุนเช่อ เติบโตบนผืนดิน
แห่งอาณาจักรวายุคราม สายโลหิ ตของข้ามาจากบิดามารดาข้า
และตลอดชีวติ ของพวกท่านไม่เคยก้าวย่างออกนอกอาณาจักรวายุ
คราม รวมทั้งไม่เคยเหยียบลงบนจักรวรรดิเทพหงสาเลยแม้แต่
ครึ่ งก้าว แล้วข้าจะมีความเกี่ยวข้องกับสายโลหิ ตเทพหงสาของเจ้า
ได้อย่างไร?”
“เด็กน้อย หยุดเสแสร้งได้แล้ว!” ชายชราชุดดําเบื้องหลังเฟิ ง
ซี เฉิ นก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเข้มงวด
ดุดนั “สายโลหิ ตพรรคเทพหงสาของข้านั้นลํ้าค่าอย่างสุ ด
ประมาณ การปกป้องสายโลหิตเทพหงสาเป็ นเรื่ องสําคัญอันดับ
หนึ่งของพวกเรามาตั้งแต่เริ่ มก่อตั้งพรรค และพวกเรามิอาจปล่อย
ให้สายโลหิ ตของพวกเราเล็ดลอดออกสู่ ภายนอกแม้เศษเสี้ ยว
แม้วา่ คนจากพรรคเราจะแต่งงานกับคนนอก ลูกหลานของพวก
มันล้วนต้องอาศัยอยูใ่ นพรรคเทพหงสาไปตลอดกาล ถ้าเป็ นเรื่ อง
เกี่ยวกับสายโลหิ ตแล้ว พวกเราไม่เคยผ่อนปรนเลยแม้แต่นอ้ ย”
“ส่ วนเจ้า… ระหว่างการประลองยุทธ์วายุครามเมื่อสองปี
ก่อน ทุกคนในที่น้ นั ล้วนเป็ นพยานว่าเจ้าใช้อคั คีเทพหงสา! และมี
เพียงผูม้ ีสายโลหิ ตเทพหงสาเท่านั้นที่สามารถจุดอัคคีเทพหงสา
ได้! ชัดเจนว่าในร่ างของเจ้ามีสายโลหิ ตเทพหงสา ดังนั้นจึง
สันนิษฐานได้วา่ เจ้าสมควรเป็ นเด็กเหลือขอที่ศิษย์ผบู ้ า้ บิ่นใน
พรรคข้าทิ้งเอาไว้ภายนอก!”
“ถูกต้อง” ชายชราชุดแดงพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตาของมัน
คมกล้าดัง่ ตะขอ “หากมิใช่วา่ เจ้ามีสายโลหิ ตแห่งพรรคเทพหงสา
เรา เหตุใดผูฝ้ ึ กยุทธ์ตวั เล็กๆเช่นเจ้าที่เติบโตในอาณาจักรวายุคราม
โดยไม่มีพรรคใดหนุนหลังจึงมีพรสวรรค์สูงส่ งน่าตื่นตะลึงจน
สามารถเอาชนะเหล่ายอดยุทธ์รุ่นเยาว์ในการประลองได้? ฮึ่ม ที่
เจ้าประสบความสําเร็ จมาได้จวบจนวันนี้ ล้วนอธิบายได้ดว้ ย
สายโลหิ ตเทพหงสาในกายเจ้า!! ด้วยความแข็งแกร่ งจากเทพหง
สา ที่ผอู ้ ื่นเรี ยกว่าวิชาสื บทอดประจําตระกูลก็ดี หรื ออัจฉริ ยะใน
รอบหนึ่งร้อยปี ก็ดี ล้วนไม่อาจเทียบได้กบั กระทัง่ ขี้หมา ที่เจ้าได้
ตําแหน่งอันดับหนึ่งในการประลองยุทธ์วายุครามล้วนถือว่า
ธรรมดาสามัญอย่างที่สุด!”
ถ้อยคําที่ท้ งั สองพูดโพล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความยโส
โอหังอย่างชัดแจ้ง ทั้งยังแสดงถึงความหยามหมิ่นดูแคลนต่อผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ในอาณาจักรวายุครามอย่างชัดเจน โทสะพลันคุกรุ่ นขึ้นใน
จิตใจของเหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ในที่น้ นั ทว่าพวกมันเพียงกล้าโกรธเคือง
ในจิตใจ แต่มิกล้ากล่าวคําใดออก เพราะหากไม่นาํ อารมณ์
ความรู ้สึกมาเกี่ยวข้องแล้ว คําพูดของคนทั้งสองล้วนเป็ นความ
จริ ง ต่อหน้าพลังอันยิง่ ใหญ่จากจักรวรรดิเทพหงสา ชาวยุทธ์จาก
อาณาจักรวายุครามล้วนไม่ควรค่าให้กล่าวถึง มิเพียงเท่านั้น
บุคคลทั้งหลายในที่น้ นั ต่างก็สงสัยมาโดยตลอดว่าสาเหตุแห่ง
พรสวรรค์อนั น่าตื่นตะลึงของชายหนุ่มนั้นเป็ นเพราะสายโลหิ ต
พรรคเทพหงสา
เฟิ งซี เฉิ นกะพริ บตาแผ่วเบาก่อนจะโบกพัดหยกในมือ
เล็กน้อย และกล่าวอย่างสบายๆ “พวกเจ้าทั้งสองไม่ตอ้ งใจร้อนไป
วันนี้เป็ นวันวิวาห์ของพระธิดาแห่งจักรพรรดิวายุคราม หากมีผใู ้ ด
ขุ่นข้องหมองใจพวกเราจะเป็ นฝ่ ายผิด หยุนเช่อ ข้าเชื่อว่าเจ้าเข้าใจ
เรื่ องที่เราพยายามจะกล่าว เรื่ องของสายโลหิ ตเทพหงสาในร่ างเจ้า
สําคัญอย่างถึงที่สุดต่อพรรคเทพหงสาของข้า ดังนั้นเราองค์ชาย
ต้องการโลหิ ตของเจ้าสักเล็กน้อย เมื่อโลหิ ตของเจ้าอยูใ่ นกํามือ
ของเราองค์ชายแล้ว เรื่ องที่เจ้ามีสายเลือดเทพหงสาหรื อไม่จะ
ล้วนกระจ่างชัด เมื่อเป็ นเช่นนี้ เจ้าอยากเตรี ยมตัวมอบเลือดให้แก่
ข้าด้วยตนเอง หรื ออยากให้เราองค์ชายช่วยให้เจ้าหลัง่ โลหิ ต?”
บรรยากาศทัว่ ท้องพระโรงกลับกลายเป็ นกดดันยิง่ ขึ้นในชัว่
พริ บตา ชางว่านเฮ่อก้าวไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว และอ้าพระโอษฐ์
หากมิอาจตรัสคําใดออกมา เรื่ องใหญ่โตเกี่ยวกับสายโลหิ ตเทพ
หงสาเช่นนี้ พระองค์นบั ว่าไม่มีสิทธิ์กา้ วก่ายเลยแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อขยับมุมปากเผยรอยยิม้ บาง “ทั้งเส้นผมและผิวหนัง
ข้าบิดามารดาเป็ นผูม้ อบให้ ผูท้ ี่มีสิทธิ์ในโลหิ ตของข้ามีเพียงคนที่
ข้ารักเท่านั้น พวกเราทั้งสองมิใช่ท้ งั มิตรและศัตรู ทั้งยังห่างไกล
จากคําว่าสนิทสนม… เจ้ามีสิทธิ์ใดให้ขา้ มอบโลหิตให้แก่เจ้า?!”
ชัว่ ขณะที่คาํ พูดนี้ถูกเอ่ยออก ทุกผูค้ นล้วนบังเกิดความตื่น
ตะลึงขึ้นในจิตใจ หลังจากตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถูกกําจัดจนสิ้ น
ซากแล้ว วิถีทางอันเข้มแข็งแกร่ งกร้าวของหยุนเช่อฝังลึกลงในใจ
ของทุกคน ทว่าไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่ายามหยุนเช่อเผชิญหน้ากับองค์
ชายแห่งจักรวรรดิเทพหงสา คําพูดคําจาของชายหนุ่มจะยังแข็ง
กร้าวไม่เปลี่ยนแปลง อย่าว่าแต่ถ่อมตนเลย ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่
ความสุ ภาพให้เกียรติ
“สามหาว! เด็กน้อยอันตํ่าต้อย เจ้ากลับกล้าทําตัวยโสโอหัง
ต่อหน้าองค์ชาย!” ชายชราชุดดําระเบิดโทสะ “องค์ชาย ผูม้ ีฐานะ
สู งส่ งเช่นท่านไม่จาํ เป็ นต้องเปลืองนํ้าลายกับเด็กเหลือขอชั้นตํ่าผู ้
หนึ่ง จะให้ขา้ ลงมือเรี ยกโลหิตจากร่ างมันก็ยอ่ มได้.... หรื อหาก
องค์ชายคิดว่านัน่ จะยุง่ ยากจนเกินไป ฮึ่ม จะสังหารเด็กเหลือขอ
ชั้นตํ่าผูน้ ้ ีกย็ อ่ มได้เช่นกัน! ไม่จาํ เป็ นต้องทดสอบใดๆต่อมัน
ทั้งสิ้ น”
เด็กเหลือขอชั้นตํา่ ? คิ้วของหยุนเช่อขมวดลงในทันที
พร้อมกับที่จิตสังหารอันเย็นเยียบถึงขีดสุดจะพาดผ่านส่ วนลึกใน
แววตาของชายหนุ่ม คําเรี ยกนี้มิเพียงดูหมิ่นตัวเขา หากยังดูหมิ่น
บิดามารดาและญาติของเขาเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เฟิ งซีเฉิ นมิได้โกรธเคืองแม้แต่นอ้ ย ทว่ามัน
กลับเงยหน้าขึ้นหัวร่ อเสี ยงดัง “หยุนเช่อ ตั้งแต่เราองค์ชายผูน้ ้ ี
เหยียบย่างเข้าสู่ ผนื ดินในอาณาจักรวายุคราม เราได้ยนิ ถึงความ
ยโสโอหังไม่เกรงฟ้าดินของเจ้า หลังจากได้พบเจ้าในวันนี้นบั ว่ามิ
ผิดไปจากความจริ งเลยแม้แต่นอ้ ย แต่วา่ เราองค์ชายจะนิยม
ชมชอบผูค้ นเช่นเจ้า เพราะคนโง่เขลาอันโอหังที่ไม่รู้ฟ้าสู ง
แผ่นดินตํ่าเช่นเจ้ามักจะทําให้เราองค์ชายพบกับเรื่ องน่าสนุกอยู่
เสมอ หากโลกนี้ขาดผูค้ นเช่นเจ้า ชีวติ ของเราองค์ชายคงขาด
แคลนเรื่ องสนุกไปอีกมาก”
“เจ้าทั้งสองคนไม่ตอ้ งมา เราองค์ชายจะเล่นสนุกกับเลือด
ของเจ้านี้เอง!!”
พึบ่ !!
พัดหยกขาวบนฝ่ ามือขององค์ชายพลันกางออก เพียงการ
เคลื่อนไหวอย่างเรี ยบง่าย กับนําพาซึ่งคลื่นเสี ยงราวกับมวลอากาศ
ถูกฉี กกระชาก โต๊ะงานพิธีโดยรอบสัน่ สะท้านจากรัศมีพลัง
ลมปราณอันน่าหวาดหวัน่ ถ้วยจานพร้อมทั้งจอกเหล้าที่ทาํ มาจาก
หยกร่ วงหล่นแตกสลายลงบนพื้น
นี่เป็ นราชวังหลวงวายุคราม เป็ นถึงพระราชวังหลวงที่กาํ ลัง
จัดงานพิธีเสกสมรสขององค์หญิงแห่งราชอาณาจักร ใน
อาณาจักรวายุครามนั้น ไม่วา่ ท่านกอปรด้วยความแค้นข้ออาฆาต
ยิง่ ใหญ่จากสวรรค์ ยังไม่มีผใู ้ ดอาจหาญกระทําการในงานพิธี
เช่นนี้มาก่อน ทว่าเฟิ งซีเฉิ นบอกลงมือก็ลงมือ เห็นได้ชดั เจนว่า
มันไม่เห็นพระราชวังหลวงวายุครามอยูใ่ นสายตาแม้แต่นอ้ ย และ
เพียงแค่มนั ลงมือเพียงท่าเดียว สี หน้าของแขกเหรื่ อทั้งหมดล้วน
ซี ดเผือดด้วยความตื่นตระหนก กระทัง่ เหล่าเจ้าสํานักใหญ่
ทั้งหลายในที่น้ นั ต่างหน้าถอดสี ดว้ ยความหวาดหวัน่ สองเท้าก้าว
ถอยหลังด้วยความหวาดกลัว….
เนื่องเพราะพลังยุทธ์อนั ไร้ตา้ นทานที่เฟิ งซีเฉิ นสําแดง เป็ น
ระดับพลังของชนชั้นราชันอันน่าพรั่นพรึ ง!!!
ราชัน-นับเป็ นตัวตนอันอยูบ่ นจุดสู งสุ ดของยุทธภพวายุ
คราม จํานวนยอดฝี มือระดับชั้นราชันในอาณาจักรนับรวมกันไม่
ถึงสิ บคน ทว่าองค์ชายที่ดูไปเพียงมีอายุได้ยสี่ ิ บปี ผูน้ ้ ี ทั้งยังเป็ น
องค์ชายลําดับที่สิบสามของอาณาจักรเทพหงสา กลับสามารถมี
พลังในระดับชั้นราชัน! รัศมีพลังของผูอ้ าวุโสที่ติดตามมาทั้งสอง
เองล้วนไม่ดอ้ ยไปกว่ามันเช่นกัน! เห็นได้ชดั ว่า พวกมันเองล้วน
เป็ นราชันที่แท้จริ งเช่นกัน!
ชางว่านเฮ่อไม่คาดฝันว่าเฟิ งซีเฉิ นจะกล้าลงมือในงานพิธี
มงคลของพระราชวัง มันอุทานเสี ยงดังว่า “องค์ชายสิ บสาม ฟัง
เราก่อน...”
เมื่อเสี ยงของชางว่านเฮ่อจางหายไป เฟิ งซีเฉิ นมิได้ใส่ ใจเลย
แม้แต่นอ้ ย พัดหยกขาวในมือของมันปลิดปลิวออกไป หมุนคว้าง
ด้วยความเร็ วสุ ดขีด ก่อร่ างกลับกลายเป็ นกงล้อคร่ าชีวติ วงหนึ่งพุง่
เข้าหาหยุนเช่อ ที่ติดตามหลังกงล้อหมุนมาเป็ นเส้นสายสี ดาํ สนิท
หนึ่งเส้น...นัน่ คือรอยแยกของมวลอากาศที่ถูกผ่าออกอย่างน่าตื่น
ตะลึง และเป้าหมายของมัน คือคอหอยของหยุนเช่ออย่างชัดเจน
เฟิ งซีเฉิ นต้องการหลัง่ เลือดชโลมงานมงคลในวันนี้อย่างแท้จริ ง
“ระวัง!!!” หลิงหยุน หลิงเจี่ย รวมทั้งตงฟางซิวร้องอุทาน
ออกมาโดยพร้อมเพรี ยง
เมื่อเผชิญพบรังสี พลังคร่ าชีวติ จากพัดหยกขาว หยุนเช่อ
ขมวดคิ้วแนบแน่น ชายหนุ่มมิได้ป้องกัน หากกลับหมุนกายครา
หนึ่งก่อนจะกระโดดขึ้นเบื้องบน ด้วยเสี ยงครื นครั่นดังสนัน่ ครา
หนึ่ง หยุนเช่อทะลวงทะลุกระเบื้องหลังคาพระตําหนักกลาง ก่อน
จะเหิ นบินไปทางทิศใต้
“หื อ? คิดหนี?” เฟิ งซีเฉิ นแย้มยิม้ เยือกเย็น มันโบกมือครา
หนึ่ง พัดหยกขาวโบยบินกลับเข้าฝ่ ามือ ร่ างกายสาดประกายพร่ า
เลือนวูบหนึ่งเมื่อมันเคลื่อนร่ างผ่านประตู ราวกับมันพลัน
อันตรธานหายวับไปในพริ บตา มันเคลื่อนร่ างไล่ติดตามไปยัง
ทิศทางที่หยุนเช่อมุ่งหน้าไป
ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ในงานพิธี
มงคลสมรสอันยิง่ ใหญ่แห่งอาณาจักรวายุคราม เหล่ายอดยุทธ์
ทั้งหลายต่างมองหน้ากันและกัน ทุกผูค้ นสี หน้าซีดขาวราว
กระดาษ ทว่าไม่มีผใู ้ ดกล้าหยุดยั้งเฟิ งซีเฉิ น ---- แม้นี่จะเป็ นอาณา
เขตของอาณาจักรวายุคราม ช่างน่าขันอย่างยิง่ ต่อให้การทําเช่นนี้
ล้วนต้องลงเอยด้วยการล่วงเกินหยุนเช่อ หากกลับไม่มีผใู ้ ดกล้า
ล่วงเกินองค์ชายแห่งเทพหงสาเช่นกัน นามของสํานักพวกมันอาจ
สามารถเขย่าทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุคราม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ
อาณาจักรเทพหงสาแล้ว ล้วนไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่นอ้ ย แม้
ความโกรธแค้นของพวกมันจะพุง่ ทะลุถึงศีรษะ พวกมันยังคงไม่
กล้าสอดมือเข้ายุง่ เกี่ยวกับเรื่ องราวขององค์ชายสิ บสามของ
จักรวรรดิเทพหงสา
ภายในตําหนักโอบจันทรา ชางเยว่ผทู ้ รงฉลองพระองค์
เรี ยบร้อยทรงประทับอย่างสงบนิ่งและวิตกกังวลอยูห่ น้าคันฉ่อง
ที่แอบแฝงอยูอ่ ย่างเลือนลางภายใต้พผู่ ลึกเป็ นเส้นสาย คือภาพ
ใบหน้าอันงดงามจนลืมหายใจ นอกเหนือจากหญิงสาวแล้ว ยังมี
เซี่ ยวหลิงซี อีกผูห้ นึ่งอยูเ่ ป็ นเพือ่ นนาง หญิงสาวมักชวนชางเยว่
สนทนาบ้างเป็ นบางครั้งเพื่อลดความวิตกกังวลในใจของหญิง
สาวลง
อีกไม่นาน หยุนเช่อจะเข้ามารับตัวหญิงสาวออกไป จับจูง
มือเข้าร่ วมกราบไหว้ฟ้าดิน กลายเป็ นสามีภรรยาโดยสมบูรณ์
ชัว่ เวลานี้เอง สุ ม้ เสี ยงสะท้านฟ้าสะเทือนดินเสี ยงหนึ่งพลัน
ดังออกมาจากทางด้านนอก หลังเสี ยงครื นดังกึกก้อง ปรากฏเสี ยง
แห่งความโกลาหลวุน่ วายดังติดตามมา เสี ยงฆ้องกลองบรรเลง
ก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้ น ที่หลงเหลือมีเพียงความวุน่ วาย
อลหม่าน แม้ตาํ หนักโอบจันทราจะห่างไกลจากตําหนักกลาง
หากยังสามารถได้ยนิ เสี ยงแห่งความวุน่ วายได้อย่างชัดเจน
“นัน่ เสี ยงอะไร?” ชางเยว่กล่าวออกมาด้วยความกังวล “เกิด
อันใดที่เบื้องนอก?”
“ข้าจะไปดูเอง” เซี่ยวหลิงซีพลันบังเกิดความวิตกเช่นกัน
หญิงสาววิง่ ออกไปเบื้องนอกอย่างรวดเร็ ว
หยุนเช่อกระโจนออกไปในอากาศติดต่อกันหลายครั้งครา
ยิง่ มายิง่ ห่างไกลจากโถงงานพิธี หลังจากทิ้งร่ างลงบนพื้นที่วา่ ง
ภายในพระราชวังแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มพลันชะงักฝี เท้า เฟิ งซีเฉิ น
คล้ายดังทิ้งตัวลงทันทีตามหลังมัน ความรวดเร็ วของมันนับว่า
รวดเร็ วราวภูตพรายอย่างแท้จริ ง เมื่อเห็นหยุนเช่อชะงักเท้า มัน
เริ่ มต้นหัวเราะอย่างเหยียดเย้ย “เอาสิ หนีไป เหตุใดจึงไม่วงิ่ ต่อ
เล่า? นานแล้วที่เราองค์ชายมิได้เล่นซ่อนหา อย่างน้อย เจ้าสมควร
ให้เราได้เล่นสนุกบ้าง”
“หนี?” หยุนเช่อเผยรอยยิม้ เย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้า?
วันนี้เป็ นวันแต่งงานของข้า ข้าเพียงไม่ตอ้ งการให้โถงพิธีแปด
เปื้ อนคราบโลหิ ตของเจ้า”
สี หน้าเฟิ งซีเฉิ นมิได้แปรเปลี่ยน หากดวงตาฉายแววแปลก
ตา ระดับความเย่อหยิง่ ทระนงของหยุนเช่อเหนือกว่าความ
คาดหมายของมันไปไกลห่าง ตั้งแต่ยงั เยาว์ นี่เป็ นครั้งแรกในชีวติ
ที่มนั ได้เผชิญพบกับบุคคลที่อาจหาญกล่าววาจาต่อมันด้วยกิริยา
เช่นนี้ มุมปากของมันยกยิม้ ขึ้น เสี ยงหัวเราะของมันยิง่ มายิง่ ฟังดู
อันตราย “เลือดของข้า? ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าช่างอวดดีและโง่เง่าจนน่ารัก
จริ งๆ เจ้าคิดว่าคนธรรมดาเช่นเจ้า มีสิทธิ์ได้เห็นโลหิ ตของข้า? ดู
ท่า เรื่ องสายโลหิ ตเทพหงสาล้วนไม่จาํ เป็ นต้องพิสูจน์แล้ว เพราะ
เจ้ากําลังรนหาที่ตายอย่างแท้จริ งต่อหน้าเราองค์ชายผูน้ ้ ี! เปลี่ยน
สถานที่มายังที่กว้างขวางเช่นนี้กด็ ี เมื่อปล่อยโถงพิธีแต่งงานและ
ทุกสิ่ งไว้เช่นเดิม หลังจากนี้ ยิง่ ง่ายดายในการเปลี่ยนมันเป็ นโถง
พิธีศพ”
“โถงพิธีศพ?...” หยุนเช่อกล่าวพร้อมหรี่ ดวงตาเล็กลง “...
ศพเจ้ าเช่ นนั้นรึ ?”
บทที่ 369 แส่ หาความอัปยศ.

ในฐานะองค์ชายของจักรวรรดิ เมื่อมาเยือนยังอาณาจักรอื่น
เฟิ งซีเฉิ นสามารถเดินยืดอกไปไหนมาไหนได้อย่างสมบูรณ์ ไม่วา่
ผูใ้ ด เมื่อเผชิญพบกับมัน ล้วนแล้วแต่ตอ้ งเก็บปากเงียบ มิอาจ
แสดงความไม่เคารพหรื อตอแยมันแม้เพียงน้อย ยิง่ ไม่ตอ้ ง
กล่าวถึงยามมันมายังอาณาจักรวายุคราม
ทว่า ด้วยสถานะองค์ชายเทพหงสา ไม่ได้ทาํ ให้ความ
หวาดกลัวซึมซับสู่ หยุนเช่อแม้เศษเสี้ ยว นี่แน่นอนย่อมส่ งผลให้
ภายในใจของเฟิ งซีเฉิ นเจ็บปวดยิง่ เจตนากําจัดสังหารหยุนเช่อ
เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน มันหัวเราะออกมาอย่างหยิง่ ยโส “หยุนเช่อ เรา
องค์ชายกังขาอย่างยิง่ ว่าเจ้าพกนําความอวดดีและความมัน่ ใจถึง
ขั้นนี้มาจากที่ใด ถึงกับกล้าแสดงท่าหยิง่ ผยองต่อหน้าองค์ชายผูน้ ้ ี
เจ้าคิดว่าเจ้ายอดเยีย่ มยิง่ เพียงเพราะสามารถทําลายล้างตระกูลอัคคี
ผลาญฟ้า หนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่หรื อ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า กบที่ไม่เคยเดิน
ออกมานอกกะลาช่างน่าตลกและน่าสงสาร กล่าวตามตรง ตลอด
ทาง ข้าได้ยนิ ข่าวลือเกี่ยวกับเจ้ามากมาย แน่นอนข้าคาดหวังกับ
เจ้าเล็กน้อย แต่ขา้ ไม่เคยคิดว่าพลังปราณของเจ้าแท้จริ งอยูเ่ พียง
ขั้นลมปราณปฐพี นี่ไม่อาจใช้คาํ ว่า “น่าสงสาร” ได้ดว้ ยซํ้า ดูท่าสี่
พรรคใหญ่เหล่านี้ ล้วนเป็ นเพียงสี่ ตวั ตลกอันน่าขันที่สุด….”
เฟิ งซี เฉิ นมองหยุนเช่ออย่างสงบนิ่ง สายตาราวกําลังมองมด
ตํ่าต้อยตัวหนึ่งที่ไม่มีคุณสมบัติอยูต่ ่อหน้ามัน “แต่ เจ้ายังนับว่ามี
วาสนา ที่จะได้ตกตายอย่างมีเกียรติดว้ ยมือของเราองค์ชาย ก่อน
เจ้าตาย องค์ชายผูน้ ้ ีจะอนุญาตสวะที่มีสายเลือดผสมเช่นเจ้า ให้มี
โอกาสได้เป็ นพยานว่าเพลิงหงสาที่แท้จริ งเป็ นอย่างไร!!”
เฟิ งซี เฉิ นขยับมือ พัดหยกขาวกางเปิ ดออก ตราประทับรู ป
ดวงไฟสี แดงชาดที่หน้าผากของมันเรื องรองขึ้น ส่ องประกายเจิด
จ้าบาดตา ทันใดนั้น เพลิงหงสาสี แดงพวยพุง่ ขึ้นสู งราวพายุลูก
ใหญ่กวาดม้วนท่วมท้นท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์จนสิ้ นใน
พริ บตา ชั้นบรรยากาศแผ่ขยายไหวกระเพื่อมเป็ นระลอกจนทุก
ผูค้ นสามารถมองเห็นมวลอากาศอันบิดเบี้ยวอย่างรุ นแรง คลื่น
ความร้อนแผ่ออกครอบคลุมลงมา ส่ งผลให้ผคู ้ นที่อยูบ่ ริ เวณ
ใกล้เคียงต่างรู ้สึกราวถูกเพลิงลาวาล้อมกักไว้ก่ ึงกลาง ทั้งหมด
กลั้นหายใจ ขณะที่ผวิ หนังภายนอกราวกําลังถูกเผาไหม้ดว้ ยเปลว
ไฟอันร้อนแรง
กรี๊ ซซซซ~~
กรี๊ ซซซซ~~
เสี ยงร้องครํ่าครวญของวิหคเพลิงเทวะดังออกมาให้ได้ยนิ
จากกลางเปลวเพลิง สัน่ สะท้านจิตใจผูร้ ับฟังทั้งหมดจนถึงส่วน
ลึกภายในใจ ฝูงชนยกศีรษะขึ้น ก่อนจะมองเห็นภาพอันน่าตื่น
ตะลึงของเปลวเพลิงแดงกํ่าเผาไหม้ทวั่ ผืนฟ้าที่ดูคล้ายสร้างขึ้นมา
จากหงสาอัคคีท่ีเหิ นร่ อนอย่างเสรี จาํ นวนนับไม่ถว้ น ปลดปล่อย
พลังทําลายล้างอันมหาศาลที่สามารถผลาญทําลายทั้งสวรรค์และ
พิภพ
เหล่ายอดยุทธ์วายุครามทั้งหลายก้าวถอยหลังด้วยความ
หวาดหวัน่ ความร้อนแรงแผดเผาของเปลวไฟ รวมทั้งพลังอันลึก
ลํ้าไร้ตา้ นทานที่พวกมันประสบล้วนเกินจินตนาการและความ
เข้าใจของพวกมันไปอย่างสิ้ นเชิง กระทัง่ เปลวไฟสี ม่วงแห่ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าที่จดั เป็ นเปลวไฟขั้นสู งสุ ด ยังไม่อาจเทียบ
เปรี ยบได้กบั เปลวเพลิงสี แดงที่เบื้องหน้า เนื่องเพราะนี่เป็ นอัคคี
เทพหงสาจากพรรคเทพหงสา...กอปรไปด้วยพลังแห่งสัตว์เทวะ
เป็ นเปลวเพลิงที่ได้รับการยอมรับเป็ นอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้า!! เหล่ายอดยุทธ์มากมายในที่น้ นั ไม่มีผใู ้ ดแม้แต่คน
เดียวที่หาญกล้าเผชิญหน้ากับเปลวไฟเทพหงสานี้ ยังมี กระทัง่ ตง
ฟางซิ ว ยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิเอง ยังอาจสามารถถูกทํา
ร้ายถึงแก่ชีวติ ได้ในพริ บตาหากเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงอันน่า
หวาดหวัน่ อย่างถึงที่สุดนี้
เมื่อเห็นอัคคีเทพหงสาที่ครอบคลุมท้องฟ้า ชายชราชุดดํา
และชุดแดงต่างผงกศีรษะช้าๆ ชายชราชุดดําทอดถอนใจยาว “แม้
ไหวพริ บปฏิภาณขององค์ชายไม่อาจกล่าวได้วา่ เด่นลํ้ากว่าองค์
ชายทุกพระองค์ อย่างไรเสี ย ยังคงรักษาไว้ซ่ ึงสายโลหิ ตเทวะ ใน
ปี นี้ ระดับพลังของเพลิงเทพหงสาของพระองค์บงั เกิดการทะลุ
ทะลวงหลายครั้งครา ปัจจุบนั ล้วนไม่ดอ้ ยไปกว่าพวกเราเฒ่าชรา
อีกต่อไป ข้าเชื่อว่า ผ่านไปอีกหนึ่งปี พระองค์ยอ่ มก้าวข้ามพวก
เราไปได้แน่นอน”
อาวุโสชุดแดงกล่าวว่า “โฮ่โฮ่ พวกเราเพียงเป็ นองครักษ์ใน
พรรค ขีดจํากัดในชีวติ ของพวกเราเพียงอยูใ่ นชั้นปราณจักรพรรดิ
จะเทียบเปรี ยบกับองค์ชายได้อย่างไร? ด้วยระดับความก้าวหน้า
ขององค์ชายในปั จจุบนั พระองค์อาจสามารถบรรลุถึงชั้น
ทรราชย์!”
อัคคีเทพหงสาที่ลามเลียทัว่ ผืนฟ้าเปรี ยบดังเพลิงโลกันตร์
กลุ่มอัคคีแฝงพลังทําลายล้างอันไร้ขอบเขตถาโถมทะลักทลายเข้า
หาหยุนเช่อ เมื่อมองเห็นกลุ่มก้อนเปลวไฟอันนร้อนแรงที่ร่วง
หล่นลงมา หยุนเช่อเดิมคล้ายต้องการกระทําการบางอย่าง ทว่า
ทันใดนั้นเอง ราวกับชายหนุ่มพลันบังเกิดความคิด มือทั้งสองข้าง
ที่ยกขึ้นมาถูกเก็บลงที่เดิม ปล่อยให้เปลวไฟที่ถาโถมกลบกลืน
ร่ างกายของตนเองไว้จนหมดสิ้ น
“ลูกพี่!!”
“หยุนเช่อ!!”
ทะเลเพลิงที่กลบบดบังทัว่ ท้องนภาห่อหุม้ หยุนเช่อไว้จน
หมดสิ้ น กระทัง่ ทัว่ ร่ างรวมทั้งรัศมีพลังของชายหนุ่มยังถูกกลืน
กินลงไปไม่หลงเหลือ บริ เวณโดยรอบบังเกิดเสี ยงอุทานอย่างตื่น
ตระหนกขณะที่ทุกผูค้ นต่างมองดูภาพเหตุการณ์น้ ีดว้ ยความสิ้ น
หวัง หลิงเจี่ยและตงฟางซิวกระโดดออกมาจากฝูงชน อย่างไรก็
ตาม ก่อนที่พวกมันจะสามารถเข้าถึงเปลวไฟ ร่ างของพวกมันทั้ง
สองต่างถูกดีดสะท้อนกลับมาด้วยพลังความร้อนที่เหนือลํ้าเกิน
จินตนาการ พวกมันไม่อาจเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่นอ้ ย...ท่ามกลาง
สภาวะอันหวาดหวัน่ ขวัญผวา ทั้งสองล้วนไม่กล้าจินตนาการถึง
ผลลัพธ์หากพวกมันถูกกลืนกินด้วยอัคคีเพลิงอันร้อนแรงเช่นนี้
ได้เลย อาจบางที เพียงชัว่ วินาทีเดียว เสื้ อผ้า ผมเผ้า ผิวหนัง เลือด
เนื้อ รวมทั้งกระดูก ทั้งหมดสมควรถูกเผาเป็ นเถ้าถ่านในพริ บตา
หยุนเช่อผูถ้ ูกอัคคีเทพหงสากลบกลืนจนสิ้ น แท้ที่จริ งแล้ว
ล้วนปราศจากภยันตรายใด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงเฟิ งซีเฉิน กระทัง่ พระ
บิดาของมัน-พระจักรพรรดิแห่งเทพหงสามาอยู่ ณ ที่น้ ี ยังคง
อย่าได้คิดหวังทําอันตรายหยุนเช่อด้วยไฟเทพหงสาได้แม้ปลาย
เส้นผม ชายหนุ่มยืนเเน่วนิ่งกลางเปลวเพลิงเทพหงสา บีบบังคับ
ร่ างกายตนเองรับทราบและสัมผัสถึงเปลวไฟที่เดือดพล่านอยูร่ อบ
กาย เพลิงเทพหงสาแน่นอนย่อมต้องใช้โลหิ ตเทพหงสาในการ
กระตุน้ ใช้ออก สาเหตุท่ีหยุนเช่อเองสามารถใช้อคั คีเทพหงสาได้
เนื่องเพราะชายหนุ่มกอปรไปด้วยโลหิ ตเทพหงสาอยูภ่ ายใน
ร่ างกาย หยุนเช่อต้องการทราบถึงความแตกต่างระหว่างเพลิงเทพ
หงสาของตนเอง และเพลิงเทพหงสาของทายาทที่รับสื บทอดกัน
มาอย่างยาวนานของพรรคเทพหงสา
และผลที่ได้รับ สร้างความผิดหวังให้แก่หยุนเช่ออย่างใหญ่
หลวง
หากระบุอย่างชัดแจ้ง ไม่วา่ เพลิงที่ถูกจุดโดยหยุนเช่อ หรื อ
เพลิงจากผูค้ นในพรรคเทพหงสา ทั้งหมดล้วนมิใช่ไฟเทพหงสาที่
แท้จริ งทั้งสิ้ น กลับกัน มันคือปราณธาตุอคั คีที่แฝงไว้ดว้ ยพลังเท
วะอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพหงสา มีเพียงเปลวไฟจากสัตว์เทวะเอง
เท่านั้น เช่นเปลวไฟจากเทพหงสาที่แท้จริ ง จึงสามารถเรี ยกเป็ น
อัคคีเทพหงสาได้ ดังนั้น ความบริ สุทธิ์ของสายเลือดภายในเส้น
โลหิ ตของแต่ละผูค้ น จึงเป็ นตัวตดสิ นความบริ สุทธิ์ของเพลิงเทพ
หงสาเช่นกัน ในฐานะผูร้ ับสื บทอดเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุ
อัคคี ทั้งยังครอบครองเพลิงเทพหงสา หยุนเช่อกระจ่างแจ้งดีถึง
กฏแห่งเปลวไฟ รวมทั้งตระหนักถึงความสามารถในการควบคุม
เปลวไฟของตนเองว่ามีความแข็งแกร่ งเพียงใด ชายหนุ่มถึงกับ
สามารถรับรู ้ได้วา่ “ความบริ สุทธิ์” ของเพลิงเทพหงสาของเฟิ งซี
เฉิ น ไม่ได้ครึ่ งของตัวหยุนเช่อเองด้วยซํ้า!
อย่างไรเสี ย ที่มาของเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ ได้รับสื บ
ทอดโดยตรงจากสัตว์เทวะ รับสื บทอดมาจากจิตวิญญาณเทพหง
สาเอง
ขณะที่สายเลือดเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นสื บทอดต่อกันมา
หลายต่อหลายรุ่ น ความบริ สุทธิ์ของสายเลือด แน่นอนย่อมมิอาจ
เทียบเคียงกับหยุนเช่อ บุคคลเพียงผูเ้ ดียวที่สามารถมีความบริ สุทธิ์
ของสายโลหิ ตเทพหงสาในร่ างกายเท่าเทียมกับหยุนเช่อ คือบรรพ
บุรุษรุ่ นแรกขององค์ชายสิ บสาม ผูร้ ับสื บทอดโลหิ ตเทพหงสาคน
แรกเพียงเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม กรรมวิธีการปลุกเพลิงเทพหงสา รวมทั้งกฏ
แห่งพลังทําลายล้างของเปลวไฟ กลับเป็ นความลี้ลบั ซับซ้อนอย่าง
ถึงที่สุด ภายในเพลิงเทพหงสา หยุนเช่อสามารถมองเห็นเงาของ
“ท่วงทํานองเทพหงสา” ได้ ครั้งนั้น ในสนามทดสอบเทพหงสา
หยุนเช่อใช้ความสามารถและพลังของเมล็ดวิญญาณธาตุอคั คีของ
เทพอสู ร ฝื นทะลวงกฏเกณฑ์พ้นื ฐานของเพลิงเทพหงสา ภายใต้
เงื่อนไขที่ปราศจากวิชาอัคคีเทพหงสา หยุนเช่อฝื นทําคงามเข้าใจ
ต่อท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หกจนสําเร็ จ อย่างไรก็
ตาม อัคคีเทพหงสาของหยุนเช่อเพียงสามารถสําแดงพลังเพลิง
เทพหงสาขั้นพื้นฐานออกมาได้เพียงเท่านั้น ดังนั้น อํานาจของ
วิชาอัคคีเทพหงสาทั้งสองกระบวนท่า ล้วนถูกจํากัดไว้เช่นกัน
ขณะที่พรรคเทพหงสาครอบครองท่วงทํานองเทพหงสาขั้น
พื้นฐานตั้งแต่ข้ นั แรกถึงขั้นที่สี่ หากหยุนเช่อสามารถได้รับวิชาสี่
ขั้นแรก และหลอมรวมเข้าสู่ ข้นั ที่หา้ และขั้นที่หก พลังอํานาจของ
เพลิงเทพหงสาแน่นอนว่าย่อมต้องพุง่ ทะยานขึ้นสู่จุดสู งสุ ดอันไม่
อาจคาดเดาได้
หยุนเช่อพยายามจับร่ องรอยของ “ท่วงทํานองเทพหงสา”
จากเปลวไฟของเฟิ นซีเฉิ น ทว่า ชายหนุ่มล้มเลิกความตั้งใจอย่าง
รวดเร็ ว อย่างไรเสี ย การพยายามสื บเสาะทําความเข้าใจทักษะวิชา
ยุทธ์แบบย้อนทวนเช่นนี้นบั ว่าเป็ นสิ่ งที่คล้ายไม่อาจเป็ นไปได้ หยุ
นเช่อกางแขนทั้งสองออก ตราประทับรู ปเปลวไฟสี ทองอร่ ามที่
กึ่งกลางหน้าผากสาดประกายวูบหนึ่ง เปลวไฟสี แดงจัดจ้านปะทุ
ออกมาจากร่ างกายของชายหนุ่มเช่นกัน จากนั้น มันพลุ่งพล่าน
เดิอดทะลักอย่างบ้าคลัง่
ในชัว่ พริ บตา ราวกับอมนุษย์กลางท้องทะเลเดือดพลันผุด
โผล่ มวลอากาศสัน่ สะเทือนอย่างหนักหน่วง สุ ม้ เสี ยงราวผืนผ้า
ถูกฉี กกระชากดังออกมาอย่างชัดเจน เปลวเพลิงเทพหงสาที่ลุก
ไหม้ลามไปทัว่ ผืนฟ้าลพันกลับกลายเป็ นปั่ นป่ วนจากพลังงานที่
ระเบิดออกอย่างรุ นแรงในชัว่ พริ บตา เปลวไฟทั้งหมดแหลกสลาย
เป็ นชิ้นๆ ก่อนจะอันตรธานหายไปในอึดใจ...และที่ขบั ไล่อคั คี
เทพหงสาออกไป กลับเป็ นอัคคีเทพหงสาอีกกลุ่มหนึ่ง...ที่มาจาก
ร่ างของหยุนเช่อ!! อย่างไรก็ตาม เปลวไฟทั้งสองล้วนแตกต่าง
เปลวไฟของเฟิ งซีเฉินดูคล้ายอสรพิษอันไร้สิ้นสุ ด ขณะที่เปลวไฟ
ของหยุนเช่อดูราวกับมังกรเทวะผูค้ รอบครองท้องนภา ไม่วา่
ทะยานไปที่ใดเปลวไฟอสรพิษของเฟิ งซีเฉิ นล้วนถูกบดขยี้จน
แตกกระจายหายไป
“อะ..อะไร!!”
ความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ส่ งผลใหเฟิ งซีเฉิน
รวมทั้งผูอ้ าวุโสชุดดําและชุดแดงตกตะลึงอย่างใหญ่หลวง หยุ
นเช่อถูกเปลวไฟของเฟิ งซีเฉินกลืนกินด้วเวลาเกือบห้าวินาที พวก
มันทั้งสามล้วนเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อย่อมถูกแผดเผาเป็ นเถ้าธุลีไป
แล้วอย่างแน่นอน ทว่า พวกมันคาดไม่ถึงว่าหยุนเช่อมิเพียงไม่ได้
รับอันตรายแม้ปลายเส้นผม หากพลังเพลิงเทพหงสาที่ระเบิดออก
โดยกะทันหันของมันยังสามารถพัดไฟเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นจน
ปลิวกระจัดกระจาย...
กวาดทําลายเปลวไฟขององค์ชายเทพหงสาจนมลาย
หายไป!!
ผูค้ นสมควรทราบ สายโลหิ ตเทพหงสาในพรรคเทพหงสา
เหล่าราชวงศ์เทพหงสาล้วนเป็ นกลุ่มที่มีสายเลือดบริ สุทธิ์ที่สุด
หากอยูภ่ ายใต้เงื่อนไขของระดับพลังยุทธ์ที่เท่าเทียม พลังเพลิง
เทพหงสาที่ถูกจุดโดยสมาชิกราชวงศ์ ย่อมเหนือลํ้ากว่าศิษย์
ธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด พลังยุทธ์ของเฟิ งซีเฉิ นอยูใ่ นระดับขั้น
สองชั้นปราณจักรพรรดิ หากมันกลับสามารถโค่นล้มศิษย์
ธรรมดาในพรรคที่มีระดับพลังขั้นสี่ ช้ นั ลมปราณจักรพรรดิ
ทว่าหยุนเช่อผูม้ ีพลังลมปราณขั้นที่เจ็ดชั้นลมปราณปฐพี
และเพลิงเทพหงสาที่มีที่มาจาก “ลูกสําส่ อน” นอกคอกผูน้ ้ ี กลับ
สามารถเป่ าทําลายเพลิงเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นจนกระเจิดกระเจิง
ได้!!
ชัว่ วินาทีน้ นั ราวกับพวกมันได้พบเห็นผีสางยามกลางวัน
แสกๆ ก็มิปาน
ยังมี ในเวลาเดียวกันนั้น จิตวิญญาณของพวกมันกลับสัน่
สะท้านอย่างไม่อาจควบคุม พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงพลัง
กดดันชนิดหนึ่งที่มาจากโลหิตเทพหงสา! ทั้งยังเป็ นพลังกดดันที่
พวกมันทั้งสามเคยคุน้ เป็ นที่ยงิ่ เป็ นพลังกดดันที่ดาํ รงคงอยูใ่ น
สายเลือดของพวกมัน ที่เพียงสําแดงออกมาได้เมื่อความบริ สุทธิ์
ของสายเลือดอีกฝ่ าย เหนือลํ้ากว่าพวกมันเพียงเท่านั้น ทั้งยังเป็ น
ระดับความบริ สุทธิ์ที่เข้มข้นกว่าที่มีอยูใ่ นโลหิ ตของพวกมันอย่าง
ชัดเจน หากแต่ ความรู ้สึกนี้ กลับแผ่ออกมาจากร่ างของหยุนเช่อผู ้
นี้
นี่เป็ นไปได้เยีย่ งไร?
สายโลหิ ตของลูกสําส่ อนที่กาํ เนิดจากภายนอก จะกดดันให้
องค์ชายจากพรรคเทพหงสา สามารถรับทราบถึงพลังอํานาจที่
เหนือกว่า...นี่จะเป็ นไปได้อย่างไร?!
สี หน้าของเฟิ งซีเฉิ นนิ่งขึง จากนั้น ใบหน้าของมันบิดเบี้ยว
อย่างช้าๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย มันจับจ้องอย่างโง่งมไปยังอัคคีเทพ
หงสาของมันที่ถูกศัตรู ของตนเองใช้เพลิงเทพหงสาเช่นเดียวกัน
ฉี กกระชากเป็ นชิ้นๆ มันรู ้สึกราวกับความภาคภูมิและเกียรติยศ
ล้วนถูกทุบทําลายจนกลายเป็ นเศษส่ วนพร้อมกับไฟเทพหงสา
ของมัน
เฟิ งซี เฉิ นกัดฟันแนบแน่น ก่อนจะคํารามออกมาเสี ยง
กึกก้อง มันโผนทะยานร่ างขึ้นสู่ กลางอากาศ ตราประทับเทพหง
สาที่กลางหน้าผากเปล่งแสงวาววับ พัดหยกขาวกางออก ส่งเพลิง
เทพหงสาพร่ างพรมลงมาอย่างบ้าคลัง่ ราวมรสุ มแห่งเปลวไฟ “ไอ้
เด็กสําส่ อน เราองค์ชายถือครองสายเลือดแห่งราชวงศ์เทพหงสา
อันศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าเราองค์ชาย กลับกล้าแส่ หาความอับอายด้วย
เพลิงเทพหงสาของลูกสําส่ อนเจ้า!! เราองค์ชายจะให้เจ้าได้เป็ น
พยาน...ว่าเพลิงเทพหงสาที่แท้จริ งเป็ นเช่นไร!!”
“พลังเทพหงสา...เขตแดนวิหคเทวะ!!”
เสี ยงกู่ร้องของวิหคเพลิงก้องสะท้อนทัว่ ผืนฟ้า เปลวไฟเทพ
หงสาที่สามารถครอบคลุมผืนฟ้าผืนดินพลันยืดขยายออกไปอีก
หลายเท่าอีกครั้งครา ก่อนหน้านี้ เฟิ งซีเฉินที่ภายในใจเปี่ ยมด้วย
ความเย้ยหยันและเจตนาหยอกล้อเพียงใช้พลังออกสี่ ในสิ บส่ วน
เท่านั้น ทว่าครานี้ มันใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ทั้งยังทุ่มเทใช้เขต
แดนทําลายล้างอันแข็งแกร่ งที่สุดของตนเองในยามนี้---เขตแดน
วิหคเทวะ
เพลิงเทพหงสาลุกโหมราวบ้าคลัง่ กลับกลายเป็ นหงส์เพลิง
อันร้อนแรงขนาดยักษ์ หมุนวนอย่างเหี้ ยมอํามหิ ต ส่งพลังทําลาย
มหาศาลพร่ างพรมสัน่ สะท้านไปทัว่ ทั้งฟ้าดิน
มุมปากของหยุนเช่อยกเป็ นรอยยิม้ เหยียดหยัน ชายหนุ่ม
กางแขนทั้งสองข้าง ตราประทับเปลวไฟสี ทองที่ก่ ึงกลางหน้าผาก
ปรากฏ เพลิงสี แดงชาดเบ่งบานออกเป็ นดอกบัวอัคคีขนาดยักษ์
อย่างสง่างาม
“บัวปี ศาจผลาญดารา!!”
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ยง...
บุปผาอันแรงร้อนเบ่งบานออกเป็ นชั้นๆ แผ่รัศมีพลังอัน
สามารถแผดเผาทุกสิ่ งสิ้ น ดอกบัวแผ่กลีบขยายออกอย่างรวดเร็ ว
ทุกชั้นกลีบบุปผาอัคคีที่คลี่กาง ฉี กกระชากเขตแดนวิหคเทวะ
ออกเป็ นช่องว่างอย่างโหดร้าย หงส์อคั คีที่เพิ่งก่อรู ปร่ างขึ้นถูกบด
ขยี้เป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปลวไฟเทพหงสาที่กาํ ลังสูญสลายถูกล้อม
กักไว้ในอาณาเขตเพลิงบัวปี ศาจ ดูราวหิ มะขาวที่ถูกแสงอาทิตย์
อันแรงร้อนสาดส่ อง มลายหายไปอย่างรวดเร็ วจนเหลือเพียง
ความว่างเปล่า
บทที่ 370 ไร้ ผ้ ูต้าน

เฟิ งซี เฉิ นรับรู ้อย่างชัดเจนว่าเขตแดนวิหคเทวะของตนเอง


ถูกฉี กทําลายจนกลายเป็ นเศษชิ้นส่ วนรุ่ งริ่ งหมดสภาพในชัว่
พริ บตา เพียงสิ บลมหายใจ มันถึงกับขาดการเชื่อมต่อใดๆ กับ
เพลิงเทพหงสาไปอย่างสิ้ นเชิง...เพลิงเทพหงสาที่มนั แสนภาคภูมิ
เป็ นศักดิ์ศรี และชีวติ ของมัน สิ่ งที่ทาํ ให้มนั กลับกลายเป็ นยอดฝี มือ
ไร้ผตู ้ า้ นในบรรดายอดยุทธ์ระดับเดียวกัน ทั้งหมดล้วนถูกทําลาย
ลงอย่างสิ้ นเชิงโดย “เจ้าลูกสําส่ อน” ที่มีฝีมือเพียงระดับลมปราณ
ปฐพีไปในชัว่ พริ บตา
ดวงตาของผูค้ นทัว่ ทั้งบริ เวณจับจ้องเบิกโตราวลูก
กระพรวน ทุกผูค้ นต่างแตกตื่นตระหนกจนแทบสิ้ นสติ พวกมัน
ล้วนเคยได้ฟังวีรกรรมของหยุนเช่อมาก่อนหน้านี้ ที่สามารถล่า
ล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูลได้ดว้ ยตัวคนเดียว ทั้งยัง
สามารถพิชิตหลิงเทียนหนี่ ทั้งหมดนี้เป็ นคํารํ่าลือถึงพลังฝี มือของ
หยุนเช่อ หากทว่า แม้จะมีคาํ รํ่าลือหลากหลายมากมายปานใด
ยังคงมิอาจเทียบได้กบั ประสบการณ์รับชมโดยตรงด้วยตาตนเอง
เช่นนี้ได้ ความเข้มแข็งที่เฟิ งซีเฉิ นสําแดงออกเป็ นความเข้มแข็ง
ของระดับชั้นปราณจักรพรรดิโดยแท้จริ ง ทั้งสายเลือดเทพหงสาที่
มันถือครอง ยังเป็ นถึงสายเลือดแห่งราชวงศ์ เหล่าฝูงชนในที่น้ นั
ไม่มีผใู ้ ดกล้าประเมินความเข้มแข็งอันแท้จริ งของเฟิ งซีเฉิ น
แต่ไฟเทพหงสาของมัน รวมทั้งเขตแดนวิหคเทวะ กลับถูก
บดทําลายจนกลับกลายเป็ นเศษธุลีจากเงื้อมมือของหยุนเช่อโดย
ง่ายดาย
กระทัง่ เพลิงเทพหงสาแห่งราชวงศ์เทพหงสายังประสบ
สภาวะเช่นนี้เมื่อเผชิญพบหยุนเช่อ เช่นนั้น เพลิงอัคคีผลาญฟ้า
ของตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเอง ล้วนเป็ นที่จินตนาการได้!
หน้าผากของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนผุดพรายด้วยเม็ดเหงื่อร้อน มัน
รู ้สึกเย็นวาบที่ไขสันหลัง ซี่ฟันราวกับปรากฏลมเย็นเยียบลอด
ผ่าน ขณะเฝ้ามองหยุนเช่อสําแดงพลังฝี มืออันน่าหวาดหวัน่ มัน
พลันบังเกิดความรู ้สึกกึ่งหวาดกลัวกึ่งยินดี...มันยินดีที่มิได้เลือก
หนทางอันแข็งกร้าวโดยการเข้าปะทะ หากกลับลดตัวลง
ประนีประนอม การกําจัดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้า อย่างน้อย
สามารถพิสูจน์ได้ถึงฝี มืออันอํามหิ ตอย่างถึงขีดสุ ด ทว่า ความ
หาญกล้าขัดแย้งกับองค์ชายแห่งอาณาจักรเทพหงสา...พิสูจน์วา่
มันเป็ นบุคคลบ้าคลัง่ ผูไ้ ม่สนใจผลลัพธ์ใดๆ อย่างไม่ตอ้ งสงสัย
เลย!
บุรุษบ้าคลัง่ ผูม้ ีพลังฝี มือเป็ นที่น่าเกรงขาม ผูไ้ ม่หวาดเกรง
จักรวรรดิเทพหงสาแม้แต่นอ้ ย ผูใ้ ดก็ตามที่ตอแยมัน ล้วนไม่ต่าง
จากการนําพามาซึ่งการทําลายล้างสู่ ตนเอง!
เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนมัน่ ใจในการตัดสิ นใจของตนเองในยามนี้
แม้หยุนเช่อจะเหยียบยํา่ ศักดิ์ศรี ท้ งั มวลของพรรคตระกูลเซี่ยวไว้
ใต้ฝ่าเท้า มันจะยังคงแย้มยิม้ ต้อนรับชายหนุ่ม โอนอ่อนผ่อนตาม
โดยไม่กล้าต่อต้านแม้แต่นอ้ บ
บัวปี ศาจผลาญดาราเบ่งบานแผ่ขยายอย่างต่อเนื่องเข้าหาเฟิ ง
ซี เฉิ น หลังจากกลืนกินเขตแดนวิหคเทวะของเฟิ งซีเฉิ นจนหมด
สิ้ น
เปลวไฟทั้งหมดที่ถูกจุดขึ้นมาคือไฟเทพหงสา เฟิ งซีเฉิ น
สามารถสัมผัสได้ถึงข้อนี้อย่างชัดเจนจากพลังของหยุนเช่อ ทว่า
แม้ท้ งั สองจะเป็ นอัคคีแห่งเทพหงสา แต่ความร้อนแรงแผดเผา
รวมทั้งรัศมีกดดันเกินต้านทานของเพลิงเทพหงสาจากหยุนเช่อก
ลับสามารถส่ งผลให้ท้ งั ร่ างกายและสายโลหิ ตภายในร่ างของเฟิ งซี
เฉิ นสัน่ สะท้านเกินควบคุมขึ้นมาโดยพร้อมเพรี ยง ร่ างกายของมัน
เดิมเข้ากันกับเพลิงเทพหงสาอย่างยิง่ แต่ก่อนที่เพลิงเทพหงสา
ของหยุนเช่อจะสามารถสัมผัสผิวกาย ม่านพลังคุม้ ครองกายของ
มันกลับบิดเบี้ยวอย่างรุ นแรง ผิวหนังชั้นนอกของมันรู ้สึกราว
กําลังถูกเผาผลาญจนเนื้อหนังหลุดลอกออก
ชัว่ เวลานี้ จิตวิญญาณของเฟิ งซีเฉิ นแทบล่มสลาย
“เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้! หยุนเช่อเพียงเป็ นเด็กนอก
คอก เป็ นลูกสําส่ อนชั้นลมปราณปฐพีเท่านั้น มันจะเอาชนะองค์
ชายแห่งราชวงศ์เทพหงสาได้เยีย่ งไร!! ตาย!!”
ชุดยาวของเฟิ งซีเฉินพัดพลิ้ว เปลวไฟเทพหงสาแดงกํ่า
ร้อนแรงลุกโชติช่วงขึ้นมาบนร่ างกายของมันอีกครั้ง ทว่าก่อนที่
กลุ่มก้อนเปลวไฟนั้นจะมีโอกาสได้ปะทุ เพลิงปี ศาจผลาญดารา
ของหยุนเช่อกลับท่วมท้นเข้าหาราวทะเลคลัง่ กลบบดบังเฟิ งซี
เฉิ นจนหมดสิ้ น
เพียงระยะเวลาห้าลมหายใจ เพลิงเทพหงสาที่เฟิ งซีเฉิ น
พยายามจุดขึ้นอีกครั้งกลับถูกสะกดข่มจนสลายหายไปจนสิ้ นซาก
กระทัง่ ม่านพลังปราณคุม้ กายของมันยังหลอมละลาย เฟิ งซีเฉิน
พลันตกอยูใ่ นสภาวะอันตื่นตระหนก ความรู ้สึกตระหนักถึงหายน
ภัยร้ายแรงถึงชีวติ บังเกิดขึ้นแก่มนั เป็ นครั้งแรกในชีวติ มันครํ่า
ครวญคราหนึ่ง ก่อนจะเกร็ งพลังทัว่ ร่ างกายล่าถอยหลบหลีกเพลิง
ปี ศาจผลาญดาราออกมาด้วยความรวดเร็ วที่สุดเท่าที่จะทําได้ แต่
ก่อนที่มนั จะทันได้มีเวลากลับมาสู ดหายใจ ร่ างของหยุนเช่อพลัน
ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามันอีกครั้งราวภูติพราย สองมือของชาย
หนุ่มกวัดแกว่งกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร ฟาดทําลายลงมายังตําแหน่ง
ทรวงอกของเฟิ งซีเฉิน
องครักษ์พรรคเทพหงสาดําแดงทั้งสองต่างแตกตื่นจนไร้สติ
หลายครั้งคราตั้งแต่พบเห็นว่าเพลิงเทพหงสาของเฟิ งซีเฉิ นถูก
ทําลาย เมื่อเห็นสถานการณ์คบั ขันขององค์ชาย พวกมันกลับ
กลายเป็ นสี หน้าซี ดเผือดด้วยหวาดหวัน่ ต่างรํ่าร้องตะโกนก้อง
ออกมาโดยพร้อมเพรี ยง “หยุดมือ!!”
ภายใต้เสี ยงคํารามกึกก้อง ชายชราทั้งสองเร่ งทะยานร่ าง
ออกมาพร้อมกันโดยมิได้นดั หมาย ทว่าชัว่ เวลาที่พวกมันลงมือ
ทัว่ ร่ างพลันกลับกลายเป็ นเย็นเยียบ การเคลื่อนไหวทั้งหมด
เชื่องช้าติดขัดโดยกะทันหัน เงาร่ างสี ขาวบริ สุทธิ์เงาร่ างหนึ่งพลัน
พร่ าเลือน เซี่ ยฉิ งเยว่ผสู ้ วมใส่ ผา้ คลุมหน้าสี ขาว โดยมีจิตวิญญาณ
หิ มะนํ้าแข็งรายล้อมรอบกายปรากฏตัวขึ้นปิ ดกั้นหนทางของพวก
มันทั้งสอง หญิงสาวกล่าววาจาอย่างเฉื่ อยชาว่า “ผูอ้ าวุโสท่าน
ต้องการใช้พวกมากเข้ากลุม้ รุ มรังแกผูเ้ ยาว์หรื อ?”
มองเห็นเด็กสาวอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี ผูห้ นึ่งพลันปรากฏกายเข้า
กั้นขวาง ชายชราทั้งสองคํารามอย่างเยาะหยัน “เด็กสาวเช่นเจ้า
กล้าขวางทางเราผูอ้ าวุโส!? หาที่ตาย!”
ไม่ทนั กล่าวจบคํา ผูอ้ าวุโสชุดแดงฟาดฝ่ ามือออก ส่ งเปลว
ไฟเทพหงสาพรั่งพรู เข้าใส่ เซี่ยฉิ งเยว่ พยายามใช้พลังกดดันนาง
หลีกทางไป ทว่าเพลิงเทพหงสาไม่ทนั เฉียดกรายร่ างของหญิงสาว
เปลวไฟทั้งหมดพลันนิ่งค้างอยูก่ บั ที่ จากนั้นสลายหายไปอย่าง
รวดเร็ ว ทั้งยังกลายสภาพเป็ นเพียงเศษนํ้าแข็งร่ วงพร่ างพรู ลงสู่
เบื้องล่าง
ภายในใจของอาวุโสชุดแดงและชุดดําทั้งคู่สน่ั สะท้านอย่าง
รุ นแรง พวกมันมิอาจเชื่อสายตาตนเองได้ ขณะเดียวกัน พลังงาน
ความเย็นยะเยือกราวขุมนรกเยือกแข็งสายหนึ่งแล่นจู่โจมเข้าหา
ส่ งผลให้ร่างกายของพวกมันแข็งค้างอย่างฉับพลัน จิตวิญญาณ
นํ้าแข็งรอบกายของเซี่ยฉิ งเยว่เริ งระบํา ส่ งผลให้พ้นื ดินระหว่าง
ชายชราชุดดําและชุดแดงปรากฏพฤกษาขนาดยักษ์ที่ก่อร่ างจาก
ผลึกนํ้าแข็งทะลวงขึ้นจากพื้น งอกเงยทะยานขึ้นสู่ เบื้องบนอย่าง
รวดเร็ วเพียงพริ บตา ปรากฏใบไม้หิมะนํ้าแข็งจํานวนมหาศาลเกิน
จะนับกระจัดกระจายไปทัว่ บริ เวณ ถักทอเป็ นตาข่ายนํ้าแข็ง ล้อม
กักผูอ้ าวุโสดําแดงทั้งสองไว้ภายใน
ความหนาแน่นหนักหน่วงของมวลความเย็นที่ครอบคลุม
ร่ างกายของผูอ้ าวุโสทั้งสองเกินกว่าจินตนาการของพวกมันอย่าง
ใหญ่หลวง พวกมันเร่ งจุดเพลิงเทพหงสาขึ้นเพื่อต่อต้าน ทว่า
ภายในกิ่งก้านหิ มะนํ้าแข็งที่ถกั ทอประสาน เปลวไฟของพวกมัน
ถูกดับลงทันทีที่จุดขึ้น เปลวเพลิงบางกลุ่มถึงกับถูกเยือกแข็ง
กลายเป็ นผลึกนํ้าแข็งอันบริ สุทธิ์สดใสในพริ บตา
เมื่อธาตุน้ าํ แข็งเข้มข้นเพียงพอ ย่อมสามารถลบล้างเพลิง
แห่งเทพหงสาได้โดยธรรมชาติ ปราณอัคคีเองล้วนสามารถถูก
เยือกแข็งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกมันล้วนมิเคยได้ฟังมาว่าเพลิง
เทพหงสาสามารถถูกเยือกแข็งได้! ผูค้ นทั้งสองที่ถูกกักขังไว้
ภายในกิ่งหิ มะใบนํ้าแข็งต่างพยายามดิ้นรนขัดขืนจนสุ ด
ความสามารถ หากแม้จะร่ วมมือกันบุกทะลวง ยังคงไม่อาจ
ออกมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น กลับกัน ร่ างกายของพวกมันยิง่
มายิง่ ถูกแช่แข็ง กระทัง่ โลหิ ตในร่ างยังแทบไม่อาจไหลเวียนได้
เหม่อมองไปยังร่ างของซี่ยฉิงเยว่ที่อาบไล้ไปด้วยจิตวิญญาณ
นํ้าแข็งราวเทพธิดาหิ มะที่ล่องลอยลงสู่แดนมนุษย์ ความตื่น
ตระหนกภายในใจของพวกมันท่วมท้นจนไม่อาจเพิ่มพูนขึ้นกว่า
นี้ได้...
บุคคลที่มีพลังฝี มือน่าหวาดหวัน่ ถึงขั้นนี้ เหตุใดจึงสามารถ
บังเกิดขึ้นในอาณาจักรวายุครามที่มีขมุ อํานาจอ่อนด้อยที่สุดใน
ทวีปลมปราณฟ้าได้! เพียงหยุนเช่อผูเ้ ดียวล้วนนับว่าแหก
กฏเกณฑ์ความเข้าใจพื้นฐานทั้งมวล และเด็กสาวผูน้ ้ ี เห็นได้ชดั ว่า
นางล้วนไม่ต่างจากหยุนเช่อเท่าใด นี่ช่างน่าหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง
ถึงเพียงไหน!! เป็ นไปได้หรื อไม่วา่ หลายปี ที่ผา่ น เป็ นอาณาจักร
วายุครามที่เก็บซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ตลอดมา?
ความตื่นตกใจอย่างต่อเนื่องที่พวกมันได้รับ ส่งผลให้
กําเนิดความคิดอันแปลกประหลาดนี้ข้ ึนมาอย่างไม่อาจควบคุม
ทางด้านหนึ่ง ทัณฑ์มงั กรของหยุนเช่อกําลังบดขยี้อย่าง
รุ นแรง เข้าใส่ ร่างของเฟิ งซีเฉิน
พลังฝี มือที่เข้มแข็งที่สุดของหยุนเช่อ แน่นอนว่าย่อมมิใช่
เพลิงเทพหงสา ทว่าเป็ นกระบี่หนัก แต่เฟิ งซีเฉิ นย่อมไม่ทราบ
เรื่ องราวนี้ หากมันทุ่มเทหลบหลีกด้วยความสามารถทั้งหมด มัน
ย่อมสามารถหลบหลีกรอดพ้นได้ แม้วา่ มันจะถูกตอกกลับอย่าง
หมดจดโดยเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ มันยังคงเชื่อมัน่ อย่างดื้น
รั้นไร้เดียงสา ว่าเพลิงเทพหงสาคือพลังฝี มือที่เข้มแข็งที่สุดของ
ชายหนุ่ม อย่างไรเสี ย พลังยุทธ์ของหยุนเช่อเพียงอยูช่ ้ นั ปราณ
ปฐพีเพียงเท่านั้น มันย่อมไม่มีทางเชื่อมัน่ ว่า พลังฝี มือของผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพีผหู ้ นึ่ง จะสามารถเหนือลํ้ากว่ามันไปได้ สี หน้า
ของมันแปรเปลี่ยนเป็ นเคร่ งขรึ ม พัดหยกขาวในมือกวาดขวางเข้า
ปะทะโดยตรงกับกระบี่หนักของหยุนเช่อที่ผา่ ลงมาโดยไม่ออมรั้ง
ยั้งมือใดๆ
แม้แต่หลิงเทียนหนี่ผมู ้ ีระดับพลังยุทธ์ข้นั ที่หกชั้นลมปราณ
จักรพรรดิ ผูส้ ะสมพลังยุทธ์จนเปี่ ยมล้นมากว่าหลายร้อยปี ยัง
หลีกเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้ากับกระบี่หนักของหยุนเช่ออย่างถึง
ที่สุด ทว่าเฟิ งซีเฉิ นผูม้ ีพลังชั้นลมปราณจักรพรรดิข้นั สองกลับ
เลือกปะทะหักหาญตรงๆ ใช้พลังความเข้มแข็งปะทะแกร่ งกร้าว!
ชัว่ วินาทีที่ทณั ฑ์มงั กรกระทบเข้ากับพัดหยกขาว ปรากฏเสี ยง
แคร็ กดังคราหนึ่ง พัดหยกที่ประดับด้วยผลึกแก้วอัคคีอนั ลํ้าค่า
จํานวนมหาศาลแตกหักเป็ นเศษชิ้นส่ วนในพริ บตา กระบี่ทณ ั ฑ์
มังกรยังคงไม่หยุดยั้งชะงัก หากแต่กดกระแทกลงเข้าใส่ ทรวงอก
ของเฟิ งซีเฉิ นอย่างถนัดถนี่
เปรี้ ยง!!!
ปราณคุม้ กายของเฟิ งซีเฉิ นพลันแตกสลายลงโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกัน ประกายแสงสะท้อนขึ้นวูบหนึ่งจากร่ างของมัน
ปรากฏเสี ยงรํ่าร้องของวิหคเพลิงพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าพร้อมด้วย
ประกายแสงแห่งเปลวไฟ จากนั้น ทรวงอกของเฟิ งซีเฉิ นพลัน
บังเกิดรอยประทับตราสัญลักษณ์อนั ละเอียดอ่อนซับซ้อน
เรื องรองขึ้นก่อนจะหายวับไป...พลังทําลายในทัณฑ์มงั กรเองล้วน
อันตรธานหายไปกว่าเจ็ดส่ วนในชัว่ เสี้ ยววินาทีน้ ี ก่อนจะบังเกิด
พลังกระแทกสะท้อนสายหนึ่งระเบิดย้อนใส่ หยุนเช่อ ส่ งร่ างของ
ชายหนุ่มกระเด็นออกห่างไกล
“เป็ นเกราะปราณอารักษ์ช้ นั จักรพรรดิแห่งพรรคเทพหงสา
...เสื้ อคลุมสมบัติเทพหงสา!” หลิงหยุนกล่าวพึมพําท่ามกลางฝูง
ชน “สมบัติเทพหงสาเช่นนี้มีเพียงสิ บสองชิ้นในพรรคเทพหงสา
...ไม่คาดว่าหนึ่งในสิ บสองชิ้นนั้นจะอยูบ่ นร่ างของมันจริ งๆ !”
แม้พลังทําลายจะถูกลดทอนไปกว่าเจ็ดในสิ บส่ วน เฟิ งซี
เฉิ นยังคงรู ้สึกราวทรวงอกถูกทุบด้วยค้อนยักษ์หนักกว่าห้าแสน
กิโลกรัม มันกระอักโลหิ ตพวยพุง่ ออกเป็ นเส้นสาย ร่ างลอยคว้าง
ไปด้านหลัง โลหิ ตสดๆ พร่ างพรมทัว่ ท้องฟ้า ทรวงอกของมัน
เลอะเปรอะเปื้ อนไปด้วยรอยเลือดเป็ นด่างดวง
ลูกตาของผูอ้ าวุโสชุดดําและชุดแดงที่ถูกกักล้อมด้วย
พฤกษาเยือกแข็งบรรจบแทบถลนออกนอกเบ้า...พวกมันย่อม
ทราบดีวา่ เฟิ งซีเฉิ นสวมใส่ เสื้ อเกราะสมบัติเทพหงสา เมื่อมีปราณ
คุม้ กายชั้นจักรพรรดิ รวมกับเสื้ อเกราะสมบัติเทพหงสาอันเลื่อง
ชื่อทัว่ แดนลมปราณฟ้า ทว่ากลับยังถูกโจมตีจนปลิวลิ่วพร้อม
กระอักโลหิ ตคําโตเช่นนี้...พวกมันแทบไม่อาจทําใจเชื่อ ไม่ทราบ
กระบี่น้ นั ของหยุนเช่อแอบแฝงพลังอันน่าหวาดหวัน่ ถึงขั้นใด
นี่คือหยุนเช่อที่พวกมันไม่เคยเห็นอยูใ่ นสายตาผูน้ ้ นั เด็ก
หนุ่มที่พวกมันมองเป็ นเพียงลูกสําส่ อนนอกคอกตลอดมา?
มันมีพลังฝี มือน่ าตระหนกถึงเพียงนีไ้ ด้ อย่ างไร!! นี่มนั เรื่ อง
บ้ าบออันใดกันแน่ !!
“ฝ่ าบาท!!”
ตูม!!
ชายชราทั้งสองคํารามออกมาโดยพร้อมเพรี ยง อัคคีเทพหง
สาอันร้อนแรงลุกท่วมร่ างของทั้งสองอย่างบ้าคลัง่ แผดเผา
พฤกษาศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบได้ในที่สุด พวกมันไม่แยแส
สนใจสิ่ งใดอีกต่อไป ต่างทะยานร่ างอย่างเร่ งร้อนเข้าพยุงองค์ชาย
เฟิ งซีเฉิ นขึ้นจากพื้น
สายตาของเฟิ งซีเฉินกลับกลายเป็ นเลื่อนลอย ทัว่ ร่ าง
ปราศจากปฏิกิริยาตอบสนองใด ด้วยการป้องกันของเสิ้อคลุม
สมบัติเทพหงสา บาดแผลของมันไม่หนักหนาเท่าใดนัก หาก
อาการบาดเจ็บทางจิตใจนับว่าร้ายแรงกว่านับพันเท่า มันคือองค์
ชายผูส้ ู งศักดิ์น่าเกรงขามจากแดนเทพหงสา เป็ นตัวตนที่สามารถ
บดบังทัว่ ท้องทวีปลมปราณฟ้าได้ดว้ ยฝ่ ามือเดียว สําหรับกับ
อาณาจักรเล็กจ้อยเช่นวายุคราม มันสามารถกระทําการตาม
อําเภอใจ กระทัง่ สามารถหมิ่นแคลนจักรพรรดิวายุครามได้
สามารถใช้มือเดียวบดขยี้เหล่าพรรคสํานักทรงอิทธิพลทั้งมวล
ตามความพอใจ ไม่วา่ ผูใ้ ด ล้วนไม่กล้าต่อต้านมันแม้แต่นอ้ ย
เมื่อมาถึงอาณาจักรวายุคราม มันวางตัวสูงส่ งเหนือผูค้ น
ตลอดมา ทุกสถานที่ที่เดินผ่าน ที่มนั มองเห็นมีเพียงมดปลวก
กระจ้อยร่ อยเท่านั้น
ทว่า ณ ที่น้ ี มันกลับถูกทุบตีอย่างสาหัสโดยไม่อาจทํา
อย่างไรได้จากเด็กหนุ่มอายุเยาว์กว่ามัน พลังยุทธ์ดอ้ ยกว่ามัน ทั้ง
ยังถูกมันเรี ยกเป็ น “ลูกสําส่ อน” ทั้งหมดนี้ส่งผลให้มนั --- องค์ชาย
แห่งจักรวรรดิเทพหงสา และกระทัง่ หน้าตาของจักรวรรดิเทพหง
สา ถูกกดกระแทกลงบนพื้นดิน
“ไป...เดี๋ยวนี้!!” เฟิ งซีเฉิ นกัดฟันขู่คาํ ราม มันไม่หนั หลัง
กลับไป บุรุษที่ถูกหยามหยันจนสู ญเสี ยซึ่งศักดิ์ศรี ท้ งั หมด มัน
ล้วนไม่มีหน้าตาอยูต่ ่อไปได้แม้เพียงชัว่ เสี้ ยวนาที
ชายชราชุดดําและชุดแดงต่างไม่กล่าววาจาใด ทั้งสองหัน
กลับมาจ้องมองยังหยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่โดยพร้อมเพรี ยงครา
หนึ่ง ก่อนจะตระเตรี ยมพยุงร่ างเฟิ งซีเฉินจากไป
“ไม่รวดเร็ วถึงเพียงนั้น!”
ชัว่ วินาทีที่เท้าของพวกมันเพิ่งยกขึ้น นํา◌้เสี ยงเย็นชาราว
นํ้าแข็งของหยุนเช่อพลันดังขึ้นจากทางด้านหลัง “พวกเจ้าต้องการ
จากไป? ฮ่า! ข้าอนุญาตเจ้าจากไปหรื อยัง?! เจ้าบุกรุ กเข้ามาโดย
ปราศจากเทียบเชิญ ไม่เพียงทําลายโถงพิธีแต่งงานของข้า ยังหมิ่น
หยามสายเลือดในตัวข้า ทั้งยังล่วงเกินข้าด้วยเจตนาสังหาร ทว่า
เจ้ากลับคิดจากไปง่ายดายเพียงนี้? เจ้าคิดว่าสถานที่ของข้าเป็ น
สนามเด็กเล่นที่คิดมาก็มา คิดไปก็ไปงั้นรึ ?!”
ชัว่ เวลาที่คาํ กล่าวของหยุนเช่อดังออก ชางว่านเฮ่อและทุก
ผูค้ นต่างตกตะลึงภายในใจอย่างใหญ่หลวง เมื่อกลุ่มของเฟิ งซีเฉิ น
จากไป ทั้งหมดเดิมทีทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดหวังอย่างบ้า
คลัง่ ให้พวกมันจากไปโดยดี นี่นบั เป็ นบทสรุ ปที่ดีที่สุดที่พวกมัน
ไม่กล้าคาดคิดมาก่อนด้วยซํ้า แต่คาดไม่ถึงว่า เมื่อพวกมันทั้งสาม
กําลังจากไป หยุนเช่อกลับปรารถนาให้ท้ งั สามรั้งอยู่
ชายชราชุดดําและชุดแดงทั้งสองชะงักเท้า อาวุโสชุดดําหัน
กายกลับมาพร้อมเย้ยหยัน “หยุนเช่อ! เจ้าคิดจริ งๆ หรื อว่าพรรค
เทพหงสาเราเป็ นตัวตนที่เจ้าสามารถจ่ายค่าตอบแทนที่ล่วงเกิน
ได้?”
“พรรคเทพหงสา?” หยุนเช่อพลันกล่าวเย้ยหยัน “ไม่วา่ เจ้า
จะเป็ นพรรคเทพหงสาหรื อพรรคมารไก่ฟ้าอันใด เมื่อมาล่วงเกิน
ข้า ข้าจะให้เจ้าได้จ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสมจนมิอาจลืมเลือนได้
ชัว่ ชีวติ ข้าไม่ทราบ และไม่จาํ เป็ นต้องทราบในตอนนี้ เนื่องเพราะ
เวลานี้ เพียงสามารถจ่ายค่าตอบแทนที่ล่วงเกินเจ้าทั้งสามได้ก็
เพียงพอแล้ว!”
“เจ้าต้องการไป? ได้!” หยุนเช่อยืน่ เหยียดฝ่ ามือออก ยกนิ้วชี้
ไปยังเฟิ งซีเฉิ น “ทิ้งแขนขวาและขาขวาของมันไว้ จากนั้น พวก
เจ้าจึงไสหัวไปได้!”
บทที่ 371 การกดขี่

วาจาของหยุนเช่อทําเอาทั้งสามคนจากพรรคเทพหงสา…
และทุกคนที่อยูร่ อบด้านล้วนแต่คิดว่าหูของตนเพี้ยนไปแล้วหรื อ
อย่างไร พรรคเทพหงสาที่น่าพรั่นหรึ ง ตัวตนอันสูงส่ งผูเ้ รื อง
อํานาจบนทวีปลมปราณฟ้ากลับถูกชายหนุ่มจากดินแดนเล็กๆ
อย่างจักรวรรดิวายุครามข่มขู่ให้ทิ้งมือเท้าไว้อย่างละข้าง มิตอ้ งพูด
ถึงว่าเคยพบเห็นหรื อได้ยนิ แค่จินตนาการก็มิเคยมีผใู ้ ดกระทํา
แล้ว ในฐานะจักรพรรดิของจักรวรรดิวายุคราม ชัว่ ชีวติ ชางว่าน
เฮ่อพบเผชิญเรื่ องต่างๆมานับไม่ถว้ น และยังผ่านวิกฤตเฉี ยดตาย
มาแล้ว ทว่าทันทีที่มนั ได้ยนิ คําพูดเหล่านี้ มันก็ตะลึงจนใจเต้นไม่
เป็ นสํ่า
เส้นผมของทั้งสามจากพรรคเทพหงสาลุกตั้งขึ้นกว่าเดิม
ปรากฎประกายเพลิงพวกพุง่ ไปทัว่ ขณะที่ศีษะของพวกมันแทบ
จะระเบิดออกด้วยโทสะ ชายชราชุดแดงชี้หน้าหยุนเช่อก่อนจะ
เอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงเกรี้ ยวกราดอย่างที่สุด “ไอ้เด็กเปรต! เจ้า… เจ้าถึง
กลับกล้าข่มขู่องค์ชายจักรวรรดิเทพหงสาเรา! องค์ชายเป็ นคน
ของพรรคเทพหงสา และยังเป็ นองค์ชายสิ บสามของจักรวรรดิ
เทพหงสา!! ข้าท้าให้เจ้าลองแตะต้องเส้นผมองค์ชายซักเส้นดู!!”
ศีรษะชางว่านเฮ่อเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ขณะที่มนั กําลังจะ
ก้าวออกไปเปิ ดปาก มันพลันได้ยนิ เสี ยงหัวเราะเย็นชาของหยุ
นเช่อ “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึ ? เหอะ… ข้าเดี๋ยวข้าจะแตะให้เจ้าดู
เอง!”
ก่อนจะสิ้ นเสี ยง หยุนเช่อก็ทะยานร่ างออกไปแล้ว กระบี่
ทัณฑ์มงั กรโหบคลื่นพลังลมปราณมหาศาลขณะฟาดเข้าใส่ ท้ งั
สามคนพร้อมกับเสี ยงมังกรคํารามที่สะท้านถึงวิญญาณ
คิ้วเรี ยวของเซี่ยฉิ งเยว่กระตุกเล็กน้อยขณะนางทะยานร่ าง
ขึ้น… คู่ต่อสู ม้ ีถึงสามคน หนึ่งบรรลุพลังลมปราณชั้นจักรพรรดิ
ขั้นสองและขั้นสามอีกสองคนซํ้าทุกคนยังมีสายเลือดเทพหงสา
นางเกรงว่าจะตึงมือหยุนเช่ออยูบ่ า้ งหากมันรับมือคนเดียว แต่
ก่อนที่นางจะได้เอ่ยปาก หยุนเช่อพลันคํารามกึกก้องจนได้ยนิ ไป
ทัว่ “ห้ามผูใ้ ดสอดมือเป็ นอันขาด!”
เซี่ ยฉิ งเย่วชะงักร่ าง หลังจากครุ่ นคิดเล็กน้อยนางก็ตวัดมือ
ออก บังเกิดกําแพงนํ้าแข็งโปร่ งใสขนาดยักษ์จากพื้นดินเข้า
ล้อมรอบหยุนเช่อและคนจากพรรคเทพหงสาทั้งสามไว้อย่าง
รวดเร็ วเพือ่ ไม่ให้ผคู ้ นรอบด้านต้องโดนลูกหลงยามพวกมัน
ปะทะกัน
แม้เวลาเพิง่ จะผ่านพ้นมาไม่ถึงสองเดือน เคล็ดศักดิ์สิทธิ์
เยือกแข็งบรรจบของเซี่ยฉิ งเยว่กร็ ุ ดหน้าขึ้นอีกขั้น
ชายชราทั้งชุดดําและแดงบัดนี้ลว้ นแต่มน่ั ใจว่าหยุนเช่อตรง
หน้าผูน้ ้ ีเป็ นแค่คนเสี ยสติเท่านั้น!!
แรงกดดันมหาศาลของจักรวรรดิเทพหงสาของพวกมัน
กลับไม่มีผลต่อชายหนุ่มแม้แต่นอ้ ย! ในทวีปลมปราณฟ้านี้มีเพียง
คนบ้าเท่านั้นที่จะทําเหมือนจักรวรรดิเทพหงสาของพวกมันไม่มี
ตัวตน! และมีแค่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าลงมือทําร้ายองค์ชาย
จักรวรรดิเทพหงสาโดยไม่ออมมือ!
“ไอ้หนู… เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!!”
โทสะโหมกระพือคนทั้งสอง ชายชราชุดดําสาวเท้าไปเบื้อง
หน้าขณะในมือปรากฎหอกยาวสี ดาํ สนิท อัคคีโหมลุกขึ้นบนตัว
หอกราวกับอสรพิษเพลิงกําลังบิดตัว
ร่ างของชายชราชุดดําทะยานออกอย่างว่องไวประดุจ
สายฟ้า ปลายหอกมุ่งตรงเข้าสู่ จุดสําคัญบนทรวงอกหยุนเช่อขณะ
เงาร่ างมันพร่ ามัวและทิ้งประกายเพลิงสี ชาดไว้เป็ นทาง เสี ยง
อากาศปะทุผสานกับเสี ยงร้องเสี ยดหูของวิหคเพลิงดังเข้าสู่โสต
ประสาทของฝูงชน
สี หน้าของหยุนเช่อยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ร่ างมันยังไม่
เปลี่ยนทิศทาง แววตาเย็นเยียบดุจนํ้าแข็ง คลื่นกระบี่หนักที่ดุดนั
ยิง่ พลันปะทุดว้ ยเพลิงเทพหงสาสี ชาด แม้คลื่นพลังขุมนี้จะมิได้
เฉี ยบคม แต่แรงกดดันของมันก็ราวกับอัสนีบาตที่ผา่ ลงสู่ ดิน
ขณะที่ท้ งั สองอยูห่ ่างกันไม่ถึงห้าฟุต ชายชราชุดดําก็พลัน
สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของคลื่นพลังจากหยุนเช่อ มันเข้าใจ
ในทันทีวา่ เหตุใดเฟิ งซี เฉิ นที่สวมใส่ สมบัติเทพหงสาบนร่ างยัง
บาดเจ็บสาหัสในกระบี่เดียว ทันทีที่มนั หายตะลึง มันก็ไม่เหลือ
เวลาจะเปลี่ยนท่าร่ างอีกและทําได้เพียงเตรี ยมใจรับมือซึ่งหน้า
เท่านั้น
ตูม!!!
เพลิงเทพหงสาบนตัวหอกถูกกดดันด้วยพลังของกระบี่
หนักจนสลายไป ตัวหอกเองก็ถูกแรงกระแทกซัดจนงอแทบหัก
ชายชราชุดแดงเบื้องหลังมันเองก็ตกใจยิง่ มันทราบถึงพลังใน
เพลงหอกของชายชุดดําดี มันเองก็เคยเห็นพลังที่น่าตกใจของหยุ
นเช่อมา แต่มนั ไม่เคยคาดคิดเลยว่าหยุนเช่อจะสามารถทําลาย
กระบวนท่าสังหารของชายชราชุดดําได้อย่างง่ายดายปานนี้
พลังของกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรก็ชะงักไปวูบหนึ่งด้วยแรงปะทะ
ขณะที่เพลิงเทพหงสาพลันปะทุข้ ึนพุง่ เข้าใส่ ชายชราชุดดํา
ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง มันถอนร่ างกลับอย่างรวดเร็ ว
ยิง่ ก่อนจะกัดฟันส่ งเสี ยงคํารามกึกก้องขว้างหอกในมือออกแล้ว
จุดเพลิงอันแน่นหนาขึ้นทัว่ ร่ าง อากาศรอบด้านพลันบิดเบี้ยวยิง่
กระทัง่ ผืนดินเบื้องล่างยังถูกเผาจนเป็ นสี แดงราวกับชายชราชุดดํา
ถูกโลหิ ตชโลมทัว่ ร่ าง
“ฮ่ าาห์ !!”
เปลวเพลิงที่เข้มข้นดุจโลหิ ตพลันปะทุออกกลายเป็ น
อสรพิษอัคคีที่วอ่ งไวดุจสายฟ้าพุง่ ทะยานไปเบื้องหน้า
เปรี๊ ยะ! เปรี๊ ยะ! ฟู่ ววว…
ประกายเพลิงสี โลหิ ตเข้าสกัดเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ
จนกระจายไปทีละน้อย หากเป็ นเพียงเพลิงเทพหงสาของหยุนเช่อ
อย่างเดียว ก็ยงั อาจเป็ นไปได้ที่จะสลายมันไปจนหมดสิ้ น ทว่าสิ่ ง
ที่มากับเพลิงเทพหงสาคือคลื่นพลังของกระบี่หนักที่ไม่อาจต้าน
ติด
คลื่นกระบี่หนักเบื้องหลังพลันถาโถมเข้าใส่ ในพริ บตา
ต่อมาพร้อมกับเพลิงเทพหงสา เพียงเสี้ ยววินาทีมนั ก็กลืนกินและ
ทลายเพลิงสี โลหิ ตอันเข้มข้นราวกับอสรพิษยักษ์ที่ไร้ทางต่อกร…
ก่อนที่ในดวงตาของชายชราชุดดําจะสะท้อนภาพกระบี่หนักฟาด
เข้าใส่ ทรวงอกมันอย่างรุ นแรง ทะลวงม่านปราณคุม้ กายเข้าสู่ ร่าง
และเส้นชีพจรอย่างง่ายดาย
ชายชราชุดดําพลันหน้าซีดเผือด มันถอยเท้ากลับหลายสิ บ
ก้าว แขนขาสัน่ สะท้านขณะทวารบนใบหน้าปรากฎโลหิ ตไหล
ริ น เสื้ อผ้ามันถูกแผดเผาจนเป็ นเถ้าถ่านและผิวกายที่เผยออกก็ถูก
เผาไหม้จนดําเกรี ยมเกือบหมดเช่นกัน นับเป็ นสภาพน่าอดสู จน
ยากจะบรรยายได้
เหล่าผูช้ มล้วนแต่เงียบสงัด ไม่ใช่เพียงเฟิ งซีเฉิ น แม้แต่สอง
ผูอ้ าวุโสระดับผูค้ ุม้ กันจากพรรคเทพหงสายังถูกหยุนเช่อฟาดจน
บาดเจ็บในสามกระบวนท่า และยังเป็ นอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้าง
รุ นแรงอีกด้วย
พลังฝี มือของหยุนเช่อนับว่าน่ากลัวกว่าที่เล่าลือกันมากนัก!
เหล่าฝูงชนไม่อาจจินตนาการถึงขีดจํากัดของชายหนุ่มได้เลย
ยามก่อนในแดนเพลิงคราม พลังลมปราณของหยุนเช่อบรร
ลุเข้าสู่ ช้ นั ปราณปฐพีข้นั เจ็ด แต่มนั เพียงบรรลุถึง แต่ยงั มิได้ปรับ
สภาพลมปราณ หลังจากสองเดือนผ่านไป พลังลมปราณของหยุ
นเช่อในระดับชั้นปราณปฐพีข้ นั เจ็ดก็สมดุลจนเกินปกติแล้ว และ
ยังเริ่ มที่จะก้าวขึ้นสู่ ระดับชั้นต่อไป เสริ มด้วยเรื่ องที่มนั ยังคงทาน
เนื้อมังกรเป็ นอาหารทุกวันในช่วงเวลาสองเดือนนี้ ร่ างกายของ
มันเองก็เข้มแข็งขึ้นมาก พลังฝี มือของชายหนุ่มในยามนี้เหนือลํ้า
กว่าตอนที่ปะทะกับหลิงเทียนหนี่มากนัก
หากหลิงเทียนหนี่ปะทะกับมันอีกครั้งตอนนี้ มันย่อมต้อง
ตกใจกับความเร็ วในการพัฒนาของชายหนุ่มแน่ และการพัฒนานี้
ยังเกิดขึ้นทั้งที่พลังลมปราณของมันมิได้กา้ วข้ามระดับชั้นอีกด้วย
ใบหน้าของชายชราชุดดําบัดนี้กลายเป็ นสี แดงดุจตับหมู
การถูกทําร้ายจนบาดเจ็บเป็ นเรื่ องรอง แต่มนั ที่เป็ นถึงผูค้ ุม้ กันแห่ง
พรรคเทพหงสาอันทรงเกียรติกลับถูกผูเ้ ยาว์จากจักรวรรดิวายุ
ครามอันตํ่าต้อยทําร้ายจนบาดเจ็บในสามกระบวนท่า และยัง
เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนในที่น้ ี ในฐานะผูค้ ุม้ กันของพรรคเทพ
หงสาอันสู งส่ งและเย่อหยิง่ หน้าตาย่อมสําคัญกว่าชีวติ และใน
วันนี้ เรี ยกได้วา่ ใบหน้าชราของมันก็ราวกับถูกฝ่ าเท้าเหยียบยํา่
ขณะที่มนั กุมหน้าอกไว้ ร่ างของชายชราชุดดําก็สน่ั สะท้าน ส่วน
ชายชราชุดแดงข้างกายมันก็มีสีหน้ามืดหม่นยิง่ ทว่าหยุนเช่อกลับ
ไม่มีทีท่าจะหยุดมือแม้แต่นอ้ ย มันทะยานร่ างพร้อมกับลากกระบี่
ทัณฑ์มงั กรเข้าใส่ อีกครั้ง
“เพลิงเทพหงสาผลาญฟ้า!”
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลอันน่ากลัว ทั้งชายชรา
ชุดดําและแดงไม่อาจห่วงหน้าตาตนเองได้อีกต่อไปและลงมือ
พร้อมกัน คลื่นอัคคีสายแล้วสายเล่าพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งนภา กระทัง่
มิติเองก็ราวกับจะถูกแผดเผาจนเปิ ดออก… สองผูค้ ุม้ กันระดับ
ปราณจักรพรรดิแห่งพรรคเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่ลงมือพร้อมกัน
สุ ดกําลังนั้นจะทรงพลังถึงเพียงไหน แม้จะมีกาํ แพงนํ้าแข็งของ
เซี่ยฉิ งเยว่ขวางไว้ ผูฝ้ ึ กยุทธ์ทุกคนในที่น้ ีกย็ งั รู ้สึกราวกับโลหิ ตทัว่
ร่ างของมันเดือดพล่าน หัวใจแทบหลุดออกจากร่ างขณะบังเกิด
ความอึดอัดยิง่ ขึ้นทั้งตัว พวกมันไม่มีทางเลือกนอกจากเร่ งเร้าพลัง
ปราณสุ ดกําลังขึ้นสร้างม่านปราณคุม้ กายขึ้นมา
“ชะ… ช่างน่ากลัวนัก!”
“ทั้งสองคนโกรธอย่างเห็นได้ชดั … พวกเขาเป็ นคนจาก
พรรคเทพหงสา และยังเป็ นถึงคนข้างกายองค์ชาย! แค่รัศมีพลัง
รอบตัวที่แผ่ออกก็น่ากลัวแล้ว หากต้องปะทะซึ่งหน้าข้าก็ไม่อาจ
จินตนาการได้เลย ต่อให้เป็ นหยุนเช่อ ก็สมควรจะรับไว้ไม่ได้แน่
จริ งหรื อไม่?”
ทว่าสองผูค้ ุม้ กันจากพรรคเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่กลับร่ วมมือ
กันจู่โจมผูเ้ ยาว์ที่อายุยงั ไม่ถึงหนึ่งในสี่ ของพวกมัน! มิตอ้ งพูดถึง
ผูค้ นรอบด้าน กระทัง่ พวกมันเองยังรู ้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ทว่าพลัง
ฝี มือของหยุนเช่อเหนือลํ้ากว่าที่พวกมันคาดไว้มากนัก และการที่
พวกมันจะกูห้ น้าตากลับมาได้บา้ งก็มีแต่ตอ้ งสังหารชายหนุ่มลง
ที่นี่เท่านั้น
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสุ ดกําลังของสองยอด
ฝี มือระดับปราณจักรพรรดิจากจักรวรรดิเทพหงสา สี หน้าของหยุ
นเช่อกลับไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย บนกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรพลัน
บังเกิดเสี ยงคํารามดังสนัน่ ยามมันผสานพลังกับเพลิงเทพหงสา
คลื่นพลังมหาศาลไร้ผตู ้ า้ นเล็งไปยังชายชราชุดดําแดงก่อนจะปะทุ
ออกอย่างบ้าคลัง่
บรึ้ มมมมมมม!!
การปะทะกันของเพลิงเทพหงสาทําเอามิติถึงกับระเบิดออก
เสี ยงร้องของวิหคเพลิง เสี ยงครื นคราน อากาศปะทุและเสี ยงมิติ
ถูกฉี กกระชากดังก้องไปทัว่ แสงเจิดจ้าจากพลังลมปราณแทบจะ
กลบแสงจากดวงอาทิตย์เบื้องบน แสงเจิดจ้าจากเปลวไฟและเสี ยง
กึกก้องทําเอาผูค้ นรอบด้านสูญเสี ยประสาทด้านการมองและได้
ยินไปในพริ บตา พลังของอัคคีพวยพุง่ ไปรอบด้านอย่างรุ นแรง
ผืนดินพลิกตลบสู งกว่าสิ บเมตร กําแพงเยือกแข็งบรรจบที่เซี่ยฉิ ง
เยว่ทุ่มเทพลังทั้งหมดสร้างขึ้นถึงกับสัน่ ไหว ก่อนจะปรากฎรอย
แตกเป็ นทางยาวไปทัว่ ขณะเศษเสี้ ยวพลังลมปราณบางส่ วนเล็ด
รอดผ่านรอยแตกเล็กๆนี้ออกมา… แต่เสี้ ยวพลังที่หลุดรอดออกมา
เหล่านี้กเ็ ป่ าร่ างของผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่อยูใ่ กล้จนกระเด็นไปในพริ บตา
ส่ วนผูท้ ี่มีพลังปราณอ่อนด้อยก็ได้แต่กระอักโลหิ ตอยูก่ บั ที่จน
บังเกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชน
แสงจากเพลิงเทพหงสาที่ส่องสว่างถึงท้องนภายังคงอยูอ่ ีก
สิ บกว่าอึดใจ ก่อนจะเริ่ มสลายไป ทุกคนเริ่ มมองเห็นได้ชดั อีกครั้ง
ในตอนนี้เอง เมื่อมองผ่านกําแพงนํ้าแข็งโปร่ งใสที่แทบจะ
พังทลาย พวกมันก็เห็นชายชราชุดดําและแดงถูกเผาจนไหม้
เกรี ยมตั้งแต่เสื้ อผ้าจรดเส้นผม ทั้งหมดล้วนแต่ถูกเผาจนกลายเป็ น
เถ้าถ่าน พวกมันยืนห่างจากจุดเดิมนับน้อยเมตร… ทว่าเมื่อมอง
ไปยังหยุนเช่อ บนร่ างมันไม่มีบาดแผลแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ เสื้ อผ้า
หน้าผมก็ไม่เปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย
ภาพนี้ทาํ ให้ทุกคนต่างสู ดหายใจลึก กว่าครึ่ งได้แต่ตกตะลึง
ไม่อาจทําใจเชื่อในสิ่ งที่เห็นไปอีกพักใหญ่
หยุนเช่อใช้หนึ่งกระบี่เพียงลําพัง… กลับฟาดพลังของสอง
ราชันผูย้ ง่ิ ใหญ่จากจักรวรรดิเทพหงสากลับไปได้โดยไม่บาดเจ็บ
แม้แต่นอ้ ย!!
หยุนเช่อปักกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรลงบนพื้น มุมปากประดับด้วย
รอยยิม้ จาง แววตามันสุ ขมุ แต่กล็ ึกลํ้า ปลายผมปลิวไสวด้วย
กระแสพลังปราณที่ยงั สลายไปไม่หมด… ตอนนั้นเอง หยุนเช่อ
ในสายตาของทุกคนก็ราวกับจักรพรรดิผดู ้ ูหมิ่นโลกหล้า! แรง
กดดันนี้ยงั เหนือลํ้ากว่าจักรพรรดิวายุครามที่ครองบัลลังก์มาหลาย
ทศวรรษอย่างชางว่านเฮ่อเสี ยอีก!
ชายชราชุดดําและแดงล้วนแต่ปากสัน่ แววตามันปรากฎ
ความหวาดกลัว เมื่อผสานกําลังกันลงมือเมื่อครู่ พวกมันมิได้ออม
มือแม้แต่นอ้ ย และลงมือด้วยพลังทั้งหมดที่มี! แต่แม้จะร่ วมมือกัน
พวกมันก็ยงั ถูกอัดกลับมา หัวใจพวกมันบังเกิดความกลัวจนแทบ
จะระเบิดออก… ในดินแดนเล็กๆอย่างจักรวรรดิวายุคราม มี
ตัวตนเช่นนี้อยูไ่ ด้เช่นไร!
“ฮ่า…” มุมปากหยุนเช่อพลันเปลี่ยนเป็ นราบเรี ยบขณะเสี ยง
หัวเราะบางเบาเล็ดรอดริ มฝี ปากออกมา ก่อนที่ร่างของมันจะ
กลายเป็ นเงาพร่ ามัวสายหนึ่งพุง่ ตรงเข้าหาเฟิ งซีเฉิน… ในการ
ปะทะเมื่อครู่ เฟิ งซีเฉิ นย่อมต้องได้รับผลกระทบไปด้วย อาการ
บาดเจ็บของมันที่ไม่ใช่เบาๆเมื่อครู่ กห็ นักหนาขึ้น ตอนนี้มนั ได้
แต่หอบหายใจหนักหน่วงขณะทําท่ากึ่งคุกเข่าอยูบ่ นพื้น
“อย่า!” ชายชราชุดดําแดงล้วนแต่หน้าซีดเผือดด้วยความ
ตกใจ บัดนี้พวกมันไม่เพียงเชื่อมัน่ ว่าหยุนเช่อเป็ นคนเสี ยสติท่ีไม่
สนใจผลที่จะตามมาเท่านั้น มันยังเชื่อว่าหยุนเช่อเป็ นคนเสี ยสติท่ี
หน้ากลัวด้วย! คนบ้าเช่นนี้ยอ่ มทําทุกสิ่ งที่กระทําได้! บางทีมนั
อาจลงมือสังฟารเฟิ งซีเฉิ นจริ งๆก็ได้ หากองค์ชายสิ บสามสิ้ นชีพ
ลงที่นี่จริ ง ต่อให้ตกตายนับหมื่นครั้งพวกมันก็ไม่อาจชดใช้
ความผิดได้ รวมไปถึงครอบครัวของพวกมันด้วย… การ
เคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของหยุนเช่อทําเอาหัวใจพวกมันแทบ
ระเบิดออก พวกมันส่ งเสี ยงคํารามกึกก้องขณะทัว่ ร่ างปลดปล่อย
พลังออกมาอย่างบ้าคบัง่ …
“เพลิงผลาญมังกร!!”
พลังของทั้งคู่ผสานกันและควบแน่นจนถึงขีดสุ ด ส่ งเพลิง
เทพหงสาสายหนึ่งที่เข้มแข็งยิง่ สายฟนึ่งพุง่ เข้าใส่ หยุนเช่อพร้อม
ส่ งเสี ยงร้องสะเทือนฟ้า
หยุนเช่อเลิกตาขึ้นขณะสบัดกระบี่หนัก สายลมโหยหวน
ขณะบังเกิดเงาร่ างหมาป่ าทะยานออกไป
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี!!”
ตูมมมมม!
เสี ยงอากาศระเบิดกึกก้อง พลังของเพลิงเทพหงสาและเทพ
หมาป่ าผ่าปฐพีปะทะกันอย่างดุดนั เข้าเฉื อดเฉือนกลืนกินกันและ
กัน ทว่าเพียงไม่นานเพลิงเทพหงสาก็ถูกเงาร่ างหมาป่ าทะลวงผ่าน
จนขาดเป็ นสองส่ วนพร้อมกับเสี ยงคํารามของหมาป่ ากึกก้อง เงา
ร่ างของเทพหมาป่ าผ่าปฐพียงั คงทะยานไปเบื้องหนก่อนจะปะทะ
เข้ากับร่ างของชายชราทั้งสอง
แม้พลังของเทพหมาป่ าผ่าปฐพีจะถูกเพลิงเทพหงสาบัน่
ทอนไปถึงเจ็ดส่ วน พลังที่ยงั ผลงเหลือก็ยงั น่ากลัวสุ ดประมาณ
ม่านปราณคุม้ กายของทั้งสองพลันแตกสลาย ผิวและเนื้อบริ เวณ
ทรวงอกของพวกมันกระจายออก โลหิตสาดกระจายไปทัว่ ก่อนที่
ร่ างของพวกมันจะกระเด็นไปไกลกว่าสามสิ บเมตรและไม่อาจลุก
ขึ้นได้อีกนาน
หยุนเช่อทะยานไปอยูเ่ บื้องหน้าเฟิ งซีเฉินแล้ว ก่อนจะงัด
ร่ างมันขึ้นด้วยลูกเตะ ชายหนุ่มหมุนร่ างกลางอากาศก่อนจะ
กระแทกลงอย่างแรง และจุดที่เท้าขวาของมันดิ่งลงก็คือศีรษะของ
เฟิ งซีเฉิ นนัน่ เอง
ตูมมมม!!
ครั้งนี้หยุนเช่อมิได้ร้ ังนํ้าหนักของกระบี่ทณั ฑ์มงั กรไว้ และ
ปล่อยให้มนั ฉุดร่ างตัวเองจากกลางอากาศลงมา กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
ที่หนักกว่าสองหมื่นกิโลกรัมพลันทําเอาผืนดินแตกกระจาย
ศีรษะของเฟิ งซี เฉิ นเองก็ถูกหยุนเช่อกระทืบจนจมดิน กระทัง่ เส้น
ผมซักเส้นก็ยงั ไม่เล็ดรอดออกมา
บทที่ 372 อเนจอนาถ

ในฐานะองค์ชายสิ บสามของอาณาจักรเทพหงสา เฟิ งซีเฉิ น


ใช้ชีวติ อย่างสู งศักดิ์ และอยูท่ ่ามกลางความหวาดกลัวและ
ประจบประแจงจากผูค้ นโดยรอบ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการถูกหมิ่น
หยามอันเป็ นประวัติการณ์เช่นการถูกผูค้ นเหยียบศีรษะไว้ใต้ฝ่า
เท้า ตลอดชัว่ ชีวติ นี้ มันเคยถูกผูค้ นดูแคลนมาก่อนตั้งแต่เมื่อใด?
หัวสมองของมันหมุนวนเร่ งร้อน ก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืน
ด้วยความสิ้ นหวัง ทว่านํ้าหนักที่กดทับลงบนร่ างกายและศีรษะ
ของมันกลับราวกับขุนเขาอันใหญ่ยกั ษ์ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงสภาพ
ร่ างกายอันบาดเจ็บในยามนี้ แม้จะเป็ นมันในสภาพร่ างกายอัน
สมบูรณ์ถึงขีดสุ ด ยังไม่อาจหลบหลีกรอดพ้นได้
แม้จะทุ่มเทความพยายามทั้งมวล ร่ างกายของมันเพียง
สามารถขยับเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย แน่นอนย่อมไม่มีทางหลุด
รอดออกไปได้แม้เพียงเศษเสี้ ยว ศีรษะที่ถูกเหยียบลงไปบนพื้นผิว
ดินปลดปล่อยเสี ยงครวญสะอึกสะอื้นอันแหบพร่ าบาดหูออกมา
อย่างไม่หยุดยั้ง
หลังจากถูกโจมตีโดยเทพหมาป่ าผ่าปฐพีของหยุนเช่อ เลือด
ลมในร่ างของผูอ้ าวุโสชุดดําและชุดแดงล้วนพลุ่งพล่านปั่นป่ วน
เมื่อมองเห็นสภาพอเนจอนาถของเฟิ งซีเฉิน ลูกนัยน์ตาทั้งคู่ของ
พวกมันแทบระเบิดออกจากการถลึงจ้อง ทั้งสองไม่สนใจสะกด
ระงับเลือดลมที่ปั่นป่ วนอีกต่อไป ต่างทะยานร่ างซวนเซเข้าหาหยุ
นเช่ออย่างทุลกั ทุเลพร้อมทั้งคํารามเสี ยงแหบแห้ง “ปล่อยฝ่ าบาท
เดี๋ยวนี้!! มิเช่นนั้น...มิเช่นนั้นอาณาจักรเทพหงสาของข้า จะต้อง
ล้างบางเจ้าเจ็ดชัว่ โคตร! ให้เจ้ามีชีวติ อยูม่ ิสูต้ กตาย!”
หากหยุนเช่อทั้งสองชาติมิได้ฟังคําข่มขู่น้ ีมาถึงหนึ่งหมื่น
ครั้ง ก็ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่าแปดพันครั้งแน่นอน ชายหนุ่มเหยียบกดลง
บนศีรษะของเฟิ งซีเฉิ น ทิ้งนํ้าหนักของกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรลงไป
ทั้งหมด ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลัง่ “ย่อมได้! เช่นนั้น ข้าจะรอ
คอยอาณาจักรเทพหงสาของเจ้ากระทําการให้สาํ เร็ จ แต่เมื่อเจ้า
กล่าววาจาเช่นนี้ อย่างนั้นหนอนน่าสมเพชที่ใต้ฝ่าเท้าของข้าตัวนี้
ย่อมต้องถึงฆาตแล้วอย่างแน่นอน! จิ๊ จิ๊ เดิมทีขา้ เพียงต้องการมือ
และเท้าของมันอย่างละข้าง แต่เจ้าสองคนกลับบีบคั้นข้าเอาชีวติ
มัน ดูท่าในอาณาจักรเทพหงสาของพวกเจ้า จะทิ้งขว้างชีวติ ของ
องค์ชายง่ายดายจริ งๆ!!”
ทันทีที่กล่าวจบ สี หน้าของหยุนเช่อกลับกลายเป็ นยะเยียบ
เย็นชา ชายหนุ่มยกกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรขึ้นสู ง รังสี พลังน่าหวาดหวัน่
อันเข้มข้นรวมตัวไปที่คมกระบี่ หยุนเช่อเงื้อกระบี่หมายฟันลง
เบื้องล่าง
“หยุด...หยุดมือ!!”
เมื่อใช้พรรคเทพหงสาอันเกรี ยงไกรเข้าข่มขู่ มิเพียงไม่
สามารถช่วยเหลืออันใดพวกมันได้ กลับกลายเป็ นเหตุสาํ คัญ
กระตุน้ ให้หยุนเช่อกําจัดฆ่าเฟิ งซีเฉิ น การกระทําของหยุนเช่อที่
ปราศจากความรี รอลังเลใดๆ ส่ งผลให้ผอู ้ าวุโสทั้งสองแทบทรุ ด
ลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความหวาดหวัน่ จวบกระทัง่ บัดนี้ ที่พวกมัน
เพิ่งเข้าใจว่า การเผชิญหน้าหยุนเช่อ “คนบ้าคลัง่ ” ผูไ้ ม่คาํ นึงถึง
ผลลัพธ์ใดๆ ไม่วา่ คําข่มขู่ การกดดัน การบีบบังคับ ทั้งหมดทั้ง
มวลล้วนปราศจากผลโดยสิ้ นเชิง แม้จะเดิมพันด้วยศักดิ์ฐานะองค์
ชายของเฟิ งซี เฉิ น หยุนเช่อยังคงลงมือโดยไม่ลงั เลใจแม้แต่นอ้ ย!!
ทั้งสองล้วนมิใช่คู่มือของหยุนเช่อ ขณะที่ชีวติ ของเฟิ งซีเฉิ น
เองอยูใ่ นเงื้อมมือชายหนุ่ม ผูอ้ าวุโสทั้งสองล้วนมิอาจถือดีอีก
ต่อไป แม้ความจริ งพวกมันต่างคาดหวังฉี กกระชากหยุนเช่อเป็ น
ชิ้นๆ พวกมันไม่มีทางใดนอกจากสะกดความแค้นเคืองไว้ในใจ
ชายชราชุดดําค่อยสูดลมหายใจเข้าเพือ่ สะกดข่มสี หน้า ก่อนจะกัด
ฟันกล่าวว่า “หยุนเช่อ! วันนี้...วันนี้พวกเราขอยอมรับความพ่าย
แพ้! ปล่อยตัวฝ่ าบาท..หากเจ้าปล่อยฝ่ าบาทไป พวกเราจะตัดใจไม่
เสี่ ยงชีวติ กับเจ้า และจากไปในทันที!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หยุนเช่อแหงนหน้าระเบิดเสี ยงหัวร่ อ
สะท้านราวกับได้ยนิ เรื่ องขําขันที่สุดในใต้หล้า ชายหนุ่มกล่าว
วาจาอย่างเยาะหยัน “คําพูดทั้งหมดของเจ้าล้วนไม่ต่างจากผายลม
สุ นขั ! เจ้าจะบอกว่าข้าหวาดกลัวพวกเจ้าลงมือต่อข้างั้นเรอะ!”
ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้น ก่อนจะกระดิกปลายนิ้วเข้าใส่ ท้ งั สองโดยสบ
ประมาท “ข้าก็ยงั ไม่ได้ปล่อยมัน เหตุใดเจ้าสองคนยังไม่เข้ามา
เสี่ ยงชีวติ กับข้าเล่า มา...เข้ามาเลย!”
“เจ้า!!” ใบหน้าชายชราชุดดํากลับกลายเป็ นอัปลักษณ์สุด
ทนดู มันคัง่ แค้นจนแทบกระอักเลือด ชายชราชุดแดงก้าวเท้ามา
ด้านหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกล่าวว่า “หยุนเช่อ อย่าได้กระทําการเกิน
เลยเกินไป...” มันเพียงกล่าวได้ครึ่ งประโยค สี หน้าของหยุนเช่อ
แปรเปลี่ยนเป็ นมืดทะมึน ภายในใจของชายชราพลันกระตุกอย่าง
รุ นแรง มันไม่กล้ากล่าววาจาข่มขู่ออกไปอีกแม้เพียงครึ่ งคํา สี หน้า
และนํ้าเสี ยงของมันอ่อนลงอย่างรวดเร็ ว “วันนี้ พวกเราเป็ นฝ่ าย
ล่วงเกินเจ้าก่อนจริ งๆ หากเจ้า...หากเจ้าปล่อยองค์ชายของเรา
ออกมา พวกเราจะปล่อยให้เรื่ องราวทั้งหมดผ่านไป...โอ้ ไม่สิ เรา
จะถือว่าเรื่ องราวเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! พวกเราจะไม่บอก
กล่าวต่อผูใ้ ดทั้งสิ้ น...” สายตาของมันกวาดกราดไปยังผูค้ น
โดยรอบคราหนึ่ง “ทุกคนในที่น้ ี ข้าเชื่อว่าพวกมันเองย่อมไม่มี
ผูใ้ ดต้องการบอกเล่าเรื่ องราวนี้ออกไปสู่ ภายนอกเช่นกัน...มิ
เช่นนั้น พรรคเทพหงสาเราย่อมต้องล่าล้างพวกมันจนสิ้ นตระกูล”
แม้คาํ กล่าวของมันไม่มีคาํ ใดที่ข่มขู่คุกคามต่อหยุนเช่อ หาก
สําหรับผูอ้ ื่นที่ยนื อยูใ่ นที่น้ ี นี่ลว้ นเป็ นการคุกคามอันทรงพลังราว
บัญญัติแห่งเทพเจ้า! ชัว่ ขณะที่ชายชราชุดแดงกล่าวคําพูดเหล่านี้
สี หน้าของทุกผูค้ นแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างรุ นแรง รอบบริ เวณ
ตกอยูใ่ นความเงียบสงัดดุจจักจัน่ กลางเหมันตฤดู ปรารถนาผงก
ศีรษะรับคําอย่างหนักแน่นถึงความตั้งใจจริ งที่จะไม่เปิ ดเผย
เรื่ องราวสู่ ภายนอก
คํากล่าวที่ออกจากปากของผูค้ นจากพรรคเทพหงสานี้นบั ว่า
ถ่อมและลดศักดิ์ศรี ลงอย่างมาก ในประวัติศาสตร์ที่ผา่ นมา ไม่มี
ผูใ้ ดในอาณาจักรวายุครามสามารถทําให้ผคู ้ นจากพรรคเทพหงสา
แสดงทีท่าเช่นนี้ได้มาก่อนเลย
“งั้นหรื อ?” หยุนเช่อเหลือบสายตาไปทางด้านข้าง ทว่าใน
แววตากลับแฝงแววหมิ่นแคลนอย่างถึงที่สุดอย่างชัดเจน ชาย
หนุ่มกล่าววาจาอย่างปลอดโปร่ ง “คําพูดนี้ของเจ้า ดูถูกสติปัญญา
ของข้าเกินไปแล้ว พวกเจ้าสองคนติดตามองค์ชายขี้หมานี่มาอย่าง
สู งส่ ง ทว่ากลับถูกทุบตีราวสุ นขั เร่ ร่อนโดยข้า---ผูเ้ ยาว์รุ่นหลังคน
หนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม หากข่าวคราวนี้ถูกแพร่ ออกไป...จิ๊ จิ๊
พวกเจ้าย่อมต้องสร้างความอับอายแก่อาณาจักรเทพหงสา ให้พวก
มันเสื่ อมเสี ยหน้าไม่ต่างจากการถูกเหยียบยํา่ ลงบนพื้นดิน
อาณาจักรเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่ไพศาล จะกลับกลายเป็ นเพียงตัว
ตลกให้อาณาจักรอื่นๆ หัวเราะเยาะ องค์ชายขี้หมานี่ยอ่ มต้องถึง
ฆาตเพราะเรื่ องนี้ ยิง่ กับเจ้าสองคนด้วยแล้ว การถูกรุ ม
ประชาทัณฑ์ยงั นับว่าน้อยเกินไป พวกเจ้าสองคนสมควรเป็ นคนที่
ไม่ตอ้ งการให้เรื่ องราวนี้เผยแพร่ ออกไปมากที่สุดในโลก ทั้งยัง
ปรารถนาสังหารทุกผูค้ นในที่น้ ีเพื่อปิ ดปากมากที่สุด แต่ตอนนี้
เจ้ากลับนําเรื่ องนี้ข้ ึนมาต่อรอง? เจ้าคิดว่าข้าโง่เง่ามากเช่นนั้นรึ ?”
วาจาของหยุนเช่อฟาดหวดเข้าใส่ จุดสําคัญของชายชราทั้งคู่
ส่ งผลให้ทวั่ ร่ างของพวกมันสัน่ สะท้าน ขณะเดียวกัน นี่ส่งผลให้
ทุกผูค้ นในที่น้ นั ต่างพลันตระหนักถึงความจริ งบางประการ พวก
มันพลันตระหนักได้วา่ เหตุใดหยุนเช่อจึงอาจหาญกระทําการเกิน
เลยจนถึงขั้นนี้ต่อผูค้ นจากอาณาจักรเทพหงสา ในฐานะรัฐอัน
เข้มแข็งที่สุดในบรรดาจักรวรรดิท้งั เจ็ด จักรวรรดิเทพหงสา
เปรี ยบดัง่ ราชันในหมู่ราชัน ไม่มีอาณาจักรใดกล้าช่วงชิงประกาย
แสงอันเจิดจ้าจากเทพหงสาได้ แม้อาณาจักรทั้งหกที่หลงเหลือจะ
ร่ วมมือกัน ยังไม่อาจโค่นล้มเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่ ขณะที่พรรค
เทพหงสา คือผูป้ กครองแท้จริ งของจักรวรรดิ
ไม่มีผใู ้ ดกล้าละเมิดอํานาจแห่งพรรคเทพหงสา ยิง่ ไม่มีผใู ้ ด
กล้าทําลายเกียรติภูมิของพวกมันได้
แต่วนั นี้ ยอดฝี มือชั้นปราณจักรพรรดิจากพรรคเทพหงสา
อันยิง่ ใหญ่ หนึ่งในนั้นยังมีศกั ดิ์เป็ นองค์ชายที่แท้จริ ง กลับถูกบุรุษ
หนุ่มอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี ผูห้ นึ่งจากอาณาจักรที่อ่อนด้อยที่สุดเช่นวายุ
ครามโค่นล้มแพ้พา่ ย กระทัง่ องค์ชายของพวกมันยังถูกเหยียบยํา่
อยูใ่ ต้ฝ่าเท้า หากเรื่ องราวเหล่านี้เป็ นที่รับรู ้ไปทัว่ นี่กลับเป็ นความ
อับอายอัปยศอย่างถึงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์แห่ง
อาณาจักรเทพหงสา! กระทัง่ อาจส่ งผลกระทบถึงอํานาจเด็ดขาด
ของอาณาจักรเทพหงสาในทวีปลมปราณฟ้าอาจได้รับผลกระทบ
อย่างใหญ่หลวง เช่นนั้นเหล่าต้นตอความเสี ยหายทั้งหมด-----องค์
ชายเฟิ งซี เฉิ น อย่างมากอาจถูกลงโทษ แต่ชายชราชุดดําแดงทั้ง
สองล้วนต้องได้รับโทษประหาร ดังนั้น ตามที่หยุนเช่อกล่าว พวก
มันทั้งสามย่อมไม่ตอ้ งการให้เรื่ องราวนี้เปิ ดเผยสู่ ผคู ้ นภายใน
พรรค ทั้งยังปรารถนาปกปิ ดเรื่ องราวทั้งมวลจากบุคคลภายนอก
ที่สุดในโลกนี้ แม้นนั่ จะต้องแลกด้วยการไม่สามารถใช้อาํ นาจ
ของพรรคเพื่อล้างแค้นหยุนเช่อได้กต็ ามที
ดูท่าว่าหยุนเช่อเองตระหนักถึงเรื่ องนี้เป็ นอย่างดีมาตั้งแต่
ต้น
ใบหน้าของผุอ้ าวุโสทั้งสองกลับกลายเป็ นแดงฉาน ทัว่ ร่ าง
ชายชุดแดงสัน่ เทาตั้งแต่หวั จรดเท้า มันยกนิ้วขึ้นชี้ไปทางหยุนเช่อ
พร้อมกล่าวว่า “หยุนเช่อ อย่าได้เกินเลยเกินไป!!”
“ข้าเกินเลยไปงั้นเรอะ!?” หยุนเช่อเผยรอยยิม้ เย็นชาอันน่า
หวาดหวัน่ “เจ้าและข้าต่างไม่เคยรู ้จกั กันมาก่อน ทั้งไม่มี
ความแค้นข้ออาฆาตแต่หนหลัง พวกเจ้าบุกเข้ามางานแต่งงาน
ของข้าโดยไม่ได้รับเชิญ ไม่เพียงดูหมิ่นเหยียดหยามข้า ทําลาย
งานแต่ง ทั้งยังพยายามสังหารข้า!! ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็ นเจ้า
กล่าวว่าข้ากระทําการเกินเลย? ฮ่า คําพูดนี้ของเจ้าไม่เพียงน่าขัน
อย่างที่สุด ยังทําให้ขา้ รู ้สึกอึดอัดใจอย่างยิง่ ...เมื่อมีคนทําให้ขา้ อึด
อัดใจ ข้ามักจะทําให้พวกมัน...ทรมาณใจยิง่ กว่า!!”
ท่ามกลางเสี ยงตะโกนก้อง กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรในมือหยุนเช่อ
สะบัดฟันลงโดยฉับพลัน ทุบตีลงบนร่ างกายของเฟิ งซีเฉิ น
ตูม!!!
พลังทําลายอันเหี้ ยมโหดระเบิดออกบนร่ างของเฟิ งซีเฉิ น
ปรากฏเสี ยงกระดูกแตกหักดังสะท้าน พร้อมทั้งเสี ยงกรี ดร้อง
อย่างทุกข์ทรมาณที่ดงั ออกมาจากใต้ฝ่าเท้าก้องกังวาลไปไกล
ภายใต้พลังทําลายล้างของกระบี่หนัก กระดูกบนร่ างของเฟิ งซีเฉิ น
แตกหักเสี ยหายไปไม่ต่าํ กว่าสิ บท่อน จุดชีพจรเกินครึ่ งได้รับความ
เสี ยหาย เส้นโลหิ ตในร่ างกายแตกระเบิดออก ส่ งผลให้ทวั่ ร่ างของ
มันท่วมท้นไปด้วยโลหิ ตสี แดงฉาน ราวกับร่ างของมันกลับ
กลายเป็ นถุงหนังบรรจุเลือดถุงหนึ่ง
“ฝ่ าบาท!! หยุนเช่อ!! เจ้า...”
“ข้าทําไม?” หยุนเช่อหรี่ สองตาจนเรี ยวเล็ก สองมือยกกระบี่
หนักขึ้นอีกครั้ง “เจ้าจะบอกกับข้าอีกครั้งว่าข้ากระทําเกินเลยไป
งั้นรึ ? ไม่มีปัญหา ข้ากําลังสงสัยอยูเ่ ลยว่า เจ้าหนอนน่าสมเพชที่ใต้
เท้าข้าตัวนี้ จะรอดชีวติ จากกระบี่ต่อไปของข้าได้หรื อไม่”
“เจ้า...เจ้า...เจ้า...” ทัว่ ร่ างของผูอ้ ารักขาทั้งสองกลับ
กลายเป็ นเย็นเฉี ยบ สี หน้าซีดขาวไร้สีเลือดราวซากศพ เมื่อมองไป
ยังร่ างกึ่งเป็ นกึ่งตายของเฟิ งซีเฉิ น ต่างไม่อาจเปล่งเสี ยงกล่าว
ออกมาแม้แต่ครึ่ งประโยค
ชางว่านเฮ่อเร่ งสื บเท้าออกมาในยามนี้พร้อมกล่าวว่า “หยุ
นเช่อ องค์ชายเทพหงสายังเยาว์วยั จึงกระทําการด้วยความหุนหัน
หากยังไม่ส่งผลร้ายแรงอันใด แม้มนั กระทําผิดไป หากอย่างไรยัง
นับเป็ นแขกเหรื่ อ ยามนี้มนั ได้รับบทเรี ยนอย่างสาหัส ทั้งพวกมัน
ยังสัญญาว่าจะลืมเลือนเรื่ องราวทั้งหมด...หากเจ้ายืนกรานสังหาร
องค์ชาย ล้วนไม่เป็ นการดีต่อทั้งสองฝ่ าย เช่นนั้น ปล่อยมันไป
เป็ นอย่างไร?”
หยุนเช่อแน่นอนว่ามิได้ตอ้ งการเข่นฆ่าองค์ชายสิ บสาม
อย่างแท้จริ ง มิเช่นนั้น ชายหนุ่มคงลงมือตั้งแต่แรก ยิง่ ชายหนุ่มลง
มือต่อมันรุ นแรงเพียงใด พวกมันทั้งหมดยิง่ ต้องปกปิ ดความจริ ง
เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงทัณฑ์ พร้อมทั้งยอมกลํ้ากลืนความอัปยศและ
บดแผลทั้งมวลลงท้องไป หยุนเช่อทราบกระจ่างแก่ใจดีวา่ ตนเอง
ในตอนนี้มิอาจต่อกรกับอาณาจักรเทพหงสาได้เลย
โทสะสมควรระบายออก หากผูค้ นย่อมมิอาจลงมือเข่นฆ่า
บันไดลงอันยอดเยีย่ มในเรื่ องนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็ นข้อเสนอของ
ชางว่านเฮ่อ ชายหนุ่มทราบดีวา่ ชางว่านเฮ่อย่อมต้องเสนอหน้า
ออกมาในเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน
เมื่อชางว่านเฮ่อกล่าวคํา หยุนเช่อผูม้ ีสีหน้าเต็มไปด้วยความ
ยะโสโอหัง พลันสวมหน้ากากแห่งความนอบน้อม หลังจากฟังคํา
กล่าวขององค์จกั รพรรดิวายุครามอย่างตั้งอกตั้งใจ ชายหนุ่มนิ่ง
ครุ่ นคิดเพียงชัว่ ครู่ ก่อนกล่าวคํา “แม้วา่ ข้าพระองค์จะยังคงมีโทสะ
อยูม่ าก หากเมื่อเป็ นพระประสงค์ของฝ่ าบาท หยุนเช่อย่อมต้อง
น้อมสนอง”
กล่าวจบคํา หยุนเช่อยกฝ่ าเท้าออกจากศีรษะของเฟิ งซีเฉิ น
ก่อนจะตวัดขาออกคราหนึ่ง เตะร่ างเฟิ งซีเฉิ นปลิวละลิ่ว ศีรษะ
ของมันกระแทกลงสู่ พ้นื ดินแทบเท้าของชายชราทั้งสอง องครักษ์
ชุดดําแดงต่างเร่ งเข้าประคองร่ างที่เต็มไปด้วยเลือดของมัน
ในทันที
“เฮอะ! เจ้าก่อกวนพิธีมงคลของข้า ทั้งยังเจตนาสังหารข้า
เดิมทีขา้ ต้องการจบชีวติ ของเจ้าเสี ยที่นี่ ทว่าเมื่อฝ่ าบาทร้องขอ
ความเมตตาแก่เจ้า เช่นนั้น ครั้งนี้ขา้ จะปล่อยเจ้าไป! เหตุใดยังไม่
ขอบพระทัยองค์จกั รพรรดิอีก!”
แม้ชางว่านเฮ่อจะเป็ นพระจักรพรรดิ หากเหล่าบุคคลสําคัญ
ในพรรคสํานักยิง่ ใหญ่ต่างแสดงความนอบน้อมเพียงภายนอก
เก็บซ่อนแววตาอันโอหังไว้ภายใน บางคนกระทัง่ ความเคารพ
ภายนอกยังไม่มีให้เสี ยด้วยซํ้า ทว่าวันนี้ หยุนเช่อลงมือกดขี่ผคู ้ น
จากพรรคเทพหงสา สร้างความตกตะลึงแก่ผคู ้ นทัว่ ทั้งอาณาจักร
วายุคราม เหล่ายอดยุทธ์ท้ งั หลาย ต่างเคารพและ “เชื่อฟังคําพูด”
ของชายหนุ่ม เป็ นครั้งแรกของชางว่านเฮ่อนับแต่ข้ ึนครองบัลลังก์
วายุครามมายาวนาน ที่มนั สามารถรับรู ้ความรู ้สึกภาคภูมิที่พลุ่ง
พล่านออกมาจากภายในใจ แผ่นหลังของพระองค์ยดื ตรงขึ้นอีก
หลายส่ วนโดยไม่รู้ตวั ชางว่านเฮ่อบังเกิดความรู ้สึกสํานึกขอบคุณ
อันไร้ที่สิ้นสุ ดต่อหยุนเช่อขึ้นในทันที องค์จกั รพรรดิทรงเข้า
พระทัยดีวา่ การแสดงออกถึงการยอมรับของหยุนเช่อเมื่อครู่
ส่ งผลให้พระองค์---จักรพรรดิชางว่านเฮ่อผูค้ รองบัลลังก์มาอย่าง
ยาวนานหลายสิ บปี กลับกลายเป็ นพระจักรพรรดิ ผูส้ ามารถบง
การอาณาจักรวายุครามอย่างแท้จริ งได้ในที่สุด!
บทที่ 373 การป้องกันอย่ างสุ ดขั้ว

เฟิ งซี เฉิ นถูกกระแทกจนสิ้ นสติไปแล้ว ทว่าแม้อาการ


บาดเจ็บภายนอกของมันดูไปน่าหวาดหวัน่ อยูบ่ า้ ง หากทั้งหมด
ล้วนไม่สาหัส ชายชราทั้งสองทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่
ความเคียดแค้นอาฆาตภายในใจของพวกมันยังคงไม่สงบลง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมิใช่คู่มือของหยุนเช่อ แม้มนั จะโกรธ
แค้นหยุนเช่อยิง่ กว่านี้สกั สิ บเท่า พวกมันยังคงต้องวางมือ ผู ้
อาวุโสทั้งสองก้าวไปเบื้องหน้าชางว่านเฮ่อ ก่อนจะก้มศีรษะ
คารวะพร้อมกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่ าบาท จักรพรรดิวายุคราม...
ที่ทรงพระกรุ ณา”
“โฮ่โฮ่ ไม่จาํ เป็ น” ชางว่านเฮ่อยกมือขึ้นเล็กน้อย ทัว่ ร่ าง
เปล่งรัศมีขององค์จกั รพรรดิผสู ้ ู งศักดิ์ “จักรวรรดิท้งั เจ็ด รวมถึง
วายุครามของข้า นับเป็ นกิ่งก้านสาขาเดียวกัน การเกิดข้อขัดแย้ง
ล้วนไม่ส่งผลดีต่อผูใ้ ดทั้งสิ้ น แม้วา่ สุ ดท้ายแล้วองค์ชายจะได้รับ
บาดเจ็บจากเรื่ องราวในวันนี้ อย่างไรเสี ย สาเหตุลว้ นเริ่ มมาจาก
พวกท่าน เกี่ยวกับเรื่ องนี้ คาดว่าพวกท่านเองคงมีความเห็น
เช่นเดียวกัน และหากเรื่ องราวนี้เผยแพร่ ออกไป ล้วนไม่เป็ นผลดี
ต่อทั้งสองฝ่ าย ถูกหรื อไม่? กลับกัน นี่อาจนํามาซึ่งผลลัพธ์ที่พวก
เราไม่อาจคาดเดาได้ ดังนั้น เช่นที่ท่านกล่าวมาก่อนหน้านี้
เรื่ องราวในวันนี้สมควรปฏิบตั ิราวไม่มีส่ิ งใดเกิดขึ้นทั้งสิ้ น
สําหรับผูค้ นในที่น้ ีท้ งั หมด ข้าขอรับรองว่าจะไม่มีผใู ้ ดเปิ ดเผย
รายละเอียดเหตุการณ์ออกไป หากเกิดเรื่ องเช่นนั้น ไม่ตอ้ งรอให้
พวกท่านสอดมือเข้ามา ข้าจะเป็ นคนจัดการลงโทษพวกมันด้วย
ตนเองเอง การจัดการเช่นนี้ พวกท่านมีคาํ คัดค้านใดหรื อไม่?”
เมื่อจักรพรรดิวายุครามกล่าวจบคํา สายตาอันเปี่ ยมอํานาจ
กวาดกราดไปโดยรอบ หลิงเจี่ยก้าวออกมาพร้อมกล่าววาจาด้วย
เสี ยงอันดัง “ฝ่ าบาท ทรงวางพระทัย ข้าพระองค์หลิงเจี่ย รวมทั้ง
พี่ชายข้าหลิงหยุนแห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ จะไม่มีทางบอกเล่า
เรื่ องราวนี้ต่อผูใ้ ด...รวมทั้งบิดาของข้าพระองค์ ข้าขอสาบาน!
หากข้ากลับคํา ขอให้ฟ้าดินลงทัณฑ์!”
เมื่อปรากฏหลิงเจี่ยกล่าวนําแล้ว ผูค้ นที่เหลือหลังจากนั้นก็
เริ่ มกล่าวตามทีละคน พวกมันให้สตั ย์สาบานว่าจะไม่แพร่ งพราย
เรื่ องราวที่เกิดในวันนี้กบั ผูใ้ ด หากนี่เป็ นจักวรรดิหรื อพรรคอัน
ทรงอํานาจอื่นที่มาร่ วมงานวันนี้แทนที่จะเป็ นพรรคเทพหงสา
เรื่ องราวในวันนี้คงเป็ นจุดเริ่ มต้นของความขมขื่นไร้สิ้นสุ ด ทว่า
พรรคเทพหงสานับเป็ นพรรคที่ยงิ่ ใหญ่และทรงอํานาจอย่าง
แท้จริ ง ความแข็งแกร่ งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็ นดังแสงสุ กใสและไม่
สามารถที่จะถูกสัน่ คลอนได้ มันเป็ นภาระตามธรรมชาติที่รู้จกั คือ
เกียรติศกั ดิ์ศรี ...ไม่วา่ จะเป็ นเกียรติยศหรื อความภาคภูมิของพรรค
เทพหงสา มันไม่อาจที่จะถูกเหยียบยํา่ และดูหมิ่น โดยเฉพาะเมื่อ
สิ่ งเหล่านี้ข้ ึนอยูก่ บั ผูค้ นที่อ่อนแอกว่าพวกมันอย่างยิง่
เช่นนั้นแล้วข้อสรุ ปจึงเกิดอีกครั้ง นี่ทาํ ให้อาวุโสในชุดดํา
และแดงถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ดว้ ยความผ่อนคลาย ด้วย
สายตาระมัดระวัง พวกมันกวาดตามองผ่านฝูงชนโดยรอบ ทันใด
นั้นโดยไร้ซ่ ึงคํากล่าวสักคํา พวกมันทิ้งความอัปยศแบกร่ างเฟิ งซี
เฉิ นและทันใดพวกมันก็หายไปจากสายตาของทุกผูค้ น
ขณะเดียวกันเสี ยงร้องของหยุนเช่อก็ถูกส่ งไปยังทิศทางที่มนั พวก
มันหายไปเช่นกัน ตรงเข้าสู่ หูพวกมัน
“พวกเจ้าทั้งสามฟังให้ดี ห้าเดือนนับจากนี้ ข้าจะไปเยือน
จักวรรดิเทพหงสาด้วยตัวเองเพื่อเข้าร่ วมงานประลองยุทธเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้า! คนของเจ้าควรดิ้นรนเตรี ยมพร้อมให้
ดีกว่านี้เพือ่ ให้แน่ใจว่าข้าจะไม่ได้กลับมาในอีกห้าเดือน จงอย่าทํา
ให้ขา้ ผิดหวัง~~~~~ ”
ภัยคุกคามใหญ่หลวงที่มาจากพรรคเทพหงสาอย่าง
กระทันหันนี้ กลับได้ขอ้ สรุ ปที่ไม่มีใครคาดคิด
ยามเมื่อเฟิ งซีเฉิ นและกลุ่มของมันปรากฏตัวและลงมือกับ
หยุนเช่อ ทุกคนต่างคิดว่าในครานี้ชายหนุ่มต้องถูกจัดการอย่าง
แน่นอน ทว่าหยุนเช่อกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงนิด ไม่แม้แต่
จะได้รับความเสี ยหายอันใด กลับกันชายหนุ่มได้สยบทุบตีบุคคล
ทั้งสามจากพรรคเทพหงสาอย่างอย่างสาหัสด้วยพลังฝี มืออันน่า
อัศจรรย์ กระทัง่ ยังเหยียบยํา่ ไปบนจุดอ่อนของพวกมัน….แม้วา่
พลังฝี มือและความหลักแหลมของชายหนุ่มจะน่ากลัว หาก
เปรี ยบเทียบกันแล้วที่น่ากลัวกว่าคือความโหดเหี้ ยมและเด็ดขาด
ของชายหนุ่ม ก่อนหน้านี้ การทําลายล้างพรรคอัคคีผลาญฟ้าของ
ชายหนุ่มได้สนั่ สะเทือนอาณาจักรวายุคราม หากเมื่อเทียบ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่ชายหนุ่มได้ทาํ ลายพรรคอัคคีผลาญ
ฟ้าไปนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่ องน่าตกตะลึงใด
การมาถึงของพรรคเทพหงสาไม่เพียงไม่สร้างแรงกดอันใด
แก่หยุนเช่อ แต่นี่กลับทําให้กบั ชื่อเสี ยงและอิทธิพลของชายหนุ่ม
เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในสายตาของทุกคน นามเรี ยกขาน “อันดับหนึ่ง
แห่งวายุคราม” ถือว่าไม่เกินเลยที่จะอธิบายสถานะของหยุนเช่อ
ในปัจจุบนั สายตาทุกคนที่มองมายังชายหนุ่ม ยิง่ กลับกลายมาก
ล้นด้วยความยําเกรง ประหลาดใจและหวาดกลัว
หยุนเช่อหมุนกายไปโดยรอบพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิม้
สุ ขมุ “ทุกท่าน ข้าเสี ยใจเป็ นอย่างยิง่ ความจริ งข้าตั้งใจขับไล่ตวั
โง่เง่าบางคนแต่นี่กลับทําให้ทุกท่านต้องอารมณ์เสี ย ขอทุกท่าน
โปรดกลับไปยังที่นงั่ ของท่าน วันนี้เป็ นงานแต่งงานครั้งใหญ่ของ
ผูต้ ่าํ ต้อยและแขกผูม้ ีเกียรติทุกท่านสมควรรื่ นเริ งไปกับมัน
สําหรับเรื่ องที่เกิดก่อนหน้านี้…...” หยุนเช่อหรี่ ตาลง “ข้าเชื่อว่า
ทุกท่านคงลืมมันไปเรี ยบร้อยแล้วใช่หรื อไม่?”
หยุนเช่อได้เรี ยกพรรคเทพหงสาอันเกรี ยงไกรว่าเป็ น “ตัว
โง่เง่า” ซึ่งชายหนุ่มได้ “ตั้งใจขับไล่” จิตใจของทุกผูค้ นพลันรู ้สึก
บีบรัด และคําพูดสุ ดท้ายของหยุนเช่อ คําขู่น้ นั มันได้แทรกซึม
เป็ นส่ วนหนึ่งในหัวใจและจิตวิญญาณของพวกมันแต่ละคน…...
ในตอนนี้ คําพูดของหยุนเช่อไม่ต่างอันใดกับราชโองการที่มิอาจ
ขัดขืน ทุกคนที่อยูใ่ นที่น้ นั รี บตอบรับทันทีและทันใด เสี ยงตอบ
รับก็ผสมปนเปอย่างต่อเนื่อง พวกมันแต่ละคนให้คาํ สัตย์ดว้ ย
ความวิตกว่าจะลืมเหตุการณ์ท้ งั หมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลังจากนั้น
พวกมันกลับมาที่โถงท้องพระโรงที่จดั งานแต่ง ไม่มีคนใดอาจ
หาญหนีออกจากงานก่อน พวกมันเต็มไปด้วยอํานาจและชื่อเสี ยง
อันมากล้นในดินแดนของพวกมัน ทว่าในตอนนี้ พวกมันทั้งหมด
กลับก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและเคลื่อนไหวอย่างระวัง โดยเฉพาะ
ผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยว….เมื่อมันกลับมาที่เก้าอี้ของตน มันแทบ
ไม่กล้าหย่อนก้นของมันบนเก้าอี้โดยแรง
ในฐานนะองค์ชาย รัชทายาทชางหลินและองค์ชายสามชาง
ซว่อนั้นรู ้สึกสํานึดผิด ใบหน้าของพวกเขาขาวซีดมากขึ้น
แสงแดดจากดวงอาทิตย์ร้อนแรงเห็นได้ชดั เจน แต่ร่างกายของ
พวกเขากลับหนาวเย็นขณะพลางเช็ดเหงื่อเย็นเยียบด้วยความ
กังวลอย่างต่อเนื่อง…...แม้วา่ พวกเขาจะมีสถานะเป็ นองค์ชายของ
อาณาจักรเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเปรี ยบกับองค์ชายจากจักรวรรดิเทพ
หงสา พวกเขามีค่าน้อยกว่ากองขี้ หยุนเช่อกล้าแม้กระทัง่ เหยียบยํา่
องค์ชายเทพหงสาไว้ใต้ฝ่าเท้า ดังนั้นหากชายหนุ่มต้องการกําจัด
พวกเขา นัน่ แทบไม่ต่างอันใดกับการบี้มด
ช่องแตกบนหลังคาตําหนักเป็ นฝี มือของหยุนเช่อ ทว่า
หลังจากการเก็บกวาดอย่างรวบรัด พิธีแต่งงานยังคงดําเนินต่อไป
หากบรรยากาศในที่น้ ีลว้ นแปรเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหยุนเช่อผู ้
ได้รับการคารวะ ไม่มีผใู ้ ดในที่น้ นั ไม่หวาดกลัวและเกรงขามต่อ
ชายหนุ่ม สี หน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความประหวัน่ นั้น ราวกับทุก
ผูค้ นปรารถนาคุกเข่าลงคราวะสุ รากลับให้แก่หยุนเช่อกระนั้น
บุคคลผูม้ ีพลังฝี มือเข้มแข็ง อาจไม่สามารถทําให้ผคู ้ น
หวาดกลัว ยกตัวอย่างเช่นหลิงเทียนหนี่ มันได้รับยกย่องเป็ นยอด
ยุทธ์อนั ดับหนึ่งมาเป็ นเวลาหลายสิ บปี แต่ต่อหน้ามันแล้ว ผูค้ น
เพียงรู ้สึกเคารพชื่นชม เป็ นแบบอย่างให้แก่เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ แทบไม่
มีผใู ้ ดบังเกิดความเกรงกลัวต่อมัน เนื่องเพราะแม้หลิงเทียนหนี่จะ
เป็ นบุคคลที่มีพลังฝี มือสู งส่ งสุดยอด หากตามธรรมดาแล้ว มัน
เป็ นคนสุ ภาพอ่อนน้อมอย่างยิง่ ผูท้ ี่เกรงกลัวต่อมันมีเพียงเหล่าคน
ป่ าเถื่อนดุร้ายเท่านั้น แต่หยุนเช่อล้วนแตกต่างไป มันไม่เพียงมี
พลังฝี มือโดดเด่นเหนือความคาดหมายผูค้ น หากบุคลิกลักษณะ
ของมัน ยังสามารถเรี ยกได้วา่ “พยาบาทอาฆาตและเผด็จการกด
ขี่”ต่อผูค้ น ลักษณะนิสยั ยิง่ เด็ดขาดเหี้ ยมโหด...พรรคใหญ่ที่มี
ประวัติศาสตร์มานับพันปี เพียงเพราะลักพาครอบครัวของมันไป
แม้ทา้ ยสุ ดแล้วครอบครัวของมันจะไม่ได้รับอันตรายใด หยุ
นเช่อกลับกําจัดสังหารทิ้งทั้งสํานัก! สําหรับองค์ชายสิ บสามแห่ง
อาณาจักรเทพหงสา ตัวตนอันสู งส่ งที่ทวั่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้ายัง
ไม่อาจหาญล่วงเกิน หยุนเช่อยังไม่ลงั เลที่จะลงมือทุบตีทาํ ร้าย ทั้ง
ยังเหยียบลงบนศีรษะของของมันได้อย่างไม่แยแส...
บุคลิกลักษณะเยีย่ งนี้ รวมถึงพลังฝี มือระดับนั้น...ผูใ้ ดกล้า
ล่วงเกินมัน? ผูใ้ ดกล้าต่อต้านมัน? ผูใ้ ดกล้าปราศจากความเคารพ
นับถือต่อมัน!?
และนี่ คือวิธีการป้องปรามที่หยุนเช่อจงใจสร้างขึ้นมา
ตลอด
เหล่าแขกผูม้ ีเกียรติต่างกลับสู่ที่นง่ั ของตนเอง งานพิธีสมรส
ของหยุนเช่อและชางเยว่ดาํ เนินต่อไป ทว่า สุ ม้ เสี ยงของพนักงาน
พิธีการล้วนสัน่ สะท้านตลอดเวลา บางครายังตะกุกตะกักอยู่
เล็กน้อย เป็ นเช่นนี้กว่าสิ บหน้านาที ก่อนจะค่อยๆ กลับสู่ สภาพ
ปกติ เซี่ ยวเหล่ยขึ้นสู่ที่นง่ั ของตนเอง หากแต่ที่นง่ั ของชายชรา
กลับอยูใ่ นระดับเดียวกับชางว่านเฮ่ออย่างน่าตกใจ ผูค้ นที่มา
ร่ วมงานต่างจดจําใบหน้าของเซี่ยวเหล่ย...เป็ นชายชราผูม้ ีพลังชั้น
ลมปราณจิตผูน้ ้ ี ผูท้ ี่ดูไปสุ ภาพอ่อนโยน ทั้งยังผ่านความผันผวน
ในชีวติ มาอย่างมากหลาย ที่นาํ พาหายนภัยแห่งการกวาดล้างทั้ง
ตระกูลมาสู่ อคั คีผลาญฟ้า เหล่าเจ้าเมืองและเจ้าสํานักทั้งหลาย จับ
จ้องมองไปยังใบหน้าของเซี่ยวเหล่ยครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเกรงว่า
วันหนึ่งพวกมันอาจลืมเลือนใบหน้าลักษณะนี้ พวกมันต่างเตือน
ตนเองให้ปฏิบตั ิต่อชายชราผูน้ ้ ีราวบิดาของพวกมันเองทุกครั้งที่
พบเจอ...หากเผลอไผลล่วงเกินโดยไม่ต้ งั ใจ พวกมันอาจต้องโชค
ร้ายถูกกําจัดฆ่าทั้งสํานักก็เป็ นได้!!
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวาดหวัน่ และระแวดระวังภัย
มิได้ล่องลอยอยูน่ านนัก เสี ยงฆ้องและกลองบรรเลงเพลงเฉลิม
ฉลองแต่งแต้มสี สนั ให้กบั งาน ผูค้ นเริ่ มผ่อนคลายท่าที กระทัง่ ยัง
ส่ งเสี ยงเฮฮาออกมาในท้ายที่สุด หยุนเช่อก้าวเดินออกมาจาก
ทางด้านนอกโถงพิธี ในมือถือผ้าไหมสี แดงสดหนึ่งผืน ที่สุด
ปลายของผืนผ้า เป็ นองค์หญิงชางเยว่ในฉลองพระองค์ชุดหงส์ ที่
ถูกประคับประคองมาด้วยเซี่ยวหลิงซี ก้าวย่างด้วยฝี เท้าอันแผ่ว
เบา แสดงออกถึงความเขินอาย
เหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อครู่ สร้างความแตกตื่นแก่ชางเยว่
ทว่าเมื่อฝุ่ นควันจางลง หยุนเช่อเองไร้รอยขีดข่วน หัวใจที่เต้น
ระทึกด้วยความวิตกของนางล้วนแปรเปลี่ยนเป็ นจังหวะการเต้น
“ตึกตัก” ด้วยความวิตกกังวลในอีกความหมายหนึ่ง
แสงอาทิตย์ในวันนี้อ่อนโยนนุ่มนวลอย่างยิง่ ชุดหงส์ของ
หญิงสาวเปล่งประกายระยับอย่างงดงามยามต้องแสง ส่ งผลให้
ผูค้ นดวงตาละลานพร่ าพรายจากประกายแห่งความภาคภูมิ มงกุฏ
หงส์สีแดงขลิบทองปกคลุมไว้ดว้ ยม่านมุกห้อยระย้า เผยให้เห็น
ดวงหน้าที่ผดั แป้งประทินโฉมจนขาววอก และทับทิมสี ชาดที่
กึ่งกลางหน้าผากอย่างรําไร ขนคิ้วดําสนิท ผิวพรรณขาวผ่องราว
หิ มะ ดวงตาสุ กสกาว ริ มฝี ปากละเอียด่อนราวกับหยกของหญิง
สาว กอปรเป็ นความงดงามบอบบางที่สนั่ สะท้านจิตใจผูค้ น ทีท่า
เขินอายที่ทาํ ให้ผมู ้ องต้องหวัน่ ไหว รวมทั้งม่านมุกที่ปิดบัง
ใบหน้า หนุนเสริ มเสน่ห์ความงามของนางอย่างทวีคูณ ราวกับ
เป็ นโฉมสะคราญที่ล่องลอยลงมาจากสรวงสรรค์ กอปรเป็ นความ
งดงามอันเหนือมนุษย์….
ในชัว่ ชีวติ ของหญิงสาว แน่นอนว่านี่คือช่วงเวลาที่นาง
งดงามที่สุด ชางเยว่ในเวลานี้ ไม่ต่างจากเทพธิดาที่เดินออกมาจาก
ภาพวาด ทุกผูค้ นไม่อาจละสายตาจากความงามอันถึงที่สุดของ
นางได้เลย
รู ปโฉมอันงามสะคราญ ความสง่างดงามอันไร้รูปแบบชนิด
หนึ่ง สะกดผูค้ นทั้งหมด ทั้งที่เคยเห็น หรื อไม่เคยพบเห็นนางมา
ก่อนโดยสิ้ นเชิง ทั้งหมดจับจ้องมองหญิงสาวพร้อมกลั้นหายใจ
อย่างลืมตัว สสายตาละลานพร่ าพราย...โดยเฉาพหลิงเจี่ย ผูเ้ คย
ประทับใจในตัวชางเยว่มาก่อนหน้านี้ ถึงกับจับจ้องมองหญิงสาว
ด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ กระทัง่ นํ้าลายยังแทบไหลล้นลงมาที่คาง
ของมัน
นี่คือองค์หญิงเพียงพระองค์เดียวของราชวงศ์วายุคราม เป็ น
สตรี ที่สูงศักดิ์ที่สุดในอาณาจักรวายุคราม ขณะเดียวกัน หญิงสาว
ล้วนกอปรด้วยความงามที่สามารถสัน่ คลอนทั้งจักรวรรดิ รวมทั้ง
ความนุ่มนวลอ่อนโยนที่บุรุษมิอาจต้านทานได้...ราวกับผูส้ ร้าง
สรรพสิ่ งล้วนทุ่มเทความรักทั้งหมดให้แก่นาง แขกผูท้ รงเกียรติ
ทั้งหลายในที่น้ นั ล้วนทอดถอนใจด้วยความชื่นชม มีเพียงหยุนเช่อ
จึงคู่ควรต่อหญิงสาวเช่นนี้ หญิงสาวที่ราวกับเป็ นความภาคภูมิ
แห่งสวรรค์ และมีเพียงหญิงสาวจึงคู่ควรกับหยุนเช่อ บุรุษผู ้
สามารถวางเท้าลงบนจุดสู งสุ ดของอาณาจักรวายุครามได้ ทั้งที่
อายุยงั ไม่ถึงยีส่ ิ บปี
ชางเยว่จอ้ งมองไปยังปลายนิ้มเท้าของตนพร้อมทั้งนับ
จังหวะหายใจของนางไปด้วย ด้วยการประคองโดยเซี่ยวหลิงซี
ชางเยว่ยดึ กุมผ้าไหมสี แดงไว้อย่างมัน่ คง ทุกย่างก้าว ภาพ
เหตุการณ์ที่นางเคยประสบพบเจอกับหยุนเช่อวาบผ่านมาในจิตใจ
...จากครั้งแรกที่พบพานในเมืองจันทร์เสี้ ยว การหลบหนีออกมา
ผ่านประสบการเฉียดตายมาร่ วมกัน ความรู ้สึกบางอย่างเริ่ ม
เติบโตขึ้นในจิตใจนางโดยไม่รู้ตวั จากนั้น ความเศร้าอาดูรและ
ความสู ญเสี ยตลอดระยเลายาวนานตั้งแต่การพรากจากกันที่
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ความปี ติยนิ ดีความความฝันยามพบพานกัน
อีกครั้งครา...และจากวันนี้ไป นางจะเป็ นภรรยาของหยุนเช่อ
ครองคู่อยูร่ ่ วมกันจนแก่เฒ่า ทุกสิ่ งทุกอย่างของชายหนุ่ม จะถูก
นับรวมเป็ นส่ วนหนึ่งของนาง และทุกสิ่ งทุกอย่างในชีวติ นาง จะ
ถูกนับรวมเป็ นส่ วนหนึ่งของชายหนุ่มเช่นกัน
ทุกเสี้ ยววินาทีในขณะนี้ ล้วนราวกับอยูใ่ นความฝัน หญิง
สาวปี ติยนิ ดียง่ิ จนรู ้สึกว่านี่มิใช่ความเป็ ฯจริ ง
เสี ยงบรรเลงดนตรี เฉลิมฉลองก้องสู่ ใบหูผรู ้ ่ วมงาน ในโถง
พิธี เบื้องหน้าชางว่านเฮ่อและเซี่ยวเหล่ย ท่ามกลางสายตาของ
ผูค้ นและเสี ยงประกาศของพนักงานพิธีการ คู่บ่าวสาวเริ่ มคารวะ
กันและกัน...
“ครั้งที่หนึ่ง คํานับฟ้าดิน!”
“ครั้งที่สอง คํานับผูอ้ าวุโส!”
“สามีภรรยา คํานับกันและกัน!”
……………………………
——————————————————
ขณะเดียวกัน ณ อาณาจักรมารทมิฬ สถานที่สุดขอบประจิม
ของทวีปลมปราณฟ้า ปกคลุมด้วยพลังงานความมืดชัว่ นาตาปี
อบอวลไปด้วยบรรยากาศเยือกเย็นอันเข้มข้น
ตึก...ตึก...ตึก...
เสี ยงฝี เท้าหนักแน่นดังออกมาจากกลุ่มหมอกในป่ าทมิฬ
เมื่อเข้าสู่ ระยะสายตา ปรากฏเงาร่ างมนุษย์อนั งองุม้ เดินลากเท้า
ไปทีละก้าว ฝี เท้าของมันเชื่องช้าและหนักหน่วงอย่างยิง่ ราวกับ
มันกําลังใช้พลังแรงกายแรงใจทั้งมวล เพือ่ ก้าวเท้าออกไปแต่ละ
ก้าว...เสื้ อผ้าของมันขาดวิน่ ไม่มีชิ้นดี ร่ างกายเต็มไปด้วยริ้ วรอย
บาดแผลเกลื่อนกล่น กระทัง่ ใบหน้า ยังขีดวาดด้วยรอยเลือดเป็ น
เส้นสาย มือหนึ่งลากดาบยาวที่คมดาบบิ่นหมดสภาพ ตัวดาบ
เสี ยหายหลายแห่ง คราบโลหิ ตทั้งเก่าใหม่จบั เกรอะกรังซ้อนทับ
อยูบ่ นใบดาบทัว่ ทั้งใบ…
ผลัก่ !
เงาร่ างร่ วงหลานลงบนพื้นดิน สองมือยันพื้นไว้ขณะที่ทวั่
ร่ างของมันสัน่ สะท้าน ริ มฝี ปากเปล่งเสี ยงครํ่าครวญ ทว่ามันยังไม่
อาจลุกขึ้นได้เป็ นเวลานาน ดังนั้น สองมือมันจิกขบุม้ ลงบนพื้น
คืบคลานไปเบื้องหน้าทีละเล็ก ทีละน้อย บริ เวณที่มนั คลืบคลาน
ผ่าน ทิ้งร่ องรอยโลหิ ตจํานวนมาหศาลอันน่าตกตะลึง..
“หยุนเช่อ...ข้าจะฆ๋ าเจ้า...แม้ร่างจะต้องแหลกเป็ นชิ้นๆ..ข้าก็
จะขอฆ่าเจ้าให้ได้!!!!”
เสี ยงคํารามอย่างเจ็บปวดเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
หลุดออกมาจากริ มฝี ปากของมัน มันไม่ทราบตนเองเปล่งวาจา
เยีย่ งนี้มากี่ครั้ง คํากล่าวทั้งหดมนี้สลักลึกลงไปในจิตวิญญาณของ
มัน ราวกับเป็ นความเชื่อที่หลงเหลือเพียงหนึ่งเดียวในชีวติ
บทที่ 374 คํา่ คืนวิวาห์ แห่ งวังหลวง

“พวกเราต้องรี บออกจากสถานที่บดั ซบนี่!”


“สมแล้วที่เป็ นป่ าปี ศาจ กระทัง่ พี่สามกับพี่สี่ตายอย่างไร
พวกเรายังมิอาจรู ้ชดั … อย่าว่าแต่สมบัติเลย กระทัง่ สิ่ งที่ดูคล้าย
ก้อนหิ นก้อนหนึ่งยังไม่มี ข้าจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว!”
“โอ้? นัน่ ...ดูเหมือนมีคนหนึ่งอยูต่ รงนั้น”
บุคคลสามคนยืนที่เบื้องหน้าบุรุษชุดดํา ทั้งสามล้วน
ปลดปล่อยคลื่นพลังระดับปราณปฐพี
“มันบาดเจ็บทัว่ ทั้งตัว ดูเหมือนกําลังจะตายแล้ว ช่างเป็ น
ไส้เดือนอันน่าสมเพชเวทนาอะไรเช่นนี้” บุรุษที่ยนื อยูต่ รงกลาง
กล่าว
“ฮึ่ม อย่างมากกระแสปราณของมันก็อยูเ่ พียงระดับปราณ
จิต มันกลับกล้าฝ่ าเข้ามายังสถานที่เช่นนี้ ช่างมุทะลุบา้ บิ่นเสี ย
จริ ง”
“เห็นสภาพของมันในตอนนี้ ดูเหมือนมันจะไม่รอดชีวติ แน่
แล้ว เมื่อเรามาพบมันเข้า เหอะเหอะ… เช่นนั้นใช้โอกาสนี้ส่งมัน
ไปเลยก็แล้วกัน”
ชายวัยกลางคนเผยยิม้ กระหายเลือด… สําหรับผูค้ นเช่นพวก
มันที่ใช้กระบี่แทนการส่ งภาษา การสังหารคนย่อมสร้างความพึง
พอใจได้มากมายยิง่
มันชักดาบยาวของตนออกมาและหัวเราะชัว่ ร้าย ก่อนจะ
ฟาดฟันสันดาบลงไปทางศีรษะของเด็กหนุ่มชุดดํา
เคร้ ง!!
เด็กหนุ่มชุดดําที่นอนอยูบ่ นพื้นดินดูราวกับหมดสิ้ น
เรี่ ยวแรงไปแล้ว แต่ทนั ใดนั้นเอง ไม่รู้วา่ ทําได้อย่างไร มันกลับ
สามารถรวบรวมพลังยกดาบอันแตกบิ่นถึงที่สุดของตนขึ้นรับการ
โจมตีได้อย่างทุลกั ทุเล แรงจากดาบยาวของชายวัยกลางคนถูก
สะท้อนกลับได้หมดจดจนฟาดลงบนพื้นดิน ดาบสภาพดูไม่ได้
ของเด็กหนุ่มชุดดําถูกแรงสะเทือนจนกระเด็นหลุดออกจากมือ
“โย่!” ชายวัยกลางคนหัวเราะบ้าคลัง่ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ถึงมันจะ
สภาพเอน็จอนาถเช่นนี้แต่ยงั กลับเหลือเรี่ ยวแรงขัดขืน ข้าผู ้
ยิง่ ใหญ่น้ ีอุตส่ าห์ใจดีส่งเจ้าไปตามทาง แต่เจ้ากลับไม่รู้จกั สํานึก
บุญคุณของข้า เหอะ ข้าล่ะอยากเห็นนัก ว่าเจ้าจะเอาชีวติ รอดจาก
ดาบนี้ของข้าอย่างไร”
หลังจากกล่าวจบ มันพลันโคจรพลังปราณสามส่ วนในร่ าง
ไปยังแขน และทิ่มแทงดาบลงไปยังตําแหน่งหัวใจของเด็กหนุ่ม
เมื่อเงาแห่งความตายกลํ้ากรายเข้ามาอย่างฉับพลัน นัยน์ตา
ของเด็กหนุ่มชุดดําหดเกร็ ง ร่ างกายขยับเองตามสัญชาตญาณ เสี ย
“ฟุ่ บ” ดังขึ้นคราหนึ่ง ก่อนที่ดาบจะทิ่มแทงลงบนหน้าอกขวาของ
เด็กหนุ่มอย่างไร้ปราณี
โลหิ ตสดๆ อาบย้อมทัว่ แผ่นอกเป็ นสี แดงฉานอย่างรวดเร็ ว
ร่ างกายของเด็กหนุ่มชุดดําแข็งค้าง ดวงตาเริ่ มพร่ ามัวลงอย่าง
ช้าๆ… เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอย่างชัดเจน...
ไม่ …
ข้ ายังตายไม่ ได้ … ข้ ายังตายไม่ ได้ …
ข้ ายังไม่ ได้ ฆ่าหยุนเช่ อ… ข้ ายังไม่ ได้ แก้ แค้ น…
ข้ ายังตายไม่ ได้ … ข้ ายังตายไม่ ได้ …
“ข้ ายัง...ตายไม่ ได้ !!!”
“ย่ าาาาาห์ !!”
ดวงตาทั้งสองข้างที่มิอาจมองเห็นสิ่ งใดพลันปลดปล่อยแวว
ตาอํามหิ ตดุจหมาป่ าปี ศาจ ทันใดนั้นเอง ไม่รู้มนั รวบรวมเรี่ ยวแรง
มาจากที่ใด เด็กหนุ่มกลับสามารถลุกขึ้นยืน ใช้มือหนึ่งคว้าจับมือ
ขวาของชายวัยกลางคนที่ใช้ถือดาบ ก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งฟาดลง
ไปบนอกของชายวัยกลางคนอย่างโหดเหี้ ยม…
“ไม่วา่ ใคร...ก็อย่าคิด...จะสังหารข้า!! อ๊ากกกกก!!”
ผัวะ!!!
เดิมทีกระบี่น้ นั เพียงพอจะสังหารเด็กหนุ่ม และมันสมควร
จะมองดูเด็กหนุ่มชุดดําเดินสู่ความตายอย่างสบายใจ แต่กระนั้น
มันไม่คาดคิดเลยว่าเด็กหนุ่มจะสามารถลุกยืนขึ้นได้ หลังจากนั้น
มันรู ้สึกราวกับถูกห้อมล้อมกักขังไว้ในคุกแห่งความเคียดแค้น
ชิงชัง ทําให้มนั แข็งค้างไปช่วงหนึ่ง ระหว่างนั้นมันกลับมิอาจ
ขยับตัวได้แม้แต่นอ้ ย และเมื่อประสาทสัมผัสมันกลับคืนมา มัน
กลับไม่อาจรู ้สึกได้ถึงร่ างกายของตนเองอีก...
ชายวัยกลางคนก้มลงอย่างเชื่องช้า หลังจากนั้นดวงตามัน
จ้องมองไปเบื้องล่าง มันเห็นร่ างของเด็กหนุ่มชุดดําซึ่งสมควรตาย
ตกลงใต้คมกระบี่ของมัน… หมัดของเด็กหนุ่ม รวมถึงท่อนแขน
ครึ่ งหนึ่งได้จมหายลงไปในหน้าอกของมัน…
“เจ้า...เจ้า…” ชายวัยกลางคนเบิกตากว้างราวกับดวงตา
กําลังจะระเบิดออก หลังจากเปล่งเสี ยงสุ ดท้ายในชีวติ ของมันแล้ว
มันค่อยๆหงายหลังล้มลงอย่างเชื่องช้า เมื่อร่ างของมันล้มลง ท่อน
แขนเปื้ อนโลหิ ตก็ดึงกลับออกจากหน้าอกของมันเช่นกัน… บน
หน้าอกของชายวัยกลางคนปรากฏหลุมโลหิ ตขนาดใหญ่ที่บดั นี้
โลหิ ตสดๆได้พงุ่ ทะลักออกมาอย่างบ้าคลัง่
สายลมหนาวเหน็บพัดพากลิ่นอายเข้มข้นของโลหิ ต เด็ก
หนุ่มชุดดําบัดนี้ทว่ั ร่ างปกคลุมไปด้วยเลือด โดยเฉพาะท่อนแขน
ที่ราวกับได้อาบลงในสระโลหิ ต ผมเผ้ายุง่ เหยิงของมันโบกพัด
ตามกระแสลมหนาว ปกปิ ดใบหน้าราวกับปี ศาจลงครึ่ งหนึ่ง
หน้าอกของเด็กหนุ่มที่ถูกดาบยาวทิ่มแทงบัดนี้ยงั คงมีโลหิ ตหยาด
หยดลงมา
เมื่อนั้นเอง เพื่อนร่ วมกลุ่มทั้งสองของชายวัยกลางคนดูราว
กับว่าพวกมันได้เห็นเทพปี ศาจจากนรกอันน่าหวาดหวัน่ ใน
ตํานาน!
พวกมันสังหารผูค้ นมานับไม่ถว้ น และได้บุกฝ่ าไปยัง
สถานที่อนั ตรายมามากมายจนมิอาจนับ ดังนั้นนับว่าขวัญของ
พวกมันกล้าแข็งกว่าคนทัว่ ไป ทว่าความเคียดแค้น ความเกลียดชัง
และความโหดเหี้ ยมที่ลอยอยูห่ นาแน่นในอากาศจนเหนือ
จินตนาการทําให้พวกมันรู ้สึกราวกับตกอยูใ่ นคุกนํ้าแข็งแห่งขุม
นรก กล้ามเนื้อทุกมัด เส้นโลหิ ตทุกเส้นทัว่ ร่ างล้วนเต้นเร่ าด้วย
ความกลัว
พร้อมกันนั้น พวกมันล้วนกรี ดร้องออกมาด้วยนํ้าเสี ยง
แปลกหู พวกมันล้มคะมําและตะเกียกตะกายลุกขึ้นและวิง่ หนีไป
ในทิศตรงกันข้ามอย่างบ้าคลัง่ ก่อนที่จะหายลับไปภายท่ามกลาง
กลุ่มหมอกสี เทาในป่ าอันมืดมิด
เคร้ ง!!
เด็กหนุ่มดึงดาบยาวออกจากหน้าอกของตน ก่อนจะทิ้งมัน
ลงข้างขาของตนอย่างไร้เรี่ ยวแรง ในดวงตาของเด็กหนุ่มมองเห็น
ฟ้าดินหมุนติ้ว ก่อนที่เด็กหนุ่มจะล้มลงบนพื้นดินและหมดสติไป
ข้ าจะตายไม่ ได้ …
ข้ าต้ องฆ่ าหยุนเช่ อ...ฆ่ าหยุนเช่ อ…
ข้ าจะ...ตายไม่ ได้ ...เป็ นอันขาด…
เสี ยงสุ ดท้ายในห้วงคํานึงของเด็กหนุ่มค่อยๆเลือนหาย ทัว่
ร่ างของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยเต็มไปด้วยบาดแผล ราวกับเป็ นถุง
กระดาษขาดๆใบหนึ่ง หากบาดแผลเหล่านี้อยูบ่ นร่ างของบุคคล
ทัว่ ไป คนเหล่านั้นคงได้ตายไปเนิ่นนานแล้ว แต่เด็กหนุ่มยังคง
อดทน ไม่ยนิ ยอมให้ตวั เองตกตาย… ในมือซ้ายของมันกํากุญแจสี
ดําสนิทดอกหนึ่งแน่น หมอกสี เทาหม่นอันพิสดารห้อมล้อม
กุญแจดอกนั้น และทันใดนั้นเองหมอกนั้นพลันเริ่ มพลิ้วไหวอย่าง
สะเปะสะปะราวกับสัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่าง...
ลึกลงภายในกลุ่มหมอกสี เทา เสี ยงหัวเราะมืดมนจนสุ ด
ประมาณพลันดังขึ้นอย่างแปลกประหลาดน่าขนลุก…
“กระแสความแค้นอันเข้มข้น ความคิดยึดติดหมกมุ่นจนน่า
หวาดหวัน่ นัน่ … บนร่ างกายของมันยังนําพากระแสพลังที่
สามารถพาข้าออกจากที่กกั ขังนี้ได้… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…
นี่ช่างเป็ นร่ างอันสมบูรณ์แบบเกินกว่าที่ขา้ จะกล้าใฝ่ ฝันถึง… ใน
ที่สุดสวรรค์กม็ ีตา ข้าได้อดทนรออย่างขมขื่นมาเนิ่นนาน ในที่สุด
ข้าก็จะได้รับอิสระอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
——————————————
เนื่องจากมีงานฉลองวันวิวาห์ของหยุนเช่อและชางเยว่ ทัว่
ทั้งนครหลวงวายุครามบัดนี้คึกคักอย่างสุ ดประมาณ งานเลี้ยงพิธี
แต่งงานได้ดาํ เนินมาตลอดทั้งวัน จนกระทัง่ ยามราตรี มาเยือน
นครหลวงวายุครามและวังหลวงวายุครามจึงค่อยสงบลงบ้าง
ท่ามกลางฟากฟ้ากระจ่างดาว แสงจันทร์ในคืนนี้ช่างงดงาม
เป็ นพิเศษ ดวงจันทร์ได้ทอแสงนุ่มนวลโอบล้อมไปทัว่ วังหลวง
ชางเยว่นงั่ อยูใ่ นห้องใหม่มาเนิ่นนานมากแล้ว ภายในห้อง
นั้นได้มีเทียนสี แดงถูกจุดไว้หลายเล่ม แสงจันทร์เล็ดรอดผ่านช่อง
ผ้าม่าน กระทบร่ างบุคคลทั้งสองที่นงั่ อยูข่ า้ งเตียง หญิงสาวมอง
ไปนอกหน้าต่างบ่อยครั้ง เงี่ยหูฟังเสี ยงจากด้านนอกด้วยความ
หวัน่ วิตกและกระวนกระวาย หญิงสาวถามขึ้นซํ้าแล้วซํ้าเล่า “พิธี
ยังไม่เสร็ จอีกหรื อ? เขาจะมาเมื่อใด?”
“อือ… พีส่ าวองค์หญิง ท่านถามคําถามนี้มามากกว่าสามสิ บ
ครั้งแล้วนะ” เซี่ยวหลิงซีนงั่ เท้าคางอยูเ่ บื้องหน้าเทียนสี แดง หญิง
สาวมองไปนอกหน้าต่างและกล่าวอย่างหม่นหมอง “บัดนี้ดา้ น
นอกเงียบลงแล้ว อีกครู่ เดียวเขาสมควรจะมาแล้วล่ะ…”
แอ๊ด…
ทันใดนั้นเอง ประตูที่ปิดแน่นหนาได้ถูกผลักเปิ ดออกอย่าง
แผ่วเบา หญิงสาวทั้งสองอาศัยแสงเทียนทําให้มองร่ างของบุคคล
ที่เดินเข้ามาได้อย่างชัดเจน เรื อนร่ างนุ่มนวลของชางเยว่สน่ั
สะท้านขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะชะงักลงเนื่องจากความยินดีและวิตก
กังวล
บนพื้นมีผนื พรมสี แดงผืนใหญ่ที่ถกั ทออย่างปราณี ต ปักลาย
‘เมฆมงคลมังกรเคียงหงส์’ บนผนังห้อยแขวนไว้ดว้ ยผ้าไหมสี
แดง เทียนมงคลสี แดงสองแท่งใหญ่ที่วางอยูบ่ นเชิงเทียนรู ปดอก
โบตัน๋ ส่ องแสงสว่างระยิบระยับจับตา บนเทียนสลักไว้ดว้ ยรู ป
มังกรและหงส์พร้อมลงลวดลายสี ทอง เปลวเทียนวูบไหวอาบไล้
ฉาบผ้าม่านเป็ นสี ทอง ทัว่ ห้องเต็มไปด้วยสี สนั บรรยากาศดุจห้วง
ฝัน ทว่าสี สนั อันสวยงามที่สุดกลับมิอาจเทียบได้กบั หญิงสาวสอง
คนที่เฝ้ารอชายหนุ่มมาเนิ่นนาน ชายหนุ่มหยุดลงที่หน้าประตู
ห้อง อาศัยแสงเทียนอันนุ่มนวลมองไปยังหญิงสาวสองคนที่
สําคัญที่สุดในชีวติ ของเขา #ดราม่ามาแน่ประโยคนี้
เซี่ยวหลิงซี ยนื ขึ้น นางพูดพร้อมทําแก้มป่ อง “ช้ามาก! เจ้า
เกือบจะทําให้องค์หญิงภรรยาเจ้าเป็ นห่วงตายแล้ว… ในเมื่อคืนนี้
เป็ นคืนวิวาห์ของพวกเจ้า คนไม่จาํ เป็ นอย่างข้าสมควรจะไปได้
แล้ว ร...ร...ร...เรื่ องราวต่อจากนี้กเ็ ป็ นเรื่ องของพวกเจ้าสองคน
แล้ว”
เซี่ ยวหลิงซีกล่าวตะกุกตะกัก และก่อนจะรอให้หยุนเช่อ
และชางเยว่เอ่ยตอบ หญิงสาวก็เร่ งรี บเริ่ มก้าวเดินออกไป
หยุนเช่อรั้งแขนของเซี่ยวหลิงซีไว้ “อาหญิงเล็ก ท่าน…”
เซี่ยวหลิงซี จบั มือของชายหนุ่ม ก่อนจะสัน่ ศีรษะอย่าง
หงุดหงิดเล็กน้อย “อ๊า! วันนี้เป็ นวันสําคัญระหว่างเจ้ากับพีส่ าว
องค์หญิง เรื่ องอื่นๆไว้พรุ่ งนี้เถอะ! อย่าดึงข้าไว้อีกนะ!”
หลังกล่าวจบ หญิงสาวก็ไม่ใส่ ใจต่อหยุนเช่ออีก พร้อมกับ
ออกวิง่ เหยาะๆจากไป
“...” หยุนเช่อมองแผ่นหลังของเซี่ยวหลิงซีที่จากไปด้วย
แววตาว่างเปล่า ชายหนุ่มทําตัวไม่ถูกไปครู่ หนึ่ง ชายหนุ่มมักจะ
อ่านอารมณ์ความรู ้สึกของเซี่ยวหลิงซีออกอย่างชัดเจนเสมอ และ
ขณะนี้เขารู ้สึกได้วา่ อาหญิงเล็กของตนบัดนี้อารมณ์ปั่นป่ วน
สับสนอยูบ่ า้ ง
หยุนเช่อเดินก้าวใหญ่ไปยืนเคียงข้างชางเยว่ ชายหนุ่มถอด
มงกุฏหงส์ของหญิงสาวลงอย่างนุ่มนวล ในชัว่ ขณะนั้น ใบหน้า
งดงามที่แฝงด้วยความเขินอายของชางเยว่กส็ ะท้อนอยูใ่ นดวงตา
ของชายหนุ่ม ใบหน้างามกระจ่างดุจหยกของหญิงสาวที่สะท้อน
ด้วยแสงเทียนนั้นงดงามอย่างไร้ที่ติ
เมื่อรู ้สึกได้ถึงสายตาของหยุนเช่อที่จบั จ้องมา ชางเยว่กม้
หน้าลงอย่างเงียบงัน ร่ องรอยสี ชมพูพาดผ่านสองแก้มนวล หยุ
นเช่อนัง่ ลงด้านข้างนาง โอบกอดไหล่บางหอมกรุ่ นพร้อมกล่าว
อย่างอ่อนโยน “ศิษย์พี่หญิง ข้าทําให้ท่านต้องรอแล้ว”
ใบหน้าของชางเยว่แดงกํ่า หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่รัว
พร้อมกับที่นางกล่าวเสี ยงนุ่ม “สามีขา้ ท่านยังจะเรี ยกข้าว่า...ศิษย์
พี่หญิงอีกหรื อ?”
ครั้งที่ท้งั สองพบกันที่วงั ยุทธ์จนั ทร์เสี้ ยว ทั้งสองสมควร
เรี ยกขานกันและกันว่าศิษย์พี่หญิงและศิษย์นอ้ ง แต่หากนับรวม
เวลาที่หยุนเช่ออาศัยในเมืองจันทร์เสี้ ยวนั้นรวมกันไม่ถึงสองวัน
หลังจากนั้นการเรี ยกกันว่าศิษย์พี่หญิงและศิษย์นอ้ งได้กลับ
กลายเป็ นความเคยชิน และเป็ นความทรงจํารู ปแบบหนึ่งเช่นกัน
คําว่า “สามี” ที่หญิงสาวเอื้อนเอ่ยทําให้ร่างกายของหยุนเช่อ
โอนอ่อนลง ชายหนุ่มเผยยิม้ มองไปยังชางเยว่และกล่าวอย่าง
นุ่มนวล “ท่านอยากให้ขา้ เรี ยกท่านว่าเยว่เอ๋ อร์หรื อเสวีย่ หลอ?”
ชางเยว่กล่าวอย่างอ่อนโยน “หากสามีขา้ พึงพอใจ ท่านจะ
เรี ยกนามใดก็ได้ เมื่อสตรี ผหู ้ นึ่งได้ตบแต่งให้แก่สามีของนางแล้ว
สามีของนางจะกลางเป็ นสวรรค์ของนาง ตราบในที่สามีขา้ ชอบ
ข้าก็ชอบมันเช่นกัน”
ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี หมู่เมฆที่บดบังแสงจันทร์บดั นี้
ได้ถูกสายลมพัดพาให้กระจายหายไป ทําให้แสงจันทร์ส่องลงใน
ห้องหอได้สว่างและชัดเจนยิง่ ขึ้น
“ข้าคิดอยูเ่ สมอว่าหากข้าไม่ได้พบกับสามี บัดนี้ขา้ จะอยูท่ ี่
ใด พระบิดาจะสวรรคตไปแล้วหรื อไม่? วังหลวงจะเต็มไปด้วย
ควันไฟและเถ้าถ่านหรื อไม่? หรื อมันจะตกลงในมือของผูอ้ ื่น…”
ชางเยว่พงิ ร่ างลงที่ไหล่ของหยุนเช่อ ดวงตาของนางพร่ ามัวราวกับ
เมฆหมอก “สามีขา้ ท่านคือของขวัญอันลํ้าค่าที่สุดที่สวรรค์
ประทานให้กบั ชีวติ ของข้า การได้แต่งงานกับสามี ในชีวติ นี้ของ
ข้า-ชางเยว่ ก็ไม่คาดหวังสิ่ งใดอีก”
“ข้าเองก็เช่นกัน” หยุนเช่อหลับตาพร้อมกล่าวอย่างนุ่มนวล
“หากวันนั้นข้าไม่ได้พบกับเสวีย่ หลอ ข้าคงตายไปในเมืองจันทร์
เสี้ ยวแล้ว และเป็ นท่านอีกเช่นกันที่พาข้ามาที่นครหลวงวายุคราม
ทําให้ขา้ ได้เป็ นตัวแทนราชวงศ์ไปร่ วมงานประลองยุทธ์… ทําให้
ข้าได้พบกับท่านปู่ แท้ๆของข้า ผูซ้ ่ ึงบอกเล่าภูมิหลังที่แท้จริ งของ
ข้า… ด้วยเหตุน้ ีขา้ จึงเป็ นตัวข้าในวันนี้ การได้พบกับเสวีย่ หลอ ก็
เป็ นของขวัญลํ้าค่าที่ สวรรค์ประทานให้ขา้ เช่นกัน”
ในขณะที่ท้ งั สองระลึกถึงความหลัง กลิ่นอายหอมหวาน
ของสตรี วยั แรกแย้มและกลิ่นอายของบุรุษได้กระตุน้ ยัว่ เย้า
ประสาทสัมผัสและดวงใจของทั้งสอง ร่ างของคนทั้งสองเคลื่อน
เข้าหากันมากขึ้น มากขึ้น… ในที่สุดริ มฝี ปากหอมหวานของชาง
เยว่กถ็ ูกจุมพิตโดยหยุนเช่อ ร่ างกายของนางก็ถูกชายหนุ่มกดลง
บนเตียงเช่นกัน หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวราวกับกวางน้อย ใน
ขณะเดียวกันแก้มทั้งสองที่ถูกประทินโฉมด้วยแป้งก็แดงกํ่า หญิง
สาวหลับตา ปล่อยหัวใจและห้วงคํานึงให้ล่องลอยไปกับรสจุมพิต
ของชายหนุ่ม อนุญาตให้ชายหนุ่มดูดกลืนลิ้นหอมหวานและไล้
ลิ้นไปตามแนวฟันขาวสะอาด ลิ้มรสของนาง...
อาภรณ์ของนางถูกหยุนเช่อถอดออกทีละชั้น ทีละชั้นโดย
ไม่รู้ตวั เมื่อไม่มีอาภรณ์ใดปิ ดบังร่ างกาย เรื อนร่ างบอบบางอวบ
อิ่มขาวผ่องราวหิ มะได้เปิ ดเผยออกเบื้องหน้าชายหนุ่ม หยุนเช่อ
พึงพอใจอย่างยิง่ ชายหนุ่มเริ่ มลูบไล้ไปตามเรื อนร่ างงดงามไร้ที่ติ
ราวหยกของหญิงสาว เมื่อชายหนุ่มเย้าแหย่ ชางเยว่เปล่งเสี ยงร้อง
เสี ยงครางนุ่มนวลน่ารักของหญิงสาวทําให้จิตใจของผูฟ้ ังหนึบชา
ความเขินอายทําให้ผวิ พรรณขาวนวลดุจหิ มะของหญิงสาวเรื่ อสี
แดงกํ่า ลมหายใจของหญิงสาวก็เริ่ มอุ่นร้อนและขาดห้วง
“อืมม์…”

หลังจากเสี ยงครางด้วยความสุ ขระคนเจ็บปวดของหญิงสาว


ในที่สุดร่ างของทั้งสองก็หลอมรวมกันอย่างลึกซึ้ ง ชางเยว่โอบ
กอดบุรุษเหนือร่ างของนางอย่างแนบแน่น ดวงตาเปล่งประกาย
สุ กสกาวของหญิงสาวค่อยๆปิ ดลงทีละน้อยอย่างเงียบงัน
บทที่ 375 หลิงซี

เที่ยงคืน ตําหนักโอบจันทรา
เงาร่ างของเซี่ยวหลิงซีนงั่ อยูข่ า้ งสระบัว สองมือทาบทับอยู่
สองข้างแก้ม หญิงสาวนัง่ เฝ้าดูระลอกนํ้าไหวกระเพื่อมจากสาย
ลมเย็นโชยพัดอย่างเงียบงัน แสงจันทรากระจ่างสาดส่ องต้องผืน
นํ้า สะท้อนประกายบนวงหน้าขาวราวหิมะและดวงตาระยิบระยับ
ทั้งคู่
หญิงสาวนัง่ นิ่งท่ามกลางความเงียบสงัดงัน ไม่มีผใู ้ ดทราบ
ว่านางกําลังครุ่ นคิดสิ่ งใด
“อาหญิงเล็ก ท่านยังไม่นอนหรื อ?”
สุ ม้ เสี ยงคุน้ เคยทว่าเปี่ ยมด้วยความประหลาดใจส่ งผลให้
เซี่ยวหลิงซี เงยหน้าขึ้น หญิงสาวมองเห็นหยุนเช่อที่ไม่ทราบมายืน
ข้างนางตั้งแต่เมื่อใด เซี่ยวหลิงซีน่ิงตะลึงก่อนจะกล่าวออกมา
อย่างนุ่มนวลว่า “เช่อน้อย? เจ้ามาทําอะไรที่นี่? มิใช่สมควรอยู่
ภายในห้องหอกับพี่หญิงหรอกหรื อ? เหตุใดจึงไม่อยูเ่ ป็ นเพือ่ น
นาง...ออกมาที่นี่ดว้ ยเหตุใด!”
“นางหลับไปแล้ว แล้วก็...ข้าเป็ นห่วงท่านเล็กน้อย ข้าไปหา
ท่านที่หอ้ ง ก่อนจะมาตามหาท่านที่นี่” หยุนเช่อกล่าวพลางแย้มยิม้
จากนั้น ชายหนุ่มก้าวเท้ามาเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ทรุ ดนัง่ ที่ดา้ นข้าง
ของเซี่ยวหลิงซี ชื่นชมทิวทัศน์ของสระปทุมสะท้อนประกาย
ท่ามกลางแสงจันทร์ยามคํ่าคืน
“ข้า...ข้านอนไม่หลับ” เซี่ยวหลิงซีกม้ ศีรษะลง หัวใจของ
นางคล้ายเต้นระรัวกว่ายามปกติอยูบ่ า้ ง หญิงสาวหยุดชะงักชัว่ ครู่
ก่อนจะกล่าวต่อด้วยนํ้าเสี ยงอันอ่อนโยน “เหตุใดเจ้าจึงกังวลถึง
ข้า? ข้าไม่เป็ นอะไร...เจ้าควรทุ่มเทจิตใจและเวลาอยูก่ บั พี่หญิงจึง
ถูกต้อง”
หยุนเช่อมิตอบคํา กลับกัน ชายหนุ่มจ้องมองเซี่ยวหลิงซีอยู่
ชัว่ ครู่ ก่อนจะยืน่ เหยียดฝ่ ามือออกข้างหนึ่ง โอบไหล่หญิงสาวเข้า
สู่ ออ้ มอกของมัน
“อ๊าา..” เซี่ยวหลิงซี อุทานออกมาด้วยความตกใจ ทว่า หญิง
สาวมิได้ดิ้นรนขัดขืน นางเพียงทิ้งตัวลงภายในอ้อมกอดของหยุ
นเช่อ
“ท่านว่า...นี่เหมือนกับคราที่แล้วหรื อไม่” หยุนเช่อสู ดดมก
ลื่นอายของเซี่ ยวหลิงซีขฯะกล่าวคําด้วยรอยยิม้
“คราที่แล้ว...เมื่อใด?”
“สามปี ก่อนเมื่อข้าเข้าพิธีแต่งงาน คืนนั้นล้วนเป็ นเช่นนี้
เช่นกัน ภายใต้ทอ้ งนภายามคํ่า ข้าโอบกอดอาหญิงเล็กไว้เช่นนี้”
ประโยคนี้กระตุน้ เตือนถึงความทรงจําของคนทั้งคู่ให้พลัน
หวนระลึกนึกถึงคํ่าคืนนั้น ความรู ้สึกต้องห้ามอันคลุมเครื อเลือน
ราง ทว่ากลับมอมเมาทั้งสองจนไม่อาจไถ่ถอนตัวได้ บุรุษสตรี ท้ งั
สองต่างไม่มีผใู ้ ดกล้าทําลายภาพเหตุการณื ในคํ่าคืนนั้น คืนที่
สมควรเป็ นวันเข้าหอของหยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่ หากแต่หยุนเช่อ
ใช้เวลาตลอดคืนโอบกอดเซี่ยวหลิงซีไว้ในอ้อมแขน ณ บริ เวณ
ภูเขาหลังแห่งบ้านตระกูลเซี่ยว
คืนนี้ เป็ นคืนแต่งงานของชายหนุ่มเช่นเดิม และที่ขา้ งกาย
ยังคงเป็ นเซี่ยวหลิงซีคนเดิมอีกเช่นกัน
“นัน่ ไม่เหมือนกัน...” เซี่ยวหลิงซีสนั่ ศีรษะแผ่วเบา ก่อนจะ
กล่าววาจาอย่างนุ่มนวล “ครานั้น ตอนที่เจ้ากําลังจะแต่งงาน
กับเซี่ยฉิ งเยว่ เดิมที ...ข้ารู ้สึกอึดอัดใจมากกว่ายินดี ยิง่ งาน
แต่งงานใกล้เข้ามาเท่าไร ข้ายิง่ รู ้สึกว่าเช่อน้อยไกลห่างจากข้า
ออกไปทุกที กลับกลายเป็ นของผูอ้ ่ืนไป ยิง่ กว่านั้น ข้ากริ่ งเกรงว่า
เซี่ยฉิ งเยว่จะปฏิบตั ิต่อเจ้าไม่ดี กลัวว่านางจะรังแกเจ้า นางเป็ นถึง
ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อนั ดับหนึ่งแห่งเมืองเมฆาล่อง เจ้ามิใช่คู่มือนาง
ข้าเองก็มิอาจเคียงข้างเพือ่ ปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป...บิดาคล้ายดัง่ มี
ความคิดเช่นเดียวกัน ท่านพ่อยินดีที่เจ้าแต่งงาน ทว่าก็วติ กกังวล
อย่างยิง่ เช่นกัน...หากแต่ครานี้ลว้ นแตกต่างไปอย่างสิ้ นเชิง”
ดวงตางดงามทั้งคู่ของเซี่ยวหลิงซีทอประกายสดใส “พี่
หญิงเป็ นองค์หญิงแห่งอาณาจักรวายุคราม เป็ นสตรี ท่ีสูงส่ งที่สุด
ในอาณาจักรนี้ นางอ่อนโยนนุ่มนวลทั้งมีรูปโฉมงามสง่า...ข้า
บอกได้เลยว่าบิดามีความสุ ขที่สุดในวันนี้ นี่เป็ นครั้งแรกที่ขา้ เห็น
ท่านพ่อเมามาย เมื่อเห็นเช่อน้อยได้ตบแต่งภรรยาที่ดี ข้าเองล้วน
ยินดียงิ่ เช่นกัน”
“..หากอาหญิงเล็กยินดียงิ่ จริ งๆ เหตุใดไม่อาจนอนหลับ
กลับนัง่ ฝันกลางวันอยูใ่ นที่น้ ีเพียงผูเ้ ดียว?”
เซี่ ยวหลิงซี นิ่งเงียบงันไป หญิงสาวอิงแอบเข้าสู่ ออ้ มอกของ
ชายหนุ่มเพื่อให้สามารถได้ยนิ เสี ยงหัวใจเต้นในอกของหยุนเช่อ
ผ่านไปชัว่ ครู่ เซี่ ยวหลิงซีจึงสามารถเปล่งวาจาออกมาในที่สุด “ข้า
เกิด...คิดถึงวันวาน….ยามที่ขา้ และเช่อน้อย...อยูด่ ว้ ยกันเสมอมา...
ทุกนาที...ทุกวินาที หากข้าต้องการ ล้วนสามารถพบเจอเจ้าได้
ตลอดเวลา เช่อน้อยเป็ นของข้า โลกทั้งใบ ล้วนเป็ นของเราสอง
คน...”
หยุนเช่อ “...”
“ตอนนี้ เช่อน้อยเติบโตแล้ว ทั้งยังเข้มแข็งอย่างยิง่ เจ้าได้รับ
ความเคารพนับถือจากผูค้ น ทั้งยังได้ตบแต่งสตรี อนั ประเสริ ฐสุ ด
ในแผ่นดินเป็ นภรรยา หนึ่งคือเทพธิดาสู งสุ ดแห่งวายุคราม อีก
หนึ่งคือองค์หญิงเพียงพระองค์เดียวแห่งจักรวรรดิ...ข้าปี ติยนิ ดี
และภาคภูมิใจยิง่ ...แต่ขา้ ยังเสี ยใจเล็กน้อย...เนื่องเพราะ...เพราะ...”
เซี่ ยวหลิงซี หดร่ างเล็กลงเพื่ออิงแอบเข้าหาหยุนเช่อให้แนบ
แน่นยิง่ ขึ้น ราวกับว่าชายหนุ่มอาจสามารถอันตรธานหายไปได้
ทุกเมื่อหากนางปล่อยมือ “เนื่องเพราะข้าไม่อาจไล่ติดตามก้าวย่าง
ของเจ้าได้ทนั ข้าไม่อาจเป็ นส่ วนหนึ่งในโลกของเจ้าอีกต่อไป...
ข้าธรรมดาสามัญยิง่ ไม่อาจเทียบได้กบั องค์หญิง ไม่อาจเทียบ
เปรี ยบกับเซี่ ยฉิ งเยว่...ผูค้ นที่มาในวันนี้ต่างเป็ นบุคคลที่ขา้ เพียง
เคยได้ยนิ จากตํานานเรื่ องเล่า...ข้าไม่มีความสามารถพิทกั ษ์
ปกป้องเช่อน้อยได้อีกต่อไป...กลับกัน...ข้าเพียงสามารถเป็ นได้
แค่ภาระ...อืมม...”
ริ มฝี ปากของเซี่ยวหลิงซีพลันถูกปิ ดลงด้วยฝ่ ามือของหยุ
นเช่อ มิให้นางได้กล่าววาจาออกมาอีกแม้เพียงครึ่ งคํา
“อา…”
“อาหญิงเล็ก ท่านทราบหรื อไม่...” หยุนเช่อกล่าววาจาด้วย
ทีท่าสงบนิ่งเยือกเย็นและเด็ดขาด “หากท่านต้องการให้ขา้ บอกว่า
ที่สาํ คัญที่สุดในใจข้าคือผูใ้ ด คนผูน้ ้ นั ย่อมเป็ นอาหญิงเล็ก...
ยิง่ กว่านั้น จะยังคงเป็ นท่านตลอดไป ไม่วา่ ผูใ้ ดหรื ออะไรก็ตาม
ล้วนไม่อาจแทนที่ท่านได้! ดังนั้น ข้าไม่ยนิ ยอมให้ผใู ้ ดกล่าวหา
ท่านด้อยกว่าผูอ้ ื่น แม้แต่ตวั ท่านเองก็ไม่อาจพูด”
“อา...”
เสี ยงอุทานอย่างเงียบงัน จิตใจของหญิงสาวหวัน่ ไหวจากคํา
กล่าวของชายหนุ่ม ทัว่ ร่ างอ้อนแอ้นของเซี่ยวหลิงซีสนั่ สะท้าน
หัวใจทั้งดวงเต้นถี่ระรัว จากนั้น หญิงสาววางฝ่ ามือลงบนทรวง
อกของหยุนเช่อพร้อมหัวเราะเล็กน้อย “เช่อน้อยยังคงเป็ นเช่อ
น้อย ช่างปากหวาน เอาอกเอาใจข้า”
“ข้ามิได้พดู จาเพือ่ เอาใจท่าน ทุกคําพูดมาจากหัวใจของข้า
ที่ขา้ กล่าวในวันนี้เป็ นความจริ ง ที่ขา้ เคยกล่าวเมื่อวันวานก็เป็ น
ความจริ งเช่นกัน” หยุนเช่อรับรองอย่างจริ งจัง “อย่างเช่น...ที่ขา้
เคยกล่าวต่ออาหญิงเล็กในครั้งอดีต ไม่ทราบอาหญิงเล็กยังจดจํา
ได้หรื อไม่”
“คําพูดใด?”
หยุนเช่อมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวด้วยความเสน่หา
“ขอเพียงท่านไม่ใช่อาหญิงเล็กของข้า...ข้าจะแต่งงานกับท่าน!”
ชั้นบรรยากาศโดยรอบเข้มข้นหนาหนัก บุรุษสตรี ท้ งั สอง
นิ่งค้างราวถูกแช่แข็ง ขณะที่ดวงตาทั้งคู่สบประสานกันและกัน
ครั้งแรกที่หยุนเช่อกล่าวคําพูดนี้ต่อเซี่ยวหลิงซี คือคืนวันเข้า
หอของชายหนุ่ม...ทว่า คํากล่าวนี้ ต่างความหมายจากครานั้น
เนื่องเพราะครานั้น เซี่ยวหลิงซีคืออาหญิงเล็กของมัน
แต่ทว่าครานี้ ทั้งสองและผูค้ นทัว่ หล้า ต่างทราบดีวา่ พวก
มันมิได้เกี่ยวพันอันใดตามสายเลือด
ตึกตัก...ตึกตัก…. ตึกตัก…
ท่ามกลางราตรี กาลอันสงัดงัน หยุนเช่อสามารถได้ยนิ เสี ยง
หัวใจเต้นระรัวของเซี่ยวหลิงซีอย่างชัดเจน ทันใดนั้น ร่ างบอบ
บางในอ้อมกอดของหยุนเช่อเริ่ มขยับไหว แทนที่ดว้ ยแรงผลักอัน
ไม่มากไม่นอ้ ย หยุนเช่อไม่ทนั ตั้งตัว ชายหนุ่มร่ วงหล่นลงไปกอง
กับพื้น ที่เบื้องหน้าชายหนุ่ม เป็ นสี หน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่น
เคืองของเซี่ ยวหลิงซี ...
“จ-จ-จ-เจ้า...เจ้าใช้วาจาไร้สาระแบบเมื่อก่อนมาเอารัดเอา
เปรี ยบข้าอีกแล้ว!” แก้มทั้งสองของเซี่ยวหลิงซีแดงกํ่า หญิงสาว
ท่าทีสบั สันวุน่ วายใจ วาจาที่กล่าวเริ่ มตะกุกตะกัก “วันนี้ เจ้าตบ
แต่งองค์หญิง...ทว่าเจ้ากลับบอกต่อหญิงสาวอีกคนว่าจะแต่งงาน
กับนางในคืนวันส่ งตัวของเจ้า...ครั้งที่แล้ว เจ้าก็ทาํ เช่นนี้..เช่อน้อย
...เจ้า...เจ้าเป็ นผูช้ ายเจ้าชูม้ กั มากอย่างแท้จริ ง!”
หยุนเช่อพลันลุกขึ้นยืนด้วยสี หน้าบริ สุทธิ์ไร้เดียงสา “ข้า...”
“หยุดพูด!” เซี่ยวหลิงซี หนั หลังกลับพร้อมกล่าววาจาเสี ยง
ดัง “เหตุใดเจ้าจึงไม่กลับไปหาองค์หญิงภรรยาของเจ้า หากเจ้า
ยังคงพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระอยูท่ ี่น้ ี ข้าจะ..ข้าจะ...ข้าจะบอกองค์
หญิง...และไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป! รี บกลับไปเสี ย ไป ไป ไป!”
หยุนเช่อและเซี่ยวหลิงซีอยูร่ ่ วมกันมานานเป็ นสิ บปี ชาย
หนุ่มเคยคาดคิดว่าตนเองอ่านหญิงสาวออกอย่างทะลุปรุ โปร่ ง ซึ่ ง
กระจ่างกระทัง่ ชายหนุ่มเชื่อมัน่ ว่าสามารถจับสังเกตความเปลี่ยน
เเปลงทางอารมณ์แม้เพียงเล็กน้อยของนางได้อย่างแม่นยํา ทว่า
ครานี้ หยุนเช่อกลับต้องตกตะลึงด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่าง
กะทันหันของหญิงสาว ชายหนุ่มเพียงสามารถกล่าวตอบอย่างลน
ลานว่า “ตกลง ตกลง...ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้...อาหญิง
เล็ก..ท่านต้องรี บพักผ่อน...”
“ไปเดี๋ยวนี้!!!”
“อ้าาา...ก็ได้”
เซี่ ยวหลิงซี ใช้น้ าํ เสี ยงออกคําสัง่ ที่หยุนเช่อไม่เคยขัดขืนมา
ก่อนในอดีต นี่ลว้ นเป็ นแบบแผนที่ปฏิบตั ิมานานนับสิ บปี หยุ
นเช่ออันตรธานไปจากข้างกายของเซี่ยวหลิงซีกลับไปยังห้องหอ
อย่างเชื่อฟัง หากเซี่ยวหลิงซีมิได้กลับไปยังห้องหับของตนเอง
นางยังคงนัง่ นิ่งอยูร่ ิ มสระ...ครานี้ หญิงสาวมิได้มีทีท่าเหม่อลอย
หากกลับยกมือปิ ดบังใบหน้าเป็ นบางครั้ง ก่อนจะหัวเราะอย่างโง่
งม รอยยิม้ ของนางสดใสเปล่งประกายยิง่ กว่าดวงดาราบนท้องฟ้า
————————————————
หลังผ่านไปถึงยามห้า ท้องฟ้าภายนอกกลับกลายเป็ นสว่าง
เรื่ อเรื องขึ้น
ชางเยว่ที่ผา่ นพ้นคํ่าคืนแรกตื่นขึ้นมาในเวลานี้ หญิงสาวเปิ ด
เปลือกตาขึ้น ก่อนจะรับรู ้ความรู ้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย จากนั้น
ความปวดเมื่อยตามร่ างกายกระตุน้ ความทรงจําของหญิงสาวว่า
เรื่ องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มิใช่ความฝัน
“เสวีย่ หลอ อยากพักผ่อนต่อหรื อไม่? นี่ยงั เช้าอยูม่ ากนัก”
เมื่อหญิงสาวขยับกาย หยุนเช่อตื่นขึ้นเช่นกัน ชายหนุ่มแย้ม
รอยยิม้ เมื่อมองสบดวงตาอันเขินอายของนาง
“อืมม..” เมื่อพบเห็นร่ างเปลือยเปล่าของบุรุษที่ดา้ นหน้า
รวมทั้งร่ างกายอันปราศจากเสื้ อผ้าของตนเองเช่นกัน ชางเยว่เปล่ง
เสี ยงราวสัตว์เล็กๆ ที่ซุกซ่อนร่ างของตนลงในผ้าห่ม จากนั้น หญิง
สาวกล่าววาจาอย่างนุ่มนวลว่า “วันนี้เป็ นวันแต่งงานวันแรก ใน
ฐานะคู่แต่งงาน เราสมควรไปคารวะต่อพระบิดาแต่ขา้ ..ข้า..จะ
ช่วยท่านแต่งตัวก่อน เป็ นอย่างไร?”
“....”
ด้านหลังผ้าม่านสี แดง ชางเยว่คุกเข้าลงบนเตียงขณะ
ช่วยเหลือหยุนเช่อแต่งกายด้วยสองมือเรี ยวงามของนาง ชัว่ เวลานี้
นางมิใช่องค์หญิง หากทว่าเป็ นสตรี ที่กาํ ลังปรนนิบตั ิบุรุษของนาง
อยู่ หากยังคงสามาถเห็นได้ชดั เจน ว่าหญิงสาวไม่คุน้ เคยต่อหน้าที่
นี้เท่าใดนัก เนื่องเพราะกิริยาอาการของนางยังเชื่องช้าติดขัดอยู่
บ้าง หญิงสาวตลอดทั้งร่ างเปล่าเปลือยปราศจากอาภรณ์ปกปิ ดใด
ขณะช่วยหยุนเช่อแต่งตัว ยังคงถูกชายหนุ่มลูบคลําคว้าจับ
ตลอดเวลา กระทัง่ ใบหน้าแดงกํ่า ทรวงอกสะท้อนหอบหายใจ จึง
สามารถแต่งกายให้หยุนเช่อจนสําเร็ จได้ในท้ายที่สุด จากนั้น
หญิงสาวจึงเริ่ มต้นสวมใส่ ชุดหงส์ปักลวดลายทองคําของตนเอง...
“หยุนเช่อคํานับท่านพ่อตา”
“เยว่เอ๋ อร์คาํ นับพระบิดา”
หยุนเช่อและชางเยว่เคียงข้างกันเข้ามายังท้องพระโรงเพื่อ
เข้าเฝ้าชางว่านเฮ่อ องค์จกั รพรรดิพยักพระพักตร์ก่อนแย้มยิม้ ยินดี
“ลูกเช่อ ตอนนี้ ข้านับว่าฝากฝังเยว่เอ๋ อให้แก่เจ้า ข้าสามารถวางใจ
ได้แล้ว ยิง่ เมื่อเจ้าทั้งสองต่างมีใจตรงกัน ยิง่ สมบูรณ์แบบอย่าง
ที่สุด มารดาของนางย่อมสามารถหลับอย่างสุ ขสงบนสรวง
สวรรค์ อีกสามวัน จงอย่าลืมไปเยีย่ มคารวะมารดาของนาง”
“รับทราบ นี่เป็ นหน้าที่ของหยุนเช่อ” หยุนเช่อกล่าวตอบคํา
“ดีมาก!!” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ สี หน้าของพระองค์พลัน
มืดครึ้ มขึ้นทันที “ลูกเช่อ เมื่อวานคือวันมงคลใหญ่ของเจ้า ดังนั้น
มีเรื่ องราวบางอย่างไม่อาจกล่าวออกได้ แต่วา่ วันนี้ ข้าขอกล่าวว่า
ข้าเชื่อว่าเจ้ามิใช่คนหุนหันพลันแล่น เรื่ องราวเมื่อวานนี้นบั ว่า
สร้างความยุง่ ยากอย่างใหญ่หลวง ขุมกําลังของพรรคเทพหงสา
ยิง่ ใหญ่ไพศาลเกินจินตนาการ แม้พรรคใหญ่ท้ งั สี่ ในอาณาจักร
ของเราจะผสานกําลัง ยังไม่อาจต่อกรกระทัง่ พรรคสาขาของ
พรรคเทพหงสาได้ มรดกฝี มือและสมบัติตกทอดของพวกมัน
สามารถเทียบได้กบั แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ วานนี้ สาเหตุสาํ คัญที่เจ้า
กล้าลงมืออย่างหนักหน่วง ทั้งยังบีบบังคับพวกมันล่าถอยไปได้
ล้วนสื บเนื่อง
จากที่เจ้าตระหนักดีวา่ พวกมันย่อมต้องพยายามปกปิ ด
เรื่ องราวนี้ ทว่า พวกเรานับว่ายังไม่อาจทําความเข้าใจอย่าง
กระจ่างชัดว่าเหตุใดพวกมันจึงกระทําการทั้งหมดนี้ ดังนั้นจึงยัง
ไม่อาจมัน่ ใจได้วา่ พวกมันจะปกปิ ดเรื่ องราวจริ งๆ ยิง่ กว่านั้น มี
ผูค้ นมากมายในวันงาน แม้เราจะได้ตกั เตือนพวกมัน หากยังไม่
อาจรับประกันว่าจะไม่มีผใู ้ ดแพร่ งพรายเรื่ องนี้ หรื อป่ าวประกาศ
ต่อสาธารณะ หากเรื่ องราวนี้ถูกเผยแพร่ ออกไปจริ ง...พรรคเทพ
หงสาย่อมต้องพยายามกําจัดฆ่าเจ้าแน่นอน”
แม้ชางว่านเฮ่อจะกล่าววาจาทั้งหมดนี้ ทว่าสี หน้าของหยุ
นเช่อยังคงนิ่งสงบอย่างยิง่ ชายหนุ่มเพียงผงกศีรษะเล็กน้อยก่อน
กล่าวว่า “ข้าได้ใคร่ ครวญถึงเรื่ องที่พระบิดาทรงตรัสมาก่อนแล้ว
ขอทรงโปรดวางพระทัย ข้อเท็จจริ งที่ขา้ กล้าลงมือต่อพวกมันทั้ง
สามจากพรรคเทพหงสา ไม่เพียงเนื่องเพราะแน่ใจว่าพวกมันจะ
พยายามปกปิ ดเรื่ องนี้ อันที่จริ ง แม้เรื่ องนี้จะถูกกล่าวขานออกไป
ภายนอก หรื อแม้พวกมันจะจงใจแจ้งเรื่ องราวแก่พรรคของพวก
มันเองจริ งๆ พรรคเทพหงสา ย่อมไม่มีทางกลับมาแก้แค้นข้า
ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้แน่นอน”
“อ้อ?” ชางว่านเฮ่อมีสีหน้าสงสัย
หยุนเช่อเงยศีรษะขึ้นก่อนกล่าวว่า “เนื่องเพราะ “งาน
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า” ที่กาํ ลังมาถึง รวมทั้ง
“นาวาปราณบรรพกาล” ด้วยเรื่ องสําคัญทั้งสองเรื่ อง รวมกับความ
จริ งที่ขา้ กล่าวว่าจะไปยังอาณาจักรเทพหงสาในอีกห้าเดือนนับ
จากนี้ แม้พรรคเทพหงสาทราบว่าเมื่อวานเกิดเรื่ องราวใด พวกมัน
ยังคงไม่มายังที่น้ ีเพือ่ ทวงความแค้น”
“ทว่า เพือ่ เป็ นการระมัดระวังไว้ ข้ายังคงต้องตระเตรี ยมการ
เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่เป็ นไปได้บางประการ ดังนั้น ข้าจะออก
จากวังหลวงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
บทที่ 376 การเชื้อเชิญแห่ งเมฆาเยือกแข็ง

“อ๊า? เจ้าต้องการไปจากวังหรื อ? เจ้าต้องการไปที่ใด?” ชาง


เยว่จบั แขนของหยุนเช่อและถามด้วยความกังวล หยุนเช่อไม่ใช่
ส่ วนหนึ่งในพระราชวัง นี่คือสิ่ งที่ชางเยว่รู้แจ้ง แต่นางก็ไม่ได้
คาดหวังให้หยุนเช่อจากไปอย่างรวดเร็ วถึงเพียงนี้ หยุนเช่อ
หัวเราะอย่างอ่อนโยน “ข้ายังไม่ได้ตดั สิ นใจ บางทีขา้ อาจจะไป
จากอาณาจักรวายุคราม อย่างไรก็ตาม อย่ากังวล ตระกูลเทพหงสา
จะไม่พบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้ และมีโอกาสเก้าในสิ บส่ วนที่
พวกมันจะแตะต้องข้าในเวลาอันสั้นนี้ การตัดสิ นใจของข้าที่จะ
จากไปเป็ นเพียงการป้องกันต่อโอกาสอันน้อยนิดที่จะเกิดขึ้น ใน
เวลาเดียวกัน ข้าจะสามารถเตรี ยมการเพือ่ การประลองเจ็ด
จักรวรรดิที่กาํ ลังจะเกิดขึ้น”
ชางว่านเฮ่อครุ่ นคิดชัว่ ครู่ แล้วกล่าว “ลูกเช่อ เจ้าต้องการที่
จะเข้าร่ วมในการแข่งขันจัดลําดับเจ็ดจักรวรรดิจริ ง ๆ หรื อ?
หลังจากเจ้ามีปัญหาขัดแย้งกับองค์ชายสิ บสามเมื่อวานนี้ เมื่อเจ้า
ถึงเขตแดนของอาณาจักรเทพหงสา พวกเราเกรงว่าเจ้าจะ….เฮ้อ
แม้เจ้ามีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ อาณาจักรเทพหงสาแข็งแกร่ งมาก
จริ ง ๆ พวกมันแข็งแกร่ งมากกระทัง่ เราต้องสัน่ สะท้านทุกคราวที่
นึกถึงมัน…..ภายในอาณาจักรเทพหงสามีราชัน! และพวกมันมี
มากกว่าหนึ่ง!”
“ข้าต้องไป” หยุนเช่อตอบอย่างสงบ “หลังจากการเปิ ดเผย
ถึงเพลิงเทพหงสา การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่อตระกูลเทพหงสา
ล้วนไม่อาจเป็ นไปได้ เมื่อไม่มีทางหนี ย่อมดีกว่าที่ขา้ จะเป็ นฝ่ าย
รุ ก”
ชางว่านเฮ่อทรงกังวลอย่างมาก ทว่าล้วนได้รับการบรรเทา
จากหยุนเช่ออย่างรวดเร็ ว ชางว่านเฮ่อมองหยุนเช่อ พูดอย่างช้า ๆ
“ลูกเช่อ เราเชื่อเจ้า ด้วยพรสวรรค์และปฏิภาณไหวพริ บของเจ้าเรา
เชื่อว่าต่อให้เป็ นตระกูลเทพหงสา เจ้าสามารถกลับมาอย่าง
ปลอดภัย!”
“อืมม์ ข้าจะไม่ทาํ ให้พระบิดาผิดหวังเด็ดขาด” หยุนเช่อต
รึ กตรองชัว่ ครู่ และเอ่ย “พระบิดา ท่านรู ้วา่ “นาวาปราณบรรพ
กาล”คือสิ่ งใดหรื อไม่?”
“นาวาปราณบรรพกาล….” สี หน้าชางว่านเฮ่อได้เปลี่ยนไป
เผยความต้องการชัดเจน “มันคือการมีอยูท่ ี่ลึกลับ มันมีรูปร่ าง
เหมือนเรื อเหาะขนาดมหึ มาที่ใหญ่เกือบเท่าเมืองหลวงวายุคราม”
“ใหญ่โตถึงเพียงนั้น!”หยุนเช่อได้รับความประหลาดใจ
“ไม่มีใครรู ้วา่ แท้จริ งแล้วมันคืออะไรหรื อมันมาจากที่ไหน
ชื่อนาวาปราณบรรพกาลถูกเรี ยกโดยตระกูลเทพหงสา นับแต่
เวลาที่ผา่ นมานานมาก มันเริ่ มปรากฏเหนือเมืองเทพหงสา
ล่องลอยอยูส่ ู งยิง่ จนมีเพียงระดับราชันจึงสามารถบรรลุถึง”
“ทุกครั้งที่มนั ปรากฎขึ้น มันจะลอยอยูเ่ หนือสถานที่เดิมเป็ น
เวลาหกเดือน ในวันสุ ดท้ายของเดือนที่หก ทวารสู่ นาวาปราณ
บรรพกาลจะเปิ ดออกด้วยตัวเองอยูย่ สี่ ิ บสี่ ชว่ั โมงก่อนจะปิ ดตัวลง
หลังจากนั้นนาวาปราณบรรพกาลจะสาบสู ญไป… มันจะปรากฎ
อีกครั้งในอีกสามร้อยปี ข้างหน้า ทุกครั้งในวันสุ ดท้ายก่อนที่นาวา
ปราณจะหายไป ยอดฝี มือมากมายล้วนแต่พยายามจะขึ้นนาวาเพื่อ
ไปหาสมบัติภายในนั้น ทว่าตลอดหลายครั้งหลายคราที่ผา่ นมานับ
แต่อดีต ก็ลว้ นแต่คว้านํ้าเหลว”
“เหตุใดผูค้ นถึงคิดว่าภายในนาวาปราณบรรพกาลนัน่ จะมี
สมบัติอยูก่ นั ?” หยุนเช่อถาม
“ภายในพรรคเทพหงสา จะมีสาขาพิเศษที่รับหน้าที่ตามหา
ทรัพย์สมบัติจากทัว่ ทุกมุมโลก เคยมีข่าวลือว่าทุกครั้งที่นาวา
ปราณบรรพกาลปรากฎขึ้น ศิลาวิญญาณในสาขานั้นจะเปล่งแสง
สี ทองเจิดจ้าออกมา ศิลาบางก้อนถึงกับแตกสลายด้วยซํ้า
ปรากฎการณ์ประหลาดเช่นนี้ยอ่ มเป็ นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า
ภายในนาวาปราณนั้นมีทรัพย์สมบัติที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู!่
ยิง่ กว่านั้น ยังไม่เคยมีสิ่งใดในทวีปลมปราณฟ้าที่สามารถทําให้
ศิลาเปล่งแสงสี ทองออกมาได้มาก่อน”
“ดังนั้น แม้วา่ เหล่าผูอ้ าวุโสที่เข้าสู่ นาวาปราณบรรพกาลจะ
คว้านํ้าเหลวมาตลอด พรรคเทพหงสาก็ยงั มิยอมเลิกล้มการค้นหา
ทุกครั้งที่นาวาปราณปรากฎขึ้น การตามหาสมบัติภายในนาวาจะ
กลายเป็ นเรื่ องใหญ่สุดของพรรคในทันที!” ชางว่านเฮ่อนิ่งไปชัว่
ครู่ ก่อนจะเอ่ยปากต่อ “เฟิ งซีเฉิ นเอ่ยขึ้นเมื่อวานว่าสามอันดับแรก
ของการประลองจะสามารถเข้าสู่ นาวาปราณบรรพกาลพร้อมกับ
พรรคเทพหงสาได้… ทุกครั้งที่นาวาปราณบรรพกาลปรากฎขึ้น
เหนือนครหลวงเทพหงสา ทางพรรคเทพหงสาจะไม่ยอมให้ผใู ้ ด
มาข้องเกี่ยวแม้จะเป็ นคนจากทางแดนศักดิ์สิทธิ์กต็ าม นี่นบั เป็ น
ครั้งแรกที่พวกมันยอมให้ผอู ้ ื่นเข้าไปสํารวจกับพวกมันด้วย”
นาวา...ปราณ...บรรพกาล…
มันคือสิ่ งใดกันแน่?
“จัสมิน ท่านทราบหรื อไม่วา่ มันคือสิ่ งใด? ฟังดูช่างพิสดาร
นัก” หยุนเช่อเอ่ยขึ้นในใจ
จัสมินเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ ใจ “ข้าย่อมเคยพบเห็นนาวาปราณ
ที่ใหญ่โตกว่าเมืองหลวงมาแล้ว แต่นาวาปราณที่ปรากฎขึ้นผลุบๆ
โผล่ๆเป็ นเวลาเช่นนี้ ฮึ่ม ข้าเองก็เพิ่งเคยได้ยนิ เป็ นครั้งแรก ข้าเริ่ ม
จะสนใจ “นาวาปราณบรรพกาล” ที่เจ้าจักรพรรดิคนนี้กาํ ลังพูดถึง
ลํานี้ข้ ึนมาแล้ว”
หยุนเช่อ “...”
ตอนนี้เอง ชายสองคนที่สวมชุดเสื้ อผ้าหรู หราพลันเดินเข้า
มาด้วยท่าทีสาํ รวมพร้อมกับเสี ยงประกาศสองคราที่ดงั ขึ้น ทันทีที่
พวกมันพบเห็นหยุนเช่อและชางเยว่ สี หน้าพวกมันก็พลัน
เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชดั
คนทั้งสองคือองค์รัชทายาทชางหลินและองค์ชายสามชาง
ซว่อ
“ลูกขอคารวะท่านพ่อ ขอให้พระพลานามัยแข็งแรง
สมบูรณ์ดว้ ย”
ทั้งชางหลินและชางซว่อล้วนแต่สาํ รวมและนอบน้อม ไม่
หลงเหลือท่าทีเย่อหยิง่ เช่นกาลก่อน ชางว่านเฮ่อเลิกคิ้วก่อนจะ
โบกมือไล่ท้ งั สอง “ในเมื่อเจ้าคารวะแล้ว หากไม่มีส่ิ งใดอีกก็ไป
เสี ย เรากําลังหารื อกับสามีของลูกเยว่อยู”่
การกระทําของหยุนเช่อเมื่อวานก่อนทําให้ชางหลินและชาง
ซว่อหวาดผวา เมื่อพบเห็นหยุนเช่อ หัวสมองพวกมันพลันชาด้าน
พวกมันไม่กล้ารั้งอยูน่ านก่อนจะรี บขอตัวจากไปทันที หยุนเช่อ
ชายตามองพวกมันก่อนจะหันกลับมาเอ่ยด้วยท่าทีเคร่ งขรึ ม “ท่าน
พ่อ ท่านคิดจะจัดการกับสองคนนั้นอย่างไร?”
ทันทีที่ได้ยนิ คําพูดของหยุนเช่อ ชางเยว่พลันตื่นตะลึงจน
รี บหันไปมองท่าทีของชางว่านเฮ่ออย่างกังวล
ชางว่านเฮ่อเองก็ตะลึงไปชัว่ ขณะ ก่อนที่มนั จะพลันมีสีหน้า
สลด “ลูกเช่อ เจ้าคิดว่าเราควรทําเช่นไร?”
หยุนเช่อเอ่ยตอบอย่างสงบโดยไม่ลงั เล “ทางราชวงศ์คือผู ้
โหดเหี้ ยมอํามหิ ตที่สุด คํากล่าวนี้เป็ นการถากถางและว่าร้ายทาง
ราชวงศ์ ทว่าขณะเดียวกันก็เป็ นการแสดงให้เห็นถึงความไร้
อํานาจของราชวงศ์เช่นกัน ประวัติศาสตร์อนั ยาวนานได้พิสูจน์
แล้วด้วยโลหิ ตว่าหากองค์จกั รพรรดิกระทําการต่างๆอย่างเมตตา
ทางราชวงศ์ยอ่ มตกอยูใ่ นอันตรายอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ดังนั้นแม้
บางคราเราจะไม่อาจทนรับได้ แต่พวกเราก็จาํ ต้องทําตัวโหดเหี้ ยม
อํามหิ ต… ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นพวกมันที่ทาํ ตัวโหดเหี้ ยมก่อน! หาก
ท่านพ่อเพียงให้อภัย มันย่อมเป็ นการบอกเชื้อพระวงศ์ท้ งั หลายว่า
การปฎิวตั ิแข็งข้อนั้นเป็ นเรื่ องให้อภัยได้! นี่จะยิง่ ทําให้มีผคู ้ นคิด
แข็งข้อมากกว่าเดิม”
ชางว่านเฮ่อหลับพระเนตรพร้อมตรัสด้วยสี หน้าจนพระทัย
“ทั้งหมดนี้เรารู ้ดี พวกมันทั้งคู่กระทัง่ เกือบจะทําลายราชวงศ์จน
ย่อยยับ บุคคลที่พยายามสังหารเราย่อมเกี่ยวข้องกับพวกมัน
เช่นกัน ลูกเช่อ หากไม่ใช่เพราะเจ้าเราคงจะตายไปแล้ว ลูกเยว่เอง
ก็อาจต้องมีชะตากรรมที่น่าสังเวช ราชวงศ์คงจะกลายเป็ นหุ่นเชิด
ให้พรรคตระกูลเซี่ยวหรื อไม่กต็ ระกูลอัคคีผลาญฟ้าไปแล้ว เรา
แค้นใจนักที่มิอาจลงมือกําจัดพวกมันได้ดว้ ยตนเอง แต่วา่ ....ใน
หมู่ลูกชายทั้งหมดของเรามีเพียงพวกมันทั้งสองเท่านั้นที่พอจะมี
คุณสมบัติเป็ นจักรพรรดิได้ มิเช่นนั้นตลอดเวลาที่ผา่ นมาเราคงไม่
ปล่อยให้พวกมันก่อความขัดแย้งภายในราชวงศ์เช่นนี้ เราไม่อาจ
วางใจลงได้หากต้องสื บทอดบัลลังก์ให้แก่องค์ชายอีกห้าคนที่
เหลือ ส่ วนลูกเยว่กเ็ ป็ นเพียงสตรี … ในทางหนึ่ง นี่เป็ นถึงข้อหา
กบฏ แต่ในทางกลับกันเรื่ องนี้กลับเกี่ยวข้องกับสายโลหิ ตและ
อนาคตของราชวงศ์ เราไม่อาจตัดสิ นใจได้จริ งๆ”
“จริ งๆ แล้วพระบิดาไม่ตอ้ งกังวลพระทัยไป เรื่ องนี้
ตัดสิ นใจได้ง่ายดายอย่างยิง่ ”
หยุนเช่อเอนกายไปด้านหน้าพร้อมกับกระซิบลงที่ขา้ งพระ
กรรณ
ชางว่านเฮ่อตื่นตะลึงไปชัว่ ครู่ ก่อนที่จะทัว่ พระวรกายจะ
สัน่ สะท้าน พระเนตรเผยแววตาตื่นเต้นถึงขีดสุ ด พระองค์จบั หยุ
นเช่อไว้แน่น ก่อนจะถามอย่างร้อนรน “ลูกเช่อ ที่เจ้าพูด...เป็ น
เรื่ องจริ งหรื อ?”
“ย่อมแน่นอน” หยุนเช่อกล่าวพร้อมแย้มยิม้ กว้าง “ด้วย
ทักษะทางการแพทย์ของข้า เรื่ องนี้ถือว่าเรี ยบง่ายอย่างยิง่ ข้าจะไป
สัง่ ยาให้กบั พระบิดา และข้าขอรับรองว่าพระบิดา...ฮี่ฮี่ จะ
สามารถสู ศ้ ึกไปได้อีกสามร้อยปี ทีเดียว!!!”
เรื่ องวิชาแพทย์ของหยุนเช่อนั้น ชางว่านเฮ่อไม่สงสัยเลยแม้
เพียงนิด พระองค์ตื่นเต้นร้อนพระทัยจนหนวดเคราสัน่ ไหว
ทันใดนั้นพระองค์พลันยืนขึ้นและตบโต๊ะพร้อมตะโกนก้อง
“ทหาร! จงรี บจับกุมชางหลินและชางซว่อ บุตรชายอกตัญ�ูท้งั
สองนี่ซะ และจับพวกมันไปขังคุก! และรี บให้เจ้ากรมยุติธรรม
เฉิ นเถี่ยเมี่ยนมาเข้าเฝ้า! เราจะออกราชโองการลงอาญาลูก
อกตัญ�ูท้งั สองนี้ดว้ ยตนเอง!!”
เมื่อออกมานอกท้องพระโรง ชางเยว่กอ็ ดมิได้ที่จะถาม
“สามีขา้ เมื่อครู่ ท่านบอกอะไรต่อพระบิดา? เหตุใดพระองค์จึง
เปลี่ยนท่าทีไปมากมายเช่นนี้?”
“นี่… เป็ นความลับระหว่างบุรุษ” หยุนเช่อหัวเราะเจ้าเล่ห์
สาเหตุหลักที่ชางว่านเฮ่อกังวลพระทัยอย่างมากก็เพราะพระองค์
สู ญเสี ยสมรรถภาพแห่งวัยหนุ่มไปมาก จนบัดนี้ไม่อาจมีบุตรสื บ
สกุลได้อีก หลังจากชางเยว่พระองค์กไ็ ม่มีบุตรธิดาอีก ดังนั้นหา
กองค์ชายถูกประหาร พระองค์จะสู ญเสี ยองค์ชายไปอีกหนึ่งคน
และมิอาจสร้างและฝึ กฝนองค์ชายขึ้นมาใหม่ได้อีก
หากไม่มีปัญญาเรื่ องไม่อาจมีบุตร ชางว่านเฮ่อย่อมไม่
สับสนเช่นนี้ หากให้เวลาอีกสักหลายปี พระองค์ยอ่ มสามารถมี
บุตรได้อีกนับสิ บคน และตั้งใจเลี้ยงดูหล่อหลอมองค์ชายเหล่านั้น
ให้สืบทอดราชบัลลังก์ได้
“หยุนเช่อ”
เบื้องบนของชายหนุ่มพลันบังเกิดเสี ยงเยือกเย็นของอิสตรี
ฉู่เยว่หลี่และเซี่ยฉิ งเยว่ค่อยๆ ร่ อนลงและยืนเบื้องหน้าหยุนเช่อ
และชางเยว่
ดวงตาของชางเยว่ประสานเข้ากับเซี่ยฉิ งเยว่ครู่ หนึ่งก่อนที่
ทั้งสองจะเบนหลบสายตากันและกัน ดวงตาเย็นเยียบดุจนํ้าแข็ง
ของเซี่ยฉิงเยว่ดูราวกับผืนนํ้าแข็งอันสงบนิ่งไร้ระลอก ทว่าสี หน้า
ของชางเยว่กลับซับซ้อนยิง่ กว่านั้นมาก อย่างไรเสี ยเซี่ยฉิ งเยว่ก็
เป็ นภรรยาหลวงที่ชายหนุ่มเข้าพิธีสมรสด้วยเป็ นคนแรก… เช่นนี้
ชางเยว่จึงมีฐานะเป็ นภรรยารองของชายหนุ่ม เมื่อเทียบกับเซี่ยฉิ ง
เยว่แล้ว นางจึงย่อมรู ้สึกแปลกประหลาดเป็ นธรรมดา ชางเยว่เม้ม
ปากและเอ่ยทักทายอย่างนุ่มนวล “นางเซียนฉู่ นางเซียน...เซี่ย”
บรรยากาศแปลกประหลาดพิกลพลันห้อมล้อมชางเยว่และ
เซี่ยฉิ งเยว่ ฉู่เยว่หลี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าวอย่างไม่ออ้ ม
ค้อม “หยุนเช่อ นอกจากพวกเราทั้งสองจะมาที่นี่เพื่อร่ วมพิธี
แต่งงานของเจ้ากับองค์หญิงชางเยว่แล้ว พวกเรายังมีธุระอีกเรื่ อง
หนึ่ง”
“...เชิญนางเซียนฉู่กล่าวออกมาเถิด” หยุนเช่อตอบ
“ท่านหญิงรุ่ นก่อนของพวกเราอยากจะพบเจ้า”
หยุนเช่อเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึง “ท่านหญิงรุ่ นก่อน?
พบข้า?”
“ถูกต้อง” ฉู่เยว่หลี่จอ้ งมองและกล่าวต่อ “นายหญิงรุ่ นก่อน
รู ้เรื่ องของเจ้าและพีส่ าวของข้าแล้ว นางย่อมรู ้วา่ เจ้ารู ้วชิ าเมฆา
เยือกแข็งอยูบ่ า้ ง รวมทั้งเรื่ องที่เจ้ามาก่อเรื่ องที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งก่อนหน้านี้… หากสาเหตุที่นางอยากจะพบเจ้ามิใช่เพื่อ
ลงทัณฑ์ และไม่ได้ตอ้ งการทําอันตรายต่อเจ้า ข้ารับปากเรื่ องนี้ได้
หากเจ้ามีเวลา พอจะติดตามพวกเราไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งได้หรื อไม่?”
ชายหนุ่มไม่เคยคาดคิดเลยว่าท่านหญิงรุ่ นก่อนแห่งแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งจะต้องการพบกับตน ชายหนุ่มครุ่ นคิดอยู่
ครู่ หนึ่งก่อนจะผงกศีรษะตอบ “ตกลง ก่อนหน้านี้ขา้ ถูกความ
โกรธครอบงําจนมิอาจควบคุมตนเองจนไปก่อปัญหาที่แดน
ศักดิ์สิทธิ์ ข้าควรไปขออภัยต่อท่านหญิงซู… ในอีกหนึ่งเดือนข้า
จะเดินทางไปโดยลําพัง”
ฉู่เยว่หลี่พยักหน้าอย่างนุ่มนวล “ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษา
คําพูด… ฉิ งเยว่ ไปกันเถอะ”
สายตาของเซี่ยฉิ งเยว่หยุดอยูท่ ี่หยุนเช่อครู่ หนึ่ง ก่อนที่หญิง
สาวจะหันหลังเหาะออกไปไกล กลายเป็ นเงาสี ขาวราวหิ มะ
ท่ามกลางฟากฟ้า
บทที่ 377 ความเปลีย่ นแปลงในนครหลวง

ทัว่ ทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความยินดีเนื่องด้วย
งานมงคลสมรสระหว่างหยุนเช่อและชางเยว่ ทว่าเรื่ องราวยังไม่
ทันได้จางหายกลับปรากฏข่าวคราวอันน่าประหลาดใจจากภายใน
ราชวังหลวง…….
สองวันหลังจากงานมงคลสมรสอันยิง่ ใหญ่ของหยุนเช่อ
และชางเยว่ จู่ๆชางว่านเฮ่อก็ออกคําสัง่ ให้จบั กุมองค์รัชทายาท
และองค์ชายสามกักขังพวกเขาไว้ในเรื อนจําที่มีการป้องกัน
หนาแน่นอย่างที่สุด จากนั้นทรงแจกแจงความผิดของพวกเขานับ
สิ บรวมไปถึงความผิดอันน่าตกตะลึงอย่าง “การก่อกบฎ” และ
วางแผน “ปิ ตุฆาต” สามวันถัดมาองค์รัชทายาทชางหลินและองค์
ชายสามชางซว่อถูกประหารโดยการตัดหัวต่อหน้าฝูงชน และ
สมาชิกผูส้ มคบคิดอื่นๆยังถูกจับกุมและกวาดล้างจนสิ้ นโดยไร้
ข้อยกเว้น
ชางว่านเฮ่อได้แสดงออกด้วยท่าทีสงบอย่างที่สุดจนกระทัง่
ตอนนี้หลังจากที่พกั ฟื้ นร่ างกายไม่กี่เดือนก่อนและยังยึดอํานาจ
คืนภายใต้อิทธิพลของหยุนเช่อ ทว่าในทันใด ภายหลังงานสมรส
ของหยุนเช่อและชางเยว่ พระองค์กไ็ ด้ลงมือด้วยความรุ นแรง
พระองค์ไม่ลงั เลที่จะใช้ทุกวิถีทางในการลงมือเพือ่ แสดงให้เห็น
ถึงความตั้งใจและไร้ปราณี ขององค์จกั รพรรดิ ดูราวกับว่า
พระองค์ได้ตดั สิ นพระทัยไปเรี ยบร้อยแล้วแค่รอเพียงโอกาสอัน
เหมาะสม หลังจากท่าทีของชางว่านเฮ่อ องค์ชายทั้งหลายรวมไป
ถึงเหล่ากลุ่มผูม้ ีอิทธิพลและฝ่ ายต่างๆ ซึ่งเดิมทีเข้าร่ วมกับองค์รัช
ทายาทและองค์ชายสามต่างรู ้สึกว่าตนเองตกอยูใ่ นมรณภัย พวก
มันตัวสัน่ ด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้ชางว่านเฮ่อได้รับการ
สนับสนุนโดยหยุนเช่อ แรงกดดันจากพระองค์ทรงอํานาจไม่ดอ้ ย
ไปกว่าเหล่าสามพรรคใหญ่ ณ ขณะนี้ พวกมันไม่กล้าอาจหาญ
ต่อต้านหรื อไม่เชื่อฟังชางว่านเฮ่อ โชคดีที่ภายหลังจากการ
ประหารชีวติ องค์รัชทายาทและองค์ชายสาม เช่นเดียวกับผูร้ ่ วมก่อ
การอื่นๆ ชางว่านเฮ่อมิได้แสดงท่าทีวา่ จะจัดการอันใดกับพวกมัน
นี่ทาํ ให้พวกมันโล่งใจอย่างยิง่ ที่พวกมันไม่ได้ตกอยูใ่ นอันตราย
ต่างไม่เสี ยเวลาแม้แต่นอ้ ยในการแสดงความจงรักภักดีต่อชางว่าน
เฮ่อในทุกวิถีทาง พวกมันประพฤติตวั เรี ยบร้อยอย่างที่สุด ราวกับ
ว่าจะเปิ ดหน้าอกและควักหัวใจของพวกมันออกมาเพื่อมอบให้แก่
ชางว่านเฮ่อ ให้ได้เห็นถึงความอุทิศตนแก่พระองค์เพื่อพิสูจน์
ความจงรักภักดีของพวกมัน
อํานาจที่ชางว่านเฮ่อมีในกํามือยามนี้นบั ได้วา่ เป็ นจุดสู งสุ ด
นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้ทรงครองราชย์เป็ นพระจักรพรรดิแห่ง
จักรวรรดิวายุคราม….มันเป็ นจุดสู งสุ ดที่พระองค์ไม่เคยคาดคิดมา
ก่อน ตําแหน่งของพระองค์ในฐานะจักรพรรดิมีความมัง่ คงมาก
ขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตที่ผา่ นมา ในตอนนี้แม้แต่สามพรรคใหญ่ยงั
ไม่กล้าแม้แต่ดูแคลนเกียรติภูมิของพระองค์ในฐานะจักรพรรดิ
ชางว่านเฮ่อเข้าใจชัดเจนเป็ นอย่างดีวา่ ด้วยการสนับสนุน
จากหยุนเช่อพระองค์จึงได้เพลิดเพลินไปกับทุกสิ่ งเหล่านี้
พระองค์รู้สึกซาบซึ้ งบุญคุณหยุนเช่ออย่างมากและทรงเคารพต่อ
เซี่ยวเหล่ยเป็ นที่ยงิ่ ยามอยูก่ บั เซี่ยวเหล่ย พระองค์ไม่แสดงท่าทาง
เป็ นจักรพรรดิและปฏิบตั ิต่อเขาอย่างเท่าเทียมราวกับพี่นอ้ ง
สําหรับคู่บ่าวสาว หยุนเช่อและชางเยว่หาได้มีความสนใจ
ในสิ่ งที่เกิดขึ้นในพระราชวังและใช้เวลาแต่ละวันทั้งหมดในการ
อยูด่ ว้ ยกัน วันเวลาผ่านไปโดยไม่มีใครทันรู ้ตวั ระยะเวลาหนึ่ง
เดือนที่หยุนเช่อได้รับปากที่จะไปเยือนแดนศักสิ ทธิ์เมฆาเยือก
แข็งได้มาถึงอย่างรวดเร็ วในที่สุด
ก่อนจะจากไปแดนศักสิ ทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หยุดเช่อมิได้ลืม
ที่จะจัดการเรื่ องราวสําคัญ…. เรื่ องนี้แน่นอนว่ามีสาเหตุเนื่องจาก
ชายหนุ่มถูกมองว่าเป็ นดัง “มารร้าย” คนทัว่ ไปมองว่ามันสังหาร
ผูค้ นได้โดยไม่นาํ พาสิ่ งใด
เมืองหลวงจักรวรรดิวายุคราม ตําหนักแพทย์ เทวะ
ตําหนักแพทย์เทวะ ก่อตั้งโดยแพทย์เทวะคนแรกแห่ง
อาณาจักรวายุคราม ผูค้ นจํานวนมหาศาลจนไม่อาจนับถ้วนต้อง
มายังที่น้ ีเพื่อรับการรักษา ผูค้ นจํานวนไม่นอ้ ยพกนําสมบัติล้ าํ ค่า
และเงินทองมากมายมาเพือ่ ร้องขอให้ก่ชู ิวหงเปิ ดจุดชีพจรให้แก่
ศิษย์อจั ฉริ ยะในสํานักของพวกมัน เนื่องเพราะทักษะการแพทย์
และอิทธิพลอํานาจสู งส่ ง กู่ชิวหงสะสมทรัพย์สมบัติมากมายจน
ไม่นบั ว่าเกินเลยหากจะกล่าวว่ามันคือผูท้ ี่ร่ าํ รวบที่สุดในอาณาจักร
ทว่า ในช่วงระยะเวลาสองสามวันที่ผา่ น ประตูทางเข้าของ
ตําหนักแพทย์เทวะปิ ดสนิท ไม่เคยเปิ ดออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
ในอดีต สาเหตุที่ตาํ หนักแพทย์เทวะปิ ดตัวลงเป็ นครั้งคราว
มักมาจากการที่ก่ชู ิวหงออกเดินทางไปยังสถานที่อื่น หากครานี้
ล้วนผิดแผกแตกต่างไป กู่ชิวหงเก็บตัวเงียบอยูภ่ ายในตลอดเวลา
สองสามวันที่ผา่ นมา ตั้งแต่ที่มนั ได้รับข่าวการจับกุมตัวขององค์
ชายอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยการประหารชีวติ องค์รัชทายาท
และองค์ชายสาม ภายในใจของมันเต็มไปด้วยความวิตกว้าวุน่
ห้วงความคิดถูกครอบงําอย่างสิ้ นเชิงด้วยความหวาดหวัน่ พรั่น
พรึ ง มันใช้เวลาผ่านไปด้วยความวิตกกังวลและเคร่ งเครี ยด...สอง
สามเดือนก่อน มันเพิ่งตระหนักว่าการรักษาของหยุนเช่อสามารถ
ฟื้ นฟูอาการของชางว่านเฮ่อ หมายความว่ามันย่อมต้องรับรู ้อย่าง
กระจ่างถึงอาการประชวรขององค์จกั รพรรดิวา่ มีสาเหตุมาจากสิ่ ง
ใด ...เมื่อเป็ นเช่นนี้ แน่นอนว่ากู่ชิวหงย่อมเป็ นบุคคลแรกที่ตอ้ ง
สงสัย..ไม่ ผิดแล้ว! มีเพียงมันคนเดียวเท่านั้นที่ตอ้ งสงสัย!
หากมันต้องเผชิญหน้ากับบุคคลอื่น กู่ชิวหงทราบกระจ่าง
แก่ใจดีวา่ ด้วยอิทธิพลของมัน มันไม่จาํ เป็ นต้องเกรงกลัวอันใด
ทั้งสิ้ น ทว่าหยุนเช่อกลับเป็ นคนบ้าคลัง่ ที่สามารถกําจัดล้างทั้ง
ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้โดยไม่ลงั เลเลยแม้แต่นอ้ ย ทั้งยังสามารถ
ทุบตีองค์ชายสิ บสามแห่งอาณาจักรเทพหงสาได้โดยไม่แยแส
หากหยุนเช่อต้องการเชือดหมอธรรมดาๆ เช่นมัน แน่นอนว่าชาย
หนุ่มย่อมไม่คาํ นึงถึงหลักศีลธรรมอันใด
ยามนี้ มันกักตนเองไว้ภายในตําหนักแพทย์เทวะ ใช้เวลาเฝ้า
สวดภาวนาถึงสวัสดิภาพและทําทุกวิถีทางเพื่อกรุ ยทางรอดชีวติ
ของมันภายใต้สถานการณ์คบั ขันเช่นนี้ มันเคยคิดถึงความเป็ นไป
ได้ในการหลบหนีออกจากอาณาจักร ทว่า ก่อนที่มนั จะพบโอกาส
ในการกระทําการ เงาร่ างของยมทูตกลับทาบทับลงบนแผ่นหลัง
ของมันเสี ยก่อน
“แพทย์เทวะกู่ชิวหงผูย้ ง่ิ ใหญ่ บริ เวณโดยรอบนอกของ
ตําหนักแพทย์เทวะเบียดเสี ยดไปด้วยผูค้ นทํามาค้าขาย แต่ท่าน
กลับมาเก็บตัวอยูใ่ นที่น้ ี ผ่านวันเวลาอย่า’สุ ขสบายและผ่อนคลาย
ยิง่ นัก ท่านหมอเทวดาในตํานานแห่งจักรวรรดิวายุคราม กลับใช้
เวลาของตนเสพสุ ขสําราญราวเทพเซียน”
กู่ชิวหงสะท้านทั้งร่ างเมื่อได้ฟังเสี ยงที่พลันดังออกมาจาก
ทางด้านหลัง มันหมุนกายกลับไปอย่างรวดเร็ วก่อนจะพบเห็นหยุ
นเช่อ ทัว่ ร่ างของมันสัน่ เทา ดวงใจบิดกระตุก กู่ชิวหงเอ่ยปาก
กล่าวอย่างติดขัดว่า “เจ้า...เจ้า...เป็ น...เป็ นหยุน...เป็ นท่านหยุน ข้า
ซาบซึ้ งยิง่ และเป็ นเกียรติ...อย่างสู งสุ ด...ที่ใต้เท้าหยุนมายัง
สถานที่ของผูต้ ่าํ ต้อย...คนนี้”
ข้างกายของกู่ชิวหงมีศิษย์ของมันอยูบ่ า้ ง หากไม่มีผใู ้ ด
สามารถจับสังเกตการมาถึงของหยุนเช่อได้เลยแม้แต่ผเู ้ ดียว
มองเห็นหยุนเช่อที่พลันผุดโผล่ข้ ึนมาราวภูติพราย ต่างพากันตัว
สัน่ งันงกด้วยความหวาดกลัว ทั้งหมดนิ่งชะงักงัน ก่อนจะกลั้น
หายใจ...ในฐานะศิษย์รับสื บทอดจากกู่ชิวหง พวกมันทราบ
กระจ่างดีถึงสิ่ งที่ก่ชู ิวหงกระทําต่อองค์จกั รพรรดิ พวกมันเองล้วน
ใช้วนั เวลาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงเช่นเดียวกับกู่ชิวหงใน
ที่น้ ีเช่นกัน
หยุนเช่อก้าวเข้าหามันพร้อมด้วยสี หน้าเหยียดหยาม
“ซาบซึ้ ง? เป็ นเกียรติ? เช่นนั้นเหตุใดข้าเพียงเห็นความหวาดกลัว
บนใบหน้าของพวกเจ้า? เป็ นไปได้หรื อไม่วา่ พวกเจ้าอาจบังเอิญ
กําลังหวาดกลัวต่อข้า? โอ้ ช่างแปลกเสี ยนี่กระไร พวกเราต่างไม่
เคยไม่ความเกี่ยวข้องอันใดกันจนกระทัง่ บัดนี้ ทั้งยังแทบไม่เคย
พบหน้ากันมาก่อน เหตุใดพวกเจ้าต้องกลัวข้าด้วยเล่า?”
“ไม่ ไม่...” กู่ชิวหงเปล่งวาจาอออกมาด้วยความหวาดหวัน่
เพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่อึดใจที่ผา่ น ทัว่ ร่ างของมันกลับหลัง่
เหงื่อจนชุ่มโชก กระทัง่ ปรากฏหยาดเหงื่อไหลลงมาตามปลายนิ้ว
“ใต้เท้าหยุนเป็ นพระราชบุตรเขยขององค์จกั รพรรดิ ทั้งยังเป็ นที่
ยอมรับว่าคือยอดฝี มืออันดับหนึ่งแห่งวายุคราม แน่นอนว่าเป็ น
เรื่ องที่ทรงเกียรติอย่างยิง่ ที่ท่านมาเยีย่ มเยียนเราหมอธรรมดาๆ ผู ้
หนึ่ง”
“โอ้? หมอ? เจ้าบอกว่าเจ้าเป็ นหมอ? ข้าเกิดมีคาํ ถามเกี่ยวกับ
การรักษาขึ้นมาพอดี ไม่ทราบสามารถปรึ กษาท่านหมอได้
หรื อไม่?” หยุนเช่อหรี่ ตาลงขณะกล่าวถาม นัยน์ตาส่ วนลึก
สะท้อนประกายแหลมคมทิ่มแทง กู่ชิวหงเคยเรี ยกตนเองเป็ น
“หมอเทวดา” มันไม่ทราบเลยว่าคํากล่าวเรี ยกตนเองของมันนี้
สร้างความขุ่นเคืองให้แก่หยุนเช่อเป็ นที่ยงิ่ เนื่องเพราะท่าน
อาจารย์ของชายหนุ่มที่ประสิ ทธิ์ประสาทวิชาแพทย์เอง ล้วนมี
ฉายาเป็ น “หมอเทวดา” เช่นกัน การที่หมอขยะผูจ้ ิตใจโสมมผู ้
หนึ่ง กลับมีชื่อฉายาเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ที่มนั เคารพนบนอบ
มากที่สุด นับเป็ นการสร้างความแปดเปื้ อนให้แก่นาม “หมอ
เทวดา” เป็ นอย่างยิง่
กู่ชิวหงสติแตกไปแล้ว มันเพียงสามารถผงกศีรษะรับ “เป็ น
..เป็ นเกียรติอย่างสู งยิง่ ต่อข้าที่ท่านมาปรึ กษา ใต้เท้าหยุน โปรด
บอกข้าว่าท่านต้องการทราบเรื่ องใด ผูต้ ่าํ ต้อยจะพยายามอย่างสุ ด
ความสามารถเพื่อให้คาํ ตอบอันน่าพึงพอใจแก่ท่าน”
“อย่าได้กงั วลถึงเพียงนั้น ข้าเพียงมีปัญหาเล็กน้อยต้องการ
ถาม ข้าเชื่อว่าหมอระดับเจ้าย่อมสามารถวินิจฉัยได้โดยง่ายดาย
อย่างแน่นอน” หยุนเช่อยกยิม้ มุมปาก สายตาของชายหนุ่มเปล่ง
ประกายชัว่ ร้ายแปลกประหลาด “มีคนใกล้ชิดข้า ถูกแพร่ ปรสิ ตที่
มีนามว่า “ปรสิ ตกลืนจิตผูกชีจร” ไว้ภายในกาย ไม่ทราบท่าน
หมอกู่มีวถิ ีทางในการรักษามันหรื อไม่?”
สําหรับกู่ชิวหง คํา “ปรสิ ตกลืนจิตผูกชีพจร” นี้ ฟังราวกับ
เสี ยงกระซิ บจากทูตมรณะที่กาํ ลังเพรี ยกหาลมหายใจของมันไป
ทัว่ ร่ างของมันพลันสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง ขาทั้งสองข้างของมัน
ชาด้านปราศจากความรู ้สึกใดจนแทบทรุ ดลงบนพื้น มันกล่าว
ตอบด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เทา “ไม่...ข้าไม่ทราบ ผูต้ ่าํ ต้อย...เพียงมีทกั ษะ
วิชาแพทย์ในระดับทัว่ ไป และ..ไม่..ไม่เคยได้ยนิ ชื่อปรสิ ตกลืนจิต
ผูกชีพจรมาก่อน...ข้า..ขอใต้เท้าหยุน...โปรดอภัยในความด้อย
ปั ญญาของข้า”
“อ้อ? ไม่ทราบ?” หยุนเช่อหัวเราะอย่างน่าสยดสยอง
“หลังจากเสี ยเวลาไปเป็ นร้อยปี เจ้ากลับไม่รู้จกั กระทัง่ เรื่ อง
เล็กน้อยเช่นปรสิ ตกลืนจิตผูกชีพจร ทว่าเจ้ากลับกล้าเรี ยกตัวเอง
เป็ นหมอเทวดาแห่งอาณาจักรวายุคราม? เช่นนั้น เจ้าก็เป็ นเพียง
แค่พวกต้มตุ๋นชาวบ้าน หื มม์! หากนี่เป็ นบุคคลอื่นที่กระทํา
เรื่ องราวเหล่านี้ ข้าคงไม่แยแสสนใจอันใด แต่หากแพทย์ผสู ้ มควร
ทําประโยชน์เพือ่ สังคมโดยการช่วยชีวติ ผูค้ น กลับไม่มีทกั ษะทาง
การแพทย์ ไม่มีความมุ่งมัน่ ในการรักษา ทั้งยังไม่มีจรรยาบรรณ
ทางการแพทย์ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการช่วยชีวติ คน นี่กลับจะเป็ นการ
ทําร้ายคนเสี ยมากกว่า! ยิง่ กว่านั้น ไม่ใช่เพียงคนสองคน ผูค้ น
มากมายล้วนต้องถูกทําร้ายจากภาพลวงตานี้ เมื่อเจ้าเพียงเป็ นขยะ
ที่ไร้สามารถนอกจากสร้างความเสี ยหายแก่ผอู ้ ื่น...เจ้าก็ไม่
จําเป็ นต้องมีชีวติ อยูอ่ ีกต่อไป!!”
“อ้า..” กู่ชิวหงเบิกตากว้าง มันกําลังจะเอ่ยคํา ขณะที่
ประกายแสงสี แดงวาบหนึ่งกระพริ บวูบขึ้นที่เบื้องหน้าสายตา...
ฉัวะ!!
เปลวเพลิงเทพหงสาเป็ นเส้นสายพุง่ ทะลวงเข้าสู่ ทรวงอก
ของกู่ชิวหง หลงเหลือไว้เพียงรู ขนาดใหญ่ที่กลางหน้าอก
สี หน้าของกู่ชิวหงแข็งค้าง ร่ างของมันทิ้งลงบนพื้นพร้อม
เสี ยง “ตุบ” คราหนึ่ง ใต้ร่างบังเกิดแอ่งเลือดไหลนองขยายขนาด
ขึ้นอย่างรวดเร็ ว
“อา...อาจารย์!” ศิษย์ท้ งั สี่ คนของกู่ชิวหงสี หน้าเผือดขาว
ด้วยความหวาดหวัน่ แม้ท้ งั หมดต่างเปล่งเสี ยงออกมาโดยไม่รู้ตวั
จากความตระหนก หากไม่มีผใู ้ ดกล้าหาญก้าวเข้าประคองร่ างกู่
ชิวหง ทั้งหมดต่างซุกร่ างอยูท่ ี่มุมห้องเช่นเดิม เมื่อสายตาของหยุ
นเช่อเบนไปทางพวกมัน ร่ างของพวกมันสะท้านขึ้นโดยพร้อม
เพรี ยง ต่างกัดฟันแนบแน่น สองในสี่ ถึงกับปัสสาวะราดออกมา…
หยุนเช่อเป็ นบุคคลที่โหดเหี้ ยมอํามหิ ตราวอสูรกายโดยเเท้ กระทัง่
กู่ชิวหง แพทย์เทวะอันดับหนึ่งแห่งวายุคราม ผูเ้ ปี่ ยมอิทธิพล
อํานาจ มันยังพูดคุยก่อนด้วยสี หน้าเฉื่อยชา ก่อนจะลงมือสังหาร
อย่างกะทันหันตามอําเภอใจ! พฤติการณ์ปลอดโปร่ งสบาย ราว
กําลังบี้มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
“เจ้าพวกปัญญาอ่อนทั้งสี่ พวกเจ้าสมควรเป็ นศิษย์รับสื บ
ทอดจากกู่ชิวหงกระมัง? พูดมา เจ้าต้องการอยูห่ รื อตาย?” หยุ
นเช่อกล่าวด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย
ทันทีที่ท้ งั สี่ ได้ยนิ ว่ายังมีความหวังมีชีวติ จากสถานการณ์ใน
ปั จจุบนั ทั้งหมดต่างคุกเข่าลงในทันที โขกศีรษะคารวะต่อหยุ
นเช่อครั้งแล้วครั้งเล่า “พวกเราต้องมีการมีชีวติ ย่อมต้องการมี
ชีวติ ...หากใต้เท้าหยุนยินยอมปล่อยพวกเราไป พวกเรายินยอมรับ
ใช้ท่านไปชัว่ ชีวติ ...”
หยุนเช่อกล่าวอย่างเย็นชา “กู่ชิวหงวางแผนปลงพระชนม์
องค์จกั รพรรดิ กระทําความผิดที่ความตายยังไม่อาจลบล้างได้
สําหรับพวกเจ้า ข้ายังคงเว้นหนทางรอดไว้ให้...พวกเจ้าติดตามกู่
ชิวหงมาเป็ นเวลานาน สมควรทราบกระจ่างถึงความชัว่ ร้ายเลว
ทรามที่มนั กระทําการโดยอาศัยทักษะการแพทย์และชื่อเสี ยงของ
มัน ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ภายในสามวันนี้ จงรวบรวม
หลักฐานอันน่าเชื่อถือทั้งหมดที่ก่ชู ิวหงวางแผนปลงพระชนม์
รวมทั้งความเลวทรามของมันทั้งหลายป่ าวประกาศให้ผคู ้ นทัว่
โลกหล้าได้รับรู ้...ให้ผคู ้ นรับทราบว่า มันมิได้คู่ควรต่อฉายา
“หมอเทวดา” แม้แต่นอ้ ย จากนั้น จงใช้ทกั ษะวิชาแพทย์ที่เจ้ารํ่า
เรี ยนมาช่วยชีวติ ผูค้ น จึงจะสามารถไถ่ถอนบาปกรรมที่พวกเจ้า
ได้กระทํายามติดตามกู่ชิวหงได้ จดจําไว้วา่ จงอย่าได้ใช้วชิ าแพทย์
ของพวกเจ้าในทางชัว่ ร้ายอีกเป็ นอันขาด มิเช่นนั้น พวกเจ้าล้วน
ต้องตกตายภายใต้เงื้อมมือของข้า!!”
ทั้งสี่ ยนิ ดีจนไม่อาจเชื่อเมื่อได้ยนิ คํากล่าวของหยุนเช่อ พวก
มันทั้งหมดสาบานทําตามคําสัง่ ของหยุนเช่อขณะหลัง่ นํ้าตาเนือง
นองหน้าด้วยความสํานึกขอบคุณ...
สามวันต่อมา ข่าวกู่ชิวหงสมคบคิดกับองค์ชายรัชทายาท
และองค์ชายสามในการลอบปลงพระชนม์องค์จกั รพรรดิ โดยใช้
ปรสิ ตกลืนจิตผูกชีพจรล้วนแพร่ สะพัดไปทัว่ ทั้งเมืองหลวง ศิษย์
สื บทอดทั้งสี่ ของกู่ชิวหงแสดงหลักฐานอันแน่นหนามากมาย ถึง
เรื่ องราวอันน่าอัปยศอดสู ที่ก่ชู ิวหงกระทําโดยใช้ทกั ษะทางการ
รักษาในทางที่ผดิ ของมัน ความผิดทั้งหมดที่ถูกเขียนขึ้นโดยศิษย์
ทั้งสี่ เมื่อนับรวมกันแล้วมากกว่าหนึ่งพันข้อ สร้างความตกตะลึง
ให้ทุกผูค้ นในอาณาจักรวายุคราม นามของหมอเทวดาที่สนั่
สะท้านทัว่ อาณาจักร ล้วนถูกผูค้ นด่าทอและเขียนประณาม เหล่า
กองกําลังและผูย้ งิ่ ใหญ่ที่เคยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับมัน ล้วน
แสดงออกอย่างชัดเจนต่อผูค้ นว่าพวกมันตัดความสัมพันธ์กนั
อย่างสิ้ นเชิงไม่วา่ ด้านใด โดยให้เหตุผลว่าพวกมัน “รู ้สึกชิงชังต่อ
ความชัว่ ร้ายที่ก่ชู ิงหงกระทํา”
เวลานี้เอง หยุนเช่อกล่าวคําอําลาต่อชางเยว่และเซี่ยวหลิงซี
ก่อนจะเหิ นบินไปบนหลังวิหคหิ มะสู่ แดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง
“จัสมิน ข้ารู ้สึกว่าพลังฝี มือของข้ายามนี้มาถึงทางตันแล้ว”
หยุนเช่อที่นอนหลับตาอยูบ่ นหลังวิหคหิ มะพลันเอ่ยถึงเรื่ องที่
รบกวนใจมันมาพักหนึ่งออกมา
“ทางตัน? จวบจนบัดนี้พลังฝี มือเจ้าก็รุดหน้าขึ้นโดยไม่มี
สะดุด เจ้ากําลังพูดถึงทางตันอันใด?” จัสมินตอบคํา
“ที่ขา้ กล่าวถึงคือนี่ผา่ นมาเป็ นเวลานานแล้ว หากข้ายังไม่
อาจหาหนทางในการเพิ่มพูนพลังฝี มือแบบก้าวกระโดดเช่นก่อน
หน้านี้ได้อีกเลย” หยุนเช่อกล่าวอย่างเชื่องช้า “ช่วงระยะเวลาที่ขา้
อยูภ่ ายใต้ลานกระบี่จดั สรรที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ระดับพลังยุทธ์
ของข้าเพิม่ สู งขึ้นราวโจนทะยาน ทว่าตอนนี้ เพียงข้อเท็จจริ งที่ขา้
แทบมิได้ดื่มกินเนื้อและโลหิ ตมังกร ความสามารถในการเพิม่
ความแข็งแกร่ งที่มนั มอบให้แก่ขา้ ในยามนี้ลว้ นจํากัดยิง่ ยังมีเวลา
อีกสี่ เดือนกว่าจะถึงงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
หลังจากบรรลุถึงจักรวรรดิเทพหงสา ที่ขา้ ต้องเผชิญมิใช่เพียงการ
ประลองเท่านั้น ดังนั้น ยามนี้ ข้าจําเป็ นยิง่ ยวดที่จะต้องหาหนทาง
หรื อโอกาสในการทะลวงด่านพลังฝี มือให้ได้โดยเร็ วที่สุด”
“โอกาส เฮอะ! ผูค้ นสมควรก้าวเดินไปทีละก้าว! วิธีการฝื น
เพิ่มพลังยุทธ์โดยซึมซับพลังจากเลือดเนื้อของมังกรก่อนหน้านี้
ของเจ้า เป็ นวิธีท่ีอนั ตรายอย่างถึงที่สุด หากมิใช่เจ้ามีเคล็ดมหาวิถี
โพธิสตั ว์คอยปกป้อง ภายในร่ างกายของเจ้ายามนี้ ย่อมต้องเต็มไป
ด้วยร่ องรอยแห่งอาการบาดเจ็บที่แอบแฝงอยูเ่ นื่องจากการฝื นดูด
ซับพลัง ระดับความก้าวหน้าในการฝึ กฝี มือของเจ้านับว่าค่อนข้าง
รวดเร็ วอยูแ่ ล้วแม้ปราศจากปัจจัยภายนอกหนุนเสริ ม”
“…”
“แต่พลังฝี มือของข้าในยามนี้ต่อหน้าพรรคเทพหงสาก็ไร้
ความหมาย” หยุนเช่อเอ่ยด้วยท่าทีซึมเซา “ดูเหมือนข้าจําต้อง
ทุ่มเทเต็มที่เพื่อเพิ่มพูนพลังฝี มือในอีกสี่ เดือนข้างหน้านี้ พูดถึง
เรื่ องนี้… ดูเหมือนว่าท่านผูเ้ ป็ นอาจารย์ขา้ จะไม่ได้สอนอะไรข้า
มานานแล้ว ข้าไม่ทราบว่าท่านฝึ กฝนวิชายุทธ์แบบใด แต่พลัง
ฝี มือของท่านช่างเข้มแข็งนัก วิชาที่ท่านฝึ กฝนย่อมต้องร้ายกาจหา
ที่เปรี ยบ ข้าหมายถึง… ทําไมท่านถึงไม่ลองสอนข้าดูสกั หน่อย
เล่า?”
“คิดเป็ นเด็กไปได้!” จัสมินเอ่ยด้วยเสี ยงราบเรี ยบไร้อารมณ์
“ในบรรดาสรรพวิชาที่ขา้ มี เทพดาราแยกเงาเป็ นวิชาเดียวที่เจ้า
สามารถฝึ กฝนได้ดว้ ยระดับพลังฝี มือของเจ้าในตอนนี้! ระดับพลัง
ของเจ้าตํ่าเกินจะฝึ กฝนวิชาอื่นอีก หากเจ้าฝื นฝึ กฝนวิชายุทธ์และ
กระบวนท่าสังหารของข้า มันจะเป็ นภัยต่อชีวติ เจ้าเอง”
“ข้าในตอนนี้ฝึกฝนวิชายุทธ์ของเทพอสูรและเทพแห่ง
ความพิโรธพร้อมกันอยู่ และไม่รู้สึกติดขัดอะไรแม้แต่นอ้ ย หรื อ
วิชายุทธ์ของท่านจะทรงพลังยิง่ กว่าวิชายุทธ์เทพอสู รและมหาวิถี
โพธิสตั ว์?” หยุนเช่อเบิกตากว้างพร้อมเอ่ยอย่างตกใจ
“พวกมันล้วนแต่ต่างกันโดยสิ้นเชิง” จัสมินเอ่ยอย่างเย็นชา
“หากเจ้าคิดฝึ กฝนวิชายุทธ์ขา้ จริ ง ก็จงรอจนพลังลมปราณเจ้า
บรรลุถึงชั้นราชันย์จกั รพรรดิข้นั ปลายก่อน หลังจากเจ้าสร้าง
ร่ างกายให้ขา้ ใหม่แล้ว ข้าจะลองคิดเรื่ องมอบ ‘โลหิตสังหารฟ้า’
ให้เจ้าสักหยดดู มันจะทําให้เจ้าสามารถฝึ กฝนวิชายุทธ์ของข้าได้”
“ขะ… ขั้นราชันย์จกั รพรรดิ… แถมยังเป็ นขั้นปลายอีกรึ ?”
หยุนเช่อตื่นตะลึงจนต้องผุดตัวขึ้นมานัง่ “แล้วโลหิตสังหารฟ้านี่
คือสิ่ งใดกัน?”
“เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องรู ้”
“...”
บทที่ 378 องค์ ชายรัตติกาลนิรันดร์

จักรวรรดิมารทมิฬ ดินแดนแห่งความชัว่ ร้าย


ไอพลังชัว่ ร้ายอันเข้มข้นและหมอกสี ทึบทึมล่องลอยอยูท่ ว่ั
ทั้งบริ เวณ เสี ยงสายลมโหยหวนราวกับเสี ยงภูติพรายและปี ศาจดัง
ขึ้นไม่ขาดสาย ในสถานที่อนั น่ากลัวแห่งนี้ เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นที่สมควร
ตกตายไปหลายสิ บครั้งกลับรอดมาถึงที่แห่งนี้ได้ มันรี ดเร้นพลัง
ทั้งหมดที่มีเข้าสู่ แขนขาเพือ่ ปี นป่ ายขึ้น และอาศัยกําลังใจและ
ความมุ่งมัน่ ไร้ที่เปรี ยบรักษาชีวติ ที่สมควรดับสูญไปนานแล้ว
เอาไว้
ในที่สุดชายหนุ่มก็ปีนขึ้นมาถึงจุดสู งสุ ดของสถานที่แห่ง
นี้… ตรงหน้ามันมีโลงศพหยกขนาดใหญ่ต้ งั อยู่ ตัวโลงมีสภาพกึ่ง
โปรงใสเผยให้เห็นหมอกดําเคลื่อนไหวอยูภ่ ายในอย่างจางๆ
“ในที่สุดเจ้าก็มาถึงจนได้… ราชันผูน้ ้ ีรอคอยเจ้ามานาน
แสนนาน”
หมอกสี เทาภายในโลงหยกพลัน่ เริ่ มเคลื่อนไหว ก่อนที่ใน
ใจของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นจะพลันได้ยนิ เสี ยงน่าขนลุกดังขึ้นในใจ
“เจ้าเป็ น… ใครกัน!?”
“เราราชันคือคนที่เจ้าตามหาอยู!่ และเจ้าก็คือคนที่เรารอ
คอยอยู!่ ใช้กญ ุ แจในมือเจ้าเพือ่ ปลดพันธนาการที่ผนึกวิญญาณเรา
ไว้ออก เราจะมอบพลังสุ ดยอดให้เจ้าเป็ นรางวัลตอบแทน!”
“เจ้าคิดว่า… ข้าจะเชื่อเจ้างั้นเรอะ!?”
“เราราชันไม่มีวธิ ีพิสูจน์คาํ พูด แต่เจ้าในตอนนี้ทาํ ได้เพียง
เชื่อในตัวเราเท่านั้น! หากเจ้าไม่รับพลังของเราที่นี่ตอนนี้ ข้าจะ
ตายในอีกไม่ชา้ เราและเจ้านั้นมีสิ่งที่เหมือนกันอยู!่ ความเกลียด
ชังและมุ่งมัน่ ไร้ขีดจํากัดในวิญญาณเจ้าและของเรารวมกัน จะทํา
ให้เจ้าแข็งแกร่ งกว่าเดิมนับร้อยเท่าพันทวี! ด้วยพลังของเรา เจ้าจะ
สามารถล้างแค้นผูใ้ ดก็ตามในโลกที่เจ้าเคียดแค้นได้! เราในตอนนี้
เป็ นเพียงเศษเสี้ ยวของวิญญาณที่เสี ยหายเท่านั้น หากเจ้าต้องการ
ล้างแค้น ก็จาํ เป็ นต้องยืมแรงร่ างกายของเจ้า! หากเราถูก
ปลดปล่อย เจ้าจะมีแต่ได้ มิเช่นนั้น หากเจ้ายังทําเช่นนี้ต่อไป ก็ทาํ
ได้เพียงรอความตายเท่านั้น!”
เฟิ งเจวีย๋ เฉินยืน่ มือที่สีานเทาออกไปเบื้องหน้า ก่อนที่กญุ แจ
สี ดาํ สนิทจะร่ วงลงสู่ โลงผนึกวิญญาณ
เพียงชัว่ พริ บตา ทุกส่ วนของโลงพลันปรากฎหมอกควัน
พวยพุง่ ออกมาพร้อมกับประกายแสงจากตราผนึกที่สว่างขึ้นชัว่
วูบก่อนจะสาบสู ญไป
ฟู่ ววววว!!
สายลมพลันโหมขึ้นรอบทิศทางขณะโลงผนึกวิญญาณพลัน
เปิ ดออกพร้อมกับวิญญาณที่ถูกผนึกไว้ภายในหลบหนีออกมา
และเปล่งเสี ยงหัวเราะอย่างบ้าคลัง่ ด้วยความเบิกบาน ก่อนที่มนั จะ
พลันพุง่ เข้าใส่ เฟิ งเจวีย๋ เฉิ นและทะลวงเข้าสู่ ภายในวิญญาณของ
มันอย่างไร้ปราณี
“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… พันปี ผ่านมาแล้วถึงพันปี ! ใน
ที่สุดเราราชันก็ได้รับอิสรภาพ! ดูท่าในที่สุดสวรรค์จะเมตตาและ
มอบโอกาสให้เราผูน้ ้ ีได้ลา้ งแค้นคนที่เกลียดชัง… ฮะฮ่าฮ่าฮ่า…”
“เด็กน้อย เราราชันซาบซึ้ งที่เจ้ามอบอิสรภาพให้เรายิง่ ! เพื่อ
ตอบแทนนํ้าใจเจ้า เราจะเข้าไปแทนที่วญ ิ ญาณเจ้าเพื่อครอบครอง
ร่ างกายโทรมๆของเจ้าแทนให้เอง! มันน่าจะเป็ นการตอบแทนที่
ประเสริ ฐสุ ดเท่าที่เจ้าจะหวังได้แล้ว...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เจ้า… อะ… อ๊ากกกก!”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นรู ้สึกราวกับถูกเข็มโลหะนับไม่ถว้ นทิ่มแทงจิต
วิญญาณตน ใบหน้าของมันพลันซีดเซียวในพริ บตา ทั้งดวงตา ใบ
หู จมูกและปากของมันล้วนแต่มีโลหิ ตไหลริ นออกมาขณะมันส่ ง
เสี ยงตะโกนอย่างรวดร้าวออกมา “นี่เจ้า… เจ้า… คิดจะกลืนกิน…
วิญญาณของข้าเรอะ?!! อึ่ก… อ๊ากกกก!”
“เราราชันประหลาดใจนักที่เจ้ายังพูดถึงเรื่ องที่เรากําลังกลืน
กินวิญญาณเจ้าในสภาพอ่อนล้าเช่นนี้ได้… เจ้าไม่ตอ้ งกังวลไป
หลังจากกลืนวิญญาณเจ้าสําเร็ จ เราผูน้ ้ ีจะอ่านความทรงจําของเจ้า
และสังหารคนที่เจ้าต้องการสังหารมากที่สุดในโลกนี้เพื่อ
ตอบสนองความเกลียดชังในหัวใจของเจ้าให้ นัน่ มากพอจะทําให้
เจ้าพอใจหรื อไม่!? ตอนนี้ ยอมมอบวิญญาณเจ้า… มาเป็ น
เครื่ องเซ่นวิญญาณข้าแต่โดยดีเถอะ!!”
“อ๊ากกกกก!”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นส่ งเสี ยงกู่ร้องบาดใจ ร่ างมันกระตุกและบิด
เบี้ยวอย่างบ้าคลัง่ ทัว่ ร่ างของมันชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อราวกับถูกฝน
สาดใส่ ไม่วา่ ร่ างกายมันจะเจ็บปวดเพียงไหน มันก็สามารถทนรับ
ได้โดยไม่ส่งเสี ยงแม้แต่นอ้ ย ทว่าความเจ็บปวดจากการถูกฉีก
กระชากจิตวิญญาณนั้นโหดร้ายกว่าการถูกฉี กแขนขาทีละข้างนับ
ร้อยเท่าพันทวี มันรู ้สึกราวกับถูกหมุดเหล็กและคมมีดเสี ยบแทง
วิญญาณตนเพื่อเฉื อดเฉื อนมันจนสติของชายหนุ่มร่ วงหล่นสู่ขมุ
นรกไร้กน้ ท่ามกลางเป็ นเจ็บปวดลึกลํ้าสุ ดประมาณ
หากวิญญาณของมันถูกทําลายและกลืนกินจนสู ญเสี ยสติไป
จนหมดสิ้ น เช่นนั้นร่ างของมันก็จะกลายเป็ นเพียงเปลือกอันว่าง
เปล่า เมื่อเป็ นเช่นนั้น มันก็ไม่หลงเหลือหนทางจะล้างแค้นได้อีก
และจะเป็ นได้เพียงหุ่นเชิดของผูอ้ ื่นไปชัว่ นิรันดร์
เทียบกับการถูกสังหารหรื อตัดร่ างเป็ นพันท่อนแล้ว จุดจบ
เช่นนี้นบั ว่ารับไม่ได้ยงิ่ กว่า
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น… ยอมรับความตายได้… กระทัง่ ตายโดยไม่
หลงเหลือซากศพที่สมบูรณ์กย็ งั ไม่นบั ว่าอะไร…
แต่มนั ไม่มีวนั ยอมให้ตวั เอง… ต้องตกตํ่าจนกลายเป็ นเพียง
หุ่นเชิดแน่!!
ข้ ากระเสื อกกระสนดิน้ รนเพื่อมาถึงที่นี่…
เพราะข้ าหวังจะเสะหาพลังที่จะใช้ ล้างแค้ นได้ …
กลายเป็ นเพียงหุ่นเชิ ด… มิใช่ เส้ นทางนั้นแน่ !!
“อ๊ากกกก!!!!”
เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นเบิกตากว้างอย่างรุ นแรง แววตาที่เลื่อนลอย
ของมันพลันหลอมรวมจนเปล่งประกายชิงชังที่ทาํ ให้แม้แต่ปีศาจ
ยังต้องหวาดกลัวออกมา มันปลดปล่อยกําลังใจทั้งหมดออกมา
พลางเปล่งเสี ยงร้องตะโกนออกมาสุ ดกําลัง
“จุ๊จุ๊ เราไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังพยายามดิ้นรนอย่างเปล่า
ประโยชน์ต่อ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า ช่างน่าขบขันยิง่ นัก วิญญาณที่เล็กจ้อย
และอ่อนแอไม่ต่างอะไรจากมดปลวกในสายตาเราอย่างเจ้าจะ
สามารถหลบหนีจาก… หื อ? อะ… อะไรกัน… นี่มนั เป็ นไป
ไม่ได้… เจ้าทําอะไรลงไป? นี่มนั เป็ นไปไม่ได้… เป็ นไปไม่ได้!!”
วิญญาณที่อ่อนล้าถึงขีดสุ ดและกําลังจะถูกทําลายและกลืน
กินของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นพลันต่อต้านขัดขืนอย่างรุ นแรง เฟิ นเจีว๋ยเฉิ น
ส่ งเสี ยงกู่ร้องแหบพร่ าก่อนที่การดิ้นรนขัดขืนของมันยิง่ มายิง่
รุ นแรง ไม่เพียงยับยั้งไม่ให้วญ ิ ญาณของชายหนุ่มถูกกลืนกินด้วย
จิตทมิฬเท่านั้น มันยังเข้าโอบล้อมจิตทมิฬนี้ทีละน้อย ก่อนที่จะ…
เริ่ มกลืนกินมัน
“เป็ นไปไม่ได้… นี่มนั เป็ นไปไม่ได้! แค่เด็กชายที่บรรลุ
เพียงลมปราณจิตจะมีพลังใจสู งส่ งเช่นนี้ได้อย่างไร… อ๊ากกก…”
วิญญาณทมิฬไม่อาจส่ งเสี ยงหัวเราะได้อีก สุ ม้ เสี ยงมันแฝงด้วย
ความกลัวและแตกตื่นราวกับมันพลันก้าวตกลงจากสวรรค์สู่ขมุ
นรกในพริ บตา
“ข้า เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น… เคยถูกโค่นล้ม… เหยียบยํา่ … และดู
หมิ่น… แต่ขา้ ยัง… อดทนมาได้… เพราะจะต้องมีสกั วัน… ที่ขา้
จะให้พวกมันชดใช้นบั ร้อยเท่าพันทวี… แต่… ไม่วา่ ใครก็อย่าได้
คิดจะเปลี่ยนให้ร่างข้ากลายเป็ นของน่าสังเวชอย่างหุ่นเชิดเป็ นอัน
ขาด… อย่าแม้แต่… จะคิด!!”
“อ๊ากกก!!” วิญญาณทมิฬส่ งเสี ยงกรี ดร้องออกมา วิญญาณ
อันทรงพลังของมันกลับถูกเฟิ นเจวีย๋ เฉิ งโอบล้อมไว้จนหมดสิ้ น
และกําลังถูกกลืนกินแทนเสี ยเอง… หากวิญญาณของมันถูกกลืน
กิน ตัวตนของมันจะหายไปจากโลกนี้ และความทรงจํารวมถึง
พลังที่อยูใ่ นวิญญาณของมันจะตกเป็ นของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง มัน
ตะโกนลัน่ อย่างแตกตื่น และยังขอร้องเฟิ นเจวีย๋ เฉินอย่างรวดร้าว
“ปล่อยเราราชันไปเถอะ… หยุดเดี๋ยวนี้… เราจะมอบพลังที่
เข้มแข็งที่สุดของเราให้เจ้า… เราจะยังตายตอนนี้ไม่ได้…”
สุ ม้ เสี ยงของวิญญาณทมิฬพลันชะงักไปชัว่ ครู่ ก่อนที่มนั จะ
พลันสัน่ เครื อด้วยความตื่นเต้น “ลูกฮวง… ลูกฮวง… เจ้าคือลูกฮ
วงงั้นรึ ?!!”
“??”
“ลูกฮวง เป็ นลูกฮวงจริ งๆ…” ราวกับวิญญาณทมิฬลืมความ
เจ็บปวดจากการถูกกลืนกินไปจนหมดสิ้ น มันส่ งเสี ยงสะอื้นด้วย
ความปิ ติยง่ิ “ลูกฮวง… เราคือราชันแห่งราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์
เป็ นบิดาแท้ๆของเจ้า!!”
ทัว่ ร่ างเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นชุ่มด้วยหยาดเหงื่อ มันกัดฟันเอ่ย “ไอ้
วิญญาณติดที่ชวั่ ช้า… แค่จะเอาตัวเจ้าให้รอด เจ้าถึงกับเอ่ยเรื่ อง
โง่เง่าน่าขันพรรคนี้ข้ ึนมางั้นรึ เหอะ!”
“ลูกฮวง เราเป็ นบิดาของเจ้าจริ งๆ! เมื่อตอนที่ราชวงศ์
รัตติกาลนิรันดร์เราถูกเจ้าพวกสารเลวนัน่ ล้างบาง เจ้าเองก็ถูกพวก
มันสังหารอย่างโหดเหี้ ยม จากนั้นมารดาของเจ้าจึงรวบรวมเสี้ ยว
วิญญาณของเจ้าหลังจากที่เจ้าตายมาและสละชีวติ ของนางเองใช้
เคล็ดต้องห้ามรัตติกาลนิรันดร์ออก เพื่อให้เจ้ากลับมาเกิดใหม่อีก
ครั้งในอีกพันปี ให้หลังพร้อมกับวิญญาณและเส้นชีพจรลมปราณ
อย่างละครึ่ ง…”
“พอแล้ว! จะตายอยูแ่ ล้ว… ยังจะมาพล่ามเรื่ องไร้สาระอยู่
อีก!” เฟิ นเจวีย๋ เฉิ นกัดฟันแน่น “ข้าจะให้เจ้าได้หุบปาก… ไปชัว่ นิ
รันดร์!!”
แรงใจของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นสู งกว่าที่วญ
ิ ญาณทมิฬจินตนาการ
เอาไว้มากนัก วิญญาณของมันเริ่ มไร้ซ่ ึงเรี่ ยวแรงขัดขืน… และมัน
เองก็เลิกล้มที่จะขัดขืนเช่นเดียวกัน…
“เช่นนี้กด็ ี เมื่อเจ้าได้รับความทรงจําและพลังของเราที่อยูใ่ น
วิญญาณดวงนี้ เจ้าจะเข้าใจทุกสิ่ งเอง…”
“ลูกฮวง เจ้าเป็ นองค์ชายแห่งราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์เรา
สายเลือดและความหวังสุ ดท้ายของเรา… เราหวังให้เจ้ามีชีวติ ที่ดี
และล้างแค้นให้เจ้ามารดาของเจ้า… เพือ่ ทุกคนในตระกูลเจ้า…
และเพื่อตัวเจ้าเอง… เจ้าต้องล้างแค้น… อย่าได้ลม้ เลิกการแก้แค้น
นี้!!!”
——————————————————————
สุ ม้ เสี ยงของวิญญาณทมิฬดังอยูใ่ นใจของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นอยู่
นานก่อนจะสู ญสลายไป วิญญาณของมันไม่เพียงล้มเลิกขัดขืน
เท่านั้น แต่ยงั เริ่ มส่ งมอบความทรงจําและพลังที่อยูใ่ นดวงจิต
ทั้งหมดให้กบั เฟิ นเจวีย๋ เฉิ น
ความทรงจําที่สง่ั สมมาตลอดพันปี หลัง่ ไหลเข้าสู่ วญ ิ ญาณ
ของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ นดัง่ คลื่นนํ้า สี หน้าของมันพลันหม่นหมอง
ก่อนที่มนั จะทรุ ดตัวลงราวกับคนไร้ชีวติ และไม่ขยับเคลื่อนไหว
อีกนาน ใบหน้ามันเต็มไปด้วยคราบนํ้าตาที่เอ่อล้นออกมา…
________________________________________
ด้วยความช่วยเหลือจากวิหคหิ มะ การเดินทางสู่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งของหยุนเช่อครานี้จึงสั้นกว่าก่อนมากนัก
หลังจากเหิ นผ่านทุ่งหิ มะไร้ขอบเขต แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ก็ปรากฎขึ้นในคลองจักษุมนั อย่างรวดเร็ ว
เมื่อมองไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ขณะเข้าใกล้ดว้ ยความเร็ วสู ง
หยุนเช่อก็อดคิดถึงฉู่เยว่ฉานไม่ได้ ตลอดหลายเดือนมานี้ มัน
ไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับนางแม้แต่นอ้ ย เช่นเดียวกับเซี่ยหยวนป้า
ด้วยอิทธิพลของชายหนุ่มในยามนี้ นามกรของมันกึกก้องไปทัว่
หัวระแหงในจักรวรรดิวายุครามแล้ว ด้วยฉู่เยว่ฉานที่มีลูกของทั้ง
สอง และตัวเซี่ยหยวนป้าที่จากไปเพราะความเศร้าจากการตาย
ของหยุนเช่อ ทั้งสองสมควรรี บกลับมาหามันทันทีที่ได้ยนิ ข่าวว่า
มันยังมีชีวติ อยู่
“หรื อว่าทั้งคู่จะไม่ได้อยูใ่ นจักรวรรดิวายุครามแล้วกัน?”
หยุนเช่อเอ่ยถามตัวเองอย่างเหม่อลอย
ทางแดนศักดิ์สิทธิ์ยงั คงปิ ดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก แต่
แน่นอนว่าครานี้ไม่มีผใู ้ ดออกหน้าสกัดหยุนเช่อไม่ให้เข้าสู่ ตวั
ตําหนัก แม้แต่ตอนที่มนั กําลังจะลงสู่ ทางเข้า ทางแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งก็รับรู ้ถึงการมาของมันแล้ว และฉู่เยว่หลี่กก็ าํ ลังรอ
มันอยูท่ ี่หน้าทางเข้า
“ในที่สุดเจ้าก็มา” ใบหน้าของฉู่เยว่หลี่เย็นชาดุจนํ้าแข็ง นาง
เอ่ยด้วยสุม้ เสี ยงไร้อารมณ์
“ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อคารวะนางเซียนฉู่ ข้ามาทันตามนัดพอดี”
หยุนเช่อก้าวไปเบื้องหน้าพลางเอ่ย “การที่นางเซียนฉู่มาต้อนรับ
ด้วยตัวเองแบบนี้ทาํ ให้ผเู ้ ยาว์แตกตื่นนัก… เพียงให้ฉิงเยว่มาก็
พอแล้ว”
ฉู่เยว่หลี่ไม่ตอบคํา ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยชา “นางหญิงแดน
ศักดิ์สิทธิ์ทราบว่าเจ้ามาถึงแล้ว ตามข้ามา”
เดิมหยุนเช่อคิดจะหยอกล้อนางเซียนเยือกแข็งผูน้ ้ ีเสี ยหน่อย
มันจะรู ้สึกยินดีอยูบ่ า้ งหากอย่างน้อยได้เห็นสี หน้าโกรธขึงของ
นาง แต่ผลตอบรับค่อนข้างทื่อด้านไปบ้าง มันเบ้ปากก่อนจะตาม
ฉู่เยว่หลี่ไปภายใน
แม้แต่ช่วงที่ทางสํานักไม่ได้ปิดตัวจากโลกภายนอก แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งก็มีแขกผูม้ าเยือนน้อยนิดยิง่ ดังนั้นเหล่า
ศิษย์สตรี ของทางแดนศักดิ์สิทธิ์จึงไม่มีโอกาสพบปะกับบุรุษบ่อย
นัก ดังนั้นเมื่อยามที่หยุนเช่อตามฉู่เยว่หลี่เข้าไปภายในแดน
ศักดิ์สิทธิ์ เสริ มด้วยชื่อเสี ยงของนาม “หยุนเช่อ” ก็ทาํ ให้เหล่าศิษย์
สตรี รวมตัวกันมา “เฝ้าดู” มันอย่างสนใจ สายตาของพวกนางเต็ม
ไปด้วยความอยากรู ้อยากเห็นเรื่ องของชายหนุ่มผูเ้ ป็ นสามีในนาม
ของนายหญิงน้อย และยังเป็ นคนที่ทาํ ให้ฉู่เยว่ฉานผิดคําสัตย์ของ
นางอีกด้วย
เมื่อหยุนเช่อเห็นหลินยูเ่ ซียน มันก็เห็นเซี่ยฉิ งเยว่อยูข่ า้ งกาย
นาง มันเดินเข้าหาทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยปาก “ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อคารวะนาย
หญิงแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เมื่อสี่ เดือนก่อนผูเ้ ยาว์บุกเข้า
แดนศักดิ์สิทธิ์อย่างอุกอาจ และลบหลู่ผอู ้ าวุโสในครานั้น ข้าหวัง
ว่าท่านจะให้อภัยด้วย”
หลินยูเ่ ซียนแปลกใจ ก่อนจะยิม้ บาง “ข้าไม่เคยคาดว่าคนที่
สามารถทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าและกล้าเหยียบยํา่ องค์ชาย
จักรวรรดิเทพหงสาไว้ใต้เท้าจะก้มหัวยอมรับความผิดของ
ตัวเอง… หยุนเช่อ เจ้าทําให้ขา้ ต้องมองเจ้าใหม่จริ งๆ ไม่มีความ
จําเป็ นต้องขอโทษไป การที่เจ้าควบคุมตัวเองไม่อยูใ่ นวันนั้นจาก
ความกังวลในใจจนบุกเข้าสู่ แดนศักดิ์สิทธิ์น้ นั เป็ นอันเข้าใจได้
ดังนั้นข้าจึงให้อภัย ยิง่ กว่านั้น ดูแล้วเจ้าจะห่วงใยในตัวเยว่ฉาน
จริ งๆ และเรื่ องที่เจ้าพูดกับข้าในวันนั้น...แต่ละคําพูดก็ยงั เป็ น
ความสัตย์ ”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่ องนี้กนั เลย หยุนเช่อ นายหญิงแดน
ศักดิ์สิทธิ์รุ่ นก่อนต้องการจะพบเจ้า… ฉิ งเยว่ เจ้าเองก็ควรมากับ
พวกเราด้วย”
บทที่ 379 ศิษย์ บุรุษเมฆาเยือกแข็ง

ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ซุกซ่อนไว้ดว้ ยดินแดนลี้ลบั แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งสอง
สามแห่ง สถานที่ลบั แห่งนี้ หนึ่งในนั้นเป็ นที่เก็บตัวฝึ กวิชาของ
ท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆเยือกแข็งรุ่ นก่อนตลอดเวลาที่
ผ่านมา หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่กา้ วเดินตามหลังกงยูเ่ ซียนลงมา
โดยตลอด ท้ายที่สุด ล้วนบรรลุถึงเบื้องหน้าห้องนํ้าแข็งห้องหนึ่ง
“ท่านอาจารย์อาวุโส หยุนเช่อมาถึงแล้ว” กงยูเ่ ซี่ยนกล่าว
วาจาด้วยทีท่านอบน้อมที่เบื้องหน้าห้องนํ้าแข็ง
ทันใดนั้นเอง สุ ม้ เสี ยงสตรี ที่ค่อนข้างสุ งอายุดงั ออกมาจาก
ภายในห้องนํ้าแข็ง “เข้ามา”
สิ้ นเสี ยงกล่าว ประตูหอ้ งนํ้าแข็งที่ปิดสนิทค่อยเลื่อนเปิ ด
ออกอย่างเชื่องช้า ผลึกนํ้าแข็งจํานวนนับไม่ถว้ นปลิวว่อนกระจัด
กระจายอยูภ่ ายในห้องนํ้าแข็ง ทั้งยังไม่สงบลงเป็ นเวลานาน
ณ กึ่งกลางห้องนํ้าแข็งปรากฏสตรี มีอายุผมู ้ ีสีหน้านิ่งสงบ
ดุจนํ้านิ่ง ผมเผ้าขาวโพลนไปครึ่ งศีรษะ นัง่ แผ่นหลังเหยียดตรง
แน่วแน่อยูบ่ นหยกนํ้าแข็งเย็นยะเยียบสี ฟ้า หยกนํ้าแข็งเย็น
ปลดปล่อยไอหมอกอันหนาวเหน็บ บดบังเงาร่ างของนางจนพร่ า
เลือนท่ามกลางหมอกควัน เมื่อกลุ่มของกงยูเ่ ซี่ยนทั้งสามก้าวเข้าสู่
ภายใน ดวงตาที่ปิดสนิทของนางพลันเปิ ดขึ้น ดวงตาสาดประกาย
อ่อนโยนนุ่มนวล ทว่าห่างไกลจากผูค้ นจนไม่อาจเอื้อมมือถึงชนิด
หนึ่ง และสายตานี้ กําลังจับจ้องมาทางหยุนเช่อ
นางคือสตรี ที่เป็ นท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งรุ่ นก่อน ---- ฟ่ งเชียนฮุ่ย
“ศิษย์กงยูเ่ ซี ยน คํานับท่านอาจารย์อาวุโส”
“ศิษย์เซี่ยฉิ งเยว่ คํานับท่านหญิงรุ่ นก่อน”
สตรี สูงอายุที่เบื้องหน้ายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสี ยง
แผ่วเบา “ไม่ตอ้ งมากพิธี นัง่ ลง.. เช่นนั้น เจ้าคงเป็ น หยุนเช่อ?”
บุคคลที่เบื้องหน้า คือหนึ่งในยอดยุทธ์ข้นั สู งสุ ดแห่ง
อาณาจักรวายุครามอีกผูห้ นึ่ง หยุนเช่อสามารถรับรู ้ได้ถึงพลัง
กดดันอันไม่ดอ้ ยไปกว่าหลิงเทียนหนี่ได้จากร่ างของนาง ชาย
หนุ่มสื บเท้าไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง กล่าววาจาออกพร้อมประสาน
มือคารวะ “ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อ คํานับผูอ้ าวุโส”
ฟ่ งเชียนฮุ่นสํารวจมองหยุนเช่อจากศีรษะจรดปลายเท้า
ก่อนผงกศีรษะอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง แววตาของนางแปรเปลี่ยน
โดยกะทันหัน แขนข้างหนึ่งของนางกวาดออกอย่างเร่ งร้อน ส่ ง
ผลึกนํ้าแข็งหลายสิ บแท่งรวมตัวกันที่กลางอากาศเข้าใส่ ทรวงอก
ของหยุนเช่อในทันที เมื่อเผชิญพบการโจมตีอย่างกะทันหันจาก
ฟ่ งเชียนฮุ่ย หยุนเช่อมิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก ชายหนุ่มยังคง
ยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ ยืดหลังตั้งตรง ทว่ามิได้เกร็ งพลังลมปราณขึ้น
ต่อต้านใดๆ หยุนเช่อใช้เพียงร่ างกายเลือดเนื้อของตนเพื่อรับการ
โจมตีเพียงเท่านั้น
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง…
ผลึกนํ้าแข็งทั้งหมดกระแทกกระทั้นเข้าใส่ ร่างของหยุนเช่อ
ทว่ากลับแหลกละเอียดเป็ นเศษส่ วนในทันทีที่ปะทะเข้ากับร่ าง
เลือดเนื้อของชายหนุ่ม ก่อนจะสลายหายไปในพริ บตา บนร่ างกาย
ของหยุนเช่อปราศจากริ้ วรอยบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้ น
ประกายความกังขาวูบขึ้นในแววตาของฟ่ งเชียนฮุ่ย ผลึก
นํ้าแข็งเมื่อครู่ แม้มีพลังเพียงครึ่ งหนึ่งของนางบรรจุไว้ ทว่ายัง
ยากเย็นสําหรับยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าในการต้านรับ ทว่าบุรุษหนุ่ม
ที่เบื้องหน้านางเพียงมีระดับพลังฝี มือชั้นปราณปฐพี หากกลับ
สามารถใช้เพียงร่ างเลือดเนื้อต้านทานรับการจู่โจมโดยตรง
ยิง่ กว่านั้น มันยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นอ้ ย...เพียงเรื่ องนี้ ภายใน
อาณาจักรวายุคราม ล้วนไม่อาจหาบุคคลที่สองที่สามารถทัดเทียบ
เปรี ยบได้
หากแต่การประเมินของฟ่ งเชียนฮุ่ยแน่นอนว่ามิได้มีเพียง
เท่านี้ ขณะเกล็ดนํ้าแข็งทั้งมวลร่ วงหล่นลงบนพื้นห้อง นางยกสอง
มือขึ้นประสาน ผมเผ้ารวมทั้งจิตวิญญาณนํ้าแข็งที่รายล้อมรอบ
ล้วนหมุนวนล่องลอยขึ้นโดยพร้อมเพรี ยง ปลดปล่อยพลังเยือก
แข็งปริ มาณมหาศาลสุ ดคณานับออกไปเบื้องหน้า ส่ งผลให้หอ้ ง
นํ้าแข็งเย็นที่มีขนาดไม่ใหญ่โตแต่เริ่ มแรก กลับกลายเป็ นนรก
เยือกแข็งไปในทันตา
ตามสัญลักษณ์มือที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วของฟ่ งเชียน
ฮุ่ย ปรากฏดอกบัวเยือกแข็งเจ็ดดอกเบ่งบานขึ้นทีละดอกล้อมรอบ
หยุนเช่อ...ทั้งหมดล้วนเป็ นดอกบัวนํ้าแข็ง ทว่าดอกบัวนํ้าแข็งจาก
ฟ่ งเชียนฮุ่ย ล้วนมิใช่สิ่งที่ดอกบัวจากเซี่ยฉิ งเยว่สามารถเทียบเคียง
ได้เลย พลังเยือกแข็งที่บรรจุไว้ในดอกบัวแต่ละดอกล้วนเพียงพอ
ในการเยือกแข็งทะเลสาบที่มีอาณาเขตกว้างกว่าห้ากิโลเมตรได้
อย่างง่ายดาย
นัยน์ตาของหยุนเช่อสาดประกายวูบหนึ่ง ชายหนุ่มไม่รอให้
ดอกบัวเยือกแข็งทั้งหมดเริ่ มแปรสภาพ สองมือคว้าจับกระบี่
ทัณฑ์มงั กรพร้อมทั้งเปิ ดด่านอสู รผลาญใจขึ้นในทันที ชายหนุ่ม
สลับเท้าก้าวออกด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา ส่ งกระบวนท่าจู่โจม
อันทรงพลังสุ ดต้านทานออกไปเจ็ดกระบี่ในชัว่ พริ บตา
กระบี่ท้ งั เจ็ดพุง่ ออกไป ทัณฑ์มงั กรอันตรธานหายไปจาก
สองมือของชายหนุ่มเช่นกัน
เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง เปรี้ ยง!
เสี ยงปะทะพลังเสี ยดแก้วหูสะท้านสะเทือนไปทัว่ ห้อง
นํ้าแข็ง ก่อนที่บวั นํ้าแข็งทั้งเจ็ดจะสามารถเบ่งบานปลดปล่อยพลัง
เยือกแข็งสุ ดขั้วของมันออกมา ล้วนถูกระเบิดออกติดต่อตามกัน
ราวดอกไม้ไฟ กลายสภาพเป็ นเพียงเกล็ดนํ้าแข็งปลิวว่อนไปทัว่
ทิศ พลังลมกระบี่ท่ีหลงเหลือผลักดันเกล็ดนํ้าแข็งทั้งมวลเข้าสู่
ผนังห้อง ปกคลุมผนังนํ้าแข็งด้วยผลึกนํ้าแข็งหนาเป็ นชั้น
แขนทั้งสองข้างของฟ่ งเชียนฮุ่ยนิ่งค้างอยูก่ ลางอากาศ
ประกายสายตาปรากฏประกายแตกตื่นประหลาดใจขึ้น ไม่วา่ คํา
รํ่าลือจะมากมายปานใด ยังไม่เทียบเท่าการได้เห็นด้วยตาตนเอง
เพียงการพิสูจน์ฝีมือสองกระบวนท่า ล้วนเพียงพอให้นาง
รับทราบถึงความร้ายกาจที่แท้จริ งของหยุนเช่อ และพลังยุทธ์ของ
ชายหนุ่ม ยังคงอยูใ่ นชั้นปราณปฐพีจริ งๆ อย่างน่าตระหนก
“ประเสริ ฐ!” ฟ่ งเชียนฮุ่ยอุทานชื่นชม “ดูท่าชื่อฉายา “ยอด
ยุทธ์อนั ดับหนึ่งแห่งวายุคราม”ของเจ้ามิได้เกินเลยไปจริ งๆ
วีรบุรุษอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรวายุคราม มิใช่
เพียงคําคุยโตแม้แต่นอ้ ย”
หยุนเช่อกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ผูอ้ าวุโสกล่าวชมเชยเกินไป
ผูเ้ ยาว์ยงั คงด้อยวัยวุฒิ เพียงพื้นฐานพลังฝี มืออันคับแคบ ย่อมไม่
อาจเทียบได้กบั ชนชั้นเช่นท่านผุอ้ าวุโส คํา “ยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่ง
แห่งวายุคราม”เพียงเป็ นคํากล่าวตามอําเภอใจ ผูเ้ ยาว์มิกล้ารับ
ฉายาเช่นนั้นแน่นอน”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวตอบว่า “ข้าได้ยนิ ว่าเจ้ากําจัดล้างตระกูล
อัคคีผลาญฟ้า ทั้งยังทําร้ายองค์ชายเทพหงสาบาดเจ็บสาหัส เป็ น
บุคคลที่อาฆาตพยาบาทและเย่อหยิง่ จองหองโดยไม่ประมาณตน
เมื่ออยูต่ ่อหน้าเราผูเ้ ฒ่า มิตอ้ งเสแสร้งแสดงไป...นัง่ ลง”
หยุนเช่อนัง่ ลงตามคําอนุญาตจากฟ่ งเชียนฮุ่ย
“เราผูเ้ ฒ่ามีนามเรี ยกขานว่าฟ่ งเชียนฮุ่ย เจ้าสามารถเรี ยกว่า
ท่านยายเชียนฮุ่ย ด้วยศักดิ์ฐานะและเกียรติภูมิของเจ้าในปัจจุบนั
เจ้าสามารถปฏิเสธบอกปัดคําขอพบหน้าของเราผูเ้ ฒ่า ทัว่ ทั้ง
จักรวรรดิวายุคราม แทบไม่มีผใุ ้ ดที่มีคุณสมบัติร้องขอให้เจ้าเข้า
พบ เหตุใดเจ้าจึงดั้นด้นมาไกลถึงเพียงนี้ เพื่อพบหน้าเราผูเ้ ฒ่า?”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าว สองตาจับจ้องมองใบหน้าของหยุนเช่อ สี หน้า
ของนางบ่งบอกว่า นี่มิใช่คาํ ถามธรรมดาสามัญทัว่ ไปอย่าง
แน่นอน
เนื่องเพราะท่าทีของหยุนเช่อที่มีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง จะเป็ นตัวตัดสิ นการตัดสิ นใจในอนาคตของนาง
“เกี่ยวกับเรื่ องนี้...” หยุนเช่อเหลือบสายตาไปด้านข้าง มอง
ไปยังกงยูเ่ ซี ยนและเซี่ยฉิ งเยว่ “ผูอ้ าวุโสต้องการได้ฟังความจริ งใช่
หรื อไม่?”
“แน่นอน ความจริ ง”
“ตกลง เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ขอกล่าวตามตรง” หยุนเช่อยืดอกของ
มันขึ้น ทรงตัวมัน่ คงและพูดออกมาอย่างเป็ นธรรมชาติ “ที่จริ ง
แล้วเหตุผลนั้นง่ายมาก ฉิ งเยว่เป็ นศิษย์แดนเมฆาเยือกแข็ง และ
เป็ นภรรยาของผูเ้ ยาว์เช่นกัน ผูเ้ ยาว์กงั วลว่า ถ้าในโอกาสนี้ผเู ้ ยาว์
ไม่ได้มาที่นี่ จะทําให้ฉิงเยว่ภรรยาตกที่นงั่ ลําบาก เพราะฉะนั้น
ผูเ้ ยาว์จึงมา”
เซี่ยฉิ งเยว่ “...”
“หยุนเช่อ เจ้ามิอาจพูดเรื่ องเหลวไหลต่อหน้าท่านหญิงแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งได้!” กงยูเ่ ซียน ขมวดคิ้วพูดด้วยนํ้าเสี ยง
เยือกเย็น
“ไม่เป็ นไร” ฟ่ งเชียนฮุ่ยจ้องเข้าไปในดวงตาของหยุนเช่อ
ทว่านางเผยรอยยิม้ เล็กน้อย “มันมิได้กล่าววาจาไร้สาระ ที่มนั
กล่าวออกมา เป็ นสิ่ งที่มนั คํานึงอยูใ่ นจิตใจของมันอย่างแท้จริ ง
หยุนเช่อ เราผูเ้ ฒ่าได้ยนิ มาว่า เนื่องเพราะครอบครัวของเจ้า
ถูกจับตัวไป
เจ้ากําจัดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งตระกูลเพื่อระบาย
ความแค้น เจ้ามาเยือนเราผูเ้ ฒ่าในที่น้ ี เพียงเพราะไม่ตอ้ งการให้
เซี่ยฉิ งเยว่ตกอยูใ่ นสถานการณ์อนั ยากลําบาก ดูท่า เจ้าเป็ นผูค้ นที่
เห็นมิตรภาพและความสัมพันธ์ครอบครัว เหนือลํ้ากว่าความ
เข้มแข็ง...ประเสริ ฐมาก เช่นนั้นเจ้าทราบหรื อไม่ เหตุใดเราผูเ้ ฒ่า
ต้องการพบหน้าเจ้าตลอดมา?”
“ขอท่านผูอ้ าวุโสไขความกระจ่าง”
หยุนเช่อเพียงสามารถคาดเดาได้อย่างเลือนรางประมาณเจ็ด
ในสิ บส่ วน หากชายหนุ่มมิอาจมัน่ ใจได้ ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มมิ
เคยได้ยนิ เรื่ องราวของท่านหญิงรุ่ นก่อนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งมาก่อน แน่ชดั ว่านางตัดขาดเรื่ องราวจากโลกภายนอก
ทั้งหลายมาเนิ่นนาน แต่ตอนนี้ นางกลับต้องการพบปะกับมัน
เห็นได้ชดั ว่า เรื่ องราวย่อมต้องเป็ นเรื่ องสําคัญที่เกี่ยวพันถึงแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งที่กระทัง่ กงยูเ่ ซียนยังไม่อาจตัดสิ นใจได้
ฟ่ งเชียนฮุ่ย พูดอย่างช้าๆว่า “เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง
เจ้าและศิษย์ของเราฉู่เยว่ฉานเราผูเ้ ฒ่ารับรู ้ทุกสิ่ งแล้ว ตั้งแต่เจ้าร่ วม
สัมพันธ์กบั เยว่ฉาน เจ้าสมควรรู ้ถึงความลับอันยิง่ ใหญ่เกี่ยวกับ
เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งแล้ว เริ่ มตั้งแต่เมื่อสองปี ก่อน เจ้าได้รับ
เคล็ดวิชาสําคัญของสํานัก...เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง เจ้าจะปฎิเสธ
รึ เปล่า?” “ตามจริ ง เคล็ดเมฆาเยือกแข็งอยูใ่ นตัวข้า ทว่า ข้าไม่เคย
ใช้ออกต่อหน้าผูค้ นมาก่อน ทั้งยังไม่เคยบอกกล่าวต่อผูใ้ ด” หยุ
นเช่อกล่าวตามสัตย์จริ ง
ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวต่อว่า “เคล็ดวิชายุทธ์เป็ นจิตวิญญาณของ
สํานัก ทั้งยังเป็ นข้อห้ามที่ไม่อาจเปิ ดเผยสู่ ภายนอก! ไม่วา่ การ
เปิ ดเผยเคล็ดวิชาออกไปส่ วนใดส่ วนหนึ่ง หรื อการแอบลอบขโมย
เรี ยนรู ้เคล็ดวิชาสํานักอื่น ล้วนเป็ นข้อห้ามร้ายแรงที่สุดในยุทธ
ภพ! ไม่วา่ พรรคใด เมื่อขับไล่ศษิยข์ องตนออกจากสํานัก ล้วนต้อง
ทําลายวิชายุทธ์เป็ นสิ่ งแรก เยว่ฉานเติบโตมาในแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็ง ทั้งเป็ นหัวหน้าเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง แม้จะ
เป็ นอย่างนั้น ยังคงต้องทําลายวิชายุทธ์ของตนเองก่อนออกจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์...ขณะที่เจ้ามิใช่ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เรา แต่กลับ
มีวชิ ายุทธ์ของเราอยู่ นี่คือสาเหตุที่เราผูเ้ ฒ่าต้องการพบเจ้า เราผู ้
เฒ่าเชื่อมัน่ ว่าเจ้าจะไม่บอกกล่าววิชายุทธ์แก่ผใู ้ ด อาจบางทีเจ้า
ล้วนไม่เห็นเราแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอยูใ่ นสายตาด้วยซํ้า
ทว่า สําหรับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา นี่เป็ นเรื่ องใหญ่ที่ไม่
อาจปล่อยผ่านได้!”
หยุนเช่อถอนใจเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ผูอ้ าวุโสต้องการ
ให้ขา้ ทําอย่างไร?”
“เจ้ามีสองทางเลือก” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม
“ทางเลือกแรก ให้เราผูเ้ ฒ่าทําลายเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งของเจ้า
ซะ นํ้าและไฟมีแต่จะทะเลาะกัน เจ้ามีสายเลือดเทพหงสาอยู่
ลมปราณเยือกแข็งจึงไม่เหมาะสมกับเจ้าอย่างยิง่ และยังอาจ
ก่อให้เกิดภาระและความเสี ยหายกับเส้นชีพจรลมปราณของเจ้า
ได้ เพราะความไม่เข้ากันของธาตุท้ งั สอง เช่นนั้น การทําลายเคล็ด
วิชาเมฆาเยือกแข็ง เพื่อตัวเจ้า มันไม่น่าเป็ นสิ่ งที่รับไม่ได้”
แค่การละทิ้งเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง แน่นอนว่าหยุนเช่อ
ย่อมไม่หวั เสี ยไปกับมัน เคล็ดวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งนั้นมีพลังมากมายประสิ ทธิภาพมหาศาลในสายตาคนทัว่ ไป
แต่เมื่อเปรี ยบเทียบกับพลังของเทพอสู ร เทพหงสา เทพแห่งความ
พิโรธ และเทพสุ นขั ป่ าที่หยุนเช่อมีน้ นั มันช่างอ่อนแอมาก เมื่อ
ต่อสู ก้ บั ศัตรู หยุนเช่อไม่ได้ใช้มนั บ่อยนัก ด้วยการใช้พลังระดับ
เท่ากันเพลิงเทพหงสารุ นแรงกว่าเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งอยูม่ าก
หยุนเช่อใช้วชิ าเมฆาเยือกแข็งออกเป็ นบางเวลาเพือ่ ปกปิ ดตัวตน
เล็กน้อยด้วยปราการเมฆาเยือกแข็งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชานี้ได้มาจากฉู่เยว่ฉาน! ได้รับมาผ่าน
พรหมจรรย์หยินหญิงสาว กลับกลายเป็ นสายสัมพันธ์ที่มิอาจตัด
ขาดระหว่างมันกับฉู่เยว่ฉาน ยามนี้ฉู่เยว่ฉานไม่ทราบอยูท่ ี่ใด นี่จึง
เป็ นสิ่ งสุ ดท้ายที่นางเหลือทิ้งไว้ให้หยุนเช่อ
ดังนั้น ชายหนุ่มย่อมไม่ตอ้ งการให้เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง
ต้องรั่วไหลออกไป
“ข้าต้องการฟังตัวเลือกที่สอง” หยุนเช่อไม่ครุ่ นคิดมาก
ความ ชายหนุ่มกล่าววาจาออกไปในทันที
ฟ่ งเชียนฮุ่ยจับจ้องลึกลงไปในแววตาของหยุนเช่อพร้อม
กล่าวว่า “ทางที่สอง เข้าร่ วมเป็ นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
เรา”
ประโยคนี้ของฟ่ งเชียนฮุ่ยนับว่าสร้างความตกตะลึงอย่าง
ใหญ่หลวงโดยแท้จริ ง ไม่มีผใู ้ ดในบุคคลทั้งสามคาดคิดว่านางจะ
กล่าวคํานี้ออกมา ก่อนที่หยุนเช่อจะกล่าวตอบคํา กงยูเ่ ซียนยืนขึ้น
พร้อมทั้งกล่าววาจาออกมาอย่างไม่อาจระงับกิริยา “ท่านอาจารย์
อาวุโส นี่...”
“ไม่ตอ้ งพูดแล้ว” ฟ่ งเชียนฮุ่ยโบกมือข้างหนึ่งเพื่อหยุดกงยู่
เซียน ก่อนจะกล่าววาจาอย่างเยือกเย็น “ข้ามีความคิดของข้า”
กงยูเ่ ซียนอ้าปากคิดกล่าวคํา ทว่ามิได้พดู ต่อ เซี่ยฉิงเยว่ที่
ด้านข้างล้วนมีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน
“นี่… จากที่ขา้ ทราบ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งรับเพียง
ศิษย์สตรี มาแต่แรกก่อตั้ง ไม่เคยรับศิษย์บุรุษมาก่อน หรื อว่า ผู ้
อาวุโส… ใช่ละเมิดกฏข้อนี้เพราะเรื่ องราวของผูเ้ ยาว์หรื อไม่?”
หยุนเช่อกล่าวด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว
“เหตุผลว่าทําไมแดนเมฆาเยือกแข็งเราถึงรับแต่ศิษย์สตรี
นั้น เพราะสตรี น้ นั โน้มเอนเอียงไปทางธาตุหยิน และง่ายต่อ
การศึกษาเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง และในขณะเดียวกัน ที่กล่าวกัน
ว่าความรักระหว่างชายหญิงจะขัดขวางการศึกษาเคล็ดวิชาเมฆา
เยือกแข็งให้ลม้ เหลว ความลับของเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งคือมัน
สามารถถ่ายทอดสู่ ผอู ้ ื่นผ่านความสัมพันธ์อนั ลึกซึ้ งได้ เป็ นเหตุผล
หลักที่ทาํ ให้เราไม่มีศิษย์บุรุษ” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวช้าๆ “แต่ภายใต้
เงื่อนไขที่ไม่อนั ตรายต่อเรา กฎของเราก็สามารถโอนอ่อนได้
เล็กน้อย เจ้าเป็ นสามีของฉิงเยว่แต่ในนาม มีเคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็งที่ส่งผ่านมาจากฉู่เยว่ฉานและมีความสัมพันธ์อย่างมากกับ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแล้ว ด้วยพลังและความแข็งแกร่ งที่
เจ้ามียามนี้ หากเจ้าต้องการเข้ามาร่ วมกับแดนเมฆาเยือกแข็งเรา
จะช่วยยกระดับอิทธิพลแดนเมฆาเยือกแข็งของเราได้ สุ ดท้าย
หากเจ้าไม่ตอ้ งการทําลายเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง เราสามารถ
ยกเว้นให้เจ้าเป็ นศิษย์ชายคนแรกในประวัติศาสตร์ของแดนศักดิ์
สิ ทธ์เมฆาเยือกแข็งเรา”
บทที่ 380 เข้ าร่ วมเมฆาเยือกแข็ง

ก่อนมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หยุนเช่อได้คิดถึง
ความเป็ นไปได้มากมายหลายทางแต่ไม่ได้คาดหมายว่านายหญิง
แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่ นก่อนผูล้ ้ ีลบั และเปี่ ยมพลังอํานาจจะต้องการให้
ชายหนุ่มเป็ นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง!
ถ้าหยุนเช่อตกลง ชายหนุ่มจะเป็ นศิษย์บุรุษคนแรกของ
ประวัติศาสตร์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทั้งหมด!
พิจารณาจากกงยูเ่ ซียนและปฏิกิริยาของเซี่ยฉิ งเยว่ ดูราวกับ
ว่าพวกนางไม่รู้ตวั ล่วงหน้า
ภายในจิตใจของหยุนเช่อเริ่ มพลุ่งพล่านปั่นป่ วน พูดถึง
ประโยชน์ของตัวหยุนเช่อเอง ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นใดต่อแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง แต่เพราะเซี่ยฉิ งเยว่และฉู่เยว่ฉาน ล้วน
เป็ นชะตาลิขิตให้ชายหนุ่มต้องพัวพันโดยไร้ที่สิ้นสุ ดกับแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ขณะนี้ หยุนเช่อ
มิได้อยูใ่ นสังกัดวังยุทธ์วายุครามอีกต่อไป การไร้สาํ นักทําให้ชาย
หนุ่มสามารถร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งได้อย่างอิสระ และ
หลังจากการเข้าร่ วม หยุนเช่อกับเซี่ยฉิ งเยว่จะอยูใ่ นสํานักเดียว
โดยไร้อุปสรรค หลังจากพบฉู่เยว่ฉาน อาจมีความเป็ นไปได้
สําหรับนางที่จะได้หวนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งใน
อนาคตอีกด้วย
แต่ท้ งั หมดนี้เป็ นอันดับรอง
ที่สาํ คัญที่สุด….นั่นคือจากเบือ้ งสูงจนถึงเบือ้ งตํา่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์ เมฆาเยือกแข็งก่ อตั้งจากสตรี ท้ังหมด! และยามแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งคัดเลือกศิษย์ ไม่เพียงพิจารณา
ความสามารถเป็ นหลักเท่านั้น ยังต้องมีรูปโฉมงดงามสู งส่ งอย่าง
ยิง่ อีกด้วย นอกจากนี้ผลของเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง ศิษย์ของ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทุกคนล้วนมีผวิ พรรณนํ้าแข็งกระดูก
หยก ริ มฝี ปากแดงดุจผลเชอร์รี่ รวมทั้งใบหน้าไร้ที่ติ ศิษย์ทุกคน
ล้วนได้รับยกย่องว่ามีความงามผิดธรรมดาในโลกภายนอก
โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุครามเกือบทั้งหมดมาจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง! พูดจากหลักเกณฑ์น้ ี แดนศักดิ์สิทธื์
เมฆาเยือกแข็งเป็ นแดนสุ ขาวดีท่ีผชู ้ ายกระหายที่จะอยูใ่ นความฝัน
ของพวกมันอย่างแน่นอน!
หากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเปิ ดรับศิษย์บุรุษ สมควร
กล่าวได้วา่ ทัว่ ทั้งวายุครามย่อมต้องบังเกิดปรากฏการณ์แผ่นดิน
สะเทือนครั้งใหญ่
และขณะนี้สรวงสวรรค์ในความใฝ่ ฝันของบุรุษนี้ กลับ….
เปิ ดออกมาต่อหน้าหยุนเช่อ ยิง่ กว่านั้น ยังนับเป็ นการเปิ ดประตู
เป็ นครั้งแรกนับแต่ปรากฏมาในประวัติศาสตร์!
ในฐานะบุรุษผูม้ ีความปกติไร้ขอ้ บกพร่ องใดๆ ทั้งทางสรี ระ
และทางจิตใจ หากกล่าวว่าหยุนเช่อไม่มีความตื่นเต้น ย่อมเป็ นไป
ไม่ได้! อย่างไรก็ดี หยุนเช่อใบหน้านิ่งสงบอย่างผิดธรรมดา
(หื มม์ ?) ขณะที่ชายหนุ่มถามด้วยนํ้าเสี ยงเมินเฉยอย่างยิง่ “ผูเ้ ยาว์
มิได้สงั กัดสํานักใดสํานักหนึ่งในปัจจุบนั และไม่มีปัญหาในการ
เข้าร่ วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หากผูเ้ ยาว์จาํ ต้องทําความ
เข้าใจเข้าใจก่อนเป็ นประการแรก คือหลังจากเข้าร่ วมแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ข้าต้องปฏิบตั ิตนเยีย่ งไร และข้าจะได้รับ
สิ่ งใด”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยเข้าใจดีวา่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเป็ นที่
ดึงดูดต่อบุรุษเพศถึงเพียงไหน เมื่อเห็นทีท่าวางเฉยอย่างสิ้ นเชิง
ของหยุนเช่อ นางต้องลอบยกย่องชายหนุ่มภายในใจพร้อมกล่าว
ว่า “หลังจากเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์ฯของข้า เจ้าไม่ตอ้ งกระทํา
หน้าที่ใด และไม่ตอ้ งกระทําตามกฎของสํานัก เจ้าไม่ตอ้ งอยูใ่ น
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งตลอดเวลาและสามารถไปกลับเท่าที่
เจ้าต้องการได้อย่างเต็มที่ สิ่ งที่เจ้าต้องทําเพียงสองสิ่ ง…..ประการ
แรก ไม่ทาํ สิ่ งที่คา้ นคุณธรรมอันดีและผิดหลักธรรมชาติในนาม
ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ประการที่สอง….” ฟ่ งเชียนฮุ่ย
หยุดชะงักชัว่ ครู่ ขณะที่สีหน้าของนางกลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ ม
อย่างยิง่ “เพียงวันใด ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเผชิญกับภัย
พิบตั ิ ในฐานะศิษย์ ข้าหวังว่าเจ้าจะป้องกันแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งด้วยพลังของเจ้าทั้งหมด”
ขณะที่นางกล่าวถึงยามนี้ ฟ่ งเชียนฮุ่ยหยุดวาจาลง หยุนเช่อ
ผูก้ าํ ลังนิ่งฟังอย่างตั้งใจเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจแล้ว
ถามอย่างหยัง่ เชิง “นัน่ …..คือทั้งหมด?”
“ถูกต้อง เพียงเท่านี้ !!!" ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน
"และสําหรับสิ่ งที่เจ้าจะได้รับ... เนื่องจากเจ้าเป็ นศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ดังนั้นเจ้าสามารถศึกษาเคล็ดวิชาทั้งหมด
ของแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า อันประกอบด้วยเคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็ง เคล็ดวิชาจิตเยือกแข็ง ท่าเท้าหิ มะเยือกแข็ง สิ บสามเพลง
กระบี่เมฆาเยือกแข็ง... และเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ ! เจ้า
จะได้รับอนุญาตให้ใช้ทรัพยากรของสํานักได้ตามต้องการ และยัง
สามารถเข้าออกแดนต้องห้ามได้อย่างอิสระ ! หากเจ้าเผชิญวิกฤต
หรื อมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ สํานักก็จะช่วยเหลืออย่างดี
ที่สุดเท่าที่เราจะทําได้เช่นกัน... เอาล่ะ เจ้าต้องการจะเข้าร่ วมแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เป็ นศิษย์บุรุษคนแรกของแดนศักดิ์สิทธิ์
หรื อไม่ ?"
หยุนเช่ออ้าปาก แต่มิอาจกล่าววาจาใดได้ครู่ ใหญ่
เดิมที สิ่ งที่ทาํ ให้หยุนเช่อลังเลใจอย่างที่สุดในการเข้าร่ วม
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งคือ "กฏข้อห้าม" ของสํานัก ทุก
สํานักล้วนมีกฏต่างๆ ของตนเอง และโดยเฉพาะสํานักที่พิเศษ
อย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนี้ ก็ยอ่ มต้องมีกฏที่เข้มงวดกว่า
สํานักอื่น หลังจากเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง การ
กระทําต่างๆ ที่ถูกจํากัดจะกลายเป็ นสิ่ งที่ไม่อาจทําได้ตามปกติอีก
ต่อไป
แต่หยุนเช่อไม่คาดคิดเลยว่าฟ่ งเชียนฮุ่ยจะอนุญาตให้มนั
ละเลยกฏต่างๆ และสามารถไปมาอย่างอิสระได้จริ งๆ ... นี่
หมายความว่ามันสามารถมาได้เมื่อต้องการ ไปได้เมื่อพอใจจะไป
และไม่จาํ เป็ นต้องทําตามคําสัง่ ของผูใ้ ด กระทัง่ สามารถใช้
ทรัพยากรของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง และฝึ กเคล็ดวิชา
สําคัญทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไม่มีขอ้ จํากัด สําหรับ
เงื่อนไขสองประการที่ฟ่งเชียนฮุ่ยกําหนดนั้น ช่างง่ายดายไม่ต่าง
กับการไม่มีขอ้ กําหนดใดๆ เลย
การดูแลเอาใจใส่ เช่นนี้ มันราวกับขนมหวานที่ร่วงหล่นจาก
ฟากฟ้า... ท่านไม่จาํ เป็ นต้องหว่านพืช ก็เก็บเกี่ยวผลได้อย่างที่
ต้องการ !
การทําลายกฏข้อบังคับนับพันปี ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งอย่างไม่บนั ยะบันยังเพื่อรับศิษย์บุรุษอย่างมัน และยังให้
การดูแลเอาใจใส่ ถึงเพียงนั้น หยุนเช่อพลันรู ้สึกแต่เพียงว่ามัน
เหลือเชื่ออย่างที่สุด กงยูเ่ ซียนที่อยูข่ า้ งๆ มันก็ยง่ิ ทวีความตื่น
ตระหนกขึ้นเรื่ อยๆ นางต้องการสอดวาจาอยูห่ ลายคราแต่ก็
พยายามอดกลั้นสุ ดกําลัง
หยุนเช่อครุ่ นคิดอยูค่ รู่ ใหญ่ก่อนกล่าวถามอย่างเคร่ งขรึ ม
"ท่านผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์ตอ้ งการทราบอย่างแท้จริ งถึงเหตุผล
เบื้องหลังข้อยกเว้นที่มีข้ ึนเพื่อให้ขา้ เข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง และยังให้การดูแลต่อข้าเยีย่ งนั้น ?"
ฟ่ งเชียนฮุ่ยยิม้ บาง "เพราะความแข็งแกร่ ง ศักยภาพ อิทธิพล
รวมไปถึงอนาคตอันมิอาจหยัง่ ถึงของเจ้า ยิง่ กว่านั้น แม้วา่ วิธี
ปฏิบตั ิของเจ้าจะค่อนข้างสุ ดโต่ง แต่เจ้าก็ให้ความสําคัญแก่
มิตรภาพและความซื่อสัตย์อย่างยิง่ เราผูเ้ ฒ่าเชื่อว่าหากเจ้าเป็ นศิษย์
แดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา หากในอนาคตแดนศักดิ์สิทธิ์ตอ้ งเผชิญกับ
เหตุการณ์ที่เลวร้ายจริ งๆ เจ้าจะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเต็มกําลังอย่างแน่นอน... พอใจคําอธิบายนี้หรื อไม่ ?"
ซุ่มเสี ยงของฟ่ งเชียนฮุ่ยราบเรี ยบจริ งใจ แววตานางยิง่
กระจ่างใสราวกับนํ้าพุ หยุนเช่อไม่รู้สึกถึง ความไม่บริ สุทธิ์ใจ
การเสแสร้งหลอกลวงจากตัวนาง ครานี้หยุนเช่อไม่ลงั เลอีกต่อไป
... และไม่มีเหตุผลใดให้ตอ้ งลังเลอีก มันกล่าวพลางผงกศีรษะรับ
"ตกลง ! ด้วยความเมตตาของผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อจะเข้าร่ วม
เป็ นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง... ทว่าก่อนเข้าแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ผูเ้ ยาว์มีขอ้ ร้องขอประการหนึ่ง... แม้
ผูเ้ ยาว์จะไร้ค่ายพรรคสังกัด แต่กม็ ีอาจารย์อยูก่ ่อนแล้ว ดังนั้นหาก
อาจารย์ไม่ตกลง ผูเ้ ยาว์กไ็ ม่อาจยอมรับอาจารย์ท่านอื่นได้"
"ฮาฮา" ฟ่ งเชียนฮุ่ยยิม้ บาง "ไม่เป็ นไร ด้วยความสามารถ
และความแข็งแกร่ งของเจ้า ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครในแดนศักดิ์สิทธิ์
ของข้าคู่ควรเป็ นอาจารย์ของเจ้า เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องรับผูใ้ ดเป็ น
อาจารย์ และสามารถเข้าร่ วมสํานักได้เลย หากเจ้าสนใจเคล็ดวิชา
ของแดนศักดิ์สิทธิ์ ฉิ งเยว่สามารถสอนเจ้าได้โดยตรง"
ทว่าในความคิดของฟ่ งเชียนฮุ่ย หยุนเช่อนั้นไม่เหมาะที่จะ
ฝึ กเคล็ดวิชาพลังเยือกแข็งเลยเนื่องจากมันมีสายเลือดของเทพหง
สาอยูใ่ นกาย และมันคงไม่เลือกที่จะสงวนกําลังไว้เพื่อฝึ กเคล็ด
วิชาปราณนํ้าแข็งที่ขดั กับเพลิงเทพหงสาอย่างสิ้ นเชิง
เมื่อได้ยนิ คํากล่าวนี้ หากหยุนเช่อยังไม่ยอมรับ กระทัง่ ตัว
มันเองก็คงเห็นว่ามันเป็ นตัวโง่งม มันคุกเข่าลงและกล่าวอย่าง
นอบน้อม "ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อ ยินดีเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง เป็ นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง นับจากนี้ไปจะร่ วม
แบ่งปั นเกียรติยศชื่อเสี ยงและความอัปยศกับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง หากสํานักเผชิญวิกฤต หยุนเช่อจะหวนคืนสํานักโดย
พลัน และจะปกป้องสํานักสุ ดกําลัง"
"เยีย่ ม !" ฟ่ งเชียนฮุ่ยพยักหน้าอย่างแรง ดวงตาทอประกาย
อิ่มเอมใจลึกซื้ ง นางชูนิ้วขึ้น และกดประทับไปที่ความว่างเปล่า
ลูกแก้วเย็นยะเยือกลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของนาง
จากนั้นก็ลอยไปทางหยุนเช่อ หลังจากสัมผัสกับแขนของชาย
หนุ่ม มันก็หายเข้าไปในผิวกายของชายหนุ่มทันทีเหมือนเกล็ด
หิ มะละลาย "นี่คือ 'ผลึกวิญญาณเมฆาเยือกแข็ง' เมื่อมีผลึก
วิญญาณเมฆาเยือกแข็งอยูท่ ี่ตวั ยามนี้เจ้าก็คือศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งอย่างเป็ นทางการแล้ว ! ขณะเดียวกันผลึกวิญญาณ
เมฆาเยือกแข็งของศิษย์เมฆาเยือกแข็งแต่ละคนจะสัมผัสถึงกันได้
นี่เป็ นสิ่ งแสดงตนในฐานะศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า และมันจะ
ช่วยแยกแยะว่าผูใ้ ดเป็ นสหายร่ วมสํานักด้วย ! ผลึกวิญญาณเมฆา
เยือกแข็งจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดต่อร่ างกาย หากวันใดเจ้า
ต้องการออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เจ้าก็สามารถนํามัน
ออกเองเมื่อใดก็ได้"
หลังจากผลึกวิญญาณเมฆาเยือกแข็งเข้าสู่ ร่างกาย หยุนเช่อก็
พลันรู ้สึกถึงการดํารงอยูท่ ี่คล้ายกันจากร่ างกายของกงยูเ่ ซียน
และเซี่ ยชิงเยว่
หลังจากมาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งด้วยความรู ้สึก
ไม่แน่ใจ มันกลับกลายเป็ นศิษย์อย่างเป็ นทางการของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไปจริ งๆ !
ผลลัพธ์เช่นนี้ทาํ ให้หยุนเช่อออกจะรู ้สึกว่ามันเป็ นเรื่ องเพ้อ
ฝันเล็กน้อย
"หยุนเช่อ เนื่องจากเจ้าได้เข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งของข้าแล้ว ในฐานะนายหญิงอาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีบาง
สิ่ งที่อยากเตือนเจ้า" ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวขึ้น
หยุนเช่อผงกศีรษะรับ "ขอนายหญิงอาวุโสโปรดชี้แนะ"
ฟ่ งเชียนฮุ่ยนิ่งเงียบครู่ หนึ่งก่อนจะกล่าวท่าทีเคร่ งขรึ ม "ข้า
ได้ยนิ ว่าเมื่อสองปี ก่อนในงานประลองจัดอันดับยอดยุทธ์วายุ
คราม ผูอ้ าวุโสหลิงคุนแห่งแดนกระบี่เดชาสวรรค์ - หนึ่งในสี่
แดนศักดิ์สิทธิ์ ได้เชิญเจ้าเข้าร่ วมแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ครานั้น
เจ้าไม่ได้ตอบรับมันไป แต่ยงั คงเก็บรักษาตราประทับถ่ายทอด
เสี ยงของหลิงคุนไว้... ข้าอยากรู ้วา่ เป็ นไปได้หรื อไม่ที่ในอนาคต
เจ้าจะเข้าร่ วมแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ?"
หยุนเช่ออํ้าๆ อึ้งๆ พลางครุ่ นคิดถึงเหตุผลที่ฟ่งเชียนฮุ่ยหยิบ
ยกเรื่ องนี้ข้ ึนมากล่าว สื บเนื่องจากความตายของหยุนชางไห่
ความตายของเซี่ ยวยิง และบิดามารดาผูใ้ ห้กาํ เนิด ทําให้มนั เกลียด
ชังแดนกระบี่เดชาสวรรค์เข้ากระดูก ทว่าด้วยความสามารถมัน
ในตอนนี้ มันไม่มีคุณสมบัติแม้แต่นอ้ ยในอันที่จะต่อกรกับแดน
กระบี่เดชาสวรรค์ ดังนั้นมันจึงไม่อาจเปิ ดเผยความเกลียดชังนี้ต่อ
หน้าผูใ้ ดได้เลย มันกล่าวอย่างอ้อยอิ่งภายใต้ท่าทีสงบนิ่ง "ไม่วา่ จะ
อย่างไรแดนกระบี่เดชาสวรรค์กเ็ ป็ นหนึ่งในสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมี
สถานะสู งสุ ดในทวีปลมปราณฟ้า ทุกผูค้ นภายใต้ผนื ฟ้านี้ที่ฝึก
พลังยุทธ์ลว้ นใฝ่ ฝันปรารถนาว่าตนจะสามารถเข้าร่ วมแดน
ศักดิ์สิทธิ์ ผูเ้ ยาว์เองนั้นรักอิสระ แต่หากในอนาคตต้องเผชิญ
ปั ญหาติดขัดทางพลังฝี มือ ก็อาจมีโอกาสที่ผเู ้ ยาว์จะเข้าสู่ แดน
กระบี่เดชาสวรรค์เพื่อหาวิธีทะลวงผ่าน"
ฟ่ งเชียนฮุ่ยนิ่งเงียบ จากนั้นจึงทอดถอนใจแผ่วเบาและกล่าว
ว่า "หากในอนาคตเจ้ามีโอกาสเข้าสู่ หนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ นัน่ จะ
เป็ นโอกาสและอนาคตที่ดียงิ่ สําหรับเจ้า อย่างไรก็ตาม ไม่วา่ จะ
เป็ นแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน วังเจ้าสมุทร หรื อวิหารเทพสุ ริยนั
จันทรา เจ้าสามารถเลือกหนึ่งในสามของแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้
หากมีโอกาส มีเพียงแดนกระบี่เดชาสวรรค์เท่านั้นที่เจ้าไม่ควร
เลือกอย่างยิง่ "
"เพราะเหตุใด ?" หยุนเช่อกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
"ความสามารถของเจ้าลํ้าเลิศ อุปนิสยั ของเจ้านั้นยิง่ เหมาะ
แก่การแสวงหาขีดจํากัดแห่งวิถียทุ ธ์ หนําซํ้าโชคชะตายังมัก
เข้าข้างเจ้าอย่างยิง่ ! อนาคตเจ้าไร้ซ่ ึงขีดจํากัด มาตรว่าแดนกระบี่
เดชาสวรรค์จะเป็ นแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่ามันก็เป็ นดินแดนที่เต็มไป
ด้วยความชัว่ ร้ายเลวทรามและสิ่ งโสมมเหลือคณานับ ข้าจะไม่
ยอมให้ศิษย์ในสํานักแปดเปื้ อนไปด้วยสิ่ งโสมมจากแดนกระบี่เด
ชาสวรรค์ ซึ่งจะทําให้อนาคตของทั้งชีวติ ของมันถูกทําลายลง
อย่างเด็ดขาด !"
ถ้อยคําของฟ่ งเชียนฮุ่ยทําให้หยุนเช่อตื่นตะลึง "นายหญิง
อาวุโส หรื อว่าระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งกับแดนกระบี่
เดชาสวรรค์จะมีความคับแค้นใจบางประการอยู่ ? ถึงศิษย์จะไม่
ใคร่ ได้ยนิ เรื่ องราวเกี่ยวกับ 'แดนกระบี่เดชาสวรรค์' นัก แต่กไ็ ม่
เคยได้ยนิ คํารํ่าลืออันเลวร้ายเกี่ยวกับมัน... หวังว่านายหญิงอาวุโส
จะช่วยให้ความกระจ่างแก่ศิษย์"
ขณะที่เพ่งพินิจหยุนเช่อ แววตาส่ วนลึกของฟ่ งเชียนฮุ่ยก็
ไหววูบด้วยความรู ้สึกต่อสู ข้ ดั แย้งในใจ... นางรู ้ดีวา่ ไมตรี ที่แดน
ศักดิ์สิทธิ์หยิบยืน่ ให้น้ นั มีความหมายเพียงใดต่อผูฝ้ ึ กยุทธ์ นัน่ เป็ น
ความมุ่งมาดปรารถนาสู งสุ ดของผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่กาํ ลังฝึ กตนตาม
แนวทางลมปราณ หากไม่มีเหตุผลเพียงพอ ย่อมไม่มีผใู ้ ดจะ
ปฏิเสธไมตรี จากแดนศักดิ์สิทธิ์
หลังจากลังเลอยูค่ รู่ ใหญ่ ฟ่ งเชียนฮุ่ยลอบถอนใจและกล่าว
ในที่สุดว่า "รู ้หรื อไม่วา่ กว่าพันปี ก่อน ในทวีปลมปราณฟ้าไม่ได้มี
เพียงสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ แต่มีหา้ แดนศักดิ์สิทธิ์ ?"
"ห้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ?" หยุนเช่อต้องประหลาดใจอีกครา
ตลอดมามันเพียงแต่ได้ยนิ ชื่อสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ และไม่เคยได้ยนิ ชื่อ
'ห้าแดนศักดิ์สิทธิ์' และช่วงเวลาที่ 'ห้าแดนศักดิ์สิทธิ์' ดํารงอยูน่ ้ นั
คือพันปี ที่แล้ว ในแง่ของการพัฒนาค่ายสํานัก ระยะเวลาพันปี นี้
ไม่ใช่เวลาที่ยาวนานนัก โดยเฉพาะอย่างยิง่ สําหรับขุมกําลังระดับ
แดนศักดิ์สิทธิ์น้ ี และมันก็ไม่ควรถูกลืมเลือนไปภายในเวลาพันปี
เช่นกัน กระนั้นหยุนเช่อก็ไม่เคยได้ยนิ ชื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หา้ มา
ก่อนเลย
"พันปี ก่อน นอกจาก แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน วังเจ้าสมุทร
วิหารเทพสุ ริยนั จันทรา และแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ทวีปลมปราณ
ฟ้ายังมีอีกหนึ่งขุมกําลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของมันคือ
'ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์' ขุมกําลังอันยิง่ ใหญ่ที่หา้ ทั้งหมด
รวมกันเรี ยกว่าห้าแดนศักดิ์สิทธิ์"
บทที่ 381 ความลับแห่ งรัตติกาลนิรันดร์ มหันตภัยแห่ งสหัสวรรษ

“ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์?” นี่เป็ นคราแรกที่หยุนเช่อได้ฟัง


นามนี้
“แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้าดํารงอยูม่ านานก่อนการเกิดขึ้นของ
จักรวรรดิท้ งั เจ็ด พวกมันก่อตั้งมาเนิ่นนานหลายสหัสวรรษ อาจ
ยาวนานกว่าหนึ่งหมื่นปี แม้ขมุ พลังของแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้าจะ
คานอํานาจซึ่งกันและกันอย่างสมดุล จากภาพภายนอก ทั้งห้าต่าง
สามัคคีเป็ นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน ยิง่ กว่านั้น ยังใช้หลักการเดียวกัน...
คือเพื่อปกป้องทวีปลมปราณฟ้าจากการรุ กรานของพลังอํานาจ
ภายนอก พวกมันเปรี ยบดัง่ ปราการที่ยงิ่ ใหญ่และสําคัญที่สุดที่ไม่
ก้าวก่ายข้อขัดแย้งภายในของดินแดนต่างๆในทวีป ท้ายที่สุด แดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้าล้วนได้รับการยกย่องสรรเสริ ญและเคารพบูชาจาก
ผูค้ น เป็ นตัวตนที่เปรี ยบดัง่ เทพเจ้า...ทว่า นี่มิได้หมายความว่าพวก
มันทั้งหมดล้วนเป็ นผูท้ รงคุณธรรม!”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยเบนสายตามาจับจ้องไปทางหยุนเช่อพร้อมกล่าว
วาจาด้วนนํ้าเสี ยงเยือกเย็น “เดิมทีขา้ ปราศจากคุณสมบัติในการ
ตัดสิ นว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้าดีเลิศหรื อชัว่ ช้า ถูกหรื อผิด ทว่าการ
ที่ศิษย์ของสํานักข้าทุกผุค้ นมิอาจเข้าใกล้คนจากแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ได้เป็ นคําขอร้องที่ตกทอดมาจากบรรบุรุษผูก้ ่อตั้งแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง! เนื่องเพราะในอดีต ราชวงศ์รัตติกาลนิ
รันดร์ลว้ นถูกกําจัดสังหารสิ้ นจากการวางแผนชัว่ ร้ายของแดน
กระบี่เดชาสวรรค์!”
หยุนเช่อ “?”
“ท่ามกลางแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้า มีเพียงราชวงศ์รัตติกาลนิ
รันดร์ที่ประกอบด้วยคนจากภายในราชวงศ์เพียงเท่านั้น
นอกเหนือจากการแต่งสะใภ้ พวกมันไม่เคยรับคนนอกมาก่อน
ดังนั้น ขุมกําลังที่แน่นแฟ้นที่สุดในบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้า
ย่อมต้องเป็ นราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์น้ ี แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั ห้ามี
ข้อขัดแย้งบ่อยครั้ง หากแต่ไม่เคยมีขอ้ พิพาทใหญ่โตอันใด ทว่า
เมื่อหนึ่งพันปี ก่อน คราที่ซวนหยวนเวิน่ เทียน ประมุขแดนกระบี่
เดชาสวรรค์คนปั จจุบนั ขึ้นครองตําแหน่ง วันหนึ่งหลังจากที่มนั
ขึ้นเป็ นประมุขแดนกระบี่ได้ไม่กี่สิบปี เมืองเล็กๆที่อยูใ่ กล้กบั
ศูนย์กลางฐานกําลังของราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์พลันถูก
ครอบคลุมด้วยหมอกดําทมิฬ เพียงข้ามคืน ทุกผูค้ นภายในเมือง
ไม่วา่ มีระดับพลังยุทธ์เท่าใด ไม่วา่ สตรี หรื อทารก รวมทั้งผูช้ ราอัน
ไร้เรี่ ยวแรง ต่างถึงแก่ความตายอย่างเหี้ ยมโหดภายใต้หมอกดํา
ทมิฬนั้น...ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์ถูกรุ มประณามและด่าทออย่าง
รวดเร็ ว เนื่องเพราะทักษะวิชาสําคัญของราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์
นาม “คัมภีร์เทพมายารัตติกาลนิรันดร์” ยามใช้ออกล้วนปรากฏ
หมอกทมิฬสี นิลเช่นนี้ปกคลุมทัว่ ร่ างกายเช่นกัน! ผูค้ นที่ตกตาย
จากวิชายุทธ์ในคัมภีร์ ซากศพจะปลดปล่อยหมอกมายาสี ดาํ
ออกมาวนเวียนโดยรอบ...ทั้งยังไม่จางหายไปแม้จะผ่านเวลาไป
หลายวัน”
“...” หลังฟังถึงตอนนี้ หยุนเช่อล้วนเข้าใจไม่มากก็นอ้ ยว่า
หลังจากนั้น จะเกิดเหตุการณ์เช่นไร เมื่อนามซวนหยวนเวิน่ เทียน
ดังออกมาจากปากของฟ่ งเชียนฮุ่ย หัวใจของหยุนเช่อพลันบีบรัด
ยิง่ ขึ้น...เนื่องเพราะท่านปู่ หยุนชางไห่ของมันเอง ล้วนตกตาย
ภายใต้เงื้อมมือของซวนหยวนเวิน่ เทียนเช่นกัน! มิตรสหายและ
นายเหนือหัว รวมทั้งจักรพรรดิแดนปี ศาจมายา ล้วนลาโลกไป
ด้วยฝี มือของประมุขแดนกระบี่เดชาสวรรค์ผนู ้ ้ ี!
ชายหนุ่มกล่าววาจาออกมาอย่างแผ่วเบา “หรื อจะเป็ น การ
จัดฉาก?”
“ถูกต้อง นี่คือแผนการจัดฉากใส่ ร้ายอันเหี้ ยมโหดอํามหิ ต
แต่ ณ เวลานั้น นอกจากผูบ้ งการ ล้วนไม่มีผใู ้ ดทราบว่านี่คือการ
จัดฉาก” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวสื บต่อ “ไม่นาน แดนกระบี่เดชาสวรรค์
เป็ นสถานที่แรกที่แสดงปฏิกิริยา กล่าวว่า “ราชวงศ์รัตติกาลนิ
รันดร์” คือตระกูลแห่งความชัว่ ร้ายที่ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ผบู ้ ริ สุทธิ์เพื่อ
เพิ่มพูนพลังมารร้ายของตนเอง จากนั้น ภายใต้นามของการพิทกั ษ์
ปกป้องทวีปลมปราณฟ้าและกําจัดมาร พวกมันผนึกกําลังกับสาม
แดนศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลือเพื่อฆ่าล้างราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์ แม้
ราชวงศ์จะแข็งแกร่ งเพียงใด ย่อมไม่อาจต้านทานการผนึกกําลัง
ของแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ พวกมันจึงถูกกวาดล้างจนหมดสิ้ น
ท้ายที่สุด เหลือเพียงราชันแห่งราชวงศ์คนสุ ดท้าย ภายใต้ความ
ทุกข์โทมนัสและความแค้นอันใหญ่หลวง มันพลันกลับกลายเป็ น
มาร”
“กลายเป็ นมาร?”
“ถูกต้อง ยามใดที่ความรู ้สึกด้านลบของพวกมันขึ้นสู่
จุดสู งสุ ด พลังในร่ างล้วนสามารถกลับกลายเป็ นพลังในทางลบ
และกลับกลายเป็ นพลังชัว่ ร้ายในที่สุด คํารํ่าลือนี้สืบต่อกันมานาน
แสนนาน ทว่าราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์เป็ นบุคคลแรกที่กลับ
กลายเป็ น “มาร” ขึ้นมาอย่างแท้จริ ง นี่เป็ นข้อพิสูจน์วา่ ตํานาน
กล่าวไว้มิผดิ แม้แต่นอ้ ย อย่างไรเสี ย เมื่อมันถูกฆ่าล้างตระกูล บุตร
ภรรยาถูกสังหารทิ้งอย่างเหี้ ยมโหด มันย่อมต้องปรักปรําผูค้ นทัว่
โลกหล้า เคียดแค้นสวรรค์และโลกมนุษย์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
การกลายร่ างเป็ น “มาร”อย่างแท้จริ งของมัน ยามที่มนั ตกตายจาก
การรวมกําลังโจมตีของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ส่ งผลให้เกิด
ความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลต่อวิญญาณของมัน ร่ างกายของ
มันถูกทําลาย หากจิตวิญญาณกลับยังไม่สลายหายไป ทั้งไม่อาจ
ถูกทําลายได้ ดังนั้น วิหารเทพสุ ริยนั จันทราใช้วชิ าโลงศพผนึก
วิญญาณในการผนึกจิตอาฆาตของราชันรัตติกาลนิรันดร์ กุญแจ
ผนึกโลงถูกทิ้งห่างไกลจากผนึกหลายหมื่นกิโลเมตร ไม่อนุญาต
วิญญาณอาฆาตของราชันรัตติกาลนิรันดร์สามารถเป็ นอิสระ
ตลอดกาล...แต่ยามนี้เวลาล่วงผ่านมากว่าพันปี จิตอาฆาตของ
ราชันรัตติกาลนิรันดร์ สมควรสู ญสลายไปนานแล้ว”
หยุนเช่อเท้าคางของตนด้วยฝ่ ามือพร้อมกล่าวถาม “เหตุใด
แดนกระบี่เดชาสวรรค์จึงต้องจัดฉากใส่ ร้ายราชวงศ์รัตติกาลนิ
รันดร์? นี่มีใดเอื้อประโยชน์ต่อแดนกระบี่เดชาสวรรค์ เมื่อท่าน
เองรู ้ความจริ ง มิใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือล้วนรู ้ความจริ งทั้งหมด
แล้วหรอกหรื อ?”
“เนื่องเพราะกระบี่ที่ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์พิทกั ษ์รักษา
อยู่ --- กระบี่เทวะบาปสวรรค์” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวต่อ “ซวนหยวน
เวิน่ เทียนเป็ นบุคคลที่ทะเยอทะยานอย่างสู ง มันทุ่มเททั้งชีวติ และ
วิญญาณเพื่อความปรารถนาเป็ นอันหนึ่งในใต้หล้า เป็ น
ปรมาจารย์เพียงหนึ่งเดียวในของพิภพนี้ กระบี่เทวะบาปสวรรค์
เป็ นวัตถุศกั ดิ์สิทธิ์ช้ นั เทวะชิ้นเดียวที่ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์ปก
ปั กษ์มาหลายต่อหลายรุ่ น เป็ น “ศาสตราวุธชั้นราชันย์จกั รพรรดิ”
เป็ น “กระบี่ราชันจักรพรรดิ” คํารํ่าลือว่าไว้วา่ มันมีพลังครอบคลุม
ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้าได้โดยไร้ผตู ้ า้ นทาน เพียงแต่ หลังผ่านไป
หลายพันปี ไม่ปรากฏสมาชิกจากราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์คนใดที่
สามารถควบคุมบังคับกระบี่เทวะบาปสวรรค์ได้ เมื่อแดนกระบี่เด
ชาสวรรค์มีอาวุธประจําตระกูลเป็ นกระบี่ พวกมันบูชากระบี่ราว
ชีวติ เหล่าผูค้ นจากแดนกระบี่เดชาสวรรค์ต่างปรารถนา
ครอบครองกระบี่เทวะบาปสวรรค์มาเนิ่นนาน ซวนหยวนเวิน่
เทียนกลับเป็ นยิง่ กว่านั้น มันปรารถนาครอบครองกระบี่เป็ นของ
มันเองเพียงผูเ้ ดียว สุดท้ายจบลงที่การจัดฉากป้ายสี และกําจัดล้าง
ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์อย่างน่าสยดสยอง หลังผ่านเหตุกาณ์น้ นั
กระบี่เทวะบาปสวรรค์สาปสูญไร้ร่องรอย ไม่มีผใู ้ ดทราบว่ามัน
อยูท่ ี่ใด….ความคาดหมายเพียงหนึ่งเดียว คือกระบี่อาจตกอยูใ่ น
เงื้อมมือของซวนหยวนเวิน่ เทียนเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว หลังจากนั้น
ไม่นาน แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สามเพียงตั้งข้อสงสัย ก่อนจะตระหนัก
ว่านี่อาจเป็ นฝี มือสมคบคิดของแดนกระบี่เดชาสวรรค์ และพบว่า
พวกมันต่างหลงผิดกําจัดล้างราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์ หากแต่ดว้ ย
ฐานะแดนศักดิืสิ ทธิ์ท้ งั สาม แม้พวกมันจะรู ้วา่ มีความเป็ นไปได้
อย่างสู งยิง่ ที่ตนเองกระทําผิดพลาด แม้จะพบว่าตนเองถูกผูอ้ ื่นยืม
มือหลอกใช้ พวกมันเพียงสามารถกลํ้ากลืนยอมรับผลแห่งความ
ผิดพลาด หากแต่แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีทางยอมให้นามของแดน
ศักดิ์สิทธิ์ตอ้ งแปดเปื้ อน”
“ด้วยเหตุน้ ี พวกมันไม่มีผใู ้ ดล้างมลทินแก่ราชวงศ์รัตติกาล
นิรันดร์อย่างแน่นอน กระทัง่ ประกาศนามราชวงศ์รัตติกาลนิ
รันดร์เป็ น “ตระกูลแห่งมารร้าย” เพื่อป้องกันการสื บสาวเรื่ องราว
จากอนุชนรุ่ นหลัง ค่อยๆกระทําการลบล้างบันทึกเรื่ องราวและ
ร่ องรอยต่างๆของราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์ออกจากประวัติศาสตร์
แห่งทวีปลมปราณฟ้า ผ่านมาหนึ่งพันปี นามราชวงศ์รัตติกาลนิ
รันดร์ลว้ นถูกลืมเลือนสิ้ นจากการปกปิ ดร่ องรอยโดยแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ อย่างต่อเนื่อง เพียงสามารถพบเจอได้เป็ นบางคราว
ในบันทึกของพรรคสํานักที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี
เท่านั้น”
คํากล่าวของฟ่ งเชียนฮุ่ยเป็ นเรื่ องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่
ผูค้ นในทวีปลมปราณฟ้าล้วนแทบไม่มีผใู ้ ดเคยได้ฟังมาก่อน หยุ
นเช่อย่อมทราบดีถึงสาเหตุที่นางบอกกล่าวเรื่ องราวเหล่านี้แก่
ตนเอง ชายหนุ่มนิ่งครุ่ นคิดครู่ หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ท่านผูอ้ าวุโส
ศิษย์ขอบังอาจถาม เหตุใดสํานักเราจึงเป็ นเพียงสํานักเดียวที่
ปรากฏรายละเอียดบันทึกเหตุการณ์ท้งั หมด ไม่เพียงบุญคุณ
ความแค้น หากรวมถึงความลับต้องห้ามที่ถูกปิ ดบังโดยความ
ร่ วมมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ อีกด้วย?”
“เป็ นเพราะองค์ราชินีรัตติกาลนิรันดร์เคยช่วยชีวติ มู่ปิงหยุน
--- บรรพบุรุษแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา แม้องค์ราชินี
แห่งราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์จะมีพลังฝี มือถึงขั้นสุ งสุ ด ทั้งศักดิ์
ฐานะอันเป็ นที่เคารพบูชาจากประชาชน หากพระนางยังคง
อ่อนโยนน่◌ุมนวลและเปี่ ยมพระเมตตายิง่ พระนางไม่เพียง
ช่วยชีวติ บรรพบุรุษเราจากเงื้อมมือของสัตว์อสู รลมปราณชั้น
ทรราชย์ หากยังประทานดวงธาตุสตั ว์อสู รลมปราณชั้นทรราชย์
นั้นแก่บรรพชนมู่ปิงหยุนเราหลังจากสังหารสัตว์ร้ายลง ชี้แนะ
วิชาฝี มือซึ่งก่อเกิดประโยชน์แก่ท่านบรรพชนของเราจนชัว่ ชีวติ
หากมิใช่ได้รับการช่วยเหลือและคําชี้แนะจากองค์ราชินี ท่านหญิง
แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราย่อมไม่มีทางก้าวขึ้นสู่
จุดสู งสุ ดจนสามารถทอดตามองทัว่ ทั้งอาณาจักรวายุครามได้
ถึงกับสามารถกล่าวได้วา่ หากไม่มีพระองค์ ก็ไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งในวันนี้ บรรพชนผูก้ ่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเรานับถือองค์ราชินีรัตติกาลนิรันดร์เป็ นผูม้ ีทรงธรรมและผูม้ ี
พระคุณสู งสุ ด นางไม่เคยเชื่อมัน่ ว่าราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์จะ
เป็ น “ตระกูลแห่งมารร้าย” หากแต่บรรพชนเราไม่อาจใช้กาํ ลัง
เพียงลําพังล้างมลทินให้แก่ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์และแก้แค้น
ให้แก่พวกมันได้ ดังนั้น นางไม่มีทางเลือกอื่นอีก นอกจากการ
สงวนข้อเท็จจริ ง และถ่ายทอดสื บต่อมาในแดนศกดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง เพื่อมิให้ความจริ งต้องสู ญสลายไปตามกาล ขณะยํ้า
เตือนมิให้ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับแดน
กระบี่เดชาสวรรค์โดยเด็ดขาด!”
“ยามนี้ ประมุขแดนกระบี่เดชาสวรรค์ยงั คงเป็ นซวนหยวน
เวิน่ เทียนดังเดิม ด้วยความกระหายและความทะยานอยาก เมื่อมี
ปรมาจารย์กระบี่ผเู ้ หี้ ยมอํามหิ ตและชัว่ ช้าเลวทรามเป็ นผูน้ าํ ผ้◌ู
คนสมควรจินตนาการออกได้ถึงความโสมมในปัจจุบนั นี้ของ
แดนกระบี่เดชาสวรรค์ หากในอนาคตเจ้าเข้าร่ วมแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราย่อมตัดขาดความสัมพันธ์
ทุกทางต่อเจ้าอย่างเด็ดขาด” ฟ่ งเชียนฮุ่ยกล่าวเสี ยงหนัก
หยุนเช่อกระจ่างแจ้งแก่ใจดีถึงความทะยานอยากของแดน
กระบี่เดชาสวรรค์ หากมิใช่พวกมันไล่ล่าสังหารบิดามารดาที่
แท้จริ งของชายหนุ่ม ท่านปู่ ของตนคงไม่ตอ้ งตาย ตนเองคงไม่
ต้องถูกทอดทิ้งไว้ยงั เมืองเมฆาล่องเมื่อสิ บเก้าปี ก่อน เพียงแต่ฟ่ง
เชียนฮุ่ยหาได้รับรู ้ขอ้ เท็จจริ งนี้ ภายในใจของหยุนเช่อพองขึ้นและ
ยุบลงก่อนจะกล่าววาจาด้วยความเคร่ งเครี ยดจริ งจัง “ขอบพระคุณ
ท่านหญิงรุ่ นก่อนไขความกระจ่างแก่ขา้ ศิษย์จะจดจําจารึ กไว้
ภายในใจไม่ลืมเลือน”
“ประเสริ ฐ!” ฟ่ งเชียนฮุ่ยผงกศีรษะรับอย่างเชื่องช้า “เจ้าต้อง
ไม่บอกกล่าวเรื่ องราวเมื่อครู่ ต่อผูใ้ ดทั้งสิ้น ที่ขา้ บอกกล่าวเรื่ องนี้
ต่อเจ้า เพราะข้าเชื่อมัน่ ว่าเจ้าเป็ นบุคคลที่สามารถแยกแยะดีชว่ั
อย่างชัดเจน ทั้งทราบความหนักเบาของเรื่ องต่างๆ นอกจากนี้...”
สายตาของนางกวาดผ่านใบหน้าของหยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่
“แม้เจ้าและฉิ งเยว่เพียงเป็ นสามีภรรยาในนาม หากเจ้าไม่ได้
รับอนุญาตให้เชื่อมสัมพันธ์สามีภรรยาที่แท้จริ งกับฉิ งเยว่จนกว่า
นางจะสําเร็ จเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบขั้นสู งสุ ด ธาตุพลังห
ยินในร่ างสตรี มีส่วนช่วยเหลืออย่างมากต่อการฝึ กปราณนํ้าแข็ง
หากนางสู ญเสี ยธาตุหยินพรหมจรรย์ การฝึ กเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบของฉิงเยว่ยอ่ มต้องชะงักงัน กระทัง่ อาจถึงทางตัน ไม่
อาจก้าวหน้าต่อไปได้อีก นางอาจไม่สามารถทะลวงด่านลมปราณ
ก้าวขึ้นสู่ ข้นั สู งได้อีกเลยตลอดชัว่ ชีวติ ฉิงเยว่คือความหวังใน
อนาคตของสํานักเรา ข้าย่อมไม่มีทางอนุญาตเรื่ องผิดพลาดเกิดขึ้น
ต่อนาง...ข้าเชื่อว่าเจ้าเองสมควรแยกแยะหนักเบาของเรื่ องราวนี้
ได้เป็ นอย่างดี”
เซี่ยฉิ งเยว่ “...”
ไม่ อาจกระทําการได้ จนกว่ าจะบรรลุเคล็ดศักดิ์สิทธิ์ เยือก
แข็งบรรจบขัน้ สูงสุด...อืมม์ ในทางกลับกัน ทุกอย่ างล้ วนสะดวก
ดายหากนางสามารถบรรลุเคล็ดวิชาได้ อย่ างสมบูรณ์ !!
หยุนเช่อเดิมคาดคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอาจบง
การเซี่ยฉิ งเยว่รักษาพรหมจรรย์ของนางไปชัว่ ชีวติ ทว่าคําเตือน
ของฟ่ งเชียนฮุ่ยกลับกลายเป็ นคําใบ้อนั โจ่งแจ้งอย่างที่สุด! ชาย
หนุ่มเร่ งรี บรับคํา “ตกลง ศิษย์จะปฏิบตั ิตามคําสัง่ ของท่านหญิง
รุ่ นก่อนอย่างเคร่ งครัด”
“ประเสริ ฐ!” ฟ่ งเชียนฮุ่ยผงกศีรษะรับอย่างช้าๆ ใบหน้าเผย
รอยยิม้ “ที่ควรกล่าวล้วนกล่าวแล้ว กล่าวตามตรง แม้เจ้าจะเป็ น
ศิษย์บุรุษคนแรกในประวัติศาสตร์เรา หากข้ากลับสบายใจอย่างยิง่
ที่เจ้าเข้าร่ วมเป็ นส่ วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เรา อย่างไรเสี ย ยอด
ยุทธ์รุ่ นเยาว์แห่งวายุครามสองคนล้วนเป็ นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งเรา”
“พวกเราสมควรปกปิ ดเรื่ องราวที่เจ้าเข้าเป็ นศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไว้ก่อนชัว่ คราว เราจะประกาศให้ทุกผูค้ น
ทราบโดยทัว่ กันในการประชุมศิษย์วนั พรุ่ งนี้ ไม่มีส่ิ งใดแล้ว...ฉิ ง
เยว่ พาหยุนเช่อเดินสํารวจแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา
สามารถพามันไปได้ทุกที่ที่เจ้าได้รับอนุญาตให้เข้า ยูเ่ ซียน เจ้าอยู่
ที่นี่ก่อน”
“ศิษย์ทราบแล้ว”
เซี่ยฉิ งเยว่ลุกขึ้นยืน หญิงสาวคารวะฟ่ งเชียนฮุ่ย ก่อนจะก้าว
เดินออกไปพร้อมหยุนเช่อ
ทันทีที่พวกมันจากไป กงยูเ่ ซียนลุกขึ้นยืนถามอย่างเร่ งร้อน
“ท่านอาจารย์อาวุโส เหตุใดท่านตัดสิ นใจเช่นนั้น? คงมิใช่เพียง
เพราะพลังฝี มือและอิทธิพลของหยุนเช่อกระมัง?”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยสี หน้าลํ้าลึก นางเงยศีรษะขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะ
กล่าวตอบด้วนนํ้าเสี ยงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาดูร “ยูเ่ ซียน
เจ้ายังคงจดจําพยากรณ์สหัสวรรษที่บรรพชนเมฆาเยือกแข็งเรา
ทอดทิ้งไว้เมื่อปี นั้นได้หรื อไม่?”
กงยูเ่ ซี ยนสายตาว่างเปล่า จากนั้น ประกายตาของนางสัน่
สะท้านอย่างรุ นแรง สี หน้าของนางแปรเปลี่ยนกลับกลาย “ท่าน
อาจารย์อาวุโสใช่หมายถึง… “มหันตภัยแห่งสหัสวรรษ” เช่นนั้น
หรื อ?”
“มิผดิ ” ฟ่ งเชียนฮุ่ยปิ ดเปลือกตาลง สี หน้าของนางนิ่งเรี ยบ
“ปี นั้น ท่านหญิงและนักทํานายแห่งตระกูลลิขิตฟ้าแดนมารทมิฬ
เป็ นสหายสนิท ครั้งนั้น ตระกูลลิขิตฟ้าขึ้นสู่ ความรุ่ งเรื องขีดสุด
พวกมันสามารถมองเห็นวิถีแห่งสวรรค์ ทั้งเปิ ดเผยชะตาฟ้า การ
เปิ ดเผยโชคชะตาฟ้าดินเป็ นเรื่ องไม่สมควรอย่างยิง่ พวกมัน
ทั้งหมดพานพบคําพิพากษาโดยวิถีแห่งสวรรค์ ล้วนเผชิญพบการ
ล่าล้างสังหารสิ้ น ครั้งที่ท่านหญิงเราก่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง นักทํานายได้มองทะลุถึงชะตากรรมแห่งสวรรค์ มัน
กล่าวถึงเกียรติยศนับพันปี รวมทั้งหายนะยิง่ ใหญ่ที่จะติดตามมา
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่งพันปี นี้ไป หากสามารถผ่านพ้น
หายนภัยนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราจะมีชื่อเสี ยงต่อไปอีก
หมื่นปี หาไม่ นามแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งจะถูกลบหายไป
ตลอดกาล เมื่อคํานวณเวลา...หนึ่งพันปี มาถึงแล้ว ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปี
ก่อน ข้าไม่อาจอยูอ่ ย่างสุ ขสงบได้ ยามพักผ่อนจิตใจล้วนต้องถูก
หลอกหลอนโดยฝันร้ายอย่างไม่หยุดยั้ง ยิง่ กว่านั้น แดนศักดิ์สิทธิ์
เราพลันปรากฏศิษย์สตรี ผมู ้ ีระดับสู งส่ งจนผิดธรรมดาเช่นเซี่ยฉิ ง
เยว่ ทั้งเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบที่สาปสู ญกว่าพันปี กลับ
ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนโลก...ความผิดปกติมากมายทั้งหลายทั้งมวล
คือลางบอกเหตุถึงมหันภัยแห่งสหัสวรรษที่กาํ ลังจะมาถึง”
สี หน้าของกงยูเ่ ซียนพลันสับสนว้าวุน่ นางค่อยๆนัง่ ลงอย่าง
ช้าๆ “เช่นนั้น สาเหตุที่ท่านอาจารย์ไม่แยแสในการละเมิดข้อห้าม
สํานักเราและอนุญาตหยุนเช่อเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเรา เพราะเพือ่ ต้องการให้มนั กลับกลายเป็ นกําลังเสริ มของเรา
เพื่อรับมือกับมหันตภัยแห่งสหัสวรรษนี้ง้ นั หรื อ?”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยทอดถอนใจ “เมื่อชัง่ นํ้าหนักระหว่างความอยู่
รอดของสํานักแล้ว การละเมิดข้อห้ามนับเป็ นอย่างไรได้? เฮ้อ ข้า
เพียงคาดหวัง...หากมหันตภัยแห่งสหัสวรรษนั้นมาถึงจริ ง...ขอ
สวรรค์โปรดเมตตาต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราด้วย!”
บทที่ 382 ตําหนักศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ

จํานวนศิษย์ของพรรคตระกูลเซี่ยวและตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
นับรวมกันได้หลายแสนคน จนอาจมากถึงหลักล้าน ยิง่ หากนับ
รวมพรรคสาขา ยิง่ มากมายสุ ดคาดคิด หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เอง
หากนับจํานวนตั้งแต่เบื้องสูงมาถึงเบื้องตํ่า อาจมากถึงหลายล้าน
คน เมื่อเปรี ยบเทียบกันแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งที่มี
ชื่อเสี ยงเกียรติภูมิในระดับเดียวกันมีขนาดย่อมกว่ามากนัก นับ
รวมกันทั้งหมด แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมีจาํ นวนสมาชิก
เพียงสองพันคน
อย่างไรก็ดีโถงหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งยังคง
กว้างและมีเนื้อที่ใหญ่โตมโหฬารมากซึ่ งมันสามารถรองรับศิษย์
หลายพันคนได้ ยอดนํ้าแข็งที่ลอ้ มรอบสู งตํ่าไล่ระกระจัดกระจาย
อยูท่ ว่ั ไป รอบด้านตั้งประดับด้วยนํ้าแข็งศักดิ์สิทธิ์รูปร่ างแตกต่าง
กันจํานวนมาก ก้อนนํ้าแข็งที่กระจายอยูอ่ าจมีประวัติศาสตร์
ยาวนานเป็ นพันเป็ นหมื่นปี ตึกทุกตึกในที่น้ ีลว้ นสร้างขึ้นมาจาก
ผลึกนํ้าแข็ง เป็ นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการพบเห็นหญ้าเกล็ดหิ มะ
อันลํ้าค่าในทุกทิศทาง
หยุนเช่อตามเซี่ยฉิงเยว่เป็ นเวลาชัว่ โมงหนึ่ง ยังไม่สามารถ
พบกับศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งสักคนเดียว ศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์ฯทุกคนมีหอ้ งฝึ กและที่พกั ส่ วนตัว ยิง่ กว่านั้น พวกนาง
แต่ละคนล้วนมีอารมณ์ความรู ้สึกเย็นชาราวนํ้าแข็ง แม้จะอยู่
ภายในสํานัก ยังคงยากที่จะได้พบเห็นพวกนางได้
“สถานที่น้ ีใช่เงียบเกินไปหน่อยหรื อไม่? อยูใ่ นที่นี่มาหลาย
ปี ท่านไม่รู้สึกเบื่อหรื อ?” หยุนเช่อมองสิ่ งรอบตัว ชายหนุ่มอด
กล่าวออกมามิได้ ภูมิทศั น์ของสถานที่น้ ีบริ สุทธิ์งดงามราวภาพ
มายา คล้ายดังผูค้ นได้เดินเข้ามาในสรวงสวรรค์
การชื่นชมทิวทัศน์บา้ งเป็ นครั้งคราวมิใช่เรื่ องเลวร้าย ทว่า
หากให้หยุนเช่ออยูใ่ นสถานที่โดดเดี่ยวและหนาวเย็นตลอดไป
ชายหนุ่มไม่ทราบสามารถอดกลั้นได้ยาวนานเท่าใดก่อนจะอึดอัด
ใจตาย
เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวอย่างนุ่มนวล “วรยุทธ์เคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็งและเคล็ดจิตเยือกแข็งของสํานักของข้าทั้งหมดเน้นความนิ่ง
สงบและความเย็นราวนํ้าแข็งไม่มีใดเหมาะสมยิง่ กว่าการฝึ กตน
ในสถานที่น้ ี สภาพแวดล้อมเช่นนี้เหมาะสมกับข้า ทั้มิได้แตกต่าง
จากที่ขา้ ใช้ชีวติ ก่อนเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเท่าใด”
ก่อนที่จะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง เซี่ยฉิ งเยว่อยูใ่ น
ห้องตลอดเวลาและก้าวออกจากบ้านนานๆครั้ง แม้แต่หยุนเช่อผูท้ ี่
นางได้หมั้นหมายตั้งแต่เด็ก เพียงสามารถเห็นนางครั้งสองครั้ง
ตลอดระยะเวลามากกว่าสิ บปี
“ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมีหอ้ งและที่พกั เป็ น
ของตนเอง ทันทีที่ท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์ฯได้ประกาศข่าวการ
ร่ วมสํานักของเจ้าในวันพรุ่ งนี้ ห้องและที่พกั ของเจ้าจะถูก
จัดการ….” เซี่ ยฉิ งเยว่เงยขึ้นมองหยุนเช่อ “หากเจ้าต้องการ”
“ต้องการ แน่นอน ข้าต้องการ!” หยุนเช่อตอบทันทีทนั ควัน
“ปัจจุบนั ราคาที่พกั แพงมาก คนโง่เท่านั้นที่ไม่ตอ้ งการที่พกั ฟรี ….
โอ้ ใช่ ฉิ งเยว่ภรรยาข้า ห้องฝึ กและที่พกั ของท่านอยูท่ ี่ใด? เรา
แต่งงานมานานหลายปี แล้ว แม้ไม่ได้นอนร่ วมกันยังไม่นบั เป็ น
ปั ญหา แต่ขา้ ไม่รู้แม้แต่วา่ เจ้านอนที่ใด!”
เซี่ยฉิ งเยว่เอียงศีรษะพลางมองไปยังผลึกนํ้าแข็งที่สะท้อน
แสงเป็ นประกาย “ห้องฝึ กฝี มือของข้าค่อนข้างพิเศษอยูบ่ า้ ง
หลังจากข้าเข้าใจเคล็ดเยือกแข็งบรรจบแล้ว นายหญิงก็อนุญาตให้
ข้าเข้าไปฝึ กฝนในแดนลับเมฆาเยือกแข็งที่สลักเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบเอาไว้อยู”่
“เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ…” หยุนเช่อหางคิ้วกระตุก…
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผา่ นมานี้ มันครุ่ นคิดถึงวันวิวาห์ของมันกับ
ชางเยว่อยูเ่ ป็ นประจํา ภาพที่เซี่ยฉิ งเยว่ร้ ังสองราชันผูก้ ล้าแกร่ งจาก
พรรคเทพหงสาเอาไว้ แช่แข็งเปลวเพลิงและผนึกการเคลื่อนไหว
ของพวกมัน… เพลิงที่ราชันทั้งสองปล่อยออกมาย่อมเป็ นเพลิง
เทพหงสาที่จุดขึ้นมาด้วยสายเลือดเทพหงสา! แต่เพลิงเหล่านั้น
กลับถูกเซี่ยฉิ งเยว่ที่มีระดับพลังเท่ากันแช่แข็งเอาไว้ได้! นี่เป็ นข้อ
ชี้ชดั ว่า… พลังของเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบอาจถึงขั้นไม่
สู งลํ้ากว่าก็ไม่แพ้เพลิงเทพหงสาเลยทีเดียว!
แน่นอนว่าเพลิงเทพหงสาของทั้งคู่มิใช่เพลิงเทพหงสา
บริ สุทธิ์อย่างตัวเทพหงสาเอง และเป็ นเพียงเพลิงปราณที่มี
ลักษณะของเพลิงเทพหงสาแฝงอยูเ่ ล็กน้อยเท่านั้น ทว่าแม้จะมิใช่
เพลิงเทพหงสาบริ สุทธิ์ เพลิงปราณสามัญก็ยงั ไม่อาจเทียบชั้นกับ
มันได้ มิเช่นนั้น พรรคเทพหงสาคงไม่กลายเป็ นพรรคอันดับหนึ่ง
ในทวีปลมปราณฟ้าแล้ว
“ช่วยพาข้าไปชมแดนลับเมฆาเยือกแข็งที่ท่านพูดถึงที ข้า
ชักรู ้สึกอยากเห็นเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบของสํานัก
ท่าน… อ่า ไม่สิ ของสํานักเราขึ้นมาแล้ว”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยเองได้เอ่ยปากไว้แล้วว่าที่ใดที่เซี่ยฉิ งเยว่ได้รับ
อนุญาตให้ไป มันเองก็ไปได้ดว้ ยเช่นกัน เซี่ยฉิงเยว่มิปฎิเสธพลาง
เอ่ยปากขึ้น “ถ้าเช่นนั้น ตามข้ามา”
แดนลับเมฆาเยือกแข็งที่เซี่ยฉิงเยว่เอ่ยถึงนั้นอยูท่ าง
ตะวันออกของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หยุนเช่อเดินตามเซี่ย
ฉิ งเยว่ผา่ นทางเดินผลึกนํ้าแข็งมาครู่ ใหญ่ ดวงตาของเซี่ยฉิ งเยว่
เยือกเย็นดุจนํ้าแข็ง สงบนิ่งและสง่างามขณะจับจ้องไปเบื้องหน้า
อย่างไม่หวัน่ ไหว หยุนเช่อใช้เวลาครู่ หนึ่งสํารวจสภาพภูมิ
ประเทศรอบด้าน และเวลาอีกครู่ ใหญ่เพือ่ จ้องมองใบหน้าและ
รู ปร่ างของเซี่ ยฉิ งเยว่… ครั้งแรกที่มนั ได้พบกับนาง นางยังอายุไม่
ถึงสิ บปี แต่มนั ก็รู้สึกว่านางช่างงดงามจนดูราวกับไม่ใช่ของจริ ง
บัดนี้เมื่อมันมองไปยังเซี่ยฉิ งเยว่ที่อยูใ่ กล้จนแทบจะคว้ามาได้ มัน
ก็ยงั คงรู ้สึกเช่นเดิม การได้แต่งงานกับหญิงสาวที่งดงามจนราวกับ
ภาพมายาและเป็ นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิวายุคราม
ย่อมเป็ นความใฝ่ ฝันของเหล่าบุรุษ แต่นางเป็ นภรรยาของมันแล้ว
และแม้ท้ งั สองจะแต่งงานกันมาแล้วกว่าสามปี ทั้งคู่กย็ งั ไม่เคยได้
เป็ นสามีภรรยากันตามความหมายจริ งๆซักครั้ง… ในฐานะบุรุษ
แล้ว จะให้หยุนเช่อไม่พอใจเลยก็เป็ นไปไม่ได้!
“อืม อะแฮ่ม…” หยุนเช่อพลันเปิ ดปากและเอ่ยอย่างจริ งจัง
“ฉิ งเยว่ภรรยาข้า นางหญิงรุ่ นก่อนได้กล่าวว่าเราทั้งสองไม่อาจ
เป็ นสามีภรรยากันตามความหมายจริ งได้จนกว่าท่านจะสําเร็ จ
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบจนสมบูรณ์… เอ้อ ท่านรู ้สึกอย่างไรกับเรื่ อง
นั้น?”
“...” เซี่ยฉิ งเยว่ยงั คงก้าวเดินอย่างแผ่วเบาอยูเ่ บื้องหน้าหยุ
นเช่อ ไร้ซ่ ึงปฎิกิริยาตอบรับราวกับนางไม่ได้ยนิ สิ่ งที่มนั เอ่ย
“งั้นข้าลองเปลี่ยนคําถามดูเป็ นอย่างไร” สายตาของหยุ
นเช่อเลื่อนจากบนลงล่าง จับจ้องไปยังส่ วนเว้าส่วนโค้งอัน
สมบูรณ์แบบของร่ างบางที่ราวกับเทพธิดาจากจันทรา มันได้แต่
กลืนนํ้าลายอึกใหญ่ “เมื่อไหร่ … ท่านจะสําเร็ จเคล็ดศักดิ์สิทธิ์
เยือกแข็งบรรจบกัน?”
เซี่ยฉิ งเยว่มิตอบสนอง แต่หากหยุนเช่อมาเดินเบื้องหน้านาง
มันคงได้เห็นทรวงอกของนางขยับขึ้นลงอย่างแรง
เพราะประเด็นหลักของคําถามหยุนเช่อคือ… เมื่อไหร่ ท่าน
จะหลับนอนกับข้า!
“ฉิ งเยว่ภรรยาข้า โปรดอย่าได้คิดว่านี่เป็ นเรื่ องเล็กน้อย
ระหว่างสามีภรรยาแล้วคําถามนี้เป็ นเรื่ องสําคัญยิง่ ” หยุนเช่อเอ่ย
ด้วยสี หน้า “เศร้าใจ” “การเป็ นคู่สมรสที่แท้จริ งมิใช่เพียงการ
ผูกมัดด้วยนามและความรู ้สึก มันยังต้องให้ร่างกายและวิญญาณ
หลอมรวมกันอีกด้วย และในการหลอมรวมร่ างกาย ยังต้องให้ท้ งั
สามีภรรยา…”
“เรามาถึงแล้ ว”
สี่ คาํ นี้ราวกับผลึกนํ้าแข็งที่ร่วงหล่นลงมาขัดคําหยุนเช่อ
เอาไว้ เซี่ยฉิ งเยว่หยุดเท้าลงเบื้องหน้าประตูผลึกนํ้าแข็งขนาดใหญ่
ที่ปลดปล่อยม่านหมอกหนาทึบสี ขาวออกมา
เซี่ ยฉิ งเยว่เหยียดมือออกก่อนจะสัมผัสประตูผลึกนํ้าแข็ง
กลางฝ่ ามือนางปรากฎประกายแสงสี ฟ้าอ่อน หลังจากบังเกิดเสี ยง
เขยื้อนแผ่วเบา ประตูผลึกนํ้าแข็งที่ปิดสนิทพลันเปิ ดออกอย่าง
เงียบงัน และความหนาวเสี ยดสะท้านก็พงุ่ เข้าปะทะใบหน้า เบื้อง
หน้ามันคือตําหนักอันกว้างขวาง แต่กาํ แพงของตําหนักใหญ่น้ ี
กลับไม่ได้สร้างจากนํ้าแข็ง แต่กลับสร้างขึ้นจากศิลาสี เขียวนํ้า
ทะเลเข้ม
อากาศเย็นเยียบที่แผ่ออกมาแฝงด้วยกลิ่นอายอันคุน้ เคย ----
เป็ นกลิ่นอายสตรี ของเซี่ยฉิ งเยว่ ดูเหมือนเซี่ยฉิ งเยว่จะใช้เวลาของ
นางส่ วนใหญ่ที่นี่
“ตําหนักนี้มีชื่อว่า “ตําหนักเยือกแข็งบรรจบ” เป็ นสถานที่
ฝึ กฝนของบรรพชนเรา และยังเป็ นสถานที่ที่พวกท่านจากโลกนี้
ไปด้วย” เซี่ ยฉิ งเยว่กา้ วเข้าไปอย่างแช่มช้า สุ ม้ เสี ยงของนาง
นุ่มนวลและเชื่องช้า… ราวกับวาจาไร้สาระของหยุนเช่อเมื่อครู่
ไม่ได้เข้าหูนางแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อเบ้ปากก่อนจะยืน่ มือไปทางบั้นท้ายของเซี่ยฉิ งเยว่
และทําท่าบีบกลางอากาศ นี่ทาํ ให้มนั รู ้สึกดีข้ ึนเล็กน้อย ก่อนที่มนั
จะเดินตามนางเข้าไป
ภายในตําหนักกว้างขวางและว่างเปล่า ทั้งผนัง กําแพงและ
เพดานล้วนแต่ปูดว้ ยศิลาสี คราม สี ของศิลาเหล่านี้แม้จะเข้มแต่ก็
โปร่ งใส พวกมันสะท้อนแสงเล็กน้อยราวกับหยกดํา แต่
นอกจากนี้แล้วทั้งตําหนักล้วนแต่วา่ งเปล่า ไม่มีเก้าอี้หรื อคบไฟให้
เห็นแม้แต่นอ้ ย
“ท่านฝึ กฝนที่นี่เป็ นประจํารึ ? ที่นี่ดูไม่ได้พิเศษอะไรขนาด
นั้น” หยุนเช่อกวาดตามองไปทัว่ ขณะเอ่ยปาก ก่อนที่สายตามันจะ
หยุดที่ดา้ นขวามือสุ ดของตําหนัก มันเอ่ยปากถาม “นัน่ คืออะไร?”
ทางขวาสุ ดของตําหนักมีศิลาทรงกลมขนาดสามเมตรอยู่ สี
ของมันไม่แตกต่างจากตัวตําหนักจนแทบจะมองข้ามได้ จาก
มุมมองของหยุนเช่อ ดูเหมือนจะมีอะไรพิเศษถูกสลักไว้อยู่
“นี่เป็ นผนึกปราณหลบหนีที่บรรพชนได้หลงเหลือไว้” เซี่ย
ฉิ งเยว่หรี่ ตางามของนางลงเล็กน้อย “หากสํานักพบเจอมหันตภัย
ที่ไม่คาดคิดและไม่หลงเหลือทางอื่น ก็ให้ใช้เคล็ดเมฆาเยือกแข็ง
เพื่อเปิ ดใช้ผนึกปราณนี้ ผนึกปราณนี้แฝงพลังในการฉี กกระชาก
มิติ หลังจากเปิ ดใช้แล้ว มันจะส่ งผูใ้ ช้ไปยังดินแดนอื่นแบบสุ่ ม
แต่มนั จะเคลื่อนย้ายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และหลังจากใช้แล้ว
ผนึกจําต้องใช้เวลาอีกหนึ่งร้อยปี เพื่อสะสมพลังพอเปิ ดมิติอีกครั้ง
พูดง่ายๆคือ หากใช้ตราผนึกนี้ไป พวกเราต้องรออีกหนึ่งศตวรรษ
เพื่อใช้มนั อีกครั้ง”
“ทว่าตั้งแต่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งดํารงอยูม่ าจนถึง
ยามนี้น้ นั ก็ไม่เคยได้ใช้ ผนึกปราณหลบหนีน้ ีมาก่อนเลย”
“โอ้…”หยุนเช่อจ้องมองไปยังผนึกปราณอันพิสดารอยูเ่ นิ่น
นาน มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งจะมีผนึกปราณหลบหนีเช่นนี้อยู่ มันสามารถตัดเปิ ดช่องว่าง
มิติและพาผูค้ นหลบหนีไปได้เป็ นพันไมล์
“เมื่อสักครู่ ท่านพูดว่าเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบถูก
จารึ กไว้ที่นี่ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีมนั อยู”่
หยุนเช่อกล่าวขณะขยับสายตาของมัน
เซี่ ยฉิ งเยว่ไม่ได้กล่าวคํา นางยกแขนของตนขึ้น ยกหยกขาว
ของนางส่ องกับนํ้าแข็งเย็นเยียบปรากฎประกายแสงสี ฟ้าอ่อน...
ฉับพลันเกิดแสงสี ฟ้าบริ สุทธิ์สะท้อนออกมาจากกําแพงด้านหน้า
ของทั้งสองเรี ยงเป็ นแถวตัวอักษรสี ฟ้า...ทางด้านขวาสุ ดของ
ข้อความมีคาํ สี่ คาํ ใหญ่ๆปลดปล่อยคลื่นพลังจิตวิญญาณเย็นเยือก
อันน่าหวัน่ เกรงออกมา ดูราวกับมันถูกประกอบขึ้นมาจากผลึก
นํ้าแข็ง ‘เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ’
เซี่ ยฉิ งเยว่ลดมือลง แสงสี ฟ้าในมือนางจางหายไปพร้อมกับ
ข้อความบนผนัง นางพูดออกมาเสี ยงเบาว่า“เฉพาะยามใช้รัศมี
แสงจากเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งเท่านั้นจึงจะทําให้เคล็ดศักดิ์สิทธิ์
เยือกแข็งบรรจบปรากฎออกมาได้ ถ้าหากผูใ้ ดที่มิใช่ศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ต่อให้พวกมันมาถึงที่นี่กม็ ิอาจจะได้รับรู ้
ถึงเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบได้”
“โอ้ เป็ นเช่นนี้เอง”หยุนเช่อพลันเข้าใจในทันที
“นอกจากนี้ ศิลาสี ฟ้าที่ภายในโถงนี้เรี ยกว่า ‘ศิลาหยก
สวรรค์’ มันได้รับการกล่าวว่าเป็ นหิ นศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการหล่อ
เลี้ยงจากอํานาจของเทพเจ้าแท้จริ งในยุคเริ่ มแรก แข็งแรงและ
ทนทานยิง่ นัก โดนเฉื อนไร้ริ้วรอย ไม่แตกหักจากความเย็น ไม่
ละลายยามถูกเผา แม้จะเป็ นผูท้ ี่มีลมปราณชั้นจักรพรรดิกม็ ิอาจทํา
อันตรายมันได้ ฉะนั้นยามเจ้าฝึ กฝนในที่แห่งนี้ เจ้าจะใช้ออกด้วย
ความสามารถเท่าใดก็ได้และไม่ตอ้ งกังวลว่าจะเผลอไปทําลายสิ่ ง
ใด”
“แม้แต่พลังลมปราณชั้นจักรพรรดิ...ก็ทาํ อะไรมันไม่ได้
หรื อ?”หยุนเช่อก้มหน้าลงมองไปยังพื้นศิลาใต้ฝ่าเท้าของตน
แสดงออกด้วยสี หน้าไม่มน่ั ใจ อย่างไรก็ดีมนั ไม่สามารถหา
ร่ องรอยความเสี ยหายบนพื้นผิวศิลานี้ในระยะสายตาได้เลย ไม่
ต้องพูดถึงรอยแตก แม้แต่รอยขีดข่วนบนพื้นผิวศิลานี้ซกั เพียง
เล็กน้อยมันก็ไม่เห็น หรื อจะเป็ นดัง่ ที่เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวจริ งๆ?
โดยไม่ตอ้ งคิดให้ยงุ่ ยากหรื อสอบถามจากเซี่ยฉิ งเยว่อีก
ต่อไป หยุนเช่อจับทัณฑ์มงั กรขึ้นมาและเหวีย่ งลงไปบนพื้น
ด้านหน้า
เคล้ง!!
มันเหวีย่ งดาบลงไปบนพื้นหยกศิลาอย่างเห็นได้ชดั แต่หยุ
นเช่อกลับรู ้สึกดัง่ ฟาดทัณฑ์มงั กรปะทะกับแผ่นเหล็กกล้าก็มิปาน
เปิ ดเป็ นเสี ยงดังก้องทะลวงแก้วหู แม้แต่ทณ ั ฑ์มงั กรที่หนักเป็ น
หมื่นกิโลกรัมยังกระดอนกลับขึ้นมา แรงสัน่ สะเทือนที่ตีกลับมา
ส่ งผลให้มือของหยุนเช่อรู ้สึกชาเล็กน้อย...และบนจุดที่ทณ ั ฑ์
มังกรฟาดลงไปนั้นไม่ได้รับความเสี ยหายใดๆเลยแม้แต่ร่องรอย
ขีดสี เงินเล็กๆที่มองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าก็ยงั ไม่พบ
หยุนเช่อจ้องมองอย่างเลื่อนลอยอยูช่ วั่ ครู่ ...แขนของมันมี
พละกําลังมากมายมหาศาลและทัณฑ์มงั กรก็ยงั เป็ นถึงกระบี่หนัก
ระดับจักรพรรดิ ปกติแล้วไม่มีส่ิ งใดที่มนั ไม่สามารถทะลวงผ่าน
และมิมีสิ่งใดขวางทางมันได้ แม้แต่ขนุ เขามันก็ยงั สามารถทําให้
เขยื้อนได้ดว้ ยการเหวีย่ งกระบี่หนักเพียงครั้งเดียว...ทว่ายามนี้มนั
ไม่สามารถแม้แต่ทิ้งร่ องรอยแม้เพียงเล็กน้อยไว้บนศิลานี้!!
มุมปากของหยุนเช่อเหยียดขึ้นเล็กน้อย กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
เองยังส่ งเรี ยงร้องครํ่าครวญออกมา...กระบี่หนักระดับจักรพรรดิ
กลับไม่สามารถแม้แต่ทิ้งร่ องรอยไว้บนศิลาเพียงก้อนหนึ่งจริ งๆ
หรื อ หากหยุนเช่อเองถอดใจ จิตสํานึกของกระบี่กลับยังมิอาจ
ยอมรับได้
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไร้เทียมทาน!” อากาศถ่ายเท
ไหลเวียนอย่างต่อเนื่องภายในอกของหยุนเช่อ มันไม่ตอ้ งอดกลั้น
นานนัก ชายหนุ่มใช้สองมือจับทัณฑ์มงั กร เปิ ดใช้“อสู รผลาญใจ”
คํารามออกด้วยเสี ยงอันดังและเหวีย่ งกระบี่หนักลงไปโดยตรง
ด้วยพลังเก้าในสิ บส่ วนของมัน
“ฮ่าาาา!!”
เคล้ ง!!!!
ห้วงมิติโดยรอบสัน่ ไหว พื้นสัน่ สะเทือนเล็กน้อย ทันทีที่
ทัณฑ์มงั กรปะทะกับศิลาหยกสวรรค์พลันบังเกิดคลื่นเสี ยงฉีก
กระชากเยือ่ แก้วหูของหยุนเช่อ บังเกิดแรงสัน่ สะเทือนอย่าง
รุ นแรงทําให้มนั เซถอยไปเล็กน้อย เลือดและพลังในกายพลัน
ปั่ นป่ วน แม้แต่ทณ ั ฑ์มงั กรยังแทบกระเด็นหลุดออกจากมือ
ั ฑ์มงั กรฟาดลงไป ก็ยงั คงไร้ร่องรอยใดๆแม้
และ...จุดที่ทณ
เพียงเล็กน้อย
ยามนี้หยุนเช่อจนด้วยคําพูดอย่างสมบูรณ์แบบ
อเวจีเถอะ!!? ทําไมเจ้ าศิลานี่มนั ถึงแข็งแกร่ งเยีย่ งนี ้
บทที่ 383 สํ าเร็จบทพืน้ ฐานเยือกแข็งบรรจบ

พลังของกระบี่ที่หยุนเช่อทุ่มเทกําลังออกกว่าเก้าส่วนย่อมมิ
อ่อนด้อย เซี่ยฉิ งเยว่ถูกบีบให้ล่าถอยไปเบื้องหลังกว่าสามสิ บเมตร
นางเพียงมองดูหยุนเช่อที่มีท่าทีเสี ยใจเล็กน้อยอย่างเงียบงันโดยไร้
คําพูด หยุนเช่อเก็บกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร สะบัดสองแขนที่ชาด้านไป
กว่าครึ่ งและเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าลอง
แล้ว ศิลานี้แข็งแกร่ งยิง่ สมกับเป็ นสถานที่ที่บรรพชนสํานักเมฆา
เยือกแข็งเลือกสรร หากปิ ดผนึกไว้ มันย่อมเป็ นสถานที่ที่
ปลอดภัยที่สุดในจักรวรรดิวายุครามแน่ ต่อให้หมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ยกคนมาทั้งหมู่บา้ นก็ยงั ไม่อาจบุกรุ กเข้ามาได้เด็ดขาด”
สิ้ นคํา หยุนเช่อก็หนั ไปยังผนังที่จารึ กไว้ดว้ ยเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบ ก่อนจะยืน่ มือออกพร้อมกับโคจรเคล็ดเมฆาเยือกแข็ง
อย่างเงียบงัน เมื่อมือมันเปล่งแสงสี ฟ้าจาง ตัวอักษรสี ฟ้าใสพลัน
ปรากฎขึ้นบนกําแพงสี เขียวอย่างรวดเร็ ว
“ข้าได้ยนิ มาว่านอกจากบรรพชนเมฆาเยือกแข็งแล้ว ตลอด
ช่วงพันปี มานี้มีเพียงฉิ งเยว่ภรรยาข้าที่สามารถเข้าใจและฝึ กฝน
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบได้ นี่พิสูจน์ได้สองอย่าง หนึ่งคือฉิ งเยว่
ภรรยาข้านั้นช่างยอดเยีย่ มนัก และยังพิสูจน์อีกว่าเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบนั้นลึกลับยิง่ ” ตัวเคล็ดวิชาของ ‘เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ’
พลันเริ่ มสลักเข้าสู่ หว้ งความคิดมัน “ไหนขอดูหน่อยว่าวิชานี้มี
อะไรบ้าง” “เคล็ดเยือกแข็งบรรจบ ---- เคล็ดหลัก --- นํ้าแข็ง สุ ด
ขั้ววารี สุ ดขีดเยือกเย็น สรรพสิ่ งใต้ฟ้าล้วนกลายเป็ นนํ้าแข็งได้ แช่
วารี เป็ นนํ้าแข็ง แช่โลหิ ตเป็ นนํ้าแข็ง แช่คลื่นพลังเป็ นนํ้าแข็ง แช่
ลมปราณเป็ นนํ้าแข็ง ภูผา หุบเขา และท้องนภาล้วนแต่ถูกแช่
กลายเป็ นนํ้าแข็งได้…”
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบแม้ดูโผงผางและเรี ยบง่าย แต่กล็ ึกลํ้า
ยิง่ เช่นกัน หากมองเพียงผิวเผิน วิชานี้ดูไม่เหมือนเคล็ดวิชาที่ทรง
พลังแม้แต่นอ้ ย และเป็ นเพียงข้อความที่เวิน่ เว้อเกินจริ ง คราแรก
หยุนเช่อเพียงคิดจะลองดูเคล็ดเยือกแข็งบรรจบอันลึกลับนี้
เล็กน้อย แต่หลังจากตัวเคล็ดได้ผา่ นสายตาเข้าสู่ หวั ใจและ
วิญญาณของมันแล้ว ชายหนุ่มกลับจมจ่อมอยูก่ บั ตัวเคล็ดวิชาโดย
ไม่รู้ตวั แม้แต่นอ้ ย สี หน้ามันเองก็พลันสงบราบเรี ยบขึ้น หลังจาก
นั้นเมื่อชายหนุ่มจมจ่อมอยูก่ บั เคล็ดวิชาลึกขึ้น กระทัง่ ประสาท
สัมผัสทั้งหกของมันก็ปิดลงจนหมด มันถึงกับลืมเลือนว่าเซี่ยฉิ ง
เยว่ยนื อยูข่ า้ งกายด้วยซํ้าไป
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบซึมซับเข้าสู่ หวั ใจมันผ่านทางสายตา
ภายในห้วงสํานึกของหยุนเช่อ พลันบังเกิดสุ ม้ เสี ยงอันแช่มช้าเอ่ย
ตัวเคล็ดเยือกแข็งบรรจบออกมาขณะมันจดจําเสี ยงนี้ไว้ในใจ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะสัมผัสได้วา่ เมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี ท่ี
สงบนิ่งมาตลอดพลันตื่นขึ้นราวกับสัมผัสได้ถึงสิ่ งมันที่โหยหา
หยุนเช่อที่มีสีหน้าผ่อนคลายเมื่อครู่ บดั นี้กลับมีสีหน้า
ราบเรี ยบไร้อารมณ์ขณะมองไปยังกําแพง เซี่ยฉิงเยว่แม้จะ
ประหลาดใจแต่กม็ ิได้ส่งเสี ยงอะไรออกไปรบกวนหยุนเช่อ
ก่อนที่ใบหน้านางจะปรากฎความแตกตื่นขึ้น… ตัวเคล็ดวิชาของ
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบนั้นลึกซึ้ งหาที่เปรี ยบ มันประกอบด้วยกฎ
พื้นฐานเรื่ องพลังแห่งธาตุน้ าํ แข็งอันลึกซึ้ งและเข้าถึงได้ยากที่สุด
ยามศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมาสัมผัสผนังนี้เป็ นครั้งแรก
พวกนางที่พบเจอกับเคล็ดวิชาอันลึกลํ้าเช่นนี้กไ็ ด้แต่รู้สึกว่า “ไม่
อาจเข้าใจได้” เพื่อที่จะทําความเข้าใจเคล็ดเยือกแข็งบรรจบ เซี่ย
ฉิ งเยว่จาํ ต้องใช้เวลาอยูใ่ นนรกเยือกแข็งหลายเดือน นางฝังร่ าง
ตัวเองลงในปราณนํ้าแข็งเพือ่ เข้าถึงพลังธาตุน้ าํ แข็งอย่างถ่องแท้
และฝึ กฝนเคล็ดเยือกแข็งบรรจบได้สาํ เร็ จ
หยุนเช่อเพียงสัมผัสมันเป็ นครั้งแรก ซํ้าคนที่ใช้ปราณอัคคี
ที่ขดั แย้งกับธาตุน้ าํ แข็งเป็ นหลักอย่างมันกลับเข้าใจในเคล็ดวิชา
ได้อย่างนั้นรึ !?
เมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี ภายในเส้นชีพจรลมปราณ
ของหยุนเช่อส่ งเสี ยงร้องออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความตื่นเต้น
ก่อนจะเริ่ มโคจรหมุนวนอย่างแช่มช้า ตอนนั้นเองพลันปรากฎ
หมอกทรงกลมแผ่ออกมาล้อมร่ างชายหนุ่มไว้พร้อมกับหมอก
ทรงกลมลูกที่สองปรากฎขึ้นล้อมชายหนุ่มไว้อีกครั้ง ทว่าในคราว
นี้ม่านหมอกยังคงสภาพไว้เนิ่นนาน ก่อนที่ประกายแสงสี ฟ้าอ่อน
จะสาดส่ องและปรากฎจิตวิญญาณนํ้าแข็งขึ้นเริ งระบํารอบตัวหยุ
นเช่อภายในม่านหมอกราวกับมีชีวติ
ฝี ปากสี ชมพูของเซี่ยฉิ งเยว่อา้ ออกเล็กน้อย ดวงตาทรงเสน่ห์
ของนางฉาบไปด้วยความไม่อยากเชื่อ จิตวิญญาณนํ้าแข็งนี้มิใช่
ผลึกนํ้าแข็งสามัญที่เกิดจากพลังความเย็นของเคล็ดเมฆาเยือกแข็ง
แต่เป็ นจิตวิญญาณนํ้าแข็งที่จะปรากฎขึ้นยามเมื่อบรรลุเคล็ดเยือก
แข็งบรรจบขั้นแรกได้แล้วเท่านั้น!
ซํ้าตั้งแต่หยุนเช่อเริ่ มทําความเข้าใจเคล็ดเยือกแข็งบรรจบ
เวลายังผ่านไปเพียงหนึ่งชัว่ โมงเท่านั้น!
สุ ดยอดเคล็ดวิชาธาตุน้ าํ แข็งที่ไม่มีผใู ้ ดในแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งสามารถบรรลุได้มาตลอดพันปี และแม้แต่ตวั เซี่ย
ฉิ งเยว่ที่มีพรสวรรค์ในการทําความเข้าใจสู งลํ้ายังต้องใช้เวลาถึง
หลายเดือนเพื่อจะเข้าถึง หยุนเช่อกลับใช้เวลาไม่ถึงชัว่ โมงก็บรรลุ
ถึงขั้นพื้นฐาน!
เซี่ ยฉิ งเยว่ได้แต่จบั จ้องหยุนเช่ออย่างตกตะลึง นางสงสัย
เหลือเกินว่าบุรุษผูเ้ ป็ นสามีแต่ในนามของนางผูน้ ้ ียงั มีความลับซุก
ซ่อนเอาไว้อีกมากมายเพียงใด
ความจริ งแล้ว แม้พรสวรรค์ในการทําความเข้าใจของหยุ
นเช่อจะสู งลํ้า มันก็ไม่อาจเหนือกว่าเซี่ยฉิ งเยว่ได้
ทว่าในร่ างของชายหนุ่มมีเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี อยู่
นํ้าแข็งเป็ นสภาวะหนึ่งของนํ้า ในการจะเข้าถึงเคล็ดเยือก
แข็งบรรจบ ผูฝ้ ึ กจําต้องมีความเข้าใจในกฎพื้นฐานของนํ้าแข็งใน
ระดับที่สูงมากเสี ยก่อน และหยุนเช่อผูค้ รอบครองเมล็ดวิญญาณ
เทพอสู รธาตุวารี ยอ่ มคุน้ เคยกับวารี ธาตุเป็ นอย่างดี ความเข้าใจ
ของมันในเรื่ องกฎของนํ้าแข็งก็บรรลุถึงขีดสุ ดเช่นกัน ดังนั้น
อุปสรรคในการฝึ กเคล็ดเยือกแข็งบรรจบสําหรับหยุนเช่อแล้วก็
เหมือนไม่มีอยู!่
ขณะเดียวกัน ความเร็ วในการตีความเคล็ดวิชาและประทับ
ลงสู่ วญ
ิ ญาณนั้นเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณของผูฝ้ ึ กอย่างที่สุด หยุ
นเช่อที่มีวญ ิ ญาณเทวะมังกรในร่ าง แม้จะไม่อาจสําแดงพลัง
วิญญาณพิสดารออกมาได้มากเนื่องจากข้อจํากัดจากพลัง
ลมปราณ พลังวิญญาณของชายหนุ่มก็ยงั เหนือลํ้ากว่าคนทัว่ ไป
อย่างเทียบไม่ติด เมื่อมีวญ ิ ญาณเทวะมังกรในร่ าง การจะพูดว่าหยุ
นเช่อสามารถฝึ กฝนเคล็ดวิชาทุกแขนงในจักรวรรดิลมปราณฟ้า
ได้กไ็ ม่นบั ว่าพูดเกินเลยแม้แต่นอ้ ย
อีกชัว่ โมงผ่านพ้น จิตวิญญาณนํ้าแข็งรอบตัวหยุนเช่อก็
เพิ่มพูนขึ้นเรื่ อยๆ จากหนึ่งเป็ นสิ บ หลายสิ บ และหลายร้อย…
หลังจากซึ มซับเคล็ดเยือกแข็งบรรจบทั้งหมดเข้าสู่จิตใจและ
วิญญาณแล้ว หยุนเช่อก็หลับตาลง ก่อนที่ร่างของมันจะพลันเปล่ง
คลื่นพลังเย็นเยียบเสี ยดกระดูกและทําให้จิตใจทื่อด้านออกมา
ก่อนที่จะปรากฎผลึกนํ้าแข็งออกจากร่ างมันและเข้าห้อมล้อม
สร้างนํ้าแข็งคลุมร่ างชายหนุ่มไว้ช้ นั แล้วชั้นเล่า
หยุนเช่อในยามนี้ได้เข้าสู่ สภาวะลืมตัวตนโดยสมบูรณ์ เป็ น
สภาวะขั้นสู งสุ ดในการตีความเคล็ดวิชาและไม่สมควรจะถูก
รบกวนไม่วา่ กรณี ใดๆ เซี่ยฉิงเยว่พลันเหินร่ างขึ้น เหม่อมองชาย
หนุ่มสักครู่ ก่อนจะจากไปโดยไร้สุม้ เสี ยง… ภายใต้สภาวะระดับนี้
ผูฝ้ ึ กจะไม่รับรู ้เวลาแม้แต่นอ้ ย และจะฝึ กฝนต่อเนื่องหลายวัน
หรื อหลายสิ บวันก็ยงั มิใช่เรื่ องแปลก และหากผูเ้ ข้าสภาวะนี้มีพลัง
สู งลํ้า ก็อาจจะเข้าสู่ สภาวะนี้หลายปี หรื อหลายร้อยปี ได้โดยไม่
รู ้ตวั
ทว่าเวลาที่หยุนเช่อใช้ในครานี้ไม่ได้นานอย่างที่เซี่ยฉิ งเยว่
คาดไว้
จันทราเย็นเยียบซ่อนตัวอยูห่ ลังม่านเมฆ ขณะทัว่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมด้วยความมืดของรัตติกาลเข้าสู่ สภาวะไร้ผคู ้ น
หยุนเช่อก็ตื่นขึ้นจากสภาวะลืมตัวตน
เพล้ ง!!
ทันทีที่มนั ลืมตา ผนึกนํ้าแข็งที่ลอ้ มร่ างมันไว้กพ็ ลันแตก
ออกกลายเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หยุนเช่อกางแขนออกพลางมองดู
มือทั้งสองข้าง สัมผัสได้เพียงว่าร่ างมันในยามนี้สดชื่นและสบาย
อย่างที่สุดตั้งแต่หวั จรดเท้า ราวกับร่ างมันถูกชําระล้างจนบริ สุทธิ์
ไร้มลทิน
“พฤกษาเยือกแข็งบรรจบ!”
เพียงหยุนเช่อพึมพํา พฤกษาผลึกนํ้าแข็งสองต้นพลันผุดขึ้น
จากสองฝ่ ามือมันอย่างรวดเร็ ว ก่อนจะบังเกิดกิ่งก้านและใบที่เกิด
จากนํ้าแข็ง
“กระจกมายาเยือกแข็งบรรจบ!”
กิง๊ !!
เพียงหยุนเช่อกางสองมือออก ม่านพลังทรงกลมใสกระจ่าง
พลันล้อมร่ างมันไว้ภายใน คลื่นพลังเย็บเยียบจากร่ างมันพลันถูก
ปิ ดกั้นแทบจะสมบูรณ์ สุ ม้ เสี ยงถูกกลบหายไปจนหมด วิชายุทธ์
เร้นกายนี้เข้มแข็งกว่า “ม่ านเมฆาเยือกแข็ง” ของเคล็ดเมฆาเยือก
แข็งไม่รู้กี่เท่า หากเรี ยกใช้ม่านพลังนี้ หยุนเช่อมัน่ ใจว่าต่อให้เป็ น
คนที่มีพลังลมปราณสู งกว่ามันสองระดับชั้นพยายามตามหามัน
ในระยะสามร้อยเมตร ก็ยงั ยากลําบากยิง่ หยุนเช่อเลิกใช้กระจก
มายาเยือกแข็งบรรจบก่อนจะพึมพําแผ่วเบา “บรรลุถึงขั้นที่สี่ใน
อึดใจเดียว เคล็ดเยือกแข็งบรรจบนี้ดูไม่ได้ยากเย็นเท่าใดนัก…
นับว่าง่ายดายกว่าการบรรลุเทพดาราแยกเงาและมหาวิถีโพธิสตั ว์
ให้ระดับสู งขึ้นมากนัก”
มิตอ้ งพูดถึงคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ต่อให้
บรรพชนแดนศักดิ์สิทธิ์มาได้ยนิ คําพูดของหยุนเช่อด้วยตนเอง
นางคงได้แต่กระอักโลหิ ตราดใบหน้ามันด้วยโทสะเป็ นแน่…
เมล็ดวิญญาณเทพอสู รและวิญญาณเทวะมังกร มันที่มีของสุดโกง
จากโลกอื่นมากมาย กลับกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมาได้!
เซี่ ยฉิ งเยว่มิได้อยูข่ า้ งกายมันแล้ว หยุนเช่อเดินขึ้นมาจากชั้น
ใต้ดินด้วยตัวเอง มันจึงได้ทราบว่ายามนี้เป็ นช่วงกลางคืนแล้ว
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งยามคํ่าคืนนั้นเงียบงันสุ ดประมาณ
ในคลองจักษุมนั ไม่มีผใู ้ ดเลยแม้แต่คนเดียว
แม้แสงจันทร์ส่วนใหญ่จะถูกเมฆบดบังตลอดปี แสง
สะท้อนจากพื้นหิ มะก็ทาํ ให้แดนนี้ไม่ได้มืดมิดเกินไป หยุนเช่อ
พลันเสี ยใจขึ้นมาที่ไม่ได้ถามทางไปห้องของเซี่ยฉิงเยว่ในตอน
กลางวันไว้ มิเช่นนั้น… ช่างเป็ นโอกาสดีอะไรเช่นนี้!!
นอกจากมันแล้ว ในแดนศักดิ์สิทธิ์ยอ่ มมีแต่อิสตรี เมื่อเป็ น
ยามคํ่าคืน การจะให้มนั ไปตามหาผูอ้ ื่นนอกจากเซี่ยฉิ งเยว่กด็ ูไม่
เหมาะสม ซํ้าหลินยูเ่ ซียนยังไม่ได้ประกาศให้มนั เป็ นศิษย์แดน
ศักดิ์สิทธิ์ หากมันไปพบกับศิษย์คนอื่นก็คงเกิดเรื่ องวุน่ วายแน่…
หรื อจะตะโกนชื่อเซี่ยฉิ งเยว่ตรงนี้ดี? ฟังดูไม่เข้าท่ายิง่ กว่าเดิมเสี ย
อีก
ข้าควรทําเช่นไรดี? อย่าบอกนะว่าต้องรอตรงนี้จนกว่าฉิ ง
เยว่ภรรยาข้าจะมาหาเอง?
หยุนเช่อยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ไม่ขยับอยูน่ าน หากเป็ นสถานที่อื่น
ต่อให้เป็ นหนึ่งในสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ มันก็ยงั กล้าเดินเล่นอยูบ่ า้ ง แต่
สถานที่น้ ีกลับมีแต่สตรี ท้ งั หมด… การจะเคลื่อนไหวยามคํ่าคืนคง
ไม่ง่ายดายนัก! เอาเถอะ… กลับไปที่ตาํ หนักศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบก่อนก็แล้วกัน
หยุนเช่อคิดอย่างเสี ยไม่ได้ ก่อนจะหันหลังเตรี ยมกลับลงไป
ใต้ดิน เพียงก้าวไปเบื้องหน้าได้หนึ่งก้าว ใบหูของมันก็กระตุก…
ทางด้านขวาของมันมีสุม้ เสี ยงของอิสตรี ดงั ขึ้นอย่างแผ่วเบา มัน
เร่ งตั้งใจฟังในทันที… เป็ นเสี ยงของสตรี หลายคนและน่าจะห่าง
จากมันประมาณสองสามร้อยฟุต
และหนึ่งในนั้น...เป็ นเสี ยงของฉู่เยว่หลี่!
หากมันพบเจอกับฉู่เยว่หลี่ เรื่ องที่จะตามมานั้นถือว่าจัดการ
ได้ง่ายกว่ามาก หยุนเช่อพลันเร่ งเดินไปยังต้นเสี ยงโดยไม่ขบ
คิด… ยิง่ มาเข้าใกล้ สุ ม้ เสี ยงก็ยง่ิ ชัดเจนขึ้นเรื่ อยๆ
“เยว่หลี่ ยังไม่มีข่าวคราวจากศิษย์พี่หญิงเยว่ฉานอีกหรื อ?”
“ไม่มีเลย ท่านพี่อาจจะกังวลเรื่ องความปลอดภัยของทารก
จึงมุ่งสู่ สถานที่ที่ตดั ขาดจากโลกภายนอก นางอาจจะจาก
จักรวรรดิวายุครามไปแล้วก็ได้… เฮ้อ ข้าเป็ นห่วงนางจริ งๆ”
อีกเสี ยงที่อ่อนโยนดุจสายนํ้าดังขึ้น “อย่าห่วงไปเลย พลัง
ฝี มือของศิษย์พี่เยว่ฉานสู งส่ งระดับปราณจักรพรรดิ แม้นางจะไม่
มีวชิ ายุทธ์แล้ว การจะปกป้องตัวเองก็ยงั ไม่ใช่ปัญหาแน่”
“ข้ายังไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดศิษย์พี่หญิงเยว่ฉานถึงทําเรื่ อง
เช่นนั้นกับคนที่ชื่อหยุนเช่อกัน? ช่าง… ไม่อาจเข้าใจได้จริ งๆ” สุ ม้
เสี ยงนี้ฟังดูร่าเริ งราวกับออกมาจากปากของเด็กสาว
“อืมม ไม่เข้าใจเลยจริ งๆ… ว่าไปแล้ว หยุนเช่อคนนั้นสุ ด
ยอดขนาดนั้นจริ งๆรึ ? นายหญิงคนก่อนทําไมถึงต้องการพบมัน
มาตลอดกัน? ศิษย์พหี่ ญิงเยว่หลี่ทราบหรื อไม่?” สุ ม้ เสี ยงนี้แทบจะ
เหมือนกับเสี ยงก่อนหน้า หากสําเนียงการพูดไม่ได้แตกต่างกัน
เล็กน้อยแล้ว ก็อาจเข้าใจผิดว่าเป็ นเสี ยงของคนเดียวกันได้อย่าง
ง่ายดาย
หยุนเช่อเดินเข้าใกล้ข้ ึนทุกที มันไม่ได้ซุกซ่อนพลังของตน
และถูกสตรี เหล่านี้พบเจอได้อย่างรวดเร็ ว ไม่ชา้ สุ ม้ เสี ยงของพวก
นางล้วนแต่มุ่งตรงมาหามัน…
เพียงแต่มนั เพิ่งฝึ กเคล็ดเยือกแข็งบรรจบสําเร็ จจนทัว่ ร่ าง
เปล่งพลังเย็นเยียบออกมา และตัวมันยังมี “ผลึกวิญญาณเมฆา
เยือกแข็ง” ฝังไว้ ทําให้คนที่เป็ นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเหมือนกันสัมผัสได้ในทันที และเชื่อว่ามันย่อมเป็ นศิษย์คน
หนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเช่นกัน…
และพวกนางย่อมไม่คาดคิดว่าจะมีบุรุษมาเดินใกล้พวกนาง
เช่นนี้
“มีคนกําลังมาทางนี้ เอ๋ ? คลื่นพลังนี้… รู ้สึกไม่คุน้ แปลกๆ”
“คลื่นพลังนี้ดูเหมือนจะเป็ นคลื่นพลังของเคล็ดเยือกแข็ง
บรรจบ นี่ไม่ถูกต้อง เจ้าของคลื่นพลังนี้เห็นชัดว่าบรรลุช้ นั ปราณ
ปฐพีข้ นั เจ็ดเท่านั้น ไม่ใช่ฉิงเยว่แน่”
“ทุกคนมาลองทายกันไหมว่าจะเป็ นพี่นอ้ งหรื อศิษย์คน
ใด?”
“ข้าคิดว่าหลิงเสวีย่ … ไม่สิ หรื อจะเป็ นซัวหลอ?”
“ดูเหมือนจะเป็ นลู่หลัว… คลื่นพลังนี้ไม่ค่อยคุน้ เลย หรื อจะ
เป็ นพี่นอ้ งคนไหนจงใจซุกซ่อนพลังเพือ่ หยอกพวกเรากัน?”
“น้องสาวด้านนอกรี บเข้ามาเร็ ว หากเจ้ายังหลบๆซ่อนๆ
แบบนี้ พวกเราจะออกไปคว้าเจ้าเข้ามานะ”

เบื้องหน้าหยุนเช่อคือประตูน้ าํ แข็งที่ปิดไม่สนิท เบื้องหลัง


ประตูมีเสี ยงของสตรี ท้ งั หกดังลอดออกมา… บางเสี ยงชัดเจนและ
เย็นชา บางเสี ยงอ่อนโยน และบางเสี ยงก็ร่าเริ งชวนฟัง ซํ้าคําพูดที่
พวกนางเอ่ยออกมาก็ทาํ ให้หยุนเช่อไม่อาจทนได้อีก มันเร่ งคาด
เดาถึงท่าทีที่พวกนางจะแสดงต่อมันอย่างรวดเร็ ว ก่อนจะก้าวไป
ผลักบานประตูน้ าํ แข็งเบื้องหน้า…
ชายหนุ่มอ้าปาก แต่ก่อนที่มนั จะทันได้เอ่ยคํา ร่ างของมันก็
แข็งทื่อราวกับโดนไฟดูด…
เบื้องหน้ามันเป็ นบ่อนํ้าที่ใสจนเห็นก้น เหนือบ่อไร้ซ่ ึง
หมอกควัน นี่จึงย่อมมิใช่บ่อนํ้าร้อน นี่เป็ นบ่อนํ้าเย็นธรรมชาติ
แห่งเดียวที่ไม่ถูกความหนาวของแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งแช่จนเป็ น
นํ้าแข็ง
ภายในบ่อนํ้าเย็นมีร่างเปลือยเปล่าที่ขาวผุดผ่องราวกับสลัก
จากนํ้าแข็งอยูห่ กร่ าง รู ปลักษณ์ของแต่ละคนราวกับถูกปั้นแต่ง
โดยทวยเทพ แม้จะมีเอกลักษณ์แต่กล็ ว้ นงดงามดุจเทพธิดา
เหมือนกัน ผิวพรรณของพวกนางล้วนแต่เรี ยบเนียนไร้ตาํ หนิราว
กับบังเกิดจากหิ มะและนํ้าแข็ง สองขาเรี ยวยาวงดงามล้วนอยูใ่ ต้
นํ้าด้วยอิริยาบทต่างๆ ปทุมถันคู่งามเผยให้เห็นเด่นชัด บ้างโค้ง
กลมกลึงราวกับจันทรา บ้างก็ถูกสองแขนปกปิ ดไว้อย่างน
นุ่มนวล… ทุกสิ่ งล้วนแต่เสริ มเติมแต่งเป็ นภาพที่ทาํ ให้เส้นโลหิ ต
ของบุรุษเพศระเบิดออกและกระชากวิญญาณออกจากร่ างของ
พวกมันได้ในบัดดล
บทที่ 384 นางเซียนเยือกแข็งพิโรธ

สระนํ้าพุภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนั้นยังมีอีกชื่อ
คือ “เมฆาเยือกแข็ง” ซึ่ งมันถูกเรี ยกว่า “นํ้าพุเมฆาเหมันต์เยือก
แข็ง” ที่มีอยูน่ บั ตั้งแต่ก่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ท่ามกลางโลกหิ มะนํ้าแข็งอันเหน็บหนาวในที่น้ ี สระนํ้าพุน้ ีกลับมิ
เคยจับตัวเป็ นนํ้าแข็งตลอดระยะเวลาอันยาวนาน สายนทีที่ผดุ พุง่
ขึ้นมาใสกระจ่างอย่างถึงที่สุด สามารถมองเห็นกรวดทรายแต่
ละเม็ด ก้อนหิ นแต่ละก้อนข้างใต้อย่างชัดเจน พลังงานเยือกแข็งที่
สะสมอยูใ่ นสระนํ้าพุห่างไกลจากนํ้าแข็งศักดิ์สิทธิ์ในที่น้ ียง่ิ นัก
ยามที่ศิษย์สตรี แดนเมฆาเยือกแข็งลงแช่ในสระนํ้าพุ ไม่เพียง
สามารถสร้างความสุ ขสบายอย่างยิง่ เท่านั้น นํ้าพุน้ ีเป็ นมิตรกับ
พลังปราณภายในร่ างกายและช่วยให้พลังที่ไม่เสถียรสงบลงอีก
ด้วย
ดังนั้นหลังจากที่เหล่าศิษย์ท้ งั หลายฝึ กฝนมาทั้งวันแล้ว ศิษย์
สตรี จาํ นวนไม่นอ้ ยย่อมลงแช่ในสระนํ้าพุน้ ี...และเมื่อพวกนางลง
แช่ในสระนํ้าพุ การเปลือยกายไร้อาภรณ์แม้เพียงชิ้นจึงเป็ นเรื่ อง
ธรรมชาติ เพื่อให้ร่างกายเปล่าเปลือยที่ขาวนวลประดุจหยกได้
สัมผัสกับสายนํ้าโดยตรง แม้พวกนางจะได้ยนิ เสี ยงใดๆจาก
ภายนอก ทั้งหมดล้วนมิได้เร่ งรี บสวมอาภรณ์มากนัก...เพราะแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนี้มีเพียงอิสตรี เท่านั้นและไม่มีทางเป็ นไป
ได้ที่จะมีบุรุษใดย่างกรายเข้ามา
ทว่าวันนี้ เหตุไม่คาดฝันอันยิง่ ใหญ่ที่ชื่อหยุนเช่อได้ปรากฎ
ขึ้น!
และสิ่ งที่น่าแปลกใจที่สุดคือ...สระนํ้าพุที่เหล่าศิษย์แดน
เมฆาเยือกแข็งจะมาลงแช่และขึ้นอย่างรวดเร็ วนั้น ในคืนนี้มีศิษย์
ตั้งแต่ระดับกลางถึงระดับสู งปรากฎตัวและลงแช่สระนํ้าพุอย่างใจ
เย็นมาพักหนึ่ง ทั้งหกคนกําลังแช่อยูใ่ นสระ ซึ่งหยุนเช่อเคยได้ยนิ
ชื่อเสี ยงเรี ยงนามของพวกนางมาหลายครั้ง และได้พบกันยามมัน
ได้เป็ นศิษย์ของแดนศักสิ ทธิ์เมฆาเยือกแข็ง…
มู่หรงเชียนเสวีย่ ----เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับสอง!
จวินเหลียนเชีย-----เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับสาม!
มู่หลันอี้-----เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับสี่ !
อาจารย์ของเซี่ยฉิงเยว่เจ็ดนางเซียนอันดับห้าฉู่เยว่หลี่ที่หยุ
นเช่อได้พบปะบ่อยครั้ง!!
แล้วก็เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันดับหกและเจ็ดพี่นอ้ ง
ฝาแฝด เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ !!
ถูกแล้ว! ทั้งหก...คือเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งเป็ นรอง
เพียงนายหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเท่านั้น! หากไม่
นับรวมเซี่ ยฉิ งเยว่ นางเซียนทั้งหกอยูท่ ี่นี่ท้ งั หมด!
หากหยุนเช่อได้เห็นกองภูเขาซากศพหลังผลักเปิ ดประตู
นํ้าแข็ง แม้แต่คิ้วของมันยังไม่กระตุกด้วยซํ้า และถึงแม้วา่ มันจะ
พบสัตว์อสู รลมปราณมืดฟ้ามัวดินพุง่ เข้ามาอาละวาด ก็แค่ทาํ ให้
มันจ้องมองเล็กน้อยเท่านั้น...ในทั้งสองชีวติ ของหยุนเช่อ มันได้
สร้างภูเขาซากศพและกระดูกจํานวนนับไม่ถว้ น ได้พบเจอกับ
เหตุการณ์อนั ตรายร้ายแรงมาหลายครั้งคราที่บุคคลทัว่ ไปมิอาจ
คาดถึง มันคิดว่าจิตใจของมันแข็งแกร่ ง ขนาดที่วา่ แม้ขนุ เขาไท่
ซานจะแหลกสลายต่อหน้ามัน ชายหนุ่มยังคงไม่สะท้านหวัน่ ไหว
แม้แต่นอ้ ย (หยุนเช่อ:ไก่ไรวะ ภูเขาไท่ซาน) บางครั้ง ชายหนุ่มมัก
แสดงปฏิกิริยาตอบโต้จนเกินจริ งให้ผอู ้ ื่นเห็น ทว่าภายในจิตใจ
ของมันตระหนักรู ้อย่างชัดแจ้งโดยตลอด…
แต่ในทั้งสองชีวติ ของมัน มันยังไม่เคยพบกับภาพเหตุการณ์
เช่นนี้มาก่อน!!!
ถ้ามันต้องใช้สองคําอธิบายสถานการณ์ในปัจจุบนั ล่ะก็ วลี
ที่แล่นในหัวก็คือ….
มูล ศักดิ์สิทธิ์!!!
ร่ างของเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอันเปลือยเปล่าที่เล่าลือ
ในตํานานได้ปรากฏต่อตาหยุนเช่อแล้ว แค่จินตนาการถึง
เหตุการณ์น้ ี หลอดเลือดดําของเหล่าบุรุษล้วนสามารถระเบิด
ออกมาได้ แต่สิ่งที่หยุนเช่อเห็นอยูน่ ้ ีน้ นั ทุกสิ่ งทุกอย่างที่มนั เคย
พบเจอมาตลอดสองชีวติ ยังมิอาจสัน่ สะเทือนขวัญวิญญาณของ
มันได้เท่าภาพตรงหน้า มันรู ้สึกได้ถึงกระแสโลหิ ตและพลังงานที่
ไหลเวียนอย่างปั่นป่ วนบ้าคลัง่ ภายในร่ างกาย ซึ่งมันคงพุง่ ออก
ทางจมูกแน่หากมันยังจ้องมองต่อไป
เมื่อเจ็ดนางเซียนในสระนํ้าพุเย็นแลเห็นหยุนเช่อ…หาก
กล่าวอย่างถูกต้อง ชัว่ พริ บตาที่พวกนางมองเห็นบุรุษ ทั้งหมดตก
ตะลึงราวโง่งม ทว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดล้วนมิใช่สตรี สามัญ
ทัว่ ไป เมื่อเผชิญพบเหตุการ์อนั เหนือสามัญสํานึกเช่นนี้ พวกนาง
ไม่ได้หวาดกลัวจนร่ างกายนิ่งค้างดังสตรี ปกติ...กลับกัน ผูเ้ ยาว์
ที่สุดในกลุ่มเฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ หลุดเสี ยงร้องออกมา
อย่างตกใจ เป็ นสุ ดยอดเสี ยงกรี ดร้องอานุภาพเจาะทะลวงแก้วหู…
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอันสงบเงียบนี้ เสี ยงกรี ด
ร้องทั้งสองได้รวมกันกลายเป็ นเสี ยงอันทรงพลังแพร่ กระจายไป
ทัว่ ทุกซอกทุกมุม พร้อมกับความตื่นตระหนกและหวาดผวาใน
เสี ยงกรี ดร้องนี้ ทําให้ศิษย์ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ต้องสะดุง้ ตกใจ หยุนเช่อค่อยๆ ก้าวถอยหลังในขณะที่กาํ ลังสัน่
กลัว มันละลํ่าละลักกล่าว “ขะ-ขะ-ข้าผิดเอง...มะ...มาผิดทาง ทะ
...ทุกท่านเชิญแช่น้ าํ ต่อตามสบายเถอะ…”
หลังพูดจบ หยุนเช่อไม่ลืมที่จะจับภาพไว้เป็ นครั้งสุ ดท้าย
ก่อนสู ดหายใจเตรี ยมเผ่นหนี
“หยุนเช่อ!! ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
ก่อนที่หยุนเช่อจะออกวิง่ ฉู่เยว่หลี่ตะโกนเสี ยงเย็นด้วย
เจตนาฆ่าฟันเต็มที่มาจากด้านหลังมัน ทันใดนั้นเอง กระบี่ผลึก
นํ้าแข็งในมือของหญิงสาวที่บรรจุไว้ดว้ ยพลังความเย็นพลันทิ่ม
แทงเข้าใส่ ปลายกระบี่ก่อเกิดเป็ นดอกบัวนํ้าแข็งสี ฟ้าเบ่งบานขึ้น
อย่างรวดเร็ วและพุง่ ทะลวงไปยังแผ่นหลังของหยุนเช่อ
ในเวลาไล่เรี ยงกัน เหล่านางเซียนที่หลงเหลือต่างสวมใส่ ผา้
คลุมเรี ยบร้อยพร้อมกับลอยตัวขึ้น อภิมหาฝนผลึกนํ้าแข็งก็ได้
ถล่มลงมายังเบื้องล่างในยามคํ่าคืนอันสวยงามนี้ เสี ยงหวีดหวิว
แห่งสายลมเย็นเยือกนั้นเล็งเป้าไปที่หยุนเช่ออย่างแม่นยํา มวล
อากาศทัว่ ร่ างของชายหนุ่มแทบถุกเยือกแข็งจนหมดสิ้ น ในทันใด
กําแพงนํ้าแข็งหนาสามเมตรก็ปรากฎขึ้นขวางหน้ามัน แทบทําให้
หยุนเช่อต้องเสี ยหลักหากพุง่ เข้าใส่ โดยไม่ดูตาม้าตาเรื อ
ย่างก้าวของมันถูกบังคับให้หยุดนิ่งทันที หกนางเซียนพลัน
ล้อมกรอบเข้ารอบด้านจากทิศทางต่าง ๆ ในทันที กระบี่ผลึก
นํ้าแข็งแผ่รัศมีเย็นเยือกทั้งหกต่างพุง่ เป้าไปที่หยุนเช่อ แม้พวกนาง
จะใส่ เสื้ อคลุมเรี ยบร้อยแล้ว ภายใต้สภาพที่ตื่นตระหนกและเร่ ง
รี บ พวกนางต่างมิทนั ได้เช็ดนํ้าออกจากร่ างกาย เส้นสายหยาดนํ้า
บนร่ างกายพวกนางทําให้เสื้ อคลุมหิ มะอันบางเบารัดแนบลงบน
ร่ างกายอันสมบูรณ์แบบของทั้งหก เปิ ดเผยส่ วนเว้าโค้งอันงดงาม
มิอาจหาสิ่ งใดเทียบเคียงได้ ภาพตรงหน้าช่างน่าหลงใหลเกิน
จินตนาการมากกว่าตอนพวกนางเปลือยเปล่าเสี ยอีก เมื่อมองเห็น
ภาพนี้ หยุนเช่อแทบยกมือปิ ดจมูกตัวเองโดยไม่รู้ตวั …
คืนแรกในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งของมันช่าง
ประเสริ ฐยิง่ นัก เพียงพอให้มนั แลกชีวติ ได้เลย!
“หยุนเช่อ ข้าไม่เคยคาดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็ นผูม้ ากตัณหา
เช่นนี้ ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิง่ นัก!” ฉู่เยว่หลี่กดั ฟันกล่าวออกมาด้วย
ใบหน้าเย็นเยือก ยอดหยกที่ปรากฏขึ้นบริ เวณทรวงอกผ่านเสื้ อ
คลุมเปี ยกชื้นที่รัดแนบออกมามีสณ ั ฐานราวพระจันทร์ครึ่ งเสี้ ยว
อันสมบูรณ์แบบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงโทสะของหญิงสาว
“ไร้ยางอาย บุรุษโสโครกน่ารังเกียจ เจ้าบุรุษตํ่าต้อยกล้า
บังอาจมาแอบดูเราพี่นอ้ ง...ให้อภัยไม่ได้! แม้วา่ เจ้าจะเป็ นผูท้ ี่ท่าน
หญิงรุ่ นก่อนต้องการพบ ข้าก็จะฆ่าเจ้าวันนี้!” มู่หรงเชียนเสวีย่
กล่าวออกอย่างเยือกเย็นหนาวเหน็บและกระหายเลือด นาง
ปลดปล่อยคลื่นพลังระดับชั้นลมปราณฟ้าออกจากร่ างกายและพุง่
เป้าหมายไปยังหยุนเช่อ
“อุววว...ทําอย่างไรดี? มันเห็นหมดแล้ว...อุว…” สองพี่นอ้ ง
ฝาแฝดเฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ ราวกับได้รับความสู ญเสี ย
อย่างหนักได้แต่จอ้ งมองออกไปอย่างว่างเปล่า สี หน้าบิดเบี้ยว
เหล่าจิตวิญญาณหิ มะล่องลอยอยูร่ อบกายหยุนเช่อพร้อมกับ
เกล็ดนํ้าแข็งที่ร่ายรําอยูใ่ นอากาศ ใบหน้าเจ็ดนางเซียนแต่ละนาง
นั้นช่างหาที่เปรี ยบมิได้ ราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์จุติมายัง
พื้นโลกก็มิปาน การที่พวกนางจะปรากฎตัวออกมาในเวลา
เดียวกันนั้นเป็ นยิง่ กว่าเรื่ องราวอันอัศจรรย์แปลกตา แทบทําให้
สถานที่ที่พวกนางย่างกรายสูญเสี ยสี สนั ไปจนหมดสิ้ น การถูก
ห้อมล้อมด้วยนางเซียนทั้งหกที่จอ้ งมองลงมายังพื้นโลกนั้นช่าง
รู ้สึกดัง่ เรื่ องปาฏิหาริ ย…
์ อย่างไรก็ตาม ที่หยุนเช่อสามารถรับรู ้ได้
อย่างแจ่มชัดยิง่ กว่ากลับเป็ นพลังมากมายมหาศาลที่รุนแรงพอจะ
เยือกแข็งโลกทั้งใบเลยทีเดียว เป็ นจิตสังหารที่หนาวยะเยือกถึง
หัวใจ เย็นเยียบทะลวงกระดูก หยุนเช่อรี บยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ ว
“นางเซี ยน ข้าไม่ได้ต้งั ใจล่วงเกินพวกท่านจริ งๆ ข้าผ่านมาที่นี่
ด้วยความบังเอิญเพียงเท่านั้น และไม่ทราบจริ งๆว่าที่นนั่ …”
“ผายลม! ขนาดนี้แล้วเจ้ายังจะกล้าแก้ตวั อีก!” ความไม่
พอใจปรากฎขึ้นทัว่ ใบหน้าของจวินเหลียนเชีย นางชี้ไปยังก้อน
นํ้าแข็งขนาดใหญ่ดา้ นข้างของนาง “แม้เจ้าไม่ทราบว่าสระนํ้าพุ
เมฆาเหมันต์ของสํานักเราอยูท่ ี่ใด แต่อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จกั
อักษรพวกนี้?”
หยุนเช่อมองไปตามทิศทางที่นางชี้ไป และได้เห็นคําสี่ คาํ
ขนาดใหญ่ที่สลักอยูบ่ นกําแพงของตัวตึกนํ้าแข็งนั้น นํ้าพุเมฆา
เหมันต์!!
ดัง่ เหมือนอัลปาก้า(?!?)นับหมื่นตัวโหยหวนออกมาจากใจ
หยุนเช่อ...ทัว่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเกลื่อนกลาดไปด้วย
ก้อนนํ้าแข็งและหยกเย็นมากมายมหาศาล ผูใ้ ดสามารถจ้องมอง
ตัวอักษรบนก้อนนํ้าแข็งทุกก้อนได้กนั !? ยิง่ ตนเองเพียงเดินตาม
เสี ยงมาเท่านั้น...จะมีแก่ใจสังเกตุสนใจก้อนนํ้าแข็งสองข้างทาง
ได้เช่นไร!?
“ไม่จาํ เป็ นต้องพูดกับมันแล้ว!” มู่หลันอี้สะบัดกระบี่ผลึก
นํ้าแข็งด้วยใบหน้าเตรี ยมพร้อมสังหาร “พวกเราเจ็ดนางเซียน
เมฆาเยือกแข็งสะอาดและบริ สุทธิ์ดงั่ หยกขาว แต่วนั นี้พวกเรา
กลับต้องแปดเปื้ อนเพราะดวงตาของเจ้าคนชั้นตํ่า...ไม่สาํ คัญว่า
มันเป็ นใคร มันต้องตายเพือ่ ขอขมาพวกเรา...พี่นอ้ ง ลงมือ!”
จิตวิญญาณนํ้าแข็งที่ปั่นป่ วนพลันอาละวาด พายุหิมะ
นํ้าแข็งพลันระเบิดออกจนแทบฉี กกระชากร่ างของหยุนเช่อเป็ น
ชิ้นๆ
เงาร่ างงดงามประดุจสรวงสรรค์ของนางเซียนทั้งหก
ล่องลอยคืบใกล้และถอยห่างออกไปโดยรอบ ล้อมกักหยุนเช่อไว้
กึ่งกลาง ทว่าบรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เหล่า
นางเซียนเมฆาเยือกแข็งทั้งหกต่างเป็ นสตรี เมื่อสตรี บงั เกิดความ
บ้าคลัง่ พวกนางจะยั้งมือได้อย่างไร? กระบี่ทุกเล่มต่างมุ่งเป้าใส่
อวัยวะสําคัญของหยุนเช่อ ชายหนุ่มก้าวเท้าออกหลบหลีกเงา
กระบี่ดว้ ยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา
แม้นี่จะเป็ นอุบตั ิเหตุ หากหยุนเช่อนับว่าล่วงเกินนางเซียน
ทั้งหกจริ ง ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความรู ้สึกสํานึกผิดแน่นอนย่อม
ไม่ตอบโต้พวกนาง หยุนเช่อต้านทานการโจมตีของนางเซียน
ทั้งหมดด้วยการหลบหลีก พร้อมทั้งไม่ลืมตะโกนร้องอีกทางหนึ่ง
“นางเซียน โปรดสงบสติอารมณ์ก่อน ! ข้ามิได้ต้ งั ใจจริ งๆ ...หาก
ข้าจงใจกระทําการเช่นนี้จริ ง เช่นนั้นข้ายินดีควักลูกตาทั้งสองข้าง
ออก ไม่อาจเห็นแสงสว่างอีกต่อไป!”
แต่นางเซียนผูก้ าํ ลังพิโรธทั้งหกล้วนมิอาจได้ยนิ คําแก้ตวั
ของหยุนเช่อ แม้ชายหนุ่มจะเพียงหลบหลีกและป้องกัน ทั้งไม่
ยอมตีโต้ หากโทสะและความกระหายเลือดของพวกนางล้วนไม่
ลดหย่อนลงเลยแม้แต่นอ้ ย กลับยิง่ มายิง่ หนาแน่นขึ้น...สตรี แห่ง
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งล่วนบริ สุทธิ์ปราศจากมลทิน พวก
นางยังเป็ นถึงเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งที่เพียงมีศกั ดิ์ฐานะและ
พลังอํานาจรองจากท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์ฯ! ทว่าร่ างกายอัน
บริ สุทธิ์ของพวกนางกลับถูกมองเห็นโดยหยุนเช่อ สําหรับพวก
นางแล้ว นี่คือมลทินและความอัปยศสู งสุ ดที่ไม่อาจลบเลือนได้
จนชัว่ ชีวติ !
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอันเงียบสงบล้วนสะท้านตื่น
ขึ้นจากความวุน่ วาย สุ ม้ เสี ยงดังมาจากที่ไกลไม่หยุดยั้งเมื่อเงาร่ าง
งดงามที่ยงิ่ มายิง่ มากเหิ นบินเข้ามาอย่างเร่ งร้อน...นํ้าพุเมฆา
เหมันต์เยือกแข็ง….หกนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง...พร้อมทั้งเหล่า
ศิษย์ท้ งั หมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กาํ ลังเดินทางมา แม้มีร้อยปากยัง
ไม่อาจแก้ต่างได้ ชายหนุ่มย่อมต้องถูกเรี ยกเป็ นบุรุษมักมาก บ้า
กาม และโรคจิตโดยศิษย์สตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เป็ นแน่
“โปรดหยุดมือก่อน ข้าขอกล่าวอีกครั้ง ข้าไม่ได้ต้ งั ใจจริ งๆ
...เอาอย่างนี้ ข้าขออภัยพวกท่าน...จะให้ขา้ ทําอะไรก็ได้ทุกอย่าง
เพื่อไถ่โทษ...”
“นี่ นี่ นี่! พวกท่านให้ความสําคัญต่อชื่อเสี ยงเกียรติภูมิยงิ่
ไม่กลัวผูค้ นรู ้วา่ ...อ๊าา! หากท่านยังคงโจมตีใส่ ขา้ ข้าจะโต้กลับละ
นะ!”
“คําพูดของหยุนเช่อมิเพียงไม่อาจลดทอนการกลุม้ รุ มจู่โจม
หากยิง่ เป็ นการราดนํ้ามันลงบนกองเพลิง ท้องฟ้าปกคลุมด้วยพายุ
หิ มะ ขณะแท่งนํ้าแข็งมรณะปลิวเวียนว่อนกลางอากาศอย่างบ้า
คลัง่ ...”
ฉัวะ!!
หยุนเช่อถูกกระบี่ของมู่หลันอี้จู่โจมใส่ บริ เวณหัวไหล่
เสื้ อผ้าท่อนบนของชายหนุ่มพลันถุกกรี ดเปิ ดออก บนผิวหนัง
พลันปรากฏริ้ วรอยกระบี่เจือจางสายหนึ่ง แม้ไม่ปรากฏโลหิ ต
หลัง่ ไหล หากยังสามารถทําให้หยุนเช่อต้องแยกเขี้ยวยิงฟันพร้อม
กล่าวเตือนอีกครั้งว่า “หากพวกท่านยังไม่หยุด ข้าจะ...ตอบโต้ละ
นะ..”
ฉับ!!
ประกายเย็นเยียบวูบผ่านบนศีรษะชายหนุ่ม เส้นผมหนึ่งกํา
มือหลุดร่ วงออกจากหนังศีรษะ
หยุนเช่อหดคอลงตามสัญชาตญาณ จากนั้น ชายหนุ่มกัดฟัน
สองแขนกางออก จากนั้น ด้วยพลังเมล็ดวิญญาณเทพอสู ร หยุ
นเช่อโคจรใช้เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบในทันที
“พฤกษาศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ!”
พฤกษาผลึกนํ้าแข็งสองต้นทะลวงขึ้นจากพื้นทั้งสองฟาก
ข้างของหยุนเช่อ เติบโตสู งขึ้นกว่าสิ บเมตรในชัว่ พริ บตา พฤกษา
ทั้งสองต้นแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาอันเย็นยะเยือกกดดันนางเซียนทั้ง
หกถอยร่ นไป พลังความเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกส่ งผลให้พวก
นางที่คุน้ เคยกับความหนาวเหน็บมาตลอดชีวติ ทั้งยังกอปรด้วย
พลังฝี มือชั้นลมปราณฟ้า ยังต้องหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย
“นี่มนั ...เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ!”
“หยุนเช่อ เจ้ากลับกล้าขโมยรํ่าเรี ยนเคล็ดวิชาสู งสุดของ
สํานักเรา เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ! แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งเราไม่มีวนั อภัยให้เจ้า!”
ชัว่ วินาทีน้ ีเอง เสี ยงเย็นเยือกทรงอํานาจพลันดังสะท้อนมา
จากเบื้องบน “เรื่ องอันใด? พวกเจ้าทั้งหมดทําอะไรกันอยูท่ ี่นี่?”
เงาร่ างเย็นเยียบดุจนํ้าแข้งวูบผ่าน กงยูเ่ ซียนปรากฏกายกลาง
อากาศ จากนั้นเหิ นร่ อนลงยังพื้นดิน สายตาเย็นชาของนางกวาด
ผ่านหยุนเช่อและร่ างของนางเซียนเยือกแข็งทั้งหก บริ เวณ
โดยรอบปรากฏศิษย์ในสํานักทยอยเข้ามาเรื่ อยๆ
“ท่านหญิง!”
“ท่านหญิง หยุนเช่อ...หยุนเช่อแอบลอบเข้ามาในนํ้าพุเมฆา
เหมันต์เยือกแข็ง...แอบดูพวกเราอาบนํ้า!”
ยามที่กงยูเ่ ซี ยนเห็นสภาพของพวกนางทั้งหก นางเองคาด
เดาเรื่ องราวออกบ้างเป็ นบางส่ วน กงยูเ่ ซียนปรายตามองหยุนเช่อ
ก่อนกล่าวถามอย่างเย็นชาว่า “หยุนเช่อ จริ งหรื อไม่? ”
“มิผดิ ”... หยุนเช่อมิได้ปฏิเสธ “ผูเ้ ยาว์ล่วงเกินนางเซียนทั้ง
หกจริ ง ทว่าข้ามิได้มีเจตนาแอบดู! ยามที่ผเู ้ ยาว์มาถึงยังแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ผูเ้ ยาว์เพียงอยูท่ ี่ตาํ หนักเมฆาเยือกแข็ง
ตลอดทั้งวันจนไม่ทราบเวลาผ่านเข้ายามกลางคืนแล้ว เมื่อไม่
ทราบตนเองสมควรไปที่ใด ข้าจึงเดินตามเสี ยงมายังที่น้ ี ข้าไม่
ทราบจริ งๆว่า พวกนางกําลังอาบนํ้าอยู.่ .”
“อย่าได้ฟังวาจาไร้สาระของมัน ท่านหญิง! มันมีเจตนาชัว่
ร้าย ทั้งยังจงใจลักลอบแอบมอง...ไม่เพียงเท่านั้น ยามที่เราต่อสู ้
กับมันเมื่อครู่ มันยังใช้ออกด้วยเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ!
มันขโมยรํ่าเรี ยนเคล็ดวิชาสู งสุดของสํานักเรา!”
“อะไรนะ? เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ?” กงยูเ่ ซียน
แตกตื่นตะลึงลาน “หยุนเช่อ! เจ้ากลับสามารถฝึ กปรื อ...เคล็ด
ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบสําเร็ จจริ ง?”
ตอนที่ 385 คําตอบ

สายตากราดเกรี้ ยวของกงยูเ่ ซียนพลันแปรเปลี่ยนเมื่อได้ยนิ


คําว่า 'เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ' หยุนเช่อกล่าวขึ้นอย่าง
รวดเร็ ว "ขอรับ! ฉิ งเยว่ได้พาศิษย์ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบ เป็ นวาสนาของศิษย์ที่ได้เห็นเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบที่บรรพชนเมฆาเยือกแข็งได้ทิ้งไว้ให้ หลังจากทําความ
เข้าใจอยูท่ ้งั วัน ศิษย์จึงเข้าใจพื้นฐานเคล็ดวิชาทั้งหมด"
เข้าใจพื้นฐานเคล็ดวิชา...ภายในหนึ่งวัน…
นับแต่พนั ปี ก่อน นอกจากเซี่ยฉิ งเยว่แล้ว ก็ไม่เคยมีผใู ้ ดใน
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งทําความเข้าใจเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบได้สาํ เร็ จ ! แม้แต่เซี่ยฉิ งเยว่ที่มีพรสวรรค์และฉลาด
หลักแหลม ก็ยงั ใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเริ่ มเข้าใจ !
ทว่าหยุนเช่อ... เพียงแค่วนั เดียวกลับสามารถฝึ กสําเร็ จได้ !
กงยูเ่ ซียนตื่นตระหนกจนมิอาจกล่าววาจาใดได้ชวั่ ขณะ ยาม
นี้เองที่บรรดาศิษย์เมฆาเยือกแข็งพากันกรู มาจากทุกทิศทาง เสื้ อ
คลุมขาวราวหิ มะที่สะบัดไหวในท้องนภาจับกลุ่มกันราวฝูงผีเสื้ อ
... หากนี่เป็ นพรรคตระกูลเซียว ตระกูลอัคคีผลาญฟ้า หรื อค่าย
พรรคอื่นๆ ขุมกําลังอันน่าเกรงขามที่ปรากฏขึ้นยามราตรี อนั มืด
มิดนี้คงทําให้ผคู ้ นแตกตื่นสัน่ สะท้านด้วยความหวาดกลัว ทว่า
เมื่อปรากฏในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง มันดูราวกับบุปผชาติ
นับร้อยที่กาํ ลังผลิบาน งดงามเหนือจินตนาการ มิได้ทาํ ให้หยุ
นเช่อผูบ้ ุกรุ กคนสําคัญรู ้สึกถึงความกดดันอันใดเลย
“ท่านหญิง อาจารย์ อาจารย์ป้า อาจารย์อา... มีเรื่ องอันใด ?"
เซี่ยฉิ งเยว่มาถึงด้วยท่าเท้าระบําหิ มะเยือกแข็งพร้อมกับสายลมเย็น
ยะเยียบที่แผ่พงุ่ เข้ามา นางหยัง่ เท้าลงข้างกงยูเ่ ซียน มองหยุนเช่อ
จากนั้นก็พิจารณาเครื่ องแต่งกายและสี หน้าเย็นชาของฉู่เยว่หลี่กบั
เพื่อนนางเซี ยนของนาง... กอปรกับนํ้าพุเมฆาเหมันต์ที่อยู่
ด้านหลัง แล้วหญิงสาวก็คาดการณ์บางอย่างได้ทนั ที
"ฮึ่ม ! ฉิ งเยว่ วันนี้เจ้าจะต้องได้เห็นธาตุแท้ของชายผูน้ ้ ีที่เจ้า
ยืนกรานจะแต่งงานด้วยในครานั้น มันฉวยโอกาสยามคํ่าคืนเข้า
มายังนํ้าพุเมฆาเหมันต์เพื่อแอบดูพวกเราอาบนํ้า ! น่าชังยิง่ นัก !"
ฉู่เยว่หลี่ขมวดคิ้วโก่งดุจเสี้ ยวจันทร์ของนาง
แม้วา่ ศิษย์ส่วนใหญ่ของเมฆาเยือกแข็งจะคาดเดาเรื่ องราว
ได้ไม่กระจ่างชัดนัก ทว่าหลังจากได้ยนิ ฉู่เยว่หลี่ป่าวประกาศ
ออกมา บรรดาหญิงสาวต่างก็พากันเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง... หยุ
นเช่อไม่เพียงแค่แอบดู แต่ผทู ้ ี่มนั แอบดูกลับเป็ นถึงหกในเจ็ดนาง
เซียนเมฆาเยือกแข็ง !
แววตาของพวกนางมีท้ งั ความตื่นตระหนก เมินเฉย รังเกียจ
เหยียดหยาม และกระทัง่ เจตนาฆ่าฟัน หยุนเช่อรู ้สึกว่ามันกระทํา
ผิดยิง่ กว่าโต้วเอ๋ อเสี ยอีก (หยุนเช่อ: แล้วเจ้าโต้วเอ๋ อนี่มนั คือตัว
อะไร !) มันกล่าวอย่างอับจนปัญญาว่า "ข้าได้บอกไปหลายครั้ง
แล้วว่า ข้าไม่ได้มีเจตนาทําเช่นนั้นจริ งๆ ตอนแรกที่มาถึงที่นี่ ข้า
ไม่ทราบเลยว่าเบื้องหลังประตูน้ าํ แข็งนัน่ จะมีน้ าํ พุเย็นอยูใ่ นที่
แจ้ง"
เซี่ยฉิ งเยว่กดั ริ มฝี ปาก จากนั้นจึงก้าวออกมา "อาจารย์
อาจารย์ป้า และอาจารย์อาทุกท่านในที่น้ ี แม้วา่ หยุนเช่อจะหุนหัน
พลันแล่นและไม่กระทําตามกฏระเบียบ แต่ศิษย์ขอรับรองว่ามัน
จะไม่กระทําเรื่ องเลวทรามตํ่าช้าเช่นการแอบดูสตรี ที่กาํ ลังอาบนํ้า
อย่างแน่นอน ศิษย์เชื่อว่าหยุนเช่อไม่มีเจตนาทําเช่นนั้น ขอท่าน
อาจารย์ อาจารย์ป้า และอาจารย์อาโปรดระงับอารมณ์"
"มิได้เจตนาแล้วจะอย่างไร ?" มู่หรงเชียนเสวีย่ กล่าวอย่าง
ขุ่นเคือง "ข้อเท็จจริ งคือ สายตาของมันทําให้เรื อนร่ างของพวกเรา
มีมลทินแล้ว... ซํ้ามันยังขโมยเรี ยนเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบของสํานักเรา ! พฤติกรรมเยีย่ งนี้ยง่ิ ยากจะยกโทษให้"
"เอาล่ะ" กงยูเ่ ซียนยกมือขึ้น และกล่าวในที่สุดว่า "เจ้าไม่
จําเป็ นต้องขุ่นเคืองในเรื่ องเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบของ
สํานักเรา เจ้าไม่รู้สึกถึงรัศมีพลังของ 'ผลึกวิญญาณเมฆาเยือกแข็ง'
ในตัวของหยุนเช่อเลยหรื อ ? เดิมทีเรื่ องนี้จะถูกประกาศในการ
ประชุมของสํานักในวันพรุ่ ง แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่จาํ เป็ นที่
ข้าจะเก็บเรื่ องไว้อีกต่อไป... นับจากวันนี้เป็ นต้นไป หยุนเช่อคือ
ศิษย์อย่างเป็ นทางการของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง และเป็ น
ศิษย์บุรุษคนแรกในประวัติศาสตร์"
"อา !?"
"เรื่ องนี้... ท่านหญิง ที่ท่านกล่าวมา... เป็ นความจริ งหรื อ ?"
"กฏของสํานักเราคือ เราจะรับแต่ศิษย์สตรี ที่มีความ
พรสวรรค์ แล้วเหตุใดเราจึงรับศิษย์บุรุษ ? หรื อนี่มีสาเหตุมาจาก
ฉิ งเยว่ ?"
"ไม่ตอ้ งกล่าวอันใดอีก และไม่ตอ้ งคาดเดาไร้สาระ" กงยู่
เซี ยนกล่าวต่อ "นี่ไม่ใช่การตัดสิ นใจของข้า แต่เป็ นการตัดสิ นใจ
ของท่านหญิงรุ่ นก่อนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เรา ท่านหญิงรุ่ นก่อนทํา
เช่นนี้ หาใช่เพราะแรงกระตุน้ ชัว่ ขณะ และหาใช่เพราะผูอ้ าวุโสดู
แคลนกฏข้อบังคับของสํานักเรา ผูอ้ าวุโสมีเหตุผลที่สาํ คัญยิง่ และ
พวกเจ้าไม่ควรไต่ถามถึงรายละเอียดอีก ข้าบอกได้แต่เพียงว่ามัน
เป็ นไปได้อย่างยิง่ ที่สาเหตุน้ นั จะเกี่ยวพันถึงอนาคตของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา"
แม้ท่านหญิงรุ่ นก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์ฟ่งเชียนฮุ่ยจะวางมือจาก
เรื่ องราวต่างๆ ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมานานหลายปี
ทว่าคําพูดของนางก็ยงั คงศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในสํานักนี้ สําหรับ
เรื่ องราวที่นางได้ตดั สิ นใจไปแล้ว แม้วา่ สิ่ งนั้นจะขัดต่อกฏ
ระเบียบของสํานัก ก็คงไม่มีผใู ้ ดต่อต้าน ทุกผูค้ นล้วนมีสีหน้าไม่
เข้าใจและตื่นตระหนกอย่างยิง่
นับจากนี้ไป... แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งจะมีศิษย์บุรุษ
ขึ้นมาหนึ่งคนจริ งหรื อ ?
"หยุนเช่อได้เข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราแล้ว
นัน่ หมายความว่ามันสามารถฝึ กเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ
ได้" กงยูเ่ ซี ยนกวาดตามองบรรดาศิษย์ที่พากันมาที่นี่เพราะเสี ยง
เอะอะอึกทึก "ไม่มีเรื่ องราวอันใดแล้ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ อย่า
ลืมว่าการประชุมสําคัญของสํานักเราจะเริ่ มในเวลาสิ บโมงเช้าที่
ห้องโถงใหญ่"
ภายใต้คาํ สัง่ ของกงยูเ่ ซียน บรรดาศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งก็ต่างแยกย้ายกลับไปยังที่พกั ของตนเองโดยพลัน
ทว่าความโกรธแค้นของฉู่เยว่หลี่และพรรคพวกมิอาจสลายไป
ง่ายๆ เช่นนี้ได้ มู่หรงเชียนเสวีย่ ชี้กระบี่ของตนไปทางหยุนเช่อ
และกล่าวอย่างเย็นชาว่า "ถึงแม้จะเป็ นศิษย์ร่วมสํานัก... แต่การ
กระทําผิดของมันต่อพวกเราก่อนหน้านี้ หามีอนั ใดเกี่ยวข้องกับ
การที่มนั จะเป็ นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไม่ ! แม้วา่
มันจะเป็ นผูท้ ี่ท่านหญิงอาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ความสําคัญ แต่
มันต้องให้คาํ ตอบแก่พวกเราภายในวันนี้ มิเช่นนั้นพวกเราคงไม่
วันรู ้สึกคลายใจ"
หากเรื่ องนี้เกิดขึ้นกับสตรี ทว่ั ไป ยังนับว่ายากที่จะยอมรับ
ได้อย่างยิง่ นี่ยงั มิตอ้ งกล่าวถึงเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งที่เห็นว่า
ความบริ สุทธิ์สะอาดนั้นสําคัญยิง่ กว่าชีวติ ของพวกนาง เซี่ยฉิงเยว่
เชื่อว่าหยุนเช่อมิได้มีเจตนาจะกระทําเช่นนั้น ทว่าแม้จะมิได้
เจตนา แต่สิ่งที่มนั ได้กระทําลงไปก็เป็ นความผิดอันใหญ่หลวง ซํ้า
มันยังล่วงเกินนางเซียนเมฆาเยือกแข็งทั้งหกคน หญิงสาวจึงได้แต่
ร้องขอความเมตตาแทนหยุนเช่ออีกครั้ง "อาจารย์ อาจารย์อา
อาจารย์ป้า ศิษย์รู้ดีวา่ ครานี้หยุนเช่อได้กระทําผิดใหญ่หลวง แต่
เกี่ยวกับเรื่ องนี้ ศิษย์สามารถรับรองได้วา่ มันกระทําไปโดยบังเอิญ
เพื่อเห็นแก่ที่มนั เป็ น... สามีของศิษย์ สําหรับอุบตั ิเหตุครั้งนี้ โปรด
ยกโทษให้แก่มนั ด้วย... หรื อไม่กเ็ พียงลงโทษแต่สถานเบา"
นางเบนสายตาไปทางหยุนเช่อ และกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงแผ่ว
เบาทว่าเร่ งร้อน "รี บขอโทษศิษย์พี่ท้ งั หกและอาจารย์รองเร็ วเข้า"
หยุนเช่อกล่าวงึมงัมด้วยสี หน้าไร้เดียงสา "ข้าได้ขอโทษไป
แล้ว แต่กเ็ ปล่าประโยชน์..."
"พอได้แล้ว !" กงยูเ่ ซียนกล่าวเสี ยงแข็ง นางมองดูหยุนเช่อ
ด้วยความรู ้สึกอับจนปัญญา ตามประวัติความเป็ นมาของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง แม้วา่ สํานักจะเคยให้การต้อนรับบุรุษมา
ก่อน แต่กไ็ ม่เคยให้บุรุษใดได้พกั ค้างคืนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง ดังนั้นจึงไม่เคยมีเหตุการณ์ที่เรื อนร่ างของศิษย์เมฆา
เยือกแข็งถูกกระทําให้แปดเปื้ อนด้วยสายตาบุรุษเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ที่เหนืออื่นใดคือ ท่านหญิงรุ่ นก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ให้
ความสําคัญกับหยุนเช่อ และไหนจะสิ่ งที่ผอู ้ าวุโสบอกต่อนางใน
วันนี้อีก แต่กอ็ ย่างที่มู่หรงเชียนเสวีย่ ได้กล่าวมา หากวันนี้ไม่มีการ
ชําระสะสาง พวกนางคงยากที่จะทําใจได้อย่างแน่นอน แต่หาก
ต้องลงโทษหยุนเช่อ นางควรจะลงโทษอย่างไรดี ? หากทําผิด
ใหญ่หลวงขนาดนั้นแต่กลับได้รับโทษสถานเบา ก็จะเป็ นการ
เข้าข้างมันอย่างเห็นได้ชดั แต่ถา้ ลงโทษรุ นแรงเกินไป... ด้วยนิสยั
แข็งกร้าวผนวกกับพละกําลังของหยุนเช่อที่แม้แต่นางก็ยงั ไม่
สามารถกําราบได้ นางคาดเดาไม่ถูกเลยว่ามันจะมีปฏิกริ ยา
อย่างไร
"หยุนเช่อ !" กงยูเ่ ซียนกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม "เหตุการณ์ใน
วันนี้ ข้าเองก็เชื่อว่าเจ้ากระทําผิดโดยมิได้เจตนา ทว่าผิดก็คือผิด
แม้จะมิได้เจตนา แต่กไ็ ด้กระทําความผิดร้ายแรงลงไปแล้ว ! พวก
เราสตรี แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งยึดถือความบริ สุทธิ์สาํ คัญยิง่
กว่าชีวติ และมิอาจให้เรื่ องยุติลงเช่นนี้ได้... ถึงแม้เจ้าจะไม่
จําเป็ นต้องชดใช้ดว้ ยชีวติ แต่ไม่วา่ จะขอโทษอย่างอ่อนน้อมถ่อม
ตนหรื อจะชดเชยในด้านอื่น เจ้าก็ตอ้ งชําระหนี้ชนิดที่สามารถทํา
ให้พวกนางคลายโทสะลงได้ ! ข้าเชื่อมัน่ ว่าเจ้า ในฐานะสามีของ
ฉิ งเยว่และเป็ นผูท้ ี่ได้รับการกล่าวอ้างว่าเป็ นจอมยุทธ์อนั ดับหนึ่ง
แห่งวายุคราม จะสามารถแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้ !"
หยุนเช่อค่อยสู ดลมหายใจ ครุ่ นคิดเล็กน้อย และกล่าวว่า
"ท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์วา่ กล่าวได้ถูกต้องแล้ว แม้วา่ ศิษย์จะแก้
ตัวว่าตนเองมิได้มีเจตนาเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่นางเซียนทั้งหก
ก็ได้รับความเสี ยหายเพราะศิษย์ไปแล้ว... ดังนั้น หากศิษย์สามารถ
เปิ ดจุดชีพจรลมปราณทั้งหมดของนางเซียนทั้งหกได้ภายใน
ระยะเวลาอันสั้น ทําให้บรรลุถึงชีพจรลมปราณเทพเจ้า... การ
ชดใช้ในลักษณะนี้เพียงพอหรื อไม่ ?"
"เจ้าว่า... อะไรนะ ? เปิ ดจุดชีพจรลมปราณทั้งหมด ? บรรลุ
ถึงชีพจรลมปราณเทพเจ้า ?" คํากล่าวของหยุนเช่อทําให้กงยูเ่ ซียน
มีสีหน้าตื่นตระหนกโดยพลัน นางแทบจะคิดว่าตนเองฟังผิดไป
"จะเป็ นไปได้อย่างไร ท่านหญิง ! เห็นได้ชดั ว่ามันกล่าว
วาจาพล่อยๆ โดยไม่คิด ! การจะเปิ ดจุดชีพจรลมปราณหลังแรก
กําเนิดนั้นเป็ นเรื่ องยากเย็นแสนเข็ญ กระทัง่ บรรพชนเมฆาเยือก
แข็งยังเปิ ดจุดชีพจรลมปราณได้เพียงสามสิ บเจ็ดจุด ส่ วนชีพจร
ลมปราณเทพเจ้ายิง่ ยากจะพบพานในรอบพันปี แล้วมันจะทําได้
อย่างไร ! คําพูดของมันนี้เป็ นการดูหมิ่นหลอกลวงพวกเราอย่าง
แน่นอน !"
"หาใช่เช่นนั้นไม่ !" เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวทันที "ศิษย์เป็ นพยาน
ได้ หยุนเช่อมีความสามารถเช่นนั้นจริ ง ! เพราะหยุนเช่อเป็ นผูเ้ ปิ ด
จุดชีพจรลมปราณทั้งหมดของศิษย์ ! มันมิได้กล่าวเท็จ"
"ว่ากระไร?" สี หน้าฉู่เยว่หลี่ตื่นตระหนก "หรื อว่า 'หมอ
เทวดา' ที่เจ้าเอ่ยถึงในครานั้นจริ งๆ แล้วจะเป็ น..."
"ถูกต้อง ! เขาคือหยุนเช่อ" เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม
"อาจารย์โปรดยกโทษให้ศิษย์ที่หลอกลวงท่านในตอนนั้น
เนื่องจากศิษย์ได้สญ ั ญากับหยุนเช่อว่าจะไม่แพร่ งพรายเรื่ องนี้แก่
ผูใ้ ด แต่ที่หยุนเช่อกล่าวว่ามันสามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณได้
นั้นเป็ นเรื่ องจริ งอย่างแน่นอน ชีพจรลมปราณเทพเจ้าของศิษย์ มัน
ก็เป็ นผูม้ อบให้ โดยใช้เวลาเพียงแค่สามวัน"
หยุนเช่อรับช่วงต่อทันที มันกล่าวด้วยสี หน้ากระหยิม่ ยิม้
ย่องระคนถือดี "ครั้งนั้น พลังจิตและลมปราณของศิษย์ยงั อ่อนแอ
จึงต้องใช้เวลาถึงสามวัน ยามนี้... สิ บห้านาทีกน็ ่าจะเพียงพอแล้ว"
แท้ที่จริ ง ด้วยความแข็งแกร่ งและพลังจิตของหยุนเช่อ
ในตอนนี้ การจะเปิ ดจุดชีพจรลมปราณทั้งหมดให้แก่ผอู ้ ื่นโดย
อาศัยพลังในการชําระล้างของไข่มุกพิษสวรรค์เข้าช่วย หากทุก
อย่างดําเนินไปด้วยดีกน็ ่าจะสําเร็ จลุล่วงภายในเวลาสามนาที เหตุ
ที่มนั กล่าวว่าสิ บห้านาทีน้ นั ก็เนื่องจากมันเกรงว่าจะทําให้ผตู ้ ื่น
ตระหนกจนเกินไป
ถึงกระนั้น คําว่า 'สิ บห้านาที' นี้ ก็ยงั สร้างความแตกตื่น
ให้กบั ทุกคนจนถึงขั้นมิอาจทําใจเชื่อได้
ด้วยลักษณะนิสยั ของเซี่ ยฉิงเยว่ ไม่มีผใู ้ ดคิดว่านางจะกล่าว
คําเท็จ จุดชีพจรลมปราณทั้งหมดของเซี่ยฉิ งเยว่ถูกเปิ ดออกอย่าง
ฉับพลัน บรรลุถึงชีพจรลมปราณเทพเจ้าภายในเวลาไม่กี่วนั นั้น
เป็ นความจริ งอย่างที่สุด ภายหลังเหตุการณ์น้ นั เจ็ดนางเซียนเมฆา
เยือกแข็งก็ต่างถกเถียงกันเกี่ยวกับหมดเทวดาผูม้ ีความสามารถ
ระดับเทพเซี ยน และกล่าวถึงมันในฐานะ 'เซียนเหนือฟ้า' ก่อน
หน้านั้นวิชาแพทย์ระดับสู งสุ ดที่พวกนางเคยได้ยนิ มาก็คือ “หนึ่ง
ดัชนีเปิ ดลมปราณ” ที่สามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้แก่ผฝู ้ ึ ก
ยุทธ์ได้สามถึงห้าจุด ไม่สามารถเปิ ดได้มากกว่านี้ และยังต้อง
ค่อยๆ เปิ ดไปทีละจุด โดยอาศัยตัวยาชั้นเลิศ ความพยามอย่าง
มหาศาล ระยะเวลาอันยาวนาน และโชควาสนา
พวกนางไม่คิดเลยว่า 'เซียนเหนือฟ้า' จะมิใช่ผอู ้ าวุโสที่
ทอดสายตามองดูสรรพชีวติ จากเบื้องบน... หากแต่เป็ นหยุนเช่อ ผู ้
ที่มีอายุเพียงสิ บเก้าปี ! แม้แต่คาํ ว่า 'ฝื นมติสวรรค์' ก็ไม่อาจใช้
อธิบายสิ่ งนี้ได้ดีพอ
"หยุนเช่อ ที่เจ้าและฉิ งเยว่เพิ่งกล่าวมาทั้งหมดนั้น... เป็ น
ความจริ งหรื อ ?" กงยูเ่ ซียนกล่าวถาม ด้วยยังมิอาจเชื่อในเรื่ องนี้
"หากท่านไม่เชื่อ ศิษย์สามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้นาง
เซี ยนท่านหนึ่งให้ดูได้ในทันที หากศิษย์ไม่สามารถทําได้ภายใน
สิ บห้านาที ศิษย์ยนิ ดีให้นางเซียนทั้งหกสับเป็ นชิ้นๆ และจะไม่ขดั
ขืนหรื อตอบโต้อย่างเด็ดขาด !” หยุนเช่อกล่าวคําสาบานอย่างเคร่ ง
ขรึ ม ขณะที่กล่าว สี หน้ามันไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย
ตอนที่ 386 มีเพียงคนโง่ ทไี่ ม่ ฉกฉวยโอกาสทีอ่ ยู่ตรงหน้ า

หยุนเช่อนั้นพูดด้วยท่าทางหนักแน่นมัน่ ใจ ประกอบกับ
เส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าของเซี่ยฉิ งเยว่เป็ นหลักฐาน แม้แต่กงยู่
เซียนและศิษย์ท้ งั หลายยังตื่นตระหนก พวกนางต่างไม่มีทางเลือก
นอกจากได้แต่โน้มเอียงลงไปและเริ่ มเชื่อถือเรื่ องราวนี้มากยิง่ ขึ้น
เพื่อเปิ ดจุดชีพจรลมปราณเทพเจ้า ความคิดนั้นจะเป็ นเช่น
ไรได้? นัน่ คือสุ ดยอดความปรารถนาของเหล่าชาวยุทธ์ ซึ่งเป็ นได้
เพียงแค่ความฝันแม้แต่ยอดยุทธ์ในทวีปลมปราณฟ้าก็ยงั เป็ นเรื่ อง
ที่ยากเย็นแสนเข็ญ ผูท้ ี่สามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณสิ บจุดได้
อย่างถาวร ในรอบหนึ่งร้อยปี ยังนับว่าเป็ นอัจฉริ ยะที่สูงส่ งยิง่ แต่
การเปิ ดจุดชีพจรลมปราณทั้งหมด… แม้แต่ระดับนางเซียนทั้งเจ็ด
ยังมิกล้าแม้คิดฝันที่จะกล่าววาจาหลอกลวงเช่นนี้
ท่านหญิงผูก้ ่อตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ฯ มู่ปิงหยุน ยามแรกที่นาง
กําเนิดมาก็มีจุดชีพจรลมปราณที่เปิ ดอยูเ่ พียงสิ บเก้าจุดเท่านั้น
กระทัง่ เวลาผ่านไปจนนางอายุได้สองร้อยเจ็ดสิ บปี นางเพียง
สามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณขึ้นมาได้เพียงสามสิ บเจ็ดจุด ถึง
กระนั้นนางก็ยงั เป็ นอันดับหนึ่งในอาณาจักรวายุคราม แม้แต่ผู ้
ก่อตั้งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ยงั แพ้พา่ ยด้วยนํ้ามือนาง
ถ้าหากพวกนางสามารถบรรลุถึงเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า
ได้จริ งๆ ความแข็งแกร่ งของพวกนางยังจะสามารถสู งส่ งยิง่ กว่า
บรรพบุรุษของพวกนางมู่ปิงหยุนเสี ยอีก และจะไม่พบกับปัญหา
ลมปราณติดขัดในการฝึ กฝนพลังปราณอีกต่อไป บางทีในระยะ
เพียงไม่กี่ปี มันมีความเป็ นไปได้ที่พวกนางจะทะลวงผ่าน
ระดับชั้นปราณจักรพรรดิได้...ในอนาคตมีความเป็ นไปได้ที่จะ
เป็ นถึงราชัน! แม้แต่เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบที่พวกนางมิ
อาจฝึ กฝนได้กม็ ีความเป็ นไปได้อย่างยิง่ ที่จะสามารถฝึ กฝนจน
สําเร็ จ!
นัน่ เปรี ยบได้ดง่ั การกําเนิดใหม่ ในแง่ของความแข็งแกร่ ง
ด้านพรสวรรค์แล้ว นับประสาอะไรกับจักรวรรดิวายุคราม แม้แต่
การก้าวขึ้นสู่ จุดสู งสุ ดของทวีปลมปราณฟ้าทั้งหมดก็สามารถ
เป็ นได้! การที่ทะยานขึ้นเป็ นดินแดนที่แข็งแกร่ งที่สุดนั้นพวกนาง
ล้วนไม่เคยแม้แต่นึกถึงมันมาก่อน!
หากหยุนเช่อสามารถทําได้จริ งๆ เช่นนั้นนัน่ ย่อมห่างไกล
จากคําว่าชดเชยได้“เพียงพอ”...อย่างน้อยมันสามารถเปรี ยบได้ดง่ั
การชดเชยสิ บล้านครั้ง! มันย่อมไม่ใช่เรื่ องเล็กน้อย ไม่ต่างจากการ
กําเนิดใหม่!
“ท่านหญิง เช่นนั้นโปรดอนุญาตศิษย์ทดลองก่อนเถิด”
ระหว่างเจ็ดนางเซียนด้วยกัน มู่หรงเชียนเสวีย่ ถือว่าอาวุโส
ที่สุด แม้วา่ นางมิได้มีอุปนิสยั สุ ดโต่งเฉกเช่นฉู่เยว่ฉาน กระนั้น
ความเย็นชาไม่แยแสกลับเสมือนไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้า
นาง นางโยนกระบี่ผลึกนํ้าแข็งทิ้งไปก่อนร่ อนลงตรงหน้าหยุ
นเช่อ จ้องมองอย่างเย็นชา “หากเจ้าสามารถเปิ ดจุดชีพจร
ลมปราณทุกจุดให้แก่ขา้ และบรรลุถึงเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า
ได้จริ ง เรื่ องราวในวันนี้ขา้ จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น
เรื่ องราวความแค้นที่ขา้ มีต่อเจ้าจะไม่ถือสาหาความอีก และยังจะ
รําลึกบุญคุณนี้เอาไว้ในใจ และจะตอบแทนอย่างถึงที่สุดในภาย
ภาคหน้า”
หยุนเช่อพยักหน้าและใช้สายตาอันสงบนิ่งมองสํารวจ
ร่ างกายมู่หรงเชียนเสวีย่ ตั้งแต่หวั จรดเท้า มันเปิ ดปากอย่างไม่ค่อย
มัน่ ใจออกมาครู่ หนึ่ง...ราวกับว่ามันกําลังกังวลใจบางอย่าง
“เจ้าต้องการเข็มเงินงั้นหรื อ?”เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวออกมา
“เข็มเงินงั้นหรื อ?”คิ้วของกงยูเ่ ซียนขยับเล็กน้อย“ถ้าเจ้า
ต้องการเข็มเงินล่ะก็ ตําหนักเหมันต์เยือกแข็งเรามีเก็บไว้อยู่ ถ้าเจ้า
ต้องการสิ่ งใดอีกสามารถกล่าวมาได้เลย”
“ไม่ ไม่ใช่!” หยุนเช่อโบกมือ “ยามนั้นพลังปราณของข้าพึ่ง
อยูแ่ ค่ระดับปราณเริ่ มต้นทําให้ไม่สามารถส่ งพลังปราณเข้าสู่จุด
ชีพจรโดยตรงได้ ทําให้ขา้ ต้องใช้เข็มเงินช่วย ยามนี้ขา้ ไม่
จําเป็ นต้องใช้แล้ว เพียงแค่...เพียงแค่…”
หยุนเช่อกลืนนํ้าลายเล็กน้อย(เอ๋ !?!)หลังจากที่มนั รวบรวม
ความมุ่งมัน่ ทั้งหมดอย่างเต็มที่แล้ว ในที่สุดก็กล่าวออกมาอย่าง
ลังเล “ความยากลําบากในการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณคือสิ่ งที่ท่าน
น่าจะรู ้ดี มันอาจจะมีความเสี่ ยงในระดับหนึ่ง หากข้าประมาท
เพียงเล็กน้อยไม่เพียงการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณเท่านั้น มันอาจทํา
ให้จุดชีพจรลมปราณได้รับความเสี ยหายและปิ ดอย่างถาวร
ตลอดไปด้วย ฉะนั้นตลอดเวลาที่ขา้ กําลังเปิ ดจุดชีพจรให้ท่าน ไม่
ว่าข้าจะแตะตรงส่ วนใดจะไม่สามารถมีอาภรณ์มาปิ ดกั้น
ระหว่าง…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ทันทีที่หยุนเช่อเห็นถึงความโกรธเคือง
บนใบหน้าอันงดงามของมู่หรงเชียนเสวีย่ ตรงหน้ามัน มันจึงรี บ
กล่าวออกมาทันที “แน่นอนว่าข้าไม่ได้มีเจตนาหยาบคาย ฉิงเยว่
สามารถเป็ นประจักษ์พยานในเรื่ องนี้ได้”
เซี่ ยฉิ งเยว่พยักหน้าช้าๆโดยปราศจากความลังเล “ใช่แล้ว
ศิษย์สามารถเป็ นพยาน คราวที่หยุนเช่อเปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้
ศิษย์ในกาลก่อนนั้น ศิษย์กไ็ ม่ได้สวมใส่ อาภรณ์ใดเช่นกัน แต่ท่าน
อาจารย์หญิงมู่หรงไม่ตอ้ งกังวลจนเกินไป เพียงแค่เผยให้เห็น
ด้านหลังของท่านก็เพียงพอแล้ว”
หยุนเช่อพยักหน้าอย่างรวดเร็ ว แต่ภายในใจของมันนั้นเริ่ ม
หัวเราะอย่างมีตณ ั หา...การเปิ ดจุดชีพจรลมปราณนั้นต้องยืมพลัง
บริ สุทธิ์จากไข่มุกพิษสวรรค์เป็ นหลัก จําเป็ นต้องให้เปิ ดแผ่นหลัง
งั้นหรื อ! ในคราวที่มนั ให้เซี่ยฉิ งเยว่เปิ ดแผ่นหลังให้ดูครานั้น นัน่
เป็ นเพียงเพราะต้องการยลโฉมนางเท่านั้น!
และการกระทํานี้ ก็ยอ่ มควรได้รับการสานต่อไปอย่างเป็ น
ธรรมชาติ!
ต้องการตบตีฆ่าข้าให้ตายในคราแรก และยังคงต้องการให้
ข้าเปิ ดจุดชีพจรให้ในยามนี้...ช่างราวกับเป็ นเรื่ องเล่าราคาถูกเสี ยนี่
กระไร! ให้ขา้ เปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้น้ นั ง่ายมาก...หากแต่วา่
ค่าธรรมเนียมที่ตอ้ งจ่ายยังคงต้องมี!
มู่หรงเชียนเสวีย่ และคนอื่นๆคราแรกกรุ่ นโกรธภายในใจ
เป็ นอย่างมาก พวกนางคิดว่าหยุนเช่อต้องการเอาเปรี ยบพวกนาง
โดยใช้เรื่ องนี้เป็ นข้ออ้าง(จริ งๆแล้วมันก็ใช้เป็ นข้ออ้างนัน่ แหละ)
ทว่าจากคํากล่าวของเซี่ยฉิ งเยว่ ทําให้คาํ พูดของหยุนเช่อนั้นมี
นํ้าหนักมากขึ้น พวกนางจะสามารถทําอะไรได้นอกจากเชื่อ
เท่านั้น มู่หรงเชียนเสวีย่ จ้องไปที่หยุนเช่อด้วยสายเย็นชาและ
กล่าวคํา “เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักครา...แต่หากเจ้ากล้ากระทําการ
ใดที่ไม่เกี่ยวข้องล่ะก็ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้รับผลของมัน”
“ข้าทราบแล้ว” หยุนเช่อกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงไร้พลัง และ
พึมพําออกมาเบาๆหลังจากนั้น “หากข้าล่วงเกินท่านจริ ง...ท่าน
เองปราศจากความสามารถขัดขืนข้าได้เช่นกัน”
“เจ้า…”ความโกรธกรุ่ นหวนกลับขึ้นมาที่ใบหน้ามู่หรง
เชียนเสวีย่ อีกครั้งทว่าครานี้มิได้ปะทุออกมา นางว่ากล่าวด้วยเสี ยง
เย็นชาออกไป “หันไปซะ”
หยุนเช่อบิดรี มฝี ปากเล็กน้อยแล้วจึงหันร่ างออกไป
“อย่ากังวลไป ในเมื่อหยุนเช่อกล้ารับประกันต่อหน้าพวก
เราเช่นนี้มนั คงไม่หลอกลวงพวกเราหรอก ยังมิตอ้ งกล่าวถึงว่ายัง
มีเซี่ยฉิ งเยว่เป็ นพยาน…” คํากล่าวของกงยูเ่ ซียนช่วยให้
บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีข้ ึน “เชียนเสวีย่ ระงับโทสะ
ของเจ้าลงเถอะ หากว่าหยุนเช่อสามารถเปิ ดจุดชีพจรให้เจ้าได้
สําเร็ จนัน่ จะเป็ นโชคชะตาครั้งยิง่ ใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวติ เจ้า
ทั้งหมด”
“รับทราบ ท่านหญิง” จังหวะหัวใจของมู่หรงเชียนเสวีย่
สงบระงับลงหลังจากนางกล่าวรับคํา
“หยุนเช่อ หากปราศจากอาภรณ์ใดๆกั้นขวาง เจ้ามัน่ ใจว่า
จะไม่เกิดความเสี่ ยงถึงความเสี ยหายร้ายแรงของจุดชีพจรระหว่าง
กระบวนการใช่หรื อไม่?” กงยูเ่ ซียนผินหน้ามาทางหยุนเช่อ ก่อน
จะกล่าวถามอย่างเคร่ งขรึ มจริ งจัง หยุนเช่อผงกศีรษะรับโดยไม่
ลังเล “ตราบใดที่เส้นชีพจรมีสภาพปกติ หากไม่มีอาภรณ์ใดขวาง
กั้น ศิษย์รับประกันว่าจะไม่มีความเสี่ ยงใดๆอย่างแน่นอน...หาก
ปรากฏชั้นเสื้ อผ้ากั้นกลาง นี่ลว้ นยากจะกล่าวได้”
“ประเสริ ฐ!” กงยูเ่ ซียนผงกศีรษะ “เชียนเสวีย่ ถอดผ้าคลุม
หิ มะออกซะ...เจ้าเพียงต้องเปลือยหลังแก่มนั ยิง่ กว่านั้น พวกเรา
ทั้งหมดอยูท่ ี่น้ ี เจ้าสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่...เริ่ มเถอะ”
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง”
มู่หรงเชียนเสวีย่ หมุนกายกลับ จากนั้นปลดสายรัดเอว...
อาภรณ์หิมะขาวบริ สุทธิ์ที่ชุ่มไปด้วยหยาดนํ้าพุสมควรแนบติดกับ
เรื อนร่ างนาง ทว่าเนื่องด้วยผิวพรรณอันเรี ยบลื่นนุ่มละมุนอย่างถึง
ที่สุด ผ้าคลุมลื่นไหลลงไปตามลาดไหล่และเรี ยวแขนราวสลัก
จากหยกของนางทันทีที่ปลดสายรัด ขณะที่ลบเลือนร่ องรอยของ
สายนํ้าบนผิวขาวผ่องราวหิ มะอันน่าหลงใหล พริ บตานั้น แผ่น
หลังขาวนวลเนียนเปล่งประกายอมชมพูละเอียดอ่อนพลันเปิ ดเผย
ออกโดยปราศจากอุปสรรคใด
มู่หรงเชียนเสวีย่ รั้งดึงชุดสี ขาวหิ มะของนางขึ้นปิ ดบังทรวง
อก...การยินยอมเปิ ดเผยแผ่นหลังของนางต่อหน้าบุรุษเช่นนี้เป็ น
เรื่ องราวที่นางไม่เคยคาดฝันมาก่อนในชีวติ หญิงสาวเพียง
สามารถสงบจิตใจลงได้ภายใต้เคล็ดจิตเยือกแข็งหลังจากหอบ
หายใจรุ นแรงสองสามครั้ง นางปิ ดเปลือกตาลงพร้อมกล่าวว่า “ลง
มือเถอะ”
“หยุนเช่อ ลงมือได้” กงยูเ่ ซียนกล่าว สายตาของนางจับจ้อง
เขม็งในทุกการกระทําของหยุนเช่อ สี หน้าของนางเต็มเปี่ ยมด้วย
ความคาดหวังที่เอ่อล้นออกมา...ระยะเวลาสิ บห้านาที แลกกับเส้น
ชีพจรลมปราณเทพเจ้า...หากหยุนเช่อมีความสามารถเช่นนี้จริ ง
ทั้งสามารถใช้ออกต่อศิษย์แดนเมฆาเยือกแข็งทั้งหมด เช่นนั้น
นางไม่อาจจินตนาการได้ถึงความรุ่ งเรื องที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งจะได้รับในอนาคตได้เลย!!
หยุนเช่อหันกายกลับหลังไป ปรากฏแผ่นหลังเปลือยเปล่า
ราวหยกสลักของมู่หรงเชียนเสวีย่ เบื้องหน้า องค์เอวอ้อนแอ้นดุจ
กิ่วหลิว ส่ วนโค้งเว้าทอดแนวยาวลงมาราวสายนํ้า เชื่อมต่อกับ
สะโพกผายที่ซุกซ่อนอยูใ่ นผืนผ้าสี ขาว ผิวกายขาวผ่องอมชมพูไร้
รอยมลทิน เปล่งประกายราวเนื้อกระเบื้อง ส่ งผลให้ผคู ้ นตกอยูใ่ น
ภวังค์ฝันอันไร้ที่สิ้นสุ ดเมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์อนั เย้ายวนใจอย่าง
ถึงที่สุดที่ปรากฏอยู๋เบื้องหน้าร่ างงดงามทรงเสน่ห์น้ ี หยุนเช่อลอบ
กลืนนํ้าลาย หากทว่าสี หน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย ชายหนุ่มทรุ ดนัง่
ลงที่ดา้ นหลังพร้อมยืน่ นิ้วลงแตะบนแผ่นหลังของหญิงสาว...
พริ บตาที่ปลายนิ้วและแผ่นหลังขาวเนียนราวหิ มะสัมผัสกัน ทัว่
ร่ างของหญิงสาวสัน่ สะท้านเล็กน้อย หากพลันกลับเข้าสู่ ความนิ่ง
สงบอย่างรวดเร็ ว ขณะที่หยุนเช่อฉวยโอกาสวางฝ่ ามือของตนลง
บนแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างเต็มมือ...ทันใดนั้นเอง ความนุ่ม
ลื่นยืดหยุน่ สะท้อนเต็มฝ่ ามือทั้งสองของชายหนุ่ม ขณะเดียวกัน
ฝ่ ามือข้างหนึ่งสะท้อนประกายสี เขียววูบวับ ปลดปล่อยพลังชําระ
ล้างของไข่มุกพิษสวรรค์ออกไป ตรงเข้าสู่ จุดชีพจรหยกไม้ มู่หรง
เชียนเสวีย่ พลันรู ้สึกราวจุดชีพจรหยกไม้สนั่ สะท้านวูบหนึ่ง ทว่า
ก่อนที่นางจะทันมีปฏิกิริยาใด จุดชีพจรหยกขาวพลันถูกกรุ ยปรุ
โปร่ งในพริ บตา พลังปราณนํ้าแข็งเย็นไหลหลากท่วมท้น หมุน
วนโดยรอบจุดชีพจรหยกขาวในทันที
มู่หรงเชียนเสวีย่ พลันเปิ ดเปลือกตาออกพร้อมทั้งรํ่าร้อง
ออกมาอย่างไม่รู้ตวั ด้วยความไม่อยากเชื่อ
“จุดชีพจรหยกไม้...เปิ ดแล้ว!!”
“หา!?”
“จริ ง..จริ งรึ ?”
“แน่นอนที่สุด!” กระทัง่ มู่หรงเชียนเสวีย่ ผูม้ ีจิตใจและ
วิญญาณราวหิ มะนํ้าแข็งยังไม่อาจสะกดระงับความแตกตื่นในยาม
นี้ของนางได้ “จุดชีพจรหยกไม้ในยามนี้ลว้ นถูกกรุ ยปรุ โปร่ ง ทั้ง
ไม่มีความเจ็บปวดหรื ออึดอัดคับข้องแม้แต่นอ้ ย”
“อย่าได้กล่าววาจา!” หยุนเช่อพลันกล่าวออกมาด้วยสี หน้า
เคร่ งขรึ ม “ปิ ดตาลง สงบจิตใจและลมหายใจ ห้ามเคลื่อนไหว
ร่ างกาย และพยายามมิให้พลังยุทธ์ภายในร่ างหมุนวนโคจรเท่าที่
จะทําได้”
หากเป็ นก่อนหน้านี้ มู่หรงเชียนเสวีย่ มีหรื อจะฟังคําสัง่ ของ
หยุนเช่อ? ทว่ายามนี้ เพียงคําตวาดว่าคราเดียว มู่หรงเชียนเสวีย่
หยุดวาจาลงในทันใด พร้อมทั้งสงบลมหายใจลงอย่างเชื่อฟัง ไม่
เพียงไม่กล่าววาจาตอบโต้ แม้แต่สีหน้าไม่พึงพอใจยังไม่ปรากฏ
ให้เห็นแม้แต่นอ้ ย
กงยูเ่ ซียนและนางเซียนทั้งหลายต่างสงบปากคําลงอย่าง
รวดเร็ ว ไม่มีผใู ้ ดกล้ากล่าวสิ่ งใดออกไปแม้แต่คาํ เดียว สี หน้าของ
พวกนางต่างตื่นเต้นยินดีจนมิอาจควบคุมตนเองได้...แม้จะมีเซี่ย
ฉิ งเยว่เป็ นหลักฐาน ทว่าภายในส่ วนลึกของจิตใจยังคงบังเกิด
ความกังขา อย่างไรเสี ย การได้มาซึ่งเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า
ล้วนเป็ นสิ่ งที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไป ทว่าในเวลานี้ เพียงเวลาไม่กี่
ลมหายใจ ชายหนุ่มกลับสามารถเปิ ดจุดชีพจรได้อย่างง่ายดาย!!
ความระแวงสงสัยส่วนสุ ดท้ายที่พวกนางมีต่อหยุนเช่อ
อันตรธานหายไปในทันที สายตาของพวกนางปราศจากแวว
กระหายหรื อเจตนาฆ่าฟันเมื่อก่อนหน้านี้อย่างสิ้ นเชิง... ที่ปรากฏ
แทนที่ มีเพียงความแตกตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด รวมทั้งความ
คาดหวังและความปิ ติยนิ ดีอย่างสุ ดแสน โดยเฉพาะอย่างยิง่ กงยู่
เซียน ในฐานะท่านหญิงแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งผูใ้ ช้วชิ าจิต
เยือกแข็งมาตลอดเวลาร่ วมร้อยปี ยังไม่อาจสะกดระงับจังหวะ
หัวใจที่เต้นกระหนํ่าอย่างบ้าคลัง่ ในยามนี้ได้
ไม่นานหลังจากนั้น…
ชีพจรพัดม่วงเปิ ดออก!
ชีพจรสุ สานขาวเปิ ดออก!
ชีพจรทานตะวันฟ้าเปิ ดออก!
ชีพจรอาทิตย์ครามเปิ ดออก…
….
ผ่านไปห้านาที จุดชีพจรของมู่หรงเชียนเสวีย่ มากกว่าสิ บจุด
ถูกกรุ ยปรุ โปร่ งจนหมดสิ้ น! ความแตกตื่นภายในใจของกงยูเ่ ซียน
และพรรคพวกมากล้นจนไม่อาจบ่งบอกบรรยายได้ สายตาของ
พวกนางยามมองมายังหยุนเช่อ สะท้อนประกายราวกําลังจ้องมอง
ยังเทพยดาก็มิปาน!
ทุกคราที่ชายหนุ่มสามารถกรุ ยจุดชีพจรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจุด
ฝ่ ามือของหยุนเช่อที่กดทาบลงบนแผ่นหลังอันบอบบางของมู่
หรงเชียนเสวีย่ ล้วนลูบไล้เคลื่อนไหวไปทุกทิศทางเป็ นเวลานาน
กระทัง่ ยังประสานเป็ นสัญลักษณ์หตั ถ์ต่างๆ ที่ดูซบั ซ้อนสุ ดหยัง่
ถึง ทว่าในความเป็ นจริ งแล้ว หากหยุนเช่อต้องการกรุ ยชีพจรจุด
ใด ที่ชายหนุ่มต้องทําเพียงต้องวางฝ่ ามือลงตรงจุดนั้น พร้อมกับ
ใช้พลังชําระล้างของไข่มุกพิษสวรรค์ออกเล็กน้อย นี่เพียงใช้เวลา
ไม่กี่ลมหายใจ ยิง่ กว่านั้น ไม่ตอ้ งพูดถึงการสัมผัสแผ่นหลังเปล่า
เปลือยของผูอ้ ื่น ชายหนุ่มสามารถกระทําการทั้งหมดโดยมีเสื้ อผ้า
กั้นขวาง หรื อกระทัง่ ส่ งพลังข้ามจากที่ไกลได้อย่างง่ายดาย...
ระยะเวลาที่หยุนเช่อใช้ออกทั้งสิ้ นเพื่อเปิ ดจุดชีพจรลมปราณ
ทั้งหมด นับรวมกันเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ สําหรับเวลาที่เพิม่
ขึ้นมานั้น...ทั้งหมดล้วนใช้เพือ่ การนวดเฟ้นเคล้าคลึง ทุ่มเทเพื่อ
การเคล้นคลึงอย่างสุ ดความสามารถ!
ยามที่เปิ ดจุดชีพจรให้เซี่ยฉิ งเยว่ในครานั้น แม้ชายหนุ่ม
สามารถมองเห็นชัดเจน หากเนื่องด้วยการใช้พลังผ่านเข็มเงิน หยุ
นเช่อปราศจากโอกาสแตะต้องร่ างกายนาง ทว่าครานี้ลว้ น
แตกต่างไป ภายใต้การจับจ้องจากกงยูเ่ ซียนและนางเซียน
ทั้งหลาย การคลึงเคล้นของหยุนเช่อหนักแน่นมัง่ คงยิง่ ราวกับเป็ น
เรื่ องจําเป็ นยิง่ ยวด กระทัง่ สภาวะจิตใจจดจ่อสัมพันธ์กนั ฝ่ ามือ
ของหยุนเช่อยามนี้เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและกลิ่นอายหอม
กรุ่ น มีเพียงคนโง่จึงไม่ฉกฉวยโอกาสที่อยูต่ รงหน้า!
ยิง่ ไม่ฉกฉวยโอกาสต่อสาวงามที่ยนิ ยอมพร้อมใจอยูเ่ บื้อง
หน้าเช่นนี้..จึงมีแต่ไอ้งงั่ ในหมู่ไอ้งง่ั อย่างที่สุดเท่านั้น!
บทที่ 387 การตัดสิ นใจของแดนศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง

ภายใต้ “การทํางานอย่างหนัก” ของหยุนเช่อ จุดชีพจร


ลมปราณของมู่หรงเชียนเสวีย่ เปิ ดออกจุดแล้วจุดเล่า แม้วา่ การ
แสดงออกของนางยังคงสงบนิ่งขนตาที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาว
ขยับเบา ๆ อย่างต่อเนื่องเมื่อจุดชีพจรลมปราณของหญิงสาวเปิ ด
ออกถึงจุดที่สี่สิบซึ่ งเหนือกว่าบรรพบุรุษของแดนศักษ์สิทธิ์ฯผู ้
เป็ นตํานานมู่ปิงหยวน นางมิอาจทําสิ่ งใดได้นอกจากส่ งเสี ยงรํ่า
ไห้ออกมาด้วยอารมณ์ความรู ้สึกท่วมท้น
ฟู่ ววว….
หยุนเช่อถอนหายใจยาว ชายหนุ่มถอนมือออกจากหลังที่
ละเอียดนุ่มราวหยกของมู่หรงเซียนเสวีย่ และปาดเหงือที่ผดุ อยู่
บนหน้าผากของชายหนุ่มออก … อืม เหงื่อที่ได้รับการขับออก
จนกระทัง่ บัดนี้จุดชีพจรลมปราณทั้งหมดของมู่หรงเซียนเสวีย่
ล้วนเปิ ดออกทั้งหมด และแน่นอนว่าทั้งหมดล้วนใช้เวลาไม่เกิน
สิ บห้านาที!
มู่หรงเซี ยนเสวีย่ ยืนขึ้นและดึงคลุมหิ มะขึ้นมาสวมใส่ และ
ทําให้ไร้ซ่ ึงคําพูดไปชัว่ คราว จุดชีพจรลมปราณของนางทั้งหมด
ล้วนเปิ ดออกนัน่ ทําให้นางรู ้สึกถึงพลังลมปราณที่หมุนเวียน
ภายในร่ างกายของนางนั้นรวดเร็ วยิง่ ขึ้นอย่างน้อยสามเท่า
นอกจากนี้หญิงสาวพลันรู ้สึกสดใส รู ้สึกตัวเบาสบาย …. นี่คือ
เส้นชีพจรลมปราณในตํานานนี้ยงั ลี้ลบั ยิง่ กว่าในคําเล่าขานมาก
นัก ก่อนหน้านี้แน่นอนว่าหญิงสาวมิเคยคิดเกี่ยวกับชีพจร
ลมปราณเทพเจ้าที่เป็ นตํานานจะปรากฏบนร่ างกายของนาง
กงยูเ่ ซี ยนเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ วคว้าจับไปที่ขอ้ มือ
ของนางและเพียงครู่ เดียวหลังจากการตรวจดูชีพจร นางเงยหน้า
ในทันที เสี ยงของนางแทบจะหายไป “จุดชีพจรทั้งหมดห้าสิ บสี่
จุดเปิ ดออกแล้ว… ชีพจรลมปราณเทพเจ้า มันเป็ นชีพจรลมปราณ
เทพเจ้าจริ งๆ !”
เมื่อเหล่านางเซียนที่ยนื กลั้นหายใจอยูไ่ ด้ยนิ วาจาจาก
ปากของกงยูเ่ ซียน ไม่มีผใู ้ ดไม่ปิดปากร้องอุทานออกมาด้วยความ
แตกตื่น ทั้งหมดรวมตัวกันที่ขา้ งกายมูหรงเชียนเสวีย่ เพื่อสัมผัส
พลังลมปราณที่โคจรภายในร่ างนาง จุดชีพจรที่เปิ ดออกทั้งห้าสิ บ
สี่ จุดสร้างความตกตะลึงแก่ท้ งั หมดจนไม่อาจควบคุมตนเองได้
เซี่ยฉิ งเยว่เดินไปด้านหน้าหยุนเช่อ และกล่าวถามด้วยเสี ยง
ที่นุ่มนวล “หยุนเช่อ ท่านเป็ นเช่นไรบ้าง ?”
“ไม่เป็ นไร ข้าไม่เป็ นไร เพียงแต่วงิ เวียนเล็กน้อย แม้จะมิได้
สิ้ นเปลืองพลังยุทธ์ ทว่าการทําเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังใจอย่าง
มหาศาล” หยุนเช่อสะบัดศีรษะราวกับตนเองอ่อนล้าอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มรํ่าร้องภายในใจ : ฉิ งเยว่ ภรรยาข้ าจึ งเป็ นผู้
เดียวที่ห่วงใยข้ าโดยแท้ จริ ง ข้ าแสดงท่ าทางอ่ อนแอถึงเพียงนี ้ ทว่ า
เหล่ าสตรี ไร้ หัวใจพวกนั้นยังไม่ มผี ้ ใู ดสนใจไต่ ถามข้ าแม้ แต่ น้อย
“นี่เป็ นปาฏิหาริ ยอ์ ย่างแท้จริ ง!” สี หน้าตื่นตะลึงของกงยู่
เซียนปรากฏริ้ วรอยสี ชมพูจางๆ นางหยิบหยกสื่ อสารออกมา ก่อน
กล่าวกับตนเองว่า “เรื่ องราวนี้ แม้จะเป็ นสี แดนศักดิ์สิทธิ์ ยัง
นับเป็ นเรื่ องที่สร้างความปั่นป่ วนได้...ข้าต้องรายงานท่านหญิงรุ่ น
ก่อน!”
กงยูเ่ ซียนถ่ายทอดเสี ยงไปยังหยกสื่ อสาร ไม่นานหลังจาก
วางหยกลง บังเกิดกระแสลมเย็นเยียบกรรโชกแรงด้วยระดับ
ความเร็ วเหนือมนุษย์ พลันปรากฏร่ างของสตรี สูงอายุผมครึ่ งดํา
ครึ่ งขาว เป็ ฯท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งรุ่ นก่อน --
ฟ่ งเชียนฮุ่ยเอง!
“ท่านหญิง!”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยไม่ยงุ่ เกี่ยวเรื่ องราวในสํานัก ทั้งไม่ออกสู่
สาธารณะมาเป็ นเวลานาน กระทัง่ นางเซียนทั้งเจ็ดยังไม่อาจพบ
เห็นนางบ่อยนัก หากครานี้นางกลับออกมาจากแดนลับด้วย
ตนเองด้วยความเร็ วสู งสุ ดเท่าที่จะทําได้ แสดงให้เห็นว่าเรื่ องราว
นี้สร้างความแตกตื่นภยในใจนางถึงเพียงไหน ฟ่ งเชียนฮุ่ยทิ้งร่ าง
ลงที่เบื้องหน้ากงยูเ่ ซียนก่อนถามในทันทีวา่ “ยูเ่ ซียน ที่เจ้ากล่าวมา
เมื่อครู่ ...เป็ นความจริ ง?”
“ยูเ่ ซี ยนไม่กล้าหลอกลวงท่านอาจารย์!” กงยูเ่ ซียนดึงร่ างมู่
หรงเชีนยนเสวีย่ ออกมา
ฟ่ งเชียนฮุ่ยยืน่ มืออกอย่างรวดเร็ ว ลูบลงบนข้อมือของมู่หรง
เชียนเสวีย่ อย่างบางเบาคราหนึ่ง จากนั้น ใบหน้าของนางปรากฏ
รอยแตกตื่นตระหนก “เส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า!” เมื่อกล่าวจบ
นางเบนสายตามาทางหยุนเช่อ “หยุนเช่อ! เจ้าถึงกับมี...
ความสามารถที่ทา้ ทายสวรรค์เช่นนี้!!”
ความสามารถเปิ ดจุดชีพจรลมปราณทั้งหมดได้ดว้ ยเวลา
เพียงน้อยนิด ในทวีปลมปราณฟ้านี้ การเรี ยกหาเป็ นทักษะวิชาที่
ฝื นมติสวรรค์นบั ว่าไม่เกินเลยไป
หยุนเช่อก้าวเท้ามาเบื้องหน้าก่อนกล่าวอย่างนอบน้อม
“หากท่านหญิงสนใจ ศิษย์สามารถช่วยเปิ ดจุดชีพจรลมปราณแก่
เหล่านางเซี ยนในที่น้ ี...เพียงไม่ทราบ มีนางเซียนท่านใดยินยอม?”
“เจ้าสามารถทําได้อีกครั้ง?” กงยูเ่ ซียนกล่าวด้วยความแปลก
ประหลาดใจ
หยุนเช่อกล่าวด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความมัน่ ใจ “การเปิ ด
ชีพจรจําเป็ นต้องทุ่มเทจิตสมาะ◌ิอย่างมหาศาล ดังนั้นจึงสูญเสี ย
พลังใจอย่างมาก แต่การเปิ ดจุดชีพจรของนางเซียนสองคน
ติดต่อกัน ศิษย์ยงั มัน่ ใจว่ามีความสามารถกระทําได้ หากเป็ นสาม
คน นี่ยากลําบากอยูบ่ า้ ง”
ตามความจริ ง พลังยุทธ์และพลังจิตใจที่ใช้ในการเปิ ดจุดชีพ
จรลมปราณไม่นบั ว่ามากมายอันใดต่อหยุนเช่อในปัจจุบนั แม้จะ
ใช้เวลาทั้งวันเพื่อเปิ ดจุดชีพจรแก่ผคู ้ นหนึ่งร้อยคนติดต่อกัน หยุ
นเช่อยังคงไม่เหน็ดเหนื่อยเท่าใด...ทว่าหยุนเช่อเกรงว่าหากกล่าว
ออกไปตามความจริ ง กระทัง่ ยอดยุทธ์เช่นฟ่ งเชียนฮุ่ยยังต้องตก
ตะลึงจนไม่อาจกล่าววาจาใดได้ เนื่องเพระาแค่การสามารถเปิ ดจุด
ชีพจรให้ผคู ้ นสองคนติดต่อกันได้เช่นนี้ ยังทําให้พวกนางตื่น
ตระหนก เปรี ยบเทียบเป็ นควา,สามารถที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่าง
แท้จริ ง!
ซึ่งความสามารถของไข่มุกพิษสวรรค์ เดิมทีลว้ นเป็ น
ความสามารถระดับชั้นเทพเจ้าอย่างแท้จริ ง!
จวินเหลียนเชียยืนอยูเ่ บืั้องหน้าของหยุนเช่อต่อจากมู่หรง
เชียนเสวีย่ หญิงสาวปลดผ้าคลุมหิ มะบนร่ างของตนเอง เปิ ดเผย
แผ่นหลังขาวนวลเนียนประดจหยก...ภายในใจของจวินเหลียน
เชียเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ต่างจากมู่หรงเชียน
เสวีย่ เมื่อก่อนหน้าอย่างสิ้ นเชิง
หยุนเช่อกระทําการเช่นก่อนหน้า ชายหนุ่มนวดเฟ้นหลัง
ของจวินเหลียนเชียอย่างต่อเนื่องราวสิ บห้านาทีต่อหน้าฟ่ งเชียน
ฮุ่ยและเหล่านางเซี ยน เปิ ดจุดชีพจรลมปราณของจวินเหลียนเชียมี
ละจุด ทันทีที่หยุนเช่อเปิ ดจุดชีพจรทั้งหมด ก่อกําเนิดเส้นชีพจร
ลมปราณเทพเจ้าคนที่สองขึ้น ฟ่ งเชียนฮุ่ยล้วนหวัน่ ไหวใจจนต้อง
หลัง่ นํ้าตาออกมา
สําหรับหยุนเช่อ การช่วยเปิ ดจุดชีพจรแก่นางเซียนเมฆา
เยือกแข็งทั้งเจ็ดไม่นบั เป็ นการสิ้ นเปลืองพลังแต่ประการใด ทว่า
กับแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแล้ว นี่เป็ นพระคุณใหญ่หลวงที่
สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิง่ ใหญ่ต่อพวกนางไปอีกหลายร้อย
หลายพันปี ! สมควรทราบว่า ในประวัติศาสตร์พนั ปี ที่ผา่ น มีเพียง
เซี่ยฉิ งเยว่ผเู ้ ดียวที่กอปรด้วยเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าในสํานัก
ของพวกนาง...ทั้งยังเป็ นเพราะหยุนเช่อด้วยเช่นกัน!
“นี่คือสวรรค์เมตตาต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา
จริ งๆ! ” ฟ่ งเชียนฮุ่ยเงยหน้าขึ้น กล่าววาจาออกมาด้วยนํ้ ่ าเสี ยงสัน่
สะท้านที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู ้สึก นางรับหยุนเช่อเข้าสู่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆเาเยือกแข็งเนื่องเพราะรับรู ้ได้วา่ กําลังมีความ
เปลี่ยนแปลงบางสิ่ งเกิดขึ้น ทั้งหวังให้ชายหนุ่มเป็ นกําลังเสริ มแก่
สํานัก นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า หยุนเช่อจะนําพาปาฏิหาริ ยอ์ นั
ยิง่ ใหญ่เช่นนี้มาด้วย
หยุนเช่ออ่อนล้าลงอย่างเห็นได้ชดั เจน ทัว่ ใบหน้ากลับ
กลายเป็ นซี ดขาว หลังจากหยัดตัวขึ้นยืน ร่ างของมันไหวโอนเอน
อย่างรุ นแรงชัว่ พริ บตา หากมิใช่เซี่ยฉิ งเยว่เร่ งเข้าพยุง มันอาจล้ม
หน้าควํ่าลงสู่ พ้นื ได้
“หยุนเช่อ เจ้าเป็ นอะไรหรื อไม่?”กงยูเ่ ซียนกล่าวถามไถ่
ในทันที
“ข้าไม่เป็ นไร เพียงวิงเวียนเล็กน้อย พักผ่อนสักคืน สมควร
หายเป็ นปกติ” หยุนเช่อแอบอิงร่ างของตนเองกับเซี่ยฉิ งเยว่ กลิ่น
อายอบอุ่นกรุ่ นหอมแทรกซึมเข้าสู่ นาสิ ก “ยังดี ที่ขา้ สามารถทํา
สําเร็ จ เมื่อนางเซี ยนทั้งสองมีเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า อัตรา
ความเร็ วในการฝึ กฝนของนางเซียนย่อมต้องเพิม่ พูนขึ้นอย่างก้าว
กระโดด เมื่อถึงเวลาทะลวงผ่านขั้นลมปราณ ล้วนปราศจาก
อาการสะดุดติดขัด อายุขยั ยังยืดออกไปอีกหลายเท่าตัว...
ยิง่ กว่านั้น เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งเป็ ธาตุหยินรุ นแรง การฝึ กรื อ
เป็ นเวลานานทําร้ายสู่ ร่างกาย เมื่อเปิ ดจุดชีพจร กลิ่นอายความเย็น
ล้วนถูกระบายออก...ดังนั้น สําหรับร่ างกายแล้ว ย่อมต้องดีข้ ึน
อย่างมาก ฟู่ วว..เพียงแต่ เรื่ องนี้ ข้าต้องขอร้องพวกท่านทั้งหมด...
ให้เก็บเป็ นความลับแก่ศิษย์”
หลังกล่าวจบคํา หยุนเช่อล้มลงไปในอ้อมอกของเซี่ยฉิ งเยว่
ในทันที ชายหนุ่มทิ้งนํ้าหนักลงบนร่ างของหญิงสาวอย่างเต็มที่
กระทัง่ แขนของชายหนุ่มแทบรับรู ้ถึงสัณฐานหน้าอกของนางได้
อย่างชัดเจน...แม้เซี่ยฉิ งเยว่ระแวงสงสัยอยูบ่ า้ งว่าหยุนเช่อกําลังเส
แสร้งแสดง หากนางยังคงไม่กล้าผลักชายหนุ่มออกโดยแรง เนื่อง
เพราะนางเกรงว่าหยุนเช่ออาจกําลังอ่อนเพลียอย่างแท้จริ ง
“อย่ากังวล เรื่ องนี้ไม่มีทางหลุดรอดออกไปภายนอก! เจ้าให้
พวกเราได้เป็ นพยานความสามารถสัน่ สะท้านใต้หล้า หมายความ
ว่าเจ้าเชื่อใจพวกเราในการประทานพรนี้มาให้ พวกเราจะปล่อย
ให้เรื่ องนี้ร่ัวไหลได้อย่างไร!?” อารมณ์ความรู ้สึกของฟ่ งเชียนฮุ่ย
ยังคงไม่สงบลง นางถึงกับใช้คาํ “ประทานพร” กับหยุนเช่อ เส้น
ชีพจรลมปรารเทพเจ้าแก่ศิษย์สองคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง หยุนเช่อนับว่าคู่ควรต่อคํา “ประทานพร” จริ งๆ !
“หยุนเช่อ เราผูเ้ ฒ่าอยูม่ ากว่าสองร้อยปี หากกลับไม่เคยได้
พบเห็น ทั้งไม่เคยได้ฟังถึงความสามารถเช่นเจ้ามาก่อน กระทัง่ ใน
ตํานานของยุคเก่า เราผูเ้ ฒ่าของบังอาจถาม เจ้าได้ความสามารถ
เช่นนี้มาจากที่ใดกันแน่?”
หยุนเช่อสู ดลมหายใจลึกก่อนกล่าวว่า “เป็ นท่านอาจารย์
ของศิษย์สงั่ สอน เพียงแต่ท่านอาจารย์ของข้ายินดีใช้ชีวติ เรี ยบง่าย
สมถะในโลกภายนอก ไม่ชื่นชอบความวุน่ วายในโลกียว์ สิ ยั
ดังนั้น โปรดอภัยที่ศิษย์มิอาจแจ้งให้ท่านทราบได้”
ฟ่ งเชียนฮุ่ยผงกศีรษะรับอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย
ความชื่นชมและปรารถนา “ท่านอาจารย์ของเจ้าย่อมเป็ นตัวตน
เช่นเทพเซียนผูส้ ู งส่ ง ไม่น่าแปลกใจที่ท่านสามารถรับศิษย์ที่เปี่ ยม
ความสามารถเหนือคนเช่นเจ้า”
“ท่านหญิงชมเชยเกินไป...ศิษย์ล่วงเกินนางเซียนทั้งหก
กระทําความผิดสมควรตาย หากยังมีความสามารถจ่ายค่าชดเชย
ขอท่านนางเซี ยนมู่หรงและนางเซียนจวินโปรดคลายโทสะ อีก
ภายในสองวันถัดจากวันนี้ ศิษย์ยอ่ มเปิ ดจุดชีพจรลมปราณแก่นาง
เซียนทั้งส่ หลงเหลือเพื่อชดใช้ความผิด”
“เมื่อเทียบกับการที่เจ้าช่วยเปิ ดจุดชีพจรให้แก่เชียนเสวีย่
และเหลียนเชีย ความผิดเก่าก่อนของเจ้ากระทําโดยไม่เจตนา ล้วน
ไม่ตอ้ งกล่าวแล้ว...ฉิงเย่ว พาหยุนเช่อไปพักผ่อน...วันนี้ เจ้า
สามารถเข้าพักชัว่ คราวในตําหนักของเยว่ฉานก่อนหน้านี้ เชียน
เสวีย่ หลังจากนี้ เจ้าไปยังตําหนักหิ มะศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับยาเม็ดใจ
หิ มะและหยกวารี จกั จัน่ นํ้าแข็งเพื่อให้หยุนเช่อได้รับประทาน”
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง”
เซี่ ยฉิ งเยว่นาํ พาหยุนเช่อผู ้ “อ่อนแอ” จากไป มู่หรงเชียน
เสวีย่ เองเร่ งไปยังตําหนักหิ มะศักดิ์สิทธิ์ ฟ่ งเชียนฮุ่ยและกงยูเ่ ซียน
ล้วนไม่อาจสงบใจลงได้เป็ นนานขณะเฝ้ามองหยุนเช่อหายลับไป
จากสายตา...หลังจากเคี่ยวกรําวิชาเคล็ดจิตเยือกแข็งมาเนิ่นนานปี
นี่เป็ นครั้งแรกที่ท้ งั สองจิตใจหวัน่ ไหวถึงเพียงนี้
“คําพยากรณ์ที่บรรพบุรุษตกทอดทิ้งไว้ หากผ่านพ้น
วิกฤติการณ์ไปได้ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราล้วนสามารถ
รุ่ งเรื องเฟื่ องฟูไปอีกนับหมื่นปี ! หรื อว่าสาเหตุของคําพยากรณ์น้ ี ..
คือหยุนเช่อ?” ฟ่ งเชียนฮุ่ยพึมพํา
“ความสามารถชําระล้างร่ างกาย เปิ ดจุดชีพจรลมปราณ
ก่อกําเนิดเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า กระทัง่ แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
ยังไม่กล้าใฝ่ ฝันถึง หากมีเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าอีกสิ บคน
ร้อยคน กระทัง่ พันคน ปรากฏขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
เรา...พวกเราจะทรงอํานาจถึงเพียงไหน? ถึงตอนนั้น คิดไม่อยาก
รุ่ งเรื องก็ไม่ได้” กงยูเ่ ซียนสะท้านหวัน่ ไหว “เมื่อคําพยากรณ์มา
จาก “ตระกูลลิขิตฟ้า” ตระกูลนั้น เช่นนั้น ความเป็ นไปได้ในการ
เกิดขึ้นมีมากนัก ผูท้ ี่จะนําพาเราก้าวผ่านมหันตภัยแห่งสหัสวรรษ
และเข้าสู่ ความรุ่ งเรื องหมื่นปี ...สมควรเป็ นหยุนเช่อ ท่านอาจารย์
การรับมันเข้าสู่ สาํ นัก นับเป็ นญาณทัศนะอันเลิศลํ้าของท่านโดย
แท้”
“ข้าเพียงคาดหวังว่า เมื่อมหันตภัยมาถึง พวกเราสามารถ
พึ่งพาความเข้มแข็งของมัน ข้าจะทราบได้อย่างไรว่ามันมี
ความสามารถเกินคนเช่นนี้?” ฟ่ งเชียนฮุ่ยทอดถอนใจ “ดูท่าพวก
เราสมควรทุ่มเททําทุกวิถีทางเพื่อรั้งตัวมันไว้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งเรา...หากต้องการให้มนั พักอาศัยอยูท่ ี่น้ ีนานขึ้น
ย่อมต้องหาเหตุผลและข้ออ้างอันเหมาะสม มิเช่นนั้น ด้วย
ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ วเช่นนี้ของมัน พวกเรามิอาจฉุดรั้งมัน
ไว้ได้นานเท่าใด”
กงยูเ่ ซียนผงกศีรษะรับอย่างหนักแน่น
เรื่ องราวของหยุนเช่ อและฉู่เยว่ ฉานเป็ น “เรื่ องต้ องห้ าม”
มันคือบุคคลทีส่ ร้ างความอัปยศแก่ สํานักจนต้ องปิ ดตัวลงจาก
ภายนอก การเอ่ อยถึงเรื่ องนีเ้ ป็ นเรื่ องต้ องห้ ามในช่ วงหลายปี นี้
ทว่ าคืนนี้ กงยู่เซียนกลับอนุญาตหยุนเช่ อพํานักอาศัยในสถานที่
เดิมของฉู่เยว่ ฉาน แน่ นอนว่ าการกระทํานีล้ ้ วนเพื่อประจบเอาใจ
ชายหนุ่มเอง
บทที่ 388 - หน้ าทีส่ ํ าคัญ!

ระหว่างทาง หยุนเช่อยังคงคิดเรื่ องวิธีการหยอกเย้าเซี่ยฉิ ง


เยว่ไปต่าง ๆ นานา และคิดกระทัง่ ว่ามันควรรบเร้าอย่างไร้ยางอาย
เพื่อให้ได้หลับนอนเคียงหมอนกับนางที่นี่ … ทว่าหลังจากชาย
หนุ่มได้เข้ามายังภายในตําหนักนํ้าแข็งที่ฉู่เยว่ฉานเคยพักอยู่
ความคิดและความตั้งใจทั้งหมดทั้งมวลของมันเป็ นอันต้องถูกปิ ด
เก็บไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวในที่แห่งนี้ ขณะที่ชายหนุ่มนั้นเหม่อ
มองในความว่างเปล่าอยูเ่ ป็ นนานด้วยความเศร้าสลดใจ
การตกแต่งในสถานที่แห่งนี้ช่างเรี ยบง่าย ภายในมีเพียงเตียง
โต๊ะหนึ่งตัว และคันฉ่องหนึ่งบาน เตียงนอนนั้นผลิตขึ้นมาจาก
หยกเย็น ไร้ซ่ ึงเครื่ องหมอนนอนหนุนใด ๆ อยูบ่ นนั้นทั้งสิ้ น ยาม
ได้สมั ผัสนั้น จักรู ้สึกได้เพียงความแข็งทื่อและความหนาวเย็น
เสี ยดแทงกระดูก
อากาศที่นี่ช่างหนาวเหน็บและเงียบงันนัก แม้วา่ ฉู่เยว่ฉาน
จะได้จากที่นี่ไปเป็ นเวลาสองปี แล้ว ชายหนุ่มยังคงได้กลิ่นหอม
จาง ๆ ดุจดัง่ กลิ่นดอกปทุมหิ มะของนางได้
“นางเซียนน้อย นาง...อยูใ่ นที่เช่นนี้มาตลอดเลยหรื อ?” หยุ
นเช่อเอ่ยพึมพํา
“ท่านอาจารย์อาศัยอยูท่ ี่นี่มานับตั้งแต่เด็ก ในหลายสิ บปี นี้
ภายในห้องนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นอ้ ย ที่พกั ของท่านอาจารย์
อาจารย์ป้าและอาจารย์อาเช่นเดียวกับเหล่าพี่สาวน้องสาวร่ วม
พรรคทั้งหมดต่างก็พกั กันอย่างสมถะเช่นนี้” เซี่ยฉิ งเย่วกล่าว
“การพักในสถานที่เช่นนี้พวกท่านไม่รู้สึกเบื่อหน่ายหรื อ
ระคายใจบ้างเลยหรื อ?” หยุนเช่อพูดด้วยสี หน้าอันซับซ้อน ชาย
หนุ่มหันไปโดยรอบ แม้นตําหนักนํ้าแข็งนั้นจะใหญ่โต ทุก ๆ สิ่ ง
กลับสามารถมองเห็นได้ชดั ถนัดตาในการมองเพียงปราดเดียว
“ไม่” เซี่ยฉิ งเยว่สายหน้า “ถ้าคุน้ เคยกับมันแล้วจะไม่รู้สึก
ระคายใจแต่อย่างใด ยิง่ กว่านั้น สภาพแวดล้อมเช่นนี้ยงั เหมาะสม
กับเราเหล่าศิษย์เมฆาเยือกแข็งที่สุด มันจะช่วยให้เราฝึ กฝนวิชาได้
ด้วยใจอันนิ่งสงบดังผืนนํ้า ไร้ซ่ ึ งผูใ้ ดมารบกวน”
“ฟู่ วว… ข้าไม่เข้าใจสตรี แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเลย
จริ ง ๆ!” หยุนเช่อว่าอย่างไม่พออกพอใจ “สตรี ที่นี่ลว้ นเป็ น
โฉมงามเลิศลํ้าโดดเด่น จะมีบุรุษเช่นใดบ้างที่พวกนางไม่อาจหา
พบ? ด้วยการปกป้องจากบุรุษ มันมากเสี ยยิง่ กว่าเกินพอที่จะไม่
ต้องเป็ นห่วงเรื่ องชีวติ กระนั้นยังดื้อรั้นเผชิญความลําบากและสู ้
ดิ้นรนอย่างสู ญเปล่าไปเช่นนี้ ยิง่ กว่านั้น ยังต้องมาเสี ยทรัพยากร
หญิงงามไปจํานวนมาก! (เดี๋ยวหยุน ใจเย็น ๆ)”
ประโยคสุดท้ายนั้น คือสิ่ งที่แท้จริ งแล้วหยุนเช่ออยากจะ
ตะโกนออกมาเป็ นเวลานานแสนนาน
“พี่นอ้ งแดนศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง บ้างพวกนางแต่เดิมก็เคย
เป็ นคนยากจนและโดดเดี่ยวไม่มีผใู ้ ดให้พ่ งึ พา หรื อบ้างก็เป็ นผูท้ ี่
หวังจะไขว่คว้าไล่ตามเส้นทางวิชายุทธ์ สําหรับพี่นอ้ งที่ร่อนเร่
และเดียวดาย ที่นี่คือบ้านที่ปลอดภัย และพวกนางจะไม่ตอ้ งถูกกด
ขี่และรังแกโดยผูอ้ ื่นอีกต่อไป สําหรับพี่นอ้ งที่ไขว่คว้าไล่ตาม
เส้นทางแห่งยุทธ์ สถานที่แห่งนี้เป็ นที่ที่เหมาะกับพวกนางที่สุด
เช่นนั้นแล้ว สําหรับพวกเรา นี่จึงไม่อาจเรี ยกว่าประสบพบความ
ลําบากได้” เซี่ ยฉิ งเยว่เอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงอันเนิบช้าและนุ่มนวล ตัว
นางเองเห็นได้ชดั ว่ารวมอยูใ่ นกลุ่มหลังที่กล่าวมา “สตรี หลายคน
เต็มใจที่จะกลายเป็ นข้ารับใช้ของบุรุษ หากพวกนางสามารถ
ค้นพบบุรุษที่จะพึ่งพิงได้ถูกต้อง พวกนางล้วนสามารถได้รับที่
พึ่งพิงอันมัน่ คง กระทัง่ ชื่อเสี ยงเกียรติยศจนชัว่ ชีวติ กระนั้น สตรี
ส่ วนใหญ่ผฝู ้ ากชะตาไว้โดยไร้ซ่ ึ งตัวตน ต่างต้องประสบชะตา
กรรมอันยํา่ แย่และโชคร้าย ยิง่ กว่านั้น กับสตรี บางคนที่ไม่มีกาํ ลัง
เพียงพอ พวกนางยังไม่อาจแม้แต่จะได้พบเจอและโอบกอดสามี
และลูก ๆ ของพวกนาง…”
ขณะกล่าวถึงประโยคนี้ นํ้าเสี ยงของเซี่ยฉิ งเยว่พลันสัน่ ไหว
อยูช่ วั่ เสี้ ยววินาที และกลับเป็ นปกติในทันที
“โลกภายนอกได้กล่าวขานถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งไม่เพียงต้องการศิษย์ท่ีมีระดับฝี มือสู งส่ ง ทั้งยังต้องมีรูปโฉม
ที่งดงามด้วย นัน่ เป็ นเหตุผลที่ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งทุกนางต่างมีรูปโฉมที่งดงามล่มเมือง ซึ่งในความเป็ นจริ งนั้น
ทั้งหมดนี้เป็ นเพียงการคาดเดาไปเองของผูค้ น” เซียฉิ งเยว่กล่าว
อย่างเชื่องช้า : “การรับศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
นั้นต้องการเพียงระดับฝี มือและมิได้ตอ้ งการรู ปโฉมที่งดงามแต่
อย่างใด ตามจริ ง เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งไม่เพียงสามารถก่อเกิด
ปราณนํ้าแข็งออกจากร่ างกายของผูค้ น หากยังมีส่วนช่วยขัดเกลา
ร่ างกายและใบหน้า ส่ งผลให้ผฝู ้ ึ กปรื อมีผวิ พรรณที่เรี ยบลื่นส่อง
ประกายราวหยกนํ้าแข็ง ใบหน้าราวกับดอกบัวหิมะอันบริ สุทธิ์
ร่ างกายของพวกนางล้วนปลดปล่อยรัศมีพลังเย็นเยียบสู งส่ งอัน
เป็ นสัญลักษณ์ของหิ มะนํ้าแข็งเช่นกัน เหล่าศิษย์พศี่ ิษย์นอ้ ง
ทั้งหลายฝึ กฝนเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งแต่เยาว์วยั แน่นอนว่ายาม
เติบโตขึ้น พวกนางล้วนต้องกอปรด้วยความงามจนมัจฉาจมห่าน
ป่ าร่ วงหล่น...ทว่าเนื่องเพราะสาเหตุท้ งั หมดนี้ พวกเราเองจึงเป็ น
เป้าหมายของสายตาเปี่ ยมความปรารถนาของเหล่าบุรุษเพศ สตรี
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งจึงมิอาจย่อหย่อนในการฝึ กฝี มือ นี่
ส่ งผลให้แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเราสามารถยืนอยูบ่ น
จุดสู งสุ ดของยุทธภพวายุครามมาอย่างยาวนาน มิเช่นนั้น สํานักที่
เพียงกอปรด้วยสตรี สะคราญโฉมกลุ่มหนึ่ง จะสามารถยืนหยัด
มาถึงวันนี้ได้อย่างไร”
คําพูดของเซี่ยฉิ งเยว่ ส่ งผลให้หยุนเช่อต้องยืน่ มือออกมา
โดยไม่รู้ตวั พร้อมทั้งแตะสัมผัสลงบนใบหน้าของตนเอง...การ
กระทําเยีย่ งนี้ของชายหนุ่ม ส่ งผลให้ริมฝี ปากของเซี่ยฉิ งเยว่ขยับ
ยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งพลันหยุดกล่าววาจาโดยกะทันหัน
มองที่เตียงหยกเย็น หยุนเช่อกลายเป็ นใจลอยไป
ชัว่ ขณะ…..บางทีสาํ หรับสตรี แห่งเมฆาเยือกแข็ง ทุกสิ่ งที่นี่เป็ น
วิสยั ปกติ แม้วา่ มันเป็ นบุรุษปกติธรรมดาไม่มีใครจะปรารถนา
เห็นสตรี ของมันอาศัยในสถานที่เย็นดุจนํ้าแข็งเป็ นเวลานานและ
ประสบกับความยากลําบาก ระหว่างห้าเดือนหยุนเช่อได้อยู่
ร่ วมกัยฉู่เยว่ฉานแม้กระทัง่ ทัว่ ร่ างของนางเป็ นอัมพาต อย่างน้อย
อ้อมกอดของชายหนุ่มยังนุ่มนวลกว่าเตียงนํ้าแข็งนี้มากนัก อย่าง
น้อยหยุนเช่อเล่าข่าวและเรื่ องราวที่น่าสนใจหลากหลายเรื่ องแก่
นางทุกวันและมันไม่โดดเดี่ยวและเยียบเย็นดุจนํ้าแข็งเฉกเช่น
สถานที่น้ ี…..
พวกนางเพียงเคยชินกับมัน ทว่า ไม่มีสตรี ใดที่สามารถนิยม
ยินดีต่อชะตาชีวติ เช่นนี้อย่างแท้จริ ง ภายในสถานที่น้ ี พวกนาง
อาจสามารถปรับตัวและเคยชิน อาจบางทีสามารถรู ้สึกยินดีหรื อ
โศกศัลย์ในบางครา ทว่าเป็ นไปไม่ได้เลยที่พวกนางจะสามารถ
รู ้สึกถึงความสุ ขที่แท้จริ ง นัน่ เพราะความสุ ขที่แท้จริ งมักมาพร้อม
กับความรักความใส่ ใจภายในครอบครัวเช่นเดียวกับการได้รับ
ความทะนุถนอมโดยบุรุษตามพรหมลิขิตของพวกนาง….
ฉู่เยว่ฉานออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งและ
สลายเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งที่หญิงสาวได้ฝึกมากว่าสิ บปี แต่
ภายในใจของหญิงสาวนั้นรู ้สึกทุกข์ระทมแต่ยงั พานพบเจอกับ
โชคดีภายในความโชคร้ายนัน่ คือการที่นางได้พานพบกับหยุ
นเช่อ ภายในระยะเวลาห้าเดือนเป็ นครั้งแรกในชีวติ ของนางที่นาง
ได้รู้สึกว่านางได้เป็ นสตรี ที่แท้จริ ง
ทันทีที่จิตเยือกแข็งปรากฏกิเลส รอยประทับยิง่ ลึกลํ้ากว่า
สตรี ธรรมดานับร้อยพันเท่า ดังนั้น หญิงสาวจึงปักใจอุทิศตนต่อ
หยุนเช่อ กระทัง่ ไม่หลงเหลือพื้นที่ใดให้กบั แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งที่เคยใช้ชีวติ มานานหลายสิ บปี

เมื่อครุ่ งคิดถึงด้านนี้ นับว่าชะตากรรมของสตรี ในแดนศักดิ์สิทธิ์


เมฆเายือกแข็งเป็ นที่น่าเศร้าใจอยูบ่ า้ ง...แม้พวกนางเองมิได้คิด
เช่นนั้นก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิง่ พวกนางมิอาจแต่งงานชัว่ ชีวติ มิอาจมี
ความรัก มิอาจมีความสัมพันธ์กบั บุรุษใด...นี่ส่งผลให้หยุนเช่อ
เดือดดาลคัง่ แค้นยิง่ !
นี่ไม่ใช่เพียงการสู ญเสี ยทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
เท่านั้น..แต่ยงั เป็ นการสิ้ นเปลืองทรัพยากรคุณภาพสู งที่สุด ดีที่สุด
อย่างมากที่สุดอีกด้วย! สตรี โฉมงามล่มเมืองจํานวนมากมายปาน
ใดที่ผา่ นเข้ามายังแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งในช่วงพันปี ที่ผา่ น
มานี้? เพียงสามารถใช้ช่วงเวลายาวนานของพวกนางไปกับจิต
เยือกแข็งเช่นนี้….
ทรัพยากรอันสู ญเปล่าเป็ นความอัปยศที่มิอาจยอมรับได้!
โดยเฉพาะเหล่าบุรุษด้วยแล้ว ความสุ รุ่ยสุร่ายเยีย่ งนี้ ยิง่ มิอาจให้
อภัยได้อย่างแน่นอน เด็ดขาดที่สุด!
เมื่อหยุนเช่อเฝ้าครุ่ นคิดคํานึง “แรงบันดาลใจอันยิง่ ใหญ่”
พลันก่อตัวขึ้นภายในใจของมัน...ในฐานะศิษย์บุรุษคนแรกใน
ประวัติศาสตร์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง...ท่ านไม่ คิดหรื อว่ าข้ า
สมควรรั บภาระหน้ าที่ของวีรบุรุษในการช่ วยเหลือเหล่ าศิษย์ สตรี
และหยุดการสู ญเสี ยทรพยากรนี่ซะ!?
ชัว่ ขณะที่ความคิดนี้บงั เกิด เลือดลมทัว่ ร่ างของชายหนุ่ม
พลุ่งพล่านขึ้นมาในทันทีจนแทบระเบิดออก แม้วา่ ภาระหน้าที่น้ ี
จะใหญ่หลวง แรงกดดันที่ตอ้ งต้านรับยิง่ ใหญ่หลวงมากกว่า ใน
ฐานะบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิง่ บุรุษคนแรกที่สามารถแทรกซึมเข้า
สู่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง หากหยุนเช่อไม่ยอมรับภาระนี้
ชายหนุ่มย่อมไม่มีหน้าเรี ยกตนเองว่าบุรุษอีกต่อไป!
“... ท่านกําลังครุ่ นคิดสิ่ งใด ?” เมื่อเห็นสายตาของหยุนเช่อ
เป็ นประกายและปากของชายหนุ่มพลันยกยิม้ ขึ้นอย่างมีเลสนัย
เซียฉิ งเยว่ถามขึ้นมาด้วยความระมัดระวังทันที
“โอ้ ไม่มีส่ิ งใด ข้าฉุกคิดถึงเรื่ องสําคัญมากเรื่ องหนึ่ง …
แม้วา่ มันจะสําคัญ แต่ยงั คงต้องใช้เวลาอีกมาก และยามนี้มนั ยัง
มิใช่เรื่ องเร่ งด่วนอันใด” หยุนเช่อระงับการแสดงออกในทันที
ขณะตอบกลับไปด้วยสี หน้าที่น่ิงสงบ
ดวงตาที่เปี่ ยมไปด้วยเสน่ห์ของเซี่ยฉิ งเยว่จบั จ้องที่ใบหน้า
ของชายหนุ่มพร้อมด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “ที่ท่านอาจารย์
กล่าวว่าท่านได้สาํ เร็ จเคล็ดวิชาเยือกแข็งบรรจบได้อย่างรวดเร็ ว”
ข้าคาดไม่ถึงจริ งๆว่าท่านจะทําความเข้าใจเคล็ดวิชาเยือกแข็ง
บรรจบได้ภายในหนึ่งวัน … ขณะนี้ท่านอยูใ่ นระดับใด ?”
หยุนเช่อยืดมือออกมาพลันปรากฏพฤกษาเหมันต์ขนาดเล็ก
และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ ว “เพิ่งจะถึงขั้นที่สี่ พฤกษาเยือกแข็ง
บรรจบ” ขั้นแรกถึงขั้นที่สามคือการฝึ กพื้นฐาน และหลังจากขั้นที่
สามเป็ นต้นไปการฝึ กจะค่อนข้างยาก สําหรับข้ากว่าจะสําเร็ จขั้น
ที่สี่ ยังคงต้องใช้เวลาไปอีกไม่นอ้ ยกว่าห้าหรื อหกวัน
เมื่อมองที่พฤกษาเยือกแข็งบรรจบ บนฝ่ ามือของหยุนเช่อ
ถึงแม้วา่ เซี่ ยฉิ งเยว่จะรู ้มาก่อนล่วงหน้า แต่ทว่าสายตาของหญิง
สาวยังคงสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง หญิงสาวพูดออกมาอย่างแผ่ว
เบาราวกับกระซิ บ “ไม่น่าเชื่อ นั้นคือเซี่ยวเช่อผูท้ ี่เส้นชีพจร
ลมปราณพิการ ผูท้ ี่ถูกผูค้ นเยาะเย้ยถากถาง และคนผูห้ นึ่งเป็ นที่
สมเพชเวทนาของผูค้ น แท้จริ งแล้วกลับมีภูมิปฏิภาณแอบแฝงถึง
เพียงนี้”
“ท่านเองมิใช่เฉกเช่นเดียวกันหรอกหรื อ?” หยุนเช่อกล่าวอ
ย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิม้ อ่อน “ผูใ้ ดจะคาดคิดว่าลูกสาวของพ่อค้า
เล็ก ๆ ภายในเมืองเมฆาล่องจะได้รับการยกย่องจากสาธารณชน
ให้เป็ นอันดับหนึ่งของยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์ และยิง่ กว่านั้นท่านคือ
ราชันที่อายุนอ้ ยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรวายุคราม
และในตอนนี้ ท่านยังได้รับเลือกเป็ นว่าที่ท่านหญิงที่อายุนอ้ ย
ที่สุดในดินแดนศักดิ์เมฆาเยือกแข็ง”
หยุนเช่อและเซี่ยฉิ งเยว่เป็ นผูท้ ี่แข็งแกร่ งที่สุดในหมู่ผเู ้ ยาว์
แห่งอาณาจักรวายุครามอย่างมิตอ้ งสงสัย แข็งแกร่ งมากเสี ยจนมี
ชนรุ่ นก่อนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่แข็งแกร่ งกว่าพวกมัน ทว่าพวก
มันทั้งสองนั้นมาจากเมืองเมฆาล่อง เมืองที่เล็กที่สุดภายใจ
จักรวรรดิวายุครามซึ่งได้ถูกหลงลืมไปโดยผูค้ นจํานวนมาก ทั้ง
สองยังเป็ นคู่สามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์อนั ซับซ้อนอย่างยิง่ อีก
ด้วย
ในชัว่ เวลานี้ ทั้งสองพลันครุ่ นคิดขึ้นมาโดยพร้อมเพรี ยงถึง
ความมหัศจรรย์แห่งโชคชะตา ยามที่ท้ งั คู่มองตากันและกันโดย
ปราศจากคําพูดใดเช่นนี้ คลื่นอารมณ์ความรู ้สึกที่เป็ นเช่นเดียวกัน
พลันกระเพื่อมไหวท่วมท้นขึ้นมาในจิตใจ
สุ ดท้าย หยุนเช่อได้ทาํ ลายความเงียบที่เข้ามาพร้อมกับกล่าว
อย่างจริ งจังที่สุดในชีวติ “ฉิงเยว่ภรรยาข้า ท่านท่านยังไม่ได้ตอบ
คําข้า...อีกนานเพียงใด ท่านจึงจะบรรลุเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบขั้นสู งงั้นหรื อ?”
“...” เซี่ ยฉิ งเยว่หนั กายกลับหลัง บังเกิดเป็ นคลื่นพลังความ
เย็นกวาดขึ้นมา ก่อนที่หยุนเช่อจะทันได้กล่าวคําอันใด ร่ างงาม
ของนางก็อนั ตรธานหายไปเหลือทิ้วไว้เพียงภาพติดตาเท่านั้น
เสี ยงของนางล่องลอยมาอย่างเชื่องช้าผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง “อีก
ไม่นานท่านอาจารย์เชียนเสวีย่ จะนํายาเม็ดจิตหิ มะและหยกวารี
จักจัน่ เยือกแข็งมาให้เจ้า หลังจากเจ้าทานมันเข้าไปแล้วจะช่วย
เพิ่มความแข็งแกร่ งให้แก่ลมปราณและเคล็ดลมปราณธาตุน้ าํ แข็ง
แก่เจ้า...จงพักเสี ยโดยเร็ ว”
“นี่ ข้าไม่ได้…”
ภายใต้ท่าเท้าระบําหิมะมายาเยือกแข็งเซี่ยฉิ งเยว่ได้จากไป
ไกลนอกเหนือระยะการรับรู ้ภายในไม่กี่อึดใจ หยุนเช่อได้แต่ถอด
ใจที่จะไล่ตามไปด้วยอารมณ์ข่นุ มัว
ไม่นานนักมู่หรงเชียนเสวีย่ ก็ได้นาํ ยาเม็ดจิตหิ มะและหยก
วารี จกั จัน่ เยือกแข็งมาถึง เพียงแต่นางมิได้กล่างคําอันใดและจาก
ไปทั้งเช่นนั้น...เมื่อต้องเผชิญพบโฉมงามที่มีลกั ษณะนิสยั
คล้ายคลึงฉู่เยว่ฉาน หยุนเช่อจึงมิกล้าหยอกล้อนาง
ม่านแห่งรัตติกาลยิง่ มายิง่ มืดสนิท หยุนเช่อนอนอยูเ่ ตียง
หยกเย็นที่ฉู่เยว่ฉานใช้หลับนอนมาตั้งแต่วยั เด็ก มันนอนไม่หลับ
มานานแล้ว...มันไม่ได้เกรงกลัวความหนาวเย็น ทว่าเตียงหยกเย็น
นี้ช่างทรมาณยิง่ นัก มันไม่คุน้ เคยเลยแม้แต่นอ้ ย ทะเลแห่งจิตใต้
สํานึกของมันเติมเต็มไปด้วยเงาของฉู่เยว่ฉาน
นางเซียนน้ อย ท่ านอยู่ที่ใดกันแน่ ?
ท่ านยังคงไม่ ทราบว่ าข้ านั้นยังไม่ ตาย...ยิ่งกว่ านั้น ข้ าอยู่ที่ที่
ท่ านเคยอยู่มานับหลายสิ บปี นอนบนเตียงที่ท่านเคยนอนมาก่ อน
ท่ านคงอยู่ในสถานที่ที่ปราศจากผู้คนไร้ ซึ่งผู้ใดรู้ จัก...ท่ าน
และลูกของเราสบายดีหรื อไม่ ...
ยามที่ท่านต้ องการข้ าที่สุด ข้ ามิได้ อยู่ข้างกายท่ าน...ท่ าน
กําเนิดบุตรขอพวกเรา...ทว่ าข้ ามิอาจเฝ้าดูมนั คลอดออกมา มิอาจ
เฝ้าดูการเจริ ญเติบโตของมันร่ วมกับท่ าน...เป็ นท่ าน ที่ต้องแบกรั บ
ทุกสิ่ งทุกอย่ างเพียงผุ้เดียว…
มิทราบท่ านคลอดออกมาเป็ นทารกหญิงหรื อทารกชาย...
หากเป็ นทารกชาย มันคล้ ายข้ าหรื อไม่ ? หากเป็ นทารกหญิง...ย่ อม
ต้ องงดงามน่ ารั กเช่ นท่ านเป็ นแน่ ...
เวลานั้นล่วงเลยมาจนใกล้จะถึงยามเช้า หยุนเช่อก็ยงั คงไม่
ตกสู่ หว้ งภวังค์แห่งการหลับไหล มันตัดสิ นใจเพียงแค่นงั่ อยูบ่ น
เตียงหยกเย็น กลืนยาเม็ดจิตหิมะและหยกวารี จกั จัน่ เยือกแข็งภาย
ใจอึดใจเดียว หลังจากนั้นหลับตาลงและเข้าสู่ หว้ งสมาธิ ค่อยๆ
ย่อยสลายพลังความเย็นภายใน...ยาเม็ดจิตหิ มะและหยกวารี จกั จัน่
เยือกแข็งเกือบจะเป็ นยาปาฏิหาริ ยข์ ้นั สู งสุ ดภายในแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งแล้ว หากเป็ นผูอ้ ื่นฝึ กฝนในรู ปแบบนี้กเ็ ท่ากับฆ่าตัว
ตาย ทว่าร่ างกายของหยุนเช่อสามารถแม้แต่ยอ่ ยสลายเลือดของ
สัตว์อสู รชั้นลมปราณจักรพรรดิได้โดยง่าย ยาเม็ดจิตหิ มะและ
หยกวารี จกั จัน่ เยือกแข็งก็เป็ นได้เพียงสิ่ งเล็กน้อย
วันที่สองที่หยุนเช่อมาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
ระหว่างการชุมนุมของสํานัก กงยูเ่ ซียนประกาศรับหยุนเช่อเข้า
ร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง...ชัว่ ขณะนั้น ความรู ้วกึ ของการ
ยืนอยูท่ ่ามกลางหมู่มวลบุปผา และถูกจับจ้องเขม็งด้วยสายตาของ
เหล่าโฉมสะคราญ หยุนเช่อแน่นอนย่อมไม่มีทางลืมเลือน
ความรู ้สึกเช่นนี้ไปจนตลอดชีวติ
วันนั้นเอง ชายหนุ่มช่วยมู่หลันอี้และฉู่เยว่หลี่กรุ ยชีพจร
ลมปราณเทพเจ้า...แม้นี่เป็ นพฤติการณ์ท่ีสนั่ สะท้านฟ้าดินในแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ทว่ากับหยุนเช่อแล้ว เพียงเป็ นการฉก
ฉวยโอกาสยิง่ ใหญ่รางสรวงสวรรค์ดว้ ยการใช้ความพยายามอัน
น้อยนิดยิง่ ความรู ้สึกเช่นนี้ เลิศลํ้าหาใดเปรี ยบอย่างแท้จริ ง
ส่ วนเวลาที่หลงเหลือ ชายหนุ่มอาศัยอยูภ่ ายในตําหนักเมฆา
เยือกแข็ง ฝึ กปรื อเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบโดยไม่หยุดยั้ง
เมื่อเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบยิง่ ก้าวหน้า ระดับพลังยุทธ์
ของชายหนุ่มล้วนเพิ่มพูนขึ้นทีละน้อยเช่นกัน
บทที่ 389 หานเยว่ หานเสวีย่

ระดับที่สี่แห่งวิชาเยือกแข็งบรรจบ “พฤกษาเยือกแข็ง
บรรจบ” นั้นยืดหยุน่ ผันแปรอย่างยิง่ มันสามารถใช้โจมตี ป้องกัน
ผนึก กักขัง และแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แม้วา่ ความสามารถใน
การหยัง่ รู ้เข้าใจของหยุนเช่อจะสู งส่ ง และชายหนุ่มครอบครอง
เมล็ดพันธุเ์ ทพอสู ร แต่ชายหนุ่มยังมิอาจทําความเข้าใจมันได้ใน
เวลาอันสั้น
“ทําไมเจ้าถึงสนใจวิชาเยือกแข็งบรรจบนัก? ในด้านพลัง
มันอ่อนด้อยกว่าอัคคีเทพหงสาและกระบี่หนัก กลับกันยังทําให้
เจ้าเสี ยความมุ่งมัน่ จดจ่อ เสี ยทั้งเวลาและสมาธิ” จัสมินถามขึ้นมา
ทันควันเมื่อเห็นหยุนเช่อจดจ่ออยูท่ ี่เคล็ดวิชาเยือกแข็งบรรจบ
“นี่แตกต่างออกไป” เหตุผลที่พรรคเทพหงสากลายเป็ น
พรรคทรงอํานาจที่สุดในทวีปลมปราณฟ้าเป็ นเพราะอัคคีเทพหง
สา แต่วชิ าเยือกแข็งบรรจบที่ใช้ออกด้วยพลังระดับเดียวกัน
สามารถแช่แข็งอัคคีเทพหงสาได้ แปลว่าภายในทวีปลมปราณฟ้า
วิชานี้ถือเป็ นยอดวิชาอย่างแท้จริ ง… แม้วา่ พลังทําลายล้างจะด้อย
กว่าอัคคีเทพหงสา แต่วชิ ายุทธ์ธาตุน้ าํ แข็งส่ วนใหญ่แล้วจะเด่น
ด้านการป้องกันและผนึก ซึ่งเป็ นสิ่ งที่อคั คีเทพหงสาและกระบี่
หนักมิอาจกระทําได้ ย่อมจะต้องมีวนั ที่มนั จะมีประโยชน์มากเป็ น
แน่
หยุนเช่อหรี่ ตาและพึมพํา “ในอีกสี่ เดือนข้าจะไปที่
จักรวรรดิเทพหงสา หากไม่มีเรื่ องผิดพลาดจะเป็ นไปได้มากที่ขา้
จะต้องประมือกับคนจากพรรคเทพหงสา… และธาตุน้ าํ แข็งเป็ น
ปฏิปักษ์ต่อไฟ! ข้าไม่กลัวไฟ และหากธาตุของวิชายุทธ์ของข้ายัง
สามารถหักล้างมันได้… โอกาสที่ขา้ จะรอดชีวติ กลับมาย่อมต้อง
เพิ่มขึ้นอย่างมาก”
“ฮึ่ม ดูเหมือนเจ้าเองก็รู้นี่วา่ พรรคเทพหงสาอันตราย
เพียงใด!”
“ข้าไม่มีทางเลือก” หยุนเช่อกล่าวอย่างจนปัญญา “แม้วา่ ข้า
จะรู ้วา่ ไม่มีทางหลบเลี่ยงเรื่ องนี้ได้ แต่ขา้ ไม่เคยคิดเลยว่าคนจาก
พรรคเทพหงสาจะมาเร็ วเช่นนี้ หากมิใช่จะมีการประลองยุทธ์เจ็ด
อาณาจักรและเรื่ องของนาวาปราณบรรพกาล ข้าคงไม่มีกระทัง่
เวลาหลายเดือนนี้ให้เตรี ยมตัว… ตอนนี้ขา้ ทําได้เพียงหาหนทาง
และวิธีการเพิ่มโอกาสเอาชีวติ รอดให้มากที่สุด เมื่อข้าไปถึง
จักรวรรดิเทพหงสาแล้วจะได้มีแผนการให้ทาํ ตาม”
“...มีคนกําลังมา”
ขณะที่จสั มินพูดจบนี้เอง ได้บงั เกิดเสี ยงแผ่วเบาขึ้นจาก
เบื้องหลังของชายหนุ่ม จากนั้นประตูของตําหนักศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบก็ถูกเปิ ดออกอย่างเงียบเชียบ สตรี อ่อนเยาว์งดงามบริ
สุ ทธ์สองนางยืนอยูท่ ี่นน่ั ราวกับเป็ นภาพวาด ใบหน้าเล็กๆ ทั้งสอง
เหมือนกันไม่ผดิ เพี้ยน และจากสี หน้าของพวกนางสามารถบ่ง
บอกได้ถึงความคาดหวังและความตื่นเต้น...อีกทั้งความกังวล
เล็กน้อย
นางเซียนอันดับที่หกและเจ็ดแห่งเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือก
แข็งคือสตรี ฝาแฝดคู่น้ ี —— เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ ใน
ขณะเดียวกัน นอกจากเซี่ยฉิ งเยว่แล้ว พวกนางยังเยาว์วยั ที่สุดใน
หมู่เจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็งอีกด้วย ชายหนุ่มไม่รู้อายุที่แท้จริ ง
ของหญิงสาวทั้งสอง แต่ดูจากภายนอกแล้วพวกนางดูเหมือนดรุ ณี
น้อยอายุสิบเจ็ดสิ บแปดปี เท่านั้น
นางเซียนเมฆาเยือกแข็งทั้งเจ็ดล้วนเย็นชาสู งส่ งราวกับ
ดอกบัว โดยเฉพาะฉู่เยว่ฉานที่เย็นชาที่สุด ทว่าฝาแฝดคู่น้ ีกลับ
ตรงกันข้าม อย่างน้อยคราที่หยุนเช่อพบพวกนางครั้งแรกชาย
หนุ่มไม่ได้มองว่าพวกนางเย็นชาและสง่างาม แต่กลับมองว่าเป็ น
หญิงสาวที่งดงามอ่อนหวาน เมื่อเทียบกับศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งคนอื่นๆ ที่มกั จะสวมหน้ากากนํ้าแข็งอยูเ่ สมอแล้ว ริ ม
ฝี ปากดุจหยกเนื้อดีของหญิงสาวทั้งสองมักจะยกยิม้ อยูเ่ สมอ คิ้ว
โค้งดุจจันทร์เสี้ ยวของพวกนางก็มกั จะขยับยกโดยไม่รู้ตวั กระทัง่
ดวงตาของพวกนางยังดูเฉลียวฉลาดเปี่ ยมไหวพริ บ… แทนที่จะ
กล่าวว่าพวกนางดูเหมือนนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง พวกนางยังดู
เหมือนกับภูติหิมะอันบริ สุทธิ์ไร้มลทินเสี ยมากกว่า
ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอันหนาวเหน็บและเงียบ
เหงาไปทุกซอกทุกมุม ความผิดปกติน้ ีมิใช่เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล
ปกติแล้วศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์จะพักเพียงลําพังในตําหนักนํ้าแข็ง
ของตน ทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดไปกับการฝึ กยุทธ์ ทว่าคู่ฝาแฝดนี้
พักอยูด่ ว้ ยกันในห้องเดียว พวกนางมักจะตัวติดกันเสมอ เดินทาง
ไปด้วยกันทุกที่ ทําทุกสิ่ งทุกอย่างร่ วมกัน ดังนั้นจึงไม่เคยรู ้สึก
เหงามาก่อน ทุกๆวันพวกนางไม่เคยขาดบุคคลพูดคุยสนทนา
พวกนางร่ าเริ งสดใสกว่าศิษย์อื่นๆทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็ง ดังนั้นทั้งความคิดและบุคลิกของพวกนางจึงแตกต่าง
จากศิษย์คนอื่น
ต่อหน้ามู่หรงเชียนเสวีย่ จวินเหลียนเชีย มู่หลันอี้และคน
อื่นๆ หยุนเช่อยังคงรู ้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นอยูบ่ า้ ง แม้วา่
ชายหนุ่มจะเอารัดเอาเปรี ยบพวกนางอย่างเปิ ดเผย แต่เมื่อ...เมื่อมี
โอกาส ชายหนุ่มกลับไม่กล้ากระทําเกินเลยอื่นๆต่อพวกนาง แต่
เมื่อพบคู่พนี่ อ้ งเฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ จิตใจของหยุนเช่อก
ลับไม่มีความกดดันใดๆอยูเ่ ลย ชายหนุ่มหันกลับไปแย้มยิม้ กว้าง
ต่อเด็กสาวทั้งสอง “ศิษย์พหี่ ญิงทั้งสองของข้า ข้ารอพวกท่านมา
พักหนึ่งแล้ว รี บเข้ามาเถิด”
“เอ๋ ~? ศิษย์พี่หญิง?” เฟิ งหานเยว่กระพริ บตาปริ บอย่างงุนงง
“ผิดแล้ว อาจารย์อาต่างหาก!” เฟิ งหานเสวีย่ แก้คาํ ของหยุ
นเช่อในทันควัน “เจ้าเรี ยกพวกเราว่าศิษย์พี่หญิงไม่ได้ เจ้าต้อง
เรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา!”
“เอ๋ ~? อาจารย์อา?” หยุนเช่อทําหน้าตาตื่นตกใจ “ท่านทั้ง
สองเห็นได้ชดั ว่าอายุนอ้ ยกว่าข้า เรี ยกพวกท่านว่าศิษย์พี่หญิงก็
กระอักกระอ่วนใจมากแล้ว… จะให้ขา้ เรี ยกท่านทั้งสองว่าอาจารย์
อาได้อย่างไร?”
“แม้วา่ พวกเราจะดูอ่อนเยาว์มาก แต่จริ งๆแล้วพวกเรา
อาวุโสกว่าเจ้า อาวุโสกว่ามากด้วย!” เฟิ งหานเยว่กล่าวหน้าบึ้ง
สตรี ส่วนมากชื่นชอบที่จะลดอายุของพวกนาง แต่เฟิ งหานเยว่
กลับกล่าวว่าตนเองอายุมากกว่าหยุนเช่ออย่างปิ ติยนิ ดีอย่างยิง่
“ฉิ งเยว่เรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา เจ้าเป็ นสามีของนางก็
สมควรจะเรี ยกพวกเราเหมือนที่นางเรี ยก” เฟิ งหานเสวีย่ อธิบาย
อย่างเคร่ งเครี ยด
“แต่ฉิงเยว่ภรรยาข้าก็อยูใ่ นเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง
เช่นเดียวกับพวกท่านทั้งสอง ทั้งนางยังเป็ นผูน้ าํ แห่งนางเซียนทั้ง
เจ็ดอีกด้วย” หยุนเช่อเอ่ยเชื่องช้า “เมื่อเป็ นเช่นนั้น ฉิ งเยว่กน็ บั ว่า
อยูล่ าํ ดับอาวุโสเดียวกับพวกท่าน ดังนั้นที่ขา้ เรี ยกพวกท่านว่าศิษย์
พี่หญิงก็สมควรถูกต้องแล้ว”
“อืมมม์… ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล...อ๊าาา! ไม่~! ยังไงฉิงเยว่กย็ งั
เรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา และเจ้าก็เป็ นศิษย์ที่เพิง่ เข้าสํานัก เจ้า
ควรเรี ยกพวกเราว่าอาจารย์อา!”
“โอ้~ ก็ได้” หยุนเช่อพยักหน้าอย่างสัตย์ซื่อ “ก่อนที่ขา้ จะ
เปิ ดจุดชีพจรลมปราณให้ศิษย์พี่ท้ งั สอง ข้าขอรบกวนให้พวกท่าน
ปิ ดประตูศิลาลงก่อน จะเป็ นการดีที่สุดหากพวกเราไม่ถูกรบกวน
ระหว่างกระบวนการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณ”
“ตกลง...และเจ้าเรี ยกพวกเราผิดแล้ว ต้องเป็ นอาจารย์อา!
ห้ามเรี ยกพวกเราว่าศิษย์พี่หญิง!”
“อ๋ าาาา? ก็ได้ ก็ได้ เมื่อครู่ ขา้ เรี ยกพวกท่านผิดไป… เอิ่ม..
ศิษย์พี่หญิงท่านไหนจะเริ่ มก่อน?” หยุนเช่อถามด้วยดวงตากลม
โตใสซื่ อ
“ต้องเรี ยกอาจารย์อา อาจารย์อา-อาจารย์อา-อาจารย์อา!!!”
พี่นอ้ งเยว่เสวีย่ คลัง่ ขึ้นพร้อมกัน
“คร้าบ คร้าบ… เช่นนั้น ศิษย์พหี่ ญิงท่านไหนก่อนดี?”
“~!#¥%……”
………………………………
เฟิ งหานเยว่นงั่ เบื้องหน้าหยุนเช่อพร้อมกับปลดอาภรณ์สี
ขาวราวหิมะ เผยแผ่นหลังขาวเรี ยบเนียนประดุจหยกเนื้อดี ดวงตา
ของหญิงสาวปิ ดแน่น แพขนตาขยับไหวอย่างกังวลใจ ด้านข้าง
นาง ดวงตาคู่งามของเฟิ งหานเสวีย่ กระพริ บไม่หยุด พร้อมกับที่
มองการกระทําหยุนเช่อและปฏิกิริยาตอบรับของพี่สาวนางด้วย
สายตาใคร่ รู้แกมกังวล หญิงสาวบางครั้งก็ขมวดคิ้ว บางคราก็ทาํ
หน้ามุ่ย บางคราวก็เอียงคอ… ราวกับหญิงสาวเป็ นแมวน้อยขี้
สงสัยที่กาํ ลังมองสิ่ งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หยุนเช่อดูครํ่าเคร่ งจดจ่อเป็ นอย่างยิง่ ชายหนุ่มเริ่ มนวดคลึง
รอบๆแผ่นหลังของเฟิ งหานเยว่ จุดชีพจรลมปราณยีส่ ิ บจุดเปิ ด
ออกทีละจุด ทีละจุด… ทันใดนั้นเอง เฟิ งหานเยว่ที่พยายามไม่ส่ง
เสี ยงพลันตัวแข็งในฉับพลันพร้อมเปล่งเสี ยงหัวเราะออกมาอย่าง
มิอาจควบคุม
“อ๋ าาา? ท่านพี่ มีอะไรผิดปกติหรื อ?” เฟิ งหานเสวีย่ ถาม
อย่างร้อนรน
“สัม...สัมผัสของเขาจัก๊ จี้อย่างยิง่ ”
“แต่อย่างไรท่านก็หา้ มส่ งเสี ยงและห้ามขยับตัว มิเช่นนั้น…
หากมีส่ิ งผิดพลาดเกิดขึ้นเช่นนั้นต้องเกิดหายนะแน่ๆ” เฟิ งหาน
เสวีย่ เอ่ยเตือนนางอย่างกังวล
“ข้ารู ้” เฟิ งหานเยว่แลบลิ้นและตอบอย่างสบายใจ “ไม่ตอ้ ง
ห่วงน่า จุดชีพจรลมปราณของข้าถูกเปิ ดออกห้าสิ บสามจุดแล้ว
เหลืออีกเพียงหนึ่งจุดก็จะครบถ้วน ดังนั้นแม้ตอนนี้ขา้ จะขยับตัว
เช่นนี้กไ็ ม่เป็ นไรแล้ว”
“โอ้ เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดีแล้ว” เฟิ งหานเสวีย่ ดูราวกับนางนั้น
ได้กงั วลมากเกินไป
หยุนเช่อขมวดคิ้วพร้อมกับลบร่ องรอยแย้มยิม้ บนใบหน้า
ขณะที่ชายหนุ่มกําลังจะเปิ ดจุดชีพจรลมปราณจุดสุ ดท้ายของเฟิ ง
หานเยว่อยูน่ นั่ เอง มือของชายหนุ่มพลันละออกจากแผ่นหลังของ
หญิงสาวในทันที พร้อมกับลดมือลงอย่างเชื่องช้า สี หน้าของชาย
หนุ่มกลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ มจริ งจึง
“เอ๋ ~?” ขณะที่เฟิ งหานเยว่กาํ ลังรอคอยการได้รับเส้นชีพจร
ลมปราณเทพเจ้าอย่างเปี่ ยมสุ ขอยูน่ ้ นั หญิงสาวพลันรู ้สึกได้วา่ มือ
ของหยุนเช่อผละออกจากหลังของนาง ชายหนุ่มไม่เคยทําเช่นนี้
มาก่อนระหว่างที่เปิ ดจุดชีพจรลมปราณของมู่หรงเชียนเสวีย่ จวิน
เหลียนเชียและศิษย์พี่หญิงคนอื่นๆ
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างร้อนรน “เดี๋ยว ช้าก่อน… ตอนนี้จุด
ชีพจรลมปราณเปิ ดออกเพียงห้าสิ บสามจุด ยังคงเหลือจุดสระหยก
อยู่ เจ้า เจ้า...เจ้าคงไม่ได้ลืมใช่หรื อไม่?”
“ข้ารู ้ แต่...แต่..” หยุนเช่อเผยสี หน้าจนใจพร้อมกับดูลงั เล
ไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะพึมพําออกมา “ศิษย์พหี่ านเยว่ จุดสระหยกของ
ท่าน...ดู...ดูเหมือนว่ามีปัญหาอยูบ่ า้ ง”
“อ๊ะ!?!”
ถ้อยคําของหยุนเช่อทําให้เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่ ร้อง
ออกมาอย่างตกใจโดยพร้อมเพรี ยงกัน ท่ามกลางความตกตะลึง
และวิตกกังวล เฟิ งหานเยว่เกือบจะหันกลับมา ก่อนจะรี บรวบ
อาภรณ์สีขาวหิ มะของนางเข้าปิ ดบังทรวงอกก่อนจะหันหลัง
กลับมา เวลานี้นางไม่สนใจอีกแล้วว่าหยุนเช่อจะเรี ยกนางว่าศิษย์
พี่หญิงหรื อนายหญิงรุ่ นก่อน หญิงสาวถามอย่างร้อนรน “จริ ง...
จริ งหรื อ? จุดสระหยกของข้ามีปัญหาอันใด? ร้ายแรงหรื อไม่...
อย่าบอกนะว่ามันมิอาจเปิ ดได้?”
“ใช่ จริ งด้วย ปัญหาคือสิ่ งใดกันแน่? เหตุใดจึงมีปัญหา
เช่นนี้? ร้ายแรงหรื อไม่?” เฟิ งหานเสวีย่ และเฟิ งหานเยว่เอ่ยถาม
ออกเป็ นจุด ดูราวกับเฟิ งหานเสวีย่ จะร้อนรนยิง่ กว่าเฟิ งหานเยว่
เสี ยด้วยซํ้า
“เรื่ องนี้…”หยุนเช่อถอนหายใจแผ่วเบาก่อนที่จะกล่าวออก
“ศิษย์พี่หญิงทั้งสอง อย่าเพิง่ กังวลใจไป ปัญหาของศิษย์พี่หญิง
หานเยว่มิใช่อาการบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายใน เป็ นเพียง
อาการจุดชีพจรซ่อนเร้นผกผันแต่กาํ เนิดเท่านั้น”
“จุดชีพจรซ่อนเร้นผกผัน?” เฟิ งหานเยว่และเฟิ งหานเสวีย่
ถามขึ้นพร้อมกัน พวกนางดูสบั สนงุนงงเนื่องจากนี่เป็ นครั้งแรกที่
ทั้งสองได้ยนิ ถ้อยคําดังกล่าว… ซึ่ งไม่น่าแปลกใจเนื่องจากเป็ น
คําศัพท์ที่หยุนเช่อบัญญัติข้ ึนเอง
“แค่ก แค่ก จุดชีพจรซ่อนเร้นผกผันเป็ นศัพท์เฉพาะทาง
การแพทย์ เป็ นธรรมดาที่พวกท่านทั้งสองจะไม่เคยได้ยนิ ” หยุ
นเช่อกล่าวด้วยหน้าเรี ยบนิ่ง “จุดชีพจรลมปราณที่ผกผันนั้นจริ งๆ
แล้วพบได้บ่อยอย่างยิง่ หมายความถึงจุดชีพจรที่ซ่อนเร้นตนเอง
ไว้ภายในเส้นชีพจรลมปราณ ทั้งยังเติบโตกลับข้าง พูดตรงๆแล้ว
ไม่นบั ว่าเป็ นจุดชีพจรที่บกพร่ องเพราะว่ามันไม่ส่งผลใดๆ ต่อการ
ฝึ กยุทธ์ มันทํางานได้เฉกเช่นจุดชีพจรธรรมดาและมิอาจเปิ ดได้
เองภายในร่ างกายจากการฝึ กยุทธ์… ทว่าหากจะเปิ ดจุดชีพจร
ลมปราณประเภทนี้จากภายนอก แม้วา่ จะใช้วธิ ีการเดียวกันก็
นับว่ายากเย็นกว่าปกติอย่างมาก อีกทั้งยังไม่อาจเปิ ดได้จาก
ด้านหลัง”
เมื่อได้ยนิ หยุนเช่อกล่าวเช่นนั้น ฝาแฝดทั้งสองถอนหายใจ
อย่างโล่งอก… หยุนเช่อพูดเพียงว่าจะยากกว่าปกติ แต่มิได้กล่าว
ว่าเป็ นไปไม่ได้ เฟิ งหานเสวีย่ ถามอย่างระมัดระวัง “หากเจ้าไม่
อาจเปิ ดจากด้านหลัง… เช่นนั้นเจ้าจะทําอย่างไร?”
“เรื่ องนี้…” หยุนเช่อแสดงสี หน้าจนใจ ชายหนุ่มดูลงั เลไป
ครู่ หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบเสี ยงนุ่ม “หากข้าพูดแล้ว ขอพวกท่าน
อย่าได้มีโทสะ… ศิษย์พี่หญิงทั้งสอง ท่านสมควรรู ้ตาํ แหน่งของ
จุดสระหยกใช่หรื อไม่? มันอยูบ่ ริ เวณ...ตําแหน่งหน้าอกขวา หาก
เป็ นจุดชีพจรปกติสามารถเปิ ดได้จากแผ่นหลังด้านขวา แต่
เนื่องจากมันซ่อนเร้นผกผัน จึงสามารถเปิ ดได้เพียงจากด้านตรง
ข้ามก็คือด้านหน้า ซึ่งยังเป็ น...ยังเป็ นตําแหน่งหน้าอกด้านขวา
ของศิษย์พหี่ ญิงหานเยว่… เรื่ องนี้ เรื่ องนี้...ข้ารู ้วา่ ศิษย์พี่หญิงย่อม
ไม่ยนิ ยอมพร้อมใจอย่างแน่นอน ดังนั้น...ข้าคงทําได้เพียงเท่านี้”
บทที่ 390 อุ้งมือมาร (1)

“อ๊าาา!?”
โดยไม่คาดหวัง สองพี่นอ้ งหานเยว่ส่งเสี ยงร้องเมื่อได้ฟังคํา
กล่าวของหยุนเช่อ ท่าทางราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง
“นะนะหน้า…..หน้าอก?” เฟิ งหานเยว่กระชับเสื้ อคลุมหิ มะ
ของนางกับอกนางด้วยสัญชาติญาณขณะที่นางพูดตะกุกตะกัก
“หากเจ้าต้องเปิ ดจุดชีพจรสระหยก เจ้าต้องวางฝ่ ามือลง...
เช่นเดียวกับที่วางลงบนแผ่นหลัง แต่เป็ นตําแหน่งหน้าอกของ
นาง?” เฟิ งหานเสวีย่ จับจ้อง สองตากลมโตเบิกกว้าง
หยุนเช่อผงกศีรษะรับด้วยท่าทางสัตย์ซื่อ
“เป็ นไปได้อย่างไร!!” พี่นอ้ งเสวีย่ เยว่ท้งั สองอุทานออกมา
โดยพร้อมเพรี ยง
“นี่ นี่...” เสี ยงร้องของสตรี ท้งั สองดังขึ้นกว่าเดิม ในระดับเด
ซิ เบลที่ทาํ ให้หยุนเช่อต้องหดคอลงอย่างไม่อาจควบคุม พร้อมทั้ง
รี บกล่าวอย่างเร่ งร้อน “ข้าทราบดีวา่ ท่านสองพี่นอ้ งบริ สุทธิ์สูงส่ ง
ทั้งไม่ยนิ ยอมให้เกิดเรื่ องราวเช่นนี้ ดังนั้น...ดังนั้นข้าจึงไม่ทราบ
ควรทําอย่างไรเช่นกัน”
“เจ้า เจ้า เจ้า...เจ้ามิได้กล่าวเช่นนี้เพียงเพื่อฉวยโอกาสกับ
ท่านพี่หรอกกระมัง?” เฟิ งหานเสวีย่ จ้องมองหยุนเช่อเมื่อนาง
โพล่งออกไปตามตรง
คําพูดของเฟิ งหานเสวีย่ กระตุน้ เตือนเฟิ งหานเยว่เช่นกัน
“ถูกต้อง ใช่แล้ว! เจ้าจงใจใช่หรื อไม่?! เจ้า...เจ้าแอบลอบดูพวกเรา
อาบนํ้าคืนนั้น เจ้าต้อง...ต้อง… เป็ นตัวลามกดังที่ศิษย์พี่เชียนเสวีย่
และศิษย์พี่เหลียนเชียกล่าวแน่นอน!”
“!#¥%…” มุมปากของหยุนเช่อกระตุกบิดเบี้ยว เมื่อ
มันเอ่ยปากกล่าววาจาด้วยทีท่าเสี ยใจและอึดอัดคับข้อง “ข้ากล่าว
วาจาอธิบายไปหลายรอบแล้วว่าเมื่อคืนนั้นข้ามิได้ต้งั ใจ ฉิ งเยว่เอง
สามารถยืนยันความบริ สุธ์ ิใจของข้าได้ หากท่านไม่เชื่อข้า ก็
สมควรเชื่อถือฉิงเยว่กระมัง กระทัง่ ท่านหญิงรุ่ นก่อนยังเชื่อถือข้า
ยินยอมแหกกฎเกณฑ์พนั ปี ของสํานักเพือ่ รับข้าเข้าเป็ นศิษย์ บุคคล
เช่นข้าจะเป็ น “ตัวลามก”ได้อย่างไร!”
“เอ่อ...” ทีท่าเศร้าโศกเสี ยใจและคับแค้นของหยุนเช่อส่ งผล
ให้สองพี่นอ้ งเสวีย่ เยว่ตกตะลึง จากคํากล่าวของชายหนุ่ม พวก
นางรู ้สึกว่าตนเองปรักปรํามัน เฟิ งหานเยว่กระชับเสื้ อคลุมหิมะ
เข้ากับหน้าอกตนเองก่อนกล่าวถามอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้า...เจ้ามิได้
โป้ปดเพือ่ ฉวยโอกาสจากพวกเราจริ งๆ?”
หยุนเช่อสี หน้าเคร่ งเครี ยดจริ งจัง “หากท่านไม่เชื่อว่าจุดชีพ
จรสระหยกเป็ นจุดชีพจรผกผัน ท่านสามารถออกไปปรึ กษา
ผูเ้ ชี่ยวชาญจากภายนอกได้ พวกมันย่อมต้องกล่าวเช่นเดียวกับข้า
แน่นอน!

“แต่เราสองพี่นอ้ งไม่เคยออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็ง ทั้งยังไม่รู้จกั ผูเ้ ชี่ยวชาญทางการแพทย์แม้แต่คนเดียว” เฟิ ง
หานเยว่กล่าวตอบคําด้วยที่ท่าอ่อนแรง
“เอ๋ ? พวกท่านไม่เคยออกจากสํานักเลย?” เมื่อได้ยนิ คําพูดนี้
หยุนเช่อแสดงสี หน้าตกตะลึง พวกนางมีระดับพลังยุทธ์ สูงส่ งทั้ง
เป็ นถึงเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง หากไม่ เคยออกจากสํานักเลย?
“ถูกต้อง..เนื่องเพราะท่านหญิงกล่าวว่า เราทั้งสองมักสร้าง
เรื่ องวุน่ วาย ออกไปภายนอกมีแต่สร้างความเสื่ อมเสี ยหน้าแก่
สํานัก” สุม้ เสี ยงของเฟิ งหานเสวีย่ กลับกลายเป็ นหม่นหมอง “อืออ
...เราพี่นอ้ งเชื่อฟังคํากล่าว และสนิทสนมกับพี่นอ้ งอื่นๆ ในสํานัก
มาตลอด ทว่า ศิษย์พี่ศิษย์นอ้ งคนอื่นสามารถออกไป แต่พวกเรา
ล้วนถูกห้ามโดยท่านหญิง...ท่านหญิงลําเอียงอย่างยิง่ ”
หยุนเช่อสามารถเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดถึงสาเหตุที่กงยู่
เซียนไม่อนุญาตพวกนางออกไปโลกภายนอก
เหตุผลเรี ยบง่ายอย่างยิง่ ...สตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งทุกนางต่างให้บรรยากาศเย็นยะเยือกและผลักไสผูค้ นจนไกล
ห่าง โดยเฉพาะสายตาเย็นเยียบที่แทบสามารถแช่แข็งจิตใจผูฟ้ ัง
แต่แม้ท้ งั สองพี่นอ้ งฝึ กปรื อเคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งช่นกัน หาก
บุคลิกภาพของพวกนางไม่มีความ “ภาคภูมิเยือกเย็น” เช่นผูอ้ ื่น
ยิง่ กว่านั้น ทั้งสองต่างเป็ นสองในเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง
หากมีปฏิสมั พันธ์กบั ผูค้ นมากเกินไป อาจสามารถเปิ ดเผยลักษณะ
นิสยั ดั้งเดิมออกมา แน่นอนย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กบั
ภาพประทับใจของผูค้ นที่มีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
“แท้จริ งแล้ว ท่านหญิงมิได้หา้ มพวกท่านทั้งสองออกไป
เพราะมีอคติใดๆ หากแต่นนั่ คือการแสดงออกถึงความรักและ
ความห่วงใยของนางต่อพวกท่าน” หยุนเช่อพูดตอบกลับไปอย่าง
จริ งจัง “ในโลกภายนอกมีอนั ตรายนานับประการที่เกินกว่าพวก
ท่านจินตนาการไว้มากมายนัก โดยเฉพาะอย่างยิง่ พวกคนลามก
อย่างที่ท่านพูดถึง ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแห่งนี้ ศิษย์
พี่หญิงทั้งสองไม่เพียงสวยสดงดงามเท่านั้น แต่ยงั น่ารักเป็ นที่สุด
อีกด้วย แม้วา่ ข้าจะพึ่งรู ้จกั พวกท่านทั้งสองได้เพียงสามวัน เมื่อใด
ก็ตามที่ขา้ ได้พานพบพวกท่านทั้งสองจิตใจของข้าล้วนอิ่มเอมไป
ด้วยความปิ ติทนั ทีที่เห็น ท่านหญิงต้องชอบพวกท่านเป็ นอย่าง
มาก นัน่ คือเหตุที่นางเป็ นห่วงเรื่ องความปลอดภัยของพวกท่าน
นางคงรู ้สึกไม่ปลอดภัยหากปล่อยให้พวกท่านออกจากแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไปยังโลกภายนอก”
ความชอบต่อคําชมเชยนับเป็ นธรรมชาติของมนุษย์
โดยเฉพาะกับสตรี ที่นบั ว่าเป็ นลักษณะพื้นฐาน เพียงคําพูดไม่กี่คาํ
ของหยุนเช่อเปรี ยบดัง่ คําพูดจากสวรรค์ พวกนางจึงตอบกลับด้วย
ความปลื้มปิ ติ “ที่เจ้าพูดมานั้นจริ งหรื อ?”
“เป็ นจริ งแน่นอน” หยุนเช่อผงกศีรษะหนักแน่นก่อนกล่าว
วาจา “หากข้าเป็ นตัวลามกใหญ่เช่นที่ท่านเข้าใจ ศิษย์พี่เชียนเสวีย่
ศิษย์พเี่ หลียนเชีย ศิษย์พี่หลันอี้ ศิษย์พี่เยว่หลี่...ข้าย่อมต้องฉวย
โอกาสกับพวกนางทั้งหมด แต่พวกนางต่างสามารถเปิ ดจุดชีพจร
ได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าเป็ นผลสําเร็ จ ท่านทั้งสองน่ารัก
อย่างยิง่ ข้าจะคิดกลัน่ แกล้งท่านได้อย่างไร หากท่านยังคงไม่
เชื่อถือ ข้าเองล้วนมิอาจทําสิ่ งใดได้”
เมื่อหยุนเช่อกล่าว ชายหนุ่มปั้นสี หน้าเจ็บปวดใจ
“ไม่ ไม่...พวกเรามิใช่สงสัยในตัวเจ้าจริ งจัง แต่ แต่...อืออ
ทําอย่างไรดี? เหลือเพียงจุดชีพจรสระหยกเท่านั้น...ศิษย์พี่ทุกท่าน
ต่างได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าแล้ว แต่ขา้ ...” เฟิ งหานเสวีย่
ขบกัดริ มฝี ปากก่อนถามไถ่ดว้ ยความลังเล “หยุนเช่อ เปิ ดจุดชีพจร
ทั้งหมดห้าสิ บสามจุด เพียงหลงเหลือจุดชีพจรสระหยก หากเรา
ยกเว้นไปหนึ่งจุด ผลลัพธ์คงไม่แตกต่างเท่าใดกระมัง?”
หยุนเช่อจ้องมองและส่ ายหัว “หากเปรี ยบจุดชีพจร
ลมปราณห้าสิ บสามจุดกับจุดชีพจรลมปราณห้าสิ บสี่ จุดนับว่าไม่
แตกต่างกันเท่าใด อย่างไรเสี ย ความแตกต่างระหว่างการเปิ ดจุด
ชีพลมปราณห้าสิ บสามจุดกับการเปิ ดจุดชีพจรลมปราณห้าสิ บสี่
จุดนั้นนับว่าต่างกันแล้วสวรรค์กบั โลก! เนื่องเพราะท่านสามารถ
ได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าได้ เมื่อเปิ ดจุดชีพจรครบทั้งห้า
สิ บสี่ จุดเท่านั้น หากขาดไปเพียงจุดเดียวก็ไม่นบั ว่าเป็ นเส้นชีพจร
ลมปราณเทพเจ้าได้ เหตุผลที่เส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าถูกเรี ยก
ขานเช่นนี้เป็ นเพราะ เมื่อจุดชีพจรลมปราณทั้งหมดถูกเปิ ดออก
การไหลเวียน การรวมตัวและปลดปล่อยพลังลมปราณจะเพิ่มพูน
ขึ้นราวกับกฏเกณฑ์ของโลกได้เปลี่ยนแปลงไป เส้นลมปราณจะ
ก้าวผ่านความเป็ นมนุษย์ไปยังระดับที่สูงกว่าระดับหนึ่งอย่าง
สมบูรณ์ หากเปรี ยบเทียบความแตกต่างจะเป็ นเช่นเดียวกับ
ระดับชั้นลมปราณ ขั้นที่เก้าของระดับปราณฟ้ากับขั้นที่สิบ ระดับ
ปราณฟ้านั้นนับว่าไม่มีความแตกต่างกันเท่าใดนัก แต่หากเป็ นขั้น
ที่เก้าระดับปราณฟ้ากับขั้นแรกของระดับปราณจักรพรรดิแล้วนั้น
นับว่าแตกต่างกันราวเมฆาเบื้องบนกับดินโคลนเบื้องล่าง”
“ศิษย์พหี่ านเยว่เปิ ดจุดชีพจรสามสิ บสามจุด ความแข็งแกร่ ง
ของนางเพิ่มพูนขึ้นกว่าสองเท่า แต่เมื่อเปรี ยบกับศิษย์พี่ท่านอื่นที่
เปิ ดเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าแล้ว ระดับความเร็ วในการฝึ กปรื อ
ความเร็ วในการโคจรพลัง ทั้งยังความเร็ วในการสะสมพลังยุทธ์
ล้วนแตกต่างกันครึ่ งหนึ่ง”
“คะ..ครึ่ งหนึ่ง!?!?”
คําพูดของหยุนเช่อส่ งผลให้สตรี ท้ งั สองนิ่งชะงักไปชัว่ ครู่
โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อกล่าวถึงมู่หรงเชียนเสวีย่ และนางเซียนคน
อื่นๆ ในบรรดาเจ็ดนางเซียน เมื่อได้ฟังถึงความแตกต่างของ
ตนเองและนางเซียนท่านอื่น เฟิ งหานเยว่ถึงกับรํ่าไห้ออกมา
ในทันที..ในฐานะศิษย์รุ่ นเดียวกัน ทั้งยังเป็ นเจ็ดนางเซียนเมฆา
เยือกแข็ง ต่างมีคุณสมบัติใกล้เคียงและเติบใหญ่มาพร้อมกัน ทว่า
ยามนี้ เพียงเพราะจุดชีพจรสระหยก นางจําต้องยอมรับความ
เสี ยเปรี ยบใหญ่หลวงเช่นนี้ จิตใจอันบริ สุทธิ์และมุ่งมัน่ แข่งขัน
ของนางจะยอมรับได้อย่างไร
“ฮือออ เสวีย่ เสวีย่ ข้าควรทําอย่างไรดี? หากปล่อยทิ้งไว้
เช่นนี้ ระยะห่างของข้าและเหล่าศิษย์พี่ยง่ิ มายิง่ มากขึ้น...” เฟิ งหาน
เยว่กล่าวถามอย่างอับจนปัญญา
“...อย่าได้กงั วล รอจนพวกเราได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพ
เจ้าทั้งคู่ พวกเราจะทวีความมานะพยายามยิง่ ขึ้น หากเราทําเช่นนี้
จะป้องกันศิษย์พี่ท้ งั หลายทิ้งห่างพวกเราไปได้” เฟิ งหานเสวีย่
กล่าวปลอบประโลมด้วยจิตใจที่เจ็บปวด
วาจาอันใสซื่อและคําปลอบโยนไม่สามารถปลอบประโลม
นางได้แม้แต่นอ้ ย กลับยิง่ ทําให้เฟิ งหานเยว่รู้สึกอับจนปัญญามาก
ยิง่ ขึ้น...เนื่องเพราะไม่เพียงเหล่าศิษย์พี่ กระทัง่ น้องสาวของนาง
เองยังได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าเช่นกัน ไม่เพียงศิษย์พ่ี
ทั้งหลายทอดทิ้งนาง กระทัง่ น้องสาวยังยืดระยะห่างทางพลังฝี มือ
ออกไปจากนางเช่นกัน…
ไม่ ไม่ ไม่ ข้ าไม่ อาจให้ พวกนางทอดทิ ง้ ข้ าไว้ เบือ้ งหลัง
เพียงแค่ ขนั้ ตอนเดียว ข้ าจะสามารถเป็ นได้ เช่ นเหล่ าศิษย์ พ.ี่ ..ข้ าไม่
มีทางให้ มนั เกิดขึน้ …
เฟิ งหานเยว่หนั หน้ากลับมาจ้องมองไปทางหยุนเช่อ ก่อน
กล่าววาจาอย่างน่าเวทนา “หยุนเช่อ ไม่มีวธิ ีอื่นในการเปิ ดจุดชีพ
จรสระหยกแล้วจริ งๆ?”
หยุนเช่อกล่าวตอบคําด้วยความรู ้สึกละอายใจว่า “หากมีทาง
ข้ายินยอมเสี่ ยงด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีของข้าเพื่อช่วยเหลือ
ศิษย์พหี่ านเสวีย่ ทว่า...ตําแหน่งของจุดชีพจรสระหยกโดดเด่น
เป็ นเอกลักษณ์ยงิ่ ไม่มีทางเลือกอื่นอีก”
เฟิ งหานเยว่ไม่กล่าวคําใดอีกต่อไป แนวฟันขาวราวไข่มุก
ขบกัดริ มฝี ปาก ยิง่ มายิง่ ขบกัดแน่นขึ้นเรื่ อยๆ ผ่านไปครู่ ใหญ่ นาง
ตัดสิ นใจครั้งสําคัญที่สุดในชีวติ หญิงสาวกล่าวตอบด้วยสี หน้าที่
เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “หาก..หากเจ้าช่วยเหลือข้าเปิ ดจุดชีพ
จรสระหยก..สามารถกั้นด้วยเสื้ อผ้าหรื อไม่?”
“เอ๋ ? ท่านพี่ ท่านยินยอม?”
เฟิ งหานเยว่ปิดซ่อนใบหน้าของนางด้วยเสื้ อคลุมหิ มะก่อน
กล่าวงึมงําอย่างเชื่อฟัง “อีกเพียงเล็กน้อย จากนั้นข้าจะสามารถ
ได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า...หากข้าไม่เปิ ดจุดชีพจรสระ
หยก ข้าอาจไม่สามารถเป็ นนางเซียนเมฆาเยือกแข็งกับเสวีย่ เสวีย่
ได้อีกต่อไป..ยิง่ กว่านั้น...ยิง่ กว่านั้น มันเองได้เห็นไปหมดแล้วใน
วันนั้น...ยังมี เมื่อเทียบกับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าแล้ว ทั้งหมด
นี้ไม่นบั เป็ นอย่างไรได้!!!”
“นี่...” หยุนเช่อเลือกสรรคําอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่หานเยว่
ท่านมัน่ ใจว่าท่านต้องการทําจริ งๆ? หากกระบวนการนี้มีเสื้ อผ้า
กั้นขวาง นับว่ามีความเสี่ ยงสูงอย่างยิง่ ยิง่ กว่านั้น ยังมีความ
เป็ นไปได้ที่จุดชีพจรสระหยกจะได้รับความเสี ยหายและถูก
ทําลาย...”
“เช่นนั้น...ปิ ดตา?”
“ข้ามิอาจมองเห็นได้หากปิ ดตา หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน...”
“~!#¥%%… ข้าไม่สน ข้าไม่สน!!” เฟิ งหานเยว่ผยู ้ นื
เผชิญกับหยุนเช่อโดยหันหลังมาโดยตลอดพลันหันกลับมา แม้
เสื้ อคลุมหิมะยังคงปิ ดบังอยูท่ ี่บริ เวณทรวงอก หากแต่เส้นโค้งจาก
ลาดไหล่อนั เปี่ ยมเสน่ห์ของนางลงมายังเบื้องล่างกลับงดงามเกิน
คําบรรยาย ดวงตางดงามทั้งคู่จบั จ้องทิ่มแทงไปยังหยุนเช่อ สี หน้า
ของนางแสดงออกถึงความมุ่งมัน่ ตั้งใจอย่างถึงที่สุด “หากเราเปิ ด
จุดชีพจรสระหยก...จะต้องใช้เวลานานเท่าใด?”
“...เพียงสามนาที”
“นานมาก...แต่...แต่… หลังจากเจ้าช่วยข้าเปิ ดจุดชีพจรสระ
หยกแล้ว เจ้าต้องห้ามบอกเล่าเรื่ องในวันนี้เด็ดขาด! เจ้าต้องห้าม
บอกผูใ้ ดทั้งสิ้ น! แม้กระทัง่ ฉิ งเยว่! เจ้าไม่สามารถบอกผูใ้ ดได้!”
หยุนเช่อผงกศีรษะติดต่อตามกันราวไก่จิกข้าวสาร
“แน่นอน เรื่ องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสี ยงของศิษย์พี่ ข้าไม่มีทาง...ไม่มี
ทางบอกเล่าเรื่ องนี้ต่อผูใ้ ดทั้งสิ้น!”
เหลวไหล หากชนชั้นกงยู่เซียนรั บรู้ เรื่ องราวเหล่ านี ้ คําโป้
ปดของข้ าย่ อมต้ องถูกเปิ ดโปง!!
“เช่น...เช่นนั้น...เจ้า...ลงมือเถอะ!!”
ฝ่ ามือบอบบางของเฟิ งหานเยว่ที่ยดึ กุมเสื้ อคลุมหิ มะของ
นางสัน่ สะท้านเล็กน้อยก่อนที่หญิงสาวจะปิ ดเปลือกตาลงและ
คลายมือออก พริ บตานั้นเอง เสื้ อคลุมหิ มะพัดพลิ้วลงยังเบื้องล่าง
ขณะที่ความขาวละมุนเป็ นแผ่นผืนถูกเปิ ดเผยออก ราวกับบุปผา
ตูมน่าทะนุถนอมคู่หนึ่งที่กาํ ลังจะเบ่งบานสัน่ สะท้านอยูบ่ น
ผิวพรรณที่ท้ งั อ่อนนุมทั้งขาวนวลเนียน ส่ งผลให้สายตาของหยุ
นเช่อกลับกลายเป็ นหมุนวนพร่ าพรายในทันที
“อ๊าาาา!!” เฟิ งหานเสวีย่ ปิ ดปากของนางด้วยความแตกตื่น...
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิ งหานเยว่จะอาจหาญถึงเพียงนี้….
บทที่ 391 อุ้งมือมาร (2)

หยุนเช่อฝื นกลืนนํ้าลายอึกใหญ่ หากไม่ใช่วา่ มันมีสภาพ


ร่ างกายและจิตใจอันยอดเยีย่ มแล้ว มันมัน่ ใจว่าจมูกของมันคงมี
โลหิ ตพวยพุง่ ออกมาแล้วเป็ นแน่ มันเหยียดมือขวาออกก่อนจะ
สะบัดข้อมืออย่างแรง “เมื่อเป็ นเช่นนี้… หากศิษย์พหี่ ญิงยืน
กราน… ข้าก็จะ… เริ่ มละน่ะ..”
เฟิ งหานเยว่หลับตาแน่นราวกับหากนางมองไม่เห็นมันแล้ว
มันจะมองไม่เห็นนางด้วย ริ มฝี ปากของนางเม้มแน่นยิง่ กว่าและ
ไม่คาํ พูดใดเล็ดรอดมาแม้แต่คาํ เดียว ท่าทีของนางบ่งบอกอย่างชัด
แจ้งว่า : เจ้าห้ามพูดกับข้าเชียว!
ผิวเรี ยบเนียนเบื้องหน้ามันงดงามหาได้เปรี ยบ และยังมียอด
เขาขาวผ่องดุจหิ มะชูชนั คู่หนึ่งที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สุดราวกับ
จันทราอันเจิดจรัส ตรงกลางคือร่ องขาวเนียนที่ดึงดูดใจอย่างที่สุด
เมื่อมองไปยังสี หน้าของเฟิ งหานเยว่ หยุนเช่อพลันเริ่ มคิดว่ามัน
เล่นเกินเลยไปบ้าง แต่ภาพอันงดงามเบื้องหน้าปรากฎสู่ สองตามัน
แล้ว ความคิดอ่านมันก็ถูกดึงดูดไว้ในทันที ดวงตาของชายหนุ่ม
เปล่งประกายขณะชื่นชมทัศนียภาพเบื้องหน้าและเหยียดฝ่ ามือ
ออกไปกุมหน้าอกขวาของนางไว้อย่างเชื่องช้า
“อืออ…” เฟิ งหานเยว่ส่งเสี ยงครางราวกับสัตว์ตวั เล็กที่
บาดเจ็บ ดวงตาของนางยิง่ หลับแน่นขึ้น ขนตาเริ่ มสัน่ สะท้าน
อย่างแรง หยุนเช่อมิเอ่ยปาก เพราะการเอ่ยวาจาใตอนนี้จะเป็ นการ
ทําลายทัศนียภาพอันงดงามนี้ไป และอาจทําให้เฟิ งหานเยว่ตกใจ
จนถอนตัวไปด้วย สี หน้าของมันแน่วแน่จริ งจังขณะเริ่ มนวดเฟ้น
มือขวา ก่อนที่แรงบีบและระยะก็ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นจนก้อนไขมัน
ขาวผ่องดุจหิ มะทั้งสองเปลี่ยนรู ป ก่อนที่นิ้วทั้งห้าของมันจะจม
ลึกลงไปราวกับถูกนมเปรี้ ยวอันเนียนนุ่มดูดลงไป รสสัมผัสที่
แผ่ซ่านเช่นเดียวกับภาพและผลทางใจที่ทาํ เอาเส้นประสาททัว่ ร่ าง
ของชายหนุ่มชาวาบ
“อืมมมมม…”
ริ มฝี ปากที่เม้มแน่นของนางพลันเปล่งเสี ยงครางออกมา
และใบหน้าของโฉมงามดุจนํ้าแข็งผูน้ ้ ีพลันปรากฎสี ชมพูเข้มขึ้น
ทุกที ดวงตาที่ปิดสนิทของนางพลันเบิกขึ้นโดยไม่รู้ตวั แววตา
ของนางเผยความรู ้สึกสับสน อึดอัด… และความตื่นเต้นที่ยง่ิ มายิง่
เพิม่ พูน….
สําหรับเฟิ งหานเยว่แล้ว เวลาสามนาทีน้ ียาวนานราวกับสาม
ปี ในที่สุด หลังจากเส้นชีพจรลมปราณของนางเต้นระรัว จุดชีพ
จรลมปราณสระหยกก็เปิ ดออกอย่างสมบูรณ์ เมื่อจุดชีพจร
ลมปราณทัว่ ร่ างนางเปิ ดออกแล้ว พลังลมปราณในร่ างนางก็ราว
กับผ่านเข้าสู่ โลกใบใหม่เมื่อมันโคจรหมุนวนอย่างตื่นเต้นด้วย
ตัวเอง นางเองยังสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเส้นชีพจร
ลมปราณของตนเมื่อจุดชีพจรลมปราณหนึ่งจุดนี้เปิ ดออก
“ศิษย์พี่หญิง ทุกอย่างเรี ยบร้อยแล้วตอนนี้”
หยุนเช่อนับเวลาอย่างถี่ถว้ น จนวินาทีสุดท้ายของเวลาสาม
นาทีน้ ีเท่านั้นที่มนั ยอมปล่อยมือมารของตนออกจากจุดสงวนอัน
ศักดิ์สิทธิ์ของนางเซียน… ภายในฝ่ ามือมันแฝงแน่นด้วยกลิ่นหอม
จรุ งของดรุ ณีแรกแย้ม
เฟิ งหานเยว่ดึงชุดสี ขาวขึ้นมาคลุมหน้าอกตนและหันหลัง
กัลบอย่างว่องไวประดุจสายฟ้า นางเร่ งร้อนแต่งตัวก่อนจะหัน
ใบหน้าที่แดงกํ่าราวกับตะวันตกดินกลับมา “เจ้า… เจ้าต้องไม่เอ่ย
เรื่ องนี้กบั ผูใ้ ดเด็ดขาด มิเช่นนั้น… ขะ...ขะ...ข้าจะไม่ยอมปล่อย
เจ้าไว้แน่!!”
“ทราบแล้ว ข้าจะไม่เอ่ยเรื่ องนี้กบั ผูใ้ ด ไม่ง้ นั ขอให้ฟ้าฝ่ าข้า
ห้าครั้ง” หยุนเช่อได้แต่สญ ั ญาอีกครา
เฟิ งหานเยว่จบั จ้องหยุนเช่ออยูค่ รู่ หนึ่ง ริ มฝี ปากนางขยับ
หลายครั้งแต่กลับไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง
ทุกครั้งที่นางมองหยุนเช่อ หัวใจนางจะพลันเต้นระรัวขึ้นมา…
นางเคยคิดว่าหลังจากร่ างกายของตนถูกล่วงเกินไปแล้ว นางจะ
รู ้สึกโมโห เสี ยใจยิง่ และหลัง่ นํ้าตาออกมา แต่เมื่อมองตัวผูก้ ระทํา
แล้ว นางกลับรู ้สึกเพียงเล็กน้อย กลับกัน นางกลับรู ้สึกพิกลจนไม่
อาจบรรยายได้ พวงแก้มนางร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัว จนไม่ทราบ
ว่าจะทําเช่นไร นางได้เพียงสะบัดหน้าหนีอย่างว่องไวและสวม
ท่าทีโกรธขึ้งเท่านั้น จนกระทัง่ เฟิ งหานเสวีย่ น้องสาวนางถอด
เสื้ อผ้าออกและนัง่ ลงเบื้องหน้าหยุนเช่อแล้วนางจึงหันกลับมาเฝ้า
มองทั้งคู่อย่างเงียบงัน
เสื้ อผ้าสี ขาวดุจหิ มะถูกปลดลงเผยให้เห็นร่ างเนียนอัน
งดงามของเฟิ งหานเสวีย่ ที่ขาวเนียนดุจมันแกะ เส้นผมยาวสลวย
ของนางปล่อยระไหล่ขาวผ่องตัดกับสี ผวิ อันเนียนนุ่มที่ยากจะหา
ผูใ้ ดฝื นรั้งไม่สมั ผัสได้
ร่ างของสองพี่นอ้ งนั้นเหมือนกันจนหยุนเช่อไม่อาจแยกข้อ
แตกต่างจากเบื้องหลังได้เลย… และขณะเดียวกัน “อาการ” ที่
ปรากฏขึ้นนั้นก็เหมือนกันเช่นกัน
“อ๋ า?อ๊าาาา!จุดสระหยกของข้า… ก็เป็ นเหมือนกับของ
พี่สาวเหรอ?”
“อืม” หยุนเช่อเอ่ยด้วยสี หน้าม่นหมอง “ก่อนหน้านี้ขา้ เองก็
กังวลเรื่ องปั ญหานี้เช่นกัน เพราะพวกท่านสองพี่นอ้ งเป็ นฝาแฝด
กัน รู ปร่ างหน้าตาพวกท่านเหมือนกัน และร่ างกายกว่าเก้าส่ วนเอง
ก็เหมือนกัน...รวมไปถึงเส้นชีพจรลมปราณด้วย การฝึ กฝนพลัง
ลมปราณของศิษย์พหี่ ญิงทั้งสองสมควรสามารถฝึ กฝนร่ วมกันได้
ตั้งแต่แรกเริ่ มแล้วใช่หรื อไม่? นัน่ เองคือเหตุผล แล้วก็เป็ นตามที่
ข้ากังวลไว้ จุดชีพจรสระหยกของศิษย์พหี่ ญิงหานเสวีย่ นั้น
คล้ายคลึงกับของศิษย์พี่หญิงหานเยว่ทุกประการ”
“อ๊าา… เป็ นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” ในหัวของเฟิ งหานเสวีย่
พลันว่างเปล่า ความรู ้สึกแรกที่นางมีต่อคําพูดหยุนเช่อมิใช่ความ
สงสัย… เพราะนางและพี่สาวนั้นคล้ายกันเกินไปจริ งๆ
โดยเฉพาะร่ างกาย ดังนั้นการที่เส้นชีพจรลมปราณของทั้งสองจะ
เหมือนกันจึงนับเป็ นเรื่ องปกติสามัญแล้ว
“อืออ… พีส่ าว ข้าควรทําเช่นไรดี?” ครั้งนี้กลับเป็ นเฟิ งหาน
เสวีย่ ที่รู้สึกสิ้ นหนทาง
“ไม่เป็ นไรหรอก!”
เฟองหานเยว่ที่สบั สนเมื่อครู่ บดั นี้มีสีหน้าผ่อนคลาย “ข้าเอง
ก็เคยกังวล แต่มนั สัมผัสข้าเพียงชัว่ ครู่ และข้าก็มิได้รู้สึกแย่อะไร
มากมาย และหลังจากข้าได้รับเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้า ข้า
ตอนนี้กร็ ับรู ้ได้เลยว่าเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้านั้นอัศจรรย์ยง่ิ ข้า
รู ้สึกได้วา่ การฝึ กฝนของข้าในอนาคตจะว่องไวขึ้นหลายเท่า เสวีย่
เสวีย่ จะละทิ้งเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าเพียงเพราะจุดชีพจรสระ
หยกจุดสุ ดท้ายไม่ได้นะ ไม่เช่นนั้นคงเป็ นการน่าเสี ยดายยิง่ ”
“มันไม่เป็ นไร...จริ งๆใช่ไหม?” เฟิ งหานเสวีย่ นั้นกังวลยิง่
แต่เมื่อมีพสี่ าวเป็ นตัวอย่างแล้ว ความรู ้สึกของนางย่อมดีกว่าของ
เฟิ งหานเยว่ก่อนหน้า
“เชื่อข้าเถอะ!” เฟิ งหานเยว่ที่คดั ค้านและทําใจสุ ดกําลังก่อน
หน้านี้กลับผลักไสเฟิ งหานเสวีย่ เข้าหา “อุง้ มือมาร” ด้วยตัวเอง
นางหมุนตัวเฟิ งหานเสวีย่ ก่อนจะยืน่ มือไปดึงเสื้ อผ้าของอีกฝ่ าย
ออก “เอาล่ะ เริ่ มกันได้แล้ว”
“อ๊ะ!!”
เฟิ งหานเสวีย่ เปล่งเสี ยงร้องตกใจออกมา ก่อนที่ร่างท่อนบน
อันงดงามราวกับนํ้าแข็งแกะสลักจะเผยขึ้นเบื้องหน้าหยุนเช่อ
ดอกไม้ตูมสี ชมพูดดุจอัญมณี สองจุดแกว่งไปมาบนอากาศอย่าง
เย้ายวน… ก่อนจะถูกอุง้ มือมารของหยุนเช่อบีบเค้นอย่างแนบ
แน่น…
ตําหนักศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบถูกสร้างจากศิลาหยก
สวรรค์ ทันทีที่ประตูหินถูกปิ ดสนิท สถานที่น้ ีจะกลายเป็ นที่หลบ
ภัยอันยอดเยีย่ ม กระทัง่ ยอดฝี มือระดับชั้นปราณจักรพรรดิข้นั สู ง
ยังไม่อาจทําให้มนั เสี ยหายได้ อันที่จริ งแล้วแม้แต่ระดับปราณ
ทรราชย์อนั ทรงอํานาจยังยากที่จะพังประตูเข้ามา ขณะเดียวกัน
ศิลาหยกสวรรค์กย็ งั เป็ นที่เก็บเสี ยงชั้นเยีย่ ม มิเช่นนั้นหากมีผเู ้ ดิน
ผ่านบริ เวณนี้ในตอนนี้ พวกมันคงได้ยนิ เสี ยงครวญคราง
ประหลาดของหญิงสาวเยาว์วยั แน่
หลังจากหยุนเช่อทํากิจวิตถารของตนเสร็ จ บนอกซ้ายของ
เฟิ งหานเสวีย่ ก็ประทับด้วยรอยแดงหลายสาย นางรี บสวมเสื้ อผ้า
เช่นเดียวกับเฟิ งหานเยว่ ก่อนจะเอ่ยคําเดียวกันด้วยสี หน้าแดงกํ่า
“เจ้าห้ามบอกเรื่ องนี้กบั ผูใ้ ดเด็ดขาด แม้แต่คนเดียว!”
“แน่นอน ข้าย่อมไม่เอ่ยปากกับใคร ไม่อย่างนั้นขอให้ฟ้าผ่า
ข้าห้าครั้ง” หยุนเช่อสัญญาเป็ นคํารบสาม มันทาบฝ่ ามือตนเข้ากับ
ปลายจมูก ก่อนจะสู ดดมกลิ่นหอมหวานของหญิงสาวที่ติดมา
อย่างแผ่วเบา… ชีวติ ของมันที่นี่นบั ว่าประเสริ ฐยิง่ จนแทบผิดปกติ
ดูเหมือนว่าหลังข้ากลับจากจักรวรรดิเทพหงสาแล้ว ข้าคงต้อง
กลับมาอยูท่ ี่นี่อีกซักพักหนึ่ง… อืม ใช่แล้ว ข้าเพียงต้องการฝึ กฝน
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบเพิ่มเติมเท่านั้นเอง
หลังจากสัญญากับตัวเอง หยุนเช่อก็เริ่ มหอบหายใจ ก่อนจะ
พยายามลุกขึ้นด้วยเนื้อตัวสัน่ เทา เฟิ งหานเยว่เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
เมื่อเห็นท่าทีมนั “หยุนเช่อ เป็ นอะไรไป? เจ้าดู… เหนื่อยมาก”
ขณะเอ่ยปาก สองพี่นอ้ งพลันสังเกตเห็นใบหน้าอันซีดเซียว
ของหยุนเช่อบนหน้าผากมันปรากฎหยาดเหงื่อ กระทัง่ แววตามัน
ก็ดูข่นุ มัวราวกับไร้สติ… ทั้งสองพลันนึกถึงคืนที่มนั ทะลวงจุดชีพ
จรให้มู่หรงเชียนเสว่ยและจวินเลียนเชีย มันก็มีท่าทีเช่นนี้และถูก
เซี่ยฉิ งเยว่พาตัวไปพักผ่อนทันที… ถูกแล้ว มันได้เอ่ยในวันนั้นว่า
การทะลวงจุดชีพจรลมปราณจะใช้พลังสมาธิของมันมาก…
“ไม่...ไม่เป็ นไป” หยุนเช่อโบกมือ ก่อนจะฝื นเค้นรอยยิม้
ออกมาทั้งที่ใบหน้าซีดเผือด “เพียงแค่ช่วงสองสามวันมานีเ ข้าได้
ช่วยทะลวงจุดชีพจรลมปราณให้บรรดาศิษย์พี่หญิง ข้า… ข้าเลย
เหนื่อยมากไปเล็กน้อยเท่านั้น ขอพักสักครู่ ข้าก็จะ…”
ก่อนจะเอ่ยจบ ร่ างของมันที่กาํ ลังจะผุดลุกขึ้นพลันโงนเง
นก่อนจะล้มเข้าใส่ เฟิ งหานเยว่
“อ๊ะ!!” เฟิ งหานเยว่ส่งเสี ยตกใจก่อนที่หยุนเช่อจะทิ้งร่ างลง
บนตัวนาง ใบหน้ามันซุกลงบนหน้าอกอิ่มของนาง และกลิ่นหอม
หวานพลันเข้าสู่รูจมูกของชายหนุ่ม
เฟิ งหานเยว่ใช้ร่างตนพยุงหยุนเช่อไว้ นางมิได้ผลักไสมัน
ออก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันและเสี ยใจ… มันกลับ
เหน็ดเหนื่อยเพือ่ พวกเราถึงเพียงนี้ มันทุ่มเทมากมายแต่เรากลับ
สงสัยว่ามันพยายามกลัน่ แกล้งเรา ทั้งที่ทุกสิ่ งก็เพื่อตัวพวกเราโดย
แท้ มันมอบเส้นชีพจรลมปราณเทพเจ้าให้ แต่พวกเรากลับกรี ด
ร้องและตะโกนใส่ มนั มาตลอด และยังข่มขู่ไม่ให้มนั เอ่ยเรื่ องใน
วันนี้กบั ผูอ้ ื่นอีก…
อืออ… นี่นบั ว่าไม่สมควรนัก…
สองพี่นอ้ งพลันเสี ยใจจนอยากร้องไห้เมื่อเห็นสภาพอ่อนล้า
ของหยุนเช่อ แม้มนั จะยังซุกอกเฟิ งหานเยว่อย่างแนบแน่น ทั้ง
สองก็ไม่คิดจะขยับร่ างมันออก ทั้งคู่เพียงให้มนั ฉวยโอกาสอีก
ครั้งก่อนจะเอ่ยอย่างกังวล “หยุนเช่อ เจ้าไหวหรื อไม่? หรื อ… จะ
ให้พวกเราพาเจ้าไปยังตําหนักเหมันต์เยือกแข็ง? นํ้าค้างสงบจิตใน
นั้นต้องช่วยให้เจ้าหายดีเร็ วขึ้นแน่”
“ไม่… ไม่จาํ เป็ น ขอบคุณศิษย์พี่หญิงที่ห่วงใย… พวกท่าน
สบายใจเถอะ จิตสมาธิขา้ เพียงเหนื่อยล้า มิได้พงั ทลาย ย่อมไม่มี
ผลลบอันใด… ท่านเพียงปล่อยให้ขา้ พักที่นี่ชวั่ ครู่ กพ็ อแล้ว”
สองพี่นอ้ งวางร่ างหยุนเช่อลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง เฟิ ง
หานเยว่เอ่ยด้วยสี หน้าเปี่ ยมกังวล “งั้นเจ้าต้องพักผ่อนอย่างระวัง
ด้วยนะ พวกเราจะไม่รบกวนเจ้าแล้ว… เจ้าอยูค่ นเดียวได้แน่นะ?”
“อืม ไม่ตอ้ งห่วงไป ข้าเป็ นบุรุษ เรื่ องเล็กน้อยแค่น้ ีไม่
นับเป็ นอย่างไร ศิษย์พี่หญิงทั้งสองเพิง่ เปิ ดเส้นชีพจรลมปราณ
เทพเจ้าได้ และต้องใช้เวลาปรับพลังลมปราณสักพักหนึ่ง…
ดังนั้นอย่าได้ห่วงเรื่ องข้าเลย” หยุนเช่อเอ่ยด้วยรอยยิม้ จาง
“ถ้า...ถ้างั้นพวกเราไปก่อนนะ ไว้พวกเราจะมาหาพรุ่ งนี้…
อ๊ะ อีกอย่าง” ดรุ ณีนอ้ ยเม้มปากแดงของตนก่อนจะเอ่ยอย่างขวย
เขิน “เรื่ องในวันนี้… เจ้าห้ามไปบอกใครเชียวนะ”
สองพี่นอ้ งที่ไม่รู้ตวั ว่าโดนล่วงเกินก็เดินเคียงคู่กนั จากไป
และยังคงกังวลเรื่ องหยุนเช่ออยู… ่ หลังทั้งคู่จากไป ประตูหินพลัน
ปิ ดตัวลงและหยุนเช่อก็ทะยานร่ างขึ้นจากพื้นราวกับปลา
มันทําท่าปั ดฝุ่ นที่ไม่มีอยูจ่ ากบั้นท้ายก่อนจะฉี กยิม้ มี
ความสุ ขอย่างที่สุด
“เฮ้อ… สถานที่น้ ีนบั เป็ นสรวงสวรรค์ของบุรุษโดยแท้จริ ง”
“ทุกคนล้วนแต่บอกว่าสตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งล้วนแต่สูงส่ ง เย็นชาและไม่อาจเอื้อม… แต่อีกมุมหนึ่ง ก็
เพราะเหตุน้ ีที่ทาํ ให้พวกนางถูกคร่ ากุมได้ง่ายดายนัก…”
หลังจากกระซิบอย่างพึงใจ หยุนเช่อก็เงยหน้าขึ้นและเริ่ ม
ฝึ กฝนเคล็ดเยือกแข็งบรรจบต่อจากจารึ กบนกําแพงโดยการใช้
เคล็ดเมฆาเยือกแข็งใส่ ศิลาหยกสวรรค์
บทที่ 392 (1) ท้ าทายสวรรค์ ผสานเหมันต์ อคั คี

เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบเป็ นเคล็ดปราณธาตุน้ าํ แข็ง


ขณะที่เพลิงเทพหงสาคือปราณธาตุอคั คี ทั้งยังมีสายโลหิ ตเป็ น
ส่ วนช่วยสนับสนุนเคล็ดวิชา ท่ามกลางเหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์จาํ นวน
มหาศาลราวดวงดาราเกลื่อนท้องฟ้า มิใช่ไม่มีผใู ้ ดที่ฝึกวรยุทธ์ท้ งั
สองชนิดพร้อมกันมาก่อน ถึงกับเคยมีผทู ้ ี่ฝึกปรื อปราณธาตุ
มากกว่าสองชนิดอีกด้วย ทว่าพื้นฐานที่ไม่อาจละเมิดได้คือการที่
ธาตุท้ งั สองหรื อทั้งหมดที่ฝึกฝน ต้องมิใช่ธาตุที่ขดั แย้งกันและกัน
เช่นธาตุลม ธาตุไฟ และธาตุสายฟ้า แม้การทําเช่นนี้นบั เป็ นการ
แบ่งแยกจิตสมาธิอนั เป็ นข้อห้ามของผูฝ้ ึ กยุทธ์ หากคนผูน้ ้ นั เปี่ ยม
พรสวรรค์น่าตกตะลึง และสามารถฝึ กฝนปราณธาตุท้ งั สองชนิด
จนถึงขีดสุ ด เช่นนั้น บุคคลผูน้ ้ นั ย่อมมีขอ้ ได้เปรี ยบอย่างมหาศาล
ต่อผูฝ้ ึ กยุทธ์ในระดับเดียวกัน
ทว่าการฝึ กปรื อปราณธาตุอคั คีและวารี ในเวลาเดียวกัน ทั้ง
สองธาตุต่างสะกดข่ม ทั้งยังตรงข้ามกันอย่างถึงที่สุด อย่างน้อย
ที่สุด เรื่ องเช่นนี้ลว้ นไม่เคยเกิดขึ้นในทวีปลมปราณฟ้ามาก่อน!
นอกเหนือจากคนโง่งม ย่อมไม่มีผใู ้ ดบ้าคลัง่ จนเลือกเดินไป
ในทางทั้งสองเส้นในเวลาเดียวกันอย่างแน่นอน
เคล็ดวิชาลมปราณมีหลากหลาย ทว่าเส้นชีพจรลมปราณมี
เพียงเส้นเดียว เมื่อพลังลมปราณขั้วตรงข้ามทั้งสองถูกใช้ออกใน
เวลาเดียวกัน พวกมันย่อมต้องปฏิเสธและต่อต้านซึ่งกันและกัน นี่
ไม่เพียงไม่ส่งผลดีอนั ใด ยังส่ งผลหักล้างต่อพลังปราณธาตุตรง
ข้ามจนอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน สถานหนัก อาจสามารถทําให้
พลังลมปราณปั่ นป่ วนรุ นแรง หรื ออาจส่ งกระทบกระเทือนต่อ
เส้นชีพจรลมปราณ...เมื่อหยุนเช่อได้รับเคล็ดเมฆาเยือกแข็งจากฉู่
เยว่ฉาน หยุนเช่อยังคงไม่ได้รับเมล็ดวิญญาณเทพอสู รธาตุวารี เข้า
มาในร่ างกาย ส่ งผลให้พลังธาตุน้ าํ แข็งอาละวาดขึ้นในร่ างกาย
และโรมรันเข้าใส่ เพลิงเทพหงสา ส่ งผลให้พลังยุทธ์ในร่ างพลุ่ง
พล่านปั่นป่ วน กระทัง่ ชายหนุ่มหมดสติไปในทันที นับเป็ นโชค
วาสนาที่มงั กรครามบรรพกาลได้ใช้พลังของมันเพือ่ สะกดปราณ
ธาตุน้ าํ แข็งไว้ในร่ างกายของหยุนเช่อ
หลังจากนั้น ก่อนการครอบครองเมล็ดวิญญาณเทพอสู ร
ธาตุวารี หยุนเช่อไม่เคยใช้เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งออกมาอีกเลย
การฝึ กปรื อเคล็ดวิชาตรงข้ามเช่นวิชายุทธ์ธาตุน้ าํ และธาตุ
ไฟในเวลาเดียวกัน หากเป็ นผูค้ นธรรมดาทัว่ ไป นับเป็ นการ
กระทําอันโง่เขลาที่สิ้นเปลืองความพยายามสู ญเปล่าเพื่อผลลัพธ์
อันไม่น่าพิศมัย คือการเพิม่ พูนโอกาสในการทําร้ายถูกเส้นชีพจร
ลมปราณของตนเอง ทว่าหยุนเช่อครอบครองเมล็ดวิญญาณเทพ
อสู รธาตุอคั คีและวารี นอกเหนือจากการแบ่งแยกเวลาและสมาธิ
เงื่อนไขเช่นการทําร้ายถูกชีพจรของตนเองล้วนไม่มีทางเกิดขึ้น
เจ็ดวันต่อมา หยุนเช่อสําเร็ จขั้นที่สี่ของเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบได้โดยสมบูรณ์ในที่สุด หากมู่ปิงหยุน บรรพชนแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งยังคงมีชีวติ นางย่อมต้องแตกตื่นตะลึง
ลานอย่างถึงที่สุดจากความรวดเร็ วระดับนี้ เนื่องเพราะในอดีต
นางใช้ระยะเวลาทั้งหมดสองปี ในการบรรลุข้นั สู งสุ ดของเคล็ด
ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบ
หยุนเช่อยกฝ่ ามือซ้ายขึ้น ใจกลางฝ่ ามือ พฤกษาเหมันต์
บรรจบอันบอบบางน่ารักต้นเล็กๆ พลันงอกเงยออกมา พฤกษา
เหมันต์บรรจบนี้แม้มีขนาดเล็ก หากพลังเยือกแข็งที่ปลดปล่อย
ออกมาส่ งผลให้ตาํ หนักเมฆาเยือกแข็งเย็นเยียบจนเสี ยดกระดูก
ก่อนหน้านี้ พฤกษาเหมันต์บรรจบที่ชายหนุ่มสร้างขึ้นมามีสีขาว
ล้วน ทว่าตอนนี้ ทัว่ ทั้งลําต้นและกิ่งก้านของไม้น้ าํ แข็งล้วน
กระจ่างไร้รอย ทัว่ ทั้งต้นใสจนแทบโปร่ งแสง ขอบเขตขั้นห้าที่
เรี ยกว่า “ม่านมายาเยือกแข็งบรรรจบ” จําเป็ นต้องมีพลังฝี มือขั้น
ลมปราณฟ้าเพื่อใช้ออก แม้ขณะนี้หยุนเช่ออาจยังไม่สามารถใช้
ออกได้ ทว่าในอีกไม่กี่เดือน ชายหนุ่มสมควรทําความเข้าใจเคล็ด
วิชาศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบจนปรุ โปร่ งขึ้นใจ เมื่อหยุนเช่อบรร
ลุระดับชั้นลมปราณที่สูงพอ ชายหนุ่มย่อมสามารถใช้วชิ าออกมา
ได้ในภายหลัง และไม่จาํ เป็ นต้องพักอาศัยอยูภ่ ายในแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอีกต่อไป
หยุนเช่อจับจ้องไปยังพฤกษาเหมันต์บรรจบที่เปล่งประกาย
เย็นเยียบเป็ นเส้นสาย ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปเป็ นเวลานาน จากนั้น
จึงค่อยยืน่ ฝ่ ามือขวาออก ที่เหนือฝ่ ามือปรากกลูกไฟเทพหงสาลุก
โพลงโชติช่วง ปลดปล่อยรัศมีร้อนแผดเผา ฉับพลัน ความเย็น
เยือกในตําหนักเมฆาเยือกแข็งสลายหายไปอย่างรวดเร็ ว
หยุนเช่อแบ่งจิตออกเป็ นสอง ควบคุมบังคับนํ้าและไฟโดย
เมล็ดวิญญาณธาตุอสู รโดยพร้อมเพรี ยง ภายใต้การแทรกแซงจาก
เมล็ดวิญญาณเทพอสู ร เส้นชีพจรลมปราณของหยุนเช่อพลัน
แบ่งแยกออกเป็ นโลกสองใบที่แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง ครึ่ งหนึ่ง
ไหวกระเพือ่ มด้วยพลังธาตุอคั คี อีกครึ่ งหนึ่งโคจรหมุนเวียนด้วย
พลังปราณธาตุน้ าํ
ร่ างของหยุนเช่อเองกลับกลายเป็ นครึ่ งร้อนรุ่ มครึ่ งหนาว
เย็น หากมิใช่การคงอยูข่ องเมล็ดวิญญาณเทพอสูรทั้งสอง การที่
หยุนเช่อใช้ออกด้วยพลังนํ้าแข็งและพลังธาตุอคั คีเป็ นเวลานาน
เช่นนี้ ย่อมต้องส่ งผลให้พลังในร่ างกายพลุ่งพล่านปั่นป่ วน เส้น
ชีพจรลมปราณและร่ างกายเป็ นไปได้อย่างสู งว่าย่อมต้องรับ
บาดเจ็บ ทั้งชายหนุ่มอาจธาตุไฟเข้าแทรกได้อีกด้วย
หยุนเช่อนิ่งค้างอยูเ่ ช่นนี้เป็ นเวลานาน สี หน้าของชายหนุ่ม
นิ่งขึง ไม่อาจทราบได้วา่ กําลังครุ่ นคิดถึงสิ่ งใด จัสมินผูเ้ อนกายอยู่
บนแท่นบรรทมเจ้าหญิงของนางมาตลอดเวลา เปิ ดเปลือกตาของ
นางขึ้น ที่นางมองเห็นเป็ นสิ่ งแรกกลับเป็ นอากัปกิริยาเช่นนี้ของ
หยุนเช่อ นางเลิกคิ้วเรี ยวงามขึ้นก่อนกล่าวว่า “ทําเช่นนี้มี
ความหมายอะไร? การปลดปล่อยพลังยุทธ์ของทั้งสองด้าน
สมํ่าเสมอคงที่ โคจรพลังธาตุตรงข้ามกันโดยพร้อมเพรี ยง
แน่นอนพลังลมปราณล้วนต้องถูกแบ่งแยกออกไป แม้จะรวมพลัง
ทั้งสองยังเพียงเท่าเทียมกับการใช้พลังธาตุเดียวเท่านั้น ทั้งการทํา
เช่นนนี้ยงั สิ้ นเปลืองจิตสมาธิอย่างมหาศาล ยิง่ กว่านั้น นํ้าและไฟ
สะกดข่มซึ่งกันและกัน ยามต่อสู ก้ บั ศัตรู ศัตรู ที่เกรงกลัวไฟย่อม
ไม่เกรงกลัวนํ้า ผูท้ ี่หวาดกลัวนํ้า ย่อมไม่เกรงกลัวไฟ หากเจ้า
ต้องการใช้ไฟครึ่ งหนึ่งและนํ้าแข็งอีกครึ่ งหนึ่งยามต่อสู ก้ บั ผ้◌ูคน
...นอกจากจะสามารถช่วยผลาญพลังของเจ้าได้แล้ว กลับ
ปราศจากประโยชน์ใดโดยสิ้ นเชิง!!”
หลังจบคําพูดของจัสมิน หยุนเช่อกลับไม่ตอบคํามาเป็ น
เวลานาน แม้สองตาของชายหนุ่มยังตื่นอยู่ สายตาของชายหนุ่ม
มุ่งมัน่ รวมตัวอย่างยิง่ สี หน้าไม่เปลี่ยนแปลงใดๆเลยแม้แต่นอ้ ย
ตั้งแต่ตน้ จนจบ...ทัว่ ร่ างนิ่งสงบราวมัมมี่
“....” ยามนี้เองจัสมินจึงสังเกตุวา่ หยุนเช่อคล้ายได้คน้ พบ
ความรู ้แจ้งอันลี้ลบั บางอย่าง เด็กสาวมิได้กล่าววาจาอีกต่อไป...
และช่วงเวลานี้เองที่นางสามารถสัมผัสได้ถึงจังหวะบีบตัวของ
เส้นชีพจรลมปราณในร่ างของหยุนเช่อ เด็กสาวใช้พลังจิต
วิญญาณของนางตรวจสอบโดยคร่ าว ก่อนจะตื่นตระหนกเมื่อ
พบว่าอาณาจักรแห่งไฟและนํ้าภายในเส้นชีพจรลมปราณของหยุ
นเช่อกําลังสัน่ สะเทือนและแปรปรวนอย่างรุ นแรง ต่างโน้มนําเข้า
หากัน ทั้งยังพยายามหลอมกลืนซึ่ งกันและกัน...
พฤกษาเหมันต์บรรจบบนฝ่ ามือของหยุนเช่อเริ่ มสัน่ สะท้าน
เพลิงเทพหงสาเองล้วนไหววูบอย่างรุ นแรงเช่นกัน
จัสมินเบิกตาค้างชัว่ ครู่ จากนั้นจึงพลันเข้าใจว่าหยุนเช่อ
กําลังต้องการทําสิ่ งใดในทันที หัวคิ้วของนางขมวดมุ่นพร้อมทั้ง
กล่าวดุด่าออกมาเสี ยงดัง “หยุนเช่อ เจ้าทําอะไร!! หยุดเดี๋ยวนี้!!”
สิ้ นเสี ยงจัสมิน ร่ างกายของหยุนเช่อสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง
ใบหน้าของชายหนุ่มขาวซีดจนน่ากลัว เคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบกับเพลิงเทพหงสาในมือทั้งสองข้างของหยุนเช่อหายไป
ในทันที สายโลหิ ตพุง่ ออกจากปากของชายหนุ่มราวกับลูกศร
ร่ างกายไร้เรี่ ยวแรงเข่าทรุ ดลงไปกับพื้นพร้อมกับหายใจเฮือกใหญ่
ใบหน้าของชายหนุ่มขาวซีดไร้โลหิ ตอยูเ่ ป็ นเวลานาน
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” จัสตินพูดด้วยนํ้าเสี ยงดุดนั “เจ้ากําลัง
พยายามผสานเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบกับเพลิงเทพหงสา
เข้าด้วยกันผ่านเมล็ดวิญญาณอสู ร? พลังสองอย่างนี้ตรงข้ามกัน
อย่างสมบูรณ์ เพียงจะปฏิเสธและขัดขวางกัน ไม่มีทางเป็ นไปได้
ที่พลังทั้งสองจะสามารถผสานกันได้! สะกดข่มซึ่งกันและกัน
ส่ งเสริ มซึ่งกันและกัน รวมทั้งก่อเกิดปฏิกิริยาซึ่งกันและกัน...นี่คือ
กฏเกณฑ์พ้นื ฐานของธาตุธรรมชาติแห่งกฏแห่งความสับสน
ดั้งเดิม ทําเช่นนี้ เป็ นการฝื นกฏธรรมชาติ ฝื นกฏแห่งฟ้า! เจ้าจะ
กระทําสําเร็ จได้อย่างไร!”
ชีพจรภายในร่ างกายของหยุนเช่อสัน่ ไหวพลังปราณของ
ชายหนุ่มพลุ่งพล่านไปทัว่ ทุกสารทิศ ต้องใช้เวลาสิ บลมหายใจ
ชายหนุ่มจึงสามารถระงับพลังปราณที่บา้ คลัง่ ภายในให้สงบลง
ชายหนุ่มหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หากยังคงไม่ยอมรับความผิดพลาด
และไม่รู้สึกผิดใดๆต่อคําพูดของจัสมิน ชายหนุ่มยกหัวขึ้นพูด
“หากข้าเคยมีชีวติ เพียงภพเดียว ข้าย่อมเชื่อคําพูดของท่านอย่างไม่
ต้องสงสัย ข้าจะไม่คิดทําเรื่ องที่เป็ นไปไม่ได้อย่างหลอมรวมพลัง
ทั้งสองเข้าด้วยกัน แต่ตอนนี้ขา้ กลับมีความเชื่อแบบนี้เพิ่มขึ้น
เพิ่มขึ้น นัน่ คือ ไม่มีอะไรเป็ นไปไม่ได้ในโลกนี้!”
“ตายแล้วยังสามารถเกิดใหม่ได้ เวลา ยังสามารถย้อนทวน
กระแส กฏแห่งกรรมยังสามารถถูกแทรกแซง กระทัง่ การกําเนิด
ใหม่ยงั สามารถลัดข้ามได้...ในโลกนี้ จะมีสิ่งใดที่เป็ นไปไม่ได้
อีก? ชีวติ และความตาย เวลา กฏแห่งกรรม การกลับชาติมาเกิด...
ทั้งหมดนี้มีขอ้ ใดมิใช่วถิ ีฟ้า มีขอ้ ใดมิใช่กฏธรรมชาติ? ทว่า
ทั้งหมดล้วนสามารถหมุนเปลี่ยนได้! ยิง่ กว่านั้น ทั้งหมดล้วนเกิด
ขึ้นกับร่ างกายของข้า ทั้งยังมีหลักฐานแน่ชดั ในครานี้ กฏแห่ง
ธาตุน้ าํ และธาตุไฟ เหตุใดไม่อาจแข็งขืน?”
“...สมบัติสวรรค์ท้ งั เจ็ดชิ้นมีพลังต่อต้านสวรรค์ เป็ นเพียง
สิ่ งของชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติฝืนชะตาฟ้า มีเพียงเทพเจ้าแท้จริ ง
ในยุคบรรพกาลเท่านั้นจึงสามารถทําลายกฏธรรมชาติได้ถึงระดับ
นั้น ทว่าเทพเจ้าแท้จริ งไม่มีอยูอ่ ีกต่อไป และเจ้า เพียงเป็ นมนุษย์
บนโลกชั้นตํ่า เจ้ามีหวั ใจอันหยิง่ ผยองเหนือฟ้า แต่หากต้องการ
ต่อต้านสวรรค์ดว้ ยความสามารถของเจ้าในเวลานี้ นับเป็ นเพียง
เรื่ องเพ้อฝันเท่านั้น!” จัสมินกล่าวอย่างเฉื่ อยชา
“มิใช่เรื่ องราวคอขาดบาดตายถึงเพียงนั้น” หยุนเช่อนัง่ ลง
ก่อนยกฝ่ ามือเช็ดโลหิ ตจากมุมปาก “คํากล่าวที่วา่ เป็ นการฝื น
ชะตาฟ้าล้วนกล่าวจนน่ากลัวเกินจริ ง ข้าไม่เคยคิดกระทําสิ่ งที่
เหลือเชื่อถึงเพียงนั้น ความคิดและแรงกระตุน้ ในการหลอมรวม
เคล็ดเยือกแข็งบรรจบและเพลิงเทพหงสามิใช่มาจากข้า แต่มาจาก
เส้นชีพจรลมปราณของข้าต่างหาก”
“เส้นชีพจรลมปราณ?”
“มิผดิ !”หยุนเช่อผงกศีรษะ ก่อนจะยกฝ่ ามือขึ้น “ยามที่ขา้
เกร็ งพลังเยือกแข็งบรรจบและจุดเพลิงเทพหงสาในเวลาเดียวกัน
แรงกระตุน้ ในการหลอมรวมพลังของทั้งสองธาตุพลันบังเกิดขึ้น
ในศีรษะของข้า ทว่า ข้าตระหนักดีอย่างที่สุดว่าแรงกระตุน้ นี้มิ
ได้มาจากจิตสํานึกของข้า แต่มาจากจิตสํานึกอันพิสดารในเส้น
ชีพจรลมปราณในร่ าง...ตอนแรก ข้าได้รับเมล็ดวิญญาณเทพอสู ร
ธาตุอคั คี เส้นชีพจรของข้ากลับกลายเป็ นสี แดง เมื่อได้รับเมล็ด
วิญญาณเทพอสู รธาตุน้ าํ เมล็ดวิญญาณทั้งสองมิได้ขดั แย้งซึ่งกัน
และกัน หากกลับหลอมรวมเข้าหากัน เปลี่ยนเส้นชีพจรลมปราณ
ของข้าให้กลายเป็ นสี แดงและสี ฟ้า ทั้งยังมิได้ดาํ รงอยูอ่ ย่างแปลก
แยกซึ่งกันและกัน เมื่อเป็ นเช่นนี้ ข้าพลันฉุกคิดว่า บางที เมื่อครั้ง
อดีต เทพอสู รเองสามารถหลอมรวมธาตุน้ าํ และธาตุไฟ จึง
หลงเหลือรอยประทับอยูใ่ นเส้นชีพจร เพราะเหตุน้ นั ทันทีที่ขา้
โคจรพลังธาตุไฟและนํ้าแข็งร่ วมกัน เส้นชีพจรลมปราณของข้าจึง
พลันบีบตัวอย่างรุ นแรง...นี่กค็ ือ คําบอกใบ้!”
“ข้าเชื่อว่านี่คือสาเหตุ! เทพอสู รใช้ชื่อว่า “อสู ร” เนื่องเพราะ
อสู รล้วนขัดแย้งต่อธรรม เมื่อมันเองเรี ยกว่าเทพอสู ร การกระทํา
ของมันย่อมต้องไม่เป็ นไปตามวิถีฟ้า เป็ นกฏเกณฑ์เพื่อมันคน
เดียวเท่านั้น! มันครอบครองพลังธาตุข้นั สุ ดยอด โดยมีเมล็ด
วิญญาณธาตุอสู รเป็ นข้อพิสูจน์ เช่นนั้น การหลอมรวมของธาตุน้ าํ
และไฟ แน่นอนว่ามิใช่เป็ นไปไม่ได้ ตอนนี้ ข้ามีเส้นชีพจร
ลมปราณเทพอสู ร ทั้งมีเมล็ดวิญญาณเทพอสู รอยูก่ บั ตัว...อะไรที่
มันสามารถกระทํา บางที ข้าเองล้วนสามารถทําได้เช่นกัน!”
“แต่ท่านไม่ตอ้ งกังวล ข้าเพียงทดลองดูเล็กน้อย กล่าวตาม
จริ ง ข้าเองรู ้สึกว่าความเป็ นไปได้ช่างน้อยนิดยิง่ ทว่าหากข้าไม่
ทดลองดู ข้าย่อมไม่อาจวางใจได้เช่นกัน อย่างไรเสี ย นี่คือเส้นชีพ
จรลมปราณเทพอสูรและเมล็ดวิญญาณเทพอสู ร หากข้าไม่อาจทํา
สําเร็ จ ข้าเพียงล้มเลิกก็เท่านั้น”
“...ช่างเถอะ จะทําอะไรก็ทาํ ! เรื่ องไร้เหตุผลยิง่ กว่านี้เจ้าก็
เคยทํามาอยูด่ ี!” จัสมินกล่าวด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นจึงไม่สนใจ
มันอีกต่อไป
…………………………
เวลาที่อยูใ่ นแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งผ่านไปอย่าง
รวดเร็ ว เพียงไม่นานก็ผา่ นไปแล้วถึงสามเดือน
หยุนเช่อใช้เวลาส่ วนใหญ่อยูภ่ ายในตําหนักศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบ แต่กเ็ ดินดูภายในรอบๆแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง
อยูบ่ ่อยครั้ง จึงคุน้ เคยกับทุกพุม่ มุมหญ้าที่นี่ได้อย่างรวดเร็ วและ
แม้แต่ขนาดรู ปร่ างของหยกศิลาโดยรอบยังแทบสามารถจดจําได้
หมดสิ้ น
ในฐานะสิ่ งมีชีวติ หายากในรอบประวัติศาสตร์หนึ่งพันปี
ของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ที่ใดที่ชายหนุ่มย่างกรายผ่าน
ย่อมกระตุน้ ความสนใจจากศิษย์สตรี ในแดนศักดิ์สิทธิ์ฯ สายตา
ประมาณสามในสิ บส่ วนเป็ นความสงสัยใคร่ รู้ อีกสามส่ วนคือ
ความสังเกตุสนใจ อีกสี่ ส่วนคือความระแวดระวัง ในสถานที่แห่ง
นี้ หยุนเช่อรู ้สึกราวตนเองหลงมาอยูใ่ นประเทศแห่งอิสตรี ให้
ความรู ้สึกหวาดผวาอย่างที่สุด ส่ วนกงยูเ่ ซียนเองให้ความสําคัญ
ต่อหยุนเช่อมิดอ้ ยไปกว่าเซี่ยฉิ งเยว่ ชายหนุ่มได้รับอนุญาตให้ไป
ได้ทุกที่ ทั้งไม่เคยถูกห้ามปรามอันใดทั้งสิ้ น
และในยามนี้ เหลืออีกเพียงหนึ่งเดือน จะถึงงานประลอง
เจ็ดจักรวรรดิ
“งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าจะจัดขึ้นในอีก
หนึ่งเดือน การเดินทางไปยังจักรวรรดิเทพหงสานั้นไหลนักอีกทั้ง
ยังต้องใช้เวลาเตรี ยมตัว สี่ ชว่ั โมงก่อน ท่านจักรพรรดิชางว่านเฮ่อ
ใช้หยกสื่ อสารหมื่นลี้ เพื่อบอกให้ขา้ ยํ้าเตือนเจ้าเกี่ยวกับเรื่ องนี้”
กงยูเ่ ซียนมองไปรอบๆและมองไปยังเซี่ยฉิ งเยว่ “หากไม่มี
ข้อข้องใจกับจักรวรรดิเทพหงสา การเดินทางนี้จะเป็ นเพียงการ
แข่งขันประลองธรรมดา แต่นี่….สําหรับหยุนเช่อนับว่าเป็ นภัย
พิบตั ิที่คาดเดาไม่ได้ ทําให้ผคู ้ นมิอาจไม่กงั วลใจ ฉิงเยว่ ยามนี้หยุ
นเช่ออยูท่ ี่ใด? ข้าไม่เห็นมันมานานแล้ว”
“ท่านหญิง หยุนเช่อยังคงอยูภ่ ายในตําหนักศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบมิได้ออกมาเจ็ดวันแล้ว ข้ากลัวว่าเขาจะยังอยูใ่ น
สภาวะทําความเข้าใจ จึงไม่กล้าที่จะรบกวน” เซี่ยฉิงเยว่ตอบกลับ
“เจ็ดวัน?” กงยูเ่ ซี ยน เผยใบหน้าแปลกใจ “ปกติมนั อยูข่ า้ ง
ในนานแบบนี้มาก่อนหรื อไม่?”
“ก่อนหน้า เขาอยูข่ า้ งในเพียงสองวันเท่านั้น นี่คือครั้งแรกที่
เขาอยูม่ านานกว่าเจ็ดวันแล้ว”
กงยูเ่ ซียน ก้มหน้าลงและพึมพําว่า “ไปตามมันมา จะดีกว่า
หากให้มนั มาพบข้าตอนนี้”
“เจ้าค่ะ”
บทที่ 393 ท้ าทายสวรรค์ ผสานเหมันต์ อคั คี (2)

เซี่ยฉิ งเยว่มาถึงเบื้องหน้าประตูศิลาตําหนักเยือกแข็งบรรจบ
หญิงสาวกล่าวเสี ยงดังเพื่อส่งเสี ยงผ่านบานประตูศิลา “หยุนเช่อ
ข้าเข้าไปได้หรื อไม่?”
หลังกล่าวจบ เซี่ ยฉิ งเยว่มิได้ยนิ คําโต้ตอบ หลังจากนิ่ง
ฟังอย่◌ูเป็ นนาน ยังคงปราศจากเสี ยงการเคลื่อนไหวใดจาก
ภายใน
หรื อเขาไม่ อยู่ภายในแล้ ว?
“หยุนเช่อ ท่านอยูห่ รื อไม่?” เซี่ยฉิ งเยว่เรี ยกออกไปอีกครา
ครานี้ ยังคงปราศจากปฏิกิริยาโต้ตอบ
เซี่ ยฉิ งเยว่ยนื่ ฝ่ ามือออก เมื่อประกายแสงจากพลังเมฆาเยือก
แข็งอาบไล้บนบานประตูศิลา บังเกิดเสี ยงสะท้อนอึงอลเบาๆ
พร้อมกับบานประตูที่ค่อยแง้มเปิ ดออกช้าๆ หญิงสาวสื บเท้าไป
เบื้องหน้าก้าวหนึ่ง...เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น พริ บตาที่กา้ วเท้าเข้าไป
ภายใน เซี่ยฉิ งเยว่น่ิงค้างด้วยความตกตะลึง
หยุนเช่อมิได้ไปที่ใด ชายหนุ่มใช้เวลาอยูภ่ ายในตําหนัก
เมฆาเยือกแข็งมาตลอดเจ็ดวันที่ผา่ นมา ชัว่ เวลาที่ประตูเปิ ดออก
เซี่ยฉิ งเยว่สงั เกตุเห็นชายหนุ่มในพริ บตา หยุนเช่อนัง่ ขัดสมาธิอยู่
บนพื้นนํ้าแข็ง หลังตั้งตรง สองแขนผายออกด้านข้างลักษณะ
หงายฝ่ ามือขึ้นเบื้องบน ฝ่ ามือซ้ายปรากฏแสงสะท้อนของพฤกษา
เหมันต์บรรจบ บนฝ่ ามือขวาปรากฏลูกบอลเพลิงเทพหงสาแดง
ฉานกระพริ บไหว
ที่ส่งผลให้เซี่ยฉิ งเยว่ตื่นตระหนกมิใช่เพียงแค่น้ ี หากแต่เป็ น
มวลอากาศที่พวยพุง่ ออกมา...
ด้านขวามือของร่ างกาย หญิงสาวรู ้สึกราวเป็ นอเวจีเยือก
แข็ง ด้านซ้ายรู ้สึกราวตกลงสู่ ทะเลเพลิงกัลป์ อันร้อนแรง...พื้นที่
ว่างภายในตําหนักเมฆาเยือกแข็งถูกแบ่งออกเป็ นสองส่ วนอย่าง
ชัดเจน แบ่งออกเป็ นโลกสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง!
ดวงตางดงามทั้งคู่ของเซี่ยฉิ งเยว่สน่ั สะท้านรุ นแรง เป็ น
เช่นนี้ได้อย่างไร?
ตามหลักแล้ว ความร้อนแผดเผาและความเย็นสุ ดขั้วย่อม
ต้องหักล้างซึ่งกันและกัน ลดทอนพลังของแต่ละฝ่ าย เช่นเดียวกับ
ไฟและนํ้าแข็งที่ลบล้างพลังฝ่ ายตรงข้าม นี่เป็ นหลักพื้นฐานที่
ทารกยังทราบกระจ่าง ทว่าที่เบื้องหน้าเซี่ยฉิ งเยว่คือภาพเหตุการณ์
ที่พลิกตลบความเข้าใจของเซี่ยฉิ งเยว่อย่างสิ้ นเชิง! ความเย็นที่
ด้านขวา และความร้อนที่ดา้ นซ้ายกลับไม่บ่งบอกถึงสัญญาณใน
การหักล้างซึ่งกันและกัน ราวกับระหว่างพลังทั้งสองปรากฏ
ปราการโปร่ งแสงที่ก้ นั ขวางให้พลังไม่อาจล่วงลํ้ากันและกันได้
ยามนี้ หยุนเช่อที่นิ่งสงบตลอดมาพลันเคลื่อนไหว ชายหนุ่ม
ขยับสองมือเข้าหากันด้วยอากัปกิริยาเชื่องช้าอย่างถึงที่สุด ราวกับ
ทุกการเคลื่อนไหวสิ้ นเปลืองพลังอย่างมหาศาล ที่ตามมาจากการ
เคลื่อนไหวของชายหนุ่ม คือนํ้าแข็งและไฟบนฝ่ ามือทั้งสองที่
เคลื่อนใกล้เข้าไปเรื่ อยๆ กระทัง่ บรรจบพบกันในที่สุด
เพลิงเทพหงสามิได้รบกวนพลังเยือกแข็ง พัลงเยือกแข็งเอง
ล้วนมิได้แช่แข็งเปลวไฟ ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เซี่ยฉิ งเยว่
ประสบปั ดเป่ าความรู ้ความเข้าใจพื้นฐานทัว่ ไปของนางจนหมด
สิ้ น...พลังเยือกแข็งบรรจบและเพลิงเทพหงสากลับค่อยๆ ผสาน
รวมกัน พลังเยือกแข็งมิได้กลายเป็ นเปลวเพลิง เปลวเพลิงเองมิได้
กลายเป็ นนํ้าแข็ง ทั้งสองธาตุมิได้หกั ล้างกัน ทั้งมิได้ลดทอนพลัง
ของอีกฝั่ง แต่กลับกลมกลืนเข้าหากันราวกับของเหลวสองชนิด
จากนั้น ผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์
ไฟและนํา้ แข็ง...กําลังผสานรวมกัน!?
ขณะเดียวกัน ตําหนักเมฆาเยือกแข็งที่ถูกแบ่งออกเป็ นสอง
ส่ วนเมื่อครู่ บรรยากาศความร้อนและความเย็นเยียบสุ ดขั้วล้วน
ผสานรวมกันเช่นกัน...เมื่อความเย็นหนาหนัก ผสมรวมกับความ
ร้อนแผดเผา อุณหภูมิที่ได้สมควรกลับสู่ความสมดุล ทว่าเซี่ยฉิ ง
เยว่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนสุดขีด และความเย็นสุ ดขั้ว
ที่ยงั คงอยู่ พัวพันอย่างบ้าคลัง่ บิดผันชั้นบรรยากาศ ทัง่ ร่ างอขง
หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความรู ้สึกอึดอัดคับข้องอย่างถึงที่สุดใน
สภาวะแวดล้อมอันเหนือสภาวะปกติโดยธรรมชาติเช่นนี้ กระทัง่
จําต้องใช้ออกด้วยพลังปราณคุม้ กายเก้าในสิ บส่ วนเพื่อลดทอน
ความอึดอัดลง
และขณะนี้เอง ที่เพลิงเทพหงสาและพลังศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบของหยุนเช่อผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ สี สนั ของ
นํ้าแข็งแห่งเยือกแข็งบรรจบและสี แดงแห่งอัคคีเทพหงสาล้วน
อันตรธานหายไป ต่างทับซ้อนพัวพันกันอยูบ่ นฝ่ ามือของหยุนเช่อ
ที่ปรากฏกลับกลายเป็ นลูกบอลเพลิงสี ฟ้าครามอันลี้ลบั น่า
หลงใหล!
ตามระดับชั้นของพลังปราณอัคคี ที่อ่อนด้อยที่สุดคือสี สม้
ถัดมาคือสี แดง ฟ้า ม่วง หากแต่เพลิงสี ฟ้าบนฝ่ ามือของหยุนเช่อ
เป็ นสี ฟ้าที่แตกต่างจากสี ฟ้าของปราณอัคคีทวั่ ไป กลับกัน มันเป็ น
สี ฟ้าที่เซี่ ยฉิ งเยว่คุน้ เคยจนไม่อาจคุน้ เคยยิง่ กว่า...เป็ นสี ฟ้าเยือก
แข็ง!
เปลวเพลิงสีฟ้าเยือกแข็ง!
เพลิงฟ้าเยือกแข็งพลิ้วไหวอยูบ่ นฝ่ ามือทั้งสองของหยุนเช่อ
ทั้งยิง่ มายิง่ กระพริ บไหวอย่างเฉียบคมรุ นแรงขึ้นเรื่ อยๆ สองมือ
ของชายหนุ่มสัน่ สะท้านรุ นแรงขึ้นเช่นกัน ราวกับหยุนเช่อเอง
ค่อยๆสู ญเสี ยความควบคุมต่อเปลวเพลิง...ท้ายที่สุด ร่ างทั้งร่ าง
ของหยุนเช่อพลันเอียงวูบ สี หน้ากลับกลายเป็ นซีดขาวขณะพ่น
โลหิ ตออกมาคําโต อัคคีฟ้าเยือกแข็งเองร่ วงหล่นลงจากฝ่ ามือสู่
พื้นศิลาหยกสวรรค์
เซี่ยฉิ งเยว่ผอ่ นลมหายใจ ร่ างงามของนางไหววูบคราหนึ่ง
ก่อนจะเข้าถึงตัวหยุนเช่อ ขณะที่นางกําลังจะเอ่ยปาก สายตาของ
นางมองไปยังหยุนเช่อ...ก่อนที่ร่างทั้งร่ างของหญิงสาวต้องตะลึง
จนแข็งค้างไปอีกครั้งครา
หลุมลึกหนึ่งฟุตกว้างครึ่ งฟุตหลุมหนึ่งปรากฏขึ้นยังบริ เวณ
ที่เพลิงสี ฟ้าเยือกแข็งเมื่อครู่ ร่วงหล่นลง หลุมนี้เป็ นทรงกลม
ภายในเรี ยบเนียนอย่างยิง่ เรี ยบจนสามารถสะท้อนเงาผูค้ น ราวกับ
เป็ นชิ้นงานอันปราณี ตพิถีพิถนั จากการทุ่มเทแรงงานบดอัด
ออกมาจนมีสภาพเยีย่ งนี้!
เซี่ยฉิ งเยว่มน่ั ใจอย่างยิง่ ว่าที่แห่งนี้ปราศจากหลุมใดมาก่อน
เนื่องเพราะทุกทิศล้วนหลอมสร้างมาจากศิลาหยกสวรรค์ ภายใน
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งนี้ กระทัง่ ฟ่ งเชียนฮุ่ยเองยังไม่อาจ
สร้างริ้ วรอยใดแก่ศิลาหยกสวรรค์ได้ กระทัง่ กระบี่หนักอันทรง
พลังน่าตระหนกของหยุนเช่อที่มีระดับเท่าศาสตราวุธชั้นปราณ
จักรพรรดิ แม้จะทุ่มเทพลังถึงเก้าในสิ บส่ วน ชายหนุ่มยังไม่อาจ
สร้างรอยขีดข่วนต่อศิลาชนิดนี้ได้
ทว่ายามนี้ กลับปรากฏหลุมขึ้นหนึ่งหลุมอย่างน่าตื่นตะลึง
หรื อว่ า...นี่เป็ นเพราะเฟลวไฟสีฟ้าเมื่อครู่ ?
ภายในหลุม ไม่ปรากฏร่ องรอยของนํ้าแข็ง ทั้งไม่ปรากฏ
ร่ องรอยของการเผาไหม้ใดๆ!
“ฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่า..ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”
หยุนเช่อนัง่ อยูก่ บั พื้นโดยไม่สนใจรอยเลือดที่ดา้ นข้างของ
ตน ชายหนุ่มเริ่ มต้นหัวเราะอย่างบ้าคลัง่ “ในที่สุด...ก็สาํ เร็ จ...ฮ่า
ฮ่าฮ่าฮ่า..”
“นัน่ เป็ น...อะไรกันแน่?” สายตาที่ไม่อาจสะกดรับความ
แตกตื่นกวาดผ่านใบหน้าของหยุนเช่อ
“เป็ นอัคคีอนั พิเศษเฉพาะ ทั้งยังเป็ นนํ้าแข็งอันไม่ธรรมดา
สามัญ นี่คือพลังที่ได้มาจากการฝื นวิถีแห่งฟ้า!” หยุนเช่อยกฝ่ ามือ
ขึ้นเช็ดคราบโลหิ ตที่มุมปากก่อนฉี กยิม้ กว้างขวาง “เพียงแต่ขา้ เพิง่
จับเคล็ดได้เมื่อครู่ จึงสามารถใช้ออกได้อย่างจํากัดอยูบ่ า้ ง...ทั้งยัง
ต้องทนทานกับความเสี ยหายใหญ่หลวง ทว่า...แต่นี่กลับเป็ น
หลักฐานสําคัญในการพิสูจน์วา่ การฝื นวิถีฟ้ามิใช่เป็ นไปไม่ได้!
ยิง่ กว่านั้น หลังทําสําเร็ จ พลังที่ได้รับนับว่าเหนือลํ้ากว่าที่ขา้
คาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง”
“ท่านหมายความว่า...การผสานพลังนํ้าแข็งและเปลวไฟ?
สามารถทําได้จริ งๆ?” เซี่ยฉิงเยว่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
“ข้าสามารถ แต่ผอู ้ ื่นไม่” หยุนเช่อเหยียดริ มฝี ปากเป็ น
รอยยิม้ แม้ชายหนุ่มจะต้องประสบความเสี ยหาย หากการสามารถ
หลอมรวมพลังไฟนํ้าแข็งสร้างความตื่นเต้นแก่ชายหนุ่มยิง่ หยุ
นเช่อหยัดกายลุกขึ้นยืนจ้องมองไปยังเซี่ยฉิ งเยว่ก่อนกล่าวว่า
“เรื่ องราวนี้เป็ นความลับอย่างหนึ่งของข้า อย่าได้บอกกล่าวต่อ
ผูใ้ ด”
เซี่ยฉิ งเยว่ “....”
“ข้าอยูท่ ี่นี่มานานเท่าใด?”
“เจ็ดวัน”
“เจ็ดวัน...” หยุนเช่อยกฝ่ ามือตนเองแตะปลายคาง จากนั้น
ชายหนุ่มพลันฉุกคิดเรื่ องราวบางประการ ก่อนจะนําหยกสื่ อสาร
ของตนเองออกมา ดังคาด หยกสื่ อสารประทับตราสื่ อสารของชาง
เยว่และชางว่านเฮ่อ
“เพียงเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนจากงานประลอง หากเร่ ง
เดินทาง จากที่นี่เดินทางถึงนครวิหคเทวะใช้เวลาสิ บวัน ท่าน
สมควรเร่ งเตรี ยมตัว” เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวเตือน แม้หญิงสาวจะตื่น
ตระหนกอย่างถึงที่สุด หากนางมิได้กล่าวถึงไฟนํ้าแข็งอีกเป็ นครั้ง
ที่สอง
“อืมม เข้าใจแล้ว” หยนเช่อผงกศีรษะรับ “เดี๋ยว ท่านกล่าว
ว่าข้าสมควรเตรี ยมตัวในทันที..ท่านหมายความว่า ท่านจะไม่ไป
พร้อมกับข้า?”
“ท่านหญิงไม่อนุญาตข้าเข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ
ในครั้งนี้”
“เพราะเหตุใด”
เซี่ ยฉิ งเยว่เพียงทอดถอนใจ หากยังไม่กล่าวบอกสาเหตุที่
แท้จริ ง “ตามข้าไปพบท่านหญิง”
หลังติดตามเซี่ยฉิ งเยว่เพื่อเข้าพบกงยูเ่ ซียน ก่อนที่กงยูเ่ ซียน
จะทันเอ่ยปาก หยุนเช่อกลับถามเข้าเรื่ องในทันที “ท่านหญิง เหตุ
ใดไม่อนุญาตฉิ งเยว่เข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิในครานี้
ตามเกณฑ์ผเู ้ ข้าร่ วมงานประลอง คืออายุระหว่างสิ บแปดถึงยีส่ ิ บ
ห้าปี ในอาณาจักรวายุครามเรา ผูท้ ่ีสมควรเป็ นตัวแทนที่สุดคือฉิ ง
เยว่”
กงยูเ่ ซี ยนทราบดีวา่ หยุนเช่อย่อมต้องถามคําถามนี้ นาง
กล่าวตอบอย่างเชื่องช้าด้วยสี หน้าเยือกเย็น “นี่มิใช่ความตั้งใจของ
ข้า แต่เป็ นความตั้งใจของท่านหญิงรุ่ นก่อน”
“ท่านหญิงรุ่ นก่อน? ท่านมีเหตุใดผลอันใด?” หยุนเช่อกล่าว
ถามสื บต่อ
กงยูเ่ ซี ยนจับจ้องลึกลงในดวงตาของหยุนเช่อก่อนกล่าวว่า
“หยุนเช่อ ข้าทราบดีวา่ เจ้าสงสัยมาโดยตลอดว่าสาเหตุที่แท้จริ งที่
ท่านหญิงยินยอมทําลายกฏเกณฑ์นบั พันปี ของสํานักเราเพื่อรับเจ้า
เข้าสู่ แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งคือสิ่ งใด ข้าสามารถบอกต่อเจ้า
ได้ในวันนี้...ที่จริ ง ท่านหญิงมิได้โป้ปดต่อเจ้าในวันนั้น
เหตุผลทั้งหมดที่ท่านต้องการรับเจ้าเข้าสู่ แดนศักดิ์สิทธิ์ลว้ น
เนื่องเพราะความสามารถและพลังฝี มือของเจ้า เพียงแต่ เบื้องหลัง
เหตุผลนั้น มีสาเหตุสาํ คัญที่สุดอีกหนึ่งประการ นัน่ คือมหันตภัย
แห่งสหัสวรรษของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเรา”
“มหันตภัยแห่งสหัสวรรษ?” หยุนเช่อกล่าวออกมาด้วย
ความประหลาดใจ
“มหันตภัยแห่งสหัสวรรษ เป็ นคําพยากรณ์ที่ตกทอดมาจาก
บรรพชนเรา ทํานายไว้วา่ หลังผ่านไปหนึ่งพันปี แดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งย่อมต้องพานพบมหันตภัยร้ายแรง และปี นี้ คือปี ที่
ครบรอบหนึ่งพันปี พอดิบพอดี เพือ่ เพิม่ พูนความต้านทานของเรา
ในการรับมือกับหายนภัย ท่านหญิงรุ่ นก่อนจึงเลือกรับเจ้าเข้าสู่
สํานักเพื่อหวังพึ่งพาพลังฝี มือของเจ้า...นอกจากนี้ ความสัมพันธ์
ของเจ้ากับฉิ งเยว่และเยว่ฉาน เจ้าสมควรไม่ปฏิเสธบอกปัด”
คํากล่าวของกงยูเ่ ซียนส่ งผลให้หยุนเช่องงงัน หลังนิ่งเงียบ
ไปครู่ หนึ่ง ชายหนุ่มพลันกล่าวว่า “เช่นนั้นสาเหตุที่ท่านหญิงรุ่ น
ก่อนไม่อนุญาตฉิ งเยว่เข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ หรื อเป็ น
เพราะ...”
“จากโลหิ ตเทพหงสาในตัว เจ้าเองไม่สามารถหลีกเลี่ยงจาก
บุญคุณความแค้นในพรรคเทพหงสา สี่ เดือนก่อน เจ้าทําร้ายองค์
ชายสิ บสามบาดเจ็บสาหัส ยิง่ เป็ นการยํ้าความแค้นให้ลึกลํ้า ดังนั้น
การเดินทางไปยังแดนเทพหงสาครานี้ ทุกก้าวเปี่ ยมอันตราย
อันตรายถึงขั้นที่เจ้าอาจสิ้ นชื่อลงได้ หากเจ้ายังคงยืนกรานที่จะไป
หากฉิ งเยว่ไปพร้อมกับเจ้า เมื่อเจ้าเผชิญพบมหันตภัย นางใน
ฐานะภรรยาย่อมไม่มีทางเพิกเฉยได้ ผลลัพธ์คือนางเองย่อมตกอยู่
ในอันตราย ฉิ งเยว่คือว่าที่ท่านหญิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเรา นางเป็ นความหวังของสํานัก ไม่อาจให้เกิดเรื่ องราวไม่
คาดฝันอันใดทั้งสิ้ น! ดังนั้น...”
“เข้าใจแล้ว” หยุนเช่อผงกศีรษะ เมื่อฟังถึงยามนี้ ชายหนุ่ม
กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าเหตุใดฟ่ งเชียนฮุ่ยไม่อนุญาตเซี่ยฉิ งเยว่
เดินทางไปพร้อมกับตนเอง...แม้เซี่ยฉิ งเยว่เองสามารถเปล่ง
ประกายในงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ ทั้งยังสามารถนําพาชื่อเสี ยง
เกียรติภูมิสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งได้อย่างแน่นอน แต่หาก
นางเดินทางไป มีความเป็ นไปได้อย่างสูงที่นางย่อมต้องพัวพันสู่
บุญคุณความแค้นของหยุนเช่อและพรรคเทพหงสา ความเสี่ ยงที่
ต้องเดินทางสู่ จกั รวรรดิเทพหงสาในครานี้ หยุนเช่อกระจ่างแจ้งดี
ที่สุด...แม้แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งต้องประสบหายนะจากม
หันตภัยจนสู ญสิ้ นทั้งสํานัก แต่ตราบใดที่เซี่ยฉิ งเยว่ยงั อยู่ นับว่ายัง
มีความหวังไม่สิ้นสุ ด แต่หากเซี่ยฉิ งเยว่ประสบเภทภัย...แดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งล้วนไม่อาจยอมรับได้
“คําสัง่ ท่านหญิงมิอาจขัดขืน ขอท่านระมัดระวังตัวให้ดียาม
เดินทางสู่ นครวิหคเทวะ” เซี่ยฉิ งเยว่กล่าวอย่างนุ่มนวล
“อย่าได้กงั วล หากข้าเกิดเรื่ องราวโดยง่ายดาย คงไม่อาจมี
ชีวติ รอดจนถึงทุกวันนี้” หยุนเช่อกล่าวอย่างหยิง่ ผยอง ชายหนุ่ม
คารวะต่อกงยูเ่ ซี ยนพร้อมกล่าวว่า “ท่านหญิง เช่นนั้นศิษย์ขอ
เดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งในวันนี้ ย้อนกลับ
ไปยังนครหลวงวายุคราม ก่อนจะเดินทางต่อไปยังนครวิหคเทวะ
แห่งอาณาจักรเทพหงสา”
“เจ้าต้องการไปที่นนั่ ล่วงหน้าเพื่อสื บทราบการเคลื่อนไหว
ของพรรคเทพหงสารึ ?” กงยูเ่ ซียนผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็ดี
เคลื่อนไหวก่อนดีกว่าตั้งรับกับที่ เมื่อไปถึงนครวิหคเทวะ จง
ระมัดระวังให้มากไว้ ที่สาํ คัญที่สุดคือสามารถรอดชีวติ กลับมา
จดจําไว้ มหันตภัยแห่งสหัสวรรษกําลังมา พวกเรายังต้องพึ่งพา
กําลังของเจ้า”
“แน่นอน ศิษย์ไม่มีทางลืมเลือนสถานะศิษย์ของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ศิษย์ตอ้ งรอดชีวติ กลับมาเพื่อชดเชยความ
เมตตาและพระคุณในหลายเดือนที่ได้รับจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งให้ได้” หยุนเช่อกล่าวอย่างหนักแน่น
บทที่ 394 เพียงคนเดียว

ในวันนั้น หยุนเช่อได้ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ ิเมฆาเยือกแข็ง


ชายหนุ่มขี่หงส์หิมะ บินสู่ ทางใต้ สองวันถัดมา ชายหนุ่มกลับถึง
เมืองหลวงวายุคราม ร่ อนลงที่ตาํ หนักโอบจันทร์
ชางเยว่และเซี่ยวหลิงซีรออยูท่ ี่นี่นานเพื่อรอชายหนุ่ม
“เช่อน้อย!!”
การเห็นหยุนเช่อค่อยๆ ลงมาจากท้องฟ้า เซี่ยวหลิงซีร้อง
ออกมาอย่างนุ่มนวลและโจนเข้าหาชายหนุ่ม ในขณะที่ปลาย
นิ้วเท้าของหยุนเช่อแตะสัมผัสพื้นดิน ชายหนุ่มได้รับการ
สวมกอดอย่างหนักหน่วงด้วยความหอมที่อบอุ่นและเบาบาง
เซี่ยวหลิงซี กอดคอของหยุนเช่อและกระโดดโลดเต้นอย่างมี
ความสุ ข
“สามี ท่านกลับมาแล้ว” ชางเยว่เดินมา ผมยาวสลวยที่รวบ
ม้วนขึ้นด้านบน ภายใต้รูปลักษณ์โดดเด่นของนาง เป็ นความสง่า
งดงามที่สตรี ธรรมดาทัว่ ใปไม่อาจเทียบเปรี ยบได้
“อุพส์!” เซี่ ยวหลิงซีปล่อยหยุนเช่อและยืนด้านข้าง นางพูด
ยิม้ อย่างล้อเลียน “ขออภัย องค์หญิง เช่อน้อยเป็ นสามีของท่าน
ดังนั้นท่านควรเป็ นคนแรกที่ได้สวมกอดเขา….อ้าา! เช่อน้อย รี บ
เข้า กอดภรรยาองค์หญิงของท่านเสี ย! ใช่แล้วหลังจากเสร็ จสิ้ น
การดื่มนํ้าผึ้งพระจันทร์ เจ้ารี บร้อนไปแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งและทิ้งองค์หญิงเพียงองค์เดียวอยูท่ ี่ตาํ หนักโอบจันทรา! ฮึ่ม
กระทัง่ ข้าเองยังรู ้สึกว่ามันไม่เป็ นธรรมต่อองค์หญิงอยูบ่ า้ ง”
ในสองสามเดือนที่ผา่ นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยวหลิง
ซี กบั ชางเยว่แสดงถึงความสนิทสนมเพิ่มพูนขึ้นอย่างชัดแจ้ง
เซี่ยวหลิงซี เป็ นเพียงอาหญิงเล็กเพียงในนามของหยุนเช่อ ขณะที่
ชางเยว่คือภรรยาของหยุนเช่อ อย่างไรก็ดี เซี่ยวหลิงซีกบั ชางเยว่
ได้เรี ยกหาเป็ นพี่นอ้ ง ทั้งสองต่างไม่มีผใู ้ ดขัดเคืองใจ
หยุนเช่อก้าวไปข้างหน้า สวมกอดชางเยว่อย่างแผ่วเบาเข้า
มาในอ้อมแขนพร้อมกล่าวอย่างสํานึกผิด “เสวีย่ หลอ เป็ นข้าไม่ดี
เอง เราเพิ่งจะได้แต่งงานกัน ข้าก็ทิ้งท่านเป็ นเวลานาน ข้าสัญญา
กับท่าน หลังจากข้ากลับจากอาณาจักรเทพหงสา ข้าจะอยูก่ บั ท่าน
ทุกวีว่ นั อย่างแน่นอน”
ชางเยวสัน่ ศีรษะเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิม้ ที่อ่อนโยน”
สามี ท่านเป็ นบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในปฐพีน้ ี ดังนั้น ท่านไม่
สมควรกล่าวว่าตนเองไม่ดี การที่สามารถแต่งงานกับท่านคือโชค
ดีที่สุดและความสุ ขที่สุดที่เคยเกิดในชัว่ ชีวติ ข้า ในอนาคต ท่านจะ
เป็ นมังกรทะยานขึ้นจากท้องทะเล ย่อมต้องโบยบินขึ้นสู ง ขณะที่
ข้าเอง ก็ไม่ตอ้ งเป็ นเพียงตัวถ่วงหรื อภาระที่ขดั ขวางเส้นทางของ
ท่าน คําพูดที่ท่านเอ่ยก่อนหน้านี้ เพียงพอสําหรับข้าแล้ว”
“เสวีย่ หลอ…..”ความอบอุ่นพลุ่งพล่านในใจของหยุนเช่อ
ชายหนุ่มไม่อาจทําอย่างไรได้นอกจากโอบกอดชางเยว่แน่นขึ้น
ไม่ตอ้ งการปล่อยมือ แม้นางจะเป็ นองค์หญิงที่สูงส่ง หากนางกลับ
นุ่มนวลราวสายลมและเย็นระรื่ นราวสายนํ้า หลังจากที่นาง
แต่งงาน หญิงสาวเห็นชายหนุ่มเป็ นดัง่ ท้องฟ้าของนางและนางมี
หยุนเช่อในจิตใจนางเสมอในทุกๆ การกระทํา..หนึ่งเดือนหลัง
การแต่งงาน หยุนเช่อได้จากไปเป็ นเวลาสี่ เดือน และหลังจากพบ
นางอีกครั้ง มีเพียงความสุ ขในนัยน์ตาที่งดงามของนาง ไม่มี
ร่ องรอยแห่งความขุ่นเคืองใดๆ ทั้งหมดสร้างความรู ้สึกสํานึกผิด
แก่หยุนเช่อ….ชายหนุ่มตัดสิ นใจในใจเขาอย่างเงียบๆว่าจะอยูเ่ ป็ น
เพื่อนนางหลังจากที่ชายหนุ่มกลับจากอาณาจักรเทพหงสา
กลับมาเป็ นสามีที่แท้จริ งผูท้ ี่คู่ควรกับความรักอันลึกซึ้ งของหญิง
สาว
เห็นบุรุษสตรี ท้ งั สองแสดงความรักหวานชื่นต่อกัน ก้นบึ้ง
ในจิตใจของเซี่ ยวหลิงซีพลันรู ้สึกขมขื่น ก่อนคลื่นความรู ้สึกจะ
เอ่อล้นขึ้นมายังปลายจมูก หญิงสาวหมุนกายกลับ ไม่มองดูพวก
มันทั้งสองอีกต่อไป ทว่า ริ มฝี ปากและจมูกน้อยๆ ของนางเชิดขึ้น
สู งชัน มือเล็กบอบบางทั้งสองขยําลงบนปลายเสื้ ออย่างรุ นแรง
“ท่านปู่ อยูท่ ี่ใด? ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง?” หยุนเช่อถามไถ่
ชางเยว่แย้มยิม้ เล็กน้อย “ท่านปู่ ยามนี้อยูท่ ี่หอยุทธ์สุดยอด
ในวังยุทธ์วายุคราม ดูแลจัดการบันทึกประวัติศาสตร์ท้ งั หลายของ
วิชายุทธ์และทักษะต่างๆ ที่ช้ นั สอง เริ่ มแรก เมื่อเหล่าศิษย์วงั ยุทธ์
ทราบว่าท่านเป็ นท่านปู่ ของเรา พวกมันล้วนสัน่ สะท้านด้วยความ
หวาดกลัวยามพบพาน...แต่ท่านปู่ เป็ นผูม้ ีบุคลิกลักษณะเมตตา แม้
พบเจอศิษย์ที่ระดับฝี มือตํ่าสุ ดในวังยุทธ์ ท่านยังไม่แสดงทีท่า
วางก้ามใส่ ผใู ้ ด ท่านปู่ จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับเหล่าศิษย์และ
อาจารย์ภายในวังยุทธ์ พวกมันในยามนี้เคารพรักท่านปู่ จากใจโดย
มิได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของท่านและท่านปู่ ยามนี้ท่านปู่ มี
สหายมากมายในวังยุทธ์ เบิกบานทุกวีว่ นั และมักพักอยูท่ ี่นน่ั
ติดกันหลายๆวัน ไม่กลับมายังวังหลวงวายุคราม...ดังนั้น ท่านไม่
จําเป็ นต้องเป็ นห่วงเรื่ องของท่านปู่ ขณะนี้ ไม่แน่วา่ ผูอ้ าวุโสเอง
ไม่มีเวลามาสนใจท่านด้วยซํ้า”
“เช่นนั้นก็ดี...” หยุนเช่อแย้มยิม้ จากใจ
“พระบิดากําลังรอคอยท่าน จากสี หน้าวิตกกังวล พระองค์
สมควรมีเรื่ องหารื อกับท่าน...ตอนนี้พระองค์ประทับอยู่ ณ ห้อง
ทรงพระอักษร”
“ตกลง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
หยุนเช่อออกจากตําหนักโอบจันทรามุ่งหน้าไปยังห้องทรง
พระอักษรในทันที
ชางว่านเฮ่อออกมาต้อนรับชายหนุ่มด้วยตนเองในทันทีที่
หยุนเช่อก้าวเท้าเข้าสู่ ตาํ หนัก “ลูกเช่อ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา เดิมเรา
คาดว่าเจ้าอาจอยูท่ ี่นน่ั ไม่กี่วนั คาดไม่ถึงว่าเจ้ากลับอาศัยอยูท่ ี่นนั่
หลายเดือนในคราเดียว”
“จากสี หน้าของพระองค์ ดูท่าคงมีเรื่ องรี บด่วนอันใด?” หยุ
นเช่อกล่าวถามยามเห็นสี หน้าของชางว่านเฮ่อ
“เฮ้อ!” ชางว่านเฮ่อทอดถอนใจ “มิใช่เรื่ องด่วนอันใด แต่
เรื่ องนี้อาจมีผลกระทบต่อเจ้าอย่างมาก ตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน เรา
จัดส่ งคนนําส่ งจดหมายไปยังพรรคต่างๆ เพื่อเตรี ยมพร้อมการเข้า
ร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิของอาณาจักรวายุครามเรา เฟ้นหา
ศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นเข้าร่ วมงาน...แต่เจ็ดวันก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์
เมฆาเยือกแข็งส่ งจดหมายตอบกลับมาว่าเซี่ยฉิ งเยว่จะไม่เข้า
ร่ วมงานในครั้งนี้”
“ข้าทราบแล้ว ทว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งมีเหตุผล
ส่ วนตัวที่ไม่เข้าร่ วมในครั้งนี้” หยุนเช่อกล่าว
“อ้อ?” ชางว่านเฮ่อจับจ้องมองหยุนเช่อ “ราชันขั้นกลางผูม้ ี
อายุสิบเก้าปี ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อนั ดับหนึ่งตลอดกาลแห่งอาณาจักร
วายุคราม! หากนางเข้าร่ วม ย่อมสร้างความแตกตื่นในงาน
ประลองได้แน่นอน นางไม่เพียงสามารถนําพาเกียรติยศมาสู่
อาณาจักร ยังนําพาชื่อเสี ยงเกียรติภูมิมาสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือก
แข็งเช่นกัน เราไม่เข้าใจอย่างแท้จริ งว่าเหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆา
เยือกแข็งจึงไม่ส่งนางเข้าร่ วม แต่ดูท่าเจ้าจะรู ้ถึงสาเหตุอยูแ่ ล้ว...
แต่ไม่เพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งเท่านั้นที่ปฏิเสธ พรรค
อื่นๆ ต่างปฏิเสธจนหมดสิ้ นเช่นกัน”
หยุนเช่อขมวดคิ้วนิ่วหน้า ก่อนจะกล่าวต่อว่า “มิใช่ธรรมดา
อย่างยิง่ หรอกหรื อที่พวกมันปฏิเสธ? เมื่อแข่งขันที่เบื้องนอก พวก
มันย่อมต้องการแสดงฝี มือของตน แต่หากพวกมันไม่สามารถ
สําแดงศักดาได้ ทั้งมีโอกาสถูกเย้ยหยันกลับมา เช่นนั้นไม่วา่ ผูใ้ ด
ล้วนไม่ตอ้ งการเกลือกกลั้วปลักนํ้านี้”
“มิผดิ แม้แต่นอ้ ย” ชางว่านเฮ่อถอนใจอย่างหนักหน่วง “ตาม
จริ ง เราเองคาดการณ์ไว้เช่นนี้ เนื่องเพราะงานประลองคราวที่แล้ว
พวกมันล้วนแสดงทีท่าเช่นนี้เช่นกัน ในด้านของขุมกําลัง
อาณาจักรเราถูกทอดทิ้งล้าหลังไม่เห็นฝุ่ น ในบรรดาเจ็ดอาณาจักร
นอกจากจักรวรรดิเทพหงสา เหล่าผูเ้ ข้าร่ วมแข่งขันล้วนอยูใ่ นชั้น
ลมปราณฟ้าเป็ นอย่างน้อย ทว่า ในอาณาจักรวายุครามเรา ใน
ประวัติศาสตร์ที่ผา่ นมา ยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณฟ้าที่มีอายุไม่ถึง
ยีส่ ิ บห้าปี กลับไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น ในงานประลองเจ็ด
จักรวรรดิ อาณาจักรวายุครามเราเป็ นตัวตลกตลอดมา เหล่ายอด
อัจฉริ ยะในอาณาจักรวายุคราม เข้าร่ วมงานประลองด้วยความ
ภาคภูมิมนั่ ใจในตนเองอย่างที่สุด แต่สุดท้าย ล้วนถูกรังแกอย่าง
หนักหน่วง ความภาคภูมิทระนงของพวกมันถูกทุบทําลาย
กลับมายังอาณาจักรวายุครามอย่างอัปยศ...ผ่านไปยาวนาน
กระทัง่ พรรคใหญ่ท้งั สี่ ยงั ไม่อนุญาตศิษย์ของพวกมันเป็ นตัวแทน
อาณาจักรวายุครามเข้าร่ วมงานประลอง เดิมเราคาดว่าแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งอาจไม่พลาดโอกาสแสดงความสามารถ
เมื่อพวกนางมีเซี่ยฉิ งเยว่ปรากฏขึ้น ไม่คาดว่าพวกนางเองยัง
ปฏิเสธบอกปั ดเช่นนี้”
“ครานี้ เหตุผลที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งไม่อนุญาตเซี่ย
ฉิ งเยว่เดินทางสู่ นครวิหคเทวะมิใช่พวกมันขาดความมัน่ ใจ และ
มิใช่วา่ ไม่ตอ้ งการประกาศศักดา กลับกัน พวกนางมีเหตุผลสําคัญ
ที่ไม่สามารถบอกกล่าวต่อผูอ้ ื่นได้” หยุนเช่ออธิบายแทนแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง “พระบิดา ในเมื่อพรรคสํานักส่ วนใหญ่
ไม่ตอ้ งการเข้าร่ วม เช่นนั้นในอดีต อาณาจักรวายุครามผ่านงาน
ประลองไปได้อย่างไร?”
ชางว่านเฮ่อสัน่ ศีรษะแย้มยิม้ เป็ นรอยยิม้ ที่เย้ยหยันต่อ
ตนเอง “แม้เราไม่ตอ้ งการเข้าร่ วมเพียงเพื่อรับทราบการเย้ยหยัน
ไยไพจากผูอ้ ื่น หากเรามิอาจไม่เข้าร่ วม มิเช่นนั้น เกียรติภูมิเสี้ ยว
สุ ดท้ายของวายุครามเราล้วนไม่อาจปกป้องไว้ได้เช่นกัน ดังนั้น
ในงานประลองที่ผา่ นๆ มา เราคัดเลือกศิษย์ที่โดดเด่นผูจ้ บ
การศึกษาจากวังยุทธ์วายุครามและเข้าร่ วมกองกําลังของราชวงศ์
จํานวนสิ บคนเพื่อแก้ปัญหาเรื่ องนี้...ส่ วนผลการประลองนั้น
กระทัง่ พระจักรพรรดิพระองค์ก่อนยังไม่เคยถามไถ่ เนื่องเพราะนี่
ล้วนคาดเดาออกง่ายดายราวนับคํานวณนิ้วเท้าของท่านเอง”
“...สิ บคน? ท่านหมายความว่า งานประลองเจ็ดจักรวรรดิ
ทุกอาณาจักรสามารถส่ งตัวแทนได้สิบคน?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ถูกต้อง” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ “จํานวนผูเ้ ข้าแข่งขันของ
แต่ละอาณาจักรคือสิ บคน ทว่าสามารถนําผูต้ ิดตามไปได้เป็ นพัน
คน! งานประลองเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าจัดขึ้นทุกๆ ยีส่ ิ บห้าปี
นี่เป็ นสิ่ งที่ประชาชนชาววายุครามเราหลีกเลี่ยงไม่กล่าวถึงเท่าใด
เนื่องเพราะความอับอาย ทว่าสําหรับกับอีกหกอาณาจักรที่
หลงเหลือ งานประลองเจ็ดจักรวรรดิเป็ นเรื่ องราวยิง่ ใหญ่ที่สุด
ระดับที่องค์จกั รพรรดิของพวกมันล้วนปล่อยวางราชกิจทั้งหมด
เพื่อติดตามเหล่านักสู เ้ ข้าร่ วมงาน เหล่าพรรคสํานักที่เข้มแข็ง
ต่างๆล้วนนําพาศิษย์ที่โดดเด่นไปด้วย แม้จาํ นวนหนึ่งพันนี้ฟังดู
มากมายเกินจําเป็ น อันที่จริ งเหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ในพรรคใหญ่ลว้ นต่อสู ้
เลือดตากระเด็นเพือ่ แย่งชิงที่นงั่ ผูท้ ี่ไม่อาจแย่งชิงที่นงั่ ผูต้ ิดตาม ยัง
ดิ้นรนเดินทางไปยังอาณาจักรเทพหงสาด้วยตนเอง...กระทัง่ เพื่อ
แย่งชิงตัว๋ ที่นงั่ เข้าชมงานประลอง ถึงกับไปเตรี ยมการอยูท่ ี่
อาณาจักรเทพหงสาล่วงหน้าเป็ นเวลาหนึ่งเดือน หรื ออาจหลาย
เดือน...ระหว่างช่วงเวลาจัดงานประลองเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
ความครึ กครื้ นในนครวิหคเทวะ ล้วนเกินจินตนาการของเจ้าอย่าง
สิ้ นเชิง”
ที่ชางว่านเฮ่อกล่าวมิผดิ แม้แต่นอ้ ย “งานประลองยุทธวายุ
คราม” ครอบคลุมอาณาเขตของอาณาจักรวายุครามทั้งหมด ยิง่ ใน
ยุทธภพวายุครามยิง่ ให้ความสําคัญอย่างสู ง
ส่ วน “งานประลองเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า” ครอบคลุม
ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า เป็ นสิ่ งที่หยุนเช่อไม่เคยได้ยนิ ได้ฟังมา
ก่อนจากผูใ้ ด...ไม่นบั ความเป็ นจริ งที่วา่ อีกไม่กี่เดือนจะครบ
กําหนดการประลองในรอบยีส่ ิ บห้าปี นี้...หากมิใช่เฟิ งซีเฉิ นบุกรุ ก
เข้ามาเห่าหอนในงานแต่งของตนกับชางเยว่เพือ่ ส่ งเทียบเชิญ หยุ
นเช่อเองอาจไม่ได้รับรู ้เรื่ องราวของ “งานประลองเจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้า” นี้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน คํากล่าวของชางว่านเฮ่อเองให้ภาพรวมถึง
ความยิง่ ใหญ่ของงานประลองยุทธ์ในครั้งนี้ที่มีต่ออีกหก
อาณาจักร กระทัง่ ต่อทัว่ พื้นทวีปลมปราณฟ้า! ในเวลานี้ หัวข้อ
สนทนาส่วนใหญ่ในอาณาจักรทั้งหกย่อมต้องเกี่ยวข้องกับงาน
ประลองยุทธเจ็กจักรวรรดิลมปราณฟ้านี่อย่างแน่นอน
เหล่าสํานักต่างๆที่ได้รับประทานโอกาสในการเข้าร่ วมงาน
แข่งขันในอาณาจักรต่างๆ ยามนี้ยอ่ มต้องกําลังวิตกกังวล
เคร่ งเครี ยด ทั้งยังต้องเตรี ยมการสําคัญในรอยยีส่ ิ บห้าปี มีเพียงวายุ
ครามที่ท้ งั เงียบสงัดและสุ ขสงบราวสายลมแผ่ว นิ่งงันอย่าง
สมบูรณ์แบบ ไม่มีผใู ้ ดให้ความสําคัญ ทั้งไม่มีผใู ้ ดเอ่ยถึงงาน
ประลอง ราวกับนี่เป็ นเรื่ องราวของทวีปอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับพวกมันแม้แต่นอ้ ย
ทั้งหมดนี้สืบเนื่องมาจากการหลบหนีจากความอัปยศ ที่
ยิง่ กว่านั้น เป็ นรู ปแบบหนึ่งของความอับจนปํ ญญาและความอับ
อาย ชายหนุ่มสามาถจินตนาการถึงเหล่าผูก้ ล้าจํานวนมหาศาลจาก
ทัว่ สารทิศหลัง่ ไหลเข้าสู่ นครวิหคเทวะ โดยปราศจากประชากร
แห่งวายุครามแม้แต่คนเดียว ในงานประลองยิง่ ใหญ่น้ นั บุรุษหรื อ
สตรี ที่มุ่งตรงขึ้นสู่ เวที ล้วนรายล้อมไปด้วยผูต้ ิดตามและเสี ยงโห่
ร้องสนับสนุนจากประชาชนของอาณาจักรที่มนั เป็ นตัวแทน และ
เมื่อคิดถึงยามที่ผฝู ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุครามขึ้นสู่ เวที
ประลอง….
ภาพเช่นนั้น แม้จะเพียงจินตนาการถึง ยังน่าสมเพชเวทนา
เหลือจะกล่าว
หยุนเช่อพลันเงยหน้าขึ้นในทันที ก่อนจะกล่าววาจาด้วยที
ท่าเคร่ งเครี ยด “พระบิดา เรื่ องงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้าในครั้งนี้ ท่านไม่จาํ เป็ นต้องเตรี ยมการอันใดอีก ข้า
เพียงคนเดียว...จะเป็ นตัวแทนจักรวรรดิวายุครามในงานประลอง
นี้!! ”
บทที่ 395 ลางสั งหรณ์ อปั มงคล

“เจ้า….คนเดียว?”ชางว่านเฮ่อมีสีหน้าตกตะลึง อย่างไรก็ดี
หลังจากครุ่ นคิดชัว่ ขณะ ทันใดชางว่านเฮ่อรู ้สึกว่านี่ดูไม่
เหมือนกับเป็ นข้อเสนอที่พระองค์ไม่อาจยอมรับได้ ในอาณาจักร
วายุครามในหมู่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ภายใต้อายุยสี่ ิ บห้าปี มีเพียงเซี่ยฉิ งเยว่ที่
สามารถเปรี ยบเทียบกับหยุนเช่อได้ และถ้าเซี่ยฉิงเยว่ไม่ร่วมมือ
ไม่มีใครที่มีค่าพอจะนํามาเปรี ยบเทียบกับหยุนเช่อ….ต่อให้เป็ นห
ลิงหยุนผูท้ ี่ถูกอ้างว่าเป็ นมือหนึ่งของรุ่ นเยาว์กต็ าม
เช่นนั้น แม้วา่ พระองค์จะคัดเลือกผูเ้ ยีย่ มยุทธ์อายุต่าํ กว่ายีส่ ิ บ
ห้าปี เก้าคนจากกองกําลังของราชวงศ์...ไม่ตอ้ งกล่าวถึงจํานวน
เพียงเก้าคน แม้จะมีถึงเก้าสิ บคน ยังไม่อาจเทียบเปรี ยบกับหยุ
นเช่อได้แม้แต่นอ้ ย
เมื่อเป็ นเช่นนี้ ส่ งหยุนเช่อไปคนเดียว กับเลือกคนไปด้วย
อีกเก้าคนจะแตกต่างอันใด? ผูค้ นทั้งเก้าเพียงเป็ นตัวอุดช่องโหว่
เท่านั้น
แม้น่ีเป็ นความจริ ง แต่การส่ งผูค้ นเพียงคนเดียวเข้าร่ วมการ
แข่งขันประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า...ในประวัติศาสตร์
ของทั้งเจ็ดจักรวรรดิที่ผา่ น ดูคล้ายไม่เคยมีมาก่อน สําหรับหก
อาณาจักรที่เหลือ การต่อสู แ้ ย่งชิงตําแหน่งผูเ้ ข้าร่ วมทั้งสิ บคนแทบ
เป็ นการตัดสิ นเป็ นตาย พวกมันต่างเกลียดชังข้อเท็จจริ งที่วา่ มันมิ
อาจขยายจํานวนผูเ้ ข้าร่ วมเป็ นหนึ่งพัน สถานการณ์ขาดแคลนผู ้
แข่งขันจนไม่อาจหาครบสิ บคนได้ ล้วนไม่เคยปรากกมาก่อน
ทว่า สําหรับอาณาจักรวายุครามนั้น…
“เฮ้อ!” ชางว่านเฮ่อถอนหายใจเป็ นครั้งที่สาม แสดงออกถึง
ความผิดหวังหนักหน่วงและอับจนปั ญญาต่อสถานการณ์น้ ี
“เช่นนั้นก็ไม่เลว เจ้าเพียงคนเดียวกับบังคับผูค้ นเข้าร่ วมเพิม่ อีกเก้า
คนล้วนไม่แตกต่างเท่าใด กลับกัน ยิง่ เป็ นการทําให้เหล่าผูไ้ ด้รับ
กล่าวขานเป็ นอัจฉริ ยะอีกเก้าคนของอาณาจักรเราต้องพบความ
อัปยศใหญ่หลวงมากกว่า แต่เมื่อเป็ นเช่นนี้ เจ้ากลับต้องรับศึก
เพียงลําพังอย่างแท้จริ ง...และคําว่าต่อสู เ้ พียงลําพังนี้ ไม่ได้
หมายความเพียงเจ้าต้องขึ้นเวทีเพียงลําพังเท่านั้น แม้แต่ทว่ั ทั้ง
สนามประลอง ยังไม่อาจหาผูค้ นจากอาณาจักรเราได้แม้แต่คน
เดียวเข้าชมงานประลองด้วยซํ้า เนื่องเพราะสถานที่น้ นั คือลาน
แห่งความอัปยศของประชากรชาววายุครามเราตลอดมา ในงาน
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า ไม่เคยปรากฏประชาชน
จากวายุครามเราไปเข้าร่ วมโดยสมัครใจมาก่อน...อ้อ เดี๋ยวก่อน
ไม่ถูกต้อง! คราวนี้อาจแตกต่างไป”
ดวงตาชางว่านเฮ่อพลันทอประกายกล้า “หากผูก้ ล้าแห่ง
อาณาจักรวายุครามเราทราบว่าเจ้าไปเข้าร่ วมในฐานะตัวแทน
อาณาจักรวายุครามในงานประลองเจ็ดจักรวรรดิครั้งนี้ บางที อาจ
จุดประกายความหวังของพวกมันในการประกาศศักดาในงาน
ประลองครั้งนี้ได้! เพราะเจ้าคือผูเ้ ยีย่ มยุทธ์รุ่นเยาว์ที่เป็ นตํานาน
แห่งอาณาจักรวายุคราม ที่สามารถทําร้ายหลิงเทียนหนี่ได้แม้จะ
อายุเพียงสิ บเก้าปี ! ด้วยระดับพลังยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพี กลับมี
ทักษะการต่อสู เ้ ทียบเท่าชั้นปราณจักรพรรดิข้นั กลาง...เป็ นไป
ไม่ได้ที่เจ้าจะไม่เปล่งประกายออกมาในงานประลองเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้าในครานี้!”
“นอกจากนี้ ในยุทธภพวายุครามเรา ยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์ที่
ศรัทธาชื่นชมต่อเจ้ามีจาํ นวนมากมายมหาศาลยิง่ ครั้งนี้ เจ้ากําลัง
เข้าร่ วมสงครามเพื่องช่วงชิงเกียรติยศแก่วายุครามเรา เป็ นไปได้
อย่างสู งที่หากเจ้าก้าวลงยังลานประลอง เหล่าผูส้ นับสนุนจะ
แสดงตัวออกมาไม่นอ้ ย เพื่อเป็ นพยานแก่ยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่งใน
ประวัติศาสตร์วายุครามเรา!”
ชางว่านเฮ่อยิง่ กล่าวยิง่ ตื่นเต้นยินดี พระองค์ตบลงบนบ่า
ของหยุนเช่อ “เราจะประกาศเรื่ องนี้ให้ทว่ั ราชอาณาจักร ทว่า
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เจ้าต้องแบกรับภาระหนังหน่วงทั้งหมดเพียงผู ้
เดียว แต่วา่ แม้เจ้าจะลงประลองเพียงลําพัง หากเจ้าจะไม่ขาดไร้
ผูต้ ิดตามอย่างแน่นอน เราจะเดินทางไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
ครานั้น แม้หยุนเช่อกล่าวว่าตนเองจะเดินทางไปนครหลวง
วิหคเทวะเพื่อเข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิต่อหน้าทุกผูค้ น
หากเนื่องเพราะเรื่ องราวในวันนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่
ออก ในเวลานี้จึงยังไม่มีข่าวคราวรั่วไหล
“พระบิดา ท่านจะไปพร้อมกับข้า?” หยุนเช่อกล่าวด้วย
ความตื่นตระหนก
“ถูกต้อง” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ “เราเชื่อมัน่ ใน
ความสามารถของเจ้า...แม้จะมีเพียงเจ้าคนเดียว เรายังเชื่อว่าเจ้าจะ
สามารถกรุ ยทางสร้างประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรวายุครามเรา!
เหตุใดเราจะไม่ไปดูดว้ ยตาตนเองเล่า?”
หากหยุนเช่อกลับไม่คิดเช่นนั้น ชายหนุ่มสัน่ ศีรษะอย่าง
เด็ดขาด “ไม่ พระบิดาไม่อาจไปร่ วมกับข้า!”
“...เพราะเหตุใด?” ทีท่าเด็ดเดี่ยวของหยุนเช่อสร้างความตก
ตะลึงแก่ชางว่านเฮ่อ
“พระบิดา หากนี่เป็ นเพียงงานประลองยุทธ ข้าย่อมยินดียงิ่
ที่ท่านจะไปเข้าร่ วมกับข้า ทั้งยังปรารถนานําเสวีย่ หลอ ท่านปู่ และ
อาหญิงเล็กไปด้วย แต่วา่ การไปยังอาณาจักรเทพหงสาในครานี้
ของข้า มิใช่การเข้าร่ วมงานประลองเพียงอย่างเดียว สาเหตุหลักที่
ข้าจําต้องไปครานี้ เพือ่ สะสางเรื่ องราวระหว่างข้าและพรรคเทพ
หงสา ตราบใดที่บุญคุณความแค้นยังไม่ถูกสะสาง พวกมันย่อม
ไม่มีทางละความสนใจจากข้าไม่วา่ นานเท่าใด หากวันใดวันหนึ่ง
พวกมันคิดเคลื่อนไหว ไม่แน่อาจส่ งผลกระทบใหญ่หลวงต่อผูค้ น
ที่ขา้ งกายข้า ดังนั้น ข้าตั้งใจใช้งานประลองนี้ถือโอกาสสะสาง
เรื่ องราวระหว่างข้าและพวกมัน...ในงานประลอง ผูค้ นจากทั้งหก
จักรวรรดิ อาจรวมทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ต่างมาเข้าร่ วม ภายใต้
สายตาของฝูงชนมากมายเป็ นพยาน การสะสางบัญชีอนั ใดล้วน
ง่ายดายกว่าการกระทําการโดยส่ วนตัวกับพรรคเทพหงสาเท่านั้น
นี่เป็ นโอกาสที่ดีที่สุดสําหรับข้า...ขณะเดียวกัน ย่อมนํามาซึ่ง
ภยันตรายที่มองไม่เห็นทุกเมื่อ”
“ดังนั้น ข้าเดินทางไปนครวิหคเทวะเพียงผูเ้ ดียวล้วน
เพียงพอแล้ว เมื่อข้ากระทําการใด ล้วนไม่ตอ้ งห่วงพะวง ทั้ง
ปราศจากข้อติดขัดใดๆ” หยุนเช่อกล่าวด้วยสี หน้าสงบเยือกเย็น
“แต่...”
“ข้าทราบดีถึงความตั้งใจของพระบิดา” หยุนเช่อพลันพูด
ขัดชางว่านเฮ่อ “พระบิดาอาจคิดช่วยออกหน้าสะสางบัญชี
ระหว่างข้าและพรรคเทพหงสาระหว่างการเข้าพบจักรพรรดิเทพ
หงสา แต่พรรคเทพหงสาไม่มีทางยินยอมประนีประนอมใดๆ
เพื่อผลประโยชน์แลกเปลี่ยนหากสิ่ งนั้นเกี่ยวข้องกับสายเลือดเทพ
หงสาของพวกมัน กระทัง่ องค์ชายสิ บสามยังไม่เห็นท่านใน
สายตา เช่นนั้นยิง่ มีความเป็ นไปได้วา่ จักรพรรดิเทพหงสาเอง..
ย่อมไม่สนใจคํากล่าวของพระบิดาเช่นกัน”
แม้คาํ กล่าวของหยุนเช่อตรงไปตรงมาอย่างยิง่ หากทั้งหมด
ล้วนเป็ นข้อเท็จจริ ง สี หน้าของชางว่านเฮ่อแข็งค้างไปชัว่ ครู่ ก่อน
จะทอดถอนใจเฮือกใหญ่ “ตกลง เมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนั้น เราย่อม
ไม่บีบบังคับเจ้า รับนี่ไป...”
ชางว่านเฮ่อนําตราสัญลักษณ์สีแดงล้วนออกมาส่ งมอบให้
หยุนเช่อสิ บชิ้น ทั้งหมดล้วนเหมือนกันทุกประการ ด้านหน้าตรา
สัญลักษณ์สลักไว้ดว้ ยลวดลายหงสาสยายปี ก ขณะที่คาํ “วายุ
คราม” สลักไว้ดา้ นหลัง
“นี่คือตราสัญลักษณ์ที่ได้รับมาพร้อมเทียบเชิญงานประลอง
เมื่อสวมใส่ เป็ นสัญลักษณ์วา่ เจ้าเป็ นผูเ้ ข้าร่ วมการแข่งขัน ทั้งเป็ น
หลักฐานในการอนุญาตเจ้าเข้าสู่ สนามประลองและที่พกั เมื่อเจ้า
บรรลุถึงจักรวรรดิเทพหงสาแล้ว เจ้าเพียงต้องสอดแทรกพลัง
ลมปราณเข้าไปเล็กน้อย จากนั้น ตราสัญลักษณ์น้ ีจะเป็ นบัตร
แสดงตัวของเจ้า แม้จะมีคนขโมยไป ผูล้ กั ขโมยยังคงไม่อาจลบ
ล้างคลื่นพลังของเจ้าที่อยูภ่ ายในได้ เมื่อเจ้าเป็ นคนเดียวที่เป็ น
ตัวแทนเข้าร่ วมงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิในครานี้ เราจึงของ
มอบตราทั้งสิ บชิ้นนี้แก่เจ้า หากเจ้าทําหายไปชิ้นหนึ่ง ยังคงมี
สํารองใช้ โฮ่โฮ่”
หยุนเช่อผงกศีรษะรับ ก่อนจะโคจรพลังถ่ายทอดเข้าไปใน
หนึ่งในตราสัญลักษณ์ จากนั้นเก็บตราสัญลักษณทั้งสิ บไว้กบั ตัว
“กล่าวถึงเรื่ องนี้ การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
ในครานี้ นับว่าละม้ายคล้ายคลึงกับงานประลองยุทธ์วายุครามเมื่อ
สองปี ก่อนอย่างยิง่ ...ทั้งสองครั้ง ล้วนมีเจ้าเป็ นตัวแทนราชวงศ์วายุ
ครามเราเพียงคนเดียว” ชางว่านเฮ่อเงยหน้าขึ้นทอดถอนใจ
“ระหว่างงานประลองยุทธวายุคราม เจ้าส่ งเสริ มให้นามราชวงศ์
วายุครามเรากระเดื่องเลื่องลือทัว่ ยุทธภพวายุครามได้อีกครั้ง และ
ครานี้ เจ้ายอมเสี่ ยงอันตรายใหญ่หลวงเข้าร่ วมเป็ นตัวแทนช่วงชิง
ชื่อเสี ยงมาสู่ วายุครามเราอีกครั้ง...ตระกูลชางของเรา ติดค้างเจ้า
จนเกินไปจริ งๆ”
“พระบิดา อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น” หยุนเช่อกล่าวพลาง
แย้มยิม้ “เสวีย่ หลอคือภรรยาของข้า ข้าเองเป็ นคนตระกูลชาง
ครึ่ งหนึ่ง เป็ นเรื่ องชอบธรรมแล้วที่ขา้ มุมานะเพื่อครอบครัวและ
ญาติพี่นอ้ งของตนเอง”
ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะ จากนั้น ตบลงบนบ่าของหยุนเช่อ
อย่างแรงคราหนึ่ง “ไปเถอะ เปรี ยบเทียบกับความต้องการเห็นเจ้า
ได้รับชื่อเสี ยงเกียรติยศในงานประลอง...บิดาหวังให้เจ้ากลับมา
อย่างปลอดภัยมากกว่า แม้จะไม่สามารถสะสางเรื่ องราวระหว่าง
เจ้ากับพรรคเทพหงสาได้ หรื อว่าเรื่ องราวจะเลวร้ายลงก็ตาม ไม่
ว่าอย่างไร เจ้าต้องรอดกลับมาให้ได้!”
“พระบิดา อย่าทรงกังวล ความเสี่ ยงครานี้ อาจเป็ นไปได้วา่
มิได้มากมายอย่างที่ขา้ คาดการณ์ อย่างไรเสี ย เหล่าอาณาจักร
ทั้งหมดต่างร่ วมเป็ นสักขีในงานประลอง พรรคเทพหงสาล้วนไม่
กล้ากระทําการเกินเลย” หยุนเช่อกล่าวด้วยสี หน้าสงบเยือกเย็น
“เจ้าจะไปเมื่อใด?”
“พรุ่ งนี้”
……………………………………………..
คืนนั้น หยุนเช่อพักในตําหนักโอบจันทรา ชายหนุ่มโอบ
กอดชางเยว่ตลอดคืน ทั้งยังอยูร่ ับประทานอาหารเช้าร่ วมกับ
เซี่ยวหลิงซี และชางเยว่ จากนั้นจึงเริ่ มเตรี ยมการเดินทางลงสู่ใต้...
ในชีวติ นี้ ชายหนุ่มไม่เคยออกจากอาณาจักรวายุคราม หยุนเช่อ
เองไม่ทราบการเดินทางนี้จะมีจุดจบเยีย่ งไรเช่นกัน
“สามีขา้ นี่คือบัตรม่วงทองที่พระบิดาเพิ่งให้ผคู ้ นจัดส่ งมา
ท่านพกนํามันไปด้วย...จักรวรรดิเทพหงสามีสาขาใหญ่สมาคม
การค้าเดือนดับ ท่านสามารถแสวงหาสิ่ งของที่อาจใช้ประโยชน์
ได้จากที่นนั่ ” ชางเยว่ส่งบัตรม่วงทองให้ชายหนุ่ม ตัวบัตรส่ อง
ประกายสี ม่วงปลาบ “ตกลง ขอบพระทัยพระบิดาแทนข้าด้วย”
หยุนเช่อยืน่ มือออกมาเพื่อรับบัตรก่อนจะเก็บเข้าไปในไข่มุก “อ้อ
ใช่แล้ว เสวีย่ หลอ เกี่ยวกับร่ องรอยของฉู่เยว่ฉานและหยวนป้า...
อืมมม ยังไม่จาํ เป็ นต้องสื บเสาะในตอนนี้”
“เอ๋ ? เพราะเหตุใด?” ชางเยว่กล่าวด้วยทีท่างุนงง
หยุนเช่อยืดอกกล่าวว่า “ด้วยอิทธิพลของข้าในยามนี้ ใน
อาณาจักรวายุครามไม่มีผใู ้ ดไม่รู้จกั ข้า หากพวกนางทราบว่าข้ายัง
อยู่ ย่อมต้องกลับมาหา แต่ถึงบัดนี้ยงั คงไม่มีวแ่ี วว เยว่ฉานงดงาม
ราวเทพธิดา หยวนป้าเองทั้งร่ างกายใหญ่โตทั้งเต็มไปด้วยมัด
กล้าม ทั้งสองต่างมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น ทว่าผ่านไป
ยาวนานถึงเพียงนี้ยงั คงปราศจากร่ องรอยใด...จึงเหลือเพียงความ
เป็ นไปได้หนึ่งเดียว คือทั้งคู่มิได้อยูใ่ นอาณาจักรวายุครามอีก
ต่อไป แม้จะค้นหาต่อไป เพียงสิ้ นเปลืองแรงงานโดยเปล่า
ประโยชน์ เมื่อข้าบรรลุถึงนครวิหคเทวะ ข้าจะไปยังสมาคม
การค้าเดือนดับเพือ่ มอบภารกิจตามหาทั้งสองแก่สมาคมสาขา
ใหญ่...ความสามารถในการสื บเสาะข้อมูลของสมาคมการค้า
เดือนดับไม่เป็ นสองรองใคร ตราบใดที่ท่านมีกาํ ลังทรัพย์มากพอ
ย่อมต้องสามารถสื บหาที่อยูข่ องหยวนป้าและเยว่ฉานได้ในเร็ ว
วัน”
นี่เป็ นหนึ่งในเหตุผลที่หยุนเช่อเดินทางไปยังนครวิหคเทวะ
เช่นกัน ตราบใดที่ยงั ไม่รู้เบาะแสของบุตรภรรยา...ชายหนุ่มจะละ
ความกังวลใจทั้งวันคืนได้อย่างไร?
“อืม” ชางเยว่ผงกศีรษะเล็กน้อย “ข้าเชื่อว่าทั้งสองย่อมต้อง
ปลอดภัยไร้อนั ตรายแน่นอน”
เซี่ ยวหลิงซี กา้ วเท้ามาเบื้องหน้า ก่อนออกคําลัง่ กับหยุนเช่อ
ด้วยสี หน้าจริ งจัง “เราเตรี ยมชุดเสื้ อผ้ายีส่ ิ บชุดให้เจ้าไว้
ผลัดเปลี่ยน จดจําไว้วา่ ต้องผลัดเปลี่ยนเป็ นประจํา มิเช่นนั้น เจ้า
ต้องเหม็นคลุง้ อย่างแน่นอน...ห้ามลืมทานอาหาร ข้าและองค์หญิง
เตรี ยมเสบียงไว้ให้เรี ยบร้อยแล้ว ก่อนกลับมายังที่น้ ี ต้อง
รับประทานให้หมดสิ้ น...ห้ามกระทําการเสี่ ยงอันตราย ห้ามก่อ
เรื่ องต่อยตีผคู ้ นตามอําเภอใจ ตรงกลับมาที่นี่ทนั ทีที่จบงาน
ประลอง...ไม่วา่ เวลาใด ห้ามปิ ดการทํางานของหยกสื่ อสารโดย
เด็ดขาด เจ้าต้องติดต่อหาพวกเราทุกวัน ฮึ่มม องค์หญิงเคยกล่าวว่า
สามารถเสาะหายันต์สื่อสารสิ บหมื่นลี้ได้ที่สาขาใหญ่แห่งสมาคม
การค้าเดือนดับ...ยังมี! ที่สาํ คัญๆๆๆ ที่สุด ห้ามเจ้าทําตัวเจ้าชูห้ ลาย
ใจ!! หากเจ้ากล้านําพานางจิ้งจอกน้อยคนใดกลับมาอีกละก็ ข-ข-
ข-ข...ข้าและองค์หญิง จะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป”.
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว...ตกลง ตกลง ตกลง...” หยุนเช่อผงก
ศีรษะติดต่อกับพร้อมตกปากรับคํา
หลังจากชางเยว่และเซี่ยวหลิงซีออกคําสัง่ เสร็ จสิ้ น หยุนเช่อ
เรี ยกหงส์หิมะออกมา ชายหนุ่มหมุนกายกลับมากล่าวว่า “เสวีย่
หลอ อาหญิงเล็ก ข้าสัญญากับพวกท่าน ไม่วา่ ผลลัพธ์จะเป็ นดังที่
ข้าหวังหรื อไม่ แต่ขา้ จะต้องกลับมาหาพวกท่านภายในสองเดือน
ให้ได้...ข้าไปล่ะ!!”
หยุนเช่อแย้มยิม้ พร้อมโบกมือลา จากนั้น ชายหนุ่มก้าวเข้า
หาหงส์หิมะ
ในประกายตาของสตรี ท้ งั สองปรากฏความรู ้สึกวิตกกังวล
และไม่อาจตัดใจ หากทั้งสองไม่กล่าวคําพูดใด เนื่องเพราะพวก
นางทราบกระจ่างแก่ใจดีวา่ ไม่วา่ พวกนางไม่อาจตัดใจเพียงใด
ไม่วา่ จะขอร้องชายหนุ่มรั้งอยูส่ กั เพียงไหน..ท้ายที่สุด ชายหนุ่ม
ยังคงต้องไป และครานี้ เป็ นการเดินทางออกจากจักรวรรดิวายุ
ครามไปแสนไกล
เซี่ยวหลิงซี นิ่งค้างจ้องมองแผ่นหลังของหยุนเช่อ ริ มฝี ปาก
ของนางพลันสัน่ สะท้าน … ฉับพลัน ดวงตางดงามทั้งคู่ของนาง
กลับกลายเป็ นพร่ ามัว หญิงสาวมองเห็นร่ างของหยุนเช่อโปร่ งใส
จนสามารถมองทะลุไปยังสัตว์อสู รหงส์หิมะที่ดา้ นหลังชายหนุ่ม
ได้
“อ๊า...” เซี่ยวหลิงซีส่งเสี ยงอุทานออกมาโดยไม่รู้ตวั สายตา
ของนางกลับเป็ นปกติในนาทีน้ นั เช่นกัน หญิงสาวตะโกนนามที่
สลักลึกอยูใ่ นจิตวิญญาณของนางออกมาในทันที “เช่อน้อย!!”
หยุนเช่อชะงักเท้า ก่อนหันกลับมา ไม่ทนั ที่ชายหนุ่มจะเอ่ย
คําใด เซี่ ยวหลิงซี ถลาเข้าสู่ ออ้ มอกของชายหนุ่มพร้อมทั้งกอดรัด
ร่ างของหยุนเช่อแนบแน่น
หยุนเช่อสะท้านขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นจึงแย้มยิม้ ออกมา ชาย
หนุ่มยกสองมือขึ้นโอบกอดร่ างของเซี่ยวหลิงซีก่อนกล่าววาจา
อย่างอ่อนโยนว่า “อาหญิงเล็ก อย่ากังวล ข้าสัญญาแล้วว่าจะ
กลับมาอย่างปลอดภัยในสองเดือน เมื่อถึงยามนั้น ข้าจะเป็ นเช่อ
น้อยของอาหญิงเล็กเช่นเดิม จะอยูข่ า้ งกายท่านอย่างเชื่อฟัง ไม่วงิ่
วนวุน่ วายไปที่ใดอีก...เหมือนเช่นเมื่อก่อน ดีหรื อไม่?”
ภายในใจของเซี่ยวหลิงซีสบั สนวุน่ วายอย่างรุ นแรง หญิง
สาวเงยหน้าขึ้น ดวงตางดงามทั้งคู่เอ่อคลอด้วยหยาดนํ้า นางจับ
จ้องมองไปยังหยุนเช่ออย่างโง่งมก่อนผงกศีรษะคราหนึ่ง ทว่า
ความรู ้สึกอันไม่อาจหักใจของนางที่อยูใ่ นใจกลับยิง่ บีบรัดแน่น
ขึ้น...ที่ติดตามมาด้วย คือลางสังหรณ์เลวร้ายอันคลุมเครื อที่ไม่
ทราบมาจากที่ใด
กรี๊ ซซซ~~~~~
หงส์หิมะกู่ร้องสะท้านขึ้นถึงยอดเมฆก่อนจะนําพาร่ างของ
หยุนเช่อทะยานสู่ ฟากฟ้า พุง่ ทะลวงผ่านกลุ่มเมฆ กลับกลายเป็ น
จุดเล็กๆสี ขาวที่ปลายขอบฟ้า...เซี่ยวหลิงซีเฝ้ามองหยุนเช่อโบย
บินไปไกล สองมือกดทาบลงบนหน้าออกแนบแน่นโดยไม่รู้ตวั
แม้ผา่ นไปเนิ่นนาน หญิงสาวยังคงไม่ลดมือลง…
เหตุใดข้ าถึงบังเกิดความรู้ สึกเช่ นนี.้ ..ความกลัวว่ าจะไม่ ได้
พบเขาอีกตลอดกาล…? ใช่ เป็ นเพราะข้ าไม่ ต้องการเห็นเขาจากไป
ใช่ หรื อไม่ ...?
เช่ อน้ อย...เจ้ าต้ องปลอดภัยกลับมานะ…
บทที่ 396 เก็บหนีร้ ายทาง

หงส์หิมะทะยานขึ้นท้องฟ้า บินสู งขึ้นไปจนถึงระดับหมื่น


เมตรเบื้องบน ชัว่ พริ บตาพวกมันก็ออกนอกเขตเมืองหลวงวายุ
คราม
หยุนเช่อนําแผนที่ทวีปลมปราณฟ้าที่ชางเยว่จดั หาให้
ออกมาดู และคํานวณระยะทางระหว่างเมืองหลวงวายุครามกับ
เมืองวิหคเทวะ… ดินแดนจักรวรรดิเทพหงสานั้นกว้างใหญ่
ไพศาล มีขนาดเกือบยีส่ ิ บ
เท่าของอาณาจักรวายุคราม ต่อให้หงส์หิมะบินสิ บห้าหรื อ
สิ บหกชัว่ โมงต่อวันด้วยความเร็ วของมัน ก็ยงั ต้องใช้เวลากว่าสิ บ
วันจึงจะไปถึงเมืองวิหคเทวะ
"...ไกลถึงเพียงนี้ !" หยุนเช่อครางเสี ยงตํ่า เดิมทีมนั คิดว่ามี
เวลาเหลือเฟื อและคงจะไปถึงที่นน่ั ล่วงหน้าสักหนึ่งเดือน มีเวลา
พอที่จะสํารวจเมืองวิหคเทวะ ทว่าเนื่องจากมันไม่เคยเห็นแผนที่
ทวีปลมปราณฟ้า
มาก่อน จึงคาดคะเนระยะทางระหว่างเมืองหลวงวายุคราม
และเมืองวิหคเทวะผิดไปอย่างมาก
หลังจากเพ่งพินิจเขตแดนจักรวรรดิเทพหงสาครู่ หนึ่ง หยุ
นเช่อก็หวนกลับมาพิจารณาจักรวรรดิวายุครามอีกครั้ง สายตา
ของมันจดจ้องที่จุดๆหนึ่งในดินแดนทางด้านตะวันตกเฉี ยงใด้อยู่
ชัว่ ขณะ... มันส่ งเสี ยงหัวเราะเย็นชาแปลกประหลาดออกมาครา
หนึ่ง เก็บแผนที่ แล้วทะยานต้านกระแสลมไปอย่างรวดเร็ ว
…………………………
ที่ต้ งั อันกอปรด้วยเขาทักษิณระทมอยูด่ า้ นหลัง ด้านขวา
ขนาบด้วยแม่น้ าํ นภาใต้
ทําเลที่ต้ งั ของพรรคตระกูลเซียวสาขาหลักนี้จดั ว่าลํ้าเลิศไร้
ที่ติตามหลักฮวงจุย้ ที่สามพันเมตรเหนือขึ้นไปในท้องฟ้า หยุ
นเช่อมองเห็นทางเข้าศิลาทรงโค้งที่อยูด่ า้ นหน้าพรรคตระกูลเซียว
อย่างชัดเจน ทางเข้าศิลานี้สูงกว่าสามร้อยเมตร ด้านบนสุ ดสลักคํา
ว่า 'ตระกูลเซี ยว' ดูสูงส่ งน่าเกรงขาม แฝงไว้ดว้ ยรัศมีสะกดข่มที่
ไม่ธรรมดา
"ทําเลที่ดี"
หยุนเช่อพึมพัมออกมา บังคับเร่ งหงส์หิมะให้บินตํ่าลง เมื่อ
ใกล้จะถึงทางเข้าศิลา มันก็กระโจนลงจากท้องฟ้า ชักกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกรออกมาและฟาดฟันใส่ ทางเข้าศิลานัน่
เปรี้ ยง !!!!
เสี ยงระเบิดดังกึกก้องไปทัว่ ทั้งเขาทักษิณระทม กระบี่ทณ ั ฑ์
มังกรส่ งเสี ยงร้องดุจมังกรคํารามสะท้านฟ้า หลังจากนั้นทางเข้า
ศิลาอายุนบั พันปี ของพรรคตระกูลเซียวก็สน่ั สะเทือนอย่างุนแรง
รอยแตกร้าวนับไม่ถว้ นแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ วยิง่
พริ บตาเดียวทางเข้าศิลาขนาดมหึ มาก็อดั แน่นไปด้วยรอยแตกร้าว
หลังจากนั้นก็พงั ครื นลง... ท่ามกลางเสี ยงระเบิดกึกก้องราวกับ
ฟ้าผ่า
ครื น ครื น ครื น ครื น …
เสี ยงก้อนหิ นมหึ มาที่พงั ครื นลงมานั้นได้ยนิ ไปถึงทุกผูค้ น
ฝุ่ นทรายถูกกวาดม้วนฟุ้งตลบเต็มท้องฟ้า ปกคลุมพื้นดิน หยุนเช่อ
ลอยตัวตํ่าลง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิม้ เย็นชา... การกระทําของ
มันนี้ยอ่ มบีบบังคับฝูงแมลงให้ออกจากรวงรังของพวกมัน เสี ยง
ระฆังเตือนภัยพลันดังขึ้นในพรรครตระกูลเซียวที่เงียบสงบ เสี ยง
ฝี เท้าสับสนของผูค้ นที่กรู กนั ออกมา พวกมันเบิกตาจ้องมอง
ทางเข้าขนาดใหญ่ที่แสดงถึงชื่อเสี ยงและเกียรติประวัตินบั พันปี
ทางเข้านั้นได้พงั ทลายลงกลายเป็ นก้อนหิ นเกลื่อนกราดกระจาย
เต็มพื้นไปแล้วจริ งๆ พวกมันทุกคนสี หน้าเผือดซีดอย่างน่ากลัว
"ใคร ! ผูใ้ ดบังอาจมากระทําการเหิ มเกริ มที่พรรคตระกูล
เซียวของข้า !!"
สุ ม้ เสี ยงเกรี้ ยวกราดของเซียวเจวีย๋ เทียนดังมาแต่ไกล ใน
ฐานะผูน้ าํ พรรคตระกูลเซียว มันไม่เคยใส่ ใจลงมาดูแลเรื่ องราว
เล็กน้อยในพรรค ทว่าการที่ทางเข้าของพรรคถูกทําลายลงอย่าง
กะทันหันนี้ ถือเป็ นเรื่ องร้ายแรงที่เกี่ยวพันถึงชื่อเสี ยงเกียรติยศนับ
พันปี ของพรรคตระกูลเซียว ! เซียวเจวีย๋ เทียนพุง่ ทะยานมาดุจ
อินทรี จู่โจมไปที่เบื้องหน้า ฝ่ ามือที่เหยียดยืน่ แฝงไว้ดว้ ยพลัง
ลมปราณ ก่อเกิดลมพายุกวาดพัดฝุ่ นทรายที่ปกคลุมท้องฟ้า
ออกไป เผยให้เห็นตัวผูล้ งมือ -- หยุนเช่อ
"ท่านผูน้ าํ พรรคตระกูลเซียว ไม่ได้เจอกันหลายเดือน หวัง
ว่าท่านคงจะสบายดี" หยุนเช่อมองดูเซียวเจวีย๋ เทียนที่ยามนี้หนวด
เคราแทบจะลุกเป็ นไฟด้วยความโกรธ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิม้
ขณะกล่าวทักทาย
"หยุน... หยุนเช่อ !!"
ทันทีที่เซียวเจวีย๋ เทียนเห็นหยุนเช่อเต็มตา ก็ราวกับเห็นภูตผี
ปี ศาจ ใบหน้ามันกระตุกเกร็ งอย่างรุ นแรง ได้ยนิ เสี ยงระเบิดดังขึ้น
ในศีรษะของตน โทสะที่พลุ่งพล่านอยูใ่ นใจ ก็เหมือนถูกอะไร
บางอย่างที่หนักยิง่ มากดทับไว้ มิอาจปะทุออกมาได้... อกมันแทบ
ระเบิดออกมา
เมื่อบรรดาผูอ้ าวุโสและศิษย์พรรคตระกูลเซียวที่กาํ ลังเร่ งรุ ด
มายังด้านหน้าพรรคได้ยนิ คําว่า 'หยุนเช่อ' สี หน้าของพวกมันก็
แปรเปลี่ยนไปอย่างรุ นแรง แม้แต่ฝีเท้าที่เร่ งร้อนก็ดูจะเชื่องช้าลง
หยุนเช่อกุมกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร สื บเท้าเข้าหาเซียวเจวีย๋ เทียน
อย่างไม่เร่ งร้อน มันกล่าวเอื่อย ๆ ด้วยท่าทีปลอดโปร่ ง "ครานั้น
ท่านหัวหน้าพรรคตระกูลเซี่ยวได้มาร่ วมงานวิวาห์อนั ยิง่ ใหญ่ของ
ข้าที่วงั หลวง ข้ารู ้สึกขอบคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ดังนั้นจึงสัญญาว่า
ซักวันหนึ่งจะต้องมาเยีย่ มเยือนพรรคตระกูลเซียว ข้าหยุนเช่อเมื่อ
เอ่ยปากแล้วต้องทําตามวาจา ดังนั้นวันนี้ขา้ จึงมาที่น่ี... เมื่อเห็น
ทางเข้าอันยิง่ ใหญ่ของพรรคที่น่านับถือของท่านแต่ไกล ข้าก็
อยากร่ อนลงบนทางเข้านี้และมองดูทิวทัศน์ของพรรคตระกูล
เซียวให้ทวั่ ทว่าข้าไม่คิดว่าทางเข้าอันยิง่ ใหญ่จะเปราะบางถึงเพียง
นี้ พลันที่ขา้ หยัง่ เท้าลงมันก็พงั ทลายลงทันที ทําเอาข้าตื่นตกใจ
อย่างมาก โอ หวังว่าท่านผูน้ าํ พรรคตระกูลเซียวอย่าได้ถือสาที่ขา้
บังเอิญเหยียบทําลายทางเข้าอันยิง่ ใหญ่ของพรรคท่าน"
ทางเข้าอันยิง่ ใหญ่ของพรรคตระกูลเซียวมีประวัติยาวนาน
นับพันปี เผชิญสายลมพายุมากมายนับไม่ถว้ น แล้วจะถูก 'เหยียบ
ทําลาย' ได้อย่างไร !? ทว่าหยุนเช่อ ผูท้ ี่ทาํ ลายทางเข้าสู งสามร้อย
เมตรนี้ กลับกล่าวอย่างปลอดโปร่ งว่า 'อย่าได้ถือสา'... เซียวเจวีย๋
เทียนหน้าตาแดงกํ่า อวัยวะภายในแทบระเบิดออกมา หากผูท้ ี่อยู่
ตรงหน้าเป็ นผูอ้ ื่น หรื อแม้แต่เป็ นหลิงเยว่เฟิ ง มันก็คงจู่โจม
ออกไปอย่างสุ ดกําลัง
อย่างไรก็ตาม บุคคลที่เผชิญหน้ากับมันในยามนี้มิใช่คนที่
มันสามารถต่อต้านได้ มันเคยสัตย์สาบานไว้เนิ่นนานว่า มันต้อง
ไม่มีทางล่วงเกินหยุนเช่ออย่างเด็ดขาด แม้ตอ้ งถูกเหยียบยํา่
ศักดิ์ศรี กต็ าม! เนื่องเพราะชายหนุ่มมิเพียงมีพลังฝี มือยอดเยีย่ ม
หากยังเป็ นตัววิกลจริ ตที่ล่าล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าทั้งสํานัก ทั้ง
ยังกล้าทําร้ายองค์ชายสิ บสามแห่งอาณาจักรเทพหงสาอีกด้วย!
ในวันงานวิวาห์ของหยุนเช่อเมื่อสี่ เดือนก่อน หยุนเช่อดู
เหมือนจะเคยตั้งใจบอกกล่าวว่าจะมาเยีย่ มเยือนพรรคตระกูลเซี่ยว
ด้วยตัวเองซักวันหนึ่ง ด้วยคําพูดนี้เองที่ทาํ ให้ เซี่ยวเจวีย๋ เทียน
นอนไม่หลับมานานค่อนครึ่ งเดือน ผ่านมาหลายเดือนหัวใจของ
มันพึ่งจะสงบ แต่ในที่สุดหยุนเช่อกลับปรากฏตัวออกมา
เซี่ ยวเจวีย๋ นเทียนฝื นยิม้ อย่างที่สุดแต่กย็ งั มิสามารถกลบ
เกลื่อนความเศร้าถึงขั้นร้องไห้บนใบหน้าได้ “ถือว่าเป็ นเรื่ อง
เล็กน้อยนักน้องหยุน! ไม่แปลกใจแม้แต่นอ้ ยเหตุใดเช้าวันนี้
ดอกไม้จึงบานสะพรั่งภายในสวนสมุนไพรพรรคของข้า ที่แท้
เป็ นเพราะการมาของแขกผูน้ ่านับถือ ช่างเป็ นเกียรติแก่พรรค
ตระกูลของข้ายิง่ ประตูบานนี้คงอยูม่ านานนับพันปี และถูก
ทอดทิ้งมานานหลายปี ไม่คาดคิดว่ากลับถล่มลงมาในยามนี้พอดี
ถึงกับสร้างความตกใจกับการมาของแขกผูม้ ีเกียรติของข้า ดังนั้น
ควรเป็ นพวกข้าที่ควรกล่าวขอโทษ น้องชายหยุน มา เข้ามาข้างใน
ก่อน ให้พรรคตระกูลเซี่ยวที่ต่าํ ต้อยนี้ได้เป็ นเจ้าภาพต้อนรับการ
มาเยือนของท่าน”
ประตูศิลาพันปี ซึ่ งเป็ นตัวแทนของพรรคตระกูลเซี่ยวถูก
ทําลายลง แต่พวกมันยังคงต้องขอขมาต่อผูต้ อ้ งหา สี หน้าของผู ้
อาวุโสและศิษย์ของพรรคตระกูลเซี่ยวนั้นแดงกํ่า… ในที่ชุมนุม
ใหญ่ของพรรคตระกูลเซี่ยว เซี่ยวเจวีย๋ เทียนได้เน้นยํ้านับครั้งไม่
ถ้วน ห้ามเป็ นศัตรู กบั หยุนเช่อ และห้ามรุ กรานคนรอบข้างหยุ
นเช่อ วันนี้พวกมันต่างเห็นทัศนคติของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน เห็นได้ชดั
ว่าความกลัวต่อหยุนเช่อนั้นมากเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง
“โอ้...” หยุนเช่อหรี่ ตาลงเล็กน้อย ความสามารถในการ
“ยอมรับความพ่ายแพ้” ของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนสู งส่ งยิง่ มันถึงกับ
สามารถยอมรับการกระตุน้ ยุแหย่และการเผชิญหน้าถึงขั้นนี้ได้
ด้วยรอยยิม้ กระทัง่ ยินยอมขอขมา สมกับที่เป็ นบุคคลที่ได้รับ
เลือกเป็ นผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยว หยุนเช่อกล่าวออกมาอย่าง
เชื่องช้า “ไม่จาํ เป็ นต้องเข้าไป ที่ขา้ มาวันนี้ เพียงเพือ่ สะสาง
เรื่ องราวเรื่ องหนึ่ง”
เซี่ยวเจวีย๋ เทียนรี บพูดอย่างร้อนรน “ข้าสงสัยว่าน้องหยุน
ต้องการสิ่ งใด? หากข้าผูต้ ่าํ ต้อยสามารถช่วยได้ ข้าผูต้ ่าํ ต้อยนี้จะ
มอบมันให้แก่ท่านทั้งหมด ”
“หึ เรื่ องนี้ต่อพรรคตระกูลเซี่ยวนับเป็ นเรื่ องง่าย” หยุนเช่อก
ล่าวพร้อมรอยยิม้ ที่สดใส “ข้าต้องการพบคนหนึ่งในตระกูลเซี่ยว
ของเจ้า”
หัวใจของเซี่ ยวเจวีย๋ เทียนส่ งเสี ยงดังออกมาอย่างรุ นแรง มัน
พยายามทําใจให้สงบลง
“ข้าสงสัยว่าผูใ้ ดคือผูท้ ี่นอ้ งหยุนต้องการพบ...”
“เซี่ยวกวงหยุน!” หยุนเช่อหรี่ สองตาเล็กลง สี หน้าของมัน
เฉื่ อยชาอย่างยิง่
แม้วา่ มันจะพอรู ้ถึงการมาของหยุนเช่อในวันนี้ แต่เมื่อ
เกิดขึ้นจริ งแล้วนั้นหัวใจของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนถึงกับกระตุก สี หน้า
ของผูอ้ าวุโสและบรรดาลูกศิษย์ต่างเปลี่ยนไปเช่นกัน แน่นอนไม่
มีใครไม่รู้ถึงการกระทําของเซี่ยวกวงหยุนที่เคยก่อกับหยุนเช่อใน
อดีต ในที่สุดผลกรรมของมันก็มาถึง ด้วยวิธีการที่เหี้ ยมโหดของ
หยุนเช่อต่อการกวาดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้า พวกมันทั้งหมด
ต่างไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงจุดจบของเซี่ยวกวงหยุนหลังจากตกอยู่
ในเงื้อมมือของหยุนเช่อ อย่างไรก็ตามพรรคตระกูลเซี่ยวย่อมไม่
ต่อต้านหยุนเช่อเพือ่ ช่วยเซี่ยวกวงหยุน เนื่องด้วยบทเรี ยนจากการ
ทําลายตระกูลอัคคีผลาญฟ้าคือหนึ่งในบทเรี ยนนองเลือด
“ท่านผูน้ าํ เราควรทําอย่างไรดี?” เซี่ยวป๋ อหยุนมาถึงต่อจาก
เซี่ยวเจวีย๋ เทียน มีสีหน้ากังวลและพูดถามด้วยเสี ยงตํ่า
สี หน้าของเซี่ยวเจวีย๋ เทียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ ว มันกัดฟัน
แน่นและคํารามออกมาเสี ยงดังพอที่จะได้ยนิ ไปครึ่ งพรรคตระกูล
เซี่ยว “ลูกอกตัญ�ู เซี่ยวกวงหยุน ลากมันออกมาเดี๋ยวนี้!!”
“ตะ...แต่...” การกระทําของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน ทําให้เซี่ ยวป๋ อ
หยุนเสี ยศูนย์ไปชัว่ ครู่ มันคิดว่าจะทําการแต่งเรื่ องขึ้นมาว่าเซี่ยว
กวงหยุนมิได้เกี่ยวข้องกับพรรคหรื อถูกขับออกจากพรรคไปแล้ว
เพื่อที่จะพยายามหลบหนีเรื่ องนี้ มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเซี่ยว
เจวีย๋ เทียนจะตัดขาดเช่นนี้ ทุกคนในพรรคคระกูลต่างรู ้ดีวา่ ใน
บรรดาบุตรทั้งสี่ ของเซี่ยวเจวีย๋ เทียน ผูท้ ี่เขาตามใจและรักถนอม
มากที่สุดคือบุตรคนสุ ดท้อง เซี่ยวกวงหยุน และยังเป็ นบุตรเพียง
คนเดียวที่เกิดจากภรรยาหลวง
อย่างไรก็ตาม หยุนเช่อที่อยูต่ รงหน้านั้นน่ากลัวเปรี ยบดัง
ปี ศาจ เซี่ยวเจวีย๋ เทียนโดยทัว่ ไปไม่กล้าที่จะหวังพึ่งโชคชะตา มัน
นั้นอยากที่จะจบทุกอย่างให้เร็ วที่สุด ไม่วา่ ผลลัพธ์จะดีหรื อร้าย
อย่างน้อยมันจะได้ไม่ตอ้ งใช้ชีวติ ที่มีความกลัวอีกต่อไป มัน
คํารามอีกอีกครั้ง
“ไม่ตอ้ งสงสัย! รี บนําตัวมันมา! หากมันไม่มา จําเป็ นต้อง
ลงมือ ก็ลงมือ!”
เพียงไม่นานคนของพรรคตระกูลเซียวด้านหลังต่างกระจาย
ออก เซี่ยวกวงหยุนเดินเซออกมาพร้อมถูกลากโดยผูอ้ าวุโสพรรค
ตระกูลเซี่ยวและถูกผลักไปอยูด่ า้ นหน้าเซี่ยวเจวีย๋ เทียน ด้วยย่าง
ก้าวที่ไม่มน่ั คงทําให้มนั ล้มหน้าทิ่มลงพื้นทันที ยามมันยกหัวขึ้น
มันพลันเห็นใบหน้าที่คุน้ เคย หลังจากที่ตะลึงอยูน่ ้ นั ใบหน้าของ
มันก็ขาวซีดในทันที “หยุน… หยุนเช่อ!”
เซี่ยวกวงหยุนผมเผ้าหลุดรุ่ ยไม่เป็ นระเบียบ สี หน้าเหลือง
ซี ด เห็นได้ชดั ว่ามันมิได้อยูด่ ีมีสุขเท่าใดนัก เนื่องเพราะตั้งแต่
เหตุการณ์กาํ จัดล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าและค้นพบว่าหยุนเช่อคือ
เซี่ยวเช่อที่มนั เองมองไม่เห็นหัวเมื่อปี ก่อนนั้น มันต้องตกอยู่
ท่ามกลางฝันร้ายนับแต่น้ นั มา ยามนี้ ทันทีที่มนั มองเห็นหยุนเช่อ
มันรู ้สึกราวกับพบเห็นปี ศาจในความฝันของมันปรากฏขึ้นยาม
กลางวันแสกๆ มันหวาดกลัวจนแทบไม่อาจควบคุมลําไส้ของมัน
ได้
“โอ้ ท่านนายน้อยพรรคตระกูลเซี่ยวผูย้ งิ่ ใหญ่ สามปี แล้วที่
เราไม่ได้พบพาน หากท่านยังสามารถจดจําตัวกระจอกในเมือง
เมฆาล่องผูน้ ้ ีได้ นับว่าเป็ นเกียรติอย่างยิง่ !” หยุนเช่อจับจ้องเซี่ยว
กวงหยุนพร้อมหัวเราะอย่างเย็นชา สามปี ก่อน ชายหนุ่มเกลียดชัง
เซี่ยวกวงหยุนเข้ากระดูกดํา เกลียดชังตนเองไม่สามารถบดกระดูก
มันเป็ นผุยผง ทว่ายามนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับผูท้ ี่คืบคลานอย่◌ูบน
พื้นราวสุ นขั ใบหน้าเต็มไปด้วยความขลาดเขลา หยุนเช่อไม่
บังเกิดความโกรธแค้นหรื อตื่นเต้นที่สามารถทวงหนี้แค้นเมื่อสาม
ปี ที่แล้วได้อีกต่อไป มีเพียงความรู ้สึกบางเบาของความเศร้าโศก...
ถูกต้อง ชายหนุ่มเพียงสามารถโทษว่าตนเองไร้สามารถเมื่อยาม
นั้น กระทัง่ ตัวตนราวขยะที่อยูต่ รงหน้า ยังสามารถขับไล่ตนเอง
ออกจากตระกูลได้ ทั้งยังทําให้อาหญิงเล็กและท่านปู่ ต้องถูกกักขัง
อย่างโดดเดี่ยวถึงสามปี ...หากย้อนเวลากลับไป ถ้าฉู่เยว่หลี่ไม่
ปรากฏตัวออกมาในยามนั้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นล้วนไม่อาจทนทาน
รับได้...
ยามนี้มนั ระลึกขึ้นมาได้ ดูคล้ายชายหนุ่มเองต้องขอบคุณ
เซี่ยวกวงหยุนอยูบ่ า้ ง หากมิใช่เพราะมัน หยุนเช่อคงไม่บงั เกิด
ความกระหายอยากในพลังอํานาจอย่างเข้มข้นถึงเพียงนี้ และคง
ไม่มีหยุนเช่อคนปั จจุบนั จนถึงบัดนี้ หยุนเช่อล้วนปราศจาก
ความคิดฆ่าฟันมันอีกต่อไป...ตนเองเป็ นบุคคลชนชั้นใด
ในตอนนี้? เป็ นราชบุตรเขยของจักรพรรดิวายุคราม ยิง่ กว่านั้น
สมญา “ยอดยุทธ์วายุครามอันดับหนึ่ง” ยังสามารถควบคุมสัง่ การ
ผูน้ าํ พรรคตระกูลเซี่ยวได้ ต่อหน้าหยุนเช่อ เซี่ยวเจวีย๋ เทียนยังต้อง
เคารพนบนอบ ไม่อาจแสดงอารมณ์แม้แต่นอ้ ย เซี่ยวกวงหยุน
ล้วนเป็ นเพียงมูลสุ นขั ก้อนหนึ่งเท่านั้น การฆ่ามันมีแต่เปรอะ
เปื้ อนมือของชายหนุ่ม ทั้งยังสร้างความมัวหมองแก่ชื่อเสี ยง
เกียรติภูมิของตนเอง
แม้หยุนเช่อมีเพียงพลังยุทธ์ช้ นั ลมปราณปฐพี หากชายหนุ่ม
เปี่ ยมพลังอาจหาญ ทั้งฝี มือหนักหน่วงอํามหิ ตยิง่ ไม่ตอ้ งกล่าวถึง
เซี่ยวกวงหยุน กระทัง่ เซี่ยวเจวีย๋ เทียนเองยังไม่อาจทนทานได้
ภายใต้สายตาจับจ้องเขม็งของหยุนเช่อ สี หน้าของมันกลับ
กลายเป็ นซี ดขาวด้วยความประหวัน่ ขณะที่มนั ล้มลุกคลุกคลาน
ตะเกียกตะกายถอยหลัง “อยะ-อย่าฆ่าข้า...ปี นั้น...มิใช่ความผิด
ของข้า...ทั้งหมดเป็ น...ความคิดของเซี่ยวยูห่ ลง...ไม่เกี่ยวกับข้า...
ไม่เกี่ยวกับข้า...”
“ข้ารู ้” หยุนเช่อกล่าว สี หน้าเยือกเย็นยะเยียบ “แน่นอน ข้ารู ้
ทุกเรื่ องที่เซี่ ยวยูห่ ลงกระทํา ดังนั้น ข้าจึงเชือดเอ็นแขนขาทั้งสี่
ควักลูกตามันออกมาทั้งสองข้าง เฉื อนใบหู ปาดจมูก ตัดลิ้น
กระชากผมของมันออกจากศีรษะ หักแขนขาของมันทั้งหมด ทํา
ให้ความเป็ นมนุษย์ของมันต้องพิการเสี ยหาย...แต่ยงั คงเหลือ
ประสาทสัมผัสให้แก่มนั ให้มนั ได้มีชีวติ อยูอ่ ย่างสมบูรณ์ต่อไป!
ให้มนั ตายตกลงทีละน้อย ทีละน้อย...ในขุมนรก!!”
“อะ อะ อะ...” เซี่ยวกวงหยุนเปล่งเสี ยงร้องครํ่าครวญที่เต็ม
ไปด้วยความหวาดผวา แขนขาของมันทั้งสี่ ขา้ งสัน่ สะท้านจนไม่
อาจควบคุม...หว่างขาของมันปรากฏของเหลวสี เหลืองไหลลงสู่
พื้นดิน ยามได้ฟังวิธีการอันทารุ ณโหดร้ายของหยุนเช่อ กระทัง่
เหล่าผูอ้ าวุโสผูม้ ากประสบการณ์ที่ผา่ นคลื่นลมหนักหน่วงมาทั้ง
ชีวติ ยังต้องนิ่งชะงักด้วยความหวาดหวัน่ กระแสความเย็นเสี ยด
กระดูกแล่นผ่านทัว่ ร่ าง...นี่คือวิธีการอันอํามหิ ตที่มีเพียงปี ศาจร้าย
จึงสามารถใช้ออกได้โดยแท้จริ ง
ตอนที่ 397 มั่งคัง่ เหลือคณา

"ท่านพ่อ... ช่วย... ช่วยข้า... ช่วยข้าด้วย... ข้ายังไม่อยากตาย


... ท่านพ่อ... ช่วย... ช่วยข้า... ช่วยข้าด้วย !!”
เซียวกวงหยุนกอดรัดต้นขาเซียวเจวีย๋ เทียนแน่น มันสัน่
สะท้านไปทั้งตัว แขนขาอ่อนปวกเปี ยกด้วยความกลัวอย่างถึง
ที่สุด กระทัง่ จะยืนยังทําไม่ได้ ในฐานะนายน้อยของพรรคตระกูล
เซียวผูเ้ พลิดเพลินกับการใช้ชีวติ สุ รุ่ยสุ ร่ายเป็ นกิจวัตร มันย่อม
กลัวความตายอย่างยิง่ เพราะที่ผา่ นมาไม่เคยมีสิ่งใดทําให้มนั รู ้สึก
ถึงภัยคุกคามจากความตาย มีแต่ผอู ้ ื่นที่จะต้องเกรงกลัวมัน
เซียวเจวีย๋ เทียนมองดูบุตรชายของตนหวาดกลัวจนกระทัง่
ปั สสาวะราด สี หน้ามันกลับกลายเป็ นสี ม่วง ปรารถนาที่จะเตะ
บุตรผูน้ ้ ีออกไป ทว่าจะอย่างไรมันก็เป็ นบุตรในไส้ของตน และ
เป็ นบุตรที่มนั รักที่สุด มันไม่สามารถทนยืนดูเซียวกวงหยุนตาย
ในเงื้อมมือของหยุนเช่อได้ มันสู ดหายใจลึก ประสานมือเป็ นเชิง
คารวะและกล่าวกับหยุนเช่อ "น้องแซ่หยุน ผูน้ อ้ ยแซ่เซียวรู ้ดีถึง
ความแค้นระหว่างท่านกับเจ้าลูกอกตัญ�ูของข้า ปี นั้น เจ้าลูก
อกตัญ�ูนี่ได้ก่อเรื่ องที่น่าชิงชังรังเกียจขึ้น ทว่า… ทว่าอย่างน้อย
น้องแซ่หยุนและครอบครัวที่น่านับถือของท่านก็ปลอดภัยดี
ดังนั้นความผิดของเจ้าลูกอกตัญ�ูนี่จึงไม่น่าถึงตาย ขอน้องแซ่
หยุนผูย้ งิ่ ใหญ่ได้โปรดมีน้ าํ ใจ ละเว้นเจ้าลูกอกตัญ�ูของข้า ผูน้ อ้ ย
แซ่เซี ยวจะสํานึกในบุญคุณของท่านอย่างที่สุด และจะทดแทน
บุญคุณนี้อย่างแน่นอน"
"ความผิดที่ไม่ถึงตายงั้นรึ ?" หยุนเช่อหัวร่ อเย็นชา "ท่านรู ้
หรื อไม่ เหตุใดตระกูลอัคคีผลาญฟ้าถึงล่มสลาย ? เปรี ยบเทียบกัน
แล้ว ความผิดของพวกมันนั้นน้อยกว่าความผิดของบุตรท่านอย่าง
ยิง่ ! แต่สุดท้าย... นับตั้งแต่เฟิ นอี้เจี๋ยผูน้ าํ รุ่ นก่อน เฟิ นต้วนหุนผูน้ าํ
คนสุ ดท้าย ตลอดจนศิษย์แซ่เฟิ นในสํานักทั้งหมด ร่ วมเจ็ดหมื่น
ชีวติ พวกมันล้วนตายตกโดยไร้ที่ฝัง ! "
คํากล่าวของหยุนเช่อบีบคั้นหัวใจทุกผูค้ นในพรรคตระกูล
เซียว บางคนถึงกับร่ างกายสัน่ สะท้าน แม้แต่เซียวเจวีย๋ เทียนสี
หน้าก็กลับกลายเป็ นเผือดซีดอย่างน่ากลัว... ผูน้ าํ พรรคตระกูล
เซี ยวรู ้แก่ใจดีวา่ ความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อตอนที่ตนไปร่ วมงาน
วิวาห์ของมันเมื่อสองสามเดือนก่อนนั้น เพิ่มสู งขึ้นกว่าตอนที่มนั
ขุดรากถอนโคนตระกูลอัคคีผลาญฟ้าอย่างมาก ด้วยการพัฒนาที่
รวดเร็ วอย่างหาที่เปรี ยบมิได้ของมัน ความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อ
ณ เวลานี้ แน่นอนย่อมจะต้องลํ้าลึกยากหยัง่ ถึง... เพียงพอที่จะขุด
รากถอนโคนพรรคตระกูลเซียวของมันได้อย่างหมดจด เพราะ
พรรคตระกูลเซี ยวก็มิได้แข็งแกร่ งไปกว่าตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเลย
หากมันลงมือต่อพรรคตระกูลเซียวด้วยโทสะจริ งๆ ...
นี่เป็ นสถานการณ์เลวร้ายสุ ดที่เซียวเจวีย๋ เทียนคิดอยูห่ ลาย
ครั้งว่าอาจจะเกิดขึ้น ยามนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยุนเช่อที่มาทวง
หนี้ของมันคืน เซียวเจวีย๋ เทียนก็ไม่กล้าคิดถึงสิ่ งที่จะตามมา มัน
วางท่านอบน้อมอย่างที่สุด วิงวอนต่อหยุนเช่อ "น้องแซ่หยุน
ความผิดพลาดของเจ้าลูกอกตัญ�ูของข้า แน่นอนไม่อาจให้อภัย
ได้ ผูน้ อ้ ยแซ่เซี ยวละอายใจยิง่ นักที่ไร้ความสามารถในการอบรม
สัง่ สอนบุตร ทว่าด้วยสถานะและความสามารถของท่านในตอนนี้
แม้วา่ เจ้าลูกอกตัญ�ูจะมีความก้าวหน้าขึ้นอีกหลายสิ บเท่า มันก็
ไม่อาจเป็ นภัยคุกคามต่อท่านได้แม้แต่นอ้ ย และยิง่ ไม่กล้าล่วงเกิน
ท่านอีก หากท่านลงมือต่อเจ้าลูกอกตัญ�ูนี่ ข้าก็เกรงว่า... ข้าก็
เกรงว่ามันจะทําให้ชื่อเสี ยงของท่านด่างพร้อย... หากท่านเมตตา
ละเว้นเจ้าลูกอกตัญ�ูของข้าในวันนี้ พรรคตระกูลเซียวจะ
ขอบคุณท่านอย่างสุ ดชึ้ง และนับถือน้องแซ่หยุนเป็ นเสมือน
เจ้านายของเรา ไม่วา่ น้องแซ่หยุนมีคาํ สัง่ ใด พรรคตระกูลเซียวเรา
จะทุ่มเทสุ ดความสามารถ และไม่ลงั เลที่จะสละชีวติ ของพวกเรา
เพื่อทําตามคําสัง่ นั้น !"
แม้คาํ กล่าวนั้นจะเป็ นการขอร้องเพือ่ เซียวกวงหยุน แต่ทุก
คนรู ้ดีวา่ เซี ยวเจวีย๋ เทียนกําลังวิงวอนแทนพรรคตระกูลเซียว
ทั้งหมด หยุนเช่อมีความสามารถในการขุดรากถอนโคนพรรค
ตระกูลเซี ยวอย่างแน่นอนหากมันบันดาลโทสะ ดูอย่างตระกูล
อัคคีผลาญฟ้านัน่ เป็ นไร... เมื่อพิจารณาแล้ว สิ่ งที่เซียวกวงหยุนได้
กระทําในครานั้นล่วงเกินหยุนเช่อยิง่ กว่าสิ่ งที่ตระกูลอัคคีผลาญ
ฟ้าทําด้วยซํ้า เพราะถึงแม้ญาติสองคนของหยุนเช่อจะถูกตระกูล
อัคคีผลาญฟ้าลักพาตัวไป แต่พวกมันก็ได้รับการช่วยเหลือทันที
โดยปราศจากอันตรายอย่างสิ้ นเชิง ทว่าเซียวกวงหยุนทําให้หยุ
นเช่อถูกขับไล่ออกจากบ้าน ซํ้ายังทําให้ญาติท้ งั สองของมันถูกกัก
บริ เวณถึงสามปี เต็ม ดังนั้นเซียวเจวีย๋ เทียนจึงแทบไม่อาจเชื่อหู
ตัวเองเมื่อได้ยนิ คํากล่าวต่อมาของหยุนเช่อ
"อืม... ที่ท่านผูน้ าํ พรรคตระกูลเซียวกล่าวมาก็ดูจะมีเหตุผล
ดี หากข้าสังหารบุตรชายของท่าน นอกจากข้าจะต้องมือเปื้ อน
เลือดแล้ว ข้าก็ไม่ได้อะไรเลย แต่หากข้าไม่สงั หารมัน..." หยุนเช่อ
ลูบคางตนเอง ทําท่าครุ่ นคิด
เซียวเจวีย๋ เทียนรู ้สึกราวกับได้ยนิ เสี ยงสวรรค์ คําพูดของหยุ
นเช่อนี้บ่งบอกชัดว่ามันก็อยากจะละเว้นเซียวกวงหยุนและพรรค
ตระกูลเซียว... แต่มนั ย่อมต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาลกลับไป
ยามนี้ ชีวติ ของเซี ยวกวงหยุนกลายเป็ นเรื่ องรอง สิ่ งสําคัญยิง่ คือ
ความปลอดภัยของพรรคตระกูลเซียว ! หากสามารถใช้
'ผลประโยชน์' ทําให้เทพแห่งความตายผูน้ ้ ีไม่เกิดโทสะ และทําให้
พรรคตระกูลเซี ยวรอดพ้นจากเงามฤตยูได้ ไม่สาํ คัญว่าจะต้องจ่าย
เท่าไหร่ มันก็ยอมรับได้... คิดดูแล้วไม่วา่ จะต้องจ่ายมากเพียงใด
มันก็ยงั ดีกว่าการที่พรรคตระกูลเซียวถูกขุดรากถอนโคนเป็ นพัน
เท่า หมื่นเท่า
"หากน้องแซ่หยุนยินดีที่จะละเว้นเจ้าลูกอกตัญ�ูนี่ มาตรว่า
ท่านต้องการให้พรรคตระกูลเซียวเราปี นป่ ายภูเขาคมดาบคม
กระบี่ หรื อแหวกว่ายในนํ้ามันเดือด พรรคตระกูลเซียวเราจะไม่
ลังเลเลย !" เซี ยวเจวีย๋ เทียนกล่าวอย่างร้อนรน
"ท่านผูน้ าํ พรรคตระกูลเซียวกล่าวหนักไปแล้ว ผูเ้ ยาว์เช่นข้า
จะให้พรรคตระกูลเซียวผูเ้ กรี ยงไกรปี นป่ ายภูเขาคมดาบคมกระบี่
หรื อแหวกว่ายในนํ้ามันเดือดเพื่อข้าได้อย่างไร ? บุตรชายของ
ท่านคนนี้ ข้าจะไม่ฆ่ามันก็ได้ แต่..." หยุนเช่อหรี่ ตาลง "นัน่ ก็
ขึ้นอยูก่ บั ว่าพรรคตระกูลเซียวของท่านจะยินดีจ่ายมากเพียงใด
เพื่อซื้ อชีวติ มัน !"
เงิน ?
เซี ยวเจวีย๋ เทียนงงงันเล็กน้อย มันไม่คาดคิดว่าแท้ที่จริ งสิ่ งที่
หยุนเช่อต้องการจะเป็ นเงิน แต่มนั ก็นึกออกในทันใด... หยุนเช่อ
กําลังไปจักรวรรดิเทพหงสา และที่นนั่ มีสมาคมการค้าเดือนดับ
สาขาใหญ่อยู่ และที่สาขาหลักนี้มีของมีค่าหายากมากมายนับไม่
ถ้วน ชนิดที่อย่าหวังว่าจะหาได้ในจักรวรรดิวายุคราม การจะได้
ของเหล่านี้มา สิ่ งสําคัญสุ ดคือท่านต้องมีทองมากพอ !
หากวิกฤตที่อาจทําลายล้างพรรคของพวกมันนี้สามารถขจัด
ออกไปได้ดว้ ยเงิน เซียวเจวีย๋ เทียนก็ยนิ ดียง่ิ นัก ทว่ามันก็ไม่แน่ใจ
ว่าจํานวนเงินที่หยุนเช่อต้องการนั้นจะมีมูลค่ามหาศาลจนพรรค
ตระกูลเซี ยวไม่สามารถจ่ายได้จริ งหรื อไม่ มันกลั้นใจ และกล่าว
ถามอย่างระมัดระวังที่สุด "ไม่ทราบว่า... พรรคตระกูลเซียวเรา
ต้องจ่ายเท่าใดสําหรับชีวติ เจ้าลูกอกตัญ�ูของข้า ?"
หยุนเช่อมองดูเซียวเจวีย๋ เทียน และค่อยๆ ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่ง
นิ้ว
เซียวเจวีย๋ เทียนใจชื้นขึ้นมาทันที มันกล่าวด้วยความ
ระมัดระวังยิง่ อีกครั้ง "หนึ่ง... หนึ่งหมื่นเหรี ยญม่วงเช่นนั้น
หรื อ ?"
หนึ่งหมื่นเหรี ยญม่วง... ร้อยล้านเหรี ยญเหลือง ถือเป็ น
จํานวนเงินมหาศาลที่ครอบครัวชาวบ้านยากจนในวายุครามไม่
กล้าฝันถึง
หยุนเช่อยิม้ เย็นชา "ชีวติ ลูกชายท่านมีค่าเพียงหนึ่งหมื่น
เหรี ยญม่วงเท่านั้นหรื อ ? มันคือสิ บล้าน !! สิ บล้าน... เหรี ยญ
ม่วง !"
"วะ... ว่ากระไร !!” เมื่อได้ทราบถึงจํานวนเงิน กระทัง่ เซียว
เจวีย๋ เทียนในฐานะชนชั้นผูน้ าํ ของวายุครามผูม้ ีจิตใจมัง่ คงกว่าคน
ธรรมดาทัว่ ไป ยังตื่นตระหนกจนพูดไม่ถูก ส่ วนศิษย์พรรค
ตระกูลเซี ยวที่อยูด่ า้ นหลังก็ตกตะลึงจนสติไม่อยูก่ บั เนื้อกับตัว
สิ บล้านเหรี ยญ... ซํ้ายังเป็ นเหรี ยญม่วง ! นัน่ เท่ากับพันล้าน
เหรี ยญฟ้า แสนล้านเหรี ยญเหลือง !!
"อะไร ? ท่าทีแบบนี้... หรื อท่านคิดว่าชีวติ ลูกชายท่านมีค่า
น้อยกว่าเงินจํานวนนี้ ?" หยุนเช่อกล่าวสุ ม้ เสี ยงแผ่วเบา
เซียวเจวีย๋ เทียนกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงเจ็บปวด "ที่นอ้ งแซ่หยุน
ให้โอกาสเจ้าลูกอกตัญ�ูของข้าได้มีชีวติ ต่อนั้น ผูน้ อ้ ยแซ่เซียว
ขอบคุณท่านไปชัว่ ชีวติ เพียงแต่เงินสิ บล้านเหรี ยญม่วง จํานวน
เงินนี้... กิจการของพรรคตระกูลเซียวเรานั้นก็ไม่ได้ใหญ่โต อันที่
จริ ง..."
"อย่าได้บอกว่าพรรคตระกูลเซียวของท่านไม่สามารถจ่าย
ได้" หยุนเช่อกล่าวเสี ยงเข้มขัดจังหวะเซียวเจวีย๋ เทียน "หากท่าน
จะบอกว่าพรรคที่สะสมความมัง่ คัง่ มาเป็ นพันปี ไม่สามารถ
จ่ายเงินสิ บล้านเหรี ยญม่วงได้ ท่านก็กาํ ลังดูถูกสติปัญญาข้า !
แน่นอนชีวติ ลูกท่านย่อมไม่มีค่าถึงเพียงนั้น แต่... ถ้าเป็ นพรรค
ตระกูลเซี ยวของท่านล่ะมีค่าถึงสิ บล้านเหรี ยญหรื อไม่ ฮึ !?"
ใจเซียวเจวีย๋ เทียนพลันรัดแน่น มันถึงกับหยุดหายใจไป
ชัว่ ขณะ เม็ดเหงื่อเย็นเฉี ยบผุดขึ้นเต็มหน้าผากในทันที
อันที่จริ งพรรคตระกูลเซียวสามารถจ่ายเงินสิ บล้านเหรี ยญ
ม่วงออกไปได้... ด้วยความสามารถ พลัง และอํานาจของพรรค
ตระกูลเซี ยว รายได้ในแต่ละปี ของพวกมันนั้นเป็ นจํานวน
มหาศาล ทว่าค่าใช้จ่ายของพรรคก็มากมายเช่นกัน เพือ่ รักษาความ
รุ่ งเรื องทางอํานาจของพรรค ทุกปี ต้องจ่ายเงินจํานวนมหาศาล
ออกไปเพือ่ เสริ มสร้างผูค้ นของพรรคตระกูลเซียว โดยเฉพาะ
บรรดาอัจฉริ ยะที่มากความสามารถหรื อศิษย์รุ่ นเยาว์ที่มีสถานะ
พิเศษนั้น จําเป็ นยิง่ ที่ตอ้ งลงทุนมากอย่างที่สุด ดังนั้นเมื่อหัก
ค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว เงินส่ วนที่เหลือพรรคตระกูลเซียวเก็บได้ใน
แต่ละปี จึงมีเพียงไม่กี่พนั เหรี ยญม่วง เมื่อหยุนเช่อเปิ ดปากบอก
ราคามา มันก็เรี ยกร้องถึงสิ บล้านเหรี ยญม่วง... นัน่ เป็ นทรัพย์สินที่
พรรคตระกูลเซี ยวต้องใช้เวลาหลายสิ บปี เก็บสะสม !
ทว่าขณะที่ตอ้ งเผชิญกับจํานวนเงินมหาศาลนี้ เซียวเจวีย๋
เทียนไม่กล้าที่จะเอ่ยคําว่าไม่ออกมาแม้แต่คราเดียว ไม่กล้ากระทัง่
บอกเป็ นนัยถึงความลังเลใดๆ เพราะชัดเจนว่าหยุนเช่อใช้พรรค
ตระกูลเซี ยวทั้งหมดเป็ นตัวประกัน มันเหลือบตาลงมองเซียวกวง
หยุน หน้าอกมันพองขึ้นจนแทบจะระเบิด เส้นโลหิ ตทัว่ ร่ างโป่ ง
นูนขึ้นมา ราวกับว่ามันต้องการจะฉี กเซียวกวงหยุนออกเป็ นชิ้นๆ
จริ งๆ เซี ยวเจวีย๋ เทียนเกลียดตนเองที่ตามใจบุตรชายคนสุ ดท้องนี้
มากเกินไป ปล่อยให้มนั ทําตัวเหลวแหลกหมกมุ่นอยูแ่ ต่กบั ตัณหา
ราคะ... จนในที่สุด มันก็ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์อนั เลวร้าย
ในฐานะบิดาของเซียวกวงหยุน มันไม่หน้าหนาพอที่จะ
ดํารงตําแหน่งผูน้ าํ พรรคอีกต่อไป
"เฮ้ออ..." เซี ยวเจวีย๋ เทียนถอนหายใจยาว และกล่าวว่า "หาก
น้องแซ่หยุนยินดีที่จะเป็ นมิตรกับพรรคตระกูลเซียวเรา เช่นนั้น
เงินสิ บล้านนี่ พรรคตระกูลเซียวเราก็..."
"อย่าได้ใส่ ใจเรื่ องการเป็ นมิตรอะไรนัน่ เลย ข้าหยุนเช่อเป็ น
เพียงผูต้ ่าํ ต้อยจากเมืองเล็กๆ อย่างเมฆาล่อง ข้าจะกล้าเป็ นมิตรกับ
พรรคตระกูลเซี ยวที่ยงิ่ ใหญ่ได้อย่างไร ? แต่สาํ หรับเรื่ อง
ความแค้นนี้ ข้าจะลึมมันไปก็ได้ ข้าจะทําเหมือนไม่เคยมีเรื่ องราว
อันใดเกิดขึ้น ตราบเท่าที่ขา้ ไม่ตอ้ งเห็นเจ้าเซียวกวงหยุนนี่ รวมไป
ถึงเซียวอู๋อ้ ี...ที่ขา้ บังเอิญสังหารมันไปแล้ว !”
เมื่อได้ยนิ คําพูดสุ ดท้ายของหยุนเช่อ สี หน้าของพรรค
ตระกูลเซียวทุกผูค้ นก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรุ นแรง เซียวเจวีย๋ เทียน
รู ้สึกเย็นเยียบถึงขั้วหัวใจ ไม่กล้ากล่าวอันใดอีก มันหันไปส่ งเสี ยง
บอกผูอ้ าวุโสที่อยูด่ า้ นหลังว่า "เร็ วเข้า... ไม่วา่ จะต้องใช้วธิ ีอนั ใด
ท่านจะต้องรวบรวมเงินให้ได้สิบล้านเหรี ยญม่วงและนํามาที่นี่
ภายนสิ บห้านาที... ไปเดี๋ยวนี้ !"
ผูอ้ าวุโสพยักหน้ารับทันที ไม่กล้ากล่าวอะไรมากและ
ออกไปอย่างรวดเร็ ว... ผ่านไปไม่ถึงแปดนาที มันก็รีบกลับมา ใน
มือถือบัตรม่วงทองที่เปล่งประกายแสงสี ม่วงแวววาวใบหนึ่ง
แม้แต่มือของผูอ้ าวุโสผูผ้ า่ นร้อนผ่านหนาวมานับศตวรรษนี้กย็ งั
สัน่ ระริ ก ราาวกับว่ามันกําลังแบกภูเขาหนักห้าสิ บล้านกิโลกรัม
หยุนเช่อยืน่ มือออกไป และดึงบัตรม่วงทองนั้นมาไว้ใน
ครอบครองโดยพลัน จากนั้นก็ตรวจสอบจํานวนเงินภายใน
บัตร…
มีสิบล้านเหรี ยญม่วงพอดี... ไม่ขาดแม้แต่เหรี ยญเดียว !
สําหรับสี่ พรรคใหญ่ในอาณาจักรวายุคราม นี่เป็ นจํานวน
เงินมหาศาลอย่างแท้จริ ง ! หากมิได้อยูต่ ่อหน้าผูค้ นพรรคตระกูล
เซียวจํานวนมากเช่นนี้ หยุนเช่อคงอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าหัวร่ อ
อย่างบ้าคลัง่ ด้วยเงินจํานวนนี้ เพียงพอที่จะให้มนั ใช้จ่ายอย่าง
สุ รุ่ยสุ ร่ายได้อย่างที่ตอ้ งการ แม้กระทัง่ ในอาณาจักรเทพหงสา
ชีวติ ของเศษสวะคนหนึ่งกลับสามารถขูดรี ดผลประโยชน์
ได้ถึงเพียงนี้ นับว่าเป็ รการค้าที่ทาํ กําไรอย่างยิง่ จริ งๆ เดิมทีหยุ
นเช่อไม่มีความคิดกําจัดฆ่าพรรคตระกูลเซี่ยวเลยแม้แต่นอ้ ย แม้
พรรคตระกูลเซี่ ยวกะรทําการลํ้าเส้นมันไปบ้าง แต่ทางด้านของ
พรรคตระกูลเซี่ ยว ผูท้ ี่ทาํ ร้ายชายหนุ่มและท่านปู่ และอาหญิงเล็ก
มีเพียงเซี่ยวกวงหยุนเพียงผูเ้ ดียว ย่อมเป็ นไปไม่ได้ที่หยุนเช่อจะ
เคียดแค้นทั้งตระกูลเซี่ยวเพราะเรื่ องนี้ หากตระกูลอัคคีผลาญฟ้า
ล้วนแตกต่างกัน! พวกมันลักพาตัวครอบครัว ทั้งท่มเทความ
พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อสังหารหยุนเช่อ ทั้งหมดล้วนเป็ นการ
ตัดสิ นใจของเหล่าตัวการสําคัญภายในตระกูลทั้งสิ้ น! พวกมัน
ต่างปราศจากความลังเลในการล่าสังหาร ข้ามเส้นขีดความอดทน
ของชายหนุ่มหลายต่อหลายครั้ง หากหยุนเช่อไม่ลา้ งตระกูล มี
ความเป็ นไปได้สูงที่พวกมันจะแว้งกัดภายหลัง แต่สาํ หรับพรรค
ตระกูลเซี่ยว พวกมันไม่นบั ว่าเลวร้ายจนเกินไป ต่างถูกข่มขู่จน
ปราศจากความกล้าต่อต้านชายหนุ่มอีกต่อไป
หยุนเช่อเก็บบัตรม่วงทอง จากนั้น ชายหนุ่มกดประทับฝ่ า
มือลงโดยกะทันหัน ปรากฏเสี ยงหนักทึบเสี ยงหนึ่ง ร่ างของเซี่ยว
กวงหยุนถูกส่ งลอยขึ้นไปบนอากาศ มันกระอักโลหิ ตออก ก่อน
จะร่ วงลงมาหมดสติที่พ้นื
“ลูกหยุน!” แม้เซี่ยวเจวีย๋ เทียนยังคงขุ่นเคืองเซี่ยวกวง
หยุน หากบุตรชายยังคงเป็ นบุตรชาย มันถลาเข้าหา ก่อนจะพบว่า
ร่ างของเซี่ยวกวงหยุนท่วมท้นไปด้วยโลหิ ต กระดูกทัว่ ร่ างแตก
สลายหลายส่ วน
ขณะที่หยุนเช่อขึ้นหลังหงส์หิมะทะยานสู่ เบื้องบน ชาย
หนุ่มส่ งเสี ยงโอหังสะท้อนลงมาจากบนท้องฟ้า “อย่ากังวล มันไม่
ตายหรอก เพียงต้องนอนพักบนเตียงอีกหลายเดือน ยังมี จากนี้ไป
มันอย่าได้คิดถึงการสื บเผ่าพันธ์◌ุอีกต่อไป! มูลสุนขั เช่นมันไม่
คู่ควรมีลูกหลาน พรรคตระกูลเซี่ยวของเจ้าจงอย่าได้ให้มนั ก้าว
ออกจากเขตพรรคอีกตลอดไป หากข้าพบเห็นหน้ามันอีกครั้ง
พรรคเจ้าคงต้องหาเงินมามากกว่านี้เพื่อไถ่ชีวติ มันอีกครั้ง!!”
หงส์หิมะมีความเร็ วอย่างถึงที่สุด เสี ยงของหยุนเช่อค่อยๆ
จางหายไป เซี่ ยวเจวีย๋ เทียนร่ างโอนเอนไปเบื้องหน้าพร้อมทั้ง
กระอักโลหิ ตออกมาคําโต
“ท่านผูน้ าํ !” เหล่าผูอ้ าวุโสต่างเร่ งเข้ามารายล้อม
“ฮูววว… ข้าไม่เป็ นไร” เซียวเจวีย๋ เทียนเช็ดเลือดที่มุมปาก
ของตน มันหลับตา โบกมือพลางกล่าวอย่างอ่อนแรง “นี่กด็ ีแล้ว
อย่างน้อยมันก็เป็ นการรับประกันความปลอดภัยของพรรคตระกูล
เซียว ในที่สุดข้าก็จะได้นอนหลับอย่างสงบ… หามหยุนเอ๋ อไปส่ ง
ผูอ้ าวุโสอู๋จีดว้ ย”
บทที่ 398 เฟิ งเหิงคง

พรรคเทพหงสาเป็ นพรรคที่ใหญ่โตที่สุดภายในทวีป
ลมปราณฟ้า แม้วา่ ความแข็งแกร่ งโดยรวมจะด้อยกว่าสี่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยขนาดของมัน มิอาจมีพรรคใดในทวีปลมปราณฟ้า
จะสามารถเทียบเคียงได้ และแน่นอนว่ามันยังเป็ นพรรคเดียวที่มี
คุณสมบัติพอที่จะท้าทายสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์
ในขณะเดียวกัน พรรคเทพหงสานั้นครอบครองความพิเศษ
เฉพาะหนึ่งเดียวภายในทวีป คือกองกําลังของพรรคและกองกําลัง
แห่งวังหลวง! พรรคเทพหงสามีสองรากฐานสําคัญ หนึ่งคือนคร
วิหคเทวะอีกหนึ่งคือวังหลวงเทพหงสา! อีกทั้งยังขยายพรรคสาขา
ไปทัว่ จักรวรรดิเทพหงสาโดยไร้ขอ้ ยกเว้นพวกมันนั้นควบคุมทุก
สิ่ ง
เห็นได้ชดั ว่าพรรคเทพหงสามีขมุ กําลังที่แข็งแกร่ งที่สุดใน
เจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า
เฟิ งเหิ งคง นามสะท้านใต้หล้าที่ไม่มีผใู ้ ดไม่รู้จกั ในทวีป
ลมปราณฟ้านี้ เนื่องเพราะมันคือประมุขพรรคเทพหงสาคน
ปั จจุบนั ทั้งเป็ นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเทพหงสา พลังฝี มือสู งส่ ง
หาใดเปรี ยบ สามารถครอบแผ่นฟ้าด้วยฝ่ ามือเดียว เป็ นดังตัวตน
ในตํานานภายในใจของผูค้ นในทวีปลมปราณฟ้า สําหรับผูค้ นใน
จักรวรรดิท้ งั หก เหล่าจักรพรรดิของมันเป็ นตัวตนที่ไม่อาจเข้าถึง
ได้ หากจักรพรรดิเฟิ งเหิ งคงกลับก้าวข้ามจักรพรรดิแห่งอาณาจักร
ของพวกมันไปไกลห่าง ราวกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้บนสรวง
สวรรค์ เมื่อคิดถึงนามนี้ ความรู ้สึกเช่นนี้ลว้ นปรากฏขึ้นภายในใจ
ในบรรดาจักรวรรดิท้ งั หก ห้องท้องพระโรงย่อมต้องรายล้อมด้วย
องครักษ์จาํ นวนมหาศาล รวมทั้งยอดฝี มือจํานวนนับไม่ถว้ น
อารักขาในทางลับ เป็ นสถานที่ที่มีการรักษาการณ์เข้มงวดที่สุดใน
พระราชวัง ทว่าท้องพระโรงแห่งราชวงศ์เทพหงสาที่เฟิ งเหิ งคง
ประทับ เพียงมีแต่ความเงียบสงบ ไม่ปรากฏทหารรักษาการณ์
แม้แต่คนเดียว กระทัง่ องครักษ์ท่ีเดินลาดตระเวณยังหลีกเลี่ยง
สถานที่น้ ีโดยสัญชาตญาณ...ในพระราชวังหลวงของทุก
อาณาจักร เรื่ องราวเช่นนี้ยอ่ มเป็ นเรื่ องน่าแตกตื่น แต่สาํ หรับ
พระราชวังหลวงเทพหงสา นี่เป็ นเรื่ องธรรมดาสามัญ
น่าขัน! เฟิ งเหิ งเยว่มิใช่จกั รพรรดิธรรมดา มันยังเป็ นถึง
ประมุขพรรคอันดับหนึ่งแห่งลมปราณฟ้า---พรรคเทพหงสา! เป็ น
ความเข้มแข็งถึงระดับใด!? ด้วยระดับพลังฝี มือของมัน เหตุใดจึง
ต้องได้รับความคุม้ ครองจากผูอ้ ื่น? ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า มีผคู ้ น
กี่คนที่มีคุณสมบัติ หรื อสามารถคุม้ ครองมันได้?
ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า จะมีสกั กี่คนที่มีความกล้าหาญ หรื อ
ความสามารถในการตะลุยเข้าสู่ พระราชวังหลวงเทพหงสา?
ด้วยที่ไขว้มืออยูเ่ บื้องหลังเฟิ งเหิ งคงจ้องมองไปยังรู ปสลัก
เทพหงสาบนผนัง สายตาของมันจ้องมองไปอย่างไม่ขยับเขยื้อน
เหมือนดัง่ กําลังครุ่ นคิดสิ่ งใดอยู่ โดยปกติแล้วเครื่ องแต่งกายของ
จักรพรรดิจะใช้สีเหลืองทองปักด้วยลวดลายกรงเล็บมังกรห้าสาย
ทว่าเครื่ องแต่งกายของเฟิ งเหิงคงกลับเป็ นสี แดงเพลิงปักด้วย
ลวดลายวิหคสวรรค์สยายปี ก
มันอายุได้หนึ่งร้อยห้าสิ บห้าในปี นี้ หากทัว่ ร่ างของมันกลับ
ขาวอย่างยิง่ และปราศจากริ้ วรอยใดๆ มันมีคิ้วดัง่ กระบี่และดวงตา
แจ่มชัดด้วยความทระนงกล้าหาญที่แสดงชัดออกมา มันดูราวกับ
จะมีอายุได้เพียงสี่ สิบเท่านั้น...ด้วยระดับการฝึ กฝนของมัน หาก
มิใช่เพราะมันต้องการแสดงตัวให้เห็นจุดเด่นของจักรพรรดิและ
ต้องการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกับลูกๆของมัน มัน
สามารถที่จะทําให้ตนเองดูราวกับหนุ่มวัยยีส่ ิ บได้อย่างง่ายดาย
หากมันต้องการ มันมีลูกทั้งหมดสิ บหกคนเป็ นบุรุษสิ บห้าสตรี
หนึ่ง ลูกชายคนโตของมันเฟิ งซีหมิงนั้นอายุได้หนึ่งร้อยปี เต็มแล้ว
ขณะที่นอ้ งสาวคนสุดท้องพึ่งจะอายุสิบหกในปี นี้
ใช้เวลายาวนานอยูค่ รู่ ใหญ่ กว่าที่ดวงตาของเฟิ งเหิงคงจะ
บังเกิดความเปลี่ยนแปลง มันมิได้หนั กลับมา หากกลับกล่าววาจา
ออกมาอย่างฉับพลัน “ลูกหมิง เรื่ องอันใด? ”
มิทราบแต่เมื่อใดที่ปรากฏชายวัยกลางคนอายุราวสามสิ บปี
ในชุดยาวสี แดงขึ้นที่เบื้องหลังมัน ยามปรากฏปราศจากสุ ม้ เสี ยง
ใดแม้แต่นอ้ ย มันยืนอยูท่ ี่ดา้ นหลังของเฟิ งเหิ งคงมาชัว่ ระยะเวลา
หนึ่งแล้ว หากมันไม่กล้าส่ งเสี ยงใด ด้วยเกรงว่าจะเป็ นการรบกวน
องค์จกั รพรรดิ เมื่อมันได้ฟังเฟิ งเหิ งคงเอ่ยปาก ชายวัยกลางคน
ค้อมกายคารวะ “ผูบ้ ุตรคารวะพระบิดา...ผูบ้ ุตรมาเพื่อรายงาน
เรื่ องราวสองประการต่อท่าน”
เฟิ งเหิ งคงหมุนกายไปโดยรอบ ในฐานะที่องอาจดัง่ ขุนเขา
ใบหน้าของมันไม่ได้ปรากฎร่ องรอยความรู ้สึกใดๆออกมาจนมัน
กล่าวคําสองคําออกมาอย่างไม่แยแส “ว่ามา”
“ทราบแล้ว” ลูกชายคนโตของเฟิ งเหิ งคง เฟิ งซีหมิงนั้นเป็ น
ถึงนายน้อยของพรรคเทพหงสาและเป็ นองค์ชายแห่งราชวงศ์เทพ
หงสา หากเห็นได้ชดั ว่ามันยังคงเคารพต่อเฟิ งเหิ งคงมากไม่วา่
ท่าทางหรื อคําพูดล้วนมิกล้าปรากฎการกระทําอวดดี มันก้มหัวลง
เล็กน้อย “เรื่ องแรกที่จริ งเป็ นเพียงเรื่ องเล็กน้อยและไม่คุม้ ค่าให้
พระบิดาต้องหนักใจ ทว่ามันเป็ นเรื่ องของน้องสิ บสาม บุตรไม่
แน่ใจว่าควรจะรายงานเรื่ องนี้ต่อพระบิดาหรื อไม่”
“เฮอะ!” คิว้ ของเฟิ งเหิ งคงขมวดแนบแน่น “ในฐานะรัช
ทายาทแห่งจักรวรรดิเทพหงสา เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็ นลังเลขาด
ความมัน่ ใจเช่นนี้? หากเจ้าต้องการพูดอะไร ก็พดู มา หากไม่
ต้องการพูด ก็ไม่ตอ้ งพูด! กล่าววาจาวกวนอ้อมค้อมอันใด!?”
การดุด่าของเฟิ งเหิงคงไม่ใช่เรื่ องเล็กน้อย เฟิ งซีหมิงสัน่
สะท้านทัว่ ทั้งร่ างพร้อมกล่าวออกมาในทันที “พระบิดาสัง่ สอน
ได้ถูกต้อง ผูบ้ ุตรทราบความผิดแล้ว แม้เรื่ องนี้เป็ นเรื่ องเล็กน้อย
หากเกี่ยวพันถึงสายโลหิ ตเทพหงสา จึงสมควรรายงานพระบิดา
รับทราบก่อน”
“สายโลหิ ตของพรรคเรา? เมื่อเกี่ยวข้องกับสายโลหิตพรรค
เทพหงสา จะนับเป็ นเรื่ องเล็กน้อยได้อย่างไร!” สายตาของเฟิ งเหิ ง
คงเข้มขึ้น “เรื่ องราวนี้เป็ นเช่นไรกันแน่ พูดมา เร็ ว!”
“ทราบแล้ว...พระบิดายังคงจดจํานาม “หยุนเช่อ” ที่ผบู ้ ุตร
เคยกราบทูลเมื่อสองปี ก่อนได้อยูห่ รื อไม่” เฟิ งซีหมิงกล่าวถาม
“หยุนเช่อ?” สายตาของเฟิ งเหิงคงเบนไปเล็กน้อย “เจ้ากําลัง
พูดถึงผูท้ ี่ใช้เพลิงเทพหงสาออกมาในงานประลองยุทธวายุคราม?
มันมิใช่ตายไปตั้งแต่สองปี ก่อนแล้วหรอกหรื อ?”
“รายงานพระบิดา หยุนเช่อถูกกักอยูภ่ ายใต้ผนึก ณ ลาน
กระบี่จดั สรรแห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ดังนั้นผูค้ นต่างเชื่อมัน่ ว่า
มันต้องเสี ยชีวติ ไปแล้ว พวกเราต่างไม่คาดคิดว่ามันจะสามารถ
รอดกลับออกมา ทันทีที่ผบู ้ ุตรได้รับข่าว ผูบ้ ุตรอนุญาตองค์ชาย
สิ บสามเดินทางนําส่งเทียบเชิญงานประลองเจ็ดจักรวรรดิไปยัง
นครหลวงวายุครามด้วยตนเอง สาเหตุหลักคือเพื่อจัดการเรื่ องราว
นี้ หลังน้องสิ บสามพบพานหยุนเช่อ มันเองยืนยันว่าหยุนเช่อ
ครองครองโลหิ ตเทพหงสาเราจริ ง! เปลวไฟของมัน เป็ นเปลวไฟ
เทพหงสา!”
“มีเรื่ องเช่นนี้!” สี หน้าเฟิ งเหิ งคงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
โลหิ ตเทพหงสา คือเรื่ องต้องห้ามที่ยงิ่ ใหญ่ที่สุดของพรรคเทพหง
สา กฏข้อแรกของพรรคเทพหงสาคือสายโลหิ ตห้ามมิให้รั่วไหลสู่
ภายนอก มันกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม “มันเป็ นใครกันแน่ ที่อาจหาญ
ปล่อยให้สายเลือดเทพหงสาเรารั่วไหล...เรื่ องนี้สมควรจัดการ
เยีย่ งไร? หยุนเช่อผูน้ ้ นั บิดามารดามันมีญาติสนิทที่ใด เจ้าได้
สื บเสาะแล้วบ้างหรื อไม่?”
เฟิ งซี หมิงตอบ “พ่อแม่และญาติใกล้ชิดของหยุนเช่อ บุตร
คนนี้ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้วเมื่อสองปี ที่ผา่ นมา ทว่าน่า
เสี ยดาย ดูเหมือนพ่อแม่ของหยุนเช่อจะได้ตกตายไปแล้วหลังที่
มันเกิดได้ไม่นานด้วยศัตรู ของครอบครัวมัน มีบุคคลผูห้ นึ่งเก็บ
มันมาเลี้ยง มันมีนามว่าเซี่ยวเหล่ยซึ่ งสายเลือดของพวกมันมิได้
เกี่ยวข้องอันใดกันเลย นอกจากนี้เมื่อความจริ งได้ถูกเปิ ดเผยหยุ
นเช่อก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูล พ่อแม่ผใู ้ ห้กาํ เนิดมันสมควรตาย
ไปนานแล้วหรื อไม่กพ็ วกมันไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้าบุตรชายของ
พวกมันเลยตลอดยีส่ ิ บปี ทว่าทั้งหมดนี้ลว้ นเป็ นเรื่ องรอง เมื่อห้า
เดือนก่อน ยามที่นอ้ งสิ บสามได้เดินทางไปยังจักรวรรดิวายุคราม
อย่างลับๆเพื่อจัดการกับเรื่ องนี้ได้เหตุไม่คาดฝันขึ้น”
“เหตุไม่คาดฝัน? หมายความว่าเช่นไรเหตุไม่คาดฝัน?!” เฟิ ง
เหิ งคงขมวดคิ้วอีกครั้ง
ใบหน้าของเฟิ งซีหมิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ ยว เสี ยง
ของมันผงาดขึ้น “น้องสิ บสามเพียงต้องการฉุดคร่ า(What!?!)มัน
หลังจากที่ตรวจสอบแน่ใจแล้วว่าหยุนเช่อมีสายเลือดพรรคเรา
ทว่ามันมิเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหยุนเช่อจะดิ้นรนขัดขืน ใน
ที่สุด...ในที่สุดมันก็กลับกลายเป็ นพ่ายแพ้”
“น่าสมเพช!” เฟิ งเหิงคงสะบัดแขนอย่างแรง “ด้วยสายเลือด
เทพหงสา ลูกเฉิ นมีพรสวรรค์สูงส่ ง และยังเป็ นไปได้ยากที่จะที่
จะหาคู่ต่อสู ท้ ี่เหมาะสมในระดับอายุเท่ากัน แม้แต่ในจักรวรรดิ
เทพหงสาเรา ในจักรวรรดิเล็กๆไร้ค่าอย่างวายุคราม มันสามารถ
เข้าไปละเมิดกฎก็ยงั ไม่มีใครสามารถขัดขวางมันได้! ด้วยชื่อเสี ยง
ของมันเป็ นถึงองค์ชายเทพหงสาและบุตรชายของข้าเฟิ งเหิ งคง
ใครจะกล้าขัดขวางมันได้!”
“พระบิดาโปรดระงับโทสะ!” เฟิ งซีหมิงพลันกล่าววาจา “ผู ้
บุตรเองคาดไม่ถึงผลลัพธ์เช่นนี้ แม้หยุนเช่อจะเป็ นยอดฝี มือ
อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม หากมันมีพลังเพียงขั้นปราณ
ปฐพีเท่านั้น น้องสิ บสามต้องการคร่ ากุมมัน สมควรง่ายดายดุจปัด
ฝุ่ นละอองออกไปเท่านั้น”
“ทว่าที่มนั คาดไม่ถึง คือหยุนเช่อใช้ฐานะยอดยุทธ์อนั ดับ
หนึ่งแห่งจักรวรรดิวายุครามเพือ่ ไต่เต้าสู่ตาํ แหน่งราชบุตรเขยของ
จักรพรรดิชางว่านเฮ่อ! ยามที่นอ้ งสิ บสามไปถึงนครหลวง
ประจวบเป็ นช่วงงานพิธีอภิเษกขององค์หญิงลําดับหนึ่งแห่ง
จักรวรรดิพอดิบพอดี เมื่อเป็ นงานพระราชพิธีแห่งจักรวรรดิ
ราชวงศ์วายุครามเชื้อเชิญเหล่ายอดฝี มือทัว่ ราชอาณาจักรมาร่ วม
งาน แม้ยอดยุทธ์ในอาณาจักรวายุครามมีจาํ นวนน้อย แต่ยงั คงมี
ยอดยุทธ์ระดับราชันอยูบ่ า้ ง ในวันนั้นปรากฏพวกมันมาร่ วมงาน
ขณะที่นอ้ งสิ บสามกําลังจะคร่ ากุมหยุนเช่อ จักรพรรดิวายุคราม
ออกคําสัง่ ด้วยความพิโรธ ให้เหล่ายอดฝี มือชั้นราชันและชั้น
ปราณฟ้าเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรี ยง...น้องสิ บสามยังเยาว์วยั เมื่อ
รวมกับมันเพียงมียอดยุทธ์ช้ นั ราชันระดับต้นร่ วมทางไปอารักขา
มันเพียงสองคน พวกมันไม่คาดว่าต้องเผชิญยอดยุทธ์จาํ นวนมาก
สุ ดท้ายเสี ยเปรี ยบด้วยจํานวนอย่างมหาศาล...”
“ไม่...น่าเชื่อ!!”
เฟิ งเหิ งคงตกลงสู่ ความโกรธเกรี้ ยวอย่างรุ นแรง ภายใต้
ความโกรธสุ ดขีดของมันแม้แต่หว้ งอากาศยังสัน่ ไหว ท้องพระ
โรงทั้งหมดล้วนบิดเบือน คิ้วเรี ยวดัง่ กระบี่ของมันขมวดแน่นและ
กล่าวด้วยเสี ยงอันเคร่ งขรึ มอย่างที่สุด “จักรวรรดิเล็กๆอย่างวายุ
ครามกล้าบังอาจมาท้าทายข้า กล้าที่จะรวมกลุ่มรุ มทําร้ายลูกข้า
เช่นนี้! พวกมันไปได้ความคิดทะเยอทะยานแบบนี้มาจากที่ใด?”
“ผูบ้ ุตรโกรธแค้นเป็ นอย่างมากเมื่อได้ทราบข่าววานนี้ ทว่า
นี่ไม่อาจตําหนินอ้ งสิ บสาม การล่าถอยเมื่อเผชิญหน้ากับ
อาณาจักรเล็กจ้อยเช่นวายุครามนับเป็ นความอัปยศอันร้ายแรง
อย่างไม่ตอ้ งสงสัย ดังนั้นน้องสิ บสามไม่มีหน้าสู พ้ ระบิดา เมื่อ
รวมถึงพระบิดากําลังติดพันราชกิจในการเตรี ยมงานประลองเจ็ด
จักรวรรดิและนาวาปราณบรรพกาล น้องสิ บสามหวาดกลัวว่า
เรื่ องราวนี้จะรบกวนพระองค์ ดังนั้น มันปิ ดบังเรื่ องราวตลอดมา...
ทว่า ฝั่งอาณาจักรวายุคราม พวกมันหวาดกลัวมาตลอดจึงปิ ดบัง
เหตุการณ์ท้ งั หมด เรื่ องราวนี้ไม่มีผใู ้ ดทราบแม้จะผ่านมานาน
หลายเดือน ยิง่ กว่านั้น นี่เป็ นอีกเหตุผลหนึ่งที่นอ้ งสิ บสามไม่เคย
รายงานเรื่ อง...”
“พูด!”
“หยุนเช่อได้กล่าวไว้ในครานั้น มันจะเป็ นตัวแทนของ
จักรวรรดิลมปราณฟ้าเข้าร่ วมในการประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้า” เฟิ งซีหมิงกล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม “เมื่อเทียบกับเรื่ อง
การเตรี ยมความพร้อมในการเข้าสู่ นาวาปราณบรรพกาล เรื่ อง
เล็กน้อยของพวกสารเลววายุครามไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเรา
ในตอนนี้”
“หื ม!” เฟิ งเหิ งคงกล่าวอย่างโมโหโกรธา “มันยังกล้าจะมา
ที่นี่อีกจริ งๆหรื อ? อาจเพราะมันคงรู ้วา่ ไม่อาจหลบหนีไปได้จึงคิด
จะเอาชีวติ ตัวเองมาทิ้ง!”
“บุตรก็คิดเช่นนั้น การต่อต้านของมันในวันนั้นอาจบางที
แค่ตอ้ งการความสงบเพียงไม่กี่เดือน” เฟิ งซีหมิงแค่นหัวเราะเสี ยง
เย็น “พระบิดาไม่จาํ เป็ นต้องพิโรธเกี่ยวกับเรื่ องเล็กน้อยเพียงนี้
หากมันกล้ามาที่จกั รวรรดิเทพหงสาจริ ง มันมิอาจคิดแม้แต่จะ
หลบหนี หากมันไม่มาบุตรจะจัดการเรื่ องนี้ดว้ ยตัวเอง หลังจาก
นั้นดังเช่นที่ท่านพ่อกล่าว แม้วา่ มันจะเพียงบุคคลตํ่าต้อยไร้ค่า
หากเกี่ยวข้องกับสายเลือดของเราก็ยงั นับเป็ นเรื่ องใหญ่”
สําหรับเรื่ องนี้เฟิ งซีหมิงได้ฟังมาจากเฟิ งซีเฉิ นเมื่อวันก่อน
ทว่าเรื่ องราวที่ได้ฟังนั้นช่างต่างกับเรื่ องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น...
ในวันนั้นเฟิ งซี เฉิ นได้ไปกับผูต้ ิดตามระดับลมปราณจักรพรรดิ
ของมันอีกสองคนและถูกจัดการโดยหยุนเช่อเพียงผูเ้ ดียว ทว่ามัน
กลับบอกเฟิ งซี หมิงว่าถูกยอดยุทธิ์ระดับลมปราณจักรพรรดิแห่ง
วายุครามล้อมกรอบกลุม้ รุ มทําร้าย หลังจากที่ต่อสู ม้ ายาวนานก็ได้
พ่ายแพ้ลงเพราะโดนรุ มจู่โจมอย่างสาหัส...ขณะที่ผตู ้ ิดตามอีก
สองคนก็กล่าวอ้างเช่นเดียวกัน
นัน่ เพราะมันเป็ นถึงองค์ชายแห่งราชวงษ์เทพหงสา ไม่
สามารถได้รับความพ่ายแพ้ได้ และยิง่ ให้ผอู ้ ื่นรับรู ้ไม่ได้วา่ มันถูก
ทําร้ายเยีย่ งสุ นขั จากระดับชั้นปราณปฐพีที่อายุเยาว์กว่ามันที่เกิด
ในอาณาจักรเล็กๆอย่างอาณาจักรวายุคราม! เพราะนัน่ คือ
เครื่ องหมายแห่งความอัปยศที่ประทับอยูใ่ นจิตวิญญาณของมันที่
มิอาจจางหายไปตลอดชีวติ ! และมันจะมิให้ผใู ้ ดทราบถึง
เครื่ องหมายอัปยศนี้เด็ดขาด!
“ไร้สาระ...แค่เรื่ องไร้สาระ!” เฟิ งเหิ งคงกํามือทั้งสองแน่น
ขณะที่ร่างกายอัดแน่นไปด้วยความโกรธ “เดิมเราค่อนข้างลังเล
แต่ดูเหมือนจะไม่จาํ เป็ นอีกต่อไปสําหรับการมีอยูข่ องจักรวรรดิ
เล็กๆอย่างวายุคราม!”
บทที่ 399 นครวิหคเทวะ

“แล้วเรื่ องสําคัญอีกเรื่ องคือสิ่ งใด?” เฟิ งเหิ งคงพูดออกมา


แสดงออกถึงโทสะในนํ้าเสี ยง จักรวรรดิเทพหงสาอยูเ่ หนือผูอ้ ื่น
มานานหลายปี และยังมีอาํ นาจปกครองโลก เทียบกับอีกหก
จักรวรรดิแล้วไม่เคยมีผใู ้ ดกล้ารุ กรานหรื อก่อกบฎต่อจักรวรรดิ
เทพหงสาเลยสักครั้ง ยามที่เจ้าชายของจักรวรรดิเทพหงสาปรากฏ
ตัวที่อาณาจักรใด แม้แต่องค์จกั รพรรดิของอาณาจักรนั้นๆต่าง
แสดงความเคารพและอ่อนน้อม มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีราช
วงค์ใดกล้าต่อต้านบุตรชายของมัน และยิง่ เป็ นจักรวรรดิวายุคราม
ที่อ่อนแอที่สุดและมีอาํ นาจน้อยที่สุด!
นี่นบั เป็ นความท้าทายที่มีต่อผูไ้ ร้ตา้ นที่ทรงอํานาจอย่าง
จักรวรรดิเทพหงสา จึงบังเกิดโทสะอยูภ่ ายในจิตใจของมันอย่าง
ช่วยไม่ได้
แต่ในความเป็ นจริ ง ช่างวานเฮ่อแน่นอนว่ายอมไม่กล้าจะ
สัง่ ใครให้โจมตีเจ้าชายของจักรวรรดิเทพหงสา และแม้วา่ จะมี
ความกล้าเช่นนั้น แต่ยอดยุทธ์ระดับสู งของจักรวรรดิวายุคราม
ย่อมไม่มีผใู ้ ดทําตามคําสัง่ ของมันอย่างแน่นอน ตั้งแต่ตน้ จนจบมี
หยุนเช่อเพียงผูเ้ ดียวเท่านั้นที่ต่อต้านเฟิ งซีเฉิ นและยังจงใจป้องกัน
มิให้ผใู ้ ดเกี่ยวข้อง
แม้เซี่ ยฉิ งเยว่ตอ้ งการจะช่วยเหลือยังถูกหยุดไว้ดว้ ยท่าทีของ
หยุนเช่อ เนื่องเพราะหยุนเช่อรู ้วา่ ตนเองไม่อาจเป็ นคู่ต่อสู ข้ อง
จักรวรรดิเทพหงสา แต่ชายหนุ่มแน่นอนว่าไม่มีทางยอมแพ้
กลับกัน ช่างว่านเฮ่อที่พดู เพื่อช่วยเหลือเฟิ งซีเฉิ นใน
ท้ายที่สุดนั้น... นับว่าเป็ นโชคร้ายที่เฟิ งซีเฉิ นเก็บซ่อนความอับ
อายและความอัปยศของมันไว้และพุง่ ปลายหอกมาทิ่มแทงชาง
ว่านเฮ่อแทน
และเพราะเรื่ องนี้ อีกไม่นานในอนาคต อาณาจักรวายุคราม
ล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงจากหายนภัยร้ายแรงได้ “อีกเรื่ องเกี่ยวพันกับ
การประลองเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า” สี หน้าของเฟิ งซีหมินเคร่ ง
เครี ยด “สองวันที่ผา่ นมา ผูบ้ ุตรได้รับทราบข่าวจากแดนศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสี่ ในวันประลอง แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ต่างส่ งตัวแทนเพื่อมา
สังเกตุการณ์งานประลองโดยพร้อมเพรี ยง”
“เฮอะ!งานประลองครั้งก่อน อย่างมากมีเพียงหนึ่งในพวก
มันที่มาเข้าร่ วม แต่เมื่อนาวาปราณบรรพกาลปรากฏ พวกมันกลับ
พร้อมเพรี ยงไม่ขาดแม้แต่คนเดียว แม้จะบอกว่ามาเพื่อสังเกตุ
การณ์งานประลอง แต่ท้ งั หมดนี่ไยมิใช่เพื่อนาวาปราณบรรพกาล
ทั้งสิ้ น! พวกเราไม่เคยคิดล่อเหยือ่ หาประโยชน์ใดจากแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ที่พวกมันมีอยูใ่ นหัวทั้งหมดเพียงต้องการฉกฉวย
ผลประโยชน์จากนาวาปราณบรรพกาลที่ปรากฏขึ้นเหนือ
อาณาจักรของข้า นี่นบั กว่าเกินเลยไปจริ งๆ!” เฟิ งเหิ งคงกล่าว
ด้วยเสี ยงไม่ดี หากมิใช่มนั ยังไม่อาจจ่ายค่าตอบแทนในการ
ล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ได้ในยามนี้ มันไม่มีทางอนุญาตให้
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ กา้ วเข้านาวาปราณบรรพกาลแม้แต่กา้ วเดียว
“แต่ครานี้ ผูค้ นที่มานับว่าผิดแปลกไปบ้าง” เฟิ งซีหมิงกล่าว
“ผิดแปลกอันใด?” เฟิ งเหิ งคงเหลือบตามอง “หรื อเป็ นเทพ
ราชัน เจ้าสมุทร เซียนจักรพรรดิและปรมาจารย์กระบี่มาด้วย
ตนเองงั้นรึ !?”
เฟิ งเหิ งคงกล่าวว่า “แน่นอน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ไม่
คิดมาเยือนด้วยตนเอง ที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเป็ น
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง รายงานกล่าวว่ามันนําพาศิษย์เก็บตัว
ของมันมาด้วยเพือ่ สังเกตุการณ์งานประลอง...จากคํารายงาน ศิษย์
ผูน้ ้ ีมีพรสวรรค์สูงส่ งน่าหวาดหวัน่ กระทัง่ ท่ามกลางศิษย์รุ่นเยาว์
ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ยงั หาได้ยากยิง่ มันเคยสร้างความ
สัน่ สะเทือนไปทัว่ ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์คราหนึ่ง ที่มาจากวังเจ้าสมุทร
จีเชียนหลัว...”
“อะไร!? จีเชียนหลัว? นางมาทําอะไร?!” เมื่อได้ฟังคํา
“จีเชียนหลัว” เฟิ งเหิ งคงสู ญเสี ยการควบคุมนํ้าเสี ยงของมัน
ในทันที ใบหน้าที่รักษาความสู งส่ งทรงอํานาจมาโดยตลอด พลัน
เกิดอาการเกร็ งกระตุกขึ้นอย่างชัดเจน
“เรื่ องนี้...ผูบ้ ุตรเองก็ไม่ทราบ หากพระบิดาไม่ตอ้ งการออก
สู่ สาธารณะ เช่นนั้นผูบ้ ุตรขออาสาออกต้อนรับพวกมันเอง...ผู ้
ที่มาจากแดนกระบี่เดชาสวรรค์คือผูอ้ าวุโสลําดับเจ็ดผูก้ าํ ลังอยู่
ในช่วงรุ่ งโรจน์นามหลิงคุน ผูท้ ี่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สามนี้ยงั
นับว่าธรรมดา ทว่าผูท้ ี่มาจากวิหารสุ ริยนั จันทรา กลับเป็ นถึง...เย่
ซิ งหาน”
“เย่ซิงหาน?” คิ้วของเฟิ งเหิ งคงขมวดชิดแนบแน่น
“บุตรชายคนโตของเทพราชันเย่เม่ยเสี ย...เจ้าวิหารน้อยเย่ซิง
หาน? มันมาที่นี่ทาํ ไม?!”
“ด้วยเหตุน้ ีผบู ้ ุตรจึงรี บนํามารายงานแก่พระบิดา” เฟิ งซีหมิ
งรี บกล่าว
“การสํารวจนาวาปราณบรรพกาลล้วนล้มเหลวมาตลอด
หมื่นปี แม้จะเป็ นที่ดึงดูดใจต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ อย่างถึงที่สุด
หากความสนใจของพวกมันต่างลดลงอย่างมากหลังเวลาผ่านพ้น
มาเนิ่นนานผูท้ ี่ถูกส่งตัวไปในปี ล่าสุ ดนั้นมินบั ว่าสําคัญ วิหารเทพ
สุ ริยนั จันทราไม่มีเหตุผลใดที่จะส่ งเย่ซิงหานมา และยิง่ เป็ นไป
ไม่ได้เลยที่มนั จะมาชมการประลองเจ็ดจักรวรรดิหรื อฝึ กก็ตาม!
ดังนั้นบุตรชายคิดว่ามีความเป็ นไปได้สูงนักที่เย่ซิงหานมาเข้าร่ วม
เป็ นเพราะ...” เฟิ งซิงหมิงกัดฟันแน่นและพูดอย่างแช่มช้า “มี
ความเป็ นไปได้วา่ ...ที่มนั มาที่นี่เพราะเสวีย่ เอ๋ อ!”
เฟิ งเหิ งคงตกใจเล็กน้อยและตามมาด้วยโทสะ พื้นใต้เบื้อง
เท้าพลันแตกร้าวในทันที “เจ้า...ว่าอย่างไรนะ!?”
เฟิ งเหิ งคงระเบิดโทสะออกมาทันทีทาํ ให้ใจของเฟิ งซิงหมิง
สัน่ สะท้าน อย่างไรก็ตามนี่นบั ว่าไม่เกินความคาดหมายเพราะเสวี่
ยเอ๋ อที่กล่าวถึงนั้นสําคัญต่อเฟิ งเหิ งคงดัง่ แก้วตาดวงใจ กระทัง่
สําคัญยิง่ กว่าพรรคเทพหงสา! นางนับว่าเป็ นกับระเบิดของเฟิ งเหิ ง
คง... การแตะต้องนางเทียบเท่ากับการรนหาที่ตาย!
สําหรับเฟิ งซิงหมิง เสวีย่ เอ๋ อนับว่าสําคัญที่สุดในโลกหล้า
ไม่มีผใู ้ ดสามารถจะมาแทนที่นางได้ เขาพูดออกมาด้วยความ
เกลียดชัง “พระบิดาน่าจะได้ยนิ เรื่ องของมันมาแล้ว สิ บปี ก่อนเย่
ซิ งหานสามารถบรรลุศาสตร์มืดได้สาํ เร็ จ ซึ่งเป็ นวรยุทธ์ที่สูญ
หายไปนานของวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา นับแต่น้ นั ความแข็งแกร่ ง
ของมันก็เพิ่มขึ้น อีกทั้งศาสตร์มืดนั้นต้องใช้ร่างของสตรี ที่มี
คุณสมบัติทางร่ างกายระดับสู งเพื่อเป็ นร่ างกําเนิดในการฝึ กยุทธ์
ดังนั้น หลายปี มานี้ เย่ซิงหานรวบรวมหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเลิศ
เลอมากมายในเงามืดมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน มันมีลกั ษณะ
นิสยั มักมากในกามคุณ ทัว่ หล้าล้วนล่วงรู ้วา่ ไม่มีสตรี ใดที่มนั ไม่
ชมชอบ...คราที่เสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดเผยโฉมหน้าในนครหลวงเมื่อสามปี
ก่อน นางได้รับขนานนามเป็ นโฉฒงามอันดับหนึ่งในทันที
ขณะเดียวกัน นางเองครอบครองร่ างจิ ตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เป็ นไป
ไม่ได้เลยที่เย่หานซิงจะปราศจากความคิดชัว่ ร้ายต่อนาง...สาเหตุที่
มันมายังที่น้ ี เก้าในสิ บส่ วน เป็ นไปได้วา่ มันมาเพือ่ เสวีย่ เอ๋ อร์! ”
ทุกคําพูดของเฟิ งซีหมิงอัดแน่นไปด้วยความโกรธเกลียด
เคียดแค้น ราวกับมันต้องการเชือดเฉือนร่ างของเย่ซิงหานผูม้ ี
ความคิดชัว่ ร้ายต่อ “เสวีย่ เอ๋ อร์” ออกมาเป็ นชิ้นๆ ในทันที ยกเว้น
ยามที่มนั เอ่ยคําว่าเสวีย่ เอ๋ อร์ออกมาเท่านั้น คําสองคํานี้เต็มเปี่ ยม
ไปด้วยความอ่อนโยน ราวกับว่านี่คือสิ่ งลํ้าค่าที่สุด อบอุ่น
อ่อนโยนที่สุดในห้วงความคิดของมัน ในดวงตาของมันปรากฏ
ร่ องรอยความชื่นชมหลงใหลที่ไม่อาจสะกดไว้ได้
“บัดซบ!!!”
ร่ างกายของเฟิ งเหิ งคงสะท้ายไปด้วยความโกรธพร้อมกับ
เสี ยงตะโกนที่ระเบิดโทสะออกมาอย่างรุ นแรง มันจับจ้องไป
ยังเฟิ งซีหมิง ก่อนที่เท้าของมันจะตวัดเตะออกไปยังหน้าท้องของ
เฟิ งซีหมิง
ปั ง!
เฟิ งซี หมิงไม่ทนั ตอบสนองกระอักเลือดออกมา ร่ างของมัน
กระแทกเข้าสู่ ผนัง มันกุมท้องและค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวด้วย
ความเจ็บปวด “พระบิดา...”
“เฮอะ! เจ้าเศษสวะ!เจ้ายังกล้าเรี ยกเราเป็ นพระบิดา!!”
เฟิ งเหิ งคงยกปลายนิ้วชี้ไปยังบุตรชายก่อนตะคอกออกมาด้วย
เพลิงโทสะ “เสวีย่ เอ๋ อร์เป็ นน้องสาวแท้ๆของเจ้า เจ้ากลับกล้า
บังเกิดเพลิงราคะต่อนาง! เราเคยคิดว่าสองปี ที่ผา่ นมาจะทําให้เจ้า
สามารถเอาชนะปี ศาจชัว่ ร้ายในจิตใจได้แล้ว พวกเราไม่เคย
คาดคิดว่าเจ้าล้วนไม่แปรเปลี่ยนเลยแม้แต่นอ้ ย! แต่เจ้ากลับไม่อาจ
ควบคุมได้ กระทัง่ เปิ ดเผยมันออกมาต่อหน้าเรา! เจ้าทําให้เรา
ผิดหวังจริ งๆ!”
เฟิ งซี หมิงทรุ ดเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้น ก่อนจะกล่าววาจา
ออกมาด้วยความเจ็บปวด “พระบิดา...ผูบ้ ุตรทราบความผิด...ผู ้
บุตรทราบว่าความคิดต้องห้ามอันผิดศีลธรรมนี้ สวรรค์และใต้
หล้าไม่อาจยอมรับ ทั้งไม่สามารถอภัยได้ หลายปี นี้ผบู ้ ุตรใช้ความ
พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อสะกดระงับ ทว่า...ทว่าความสมบูรณ์
แบบไร้ที่ติของเสวีย่ เอ๋ อร์ เป็ นสิ่ งที่มิอาจลบล้างออกไปจากใจได้
เพียงแค่ใช้ความคิด...ผูบ้ ุตรมิอาจกระทําสําเร็ จ...และไม่เพียงแต่ผู ้
บุตรเท่านั้น น้องสาม น้องสี่ น้องเจ็ด และ...”
“หุบปาก!” คิ้วทั้งสองของเฟิ งเหิ งคงชี้เฉียงจนเกือบเป็ น
แนวตรง ทัว่ ร่ างปลดปล่อยรัศมีแห่งความโกรธกริ้ วถึงขีดสุ ด
“เสวีย่ เอ๋ อร์คืออัญมณี ล้ าํ ค่าที่สวรรค์ประทานมาสู่พรรคเทพหงสา
ของข้า ทั้งยังเป็ นเพียงความหวังเดียวที่จะทําให้พรรคเราสามารถ
ขึ้นเคียงบ่าเคียงไหล่กลับแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ได้ในรอบห้าพันปี !
ไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนไม่อาจคิดสร้างมลทินแก่นาง! บนโลกนี้ ไม่มีบุรุษ
ใดที่คู่ควรนางเช่นกัน! อย่าได้กล่าวถึงเย่ซิงหาน กระทัง่ เย่เม่ยเสี ย
มาด้วยตนเอง มันยังไม่มีคุณสมบัติคิดครอบครองนางเช่นกัน!
เจ้าบุตรอกตัญ�ูเช่นพวกเจ้า...จงละวางความคิดที่ไม่สมควรที่ใน
ใจของพวกเจ้าซะ อย่าได้บงั เกิดความคิดนี้ไปอีกจนตลอดชีวติ
หากผูใ้ ดคิดเคลื่อนไหวการใดเพื่อบรรลุวตั ถุประสงค์ แม้จะเป็ น
บุตรชายในสายเลือด...ข้าก็จะเชือดเจ้าด้วยมือของข้าเอง!”
เฟิ งซี หมิงกล่าวตะกุกตะกัก “พระบิดา โปรดระงับโทสะ...
พระบิดาโปรดระงับโทสะ ผูบ้ ุตรมิเคยลืมเลือนว่าตนเองคือพี่ชาย
ในสายเลือดของเสวีย่ เอ๋ อร์ ผูบ้ ุตรสาบานต่อพระบิดา ว่าจะไม่มี
ทางกระทําการที่จะมําให้เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งเศร้าเสี ยใจตลอดชีวติ นี้
หากผูใ้ ดคิดรังแกนาง แม้ตอ้ งแลกด้วยชีวติ ผูบ้ ุตรล้วนไม่ลงั เลใจ!
น้องสามรวมกึงพี่นอ้ งที่หลงเหลือล้วนเป็ นเฉกเช่นกัน...พวกเรา
เห็นเสวีย่ เอ๋ อร์ประดุจสมบัติสวรรค์อนั สุดลํ้าค่า จะกล้าทําร้ายนาง
ได้อย่างไร...หากเป็ นเช่นนั้น พวกเราไม่มีวนั อภัยให้ตนเองได้
แน่นอน”
“เช่นนั้นได้กด็ ี!” เพลิงโทสะของเฟิ งเหิงคงสลายหายไป
ทันทีที่มนั หมุนกายกลับ มันกล่าววาจาอย่างเยือกเย็นว่า “เสวีย่
เอ๋ อร์กาํ ลังฝึ กปรื อ ณ หุบเขาหงส์สถิตย์ วันงานประลองนางจึงจะ
ออกมารับชม อย่างไรเสี ย นี่คืองานประลองเจ็ดจักรวรรดิครั้งแรก
ในชีวติ ของนาง เมื่อถึงยามนั้น เจ้าอยูห่ ่างไกลนางได้เท่าใดยิง่ ดี
เท่านั้น หากเจ้ากล้าเข้าใกล้นางในรัศมีสามสิ บเมตร เราจะหักขา
เจ้าด้วยตนเอง!”
“ทราบแล้ว” เฟิ งซีหมิงค้อมศีรษะคารวะ ใบหน้าเต็มไปด้วย
ความไม่ยนิ ยอม
“ไปได้แล้ว เรารับรู ้เรื่ องที่เจ้าต้องการรายงานแล้ว”
“เช่นนั้น ผูบ้ ุตรทูลลา”
เฟิ งซี หมิงลุกขึ้นยืน ก่อนก้าวเดินออกจากท้องพระโรงเทพ
หงสาด้วยฝี เท้าอันระมัดระวัง
หลังก้าวออกไกลห่างจากท้องพระโรง เฟิ งซีหมิงหยุดเท้า
มันยกมือเช็ดคราบโลหิ ตที่มุมปาก ศีรษะแหงนเงยขึ้นจ้องมองไป
ยังเงาขนาดมโหฬารบนท้องฟ้า ใบหน้าปรากฏระลอกความรู ้สึก
ท่วมทัน เป็ นความเคียดแค้น หลงใหล ไม่ยนิ ยอมพร้อมใจ และ
ความเด็ดเดี่ยว…
“เสวีย่ เอ๋ อร์...เสวีย่ เอ๋ อร์ของข้า...สําหรับเจ้า ข้ายินยอมสละ
ทุกสิ่ ง...แม้เจ้าจะต้องการชีวติ ข้า ข้าล้วนปราศจากความลังเลใจ...
รอจนข้าได้ข้ ึนเป็ ฯประมุขพรรคเทพหงสา และขึ้นครองราช
บัลลังก์...เมื่อนั้นล้วนไม่มีใครสามารถขัดขวางข้าในการ
ครอบครองเจ้า..เย่ซิงหาน หากเจ้ากล้าบังเกิดความคิดใดต่อเสวีย่
เอ๋ อร์...แม้เจ้าจะเป็ นเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา..
บิดาก็จะเชือดเจ้าซะ!!”
————————————————————
ในขณะเดียวกัน ด้วยการเดินทางยาวนานถึงสิ บสามวันใน
ที่สุดสองเท้าของหยุนเช่อก็เดินอยูบ่ นพื้นนครวิหคเทวะ
บรรยากาศของนครเทพหงสามีร่องรอยของความร้อนแผด
เผา มิใช่วา่ อากาศที่นี่อบอุ่นกว่าอาณาจักรวายุคราม หากแต่นี่คือ
สถานที่ของผูฝ้ ึ กฝนพลังลมปราณอัคคีจาํ นวนมหาศาล ยิง่ กว่านั้น
ยังมีพรรคเทพหงสาเป็ ฯผูน้ าํ นครวิหคเทวะเป็ นใจกลางสําคัญ
ของพรรคเทพหงสา และเมื่อใจกลางของพรรคอยู่ ณ ที่น้ ี อากาศ
ของนครหลวงแห่งนี้จึงอีดแน่นไปด้วยรัศมีอคั คีอนั ร้อนแรง
แม้ชางว่านเฮ่อจะเคยกล่าวถึงความคึกคักของที่นี่ให้หยุ
นเช่อเตรี ยมใจ ทว่าเมื่อมาถึง ความครึ กครื้ นของสถานที่น้ ียงั คง
สร้างความตกตะลึแก่ชายหนุ่มได้
พื้นที่ของนครเทพหงสาใหญ่กว่านครวายุครามยีส่ ิ บเท่า
กระนั้นจํานวนคนยังหนาแน่นกว่าอย่างมหาศาลแม้จะเป็ นเขต
ชานเมืองก็ตาม ผูฝ้ ึ กยุทธ์มากหน้าหลายตาสวมใส่ อาภรณ์
หลากหลายเดินสวนกันขวักไขว่ พวกมันทั้งหมดส่ วนใหญ่มาเป็ น
กลุ่มก้อน ต่างเปล่งรัศมีพลังอันเข้มข้นหนาหนัก...ผูค้ นเหล่านี้ที่
เดินเกลื่อนถนน ไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนมีคุณสมบัติเป็ นถึงชนชั้นเจ้าสํานัก
ในอาณาจักรวายุคราม
ชัดเจนว่า ท่ามกลางพวกมัน ส่ วนมากล้วนมาที่นี่ล่วงหน้า
เพื่อสังเกตุการณ์งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ ยิง่ เมื่อใกล้วนั เริ่ ม
งานประลองยุทธและวันประลองแล้ว ความสับสนวุน่ วายย่อม
ต้องทวีมากขึ้นกว่าเดิมหลายต่อหลายเท่า
“สมกับเป็ นนครหลวงแห่งจักรวรรดิเทพหงสา ความโอ่อ่า
ไพศาล บรรยากาศ ระดับความเข้มแข็ง อาณาจักรวายุครามล้วน
ไม่อาจเทียบเปรี ยบได้...ราวกับคนละโลก”
หยุนเช่อมิอาจไม่อุทานออกมา
ชายหนุ่มมิได้ปลอมแปลงโฉม ชื่อเสี ยงเกียรติภูมิของมัน
เพียงเลื่องลืออยูใ่ นดินแดนวายุคราม ในพื้นที่ของจักรวรรดิเทพ
หงสา ไม่มีผใู ้ ดรู ้จกั มัน ทั้งสถานที่น้ ีเต็มไปด้วยยอดฝี มือ หากถูก
เปิ ดโปงมีแต่ยง่ิ ดึงดูดความสนใจ ทั้งอาจนํามาซึ่งปัญหาใหญ่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ่ยนาม มันยังคงต้องใช้นามที่แท้จริ งของ
ตนเอง
“ด้านบน!” เสี ยงของจัสมินพลันดังขึ้นมาภายในใจ หยุ
นเช่อเงยศีรษะขึ้นมองไปด้านบนในทันที
เหนือท้องนภาของนครหลวงแห่งนี้ ปกติมกั ปรากฏยาน
รู ปร่ างคล้ายเรื อเหาะบินทะยานผ่านไปด้วยความรวดเร็ ว เหล่า
วัตถุบินได้เหล่านี้สามารถแบ่งเป็ นระดับสู งตํ่า และใหญ่เล็ก ที่ส้ นั
ที่สุดมีขนาดเพียงไม่กี่เมตร ที่ยาวที่สุดมีขนาดยาวหกสิ บกว่าเมตร
แม้หยุนเช่อไม่เคยพบเห็นวัตถุประหลาดเช่นนี้มาก่อนใน
อาณาจักรวายุคราม หากยามอยูใ่ นทวีปเมฆคราม หยุนเช่อเคยได้
พบเห็นมันมามากกว่าหนึ่งครั้ง…
นาวาปราณ!
เครื่ องมือที่ใช้ในการบินที่หรู หราที่สุด ทรงประสิ ทธิภาพ
และคุณประโยชน์มากมายหลายด้านกว่าสัตว์อสู รเวหา ทว่า
สนนราคาของมันย่อมสู งลบลิ่ว รวมทั้งแหล่งพลังงาน --- หิ น
ลมปราณและผลึกปราณ ยิง่ สู งค่าจนน่าหวาดหวัน่ จํานวนของหิ น
ลมปราณและผลึกปราณที่เพียงพอในการขับเคลื่อนนาวาปราณ
เป็ นเวลาสองชัว่ โมง เมื่อนับคํานวนเป็ นจํานวนเงินแล้ว ล้วน
สามารถกองเป็ นกองมหึ มาที่สามารถสร้างความแตกตื่นจน
กลายเป็ นโง่งมต่อคนธรรมดาทัว่ ไปได้ ดังนั้น จํานวนผูค้ นที่
สามารถมีนาวาปราณไว้ในครอบครองจึงน้อยนิด หากผูค้ นที่มี
กําลังเพียงพอในการใช้มนั ยังน้อยนิดยิง่ กว่า...ในอาณาจักรวายุ
คราม ผูท้ ่ีสามารถมีนาวาปราณที่สุดสมควรเป็ นราชวงศ์และ
พรรคใหญ่ท้ งั สี่ หากหยุนเช่อไม่เคยเห็นพวกมันใช้นาวาปราณเลย
แม้แต่ครั้งเดียว
ทว่าในนครวิหคเทวะแห่งนี้ กลับปรากฏนาวาปราณจํานวน
มหาศาลเต็มท้องฟ้า ดังนั้น นี่เป็ นเครื่ องพิสูจน์อย่างดีถึงความ
เข้มแข็งของจักรวรรดิ
เมื่อมองผ่านเลยเหล่านาวาปราณบนฟากฟ้า หยุนเช่อต้อง
ตกตะลึงเมื่อมองเห็นเงามหึ มา...ราวกลับเมฆาสี ดาํ ทะมึนที่
ครอบคลุมท้องฟ้าสี คราม ปิ ดบังแสงอาทิตย์จาํ นวนมากมิให้ส่อง
ต้องพื้นพิภพเบื้องล่าง รู ปร่ างของมันที่ล่องลอยอยูก่ ลางอากาศ ดู
ไปคล้ายดัง่ นาวาปราณอันเก่าแก่ดึกดําบรรพ์...
“นัน่ คือ...หรื อจะเป็ นตามตํานาน...นาวาปราณบรรพกาลที่
กล่าวขาน?◌์” หยุนเช่อพึมพํา จากนั้น มันขมวดคิ้วเรี ยวงาม ดู
คล้ายมีความผิดปกติอยูบ่ า้ ง พระบิดากล่าวว่าขนาดของนาวา
ปราณบรรพกาลสมควรมีขนาดเทียบเท่านครหลวงวายุคราม แต่
หากมองจากมุมนี้ ดูไปไม่ใหญ่โตเท่าใด พระบิดาใช่ข้ ีโม้เกินไป
หรื อไม่?”
“เฮอะ! มันมิได้กล่าววาจาเกินเลยไปแม้แต่นอ้ ย เนื่องเพราะ
ระดับความสู งของนาวาปราณบรรพกาลนี้...คือหกหมื่นเมตรจาก
พื้นดิน!!”
บทที่ 400 สาขาหลักสมาคมการค้ าเดือนดับ

“อะไร…...หกหมื่นเมตร!?” หยุนเช่ออ้าปากค้างด้วยความ
ตกใจ
“หกหมื่นเมตร แม้นว่าจะเป็ นระยะทางบนพื้นดิน ก็ยงั
ไม่ใช่ตวั เลขน้อยๆ และถ้าตัวเลขนี้ใช้สาํ หรับความสู ง คงต้องใช้
คําว่า ‘น่าหวาดหวัน่ ’ อธิบายเท่านั้น อย่างน้อยที่สุด ในชัว่ ชีวติ
สองชาติภพของหยุนเช่อ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงหกหมื่นเมตร สามหมื่น
เมตรหยุนเช่อยังไม่เคยสัมผัส ชายหนุ่มไม่เคยเห็นนาวาปราณที่
สามารถขึ้นสู งเช่นนี้ได้ และที่ความสู งเช่นนี้ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงยอด
ฝี มือชั้นลมปราณฟ้า กระทัง่ ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณจักรพรรดิยงั ไม่
สามารถปี นป่ ายขึ้นไปได้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชางว่านเฮ่อเคยกล่าวว่าการจะขึ้นไปยัง
นาวาปราณบรรพกาลจําเป็ นต้องหยิบยืมพลังชั้นทรราชย์...ที่แท้
มันอยูส่ ู งขึ้นไปถึงเพียงนี้
และด้วยความสู งถึงระดับนั้น เงาสี ดาํ ที่ผคู ้ นมองเห็นได้
ยังคงกล่าวได้วา่ มโหฬารยิง่ ขนาดที่แท้จริ งของมันคงได้เพียง
จินตนาการแล้ว
ทว่ามีผคู ้ นเพียงจํานวนไม่มากเท่านั้นที่หยุดฝี เท้าแหงนเงย
ขึ้นมองมัน อย่างไรเสี ยนาวาปราณบรรพกาลอันลี้ลบั สุ ดหยัง่ ถึงนี้
ก็ได้ปรากฏขึ้นสองสามเดือนแล้ว
“จัสมิน ท่านรู ้หรื อไม่วา่ แท้จริ งแล้ว ‘นาวาปราณบรรพ
กาล’ นี้แท้จริ งคือสิ่ งใดกันแน่?” หยุนเช่อแหงนหน้าขึ้นพร้อมเอ่ย
ถาม
เนื่องจากชายหนุ่มอยูห่ ่างไกลจากมันอย่างมาก ทั้งยังมีช้ นั
เมฆหมอกหลายชั้นปกคลุมอยู่ ชายหนุ่มจึงมองเห็นเพียงเงาขนาด
ใหญ่และโครงของมันคร่ าวๆเท่านั้น ไม่อาจมองเห็นรายละเอียด
ได้แม้แต่นอ้ ย
“นัน่ สมควรเป็ นนาวาปราณจริ งๆ ข้าเคยพบนาวาปราณ
ขนาดใหญ่โตเช่นนี้มาหลายลํา แต่นาวาปราณลํานี้กลับทําให้ขา้
รู ้สึก...แปลกประหลาดนัก” จัสมินกล่าวอย่างครุ่ นคิด
“แปลกประหลาด?” แม้วา่ จัสมินจะกล่าวถ้อยคําคล้ายคลึง
กันนี้เป็ นครั้งที่สองแล้ว แต่หยุนเช่อยังคงชะงักงันในจิตใจ…
นาวาปราณขนาดใหญ่ โตมโหฬารถึงเพียงนี ้ แต่ นางกลับกล่ าวว่ า
นางเคยเห็นมาหลายครั้ ง...นํา้ เสียงของนางยังราวกับว่ าเคยชิ นกับ
ภาพเช่ นนี!้ สถานที่ที่นางเกิดและเติบโตขึน้ มานั้นเป็ นสถานที่อัน
น่ าหวาดหวัน่ เช่ นใดกัน?
“เหล่านาวาปราณล้วนผ่านการปรับปรุ งเปลี่ยนแปลงมาเป็ น
เวลาร่ วมร้อยล้านปี จนบัดนี้มนั มีรูปร่ างที่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน
ทั้งหมดมาเนิ่นนานแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เพื่อที่จะลดการสิ้ นเปลือง
ศิลาปราณ ผลึกปราณ หรื อกระทัง่ ศิลาเทวะและลูกแก้วเทวะ ส่ วน
หน้าของนาวาปราณล้วนมีรูปร่ างแหลมและยาว โครงลําของ
นาวาปราณทั้งหมดล้วนเรี ยบลื่นเป็ นพิเศษ จึงสามารถลดแรงต้าน
ขณะเหิ นบินได้อย่างมาก ทว่านาวาปราณลํานี้กลับตรงข้ามกัน
อย่างสิ้ นเชิง ดูราวกับว่าเป็ นนาวาปราณจากยุคดึกดําบรรพ์… สิ่ งที่
ประหลาดที่สุดคือ ขณะที่นาวาปราณลอยอยูบ่ นอากาศจะใช้
พลังงานมหาศาลอยูท่ ุกขณะ แต่ขา้ กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงกระแส
พลังงานใดๆจากเบื้องบนได้เลย! เรื่ องนี้นบั เป็ นเรื่ องที่เป็ นไป
ไม่ได้!
หยุนเช่อ “...”
“หากเจ้าสะสางเรื่ องราวกับพรรคเทพหงสาได้สาํ เร็ จและ
สามารถเข้าร่ วมการประลองยุทธ์เจ็ดอาณาจักร จงได้อนั ดับหนึ่ง
ในสามและขึ้นไปสํารวจนาวาปราณลํานี้ จู่ๆข้าก็อยากรู ้ข้ ึนมาแล้ว
สิ วา่ สิ่ งนี้คือสิ่ งใดกันแน่” จัสมินกล่าวจริ งจังอย่างยิง่ เห็นได้ชดั ว่า
นางปักใจสงสัยใคร่ รู้เกี่ยวกับนาวาปราณลึกลับที่กระทัง่ นางเอง
ยังมิอาจเข้าใจได้ลาํ นี้
“ตกลง” หยุนเช่อผงกศีรษะ “หวังว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงทุก
อย่างจะเป็ นไปตามแผน”
“ดูเหมือนว่าเจ้าได้ตระเตรี ยมแผนที่ดีเอาไว้แล้ว?”
“...ประมาณนั้น แต่สิ่งเช่นแผนการสุ ดท้ายก็เป็ นเพียง
แผนการ เมื่อถึงเวลาย่อมไม่มีผใู ้ ดคาดเดาสิ่ งที่จะเกิดขึ้นจริ งได้”
แม้หยุนเช่อจะกล่าวเช่นนี้ แต่สีหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่ง
เคร่ งขรึ มยิง่
“ยังมีเวลาอีกครึ่ งเดือนก่อนการประลองจะเริ่ ม เจ้าวางแผน
จะทําสิ่ งใด?”
“ข้าจะใช้เวลาสามส่ วนทําความคุน้ เคยกับนครหลวงเทพหง
สา เช่นนั้นเมื่อข้าหมดทางเลือกและจําเป็ นต้องหนีจะได้ไม่หนี
อย่างไม่รู้ทิศทางดุจแมลงวันไร้หวั สําหรับเวลาเจ็ดส่ วนที่เหลือ
ย่อมใช้เพิ่มพูนวรยุทธ์” หยุนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับหรี่ ตา
“ในช่วงหลายเดือนที่ผา่ นมาข้าฝึ กฝนเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็ง
บรรจบ แต่ระดับพลังปราณกลับล้าหลังโดยสิ้ นเชิง การประลอง
ยุทธ์เจ็ดอาณาจักรเป็ นงานที่รวมยอดยุทธ์รุ่นเยาว์ระดับสู งที่สุดใน
ทวีปลมปราณฟ้า งานประลองของอาณาจักรวายุครามไม่อาจ
เทียบได้เลย ด้วยความแข็งแกร่ งของข้าในตอนนี้ขา้ ไม่มน่ั ใจเลยว่า
จะคว้าอันดับหนึ่งในสามมาได้...ในช่วงหลายวันที่จะถึงนี้ขา้
จะต้องใช้วธิ ีพิเศษเพื่อเพิ่มระดับพลังปราณ”
“ในตอนนี้ขา้ มีหวั ใจของมังกรระดับจักรพรรดิ หนวดมังกร
ระดับจักรพรรดิ ลูกแก้วโลหิ ตเพลิงปี ศาจ หญ้าคงถง นํ้าจากดอก
บุปผาหยกหิ มะอยูใ่ นมือ… เมื่อข้าได้ครอบครองหยกพรหม
สวรรค์และดอกทานตะวันหงสา ข้าจะสามารถสกัดยาเม็ดปราณ
ฟ้าครอบจักรวาลได้ เมื่อข้ากินเข้าไปจะสามารถเพิ่มพูนระดับ
พลังปราณของข้าขึ้นสู่ ระดับปราณปฐพีข้นั ที่สิบ แม้วา่ หยกพรหม
สวรรค์และดอกทานตะวันหงสาจะมิอาจหาซื้อได้ในอาณาจักร
วายุคราม แต่ในนครเทพหงสานี้มีสาขาใหญ่ของสมาคมการค้า
เดือนดับตั้งอยู่ ตราบใดที่ขา้ มีเงิน ย่อมไม่มีส่ิ งใดที่มิอาจซื้อได้”
หลังกล่าวจบ หยุนเช่อก็หยิบแผนที่ของนครเทพหงสา
ออกมา และจับจ้องไปที่รูปจันทร์เสี้ ยวสี ดาํ สนิทสะดุดตาบนแผน
ที่อย่างรวดเร็ ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะเร่ งฝี เท้าตรงไปที่น้ นั
สมาคมการค้าเดือนดับนั้นตั้งกระจายอยูท่ ุกหนทุกแห่งทัว่
ทวีปลมปราณฟ้า และยังมีตาํ แหน่งเป็ นเจ้าแห่งโลกการค้าที่ไม่เคย
ถูกผูใ้ ดสัน่ คลอนมาก่อน สาขาใหญ่แห่งสมาคมการค้าเดือนดับ
ย่อมมีบรรยากาศยิง่ ใหญ่อลังการถึงที่สุดอย่างไม่ตอ้ งสงสัย แม้
เป็ นเช่นนั้นเมื่อหยุนเช่อเดินทางมาถึงทางเข้าสมาคมการค้าเดือน
ดับในที่สุด ชายหนุ่มยังคงถึงกับตะลึงงันโง่งม
ขนาดของสมาคมการค้าเดือนดับใหญ่โตกว้างขวางหลาย
สิ บกิโลเมตร สามารถทัดเทียมได้กบั เมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ไม่วา่
ผูใ้ ดล้วนไม่อาจทําใจเชื่อว่านี่เพียงเป็ นสมาคมพ่อค้าเท่านั้น ตัวตึก
ของสมาคมสู งแปดชั้น แม้จะมีเพียงแปดชั้น หากส่ วนสู งของแต่
ชั้นนั้นสู งอย่างน่าตกตะลึง เมื่อรวมทั้งแปดชั้นเข้าด้วยกัน กลับส่ ง
ให้ตวั ตึกสู งเสี ยดฟ้า บนยอดสุ ดปรากฏจันทร์เสี้ ยวสี ดาํ ทมิฬเผย
โฉมออกมาจากหมู่เมฆ ดูคล้ายว่า ไม่วา่ ท่านจะอยู่ ณ มุมใดใน
นครหลวงแห่งนี้ ย่อมสามารถมองเห็นสัญลักษณ์น้ ีได้เมื่อเงยหน้า
ขึ้นมอง
กําแพงสะท้อนประกายหยกบริ สุทธิ์ที่ก่อตัวเป็ นกําแพง อิฐ
ทุกก้อนล้วนมูลค่าสูงอย่างยิง่ ถึงกับมีค่าสู งกว่าอิฐเคลือบเงาที่
ประดับกําแพงพระราชวังวายุคราม ส่ องรัศมีใหญ่โตภูมิฐานและ
หรู หราสง่างามไล่ลงมายังเบื้องล่าง กระทัง่ ผูค้ นแทบถูกกระตุน้
ให้คอ้ มคารวะเมื่อมองไปยังตัวตึกแห่งนี้
รํ่ารวยอย่างถึงที่สุด...เมื่อเห็นสมาคมการค้าเดือนดับที่เบื้อง
หน้า หยุนเช่อทอดถอนใจหนักหน่วง ฉับพลัน ชายหนุ่ม
ปรารถนาใคร่ อยากรู ้ถึงตัวตนของผูท้ ี่เป็ นเจ้าของสมาคม ผู ้
ประกอบกิจการค้าอันยิง่ ใหญ่และครอบครองธุรกิจอันน่าแตกตื่น
นี้ไว้ในอุง้ มือ นี่มิใช่สิ่งที่เพียงมีเงินก็สามารถกระทําสําเร็ จได้
ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของหยุนเช่อยามนี้คือจตุรัสใหญ่โตที่
อัดแน่นไปด้วยมนุษย์จาํ นวนมหาศาล สถานที่ที่ผคู ้ นแออัดยัด
เยียดกันมากที่สุด คือเวทีหินผลึกที่ถูกแบ่งแยกออกด้วยเสาผลึก
สองสามต้น ที่เบื้องหน้าของเสาผลึกแต่ละต้นคือวัตถุพเิ ศษที่ถูก
จัดแสดง หมุนวนล่องลอยอยูอ่ ย่างช้าๆ วัตถุวเิ ศษเหล่านี้ถูก
จัดเรี ยงตามรู ปแบบรอบๆเวทีหินผลึก รอบๆ วัตถุเปล่งประกาย
ประหลาดลี้ลบั เป็ นสี รุ้ง เมื่อจ้องมองไปใกล้ๆ จะพบเห็นว่า
ทั้งหมดส่ องแสงสี แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า คราม และม่วง โดยมี
รู ปแบบที่แน่ชดั
“นี่คือสมาคมการค้าเดือนดับ? นี่มนั ...มัน...เกินไปรึ เปล่า?!”
ข้างๆ หยุนเช่อเช่อคือบุรุษหนุ่มที่ยนื นิ่งตะลึงด้วยความแตกตื่น
ปากของมัอา้ ค้างจนไม่อาจหุบลงได้เป็ นเวลานาน จากการแต่ง
กายของมัน สมควรเป็ นผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่แวะเวียนมายังนครวิหคเทวะ
แห่งนี้เป็ นครั้งแรก
“นี่เพียงเป็ นภายนอก จากคํารํ่าลือ ภายในยิง่ หรู หราโอ่อ่า
กว่านี้มากนัก” สหายของมันกล่าวขึ้น
“เหตุใดผูค้ นเหล่านั้นล้อมรอบเวทีหินผลึกนัน่ หากแต่ไม่
ยอมเข้าไปภายใน? อ้อ ใช่สิ เหตุใดข้ามองไม่เห็นประตู? พวกเรา
จะเข้าไปได้เยีย่ งไร?”
“เหอ สาขาใหญ่ของสมาคมการค้าเดือนดับใช่คิดเข้าก็เข้า
ได้หรื อ? กระทัง่ ศิษย์พี่ของเจ้าผูน้ ้ ียงั ไม่มีคุณสมบัติเข้าไปภายใน
ได้ เพียงสามารถเดินชมโดยรอบเท่านั้น อย่าได้คิดหวังว่าจะ
สามารถก้าวเข้าไปได้ หากเจ้าต้องการสิ่ งใด สามารถไปยังสาขา
อื่นหรื อสมาคมการค้าเล็กๆแทน ยังมี ถึงเจ้ามีคุณสมบัติเข้าไป สิ้ น
ค้าภายใน เจ้ายังไม่สามารถซื้ อหาได้”
“เหตุใดไม่สามารถเข้าไป หรื อพวกมันจะขับไล่ลูกค้า?
เช่นนั้นบุคคลเช่นใดจึงสามารถเข้าไปได้?”
“เห็นเวทีหินผลึกนัน่ มั้ย? มีวตั ถุวเิ ศษจัดแสดงอยูส่ ามสิ บหก
ชิ้นรอบเวที และนัน่ คือทางเข้าเพียงหนึ่งเดียวของสมาคม!หาก
เจ้าต้องการเข้าไป ต้องใช้พลังยุทธ์ของเจ้าโจมตีไปที่หินวิเศษ
พวกมันจะซึ บซับพลังที่ส่งเข้าไปก่อนจะประเมินพลังยุทธ์
จากนั้น จะปรากฏระดับชั้นของพลังขึ้นที่เสาหิ น พลังที่ปรากฏ
ต้องไม่มระดับตํ่ากว่าสี เขียว เจ้าจึงจะสามารถเข้าไปภายในได้...
แต่เจ้าเพียงสามารถเข้าไปชั้นที่หนึ่งและสอง ผูท้ ี่มีระดับพลังที่สี
ฟ้า สามารถเข้าไปชั้นที่สามและสี่ สี ครามสามารถขึ้นสู่ ช้ นั ที่หา้
และหก สําหรับสี ม่วงสู งสุ ดนั้น...สามารถขึ้นสู่ ช้ นั ที่เจ็ด! ”
หยุนเช่อได้ยนิ คําพูดทั้งหมดนี้ ก่อนจะทอดถอนใจอีกครั้ง
ครา ในโลกของพ่อค้า ตลอดมามีเพียงผูซ้ ้ื อเลือกสรรผูข้ าย เหล่า
สมาคมต่างๆ ล้วนใช้ฝีมือทุกชนิดเพื่อดึงดูดลูกค้าของตน...แต่
สมาคมการค้าเดือนดับกลับเป็ นฝ่ ายเลือกลูกค้าของมัน หากไม่มี
พลังฝี มือเพียงพอ กระทัง่ เข้าประตูยงั ไม่สามารถกระทําได้ แม้จะ
มีเม็ดเงินจํานวนมหาศาล ใช่วา่ จะทําให้สมาคมต้นรับท่านได้ และ
แม้จะเป็ นเช่นนี้ ลูกค้าของสมาคมไม่เพียงลดลงเหลือศูนย์
กลับกัน ปรากฏผูค้ นจํานวนมากมายนับไม่ถว้ นเฝ้าคิดหาหนทาง
เพื่อเข้าไปซื้อหาสิ นค้าสมาคม
ผูท้ ี่เปี่ ยมด้วยความเข้มแข็งและมัน่ ใจถึงเพียงนี้ ทัว่ ทั้ง
ลมปราณฟ้าเพียงมีสมาคมการค้าเดือนดับเท่านั้น!
“เช่นนั้นก็ไม่ยตุ ิธรรมสิ ” ผูฝ้ ึ กยุทธ์อายุเยาว์กล่าวด้วยความ
คับแค้นเคืองขุ่น “ตัดสิ นผูค้ นจากพลังยุทธ์ เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ยอ่ มต้อง
เสี ยเปรี ยบ? ทําเช่นนี้เพียงเอื้อต่อคนที่ฝึกยุทธ์มาเป็ นร้อยปี
เท่านั้น”
“ไม่! เข้าใจผิดแล้ว!” ผูท้ ี่เรี ยกว่าศิษย์พี่สนั่ ศีรษะ “ที่เสาผลึก
คํานวนไม่เพียงแต่ระดับพลังยุทธ์ หากเป็ นคุณสมบัติ! เมื่อเจ้า
โจมตีใส่ วตั ถุ ที่มนั รับทราบไม่เพียงพลังยุทธ์ ยังมีอายุของกระดูก
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ จากนั้น มันจะคํานวนโดยการผสมผสานทั้งอายุกระดูก
และพลังยุทธ์เข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น ด้วยระดับพลังของเจ้า
ในตอนนี้ หากเจ้าอายุสิบปี เจ้าย่อมมีโอกาสเข้าไปได้! แต่หากเจ้า
มีพลังยุทธ์ช้ นั ราชัน แต่อายุกระดูกยาวนานหลายร้อยปี เจ้าอาจวัด
ออกมาได้เพียงระดับสี เขียวเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว...ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ ท่านว่าเพียงสี ม่วงระดับ
สู งสุ ดจึงสามารถขึ้นสู่ ช้ นั ที่เจ็ด เช่นนั้น ท่านจะเข้าไปยังชั้นแปด
ได้เยีย่ งไร?”
“จากคํารํ่าลือ ชั้นที่แปดไว้สาํ หรับสมาคมในการต้อนรับ
ลูกค้าชั้นสูงของมันเท่านั้น มีเพียงผูย้ งิ่ ใหญ่อนั น่าเคารพนับถือ
อย่างสู งเช่นประมุขพรรคเทพหงสา บุคคลชั้นสุ ดยอดเช่นมัน จึง
สามารถเข้าไปได้...ข้าเกรงว่ากระทัง่ องค์ชายเทพหงสาทัว่ ไป
ยังคงไม่อาจเข้าไปได้เช่นกัน เช่นนั้น จงอย่าได้เพ้อฝันถึงมัน
ตลอดช่วงชีวติ นี้”
การสนทนาของบุคคลที่ขา้ งกายส่ งผลให้หยุนเช่อทราบวิธี
เข้าสู่ สมาคมการค้าเดือนดับอย่างปรุ โปร่ ง ชายหนุ่มถอนสายตา
จากจันทร์เสี้ ยวดําทมิฬเหนือหมู่เมฆ ก่อนจะก้าวเท้าออกไปเบื้อง
หน้าเวทีแก้วผลึก
ผูค้ นรอบเวทีเบียดเสี ยดเยียดยัด ยิง่ ในหลายวันมานี้ นคร
วิหคเทวะปรากฏฝูงชนล้นหลามเข้ามาจากอาณาจักรทั้งหก และผู ้
ที่สามารถเดินทางมาถึงที่น้ ี ไม่มีผใู ้ ดที่ไม่ใช่ยอดยุทธ์อนั โดดเด่น
หรื อยอดอัจฉริ ยะในยุทธภพภายในจักรวรรดิของพวกมัน เมื่อ
กล่าวถึงสาขาใหญ่แห่งสมาคมการค้าเดือนกับของที่น้ ี ทุกผูค้ น
ต่างบังเกิดความคิดต้องการเข้าไปเพื่อให้เห็นเป็ นบุญตา นี่คือ
เหตุผลสําคัญที่ผคู ้ นต่างมาอัดแน่นกันอยูใ่ นที่น้ ี
วัตถุวเิ ศษทั้งสามสิ บหกชิ้นปรากฏผูค้ นแออัดกันอยูท่ ี่เบื้อง
หน้า ทั้งหมดต่างมีใบหน้าแดงกํ่าเมื่อพวกมันทุ่มเทเค้นพลังยุทธ์
ออกมาอย่างเต็มที่เพือ่ โจมตีเข้าใส่ ทว่าทุกคราที่พลังมหาศาล
กระทบเข้ากับวัตถุวเิ ศษ พลังที่สะท้อนออกมากลับเบาบางอย่าง
ยิง่ ไม่มีผใู ้ ดสามารถสร้างแรงสะท้อนรุ นแรงหรื อความเสี ยหายได้
เลย พลังที่ส่งไปทั้งหมดแทบจะมลายหายไปในทันทีที่สมั ผัส
กระทัง่ ผูค้ นยีส่ ิ บสามสิ บคนพยายามโจมตีโดยพร้อมเพรี ยงกัน
พลังปราณที่อดั แน่นท่วมท้นถึงกับไม่เล็ดรอดออกมาให้ผคู ้ น
โดยรอบสัมผัสได้เลย
“กําปั้นสายฟ้าถล่มฟ้าดิน!!”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์อายุราวยีส่ ิ บปี มีสีหน้าเคร่ งขรึ มจริ งจัง สองแก้ม
ของมันบวมออก หลังจากรวบรวมพลังลมปราณยาวนานกว่าสิ บ
วินาที มันพลันตะโกนออกมาเสี ยงดังสนัน่ ก่อนจะส่ งพลังเข้า
โจมตีศิลาวิเศษที่เบื้องหน้าอย่างสุ ดกําลังด้วยทักษะยุทธ์ที่เข้าแข็ง
ที่สุดของมัน.. ยามจู่โจมแม้ไม่อาจใช้อาวุธ หากท่านสามารถใช้
ออกด้วยวิชายุทธ์ที่ทรงพลังได้อย่างเต็มที่
กําปั้นของผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์น้ นั กระแทกเข้าใส่ วตั ถุวเิ ศษ
วัตถุที่ล่องลอยกวาดกลืนคลื่นพลังยุทธ์เข้าไปโดนไร้เสี ยง จากนั้น
อัญมณี บงั เกิดปฏิกิริยา ระดับชั้นที่หนึ่งสี แดงปรากฏขึ้น ก่อนจะ
ทวีกาํ ลังสู่ ระดับที่สองสี สม้ จนถึงรดับที่สามสี เหลือง...ทว่า
ก่อนที่สีเหลือจะเปล่งประกายถึงขีดสุ ด มันกลับหยุดชะงักอยูก่ บั
ที่ ก่อนจะสลายกลายเป็ นสี ดาํ สี หน้าของผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์ที่เปี่ ยม
ไปด้วยความมัน่ ใจก่อนหน้านี้พลันแข็งค้างในทันที สองมือของ
มันสัน่ สะท้าน ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างไม่อาจควบคุม “ไม่...
เป็ นไปไม่ได้...เป็ นไปไม่ได้...ข้ารั้งอันดับที่สิบสามในงาน
ประลองแห่งอาณาจักรมารทมิฬ อัจฉริ ยะอันดับหนึ่งแห่งลุ่มนํ้า
เหนือ! เป็ นไปไม่ได้ นี่ตอ้ งมีความผิดพลาดบางประการ...”
ในฐานะหนึ่งในอัจฉริ ยะที่แท้จริ งในจักรวรรดิ มันเติบโต
มาอย่างบุคคลที่มีความภาคภูมิใจและเย่อหยิง่ ผูไ้ ด้รับความเคารพ
บูชา ยกย่อง อิจฉาริ ษยา และประจบสอพลอ เสมอมาตลอดชีวติ
มาบัดนี้ เมื่อมันมาถึงสาขาหลักสมาคมการค้าเดือนดับ มันกลับไม่
สามารถแม้แต่จะมีคุณสมบัติข้นั ตํ่าสุ ดในการย่างก้าวเข้าสู่ ที่แห่งนี้
สําหรับอัจฉริ ยะผูส้ ามารถสัน่ สะเทือนจักรวรรดิหนึ่งได้ดว้ ยกําลัง
ของมันแล้ว ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า นี่นบั เป็ นการทําลายความมัน่ ใจ
ในตัวเองของมันอย่างมากมายหาใดเปรี ยบ
“ฮ่าๆๆๆ พวกเศษขยะจากจักรวรรดิเล็กๆอันตํ่าต้อย คิดฝัน
จะย่างเท้าเข้าสาขาหลักสมาคมการค้าเดือนดับ แม้กระทัง่ เอ่ยอ้าง
ว่าเป็ น ‘อัจฉริ ยะอันดับหนึ่ง’ ในบรรดาคนรุ่ นใหม่ของเขตเหนือ
แม่น้ าํ อะไรนัน่ … ฮ่าๆๆๆ ข้าแทบจะหัวร่ อจนฟังร่ วง ใน
จักรวรรดิเล็กๆของเจ้า เจ้าอาจเรี ยกว่าอัจฉริ ยะ แต่ในจักรวรรดิ
เทพหงสาแล้ว นัน่ ไม่ต่างอันใดจากมด ข้ารู ้สึกละอายแทนพวกเจ้า
ยิง่ นัก”
เสี ยงอันเย่อหยิง่ หาใดเปรี ยบดังขึ้นจากเบื้องหลังฝูงชน ทุก
คําพูดของมันช่างเสี ยดแก้วหูเหลือประมาณ เมื่อมันดูถูกเหยียด
หยามผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หมดจากหกจักรวรรดิ เหล่าผูม้ าชุมนุมในที่แห่ง
นี้ส่วนใหญ่มาจากหกจักรวรรดิ เมื่อพวกมันได้ยนิ เสี ยงนี้ ไม่มี
แม้แต่คนเดียวที่ไม่แสดงสี หน้าโกรธแค้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพวก
มันได้เห็นผูเ้ อ่ยวาจา ความโกรธที่ใกล้จะประทุออกมาพลันหยุด
สนิทด้วยเหตุผลบางอย่าง ในขณะที่พวกมันล้วนยืนนิ่งงัน ไม่กล้า
แม้แต่จะเปล่งเสี ยงเบาๆออกมา
บุคคลผูน้ ้ ีสวมใส่ ชุดผ้าสี แดงเพลิง บนอกปักไว้ดว้ ย
สัญลักษณ์นกเพลิงสยายปี ก ไม่วา่ จะเป็ นชุดผ้าสี แดงหรื อ
สัญลักษณ์ ล้วนยืนยันสถานะของบุคคลผูน้ ้ ี มันย่อมเป็ นศิษย์ของ
พรรคเทพหงสาอย่างมิตอ้ งสงสัย
9
บทที่ 401 เดิมพัน

ชายผูส้ วมใส่ ชุดผ้าสี แดงเดินผ่านในขณะที่ฝงู ชนต่างหลีก


ทาง การเดินของมันเชื่องช้าและสบายปลอดโปร่ ง ท่าทางของมัน
เต็มไปด้วยความภาคภูมิ ด้วยรอยยิม้ จางๆบ่งบอกถึงความดูถูก
เยาะเย้าที่มุมปาก เปรี ยบดัง่ ตนเองเป็ นจักรพรรดิท่ีกาํ ลังมอง
สิ่ งมีชีวติ เบื้องล่าง ชายหนุ่มยืดอกออกเล็กน้อยแสดงถึงสัญลักษณ์
นกเพลิงสยายปี กที่เป็ นประกายเรื องรองประกาศให้ทุกคนได้รับรู ้
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ของอีกหกจักรวรรดิที่มีความสามารถเพียงพอจะ
มาดูการประลอง พวกมันนั้นต่างก็มีความภูมิใจและเย่อหยิง่
อย่างไรก็ตามต่อหน้าศิษย์ของพรรคเทพหงสาแล้ว พวกมันต่าง
รู ้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างแท้จริ ง แม้หกจักรวรรดิและจักรวรรดิ
เทพหงสาจะรวมกันเป็ นเจ็ดจักรวรรดิ แต่ต่อให้ท้ งั หกจักรวรรดิ
จะร่ วมมือกันก็ยงั ไม่สามารถสัน่ คลอนจักรวรรดิเทพหงสาได้ อีก
ทั้งอย่างน้อยทุกปี พวกมันต่างจําเป็ นต้องส่ งของบรรณาการให้
จักรวรรดิเทพหงสา พวกมันต่างมิกล้าที่จะหยุดส่ งของบรรณาการ
หากจะกล่าวอย่างน่าเกลียดแล้ว ยามหกจักรวรรดิอยูต่ ่อหน้า
จักรวรรดิเทพหงสา ล้วนไม่แตกต่างจากการเป็ นเมืองขึ้นของ
จักรวรรดิ
ต่อหน้าอํานาจของจักรวรรดิเทพหงสาไม่สาํ คัญว่าพวกมัน
จะมีความแข็งแกร่ ง อิทธิพลหรื อพลังยุทธ์เท่าใด หากพวกมันอยู่
ในจักรวรรดิเทพหงสา พวกมันทุกคนต่างต้องเจียมตัวและอ่อน
น้อม
พรรคเทพหงสาคือผูก้ มุ อํานาจของจักรวรรดิเทพหงสาอย่าง
แท้จริ ง ในสายตาของผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั ทวีปต่างมองพรรคเทพหงสา
เหมือนดัง่ ผูท้ ี่มาจากต่างภพและโลก ยิง่ ไปกว่านั้น ดินแดนนี้คือ
อาณาเขตของพรรคเทพหงสา!
ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องพบกับความเย่อหยิง่ และเยาะเย้ยจาก
ศิษย์พรรคเทพหงสา พวกมันที่มีความภาคภูมิใจและความทระนง
ของชาติตนเอง เพียงกล้าบังเกิดโทสะ หากยังไม่กล้าที่จะพูด
ออกมาเสี ยงดัง ในสายตาพวกมันที่จอ้ งมองไปยังศิษย์พรรคเทพ
หงสา สามในสิ บส่ วนเป็ นความโกรธาและอีกกว่าเจ็ดในสิ บนั้น
คือความหวาดกลัว
ด้วยหลายสายตาที่จอ้ งมอง ให้ความรู ้สึกราวพยัคฆ์ในฝูง
แกะ ทําให้ศิษย์พรรคเทพหงสารู ้สึกภูมิใจและอิ่มเอมมากขึ้น
เสี ยงพูดของมันก็ดงั มากขึ้นจนแสบแก้วหู “เจ้าพวกเศษขยะจาก
อีกหกจักรวรรดิอนั ตํ่าต้อย จะดีกว่าหากพวกเจ้าไสหัวไปโดยเร็ ว
สมาคมการค้าเดือนดับมิใช่สถานที่เหมาะสมของพวกชั้นตํ่า การ
ที่พวกเจ้าโจมตีหินวิเศษที่นี่มีแต่จะทําให้พ้ืนสกปรกและอากาศ
หม่นหมองเสี ยเปล่า”
หยุนเช่อขมวดคิ้วอย่างรุ นแรง มันเคยพบเห็นผูค้ นหยิง่
ทะนงมามากมาย แต่นี่นบั เป็ นครั้งแรกที่มนั เห็นคนที่ไม่ลงั เลใน
การฉี กหน้าคนอื่นรวมถึงศิษย์ของอีกหกจักรวรรดิดว้ ยนํ้าเสี ยงที่
เย่อหยิง่ ถึงขั้นนี้
ชายหนุ่มสงสัยว่าศิษย์ของพรรคเทพหงสาผูน้ ้ ีน้ นั เย่อหยิง่
เพียงผูเ้ ดียวหรื อว่าศิษย์ของพรรคเทพหงสาทุกคนต่างก็แสดง
กริ ยาท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าศิษย์ผฝู ้ ึ กยุทธ์จากจักรวรรดิอ่ืนๆ
เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบลง ศิษย์ผฝู ้ ึ กยุทธ์จากอีกหกจักรวรรดิ
ต่างทวีความโกรธแค้นมากขึ้น และในที่สุดผูฝ้ ึ กยุทธ์วยั เยาว์ท่ีดู
อายุมิน่าจะถึงยีส่ ิ บปี ไม่สามารถที่จะคุมตัวเองได้อีกต่อไปจึงพูด
ออกมาด้วยความโกรธ
“เจ้า...มีที่ใดน่าภาคภูมิใจถึงเพียงนั้น!? ศิษย์แต่ละพรรคต่าง
ก็มีท้ งั ผูท้ ี่แข็งแกร่ งและอ่อนแอ แม้แต่พรรคเทพหงสาก็มิมี
ข้อยกเว้น ใครจะรู ้วา่ สถานะที่แท้จริ งของเจ้าคืออะไร? ใครจะดู
ไม่ออกว่าเจ้าเอาแต่พดู จาโอ้อวด? ถ้าเจ้ามีความสามารถจริ ง ก็
เปิ ดเผยระดับพลังยุทธ์ของเจ้าออกมาให้พวกข้าพิสูจน์!”
สิ้ นเสี ยงของชายหนุ่มพลันเกิดสุ ม้ เสี ยงอันตกตะลึงมาจาก
ฝูงชนด้านหลัง
“ข้าจําได้แล้ว! มันคือ เฟิ งเฉาหนาน หัวหน้าศิษย์ของผู ้
อาวุโสลําดับที่สามสิ บเก้าของพรรคเทพหงสา ข้าเคยเห็นรายชื่อ
ของมันปรากฏในหนึ่งร้อยอันดับแรกการประลองจัดอันดับของ
พรรคเทพหงสาเมื่อสองปี ก่อน!”
เมื่อได้ฟังแล้วนั้นผูค้ นต่างเข้าสู่ ความโกลาหลในทันที
สายตาของผูท้ ี่จอ้ งมองศิษย์พรรคเทพหงสานั้นแปรเปลี่ยนกลับ
กลายอย่างใหญ่หลวง พร้อมกับความกลัวที่มากขึ้น ขณะที่ผฝู ้ ึ ก
ยุทธ์วยั เยาว์ที่พดู ออกมาก่อนหน้านี้น้ นั หน้าซีดขาวในทันที
ไม่เพียงแต่เป็ นศิษย์ของพรรคเทพหงสา แต่เขายังเป็ นถึง
ศิษย์หลักของผูอ้ าวุโส อีกทั้งในการประลองจัดอันดับจักรวรรดิ
เทพหงสา เขายังมีชื่อปรากฏอยูใ่ นร้อยอันดับแรก!!
เฟิ งเฉาหนานระเบิดเสี ยงหัวเราะออกมาดัง่ สัตว์ป่า “ฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่า! ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกผูฝ้ ึ กยุทธ์จากจักรวรรดิเล็กๆจะ
มีคนที่รู้นามของข้า เฟิ งเฉาหนาน อืม...เอ ไม่ใช่วา่ พวกเจ้าอยาก
เห็นข้าเปิ ดประตูเข้าไปสมาคมการข้าเดือนดับหรอกหรื อ? ข้าจะ
ให้พวกเจ้าเปิ ดตาและดูให้ดีถึงความแตกต่างระหว่างศิษย์ของ
พรรคเทพหงสาของข้าและขยะจักรวรรดิเล็กๆของพวกเจ้า!”
“หลีกทาง!”
เฟิ งเฉาหนานก้าวไปข้างหน้าสามก้าวและหยุดยืนอยูเ่ บื้อง
หน้าวัตถุวเิ ศษ ทําตัวสบายๆแล้วพูดอย่างช้าๆ “พวกเจ้าทั้งหมดจง
เปิ ดตาให้กว้างที่สุดและดูให้ดี”
สิ้ นเสี ยงของชายหนุ่ม เพลิงเทพหงสาพลันปรากฏบนฝ่ ามือ
ของชายหนุ่มจากและพุง่ เข้าชนวัตถุวเิ ศษอย่างรุ นแรง
หลังจากที่วตั ถุวเิ ศษดูดซับพลังของเพลิงเทพหงสาอัญมณี
พลันเรื องแสงสี แดง ส้ม และเหลืองพร้อมกันในทันที แสงสว่าง
ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว สี เขียว... แต่ยงั ไม่หยุดแสงกลับเพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่องในความเร็ วที่ลดลง ท้ายที่สุดแสงสี ฟ้าก็สว่างขึ้น
หลังจากนั้นสามวินาทีแสงทั้งหมดจึงหายไป
วัตถุวเิ ศษหมุนด้วยความเร็ วสูง ไม่นานพลันปรากฏประตู
ทางเข้าออกมาอย่างช้าๆ สี ของประตูเป็ นสี ฟ้าและร่ างกายของเฟิ ง
เฉาหนานถูกห่อหุม้ ด้วยแสงสี ฟ้าเช่นเดียวกัน หมายความว่ามี
เพียงเฟิ งเฉาหนานเท่านั้นที่เข้าไปยังประตูสีฟ้านี้ได้
สี เขียวแสดงถึงผูท้ ี่สามารถเข้าสมาคมการค้าเดือนดับได้
และยังหมายถึงผูท้ ี่ได้สีน้ ีเป็ นอัจฉริ ยะในสายตาของสมาคมการค้า
เดือนดับ! ไม่เพียงแต่เฟิ งเฉาหนานจะเข้าสู่ สมาคมการค้าเดือนดับ
ได้ แต่มนั กลับได้สีฟ้าซึ่งสู งกว่าสี เขียว การตัดสิ นนี้เป็ นตัวบ่ง
บอกมาตรฐานการวัดระดับของสมาคมการค้าเดือนดับ เขาคือ
อัจฉริ ยะในหมู่อจั ฉริ ยะ! บรรดาผูฝ้ ึ กยุทธ์จากหกจักรวรรดิต่าง
ตะลึงจนพูดไม่ออกและสี หน้าพลันเปลี่ยนเป็ นสี แดง
เฟิ งเจ้าหนานดึงแขนกลับมาและแสดงออกถึงความพอใจ
ผ่านดวงตา มันยังคงทําตัวสบายๆเหมือนก่อนหน้าและพูดอย่าง
มัน่ ใจ “อืม..นี่แค่ชกธรรมดาๆยังผ่านเข้าไปได้ พวกเจ้ารู ้หรื อไม่วา่
สี ฟ้าหมายถึงสิ่ งใด? จิ๊จิ๊ ลืมมันไปเถอะ เพราะพวกเจ้าไม่มีวนั ไป
ยังชั้นสามหรื อสี่ ของสมาคมการค้าเดือนดับได้หรอก พวกเจ้า
ทั้งหมดอย่างมากตลอดชีวติ ก็ไปได้แค่ช้ นั หนึ่งและสองเท่านั้น จะ
ดีกว่าถ้าพวกเจ้าไสหัวไปแล้วเลิกขวางทางคนเดิน พวกเจ้านี่มนั
ไร้ยางอายจริ งๆ”
หลังจากที่พดู พร้อมสายตาดูแคลนมันเหลือบมองดูผฝู ้ ึ ก
ยุทธ์จากหกจักรวรรดิที่กาํ ลังโกรธแค้นและหัวเราะออกมาเสี ยงดัง
จากนั้นจึงเดินไปยืนหน้าประตูทางเข้า ก่อนที่เท้าของมันจะก้าว
เข้าสู่ ประตูพลันปรากฏเสี ยงพูดเย่อหยิง่ มาจากฝูงชนเบื้องหลัง
“ข้าเคยคิดอยูว่ า่ พลังของศิษย์หลักผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสาจะมี
เพียงใด ดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่ เลย แต่เรื่ องความเย่อหยิง่ ของเจ้านับว่า
มีสูงกว่าพลังของเจ้าหลายเท่านัก”
เมื่อได้ยนิ คําพูดเช่นนี้ฝงู ชนต่างเข้าสู่ ความโกลาหลอีกครั้ง
ผูค้ นต่างมองไปยังต้นเสี ยง เฟิ งเฉาหนานหยุดย่างก้าวและหันหลัง
กลับมาอย่างช้าๆ สายตาของมันจ้องมองไปยังหยุนเช่อ มันแอบ
ตรวจสอบความแข็งแกร่ งของชายหนุ่มก่อนที่จะแสดงความหยิง่
ออกมา “คนที่พดู เมื่อครู่ คือเจ้า?”
คนที่พดู ก่อนหน้านี้แน่นอนคือหยุนเช่อ หยุนเช่อไม่ใช่คนที่
ชอบหาเรื่ องใส่ ตวั เองนัก มากไปกว่านั้นมันก็ไม่ชอบการถูก
หัวเราะเยาะแล้วเงียบปากไว้ เฟิ งเฉาหนานดูถูกทุกคนจากหก
จักรวรรดิ และแน่นอนว่าต้องรวมถึงหยุนเช่อ แต่น้ นั คือเรื่ องรอง
สิ่ งที่หยุนเช่อทนไม่ได้ ก็คือการที่มีคนมาทําตัวหยิง่ ผยองมากกว่า
ตนเองต่อหน้าต่อตา! อย่างเฟิ งเฉาหนานผูน้ ้ ี
รัศมีน่าเกรงขามของเฟิ งเฉาหนานนับว่าเป็ นที่น่าตื่นตะลึง
แต่หยุนเช่อจะถูกสะกดข่มโดยรัศมีพลังของมันได้เช่นไร? ชาย
หนุ่มหัวเราะอย่างเย็นชาก่อนกล่าวว่า “มิผดิ เป็ นข้าเอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เฟิ งเฉาหนานหัวเราะดังลัน่ ราวกับว่าพึ่ง
ได้ยนิ เรื่ องที่ตลกที่สุดในโลก “ข้าก็คิดว่าใครที่ไหน ที่แท้กข็ ยะ
จากจักรวรรดิเล็กๆนี่เอง โอ้ ไม่ แม้ขยะก็ยงั ดูไม่ควร พลัง
ลมปราณระดับปราณปฐพีในสายตาข้ามันก็แค่ขยะ แต่ยงั กล้า
พูดจาเย่อหยิง่ ต่อหน้าข้าเช่นนี้นบั ว่ามีความกล้าไม่เลว”
ชายหนุ่มหรี่ ตาลงและกางนิ้วออกพร้อมรอยยิม้ “เจ้าเชื่อ
หรื อไม่วา่ หากข้าต้องการสังหารเจ้า เพียงนิ้วเดียวก็เพียงพอ? แต่
เสี ยดายนักที่ตรงนี้เป็ นพื้นที่ของสมาคมการค้าเดือนดับและการ
ประลองส่ วนตัวนั้นถือเป็ นข้อห้าม อย่างไรเสี ยข้าก็ตอ้ งไว้หน้า
สมาคมการค้าเดือนดับ มิเช่นนั้นด้วยคําพูดน่าขันของเจ้าก่อนหน้า
นี้เจ้ากลายเป็ นศพไปแล้ว! หลังจากเจ้าตายด้วยนํ้ามือข้าไม่วา่ จะ
เป็ นเจ้าชายหรื อแม้กระทัง่ รัชทายาทจากประเทศไหน ข้า
รับประกันเลยว่าจักรพรรดิของเจ้าจะต้องก้มหน้าส่งคนมารับศพ
ไปอย่างเชื่อฟัง ยิง่ กว่านั้น มันยังไม่กล้าสบถด่าออกมาแม้แต่คาํ
เดียว”
ในบรรดาผูฝ้ ึ กยุทธ์ในปัจจุบนั ผูท้ ี่มีพลังลมปราณมากกว่า
หยุนเช่อสามารถหาได้ทุกที่ ยามหยุนเช่อตะโกนพูดนั้นพวกเขา
ต่างประหลาดใจ คิดว่าเป็ นผูท้ ี่แกร่ งพอจะดูถูกศิษย์ของพรรคเทพ
หงสาได้ แต่เมื่อพวกมันพบว่าพลังปราณของหยุนเช่ออยูเ่ พียงแค่
ระดับปราณปฐพีพวกมันต่างผิดหวัง บางคนถึงกับคิดว่าหยุนเช่อ
นั้นเป็ นคนบ้า ด้วยพลังระดับปราณปฐพีกลับกล้าที่ทา้ ทายศิษย์
ระดับสู งของพรรคเทพหงสา
“อย่างไรก็ตาม หากเจ้ายอมคุกเข่ากราบแทบเท้าข้าสามครั้ง
แล้วเรี ยกข้าท่านปู่ สามครา ข้าก็พอจะไว้ชีวติ เจ้าได้อีกทั้งยังให้เจ้า
ได้ออกจากนครหงสาได้อย่างปลอดภัย ว่าไงหลานชายของข้า
ท่านปู่ ของเจ้าผูน้ ้ ีใจจะแข็งลงมือต่อเจ้าได้เช่นไร? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เฟิ ง
เฉาหนานพูดอย่างดูแคลนและเย่อหยิง่
บรรดาผูฝ้ ึ กยุทธ์ต่างมองหยุนเช่อด้วยความสงสาร...แม้มนั
ไม่มีความสามารถเพียงพอหนุนหลัง หากมันยังคงออกหน้าแสดง
ทีท่าแข็งกร้าว ป้ายเหล็กของพรรคเทพหงสาใช่สามารถเตะถีบ
ตามอําเภอใจได้เช่นนั้นหรื อ?! พวกมันแทบสามารถทํานายถึง
ชะตากรรมอนาถของบุรุษหนุ่มผูน้ ้ ีได้ในทันที
“คุกเข่า?” หยุนเช่อยิม้ ที่มุมปาก ชายหนุ่มไม่ได้แสดงออก
ถึงความกลัวเลยแม้แต่นอ้ ย แทนที่กลับยิม้ เบาๆ “อื้ม..ดูเป็ น
ความคิดที่ไม่เลว เฟิ งเฉาหนาน มาเดิมพันกับข้าหน่อยไหม? ข้า
นั้นมีความสนใจต่อสมาคมการค้าเดือนดับสาขาใหญ่มากและ
จุดประสงค์ของข้าในวันนี้กค็ ือการเข้าไปข้างใน หากข้าไม่
สามารถผ่านเข้าไปยังชั้นที่สามและสี่ ได้เหมือนเจ้า ลืมเรื่ องคุกเข่า
กราบเท้าไปได้เลย เจ้าจะทําอะไรกับชีวติ ข้าก็ได้ตามเจ้าต้องการ
และหากข้าสามารถทําให้อญั มณี เรื องแสงได้ระดับสู งกว่าสี ฟ้า ฮี่ฮี่
...เจ้าต้องคุกเข่าต่อหน้าข้ากราบเท้าข้าสามครั้งและเรี ยกข้าว่าท่าน
ปู่ สามครา การเดิมพันนี้...เจ้ากล้าหรื อไม่?”
เมื่อสิ้ นสุ ดคําพูดของหยุนเช่อ ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้าง ผู ้
ฝึ กหยุดจากอาณาจักรมารทมิฬที่ถูกอัญมณี ปฏิเสธก่อนหน้านี้รีบ
กล่าวเตือนเสี ยงดัง “เจ้าบ้าไปแล้วรึ !? รี บกลับคําพูดของเจ้าก่อน
หน้านี้ซะ ลืมเรื่ องสี ฟ้าไปได้เลย สี เขียวยังนับว่ายากกว่าการเดิน
ขึ้นไปยังสวรรค์! ข้าเองมีลมปราณระดับปราณฟ้าขั้นต้น ผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพีเช่นเจ้า เจ้ากําลัง...แส่หาความอัปยศใส่ ตวั
เท่านั้น”
“ปล่อยมันเถอะ ท่านพี่หยิน อย่าได้ไปรบกวนคนบ้าเลย”
สหายในพรรคของชายหนุ่มรี บกล่าวเพราะกลัวว่าจะกลายเป็ นเป้า
ระบายความโกรธของเฟิ งเฉาหนาน
“เจ้า? เดิมพันกับข้า? เหนือกว่าสี ฟ้า?” เฟิ งเฉาหนานขมวด
คิ้ว ใบหน้ากลายเป็ นบูดเบี้ยวก่อนจะหัวเราะออกมาเสี ยงดัง
ร่ างกายของมันสะท้านและหายใจแทบไม่ทนั “ฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่า...ฮ่า
ฮ่าฮ่าฮ่า...นี่เป็ นเรื่ องที่ตลกที่สุดในชีวติ ของข้าเลยจริ งๆ...ขยะ
ปราณปฐพี...กลับฝันที่จะได้จะสี เหนือกว่าสี ฟ้า...แถมยังกล้าเดิม
พันกับข้า...ฮ่าฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
สายตาของฝูงชนที่เพ่งตรงไปยังหยุนเช่อเปลี่ยนแปลงไป
ราวกับกําลังมองไปยังคนสติไม่สมประกอบผูห้ นึ่ง หยุนเช่อเพียง
เฝ้ามองแน่วนิ่งไปยังเสี ยงหัวเราะราวบ้าคลัง่ ของเฟิ งเฉาหนาน
เมื่อมันสามารถหยุดหัวเราะได้แล้ว หยุนเช่อจึงเอ่ยออกมาอย่าง
สบายๆ “กล้ารับคําท้าหรื อไม่? หากไม่กล้า เช่นนั้นก็ดี ข้าจะ
ปล่อยเจ้าไป เวลาของข้ามีค่ายิง่ ไม่ตอ้ งการสิ้ นเปลืองไปกับเศษ
สวะจองหองตัวหนึ่ง”
เฟิ งเฉาหนานหยุดหัวเราะ สี หน้าพลันดํามืดในทันที “เจ้า
พูดว่าข้าไม่กล้า? หึ ...แม้จนถึงที่สุดเจ้าก็ยงั เป็ นขยะโง่เง่าที่ไม่รู้
ความต่างระหว่างสวรรค์กบั โลกมนุษย์ เจ้าคนเดียวไม่มีคุณสมบัติ
พอจะมาเดิมพันกับข้า แต่วนั นี้ขา้ อารมณ์ดีจึงยอมเล่นกับเจ้า หาก
เจ้าสามารถทําได้เหนือกว่าสี ฟ้า ลืมเรื่ องคุกเข่ากราบเท้าสามทีและ
เรี ยกเจ้าว่าปู่ สามครั้งไปได้เลย ข้าจะคุกเข่ากราบเท้าและเรี ยกเจ้า
ว่าท่านปู่ หมื่นครั้ง เอาสิ เอาเลย เร็ วเข้า รี บๆแสดงให้ขา้ เห็นสิ ให้
ข้าได้เป็ นสักขีพยานว่าเจ้าจะได้สีเหนือกว่าสี ฟ้าหน่อย… ฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่า..”
“ประเสริ ฐ” หยุนเช่อพยักหน้า ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้า
มองไปยังเบื้องหน้าที่ห่างไกล “เมื่อการเดิมพันเป็ นอันตกลงแล้ว
อีกทั้งที่นี่ของเขตของสมาคมการค้าเดือนดับ เหตุใดเราจึงไม่ให้ผู ้
อาวุโสชั้นเจ็ดที่มองดูพวกเราตั้งแต่เริ่ มเป็ นพยานในครั้งนี้เล่า?”
ในชั้นที่เจ็ดของสมาคมการค้าเดือนดับ มีชายชราชุดม่วงยืน
อยูร่ ิ มหน้าต่างนิ่งสงัดดัง่ รู ปปั้น ชายชราได้มองลงมาเบื้องล่าง
ตั้งแต่เริ่ มต้น เมื่อได้ยนิ เสี ยงของหยุนเช่อมาแต่ไกลร่ างกายของ
ชายชราพลันสะท้านและเผยใบหน้าประหลาดใจ ชายชราได้จอ้ ง
มองไปยังหยุนเช่ออย่างระวังและตระหนักได้วา่ หยุนเช่อกําลัง
มองมายังตําแหน่งที่ยนื อยูไ่ ม่ผดิ พลาดแม้มุมเดียว
“เจ้าเด็กนั้นสามารถจับสัมผัสข้าได้จริ ง?” หัวใจของชายชรา
ชุดม่วงต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อในเวลา
เดียวกัน
ชั้นเจ็ดของสมาคมการค้าเดือนดับสู งถึงหนึ่งพันห้าร้อย
เมตรนับจากพื้นและระยะทางตามขวางจากเวทีอญั มณี มาถึง
สมาคมการค้าเดือนดับห่างกันนับร้อยเมตรเช่นกัน ในเวลา
เดียวกันหน้าต่างของสมาคมการค้าเดือนดับทําโดยวัสดุล้ าํ ค่าที่
เป็ นเอกลักษณ์ท่ีสามารถมองดูขา้ งนอกได้อย่างชัดเจน แต่ป้องกัน
การมองเห็นจากข้างนอกเข้ามาข้างใน ยิง่ ไปกว่านั้นระดับ
ลมปราณของชายชราชุดม่วงยังสู งส่ งหาที่เปรี ยบ แม้ยอดยุทธ์ช้ นั
ราชันจะอยูห่ ่างจากเขานับร้อยเมตรยังยากที่จะจับสัมผัสได้
แต่ หยุนเช่ อผู้นี ้ ที่มพี ลังเพียงปราณปฐพีกับสามารถค้ นพบ
ข้ าได้ ?! และมันยังรู้ อีกว่ าข้ ามองดูอยู่ตลอดเวลา!
ในความเป็ นจริ ง ผูท้ ี่พบว่าชายชุดม่วงกําลังมองมาจากชั้นที่
เจ็ดนั้น เป็ นไปไม่ได้ที่จะเป็ นหยุนเช่อ กลับกัน ผูท้ ี่สามารถรับรู ้
ได้ คือจัสมิน
บทที่ 402 ผู้อาวุโสจื่อ

ผูอ้ าวุโสชุดม่วงยืนนิ่งเงียบอยูก่ บั ที่โดยมิเอ่ยอะไรออกมา


เนื่องเพราะมันไม่แน่ใจว่าหยุนเช่อเพียงเอ่ยปากขึ้นมาลอยๆหรื อ
จับสัมผัสตัวมันได้จริ ง… หากเป็ นอย่างหลัง ก็นบั ว่าเป็ นเรื่ องคาด
ไม่ถึงยิง่
ตอนนั้นเอง หยุนเช่อพลันเอ่ยปากอีกครั้ง “หากผูอ้ าวุโสไม่
คิดตอบคํา ผูน้ อ้ ยจะขอถือว่าความเงียบนี้เป็ นการรับปาก สําหรับ
ความสําเร็ จของสํานักงานใหญ่เดือนดับจนถึงบัดนี้ ความซื่อสัตย์
ย่อมเป็ นสิ่ งสําคัญที่สุดอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ผูน้ อ้ ยเชื่อว่าผูอ้ าวุโสคง
มิยอมให้คนผิดคําพูดตนเองโผล่หน้ามาในเขตของตนเองแน่”
เฟิ งเฉาหนานหัวร่ อกึกก้อง “ผูอ้ าวุโสชั้นเจ็ดรึ ? ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!
ด้วยระยะไกลเช่นนี้ซ้ าํ ยังเป็ นภายในสมาคมการค้าเดือนดับอีก ไม่
ต้องพูดถึงขยะเช่นเจ้า ต่อให้เป็ นข้าเองยังไม่อาจตรวจจับการ
เคลื่อนไหวภายในได้แม่แต่นอ้ ย การกระทําของเจ้าช่างเหมือนตัว
ตลกไม่มีผดิ ”
หยุนเช่อหัวร่ อเย็นชาโดยไม่ตอบคํา มันก้าวไปเบื้องหน้า
ข่ายลมปราณต่อหน้าผูค้ น… มันพอจะเข้าใจหลักการวัด
ความสามารถของผลึกนี้ข้ ึนมาบ้างแล้ว อายุกระดูก และระดับ
ของพลังฝี มือ… ไม่ได้วดั เพียงระดับพลังปราณทัว่ ไป หากวัดด้วย
หลักการนี้แล้ว ไม่วา่ จะมองมุมไหน มันย่อมแข็งแกร่ งกว่าเฟิ งเฉา
หนานผูน้ ้ ีอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
หยุนเช่อเหยียดสองมือออกพลางรวบรวมกําลัง มันเปิ ดใช้
“ทัณฑ์อสูรโลกันตร์” ในพริ บตาก่อนจะชกออกด้วย “ทําลาย
จันทร์ดบั ดารา”
จักรวรรดิเทพหงสามีประวัติมายาวนานกว่าห้าพันปี และ
ตัวด่านผลึกนี้ยงั เก่าแก่กว่าตัวจักรวรรดิเทพหงสาซึ่งนับว่าแปลก
ประหลาดยิง่ พลังกระบวนท่าของหยุนเช่อภายใต้ผลของทัณฑ์
อสู รโลกันตร์น้ นั ทรงพลังเหนือประมาณ แต่ทนั ทีที่มนั กระทบถูก
ข่ายปราณ พลังทั้งหมดพลันถูกข่ายปราณสู บเข้าไปจนหมดสิ้ น
อย่างเงียบเชียบ
กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง…
เสาผลึกที่นิ่งงันพลันเปล่งแสงขึ้น… จากสี แดงพลัน
เปลี่ยนเป็ นสี น้ าํ เงินในพริ บตา เสี ยงของทั้งห้าสี ดงั ขึ้นสลับทับ
ซ้อนกันไปมาจนประสาทรับเสี ยงของทุกคนได้แต่อ้ืออึง
ผูค้ นที่รายล้อมล้วนแต่มีสีหน้ายสงสารและเตรี ยมใจจะได้
เห็นเรื่ องตลก ทว่าภาพตรงหน้าทําให้พวกมันตะลึงงันในพริ บตา
จนไม่อาจทําใจเชื่อว่าสิ่ งที่พวกมันเห็นเป็ นความจริ ง สี หน้าดู
แคลนของเฟิ งเฉาหนานพลันแข็งทื่อ ก่อนมันจะเอ่ยปากออกมา
อย่างลืมตัว “ปะ… เป็ นไปไม่ได้!”
ความเร็ วการเปลี่ยนสี ของเสาผลึกชะลอลง แต่กม็ ิได้หยุด
นิ่งและยังเปลี่ยนสี จากสี น้ าํ เงินเข้าสู่ ขอบเขตเสาผลึกสี น้ าํ เงินอม
ม่วงที่เปล่งแสงจ้า
“หวาา!!” เกือบทุกคนที่อยูร่ ายล้อมพลันส่ งเสี ยงอย่างลืม
ตัว… ทว่าแสงของเสาผลึกกลับมิหยุดนิ่งขณะเคลื่อนสู งขึ้นทุกที
แสงสี น้ าํ เงินอมม่วงพลันเข้มขึ้น ก่อนจะบังเกิดเสี ยง “กิ๊ง” ครา
หนึ่ง…
เสาผลึกชั้นบนสุ ดพลันเปล่งแสงสี ม่วงเจิดจ้าออกมา
สี แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วงอมนํ้าเงิน และม่วง… ทุกสี
ล้วนแต่เปล่งแสงเจิดจ้าจนเสาผลึกทั้งต้นเปล่งประกายสี รุ้งออกมา
ก่อนที่สีม่วงจะแผ่ขยายออกกลืนกินสี อื่นอย่างแช่มช้าและทําให้
เสาผลึกกลายเป็ นสี ม่วงทั้งต้น สี ม่วงนี้ส่องประกายอยูส่ ิ บอึดใจ
ก่อนจะสลายไปอย่างเชื่องช้า ข่ายปราณเบื้องหน้าหยุนเช่อหมุน
วนอย่างรวดเร็ วก่อนจะบังเกิดประตูเคลื่อนย้ายสี ม่วงขึ้นพร้อมกับ
ร่ างของหยุนเช่อที่เปล่งประกายสี ม่วงออกมาจางๆ
บนชั้นเจ็ดของสมาคมการค้าเดือนดับ ผูอ้ าวุโสชุดม่วงที่ยนื
อยูข่ า้ งหน้าต่างมาตั้งแต่เริ่ มพลันหน้าเปลี่ยนสี อย่างรวดเร็ ว แววตา
ของมันจ้องเขม็งไปยังหยุนเช่อ ผ่านไปครู่ ใหญ่กว่ามันจะเอ่ย
ขึ้นมาอย่างแช่มช้า “ชั้นปราณปฐพี… สุดหยัง่ คาดโดยแท้…”
การได้ระดับสี ม่วงนี้กน็ บั ว่าเกินความคาดหมายของหยุ
นเช่อไปเช่นกัน อันที่จริ งแล้วการวัดระดับความสามารถของเสา
ผลึกนี้ไม่ได้อาศัยเพียงอายุและพลังฝี มือของผูท้ ดสอบอย่างเดียว
ขณะเดียวกันมันยังเปรี ยบเทียบพลังที่ปลดปล่อยออกมากับคนรุ่ น
ราวคราวเดียวกันอีกด้วย พลังลมปราณของหยุนเช่อบรรลุเพียง
ชั้นปราณปฐพีข้ นั ปลาย แต่มนั กลับสําแดงพลังฝี มือระดับเดียวกับ
ผูบ้ รรลุปราณจักรพรรดิช้ นั กลางออกมาได้ นี่เป็ นพลังฝี มือสู งสุ ด
ของมันในยามนี้ และเรี ยกได้วา่ ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้านี้ไม่มีผใู ้ ด
เทียบเปรี ยบกับมันได้
บรรดาผูค้ นที่รายล้อมได้แต่ตะลึงงันอยูก่ บั ที่ ผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่ติด
อันดับหนึ่งในสิ บห้าของงานประลองจัดอันดับจักรวรรดิมาร
ทมิฬสามารถจู่โจมได้เพียงสี เหลือง เฟิ งเฉาหนานเป็ นถึงศิษย์เอก
ของผูอ้ าวุโสในพรรคเทพหงสายังทําได้เพียงสี น้ าํ เงินที่พวกมันไม่
คิดฝันจะทําได้ชว่ั ชีวติ แล้ว แต่คนผูน้ ้ ีที่บรรลุเพียงชั้นปราณปฐพี
กลับ… ทําได้ถึงสี ม่วงดุจภาพมายา!!
นี่หมายความว่าหากวัดจากมาตรฐานของสมาคมการค้า
เดือนดับแล้ว พรสวรรค์ของมันอยูบ่ นจุดสู งสุ ดของทวีปลมปราณ
ฟ้า! แม้จะมีสีม่วงอมนํ้าเงินที่แบ่งแยกระหว่างสี ม่วงและนํ้าเงินอยู่
ก็ไม่ได้แสดงว่าทั้งสองสี น้ ีแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่กลับแสดง
ถึงความแตกต่างของทั้งสองสี ที่ห่างกันดุจฟ้ากับเหว! ต่อหน้า
ระดับสี เหลือง สี น้ าํ เงินนับเป็ นตัวตนที่สูงส่ งจนไม่เห็นยอด แต่สี
นํ้าเงินนี้ต่อหน้าสี ม่วง… ก็นบั ว่าเป็ นได้เพียงขยะเท่านั้น
“เป็ นไปไม่ได้… เป็ นไปไม่ได้… ต้องมี… ข่ายลมปราณ
ต้องมีปัญหาแน่… เป็ นไปไม่ได้!” ทัว่ ร่ างเฟิ งเฉาหนานสัน่ สะท้าน
ขณะจับจ้องไปยังประกายสี ม่วงที่ยงั เจิดจ้า… ตัวมันเกิดในนคร
วิหคเทวะ มันเข้าใจดีกว่าผูใ้ ดว่าระดับสี ม่วงนั้นหมายถึงอะไร
เพราะในหมู่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ของพรรคเทพหงสารุ่ นนี้มีเพียงคนเดียว
เท่านั้นที่ทาํ ได้ถึงสี ม่วง แม้แต่สีม่วงอมนํ้าเงินยังนับว่าหายากยิง่
จะอย่างไรมันก็ไม่อาจทําใจยอมรับได้ที่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ระดับปราณ
ปฐพีจากหกจักรวรรดิที่เหลือ และเป็ นคนที่ไม่มีค่าพอจะให้มนั
ชายตามอง… จะทําให้สีม่วงแห่งตํานานเปล่งแสงออกมาได้จริ ง!
แม้มนั จะพึมพําอย่างแผ่วเบาว่าข่ายลมปราณต้องมีปัญหา
แน่… มันเองกลับเข้าใจดีกว่าผูใ้ ดว่าข่ายลมปราณไม่มีทางจะมี
ปัญหาไปได้ เล่าลือกันว่าสามสิ บสองข่ายลมปราณนี้ถูกจัดสร้าง
ขึ้นโดยราชันจักรพรรดิผหู ้ นึ่ง และยังคงอยูม่ ายาวนานยิง่ กว่าตัว
จักรวรรดิเทพหงสาเสี ยอีก มันจะเกิดปั ญหาขึ้นได้เช่นไรกัน?
หยุนเช่อหันกลับมาเผชิญหน้ากับเฟิ งเฉาหนานก่อนจะ
หัวเราะเบาๆ “เฟิ งเฉาหนาน ผลออกมาแล้ว เจ้าคงยังไม่ลืมเดิมพัน
ของเราเมื้อกี้ใช่หรื อไม่? เช่นนั้นเจ้าจะยืนนิ่งอยูต่ รงนั้นทําไมกัน?
ไยไม่คุกเข่าคํานับท่านปู่ เจ้าเล่า?!”
“นี่เจ้า!” ใบหน้าของเฟิ งเฉาหนานพลันดําคลํ้า… ก่อนหน้า
นี้ต่อให้ทุบตีมนั จนตาย มันก็ไม่ยนิ ยอมเชื่อว่าคนชั้นตํ่าที่บรรลุ
เพียงปราณปฐพีจะทําได้เกินสี น้ าํ เงิน… หรื อได้กระทัง่ สี ม่วงใน
ตํานาน ไม่ตอ้ งพูดถึงสถานะศิษย์ช้ นั สูงจากพรรคเทพหงสา ต่อ
ให้เป็ นบุคคลสามัญทัว่ ไปก็ไม่มีผใู ้ ดทนรับความอับอายจากการ
คุกเข่าคํานับและเรี ยกว่าอีกฝ่ ายเป็ นท่านปู่ ไปได้ ไม่เช่นนั้นมันคง
ต้องแบกรับความอัปยศนี้ไปชัว่ ชีวติ
“เจ้าก็แค่ไอ้ขยะชั้นปราณปฐพี เจ้าจะทําให้เสาผลึกเป็ นสี
ม่วงได้ยงั ไงกัน!” เฟิ งเฉาหนานเอ่ยพลางกัดฟัน “มันต้องมีเรื่ อง
ผิดพลาดกับข่ายปราณแน่… ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ตอ้ งใช้ลูกไม้
บางอย่างแน่! จะให้ขา้ เฟิ งเฉาหนานจากพรรคเทพหงสาคุกเข่าให้
เจ้า… เป็ นได้แค่เรื่ องตลกเท่านั้นแหละ!”
“ฮะฮ่า” หยุนเช่อเอ่ยปากอย่างดูแคลน “พรรคเทพหงสาขึ้น
ชื่อว่าเป็ นพรรคอันดับหนึ่งในยุทธภพ ความยิง่ ใหญ่ของมันเป็ นที่
รับรู ้กนั ถ้วนหน้าจนผูค้ นได้แต่เลื่อมใส ข้าไม่เคยคิดเลยว่าศิษย์
ของพรรคนี้กลับไร้สจั จะและจองหองอย่างที่สุด มันถึงกับผิด
คําพูดตนเองเช่นคนตํ่าช้า นี่ทาํ ให้ขา้ ผิดหวังยิง่ นัก ทว่าเจ้าจะผิด
เดิมพันไม่ได้เพราะสหายทุกท่านในที่น้ ีลว้ นเป็ นพยาน! หากเจ้า
ไม่คิดจะรักษาหน้าอันน่าอดสูของเจ้า เจ้าจะเดินหางจุกก้นไปก็ได้
แต่ขา้ ไม่รู้วา่ จะเกิดอะไรขึ้นหากมีข่าวกระจายไปทัว่ เมืองและรู ้ถึง
หูพรรคเจ้าว่าตัวเจ้าทําให้พรรคต้องเสี ยหน้าต่อหน้าเหล่าจอมยุทธ์
จากหกจักรวรรดิในเขตสมาคมการค้าเดือนดับแล้ว ข้าสงสัย
เหลือเกินว่าพวกมันไล่ขบั ไล่เจ้าออกจากพรรค… โอ้ ไม่สิ ข้อ
ห้ามใหญ่สุดของพรรคเทพหงสาก็คือเรื่ องสายเลือด พวกมันย่อม
ไม่ขบั ไล่ศิษย์ออกไปแน่ ข้าคาดว่าพวกมันคง… ทําการล้างบ้าน
ทันทีกระมัง?”
เมื่อตอนที่เฟิ งเฉาหนานมาถึงก่อนหน้านี้ สายตายําเกรงรอบ
ด้านทําให้ทวั่ ร่ างมันเปี่ ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจ แต่บดั นี้สายตา
รอบด้านนั้นก็ราวกับคมมีดทิ่มแทงร่ างกาย… หากมันอยูเ่ พียง
ลําพังกับหยุนเช่อ มันย่อมลงมือสังหารอีกฝ่ ายอย่างไม่ลงั เลโดย
ไม่ปล่อยให้มีใครอื่นมารับรู ้ได้ ทว่าไม่เพียงที่นี่จะเป็ นเขตของ
สมาคมการค้าเดือนดับเท่านั้น ยังมีพยานรู ้เห็นกว่าหนึ่งหมื่นคน
อีก นี่เป็ นครั้งแรกในชีวติ มันที่ถูกบีบคั้นจนสิ้ นหนทางเช่นนี้
“ศิษย์รุ่นนี้ของพรรคเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่เกรี ยงไกรของข้า
มีเพียงคนเดียวที่ทาํ ให้เสาผลึกเป็ นสี ม่วงได้! ขยะชั้นปราณปฐพี
เช่นเจ้าจะทําให้เสาผลึกเป็ นสี ม่วงได้อย่างไรกัน! ข่ายลมปราณมัน
ต้องมีปัญหาชัดๆ… เจ้ามีสิทธิอะไรจะให้ขา้ คุกเข่า?! ไม่มีใคร
หน้าไหนยืนยันผลนี้ท้ งั นั้น! เจ้าถึงกับใช้ชื่อพรรคของข้ามาขู่ขา้
งั้นรึ ? ฮะฮะ… ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันนัก!”
เฟิ งเฉาหนานหัวร่ อกึกก้องพลางคํารามออกมา แต่เห็นได้
ชัดว่ามันไม่ได้มน่ั ใจในคําพูดของมันเลย
ตอนนั้นเอง พลันปรากฎสุ ม้ เสี ยงแก่ชราดังลงมาจากเบื้อง
บน “เด็กน้อยจากพรรคเทพหงสา เป็ นความจองหองของเจ้าเองที่
นําปัญหามาให้ แต่เจ้ากลับไม่ยอมทําตามเดิมพันและตั้งข้อสงสัย
ในข่ายปราณของสมาคมการค้าเดือนดับข้ารึ !? ข้าเกรงว่าต่อให้
เป็ นเฟิ งหยุนจื่ออาจารย์เจ้าก็ยงั ไม่กล้ากระทําเช่นนี้!”
สุ ม้ เสี ยงนี้แม้มิได้กงั วานมาก แต่ทุกคําพูดก็แฝงด้วยแรง
กดดันจิตใจดุจภูผากดใส่ พลังฝี มือของเจ้าของเสี ยงนี้นบั ว่าสูงลํ้า
เกินจะคาดเดา เฟิ งเฉาหนานเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นเจ็ดของ
สมาคมการค้าเดือนดับ ใบหน้ามันฉายแววหวาดกลัวและตก
ตะลึงลึกลํ้า มันเร่ งเอ่ยปาก “ปะ… เป็ นผูอ้ าวุโสจื่อ! ผูอ้ าวุโสจื่อ
โปรดระงับโทสะด้วย ผูน้ อ้ ย… ผูน้ อ้ ยย่อมไม่ได้ต้งั ใจตั้งข้อกังขา
ทางสมาคมการค้าเดือนดับอยูแ่ ล้ว”
“ไม่รึ? เป็ นประสาทหูของข้าผิดเพี้ยนไปหรื ออย่างไร?” สุ ม้
เสี ยงชราถามกลับอย่างกึกก้อง
ใบหน้าของเฟิ งเฉาหนานพลันซีดเผือดและไม่กล้าเอ่ยปาก
ออกมาอีกนาน…
การที่ศิษย์ระดับสู งของพรรคเทพหงสาหวาดเกรงเจ้าของ
เสี ยงถึงเพียงนี้ทาํ ให้หยุนเช่อตกตะลึงในใจอยูบ่ า้ ง มันเงยหน้าขึ้น
ก่อนจะเอ่ย “ผูน้ อ้ ยขอบคุณท่านผูอ้ าวุโสที่ช่วยเอ่ยปาก”
“ความซื่อสัตย์เป็ นหลักการอันดับแรกของสมาคมการค้า
เดือนดับเรา และพวกเราก็ไม่อาจทนดูพวกคนชัว่ ร้ายผิดคําพูด
ตนเองได้อีกด้วย ทว่าจะอย่างไรเด็กน้อยคนนี้กเ็ ป็ นศิษย์ของ
พรรคเทพหงสา หากมันคุกเข่าลงกราบกรานย่อมเป็ นความอัปยศ
อย่างที่สุด และจะเป็ นการไม่เหมาะสมกับพรรคเทพหงสา ซํ้ายัง
ไม่เกิดประโยชน์อนั ใดกับเจ้าแม้แต่นิด ดังนั้นเจ้าสมควรถอยกลับ
เสี ยก้าวหนึ่ง”
“คําสอนของผูอ้ าวุโสถูกต้องแล้ว” หยุนเช่อเอ่ยอย่างเบิก
บาน “ผูเ้ ยาว์เพียงไม่อาจทนรับแววตาเหยียดหยามพวกเราทุกคน
จากหกจักรวรรดิได้เท่านั้น นี่เป็ นเหตุท่ีขา้ อยากให้มนั ได้จดจํา
เรื่ องนี้ไว้บา้ ง”
สี หน้าของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็ นชัว่ ร้ายขณะมันหันไป
มองหน้าเฟิ งเฉาหนานพลางฉีกยิม้ เฉิ ดฉาย “ท่านผูอ้ าวุโสสมาคม
การค้าเดือนดับถึงกับออกปากช่วยเจ้าแล้ว ข้าย่อมต้องให้เกียรติ
ท่าน… เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องโขกศีรษะคํานับกับพื้นอีกแล้ว คําเรี ยก
ท่านปู่ เจ้าก็ไม่ตอ้ งเรี ยกขาน แต่หากปล่อยเจ้าไปเฉยๆ เดิมพันนี้จะ
ไม่สูญเปล่าหรอกรึ ? พวกเราผูฝ้ ึ กยุทธ์จากหกจักรวรรดิกจ็ ะถูกเจ้า
ด่าว่าอย่างเสี ยเปล่า! ดังนั้นเจ้าสมควรทิ้งอะไรไว้บา้ ง! อืม…” หยุ
นเช่อกุมคางขณะหรี่ ตามองทัว่ ตัวเฟิ งเฉาหนาน “เสื้ อผ้าที่เจ้าสวม
อยูน่ บั ว่าไม่เลวนัก ถอดมาให้ขา้ เสี ย… ท่านผูอ้ าวุโส คําขอของข้า
คงไม่เกินเลยไปใช่หรื อไม่?”
สุ ม้ เสี ยงชราพลันดังลงมา “เสื้ อคลุมวิหคเพลิงเป็ นเครื่ อง
ยืนยันตัวตนของศิษย์พรรคเทพหงสา ไม่มีใครหน้าไหนนอก
สํานักที่จะกล้าลอกเลียนหรื อสวมใส่ แม้ขา้ จะไม่รู้วา่ เจ้าจะเอามัน
ไปใช้ทาํ อะไร เทียบกับเดิมพันนี้แล้วก็ยงั นับว่าปรานี เด็กน้อยจาก
พรรคเทพหงสา อีกฝ่ ายยอมให้เจ้าขนาดนี้แล้ว ยังจะค้านอะไรอีก
หรื อไม่?”
เสื้ อคลุมวิหคเพลิงเป็ นสัญลักษณ์ศิษย์พรรคเทพหงสา การ
ถอดออกย่อมไม่ต่างอะไรจากการฉี กหน้าตัวเอง ทว่าผลลัพธ์น้ ี
ย่อมดีกว่าการคุกเข่าคํานับหลายร้อยเท่าพันทวี ซํ้าด้วยแรงกดดัน
มหาศาลจากสมาคมการค้าเดือนดับแล้ว มันจะเอ่ยปากเป็ นอื่นได้
เช่นไร? มันกัดฟันถอดเสื้ อคลุมวิหคเพลิงออกโยนไปให้หยุนเช่อ
ก่อนจะรี บเปลี่ยนเสื้ อนอกและจากไปอย่างรวดเร็ วพลางมองหยุ
นเช่อด้วยแววตาอํามหิ ตทิ้งท้าย
“เจ้าเรี ยกคนที่อ่อนแอกว่าเป็ นขยะแปลว่าเจ้าย่อมยอมรับ
ความพ่ายแพ้ต่อหน้าผูท้ ี่เข้มแข็งกว่า และยังแปลว่าเจ้าเป็ นขยะยิง่
กว่าขยะ! การที่พรรคเทพหงสาใช้เวลากว่าห้าพันปี เพื่อก้าวมาถึง
จุดนี้ยอ่ มไม่ใช่เรื่ องง่าย ต่อให้เจ้าไม่มีฝีมือพอจะเพิม่ ชื่อเสี ยงให้
สํานัก ก็ไม่ควรจะคิดทําให้เสื่ อมเสี ยด้วยการอ้างชื่อของตัวสํานัก
เพื่อกระทําตามอําเภอใจ!” หยุนเช่อจับจ้องไปทางเฟิ งเฉาหนาน
อย่างเย็นชา ก่อนจะหันกลับไปยังข่ายลมปราณที่มนั จู่โจมใส่ เมื่อ
ครู่ โดยไม่สนใจอีกฝ่ ายอีก
บัดนี้เหล่าผูค้ นที่รายล้อมล้วนแต่มองหยุนเช่อด้วยแววตา
นับถือลึกลํ้า ไม่มีผใู ้ ดดูแคลนพลังชั้นปราณปฐพีของมันอีกต่อไป
ขณะเดียวกันพวกมันก็ยงั รู ้สึกขอบคุณที่ชายหนุ่มช่วยระบายความ
โกรธจากหกจักรวรรดิใส่ ศิษย์พรรคเทพหงสาไปบ้าง ด้วยท่าที
องอาจที่มนั ใช้จดั การกับเฟิ งเฉาหนานและสี ม่วงที่เปล่งแสงบน
เวทีผลึกทําให้พวกมันไม่กล้าเข้าไปทักทายอีกฝ่ ายด้วยความนับ
ถือเลื่อมใส ขณะหยุนเช่อเดินไปยังข่ายลมปาาณ ผูค้ นรอบด้าน
พลันถอยเท้าเว้นที่อย่างรวดเร็ ว สายตาของพวกมันยังคงจับจ้อง
ชายหนุ่มขณะอีกฝ่ ายเดินเข้าไปในข่ายลมปราณสี ม่วงและหายตัว
ไปอย่างรวดเร็ ว
ข่ายลมปราณสี ม่วงส่ งหยุนเช่อไปยังชั้นเจ็ดของสมาคม
การค้าเดือนดับ… สถานที่ที่มีเพียงไม่กี่คนทัว่ ทวีปลมปราณฟ้า
เท่านั้นที่เคยย่างกรายเข้ามา
บทที่ 403 ชั้นเจ็ดของสมาคมการค้ าเดือนดับ

หยุนเช่อสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสดชื่นอย่างถึงที่สุด
ที่รุกรานเข้ามาภายในใจก่อนจะมองเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่าง
ชัดเจนเสี ยอีก..ใช่แล้ว! เป็ นความสะอาด ความสดชื่นอย่างสุ ดขีด!
ตามธรรมดาของสมาคมการค้าทัว่ ไป กลิ่นอายที่เข้มข้นที่สุดมัก
เป็ นกลิ่นอายแห่งความเรี ยบง่ายโอ่อ่า ทว่าหยุนเช่อกลับรู ้สึกราว
กับว่าตนเองพลัดหลุดเข้ามาท่ามกลางแดนธรรมชาติอนั บริ สุทธิ์
สะอาดอย่างหมดจด โดยไม่มีความรู ้สึกว่าตนเองกําลังอยูใ่ น
สมาคมการเลยแม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาก่อนมองไปเบื้องหน้า ที่น่าตื่นตะลึง
คือกลับปรากฏสวนพรรณไม้ยาวไกลสุ ดลูกหูลูกตาขึ้นที่เบื้อง
หน้าสายตา พฤกษชาติสีสนั สดใสประหลาดแปลกตาเกลื่อนกล่น
ภายใต้ประกายแสงสี เขียวของไม้ใหญ่ยนื ต้นตระหง่านขึ้นสู งชัน
สายธารไหลริ นทอดยาวลดเลี้ยว ก่อกําเนิดเสี ยงอณูสายนํ้ากระซิบ
กระซาบพึมพําไม่สิ้นสุ ด
ประกายความคิดคํานึงอันพร่ าพรายพลันบังเกิดขึ้นต่อหยุน
เช่อ...นี่คือสิ่ งก่ อสร้ างที่รังสรรค์ ขึน้ มาบนชั้นเจ็ดของสมาคม
การค้ าเดือนดับ?
นี่มนั ยูโทเปี ยแห่ งจักรวาลแฟรี่ ชัดๆ!
ที่ดา้ นหน้า สตรี รับใช้แช่มช้อยงามสง่าสามนางสวมใส่
อาภรณ์สีสนั แตกต่างกันก้าวเท้าเข้ามาหาหยุนเช่อ ไม่มีผใู ้ ดมิใช่
สาวงามหนึ่งในหมื่น หากที่ยงิ่ จับตากลับเป็ นอากัปกิริยาอันสู งส่ ง
แช่มช้อย ทั้งพลังฝี มือยังสูงส่ งถึงชั้นลมปราณฟ้า!
โฉมสะคราญทั้งสามนางเดินตรงมาอย่างหยุนเช่อก่อน
คารวะด้วยทีท่างดงาม “ลูกค้าผูท้ รงเกียรติ ยินดีตอ้ นรับท่านเข้าสู่
สมาคมการค้าเดือนดับ หากท่านมีสิ่งใดที่ตอ้ งการ โปรดอย่าลังเล
ที่จะบอกพวกเรา”
การปฏิบตั ิตนต่อลูกค้าของสมาคมการค้าเดือนดับในชั้นเจ็ด
แน่นอนว่าช่างพิเศษเฉพาะอย่างยิง่ ด้วยความสามารถน่าตื่นตะลึง
ของสตรี ท้งั สาม ไม่วา่ นางใดล้วนสามารถเป็ นผูย้ งิ่ ใหญ่ได้ใน
อาณาจักรวายุคราม ทว่าที่นี่ กลับเป็ นได้เพียงสตรี รับใช้คอย
ต้อนรับผูม้ าเยือนเท่านั้น
หยุนเช่อกวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ ว หากกลับมองไม่
เห็นสถานที่วางสิ่ งของเพือ่ ซื้อหาอันใด กระทัง่ วีแ่ ววว่าที่นี่คือ
สมาคมการค้ายังไม่ปรากฏ ชายหนุ่มคิดอยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะเอ่ย
“นางฟ้าทั้งสาม ข้าอยากรู ้วา่ ผูอ้ าวุโสที่ขา้ คุยด้วยก่อนหน้านี้อยูท่ ี่
ใด?”
“ฮ่าฮ่า” เสี ยงหัวเราะที่อ่อนโยนปรากฏมาจากที่ใดไม่ทราบ
“ให้มนั มาพบข้า”
“รับทราบ...ลูกค้าผูท้ รงเกียรติ เชิญมาทางนี้” หญิงสาวทั้ง
สามตอบอย่างพร้อมเพียง
หนึ่งโฉมงามนําหน้า สองแยกย้ายรายล้อมอยูซ่ า้ ยขวา
ทั้งหมดนําทางหยุนเช่อก้าวไปด้านหน้าด้วยทีท่านอบน้อม
หลังเดินลัดเลาะผ่านสวนบุปผชาติ เนินเขาลูกย่อมๆ และ
นํ้าตกขนาดเล็ก พลันปรากฏลานที่ดูเรี ยบง่ายในสายตาของชาย
หนุ่ม ใจกลางของลานนั้นมีศาลาตั้งอยูห่ นึ่งหลัง และมีชายชราชุด
ม่วงผูม้ ีรูปร่ างสันทัดยืนอยูข่ า้ งหน้าต้อนรับหยุนเช่อด้วยรอยยิม้
หยุนเช่อเดินเข้าไปและพูดอย่างสุ ภาพ “ผูน้ อ้ ยหลิงหยุน
คารวะท่านอาวุโส”
หยุนเช่อมิใช้ชื่อที่แท้จริ งดังนั้นชายหนุ่มจึงหยิบยืมชื่อ
ของหลิงหยุน
“โฮ่โฮ่ โปรดนัง่ ก่อน” ชายชราชุดนัง่ กวักมือเรี ยกและเดิน
ไปยังม้านัง่ หิ นอ่อนกลางศาลา หยุนเช่อพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะ
ไปนัง่ ฝั่งตรงข้ามชายชราชุดม่วง หนึ่งในสาวงามได้เดินจากไป
อย่างชดช้อย ในขณะที่อีกสองแยกย้ายยืนอยูข่ า้ งหลังของชาย
หนุ่ม สาวงามต่างค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและยิม้ เบาๆที่มุมปาก ซึ่ง
เป็ นกิริยาที่แสดงถึงความเคารพนบนอบอย่างสู งยิง่ ราวกับพวก
นางเป็ นเพียงของเหลือทิ้งของหยุนเช่อ
“ข้าขอทราบนามของท่านผูอ้ าวุโสได้หรื อไม่?” หยุนเช่อ
ถาม
“ชายชราผูน้ ้ ีมีแซ่วา่ จื่อ ส่ วนชื่อคือ จี๋” ชายชราตอบกลับ
พร้อมรอยยิม้
จื่อ? หยุนเช่อประหลาดใจเล็กน้อยเพราะนี่คือครั้งแรกที่มนั
ได้ยนิ แซ่ชื่อนี้ แต่ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบรับในทันที “ผูอ้ าวุโส
จื่อ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าก่อนหน้านี้.”
“เรื่ องก่อนหน้านี้น้ นั ชายชราผูน้ ้ ีมิอาจกล่าวได้วา่ เป็ นการ
ช่วยเหลือเจ้า ข้าเพียงแค่มิอยากให้เกิดเรื่ องแม้จะเล็กน้อยใน
สมาคมการค้าเดือนดับ ไม่มีส่ิ งใดอื่น” จื่อจี๋ จ้องมองเข้าไปยัง
ดวงตาของหยุนเช่อก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิม้ “หนุ่มน้อย ข้าควร
เรี ยกเจ้าว่า หยุนเช่อ หรื อพระราชบุตรเขยหยุน หรื อหลิงหยุน สิ่ ง
ไหนดีเล่า? ”
“...” หยุนเช่อชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้
ซึ่งความกังวล “เป็ นไปตามคาด ความสามารถในการรวบรวมข่าว
กรองของสมาคมการค้าเดือนดับนับเป็ นรองเพียงสวรรค์ ผูเ้ ยาว์
หยุนเช่อเล่นลวดลายภายใต้สายตาหยัง่ รู ้ใต้หล้าของผูอ้ าวุโสจื่อ
นับเป็ นที่น่าหัวเราะ ข้าหวังว่าผูอ้ าวุโสจื่อจะไม่เข้าใจผิดไป”
“ฮ่าฮา” จื่อจี๋หวั เราะอย่างไม่ใส่ ใจ “ความสามารถในการ
รวบรวมข่าวกรองของสมาคมการค้าเดือนดับมิได้เกินเลยถึงเพียง
นั้น เพียงแต่ตวั ตนของเจ้าง่ายที่จะจดจําเกินไป ชายชราผูน้ ้ ีติดต่อ
กับสมาชิกพรรคเทพหงสามายาวนานหลายปี และยังคุน้ เคยกับ
เพลิงเทพหงสาดี ถึงแม้วา่ เจ้าจะกลบกลิ่นอายดีแล้ว แต่ขา้ ยังคง
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเพลิงเทพหงสาในตัวเจ้า และผูท้ ี่มี
สายเลือดเทพหงสานอกจากพรรคเทพหงสาแล้ว มีเพียงราชบุตร
เขยหยุนจากจักรวรรดิวายุครามเท่านั้น”
หญิงสาววัยเยาว์ที่จากไปได้กลับมาพร้อมนํ้าชา กลิ่นหอม
ของนํ้าชานั้นฟุ้งไปทัว่ ทุกแห่ง จิตใจของหยุนเช่อผ่อนคลายลง
เมื่อได้สูดดมกลิ่นชา ชายหนุ่มรู ้ได้ถึงมูลค่าของชานี้ทนั ทีวา่ ลํ้าค่า
เพียงใด หยุนเช่อยกแก้วชาขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนกล่าวชมเชยว่า “ชา
ที่ดี หลังจากได้ฟังคําของผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์จึงได้คิดว่าการกลบ
เกลื่อนตัวตนต่อหน้าผูอ้ าวุโสนับเป็ นเรื่ องที่ไม่มีทางเป็ นไปได้”
“เจ้ากลบเกลื่อร่ องรอยด้วยพลังปราณนํ้าแข็ง นอกเหนือจาก
พวกมันจะจงใจตรวจสอบเจ้าอย่างเข้มงวด ข้าเกรงว่ากระทัง่ ผู ้
อาวุโสของพรรคเทพหงสายังไม่อาจสัมผัสถึงเพลิงเทพหงสาของ
เจ้าได้” จื่อจี๋แย้มยิม้ “เจ้าสามารถทําให้ผลึกสี ม่วงของสมาคม
การค้าเดือนดับของข้าเปล่งแสง นี่สามารถกล่าวได้วา่ พรสวรรค์
แท้จริ งของเจ้าย่อมต้องสร้างความแตกตื่นแก่จกั รวาลได้ ก่อน
หน้านี้ เราผูช้ ราจับตามองดูเจ้ามานาน มิเช่นนั้น ข้าคงไม่อาจจับ
สังเกตุถึงอัคคีเทพหงสาในตัวเจ้าได้ แต่สาํ หรับเราผูช้ ราแล้ว ดู
คล้ายเจ้ามิได้ตอ้ งการแอบซ่อนพรสวรรค์อนั โดดเด่นของเจ้ามาก
เท่าใด มิเช่นนั้นเจ้าคงไม่ให้ความสนใจต่อศิษย์พรรคเทพหงสาผู ้
นั้น จนเปิ ดเผยพรสวรรค์ของเจ้าออกมาอย่างไม่ปิดบังบนเวทีผลึก
นั้นเป็ นแน่”
“ดังที่คาด สมเป็ นผูค้ รองชั้นเจ็ดของสมาคมการค้าเดือนดับ
ภูมิหยัง่ รู ้ของท่านช่างไร้ขอบเขต” หยุนเช่อชมเชยจากใจจริ ง ณ
ชั้นเจ็ดแห่งสมาคมการค้าเดือนดับ ผูค้ นที่จื่อจี๋ติดต่อด้วยล้วน
แล้วแต่เป็ นสุ ดยอดฝี มือในทวีปลมปราณฟ้า ความสามารถในการ
วิเคราะห์และมองทะลุซ้ ึ งถึงผูค้ นของมันย่อมมิใช่สิ่งที่คนธรรมดา
ทัว่ ไปจะสามารถเทียบเปรี ยบได้ หยุนเช่อกล่าวออกมาแผ่วเบา
“ผูเ้ ยาว์ถูกผูค้ นไล่ล่ามาตลอดทั้งปี ทั้งเบื่อหน่ายจากการหลบหนี
และซ่อนตัวไปทุกที่ อีกครึ่ งเดือนจากนี้ไป ผูเ้ ยาว์จะเข้าเผชิญหน้า
กับพรรคเทพหงสาอย่างเต็มตัว เมื่อเป็ นเช่นนี้ ล้วนไม่มีความ
จําเป็ นต้องหวาดระแวงและสัน่ กลัวจนเกินไป ไม่สะดุดตาพรรค
เทพหงสาเป็ นสิ่ งดี แต่หากถูกพบเห็น ยังคงไม่นบั เป็ นอย่างไร
หากข้ามัวแต่หวาดระแวงตลอดทุกความเคลื่อนไหว นี่มิใช่ขา้
หวาดกลัวต่อพรรคเทพหงสาหรอกหรื อ?”
หยุนเช่อยกชาขึ้นดื่มจนหมดในอึกเดียว ยามกล่าวถึงพรรค
เทพหงสา สี หน้าท่าทางของชายหนุ่มไม่ปรากฏความหวาดหวัน่
แม้แต่นอ้ ย
การแสดงออกเช่นนี้ส่งผลให้จื่อจี๋ชื่นชมภายในใจ มันผงก
ศีรษะเป็ นการอนุญาต “สาเหตุที่พรรคเทพหงสามิได้สนใจตามหา
เจ้าอย่างจริ งจังตั้งแต่เมื่อสองปี ที่แล้วยามที่เจ้าเปิ ดเผยสายเลือด
เทพหงสาและการคงอยูข่ องเจ้า เพราะในสายตาพรรคเทพหงสา ผู ้
ฝึ กยุทธ์ทุกรู ปนามที่อยูใ่ นจักรวรรดิท้งั หกภายนอก ต่างไม่มี
คุณค่าแม้แต่นอ้ ยให้พวกมันชายตามอง ทว่า หลังจากพูดคุยกับเจ้า
เล็กน้อย เราผูช้ ราพลันรู ้สึกว่า แม้พรรคเทพหงสาอาจต้องจ่าย
ค่าตอบแทนอย่างสู งจากการดูถูกเจ้า...แต่คงไม่ใช่ในเร็ วๆ นี้
แน่นอน แม้เจ้าปราศจากความกลัวเกรง หากนี่มิได้หมายความว่า
เจ้ามีความสามารถต่อต้านพรรคเทพหงสา พรสวรรค์ของเจ้า
สู งสุ ดสุ ดยอด แต่ความสามารถของเจ้ายังไม่เติบโตอย่างเต็มที่ เจ้า
อาจแข็งแกร่ งว่าที่พรรคเทพหงสาคาดคิดหลายเท่า หากยังไม่
สามารถสร้างความหวัน่ เกรงต่อพวกมันได้”
“ผูเ้ ยาว์ทราบกระจ่างแก่ใจดีถึงข้อนี้” หยุนเช่อผงกศีรษะ
จากนั้นกล่าวสื บต่อถึงเหตุผลที่ตนเองมายังที่นี่ในวันนี้ “สาเหตุที่
ผูเ้ ยาว์มาเยือนยังที่น้ ีมีสองประการ หนึ่งผูเ้ ยาว์ตอ้ งการซื้ อหา
สิ่ งของสองสิ่ ง อีกประการคือซื้ อหาข่าวสาร ทว่า..”
สายตาของหยุนเช่อกวาดกราดไปโดยรอบ...เนื่องเพราะ
สถานที่น้ ีดูไปไม่คล้ายสถานที่ประกอบการค้าใดๆเลยแม้แต่นอ้ ย
จื่อจี๋หวั เราะด้วยความเข้าใจถึงอาการงุนงงของหยุนเช่อ
“อย่าได้ลงั เล บอกเราผูเ้ ฒ่ามาว่าเจ้าต้องการสิ่ งใด ชั้นเจ็ดของ
สมาคมแตกต่างจากหกชั้นแรก ชั้นเจ็ดไม่มีแขกมาเยือนบ่อยนัก
แขกผูเ้ กียรติทุกคนเป็ นเราผูช้ ราออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ไม่วา่
สิ่ งใดที่ท่านลูกค้าผูท้ รงเกียรติตอ้ งการ ขอเพียงเอ่ยปาก ไม่วา่
สมาคมเรามีส่ิ งของหรื อไม่ หากลูกค้าผูท้ รงเกียรติเอ่ยปากและมี
ความสามารถจ่ายออก สมาคมการค้าเดือนดับเราจะทําตามความ
ต้องการของท่านให้สาํ เร็ จ หากท่านเพียงต้องการสิ่ งของเล็กน้อย
ยังคงมีคนนําพาท่านไปยังชั้นหก”
เป็ นเช่ นนีเ้ อง...หยุนเช่อไม่ลงั เล ชายหนุ่มออกปากในทันที
“สิ่ งของสองประการที่ผเู ้ ยาว์ตอ้ งการ หนึ่งคือหยกพรหมสวรรค์
ยิง่ บริ สุทธิ์เท่าไหร่ ยิง่ ดีเท่านั้น และดอกทานตะวันหงสา”
จื่อจี๋ปิดเปลือกตาลง ก่อนจะเปิ ดออกในอีกชัว่ ครู่ ต่อมา ชาย
ชรายืน่ มือออกลูบลงไปยังแหวนมิติสีม่วงบนนิ้วของตนเอง หยิบ
กล่องหยกที่เปล่งรัศมีเยือกเย็นออกมาแสดงต่อหยุนเช่อ “นี่คือที่
ใหญ่ที่สุดที่มี ทั้งยังเป็ นชิ้นที่บริ สุทธิ์ที่สุดในบรรดาหยกพรหม
สวรรค์ที่สมาคมของเรามีอยูใ่ นมือ”
หนึ่งในโฉมงามที่ดา้ นข้างกก้าวเท้าออกมาก่อนจะขยับ
กล่องหยกนํ้าแข็งลงวางที่เบื้องหน้าหยุนเช่อ “ท่านลูกค้าผูท้ รง
เกียรติ โปรดผ่านตา”
หยุนเช่อเปิ ดกล่องหยกออกโดยไม่ลงั เล ภายใต้กลุ่มหมอก
ควันสี ขาวลอยอ้อยอิ่ง ชายหนุ่มมองเห็นชิ้นหยกบางเบาเปล่ง
ประกายสี เงินยวง ภายใต้ปรากฏเส้นชีพจรสี แดงเลือด หยุนเช่อยืน่
มือออกสัมผัสลงบนหยก ก่อนจะใช้ไข่มุกพิษสวรรค์เพื่อประเมิน
ค่าความบริ สุทธิ์...สิ่ งของจากสมาคมการค้าเดือนดับสาขาใหญ่
แน่นอนว่าไม่มีทางเป็ นของปลอม หยุนเช่อปิ ดกล่องหยกนํ้าแข็ง
ลงในทันทีพร้อมกล่าวว่า “ตกลง ขอท่านผูอ้ าวุโสตั้งราคา”
“หยกพรหมสวรรค์ราคาหกร้อยเหรี ยญม่วงต่อ 50 กรัม
หยกชิ้นนี้น้ าํ หนักรวมหกร้อยห้าสิ บกรัม คิดเป็ นมูลค่าเจ็ดพันแปด
ร้อยเหรี ยญม่วง” จื่อจี๋กล่าวออกมาอย่างปลอดโปร่ ง
แพงนรก!มุมปากของหยุนเช่อบิดกระตุก แต่เมื่อชายหนุ่มมี
เหรี ยญม่วงจํานวนมหาศาลกว่าสิ บล้านเหรี ยญอยูใ่ นกระเป่ า
แน่นอนว่าเขาย่อมจ่ายออกได้ หยุนเช่อนําเหรี ยญม่วงออกจาก
บัตรม่วงเงินของตนเพื่อแลกกับหยกพรหมสวรรค์ในทันที ก่อน
จะเก็บกล่องหยกเย็นลงไปในไข่มุกพิษสวรรค์
“สําหรับดอกทานตะวันหงสา ทั้งหมดสิ บสามดอกที่เรามี
เพิ่งถูกซื้ อไปโดยพรรคเทพหงสาเมื่อหกชัว่ โมงก่อน” จื่อจี๋กล่าว
“หากเจ้าต้องการใช้มนั จริ งๆ นอกเหนือจากสมาคมการค้าเดือน
ดับ ยังสามารถหาซื้ อได้จากสถานที่อื่น”
“ที่ใด?”
จื่อจี๋กล่าวออกอย่างเชื่องช้า “หนึ่งร้อยห้าสิ บกิโลเมตรไปทางใต้ มี
สมาคมการค้านาม “สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย” พรุ่ งนี้เวลาบ่าย
สาม พวกมันสมควรนําสิ่ งของมีค่าออกมาประมูล ในนั้นสมควร
มีดอกทานตะวันหงสาด้วย”
หยุนเช่อผงกศีรษะ “ผูเ้ ยาว์จดจําไว้ในใจ ขอบพระคุณผู ้
อาวุโสที่บอกกล่าว...เอ่อ ข้าจําเป็ นต้องจ่ายสําหรับข้อมูลนี้
หรื อไม่?”
“โฮ่โฮ่ ไม่จาํ เป็ น” จื่อจี๋หวั เราะบางเบา จากนั้นกระตุน้ เตือน
ว่า “แต่แม้สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยจะใช้ชื่อ “สมาคมการค้า”
หากแท้จริ งกลับเป็ นตลาดมืด สิ่ งที่มนั ขายมิใช่ที่ตลาดทัว่ ไปจะมี
ได้ เมื่อไปถึงที่นนั่ เจ้าจะเข้าใจเอง แต่เราผูช้ ราเชื่อมัน่ ว่าด้วย
สติปัญญาของเจ้า เจ้าสมควรไม่ขาดทุนเท่าใด เอาล่ะ ข่าวสารสอง
ประการที่เจ้าต้องการคือสิ่ งใด?”
“ผูเ้ ยาว์ตอ้ งการให้สมาคมการค้าเดือนดับสามารถช่วยสื บ
หาผูค้ นสองคนให้แก่ขา้ ได้หรื อไม่”
หยุนเช่อกล่าวอย่างเคร่ งเครี ยด “สองคนนั้น หนึ่งเรี ยกว่าฉู่
เยว่ฉาน อดีตศิษย์สตรี แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็งแห่งวายุ
คราม หัวหน้าเจ็ดนางเซียนเมฆาเยือกแข็ง อีกคนหนึ่งคือเซี่ย
หยวนป้า...”
หยุนเช่อให้รายละเอียดต่อจื่อจี๋มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จื่อ
จี๋ปิดเปลือกตาลง ระลึกนึกถึงเรื่ องราวบางประการ จากนั้นจึงผงก
ศีรษะกล่าวว่า “เราผูช้ ราจะส่ งผูค้ นออกสื บเสาะบุคคลทั้งสองแก่
เจ้า เพียงแต่ เครื อข่ายสมาคมการค้าเดือนดับในอาณาจักรวายุ
ครามเปราะบางและจํากัดอย่างยิง่ ดังนั้นนี่ลว้ นมิอาจรับรองผลได้
ในเวลาสั้นๆ ขอเจ้าทิ้งหยกสื่ อสารของเจ้าไว้ ทันทีที่ได้รับ
ข่าวสารอันน่าเชื่อถือ เราผูช้ ราจะติดต่อหาเจ้าในทันที ในฐานะ
ของลูกค้าผูท้ รงเกียรติ เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องจ่ายค่าสื บหาข่าวสาร
ล่วงหน้า เราสามารถชําระบัญชีได้ในวันยืนยันผลงาน ทั้งสอง
เรื่ องนี้ แม้เราผูช้ ราไม่ทราบเซี่ยหยวนป้าอยูท่ ี่ใด หากเราทราบ
ข่าวสารเกี่ยวข้องกับมันอยูบ่ า้ ง และสามารถบอกกล่าวต่อเจ้าได้
บางประการ”
หยุนเช่อตะลึงค้างก่อนทะลึ่งพรวดขึ้นทันที “ท่านรู ้จกั
หยวนป้า?”
“ข้าไม่เพียงรู ้จกั มัน ผูค้ นในนครวิหคเทวะหลายคนรู ้จกั มัน
เช่นกัน”
จื่อจี๋กล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า “กาลก่อน นามของมัน
สะท้านไปทัว่ กว่าครึ่ งเมืองวิหคเทวะภายในระยะเวลาสั้นๆ มัน
เป็ นคนบ้าคลัง่ วิปลาสผูห้ นึ่ง จากนั้น มันกลับสู ญหายไร้ร่องรอย
ไม่นานหลังจากที่มนั หายตัวไป บิดาของมันมาปรากฏตัวยังที่น้ ี
เช่นกัน ทั้งยังอาศัยอยู่ ณ สาขาใหญ่ของสมาคมชัว่ เวลาหนึ่ง...ฮี่ฮี่
หากเราผูช้ ราจดจําไม่ผดิ เซี่ยหงอี้บิดาของเซี่ยหยวนป้าเอง เป็ น
พ่อตาอีกคนของเจ้าเช่นกัน ใช่หรื อไม่?”
บทที่ 404 หัตถ์ ภูตมิ ายา

"ท่านลุงเซี่ย...อยูท่ ี่สมาคมการค้าเดือนดับสาขาหลัก ? อยู่


ที่นี่ ?" หยุนเช่อตะลึงงัน เมื่อครึ่ งปี ก่อน มันได้กลับไปยังเมือง
เมฆาล่อง โดยแวะไปคฤหาสน์ตระกูลเซี่ยเป็ นที่แรก และ
พบว่าเซี่ยหงอี้ได้จากไปเพื่อตามหาเซี่ยหยวนป้าที่ไม่เคยส่ งข่าว
คราวมาเลยเป็ นเวลานานแล้ว คนรับใช้ที่ยงั อาศัยอยูท่ ี่ตระกูลเซียว
บอกว่าเซี่ ยหงอี้ได้นาํ เอาสิ่ งของบางอย่างลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ ยว
สี ดาํ ออกมาขณะที่กาํ ลังจัดสัมภาระ... ครานั้นหยุนเช่อสงสัยว่า
ของสิ่ งนั้นจะเกี่ยวพันกับสมาคมการค้าเดือนดับ และหากเป็ น
เช่นนั้นจริ ง มันก็คิดว่าเซี่ยหงอี้คงกําลัง
ตามหาเซี่ยหยวนป้าโดยอาศัยสมาคมการค้าเดือนดับ
แต่มนั ไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยหงอี้จะพํานักอาศัยอยูท่ ี่สมาคม
การค้าเดือนดับนี่
และมิใช่เพียงสาขาย่อยสมาคมการค้าเดือนดับที่มีอยูท่ ว่ั ไป
ในทวีปลมปราณฟ้า... หากแต่เป็ นสาขาหลักสมาคมการค้าเดือน
ดับ !
ผูท้ ี่สามารถพํานักที่นี่ได้จะต้องไม่ใช่คนทัว่ ไปอย่าง
แน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยหงอี้และสมาคมการค้าเดือน
ดับย่อมไม่รวบรัดธรรมดา
"หากท่านต้องการจะพบเขา เราผูเ้ ฒ่าสามารถนําท่านไปพบ
เขาได้ในทันที เขาต้องยินดีที่ได้เจอท่านอย่างแน่นอน" จื่อจี๋กล่า
วกลั้วหัวร่ อเบาๆ
สี หน้าหยุนเช่อกลับกลายเป็ นซับซ้อนยิง่ หลังจากนิ่งเงียบ
ไปครู่ ใหญ่มนั ก็ค่อยนัง่ ลงและกล่าวว่า "ท่านลุงเซี่ยอยูท่ ี่นี่สบายดี
หรื อไม่ ?"
"มีแต่เขาที่ทราบว่าตนเองสบายดีหรื อไม่ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็
มีความมัน่ คง และไม่มีผมู ้ าระราน" จื่อจี๋ตอบ
หยุนเช่อผงกศีรษะ และกล่าวรําพึงออกมา "เช่นนั้นก็ดีแล้ว
เมื่อทราบว่าท่านลุงเซี่ยอยูด่ ีและปลอดภัย ข้าก็สบายใจ... ข้าเป็ น
คนพาหยวนป้าไปยังวังยุทธ์วายุคราม และเป็ นข้าอีกเช่นกันที่พา
มันไปยังหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ถ้ามันยังอยูใ่ นเมืองจันทร์เสี้ ยว
เรื่ องราวต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น ในเมื่อยังไม่พบหยวนป้า ข้าก็ไม่มี
หน้าจะไปพบท่านลุง... ผูอ้ าวุโสจื่อ เรื่ องราวของหยวนป้าเป็ น
อย่างไรกันแน่ ผูเ้ ยาว์ทราบดีถึงความแข็งแกร่ งของมัน แล้วมันจะ
ทําให้ชาวเมืองวิหคเทวะครึ่ งเมืองตื่นตะลึงได้อย่างไร ?"
"สองปี ก่อน มีเด็กหนุ่มจากต่างอาณาจักรผูห้ นึ่งเดินทาง
มายังเมืองวิหคเทวะ หลังจากวันแรกที่มาถึง และทุกวันหลัง
จากนั้น มันก็ไปท้าประลองกับพรรคต่างๆ ที่มีชื่อเสี ยงภายใน
นคร"
"มัน... ท้าประลองกับพรรคต่างๆ ?"
"ถูกต้อง แต่โชคร้าย พลังยุทธ์ของมันตํ่าเกินไป ดังนั้นจึงถูก
อีกฝ่ ายทําให้บาดเจ็บสาหัสได้อย่างง่ายดาย ในวันที่สอง มันก็ไป
ท้าประลองกับพรรคนั้นทั้งที่มีบาดแผลเต็มตัว แน่นอนว่าผลก็คือ
มันบาดเจ็บยิง่ ขึ้นไปอีก วันที่สามมันก็ยงั ไปท้าประลองกับพรรค
นั้นอีก ทําให้อีกฝ่ ายเดือดดาลจนทุบตีมนั แทบตาย... แม้พลังยุทธ์
ของมันจะอ่อนด้อย ทว่าร่ างกายมันประหลาดยิง่ เห็นได้ชดั ว่ามัน
เกือบเสี ยชีวติ เนื่องจากการบาดเจ็บสาหัส แต่ในวันรุ่ งขึ้นมันกลับ
สามารถลุกขึ้นได้ และไปท้าประลองพวกนั้นอีก ซํ้ามีครั้งหนึ่งที่
อีกฝ่ ายทุบตีจนเกิดบาดแผลใหญ่สองแห่ง มันเสี ยเลือดจํานวน
มาก แต่กย็ งั ไม่ตาย ตอนแรกทุกคนคิดว่ามันวิกลจริ ต แต่เมื่อเวลา
ผ่านไป ก็ไม่มีผใู ้ ดมองว่ามันเป็ นคนบ้าอีก มีบา้ งที่บางคนจะ
มุ่งมัน่ แสวงหาความแข็งแกร่ งอย่างยิง่ แต่การมุ่งมัน่ ถึงเพียงนั้น
เราผูเ้ ฒ่าเพิ่งเคยพบเห็นเป็ นครั้งแรก"
หยุนเช่อ "..."
"ช่วงสามเดือนที่มนั พํานักอาศัยในนครวิหคเทวะนั้น ทัว่
ร่ างกายมันได้รับบาดเจ็บสาหัสทุกวัน ไม่มีส่วนใดของร่ างกายที่
ไม่บุบสลาย แต่มนั ก็ยงั ลากสังขารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเที่ยว
แสวงหาคู่ต่อสู ท้ ี่มนั ไม่มีทางเอาชนะได้เลย ในบรรดาผูค้ นที่มนั
ท้าประลอง ย่อมมีบางคนที่อารมณ์ร้อนและบางคนที่มีเจตนาร้าย
ต้องการจะฆ่ามัน แต่ไม่วา่ จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด มันก็ไม่
ตาย ภายในสามเดือนความคิดของผูค้ นก็เปลี่ยนไป จากที่เคย
หัวเราะเยาะเย้ยมันก็กลายเป็ นแตกตื่น กระทัง่ สามเดือนผ่านไป
วันหนึ่งจู่ๆ มันก็หายตัวไปจากนครวิหคเทวะอย่างไร้ร่องรอย
ดังนั้นผูค้ นจึงอาจลืมเลือนมันไปแล้ว ทว่าเราผูเ้ ฒ่าเชื่อว่ามันไม่ได้
ถูกลอบทําร้าย มิฉะนั้นมันคงไม่อาจรอดพ้นหูตาของสมาคม
การค้าเดือนดับไปได้"
หยุนเช่อรู ้สึกว้าวุน่ ใจยิง่ มาตรว่าเซี่ ยหยวนป้าจะร่ างกายสู ง
ใหญ่เป็ นพิเศษและดูเหมือนจะทําให้ผคู ้ นรู ้สึกว่าถูกสะกดข่ม แต่
ภายใต้การอบรมเลี้ยงดูของเซี่ยหงอี้ มันมีนิสยั เรี ยบง่ายและ
อ่อนโยนอย่างมาก ยิง่ ไปกว่านั้นมันยังไม่ชอบต่อยตีกบั ผูอ้ ื่น
ทว่าเซี่ยหยวนป้าที่จื่อจี๋กล่าวถึงนั้นเป็ นคนเสี ยสติอย่างแท้จริ ง หยุ
นเช่อทราบดีวา่ เหตุใดเซี่ยหยวนป้าจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่าง
กะทันหัน…
"...ขอบคุณท่านผูอ้ าวุโสจื่อสําหรับเรื่ องราวทั้งหมดที่เล่าให้
ฟัง ข้ารบกวนท่านมามากแล้ว" หยุนเช่อกล่าวพลางลุกขึ้นยืน
จื่อจี๋ยนื ขึ้นทันทีพร้อมทั้งกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ไม่
จําเป็ นต้องมากมารยาทไป เป็ นเกียรติของสมาคมเราที่ได้รับใช้
ท่านลูกค้าผูท้ รงเกียรติ”
หยุนเช่อเข้าใจว่าเหตุใดจื่อจี๋จึงเกรงอกเกรงใจต่อมัน เมื่อ
สมาคมการค้าเดือนดับยืนยาวมาจนทุกวันนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล
รองรับ ต่อหน้าเหล่ายอดยุทธ์ผเู ้ ปี่ ยมด้วยพรสวรรค์ที่มีโอกาสขึ้น
สู่ จุดสุ ดยอดของยุทธภพลมปราณฟ้าในอนาคต สมาคมย่อมต้อง
รับรองอย่างทรงเกียรติ ไม่เพียงการบริ การยอดเยีย่ ม หากพวกมัน
ยังกระตือรื อร้นในการสร้างบุญคุณนํ้าใจแก่ลูกค้าเหล่านี้อีกด้วย
“อ้อ ใช่แล้ว” หยุนเช่อพลันฉุกคิดถึงเรื่ องราวบางประการ
“ไม่ทราบอาวุโสจื่อเคยได้ยนิ นาม “อุทุมพรแดนมรณะ” มา
หรื อไม่?”
อุทุมพรแดนมรณะ เป็ นสิ่ งของที่จาํ ต้องรวบรวมให้จสั มิ
นภายในสามสิ บปี กอปรด้วยอุทุมพรแดนมรณะ ดวงธาตุสตั ว์
อสู รลมปราณชั้นทรราช และลูกแก้วเทพชีพจรม่วงสามสิ บห้า
กิโลกรัม.
“อุทุมพรแดนมรณะ?” สายตาฉงนสงสัยฉายแววขึ้นใน
ดวงตาของจื่อจี๋ ผ่านไปครู่ หนึ่ง มันกล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า “เรา
ผูช้ รารู ้จกั สิ่ งของนี้ นี่เป็ นวัตถุสุดหยิน ทั้งลี้ลบั ชัว่ ร้าย เพียงเติบโต
บนดินแดนที่เต็มไปด้วยไอมาร เบ่งบานทุกรอบยีส่ ิ บสี่ ปี จากนั้น
ร่ วงโรยภายในเวลาสามปี บุปผาชนิดนี้น่าหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง
อย่างถึงที่สุด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการสัมผัส เพียงเข้าใกล้มนั เล็กน้อย
ไอแห่งมรณะจะรุ กลํ้าเข้าสู่ ร่างกาย ทําลายจิตวิญญาณของผูค้ น
สถานเบาสู ญเสี ยสติสมั ปชัญญะ สถานหนักกลับกลายเป็ นผีดิบมี
ชีวติ กระทัง่ อาจตกตายในที่สุด นอกจากนี้ ข้าไม่เคยได้ฟัง
คุณสมบัติที่เป็ นประโยชน์ใดจากบุปผานี้ เหตุใดเจ้าจึงเสาะหา
มัน?”
“ผูเ้ ยาว์ยอ่ มมีวธิ ีการเฉพาะที่จะใช้งานมัน หากผูอ้ าวุโส
ทราบ ขอท่านส่ งข่าวต่อผูเ้ ยาว์ดว้ ย”
จื่อจี๋ครุ่ นคิดครู่ หนึ่งก่อนสัน่ ศีรษะ “บันทึกสุ ดท้ายที่มีการ
กล่าวถึงอุทุมพรแดนมรณะคือหนึ่งพันสามร้อยปี ก่อน จากนั้น ทั้ง
บันทึกหรื อคําเล่าขานใดๆล้วนไม่มีปรากฏ จํานวนเผ่าพันธุม์ นุษย์
บนทวีปลมปราณฟ้าทวีจาํ นวนมากขึ้นทุกวีว่ นั ทุกวันนี้มีจาํ นวน
มากกว่าเมื่อพันปี ก่อนถึงสี่ เท่า ดังนั้น พลังหยางบนทวีปแซงลํ้า
หน้าพลังหยินไปมากหลาย อุทุมพรแดนมรณะกลับกลายเป็ น
พันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์”
“..ขอบพระคุณท่านผูอ้ าวุโสที่บอกกล่าว เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ขอ
อําลา”
หลังได้รับทราบข่าวคราวอย่างไม่คาดฝันเกี่ยวกับเซี่ยหยวน
ป้า แม้วา่ นี่ส่งผลให้ภายในใจของหยุนเช่อกลับกลายเป็ นหนักอึ้ง
ทว่าก็ยงั ช่วยให้ชายหนุ่มผ่อนคลายลงบ้างเช่นกัน...ไม่น่าแปลกใจ
ที่ตนเองไม่อาจตามหาข่าวใดๆที่เกี่ยวกับเซี่ยหยวนป้าภายใน
อาณาจักรวายุคราม กลับกลายเป็ นมันได้มาถึงนครวิหคเทวะ
หลังจากออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์นี่เอง
ทางด้ านระดับพลังยุทธ์ อาณาจักรเทพหงสาอย่ างไรเป็ น
ดินแดนที่เข้ มแข็งกว่ าจักรวรรดิวายุครามถึงเพียงไหน มันใช่ มา
ที่นี่เพื่อแสวงหาความแข็งแกร่ งเนื่องเพราะความเศร้ าอาดูรสุด
แสนและความสํานึกผิดของมันหรื อไม่ …?
และนางเซียนน้ อย ท่ านที่แท้ อยู่แห่ งหนใดกันแน่ ...?
พรรคเทพหงสา
วันเริ่ มงานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้ายิง่ มายิง่
ใกล้ จิตใจของเฟิ งซีเฉิ นเองยิง่ มายิง่ ทุรนทุราย ภาพเหตุการณ์
ความอัปยศในวันนั้นไม่เคยจางหายไปจากห้วงความคิดของมัน
ยิง่ หลังจากที่มนั บอกเล่าเรื่ องราวของหยุนเช่อต่อเฟิ งซีหมิงไปเมื่อ
วันวาน มันยิง่ ไม่อาจข่มตาหลับลงได้
เนื่องเพราะที่มนั บ่งบอกบรรยายต่อเฟิ งซีหมิง เป็ นเรื่ องราว
ที่แตกต่างจากความเป็ นจริ งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างคน
ละโลก แม้มนั มัน่ อกมัน่ ใจอย่างยิง่ ว่าพรรคเทพหงสาย่อมไม่มีทาง
ปล่อยหยุนเช่อไว้เมื่อมันมาถึงยังนครวิหคเทวะ หากมันมิอาจไม่
วิตกกังวลใจถึงความเป็ นไปได้ที่หยุนเช่อจะเอ่ยถึงเรื่ องราวที่
เกิดขึ้นในวันนั้นขึ้นมาระหว่างงานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ
หากเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นเหล่านั้นถูกเปิ ดเผยออกมาต่อหน้า
ธารกํานัล ความอัปยศอดสู ไม่เพียงจะถูกสลักไว้ภายในใจของมัน
เท่านั้น หากย่อมจะถูกสลักลงบนใบหน้าของมันนับจากนี้ไป
บานประตูถูกผลักเปิ ดออก ร่ างสู งที่มาพร้อมกับไอร้อนแรง
แผดเผาก้าวเข้ามาภายใน เฟิ งซีเฉิ นหันขวับไปทันที ขณะที่มนั
กําลังจะระเบิดโทสะ มันพบเห็นว่าผูม้ าเป็ นใคร ความโกรธกริ้ ว
ของมันถูกเรี ยกกลับคืนด้วยความหวาดผวา คนเร่ งร้อนลุกขึ้น
กราบคารวะ “ผูบ้ ุตรถวายบังคมพระบิดา”
“ลุกขึ้น” เฟิ งเหิ งคงยกมือขึ้นคราหนึ่ง มันเอ่ยตรงประเด็น
ในทันที “ซี หมิงบอกเล่าถึงเรื่ องราวที่เจ้าพยเจอในอาณาจักรวายุ
ครามแก่เรา แม้วา่ เจ้าจะปิ ดบังมาจนถึงบัดนี้ ยังสามารถอภัยได้
เราไม่ได้มาที่นี่เพือ่ ตําหนิเจ้า”
เฟิ งซี เฉิ งกล่าวอย่างเร่ งร้อน “ผูบ้ ุตรขอบพระคุณพระบิดาที่
เมตตา..เพียงแต่ แม้พระบิดาไม่ตาํ หนิขา้ ผูบ้ ุตรกลับยิง่ บังเกิด
ความละอายและไม่อาจปล่อยวางได้”
“เฮอะ!” สี หน้าของเฟิ งเหิ งคงเปี่ ยมด้วยโทสะ “เราเองยัง
คาดไม่ถึงว่าอาณาจักรกระจ้อยร่ อยเช่นวายุครามกลับโอหังถึง
เพียงนี้! วางใจเถอะ ไม่ถึงสามปี เราจะทวงคืนความอัปยศที่เจ้า
ได้รับให้มากกว่าล้านเท่า! ยามนั้น ผูท้ ี่ทาํ หน้าที่พิพากษา
จักรพรรดิวายุครามต้องเป็ นเจ้า สําหรับเจ้าเด็กน้อยหยุนเช่อ...ฮึ่ม
มันใช่บอกว่ามันจะมาร่ วมงานประลองยุทธหรื อไม่? ประเสริ ฐ
เราจะรอคอยดูวา่ มันจะพบจุดจบเมื่อใด!”
เฟิ งซี เฉิ งกึ่งยินดีก่ ึงหวาดหวัน่ “ผูบ้ ุตรขอบพระทัยพระบิดา
ที่ทรงเมตตา...ความอับอายอัปยศที่ผบู ้ ุตรได้รับเป็ นเพียงเรื่ อง
เล็กน้อย หากเรื่ องใหญ่ราวท้องฟ้ากลับเกี่ยวพันถึงสายเลือดเทพ
หงสาเรา ใช่สมควรจัดการหยุนเช่อผูน้ ้ นั เป็ นการลับก่อนงาน
ประลองยุทธดีหรื อไม่?”
“ไม่จาํ เป็ น!” เฟิ งเหิ งคงสะบัดพระหัตถ์คราหนึ่งก่อนตรัส
ด้วยความเหยียดหยาม “ผูฝ้ ึ กยุทธกระจ้อยร่ อยจากวายุครามผูห้ นึ่ง
ควรค่าใดให้เทพหงสาเราต้องมุ่งเป้าลอบโจมตีมนั ? นี่มิใช่เป็ น
การลดเกียรติของเทพหงสาเราลงไปหรอกหรื อ! งานประลอง
ยุทธเจ็ดจักรวรรดิเป็ นลานประกาศศักดาของพรรคเราเสมอมา
หากไม่มีตวั ตลกมาคานอํานาจ ไยมิใช่ไร้สีสนั ยิง่ ! เราคาดหวัง
จริ งๆว่าหยุนเช่อนัน่ จะสามารถสร้างสี สนั และไม่ให้เราต้อง
ผิดหวังเมื่อเวลานั้นมาถึง”
“พระบิดากล่าวถูกต้อง” เฟิ งซีเฉิ งค้อมศีรษะกราบทูล
“ซี เฉิ ง ผลลัพธ์ของหัวขโมยตําหนักหยกหงสาที่เราให้เจ้า
สื บเสาะเป็ นเช่นไร?” เมื่อกล่าวถึงเรื่ องนี้ สี หน้าของเฟิ งเหิ งคงมืด
ทะมึนยิง่
“ผูบ้ ุตรทราบตัวการร้าย...”
ขณะที่เฟิ งซีเฉิ งเพียงกล่าวออกมาได้ครึ่ งประโยค เฟิ งเหิ งคง
พลันหันกลับมาอย่างดุร้าย “เป็ นผูใ้ ด! เจ้าคนโอหังที่กล้าเข้ามา
ฉกฉวยสิ่ งของไปจากพรรคหงสาเรา!”
สาเหตุที่มนั คัง่ แค้นยิง่ มิใช่เพราะความโอหังบังอาจของ
หัวขโมยผูน้ ้ ี หากแต่เป็ นเพราะความแตกตื่นประหลาดใจ เนื่อง
เพราะฝี มือของหัวขโมยนี้นบั ว่าน่าหวาดหวัน่ พรั่นพรึ งยิง่ พรรค
เทพหงสาเป็ นตัวตนใด? ไม่ตอ้ งพูดถึงคนนอก กระทัง่ แมลงสัก
ตัวบินผ่าน ยังคงสามารถจับสังเกตุได้ในทันที ทว่าหัวขโมยนี้
กลับหลุดรอดจากสายตาทุกผูค้ น ลักลอบเข้ามายังสถานที่เก็บ
สมบัติภายในตําหนักหยกหงสาได้...หากมิใช่เป็ นเฟิ งเหิ งคง
สัมผัสได้ถึงค่ายกลลมปราณล่องหนระหว่างการขโมยสิ่ งของ
สามารถกล่าวได้วา่ คงไม่มีผใู ้ ดทราบว่ามีนกั ลักล้วงใดแอบลอบ
เข้ามาในที่น้ ี
ที่ยง่ิ น่าแตกตื่น คือหลังจากหัวขโมยใช้ออกด้วยค่ายกลที่ทาํ
ให้ผคู ้ นในพรรคเทพหงสาบังเกิดความตื่นตัว หัวขโมยนี้กลับยัง
สามารถเล็ดลอดออกไปได้แม้จะตกอยูท่ ่ามกลางวงล้อมอัน
หนาแน่นของยอดยุทธ์แห่งพรรคเทพหงสาจํานวนสุ ดคณานับที่
รายล้อม...สําหรับเรื่ องนี้ แม้จะเป็ นระดับชั้นเหนือราชัน ยังไม่อาจ
กระทําได้…
“พระบิดา โปรดระงับโทสะ… มีเพียงบุคคลเดียวใน
อาณาจักรเทพหงสาที่มีความสามารถกระทําสําเร็ จ...” เฟิ งซีเฉิ ง
เงยหน้าขึ้นก่อนกล่าวสื บต่อ “ฮวาหมิงไห่”
“ฮวาหมิงไห่?” เฟิ งเหิ งคงยิง่ มีสีหน้ามืดทะมื่น ทว่ามันยัง
กล่าวตอบโต้ออกอย่างรวดเร็ ว “หัตถ์ภูติมายา ฮวาหมิงไห่?”
“ใช่แล้ว!” เฟิ งซีหมิงผงกศีรษะ “ในโลกนี้ มีเพียงบุคคล
เดียวที่สามารถกระทําการเช่นนี้ได้ ระดับพลังยุทธ์ของฮวาหมิง
ไห่ไม่ยอดเยีย่ มเท่าใด หากระดับความเร็ วของทักษะการ
เคลื่อนไหวของมันสู งลํ้ายิง่ ยิง่ กว่านั้น ความสามารถในการหลบ
ซ่อนตัวของมันยังยอดเยีย่ ม การเคลื่อนไหวแคล่วคล่องว่องไว
ความสามารถในการปลอมแปลงโฉม ความสามารถในการ
เคลื่อนไหวโดยไร้เสี ยง ยังมีความสามารถในการหลบหนีที่ไร้
เทียมทาน...”
“อย่าได้กล่าวแล้ว” เฟิ งเหิ งคงโบกมือ “เราเคยได้ฟังนามนี้
มา มันได้รับการขนามนามว่า “หัวขโมยอันดับหนึ่ง” ในโลกนี้
ฮวาหมิงไห่ผคู ้ รอบครองหัตถ์ภูติมายา! คํารํ่าลือว่าไว้วา่ ไม่วา่ มัน
คิดฉกฉวยสิ่ งของใด มันล้วนไม่พลาดมาก่อน ยิง่ ไม่เคยถูกผูใ้ ด
จับกุมได้มาก่อน รู ปโฉมแท้จริ งล้วนไม่มีผใู ้ ดทราบ เหอะ...แต่เรา
ไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าหัวขโมยนี้กลับกล้าตอแยพรรคเทพหงสาเรา!
หรื อมันคิดว่าโลกนี้ไม่มีผใู ้ ดสามารถจัดการมันได้จริ งๆ !?”
บทที่ 405 งานประมูลใต้ ดนิ

“เจ้าตรวจสอบตําหนักหยกหงสาหรื อยัง มีส่ิ งใดหายไป


บ้าง?” เฟิ งเหิ งคงถามด้วยคิ้วขมวดมุ่น
เฟิ งซี เฉิ งตอบอย่างนอบน้อม “ส่ วนใหญ่แล้วฮวาหมิงไห่จะ
ขโมยลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงและลูกแก้วเทพชีพจรม่วง ทว่า
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงและลูกแก้วเทพชีพจรม่วงในตําหนัก
หยกหงสากลับไม่ขาดหายไปแม้แต่นอ้ ย แต่...สิ่ งที่หายไปกลับ
เป็ นดอกทานตะวันหงสาที่ใช้ไปแล้วครึ่ งหนึ่ง ผูบ้ ุตรคาดว่าโจร
นัน่ เมื่อสัมผัสถูกค่ายกลลมปราณล่องหนจึงตื่นตระหนก จึงหยิบ
สิ่ งของส่ งเดชก่อนจะรี บหลบหนีไป...”
“ดอกทานตะวันหงสาครึ่ งดอก?” แม้วา่ ดอกทานตะวันหง
สาจะเป็ นของหายาก แต่สาํ หรับพรรคเทพหงสาแล้วมันมิใช่สิ่งลํ้า
ค่าเท่าใดนัก เฟิ งเหิงคงพ่นลมหายใจจากจมูกอย่างเย็นชา “แม้วา่
จะไม่มีส่ิ งสําคัญใดหายไป แค่เรื่ องที่มนั กล้าบุกพรรคเทพหงสาก็
เพียงพอให้ตวั มันจบสิ้ นแล้ว จากวันนี้ไปจงสื บค้นทัว่ อาณาจักร
เพื่อหาร่ องรอยของฮวาหมิงไห่ ทางที่ดีจงจับเป็ นมันกลับมา แต่
หากว่ายากนักก็จงสังหารมันเสี ยตรงนั้นเลย!”
"น้อมรับพระบัญชา ! ลูกจะไปสัง่ การทันที แม้ฮวาหมิงไห่
จะมีความสามารถสู งส่ ง แต่มนั อย่าได้คิดหวังว่าจะรอดพ้นเงื้อม
มือพรรคเทพหงสาเราได้" เฟิ งซีเฉิ นให้คาํ มัน่
"เช่นนั้นเรื่ องนี้กใ็ ห้เจ้าไปจัดการ ฮวาหมิงไห่จะสามารถเข้า
และออกจากจักรวรรดิเทพหงสาเราได้อย่างปลอดภัยหรื อไม่ก็
ตาม นี่ถือเป็ นการทดสอบความสามารถของเจ้า ! อย่าทําให้เรา
ผิดหวัง"
"ทราบแล้ว พระบิดา ผูบ้ ุตรจะไม่ทาํ ให้พระบิดาต้องผิดหวัง
อย่างแน่นอน"
ขณะที่เฟิ งเหิ งคงหมุนกายเตรี ยมที่จะจากไป มันก็พลัน
ชะงักเท้าตรงประตูทางเข้า และกล่าวเปรยขึ้นว่า "ก่อนเริ่ มการ
ประลองจัดอันดับ เสวีย่ เอ๋ อจะเก็บตัวฝึ กยุทธ์ในหุบเขาหงส์สถิตย์
ในรัศมียสี่ ิ บห้ากิโลเมตรรอบหุบเขาหงส์สถิตย์ ไม่วา่ ผูใ้ ด หรื อจะ
มีเรื่ องราวใหญ่โตเพียงใด ก็หา้ มไม่ให้ใครเข้าไปแม้แต่ครึ่ งก้าว !
แต่เราก็ยงั กังวลอยูบ่ า้ ง ดังนั้นขณะที่ทาํ การตรวจสอบฮวาหมิงไห่
เจ้าจงจัดวางผูค้ ุม้ กันที่บริ เวณด้านตะวันออก ตะวันตกและด้าน
เหนือของหุบเขาหงส์สถิตย์ อย่าให้ใครเข้าใกล้ หากผูใ้ ดกล้าไป
รบกวนเสวีย่ เอ๋ อ ไม่วา่ มันผูน้ ้ นั จะเป็ นใคร ให้ฆ่าได้ทนั ที !”
"น้อมรับพระบัญชา ผูบ้ ุตรจะดําเนินการทันที"
หลังจากเฟิ งเหิ งคงออกไป เฟิ งซีเฉิ นก็ถอนหายใจเล็กน้อย
ด้วยความรู ้สึกผ่อนคลาย แต่หลังจากสงบนิ่งอยูพ่ กั ใหญ่ มันก็เกิด
ความกังวลใจขึ้นมาอีก มันเดินกลับไปกลับมาในห้องโถงนัน่
หลายสิ บรอบ ก่อนจะขมวดคิ้วพลางส่ งเสี ยงเรี ยกแผ่วตํ่า "ชือหัว
เข้ามา !"
เงาแสงสี แดงเพลิงวูบผ่าน ชายวัยกลางคนอายุราวห้าสิ บปี
พลันปรากฏตรงหน้าเฟิ งซีเฉิน ราวกับหายตัวเข้ามา มันโค้งคํานับ
"องค์ชายมีบญั ชาอันใด ?"
"จงลอบค้นหาเจ้าคนที่ชื่อ 'หยุนเช่อ' ในนครวิหคเทวะ
ในทันที ! มันมาที่น่ีเพื่อเข้าร่ วมการประลองยุทธ์จดั อันดับเจ็ด
จักรวรรดิ และจะต้องปรากฏตัวภายในครึ่ งเดือนนี้อย่างแน่นอน...
อันที่จริ งมันอาจมาถึงแล้วก็ได้ หากพบเห็นมัน จงสังหารมันทันที
... จําไว้วา่ ยิง่ จัดการอย่างเงียบเชียบได้เท่าไหร่ กย็ ง่ิ ดี หลังจาก
สังหารมันแล้วให้ทาํ ลายซากศพมันโดยพลัน อย่าให้เหลือ
ร่ องรอยใดๆ ได้จะเป็ นการดีท่ีสุด !" เฟิ งซีเฉิ นกล่าวด้วยสี หน้าชัว่
ร้ายอย่างที่สุด
"รับบัญชาพะยะค่ะ" เฟิ งซือหัว ผงกศีรษะตอบรับ
"จําไว้วา่ นอกจากข้ากับเจ้าแล้ว ห้ามให้ผใู ้ ดรู ้เรื่ องนี้ !
แม้แต่พระบิดา" เฟิ งซีเฉิ นมีสีหน้าเคร่ งขรึ ม
สี หน้าเฟิ งชือหัวฉายแววตื่นตระหนกแวบหนึ่ง จากนั้นมันก็
ผงกศีรษะรับโดยไม่ลงั เลแม้แต่นอ้ ย "บ่าวชราผูน้ ้ ีจะไม่ทาํ ให้องค์
ชายผิดหวัง... บ่าวขอตัว"
เมื่อเฟิ งชือหัวจากไป เฟิ งซีเฉินก็กาํ หมัดทั้งสองข้างแน่น
นัยน์ตาสาดประกายชิงชังชัว่ ร้าย มันกล่าวเสี ยงแผ่วตํ่า "หยุนเช่อ
... การที่ไม่สามารถสังหารเจ้าด้วยมือข้าเอง ทําให้ขา้ ยากที่จะขจัด
ความแค้นในใจได้ ! แต่เจ้าต้องตายก่อนการประลองจัดอันดับ !
เมื่อใดที่อาณาจักรวายุครามถูกกําจัดจนหมดสิ้ น ความอัปยศใน
ครั้งนั้นก็จะถูกกลบฝังไว้ใต้ฝ่าเท้าข้าไปตลอดกาล !"
==========================
วันรุ่ งขึ้นหยุนเช่อมายังสมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยแห่งนคร
วิหคเทวะตามที่จื่อจี๋ช้ ีแนะ
เมื่อมาถึงหยุนเช่อก็พบว่าสถานที่แห่งนี้มีลกั ษณะดังที่จื่อจี๋ก
ล่าวไว้ไม่ผดิ เพี้ยน แม้ป้ายชื่อที่แขวนอยูด่ า้ นบนจะระบุวา่ เป็ น
'สมาคมการค้า' แต่มนั หาใช่สมาคมการค้าอย่างที่ควรจะเป็ น
กล่าวตามจริ ง มันกลับคล้ายตลาดมืด ! และก็มิได้มีขนาดใหญ่อนั
ใด พื้นที่เหยียดยาวนี้ประกอบด้วยร้านค้าเถื่อนลักษณะคล้ายๆ กัน
จํานวนมาก และทุกร้านล้วนแขวนป้ายชื่อ 'สมาคมการค้า'
อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่มนั สามารถหาซื้ อดอกทานตะวัน
หงสาได้ ไม่วา่ จะเป็ นสมาคมการค้าหรื อตลาดมืดก็หาได้มี
ความสําคัญไม่
ห่างออกไปในตรอกทึบๆ แห่งหนึ่งหยุนเช่อเห็นแผ่นป้าย
สลักคําว่า 'สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย' ดรุ ณีนางหนึ่งยืนชดช้อยอยู่
ใต้แผ่นป้ายนั้น เมื่อเห็นหยุนเช่อเดินเข้ามา นางก็เอ่ยปากต้อนรับ
"คุณชายท่านนี้ มาที่นี่เพื่อเข้าร่ วมการประมูลของอัคคีร่วงโรยใช่
หรื อไม่ ?"
"ใช่แล้ว แม่นางโปรดนําทางด้วย" หยุนเช่อกล่าวตอบ เมื่อ
ครั้งที่อยูใ่ นแดนเมฆคราม มันเคยไปเยือนตลาดมืดมากมายหลาย
แห่ง ตลาดมืดพวกนี้เป็ นสถานที่ที่ดึงดูดผูค้ นเข้ามาทําการ
แลกเปลี่ยนซื้อขายกัน แต่ท่านก็ตอ้ งจ่าย 'ค่าธรรมเนียม' ค่อนข้าง
สู งให้แก่พวกมัน
เด็กสาวนําทางผูน้ ้ นั กล่าวว่า "การประมูลของอัคคีร่วงโรย
วันนี้จะของลํ้าค่าหายากหลายอย่าง ดังนั้นค่าธรรมเนียมจึงสู งกว่า
ปกติเล็กน้อย ค่าธรรมเนียมอยูท่ ี่ยสี่ ิ บเหรี ยญม่วง"
ยีส่ ิ บเหรี ยญฟังดูกไ็ ม่สูงเท่าใดนัก... ทว่ามันเป็ นยีส่ ิ บเหรี ยญ
ม่วง หรื อก็คือสองแสนเหรี ยญเหลือง ! และนี่เป็ นเพียง
'ค่าธรรมเนียม' !
หยุนเช่อมิได้กล่าวอันใดขณะส่ งเงินยีส่ ิ บเหรี ยญม่วงให้
อย่างสบายๆ ... เด็กสาวตรงหน้ามันคงไม่คาดคิดว่าหยุนเช่อมีเงิน
ติดตัวนับล้านๆ เหรี ยญเหลืองเป็ นแน่
"คุณชาย โปรดตามข้ามา"
สตรี สาวรับเหรี ยญม่วงนั้น แล้วพาหยุนเช่อเข้าไปในตรอก
มืดๆ แห่งหนึ่ง หลังจากลัดเลี้ยวผ่านถนนหลายสาย พวกมันก็พา
กันเดินเข้าไปในบริ เวณที่ลึกลับซ่อนเร้นแห่งหนึ่ง มันไม่
กว้างขวางนัก มีเก้าอี้จดั วางเพียงสามสิ บถึงสี่ สิบตัว ยามนี้มีผคู ้ น
ราวยีส่ ิ บคนนัง่ กระจายอยูห่ ่างๆ กัน แม้สถานที่น้ ีจะห่างไกลและ
ซ่อนเร้นมิดชิด ทว่าคนเหล่านี้ลว้ นสวมใส่ อาภรณ์หรู หราอย่างถึง
ที่สุด... ผูท้ ี่ยนิ ดีจ่ายค่าธรรมเนียมสู งถึงยีส่ ิ บเหรี ยญม่วงย่อมไม่มี
ทางมาจากตระกูลสามัญ
เมื่อหยุนเช่อมาถึง ทุกคนก็ค่อยๆ พากันเหลือบมองมาทาง
มัน หลังจากพบว่าชายหนุ่มมีพลังลมปราณระดับปราณปฐพี
เท่านั้น พวกมันก็แสดงสี หน้าดูถูกออกมา จากนั้นก็หนั ศีรษะ
กลับไปไม่ใส่ ใจมองมันอีก ผูท้ ี่มีพลังลมปราณระดับปราณปฐพี
ทั้งที่วยั ยังไม่ถึงยีส่ ิ บปี นั้นนับว่าเป็ นอัจฉริ ยะที่ยากจะพบพานใน
อาณาจักรวายุคราม แต่ในจักรวรรดิเทพหงสานี่ มันนับเป็ นเพียง
ชนชั้นล่าง ซึ่งในสายตาของพวกชนชั้นสู งขี้โอ่น้ ี มันไม่มีค่าแก่
การกล่าวถึง
ขณะเลือกที่นงั่ อย่างส่ งเดช หยุนเช่อก็หาได้ใส่ ใจที่จะจดจํา
ผูใ้ ดในที่นี่ไม่
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาอีก ไม่นานนักก็มีสุม้ เสี ยงเปี่ ยม
เสน่ห์เสี ยงหนึ่งดังขึ้น "ใต้เท้าทั้งหลาย ขออภัยที่ตอ้ งให้พวกท่าน
รอเป็ นเวลานาน"
ประตูที่ซ่อนอยูบ่ านหนึ่งเปิ ดออก หญิงสาวงดงามแช่มช้อย
นางหนึ่งค่อยเยื้องกรายออกมา ด้านหลังของนางตามติดมาด้วย
ชายชราผมหงอกเทาผูห้ นึ่ง หญิงสาวสวมเครื่ องแต่งกายรัดรู ปสี
ดําที่เผยให้ทุกส่ วนโค้งส่ วนเว้าของนาง ดวงตาของนางเปล่ง
ประกายสดใสสวยงามราวกับดอกท้อ ยามแลมองทุกผูค้ นในที่
นั้นแทบขโมยเอาจิตใจของพวกมันไปด้วย
"โอ... ชีชีนอ้ ยของข้า ในที่สุดเจ้าก็มาเสี ยที ข้ารอเจ้าอย่างใจ
จดใจจ่อทีเดียว" ชายหนุ่มในชุดสี ฟ้าคนหนึ่งผุดลุกขึ้น ดวงตามัน
จับจ้องอยูท่ ี่หญิงสาวนางนั้น ส่ งสายตาเปี่ ยมรักให้นางแวบหนึ่ง
"ฮิฮิ ฮิฮิ..." หญิงสาวเม้มปากหัวร่ อคิกคัก แล้วจึงกล่าวอย่าง
เย้ายวนว่า "ใต้เท้ากงซุนใจร้อนเสมอ เราสัญญาว่าของลํ้าค่าใน
วันนี้จะไม่ทาํ ให้ผใู ้ ดผิดหวัง ใต้เท้าทั้งหลาย ขอจงเปิ ดตาให้กว้าง
และคอยดูให้ดี ทันที่เราเริ่ มการประมูล ขออย่าได้ออมมือ ! โอ
สําหรับใต้เท้าที่มาเป็ นครั้งแรก ข้าน้อยเสี่ ยวชี เป็ นผูด้ าํ เนินการ
ประมูล ในอนาคตท่านต้องแวะมาเยีย่ มเยียน มาพบข้าบ่อยๆ นะ"
วาจาของเสี่ ยวชีช่างหยอกเย้ายัว่ ยวน ท่าทีดึงดูดใจ แม้เหล่า
บุรุษในที่น้ ีจะรักษาสี หน้าเฉยชา ทว่านิ้วมือของพวกมันกลับอยู่
ไม่สุข และลอบทํานํ้าลายหก แต่หากจะกล่าวว่ามีผใู ้ ดที่ยงั คงสงบ
นิ่งเช่นเดิม ก็คงมีเพียงหยุนเช่อผูเ้ ดียว... เนื่องจากภรรยาทั้งสอง
ของมันกับหญิงเจ้าเสน่ห์ผนู ้ ้ ีต่างกันราวฟ้ากับดิน นางไม่แม้แต่จะ
ปลุกเร้าสัญชาตญาณบุรุษเพศของมัน และไม่ดึงดูดความสนใจ
ของมันแม้แต่นอ้ ย
"เราคุณชายเคยทําให้ชีชีผดิ หวังมาก่อนหรื อ ?" ชายหนุ่ม
นาม 'ใต้เท้ากงซุน' จ้องมองเสี่ ยวชีอย่างเร่ าร้อน "ไม่ทราบว่าชีชี
น้อยเป็ นหนึ่งในของลํ้าค่าที่จะนํามาประมูลในวันนี้ดว้ ยหรื อไม่ ?
หากใช่ แม้เราคุณชายต้องสิ้ นเนื้อประดาตัว เรายังคงยินดีท่ีจะซื้ อ"
"ฮิฮิ ใต้เท้ากงซุนท่านช่างร้ายนัก" เสี่ ยวชียกมือขึ้นปิ ดปาก
และส่ งสายตายัว่ ยวนอย่างที่สุดให้แก่ใต้เท้ากงซุน ทําเอามันอ่อน
ระทวยไปทั้งร่ าง
หยุนเช่อลอบก่นด่าพวกมันในใจ
จากนั้นพวกมันก็กลับเข้าสู่ การประมูลในที่สุด เสี่ ยวชียนื่
กล่องหยกสี เขียวเข้มที่รับมาจากชายชราที่อยูด่ า้ นหลังนางออกมา
ดวงตาเย้ายวนของนางกวาดมองผ่านทุกผูค้ นในที่น้ นั มือทั้งสอง
จับกล่องไว้แน่น นางกล่าวกลั้วหัวร่ อว่า "ในกล่องหยกนี้คือแก่น
หยกผลึกม่วงที่บริ สุทธิ์ที่สุดจากเหมืองผลึกม่วงขนาดใหญ่แห่ง
หนึ่ง หากท่านใช้มนั เพื่อขับเคลื่อนนาวาปราณ แก่นหยกผลึกม่วง
หนึ่งชิ้นจะเป็ นเชื้อเพลิงให้นาวาปราณหนักห้าสิ บตันได้นานถึง
สองร้อยชัว่ โมง และรู ้หรื อไม่ หากท่านหลอมรวมมันเข้ากับอาวุธ
ที่มีจิตวิญญาณ มันจะช่วยเพิ่มพูนความสามารถในการนึกคิดของ
อาวุธนั้นได้อย่างมาก"
แก่นหยกผลึกม่วง... สามารถยกระดับจิตวิญญาณของอาวุธ
ได้เช่นนั้นหรื อ ?
ใจหยุนเช่อเต้นกระหนํ่าขึ้นมาทันที กระบี่ทณั ฑ์มงั กรของ
มันเป็ นอาวุธระดับปราณจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณ แต่
ความสามารถในการนึกคิดของมันไม่สูงมากนัก ณ ตอนนี้ กระบี่
ทัณฑ์มงั กรทําได้เพียงกลับคืนสู่ มือหยุนเช่อโดยอัตโนมัติ ยามมัน
หลุดมือชายหนุ่มไป และส่ งเสี ยงคํารามของมังกรยามที่มนั โกรธ
หากมันมีจิตวิญญาณแรงกล้ายิง่ ขึ้น ชายหนุ่มยอมได้รับ
ผลประโยชน์มหาศาลอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
มันมาที่นี่เพื่อดอกทานตะวันหงสาเท่านั้น ไม่เคยคาดคิดว่า
จะมาพบแก่นหยกผลึกม่วงเข้า แม้วา่ การประมูลใต้ดินนี้จะไม่
ใหญ่โต แต่สิ่งที่นาํ มาขายนั้นกลับไม่ธรรมดาอย่างที่สุด ไม่แปลก
ใจเลยว่าเหตุใดค่าธรรมเนียมถึงสู งเพียงนั้น
"โอ๊ะ ! แก่นหยกผลึกม่วงจริ งๆ ด้วย !" ชายหนุ่มแช่กงซุนมี
ท่าทางตื่นเต้น "เราคุณชายมองหาของสิ่ งนี้มานานพอดู ไม่คิดเลย
ว่าชีชีนอ้ ยจะมีมนั อยู่ ซํ้ายังมีถึงสองชิ้น... ไม่ผดิ หวังเลยจริ งๆ ชีชี
น้อยของข้า ! รี บบอกมาว่าราคาตํ่าสุ ดสําหรับแก่นหยกผลึกม่วง
สองชิ้นนี้คือเท่าใด ?"
ขณะที่ยงั ถือกล่องหยกใบนั้น ดวงตาเย้ายวนของเสี่ ยวชีกห็ รี่
ลงกลายเป็ นเส้นบางๆ "หกร้อยเหรี ยญม่วง ใต้เท้ากงซุนคงจะ
เข้าใจถึงคุณค่าของแก่นหยกผลึกม่วงดี ดังนั้นราคานี้ถือว่าไม่แพง
เลย ใช่หรื อไม่ ?"
"หกร้อย... อืม ไม่แพงจริ งๆ " ชายหนุ่มแซ่กงซุนยิม้ กว้าง
จากนั้นก็หนั หลังไปพลางประสานมือคารวะไปรอบด้าน "สหาย
ผูน้ อ้ ยกงซุนหยู แห่งพรรคกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์ มีความต้องการแก่น
หยกผลึกม่วงอย่างเร่ งด่วน เพือ่ ยกระดับจิตวิญญาณของกระบี่คู่
กาย และหวังว่าสหายทุกท่านจะใจกว้างยอมให้ผนู ้ อ้ ยได้มนั ไป"
ทันทีที่ยนิ คําว่า 'กงซุนหยูแห่งพรรคกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์' สี หน้า
ของหลายๆ คนก็แปรเปลี่ยนไป และความคิดที่จะเสนอราคาแข่ง
กับมันก็ตอ้ งระงับไปโดยพลันเช่นกัน พรรคกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์มิอาจ
เทียบได้กบั พรรคเทพหงสา ทว่ามันก็ยงั เป็ นหนึ่งในพรรคที่มี
ชื่อเสี ยงของจักรวรรดิเทพหงสา และเป็ นคุณชายที่ไม่ควรไป
ตอแยในนครวิหคเทวะ และกงซุนหยูผนู ้ ้ ียงั เป็ นบุตรชายคนเล็ก
ของผูน้ าํ พรรคกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์คนปัจจุบนั
ยามนั้นก็มีสุม้ เสี ยงเกียจคร้านดังมาว่า "น้องแซ่กงซุน
เนื่องจากนี่เป็ นงานประมูล ดังนั้นผูเ้ สนอราคาสู งสุ ดย่อมเป็ นผู ้
ชนะ หากท่านเล่นไม้น้ ี แม่นางเสี่ ยวชีจะทําการค้าได้อย่างไร ? ถึง
แม่นาง เสี่ ยวชีจะไม่วา่ กล่าวอันใด แต่ขา้ มิอาจทนดูได้"
เมื่อได้ยนิ คํากล่าวนั้น กงซุนหยูหาได้โกรธไม่ มันกลับหัว
ร่ ออย่างเบิกบาน และประสานมือคารวะคนผูน้ ้ นั และกล่าวว่า "พี่
น่าหลัน พูดถูกแล้ว ผูน้ อ้ งเพียงแต่ดีใจและออกจะตื่นเต้นเกินไป
ชัว่ ขณะ จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกแล้ว"
เมื่อได้ยนิ คําว่าน่าหลัน สี หน้าทุกคนก็แปรเปลี่ยนอีกครั้ง...
ตระกูลน่าหลัน เป็ นหนึ่งในผูม้ ีอิทธิพลในนครวิหคเทวะ และคบ
หากับพรรคกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์มานานนับพันปี เจ้าของสุ ม้ เสี ยงเกียจ
คร้านนั้นมีนามว่าน่ าหลันซยง สถานะของมันภายในตระกูลน่าห
ลันเองสู งส่ งอย่างหาที่เปรี ยบไม่ได้ มันเหมือนจะกล่าวประณาม
กงซุนหยู แต่แท้ที่จริ ง พวกมันกําลังใช้ชื่อเสี ยงของตระกูลพวก
มันเพื่อกดดันผูอ้ ื่นในที่น้ นั ทําให้ผอู ้ ื่นไม่กล้าเสนอราคาแข่งกับ
กงซูนหยูและพวกมัน
"แก่นหยกผลึกม่วงสองชิ้นในราคาหกร้อยเหรี ยญม่วง ข้า
ขอรับมันไป" กงซุนหยูกล่าวด้วยสี หน้ายิม้ แย้ม
และตอนนี้เอง สุ ม้ เสี ยงที่เป็ นปกติอย่างที่สุดแต่กไ็ ม่สอดรับ
กับผูอ้ ื่นก็พลันดังมาจากมุมหนึ่ง "เจ็ดร้อยเหรี ยญม่วง"
กงซุนหยูขมวดคิ้วแน่นทันที มันหันไปรอบๆ และสายตา
ของมันก็ไปหยุดอยูท่ ี่ร่างหยุนเช่อ มันกวาดตาสํารวจความ
แข็งแกร่ งของพลังยุทธ์ของหยุนเช่อแวบหนึ่ง แล้วดวงตาของมัน
ก็ฉายแววดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างยิง่ ... แต่หากอีกฝ่ ายกล้าพอที่จะ
เสนอราคาแข่งกับมัน คนผูน้ ้ นั ก็อาจมาจากตระกูลที่มีชื่อเสี ยงก็
เป็ นได้ ดังนั้นมันจึงไม่กล้าผลีผลามล่วงเกินอีกฝ่ าย มันกล่าวโดย
ไม่แสดงอารมณ์ข่มุ มัวใดๆ "สหาย ดูเหมือนท่านจะไม่เห็นแก่
หน้าข้ากงซุนหยูบา้ งเลย ?"
หยุนเช่อหัวร่ อแผ่วเบา "สิ่ งที่ขา้ ต้องการคือแก่นหยกผลึก
ม่วง นี่เกี่ยวข้องอันใดกับหน้าของท่าน ?"
กงซูนหยูมุมปากกระตุก สี หน้าของมันมืดครึ้ มอย่างเห็นได้
ชัดขณะที่กล่าวเย้ยหยัน "ท่านกล่าวได้ถูกต้อง การต่อสู ใ้ นการ
ประมูลนั้นอาศัยต้นทุนอันแข็งแกร่ ง หาใช่หน้าตาไม่ เนื่องจาก
ท่านก็ตอ้ งการแก่นหยกผลึกม่วงเช่นกัน ดังนั้นเรามาดูสิวา่ ท่านจะ
มีความสามารถหรื อไม่... หนึ่งพันเหรี ยญม่วง !"
บทที่ 406 ทานตะวันหงสา

กงซุนหยูเพิ่มราคาเป็ นหนึ่งพันเหรี ยญม่วงในชัว่ อึดใจเดียว


ก่อนจะจ้องมาที่หยุนเช่อ หากการประลองนี้ถูกจัดขึ้นในสมาคม
การค้าเดือนดับ มันย่อมไม่มีทางกล้าทําตัวยโสโอหังเช่นนี้แน่ แต่
ภายในการประลองใต้ดินแห่งนี้ ด้วยชื่อเสี ยงของพรรคกระบี่
ศักดิ์สิทธิ์ของมัน มันจึงรู ้สึกว่าตนเองเปี่ ยมคุณสมบัติอย่างยิง่ ที่จะ
ทําตนหยิง่ ทะนงข่มขวัญผูอ้ ื่น มันย่อมไม่คาดคิดว่าผูอ้ ยูร่ ะดับเพียง
ปราณปฐพีผหู ้ นึ่งจะกล้าประมูลแข่งกับมันหลังจากที่มนั ได้
ตักเตือนไปแล้ว
ด้วยชื่อเสี ยงของพรรคกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์กอปรกับฐานะอันมัง่
คัง่ และการเพิ่มราคาอย่างรวดเร็ วของมัน ย่อมทําให้มนั คิดว่าหยุ
นเช่อต้องถูกมันข่มขวัญ แต่มนั ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ ายจะไม่
เปลี่ยนแปลงสี หน้าเลยแม้แต่นอ้ ย พร้อมกับเสนอราคาด้วย
นํ้าเสี ยงสงบนิ่งหาใดเปรี ยบ “หนึ่งพันหนึ่งร้อยเหรี ยญม่วง!”
การเสนอราคามากกว่าหนึ่งพันเหรี ยญม่วงออกมาอย่าง
สบายใจนั้นย่อมมิใช่สิ่งที่บุคคลหนึ่งจะกระทําได้โดยไร้ผหู ้ นุน
หลังอันทรงอํานาจ กงซุนหยูท่ีมีฐานะเป็ นบุตรชายประมุขพรรค
กระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์ยงั มีรายได้เพียงปี ละราวๆสองหมื่นเหรี ยญม่วง ซึ่ง
จําเป็ นการฝึ กยุทธ์ตลอดทั้งปี การเจียดเงินหนึ่งพันเหรี ยญม่วง
ออกมาซื้อแก่นหยกผลึกม่วงสองชิ้นนับว่าเป็ นขีดจํากัดของชาย
หนุ่มแล้ว ทั้งยังแพงกว่ามูลค่าที่แท้จริ งของแก่นหยกผลึกม่วงไป
มาก ก่อนหน้านี้มนั วางท่ายโสโอหังไป แต่กลับถูกเสนอราคาต่อ
อย่างไร้ปรานี หากมันพ่ายแพ้ไปโดยง่ายเช่นนี้มนั จะเอาหน้าไป
ไว้ที่ใด?
กงซุนหยูขบกรามแน่นอย่างวิตก หากภายนอกยังคงท่าที
สงบนิ่งเอาไว้พร้อมกับตะโกนขึ้น “หนึ่งพันสองร้อยเหรี ยญม่วง”
“หนึ่งพันห้าร้อย!” หยุนเช่อเสนอราคาหลังจากกงซุนหยูพดู
จบโดยไม่หยุดคิดหรื อลังเลเลยแม้แต่นอ้ ย
สี หน้าของทุกคนในห้องนั้นเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย พร้อม
กับที่เสี่ ยวชีเผยยิม้ กว้างดุจดอกท้อเบ่งบาน ก่อนหน้านี้หญิงสาว
มิได้ใส่ ใจหยุนเช่อนัก แต่บดั นี้สายตาที่นางทอดมองหยุนเช่อนั้น
นุ่มนวลอย่างยิง่ ดวงตาคู่งามบัดนี้เริ่ มเอ่อคลอไปด้วยหยาดนํ้า
ในที่สุดสี หน้าของกงซุนหยูกแ็ ปรเปลี่ยนเป็ นไม่น่ามอง เงิน
หนึ่งพันห้าร้อยเหรี ยญม่วงเท่ากับรายจ่ายปกติของมันทั้งเดือน
การใช้เงินก้อนนี้แลกกับแก่นหยกผลึกม่วงสองชิ้นนั้นเกินกว่า
ขีดจํากัดของมันไปมาก ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงถือเป็ นสารสกัด
ที่บริ สุทธิ์ที่สุดจากเหมืองลูกแก้วชีพจรม่วง แก่นหยกผลึกม่วง
เป็ นเพียงอันดับรองเท่านั้น เงินหนึ่งพันห้าร้อยเหรี ยญม่วงนั้น
เพียงพอจะซื้ อลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงได้ถึงห้าสิ บกรัม ดังนั้น
การนําเงินนี้มาซื้อแก่นหยกผลึกม่วงจึงย่อมเทียบได้กบั การโยน
เงินทิ้งไปเปล่าๆ
มันหันกลับมาพูดพร้อมรอยยิม้ จอมปลอม “สหาย ดูจาก
ท่าทีกล้าหาญของเจ้าแล้ว ข้าคาดว่าตระกูลของเจ้าคงมัง่ คัง่ ไม่นอ้ ย
มิใช่วา่ ข้าจะบอกว่าข้ารู ้จกั ทุกตระกูลในนครวิหคเทวะนี้หรอกนะ
แต่ขา้ ก็รู้จกั เป็ นส่ วนใหญ่ หากข้ากลับไม่คุน้ หน้าเจ้าเลย เจ้ามาจาก
นอกเมืองรึ ? โอ้ ดูจากการแต่งกายของเจ้าแล้ว เจ้าคงเป็ นสหาย
จากอีกหกอาณาจักรใช่หรื อไม่?”
แน่นอนว่าหยุนเช่อรู ้วา่ กงซุนหยูผนู ้ ้ ีมีเจตนาจะทําสิ่ งใด ชาย
หนุ่มเย้ยหยันมันในใจ ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่หลบเลี่ยง “เจ้าคาด
เดาได้ถูกแล้ว ข้าไม่ใช่ชาวจักรวรรดิเทพหงสา แต่มาจาก
อาณาจักรวายุครามทางตะวันออก ทว่าเรื่ องที่ขา้ มาจากที่ใดนั้นไม่
เกี่ยวข้องกับการประมูลนี้ เจ้าว่าไหม?”
ชาววายุคราม?
ก่อนหน้านี้ทุกคนในห้องล้วนคาดเดากันไปต่างๆนาๆ ว่า
หยุนเช่อมาจากที่ใด พวกมันคิดว่าเมื่อชายหนุ่มใช้เงินตามใจเช่นนี้
ทั้งยังไม่หวัน่ เกรงที่จะเผชิญหน้ากับกงซุนหยู พื้นเพของชายหนุ่ม
จึงน่าจะไม่ธรรมดา แต่เมื่อพวกมันได้ยนิ ว่าชายหนุ่มมาจาก
อาณาจักรวายุคราม ในหมู่พวกมันล้วนไม่มีผใู ้ ดไม่แสดงสี หน้า
เหยียดหยาม บางคนถึงกระทัง่ ทําท่าทางล้อเลียน ในฐานะชาว
จักรวรรดิเทพหงสา ลึกๆในจิตใจพวกมันดูแคลนจักรวรรดิอื่นๆ
อยูแ่ ล้ว ยิง่ ไปกว่านั้น ในหมู่หกอาณาจักร อาณาจักรวายุครามถือ
ว่าอ่อนแอที่สุด ในสายตาของพวกมัน ชาวอาณาจักรวายุครามจึง
ถูกนับเป็ นชนชั้นล่างอยูเ่ สมอ
“โอ้…โอ้! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เป็ นสหายจากอาณาจักรวายุคราม
นี่เอง” กงซุนหยูพลันหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลัง่ ความรู ้สึกที่ถูก
หยุนเช่อข่มเมื่อสักครู่ ลว้ นมลายหายไปจนหมดสิ้ น “ไม่แปลกใจ
เลยที่เจ้ามุ่งมัน่ อยากได้แก่นหยกผลึกม่วงเช่นนี้ ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่
เคยเห็นสมบัติล้ าํ ค่าเช่นนี้ในอาณาจักรวายุครามใช่หรื อไม่? เมื่อ
เป็ นเช่นนั้น ข้าผูน้ ้ ีกเ็ ต็มใจจะมอบให้เจ้า… แต่ขา้ มีขอ้ สงสัย
เล็กน้อย...เจ้าจะนําแก่นหยกผลึกม่วงไปทําสิ่ งใด? หรื อว่าเหตุผล
จะเหมือนกับข้า คือเพิ่มเติมจิตวิญญาณแก่อาวุธของเจ้า? โอ้ ไม่สิ
ในอาณาจักรวายุครามของเจ้า อาวุธระดับปราณฟ้าก็ถือเป็ นยอด
สมบัติล้ าํ ค่าแล้ว เจ้าคงไม่ได้นาํ แก่นหยกผลึกม่วง ไปใช้เรื่ องนั้น
สิ นะ นอกจากนั้นระดับลมปราณของเจ้าอยูเ่ พียงชั้นปราณปฐพี ฮี่
ฮี่ ดูเหมือนเจ้าจะควบคุมอาวุธระดับปราณฟ้าไม่ได้เสี ยด้วยซํ้า…
แต่จะให้เอาไปใช้กบั นาวาปราณ...เอ๊ะ? ในอาณาจักรวายุครามมีผู ้
มีฐานะพอจะใช้นาวาปราณได้ดว้ ยหรื อ?”
ในห้องนั้นพลันเต็มไปด้วยเสี ยงคํารามหัวเราะอย่างไม่เก็บ
งําในทันที ต่อหน้าชาววายุครามแล้ว แม้ผทู ้ ี่อยูร่ ะดับล่างสุ ดล้วน
รู ้สึกว่าตนเหนือกว่าอย่างช่วยไม่ได้ เหตุใดพวกมันต้องเก็บซ่อน
อาการดูแคลนต่อหน้าชนชั้นล่างกัน?
หลังจากประกาศตนว่าเป็ นชาววายุคราม หยุนเช่อย่อมรู ้ชดั
อยูแ่ ล้วว่าสิ่ งใดจะเกิดขึ้น สี หน้าของชายหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง
แม้แต่นอ้ ย ชายหนุ่มนําเงินหนึ่งพันห้าร้อยเหรี ยญม่วงออกมาโดย
ไม่ใส่ ใจที่จะตอบโต้กบั คนเหล่านั้น ก่อนจะรับกล่องหยกที่บรรจุ
แก่นหยกผลึกม่วงสองชิ้นมาจากมือของเสี่ ยวชี แก่นหยกผลึกม่วง
ที่มีคุณภาพดีตอ้ งถูกผลิตขึ้นจากเหมืองลูกแก้วม่วงขนาดใหญ่
เท่านั้น และต้องบรรจุไว้ดว้ ยไอวิญญาณธรรมชาติจาํ นวนหนึ่ง
ดังนั้นจึงสามารถนํามาใช้เพิ่มพูนความนึกคิดในจิตวิญญาณแห่ง
อาวุธได้ ชายหนุ่มไม่ล่วงรู ้วา่ มันจะมีผลมากเพียงใด และหาก
ผลลัพธ์น้ นั ชัดเจน ชายหนุ่มจะพยายามซื้อมาใช้เพิ่มอีก
ของชิ้นต่อไปคือเหตุผลที่หยุนเช่อเดินทางมาที่นี่!
เสี่ ยวชีนาํ กล่องหยกมาจากชายชราที่ยนื เบื้องหลัง และกล่าว
ด้วยใบหน้าเปี่ ยมรอยยิม้ “สมบัติชิ้นที่สองเป็ นวัตถุดิบโอสถ
แม้วา่ มันจะมิได้ยงิ่ ใหญ่เท่าแก่นหยกผลึกม่วง แต่มนั กลับหายาก
ยิง่ กว่าแก่นหยกผลึกม่วงเสี ยอีก”
ยามหญิงสาวกล่าววาจา นางเอื้อมมือออกเปิ ดกล่องหยก
พันธุ์ไม้รูปร่ างราวเปลวเพลิงปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าสายตาพร้อม
ทั้งสะท้อนประกายระริ กสี แดงฉาน ทันใดนั้น กล่องหยกลํ้าค่าถูก
ปิ ดลง ป้องกันไอโอสถรั่วไหล
“โอออ... เป็ นทานตะวันหงสาจริ งๆ!” ใครบางคนอุทาน
ออกมา
ได้ยนิ คํา “ทานตะวันหงสา” สายตาของหยุนเช่อจับจ้องไป
ยังกล่องหยก...ดูคล้ายข้าสามารถจากไปได้แต่เนิ่นๆ
“มิผดิ นี่คือดอกทานตะวันหงสา ทั้งยังเป็ นดอกแรกบาน ยัง
ไม่ถูกทําลายหรื อได้รับความเสี ยหายใดๆ” เสี่ ยวชีกล่าวพลางฉี ก
ยิม้ กว้างขวาง “ทุกผูค้ นย่อมทราบว่าดอกทานตะวันหงสาไม่เพียง
ใช้ในด้านการแพทย์ หากยังสามารถชําระชีพจร เปิ ดจุดชีพจร
ชัว่ คราว ทั้งช่วยให้ผฝู ้ ึ กปรื อลมปราณอัคคีสามารถทะลวงด่าน
พลังฝี มือออกได้ เพียงแต่ทุกครั้งที่ดอกทานตะวันหงสาถือกําเนิด
ย่อมต้องถูกนําไปโดยพรรคเทพหงสา ทานตะวันหงสาในมือของ
ข้าเพียงเป็ นชิ้นเดียวในอาณาจักรนี้ที่ไม่ถูกครอบครองโดยพรรค
เทพหงสา กระทัง่ สมาคมการค้าเดือนดับเองก็ไม่มี...ดังนั้น ใต้เท้า
ทั้งหลาย จงอย่าได้ปล่อยผ่านโอกาสนี้! มิเช่นนั้น ท่านต้องรอถึง
ช่วงเวลานี้ของปี ถัดไป จึงสามารถมีโอกาสซื้ อหามันได้อีกครั้ง”
วาจาของเสี่ ยวชีอาจฟังดูเกินเลยไปบ้าง หากหยุนเช่อทราบ
ดีวา่ มิผดิ ไปทั้งหมด เนื่องเพราะตนเองไปเยือนสมาคมการค้า
เดือนดับเมื่อวานนี้ และที่นนั่ ปราศจากดอกทานตะวันหงสาจริ งๆ
หลังเสี่ ยวชีกล่าวจบ ชายหนุ่มส่ งเสี ยงออกไปในทันที “ราคา
เริ่ มต้นที่เท่าใด?”
ดวงตางดงามชุ่มฉํ่าของเสี่ ยวชีค่อยๆ เบนเบือนมาทางหยุ
นเช่อ และหญิงสาวกล่าวอย่างนิ่มนวล “ดูเหมือนคุณชายจาก
อาณาจักรวายุครามจะให้ความสนใจแก่ดอกทานตะวันหงสานี้
ราคาเริ่ มต้นของดอกทานตะวันหงสาอยูท่ ี่ หนึ่งพันเหรี ยญม่วง”
แม้ดอกทานตะวันหงสาเป็ นสิ นค้าหายาก หากแต่มนั มิใช่
โอสถชั้นเลิศโดยแท้จริ ง ยิง่ กว่านั้น ในด้านการแพทย์แล้ว มันเป็ น
วัตถุที่ยงุ่ ยากซับซ้อนและคุณสมบัติโอสถล้วนรั่วไหลโดยง่ายดาย
สําหรับกับผูท้ ี่ฝึกปรื อปราณอัคคีแล้ว ผลประโยชน์ของมันเอง
มิได้สูงส่ งถึงเพียงนั้น ราคาหนึ่งพันเหรี ยญม่วงนับว่าสู งส่ งยิง่
เห็นได้ชดั ว่าราคาที่พงุ่ ทะยานขึ้นสู งนี้ลว้ นเนื่องมาจากคํา “ดอก
ทานตะวันหงสาดอกสุ ดท้าย” ดังนั้น ผูอ้ ื่นภายในห้องต่างไม่
แสดงความสนใจเท่าใด ทว่าทันทีที่เสี่ ยวชีกล่าวจบคํา หยุนเช่อ
พลันกล่าวออกมาในทันทีวา่ “ข้าขอเสนอ สองพันเหรี ยญม่วง!”
เมื่อมีเงินสิ บล้านเหรี ยญม่วงอยูใ่ นกระเป่ า หยุนเช่อเปี่ ยมล้น
ความมัน่ ใจอย่างยิง่ ยวด มันเพียงต้องการนําดอกทานตะวันหงสา
ออกไปโดยไมต้องเสี ยเวลามากมาย...งานประลองเจ็ดจักรวรรดิ
กําลังจะเริ่ มในอีกครึ่ งเดือน สําหรับหยุนเช่อแล้ว ทุกวินาทียามนี้
ทรงคุณค่าอย่างที่สุด
“อเวจีเถอะ!!” ผูค้ นมากมายในที่น้ นั อุทานออกมา
ใช้เงินหนึ่งพันห้าร้อยเหรี ยญม่วงซื้ อหาแก่นหยกผลึกม่วง
สองชิ้น...และซื้อดอกทานตะวันหงสาด้วยเงินอีกสองพันเหรี ยญ
ม่วง…
เจ้าหนูวายุครามผูน้ ้ ีใช่เสี ยสติแล้วหรื อไม่?!
หลังประกาศราคาหนึ่งพันเหรี ยญม่วง ที่จริ งภายในใจของ
เสี่ ยวชีวติ กทุกข์ร้อนอยูบ่ า้ ง นางเองทราบกระจ่างว่าราคานี้ออกจะ
สู งเกินไป หากนางคาดคิดมิถึงจริ งๆว่า หลังกล่าวจบคํา ราคากลับ
ถูกเพิ่มทวีคูณขึ้นสองเท่าในทันที! หญิงสาวพองโตด้วยความปี ติ
ใบหน้าของนางสดใสกระจ่างขึ้นทันตา “ถึงกับเสนอราคาสองพัน
เหรี ยญม่วงในคราเดียว คุณชายจากวายุครามผูน้ ้ ีใจกว้างดุจ
มหาสมุทร เราผูน้ ้ ีชื่นชอบสุ ภาพบุรุษเยีย่ งนี้อย่างยิง่ ...มีผใู ้ ด
ต้องการเสนอราคามากกว่านี้หรื อไม่? นี่คือดอกทานตะวันหงสาด
อกสุ ดท้ายในรอบปี หากพลาดโอกาสนี้ ถึงมีทรัพย์สินมากกว่านี้
ยังไม่สามารถซื้อหาได้...”
ผูอ้ ื่นต่างนิ่งเงียบงัน...น่าขัน นอกจากผูฝ้ ึ กปราณอัคคีที่
ประสบทางตัน หรื อผูท้ ี่ตอ้ งการหลอมสกัดโอสถอย่างเร่ งด่วน
แล้ว จะมีผใู ้ ดยินยอมจ่ายออกด้วยเงินสองพันเหรี ยญม่วงเพือ่
ทานตะวันหงสา? เมื่อเห็นว่าไม่มีผใู ้ ดตอบคํา เสี่ ยวชีกา้ วเท้าเข้าหา
หยุนเช่อด้วยรอยยิม้ กว้างขวาง “ยินดีดว้ ย คุณชาย ทานตะวันหง
สานี้เป็ นของท่าน โปรดเก็บรักษาให้ดี!”
หยุนเช่อมอบเงินจํานวนสองหันเหรี ยญม่วงออกไปอย่าง
ชัดเจน จากนั้นจึงรับกล่องหยกบรรจุทานตะวันหงสามา...เมื่อมี
ทานตะวันหงสาในมือ วัตถุประสงค์ในการมาของมันวันนี้ลว้ น
ลุล่วง ที่จาํ เป็ นต้องทําต่อไปคือเสาะหาสถานที่สกัดยาเม็ดจักรวาล
โดยไข่มุกพิษสวรรค์ จากนั้นยังต้องใช้เวลาสองถึงสามวันในการ
ย่อยสลายตัวยา พลังยุทธ์ของชายหนุ่มสมควรขึ้นสู่ ช้ นั ลมปราณ
ปฐพีข้ นั สู งสุ ด นัน่ จะมีส่วนช่วยอย่างยิง่ เมื่อต้องรับมือกับศิษย์
พรรคเทพหงสา
สําหรับสิ่ งของชิ้นต่อไปที่จะนํามาประมูล หยุนเช่อ
ปราศจากความสนใจอีกต่อไป ทันทีที่หยุนเช่อกําลังจะจากไป
ปรากฏเสี ยงหัวเราะดังมาจากทางด้านนอก “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า คุณหนู
เสี่ ยวชี ขออภัยยิง่ ข้าพบพานผูค้ นไร้นยั น์ตาตามข้างถนนจึง
เสี ยเวลาสัง่ สอนมันไปบ้าง ขอคุณหนูเสี่ ยวชีอย่าได้ถือสาที่ขา้ มา
สาย”
สุ ม้ เสี ยงที่ดงั มาทั้งหนักแน่นเข้มแข็ง ทั้งเปี่ ยมด้วยความ
เหี้ ยมหาญ ที่ติดตามมาเป็ นเงาร่ างบึกบึนสวมใส่ ชุดเกราะเบาสื บ
เท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ ว คนผูน้ ้ ีอายุประมาณสามสิ บปี แม้โครงร่ าง
มันจะไม่อาจเทียบได้กบั เซี่ยหยวนป้า หากยังคงนับว่าแข็งแรง
กํายํายิง่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ กล้ามเนื้อทุกมัดที่นูนเด่นออกมา เปล่ง
ประกายเงางามราวโลหะชั้นดี ส่ งผลให้ผคู ้ นต้องสะดุดตากับพลัง
ความเข้มแข็งที่แผ่ออกมาทันทีที่ชายตามอง
เส้นผมของมันมีสีแดง ทุกเส้นพุง่ ชี้ข้ ึนสู่ ทอ้ งฟ้าราวเปลว
เพลิง ทัว่ ร่ างของมันแผ่รัศมีลมปราณอัคคีอนั ร้อนแรงหนาแน่น
เข้มข้นยิง่
ทันทีที่ชายร่ างสู งผูน้ ้ ีปรากฏตัว ใบหน้าของทุกคนภายใน
ห้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แม้กระทัง่ การแสดงออก
อย่างเย่อหยิง่ เหยียดหยามของกงซุนหยูก่อนหน้านี้ลว้ นอันตรธาน
หายไปและเผยให้เห็นความกลัวเกรงอย่างที่สุด
เมื่อเสี่ ยวชีพบเห็นคนผูน้ ้ ี เปรี ยบดัง่ หญิงสาวได้พบเจอบิดา
บังเกิดเกล้า เส้นสายทุกเส้นบนใบหน้าของหญิงสาวเปล่งประกาย
แย้มยิม้ สง่างามก่อนเข้าไปต้อนรับชายผูน้ ้ ี “ไอ๊หยาาา! ใต้
เท้าจื้อ เหตุใดจึงกล่าวเยีย่ งนั้น ? การมาเยือนยังที่น้ ีของท่าน
นับเป็ นบุญวาสนาที่ขา้ สัง่ สมมาแต่ชาติปางก่อน ผูน้ อ้ ยจะตําหนิ
ท่านได้อย่างไร ของสําคัญของวันนี้ยงั คงไม่นาํ ออกแสดง ข้าเชื่อ
ว่าใต้เท้าจื้อย่อมต้องสนใจในไฮไลท์ของวันนี้แน่นอน รับรองว่า
ท่านไม่มีทางมาเสี ยเที่ยว!”
“บุรุษท่าทางหยิง่ ทระนงผูน้ ้ นั เป็ นผูใ้ ด?” ผูค้ นที่นงั่ ด้านข้าง
ของหยุนเช่อกล่าวถามสหายของมัน
“เจ้าไม่ได้ยนิ แม่นางเสี่ ยวชีเรี ยกมันว่า “ใต้เท้าจื้อ” หรอก
หรื อ? มันต้องเป็ นผูค้ นจากพรรคผลาญตะวันอย่างแน่นอน!”
“อะไร! พรรคผลาญตะวัน? พรรคลําดับสองแห่งอาณาจักร
เทพหงสา? รองจากพรรคเทพหงสาน่ะรึ ?”
“ถูกต้อง! คนผูน้ ้ ีมีนามว่าจื้อเหยียน นายน้อยที่เจ็ดแห่ง
พรรคผลาญตะวัน! พรสวรรค์ของมันราวสัตว์ประหลาด เพียง
อายุยสี่ ิ บแปด แต่กลับมีพลังยุทธ์ช้ นั ครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิ ยัง
มีคาํ รํ่าลือว่ามันบรรลุช้ นั ปราณจักรพรรดิแล้วอีกด้วย! ใน
อาณาจักรเทพหงสา นอกจากพรรคเทพหงสาแล้ว ไม่มีผใู ้ ดกล้า
ตอแยมัน”
“สิ นค้าสําคัญที่แม่นางเสี่ ยวชีกล่าวถึงแน่นอนว่าย่อมต้องรอ
ชม หากแต่สาเหตุสาํ คัญที่เรามาในวันนี้เพียงเพราะดอก
ทานตะวันหงสาในมือของแม่นาง”
จื้อเหยียนกล่าววาจาด้วยทีท่าสูงส่ ง “การติดขัดในการ
ทะลวงชั้นลมปราณของเรานายน้อยคลายออกแล้ว การทะลวงชั้น
ลมปราณเห็นได้ชดั ว่าเหลืออีกเพียงเอื้อมมือ ข้ากําลังต้องการ
ทานตะวันหงสาอย่างมาก หากแต่พรรคเทพหงสาจอมเจ้าเล่ห์
กลับกวาดต้อนทานตะวันหงสาไปจนหมดสิ้ น ยังดีที่แม่นางมีอยู่
ในมือชิ้นหนึ่ง ทานตะวันหงสาต้นนี้เป็ นเรานายน้อยต้องการ
แน่นอนแล้ว หากผูใ้ ดคิดใคร่ แย่งชิงกับเรานายน้อย..เหอะเหอะ”
จื้อเหยียนเป็ นบุคคลเช่นใดย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับหยุ
นเช่อ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมหมุนกายตระเตรี ยมจากไป ทว่า
ยามที่ชายหนุ่มได้ยนิ คํา “ทานตะวันหงสา” จากปากของจื้อเหยียน
หยุนเช่อชะงักฝี เท้าในทันที...
..ไอ้ ลกู ...สําส่ อน!
บทที่ 407 เกินต้ านทาน

เสี่ ยวชีไม่ทราบมาก่อนว่าจื้อเหยียนจะมาที่นี่เพือ่ ทานตะวัน


หงสา มิเช่นนั้นนางคงไม่นาํ ออกประมูล ทว่า นางไม่มีความ
ตื่นเต้นตระหนกแม้แต่นอ้ ย หญิงสาวกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ “ดู
คล้ายใต้เท้าจื้อเกิดต้องการใช้ทานตะวันหงสาส่ วนหนึ่ง ท่าน
สมควรบอกกล่าวแก่ขา้ ล่วงหน้า เพียงใต้เท้าจื้อเอ่ยปาก ผูต้ ่าํ ต้อย
ย่อมต้องนําส่ งถึงหน้าประตูบา้ น ทว่าน่าเสี ยดายนัก ทานตะวันหง
สาที่อยูใ่ นมือข้ายามนี้เพิ่งถูกขายออกไปให้แก่คุณชายท่านหนึ่ง
ก่อนท่านมาถึงนี่เอง”
“อะไรนะ!? ขายออกไปแล้ว!” สี หน้าของจื้อเหยียน
แปรเปลี่ยนไป นํ้าเสี ยงของมันแฝงไว้ดว้ ยความหงุดหงิดรําคาญ
ใจ “ขายให้แก่ผใู ้ ด! เป็ นผูใ้ ดที่ซ้ือมันไป!? นี่เป็ นทานตะวันหงสา
ชิ้นสุ ดท้าย ข้าจําต้องได้มนั มาไม่วา่ อย่างไร แม้จะต้องลงไม้ลงมือ
ก็ตาม! เร็ ว บอกมา ท่านขายออกให้แก่ผใู ้ ด!?”
ใบหน้าทุกผูค้ นในห้องฉาบไล้ดว้ ยความปรี ดา สายตาเยาะ
เย้ยถากถางเบนไปทางหยุนเช่อ เสี่ ยวชี่กล่าวพลางแย้มยิม้ “อย่าได้
กังวลใจไปเลยใต้เท้าจื้อ ผูท้ ี่เพิง่ ซื้อทานตะวันหงสาไปยังอยูท่ ี่นี่
ใต้เท้าสามารถหารื อกับเขา บางทีเขาอาจสมัครใจถ่ายโอนมัน
ให้แก่ใต้เท้าจื้อได้”
เสี่ ยวชีหมุนกายไปพร้อมผายมือออกไปทางหยุนเช่อ “เป็ น
คุณชายท่านนั้นที่ซ้ือหาทานตะวันหงสาชิ้นสุ ดท้ายไปจากมือเรา
ด้วยราคาสองพันเหรี ยญม่วง ไม่วา่ คุณชายท่านนี้ตอ้ งการถ่ายโอน
มันให้ท่านหรื อไม่ ล้วนแล้วแต่ใต้เท้าจื้อแล้ว”
สายตาของจื้อเหยียนหันไปหาหยุนเช่อในทันที หลังจาก
ตรวจสอบระดับพลังยุทธ์ของชายหนุ่ม สี หน้าของมันพลันฉาย
แววหมิ่นแคลนออกมา มันสาวเท้าเข้าหาอย่างรวดเร็ วพร้อมทั้ง
ปลดปล่อยพลังกดดันที่กระทัง่ ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้ายังต้องรู ้สึก
อึดอัดคับข้องออกมา “เจ้าคือผูท้ ี่ซ้ือทานตะวันหงสาไป? อืมม เจ้า
เองได้ฟังที่ขา้ กล่าวออกมาเมื่อครู่ ส่ งทานตะวันหงสามาให้ขา้
อย่าได้กงั วลไป ข้าจะไม่ให้เงินที่เจ้าใช้ซ้ื อทานตะวันหงสานี้ลด
น้อยไปแม้แต่เหรี ยญเดียว ไม่เช่นนั้น ผูค้ นจะกล่าวหาพรรคผลาญ
ตะวันข้ารังแกคนอ่อนแอกว่า!”
จากท่าทีการพูดจาของจื้อเหยียน มันมิใช่มาเพื่อเจรจา
ต่อรอง หากแต่เป็ นการออกคําสัง่ โดยใช้ทีท่าของผูเ้ ข้มแข็งสัง่ การ
ต่อผูอ้ ่อนแอกว่า สี หน้าของหยุนเช่อไม่เปล่ยนแปลงแม้แต่นอ้ ย
ชายหนุ่มกล่าวตอบด้วยนํ้าเสี ยงเฉื่ อยชา “ขออภัย ทานตะวันหงสา
นี้สาํ คัญต่อข้าอย่างยิง่ ข้าไม่อาจส่ งต่อให้ท่านได้”
“หื อ ?” จื้อเหยียนไม่เคยคิดว่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่มีพลังลมปราณ
เพียงแค่ระดับปราณปฐพีจะกล้าปฏิเสธมันจริ งๆ แม้มนั จะเสนอ
ไปว่ามันจะจ่ายให้ไม่นอ้ ยกว่าที่ชายหนุ่มผูน้ ้ นั จ่ายไปแม้แต่เหรี ยญ
เดียว มันไม่ได้บนั ดาลโทสะออกมา แต่หนั ไปถามเสี่ ยวซีวา่ “เด็ก
หนุ่มผูน้ ้ ีมาจากที่ใด ? ดูเหมือนว่ามันจะไม่ไว้หน้าข้าเลย !”
ก่อนที่เสี่ ยวซีจะตอบ กงซุนหยูกก็ ล่าวขึ้นอย่างรื่ นเริ ง “นาย
น้อยพรรคผลาญตะวัน เด็กน้อยนี่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาจริ งๆ หา
ไม่แล้วมันจะกล้าแข็งข้อต่อนายน้อยพรรคผลาญตะวันหรื อ จิ๊จิ๊
มันเป็ นแขกผูม้ ีเกียรติจากอาณาจักรวายุคราม ฮิฮิ เปรี ยบเทียบแขก
ผูม้ ีเกียรติท่านนี้กบั แขกจากอาณาจักรอื่น ตามมารยาทของ
อาณาจักรที่ยงิ่ ใหญ่เรา แน่นอนว่านายน้อยพรรคผลาญตะวันยัง
ต้องปฏิบตั ิต่อมันอย่างสุ ภาพยิง่ กว่า”
“อาณาจักรวายุคราม ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อได้ยนิ คํา “วายุคราม” จื้อเหยียนหัวร่ อออกมาในทันที...
ก่อนหน้านี้ที่หยุนเช่อเปิ ดเผยตนว่ามาจากอาณาจักรวายุคราม กง
ซุนหยูและพรรคพวกเองหัวร่ อออกมาเช่นกัน ราวกับนาม “วายุ
คราม” มิใช่คาํ เรี ยกชื่ออาณาจักร ทว่ากลับคล้ายคําที่น่าขบขันคํา
หนึ่งเท่านั้น
หยุนเช่อไม่ตระหนักถึงเรื่ องนี้มากนักยามเติบโตใน
อาณาจักรวายุคราม ทว่าเมื่อมาถึงจักรวรรดิเทพหงสา ชายหนุ่มจึง
ซาบซึ้ งถึงสถานะอันน่าอนาถาของอาณาจักรวายุครามในทวีป
ลมปราณฟ้า มีเพียงคํา “ตํ่าชั้น” และ “น่าขบขัน” จึงสามารถใช้บ่ง
บอกบรรยายได้ หยุนเช่อเข้าใจกระจ่างขึ้นมาในที่สุดถึงความ
ทอดอาลัย ความอึดอัดคับข้องใจ รวมถึงความเศร้าเสี ยใจบน
ใบหน้ายามกล่าวถึงคํา “งานประลองเจ็ดจักรวรรดิ” ของชางว่าน
เฮ่อ
ผูค้ นย่อมมีสญ ั ชาตญาณพื้นฐานในการปกป้องบ้านเกิด
เมืองนอนของตน หยุนเช่อเองไม่ใช่ขอ้ ยกเว้น อาณาจักรที่ตนเอง
เติบโตมาโดยตลอดกําลังถูกดูหมิ่นเหยียดหยามโดยผูค้ นเหล่านี้
ในฐานะอาณาจักรที่ต่าํ ต้อยกว่า...เป็ นไปไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะไม่
บังเกิดความขุ่นแค้น ความห่างชั้นของทั้งคู่ลว้ นไม่ต่างจากแกะ
และราชสี ห์ นี่เป็ นความจริ งที่ยากจะยอมรับ
จื้อเหยียนเดิมเกรงว่าเบื้องหลังของหยุนเช่อจะเป็ นผูม้ ี
อิทธิพลที่อาจสร้างปัญหาให้แก่มนั ได้ในอนาคต ทว่าเมื่อทราบว่า
มันมาจากอาณาจักรวายุคราม เหตุใดมันจึงต้องวิตก? มันกล่าว
ออกอย่างโอหัง “เด็กน้อย! ความอดทนของเรานายน้อยมีจาํ กัดยิง่
รี บส่ งทานตะวันหงสามาซะ หากเรานายน้อยหมดความอดทน ไม่
ต้องกล่าวถึงทานตะวันหงสา กระทัง่ เงินเหรี ยญเดียวเจ้าก็จะไม่ได้
กลับไป”
“นี่! เด็กน้อย นายน้อยพรรคผลาญตะวันมีสถานะเยีย่ งไร?
การที่ท่านลดตัวลงมากล่าววาจากับเจ้าโดยตรงนับว่าเป็ นเกียรติ
มากแล้ว เจ้าสมควรสํานึกถึงความเมตตาของท่านไว้” กงซุนหยู
กล่าววาจาถากถางที่ดา้ นข้าง
เสี่ ยวชีรีบหันไปทางหยุนเช่อ และกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า
“คุณชาย ใต้เท้าจื้อมีความจําเป็ นเร่ งด่วนที่ตอ้ งใช้ดอกทานตะวัน
หงสานี้ ดังนั้นท่านจงมอบมันให้แก่เขาเถอะ ข้าเชื่อว่าใต้เท้าจื้อ
จะต้องรู ้สึกขอบคุณท่านอย่างยิง่ ซํ้าท่านทั้งสองอาจสามารถคบ
หากันได้ !”
หยุนเช่อหรี่ ตาลง สุ ม้ เสี ยงของมันยังคงราบเรี ยบอย่างที่สุด
“ข้าได้บอกไปแล้วว่าข้าต้องการดอกทานตะวันหงสานี่ และจะไม่
มอบให้ผใู ้ ด”
“ประเสริ ฐ… ดูเหมือนเจ้าจะไม่ตอ้ งการดื่มสุ ราคารวะ แต่
ต้องการดื่มสุ ราจับกรอก ! ข้าจะถามเจ้าเป็ นครั้งสุ ดท้าย เจ้าจะ
มอบมันให้แก่ขา้ หรื อไม่ ?!” กล้ามเนื้อทัว่ ร่ างของจื้อเหยียนเขม็ง
ตึง สี หน้ากราดเกรี้ ยว
หยุนเช่อกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าคือผูท้ ี่ซ้ือดอกทานตะวันหง
สาดอกนี้ ดังนั้นมันจึงเป็ นของข้า ข้าจะตัดสิ นใจเองว่าจะจัดการ
กับมันอย่างไร ! ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าที่จะมาสัง่ ให้ขา้ มอบมัน
ออกไป ! หากเจ้าต้องการดอกท่านตะวันหงสา ก็ไปหาเอาจากที่
อื่น ข้าไม่มีเวลามาวุน่ วายกับเจ้า”
หลังจากกล่าวจบ หยุนเช่อก็หมุนกายเตรี ยมที่จะจากไป
“เจ้าจะเป็ นคนตัดสิ นใจเอง ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า... “ จื้อเหยียนหัวร่ อ
อย่างบ้าคลัง่ “เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นนํ้านม วันนี้บิดาจะให้
บทเรี ยนที่เหมาะสมแก่เจ้าเอง ในโลกนี้ ไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องใด ผูท้ ี่มี
กําปั้นที่แข็งแรงกว่าคือผูม้ ีอาํ นาจตัดสิ นใจเสมอ !”
จื้อเหยียนยืน่ มือออกไปคว้าไหล่ของหยุนเช่อไว้แน่น แขน
ของมันใหญ่กว่าต้นขาของหยุนเช่อด้วยซํ้า เปรี ยบเทียบกันแล้ว
โครงร่ างของหยุนเช่อดูบอบบางเกินไป ราวกับว่ามันไม่อาจทาน
ทนได้แม้แต่หมัดเดียว จื้อเหยียนหัวเราะอย่างชัว่ ร้าย มันใช้พลัง
เพื่อที่จะยกร่ างหยุนเช่อขึ้น ทว่าร่ างหยุนเช่อไม่ขยับแม้แต่นอ้ ย
จื้อเหยียนตาเบิกกว้าง กล้ามเนื้อแขนมันเบ่งพองขึ้น เส้นโลหิ ตปูด
นูนขึ้นมาเมื่อมันออกแรงยกอย่างเต็มที่… ทว่าร่ างหยุนเช่อก็ยงั ไม่
ขยับแม้แต้นอ้ ย อย่าว่าแต่จะถูกยกขึ้นเลย มันไม่ขยับแม้แต่กา้ ว
เดียวด้วยชํ้า
จื้อเเหยียนลอบแตกตื่น แม้วา่ จะรู ้สึกรางๆ ถึงความผิดปกติ
แต่มนั กลับขุ่นแค้นยิง่ ขึ้นขณะกล่าวอย่างเดือดดาล “บิดาจะให้เจ้า
ได้รับรู ้วา่ หมัดของบิดาหนักเพียงใด ! "
มันปล่อยมือจากไหล่ไหล่หยุนเช่อ จากนั้นก็กาํ หมัดแน่น
ขณะที่ชกออกไปอย่างแรงกําปั้นของมันก็เกิดมีเปลวเพลิงสี ม่วง
ปะทุข้ ึนมา ภายใต้การปะทุอย่างแผ่วเบานี้ มันใช้พลังออกไปไม่
น้อยกว่าเก้าส่ วนโดยไม่กงั วลว่าหยุนเช่อจะเสี ยชีวติ ในที่น้ ี…
อย่างไรเสี ยอีกฝ่ ายก็เป็ นเพียงผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุคราม ถึง
มันจะตายไป ก็คงไม่ส่งผลกระทบอันใด
“ใต้เท้าจื้อ !” การกระทําของจื้อเหยียนทําให้เสี่ ยวชีส่งเสี ยง
ร้องด้วยความตกใจ คนอื่นๆ ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน ภายในห้อง
เกิดเสี ยงครู ดเสี ยดจากพลังลมปราณที่แฝงมาในหมัดของจื้อเห
ยียน เห็นได้ชดั ว่ามันใช้พลังอย่างเต็มที่… ไม่มีผใู ้ ดในที่น้ นั มัน่ ใจ
ว่าพวกมันจะสามารถรับหมัดนี้ได้ และเป็ นไปได้อย่างยิง่ ที่หยุ
นเช่อจะกลายสภาพเป็ นก้อนเนื้อหลังการโจมตีครั้งนี้
เปรี้ ยง !!
หมัดที่ปะทุเปลวเพลิงสี ม่วงของจื้อเหยียนกระแทกเข้าใส่
หน้าอกของหยุนเช่ออย่างหนักหน่วง เกิดเสี ยงหนักทึบดังสนัน่
ภายใต้พลังลมปราณที่แผ่กระจายออกไปนั้น ส่ งผลให้ท้ งั ห้อง
สัน่ สะเทือนอย่างรุ นแรง เก้าอี้ทุกตัวที่ปราศจากผูน้ งั่ ล้วนแตก
ละเอียดโดยไม่มีขอ้ ยกเว้น แม้แต่แผ่นพื้นหิ นอ่อนใต้ฝ่าเท้าของ
พวกมันก็ปรากฏรอยแตกร้าวเป็ นทางยาว
พลังของผูท้ ี่อีกเพียงครึ่ งก้าวก็จะเข้าสู่ ขอบเขตปราณ
จักรพรรดิจะน้อยกว่านี้ได้อย่างไร ? มันทําให้ทุกคนในที่นนั่ สัน่
สะท้านด้วยความหวาดกลัว แต่ในความคิดของพวกมัน พวกมัน
กลับตื่นตะลึงยิง่ กว่าที่เห็นจื้อเหยียนลงมือรุ นแรงถึงเพียงนั้นต่อผู ้
ฝึ กยุทธ์ระดับปราณปฐพีจากอาณาจักรวายุคราม นี่ดูออกจะเป็ น
การกระทําที่เกินเลยไปหน่อย แต่เมื่อเหลือบมองไปทางหยุนเช่อ
พลันพวกมันก็ตอ้ งตะลึงงันและไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตนเอง
มือของจื้อเหยียนยังคงอยูต่ รงบริ เวณหน้าอกของหยุนเช่อ
ทว่าหยุนเช่อมิได้ถูกกระแทกถอยหลังแม้แต่ครึ่ งก้าว ทั้งสี หน้ายัง
ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นอ้ ย กลับกัน สี หน้าที่เต็มไปด้วยความ
โอหังของจื้อเหยียนก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนกลับกลายจนบิดเบี้ยว
อย่างถึงที่สุด...เวลานี้เอง เกราะเบาที่แขนขวาของมันพลันแตก
กระจายออกเป็ นเสี่ ยงๆ ปรากฏสายโลหิ ตไหลหลัง่ ออกมาราว
เขื่อนแตก อาบย้อมท่อนแขนของมันจนแดงฉาน
จื้อเหยียนรู ้สึกราวกําลังตื่นจากฝันร้าย มันโซซัดโซเซถอย
หลัง ก่อนจะพยายามรวบรวมสัมผัสความรู ้สึกที่แขนขวาที่กาํ ลัง
ตกห้อยลง มันส่ งเสี ยงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ม่านตาขยาย
ออกกว้าง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “เจ้า...เจ้า...”
“หมัดนี้ของเจ้ามิได้ยอดเยีย่ มสักเท่าใด” หยุนเช่อยืน่ มือออก
ก่อนปัดลงไปบนเสื้ อผ้าตรงหน้าอกด้วยสี หน้ารังเกียจเดียดฉันท์
จากนั้น พลันแปรเปลี่ยนเป็ นความเยียบเย็นในทันทีที่ส่งกําปั้นเข้า
ใส่ จ้ือเหยียน
จื้อเหยียนยกชูแขนซ้ายออกมาป้องกันโดยสัญชาตญาณ แต่
เนื่องเพราะมหาวิถีโพธิสตั ว์ ต่อให้หยุนเช่อไม่โคจรพลังลมปราณ
แขนลุ่นๆ ของมันยังมีพลังกว่าหนึ่งหมื่นกิโลกรัม จื้อเหยียนจะปัด
ป้องได้อย่างไร? มีเพียงเสี ยง “แคร่ ก” ที่ดงั ออกมาจากแขน
ของจื้อเหยียนยามกระดูกแขนของมันแตกหักลงไปหลายท่อน
มันเปล่งเสี ยงครํ่าครวญราวสุ กรถูกเชือดยามร่ างของมันถูกส่ งลอย
ละลิ่ว ก่อนจะฝังลงบนกําแพงศิลาที่ดา้ นหลัง
ไม่วา่ อย่างไร ไม่มีผใู ้ ดคาดหวังจะเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้
ทุกผูค้ นต่างพากันแตกตื่นตะลึงลานกับที่...จื้อเหยียนมีสถานะ
เยีย่ งไร? มันเป็ นสัตว์ประหลาดน่ากลัวถึงระดับไหน!? นายน้อย
แห่งพรรคผลาญตะวัน ผูบ้ รรลุช้ นั ครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิดว้ ย
อายุเพียงยีส่ ิ บแปดปี ! กลับพลันถูกทําร้ายบาดเจ็บใต้เงื้อมมือของ
หยุนเช่อโดยง่ายดายโดยไม่มีโอกาสสวนกลับเลยแม้แต่นอ้ ย!
นี่แน่นอนมิใช่จ้ือเหยียนอ่อนด้อย ทั้งมันเองมิได้ออมมือ
การจู่โจมครั้งแรกของมันแน่นอนเป็ นการทุ่มเทอย่างสุ ดกําลัง...
หากแต่เป็ นเพราะความเข้มแข็งของผูฝ้ ึ กยุทธ์แห่งอาณาจักรวายุ
ครามผูน้ ้ ี ผูท้ ี่พวกมันดูหมิ่นเหยียดหยาม น่าหวาดกลัวจนเกินไป!
การจู่โจมสุ ดกําลังของจื้อเหยียนกลับไม่อาจทําร้ายได้แม้แต่ผม
เส้นเดียวของหยุนเช่อ! แต่กาํ ปั้นธรรมดาอันปราศจากลมปราณ
ของชายหนุ่มกลับสามารถหักแขนของจื้อเหยียนได้...เป็ นความ
แข็งแกร่ งทางร่ างกายและพลังถึงระดับใด!?
พวกมันทั้งหมดแผ่นหลังเย็นวาบ… พวกมันดูถูกเย้ยหยัน
สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวถึงระดับนี้! โดยเฉพาะอย่างยิง่ กงซุนหยู
สี หน้าของมันซี ดขาว มันนัง่ รากงอกอยูก่ บั เก้าอี้ ร่ างกายของมัน
แข็งค้าง ไม่กล้าขยับตัวเนื่องเพราะความตื่นตะลึง
เงาร่ างของหยุนเช่อพร่ าเลือนก่อนปรากฏที่เบื้องหน้า
ของจื้อเหยียน ชายหนุ่มยืน่ มือออกกํารวบใส่ ลาํ คอของมัน ก่อน
จะยกร่ างกํายําบึกบึนของจื้อเหยียนขึ้นจากกําแพงศิลาราวยกไก่
และฟาดร่ างของมันลงกับพื้นอย่างไร้ปรานี หยุนเช่อลดศีรษะลง
ก้มมองใบหน้าอาบโลหิ ตของจื้อเหยียน “เจ้ายังต้องการทานตะวัน
หงสาในมือข้าอยูอ่ ีกหรื อไม่?”
ก่อนจื้อเหยียนจะทันตั้งสติ กลับถูกหยุนเช่อทุบตีจน
บาดเจ็บสาหัส มันนอนทอดร่ างหอบหายใจกับพื้น “ข้าคือ...นาย
น้อยที่เจ็ดพรรคผลาญตะวัน...หาก..หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า...
พรรคผลาญตะวัน...ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป! ”
หยุนเช่อหรี่ ตาก่อนหัวเราะอย่างเยือกเย็น “พูดได้ไม่เลว
ผูใ้ ดหมัดแข็งแกร่ งกว่า ผูน้ ้ นั จึงสามารถตัดสิ นใจ แต่คนอ่อนแอ
กลับกล้าทําตัวโอหัง ช่างไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย!!”
กล่าวจบคํา หยุนเช่อยกเท้ากระทืบลงบนทรวงอกของจื้อเห
ยียน ดวงตาของจื้อเหยียนโปนถลนออกพร้อมทั้งกระอักโลหิต
ออกมาคําโต
“หยุดมือ!!”
ชายชราผมเผ้าหงอกขาวที่ยนื อยูเ่ บื้องหลังเสี่ ยวชีมาตลอด
คํารามก้องพร้อมเคลื่อนไหวโดยฉับพลัน ประกายเย็นยะเยียบ
กลุ่มหนึ่งพุง่ ตรงเข้าหาหยุนเช่อ...ชัว่ พริ บตานั้น พลังอํานาจแห่ง
ราชันครอบคลุมทัว่ สถานที่ เมื่อสถานการณ์ล่วงเลยมาถึงระดับนี้
มันย่อมมิอาจทนดูโดยไม่เคลื่อนไหวใดๆ ได้ มิเช่นนั้น หากจื้อเห
ยียนบาดเจ็บพิการถาวร เป็ นไปได้วา่ พรรคผลาญตะวันอาจระบาย
ความโกรธแค้นใส่ สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย
“หลีกไป!”
แม้ชายชราผมขาวจะเป็ นชนชั้นราชันที่แท้จริ ง หากมันเพียง
เป็ นราชันขั้นที่หนึ่ง ย่อมไม่มีทางขัดขวางหยุนเช่อได้เลย ชาย
หนุ่มไม่หนั หลังกลับ สะบัดฝ่ ามือออกส่งวิหคเพลิงทะยานฟ้าพุง่
ทะยานไปในอากาศ ปะทะพัวพันกับประกายเย็นเยือกที่พงุ่ เข้าหา
ประกายเย็นเยียบอันตรธานหายไป หากแต่เพลิงเทพหงสายังคง
พุง่ ตรงเข้าใส่ ทรวงอกของชายชรา มันแตกตื่นตะลึงลานก่อนปัด
ป้องกระบวนท่า มันเพียงสามารถฝื นต้านรับกระบวนท่าไว้ได้
หลังจากถดถอยกายไปเจ็ดถึงแปดก้าว อย่างไรก็ตาม แขนเสื้ อทั้ง
สองข้างของมันล้วนถูกเผาไหม้จนกรอบเกรี ยม
“นี่...เพลิงเทพหงสา!” ชายชราอุทานด้วยตื่นตระหนก “เจ้า
มาจากพรรคเทพหงสา!”
ทุกผูค้ นมองเห็นและสัมผัสได้ถึงอัคคีเทพหงสาที่หยุนเช่อ
สะบัดออก แน่นอนว่านี่คือเพลิงเทพหงสาอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ไม่
ผิดแน่นอน เพลิงเทพหงสาเป็ นเพลิงปราณที่มีเพียงพรรคเทพหง
สาจึงใช้ออกได้! ผูท้ ี่สามารถใช้เพลิงเทพหงสาจึงเป็ นคนของ
พรรคเทพหงสา! ชนชั้นที่อยูบ่ นจุดสู งสุ ดของอาณาจักรเทพหง
สา!
“เฮอะ!”หยุนเช่อแค่นเสี ยงอย่างเย็นชา ชายหนุ่มไม่ตอบคํา
เขามิได้โง่งมขนาดที่จะตอบออกไป
จื้อเหยียนทราบว่าตนเองเตะถูกจานเหล็กเข้าแล้ว ภายใน
ห้วงความคิดที่ยงั คงตื่นตะลึงของมัน เพียงคิดใคร่ ฟาดฟันหยุ
นเช่อออกเป็ นหมื่นๆชิ้น ทว่าทันทีที่มนั มองเห็นหยุนเช่อใช้เพลิง
เทพหงสาออก ทัว่ ร่ างของมันพลันสัน่ สะท้านด้วยความ
หวาดหวัน่ พรั่นพรึ งอย่างถึงที่สุด...มันไม่มีวนั ล้างแค้นนี้ได้ชวั่
ชีวติ พรรคเทพหงสามิใช่ตวั ตนที่พรรคผลาญตะวันมันสามารถ
ล่วงเกินได้ แม้พรรคของมันจะรั้งอันดับสอง หากความแตกต่าง
ระหว่างทั้งสองพรรคมีมากมายจนเกินไป
“เช่น… เช่นนั้นน้องชายท่านนี้กม็ าจากพรรคเทพหงสา…
ข้าผิดเองที่มีตาแต่ไร้แวว บาดแผลพวกนี้ลว้ นสมควรแล้ว... “
จื้อเหยียนมีท่าทีวงิ วอน มันจะยังทําตัวโอหังวางอํานาจอีกได้
อย่างไร ? “หากข้าทราบล่วงหน้าว่าเป็ นน้องชายจากพรรคเทพหง
สา… แม้จะมีขวัญกล้าเทียมฟ้า ข้าก็ไม่กล้าล่วงเกินท่าน… หาก
น้องชายรู ้สึกไม่พอใจ โปรดทิ้งตราประทับถ่ายทอดเสี ยงไว้ ข้า…
ข้าจะนําของขวัญไปขอขมาท่านด้วยตนเองในวันหลัง…”
แม้จะถูกทุบตีจนกระดูกหักเป็ นชิ้นๆ อวัยวะภายในได้รับ
บาดเจ็บ แต่กย็ งั ร้อนใจต้องการที่จะขอขมา นี่คืออิทธิอาํ นาจ
มหาศาลที่พรรคเทพหงสามีในจักรวรรดิเทพหงสา ทุกคนในห้อง
ผุดลุกขึ้น ยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ขณะที่มองดูหยุนเช่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความยําเกรง
สําหรับกงซุนหยูผทู ้ ี่เหยียดหยามเย้ยหยันหยุนเช่อมาตลอด ยามนี้
เหงื่อมันแทบท่วมตัว ขาทั้งสองข้างสัน่ ระริ กราวกับว่ามันสามารถ
จะล้มลงไปได้ทุกขณะ
ชายชราก้าวเท้าออกมา และกล่าวด้วยเสี ยงสัน่ สะท้าน “แขก
ผูม้ ีเกียรติจากพรรคเทพหงสามาเยือนถึงที่นี่ เราผูเ้ ฒ่ามีตาแต่ไม่
สามารถมองเห็นขุนเขาไท่ซาน ซํ้ายังปล่อยให้แขกผูม้ ีเกียรติ
ได้รับความขุ่นเคือง ข้า... สมควรตายจริ งๆ … เสี่ ยวชี เจ้าจะยืน่ บื้
ออยูท่ าํ ไม ? เหตุใดจึงไม่นาํ เงินมาคืนใต้เท้าท่านนี้ ?”
“จะ...เจ้าค่ะ” เสี่ ยวชีควานหาเหรี ยญม่วงอย่างเงอะงะขณะที่
หน้ายังค่อนข้างเผือดซีดด้วยความตื่นกลัว
“ไม่จาํ เป็ น” หยุนเช่อยกเท้าออกจากร่ างของจื้อเหยียน “ไม่
ต้องวิตกถึงเพียงนั้น ข้ามิได้เป็ นเช่นเจ้าขยะที่ใต้เท้าที่ชื่นชอบข่ม
เหงผูค้ นด้อยกว่า ตราบใดที่ท่านไม่ตอแยข้า ข้าล้วนไม่ยงุ่ เกี่ยวกับ
ท่านเช่นกัน...ขอท่านทํางานต่อไป”
หลังจากกล่าวจบ หยุนเช่อไม่ใส่ ใจต่อผูใ้ ดพร้อมทั้งหมุน
กายก้าวเดินออก สายตาของทุกผูค้ นมองตามร่ างของชายหนุ่ม
หายลับไปพร้อมทอดถอนใจ ไม่มีผใู ้ ดกล้ากล่าววาจา ด้วยเกรงจะ
เป็ นการกระตุน้ ความสนใจของมัน
ทันทีที่หยุนเช่อเดินมาหยุดอยูห่ น้ากงซุนหยู ชายหนุ่มโคลง
ศีรษะเล็กน้อยจ้องมองไปยังมันด้วยดวงตาเย็นชายะเยียบ กงซุนห
ยูอุทานออกมาด้วยความแตกตื่น แขนขาทั้งสี่ ชาด้านก่อนจะร่ วง
ลงไปกองกับพื้น...กระทัง่ หยุนเช่อจากไปไกล มันจึงรวบรวม
สติสมั ปชัญญะกลับมาได้
พรรคเทพหงสาปกครองอาณาจักรเทพหงสามาห้าพันปี
ชื่อเสี ยงของมันขจรขจายมายาวนาน อิทธิพลอํานาจของพวกมัน
ยิง่ ใหญ่เกินจะทําความเข้าใจได้...หยุนเช่อเพียงสามารถทอดถอน
ใจ หากอาณาจักรวายุครามเข้มแข็งเช่นนี้ ความปั่นป่ วนโกลาหล
ในราชวงศ์ยอ่ มไม่มีทางเกิดขึ้น
ชัว่ ขณะที่หยุนเช่อกําลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง สัมผัส
ความรู ้สึกแปลกประหลาดพลันส่ งมาจากด้านหลัง หยุนเช่อชะงัก
เท้า พร้อมทั้งหมุนกายกลับหลังในทันที เพียงเห็นใบหน้าผูค้ นที่
เต็มไปด้วยความเกรงขามและความหวาดหวัน่ สายตาของชาย
หนุ่มกวาดกราดไปทัว่ ห้อง หยุนเช่อขมวดคิ้วแนบแน่น ก่อนจะ
ก้าวเท้าออกไปอย่างช้าๆ
บทที่ 408 – เป็ นเทพแบบใดกัน

หลังจากออกมาจากสมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยหยุนเช่อได้
เข้าไปเดินปะปนในฝูงชนบนถนนภายในนครวิหคเทวะอย่างเร็ ว
ไว ด้วยทานตะวันหงสาได้อยูใ่ นกํามือเรี ยบร้อยแล้ว สิ่ งที่มนั จะ
ทําต่อไปล้วนง่ายดายอย่างยิง่ ซึ่งก็คือหาสถานที่อนั เงียบสงบที่จะ
ไม่มีใครสามารถรบกวนมันได้
ทันใดนั้นหยุนเช่อหยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน หันมองไป
รอบๆอย่างรวดเร็ วประดุจสายอัสนี สายตาคมวาวของชายหนุ่ม
กวาดมองไปด้านหลังทว่ากลับมิอาจพบสิ่ งใดที่แตกต่างแม้แต่
ความรู ้สึกที่เกิดขึ้นชัว่ แวบก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มันเข้าใจผิดไปงั้นหรื อ?
มิอาจเป็ นเช่นนั้นได้ มันจะเข้าใจเรื่ องเช่นนี้ผดิ ได้อย่างไร
ถ้าจะให้กล่าว มันรู ้สึกถึงสายตาแปลกประหลาดจ้องมองมา
ที่มนั ได้ในทันควันเมื่อครู่ น้ ี ยามก่อนที่มนั จะออกมาจากสมาคม
การค้าอัคคีร่วงโรยมันยังรู ้สึกได้เช่นเดียวกัน ความรู ้สึกเช่นนี้ไม่
ได้มาจากการรับรู ้ของมัน กลับกัน มันคือ “สัญชาตญาน”
มันเป็ นสัญชาตญาณที่เกิดมาจากการถูกตามล่าจนไปถึงสุด
ขอบเขตแห่งความเป็ นความตาย!
หากความรู ้สึกเช่นนี้มาจาการรับรู ้ของมัน บางทีมนั อาจยัง
นับเป็ นการเข้าใจผิดได้ ทว่าตั้งแต่มนั เป็ นความรู ้สึกจาก
“สัญชาตญาน” มันมิอาจจะพลาดผิดไปได้เพราะว่ามันเคย
ช่วยชีวติ หยุนเช่อไว้มาหลายครั้งหลายคราแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดีปฏิกิริยาอันรวดเร็ วดุจสายฟ้าของหยุนเช่อที่ได้
ทําการค้นหาที่มาของความรู ้สึกนี้หาได้มีประโยชน์อนั ใด
หากชายหนุ่มมิได้เข้าใจผิด นัน่ ก็หมายความได้อย่างเดียว...
ว่าอีกฝ่ ายที่หลบซ่อนตัวอยูน่ ้ นั มีระดับที่สูงจนน่ากลัว ในทวีป
ลมปราณฟ้านี้นี่เป็ นครั้งแรกที่มนั ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของ
เป้าหมายหลังจากที่ตรวจพบได้
มันคือผูใ้ ดกันแน่...เหตุใดพวกมันถึงจับจ้องมายังข้า? ใน
นครวิหคเทวะไม่ควรจะมีผใู ้ ดรู ้จกั ข้านี่
“จัสมิน เจ้าสัมผัสได้วา่ มีใครติดตามข้ามาหรื อไม่?” หยุ
นเช่อกล่าวเสี ยงเบา
“จัสมิน?”
“กําลังนอนอยู.่ ..อย่ามากวนข้า!”
“......” (O_O)
หยุนเช่อย่นจมูก ถอนสายตากลับออกมาและมุ่งหน้าเดิน
ตรงต่อไป
บุคคลที่เห็นตัวได้อย่างชัดเจนห่างออกไปไม่เกินหกสิ บ
เมตรจากด้านหลังของหยุนเช่อเงยหน้าขึ้นช้าๆจากภายในหมู่ชน
ดวงตาของมันวาวประกายด้วยความประหลาดใจ
ครึ่ งชัว่ ยามต่อมา หยุนเช่อเลี้ยวเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่มนั พัก
เมื่อคืน ในนครวิหคเทวะนี้ การหาที่พกั นั้นแน่นอนว่าช่างยากเย็น
หากแต่ตราบใดที่เป็ นผูม้ งั่ คัง่ แม้วา่ จะมีประชากรเยอะกว่านี้เป็ น
สองเท่าก็ยงั คงไร้ซ่ ึงปัญหา ห้องที่หยุนเช่อพักอยูน่ ้ ีได้มาจากการ
จ่ายเงินสามสิ บเท่าจากราคาเดิมของผูจ้ องห้องที่ไม่อาจเดินทางมา
พักได้
“ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าท่าน
ต้องการกลับห้องเพือ่ ผักผ่อนหรื อต้องการทานอาหาร?”
เมื่อหยุนเช่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยมเสี่ ยวเอ้อหน้าตาดีได้เข้า
ต้อนรับชายหนุ่มอย่างแข็งขัน ผูท้ ี่สามารถเข้าพักในโรงเตี๊ยม
ระดับสู งในเวลาเช่นนี้เปรี ยบประดุจดังเทพเจ้าผูม้ งั่ คัง่ ฉะนั้นมัน
จึงต้องต้อนรับดูแลอย่างเต็มที่
“ทําอาหารเย็นให้ขา้ ช้าหน่อยวันนี้ ก่อนจะคํ่า นําไปส่ งที่
ห้องของข้าโดยตรง” หยุนเช่อตอบ
“ทราบแล้ว เชิญพักผ่อนให้สบาย ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ หาก
ท่านต้องการสิ่ งใดขอให้เอ่ยปากได้ทุกเมื่อ” เสี่ ยวเอ้อกล่าวอย่าง
สุ ภาพ
หลังจากหยุนเช่อกลับเข้าห้อง มันกลับไม่ได้ทาํ ตามแผนที่
วางไว้ก่อนหน้าที่จะหลอมสกัดยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาล
ในทันที แต่มนั กลับปิ ดประตูและล้มตัวลงบนเตียงนอน มันดู
เหมือนจะเหนื่อยล้ามาก เพราะว่าไม่นานหลังจากมันล้มตัวลงไป
ก็ได้ยนิ เสี ยงกรนเบาๆดังออกมาพร้อมกับที่มนั เดินทางเข้าสู่ แดน
แห่งความฝัน
หยุนเช่อหลับไปตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงยามเย็น ในยามนี้มี
ควันที่ไร้เสี ยงไร้กลิ่นซึ่ งมิอาจมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่าล่องลอย
ออกมาจากหน้าต่างด้านหลังห้องและผสมอยูก่ บั อากาศภายใน
ห้อง หยุนเช่อยังคงหลับและกรนอยู่ ลมหายใจของมันไม่มีกระทัง่
มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อสิ่ งที่เกิดขึ้นแม้แต่นอ้ ย
ควันนั้นหยุดลงหลังจากนับได้สิบลมหายใจ ทุกอย่างอยูใ่ น
ความเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่สิ่งบ่งชี้วา่ เกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
ครึ่ งเค่อ(หนึ่งเค่ อ = สิ บห้ านาที)ผ่านไปประตูหอ้ งของหยุ
นเช่อก็มีเสี ยงเคาะลอยออกมา
“ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ มื้อเย็นของท่านมาถึงแล้ว
หยุนเช่อยังคงหลับสนิทไร้ซ่ ึงปฏิกิริยาตอบสอนงใดๆ
ทั้งสิ้ น
“ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ...ท่านแขกผูม้ ีเกียรติ? ท่านอยูด่ า้ นใน
หรื อไม่?”
เสี่ ยวเอ้อผลักประตูอย่างแผ่วเบา ประตูเพียงปิ ดสนิทแต่
มิได้ลงกลอนไว้จึงเปิ ดออกด้วยแรงผลัก เสี่ ยวเอ้อลังเลเล็กน้อย
ก่อนจะเปิ ดประตูพร้อมกับยกสํารับอาหารเข้ามาอย่างระมัดระวัง
เสี ยงฝี เท้าของเสี่ ยวเอ้อนั้นค่อนข้างทุม้ หนัก สํารับอาหาร
ในมือก็ส่งเสี ยงกระทบกันไม่หยุดทว่าหยุนเช่อที่นอนอยูบ่ นเตียง
ก็ยงั คงไม่ตอบสนองชี้ชดั ว่ามันหลับเป็ นตาย เสี่ ยวเอ้อวางสํารับ
อาหารลงบนโต๊ะ หลังจากกวาดตามองหยุนเช่อชัว่ ครู่ มนั ก็เดินไป
ทางชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า เพียงแต่ในครานี้ ฝี เท้าของมัน… กลับ
ไร้เสี ยงและสายตาระแวดระวังเมื่อครู่ พลันราบเรี ยบดุจสายนํ้า
ลมหายใจของหยุนเช่อสมํ่าเสมอขณะมันนอนหลับสนิท
อวัยวะรับประสาทสัมผัสทุกส่ วนของมันไร้ซ่ ึงท่าทีตอบสนอง
หลังจากยืนยันจนมัน่ ใจแล้ว สี หน้าระแวดระวังของเสี่ ยวเอ้อก็
ผ่อนคลายลงเล็กน้อย มันเดินมายังข้างกายหยุนเช่อก่อนจะเอื้อม
มือไปสัมผัสแหวนมิติของชายหนุ่ม
ในพริ บตาที่นิ้วมือมันกําลังจะสัมผัสตัวหยุนเช่อ มือของหยุ
นเช่อพลันพุง่ ออกประดุจสายฟ้าคว้าจับข้อมือเสี่ ยวเอ้อไว้พร้อม
กับดวงตาที่ปิดมาตั้งแต่ตอนกลางวันของชายหนุ่มซึ่งพลันเปิ ดขึ้น
กําลังแขนของหยุนเช่อมากมายเพียงไหนกัน? ต่อให้เป็ น
ราชันที่ถูกคว้าข้อมือเช่นนี้ ก็อย่าหมายจะดิ้นหลุดไปได้โดยง่าย
แต่ขณะหยุนเช่อกําลังจะกระชับแรงบีบ มันพลันสัมผัสได้ถึงบาง
สิ่ งที่ลื่นหลุดออกจากมือไปราวกับตนเองมิได้กาํ ลังคว้าจับแขน
มนุษย์แต่กาํ ลังจับมัจฉาอยู!่ ท่อนแขนที่มนั กุมไว้แน่นพลันดิ้น
หลุดจากมือก่อนที่เสี่ ยวเอ้อจะทะยานร่ างออกทางหน้าต่างไผ่และ
เหิ นร่ างหนีไปไกลลิบด้วยความว่องไวไร้ที่เปรี ยบ
เดิมหยุนเช่อคิดจะติดตามไป แต่ทนั ทีที่มนั ก้าวเท้าได้หนึ่ง
ก้าว มันก็หยุดนิ่งและจ้องมองอย่างงงงัน… เพราะความเร็ วของ
คนผูน้ ้ ีรวดเร็ วเกินไป รวดเร็ วสุ ดจะประมาณได้ มันใช้เวลาเพียง
พริ บตาเพือ่ ดิ้นหลุดจากมือชายหนุ่มและเหิ นร่ างหนีไปได้ใน
พริ บตาเช่นกัน เงาร่ างของคนผูน้ ้ นั บัดนี้กลายเป็ นเพียงจุดเล็กๆใน
คลองจักษุมนั เท่านั้น…
พลังลมปราณของคนผูน้ ้ นั ไม่ได้สูงลํ้านัก บรรลุเพียง
ลมปราณฟ้าชั้นกลาง แต่ความเร็ วที่มนั ใช้ออกสู งลํ้ากว่าชั้นปราณ
ฟ้าไปมากนัก อาจถึงขั้นว่องไวกว่าหงสาหิ มะอยูห่ ลายเท่าตัว…
เป็ นบุคคลที่วอ่ งไวที่สุดเท่าที่หยุนเช่อเคยพบเจอมาในทวีป
ลมปราณฟ้านี้
บังเกิดเสี ยงฝี เท้าเร่ งร้อนขึ้นก่อนที่เสี่ ยวเอ้อจะเปิ ดประตู
ออกเมื่อได้ยนิ เสี ยงดังเมื่อครู่ พร้อมกับเอ่ยปากถามอย่างแตกตื่น
“เกิดเรื่ องอันใดขึ้นรึ ท่าน?”
เสี่ ยวเอ้อตรงหน้าชายหนุ่มมีหน้าตาเหมือนกับเสี่ ยวเอ้อที่
เพิง่ หลบหนีไปทุกประการ กระทัง่ สี หน้าและนํ้าเสี ยงก็ยงั ไม่
แตกต่าง หยุนเช่อส่ ายหน้า “ไม่มีอะไร ให้คนมาซ่อมหน้าต่างให้
ข้าด้วย ข้าจะจ่ายค่าเสี ยหายเอง”
หลังจากบอกให้เสี่ ยวเอ้อจากไป หยุนเช่อก็ไปยืนข้างหน้า
ต่างก่อนจะมองแหวนมิติในมือและครุ่ นคิด มันสวมแหวนมิติเพื่อ
ปกปิ ดไข่มุกพิษสวรรค์ ภายในแหวนไม่มีอะไรอยูแ่ ม้แต่นอ้ ย ดู
เหมือนมันจะคิดไม่ผดิ ว่ามีคนสะกดรอยมันอยู่ อีกทั้ง
ความสามารถในการสะกดรอย การกลบเกลื่อนร่ องรอย การ
เปลี่ยนรู ปลักษณ์และนํ้าเสี ยงได้อย่างง่ายดายและทักษะการวาง
หมอกนิทราของอีกฝ่ ายก็เรี ยกได้วา่ สู งลํ้า ความสามารถในการ
หลบหนีของมันทําหยุนเช่อตกตะลึงยิง่ ทั้งความเร็ วของมันก็ยงั
ว่องไวอย่างที่สุด…
มันเป็ นใครกัน? ทําไมถึงต้องหมายหัวข้า?
มันสัมผัสได้วา่ มีคนจ้องมองอยูเ่ มื่อครั้งกําลังจะออกจาก
สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย หมายความว่าคนผูน้ ้ ียอ่ มต้องอยูใ่ น
กลุ่มคนภายในสมาคม…
คิ้วหยุนเช่อขมวดเป็ นปม… ทั้งการเปลี่ยนรู ปลักษณ์และ
นํ้าเสี ยง การใช้หมอกนิทรา ความสามารถในการหลบหนีและ
ความว่องไว… ล้วนแล้วแต่เป็ นทักษะของจอมโจรมือฉมัง! และ
การถูกโจรฝี มือฉกาจเช่นนี้หมายหัวไว้ยอ่ มมิใช่เรื่ องเล็กๆ โจรผูน้ ้ ี
สะกดรอยตามมันมาตลอดทางและวางแผนอย่างแยบยลเช่นนี้ ชี้
ชัดว่าชายหนุ่มมีสิ่งที่โจรผูน้ ้ ีให้ความสนใจยิง่ อยู่ เช่นนั้น… มัน
สมควรไม่ยอมแพ้หลังจากล้มเหลวเพียงหนึ่งครั้งแน่ มันสมควร
จะลงมืออีกครั้ง
ไม่นานนักคนซ่อมหน้าต่างก็มาถึง หยุนเช่อออกจากที่พกั
พลางครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง มันก็เดินตรงไปทางสมาคมการค้าอัคคีร่วง
โรย ในเมื่ออีกฝ่ ายติดตามมันมา มันย่อมสมควรออกจากสมาคม
การค้าอัคคีร่วงโรยตามชายหนุ่มมาติดๆ แปลว่ามันได้แต่ลอง
สอบถามว่าใครบ้างที่ออกจากสมาคมการค้าหลังจากมันเผือ่ จะได้
เบาะแสอะไรบ้าง
ยามพลบคํ่าผ่านพ้นไปแล้ว แต่ถนนหนทางยังคงคึกคัก
เช่นเดิม มีเพียงเส้นทางก่อนจะถึงเขตของสมาคมการค้าอัคคีร่วง
โรยเท่านั้นที่ไร้ผคู ้ น หยุนเช่อเลือกที่จะเดินทางบนถนนที่มีผคู ้ น
สัญจรไปมาน้อย ตอนนั้นเอง เสี ยงหวีดร้องของหญิงสาวพลันดัง
ขึ้น “ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วย…”
“เฮะเฮะเฮะ เจ้าตกอยูใ่ นกํามือของข้าท่านเจ้าผูย้ ง่ิ ใหญ่แล้ว
ยังคิดจะหลบหนีอีกรึ ! ฮะฮ่าฮ่าฮ่า…”
ตรงหัวมุมถนนเบื้องหน้าชายหนุ่มปรากฎหญิงสาวผูห้ นึ่ง
วิง่ มาอย่างรวดเร็ ว นางสวมเสื้ อผ้าสี น้ าํ เงิน ด้วยใบหน้าดุจดอกท้อ
ดวงตาใสกระจ่าง เรี ยกได้วา่ นางเป็ นสาวงามที่พิชิตใจบุรุษเพศให้
เอ็นดูได้อย่างง่ายดาย ไล่หลังนางมาเป็ นชายวัยกลางคนรู ปร่ างลํ่า
สันไล่กวดนางมาอย่างสบายใจพลางส่ งเสี ยงหัวเราะอย่างหยาบ
โลนออกมาราวกับกําลังเล่นวิง่ ไล่จบั
หญิงสาวมองหยุนเช่อด้วยสายตาราวกับพบเห็นฟางเส้น
สุ ดท้ายในความสิ้ นหวัง นางวิง่ เข้าหาและหลบข้างหลังมันอย่าง
ไม่คิดชีวติ ก่อนจะขอร้อง “คุณชาย ได้โปรดเมตตาช่วยข้าด้วย เจ้า
อันธพาลผูน้ ้ ี มัน… มันล่วงเกินข้า… คุณชาย โปรดช่วยข้าด้วย…”
หยุนเช่อยืน่ มือมาบดบังหญิงสาวไว้เบื้องหลังพลางจ้องมอง
ชายที่วงิ่ ไล่กวดเข้ามาอย่างเย็นชาพลางเอ่ยอย่างเถรตรง “แม่นาง
อย่าได้หวาดกลัวไป มีขา้ อยู่ เจ้านัน่ อย่าหมายได้แตะต้องท่าน
แม้แต่ปลายเส้นผม… เฮ้อ! ในคืนที่แสงจันทร์สาดส่ องอย่าง
งดงามเช่นนี้เจ้ากลับกล้าลงมือล่วงเกินหญิงสาวจากตระกูลผูด้ ีบน
ท้องถนน เจ้ามันตํ่าช้าไร้ยางอายและอภัยให้มิได้เป็ นที่สุด”
“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายวัยกลางคนหัวร่ ออย่างเบิกบาน “ไอ้หนู
ขนยังไม่ข้ ึนซักเส้นกลับกล้าทําเป็ น “วีรบุรุษช่วยสาวงาม” เรอะ?
รี บไสหัวไปซะไม่ง้ นั บิดาผูน้ ้ ีจะจัดการเจ้าก่อนเอง”
“หาที่ตาย!” หยุนเช่อบันดาลโทสะ มันเดินหนึ่งก้าวพลาง
ชกออก บังเกิดเสี ยงแหวกอากาศเสี ยดหูขณะกําปั้นของมัน
กระแทกเข้าทรวงอกชายวัยกลางคนอย่างแรง ดวงตาของชายวัย
กลางคนเบิกกว้างขณะมันส่ งเสี ยงครํ่าครวญก่อนจะกระเด็นไป
ไกลและล้มสลบลง
“อ๊า…” หญิงสาวพลันส่ งเสี ยงร้องอย่างพิกลใจออกมา
“หึ !” หยุนเช่อชักมือกลับพร้อมเอ่ยอย่างดูถูก “พลังฝี มือ
เพียงแค่น้ ียงั กล้าออกมาทําเรื่ องชัว่ ช้า นับว่าหาเรื่ องใส่ ตวั โดยแท้”
มันหันกลับมาเอ่ยอย่างกังวล “แม่นาง ท่านเป็ นอะไรหรื อไม่?”
หญิงสาวนางนั้นคํานับและเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงสะอื้นเปี่ ยมด้วย
ความกลัวและซาบซึ้ งใจ “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยข้าเอาไว้… ข้าจะ
ขอทราบนามอันยิง่ ใหญ่ของท่านได้หรื อไม่? ผูน้ อ้ ยจะต้องตอบ
แทนนํ้าใจใหญ่หลวงนี้คืนแน่”
“หึ หึ เรื่ องเพียงเล็กน้อยอย่าได้กงั วลไป” หยุนเช่อเอ่ยอย่าง
สบายใจ สายตามันหลุบตํ่าลงเผยแววตาชื่นชมความงามของสตรี
ตรงหน้า “ข้าขอทราบนามของแม่นางได้หรื อไม่?”
หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา “ผูน้ อ้ ยมีนามว่า เยีย่ นเสี่ ยวฮ
วา”
“เยีย่ นเสี่ ยวฮวา” หยุนเช่อฉี กยิม้ “แม่นางทั้งงดงามและ
ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ ออกมาเดินเพียงลําพังเช่นนี้อนั ตรายยิง่ ภายภาค
หน้าขอให้ท่านระวังตัวด้วย”
หญิงสาวถอนหายใจขณะเผยสี หน้าโศกเศร้า “ผูน้ อ้ ยปกติ
จะอยูแ่ ต่ในห้อง นานๆครั้งจะออกมาข้างนอก แต่วนั นี้ท่านพ่อ
ของข้า…”
ขณะหญิงสาวกําลังเอ่ยปาก หยุนเช่อที่นิ่งฟังอย่างตั้งใจมา
ตลอดพลันสะบัดฝ่ ามือฟาดใส่ ทรวงอกของหญิงสาว ระยะห่าง
ของทั้งคู่น้ นั ไม่ถึงสามฟุตอีกทั้งฝ่ ามือของหยุนเช่อนี้กฟ็ าดออก
โดยมิได้เตือนล่วงหน้า ดังนั้นอีกฝ่ ายไม่เพียงกําลังเอ่ยปากพูดอยู่
เท่านั้น ตัวหญิงสาวเองก็ไม่สมควรจะหลบกระบวนท่านี้ได้
เช่นกัน
ตึง!
ทว่ากระทัง่ ใช้กระบวนท่าออกอย่างฉับพลันเช่นนี้ หยุนเช่อ
ก็ยงั ฟาดถูกเพียงอากาศธาตุ
สุ ม้ เสี ยงเสี ยดหูดงั สนัน่ จนบรรยากาศโดยรอบถึงกับสัน่
สะท้าน หญิงสาวเบื้องหน้ามันหายตัวไปหลงเหลือเพียงภาพติด
ตาขณะร่ างจริ งเคลื่อนที่ห่างออกไปร่ วมสามเมตรในพริ บตาก่อน
จะหลบหนีไปไกลอย่างรวดเร็ วประดุจสายฟ้า
มันเคยหลบหนีจากเงื้อมมือหยุนเช่อไปแล้วคราหนึ่ง แต่หยุ
นเช่อจะยอมให้ตวั เองพลาดท่าซํ้าสองได้เช่นไร? พริ บตาที่มนั
สัมผัสได้วา่ ฟาดถูกเพียงอากาศธาตุ หยุนเช่อก็ตอบโต้ในเสี้ ยว
วินาที…
“เขตแดนวิญญาณมังกร!!”
เสี ยงคํารามของมังกรสัน่ สะเทือนนภาขณะพื้นที่บริ เวณ
หนึ่งร้อยสิ บห้าเมตรโดยรอบชายหนุ่มถูกแรงกดดันอันเหนือลํ้า
ของวิญญาณมังกรเทวะบดทับ ร่ างของ“หญิงสาว” ที่กาํ ลัง
หลบหนีพลันสัน่ สะท้านพลางเผยสี หน้าหวาดผวา นางร่ วงหล่น
จากอากาศอย่างไร้เรี่ ยวแรง… ขณะนางกําลังจะร่ วงลงพื้น หยุ
นเช่อก็เร่ งใช้วหิ คเพลิงทะยานฟ้าเข้าใส่ทรวงอกนางทันที
ปุ๊ !!
เสื้ อผ้าที่ “หญิงสาว” สวมไว้พลันฉี กขาดขณะนางกระอัก
ลิ่มเลือดออกมาและร่ วงลงบนพื้นอย่างแรง ร่ างหยุนเช่อสัน่ ไหว
ก่อนจะปรากฎขึ้นข้างกายนาง มันเหยียบแก่นเส้นชีพจรลมปราณ
ของนางไว้ไม่ให้นางโคจรพลังปราณในร่ างได้
“เจ้าเป็ นใครกันแน่ ทําไมถึงต้องหมายหัวข้า?!” หยุนเช่อ
ถามอย่างเย็นชา ทว่าในใจมันยังคงแตกตื่นไม่อาจสงบ ใน
สถานการณ์เช่นนี้หยุนเช่อเชื่อว่าต่อให้เป็ นตัวมันเองก็ยงั ไม่อาจ
หลบหลีกกระบวนท่าฉับพลันเมื่อครู่ ได้ ทว่ากระทัง่ กับชายเสื้ อ
ของอีกฝ่ ายก็ยงั ไม่อาจกระทบถูก
มันได้แต่ยอมรับว่าหากมันไม่มีเขตแดนวิญญาณมังกรที่
ต่อต้านสวรรค์ได้แล้ว มันย่อมไม่อาจจับกุมบุคคลที่เหมือนดัง่ ภูติ
พรายผูน้ ้ ีได้แน่
“เหอะ เหอะ…”
“หญิงสาว” เปิ ดปาก และสุ ม้ เสี ยงนั้นเป็ นของบุรุษเพศอย่าง
ชัดเจน มันมิได้เสี ยใจหรื อโกรดเกรี้ ยว แต่กลับหัวร่ อด้วยสี หน้า
สงบนิ่ง “ชัว่ ชีวติ นี้… ข้ามิเคยพลาดพลั้ง… แปดราชันทรราชย์ไล่
จับข้าเจ็ดวันเจ็ดคืนยังไม่อาจสัมผัสข้าได้แม้แต่ปลายผม… ทว่า
วันนี้… ข้ากลับพลาดท่าให้กบั เจ้า… พลาดท่าให้กบั เงื้อมมือเด็ก
ชั้นปราณปฐพีอย่างเจ้า… ข้าคงได้แต่เอ่ยว่า… น่าประทับใจ
นัก…”
หยุนเช่อพลันตกตะลึง… การหลบหนีแปดราชันทรราชย์
ได้เจ็ดวันเจ็ดคืนโดยไร้ซ่ ึงบาดแผล ทัว่ ทวีปลมปราณฟ้านี้มีกี่คน
กันที่ทาํ ได้? ถึงกับทําให้ราชันทรราชย์แปดคนไม่ลงั เลที่จะ
ร่ วมมือกันไล่สงั หารมัน… บุคคลใต้ฝ่าเท้ามันผูน้ ้ ีเป็ นเทพแบบใด
กัน?!
บทที่ 409 คุกเข่ าหนึ่งครา

“เจ้าไม่ตอ้ งพูดเรื่ องนั้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจข้าหรอก”


หยุนเช่อเอ่ยอย่างเย็นชาขณะออกแรงกดร่ างใต้ฝ่าเท้ามากขึ้น “ส่ง
ผงยาในมือเจ้ามาให้ขา้ ด้วย แค่พิษหลอนประสาทอย่างผีเสื้ อความ
ฝันไม่มีผลกับข้าหรอก!”
ดวงตาของ “หญิงสาว” ดูจะหดลงวูบหนึ่งขณะนางสัมผัส
ได้ถึงความอันตรายของสถานการณ์ตอนนี้ คนเบื้องหน้านางมี
แววตาเรี ยบเฉยราวกับกระจกนํ้าแข็ง นับเป็ นครั้งแรกในชีวติ ที่
นางสัมผัสได้ถึงความสิ้ นหวังของคนที่ไม่อาจหลบซ่อนได้ เรื่ องที่
นางเอ่ยเกี่ยวกับการถูกเหล่าราชันทรราชย์ตามล่าย่อมเพื่อ
เบี่ยงเบนความสนใจหยุนเช่อ และในมือขวาของนางก็มีผงพิษอยู่
จริ ง
แต่ทุกอย่างกลับถูกมองออกจนหมดสิ้ น!
โดยเฉพาะพิษผีเสื้ อความฝันที่เป็ นพิษหลอนประสาทไร้สี
ไร้กลิ่นภายในอุง้ มือขวาของนางที่ไม่สมควรถูกพบเห็น… แต่
กลับถูกพบเจอจนได้!
“เจ้า… เป็ นใครกันแน่?” “หญิงสาว”เอ่ยปากถาม “เจ้าไม่ใช่
คนของพรรคเทพหงสาแน่ๆ แต่กลับใช้เพลิงเทพหงสาได้… เจ้า
สมควรมาจากจักรวรรดิวายุครามแท้ๆ… แต่จกั รวรรดิวายุคราม
จะมีบุคคลเช่นเจัาได้อย่างไร…”
แววตาของหยุนเช่อเรี ยบนิ่ง มันเพียงจับจ้องอีกฝ่ ายอย่าง
เย็นชา คนใต้ฝ่าเท้ามันผูน้ ้ ีรู้ดีวา่ ตนไม่มีสิทธิ์ถาม แต่กย็ งั ดิ้นรน
ถามออกมา “การแปลงโฉมของข้าไม่เคยมีผใู ้ ดมองออกมาก่อน…
บอกได้หรื อไม่วา่ เจ้าดูออกได้ยงั ไง?”
“ข้าเทียบความสามารถในการปกปิ ดร่ องรอย พลังลมปราณ
และสุ ม้ เสี ยงของเจ้าไม่ได้” หยนเช่อเอ่ยอย่างไม่ใส่ ใจ “แต่ในแง่
ของการปกปิ ดรู ปลักษณ์แล้ว เจ้ายังด้อยกว่าเล็กน้อย ตราบเท่าที่
อยูใ่ นระยะหกเมตรจากข้า หากมีใครปลอมแปลงรู ปโฉมตนเอง
เพียงกวาดตามองข้าก็ดูออกแล้ว… ข้าไม่เพียงรู ้วา่ เจ้าแปลงโฉม
แต่ยงั รู ้อีกว่าเจ้าแปลงโฉมถึงสามชั้น ต่อให้ฉีกโฉมหน้าชั้นนี้ออก
ภายในก็ยงั ไม่ใช่หน้าจริ งของเจ้า… ไม่รู้วา่ เจ้าอัปลักษณ์จนกลัว
จะถูกผูอ้ ื่นมองเห็น หรื อว่าปกปิ ดใบหน้าที่แท้จริ งเพราะกลัวว่า
ผูค้ นจะรู ้ตวั จริ งของเจ้ากันนะ…”
“ต้องเป็ นอย่างหลังอยูแ่ ล้ว!!” “หญิงสาว”คํารามลัน่ ด้วย
อารมณ์ขณะดึงลําคอตัวเอง “ดูที่ขา้ แปลงโฉมเป็ นสตรี ซะ… ต่อ
ให้ขา้ ไม่นบั ว่าหล่อจนสะท้านปฐพี แค่เห็นท่าทีนุ่มนวลของข้าก็
สมควรจะรู ้วา่ ข้าหล่อเกินธรรมดา!! ข้าจะไปข้องเกี่ยวกับคําว่า
“อัปลักษณ์” ได้ยงั ไง?! เจ้าต่างหากอัปลักษณ์… อัปลักษณ์กนั ทั้ง
ครอบครัว!”
“ชิ!” ปากหยุนเช่อกระตุก ก่อนมันจะพลันยกเท้าออกและ
หันหลังกลับพร้อมเอ่ยปาก “ไปซะ”
ร่ างของ “ชายหนุ่ม” พลันทะยานขึ้นจากพื้นอย่างว่องไวดุจ
มัจฉา มันจ้องมองแผ่นหลังหยุนเช่อด้วยสี หน้าไม่อยากเชื่อ ก่อน
หน้านี้ที่สมาคมการค้าอัคคีร่วยโรย มันได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า
หยุนเช่อนั้นโหดเหี้ ยมเพียงไหนและเคยคิดว่าหากมันพลาดท่าตก
อยูใ่ นกํามืออีกฝ่ าย อย่างน้อยที่สุดมันต้องทรมานสาหัสแน่ มันไม่
เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ ายจะ… ปลดปล่อยมันไป
“เจ้าจะ… เจ้าจะปล่อยข้าไปแบบนี้เลยเรอะ?” มันเอ่ยด้วย
ดวงตาเบิกกว้าง “เจ้าจะไม่ถามหน่อยรึ วา่ ข้าเป็ นใคร? ไม่อยากรู ้รึ
ว่าข้าตามเจ้ามาทําไม? จะ… จะปล่อยข้าไปแบบนี้เลยน่ะเรอะ?”
“เพราะเจ้ามิใช่คนชัว่ ช้า” หยุนเช่อตอบโดยไม่หนั กลับมา
“... เจ้ารู ้ได้ยงั ไงว่าข้ามิใช่คนชัว่ ช้า?”
“เหอะ ชัว่ ชีวติ ข้าเห็นคนชัว่ ช้ามามากเกินพอ ขอเพียงกวาด
ตามองครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าคนผูน้ ้ นั ชัว่ ช้าหรื อไม่” หยุนเช่อเอ่ย
พลางหรี่ ตา “ยิง่ กว่านั้น ที่โรงเตี๊ยมเจ้าก็ใช้หมอกนิทราแทนหมอก
พิษ แม้แต่ตอนที่เจ้าถูกข้าใช้เท้ากดไว้ สิ่ งที่เจ้าคิดจะปล่อยก็เป็ น
เพียงหมอกหลอนประสาท ยิง่ กว่านั้นสายตาของเจ้าที่มองข้าก็ไม่
มีจิตสังหาร… ไม่เช่นนั้น คิดจริ งหรื อว่าเจ้าจะรอดชีวติ มาถึง
ตอนนี้?”
ชายหนุ่มเปิ ดปาก แต่กลับไม่ฉวยโอกาสหลบหนีไป… ใน
เมื่อมันได้รับอิสระแล้ว มันก็มน่ั ใจว่าต่อให้เป็ นสิ บหยุนเช่อก็จบั
มันไม่ได้หากมันคิดหนี มันจึงก้าวไปเบื้องหน้าพลางถามอย่าง
สงสัย “เจ้าจะไม่ถามรึ วา่ ทําไมข้าถึงมาหาเจ้า?”
“ข้ารู ้เหตุผลแล้ว”
“เจ้า...รู ้?”
หยุนเช่อหันกลับมามองมัน “เจ้ามาเพือ่ ขโมยทานตะวันหง
สาของข้า!”
หยุนเช่อเอ่ยอย่างหนักแน่นด้วยความมัน่ ใจ
“เจ้า… เจ้ารู ้ได้อย่างไร?” ชายหนุ่มพลันเบิกตากว้าง
“สิ่ งเช่นกลิ่นย่อมกลบเกลื่อนยากยิง่ กว่ารัศมีลมปราณเสี ย
อีก นํ้าดีภูเขาไฟ กล้วยหางหงสา โสมโลหิ ตอัคคีผลาญ
โพธิสตั ว์หยินม่วง หญ้าหลินจือมังกร เถาวัลย์อสุราสหัสกีฎาม่วง
และบุปผาเมฆพิรุณ… พวกนี้เป็ นสมุนไพรที่ขา้ ได้กลิ่นจากตัวเจ้า
แม้เจ้าจะพยายามกลบกลิ่นนี้เต็มที่ แต่เจ้าก็สมั ผัสพวกมันทั้งหมด
มาภายในยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงนี้ ไม่วา่ จะพยายามกลบกลิ่นเพียงใด ก็ยงั มี
เหลือพอให้ขา้ แยกแยะได้อยูด่ ี”
ชายหนุ่มตะลึงงันจนยืนอยูก่ บั ที่ราวกับถูกสาปกลายเป็ น
หิ น… บรรดาสมุนไพรที่หยุนเช่อร่ ายออกมานั้น… ไม่ขาดไม่เกิน
แม้แต่นอ้ ย!!
“หากสมุนไพรเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในแหวนมิติ ย่อมไม่มีกลิ่น
เล็ดรอดออกมา นี่ช้ ีชดั ว่าเจ้าได้สมั ผัสกับพวกมันด้วยตัวเองและ
ผสมพวกมันเข้าด้วยกัน ผลจากการผสมสมุนไพรเหล่านี้เข้า
ด้วยกันย่อมสามารถฝื นยืดชีวติ ของผูท้ านได้ ในการยืดชีวติ ของ
คนผูน้ ้ นั ยังจําต้องมีลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงจํานวนมากอีก
ด้วย… เพียงแต่การฝื นยืดชีวติ นี้จะตามมาด้วยความเจ็บปวดแสน
สาหัส สิ่ งที่จะระงับความเจ็บปวดนี้ได้โดยไม่ไปขัดแย้งกับตัวยา
อื่น มีเพียงทานตะวันหงสาที่สามารถสะกัดความเจ็บปวดในเส้น
ชีพจรทั้งมวลเท่านั้นจึงจะกระทําได้”
“~!#¥%……”
“เจ้าเองก็ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่ มตามข้าหลังจากข้าได้ทานตะวัน
หงสามาแล้ว” หยุนเช่อเอ่ยอย่างไม่ใส่ ใจ “ในเมื่อเจ้ามาหาข้าเพื่อ
ช่วยชีวติ คนและตัวเจ้าก็ไม่ได้คิดสังหารข้า เช่นนั้นข้าเองก็ไม่มี
เหตุผลที่จะต้องทําให้เรื่ องมันยุง่ ยากสําหรับเจ้า เมื่อครู่ ได้เหยียบ
เจ้าไปสองสามครั้งก็พอ… เจ้าไปได้แล้ว และเลิกหลอกตัวเองว่า
จะขโมยอะไรไปจากข้าได้ดว้ ย”
หลังจากหยุนเช่อเอ่ยจบ มันก็หนั กลับและจากไป
ชายหนุ่มพึ่งได้สติหลังจากหยุนเช่อเดินไปแล้วกว่าสิ บก้าว
มันทะยานร่ างออกวูบหนึ่งไปหยุดเบื้องหน้าหยุนเช่อ ความเร็ ว
นั้นสู งลํ้าจนหยุนเช่อไม่เห็นกระทัง่ ภาพติดตา “ช้าก่อน น้องชาย
ไม่สิ! พี่ชาย ข้าลบหลู่บุคคลสู งส่ งเช่นท่านเพราะข้าประเมิน
ตัวเองสู งไป ข้ามีตาหามีแววไม่ ตะ… แต่ทานตะวันหงสาสําคัญ
กับข้ามากจริ งๆ ข้าขอร้องล่ะ โปรดมอบทานตะวันหงสาของท่าน
มาให้ขา้ เถอะ…”
เดิมมันเชื่อมัน่ ว่าด้วยพลังฝี มือของตนเอง มันสมควรขโมย
ทานตะวันหงสาจากคนที่ประมูลไปได้อย่างง่ายดาย ไม่คาดเลยว่า
จะต้องมาพบกับสัตว์ประหลาดพันธุ์แท้อย่างหยุนเช่อ บัดนี้มนั รู ้
แล้วว่ามันไม่มีทางขโมยจากอีกฝ่ ายได้ ยิง่ กว่านั้นหยุนเช่อยังมี
เมตตาปลดปล่อยมัน มันจึงไม่มีหน้าไปเล่นลูกไม้อื่นใดอีก ทว่า
มันจําต้องการทานตะวันหงสายิง่ แม้จะต้องไปเสี่ ยงชีวติ ขโมยมา
ก็ตาม หากขโมยไม่ได้ มันก็ทาํ ได้เพียง… ขอร้องเท่านั้น
“อย่าห่วงไป ข้าย่อมไม่ขอให้ท่านมอบมาเฉยๆแน่” มันเอ่ย
อย่างจริ งใจ
“ท่านใช้เงินสองพันเหรี ยญม่วงเพื่อซื้อทานตะวันหงสาจาก
สมาคมการค้าอัคคีร่วงโรย… ข้าจะใช้สามพัน… ไม่สิ! ห้าพัน…
ไม่! หนึ่งหมื่น… ข้าจะใช้หนึ่งหมื่นเหรี ยญม่วงขอซื้อต่อจาก
ท่าน!”
มันตะโกนมูลค่าที่สูงจนไม่น่าเชื่อออกมา ก่อนจะเร่ งหยิบ
บัตรเงินสดสี ม่วงเปล่งประกายออกมาและมองหยุนเช่อด้วยสี
หน้าวิงวอน
หยุนเช่อยังคงนิ่งงัน ก่อนจะส่ ายหน้าช้าๆ “หากเป็ นยามอื่น
ข้าอาจจะขายมันให้ได้ แต่ในตอนนี้ ข้าจําเป็ นต้องใช้ทานตะวัน
หงสาต้นนี้เพื่อเพิ่มพูนพลังฝี มือของตัวเองอย่างเร่ งด่วน ไม่ใช่น้ นั
ภายในครึ่ งเดือน ข้าอาจได้สิ้นชีพในนครวิหคเทวะ ดังนั้นต่อให้
เจ้าเสนอเงินมากกว่านี้มา ข้าก็คงให้ไม่ได้หรอก”
เอ่ยจบ หยุนเช่อก็เดินจากไป
“พี่ชาย!!”
ชายหนุ่มพุง่ เข้ามาคว้าเสื้ อผ้าของมันไว้แน่นด้วยสองมือที่
สัน่ เทาเล็กน้อย “ทานตะวันหงสาในมือท่านเป็ นต้นสุ ดท้ายของปี
นี้ หากหนึ่งหมื่นเหรี ยญม่วงไม่พอ… บอกมาได้เลยว่าท่าน
ต้องการเท่าไหร่ ขอเพียงได้ทานตะวันหงสามา ข้าก็ไม่ปริ ปากบ่น
แม้แต่นอ้ ย!”
หยุนเช่อส่ วนหน้าอย่างมัน่ คง “ข้าบอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่
เรื่ องเงิน ทานตะวันหงสาต้นนี้เกี่ยวพันกับชะตาของข้า ข้าย่อมไม่
ยอมมอบมันไม่ใครไม่วา่ ยังไงก็ตาม ไปหาที่อื่นเถอะ บางทีอาจยัง
มีเหลือก็ได้”
“หากยังมีที่อื่นที่ยงั มี ข้าก็ไปมาครบหมดแล้ว” ชายหนุ่มเผย
สี หน้าวิงวอน “พี่ชาย ท่านมีดวงตาอันยอดเยีย่ ม ท่านรู ้วา่ ข้าสัมผัส
กับสมุนไพรใดมาบ้าง ดังนั้นท่านสมควรรู ้วา่ หลังจากผสม
สมุนไพรทั้งหมดเข้ากับลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงเพื่อยืดอายุจะ
เจ็บปวดถึงเพียงใด นางอยูต่ ่อได้อีกไม่ถึงหนึ่งปี แล้ว ความ
ปรารถนาสู งสุ ดของข้าตอนนี้คือการได้อยูร่ ่ วมกับนางจวบจน
วาระสุ ดท้ายอย่างสงบสุ ข ข้าจะทําใจให้นางต้องเจ็บปวดเช่นนั้น
ได้ยงั ไง… ข้าทุ่มเทสุ ดชีวติ แต่หาทานตะวันหงสาได้เพียงครึ่ งต้น
ไม่เพียงอีกครึ่ งต้นของมันจะถูกใช้ไปแล้ว คุณสมบัติทางยาของ
มันก็สูญหายไปมากนัก ผลลัพธ์ที่ได้จะมีเพียงเล็กน้อย ความหวัง
เดียวของข้าในตอนนี้คือต้นในมือท่าน… ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรด
มอบมันให้ขา้ เถอะ ข้าขอสาบานต่อฟ้าดินว่าวันหนึ่งจะต้องตอบ
แทนท่านแน่”
หยุนเช่อชายตามองมันแต่ยงั คงส่ ายหน้า “ความสามารถทุก
อย่างที่เจ้ามีช้ ีชดั ว่าเจ้าเป็ นหัวขโมย แต่หวั ใจเจ้ากลับมิเลวร้าย ทุก
คําพูดเจ้าล้วนแต่เอ่ยจากใจจริ ง ทว่าเจ้าและคนที่เจ้าหวังจะช่วย
มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า ข้าไม่ได้ใจบุญขนาดจะใช้ส่ิ งที่เกี่ยวกับ
ความปลอดภัยในชีวติ ข้าไปช่วยคนแปลกหน้าหรอกนะ… ตัดใจ
เสี ยเถอะ อย่าได้ตามข้ามาอีก!”
เพียงสะบัดมือออก มันก็ใช้เทพดาราแยกเงาทะยานร่ างไป
กว่าสามสิ บเมตร
“ตุบ!!”
เสี ยงของสองเข่ากระแทกพื้นอย่างแรงดังขึ้นเบื้องหลังหยุ
นเช่อ ชายหนุ่มชะงักฝี เท้า ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
“นี่เจ้า…”
ชายหนุ่มคุกเข่าทั้งสองข้างลง ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความ
วิงวอนลึกซึ้ งขณะสองตาเอ่อด้วยนํ้าตา “พี่ชาย ชัว่ ชีวติ ข้าไม่เคย
ขอร้องผูใ้ ดและคุกเข่าให้ใครหน้าไหนมาก่อน… กระทัง่ ตอนที่
บุพการี ขา้ ยังมีชีวติ ข้ายังไม่เคยมีโอกาสได้คุกเข่าให้พวกท่าน…
ข้าขอร้องล่ะ… โปรดเมตตาด้วย… นาง… เหลือเวลาไม่ถึงปี แล้ว
จริ งๆ… ได้โปรด… ข้าขอร้อง… ต่อให้ขา้ ต้องไปเป็ นทาสของ
ท่าน…”
หัวใจของหยุนเช่อกระตุกวูบ… แม้นี่จะเป็ นครั้งแรกที่มนั
ได้พบพานกับภูติพรายผูท้ ี่แม้แต่แปดราชันย์ทรราชย์ยงั ไม่อาจ
กําราบได้ มันก็ยงั เข้าใจดีวา่ นํ้าตาและการคุกเข่าของอีกฝ่ าย
หมายถึงอะไร...
นัน่ คือเกียรติและศักดิ์ศรี ท้งั หมดของอีกฝ่ าย…
ตลอดชัว่ ชีวติ นี่สมควรเป็ นครั้งแรกที่มนั คุกเข่าให้ผอู ้ ื่น
ไม่เช่นนั้นเข่าของมันคงไม่สน่ั สะท้านถึงปานนั้น มันมีสีหน้าอับ
จนหนทาง และหากมันปฎิเสธอีกฝ่ ายอีกครา ความอับจนนั้นคง
กลับกลายเป็ นความสิ้ นหวังโดยสมบูรณ์แน่…
สี หน้านั้นช่างคล้ายคลึงกับตัวมันในวันนี้ยง่ิ ยามมันร้องไห้
อย่างรวดร้าวขณะกอดร่ างไร้ลมหายใจอันงดงามของหลิงเอ๋ อร์
เอาไว้…
“ฟู่ …” หยุนเช่อได้แต่ถอนใจ แต่มิได้กา้ วเดินต่อ มันเดิน
กลับไปหาอีกฝ่ ายพร้อมเอ่ยปาก “คนที่เจ้าต้องการช่วยผูน้ ้ ี นาง
เป็ นอะไรกับเจ้า?”
“...ภรรยาของข้าเอง” เมื่อเห็นหยุนเช่อเดินกลับมาหามัน
ดวงตาของมันก็ส่องประกายของความหวัง “พี่ชาย ข้าขอร้องท่าน
ขอเพียงท่านมอบทานตะวันหงสามาให้ ข้าจะยอมรับทุกเงื่อนไข
ที่ท่านเสนอ”
“บอกมา ภรรยาเจ้ามีอาการป่ วยอะไร” หยุนเช่อถาม
“นางมิได้ลม้ ป่ วย” ชายหนุ่มส่ ายศีรษะขณะสี หน้ากลับ
กลายเป็ นปวดร้าว “ห้าปี ก่อน ตระกูลเราถูกศัตรู ลอบโจมตี บิดา
มารดาของข้าถูกสังหาร พวกท่านใช้ชีวติ ตัวเองแลกให้ขา้ กับ
ภรรยาหลบหนีมาได้ แต่ภรรยาของข้ายามนั้นบาดเจ็บสาหัสนัก
และยังถูกพิษเย็นพิสดารที่ไม่อาจรักษาได้ชนิดหนึ่ง ตลอดหลายปี
มานี้ขา้ พยายามสุ ดกําลังเพือ่ ให้นางมีชีวติ อยูต่ ่อ แต่การยืดอายุ
เช่นนี้ไม่อาจยื้อต่อได้อีก ปี นี้นบั เป็ นขีดสุดแล้ว…”
“ถูกลอบโจมตีรึ?” หยุนเช่อแปลกใจเล็กน้อย
“เจ้าเป็ นยอดฝี มือในด้านการลอบโจมตีดงั นั้นบิดามารดา
เจ้าก็สมควรจะเข้มแข็งยิง่ กว่าตัวเจ้า ทําไมถึงเป็ นเช่นนั้นไปได้?
ห้าปี ก่อนพลังฝี มือเจ้าคงมิดอ้ ยไปกว่าตอนนี้หรอก ใช่หรื อไม่?”
ชายหนุ่มเผยสี หน้าลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้าใน
ท้ายที่สุด “เป็ นวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา…”
หยุนเช่อ “!!”
“ตระกูลของข้าเป็ นโจรมาหลายชัว่ อายุคน พวกเราคอย
ปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจนอย่างสงบสุ ข บรรพชนของข้าผูห้ นึ่ง
เคยลอบเข้าวิหารเทพสุ ริยนั จันทราและขโมยดาบระดับปราณ
ทรราชย์ออกมาเล่มหนึ่ง ดังนั้นตลอดหลายร้อยปี มานี้ ทางวิหาร
เทพสุ ริยนั จันทราก็คอยตามรอยพวกเรามาตลอด หลังจากนั้นข้า
ไม่ทราบว่าพวกมันใช้วธิ ีอนั ใด แต่พวกมันพบฐานที่ซ่อนของเรา
ที่หนึ่งและความโกลาหลก็บงั เกิดขึ้น…”
“ข้าเข้าใจแล้ว ลุกขึ้นซะ” หยุนเช่อดึงตัวมันขึ้น… ตระกูล
พิเศษที่เป็ นโจรมาหลายชัว่ อายุคน ซํ้าบรรพบุรุษคนหนึ่งยังเข้าไป
ขโมยดาบระดับปราณทรราชย์ออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์อย่าง
วิหารเทพสุ ริยนั จันทราอีก ตระกูลเช่นนี้สมควรมีชื่อเสี ยงยิง่ ใน
ทวีปลมปราณฟ้าแน่
“พาข้าไปหาภรรยาเจ้า” หยุนเช่อเอ่ยอย่างจริ งจัง “ข้าเชื่อว่า
เจ้าคงไม่ให้นางอยูห่ ่างไกลเกินไป นางสมควรอยูภ่ ายในนครวิหค
เทวะนี้ ใช่หรื อไม่?”
“หา?” ชายหนุ่มตะลึงงัน
“ข้าพอรู ้เรื่ องการแพทย์อยูบ่ า้ ง ข้าอาจพอรักษาอาการ
บาดเจ็บและพิษในตัวภรรยาเจ้าได้ ดังนั้นอย่าห่วงไป ข้าจะไม่
ปากโป้งเรื่ องเจ้ากับภรรยา ข้าจะไม่สนใจว่าเจ้าหน้าตาจริ งๆเป็ น
ยังไงด้วยซํ้า” หยุนเช่อเอ่ยอย่างเรี ยบเฉย
ชายหนุ่มอึกอัก “ตะ...แต่… เรื่ องนี้…”
“ไม่มีแต่” หยุนเช่อสอดคํา “ในเมื่อเจ้าห่วงใยนางถึงเพียง
นั้น เจ้าก็สมควรจะเชื่อข้า ต่อให้หมออัจฉริ ยะอันดับหนึ่งบอกเจ้า
ว่าไม่มีทางรักษา เจ้าก็ยงั ต้องเชื่อมัน่ ในตัวคนที่บอกว่าอาจจะ
รักษานางให้หายได้! เพราะหากเจ้าพลาดโอกาสนี้ไป… เจ้าก็
อาจจะพลาดโอกาสช่วยชีวติ นางไปด้วย!”
“ตกลง!!”
คําพูดสุ ดท้ายของหยุนเช่อพังความลังเลในใจของชายหนุ่ม
ไปจนหมดสิ้ น มันไม่คิดอะไรมากอีกขณะพยักหน้ารับอย่าง
จริ งจัง “ท่านสามารถบอกได้วา่ ข้าสัมผัสกับตัวยาใดมาบ้างในชัว่
พริ บตา ดังนั้นข้าเชื่อว่าวิชาแพทย์ของท่านสมควรบรรลุถึงขั้น
สมบูรณ์แบบ! ข้าเชื่อยิง่ กว่าว่าท่านจะไม่ทาํ อันตรายเรา และท่าน
ยังไม่มีเหตุให้ทาํ เช่นนั้นด้วย… หากท่านรักษานางได้จริ ง ให้ถือ
ว่าชีวติ ข้าเป็ นของท่าน!”
บทที่ 410 ตํานานเจ้ าหญิงหิมะ

ยามวิกาลค่อยๆคืบคลานเข้ามา หยุนเช่อติดตามบุรุษผูน้ ้ นั
ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่สุดขอบนครวิหคเทวะด้านทิศใต้
“เหตุใด...เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า?” บุรุษผูน้ ้ นั ถามด้วยความ
ระแวดระวังหลังจากที่อยูภ่ ายใต้ความเงียบงันมาเป็ นเวลานาน ดัง่
เช่นหยุนเช่อ มันเป็ นผูท้ ่ีเคยอยูใ่ นสถานการณ์เป็ นตายมานับครั้ง
ไม่ถว้ น สัญชาตญาณและความรอบคอบของมันจึงไม่ได้ดอ้ ยไป
กว่าหยุนเช่อ ดังนั้นมันสามารถบอกได้ในทันทีวา่ มีใครคิดร้าย
หรื อสบคบคิดทําอันตรายมันหรื อไม่ อย่างไรก็ดี มันไม่พบเจตนา
ร้ายหรื อแผนการร้ายใดๆจากหยุนเช่อ “เพียงแค่จิตใจแห่งการ
รักษาของแพทย์มนั ตื่นขึ้นมาหลังจากหลับใหลเป็ นเวลานาน” หยุ
นเช่อกล่าวพร้อมทอดถอนหายใจอยูภ่ ายใน...มีหวั ใจแห่งแพทย์ที่
จะรักทุกสิ่ งภายใต้สรวงสวรรค์และช่วยเหลือผูค้ น นัน่ คือสิ่ งที่ทาํ
ให้จิตวิญญาณทั้งหมดของมันกลับไปเป็ นเช่นนั้น และเป็ นส่ วน
สําคัญที่อาจารย์ของมันเคยบอกกล่าว ทว่าสุ ดท้ายอาจารย์ของมัน
ก็ถูกล่าสังหาร หัวใจแห่งแพทย์ของมันก็ถูกแทนที่ดว้ ยความ
เกลียดชังอันไร้ที่สิ้นสุ ด จากนั้นมันก็ไม่เคยใช้วชิ าแพทย์รักษา
ผูใ้ ดอีกเลย
“เอ่อ…” คําตอบนี้ทาํ ให้บุรุษผูน้ ้ นั มึนงงสับสน
“เจ้ากล่าวว่าเจ้าได้นาํ ทานตะวันหงสามาครึ่ งก้าน?” หยุ
นเช่อกล่าวถามอย่างเป็ นธรรมชาติ
“ใช่” บุรุษผูน้ ้ นั พยักหน้า “ทุกปี ปริ มาณของทานตะวันหง
สาที่โตเต็มที่น้ นั มีนอ้ ยมาก และส่ วนใหญ่พรรคเทพหงสาก็จะเก็บ
รวบรวมไปทั้งหมด ข้ามีทางเลือกเดียวคือแทรกซึมเข้าไปใน
ตําหนักเก็บสมบัติของพรรคเทพหงสา ทว่าที่นนั่ มีค่ายปราณคุม้
ภัยอยูท่ ุกหนแห่ง เมื่อข้าเข้าไปข้าจึงพลาดไปแตะโดนหนึ่งในนั้น
ทําให้ขา้ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากหลบหนี...โชคเข้าข้างข้าที่
ก่อนหลบหนีขา้ ได้ทานตะวันหงสาครึ่ งก้านมาอยูใ่ นมือ ข้าเชื่อว่า
เหตุผลที่ขา้ ขโมยมันมาได้ง่ายดาายเช่นนี้ตอ้ งเป็ นเพราะทานตะวัน
หงสาครึ่ งก้านนั้นได้สูญเสี ยสรรพคุณทางยาไปจํานวนมาก มันจึง
ถูกวางทิ้งไว้บนตูห้ ยก”
หยุนเช่อก้าวช้าลงและกล่าวด้วยความตระหนก “เจ้า...
แทรกซึ มเข้าไปในพรรคเทพหงสา?” “ใช่” ได้ฟังนํ้าเสี ยงตื่น
ตระหนกในคําหยุนเช่อ บุรุษตบที่หน้าอกของตนพร้อมพยักหน้า
ด้วยความภาคภูมิ “ในโลกนี้ต้ งั แต่สี่แดนศักดิ์สิทธิ์จนถึงสมาคม
การค้าเดือนดับไม่มีที่ใดที่ขา้ ไม่สามารถลอบเข้าไปได้ แม้แต่พวก
มันจะค้นพบข้า...หึ หึ พวกมันไม่สามารถแตะต้องได้แม้แต่
ชายเสื้ อข้า ก่อนที่ขา้ จะหายไปภายในอึดใจโดยไร้ร่องรอยใดให้
สื บหา”
หยุนเช่อ “...”
บุรุษผูน้ ้ ีกล่าวว่าบรรพบุรุษผูห้ นึ่งของมันได้แทรกซึมเข้าไป
ในตําหนักเทพตะวันจันทรา นัน่ ทําให้มนั ตื่นตระหนกแล้ว ทว่า
บุรุษข้างตัวมันนี้...มันลักลอบเข้าไปขโมยสิ่ งของในพรรคเทพหง
สาและหนีรอดออกมาได้โดยซึ่งรอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้ นหลังจาก
ถูกค้นพบ…
มันเป็ นใคร...วะเนี่ย...
บุรูษลดเสี ยงลงและกล่าวด้วยใบหน้าเป็ นทุกข์ “ยามข้า
ลักลอบเข้าไปในพรรคเทพหงสา เดิมข้าต้องการไปสื บเสาะ
เกี่ยวกับตํานานเจ้าหญิงหิ มะ ทว่านางมิได้อยูท่ ี่นนั่ ข้าได้ยนิ บาง
คนกล่าวมาว่ามาเดินทางไปยังหุบเขาหงส์สถิตย์nd.”
“เจ้าหญิงหิ มะ?” หยุนเช่อยกคิ้วขึ้น “หนึ่งในเจ้าหญิงของ
พรรคเทพหงสางั้นรึ ?”
หลังจากหยุนเช่อกล่าวจบมันเห็นดวงตาของบุรุษตรงหน้า
เบิกกว้าง สี หน้า...ดัง่ เห็นมนุษย์ต่างดาวอยูต่ รงหน้า
“หรื อว่า...เจ้าไม่รู้จกั เจ้าหญิงหิ มะ?” บุรุษกล่าวด้วยดวงตา
เบิกกว้าง
“เจ้าหญิงหิ มะนี้...มีชื่อเสี ยงโด่งดังมากงั้นหรื อ?” หยุนเช่อ
ถามกลับ
หยุนเช่อไม่เปลี่ยนท่าทีซ่ ึงไร้การแสดงออกถึงการกล่าวคํา
เท็จใดๆ มันไล่สายตามองหยุนเช่อขึ้นและลง หลังจากนั้นก็แสดง
ท่าทางไม่อยากเชื่ออีกครั้ง สายตานั้น...ไม่เหมือนกับสายตาที่ใช้
มองผูค้ นที่ยงั มีชีวติ “เทพเจ้าวัวศักดิ์สิทธิ์! เจ้าพูดจริ งรึ ? เจ้าไม่รู้จกั
เจ้าหญิงหิ มะจริ งๆรึ ? หรื อว่าจะ-จะ-จะ-จะ-เจ้าจะไม่ใช่คนใน
จักรวรรดิเทพหงสา แม้หากเจ้ามาจากถิ่นภูเขาห่างไกลจาก
จักรวรรดิอื่น ก็ไม่มีทางเป็ นไปได้ที่เจ้าจะไม่รู้จกั เจ้าหญิงหิมะ!”
หยุนเช่อ “...”
อันที่จริ งนี่เป็ นครั้งแรกที่มนั ได้ยนิ ชื่อเจ้าหญิงหิ มะ
“เช่นนั้น...เจ้าเคยได้ยนิ ชื่อ ‘ฮวาหมิงไห่’ รึ เปล่า?” ดวงตา
ของบุรุษส่ องประกาย
“ฮวาหมิงไห่? มิเคยได้ยนิ มาก่อน เป็ นคนใหญ่คนโตอีกงั้น
หรื อ?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“เทพเจ้าวัวศักดิ์สิทธิ์!!” ชายหนุ่มกระโดดขึ้นเล็กน้อยพร้อม
ตะโกนออกมา “จะ-จะ-จะ-เจ้า หากเจ้าไม่รู้จกั เจ้าหญิงหิ มะ ทว่า
เจ้ามิเคยได้ยนิ ไ◌้ดฟ้ ังนามฮวาหมิงไห่ผยู ้ ง่ิ ใหญ่เช่นกัน! ฉายาของ
มันคือ ‘หัตถ์ภูติมายา’ ผูท้ ี่เยีย่ มยอดที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า...
แคกแคก หนึ่งในพวกมัน อย่าว่าแต่ผคู ้ นแม้แต่ปลาในตมยังรู ้จกั
นามอันยิง่ ใหญ่น้ ี จะมีคนเช่นไรกันที่มิเคยได้ยนิ นามนี้มาก่อน!!”
“หัตถ์ภูติมายา? นี่มนั ชื่อบ้าอะไรเนี่ย” หยุนเช่อม้วนริ ม
ฝี ปากของมัน
“-! # & @ %......” กล้ามเนื้อบนหน้าของบุรุษกระตุก และดู
เหมือนมันต้องการสูต้ ายกับหยุนเช่อ “เจ้าไม่ได้มาจากต่างมิติใช่
หรื อไม่?”
หยุนเช่อหันกายกลับและพยักหน้าอย่างจริ งจัง “ท่านเชื่อถือ
เรื่ องนั้นได้”
“ฟั*ทอง!”
“เจ้าคงไม่ใช่… ‘หัตถ์ภูตมายา’ นัน่ ฮวาหมิงไห่ คือเจ้า?”
หยุนเช่อมองอีกฝ่ ายอย่างประเมินค่าใหม่
“ถูกต้อง นั้นคือข้า!” ฮวาหมิงไห่ตบอกตัวเอง จากนั้นหาง
ตาของมันจึงบิดเบี้ยวอย่างไม่อาจควบคุม ฟักผัดศักดิ์สิทธิ์เถอะ...
นี่เป็ นครั้งแรกเลยที่มนั เปิ ดเผยชื่อของตัวเองกับใครสักคน…
กระนั้นเจ้าคนผูน้ ้ ีมนั ก็ยงั ไม่เคยได้ยนิ ชื่อของมันมาก่อน!
“โอ้ ข้าเข้าใจล่ะ” หยุนเช่อเอ่ยอย่างราบเรี ยบ “เช่นนั้นข้า
ควรเรี ยกเจ้าว่า ฮวาน้อย หรื อ ไห่นอ้ ย ดี?”
“...แค่เรี ยกข้าว่า ไห่นอ้ ย เถอะ” ฮวาหมิงไห่แทบจะรํ่าไห้
ไม่วา่ จะอย่างไร มันนั้นแทบจะอายุสามสิ บปี เข้าไปแล้ว และเห็น
ได้ชดั ว่าเจ้าเด็กนี้มนั ยังอายุไม่ถึงกระทัง่ ยีส่ ิ บปี
“พูดถึงเจ้าหญิงหิ มะ ทําไมนางถึงโด่งดังนัก?” หยุนเช่อถาม
อย่างระมัดระวังอยูบ่ า้ ง
“อะแฮ่ม อึม เจ้าไม่อยากรู ้เรื่ องความสําเร็ จในอดีตของหัตถ์
ภูตมายาก่อนหรื อ?”
“ไม่ล่ะ”
“! #$%@&........” ฮวาหมิงไห่สูดลมหายใจเฮือก เพียงเมื่อ
ใช้พลังใจทั้งหมดไปแล้วเท่านั้นมันจึงจะสามารถสงบสติตวั เอง
ลงได้เพือ่ ตอบคําถาม “เจ้าหญิงหิ มะคือ สมบัติล้ าํ ค่าของอาณาจักร
เทพหงสา ที่รักแห่งวิญญาณเทพหงสา และปาฏิหารย์ที่สวรรค์ที่
มอบลงมาให้แก่พรรคเทพหงสา นี่คือเหล่าฉายาทั้งหลายของนาง
เมื่อกาลก่อนที่ยงั ไม่เคยมีใครได้เห็นนางมาก่อน ในปี ที่เจ้าหญิง
หิ มะพระชันษาได้สิบสามขวบปี นางปรากฏตัวบนยอดหอคอย
นครวิหคเทวะเพราะงานเฉลิมฉลองบางอย่าง ในปี นั้น นครวิหค
เทวะที่ไม่เคยเห็นหิ มะมาก่อนเลยแม้แต่นอ้ ย โดยไม่คาดฝันกลับมี
หิ มะตกลงมาให้เห็นจากฟากฟ้า เจ้าหญิงหิ มะปรากฏตัว และทัว่
ทั้งบริ เวณกลับกลายเป็ นดินแดนแห่งความเงียบงัน ทุก ๆ คนที่
มองไปที่นางกลายเป็ นตกตะลึงอยูก่ บั ที่ ราวกับพวกมันได้เห็น
เทพธิดาลงมายังแดนมนุษย์… ในวันถัดมา นางได้ถูกขนานนาม
ว่าเป็ นโฉมงามอันดับหนึ่งของทวีปปราณฟ้า มันเป็ น
ประวัติการณ์ และกระทัง่ บุคคลผูท้ ี่มีคุณสมบัติจะได้ถูกล่าวถึงใน
ตําแหน่งเดียวกับนางก็ไม่มีอยู”่
“สิ บสามปี งั้นรึ ? งดงามที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า?”
“ใช่ ครานั้นเจ้าหญิงหิ มะเพียงอายุได้สิบสามเท่านั้น ทว่า
ยามนี้นางอายุได้สิบหกในปี นี้ แน่นอนว่าความงดงามของนาง
ต้องเพิ่มพูนเป็ นทบทวีแน่ น่าเสี ยดาย นับตั้งแต่นางอายุสิบสาม
นางไม่เคยออกมาพบผูใ้ ดเลย ไม่ใครรู ้วา่ ยามนี้นางงดงามเท่าใด
แล้ว” ฮวาหมิงไห่กล่าวด้วยใบหน้าโหยหา
“เจ้าเคยเห็นนางเมื่อสามปี ก่อน?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ไม่ ข้าแค่ได้ฟังมาจากผูอ้ ื่น…”
หยุนเช่อแสยะยิม้ “เช่นนั้นเจ้าจะรู ้ได้เช่นไรว่านางงดงาม
ดังที่กล่าว? สําหรับสตรี หากเจ้ากําลังพูดถึงสตรี อายุสิบสาม นาง
ยังไม่ได้เติบโต ไม่แม้แต่เบ่งบาน นางจะงดงามได้เพียงใด?” เมื่อ
หยุนเช่อกล่าวถึงตรงนี้กห็ ยุดไป เพราะมันกําลังนึกถึงจัสมิน…
คราแรกที่มนั เจอจัสมิน นางเพียงอายุได้สิบสามเท่านั้น ความตก
ตะลึงยามมองเห็นจัสมินยามที่นางอายุสิบสามปี ยังเหนือกว่ายาม
ชายหนุ่มพบเซี่ยฉิ งเยว่ครั้งแรกเสี ยอีก...
ทว่าจัสมินนั้นแตกต่างออกไปจากสามัญสํานึกของโลกนี้
อย่างสิ้ นเชิงซึ่งไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้ แล้วผูท้ ี่ถูก
เรี ยกว่า “เจ้าหญิงหิมะ” จะงดงามได้ดงั่ นางงั้นหรื อ?
มีหิมะร่ วงโรยลงมาจากท้องฟ้า นัน่ เป็ นเรื่ องเหลวไหลยิง่
กว่า นครวิหคเทวะนั้นเป็ นหน้าร้อนตลอดปี เช่นนั้นหิ มะนี่มาจาก
ที่ใดกัน? ข้าขอเดาเลยว่าฉายาโฉมงามอันดับหนึ่งและเจ้าหิ มะที่
ต้องมานี้ท้ งั หมดจะต้องเป็ นการจัดฉากเพื่อสร้างชื่อเสี ยงของ
พรรคเทพหงสา
“แต่ทุกคนพูดออกมาเช่นนั้น…”
“ข้าเพียงแค่เชื่อสิ่ งที่ขา้ ได้เห็นเองกับตา ไม่ใช่สิ่งที่ขา้ ได้ฟัง
มา” หยุนเช่อเอ่ยอย่างเนิบช้า “ถ้าเจ้าพูดถึงโฉมงามอันดับหนึ่งใน
โลกหล้านี้ ข้าคิดว่ามีเพียงภรรยาข้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับฉายา
นี้… ใครบ้างล่ะจะไม่รู้วธิ ีประกาศตนเองแบบนั้น?”
“หึ …” ฮวาหมิงไห่พน่ ลมหายใจเสี ยงเบา จากนั้นจึงกล่าว
“ข้าได้ยนิ มาว่าในงานประลองจัดอันดับยุทธเจ็ดอาณาจักร องค์
หญิงหิ มะจะทรงปรากฏตัว ในยามนั้น ข้าย่อมจะต้องเข้าไปปะปน
กับฝูงชนและตรวจสอบดูวา่ เจ้าหญิงหิ มะมีหน้าตาเป็ นไรอย่าง
แน่นอน เจ้าสนใจหรื อไม่?”
“ไม่น่าสนใจ”
“........”
ในขอบซอกหลืบมุมหนึ่งของนครวิหคเทวะ ฮวาหมิงไห่
ย่างก้าวมาหยุดลงตรงที่หน้าบ้านหลังเล็กที่ดูคล้ายถูกทิ้งร้างหลัง
หนึ่ง มันกลั้นลมหายใจ เร่ งสํารวจโดยรอบและกระซิบ “ที่นี่
แหละ… ตามข้าเข้ามา”
ประตูถูกเปิ ดออกและกลิ่นยาอันหนาแน่นก็ลอยฟุ้งออกมา
ที่แห่งนี้เห็นได้ชดั เลยว่าเป็ นสถานที่พกั ชัว่ คราว การตกแต่งของ
มันช่างเรี ยบง่ายยิง่ ผลึกสี ม่วงที่อยูบ่ นเตียงหลังเล็ก มีประกายแสง
สี ม่วงไหววูบ แสงผลึกสี ม่วงเหล่านี้ดูลึกลํ้าและเป็ นภาพมายา
และที่ทอดกายนอนอย่างสงบอยูบ่ นผลึกสี ม่วงนัน่ ก็คือสตรี ผมู ้ ี
ร่ างกายผ่ายผอม ครั้นเมื่อนางได้ยนิ เสี ยงประตูเปิ ดออก หญิงสาวก็
ขยับเขยื้อนและเอ่ยเสี ยงอันแผ่วเบากระนั้นก็ยงั มีความ
กระตือรื อร้นออกมา “สามี...ท่าน...กลับมา…”
เสี ยงนี้ทาํ ให้ฮวาหมิงไห่สน่ั ไปหมดทั้งตัว มันเร่ งรี บวิง่ อย่าง
รวดเร็ วโยนตัวเองลงตรงหน้าเตียงและกล่าวอย่างเปี่ ยมความรู ้สึก
“เสี่ ยวยา เจ้าตื่นแล้ว...เจ้ารู ้สึกเช่นไรบ้าง? เจ็บปวดมากหรื อไม่?”
หยุนเช่อก้าวเดินเข้ามาด้านในและยืนอยูห่ ลังฮวาหมิงไห่
มันมองไปยังใบหน้าของสตรี ผนู ้ ้ นั ...นางมีสภาพร่ างกายอ่อนแอ
มาก ใบหน้านางไร้ซ่ ึงสี สนั ตาของนางปิ ดลงครึ่ งหนึ่ง และสายตา
ดัง่ หมอก...สายตาเช่นนี้เป็ นสายตาที่มิอาจมองเห็นสิ่ งใดได้
สิ่ งที่เห็นได้ชดั ที่สุดบนหน้าของนางนั้นอยูท่ ี่หน้าผาก...ตรง
นั้นมีตราประทับสี ดาํ ฟ้าปรากฎอยูอ่ ย่างชัดเจน
ยามได้เห็นสี ดาํ ฟ้านี้คิ้วของหยุนเช่อขมวดเล็กน้อย
“ไม่เป็ นไร...ข้าเพียงแค่ตื่นขึ้นมา...รู ้สึก...ดีข้ ึนมากแล้ว…”
นางพยายามยิม้ ให้ดีที่สุด ในยามนี้ในที่สุดดวงตาของนางก็
สามารถจับภาพเงาของผูอ้ ื่นได้อย่างพร่ าเลือน นางกล่าวอย่าง
นุ่มนวล “สามี...เรามี...แขกงั้นหรื อ?”
ไม่ตอ้ งรอให้ฮวาหมิงไห่กล่าวหยุนเช่อได้กล่าวออกมาก่อน
“สวัสดี...ข้าชื่อหลิงหยุนเป็ นสหายของฮวาหมิงไห่”
“สหาย…”
คําที่ตามมาของหยุนเช่อทําให้ดวงตาของนางเกิดประกาย
แปลกประหลาด นางกล่าวถามอย่างอย่างสนใจจดจ่อ “เจ้าคือ
เพื่อนของสามีขา้ จริ งหรื อ? สามี...เขาเป็ น...เพือ่ นท่านจริ งหรื อ?”
หยุนเช่อชะงักไปเล็กน้อย ทว่าฮวาหมิงไห่รู้วา่ ทําไมนางถึง
ดีใจนัก มันพยักหน้าอย่างแรง “อืม! เสี่ ยวยา เขาคือสหายที่ขา้ ได้
พบจากข้างนอก...หากเขามิใช่สหายข้า เช่นนั้นแล้วเขาจะรู ้วา่ ข้า
ชื่อฮวาหมิงไห่ได้อย่างไร”
“สหาย...สหายของสามี…” หญิงสาวหัวร่ อ รอยยิม้ ของนาง
ช่างซีดเผือดกระนั้นก็ยงั ดูสุขสันต์ นางทวนคําเสี ยงค่อย “สามีมี
สหายผูห้ นึ่งแล้ว... สามีมีสหายผูห้ นึ่งแล้วจริ ง ๆ…”
“...” หยุนเช่อลอบปล่อยลมหายใจ และก้าวออกมาข้างหน้า
หนึ่งก้าว “ไม่เพียงแต่ขา้ จะเป็ นสหายของไห่นอ้ ย ข้ายังเป็ นหมอ
อีกด้วย เหตุผลที่ขา้ มาที่นี่กบั ไห่นอ้ ยก็เพือ่ ดูวา่ ข้าสามารถรักษา
อาการป่ วยของเจ้าได้หรื อไม่...ไห่นอ้ ย หลบออกไปก่อน ให้ขา้ ดู
อาการของนาง”
หลังจากได้ยนิ เช่นนั้น ฮวาหมิงไห่รีบก้าวหลบไปด้านข้าง
ดวงตาทั้งคู่ของมันจ้องตรงมาที่หยุนเช่อ “พี่ใหญ่! ได้โปรดใช้
พลังทั้งหมดของท่านช่วยเสี่ ยวยาด้วย ถ้าท่านสามารถช่วยนางได้
จริ ง ๆ...”
ต่อหน้าของเสี่ ยวยา ฮวาหมิงไห่ไม่สามารถพูดคําต่อไป
ออกมาได้ แม้นว่ามันจะอาวุโสกว่าหยุนเช่ออย่างน้อยก็ร่วมสิ บปี
คําว่า “พี่ใหญ่” ยังได้ออกมาจากจิตวิญญาณของมัน ถ้าหยุนเช่อ
สามารถช่วยชีวติ นางได้ อย่าว่าแต่ “พี่ใหญ่” แม้จะให้มนั เรี ยกชาย
หนุ่มว่า “ท่านปู่ ” ไปชัว่ ชีวติ มันก็จะขอยอมรับอย่างเต็มใจ และ
มันก็ได้รู้สึกขอบคุณหยุนเช่อมากแล้วที่ยอมมาที่นี่กบั มัน
“แน่นอน ข้าจะทําให้ดีที่สุด” หยุนเช่อเอ่ยอย่างสงบ จากนั้น
มันจึงเดินไปอยูต่ รงข้างเตียงขณะที่สายตาของมันมองตกลงไปยัง
หน้าผากของหญิงสาว… ประจักษ์เห็นได้วา่ ตรงหว่างคิ้วของนาง
คือพิษเย็นสี น้ าํ เงินเข้มที่แพร่ กระจายอยูใ่ นร่ างของนาง มัน
เกือบจะลามมาถึงสมองของนางอยูแ่ ล้ว
ผลึกสี ม่วงทั้งหมดที่นางมีน้ นั มิอาจประเมินค่าได้ เพราะ
หนึ่งในนั้นคือลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วง! ร่ างกายของนางทรุ ดโทร
มอย่า่ งหนัก และเหตุผลหลักที่นางยังมีชีวติ อยูผ่ า่ นมานานหลายปี
ภายใต้การคุกคามของพิษเย็นเช่นนี้เป็ นเพราะครึ่ งหนึ่งของ
ร่ างกายนางหลอมรวมกับผลึกสวรรค์ชีพจรม่วง
“ข้าชื่อ...หรู เสี่ ยวยา ข้าสามารถเรี ยกเจ้าว่าพี่ใหญ่ได้
หรื อไม่?” เมื่อหยุนเช่อมองไปที่นาง นางก็ถามด้วยนํ้าเสี ยงอ่อน
แรง
“...อืม” หยุนเช่อพยักหน้าตอบรับ
“ขอบคุณ...พี่ใหญ่…”
“เจ้าขอบคุณข้าเพราะเหตุใด?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ขอบคุณนะ… ที่มาเป็ นสหายของไห่นอ้ ย” หรู เสี่ ยวยาเอ่ย
ขอบคุณอย่างซื่อตรง “ในหลายปี มานี้...เพื่อยืดชีวติ ของข้า...สามี
ไม่ลงั เลเลยที่จะทอดทิ้งคําสอนประจําตระกูลที่วา่ ปล้นคนรวย
เพื่อช่วยผูย้ ากจน… และตระเวนไปทุกหนทุกแห่งเพื่อขโมยยา
และลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงมามากมาย… เพราะข้า… เขาจึงไม่มี
มิตรสหายเลย...และยังไม่สามารถ...มีสหายได้…”
“ข้าไม่อยากเป็ นภาระของเขาแม้แต่นอ้ ย...ทว่าว่าข้าก็ยงั ไม่
อยากตาย...เพราะถ้าข้าตาย...สามีจะโดดเดี่ยวอย่างแท้จริ ง...ใน
ที่สุดเขา...ก็มี...พี่ใหญ่...คนหนึ่งแล้ว...ประเสริ ฐ…”
เสี ยงของหรู เสี่ ยวยาเบาลงเรื่ อย ๆ จนกระทัง่ ท้ายที่สุดนางก็
หมดสติไป นางอ่อนแอเกินไป และการเอื้อนเอ่ยถ้อยคําออกมา
มากมายย่อมเผาผลาญพลังของนางไปเป็ นจํานวนมาก
บทที่ 411 บุญคุณอันยิง่ ใหญ่

“นางหมดสติไปแล้ว” หยุนเช่อกล่าว
ฮวาหมิงไห่ทว่ั ร่ างสัน่ สะท้านขณะที่มนั ขบกัดฟัน ใช้กาํ ลัง
ทั้งหมดเพือ่ ยับยั้งมิให้น้ าํ ตาหลัง่ ไหลออกมา มันหันหลังกลับด้วย
มือทั้งสองที่กมุ อยูบ่ นศีรษะและเอ่ยอย่างน่าเวทนา “ข้ารู ้วา่ นาง
ช่างน่าเวทนาเพียงใดในหลาย ๆ ปี มานี้ สําหรับนาง การตาย
แท้จริ งแล้วถือได้วา่ เป็ นการเป็ นอิสระ...ทว่า… ทว่าจะให้ขา้ ดูนาง
จากไปโดยมิทาํ สิ่ งใดเลยได้อย่างไร…”
“นี่เป็ นการตัดสิ นใจอันโหดร้ายที่เจ้าไม่มีทางเลือก ไม่วา่ เจ้า
จะเลือกสิ่ งใดมันย่อมมีท้ งั ถูกและผิด...โดยไร้ซ่ ึงประสบการณ์ซ่ ึง
ความรู ้สึกเช่นนี้ดว้ ยตนเองมาก่อนย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจ” หยุ
นเช่อถอนหายใจ จากนั้นจึงเปลี่ยนนํ้าเสี ยง “อย่างไรก็ดี เพราะเจ้า
ได้พบกับข้า ทางเลือกและความบากบัน่ ของเจ้าจึงเป็ นสิ่ งที่
ถูกต้อง”
“หะ!?” ฮวาหมิงไห่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มในทันใด
หยุนเช่อหันกลับมามองตรงเข้าไปในตาของอีกฝ่ าย “ข้า
เพียงเคยเห็นอาการป่ วยของภรรยาเจ้ามาก่อนบ้าง และเข้าก็เข้าใจ
มันไม่มากก็นอ้ ย ออกไปคุม้ กันที่ดา้ นนอก อย่าปล่อยให้ใครเข้า
มาได้ นอกจากจะได้รับคําอนุญาตจากข้า เจ้าไม่สามารถเข้ามาได้
เจ้าควรจะรู ้วา่ ยิง่ คนป่ วยตกอยูใ่ นสภาวะอันตรายมากเท่าใด มันยิง่
มีเหตุผลที่ในระหว่างรับการรักษาจะยิง่ ต้องไม่ถูกรบกวนมาก
เท่านั้น”
เห็นทีท่าอันไม่ปิดบังของหยุนเช่อ ฮวาหมิงไห่วา่ ขึ้นอย่าง
เริ งรื่ น “เป็ น… เป็ นไปได้ไหมว่าท่านมีทาง… รักษาเสี่ ยวยา…
ท่านมีทางรักษาช่วยเสี่ ยวยาจริ ง ๆ ใช่ไหม!?”
“ข้าไม่สามารถพูดยืนยันได้” หยุนเช่อมองมาที่มนั : “ถ้าเจ้า
สามารถหายตัวจากสายตาข้าได้เดี๋ยวนี้ โอกาสสําเร็ จจะเพิ่มขึ้น
เป็ นร้อยละเก้าสิ บเก้า
ฟี้ ว! ปัง!
สายลมกรรโชกพุง่ วาบผ่านดวงตาของหยุนเช่อ และฮวา
หมิงไห่ได้หายไปจากครรลองจักษุของมันพร้อมกับเสี ยงประตูที่
ถูกปิ ดลงอย่างเร่ งรี บด้วยเสี ยงดังก้อง
ความเร็ วที่ตกตะลึงโลกหล้านี่ สร้างเสี ยงราวกับเสี ยงกรี ด
ร้องของภูตพรายและทําให้หยุนเช่อชะงักชะงันไปอยูเ่ ป็ นนาน
กว่าจะฟื้ นคืนสติกลับมาได้
เจ้าคนผูน้ ้ ีมนั ฝึ กเคล็ดวิชาตัวเบาแบบใดกัน!?
พลังปราณของมันจะมากจะน้อยก็อยูท่ ี่ช้ นั ปราณขั้นสู ง
กระนั้นเคล็ดวิชาตัวเบาของมันกลับอยูใ่ นขอบเขตที่น่ากลัวถึง
เพียงนี้!
เหตุผลที่หยุนเช่อไล่ฮวาหมิงไห่ออกไปข้างนอกนั้นชัดเจน
ว่ามิใช่เพราะกลัวว่าจะถูกรบกวน แต่เป็ นเพราะชายหนุ่มกลัวว่า
มันจะถูกเห็นวิธีที่ตนเองใช้รักษาเสี ยวยาต่างหาก ทั้งนี้หากมันจะ
สลายพิษออกไปในเวลาที่ส้ นั ที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ มัน
จําเป็ นต้องใช้ไข่มุกพิษสวรรค์ ถ้าไม่ใช้ไข่มุกพิษสวรรค์ หยุนเช่อ
จะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปอีกนับสิ บล้านเท่าเพื่อสลายพิษ
เย็น… ด้วยพิษเย็นนั้นได้คงอยูม่ าเนินนานถึงห้าปี และผสานเข้า
ไปกับเลือดและเส้นชีพจรทางผ่านลมปราณทัว่ ร่ างของนาง ไม่
เพียงแต่มนั จะแสนยากเย็นที่จะสลายมันออกไปได้หมด มันยัง
ควบคู่มาด้วยความเสี่ ยงอันสู งลิบ
นอกจากต้องพิษ นางยังได้รับบาดเจ็บภายใจอย่างสาหัส…
เนื่องด้วยการคงอยูข่ องพิษเย็น ไม่เพียงอาการบาดเจ็บภายในนี้จะ
ไม่ถูกเยีย่ วยา มันยังยิง่ จะยํา่ แย่ลงไปทุกวัน ๆ สําหรับหยุนเช่อแล้ว
อาการบาดเจ็บภายในของนางนั้นเป็ นปัญหาเสี ยยิง่ กว่าพิษเย็นซะ
อีก
หยุนเช่อยืน่ มือซ้ายออกไปยังเตียงของหรู เสี่ ยวยาที่อยูเ่ บื้อง
หน้า วางทาบลงไปยังอกของนาง รัศมีสีเขียวของไข่มุกพิษ
สวรรรค์ส่องประกายขึ้นมาช้า ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ แผ่ขยาย
ครอบคลุมไปทัว่ ทั้งร่ างของนาง ภายใต้พลังของไข่มุกพิษสวรรค์
พิษเย็นที่กดั กินร่ างของนางมาเป็ นเวลาห้าปี เต็มถูกสลายออกไป
อย่างรวดเร็ วโดยไม่มีการต่อต้านใด ๆ
ราวกับหนูติดจัน่ ฮวาหมิงไห่เดินไปเดินมาอยูข่ า้ งนอก ทว่า
ไม่กล้าทําให้เกิดเสี ยงฝี เท้าใด ๆ(สกิลตีนแมวใช้ได้ All the time.
มันคือ windwalk)
สายลมหนาวยามราตรี พดั ผ่านมา บางสิ่ งพลันกระจ่างขึ้น
ในใจของฮวาหมิงไห่ โดยปกติมนั จะเป็ นคนที่ระมัดระวังตัวอย่าง
ถึงที่สุดอยูเ่ สมอ มิเช่นนั้น มันคงมิอาจรักษาชีวติ ของหรู เสี่ ยวยามา
ได้ถึงเดี๋ยวนี้ กระนั้นในวันนี้ มันกลับนําคนที่เพียงได้พบกันเป็ น
ครั้งมายังที่ซ่อนตัวในปัจจุบนั และยังกระทัง่ ปล่อยให้มนั เข้าใกล้
ตัวหรู เสี่ ยวยาเพียงลําพัง ยามนี้เมื่อมันคิดถึงเรื่ องนั้น มันก็รู้สึก
พิกลใจ… บางทีคงเป็ นเพราะกลิ่นอายอันลึกลับจากร่ างของหยุ
นเช่อที่ทาํ ให้ส่วนลึกในใจของมันบังเกิดความหวังอันมิอาจ
พรรณนาขึ้น
ครึ่ งชัว่ ยามข้ามผ่านไปโดยไม่มีสุ่มเสี ยงใดเล็ดรอดออกมาก
จากภายในบ้าน นี่ทาํ ให้ฮวาหมิงไห่รู้สึกลังเลเป็ นอย่างยิง่ มัน
อยากจะดึงประตูเปิ ดออกมาอยูห่ ลายครั้งหลายครา ทว่าทุกครั้ง
มันจะรู ้สึกว่าตัวมันควรยั้งตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด ในเวลานี้เองที่
นํ้าเสี ยงอันไม่หนักไม่เบาของหยุนเช่อได้ดงั ออกมาจากภายใจ
“เข้ามา”
ราวกับอัสนีบาต ฮวาหมิงไห่กระชากเปิ ดประตูแล้วพุง่
พรวดเข้าไปข้างใน มันแลเห็นว่าส่ วนผสมยาในห้องไร้ซ่ ึงการ
เปลี่ยนแปลง หรู เสี่ ยวยายังคงนอนอยูก่ บั ที่ นางไม่กระทัง่ มีการ
เคลื่อนไหว มันเร่ งรี บก้าวตรงเข้าไปและเอ่ยอย่างร่ นร้อน “เสี่ ยว
ยาเป็ นอย่างไรบ้าง…?”
ไวเท่าที่มนั เอ่ยออกมาเช่นนั้น ดวงตาของมันพลันเบิก
ขยาย… ด้วยมันตะลึงที่เห็นว่ารอยสี น้ าํ เงินเข้มบนหน้าผากของ
หรู เสี่ ยวยาได้หายไปหมดสิ้ นแล้ว
ฮวาหมิงไห่ท้ งั ร่ างสัน่ สะท้านด้วยความตื่นเต้น มันยืน่ มือ
ออกไปวางทาบลงบนอกของหรู เสี่ ยวยา และตรวจสอบอย่าง
ระมัดระวังด้วยพลังปราณของมัน… มันไม่อาจสัมผัสถึงร่ องรอย
ของพิษเย็นแม้แต่นอ้ ยได้ในที่ใดอีกแล้ว…ไม่พบแม้กระทัง่ เศษ
เสี้ ยว
“พิษเย็นในร่ างของนางถูกสลายออกไปหมดแล้ว” หยุนเช่อ
เอ่ย มันจะเป็ นได้อย่างไรที่ไข่มุกพิษสวรรค์จะใช้เวลานับครึ่ งชัว่
ยามเพือ่ สลายพิษเย็นในร่ างของหรู เสี่ ยวยา? อย่างไรก็ตาม ถ้า
จัดการมันได้เร็ วเกิน มันย่อมไม่อาจเลี่ยงการพบกับความตะลึง
อย่างเกินเหตุ เช่นนั้นหยุนเช่อนึงนัง่ รออยูส่ กั พัก ยื้อเวลามาถึงกว่า
ครึ่ งชัว่ ยาม
ฮวาหมิงไห่ตวั สัน่ อย่างไม่อาจควบคุม มันทั้งสองถูก
ทรมานโดยพิษเย็นนี่มานานถึงห้าปี พิษนี่มนั คือฝันร้ายอันแสนน่า
สะพรึ งที่สุดของพวกมัน และพวกมันรู ้ดียงิ่ กว่าใครถึงความน่า
หวาดหวัน่ ของพิษเย็นนี้ รู ้ดีจนถึงกระทัง่ ถอดใจไปนานแล้วที่จะ
หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะสามารถรักษาพิษนี้ได้ เมื่อฮวาหมิงไห่พา
หยุนเช่อมา มันเองก็มิได้มีความหวังมากไปว่าจะมีปาฏิหารย์
เกิดขึ้น มันก็แค่ไม่อยากทอดทิ้งเศษเสี้ ยวแห่งความหวังชิ้นสุดท้าย
ไปก็เท่านั้น… มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าปาฏิหารย์จะบังเกิดและ
ปรากฏขึ้นจริ ง ๆ ตรงหน้าของมัน
“เสี่ ยวยา...เสี่ ยวยา…” ฮวาหมิงไห่จบั มือหรู เสี่ ยวยาไว้และ
ตื้นตันใจจนถึงกับพูดติด ๆ ขัด ๆ “เจ้าได้ยนิ ไหม...พิษของเจ้า
หายไปแล้ว...หายไปหมดสิ้ นแล้ว...เสี่ ยวยา...เจ้าได้ยนิ ไหม…”
“เอาล่ะ อย่ารบกวนนางเลย ออกมาข้างนอกกัน” หยุนเช่อ
เอ่ย “แม้นว่าพิษเย็นจะถูกสลายไปแล้ว แต่เนื่องด้วยถูกพิษเย็นกัด
กินมาตลอดห้าปี พลังปราณของนางจึงสูญสลายไปสิ้ น อวัยวะ
ภายในของนางเองยังได้รับผลกระทบหนักหนา หากมิใช่เพราะมี
ผลึกสวรรค์ชีพจรม่วงจํานวนมากค่อยล่อเลี้ยงรักษาอยูม่ าตลอด
หลายปี นี้ นางคงจะต้องตกตายไปอย่างเป็ นแน่แท้เมื่อพิษเย็นถูก
สลายไป ยามนี้ นางยังไม่พน้ จากสภาวะอันตรายดี เพื่อให้ได้พกั
ฟื้ นกลับมาอย่างสมบูรณ์ นางจําเป็ นต้องใช้เวลานานมากทีเดียว
สิ่ งที่นางต้องการในยามนี้คือการพักผ่อนอย่างเพียงพอ”
ฮวาหมิงไห่พลันควบคุมดึงตัวเองกลับมาจากการพูดคุย
ขณะที่มนั ได้จดั ที่นอนและผ้าห่มของหรู เสี่ ยวยาให้เรี ยบร้อย
จากนั้น มันจึงตามหยุนเช่อออกมาด้วยฝี เท้าแผ่วเบา
หยุนเช่อนําเอาขวดใบเล็กใบหนึ่งออกมายืน่ ไปให้ฮวาหมิง
ไห่ ภายในขวดบรรจุของเหลวสี แดงสดจํานวนเล็กน้อยไว้ “นี่คือ
โลหิ ตมังกรแท้จริ งชั้นปราณจักรพรรดิธาตุไฟ มันสามารถขจัด
พลังเย็นที่อยูเ่ ต็มไปหมดภายในร่ างของนางระหว่างหลายปี นี้ได้
และยังสามารถฟื้ นฟูพลังชีวติ ของนางได้อีกด้วย มีโลหิ ตมังกรอยู่
ในนี้ท้ งั หมดสิ บหยด เจ้าต้องหยดหนึ่งหยดลงไปในนํ้าสามลิตร
จากนั้นจึงป้อนให้นางสามหยดทุก ๆ วันเริ่ มนับตั้งแต่พรุ่ งนี้ ทุก ๆ
ครั้งที่ผา่ นไปครบเดือน เจ้าจะต้องหยดโลหิ ตเพิ่มลงไปอีกหนึ่ง
หยด… จําเอาไว้ เจ้าต้องไม่หยดเพิ่มไปมากกว่านั้น มิเช่นนั้น
ร่ างกายของภรรยาเจ้าจะรับมันไม่ไหว”
แม้วา่ มันจะถูกบรรจุไว้ในขวดหยก ด้วยประสาทสัมผัสอัน
ยอดเยีย่ มของฮวาหมิงไห่ กลิ่นอายมังกรบริ สุทธิ์ยอ่ มสามารถรับรู ้
ได้อย่างชัดเจน มันยังรู ้ดว้ ยว่าสําหรับร่ างกายอันอ่อนแอของหรู
เสี่ ยวยาที่เต็มไปด้วยพลังเย็นแล้ว โลหิ ตมังกรที่แท้จริ งทั้งยังเป็ น
โลหิ ตมังกรปราณจักรพรรดิธาตุไฟนัน่ ย่อมไม่ต่างอันใดจาก
โอสถสวรรค์
ฮวาหมิงไห่รับโลหิ ตมังกรมาและตื้นตันใจจนมิอาจเอ่ยสิ่ ง
ใดออกมาได้
“เจ้าดูแลภรรยาเจ้ามากว่าห้าปี ดังนั้นเจ้าจึงควรจะรู ้ดีวา่ ควร
ค่อย ๆ รักษาอาการบาดเจ็บภายในและฟื้ นฟูพลังชีวติ ของนาง
กลับมา มันไม่จาํ เป็ นที่ขา้ จะต้องพูดพรํ่ามากไป ทว่าข้ามีสิ่งหนึ่งที่
จะต้องเตือนเจ้าไว้ ในระหว่างสามเดือนนี้ เจ้าห้ามพานางออกจาก
ผลึกสวรรค์ชีพจรม่วงโดยเด็ดขาด พลังชีวติ ของนางนั้นลดตํ่าลง
อยูท่ ุกชัว่ ขณะ ฉะนั้นแล้วหากนางออกจาะผลึกสวรรค์ชีพจรม่วง
ไป ทุกความผิดพลาดสามารถพรากชีวติ ของนางไปได้ท้ งั สิ้น” หยุ
นเช่อเอ่ยอย่างจริ งจัง การช่วยเหลือชีวติ และรักษาอาการเจ็บไข้...
นัน่ คือสิ่ งที่ชายหนุ่มมักทําอยูเ่ สมอเมื่อก่อนนั้น และมันก็เคยมี
ความสุ ขกับมันอยูเ่ สมอ ทว่าในเวลานี้ มันไม่มีความรู ้สึกเช่นนั้น
อีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อให้เทียบระหว่างจํานวนคนที่มนั เคย
สังหารกับจํานวนคนที่มนั เคยช่วยเหลือไว้ จํานวนคนที่มนั เคย
ช่วยเหลือไว้...ช่างถูกทิ้งไปห่างไกลเหลือเกิน
“ขอบคุณ...ท่านผูม้ ีพระคุณ!” ฮวาหมิงไห่โพล่งออกมาด้วย
ความรู ้สึก จากนั้นจึงพลันคุกเข่าลง...การคุกเข่าลงครานี้หนัก
หน่วงยิง่ กว่าคราก่อน การคุกเข่าเมื่อคราก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วย
ความไม่เต็มใจอย่างไร้ท่ีสิ้นสุ ด ทว่าการคุกเข่าในครานี้น้ นั เต็มไป
ด้วยความเต็มใจอย่างเปี่ ยมล้น “ข้า ฮวาหมิงไห่จะจดจําบุญคุณอัน
ยิง่ ใหญ่น้ ีของท่านไว้ชว่ั ชีวติ ข้าขอถามนามอันยิง่ ใหญ่ของท่านได้
หรื อไม่? ข้า ฮวาหมิงไห่จะต้องใช้กาํ ลังทั้งหมดตอบแทนท่าน
อย่างแน่นอน”
“ไม่จาํ เป็ น ข้าเพียงทําตามหน้าที่ของแพทย์ตามโอกาส” หยุ
นเช่อกล่าวพลางถอนหายใจน้อย ๆ “สําหรับชื่อของข้า...ข้าได้
บอกเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วว่าชื่อของข้าคือ หลิงหยุน”
กับชื่อนี้ ฮวาหมิงไห่ไม่มีท่าทีใด ๆ กลับกัน มันกลับถาม
“เป็ นไปได้หรื อไม่วา่ นามที่แท้จริ งของผูม้ ีพระคุณคือ...หยุนเช่อ?”
“...” คิ้วของหยุนเช่อขมวดแน่น… ระยําเถอะ! นี่มนั อะไร
กัน? ข้าเพียงประกาศชื่อของข้าออกไปสองครา และข้าบอกว่าข้า
ชื่อ “หลิงหยุน” ไปทั้งสองครั้ง กระนั้นอีกฝ่ ายก็ยงั เรี ยกชื่อจริ ง
ของข้าออกมา… เป็ นไปได้ไหมว่าชื่อของข้าได้แพร่ สะพัดไปจน
คนทั้งนครวิหคเทวะรู ้จกั ข้าหมดแล้ว?
ครั้นเห็นว่าหยุนเช่อมิได้กล่าวสิ่ งใดออกมาเป็ นนาน ฮวา
หมิงไห่จึงรู ้ได้วา่ การคาดเดาของตนนั้นถูกแล้ว มันรี บเอ่ยต่อโดย
ไว “เมื่อข้าได้รอบเร้นเข้าไปในพรรคเทพหงสา ข้าเพียงได้ยนิ
นามของ ‘หยุนเช่อ’ มาโดยบังเอิญ และพวกมันพูดกันว่า ‘หยุ
นเช่อ’ นั้นมาจากอาณาจักรวายุคราม เขามิได้เป็ นคนของพรรค
เทพหงสา กระนั้นก็ยงั ครอบครองสายเลือดของเทพหงสา ท่านผู ้
มีพระคุณมากจากอาณาจักรวายุคราและสามารถใช้เพลิงเทพหง
สาได้… เช่นนั้นข้าจึงคิดมาตลอดว่าท่านผูม้ ีพระคุณคือ ‘หยุนเช่อ’
ผูน้ ้ ี
นั้นเองคือเหตุผล… หยุนเช่อวางใจในที่สุด มันไม่ชดั เจนว่า
ชื่อ ‘หยุนเช่อ’ นั้นไม่ได้สลักสําคัญอันใด แต่สิ่งที่ทุกคนให้ความ
สนใจก็คือ “คนนอกพรรคเทพหงสาคนหนึ่งที่ครอบครอง
สายเลือดเทพหงสา”
“ถูกแล้ว ข้าคือหยุนเช่อที่เจ้าพูดถึง ข้ามายังนครวิหคเทวะ
ครั้งนี้เพื่อสะสางเรื่ องกับพรรคเทพหงสา นั้นคือสาเหตุวา่ เหตุใด
ข้าจึงไม่ยอมมอบทานตะวันหงสาให้เจ้าเช่นกัน” หยุนเช่อมองไป
ยังท้องฟ้ายามราตรี จากนั้นจึงช่วยพยุงฮวาหมิงไห่ข้ ึนมา “เอาล่ะ
กลับไปดูแลภรรยาเจ้าซะ เจ้าไม่ตอ้ งคิดเกี่ยวกับเรื่ องที่จะขอบคุณ
ข้า หลังจากนางฟื้ นตัวแล้ว เจ้าควรพานางไปให้ไกลจากนครวิหค
เทวะและไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า”
ฮวาหมิงไห่เอ่ยอย่างลังเล “แม้ขา้ จะเป็ นโจร ข้ายังไม่เคยลืม
วิธีตอบแทนหนี้บุญคุณคน ข้าเคยพูดไว้ก่อนแล้ว ตราบเท่าที่ท่าน
สามารถช่วยชีวติ ภรรยาข้าได้ ชีวติ ของข้าคือของท่าน จากนี้เป็ น
ต้นไป หากท่านผูม้ ีพระคุณต้องการให้ขา้ กระทําสิ่ งใด อย่าลังเลที่
จะเอ่ยออกมา แม้นมันจะแสนอันตราย ข้าก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว
ให้เห็น! ถ้าท่านผูม้ ีพระคุณต้องการสิ่ งได้...แม้นมันจะเป็ นของที่
อยูใ่ นแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็ยงั เต็มใจที่จะบุกไปเพือ่ ท่านผูม้ ีพระคุณ”
คําสุ ดท้ายของฮวาหมิงไห่แกว่งหัวใจของหยุนเช่อ ชาย
หนุ่มปิ ดริ มฝี ปากออก ทว่าก่อนที่มนั จะได้กล่าวสิ่ งใด มันกลิ่นคํา
เหล่านั้นลงไป...ในนครวิหคเทวะ สิ่ งที่ชายหนุ่มประสงค์ตอ้ งการ
ที่สุดอย่างไม่ตอ้ งสงสัยย่อมเป็ น 《ท่วงทํานองแห่งเทพหง
สา》 ของพรรคเทพหงสา ถ้ามันสามารถเอาเคล็ดวิชาชั้น
รากฐานและสี่ ข้ นั แรกของ 《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 มา
ได้ มันย่อมสามารถสําเร็ จและเข้าใจปราณเทพหงสาได้อย่าง
สมบูรณ์
ทว่า 《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 คือวิชาหลักของ
พรรคเทพหงสา มันยังเป็ นเพราะ 《ท่วงทํานองแห่งเทพหง
สา》 อีกด้วยที่ทาํ ให้พรรคเทพหงสากลายเป็ นพรรคอันดับหนึ่ง
ของทวีปปราณฟ้า การป้องกันของพรรคเทพหงสาที่มีต่อ
《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 ย่อมแน่นหนาอย่างถึงที่สุด…
ทั้งนี้ท้ งั นั้น กับ 《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 ของพรรคเทพ
หงสา สิ่ งของธรรมดาสามัญย่อมมิอาจเทียบเคียงกับมันได้อย่าง
แน่นอน
ชายหนุ่มเพียงเพิ่งจะสลายพิษเย็นจากหรู เสี่ ยวยาไป ถ้าฮวา
หมิงไห่แทรกซึ มเข้าไปในพรรคเทพหงสาเพราะมัน นั้นย่อมเป็ น
การทําร้ายคนทั้งคู่
เห็นสี หน้าลังเลอย่างชัดเจนบนใบหน้าของหยุนเช่อ
ประกอบกับท่าทีย้งั คําพูดกลับคืนของชายหนุ่ม ฮวาหมิงไห่เร่ ง
กล่าวออกมา “ท่านผูม้ ีพระคุณ มีสิ่งใดที่ท่านต้องการงั้นหรื อ?
อย่าลังเลที่จะขอออกมาเลย ข้าจะช่วยท่านเอามันอย่างแน่นอน...
หากข้ามิได้ตอบแทนบุญคุณนี้ ข้าย่อมมิอาจผ่อนคลายใด ๆ ได้
ทั้งสิ้ น”
หยุนเช่อครุ่ นคิดอยูช่ วั่ ครู่ จากนั้นจึงเอ่ย “เจ้าพอจะบอกข้า
ได้ไหมว่าเจ้าใช้เคล็ดวิชาตัวเบาอันใด?”
ฮวาหมิงไห่ชะงักไป จากนั้นจึงเอ่ยออกมาหลังจากลังเลไป
เล็กน้อย “มันคือเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดมาจากตระกูลฮวาของข้า —
— ‘อสนีบาตมายาไร้ขอบเขต’”
บทที่ 412 ถูกล่ า

“อสนีบาตมายาไร้ขอบเขต…..ทักษะการเคลื่อนไหวนี้
สามารถถ่ายทอดให้บุคคลอื่นได้หรื อไม่?” หยุนเช่อถามอย่าง
จริ งจัง
“อ้า….” ฮวาหมิงไห่สีหน้าแข็งทื่อไปชัว่ ขณะ จากนั้น มัน
สัน่ ศีรษะด้วยความหวาดกลัวและทรมาณใจ “ขออภัย ท่านผูม้ ี
พระคุณ ไม่วา่ ท่านต้องการให้ขา้ ทําอะไร ข้าล้วนไม่ลงั เลทั้งสิ้ น
ทว่าเรื่ องนี้….อสนีบาตมายาไร้ขอบเขตคือสมบัติของตระกูลข้าที่
ได้รับประทานมาจากสวรรค์ และข้อห้ามที่สาํ คัญที่สุดของเราคือ
ไม่สามารถบอกต่อสู่ ผอู ้ ื่นได้ ข้า…”
“ข้าเข้าใจ” หยุนเช่อพยักหน้า “เคล็ดกระบวนยุทธ์ของ
ตระกูลหนึ่งไม่พึงมีการเผยแพร่ ออกสู่ ภายนอก เป็ นข้าเองที่เสี ย
มารยาท เจ้าดูแลภรรยาของเจ้าเถอะ”
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ หยุนเช่อหันกายพร้อมก้าวเดิน
ออกไปอย่างช้าๆ
“ผูม้ ีพระคุณ…..ข้า…..” ฮวาหมิงไห่มองที่ดา้ นหลังที่จาก
ไปของหยุนเช่อ ชายหนุ่มกัดฟันแนบแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วย
ความละอายใจ….สิ่ งหยุนเช่อกระทําเพือ่ มันแน่นอนว่าเป็ น
พระคุณยิง่ ใหญ่เทียมฟ้า มันเองสามารถส่ งเสริ มความปรารถนา
เดียวของหยุนเช่อให้สาํ เร็ จอย่างง่ายดาย ทว่ามันกลับไม่สามารถ
กระทําได้....ฮวาหมิงไห่เป็ นบุรุษที่เกลียดการเป็ นหนี้บุญคุณต่อ
คนอื่น ยิง่ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงพระคุณยิง่ ใหญ่ถึงเพียงนี้ ความรู ้สึกนี้ทาํ
ให้หวั ใจของฮวาหมิงไห่รู้สึกเจ็บปวดจนแทบไม่อาจทานทนได้
“อย่าใส่ ใจเลย” หยุนเช่อส่ งคลื่นเสี ยงกลับไปทางด้านหลัง
“ยามนี้ ที่สมควรทําที่สุดคือทุ่มเทกายใจดูแลภรรยาของเจ้า อย่าได้
เสี ยสมาธิเพราะเรื่ องราวอันไร้สาระ การช่วยชีวติ คนผูห้ นึ่ง
สามารถนับได้วา่ เป็ นการปลดเปลื้องบาปเคราะห์ส่วนหนึ่งของข้า
หากเจ้าต้องการชดเชยข้าจริ งๆ เช่นนั้น จงทุ่มเทพยายามฟื้ นฟู
สภาพร่ างกายของภรรยาเจ้า อย่าให้การช่วยเหลือของข้าต้องเสี ย
เปล่า”
ขณะที่เสี ยงของหยุนเช่อเลือนหาย ร่ างของชายหนุ่มได้หาย
ลับไปกับความมืดแห่งราตรี กาล ฮวาหมิงไห่มองไปข้างหน้า มัน
ไม่ได้เอ่ยคําใดออกมาเป็ นระยะเวลานาน ด้วยใบหน้าที่ยงุ่ เหยิง
เกินบรรยาย ราวกับมันกําลังต่อสู ก้ บั บางสิ่ งบางอย่างอย่างดุเดือด
.......................................
“ข้าไม่คิดว่าเจ้า ผูท้ ี่เห็นชีวติ มนุษย์ดุจเศษหญ้า ผูท้ ี่ทาํ ลาย
ตระกูลทั้งตระกูลโดยไม่กระพริ บตา จะยินยอมสิ้ นเปลืองกําลัง
เรี่ ยวแรงช่วยเหลือผูค้ นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผูห้ นึ่งได้” จัสมินก
ล่าวด้วยนํ้าเสี ยงที่แตกต่างอย่างยิง่
“นี่พิสูจน์วา่ ข้ายังคงเป็ นคนดีใช่ไหม?”
“.....” จัสมินพ่นลมหายใจ
.............................
เมื่อถึงยามที่หยุนเช่อกลับถึงโรงเตี๊ยม ล้วนล่วงเลยถึงยาม
เที่ยงคืน ชายหนุ่มตรงกลับห้องพัก ขณะกําลังยืนอยูเ่ บื้องหน้า
ประตูหอ้ งและผลักเปิ ดประตู สองมือของหยุนเช่อพลันแข็งค้าง
หัวคิ้วสองข้างขมวดแนบแน่น ประสาทสัมผัสทุกส่ วนในร่ างกาย
ตึงเครี ยดขึ้นโดยฉับพลัน
เนื่องเพราะหยุนเช่อรู ้สึกอย่างชัดเจนว่ามีใครบางคนอยูใ่ น
ห้องของมัน!
บุคคลที่หลบซ่อนตัวอยูใ่ นห้องของชายหนุ่มเป็ น
ผูเ้ ชี่ยวชาญในด้านการซ่อนเร้นตัวต้น หากพึ่งเพียงด้วยพลังปราณ
ของมันมิใช่ดว้ ยจิตสัมผัส ย่อมเป็ นไปไม่ได้เลยที่หยุนเช่อจะ
ค้นพบตัวตนของอีกฝ่ าย… ครั้นเมื่อชายหนุ่มรับถึงการมีตวั ตน
ของบุคคลผูน้ ้ ี สัมผัสยะเยือกอันทําให้ขนลุกชันก็ตามมาทันควัน
ความรู ้สึกเช่นนี้บอกให้มนั รู ้ได้เลยว่าไม่เพียงแต่บุคคลที่อยู่
ภายในนั้นจะแข็งแกร่ งจนน่าครั่นคร้าม บุคคลผูน้ ้ ียงั หวังจะมา
สังหารมันอีกด้วย!
“เร็ วเข้า รี บหนี! มันเป็ นระดับแปดของชั้นปราณจักรพรรดิ!
มันสัมผัสถึงตัวเจ้าได้แล้ว!”
ด้วยเสี ยงร้องเตือนอย่างเร่ งร้อนของจัสมิน หยุนเช่อไม่
เสี ยเวลาหยุดคิดอีกต่อไป มันเร่ งใช้เทพดาราแยกเงาพุง่ ออกจาก
โรงเตี๊ยมแล้วถีบทะยานตัวออกไปโดยไว
ประตูและผนังถูกทลายออกก่อให้เกิดเสี ยงสนัน่ เบื้องหลัง
ของมัน พร้อมกับคลื่นลมร้อนส่ งเสี ยงกรี ดร้องไล่ตามมา...
ความรู ้สึกร้อนไหม้เช่นนี้ช่างชัดเจนนัก...เพลิงเทพหงสา!
คนจากพรรคเทพหงสา!
หัวใจของหยุนเช่อหน่วงหนัก... เหตุใดจึงเป็ นคนจากพรรค
เทพหงสา? ทั้งจิ ตสังหารนี่ยงั เด่ นชัดเลยมันต้ องการสังหารชาย
หนุ่มให้ ตกตาย หรื อจะเป็ น...เฟิ งซีเฉิ น!?
หยุนเช่อใจปั่นป่ วน...ดูคล้ายจะเป็ นเพราะเหตุการณ์ก่อน
หน้านี้ ที่ตนเองไปเปิ ดเผยเพลิงเทพหงสากลางวันแสก ๆ ยามอยู่
ในสมาคมการค้าอัคคีร่วงโรยและถูกเข้าใจผิดว่าเป็ นศิษย์พรรค
เทพหงสา จึงเป็ นเหตุให้พรรคเทพหงสาได้รับข่าวเกี่ยวกับมัน
และตามรอยจนมาเจอที่พกั ของมันได้
เหมือนมันจะประมาณมากเกินไป มันมัวแต่ให้ความสนใจ
กับฮวาหมิงไห่จนละเลยความเป็ นจริ งอันสลักสําคัญไป...ในนคร
วิหคเทวะ สายของพรรคเทพหงสามีอยูท่ ุกหนทุกแห่ง!
ความเร็ วของหยุนเช่อเห็นได้ชดั ว่ามิอาจเทียบเคียงกับผูฝ้ ึ ก
ยุทธในระดับชั้นปราณจักรพรรดิข้ นั สูงได้ ในเวลาไม่ถึงสิ บชัว่ ลม
หายใจ มันได้ถูกไล่ตามมาจนถึงจุดที่มีระยะห่างอยูเ่ พียงหกสิ บ
เมตร คลื่นเพลิงเทพหงสาอันร้อนแรงแหวกผ่าอากาศเข้ามาหา
ชายหนุ่ม
ฟิ้ ววว!!
เพลิงเทพหงสาที่ลุกโหมไหม้อย่างรุ นแรงในห้วงเวหาสาด
แสงส่ องสว่างกลางท้องฟ้ายามรัตติกาล หยุนเช่อเร่ งหลีกหลบ
เพลิงเทพหงสานั้น จากนั้น มันจึงทําใจดีสูเ้ สื อหยุดแล้วหัน
กลับไป... บุคคลที่ติดตามมาเองหยุดร่ างลงเช่นกัน เพราะใน
สายตาของมัน...หยุนเช่อคือเหยือ่ อันน่าสมเพชที่มิอาจหลีกพ้น
จากอุง้ มือมันได้
“เจ้าเป็ นใคร ?” หยุนเช่อถาม หัวคิ้วขมวดเป็ นร่ องลึก
สายตาของอีกฝ่ ายกวาดมองมันตั้งแต่หวั จรดเท้า จากนั้นก็
หัวร่ ออย่างเย็นชา “เจ้ามีพลังลมปราณเทพหงสาจริ งๆ เช่นนั้นเจ้า
ก็คือ… หยุนเช่อ เจ้าลูกสําส่ อนที่ผคู ้ นกล่าวขาน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้า
จะมาถึงเร็ วถึงเพียงนี้”
“หึ ” หยุนเช่อหัวร่ อเย็นชาบ้าง “ดูเหมือนพรรคเทพหงสา
ของเจ้าจะหวาดกลัวข้านะ”
“กลัวเจ้า ?”
“ถูกต้อง !” หยุนเช่อเยาะหยัน “ข้ามานครวิหคเทวะก็เพื่อยุติ
ข้อบาดหมางเกี่ยวกับสายเลือดกับพรรคเทพหงสาอย่างเปิ ดเผย
และมีเกียรติในงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิ แต่พรรคเทพหงสา
ของเจ้ากลับใช้วธิ ีที่น่าละอายอย่างการลอบสังหาร ดูเหมือนพรรค
เทพหงสาที่กล่าวขวัญ ล้วนมีเพียงนี้เท่านั้น”
“ฮาฮ่า” ชายวัยกลางคนหัวร่ อปรามาส “ในสายตาของพรรค
เทพหงสาของเรา เจ้ามันเป็ นเพียงแค่เดรัจฉานตัวน้อยที่ขโมย
สายเลือดของพรรคเราไปก็เท่านั้น ให้พรรคของข้าเกรงกลัว
เดรัจฉานน่าสมเพชตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งงั้นหรื อ? ช่างเป็ นเรื่ องน่า
ขบขันเท่าฟ้า เรื่ องในวันนี้ เป็ นเพียงเพราะองค์ชายสิ บสาม
ต้องการชีวติ ของเจ้า”
“อย่างที่คาด…” สายตาของหยุนเช่อทวีความหนาวเย็นขึ้น
ยิง่ กว่าเก่า
“เพียงแค่เดรัจฉานตัวหนึ่งจากอาณาจักรวายุครามกลับกล้า
มาล่วงเกินองค์ชายสิ บสาม กระทัง่ ให้จกั รพรรดิวายุครามคุกเข่า
ร้องขออภัยแทนเจ้า เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้มีชีวติ รอดผ่านพ้นคืนนี้
ไปได้...อย่างไรก็ตาม การตายด้วยนํ้ามือของข้า เฟิ งชือหัว ก็
เพียงพอจะให้เจ้าเอาไปคุยโวเมื่อได้ไปยังขุมนรกและเข้าสู่ วงั วน
แห่งการเกิดใหม่แล้ว! ไปพบโคตรเหง้าของเจ้าอย่างสงบซะ!”
ร่ างของเฟิ งชือหัวไหววูบ จากนั้น มันพลันพุง่ เข้าใส่ หยุนเช่อด้วย
เพลิงเทพหงสาที่ลุกไหม้อยูบ่ นนิ้วทั้งห้า เล็งตรงมายังกลางอก
ของหยุนเช่อ เห็นได้ชดั ว่ามันต้องการสังหารชายหนุ่มใน
กระบวนท่าเดียว… ขั้นแปดแห่งระดับชั้นปราณจักรพรรดิ คือผู ้
เป็ นราชันระดับสู งโดยแท้จริ ง หากการเผชิญหน้ากับเด็กน้อย
ระดับชั้นปราณปฐพิแต่มิอาจสังหารได้ในหนึ่งกระบวนท่า แม้แต่
ตัวมันยังรู ้สึกว่านี่เป็ นเรื่ องที่น่าขันนัก
สายตาของหยุนเช่อสาดประกาย ชายหนุ่มย่างก้าวด้วยเทพ
ดาราแยกเงา แบ่งร่ างลวงออกมาสามร่ างในทันใด ส่ งให้เฟิ งชือ
หัวคว้าจับพลาดไป ด้วยการสู ดลมหายใจลึก ชายหนุ่มรวบรวม
พลังปราณในร่ างแล้วพุง่ ทะยานไปยังทิศใต้
ในชัว่ พริ บตาที่คว้าจับอากาศธาตุ เฟิ งชือหัวถึงกับชะงักชะ
งัน มันไม่สามารถเห็นได้ชดั เจนว่าหยุนเช่อหลบไปจากครรลอง
สายตาของมันได้อย่างไร และความเร็ วที่หยุนเช่อใช้ในการ
หลบหนีน้ นั ยิง่ ทําให้มนั ตกตะลึงยิง่ กว่า… เห็นได้จะตาอยูว่ า่ ชาย
หนุ่มเป็ นเพียงระดับชั้นปราณปฐพี ทว่าความเร็ วของมันกลับไม่
ด้อยไปกว่าราชันระดับต้น!
“หึ ! เช่นที่คาด มันมีความสามารถทีเดียว” เฟิ งชือหัวพ่นลม
หายใจอย่างเย็นชา ร่ องรอยแห่งความโกรธาฉาบเคลือบหัวใจของ
มัน แม้นว่าความเร็ วของหยุนเช่อจะเหนือกว่าที่มนั คาด ความเร็ ว
เพียงเท่านี้ยงั ไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือของมันไปได้ นอกจากนี้
หยุนเช่อยังมีพลังลมปราณเพียงชั้นปราณปฐพี จึงย่อมเป็ นไป
ไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะบินได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้อง
วิง่ บนพื้น ซึ่งก็หมายความว่ามันจะไม่สามารถหนีรอดพ้นจาก
สายตาและการรับรู ้ของเฟิ งชือหัวไปได้
“ไอ้หนู มาดูสิวา่ เจ้าจะวิง่ ไปได้ถึงไหน!”
เฟิ งชือหัวคําราม ร่ างของมันพุง่ ทะยานตามหยุนเช่อมาราว
กับลูกศรที่พงุ่ ออกจากเกาทัณฑ์ ความเร็ วอันน่าตื่นตะลึงนํามาซึ่ง
เสี ยงแหวกอากาศดังเสี ยดแทงแก้วหู ด้วยความเร็ วอันต่างกันอย่าง
เห็นได้ชดั ภายในไม่กี่สิบชัว่ ลมหายใจ หยุนเช่อก็กลับมาถูกตาม
ทันด้วยระยะห่างหกสิ บเมตรอีกครา หยุนเช่อผูว้ งิ่ อยูพ่ ลันหันหลัง
และขว้างวัตถุสีดาํ สนิทบางอย่างไปใส่ เฟิ งชือหัวที่อยูก่ ลางอากาศ
จันทร์เสี้ ยวบนท้องฟ้าถูกนาวาปราณบรรพกาลบดบังสิ้ น
ทําให้ราตรี น้ นั มืดมิดราวนํ้าหมึก เฟิ งชือหัวได้ยนิ เสี ยงหวีดแหลม
ดังมาจากข้างหน้า แต่มองเห็นไม่ชดั ว่ามันคือสิ่ งใด มันไม่กล้าพา
ตัวเข้าขวางเพราะเกรงว่าฝ่ ายตรงข้ามจะใช้ออกด้วยอาวุธพิษ มัน
รี บหลบไปด้านข้าง เมื่อวัตถุน้ นั เฉี ยดผ่านมันไป ก็พบว่าวัตถุน้ นั
เป็ นเพียงก้อนหิ นธรรมดา... น่าจะเป็ นก้อนหิ นที่หยุนเช่อหยิบ
ฉวยมาระหว่างที่มนั กําลังหลบหนี
"วูบบบ !"
เสี ยงวัตถุแหวกอากาศดังมาอีกครั้ง และสายตาเฟิ งชือหัว
ฉายแววดูหมิ่นเหยียดหยาม ฟาดหิ นก้อนนั้นแตกออกเป็ นชิ้นๆ
อย่างไม่แยแส มันกล่าวว่า "ช่างเป็ นความพยายามที่น่าขันอย่าง
แท้จริ ง เจ้ายังคิดหรื อว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือเราไปได้ !?"
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ หยุนเช่อก็ถูกไล่ตามจนทิ้งระยะห่าง
เพียงสี่ สิบห้าเมตร สี หน้ามันยังสงบนิ่ง มันหันกลับไปอีกครั้งและ
วัตถุสีดาํ สนิทในมือก็ถูกขว้างออกไปอีก
สี่ สิบห้าเมตรจัดว่าอยูใ่ นระยะโจมตีของเฟิ งชือหัว มันเริ่ ม
รวบรวมพลังลมปราณมาไว้ที่ฝ่ามือ และเผชิญหน้ากับวัตถุน้ นั
โดยตรง มันฟาดมือออกไปโดยไม่ดูดว้ ยซํ้าว่าของสิ่ งนั้นคืออะไร
...
ตูม!!!
เสี ยงแห่งอสนีบาตลมปราณจากเก้าสวรรค์ดงั สะท้อนก้อง
ไปทัว่ นครวิหคเทวะอันเงียบสงบในยามราตรี พายุพลังปราณอัน
มหาศาลระเบิดออกอย่างรุ นแรงกลางอากาศ จากระยะไกล
ออกไป มันดูราวกับดอกไม้ไฟอันงดงามที่ระเบิดออก ณ กลาง
ฟากฟ้า
หิ นสองก้อนแรกที่หยุนเช่อขว้างออกมานั้นเป็ นเพียงแค่ตวั
หลอก ทว่าก้อนที่สามนี้ มันคือลูกแก้วทลายสวรรค์ที่หยุนเช่อ
ได้มาจากศพของเซี่ยวอู๋อ้ ี!
พลังมหาศาลของลูกแก้วทลายสวรรค์น้ นั เพียงพอที่จะทํา
ให้ราชันขั้นต้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ดว้ ยความสามารถของ
เฟิ งชือหัว หากมันใช้พลังลมปราณทั้งหมดเพือ่ ป้องกันตนเอง
ลูกแก้วทลายสวรรค์อาจไม่ทาํ ให้มนั บาดเจ็บมากนัก ทว่าการที่
มันทําเหมือนแมวหยอกหนูระหว่างไล่ตามหยุนเช่อ มันจึงไม่ได้
ป้องกันตัวแต่อย่างใด ภายใต้เปลวเพลิงที่เกิดจากลูกแก้วทลาย
สวรรค์ แขนซ้ายทั้งหมดของมันถูกเผาเกรี ยม.... เลือดปนเนื้อหยด
ลงพื้น เสื้ อคลุมหงสาถูกเผาไหม้เป็ นชิ้นๆ มันมีพลังรุ นแรงถึงขั้น
ทําให้หน้าอก แขนทั้งสองข้าง และใบหน้าของเฟิ งชือหัวเต็มไป
ด้วยบาดแผล ซํ้าผมของมันครึ่ งหนึ่งก็ถูกเผาทําลาย จนหงิกงอยุง่
เหยิง
สารรู ปมันน่าสมเพชอย่างที่สุด
ส่ วนหยุนเช่อนั้นได้หลบหนีไปนานแล้ว อย่างปราศจาก
ร่ องรอย
แม้จะมีบาดแผลมากมาย แต่กเ็ ป็ นเพียงบาดแผลเล็กน้อย
ยกเว้นแขนช้ายของมันที่บาดเจ็บค่อนข้างรุ นแรง นัน่ เป็ นเพียงการ
บาดเจ็บภายนอก ทว่ายามนี้อกเฟิ งชือหัวแทบระเบิดด้วยความ
เดือดดาล มันมองแขนตนเองด้วยสี หน้าอาฆาตมาดร้าย ร่ างกาย
สัน่ สะท้าน... มัน ราชันชั้นสู งผูย้ ง่ิ ใหญ่แห่งพรรคเทพหงสาต้อง
อยูใ่ นสภาพน่าสมเพชขนาดนี้เพราะเด็กหนุ่มระดับปราณปฐพีแค่
คนหนึ่ ง... นี่ถือเป็ นความอัปยศอดสู ที่สุดในชีวติ มัน !
"หยุนเช่อ... ข้าจะฉี กเจ้าเป็ นหมื่นชิ้น !!"
เฟิ งชือหัวผมชี้ต้งั เปลวเพลิงอันรุ นแรงลุกโชนทัว่ ร่ าง มัน
คํารามลัน่ โทสะพุง่ สู งถึงขีดสุด มันใช้ออกด้วยความเร็ วสู งสุด
เพื่อไล่ล่าหยุนเช่อ ประสาทสัมผัสถูกเปิ ดใช้อย่างเต็มที่
หลังจากที่วง่ิ เต็มฝี เท้ามาระยะหนึ่ง หยุนเช่อก็ชะลอฝี เท้าลง
ใช้พลังทั้งหมดควบคุมพลังลมปราณของตนไม่ให้แปรปรวน ยาม
คํ่าคืนนั้นเป็ นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการหลบหนี แต่ใน
ขณะเดียวกัน ในคํ่าคืนที่เงียบสงัด การเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่สุดก็
อาจก่อให้เกิดเสี ยงก้องกังวานทําลายความเงียบนั้นได้
เฟิ งซี เฉิ นได้สง่ั การให้บางคนมาสังหารมันก่อนการ
ประลองจัดอันดับจริ งๆ และความเคลื่อนไหวของเฟิ งซีเฉิ นก็
รวดเร็ วยิ่ ง... ยามนี้มนั เจอตัวหยุนเช่อแล้ว และนครวิหคเทวะก็
เต็มไปด้วยจารชนของพรรคเทพหงสา ดังนั้นนครวิหคเทวะจึง
ไม่ใช่สถานที่ที่มนั ควรพํานักอาศัยก่อนเริ่ มการประลองจัดอันดับ
อีกต่อไป มันต้องซ่อนตัวให้พน้ จากการไล่ล่าของเฟิ งชือหัว และ
ต้องออกจากนครวิหคเทวะก่อนจะรุ่ งเช้าด้วย
ขณะที่กาํ ลังถูกไล่ล่า ความคิดของหยุนเช่ออยูใ่ นสภาวะ
กระจ่างแจ้งอย่างที่สุด ภายใต้ความมืดมิดของนครวิหคเทวะ
สถานที่ที่มนั ไม่คุน้ เคยแม้แต่นอ้ ย มันได้ใช้ความสามารถในการ
หลบซ่อนและหลีกเร้นจนถึงขีดสุ ด มันเข้าใกล้พ้นื ที่ทางทิศใต้
ของนครวิหคเทวะอย่างรวดเร็ ว ด้วยการอาศัยเส้นทางที่ไม่คุน้ ชิน
และไม่อาจคาดเดา
คํ่าคืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า และแล้วแสงสี ขาวนวลก็เริ่ ม
ปรากฏขึ้นบนฟ้าทางทิศตะวันออก ประตูทิศใต้ที่สูงสง่าก็ปรากฏ
ขึ้นในครรลองจักษุหยุนเช่อเช่นกัน... และในราตรี ที่แสนยาวนาน
นี้เอง เฟิ งชือหัวผูท้ ี่คน้ หามันอย่างบ้าคลัง่ ก็ไม่พบร่ องรอยอันใด
ของมันเลย
หยุนเช่อสู ดลมหายใจลึก วางท่าให้เป็ นปกติ แล้วเดินไปยัง
ประตูนคร ทว่าเมื่อไปถึงทหารรักษานครสองนายก็สกัดขวางมัน
ไว้
"มีคาํ สัง่ จากวังหลวง ! ก่อนเจ็ดโมงเช้าของวันนี้ ห้ามมิให้
ผูใ้ ดออกนอกนคร ! ผูท้ ี่ฝ่าฝื นจะถูกจับกุมในทันที"
บทที่ 413 หัตถ์ ปราณไร้ ลกั ษณ์ ถูกเปิ ดเผย

การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิจะเริ่ มในสิ บกว่าวัน การ


ทะลักเข้ามาของผูค้ นที่มายังเมืองวิหคเทวะอาจพูดได้วา่ เพิม่ ขึ้น
วันต่อวัน ในเวลานี้ ประตูเมืองจะถูกสัง่ ปิ ดห้ามคนเข้าออกได้
อย่างไร?
ความเป็ นไปได้มากที่สุดคือเฟิ งชือหัวโกรธแค้นที่มิอาจหา
ตัวหยุนเช่อตลอดทั้งคืน มันขุ่นแค้นถึงระดับที่สามารถสิ้ นสติและ
ฟื้ นคืนมาหลายต่อหลายรอบ มันติดต่อเฟิ งซีเฉิ นให้ปิดตายประตู
เมืองชัว่ คราว ยอมให้คนเข้าแต่ไม่ให้ออก
หยุนเช่อถอยหลังสองก้าว ความคิดสองสามอย่างแวบผ่าน
จิตใจเขาอย่างรวดเร็ ว ชายหนุ่มเรงความเร็ วในทันที อัดยามเฝ้า
ประตูสองคนด้านข้างอย่างเต็มแรงขณะที่พงุ่ ร่ างไปข้างหน้า
“หยุดมันไว้!”
การกระทําของหยุนเช่อไม่ต่างจากการใช้นิ้วแหย่รังแตน
ยามเฝ้าประตูหลายสิ บคนที่อยูใ่ กล้ได้วง่ิ ปรี่ เข้ามา หยุนเช่อยก
ทัณฑ์มงั กรขึ้นและกวาดผ่านโดยไม่มองสิ่ งรอบตัว ความสามารถ
ของกระบี่หนักอันบ้าคลัง่ คล้ายดัง่ ลมพายุวนั สิ้ นโลกที่ทาํ ให้ยาม
ประจําเมืองที่รายล้อมปลิวกระเด็นออกห่างอย่างไร้ความปราณี
พวกมันไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็ นเวลานาน แม้แต่อาวุธในมือได้
ถูกทําลายอย่างทันทีทนั ใด
ความเป็ นจริ งที่วา่ ฟ้าเพียงเพิ่มรุ่ งสางสว่าง ทั้งในนครวิหค
เทวะไม่เคยปรากฏผูใ้ ดกล้ากระทําการอุกอาจ หมายความว่ายาม
รักษาการณ์ยอ่ มต้องอ่อนแอ แม้จะได้รับคําสัง่ ให้ก้ นั ขวางการผ่าน
เข้าออก หากประตูเมืองยังคงเปิ ดกว้าง หลังจากกวาดเหล่า
อุปสรรคทั้งหลายพ้นไป หยุนเช่อทะยานออกนอกเมืองด้วย
ความเร็ วสูงสุ ดเท่าที่จะทําได้ ทันทีที่กา้ วเท้าออกนอกเมือง ชาย
หนุ่มเรี ยกหาหงส์หิมะพร้อมทั้งบินหนีไปไกลห่าง
“เร็ ว…..รายงานใต้เท้าชือหัว” ยามประจําเมืองคนหนึ่ง
ตะโกนออกมาด้วยพลังทั้งหมดของมัน
สิ บห้านาทีต่อมา คลื่นพลังร้อนแรงสายหนึ่งพุง่ ผ่านเหนือ
ประตูเมือง กําลังไล่ตามไปในทิศทางที่หยุนเช่อหนีไป มันคือ
เฟิ งชือหัว คําสัง่ เฟิ งซีเฉิ นให้มนั สังหารหยุนเช่ออย่างลับๆ ไม่
เพียงไม่ควรมีใครรู ้เรื่ องนี้ มันยังต้องกลบเกลื่อนร่ องรอยทั้งหลาย
ให้สิ้น แต่แน่ชดั ว่าเฟิ งชือหัวฟุ้งซ่านด้วยความโกรธเกรี้ ยว
เพื่อที่จะฆ่าหยุนเช่อ มันก่อเรื่ องราวชุลมุนวุน่ วาย อย่างไรเสี ย การ
ถูกผูเ้ ยาว์ช้ นั ปราณปฐพีรุ่ นหลังปั่นหัวจนเหน็ดเหนื่อยสิ้ นเรี่ ยวแรง
คือความอัปยศอดสูที่มนั ไม่เคยได้รับมาก่อน ถ้ามันไม่ได้สงั หาร
หยุนเช่อ ล้วนยากที่มนั จะขจัดความเกลียดชังในใจออกไปได้!
ความเร็ วของสัตว์อสูรหงส์หิมะเร็ วกว่าหยุนเช่อหลายส่ วน
แม้นว่าเฟิ งชือหัวค้นหาถูกทาง ยังไม่อาจไล่ติดตามทันในช่วง
สั้นๆ อย่างไรก็ดี หยุนเช่อไม่คุน้ เคยกับแผ่นดินภายนอกเมืองวิหค
เทวะ แผนที่ที่ชางเยว่เตรี ยมให้มีเพียงเส้นทางจากเมืองหลวงวายุ
ครามถึงเมืองวิหคเทวะ เป็ นเพียงตําแหน่งโดยคร่ าวของนครวิหค
เทวะ ไม่ปรากฏสัญลักษณ์สถานที่สาํ คัญใดภายนอกเมือง การที่
หยุนเช่อจะสามารถสลัดหลุดจากเฟิ งชือหัวได้หรื อไม่ ล้วนขึ้นอยู่
กับโชคชะตาโดยแท้จริ ง
และแน่นอน เฟิ งชือหัวเป็ นศิษย์พรรคเทพหงสา มันย่อม
คุน้ เคยในละแวกนี้ ขณะเดียวกัน ต่อให้หงส์หิมะรวดเร็ วสัก
เพียงใด ทว่าทุกแห่งหนที่มนั ไป มันจะปล่อยกระแสลมเย็นสี เงิน
ไว้เบื้องหลัง นี่กลับกลายเป็ นร่ องรอยที่สามารถติดตามได้
ภายใต้การกระตุน้ ของหยุนเช่อ ในที่สุดความเร็ วของหงส์
หิ มะได้ข้ ึนสู่ จุดสู งสุ ด ดุจดังสายฟ้าสายหนึ่ง มันผ่านท้องฟ้าไป
อย่างรวดเร็ ว ในชัว่ กะพริ บตามันอยูห่ ่างจากเมืองวิหคเทวะหลาย
สิ บกิโลเมตรแล้ว
ยามมุ่งไปเบื้องหน้า สี หน้าของหยุนเช่อยังคงมืดมน พื้นที่
ส่ วนใหญ่ของนครวิหคเทวะล้วนเป็ นที่ราบ จึงยากแก่การหาพื้นที่
สําหรับหลบซ่อน ผ่านไปหนึ่งชัว่ โมงความรู ้สึกถูกไล่ล่ามิได้มา
จากเบื้องหลังแล้ว ทว่าหยุนเช่อยังไม่ลดความระมัดระวังลง มัน
คาดว่าเฟิ งชือหัวมิถอดใจแน่ เหตุที่มนั ยังมิถูกตามทันนั้นเพราะ
หงส์หิมะไม่ได้ชา้ กว่าเฟิ งชือหัวมากมายเท่าใด หยุนเช่อมิอาจไม่
คํานึงถึงฮวาหมิงไห่...ในแง่ของระดับพลังปราณมันมิอาจเทียบได้
แม้เพียงหนึ่งในสิ บของเฟิ งชือหัว ทว่าในแง่ของความเร็ วนั้นมัน
รวดเร็ วกว่าเฟิ งชือหัวมากมายนัก หากตัวมันเองได้ฝึกฝน
“อสนีบาตมายาไร้ขอบเขต” มันควรจะทิ้งห่างเฟิ งชือหัวได้อย่าง
รวดเร็ ว
เคล็ดวิชาตัวเบาที่มนั มีเพียงหนึ่งเคล็ดคือท่าเท้าเทพดารา
แยกเงา แม้วา่ เทพดาราแยกเงาจะเป็ นสุดยอดเคล็ดวิชาตัวเบาอัน
ลึกลับแปลกประหลาด ทว่ามันก็มีขอ้ จํากัดในการต่อสู ้ ท่าเท้านี้
ทําให้มนั ใช้กระบี่หนักได้อย่างสมบูรณ์ ทําให้หยุนเช่อสามารถยก
กระบี่หนักซึ่ งมีน้ าํ หนักกว่าหมื่นกิโลกรัมเคลื่อนไหวไปมาได้ดงั่
ภูติพราย ทว่าเทพดาราแยกเงาใช้ในการต่อสู แ้ ละเคลื่อนไหว
ฉับพลันในระยะสั้น มิอาจใช้เร่ งความเร็ วการเคลื่อนที่ในระดับสู ง
ได้
ในระยะสุ ดสายตาทางด้านทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ของหยุนเช่อ
ปรากฎหุบเขาขึ้น และปรากฎยอดเขามากมาย ภูเขาที่สูงที่สุดมี
ความสู งอย่างน้อยสามพันเมตร หัวใจของชายหนุ่มรบเร้าให้มนั
เปลี่ยนทิศทางและพุง่ ยังหุบเขานั้นอย่างรวดเร็ ว ไม่นานมัน
กลายเป็ นดัง่ ดาวตกที่พงุ่ ลงหุบเขา
เมื่อมันเข้ามาในหุบเขา ปรากฏความรู ้สึกผิดปกติเข้าจู่โจม
ตรงหน้า เป็ นฝูงนกแตกตื่นตกใจเล็กน้อยซึ่งพวกมัน...นกพวกนี้มี
สี แดงทัว่ ทั้งตัวและปลดปล่อยคลื่นพลังอัคคีออกมา
ทันทีที่เข้าสู่ หุบเขา ที่หยุนเช่อสมควรพบเห็น ควรเป็ นทุ่ง
หญ้าสี เขียวและสัมผัสสายลมเย็นฉํ่า หากเมื่อหยุนเช่อยิง่ เหิ นบิน
ลึกเข้าไปภายใน บรรยากาศกลับยิง่ มายิง่ ร้อนอบอ้าว ปรากฏพืช
พรรณเติบดตอยูท่ ว่ั ไป ทว่าพรรณไม้เหล่านั้นต่างมีสีแดงฉาน
ยิง่ กว่านั้น ทั้งหมดปลดปล่อยกลิ่นอายเปลวเพลิงโชติช่วง สัตว์
อสู รลมปราณที่พบเห็นตามรายทางล้วนแต่เป็ นสัตว์อสู รปราณ
อัคคีท้ งั สิ้ น
อย่าบอกนะว่าเพราะนี่เป็ นสถานที่ใกล้เคียงนครวิหคเทวะ
จึงมีบางสิ่ งเกี่ยวข้องกับธาตุอคั คีรุนแรงอยูบ่ ริ เวณนี้?
หลังเหิ นบินอย่างต่อเนื่องมานานกว่าสองชัว่ โมง ที่
ด้านหลังปราศจากร่ องรอยของเฟิ งชือหัวติดตามมา ราวกับหยุ
นเช่อสามารถสลัดมันหลุดออกไปได้ในที่สุด ชายหนุ่มลด
ความเร็ วของหงส์หิมะลง ลดระดับความสู งกระทัง่ อยูใ่ นระดับ
ร้อยเมตรจากพื้นดิน เพื่อแฝงตัวอยูท่ ่ามกลางขุนเขาอัน
สลับซับซ้อน เสี ยงของจัสมินพลันดังขึ้นในห้วงสติของหยุนเช่อ
“สถานที่น้ ีแปลกประหลาดนัก”
“ต่างไปจากปกติ? ท่านกล่าวถึงที่ใดกัน?” หยุนเช่อกล่าว
ถามในทันที
“ข้าคาดว่าความร้อนจากสถานที่แห่งนี้มาจากภูเขาไฟไกล้ๆ
หรื อพื้นที่ธาตุไฟที่มีความเข้มข้นสู ง ทว่าเมื่อข้าตรวจสอบก่อน
หน้านี้พบว่าที่แห่งนี้มีพลังงานธาตุไฟปริ มาณมหาศาล เป็ นข่าย
กลปราณซ่อนอยูล่ ึกลงไปใต้ดิน...ทัว่ ทั้งหุบเขาตั้งอยูบ่ นข่ายกล
ลมปราณนี้ หากข้าคาดเดามิผดิ ข่ายกลลมปราณอันมหาศาลนี้ถูก
วางลงไปโดยพรรคเทพหงสามานานถึงแปดพันปี แล้ว ใน
ขณะเดียวกัน นัน่ หมายความว่าหุบเขานี้อยูใ่ นขอบเขตของพรรค
เทพหงสาทั้งหมด…”
“มันดูเหมือน...เจ้าได้มาถึงสถานที่ที่มิควรเข้ามาที่สุด!”
“เจ้าบ้า รี บหาทางออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
เพียงจัสมินกล่าวจบคํา พลันปรากฎเสี ยงตะโกนดังเลื่อนลัน่
ไกล้ๆหูหยุนเช่อ เสี ยงนี้มาจาก...ด้านบน
หยุนเช่อเงยหน้าขึ้น เฟิ งชือหัวยืนหยัดอยูบ่ นยอดเขาลูก
เตี้ยๆ ที่ดา้ นหน้า สองมือไขว้อยูด่ า้ นหลัง...แม้ระยะห่างระหว่าง
ทั้งสองจะห่างไกลยิง่ หากหยุนเช่อยังคงสามารถสัมผัสได้ถึง
ความโกรธแค้นที่พงุ่ พล่านออกมาจากร่ างของมัน คราแรก เฟิ งชือ
หัวคาดคิดว่า การส่ งราชันระดับแปดเช่นมันมาเพือ่ จัดการลอบ
สังหารชายหนุ่มล้วนไม่ต่างจากการเชือดไก่ดว้ ยมีดฆ่าโค เป็ นการ
หมิ่นแคลนสถานะและศักดิ์ศรี ของมันอย่างยิง่ หากมิใช่เป็ นเฟิ งซี
เฉิ นออกมาเชื้อเชิญมันลงมือด้วยตนเอง มันไม่มีทางยินยอมทํา
อย่างแน่นอน
ทว่า เมื่อมันเผชิญหน้ากับเป้าหมาย ภารกิจที่สมควรเรี ยบ
ง่ายอย่างยิง่ นี้กลับไม่ราบลื่นแม้แต่นอ้ ย กลับกัน ตัวมันเองกลับ
ต้องล้มลุกคลุกลคานเพราะลูกแก้วทลายสวรรค์ของฝั่งตรงข้าม...
หลายชัว่ โมงที่ผา่ นมา ความโกรธเกรี้ ยวในใจของมันมิได้ลดทอน
ลงเลยแม้แต่นอ้ ย หากมิใช่ความเป็ นจริ งที่ร่างกายของมันฟื้ นคืน
สภาพแล้ว ทรวงอกของมันคงต้องระเบิดออกหลายสิ บครั้งเพราะ
ความขุ่นแค้นเป็ นแน่
หยุนเช่อลอบแตกตื่นตระหนก หากชายหนุ่มถูกไล่ติดตาม
ทัน แน่นอนว่าเขาคงไม่แตกตื่นเท่าใด เนื่องเพราะไม่เพียง
ความเร็ วของเฟิ งชือหัวรวดเร็ วกว่าหงส์หิมะ หากมันยังคุน้ เคยต่อ
สถานที่น้ ีมากกว่าชายหนุ่มอย่างเทียบไม่ติด ทว่า ที่ทาํ ให้ชายหนุ่ม
ตื่นตระหนกอย่างยิง่ คือการที่เฟิ งชือหัวปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้า
ในระยะใกล้ถึงเพียงนี้ แต่หยุนเช่อกลับไม่อาจสัมผัสถึงมันได้เลย
จัสมินเข้าใจความคิดของหยุนเช่อ เด็กสาวกล่าวออกมา
เสี ยงตํ่า “ดูคล้ายจะมีเบื้องหน้าอยูเ่ บื้องหน้าแล้ว ค่ายกลลมปราณ
ที่อายุกว่าแปดพันปี นี่มิใช่เรื่ องราวเล็ก ๆ เลย”
คิ้วของหยุนเช่อขมวด จากนั้น ชายหนุ่มยึดจับขนที่หลังของ
หงส์หิมะแน่นแล้วตะโกนออก “ฉานน้อย...ไป!!”
สัตว์อสู รหงส์หิมะหมุนกายกลับอย่างรวดเร็ วราวกับเงาสาย
หนึ่ง ทางด้านหลังติดตามมาด้วยเสี ยงตะโกนของเฟิ งชือหัว “เจ้า
ไม่ทางหนีไปได้หรอก! ไม่วา่ เจ้าจะไปที่ใด หรื อแม้วา่ เจ้าจะมีร้อย
ชีวติ ก็อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะหลบหนีไปได้!”
หงส์หิมะพุง่ ดิ่งลงด้วยความเร็ วขีดสุ ด เทือกเขารอบข้าง
เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ ว ก่อเกิดเป็ นหุบเหวแคบยาวสองสาย
หยุนเช่อเหลือบตามองด้านหลังพร้อมกําหมัดแน่น กระตุน้
หนุนให้หงส์หิมะสะกดเพดานบินไว้ไม่ให้สูงกว่าพื้นดินเกิน
สามสิ บเมตร ทันทีท่ีท้ งั ค่◌ูเข้าสู่ หุบเหว ชายหนุ่มใช้วชิ าเคล็ด
ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งบรรจบออกมาในทันที ก่อเกิด “กระจกมายา
เยือกแข็ง” ขึ้นในพริ บตา ขณะเดียวกัน มันห่อหุม้ วิหคหิ มะและ
หยุนเช่อไว้ภายใน กักกันรัศมีพลังของทั้งคู่จนเลือนลางบางเบา
จากนั้น หยุนเช่อยืน่ มือออก ปลดปล่อยหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ออกสู่
หุบเขาอีกทางหนึ่ง
นี่คือกลลวงที่ชายหนุ่มเคยใช้ออกเพือ่ ล่อหลอกผูท้ ี่ไล่
ติดตามเขาก่อนหน้านี้...ทั้งหมดล้วนหมดจด ทั้งมิเคยล้มเหลวมา
ก่อน
ด้านหลังเฟิ งชือหัวได้ติดตามมาด้วยความเร็ วซึ่งไม่ได้มาก
นัก ที่ดา้ นหน้าของมันปรากฎค่ายกลปราณเพลิงสี แดงหมุนวน
ช้าๆอย่างแปลกประหลาด มีจุดสี ขาวเคลื่อนที่อย่างช้าๆในค่ายกล
นั้น เมื่อมันมองไปยังจุดสี ขาวนั้นเฟิ งชือหัวได้แสดงสี หน้าเยาะ
เย้ยถากถาง...ในขณะนี้คิ้วของมันขยับ เพราะมันรู ้สึกว่าทิศทางที่
จุดสี ขาวขยับไปไม่ใช่ทิศทางที่ร่างจิตของหยุนเช่อไป ทันใดนั้น
ได้ปรากฎความผิดปกติข้ ึน…
“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมถึงเกิดความผิดปกติข้ ึนที่ค่ายกลมหา
วิหคเทพหงสา?”
เฟิ งชือหัวจ้องมองไปยังจุดสี ขาวชัว่ ขณะ มันยกมือทั้งสอง
ขึ้น ค่ายกลลมปราณสี แดงตรงหน้ามันค่อยๆขยายใหญ่ข้ ึน
พร้อมๆกับที่เฟิ งชือหัวถ่ายพลังเทพหงสาลงไปอย่างรวดเร็ ว
จากนั้นก็ปรากฎภาพสองภาพที่แตกต่างกันขึ้นมาช้าๆ...
ภาพหนึ่งคือร่ างของหยุนเช่อเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ วบนหลัง
ของวิหคหิ มะ…
อีกด้านหนึ่ง น่าตกตะลึงยิง่ ...คือเงาร่ างสี เหลืองส้มที่
เคลื่อนที่ดว้ ยความเร็ วสุ ดแสนราวประกายแสง
รัศมีพลังของหยุนเช่อที่เฟิ งชือหัวสัมผัสได้...คือรัศมีพลัง
ที่มาจากประกายแสงสี เหลืองนั้น รัศมีพลังของมันและของหยุ
นเช่อ ไม่มีใดแตกต่างแม้แต่นอ้ ย!
เมื่อพบเห็นประกายแสงสี เหลือง เฟิ งชือหัวตกตะลึงในครา
แรก จากนั้น นัยน์ตาของมันหดตัวลง สี หน้าแสดงออกถึงความ
แตกตื่นลึกลํ้าและความไม่อยากเชื่อ ผ่านไปชัว่ ขณะ ประโยคอัน
น่าตกตะลึงหลุดออกมาจากปากของมัน…
“หัตถ์ปราณ...ไร้ลกั ษณ์!!”
หงส์หิมะโลดแล่นผ่านโกรกหุบเหว หยุนเช่อมองไปเบื้อง
หน้า ยอดเขาที่สูงที่สุดอยูต่ รงหน้าของชายหนุ่มแล้ว อีกไม่ถึงสี่
พันห้าร้อยเมตร เฟิ งชือหัวมิได้ไล่ติดตามมา แต่หยุนเช่อยังไม่กล้า
ประมาท กลับกัน ชายหนุ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองตนเองมา
ตลอดโดยต่อเนื่อง...เป็ นไปได้อย่างไร?.
เกิดอะไรขึ้น?
“ไป หนีไป ให้ขา้ ดูซิวา่ เจ้าจะหนีไปถึงที่ใด?”
เสี ยงของเฟิ งชือหัวสะท้อนก้องไปมา ก่อนวกกลับมาหาหยุ
นเช่อจากทางด้านหน้า สี หน้าของหยุนเช่อแปรเปลี่ยนกลับกลาย
ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง...ไม่ถึงเก้าสิ บเมตรที่เบื้องหน้าคือ
ร่ างของเฟิ งชือหัวที่เหิ นเวหาอยูด่ ว้ ยใบหน้าตื่นเต้นบันเทิงใจ ทว่า
หยุนเช่อกลับมิอาจสัมผัสถึงรังสี ฆ่าฟันใดๆ กระทัง่ ความโกรธ
แค้นของมันยังอันตรธานหายไปแทบหมดสิ้ น
ครานี้ หยุนเช่อมัน่ ใจเป็ นอย่างยิง่ ว่าความรู ้สึกของการถูก
เฝ้ามองมิใช่สมั ผัสที่ผดิ เพี้ยนของตนอย่างแน่นอน เฟิ งชือหัวที่
เบื้องหน้าของตนเองใช้วธิ ีการบางอย่างในการจับตําแหน่งของตน
ไม่ให้คลาดสายตา และที่มีส่วนช่วยต่อมันอย่างยิง่ ย่อมต้องเป็ น
“ค่ายกลลมปราณ” ที่ครอบคลุมบริ เวณมือกเขาทั้งหมดที่จสั มินก
ล่าวถึงอย่างแน่นอน
หยุนเช่อไม่หลบหลีกในทันที ชายหนุ่มจับจ้องอย่างเย็นชา
ไปยังเฟิ งชือหัวที่เบื้องหน้า “เจ้าใช้ค่ายกลในที่น้ ีเพือ่ ติดตามข้างั้น
รึ ?”
“โอ้? เจ้ากลับสามารถสัมผัสค่ายกลมหาวิหคเทพหงสาได้
งั้นรึ ? โฮ่...ข้าเกือบลืมไป เจ้าเองไปคนของเทพหงสา มิเช่นนั้น
เจ้าคงมิอาจเข้ามาที่นี่ได้แต่แรก” เฟิ งชือหัวก้าวเข้ามาใกล้พร้อม
หัวเราะเยือกแย็น “ความสามารถในการหลบซ่อนของเจ้ายอด
เยีย่ มยิง่ ถึงกับสามารถทําให้ขา้ ต้องค้นหาเจ้าจนถึงยามอาทิตย์
อัสดง หากเจ้าหนีไปทางอื่น เจ้าอาจรอดพ้นมือข้า แต่เจ้ากลับ
เสนอหน้ามายังที่น้ ี...ข้าอายุยนื ยาวมาหลายร้อยปี กลับไม่เคยพบ
เจอตัวอย่างอันสมบูรณ์แบบของคํา “เดินลงสู่ กบั ดัก” เช่นนี้มา
ก่อน”
“ค่ายกลมหาวิหคเทพหงสา? นี่เป็ นสถานที่ใดกันแน่?”
“หุบเขาเทพหงสานี้ เป็ นสถานที่ที่พรรคเทพหงสาเราใช้
สําหรับประเมินความสามารถของศิษย์รุ่นเยาว์” ถึงตรงนี้เฟิ งชือ
หัวมิกงั วลอีกต่อไปว่าหยุนเช่อจะสามารถหลบหนีออกไปจากกํา
มือของมันได้อีก มันยังคงกล่าวต่ออย่างใจเย็น “และมีเพียงผูม้ ี
สายเลือดเทพหงสาเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ ผูอ้ ่ืนที่เข้ามาจะถุก
สะท้อนออกไปทันทีดว้ ยค่ายกลมหาวิหคเทพหงสา เนื่องจากต้อง
มีการประเมิน เราจึงสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของศิษย์ทุก
คน และข้าเป็ นถึงหนึ่งในผูค้ วบคุมดูแลหุบเขาเทพหงสานี้ ด้วย
ความช่วยเหลือจากค่ายกลมหาวิหคเทพหงสาทําให้ขา้ สามารถ
ควบคุมทุกสิ่ งที่นี่ แม้แต่เคลื่อนย้ายมายังพื้นที่น้ ีกส็ ามารถทําได้
ผ่านค่ายกลมหาวิหคเทพหงสานี้”
หยุนเช่อ “!!”
“ข้ารู ้ตาํ แหน่งแห่งที่ของเจ้าอย่างแน่ชดั มาตลอดทันทีที่เจ้า
ก้าวเข้าสู่ ค่ายกลมหาวิหคเทพหงสา เพียงแต่เจ้ามากเล่ห์ชวั่ ร้ายเกิน
ความคาดคิดของข้า ดังนั้นข้ามิได้ป้องกันเจ้าหลบหนีเข้าในหุบ
เขาหงสานี้ ข้าปล่อยให้เจ้าหนีเข้ามายังส่ วนลึก...จนถึงที่นี่”
เฟิ งชือหัวจับจ้องมองหยุนเช่อก่อนยืน่ มือออก “เจ้าเปรี ยบดัง
ตะพาบในไห แม้คิดหนียงั ไม่อาจคิดหนีได้ แต่จงอย่าได้กงั วล ข้า
ไม่คิดฆ่าเจ้าอีกต่อไปแล้ว เนื่องเพราะบางสิ่ งบางอย่างที่สามารถ
ดึงความสนใจจากท่านประมุข กระทัง่ แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ได้กลับ
ปรากฏอยูบ่ นร่ างกายเจ้า...ไม่คิดเลยว่าเจ้าลูกสําส่ อนนอกจากมี
สายเลือดเทพหงสา ยังเป็ นปี ศาจจากแดนปี ศาจมายาอีกด้วย! ข้า
มองเห็นหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ที่เจ้าใช้ออกเมื่อครู่ โดยชัดเจน!”
“!!!” สี หน้าของหยุนเช่อพลันมืดทะมึน รังสี ฆ่าฟันเข้มข้น
สาดประกายวูบในแววตา
ระดับพลังฝี มือของหยุนเช่อเพิม่ พูนขึ้นมหาศาลหลังการตื่น
ขึ้นของหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ หากชายหนุ่มไม่เคยใช้หตั ถ์ปราณไร้
ลักษณ์ออกในการต่อสู ใ้ ดมาก่อน แม้ขณะยามที่ถูกบีบคั้นจนเลือด
ตาแทบกระเด็นยามประมือกับหลิงเทียนหนี่ หยุนเช่อยังคงไม่คิด
ใช้วชิ าออกมา นี่เพราะผูค้ นทัว่ ไปอาจไม่รู้จกั หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์
หากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ที่เกี่ยวพันแน่นเหนียวต่อแดนกระบี่เด
ชาสวรรค์ มิอาจไม่รู้จกั ได้
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์เป็ นทักษะเทพเจ้าที่สืบทอดกันมาทาง
สายเลือดตระกุลหยุนแห่งแดนปี ศาจมายา ในฐานะตระกูล
หัวหน้าผูพ้ ิทกั ษ์ท้ งั สิ บสองตระกูลแห่งแดนปี ศาจมายา ตระกูล
หยุนย่อมต้องเป็ นศัตรู ตวั ฉกาจกับแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ อย่าง
แน่นอน แดนปี ศาจมายาถูกป้ายสี ให้กลับกลายเป็ นปี ศาจชัว่ ร้าย
โดยแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ มาเนิ่นนาน เมื่อใดก็ตามที่หตั ถ์ปราณไร้
ลักษณ์ถูกเปิ ดเผย ไม่เพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ทุกผูค้ นบนทวีป
ลมปราณฟ้าจะมุ่งเข้ามาหาชายหนุ่มในฐานะ “ปี ศาจ” หากเป็ น
เช่นนั้น หยุนเช่อล้วนปราศจากที่ใดให้ซ่อนตัวอีกต่อไปภายใน
ทวีปลมปราณฟ้าแห่งนี้
ผลจากการเปิ ดเผยมันออกมานั้นมีโทษหนักกว่าการเปิ ดเผย
อัคคีเทพหงสามากมายนับสิ บล้านเท่า
มือทั้งคู่ของหยุนเช่อกําแน่น ดวงตาของมันทอประกายเย็น
เยียบเสี ยดกระดูก ก่อนหน้านี้มนั ใช้พลังทั้งหมดของมันเพื่อการ
หลบหนี ทว่ายามนี้มนั มิหนีต่อไปแล้ว! คนผูน้ ้ ีรู้ถึงหัตถ์ปราณไร้
ลักษณ์ของมัน...มันผูน้ ้ ีตอ้ งตาย!
ไม่วา่ เช่นไร ไม่วา่ จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเพียงใหน
มันก็ตอ้ งฆ่าบุรุษตรงหน้านี้ให้ได้!
บทที่ 414 ชีวติ แลกชีวติ

“หนีสิ ไยถึงไม่หนีต่อเล่า? เจ้ายอมรับชะตากรรมแล้วหรื อ


กําลังกลัวจนทําอะไรไม่ถูกกันแน่?” เฟิ งชือหัวหัวร่ อกึกก้อง “ช่าง
มันเถอะ ข้าก็วา่ จะเลิกเล่นวิง่ ไล่จบั อยูพ่ อดี ถึงข้าจะเสี ยเวลากับเจ้า
ไปมากแต่กย็ งั ได้อะไรไม่คาดฝันกลับมา จะเรี ยกว่าข้าไม่ได้เสี ย
อะไรก็ได้ ข้ายังได้ยนิ มาอีกว่าเจ้าเป็ นราชบุตรเขยของจักรพรรดิ
วายุคราม… จุ๊จุ๊ หากเจ้าจักรพรรดิวายุครามกับพวกจักรวรรดิช้ นั
ตํ่าที่เหลือได้รู้วา่ ราชบุตรผูย้ งิ่ ใหญ่เป็ นปี ศาจจากแดนปี ศาจมายา
แล้ว ข้าก็ไม่แน่ใจว่าพวกมันจะมีปฎิกิริยาแบบไหนกันแน่นะ…
ฮะฮ่า...”
หลังจากหัวเราะจนสาแก่ใจแล้ว ใบหน้าของเฟิ งชือหัวก็
หม่นคลํ้าลง “แม้ขา้ จะไม่ฆ่าเจ้า ทันทีที่ขา้ ส่ งตัวเจ้าให้กบั ท่าน
ประมุข… ข้าจะทําให้เจ้ามีชีวติ อยูไ่ ม่สูต้ กตาย! หนี้แค้นที่เจ้ากล้า
เล่นลูกไม้กบั ข้า… ข้าจะสะสางมันเดี๋ยวนี้แหละ!”
เฟิ งชือหัวพลันเหิ นร่ างลงจากฟ้า มันสะบัดแขนส่ งเปลว
เพลิงกว้างหกเมตรพุง่ ลงเบื้องล่าง ขณะเปลวเพลิงกําลังจะปะทะ
หยุนเช่อ มันก็พลันเปลี่ยนรู ปร่ างไปเป็ นวิหคเพลิงเริ งระบําอยู่
กลางอากาศ ความร้อนยิง่ มายิง่ ร้อนแรงจนกระทัง่ ผืนดินยังแทบ
หลอมละลาย
วูบบบ!!!
เพลิงเทพหงสากับคลื่นพลังของกระบี่หนักปะทะกันอย่าง
จัง เส้นผมของหยุนเช่อสะบัดไหวขณะใบหน้ามันพลันบิดเบี้ยว
คลื่นพลังของกระบี่หนักสามารถทานได้เพียงครึ่ งลมหายใจก่อน
จะแตกสลายไป วิหคเพลิงพลันทะยานลงมาหาหยุนเช่อและหงส์
หิ มะอย่างบ้าคลัง่
เสี ยงระเบิดของเพลิงเทพหงสากึกก้องราวกับสายฟ้าฟาด
ขณะคลื่นความร้อนอันน่าหวาดหวัน่ ถาโถมเข้าใส่บริ เวณ
โดยรอบ ภายในเปลวเพลิงปรากฎเสี ยงร้องของหยุนเช่อและหงส์
หิ มะดังออกมา หนึ่งถูกพัดกระเด็นไปทางตะวันตกส่ วนอีกหนึ่ง
กระเด็นไปทางตะวันออก…
“ฉานน้อย!”
หงส์หิมะเสี ยสมดุลก่อนจะถูกสายลมพัดไปราวกับใบไม้
แห้งและกระเด็นไปหลายร้อยเมตรก่อนจะร่ วงลงสู่ พ้นื … ปรากฎ
รอยโลหิ ตสองสายบนปี กสี ขาวดุจหิ มะ หลังจากร่ วงลงสู่ พ้นื หงส์
หิ มะก็มิได้ส่งเสี ยงใดออกมาอีก จะอย่างไรมันก็เป็ นเพียงสัตว์
อสู รชั้นปราณฟ้า จะรับมือกระบวนท่าของราชันขั้นสู งได้เช่นไร?
ตึง!
หยุนเช่อเองก็ร่วงลงพื้นอย่างหนักหน่วง การโจมตีอนั ร้าย
กาจเมื่อครู่ ทาํ ให้บนพื้นเกิดหลุมขนาดใหญ่ถึงสองจุด หลังจาก
ร่ วงลงพื้น เสื้ อผ้าทัว่ ร่ างหยุนเช่อก็ขาดวิน่ และย้อมไปด้วยโลหิ ต
แดงฉาน แขนขามันกระตุกอย่างอ่อนแรงราวกับการยกกระบี่
ทัณฑ์มงั กรขึ้นก็สุดกําลังมันแล้ว
หลังจากกระเสื อกกระสนจนลุกยืนขึ้นได้ มันก็หอบหายใจ
ขณะเปิ ดปากออก
“จัสมิน ด้วยสภาพร่ างกายของข้าตอนนี้ ข้าจะคงสภาพ
“ทัณฑ์อสู รโลกันตร์” ได้นานสุ ดแค่ไหน?” หยุนเช่อเอ่ยถามอย่าง
จริ งจัง
จัสมินเองก็เข้าใจดีวา่ ทันทีที่เฟิ งชือหัวจดจําหัตถ์ปราณไร้
ลักษณ์ของหยุนเช่อได้ ไม่วา่ อย่างไรมันก็จาํ ต้องตาย หากชาย
หนุ่มต้องการสังหารเฟิ งชือหัว มันก็จาํ ต้องฝื นเปิ ดใช้ทณ ั ฑ์อสู ร
โลกันตร์ นางเอ่ยอย่างรอบคอบ “สิ บห้าลมหายใจ… ส่ วนขีด
กําจัดสู งสุ ดจงอย่าได้เกินยีส่ ิ บลมหายใจ ไม่เช่นนั้นเส้นเลือด
ทั้งหมดในร่ างเจ้าจะแตกออก จนแม้แต่มหาวิถีโพธิ์สตั ว์ของเจ้าก็
ไม่อาจช่วยเหลือ!”
“จุ๊จุ๊ ไม่เลว ไม่แปลกเลยที่องค์ชายเราถึงกับต้องส่งข้ามาฆ่า
เจ้าเป็ นพิเศษ เจ้านับว่ามีความสามารถอยูบ่ า้ ง รับกระบวนท่าพลัง
สามส่ วนของข้าไปเมื่อครู่ ยงั ไม่ถึงกับปางตาย ซํ้ายังลุกขึ้นยืนได้
อีก”
เฟิ งชือหัวดิ่งร่ างกลางอากาศเข้าหาหยุนเช่ออย่างสบายใจ
ดวงตามันฉายแววดูแคลนราวกับมองลูกแกะที่กาํ ลังจะถูกเชือด
มันขยับข้อมือก่อนที่ดวงตามันจะฉายแววเหี้ ยมโหด “เจ้าทําให้
แขนข้าเลือดไหลไม่นอ้ ย แถมยังทํากระดูกข้าร้าวอีกสองสามส่ วน
เพื่อตอบแทนหนี้ครั้งนี้ ไหนบอกมาสิ วา่ ข้าควรจะหักกระดูกทุก
ท่อนบนร่ างเจ้าหรื อบดกระดูกเจ้าเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดี?”
หยุนเช่อกัดฟันก่อนจะฝื นยกกระบี่หนักขึ้นขณะทัว่ ร่ างสัน่
สะท้านจนแทบจะล้มลง “ต่อให้ขา้ ตาย ต่อให้ตอ้ งเสี่ ยงชีวติ ข้าก็
จะ… ฝากรอยแผลมากกว่านี้ไว้บนร่ างเจ้าให้ได้!”
สิ้ นคํา หยุนเช่อก็คาํ รามลัน่ ก่อนจะสะบัดกระบี่หนักออก
ฟาดเข้าใส่ เฟิ งชือหัวที่อยูห่ ่างไปเพียงสามก้าว
“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!” กระบี่หนักที่ฟาดเข้ามาไม่มีรัศมีคุกคามแม้แต่
น้อย แต่กลับดูราวกับจะหลุดออกจากมือหยุนเช่อได้ทุกเมื่อ
เฟิ งชือหัวหัวร่ อกึกก้องขณะยืน่ มือออกไปคว้ากระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
“ลําพังเจ้าน่ะเหรอจะทําให้ขา้ บาดเจ็บ…”
ขณะมือของเฟิ งชือหัวกําลังจะสัมผัสกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร สี
หน้าของหยุนเช่อพลันแปรเปลี่ยน มันเปิ ดใช้ “ทัณฑ์อสู ร
โลกันตร์” ก่อนที่หยุนเช่อผูไ้ ร้กาํ ลังจนแทบล้มตัวลงจะกลับ
กลายเป็ นอสู รอันดุร้ายที่ตื่นขึ้นมาจากขุมนรกเมื่อร่ างของชาย
หนุ่มระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมา
“ทําลายจันทร์ดบั ดารา!!”
เสี ยงมังกรคํารามสะเทือนฟ้าดังขึ้นจากกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร
ขณะผืนดินใต้เท้าหยุนเช่อพลันสัน่ สะเทือน ปรากฎรอยแตกลาย
ใยแมงมุมกระจายไปรอบด้าน… การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้
ทําให้สีหน้าของเฟิ งชือหัวเปลี่ยนไปทันควัน ในระยะประชิด
เช่นนี้ ต่อให้มนั เป็ นเทพเจ้าก็ยงั ไม่อาจตอบโต้ได้ทนั … กระบวน
ท่านี้หยุนเช่อทุ่มเทพลังทั้งหมดฟาดเข้าใส่ แขนมันอย่างโหดเหี้ ยม
ตูม!!
เสี ยงกระดูกแตกหักถูกกลบทับด้วยเสี ยงระเบิดกึกก้อง
ภูเขาหิ นรอบด้านล้วนแต่บิดเบี้ยวด้วยคลื่นลมจากกระบี่หนัก
ก่อนที่พวกมันจะถูกบดขยี้กลายเป็ นธุลีในพริ บตา ข้อศอกซ้าย
ของเฟิ งชือหัวถูกฟาดจนหัก ภายใต้กระบวนท่าอันรุ นแรงนี้ ร่ าง
ของมันปลิวกระเด็นราวกับว่าวป่ านขาดก่อนจะกระแทกเข้าใส่
ภูเขาหิ นห่างไปสามร้อยเมตรอย่างแรงจนแตกกระจาย
ด้วยพลังฝี มือของหยุนเช่อ การจะโค่นล้มหลิงเทียนหนี่ที่
บรรลุปราณจักรพรรดิข้ นั หกจําต้องอาศัยเซี่ยฉิ งเยว่ช่วยเหลือ
ตามปกติแล้วชายหนุ่มไม่มีทางเอาตัวรอดจากการปะทะกับเฟิ งชือ
หัวที่บรรลุปราณจักรพรรดิข้นั แปดได้เลยแม้แต่นอ้ ย! หากมัน
สามารถคงสภาพทัณฑ์อสู รโลกันตร์เอาไว้ได้กย็ งั พอมีหวัง แต่ก็
แทบจะเป็ นไปไม่ได้… อีกอย่างคือมันสามารถคงสภาพทัณฑ์
อสู รโลกันตร์ไว้ได้เต็มที่สิบห้าอึดใจ หลังจากนั้นจะถือว่ามันท้า
ทายโชคชะตา และหลังจากยีส่ ิ บอึดใจไปก็นบั ว่าหาที่ตาย
และความหวังเดียวที่มนั มีในการฆ่าเฟิ งชือหัว… ก็คือการ
ทุ่มเทพลังฝี มือและกําลังใจทั้งหมดออกจนถึงขั้นดึงเอาพลังชีวติ
ตนเองมาใช้! ขณะเดียวกันมันก็จาํ ต้องใช้กลยุทธ์และเล่ห์เหลี่ยม
ทุกรู ปแบบ--- ไม่วา่ จะตํ่าช้าเพียงไหนก็ตาม
ด้วยความแข็งแกร่ งของร่ างหยุนเช่อในยามนี้ พลังเพียงสาม
ส่ วนของเฟิ งชือหัวที่เป็ นธาตุอคั คียอ่ มไม่อาจทําให้มนั บาดเจ็บ
หนักได้ ทั้งเสื้ อผ้าที่ขาดวิน่ และแผลเล็กแผลน้อยทัว่ ร่ างล้วนแต่
เป็ นแผนลวงของมัน… เพื่อโอกาสครั้งนี้ และผลที่ได้กย็ งั ดีกว่าที่
มันคาดคิดไว้เสี ยอีก… ถึงกับทําให้แขนของเฟิ งชือหัวข้างหนึ่งใช้
การไม่ได้โดยสมบูรณ์!
เมื่อต้องปะทะกับเฟิ งชือหัวที่เหลือแขนเพียงข้างเดียว
โอกาสสังหารอีกฝ่ ายของมันก็ยอ่ มสู งขึ้น!
เฟิ งชือหัวส่ งเสี ยงคํารามด้วยโทสะพลางลุกขึ้นจากกองหิ น
แขนซ้ายของมันตกห้อยและบิดเบี้ยวจนน่ากลัว มันใช้มือขวากุม
แขนซ้ายไว้ราวกับกําลังเจ็บปวดสุ ดประมาณ กระดูกแขนซ้าย
เกือบทุกท่อนของมันหักจนหมดสิ้ น มันส่ งเสี ยงกู่ร้องราวกับคุม้
คลัง่ “หยุนเช่อ… ข้าจะฉี กเจ้าเป็ นหมื่นชิ้น!!”
เฟิ งชือหัวมีชีวติ อยูม่ ากว่าร้อยปี ประสบการณ์ต่อสู ข้ องมัน
นั้นมากมายหาที่เปรี ยบ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่คนเย่อหยิง่ และ
ประมาทศัตรู ต่อให้พบเจอกับศัตรู ที่อ่อนแอกว่า มันก็ยงั คง
ระมัดระวังตัวยิง่ ... ทว่าหยุนเช่อนั้นอ่อนแอเกินไป ชั้นปราณปฐพี
นั้นอ่อนด้อยกว่ามันถึงสองห้วงลมปราณ มันจะระมัดระวังตัวได้
เช่นไร? หากเสื อร้ายเผชิญหน้ากับหมาป่ าที่บาดเจ็บ มันก็ยงั อาจ
ระวังตัว แต่เสื อร้ายจะระวังตัวยามเผชิญหน้ากับลูกกระต่าย
บาดเจ็บได้อย่างไร? ความเจ็บปวดของแขนมันนั้นไม่อาจทานทน
ได้ และในใจมันก็บงั เกิดความตื่นตระหนก… พลังฝี มือของหยุ
นเช่อที่ใช้ออกเมื่อครู่ มีเพียงราชันขั้นสูงเท่านั้นจึงจะใช้ออกได้ ผู ้
บรรลุปราณปฐพีจะใช้พลังระดับนี้ออกได้เช่นไร?”
ขณะมันส่ งเสี ยงกู่ร้อง ร่ างเบื้องหน้ามันก็พลันไหววูบ
ก่อนที่หยุนเช่อจะลงมือจู่โจมอีกคราพร้อมกับแรงคุกคามไม่แพ้
เมื่อครู่ โดยเฉพาะดวงตาของมันที่เปล่งประกายแดงฉานดุจโลหิ ต
“ตาย!!” เฟิ งชือหัวถูกโทสะและความเกลียดชังเข้าครอบงํา
ในพริ บตา มันคํารามลัน่ ขณะสะบัดมือขวาออก มันโคจรพลัง
ลมปราณอย่างบ้าคลัง่ ก่อนจะตะปบเข้าใส่ ทรวงอกหยุนเช่อ… มัน
หมายจะฉี กหัวใจหยุนเช่อเป็ นชิ้นๆ แขนมันถูกฟาดจนหัก ไยมัน
ต้องสนใจด้วยว่าหยุนเช่อจะเป็ นปี ศาจจากแดนปี ศาจมายา
หรื อไม่? ด้วยโทสะอันลึกลํ้าของมัน มันหมายเพียงฉี กอีกฝ่ ายเป็ น
ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเท่านั้น
แคว้ก!!
ฝ่ ามือของเฟิ งชือหัวตะปบคว้าอากาศธาตุ ขณะหยุนเช่อสี่
คนพลันปรากฎขึ้นรอบตัวมัน ด้วยประสบการณ์ต่อสู อ้ นั สู งลํ้า
ของเฟิ งชือหัว แม้มนั จะตกใจ แต่กไ็ ม่ลนลาน มันเพียงจับ
ตําแหน่งหยุนเช่อเอาไว้ก่อนจะรวมพลังปราณทัว่ ร่ างแล้วระเบิด
ออกจู่โจมพร้อมกันทั้งสี่ ทิศทาง
ตูม!!
หยุนเช่อเร่ งหลบมาเบื้องหลังเฟิ งชือหัว ก่อนจะฟาดกระบี่
ทัณฑ์มงั กรเข้าใส่ แผ่นหลังของมันอย่างจัง ขณะเดียวกันเฟิ งชือ
หัวก็เร่ งพลังปราณของตนขึ้นและตวัดฟาดเข้าใส่ ทรวงอกหยุ
นเช่ออย่างจังเช่นกัน
คลื่นพลังสองสายพลันปะทุออกพร้อมกัน บังเกิด
แรงสัน่ สะเทือนจนแม้แต่ภูเขารอบด้านยังสัน่ สะท้านอย่างแรง
ทรวงอกหยุนเช่อปรากฎบุปผาโลหิ ตระเบิดออกขณะมันกระเด็น
ไปอย่างแรง สารรู ปเฟิ งชือหัวยังน่าอดสู ยง่ิ กว่า มันถูกกระบี่ทณ ั ฑ์
มังกรฟาดอย่างแรงจนตัวติดพื้นก่อนจะกลิ้งกระเด็นไปไกล
บังเกิดรอยยุบลึกครึ่ งนิ้วมือบนแผ่นหลังมัน มันใช้ฝ่ามือกระแทก
พื้นก่อนจะกระโดดลุกขึ้น ก่อนที่มนั จะทันยืนหยัดมัน่ มันก็เห็น
ว่าหยุนเช่อที่ถูกฟาดกระเด็นไปกําลังลอยอยูก่ ลางอากาศ จากนั้น
ร่ างของชายหนุ่มพลันลุกโชนด้วยเปลวเพลิงขณะมันดิ่งร่ างลงมา
ดุจดาวตก
ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก!!
“อะ… อะไรกัน!?!”
เฟิ งชือหัวเบิกตากว้าง มันไม่อาจทําใจเชื่อได้วา่ หยุนเช่อ
กําลังเหิ นร่ างกลางอากาศ และยังยืมแรงจากมันเพือ่ ลอยตัวขึ้นฟ้า
อีก แววตาของมันหม่นลงขณะจุดเพลิงเทพหงสาอันทรงพลังขึ้น
บนฝ่ ามือขวา… บนฝ่ ามือนี้คือพลังทั้งหมดของตัวมัน ก่อนที่มนั
จะปล่อยเพลิงสายนี้เข้าใส่ หยุนเช่อพลางคํารามลัน่ อย่างโกรธ
เกรี้ ยว
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าของเฟิ งชือหัว หยุนเช่อที่
ทะยานร่ างลงมาไม่กลับชะลอลงแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ ทิศทางก็ยงั ไม่
แปรเปลี่ยนราวกับมันตั้งใจเสี่ ยงชีวติ รับกระบวนท่าของเฟิ งชือหัว
เพื่อให้ออกกระบวนท่าของตนเองได้… ทันทีที่ใช้พลังทั้งหมด
ออกไป ต่อให้เฟิ งชือหัวคิดอยากจะรั้งไว้กม็ ิอาจกระทํา เมื่อต้อง
เผชิญหน้ากับวิธีสูแ้ บบแลกชีวติ ของหยุนเช่อ ดวงตาของเฟิ งชือ
หัวก็ได้แต่เบิกกว้างขณะมันคํารามกึกก้อง “หาที่ตาย!!”
ตูมมมมมม!!!!!
กระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรของหยุนเช่อกับฝ่ ามือของเฟิ งชือหัวปะทะ
เข้าใส่ ร่างของอีกฝ่ ายพร้อมกันอย่างหนักหน่วง… เส้นเลือด
จํานวนมากบนแขนหยุนเช่อระเบิดแตกออกขณะโลหิ ตมากมาย
กระฉุดออกมาจากทรวงอกมัน กระดูกซี่โครงหักหลายท่อน
พร้อมกับกระดูกสันอก อวัยวะภายในปรากฎร่ องรอยบอบชํ้า ร่ าง
ของมันถูกฟาดจนกระเด็นขึ้นสูงกว่าสามร้อยเมตร
ส่ วนกระดูกอกและซี่โครงทางร่ างซีกซ้ายของเฟิ งชือหัวก็
แตกเป็ นชิ้นดล็กชิ้นน้อย หัวใจมันถึงกับเคลื่อนออกจากตําแหน่ง
เดิมไปหนึ่งนิ้วขณะโลหิ ตพวยพุง่ ออกจากบาดแผลราวกับนํ้าพุ
มันไม่อาจทําใจเชื่อได้วา่ มันจะถูกเด็กน้อยชั้นปราณปฐพีทาํ ร้าย
จนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ อีกทั้งกระบวนท่าสุ ดแรงของมันยังไม่
อาจบดขยี้อีกฝ่ ายให้เป็ นชิ้นๆได้ อันที่จริ งแล้วพลังของมันไม่อาจ
ทะลวงเข้าสู่ อวัยวะภายในของอีกฝ่ ายได้เลยแม้แต่นอ้ ย พลัง
ทั้งหมดล้วนแต่ถูกต้านรับไว้จนหมดสิ้ น
พลังระดับนี้ ร่ างกายระดับนี้… จะเป็ นของผูบ้ รรลุปราณ
ปฐพีได้ยงั ไง… เรื่ องเช่นนี้เป็ นไปได้ยงั ไงกัน!!
ปะทะกันไม่นาน ทั้งสองก็ลว้ นแต่เต็มไปด้วยโลหิ ตและ
บาดแผล นี่เป็ นเพราะสิ่ งที่หยุนเช่อต้องการมิใช่การประลองฝี มือ
มิใช่การรักษาชีวติ ตนเอง หรื อการโค่นล้มเฟิ งชือหัว แต่มนั
ต้องการให้เฟิ งชือหัวตาย! เพือ่ จะสังหารเฟิ งชือหัว มันจําต้อง
ทุ่มเทพลังทั้งหมดในช่วงเวลาไม่กี่สิบอึดใจนี้เพื่อจู่โจมแทนที่จะ
ใช้พลังและเวลาไปกับการหลบหลีกและป้องกัน
“เทพหมาป่ า --- ผ่า --- ปฐพี!!”
หยุนเช่อที่ลอยอยูก่ ลางอากาศไม่สนใจอาการบาดเจ็บทั้ง
ภายในและภายนอกของตน ทั้งยังไม่รอตั้งหลักขณะมันรวบรวม
พลังทั้งหมดเข้าสู่ กระบี่หนักของตนอีกครา เงาร่ างหมาป่ าฟ้าส่ ง
เสี ยงกู่ร้องขณะมันพุง่ เข้าใส่ เฟิ งชือหัวก่อนจะปะทะเข้าทรวงอก
ของมันอย่างหนักหน่วง… เฟิ งชือหัวเร่ งเร้าพลังทั้งหมดเพือ่
หยุดยั้งเงาร่ างหมาป่ าฟ้านี้ ทว่ามันก็ถูกแรงมหาศาลของกระบวน
ท่านี้กดดันจนถอยหลัง มันพอจะสยบพลังของเทพหมาป่ าผ่าปฐพี
ไว้ได้หลังจากสองเท้าลากพื้นไปแล้วเป็ นทางยาวกว่าสามสิ บ
เมตร ทว่าก่อนที่มนั จะทันพักหายใจหยุนเช่อก็ด่ิงร่ างลงมาจากฟ้า
และจู่โจมอีกครั้งหนึ่ง
เฟิ งชือหัวเปล่งเสี ยงร้องกึกก้องขณะมันควบรวมเปลวเพลิง
ของตนให้กลายเป็ นกระบี่เล่มหนึ่ง ทว่าครานี้มนั กลับมิได้จู่โจม
หยุนเช่อ แต่กลับทุ่มเทพลังทั้งหมดเข้าสู่กระบี่เพลิงเทพหงสาเพื่อ
สยบกระบี่หนักของหยุนเช่อ… แต่ละกระบวนท่าของหยุนเช่อใช้
ออกโดยไม่คิดชีวติ แต่เฟิ งชือหัวจะคิดแลกชีวติ กับมันได้เช่นไร?
ต่อหน้าพลังมหาศาลอันน่ากลัวและความบ้าคลัง่ ของหยุนเช่อผูใ้ ช้
วิธีหนึ่งแผลแลกหนึ่งแผล โทสะของเฟิ งชือหัวพลันถูกแทนที่ดว้ ย
ความกลัวอย่างรวดเร็ ว
ด้วยกระบวนท่าที่หยุนเช่อฟาดกระบี่ออก เส้นเลือดหลาย
สิ บเส้นบนแขนมันจะแตกออก สองแขนของมันถูกย้อมจนแดง
ฉานด้วยโลหิ ตจนราวกับนําไปจุ่มบ่อโลหิ ตมา บาดแผลทัว่ ร่ างมัน
ก็ปรากฎโลหิ ตหลัง่ ไหลออกมาไม่หยุด และอาการบาดเจ็บภายใน
ของมันยิง่ มายิง่ รุ นแรงขณะมันลงมือจู่โจมอย่างไม่คิดออมแรง
ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจแม้แต่นอ้ ย ทุกกระบี่ของมันนั้นล้วน
แต่รุนแรงอย่างที่สุด
ตูม!ตูม!ตูม!ตูม...
บทที่ 415 ดุเดือด

การโจมตีของหยุนเช่อที่เฟิ งชือหัวฝื นรับไวแต่ละครั้ง มัน


รู ้สึกราวกับว่าหยุนเช่อเป็ นขุนเขาที่พงุ่ ชนมันมันอย่างโหดเหี้ ยม
ไม่ชา้ ไม่นานมันก็เริ่ มสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง อวัยวะภายในของ
มันรู ้สึกราวกับจะแตกออก และ เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่แดงกํ่า
ของหยุนเช่อ รวมทั้งแรงปะทะอันน่าหวาดหวัน่ ที่ถูกส่ งผ่านท่อน
แขนมัน มันก็เริ่ มที่จะเกรงกลัวอย่างแท้จริ ง … ในเวลานั้น ภายใต้
แรงกดดันจากกระบี่หนักของหยุนเช่อ มันไม่สามารถตอบโต้ได้
แม้เพียงดาบเดียว นับประสาอะไรที่จะหลบหนี
การมองเห็นของหยุนเช่อ เปลี่ยนเป็ นทุ่งหมอกสี แดงฉาน
เรี ยบร้อย และมีเพียงเฟิ งชือหัวที่คงอยูใ่ นโลกสี แดงฉานแห่งนั้น
ในหัวใจของหยุนเช่อยามนี้มีเพียงจิตสังหารอันเต็มเปี่ ยม อย่างไร
ก็ตาม
เฟิ งชือหัวยังคงเป็ นราชันขั้นสู ง แม้หยุนเช่อจะโจมตีดว้ ย
พลังสู งสุ ด มันยังคงสามารถป้องกันได้เช่นเดิม แต่ทนั ใดนั้น พลัง
ที่เปล่งออกจากหยุนเช่อพลันขยายตัวเพิ่มขึ้น ริ้ วสี ครามที่มืดมัว
ถูกปล่อยออกมาจากแขนซ้ายของหยุนเช่อ
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ข้นั ตํ่าสุดเป็ นสี แดง มันกลายเป็ นสี สม้
หลังจากครอบครองแก่นโลหิ ตมังกรเทวะ เป็ นสี เหลืองภายใต้
สถานะวิญญาณอสู ร ภายใต้ทกั ษะอสู รผลาญใจมันกลายเป็ นสี
เขียว และตอนนี้หยุนเช่อใช้ “ทัณฑ์อสู รโลกันต์”...มันเป็ นเรื่ องน่า
เหลือเชื่อ ที่หตั ถ์ปราณไร้ลกั ษณ์มีพลังถึงระดับสี คราม ที่หยุนชาง
ไห่ครอบครอง ! และหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์สีครามนี้มีพลังเทียบเท่า
กับครึ่ งหนึ่งของผ้◌ูใช้ !
ภายใต้สถานะที่หยุนเช่อผลักดันตัวเองถึงขีดจํากัดอีกทั้งใช้
หัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่ามันเร่ งการใช้ลมปราณ
มากมายปานใด ทั้งอาจส่ งผลกระทบร้ายแรงที่นาํ มาซึ่งผลลัพธ์ที่มิ
อาจคาดเดา อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะปราบเฟิ งชือหัวหยุนเช่อยังคง
ตัดสิ นใจฝื นใช้หตั ถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ออกมา
ปั้ง!!
เฟิ งชือหัวเพิ่งต้านทานกระบี่หนักไว้ได้ หัตถ์ปราณไร้ลกั ษ์
พลันพุง่ ออกมาอีกทางหนึ่ง ในตอนนี้มนั ไม่มีพลังปราณเหลือ
เพียงพอที่จะต้านทานได้ และโดนหัตถ์ปราณไร้ลกั ษณ์ปะทะเข้า
ที่ศีรษะ...เสี ยงระเบิดดังขึ้นจากศีรษะมันอย่างรวดเร็ ว ในขณะที่
ร่ างของมันกระเด็นออกไป มันตกจากความสู งหนึ่งร้อยห้าสิ บ
เมตรจากพื้นดิน และปะทะกับพื้นดินจนเกิดหลุมใหญ่ลึกหลาย
เมตร ศีรษะและส่ วนบนของร่ างกายอยูท่ ี่กน้ หลุมขนาดใหญ่
เฟิ งชือหัว “อ่าห์!!!เจ้า เดรัจ...”
เฟิ งชือหัวร้องเสี ยงครวญครางประดุจสัตว์ป่า มันกระโจน
ออกมาจากหลุมขนาดยักษ์อย่างโกรธเกรี้ ยว ทัว่ ทั้งใบหน้าของมัน
เต็มไปด้วยหยาดโลหิ ต ผิวหนังของมันปกคลุมไปด้วยสี แดงฉาน
บนหน้าผากมันปรากฎรอยหลุมโลหิ ตอันหน้าหวาดกลัวขนาดเท่า
กําปั้น มันรู ้สึกเจ็บปวดสุ ดทานทนจนแทบบ้าคลัง่ แต่ก่อนที่จะมี
เวลาที่จะให้ดิ้นรนออกพ้นรัศมีของหยุนเช่อ พลันมีประกาย
บางอย่างสะท้อนเข้าดวงตาของมัน กระบี่หนักสี ข้ ีเถ้าที่ปกคลุมไป
ด้วยเพลิงเทพหงสาพลันปรากฎขึ้นดวงตา ตามด้วยหัตถ์ปราณไร้
ลักษ์ที่ได้เปลี่ยนรู ปเป็ นกระบี่หนัก
ดวงตาของเฟิ งชือหัวกลายเป็ นสี แดงฉาน ในขณะที่มือ
กระชับกระบี่แน่นขึ้นและส่ งพลังทั้งหมดเข้าสู่ดาบอัคคีก่อนจะ
เข้าปะทะกับกระบี่ยกั ษ์และหัตถ์ปราณไร้ลกั ษ์ของหยุนเช่อ
บูม!!!!
ภูเขาสามลูกเล็กๆที่อยูใ่ นอาณาบริ เวณที่ท้ งั สองปะทะกัน
ถล่มลงจากแรงสัน่ สะเทือนอย่างรวดเร็ ว ขุนเขาราบเรี ยบลงส่
พื้นดิน คล้ายปรากฏรอยจันทราโลหิ ตเด่นชัดขึ้น ภายในจันทรา
โลหิ ตนั้น ก้อนหิ นและต้นไม้ถูกทําลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี ผูค้ นสอง
คนดัง่ ใบไม้แห้งเหี่ ยวสองใบที่ตอ้ งลมพายุบา้ ระหํ่า ต่างกระจัด
กระจายแยกย้ายออกเป็ นสองทาง
ปั ง!!!
ร่ างของเฟิ งชือหัวพุง่ เข้าปะทะกับพฤกษาบรรพกาลอย่าง
รุ นแรง มันตกลงมาเหนือพื้นดิน และ เริ่ มไออกมาอย่างหนัก
หน่วง การไอทุกครั้งจะตามมาด้วยก้อนโลหิ ตจํานวนมาก
ในขณะที่มนั ไอออกมา ชิ้นส่ วนบางชิ้นของอวัยวะภายในก็พงุ่
ออกมาด้วย...อย่างไรก็ตามแม้ในสถานการณ์เช่นนี้ มันยังไม่อาจ
แม้จะหอบหายใจ เนื่องเพราะเงาของหยุนเช่อโผล่ออกมาที่เบื้อง
หน้ามันด้วยดวงตาที่เหมือนปี ศาจร้ายอีกครั้ง
หยุนเช่อในปัจจุบนั กลับดูเลวร้ายมากกว่ามัน ทัว่ ร่ างหยุ
นเช่อปกคลุมไปด้วยโลหิ ต ใบหน้าและแขนขาของมันไม่มีแม้แต่
จุดเดียวที่ไม่ถูกย้อมไปด้วยคราบเลือด โดยเฉพาะอย่างยิง่ กระบี่
หนักที่มนั ถืออยูใ่ นมือ สายแล้วสายเล่าของหยาดโลหิ ต หยดลง
บนพื้นทีละหยดๆ อย่างไรก็ตามคลื่นพลังและความเร็ วปี ศาจของ
มันกลับไม่ลดลงแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่เฟิ งชือหัวจับจ้องมัน
พริ บตาต่อมา หยุนเช่อใช้ท่าเท้าเทพดาราแยกเงาเคลื่อนมาปรากฏ
ต่อหน้ามันในฉับพลัน
“เจ้า… เจ้าบ้าไปแล้ว!!”เฟิ งชือหัวตื่นตระหนกจนถึงจุดที่ลูก
ตาของมันแทบจะถลนออกมา ถึงแม้มนั จะถูกหยุนเช่อโจมตีอย่าง
หนักหน่วง หากแต่หยุนเช่อเองก็ได้รับผลกระทบจากพลังที่มีอยู่
เช่นกัน มันยังสามารถสังเกตุเห็นอาการบาดเจ็บของหยุนเช่อ
ในตอนนี้ได้...แต่ภายใต้เงื่อนไขเช่นนั้น มันกลับไม่ระงับอาการ
บาดเจ็บ หากยังคงจู่โจมต่อไปอย่างคลุม้ คลัง่
เฟิ งชือหัว มีชีวติ อยูม่ านานนับร้อยปี แต่มนั มิใช่ไม่เคยเห็น
คนวิกลจริ ตเช่นนี้มาก่อน หากมันกลับไม่เคยเห็นคนบ้าที่มี
ขอบเขตเช่นนี้ มันกัดฟันจนแทบแหลกละเอียด ในขณะที่กาํ ลัง
รวบรวมพลังปราณภายในร่ าง รู ม่านตาก็พลันหดลง ... นัยตาของ
มันสะท้อนให้เห็นมังกรสี ฟ้าคํารามที่กาํ ลังทะยานขึ้นไปบนนภา
เขตแดนวิญญาณมังกร!
เสี ยงคํารามก้องทัว่ ท้องนภาของวิญญาณมังกรที่ปรากฎขึ้น
เหนือเทือกเขาวิหคเพลิง ทําให้เหล่าสัตว์อสู รลมปราณธาตุไฟ
ทั้งหมดต้องหมอบลงบนพื้นและสัน่ สะท้านด้วยความหวาดกลัว
ทัว่ ร่ างของเฟิ งชือหัวเริ่ มสัน่ อย่างต่อเนื่อง และความหวาดหวัน่
ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมัน พลังลมปราณที่เพิง่ รวบรวมมาเริ่ ม
กระจัดกระจายอย่างรวดเร็ วภายใต้ความหวาดกลัว...หยุนเช่อ
ยังคงรักษาสถานะ “ทัณฑ์อสู รโลกันต์”ไว้ ในตอนนี้มนั ไกล้จะถึง
ขีดจํากัดแล้ว ถ้าหยุนเช่อมีความสามารถเพียงพอ คงจะใช้ “ถล่ม
ฟ้าทลายปฐพี”เพือ่ ลบล้างเฟิ งชือหัวไปแล้ว แต่ดว้ ยอาการบาดเจ็บ
ที่อวัยวะภายในของมันนั้นมาถึงขอบเขตที่แทบจะแหลกสลาย
หากหยุนเช่อใช้ “ถล่มฟ้าทลายปฐพี” บางทีร่างของมันอาจจะ
แหลกเป็ นผุยผงในทันที
แม้การใช้เขตแดนวิญญาณมังกร จะใช้พลังปราณมากกว่า
พลังทั้งหมดที่เหลือ ซึ่ งทําให้สภาวะจิตของมันแตกทําลายอย่าง
มหาศาล แต่ดว้ ยสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้ “ถล่มฟ้าทลายปฐพี”
ได้น้ นั แม้มนั จะมีราคาที่ตอ้ งจ่ายมากมายเพียงใด เพื่อที่จะจบ
เรื่ องราวนี้และกําจัดเฟิ งชือหัว หยุนเช่อเปิ ดเขตแดนวิญญาณมังกร
โดยปราศจากความลังเล ไม่เพียงเขตแดนวิญญาณมังกรจะช่วยให้
เขาจัดการเป้าหมายได้ สิ่ งสําคัญที่สุดคือมันสามารถลบล้างพลัง
ป้องกันฝ่ ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์
ถ้ามันเป็ นสถานการณ์ปกติ ด้วยระดับราชันชั้นสู ง
ผลกระทบของเขตแดนวิญญาณมังกรจะลดลงตามพลังปราณที่
สู งส่ งของเฟิ งชือหัว แต่เนื่องจากการบาดเจ็บในร่ างของมันใน
ขณะนี้ รวมทั้งจิตใจที่ถูกบดขยี้ดว้ ยความหวาดกลัว เขตแดน
วิญญาณมังกรย่อมแปล่งอานุภาพของมันได้อย่างเต็มที่ หยุนเช่อ
เริ่ มโจมตีทนั ทีในเวลาที่พลังงานของมันรวมกันอยูบ่ นมือทั้งคู่
"ทําลายจันทร์ดบั ดารา!!"
กระบี่หนักที่ยกขึ้น เปลวเพลิงเทพหงสาที่ลุกโชน ทัณฑ์
มังกรที่หลอมรวมพลังทั้งหมดของหยุนเช่อ พร้อมกลิ่นอายของ
เทพแห่งความตายที่พวยพุง่ ไปยังจิตใจเฟิ งชือหัว ... เมื่อเผชิญหน้า
กับความตายที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ ว สัญชาตญาณเฟิ งชือหัว
พลันสัง่ มือทั้งสองข้างให้มาป้องกันเบื้องหน้าของมันในทันที
ขณะที่ตวั สัน่ ด้วยความหวาดกลัว มันไม่ทนั สร้างโล่ลมปราณ
สมบูรณ์ดว้ ยซํ้า
บูม !!!!
ปฐพีแตกระเบิดออกมา ภายใต้สภาวะจิตใจที่พงั ทลาย พลัง
ป้องกันที่เฟิ งชือหัวสร้างขึ้นพลันสลายตัวเหมือนฟองสบู่ที่บอบ
บาง ท่ามกลางผืนฟฐพีที่สนั่ สะเทือนและเส้นของรอยแตก
กระจายไปทัว่ อย่างรวดเร็ วใต้เท้าของมัน และขยายไปมากกว่า
สามร้อยเมตร สําหรับเฟิ งชือหัว หยุนเช่อไม่อาจมองเห็นร่ างของ
มันได้อีกต่อไป ...ไม่ทราบซากร่ างของมันจมลงลึกไปในพื้นดิน
ถึงเพียงไหน
แปะ..
แปะ….
เลือดสดๆไหลจากเส้นเลือดฝอยในนิ้วหยุนเช่อดุจไข่มุกที่
ขาดจากสาย มันไหลลงบนซากปรักหักพังบนพื้นอย่างรวดเร็ ว
การโจมตีก่อนหน้านี้ท้ งั หมดของหยุนเช่อก่อให้เกิดรอยแตกนับ
ไม่ถว้ นบนร่ าง เลือดย้อมร่ างกายของมันทําให้เขามีลกั ษณะคล้าย
กับปี ศาจกระหายเลือด เป็ นอสูรที่กา้ วออกมาจากสนามรบ แม้ลม
ที่พดั ผ่านร่ างของมันยังนํามาซึ่ งกลิ่นฉุนของโลหิต
สุ ดท้าย...จบ…..
ปั้ง!!
ทัณฑ์มงั กรหลุดจากมือของหยุนเช่ออย่างไร้พลัง ท่ามกลาง
เสี ยงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงพื้น แสงสี แดงในดวงตาหยุนเช่อ
หายไป ลมปราณไร้ลกั ษณ์กลับมาที่แขน ขณะที่ดวงตาค่อยๆปิ ด
ช้าๆ หลังจากที่ร่างทั้งร่ างสัน่ ไหว ในที่สุดร่ างของหยุนเช่อก็ตกลง
บนพื้นดิน ... เมื่อตอนตัดสิ นใจว่าเขาจะฆ่าเฟิ งชือหัว เขารู ้วา่ การ
ต่อสู ค้ รั้งนี้จะเป็ นความโหดเหี้ ยมอย่างถึงที่สุด เพราะด้วยความ
แข็งแรงในปั จจุบนั ของเขาหากต้องการที่จะฆ่าเชื้อราชันระดับสู ง
ย่อมจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล ในที่สุดเขาก็ประสบ
ความสําเร็ จ ... สามารถสังหารยอดยุทธขั้นลมปราณจักรพรรดิ
ตอนปลาย หยุนเช่ออาจกล่าวได้เลยว่าเขาสามารถสร้างตํานานที่
ไม่เคยมีมาก่อนบนทวีปลมปราณฟ้า
จุดสําคัญที่สุดเกิดจากครั้งแรกที่เขาได้แตะตัวเฟิ งชือหัว
ในขณะที่มนั ไร้ซ่ ึงการป้องกันและทําลายแขนของมันในตอนนั้น
มิฉะนั้น แม้จะใช้พลังทั้งหมดที่เขามีกเ็ ป็ นเรื่ องยากที่จะจัดการ
เฟิ งชือหัว
“ต้อง...รี บ...ออกจาก…..ที่นี่”
หยุนเช่อพยายามเหยียดแขนออก และบังคับร่ างที่สกปรก
ของเขา เขาต้องใช้พลังเกือบทั้งหมดในการคืบคลานไปเบื้องหน้า
เพียงไม่กี่นิ้ว สิ่ งที่เขาควรจะทําในตอนนี้คือรักษาบาดแผลของเขา
แต่สถานที่แห่งนี้เป็ นขุนเขาเทพหงสา ซึ่งเป็ นสถานที่ศกั ดิ์สิทธิ์
ของจักรวรรดิเทพหงสา! ด้านล่างนี้ยงั คงมีค่ายกลมหาวิหคเทพหง
สาดํารงอยู่ เสี ยงของการต่อสูข้ องเขากับเฟิ งชือหัว ก็ดงั มาก จน
มันเป็ นไปได้มากที่ผคู ้ นของจักรวรรดิเทพหงสาจะรับรู ้แล้ว ถ้า
เขาไม่จากไปในทันที ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายอย่างคาดไม่ถึง แม้ผู ้
ที่มาจะมิใช่ชนชั้นราชัน แต่แค่ศิษย์ช้ นั ตํ่าสุ ดในพรรคเทพหงสาก็
สามารถเอาชีวติ ของเขาได้แล้ว
เขาจ้องมองไปยังมือซ้ายและเรี ยกหงส์หิมะอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้วา่ ตราประทับจะส่ องประกายหลายครั้งหงส์
หิ มะกลับไม่เคยปรากฏกาย ตราประทับที่ไม่ได้หายไปพิสูจน์วา่
หงส์หิมะยังไม่ตาย อย่างไรก็ตาม การโจมตีของเฟิ งชือหัวมาก
พอที่จะทําให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ตายได้
“ฮึบ...ฮึบ...อึก”
เสี ยงครวญครางอย่างเจ็บปวดลอยมาจากทิศทางที่มือของ
เขายืน่ ออกมา นอกจากนี้มนั ฟังดูห่างไกลแต่กลับใกล้ สี หน้าของ
หยุนเช่อพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ชายหนุ่มหันหัวไปรอบ ๆ
ก่อนพบเห็นมือข้างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นจากขอบหลุมที่เกิดจาก
เทพหมาป่ าผ่าปฐพี ... แล้วร่ างที่ปกคลุมไปด้วยเลือดก็คืบคลาน
ขึ้นมาอย่างช้าๆ
เฟิ งชือหัว!!
“อาห์… มันยังไม่ตาย”จัสมินกล่าวขึ้นด้วยนํ้าเสี ยงตํ่า
อาจกล่าวได้วา่ เฟิ งชือหัวในตอนนี้ดูอนาถอย่างถึงที่สุด ร่ าง
ทั้งร่ างของมันได้ถูกทําลายโดยไม่มีชิ้นดี ไม่มีส่วนใดมี่ดูคล้าย
มนุษย์ แต่กย็ งั คงมีชีวติ อยูอ่ ย่างชัดเจน นอกจากนี้ หากตัดสิ นจาก
การปี นป่ ายอย่างรวดเร็ วตอนออกมาจากหลุมลึกนั้น มันเป็ นที่
ชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บของเขาอย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อเทียบกับหยุ
นเช่อ
เป็ นไปไม่ ได้ ... เขตแดนวิญญาณมังกร ... โดยทั่วไปจะไม่
มีอาํ นาจใดใดสามารถต้ านทานมันได้ ... แล้ วเหตุใดมันยังไม่
ตาย ...
เฟิ งชือหัวปี นป่ ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ วนั้นได้ลุกขึ้นยืน และ
มองไปยังหยุนเช่อซึ่ งนอนจมกองเลือดอยูบ่ นพื้นดิน มันแกว่งไป
แกว่งมาเล็กน้อยในขณะที่หวั เราะอย่างหยาบกระด้าง: "ฮะ ... ฮ่า
ฮ่า ... ฮ่า ๆ ๆ ๆ ... ด้วย ... ความสามารถเพียงน้อยนิด...
เดรัจฉาน ... เช่นเจ้า ... คิดฆ่าข้า ... "
มันก้าวไปข้างหน้าเข้าใกล้หยุนเช่อ และสายตาที่แสดงถึง
ความมุ่งร้ายปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของมัน "ข้าจะ ... ฉี กร่ าง
เจ้า ... ทีละชิ้น... ทีละชิ้น ... "
ทันใดนั้นเงาขนาดมหึ มา ก็กวาดมาเหนือศีรษะพร้อมกับ
เสี ยงร้องที่แผ่วเบาหยุนเช่อพยายามที่จะยกศีรษะขึ้น หลังจากพบ
เห็น“มัน”ประกายแห่งความยินดีกป็ รากฎขึ้นในดวงตาของเขา:
"ฉานน้อย !!"
ครึ่ งหนึ่งของขนหงส์หิมะเต็มไปด้วยเลือด แต่มนั ยังคงบิน
อย่างมัน่ คง ขณะที่มนั บินเหนือร่ างของหยุนเช่อ สองปี กของมัน
สะบัดตบและเสานํ้าแข็งสามต้นก็พงุ่ ตรงไปยังเฟิ งชือหัว
เฟี้ ยว เฟี้ ยว เฟี้ ยว!!
ถ้าอยูใ่ นสถานการณ์ปกติยอ่ มเป็ นไปไม่ได้ที่การโจมตีของ
หงส์หิมะจะทําอันตรายเฟิ งชือหัว แต่ร่างของเฟิ งชือหัวในเวลานี้
แตกหักอย่างถึงที่สุดแม้การก้าวย่างแต่ละก้าวยังไม่มน่ั คง ดังนั้น
มันจึงเป็ นไปไม่ได้ที่จะป้องกันการโจมตีของหงส์หิมะ เสาทั้ง
สามจึงแทงผ่านร่ างของเฟิ งชือหัวอย่างง่ายดาย และหนึ่งในนั้นได้
หลงเหลือหลุมเลือดขนาดเท่ากําปั้นที่ลาํ คอของมัน
ดวงตาเฟิ งชือหัวถลนออกมา ภายใต้การโจมตีของเสา
นํ้าแข็ง ร่ างของมันล้มลงและไม่เคลื่อนไหวอีก ภายใต้ร่างของมัน
กลายเป็ นแอ่งโลหิ ตที่ขยายขนาดอย่างรวดเร็ ว ... เวลานี้มนั ได้ตาย
จนถึงจุดที่ไม่สามารถตายได้อีก มันอาจเคยคิดเกี่ยวกับวิธีที่มนั จะ
ตาย แต่มนั ไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะตายด้วยมือของผูฝ้ ึ กยุทธชั้น
ปราณปฐพีจากอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุด และสัตว์อสู รใต้พนั ธะ
สัญญาของคนผูน้ ้ นั
หยุนเช่อถอนหายใจอย่างโล่งอก ผลข้างเคียงของการใช้เขต
แดนวิญญาณมังกรกําลังเพิม่ ขึ้นอย่างรุ นแรง
มันส่ งผลกระทบทําให้จิตใต้สาํ นึกของเขาเริ่ มยุง่ เหยิง เขา
เหยียดแขนไปยังหงส์หิมะ และกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงที่แหบแห้ง
“ฉานน้อย ... รี บ ... ไป ... ยิง่ สู งยิง่ ดี ... ยิง่ ไกลยิง่ ดี ...” หงส์หิมะ
เสกลําแสงเย็นลําหนึ่งเพือ่ ยกตัวหยุนเช่อขึ้นมาบนหลัง จากนั้น
มันกระพือปี กและบินสู งขึ้นไปในท้องนภา
จิตใจหยุนเช่อสงบลง และ มันก็เป็ นแค่ช่วงเวลาก่อนที่เสี ยง
เย็นชาของจัสมินจะดังขึ้น “เจ้าควรรักษาสติให้คงที่ ...เจ้าควรรู ้
ด้วยว่าเหตุใดมันไม่ออกมาทันที หลังจากที่เจ้าได้เรี ยกมันหลาย
ต่อหลายครั้งก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าเป็ นเพราะบาดแผลของมัน
หนักหนาสาหัส ไม่เพียงจะได้รับบาดเจ็บที่ปีกเท่านั้น แม้วา่ มันจะ
สามารถบินได้ในตอนนี้ ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันจะสามารถบิน
ได้ไกลแค่ไหน”
หยุนเช่อ " ... "
แน่นอนว่าจัสมินไม่ได้บอกเล่าเพียงเพื่อให้หยุนเช่อเกิด
ความหวาดกลัว หยุนเช่อกัดปลายลิ้นตน เพื่อรักษาสติให้ตวั เอง
ให้คงอยูใ่ นช่วงเวลาสั้น ๆ ทันใดนั้นเขารู ้สึกว่าร่ างของหงส์หิมะ
สัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง โดยปกติต่อให้เจอกับมรสุ มขนาดใหญ่
มันยังสามารถบินผ่านได้อย่างราบรื่ น แต่ในขณะนี้สายลมภูเขาที่
พัดอย่างแผ่วเบา กลับเป็ นสาเหตุให้ร่างของมันแกว่งไกวไปมา
“ฉานน้อย ... เจ้าต้องทําได้!” หยุนเช่อตะโกนเบา ๆ หากเขา
ไม่สามารถบินออกจากเทือกเขาเทพหงสาเขาจะตายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเขาประเมินอาการบาดเจ็บของหงส์หิมะตํ่าไป
อย่างเห็นได้ชดั หลังจากดิ้นรนที่จะบินไปไม่กี่กิโลเมตร สายลมที่
รุ นแรงพัดผ่านศีรษะ ภายใต้สายลมที่รุนแรงนี้หงส์หิมะร้องครวญ
ครางออกมาอย่างเจ็บปวด ขณะที่กล้ามเนื้อบริ เวณปี กทั้งคู่กระตุก
เป็ นระยะๆ และมันเริ่ มตกลง
“ฉานน้อย!!”
ต่อหน้าเสี ยงร้องตะโกนของหยุนเช่อ หงส์หิมะกลับไร้ซ่ ึง
การตอบสนองแม้แต่นอ้ ย เหตุเพราะมันสิ้นสติกลางเวหา หยุ
นเช่อผูค้ รอบครองสายเลือดเทพหงสาและสายเลือดมังกรเทพเจ้า
ซึ่ งมีพลังคุม้ ครองระดับเทพเจ้าแท้จริ ง และร่ างของมันได้
เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นไม่วา่ จะได้รับบาดเจ็บหนัก
หนาเพียงใด หยุนเช่อย่อมสามารถอดทนได้ แต่หงส์หิมะกลับ
แตกต่าง มันป็ นเพียงสัตว์อสู รลมปราณธรรมดาตัวหนึ่ง การฝื น
บินมาระยะหนึ่งบวกกับอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ได้ทาํ ให้มนั ถึง
ขีดจํากัดแล้ว
หลังจากหงส์หิมะหน้ามืดกลางอากาศ หยุนเช่อไม่ได้มีแรง
มากพอที่จะคว้าปี กของหงส์หิมะไว้และแยกตัวออกมาอย่างช้าๆ
ในขณะที่กาํ ลังตก ... ไม่นาน ร่ างของหยุนเช่อร่ วงกระแทกพื้นดิน
อย่างหนักหน่วง ซึ่งนัน่ ไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก ... ต่อจากนั้น
มันปรากฎทางลาดเอียงขนาดใหญ่ข้ ึนเบื้องหน้า หยุนเช่อกลิ้งตัว
ลงอย่างรวดเร็ วพร้อมกับหงส์หิมะ ขณะที่กลิ้งอยูน่ ้ นั ด้วยสติที่ลาง
เลือน หยุนเช่อได้สงั เกตเห็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยไม้
เลื้อยห้อยลงมาจากที่สูง ... มันเป็ นหน้าผาอันสู งชัน !! เขาแลเห็น
ยอดเขามากมายเหนือหน้าผาขึ้นไป ... และไม่มีอะไรสู งเกินกว่า
ยอดเขาที่เขาได้กลิ้งลงมาในตอนนี้
ในเสี้ ยววินาทีน้ นั เขาเข้าใจทันทีวา่ ตนและหงส์หิมะได้ตก
ลงบนยอดเขาที่สูงที่สุดเทือกเขาเทพหงสา มีไม้เลื้อยมากมายห้อย
ย้อยลงจากยอดสู งสุด ... จากระดับความสู งกว่า 4,500 เมตร ...
ในที่สุดร่ างของเขาเขาก็ร่วงลงจากหน้าผา และเถาวัลย์ใน
อาณาบริ เวณนั้นช่วยชะลอความเร็ วในการตกของเขา ... ด้วย
ใบหน้าที่หนั ไปทางเบื้องบน จึงไม่สามารถมองเห็นพื้นดินใต้เท้า
ได้ และไม่ทราบว่าส่ วนบนหรื อส่ วนกลางของเทือกเขาที่อยูข่ า้ ง
ใต้เขาตอนนี้ ... หรื ออาจจะตกลงไปถึงตีนเขาก็เป็ นได้
เสี ยงลมพัดผ่านเหนือร่ าง กับจิตใจและร่ างกายที่เหนื่อยล้า
อย่างที่สุด รวมกับอาการบาดเจ็บที่สงั่ สมมา หยุนเช่อจึงไม่อาจที่
จะควบคุมร่ างที่ตอนนี้ลอยอยูก่ ลางเวหา อาการบาดเจ็บนั้นมาก
เสี ยจนหยุนเช่อไม่สามารถจะใช้พลังปราณได้แม้แต่นอ้ ย ... หยุ
นเช่อไม่แน่ใจว่าสายเลือดที่เขาได้รับจากเทพทั้งสองและพลัง
ป้องกันตามธรรมชาติของเขา จะมีประสิ ทธิภาพเพียงพอที่จะ
รองรับแรงกระแทก... หรื อไม่ร่างกายและกระดูกของเขาอาจฉี ก
ขาดและถูกบดขยี้เป็ นผุยผง ...เสี ยงหอนของลมกลบสรรพเสี ยง
อื่น ๆ ณ สถานมี่แห่งนี้ นอกเหนือจากเสี ยงลมที่พดั ผ่าน ไม่มี
อะไรภายในจิตสํานึกหยุนเช่อเลย เขาไม่มีพลังมากพอแม้เพียงจะ
กรี ดร้อง หลังจากผ่านไปหลายสิ บชัว่ ลมหายใจเข้าออก เสี ยงสาย
ลมที่ขา้ งหูของเขาก็ยงั คงกรี ดร้อง จนในที่สุด ...
ปั ง!!!!
หยุนเช่อได้ยนิ เสี ยงร่ างตนกระทบพื้นดินและเสี ยงร้องด้วย
ความหวาดกลัวของเด็กสาว . . . . . .
ความเจ็บปวดทัว่ ร่ างของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็ วพร้อม
กับสติที่ดบั วูบ ... ครึ่ งหนึ่งของฉากสุ ดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะสลบ
เป็ นหน้าผาสู งชัน อีกครึ่ งเป็ นฟ้าสี คราม ... แล้วใบหน้าของหญิง
สาวที่เป็ นที่งดงามราวกับนางในฝัน ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสี
คราม ดวงตาที่เบิกกว้างของนางส่ องสว่างกว่าดวงดาวจ้องมอง
มายังเขา ดวงตาที่บริ สุทธิ์คู่น้ ีกระจ่างกว่าจันทรา มันเต็มไปด้วย
ความสัตย์ซื่อ ความหวาดผวา ความประหลาดใจและความอยากรู ้
อยากเห็น ... หยุนเช่อเคยเห็นสตรี งดงามมากมาย แต่กบั ความงาม
สุ ดบรรยายที่ปรากฎเบื้องหน้าเขาในตอนนี้ ยังตงทําให้จิตใจของ
เขาสัน่ ระรัวอย่างบ้าคลัง่ ...
ช่างงดงาม...
หรื อจะเป็ นเทพธิดา...จากโลกเบื้องบน…
ภาพสตรี สะคราญโฉมจนไม่คล้ายมนุษย์กลายเป็ นสิ่ ง
สุ ดท้ายที่หยุนเช่อมองเห็นก่อนจิตสํานึกของเขาจะหายไปอย่าง
สมบูรณ์
บทที่ 416 เจ้ าหญิงหิมะ

หลังจากผ่านไปไม่นานนัก หยุนเช่อได้สติกลับคืน ความ


เจ็บปวดแล่นปราดไปทัว่ ร่ างกายของเขา เพื่อที่จะสังหารเฟิ งชือ
หัวร่ างกายของมันต้องรับภาระอย่างหนักหน่วง ซึ่งนับว่าเกินจาก
ที่มนั คาดไปมากนัก เส้นโลหิ ตเกือบครึ่ งของมันถึงกับฉี กขาด เจ็ด
ในสิ บของกล้ามเนื้อทัว่ ร่ างต่างได้รับความเสี ยหายในระดับที่
แตกต่างกันออกไป และอวัยวะภายในของมันล้วนเกิดรอยปริ
แตกหลายสิ บแห่ง หากอาการบาดเจ็บเหล่านี้เกิดขึ้นบนร่ างของผู ้
ฝึ กยุทธธรรมดาทัว่ ไป พวกมันคงลาโลกตกตายไปนานแล้ว
ความเจ็บปวดนี้เป็ นสัญญาณบ่งบอกหยุนเช่อว่าตัวมันยังมี
ชีวติ อยู่ พร้อมกับที่ร่างกายของมันเริ่ มฟื้ นฟู มันสัมผัสได้ถึง
กระแสพลังปราณอันอบอุ่นไหลเวียนไปตามร่ างกายของมัน ซึ่ ง
พลังปราณนี้ยอ่ มไม่ใช่พลังปราณของมัน แต่เป็ นของใครบางคน
สัมผัสของกระแสพลังปราณนี้แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและ
ระมัดระวัง ราวกับต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของชายหนุ่ม
นอกจากนี้ยงั แฝงไปด้วยความหวาดกลัวว่าจะพลั้งไปทําร้ายตัว
มัน การกระทําอย่างระมัดระวังและลังเลนี้ทาํ ให้ทราบได้วา่
เจ้าของของพลังปราณไม่เคยใช้พลังปราณในการรักษาอาการ
บาดเจ็บมาก่อน
ใครกัน...
ใครมาช่วยข้า...
ในยามนี้ ภาพที่ชายหนุ่มเห็นก่อนที่จะหมดสติปรากฎขึ้น
ในความคิดของมัน ภาพของดวงหน้าที่บริ สุทธิ์สวยงามจนแทบ
ไม่น่าเชื่อว่ามีอยูบ่ นโลกมนุษย์ แม้มนั จะได้เห็นเพียงบางส่ วนของ
ใบหน้านั้นในช่วงเวลาแสนสั้นก่อนที่มนั จะหมดสติ แต่ภาพนั้น
ยังคงตรึ งตราและถูกสลักลึกไว้ในดวงวิญญาณของมัน ไม่วา่ ใคร
จะได้เห็นภาพนั้นล้วนไม่อาจลืมเลือนใบหน้าอันงดงามไปได้ชวั่
ชีวติ ของมัน
นี่เป็ นความฝัน หรื อภาพวาดบนม้วนกระดาษกันนะ? ไม่...
แม้วา่ จะเป็ นความฝัน หรื อแม้จะเป็ นศิลปิ นที่เยีย่ มยอดที่สุดใน
โลกหล้า ล้วนไม่อาจพรรณนาความสวยงามที่ไร้คู่เปรี ยบปานนั้น
ได้
ดวงหน้าที่งดงามดังความฝันทําให้สติของหยุนเช่อที่เพิ่ง
กลับมาจมเข้าไปม่านหมอกอย่างไร้ทางควบคุม แม้กระทัง่ ความ
เจ็บปวดบนร่ างกายของมันล้วนถูกลืมเลือน กระแสปราณอัน
อบอุ่นค่อย ๆ จางหายไป พร้อมกับหยุนเช่อที่หมดสติไปอย่าง
เงียบงัน
ไม่นานหลังจากนั้น หยุนเช่อก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง ทั้ง
ยังคงรู ้สึกถึงพลังปราณที่อบอุ่นและอ่อนโยน หลังจากนั้นสติชอง
มันฟื้ นคืนแล้วหลุดลอยออกไปอีกหลายครา ทุกครั้งที่มนั ฟื้ น
กลับมา ชายหนุ่มล้วนสัมผัสได้ถึงกระแสพลังปราณนั้น ... หรื อ
อาจเป็ นไปได้วา่ ทุกครั้งที่กระแสปราณถูกส่ งเข้ามาในร่ างกายของ
มัน เป็ นผลให้สติสมั ปชัญญะของมันฟื้ นคืนมาในช่วงระยะเวลา
สั้น ๆ
ท้ายที่สุด ในช่วงเวลาหนึ่ง นิ้วมือทั้งสองข้างของชายหนุ่ม
กระตุกขึ้น พร้อมกับที่เปลือกตาอันหนักอึ้งของมันค่อย ๆ เปิ ดขึ้น
ด้วยภายใต้การกระตุน้ ของตัวมันเอง
พลันนั้นสิ่ งที่ชายหนุ่มเห็นเป็ นสิ่ งแรกคือแสงสว่างเจิดจ้า
และท้องฟ้าสี เข้ม ร่ างกายของหยุนเช่อมีอตั ราการฟื้ นฟูอนั
มหัศจรรย์ ทันทีที่มนั ลืมตาขึ้น มันสัมผัสได้ถึงการคงอยูข่ อง
ร่ างกายของมันอย่างครบถ้วน แม้ร่างกายของมันจะหนักอึ้ง มันก็
ยังสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของส่ วนต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
ลมปราณปริ มาณเล็กน้อยได้ถูกกักเก็บไว้ภายใต้เส้นชีพจร
ลมปราณของมันที่ก่อนหน้านี้ลว้ นว่างเปล่า ลมปราณเหล่านี้มี
ส่ วนช่วยให้มนั ฟื้ นฟูการทํางานส่ วนต่าง ๆ ในร่ างของชายหนุ่ม
ซึ่ งมากเพียงพอที่จะช่วยให้มนั ขยับตัวในท่วงท่าง่าย ๆ ได้บา้ ง ...
รวมถึงไปถึงการยืนขึ้น
หยุนเช่อใช้มือยันหน้าดิน ก่อนจะกัดฟัน แล้วยันกายขึ้นนัง่
อย่างยากลําบาก...
"อ๊ะ เจ้าฟื้ นแล้ว!"
เสี ยงของเด็กสาวเล็ดลอดเข้ามาในโสตประสาทของชาย
หนุ่ม เสี ยงนั้นฟังดูเยาว์วยั และนุ่มนวล ทั้งยังบางเบาราวกับมิใช่
เสี ยงจากพื้นโลกหล้านี้ เมื่อชายหนุ่มได้ยนิ เสี ยงดังกล่าว อาการ
สัน่ สะท้านพลันปะทุออกมาจากจิตวิญญาณพร้อมกันกับความ
ปรารถนาอันบ้าคลัง่ ที่ยากจะอดกลั้น ความปรารถนาที่ตอ้ งการจะ
รู ้ถึงตัวตนของเจ้าของเสี ยง ความปรารถนาที่ตอ้ งการจะรู ้วา่
เจ้าของเสี ยงอันบริ สุทธิ์น้ ีเป็ นเด็กสาวแบบไหน
ชายหนุ่มหมุนศีรษะมองไปยังเด็กสาวที่ยนื อยูข่ า้ งตัวมัน...
ราวกับเด็กคนนี้หลุดออกมาจากแดนสวรรค์ เมื่อหยุนเช่อได้เห็น
รู ปลักษณ์ของนาง สติของมันกลับกลายเป็ นว่างเปล่าในฉับพลัน
ไม่อาจเชื่อภาพที่ปรากฎต่อหน้าต่อตามัน... เพราะว่ามันไม่กล้าที่
จะคิดเลยว่ามีรูปลักษณ์ที่งดงามหาใดเทียบอยูบ่ นโลกใบนี้ หยุ
นเช่อขุดคุย้ ไปในความทรงจําของมัน ถึงกระนั้นมันก็ยงั ไม่
สามารถสรรหาคําใด ๆ มาพรรณนารู ปโฉมของหญิงสาวได้
นางอยูภ่ ายใต้เครื่ องแต่งกายสี แดงอันหรู หรา ด้านบนนั้นถูก
ปักด้วยลายหงสาโบยบิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยุนเช่อเห็นเสื้ อคลุม
หงสา แต่เสื้ อคลุมของนางนั้นดูสง่างามมากกว่าเสื้ อคลุมที่หยุ
นเช่อเคยเห็นก่อนหน้านี้ ไม่วา่ จะเป็ นสี แดงหรื อทองล้วนเปล่ง
ประกายสว่างไสวราวกับเส้นไหมทุกเส้นและเครื่ องประดับทุก
ชิ้นนั้นถูกสร้างมาจากส่ วนประกอบที่ล้ าํ ค่าที่สุด นอกจากนี้เสื้ อ
คลุมหงสายังประดับไปด้วยหยกเม็ดงามที่กลับมัวหมองเมื่อเคียง
กับผิวขาวราวหิ มะของนาง หากชุดที่ฟุ่มเฟื อยนี้ถูกพบในสถานที่
อื่น คงสามารถทําให้ผทู ้ ี่พบตกตะลึงราวกับคนโง่งม กระนั้นมัน
ยังไม่อาจดึงดูดสายตาของหยุนเช่อได้แม้แต่นอ้ ย สายตาของชาย
หนุ่มจับจ้องไปที่ดวงหน้าของเด็กสาวโดยไม่อาจละสายตา
โดยเฉพาะดวงตาอันงดงามของนาง… นัยน์ตาทั้งคู่ปรากฏระลอก
ละม้ายคล้ายวงคลื่นสี ครามเข้มข้นรวมตัวอยูภ่ ายในแก้วตาอัน
เปรี ยบดัง่ มายาอันน่าเพ้อฝัน แปรผันเป็ นจินตภาพแห่งเทพธิดาผู ้
เป็ นดัง่ มายาในบทกวี
นี่ตอ้ งเป็ นเทพธิดาที่ชายหนุ่มพบก่อนที่มนั จะสิ้ นสติไป…
มิได้มาจากจินตนาการ หรื อเป็ นภาพลวงตาแต่อย่างใด เด็กสาวยืน
นิ่งสงบอยูข่ า้ งกายมัน แพขนตาของนางกระพริ บไหวราวกับปี ก
ของจัก๊ จัน่ ตัวน้อยที่ไร้ซ่ ึงมลทินใด ๆ ดวงตาของเด็กสาวเต็มไป
ด้วยความสุ ขราวกับฤดูใบไม้ผลิแห่งขุนเขา ในจังหวะนั้นเองที่
เด็กสาวจ้องมองมาทางชายหนุ่มด้วยท่าทีประหม่า สายลมบางเบา
พัดกระพือชายกระโปรงของนางขยับไหว ก่อเป็ นภาพที่งดงามจับ
ใจจนไม่อาจหาบทกวีใด ๆ มาร้อยเรี ยง
เด็กสาวผูน้ ้ ีดูไปอายุราวสิ บห้าหรื อสิ บหก นัยน์ตาอันสด
สวยราวกับนิมิตคู่น้ นั ดูอ่อนเยาว์ ในส่ วนของรู ปลักษณ์น้ นั แม้
นางจะไม่อาจเทียบเคียงกับเซี่ยฉิ งเยว่ แต่ในมุมของดวงหน้าอัน
บอบบางและสมบูรณ์แบบนั้น แม้กระทัง่ เซี่ยฉิ งเยว่ โฉมสะคราญ
อันดับหนึ่งแห่งวายุครามยังดูดอ้ ยลงไป ในชัว่ ชีวติ สองชาติภพ
ของหยุนเช่อนั้น หากจะนับรวมหญิงสาวทั้งหมดที่มนั เคยพบมา
ก่อนมาเปรี ยบเทียบในส่ วนของเค้าโครงหน้า มีเพียงจัสมินเท่านั้น
ที่สามารถเทียบเคียงกับนางได้ ราวกับสวรรค์รักใคร่ เอ็นดูเด็กสาว
เป็ นอย่างมาก จึงได้มอบดวงหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดาเช่นนี้
ให้กบั นาง
หากชายหนุ่มเป็ นเพียงชายธรรมดา มันแน่ใจว่าใจของมัน
คงตกสู่ ความลุ่มหลงเป็ นแน่แท้ แต่มนั มิใช่เพียงคนธรรมดาทัว่ ไป
ในทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้านี้ แทบจะเป็ นไปไม่ได้เลยที่จะหาใคร
อีกคนผูท้ าํ ให้มนั ลืมตัวเช่นนี้ดว้ ยเพียงรู ปกาย มันเลื่อนสายตา
หลบโดยพลัน เสหน้าไปทิศอื่นเล็กน้อยพร้อมกับทําใจให้สงบลง
เมื่อมันเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าของเด็กสาว แม้ดวงหน้านั้น
จะยังสวยงามเกินจะพรรณนา หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่ฟ้งุ ซ่านอีก
ต่อไป
ชายหนุ่มเปิ ดปากที่แห้งผากของมัน เอ่ยคําออกมาด้วยเสี ยง
แข็งกร้าวอันแหบพร่ า “เป็ นเจ้า… ที่ช่วยข้าไว้ใช่หรื อไม่”
“อืม… ดูเหมือนว่าจะเป็ นเช่นนั้น” เด็กสาวเผยอริ มผีปากที่
ดูราวกับบุปผา แล้วกล่าวอย่างไม่มน่ั ใจ “นี่เป็ นครั้งแรกที่ขา้ เข้า
ช่วยเหลือผูอ้ ื่น ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่าข้าทําได้เหมาะสมหรื อไม่
นี่กผ็ า่ นมาหลายวันแล้ว ข้าไม่รู้วา่ ควรบอกพระบิดาหรื อไม่ แต่
นับว่าดีแล้วที่เจ้าฟื้ นขึ้นมา ว่าแต่ เจ้าชื่ออะไรงั้นหรื อ แล้วเจ้าเป็ น
ศิษย์สงั กัดผูอ้ าวุโสคนใด เหตุใดเจ้าจึงร่ วงหล่นมาจากผาหงสาไร้
เขตแดน
คําเรี ยกแทน “พระบิดา” ของเด็กสาวทําให้หวั ใจของหยุ
นเช่อสะท้านอย่างรุ นแรง
พระบิดา...
เครื่ องแต่งกายหงสาอันหรู หรา...
ดูไปแล้วอายุราวสิ บห้าหรื อสิ บหกปี ...
และใบหน้าที่งดงามเสมือนมายาภาพ
หรื อนางจะเป็ นเด็กสาวที่ฮวาหมิงไห่กล่าวถึง “เจ้าหญิง
หิ มะ” ที่เลื่องลือกันว่าเป็ นโฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ปราณฟ้า
แต่เดิม ฮวาหมิงไห่เคยใช้คาํ พูดเกินจริ งกล่าวถึง “เจ้าหญิง
หิ มะ” ฉะนั้นแล้วชายหนุ่มจึงไม่เชื่อมัน ทว่าเด็กสาวเบื้องหน้ามัน
นี้ ช่างเหมาะสมกับสมญานาม “โฉมสะคราญอันดับหนึ่ง” โดย
แท้ ด้วยรู ปลักษณ์ของนาง
อย่างไรก็ดี ถ้านางคือเจ้าหญิงหิ มะ ไข่มุกลํ้าค่าแห่งพรรค
เทพหงสา สมบัติล้ าํ ค่าที่พรรคเทพหงสาได้รับมาจากสวรรค์จริ ง
ๆ… เช่นนั้นเหตุใดนางจึงมาอยูท่ ี่นี่? เมื่อนางกล่าวว่า “หลายวัน”
มันย่อมหมายความว่าชายหนุ่มหมดสติไปหลายวัน และใน
“หลายวัน” นี้ นางยังอยูท่ ี่นี่ตลอด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนนี้
มันกําลังต้องอยูใ่ นสถานการณ์แบบใดกัน?
หยุนเช่อนึกทบทวนเรื่ องราวต่าง ๆ โดยพลัน ความเป็ นไป
ได้ท้ งั หมดวาบผ่านไปในใจของมันอย่างรวดเร็ ว ชายหนุ่มเคลื่อน
ร่ าง นํ้าเสี ยงของมันดูจริ งใจและแฝงไว้ดว้ ยร่ องรอยแห่งความ
เกรงขาม “ชื่อของข้าคือ เฟิ งหลิงหยุน(นี่ไม่มีมุขอื่นแล้วใช่ไหม)
อยูภ่ ายใต้การชี้นาํ ของผูอ้ าวุโสสิ บเก้า ก่อนหน้านี้ขา้ มาฝึ กฝนด้วย
ตนเองในเทือกเขาเทพหงสาและได้พบกับสัตว์อสู รลมปราณที่
แสนจะน่ากลัวเข้า ทําให้ขา้ จําต้องกระโดดลงจากผาเทพหงสาไร้
สิ้ นสุ ด… ข้าขอขอบคุณเจ้าหญิงหิ มะที่ช่วยชีวติ ข้า”
ดวงตาของเด็กสาวกระจ่างใสราวกับแรกรุ่ งอรุ ณ ต่อหน้า
ของดวงตาคู่งามและเด็กสาวผูช้ ่วยชีวติ เขาไว้ ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า
ความรู ้สึกผิดบาปนั้นช่างใหญ่หลวงนัก ทว่าด้วยมันยังไม่ฟ้ื นตัว
จากอาการบาดเจ็บสาหัส สิ่ งที่มนั ต้องทําในยามนี้คือการรักษา
ชีวติ ตัวเองไม่วา่ จะอย่างไรก็ตาม มันรู ้เหตุผลที่เด็กสาวผูน้ ้ ีช่วยมัน
ไว้ดี และเหตุผลที่นางไม่ระมัดระวังตัวต่อมันเลยนัน่ เพราะมัน
ครอบครองกลิ่นอายเทพหงสาเช่นเดียวกับนาง
“โอ้…” เจ้าหญิงหิ มะเอียงศีรษะของนางอย่างใสซื่อ จากนั้น
แนวคิ้วประณี ตของนางโค้งขึ้น เด็กสาวเริ่ มหัวเราะออกมาเสี ยง
เบา “อย่างที่พระบิดาพูดคาดการณ์ไว้ ท่านรู ้วา่ ข้าเป็ นใครในทันที
พระบิดากล่าวว่าภายในพรรค มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นข้า ตราบ
เท่าที่ยงั เป็ นคนจากในตระกูล แม้จะจะไม่เคยเห็นข้ามาก่อน พวก
เขาก็จะจําข้าได้ในทันที”
เด็กสาวหัวเราะอย่างซื่อตรง มันราวกับว่าเสี ยงหัวเราะของ
นางเป็ นบทบรรเลงแห่งสรวงสวรรค์ท่ีลอยผ่านลงมาจากหมู่เมฆา
ซึ่ งสามารถชําระล้างภาพทั้งหลายในโลกหล้านี้ หยุนเช่อเปิ ดปาก
และว่าออกมา “องค์หญิงคือสตรี ผงู ้ ดงามที่สุดในแผ่นดิน ไม่วา่ จะ
เป็ นใครที่ได้พบเห็นเจ้าหญิงหิ มะ พวกมันย่อมไม่อาจจําพลาดไป
ได้...ที่แห่งนี้ คือที่ใดกัน? ข้าได้...มารบกวนการเก็บตัวฝึ กของ
องค์หญิงหรื อไม่?”
“ที่นี่คือหุบเขาหงส์สถิตย์ เป็ นสถานที่ที่ขา้ มาเล่นนับตั้งแต่
ยังเด็ก” เจ้าหญิงหิ มะไม่มีท่าทีระแวงใด ๆ ต่อหยุนเช่อแม้แต่นอ้ ย
เช่นที่นางเอ่ยตอบมาโดยมิใส่ ใจ บางที อาจเป็ นเพราะสายเลือด
เทพหงสาของชายหนุ่ม หรื อบางทีมนั อาจะเป็ นเพราะเด็กสาวนั้น
จิตใจบริ สุทธิ์มาตลอดและไม่เคยได้พบกับความชัว่ ร้ายหรื อสิ่ งที่
ต้องระมัดระวังใด ๆ มาก่อนเลยก็เป็ นได้: “เมื่อเร็ ว ๆ นี้พระบิดา
ท่านยุง่ มากจริ ง ๆ และกลัวว่าข้าจะถูกผูอ้ ื่นทําร้าย เช่นนั้นท่านเลย
อนุญาตให้ขา้ มายังที่นี่ได้เพื่อมีสมาธิจดจ่อกับการฝึ กท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสา นอกจากข้าและพระบิดา โดยปกติแล้วจะไม่มีใคร
ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่ ท่านเป็ นคนแรกเลย รู ้หรื อไม่”
“องค์หญิง เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงไม่บอก...ท่านประมุข
พรรคเกี่ยวกับข้าเล่า? องค์หญิงท่านไม่เกรงว่าข้า...จะเป็ นคนไม่ดี
บ้างหรื อ?” หยุนเช่อทาบมือบนอก ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของ
ตน
“ข้าก็คิดจะแจ้งพระบิดาอยูห่ รอก” เด็กสาวลูบจมูกสวย
ประณี ตดุจหยกที่ท้ งั ขาวกระจ่างและสง่างามของนาง “ทว่าหากข้า
บอกพระบิดาไป เขาจะต้องฆ่าท่านอย่างแน่นอน ท่านตกลงมา
จากที่สูงเช่นนั้นและยังบาดเจ็บอยู่ หากท่านมาถูกฆ่าโดยพระบิดา
มันคงจะเป็ นเรื่ องน่าเศร้าเกินไป และไป๋ น้อยย่อมต้องเศร้าเสี ยใจ
เป็ นแน่ คนไม่ดีหรื อ?...ท่านเป็ นเช่นเดียวกับข้า ผูส้ ื บทอดของเทพ
หงสา ท่านจะเป็ นคนไม่ดีไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ ไป๋ น้อยยังทั้ง
งดงามและว่านอนสอนง่าย นายของมันย่อมไม่มีทางเป็ นคนไม่ดี
อยูแ่ ล้ว”
สิ่ งที่ช่วยเหลือหยุนเช่อไว้มิใช่เพียงพลังลมปราณของนาง
ทว่ายังเป็ นหัวใจอันแสนอ่อนโยนของนางด้วย —— แม้วา่ มันจะ
โผล่เข้ามาในสถานที่ของนางอย่างอุกอาจก็ตาม เพียงแต่...ไป๋
น้อย? มันหมายว่าอย่างไรกัน?
หูของชายหนุ่มได้ยนิ เสี ยงอันแผ่วเบาแต่กย็ งั สะท้อนก้อง
ของวิหคดังมา เสี ยงนี้ส่งให้เจ้าหญิงหิ มะร้อง “อ้า” ขึ้นเบา ๆ นาง
หันหลังกลับ จากนั้นจึงเร่ งร้อนวิง่ ราวกับภูตพรายไปยังทางเงาร่ าง
สี ขาวหิ มะอันแสนงดงาม “ไป๋ น้อย อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่
หายดี เจ้าจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขยับตัวนะ มิเช่นนั้นนัน่ จะ
หมายความว่าเจ้าไม่เชื่อฟัง...แม้วา่ เจ้าจะเห็นว่านายของเจ้าฟื้ น
แล้ว เจ้าก็ยงั ขยับตัวสุ่ มสี่ สุ่ มห้าไม่ได้”
บนพื้นที่อยูห่ ่างไปเบื้องหลังของหยุนเช่อไม่ถึงสามสิ บ
เมตรนัน่ คือสัตว์อสู รหงส์หิมะ ปี กทั้งคู่ของมันแผ่กางออก และ
รอยเลือดด้านบนของปี กได้ถูกชําระล้างไปหมดสิ้ นโดยไม่เหลือ
ร่ องรอยของสี เลือดใด ๆ อยูเ่ ลย เจ้าหญิงยืนอยูข่ า้ ง ๆ มันและใช่
มือบอบบางสี ขาวราวกับหิ มะของนางลูบขนนุ่มเย็นราวหิ มะของ
มันเบา ๆ จากท่าที ดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง นางทําให้มนั ย่อมสงบและ
เก็บปี กของมันกลับไปอย่างระมัดระวัง
หยุนเช่อตะลึงงัน...มันคือหงส์หิมะ! มันยังอยูด่ ี! ร่ างของ
ชายหนุ่มเพียงแค่สามารถต้านทานการหล่นจากที่สูงขนาดนั้นได้
ทว่าเจ้าหงส์หิมะมันได้หมดสติไประหว่างการต่อสู แ้ ละไม่
สามารถช่วยให้ตวั มันเองบินหรื อใช้ความสามารถใด ๆ เพื่อ
ป้องกันตัวได้ จากความสู งขนาดนั้น มันย่อมร่ วงดิ่งและมา ดังนั้น
ทั้งร่ างและกระดูกของมันย่อมจะต้องแหลกละเอียด เหตุใดมันจึง
ดูบาดเจ็บเบากว่าชายหนุ่มมากมายนัก?
เป็ นไปได้ไหมว่าเด็กสาวผูน้ ้ ีช่วยเจ้าหงส์หิมะก่อนที่มนั จะ
ตกลงมา?
เช่นนั้น “ไป๋ น้อย” ที่นางกล่าวถึงก็คือ...หงส์หิมะ ฉานน้อย!
บทที่ 417 ระบําหิมะ(1)

“เจ้าคือ… ผูท้ ี่ช่วยฉานน้อยไว้เช่นนั้นหรื อ?”


เมื่อหยุนเช่อเห็นหงส์หิมะยังอยูร่ อดปลอดภัย ทั้งบาดแผล
ส่ วนมากล้วนดีข้ ึนแล้ว มันจึงคลายกังวลขึ้นมาก
“ถูกต้องแล้ว” เจ้าหญิงหิ มะหันกลับมาแล้วกล่าวด้วย
นํ้าเสี ยงเปี่ ยมสุ ข “นางร่ วงหล่นลงมาตามหลังเจ้า ข้าได้ให้ความ
ช่วยเหลือด้วยพลังปราณของข้า มิเช่นนั้น ไป๋ น้อยคงจะต้องตกลง
มาตายไปแล้ว เอ๊ะ? ฉานน้อย? นัน่ คือชื่อของมันอย่างนั้นหรื อ?
อืมมม… ช่างเป็ นชื่อที่แปลกประหลาดนัก ข้าว่าไป๋ น้อยฟังดูดีกว่า
นะ เจ้าคิดอย่างนั้นหรื อเปล่า ไป๋ น้อย?”
กรี๊ ซซซ... หงส์หิมะลดศีรษะลงตํ่าพร้อมเปล่งเสี ยงครํ่า
ครวญแผ่วล้า จากท่าทางที่มนั แสดงออก ราวกับว่ามัน...เห็นด้วย
กับเจ้าหญิงหิ มะ
หยุนเช่อรับรู ้วา่ อาการบาดเจ็บของหงส์หิมะฟื้ นฟูแล้ว
ประมาณเจ็ดในสิ บส่ วนผ่านทางตราผนึก การบินออกจาก
เทือกเขาหงสาไม่เป็ นปัญหาอีกต่อไป แม้สภาพของมันจะยังคง
อ่อนล้าอย่างมาก หากการอยู่ ณ ที่น้ ีต่อไปอันตรายยิง่ ยามนี้หยุ
นเช่อคืนสติกลับมา ชายหนุ่มย่อมต้องจากไปในทันที
หยุนเช่อรวบรวมกําลังทั้งหมดในร่ างกายของมันเพือ่ ยืนขึ้น
ในขณะที่มนั ยืนขึ้นอย่างไหวเอน ดวงตาอันงดงามของเจ้าหญิง
หิ มะก็เบิกกว้างจ้องมองมันและอุทานออกมาด้วยความกังวล “เจ้า
...เหตุใดจึงลุกขึ้นมา เจ้าบาดเจ็บหนักมากยังไม่สมควร
เคลื่อนไหว”
หยุนเช่อส่ ายหน้าอย่างแผ่วเบาและกล่าวคํา “ข้าขอบพระทัย
องค์หญิงหิ มะที่ได้ช่วยเหลือฉานน้อยของข้า ข้าจะจดจําความ
กรุ ณานี้ไว้ตลอดไป อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้เป็ นขององค์หญิง
หิ มะ ข้าซึ่งได้ร่วงหล่นลงมาก็นบั เป็ นความผิดอันมิอาจให้อภัย ข้า
มิกล้า...จะล่วงเกินท่านองค์หญิง...ฉานน้อย...ไปกันเถอะ...อุก!”
ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสพลันพุง่ ออกมาจากกลางอก
ใบหน้าหยุนเช่อขาวซีดลงทันใดและพ่นโลหิ ตออกมากระจาย
พร้อมเสี ยง “พู.่ ..” ร่ างของชายหนุ่มทรุ ดลงไปกึ่งคุกเข่าอยูก่ บั พื้น
“อ๊าาาา!” เจ้าหญิงหิมะกรี ดร้องอย่างตกตะลึงก่อนถลันเข้า
มาหาหยุนเช่อ ต้องการจะให้ความช่วยเหลือชายหนุ่มโดยสัณชาต
ญาณ อย่างไรก็ดี เมื่อเด็กสาวเข้าใกล้ชายหนุ่ม นางพลันหยุดชะงัก
ลงและชักมือที่นางยืน่ ออกมากลับ นางกระทัง่ ก้าวถอยกลับไปอีก
สองสามก้าวและเอ่ยอย่างเป็ นกังวล: “ท่าน...ท่านเป็ นอย่างไร
บ้าง? ข้าบอกแล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บของท่าน ท่านไม่ควร
เคลื่อนไหวไปทัว่ เร็ วเข้า กลับมาพัก ข้า...ข้าจะพยายามใช้พลัง
ปราณของข้าช่วยฟื้ นฟูอาการบาดเจ็บของท่านให้ดีที่สุด”
หยุนเช่อพยุงตัวเองโดยการคํ้ามือไว้กบั พื้น หลังจากผ่านไป
ชัว่ ขณะ ในที่สุดชายหนุ่มก็สงบตัวลงได้ มันส่ ายหน้าและยืน
กราน “ไม่เป็ นไร ข้าไม่กล้าอยูร่ บกวนองค์หญิงต่อไปหรอก
ยิง่ กว่านั้น ถ้าท่านประมุขพรรคมาพบเข้า ข้าย่อมจะต้อง...แค่ก...
แค่ก แค่ก…”
อกของหยุนเช่อสะท้านขึ้นอย่างรุ นแรงก่อนที่ชายหนุ่มจะ
กระอักโลหิ ตออกมาอีกหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง แม้ชายหนุ่มจะ
ฟื้ นสติกลับมาแล้ว อาการบาดเจ็บภายนอกและภายในของมัน
ยังคงสาหัสเป็ นอย่างยิง่
“ไม่ตอ้ งกังวล” เจ้าหญิงหิ มะโบกมือเล็กๆที่ขาวราวหิ มะ
ของนาง “ข้าไม่โทษเจ้าหรื อบอกพระบิดาหรอก เจ้าสามารถทําตัว
ตามสบายและพักอยูท่ ี่นี่ได้ หากเจ้ายังยืนยันคําเดิมอาการบาดเจ็บ
ของเจ้าจะแย่ลง อีกอย่าง...อีกอย่างข้าชอบไป๋ น้อยมากๆ นางช่าง
เป็ นสัตว์อสู รลมปราณที่งดงามซึ่ งข้ามิเคยพบเห็นมาก่อน หากเจ้า
ไป ไป๋ น้อยก็ตอ้ งไปกับเจ้า...ข้าคงไม่สามารถทนได้จริ งๆ”
“...” หยุนเช่อเข้าใจได้ในที่สุดว่าเหตุใดเจ้าหญิงหิมะถึงไม่
เต็มใจที่จะให้ชายหนุ่มจากไป นางถึงขนาดสัญญาว่าจะไม่บอก
บิดาของนางเกี่ยวกับเรื่ องนี้ เหตุผลครึ่ งหนึ่งมาจากนิสยั อัน
อ่อนโยนของนาง และอีกครึ่ งนั้นมิตอ้ งสงสัยเลยว่าเนื่องมาจาก...
เจ้าหงส์หิมะ!

[บทที่ 417.5 เมื่อหงส์ หิมะสํ าคัญกว่ าหยุน]


เจ้าหญิงหิ มะกล่าวก่อนหน้านี้วา่ สถานที่น้ ีมีเพียงนางและ
พระบิดาที่สามารถเข้ามาได้ เมื่อนางรับปากว่าจะไม่บอกกล่าว
ผูใ้ ด เช่นนั้นสถานที่น้ ียอ่ มกลับกลายเป็ นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ในอาณาจักรเทพหงสา ยิง่ กว่านั้น สภาพร่ างกายของชายหนุ่มยาม
นี้ไม่เหมาะสมต่อการหลบหนีอย่างต่อเนื่อง...เมื่อคิดถึงเรื่ องนี้ หยุ
นเช่อสงบจิตใจลง ก่อนจะทรุ กลงนัง่ กับพื้น “เช่นนั้น...องค์หญิง
ขออภัยที่รุกลํ้าเข้ามาโดยพละการ...”
เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบ มันหลับตาลงและเริ่ มต้นโคจรเคล็ด
วิชามหาวิถีโพธิสตั ว์ โดยใช้คลื่นพลังแห่งสวรรค์และโลกาในการ
ฟื้ นฟูสภาพร่ างกายของมัน การฟื้ นฟูของวิชามหาวิธีโพธิสตั ว์ใน
ยามปกติน้ นั ไม่อาจเทียบได้กบั ยามที่มนั ตั้งมัน่ เร่ งโคจรพลังด้วย
ตนเอง เมื่อชายหนุ่มได้สติข้ ึนมา ความเร็ วในการฟื้ นฟูร่างกาย
ของมันก็เพิ่มขึ้นเป็ นอย่างมาก
เห็นท่าทียนิ ยอมพักอยูข่ องหยุนเช่อ เจ้าหญิงหิ มะลอบถอน
ใจอย่างโล่งอก หญิงสาวลอบสังเกตุหยุนเช่ออยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะ
กระโจนเข้าใส่ และคว้าจับลงบนร่ างของวิหคหิ มะ หญิงสาวทอด
ร่ างลงบนตัวของหงส์หิมะก่อนกล่าววาจาด้วยความยินดี “ยอด
เยีย่ มยิง่ ไป๋ น้อย พวกเราสามารถเล่นด้วยกันได้แล้ว ว้าวว~~~ ขน
ของเจ้าช่างนุ่มนิ่มนัก ทั้งยังเย็นระรื่ น...เหตุใดเจ้าจึงน่ารักเช่นนี้
... ”
แม้หยุนเช่อยังคงปิ ดเปลือกตาขณะรักษาอาการบาดเจ็บ
หากชายหนุ่มยังคงได้ยนิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด นํ้าเสี ยงราว
เทพธิดาล่องลอยตามสายลมเข้าสู่ ใบหู ส่ งผลให้ภายในใจของหยุ
นเช่อต้องสัน่ สะท้าน...ความงามถึงเพียงนั้น นํ้าเสี ยงไพเราะถึง
เพียงนั้น ช่างบริ สุทธิ์ไร้มลทิน...นางสื บเชื้อสายมนุษย์จริ งหรื อ?
หรื อนางถือกําเนิดมาโดยรวบรวมวัตถุความงามทั้งมวลในโลก
หล้ามาด้วย...
——————————————
หุบเขาหงส์สถิตย์ถูกล้อมรอบไว้ดว้ ยขุนเขาสามทิศสาม
ด้านและหลงเหลือไว้เพียงทางทิศใต้ที่เป็ นผาหงสาไร้เขตแดน
สถานที่แห่งนี้รวบพลังธรรมชาติจากทั้งขุนเขาเทพหงสาไว้และ
ด้วยการมองในคราเดียว มันจะเห็นเป็ นสี เขียวสะอาดไม่เหมือน
เช่นที่อื่นซึ่งเป็ นแห้งแล้งและเหี่ ยวเฉาด้วยสี แดง แม้แต่สายลมยัง
สดชื่นและอ่อนโยนอย่างไม่คาดคิด ณ ศูนย์กลางของหุบเขาหงส์
สถิตย์คือทะเลสาปที่ใสกระจ่างและนิ่งสงบ ข้างทะเลสาปนั้นเป็ น
สี ขาวหิ มะอย่างสมบูรณ์ เจ้าหงส์หิมะแสนงามน่าตะลึงกําลังกิน
นํ้าใสกระจ่างจากทะเลสาป โดยข้างมันคือเด็กสาวผูด้ ูคล้ายกับ
เป็ นเทพธิดาที่ออกมาจากภาพวาด
เด็กสาวสวมชุดคลุมหงสาหรู หรา ทว่ามันกลับถูกบดบัง
ด้วยผิดใสเปล่งประกายดัง่ หยกของนาง ทั้งด้านหลัง ด้านข้างดูไป
ราวกับภูตินอ้ ยโบยบินมาจากห้วงฝัน โดยแม้แต่มิได้มองใบหน้า
ยามมองแค่หลังของนางก็สามารถกล่าวได้วา่ ความงามของนางมี
เพียงเทพเท่านั้นที่สามารถครอบครอง
เด็กสาวสู ดอากาศบริ สุทธิ์ริมทะเลสาบชัว่ ขณะ จากนั้น
หัวเราะออกมาด้วยเสี ยงใสไพเราะ นางยกมืองามดัง่ หยกขึ้นมา
และคลายมัดผม ปล่อยให้ผมสี ดาํ ยาวสยายออกดัง่ เกลียวคลื่น เส้น
ผมแต่เส้นของนางราวกับมีชีวติ เป็ นของตนและร่ ายรําในอากาศ
ขณะร่ วงลอยลงบนไหล่ของนาง
มืองามดัง่ หยกของเด็กสาวลดลง สายรัดบนชุดคลุมของนาง
ค่อย ๆ คลายออกอย่างแผ่วเบา ชุดคลุมหงสาสี ทองคําปักร้อยเป็ น
รู ปเทพหงสาสี ทองไหลลงจากไหล่มนของนางอย่างเนิบช้า…
โดยไร้ซ่ ึงอาภรณ์ นางช่างแสนสมบูรณ์แบบราวมีมนต์สะกด ร่ าง
ดัง่ หยกอันสะท้านวิญญาณของเด็กสาวถูกเปิ ดเผยออกท่ามกลาง
เสี ยงบรรเลงแห่งสายลมจากขุนเขาอันอ่อนโยน ตามมาด้วยแผ่น
หลังสี ขาวดุจหิ มะพิสุทธิ์ไร้ตาํ หนิ เอวบางคอดเล็ก และเรี ยวขา
ขาวไร้มลทิน… และทั้งหมดนี้ มีเพียงคําว่า “สมบูรณ์แบบ”
เท่านั้นที่ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน ภาพนี้เป็ นเพียงจากเบื้องหลัง
ของนาง และมันสามารถทําให้บุรุษบ้าคลัง่ ขาดสติได้ไม่ยาก
เด็กสาวถอดรองเท้าสี ทองของนางออก เผยให้เห็นเท้าที่มีสี
ขาวราวกับดอกสัตตบุษย์ นางกวักมือเรี ยกหงส์หิมะ แล้วก้าวย่าง
ลงไปยังทะเลสาบพร้อมกับแย้มรอยยิม้ อันสวยงามไร้ที่ติ แม้เท้า
ของนางจะอยูภ่ ายใต้น้ าํ ที่ต้ืนเขิน พวกมันกลับล้วนเปล่งประกาย
สะกดสายตาผูค้ น
“ไป๋ น้อย เจ้าต้องการมาอาบนํ้าด้วยกันหรื อ? นี่คือที่ที่ขา้
อาบนํ้าอยูท่ ุกวันเลย”
ทัว่ ทั้งเทือกเขาหงสาร้อนแรงแผดเผา ยกเว้นสถานที่น้ ี ที่ท้ งั
เงียบสงบและวดใสอย่างยิง่ กระทัง่ นํ้าในทะเลสาบยังเย็นสดชื่น
หญิงสาวเยาว์วยั ใช้สองมือช้อนสายนํ้าขึ้น ก่อนจะปล่อยให้ไหล
ริ นผ่านระหว่างร่ องนิ้ว มุมปากของนางบิดโค้งขึ้นอย่างเงียบงัน
ยามนางเฝ้ามองมวลนํ้าไหลเรื่ อยตามลําแขนเรี ยเสลาราวหยก
เรื่ อยระลงมายังบริ เวณทรวงอกขาวราวหิมะที่นูนเด่น
นํ้าทะเลสาบใสกระจ่างอย่างถึงที่สุด ใสกระจ่างกระทัง่
สามารถมองเห็นพืชพรรณและเม็ดทรายทั้งมวลที่อยูภ่ ายใต้ เรื อน
ร่ างงดงามของหญิงสาวยิง่ โดดเด่น ทว่าน่าเสี ยดายที่ไม่มีผใู ้ ดใน
ที่น้ ีเพื่อชื่นชมทิวทัศน์งดงามนี้ ที่อยูเ่ ป็ นเพื่อนนางมีเพียงสัตว์อสู ร
ลมปราณที่สนอกสนใจเพียงการดื่มนํ้าในทะเลสาบอันหอมหวาน
เพียงเท่านั้น
“ไป๋ น้อย เจ้าไม่มาอาบด้วยกันจริ งๆ...เฮ้อ เหตุใดเจ้าต้องมี
เจ้าของแล้วนะ...ข้าชอบเจ้าจริ งๆ...เพราะเจ้ามีสีขาวราวหิ มะ...
ยามที่ขา้ อายุได้สิบสามปี นครวิหคเทวะของเราบังเกิดหิ มะตกครั้ง
ใหญ่ ก่อเกิดเป็ นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดที่ขา้ เคยเห็น ข้ารู ้สึกว่า
ร่ างกายของข้าผสานรวมเป็ นหนึ่งเดียวกับหิ มะ..ทว่า หลังจากวัน
นั้น ข้าไม่เคยได้เห็นหิ มะอีกเลย...”
หญิงสาวยกสองมือรองรับใบหน้าสะคราญโฉม ยามเฝ้า
มองไปยังหงส์หิมะ ภายในดวงตาทั้งคู่ทอประกายเลือนรางขณะ
กล่าวพึมพําต่อตนเอง ลาดไหล่อนั งดงามทั้งสองข้างเปิ ดเผยอยู่
บนผิวนํ้า เส้นสายที่ปรากฏเป็ นเงาร่ างมนุษย์ที่บริ สุทธิ์งดงาม
สมบูรณ์แบบ กอปรเป็ นฉากอันงดงามแสนดึงดูดใจอย่างถึงที่สุด
“อ๊าาา....” เด็กสาวพลันร้องออกมาเมื่อนางหมุนกายไปทาง
ทิศประจิม ก่อนที่นางจะกล่าวอย่างนุ่มนวล “ไป๋ น้อย ข้าว่านาย
ของเจ้าตื่นแล้วล่ะ เราไปหาเขากันเถอะ”
เด็กสาวขึ้นจากทะเลสาบอย่างรวดเร็ วและรี บสวมใส่ ชุด
คลุมลงบนร่ างกายที่ขาวราวกับหยกของนาง นางพยุงตัวขึ้นไปนัง่
บนหลังอันใหญ่โตของหงส์หิมะพร้อมกับร้องขึ้นอย่างร่ าเริ ง “ไป
กันเถอะ”
หงส์หิมะส่ งเสี ยงร้องอย่างมีความสุ ขขณะสยายปี กบินตรง
ไปยังหยุนเช่อ
ขณะที่หยุนเช่อเข้าสู่หว้ งสมาธิได้ผา่ นไปสองวันเต็ม ยามที่
มันฟื้ นคืนสติมาอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกได้รับการ
รักษาไปแล้วสามในสิ บส่ วน พลังปราณของฟื้ นคืนมาแล้วสองถึง
สามในสิ บส่ วน ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ มันควรจะใช้เวลา
มากหรื อน้อยกว่านี้ในการรักษาตราบใดที่มนั ไม่ได้ปะทะกับผูอ้ ื่น
มิฉะนั้นไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าอาการบาดเจ็บของมันจะยํา่ แย่ลง...ดัง่
เช่นสถานที่แห่งนี้ มันไม่ได้รับการรบกวนใดๆทั้งสิ้ นเหมาะสม
มากแก่การพักรักษา
ข้อเรี ยกร้องที่ให้หยุนเช่อยอมอยูท่ ี่นี่ คือต้องไม่ให้ผมู ้ ด
ทราบว่าชายหนุ่มรั้งอยู่ การตัดสิ นใจนี้เนื่องเพราะเจ้าหญิงหิมะคิด
ว่าชายหนุ่มคือศิษย์พรรคเทพหงสา
เงาร่ างสี ขาววูบผ่านท้องฟ้าก่อนบินวนรอบกายชายหนุ่ม
และร่ อนลงที่เบื้องหน้าอย่างช้าๆ เจ้าหญิงหิ มะกระโดดลงจาก
หลังหงส์หิมะพร้อมทั้งมองไปยังหยุนเช่อด้วยรอยแย้มยิม้
กว้างขวาง “ท่านฟื้ นแล้ว มิเช่นนั้น ไป๋ น้อยคงต้องกังวลแทบตาย
อาการบาดเจ็บของท่านดีข้ ึนหรื อไม่?”
รอยยิม้ ของเด็กสาวช่างน่าหลงไหลเกินไป หยุนเช่อสติหลุด
ไปชัว่ ครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตาลีตาเหลือก “ข้าฟื้ นตัวไปได้
มากแล้ว ข้าขอขอบคุณองค์หญิงหิ มะสําหรับความเป็ นห่วง ดูสิ”
ขณะพูด ชายหนุ่มเหยียดแขนเหยียดขาของตนที่สามารถ
เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้วออกมา
“ว้าว! ท่านฟื้ นตัวไว้ยงิ่ นัก ข้าว่าท่านจะต้องใช้เวลานานกว่า
นี้เสี ยอีก” เมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ เด็กสาวหันมองไปทางเจ้าหงส์
หิ มะ และนํ้าเสี ยงของนางพลันแปรผันเป็ นดูเหนียมอาย “อย่างไร
ก็ตาม อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่ฟ้ื นกลับมาเต็มที่ ท่านไม่ควร
จะเคลื่อนไหวไปทัว่ มากเกินไป อยูท่ ี่นี่ต่ออีกสักหน่อยเถอะ ข้าจะ
ไม่ปล่อยให้พระบิดารู ้แน่นอน”
“ขอบคุณท่านมาก องค์หญิง” หยุนเช่อยิม้ ชายหนุ่มล่วงรู ้ถึง
สาเหตุที่เจ้าหญิงหิ มะเต็มใจมันอาศัยอยูท่ ี่นี่ นัน่ ก็เพราะนางชื่น
ชอบหงส์หิมะเป็ นอย่างยิง่ หงส์หิมะเป็ นสัตว์อสู รแสนสง่างามสี
ขาวบริ สุทธิ์ ยิง่ ไปกว่านั้นมันยังเป็ นสัตว์อสู รที่มีพลังนํ้าแข็งซึ่งหา
ยากเป็ นยิง่ ในอาณาจักรเทพหงสา ในเขตธาตุไฟของนครวิหคเท
วะนี้ อาจจะกล่าวได้วา่ พวกมันเป็ นพวกที่สูญพันธุ์ไปสิ้ นแล้วก็ได้
ดังนั้นมันจึงกระตุน้ ความสนใจและความอิจฉาในตัวเด็กสาว
หรื อบางทีอาจเป็ นเพราะนางรู ้สึกอ้างว้างเกินไป การมาของหงส์
หิ มะจึงมีความหมายดัง่ นางได้มิตรสหายผูห้ นึ่งมาเป็ นเพื่อนเล่น
คลายเหงา
เมื่อไม่ได้รับประทานสิ่ งใดเลยทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วย
อาการบาดเจ็บ คลื่นความหิ วโหยเป็ นเข้าโจมตีใส่ หยุนเช่อเป็ น
ระลอกทันทีที่นงั่ ลง ชายหนุ่มนําเนื้อมังกรออกมาปรุ งด้วยไฟเทพ
หงสา แม้ร่างมังกรจะมีขนาดใหญ่โต ทว่าเนื้อมังกรที่หลงเหลือ
กลับมีไม่มากนักเพราะหยุนเช่อรับประทานเนื้อมังกรแทนอาหาร
ยามนี้ เนื้อมังกรมากกว่าเก้าในสิ บส่ วนล้วนถูกชายหนุ่มกลืนลง
ท้องไปหมดสิ้ น ที่ยงั คงอยูใ่ นไข่มุกเหลือเพียงเนื้อมังกรยีส่ ิ บห้า
กิโลกรัม ระหว่างกระบวนการนี้ ทักษะการปิ้ งย่างเนื้อมังกรของ
หยุนเช่อเพิม่ พูนขึ้นหลายเท่า การควบคุมปริ มาณความร้อน
ระยะเวลาในการย่าง รวมทั้งวัตถุดิบในการปรุ งรสชนิดใดจึง
สามารถปรุ งออกมาได้น่าทานที่สุด กลับกลายเป็ นเรื่ องราวอัน
แสนง่ายดายสําหรับชายหนุ่มไปแล้ว
บทที่ 418 ระบําหิมะ (2)

เนื้อมังกรนั้นแต่เดิมก็เป็ นเนื้อที่เลิศรสที่สุดในโลกอยูแ่ ล้ว


ครานี้ได้ผนวกเข้ากับฝี มือการย่างอันชํ่าชองของชายหนุ่ม ทําให้
กระทัง่ หยุนเช่อผูก้ ินเนื้อมังกรเกือบทั้งหมดมาแล้วยังต้องลอบ
กลืนนํ้าลาย
“ว้าว… กลิ่นหอมจัง! บางอย่างกลิ่นหอมมากเลย!”
กลิ่นหอมหวนจากเนื้อมังกรดึงดูดของเจ้าหญิงหิ มะผูเ้ ล่นอยู่
กับเจ้าหงส์หิมะอยูต่ ลอด เด็กสาวยืนอยูต่ รงนั้น จ้องมองมายังเนื้อ
มังกรเสี ยบไม้ในมือของหยุนเช่อตาไม่กะพริ บ ครั้นเมื่อนางเข้ามา
ใกล้ กลิ่นอันหอมฟุ้งจึงพุง่ เข้าจู่โจมจมูกของนาง เป็ นเหตุให้เด็ก
สาวเผลอกลืนนํ้าลายไปหลายครั้งโดยไม่รู้ตวั
“มันคืออะไรกัน? กลิ่นมันหอมมากเลย...นี่เป็ นครั้งแรกเลย
ที่ขา้ ได้กลิ่นอะไรที่หอมหวนปานนี้”
เจ้าหญิงหิ มะเป็ นไข่มุกที่ล้ าํ ค่าที่สุดของพรรคเทพหงสา
สภาพแวดล้อมที่นางเติบโตมาคือสิ่ งที่เด็กสาวธรรมดามิอาจ
จินตนาการได้ สิ่ งที่หอ้ มล้อมนางอยูท่ ุกเมื่อเชื่อวันคือมื้ออาหาร
อันฟุ้งเฟ้อ ชายหนุ่มไม่เคยรู ้มาก่อนเลยว่าเนื้อมังกรที่มนั ย่างเพราะ
ความหิ วโหยจะล่ อตัวเด็กสาวมานี่ได้ ทั้งยังกระทัง่ ทําให้นางลอบ
กลืนนํ้าลายอย่างน่ารักน่าชังเสี ยหลายครั้ง หัวใจของหยุนเช่อเต้น
รัวขึ้นอย่างมิอาจควบคุม มันหยุดเผาไหม้เพลิงเทพหงสาและยก
เนื้อมังกรที่ยา่ งเสร็ จแล้วขึ้น “นี่คือเนื้อมังกร องค์หญิงท่าน
ต้องการเสวยมันก่อนหรื อไม่?”
“เนื้อมังกร? ข้าคิดว่าข้าเคยกินมันมาก่อนนะ” เจ้าหญิงหิ มะ
ดูไม่แน่ใจเล็กน้อย “ทว่า ข้าไม่เคยได้กลิ่นเนื้อมังกรเช่นนี้มาก่อน
...ท่าน ท่านเอามันมาให้ขา้ สักนิดได้ไหม? ข้าอยากจะรู ้จริ ง ๆ ว่า
เนื้อที่กลิ่นหอมขนาดนี้จะมีรสชาติเป็ นอย่างไร”
แม้วา่ เด็กสาวจะพูดอยูก่ บั หยุนเช่อในยามนี้ ดวงตาคู่ใสของ
นางยังจ้องเขม็งมาที่เนื้อมังกรในมือของชายหนุ่มอย่างไม่ยอมละ
ไปไหน ท่าทีหิวกระหายนัน่ กระตุน้ ให้หยุนเช่ออยากจะโผเข้าไป
จุมพิตนางยิง่ นัก ในขณะเดียวกัน มันรู ้สึกเศร้าอยูน่ อ้ ย ๆ... ใน
สายตาของนาง มันไม่เป็ นอะไรถ้าข้า บุรุษรู ปงามอันดับหนึ่งแห่ง
อาณาจักรวายุคราม โอ้ ไม่สิ แห่งทวีปปราณฟ้าทั้งทวีปไม่อาจจะ
เทียบเทียมกับเจ้าหญิงหิ มะได้ ทว่ามันดูคล้ายกับว่าข้าจะเทียบ
มิได้กระทัง่ กับเนื้อย่าง…

[บทที่ 418.5 - เมื่อเนื้อมังกรย่ างมีเสน่ ห์กว่ าหยุน]


ต่อหน้าท่าทีปรารถนาและคาดหวังของเด็กสาว แม้นว่า
หัวใจของหยุนเช่อจะกล้าแข็งกว่านี้สกั สิ บเท่า ชายหนุ่มยังคงมิ
อาจต้านทานพลังของมันได้ มันยืน่ เนื้อมังกรที่ยา่ งเสร็ จให้เจ้า
หญิงหิ มะไป และกล่าวอย่างใจกว้าง “แน่นอน ถ้าองค์หญิงชอบ
มัน ท่านสามารถเสวยมันได้ท้ งั หมด ข้ายังมีมนั เหลืออยูอ่ ีกมาก
ทีเดียว”
“จริ งนะ...ขอบคุณ”
เจ้าหญิงหิ มะยืน่ แขนสี ขาวสะอาดของนางออกมาอย่างสุ ข
สันต์ จากนั้น เมื่อมือของนางอยูห่ ่างจากเนื้อมังกรไปไม่ไกล นาง
กลับชักมือกลับและเอ่ยอย่างกระดากอาย “ท่านช่วย...โยนมันมา
ให้ขา้ ได้หรื อไม่?”
“...เพราะเหตุใด?”
“เพราะเมื่อก่อนพระบิดาเคยกล่าวมาเช่นนี้ ไม่มีผใู ้ ดได้รับ
อนุญาตให้สมั ผัสกายข้า โดยเฉพาะอย่างยิง่ บุรุษ ข้าไม่อาจละเลย
คําของพระบิดาได้ ดังนั้น...ดังนั้น…”
หยุนเช่อตะลึงไปนิด...ฮวาหมิงไห่เคยพูดอยูว่ า่ ระหว่าง
ช่วงเวลาก่อนและหลังที่เจ้าหญิงหิ มะอายุสิบสาม นางมิเคย
ปรากฏตัวให้เห็นในที่ใดเลย นี่หมายความว่าพรรคเทพหงสาให้
การคุม้ กันตัวเจ้าหญิงหิ มะอย่างเป็ นที่สุด ทว่าชายหนุ่มไม่เคย
คาดคิดเลยว่าจะไม่มีใครอนุญาตให้ได้แตะต้องกายนาง… การ
ปกป้องคุม้ ครองที่พรรคเทพหงสามอบให้แก่หญิงสาวเห็นที่จะอยู่
ในระดับที่ยากจะทําความเข้าใจ
เช่นนั้นที่ชายหนุ่มบุกรุ กเข้ามายังเขตแดนของเจ้าหญิงหิ มะ
พูดคุยกับนางอย่างใกล้ชิด คลุกคลีอยูก่ บั นางหลายวันหลายคืน...
หากพรรคเทพหงสารู ้เรื่ องนี้…
หยุนเช่อตระหนักขึ้นได้ในทันทีวา่ ตนได้เข้ามาแตะเรื่ อง
ใหญ่ของพรรคเทพหงสาเข้าให้แล้ว...ทั้งมันยังเป็ นสิ่ งที่ตอ้ งห้าม
ที่สุด บุคคลผูเ้ ป็ นที่ตอ้ งห้ามยิง่ กว่ามันซึ่ งครอบครองสายเลือด
เทพหงสาหลายต่อหลายเท่า!
แต่เมื่อมันได้มาพลาดผิดแตะสิ่ งที่ตอ้ งห้ามเป็ นอย่างยิง่ นี่เข้า
แล้ว...ฉะนั้นจะพลาดผิดต่อไปอีกสักนิดก็มิเห็นเป็ นอันใด!
นอกจากนี้… ความบาดหมางของมันและพรรคเทพหงสายังได้
ก้าวหน้ามาจนยากจะสะสางได้อยูแ่ ล้วด้วย!
หยุนเช่อคลี่ยมิ้ โดยมิเอื้อนเอ่ยสิ่ งใด มันผลักฝ่ ามือออกไป
ก่อนที่เนื้อมังกรจะค่อย ๆ ลอยไปหาเจ้าหญิงหิ มะ เจ้าหญิงหิ มะ
ยืน่ มือออกมารับมันและส่ งรอยยิม้ บางให้หยุนเช่อ “เช่นนั้นข้าจะ
กินมันล่ะนะ”
เมื่อเสี ยงหวานของนางเอ่ยจบลง เด็กสาวก็สูดดมกลิ่นจาก
เนื้อมังกรเบา ๆ จากนั้นจึงเปิ ดริ มฝี ปากเล็กน้อยและกัดมันด้วยซี่
ฟันที่ดูประหนึ่งทํามาจากไข่มุก รสชาติอนั เลิศลํ้าทําให้ดวงตาของ
นางทอแสงขึ้นทันที “ว้าว~~เยีย่ มยิง่ นัก...เยีย่ มเกินไปแล้ว!
เช่นนั้นก็มีเนื้อที่อร่ อยถึงเพียงนี้อยูใ่ นโลกจริ ง ๆ…”
เพียงคําแรกก็ทาํ ให้เด็กสาวมีท่าทีตอบสนองเกินจริ งเสี ย
แล้ว นางเริ่ มกัดกินเนื้อมังกรต่อไม่หยุด ดวงตาของนางพร่ ามัว
ด้วยความเมามาย กลายเป็ นว่านางกลับถูกความเลิศรสที่นางไม่
เคยได้ลิ้มลองมาก่อนกลืนกินไปเสี ย แม้วา่ เด็กสาวจะกินมูมมาม
ไปบ้าง มารยาทในการทานอาหารของนางยังเป็ นที่น่าชื่นชม ทุก
ๆ ครั้งที่นางกัดกินเนื้อไปคําเล็กช่างดูงามสง่า ขณะที่ชายหนุ่มดู
เด็กสาวทานอาหาร สายตาของหยุนเช่อค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็ น
ตะลึงค้าง แม้แต่กระเพาะอันหิวโหยของมันยังถูกลืมไปเพราะเด็ก
สาวผูน้ ้ ี ไม่วา่ จะเป็ นส่ วนใดของร่ างกายนาง ไม่วา่ นางจะทําสิ่ งใด
นางล้วนเปี่ ยมไปด้วยเสน่ห์อนั เจิดจ้าที่ไม่มีผใู ้ ดสามารถต้านทาน
ได้
เนื้อมังกรมากกว่าครึ่ งถูกกินไป ในเวลานั้นเอง เด็กสาว
พลันนึกถึงบางสิ่ งขึ้นมาได้ นางมองเนื้อมังกรที่เหลืออยู่ จากนั้นก็
วิง่ เหยาะ ๆ ไปหาเจ้าหงส์หิมะ “ไป๋ น้อย ข้าจะให้ของที่อร่ อยมาก
ๆ ให้เจ้ากิน นี่คือของที่อร่ อยที่สุดที่ขา้ เคยกินเลยนะ เจ้ารู ้ไหม!”
หยุนเช่อ: “!@$#%......”
เจ้าหญิงหิ มะยืน่ เนื้อมังกรไปใกล้จะงอยปากของเจ้าหงส์
หิ มะ กระนั้นเจ้าหงส์หิมะกลับแหงนหน้าหนี ท่าทีของมันแสดง
ถึงการบอกปัด หยุนเช่อเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิม้ “สัตว์อสู ร
หงส์หิมะเกิดในที่ที่หนาวเย็นอย่างถึงที่สุดและกินเพียงนํ้าแข็ง
หิ มะ และนํ้าฝน มันไม่ชอบกินเนื้อหรอก”
“โอ้ เป็ นเช่นนั้นเอง” เจ้าหญิงหิ มะนําเอาเนื้อมังกรกลับมา
เอียงศีรษะและจากนั้นก็ถามออกมาอย่างค่อนข้างจริ งจัง “สัตว์
อสู รหงส์หิมะ? ชื่อนี้ประหลาดยิง่ กว่าฉานน้อยเสี ยอีก ไป๋ น้อย
ยังไงก็ฟังดูดีที่สุดใช่ไหม ไป๋ น้อย?”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกินที่เหลือนี่เอง!”
เด็กสาวนัง่ ลงพิงร่ างนุ่มของเจ้าหงส์หิมะและเพลิดเพลินกับ
อาหารอันโอชะในมืออย่างช้า ๆ ในแต่ละคํา รอยยิม้ อันงดงาม
อย่างไร้ที่เปรี ยบผลิบานขึ้นบนใบหน้าขาวประดุจหิ มะของนาง
เห็นนางเป็ นเช่นนั้น หยุนเช่อเหม่อลอยไปอีกครา ชายหนุ่มอด
ไม่ได้ที่จะเผลอพูดโพล่งออกมา “ถ้าท่านชอบมัน ข้าสามารถย่าง
ให้ท่านได้ทุกวันเลย”
เด็กสาวกะพริ บดวงตาคู่งาม จากนั้นได้เริ่ มหัวเราะเสี ยงเริ ง
ร่ า คิ้วทั้งคู่ของนางเรี ยวโค้งเป็ นรู ปสองจันทร์เสี้ ยว แพขนตา
กะพริ บแผ่วเบาราวผีเสื้ อ “ฮิฮิ ท่านช่างยอดเยีย่ มยิง่ นัก ข้าเพิ่งรู ้นี่
แหละว่าผูท้ ี่จะสามารถเป็ นเจ้านายของไป๋ น้อยจะต้องเป็ นคนดี
จริ ง ๆ”
“...องค์หญิง เหตุใดท่านถึงชื่นชอบฉานน้อยมากนัก?” หยุ
นเช่อถาม
โดยมิเสี ยเวลาคิด เจ้าหญิงหิ มะยิม้ หวานตอบกลับมา
“เพราะไป๋ น้อยงดงามยิง่ นัก เป็ นสัตว์อสู รลมปราณที่งดงามที่สุด
เท่าที่ขา้ เคยเห็น ดูสิ ทั้งร่ างของไป๋ น้อยขาวราวกับสี ของหิ มะที่ขา้
ชอบเลย”
“ท่านชอบ...หิ มะ?”
“อืม!” หลังจากคําว่า “หิ มะ” ถูกกล่าวถึง เจ้าหญิงหิ มะลด
อาหารอันโอชาในมือลง เงยใบหน้าที่ขาวลออเสี ยยิง่ กว่าหิ มะ
ขึ้นมา นางพูดกล่าวอย่างดูเหม่อลอย “ข้าเคยได้ยนิ เรื่ อง “หิ มะ”
เพียงครั้งเดียวจากพระอนุชา ทว่าข้ามิเคยได้เห็นมัน หิ มะมิเคยตก
ในนครวิหคเทวะมาก่อน หากแต่เมื่อยามข้าอายุสิบสาม พายุหิมะ
ลูกใหญ่ลูกหนึ่งได้ตกลงมายังนครวิหคเทวะอย่างกะทันหัน...นัน่
คือคราที่ขา้ เข้าใจได้ในที่สุดว่าหิ มะนั้นงดงามมากเช่นใด ท้อง
นภาโปรยปรายไปด้วยเกล็ดหิมะขาว ทําให้ขา้ รู ้สึกราวกับข้าอยู่
ในต่างโลก และเมื่อเกล็ดหิ มะตกลงมาต้องกายข้า พวกมันดูราว
กับเป็ นเหล่าเทพธิดาผูแ้ สนงดงาม…”
“วันนั้นคือวันที่ขา้ มีความสุ ขและตื่นเต้นที่สุดในชีวติ มัน
เหมือนกับข้าได้อยูใ่ นความฝันอันสวยงาม ทว่าอย่างรวดเร็ วยิง่ นัก
หิ มะละลายหายไป จากนั้น ข้าใฝ่ ฝันถึงหิมะเสมอมา หากมิเคยได้
เห็นมันอีกเลย พระบิดากล่าวว่ามีเพียงทางเหนือของอาณาจักร
เทพหงสาที่มีฤดูเหมันต์ ที่ที่เหล่าผูค้ นสามารถเห็นหิ มะได้
หากแต่พระบิดาบอกข้าหลายครั้งแล้วว่าก่อนข้าจะอายุยสี่ ิ บปี ข้า
ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากพรรคเทพหงสา...ข้าไม่รู้เลยจริ ง ๆ ว่า
เมื่อใดกันข้าถึงจะได้เห็นหิ มะอีกครั้ง”
เด็กสาวนัง่ อยูอ่ ย่างเหม่อลอย ความปรารถนาและความ
ต้องการของนางสลักชัดเจนอยูใ่ นดวงตาและสี หน้า หยุนเช่อไม่รู้
ว่าเหตุใดนางจึงชอบหิ มะมากนัก บางที คงมีเพียงหิ มะที่บริ สุทธิ์
เท่านั้นที่สามารถทําให้จิตวิญญาณอันแสนพิสุทธิ์ของนางสัน่ ไหว
ได้
“องค์หญิง โปรดหลับตาลง” หยุนเช่อยืนขึ้นและพลันเอ่ย
ขึ้นมาอย่างลึกลับ
“อ่า? ทําไมข้าต้องหลับตาเล่า?” เจ้าหญิงหิ มะมองหยุนเช่อ
ด้วยความฉงน
หยุนเช่อกางแขนออก โดยพลิกหงายฝ่ ามือของตนขึ้น “องค์
หญิงมิจาํ เป็ นต้องเอ่ยถาม เมื่อท่านลืมตาขึ้นมา ท่านจะเข้าใจเอง”
“อืม ย่อมได้” เจ้าหญิงหิ มะคิดว่ามันน่าสนุกดีและหลับตา
ลงด้วยรอยยิม้
หยุนเช่อแหงนหน้าขึ้น แล้วสําแดงเคล็ดวิชาเมฆาเยือก
แข็ง… แม้วา่ ชายหนุ่มจะยังร่ างกายบาดเจ็บสาหัสอยู่ พลังปราณ
ของมันได้ฟ้ื นฟูกลับมาประมาณสามส่ วนได้แล้ว มันยังคงมีพลัง
พอให้ใช้เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็งสร้างหิ มะขึ้นเล็กน้อย ทันใด
หลังจากนั้น สายลมกระโชกอันหนาวเย็นโบกพัด พลังธาตุน้ าํ
โดยรอบหลอมรวมเข้ากับพลังปราณที่หยุนเช่อปล่อยออกมาอย่าง
รวดเร็ ว แปรเปลี่ยนกลายเป็ นหิ มะที่ลอยล่องในท้องนภา และตก
ลงมาอย่างช้า ๆ
“องค์หญิง ท่านสามารถลืมตาได้แล้วตอนนี้” หยุนเช่นลด
แขนลงและเอ่ยเสี ยงแผ่วเบา ก่อนที่จะมองไปยังใบหน้าประณี ต
ดัง่ หยกของเด็กสาว เฝ้ารอดูท่าทีตอบสนอง
เจ้าหญิงหิ มะลืมตาขึ้น ขณะที่เกล็ดหิ มะเกล็ดหนึ่งได้ลอย
ล่องลงมายังปรายนาสิ กของนางอย่างบางเบา จากนั้น เกล็ดหิ มะ
จํานวนมากได้ร่วงโรยลงมา ลูบไล้ผา่ นเกศายาว แก้ม และมือของ
นาง...ในชัว่ ขณะนั้น เจ้าหญิงหิ มะตกตะลึง ริ มฝี ปากของนางเผยอ
เปิ ดขึ้นและสี หน้าของนางดูพร่ ามัวยิง่ ขึ้น นางมองเหม่อลอยไปยัง
ทุกสิ่ งทุกอย่าง ราวกับนางพบว่าตนเองกําลังอยูใ่ นความฝัน
“หิ มะล่ะ...หิ มะ!”
เจ้าหญิงหิ มะยืนขึ้นอย่างเริ งร่ า มือทั้งสองของนางกอบรับ
เกล็ดหิ มะที่ตกลงมาอย่างไม่รู้จบ เด็กสาวกระโดดโดยเริ งรื่ น
ท่ามกลางหิ มะ ประหนึ่งนางเป็ นเทพธิดาผูไ้ ด้พบบ้านเกิด ทีท่า
เปี่ ยมสุ ขของนางคล้ายจะส่ งผลให้สภาพอากาศที่มีลมโชยแผ่ว
อ่อนโยนยิง่ ขึ้นไปอีก
“มันคือหิ มะจริ ง ๆ ด้วย...เย็นจังเลย สวยเหลือเกิน”
เด็กสาวร้องอุทานเริ งร่ าด้วยความตื่นเต้น ทุกสําเนียงเสี ยงที่
นางเปล่งออกมาฟังราวกับเป็ นบทดนตรี อนั หวานซึ้งที่สุดในผืน
พิภพ ได้แช่ลงไปในเกล็ดหิ มะและชั้นหิ มะบาง ๆ ที่เพิ่งทับถมกัน
ขึ้นมาเมื่อเร็ วนี้ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นขณะที่ความสุ ขเปี่ ยมล้น
ออกมาจากรอยยิม้ ที่แย้มขึ้นบนใบหน้าของนาง ราวกับนางได้
ปลดปล่อยความสุ ขทั้งมวลออกมาโดยไม่ปกปิ ดท่ามกลางหิ มะ
“ท่านเป็ นคนสร้างหิมะขึ้นมางั้นหรื อ? มันทําได้อย่างไร
กัน?” เจ้าหญิงหิ มะโยนหิ มะในมือของนางใส่ ใบหน้าตนเอง นาง
มองหยุนเช่อด้วยความรู ้สึกอันสัน่ ไหวและความขอบคุณ ทว่าที่
ยิง่ กว่านั้นคือ มีความนับถือจาง ๆ อยูใ่ นสายตาของนาง
“ความลับ” หยุนเช่อยิม้ อย่างลึกลับ เห็นว่าเด็กสาวดีใจเหลือ
คณาเพียงนี้ ความรู ้พอใจก็เอ่อล้นขึ้นในใจของหยุนเช่อ
“ขอบคุณ!” เจ้าหญิงหิ มะยิม้ อิ่มเอมใจ แม้นว่าเด็กสาวจะสน
อกสนใจ นางมิได้ตอ้ งการรู ้คาํ ตอบมากนักจริ ง ๆ เพราะนางได้จม
อยูใ่ นความสุ ขและความสําราญใจเรี ยบร้อยแล้ว นางกางแขนทั้ง
สองข้างออกและหมุนตัวอย่างแผ่วเบาภายในม่านหิ มะที่ลอยล่อง
จากนั้น นางจึงตะโกนอย่างน่ารักน่าชังมาทางหยุนเช่อ “ข้าจะ
เต้นรําเพือ่ ท่าน ดีไหม?”
โดยไม่กระทัง่ รอคําตอบจากหยุนเช่อ หรื อบางทีหยุนเช่อ
อาจจะลืมตอบกลับไปแล้ว เจ้าหญิงหิ มะส่ งเสี ยงหัวเราะแห่งสรวง
สวรรค์ออกมาขณะที่นางจับชายกระโปรงของตนขึ้น โยนรองเท้า
งามประณี ตคู่เล็กของนางไปเบื้องข้าง เท้าและเข่างามไร้ที่ติของ
นางพลันปรากฏขึ้นในครรลองจักษุของหยุนเช่อ เท้าคู่ละเอียด
ประณี ตที่ท้ งั นุ่มละมุน ขาวดัง่ หิ มะ บริ สุทธิ์และกระจ่างใสก้าวลง
บนหิ มะขาวที่กลับมิอาจใสกระจ่างกว่าผิวอันเนียนละเอียดของ
เด็กสาว นิ้วเท้าทุกนิ้วของนางดูราวกับไข่มุกและหยกที่พิสุทธิ์
ที่สุดในโลกหล้า พวกมันงดงามและเป็ นประกายวาววับราวกับ
ประกายของอัญมณี
เกล็ดหิ มะยังคงร่ วงโปรยลงมาเรื่ อย ๆ มีบางส่ วนที่กระทัง่
ตกลงมายังร่ างกายของหยุนเช่อ ภายในโลกแห่งเกล็ดหิ มะ เจ้า
หญิงหิ มะเริ่ มเริ งระบําอย่างงดงาม ส่ วนกระโปรงครึ่ งล่างของชุด
คลุมหงสาอันงดงามของนางพลิ้วไหวด้วยการเคลื่อนไหวอันสง่า
งาม ผลึกหยกชิ้นแล้วชิ้นเล่าส่ องประกายสุ กใสพริ้ มพราย แม้นแต่
หงสาสี ทองบนชุดของนางยังดูคล้ายกับกําลังเริ งรําอย่างงามสง่า...
ทว่า การเริ งรําของหงสาจะสามารถเทียบกับความงามของเจ้า
หญิงหิ มะผูท้ าํ ให้คนลืมหายใจได้อย่างไร? ร่ างอันประณี ตและ
ละเอียดลออของนางราวกับจอกแหนที่กระเพื่อมบนผิวนํ้า ราวกับ
กิ่งต้นหลิวที่เอนพลิ้วตามสายลม และแสนน่าอัศจรรย์ราวกับมัน
เป็ นเพียงภาพฝัน… แม้แต่การร่ ายรําของเทพธิดาแห่งตําหนัก
สวรรค์ ก็มิอาจยอดเยีย่ มไปกว่านี้
หยุนเช่อมองดูอย่างตะลึงงัน สายตาของมันจ้องมองออกไป
โดยมิเคลื่อนไปไหนอยูเ่ ป็ นนาน… เสี ยงหัวเราะของเด็กสาว
สะท้อนก้องอยูข่ า้ งหูและภายในใจของมัน ภาพที่นางร่ ายรําอย่าง
อ่อนช้อยท่ามกลางหิ มะ ทุก ๆ ชัว่ ขณะตราตรึ งลงไปภายในความ
ทรงจําและจิตวิญญาณของชายหนุ่ม
มันรู ้วา่ ในทั้งชีวติ นี้ มันจะมิอาจลืมเลือนเงาร่ างที่ร่ายรํา
อย่างงดงามนี้ได้เป็ นอันขาด
บทที่ 419 การเปลีย่ นแปลงในนาวาปราณ

เกล็ดหิ มะร่ วงหล่นลงมาหมดโดยไม่รู้ตวั เด็กสาวหยุดร่ าย


รําขณะที่มองดูหิมะใต้ฝ่าเท้าที่ค่อยๆ ละลายลงอย่างยากจะทําใจ
ยอมรับ นางมองหยุนเช่อและถามด้วยสุ ม้ เสี ยงน่ารักน่าเวทนา
"การร่ ายรําของข้างดงามหรื อไม่ ?"
"งดงาม..." หยุนเช่อผงกศีรษะรับด้วยท่าทางเลื่อนลอย ฟัง
ราวกับเสี ยงคนละเมอ ห้วงความคิดของมันยังคงดื่มดํ่าอยูก่ บั การ
ร่ ายรําก่อนหน้านี้
แม้จะได้ยนิ การชื่นชมทํานองนี้มาหลายต่อหลายครั้งใน
ชีวติ แต่กระนั้นเจ้าหญิงหิ มะก็ยงั หัวร่ ออย่างมีความสุ ข "เช่นนั้น...
ช่วยสร้างหิ มะอีกหน่อยได้หรื อไม่ ? ข้าจะได้ร่ายรําให้ท่านดูต่อ
อีก เมื่อเห็นเกล็ดหิ มะร่ วงหล่น ข้าก็อดไม่ได้ที่อยากจะร่ ายรํากับ
พวกมัน"
"ย่อมได้..." หยุนเช่อจะปฏิเสธได้อย่างไร ? นางเป็ นเหมือน
นางฟ้า พลันแค่เห็นนางมันก็รู้สึกเปรมปรี ดม์ ีความสุ ขสุ ดจะ
พรรณนา มันเป็ นภาพงดงามที่คนธรรมดาคงไม่อาจพบพาน
ตลอดชีวติ ของพวกมัน หยุนเช่อยืน่ มือออกไปยังท้องฟ้าและ
รวบรวมพลังลมปราณ
ทว่าทันทีที่เริ่ มใช้เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง มันก็รู้สึกเจ็บปวด
อย่างแสนสาหัสบริ เวณหน้าอก หยุนเช่อร้องครางและเอามือกดที่
หน้าอกของตนอย่างรวดเร็ ว พยายามกลํ้ากลืนเลือดที่พงุ่ ขึ้นมาใน
ลําคอกลับลงไป อย่างไรก็ดีสีหน้ามันก็ยงั คงเผือดซีดราวกับคน
ตาย
"อ๊า !!" เจ้าหญิงหิ มะอุทานด้วยความตกใจ โดยที่ไม่แม้แต่
จะใส่ ใจสวมรองเท้ากลับคืน เท้าบอบบางราวกับดอกบัวนํ้าแข็งก็
ผละจากพื้นหิ มะ ก้าวลงบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม นางยืน่ แขนทั้งสอง
ข้างออกมาแล้วก็ดึงกลับไป จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างร้อนรน "ท่าน
... ท่านเป็ นไรหรื อไม่ ? ข้าผิดเองที่ตอ้ งการแต่จะดูหิมะ โดยไม่
คํานึงถึงอาการบาดเจ็บของท่าน... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษจริ งๆ
..."
สมบัติล้ าํ ค่าของจักรวรรดิเทพหงสากําลังกล่าวขอโทษมัน
'ศิษย์ธรรมดาผูห้ นึ่ง' อย่างตื่นตระหนก ดวงตาของนางสัน่ สะท้าน
เล็กน้อย มันเต็มไปด้วยความความกังวลและการตําหนิตนเอง
ส่ วนลึกในใจของหยุนเช่อเกิดความหวัน่ ไหว มันพยายามอย่าง
ที่สุดที่ฝืนยิม้ ออกมา "ไม่ตอ้ งกังวล ข้าไม่เป็ นไร ข้าแค่บงั เอิญไป
กระตุน้ อาการบาดเจ็บภายใน พักสักครู่ กค็ งจะดีข้ ึน"
เมื่อกล่าวจบหยุนเช่อก็นงั่ ลงเรี ยบร้อยพอดี มันหลับตา
ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ แล้วความรู ้สึกอึดอัดไม่สบายก็หายไปอย่าง
รวดเร็ ว
เมื่อได้ยนิ คํากล่าวของหยุนเช่อและเห็นว่าใบหน้าของมัน
ค่อยๆ มีสีสนั กลับคืนมา ความกังวลและความรู ้สึกผิดของเจ้า
หญิงหิ มะจึงค่อยคลายลง จากนั้นนางก็นงั่ ลงตรงหน้ามันและจ้อง
มองมันโดยไม่กะพริ บตา ด้วยยังไม่รู้สึกวางใจอย่างเต็มที่ นางก็
ไม่รู้วา่ เหตุใดนางจึงปรารถนาที่จะพิจารณาชายผูน้ ้ ีอย่างเต็มที่ บาง
ทีอาจสื บเนื่องจากความรู ้สึกคลุมเครื อลึกลับบางอย่างจากตัวมัน...
นี่เป็ นครั้งแรกในชีวติ ที่นางพิจารณาคนผูห้ นึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจถึง
เพียงนี้
เมื่อความเจ็บปวดภายในสงบลง หยุนเช่อก็ลืมตาขึ้น สบตา
กับเจ้าหญิงหิ มะในทันที เมื่อถูกจับได้วา่ ตนกําลังแอบมองมันอยู่
เจ้าหญิงหิ มะก็กะพริ บตา หัวร่ อเสี ยงหวาน และแย้มยิม้ ออกมาทํา
ให้หยุนเช่อรู ้สึกปั่ นป่ วนใจขึ้นมาทันที (>///<) "องค์หญิง ที่ขา้
บาดเจ็บนี้เป็ นความผิดของข้าเอง ข้าไม่เพียงแต่ไม่สามารถทํา
หิ มะตกให้ท่านชม ซํ้ายังทําให้ท่านเป็ นกังวล... พรุ่ งนี้อาการ
บาดเจ็บของข้าก็คงจะดีข้ ึน เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะทําหิ มะตกเยอะๆ
ให้ท่านชม"
"ตกลง !" เจ้าหญิงหิมะตอบรับอย่างง่ายดาย จากนั้นก็เอียง
คอเล็กน้อย "แต่ท่านอย่าเรี ยกข้าว่าองค์หญิงได้หรื อไม่ ? มันฟังดู
น่าอึดอัดนะ"
"เช่นนั้น... ข้าควรเรี ยกองค์หญิงว่ากระไร ?"
"ข้าชื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อ ท่านจะเรี ยกข้าเสวีย่ เสวีย่ หรื อ เสวีย่ เอ๋ อ
ก็ได้ ข้าชอบทั้งสองชื่อนี้ แต่ 'องค์หญิง' น่ะไม่เห็นเพราะเลย" เจ้า
หญิงหิ มะกล่าวพร้อมหัวร่ อ
หากผูค้ นพรรคเทพหงสามาได้ยนิ เช่นนี้ พวกมันคงแตกตื่น
โดยพลัน แต่หยุนเช่อหาใส่ ใจไม่ มันยิม้ "ดี เช่นนั้นจากนี้ไป ข้า
จะเรี ยกเจ้า... เสวีย่ เอ๋ อ"
"อื้ม !" เจ้าหญิงหิ มะยิม้ บางขณะผงกศีรษะรับ ดวงตาที่ราว
กับดวงดาวของนางจับจ้องที่ใบหน้ามัน "เช่นนั้นข้าจะเรี ยกท่าน...
พี่ใหญ่หลิงหยุน ได้หรื อไม่ ?"
"ได้แน่นอน... แต่ขา้ อยากให้เสวีย่ เอ๋ อเรี ยกข้า 'พีใ่ หญ่หยุน'
มากกว่า" หยุนเช่อยิม้ ... แม้จะผิดกันคําหนึ่ง แต่ 'พี่ใหญ่หลิงหยุน'
กับ พี่ใหญ่หยุน ก็มีความหมายต่างกันโดยสิ้ นเชิง เพราะชื่อแรก
นั้น... เจ้ าหลิงหยุนได้ ประโยชน์ ไปแต่ ผ้ เู ดียว !
"อื้ม !" เจ้าหญิงหิ มะผงกศีรษะรับด้วยความยินดี "พี่ใหญ่
หยุน... พี่ใหญ่หยุน... พี่ใหญ่หยุน... เฮ้ !"
เจ้าหญิงหิ มะร้องเรี ยกชื่อมันออกมาสามครั้งติดต่อกัน สุ ม้
เสี ยงอ่อนหวานอย่างที่สุดนั้นทําให้กระดูกกระเดี้ยวทั้งร่ างของหยุ
นเช่ออ่อนยวบ
————————————————
วังหลวงเทพหงสา ท้องพระโรงราชวงศ์เทพหงสา
"ผูบ้ ุตรถวายบังคมพระบิดา" เฟิ งซีหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม
ขณะยืนอยูเ่ บื้องหน้าเฟิ งเหิ งคง
การประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่นี่
ยังเป็ นเรื่ องสําคัญรองลงไป เรื่ องสําคัญสุ ดคือทางเข้าของนาวา
ปราณบรรพกาลนั้นใกล้จะเปิ ดออกแล้ว แม้วา่ ในรอบหลายพันปี
นี้จะยังไม่มีผใู ้ ดค้นพบความลับของมัน แต่มนั ต้องมีของลํ้าค่ายิง่
อย่างไม่ตอ้ งสงสัย ดังนั้นแม้วา่ จะประสบกับความล้มเหลวทุก
ครั้ง แต่การปรากฏขึ้นของนาวาปราณบรรพกาลก็ยงั ถือเป็ น
โอกาสอันยิง่ ใหญ่สาํ หรับพรรคเทพหงสา ทุกคนในพรรคเทพหง
สาเชื่อว่าหากพวกมันค้นพบความลับของนาวาปราณบรรพกาล
และได้สมบัติของนาวาปราณมา ความแข็งแแกร่ งของพรรคเทพ
หงสาจะต้องทัดเทียมสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยง่ิ ใหญ่อย่างแท้จริ ง...
หรื ออาจเหนือกว่าพวกนั้นด้วยซํ้า
เมื่อเฟิ งซี หมิงมาถึง เฟิ งเหิ งคงก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
ขณะที่กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า "มีเรื่ องอันใด ?"
เฟิ งซี หมิงเงยหน้าเล็กน้อยอย่างถ่อมตน "รายงานพระบิดา
ผูบ้ ุตรเพิ่งได้รับข่าวจากตําหนักจิตปฐพีวา่ มีการเปลี่ยนแปลงเกิด
ขึ้นกับผนึกลมปราณของประตูนาวาปราณบรรพกาลในเช้าวันนี้
ตามบันทึกที่ผา่ นมาของเรา การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้เป็ น
เครื่ องหมายว่าอีกสิ บสองวันนับจากนี้ประตูนาวาจะเปิ ดออก ซึ่ง
เร็ วกว่าที่เราคาดคะเนถึงสี่ วนั เต็ม" การเตรี ยมการสําหรับนาวา
ปราณบรรพกาลเป็ นสาเหตุที่ทาํ ให้ช่วงนี้เฟิ งเหิ งคงไม่ค่อยปรากฏ
ตัวต่อหน้าธารกํานัล
เฟิ งเหิ งคงผงกศีรษะขึ้น สี หน้าเคร่ งขรึ ม "เร็ วกว่าที่คิดสี่
วัน ?"
เฟิ งซี หมิงผงกศีรษะรับ "พะยะค่ะ เดิมทีเรากําหนดไว้วา่
วันรุ่ งขึ้นหลังงานประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรจะเป็ นวันที่
ประตูนาวาปราณเปิ ดออก แต่ตอนนี้ประตูนาวาปราณจะเปิ ดเร็ ว
กว่ากําหนดสี่ วนั ซึ่งตรงกับช่วงงานประลองจัดอันดับ ถึงแม้จะ
เลื่อนงานประลองจัดอันดับให้เร็ วขึ้น เราก็ยงั ไม่มีเวลาพอ ด้วย
เหตุน้ ีขอพระบิดาโปรดพิจารณาด้วยว่าเราควรจะจัดการเรื่ องนี้
อย่างไรดี"
เฟิ งเหิ งคงลุกขึ้น คิ้วค่อยขมวดแน่น ทางเข้านาวาปราณ
บรรพกาลจะเปิ ดออกเพียงยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมง ทุกนาทีทุกวินาทีจึงมีค่า
ยิง่ ไม่ควรเสี ยไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านั้น
ตอนที่ส่งบัตรเชิญไปยังหกอาณาจักร มันได้ระบุอย่างชัดเจนว่าผู ้
ชนะสามอันดับแรกของการประลองจัดอันดับจะได้รับสิ ทธิใน
การขึ้นไปยังนาวาปราณบรรพกาล แต่ถา้ การแข่งขันยังไม่จบ แล้ว
สามอันดับแรกจะได้ข้ ึนนาวาปราณได้อย่างไรในเมื่อยังไม่ทราบ
เลยว่าใครคือสามอันดับแรกนัน่ ? สําหรับการเลื่อนงานประลอง
ยุทธ์ให้เร็ วขึ้นนั้นยิง่ เป็ นเรื่ องไม่เหมาะสม
เฟิ งเหิ งคงพึมพําออกมาด้วยนํ้าเสี ยงแผ่วเบาแต่น่าเกรงขาม
"กําหนดเดิมของการประลองจัดอันดับกินระยะเวลาห้าวัน เรื่ อง
นาวาปราณบรรพกาลย่อมไม่สามารถเลื่อนออกไป ส่ วนการ
แข่งขันก็ไม่สามารถเลื่อนให้เร็ วกว่ากําหนด เนื่องจากนาวาปราณ
จะเปิ ดเร็ วขึ้นกว่ากําหนดสี่ วนั ดังนั้นเราจึงได้แต่บีบงานประลอง
จัดอันดับให้เหลือเพียงวันเดียว !"
"วันเดียว ? นี่..." เฟิ งซีหมิงมีสีหน้าตื่นตระหนก เรื่ องนี้ไม่
เคยมีมาก่อนในประวัติการประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักร การจะ
ให้การประลองระหว่างเจ็ดอาณาจักรเกิดขึ้นภายในหนึ่งวันนั้น
มันกระชั้นเกินไป หรื ออาจกล่าวได้วา่ โดยพื้นฐานแล้วมันไม่อาจ
ทําได้
"มีแต่วธิ ีน้ ีเท่านั้น ส่ วนจะจัดการอย่างไรก็ข้ ึนอยูก่ บั การ
ตัดสิ นใจของเจ้า" เฟิ งเหิ งคงจ้องเขม็ง "จะต้องไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
ในการสํารวจนาวาปราณบรรพกาล ส่ วนการประลองจัดอันดับก็
เกี่ยวพันถึงเกียรติยศของพรรคเทพหงสาเรา ดังนั้นมันต้องไม่มี
ความผิดพลาดใดๆ จะจัดการเรื่ องนั้นได้อย่างไรก็ข้ ึนอยูก่ บั
ความสามารถของเจ้า นี่ถือเป็ นการทดสอบสําหรับเจ้า มีอะไร
สงสัยหรื อไม่ ?"
แม้วา่ เฟิ งซีหมิงจะวิตกกังวล แต่เห็นได้ชดั ว่ามันไม่มีความ
กล้าพอที่จะปฏิเสธ จึงได้แต่กม้ ศีรษะลงทันที "รับพระบัญชา ผู ้
บุตรจะจัดการตามพระประสงค์ของพระบิดาอย่างเหมาะสม และ
จะไม่ทาํ ให้พระบิดาผิดหวัง"
"อืม" เฟิ งเหิ งคงผงกศีรษะ "เป็ นอันว่าจบเรื่ องแล้ว หากไม่มี
เรื่ องใดอีก เจ้าก็ออกไปได้ อย่าลืมแจ้งให้ผอู ้ าวุโสสูงสุ ดและเจ้า
ตําหนักทุกท่านทราบเรื่ องนี้ พวกเขาจะได้เตรี ยมการตั้งแต่เนิ่นๆ "
"รับพระบัญชา... ผูบ้ ุตรยังมีอีกเรื่ องหนึ่งพะยะค่ะพระบิดา
เรื่ องนี้ถึงจะไม่สาํ คัญนักแต่ผบู ้ ุตรคิดว่าผูบ้ ุตรควรกราบทูลให้พระ
บิดาทราบ"
"ว่ามา"
เฟิ งซี หมิงกล่าอย่างระมัดระวังว่า "เมื่อสองสามวันก่อน มี
เสี ยงการต่อสู ด้ งั สนัน่ หวัน่ ไหวมาจากหุบเขาเทพหงสา เมื่อพวก
เราไปถึงที่นนั่ ก็พบเฟิ งชือหัว องครักษ์ส่วนตัวของน้องสิ บสาม
มันได้เสี ยชีวติ ลงอย่างน่าเอนจอนาถนัก พื้นที่รอบๆ นั้นถูกทําลาย
เป็ นวงกว้าง แสดงว่ามันได้ผา่ นการต่อสูอ้ ย่างไม่คิดชีวติ "
เกี่ยวกับเรื่ องเฟิ งชือหัวนี้ เฟิ งเหิ งคงรู ้แล้วแต่มนั ไม่เก็บมาใส่
ใจอย่างเห็นได้ชดั มันกล่าวอย่างไม่แยแสว่า "มีเพียงคนในพรรค
เราที่สามารถเข้าหุบเขาเทพหงสาได้ เนื่องจากมันตายที่นนั่ ดังนั้น
มันต้องถูกคนในพรรคเราสังหาร ซึ่งเราจะรู ้ทนั ทีวา่ เป็ นใครเมื่อ
ทําการตรวจสอบ"
"ดังที่พระบิดากล่าว จากการตรวจสอบ เฟิ งชือหัวกําลังไล่
ตามใครบางคนที่โจมตีประตูทิศใต้ในเช้าตรู่ วนั นั้นเอง จาก
คําให้การของยามรักษาประตู ตอนนั้นฟ้ายังไม่สว่างดีนกั ดังนั้น
พวกมันจึงมองเห็นใบหน้าของคนผูน้ ้ นั ไม่ชดั พวกมันเพียงแต่
มองออกรางๆ ว่าคนผูน้ ้ นั มีอายุไม่ถึงสามสิ บปี และ..."
"ไม่ตอ้ งพูดอะไรอีกแล้ว !" เฟิ งเหิ งคงโบกมืออย่างหมด
ความอดทน "เราไม่มีเวลามาใส่ ใจเรื่ องเล็กน้อยแค่น้ ี การที่เฟิ งชือ
หัวถูกใครบางคนในพรรคฆ่า นัน่ ก็หมายความว่ามันไร้
ความสามารถ เจ้ากําลังจะบอกว่าเราต้องตรวจสอบหาว่าใครฆ่า
เจ้าเศษสวะนัน่ หรื อ ?"
"พระบิดา โปรดระงับโทสะ... การเสี ยชีวติ อย่างน่าอนาถ
ของเฟิ งชือหัวเป็ นเพียงเรื่ องเล็กน้อย ทว่า... ทว่า..." เฟิ งซีหมิงสู ด
ลมหายใจ ขณะที่ใบหน้าปรากฏความตื่นกลัวอย่างชัดเจน
"สถานที่ที่เฟิ งชือหัวเสี ยชีวติ นั้นห่างจากผาหงสาไร้เขตแดนไม่ถึง
ห้ากิโลเมตร และที่อยูต่ ิดกับผาหงสาไร้เขตแดนก็คือหุบเขาหงส์
สถิตย์ ที่เสวีย่ เอ๋ อพํานักอยู่ พระบิดาได้มีพระบัญชาให้จดั วางผูค้ ุม้
กันในระยะยีส่ ิ บห้ากิโลเมตรทางด้านตะวันออก ตะวันตกและ
ด้านเหนือของหุบเขาหงส์สถิตย์ ผูบ้ ุตรเกรงว่าเสวีย่ เอ๋ ออาจถูก
รบกวน และบางทีคนผูน้ ้ นั อาจกล้าบุกรุ กหุบเขาหงส์สถิตย์..."
ก่อนที่จะกล่าวจบ มันก็พลันรู ้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่ าง และ
ไม่กล้ากล่าวอันใดต่อไป ดวงตาถมึงทึงสาดประกายเย็นชาขุ่นมัว
ของเฟิ งเหิ งคงหรี่ แคบลง
"เจ้า... กําลังจะบอกว่าเจ้าต้องการไปที่หุบเขาหงส์สถิตย์เพื่อ
ดูวา่ เสวีย่ เอ๋ อปลอดภัยหรื อไม่ งั้นหรื อ ?"
"หามิได้ ผูบ้ ุตรไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่
... เพียงแต่ผบู ้ ุตรเกรงว่าใครบางคนอาจไปรบกวนเสวีย่ เอ๋ อ" เฟิ ง
ซี หมิงกล่าวด้วยความหวาดกลัว มันคาดคิดไว้แล้วว่าเฟิ งเหิ งคงจะ
มีปฏิกริ ยาเช่นนี้ แต่กอ็ ดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไป... ยามนี้เฟิ งเหิ ง
คงมีภารกิจมากเหลือเกิน ดังนั้นมันอาจจะอนุญาตให้ตนไปที่นนั่
เพื่อไปดู... แม้วา่ จะมีโอกาสเพียงหนึ่งในล้าน แต่ขอแค่ได้เห็นเสวี่
ยเอ๋ อก็พอแล้ว อย่างไรก็ดี เห็นได้ชดั ว่านี่กย็ งั เป็ นความหวังลมๆ
แล้งๆ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อเป็ นจุดตายที่ใหญ่ที่สุดของเฟิ งเหิ งคง... จุดตาย
ที่ไม่ควรไปแตะต้องเป็ นอันขาด
"ฮึ่ม ! ผาหงสาไร้เขตแดนไม่ใช่เพียงแค่ดินแดนที่อยูท่ างใต้
ของหุบเขาหงส์สถิตย์ ที่นนั่ ยังมีค่ายกลมหาวิหคเทพหงสา
นอกจากคนในพรรคเราแล้ว ใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แม้แต่ใน
พรรคเทพหงสาเรา ก็ยงั ไม่มีผใู ้ ดกล้าพอที่จะบุกรุ กเข้าไปในหุบ
เขาหงส์สถิตย์ !! นอกจากนี้เสวีย่ เอ๋ อก็สามารถถ่ายทอดเสี ยงถึงเรา
ได้ทนั ที หากนางถูกรบกวนจริ งๆ นางก็ตอ้ งแจ้งให้เราทราบทันที
อย่างแน่นอน ไม่ตอ้ งให้เจ้ามากังวล... ไสหัวไป !"
"พระบิดา โปรดระงับโทสะ ผู.้ .. ผูบ้ ุตรเพียงกังวลเกินไป ผู ้
บุตรทูลลา"
เฟิ งซี หมิงถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว... ทันทีที่พน้ จาก
ท้องพระโรงราชวงศ์เทพหงสา มันก็หนั กลับไป กัดฟันแน่น
ดวงตาสาดประกายขุ่นเคืองเย็นชา
บทที่ 420 คําสั ญญา

หิ มะร่ วงโรยลงด้านล่างรอบๆกายหยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่


เอ๋ อร์อย่างน่าอัศจรรย์ อารมณ์ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลายเป็ นสดใสร่ า
เริ ง เพราะว่าหิ มะร่ วงโรยเท่าที่ดวงตาคู่หนึ่งจะมองเห็นได้น้ ีน้ นั
เป็ นดัง่ ความฝันอันสวยงามที่นางปรารถนามาตลอด
“พี่ใหญ่หยุน หิ มะที่ท่านสร้างขึ้นมานี้เป็ นประเภทธาตุน้ าํ
ใช่ไหม?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กมุ แก้มของนางด้วยมือทั้งสองอย่างน่ารัก
จ้องมองไปยังมันด้วยดวงตาวาววับ ทั้งบริ สุทธิ์และสดใส อารมณ์
ความรู ้สึกแสดงออกทางใบหน้าของนางทั้งหมดโดยไร้ความลังเล
เฉกเช่นเดียวกับหิ มะขาว ขณะเดียวกันที่นางกล่าวคําก็ยงั แสดง
ความอยากรู ้อยากเห็นและโหยหาต่อเคล็ดลมปราณนี้
“อืม มันมีนามว่า ‘เคล็ดวิชาเมฆาเยือกแข็ง’ ใช่แล้ว มันเป็ น
ลมปราณประเภทธาตุน้ าํ ” หยุนเช่อตอบโดยไร้ซ่ ึงการปิ ดบังใดๆ
เพราะมันเชื่อว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่มีทางเคยได้ยนิ นามนี้มาก่อน
ทว่ามันพูดเสริ มไปอย่างสบายๆว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้าเคยได้ยนิ นาม
ของเคล็ดวิชานี้มาก่อนหรื อไม่”
“ไม่เลย” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายหัวของนางเบาๆ และถามอย่าง
อยากรู ้อยากเห็น “แต่ทาํ ไมท่านถึงรู ้จกั เคล็ดลมปราณธาตุน้ าํ ได้
ล่ะ? สายเลือดเทพหงสาเราสามารถเผาไหม้เปลวเพลิงเทพหงสาที่
รุ นแรงได้ ทว่าธาตุน้ าํ และไฟมันตรงข้ามกันและสะกดข่มซึ่งกัน
และกันนี่? ข้าไม่เคยได้ฟังมาก่อนเลยว่ามีใครในพรรคสามารถ
ฝึ กฝนเคล็ดลมปราณธาตุน้ าํ ได้สาํ เร็ จ พระบิดาเหมือนจะกล่าวว่า
ไม่มีแม้เพียงคนเดียวแม้แต่ในนครวิหคเทวะด้วยซํ้า”
นํ้าและไฟจะสะกดข่มซึ่งกันและกัน และไม่สามารถอยู่
ร่ วมกันได้ หากมีผใู ้ ดฝึ กฝน ยามที่พลังลมปราณถูกใช้ไปหนึ่ง
ประเภท ประเภทอื่นที่สะกดข่มซึ่ งกันและกันทั้งหมดจะไม่
สามารถฝึ กได้ มิฉะนั้นพลังปราณทั้งสองประเภทจะสลายไปด้วย
ตัวมันเอง หรื อแม้แต่กลายเป็ นพลังปราณปั่นป่ วนสับสน นี่ลว้ น
เป็ นสามัญสํานึกของลมปราณ ฉะนั้นการจะฝึ กลมปราณธาตุตรง
ข้ามกับที่ตนมีอยู่ นอกจากจะทําให้สูญเสี ยพลังงานไปเปล่าๆ แล้ว
ยังเพิ่มความเสี่ ยงสู งหากประมาทแม้เพียงเล็กน้อย อาจจะกล่าวได้
ว่าไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ ธาตุไฟของอัคคีเทพหงสามี
องค์ประกอบที่เยีย่ มยอด และร้ายกาจที่สุดในเคล็ดลมปราณไฟ
ทุกชนิด ผูใ้ ช้ลมปราณทั้งหมดที่ได้ฝึกฝนธาตุไฟก็เช่นกัน
นอกจากนี้ยงั มีผคู ้ นจากต่างจักรวรรดิกย็ งั ไม่พบผูใ้ ดสามารถ
ฝึ กฝนได้ท้ งั สองธาตุในยามเดียวกันมาก่อน เพราะว่าเมื่อใช้ธาตุ
ไฟแล้วร่ างกายของพวกมันและเส้นชีพจรลมปราณจะรู ้สึกอึดอัด
จากความร้อนต่างๆหากร่ างกายของพวกมันได้รับการฝึ กฝนแต่
เพียงธาตุน้ าํ
คําถามของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จึงเป็ นเรื่ องปกติ
หยุนเช่อกล่าวอย่างใจเย็น “เสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้ารู ้หรื อไม่วา่ พรรค
เทพหงสาเราไม่ได้มีอยูแ่ ค่ในจักรวรรดิเทพหงสา? มีหลายคนที่
ถูกส่ งออกไปยังต่างอาณาจักรตั้งแต่ในวัยเด็ก จากนั้นจึงปกปิ ด
สายเลือดเทพหงสาและเข้าร่ วมกับพรรคหรื อกองกําลังที่ยง่ิ ใหญ่
ในพื้นที่น้ นั ๆ เพือ่ รับข้อมูลข่าวสารและทําให้พรรคของเรามี
ระบบข่าวกรองที่สมบูรณ์ที่สุด”
ริ มฝี ปากอันบอบบางน่าทะนุถถนอมของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ด
ออกเล็กน้อย จากนั้นนางก็พยักหน้าเบาๆ “อือ นี่ขา้ รู ้ เสด็จพ่อเคย
บอกกล่าวแก่ขา้ มาก่อน...พี่ใหญ่หยุนท่านถูกส่ งออกไปตั้งแต่วยั
เด็กงั้นเหรอ?”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยงั สงสัยในคําของหยุนเช่อ เพราะว่าระบบ
ข้อมูลข่าวสารเป็ นสิ่ งทรงพลังที่พรรคที่มีประสิ ทธิภาพต้องทํา
และระบบข้อมูลข่าวสารยังเป็ นดัง่ เส้นสายชีวติ ของพรรค หมู่บา้ น
กระบี่สวรรค์ พรรคตระกูลเซี่ยว หรื อแม้แต่วงั หลวงวายุคราม
ทั้งหมดล้วนมีศิษย์ของตนแฝงตัวเข้าไปในพรรคอื่นๆ ยิง่ ไม่ตอ้ ง
กล่าวถึงความยิง่ ใหญ่ของพรรคเทพหงสา
“ใช่ ข้าถูกส่ งไปยังอาณาจักรวายุคราม และพึ่งกลับมายัง
พรรคในปี นี้เอง” หยุนเช่อพยักหน้า มันตอบคําด้วยความใจเย็นไร้
ซึ่ งความวกวนใดๆ มันเกือบมิอาจเป็ นไปได้ที่จะมองหาร่ องรอย
ของความโกหกจากดวงตาและท่าทางของมันแม้วา่ จะเป็ นถึงผู ้
มากประสบการณ์ ทว่ายามมันกล่าวคําออกมา ในใจและจิต
วิญญาณของมันนั้นวิตกกังวลอย่างหนัก
ในทั้งสองชีวติ ของมัน เพือ่ บรรลุจุดประสงค์บางอย่างหรื อ
เพื่อการเอาตัวรอดมันได้พดู คําลวงหลอกมามากมายนับไม่ถว้ น
และมันได้ฝึกฝนจนแม้แต่หวั ใจของมันก็ยงั ไม่เปลี่ยนจังหวะการ
เต้น ร่ องรอยความรู ้สึกใดก็มิเคยแสดงออกทางใบหน้าแม้เพียง
เล็กน้อย ทว่าครานี้ ผูท้ ี่อยูต่ ่อหน้ามันคือเด็กสาวผูบ้ ริ สุทธิ์สดใส
มากยิง่ กว่าแม้แต่หิมะของมันซะอีก อีกทั้งนางยังเคยช่วยชีวติ มัน
ไว้...หากแต่การโกหกนี้เป็ นเพียงการปกปิ ดเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ของมันเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่ได้มีเจตนาจะทําอันตรายใดๆต่อ
นาง อีกทั้งมันเองยังรู ้สึกผิดบาปในใจของตนเอง
“อาณาจักรวายุคราม…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รู้จกั นามนี้ และยังรู ้
ด้วยว่ามันคืออาณาจักรที่เล็กที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า ดวงตา
สดใสน่ารักของนางกะพริ บครั้งหนึ่งนางจึงถามต่อ “เช่นนั้นเคล็ด
วิชาเมฆาเยือกแข็งของพี่ใหญ่หยุนศึกษามาจากที่นนั่ งั้นเหรอ?
ตั้งแต่ที่นน่ั มีเคล็ดลมปราณธาตุน้ าํ แข็ง เช่นนั้นที่นนั่ ต้องมีหิมะ
มากมายเลยใช่หรื อไม่?”
“อืมม” หยุนเช่อพยักหน้า “ที่นนั่ เป็ นสถานที่ท่ีเรี ยกว่าแดน
หิ มะสุ ดเยือกแข็ง ทัว่ ทั้งขอบเขตห้าร้อยกิโลเมตรรอบๆที่นนั่ เต็ม
ไปด้วยทุ่งหิ มะสี ขาว”
“ห้าร้อยกิโลเมตร...หิ มะสี ขาว?” ริ มฝี ปากสี ชมพูบอบบาง
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางไม่สามารถ
จินตนาการถึงความน่าอัศจรรย์ตื่นตาเช่นนั้นได้เลย
“และในขอบเขตทั้งห้าร้อยกิโลเมตรถูกปกคลุมไปด้วยหิ มะ
มากมายมหาศาลเป็ นชั้นหิ มะที่หนามากๆๆๆ เช่นแม้วา่ จะขุดหิ มะ
ขึ้นมาหนึ่งฟุตด้านใต้ลงไปก็ยงั คงเป็ นหิมะ” หยุนเช่อกล่าวขณะ
ยิม้ แย้ม มันเชื่อว่าแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งจะเป็ นดัง่ สรวงสวรรค์
ของผูท้ ี่ชื่นชอบหิ มะอย่างเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ มันบรรยายต่ออย่างเป็ น
เรื่ องราว “เพราะว่าที่นนั่ หนาวมากๆ นํ้าแข็งและหิ มะที่นน่ั ไม่เคย
ละลายมาก่อนเลยตลอดหนึ่งพันปี ...ดู รอบๆที่นี่มีแต่ภูเขาซึ่งเต็ม
ไปด้วยดินและหิ น ทว่าที่แดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง แม้แต่สนั เขาและ
ยอดเขาก็ยงั ปกคลุมไปด้วยชั้นหิ มะและนํ้าแข็งมากมาย ท้องฟ้าที่
เราอยูน่ ้ ีเป็ นสี ฟ้า ทว่าที่นนั่ แม้แต่ทอ้ งฟ้าก็ยงั ส่ องประกายสดใสที่
สะท้อนมาจากหิ มะ ในโลกทั้งหมดนี้ที่น้ นั เป็ นสถานที่เดียวที่เป็ น
สี ขาวไร้ขอบเขต ผืนฟ้าและปฐพีมิอาจโดดเด่น ที่นน่ั ช่างบริ สุทธิ์
และเงียบสงบเสี ยงเดียวที่จะได้ยนิ คือเสี ยงการเต้นจากหัวใจของ
เรา”(!!อย่าให้มนั หลอกได้นะหนู!!)
“ว้าว…” มือของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยกขึ้นปิ ดริ มฝี ปากบางของ
นางโดยมิทนั รู ้ตวั สายตาของนางดัง่ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก “ที่
นัน่ ...เป็ นเช่นนั้นจริ ง...แดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง...แดนหิ มะสุ ดเยือก
แข็ง…”
“มิใช่เพียงเท่านั้น แม้วา่ ที่นนั่ จะมีหิมะอยูม่ ากมายทว่าก็มี
ดอกไม้และพันธุ์พืชมากมายเช่นกัน และดอกไม้ที่นน่ั เป็ นดอกไม้
ผลึกนํ้าแข็งคล้ายคลึงกันทั้งหมด และแม้แต่ตน้ ไม้ตน้ หญ้าก็ยงั
ส่ องประกายนํ้าแข็ง และก็ยงั มีปะการังนํ้าแข็งอันงดงาม อีกทั้งยัง
มีรูปสลักนํ้าแข็งตามธรรมชาติแบบต่างๆ นี่คือสิ่ งที่ไม่สามารถ
เห็นได้จากที่ใด เพราะว่าถ้าพวกมันเหล่านั้นถูกนําออกจากแดน
หิ มะสุ ดเยือกแข็งมันจะละลายอย่างรวดเร็ ว…” หยุนเช่อกล่าวถึง
หงส์หิมะ “ฉานน้อยก็มาจากแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง ทว่ามันก็
เหมือนกับหิ มะเหล่านั้น ในทวีปลมปราณฟ้าสัตว์อสู รหงส์หิมะ
สามารถหาได้จากที่นนั่ เท่านั้น เพื่อจะมากับข้า ฉานน้อยต้อง
เหน็ดเหนื่อยนัก”
สัตว์อสู รหงส์หิมะร้องครางออกมาเบาๆ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลายเป็ นมึนงงสับสน นางตกสู่ โลกมายาที่มิ
เคยปรากฎขึ้นในความฝันมาก่อน สถานที่อนั สวยงาม ที่สุดที่นาง
เคยจินตนาการถึง...แม้แต่ความรู ้ท้ งั หมดของนาง นางยังมิเคย
ได้รับรู ้ถึงภาพความสวยงามเช่นนี้มาก่อน...หิ มะอันไร้ที่สิ้นสุ ด
ภูเขาหิ มะสี ขาว ท้องฟ้าสี ขาวราวหิ มะ ต้นไม้ดอกไม้ที่เปล่ง
ประกายนํ้าแข็งระยิบระยับ ฝูงนกเล็กๆสี ขาวโบยบินร่ ายรํากลาง
ท้องฟ้า...
“แดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง...แดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง…” นาง
พึมพําชื่อนี้ราวกับกําลังเพ้อ ความรู ้สึกนี้เปรี ยบดัง่ จะละลายหัวใจ
และจิตวิญญาณของนางได้
“เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งการไปที่นน่ั หรื อไม่?” หยุนเช่อถามคําถามที่
สามารถเดาได้โดยง่ายจากท่าทางของนาง
“อืมม!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พยักหน้าอย่างเต็มที่ พวงแก้มสี ขาว
น่ารักของนางสัน่ ไหวไปมาตามแรงกระเพื่อม “ในโลกนี้ ที่นนั่
ช่างเป็ นสถานที่อนั งดงาม ข้าต้องการไปจริ งๆ หากข้าสามารถไป
ถึงที่นนั่ ได้ และใช้ชีวติ อยูท่ ี่นนั่ ...ว้าว~~มันจะมีความสุ ขเพียงใด
กัน”
“แต่วา่ …” ประกายในตาเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันหม่นลงอีกครั้ง
“เสด็จพ่อเคยกล่าวว่าจนกว่าข้าจะอายุยสี่ ิ บปี ห้ามข้าออกจากนคร
วิหคเทวะเป็ นอันขาด เสด็จพ่อเองก็มีงานยุง่ เสมอจนไม่ได้กา้ ว
ออกจากพรรคเทพหงสามาหลายต่อหลายปี แล้ว แม้แต่ตอนที่ขา้
อายุยสี่ ิ บปี เสด็จพ่อก็อาจไม่มีเวลาพาข้าไปที่น้ นั อยูด่ ี…”
“เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปเอง” หยุนเช่อเอ่ยปากออกมาอย่าง
ไม่ทนั ขบคิด
“อ๊ะ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่งเสี ยงแผ่วเบาออกมาพร้อมกับเผยสี
หน้าแปลกใจยิง่ จนหยุนเช่อผิดคาด “จริ งเหรอ? ท่านยินดีจะพาข้า
ไปจริ งๆเหรอ?”
นางเชื่อมัน่ ในคําพูดของมันสุ ดหัวใจ ทั้งยังไม่ระมัดระวัง
ตัวกับมัน กลับกัน ด้วยหิ มะที่มนั สรรค์สร้างและทัศนียภาพที่มนั
บรรยายออกทําให้ความเชื่อมัน่ ของหญิงสาวที่มีต่อมันเพิ่มพูนขึ้น
กว่าเดิม ในใจหยุนเช่อพลันบังเกิดความรู ้สึกอันซับซ้อนแต่ก็
อบอุ่นขึ้นวูบหนึ่ง มันพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอนว่าข้าย่อม
ยินดี หากเจ้ายังยินดีที่จะจดจํา “พี่ใหญ่หยุน” ผูน้ ้ ียามที่เจ้าสามารถ
เดินทางออกจากนครวิหคเทวะได้แล้วล่ะก็ ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้า
ย่อมพาเจ้าไปยังแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งแน่ ข้ามายังจักรวรรดิเทพ
หงสาจากที่นนั่ ข้าย่อมรู ้หนทางกลับไปดี หากเร่ งฝี เท้าออกจาก
นครวิหคเทวะ ใช้เวลาเพียงครึ่ งเดือนก็ถึงแล้ว”
“ไชโย!” เด็กสาวเอ่ยอย่างยินดี ท่าทีผดิ หวังก่อนหน้านี้พลัน
สลายไปราวกับหมอกควัน นางมองไปยังหยุนเช่อพร้อมกับฉี กยิม้
ยินดีราวกับตุก๊ ตาอันงดงามอย่างที่สุด “พีใ่ หญ่หยุน ขอบคุณท่าน
มาก ท่านช่างแสนดีนกั … ข้ายินดีอย่างที่สุดที่ได้พบกับท่าน”
“การได้ชมหิ มะกับสาวงามเช่นเสวีย่ เอ๋ อร์ ข้าต่างหากที่โชค
ดี” หยุนเช่อเอ่ยออกมาจากใจ ทว่ามันเองก็ไม่รู้วา่ จะมีวนั ที่คาํ
สัญญานี้จะเป็ นจริ งหรื อไม่… หากเมื่อนั้นนางยังคงอยากจะไปอยู่
ไม่วา่ จะพบเจออุปสรรคแบบไหนมันก็จะทุ่มสุ ดกําลังเพื่อทําให้
สัญญานี้เป็ นจริ งให้ได้… บางทีอาจเพือ่ ชดเชยให้กบั ความรู ้สึกผิด
ในใจของมัน หรื ออาจเป็ นเพราะส่ วนลึกในใจมันหวังจะยืนเคียง
ข้างนางก็เป็ นได้
“แหะ เช่นนั้นเป็ นอันตกลง หลังจากข้าอายุยสี่ ิ บปี พี่ใหญ่
หยุนจะพาข้าไปแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็งเพือ่ ดูหิมะที่ตกลงมาอย่าง
ไม่สิ้นสุ ด… ท่านห้ามโกหกหรื อผิดคําพูดเด็ดขาดนะ ตกลงไหม”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยด้วยรอยยิม้ สุ ขใจ
“อืม!” หยุนเช่อพยักหน้า ก่อนจะยืน่ นิ้วก้อยของตนไปหา
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ “งั้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
“อ๋ า?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จบั จ้องนิ้วก้อยที่หยุนเช่อยืน่ มาหา ก่อน
จะหันมามองนิ้วของตนพร้อมกับเผยสี หน้างุนงง “เกี่ยวก้อย
สัญญา… แปลว่าอะไรหรื อ?”
หยุนเช่อสะบัดนิ้วเล็กน้อยพร้อมเอ่ยปาก “เป็ นการเกี่ยว
นิ้วก้อยของพวกเราเข้าด้วยกันเพื่อยืนยันว่าพวกเราจะรักษาคําพูด
เมื่อครู่ ไม่วา่ จะผ่านไปกี่ปี คําสัญญานี้กจ็ ะไม่มีวนั เปลี่ยน”
“อือออ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยน่ื นิ้วเรี ยวราวกับหยกเนื้อดีของ
นางออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ขอเพียงพี่ใหญ่
หยุนไม่ลืม ข้าย่อมต้องรักษาสัญญาอยูแ่ ล้ว ตะ… แต่วา่ …”
ทว่าร่ างกายของนางกระทัง่ นิ้วก้อยก็ยงั ไม่เคยสัมผัสกับ
บุรุษใดมาก่อน เพราะในสายตาของเฟิ งเหิ งคงแล้ว ทุกตารางนิ้ว
บนตัวนางคือสมบัติที่ล้ าํ ค่าที่สุดของพรรคเทพหงสา ไม่วา่ ผูใ้ ด
สัมผัสก็นบั เป็ นโทษทัณฑ์ที่ไม่อาจให้อภัย แม้แต่ตวั มันผูเ้ ป็ นบิดา
เองก็ไม่อาจแตะต้องนางได้ ความจริ งแล้วหากให้มนั เลือก
ระหว่างพรรคเทพหงสากับตัวเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ มันย่อมเลือกเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์อย่างไม่ลงั เล
และเหตุผลสําหรับเรื่ องนี้กม็ ิใช่เพียงความรักของคนเป็ น
พ่อที่คิดปกป้องลูกสาวคนเดียวของตน แต่เป็ นเหตุผลสําคัญที่มี
เพียงไม่กี่คนทัว่ จักรวรรดิเทพหงสาเท่านั้นที่รู้… นอกจากทาง
จักรวรรดิเทพหงสาแล้ว กระทัง่ สี่ แดนศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้ขอ้ มูลมา
จากใครบางคนและให้ความสนใจในตัวเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มาเนิ่นนาน
นี่ทาํ ให้การปกป้องเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ของเฟิ งเหิ งคงทะยานสู งขึ้นจน
ไม่มีผใู ้ ดเข้าใจได้
หากมันได้รู้วา่ มีบุรุษมานัง่ ชิดใกล้กบั เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ถึงเพียง
นี้ และยังสนทนากันอย่างหวานฉํ่า… ซํ้ายังอยากจะเกี่ยวก้อย
สัญญากับนางอีก ไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องที่บุรุษคนนี้เป็ น “ไอ้สารเลว”
ที่มนั คิดจะกําจัดตั้งแต่แรก ต่อให้เป็ นบุตรชายของมันเอง มันก็
พร้อมที่จะบันดาลโทสะฟาดอีกฝ่ ายให้กลายเป็ นเนื้อบดในฝ่ ามือ
เดียวโดยไม่ลงั เล
“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว” หยุนเช่อเพิง่ จะคิดออก “เสด็จพ่อของเจ้า
ไม่ยอมให้ผใู ้ ดแตะต้องตัวเจ้า เจ้าก็เลยกลัวถูกเสด็จพ่อดุ ใช่หรื อ
ไม่์”
“อือ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าขัดคําสัง่ เสด็จ
พ่อไม่ได้ และที่ขา้ กลัวยิง่ กว่า… คือหลังจากที่เสด็จพ่อทราบเรื่ อง
เสด็จพ่อจะโมโหใส่ ท่าน เมื่อปี ก่อน พีช่ ายสิ บสองบังเอิญสัมผัส
ถูกหัวไหล่ขา้ และเสด็จพ่อก็ทราบเรื่ องเข้า ท่านโมโหมาก และ
หักข้อมือพี่ชายสิ บสองทันที ซํ้ายังเอ่ยปากว่าจะทําให้พี่ชายต้อง
พิการ… ข้าต้องร้องขอความเมตตาให้กบั ท่านพี่ แต่เสด็จพ่อที่มกั
ยอมให้ขา้ เสมอกริ้ วมาก ท่านจึงสัง่ กักบริ เวณพี่ชายสิ บสองอยูค่ รึ่ ง
ปี เต็ม… เป็ นความผิดของข้าเองที่พี่ชายสิ บสองต้องบาดเจ็บ ข้าไม่
อยากทําให้พี่ใหญ่หยุนต้องบาดเจ็บเพราะข้าไปอีกคน”
บทที่ 421 ให้ ข้าสอนพีใ่ หญ่ หยุนเอง ดีไหม?

เพียงสัมผัสที่ไหล่คราเดียว…และแม้จะมีชุดคลุมหงสา
ขวางกั้น…ทั้งยังเป็ นบุตรชายด้วยเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ ๆ ของตน…
ถึงกับหักข้อมือของมันโดยไร้ซ่ ึงความปราณี และจับขังไว้ถึงครึ่ ง
ปี …
ความหวงแหนบุตรสาวของจักรพรรดิเทพหงสาองค์น้ ีช่าง
ทะยานไปถึงขั้นที่สะเทือนสะท้านทั้งสวรรค์และปฐพี! (o[]o!!)
เปรี ยบเทียบกันแล้ว สิ่ งที่มนั ทําในระหว่างหลาย ๆ วันนี้คง
เพียงพอจะทําให้มนั ถูกจับประหารโดยการโดนสับเป็ นพัน ๆ ชิ้น
เหมือนหมูบะช่อได้นบั เกินกว่าแปดร้อยครั้ง!
และได้เติบโตมาภายใต้การปกป้องคุม้ ครองอย่างถึงขีดสุ ด
เช่นนี้ ไม่เพียงแต่หวั ใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ กระทัง่ ร่ างกายของนาง
เองก็ยงั บริ สุทธิ์เป็ นที่สุด และบริ สุทธิ์ยง่ิ ว่าสิ่ งใด ๆ มันย่อมง่ายที่
จะปลุกเร้าความปรารถนาที่จะสร้างมลทินและครอบครองภายใน
ส่ วนลึกของจิตใจบุรุษ —— โดยเฉพาะอย่างยิง่ กับบุคคลเช่นหยุ
นเช่อที่มิเคยยับยั้งใจตนเอง
หยุนเช่อไม่ดึงนิ้วก้อยกลับมา และเอ่ยด้วยรอยยิม้ ออกมา
เสี ยแทน ชายหนุ่มมองไปยังดวงตาประหนึ่งดวงดาราของเด็กสาว
“เสวีย่ เอ๋ อร์ พระบิดาของท่านช่างหวงแหนท่านมากจริ ง ๆ เขามิ
ต้องการให้ใครมาแตะต้องท่าน ซึ่งหมายความว่าเขาเป็ นห่วงว่า
ท่านจะถูกทําร้ายโดยผูอ้ ื่น”
“อืม ข้ารู ้ พระบิดาเป็ นคนที่เป็ นใส่ ใจในตัวข้ามากที่สุดแล้ว
ในโลกนี้” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยด้วยรอยยิม้ บาง
“อยา◌่งไรก็ตาม ถ้าเป็ นใครสักคนที่ท่านชื่นชอบและ
ใกล้ชิดสนิทสนมด้วย การแตะต้องสัมผัสทางร่ างกายย่อมไม่มี
ปั ญหาใด ๆ ทั้งยังสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ยงิ่ ใกล้ชิด
สนิทสนมและแน่นแฟ้นยิง่ ขึ้น เสวีย่ เอ๋ อร์คิดว่าข้าเป็ นคนที่
ต้องการทําร้ายเสวีย่ เอ๋ อร์ หรื อคนที่เสวีย่ เอ๋ อร์ชอบพอกันล่ะ?” หยุ
นเช่อถามด้วยสี หน้าอันบริ สุทธิ์และจริ งจัง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตอบโดยไม่ลงั เล “พี่ใหญ่หยุนเป็ นคนดีนกั
แน่นอนว่าข้าชอบพี่ใหญ่หยุน อยูด่ ว้ ยกันกับพี่ใหญ่หยุนแล้วทํา
ให้ขา้ มีความสุ ขจริ ง ๆ พี่ใหญ่หยุนสามารถช่วยทําความฝันที่ขา้ มี
มาหลายปี ให้กลับกลายเป็ นความจริ ง”
“อืม” หยุนเช่อยิม้ และยืน่ นิ้วก้อยมายังตรงหน้าของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ “เช่นนั้นเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
“อา…แต่…แต่…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยงั คงลังเลและกระดากอาย
“วางใจเถอะ มีเพียงเราสองคนที่น้ ี พระบิดาของท่านไม่เห็น
ไม่รับรู ้ใด ๆ ซึ่ งก็หมายความว่าเขาจะไม่โกรธ อีกทั้งเสวีย่ เอ๋ อร์ยงั
อายุสิบหกแล้วปี นี้ อายุสิบหกปี เป็ นวัยที่เสวีย่ เอ๋ อร์ได้โตแล้ว
พระบิดาของท่านไม่สามารถปกป้องท่านไปได้ตลอดชีวติ
เช่นนั้นท่านจําเป็ นต้องเริ่ มเรี ยนรู ้ที่จะเป็ นผูใ้ หญ่และมีความคิด
เป็ นของตนเอง ก่อนอื่นเลย ท่านต้องตัดสิ นใจตามส่ วนลึกของ
หัวใจท่าน ใช้ความรู ้สึกของท่านตัดสิ น และไม่นอ้ มตามคําพูด
ของผูอ้ ื่นไปตลอดกาล”
ด้วยการปกป้องที่เสวีย่ เอ๋ อร์ได้รับมา เป็ นเรื่ องธรรมดาอยู่
แล้วที่จะไม่เคยมีใครพูดเช่นนี้กบั นางมาก่อน เมื่อออกมาจากปาก
ของหยุนเช่อ ผลกระทบที่คาํ พูดเหล่านี้นาํ มายังจิตใจอันบริ สุทธิ์
ปราศจากมลทินของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ย่อมเป็ นที่คาดเดาได้อย่าง
ง่ายดาย เมื่อเด็กสาวได้คุน้ ชินกับวิถีชีวติ ที่เป็ นอยูม่ าเช่นนั้นถึงสิ บ
หกปี อย่างไรก็ตาม นางบังเกิดความต้องการที่จะทะลวงเกราะคุม้
กันและทลายความอัดอั้นทั้งหลายออกจากโลกของตนเองมาเนิ่น
นาน นี่ลว้ นเป็ นสัญชาตญาณตามธรรมชาติที่ซ่อนอยูใ่ นส่ วนลึก
ในจิตใต้สาํ นึกของมนุษย์ทุกผู ้ คํากล่าวที่ไม่เคยได้ยนิ ได้ฟังมา
ก่อน ทําให้หวั ใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รู้สึกราวกับได้สมั ผัสกับโลก
อันแตกต่างไปอย่างสิ้ นเชิง โลกที่นางไม่เคยได้รับรู ้มาก่อน เด็ก
สาวรับฟังด้วยหัวใจที่เต้นรัว และทวนคําพูดของหยุนเช่อครั้งแล้ว
ครั้งเล่าในใจ… ตามหัวใจของตนเอง ตัดสิ นใจดัง่ เช่นที่นาง
ต้องการ…
ในที่สุด ด้วยความพยายามเป็ นอย่างยิง่ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ การ
ตัดสิ นใจที่สามารถพูดได้วา่ ยิง่ ใหญ่ที่สุดนับแต่ที่นางเกิดมาก เด็ก
สาวเลียนแบบท่าทางของหยุนเช่อ ค่อย ๆ ยืน่ นิ้วก้อยอันเรี ยวบาง
และกระจ่างใสของนางไปสัมผัสกับนิ้วก้อยของหยุนเช่ออย่างช้า
ๆ… การเคลื่อนของนางช่างเชื่องช้า เป็ นกังวล ไม่มน่ั ใจ และทํา
อะไรไม่ถูก…เช่นเดียวกับความคาดหวังอย่างเจือจาง…
ที่สุดแล้ว นิ้วก้อยของนางได้สมั ผัสเข้ากับนิ้วก้อยของหยุ
นเช่อด้วยความยินยอมของนางเอง ทันใดนั้น ราวกับนางถูก
กระแสไฟฟ้าวิง่ ผ่าน เด็กสาวชักมือบางของนางกลับทันควัน ทว่า
หยุนเช่อมิให้โอกาสนั้นกับนาง นิ้วของชายหนุ่มเร่ งเคลื่อนไป
ข้างหน้าและเกี่ยวเข้ากับนิ้วของเด็กสาวอย่างรวดเร็ วและ
อ่อนโยน…ฉับพลัน ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนนิ่มและนุ่ม
ละมุนจนมิอาจหยัง่ ราวกับมันสัมผัสเข้ากับหยกที่พิสุทธิ์อบอุ่น
และไร้ตาํ หนิที่สุดในโลกหล้า
“อ้า…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้องเสี ยงเบา ทั้งร่ างของนางแข็งทื่อ
ไปนิด นิ้วก้อยของนางพยายามดิ้นให้หลุดเป็ นอิสระโดยไม่รู้ตวั
กระนั้นก็ยงั ถูกเกี่ยวรัดไว้แน่นโดยหยุนเช่อ ท่ามกลางความวิตก
กังวล นิ้วก้อยของนางเกี่ยวพันกับนิ้วของหยุนเช่อแน่น ทั้งร่ าง
ของนางไม่ขยับแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ ดวงตาเด็กสาวยังมิกล้าลืมขึ้น
“เกี่ยวก้อยสัญญา คําที่เราพูดกันไว้ก่อนจะหน้าจะไม่มี
กลับคืน หลังจากเสวีย่ เอ๋ อร์อายุยสี่ ิ บแล้ว เราจะไปยังแดนหิ มะสุ ด
เยือกแข็งเพื่อดูหิมะที่ตกลงมาอย่างไม่สิ้นสุ ด” หยุนเช่อยกข้อมือ
ขึ้นมา ดึงมือเล็กบางของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ และกล่าวอย่างจริ งจังเป็ น
ที่สุด เพียงแต่หลังจากเสี ยงของชายหนุ่มสิ้ นสุ ดลง มันยังคงไม่
คลายนิ้วออก เสี ยงของชายหนุ่ม ขับไล่ความวิตกกังวลทั้งหลาย
ทั้งมวล รวมทั้งความรู ้สึกอับจนปัญญาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ออกไป
แทบหมดสิ้ น ส่ งผลให้สีหน้าท่าทางของเด็กสาวผ่อนคลายลงโดย
ไม่รู้ตวั
ภายในไข่มุกพิษสวรรค์ จัสมินมองดูหยุนเช่อเกี่ยวก้อย
กับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ดว้ ยสายตาเย็นชา ใบหน้าเนียนละเอียดงดงามจน
ผิดธรรมชาติของนางเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์ “หึ มันเริ่ มอีก
แล้ว ไม่วา่ เจ้างัง่ บัดซบนี่จะไปที่ใด ทุกครั้งที่มนั ได้พบกับสตรี ที่
พอจะงดงามอยูบ่ า้ ง มันจะต้องเผยสันดานธาตุแท้ราวกับสัตว์ป่าที่
แสนวิปลาสของมันออกมา ไม่เคยเปลี่ยน!!” (กระทืบไลค์ให้จสั มิ
นแป๊ บ)
“เสวีย่ เอ๋ อร์ รู ้สึกเช่นไรบ้างยามนี้? ใช่รู้สึกเสี ยใจ หรื อพบว่า
มันยากจะยอมรับหรื อไม่?” เมื่อมองเห็นทีท่าสงบเยือกเย็นลงของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ หากทว่าดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิ ดสนิทแน่น ไม่
ยินยอมเปิ ดเปลือกตาขึ้นมา หยุนเช่อโน้มตัวเข้าชิดใกล้พร้อมทั้ง
เอ่ยปากถามไถ่
“อา…ช่างเป็ นความรู ้สึกอันแปลกประหลาดนัก” แพขนตา
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ระริ กเบา ๆ เด็กสาวตอบกลับมาอย่างบาง
เบา
“แปลก?”
“มันเป็ น…ความรู ้สึกที่อธิบายไม่ถูก มิใช่ความรังเกียจ ทั้ง
มิใช่ความเสี ยใจ…อือ…ข้าไม่เคยรู ้สึกแปลกเช่นนี้เลย…ทั้งหัวใจ
ข้าอยู่ ๆ กลับรู ้สึกเต้นแรงขึ้นมา…พี่ใหญ่หยุน ท่านพอจะบอกข้า
ได้ไหมว่าความรู ้สึกนี้มนั คืออะไร?”
“ข้าบอกท่านเรื่ องนี้ไม่ได้ เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งสัมผัสและทําความ
เข้าใจด้วยตัวเอง” หยุนเช่อกล่าวด้วยรอยยิม้ บาง ท่าทีของมันใน
ยามนี้ช่างเหมือนหมาป่ าชัว่ ร้ายตัวใหญ่ที่กาํ ลังย่องเข้าใกล้กระต่าย
ขาวน้อยตัวจ้อยไม่มีผดิ หลังจากลังเลเล็กน้อย มันพลันคว้าจับทั้ง
มือของเด็กสาวไว้…มือของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ช่างเล็กบอบบาง ฝ่ ามือ
ของนางถูกรวบไว้ได้หมดด้วยมือของชายหนุ่มในคราเดียว
“อ้า…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้องขึ้นเสี ยงเบา กระนั้นท่าที
ตอบสนองในครานี้น้ นั มิได้รุนแรงเท่าคราก่อน แม้กระทัง่ การดิ้น
ต่อต้านยังเกิดขึ้นเพียงชัว่ ขณะเดียวตามจิตใต้สาํ นึกในตอน
เริ่ มแรก
“ถ้าอย่างนั้น เช่นนี้เล่า เสวีย่ เอ๋ อร์กาํ ลังรู ้สึกเช่นใดอยูห่ รื อ?”
หยุนเช่อกุมมือบางของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้อย่างอ่อนโยน…เสพรับ
สัมผัสนุ่มละมุนและความเรี ยบลื่นที่ชายหนุ่มไม่อาจบ่งบอก
บรรยาย เพียงจับมือของนางไว้เงียบ ๆ เช่นนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกว่า
ระบบประสาททัว่ ร่ างของมันผ่อนคลายลงอย่างมิอาจควบคุม ไม่
ยินยอมที่จะปล่อยมือของนางไปไม่วา่ อย่างไรก็ตาม
“หัวใจ…เต้นเร็ วขึ้น…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พมึ พําเบา ๆ “เช่นนั้น
การสัมผัสกับพี่ใหญ่หยุนก็ให้ความรู ้สึกประหลาดเช่นนี้นี่เอง…พี่
ใหญ่หยุน เราอยูด่ ว้ ยกันอย่างนี้อีกสักพักได้หรื อไม่…ข้าอยากจะรู ้
จริ ง ๆ ว่าความรู ้สึกเช่นนี้มนั คืออะไร”
คําขอนี้ หยุนเช่อจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร อย่างไรมันก็หวัง
จะจับมือเด็กสาวไว้ตลอดกาล
ด้วยดวงตาที่ปิดสนิท เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดประสาทสัมผัสรับรู ้
อย่างกระตือรื อร้น ชัว่ ขณะผ่านไป เด็กสาวเอ่ยขึ้นเสี ยงเบา “ข้ายัง
ไม่เข้าใจ…ข้าเหมือนว่า…จะรู ้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นอยูข่ องพี่ใหญ่
หยุน ว้าว! สายเลือดเทพหงสาของพี่ใหญ่หยุนบริ สุทธิ์มากเลย
กระทัง่ บริ สุทธิ์กว่าของพระเชษฐาข้าเสี ยอีก…เอ๋ ?”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลืมตาขึ้นและมองมาที่หยุนเช่ออย่างฉงน
สงสัย “แปลกนัก เหตุใดพี่ใหญ่หยุนจึงยังมิได้ฝึก 《ท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสา》 ล่ะ?”
แม้วา่ หยุนเช่อจะครอบครองเคล็ดวิชาขั้นที่หา้ และหกของ
《ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา》 มันเป็ นเพียงเคล็ดวิชาลมปราณ
สองขั้นนั้นเท่านั้น เคล็ดวิชาลมปราณสําแดงพลังโดยศาสตร์
ลมปราณที่มีพลังสอดคล้องกัน ขณะที่หยุนเช่อกลับโดดข้ามกฏ
ข้อนี้ไปด้วยพลังของเมล็ดพันธุ์เทพอสู รและความสามารถในการ
ทําความเข้าใจของมันเอง ฝื นใช้ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กและ
บัวปี ศาจผลาญดาราออกด้วยเพลิงเทพหงสาขั้นพื้นฐาน ทว่าใน
ด้านของพลังอํานาจ มันย่อมตํ่ากว่าเคล็ดวิชาที่ถูกใช้ออกมาโดย
ศาสตร์ลมปราณแห่งเทพหงสาที่แท้จริ ง
ดังนั้น ในแง่ของศาสตร์ลมปราณของท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสาแล้วสามารถพูดได้จริ ง ๆ ว่าหยุนเช่อมิได้ฝึกมันมาเลยแม้แต่
น้อย ผูท้ ี่ฝึกท่วงทํานองแห่งเทพหงสาจะสามารถบอกโดยโดยการ
ตรวจสอบคุณสมบัติลมปราณของชายหนุ่มเพียงลวก ๆ เท่านั้น
หยุนเช่อยับยั้งท่าทีของตนไว้แล้วเอ่ย “เพราะหลายปี ก่อน
หน้านี้ขา้ อยูใ่ นอาณาจักรวายุครามมาตลอด เพื่อปกปิ ดตัวตนของ
ข้าไม่เพียงแต่สายเลือดเทพหงสาที่ตอ้ งปกปิ ดไว้ ข้ายังมิสามารถ
ฝึ กฝนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาได้อีกด้วย ปี นี้ ข้าเพียงเพิง่ ได้
กลับมายังพรรค ผูอ้ าวุโสสิ บเก้ายุง่ ทุกวันจึงไม่มีเวลาว่างมาสอน
ข้า และนับแต่ที่ขา้ ห่างหายไปนั้นหลายปี จึงไม่มีสหายร่ วม
ตระกูลคนใดที่ขา้ คุน้ เคยด้วยเลย เช่นนั้นแล้วจึงไม่มีใครยอมสอน
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่ขา้ ”
“งั้นก็เป็ นเช่นนั้นเอง~ ไม่แปลกเลย…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ครุ่ นคิดเล็กน้อย จากนั้นประกายแสงพลันไหววูบผ่านดวงตาของ
เด็กสาว ท่าทีของนางกลายเป็ นตื่นเต้น “ถ้าอย่างนั้นพี่ใหญ่หยุน
ต้องการเรี ยนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาหรื อไม่?”
“แน่นอน ข้าต้องการ” หยุนเช่อพยักหน้าอย่างไม่ลงั เล
“เพียงแต่…”
“ถ้าท่านต้องการ เช่นนั้น ให้ขา้ สอนพี่ใหญ่หยุนเอง ดี
ไหม?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวด้วยรอยยิม้ เริ งร่ า ราวกับมันเป็ นสิ่ งที่
ทําให้นางมีความสุ ขเป็ นอย่างยิง่
“ท่าน…สอนข้า?” หัวใจและจิตใจของหยุนเช่อสัน่ ไหวไป
นิด
เมื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พดู ถึง “ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา”
ความคิดที่ทาํ ให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สอนท่วงทํานองเทพหงสาให้มนั
วาบผ่านความคิดของมันมาก่อน ทว่าก็พลันถูกปัดทิ้งไปในทันที
เพราะมันได้หลอกลวงเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เรื่ องตัวตนของมันมาก่อน
แล้ว และมันไม่มีใจจะไปหลอกลวงนางอีก…แม้นว่าท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาจะสําคัญกับมันเป็ นอย่างยิง่ เลยก็ตาม
ทว่ามันคาดไม่ถึงเลยว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะเต็มใจสอน
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่มนั
อารมร์ของหยุนเช่อพลันแปรเป็ นรู ้สึกซับซ้อนอย่างมิอาจ
เปรี ยบ
เห็นว่าหยุนเช่อไม่ตอบกลับมาทันที ทั้งสี หน้าของชายหนุ่ม
ยังกลายเป็ นลังเลและซับซ้อน เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลายกระวนกระวาย
เสี ยแทน นางเขย่ามือหยุนเช่อและเอ่ยราวกับว่านางทําอะไรผิด
“พี่ใหญ่หยุน ตกลงให้ขา้ สอนท่านเถอะนะ ได้ไหม? พี่ใหญ่หยุน
ให้ขา้ กินของอร่ อยมาก ไหนจะหิ มะแสนสวยนัน่ ท่านยังกระทัง่
ตกลงที่จะพาข้าไปยังดินแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง…ข้าไม่ได้มี
ความสุ ขมาก ๆ เช่นนี้มานานมากแล้ว ข้าอยากจะทําบางสิ่ งเพือ่ พี่
ใหญ่หยุนจริ ง ๆ แม้นว่าข้าจะไม่เคยสอนใครมาก่อน ข้าจะต้อง
สอนได้ดีมากๆๆๆ แน่นอน…พี่ใหญ่หยุน แค่ยอมตามข้านะ ได้
ไหม ได้ไหม?”
หยุนเช่อมมองเด็กสาวและกล่าวด้วยรอยยิม้ คล้ายไม่เชิงยิม้
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เป็ นเพราะเจ้าอยากจะให้ขา้ อยูท่ ี่นี่นาน ๆ เจ้าจะได้เล่น
กับฉานน้อยทุกวันใช่ไหม?”
เจตนาเกินครึ่ งหน่อย ๆ ของเด็กสาวถูกเปิ ดโปงอย่าง
ง่ายดาย เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยมิ้ เขินอาย “ไม่ใช่แค่ไป๋ น้อย ข้ายังชอบพี่
ใหญ่หยุนมาก ๆ ด้วยตอนนี้ และอยากจะให้พี่ใหญ่หยุนอยูก่ บั ข้า
อีกสักพัก…ก่อนนี้ ข้าอยูต่ วั คนเดียวที่นี่มาตลอด ทําแต่เรื่ องเดิม ๆ
ทุกวัน มันน่าเบื่อหน่ายมากจริ ง ๆ แต่เพราะพี่ใหญ่หยุนและไป๋
น้อยมาที่นี่ ข้ารู ้สึกเหมือนข้ามีความสุ ขจนแทบจะกลายบ้า ให้ขา้
สอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสากับท่านเถอะนะ แล้วพี่ใหญ่หยุน
ค่อยไปหลังจากเรี ยนมันแล้ว ได้ไหม?”
จากมุมมองของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ การสอนท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสาให้แก่คนในตระกูลนั้นมิใช่เรื่ องใหญ่อนั ใด เพราะมันคือ
เคล็ดวิชาลมปราณที่ศิษย์เทพหงสาใช้กนั เป็ นทุกคน และจะ
สามารถฝึ กได้โดยคนที่ครอบครองสายเลือดเทพหงสา คนที่
ครอบครองสายเลือดแห่งเทพหงสา กระนั้นก็ยงั มิได้ฝึก
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาจึงดูผดิ ประหลาดไปเสี ยแทน
เห็นว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เป็ นเช่นไรในยามนี้ ถ้าชายหนุ่มปฏิเสธ
ไป เด็กสาวย่อมต้องกลายเป็ นรู ้สึกแย่ไปเสี ยแทน แต่เดิมมันไม่มี
เจตนาจะ ‘ขโมย’ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาจากเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ทว่า…
“ก็ได้” หยุนเช่อเลือกที่จะยอมรับอย่างยินดี และเอ่ยกึ่งตลก
ขณะที่อุทานกับตนเอง “ได้เสวีย่ เอ๋ อร์…เจ้าหญิงหิ มะเป็ นผูส้ อน
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่ขา้ มันราวกับว่าข้ากําลังฝันไป
เลย”
“ฮิฮิ!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หวั เราะอย่างร่ าเริ ง “นี่เป็ นสิ่ งแรกเลยที่
ข้าได้ทาํ เพื่อพี่ใหญ่หยุน ข้าจะต้องจริ งจังกับมันให้มากอย่าง
แน่นอน เช่นนั้น…เรามาเริ่ มกันเลยดีไหม?”
“…ย่อมได้”
“พี่ใหญ่หยุนบาดเจ็บอยูต่ อนนี้ และเป็ นโอกาสที่จะได้ทาํ
ความเข้าใจพื้นฐานเคล็ดลมปราณขณะพักฟื้ นตัว เช่นนั้น ข้าจะ
สอนเคล็ดวิชาพื้นฐานให้พี่ใหญ่หยุน พี่ใหญ่หยุนต้องตั้งใจตีความ
มันมันให้ได้นะ เข้าใจไหม?”
ท่ามกลางเสี ยงอันแผ่วเบา เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยกนิ้วของนาง
ขึ้นมาและชี้ไปอย่างตรงหว่างกลางคิ้วของหยุนเช่อโดยไม่สมั ผัส
โดนชายหนุ่ม เส้นแสงเพลิงไหววูบจาง ๆ…โดยพลัน เคล็ดวิชา
พื้นฐานของท่วงทํานองแห่งเทพหงสาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนใน
ห้วงมหาสมุทรแห่งจิตสํานึกของหยุนเช่อ
บทที่ 422 สํ าเร็จเคล็ดวิชา

ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นพื้นฐานกําลังไหลเวียนเข้าสู่
จิตใจของหยุนเช่อ ทว่าสิ่ งที่สนั่ ไหวขึ้นมาเป็ นอันดับแรกนั้นมิใช่
จิตใจหยุนเช่อ กลับเป็ นเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสูร อัคคีร้อนแรง
เริ่ มต้นเผาผลาญภายในจิตใจของหยุนเช่อ ค่อยๆสลักท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาลงไปในวิญญาณของมัน
สิ่ งที่จาํ เป็ นในการฝึ กฝนท่วงทํานองเทพหงสาก็คือ
สายเลือดเทพหงสา และแม้วา่ จะมีสายเลือดเทพหงสา มันก็ยงั คง
ต้องใช้เวลานานในการทําความเข้าใจท่วงทํานองแห่งเทพหงสา
ขั้นพื้นฐาน นัน่ เพราะว่าท่วงทํานองแห่งเทพหงสานั้นเป็ นเคล็ด
ลมปราณที่สืบเนื่องมาจากดินแดนแห่งเทพเจ้า ไฟแห่งเทพหงสา
นี้ฉีกกฎทั้งมวลและต่างออกไปจากลมปราณไฟทัว่ ไปไกลห่าง
แม้แต่ข้ นั แรกจากทั้งหกขั้นที่ง่ายที่สุดก็ยงั ยากลําบากอย่างแสน
สาหัสที่จะทําความเข้าใจได้สาํ เร็ จ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เคล็ดลมปราณ
ทัว่ ไปจะเทียบได้
ทว่าต่อหน้าหยุนเช่อนั้นล้วนมิตอ้ งกังวลใดๆ นัน่ เพราะว่า
การดํารงอยูข่ องเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสู รทําให้มนั สามารถทํา
ความเข้าใจและเรี ยนรู ้กฎทั้งหมดทั้งมวลของธาตุไฟต่างๆได้
โดยง่าย ด้วยเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสูร ร่ างกายหยุนเช่อเป็ นดัง่
หยกที่ยงั มิเปล่งประกายซึ่งสามารถเจียระไนเช่นไรก็ได้ แม้แต่
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสานี้มนั ก็สามารถทําความเข้าใจได้
โดยง่าย
หลังจากอ่านท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นพื้นฐานครั้งหนึ่ง
ภายในใจของมัน หยุนเช่อก็เข้าใจทุกอย่างทะลุปรุ โปร่ ง เคล็ด
พื้นฐานแห่งท่วงทํานองเทพหงสาพลันวิง่ วนวุน่ วายภายในจิตใจ
จากนั้นพลันหลอมรวมกันก่อกําเนิดเป็ นโลกใหม่อนั กว้างใหญ่
ขึ้นมา…ที่ซ่ ึงท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยหมู่ดาวจํานวนนับไม่ถว้ นไร้
ที่สิ้นสุ ดภายในกายของมัน ทันใดนั้นพลันบังเกิดเปลวไฟเผาไหม้
ไปทัว่ ทุกพื้นที่ ในเปลวไฟที่แม้แต่สามารถเผาผลาญโลกได้
บังเกิดเสี ยงร้องของเทพหงสาดังกังวาน และปรากฎวิหคเทวะสี
ทองกางสยายปี กออกอาบไล้ดว้ ยเปลวเพลิงถือกําเนิดออกจาก
ทะเลอัคคี
การหลัง่ ไหลของคลื่นพลังอันยิง่ ใหญ่น้ ีเติมเต็มจิตใจของ
หยุนเช่อให้เต็มเปี่ ยม และทําให้มนั รู ้สึกดัง่ ได้เปิ ดประตูสู่โลกอีก
ใบหนึ่ง ราวกับว่าร่ างกายของมันยามนี้ได้อยูใ่ นโลกใบใหม่…
……………………
เมื่อเคล็ดลมปราณเข้าไปในกายหยุนเช่อ มันปิ ดตาลงและ
เข้าสูู่ สภาพปราศจากการรับรู ้ใดๆ เจ้าหญิงหิ มะนัง่ ลงตรงหน้ามัน
อย่างเงียบเชียบ ดวงตางดงามของนางจ้องมองหยุนเช่อตลอดเวลา
เพื่อป้องกันเหตุผดิ พลาดเช่นวิญญาณได้รับความเสี ยหายหรื อ
ลมปราณฟุ้งซ่านปั่นป่ วนในสภาพที่กาํ ลังทบทวนทําความเข้าใจนี้
ทว่าครึ่ งชัว่ ยามผ่านไป หยุนเช่อไม่เพียงแต่สงบลงกว่าเดิม แม้แต่
ลมหายมันก็กลับแข็งแรงมัน่ คงดัง่ เหมือนมันกําลังดําดิ่งสู่ หว้ ง
นิทรา
เจ้าหญิงหิ มะแสดงทีท่าโล่งอก นางจ้องมองหยุนเช่ออีกพัก
หนึ่งและกล่าวกับตนเองเสี ยงเบา “เหมือนท่านจะเริ่ มทําความ
เข้าใจแล้ว ฉะนั้นควรไม่มีปัญหาใดๆอีกทว่ามันต้องใช้เวลานาน
มากๆ…”
“ไป๋ น้อย ไปเล่นกัน!”(อุ! ได้ยนิ ประโยคนี้แล้วเลือดลมสู บ
ฉี ด!)
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื ขึ้น ขณะที่นางมุ่งหน้าไปหาไป๋ น้อย
ปรากฎชั้นหมอกที่รูปร่ างคล้ายเปลวไฟขึ้นบนกายหยุนเช่อ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หยุดชะงักและจับจ้องไปที่หยุนเช่อด้วยความ
ประหลาดใจ ชั้นหมอกนั้นยึดติดลงบนกายหยุนเช่อค่อยๆไหล
เลื่อนบนผิวกายของมันสู งขึ้นทีละน้อย จากนั้นเมื่อเปลวไฟดับลง
และได้ปรากฎเงาเทพหงสาด้านหลังของหยุนเช่อ ขณะเดียวกัน
สัญลักษณ์เทพหงสาก็ได้ปรากฎขึ้นเองบนหน้าผากของหยุนเช่อ
และส่ องประกายแสงสี ทอง
“อา….”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่งเสี ยงร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
ขณะจ้องมองไปที่สญ ั ลักษณ์เทพหงสาบนหน้าผากหยุนเช่อ นัน่
คือสิ่ งที่ผมู ้ ีสายเลือดเทพหงสาทุกคนนั้นมี ขณะจุดเพลิงเทพหงสา
หากไร้ซ่ ึงเจตนาจะปิ ดบังมัน มันจะปรากฎออกมาด้วยตนเอง เจ้า
หญิงหิ มะยังคงจ้องมองอย่างมึนงง ยามนางจ้องไปยังสัญลักษณ์
เทพหงสาสี ทองบนหน้าผากหยุนเช่อ แววตาของนางปั่นป่ วน ราว
กับอารมณ์ความรู ้สึกในสายตานั้นกลับเป็ นสับสนวุน่ วาย…
ภาพเงาเทพหงสาปรากฎอยูเ่ ป็ นเวลานานจึงค่อยๆเลือนลาง
และจางหายไปพร้อมกับสัญลักษณ์สีทองบนหน้าผากหยุนเช่อ
หยุนเช่อเปิ ดตาออกมาเช่นกัน สิ่ งแรกที่มนั เห็นคือแววตาที่เติม
เต็มไปด้วยความประหลาดใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
“พี่ใหญ่หยุนท่าน…ทําความเข้าใจเกี่ยวกับท่วงทํานองแห่ง
เทพหงสาขั้นพื้นฐานกับสายเลือดเทพหงสาสําเร็ จแล้วหรื อ?” เฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์เบิกตากว้างและกล่าวคําออกมาด้วยนํ้าเสี ยงที่เต็มไป
ด้วยความเหลือเชื่อ
“ใช่แล้ว” หยุนเช่อพยักหน้า “นัน่ ไม่ง่ายนัก…ใช่ เสวีย่ เอ๋ อร์
ข้าใช้เวลาทั้งหมดเท่าใดกัน?”
“ใช้แค่…ครึ่ งชัว่ ยามเพียงเท่านั้น”
“ครึ่ งชัว่ ยาม…นี่ถือว่าใช้เวลาน้อยมาก?”
“น้อยจนมิอาจสามารถหยัง่ ถึงได้!” อารมณ์ของเฟิ งเสวี่
ยเอ๋ อร์กลับกลายเป็ นตระหนกตกใจ “เคล็ดพื้นฐานนี้คือ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา หลังจากที่ทาํ ความเข้าใจมันโดย
ละเอียดแล้วผูน้ ้ นั จะต้องทําการหลอมรวมสายเลือดและเคล็ด
ลมปราณเข้าด้วยกัน นี่คือช่วงที่สาํ คัญและสําคัญมากที่สุดอีกทั้ง
ยังเป็ นช่วงที่ยากมากและยากมากที่สุดอีกด้วย แม้แต่ภายใต้การ
ชี้แนะของผูอ้ าวุโส และแม้วา่ คนผูน้ ้ นั จะมีความสามารถในการทํา
ความเข้าใจระดับสู ง มันยังคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี บางคน
อาจใช้เวลานับหลายปี …ทว่าพีใ่ หญ่หยุนกลับใช้เวลาเพียงครึ่ งชัว่
ยาม!”
“เอ่อ…” ด้วยเมล็ดวิญญาณเพลิงเทพอสูรความยากลําบาก
ในการฝึ กฝนเคล็ดลมปราณธาตุไฟใดๆ สําหรับมันนั้นกลับง่ายดัง่
พลิกฝ่ ามือ หลังจากได้ยนิ เสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวเช่นนี้ มันจึงได้รู้เวลาที่
มันใช้ในการฝึ กฝนเมื่อเทียบกับผูอ้ ื่นนั้นช่างรวดเร็ วเกินไป
ในขณะที่มนั กําลังคิดหาคําอธิบายนั้นมันกลับได้เห็นใบหน้า
น่ารักของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เบ่งบานด้วยความเคารพ “ว้าว! พี่ใหญ่
หยุน ท่านช่างน่าอัศจรรย์ ท่านนั้นช่างสุ ดยอดสุ ดยอดสุ ดยอด…
สุ ดยอดอัจฉริ ยะแบบที่ขา้ มิเคยพบมาก่อนเลย! ก่อนนี้ท่านพ่อยก
ย่องข้าให้เป็ นผูท้ ี่ทาํ ความเข้าใจได้เร็ วที่สุด ทว่าเมื่อเทียบกับพี่
ใหญ่หยุน ข้ากลับไม่อาจเทียบได้เลย”
“อืม…” หยุนเช่อเขินเล็กน้อยขณะเอามือกดที่หน้าผาก “ข้า
จะเยีย่ มยอดดัง่ ที่เสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวได้เช่นไร? ทั้งหมดนี้แน่นอนย่อม
มาจากการสัง่ สอนของท่าน ทําให้ขา้ สามารถทําความเข้าใจได้
รวดเร็ วต่างหาก”
“นี่! พีใ่ หญ่หยุน ข้ารู ้วา่ ท่านเพียงหยอกล้อข้าเท่านั้น ข้า
เพียงมอบเคล็ดลมปราณให้พี่ใหญ่หยุน ทว่ามิได้สอนหรื อแนะนํา
สิ่ งใด ยิง่ กว่านั้นคือข้าไม่ได้พลังปราณแนะนําหนทางใดๆให้ท่าน
ทั้งสิ้ น ทั้งหมดนี้ลว้ นไม่เกี่ยวข้องกับข้า เป็ นพี่ใหญ่หยุนต่างหากที่
ช่างน่าอัศจรรย์” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวด้วยรอยยิม้ กว้าง
“ไม่ ไม่ จริ งอยูท่ ี่ท่านมิได้แนะนําอันใด” หยุนเช่อกล่าวด้วย
ใบหน้าจริ งจัง “เสวีย่ เอ๋ อร์เจ้าทั้งงดงาม สูงส่ ง และทั้งยังมีจิตใจดี
งามตามธรรมชาติ การได้รับการถ่ายทอดท่วงทํานองแห่งเทพหง
สาอย่างเป็ นส่ วนตัวโดยเสวีย่ เอ๋ อร์ ล้วนนับเป็ นพรจากสวรรค์ของ
ทุกผูค้ น เช่นนี้แล้ว ไม่วา่ ปาฏิหาริ ยช์ นิดใดล้วนสามารถเกิดขึ้นได้
หากผูท้ ี่สอนข้านั้นเป็ นยายเฒ่า บางทีขา้ คงมิอาจทําความเข้าใจได้
แม้ใช้เวลาถึงสิ บปี ”
“ฮิๆ…” แม้นางจะทราบว่าหยุนเช่อเพียงหยอกนางเท่านั้น
ทว่านางยังคงหัวเราะออกมาอย่างเริ งร่ า “ข้าเพียงสอนเรื่ องทัว่ ไป
เล็กน้อยแก่ท่านเท่านั้น ทว่าเมื่อพี่ใหญ่หยุนช่างน่าอัศจรรย์
เช่นนี้…ฉะนั้นข้าจะสอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาทั้งหมดแก่พี่
ใหญ่หยุน บางทีท่านอาจสามารถเรี ยนรู ้ได้อย่างรวดเร็ ว”
เมื่อนางกล่าว เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กางมืออันงดงามราวกับหยก
ของนางออก เกิดจุดสี แดงพราวระดับขึ้นที่ระหว่างนิ้วมือของนาง
จากนั้นนางจึงค่อยๆแตะมันไปที่ระหว่างคิ้วของหยุนเช่อด้วย
ความระมัดระวัง…ทันใดนั้นเคล็ดวิชาทั้งหมดตั้งแต่ข้นั ที่หนึ่งถึง
ขั้นที่สี่ได้ไหลเข้าสู่ หว้ งความคิดของหยุนเช่ออย่างช้าๆ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นพื้นฐานส่ วนแรกทั้งหมดสี่ ข้นั
ซึ่ งเป็ นของพรรคเทพหงสานั้น ยามนี้หยุนเช่อได้มนั มา
ครอบครองในทํานองนี้เอง อีกทั้งยังครบถ้วนสมบูรณ์
หยุนเช่อได้รับสายเลือดเทพหงสาเมื่อสามปี ก่อน แม้วา่ มัน
จะได้ฝึกฝนวิชาปราณเทพหงสามาสองอย่าง ทว่าก็มิอาจนับเป็ น
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาได้ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสานั้นกล่าว
ได้วา่ เป็ นสิ่ งที่มนั ต้องการมาตลอดแม้ยามหลับฝัน และมันทราบดี
ว่ามันควรลําบากยากเย็นและอันตรายเพียงใดในการนํา
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสามาจากพรรคเทพหงสา มันเองมิเคย
คาดคิดมาก่อนเลยว่ามันจะได้รับท่วงทํานองแห่งเทพหงสาโดย
สมบูรณ์จากพรรคเทพหงสาในวันนี้
หากมันฝ่ าเข้าไปในอันตราย ผ่านพบแผนการ และเผชิญกับ
การเสี่ ยงดวง หรื อกะรทัง่ สู ญเสี ยเลือดเนื้อไปบ้างเพือ่ ได้รับ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา ชายหนุ่มย่อมไม่ปริ ปาก และคงได้
หัวเราะอย่างสุ ดจิตสุดใจออกมาในท้ายที่สุด
ทว่ายามนี้มนั กลับได้มาโดยมิตอ้ งใช้ความพยายามอันใด
กลับกันนี่กลับทําให้มนั รู ้สึกผิดและเสี ยศูนย์อยูบ่ า้ ง
เพราะว่าสิ่ งที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มอบให้มนั มิใช่เพียงท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสา ทว่ายังคงมีหวั ใจที่เชื่อในตัวมันเต็มที่และความ
เป็ นมิตรที่มอบให้อย่างบริ สุทธิ์ไร้ซ่ ึ งสิ่ งใดเจือปนทั้งสิ้ นแม้แต่
รอยจุดด่างพร้อยเล็กน้อย
ทว่ามันกลับหลอกลวงนางทุกอย่าง…แม้วา่ มันจะไม่มี
ทางเลือกอื่น
เมื่อเคล็ดลมปราณสี่ ข้นั แรกไหลเวียนเข้ามา เคล็ดลมปราณ
ขั้นที่หา้ และหกที่ถูกสลักลึกไว้เป็ นเวลานานภายในจิตใจหยุนเช่อ
และจิตวิญญาณของมันก็ตื่นขึ้นมาอีกคราในยามเดียวกัน จากนั้น
เคล็ดปราณทั้งหกก็ได้หลอมรวมกันด้วยตัวมันเองและกลายเป็ น
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นสมบูรณ์ซ่ ึ งมีท้ งั หมดหกขั้น แม้วา่
หยุนเช่อจะมีความรู ้สึกสับสนวุน่ วายภายในจิตใจ พลังปราณเทพ
หงสาก็ได้ปรับและหลอมรวมเคล็ดลมปราณนี้เข้าไปภายในจิตใจ
ของหยุนเช่อเอง…มันจึงหลับตาลง ขจัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมด
ออกไป และมุ่งเน้นไปที่การทําความเข้าใจเคล็ดลมปราณนี้
————————————
ยามเมื่องานประลองยุทธิ์เจ็ดจักรวรรดิยงิ่ เข้ามาไกล้ นคร
วิหคเทวะก็ยง่ิ อัดแน่นไปด้วยผูค้ นเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จอมยุทธจาก
ทั้งหกอาณาจักรผูท้ ี่เกี่ยวข้องในการแข่งขันจัดอันดับรวมถึงผูด้ ูแล
ของพวกมันยามนี้ได้อยูใ่ นนครวิหคเทวะทั้งหมดแล้ว สําหรับ
คุณสมบัติในการเข้าร่ วมงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ พวกมันมิเคย
สงสัยในตัวอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์ของพวกมันเองในทั้งหกอาณาจักร
อีกทั้งผูท้ ี่ไปยังเป็ นถึงผูท้ ี่แข็งแกร่ งเยีย่ มยอดวิชายุทธิ์ที่สุดใน
จักรวรรดิของพวกมันทั้งหก…โดยไร้ขอ้ ยกเว้น แม้แต่องค์
จักรพรรดิของทั้งหกอาณาจักรยังไปด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ผูค้ นเหล่านี้สามารถดูแคลนผูอ้ ื่นได้ท้ งั
ประเทศ ทว่ายามมันมาถึงนครวิหคเทวะก็มิมีทางเลือกนอกจาก
ลดท่าทีเย่อหยิง่ และระมัดระวังตนเอง ยามนี้เหลือเวลาอีกเพียง
สามวันก่อนงานประลองยุทธิ์เจ็ดจักรวรรดิจะเริ่ มต้น ในการ
แข่งขันนี้ท้ งั หกอาณาจักรยกเว้นอาณาจักรวายุครามนั้น อีกห้า
อาณาจักรได้มาถึงเรี ยบร้อยแล้ว และพํานักอยูท่ ี่ค่ายหลักของ
พระราชวังเทพหงสาในนครวิหคเทวะ
“หื ม? วันนี้แล้วอาณาจักรวายุครามก็ยงั คงมิส่งผูใ้ ดมา?” ฟัง
รายงานจากผูใ้ ต้บงั คับบัญชาทําให้เฟิ งซีหมิงครุ่ นคิด
“พะยะค่ะ ข้าถามผูค้ นที่อยูแ่ ถวประตูเมืองแล้วยังมิมี
ผูเ้ ข้าร่ วมของวายุครามเข้ามาในเมืองเลย เราควรจะส่ ง
สัญญาณเสี ยงไปสอบถามที่อาณาจักรวายุครามหรื อไม่?”
“ไม่จาํ เป็ น” เฟิ งซีหมิงยกฝ่ ามือขึ้น “ฮืมม! อาณาจักร
ลมปราณฟ้าเล็กจ้อยกล้าบังอาจกระทําราวกับการแข่งขันเจ็ด
อาณาจักรเป็ นเพียงเรื่ องตลก ข้าคิดว่าจะมีผทู ้ ี่น่าสนใจปรากฎขึ้น
ในงานประลองนี้ ดุเหมือนองค์ชายผูน้ ้ ีจะประเมินบุรุษนามหยุ
นเช่อสู งเกินไป เราองค์ชายเชื่อมัน่ ว่ามันจะมาร่ วมการแข่งขันนี้
ด้วยตนเองตามที่มนั ได้ประกาศไว้ ข้าเชื่อว่ามันคงซ่อนตัวอยูใ่ หน
ซักแห่งและคงเชื่อว่าพวกเรามิอาจหามันพบได้”
“ไม่จาํ เป็ นต้องรี บเร่ งและเตรี ยมสถานที่ให้อาณาจักวายุ
คราม มันคงดีกว่าหากพวกมันไม่มา นัน่ จะช่วยให้เราตัด
ตารางเวลาการแข่งขันออกไปได้ อีกทั้งสิ่ งนี้สาํ หรับพระบิดา…ยัง
นับเป็ นข้ออ้างที่ดีมากได้ สําหรับตอนนี้…ใช่ ในงานเลี้ยงวันนี้ มิ
ต้องจัดที่นงั่ ให้อาณาจักรวายุครามแล้ว”
“รับทราบ”
—————————————
“…กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบุรุษหนุ่มผูฝ้ ึ กยุทธสองคน ผู ้
หนึ่งชื่อซูคุนส่ วนอีกคนชื่อหลิวตี้ พวกมันมีความสามารถเพียง
ทัว่ ไปจึงถูกรังแกและเยาะหยันโดยผูอ้ ื่น ดังนั้นพวกมันจึงทํางาน
อย่างหนักเพื่อความก้าวหน้าและตัดสิ นใจเพียรพยายามฝึ กฝน
ด้วยกันทุกวัน ทุกๆวันก่อนพระอาทิตย์ข้ ึนพวกมันจะตื่นขึ้นมาแต่
เช้าตั้งแต่ยามไก่ขนั ลุกออกจากเตียงขึ้นมาฝึ กฝนดาบ วันแล้ววัน
เล่า ปี แล้วปี เล่า สุ ดท้าย…พวกมันทั้งคู่โดนแดกโดยไข้หวัดนก”
“หา? ไข้หวัดนกคืออะไรหรื อ?” เสวีย่ เอ๋ อร์ถามซอกแซกไป
มาด้วยความอยากรู ้
“อืม มันคือเชื้อโรคร้ายที่น่ากลัว” หยุนเช่อกล่าวหน้าตายอ
ย่างจริ งจัง “นิทานเรื่ องนี้มีชื่อว่า “ทํางานหนักในเล้าไก่” นิทาน
เรื่ องนี้สอนให้รู้วา่ เราควรอยูใ่ ห้ห่างจากไข้หวัดนก”
“อูวว…นิทานเรื่ องนี้น่าเบื่อ ข้ายังคงอยากฟังเรื่ องสโนว
ไวท์…หลังจากสโนวไวท์พบกับเจ้าชายกบแล้วจากนั้นเกิดอะไร
ขึ้นต่อหรื อ? ข้าต้องการรู ้มากเลยจริ งๆ”
“เรื่ องนี้…ให้ขา้ ได้คิดสักครู่ นะว่าเรื่ องราวที่ถูกต้องนั้นควร
เป็ นเช่นไร” หยุนเช่อเกาศีรษะของมัน
“คิดให้ดีแล้วกัน ตกลงนะ…พีใ่ หญ่หยุน อ้ามม” นางพิง
ไหล่ของหยุนเช่อและส่ งเนื้อมังกรที่นางกินไปครึ่ งหนึ่งเข้าปาก
หยุนเช่อ จากนั้นจ้องมองมันกัดเนื้อคําโตพร้อมกับรอยยิม้
ยามเมื่อกล่องแพนโดร่ าได้เปิ ดออก อดีตอันว่างเปล่าก็ได้
ถูกเติมเต็ม เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แน่นอนว่าที่ผา่ นมามิเคยได้ติดต่อกับ
ผูใ้ ดมาก่อน ทว่าบัดนี้กลับได้ใกล้ชิดกับหยุนเช่อ ร่ วมทานอาหาร
ด้วยกันภายใต้การชี้นาํ โดยหยุนเช่อ
หากเฟิ งเหิ งคงได้เห็นภาพนี้มนั คงโกรธจนถึงขีดสุดทะลุสุด
ขอบแห่งความเป็ นและความตาย สับหยุนเช่อเป็ นพันเป็ นหมื่น
ชิ้นก็อาจแค่ระบายโทสะของมันได้เล็กน้อย
บทที่ 423 ออกจากผาหงส์ สถิตย์

ผ่านไปเนิ่นนาน หยุนเช่อครุ่ นคิดทบทวนถึงเรื่ องราวส่ วน


หลัง ชายหนุ่มกระแอมไอ ขณะที่กาํ ลังจะกล่าววาจา หยกเทพหง
สาที่แขวนอยูต่ รงหน้าอกของหญิงสาวพลันเรื องแสงสี แดงวาบ
หนึ่ง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หยิบหยกเทพหงสาขึ้น สี หน้าพลันเคร่ งขรึ ม
ลง
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เรื่ องอันใด?” หยุนเช่อกล่าวถามในทันที
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มองหน้าหยุนเช่อ ก่อนจะกล่าววาจา ดวงตา
แฝงแววเวทนาสงสาร “พระบิดา..กําลังจะเสด็จมาที่นี่ รับข้า
กลับไปนครวิหคเทวะ พี่ใหญ่หยุน…”
“…เหตุใดคิดพาท่านกลับไปในยามนี้? ที่พระองค์ให้ท่าน
อยูท่ ี่นี่เพียงลําพัง มิใช่พระองค์ยงุ่ วุน่ วายเรื่ องการประลองเจ็ด
จักรวรรดิและนาวาปราณบรรพกาลหรอกหรื อ เวลานี้สมควรเป็ น
เวลาที่พระองค์มีราชกิจรัดตัวที่สุดแล้ว” หยุนเช่อกล่าวด้วยความ
มึนงง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ “พระบิดากล่าวไว้วา่ นี่คืองาน
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิครั้งแรกในชีวติ ข้า พระองค์จะพาข้าเข้า
ร่ วมงานด้วย หากข้าต้องการ ยังจะพาข้าเข้าสํารวจนาวาปราณ
บรรพกาลอีกด้วย ที่พระองค์มารับข้าในยามนี้ อาจเป็ นเพราะทุก
อย่างถูกเตรี ยมการพร้อมแล้ว”
“ท่านจะไป..ดูงานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ?” ภายในใจ
ของของหยุนเช่อสัน่ สะท้านรุ นแรง
“อืม…พี่ใหญ่หยุน รี บไปจากที่น้ ี หากพระบิดาพบเห็นท่าน
จะต้อง… จะต้องแย่แน่นอน” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื ขึ้น สี หน้าของนาง
ตื่นตระหนก หญิงสาวจับแขนของชายหนุ่มไว้ หากมิได้ผลักไส
ออก กลับกัน นางยึดจับแขนของชายหนุ่มแน่นขึ้น
เหลือเวลาอีกเพียงสามวันจะถึงงานประลองยุทธเจ็ด
จักรวรรดิ ตามจริ งแล้ว หยุนเช่อสมควรจากไปนานแล้ว สาเหตุที่
ชายหนุ่มยังคงรั้งอยูท่ ี่นี่ เขาตระหนักรู ้ในใจของตนเองอย่างแจ้ง
ชัด…นี่สืบเนื่องเพราะตนเองไม่ตอ้ งการแยกจากเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ใบหน้าของนาง นํ้าเสี ยง จิตใจ ทุกๆ สายตาของนาง ทุกๆ
ความรู ้สึกที่ส่งผ่านดวงตาของนางออกมา ทั้งหมดทั้งมวลสะกด
หยุนเช่อไว้จนไม่อาจถอนตัว คล้ายคนที่ถูกดูดกลืนลงไปในทะเล
แห่งดวงดาราอันงดงามไร้ขอบเขต ยิง่ มายิง่ จมลึกลงไป ลึกลงไป
เรื่ อยๆ
ในโลกนี้ ไม่มีผใู ้ ดสามารถต้านทานเสน่ห์ความงามของนาง
ได้…และหยุนเช่อ เนื่องเพราะอุบตั ิเหตุที่เกิดจากอุปสรรค
นานัปการ รวมถึงโชควาสนาอันพิเศษจําเพาะ ส่ งผลให้ชายหนุ่ม
กลับกลายเป็ นบุคคลเดียวที่สามารถสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนาง
ได้ถึงระดับนี้
“ถึงเวลาที่ข้าต้ องไปจริ งๆแล้ ว” หยุนเช่อรํ่าร้องภายในใจ
ชายหนุ่มตั้งใจจดจ้องประกายแสงในดวงตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่
สะท้อนระยิบระยับ ชายหนุ่มยกฝ่ ามือขึ้นข้างหนึ่ง วางลงบน
ศีรษะของหญิงสาว ก่อนจะสอดแทรกนิ้วเรี ยวไล่ระลงมาตาม
แนวเส้นผมยาวสลวยของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์…พฤติการณ์สนิมสนม
อย่างอุกอาจเช่นนี้เพียงส่ งผลให้นยั น์ตางดงามของหญิงสาวสัน่
สะท้านเล็กน้อย หากนางไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอันใด “เสวีย่ เอ๋ อร์
หลายวันมานี้ขอบคุณมาก ข้าจะจดจําไม่ลืมเลือน ขอบคุณสวรรค์
ที่ให้ขา้ ได้มาพบท่าน”
“…พี่ใหญ่หยุนพูดจาประหลาดพิกลนัก” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขบ
เม้มริ มฝี ปากทรงเสน่ห์ “ต่อไป พวกเรายังคงสามารถพบกันได้อีก
มิใช่หรื อ?”
“แน่นอน” หยุนเช่อแย้มยิม้ พลางผงกศีรษะ “เพราะข้าได้
สัญญาให้เสวีย่ เอ๋ อร์ได้พบเจอหิมะไม่สิ้นสุ ด ข้ารับปากแล้ว ย่อม
ไม่ลืมเลือน”
“อื้ม!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะหนักแน่น สี หน้าของหญิง
สาวค่อยสดใสขึ้นบ้างในท้ายที่สุด สายตาของนางแสดงความรู ้สึก
อาลัยอาวรณ์ ทว่าสองมือกลับผลักหยุนเช่อออกห่าง “แม้วา่ ข้าจะ
เกลียดชังที่ตอ้ งห่างจากพี่ใหญ่หยุน แต่นี่เป็ นเวลาที่ท่านสมควร
จากไปอย่างแท้จริ ง…พระบิดากําลังจะมายังที่น้ ีในทีไม่ถึงสิ บห้า
นาที หากท่านยังไม่ไป ท่านต้องถูกพระบิดาพบเห็นแล้ว”
“…ข้าไปนะ” ฝ่ ามือของหยุนเช่อละจากลาดไหล่ของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ หลังจากจับจ้องหญิงสาวอย่างละเอียดละอออย่างถึง
ที่สุด ชายหนุ่มหันหลังกลับในท้ายที่สุด ก่อนจะเรี ยกหาหงส์หิมะ
หงส์หิมะเหิ นร่ างมาหาหยุนเช่อ ขณะที่ชายหนุ่มกําลังจะ
กระโจนขึ้นหลังสัตว์อสู รหงส์หิมะนี้เอง ฝี เท้าของหยุนเช่อ
หยุดยั้งชะงักลง ชายหนุ่มหมุนกายกลับมา สองมือประสานกัน
แนบแน่น สุ ดท้าย ยังคงกล่าววาจาออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “เสวีย่
เอ๋ อร์…หาก..หากวันนึงท่านพบว่า…ข้าโป้ปดท่านบางอย่าง ท่าน
จะเกลียดชังข้าหรื อไม่? ยังคงนับข้าเป็ นพี่ใหญ่หยุนหรื อไม่?”
“เอ๋ ?” วาจาของหยุนเช่อสร้างความงุนงงให้แก่เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์อยูบ่ า้ ง “เหตุใดพี่ใหญ่หยุนกล่าววาจาประหลาดนัก? พี่ใหญ่
หยุนจะโป้ปดหลอกลวงข้าได้อย่างไร?”
“ข้าเพียงสมมติข้ ึนเท่านั้น…หากมีบางสิ่ ง ที่ขา้ โป้ปดต่อ
ท่าน ท่านจะเกลียดข้าหรื อไม่?” เสี ยงของหยุนเช่อยิง่ แผ่วเบาลง
ประโยคที่แสนเรี ยบง่าย หากกลับถูกกล่าวออกมาอย่างยากลําบาก
เหลือแสน
“ข้า…ข้าไม่ทราบ” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ ดวงตาทอแวว
ยุง่ ยากใจ ราวกับไม่อาจทําความเข้าใจใดๆ ต่อคําถามของหยุนเช่อ
ก่อนกล่าววาจาสื บต่อ “ทว่า หลายวันมานี้ ข้าใช้เวลาร่ วมกับพี่
ใหญ่หยุน ที่ขา้ รับรู ้ได้คือความใจดีที่พี่ใหญ่หยุนมีต่อข้า ท่าน
สร้างหิ มะนํ้าแข็งให้ขา้ ทุกวัน สอนข้าสร้างมนุษย์หิมะ ปรุ งอาหาร
เลิศรสให้ขา้ เล่าเรื่ องราวต่างๆมากมายต่อข้า…รอยยิม้ ของพี่ใหญ่
หยุนงดงาม สายตาของเขายังนุ่มนวลอ่อนโยนยิง่ ที่ผา่ นมา ข้ามี
แต่ความยินดีทุกวีว่ นั กระทัง่ ความฝันยามหลับไหลของข้า ยัง
กลายเป็ นฝันดีไปจนหมดสิ้ น”
หยุนเช่อ “…”
“พี่ใหญ่หยุนเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยินดีหลอกลวงข้า
แม้วา่ …แม้วา่ เขาหลอกลวงข้าจริ งๆ เช่นนั้นย่อมเป็ นเพราะเขาไม่
มีทางเลือก และย่อมไม่ปรารถนาทําร้ายข้าแน่นอน” ทุกคํากล่าว
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลว้ นจริ งใจ นํ้าเสี ยงผ่อนคลาย นี่เป็ นคําพูดที่
ออกมาจากก้นบึ้งในจิตใจของนางอย่างแท้จริ ง “ข้าจะจดจําความ
ดีของพี่ใหญ่หยุนไม่ลืมเลือน ไม่วา่ เกิดเรื่ องใด ข้าเชื่อมัน่ ว่าพีใ่ หญ่
หยุนจะไม่ทาํ ร้ายข้า ข้าเอง จะไม่มีวนั กระทําการใดๆ ที่เป็ นการ
ทําร้ายพี่ใหญ่หยุนเช่นกัน”
ประโยคสุดท้ายของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สร้างความงุนงงแก่หยุ
นเช่ออยูบ่ า้ ง ที่ยงิ่ กว่านั้น คํากล่าวนั้นสร้างความปั่นป่ วนเป็ น
ระลอกขึ้นภายในใจ ชายหนุ่มไม่เอื้อนเอ่ยคําใดอีกต่อไป เนื่อง
เพราะไม่วา่ คําพูดใด ภายใต้สายตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่บริ สุทธิ์ผดุ
ผ่องดุจหิ มะแล้ว วาจาทั้งหลายล้วนขาดไร้สีสนั ใดโดยสิ้ นเชิง หยุ
นเช่อทะยานขึ้นสู่ หลังของหงส์หิมะ ก่อนจะเหิ นบินขึ้นสู่ ฟ้าไป
ทางผาหงสาไร้สิ้นสุ ด เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์บอกกล่าวแก่ชายหนุ่มว่า ทุก
ทิศทั้งสามโดยรอบหุบผาหงส์สถิตย์ลว้ นปรากฏผูค้ นยืนยาม
รักษาการณ์ หากชายหนุ่มต้องการจากไปโดยปลอดภัยไร้อนั ตราย
เขาต้องบินจากไปทางทิศที่ต้ งั ของผาหงสาไร้สิ้นสุ ด
“พี่ใหญ่หยุน…ท่านต้องมาที่นี่บ่อยๆนะ…ข้าจะรอพี่ใหญ่
หยุนมาปรากฏกายต่อหน้าข้าอีกครั้ง”
“พี่ใหญ่หยุน อย่าได้ลืมเลือนวาจาระหว่างเรา หลังจากข้า
อายุได้ยสี่ ิ บปี ท่านต้องพาข้าไปยังแดนหิ มะสุ ดเยือกแข็ง…”
“พี่ใหญ่หยุน ไป๋ น้อย ข้าคิดถึงพวกท่านเหลือเกิน…”
สําเนียงโหยหวนของสายลมดังขึ้นที่ขา้ งหูของหยุนเช่อ สุ ม้
เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่ดงั มาจากเบื้องล่าง กลับแฝงไว้ดว้ ยเสี ยง
สะอึกสะอื้นที่พยายามข่มกลั้นไว้จนสุ ดความสามารถ
ระดับความสู งสองสามพันเมตรไม่ใช่เรื่ องยากสําหรับสัตว์
อสู รหงส์หิมะ ไม่นาน ผาหงสาไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า
สายตาของหยุนเช่อ หยุนเช่อลงจากหลังหงส์หิมะ ยืนอยูข่ า้ งหน้า
ผา ภายใต้หุบเขาสี เขียวเข้มที่ราวกับดินแดนเหนือจินตนาการ ชาย
หนุ่มสามารถมองเห็นเงาร่ างงดงามราวเทพธิดาได้อย่างเลือนราง
นางคือองค์หญิงแห่งจักรวรรดิเทพหงสา อัญมณี ล้ าํ ค่าเปล่ง
ประกายงดงามที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า ได้รับการปกป้อง
คุม้ ครองอย่างแน่นหนาถึงขีดสุด…หากนางกลับเดียวดาย
อ้างว้าง…นี่คือสาเหตุที่ระยะเวลาหลายวันที่ชายหนุ่มแทรกซึมเข้า
ไปในโลกของนาง หญิงสาวจึงตื่นเต้นยินดียงิ่ นัก
“ฉานน้อย เจ้าอยากอยูเ่ ป็ นเพือ่ นนางหรื อไม่? ” สายตาของ
หยุนเช่อยังคงก้มลงมองไปยังหุบผาเบื้องล่างขณะเอ่ยคํา
“กรี๊ ซซ….” หงส์หิมะตวัดปี กคราหนึ่ง ก่อนรํ่าร้องออกมา
เสี ยงแผ่วเบา ศีรษะอันงดงามสง่าของมันกลับ..แสดงกิริยาผงก
ศีรษะติดต่ อกันหลายครา!
หื อ? ผงกหั ว?
สายตาของหยุนเช่อทอแววขมขื่นสุ ดแสนและไม่พอใจ
อย่างยิง่ หยุนเช่อมองแรงใส่ หงส์หิมะคราหนึ่ง…แม้ เสน่ ห์ความ
งามของเสวีย่ เอ๋ อร์ มิอาจต้ านทาน แม้ เจ้ าจะอยากอยู่กับนางเพียง
ไหน เจ้ ายังคงเป็ นสัตว์ อสูรพันธะสัญญาของข้ าาาาาาาาา!!! เจ้ าจะ
สงวนท่ าทีหน่ อยไม่ ได้ รึยงั ไง แสร้ งทําท่ าเล็กน้ อยก็ยงั ดี!
…ช่ างมันเถอะ
หยุนเช่อเบ้ปาก ชายหนุ่มยืน่ ข้อแขนออก ตราประทับพันธะ
สัญญาสัตว์อสู รเรื องวาบขึ้นที่ดา้ นหลัง เพียงความคิด พันธะ
สัญญาสัตว์อสู รที่เชื่อมต่อถูกสะบั้นในทันที ตราพันธะสัญญาที่
หลังมือเองล้วนเลือนหายไปเช่นกัน
หงส์หิมะได้รับอิสรภาพ มันกางปี กออกกว้างขวางก่อนจะ
เหิ นบินขึ้นฟ้า ร่ ายรําอยูบ่ นศีรษะของหยุนเช่อ พร้อมทั้ง
ปลดปล่อยเสี ยงรํ่าร้องแหลมสู งที่ผคู ้ นล้วนฟังออกถึงความตื่นเต้น
และความอาวรณ์ไม่อาจแยกจาก
เมื่อเห็นหงส์หิมะได้รับอิสรภาพที่บงั เกิดขึ้นในใจหยุนเช่อ
มิใช่ความเสี ยใจ หากเป็ นความคลายใจ ชายหนุ่มกล่าวพลางแย้ม
ยิม้ เล็กน้อย “ฉานน้อย ไปเถอะ อยูก่ บั ข้า เจ้าเพียงสามารถเผชิญ
กับความยากลําบากและอันตรายใหญ่หลวง หากอยูก่ บั เสวีย่ เอ๋ อร์
นางชื่นชอบเจ้าอย่างยิง่ แน่นอนว่าย่อมต้องดูแลเจ้าอย่างดี เจ้าไม่
จําเป็ นต้องแบกรับอุปสรรคใดๆกับข้าอีกแล้ว…ไป”
กี…
๊ .
เสี ยงวิหคพาดผ่านฟ้า หงส์หิมะร่ ายรําและบินวนอยูช่ วั่ ครู่
ก่อนจะร่ อนลงยังเบื้องล่าง เข้าสู่ หุบผาหงส์สถิตย์ ไม่นาน เงาร่ าง
สี ขาวทั้งสองรวมกันเป็ นหนึ่งเดียว
หยุนเช่อหัวร่ อบางเบา ชายหนุ่มจ้องมองอย่างลึกลํ้าเป็ นครั้ง
สุ ดท้าย ถอยกายสองก้าว จากนั้นสลัดความรู ้สึกอาลัยอาวรณ์
ทั้งหลายทิ้ง พร้อมทั้งก้าวเดินไปทางทิศใต้
“เหตุใดเจ้าปล่อยหงส์หิมะจากไป?” จัสมินไม่อาจไม่ถาม
ไถ่ “เจ้ายังไม่อาจบินได้ในเวลานี้ หากต้องบินขึ้นมา จะทํา
อย่างไร?”
หยุนเช่อสัน่ ศีรษะพร้อมกล่าวว่า “ที่ให้หงส์หิมะกับเสวีย่
เอ๋ อร์ มิใช่เพียงเพราะนางชื่นชอบมัน แต่เนื่องเพราะข้าเองยังไม่
อาจมัน่ ใจว่าตนเองสามารถรักษาชีวติ รอดในงานประลองยุทธเจ็ด
จักรวรรดิ หากโชคดี…อย่างน้อยหงส์หิมะไม่จาํ เป็ นต้องตกตาย
ร่ วมกับข้า นี่ไม่เพียงทําให้มนั ปลอดภัย หากยังนับเป็ นการจ่าย
ค่าชดเชยให้แก่เสวีย่ เอ๋ อร์…นางให้ความจริ งใจต่อข้า ทว่า ข้ากลับ
หลอกลวงนาง เพียงเท่านี้เอง”
“เหอะ…” จัสมินเย้ย “หลอกลวงสตรี นีมิใช่วธิ ีกระทําการ
ต่างๆ ตามสันดานของเจ้าหรอกหรื อ! เจ้าไม่เคยแสดงออกถึง
ความรู ้สึกผิดมาก่อน ไม่ใช่หรื อไง”
“นี่ไม่เหมือนกัน” หยุนเช่อเม้มริ มฝี ปาก “การพิชิตใจและ
การหลอกลวงเป็ นเรื่ องราวที่แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง เด็กสาว
เยาว์วยั เช่นท่านล้วนไม่เข้าใจ”
“…” จัสมินเบื่อหน่ายเกินจะตอบคํา เด็กสาวกล่าวสวน
กลับไป “เรื่ องที่เจ้าจะสามารถรอดชีวติ ไปได้หรื อไม่น้ นั ข้ามีข่าว
ดีจะบอกต่อเจ้า”
“..ข่าวดี?”
จัสมินกล่าวอย่างเฉื่ อยชา “หากข้าคาดเดาได้ถูกต้อง
หลังจากโลหิ ตเทพหงสาของเจ้าถูกพบโดยพรรคเทพหงสา ที่เจ้า
สมควรหวาดหวัน่ ที่สุดไม่ใช่พรรคเทพหงสา หากแต่เป็ นรากเหง้า
แท้จริ งของพรรค…จิตวิญญาณเทพหงสาอีกตน เช่นเดียวกับจิต
วิญญาณเทพหงสาที่เจ้าพบที่เทือกเขาหมื่นอสู รเมื่อก่อนหน้านี้
ฝี เท้าก้าวย่างของหยุนเช่อชะงักชัว่ ครู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะ
ผงกศีรษะรับ “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง ครั้งก่อน ยามข้าออกจาก
สนามทดสอบเทพหงสา จิตวิญญาณเทพงหสาตนนั้นกระตุน้
เตือนข้าอย่างจริ งจัง ให้ขา้ ระมัดระวังจิตวิญญาณเทพหงสาอีกตน
ที่ยงั คงอยู่ จิตวิญญาณเทพหงสาแห่งพรรคเทพหงสาย่อมคาดคิด
ว่าจิตวิญญาณที่มอบโลหิ ตเทพหงสาให้แก่ขา้ สู ญสิ้ นไปเนิ่นนาน
แล้ว หากมันพบว่าโลหิ ตเทพหงสาในร่ างข้าได้รับมาจากการ
ทดสอบ…เช่นนั้น ผูท้ ี่ตอ้ งตกอยูใ่ นอันตรายไม่เพียงมีขา้ จิต
วิญญาณเทพหงสา ณ เมือกเขาหมื่นอสูร รวมทั้งเผ่าหงสาที่เพิ่ง
หลุดพ้นจากคําสาป ทั้งหมดล้วนต้องตกอยูใ่ นอันตราย” หยุนเช่อ
ทอดถอนหายใจ “ทว่าเมื่อถูกเปิ ดเผยสายเลือด ข้าไม่มีทางเลือก
อื่นอีกนอกจากเผชิญหน้ากับพรรคเทพหงสาให้รวดเร็ วที่สุด
ไม่เช่นนั้น ผูท้ ี่ตอ้ งเดือดร้อนกลับจะเป็ นผูค้ นที่ขา้ งกายข้า…
ดังนั้น ระหว่างทางจากอาณาจักรวายุครามมาที่นี่ ข้าภาวนาให้
เทพหงสาตนนั้นเก็บตัวอยูใ่ นความมืดมาโดยตลอด และไม่บงั เกิด
ความสนใจเข้าร่ วมพิสูจน์ในงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ”
“เกี่ยวกับจิตวิญญาณเทพหงสา เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องกังวลอีก
ต่อไป” จัสมินกล่าวโดยไร้อารมณ์
“เพราะเหตุใด?”
“เพราะว่า…มันตายไปแล้ว!!”
“อะไร? ตาย?” หยุนเช่อชะงักเท้าในทันที “ท่านแน่ใจ?
เดี๋ยว! ท่านทราบได้อย่างไรว่ามันตายแล้ว?”
“ฮี่ฮี่…” จัสมินหัวร่ ออย่างชัว่ ร้าย “ไม่ตอ้ งรู ้วา่ ข้ารู ้ได้
อย่างไร มันน่าจะสูญสลายไปไม่นานมานี้เอง หากข้ามัน่ ใจว่ามัน
ตายแล้วอย่างแน่นอน! ทว่า แม้ขา้ จะมัน่ ใจว่ามันตกตาย หากมี
ความเป็ นไปได้อย่างยิง่ ว่าสายเลือดและความทรงจําของมันได้รับ
การสื บทอด ดังนั้น บนโลกนี้ อาจยังมีมนุษย์ที่สามารถแยกแยะ
ออกได้วา่ สายโลหิ ตเทพหงสาในตัวเจ้า มาจากสนามทดสอบอีก
แห่งหนึ่ง”
หยุนเช่อพลันคึกคักขึ้นทันที แน่นอนชายหนุ่มย่อมไม่มีทาง
กังขาในคํากล่าวที่เต็มไปด้วยความมัน่ อกมัน่ ใจของจัสมิน
“ประเสริ ฐยิง่ ! หากจิตวิญญาณเทพหงสาในอาณาจักรนี้สลาย
ไปแล้วจริ ง เช่นนั้น ความวิตกกังวลที่ใหญ่ที่สุดของข้าล้วนหมด
ไปเช่นกัน! เช่นนั้น ระหว่างงานประลองเจ็ดจักรวรรดิ ข้าย่อม
สามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ตอ้ งหวัน่ เกรงถึงผลลัพธ์
ใดๆ!”
“แล้ว? เจ้ามีความมัน่ ใจเพียงใดที่จะทําให้พรรคเทพหงสา
ไม่ตามคิดบัญชีเจ้า ทั้งยังสามารถรอดชีวติ กลับไปจากที่น่ี”
“เจ็ดในสิ บส่ วน!” หยุนเช่อกล่าวโอ้อวดด้วยความมัน่ ใจ
“บางที ข้าอาจสามารถเข้าสํารวจนาวาปราณบรรพกาลด้วยก็
เป็ นได้!”
บทที่ 424 เมืองวิหคเพลิง

หยุนเช่อลงจากผาหงสาไร้เขตแดน ออกนอกหุบเขาเทพหง
สา มันพินิจพิเคราะห์อยูค่ รู่ หนึ่ง ก็กลับไปยังนครวิหคเทวะ มุ่ง
ตรงไปยังเมืองวิหคเพลิง
เมืองวิหคเพลิงตั้งอยูใ่ นพื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ของ
นครวิหคเทวะ ขณะที่เป็ นส่ วนหนึ่งของนครวิหคเทวะ มันก็ดาํ รง
ตนเป็ นเอกเทศด้วย มันเป็ นนครพิเศษที่ต้ งั อยูภ่ ายในนครหนึ่ง
เมืองวิหคเพลิงเป็ นฐานที่มน่ั ของพรรคเทพหงสา เช่นเดียวกับ
พระราชวังเทพหงสา แต่ที่ต่างกันคือ สิ่ งหนึ่งเป็ นแกนกลาง
อํานาจการปกครอง และอีกสิ่ งหนึ่งเป็ นแกนกลางของขุมกําลัง
แต่ท้ งั คู่ลว้ นมีกองทัพที่แข็งแกร่ งอย่างหาที่เปรี ยบมิได้
ภายในเมืองวิหคเพลิงมีเขตแดนหงสาซึ่งเป็ นสถานที่
สําหรับจัดงานประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรเสมอมา
เมื่อเข้าใกล้เมืองวิหคเพลิง ผูค้ นจะรับรู ้ได้ถึงความรู ้สึก
กดดัน และอากาศอันร้อนระอุที่แผ่พงุ่ เข้าปะทะใบหน้า เหนือ
ประตูนครขนาดมหึมาขึ้นไปคือเทพหงสาที่สง่างามน่าเกรงขาม
ขนาดใหญ่ หยุนเช่อชะงักฝึ เท้าไม่กา้ วเข้าไป ในฐานะผูเ้ ข้าร่ วม
ประลอง มันควรมีท่ีพกั ที่เจ้าภาพจัดไว้ให้ แต่หากย้ายเข้าไปอยูใ่ น
นั้น มันคงต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายอย่าง เนื่องจาก
ตัวตนของมันค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนใคร ที่มนั มาตอนนี้กเ็ พื่อ
ตรวจสอบสถานที่เท่านั้น หลังจากยืนยันสถานที่ต้ งั ของเมืองวิหค
เพลิงแล้วมันก็จากไป มันปลอมแปลงรู ปโฉมอย่างรวดเร็ วและเข้า
พักในโรงเตี๊ยมที่เงียบสงบห่างไกลแห่งหนึ่ง
เหลืออีกสามวันงานประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรก็จะเริ่ ม
ขึ้นแล้ว
เวลาสามวันนี้เพียงพอที่จะให้มนั ซึมซับตัวยาเม็ดปราณฟ้า
ครอบจักรวาลได้
หลังจากเข้าโรงเตี๊ยม ตรวจดูบริ เวณรอบๆ และเข้าห้องพัก
เรี ยบร้อย หยุนเช่อก็เอาดอกทานตะวันหงสา ลูกแก้วโลหิ ตเพลิง
ปี ศาจและวัตถุดิบอื่นๆ ออกมา จากนั้นก็ใช้ไข่มุกพิษสวรรค์
หลอมสกัดพวกมันอย่างรวดเร็ ว ชัว่ ไม่กี่อึดใจเม็ดยาสี แดงเข้มราว
กับถูกแช่ในเลือดสดก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ ามือของหยุนเช่อ เมื่อเม็ดยา
ก่อตัวเป็ นรู ปเป็ นร่ าง มันก็ปลดปล่อยคลื่นพลังเกรี้ ยวกราดออกมา
ทันที ขับดันอากาศโดยรอบออกไปอย่างรุ นแรง
หยุนเช่อยกมือขึ้น และโยนยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลที่
เพิง่ สกัดเสร็ จนี้เข้าปากไปโดยไม่ลงั เลแม้แต่นอ้ ย
ยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลละลายออกทันทีที่มนั เข้าไป
อยูใ่ นปากของหยุนเช่อ และแปรสภาพเป็ นคลื่นพลังความร้อน
ราวกับกระแสลาวาที่ไหลบ่าไปสู่ เส้นพลังลมปราณและจุดชีพจร
ทัว่ ร่ าง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับกําลังถูกเข็มมากมายทิ่ม
แทงไปทัว่ ตัว หยุนเช่อหลับตาลง สี หน้าสงบนิ่งอย่างยิง่ ราวกับว่า
มันไม่รู้สึกอะไรเลย เม็ดยาที่สามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่ ง
ของพลังลมปราณของผูค้ นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แน่นอนว่า
มันย่อมมีคุณสมบัติทางยารุ นแรงอย่างถึงขีดสุ ด และมักให้โทษยิง่
กว่าให้คุณ ทว่าหยุนเช่อมีสายเลือดเทพหงสาและไขกระดูกเทวะ
มังกร รวมทั้งมหาวิถีโพธิสตั ว์เป็ นเครื่ องป้องกัน ทําให้ครานั้นมัน
สามารถดื่มกินเลือดเนื้อของมังกรชั้นปราณจักรพรรดิท้งั ที่ตวั มัน
อยูใ่ นขั้นปราณจิตได้ดว้ ยซํ้า ยามนี้ลมปราณมันอยูใ่ นระดับปราณ
ปฐพี ดังนั้นการกลืนกินยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลจึงยิง่ ไม่น่า
กังวล
อย่างไรก็ตามคุณสมบัติที่รุนแรงของยาเม็ดปราณฟ้า
ครอบจักรวาลนั้นก็ไม่เป็ นที่น่ายินดียง่ิ สําหรับหยุนเช่อ ขณะที่
พลังของเม็ดยาค่อยๆ กระจายออกมา ไอร้อนที่ไหลบ่าไปยังเส้น
พลังลมปราณของมันก็ยง่ิ ทวีความรุ นแรงเกรี้ ยวกราด แม้วา่ สี หน้า
มันจะยังคงสงบนิ่ง ทว่าบริ เวณหน้าผากมันกลับปกคลุมไปด้วย
เม็ดเหงื่อมากมาย
………………………………
เวลาที่ใช้ในการซึมซับยาเม็ดปราณฟ้าครอบจักรวาลเป็ นไป
ตามที่หยุนเช่อคาดการณ์ เมื่อมันซึมซับตัวยาจนหมดสิ้ น และลืม
ตาขึ้นมา เวลานั้นก็เป็ นยามเช้าตรู่ ของวันที่สามแล้ว
หยุนเช่อลุกขึ้นยืน เหยียดแขนมันออกไป สามวันที่ผา่ นมา
เสื้ อผ้ามันเปี ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อครั้งแล้วครั้งเล่า และกําลังส่งกลิ่น
เหม็นอย่างรุ นแรง มันแบมือออก แล้วลูกพลังลมปราณขนาดเล็ก
ก็ปรากฏขึ้นหมุนวนอยูต่ รงกลางฝ่ ามือ และเมื่อมันกํามือ ลูกพลัง
ลมปราณนั้นก็กระจายหายไปในทันที พร้อมกับมีเสี ยงปะทุของ
อากาศดังตามมา
“ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นนี้เป็ นไปตามที่ขา้ คิดไว้จริ งๆ ในที่สุดก็
เหลือเพียงอีกขั้นเดียวก็จะบรรลุขอบเขตชั้นลมปราณฟ้า” หยุ
นเช่อกําหมัดแน่น กล่าวพึมพัมกับตนเอง “จัสมิน ข้าใช้เวลานาน
เท่าใดในการซึ มซับยานี้ ?”
“สามวัน”
“ห๊ะ… ว่าไงนะ ? สามวัน ?!”
หยุนเช่อสัน่ สะท้าน และกระโจนขึ้นอย่างแรง มันรี บมอง
ออกไปนอกหน้าต่าง กะเวลานิดหนึ่ง จากนั้นก็ถลาไปที่ประตู
“จัสมิน ! ทําไม่เจ้าไม่เรี ยกข้า ! วันนี้เป็ นวันงานประลองจัดอันดับ
เจ้าก็รู้ และที่นี่กค็ ่อนข้างห่างไกลจากเมืองวิหคเพลิงด้วย !”
“ข้าไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องเตือนเจ้า”
ขณะที่พงุ่ ไปยังบันไดหน้าประตูหยุนเช่อก็ชะงักเท้าลง มัน
ดมแขนเสื้ อตนเองเล็กน้อยแล้วก็ปิดประตูที่เพิ่งเปิ ดออกอย่างแรง
“ให้ตาย ข้าต้องอาบนํ้าก่อน”
จัสมิน “…”
——————————————————————
เมื่อหยุนเช่อเร่ งรุ ดไปถึงเมืองวิหคเพลิง มันก็เป็ นเวลาเกือบ
เก้าโมงเช้าแล้ว เหลือเวลาไม่ถึงครี่ งชัว่ โมงการประลองจัดอันดับ
ก็จะเริ่ มขึ้น
บริ เวณหน้าประตูเมืองวิหคเพลิงแน่นขนัดไปด้วยฝูงชน
คนเหล่านี้ลว้ นเป็ นผูท้ ี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไป หรื อไม่กไ็ ม่มี
บัตรผ่านประตู จึงได้แต่ยา่ ํ เท้าไปมาอยูน่ อกนครอย่างไม่เต็มใจ
ด้วยหวังว่าพวกมันจะได้รับรู ้ผลการประลองในทันที หยุนเช่อรี บ
ผลักดันฝูงชนออกไปด้านข้างและรุ ดไปที่ดา้ นหน้าประตูทางเข้า
หลักของเมืองวิหคเพลิง แต่แล้วก็ถูกลูกศิษย์เทพหงสาสองคน
สกัดไว้
“แสดงคุณสมบัติสาํ หรับผ่านเข้าไปด้วย” ศิษย์เทพหงสาผูท้ ี่
สกัดมันไว้กล่าวอย่างเกียจคร้าน วันนี้มนั อาจกล่าวประโยคนี้มา
นับครั้งไม่ถว้ นแล้วก็เป็ นได้
“ข้าเป็ นผูเ้ ข้าประลองจากอาณาจักรวายุคราม” หยุนเช่อกล่า
วอย่างรวบรัด พร้อมกับนําเอาเครื่ องหมายผูเ้ ข้าประลองของตน
ออกมาด้วย
พลันที่เครื่ องหมายผูเ้ ข้าประลองสี แดงถูกนําออกมา สายตา
ของศิษย์เทพหงสาทั้งสองก็เพ่งมองมันด้วยความตั้งใจ เมื่อพบคํา
ว่า ‘วายุคราม’ พวกมันก็มองหน้ากันเล็กน้อย หนึ่งในสองคนนั้น
ตะโกนเข้าไปด้านใน “ศิษย์พจี่ า้ นหยุน ผูเ้ ข้าประลองจาก
อาณาจักรวายุครามมาถึงแล้ว !”
“ฮ้า ? วายุคราม !?”
ชายหนุ่มรู ปร่ างกํายําผูห้ นึ่งเดินออกมาในทันที มันมอง
เครื่ องหมายผูเ้ ข้าประลองในมือหยุนเช่อแวบหนึ่ง จากนั้นก็จอ้ ง
มองหยุนเช่อและกล่าวสุ ม้ เสี ยงแผ่วเบาว่า “เราคิดว่าอาณาจักรวายุ
ครามของเจ้าจะไม่กล้ามา แต่ตอนนี้เจ้าก็มาแล้วจริ งๆ พวกเจ้า
กําลังทําเหมือนการประลองจัดอันดับนี้เป็ นเรื่ องเล่นๆ … ช่าง
เถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าไปเอง ว่าแต่คนอื่นๆ อยูไ่ หนล่ะ ?”
“ไม่มี” หยุนเช่อส่ ายหน้า “มีแต่ขา้ ”
“ฮ้า ? มีแต่เจ้าคนเดียว ?”
“ถูกต้อง ครั้งนี้ขา้ เป็ นผูเ้ ข้าร่ วมประลองเพียงผูเ้ ดียวของวายุ
คราม ไม่มีผเู ้ ข้าประลองคนอื่น ไม่มีผดู ้ ูแล รบกวนพาข้าเข้าไป
ด้วย การประลองจัดอันดับกําลังจะเริ่ มแล้ว” หยุนเช่อกล่าว
ด้วยสุ ม้ เสี ยงสงบนิ่ง
มันประเมินหยุนเช่อตั้งแต่หวั จรดเท้า จากนั้นก็หยัง่ ดูระดับ
พลังลมปราณของมันอย่างคร่ าวๆ เฟิ งจ้านหยุนเบะปาก คร้านที่
จะพูดสิ่ งใด มันกล่าวอย่างไม่ใส่ ใจว่า “เอาเถอะ อย่างไรเจ้าก็
มาแล้ว ตามข้ามา”
“ศิษย์พี่จา้ ยหยุน เราควรรายงานเรื่ องนี้ต่อผูอ้ าวุโสสู งสุ ด
หรื อไม่ ?”
“ไม่จาํ เป็ น” เฟิ งจ้านหยุนโบกมือ “การประลองจัดอันดับ
กําลังจะเริ่ มแล้ว ไม่จาํ เป็ นต้องไปรบกวนผูอ้ าวุโสด้วยเรื่ อง
เล็กน้อยเช่นนี้ อย่างไรก็ตามมันมาที่นี่พอเป็ นพิธีเท่านั้น ไปทํา
หน้าที่ของเจ้าเถอะ”
เมืองวิหคเพลิงเป็ นฐานที่มน่ั ของพรรคเทพหงสา และไม่
อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาตามอําเภอใจ หนทางที่จะผ่านเข้า
ไปสู่ ใจกลางแดนหงสานั้น เป็ นเส้นทางที่ค่อนข้างแคบยาว ทั้ง
สองข้างของเส้นทางมีข่ายกลลมปราณอัคคีป้องกันอยู่ ไม่วา่ ผูใ้ ดที่
กล้าพยายามที่จะก้าวออกนอกทางเดินย่อมถูกข่ายกลลมปราณนี้
โจมตีอย่างแน่นอน
ขณะที่กาํ ลังเข้าไปในเขตแดนหงสา บรรยากาศคึกคักเร่ า
ร้อนก็แผ่กระจายออกมาก่อนที่พวกมันจะใกล้ถึงลานประลองจัด
อันดับเสี ยอีก และเมื่อเข้าไปในลานประลอง หยุนเช่อก็ตอ้ งตะลึง
งันไปชัว่ ขณะ
ก่อนหน้านี้ชางว่านเฮ่อได้บอกมันแล้วว่างานประลองจัด
อันดับเจ็ดอาณาจักรนั้นเป็ นความอัปยศอดสู ที่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ชาววายุ
ครามไม่อยากเอ่ยถึงที่สุด แต่สาํ หรับอีกหกอาณาจักรที่เหลือ มัน
เป็ นโอกาสอันยิง่ ใหญ่ที่สาํ คัญสุ ดสําหรับชาวยุทธภพซึ่งจะมีข้ ึน
ทุกยีส่ ิ บห้าปี เมื่องานประลองจัดอันดับนี้ใกล้เข้ามา ตั้งแต่
จักรพรรดิไปจนถึงสามัญชนทัว่ ไป ไม่มีผใู ้ ดที่ไม่เฝ้าติดตามด้วย
ใจจดจ่อ พวกมันยังเริ่ มเตรี ยมพร้อมสําหรับงานประลองจัดอันดับ
นี้หา้ ปี ล่วงหน้าด้วยซํ้า
ยามนี้เองที่หยุนเช่อเริ่ มจะเข้าใจแล้วว่า ‘งานประลองเจ็ด
จักรวรรดิ’ ที่ชาววายุครามไม่อยากเอ่ยถึง คืออะไร
สนามประลองมีขนาดมหึ มาใหญ่โตเกินกว่าที่มนั คาดคิดไว้
นัก และพื้นที่ส่วนใหญ่ของมันก็ถูกจัดเป็ นที่นงั่ สําหรับผูช้ ม มอง
แวบเดียวก็เห็นว่าฝูงชนเหล่านั้นกําลังคึกคักกับกิจกรรมต่างๆ กัน
อย่างไม่มีขีดจํากัด ตั้งแต่ช้ นั บนสุ ดลงมาถึงชั้นล่างของสนาม
ประลองเต็มไปด้วยผูค้ น ซึ่งมีจาํ นวนหลายล้านคนอย่างแน่นอน
สู งขึ้นไปในอากาศก็มีผคู ้ นมากมายกําลังเหิ นลอยไปมาราวกับฝูง
ตัก๊ แตน เทียบกับบรรยากาศและขนาดของงานประลองจัดอันดับ
อาณาจักรวายุครามแล้ว… กล่าวได้วา่ งานประลองจัดอันดับ
อาณาจักรวายุครามนั้นไม่มีคุณสมบัติใดที่จะนํามาเปรี ยบเทียบได้
เลย
บริ เวณที่นงั่ อันใหญ่โตมโหฬารอย่างหาที่เปรี ยบมิได้น้ นั
แบ่งออกเป็ นหลายส่ วน แต่ละส่ วนล้วนเต็มไปด้วยผูค้ น ไม่มีที่นง่ั
ใดว่างเว้นไว้เลย แต่พวกมันก็ยงั แบ่งกลุ่มกันอย่างชัดเจน หยุนเช่อ
พบว่าที่นงั่ บริ เวณด้านหน้าสุ ดมีเครื่ องหมายของห้าอาณาจักร
กระจายกันอยู่ ผูเ้ ข้าร่ วมประลองและผูด้ ูแลจากห้าอาณาจักรต่างก็
นัง่ อยูใ่ นที่ของตน ด้านหลังพวกมันแน่นอนว่าล้วนเป็ น
ผูส้ นับสนุนจากอาณาจักรของพวกมัน งานประลองจัดอันดับยัง
ไม่ทนั จะเริ่ มขึ้น ใบหน้าของของทุกผูค้ นก็แดงกํ่า ดวงตาเป็ น
ประกาย สี หน้าท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวังแล้ว
สําหรับพวกมัน การที่สามารถเข้ามาชมการประลองจัดอันดับ ให้
กําลังใจอาณาจักรของตนและได้เป็ นสักขีพยานในการประลองนี้
นับเป็ นเกียรติที่พวกมันสามารถโอ้อวดไปได้ตลอดชีวติ ทีเดียว
บริ เวณที่นงั่ หลักของลานประลองย่อมเป็ นของพรรคเทพ
หงสา ทว่าที่นงั่ แถวหน้าสุ ดของพรรคเทพหงสากลับว่างเปล่า ผู ้
ยิง่ ใหญ่ของพรรคยังมาไม่ถึง
หยุนเช่อกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ ว แต่กไ็ ม่พบที่
บริ เวณนัง่ ของอาณาจักรวายุครามเลย
“เฮ้ เป็ นไรไปล่ะ ? ตกใจหรื อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็น
เหตุการณ์ยงิ่ ใหญ่น่าตื่นเต้นขนาดนี้เลยใช่ไหมเล่า ?” เฟิ งจ้านหยุ
นกล่าวถามพร้อมกับมองหยุนเช่อด้วยหางตา
“เหตุใดจึงไม่มีที่นงั่ ของอาณาจักรวายุคราม ?” หยุนเช่อถาม
คิ้วมันขมวดมุ่น
“ทําไมต้องมี ?” เฟิ งจ้านหยุนห่อปากและถามย้อนกลับ “ผู ้
ฝึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุครามของเจ้ามาที่งานประลองเจ็ด
จักรวรรดิน้ ี ก็เพื่อให้ครบ ‘เจ็ดอาณาจักร’ เท่านั้นไม่ใช่หรื อ หรื อ
อาจ… ฮิฮิ มาเป็ นตัวตลกเพิม่ ขึ้นอีกหนึ่งตัวก็ได้ กล่าวไปแล้ว
พวกเจ้าก็ควรมีที่นง่ั เพราะอย่างน้อยพวกเจ้าก็ถือเป็ นอาณาจักร
หนึ่ง แต่จนกระทัง่ เมื่อสามวันก่อน เราก็ยงั ไม่ได้รับข่าวคราวอัน
ใดจากอาณาจักรวายุคราม และคิดว่าพวกเจ้าไม่แม้แต่จะใส่ ใจที่
จะ ‘ทําให้ครบ’ เจ็ดชาติ ดังนั้นเราจึงไม่ได้จดั เตรี ยมสิ่ งใดเกี่ยวกับ
อาณาจักรวายุครามไว้ รวมไปถึงที่นงั่ ด้วย”
หยุนเช่อขมวดคิ้วแน่น แต่มิได้กล่าวอันใด
การจัดเตรี ยมที่นงั่ หรื อไม่นี่ไม่ใช่ปัญหา แม้วา่ อาณาจักรวายุ
ครามจะแจ้งว่าไม่เข้าร่ วมงานล่วงหน้า แต่กค็ วรมีที่นงั่ ของ
อาณาจักรวายุคราม… เพราะมันเป็ นการให้การยอมรับและการให้
เกียรติข้นั พื้นฐานอย่างที่สุดแก่อาณาจักรหนึ่ง
ทว่าภายในสนามประลองตอนนี้ ทั้งหกอาณาจักรล้วนมา
อยูท่ ี่นี่ มีเพียงอาณาจักรวายุครามที่ไม่มีที่นง่ั … นี่เป็ นการบ่งบอก
ว่าพวกมันไม่เห็นอาณาจักรวายุครามอยูใ่ นสายตาอย่างโจ่งแจ้ง !
อาจเรี ยกได้วา่ เป็ นการจงใจดูหมิ่นเหยียบยํา่ ศักดิ์ศรี กนั
มันเชื่อว่าภายในสนามประลองนี้ตอ้ งมีผชู ้ มจํานวนมาก
ที่มาจากอาณาจักรวายุคราม ชาววายุครามทุกคนที่ได้พบเจอ
เหตุการณ์เช่นนี้ตอ้ งรู ้สึกโกรธจนอกแทบระเบิดแน่นอน
“โชคดีที่เราไม่ได้เตรี ยมไว้ อาณาจักรวายุครามมีแค่เด็ก
หนุ่มคนเดียวอย่างเจ้า จิ๊จิ๊ หากสํารองที่น่งั จํานวนมากไว้ให้วายุ
คราม ก็จะเป็ นการสิ้ นเปลืองเกินไป และสําหรับเจ้า… อืม ในเมื่อ
ไม่มีที่นงั่ ว่างแล้ว ข้าว่าเจ้าก็คงต้องยืนตรงนี้แหล่ะ เมื่อถึงเวลาที่
เจ้าต้องขึ้นไปบนเวที เจ้าก็แค่ทะยานจากตรงนี้ไป สะดวกอะไร
เช่นนี้… โอ๊ะ จริ งสิ ดูเหมือนเจ้าจะอยูแ่ ค่ขอบเขตลมปราณปฐพี
ยังไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาท่องนภาได้ เช่นนั้นก็ทาํ ตามที่เจ้าเห็น
ควรก็แล้วกัน การที่ขา้ เฟิ งจ้านหยุน พาเจ้ามาตรงนี้ดว้ ยตนเอง
และยังหาที่ให้เจ้าได้ยนื ก็ทาํ ให้เจ้าได้หน้ามากโขพอที่เอาไปคุย
โตได้เป็ นสิ บปี ทีเดียว”
‘ตรงนี้’ ที่เฟิ งจ้านหยุนกล่าวถึง เป็ นมุมหนึ่งที่อยูป่ ลายสุ ด
ของสนามประลองขนาดมหึ มา มันไม่เพียงเป็ นตําแหน่งที่แย่อย่าง
ที่สุด ทว่าท่านยังไม่อาจมองเห็นใจกลางของสนามประลองได้
หากกําลังสายตาของท่านไม่มากพอ และตรงนี้ไม่มีที่นง่ั ด้วยซํ้า !
หากจะหาข้อดีของตําแหน่งนี้ คงมีเพียงมันทําให้ท่านสามารถ
มองเห็นครึ่ งหนึ่งของสนามประลองได้อย่างเต็มตา
บทที่ 425 การมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์ (1)

“เจ้าหนู ข้าคงได้แต่บอกว่าข้านับถือความใจกล้าหน้าด้าน
ของเจ้าจริ งๆ หากเป็ นข้า ไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องมาเพียงลําพัง แค่เรื่ อง
พลังลมปราณชั้นปฐพีน้ ี… เหอะเหอะ ข้าคงไม่มีหน้าขึ้นไปบน
ลานประลองแล้ว” เฟิ งจ้านหยุนฉี กยิม้ เยาะเย้ย ก่อนที่สีหน้าของ
มันจะพลันสัน่ สะท้านพร้อมกับตวัดสายตาไปกลางแถวที่นงั่ หลัก
สุ ม้ เสี ยงของมันเปี่ ยมด้วยความตื่นเต้น “ทั้งท่านประมุขพรรค
นายน้อย และบรรดาผูอ้ าวุโสใหญ่ลว้ นแต่มากันแล้ว… อ๊ะ…”
ตอนนี้เอง ลมหายใจของเฟิ งจ้านหยุนพลันเปลี่ยนเป็ นเร่ ง
ร้อน ดวงตาของมันจ้องนิ่งไปเบื้องหน้าขณะสุ ม้ เสี ยงพลันสัน่
เครื อ “อะ… อะ-อะ-อะ-อะ… นัน่ มัน… หรื อว่า… เจ้าหญิงหิ มะ
งั้นรึ !?”
สนามประลองนั้นมีขนาดใหญ่โตยิง่ และสามารถจุคนได้
ร่ วมสามล้านชีวติ เพียงเสี ยงหายใจของทุกคนก็ไม่ต่างอันใดกับ
ฟ้าร้อง ทว่าในตอนนี้สนามประลองอันใหญ่โตกลับเป็ นเงียบงัน
อย่างที่สุดจนแม้แต่เสี ยงเข็มตกก็ยงั ได้ยนิ ทุกสิ่ งเองก็ราวกับหยุด
เคลื่อนไหว สายตาของทุกคนจับจ้องไปเบื้องบนพร้อมกับจ้อง
มองเพลิงเทพหงสาที่ลุกโชนบนฟากฟ้า
เปลวเพลิงบนฟ้ามีรูปร่ างดุจวิหคเพลิงที่กาํ ลังโผบิน
ด้านบนของวิหคเพลิงพลันปรากฎเงาร่ างหลายร่ างลอยตัวลงมา
อย่างแช่มช้า ในเขตที่นงั่ ของพรรคเทพหงสาล้วนแต่มีผจู ้ บั จองที่
นัง่ ไว้หมดแล้ว กระทัง่ เหล่าองค์ชาย บรรดาผูอ้ าวุโส เจ้าหอ เจ้า
ตําหนัก และเจ้าเมืองล้วนแต่นงั่ ประจําที่ ทว่าสิ บห้าที่นง่ั แถวหน้า
สุ ดของพรรคเทพหงสายังคงว่างเปล่า ซํ้าตําแหน่งของที่นงั่ ทั้งสิ บ
ห้าตัวนี้เห็นได้ชดั ว่าสู งส่ งกว่าของเหล่าองค์ชายและผูอ้ าวุโสเสี ย
อีก!
วันนี้ ในที่สุดเจ้าของสิ บห้าที่นงั่ หลักก็มาถึง
เงาร่ างหลายร่ างบนฟ้าค่อยๆลอยตัวลงมาขณะใต้เท้าลุก
โชนด้วยเพลิงเทพหงสา ท่ามกลางคนจากพรรคเทพหงสาเหล่านี้
มีเฟิ งเหิงคงและผูอ้ าวุโสใหญ่เฟิ งเฟยเยียน นายน้อยพรรคและ
องค์รัชทายาทเฟิ งซีหมิงเองก็ลอยตัวตามลงมาอย่างโอ่อ่า อีกสิ บ
คนที่เหลือล้วนแต่เป็ นเหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าเมืองที่มีพลังฝี มือและ
เกียรติยศสู งลํ้าในพรรคเทพหงสา จะกล่าวว่าผูค้ นเหล่านี้ลว้ นแต่
สามารถดูแคลนทุกชีวติ ในทวีปลมปราณฟ้าได้กไ็ ม่นบั ว่าเกินเลย
รัศมีกดดันของพวกมันเข้าล้อมรอบทั้งสนามประลองไว้จนผูค้ น
กว่าสามล้านชีวติ ภายในรู ้สึกอึดอัด
ทว่าแม้แต่หวั หน้าพรรคเทพหงสาอย่างเฟิ งเหิ งคงก็ไม่มีผใู ้ ด
จับจ้อง เพราะสายตาของทุกผูค้ นล้วนแต่จอ้ งมองไปยังร่ างบาง
ของเด็กสาวข้างกายเฟิ งเหิ งคงราวกับมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น
นางสวมเสื้ อผ้าวิหคเพลิงหรู หราและมงกุฎหยกวิหคเพลิง ผ้าคลุม
หน้าจากมงกุฏปิ ดบังตัวนางเอาไว้จนไม่มีผใู ้ ดเห็นรู ปร่ าง
ผิวพรรณของนางได้เลยแม้แต่นอ้ ย
แต่เมื่อผูค้ นมองไปยังเด็กสาว จิตวิญญาณของพวกมันก็
พลันพลุ่งพล่านทั้งที่ไม่อาจเห็นใบหน้าของนางได้แม้แต่นอ้ ย
พวกมันไม่อาจบรรยายความรู ้สึกราวกับตกอยูใ่ นห้วงความฝัน
และเฝ้ามองเด็กสาวผูน้ ้ ีเดินออกมาจากในฝันได้… แม้ไม่อาจเห็น
ใบหน้า ในใจของพวกมันทุกคนก็ลว้ นแต่เชื่อสุ ดหัวใจว่านางย่อม
ต้องเป็ นสาวงามที่สุดในโลกหล้าไม่แพ้เทพธิดาจากสรวงสวรรค์
แน่
ราวกับเป็ นมนตร์สะกดที่ไม่สมควรมาจากเด็กสาวชาว
มนุษย์
ในตอนนี้ตวั ตนระดับเฟิ งเหิ งคงและเฟิ งเฟยเยียนก็เป็ นได้
เพียงของประดับฉากเมื่อเคียงข้างนาง เป็ นเพียงดวงดาวที่ลอ้ ม
ห้อมจันทรา ในขณะที่เฟิ งเหิ งคงและเด็กสาวยืนอยูต่ รงกึ่งกลาง
พร้อมกับคนที่เหลือกระจายไปรอบด้าน ตรงกลางของขบวนนี้
แท้จริ งแล้วมิใช่เฟิ งเหิ งคง… แต่เป็ นตัวเด็กสาว
“เจ้าหญิงหิ มะ… เป็ นเจ้าหญิงหิ มะที่ร่ าํ ลือกันจริ งๆ!”
ภายในสนามประลองมีชายผูห้ นึ่งตะโกนออกมาด้วยสี หน้า
ตื่นเต้นยิง่
“นอกจากเจ้าหญิงหิมะแล้วจะมีใครหน้าไหนสามารถยืน
เคียงข้างผูน้ าํ พรรคเทพหงสาได้กนั … นอกจากเจ้าหญิงหิ มะแล้ว
จะมีผใู ้ ดอีกที่ดูราวกับเทพเช่นนี้… สวรรค์! ข้าได้เห็นเจ้าหญิง
หิ มะที่ร่ าํ ลือกันจริ งๆ…”
“เดิมทีขา้ รู ้สึกเสี ยดายอยูบ่ า้ งที่ตอ้ งใช้สมบัติของตระกูลไป
ถึงหนึ่งในสิ บเพือ่ ให้ได้บตั รเข้างานมา… แต่การได้เห็นเจ้าหญิง
หิ มะเช่นนี้ ต่อให้ขา้ ต้องเสี ยสมบัติของตระกูลไปทั้งหมด ก็ยงั
นับว่าคุม้ ค่า!”
“ข้าคงไม่ได้กาํ ลังฝันไปหรอก ใช่ไหม? เจ้าหญิงหิ มะ
ปรากฎตัวเพียงครั้งเดียวตอนนางอายุสิบสามเท่านั้น… วันนี้ ข้า
กลับได้พบเห็นเสน่ห์และความงามของนางด้วยตาตัวเอง…”
“น่าเสี ยดายที่พวกเราไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเจ้าหญิง
หิ มะได้ เจ้าหญิงหิ มะตอนอายุสิบสามก็มีความงามประดุจ
เทพธิดาแล้ว เจ้าหญิงหิ มะบัดนี้อายุสิบหก… ใครจะรู ้วา่ ความงาม
ของนางจะเพิ่มพูนขึ้นมาเพียงไหน”
“เจ้าหัดเจียมตัวเสี ยบ้าง! แค่ได้เห็นเงาร่ างของเจ้าหญิงหิ มะ
ด้วยตาเจ้าเองก็นบั ว่าเป็ นวาสนาจากชาติก่อนแล้ว! ความงาม
ระดับเทพธิดาของเจ้าหญิงหิ มะจะให้สามัญชนเช่นเราชื่นชมได้
เช่นไร!”
…………
…………
สนามประลองอันใหญ่โตพลันครึ กครื้ นขึ้นอีกครั้ง ความ
อึดอัดที่ปกคลุมลานประลองพลันเปลี่ยนเป็ นความตื่นเต้นและ
หลงใหลในตัวเจ้าหญิงหิ มะ จนผูค้ นแทบลืมเลือนไปว่าพวกมัน
มาที่นี่ในวันนี้ทาํ ไม พวกมันรู ้สึกว่าต่อให้พวกมันออกจากสนาม
ประลองโดยไม่ได้ชมการประลองจัดอันดับ แค่ได้เห็นความงาม
ของเจ้าหญิงหิ มะเพียงเล็กน้อยก็นบั ว่าคุม้ ค่ากว่านับร้อยเท่าพันทวี
แล้ว
ทัว่ โลกหล้าคงมีเพียงเจ้าหญิงหิ มะผูเ้ ดียวเท่านั้นที่เพียง
ปรากฎตัวก็ทาํ ให้ผคู ้ นแตกตื่นกันได้ถึงเพียงนี้ท้ งั ที่ยงั คงปิ ดบัง
ใบหน้าเอาไว้!
แววตาของเฟิ งเหิ งคงสงบนิ่งแต่กเ็ ข้มแข็ง มันกวาดสายตา
ไปทัว่ ฝูงชนและไม่แปลกใจกับความแตกตื่นของผูค้ นแม้แต่นอ้ ย
มันหันสายตากลับมายังเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขา้ งกายก่อนที่สายตาคมกล้า
จะกลับกลายเป็ นอ่อนโยนอย่างที่สุด เป็ นสายตาอ่อนโยนราวกับ
มันกลัวว่าสายตาของตนจะทําให้นางบาดเจ็บ
ผูน้ าํ อันดับหนึ่งแห่งเจ็ดจักรวรรดิทวีปลมปราณฟ้า ตัวตน
อันสู งส่ งประดุจจักรพรรดิสวรรค์จะแสดงความรู ้สึกเช่นนี้ออกมา
ยามมองบุตรี โทนของตนเท่านั้น
“เจ้าหญิงหิ มะ… เป็ นเจ้าหญิงหิ มะจริ งๆ”
ใบหน้าของเฟิ งจ้านหยุนพลันแดงกํ่า สองขาสัน่ สะท้าน มัน
ตื่นเต้นและยินดีจนแทบจะลงไปกองกับพื้น มันใช้มือกดหัวใจ
ตนอย่างแรงราวกับกลัวว่าหากไม่ทาํ หัวใจมันจะกระดอนหลุด
ออกมา มันเดิมคิดว่าจะทิ้งหยุนเช่อไว้ที่นี่และจากไปทันที ทว่า
การปรากฎตัวของเจ้าหญิงหิมะทําให้มนั ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้
สายตามันจ้องเขม็งขณะจิตวิญญาณราวกับล่องลอยออกไปนอก
โลก
หยุนเช่อย่อมรู ้ถึงเสน่ห์ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ดี เมื่อมองไปยัง
ร่ างอันงดงามของเสวีย่ เอ๋ อร์ไกลๆและกลับมามองยังสี หน้าของ
เฟิ งจ้านหยุน… ในฐานะบุรุษ มันบังเกิดความรู ้สึกอยากคํารามลัน่
ออกมา: ข้ าไม่ เพียงได้ เห็นใบหน้ าของเสวีย่ เอ๋ อร์ ข้ ายังเคยได้
สั มผัสมือและเส้ นผมของนางมาแล้ ว เจ้ าเชื่ อข้ าหรื อไม่ !? อิ จฉาข้ า
หรื อเปล่ า!?
แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้าเอ่ยคําเหล่านั้นออกไป ดูจากท่าที
ของทุกคนแล้ว มันมัน่ ใจว่าหากมันตะโกนออกไป เฟิ งเหิ งคงไม่
จําเป็ นต้องลงมือฉี กร่ างมันด้วยตนเอง แค่ทุกคนที่อยูร่ อบด้านใช้
สายตาจ้องมองก็พอจะทิ่มแทงร่ างมันให้พรุ นเป็ นเม่นได้แล้ว!
หยุนเช่อสะกิดเฟิ งจ้านหยุนก่อนจะเอ่ยถามพลางแสร้งทํา
เป็ นงุนงง “ไม่ใช่วา่ ท่านมาจากพรรคเทพหงสาหรอกรึ ? แล้ว
ทําไมถึงยังตื่นเต้นที่ได้เห็นเจ้าหญิงหิ มะอีก? หรื อว่าคนในพรรค
ไม่ได้เห็นนางเป็ นประจํา?”
“แน่นอน! ในโลกนี้มีซกั กี่คนกันที่มีสิทธิ์เข้าใกล้เจ้าหญิง
หิ มะน่ะ!” เฟิ งจ้านหยุนเอ่ยด้วยอารมณ์ “เจ้าหญิงหิ มะจะอยูข่ า้ ง
กายท่านเทพหงสาเสมอ นางเป็ นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของ
พรรคเทพหงสาที่ได้รับการชี้แนะจากท่านเทพหงสาโดยตรง
นอกจากหัวหน้าพรรคและคนระดับผูอ้ าวุโสใหญ่แล้ว ก็ไม่มีทาง
ได้พบเจ้าหญิงหิ มะหรอก…”
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ เฟิ งจ้านหยุนพลันได้สติจากความ
ตื่นเต้น “บัดซบ! เหตุใดข้าจึงต้องบอกเจ้าเรื่ องนี้! เจ้าโชคดีที่สุด
ในรอบแปดล้านปี ! คนที่มีพลังเพียงชั้นปราณปฐพี เพียงเข้ามา
เพื่อเติมเต็มที่วา่ งของอาณาจักรวายุครามเท่านั้น ลับสามารถได้ยล
โฉมเจ้าหญิงหิ มะ…นับว่าเจ้าเกิดมาไม่ตายเปล่าแล้ว!”
“….ใช่แล้ว ใช่แล้ว” หยุนเช่อผงกศีรษะ จากนั้นลอบขมวด
คิ้วนิ่วหน้า…ท่านเทพหงสา? แน่นอนที่สุด นัน่ ย่อมหมายถึงจิต
วิญญาณเทพหงสาตนนั้นเป็ นแน่! ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ท่านเพิง่ จะกล่าวว่า…เทพหงสา? ข้าเคยได้ยนิ มาว่าพรรคเทพหง
สามีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าห้าพันปี บรรพบุรุษเทพหงสา
ของท่านกลับอายุยนื ยาวถึงเพียงนี้?”
เฟิ งจ้านหยุนใช้สายตาเยีย่ งกําลังมองคนโง่ทึบคนหนึ่งเหล่
มองไปทางหยุนเช่อ “ท้ายที่สุด เจ้ามันก็แค่คนที่ไม่มีใครรู ้จกั คน
หนึ่งจากจักรวรรดิวายุคราม เจ้าจะรู ้เรื่ องราวภายในของพรรคเทพ
หงสาเราได้อย่างไร ท่านเทพหงสาของเราคือจิตวิญญาณที่ทรง
พลังอํานาจสู งสุ ด! แค่หา้ พันปี นับเป็ นอย่างไรได้ ท่านเทพหงสามี
อายุขยั ไม่สิ้นสุ ด! ท่านจะคงอยูเ่ พื่อปกปักษ์พรรคเทพหงสาเราไป
ตลอดกาล เจ้ารู ้จกั แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ หรื อไม่? แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าหนึ่งหมื่นปี พรรคเทพหงสาเรา
เพิ่งผุดขึ้นในยุทธจักรมาห้าพันปี ก่อน ใช้เวลาเพียงสามร้อยปี
กลับกลายเป็ นพรรคอันดับหนึ่งในทวีปลมปราณฟ้า แดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ไม่เคยคิดสะกดพวกเราลง เพราะเหตุใด? ฮี่ฮี่ เพราะ
การคงอยูข่ องท่านเทพหงสา! แม้จะเป็ นเซียนจักรพรรดิ เจ้าสมุทร
ปรมาจารย์กระบี่ ยังคงไม่กล้าสําแดงฤทธิ์ต่อหน้าท่านเทพหงสา
เรา…”
เฟิ งจ้านหยุนกล่าวโอ้อวดจบคํา จากนั้นจึงเม้มปากอย่างดู
แคลน “ช่างเถอะ กล่าวเรื่ องราวเหล่านี้ต่อเจ้าช่างไร้ความหมายนัก
ในชัว่ ชีวติ ของเจ้านี้ จุดสู งสุ ดของเจ้าสมควรเป็ นขั้นลมปราณฟ้า
แม้จะฝึ กปรื อไปอีกหนึ่งหมื่นชาติ ยังคงไม่อาจเอื้อมถึงระดับพลัง
ปั จจุบนั ของท่านเทพหงสาได้”
“อ้อ~~~” หยุนเช่อกล่าวตอบโดยไม่คิดมาก จากนั้นจ่อมจม
ลงในความคิดของตนเอง…จากที่เฟิ งจ้านหยุนกล่าว ไม่เพียงท่าน
เทพหงสายังมีชีวติ อยู่ ยังเป็ นอมตะ ทั้งยังข่มขู่แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
จนต้องเกรงขามในบารมีของมัน
ทว่าจัสมินกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงมัน่ อกมัน่ ใจยิง่ …ว่าจิตวิญญาณ
เทพหงสาตนนั้นตายไปแล้ว
หรื อว่า พรรคเทพหงสาเก็บซ่อนความลับถึงการสู ญสลาย
ไปของเทพหงสามาโดยตลอด?
นี่เป็ นไปได้อย่างยิง่ ! อย่างไรเสี ย การคงอยูข่ องจิตวิญญาณ
เทพหงสาเป็ นอุปสรรคสําคัญต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ หากข่าวการ
ดับสู ญของมันแพร่ กระจายออกไป เช่นนั้น ปราการยิง่ ใหญ่ที่สุด
ของพรรคล้วนสู ญสิ้ นไปด้วยเช่นกัน ยิง่ กว่านั้น พวกมันล้วน
ปราศจากคุณสมบัติทา้ ทายแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ อีกต่อไป
เพลิงเทพหงสาภายใต้ร่างของเฟิ งเหิ งคงและพวกพ้องดับลง
ทั้งหมดร่ อนลงยังที่นงั่ ของตนเอง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์นงั่ อยูข่ า้ งกายพระ
บิดา ในตําแหน่งเดียวกับเฟิ งเหิงคงไม่ผดิ เพี้ยน! หยุนเช่อลอบมอง
เงาร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พร้อมทั้งทอดถอนใจ …เสวีย่ เอ๋ อร์ ครั้ ง
หน้ าที่ท่านพบเห็นข้ า ท่ านจะบังเกิดความรู้ สึกเช่ นไร? เสียใจ
หรื อ เจ้ บปวด?…หากเป็ นเช่ นนั้น แม้ แต่ ข้าเอง ยังไม่ อาจให้ อภัย
ตนเองได้
สําหรับเฟิ งจ้านหยุน มันไม่มีความคิดจากไปแม้แต่นอ้ ย มัน
จับจ้องแน่วนิ่งไปยังเงาร่ างงดงามราวภาพฝันของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ใบหน้าเต็มไปด้วยความหลงใหลบูชา…หยุนเช่อคาดการณ์วา่
ยามนี้ แม้จะทุบตีมนั ด้วยท่อนไม้ มันยังคงไม่ยนิ ยอมจากไป
เฟิ งเหิ งคงนัง่ ลง กวาดกราดสายตาไปยังที่นงั่ ของพยานจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ โดยรอบพร้อมกล่าวว่า “แขกผูม้ ีเกียรติจาก
แดนศักดิ์สิทธิ์ลว้ นมาแล้วกระมัง?”
“พวกมันต่างถือดีในศักดิ์ฐานะของตนเอง ไม่ถึงช่วงเวลา
สุ ดท้ายล้วนไม่ยอมปรากฏกาย ท่านประมุขอย่าได้ใส่ ใจ พวกมัน
ทุ่มเทความสนใจไปยังนาวาปราณบรรพกาล คนจะอย่างไรย่อม
ต้องมาแน่นอน” เฟิ งเฟยเยียนกล่าวอย่างเฉื่ อยชา มันคือพี่ชายของ
เฟิ งเหิ งคง ทั้งอายุมากกว่าเพียงเจ็ดปี ด้วยระดับการฝึ กปรื อของ
มัน ด้วยอายุสองร้อยปี มันสามารถมีรูปโฉมคล้ายดัง่ บุรุษหนุ่ม
อายุยสี่ ิ บถึงสามสิ บปี เท่านั้น ทว่าเห็นได้ชดั เจนว่ามันไม่มีความ
สนใจในการควบคุมรู ปโฉมของมันด้วยพลังการฝึ กปรื อแม้แต่
น้อย
“อืม” เฟิ งเหิ งคงกล่าวเชื่อช้า “เมื่อพวกมันล้วนเป็ นแขกผูม้ ี
เกียรติ เราจะรออีกสิ บห้านาที”
“อืม” เฟิ งเหิ งคงพยักหน้าช้า ๆ “นับแต่ที่พวกเขาเป็ นแขกผู ้
มีเกียรติ เราจะรออีกสักสิ บห้านาที”
“ฮาฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จบั เป็ นต้องรออีกสิ บห้านาทีหรอก ได้รับ
เกียรติเชิญชวนโดยเทพหงสา ข้าผูแ้ ซ่หลิงผูน้ ้ ี จะไม่มาได้
อย่างไร”
เสี ยงหัวเราะเบิกบานอันเสี ยดแทงแก้วหูดงั มาจากเบื้องบน
และพลันดังสะท้อนก้องทัว่ ทั้งสนามประลองราวกับพายุ กระทบ
ส่ งผลให้แก้วหูของทุกคนสัน่ สะเทือนอย่างรุ นแรง ทันทีหลังจาก
นั้น แรงกดดันอันยิง่ ใหญ่แห่งราชันทรราชย์ปกคลุมลงมา ขณะนี่
เงาร่ างสี เขียวได้พงุ่ วาบผ่านห้วงอากาศ จากนั้นจึงทิ้งตัวลงมายังที่
นัง่ ของ “แดนกระบี่เดชาสวรรค์” ราวกับภูตผี
ชัว่ ขณะที่เสี ยงนี้ดงั ขึ้น ความคิดของหยุนเช่อพลันลัน่ ดัง
ขึ้นมาในทันที เนื่องเพราะชายหนุ่มคุน้ เคยต่อเสี ยงนี้เป็ นอย่างยิง่
และเมื่อบุคคลเหิ นร่ อนลงมา คิ้วเข้มของหยุนเช่อขยับชิดเข้าหา
กัน
แน่นอน มันคือหลิงคุน!
ผูท้ ี่ถูกเชื้อเชิญมาที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เพื่อเป็ นพยานงาน
ประลองวายุคราม! ครั้งนั้น เป็ นมันหยิบยืน่ ไมตรี ต่อหยุนเช่อ
ออกปากเชื้อเชิญชายหนุ่มไปยังแดนกระบี่เดชาสวรรค์
ผูใ้ ดจะคาด ผูแ้ ทนแดนกระบี่เดชาสวรรค์ในครานี้ กลับเป็ น
มันอีกครั้ง!
บทที่ 426 การมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์ (2)

“ฮ่าฮ่า” เฟิ งเหิ งคงลุกขึ้นยืนประสานมือต่อหลิงคุน “ผู ้


อาวุโสหลิง ผ่านมายีส่ ิ บห้าปี ข้าหวังว่าท่านคงสบายดี”
“ตามที่คาด ผูท้ ี่มาจากแดนกระบี่เดชาสวรรค์เป็ นคนผูน้ ้ ีอีก
แล้ว” เฟิ งจ้านหยุนพึมพําเสี ยงเบา
“อีกแล้ว? หมายความว่า ครั้งที่แล้วก็เป็ นมัน?” หยุนเช่อ
ถาม
“ถูกต้อง คนของแดนกระบี่เดชาสวรรค์ลว้ นได้รับการ
รายงานว่ามักเก็บตัวสันโดษเพือ่ ฝึ กกระบี่ ทว่าหลิงคุนผูน้ ้ ีกลับ
ท่องไปทัว่ อาณาจักรทั้งเจ็ดแห่งทวีปลมปราณฟ้า ทั้งยังเป็ นเพียง
คนเดียวที่อยูน่ อกแดนกระบี่เดชาสวรรค์ยาวนานที่สุด แม้สถานะ
ของมันภายในแดนกระบี่มิได้สูงส่ งเท่าใด หากดูคล้ายมันได้รับ
การยอมรับจากปรมาจารย์กระบี่ค่อนข้างสู ง”
หลิงคุนเองทักทายเฟิ งเหิ งคงกลับเช่นกัน “ข้าย่อมสบายดี
กลับกัน รัศมีของท่านประมุขยิง่ มายิง่ เข้มข้นลึกลํ้า หลิงคุนผูน้ ้ ียง่ิ
มายิง่ ห่างไกล”
“ฮ่าฮ่า ผูอ้ าวุโสหลิงถ่อมตนไปแล้ว” เฟิ งเหิ งคงหัวเราะบาง
เบา จากนั้น นํ้าเสี ยงของมันแปรเปลี่ยนไป “ผูอ้ าวุโสหลิง ผูท้ ี่
มาถึงพร้อมกับท่าน ใช่เจ้าวิหารน้อยเย่หรื อไม่?”
ทันทีที่เฟิ งเหิ งคงเอ่ยปากถาม สี หน้าของเหล่าผูอ้ าวุโสหง
สาที่เบื้องหลังพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทั้งหมดต่างเงยหน้าขึ้น
ติดต่อตามกันในทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
เสี ยงหัวเราะดังสนัน่ แว่วมาจากที่ไกล เสี ยงนี้มิได้ลึกลํ้า
ไพศาลเช่นหลิงคุน ทว่าเต็มไปด้วยความจงใจและสี สนั ยิง่ เสี ยง
หัวเราะเช่นนี้ มีเพียงบุคคลไม่กี่คนที่อาจหาญเปล่งออกมาอย่างไม่
สํารวมในเขตจักรวรรดิเทพหงสาเช่นนี้ ท่ามกลางเสี ยงหัวเราะป่ า
เถื่อน ประกายแสงสี ขาววูบวับราวอาทิตย์มายาเฉิ ดฉายพลัน
ปรากกขึ้นเหนือท้องฟ้า อีกด้านหนึ่ง มายาจันทร์เสี้ ยวล้วนปรากฎ
ขึ้นเช่นกัน ดวงตะวันและจันทราพลันกลบกลืนแสงสว่างในที่น้ ี
ไปจนหมดสิ้ น
บุรุษหนุ่มผูห้ นึ่งพลันก้าวเดินออกมาจากประกายแสงแห่ง
สุ ริยนั และจันทรา ชายหนุ่มสวมชุดยาวขาวบริ สุทธิ์ คิ้วชี้เฉี ยงดุจ
กระบี่ นัยน์ตาระยับดุจดวงดารา ใบหน้าหล่อเหลาราวสลักเสลา
จากหยก แนวคิ้วเรี ยวบางชี้ตรงยาวจรดจอน บนหน้าประดับด้วย
รอยยิม้ เย่อหยิง่ และชัว่ ช้าสามานย์…หากกล่าวอย่างเจาะจง นัน่
เป็ นรอยยิม้ อันชัว่ ช้าลามก ขณะที่ตวั ของมันเอง ล้วนปราศจาก
เจตนาเก็บซ่อน “ความชัว่ ช้าลามก” ของมันไว้โดยสิ้ นเชิง
มันกางฝ่ ามือทั้งสองข้างออก ทันใดนั้นเอง สตรี งดงามหมด
จดสองนางก้าวออกมาจากแสงอาทิตย์และจันทร์เสี้ ยว ทั้งสองนาง
ขยับยักย้ายสะโพกพลิ้วราวอสรพิษพร้อมทั้งโถมตัวเข้าสู่ ออ้ มอก
ของบุรุษหนุ่มนั้นจากทั้งสองข้าง บุรุษหนุ่มระเบิดเสี ยงหัวร่ อชัว่
ร้าย ชายเสื้ อของมันพลิ้วไหวพะเยิบพะยาบยามโอบกอดสตรี ท้ งั
สองเหิ นร่ อนลงมาเบื้องล่างท่ามกลางรัศมีดวงอาทิตย์และจันทร์
เสี้ ยวที่กลางฟ้า ที่ยงิ่ กว่านั้น มือทั้งสองข้างของมันล้วนขยับ
เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งลงบนตําแหน่งต่างๆบนร่ างกายของสตรี
งดงามทั้งสองนางราวกับสถานที่น้ ีปราศจากมุนษย์อ่ืนใดทั้งสิ้ น
ภายใต้การเค้นคลึงและบีบนวด สตรี ร่านสวาททั้งสองนางต่าง
ขยับไหวสะโพกพลางร้องครวญครางไม่หยุดยั้ง
“คนผูน้ ้ ี… ” คิ้วเข้มของหยุนเช่อขมวดแนบแน่น หากนี่มิใช่
เพราะพฤติการณ์น่ารังเกียจอันไร้ซ่ ึ งขนบธรรมเนียมของบุรุษนั้น
หากแต่เป็ นรัศมีพลังอันตรายสุดหยัง่ ที่ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้
ต่างหาก
ยิง่ บุคคลที่เปลือกนอกเสเพลดื้อด้านมากเท่าไร พวกมันมัก
เป็ นกลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่เที่ยวกินดื่มไปวันๆ แค่น้ นั ทั้งยัง
ง่ายดายในการจัดการกับพวกมันยิง่ …ทว่ากับบุคคลตรงหน้า
กฏเกณฑ์น้ ีลว้ นไม่อาจใช้รับมือได้โดยสิ้ นเชิง! สังหรณ์อนั ตรายที่
หยุนเช่อสัมผัสได้ ล้วนมาจากรัศมีพลังหนาแน่นรอบกายบุรุษ
หนุ่มผูน้ ้ ีเอง!
“สมกับเป็ นประมุขพรรคเทพหงสา ลูกไม้ต้ืน ๆ นี้ของข้า
ไม่คู่ควรใช้ออกต่อหน้าท่านประมุขเลยจริ ง ๆ” ทันทีที่บุรุษหนุ่ม
นั้นทิ้งตัวลงกับพื้น ประกายแสงสุ ริยนั จันทราล้วนอันตรธาน หาก
มันมิได้ร่อนลงมายังที่นงั่ ของมัน กลับกัน มันทิ้งตัวลงยังเบื้อง
หน้าบริ เวณที่นงั่ ประมุขพรรคเทพหงสา ซึ่งอยูห่ ่างจากที่นงั่ ของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่ถึงสิ บก้าว มันปล่อยมือจากสตรี ท้ งั สองนาง สื บ
เท้าไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ยกสองมือขึ้นพร้อมหรี่ ตาเล็กลง “วิหาร
สุ ริยนั จันทราเย่ซิงหาน คารวะประมุขพรรคเทพหงสา ได้ฟังนาม
เลื่องลือของท่านประมุขมายาวนาน สามารถพบเจอในวันนี้เป็ น
วาสนาสัง่ สมมาสามชัว่ อายุคน”
“อะไรนะ? เย่ซิงหานงั้นรึ !?”
การเปิ ดเผยนามของชายหนุ่มทําให้ผคู ้ นต่างร้องออกมาด้วย
ความตื่นตระหนก เนื่องว่านี่เป็ นนามเรี ยกขานเจ้าวิหารน้อยแห่ง
วิหารเทพสุ ริยนั จันทรา! บุคคลที่มาจากวิหารสุ ริยนั จันทราผูน้ ้ ี
ย่อมต้องเป็ นนายน้อยแห่งวิหารสุ ริยนั จันทราอย่างแน่นอน!!
แม้วา่ เฟิ งเหิ งคงจะเคยรู ้มาก่อนว่าเย่ซิงหานเป็ นชายที่มกั
มากในกามารมณ์ หากแต่มนั มิเคยคาดคิดว่าชายหนุ่มจะประพฤติ
ตนเสื่ อมทรามมากถึงเพียงนี้ เฟิ งเหิ งคงเผยรอยยิม้ เจือจางและเอ่ย
ว่า “เจ้าวิหารน้อยกล่าวเกินไปแล้ว หากแต่ชื่อเสี ยงของเจ้าวิหาร
น้อยนั้นลือเลื่องไปทัว่ หล้า การได้พบท่านในวันนี้ทาํ ให้พบว่า
ความโดดเด่นของท่านนั้นเหนือลํ้ากว่าที่ได้ยนิ มานัก… ที่นง่ั ของ
เจ้าวิหารน้อยได้ถูกจัดเตรี ยมไว้ถดั ไปทางด้านขวาของผูอ้ าวุโสห
ลิง ขอเชิญแขกผูม้ ีเกียรติท้ งั สามโปรดกลับไปประจําที่ของท่าน”
“ไม่จาํ เป็ นต้องรี บร้อน” ทว่าเย่ซิงหานชิงบอกปัด สายตา
ของมันเบนไปตกลงบนร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ดวงตาเรี ยวยาวหรี่
เล็กทั้งคู่พลันสาดประกายแสงอันร้อนแรงชนิดหนึ่งออกมา…
จวบกระทัง่ บัดนี้ สามารถกล่าวได้วา่ เย่ซิงหานผ่านสตรี
มากมายนับไม่ถว้ น และสตรี ที่มนั ต้องตาพึงใจ ทั้งรู ปโฉม
โนมพรรณล้วนนับเป็ นหนึ่งในพันทั้งสิ้น กล่าวได้วา่ ภูมิตา้ นทาน
ต่อสตรี งดงามของมันสู งส่ งเลิศลํ้ายิง่ ทว่าชัว่ วินาทีที่มนั พบเห็น
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ มันกลับรู ้สึกโลหิ ตทัว่ ร่ างพลันเดือดระอุ ทุก
องคาพยพในร่ างกายสัน่ สะท้านขึ้นมาราวบ้าคลัง่
นี่เป็ นคราครั้งแรกในชีวติ ของเย่ซิงหาน ที่รู้สึกว่าสตรี นางนี้
ไม่สมควรมีตวั ตนอยูจ่ ริ ง ทว่ากลับยืนอยูต่ ่อหน้ามันโดยแท้
กระทัง่ ถึงระดับที่มนั มิอาจจินตนาการถึงความงดงามราวสวรรค์
สร้างที่เหนือโลกเช่นนี้ ความต้องการครอบครองงอกเงยขึ้น
ภายในจิตใจและวิญญาณของมันอย่างรวดเร็ ว..ขณะเดียวกัน
ร่ างกายของนาง ยิง่ เป็ นหนึ่งในใต้หล้า…
นางคือสตรี ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็ นร่ างกําเนิดแห่งผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์อนั ไร้ที่ติ!!
“เทพธิดาหงสานางนี้ ใช่เจ้าหญิงหิ มะผูไ้ ด้รับสมญา
โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งลมปราณฟ้าหรื อไม่?” เย่ซิงหานเบิกตา
จับจ้องเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พร้อมกล่าววาจา ทุกผูค้ นในใต้หล้าล้วนรู ้จกั
เจ้าหญิงหิ มะ และทุกผูค้ นในใต้หล้าล้วนรับทราบถึงความหวง
แหนที่พระจักรพรรดิมีต่อเจ้าหญิงหิ มะ ดังนั้น แม้พวกมันมี
ความคิดนับล้านสิ่ งต่อเจ้าหญิงหิ มะ หากไม่มีผใู ้ ดกล้าแสดงออก
ทั้งไม่กล้าเปิ ดเผยเจตนาแม้ส่วนเสี้ ยวต่อหน้าองค์จกั รพรรดิและ
ผูค้ นในพรรคเทพหงสา ทว่าสายตาดุจสุ นขั ป่ า ข้อมือที่บิดหมุน
ของมัน ทั้งหมดนี้มิได้เก็บซ่อนความปรารถนาอันร้อนแรง
ประดุจเพลิงนรกานต์แผดเผาเลยแม้แต่นอ้ ย…ไม่มีผใู ้ ดทราบว่า
เป็ นเพราะความปรารถนาของมันมากล้นจนไม่อาจควบคุม
ตนเอง…หรื อเป็ นเพราะมันปราศจากความหวาดเกรงใด ๆ ต่อ
พรรคเทพหงสาตั้งแต่ตน้
ผูอ้ าวุโสทั้งหลายในพรรคเทพหงสาแสดงออกถึงความขุ่น
แค้น ศิษย์สาํ คัญในพรรคหลายคนแทบถึงจุดระเบิดในการท้าดวล
พวกมันกําหมัดแนบแน่น ต่างปรารถนาแล่นออกไปเพือ่ ต่อสู ้
พิสูจน์เป็ นตายกับเย่ซิงหานในทันที เจ้าหญิงหิ มะคืออัญมณี แห่ง
จักรวรรดิเทพหงสา เป็ นเทพธิดาในใจของทุกผูค้ น พวกมันย่อม
ไม่อนุญาตผูใ้ ดสร้างมลทินหรื อแตะต้องนางแม้ปลายก้อย…แม้จะ
เป็ นเพียงการแตะต้องด้วยสายตาหรื อวาจาก็ตามที!
“เจ้าบัดซบนี่…หาที่ตาย!!” เฟิ งซีหมิงกํามัดแนบแน่นจนข้อ
นิ้วลัน่ กรอบแกรบ องค์ชายพระองค์อื่นต่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน…
ทว่า ศักดิ์ฐานะของ “เจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารสุ ริยนั จันทรา” ส่งผล
ให้พวกมันต่างไม่กล้าแสดงออกอย่างผลีผลาม แม้จะพิโรธโกรธ
กริ้ วสักเพียงไหน …นั้นคือนายน้อยของหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์!
เป็ นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต!!
หากพวกมันทําลายนํ้าใจจอมปลอมของเย่ซิงหานนี้ ย่อมไม่
แตกต่างกับสร้างความบาดหมางแก่วหิ ารสุ ริยนั จันทรา! แม้พรรค
เทพหงสาจะเป็ นพรรคที่ยงิ่ ใหญ่เป็ นอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้า แต่กย็ งั มิอาจหาญต่อกรกับดินแดนศักดิสิทธิ์… นอก
เสี ยจากว่าพวกมันจะถูกบีบบังคับให้จนตรอก
เฟิ งเหิ งคงกลับแสดงท่าทีสงบนิ่งซึ่งแตกต่างจากที่ทุกคน
คาดไว้ มันหันไปกล่าวกับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ “เสวีย่ เอ๋ อร์ นี่คือเจ้าวิหาร
น้อยแห่งวิหารเทพสุริยนั จันทรา เย่ซิงหาน แม้มนั จะดูเป็ นคนมัก
มากในเรื่ องชูส้ าว หากยังนับเป็ นชายที่โดดเด่นจนหาตัวจับยาก
เจ้าจงทักทายเขาเสี ยสิ ”
คํากล่าวของเฟิ งเหิงคง ทําให้ผคู ้ นไม่อาจคิดถึงเจตนาร้าย
ทว่านํ้าเสี ยงมืดครึ้ มอย่างถึงที่สุดของมัน เปิ ดเผยความรู ้สึกขุ่น
แค้นภายในที่ถูกอดกลั้นเอาไว้ออกมาอย่างเจือจาง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลุกขึ้นยืนหยัด หญิงสาวค้อมศีรษะคารวะ
“เสวีย่ เอ๋ อร์คารวะเจ้าวิหารน้อย”
นํ้าเสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์นุ่มนวลราวสายนํ้า เลือนรางราว
หมอกเมฆ ส่ งผลให้ภายในใจของเย่ซิงหานป่ วนปั่นรัญจวน มัน
ฉี กยิม้ จ้องมองไปยังเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ “น้องหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์ช่างวาง
ตนห่างเหิ นนัก คําเรี ยกหาว่าเจ้าวิหารน้อยทั้งจืดชืดทั้งปราศจาก
ความสนิทสนม เพียงเรี ยกข้าว่าพี่ใหญ่เย่ นํ้าเสี ยงของน้องหญิง
ช่างราวกับเสี ยงแห่งเทพธิดา ไพเราะกว่าสิ่ งใดที่ขา้ เคยได้ฟังมา
ก่อน ได้รับการขนานนามเป็ นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งลมปราณ
ฟ้า รู ปโฉมของน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ยอ่ มงดงามจนไม่อาจบรรยาย ไม่
ทราบข้าสามารถได้รับเกียรติ เป็ นพยานความงามเหนือโลกของ
เสวีย่ เอ๋ อร์ได้หรื อไม่?”
“แคร่ กก!”
เสี ยงแตกหักทึบทึมดังออกมาจากเก้าอี้ใต้ร่างของเฟิ งซีหมิง
มันกัดฟันเตรี ยมลุกขึ้น ทว่ากลับถูกดึงรั้งไว้ดว้ ยฝ่ ามือใหญ่
ในทันที เฟิ งเฟยเยียนกดร่ างมันไว้พร้อมกล่าวเสี ยงตํ่าว่า “อย่าได้
บันดาลโทสะ ท่านประมุขจะยินยอมให้มนั แตะต้องเสวีย่ เอ๋ อร์ได้
เช่นไร”
ทรวงอกเฟิ งซีหมิงหอบสะท้านขึ้นลงโดยแรง สองตาแดง
กํ่าดุจโลหิต ทว่ามันยังคงสะกดข่มโทสะในอกอย่างสุ ด
ความสามารถ และไม่แสดงท่าทีออกมาอีก
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบด้วยนํ้าเสี ยงนุ่มนวลเยือกเย็น “อภัย
ที่เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งปฏิเสธ เสวีย่ เอ๋ อร์รูปโฉมหยาบกระด้าง ไม่อาจ
เข้าตาท่านเจ้าวิหารน้อย”
เย่ซิงหานระเบืดหัวเราะราวบ้าคลัง่ “หากโฉมงามอันดับ
หนึ่งแห่งลมปราณฟ้าเรี ยกว่า “หยาบกระด้าง” เช่นนั้นโลกนี้คง
ปราศจากสตรี งดงามเป็ นแน่ หากนี่เป็ นความตั้งใจของเสวีย่
เอ๋ อร์ ….เช่นนั้นย่อมไม่เป็ นไร สถานที่น้ ีเต็มไปด้วยหูตาของผูค้ น
มากมาย ความงามเหนือโลกของเสวีย่ เอ๋ อร์จะถูกทําให้แปดเปื้ อน
โดยสายตาปุถุชนทัว่ ไปได้อย่างไร พบหน้ากันสองต่อสองเพื่อชื่น
ชมความงดงามของท่านแต่เพียงผูเ้ ดียว มิใช่น่าพึงใจกว่าหรอก
หรื อ…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ท่ามกลางเสี ยงหัวเราะบ้าคลัง่ เย่ซิงหานหมุนกายกลับไป
ชักจูงสตรี สองนางไปพร้อมกัน ก่อนก้าวเดินด้วยท่วงท่าเจ้า
สําราญไปยังที่นงั่ ของตนเอง ทว่า หลัวจากพบเห็นเงาร่ างงดงาม
ดุจภาพฝันของเทพธิดาเช่นเสวีย่ เอ๋ อร์ มันรู ้สึกราวสตรี สองนางที่
ข้างกายล้วนกลับกลายเป็ นอัปลักษณ์ ไม่ตอ้ งการแตะสัมผัสพวก
นางอีกต่อไป
“เจ้าตัวบัดซบ…หากมันกล้าแตะต้องเจ้าหญิงหิ มะ แม้มนั
จะเป็ นเจ้าวิหารสุ ริยนั จันทราใด บิดายังจะแลกชีวติ กับมัน!!” เฟิ ง
จ้านหยุนกําหมัดแน่น สองตาของมันแดงกํ่าดังโลหิ ตยามจับจ้อง
ไปยังเย่ซิงหาน เป็ นสายตาของศัตรู ผไู ้ ม่ยอมอยูร่ ่ วมฟ้าเดียวกัน
โดยแท้
“จัสมิน เยjซิ งหานผูน้ ้ ีแข็งแกร่ งมากแค่ไหนงั้นหรื อ?” หยุ
นเช่อถามด้วยนํ้าเสี ยงสงบเงียบ
“มันอยูใ่ นระดับปราณทรราชย์ช้ นั กลาง ซึ่งแน่นอนว่าย่อม
มิใช่ระดับที่เจ้าจะหาญต่อกรได้! ทั้งสองสาวข้างกายของมันก็
ล้วนเป็ นราชันชั้นสู ง! หากต้องการจะเอาชนะพวกนางสักคนหนึ่ง
เจ้าคงต้องลําบากไม่นอ้ ยทีเดียว” จัสมินกล่าวเตือนอย่างไร้อารมณ์
“ระดับของสี่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้ นั ยังไม่ใช่สิ่งที่เจ้าในตอนนี้จะ
อาจเอื้อมได้ พูดให้ชดั ก็คือเจ้าควรจะรู ้จกั ประมาณตนและไม่
ออกไปรนหาที่ตายในตอนนี้”
หยุนเช่อมิได้กล่าวอันใดออกมา สี หน้าของมันพลันมืดครึ้ ม
ขึ้น
ในจังหวะที่เย่ซิงหานกลับไปยังที่นงั่ หลิงคุนพลันขยับตัว
เข้าหามันทันใด และกล่าวออกด้วยเสี ยงกระซิบแผ่วเบา “เจ้าวิหาร
น้อย ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ที่ท่านมาในครั้งนี้จะเป็ นเจ้าหญิง
หิ มะดังคาด”
ฝ่ ามือของเย่ซิงหานขยับล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้าบริ เวณหน้าอก
ของหญิงสาวทางขวามือของมัน พร้อมกับออกแรงเคล้นคลึงอย่าง
หยาบโลน สายตาของมันทอประกายอันน่ารังเกียจ “เมื่อแรกเห็น
นาง ข้าจึงได้รู้วา่ ฉายาโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปลมปราณฟ้า
นั้นมิได้เกินจริ งไปแม้แต่นอ้ ย มาวันนี้เราเจ้าวิหารน้อยก็ได้พบว่า
นี่เป็ นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกหล้าโดยแท้ เพียงแค่เงา
ร่ างของนางก็เพียงพอจะสยบเราเจ้าวิหารน้อยได้แล้ว… เฮอะ!”
“ดูท่า เจ้าวิหารน้อยท่านตั้งใจแน่วแน่ในเรื่ องนี้” หลิงคุน
แย้มยิม้ บางเบา “ทว่าดูคล้ายเจ้าวิหารน้อยท่านใจร้อนเกินไป เจ้า
หญิงหิ มะนี้ นับเป็ นจุดตายสําคัญของพรรคเทพหงสา!”
“เร่ งร้อนเกินไป? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เย่ซิงหานหัวเราะป่ าเถื่อน
“ในโลกของข้า เย่ซิงหาน ไม่เคยมีคาํ “เร่ งร้อนเกินไป!” สตรี ที่เรา
หมายตา คิดหรื อว่าเพียงแค่พรรคเทพหงสาจะสามารถหยุดเรา
ได้?!”
เย่ซิงหานยืน่ นิ้วเรี ยวงามออก ไล้นิ้วไปตามแนวสะโพกโค้ง
เว้าของสตรี บนหน้าตักของตน รอยยิม้ อันตรายปรากฏขึ้นบน
ใบหน้า “ผูอ้ าวุโสหลิง เชื่อข้าเถอะ…ไม่เกินสามวัน เจ้าหญิงหิ มะ
ผูน้ ้ ี ต้องตกเป็ นของข้า กลายเป็ นสตรี ของเย่ซิงหาน ร่ างของนาง
สายเลือดของนาง…จะกลายเป็ นของข้าตลอดกาล แม้พรรคเทพ
หงสาไม่อยากยอมรับ พวกมันล้วนไม่มีทางเลือก!”
เปลือกตาของหลิงคุนสัน่ สะท้าน…คําพูดที่ออกมาจากปาก
ของเย่ซิงหาน แน่นอนย่อมมิใช่คาํ พูดเลื่อนลอย เมื่อมันกล้าออก
ปาก มันย่อมมีความมัน่ ใจเต็มเปี่ ยม หลิงคุนลดเสี ยงลงพร้อมทั้ง
หัวเราะไปด้วย “คําพูดของเจ้าวิหารน้อย ข้าย่อมเชื่อถือนับหมื่น
ครั้ง เช่นนั้น ข้าขอแสดงความยินดีต่อท่านเจ้าวิหารน้อยล่วงหน้า
ด้วย”
เย่ซิงหานหันหน้ามาด้านข้าง จับจ้องมองหลิงคุน “สตรี ที่มี
“ร่ างนวปราณพิสุทธิ์”..อาวุโสหลิงคุนคงยังไม่ลืมเลือนกระมัง?”
“เหอ เราผูเ้ ฒ่าไม่มีทางลืมเลือน ทว่า…ลูกแก้วเทพชีพจร
ม่วงหนึ่งพันห้าร้อยกรัม ไม่ทราบเจ้าวิหารน้อย…”
“วางใจเถอะ ร่ างนวปราณพิสุทธิ์ในตํานาน…ไม่ตอ้ ง
กล่าวถึงลูกแก้วเทพชีพจรม่วงหนึ่งพันห้าร้อยกรัม ต่อให้เป็ นสิ บ
ห้ากิโลกรัม ยังนับว่าคู่ควร! แต่อาวุโสหลิงคุนสมควรทราบ
ลูกแก้วเทพชึพจรม่วงนี้ได้มายากเย็นยิง่ ทั้งยังย่อยสลายโดย
ง่ายดาย สองปี มานี้เราเจ้าวิหารน้อยเพียงสามารถรวบรวมได้หนึ่ง
กิโลกรัมเท่านั้น”
เย่ซิงหานดึงแหวนมิติสะท้อนประกายสี ม่วงออกมา “ที่
บรรจุในนี้คือลูกแก้วเทพชีพจรม่วงหนึ่งกิโลกรัม ไม่ทราบว่า
สามารถแลกข่าวสารของสตรี นางนั้นได้หรื อไม่?”
บทที่ 427 เจ้ าสมุทรจีเชียนหลัว

หลิงคุนรับแหวนนั้นมา หลังจากกวาดตาสํารวจด้านในแวบ
หนึ่ง มันก็ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด มันไม่คืนแหวน
มิติน้ นั ให้เย่ซิงหาน แต่เก็บเอาไว้พร้อมรอยยิม้ “ท่านเจ้าวิหารน้อย
ช่างเป็ นคนตรงไปตรงมานัก ดูเหมือนการที่เราผูเ้ ฒ่าจะติดต่อท่าน
เจ้าวิหารน้อยไปเพื่อทําการซื้อขายกันนี้นบั ว่าเป็ นการตัดสิ นใจที่
ถูกต้องที่สุดแล้ว… ปี นี้สตรี ผนู ้ ้ นั เพิง่ มีอายุสิบเก้าปี และอยูใ่ น
อาณาจักรวายุคราม”
“วายุคราม ?” เย่ซิงหานมีทีท่าประหลาดใจ ทําเสี ยงขึ้นจมูก
เล็กน้อย “ดินแดนเล็กๆ ที่ผคู ้ นคงรู ้สึกว่าต้องลดตัวลงไปหากจะ
ไปเยือนที่นน่ั สามารถให้กาํ เนิดผูท้ ี่ครอบครองกายเทวะในตํานาน
‘ร่ างนวปราณพิสุทธ์’ จริ งหรื อ ? ผูอ้ าวุโสหลิงคุน ท่านแน่ใจนะว่า
นัน่ เป็ น ‘ร่ างนวปราณพิสุทธ์’ ?”
ประโยคสุดท้ายของเย่ซิงหานแฝงนัยของการเตือนอย่าง
ชัดเจน อาณาจักรวายุครามเป็ นดินแดนที่ต่าํ ต้อย นับถือผูฝ้ ึ กยุทธ์
ระดับลมปราณจักรพรรดิวา่ เป็ นระดับสุ ดยอด นี่ทาํ ให้มนั ไม่อาจ
เชื่อได้เลยว่าที่นนั่ จะมีความเกี่ยวพันใดๆ กับ ‘ร่ างนวปราณพิ
สุ ทธ์’ ที่ยากจะพบพานแม้แต่ในรอบพันปี สี หน้าหลิงคุนไม่
แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ยยามที่มนั กล่าวเสี ยงตํ่า “หากไม่แน่ใจ ถึงข้า
จะมีขวัญกล้ากว่านี้กม็ ิบงั อาจทําการค้ากับท่านเจ้าวิหารน้อย หาก
เจ้าวิหารน้อยใช้ร่างนวปราณพิสุทธ์น้ ีเป็ นที่บ่มเพาะ การฝึ กยุทธ์
ของท่านจะต้องรุ ดหน้าขึ้นหลายขั้นแน่นอน ! เทียบกันแล้ว
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงเล็กๆ น้อยๆ เพียงหนึ่งกิโลครึ่ งนั้นไม่
นับเป็ นอะไรได้”
เย่ซิงหานพยายามควบคุมสี หน้าตนเองขณะหัวร่ อเบาๆ “ได้
ทําการซื้อขายกับผูอ้ าวุโสหลิงก็หลายครั้ง คําพูดนี้ของผูอ้ าวุโสห
ลิงทําให้ขา้ โล่งใจยิง่ นัก ข้าจะทะยอยรวบรวมลูกแก้วสวรรค์ชีพ
จรม่วงอีกครึ่ งกิโลกรัมนัน่ ผูอ้ าวุโสหลิงต้องไม่ทาํ ให้ขา้ ผิดหวัง
เมื่อเวลานั้นมาถึง”
“ไฮ้ ! เจ้าวิหารน้อยก็แค่รอเวลาที่ได้จะครอบครองของที่น่า
ตื่นตาตื่นใจอย่างยิง่ ก็เท่านั้น !” หลิงคุนกล่าวพร้อมหรี่ ตาเล็กลง
มันไม่ได้บอกให้ทราบว่าความงามของสตรี ที่ครอบครองร่ างนว
ปราณพิสุทธ์น้ นั มิได้ยง่ิ หย่อนไปกว่าเจ้าหญิงหิ มะเลย ถึงแม้เรื่ อง
นี้จะทําให้มนั สามารถต่อรองราคาได้มากขึ้นอย่างมหาศาล แต่นนั่
ก็จะทําให้เย่ซิงหานรี บไปดูตวั เซี่ยฉิ งเยว่โฉมงามอันดับหนึ่งแห่ง
อาณาจักรวายุครามในทันที หากเป็ นเช่นนั้น มันก็จะไม่ได้ลูกแก้ว
สวรรค์ชีพจรม่วงอีกครึ่ งกิโลกรัมที่วา่
ณ ที่นงั่ ในมุมที่ไม่สะดุดตามุมหนึ่ง บุคคลผูห้ นึ่งในเครื่ อง
แต่งเรี ยบง่ายธรรมดาจ้องมองด้านหลังของเย่ซิงหานด้วยสายตา
เย็นชา มือทั้งสองข้างของมันค่อยๆ กําแน่นเข้า เค้นเสี ยงรอด
ไรฟันด้วยความเกลียดชังที่ฝังแน่นอยูใ่ นใจ “วิหาร…เทพ…
สุ ริยนั …จันทรา…”
แดนกระบี่เดชาสวรรค์และวิหารเทพสุ ริยนั จันทราได้มาถึง
แล้ว ทว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันและวังเจ้าสมุทรต่างยังมาไม่
ถึง ความยโสโอหังของเย่ซิงหานดูจะไม่มีผลต่อเฟิ งเหิ งคง มันนัง่
นิ่ง เหลือบมองเวลาอีกครั้ง ยังเหลือเวลาอีกครู่ ใหญ่กว่าการ
ประลองจัดอันดับจะเริ่ มขึ้น
ยามนี้เองจู่ๆ สายลมอ่อนๆ ก็พดั แผ่วนําพากลิ่นหอมจาง
ของดอกไม้ที่ชวนให้ผคู ้ นรู ้สึกมึนเมามา พลันปรากฏกลีบดอกไม้
มากมายจากที่ใดมิอาจทราบได้ โปรยปรายพริ้ วไหวอยูเ่ หนือลาน
ประลอง ไม่วา่ จะเป็ นกลีบดอกไม้สีขาวบริ สุทธิ์ สี แดงชวนพิศ
หรื อสี เหลืองผุดผาด… พวกมันร่ ายรําแต่งแต้มให้ทอ้ งฟ้างดงาม
ยิง่
“หอมยิง่ นัก…”
“หรื อว่าจะมีเทพธิดามาเยือน ?”
“ต้องเป็ นเทพธิดาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แน่… วันนี้ขา้ โชคดี
เหลือเกิน ไม่เพียงแต่ได้เห็นเจ้าหญิงหิ มะ ซํ้ายังจะมีโอกาสได้เห็น
นางเซียนผูง้ ดงามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ดว้ ย !”
เมื่อได้เห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ที่กาํ ลังพริ้ วไหว
และได้กลิ่นหอมของดอกไม้ เหล่าผูช้ มที่เป็ นบุรุษก็บงั เกิดความ
ตื่นเต้น สายตาอันเร่ าร้อนของพวกมันจับจ้องไปที่เบื้องบน กลีบ
ดอกไม้ที่ลอยล่องนั้นเริ่ มทวีความหนาแน่นขึ้น พร้อมกันนั้นกลิ่น
หอมของมันก็ยง่ิ รุ นแรงชวนให้มึนเมา ฉับพลัน กลีบดอกไม้ที่
รวมตัวกันเป็ นลูกบอลขนาดใหญ่กแ็ ตกออกกลางอากาศฟุ้ง
กระจายไปทัว่ ภายใต้กลีบดอกไม้จาํ นวนมหาศาลที่ร่วงหล่นลง
มาราวกับสายฝนนั้นปรากฏเงาร่ างหนึ่งที่งดงามน่าหลงใหลอย่าง
ที่สุด
นี่เป็ นบุรุษที่หล่อเหลางดงามอย่างถึงขีดสุด อาภรณ์ขาวราว
กับหิ มะ ผมสี ดาํ ราวกับหมึก ใบหน้าขาวผ่องราวกับหยกนั้นราว
กับถูกสลักขึ้นจากฝี มือปฏิมากร ประณี ตงดงามยากจะหาใด
เปรี ยบ คิ้วโก่งเรี ยวยาวตวัดปลายขึ้นเล็กน้อย ดวงตากระจ่างใส
ราวดอกเชอรรี่ และสายตาระยิบระยับคู่น้ นั ก็ราวกับสายตาของ
เด็กสาว ทุกผูค้ นแหงนหน้าขึ้นมองบุรุษที่ค่อยๆ เยื้องกรายลงมา
พร้อมกับกลีบดอกไม้ดว้ ยอาการตื่นตะลึง ไมว่าชายหรื อหญิง ใน
ใจของพวกมันล้วนบังเกิดความรู ้สึกละอายในความต้อยตํ่าของ
ตนเอง
“ช่างเป็ นบุรุษที่หล่อเหลาสง่างามยิง่ นัก !” หยุนเช่ออดที่จะ
อุทานออกมามิได้ ขณะเดียวกันมันก็แอบคิดต่อในใจว่า ‘เกือบเท่า
ข้าทีเดียว’ (อ๊ากกกกกก…… ไอ้คนหลงตัวเอง !)
ชัว่ ขณะที่เย่ซิงหานและหลิงคุนเห็นบุรุษผูน้ ้ ีปรากฏกายขึ้น
สี หน้าของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปพร้อมกัน… ทว่ามิใช่ดว้ ยความ
ตื่นตะลึงหรื อหวาดกลัวอย่างแน่นอน แต่สีหน้ามันบ่งบอกถึง
ความทุกข์ระทมอย่างที่สุด หลิงคุนคํารามเสี ยงตํ่า “มารดามัน
เถอะ ! เหตุใดจึงเป็ นคนผูน้ ้ ี !”
ยามที่เฟิ งเหิ งคงเห็นกลีบดอกไม้โปรยปรายมาแต่ไกล หัว
สมองมันก็วา่ งเปล่าไปชัว่ ขณะ เมื่อร่ างขาวราวกับหิ มะนั้นปรากฏ
ขึ้นท่ามกลางกลีบดอกไม้ เฟิ งเหิ งคง… จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ
เทพหงสาผูส้ ง่างาม ประมุขพรรคเทพหงสา ก็สน่ั สะท้านไปทั้ง
ร่ าง นัยน์ตาหดแคบลงชัว่ อึดใจ มันรี บส่ งเสี ยงคําราม “ซีหมิง…
ไป… ไปต้อนรับเขาแทนเรา”
ก่อนที่เฟิ งซี หมิงจะทันตอบรับ สายตาของบุรุษผูน้ ้ นั ก็จบั
จ้องมาที่ร่างเฟิ งเหิ งคงแล้ว คิ้วโก่งเรี ยวยาวของมันพลันเลิกสู งขึ้น
ไปอีก แววตาเปล่งประกายระยิบระยับ ขณะที่ยกมือขึ้นปิ ดปาก
มันก็… เผยรอยยิม้ หว่านเสน่ห์อนั ยากจะทานทน พร้อมทั้งเปล่ง
นํ้าเสี ยงนุ่มนวลอ่อนโยนออกมา “คงคงน้อย ในที่สุดผูอ้ ื่นก็ได้พบ
ท่านอีกครั้ง รู ้หรื อไม่ ร้อยปี ที่ไม่อาจมาพบท่านได้ ผูอ้ ื่นคิดถึง
ท่านแทบตาย… ท่านคิดถึงผูอ้ ื่นหรื อไม่ ?”
ทั้งสนามประลองพลันตกอยูใ่ นความเงียบชนิดที่สามารถ
ได้ยนิ กระทัง่ เสี ยงเข็มตก ทุกผูค้ นตื่นตะลึงอย่างไม่มีขอ้ ยกเว้น
พวกมันอ้าปากค้างตาแทบพลัดหลุดลงมา
คน คน คน คน… คนผูน้ ้ ี…
เป็ นบุรุษ… หรื อสตรี … หรื อกึ่งบุรุษกึ่งสตรี … หรื อไม่ใช่
ทั้งบุรุษและสตรี …
สี หน้า… ท่าทาง… ดวงตาและคิ้วทั้งคู่… นํ้าเสี ยง… และ
การใช้คาํ แทนตนเองว่าผูอ้ ื่นนั้น… ช้าก่อน !
‘คงคงน้อย’ ที่มนั เรี ยกขาน… นัน่ หรื อว่าจะหมายถึง…
เป็ นไปได้ไหมว่ามันกําลังเรี ยกขาน… ประมุขพรรคเทพหง
สา เฟิ งเหิ งคง !?
มารดามันเถอะ !!
เฟิ งเหิ งคงกําลังจะรี บหาที่ซ่อนตัวอยูแ่ ล้ว ทว่าคําว่า ‘คงคง
น้อย’ กลับดังขึ้นมาเสี ยก่อน นี่ทาํ ให้ประมุขพรรคเทพหงสาผูท้ ี่สี
หน้าไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ยยามเผชิญกับความโอหังของเย่ซิง
หาน กลับสัน่ เทิ้มไปทั้้ งตัว ท่าทางของมันปั่นป่ วนยุง่ เหยิงเหมือน
เจียนจะกระอักเลือดออกมาเสี ยเดี๋ยวนั้น
เฟิ งซีหมิงรี บกล่าวต้อนรับด้วยความหวาดวิตกยิง่ “ผูเ้ ยาว์
องค์ชายเทพหงสาเฟิ งซีหมิงยินดีตอ้ นรับ… ผูอ้ าวุโสจีสู่ จกั รวรรดิ
เทพหงสา ผูอ้ าวุโสจี เราได้จดั เตรี ยมที่นงั่ ไว้ให้ท่านเล้ว เรี ยนเชิญ
ผูอ้ าวุโสจีประจําที่”
“อ๊าย !” ดวงตายัว่ ยวนของจีเชียนหลัวไหวระริ ก มันมอง
ประเมินเฟิ งซี หมิงตั้งแต่หวั จรดเท้า สายตาที่ฉ่ าํ หวานนั้นทําให้
เฟิ งซีหมิงตัวชาวูบ จีเชียนหลัวเยื้องย่างมาทางเฟิ งซีหมิงด้วยท่าที
รักใคร่ อย่างที่สุด เอวของมันแกว่งไกวไปมา และมันก็เริ่ มหัวร่ อ
คิกคักอย่างนุ่มนวล “เช่นนัน่ เจ้าก็คือหมิงหมิงน้อยจริ งๆ นะสิ ไม่
แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงหล่อเหลาปานนี้ แทบจะทัดเทียมคง
คงน้อยของข้าเลย ครั้งสุ ดท้ายที่ผอู ้ ื่นเห็นเจ้า เจ้ายังเป็ นเด็กน้อย
อายุสองสามขวบเอง พริ บตาเดียวเจ้าก็เติบใหญ่ยง่ิ นัก มา ขอผูอ้ ื่น
ดูหน่อยสิ วา่ เจ้าแข็งแกร่ งขึ้นหรื อไม่”
ขณะจีเชียนหลัวก้าวเดิน เอวอ่อนของมันก็บิดส่ ายไปมาราว
กับอสรพิษนํ้าที่กาํ ลังเริ งระบํา สะโพกสองข้างยักย้ายซ้ายทีขวาที
หากมันเป็ นสตรี นี่ตอ้ งเป็ นภาพที่ทาํ ให้ผคู ้ นไม่อาจละสายตา และ
อาจถึงขั้นเลือดกําเดาไหล… ทว่ายามนี้บุรุษทุกผูค้ นกลับรู ้สึก
คลื่นไส้อยากจะอาเจียน
นี่คือผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ?
นี่คือผูค้ นจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริ งๆ หรื อ ?
ก่อนที่เฟิ งซี หมิงจะเรี ยกสติกลับคืนมาได้ มือของมันก็ถูก
จีเชียนหลัวกุมไว้ และฝ่ ามือมันก็ถูกลูบคลําอย่างอ่อนโยน “ผิว
ของหมิงหมิงน้อยเรี ยบเนียนยิง่ ผูอ้ ื่นชอบสัมผัสผิวเรี ยบเนียนเป็ น
ที่สุด หมิงหมิงน้อยต้องบํารุ งรักษาสิ่ งนี้ให้ดีนะ…”
ราวกับถูกปลุกให้ตื่นจากฝัน เฟิ งซีหมิงดึงมือกลับรวดเร็ ว
ราวกับสายฟ้าแล็บ ร่ างมันกระถดถอยไม่หยุด มันรู ้สึกเหมือน
หัวใจหยุดเต้น ขนลุกพรึ บไปทั้งร่ าง โดยเฉพาะมือที่ถูกจีเชียน
หลัวสัมผัสนั้นก็เหมือนกับมีมดนับล้านๆ ตัวกําลังไต่ย้วั เยียไปมา
ทําให้มนั ปรารถนาอย่างยิง่ ที่จะฟันมือข้างนั้นทิ้งไปในทันที
ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าเหตุใดพระบิดาผูท้ ีไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
ถึงมีสีหน้าประหวัน่ พรั่นพรึ งยามได้ยนิ ชื่อ ‘จีหลัวเชียน’… เพราะ
เกรงว่าจะไม่สามารถซ่อนตัวได้ทนั เวลานัน่ เอง หน้าผากมันชุ่ม
ไปด้วยเหงื่อขณะกล่าวด้วยความรู ้สึกยํา่ แย่อย่างที่สุด “ผะ-ผะ-ผู-้ ผู ้
อาวุโสจี การประลองจัดอันดับ กะ-กะ-กะ-กําลังจะเริ่ มแล้ว เรี ยน
เชิญผูอ้ าวุโสจี ขะ-เข้าประจําที”
แม้แต่ประโยคง่ายๆ เฟิ งซีหมิงก็ยงั กล่าวอย่างตะกุกตะกัก
ไม่ต่อเนื่อง จีเชียนหลัวบีบนวดนิ้วตนเองพลางกล่าวแทะโลม
“หมิงหมิงน้อย เจ้าจะรี บร้อนไปเพื่ออันใด ผูอ้ ื่นยังไม่ได้สวมกอด
คงคงน้อยเพื่อแสดงความรักอย่างลึกซึ้ งเลย… คงคงน้อย ผูอ้ ื่น
มาถึงแล้ว เหตุใดท่านยังไม่รีบเข้ามา ? หรื อว่าหลายร้อยปี มานี้
ท่านมิได้คิดถึงผูอ้ ื่นเลย ?”
เฟิ งหงคงร่ างสัน่ สะท้าน ลําคอของมันพองออกเป็ นสองเท่า
ด้วยพยายามอดกลั้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจระงับโทสะได้อีก
ต่อไป มันคํารามด้วยความโกรธแค้น “จีเชียนหลัว ! หากท่านกล้า
กล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้อีก เรา… เรา… เราจะโยนท่านออกไป !”
การจะทําให้ประมุขพรรคเทพหงสาผูส้ ง่างามสู ญเสี ยการ
ควบคุมและเกิดอาการของขึ้นได้ภายใต้สายตาทุกผูค้ นนี้ ในทวีป
ลมปราณฟ้า จีเชียนหลัวนับว่าเป็ นผูเ้ ดียวที่สามารถกระทําได้
เมื่อเผชิญกับเฟิ งเหิ งคงผูเ้ กรี้ ยวกราด จีเชียนหลัวไม่เพียงแต่
ไม่รู้สึกตื่นตระหนก มันกลับหัวร่ ออย่างนุ่มนวลอีกครา “ฮิฮิฮิฮิ
ท่านเขินอายอีกแล้ว คงคงน้อยไม่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเลยจริ งๆ
เอาล่ะ เอาล่ะ ผูอ้ ื่นจะเชื่อฟังท่านก็แล้วกัน แต่ภายหลังการ
ประลองจัดอันดับนี้สิ้นสุ ดลง ท่านจะต้องปรนนิบตั ิผอู ้ ่ืนให้ดื่ม
สุ รานะ… หมิงหมิงน้อยก็สามารถมาร่ วมดื่มได้น๊าา ~.”
กล่าวจบจีเชียนหลัวก็บิดเอวเยื้องย่างไปยังที่ นงั่ ของตนอย่าง
นุ่มนวลอ่อนช้อย
เฟิ งเหิ งคง “~!#$%…”
เฟิ งเหิ งคงทรุ ดนัง่ ลงทันที เหงื่อเย็นเฉี ยบผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
ยามนี้เองที่มนั รู ้สึกว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่นง่ั อยูด่ า้ นข้างกําลังจ้องมอง
มันด้วยสายตาแปลกประหลาดอย่างยิง่ ตามันเบิกกว้าง สี หน้า
กลับกลายเป็ นลนลานในทันที ขณะรี บอธิบาย “เสวีย่ เอ๋ อร์ นี่
ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดอย่างแน่นอน จีเชียนหลัวผูน้ ้ ี เขาก็แค่คน
วิกลจริ ตผูห้ นึ่ง เสวีย่ เอ๋ อร์อย่าได้ใส่ ใจมัน”
“ผูบ้ ุตรทราบดีพระบิดา” เสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะรับ จากนั้นก็
หัวร่ อเบาๆ “คงคงน้อย… ฮิฮิ พระนามของพระบิดาช่างน่ารักนัก”
เฟิ งเหิ งคง “¥ x%$#(/^%$##$%O+#…”
“เช่นนั้น… นี่กค็ ือยายแม่มดผูอ้ ้ือฉาวนัน่ … อา ไม่ใช่สิ มัน
คือบุรุษลักเพศนี่ ?” เฟิ งจ้านหยุนเข่าแทบทรุ ด ประมุขพรรคเทพ
หงสาของพวกมันถูกบุรุษผูห้ นึ่งหยอกล้อจนแทบเสี ยสติต่อหน้า
ต่อตา มันรู ้สึกว่าโลกของมันแทบพังครื นลงมา
“คนผูน้ ้ ี…ไม่รวบรัดธรรมดา” หยุนเช่อลูกคางตนเองพลาง
กล่าวพึมพัมเหมือนกําลังครุ่ นคิดอันใดอยู่
“จัสมิน คนผูน้ ้ ีมีพลังยุทธ์ระดับใด ?”
“ระดับลมปราณทรราชย์ข้นั ท้าย… ว่ากันตามตรงก็คือ
ทรราชย์ข้นั สู ง ! เป็ นระดับที่เจ้าไม่อาจล่วงเกินได้โดยสิ้ นเชิง !”
จัสมินกล่าวอย่างไม่แยแส
ที่นง่ั ของวังเจ้าสมุทรอยูท่ างด้านขวาของวิหารเทพสุ ริยนั
จันทราพอดี หลังจากจีเชียนหลัวนัง่ ลง เย่ซิงหานและหลิงคุนที่นงั่
อยูข่ า้ งๆ ก็นงั่ นิ่งยืดตัวตรงทันที ไม่คาํ นึงถึงการกล่าวคําทักทาย
ใดๆ ราวกับว่าพวกมันมองไม่เห็นจีเชียนหลัวเลย จีเชียนหลัวจง
ใจขยับเข้าไปใกล้และกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงที่อ่อนโยนยิง่ “หานหาน
น้อย เราไม่ได้พบหน้ากันตั้งหลายปี ผูอ้ ื่นคิดถึงท่านแทบตาย รู ้
หรื อไม่ ท่านคิดถึงผูอ้ ื่นบ้างไหม ?”
เย่ซิงหานใบหน้ากระตุกเกร็ ง หน้าอกกระเพือ่ มขึ้นลงขณะ
พยายามเค้นเสี ยงลอดไรฟัน “หุบปาก !”
“เชอะ !” เมื่อเผชิญกับกิริยาหยาบคายของเย่ซิงหาน จีเชียน
หลัวก็พน่ เสี ยงใส ทําหน้ามุ่ยและเบือนหน้าหนี “น่ารังเกียจยิง่ นัก
พวกเจ้าบุรุษหน้าเหม็นล้วนเป็ นเหมือนกันหมด แต่ละคนใจไม้ไส้
ระกําเลือดเย็นยิง่ กว่าเมื่อก่อนอีก ผูอ้ ื่นจะไม่สนใจเจ้าแล้ว เชอะ !”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าเย่ซิงหานยิง่ กระตุกแรงขึ้น แต่ในที่สุด
มันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ดว้ ยความโล่งอก ทันใดนั้น จีเชียนหลัว
ผูท้ ี่บอกว่า ‘จะไม่สนใจเจ้าแล้ว’ ก็ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้งและกล่าว
อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน
“หานหานน้อย เจ้าจะไม่ใส่ ใจข้าอีกแล้วจริ งๆ หรื อ ? หลาย
ปี มานี้ ผูอ้ ื่นคิดถึงเจ้าจริ งๆ นะ รู ้หรื อไม่”
“ดูสิ คงคงน้อยยามนี้เติบโตเป็ นผูใ้ หญ่ยง่ิ กว่าเมื่อร้อยปี ก่อน
เสี ยอีก ให้ความรู ้สึกถึงความเป็ นบุรุษเพศยิง่ กว่าเดิม… ช่างมี
เสน่ห์ลน้ เหลือจริ งๆ แต่เทียบกับเนื้อหนังสดใหม่อย่างหานหาน
น้อยแล้ว ผูอ้ ื่นยังคงชอบแบบหานหานน้อยที่สุดเลย”
“อ๊าย หานหานน้อย เหตุใดสตรี ขา้ งกายเจ้ายิง่ มาก็ยง่ิ ขาด
แคลน ดูผวิ นัน่ สิ หยาบกร้านยิง่ นัก เมื่อเทียบกับผิวผูอ้ ื่นก็ยง่ิ ดู
หมองคลํ้า”
“หานหานน้อย…”
สุ ม้ เสี ยงอ่อนหวานนุ่มนวลนั้นทําให้หวั ใจเย่ซิงหานเต้นผิด
จังหวะ แขนขาหดเกร็ ง จุดชีพจรกระตุกถี่… กายมันสัน่ ระริ ก
ตลอดร่ าง เหมือนกําลังตกนรกทั้งเป็ น หากไม่เป็ นเพราะมันไม่
สามารถเอาชนะจีเชียนหลัวได้ และเพราะไม่อยากขัดแย้งกับเจ้า
สัตว์ประหลาดผูท้ ี่สามารถสับร่ างผูค้ นออกเป็ นชิ้นๆ ด้วยใบหน้า
ยิม้ แย้มนี้ เย่ซิงหานก็อยากจะตัดหัวคนผูน้ ้ ีออกและเสี ยบไว้ที่กน้
ของมันเอง
“ผูอ้ าวุโสหลิง…” เย่ซิงหานกัดฟันพูด “ลูกแก้วสวรรค์ชีพ
จรม่วงสามชิ้น… แลกกับการเปลี่ยนที่นงั่ กับเราเจ้าวิหารน้อย !”
เหงื่อเย็บเฉี ยบไหลย้อยลงจากหน้าผากของหลิงคุนทันที
มันรี บกล่าวว่า “เรื่ อง… เรื่ องนี้… แค่ก แค่ก ปัญหาไม่ได้อยูท่ ี่
ลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงหรื อลูกแก้วเทพชีพจรม่วง แต่เราผูเ้ ฒ่า
แก่มากแล้ว ไม่อาจทนความยากลําบากที่มากเกินไปนักได้ และ
เรายังอยากมีชีวติ ยืดยาวต่อไปอีกสักสองสามปี …”
เย่ซิงหาน “…”
บทที่ 428 การเปลีย่ นตารางการแข่ งขัน

เวลาเริ่ มต้นของการประลองจัดอันดับมาถึงแล้ว ทว่าที่นงั่


ของแดนศักดิ์เหนือราชันยังคงว่างเปล่า เฟิ งเหิ งคงยังไม่ได้
ประกาศเริ่ มการประลองในยามนี้ มันเพียงจ้องมองเหนือ
ท้องฟ้า… หากอีกสามแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึงช้า มันคงเลือกที่จะไม่
รอ หากแต่สาํ หรับแดนศักดิ์เหนือราชันแล้ว มันต้องรอ
เฟิ งเหิ งคงไม่มีท่าทีใดที่ตอ้ งรอนานจนเกินไป ทว่าสุ ม้ เสี ยง
เงียบสงบที่ดูมีอายุพลันดังมากจากที่ห่างไกลสุ ดลูกหูลูกตาเหนือ
ฟากฟ้า
“เฮ้อ… ชายชราผูน้ ้ ีมาถึงช้าเนื่องจากกิจธุระที่ตอ้ งดูแล ทํา
ให้ทุกท่านต้องรอคอยเป็ นเวลานาน ช่างน่าละอายใจเสี ยจริ ง น่า
ละอายใจยิง่ นัก”
นํ้าเสี ยงเลื่อนลอยอ้อยอิ่งราวมายาจากปลายขอบฟ้า ใน
ขณะเดียวกัน กลิ่นอายอ่อนโยนราวกับไม่มีที่สิ้นสุ ดก็คล้อยตํ่าลง
มาจากท้องนภา ปกคลุมไปทัว่ สังเวียนการประลอง กลิ่นอายนี้
นับว่าเข้มข้นและหนาแน่นสุ ดแสน พลันทําให้หวนนึกว่าเป็ น
มหาสมุทร ห้วงจักรวาล หรื อแม้แต่นรกอเวจี… กว้างใหญ่ไพศาล
สุ ดลูกหูลูกตา ใหญ่โอฬารปราศจากขอบเขตขวางกั้น
“ราชันจักรพรรดิ!” ภายในใจของหยุนเช่อ เสี ยงของจัสมิน
เอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยความประหลาดใจ
ใจของหยุนเช่อพลันกระตุกวูบ
ราชันจักรพรรดิ!? ผูท้ ี่เพิ่งมาถึงเป็ นถึงราชันจักรพรรดิ!?
การที่แดนศักดิ์ศกั ดิ์สิทธิ์ให้เจ้าสํานักรุ่ นเยาว์มานับว่าผิดหู
ผิดตาเหลือแสนแล้ว… ทว่าเหตุใดพวกมันถึงได้ส่งราชัน
จักรพรรดิที่แท้จริ งมา!
ภายในทวีปลมปราณฟ้า ปราณเทวะถือเป็ นตํานาน โจษจัน
ว่าเป็ นปราณมายาที่มิมีผใู ้ ดสามารถเอื้อมถึงได้ ส่วนปราณราชันย์
จักรพรรดินบั ว่าเป็ นจุดสู งสุ ดของของโลกหล้านี้ ราชันจักรพรรดิ
ผูเ้ หมาะสมเต็มเปี่ ยมดัง่ ราชันผูย้ งิ่ ใหญ่ที่สุด เป็ นผูป้ กครองทัว่ ทุก
หนแห่งในทวีปลมปราณฟ้า! และราชันจักรพรรดิ ยังมีอยูภ่ ายใน
แดนศักดิ์สิทธิ์กบั จักรวรรดิเทพหงสา แม้จะอยูใ่ นแดนศักดิ์สิทธิ์
กับจักรวรรดิเทพหงสา ทว่ายังนับว่าหาคนเหล่านี้ยากเหลือแสน
อยูด่ ี
การประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรครานี้ หยุนเช่อพินิจ
พิเคราะห์ไปมาก่อนจะเบิกตากว้างในที่สุด แม้นพวกมันจะอยูใ่ น
ทวีปเดียวกัน ทว่าจักรวรรดิเทพหงสาและจักรวรรดิวายุครามดุจ
สองโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้ นเชิง ในจักรวรรดิวายุคราม ราชัน
นับว่ามีอยูใ่ นวงจํากัดไม่สามารถเกินกว่านี้ได้ ทว่ากับที่นี่แล้ว
ราชันมีอยูท่ ว่ั ทุกหนแห่ง ราชันทรราชย์นบั ว่ามีเกลื่อน และยามนี้
แม้แต่ราชันจักรพรรดิยงั ปรากฏให้เห็นได้อย่างแท้จริ ง!
เงาดําค่อยๆ เคลื่อนคล้อยตํ่ามาจากเบื้องบน เป็ นชายชราผู ้
หนึ่งในชุดคลุมยาวสี เหลืองอ่อนที่มีแส้หางม้าอยูใ่ นมือ สี ผมและ
คิ้วล้วนปรากฏเป็ นสี ขาว ทวงท่าและวิสยั นับว่าสู งส่ง ใบหน้า
อ่อนโยนดุจเทพเซี ยนผูซ้ ่ ึ งมีอาํ นาจอยูบ่ นสรวงสวรรค์
ยามผูค้ นจากสามแดนศักดิ์สิทธิ์มา เฟิ งเหิ งคงเพียงแค่ลุกขึ้น
ยืนทักทาย ทว่าครานี้ เฟิ งเหิ งคงกลับปรี่ ลุกออกจากที่นงั่ ของตน
โดยทันทีและสาวเท้าเข้าไปทักทายด้วยความรี บร้อน เบื้องหลัง
ของเฟิ งเหิ งคง เฟิ งเฟยเยียนและเหล่าผูอ้ าวุโสทั้งหลายรี บลุกขึ้น
จากที่นงั่ พวกมันและรี บติดตามต่อๆ กันมาด้วยเช่นกัน
เฟิ งเหิ งคงก้าวเข้ามาหาชายชราด้วยความรวดเร็ ว ก่อนจะ
กล่าวขึ้นพร้อมกับคารวะอย่างนอบน้อม “ผูเ้ ยาว์ เฟิ งเหิ งคงจาก
พรรคเทพหงสา คาราวะท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณ กู่ชาง”
ในสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์เหนือราชันนับว่าเป็ นประมุข
ชายชราเบื้องหน้ายังดํารงตําแหน่งเป็ นถึงผูอ้ าวุโสในแดนศักดิ์
เหนือราชัน ผูซ้ ่ ึงแม้เซียนจักรพรรดิยงั ต้องให้ความเคารพ ตลอด
มาพรรคเทพหงสาและแดนศักดิ์เหนือราชันนับว่ามีปฏิสมั พันธ์
กันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม แม้นจะไม่ประจักษ์ให้เห็นได้ชดั ทว่า
แท้จริ งแล้วพรรคเทพหงสาตั้งใจที่จะกระชับสัมพันธ์กบั แดนศักดิ์
เหนือราชันอยูเ่ สมอ
ปรมาจารย์จิตวิญญาณ กู่ชาง มิได้วางตนข่มผูอ้ ื่นหรื อมีทีท่า
หยิง่ ยโสในฐานะผูอ้ าวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่นอ้ ย ชาย
ชรากวัดไกวแส้ปัดหางม้า ก่อนจะคารวะตอบพร้อมกล่าวกลั้ว
หัวเราะ “ข้า กู่ชางผูน้ ้ ีได้มาถึงช้าเพราะมีเหตุผล ถือว่าได้ล่วงเกิน
ท่านแล้ว หวังว่าท่านประมุขพรรคเทพหงสาจะใจกว้างอภัยให้ขา้
ด้วย”
เฟิ งเหิ งคงกล่าวว่า “พูดอะไรอย่างนั้น ท่านปรมาจารย์จิต
วิญญาณกู่ชาง ท่านผูอ้ าวุโสให้เกียรติมาร่ วมงานนับเป็ นความ
ภาคภูมิสูงส่ งของเราพรรคเทพหงสาอย่างยิง่ …โอ้? ผูเ้ ยาว์ได้ฟังมา
ว่าท่านปรมาจารย์นาํ ศิษย์ลบั มาด้วยคนหนึ่ง เหตุใดจึง…”
“ฮ่าฮ่า” ปรมาจารย์จิตกู่ชางหัวเราะแผ่วเบา “ผูแ้ ซ่ก่นู าํ ศิษย์
มาด้วยจริ ง เพียงเพือ่ มาเป็ นสักขีพยานในการประลองเจ็ด
จักรวรรดิและสํารวจนาวาปราณบรรพกาลเพื่อสัง่ สม
ประสบการณ์ ไม่คาดมันกลับมีโอกาสได้พบพานคนรู ้จกั เมื่อกาล
ก่อนในจักรวรรดิเทพหงสานี้ มันรี บร้อนเสี ยจนทอดทิ้งเราผูเ้ ฒ่า
มาเพียงคนเดียวในที่น้ ี ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“เป็ นเช่นนี้เอง สามารถได้รับการยอมรับเป็ นศิษย์คน
สุ ดท้ายของท่านปรมาจารย์จิต ศิษย์สูงส่ งของท่านย่อมต้องเป็ น
บุคคลผูม้ ีพรสวรรค์พเิ ศษจําเพาะยิง่ ขอเชิญท่านปรมาจารย์ก่”ู เฟิ ง
เหิ งคงผายมือนําทาง ไปยังที่นงั่ ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน
ยามกู่ชางเดินเข้าสู่ ที่นง่ั หลิงคุน เย่ซิงหาน รวมทั้งจีเชียน
หลัวต่างลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งแสดงความเคารพเช่นผูเ้ ยาว์กระทําต่อ
ผูอ้ าวุโสอย่างเคร่ งครัด การกระทําเหล่านี้กระตุน้ ความคิดภายใน
ใจของหยุนเช่อ สถานะของปรมาจารย์ก่ภู ายในแดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชัน แน่นอนว่าย่อมสามารถคิดคํานวณได้
ตัวแทนทั้งหมดจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันล้วนพร้อม
หน้า ทัว่ สถานที่แปรเปลี่ยนเป็ นเงียบสงัดงัน ในที่สุดได้เวลาเริ่ ม
งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าแล้ว
เฟิ งเหิ งคงในสายตาสื่ อสัมพันธ์ เฟิ งเฟยเยียนหัวหน้าผู ้
อาวุโสเหิ นร่ างขึ้นกลางเวหา พร้อมหาวเป็ นดาวเป็ นเดือน (เพ้ยย!!
ไม่ใช่ๆ จําผิดๆ) พร้อมร่ อนสู่ ก่ ึงกลางสนามประลอง เสี ยงกู่ร้อง
กึกก้องน่าเกรงขามของวิหคเพลิงแว่วออกมาจากร่ างของมัน
จากนั้น เปลวเพลิงเป็ นเส้นสายพวยพุง่ ขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าและระเบิดพุง่
สู งขึ้นกว่าร้อยเมตร ส่ งผลให้สายตาของทุกผูค้ นต้องจับจ้องมอง
ไปที่มนั โดยไม่ยกเว้น
เฟิ งเฟยเยียนมองไปทัว่ ทั้งสี่ ทิศพร้อมกล่าววาจาเสี ยงดัง
ชัดเจนว่า “ผูต้ ่าํ ต้อยคือหัวหน้าผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสา เฟิ งเฟย
เยียน เป็ นเกีรยติที่ได้พบเจอท่านผุก้ ล้าและวีรบุรุษอายุเยาว์
ทั้งหลายในทวีปลมปราณฟ้า ข้าขอเป็ นตัวแทนพรรคเทพหงสา
ขอบคุณต่อพี่นอ้ งทั้งหลายที่เดินทางยาวไกลมายังเมืองวิหคเพลิง
นี้ การชุมนุมครั้งนี้ เป็ นการชุมนุมครั้งที่สามสิ บเก้าของการ
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิแห่งลมปราณฟ้า ซึ่งจะถูกจัดขึ้นโดยข้า
เฟิ งเฟยเยียน และมีท่านผูม้ ีเกียรติจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ร่วมเป็ น
สักขีพยาน! งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิที่จดั ขึ้นทุกยีส่ ิ บห้าปี มี
จุประสงค์เพื่อให้เหล่ายอดยุทธรุ่ นเยาว์เข้าประชันขันแข่ง
ความสามารถ ขจรขจายชื่อเสี ยงไปทัว่ ทั้งลมปราณฟ้า เสริ มส่ ง
เ◌ยี รติภูมิให้แก่อาณาจักรของพวกมัน…”
“ว้าวว! นี่มีท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโสเป็ นประธาน หืมม์
ประหลาดมาก! เหตุใดท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโสจึงเป็ นผูจ้ ดั ?” เฟิ งจ้าน
หยุนกล่าวด้วยสี หน้าประหลาดใจ เห็นได้ชดั ว่า มันไม่ทราบท่าน
หัวหน้าผูอ้ าวุโสจะมาเป็ นประธานจัดงาน แต่แม้จะมีผบู ้ อกกล่าว
ต่อมันล่วงหน้า มันยังคงไม่อาจเชื่อ เนื่องเพราะในงานประลอง
ยุทธครั้งก่อนๆ ล้วนแต่เป้นผูอ้ าวุโสระดับล่างในพรรคเท่านั้น
“หรื องานประลองยุทธครานี้จะมีใดพิเศษ?” เฟิ งจ้านหยุนก
ล่าวแผ่วเบา
นอกเหนือจากเหล่าผูอ้ าวุโสรุ่ นก่อนและเจ้าหญิงหิมะ
สถานะของเฟิ งเฟยเยียนในพรรคเทพหงสาเพียงเป็ นรองจากเฟิ ง
เหิ งคง แม้แต่องค์ชายเฟิ งซีหมิงเองยังไม่กล้าแสดงกิริยาไม่คารวะ
ต่อหน้ามัน การให้เฟิ งเฟยเยียนเป็ นประธานในครานี้ กระทัง่ เหล่า
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ยงั ต้องเปิ ดเผยสี หน้าประหลาดใจออกมา เหล่า
ผูช้ มทั้งหลายล้วนต้องกลั้นหายใจและมองไปยังท่านหัวหน้าผู ้
อาวุโสด้วยสายตาชื่นชมบูชา ทุกคําพูดที่ดงั อยูข่ า้ งใบหูของพวก
มันล้วนก้องกังวานราวสายฟ้าฟาดใส่
ท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโสเป็ นประธาน นี่เป็ นเรื่ องราววแตกต่าง
อย่างสิ้ นเชิงจากผูอ้ าวุโสท่านอื่นหรื อหัวหน้าฝ่ ายในพระราชวัง
ทุกผูค้ นในที่น้ นั สามารถจับสังเกตุถึงความผิดปกติน้ ีได้อย่างเลือน
ราง หลังจากเฟิ งเฟยเยียนอ่านแถลงการณ์สร็ จสิ้ น มันชี้นิ้วขึ้นไป
ยังกลางอากาศ “ทุกท่านโปรดมองขึ้นไปเบื้องบน ถูกต้อง เงา
มหึ มาที่บดบังท้องฟ้าและแสงอาทิตย์ คือนาวาปราณบรรพากาล
ที่ปรากฏขึ้นทุกรอบสามร้อยปี และเก็บซ่อนความลี้ลบั มากมาย
มหาศาลไว้เอง!”
“นาวาปราณบรรพกาลปรากฏขึ้นี่เหนือท้องฟ้าแห่ง
จักรวรรดิเทพหงสาของเรามาตลอด และในประวัติศาสตร์
ยาวนานที่ผา่ นมา มีเพียงจักรวรรดิเทพหงสามีสิทธิ์เข้าสํารวจ
ภายในแต่ผเู ้ ดียว แต่ครานี้ ท่านประมุขพรรคใจกว้างมีเมตตา
ต้องการเข้าสํารวจนาวาปราณบรรพกาลพร้อมกับอีกหก
อาณาจักร แบ่งปันความลี้ลบั แห่งนาวาปราณบรรพกาลให้
ประจักษ์โดยถ้วนทัว่ ในการประลองยุทธครั้งนี้ ผูท้ ี่ได้สามอันดับ
แรกสามารถคัดเลือกผูค้ นสามคนเพื่อเข้าไปในนาวาปราณบรรพา
กาลได้พร้อมๆ กัน”
แม้จะเป็ นสามอันดับแรก แต่แน่นอนว่าพรรคเทพหงสา
ย่อมต้องเป็ นหนึ่งในั้น ดังนั้น เหล่าผูร้ ่ วมงานจากอาณาจักรทั้งหก
จะมีเพียงหกคนจากอีกสองอาณาจักรที่ได้เข้าร่ วมเท่านั้น
“เพียงแต่” เฟิ งเฟยเยียนนํ้าเสี ยงแปรเปลี่ยนเป็ นเคร่ งขรึ ม
“ไม่กี่วนั ก่อน พรรคของเราพลันค้นพบว่าตราผนึกที่ประตูหลัก
ของนาวาบรรพกาลพลันคลายลงก่อนเวลาอันควร ซึ่งหมายความ
ว่า นาวาปราณบรรพกาล จะเปิ ดตัวก่อนเวลาคาดการณ์สี่วนั !”
“หื ม?” คิ้วของเหล่าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั หมดขมวด
ม้วน
“เลื่อนเร็ วขึ้นสี่ วนั ? จะบอกว่านาวาปราณบรรพกาลจะเปิ ด
ขึ้นวันพรุ่ งนี้?” เย่ซิงหานว่าเสี ยงตํ่า
“ควรเป็ นเช่นนี้…ไม่แปลกใจเลยที่เฟิ งเฟยเยียน ถึงกับมา
เป็ นเจ้าภาพในงานประลองจัดอันดับยุทธครั้งนี้ มีเรื่ องไม่คาดฝัน
เกิดขึ้นจริ ง ๆ เสี ยด้วย” หลิงคุนเองก็เอ่ยด้วยเสี ยงตํ่าเช่นกัน “ถ้าข้า
คาดไม่ผดิ งานประลองจัดอันดับยุทธครั้งนี้จะต้องตัดสิ นกันให้
เร็ วที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้”
เฟิ งเฟยเยียน เอ่ยต่อ “พรรคของข้าแรกเริ่ มเดิมทีวางแผนจะ
เริ่ มการสํารวจนาวาปราณบรรพกาลในวันที่สองหลังจากงาน
ประลองจัดอันดับยุทธสรุ ปจบไปแล้ว กระนั้นยามนี้ นาวาปราณ
บรรพกาลกลับเลื่อนมาเปิ ดขึ้นในวันพรุ่ งนี้! นาวาปราณบรรพ
กาลจะเปิ ดขึ้นเพียงสิ บสองชัว่ ยามในทุก ๆ ครั้ง สิ บสองชัว่ ยามใน
ทุก ๆ สามร้อยปี ย่อมไม่มีเวลาให้เสี ยเปล่า! ทว่าคําพูดที่กล่าวไป
แล้วโดยพรรคเทพหงสามีน้ าํ หนักมหาศาล และพวกเราจักไม่
กลับคืนคํา อย่างไรก็ตามเพื่อช่วยให้ได้สาํ รวจนาวาปราณบรรพ
กาลทันกาลวันพรุ่ งนี้ การจัดตารางคู่ประลองในงานประลองครั้ง
นี้เองก็มิตอ้ งสงสัยเลยว่าจะต้องถูกย่อลงไปจนถึงที่สุด… สาม
อันดับแรกจําเป็ นต้องตัดสิ นกันในวันนี้!”
โอ้ว~~~~
ชัว่ พริ บตาที่คาํ ของเฟิ งเฟยเยียน ถูกกล่าวออกไป ทั้งสนาม
ประลองตกลงสู่ โกลาหล พวกมันทุกคนเข้าใจความหมายดี นาวา
ปราณบรรพกาลจะเปิ ดขึ้นก่อนเวลา…และในยามเดียวกัน การจัด
งานประลองจัดอันดับยุทธนี้กจ็ ะถูกย่อเหลือเพียงวันเดียว…ซึ่ ง
หมายความว่าวันนี้คือวันตัดสิ น!
ตารางจับคู่ประลองในงานประลองจัดอันดับยุทธครั้งที่ผา่ น
ๆ มาจะใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันเป็ นอย่างตํ่าโดยไม่มีขอ้ ยกเว้นใด
ๆ การต่อสู ร้ ะหว่างยอดยุทธรุ่ นเยาว์ระดับหัวกะทิท้ งั เจ็ดสิ บคน
จากทั้งเจ็ดอาณาจักร ผูเ้ ข้าประลองคนหนึ่งจะต้องพบคู่ประลอง
คนอื่น ๆ ทุกคนในการประลอง ก่อนนี้ แม้แต่ดว้ ยเวลาห้าวัน
ตารางจับคู่ประลองยังแน่นปรี่ และเหตุการณ์ที่ตารางการจับคู่
ประลองต้องขยายเวลาเพิ่มก็เกิดขึ้นอยูบ่ ่อยครั้ง ในเวลาสั้น ๆ
เพียงวันเดียวจะให้ตดั สิ นงานประลองเช่นนี้ยอ่ มมิอาจทําได้
สี หน้าของเหล่าผูเ้ ข้าประลอง เช่นเดียวกับเหล่าผูป้ กครอง
และจักรพรรดิแห่งแต่ละอาณาจักรต่างก็เปลี่ยนไปอย่างยิง่ ยวด…
งานประลองจัดอันดับยุทธเจ็ดอาณาจักรนั้นเป็ นเรื่ องใหญ่ของทั้ง
อาณาจักร ผลของการจัดอันดับจะมีผลเกี่ยวผลถึงตําแหน่งและ
การคงอยูข่ องยีส่ ิ บห้าปี ข้างหน้าของอาณาจักร ๆ หนึ่ง เพื่องาน
ประลองจัดอันดับนี้ทุก ๆ อาณาจักรได้เตรี ยมขุมอํานาจของพวก
มันมาล่วงหน้าหลายปี และสมบัติหายากต่าง ๆ ที่ถูกสะสมไว้ต่าง
ก็ถูกใช้ออกมาโดยมิได้ตระหนี่ถี่เหนียวแม้แต่นิด…สําหรับเหล่า
ผูเ้ ข้าร่ วมประลองรุ่ นเยาว์ งานประลองจัดอันดับนี้คือเวทีสูงสุ ดที่
จะให้พวกมันได้สาํ แดงความสามารถ โอกาสอันยิง่ ใหญ่ที่สุดที่จะ
ทําให้นามของพวกมันขจรขจายไปทัว่ โลกหล้า! ถ้าตารางการ
ประลองที่แต่ก่อนมีถึงห้าวันถูกย่นย่อเหลือวันเดียวจริ ง ๆ…เวลา
ที่จะให้พวกมันได้สาํ แดงความสามารถมิตอ้ งสงสัยเลยว่าจะถูก
บีบหายไปแปดส่ วนถ้วน!
ความคลาดเคลื่อนพรรค์น้ ีจะให้พวกมันยอมรับและพอใจ
ได้เช่นไร?
และเหล่าผูช้ มจํานวนเกินกว่าสามล้านชีวติ ผูไ้ ด้รับสิ ทธิ์ให้
เขามายังภายในสนามประลองเองต่างเจ็บปวดเป็ นอย่างยิง่
แรกเริ่ มเดิมทีพวกมันควรจะได้สุขสําราญกับการประลองชั้น
สู งสุ ดถึงห้าวันเต็ม กระนั้นทั้งหมดพลันหายไปเหลือเพียงวันเดียว
พวกมันย่อมต้องหมองใจไปเช่นกัน
“มิแปลกเลยที่ผอู ้ าวุโสใหญ่จาํ เป็ นต้องมาเป็ นเจ้าภาพด้วย
ตนเอง” หยุนเช่อพึมพํากับตัวเองด้วยนํ้าเสี ยงตํ่า “เช่นนั้นมันก็คือ
การสยบเรื่ องราวต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ดว้ ยความน่ากลัวของผู ้
อาวุโสใหญ่นี่เอง ถ้าตารางการประลองถูกย่นย่อมาเหลือหนึ่ง
วัน…” ชายหนุ่มพึมพําถึงตรงนี้ คิ้วของมันพลันขมวดม้วน
ความรู ้สึกที่มิใช่สิ่งได้แต่เป็ นความไม่สบายใจเอ่อล้นออกมาจาก
ในใจของมัน
เสี ยงโห่ร้องที่พลันปะทุข้ ึนในสนามประลองทั้งหมดล้วน
อยูใ่ นการคาดการณ์ของพรรคเทพหงสา สี หน้าเฟิ งเฟยเยียนไม่มี
แปรเปลี่ยน เสี ยงของมันกลายเป็ นดังสะท้านขึ้นเล็กน้อยใน
ฉับพลัน “แม้นว่าตารางการประลองจะถูกย่นย่อลง ไม่จาํ เป็ นที่
ทุกท่านจะต้องเป็ นห่วงไป การประลองจัดอันดับยุทธเจ็ด
อาณาจักรยังคงไว้ซ่ ึงความเท่าเทียมและเป็ นธรรม! ยิง่ กว่าน้น…
มันจะยังกระทัง่ เท่าเทียมและเป็ นธรรมยิง่ กว่าการจัดสรรค์เมื่อ
หลายสิ บครั้งก่อนหน้านี้! มันจะตัดสิ นอันดับพลังของเราเจ็ด
อาณาจักรทวีปปราณฟ้าได้เที่ยงตรงไม่เอนเอียงแม้แต่นอ้ ย!”
คําพูดของเฟิ งเฟยเยียนส่ งให้ทุกคนปรากฏสี หน้าโง่งม…
ตารางการประลองถูกย่นย่อจากห้าวันเหลือเพียงหนึ่งวัน กระนั้น
มันกลับจะเป็ นธรรมยิง่ กว่างั้นรึ ?
เฟิ งเฟยเยียนกล่าวต่อ: “การจัดสรรค์เมื่อครั้งก่อน ๆ หน้าใน
งานประลองจัดอันดับยุทธเจ็ดอาณาจักร อัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์ท้ งั เจ็ด
สิ บคนต้องผลัดกันลงประลอง หํ่าหัน่ ปะมือกับอีกฝ่ าย และ
ผลสรุ ปการจัดอันดับจะตัดสิ นโดยตําแหน่งสู งสุดของผูเ้ ข้าร่ วม
ประลองจากแต่ละอาณาจักร อย่างไรก็ดี วิธีการจัดอันดับเช่นนี้
มุ่งเน้นไปที่พลังปราณสู งสุ ดของผูเ้ ข้าร่ วม ทว่าแท้จริ งแล้วสิ่ งที่
สามารถสําแดงให้เห็นถึงขุมพลังของอาณาจักรได้ประจักษ์ชดั
ที่สุดก็คือพลังรวมกันทั้งหมดของผูเ้ ข้าร่ วมการประลอง ฉะนั้น
การจัดสรรค์การประลองจัดอันดับยุทธครั้งนี้จึงจะยังยกเลิกการ
จับคู่ประลองรายบุคคลไป และเปลี่ยนมาเป็ นการประลองแบบ
กลุ่ม! การประลองจัดอันดับทุก ๆ รอบ ผูเ้ ข้าร่ วมการประลองยุทธ
ทุกคนจากทั้งสองฝ่ ายจักต้องขึ้นมาบนสนามประลอง!”
ทั้งสนามประลองพลันเต็มไปด้วยเสี ยงสนทนาโต้แย้งและ
เสี ยงเอ็ดตะโรเจื้อยแจ้วในทันที ดวงตาของหยุนเช่อเบิกกว้าง มัน
จรดสายตาไปยังเฟิ งเฟยเยียนผูม้ ีสีหน้าเย็นชาและทื่อแข็ง ก่อนจะ
สบถด่าออกมาอย่างรุ นแรง
พ่*งเถอะ!!
บทที่ 429 การประลองเจ็ดจักรวรรดิ : เริ่มต้ น

เฟิ งเฟยเยียนไม่ใส่ ใจต่อเสี ยงอื้ออึง มันกล่าวต่อ “แม้จะเป็ น


การแข่งขันประเภทกลุ่ม แต่มนั จะสามารถวัดความสามารถของ
แต่ละคนได้เช่นกัน! ทั้งยังสามารถวัดผลพรสวรรค์เชิงยุทธ์ของผู ้
ฝึ กยุทธ์รุ่ นเยาว์ในแต่ละอาณาจักรได้อย่างเที่ยงธรรม! พร้อมกัน
นั้นยังเหมาะสมกับเวลาประลองที่บีบกระชั้นอย่างที่สุด! ดังนั้น
หากเราจะประลองกันเช่นนี้ มีสหายจากอาณาจักรใดคัดค้าน
หรื อไม่? หากผูใ้ ดจะคัดค้านเชิญกล่าวออกมาได้เลย”
เฟิ งเฟยเยียนเผชิญหน้ากับหกอาณาจักร… ซึ่งหากกล่าว
ตรงๆคือที่นงั่ ของห้าอาณาจักรที่เหลือด้วยสี หน้าว่างเปล่าและ
นํ้าเสี ยงนิ่งสงบ
เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงตารางการประลองอย่างใหญ่
หลวงเช่นนี้ หากผูท้ ี่อยูเ่ บื้องหน้าพวกมันเป็ นเพียงผูอ้ าวุโส
ธรรมดาสามัญจากพรรคเทพหงสา เหล่าบุคคลระดับจักรพรรดิ
และผูท้ รงอํานาจจากหกอาณาจักรอาจโต้แย้งขึ้นจริ งๆ
แต่บดั นี้ผทู ้ ี่พดู อยูเ่ บื้องหน้าพวกมันกลับเป็ นผูอ้ าวุโสสู งสุ ด
แห่งพรรคเทพหงสา! ผูม้ ีฐานะสู งส่ งยิง่ กว่าองค์ชายเทพหงสาเสี ย
อีก! ไม่วา่ จะด้านพลัง อํานาจ ชื่อเสี ยง มิได้ดอ้ ยไปกว่าจักรพรรดิ
จากหกอาณาจักรที่เหลือรวมกัน ภายใต้การจับจ้องของเฟิ งเฟย
เยียน เหล่าจักรพรรดิและผูท้ รงอํานาจจากอีกหกอาณาจักรล้วน
รู ้สึกราวกับโดนเหล็กร้อนนาบลงบนอก กระทัง่ สู ดลมหายใจยัง
ยากลําบากยิง่ พวกมันจะกล้ากล่าวอันใดได้? เรื่ องนี้ชดั เจนว่า
พรรคเทพหงสาได้ตดั สิ นใจเพียงฝ่ ายเดียวเรี ยบร้อยแล้ว พวกมัน
จะกล้าไม่เห็นด้วยได้อย่างไร? พวกมันล้วนรี บพยักหน้ารัวเร็ ว
แสดงความเห็นด้วย
“ประเสริ ฐยิง่ !” เฟิ งเฟยเยียนพยักหน้า “ในเมื่อสหายจากทั้ง
หกอาณาจักรไม่มีขอ้ โต้แย้ง เช่นนั้นการประลองในปี นี้จะจัดขึ้น
เช่นนี้ กติกาของการประลองแบบกลุ่มหลักๆแล้วเหมือนกับการ
ประลองแบบเดี่ยว และเป็ นการแข่งแบบพบกันหมดเช่นเดียวกัน
แต่ละอาณาจักรจะประลองกับทุกคนในกลุ่มของอีกอาณาจักร
หนึ่ง และจะเรี ยงอันดับจากจํานวนครั้งที่ชนะ! จากนั้นอาณาจักร
ที่อบั ดับสู งที่สุดสองอันดับจะประลองกันเพื่อหาผูช้ นะ! เพือ่ ย่น
ระยะเวลาการประลอง อีกทั้งลดการสิ้นเปลืองพลังปราณของ
ผูเ้ ข้าร่ วมการประลองจากทุกอาณาจักร จักรวรรดิเทพหงสาของ
เราจะไม่เข้าร่ วมการประลองในรอบพบกันหมด ผูท้ ี่ชนะการ
ประลองรอบพบกันหมดจึงจะมาประลองกับผูฝ้ ึ กยุทธ์จาก
อาณาจักรเทพหงสาเรา ฝ่ ายใดชนะจะเป็ นผูช้ นะเลิศในปี นี้! เมื่อ
เป็ นเช่นนี้ในรอบพบกันหมด ทุกอาณาจักรจะประลองกับเพียงห้า
อาณาจักรเท่านั้น รวมทั้งหมดสิ บหกคู่! เวลาเพียงหนึ่งวันก็
เพียงพอแล้ว”
ในถ้อยคําของเฟิ งเฟยเยียนมีความหมายแฝงไว้อย่างชัดเจน
จักรวรรดิเทพหงสาจะไม่ร่วมประลองในรอบพบกันหมด และจะ
ประลองกับอาณาจักรที่เข้มแข็งที่สุดในอีกหกอาณาจักรที่เหลือ
เท่านั้น ในเรื่ องนี้เฟิ งเฟยเยียนมิได้ถามว่าอีกหกอาณาจักรมีขอ้
โต้แย้งหรื อไม่ เพราะนัน่ ถือเป็ นเรื่ องไม่จาํ เป็ น และอีกหก
อาณาจักรที่เหลือมิมีผใู ้ ดไม่พอใจหรื อคิดว่าเรื่ องนี้ไม่เหมาะสม
เพราะระดับของจักรวรรดิเทพหงสานั้นเป็ นระดับที่อีกหก
อาณาจักรที่เหลือมิอาจเทียบเคียงได้เลย จักรวรรดิเทพหงสาน่า
หวาดหวัน่ ถึงระดับใด…แม้ผฝู ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หมดจากทั้งหกอาณาจักร
ที่เหลือรวมพลังกัน ก็ยงั ถูกปราบลงเยีย่ งสุ นขั ได้โดยง่ายด้วยฝี มือ
ของยอดยุทธ์จกั รวรรดิเทพหงสาเพียงคนเดียว
หลังผ่านงานประลองเจ็ดจักรวรรดิมานับครั้งไม่ถว้ น ใน
สายตาของอาณาจักรที่เหลือแล้ว พวกมันล้วนประลองกันเพียงห้า
อาณาจักรเท่านั้น เพราะเทพหงสานั้นแข็งแกร่ งจนเกินไป และวา
ยุครามนั้นอ่อนแอจนเกินไป ที่พวกมันประลองกันทุกครั้งล้วน
เพียงเพือ่ จัดอันดับกันภายในห้าอาณาจักร หากพวกมันได้อนั ดับ
สองจึงเทียบเท่ากับได้รับอันดับแรก และหากมันได้อนั ดับหกจึง
น่าอับอายเทียบเท่ากับได้รับอันดับสุ ดท้าย พวกมันย่อมไม่กล้า
เพ้อฝันว่าตนจะเอาชนะจักรวรรดิเทพหงสาได้ แต่ใน
ขณะเดียวกันพวกมันเองก็ไม่ลดตัวลงไปเปรี ยบเทียบกับ
อาณาจักรวายุครามเช่นกัน
“สําหรับกฎอื่นๆในการประลอง ข้าเดาว่าข้าคงไม่ตอ้ ง
เสี ยเวลาพูดมากเกินจําเป็ น…” เฟิ งเฟยเยียนกวาดตามองโดยรอบ
สายตานิ่งสงบนั้นแฝงไว้ดว้ ยพลังกดดันที่มิอาจมองเห็นได้… การ
ประลองเจ็ดจักรวรรดิเป็ นงานประลองที่โดดเด่นที่สุดในยุทธภพ
ทวีปลมปราณฟ้า งานประลองทุกครั้งล้วนถูกใส่ ใจอย่างที่สุด แต่
การเปลี่ยนแปลงตารางแข่งขันอย่างใหญ่หลวงและไม่เคยมีมา
ก่อนนี้กลับไม่ได้ถูกแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งยังตัดสิ นใจ ณ ที่น้ นั
ด้วยคําพูดเพียงไม่กี่ประโยค ไม่มีผใู ้ ดกล้าขัดขืน และไม่มีผใู ้ ด
กล้าแสดงทีท่าไม่พอใจ
นี่คืออํานาจอันไร้ผตู ้ า้ นของจักรวรรดิเทพหงสา
“โอ๊ะโหย~ เค้าคิดว่าจะต้องดูการประลองหลายวัน ตอนนี้
มาเหลือแค่วนั เดียวก็จบแล้ว… จู่ๆเค้าก็อารมณ์ดีข้ ึนมาเลย
อืมมมม… หานหานน้อย ท่านอารมณ์ดีเหมือนเค้ารึ เปล่าฮึ?”
จีเชียนหลัวหรี่ นยั น์ตาหวานดุจดอกท้อ พร้อมกับปรายตาโปรยส
เน่ห์ไปทางเย่ซิงหาน
ใบหน้าของเย่ซิงหานบิดเบี้ยว พร้อมกับพูดออกมาด้วย
นํ้าเสี ยงทะมึน “จีเชียนหลัว! ถ้าเจ้ากล้าพูดกับเรานายน้อยอีกครั้ง
เราจะสังหารเจ้า!”
“ง่า…” จีเชียนหลัวหดคอลงราวกับกําลังหวาดกลัว ก่อนที่สี
หน้าและดวงตาจะเผยความใสซื่ อและรู ้สึกผิด “หานหานน้อย
ทําไมจู่ๆถึงน่ากลัวกับเค้าล่ะ เค้าเกือบกลัวจนตัวแข็งเลยนะ ถ้าเจ้า
จู่ๆน่ากลัวกับเค้าอีกครั้ง เค้าจะโกรธแล้วนะ~ หากเค้าโกรธขึ้นมา
เค้าจะกลายเป็ นปี ศาจน้อย แล้วเจ้าจะไม่มีสตรี ให้เล่นด้วยยามคํ่า
คืนนะ~”
จีเชียนหลัวพูดกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงนุ่มนวลที่ราวกับกําลังจะ
รํ่าไห้ พร้อมกับกวาดตามองไปยังสตรี ยวั่ ยวนทั้งสองที่เกาะติดเย่
ซิ งหานทั้งซ้ายขวา ทันใดนั้นเอง สตรี ท้งั สองพลันสัน่ สะท้าน
ขึ้นมาพร้อมกัน นัยน์ตาเบิกกว้างราวฉายแววหวาดกลัวอันลึก
ลํ้า… เพราะทันทีที่ท้ งั สองสบสายตากับจีเชียนหลัว พวกนางพลัน
บังเกิดความรู ้สึกหวาดหวัน่ ราวกับลําคอของพวกนางถูกฉกกัด
โดยงูเห่าพิษร้าย
“เจ้า…” เย่ซิงหานรู ้จกั ความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดตนนี้
ดีกว่าผูใ้ ด มันหุบปากเงียบและไม่กล่าวสิ่ งใดอีก
“ข้าขอประกาศว่าการประลองเจ็ดจักรวรรดิครั้งที่สามสิ บ
เก้าแห่งทวีปลมปราณฟ้า เริ่ มขึ้น ณ บัดนี้!”
เสี ยงประกาศเริ่ มการประลองของเฟิ งเฟยเยียนก้องสะท้อน
ไปทัว่ ชายชราแกว่งแขนครั้งหนึ่ง เส้นสายเพลิงสว่างวาบขึ้น
ทันใดนั้นศิลาอัคคีขนาดมโหฬารพลันตั้งตระหง่านขึ้นกลางลาน
ประลอง หยุนเช่อซึ่ งเคยมีประสบการณ์จากงานประลองยุทธ์วายุ
ครามเข้าใจได้ในทันทีวา่ มันมีไว้เพื่อสิ่ งใด
หยุนเช่อเหยียดแขนและมองไปยังฝ่ ามือของตน ภาพ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ปรากฏชัดขึ้นในห้วง
คํานึง ชายหนุ่มพึมพํากับตนเองด้วยความขุ่นเคือง “ดูเหมือนข้า
จะต้องถูกฝูงชนดูหมิ่นอีกครั้ง! บัดซบ ชะตาลิขิตให้ขา้ ต้องถูก
ผูค้ นดูถูกซํ้าแล้วซํ้าเล่ามาตั้งแต่เกิด!”
ในการประลองจัดอันดับวายุครามทุกครั้ง การวัดระดับพลัง
ปราณถือเป็ นขั้นตอนที่สาํ คัญตลอดมา การประลองเจ็ดจักรวรรดิ
ก็เช่นกัน ครึ่ งหนึ่งของการทดสอบระดับพลังก็เพือ่ แสดงระดับ
พลังปราณของผูเ้ ข้าร่ วมการประลองทุกคน… อย่างไรเสี ยระดับ
พลังปราณก็เป็ นเครื่ องแบ่งความแข็งแกร่ งที่แท้จริ งของแต่ละคน
ส่ วนอีกครึ่ งก็เพื่อทดสอบอายุของคนผูน้ ้ นั
“ในการประลองเจ็ดจักรวรรดิทุกครั้งที่ผา่ นมา ผูเ้ ข้าร่ วม
การประลองต้องมีอายุไม่เกินยีส่ ิ บห้าปี หากมีผทู ้ ี่อายุเกินจะต้อง
ออกจากการประลองในทันที” เฟิ งเฟยเยียนค่อยๆเหิ นลงมาจาก
บนฟ้าร่ อนลงด้านข้างศิลาวัดระดับพลังปราณ ก่อนจะกล่าวเสี ยง
ดัง “บัดนี้ ข้าจะเรี ยกตามลําดับผลการประลองเจ็ดจักรวรรดิคราที่
แล้ว และขานนามทั้งเจ็ดจักรวรรดิ ผูเ้ ข้าแข่งขันจากทุกจักรวรรดิ
จะต้องนําตราประจําตัวผูร้ ่ วมการประลองขึ้นมาบนเวที จากนั้น
ขานชื่อตนเองและเข้ารับการทดสอบระดับพลังปราณและอายุ”
“อาณาจักรคลื่นนาวี!”
เฟิ งเฟยเยียนกล่าวไว้วา่ ลําดับการทดสอบจะประกาศตาม
อันดับในการประลองคราก่อน แต่ชื่อนามที่ชายชราเรี ยกกลับเป็ น
อันดับที่สองในการประลองครั้งที่แล้ว หากมองเพียงผิวเผินอาจดู
ราวกับถ่อมตนนําชื่อของจักรวรรดิเทพหงสาไว้ลาํ ดับท้ายสุ ดตาม
มารยาทอันดีของเจ้าภาพ แต่ที่แฝงไว้น้ นั ล้วนมิใช่วา่ จักรวรรดิ
เทพหงสาดูแคลนจนไม่อยากนําตนไปอยูร่ ะดับเดียวกับอีกหก
อาณาจักรหรอกหรื อ?
ในการประลองคราก่อน คลื่นนาวีอยูใ่ นอันดับที่สอง ถือ
เป็ นอันดับหนึ่งในหกอาณาจักร เมื่อคําว่า “อาณาจักรคลื่นนาวี”
ถูกขานออก ลูกพลังปราณอันหนาวเหน็บพลันเรื องแสงขึ้น
บริ เวณอัฒจรรย์ฝั่งอาณาจักรคลื่นนาวี วาดเป็ นอักษรคําว่า “คลื่น
นาวี” ลอยอยูบ่ นท้องฟ้า บุรุษเยาว์วยั เจ็ดคนและสตรี วยั แรกแย้ม
สามคนเหาะเหิ นขึ้นบนอากาศโดยพร้อมเพรี ยงกัน ก่อนจะร่ อน
ลงบนเวทีหงสาด้วยเสื้ อคลุมอันสะบัดพลิ้ว ส่ งคลื่นพลังหนาว
เหน็บกระจายออกโดยรอบราวกับระลอกคลื่นนํ้าโดยมีเวทีหงสา
เป็ นศูนย์กลาง
อาณาจักรคลื่นนาวีต้ งั อยูเ่ หนือสุ ดแห่งทวีปลมปราณฟ้า
ท้องนภาหนาวเหน็บและผืนปฐพีเยือกแข็งตลอดทั้งปี เพราะเหตุ
นี้ผฝู ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หมดในอาณาจักรนี้ลว้ นฝึ กปรื อวิชายุทธ์ธาตุน้ าํ แข็ง
ในหมู่หนุ่มสาวทั้งสิ บ ผูท้ ่ีอายุมากที่สุดดูมีอายุราวยีส่ ิ บห้าปี ผูม้ ี
อายุนอ้ ยที่สุดราวกับเพิ่งยีส่ ิ บปี ทันทีที่พวกมันขึ้นสู่ เวที เหล่าผูช้ ม
ฝั่งอาณาจักรคลื่นนาวีพลันตื่นตัวราวกับนํ้ามันร้อนๆบนกระทะ
ส่ งคลื่นเสี ยงโห่ร้องดังกึกก้องสะท้านสวรรค์สะเทือนปฐพี
“คลื่นนาวี! คลื่นนาวี! คลื่นนาวี!!”
“คลื่นนาวีสู!้ ทลายห้าอาณาจักรให้ราบ!!”
“หวา! นัน่ ‘องค์ชายชมบุปผา’ หานหรู อวี้ อันดับหนึ่งแห่ง
การประลองยุทธ์คลื่นนาวีสองครั้งซ้อนนี่… เขามาจริ งๆด้วย!”
“หวาาาาาาา…. เป็ นองค์ชายชมบุปผา… ขวัญใจข้า… อ๊า!!
หล่อเหลาจริ งๆ! ข้าจะเป็ นลมแล้ว…” สตรี ในห้วงรักหลายคนส่ ง
เสี ยงกรี ดร้องอย่างบ้าคลัง่ พร้อมกับยกมือขึ้นปิ ดหน้า
เสี ยงชื่นชมระลอกใหญ่ดงั ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับอัสนี
บาต สะเทือนแก้วหูของหยุนเช่อให้สน่ั สะเทือน เสี ยงของจัสมิน
ดังขึ้นข้างหูของชายหนุ่ม “ระดับปราณฟ้าขั้นปลายเจ็ดคน ครึ่ ง
ก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิสองคน… และปราณจักรพรรดิข้นั ต้นหนึ่ง
คน ในหมู่ผฝู ้ ึ กยุทธ์รุ่ นเยาว์เหมือนกันในทวีปเดียวกัน เมื่อเทียบ
กันแล้วอาณาจักรอายุครามอ่อนด้อยกว่ากันเกินไปจริ งๆ!”
“นัน่ เป็ นเรื่ องช่วยไม่ได้เช่นกัน” หยุนเช่อกล่าวหน้าตาย
“อาณาจักรวายุครามขนาดเล็กที่สุด ทั้งยังมีประวัติศาสตร์ที่ส้ นั
ที่สุด การสัง่ สมพลังถือว่าตื้นเขินอย่างมากโดยแท้จริ ง ดังนั้นจึง
ย่อมมีส่วนต่างใหญ่หลวงจนมิอาจเติมได้”
“ฟ่ งอู่ฮุ่ยจากพรรคขุนเขาหิ มะแห่งอาณาจักรคลื่นนาวีพร้อม
ร่ วมการประลอง!”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์คนหนึ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า ก่อนจะแสดง
ตราผูเ้ ข้าร่ วมการประลองพร้อมกับเปิ ดเผยนามของตนด้วยท่าที
สง่าผ่าเผย ก่อนที่มนั จะก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว หยุดยืนเบื้อง
หน้าเฟิ งเฟยเยียนและวางฝ่ ามือของตนลงบนศิลาวัดระดับพลัง
ศิลาวัดระดับพลังสว่างวาบเรื องรอง หลังจากนั้นอายุและ
ระดับพลังปราณของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
อายุยสี่ ิ บสามปี ระดับปราณฟ้าขัน้ ที่แปด
ผูช้ มจากอาณาจักรคลื่นนาวีพลันส่ งเสี ยงโห่ร้องดังสนัน่ ไป
ถึงฟากฟ้า การบรรลุถึงระดับปราณเท่านี้ถือว่าไม่ธรรมดากระทัง่
ในหมู่ชนชั้นสู งที่สุดจากทั้งหกอาณาจักร
ผูฝ้ ึ กยุทธ์อาณาจักรคลื่นนาวีเข้ารับการทดสอบทีละคน ที
ละคน ระดับพลังปราณของพวกมันมิได้ผดิ ไปจากที่จสั มินกล่าว
ไว้แม้แต่นอ้ ย… ระดับปราณฟ้าขั้นปลายเจ็ดคน และครึ่ งก้าวสู่
ปราณจักรพรรดิสองคน ทันใดนั้นเองผูฝ้ ึ กยุทธ์คนสุ ดท้ายจาก
อาณาจักรคลื่นนาวีกก็ า้ วขึ้นมาด้านหน้า
ผูฝ้ ึ กยุทธ์คนอื่นทั้งเก้าคนล้วนวางสี หน้าสูงส่ งทะนงตน มี
เพียงคนผูน้ ้ ีที่มีสีหน้านิ่งสงบตั้งแต่ตน้ จนจบ แฝงไว้ดว้ ยรอยยิม้
อันบางเบาอยูภ่ ายใน ชายหนุ่มผูน้ ้ ีดูแล้วอ่อนเยาว์เป็ นพิเศษ
ใบหน้าราวกับหยกขาวเนื้อดี ริ มฝี ปากสี แดงชาด นับเป็ นบุรุษอัน
หล่อเหลาสง่างามโดยแท้จริ ง ระหว่างคิ้วยังแฝงไว้ดว้ ยร่ องรอย
ประกายอันพิสดารที่ดึงดูดสตรี ให้ลุ่มหลงได้โดยง่าย ชายหนุ่ม
เดินไปด้านหน้าอย่างแช่มช้าด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับกําลังเดินชม
สวน เมื่อมันขยับฝี เท้าก้าวแรก อัฒจรรย์ฝั่งอาณาจักรคลื่นนาวี
พลันระเบิดเสี ยงตะโกนกู่กอ้ งขึ้นโดยทัว่ … โดยเฉพาะเสี ยงกรี ด
ร้องจากบรรดาสตรี ที่ดงั ราวกับสามารถฉี กกระชากเวทีหงสาจน
ขาดออกจากกัน
“องค์ชายชมบุปผา? ชื่อนรกอันใด?” หยุนเช่อยกมือขึ้นจับ
คางตนเองเมื่อได้ยนิ ฉายาจากเสี ยงกรี ดร้องของเหล่าสตรี … ฉายา
นี้มนั ช่างเชยและเห่ยเสี ยจนถึงขั้นทนไม่ได้เลยทีเดียว
“คนผูน้ ้ ีมีนามว่าหานหรู อวี้ ว่ากันว่าเป็ นอันดับหนึ่งในหมู่
ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งอาณาจักรคลื่นนาวีคนปัจจุบนั มันเข้าร่ วม
การประลองยุทธ์คลื่นนาวีขณะอายุสิบเจ็ดปี และยีส่ ิ บปี และได้
อันดับหนึ่งทั้งสองครั้ง ชื่อเสี ยงของมันในอาณาจักรคลื่นนาวีราว
กับเป็ นดวงตะวันกลางผืนฟ้า กระทัง่ จักรพรรดิอาณาจักรคลื่น
นาวีกต็ อ้ นรับขับสู ม้ นั เป็ นแขกอันทรงเกียรติถึงที่สุด… เหอะ
กระทัง่ ถึงขั้นที่ขา้ ยังเคยได้ยนิ ชื่อของมัน” เฟิ งจ้านหยุนเบะปาก
กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงดูแคลน “ที่อาณาจักรคลื่นนาวีมนั นั้นน่า
อัศจรรย์ แต่เมื่อมาที่จกั รวรรดิเทพหงสาแล้วจะเท่าไหร่ กนั คงไม่
ถึงขั้นที่เรี ยกว่ามาตรฐานเสี ยด้วยซํ้า”
หานหรู อวี้บนใบหน้าแย้มยิม้ ขณะที่ยนื่ ฝ่ ามือขาวราวกับ
หยกวางลงบนศิลาทดสอบระดับพลัง
ยีส่ ิ บสามปี ระดับปราณจักรพรรดิขนั้ ที่สอง!
โหวววววววว!!!
ผูช้ มจากอาณาจักรคลื่นนาวีแปรเปลี่ยนเป็ นบ้าคลัง่ เสี ยง
ตะโกนกู่ร้องแปรเปลี่ยนจากคลื่นยักษ์เป็ นอัสนีบาตจากสวรรค์ท้ งั
เก้าชั้น ขณะเดียวกับที่สีหน้าของผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอีกห้าอาณาจักร
แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อะไรกัน… ครั้งนี้อาณาจักรคลื่นนาวีกลับมีราชันอยู่
ด้วย!?”
“ข้าเคยคิดว่าครั้งนี้ราชันจากอาณาจักรเราจะทําให้ท้ งั ลาน
ประลองตื่นตะลึง ไม่คิดเลยว่าอาณาจักรคลื่นนาวีกม็ ีราชัน
เช่นกัน! ดูเหมือนว่าถ้าเราปะทะกับคลื่นนาวีในครานี้คงเป็ นการ
ต่อสู ท้ ี่ยากเย็นอีกครั้ง ทว่าพวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่ตอ้ งพ่ายแพ้
เช่นเดียวกัน!” จักรพรรดิแห่งอาณาจักรมารทมิฬกล่าวด้วย
นํ้าเสี ยงหม่นทะมึน
“ไม่เลว!” เฟิ งเหิ งคงผูซ้ ่ ึ งเงียบมาโดยตลอดกลับพยักหน้า
ขึ้นในครานี้ “ดูเหมือนในที่สุดครั้งนี้คลื่นนาวีกพ็ ฒั นาขึ้นบ้าง
เล็กน้อย!”
“มูลศักดิ์สิทธิ์เอ๊ย! มันกลับเป็ นราชัน… ทั้งยังอยูร่ ะดับ
ปราณจักรพรรดิข้นั ที่สอง!” เฟิ งจ้านหยุนเผยร่ องรอยความ
อัศจรรย์ทวั่ ใบหน้า “หกอาณาจักรอันตํ่าต้อยกลับสามารถมีราชัน
อายุต่าํ กว่ายีส่ ิ บห้าปี จิ๊ จิ๊ ประเสริ ฐ เจ้าเด็กหานหรู อวี้นี่ มิใช่เพียง
ในอาณาจักรคลื่นนาวี แต่มนั จะมีชื่อเสี ยงขจรขจายไปทัว่ หก
อาณาจักร อันดับสองในการประลองครั้งนี้บางคราอาจตกอยูใ่ น
มืออาณาจักรคลื่นนาวีอีกครั้ง”
“อาณาจักรมารทมิฬ!”
อาณาจักรคลื่นนาวีเข้ารับการทดสอบเสร็ จสิ้ น แต่พวกมัน
กลับมิได้กลับไปยังที่นงั่ แต่ตรงเข้าสู่ บริ เวณเตรี ยมการประลอง
เฟิ งเฟยเยียนขานนามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่ผฝู ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์สิบ
คนที่ลว้ นอยูใ่ นอาภรณ์สีดาํ ทมิฬ กระโดดขึ้นบนเวทีหงสา… ครา
นี้ผชู ้ มจากอาณาจักรมารทมิฬพลันระเบิดเสี ยงกึกก้อง เสี ยงกรี ด
ร้องของพวกมันมิได้ดอ้ ยไปกว่าอาณาจักรคลื่นนาวีเลยแม้แต่นอ้ ย
“อู่ฮุยหงจากพรรคหยินนรกแห่งอาณาจักรมารทมิฬพร้อม
ร่ วมการประลอง!”
“หลี่ฮ่าวเยีย่ นจากเกาะมารม่วงแห่งอาณาจักรมารทมิฬ
พร้อมร่ วมการประลอง!”
…………
…………
อาณาจักรคลื่นนาวี อาณาจักรมารทมิฬ อาณาจักรมหาอสุ รา
อาณาจักรหยาดทานตะวัน อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์… ห้า
อาณาจักรแห่งทวีปลมปราณฟ้าขึ้นสู่ เวทีหงสาตามอันดับการ
ประลองเจ็ดจักรวรรดิในคราก่อน ในเวลาเพียงสิ บห้านาที ผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์จากทั้งห้าอาณาจักรล้วนเข้ารับการทดสอบเสร็ จสิ้ น และเข้า
สู่ บริ เวณเตรี ยมการประลอง เหลือเพียงอาณาจักร ‘ที่สุด’ ทั้ง
สอง… จักรวรรดิเทพหงสา และอาณาจักรวายุคราม
บทที่ 430 เสี ยงเยาะเย้ ยของฝูงชน

หยุนเช่อจ้องมองไปยังเหล่าชาวยุทธและกลุ่มอัจฉริ ยะรุ่ น
เยาว์จากห้าอาณาจักรอย่างระมัดระวัง พลางทอดถอนใจ ในเวลา
นี้ หยุนเช่อยิง่ มายิง่ ตระหนักถึงความสําคัญของการประลองเจ็ด
จักรวรรดิ ทั้งเข้าใจสาเหตุที่ผคู ้ นในอาณาจักรวายุครามไม่ใส่ใจที่
จะกล่าวถึง หรื อแม้กระทัง่ สนใจการแข่งขันจัดอันดับนี้ นัน่ เป็ น
เพราะเหล่าชาวยุทธถือว่าเรื่ องนี้เป็ น ข้ อห้ ามที่น่าอับอาย
ตั้งแต่ตน้ จนจบ แม้ความแข็งแกร่ งโดยเฉลี่ยของ อาณาจักร
คลื่นนาวี อาณาจักรมารทมิฬ อาณาจักรมหาอสุ รา อาณาจักร
หยาดทานตะวัน และเหล่าผูฝ้ ึ กตนชั้นแนวหน้าทั้งหมดที่มีลว้ น
หลากหลาย ทว่าผลที่ออกมาก็ไม่แตกต่างกันมากนัก การแข่งขัน
จัดอันดับเจ็ดจักรวรรดิครั้งก่อน อาณาจักรคลื่นนาวีผรู ้ ้ ังอันดับ
สองได้นาํ ผูเ้ ชี่ยวชาญระดับปราณจักรพรรดิข้ นั ต้น ชั้นครึ่ งก้าวสู่
ปราณจักรพรรดิสองคน และระดับลมปราณฟ้าขั้นปลายอีกเจ็ด
คน ในขณะที่อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์ที่มีอนั ดับเหนือกว่าเพียง
อาณาจักรวายุครามเท่านั้นในการแข่งขันครั้งก่อน ได้พา
ผูเ้ ชี่ยวชาญระดับครึ่ งก้าวสู่ ลมปราณจักรพรรดิหนึ่งคน ชั้น
ลมปราณฟ้าขั้นปลายเเปดคนและขั้นกลางหนึ่งคน…ซึ่งนัน่ ยังไม่
สามารถเรี ยกได้วา่ เป็ นความเหลื่อมลํ้าที่มากเกินไปในการ
ประลอง เพราะตราบใดที่โชคยังเข้าข้างพวกมัน มีความเป็ นไปได้
สําหรับทุกอาณาจักรที่จะเข้าถึงอันดับสองในการประลองเจ็ด
จักรวรรดิ
ส่ วนเมื่อนํามาเปรี ยบกับจักรวรรดิวายุครามแล้ว นี่นบั ว่าน่า
อนาถเกินคําบรรยาย
นอกเหนือจากเซี่ยฉิ งเยว่แล้ว ไม่ปรากฏผูฝ้ ึ กยุทธผูใ้ ด
ภายในจักรวรรดิวายุครามที่มีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี แล้วมีพลัง
ปราณชั้นลมปราณฟ้าขั้นต้นแม้แต่คนเดียว
ลมปราณชั้นครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิเป็ นเพียงจุดสู งสุ ด
ของผูท้ ี่มีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี บริ บูรณ์ในห้าอาณาจักร แต่มนั
เป็ นจุดสู งสุ ดของผูฝ้ ึ กยุทธในอาณาจักรวายุคราม
แท้ที่จริ งแล้ว ทั้งอาณาจักรคลื่นนาวีและอาณาจักรมารทมิฬ
เคยพาผูท้ ี่มีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี แต่มีพลังชั้นปราณจักรพรรดิมา
เข้าร่ วมการแข่งขันเสี ยด้วยซํ้า!
หลังจากที่หา้ จักรวรรดิแห่งทวีปลมปราณฟ้าและจักรวรรดิ
เทพหงสามาพร้อมหน้ากัน เฟิ งเฟยเยียนกวาดตามองผ่านที่นงั่
อย่างรวดเร็ ว ก่อนจะกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “อย่างที่ทุกท่านเห็น มิ
ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงมีแต่จกั รวรรดิวายุครามที่ไม่เข้าร่ วมการ
ประลองจําลําดับครานี้ ไม่แม้แต่จะส่ งคนมาเข้าร่ วม ฮึ่ม จักรวรรดิ
วายุครามมิใช่จกั รวรรดิที่แข็งแกร่ งอันใดอยูแ่ ล้ว เช่นนั้นแล้ว ไม่
ว่าพวกนั้นจะเข้าร่ วมการแข่งขันหรื อไม่ ล้วนมิมีผลกระทบใดๆ
ต่อการประลอง ด้วยเหตุน้ ีเราจะตัดการแข่งขันให้กระชับสั้นลง
ซึ่ งมันจะดีกว่าการแข่งขันที่แล้วมา”
ฝูงชนผูเ้ ข้าร่ วมในอาณาบริ เวณโดยรอบระเบิดเสี ยงคําราม
และเสี ยงหัวเราะอย่างกึกก้อง ทุกคนรับรู ้วา่ ในการจัดลําดับครั้งที่
ผ่านๆ มานั้น จักรวรรดิวายุครามทั้งน่าอนาถและน่าสมเพชมาก
เพียงใด จักรวรรดิท้งั หกต่อสู เ้ พื่อศักดิ์ศรี และเกียรติยศ หากแต่
จักรวรรดิวายุคราม… เพียงมาทุกครั้งเพื่อให้ครบเจ็ดจักรวรรดิ
ตามชื่องานประลอง และในการจัดลําดับครานี้ ดูราวกับว่าพวก
มันไม่มีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับเรื่ องนี้อีกต่อไป
ภายในลานประลองมีประชากรจากจักรวรรดิวายุครามไม่
มาก แต่กไ็ ม่ได้หมายความว่ามันไม่มีเลย ถ้อยคําที่ผอู ้ าวุโสของ
จักรวรรดิเทพหงสากล่าวทําให้พวกมันอับอายเป็ นอย่างยิง่ แต่
พวกมันกลับทําได้เพียงกําหมัด กัดฟันและเงียบอดทนกับความ
อัปยศอดสู โดยไม่มีผใู ้ ดหน้าไหนกล่าวออกไป
“จิ๊ๆ เจ้าเด็กวายุคราม ยังคงมีเวลาให้เจ้าวิง่ หางจุกตูดกลับไป
แค่ความแข็งแกร่ งขี้ปะติ๋วนัน่ หากเจ้าขึ้นไปจริ งๆ แล้วละก็…
เท่ากับเจ้าขึ้นไปอย่างโดดเดี่ยว เจ้าไม่เพียงเสื่ อมเสี ยหน้า ยังจะ
สู ญเสี ยก้น… เจ้า! บัดซบ!”
ก่อนที่เฟิ งจ้านหยุนจะกล่าวจบ หยุนเช่อที่อยูข่ า้ งกายมันก็
กระโจนออกไป หลังจากกระโดดไม่กี่กา้ วก็พงุ่ ทะยานตรงเข้าสู่
ลานประลองเทพหงสา
“ช้าก่อน! ผูใ้ ดกล่าวว่าจักรวรรดิวายุครามไม่มีคนเข้าร่ วม
ประลองกัน!!”
เสี ยงตะโกนดุจฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทัว่ ลานประลอง เมื่อเสี ยง
ตะโกนสิ้ นสุ ดลง หยุนเช่อก็กระโดดขึ้นไปเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้ว
ภายใต้สายตาประหลาดใจของผูค้ น ชายหนุ่มเหิ นตัวลงบนลาน
ประลองอย่างหนักแน่น ในขณะที่พ้นื ลานประลองใต้เท้า
สัน่ สะเทือน จากนั้นมันก็มองไปยังเฟิ งเฟยเยียนอย่างสงบ ก่อนจะ
แสดงออกซึ่งความภาคภูมิใจและยกแขนขวาขึ้นเพือ่ แสดง
สัญลักษณ์เข้าร่ วมงานประลองที่ประทับตรา ‘วายุคราม’ ไว้ และ
กล่าว “หยุนเช่อ แห่งจักรวรรดิวายุคราม ยืนยันเข้าร่ วมงาน
ประลอง!”
“อ้า!”
เสี ยงอุทานแผ่วเบายิง่ พลันหลุดออกมาจากริ มฝี ปากของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เกิดเหตุอนั ใดขึ้น?” เฟิ งเหิงคงหันมองไป
โดยรอบอย่างรวดเร็ ว ขณะเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่… ไม่มีอนั ใด” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะ นํ้าเสี ยงของ
นางสัน่ เล็กน้อย “ข้าเพียงแค่คิดถึงบางสิ่ งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และ
เผลอใจลอยไป การเห็นใครบางคนทะยานขึ้นไปบนลานประลอง
หงสา… ข้าเลยตกใจเล็กน้อย… ข้ามิได้เป็ นอันใดจริ งๆ ”
แม้วา่ เฟิ งเหิ งคง จะยังคงกังขาอยู่ ทว่าในที่สุดมันมิได้เอ่ย
ปากถามสิ่ งใดเพิ่ม ในยามนั้นเฟิ งซีเฉิ น ผูซ้ ่ ึงนัง่ อยูเ่ บื้องหลังพลัน
ลุกขึ้นยืนก่อนจะร้องอุทาน “ฝ่ าบาท เป็ นมัน… มันคือหยุนเช่อผู ้
นั้น!”
“มันมาจริ งๆ” เฟิ งซีหมิงกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงธรรมดา “ดู
เหมือนว่ามันยังฉลาดอยูบ่ า้ ง มันคงจะรู ้ตวั แล้วว่า ไม่วา่ มันจะ
หลบหนีไปที่ใด ก็จะมิมีทางรอดพ้นจากอุง้ มือของพวกเราไปได้”
“เป็ นมันงั้นรึ ?” เฟิ งเหิ งคงจ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยัน
ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “ความใจกล้าของมันที่มาเหยียบที่นี่
ในวันนี้ นับได้วา่ เป็ นความกล้าหาญอยูบ่ า้ ง อย่าไปสนใจมัน
ไม่เช่นนั้นมันจะส่ งผลเสี ยต่อการประลองจัดลําดับอื่นๆ ได้ ตั้งแต่
มันเหยียบย่างเข้ามา มันก็มิควรหลอกตนเองว่า ตัวมันจะสามารถ
จากไปได้อย่างปลอดภัย”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รับฟังการสนทนาของพวกมันอย่างเงียบๆ
ทว่าจิตใจของนางกลับสับสนวุน่ วายอย่างยิง่
เฟิ งหลิงหยุน…
หยุนเช่อ…
พี่ใหญ่หยุน… คือหยุนเช่อ
มิใช่เฟิ งหลิงหยุน
เป็ น… ไปได้… อย่างไรกัน
…………………….
“ให้ตายสิ ! เป็ นเขาไปได้อย่างไร!!”
ในมุมของที่นงั่ ผูช้ ม บุคคลรู ปโฉมธรรมดาสามัญยิง่ ผูห้ นึ่ง
ล้วนใจสัน่ เล็กน้อยด้วยใบหน้าประหลาดใจยามเห็นหยุนเช่อกระ
โดดขึ้นไปบนลานประลองหงสา ทันทีที่มนั จบเสี ยงอุทานขึ้นมา
ในใจ เด็กหนุ่มราวสิ บเจ็ดปี ที่นงั่ อยูด่ า้ นขวามือของมันก่อนหน้านี้
พลันลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ วจนเป็ นเสี ยงพรึ บ “ลูกพี่! เป็ นอย่าง
ที่ขา้ คาดไว้ ท่านมาแล้ว ข้ารู ้วา่ ท่านจะมา!! ข้ามิได้มาโดยเปล่า
ประโยชน์… ข้านึกว่าท่านจะไม่มาแล้วเสี ยอีก!”
การที่เห็นเด็กหนุ่มแสดงท่าทางเช่นนี้ ตื่นเต้นจนถึงจุดที่มนั
เกือบหยุดหายใจ ชายหนุ่มถองข้อศอกใส่ เสื้ อของเด็กหนุ่มก่อน
จะถาม “เฮ้ เด็กน้อย เจ้ารู ้จกั คนผูน้ ้ ีรึ? เป็ นไปได้ม้ ยั ว่าเจ้าก็เป็ นผู ้
ที่มาจากจักรวรรดิวายุคราม? ”
“ย่อมใช่ ข้ารู ้จกั เขา!” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“เขาคือลูกพี่ของข้า ท่านรู ้ไหม! เหตุใดข้าถึงมาที่นี่จากแดน
ห่างไกลสุ ดลูกหูลูกตา เพราะเพียงเพื่อที่จะดูการประลองของ
เขา!”
“เขาเป็ นลูกพี่เจ้า? ขุ่นพระ ช่างบังเอิญเสี ยจริ ง! เขาเป็ นพี่
ใหญ่ซ่ ึงได้สาบานไว้ของข้าเช่นกัน! เหตุผลที่ขา้ มาที่… เอ่อ เอ่อ
โอ้ โอ้ คือมาดูการประลองของเขาเช่นกัน!”
“เป็ นเช่นนั้นจริ งรึ ?” เด็กหนุ่มถามในขณะที่มนั จ้องมองชาย
หนุ่มด้วยใบหน้าฉงนสงสัย
“เจ้าชื่ออะไร?”
“หลิงเจี่ย! หลิงเจี่ยแห่งหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ของจักรวรรดิ
วายุคราม” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“หลิงเจี่ย? หลิงหยุนคือผูใ้ ด เป็ นอะไรกับเจ้า?”
“นัน่ พีช่ ายข้า… เจ้ารู ้จกั ชื่อพี่ชายข้าได้อย่างไร?”
“ย่อมใช่ เป็ นเพราะพี่ใหญ่หยุนเคยกล่าวถึง”
“เจ้ารู ้จกั ลูกพี่ขา้ จริ งรึ ? ช่างบังเอิญอะไรเยีย่ งนี้! เจ้าชื่อ
อะไร? มาจากจักรวรรดิใดกัน?”
“โอ้ ชื่อของข้าคือ เยีย่ นเสี่ ยวฮวา มิมีบา้ นช่องมิมีจกั รวรรดิ
ทว่าข้าสามารถบอกเจ้าได้วา่ ยามมองดูคราแรก ข้ามีอายุมากกว่า
เจ้า เจ้าสามารถเรี ยกข้าว่าพี่ใหญ่ฮวา ลูกพี่ฮวา หรื อผูอ้ าวุโสฮวา…
ชื่อใดก็ได้ลว้ นแต่ประเสริ ฐนัก!”
“เยีย่ นเสี่ ยวฮวา? เหตุใดชื่อของเจ้าจึงเหมือนกับชื่อของหญิง
สาวกันเล่า!”
“ย่อมใช่ เป็ นเพราะยามข้าเกิด ข้าทั้งหล่อเหลาและสง่างาม
เช่นนั้นแล้วชื่อของข้าจะต้องสง่างามด้วยเช่นกัน! อย่างน้อยมันก็
ยังดีกว่าชื่อของเจ้าที่ปราศจากลายเส้นยุง่ เหยิง”
“จิ๊!”
การปรากฎตัวของหยุนเช่อ มิตอ้ งสงสัยเลยว่ามันจะ
กลายเป็ นจุดสนใจในทันที ยามตัวแทนของจักรวรรดิท้ งั ห้าเข้าสู่
ลานประลอง เสี ยงเชียร์กึกก้องที่แทบจะดังถึงสรวงสวรรค์ก็
ระเบิดออกมา ทว่ายามนี้ เมื่อหยุนเช่อก้าวขึ้นมาบนลานประลอง
รอบข้างกลับเต็มไปด้วยเสี ยงสนทนาและหัวเราะ… เสี ยงโห่ร้อง
สนับสนุนเป็ นเพียงสิ่ งเดียวที่ขาดหายไป
“ผูเ้ ข้าร่ วมการประลองคนอื่นๆ ล้วนเหินลงมา ณ ประลอง
ทว่ามีเพียงหยุนเช่อผูเ้ ดียวเท่านั้นที่กระโดดขึ้นลานประลอง…
นัน่ แสดงว่าพลังปราณของมันไม่ถึงชั้นปราณฟ้าใช่หรื อไม่?”
“เจ้าโง่นนั่ ! มันมาจากจักรวรรดิวายุคราม จิ๊จิ๊ เจ้ารู ้หรื อไม่
อย่าบอกข้านะ ว่าเจ้าเคยได้ยนิ ว่ามีผมู ้ ีอายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี ใน
จักรวรรดิวายุครามที่มีพลังขั้นลมปราณฟ้า? พลังสู งสุ ดของพวก
มันมีพลังเพียงขั้นปราณปฐพี… ข้าจําได้วา่ ก่อนหน้านี้การ
ประลองเจ็ดจักรวรรดิ ผูเ้ ข้าร่ วมการประลองที่มีระดับสู งสุ ดก็อยู่
เพียงขั้นปราณปฐพี… แท้ที่จริ งแล้ว พวกมันเกือบทั้งหมดล้วนอยู่
ในขั้นลมปราณแท้จริ ง ฮ่าๆๆๆ มันทําให้ขา้ หัวเราะได้ทุกครา ยาม
คิดถึงเรื่ องนี้”
“หวา! มีผคู ้ นบางคนจากจักรวรรดิวายุครามมาจริ งๆ รึ ?
จักรวรรดิเทพหงสาไม่แม้แต่จะจัดเตรี ยมที่นง่ั ของจักรวรรดิวายุ
ครามไว้เสี ยด้วยซํ้า เห็นได้ชดั ว่าพวกมันไม่ได้คิดว่า จะมีคนจาก
จักรวรรดิวายุครามเข้าร่ วมงานประลองครั้งนี้ แต่ชายผูน้ ้ ีกลับขึ้น
ไปด้วยตัวเอง… จิ๊จิ๊ เพียงอยูข่ ้นั ปราณปฐพี ชายผูน้ ้ ีไม่อาจเทียบได้
แม้แต่กบั พลังของข้า เเน่แท้วา่ มันจะต้องเผชิญกับความสิ้ นหวัง
ทั้งหมด?!”
“เจ้าคงไม่รู้เรื่ องนี้ ว่าภายในจักรวรรดิวายุคราม ผูม้ ีพลังชั้น
ปราณปฐพี ที่อายุต่าํ กว่ายีส่ ิ บห้าปี นับว่าเป็ นพลังขั้นสู งสุ ดแล้ว ข้า
เคยได้ยนิ มาว่า อาจารย์ในวังยุทธ์วายุครามซึ่งเป็ นสํานักของ
ราชวงศ์ กลับมีพลังเพียงขั้นลมปราณจิตเท่านั้น สําหรับชั้นปราณ
ปฐพีนี่สามารถ เป็ นได้แม้กระทัง่ เจ้าสํานักสาขาของวังยุทธ์วายุ
คราม”
“บัดซบ! เจ้าพูดจริ งรึ ? เช่นนั้น ข้าจะไม่เป็ นถึงเจ้าสํานัก
สาขาหลักของวังยุทธวายุครามหรื อ หากข้าไป? ฮ่าฮ่าฮ่า… เอ๊ะ?
ไยขึ้นมาเพียงผูเ้ ดียว? อย่าบอกนะว่า จักรวรรดิวายุครามส่ งคนมา
เข้าร่ วมเพียงผูเ้ ดียว?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… ช่างน่าหัวเราะจริ งๆ การหัวเราะเช่นนี้ เพียง
พอที่จะทําให้ศีรษะคนผูห้ นึ่งหลุดออกมาได้ดว้ ยซํ้า แม้นจักวรรดิ
วายุครามมาที่นี่ แต่อย่างน้อยพวกมันก็ควรนําคนมาสิ บคน เพราะ
การแข่งขันในครั้งนี้เป็ นการแข่งขันแบบกลุ่ม… บิดาจะสิ้ นลม
เพราะการหัวเราะนี่แหละ ”
“มันก็ยงั ดีหากพวกมันเข้าร่ วม เมื่อมีจกั รวรรดิวายุครามแล้ว
ตําแหน่งสุดท้ายย่อมไม่ถูกผูอ้ ื่นแย่งชิงไป ”
………………
………………
ภายในลานประลองอันกว้างใหญ่อย่างหาที่เปรี ยบมิได้ ทุก
หัวมุมล้วนเต็มไปด้วยเสี ยงหัวเราะอันป่ าเถื่อนและประชดประชัน
เบื้องหน้าของพวกมันมีชายที่มีพลังเพียงขั้นปราณปฐพี ซํ้ายังได้
เป็ นตัวแทนจากจักรวรรดิวายุคราม มาเข้าร่ วมร่ วมการประลอง
เจ็ดจักรวรรดิ ความรู ้สึก “เหนือกว่า” ที่ไม่อาจสัมผัสได้ระเบิด
ออกภายในใจของพวกมันทั้งหลายจากจักรวรรดิท้ งั หก พวกมัน
จับจ้องไปที่ชายหนุ่มอย่างค่อนข้างขบขัน เวทนา และเยาะเย้ยทาง
สายตา…มากมายราวกับชายหนุ่มกําลังอยูบ่ นสนามทดสอบ
หยุนเช่อคุน้ เคยกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้มากเกินไป การ
ประลองยุทธ์วายุครามครานั้น ยามมันเป็ นตัวแทนวังยุทธ์วายุ
คราม มัน ผูซ้ ่ ึงมีพลังยุทธ์ข้ นั ลมปราณตํ่าที่สุด เคยถูกสบประมาท
และถูกเยาะเย้ยจากแทบผูค้ นทุกคนในปัจจุบนั สุ ม้ เสี ยงและ
สายตาที่จอ้ งมองล้วนอยูร่ อบตัวมันนั้น ดูเหมือน ยามนี้การกระทํา
ของสิ่ งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสองปี ก่อนจะหวนกลับมาอีกครั้ง แค่เวลา
สองปี ที่ผา่ นไป คําสบประมาทจากทุกสุ ม้ เสี ยงมิได้มีผลกระทบ
ต่อมันแม้แต่นอ้ ย อย่างน้อยที่สุดครานี้มนั ก็มิได้มีผลกระทบอัน
ใดเลยอีกต่อไป
ภายในสนามประลอง แม้วา่ จะมีชาวยุทธน้อยคนจาก
จักรวรรดิวายุคราม ทว่านัน่ มิได้หมายความว่าไม่มีผใู ้ ดเลยสักคน
เหตุผลที่พวกมันมาในวันนี้คือเพื่อดูฤทธิ์เดชของหยุนเช่อ เดือนที่
ผ่านมา ยามหยุนเช่อจากจากวังหลวงวายุครามไปจักวรรดิเทพหง
สา ชางว่านเฮ่อก็กระจายข่าวของหยุนเช่อที่จะเป็ นตัวแทน
จักรวรรดิวายุครามในการประลองเจ็ดจักรวรรดิโดยตัวเองต่อผู ้
ฝึ กยุทธทัว่ ทั้งจักรวรรดิในทันที เดิมที มันกล่าวกับหยุนเช่อแล้วว่า
หากชาวยุทธของวายุครามทราบว่ามันจะเข้าร่ วมการประลองใน
การประลองเจ็ดจักรวรรดิ มันอาจจะจุดฉนวนความหวังขึ้นมา
ได้… เพือ่ หวังว่ามันจะลบล้างความอัปยศอดสู ของพวกเราก่อน
หน้านี้! เนื่องเพราะหยุนเช่อเคยสร้างปฏิหาริ ย ์ ที่เป็ นไปไม่ได้ให้
เป็ นไปได้! มันกลายเป็ นกระทัง่ บุคคลในตํานานของชาวยุทธวายุ
คราม
เพราะหากชายหนุ่มเป็ นตัวแทนของจักรวรรดิวายุครามใน
การประลองครั้งนี้ ย่อมแน่นอนว่าหยุนเช่อจะทําให้โลกทั้งโลก
ตกตะลึง ทั้งยังลบล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ได้ดว้ ย!
ในหนึ่งเดือนมานี้ มีชาวยุทธวายุครามมากมายที่หวังและจด
จ่อกับการแข่งขัน มาถึงจักรวรรดิเทพหงสา ดินแดนแสนยิง่ ใหญ่
อันห่างไกล แม้จะมีความแตกต่างระหว่างจํานวนชาวยุทธวายุ
ครามกับจักรวรรดิท้ งั หกที่อยูภ่ ายในเวทีประลองอันแสนใหญ่โต
มันไม่รู้วา่ จํานวนนี้มากมายเพียงใด เมื่อเปรี ยบกับการแข่งขันครั้ง
ก่อนๆ
การเผชิญหน้ากับเสี ยงหัวเราะและเสี ยงเยาะเย้ยของฝูงชน
ชาวยุทธวายุครามที่มีอยูน่ อ้ ยคน จ้องมองไปยังหยุนเช่อ บ้างกํา
หมัดแน่น บ้างข่มใจไว้ และบ้างหัวเราะเย้ยหยัน รอคอยที่จะให้
หยุนเช่อทุบตีพวกมันให้แหลกเป็ นก้อนเนื้อ บางคนที่มิสามารถ
อดทนได้อีกต่อไปกลับเปล่งเสี ยงคํารามออกมา “หุบปาก! ไม่
เพียงหยุนเช่อของพวกข้าเป็ นอันดับหนึ่งของอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์ มัน
ยังเป็ นอันดับหนึ่งของชาวยุทธทัว่ ทั้งโลกหล้าด้วย… แม้มนั จะอยู่
เพียงขั้นลมปรานปฐพี ทว่ามันยังสามารถสู ก้ บั ขั้นปราณ
จักรพรรดิได้! ”
“ปราณขั้นปฐพี… สูก้ บั ปราณจักรพรรดิง้ นั รึ ? วะฮะฮะฮ่า
ฮ่า!!” ราวกับฝูงชนผูช้ มโดยรอบได้ยนิ มุกตลกที่สุดในโลก พวก
มันระเบิดเสี ยงหัวเราะกู่กอ้ งลัน่ “นี่เจ้าหนู ลืมกินยาเขย่าขวดก่อน
ออกจากบ้านมารึ ? ระดับชั้นปฐพีสูก้ บั ระดับชั้นจักรพรรดิง้ นั รึ ?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ชาวยุทธจากจักรวรรดิวายุครามตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลัง่ โดย
ที่ใบหน้ามันแดงกํ่าไปทัว่ ทุกอณูรูขมุ ขน สหายของมันดึงตัวมัน
นัง่ ลงกับที่ดงั เดิมก่อนจะสายศีรษะ “อย่าถือสาพวกมัน! รอ
จนกระทัง่ หยุนเช่อสําแดงเดชเสี ยก่อน แล้วพวกมันจะหุบปากไป
โดยปริ ยาย… หยุนเช่อ! ครานี้… เจ้าต้องกอบกูช้ ื่อเสี ยงเกียรติภูมิ
ของเราชาววายุครามต่อหน้าชาวยุทธทั้งแผ่นดินให้ได้!!”
บทที่ 431 ศักดาเทพหงสา

“เจ้าเองคือหยุนเช่อ?” เฟิ งเฟยเยียนมองสํารวจหยุนเช่อ โดย


ไม่รอคําตอบ มันพลันจับสังเกตุสายเลือดเทพหงสาในร่ างของหยุ
นเช่อโดยพละการ ก่อนจะกล่าวออกมาในทันที “อย่างที่คาด…นี่
หมายความว่า อาณาจักรวายุคราม ส่ งเจ้ามาลําพัง?”
“ถูกต้อง” หยุนเช่อกล่าวอย่างสงบเยือกเย็น
เฟิ งเฟนเยียนลดเสี ยงลงพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “เมื่อเจ้ามา
ที่นี่แล้ว จงลงประลองอย่างราบรื่ น ทันทีท่ีจบงานประลอง จะมี
ผูค้ นไปเสาะหาเจ้าเพื่อสะสางเรื่ องราวของสายเลือดเทพหงสา
ทว่า หากเจ้าปล่อยให้ตนเองตกตายบนสนามประลอง ยังนับว่า
เป็ นตัวเลือกที่ไม่เลว…เฮอะ เช่นนั้น ไปตรวจสอบพลังลมปราณ
ของเจ้าซะ”
สถานที่ที่หยุนเช่อยืนอยูค่ ่อนข้างห่างไกลจากเฟิ งเฟยเยียน
ทว่าพลังกดดันมหาศาลของมันกดทับลงบนร่ างของหยุนเช่ออย่าง
ต่อเนื่อง หากแต่สีหน้าของหยุนเช่อกลับราบเรี ยบราวนํ้านิ่ง
ปราศจากวีแ่ ววผิดปกติใดๆ ชายหนุ่มมิได้กล่าววาจาใดต่อเฟิ งเฟย
เยียนยามเมื่อก้าวเดินออกสู่ ศิลาวัดระดับพลังก่อนจะวางมือของ
ตนลงบนศิลา
สิ บเก้ าปี ชั้นลมปราณปฐพีขนั้ ที่สิบ
ระดับพลังยุทธ์ที่แสดงออกมาบนศิลาวัดระดับพลังแน่นอน
ว่าย่อมนําพามาซึ่ งเสี ยงหัวเราะระลอกใหญ่ หยุนเช่อยกมือออก
จากศิลาวัดพลัง ก่อนจะก้าวเดินอย่างปลอดโปร่ งไปยังสถานที่
เตรี ยมการประลองท่ามกลางสายตาและเสี ยงหัวเราะหมิ่นหยาม
มากมาย สี หน้าของเหล่าผูล้ งประลองของอีกทั้งห้าอาณาจักรที่
หลงเหลือ ยามเมื่อมองมายังร่ างของหยุนเช่อที่กาํ ลังเดินเข้าสู่ ที่นง่ั
ที่ถูกจัดไว้ดว้ ยกัน ไม่มีผใู ้ ดไม่แสดงความหมิ่นแคลน…ภายใน
ความเหยียดหยามนั้น ยังแฝงไว้ดว้ ยความเวทนาและรังเกียจ
เดียดฉันท์ ราวกับว่าการได้บุคคลเช่นนี้เป็ นคู่ต่อสู ้ มีแต่จะแปด
เปื้ อนศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของพวกมันเท่านั้น
หยุนเช่อหยุดยั้งลงตรงมุม ห่างไปทางขวาไม่ไกล คือที่นง่ั
ของอาณาจักรคลื่นนาวี หนึ่งในผูแ้ ข่งขันของอาณาจักรคลื่นนาวี
มองมายังหยุนเช่อพร้อมฉี กยิม้ กว้างขวาง ก่อนจะกล่าววาจา
ออกมาเสี ยงดังพอให้หยุนเช่อสามารถได้ยนิ “ไม่น่าแปลกใจเลย
ขาเฝ้าครุ่ นคิดว่านาม “หยุนเช่อ” ช่างคุน้ เคยนัก ข้านึกออกแล้ว
คล้ายว่าคนที่ได้ตาํ แหน่งอันดับหนึ่งในงานประลองวายุครามสอง
ปี ที่แล้ว เป็ นหยุนเช่อผูน้ ้ ีเอง”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์อีกคนแย้มยิม้ กล่าวว่า “จิ๊จิ๊ ปราณปฐพีข้นั สิ บด้วย
อายุสิบเก้าปี สามารถนับเป็ นยอดอัจฉริ ยะของอาณาจักรกระจ้อย
ร่ อยเช่นวายุครามได้จริ งๆ”
“เหอะ!” หานหรู อวี้กลอกตา ก่อนจะพ่นลมออกจมูก
เล็กน้อย “ก็แค่ตวั ตลกที่น่าสมเพช”
“เหอเหอ ศิษย์นอ้ งหานกล่าวถูกต้อง ทว่าตัวตลกน้อยนี่เป็ น
ถึง “อันดับหนึ่ง” ของยอดยุทธ์วายุครามนะ รู ้ม้ยั ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
หยุนเช่อมองบนคราหนึ่ง ก่อนจะเหลือบตามองไปยังผูค้ น
เหล่านั้น จากนั้นจึงหันกลับไป ไม่เสี ยเวลามองดูอีกเป็ นครั้งที่
สอง
“เป็ นมันจริ งๆ” หลิงคุนมองไปยังหยุนเช่อด้วยสี หน้า
ครุ่ นคิด
“โอ้? ท่านอาวุโสหลิง จดจําขยะธรรมดาสามัญที่มาจากวายุ
ครามผูน้ ้ นั ได้ดว้ ยหรื อ?” เย่ซิงหานกล่าวพลางหรี่ ตา
“เด็กน้อยผูน้ ้ ีมิได้ธรรมดาสามัญเช่นที่เห็นภายนอก” หลิงคุ
นกล่าวตอบคํา ครั้งที่มนั ไปเยือนหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ เป็ นเพราะ
ทักษะการใช้กระบี่หนักอันน่าตกตะลึงของหยุนเช่อที่ทาํ ให้มนั
ออกปากชักชวนชายหนุ่มเข้าร่ วมแดนกระบี่เดชาสวรรค์ จากนั้น
มันพบเห็นสายเลือดหงสาในตัวหยุนเช่อ นี่ยงิ่ สร้างความทรงจํา
ลํ้าลึกให้แก่มนั ไม่กี่เดือนก่อน แดนกระบี่เดชาสวรรค์ได้รับ
ข่าวสารถึงการกระทําอัตวินิบาตกรรมของหยุนชางไห่ ซึ่งย่อม
เป็ นการลบล้างตราผนึกเดชาสวรรค์สะกดวิญญาณที่ลานกระบี่
จัดสรร และความเป็ นจริ งที่วา่ บุคคลที่ถูกกักขังโดยความผิดพลาด
กลับสามารถรอดออกมาได้โดยยังคงมีชีวติ อยู่
มันไม่คาดคิดว่าจะสามารถพบเจอหยุนเช่อได้ในวันนี้
“น้องชายท่านนี้เห็นได้ชดั ว่ามิได้เรี ยบง่ายเช่นเปลือกนอก”
สุ ม้ เสี ยงอ่อนโยนนุ่มนวลของจีเชียนหลัวดังมาจากด้านข้าง “เขามี
ระดับพลังตํ่าต้อยน่าสมเพช ทว่ากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทางสี หน้าภายใต้พลังกดดันของผูอ้ าวุโสใหญ่แห่งพรรคเทพหง
สา ดูสิ ไม่เพียงระดับพลังยุทธ์จะต้อยตํ่า มันยังมาถึงที่นี่โดย
ปราศจากผูใ้ ดสนับสนุน ทั้งยังถูกผูค้ นหมิ่นหยาม…ช่างน่าเวทนา
นัก ทว่าดวงตาลึกซึ้งของเขายังสงบเยือกเย็นถึงเพียงนั้น ช่างเป็ น
เสน่ห์ที่ทาํ ให้ผคู ้ นต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล….”
จีเชียนหลัวบิดหมุนข้อนิ้วของมันเป็ นเกลียวก่อนวาดชิวหา
ออกกวาดเลียรอบริ มฝี ปาก “หากมิใช่มีขวัญกล้าบังอาจ เช่นนั้น
น้องชายท่านนี้ยอ่ มต้องมีเรื่ องราวลึกลับมากหลาย…สิ่ งสําคัญก็
คือ…คนช่างเติบโตขึ้นมาอย่างรู ปโฉมงดงามดึงดูดใจยิง่ เป็ นบุรุษ
ประเภทที่ผอู ้ ื่นชมชอบที่สุด…”
กิริยาท่าทาง รวมทั้งสองแก้มที่แดงกํ่าดังลูกท้อของจีเชียน
หลัวส่ งผลให้เย่ซิงหานต้องเสี ยวสันหลังวาบ มันแทบกระอักเอา
อาหารที่รับประทานเข้าไปเมื่อวานออกมาจนหมดสิ้ น
หลังจากอาณาจักรทั้งหกผ่านพ้น ต่อมาคือหัวหน้า
อาณาจักรทั้งเจ็ดแห่งทวีปลมปราณฟ้า…อาณาจักรเทพหงสา!
“ศิษย์เทพหงสา ขึ้นสู่ เวที!” เฟิ งเฟยเยียนหมุนกายเผชิญหน้า
กับที่นงั่ ของพรรคเทพหงสาพร้อมทั้งคํารามลัน่
ทันทีที่สิ้นเสี ยง เงาร่ างสิ บร่ างทะยานขึ้นจากที่นงั่ พรรคเทพ
หงสา ก่อนจะแปรสภาพเป็ นเงาหงส์เพลิงสิ บสายพวยพุง่ สุ่ ทอ้ งฟ้า
ร่ างทั้งสิ บปรากฏเพลิงเทพหงสาลุกท่วมร่ างกาย ล่องลอยกลาง
อากาศราววิหคเพลิงร่ ายรํา ปลดปล่อยพลังไฟแผดเผาและแรง
กดดันมหาศาล อุณหภูมิสูงจนแทบเผาไหม้ถาโถมเข้าใส่ ทว่ั
บริ เวณราวคลื่นมหาสมุทรท่วมท้นรอยบอัฒจรรย์ในพริ บตา
ส่ งผลให้ผทู ้ ี่มีระดับพลังยุทธ์ตอ้ ยตํ่ารู ้สึกราวกับร่ างของพวกมัน
กําลังจะลุกโชติดว้ ยเปลวเพลิง
การปรากฏตัวของศิษย์พรรคเทพหงสา มิได้นาํ มาซึ่ งเสี ยง
โห่ร้องสนับสนุนเช่นอาณาจักรอื่นๆ ในฐานะฝ่ ายเหย้า ผูค้ นที่มา
ให้กาํ ลังใจของพรรคเทพหงสาย่อมมีจาํ นวนมากที่สุด ทว่าสายตา
ของพวกมันเพียงจับจ้องไปยังหงส์เพลิงที่ร่ายระบํากลางอากาศ
ด้วยสายตาเร่ าร้อน ปราศจากเสี ยงโห่ร้องวุน่ วายอันใด…เนื่อง
เพราะ จักรวรรดิเทพหงสาคือราชันชัว่ กาลนาน เป็ นราชันเหนือ
ราชันที่ไม่มีวนั ถูกโค่นล้มได้! พวกมันต่างไม่จาํ เป็ นต้องกู่ร้อง
หนุนเนื่อง ทั้งไม่ตอ้ งเรี ยกขวัญกําลังใจอันใดทั้งสิ้ น แม้พวกมัน
ทั้งหมดจะดํารงฐานะผูเ้ ข้าร่ วมการแข่งขันเช่นกัน ทว่าในสายตา
ของประชาชนทัว่ ไปแห่งจักรวรรดิเทพหงสาแล้ว พวกมันล้วนไม่
ต่างจากผูต้ ดั สิ นที่ลงไปในสนามแข่ง!
อัคคีเทพหงสาสิ บสายบินฉวัดเฉวียนเข้าใกล้เวทีหงสา
จากนั้น ทั้งหมดทิ้งร่ างลงโดยพร้อมเพรี ยงพร้อมเสี ยงหงส์ก่คู รา
หนึ่ง ชัว่ วินาทีที่พวกมันทั้งหมดแตะลงบนพื้นเวที เพลิงเทพหงสา
ล้วนอันตรธานไปสิ้น เปิ ดเผยร่ างเยาว์วยั ทั้งสิ บที่สวมใส่ ชุดหงส์
เพลิงแดงฉานเร่ าร้อนบนลานเวที
วิธีการลงสู่ เวทีของพรรคเทพหงสา ก่อเกิดพลังไร้รูปแบบ
ชนิดหนึ่งสะกดข่มการขึ้นสู่ เวทีของหกอาณาจักรที่หลงเหลือจน
หมดสิ้ น ศิษย์พรรคเทพหงสามิได้เคลื่อนไหวอื่นใดอีก ทั้งไม่กา้ ว
เดินไปเบื้องหน้า ทั้งไม่ประกาศนามยามวางฝ่ ามือลงบนศิลาวัด
พลัง
ศิลาวัดระดับพลังยุทธ์เรื องรองขึ้น …ที่แตกต่างไปคือครานี้
ศิลาไม่เพียงแสดงระดับพลังและอายุ หากแต่ยงั แสดงนามของผู ้
เข้ารับการทดสอบอีกด้วย
เฟิ งเฟยไป๋ —– ยีส่ ิ บสี่ ปี —— ปราณจักรพรรดิข้นั ที่หา้
ทัว่ ทั้งลานประลองเต็มไปด้วยเสี ยงอื้ออึง เพียงศิษย์คนแรก
ที่ข้ ึนวัดระดับพลัง ก็มีพลังยุทธ์เหนือกว่าทุกอาณาจักรทั้งหก
รวมกัน …หากเพียงมีแต่เสี ยงร้องอุทานด้วยความตื่นตะลึงเท่านั้น
ปราศจากเสี ยงโห่ร้องสนับสนุนอันใด เนื่องเพราะผูท้ ี่อุทานด้วย
ความตกใจ ต่างเป็ นผูค้ นจากอีกหกจักรวรรดิเท่านั้น ขณะที่ผคู ้ น
จากจักรวรรดิเทพหงสาต่างปราศจากท่าทีตื่นเต้น เนื่องเพราะ
แสนยานุภาพระดับที่สามารถหักล้างฝ่ ายตรงข้ามโดยสิ้ นเชิงเช่นนี้
ช่างธรรมดาสามัญยิง่ ในสายตาพวกมัน
จากนั้น เหล่าอาณาจักรทั้งหกที่หลงเหลือต่างค้นพบภายใต้
ความแตกตื่นอย่างถึงที่สุด ว่าเฟิ งเฟยไป๋ ผูท้ ี่มีระดับพลังฝี มือสู งส่ ง
น่าหวาดหวัน่ ในสายตาของพวกมัน จนสามารถท้าทายสวรรค์
กลับเป็ นเพียงศิษย์ที่อ่อนด้อยที่สุดในบรรดาศิษย์ท้ งั สิ บที่ข้ ึนไป
บนเวที
เฟิ งหลิงหยุน ——- ยีส่ ิ บสามปี ——- ปราณจักรพรรดิข้นั
หก!
บุคคลที่สองที่ข้ ึนมา เป็ นสตรี ท่าทางองอาจ ผมตัดสั้น ยาม
ที่ระดับพลังและอายุของนางถูกแสดงออก ผูค้ นอุทานด้วยตก
ตะลึงอีกครา กระทัง่ หยุนเช่อยังต้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ปราณจักรพรรดิข้นั หก ระดับเดียวกับหลิงเทียนหนี่! ไม่
ต้องกล่าวถึงหลิงเทียนหนี่ที่อายุร้อยกว่าปี ทั้งเป็ นที่กล่าวขานว่า
คือยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม! ทว่า เฟิ งหลิง
หยุนผูน้ ้ ี ที่มีอายุยสี่ ิ บสามปี ! ยังเป็ นได้เพียงยอดฝี มือรุ่ นเยาว์
ของจักรวรรดิเทพหงสา…ยิง่ กว่านั้น นางยังเป็ นสตรี !
สตรี ที่อายุยสี่ ิ บสามปี ศิษย์แห่งพรรคเทพหงสา กลับมีระดับ
พลังเท่าเทียมกับยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิวายุคราม เป็ น
ความแตกต่างราวสวรรค์และโลกมนุษย์ ทําให้หยุนเช่อมิอาจไม่
ทอดถอนใจ
เฟิ งป๋ ออี้ —- ยีส่ ิ บห้าปี —- ปราณจักรพรรดิข้นั หก
เฟิ งหลันซาน —- ยีส่ ิ บสี่ ปี — ปรารจักรพรรดิข้นั หก
เฟิ งหมิงจู —– ยีส่ ิ บสามปี —- ปราณจักรพรรดิข้นั หก
…………
…………
ศิษย์เทพหงสาทยอยขึ้นมาทีละคน ตัวอักษรที่ปรากฏขึ้น
บนศิลาวัดระดับส่ งผลให้ผคู ้ นจากทั้งหกจักรวรรดิปากอ้าตาค้าง
เป็ นทิวแถว กรามของพวกมันต่างไม่อาจหุบลงได้เป็ นเวลานาน
ตามจริ งแล้ว พวกมันต่างตระหนักดีวา่ ระยะห่างระหว่าง
อาณาจักรทั้งหกและจักรวรรดิเทพหงสาทิ้งห่างกันอยูช่ ่วงใหญ่
หากแต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกมันจึงสามารถตระหนักถึง
ความห่างไกลที่แท้จริ งของช่องว่างนี้!
ท่ามกลางจักรวรรดิท้ งั หก มีเพียงราชันสองคน …หนึ่งคือ
ปราณจักรพรรดิข้นั หนึ่ง อีกหนึ่งคือปราณจักรพรรดิข้นั สอง
ราชันทั้งสองต่างอายุได้ยสี่ ิ บห้าปี สามารถเรี ยกได้เป็ นความ
ภาคภูมิที่ยงิ่ ใหญ่ที่สุดแห่งอาณาจักรคลื่นนาวีและอาณาจักรมาร
ทมิฬในรอบหลายร้อยปี ทั้งยังสามารถเรี ยกได้วา่ เป็ นเรื่ อง
มหัศจรรย์อย่างยิง่ สําหรับพวกมัน
ทว่า กระทัง่ ศิษย์เทพหงสาที่มีระดับพลังอ่อนด้อยที่สุด
ยังคงเหนือกว่าพวกมันเกือบครึ่ งช่วงชั้น!
ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นครึ่ งช่วงชั้นของระดับชั้นปราณ
จักรพรรดิ!!
ความแตกต่างนี้ไม่ต่างจากแสงเทียนหรุ บหรู่ และแสง
จันทราเฉิ ดฉาย มิอาจเทียบเปรี ยบกันแม้แต่นอ้ ย
“น-น-น..นี่จริ งรึ คนจากพรรคเทพหงสา ช่าง…ทรงพลังถึง
ระดับนี้?” ทัว่ ร่ างของหลิงเจี่ยนิ่งงันด้วยตกตะลึง ยิง่ จ้องมองไปยัง
ตัวอักษรบนศิลาวัดระดับพลัง มันยิง่ ไม่อาจเชื่อสายตาของมันเอง
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็ นเพียงศิษย์รุ่ นเยาว์ของพรรคเทพหงสา…หาก
พลังฝี มือล้วนไม่มีผใู ้ ดอ่อนด้อยไปกว่าท่านปู่ หลิงเทียนหนี่ของ
มัน!
ท่านปู่ ที่ได้รับการยอมรับเป็ นยอดยุทธ์อนั ดับหนึ่งของ
อาณาจักรวายุคราม เพียงสามารถเทียบได้กบั ศิษย์รุ่ นหลังที่ยงั ไม่
ทันอายุครบยีส่ ิ บห้าปี ของพรรคเทพหงสา!!
ช่างเป็ นความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง จนหลิงเจี่ยยากที่จะ
ยอมรับได้…
“แน่นอน ข้ารู ้ดีวา่ น้องชายจากวายุครามเช่นเจ้าต้องแตกตื่น
อยูแ่ ล้ว” ฮวาหมิงไห่สีหน้าเรี ยบเฉื่ อยขณะกล่าววาจาอย่างเชื่องช้า
“จิ๊จิ๊ ระยะห่างระหว่างอาณาจักรเข้มแข็งเช่นมารทมิฬและคลื่น
นาวีกบั อาณาจักรเทพหงสา ช่างไม่ต่างจากฟ้ากับเหว ดังนั้น เมื่อ
พูดถึงวายุครามของเจ้า อืมมม์… ข้าได้ฟังมาว่า ในวายุคราม ชั้น
ปราณจักรพรรดินบั เป็ นชั้นสู งสุ ด? ทว่าในพรรคเทพหงสา ปราณ
จักรพรรดิช่างหาได้กลาดเกลื่อนทัว่ ไปดังสุ นขั หากมิอาจขึ้นสู่ ช้ นั
ปราณฟ้าด้วยอายุสิบแปดปี หรื อชั้นปราณจักรพรรดิดว้ ยอายุยสี่ ิ บ
ห้าปี แล้ว พวกมันต่างไม่มีหน้าเรี ยกตนเองเป็ นศิษย์เทพหงสาได้”
หลิงเจี่ยกลํ้ากลืนนํ้าลายลงคออย่างยากลําบาก ไม่อาจกล่าว
วาจาอยูเ่ ป็ นนาน ยิง่ มองเห็นเหล่าศิษย์แต่ละคนที่มีระดับพลังยุทธ์
สู งส่ งสุ ดยอดจนไม่อาจบรรยาย ตัวเด็กหนุ่มที่มีความมัน่ ใจเต็ม
เปี่ ยมในตัวของหยุนเช่อ ณ บัดนี้กลับแทบสู ญสลายความเชื่อมัน่
ส่ วนนั้นไปจนหมดสิ้ น ครึ่ งปี ก่อน หยุนเช่อถูกซัดจนปางตาย
กระทัง่ รวมกําลังกับเซี่ยฉิ งเยว่จึงสามารถเอาชนะปราณจักรพรรดิ
ขั้นหกหลิงเทียนหนี่ได้…ทว่ายามนี้ ผูค้ นจากพรรคเทพหงสาล้วน
แต่เป็ นบุคคลที่มีความเข้มแข็งไม่ดอ้ ยไปกว่าปู่ ของมันทั้งสิ้ น
ขณะที่ทางด้านของวายุครามแล้ว มีเพียงหยุนเช่อลําพัง
เท่านั้น!
หยุนเช่อจะเล่นลูกไม้ใดได้!?
ฮวาหมิงไห่ใช้สีหน้าเสื่ อมเสี ยความรู ้สึกเหล่มองไปทางห
ลิงเจี่ย พร้อมคาดเดาความคิดที่อยูภ่ ายในใจของเด็กหนุ่มได้
ในทันที “แดมมมน์! เจ้าหนู อย่าบอกนะว่าเจ้ามาที่นี่โดยมี
ความคิดสูงส่ งว่าลูกพี่หยุนจะสามารถเอาชนะพรรคเทพหงสา?
เจ้าสวาปามยาละลายสมองไปหรื ออย่างไร!”
“อืมม…” หลิงเจี่ยเกาศีรษะ ก่อนกล่าววาจาออกมาอย่าง
เงื่องหงอย “เนื่องเพราะลูกพี่แข็งแกร่ งเกินขีดจํากัด ทั้งยังสามารถ
โค่นล้มท่านปู่ ของข้า ดังนั้น ข้าเชื่อมัน่ มาตลอดว่า ในบรรดายอด
ยุทธ์รุ่นเยาว์ในอาณาจักรวายุคราม ลูกพี่ลว้ นสู งส่ งไร้คู่ต่อกร…ข้า
คาดไม่ถึงมาก่อนว่าพรรคเทพหงสาจะยอดเยีย่ มถึงเพียงนี้ นี่
นับว่า…ช่างน่าขันจริ งๆ”
“น่าขบขันสิ้ นดี” ฮวาหมิงไห่สีหน้าประดุจดังกําลังมองดูคนโง่
เขลาไร้ปัญญาผูห้ นึ่ง “เจ้าคิดว่าประวัติศาสตร์หา้ ร้อยปี ของพรรค
เทพหงสาและสายเลือดเทวะในร่ างของพวกมันไร้ค่าอย่างนั้นรึ ?
เช่นนั้นข้าจะขอบอกเจ้าเอาบุญ เพียงแค่การประลองเจ็ดจักรวรรดิ
พรรคเทพหงสาไม่จาํ เป็ นต้องเอาจริ งแม้แต่นอ้ ย แม้รุ่นเยาว์ท้ งั สิ บ
อาจเป็ นยอดยุทธ์รุ่ นหลังที่แข็งแกร่ งที่สุดที่อายุนอ้ ยกว่ายีส่ ิ บห้าปี
แต่จงอย่าได้สาํ คัญผิดว่าพรรคเทพหงสาจะหงายไพ่ตายของพวก
มันออกมาในสถานการณ์ที่ไม่มีความจําเป็ นเช่นนี้โดยเด็ดขาด
ช่างเถอะ ข้าสงสัยว่าหากข้ายังคงพูดต่อไป จิตใจอ่อนไหวบอบ
บางของเจ้าคงไม่อาจยอมรับได้ เอาอย่างนี้ พี่ชายจะขอยัดเยียด
สุ ภาษิตนี้ให้แก่เจ้า อืมม์ เจ้ากบในกะลา”
สายตาของหลิงเจี่ยจับจ้องโดยไม่คลาดเคลื่อน เด็กหนุ่ม
มิได้กล่าววาจาอันใดอยูเ่ ป็ นนาน ความเชื่อมัน่ ของหลิงเจี่ยได้รับ
ความกระทบกระเทือนอย่างใหญ่หลวง ในจักรวรรดิวายุคราม
เด็กหนุ่มคือวีรบุรุษรุ่ นเยาว์ที่นามกระเดื่องเลื่องแผ่นดิน ได้รับการ
ยอมรับมากกว่าหลิงหยุนผูพ้ ี่ ทว่าในจักรวรรดิเทพหงสาแห่งนี้…
กลับเป็ นที่ระคายเคืองสายตาเกินกว่าจะมองดูได้
บทที่ 432 คู่แรก: คลื่นนาวี ปะทะ วายุคราม

เมื่อเห็นว่าจิตใจของหลิงเจี่ยถูกกระทบกระเทือนอย่าง
รุ นแรงราวกับทําให้ความเชื่อของเด็กหนุ่มพังทลายลง ฮวาหมิง
ไห่จึงอดมิได้ที่จะปลุกปลอบเด็กหนุ่มโดยพลัน “เจ้าเองก็ไม่ตอ้ ง
หมดอาลัยตายอยากเช่นนั้น ข้าก็ได้เห็นความแข็งแกร่ งของลูกพี่
หยุนด้วยตาตนเอง แม้วา่ เป็ นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะพวกผิดปกติ
จากตระกูลเทพหงสา แต่การรับมืออีกห้าอาณาจักรที่เหลือย่อม
มิใช่ปัญหาอันใด… อืม อืม แม้จะหนึ่งต่อสิ บก็ไม่มีปัญหา! เพียง
บุคคลเดียวรับมือคนนับสิ บด้วยฐานะผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุ
คราม น่าประทับใจจะตายไป! ทั้งยังน่าตื่นตะลึง! ต่อไปอาณาจักร
วายุครามจะมีช่ือเสี ยงเกียรติยศขึ้นอย่างมาก! นามของลูกพี่หยุน
จะดังก้องไปทัว่ เจ็ดจักรวรรดิ สะท้านสะเทือนผืนพิภพ! และ
เจ้า…เอ่อ และข้า จะได้เป็ นสักขีพยานเหตุการณ์ท้งั หมดนี้!”
เมื่อฮวาหมิงไห่กล่าวเช่นนั้น จิตวิญญาณของหลิงเจี่ยพลัน
สะท้านขึ้น อารมณ์ของเด็กหนุ่มได้เปลี่ยนเป็ นแจ่มใสขึ้นใน
ฉับพลัน หลิงเจี่ยพยักหน้าตอบโดยแรง “ใช่แล้ว ถูกต้อง! พี่ใหญ่ฮ
วา ท่านพูดถูกแล้ว! ลูกพี่ ท่านต้องพยายามให้เต็มที่นะ…อาาา!
แค่คิดว่าลูกพีก่ าํ ลังจะเอาชนะคนสิ บคนเพียงลําพังและตบหน้าทุก
คนที่เคยดูหมิ่นอาณาจักรวายุคราม… ข้าก็แทบคุมความตื่นเต้นไว้
ไม่อยูแ่ ล้ว!”
.
“อืม! มีกาํ ลังใจเช่นนี้ดีข้ ึนอย่างมาก” ฮวาหมิงไห่ผงกหัว
อย่างพึงพอใจ และเมื่อกวาดสายตามองไปรอบลานประลอง
สายตาของมันกลับกลายเป็ นหนักอึ้ง…
เรื่ องการประลองในรอบต่ างๆ และผลการประลองล้ วน
เป็ นเรื่ องรอง
แต่ เรื่ องเกีย่ วกับสายโลหิ ตเทพหงสาในร่ างของท่ าน… ท่ าน
จะผ่ านพ้ นมันไปเช่ นไร? ที่ท่านจงใจมาร่ วมการประลองในครั้ งนี ้
สมควรจะเป็ นเพราะเรื่ องสายโลหิ ต…
“อ้อ ใช่แล้ว พี่ใหญ่ฮวา ท่านชื่อว่า ‘เยีย่ นเสี่ ยวฮวา’ จริ งรึ ?
เหตุใดข้าจึงรู ้สึกอยูต่ ลอดเวลาว่าชื่อของท่าน… เหมือนเป็ นชื่อ
ปลอม”
ฮวาหมิงไห่หนั กลับมาจับจ้องที่หลิงเจี่ย และกล่าวอย่าง
จริ งจังยิง่ “ไม่รู้เลยนะนี่… ว่าเจ้าเองก็ฉลาดอยูบ่ า้ งเล็กน้อย
เหมือนกัน”
การวัดระดับพลังปราณของผูร้ ่ วมการประลองจากพรรค
เทพหงสาเสร็ จสิ้ นลงอย่างรวดเร็ ว นอกจากเฟิ งเฟยไป๋ ที่อยูร่ ะดับ
ปราณจักรพรรดิข้นั ที่หา้ แล้ว อีกแปดคนที่เหลือล้วนอยูร่ ะดับ
ปราณจักรพรรดิข้นั ที่หกทั้งสิ้ น
เป็ นเวลานั้นเองที่ตวั แทนจากพรรคเทพหงสาคนที่สิบได้
ก้าวย่างออกมา… ใบหน้าของมันสงบนิ่งราวกับผืนนํ้า ใบหน้า
แฝงรอยยิม้ บาง ระหว่างคิ้วทั้งสองฉายประกายความสู งศักดิ์
ออกมาโดยธรรมชาติ อาภรณ์ของมันแตกต่างจากอีกเก้าคนที่
เหลืออยูบ่ า้ ง บนอาภรณ์หงสาสี แดงเพลิงนั้นได้ปักอักษรสี ทอง
สว่างจ้าเป็ นคําว่า “เฟิ ง” และอาภรณ์หงสาที่ปักด้วยทองนั้นบ่ง
บอกว่าผูท้ ี่สวมใส่ มนั เป็ นทายาทสายตรงแห่งราชวงศ์เทพหงสา
หลังจากเสี ยงย่างท้าวของชายหนุ่ม ในที่สุดร่ องรอยแห่ง
ความปั่นป่ วนก็เริ่ มปรากฏขึ้นจากที่นงั่ ฝั่งจักรวรรดิเทพหงสา
พร้อมกับที่เสี ยงอุทานด้วยความตื่นใจก็ดงั ก้องขึ้น
“นัน่ …องค์ชายสิ บสี่ !”
“หวาาา! องค์ชายสิ บสี่ เข้าร่ วมการประลองนี้ดว้ ยพระองค์
เลยเลยหรื อนี่!”
“ข้าได้ยนิ มาว่าองค์ชายสิ บสี่ เปี่ ยมพรสวรรค์ยงิ่ องค์ชาย
อื่นๆ หรื อกระทัง่ องค์รัชทายาทยังไม่มีพรสวรรค์เทียบเท่า เรี ยก
ได้วา่ พระองค์เป็ นอันดับหนึ่งแห่งผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งจักรวรรดิ
เทพหงสา! เมื่อองค์ชายมีพระชันษาเพียงสิ บปี พระองค์บรรลุถึง
ขั้นปราณฟ้าแล้ว”
นํ้าเสี ยงร้อนรนเหล่านั้นทําให้ความสนใจของหยุนเช่อทุ่ม
ไปที่ร่างของ “องค์ชายสิ บสี่ ” ผูน้ ้ ี แม้วา่ จะเป็ นองค์ชายเหมือนกัน
แต่ความแตกต่างระหว่างมันและองค์ชายสิ บสาม-เฟิ นซีเฉิ น ที่หยุ
นเช่อรู ้สึกได้น้ นั ราวกับฟ้าและดิน คนผูน้ ้ ีมีคลื่นพลังแห่งความ
สู งส่ งหยิง่ ทระนงที่สลักลึกลงถึงกระดูกโดยไม่คิดใส่ ใจที่จะเก็บ
กักความยโสโอหังไว้เลยแม้แต่นอ้ ย ทั้งยังมี… พลังกดดัน
บางอย่างที่ส่งตรงถึงจิตใจของผูค้ น
คนผู้นี… ้
เฟิ งซี ลวั่ —— ยีส่ ิ บสองปี —— ระดับปราณจักรพรรดิข้นั ที่
แปด
โอวววววว!!!!!
เสี ยงโห่ร้องครั้งแล้วครั้งเล่าที่มีให้กบั ยอดอัจฉริ ยะทั้งเก้า
แห่งจักรวรรดิเทพหงสาก่อนหน้านี้รวมกันยังมิอาจเทียบได้กบั
ความแตกตื่นในเวลาอันสั้นนี้ มิเพียงผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรทั้ง
หก แต่กระทัง่ ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากจักรวรรดิเทพหงสายังกลายเป็ นนิ่งงัน
โง่งมในฉับพลัน พวกมันล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง
แม้วา่ จะน่าตื่นตกใจถึงขีดสุ ด แต่การบรรลุถึงระดับปราณ
จักรพรรดิข้ นั กลางเมื่อมีอายุยสี่ ิ บห้าปี สําหรับชาวจักรวรรดิเทพ
หงสานั้นยังถือว่าพอรับได้
แต่การบรรลุถึงระดับปราณจักรพรรดิข้นั ปลายด้วยวัยเพียง
ยีส่ ิ บสองปี … ราชันขั้นสู งที่อายุเพียงยีส่ ิ บสอง! กระทัง่ ใน
จักรวรรดิเทพหงสาซึ่งมียอดยุทธ์อนั แข็งแกร่ งอยูม่ ากมายราวกับ
ก้อนเมฆบนท้องฟ้า นี่ยงั เกือบเรี ยกได้วา่ เป็ นตํานาน!
ดวงตาของเฟิ งซีลวั่ ทั้งสงบและเรี ยบนิ่ง มันรับเสี ยงร้องตื่น
ตะลึงและดวงตาที่ราวกับกําลังจ้องมองบุตรแห่งเทพเจ้าด้วย
รอยยิม้ บาง สายตาของหยุนเช่อจับจ้องอยูท่ ี่มนั ครู่ ใหญ่ คิ้วของ
ชายหนุ่มขมวดมุ่น
ความแข็งแกร่ งของคนผูน้ ้ ี… กลับเทียบเคียงได้กบั เฟิ งชือ
หัวที่ชายหนุ่มต้องใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่เก็บงําไว้เพื่อเอาชนะ
จนกระทัง่ เกือบแลกมาด้วยชีวติ !
กระทัง่ ในพรรคเทพหงสาเอง ตําแหน่งของเฟิ งชือหัวมิได้
ต้อยตํ่าเลยแม้แต่นอ้ ย ทั้งมันเองก็อายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี แล้ว…
แต่องค์ชายสิ บสี่ ผนู ้ ้ ี กลับมีอายุเพียงยีส่ ิ บสองปี เท่านั้น!
นี่แน่นอนว่าเป็ นบุคคลที่เปี่ ยมพรสวรรค์เชิงยุทธ์ที่สุดที่ชาย
หนุ่มเคยพบเจอมาในทวีปลมปราณฟ้า
“อืมม์ น่าประหลาดใจจริ ง องค์ชายสิ บสี่ กลับทะลวงระดับ
พลังได้อีกครา” ผูอ้ าวุโสที่สามเฟิ งเฟยหรานอุทาน “ช่างเปี่ ยม
ความสามารถ น่าตื่นตะลึงโดยแท้จริ ง ดูคล้าย อาจมีความหวัง
บรรลุถึงชั้นทรราชย์ได้ก่อนอายุส่ี สิบปี …ร้อยปี ต่อไป พระองค์
ย่อมต้องเข้าสู่ ช้ นั ราชันย์จกั รพรรดิได้แน่นอน”
“ที่ท่านผูอ้ าวุโสที่สามกล่าวล้วนถูกต้อง พรสวรรค์ขององค์
ชายสิ บสี่ น่าแตกตื่นโดยแท้จริ ง ทั้งยังไม่อาจหาผูใ้ ดเสมอเหมือน
ได้ในรอบหนึ่งพันปี ของพรรคเรา ในฐานะพี่ชาย ข้าช่างอ่อนด้อย
นัก” เฟิ งซีหมิงกล่าว กึ่งตัดพ้อกึ่งถ่อมตน
หากมองไปยังองค์ชายพระองค์อื่นในที่น้ ี บางคนมีสีหน้า
สงบเยือกเย็น ทั้งยังผงกศีรษะรับ…ทว่า ภายในส่ วนลึกในแววตา
ทุกพระองค์ต่างปรากฏแววแห่งความริ ษยาวูบขึ้นอย่างไม่อาจ
สะกดระงับได้โดยไม่มียกเว้น
“ไม่เลว” เฟิ งเหิ งคงผูเ้ ข้มงวดต่อบุตรชายเสมอมา ยังต้อง
ผงกศีรษะรับ รอยยิม้ ชื่นชมยินดีระดับอยูบ่ นพระโอษฐ์
“โฮ่ ดูคล้ายพรรคเทพหงสากําเนิดวีรบุรุษอายุเยาว์อีกแล้ว”
จีเชียนหลัวกล่าววาจาพลางแย้มยิม้ คนคล้ายกําลังเล่นกับนิ้วเรี ยว
งามดุจลําเทียนของตนเอง
“เฮอะ! นัน่ ยังไม่อาจเรี ยกขานเป็ นวีรบุรุษแห่งเจ็ดจักวรรดิ
ได้” เย่ซิงหานหัวร่ อเยาะเย้ย มันหรี่ ตาเล็กลง เสพรับการปรนิบตั ิ
จากสตรี งดงามทั้งสองที่บีบนวดร่ างกายของมันอยู่ สายตาของมัน
ตวัดมองไปทางเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หลายต่อหลายครา ก้นบึ้งในแววตา
สะท้อนประกายเพลิงปรารถนาอันร้อนแรง
“น่าเสี ยดาย หากใบหน้าของมันมิใช่แบบที่ผอู ้ ื่นชมชอบ มิ
เช่นนั้น ยามรํ่าดื่มสุ รากับคงคง มันเองสามารถมาร่ วมวงด้วยได้…
ฮืมมม์”
เย่ซิงหานหุบปากลงอย่างชาญฉลาด ปฏิเสธการร่ วมวง
สนทนากับสิ่ งมีชีวติ เช่นจีเชียนหลัว
ศิษย์ท้ งั สิ บคนแห่งพรรคเทพหงสาล้วนลงจากเวที ก้าวเข้าสู่
สถานที่เตรี ยมการประลองยุทธ บนลานประลอง เฟิ งเฟยเยียน
ประกาศว่า “ศิษย์รุ่นเยาว์ตวั แทนของทั้งเจ็ดจักรวรรดิเข้าประจําที่
เรี ยบร้อยแล้ว แม้ระดับพลังยุทธ์เป็ นสิ่ งสําคัญที่สุดในการวัด
ความเหลื่อมลํ้าทางฝี มือของผูฝ้ ึ กยุทธ์ หากมิใช่วา่ สามารถวัดเทียบ
ความสามารถที่แท้จริ งทั้งหมดของผูฝ้ ึ กยุทธ์ได้! จํานวนยอดฝี มือ
ในโลกนี้มีมากมายนับพันล้านคน ยิง่ ผูค้ นที่สามารถท้าทายผูท้ ี่มี
ระดับพลังยุทธ์เหนือกว่าได้ยง่ิ ไม่อาจนับคํานวณหมดสิ้ น! การจัด
อันดับพลังฝี มือขั้นสุ ดท้าย จะอย่างไรยังคงต้องพึ่งพาทักษะยุทธ์ที่
แท้จริ งของเหล่ายอดฝี มือทั้งเจ็ดจักรวรรดิ…ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นการ
จัดอันดับจากพลังฝี มือเฉลี่ยของสิ บยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์ของจักรวรรดิ
ทั้งเจ็ดอีกด้วย!”
“ลําดับการขึ้นสู่ เวทีประลองจะถูกสุ่ มขึ้นมาโดยศิลาปราณ
ระหว่างการประลอง เหล่าผุฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หมดมิได้รับอนุญาตให้
ออกจากบริ เวณกลางลานประลอง ทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้
โอสถที่มีคุณสมบัติเพิม่ พูนพลังลมปราณกะทันหันชัว่ คราวใดๆ มิ
เช่นนั้นจะถูกตัดสิ ทธิ์การแข่งขัน ระหว่างการแข่งขัน หากผูร้ ่ วม
ประลองยุทธ์มิอาจลุกขึ้นได้ภายในสิ บอึดใจ สิ้ นสติ กระทําผิด
กติกา หรื อถูกกระแทกตกเวทีหงสา ทั้งหมดล้วนนับเป็ นการพ่าย
แพ้ ทันทีที่ผเู ้ ข้าแข่งขันทั้งหมดของอาณาจักรนั้นๆ ถูกปรับพ่าย
แพ้หมดสิ้ น การแข่งขันรอบนั้นจึงถือว่าสิ้ นสุ ดลง บนเวทีหงสา ผู ้
ลงประลองสามารถใช้อาวุธและเครื่ องป้องกันต่างๆ ทว่าห้ามใช้
พิษหรื ออุปกรณ์ลอบสังหารใดๆ วิธีการหรื อกลวิธีต่างๆล้วน
สามารถใช้ออกได้ ไม่วา่ จะน่าละอายหรื อชัว่ ช้าเพียงไหน เนื่อง
เพราะศาสตรา สติปัญญา และความยืดหยุน่ ต่อสถานการณ์ ล้วน
นับรวมเป็ นหนึ่งในความสามารถโดยรวมของบุคคลทั้งสิ้ น!”
“ไม่ตอ้ งเสี ยเวลากล่าววาจาไร้สาระ ข้าขอเปิ ดงานประลอง
เจ็ดจักรวรรดิอย่างเป็ นทางการ ณ บัดนี้!!”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเฟยเยียนก้องกังวานทัว่ ทั้งลานประลอง เมื่อ
เสี ยงของมันจางหายไป มันยืดเหยียดฝ่ ามือออก บนฝ่ ามือปรากฏ
ลูกไฟลูกหนึ่งร่ วงหล่นลงบนศิลาลมปราณ
เปลวไฟสี แดงเฉิดฉายลุกท่วมศิลาปราณ ตัวอักษรสี ดาํ สนิท
สามตัวปรากฏขึ้นบนศิลา : คลื่นนาวี
หนึ่งในผูล้ งประลองรอบแรก คือผูร้ ้ ังอันดับสองของงาน
ประลองยุทธรอบที่แล้ว อาณาจักรคลื่นนาวี
“ประเสริ ฐมาก สามารถลงประลองรอบแรกได้ หมายความ
ว่าพวกเราจะมีเวลาพักผ่อนฟื้ นสภาพมากกว่าผูอ้ ื่น” เหล่าตัวแทน
อาณาจักรคลื่นนาวีเงยศีรษะขึ้นมองไปยังเวทีหงสาโดยพร้อม
เพรี ยง สี หน้าของพวกมันทั้งหมดเต็มไปด้วยความมัน่ อกมัน่ ใจ
และความเย่อหยิง่ ทระนง ในการจับคู่ประลองของทั้งหก
อาณาจักร เมื่อพรรคเทพหงสาไม่ลงมาร่ วมด้วย พวกมันล้วนไม่มี
เหตุผลที่แพ้ให้แก่อาณาจักรอื่นใด…และมีเพียงอาณาจักรคลื่น
นาวีของพวกมันเท่านั้น จึงมีคุณสมบัติทา้ ทายพรรคเทพหงสาและ
เข้าสู่ นาวาปราณบรรพกาลได้…
“ไป”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั สิ บของอาณาจักรคลื่นนาวีลอยตัวขึ้นกลาง
อากาศ กระโจนขึ้นสู่ ลานเวทีหงสาโดยพร้อมเพรี ยง พวกมันทุก
คนต่างมีแววตาภาคภูมิทระนง จิตต่อสู แ้ หลมคมรุ นแรงยิง่
ขณะเดียวกัน สายตาของพวกมันมองตรงไปยังศิลาปราณ รอคอย
นามของคู่ต่อสู ข้ องพวกมันที่จะปรากฏขึ้น
“คลื่นนาวีไม่พา่ ยแพ้!”
“ไม่วา่ อีกห้าอาณาจักรจะเป็ นใคร พวกมันล้วนต้องพบกับ
ฝันร้าย ไม่มีขอ้ ยกเว้น!”
“คลื่นนาวี! ถล่มศัตรู ของเราให้ราบ!”
“ว้าวววว…องค์ชายชมบุปผาช่างสง่างามเหลือเกิน!!”
เสี ยงโห่ร้องจากอาณาจักรคลื่นนาวีสะท้านแก้วหูทุกผูค้ น ที่
เหนืออัฒจรรรย์ฝั่งที่นงั่ ของอาณาจักรคลื่นนาวี ผูค้ รองอาณาจักร
คลื่นนาวี รวมทั้งเหล่าผูเ้ ยีย่ มยุทธ์ท้ งั หลายที่เปี่ ยมอิทธิพลอํานาจ
ต่างสี หน้าเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดกลับกลายเป็ นคาดหวังและ
เคร่ งเครี ยด นี่คือการสัประยุทธ์ท่ีเกี่ยวข้องกับชื่อเสี ยงเกียรติภูมิ
ของอาณาจักรคลื่นนาวีไปอีกยีส่ ิ บห้าปี แม้วา่ พวกมัน อดีตผูร้ ้ ัง
อันดับสองของการประลองครั้งที่แล้วจะมีความมัน่ ใจเต็มเปี่ ยม
หากทว่าพวกมันยังคงแบกรับความกดดันอยูไ่ ม่นอ้ ย…ก่อนการ
เผชิญหน้ากับจักรวรรดิเทพหงสา พวกมันล้วนไม่อาจพ่ายแพ้ได้
นามของอาณาจักรที่ตอ้ งเผชิญหน้ากับจักรวรรดิคลื่นนาวี
ปรากฏขึ้นมาบนศิลาลมปราณอย่างรวดเร็ ว
วายุคราม
ผูช้ มทั้งหมดรํ่าร้องตะโกนก้องออกมาอย่างคาดไม่ถึง
จากนั้น บรรยากาศพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างรุ นเเรง
“ฟัก! เป็ นวายุคราม! อะไรกันนี่?”
“เดิมข้าคิดว่าจะสามารถเห็นคลื่นนาวีประกาศศักดา…นี่จะ
เรี ยกเป็ นการประลองได้เยีย่ งไร? แต่หนึ่งในพวกมันผายลม
ออกมาคราหนึ่งก็เป่ าเจ้าหมอนัน่ ได้แล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! โชคของอาณาจักรคลื่นนาวีไม่เลวเลยจริ งๆ ไป
เจอแค่ตวั สํารองที่นงั่ ทันทีที่ข้ ึนเวที”
หยุนเช่อมองไปยังคําวายุครามที่ปรากฏ ชายหนุ่มหรี่ ตาลง
พร้อมทั้งกระโดดขึ้นสู่ เวทีหงสา ท่ามกลางเสี ยงโห่ร้องจากความ
ปั่ นป่ วนรอบข้าง
“เจ้าเด็กนี่ข้ ึนไปจริ งๆ หนึ่งต่อสิ บ จิ๊จิ๊จิ๊จิ๊ ช่างน่าประทับใจ!”
“อเวจีเถอะ! พวกมันกลับได้พบกับวายุครามเป็ นนัดแรก น่า
เบื่อยิง่ รี บกวาดเจ้าเด็กหยุนเช่อนัน่ ลงเวที แล้วเริ่ มประลองรอบ
อื่นซะที!”
“อย่าได้กล่าววาจาพล่อยๆ แม้พลังยุทธ์ของเด็กน้อยนี้จะ
เป็ นเช่นเศษสวะ ทว่าความหนาของผิวหนังบนใบหน้าของมัน
กลับมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาเช่นเจ้าจะเปรี ยบเทียบได้ หากเป็ นข้า
แน่นอนย่อมปราศจากความกล้ากระโดดขึ้นบนเวทีเพือ่ แส่ หา
ความเสื่ อมเสี ยหน้าถึงปานนั้น ข้าเดาว่าอย่างมากสามอึดใจ เจ้า
เด็กนี่ตอ้ งโดนกวาดร่ วงลงมาแน่”
“สามอึดใจ? อัจฉริ ยะแห่งจักรวรรดิคลื่นนาวีอนั ไพศาลของ
ข้าถึงกับต้องใช้เวลาสามอึดใจเพื่อจัดการสวะนี่? แค่สะบัดมือครา
เดียวก็แพ้น็อคแล้ว! หากเจ้าหนูนี่ยงั คงมีสติปัญญาอยูบ่ า้ ง มันย่อม
ต้องยกมือยอมแพ้เสี ยแต่ยามนี้ มิเช่นนั้น…หากเหล่าอัจฉริ ยะคลื่น
นาวีของอาณาจักรข้าคนใดพลั้งมือรุ นแรงขึ้นมานิดหน่อย หาก
มันต้องเสี ยอายุขยั ไปครึ่ งหนึ่งยังนับว่าเบาเกินไป”
“ไป หยุนเช่อ..ไป! ให้พวกมันได้รับทราบความร้ายกาจของ
เจ้า!!” ที่เกิดขึ้นโดยประปรายไปทัว่ ทั้งสนามประลอง คือเสี ยง
ตะโกนโห่ร้องให้กาํ ลังใจแก่หยุนเช่อ ทว่าเสี ยงอันกระจัดกระจาย
และเบาบางเหล่านั้น ล้วนถูกกลบกลืนด้วยเสี ยงของอาณาจักร
คลื่นนาวีจนหมดสิ้ น
“ฮ่าฮ์ น่าเบื่อจริ ง เดิมข้าตั้งใจจะต่อสู ศ้ ึกอันสง่างามอย่าง
สมใจเพื่อเพิ่มพูนเกียรติภูมิของข้า…ทว่ากลับต้องมาพบกับเด็ก
น้อยนี้” ผูฝ้ ึ กยุทธ์คนหนึ่งในบรรดาตัวแทนของอาณาจักรคลื่น
นาวียนื กอดอกจ้องมองมาทางหยุนเช่อด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง มัน
ปรายตามองมายังหยุนเช่อคราหนึ่ง ไม่เสี ยเวลามองซํ้าเป็ นครั้งที่
สอง
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่หลงเหลืออีกเก้าคนล้วนคิดเห็นไม่ต่างกัน บาง
คนในนั้นไม่มองยามหยุนเช่อกระโดดขึ้นเวทีเสี ยด้วยซํ้า
“งานประลองเจ็ดจักรวรรดิ ครั้งที่สามสิ บเก้า คู่ที่หนึ่ง
ระหว่าง จักรวรรดิคลื่นนาวี กับ จักรวรรดิวายุคราม…เริ่ มได้”
เฟิ งเฟยเยียนประกาศเริ่ มการแข่งขันทันที แต่หลังสิ้ นคํา
ประกาศ ทั้งสองฝ่ ายต่างมิได้เตรี ยมตัวต่อสู เ้ ลย หยุนเช่อยืนนิ่งจ้อง
มองจอมยุทธ์ของจักรวรรดิคลื่นนาวีตรงหน้าด้วยใบหน้า
ปราศจากอารมณ์ความรู ้สึก จอมยุทธ์ผเู ้ ข้าแข่งทั้งสิ บของ
จักรวรรดิคลื่นนาวีต่างยืนด้วยท่าทางเกียจคร้านจ้องมองมันด้วยสี
หน้าปั้นยาก มิตอ้ งกล่าวถึงการตั้งท่าต่อสู ้ แม้แต่เปลือกตาพวกมัน
ยังหลุบตํ่า ไม่ตอ้ งการกระทัง่ จะเปิ ดเปลือกตา
“จักทําเช่นไร? ผูใ้ ดจะขึ้นไปสู ?้ ” จอมยุทธ์คลื่นวารี ผหู ้ นึ่ง
กล่าว “ไม่วา่ เช่นไร ข้าก็ไม่ข้ ึนไปแน่นอน”
“บัดซบ เหตุใดพวกเจ้าจึงจ้องมองข้าเช่นนั้น? ข้าไม่ข้ ึนไป
เป็ นแน่ หกปี ก่อน ข้ายังมิใส่ ใจแม้แต่การสะกดข่มพวกหน้าใหม่
ระดับตํ่ากว่าชั้นลมปราณฟ้า”
“เหตุผลที่ขา้ เดินทางมาที่นี่เพือ่ ต่อสู ก้ บั นักสู ท้ ว่ั หล้าและ
เพิ่มพูนชื่อเสี ยง ลงมือกับบุคคลเช่นนี้เพียงสามารถแปดเปื้ อนนาม
ของข้า…ใครอยากสู ก้ ส็ ู ไ้ ป แต่ขา้ ไม่ไป ถึงจะตีขา้ จนตายข้าก็ไม่
สู !้ ”
“เช่นนั้น…ศิษย์นอ้ งจี้ เจ้าล่ะ?”
“เฮอะ! สวะเช่นนี้ เปลืองมือเปลืองเท้าข้าเปล่าๆ! ”
ผูเ้ ข้าประลองของจักรวรรดิคลื่นนาวีท้งั สิ บผลักไสกันไปมา
ไม่มีผใู ้ ดต้องการต่อสู ก้ บั หยุนเช่อ ราวกับการลงมือต่อชายหนุ่ม
เป็ นความอัปยศอย่างถึงที่สุดในชีวติ ของพวกมัน…ยิง่ หากคิดให้
พวกมันทั้งหมดลงมือโดยพร้อมเพรี ยงยิง่ ไม่อาจเป็ นไปได้ ข่าว
คราวอาจแพร่ สะพัดออกไป…อาณาจักรคลื่นนาวี ใช้สิบรุ มหนึ่ง
เพื่อเอาชนะผูเ้ ข้าประลองจากจักรวรรดิวายุคราม…พวกมันมิอาจ
ยอมรับการหมิ่นศักดิ์ศรี เช่นนั้นได้
และในยามนี้ สถานการณ์ของหยุนเช่อเพียงสามารถบ่ง
บอกบรรยายได้ดว้ ยประโยคเดียว:
นิ่งเฝ้าดูเหล่ าคนโง่ อวดโอ่ ความยิ่งใหญ่ ของตน
บทที่ 433 หวดตบเข้ าทีห่ น้ า

“เจ้าพวกอาณาจักรคลื่นนาวีนี่มนั จะมากเกินไปแล้ว!” หลิง


เจี่ยกํามือเป็ นหมัดทั้งคู่ขณะกล่าวด้วยสี หน้าขุ่นเคืองใจ “พวกเจ้า
ทั้งหมดรอก่อนเถอะ ไม่ชา้ พวกเจ้าทั้งหมดจะหัวร่ อกันไม่ออก”
ครั้นเมื่อเด็กหนุ่มว่าจบ มันพลันเห็นเยีย่ นเสี่ ยวฮวากัดฟัน
กรอด กําหมัดและยํา่ กระทืบเท้าราวกับอยู่ ๆ มันก็เป็ นลมบ้าหมู
ขึ้นมา เด็กหนุ่มเบิกตากว้างและเอ่ยอย่างเร่ งร้อน “พี่ใหญ่ฮวา เกิด
อันใดขึ้น?”
“ข้า…เกลียด…อ้ าาาา!!” ฮวาหมิงไห่ท้ ึงผมตัวมันเองอย่าง
แรง: “หากข้ารู ้เรื่ องบ้า ๆ นี่…โอ้ ไม่ ลูกพี่หยุนมาลงประลองใน
งานประลองจัดอันดับยุทธนี้ ข้าไม่น่าอยูท่ ี่นี่และน่าจะไปเปิ ดโต๊ะ
ลงพนันอยูข่ า้ งนอกนัน่ …ลงข้างอาณาจักรคลื่นนาวี ชนะ 1-1.2 ลง
ข้างอาณาจักรวายุครามชนะ 1-10 ทุก ๆ คนจะต้องมองเหมือนข้า
เป็ นไอ้โง่และจากนั้นก็พนันลงข้างอาณาจักรคลื่นนาวีไปกันอย่าง
บ้าคลัง่ …จากนั้น ข้าจะรวย…รวย!! เคราะห์ร้ายนัก ข้าไม่มีโอกาส
อีกแล้ว! โอกาสอันยิง่ ใหญ่ที่สุดที่ขา้ จะได้กลายเป็ นมหาเศรษฐี
แห่งทวีปปราณฟ้า อ้ าาา!!!”
“…” หลิงเจี่ยปรายตามองด้วยความดูแคลน
……………..
เมื่อผูฝ้ ึ กยุทธของอาณาจักรคลื่นนาวี ผลักกันเองไปมาไม่
เลิกรา “องค์ชายชมบุปผา” หานหรู อวี้ผเู ้ งียบงันมาตลอดในที่สุดก็
เปิ ดปากของมันขึ้น มันแย้มยิม้ บางและเอ่ยด้วยนํ้าเสี ยงเย้ยหยัน
และแสดงความสมเพช “นี่เป็ นเพียงแค่ตวั ตลกที่กระโดดอยูบ่ น
หลังคาอย่างน่าสังเวชที่ไม่แม้แต่มีค่าจะให้พวกเราเปลืองมือ…
อย่าสนใจไปเลย จะดีที่สุดหากเราปล่อยให้มนั ยอมแพ้ไปเอง”
หานหรู อวี้คืออันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่ นเยาว์แห่งอาณาจักร
คลื่นนาวี เป็ นผูแ้ ข็งแกร่ งที่สุดในหมู่ท้ งั สิ บคน ทั้งยังเป็ น
ศูนย์กลางของพวกมัน ฉะนั้นจึงเป็ นเรื่ องธรรมดาที่มนั จะได้รับ
ความเห็นชอบจากทั้งเก้าคนที่เหลือ “คุณชายหาน ถูกต้องแล้ว มัน
จะดีที่สุดหากเราปล่อยให้เจ้าผูน้ ้ นั ยอมแพ้ไปเอง ข้าคิดว่ามันเองก็
คงรอไม่ไหวที่จะหนีไปอยูแ่ ล้ว”
และในวินาทีน้ นั เอง นํ้าเสี ยงของหยุนเช่อพลันดังขึ้นมาจาก
เบื้องหลัง “พวกเจ้าพูดกันจบรึ ยงั ? ขอล่ะช่วยเร็ วเข้าหน่อยเถอะ
ข้ากําลังรี บ”
มีร่องรอยความหยิง่ ยโสอยูใ่ นนํ้าเสี ยงอันห้าวก้าวร้าวของ
หยุนเช่อ…มันผูห้ นึ่งที่ดูเหมือนจะมิสามารถกระทัง่ ทนรับ
กระบวนท่าเดียวจากพวกมันได้ไหว บุคคลชั้นขยะผูท้ ี่พวกมันไม่
แม้แต่คิดว่ามีค่าจะให้ลงมือชิงชัยกลับใช้น้ าํ เสี ยงเช่นนี้กบั พวกมัน
เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธผูแ้ ข็งแกร่ งและสู งส่ ง เห็นได้ชดั เลยว่าพวกมันไม่
พอใจอย่างถึงที่สุด ผูฝ้ ึ กยุทธจากอาณาจักรคลื่นนาวี ที่อยูเ่ บื้อง
หน้าสุ ดหันมาและเย้ยเยาะหยุนเช่อ “อันใดกัน เจ้ารี บจะออกไป
งั้นรึ ?”
“เจ้าถูกเพียงครึ่ งเดียว” หยุนเช่อหัวเราะหึ : “ข้ากําลังรี บ
อยากถีบหัวส่ งพวกเจ้าออกไปจากสนาม”
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ผูฝ้ ึ กยุทธจากคลื่นนาวีที่เอ่ยคําออกมา
พลันโกรธเกรี้ ยว…เจ้าขยะที่มิมีค่าให้เหลือบมองกลับกล้ามายโส
โอหังต่อหน้ามัน แล้วมันจะทนได้อย่างไร!
“ดูคล้ายพวกโง่งมเช่นเจ้า กระทัง่ ตกลงเรื่ องราวหนึ่งยังไม่มี
ปัญญากระทําได้สินะ”
ครั้นเมื่อคําหยามเหยียดอย่างโจ่งแจ้งว่า “โง่งม” ดังออกมา
สี หน้าของทั้งสิ บคนจากอาณาจักรคลื่นนาวีพลิกเปลี่ยนผัน…พวก
มันสามารถเหยียดหยามและเย้ยเยาะอีกฝ่ ายได้โดยมิตอ้ งยับยั้งชัง่
ใจด้วยพวกมันเชื่อว่าพวกมันคือผูฝ้ ึ กยุทธผูแ้ ข็งแกร่ งและสู งส่ ง
พวกมันดูถูกเหยียดหยามผูท้ ี่อ่อนแอนัน่ เป็ นไปตามกฏของ
ธรรมชาติ ทว่าถูกกล่าวว่า “โง่งม” โดยผูท้ ี่อ่อนแอกว่ามันนับเป็ น
หนี้เลือดซึ่งมิอาจฝื นทนได้
เพียงพวกมันเกือบจะหุนหันไปตามวาจาปรามาส ร่ างของ
หยุนเช่อพลันวูบไหว และหายไปจากครรลองจักษุของพวกมัน…
และจากพวกมันทั้งสิ บ ไม่มีใครเห็นแจ้งเลยสักคนว่าชายหนุ่ม
หายไปได้อย่างไร ก่อนที่พวกมันจะทันได้หนั กายไปโดยรอบ
พายุร้ายดัง่ หายนะพลันโถมเข้ามาในจากทางเบื้องหลัง
ตูม!!
สิ่ งที่ดงั สะท้อนก้องอยูใ่ นลานประลองหงสาคือเสี ยงดัง่
โลกาสะท้านและเสี ยงคํารามแห่งอสุ นีบาตลมปราณ ผูฝ้ ึ กยุทธสี่
คนผูย้ นื รวมอยูด่ ว้ ยกันมิเห็นเลยว่าเกิดอันใดขึ้นและรู ้สึกราวกับ
ร่ างของพวกมันถูกฟาดเข้าใส่ ดว้ ยค้อนที่หนักเหลือคณา สติของ
พวกมันถูกบดขยี้ ทั้งร่ างของพวกมันถูกส่ งปลิวไปไกลราวกับมัด
ฟาง…
ด้วยทัณฑ์มงั กรที่อยูใ่ นมือ ชายหนุ่มหวดทั้งสี่ คนบินไปด้วย
กระบวนท่าเดียว จากนั้น มันพุง่ วาบอีกครั้งด้วยเคล็ดวิชาเทพ
ดาราแยกเงา และปลดปล่อยราชันย์พโิ รธออกไปต่อเนื่องสองครา
ตูม!!
ตูม!!
“อ้ าาาา!!!”
ผูฝ้ ึ กยุทธอาณาจักรคลื่นนาวีในที่สุดก็ได้สติ ทว่าสิ่ งที่พวก
มันทั้งหมดสามารถทําได้…คือส่ งเสี ยงกรี ดร้องอย่างน่าสังเวช
ในเวลาแค่สองชัว่ ลมหายใจ หยุนเช่อได้ส่งการโจมตี
ออกไปแล้วสามครา ด้วยการโจมตีท้ งั สามครานี้ ร่ างเก้าร่ างหลัง่
โลหิ ตปลิวกระจายเต็มฟ้า และถูกซัดปลิวกระเด็นไปห่างไกล…
ทั้งหมดตกลงไปอยูน่ อกลานประลองหงสา ผูท้ ี่ปลิวไปไกลที่สุด
ปลิวไปไกลเกินกว่าหกร้อยเมตร กระแทกเข้าอย่างแรงกับอัฒ
จรรย์คนดู
ในชัว่ ลมหายใจที่สาม หยุนเช่อได้พงุ่ เข้าไปหาผูฝ้ ึ กยุทธ
อาณาจักรคลื่นนาวีคนสุ ดท้ายแล้ว นัน่ คือ…หานหรู อวี้
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี่ส่งให้ดวงตาของหานหรู อ
วี้หดเล็กเหลือเพียงเท่าปลายเข็ม คลื่นอากาศอันน่าพรั่นพรึ งที่พงุ่
ตรงเข้ามาหามันนั้นทําให้ประสาททัว่ ร่ างของมันตึงเครี ยด ภายใต้
สถานการณ์วนุ่ วายอันน่ากลัวอย่างใหญ่หลวง มันไม่มีเวลาให้
ตอบโต้หรื อหลบหนี และทําได้เพียงสร้างเกราะลมปราณขึ้นมา
ป้องกันโดยสัณชาตญาณ
เปรี้ยง!!!
ภายใต้พลังอันบ้าคลัง่ ของกระบี่ทณ
ั ฑ์มงั กร เกราะลมปราณ
ของมันทั้งหมดถูกขยี้เป็ นชิ้น ๆ ราวกับชั้นแก้วอันเปราะบาง ทั้ง
ร่ างของหานหรู อวี้สน่ั สะท้านราวกับหน้าอกของมันถูกกระแทก
เข้าโดยขุนเขา โลหิ ตกระอักพรวดออกมาจากปาก มันถูกฟาด
กระเด็นลอยสู งดิ่งขึ้นไป ทว่าหยุนเช่อยังมิหยุดลงแค่น้ นั กลับกัน
ชายหนุ่มพลันทะยานตัวขึ้น ขึ้นมาอยูใ่ นระดับความสู งเดียวกัน
กับหานหรู อวี้ในทันที และเผยท่าทีเย้ยหยันโหดเหี้ ยม…
“เจ้าเรี ยกข้าว่า ‘ตัวตลกน่าสังเวช’ ใช่ไหม? เช่นนั้นตัวเจ้า
มันคือนรกอันใดเล่า? หึ …องค์ชายชมบุปผา? ข้าคิดว่าจากนี้ไป
เจ้าน่าจะเป็ น…องค์ชายซากบุปผา!!”
ท่ามกลางเสี ยงตํ่าและหนักหน่วง ทัณฑ์มงั กรในมือของหยุ
นเช่อตวัดออกไปอย่างดุร้าย…และหวดอย่างรุ นแรงเข้าใส่ หาน
หรู อวี้ที่…ใบหน้า!
กร๊ อบ!!!!
เสี ยงถูกฟาดจนกระดูกแตกกรอบนั้นดังชัดไกลส่ งไปถึง
โสตประสาทของทุกคน กรามและฟันทางด้านขวาของ หาน
หรู อวี้ พลันแหลกเป็ นชิ้น ๆ ครึ่ งหน้าของมันพังพินาศไปสิ้น ด้วย
เสี ยงกรี ดร้องอันทุกข์ทรมาน ทั้งร่ างของมันราวกับลูกข่างที่ถูกดึง
ปั่ นด้วยพลังมหาศาล ปลิวไปพลางหมุนควงด้วยความเร็ วสูง มัน
ปะทะเข้ากับที่นงั่ ของอาณาจักรคลื่นนาวีดว้ ยเสี ยง “เปรี้ ยง” ดัง
สนัน่
“อือ…” ดวงตาของหานหรู อวี้เหลือกออกมา ใบหน้าของ
มันเต็มไปด้วยเลือด รู ปหน้าที่กล่าวได้วา่ สมบูรณ์แบบกลับ
กลายเป็ นพินาศและน่าขยะแขยง…หากมันเคยไปยังอาณาจักร
วายุครามมาก่อน และได้ยนิ ข่าวเกี่ยวกับเรื่ องพลังและความ
โหดร้ายของหยุนเช่อยามชายหนุ่มลงมือ เช่นนั้นแม้มนั จะมีความ
หาญกล้ายิง่ กว่านี้สิบเท่า มันก็ยอ่ มไม่กล้าดูแคลนหยุนเช่อว่าเป็ น
“ตัวตลก” เป็ นแน่ มองไปที่รอยคราบเลือดเบื้องหน้าสายตามัน
แล้ว หลังจากส่ งเสี ยงโหยหวนอย่างแสนทุกข์ทรมาน ใบหน้าของ
มันก็ควํ่าลงและหมดสติไป
สนามประลองอันยิง่ ใหญ่ตกลงสู่ ความเงียบงันราวกับรก
ร้าง ทุก ๆ ผูจ้ อ้ งเขม็งไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ราวกับพวกมัน
ทั้งหมดพลันตกลงไปในโลกแห่งความฝันอย่างกะทันหัน
สิ่ งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเร็ วเกินไป จากที่หยุนเช่อลงมือ
โจมตีผฝู ้ ึ กยุทธทั้งเก้าจากอาณาจักรคลื่นนาวีจนปลิวออกนอกลาน
ประลองหงสาไปอย่างฉับพลัน เวลาผ่านไปเพียงสองชัว่ ลม
หายใจเท่านั้น!! สองชัว่ ลมหายใจต่อมา ผูเ้ ก่งกาจเป็ นที่หนึ่งในหมู่
คนรุ่ นเยาว์แห่งอาณาจักรคลื่นนาวี ได้ถูกฟาดกระเด็นกลับมายังที่
นัง่ บนอัฒจรรย์ของอาณาจักรคลื่นนาวีดว้ ยการตวัดกระบี่เพียง
สองครั้งของหยุนเช่อ
สี่ ชว่ั ลมหายใจ…ในเวลาเพียงสี่ ชวั่ ลมหายใจ คนผูเ้ ดียว…
ฟาดฟันส่งผูฝ้ ึ กยุทธแห่งอาณาจักรคลื่นนาวีท้งั หมดออกจากลาน
ประลองหงสา! และผูท้ ี่แข็งแกร่ งที่สุดในหมู่น้ นั หานหรู อวี้ ผูท้ ี่
ถูกเรี ยกว่าปาฏิหาริ ยแ์ ห่งอาณาจักรคลื่นนาวี ยังบาดเจ็บหนักและ
สิ้ นสติลงไปคาที่ในทันที!!
ทุก ๆ คน…ผูเ้ คยดูถูก หัวเราะเยาะ แสดงท่าทีสบประมาท
เย้ยเยาะ เมินเฉย และมิได้ให้ความสนใจใด ๆ มาก่อนเลย…
ทั้งหมดกลับกลายเป็ นตะลึงงันในชัว่ ขณะนี้ กระทัง่ สี หน้าของเฟิ ง
เหิ งคงยังแข็งทื่อไปอึดใจหนึ่ง
ตูม!
หยุนเช่อร่ วงตกลงมาจากกลางหาว มันมิได้ควบคุมแรงใน
การตกอย่างใส่ ใจ ร่ างของมันที่หล่นลงมาจากการแบกกระบี่
ทัณฑ์มงั กรอันมีน้ าํ หนักเกินหมื่นกิโลกรัมจึงนํามาซึ่งเสี ยงดัง
สนัน่ เลื่อนลัน่ ขณะที่เสี ยงสะเทือนสะท้านนี้เองก็ยงั ได้กระตุน้ ให้
ทุกคนฟื้ นคืนกลับมาจากอาการงงงันโดยสมบูรณ์…
“น…น…น…นี่มนั เป็ นไปได้อย่างไร…เกิดอะไรขึ้น?” ผูฝ้ ึ ก
ยุทธจ้องมองด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง แม้แต่ยามนี้ มันยังไม่อาจ
เชื่อสายตาตัวเอง
“มันเป็ นเพียงแค่…ชั้นปราณปฐพี? เพียงแค่ช้ นั ปราณปฐพี
จริ ง ๆ…คนเดียว…โค่นคลื่นนาวีลงได้ในฉับพลัน?” เสี ยงกล่าว
ของผูฝ้ ึ กยุทธนั้นสัน่ เครื อ ดวงตาของมันมองตรงไป สายตาที่มนั
ใช้มองหยุนเช่อนั้น เป็ นราวกับว่ามันกําลังจ้องมองเทพปี ศาจจาก
ต่างโลกอยู่
“ภาพลวงตา…มันต้อง…ไม่ใช่ความจริ ง ใช่ไหม…”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์อาณาจักรคลื่นนาวีท้ งั หมดไร้ซ่ ึงคําพูด พวกมัน
เบิกตากว้างมองผูฝ้ ึ กยุทธ์อาณาจักรวายุครามที่พวกมันเคยเหยียด
หยาม ดูถูก และมองเห็นเป็ นเรื่ องตลก พลันตวัดฟาดฟันอัจฉริ ยะ
อาณาจักรคลื่นนาวีท้ งั หมดของพวกมันจนปลิวกระเด็นราวกับ
พายุโถมใส่ ใบไม้ร่วง อัจฉริ ยะปาฏิหาริ ย ์ หานหรู อวี้ ผูไ้ ร้เทียม
ทานในสายตาของพวกมัน ถูกบดขยี้โดยสองกระบี่จากคู่ต่อสู จ้ น
ตกอยูใ่ นสภาพที่น่าอนาถและน่ากลัว…
พวกมันรู ้สึกเหมือนโลกทั้งใบของมันใกล้จะพังทลาย
“หยุนเช่อ!! หยุนเช่อ!! นี่แหละคือหยุนเช่อแห่งอาณาจักร
วายุคราม!! พวกเจ้าเห็นไหม นี่แหละคือหยุนเช่อแห่งอาณาจักร
วายุคราม!!”
ผูฝ้ ึ กยุทธ์อาณาจักรวายุครามเองก็เพียงเพิง่ ฟื้ นคืนขึ้นจาก
การตกตะลึงเมื่อครู่ น้ ี ส่ วนใหญ่แล้วพวกมันต่างลุกขึ้นยืน สัน่ ไหว
ถึงจุดที่พวกมันมิอาจคุมตัวเองได้ สิ่ งที่พวกมันได้เห็นด้วยตา
ตนเอง…สี่ ชว่ั ลมหายใจ เพียงแค่สี่ชว่ั ลมหายใจ! ชายหนุ่มผูเ้ ดียว
ฟาดฟันส่งสิ บยอดอัจฉริ ยะแห่งอาณาจักรคลื่นนาวีลงจากลาน
ประลองหงสา…อาณาจักรคลื่นนาวีน้ นั ยังกระทัง่ เป็ นถึงอันดับ
สองในงานประลองครั้งล่าสุ ด ภายใต้กระบี่ของหยุนเช่อ อย่าว่า
แต่ตอบโต้เลย พวกมันไม่มีกระทัง่ ปัญญาจะต่อต้าน!
ช่างน่าพรั่นพรึ งอะไรอย่างนี้! ช่างทรงอํานาจ…ช่างแสน
เจิดจรัส!! ทุกคําเย้ยเยาะ เหยียดหยัน และความอัปยศทั้งหลายที่
พวกมันเคยได้รับล้วนถูกปลดปล่อยไปในเวลาแสนสั้น ความ
ภาคภูมิเติมเต็มทุกซอกทุกมุมของร่ างกายและจิตวิญญาณของ
พวกมัน พวกมันไม่เคยภูมิใจที่ได้เป็ นชาวอาณาจักรวายุครามเช่น
ในวินาทีน้ ีมาก่อนเลยในชีวติ
“ลูกพี่!! ท-ท-ท-ท-ท…ท่านจะเท่เกินไปแล้ว!!” หลิงเจี่ย
ถึงกับลุกขึ้นยืน ทั้งใบหน้าของมันซ่านแดงไปด้วยเลือดฝาด เด็ก
หนุ่มตื่นเต้นจนถึงขั้นที่มิอาจอธิบายสภาพจิตใจของมันได้ดว้ ย
คําพูด ย้อนไปเมื่องานประลองจัดอันดับยุทธวายุคราม หยุนเช่อ
ได้แสดงพลังอันแสนน่าหวัน่ เกรงและคว้าอันดับหนึ่ง ทว่าความ
ทรงพลังของสี่ ชวั่ ลมหายใจนี้ มันเหนือกว่าเมื่อครั้งนั้นไปไม่นอ้ ย
กว่าสิ บล้านเท่า! เพราะชายหนุ่มอยูใ่ นลานประลองฝึ มือชั้นสูงสุ ด
แห่งเจ็ดอาณาจักร โค่นผูฝ้ ึ กยุทธระดับสู งสุ ดแห่งอาณาจักรคลื่น
นาวีต่อหน้าเหล่าบุคคลผูย้ งิ่ ใหญ่แห่งทั้งทวีปปราณฟ้า!!
“ซูดดด…” ฮวาหมิงไห่สูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ซึ่งมัน
ย่อมมิใช่เพราะความกลัว ทว่าเป็ นเพราะความตื่นเต้น “ทําได้
เยีย่ ม…ซูดดด! การตบหน้าพวกนั้น มันช่างดังสนัน่ และชัดเจน
นัก! อยูม่ านานตั้งหลายปี นี่เป็ นครั้งแรกเลยที่บิดาผูน้ ้ ีได้เห็นการ
ตบหน้าที่ดงั สนัน่ และชวนให้สดชื่นเช่นนี้…เจ้าพวกอาณาจักร
คลื่นนาวีนนั่ คงจะกําลังกลํ้ากลืนเหมือนกินอึกนั เข้าไปน่าดู โอฮ่า
ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ผูฝ้ ึ กยุทธทั้งเก้าแห่งอาณาจักรคลื่นนาวีท้ งั หมดได้ลุกกันขึ้น
มาแล้ว พวกมันยืนนิ่งโดยไร้การเคลื่อนไหว มองอย่างว่างเปล่า
ไปยังหยุนเช่อบนลานประลอง สี หน้าของพวกมันซีดขาวอย่างน่า
กลัว ทั้งร่ างของพวกมันสัน่ สะท้านประดุจวิญญาณของพวกมัน
ได้หลุดออกจากร่ าง…
บทที่ 434 ปิ ดฉากรอบหกอาณาจักร (1)

ผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั เก้าคนของคลื่นนาวีต่างพากันคืบคลานขึ้นมา


ได้แล้ว พวกมันได้แต่ยนื มองดูหยุนเช่อที่ยนื อยูบ่ นเวทีอย่างมึนงง
อยูต่ รงนั้น สี หน้าพวกมันเผือดซีด ร่ างกายสัน่ เทิ้มราวกับว่า
วิญญาณได้ออกจากร่ างไปแล้ว…
“ลูกอวี้… ลูกอวี้ !!”
เสี ยงร้องครํ่าครวญดังมาจากที่นงั่ ของอาณาจักรคลื่นนาวี
ชายวัยกลางคนผูห้ นึ่งโผเข้าหาหานหรู อวี้ที่นอนหมดสติอยูบ่ น
พื้น ร่ างกายตลอดจนสุ ม้ เสี ยงของมันสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง หาน
หรู อวี้เป็ นผูฝ้ ึ กยุทธ์อนั ดับหนึ่งในบรรดาผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่ นเยาว์ของ
อาณาจักรคลื่นนาวี เป็ นอัจฉริ ยะที่ยากจะพบพานในรอบพันปี ซํ้า
ยังเป็ นความหวังแห่งยุทธภพคลื่นนาวีของพวกมัน ในงาน
ประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรครั้งนี้ มันได้แบกรับความ
ปรารถนาของจักรพรรดิแห่งคลื่นนาวีไว้มากที่สุด ทว่าในงาน
ประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรครั้งแรกและครั้งเดียวของมัน
โดยเฉพาะในการแข่งขันนัดแรก… มันกลับพ่ายแพ้ในสภาพที่น่า
อเนจอนาถถึงเพียงนั้นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ไม่วา่ จะอย่างไร หานหรู อวี้กเ็ ป็ นราชันขั้นต้น หากมันได้
แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับหยุนเช่อโดยตรง ถึงแม้หยุนเช่อจะ
สามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย ทว่าก็ตอ้ งแลกเปลี่ยน
กระบวนท่ากันอย่างน้อยที่สุดห้ากระบวนท่า และหยุนเช่อคงไม่
สามารถคว้าชัยชนะไปอย่างรวบรัดหมดจดเช่นนี้ แน่นอนทั้งหมด
นี้ยอ่ มต้องโทษว่าเป็ นความผิดของหานหรู อวี้เอง มันไม่เห็นหยุ
นเช่ออยูใ่ นสายตาแม้แต่นอ้ ย ดังนั้นมันจึงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะ
ตั้งรับการระเบิดพลังอย่างฉับพลันของหยุนเช่อ
กระบี่ที่หยุนเช่อฟาดใส่ หน้ามันนั้นจริ งๆ แล้วไม่ได้รุนแรง
นัก หาไม่แล้วศีรษะมันคงระเบิดออกเป็ นเสี่ ยงๆ ทว่าก็ยงั รุ นแรง
พอที่จะทําลายซี กหน้าข้างหนึ่งของมันได้ ทั้งนี้เพราะการถูกด่า
ทอว่าน่าสมเพชนั้นเป็ นสิ่ งที่หยุนเช่อเกลียดที่สุด อีกทั้ง ‘ตัวตลก’
ก็เป็ นคําต้องห้ามสําหรับมัน
ชายวัยกลางคนเขย่าร่ างหานหรู อวี้อยูพ่ กั ใหญ่ แต่มนั ก็ไม่
ฟื้ นขึ้นมาแม้แต่นอ้ ย พลันชายวัยกลางคนผูน้ ้ นั ก็หมั มาจ้องมองหยุ
นเช่อด้วยสายตาอาฆาต “เจ้าเด็กวายุคราม ! จิตใจเจ้ามันช่างชัว่
ร้ายจริ งๆ … การประลองจัดอันดับนั้นก็เพื่อแลกเปลี่ยนวิชายุทธ์
เท่านั้น แต่เจ้ากลับ… ลงมืออย่างโหดเหี้ ยมยิง่ นัก !!”
ชายวัยกลางคนผูน้ ้ ีคือบิดาของหานหรู อวี้ มีนามว่าหาน
หงอวี้ เป็ นผูน้ าํ ‘พรรคคลื่นเย็น’ พรรคอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร
คลื่นนาวี มันคือผูย้ ง่ิ ใหญ่ที่ไม่วา่ จะย่างเท้าไปที่ใดในอาณาจักร
คลื่นนาวี เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หลายก็จะพากันสัน่ สะท้านด้วยความ
เกรงกลัวมัน ด้วยพลังอํานาจและอารมณ์อนั เกรี้ ยวกราดของมัน
แม้แต่ผปู ้ กครองอาณาจักรคลื่นนาวีเมื่อพบเจอมันก็ยงั ต้องอกสัน่
ขวัญผวา ทว่ามีหรื อที่หยุนเช่อจะเกรงกลัว ? ชายหนุ่มหัวร่ อเย็น
ชาพลางกล่าวว่า “มันไร้ความสามารถเอง แต่ท่านก็ยงั จะโทษว่า
ข้าลงมือโหดเหี้ ยมเกินไปเช่นนั้นหรื อ ? ตามกฎที่ผอู ้ าวุโสเฟิ ง
ประกาศไปตอนต้น ไม่เห็นมีสกั ข้อที่จาํ กัดความรุ นแรงในการ
โจมตี ถึงแม้ผเู ้ ข้าร่ วมประลองจะเสี ยชีวติ บนลานประลองหงสา ก็
ต้องโทษว่ามันอ่อนแอเกินไปเอง หากมันไม่สามารถประเมิน
ความสามารถของตนได้อย่างชัดเจน แต่กย็ งั อยากจะรนหาที่ตาย
ด้วยการเข้าร่ วมประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักร ก็ไม่อาจโทษใคร
ได้นอกจากตัวมันเอง !”
“พอได้แล้ว !” เฟิ งเฟยเยียนกล่าวขึ้นในที่สุด มันเก็บอาการ
ประหลาดใจ เหลือบมองหยุนเช่อแวบหนึ่ง แล้วจึงประกาศ
ด้วยสุ ม้ เสี ยงนิ่งสงบอย่างยิง่ “สําหรับการประลองนัดแรก
อาณาจักรวายุครามชนะ !!”
เมื่อเฟิ งเฟยเยียนกล่าวออกมาเช่นนั้น ไม่วา่ หานหงอวี้จะ
โกรธแค้นเกลียดชังเพียงใด มันก็ยอ่ มไม่กล้ากล่าวอันใดอีก มัน
ประคองหานหรู อวี้ข้ ึน นํายาจิตวิญญาณที่ติดตัวมาทั้งหมดออกมา
และรี บทําการรักษาบุตรชาย… ทว่ามันก็ทราบแก่ใจดีวา่ สําหรับ
อาณาจักรคลื่นนาวี การประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรครั้งนี้ได้
ปิ ดฉากลงแล้ว ถึงแม้คนทั้งเก้านั้นจะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มีเพียง
หานหรู อวี้ที่บาดเจ็บสาหัส แต่นนั่ ก็เป็ นเรื่ องรอง ประเด็นสําคัญ
คือขวัญกําลังใจของพวกมันถูกทําลายลงแล้ว… ความเชื่อมัน่
ความภาคภูมิใจ และแม้แต่ความศรัทธาของพวกมันได้ถูกหยุ
นเช่อทําลายลงเกือบหมด ในการประลองนัดต่อๆ ไป ถึงแม้หาน
หรู อวี้จะฟื้ นขึ้นมาและฝื นกําลังตนเองขึ้นเวทีประลอง แต่พวกมัน
ก็คงไม่สามารถเรี ยกแรงกระตุน้ กลับคืนมาได้อีกแล้ว
ผูใ้ ดมีตาย่อมดูออกว่าหยุนเช่อจงใจกวาดซัดผูฝ้ ึ กยุทธ์จาก
อาณาจักรคลื่นนาวีอย่างหนักหน่วงรุ นแรงถึงเพียงนั้น ด้วยเหตุผล
ที่ชดั เจนยิง่ … พวกมันเกี่ยงกันว่าใครควรออกไปต่อสู ก้ บั หยุนเช่อ
ทุกการกระทํา ทุกคําพูดและทุกการแสดงออก ล้วนเต็มไปด้วย
การดูหมิ่นเหยียดหยามที่มีต่อหยุนเช่อ และสิ่ งที่หยุนเช่อให้พวก
มันกลับคืนไปก็คือการตอบแทนที่โหดเหี้ ยมอย่างที่สุด ! การที่
อาณาจักรคลื่นนาวีตอ้ งอยูใ่ นสภาพเช่นนั้นภายในเวลาชัว่ พริ บตา
พวกมันคงได้แต่โทษตัวเอง
หยุนเช่อก้าวลงจากลานประลองหงสา เดินตรงไปยังบริ เวณ
ที่พกั ผูเ้ ข้าประลองอย่างเนิบช้า ยามนี้สายตาของผูฝ้ ึ กยุทธ์จาก
อาณาจักรอื่นที่มองมายังหยุนเช่อได้แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก การ
ดูถูกเหยียดหยามที่เคยมีก่อนหน้านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็ นความ
หวาดกลัวอย่างมาก… จนถึงขั้นสะพรึ งกลัว
“เฮ้ เจ้านัน่ ค่อนข้างน่าสนใจนะ” เฟิ งซีลวั่ หนึ่งในผูฝ้ ึ กยุทธ์
จากพรรคเทพหงสาที่เข้าร่ วมประลอง กวาดตามองหยุนเช่อ
ขณะที่ยมิ้ บางเอามือกุมคางตนเอง
“ตายแล้ว ! ไม่อยากจะเชื่อ” จีเชียนหลัว แอ่นอกไปข้างหน้า
แววตาหยาดเยิม้ ของมันเต้นระริ ก “น้องชายท่านนี้สร้างความตก
ตะลึงพรึ งเพริ ดให้แก่ทุกผูค้ นได้เลยนะเนี่ย… อันที่จริ งพลังที่มนั
ปลดปล่อยออกมานั้นเทียบได้กบั ระดับลมปราณจักรพรรดิข้นั ที่สี่
เชียวละ”
“ลมปราณปฐพีข้นั สู งสุ ดที่เทียบได้กบั ลมปราณจักรพรรดิ
ขั้นกลาง… นี่เป็ นสิ่ งที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวติ ” ยามนี้เอง
ที่ก่ชู างที่นิ่งเงียบมาตลอดได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา และยังเป็ น
คํากล่าวยกย่องชื่นชมอย่างหาที่เปรี ยบมิได้… เห็นได้ชดั ว่าพลัง
การต่อสู ข้ องหยุนเช่อที่ไม่สอดคล้องกับระดับพลังลมปราณของ
มันโดยสิ้ นเชิงนั้น ได้ทาํ ให้แม้แต่บุคคลระดับราชันจักรพรรดิ
แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันผูน้ ้ ียงั ต้องตื่นตะลึง
“พระบิดา คนผูน้ ้ ีช่างเหลือเชื่อนัก” ถึงแม้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะ
พยายามข่มอารมณ์ตนเองอย่างเต็มที่แล้ว แต่นางก็ยงั อดมิได้ที่จะ
กล่าวออกมา สุ ม้ เสี ยงของนางแผ่วเบาราวกับสายลม ไม่มีผใู ้ ด
สามารถมองเห็นสี หน้านาง และมันก็ยากที่จะจับอารมณ์ที่แฝงมา
กับเสี ยงของนางด้วยเช่นกัน “ทว่า พลังลมปราณของเขาอยูท่ ี่
ขอบเขตลมปราณปฐพีเท่านั้นมิใช่หรื อ ? เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่ ง
ถึงเพียงนี้ ?”
นี่เป็ นครั้งแรกที่เฟิ งเหิ งคงได้ยนิ บุตรสาวตั้งใจกล่าวชื่นชม
บุคคลผูห้ นึ่งอย่างแท้จริ ง มันขมวดคิ้ว สี หน้าเคร่ งขรึ มเล็กน้อย “ดู
เหมือนว่าเราจะประเมินคนผูน้ ้ ีผดิ ไปอย่างสิ้ นเชิง… อันที่จริ ง
ระดับพลังลมปราณของมันอยูท่ ี่ขอบเขตลมปราณปฐพีเท่านั้น
เป็ นไปไม่ได้ที่มนั จะอําพรางพลังลมปราณของมันจากสายตาเรา
ได้ ทว่าพลังที่มนั ปลดปล่อยออกมานั้น ใกล้เคียงกับพลังของผูท้ ี่มี
ลมปราณจักรพรรดิข้นั กลางโดยแท้จริ ง…”
เฟิ งเหิ งคงมิได้กล่าวอันใดอีก เมื่อใดที่บรรดาศิษย์พรรคเทพ
หงสาต่อสูก้ บั ศิษย์ของพรรคอื่น โดยทัว่ ไปแล้วพวกมันล้วน
สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีระดับสู งกว่าได้
ทว่าสําหรับผูท้ ี่มีลมปราณปฐพีที่แสดงความสามารถใน
ระดับขั้นลมปราณจักรพรรดิออกมานั้น มันไม่เคยพบเห็นไม่เคย
ได้ยนิ เรื่ องราวทํานองนี้มาก่อน แม้วา่ มันจะมีชีวติ อยูม่ าหลายร้อย
ปี แล้วก็ตาม ! ถึงมันจะรู ้จกั นาม ‘หยุนเช่อ’ เนื่องจากปัญหา
สายเลือดเทพหงสาของมัน แต่เฟิ งเหิ งคงก็ไม่เคยเก็บเรื่ องนี้มาใส่
ใจ เนื่องจากบุคคลที่ไม่สาํ คัญเช่นนี้ยอ่ มไม่มีค่าพอที่จกั รพรรดิจะ
ให้ความสนใจ และศิษย์ข้นั ตํ่าตํ่าสุ ดผูใ้ ดก็สามารถจัดการกับ
ปั ญหานี้ได้ ทว่ายามนี้เมื่อได้เห็นการแสดงฝี มือที่น่าตื่นตะลึง
ภายในเวลาเพียงสี่ วนิ าทีนนั่ มันก็อดไม่ได้ที่จะสนใจผูฝ้ ึ กยุทธ์จาก
วายุครามผูน้ ้ ีที่อยูใ่ นระดับลมปราณปฐพีเท่านั้น
เฟิ งเหิ งคงหันไปจ้องมองเฟิ งซีเฉิ นด้วยสายตาที่นิ่งสงบ
อย่างที่สุด… เฟิ งซี เฉิ นคือผูท้ ี่รู้เห็นถึงความสามารถของหยุนเช่อ
ทว่าเพือ่ ปกปิ ดความจริ งอันน่าชังที่วา่ มันถูกผูฝ้ ึ กยุทธ์วายุครามข่ม
เหงอย่างน่าสมเพช มันจึงวางแผนทําการหลอกลวงครั้งใหญ่ และ
เพื่อปิ ดบังเรื่ องโกหกนี้มนั จึงให้เฟิ งชือหัวไปลอบสังหารหยุ
นเช่อ… นับตั้งแต่ได้ทราบข่าวว่าเฟิ งชือหัวถูกสังหารอย่าง
โหดร้าย มันก็รู้สึกหวาดวิตกมาตลอด และมันยังส่งผูค้ นออกไป
อีกมากมาย แต่กระนั้นก็ไม่สามารถพบร่ องรอยใดๆ ของหยุ
นเช่อ… เมื่อหยุนเช่อมาปรากฏตัวที่เวทีหงสา ใจมันก็เต้นอย่างบ้า
คลัง่
สายตาของเฟิ งเหิ งคงที่ตวัดมาทางมันแวบหนึ่งนั้นทําให้ร่าง
มันแข็งทื่อทั้งตัวไปในทันที สี หน้ามันเผือดซีดลงโดยพลัน เม็ด
เหงื่อเย็นเฉี ยบหยดไหลลงจากหน้าผาก… มันได้แต่นงั่ อยูต่ รงนั้น
ไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่นิ้วเดียว
บรรยากาศของงานประลองจัดอันดับได้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่มีผใู ้ ดคาดคิด อาณาจักรวายุครามและ
หยุนเช่อ… สองชื่อนี้ที่เดิมทีถูกมองว่าเป็ นตัวตลกและทหารชั้น
เลว ยามนี้ได้กลายเป็ นจุดสนใจที่เด่นชัดสุดของการประลองไป
แล้ว อาการตื่นตกใจ ความท้อแท้ ความไม่เชื่ออย่างสิ้ นเชิงของ
พวกมัน… และการเยาะเย้ยดูหมิ่นของผูค้ นเหล่านี้ที่ตอนแรกเชื่อ
ว่าตนเองสู งส่ งทรงพลัง ยามนี้พวกมันกลับดูโง่งมน่าหัวร่ อ หน้า
พวกมันแดงกํ่าราวกับถูกตบฉาดอย่างไร้ความปราณี
การกําจัดผูค้ นสิ บคนโดยลําพัง… ระดับลมปราณปฐพีที่
เอาชนะระดับลมปราณจักรพรรดิได้… ทุกผูค้ นคาดเดาได้วา่ เค้า
โครงของการประลองจัดอันดับที่ถูกกําหนดอนาคตไว้ก่อนหน้านี้
ได้พลิกควํ่าลงโดยสิ้นเชิงเนื่องจากการปรากฏตัวอย่างกะทันหัน
ของเจ้าตัวประหลาดจากอาณาจักรวายุครามผูน้ ้ ี
การประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรยังคงดําเนินต่อไป ในคู่
ที่สองอาณาจักรมารทมิฬสู ก้ บั อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์
ก่อนหน้านี้อาณาจักรมารทมิฬถูกจัดให้อยูใ่ นอันดับสาม
ในขณะที่อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์อยูใ่ นอันดับหก ทว่าในการ
ประลองครั้งนี้ พวกมันยังต่อสู ก้ นั ในลักษณะคุมเชิงกันอยู่ ในการ
ปะทะกันแบบเป็ นทีม ความสามารถสู งสุ ดของแต่ละคนไม่ใช่
ปั จจัยชี้ขาดอีกต่อไป กล่าวคือมันเป็ นการแข่งขันพละกําลังในการ
ต่อสู โ้ ดยรวมและความร่ วมมือร่ วมใจของพวกมันมากกว่า…
ท้ายที่สุดหลังจากต่อสู ก้ นั ถึงครึ่ งชัว่ โมง อาณาจักรมารทมิฬที่มี
ราชันขั้นต้นหนึ่งคนก็ข่มอีกฝ่ ายได้ตลอดการแข่งขัน และได้ชยั
เหนืออาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์ไป
นี่ควรเป็ นการจับคู่ที่พิเศษยิง่ ทว่าเสี ยงโห่ร้องให้กาํ ลังใจใน
สนามประลองก็มิได้กระหึ่ มกึกก้องเท่าใดนัก เนื่องจากต่อให้มนั
พิเศษกว่านี้อีกสิ บเท่า มันก็ยงั คงห่างไกลจากฉากการต่อสู ท้ ี่เขย่า
ขวัญสัน่ ประสาทที่หยุนเช่อกําจัดอาณาจักรคลื่นนาวีภายในสี่
วินาที
คู่ที่สาม คลื่นนาวีปะทะหยาดทานตะวัน
ในแง่ของความแข็งแกร่ งโดยรวมแล้ว ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า
คลื่นนาวีน้ นั เหนือกว่าหยาดทานตะวัน
ทว่าในการต่อสู ค้ รั้งนี้ อาณาจักรหยาดทานตะวันกลับเป็ น
ฝ่ ายต่อยตีอาณาจักรคลื่นนาวีเอาแต่ฝ่ายเดียว หานหรู อวี้ยงั คงหมด
สติ… และเป็ นไปได้อย่างยิง่ ว่าถึงมันจะฟื้ นขึ้นมาได้ มันก็คง
แกล้งทําเป็ นหมดสติต่อไป เนื่องจากมันคงไม่มีหน้าจะไปพบใคร
ในสนามประลองได้อีกแน่นอน ส่ วนอีกเก้าคนที่เหลือก็มี
บาดแผลเล็กน้อย แต่สิ่งสําคัญสุ ดคือขวัญกําลังใจพวกมันยังอยูใ่ น
สภาพยํา่ แย่ มันเป็ นการต่อสู แ้ บบเก้าต่อสิ บ ซํ้าพวกมันยังไม่มีใจที่
จะต่อสู ด้ ว้ ย ท้ายที่สุดหยาดทานตะวันจึงเป็ นฝ่ ายชนะไป
ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรคลื่นนาวีที่ลงมาจากเวทีประลอง
ด้วยใบหน้าแข็งทื่อมืดครึ้ มก็ทาํ ให้ผชู ้ มชาวคลื่นนาวีพดู อันใดมิ
ออก
คู่ที่สี่ : วายุครามปะทะหยาดทานตะวัน
เมื่อบนศิลาลมปราณปรากฏคําสามคํา ‘อาณาจักรวายุคราม’
ทั้งสนามประลองก็เงียบกริ บลงโดยพลัน
หากอาณาจักรหยาดทานตะวันเป็ นชาติแรกที่ถูกจับคู่กบั
วายุคราม ผูช้ มชาวหยาดทานตะวันคงมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับคลื่น
นาวีอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ทว่ายามนี้ผชู ้ มชาวหยาดทานตะวัน
ทั้งหมดเงียบสนิท ไม่มีผใู ้ ดแสดงอาการตื่นเต้นและหัวเราะเยาะ
เย้ยอีกต่อไปแม้แต่คนเดียว ความสุ ขจากการที่พวกมันเอาชนะ
อาณาจักรคลื่นนาวีได้น้ นั พลันกลับกลายเป็ นความว่างเปล่า
สี หน้าของผูป้ กครองและผูม้ ีอาํ นาจแห่งหยาดทานตะวัน
และโดยเฉพาะผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่เข้าร่ วมประลองทั้งสิ บคนจากหยาด
ทานตะวันนั้นแปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชดั ดวงตาพวกมันฉาย
แววหวาดกลัวอย่างยิง่
“เป็ น…เจ้าหมอนี่จริ งๆ !” ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากหยาดทานตะวันสู ด
ลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปอย่างแรง ความแข็งแกร่ งระดับที่
สามารถกําจัดคลื่นนาวีท้ งั หมดลงได้ภายในสี่ วนิ าที เพียงแต่คิดถึง
ไม่วา่ ผูใ้ ดก็คงสัน่ สะท้านด้วยความกลัว และที่น่ากลัวยิง่ กว่าก็คือ
ความโหดเหี้ ยมของมัน หรื อถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือรู ปแบบการ
ต่อสู ท้ ี่โหดร้ายอํามหิ ตของมัน !
“อย่าได้หมดกําลังใจไป !” ผูฝ้ ึ กยุทธ์คนสําคัญของ
อาณาจักรหยาดทานตะวันกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงเฉี ยบขาด “อย่าลืมว่า
สาเหตุสาํ คัญที่ทาํ ให้เจ้าหยุนเช่อนั้นกําจัดคลื่นนาวีได้น้ นั เป็ น
เพราะพวกคลื่นนาวีประเมินมันตํ่าไป และหยุนเช่อก็ลอบลงมือจู่
โจมอย่างกะทันหัน ! หากพวกเราร่ วมกันทุ่มเทพลังทั้งหมดโจมตี
มัน… ลําพังมันเพียงผูเ้ ดียว ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราจะไม่สามารถ
เอาชนะได้ !”
อีกเก้าคนรี บพยักหน้ารับ แต่ในใจกลับลอบสาปแช่งเจ้าคน
พูด หยุนเช่อสามารถกําจัดคลื่นนาวีได้เพราะการลอบโจมตีอย่าง
นั้นหรื อ ? การลอบโจมตีปู่เจ้านะสิ ! เหตุใดเจ้าไม่ลองลอบโจมตี
ผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั สิ บคนจากคลื่นนาวีดูบา้ งเล่า !?
ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการประมาทศัตรู อนั ใด ถึงแม้พวกคลื่นนาวี
ทั้งสิ บคนจะไม่ได้เตรี ยมพร้อมและนัง่ ยองๆ สบายๆ อยูก่ บั พื้น
พวกมันก็ยงั สามารถตอบโต้ได้ทุกขณะและลงไม้ลงมือจนเจ้ามี
สภาพเยีย่ งสุ นขั ได้ !
บทที่ 435 ปิ ดฉากรอบหกอาณาจักร (2)

หยุนเช่อทะยานร่ างขึ้นกลางอากาศ เหิ นร่ อนลงสู่ เวทีหงสา


ครานี้ ไม่มีผใู ้ ดกล้าเยาะเย้ยถากถางชายหนุ่มว่าไม่อาจใช้ออก
กระทัง่ เคล็ดวิชาเหินเวหาได้อีกต่อไป ไม่มีผใู ้ ดถากถางเขามาจาก
อาณาจักรวายุคราม ยิง่ กว่านั้น ไม่มีผใู ้ ดเย้ยหยันเขาเพียงมีพลัง
ฝี มือชั้นลมปราณปฐพีอีกเลย ทุกผูค้ นใบหน้าเครี ยดเคร่ งจริ งจัง
โดยเฉพาะผูส้ งั เกตุการณ์จากอาณาจักรหยาดทานตะวัน สี หน้า
ของพวกมันต่างเต็มไปด้วยความตึงเครี ยดถึงขีดสุ ด
สายตาทุกคู่จบั จ้องเขม็งไปยังหยุนเช่อ กระทัง่ เหล่าตัวแทน
จากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ที่ไม่สนใจในการประลองใดมาก่อนยัง
ต้องเงยหน้าขึ้นมองดูหยุนเช่อ…พวกมันต่างต้องการมองดูให้
กระจ่างว่าบุคคลผูน้ ้ ีใช่ลมปราณชั้นปฐพี ทว่ากลับสามารถ
แสดงออกถึงความสามารถในการสัประยุทธ์ข้นั สู งสุ ดออกมาเป็ น
เวลาสั้นๆเฉกเช่นบุปผานามราชินีเที่ยงคืน ที่เพียงเบ่งบานชัว่
ข้ามคืน หรื อว่า…ชายหนุ่มคือยอดยุทธ์ช้ นั ลมปราณปฐพี ที่กลับ
สามารถสําแดงพลังความแข็งแกร่ งเทียบเท่าชั้นลมปราณ
จักรพรรดิข้ นั กลางออกมาได้อย่างแท้จริ ง
ผูร้ ่ วมประลองสิ บคนจากอาณาจักรหยาดทานตะวันลงสู่
เวที ทั้งหมดแปรรู ปขบวนเข้าสู่ ขบวนต่อสู อ้ ย่างรวดเร็ ว ทั้งหมด
ใบหน้าเครี ยดขรึ ม ราวกับกําลังเผชิญพบคู่ต่อสู ร้ ้ายกาจ อาณาจักร
หยาดทานตะวันเป็ นอาณาจักรติดทะเล ทั้งหมดส่ วนใหญ่พลัง
ยุทธ์ธาตุวารี อาวุธที่ใช้มกั เป็ นกระบี่และดาบ ก่อนการเริ่ ม
ประลอง ต่างพากันชักอาวุธออกเตรี ยมพร้อมอย่างเต็มที่ บนร่ าง
ของพวกมันทั้งหมดปรากฏชั้นพลังปราณสี ฟ้าห่อหุม้ ป้องกันไว้
ภายนอก เกราะปราณวารี พลิ้วไหวเป็ นระลอกคลื่น
หยุนเช่อนําทัณฑ์มงั กรออกมาเช่นกัน ทันทีที่ปลายกระบี่
ต้องตกลงบนพื้นเวที เสี ยงสัน่ สะเทือนพลันดังขึ้นในทันที พื้น
ลานประลองเองสัน่ สะท้านอยูค่ รู่ หนึ่งเช่นกัน ผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั สิ บจาก
จักรวรรดิหยาดทานตะวันเองสัน่ สะท้านขึ้นมาโดยพร้อมเพรี ยง
สายตาทุกคู่ที่จอ้ งเขม็งไปยังทัณฆ์มงั กรโดยไม่คลาดเคลื่อนเต็ม
ไปด้วยความหวาดหวัน่ พรั่นพรึ ง
เพียงแตะสัมผัสลงบนพื้นเวที…กระบี่หนักในมือของมัน…
ไม่ทราบนํ้าหนักมหาศาลน่าหวาดหวัน่ ถึงเพียงไหน!?
“การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิคู่ที่สี่ จักรวรรดิวายุคราม
และจักรวรรดิหยาดทานตะวัน เริ่ มได้!!”
ชัว่ วินาทีที่เสี ยงของเฟิ งเฟยเยียนเลือนหาย ผูเ้ ข้าประลองทั้ง
สิ บคนจากหยาดทานตะวันขยับเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรี ยง คลื่น
พลังวารี พวยพุง่ ฉาบไล้เปล่งประกายบนคมกระบี่เย็นยะเยียบบาด
จิต ทั้งหมดเคลื่อนขบวนเข้าล้อมกักและจู่โจมหยุนเช่อในทันที
จากทุกทิศทาง…แสงสะท้อนสี ฟ้าเรื องรองที่เดือดพล่าน พิสูจน์วา่
พวกมันทุ่มเทพลังโจมตีท้ งั หมดออกมาตั้งแต่แรกเริ่ ม!
เห็นได้ชดั เจนว่า ฤทธานุภาพในการกวาดทําลายล้าง
อาณาจักรคลื่นนาวีของหยุนเช่อในคราเดียว สร้างความ
หวาดหวัน่ แก่พวกมันอย่างที่สุด พวกมันไม่กล้าออมรั้งยั้งมือ
แม้แต่นอ้ ย
“ค่ายกลกระบี่คลื่นหมุนทวน!!”
ยอดฝี มือที่พลังเข้มแข็งที่สุดเป็ นหัวหอกนําการจู่โจม กระบี่
ชั้นลมปราณฟ้าในมือของมันเริ งระบําฉวัดเฉวียน รังสี กระบี่เฉิ ด
ฉายเจิดจ้าราวสายนํ้าไหล พุง่ เสี ยบเข้าหาร่ างท่อนบนของหยุนเช่อ
จากแง่มุมอันพิสดารยากหลบหลีก หยุนเช่อไม่ขยับเคลื่อนไหว
ฝ่ ามือซ้ายพลันยืน่ ออกไป ชายหนุ่มโคจรพลังเคล็ดศักดิ์สิทธิ์เยือก
แข็งบรรจบ ประกายเย็นเยียบราวดวงดาราสาดแสงจากใจกลางฝ่ า
มือ
เคร้ งงง!!
รังสี กระบี่ที่อดั แน่นด้วยคลื่นพลังปราณวารี อนั พลุ่งพล่าน
ถูกแช่แข็งในชัว่ พริ บตา พลังความเย็นยะเยียบเดินทางจากรังสี
กระบี่เข้าสู่ ตวั กระบี่ จากนั้นแล่นปราดเข้าสู่ ร่างของผูใ้ ช้ ส่งผลให้
ชายหนุ่มผูน้ ้ นั รู ้สึกแขนซ้ายชาเจ็บแปลบปลาบราวถูกล้านเข็ม
แทงทะลุ
“อ๊าาา!!” ชายหนุ่มที่เป็ นแกนนําการจู่โจมรํ่าร้องออกมา
อย่างเจ็บปวดพร้อมถอยกายอย่างลนลาน มันเพียงสามารถฝื น
สะกดพลังความเย็นที่แทรกซึมเข้ามาได้เมื่อโคจรรี ดเร้นพลัง
ลมปราณในร่ างอย่างสุ ดพลังเท่านั้น สายตาที่มองมายังหยุนเช่อ
เต็มไปด้วยความหวัน่ ผวา
“นัน่ …นัน่ คือวิชาอะไร?”
“สามารถแช่แข็งได้แม้แต่รังสี กระบี่!!”
ติ๊งงง!!
รังสี กระบี่ที่จบั เป็ นก้อนแข็งของศิษย์จากอาณาจักรหยาด
ทานตะวันแตกกระจายเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราววัตถุธรรมดาสามัญ
ที่ถูกเยือกแข็งโดยทัว่ ไป กลับกลายเป็ นเศษนํ้าแข็งสาดกระเซ็น
ไปทัว่ บริ เวณ หยุนเช่อกางฝ่ ามือทั้งสองออกด้านข้าง จากนั้น ทัว่
ร่ างของชายหนุ่มพลันทอแสงสี ฟ้าเรื องรอง ประกายแสงสี ฟ้าสาม
จุดไหวระริ ก พฤกษาเหมันต์บรรจบสามต้นงอกเงยขึ้นจากพื้น
ทะยานขึ้นสู่ ฟากฟ้าอย่างรวดเร็ ว ภายในพริ บตา กิ่งก้านสาขา
จํานวนนับไม่ถว้ นของพฤกษา รวมทั้งใบนํ้าแข็งเย็นยะเยือก
มหาศาลแตกกระจายออกรอบข้าง สานถักทอเป็ นข่ายนํ้าแข็ง
หนาแน่น ปกคลุมเวทีหงสาทั้งหมดไว้จากสายตาผูค้ น…
“ว้าววว…” เสี ยงอุทานด้วยความตื่นตะลึงแพร่ กระจายไป
ทัว่ ทั้งลานประลอง
สายตาของเฟิ งซีเฉินเบิกกว้าง ตื่นตระหนกจนครึ่ งก้นของ
มันแทบร่ วงลงจากเก้าอี้ดว้ ยความสัน่ สะท้าน…นี่แน่นอนว่าเป็ น
กระบวนท่าที่เด็กสาวนางนั้นผูม้ ีพลังยุทธชั้นปราณจักรพรรดิใช้
ออกเมื่อกาลก่อน กระบวนท่าที่สามารถตรึ งองครักษ์ท้ งั สองของ
มันเอาไว้ภายในได้ มันจดจําได้อย่างแจ่มชัด เป็ นวิชายุทธ์ธาตุ
นํ้าแข็งอันน่าหวาดหวัน่ ชนิดนี้เองที่สามารถเยือกแข็งได้กระทัง่
เพลิงเทพหงสา! มันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า หยุนเช่อเองกลับมี
ความสามารถใช้ออกด้วยวิชายุทธ์ธาตุน้ าํ แข็งนี้เช่นกัน!!
ภายใต้พฤกษาเหมันต์ขนาดยักษ์ ยอดยุทธ์จากอาณาจักร
หยาดทานตะวันทั้งหมดต่างถูกกักไว้ภายใน กิ่งก้านและใบผลึก
นํ้าแข็งทั้งหมดดูไปงดงามอย่างถึงที่สุด หากยิง่ ดูคล้ายโซ่ตรวน
อันน่าสยดสยองจากนรกภูมิ พันธนาการอย่างหนาแน่น สะกด
พัวพันทุกส่ วนของร่ างกาย ยอดยุทธ์ท้ งั สิ บต่างเบิกตากว้างแทบ
ฉี กขาด ต่างโคจรพลังลมปราณในร่ างอย่างเร่ งร้อน ทว่าไม่มีผใู ้ ด
สามารถทลายพันธนาการออกมาได้แม้แต่ส่วนเสี้ ยว กลับกัน ทัว่
ร่ างของพวกมันถูกเยือกแข็งทีละน้อยทีละน้อยภายใต้กลิ่นอายม
หันตภัยเยือกแข็ง เย็นเยียบจนโลหิ ตในร่ างแทบแข็งตัวจนหมด
สิ้ น
สี หน้าของหยุนเช่อไร้อารมณ์ความรู ้สึกใดอย่างสิ้ นเชิง ชาย
หนุ่มสะบัดกวาดทัณฑ์มงั กร ตวัดออกเป็ นเส้นโค้งยาวเหยียดที่มา
พร้อมเสี ยงมังกรครํ่าครวญ
เปรี้ ยง!!!
พลังยิง่ ใหญ่ไร้ผตู ้ า้ นจากกระบี่หนักที่ตวัดกวาดขวางแผ่พงุ่
ไปเบื้องหน้าราวพายุถล่ม พฤกษาเหมันต์บรรจบอันใหญ่ยกั ษ์
พลันถูกแรงลมปัดกระแทกแหลกสลายเป็ นเศษส่ วนในพริ บตา
ผลึกนํ้าแข็งที่ปลิวเวียนว่อนราวกับดวงดาราแต่งแต้มท้องนภา
งดงามเลิศลอยเหนือคําบรรยายใดๆ ผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั สิ บจากอาณาจักร
หยาดทานตะวันที่ถูกกักขังภายในพฤกษาเหมันต์บรรจบ ชัว่
วินาทีที่พฤกษานํ้าแข็งแตกกระจายลง ทั้งหมดต่างถูกเป่ ากระเด็น
ไปไกลห่างพร้อมกับประกายดาราเยือกแข็งแต่งแต้มท้องฟ้า ก่อน
จะร่ วงหล่นลงที่ห่างไกลไปสามร้อยเมตร
หลังจากร่ วงหล่นลงกับพื้น ทั้งสิ บไม่มีผใู ้ ดสามารถลุกขึ้น
ยืนได้ ผิวหนังบนร่ างกายถูกปกคลุมด้วยชั้นนํ้าแข็งบางเบา สี หน้า
ขาวซีดราวกระดาษ ริ มฝี ปากกลายเป็ นสี น้ าํ เงินอมม่วง หลังจาก
สัน่ สะท้านอยูเ่ ป็ นนานพร้อมทั้งขดร่ างจนกลมป็ อก พวกมัน
ทั้งหมดจึงสามารถสะกดความหนาวเย็นอันน่าสะพรึ งกลัวและ
ฟื้ นฟูพละกําลังในการยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง ทว่า นอกจากความ
หนาวเย็นที่ประสบแล้ว ทั้งหมดล้วนไร้ซ่ ึงบาดแผลใด
หยุนเช่อลงมือหนักหน่วงต่อคลื่นนาวี นี่สืบเนื่องเพราะ
กิริยาเหยียดหยามไร้ความสํารวม รวมทั้งความเดียดฉันท์บน
ใบหน้าของพวกมันที่แสดงออกมาเท่านั้น สําหรับกับอาณาจักร
หยาดทานตะวัน เมื่อไม่มีความแค้นข้ออาฆาตต่อกัน แน่นอนว่า
ยามลงมือย่อมต้องออมมือบ้างเป็ นธรรมดา
“จักรวรรดิวายุคราม ชนะ” เฟิ งเฟยเยียนใช้สายตาเย็นชา
เคร่ งเครี ยดจ้องมองหยุนเช่อ จากนั้น ประกาศผลการประลอง
ผูช้ มจากอาณาจักรหยาดทานตะวันต่างเงียบงันไปจนหมด
สิ้ น เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่มาเฝ้าดูต่างลุกขึ้นจากที่นงั่ อย่างเงียบๆ หยิบ
ยืน่ มือเข้าช่วยพยุงเหล่าผูร้ ่ วมแข่งขันที่ถูกกวาดลงจากเวที ภาพหยุ
นเช่อปัดกระแทกเหล่ายอดยุทธ์คลื่นนาวีท้ งั สิ บลงจากเวทีมิใช่
มายา ยิง่ มิใช่พลังเช่นบุปผาเที่ยงคืนที่เพียงเบ่งบานชัว่ วูบ…เพียง
ชัว่ เวลาสี่ ลมหายใจ ผูร้ ่ วมแข่งขันทั้งสิ บของอาณาจักรหยาด
ทานตะวันต่างถูกพัดลงจากลานประลองเช่นกัน เพียงแต่พวกมัน
ล้วนโชคดีกว่า ต่างไม่มีผใู ้ ดได้รับบาดเจ็บมากมาย ยิง่ กว่านั้น เมื่อ
มีเหล่ายอดยุทธ์คลื่นนาวีเป็ นฐานรองรับ ความเชื่อมัน่ ทั้งหมดของ
พวกมันมิใช่วา่ ถูกทําลายลงโดยสิ้ นเชิง
นัดที่สองของการประลอง หยุนเช่อยังคงได้รับชัยชนะอย่าง
เด็ดขาด ครานี้ ไม่มีผใู ้ ดกังขาต่อพลังฝี มือของชายหนุ่มอีก
ต่อไป…แม้เขาจะมาจากจักรวรรดิวายุคราม ทั้งยังมีระดับพลัง
ยุทธ์อนั ตํ่าต้อยน่าสมเพชเพียงชั้นปราณปฐพีเท่านั้น
“พลังยุทธธาตุน้ าํ แข็ง? เหตุใดมันจึงฝึ กปรื อพลังยุทธ์ธาตุ
นํ้าแข็งได้?” เฟิ งเหิ งคงจับจ้องเขม็งไปทางหยุนเช่อ หว่างคิ้วอัด
แน่นไปด้วยความรู ้สึกสับสนมึนงง ผูค้ นในที่น้ ีท้งั หมดไม่มีผใู ้ ดรู ้
ตื้นลึกหนาบางระหว่างเรื่ องราวของหยุนเช่อและพรรคเทพหงสา
ทว่าเฟิ งเหิ งคงรับทราบอย่างชัดเจนว่าหยุนเช่อมีสายเลือดเทพหง
สา…มีสายเลือดเทพหงสา หากกลับสามารถฝึ กฝนพลังธาตุ
นํ้าแข็ง ยิง่ กว่านั้น ยังสามารถสําแดงพลังนํ้าแข็งเย็นอันทรง
อํานาจถึงปานนี้… นี่ส่งผลให้มนั มิอาจลอบตกตะลึงภายในใจทั้ง
ที่ยงั คงสับสนมึนงงอย่างยิง่
“ดูท่า การแข่งขันครานี้ กลับปรากฏเด็กน้อยเปี่ ยม
พรสวรรค์น่าสนใจผูห้ นึ่ง” ทางด้านบริ เวณเตรี ยมตัวเข้าแข่งขัน
ของอาณาจักรเทพหงสา ศิษย์พรรคเทพหงสามองไปยังหยุนเช่อ
พร้อมกล่าวด้วยรอยยิม้
“พี่เฟยไป๋ หากท่านต้องเป่ าขยะสิ บตัวลงจากเวทีหงสา ท่าน
สมควรใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าใด?” ศิษย์พรรคเทพหงสากล่าวถามไถ่
เฟิ งเฟยไป๋ ยกยิม้ เหยียดหยัน มันกางนิ้วออกมาสี่ นิ้ว “สี่ ลม
หายใจ ทว่านี่มิใช่ขา้ ยอมรับว่ามันเข้มแข็งเท่าเทียมกับข้า หากแต่
ศัสตราของมันคือกระบี่หนัก มีเปรี ยบในการตะลุมบอนที่สุด”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า นัน่ ย่อมแน่นอน แม้พลังฝี มือของมันจะเหนือ
ความคาดหมาย แต่มนั จะเทียบกับท่านพี่เฟิ งเฟยไป๋ ได้เช่นไร”
“แต่วา่ กล่าวตามตรง ความเข้มแข็งที่มนั แสดงออกมาใน
ยามนี้ สมควรมิใช่พลังฝี มือทั้งหมดของมันเช่นกัน หากต้องต่อสู ้
กับมัน ข้าเองยงไม่มน่ั ใจได้ชยั อย่างเต็มที่ แต่หากมันต้องการทุบตี
ข้า เหอะ นัน่ ยังไม่อาจเป็ นไปได้” เฟิ งเฟยไป๋ กล่าววาจากลั้วเสี ยง
หัวเราะอันภาคภูมิ
“ฮ่าฮ่า สมควรเป็ นเช่นนั้น ทว่าเด็กน้อยนี้ สามารถได้รับ
การประเมินถึงระดับนี้จากศิษย์พี่เฟยไป๋ กล่าวได้วา่ มันมิได้เกิดมา
เสี ยเปล่าแล้ว”
“เช่นนี้ ดูท่าคู่ต่อกรของเราอย่างเป็ นทางการ สมควรเป็ น
อาณาจักรวายุคราม นี่เป็ นสิ่ งที่เหนือความคาดหมายอย่างสิ้ นเชิง
จริ งๆ” ศิษย์พรรคเทพหงสาอีกคนหนึ่งกล่าวออกมาพร้อมไหว
ไหล่ “ทว่าปั ญหาคือ ใครจะเป็ นคนขึ้นไป? อาณาจักรวายุคราม
เพียงมีคนผูเ้ ดียว พวกเราทั้งหมดล้วนไม่อาจเบียดเสี ยดกันขึ้นไป
ได้ ใช่หรื อไม่? ข้าไม่อาจลดตัวลงไปกระทําเยีย่ งนั้น”
“อย่างเลวที่สุด พวกเราล้วนสามารถจับฉลาก เป่ ายิงฉุบก็
ได้” ศิษย์พรรคเทพหงสาผูห้ นึ่งกล่าวออกมาอย่างเฉื่อยชา
แม้วา่ การประลองเจ็ดจักรวรรดิจะถูกลดลงมาเป็ นการ
ประลองเเบบทีมเพื่อลดเวลาการประลอง ท้ายที่สุด ยามท้าทายต่อ
พรรคเทพหงสา พรรคเทพหงสายังคงสามารถส่ งผูค้ นออกมาทั้ง
สิ บคนเพื่อต่อสู …้ .ทว่า อาณาจักรวายุครามเพียงมีหยุนเช่อคน
เดียวเท่านั้น จักรวรรดิเทพหงสา ในฐานะค่ายพรรคอันดับหนึ่ง
จอมราชันแห่งจักรวรรดิท้ งั เจ็ดแห่งลมปราณฟ้า ไม่อาจก้าวผ่าน
ทั้งยังไร้ผตู ้ ่อต้านมาแต่โบราณกาล จะสามารถใช้สิบเข้าสู่ หนึ่งได้
เช่นไร?
เมื่องานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิดาํ เนินต่อไป บุคคลที่
แรกเริ่ มเพียงเป็ นตัวตลกน่าหัวเราะ กลับกลายเป็ นจุดสนใจที่เปล่ง
ประกายในสายตาของทุกผูค้ นทั้งลานประลอง
…………
จักรวรรดิมหาอสู ร และ จักรวรรดิมารทมิฬ จักรวรรดิมาร
ทมิฬชนะ
จักรวรรดิสุคนธ์สวรรค์ และ จักรวรรดิหยาดทานตะวัน
จักรวรรดิหยาดทานตะวันชนะ
จักรวรรดิคลื่นนาวี และจักรวรรดิมหาอสู ร จักรวรรดิมหา
อสู รเอาชนะไปแบบฉิ วเฉี ยด
จักรวรรดิวายุคราม และ จักรวรรดิมหาอสู ร จักรวรรดิวายุ
ครามชนะ
………….
จักรวรรดิสุคนธ์สวรรค์ และจักรวรรดิวายุคราม ….
จักรวรรดิสุคนธ์สวรรค์ยอมแพ้
…………
จักรวรรดิวายุคราม และ จักรวรรดิมารทมิฬ …จักรวรรดิ
วายุครามชนะ!
ระยะเวลาที่ใช้ในการแข่งขันเป็ นกลุ่มแน่นอนว่าย่อมเนิ่น
นานกว่าการแข่งขันแบบเดี่ยว แม้จะไม่นบั รวมการประลองของ
จักรวรรดิเทพหงสา ก็ยงั คงมีการแข่งขันถึงสิ บห้านัด จักรวรรดิ
เทพหงสาเดิมคาดการณ์วา่ นัดหนึ่งย่อมใช้เวลาประมาณสามสิ บ
ถึงสี่ สิบห้านาที ดังนั้น แม้จะถูกลดระยะเวลาการแข่งขันลงไป
มากมาย หากแต่ตารางเวลายังคงกระชั้นสั้นนัก
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปถึงยามสี่ โมงเย็น การแข่งขันทั้งสิ บห้า
นัด ต่างจบสิ้ นไปเรี ยบร้อย
ทุกนัดการประลองที่หยุนเช่อก้าวขึ้นสู่ เวที ทั้งหมดต่างต้อง
จบลงภายในพริ บตา ผ่านไปห้านัด ระยะเวลาบนสังเวียนเพียงนับ
รวมได้ไม่ถึงสามสิ บลมหายใจ การแข่งขันรอบที่สี่ จักรวรรดิ
สุ คนธ์สวรรค์ตระหนักดีวา่ พวกมันไม่มีทางชนะ จึงยอมแพ้
ในทันที เพื่อมิให้เหล่าอัจฉริ ยะของอาณาจักรพวกมันต้องพบกับ
การบาดเจ็บล้มตาย
คลื่นนาวี หยาดทานตะวัน มหาอสู ร สุ คนธ์สวรรค์ มาร
ทมิฬ ขุมกําลังของอาณาจักรทั้งห้า ล้วนเหนือลํ้ากว่าวายุคราม
อย่างทาบไม่ติด เช่นเดียวกับเหล่ายอดยุทธ์รุ่นเยาว์ พลังความ
เข้มแข็งของพวกมันล้วนไม่อาจทัดเทียมกับอาณาจักรทั้งห้าได้
เลย ทว่าพลังฝี มือของหยุนเช่อเองมิได้ถูกขีดคัน่ จํากัดที่ระดับพลัง
ของจักรวรรดิวายุคราม! หากแต่กา้ วลํ้านําหน้าระดับพลังฝี มือของ
ยอดยุทธ์แห่งจักรวรรดิท้งั หกไปมากมายมหาศาลแล้ว
ครึ่ งปี ที่ผา่ นมา พรคคสํานักที่หยุนเช่อกําจัด เป็ นค่ายพรรค
ที่เข้มแข็งที่สุดของวายุคราม บุคคลที่ชายหนุ่มโค่นล้ม เป็ นยอด
ยุทธ์อนั ดับหนึ่งแห่งวายุคราม บุคคลที่เขาลงมือทําร้าย คือองค์
ชายเทพหงสา บุรุษที่มนั เข่นฆ่า…ยังเป็ นถึงชนชั้นองครักษ์แห่ง
จักรวรรดิเทพหงสา!
เช่นนี้แล้ว ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์ของทั้งห้าอาณาจักร จะสามารถ
จินตนาการ หรื อเปรี ยบเทียบประสบการณ์ความสําเร็ จเหล่านี้กบั
ชายหนุ่มได้อย่างไร
ในสายตาของหยุนเช่อ ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์ระดับอัจฉริ ยะของ
อาณาจักรทั้งห้า เพียงเป็ นเช่นทารกแรกตั้งไข่ ไม่เพียงสิ บคน ต่อ
ให้เป็ นยีส่ ิ บ หรื อสามสิ บคน หยุนเช่อยังคงสามารถหักทําลายจน
สิ้ นซาก
หากนับที่อายุเท่าเทียมกัน ระดับที่หยุนเช่อคงอยูน่ ้ นั นับว่า
เหนือลํ้ากว่าที่อาณาจักรทั้งหกจะทัดเทียบเปรี ยบได้ ทว่ากลับเป็ น
ระดับเดียวกับราชันแห่งจักรวรรดิท้ งั เจ็ด…ระดับชั้นเดียวกับ
อาณาจักรเทพหงสา!
ทิศทางของการประลองยุทธในครั้งนี้ ไม่มีผใู ้ ดสามารถ
ทํานายออกล่วงหน้า หลังจากที่หยุนเช่อถล่มคลื่นนาวีจนราบคาบ
การประลองยุทธทั้งหกอาณาจักรล้วนปิ ดฉากลง งานประลอง
ยุทธเจ็ดจักรวรรดิในปี นี้ ล้วนมาถึงม่านการประลองฉากสุ ดท้าย
ด้วยระดับความเร็ วเหนือความคาดหมายของทุกผูค้ น
การต่อกรกับจักรวรรดิเทพหงสา!
บทที่ 436 เพลิงหงสา

“อาณาจักรคลื่นนาวี ชนะศูนย์รอบ รั้งอันดับหกของหก


จักรวรรดิ”
“อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์ ชนะหนึ่งรอบ รั้งอันดับห้าของหก
จักรวรรดิ”
“อาณาจักรมหาอสุรา ชนะสองรอบ รั้งอันดับสี่ ของหก
จักรวรรดิ”
“อาณาจักรหยาดทานตะวัน ชนะสามรอบ รั้งอันดับสาม
ของหกจักรวรรดิ”
“อาณาจักรมารทมิฬ ชนะสี่ รอบ รั้งอันดับสองของหก
จักรวรรดิ”
“อาณาจักรวายุคราม ชนะห้ารอบ รั้งอันดับหนึ่งของหก
จักรวรรดิ”
จากประกาศของเฟิ งเฟยเยียน เวทีกลายเป็ นสับสนวุน่ วาย
ทั้งหกอาณาจักรนั้นแสดงทีท่าเช่นเดียวกันหมดโดยที่มิได้
เกี่ยวข้องอันใดกันเลย สําหรับผลของอันดับนี้ มิมีผใู ้ ดคาดเดามัน
มาก่อนก่อนที่งานประลองจะเริ่ ม อาณาจักรคลื่นนาวี เป็ น
อาณาจักรที่ได้อนั ดับสู งสุ ดในหกอาณาจักรเมื่อการแข่งขันรอบที่
แล้วและเป็ นถึงอัจฉริ ยะอันดับต้นๆในการประลองกลับถูกตบ
เกรี ยนโดยหยุนเช่อ ความภาคภูมิใจของพวกมันถูกทําลายลงจน
สิ้ น เสี ยงหัวเราะเย้ยหยันและคําพูดถากถางมากมายในคราแรก
กลับหายไปจนหมดสิ้ นไม่หลงเหลือ ด้วยบุคคลเพียงคนเดียว…ที่
เอาชนะทั้งห้าอาณาจักร! และทําให้ผชู ้ มทั้งหมดตื่นตะลึง
ผูค้ นที่มาจากอาณาจักรวายุครามซึ่งมีอยูไ่ ม่มากนักกลับ
กลายเป็ นอารมณ์แปรผัน…อาณาจักรวายุครามนั้นตลอดมาได้รับ
แต่เสี ยงหัวเราะเย้ยหยันและเป็ นดัง่ ตัวตลก ได้รับแต่ความอัปยศ
จากการประลองเจ็ดอาณาจักร ทว่ายามนี้มนั เป็ นถึงอันดับหนึ่ง
เหนือทั้งห้าอาณาจักร! ในที่สุดพวกมันก็สามารถยืนขึ้นได้อย่าง
องอาจและภาคภูมิ นี่นบั เป็ นประวัติการณ์ในประวัติศาสตร์ เป็ น
สิ่ งที่พวกมันมิกล้าแม้แต่เฝ้าฝันถึงในตลอดช่วงเวลาที่ผา่ นมา
และผูท้ ี่นาํ พาเกียรติยศและความรุ่ งโรจน์มาสู่ พวกมันคือหยุ
นเช่อ
เหล่าชาววายุครามต้องการให้การประลองนี้จบลงอย่าง
รวดเร็ วยิง่ นัก พวกมันจะรี บพุง่ ตรงไปยังสมาคมการค้า และแม้วา่
พวกมันจะต้องจ่ายเงินหมดตัวก็ตอ้ งหาซื้อยันต์ส่ื อสารแสนลี้ให้
ได้และรี บส่ งข่าวแห่งเกียรติยศอันยิง่ ใหญ่น้ ีกลับไปที่อาณาจักร
วายุครามอย่างรวดเร็ ว
ทว่ามิปรากฏร่ องรอยแห่งความดีใจบนหน้าหยุนเช่อเลย
ตั้งแต่เข้าร่ วมการประลองกระทัง่ ยามนี้ตวั มันเต็มไปด้วยความ
เยือกเย็น…เพราะว่าในจิตใจมันนั้น มันเอาชนะทั้งห้าอาณาจักร
เพียงเพือ่ ทําให้ความฝันของชางว่านเฮ่อเป็ นจริ ง และเป็ นเพียง
เกียรติยศของอาณาจักรวายุคราม มิมีใดมากกว่านั้น ทว่านี่กลับ
มิใช่จุดประสงค์ที่แท้จริ งที่มนั มาเข้าร่ วมการประลองยุทธ์ในครา
นี้
สําหรับมัน การประลองที่แท้จริ ง เพียงเพิ่งเริ่ มต้นเท่านั้น!
“การจัดอันดับของหกอาณาจักรสิ้ นสุ ดลงแล้ว หยุนเช่อ เจ้า
ต้องการที่จะประลองกับจักรวรรดิเทพหงสาเราหรื อไม่?”
หลังจากประกาศอันดับของทั้งหกอาณาจักรจบลง เฟิ งเฟยเยียนก็
จ้องมองไปยังหยุนเช่อและกล่าวถามอย่างเคร่ งขรึ ม หลังจากกล่าว
จบคํา สุ ม้ เสี ยงชราแผ่วเบาลอยมาเข้าหูของหยุนเช่อ “ทว่าข้า
แนะนําให้เก็บความพยายามอันเล็กน้อยนัน่ ไว้ดีกว่า”
ยามนี้มีเพียงหยุนเช่อและศิษย์อจั ฉริ ยะรุ่ นเยาว์จาก
อาณาจักรเทพหงสาเท่านั้นในจุดเตรี ยมตัว
สายตาของผูช้ มทั้งหมดจับจ้องไปยังตัวหยุนเช่อรอการตอบ
รับของมัน ไม่วา่ มันจะท้าสู ก้ บั จักรวรรดิเทพหงสาหรื อไม่ นาม
“หยุนเช่อ” ก็จะโด่งดังไปทัว่ เจ็ดอาณาจักรในชัว่ ข้ามคืนอยูด่ ี และ
จะกลายเป็ นนามที่สนั่ สะเทือนไปทัว่ ทวีปลมปราณฟ้า มันจะ
เลือกไม่ทา้ ประลองก็มิเป็ นไร หรื อเลือกท้าประลองแล้วแพ้พา่ ย
อย่างอนาถก็มิเป็ นไร นัน่ เพราะว่า…เพราะว่าอีกฝ่ ายคือ จักรวรรดิ
เทพหงสา พรรคเทพหงสา!
ก่อนที่เสี ยงของเฟิ งเฟยเยียนจางหายไป หยุนเช่อได้พงุ่
สู งขึ้นและเหิ นลงสู่ ลานประลองหงสา ทัณฑ์มงั กรปรากฎขึ้นใน
มือ ด้วยพลังของกระบี่หนักก่อเกิดเป็ นลมหมุนเสี ยงเลื่อนลัน่ ที่
เกรี้ ยวกราดพัดแยกฉี กกระชากชั้นบรรยากาศโดยรอบออก มันยืน
อยูบ่ นลาน ยกศีรษะขึ้นและกล่าว “แน่นอน ข้าจะสู !้ ข้าไม่ได้มา
ที่นี่เพื่อเป็ นอันดับสอง! กลับกัน…ข้ามาที่นี่เพื่อล้มพรรคเทพหง
สาของเจ้าลง!”
หลังจากคําประกาศของหยุนเช่อผูช้ มทั้งหมดกลายเป็ นเงียบ
งัน จากนั้นมันก็ได้จมลงสู่ คลื่นแห่งถ้อยคําเยาะเย้ยที่หลัง่ ไหลมา
จากทุกทิศทาง…
“ฟั*ทอง! ไอ้เจ้านี่ช่างหยิง่ ทระนงยิง่ นัก จากคําพูดของมัน
มันคิดว่าจะสามารถเอาชนะพรรคเทพหงสาได้ง้ นั รึ ?”
“หยิง่ อะไรเช่นนี้!? มันก็แค่ไอ้โง่ที่พยายามจะเป็ นตัวตลก”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็ นใคร?! อยากเป็ นที่หนึ่ง ฝันไปเถอะ”
“เพียงเพราะเจ้าสามารถเอาชนะห้าอาณาจักรได้ เจ้าจึงคิดว่า
ตนเองมีความสามารถจะท้าทายพรรคเทพหงสา? และแม้แต่
เหยียบยํา่ พรรคเทพหงสาลง… นี่เป็ นเรื่ องน่าขันที่สุดที่ขา้ เคยได้
ยินมาในชีวติ !”
“เจ้าเป็ นบุคคลที่โดดเด่นพอแล้ว ทําไมถึงยังกล้าเสนอหน้า
มาอาละวาดต่อหน้าพรรคเทพหงสา… ข้าจะตั้งตารอดูความอับ
อายขายขี้หน้าของเจ้า”
……………………
เพียงคําพูดนี้ออกมาจากหยุนเช่อ ทุกผูค้ นที่ประหลาดใจใน
ตัวมันพลันเปลี่ยนเป็ นดูถูกและยิม้ เยาะมาจากทัว่ ทุกทิศ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรเทพหงสา พวกมันทั้ง
หัวเราะและยิม้ เยาะราวกับว่าเรื่ องที่พวกมันได้ยนิ นั้นเป็ นเรื่ องราว
ตลกขบขันที่สนุกที่สุดก็มิปาน ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอีกห้าอาณาจักรที่ถูก
เอาชนะโดยหยุนเช่อนั้นคราแรกพวกมันนั้นล้วนคับข้องใจ ทว่า
บัดนี้เมื่อพวกมันได้พบหนทางที่จะเอาคืนได้พวกมันจึงว่ากล่าวดู
ถูกโดยไร้ซ่ ึงการยับยั้ง คล้ายกําลังเหยียดหยันต่อคางคกที่อยากกิน
เนื้อหงส์
“ฮ่าฮ่า…” ศิษย์เทพหงสาคนหนึ่งในเขตเตรี ยมตัวหัวเราะ
อย่างเย็นชา “ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ทว่าดู
เหมือนว่ามันก็เป็ นเพียงแค่คนที่ประเมินความสามารถของตัวเอง
สู งไปเท่านั้น”
“ย่อมเป็ นธรรมดา หลังเอาชนะห้าจักรวรรดิได้อย่างน่า
ประทับใจ ความมัน่ ใจในความสามารถอย่างไม่เคยมีมาก่อนของ
ตัวมันย่อมสามารถเข้าใจได้” ศิษย์อีกคนของพรรคเทพหงสายัก
ไหล่ไม่รู้ไม่ช้ ี
“ทว่าเห็นได้ชดั ว่ามันท้าคู่ต่อสู ผ้ ดิ แล้ว มันคงคิดว่าเราจะ
เป็ นดัง่ เช่นอีกห้าอาณาจักรอันอ่อนหัดที่ไม่มีค่าแม้แต่แลมองด้วย
ซํ้า ฮ่า ยังไงก็ตามมันมาจากวายุคราม ข้าว่ามันก็ทาํ ได้แค่น้ ีแหละ”
ศิษย์เทพหงสากล่าวคําพร้อมยกมุมปากขณะที่สน่ั นิ้วน้อยๆของ
มัน
บนที่นงั่ ของจักรวรรดิเทพหงสา เหล่าองค์ชาย ผูอ้ าวุโส
และเจ้าวังทั้งหลายต่างหัวเราะอย่างอย่างดูหมิ่น อย่างไรก็ตามคิ้ว
ของเฟิ งเหิ งคงขมวดมุ่นในขณะที่สายตามันเปลี่ยนเป็ นคบกริ บ
และมืดครึ้ ม ยามนี้มนั รู ้แล้วว่ามันคงจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิด
ไป…คราแรกมันคิดเช่นเดียวกับเฟิ งซีหมิงและอีกอย่างคือมันคาด
ว่าที่หยุนเช่อมาท้าประลองพรรคเทพหงสาในงานประลองนี้
เพราะมันคงรู ้วา่ มิอาจซ่อนตัวได้ หลังจากมันมีสายเลือดเทพหง
สามันมีโชคชะตาเพียงสองทางให้เลือกเท่านั้น
หนึ่งคือให้สตั ย์สาบานต่อพรรคเทพหงสาและกลายมาเป็ น
ศิษย์พรรคเทพหงสาตลอดไปเพื่อรักษาชีวติ ไว้
อีกทางเลือกคือตาย
หากมันมาที่นี่นนั่ หมายความว่ามันเลือกหนทางแรก หาก
มันไม่ตอ้ งการให้พรรคเทพหงสาพบตัว นัน่ ย่อมแจ่มชัดว่ามัน
เลือกอย่างหลัง
เฟิ งเหิ งคงคิดเสมอมาว่าที่มนั มาร่ วมการประลองขณะที่
แสดงตัวโดยไร้ซ่ ึงการยับยั้งตนเองต่อพรรคเทพหงสาเพราะ
ต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวมันมิใช่ขยะ เพื่อให้เห็นว่ามันมี
คุณสมบัติพอที่จะเข้าสู่ พรรคเทพหงสา
ทว่ายามนี้เมื่อมันได้กล่าวคําเช่นนั้นออกมา นัน่ แสดงให้
เห็นชัดแล้วว่ามันจงใจยัว่ โทสะพรรคเทพหงสา!
และมันได้จดั การคู่ต่อสู ภ้ ายในระยะเวลาอันสั้นทุกครั้ง…
เช่นนี้แล้วมันคงมิได้ตอ้ งการแสดงความสามารถ กลับกัน…มัน
ต้องการแสดงให้พรรคเทพหงสาได้ประจักษ์!
มันต้องการกระทําสิ่ งใดกัน? หรื ออันที่จริ งแล้วมันเพียงคิด
ว่ามันมีความสามารถและทักษะพอที่จะต่อสู ก้ บั พรรคเทพหงสา
ได้?
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าเจ้าต้องการเป็ นตัวแทนของ
จักรวรรดิวายุครามและเอาชนะจักรวรรดิเทพหงสา จากนั้นก็ข้ ึน
เป็ นอันดับหนึ่งในการประลองครั้งนี้?” เฟิ งเฟยเยียนหัวเราะแผ่ว
เบา แม้วา่ มันจะหัวเราะทว่ากลับมิมีอารมณ์ความรู ้สึกใด ยามนี้มนั
เริ่ มคิดเฉกเช่นเดียวกับเฟิ งเหิ งคง…เหตุผลที่มนั มาที่นี่มิใช่เพือ่
ประนีประนอมด้วยการยอมรับความแพ้พา่ ย แต่กลับเห็นได้ชดั ว่า
มันต้องการใช้กาํ ลัง
เฟิ งเฟยเยียนยิม้ เยาะภายในใจ…หยุนเช่อที่มีพลังถึงระดับนี้
ด้วยอายุเพียงสิ บเก้าปี นั้นเกือบเทียบได้กบั สหายของมันในพรรค
เทพหงสา ระดับความสามารถในการต่อสู ข้ า้ มชั้นเช่นนี้ สู งส่งจน
แทบไม่อาจเป็ นไปได้ ด้วยการแสดงความสามารถของมัน หาก
ต้องการเข้าร่ วมพรรคเทพหงสา มันในฐานะผูอ้ าวุโสย่อมเห็นด้วย
เป็ นคนแรก แม้วา่ ชายหนุ่มจะเคยทําร้ายองค์ชายสิ บสามในอดีต
หากมันก็ยงั คงคิดว่าเฟิ งเหิ งคงและผูอ้ าวุโสท่านอื่นต้องเห็นพ้อง
เช่นเดียวกัน
อย่างไรเสี ย ไม่มีพรรคใดต้องการขยะและไม่มีพรรคใดปฎิ
เสธศิษย์ผมู ้ ีพรสวรรค์
ก่อนหน้านี้มนั คิดว่าหยุนเช่อได้เปิ ดทางสําหรับตนเอง
แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่ได้รับตําแหน่งตํ่าต้อยภายในพรรค
เทพหงสาแน่ แต่กลับกลายเป็ นว่าหยุนเช่อเพียงต้องการเลือก
หนทางแห่งความตาย!
“กล้ากล่าววาจาว่าจะเป็ นผูเ้ หยียบยํา่ พรรคเทพหงสาเราลง
ในการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ เจ้านับเป็ นคนแรกใน
ประวัติศาสตร์” เฟิ งเฟยเยียนฉาบรอยยิม้ เสแสร้ง “กระทัง่ ข้า ยัง
ต้องประทับใจในความดื้อด้านของเจ้าอยูบ่ า้ ง”
เมื่อมันกล่าวคํา “ดื้อด้าน” มิใช่คาํ ว่า “อาจหาญ” หรื อ “ขวัญ
กล้า” แน่นอนว่าย่อมเป็ นคําที่แฝงความเย้ยหยันมากยิง่ กว่าเดิม
“ทว่า คํา “อันดับหนึ่ง” นี้มิใช่สามารถได้มาด้วยวาจา ทั้งไม่
อาจเป็ นจริ งได้จากความหลงผิด กลับกัน มันขึ้นอยูก่ บั เจ้ามี
คุณสมบัติ และความสามารถมากพอหรื อไม่!” สุ ม้ เสี ยงของเฟิ ง
เฟยเยียนหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย สายตาของมันเบนเบือนไปยัง
เหล่ายอดยุทธ์เทพหงสารุ่ นเยาว์ท้ งั สิ บ “ศิษย์เทพหงสา พวกเจ้า
เข้าใจแล้วหรื อไม่? ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากวายุครามส่ งสาสน์ทา้ ทายมายัง
พวกเจ้า ทั้งยังกล่าวอ้างว่าจะช่วงชิงตําแหน่งอันดับหนึ่งในการ
ประลองยุทธ์ครานี้ พวกเจ้าคนใดจะขึ้นไปเป็ นคนแรก?”
ที่มนั กล่าวออกมาคือคําว่า “คนใด” มิใช่การขึ้นไปต่อสู ท้ ้ งั
กลุ่ม
หยุนเช่อมาเพียงลําพัง แต่แม้ศิษย์เทพหงสาทั้งหมดจะผนึก
กําลังกันเข้ามายังไม่นบั ว่าเป็ นการผิดกฎแต่อย่างใด หากกลับเป็ น
การสร้างความอับอายขายหน้าและเป็ นที่หมิ่นหยามของทุกผูค้ น
และด้วยศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของพรรคเทพหงสาแล้ว พวกมันย่อม
รู ้สึกเสื่ อมเสี ยเกียรติหากต้องทําเช่นนั้น ดังนั้น ที่เฟิ งเฟยเยียน
หมายความถึง แน่นอนว่าคือการจัดส่งผูค้ นไปหนึ่งคน ทว่าความ
นัยที่แท้จริ งกลับกระจ่างชัดแจ้งนัก…คือไม่วา่ ผูใ้ ดในพวกมัน
ล้วนสามารถโค่นล้มหยุนเช่อได้อย่างง่ายดาย
ทันทีที่กล่าวจบคํา ปรากฏบุรุษหนุ่มผูห้ นึ่งท่ามกลางศิษย์
พรรคเทพหงสาทั้งสิ บก้าวเดินออกมาอย่างเชื่องช้า มันกล่าววาจา
ด้วยนํ้าเสี ยงเนิบเนือยปราศจากความกระตือรื นร้น “ยามนี้เป็ น
เวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว อีกเพียงสองชัว่ โมงฟ้าย่อมมืดคํ่า ทว่า
เรื่ องราวการเข้าสํารวจนาวาปราณบรรพกาลเป็ นเรื่ องสําคัญกว่า
สวรรค์ ทั้งยังต้องใช้เวลาในการเตรี ยมการ ดังนั้นการประลอง
รอบนี้ สมควรจบลงโดยเร็ วที่สุด”
ยามมันกล่าวคํา ร่ างของมันลอยขึ้นจากพื้น อาภรณ์หงสา
บนร่ างกายกระพือพลิ้ว สาดประกายสี ทองเจิดจ้าพร่ าพราย
จากนั้นร่ อนลงบนพื้นเวทีหงสาราวขนนกแผ่วเบา มันจ้องมองไป
ทางหยุนเช่อพร้อมระบายรอยยิม้ อ่อนๆ บนใบหน้า “รอบนี้ ให้เรา
องค์ชายเป็ นผูจ้ ดั การเถอะ”
“อ้า…องค์ชายสิ บสี่ !” คลื่นเสี ยงตื่นตระหนกดังมาจากที่นงั่
ฝั่งผูช้ ม ผลลัพธ์เช่นนี้นบั ว่าเหนือความคาดหมายของพวกมัน
อย่างสิ้ นเชิง
“องค์ชายสิ บสี่ คิดลงมือต่อหยุนเช่อด้วยตนเอง? นี่มิใช่ให้ค่า
มันเกินไปหรอกหรื อ?”
“ไม่ได้ยนิ ที่พระองค์กล่าววาจาหรื ออย่างไร? พระองค์ทาํ
ไปเพื่อประหยัดเวลาให้มากที่สุด และจบการประลองอย่าง
รวดเร็ ว อย่างไรเสี ย วันพรุ่ งนี้เป็ นวันสํารวจนาวาปราณบรรพกาล
แล้ว”
บุรุษที่เหิ นบินขึ้นสู่ เวทีและยืนหยัดอยูห่ น้าหยุนเช่อในยาม
นี้กลับเป็ นองค์ชายสิ บสี่ อนั น่าตระหนก … บุรุษที่เปี่ ยมภูมิ
ปฏิภาณขั้นสุ ดยอด ผูม้ ีพลังฝี มือสู งส่ งถึงชั้นลมปราณจักรพรรดิ
ขั้นที่แปด — เฟิ งซีลวั่ !
เมื่อเผชิญหน้ากับหยุนเช่อ ใบหน้าของพระองค์อาบไล้ดว้ ย
รอยยิม้ บางเบา ปราศจากความประหม่าก่อนการประลองโดย
สิ้ นเชิง
เฟิ งเหิ งคงเองยังลอบผงกศีรษะ…ใช้เฟิ งซีลว่ั เข้าต่อกรกับ
หยุนเช่อ ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมต้องเป็ นสิ่ งที่มนั เองต้องการเห็น
มากที่สุด แม้หยุนเช่อจะกวาดทําลายอุปสรรคก่อนหน้านี้ไปจน
หมดสิ้ น ทั้งความสามารถในการต่อสู ข้ องมันยังอยูใ่ นระดับชั้น
ปราณจักรพรรดิข้นั สี่ หากแต่ไม่วา่ ศิษย์เทพหงสาคนใดล้วน
สามารถบดขยี้มนั ลงได้ ทว่าไม่มีผใู ้ ดสามารถรับรองว่าทั้งหมดนี้
คือความสามารถทั้งมวลของหยุนเช่อแล้วอย่างแท้จริ ง หากหยุ
นเช่อยังคงซุกซ่อนฝี มือไว้ มันไม่แน่อาจยังมีไพ่ตายใดเก็บซ่อน
ไว้ เช่นนั้น ศิษย์เทพหงสาที่ข้ ึนประมือกับมันอาจประสบความ
พ่ายแพ้
แม้ความเป็ นไปได้อาจตํ่าเตี้ยเรี่ ยดิน แม้จะมีเพียงความ
เป็ นไปได้หนึ่งในพันล้าน พวกมันย่อมไม่ยนิ ยอมให้เกิดขึ้นเป็ น
อันขาด!
เนื่องเพราะพรรคเทพหงสา ผูค้ รองความยิง่ ใหญ่มากว่าห้า
พันปี ไม่อาจแบกรับความปราชัย! พวกมันมิอาจเผชิญความพ่าย
แพ้ใดๆได้เช่นกัน
และเมื่อมีเฟิ งซีลว่ั อยูบ่ นเวที ความเป็ นไปได้ที่จะพ่ายแพ้
ย่อมอันตรธานไปจนหมดสิ้ น
ขณะเดียวกัน ประโยคที่เฟิ งซีลวั่ กล่าวยามทะยานขึ้นสู่ เวที
เองยังหลักแหลมอย่างถึงที่สุด พวกมันมิได้แพร่ งพรายถึง
ความสําคัญที่พวกมันให้ต่อหยุนเช่อ ทว่ากลับเป็ นการลดตัวลงมา
ประลอง…เนื่องเพราะสาเหตุที่มนั แลกเปลี่ยนกระบวนท่าต่อหยุ
นเช่อด้วยตนเอง คือเพือ่ “ประหยัดเวลา” นี่ยงิ่ เป็ นการเน้นยํ้าว่า
มันสามารถโค่นล้มหยุนเช่อลงได้เพียงพลิกฝ่ ามือ
“อืม!” เฟิ งเฟยเยียนผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็ได้ ดูท่าการนัง่ มอง
การประลองยุทธ์มาตลอดทั้งวัน สร้างความคันไม้คนั มือแก่องค์
ชายสิ บสี่ อยูบ่ า้ ง เช่นนั้น จักรวรรดิเทพหงสา อนุญาตองค์ชายสิ บ
สี่ ลงประลองกับหยุนเช่อ! แม้พวกเรามีตวั แทนสิ บคน ยังคงไม่
อาจลดเกรี ยติตนเองเข้ากลุม้ รุ มโดยใช้จาํ นวนคนเข้าข่มเหง!”
“การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้าครั้งที่สามสิ บ
เก้า ศึกตัดสิ นที่หนึ่งและที่สอง เริ่ มได้!!”
เฟิ งเฟยเยียนส่ งสัญญาณเริ่ มการประลองพร้อมการสะบัด
มือคราหนึ่ง
วูบบบบบ!!
เฟิ งซี ลวั่ ยกแขนทั้งสองข้าง บนฝ่ ามือทั้งสองปรากฏลูกไฟ
ร้อนแรงขึ้นตรงใจกลาง ชายหนุ่มจ้องมองมายังหยุนเช่อพร้อม
กล่าววาจาด้วยท่าทีเฉื่ อยชา “หยุนเช่อ แม้เราไม่ทราบว่าเจ้าพกนํา
ความมัน่ ใจมาจากที่ใด เจ้าจะได้รับทราบในไม่ชา้ ว่าความมัน่ ใจนี้
ของเจ้าน่าขันเพียงไร เจ้าและผูค้ นที่ถูกเจ้าโค่นล้มล้วนเป็ นบุคคล
คนละชนชั้น เช่นเดียวกับข้าและเจ้า ที่ถูกแบ่งแยกเป็ นคนละ
ระดับเช่นเดียวกัน แต่ก่อนหน้านั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง
ให้เจ้าได้ลิ้มรสเพลิงเทพหงสาอันไร้ผตู ้ ่อต้านของข้าอย่างสาสม”
“ลิ้มรสเพลิงเทพหงสา?” หยุนเช่อกล่าวโต้ตอบด้วยรอยยิม้
ชืดชา “นัน่ ไม่จาํ เป็ น เพลิงเทพหงสา หืมม์? ข้าว่าเรายังไม่อาจ
กล่าวได้วา่ ผูใ้ ดรับทราบจากผูใ้ ดกันแน่!!”
หยุนเช่อยืน่ ฝ่ ามือออก ลูกกลมเพลิงสี แดงฉานระเบิดปะทุ
ออกอย่างรวดเร็ ว ความสู งที่เปลวเพลิงทะยานขึ้น ยังสู งลํ้ากว่าที่
องค์ชายสิ บสี่ ปลดปล่อยออกมาอย่างมหาศาล
ฮืออฮาาา———————–
ชัว่ ขณะที่หยุนเช่อปลดปล่อยเพลิงเทพหงสาจากฝ่ ามือ ทัว่
ทั้งอัฒจรรย์ต่างแตกฮือ สี หน้าของเหล่าศิษย์เทพหงสาต่าง
แปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างใหญ่หลวง เฟิ งเหิ งคง เฟิ งเฟยเยียน
รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ต่างขมวดคิว้ นิ่วหน้าพร้อมเพรี ยงกันอย่าง
เคร่ งเครี ยด
ฮวาหมิงไห่และหลิงเจี่ยแทบร่ วงหล่นลงจากเก้าอี้ดว้ ยความ
ตกตะลึง ทั้งสองแน่นอนรับทราบเป็ นอย่างดีวา่ หยุนเช่อ
ครอบครองเพลิงเทพหงสา….ยามที่ชายหนุ่ม ยุแหย่พรรคเทพหง
สาก่อนหน้านี้ ทั้งสองเองตื่นกลัวอยูเ่ ล็กน้อย ทว่าตอนนี้ ภายใต้
สถานการณ์ที่พรรคเทพหงสาเองมิได้เอ่ยถึงสายเลือดเทพหงสา
ขึ้นก่อน หยุนเช่อกลับจุดอัคคีเทพหงสาขึ้นกลางฝ่ ามือของตนต่อ
หน้าธารกํานัลรวมทั้งพยานจากเหล่าผูย้ ง่ิ ใหญ่ในใต้หล้าแทบ
ทั้งหมด…
การมายังที่น้ ีของมัน ใช่มาสะสางเรื่ องราว หรื อมาต่อสู ้
พิสูจน์เป็ นตายกันแน่!
บทที่ 437 อุ่นเครื่ อง

“อะ-อัคคีเทพหงสา!?”
“ถูกต้อง! นัน่ เป็ นรัศมีอคั คีเทพหงสา ปราณธาตุอคั คีอื่นใด
ล้วนไม่อาจลอกเลียนได้”
“หยุนเช่อผูน้ ้ ีจู่ๆไฉนจุดไฟเทพหงสาขึ้นมา? มิใช่ตอ้ งมี
สายเลือดเทพหงสาจึงสามารถจุดไฟเทพหงสาได้หรอกหรื อ?
หรื อว่า…หยุนเช่อผูน้ ้ ีจะสื บสายเลือดเทพหงสา?”
“หยุนเช่อไม่มีทางเป็ นศิษย์พรรคเทพหงสา มิเช่นนั้นมันจะ
กล้ามาเป็ นตัวแทนอาณาจักรวายุครามเพื่อกระตุน้ โทสะพรรค
เทพหงสาได้เช่นไร…หรื อจะเป็ นสายเลือดเทพหงสาในร่ างของ
พวกมันรั่วไหลออกสู่ ภายนอก?”
“แต่พรรคเทพหงสาแน่นอนย่อมไม่มีทางปล่อยให้
สายเลือดของพวกมันรั่วไหลออกไปแม้แต่นอ้ ยนิด…”
เพลิงเทพหงสาที่หยุนเช่อจุดขึ้นมาเรี ยกความสนใจจากทุก
ผูค้ น ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่าในการประลองรอบสุ ดท้ายกลับปรากฏ
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ข้ ึน
ไม่ตอ้ งกล่าวถึงเหล่าผูช้ มโดยรอบ กระทัง่ ผูค้ นจากแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ยงั เปิ ดเผยสี หน้าตกตะลึง
“เห.. ดูคล้ายกําลังจะมีการแสดงอันน่าสนุกสนานบนเวที”
เย่ซิงหานหรี่ สองตาลง ทีท่าราวกําลังจ้องดูการแสดงปาหี่ ชาย
หนุ่มเหล่มองไปทางหลิงคุน ก่อนเอ่อปากออกมาอย่างเกีจคร้าน
“อาวุโสหลิง ท่านดูคล้ายไม่แตกตื่นต่อเรื่ องนี้เท่าใด”
“เนื่องเพราะสองปี ก่อน ข้ารับทราบมาก่อนแล้วว่าเด็กน้อย
นี้มีสายเลือกเทพหงสา” หลิงคุนกล่าวตอบ
“อ้อ?”
“ข้าคาดเดาไม่ผดิ เนื่องจากแรงกดดันของพรรคเทพหงสา
มันจึงมาเข้าร่ วมงานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิในครานี้ ทั้งหมด
เพื่อสะสางเรื่ องราวของสายเลือดเทพหงสานี้เอง เพียงแต่วธิ ีการ
สะสาวเรื่ องราวของมันออกจะอุกอาจอยูบ่ า้ ง …ข้าเองคิดเห็น
เช่นเดียวกับท่านเจ้าวิหารน้อย รอคอยดูการแสดงที่กาํ ลังจะ
เริ่ มต้น ทว่า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเด็กหยุนเช่อผูน้ ้ ีเพียงต้องการรนหาที่
ตาย” หลิงคุนพิงพนักหลัง ผ่อนคลายทีท่าราวกับกําลังรอคอยดู
การแสดงใหญ่
เฟิ งเฟยเยียนคือผูค้ นที่ยนื อยูใ่ กล้เคียงกับหยุนเช่อที่สุด มัน
เองล้วนมิได้คาดคิดว่าหยุนเช่อจะเป็ นผูช้ ิงลงมือลงมือเปิ ดเผย
สายเลือดเทพหงสาในร่ างก่อน เมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้ มันเอง
ไม่มีความคิดนิ่งเฉยอีกต่อไปเช่นกัน ชายชราขมวดนิ้วแนบแน่น
พร้อมกล่าวอย่างดุดนั “หยุนเช่อ! พรรคเทพหงสาเราวางแผน
สะสางเรื่ องราวของสายเลือดเทพหงสาในตัวเจ้าหลังงานประลอง
ยุทธ เพื่อมิให้มีผลกระทบใดๆต่อการจัดงานประลอง แต่ดูท่าเจ้า
ไม่อาจอดรนทนรอได้แล้วกระมัง!”
“ถูกต้อง ข้ามิอาจอดรนทนรออีกต่อไป” หยุนเช่อผิงกายมา
ด้านข้าง ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นชายะเยียบดังสุ สานรกร้าง
ปราศจากความหวาดหวัน่ ใดๆ “เนื่องเพราะพรรคเทพหงสาเจ้า
ติดค้างคําอธิบายต่อข้า!!”
วาจาของหยุนเช่อราวกับสายฟ้าฟาดผ่ายามกลางวันแสกๆ
สะท้อนก้องเข้าสู่ รูหูผฟู ้ ังทั้งหลายจนนิ่งตะลึงราวโง่งม
ราชันแห่งจักรวรรดิท้ งั เจ็ด พรรคเทพหงสาผูม้ ิอาจถูกโยก
คลอน…ติดค้าง…คําอธิบายต่อมัน…?
เฟิ งเฟยเยียนตกตะลึงจังงัง จากนั้น มันไม่ทราบตนเอง
สมควรหัวเราะหรื อร้องไห้ดี “พรรคเทพหงสาเราติดค้าง
คําอธิบายต่อเจ้า? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ชัว่ ชีวติ นี้ ข้าไม่เคยได้ยนิ เรื่ องตลก
ถึงเพียงนี้มาก่อน”
หยุนเช่อสี หน้าเฉยเมยขณะกล่าวเน้นยํ้าทีละคําว่า “ครึ่ งปี
ก่อนในนครหลวงวายุคราม ภรรยาข้าชางเยว่และข้าอยูร่ ะหว่าง
งานฉลองพิธีมงคลสมรสในพระราชวัง วันนั้นสมควรเป็ นวัน
เฉลิมฉลองทัว่ ราชอาณาจักรวายุคราม ทุกทิศทางเพียงมีแต่ความ
ปี ติยนิ ดี ทว่า…” สายตาของหยุนเช่อเบนเบือนไป ก่อนตกลงยัง
องค์ชายสิ บสามเฟิ งซีเฉิ นผูน้ งั่ อยู่ ณ บริ เวณที่นงั่ ของพรรคเทพหง
สาอย่างแม่นยํา “องค์ชายสิ บสามแห่งพรรคเทพหงสาท่านเฟิ งซี
เฉิ นนําพาผูค้ นอีกสองคนบุกเข้าไปในงานโดยไม่ได้รับเชิญ ไม่
เพียงทําลายพิธีมงคลโดยไร้เหตุผล กระทัง่ ข่มขู่วา่ จะสังหารข้า
ในทันที หากมิใช่ความเป็ นจริ งที่วา่ องค์ชายสิ บสามฝี มืออ่อนด้อย
และถูกขับไล่ออกมาหลังจากถูกข้าทุบตีทาํ ร้ายรอบหนึ่ง ข้าอาจ
ต้องสิ้ นชีพลงในวันแต่งงานโดยปราศจากเหตุผลอันควร…”
“ข้าเดิมทีไร้ความแค้นข้ออาฆาตใดต่อพรรคเทพหงสา ทว่า
พวกเจ้ากลับต้องการช่วงชิงชีวติ ข้าเพียงเพราะเรื่ องน่าขันเช่น
“สายเลือดเทพหงสา” นี่เป็ นวิธีการของพรรคเทพหงสาในการ
จัดการเรื่ องราวต่างๆงั้นรึ ?! หากพวกเจ้ายังคงต้องการรักษา
หน้าตาเอาไว้บา้ ง สมควรให้คาํ อธิบายต่อข้า ต่อหน้าทุกผูค้ นใน
ที่น้ ี!?”
วาจาอันเที่ยงธรรมของหยุนเช่อฟาดหวดลงตรงจุดสําคัญ
ชายหนุ่มเพียงลําพังในนครวิหคเทวะ ณ ท่ามกลางศูนย์บญั ชาการ
หลักของพรรคเทพหงสา ต่อหน้าสมาชิกสําคัญของพรรคเทพหง
สา รวมทั้งผูค้ นกว่าสามล้านคนจากทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า หาก
หยุนเช่อล้วนปราศจากความหวาดกลัวยามกล่าวทวงถามอย่าง
หนักแน่นต่อค่ายพรรคยิง่ ใหญ่ไร้ผตู ้ า้ นอันดับหนึ่งแห่งทวีปนี้
นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว ปฏิกิริยาของทุกผูค้ นในที่
นั้นก็คือความแตกตื่น พวกมันไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่าจะมีผคู ้ น…ที่
เป็ นเพียงผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรวายุครามที่เพียงอายุไม่ถึงยีส่ ิ บปี ผู ้
หนึ่ง กล้าถามไถ่ต่อพรรคเทพหงสาต่อหน้าสาธารณชนโดย
ปราศจากความกลัวเกรง มันต้องมีความดื้อรั้นดึงดันสักเพียง
ไหน? ต้ององอาจ กล้าหาญถึงระดับใด?
คําพูดทั้งหมดของหยุนเช่อเองบอกกล่าวต่อฝูงชนไม่มากก็
น้อยต่อเรื่ องราวระหว่างตัวมันเองและพรรคเทพหงสา ชัดเจนว่า
ยามที่พรรคเทพหงสารับรู ้วา่ หยุนเช่อมีสายเลือดเทพหงสาใน
ร่ างกาย พวกมันส่ งเฟิ งซีเฉิ นไปเพื่อส่ งเทียบเชิญงานประลองยุทธ
เจ็ดจักรวรรดิ และจัดการกับหยุนเช่ออีกทางหนึ่ง…เนื่องเพราะ
ครึ่ งปี ก่อน เป็ นเวลาที่เหล่าอาณาจักรทั้งห้า ต่างได้รับเทียบเชิญ
เช่นเดียวกัน
ทุกผูค้ นทราบดีวา่ สายเลือดเทพหงสาเป็ นเรื่ องต้องห้าม
อย่างใหญ่หลวงของพรรคเทพหงสา นี่เป็ นที่เข้าใจได้ ไม่วา่ ค่าย
พรรคสํานักใด ล้วนไม่อนุญาตวิชาหรื อทักษะลับใดๆในการ
รั่วไหลออกสู่ ภายนอก ยิง่ สายเลือดเทพหงสาที่เปรี ยบดัง่ จิต
วิญญาณของพรรคเทพหงสาด้วยแล้ว
ทว่าดูท่าองค์ชายสิ บสามเฟิ งซีเฉิ นไม่อาจอวดอ้างสําแดง
ศักดาต่อหน้าหยุนเช่อผูห้ วั รั้นผูน้ ้ ีได้ แต่กลับถูกยันกลับมาแทนที่
สี หน้าของเฟิ งซีเฉิ นแดงเถือก สายตาของทุกผูค้ นที่จอ้ งมอง
มายังมันส่ งผลให้มนั รู ้สึกราวตนเองนัง่ อยูบ่ นหมื่นเข็ม ต่อหน้า
ผูช้ มทัว่ ทั้งอัฒจรรย์ หยุนเช่อเพิ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ใน
ฐานะองค์ชายพรรคเทพหงสา ไม่เพียงมันสู ญเสี ยศักดิ์ศรี หน้าตา
ของมันเองล้วนเสื่ อมสู ญสิ้ น คําโป้ปดที่มนั กล่าวต่อเฟิ งเหิ งคง
และเฟิ งซีหมิงล้วนถูกเปิ ดโปงออกมาเช่นกัน…มันกําหมัดแนบ
แน่น ศีรษะกลับกลายเป็ นวิงเวียนขึ้นมาในทันที อารมณ์
ความรู ้สึกดิ่งลงอย่างรุ นแรงจนแทบสิ้ นสติ สี หน้าขององค์ชาย
พระองค์อื่นที่จบั จ้องมายังมันเองต่างเป็ นแววตาของผูท้ ี่ยนิ ดีใน
คราเคราะห์ของมันทั้งสิ้ น
เฟิ งซี หมิงถลันลุกขึ้นจากที่นง่ั ของตนในทันทีพร้อมเปล่ง
เสี ยงคํารามลัน่ “เหลวไหล! พรรคเทพหงสาเราสงวนรักษา
สายเลือดเทพหงสามากว่าห้าพันปี ไม่เคยอนุญาตให้สายเลือดของ
เรารั่วไหลออกไปได้ ทุกผูค้ นล้วนทราบกระจ่างแก่ใจ! แต่เจ้า เจ้า
มันลูกสําส่ อน เลือดผสมโสโครกที่พรรคเราทอดทิ้งไว้ภายนอก
โดยไม่ต้ งั ใจ! ตามกฏของสํานักเราแล้ว เจ้าเพียงสามารถกลับเข้าสู่
พรรคเทพหงสาเราและมีชีวติ อยูต่ ่อไป หรื อไม่กต็ อ้ งรับโทษ
ทัณฑ์จากพรรคเทพหงสา —คือโทษประหาร! น้องชายสิ บสาม
ของข้าสู งส่ งเพียงไหน ให้องค์ชายสิ บสามลดตัวลงไปจัดการกับ
เจ้านับว่าเป็ นการให้โอกาสอันยิง่ ใหญ่รางสรวงสวรรค์แก่เจ้าครา
หนึ่ง หากเจ้าไม่กลับเข้าสังกัดพรรค การสังหารเจ้าย่อมเป็ นเรื่ องที่
ถูกต้องชอบธรรมอย่างยิง่ เจ้ายังมีหน้ามาก่อกวนเรื่ องราวในที่น้ ี
อีกงั้นเรอะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หยุนเช่อระเบิดเสี ยงหัวเราะจากก้นบึ้งในใจ
ก่อนจะกล่าวถามกลับไป “ถูกต้องชอบธรรม? ขี้ววั ! ข้า หยุนเช่อ
ถือกําเนิดจากจักรวรรดิวายุคราม เติบโตขึ้นในจักรวรรดิวายุคราม
ไม่เคยได้รับการจุนเจือใดๆ จากพรรคเทพหงสา ทั้งไม่เคยได้รับ
บุญคุณใดๆ แม้แต่นอ้ ย ไม่เคยแม้แต่จะดื่มนํ้าสักคําของพรรคเทพ
หงสาเจ้า! ทว่าเจ้ากลับเริ่ มต้นกล่าววาจาทวงถามให้ขา้ กลับไป
หรื อยอมสยบ ไม่เช่นนั้นก็ยนิ ยอมตาย…เจ้ายังมีหน้ากล่าวคํา
ถูกต้องชอบธรรม? เจ้าอาศัยอะไร!!”
“อาศัยข้อเท็จจริ งที่เจ้ามีสายเลือดเทพหงสา! อาศัยเจ้าเป็ น
ลูกสําส่ อนของพรรคเราที่เล็ดลอดออกไปภายนอก!” เฟิ งซีหมิงก
ล่าวอย่างเคร่ งขรึ ม
“น่าขัน!” หยุนเช่อหัวเราะอย่างเย็นชาด้วยนํ้าเสี ยงหมิ่น
แคลน “เช่นนั้น เจ้าอาศัยอะไรตัดสิ นว่าสายเลือดเทพหงสาในร่ าง
ข้า มาจากพรรคเทพหงสาของเจ้า!”
“นี่ยงั ต้องพิสูจน์อีกหรื อ? ” เฟิ งซีหมิงกล่าวตอบพร้อม
หัวเราะเย็น “สายเลือดของพรรคเรา มาจากเทพเจ้าหงสาศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นแผ่ขยายออกไปเช่นนั้น ก่อร่ างเป็ นพรรคเทพหงสาเราใน
ทุกวันนี้ ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า มีเพียงพรรคเทพหงสา จึงมี
สายเลือดเทพหงสาได้!”
“อย่างนั้นรึ ?” หยุนเช่อกล่าววาจาอย่างแช่มช้า “เช่นนั้นเจ้ารู ้
ได้อย่างไร ว่าสายเลือดเทพหงสาในร่ างของข้า มิได้มาจากสนาม
ทดสอบเทพหงสาเช่นกัน? เทพหงสาแท้จริ งสาปสู ญไปตั้งแต่ยคุ
บรรพกาล คํา “เทพหงสาศักดิ์สิทธิ์” ที่เจ้าพ่นออกมานั้น เป็ นเพียง
เศษเสี้ ยวจิตวิญญาณของสัตว์เทวะเทพหงสาที่ตกทอดทิ้งไว้เพื่อ
สื บสายเลือดเท่านั้น กระจัดกระจายไปทัว่ ทุกมุมโลก กระทัง่ ใน
ทวีปเดียวกัน ยังมีโอกาสที่จะมีหลงเหลืออยูจ่ าํ นวนหนึ่ง มิใช่
เพียงแห่งเดียวอย่างแน่นอน พวกเจ้าสามารถสื บทอด เจ้าอาศัย
อะไรคิดว่าผูอ้ ื่นไม่สามารถ!”
ชัว่ ขณะที่วาจาเหล่านี้ของหยุนเช่อเปล่งออกมา สี หน้าของ
ผูค้ นจากพรรคเทพหงสาทั้งหมดแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างใหญ่
หลวง ใบหน้าของเฟิ งเฟยเยียนหม่นลงโดยฉับพลัน มันคําราม
ออกมาเสี ยงกึกก้อง “เด็กน้อยกล่าววาจาเหลวไหล! เจ้ากล้าลบหลู่
เทพหงสาศักดิ์สิทธิ์ของพรรคเรา…คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าที่นี่รึ
ยังไง!?”
“ฮ่า สงครามนํ้าลายกับพวกเจ้าสิ้ นเปลืองเรี่ ยวแรงของข้า”
หยุนเช่อพ่นลมออกจมูก ชายหนุ่มตวัดทัณฑ์มงั กรขึ้น บังเกิดเสี ยง
ลมเสี ยดหูที่ขา้ งกาย ก่อนจะชี้ปลายกระบี่ไปยังเฟิ งซีลว่ั ชัว่ เวลา
เดียวกับที่ตวั กระบี่หนักลุกโชนด้วยเปลวเพลิง “มิใช่กล่าวว่า ข้า –
หยุนเช่อ เป็ นลูกสําส่ อนที่เล็ดลอดออกไปจากพรรคเทพหงสาเจ้า
หรอกหรื อ? ก็ได้…เช่นนั้น ข้าจะดูซิวา่ ผูท้ ี่มีอายุเท่าๆกับข้า มัน
คนไหนจะสามารถล้มข้าลงได้บนเวทีน้ ี! หากเหล่ายอดยุทธ์รุ่น
เยาว์ที่ครอบครองโลหิ ตศักดิ์สิทธิ์นี่ลว้ นไม่อาจโค่นข้าลงได้
เช่นนั้น นี่คือหลักฐาน…ว่าพวกเจ้านัน่ แหละ ที่เป็ นลูกสําส่ อน!?”
“ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้!” หากมิใช่อยูท่ ่ามกลางสายตาของ
ฝูงชนมหาศาล ทั้งมีแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ รวมทั้งเหล่าอาณาจักรทั้ง
หกเป็ นพยาน เฟิ งเฟยเยียนหวังเป็ นอย่างยิง่ ว่ามันสามารถสลัด
หัวโขนผูอ้ าวุโสใหญ่พรรคเทพหงสาออก พร้อมทั้งขึ้นไปตบหยุ
นเช่อให้ตายคามือด้วยฝ่ ามือเดียว ด้วยศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของพรรค
เทพหงสาที่ครอบคลุมใต้หล้า ต่อหน้าพวกมัน เคยมีผใู ้ ดไม่
หวาดหวัน่ มีผใู ้ ดกล้าแสดงออกโดยปราศจากความเคารพเช่นนี้?
ไม่มีใครกล้าหยามศักดิ์ศรี ของพรรคเทพหงสาถึงเพียงนี้มาก่อน
มันชี้นิ้วไปทางหยุนเช่อ ก่อนจะกล่าวด้วยสี หน้ามืดครึ้ ม
“ประเสริ ฐ ประเสริ ฐมาก…ในฐานะลูกสําส่ อนที่มีสายเลือดเทพ
หงสาไหลเวียนอยูใ่ นร่ าง ยังบังอาจจองหองดื้อด้านถึงเพียงนี้…
ประเสริ ฐยิง่ ! องค์ชายสิ บสี่ ขอท่านอย่าได้ออมมือ! ให้เจ้าเลือด
ผสมนี่ซาบซึ้งว่าสายเลือดบริ สุทธิ์และแท้จริ งของเทพหงสาเรา
เป็ นเยีย่ งไร!”
“ผูอ้ าวุโสใหญ่ ขอท่านวางใจ” เฟิ งซีลวั่ กล่าวตอบคําอย่าง
เรี ยบเรื่ อย มันหรี่ ตาเล็กลงจ้องมองเขม็งไปยังหยุนเช่อกอนกล่าว
เสี ยงแผ่วเบา “ฮ่าฮ่า เดิมข้าเพียงต้องการจบการต่อสู อ้ ย่างรวดเร็ ว
แต่ตอนนี้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว หากข้าพลั้งมือทําร้ายเจ้าแขนขาพิการ
ไป โปรดอย่าได้โทษว่าข้า โอเค้?”
“ข้าเพียงเกรงว่าคนที่จะต้องพิการ จะเป็ นเจ้า” หยุนเช่อก
ล่าวด้วยนํ้าเสี ยงยะเยียบเย็นชา
“ยังคงกล่าววาจาไร้สาระ แม้ความตายจะพาดคอของเจ้าอยู่
ช่างน่าขัน ทว่าน่าสมเพชอย่างยิง่ ! ” เฟิ งซีลวั่ ยกแขนทั้งสองข้าง
เปิ ดเผยฝ่ ามือที่พลันลุกโชติช่วงด้วยอัคคีเทพหงสา ขณะที่มนั
กําลังจะสื บเท้าก้าวออก คลื่นเสี ยงลมปราณที่ถ่ายทอดมาจากเฟิ ง
เหิ งคงพลันส่ งตรงถึงรู หูของมัน
“อย่าได้ประมาทศัตรู ! โจมตีเต็มกําลัง!…ฆ่ามันซะ!”
เฟิ งซี ลวั่ แข็งค้างไปชัว่ ครู่ จากนั้นชายหนุ่มพลันพลิกเปลี่ยน
กระบวนท่า เพลิงสี แดงฉานพวยพุง่ ออกมาระหว่างฝ่ ามือ จากนั้น
แปรสภาพกลายเป็ นทวนยาวแปดฟุตสี แดงชาดราวเหล็กร้อนถูก
เผาไฟ
“ศาสตราวุธชั้นจักรพรรดิ…ทวนเทพหงสา!! องค์ชายสิ บสี่
ถึงกับใช้ออกด้วยทวนเทพหงสาแต่แรกเริ่ ม”
“ดูท่าพระองค์คงบันดาลโทสะอย่างยิง่ คาดว่าทรงมีเจตนา
ให้หยุนเช่อต้องพ่ายแพ้อย่างอนาถในพริ บตา ไม่มีโอกาสเปิ ดปาก
กล่าววาจาได้อีก”
“ทันทีที่ทวนเทพหงสาปรากฏ…ลองคาดเดาดูสิ องค์ชาย
ต้องใช้กี่กระบวนท่าในการพิชิตชัย?” ศิษย์เทพหงสากล่าวด้วยที
ท่าปลอดโปร่ ง
“เจ็ดกระบวนท่า” ศิษย์เทพหงสาอีกคนหนึ่งกล่าวตอบ
“เจ็ดกระบวนท่า? เจ้าประเมินเด็กน้อยวายุครามสูงเกินไป
แล้ว” ศิษย์เทพหงสาผูท้ ี่เอ่ยถามเม้มปาก จากนั้นเย้ยหยันออกมาว่า
“อย่างมากห้ากระบวนท่า เจ้าเด็กนัน่ ย่อมต้องถูกเผาจนกระทัง่
บิดาผูใ้ ห้กาํ เนิดมันยังไม่อาจจดจําได้!”
บทที่ 438 ทัณฑ์ มังกร เทพหงสา

กระบี่ช้ นั จักรพรรดิ และทวนชั้นจักรพรรดิ เพียงแค่รังสี


พลังของศาสตราทั้งสองล้วนเพียงพอในการฉี กทําลายชั้น
บรรยากาศเหนือเวทีหงสา เฟิ งซีลวั่ เบนสายตา จับจ้องไปยังทัณฑ์
มังกรในอุง้ มือของหยุนเช่อพร้อมเลิกคิ้วขึ้นสู งชัน…ทวนเทพหง
สาในฝ่ ามือของมันมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าสามพันปี ผ่าน
พบศึกใหญ่นอ้ ยมากมาย รวมทั้งมีประสบการณ์หลอมชําระ
ศาสตรา กระทัง่ พัฒนาจิตวิญญาณขึ้นมาเป็ นผลสําเร็ จ มีเพียงผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์รุ่นเยาว์ที่มีพลังฝี มือสู งส่ งที่สุดในพรรคเทพหงสาจึงสามารถ
ครอบครอง ทันทีที่ทวนเทพหงสาปรากฏ ทวนยาวทั้งหลายต่าง
สัน่ สะเทือนโดยพร้อมเพรี ยง
ทว่ายามอยูบ่ นลานประลองหงสาในขณะนี้ รัศมีพลังของ
ทัณฑ์มงั กรกลับประชันขันแข่ง ช่วงชิงประกายแสงเจิดจรัสไป!
ทวนเทพหงสาที่มนั แสนภาคภูมิ กลับไม่อาจสะกดข่มกระบี่หนัก
ชั้นจักรพรรดิจากวายุครามได้!
ความจดจ่อสนใจของมันโอนย้ายจากทัณฑ์มงั กรมาอย่าง
อย่างรวดเร็ ว อย่าได้กล่าวถึงศาสตราชั้นจักรพรรดิ แม้จะเป็ น
ศาสตราวุธชั้นทรราชย์ มันยังไม่มีแก่ใจถือสา ชายหนุ่มกระชับ
ทวนไว้ในมือข้างหนึ่ง ฝ่ ามืออีกข้างยืดออกพุง่ เข้าใส่หยุนเช่อ ทัว่
ร่ างเปิ ดเผยช่องว่างรอยโหว่มากมาย พร้อมเอ่ยวาจาที่เต็มไปด้วย
ความดูแคลนอย่างไม่มีเจตนาปกปิ ดว่า “ลงมือเถอะ หากข้าลงมือ
ต่อลูกสําส่ อนที่ไม่ประมาณตนผูห้ นึ่งก่อน ย่อมเป็ นการเสี ยเกียรติ
เกินไป”
“จริ งรึ ? แต่ขา้ กลับรู ้สึกตรงกันข้ามกับเจ้า”
หยุนเช่อสื บเท้าไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่งก่อนแค่นหัวเราะอย่าง
เย็นชา ทัว่ ร่ างของชายหนุ่มพลันปรากฏเปลวเพลิงเทพหงสาพวย
พุง่ รุ นแรง แผ่ลามลงมายังตัวกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กร คลื่นพลังอัน
ไพศาลระเบิดทะลักออกราวภูเขาไฟ แตกปะทุไปด้านหน้า พุง่ เข้า
หาเฟิ งซี ลวั่ ด้วยการใช้ยาเม็ดครอบจักรวาลเพื่อบีบคั้นการเลื่อน
ขั้นลมปราณ ระดับพลังฝี มือในปัจจุบนั ของหยุนเช่อก้าวลํ้าตนเอง
เมื่อกาลก่อนยามต่อกรกับเฟิ งชือหัวอย่างเทียบไม่ติด และเมื่อ
เทียบเปรี ยบกับผูฝ้ ึ กยุทธ์โดยทัว่ ไปแล้ว ทุกขั้นลมปราณที่ได้รับ
การเลื่อนระดับของชายหนุ่ม พลังยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นล้วนทบทวีข้ ึน
หลายเท่าตัว ดังนั้น แม้จะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู ท้ ี่แตกต่างกันถึง
ระดับนี้ ชายหนุ่มยังคงไม่หวัน่ ไหวแม้แต่นอ้ ย
“พลังแหลมคมไม่เบา แต่วา่ …ไม่มีประโยชน์”
เผชิญหน้าการจู่โจมจากกระบี่หนักที่อดั แน่นไปด้วยขุม
พลังน่าตระหนก เฟิ งซีลวั่ ยังคงประดับรอยยิม้ ไม่นาํ พาบนใบหน้า
ท่วงท่าปลอดโปร่ งสบาย ฝ่ ามือขวายังคงกุมด้ามทวนในแนวขวาง
ปราศจากท่าทีคิดโจมตีต่อหยุนเช่อแม้แต่นอ้ ย มีเพียงฝ่ ามือซ้ายที่
ยืดเหยียดออกไปช้าๆ ปลดปล่อยคลื่นพลังอัคคีเทพหงสาที่แหลม
คมรุ นแรง
ฉัวะะะ!!
เพลิงเทพหงสาบนตัวกระบี่หนักปะทะเข้ากับรังสี เพลิงเทพ
หงสาบนท้องฟ้า ก่อเกิดสําเนียงเสี ยดแทงแก้วหูอยูช่ วั่ ระยะเวลา
หนึ่ง ประกายไฟร้อนแรงทั้งสองสายพลันก่อกําเนิดกลุ่มควัน
เพลิงเทพหงสาที่ครอบคลุมอยูบ่ นตัวกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรกลับถูกฉี ก
กระชากออกเป็ นสองราวเศษกระดาษ กลับกลายเป็ นชิ้นส่ วนใน
พริ บตา
ใบหน้าเหล่าศิษย์เทพหงสา รวมทั้งเหล่าชาวยุทธ์อาณาจักร
เทพหงสาเต็มไปด้วยความดูแคลนยามเยาะหยันหยุนเช่อประเมิน
ตนเองสู งเกินไป หัวใจของหลิงเจี่ยและฮวาหมิงไห่แทบกระดอน
ออกทางปาก
“เหอะ สวะก็ยงั คงเป็ นสวะวันยังคํ่า…” ใบหน้าของเฟิ งซีลวั่
เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ทว่าทันทีที่เปิ ดเผยรอยยิม้ หยัน
รอยยิม้ นั้นกลับแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า ชายหนุ่มฉี กกระชากเพลิง
เทพหงสาบนตัวกระบี่ออกได้จริ ง ทว่า ที่ตามมาหลังเปลวเพลิง
คือพลังหนักหน่วงดุจขุนเขาที่โถมทับลงมาอย่างกะทันหัน พลัง
กดดันนี้หนักหน่วงเกินต้านทาน กระทัง่ กดทับจนมันแทบลม
หายใจขาดห้วงไปช่วงหนึ่ง
เพลิงเทพหงสาที่หยุนเช่อปลดปล่อยออกเมื่อครู่ เพียงเป็ น
เพลิงเทพหงสาปกติธรรมดาที่มิได้แฝงทักษะท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสา จากสายเลือดเทพหงสา รวมทั้งท่วงทํานองแห่งเทพหงสาที่
ฝึ กปรื อมา เฟิ งซี ลวั่ ย่อมสามารถกระชากทําลายเพลิงเทพหงสา
ธรรมดาๆ ได้โดยไม่ยากลําบาก แต่ทว่า มันย่อมไม่อาจสลายพลัง
กดดันมหาศาลอันบ้าคลัง่ ที่ถาโถมลงมาจากกระบี่หนักได้อย่าง
แน่นอน!
เฟิ งซี ลวั่ ตะลึงงัน อัคคีเทพหงสาบนฝ่ ามือของมันพลัน
ระเบิดปะทุออกอย่างสุ ดกําลังในฉับพลัน ทว่า พลังกดทับที่กระบี่
ทัณฑ์มงั กรนําพามาด้วยนั้นเหนือความคาดหมายของมันไปอย่าง
ใหญ่หลวง แขนทั้งข้างของมันถูกแรงกดทรุ ดลง ร่ างกายถูก
กระแทกถอยหลัง องค์ชายสิ บสี่ สองตาสาดประกายคมกล้า มัน
หมุนควงแขนขวา ทวนเทพหงสาที่เดิมทีนิ่งสงบปราศจากความ
เคลื่อนไหวพลันปลดปล่อยคลื่นพิโรธลุกโหมท่วมท้องฟ้า ก่อน
จะพุง่ เข้าจู่โจมทัณฑ์มงั กรด้วยความอาจหาญดุร้ายราวสัตว์อสู ร
อัคคีอนั ร้ายกาจ
ตูม!!!
ทวนเทพหงสาและทัณฑ์มงั กรปะทะหักล้างกันอย่างดุเดือด
ประกายจากเปลวอัคคีเทพหงสาแตกกระจายออกรอบข้าง กลับ
กลายเป็ นสะเก็ดเพลิงอสรพิษสี แดงชาดครอบคลุมเต็มท้องฟ้า
คลื่นพลังระลอกยักษ์ระเบิดออกคัน่ กลางระหว่างผูค้ นทั้งสอง ไม่
ต่างจากกระปะทุออกของภูเขาไฟลูกย่อมๆ สายตาของเฟิ งซีลวั่ มืด
หม่นลง จากนั้น ด้วยแรงระเบิดมหาศาล เพลิงเทพหงสาบนทวน
เทพหงสาพวยพุง่ ขึ้นสู งอย่างฉับพลัน กระแทกร่ างหยุนเช่อขึ้นสู่
กลางอากาศ
เปรี้ ยง!!
หยุนเช่อหมุนควงร่ างกลางอากาศ ก่อนจะร่ อนลงบนพื้นใน
ระยะห่างออกไปหกสิ บเมตรอย่างมัน่ คง เฟิ งซีลวั่ เผชิญแรง
กระแทกสะท้อนอย่างรุ นแรงจนต้องถดถอยกายไปก้าวหนึ่ง…แม้
จะเป็ นเพียงหนึ่งก้าว ทว่านี่นบั เป็ นความอัปยศอย่างถึงที่สุด
สําหรับมัน
หลิงเจี่ยและฮวาหมิงไห่ยามนี้จึงสามารถทอดถอนลม
หายใจด้วยความโล่งอก…แม้หนึ่งคนจะจะถูกกระแทกลอยขึ้น
กลางอากาศ ส่ วนอีกคนที่ลงมือโจมตีอย่างเร่ งร้อน จะต้องถดถอย
กายไปหนึ่งก้าว หากความแตกต่างระหว่างหยุนเช่อและเฟิ งซีลวั่
ยังคงห่างไกลจนสุ ดกู่ ทว่า ไม่วา่ พวกมันคนใดล้วนไม่มีผใู ้ ดพ่าย
แพ้อย่างย่อยยับ ทั้งการทําให้ยอดอัจฉริ ยะอันดับหนึ่งแห่งพรรค
เทพหงสาถอยหลังไปก้าวใหญ่ ยังนับเป็ นการปลุกปลอบกําลัง
ขวัญได้
“ไม่เลว ไม่เลวเลยจริ งๆ” เฟิ งซีลวั่ ดีดทวนขึ้นคราหนึ่ง
พร้อมทั้งผงกศีรษะรับ สี หน้าท่าทางดูราวยอดยุทธ์ชมเชยต่อผูฝ้ ึ ก
ยุทธ์ที่มีฝีมืออ่อนด้อยกว่า “ข้าไม่คาดคิดจริ งๆว่า เจ้าจะแข็งแกร่ ง
เกินความคาดหมายของข้าไปเล็กน้อย แม้นี่จะเป็ นเพราะข้าใช้
พลังออกไปเพียงสามในสิ บส่ วน หากเจ้ายังสามารถบีบบังคับข้า
สะบัดทวนขึ้นต้านทานได้คราหนึ่ง สมควรชมเชยแล้ว”
หยุนเช่อเพียงรักษาสี หน้าสงบเยือกเย็นยิง่ ไม่ใส่ ใจแย้มยิม้
ตอบรับอันใด
“ประเสริ ฐมาก เมื่อเจ้าทําให้ขา้ ใช้ทวนเทพหงสาออกได้
เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังที่แท้จริ งของทวนเทพหงสา แม้
อาวุธทั้งสองจะเป็ นศาสตราวุธชั้นปราณจักรพรรดิ หากอาวุธเป็ น
ของตาย ศาสตราจะสําแดงอานุภาพได้ปานใดล้วนขึ้นอยูก่ บั ผูถ้ ือ
ครอง จงกระชับกระบี่หนักของเจ้าให้แน่นเข้าไว้ ให้ขา้ ได้เล่น
สนุกเนิ่นนานอีกหน่อย อย่าได้เผลอปล่อยมือแค่ผา่ นไปสองสาม
กระบวนท่า” เฟิ งซีลวั่ ขวางทวนไว้กลางอก ใบหน้าระบายยิม้ บาง
เบา คลื่นพลังยิง่ ใหญ่น่าเกรงขามของทวนเทพหงสาค่อยๆ บิดผัน
มวลอากาศโดยรอบบริ เวณออกเป็ นระลอกคลื่น
มุมปากของหยุนเช่อบิดออกเป็ นรอยยิม้ บางเบา เฟิ งซีลวั่
เป็ นอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์ นี่ไม่มีขอ้ สงสัยใดๆ มันเป็ นสุ ดยอดอัจฉริ ยะ
อันดับต้นๆแห่งพรรคเทพหงสา ค่ายพรรคอันดับหนึ่ง หากแต่คาํ
ว่า “อัจฉริ ยะ” มักมาพร้อมกับคําว่า “หยิง่ ยโส” นี่เป็ นความจริ งไม่
ว่าที่ใด โดยเฉพาะอย่างยิง่ หากตลอดชัว่ ชีวติ ของมันต้องเผชิญพบ
กับคําสรรเสริ ญเยินยอจากผูค้ นมากมายมาตลอด สําหรับผูท้ ี่ไม่
เคยต้องประชันขันแข่งกับรุ่ นเดียวกัน แม้ภายนอกดูไปอ่อนน้อม
ถ่อมตน ทว่าพวกมันกลับมีอุปนิสยั ที่ไม่เห็นผูใ้ ดอยูใ่ นสายตาตาม
ความเคยชิน
หยุนเช่อเองล้วนไม่ใช่ขอ้ ยกเว้น
แต่ทว่า ที่แตกต่างคือแม้หยุนเช่อจะเย่อหยิง่ จองหอง หาก
มันไม่เคยจงใจประเมินศัตรู ต่าํ เกินไป
“เช่นนั้น มาเริ่ มเล่นสนุกกันเถอะ…เตรี ยมตัวรับให้ดีล่ะ!”
เฟิ งซี ลวั่ หมุนควงทวนเทพหงสา อัคคีเทพหงสาบนร่ างกาย
พลันปะทุข้ ึนโดยกะทันหัน ส่ งคลื่นความร้อนเผาผลาญทะลัก
ออกรอบข้าง ทวนเทพหงสาที่ถูกห่อหุม้ อยูใ่ นเปลวอัคคีสนั่
สะท้านพร้อมเปล่งเสี ยงหงส์ก่อู อกมาในเวลาเดียวกันราวกับมี
ชีวติ
แคร็ ก!
ลานประลองหงสาใต้ฝ่าเท้าของเฟิ งซีลวั่ พลันแตกร้าว
ครานี้ เฟิ งซีลว่ั ชิงลงมือเคลื่อนไหว มันตวัดยกทวนขึ้นสู ง
ส่ งคลื่นเปลวไฟร้อนลวกทะลักโถมเข้าหาหยุนเช่อราวคลื่นยักษ์
แผ่นศิลาที่ใต้ฝ่าเท้าถูกพายุอคั คีมว้ นกวาดขึ้นสู่ เบื้องบน กลับ
กลายเป็ นเศษฝุ่ นเล็กละเอียดล่องลอยเวียนว่อน
“ไอ้หยา ดูท่าองค์ชายทรงจริ งจังขึ้นมาแล้ว ท่าทางพระองค์
จะอารมณ์เสี ยเพราะถูกบีบบังคับให้ใช้ทวนเทพหงสาออกมา
ตั้งแต่กระบวนท่าแรก” ศิษย์เทพหงสาวิพากษ์วจิ ารณ์
“ชิ! องค์ชายเพียงไม่สนพระทัยแล้วต่างหาก ก็แค่น้ นั หาก
พระองค์ทุ่มเทพลังออกมากกว่านั้นอีกเล็กน้อย หยุนเช่อผูน้ ้ นั จะ
กดดันพระองค์ใช้ทวนเทพหงสาออกได้เช่นไร? ทว่าที่องค์ชายดู
ไปอารมณ์เสี ยอยูบ่ า้ งกลับเป็ นความจริ ง เจ้าหยุนเช่อผูน้ ้ ี…เหอเหอ
มันจบสิ้ นแล้ว ข้าไม่อาจจินตนาการว่ามันจะมีสภาพอนาถสัก
เพียงใดจริ งๆ”
บรรยากาศโดยรอบลานประลองเทพหงสาถูกก่อกวนจน
ป่ วนปั่นเมื่อคลื่นรัศมีพลังแผ่ขยายออกกลางอากาศจนสามารถ
มองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า เมื่อต้องเผชิญพบการจู่โจมอันแข็งแกร่ งที่
เบื้องหน้า สี หน้าของหยุนเช่อเคร่ งเครี ยดจริ งจัง ชายหนุ่มปะทุ
เพลิงเทพหงสาขึ้นขณะเปิ ดด่านอสู รผลาญใจ จากนั้นพุง่ เข้าปะทะ
อย่างหักโหม พลังลมปราณทั้งหมดทะลักหลัง่ ไหลเข้าสู่ ทณ ั ฑ์
มังกรขณะทําลายจันทร์ดบั ดาราบดขยี้ลงใส่ พายุหมุนแห่งเปลวไฟ
ที่กวาดไล่เข้ามาอย่างดุดนั
“รนหาที่ตายแท้ๆ!” เมื่อเห็นว่าหยุนเช่อทั้งไม่ปัดป้องหรื อ
หลบหลีก กลับพุง่ เข้าโจมตีสวนกลับ ภายในใจของชาวยุทธ์
อาณาจักรเทพหงสาทุกผูอ้ ุทานออกมาเป็ นคําเดียวกัน
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
พลังลมปราณระเบิดออกอย่างคลุม้ คลัง่ ต่อเนื่องราวลูกโซ่
ดังก้องสะท้านสะเทือน อัคคีเทพหงสาที่สาดกระเซ็นดูราวหยาด
พิรุณที่มาพร้อมลมพายุเริ งระบําอย่างบ้าคลัง่ ลานประลองหงสาที่
ใต้ฝ่าเท้าของคนทั้งคู่แยกออกจากกัน รอยแตกร้าวลามเลียออก
รอบด้านอย่างรวดเร็ ว ดูไปคล้ายข่ายใยแมงมุม รอยแตกลึกที่ยาว
ที่สุดขีดลากไปจรดขอบเวที
ลานประลองหงสาเป็ นสถานที่ประลองยุทธภายในของ
พรรคเทพหงสาอยูบ่ ่อยครั้ง ดังนั้น พื้นเวทีมน่ั คงแน่นหนายิง่ ลาน
ประลองมิได้ก่อสร้างขึ้นมาจากศิลาธรรมดา ทว่าเป็ นหิ นหยกที่
ทรงคุณค่าที่สุด การประลองหกจักรวรรดิรอบที่ผา่ นมาก่อนหน้า
นี้ แม้การต่อสู จ้ ะเป็ นไปอย่างดุเดือด ทว่ารากฐานของเวทีประลอง
ยังคงไม่ได้รับความเสี ยหายใด ทว่ายามนี้ พื้นลานประลองส่ วน
ใหญ่กลับแตกเสี ยหาย เนื่องมาจากการปะทะกันของศาสตราสอง
ชิ้น
“อะ..พลังอะไรกันนี่!!”
ไม่มียอดยุทธ์จากห้าอาณาจักรคนใดที่ไม่สน่ั สะท้านด้วย
ความหวาดกลัว พวกมันทั้งหมดประสบมาด้วยตนเองถึงความ
แข็งแกร่ งของลานประลองหงสานี้ แม้จะทุ่มเทพลังทั้งหมดใน
การโจมตี ยังไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนได้แม้แต่นอ้ ย…แล้วพลังที่
สามารถแยกพื้นลานประลองที่เบื้องหน้านี้ จะน่าหวาดหวัน่ ถึง
เพียงไหน?!
บรึม!!!!
หลังเสี ยงกังวานของระเบิดครั้งสุ ดท้าย คู่ประลองทั้งคู่แยก
ออกจากกันท่ามกลางสะเก็ดเปลวไฟและเศษหิ นปูนที่แตกกระจัด
กระจาย จากนั้น ต่างร่ อนลงยังสุ ดมุมฝั่งตรงข้ามของลานประลอง
หงสา…เฟิ งซี ลวั่ ร่ อนลงบนพื้นเวทีอย่างมัน่ คง ขณะที่หยุนเช่อ
เอง…ก็ทิ้งร่ างลงอย่างมัน่ คงเช่นกัน
“อะ..อะไรกัน!!”
ทุกผูค้ นตื่นตะลึงจนนิ่งค้าง สายตาของเหล่าชาวเมืองเทพ
หงสาโปนถลน มิอาจเชื่อสายตาตนเองได้
ผูค้ นทั้งหมดต่างสามารถเป็ นพยานถึงความน่ากลัวของ
ทวนเทพหงสาที่เฟิ งซีลวั่ จู่โมออกเมื่อครู่ รุ นแรงกระทัง่ พื้นเวทีหง
สายังต้องแตกออกจากกัน
ทว่าหยุนเช่อกลับสามารถรับเอาไว้ได้..ทั้งยังต้านทานรับไว้
ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!!
ด้วยรากฐานที่มีมายาวนานกว่าห้าพันปี รวมทั้งท่วงทํานอง
เทพหงสาเป็ นหลักสําคัญ พรรคเทพหงสาพัฒนาต่อยอดทักษะ
วิชายุทธ์มากมายหลายหลากแขนง ที่เฟิ งซีลวั่ ใช้ออก คือสุ ดยอด
วิชา “ทวนเทพหงสาเพลิงโชติช่วง” กระบวนท่าก่อนหน้าเรี ยกว่า
“ระบําหงสาเจิดจรัส” ของวิชา “ทวนหงสาเพลิงโชติช่วง” เอง
คราที่มนั ถูกบีบคั้นให้ใช้ทวนเทพหงสารับมือการโจมตีของ
หยุนเช่อเมื่อก่อนหน้า มันเองยังลอบขุ่นแค้นอยูบ่ า้ ง ดังนั้น มัน
ตัดสิ นใจเผด็จศึกหยุนเช่อด้วยกระบวนท่า “ระบําหงสาเจิดจรัส”
…ไม่คาดว่ากลับถูกหยุนเช่อรับเอาไว้ได้อย่างหมดจดอีกเช่นกัน
ไม่เพียงหยุนเช่อที่เบื้องหน้าของมันจะยืนหยัดอย่างมัน่ คง
สี หน้าของมันยังสงบเยือกเย็นยิง่ ไม่บ่งบอกสัญญาณใดถึงการ
บาดเจ็บบอบชํ้า กระทัง่ รัศมีพลังที่แผ่ออกมายังไม่สบั สนวุน่ วาย
แม้แต่นิด และชัว่ เวลานี้เอง เงาร่ างของชายหนุ่มพลันวูบหายมา
ปรากฏที่เบื้องหลังของเฟิ งซีลวั่ อย่างกะทันหันจนมันไม่ทนั มีเวลา
หายใจ หยุนเช่อสะบัดกระบี่ทณั ฑ์มงั กรในมือในระดับเอว ส่ ง
คลื่นพลังจู่โจมเข้าหาเฟิ งซีลวั่ หอบกระพือชุดยาวหงสาของมัน
ขึ้นพัดพลิ้ว
“กระบวนท่าหงสากวาดทําลายสรวงสวรรค์!” สี หน้าของ
เฟิ งซีลวั่ ดํามืดทะมื่น มันตวัดข้อมือเสื อกส่ งทวนเทพหงสา
ก่อกําเนิดเสี ยงหงส์ก่กู งั วานพร้อมคลื่นความร้อนแผดกล้า
เปรี้ ยง!!
ทวนเทพหงสากวาดปะทะเข้าใส่ ทณ ั ฑ์มงั กรอย่างรุ นแรง
เสี ยงมังกรคํารามครํ่าครวญคู่เคียงกับเสี ยงวิหคเพลิงกู่ร้อง เพลิง
เทพหงสาทั้งสองสายต่างถูกฉีกขาดวิน่ เป็ นเศษชิ้นส่ วนเปลวไฟ
กระจัดกระจายเวียนว่อน เผาผลาญชั้นบรรยากาศด้วยเสี ยงเพลิง
ลุกไหม้เสี ยดแทงใบหู
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม….
เปลวไฟยิง่ มายิง่ แผ่ลุกลามขึ้นสู งเมื่อลานประลองหงสา
แทบทั้งหมดถูกเปลวเพลิงเทพหงสาแผ่ครอบคลุมจนท่วมท้น
ท้องฟ้า ผูค้ นสองคน ศาสตราชั้นจักรพรรดิท้งั สองชิ้น ดูไปราวกับ
ฉลามดุร้ายร่ างยักษ์อาละวาดท่ามกลางทะเลเพลิงยามต่อสู ห้ กั
หาญกันอย่างบ้าคลัง่ ทุกการปะทะนําพามาซึ่งการสัน่ สะเทือน
ของเวทีหงสาอย่างรุ นแรง
รุ นแรงกระทัง่ อัฒจรรย์ท้ งั หมดยังสัน่ สะท้านเล็กน้อย
สี หน้าของเหล่าชาวยุทธ์แห่งจักรวรรดิเทพหงสา
แปรเปลี่ยนกลับกลาย สี หน้าของผูฝ้ ึ กยุทธ์จากหกอาณาจักรเอง
เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน กระทัง่ สี หน้าของบุคคลสําคัญในพรรค
เทพหงสาเอง ยังกลับกลายเป็ นหนักอึ้งเคร่ งเครี ยด
ต่อหน้าเฟิ งซีลวั่ ผูใ้ ช้วชิ าทวนเทพหงสาออก หยุนเช่อ..กลับ
ไม่อ่อนด้อยกว่าเลยแม้แต่นอ้ ย!!
ในบรรดาผูช้ มทั้งหมด แทบทุกผูค้ นล้วนไม่อาจเชื่อสายตา
ตนเองได้
โดยเฉพาะอย่างยิง่ เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรทั้งหก จิต
วิญญาณของพวกมันล้วนสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง การปะทะหัก
หาญอันน่าเกรงขามและแข็งแกร่ งถึงระดับสุ ดหยัง่ เช่นนี้ ถึงกับ
สามารถระเบิดเวทีหงสาออกมาได้…นี่เป็ นการต่อสู ข้ องยอดยุทธ์
รุ่ นเยาว์จริ งหรื อ?
ไม่ตอ้ งกล่าวถึงเฟิ งซีลวั่ อย่างไรเสี ย มันคือสายเลือด
ราชวงศ์แห่งเทพหงสา ได้รับขนานนามเป็ นสุ ดยอดอัจฉริ ยะของ
พรรคเทพหงสา ทว่าหยุนเช่อเพียงมาจากอาณาจักรวายุคราม ทั้ง
ยังอ่อนวัยกว่าเฟิ งซีลวั่ ถึงสามปี …กลับสามารถมีพลังฝี มือเข้มแข็ง
ถึงระดับนี้ได้ มันที่แท้ฝึกฝี มือมาด้วยวิธีการเช่นไรกันแน่!?
เหล่ายอดยุทธ์รุ่นเยาว์ที่ประมือกับหยุนเช่อบนลานประลอง
ก่อนหน้านี้ต่างตกตะลึงพรึ งเพริ ด…ทั้งหมดล้วนบังเกิดความแค้น
เคืองที่หยุนเช่อกวาดเอาชนะพวกมันไปก่อนหน้านี้อย่างง่ายดาย
ทว่ายามนี้ พวกมันทั้งหมดเหม่อมองดูพลังอํานาจของหยุนเช่อ
ต่างตระหนักว่าแท้จริ งแล้วเป็ นชายหนุ่มออมมือต่อพวกมัน หาก
หยุนเช่ออยากเข่นฆ่าสังหาร ล้วนง่ายดายไม่ต่างจากการปัดฝุ่ น
ละอองออกจากร่ าง

บทที่ 439 จันทราเทพหงสา


โดยหลักการแล้วกระบี่หนักนั้นยากจะต้านรับ ทว่าแม้ทวน
จะมิอาจทัดเทียมกระบี่หนักได้ แต่มนั ก็คล่องแคล่วว่องไวยิง่ กว่า
กระบี่หนัก ทะเลเพลิงยังคงแผ่กระจายออกไปท่ามกลางอาวุธ
ระดับปราณจักรพรรดิท้ งั สอง และค่อยๆ ขยายวงกว้างจนกินรัศมี
กว่าหนึ่งร้อยห้าสิ บเมตร กลืนกินร่ างของทั้งสองคนจนสิ้ น ผูท้ ี่อยู่
ในบริ เวณที่นงั่ ผูช้ มนั้นได้ยนิ เพียงแต่เสี ยงปะทะกันดังสนัน่
หวัน่ ไหวและเสี ยงเปลวเพลิงอันยากจะต้านทานที่โหมกระพือ
อย่างรุ นแรงไม่หยุดยั้ง
หลิงเจี่ยและฮวาหมิงไห่พากันชะโงกตัวไปข้างหน้า ดวงตา
เบิกกว้างยิง่ กว่าตาโค… หลิงเจี่ยไม่เคยสงสัยในพลังของหยุนเช่อ
แต่กไ็ ม่คิดว่าหยุนเช่อจะสามารถแข็งแกร่ งยิง่ กว่าตอนที่มนั
เอาชนะหลิงเทียนหนี่ ท่านปู่ ของตนได้ถึงเพียงนี้ ! หยุนเช่อใน
ตอนนั้นอยูท่ ี่ข้ นั เจ็ดของขอบเขตลมปราณปฐพี… ความแตกต่าง
ระหว่างขั้นเจ็ดกับขั้นสิ บภายในขอบเขตลมปราณปฐพีน้ ีช่าง
แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน !
“ลูกพี่หยุน… แข็งแกร่ งถึงเพียงนี้…จริ งๆ …” ฮวาหมิงไห่ก
ล่าวสุ ม้ เสี ยงสัน่ สะท้าน สี หน้ามึนงง ผูท้ ี่หยุนเช่อกําลังเผชิญหน้า
อยูน่ ้ นั คืออันดับหนึ่งของผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่นเยาว์ของพรรคเทพหงสา
เชียวนะ !! มันสามารถต่อสู ก้ บั คนผูน้ ้ นั ได้อย่างทัดเทียม ! เมื่อฮวา
หมิงไห่นึกย้อนไปถึงตอนที่มนั ถูกทําให้ร่วงลงมาจากกลางอากาศ
ภายใต้ฝ่ามือเดียว หลังจากที่มนั ถูกมองออกว่าเยีย่ นเสี่ ยวฮวานั้น
เป็ นการปลอมตัวมาเพือ่ เข้าใกล้หยุนเช่อ หน้าผากมันก็ชุ่มไปด้วย
เหงื่อเย็นเฉี ยบ… หากตอนนั้นหยุนเช่อไม่ใจเย็นกับมัน ชีวติ
น้อยๆ ของมันคงจบสิ้ นไปนานแล้ว
ในบริ เวณที่พกั ผูเ้ ข้าประลอง สี หน้าศิษย์อจั ฉริ ยะทั้งเก้าคน
ของพรรคเทพหงสาล้วนแปรเปลี่ยน… ก่อนหน้านี้พวกมันมัน่ ใจ
เต็มที่วา่ หยุนเช่อไม่มีวนั ต่อกรกับพวกมันได้ และการเอาชนะมัน
นั้นคงง่ายราวกับพลิกฝ่ ามือ ทว่ายามนี้พวกมันรู ้แล้วว่าพวกมัน
กําลังมองท้องฟ้าจากก้นบ่อ (*หมายถึงมีมุมมองที่คบั แคบมาก) ผู ้
ที่หยิง่ ยโสโอหังนั้นหาใช่หยุนเช่อไม่… แต่เป็ นตัวพวกมันเอง !!
ความแข็งแกร่ งอันน่าสะพรึ งกลัวที่หยุนเช่อแสดงให้เห็น
นั้นสามารถสะกดข่มพวกมันคนใดคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
“เจ้านัน่ …” ศิษย์เทพหงสาผูห้ นึ่งกัดฟันกล่าวด้วยความขุ่น
เคือง ผูท้ ี่มาจากวายุคราม ซํ้ายังอายุนอ้ ยกว่าพวกมัน และถูก
ล้อเลียนเยาะเย้ยเหยียดหยามอย่างเต็มที่ ได้สาํ แดงพลังที่ทาํ ให้
พวกมันรู ้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริ ง สิ่ งนี้ทาํ ให้ใบหน้าของพวก
มันร้อนผ่าวและปวดใจเป็ นสุ ด
“ช่างแข็งแกร่ งเหลือเกิน” ศิษย์เทพหงสาอีกผูห้ นึ่งสู ดลม
หายใจลึก “ความแข็งแกร่ งในการต่อสูเ้ ช่นนี้ ใกล้เคียงกับระดับ
ลมปราณจักรพรรดิข้นั ที่แปดอย่างแท้จริ ง… ถึงแม้มนั จะน่าตกใจ
อย่างยิง่ ทว่าการจะเอาชนะองค์ชายสิ บสี่ น้ นั ก็ยงั เป็ นเพียงเรื่ องเพ้อ
ฝันอยูด่ ี”
“ใช่แล้ว องค์ชายสิ บสี่ ยงั มิได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาก็ใช้ออกเพียงขั้นที่สองเท่านั้น แต่ขา้ ไม่เข้าใจเลยว่า
เหตุใดพระองค์จึงต้องการสู ก้ บั เจ้าสารเลวนัน่ ภายใต้เงื่อนไข
เช่นนี้ ?”
“เป็ นไปได้วา่ องค์ชายสิ บสี่ อาจต้องการดูวา่ เจ้าเด็กนัน่ จะมี
ขีดความสามารถแค่ไหน ? ฮื่ม เกือบผ่านไปร้อยกระบวนท่าแล้ว
นี่น่าจะเป็ นขีดจํากัดสู งสุ ดของหยุนเช่อแล้ว …… พระองค์ยอ่ ม
สามารถกําราบหยุนเช่อลงอย่างราบคาบเมื่อใดก็ได้ที่พระองค์
ต้องการ”
“ปี กวิหคเพลิงทลายภูผา !!”
ท่ามกลางคลื่นเพลิงนั้น เฟิ งซีลวั่ แหวกเปลวเพลิงทะยานขึ้น
สู่ ทอ้ งฟ้า และฟาดทวนลงมาอย่างแรง เสี ยงราวแผ่นดินถล่มดัง
กึกก้อง เปลวเพลิงเทพหงสาเหนือลานประลองหงสาปั่นป่ วนพลุ่ง
พล่านราวกับถูกพายุมหึ มาพัดกระหนํ่า ลานประลองหงสาที่
แข็งแรงทนทานอย่างหาที่เปรี ยบมิได้ถูกทําลายจนเป็ นหลุมขนาด
มหึ มากว้างหลายสิ บเมตร ภายใต้แรงอัดกระแทกมหาศาลนี้ ร่ าง
หยุนเช่อปลิวไปไกลจนถึงขอบลานประลองหงสา
เฟิ งซี ลวั่ ลอยตัวอยูก่ ลางอากาศ สายตาจับจ้องอยูท่ ี่หยุนเช่อ
มุมปากของมันบิดโค้งขึ้นอย่างชัว่ ร้าย “ไม่เลว ยังทนได้อีก
เช่นนั้น… ก็ลองนี่เป็ นไร”
เฟิ งซี ลวั่ เหยียดแขน ยกทวนเทพหงสาสู งขึ้นไปในอากาศ
ทันใดนั้นเอง ทะเลเพลิงเทพหงสาที่กาํ ลังแผดผลาญอย่างรุ นแรงก็
พุง่ ขึ้นราวกับมีแรงบางอย่างที่ไม่อาจต้านทานกําลังดึงดูดมันขึ้น
ไปในท้องฟ้า จากนั้นพวกมันก็รวมตัวกันเหนือปลายทวนเทพหง
สาอย่างรวดเร็ ว ชัว่ พริ บตา วงกลมสี แดงดัง่ เลือดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ราวหกสิ บเมตรก็ปรากฏขึ้นเหนือร่ างเฟิ งซีลว่ั … ดวงจันทร์ที่เกิด
จากเปลวเพลิง !
“อ๊าาาาา… น-น-นัน่ มันอะไรกัน !!” หลิงเจี่ยตาเบิกกว้าง
ร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก ยามนี้ท้ งั สนามประลองเต็มไป
ด้วยเสี ยงร้องตะโกนอย่างตื่นตะลึง
ทุกกระบวนท่าที่เฟิ งซีลวั่ ใช้ต่อสู ก้ บั หยุนเช่อ มันจะสาดซัด
เปลวเพลิงเทพหงสาจํานวนมหาศาลออกมาเสมอ เปลวเพลิงเทพ
หงสาเหล่านั้นยังคงแผดเผาลานประลองอย่างต่อเนื่องเป็ น
เวลานาน และกลายเป็ นทะเลเพลิงในที่สุด… แต่ยามนี้พวกมัน
ทั้งหมดกลับรวมตัวกันอย่างฉับพลันทันใดด้วยฝี มือของเฟิ งซีลวั่
เห็นได้ชดั ว่าเปลวเพลิงเทพหงสาที่มนั สาดซัดออกมาขณะต่อสู ้
กับหยุนเช่อ เป็ นการเตรี ยมการเพื่อวินาทีน้ ี
ดวงจันทร์เพลิงที่ปลายทวนนั้นเป็ นสี แดงสว่างจ้า พลัง
มหาศาลยิง่ ใหญ่ราวขุนเขาของมันปั่นป่ วนพุง่ พล่านราวคลื่นยักษ์
แม้แต่ผชู ้ มที่อยูห่ ่างออกไปกว่าหนึ่งพันเมตรก็ยงั รู ้สึกแน่นหน้าอก
หายใจไม่ออกราวกับถูกแผ่นศิลาหนักอึ้งกดทับ นี่เพียงพอที่จะ
จินตนาการได้วา่ แรงกดดันมหาศาลที่หยุนเช่อซึ่งอยูห่ ่างจากเฟิ ง
ซีลว่ั ไม่ถึงหกสิ บเมตรได้รับนั้น จะน่าหวาดกลัวเพียงใด
“ที่เล่นกับข้ามานานถึงเพียงนี้คงเป็ นเรื่ องยากลําบากยิง่
สําหรับเจ้า ว่ากันตามตรง ความแข็งแกร่ งของเจ้าทําให้ขา้ ค่อนข้าง
ประหลาดใจ ขีดความสามารถของเจ้าก็จดั ว่าอยูใ่ นระดับที่ดี
เหมือนกัน ทว่าน่าเสี ยดายที่เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เห็นขีด
ความสามารถของข้า” เฟิ งซีลวั่ ยิม้ อย่างไร้อารมณ์ พละกําลังของ
หยุนเช่อไม่เพียงแค่ทาํ ให้มนั ‘ค่อนข้างประหลาดใจ’ แต่มนั รู ้สึก
ตื่นตะลึงอย่างแท้จริ ง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยงั เป็ นอัจฉริ ยะอันดับ
หนึ่งแห่งพรรคเทพหงสา และความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อเท่าที่
เห็น ณ ขณะนี้ ไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่ มันกล่าวด้วยสี หน้าผ่อน
คลาย “สําหรับคนในวัยเดียวกัน การที่สามารถเล่นกับข้าได้นาน
ถึงเพียงนี้ เจ้าถือว่าเป็ นคนแรกอย่างแท้จริ ง แต่น่าเสี ยดายที่มนั
เป็ นเพียงความจงใจของข้าเอง ข้าก็แค่ต้ งั ใจอาศัยช่วงเวลานั้นจัด
วางเปลวเพลิงเทพหงสา เพื่อที่ขา้ จะได้มอบความตาย…อันสู งส่ ง
งดงามที่สุด…ให้แก่เจ้า !!”
“ทวนเทพหงสากระบวนท่าสุดท้าย—จันทราเทพหงสา!!”
ผมสี ดาํ ของเฟิ งซีลวั่ สะบัดไหว อาภรณ์หงสาพัดกระพือ
ท่ามกลางกระแสลม ขณะเดียวกันทวนเทพหงสาก็กวัดแกว่งไป
ในกลางอากาศ ทันใดนั้นดวงจันทร์เพลิงบนท้องฟ้าก็ส่งเสี ยง
กึกก้อง แล้วมันก็พงุ่ ดิ่งตรงไปที่หยุนเช่ออย่างฉับพลันราวกับดาว
ตกบนฟากฟ้า
บรึมมมม…
ทุกหนแห่ งที่จนั ทราเทพหงสาไปถึง พื้นที่น้ นั จะบิดเบี้ยวผิด
รู ปผิดร่ างไปเนื่องจากแรงกดอัดอันรุ นแรง ภายใต้พลังมหาศาล
ล้นเหลือนั้นลานประลองด้านล่างก็ยบุ ลงไปอย่างเห็นได้ชดั พลัง
มหาศาลที่จนั ทราเทพหงสาส่ งมาถึงมัน ทําให้สีหน้าหยุนเช่อเคร่ ง
ขรึ มถึงขีดสุ ด มันสาวเท้าถอยอย่างรวดเร็ ว แต่ถอยไปเพียงไม่กี่
ก้าวเท้าหลังของมันก็เหยียบลงตรงขอบลานประลองเทพหงสา
ทันที
ลานประลองหงสานั้นจํากัดพื้นที่ต่อสู ข้ องทั้งสองฝ่ าย ผูท้ ี่
ตกจากลานประลองหงสาถือว่าแพ้การต่อสู น้ ้ ี หากเป็ นการต่อสู ้
ทัว่ ไป มันยังสามารถเลือกที่จะหลบหลีกด้วยการทุ่มเทพลังใช้ท่า
เท้าเทพดาราแยกเงาออกไป ทว่าสําหรับผูท้ ี่ไม่สามารถเหิ นลอย
ขึ้นไปในอากาศได้ มันย่อมถูกบีบให้จนมุม ไม่มีโอกาสที่จะหลบ
หลีกได้เลย เว้นเสี ยแต่วา่ มันจะก้าวเท้าลงจากลานประลองหงสา
เท่านั้น
ซี่สส… ซี่สสส…
ภาพจันทราเทพหงสาที่สะท้อนอยูใ่ นดวงตาหยุนเช่อนั้นมี
ขนาดใหญ่ข้ ึนๆ จนเต็มคลองจักษุของมัน ภายใต้คลื่นพลังอันทรง
พลัง เสี ยงกัมปนาทของพลังอันรุ นแรงอย่างถึงขีดสุ ดก็ดงั กึกก้อง
เต็มสองหูของหยุนเช่อ จนมันมิอาจได้ยนิ เสี ยงอื่นใดเลย เพลิงที่
แผดเผานั้นไม่ส่งผลอันใดต่อหยุนเช่อแม้แต่นอ้ ย ทว่าพลัง
ลมปราณที่ปั่นป่ วนอยูภ่ ายในได้ผลาญทําลายเสื้ อผ้าของหยุนเช่อ
ออกเป็ นชิ้นๆ
“ฮ่าาห์ !!!”
หยุนเช่อส่ งเสี ยงคํารามพร้อมกับยกกระบี่หนักขึ้นขวาง
แขนทั้งสองข้างของมันโป่ งพอง เส้นเลือดปูดโปนขึ้นอย่างเห็น
ได้ชดั มันขยายใหญ่จนแทบจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ เงาร่ างสี
นํ้าเงินเข้มของเทพหมาป่ าที่คาํ รามกึกก้องกราดเกรี้ ยวปรากฏขึ้นที่
ด้านหลังของมัน
“เทพหมาป่ าผ่าปฐพี !!”
หยุนเช่อกระโจนขึ้น เผชิญหน้ากับจันทราเทพหงสา กระบี่
หนักทัณฑ์มงั กรที่ถูกตวัดออกไปด้วยพลังของเทพหมาป่ า
กระแทกเข้าใส่ จนั ทราเทพหงสาอย่างรุ นแรง ภาพเงาเทพหมาป่ าสี
ฟ้าครามบุกทะลวงเข้าไปในจันทร์เพลิงนั้นอย่างดุร้าย ราวกับ
กระบี่อนั แหลมคมที่สามารถตัดทําลายสิ่ งกีดขวางทุกอย่างได้
ตูม !!!!
จันทราเทพหงสาระเบิดออกเสี ยงดังสนัน่ ปล่อยคลื่นเพลิง
ออกมาท่วมท้นปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ แม้แต่ลาน
ประลองหงสาก็จมอยูใ่ ต้ทะเลเพลิงนั้น ทว่านี่มิใช่พลังที่แท้จริ ง
ของกระบวนท่า ‘จันทราเทพหงสา’ เพลิงที่ระเบิดมิได้กระจายตัว
ออกมาเป็ นเปลวเพลิงธรรมดา แต่มนั กลับกลายเป็ นทวนเพลิงอัน
ร้ายกาจจํานวนมากมาย พริ บตาเดียวท้องฟ้าเหนือลานประลองก็
เต็มไปด้วยทวนเพลิง และทวนเพลิงหลายพันเล่มภายใต้พลัง
ควบคุมของเฟิ งซีลว่ั ทั้งหมดนั้นก็พงุ่ ตรงไปที่หยุนเช่อ
ราวกับมีห่าทวนที่คละคลุง้ กลิ่นคาวเลือดสาดซัดลงมา
“ตาย !!” เฟิ งซีลวั่ หัวร่ อเสี ยงดังอย่างบ้าคลัง่ มันแน่ใจว่าแรง
ระเบิดจากจันทราเทพหงสานั้นก็เพียงพอที่จะทําลายเกราะพลัง
ลมปราณของหยุนเช่อ และทําให้หยุนเช่อแทบสิ้นชีพได้แล้ว และ
ทวนเพลิงที่ตามมาก็คงทําให้ร่างของมันเป็ นรู พรุ นนับไม่ถว้ น
เข่นฆ่ามันอย่างสาหัสสากรรจ์ลงในทันที
เดิมทีมนั ไม่ได้วางแผนที่จะสังหารหยุนเช่อ เพราะถึง
อย่างไรที่นี่กเ็ ป็ นสนามประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักร และมันก็
อยูเ่ บื้องหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์และอาณาจักรทั้งเจ็ด การสังหารฝ่ าย
ตรงข้ามคงนํามาซึ่งการติเตียน และอาจมีเรื่ องยุง่ ยากตามมาโดย
ไม่จาํ เป็ น แต่การสังหารหยุนเช่อนี้เป็ นคําสัง่ ที่เฟิ งเหิ งคงถ่ายทอด
เสี ยงผ่านมาถึงมันด้วยตนเอง ดังนั้นแน่นอนว่ามันย่อมลงมือ
สังหารได้โดยไม่ตอ้ งกังวลอันใด
“ล… ลูกพี่ !!”
นัยน์ตาหลิงเจี่ยหดแคบลงด้วยความหวาดกลัว ขามันสัน่
ระริ กไม่หยุด มองดูอย่างสิ้ นหวัง ขณะที่หยุนเช่อถูกจันทร์เพลิง
แผดผลาญกลืนกิน จากนั้นก็ถูกลําแสงทวนเพลิงอันน่า
สะพรึ งกลัวจํานวนนับไม่ถว้ นพุง่ ทะลวงเข้าใส่ ในทันที… ภายใต้
การโจมตีอนั น่าพรั่นพรึ งนี้ ต่อให้มีสิบชีวติ ก็ตอ้ งมอดม้วยทั้งหมด
สิ บชีวติ นัน่
“…นี่มนั …น่ากลัวเกินไปแล้ว หยุนเช่อน่าจะ…ตายแน่นอน
ใช่ไหม ?”
“ยังจะถามอีก ! หากถึงขนาดนี้แล้วมันยังไม่ตาย นับจากนี้
ไปข้าจะเดินถอยหลังเลย”
“เฮ้อ การสู ญเสี ยอัจฉริ ยะชั้นเลิศที่ไม่ใช่คนของจักรวรรดิ
เทพหงสาเช่นนี้ ทั้งที่มนั ก็แค่ตอ้ ง…”
“มันเป็ นเรื่ องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันมีสายเลือดเทพหงสา
หากมันมิยอมศิโรราบและแสดงความจงรักภักดี มันก็ตอ้ งเป็ น
ปฏิปักษ์ต่อพรรคเทพหงสาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง แต่ดว้ ยนิสยั
แข็งกร้าวไม่ยอมก้มหัวให้ใครของมัน ไม่วา่ จะอย่างไรมันย่อมไม่
เลือกหนทางแรกแน่นอน นัน่ ย่อมเป็ นที่เข้าใจได้ เจ้าเด็กอัจฉริ ยะ
ที่ยากจะหาผูใ้ ดเปรี ยบ ผูท้ ี่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ดว้ ยตัวมันเอง
แล้วจู่ๆ จะให้มนั ยอมให้พรรคใหญ่พรรคหนึ่งมาควบคุมมันได้
อย่างไร”
“จักรวรรดิเทพหงสาดําเนินการอย่างน่าสะพรึ งกลัวถึงเพียง
นี้… มันน่ากลัวเกินไปจริ ง ๆ”
ร่ างเฟิ งซีลวั่ ค่อยๆ ลอยลงมาจากท้องฟ้า ใบหน้าของมัน
ฉาบด้วยรอยยิม้ อิ่มเอมใจ เหตุที่มนั ใช้ ‘จันทราเทพหงสา’ ก็
เพื่อให้เกิดผลสะท้อนอันลํ้าเลิศแต่ขณะเดียวกันก็น่าตื่นตะลึง จะ
ได้กลบเกลื่อนสถานการณ์อิหลักอิเหลื่ออันเกิดจากการที่มนั
ประเมินความแข็งแกร่ งของหยุนเช่อผิดพลาดนั้น
ทว่าทันทีที่ปลายเท้าของมันกําลังจะแตะพื้นลานประลอง
หงสา นัยน์ตาของมันก็พลันหดแคบ รอยยิม้ บนใบหน้าก็แข็งค้าง
ในทันที
แสงเพลิงอันเกิดจากการระเบิดออกของจันทราเทพหงสา
และทวนเพลิงจํานวนมหาศาลเริ่ มจางหายไปอย่างรวดเร็ ว ภายใน
กองเพลิงเทพหงสาค่อยๆ ปรากฏเงาร่ างเลือนลางยืนอยูต่ รงนั้น
วินาทีต่อมาเพลิงเทพหงสาก็แตกสลาย เผยให้เห็นใบหน้าดุดนั
ถมึงทึงของหยุนเช่อ
“อะ… อะไรกัน !?” เป็ นครั้งแรกที่สีหน้าเฟิ งซีลวั่ ได้
แปรเปลี่ยนไปอย่างรุ นแรง มันได้ยนิ เสี ยงร้องด้วยความแตกตื่น
ตกใจดังกึกก้องมาจากทุกสารทิศ
เปลวเพลิงค่อยมอดดับลง เผยให้เห็นร่ างที่ไม่บุบสลาย
แม้แต่นอ้ ยของหยุนเช่อ มันยืนเงียบๆ อยูต่ รงนั้น มือกุมกระบี่
ทัณฑ์มงั กร ปล่อยให้เปลวเพลิงรอบกายแผดเผามันตามอําเภอใจ
เสื้ อผ้ามันได้รับความเสี ยหายหลายจุด เรื อนผมค่อนข้างยุง่ เหยิง
ทว่าแววตามันไม่ข่นุ มัวแม้แต่นอ้ ย ผิวกายที่ปรากฏให้เห็นภายใต้
เสื้ อผ้าที่ขาดรุ่ งริ่ งนั้นปราศจากริ้ วรอยบุบสลายแต่ประการใด… มี
เพียงตรงบริ เวณหน้าอกเท่านั้นที่ปรากฏหลุมเลือดตื่นๆ สามจุด
พลังอันเกรี้ ยวกราดของจันทราเทพหงสานั้นเป็ นเพลิงเทพ
หงสาอันบริ สุทธิ์โดยแท้จริ ง และเข้าปะทะมันรุ นแรงอย่างที่สุด
ทว่าไม่สามารถทําอันตรายมันได้แม้แต่นอ้ ย แต่ภาพเงาทวนเพลิง
หงสาที่ตามมานั้น ทําให้มนั ต้องใช้ ‘ผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆา’ ออกมา
อย่างไม่มีทางเลือก หลังจากรับแรงระเบิดนับพันๆ ครั้งนั้น ‘ผนึก
สุ ริยนั กั้นเมฆา’ ก็แตกออกในท้ายที่สุด ตอนนั้นเองที่ลาํ แสงทวน
เพลิงหงสาสามเล่มนั้นปะทะเข้าที่หน้าอกของมัน แต่ดว้ ยร่ างเทพ
มังกรที่แท้จริ งของมัน การโจมตีจากพลังที่แตกกระจายออกมานี้
ทําให้เกิดหลุมเลือดจางๆ เพียงสามแห่งบนร่ างมันเท่านั้น
ตอนที่หยุนเช่อเสี่ ยงตายสู ก้ บั เฟิ งชือหัวนั้น มันเสี ยเลือดและ
กระดูกก็แตกหักถึงหนึ่งในสามส่ วน แต่กระนั้นมันก็ฟ้ื นตัวอย่าง
สมบูรณ์ภายในเวลาไม่ถึงสิ บวัน บาดแผลเล็กน้อยที่ลึกไม่ถึง
กระดูกพวกนี้ สําหรับมันไม่อาจนับว่าเป็ นการบาดเจ็บด้วยซํ้า
บทที่ 440 เพลิงหงสาผลาญสวรรค์

“เป็ น…เป็ นหยุนเช่อ! มันยังไม่ตาย…ยังไม่ตายจริ งๆ!!”


“ไม่เพียงยังมีชีวติ อยู่ ดูคล้ายมันไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอัน
ใดอีกด้วย”
“ด้วยการโจมตีที่ร้ายแรงถึงขั้นนั้น กระทัง่ พื้นลานประลอง
ยังถูกลอกออกเป็ นชั้น แต่มนั กลับไม่ตกตาย…เป็ นไปได้
อย่างไร!!”
ทัว่ ทั้งอัฒจรรย์แทบระเบิดออก นี่แน่นอนย่อมเป็ น
เหตุการณ์ที่ไม่อาจเป็ นจริ ง ทั้งยังไม่อาจเชื่อถือที่สุดที่พวกมันพบ
เจอมาจนชัว่ ชีวติ
แม้แต่เหล่าผูค้ นจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ยังปรากฏร่ องรอย
ความประหลาดใจอันแจ่มชัดพาดผ่านใบหน้าของพวกมัน
“อ่า…อ่า…เอิ่มม…” หลิงเจี่ยปากอ้ากว้าง ไม่อาจหุบกราม
ลงเป็ นเวลานาน หยุนเช่อยังคงมีชีวติ อยู่ ทั้งไม่ได้รับบาดเจ็บ
ร้ายแรง หากสิ่ งแรกที่เด็กหนุ่มรู ้สึก กลับมิใช่ความยินดีปรี ดา
กลับกัน หลิงเจี่ยสัมผัสได้ถึงความรู ้สึกแตกตื่นเช่นที่ทุกคนรู ้สึก
เด็กหนุ่มรู ้สึกกระทัง่ ความหวาดกลัว นี่ลว้ นสื บเนื่องเพราะทุก
ผูค้ นได้เป็ นพยานเห็นหยุนเช่อถูกกลืนกินด้วยจันทราหงสา
จากนั้นจึงถูกถล่มด้วยเงาหอกมายาจํานวนมากมายมหาศาล…ใน
สถานการณ์เช่นนั้น มันยังสามารถรอดชีวติ มาได้อย่างไร?!
“อะไร…น…ผิดปกติถึงเพียงนี้…นี่มนั ไม่ปกติอย่าง
สิ้ นเชิง!!” ฮวาหมิงไห่ผู ้ “เจนโลก” ทั้งยังกล่าวอ้างตนเองเป็ นหนึ่ง
ในผูเ้ ข้มแข็งที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า ยังต้องแตกตื่นตระหนกจน
ลูกนัยน์ตาแทบถลนออกนอกเบ้า
ภายใต้เปลวเพลิงโชติช่วง หยุนเช่อจดจ้องเขม็งไปยังเฟิ ง
ซี ลว่ั ชายหนุ่มสื บเท้าไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง…การเคลื่อนไหวนี้
ของหยุนเช่อ สร้างความตื่นตระหนกแก่เฟิ งซีลวั่ จนหัวใจบิด
กระตุกรุ นแรง ในการเผชิญหน้ากับหยุนเช่อในครานี้ มันกลับ
รู ้สึกหวาดหวัน่ ในตัวของหยุนเช่อขึ้นมาอย่างแท้จริ ง มันพลัน
เข้าใจขึ้นมาได้ในท้ายที่สุดว่าตัวมันได้ประเมินศัตรู ผนู ้ ้ ีต่าํ เกินไป
อย่างมาก ขณะเดียวกัน ฝ่ ายตรงข้ามซุกซ่อนความสามารถที่
แท้จริ งมาโดยตลอด
“นอกจากเรี ยนรู ้วธิ ีการพล่ามไร้สาระและวาจาอวดโอ่ เจ้า
มันก็ไม่มีประโยชน์อนั ใดทั้งสิ้ น” หยุนเช่อหลิ่วตามองเย้ยหยัน
ณ เวลานี้ พื้นเวทีหงสาที่ทาํ จากหิ นหยกชั้นบนสุ ดทั้งหมด
ล้วนแหลกสลายหมดสิ้ น บริ เวณพื้นใต้ฝ่าเท้าของหยุนเช่อแปร
สภาพเป็ นฝุ่ นทรายไปจนหมดสิ้ น ทั้งสองยืนหยัดอยูห่ ่างจากอีก
ฝ่ ายหนึ่งเป็ นระยะสามสิ บเมตร บรรยากาศโดยรอบเยือกเย็นยะ
เยียบ หยุนเช่อมีสีหน้าสงบเยือกเย็น ทว่ามุมปากของชายหนุ่มโค้ง
ขึ้นเป็ นรอยยิม้ เยาะเย้ย เฟิ งซีลวั่ ขมวดคิ้วนิ่วหน้า สายตาลังเลไม่
แน่ใจ
แต่เมื่อถึงยามนี้ คิ้วขมวดของเฟิ งซีลว่ั ผ่อนคลายลงอีกครา
สี หน้าสงบเยือกเย็นลงอีกครั้ง ริ มฝี ปากเหยียดออกตรงเป็ นเส้น
บางๆ..ของรอยยิม้ อันชัว่ ร้าย
“ประเสริ ฐมาก…นี่ยอดเยีย่ มจริ งๆ” ดวงตาของเฟิ งซีลวั่ กด
ตํ่าลง ประกายรังสี ฆ่าฟันรวมตัวข้นขึ้นในส่ วนลึกของแววตา
พลางจุดเพลิงหงสาขึ้นบนร่ างกายของมันอีกครั้ง อัคคีเทพหงสา
หมุนวนพุง่ ทะยานขึ้นเบื้องบนอย่างรวดเร็ ว กระดูกข้อต่อทุกท่อน
ในร่ างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าลัน่ กรอบแกรบติดต่อตามกัน
คลื่นพลังรุ นแรงระเบิดออกโดยรอบ “ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
ว่า ลูกสําส่ อนที่บงั เอิญหลุดรอดออกไปจากพรรคเทพหงสาเราจะ
มีพลังฝี มือเข้มแข็งอยูบ่ า้ ง ทําให้ขา้ ประเมินพลังของเจ้าตํ่าเกิน
ความจริ ง”
“แต่ลูกสําส่ อนจะอย่างไรยังคงเป็ นลูกสําส่ อน ด้วยระดับ
พลังเช่นนี้ เจ้ากลับสามารถทําให้ขา้ เอาจริ งได้ ในฐานะของลูกสํา
ส่ อน เจ้าสมควรรู ้สึกภาคภูมิยามลงนรกได้!”
ไฟเทพหงสาลุกไหม้เผาผลาญอย่างต่อเนื่อง คลื่นพลังบน
ร่ างของเฟิ งซีลวั่ เอ่อล้นออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงไม่กี่อึดใจ
ล้วนเหนือลํ้ากว่าคลื่นพลังเมื่อยามก่อนหน้านี้อย่างสิ้ นเชิง!
ที่มนั กล่าวมาล้วนไม่ผดิ มันมิได้ใช้พละกําลังทั้งหมด
ออกมาตั้งแต่ตน้ จริ งๆ
แต่มนั สู ญเสี ยการควบคุมอารมณ์ไปส่ วนหนึ่ง ทุกคําพูด
ของมันเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ซึ่ งแสดงออกถึงการสู ญเสี ย
ความเยือกเย็นและเพลิงโทสะภายในใจของมัน มันคือองค์ชาย
เทพหงสา เป็ นวีรบุรุษอายุเยาว์ของสํานักที่เข้มแข็งที่สุดในทวีป
ลมปราณฟ้า ในอนาคต มันจะกลายเป็ นหนึ่งในผูป้ กครองแห่ง
ทวีปลมปราณฟ้านี้! แต่เบื้องหน้าฝูงชนมากมาย กลับถูกบีบคั้นจน
ต้องใช้พลังฝี มือแท้จริ งต่อผูฝ้ ึ กยุทธ์ไร้นามผูม้ ีพลังลมปราณเพียง
ชั้นปราณปฐพี ทั้งยังอ่อนวัยกว่ามันอีกด้วย
ยามนี้ มันไม่สนใจสิ่ งใด ทุ่มเทใช้พลังฝี มือทั้งหมดออกมา
โดยไม่ลงั เล เพือ่ ใช้ท่วงทํานองเทพหงสาด้วยพลังเต็มขีดจํากัด…
หากมันยังคงไม่ใช้ออกด้วยฝี มืออันป่ าเถื่อนที่สุดเพือ่ สับสังหาร
หยุนเช่อกระทัง่ ไม่เหลือชิ้นดี มันล้วนไม่อาจพึงพอใจได้!
“ฝ่ าบาททุ่มเทใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่..บัดซบ! พระองค์
ถึงกับถูกบีบให้ใช้พลังทั้งหมดเพือ่ เอาชนะหยุนเช่อ!” ศิษย์เทพหง
สาทั้งหมดในบริ เวณโพล่งออกมา ความตื่นตกใจบนใบหน้าของ
พวกมันยังคงไม่เสื่ อมคลาย
“พระองค์ยอ่ มต้องพิโรธโกรธเกรี้ ยวอย่างสุ ดขีด! หากหยุ
นเช่อผูน้ ้ ีไม่ตกตายในยามนี้ อย่างนั้นมันย่อมต้องตายไม่วนั ใดก็
วันหนึ่ง!!” ศิษย์พรรคเทพหงสาผูห้ นึ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว ไม่
เพียงแต่เฟิ งซี ลวั่ กระทัง่ พวกมันเองยังตื่นตระหนกอย่างลึกลํ้า ทั้ง
ยังอับอายอย่างสุ ดแสน
อัคคีเทพหงสาบนร่ างของเฟิ งซีลวั่ พุง่ สู งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คลื่นพลังยิง่ มายิง่ เพิม่ พูน ภายใต้แรงกดดันหนักหน่วง บริ เวณ
โดยรอบกลับกลายเป็ นวังวนสู ญญากาศ ทุกสิ่ งทุกอย่างโดยรอบ
ล้วนถูกกวาดม้วนด้วยขุมพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น
เปรี้ ยง!!
ด้วยเสี ยงระเบิดทึบทึมคราหนึ่ง ประกายไฟเทพหงสาเจิดจ้า
ถึงขีดสุ ด ทัว่ ร่ างของเฟิ งซีลว่ั ถูกห่อหุม้ ไว้ดว้ ยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์
ดวงตาของมันวาบวับด้วยประกายมืดหม่น มุมปากแสยะรอยยิม้
ชัว่ ร้ายขณะมือตวัดวาดทวนเทพหงสาออก ผมเผ้าชุดยาวกระพือ
พัดพลิ้วรอบทิศทาง เปลวเพลิงเทพหงสาเจิดจ้าอาละวาดปะทุ
โดยรอบร่ างขององค์ชายสิ บสี่ …บนแผ่นหลังปรากฏปี กเพลิงสี
แดงชาดคู่หนึ่งสยายออกอย่างเชื่องช้า!
ปี กเพลิงหงสาทั้งคู่ก่อร่ างออกมาจากเปลวไฟ ดูไปไม่คล้าย
ภาพมายาแม้แต่นอ้ ย หากกลับดูราวกับปี กวิหคเพลิงที่แท้จริ ง!
เฟิ งซี ลวั่ ในยามนี้ ดูไปไม่แตกต่างจากปี ศาจแห่งเปลวไฟที่มี
ชีวติ
“เอ๋ ? หรื อว่านี่คือ…ขั้นที่สี่ในตํานานของท่วงทํานองเทพหง
สา “ร่ างหงสา” ขั้นสู งสุ ด?” เย่ซิงหานมองไปยังการเปลี่ยนแปลง
ทางร่ างกายของเฟิ งซีลวั่ พร้อมกล่าวคําออกมาด้วยความสนอก
สนใจยิง่ ขณะกล่าววาจา มือไม้ของมันยังคงเลื้อยลงไปใต้ร่มผ้า
บริ เวณสะโพกของสตรี ร่านสวาททั้งสองนาง ลืมเลือนสายตาของ
ผูค้ นรอบข้างไปสิ้ น
“มิผดิ ” หลิงคุนผงกศีรษะ “ระดับขั้นนี้ สายเลือดเทพหงสา
ในร่ างจะถูกกระตุน้ อนุญาตให้ร่างกายบังเกิดความเปลี่ยนแปลง
เปลวเพลิงที่ใช้ออกในขั้นนี้เองคือ “เพลิงหงสาผลาญสวรรค์”
เป็ นท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของพรรคเทพหงสา”
“ราชันขั้นที่แปด สามารถใช้ท่วงทํานองแห่งเทพหงสา
ออกมาได้ถึงระดับนี้ คลื่นพลังของมัน แม้จะเล็กน้อยอย่างมาก
หากกลับเปล่งพลังของระดับชั้นราชันขั้นที่เก้าออกมาได้
ท่วงทํานองเทพหงสานี้ นับว่ายอดเยีย่ มไม่เลวเช่นกัน” เย่ซิงหาน
หรี่ ตากล่าววาจา
“อัยโยะโหย ผูอ้ ื่นไม่เข้าใจวาจาของหานหานน้อย”
ชัว่ เวลาที่เย่ซิงหานกล่าวจบคํา สุ ม้ เสี ยงของจีเชียนหลัวที่ทาํ
ให้ทว่ั ร่ างของมันต้องขนลุกขนพองดังแทรกเข้ามาในรู หู “องค์
ชายน้อยนี้เพียงใช้ท่วงทํานองเทพหงสาเร่ งเร้าพลังยุทธ์ข้ ึนมาอีก
สองขั้น นี่กลับได้รับคําชื่นชมจากหานหานน้อย ทว่าหยุนเช่อ
อ้า… เขาสามารถก้าวกระโดดพลังฝี มือข้ามระดับชั้นมากกว่าสิ บ
ขั้นได้เพียงแค่ยกมือ เหตุไฉนข้ากลับไม่ได้ยนิ หานหานน้อยกล่าว
ชื่นชมมันต่อสวรรค์บา้ ง?”
วาจาของจีเชียนหลัวส่ งผลให้หลิงคุนและเย่ซิงหานฉุกคิด
ขึ้นโดยพร้อมเพรี ยง กระทัง่ หัวคิ้วของท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณ
กู่ชางยังขมวดมุ่น จากการแสดงความสามารถเชิงยุทธ์อนั น่าตื่น
ตระหนกของหยุนเช่อที่ผา่ นมา…พวกมันทั้งหมดแทบลืมเลือน
ไปแล้วว่า…ระดับพลังยุทธ์ของชายหนุ่ม เพียงอยูใ่ นชั้นลมปราณ
ปฐพีข้ นั ที่สิบ!!
หาญต่อกรราชันขั้นที่แปด เฟิ งซีลวั่ ที่ทุ่มเทใช้พลังทั้งหมด
ออก ด้วยระดับชั้นปราณปฐพีข้ นั ที่สิบ…
ในร่ างของหยุนเช่อผูน้ ้ ี ซุกซ่อนความลับเยีย่ งไรกันแน่!?
ราวกับเทพแห่งไฟที่ลงมายังโลกมนุษย์ ทัว่ ร่ างของเฟิ งซีลวั่
ปลดปล่อยพลังงานที่หมิ่นหยามทัว่ ใต้หล้า ส่ งผลให้หวั ใจของ
เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์อายุเยาว์ท้ งั หลายในสนามประลองต้องสัน่ สะท้าน
แววตาหวาดผวาที่พวกมันใช้จอ้ งมองเฟิ งซี ลวั่ ล้วนราวกับแววตา
ที่ใช้จอ้ งมองเทพเจ้าผูไ้ ม่อาจต่อกร พวกมันเอง ไม่เคยคาดคิดว่า
เฟิ งซีลวั่ ผูน้ ่าหวาดหวัน่ อย่างยิง่ แต่เดิม กลับยังไม่เคยใช้ออกด้วย
พลังฝี มือที่แท้จริ งทั้งหมดมาก่อน พลังที่มนั ปลดปล่อยออกใน
ยามนี้ ล้วนทรงพลังกว่าเดิมถึงสองเท่า!!
“นี่คือท่วงทํานองเทพหงสาขั้นสู งสุ ดของข้า” เฟิ งซีลว่ั ยืน่ ฝ่ า
มือออกไปทางหยุนเช่อ บนฝ่ ามือปรากฏลูกไฟลุกโชน “น่า
เสี ยดายที่ลูกสําส่ อนเช่นเจ้าไร้โอกาสเรี ยนรู ้ทกั ษะวิชายุทธ์ไร้ผู ้
ต้านที่ถูกประทานมาจากท่านเทพหงสานี้ ตอนนี้ เจ้าสามารถขัด
ขืนดิ้นรนได้ทุกวิถีทางตามชอบใจ เนื่องเพราะหลังจากนี้ เจ้าจะ
ไม่มีโอกาสดิ้นรนอีกต่อไป”
หยุนเช่อมองไปยังเพลิงเทพหงสาบนร่ างของเฟิ งซีลวั่ สอง
หูสดับคําพูดอวดโอ่ของมัน สายตาของชายหนุ่มราวกับกําลัง
กล่าววาจาต่อคนโง่งมที่แท้จริ งผูห้ นึ่ง “เจ้ากล่าวคําพูดซํ้าๆแบบนี้
มาหลายรอบแล้ว โดนคําพูดตัวเองตบหน้าซํ้าแล้วซํ้าอีกมันฟิ น
มากนักรึ ไง? ปั ญญาอ่อน!”
คํากล่าวของหยุนเช่อราวกับใช้มีดอาบนํ้าเกลือเสี ยบแทงเข้า
ใส่ แผลชุ่มโลหิ ตของเฟิ งซีลวั่ คํา “ปัญญาอ่อน” คําสุ ดท้ายส่ งผล
ให้มนั ระเบิดความโกรธเกรี้ ยวออกมาอย่างเต็มที่…ตั้งแต่เยาว์วยั
ไม่มีผใู ้ ดกล้าล่วงเกินมัน กระทัง่ เฟิ งเหิ งคงเองยังชมเชยมันอยู่
บ่อยครั้งด้วยความภาคภูมิ ด้วยพรสวรรค์เลิศลํ้าถึงเพียงนี้ แม้แต่
ต่อหน้ารัชทายาทเฟิ งซีหมิง มันยังสามารถวางท่าอหังการได้โดย
ไม่ตอ้ งระย่อ จะมีผใู ้ ดกล้าเรี ยกมันเป็ นคน “ปัญญาอ่อน” เช่นนี้
ได้?
เฟิ งซี ลวั่ หัวร่ อกลับด้วยความโกรธา จากนั้นเหยียดหยัน
อย่างถึงขีดสุ ด “เจ้าตัวสําส่ อน กระทัง่ ต่อหน้าประตูนรก ยังกล้า
กระตุน้ โทสะข้า เดิมทีขา้ วางแผนให้เจ้าตกตายอย่างไม่ทรมาณ
มากนัก ทว่าตอนนี้…ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะให้เจ้าตกอยูท่ ่ามกลาง
เพลิงหงสา มีชีวติ มิสูต้ กตาย!!”
“ด้วยสายเลือดเทพหงสาที่ตกทอดยาวนานมากว่าห้าพันปี
ทั้งยังผสมผสานและเจือจางมาหลายต่อหลายรุ่ น เจ้าคิดจริ งๆหรื อ
ว่าเจ้าคู่ควรอวดโอ่ไฟเทพหงสาของเจ้าต่อหน้าข้า?” หยุนเช่อก
ล่าวพึมพําพร้อมหัวเราะอย่างเย็นชา
คํากล่าวนี้ของหยุนเช่อมิได้อวดโอ่เกินจริ งเลยแม้แต่นอ้ ย
คราก่อนในนครหลวงวายุคราม ยามเผชิญหน้ากับองครักษ์ดาํ แดง
รวมทั้งองค์ชายสิ บสาม เขาเพียงใช้ออกด้วยเพลิงเทพหงสา
ธรรมดา ก็สามารถสะกดเพลิงเทพหงสาขององครักษ์ดาํ แดงที่ใช้
ออกด้วยท่วงทํานองแห่งเทพหงสาได้อย่างง่ายดาย เมื่อสายโลหิ ต
เทพหงสาถูกถ่ายทอดผ่านมารุ่ นต่อรุ่ น พรรคเทพหงสา เพื่อรักษา
ความบริ สุทธิ์ของสายเลือดเทพหงสา ส่ วนใหญ่มกั สมรสกัน
ภายในตระกูล น้อยครั้งจะสมรสกับบุคคลภายนอก..นอกจากอีก
ฝ่ ายจะมีพรสวรรค์สูงส่ งสุ ดยอด หรื อศักดิ์ฐานะสู งส่ งเป็ นพิเศษ
แต่ไม่วา่ อย่างไร เมื่อผ่านไปหลายรุ่ น สายเลือดเทพหงสาแน่นอน
ว่าย่อมเจือจางและผสมผสานกันมากขึ้นเรื่ อยๆ
ทว่าหยุนเช่อกลับเป็ นบุคคลที่ได้รับสื บทอดโลหิ ตเทพหง
สาที่บริ สุทธิ์ที่สุด จากจิตวิญญาณเทพหงสาเอง!!
ดังนั้น หากเพียงกล่าวอ้างถึงความบริ สุทธิ์เข้มข้นของ
สายเลือดในร่ างกาย หยุนเช่อล้วนสามารถนับเป็ นบรรพบุรุษของ
เฟิ งซีลวั่ ได้!!
ทั้งยังเทียบเท่าต้นตระกูลที่ยอ้ นไปหลายร้อยรุ่ นเลยทีเดียว!
“ข้าจะให้เจ้าได้เห็น…อัคคีเทพหงสาที่แท้จริ งเอง!!”
หยุนเช่อกู่คาํ รามเสี ยงทุม้ หนัก ทัว่ ร่ างระเบิดเพลิงเทพหงสา
ออกครอบคลุม หากแต่ครานี้ ไม่เพียงเพลิงเทพหงสาเท่านั้น ชาย
หนุ่มยังโคจรใช้ออกด้วยเคล็ดท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่สี่
ในทันที…ฉับพลัน คลื่นพลังเปลวอัคคีเทพหงสาพลุ่งพล่าน
อุณหภูมิรอบด้านเดือดระอุอย่างกะทันหัน เปลวเพลิงที่ดูไปลุก
โชนโชติช่วง กลับกลายเป็ นเดือดพล่าน เต้นระริ กแผดเผาอย่างบ้า
คลัง่
บนแผ่นหลังของหยุนเช่อ ปี กเพลิงหงสาสองข้างงอกเงย
ออกมาเช่นกัน สี สนั ของปี กวิหคเพลิงยังเข้มข้นกว่าเฟิ งซีลวั่
“ท่วงทํานองเทพหงสา!!”
เฟิ งเหิ งคงและบุคคลอื่นต่างลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรี ยง สี
หน้าท่าทางเต็มไปด้วยความแตกตื่น…และโกรธแค้น!
สายเลือดเทพหงสาเป็ นแก่นแท้ของพรรคเทพหงสา
ท่วงทํานองเทพหงสาเอง ก็เป็ นสิ่ งสําคัญอีกหนึ่งอย่าง
หยุนเช่อมิได้เป็ นส่ วนหนึ่งของพรรคเทพหงสา หากกลับ
ครอบครองสายเลือดเทพหงสา นับว่าละเมิดข้อห้ามใหญ่หลวง
ที่สุดอย่างหนึ่ง…แต่ยามนี้ มันกลับสามารถใช้ท่วงทํานองเทพหง
สาออกมาได้!!
ในประวัติศาสตร์หา้ พันปี ที่ผา่ นมาของพรรคเทพหงสา
สถานการณ์ที่สายเลือดเทพหงสารั่วไหลออกเคยเกิดขึ้นบ้าง
ประปราย หากนี่เป็ นครั้งแรก ที่ท่วงทํานองเทพหงสากลับปราฏ
กบนร่ างของบุคคลภายนอกพรรค
ไม่น่าแปลกใจเลยที่กระทัง่ เฟิ งเหิ งคงเองยังต้องใบหน้า
เผือดซีด
ใบหน้าของเฟิ งซีลวั่ แดงกํ่า สี หน้าท่าทางเหี้ ยมอํามหิ ต “เจ้า
ลูกสําส่ อน! ไม่เพียงมีสายเลือดเทพหงสา ยังเรี ยนรู ้ท่วงทํานอง
เทพหงสาเราอีกด้วย…วันนี้เจ้าต้องตาย!!”
การรักษาสภาวะขั้นที่สี่ของท่วงทํานองเทพหงสาไว้จาํ ต้อง
เสื่ อมสู ญพลังลมปราณมากมายมหาศาล ยามมองเห็นหยุนเช่อ
สามารถใช้ออกด้วยท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่สี่ ภายในใจของ
เฟิ งซีลวั่ พลันบังเกิดความรู ้สึกเลวร้ายพุง่ ขึ้น มันเปล่งเสี ยงคําราม
ปี กหงสาสองข้างสยายกางออก เปลวไฟเทพหงสาที่เบื้องหลัง
พวยพุง่ สู่ ทอ้ งฟ้า ทะลักโถมกลายเป็ นทะเลเพลิง ครอบคลุมท้อง
นภาในสนามประลองจนเปลี่ยนเป็ นแดงฉาน
“ตาย…เพลิงหงสาผลาญสวรรค์!!”
แม้จะดูราวกับขุนเขาอัคคีโถมถล่มลงมาทับ ทว่าหยุนเช่อ
ยังคงสงบเยือกเย็นยิง่ ชายหนุ่มยืน่ ฝ่ ามือออกไป เพลิงเทพหงสา
บนร่ างกายชายหนุ่มปะทุข้ ึนในทันทีเช่นกัน
“เพลิงหงสาผลาญสวรรค์!!”
ท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่สี่ กระบวนท่าเดียวกัน คลื่น
ทะเลเพลิงสองสายโหมลุกไหม้ครอบคลุมฟ้า ส่ งผลให้ลาน
ประลองหงสาเล็กจ้อยลงในทันที…ยามที่มนั กําลังพังทลายลง
ตูมมมม~~~~~~~~~~~
เขตแดนหงสาทั้งแผ่นผืนสัน่ สะเทือนอย่างบ้าคลัง่ ในชัว่
พริ บตา คลื่นทะเลเพลิงที่ท่วมท้นท้องฟ้าพลันระเบิดปะทุออก พัด
ม้วนพวยพุง่ ขึ้นสู งหลายร้อยเมตร กลืนกินเวทีหงสาไปจนหมด
สิ้ น ใบหน้าของเหล่าผูช้ มที่เป็ นสักขีพยานกว่าสามล้านคนล้วน
เปล่งแสงสี แดงกํ่า กระทัง่ ผืนฟ้ายังแปรเปลี่ยนสี สนั ราวฟ้าสี คราม
ที่กาํ ลังถูกเเผดเผา
คล้ายกับว่าดวงอาทิตย์อนั เจิดจ้าลงมาเยือนโลกหล้าอย่าง
ฉับพลัน
ร่ างของหยุนเช่อและเฟิ งซีลว่ั ล้วนถูกกลบถมด้วยคลื่นอัคคี
อันร้อนแรง ร่ างของผูค้ นทั้งสองห่างกันไม่ถึงสามเมตร ทว่า
สายตาของบุคคลทั้งคู่ขา้ มผ่านระยะห่างและเปลวไฟ ปะทะ
หักล้างกันอย่างดุเดือด
“ลูกสําส่ อนอย่างเจ้า กล้าท้าทายไฟเทพหงสาของเราองค์
ชาย?! ไม่เกินสิ บอึดใจ…เจ้าต้องถูกเผาเป็ นเถ้าถ่าน!!” เฟิ งซี ลว่ั
คํารามด้วยอํามหิ ต
ใบหน้าของหยุนเช่อมืดทะมึน นํ้าเสี ยงชายหนุ่มเต็มไปด้วย
รอยเยาะหยัน “แม้ขา้ จะยืนอยูเ่ ฉยๆ อัคคีเทพหงสาของเจ้ายังคง
อย่าได้หวังทําอันตรายข้าได้แม้ปลายเส้นผม แต่มนั แล้วแต่วา่ ข้า
พอใจจะทําเช่นไร..เนื่องเพราะข้าต้องการประชันเพลิงเทพหงสา
และเอาชนะเจ้าอย่างหมดจด! ข้าจะให้เจ้าได้รู้วา่ …”
“ใครกันแน่ที่เป็ นลูกสําส่ อน!!”
บทที่ 441 แรงกดดันของขอบเขตอันเหนือลํา้

สนามประลองที่เดิมทีดาํ มืดทั้งแผ่นผืน ยามนี้อาบย้อมไป


ด้วยแสงสี แดงฉาดฉาน ราวกับพลันร่ วงหล่นลงสู่นรกโลกันตร์
ขณะนี้ เปลวไฟลามเลียขึ้นสู่ สรวงสวรรค์ กองเพลิงที่ทะยานขึ้น
สู งกว่าหลายร้อยเมตรบนอากาศเริ่ มทิ้งตัวลงเบื้องล่าง จากนั้น
ทะลักรอบข้างเวที แพร่ กระจายไปโดยรอบบริ เวณ
คลื่นความร้อนอันน่าหวาดผวาราวมหาคลื่นแห่งเปลวอเวจี
กวาดม้วนพัดเข้าใส่ ดูคล้ายดังภาพเหตุการณ์วนั ล้างโลก แม้
ทั้งหมดจะถูกกั้นขวางห่างออกมาหลายร้อยเมตร หากเหล่าผูช้ มที่
รายรอบล้วนรู ้สึกราวร่ างกายของตนเองแทบถูกหลอมละลายลง
ด้วยเปลวไฟ แม้จะรวบรวมพลังลมปราณป้องกันเพื่อคุม้ ครอง
กาย หากยังคงเจ็บปวดแสบร้อนจนแทบไม่อาจทานทนได้..ทัว่ ทั้ง
สนามประลองเต็มไปด้วยเสี ยงตะโกนกรี ดด้วยความพรั่นพรึ ง
ซู่…..
แถวที่นงั่ ที่ใกล้กบั เวทีหงสาที่สุดเริ่ มหลอมละลาย จากนั้น
ล้วนถูกกลืนกินลงไปในกองเพลิงจนสิ้ น อัคคีเทพหงสายังคงแผ่
ลามออกรอบข้างอย่างไม่หยุดยั้ง เฟิ งเฟยเยียนเหิ นร่ างขึ้นกลาง
อากาศ ก่อนจะประกาศก้อง “เร็ ว สร้างเกราะคุม้ กัน!!”
ชัว่ ขณะที่กล่าวจบคํา ยอดฝี มือชั้นปราณทรราชย์ท้ งั หมด
เคลื่อนไหวแล้ว เหล่าราชันทรราชย์จากอาณาจักรทั้งห้า รวมทั้งผู ้
อาวุโสบางส่ วนจากพรรคเทพหงสาเหิ นร่ างแยกย้ายประจําทิศ
ต่างๆ อย่างรวดเร็ ว ทั้งหมดเร่ งเร้าพลังลมปราณ ก่อร่ างม่าน
ปราการป้องกันรู ปวงแหวนยืดขยายออกและเชื่อมต่อติดกัน
ทั้งหมด กักขังเปลวไฟแห่งหงสาศักดิ์สิทธิ์สุดอันตรายไว้ภายใน
แรงกดดันและพลังงานความร้อนทั้งหมดจึงถูกสะกดลดทอน
อานุภาพลงเช่นนั้น
ความโกลาหลวุน่ วายภายในสนามประลองสงบระงับลง
เล็กน้อย ทว่าไม่มีผใู ้ ดสามารถข่มความประหลาดแปลกใจที่ฉาบ
ทาทัว่ ทั้งใบหน้าของพวกมันได้เลย ทั้งหมดเบิกตากว้างจ้องมอง
อย่างตื่นตะลึงไปทางใจกลางสนามประลองยุทธที่บดั นี้เปลี่ยน
สภาพเป็ นทะเลเพลิง ด้วยเกรงว่าจะพลาดฉากเหตุการณ์สาํ คัญไป
แม้แต่วนิ าทีเดียว เนื่องเพราะพวกมันต่างรู ้วา่ ชัว่ ชีวติ นี้คงไม่มี
โอกาสได้เป็ นพยานในเหตุการณ์เหลือเชื่อเช่นนี้อีกเป็ นครั้งที่สอง
เหล่ายอดยุทธ์รุ่นเยาว์จากอาณาจักรทั้งห้าล่าถอยกลับมายัง
ฝั่งที่นงั่ ของตนเอง สี หน้าของพวกมันซีดขาวราวกระดาษ เนื่อง
เพราะพวกมันคือผูท้ ี่อยูใ่ กล้ลานประลองมากที่สุด ต่างได้รับ
ผลกระทบจากอัคคีเทพหงสาที่อาละวาดบ้าคลัง่ เมื่อครู่ โดยพร้อม
เพรี ยง ผูท้ ี่ได้รับผลกระทบเล็กน้อยถูกเปลวไฟเผาไหม้เสื้ อผ้า
บางส่ วน ผูโ้ ชคร้ายถูกเผาไหม้หลายตําแหน่งบนร่ างกาย เมื่อจ้อง
มองไปยังเพลิงเทพหงสาที่ถูกกักกันไว้ในปราการ ต่างหลัง่ เหงื่อ
เย็นเยียบราวสายนํ้า พวกมันต่างไม่กล้าจินตนาการว่าตนเองเคย
ได้ประมือกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาก่อนหน้า…หากยังสามารถ
รอดชีวติ มาได้
เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์เหล่านี้ที่เข้าร่ วมงานประลองยุทธเจ็ด
จักรวรรดิต่างก็เป็ นยอดอัจฉริ ยะในอาณาจักรของพวกมันอย่างไม่
ต้องสงสัย ในฐานะยอดอัจฉริ ยะ พวกมันทุกคนมีสญ ั ชาตญาณ
แห่งความเหนือกว่า ความเชื่อมัน่ และความหยิง่ ทระนง นี่ลว้ นมา
จากความเชื่อมัน่ ของพวกมันว่าตนเองย่อมต้องเป็ นผูย้ งิ่ ใหญ่แห่ง
ทวีปลมปราณฟ้าในอนาคต เป็ นผูป้ กครองแห่งยุคสมัยของพวก
มัน ทว่ายามนี้ ความมัน่ ใจทั้งหลายทั้งปวงของพวกมันที่เคยมี
รวมทั้งสํานึกทั้งหลายต่างแหลกสลายลงอย่างสิ้ นเชิง เมื่อ
เผชิญหน้ากับพลังฝี มือขั้นทําลายล้างตรงหน้า ไม่ตอ้ งกล่าวถึงใน
ปั จจุบนั นี้ พวกมันรู ้สึกว่าแม้จะทุ่มเทความเพียรพยายามทั้งชีวติ
ยังคงไม่อาจขึ้นสู่ พลังฝี มือระดับนี้ได้
เปลวอัคคีทวีความแผดเผาเร่ าร้อน เหล่าผูอ้ าวุโสพรรคเทพ
หงสาที่กางม่านปราการโดยรอบยังไม่มีปัญหาใด ทว่าเหล่าราชัน
ทรราชย์จากอาณาจักรทั้งห้าต่างสัน่ สะท้านด้วยความหวาดหวัน่
ขณะสองมือยืน่ ออกเพื่อตรึ งม่านพลังคุม้ กัน ฝ่ ามือของพวกมัน
ล้วนแดงลวกราวถูกเผา เจ็บปวดรวดร้าวสุ ดทานทน ภายในจิตใจ
สัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง…บุคคลทั้งสองที่กาํ ลังประมือกันต่างไม่
มีผใู ้ ดเป็ นยอดยุทธ์แห่งใต้หล้า หากแต่เป็ นเด็กน้อยอายุยสี่ ิ บปี
เท่านั้น! หลังจากตรากตรําครํ่าเคร่ งฝึ กฝี มือร่ วมหลายร้อยปี
กระทัง่ สามารถขึ้นสู่ ช้ นั ราชันทรราชย์อนั เป็ นที่เคารพบูชาใน
อาณาจักรของพวกมัน เหล่าทรราชย์ผปู ้ กครองแดนดินเหล่านี้ต่าง
รู ้สึกด้อยค่าเมื่อต้องเผชิญพบฝี มือของเด็กน้อยอันน่าหวัน่ หวาดทั้ง
สอง
หากพวกมันสามารถบรรลุระดับพลังเช่นนี้ได้ยามอายุเท่านี้
เช่นนั้น อนาคตของพวกมันย่อมกว้างไกลไร้ขอบเขต!
เหล่าผูช้ มพรรคเทพหงสาเองล้วนมิอาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
นับแต่เฟิ งเหิ งคงไปจนเหล่าผูอ้ าวุโสและเจ้าตําหนัก ทั้งหมดลุก
ขึ้นยืนโดยมิได้นดั หมาย ทัว่ ทั้งลานประลอง ผูท้ ี่สงบเยือกเย็น
ที่สุดกลับเป็ นปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง มันเพียงนัง่ เฝ้าสังเกตุ
การณ์อย่างเงียบงันโดยไม่ปรากฏร่ องรอยความรู ้สึกใดบนสี หน้า
ชัว่ ขณะนี้เอง หัวคิ้วของมันพลันขมวดมุ่น เนื่องเพราะมันพลัน
สัมผัสได้ถึงรัศมีพลังของศิษย์มนั
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางรวบรวมสมาธิ ใช้วชิ าถ่ายทอด
คลื่นเสี ยงส่ งออกไปด้วยพลังยุทธ์อนั หนักแน่นอย่างถึงที่สุด “”
ในที่สุดก็มาถึง แสดงตรายืนยันตัวตนฐานะคนของแดนศักดิ์สิทธิ์
ต่อพวกมัน จะมีผนู ้ าํ เจ้ามาที่นี่เอง เจ้ามาทันเวลาพอดี หากช้ากว่า
นี้ เจ้าอาจพลาดการพบเห็นอัจฉริ ยะฟ้าประทาน ผูท้ ี่ความสําเร็ จ
ไม่ดอ้ ยกว่าเจ้าเลยแม้แต่นอ้ ย
อย่างรวดเร็ ว ปรมาจารย์ก่ชู างได้รับถายทอดคลื่นเสี ยงจาก
อีกฝั่ง “จริ งรึ ? พรรคเทพหงสาเป็ นค่ายพรรคอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้า ทุกรุ่ นย่อมต้องปรากฏอัจฉริ ยะบุคคลขึ้นผูห้ นึ่ง”
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางปิ ดเปลือกตาลง ก่อนถ่ายทอด
พลังคลื่นเสี ยงออกอีกครา “ไม่ บุคคลที่อาจารย์กล่าวถึงมิได้มา
จากพรรคเทพหงสา หากแต่เป็ นเช่นเดียวกับเจ้า มันมาจากวายุ
คราม ด้วยความสามารถของมัน สมควรมีชื่อเสี ยงขจรขจายใน
อาณาจักรวายุครามมานานแล้ว เจ้าอาจเคยได้ฟังนามของมัน…
บุรุษหนุ่มผูน้ ้ ีมีนามว่า…หยุนเช่อ”
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางมิได้รับสัญญาณเสี ยงจากศิษย์
ของตนอีกต่อไป ดังนั้น ความสนใจของมันหวนกลับไปยังลูก
บอลเพลิงเทพหงสาที่เผาผลาญกลืนกินท้องฟ้าในยามนี้
ลานประลองหงสายังคงเสื่ อมสลายลงด้วยระดับความเร็ ว
อันน่าตระหนก เบื้องล่างหยุนเช่อและเฟิ งซีลวั่ คือหินหลอมเหลว
สี แดงอันน่าสะพรึ งกลัว ภายใต้กลุ่มก้อนพลังหงสาสองสาย ทั้ง
สองยังคงปลดปล่อยพลังหงสาของตนเองออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทว่า สี หน้าของทั้งคู่ลว้ นแตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง
หยุนเช่อนิ่งสงบราวนํ้านิ่ง ตั้งแต่สีหน้ากระทัง่ แววตาล้วน
กระจ่างใสไร้ระลอก หากเฟิ งซีลวั่ กลับดวงตาแดงกํ่าดุจโลหิ ต สี
หน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ลําคอปลดปล่อยเสี ยงคํารามฮึมฮัมออกมา
อย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรี ยบเทียบกับพลังก่อนหน้านี้ที่มนั ยังคงออม
มืออยูบ่ า้ ง ยามนี้ มันนับว่าปลดปล่อยพลังออกมาจนถึงขีดสุด รี ด
เร้นพลังยุทธ์ออกมาจากไขกระดูก หากมิใช่เหงื่อไคลของมันล้วน
ระเหยหายไปในพริ บตา ยามนี้บนร่ างกายของมันสมควรอาบ
ชโลมชุ่มโชกด้วยหยาดเหงื่อที่หลัง่ ริ นไม่หยุดยั้ง
ทว่า เพลิงเทพหงสาของมันยังคงถูกหยุนเช่อต้านทานรับไว้
ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่วา่ มันจะพยายามเพียงใด ล้วนไม่อาจปราบหยุ
นเช่อลงได้
ขณะเดียวกัน แม้มนั จะมีสายเลือดเทพหงสา ทั้งยังมีความ
ต้านทานและความสามารถควบคุมไฟเทพหงสาอันสู งส่ ง ยังคง
เป็ นไปไม่ได้ที่มนั จะไม่หวัน่ ไหวต่อเปลวไฟเลยเฉกเช่นหยุนเช่อ
ยิง่ เวลาผ่านไป อัคคีเทพหงสาของหยุนเช่อยิง่ เผาผลาญร่ างมันจน
เจ็บปวดสุ ดทานทน เส้นผมส่ วนใหญ่ของมันล้วนถูกเผาเป็ นเถ้า
ถ่าน อวัยวะทุกส่ วนของร่ างกายเริ่ มบังเกิดกลิ่นเหม็นไหม้และ
ควันสี ดาํ โชยออกมา
ครึ่ งหนึ่งของเสี ยงคํารามในลําคอของมันมาจากการฝื นรี ด
เร้นลมปราณ อีกครึ่ ง ล้วนเป็ นเสี ยงครวญครํ่าด้วยความเจ็บปวด
หากแต่ความเจ็บปวดทางร่ างกาย ล้วนไม่อาจเทียบเปรี ยบ
ได้กบั ความร้าวรานทางจิตใจของมัน
เพลิงเทพหงสาเป็ นเปลวไฟที่ร้อนแรงที่สุดแห่งทวีป
ลมปราณฟ้า สายเลือดเทพหงสาเป็ นสายเลือดเทวะแห่งเดียวบน
ดินแดนนี้! หากประวัติศาสตร์ของพรรคเทพหงสายาวนาน
ทัดเทียมกับแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ที่อยูม่ ากว่าหนึ่งหมื่นปี เพียงอาศัย
สายเลือดเทพหงสาล้วนเพียงพอให้พวกมันทะยานขึ้นเทียบเคียง
กับแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ได้! ยิง่ กว่านั้น มันเองเป็ นถึงองค์ชายเทพ
หงสา ที่มนั ได้รับสื บทอดมา คือสายเลือดอันเข้มข้นที่สุดของ
โลหิ ตเทพหงสาแห่งราชวงศ์ และมันเองยังเป็ นถึงสุ ดยอด
อัจฉริ ยะแห่งยอดยุทธ์รุ่นเยาว์ของพรรคเทพหงสาในปัจจุบนั …
อย่างไรก็ตาม บุคคลที่มนั ไม่เคยสนใจ บุคคลที่มนั เรี ยกขาน
เป็ น “ลูกสําส่ อน” กลับสามารถต้านทานเพลิงเทพหงสาของมัน
ได้!!
ยิง่ กว่านั้น มันยังทานทนได้อย่างปลอดโปร่ งสบายยิง่ คล้าย
มันยังคงมีพลังหลงเหลืออยูม่ ากกว่า
เสี ยงคํารามในลําคอของเฟิ งซีลว่ั ยิง่ มายิง่ แหบพร่ า ฟัน
ทั้งหมดของมันแทบถูกขบกัดจนแหลกละเอียด ทว่าแม้จะผ่านไป
สิ บอึดใจ มันยังคงไม่อาจสะกดหยุนเช่อลงได้
“ข้าไม่เชื่อ…ข้าไม่เชื่อ..ข้าคือองค์ชายแห่งเทพหงสา…
สายเลือดแห่งราชวงศ์ไหลเวียนอยูภ่ ายในร่ างของข้า…ข้าจะพ่าย
แพ้แก่ลูกสําส่ อนเช่นเจ้าได้อย่างไร..จะพ่ายแพ้ลูกสําส่ อนเช่นเจ้า
ได้เช่นไร!!”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งซีลวั่ แหบพร่ าระคายหูอย่างถึงที่สุด ชัว่ เวลา
ที่มนั เปิ ดปากพูด ควันกรุ่ นสี ดาํ พวยพุง่ ออกจากปาก ผูค้ นสามารถ
จินตนาการได้ถึงขีดขั้นความพยายามของมัน
ชัว่ ขณะที่มนั เอ่ยปากออกมา คลื่นพลังของมันสะท้านไหว
หยุนเช่อขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลังอัคคีเทพหงสาของชายหนุ่มพุง่
สู งขึ้นอย่างฉับพลัน
ซี่ ~~~~
ผมเผ้าของเฟิ งซีลวั่ ถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ ว เส้นผมที่เดิม
ยาวประมาณสองฟุตกลับสลายเป็ นเถ้าถ่าน
เฟิ งซี ลวั่ ทุ่มเทใช้พลังของมันออกจนหมดสิ้ นนานแล้ว มัน
มิได้เก็บออมกําลังไว้อีกแม้แต่นอ้ ยนิด เมื่อเพลิงเทพหงสาของมัน
ถูกหยุนเช่อสะกดลง มันล้วนปราศจากแรงผลักดันใดๆในการ
โต้ตอบ มันรับรู ้วา่ ร่ างกายแล้วเปลวไฟของมันเริ่ มถูกสะกดข่มลง
มากยิง่ ขึ้น อัคคีเทพหงสาของมันกําลังถูกไฟของหยุนเช่อกลืนกิน
ประกายหวาดหวัน่ วูบขึ้นในแววตา ความสิ้ นหวังปรากฏ
ขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้น คนพลันกลับกลายเป็ นบ้าคลัง่ ป่ าเถื่อน…
“ข้าจะ…พ่ายแพ้…ไอ้ลูกสําส่ อนได้ยงั ไง!!!!!”
เฟิ งซี ลวั่ คํารามแหบแห้ง สองตาแดงกํ่าดุจโลหิ ต มันเงย
หน้าขึ้นกระอักโลหิตออกมากองใหญ่ โลหิ ตกลุ่มนั้นอาบชโลม
ร่ างของเฟิ งซีลวั่ พร้อมทั้งเดือดพล่านอย่างรุ นนแรง
แววตาของหยุนเช่อแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย…เนื่องเพราะ
โลหิ ตที่เฟิ งซี ลวั่ กระอักออกมามิใช่เพียงโลหิ ตธรรมดา หากแต่
เป็ นแก่นโลหิ ต!!
โลหิ ตธรรมดาโดยทัว่ ไปล้วนสามารถฟื้ นฟู หากแต่แก่น
โลหิ ตไม่สามารถผลิตขึ้นมาใหม่ได้ ที่มนั ใช้เป็ นเชื้อพลังมิใช่
ร่ างกายหรื อพลังยุทธ์ หากเป็ นพรสวรรค์ ชีวติ และต้นกําเนิด
พลัง!! หากมิใช่ผฝู ้ ึ กยุทธ์ถูกผลักไสสู่ ประตูนรก ไม่มีผใู ้ ดยินยอม
ใช้แก่นโลหิ ตของพวกมันออก
เฟิ งซี ลวั่ เสี ยสติไปแล้วอย่างสิ้ นเชิง!!
หากฝ่ ายตรงข้ามเป็ นผูค้ นที่มีอายุไล่เรี ยงกันกับหยุนเช่อ ทั้ง
มีระดับพลังยุทธ์เท่าเทียมกัน แม้มนั จะพ่ายแพ้ มันอาจผิดหวัง ไม่
พึงพอใจ และอาจสู ญเสี ยการควบคุมตนเองไปบ้าง แต่มนั ย่อมไม่
มีทางขาดสติและเผาผลาญแก่นโลหิ ตของมันอย่างแน่นอน
ทว่าหยุนเช่อซุกซ่อนความสามารถที่แท้จริ งของมันมาโดย
ตลอด แสดงออกถึงพลังยุทธอันอ่อนแอ ดังนั้น ในฐานะองค์ชาย
เทพหงสา และฐานะยอดอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์อนั ดับหนึ่ง เฟิ งซีลวั่ ย่อม
ประเมินตนเองสู งส่งเหี้ ยมหาญเบื้องหน้าของหยุนเช่อ ต่อหน้า
เหล่าผูก้ ล้าในใต้หล้าของทวีปลมปราณฟ้าและเจ็ดจักรวรรดิ มัน
แสดงออกราวตนเป็ นผูพ้ ิพากษา เหยียดหยัน เยาะเย้ย ดูหมิ่นดู
แคลน ทั้งยังเรี ยกหาหยุนเช่อเป็ น “ลูกสําส่ อน” ในทุกคําพูด
หากมันต้องมาพ่ายแพ้ในสภาพเยีย่ งนี้ ทั้งที่ใช้ออกด้วยเพลิง
เทพหงสาที่ทรงพลังที่สุดของมัน เช่นนั้น คําเหยียดหยาม เยาะเย้ย
คําดูหมิ่นและด่าทอทั้งหลายที่มนั ใช้ต่อหยุนเช่อล้วนถูกซัดกลับ
เข้าใส่ ตวั มันเอง ท่าทีท้ งั หมดที่มนั แสดงออกก่อนหน้านี้จะกลับ
กลายเป็ นเพียงความจองหองอันน่าขบขัน ก่อนหน้านี้ ยามผูค้ น
กล่าวอ้างถึงมัน ล้วนคิดถึงความสู งส่ งและเกียรติภูมิ ทว่าหลังจาก
วันนี้ ที่พวกมันจะคํานึงถึงเป็ นสิ่ งแรกคือ เจ้าตัวตลกน่า
สมเพช! มันมิอาจพิชิตชัยกระทัง่ บุคคลที่มนั เรี ยกหาเป็ นลูกสํา
ส่ อนได้ แน่นอนว่าย่อมกลับกลายเป็ นตัวตลกและความอัปยศของ
เหล่าผูเ้ ยาว์รุ่ นเดียวกันเป็ นแน่แท้
ดังนั้น ไม่วา่ อย่างไร มันย่อมมิอาจพ่ายแพ้…แม้จะต้องเผา
ผลาญแก่นโลหิ ตของตน มันก็จะไม่มีทางยอมแพ้!!
เมื่อแก่นโลหิ ตของมันถูกจุดขึ้น พลังไฟที่ถูกสะกดลงของ
เฟิ งซีลวั่ ลุกโหมขึ้นอีกครา รุ กไล่กดดันเพลิงเทพหงสาของหยุ
นเช่ออย่างฮึกหาญ แก้วตาของมันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสี ยใจ
ก่อนที่มนั จะหัวเราะออกมาราววิกลจริ ต “เจ้าบัดซบ…ตายซะ
เถอะ!!!!”
ยามเผชิญหน้ากับเฟิ งซีลวั่ หยุนเช่อมีคุณสมบัติร่างกายอัน
พิเศษเฉพาะ ทั้งวิชายุทธ์ เคล็ดลมปราณ รวมทั้งสายเลือดเทพหง
สาที่บริ สุทธิ์ เพียงแต่เมื่อเปรี ยบเทียบปริ มาณพลังยุทธ์เท่านั้น ที่
หยุนเช่อเสี ยเปรี ยบเฟิ งซีลว่ั อย่างมหาศาล หลังจากฝ่ ายตรงข้าม
ระเบิดพลังเผาผลาญแก่นโลหิ ตของมันโดยคลุม้ คลัง่ หยุนเช่อ
ล้วนถูกตีโต้จนถอยร่ นไปทีละก้าวทีละก้าว เพียงพริ บตา เพลิง
เทพหงสาบนร่ างของชายหนุ่มถูกกลบกลืนไปจนสิ้ น
ทว่าแม้จะเป็ นเช่นนั้น ไม่ตอ้ งกล่าวถึงสี หน้าท่าทีประหวัน่
ลนลาน กระทัง่ ความประหลาดใจบนใบหน้าของหยุนเช่อยังไม่มี
ปรากฏ มีเพียงสายตาแห่งความเวทนาอย่างลึกลํ้า …ชายหนุ่มหรี่
ตาเล็กลง ก่อนจะใช้ออกด้วยท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่หา้
— “เพลิงดาราร่ วง”
อัคคีเทพหงสาบนร่ างของหยุนเช่อพลันพลุ่งพล่านดาล
เดือด เปลวเพลิงที่เดิมทีเผาไหม้ร้อนแรงพลันพุง่ ทะยานขึ้นอีกครา
เปลวไฟที่ร้อนระอุพลันกลับปะทุเดือดยิง่ ขึ้นกว่าเดิม…เพียง
พริ บตา เหล่าศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งหมดที่อยูท่ ี่น้ นั ตั้งแต่เบื้อง
บนคือเฟิ งเหิ งคง ไล่เรี ยงไปจนเบื้องล่างคือศิษย์พรรคทั้งหลาย
ล้วนสัมผัสได้ถึงโลหิ ตเทพหงสาในร่ างกายของพวกมันที่พลัน
เต้นกระตุกขึ้นวูบหนึ่ง
ความรู ้สึกสังหรณ์รุนแรงเช่นนี้ มิใช่แรงกดดันจากความ
ต่างชั้นของพลังฝี มือ ทั้งมิใช่แรงกดดันจากรัศมีพลัง หากแต่เป็ น
…แรงกดดันของขอบเขตอันเหนือลํ้ายิง่ กว่า!!
บทที่ 442 โค่ นล้ มเทพหงสา

ซู่วววววว!!!!
เฟิ งซี ลวั่ ส่ งเสี ยงหัวร่ ออย่างขมขื่นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวขณะ
มันพึ่งพาพลังจากการเผาผลาญแก่นโลหิ ตของตนเพื่อสะกดข่ม
หยุนเช่อ ท่ามกลางเสี ยงหัวร่ อมันพลันสัมผัสได้ถึงความร้อน
พิสดารอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งปะทุข้ ึนมา จนทัว่ ร่ างมันราวกับ
ลุกไหม้ดว้ ยเปลวไฟ เพลิงเทพหงสาอันทรงพลังที่มนั เผาผลาญ
แก่นโลหิ ตของตนเพื่อแลกมาพลันสาบสู ญไปในทันทีราวกับ
นาวาลําน้อยที่ถูกคลื่นยักษ์กลืนกิน…
“อ๊ากกก…”
เสี ยงกรี ดร้องน่าสังเวชพลันดังลัน่ ทัว่ ลานประลอง คลื่น
อัคคีที่คงสภาพมาตลอดพลันพังทลายเข้าใส่ เฟิ งซีลว่ั ราวกับภูผา
ถล่ม เงาร่ างที่ลุกท่วมด้วยเปลวไฟร่ างหนึ่งพลันกระเด็นออกมา
จากทะเลเพลิงดุจใบไม้แห้งที่ถูกสายลมหอบหนึ่งพัดพาจน
กระเด็น ก่อนที่มนั จะกระแทกเข้าใส่ ม่านปราณคุม้ กันที่ราชัน
ทรราชย์หลายคนช่วยกันสร้างขึ้นอย่างรุ นแรง
“ซี ลว่ั !!!”
“องค์ชายสิ บสี่ !!!”
เนื้อผ้าสี ทองของเสื้ อคลุมหงสาของเฟิ งซีลว่ั สร้างขึ้นจาก
วัตถุดิบพิเศษหายากที่ยากจะทําลายได้ เหล่าคนของพรรคเทพหง
สาต่างรับรู ้ได้จากเนื้อผ้าสี ทองบนร่ างที่กาํ ลังลุกไหม้วา่ คนผูน้ ้ ี
ย่อมต้องเป็ นเฟิ งซี ลวั่ อย่างไม่ตอ้ งสงสัยขณะพวกมันเผยสี หน้า
ตกใจออกมา
เฟิ งเฟยเยียนที่อยูใ่ กล้ที่สุดพลันเร่ งรุ ดไปหาอีกฝ่ ายอย่าง
ว่องไวดุจสายฟ้าก่อนจะใช้พลังลมปราณของตนเพือ่ ดับเพลิงที่
กําลังลุกไหม้บนตัวเฟิ งซีลว่ั ไปจนหมดสิ้ น
เฟิ งซี ลวั่ นอนแน่น่ิง ลมหายใจของมันแผ่วเบาขณะตัวมัน
หมดสติ เส้นผมทุกเส้นของมันถูกแผดเผาไปจนหมดสิ้ น ทัว่ ร่ าง
มันเต็มไปด้วยรอยแผลไหม้และบางส่ วนก็ถูกเผาเกรี ยมจนเป็ นสี
ดําสนิท นอกเหนือไปจากนี้แล้ว มันก็ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ภายในอันใด และแม้บาดแผลไหม้จะร้ายแรง แต่กย็ งั เป็ นเพียง
บาดแผลภายนอก ด้วยทรัพยากรที่พรรคเทพหงสาสามารถ
รวบรวมมาได้ การจะรักษาให้หายดีหลงเหลือเพียงแผลเป็ น
เล็กน้อยก็ยงั นับว่าเป็ นไปได้… ด้วยพลังฝี มือของเฟิ งเฟยเยียน มัน
สามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่าหยุนเช่อจงใจเตะเฟิ งซีลว่ั
ออกมาจากทะเลเพลิง มิเช่นนั้นมันย่อมต้องถูกเผาผลาญจน
สิ้ นชีพในไม่กี่อึดใจแน่
ทว่าใบหน้าของมันกลับเผยโทสะอย่างที่สุดออกมา นี่เป็ น
เพราะสภาพของเฟิ งซีลวั่ นั้น… เห็นได้ชดั ว่าเป็ นผลจากการเผา
ผลาญแก่นโลหิ ตของตน!!!
มันนับเป็ นอัจฉริ ยะอันดับหนึ่งในยุคนี้ของพรรคเทพหงสา
มันยอมละทิ้งชีวติ และพรสวรรค์ของตนด้วยการเผาผลาญแก่น
โลหิ ตไปแบบนี้ได้เช่นไร!!!
ยามที่เพลิงเทพหงสาทั้งสองขุมปะทะกัน ทุกสิ่ งก็ถูกเปลว
เพลิงห้อมล้อมไว้จนมันไม่อาจรับรู ้ได้วา่ เกิดอะไรขึ้น หากมันรู ้วา่
เฟิ งซีลวั่ จะเผาผลาญแก่นโลหิ ตตัวเอง ต่อให้ตอ้ งสอดมือเข้าไปใน
การประลองเพือ่ หยุดยั้งมันไว้ มันก็จะทํา
เฟิ งเฟยเยียนได้แต่ยนื โกรธอยูก่ บั ที่ มันอยากจะตบตีเฟิ ง
ซี ลว่ั เสี ยร้อยทีและขยี้หยุนเช่อด้วยมือเปล่า ทว่าในตอนนี้เอง เฟิ ง
เหิ งคงก็มาถึงพร้อมกับกลุ่มผูอ้ าวุโส มันเอ่ยถามขณะขมวดคิ้ว
“ท่านพี่ อาการซี ลวั่ เป็ นเช่นไร?”
เฟิ งเฟยเยียนเงยหน้าขึ้นขณะกัดฟันเอ่ย “มันไม่เป็ นอะไร
มาก ทว่ามัน… กลับผลาญแก่นโลหิ ตของตนไป!”
“อะไรนะ!” ใบหน้าของเฟิ งเหิงคงและเหล่าผูอ้ าวุโสพลัน
เปลี่ยนแปลงไปทันที
“เจ้าสารเลว!” เฟิ งเหิงคงกําหมัดแน่นขณะใบหน้ามัน
กลายเป็ นสี เขียว คนที่มนั โกรธที่สุดไม่ใช่หยุนเช่อ แต่เป็ นเฟิ ง
ซี ลว่ั ตั้งแต่ยงั เด็กเฟิ งซีลวั่ ก็มีพรสวรรค์ไร้คู่เปรี ยบ และเมื่อมัน
เติบใหญ่กไ็ ม่มีคนรุ่ นราวคราวเดียวกันคนไหนจะต่อกรกับมันได้
เรื่ องนี้ทาํ ให้มนั ค่อนข้างจะเป็ นคนเย่อหยิง่ มันไม่ได้เคารพพีช่ าย
ที่อาวุโสกว่ามันทั้งสิ บสามคนเท่าใดนัก ทว่าเมื่อมีพรสวรรค์
สู งส่ งเช่นมัน การจะเป็ นคนเย่อหยิง่ ก็นบั ว่าเป็ นเรื่ องปกติ เฟิ งเหิ ง
คงเองก็พอใจในตัวมันที่สุดและไม่เคยดุด่ามันมาก่อนแม้แต่ครั้ง
เดียว
ทว่าในวันนี้มนั กลับได้พบพานกับคู่ต่อสู ท้ ี่เยาว์วยั กว่า
ตัวเองและยังเหนือลํ้ากว่ามันโดยสิ้ นเชิง! ยิง่ กว่านั้นก่อนการ
ประลอง มันก็ได้เยาะเย้ยถากถางหยุนเช่อต่อหน้าทุกคน ไม่วา่ จะ
เป็ นการกระทําหรื อคําพูด มันล้วนแต่แสดงออกประดุจชีวติ หยุ
นเช่ออยูใ่ นกํามือมันแล้ว ดังนั้นเมื่อมันถูกหยุนเช่อกําหราบ สติ
ของมันก็ขาดผึงในทันที!
ถึงขนาดมันกล้ากระทําเรื่ องบ้าคลัง่ อย่างการเผาผลาญแก่น
โลหิ ตของตัวเอง!
แม้การพ่ายแพ้จะน่าอับอาย แต่ดว้ ยพรสวรรค์ของมัน มัน
ย่อมสามารถกลายเป็ นราชันจักรพรรดิท่ีอยูเ่ หนือโลกหล้าได้แน่!
ทว่าในเมื่อมันได้เผาผลาญแก่นโลหิ ตของตนไป ผลที่ตามมาคือ
มันได้ทาํ ลายพรสวรรค์ของตนเอง ความสําเร็ จในอนาคตของมัน
จะไม่ได้ไร้ขอบเขตเช่นที่ผา่ นมาอีกต่อไป นี่นบั เป็ นการสูญเสี ย
ครั้งใหญ่ของพรรคเทพหงสา
เฟิ งเหิ งคงโกรธเสี ยจนอยากจะบีบคอบุตรชายที่น่าผิดหวัง
ของตน
สิ่ งที่ทาํ ให้มนั ตกใจยิง่ กว่าเดิมคือแม้เฟิ งซีลว่ั จะเผาแก่น
โลหิ ตของตนไป มันก็ยงั ถูกหยุนเช่อโค่นล้มได้อยูด่ ี
เพลิงเทพหงสาที่หยุนเช่อระเบิดออกมาในพริ บตาเมื่อครู่
นั้นเปี่ ยมด้วยแรงกดดันจนราวกับว่า… เป็ นพลังที่สูงลํ้ากว่าของ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาอยูข่ ้นั หนึ่ง!!!
“พามันไปรักษาตัวที่หอวิหคหยกทันที” สุ ม้ เสี ยงของเฟิ ง
เหิ งคงเปี่ ยมไปด้วยโทสะมากมายที่สะกดข่มเอาไว้ มันหันหน้าไป
มองเบื้องล่างอย่างเกรี้ ยวกราด สองตาฉายแววอํามหิ ตเสี ยด
กระดูก
เพลิงเทพหงสามอดดับลงทีละชั้นเผยให้เห็นร่ างของหยุ
นเช่อ ชายหนุ่มคุกเข่าลงข้างหนึ่งขณะสูดหายใจลึก ทว่ามันดู
ไม่ได้บาดเจ็บอันใดแม้แต่นอ้ ย กระทัง่ เส้นผมก็ยงั ครบสมบูรณ์
ภายในเพลิงเทพหงสาอันร้อนแรง มันกลับไม่ถูกลวกไหม้แม้แต่
นิดเดียว!
ชายหนุ่มยังคงยืนอยูบ่ ริ เวณลานประลอง ทว่าตัวเวทีที่เดิม
สู งร่ วมสามเมตรบัดนี้หายไปจนหมดสิ้ น พื้นที่ใต้เท้าหยุนเช่อ
บัดนี้เหลือเพียงเศษซากสี ดาํ สนิท ไม่หลงเหลือสภาพศิลาหยกที่
ใช้สร้างเวทีแม้แต่นอ้ ย
ม่านปราณคุม้ กันที่บรรดาราชันทรราชย์สร้างขึ้นก็สลายไป
พร้อมกับกลิ่นไหม้และความร้อนจะพวยพุง่ ไปรอบลานประลอง
เพียงได้มอง ทุกคนก็ลว้ นแต่มีสีหน้าเหม่อลอย ไม่มีผใู ้ ดสามารถ
บรรยายความรู ้สึกของตนในยามนี้ออกมาได้
ทั้งภาพและความคิดที่ไม่อาจบรรยายออก… ราวกับมันได้
พลิกความเชื่อของทุกคนโดยสมบูรณ์
ไม่วา่ จะผูท้ ี่อ่อนแอที่สุดหรื อเข้มแข็งที่สุดในสนามประลอง
ที่มีผฝู ้ ึ กยุทธ์กว่าสามแสนชีวติ … ก็ไม่มีผใู ้ ดสามารถคาดเดาเรื่ อง
เช่นนี้ได้
ไม่มีแม้แต่คนเดียว!
ในใจพวกมันมีเพียงคําเดียวดังสะท้อนไปมาอย่างตื่นเต้น…
จักรวรรดิเทพหงสา… พ่ายแพ้แล้ว!!!
ถูกจักรวรรดิวายุครามโค่นล้ม!
คนรุ่ นเยาว์ที่เก่งกาจที่สุดจากจักรวรรดิเทพหงสา ถูกคนจาก
จักรวรรดิวายุครามโค่นล้ม… และคนผูน้ ้ นั ยังเด็กกว่ามันเสี ยอีก!!!
ไม่มีผใู ้ ดกล้าเชื่อผลเช่นนี้ และไม่มีผใู ้ ดกล้าคาดฝันเช่นกัน!
และตลอดห้าพันปี มานี้ ก็ไม่เคยปรากฎผูใ้ ดทําสําเร็ จมาก่อน
ทว่าในวันนี้ พวกมันกลับได้เป็ นประจักษ์พยานยาม
ความหวังเป็ นจริ ง!!! การประลองที่ทาํ ลายสถิติอนั ยืนยงกว่าห้า
พันปี ลงได้! ผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่ นเยาว์ที่ฉีกบันทึกอันยาวนานกว่าห้าพันปี
ทิ้ง
แม้เฟิ งเหิ งคงจะโกรธจัดจนแทบระเบิดและคิดอยากสังหาร
หยุนเช่ออีกรอบ มันก็ไม่ได้ลงมือหรื อเปิ ดปากอะไร… เพราะไม่
ว่าอาการบาดเจ็บของเฟิ งซีลวั่ จะหนักหนาเพียงใด ไม่วา่ หยุนเช่อ
จะมีสายเลือดหรื อศักดิ์ฐานะอะไร นี่กย็ งั เป็ นการประลองเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้า หยุนเช่อเอาชนะเฟิ งซีลว่ั อย่าง
ตรงไปตรงมาโดยมีพยานกว่าสามแสนชีวติ รวมไปถึงคนจากสี่
แดนศักดิ์สิทธิ์…
ในฐานะหัวหน้าพรรคเทพหงสาแล้ว หากมันกล้าลงมือต่อ
หยุนเช่อในตอนนี้ ทุกคนย่อมต้องรู ้เห็นและทําลายความเคารพ
นับถือที่พวกมันมีต่อจักรวรรดิเทพหงสาไปจนหมดสิ้ นและ
กลายเป็ นเพียงเรื่ องขบขันเท่านั้น
มันเองก็รู้ดีวา่ ที่หยุนเช่อกล้าทําเช่นนี้กเ็ พราะเหตุผลนี้เอง!
ทว่าการที่มนั ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ไม่ได้หมายความว่า
ผูอ้ าวุโสที่เหลือทั้งหมดของพรรคเทพหงสาจะทําได้เช่นมัน หลัง
จากเฟิ งซีลว่ั ถูกพาตัวไป เฟิ งเฟยเยียนก็ด่ิงร่ างลงไปจับจ้องหยุ
นเช่อด้วยใบหน้าเกรี้ ยวกราดและดูแคลน “เจ้าเด็กน้อยจากวายุ
คราม เจ้าถึงกับกล้าทําร้าย… องค์ชายสิ บสี่ ของพวกข้า! เจ้า… เจ้า
หาเรื่ องตายแล้ว!!”
มันไม่ได้เอ่ยเรื่ องที่ “เฟิ งซี ลวั่ ถูกบีบจนต้องผลาญแก่น
โลหิ ตตนเองไป” มิเช่นนั้น มันต้องกลายเป็ นเรื่ องน่าขันยิง่
กว่าเดิมแน่
เฟิ งซี ลวั่ ย่อมมีพลังฝี มือไม่ต่าํ ทราม และแม้หยุนเช่อจะ
ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายหลังจากโค่นล้มอีกฝ่ ายที่ผลาญแก่น
โลหิ ตของมันไป ชายหนุ่มก็ยงั เหน็ดเหนื่อยไม่นอ้ ย มันหอบ
หายใจและดูเหมือนจะไม่มีเรี่ ยวแรงพอจะลุกขึ้นยืน แต่มนั ก็ยงั คง
ดูดุดนั ก่อนจะตอกกลับซึ่งหน้า “แล้วอย่างไร! นี่เป็ นการประลอง
เจ็ดจักรวรรดิลมปราณฟ้า และข้าก็โค่นเฟิ งซีลวั่ อย่างขาวสะอาด!
ในการประลอง ที่บาดเจ็บก็เพราะอ่อนด้อย! หรื อจักรวรรดิเทพ
หงสาของเจ้าจะเป็ นพวกขี้แพ้ชวนตีที่บาดเจ็บไม่ได้กนั ? เจ้าจะฆ่า
ข้าเพราะตอนนี้ขา้ ทําให้เจ้าโกรธงั้นเรอะ!”
“เจ้า!” เฟิ งเฟยเยียนโกรธจัดยิง่ และเมื่อถูกหยุนเช่อตอก
กลับ ใบหน้าของมันก็เปลี่ยนสี ไป ทว่าก่อนที่มนั จะทันลงมือ ก็
ปรากฎสุ ม้ เสี ยงโกรธเกรี้ ยวดังมาจากบริ เวณที่นง่ั
“ถูกแล้ว! นี่เป็ นการประลองจัดอันดับ จะบาดเจ็บหรื อไม่ก็
ขึ้นอยูก่ บั พลังฝี มือของตน! หากมันอ่อนด้อย แล้วจะโทษอีกฝ่ าย
ได้เช่นไร! เจ้าเป็ นใครกันถึงมากล่าวโทษหยุนเช่อ!” หลิงเจี่ยเกร็ ง
คอก่อนจะใช้พลังลมปราณทั้งหมดตะโกนออกไป
สิ้ นเสี ยงหลิงเจี่ย ฮวาหมิงไห่เองก็ตะโกนกึกก้องเช่นกัน
“ใช่แล้ว! ในการประลอง ต่อให้ถูกสังหาร ก็ไม่นบั เป็ นเรื่ องติดใจ
เอาความกันแต่อย่างใด นี่เป็ นความจริ งและกฎที่แม้แต่คนโง่งมก็
ยังรู ้ตลอดประวัติศาสตร์ของการประลองจัดอันดับเจ็ดจักรวรรดิ
ลมปราณฟ้า! ยิง่ กว่านั้น นี่ยงั เป็ นกฎที่พวกเจ้าจักรวรรดิเทพหงสา
ตั้งขึ้นเองอีก หรื อจะบอกว่าผูป้ ระลองจากจักรวรรดิอื่นบาดเจ็บ
ได้ แต่คนจากพรรคเทพหงสาของพวกเจ้าบาดเจ็บไม่ได้กนั !”
ทันทีที่ท้ งั สองเอ่ยจบ ทัว่ ลานประลองพลันกลายเป็ นความ
โกลาหล เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่ตื่นเต้นยินดีจากจักรวรรดิวายุครามล้วน
แต่โกรธเกรี้ ยวและตะโกนออกมา… ไม่นานนัก เหล่าคนที่
ตะโกนยิง่ มายิง่ เพิม่ ขึ้น ไม่ใช่เพียงคนจากจักรวรรดิวายุคราม
เท่านั้น แม้แต่ผฝู ้ ึ กยุทธ์จากห้าจักรวรรดิที่เหลือเองก็เริ่ มส่ งเสี ยง
สนับสนุนหยุนเช่อเรี ยกร้องถึงความไม่เป็ นธรรมเช่นกัน การที่หยุ
นเช่อโค่นเฟิ งซีลว่ั ลงไม่ได้เป็ นเพียงความภูมิใจของจักรวรรดิวายุ
ครามเท่านั้น แต่ยงั เป็ นความภูมิใจของอีกหกจักรวรรดิที่เหลือ
เช่นกัน นี่เป็ นครั้งแรกที่เกิดเรื่ องเช่นนี้ข้ ึนกับหกจักรวรรดิ!
ภายในพริ บตาก็บงั เกิดเสี ยงโห่ร้องไปทัว่ ลานประลอง…
“ตลอดการประลองหลายครั้ง มีคนของเรามากมายที่
บาดเจ็บ และพวกเราก็ไม่ติดใจเอาความ ตอนนี้ศิษย์จากพรรคเทพ
หงสาคนหนึ่งบาดเจ็บ อะไรทําให้เจ้ามีสิทธิเอาผิดกัน! แถมดู
เหมือนเจ้าคิดจะล้างแค้นทันทีดว้ ยนี่?”
“พรรคเทพหงสาอันทรงเกียรติมีค่าเพียงนี้เองรึ ?”
“ต่อให้เป็ นคนโง่กบ็ อกได้วา่ หยุนเช่อปราณี ไม่เช่นนั้นองค์
ชายสิ บสี่ นนั่ ตอนนี้คงเป็ นผงไปแล้ว เจ้าไม่เพียงไม่ขอบใจมัน เจ้า
ยังกังขาและข่มขู่มนั อีก!”
“เป็ นถึงพรรคอันดับหนึ่งในทวีปลมปราณฟ้า จะไม่รักษา
หน้าตาตัวเองไว้หน่อยรึ !”
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น ใยไม่ลม้ เลิกการประลองเจ็ด
จักรวรรดิลมปราณฟ้าไปเลยเล่า?! คนจากหกจักรวรรดิที่เหลือ
บาดเจ็บและตายได้ แต่คนจากเทพหงสาแค่บาดเจ็บสักคนก็มิได้
งั้นรึ ?”
“หากเจ้ากล้าล้างแค้นหยุนเช่อ ต่อให้เจ้าเข้มแข็งกว่าพวกเรา
สิ บเท่า พวกเราหกจักรวรรดิกจ็ ะเหยียดหยามเจ้าไปอีกหลายชัว่
รุ่ น!!!”
…………..
ความวุน่ วายขยายตัวอย่างรวดเร็ ว ไม่นานทัว่ สนามประลอง
ก็เข้าข้างหยุนเช่อ เสี ยงตะโกนกึกก้องจนผูค้ นแทบจะหูหนวก
หากมีเพียงลําพังตัว เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลของ
พรรคเทพหงสา ต่อให้มนั รู ้สึกขุ่นข้องและถูกดูแคลนมากเพียงใด
มันก็ยอ่ มไม่กล้ากังขาพรรคเทพหงสา ทว่าท่ามกลางผูค้ นนับล้าน
จากหกจักรวรรดิ ก็ยงั มีกลุ่มคนที่กล้ายืนหยัดต่อต้านมันโดยไม่
หวัน่ ไหว วาจาของพวกมันยิง่ มายิง่ ดุดนั … การที่หยุนเช่อโค่น
พรรคเทพหงสาได้นบั เป็ นความภูมิใจของทั้งหกจักรวรรดิ และผู ้
ฝึ กยุทธ์ทุกคนก็ลว้ นแต่ภาคภูมิในเรื่ องนี้ การที่พวกมันสามารถตั้ง
ข้อกังขากับพรรคเทพหงสาได้ นี่เป็ นประสบการณ์อนั น่าพึงใจนัก
และผลลัพธ์ของเรื่ องนี้กเ็ ป็ นไปตามที่หยุนเช่อคาดหวังไว้
หรื อจะเรี ยกว่าคาดเดาเอาไว้กไ็ ด้
บทที่ 443 ลงสู่ สนามประลอง!

ในฐานะผูอ้ าวุโสสู งสุ ดแห่งพรรคเทพหงสาผูม้ ีฐานะสู งส่ ง


ในโลกหล้า ความสับสนงุนงงปรากฏขึ้นทัว่ ใบหน้าของเฟิ งเฟย
เยียน มันเองอยูม่ ายาวนานหลายร้อยปี แล้ว แต่นี่เป็ นครั้งแรกที่มนั
พบเจอเหตุการณ์ที่ไม่รู้จะตอบโต้เช่นไร ในจิตใจมันพลุ่งพล่าน
ไปด้วยโทสะ แต่กม็ ิกล้าที่จะกระทําบุ่มบ่ามต่อหยุนเช่อเลยแม้แต่
น้อย สําหรับมันการสังหารหยุนเช่อย่อมง่ายดายยิง่ แต่เมื่อต้อง
เผชิญกับคําถามอื้ออึงจากคนทั้งสนามประลอง หากมันลงมือจริ ง
จะยิง่ เป็ นการปลุกเร้าโทสะจากผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั หกอาณาจักร บุคคล
ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้าและกระทัง่ คนในจักรวรรดิเทพหงสาเองก็
จะดูหมิ่นเหยียดหยามมัน
การที่จกั รวรรดิเทพหงสาถูกตั้งคําถามจากคนทั้งหก
อาณาจักร เป็ นเหตุการณ์ที่ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดมาก่อน!
องค์รัชทายาทแห่งเทพหงสา-เฟิ งซีหมิงยืนขึ้น ก่อนที่มนั จะ
รวบรวมพลังปราณอันหนาแน่นกล่าวประกาศหยุดเสี ยงอื้ออึง
โดยรอบ “พวกท่านวางใจได้ แม้วา่ จักรวรรดิเทพหงสาของเราไม่
เคยพ่ายแพ้ในงานประลองยุทธ์เจ็ดจักรวรรดิมาก่อน แต่พวกเรา
ไม่มีทางเป็ นพวกขี้แพ้อนั ชํ้าชอกเป็ นอันขาด! นอกจากนั้นศิษย์
พรรคเทพหงสาเราไม่มีผใู ้ ดกลัวการเจ็บตัว! สิ่ งที่พรรคเทพหงสา
ของเรากําลังสงสัย มิใช่เรื่ องที่หยุนเช่อทําร้ายองค์ชายของเรา แต่
กลับเป็ นเรื่ องสายโลหิ ตและวิชายุทธ์ของมัน!!”
“มันอ้างว่ามันเป็ นชาววายุคราม แต่สายโลหิ ตของมันคือ
สายโลหิ ตเทพหงสาที่เป็ นของพรรคเทพหงสาเรา! วิชายุทธ์ที่มนั
เพิ่งสําแดงคือบทเพลงบรรเลงแห่งเทพหงสา วิชายุทธ์อนั ลือลัน่ ที่
เป็ นของพรรคเทพหงสาเรา!”
“เรื่ องสายโลหิ ตที่หลุดรอดเป็ นเรื่ องต้องห้ามของพรรคเทพ
หงสา ตลอดระยะเวลาห้าพันปี ที่ผา่ นมา ไม่เคยมีการอนุโลมหรื อ
ยกเว้น! วิชายุทธ์ที่เล็ดรอด ยิง่ เป็ นข้อห้ามอันสําคัญที่สุด! ในหมู่
พวกเจ้าทั้งหมด มีพรรคใดที่จะอดทนให้วชิ ายุทธ์หลักของสํานัก
ถูกใช้โดยคนนอก… ที่ผอู ้ าวุโสสู งสุ ดตั้งคําถามต่อหยุนเช่อ มีเรื่ อง
ใดผิดกัน!”
แก้วหูของทุกคนฟังเสี ยงตะโกนเฟิ งซีหมิงล้วนสะท้าน
สะเทือน พลังแห่งองค์รัชทายาทเทพหงสาก่อเกิดความกลัวขึ้นใน
จิตใจของผูค้ น เสี ยงอื้ออึงทัว่ ลานประลองสงบลงภายในไม่กี่ชวั่
ลมหายใจ หยุนเช่อเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวอย่างดูแคลน “เหอะ!
จนบัดนี้พวกเจ้ายังมีหน้าบอกว่าสายโลหิ ตเทพหงสาของข้าตก
ทอดมาจากพวกเจ้า! พวกเจ้ากล่าวซํ้าแล้วซํ้าเล่า ว่าข้าเป็ นลูกสํา
ส่ อนที่หลุดรอดออกมาจากพรรคเทพหงสาของพวกเจ้า… เช่นนั้น
เหตุใดผูท้ ี่สืบทอดเชื้อสายราชวงศ์ ซึ่ งครอบครองสายโลหิ ตอัน
เปี่ ยมพรสวรรค์ท่ีสุดจึงพ่ายแพ้แก่ขา้ ในการประลองที่วดั กันด้วย
อัคคีเทพหงสาล้วนๆ! ด้วยเรื่ องที่พวกเจ้าทําและกล่าวทั้งหมด
ผูใ้ ดกันแน่ที่สมควรถูกเรี ยกว่าลูกสําส่ อน! หากข้าหลุดรอดมาจาก
สายเลือดสําส่ อนของพวกเจ้า เช่นนั้นพวกเจ้าเรี ยกว่าตัวอะไร
กัน!”
ถ้อยคําของหยุนเช่อทําให้เฟิ งซีหมิงมิอาจกล่าวตอบโต้ได้
เป็ นเวลานาน มันพยายามสรรหาคําตอบโต้อย่างยากลําบาก
ขณะที่มนั กําลังจะกล่าวคําว่า “เจ้า” อยูน่ ้ นั สุ ม้ เสี ยงธรรมดาสามัญ
ทว่าเปี่ ยมด้วยพลังพลันกดดันแทรกผ่านอากาศ ทําให้มนั หุบปาก
ลงโดยพลัน
เพราะเสี ยงนี้เป็ นเสี ยงของเฟิ งเหิ งคง
“พวกเจ้าทุกคน หยุดพูดเดี๋ยวนี้”
เฟิ งเหิ งคงเหาะขึ้นบนอากาศพร้อมกับหมุนตัวกลับไปยังที่
นัง่ ใบหน้าสงบราบเรี ยบอย่างหาใดเปรี ยบ สงบนิ่งจนผิดปกติ ไม่
มีแม้ร่องรอยของความโกรธเกรี้ ยวให้เห็น กระทัง่ สุ ม้ เสี ยงยัง
ราบเรี ยบราวกับผืนนํ้าอันไร้ระลอก “หยุดถกเถียงกันเรื่ อง
สายโลหิ ตและวิชายุทธ์ได้แล้ว ที่นี่อย่างไรเสี ยก็เป็ นลานประลอง
เหล่าผูก้ ล้าและสหายจากแดนศักดิ์สิทธิ์ลว้ นอยูท่ ี่นี่ และพวกเขา
ล้วนมาเพือ่ ชมการประลอง มิใช่เพื่อดูพวกเราสะสางเรื่ องภายใน
พรรค เรื่ องอื่นย่อมสามารถสะสางกันได้หลังงานประลองสิ้ นสุ ด”
ทันทีที่เฟิ งเหิ งคงเปิ ดปาก ทั้งลานประลองพลันเงียบลง
ในทันที มันเบนสายตามายังหยุนเช่อ พร้อมกล่าวด้วยนํ้าเสี ยง
อ่อนลง “หยุนเช่อ หากไม่กล่าวถึงเรื่ องอื่น เจ้าได้เอาชนะเฟิ งซีลวั่
เรื่ องนั้นน่าประทับใจอย่างยิง่ แต่เจ้ากล่าวคําหนึ่งผิดไป เจ้า
เอาชนะเฟิ งซี ลวั่ แต่มิได้เอาชนะพรรคเทพหงสาของข้า!”
ชัว่ ขณะที่เฟิ งเหิ งคงกล่าวจบ ร่ างเงาเพลิงสี แดงสดเก้าร่ าง
พลันพุง่ ขึ้นกลางอากาศ ลอยโอบล้อมเหนือร่ างหยุนเช่อ แต่ละร่ าง
มีอคั คีเทพหงสาลุกโชติช่วง
โอวววว——
ทั้งลานประลองพลันเปล่งเสี ยงอื้ออึงในทันที!
ทุกผูค้ นจึงตั้งสติได้ในครานั้น จริ งอยูท่ ี่หยุนเช่อเอาชนะเฟิ ง
ซี ลว่ั … แต่กเ็ พียงชนะเฟิ งซีลวั่ ! ตัวแทนของพรรคเทพหงสาที่เข้า
ร่ วมการประลองมีท้งั สิ้ นถึงสิ บคน!
นอกจากเฟิ งซีลวั่ แล้ว ยังมีอีกเก้าคน!
หยุนเช่อเอาชนะเฟิ งซีลว่ั ได้ แต่พลังปราณของชายหนุ่มถูก
ใช้หมดไปอย่างมาก หากสมาชิกทั้งเก้าคนร่ วมกันโจมตี ย่อมจะ
เป็ นการโจมตีแต่ฝ่ายเดียว อาจเป็ นการกระทําที่ไร้ยางอายอยู่
บ้าง… แต่มนั ไม่ผดิ ต่อกฏของการประลองแม้แต่นอ้ ย
ปกติแล้ว พรรคเทพหงสาย่อมไม่ทาํ เรื่ องที่หยามเกียรติ
ตนเองเช่นนี้ ก่อนที่พวกมันจะเริ่ มประลองกับหยุนเช่อ ก็มีเพียง
เฟิ งซีลวั่ คนเดียวที่ลงมือ
แต่เมื่อสถานการณ์ดาํ เนินมาถึงขั้นนี้ เมื่อเฟิ งซีลว่ั พ่ายแพ้
พวกมันถือว่าเสี ยหน้าโดยสิ้ นเชิงแล้ว และย่อมมิอาจทนทิ้งขว้าง
การประลองไปได้เช่นกัน! นอกจากนั้น… นี่ยงั เป็ นโอกาสอัน
เหมาะสมที่สุดที่จะได้กาํ จัดหยุนเช่อ!!
“ไม่นะ!” สี หน้าฮวาหมิงไห่กลายเป็ นหม่นทะมึน มันขบ
กรามแน่นพร้อมกล่าว “จักรพรรดิเทพหงสาผูน้ ้ ี… ชัดเจนว่า
พยายามใช้โอกาสนี้สงั หารลูกพี่หยุน!!”
“หลังจากเฟิ งซีลวั่ พ่ายแพ้แล้ว ตัวแทนพรรคเทพหงสาอีก
เก้าคนสามารถสู ต้ ่อได้ตามกติกา ไม่มีผใู ้ ดตําหนิได้ ก่อนหน้านี้ท้ งั
ลานประลองล้วนส่ งเสี ยงโห่ร้องเชียร์ลูกพี่หยุน ส่ วนใหญ่ลว้ น
ตะโกนว่าต่อให้อีกฝ่ ายตายหรื อบาดเจ็บสาหัสล้วนไม่ผดิ อันใด…
จักรพรรดิผนู ้ ้ ี ชัดเจนว่ามันหยิบยืมคํากล่าวของพวกเรา และใช้มนั
กลับกับพวกเราเอง ทําให้เก้าคนนี้สามารถสังหารหยุนเช่อได้
อย่าง“ถูกต้องและมีเกียรติ” !”
“บัดซบ…เจ้า…เจ้าจักรพรรดิชาติสุนขั !!” ดวงตาหลิงเจี่ย
เบิกกว้าง พร้อมกับตะโกนอย่างเร่ งร้อน “ลูกพี่ รี บยอมแพ้เร็ ว!”
“ยอมแพ้พสี่ าวเอ็งสิ !” ฮวาหมิงไห่ตบกระโหลกหลิงเจี่ย
พร้อมกับกัดฟันกล่าว “นิสยั ของลูกพี่หยุนแข็งกร้าวยิง่ กว่า
เหล็กกล้า แม้วา่ เขาจะตายก็จะไม่ยอมพ่ายแพ้เด็ดขาด!”
“เรื่ องนั้นไม่ตอ้ งห่วง!” ฮวาหมิงไห่สูดหายใจลึก “ดู
เหมือนว่าลูกพี่หยุนไม่ได้มาที่นี่วนั นี้เพื่อหาที่ตาย เขาจะต้องนึก
ถึงสถานการณ์เช่นนี้ไว้แน่… ข้าไม่อาจรับปากได้ แต่เขาอาจจะมี
แผนการบางอย่าง!”
หลิงเจี่ยพยักหน้า เด็กหนุ่มทําได้เพียงขบกรามมองด้วย
นัยน์ตาเบิกกว้าง… แม้วา่ ในใจของมันอยากจะลงสู่ การประลอง
เพื่อสู เ้ คียงบ่าเคียงไหล่กบั หยุนเช่อในนามของอาณาจักรวายุคราม
แต่ดว้ ยระดับพลังปราณของเด็กหนุ่มแล้ว แม้วา่ เขาหนึ่งร้อยคนจะ
ลงไปช่วย ยังมิอาจช่วยเหลือใดๆ ชายหนุ่มได้เลย
ถ้อยคําของฮวาหมิงไห่ตรงกับที่เฟิ งเหิ งคงคิดไว้ไม่มี
ผิดเพี้ยน แม้วา่ ดูเป็ นไปไม่ได้ แต่กระแสกดดันอันเลือนลางที่มนั
รู ้สึกได้จากอัคคีเทพหงสาของหยุนเช่อ รวมทั้งพลังมหาศาลจาก
ปราณเทพหงสาในร่ างของชายหนุ่มทําให้มนั เริ่ มรู ้สึกได้วา่ …
บางครา สายโลหิ ตเทพหงสาของหยุนเช่ออาจมิได้มาจากพรรค
เทพหงสาของมันจริ งๆ!
ชายหนุ่มเอาชนะผูแ้ ข็งแกร่ งที่สุดในรุ่ น-เฟิ งซีลวั่ ทั้งยัง
เหนือกว่าทุกด้าน บางที ศิษย์พรรคเทพหงสาส่ วนใหญ่รวมทั้งคน
อื่นๆคงเริ่ มสงสัยแล้วว่าสายโลหิ ตเทพหงสาของหยุนเช่ออาจไม่
ได้มาจากพรรคเทพหงสา มิเช่นนั้น ในการประลองที่ใช้เพียงอัคคี
เทพหงสาแล้ว ชายหนุ่มจะทรงพลังกว่าองค์ชายที่แข็งแกร่ งที่สุด
จากพรรคเทพหงสาได้อย่างไร… ยิง่ ไปกว่านั้น เมื่อนานมาแล้ว
ดวงวิญญาณเทพหงสาของพรรคมันเคยกล่าวไว้อย่างชัดแจ้งว่าใน
ทวีปลมปราณฟ้านี้ ยังมีมรดกตกทอดจากเทพหงสาอยูอ่ ีกแห่ง
หนึ่ง!!
เฟิ งเหิ งคงแน่ใจได้แล้วว่าการเข้าร่ วมการประลองของหยุ
นเช่อในครั้งนี้ เพือ่ สําแดงพลังและอิทธิพลต่อหน้าทุกคน ภายใต้
สายตาผูช้ มนับหมื่น ชายหนุ่มต้องการพิสูจน์วา่ สายโลหิ ตของตน
มิได้มีตน้ กําเนิดมาจากพรรคเทพหงสา หากพวกมันไม่รีบกําจัด
ชายหนุ่มโดยไว ปล่อยให้ชายหนุ่มสามารถหาหลักฐานอันมิอาจ
โต้แย้งได้ เมื่อนั้นพรรคเทพหงสาจะไม่สามารถหาเหตุผลใดใน
การจัดการหรื อควบคุมชายหนุ่มอีกอย่างน้อยก็ในที่แจ้ง แม้แต่ใน
ที่ลบั … ด้วยผลกระทบอันสะเทือนโลกหน้าที่ชายหนุ่มสร้างขึ้น
ในวันนี้ การกําจัดชายหนุ่มยังนับว่ายากยิง่ !
จากความแค้นระหว่างชายหนุ่มและพรรคเทพหงสา ทั้ง
สองฝ่ ายถูกลิขิตมาให้มิอาจเป็ นมิตรกันได้ เป็ นได้เพียงปฏิปักษ์
ต่อกันเท่านั้น และด้วยพรสวรรค์อนั น่าหวาดหวัน่ ของชายหนุ่ม
หากในอนาคตชายหนุ่มเป็ นศัตรู ผูใ้ ดเล่าจะไม่สงสัยว่าชายหนุ่ม
จะกลายเป็ นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อพรรคเทพหงสา…
นอกจากนั้น ตระกูลเทพหงสาของเฟิ งเหิงคงยังมีอิทธิพลเหนือ
อาณาจักรทั้งเจ็ดมาตลอดห้าพันปี การเป็ นตระกูลเดียวที่สืบสาย
เลือดจากเทพและสื บทอดวิชาเทพยุทธ์มานั้นเป็ นความภาคภูมิใจ
ของพวกมัน พวกมันจะยอมให้มีพรรคเทพหงสาอีกพรรคหนึ่ง
ปรากฏขึ้นได้อย่างไร!!
ดังนั้น ไม่วา่ สายโลหิ ตของหยุนเช่อจะมาจากที่ใด ไม่วา่
อย่างไร…วันนี้ชายหนุ่มต้องตายเท่านั้น! การสังหารชายหนุ่ม
ระหว่างการประลอง แม้วา่ ทุกคนรวมทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์จะรู ้วา่ มัน
จงใจสังหารหยุนเช่อ แต่พวกมันก็ไม่อาจกล่าวคําใดได้… เพราะ
เรื่ องนี้เป็ นไปตามกฎกติกาของการประลองที่คนทั้งอัฒจรรย์
ร่ วมกันตะโกนขึ้นมาก่อนหน้านี้
ใบหน้าของศิษย์พรรคเทพหงสาเก้าคนในที่น้ นั ล้วนเต็มไป
ด้วยโทสะ เมื่อเห็นการพ่ายแพ้อย่างหมดรู ปของเฟิ งซีลวั่ พวกมัน
ย่อมรู ้สึกเหมือนถูกดูแคลนไปด้วย และทั้งเก้าคนนี้ยอ่ มมิใช่ศิษย์
พรรคเทพหงสาธรรมดา พวกมันล้วนเป็ นเก้ายอดอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์
แห่งพรรคเทพหงสาที่เป็ นรองเพียงเฟิ งซีลวั่ เท่านั้น แม้
ความสามารถของพวกมันแต่ละคนมิอาจเทียบได้กบั เฟิ งซีลว่ั แต่
เมื่อพวกมันซึ่งประกอบด้วยราชันระดับที่หกแปดคนและราชัน
ระดับที่หา้ หนึ่งคนรวมพลังกัน ย่อมเหนือชั้นกว่าเฟิ งซีลว่ั อยู่
มากมายนัก!
หยุนเช่อเอาชนะเฟิ งซีลว่ั ได้อย่างยากลําบาก ทั้งสูญเสี ยพลัง
ปราณไปมากมาย ชายหนุ่มย่อมไม่มีโอกาสเอาชนะการรวมพลัง
กันของยอดยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งพรรคเทพหงสาทั้งเก้าได้
“หยุนเช่อ เจ้าเพียงเอาชนะองค์ชายสิ บสี่ เท่านั้น หากเจ้า
กําลังคิดจะชนะพรรคเทพหงสาของเรา เจ้ากําลังฝันเฟื่ องแล้ว”
ศิษย์พรรคเทพหงสาที่ยนื อยูห่ น้าสุ ดเบื้องหน้าหยุนเช่อกวัดแกว่ง
กระบี่เพลิงพร้อมกล่าวเสี ยงดัง
“สิ บรุ มหนึ่ง แต่พวกเจ้ายังมีหน้าพูดด้วยท่าทีโอหังเที่ยง
ธรรมเช่นนี้” หยุนเช่อหยิบกระบี่ของตนขึ้นมา บนใบหน้าเปี่ ยม
ด้วยร่ องรอยดูแคลน
“ช่างน่าขันจริ ง!” ศิษย์พรรคเทพหงสาด้านขวาขบกราม
แน่นพร้อมกล่าว “เจ้ายังคิดจริ งๆ หรื อว่าเมื่อเอาชนะองค์ชายของ
เราได้แล้ว อาณาจักรวายุครามของเจ้าจะมีชยั เหนือพรรคเทพหง
สาของเราได้? เจ้ามันเพียงคนบ้า… คนบ้าชนิดหนึ่งหมื่นปี ยังยาก
จะมีครั้ง! ในพรรคเทพหงสาของข้า มียอดฝี มืออยูท่ ุกหนทุกแห่ง
ที่สามารถบดขยี้อาณาจักรของเจ้าทั้งอาณาจักรได้!”
“พูดได้ดี!” ศิษย์พรรคเทพหงสาอีกคนพูดต่อจากด้านหลัง
“ไม่แปลกใจเลยที่อาณาจักรวายุครามส่งเพียงเจ้ามาร่ วมการ
ประลองนี้ เพราะทั้งอาณาจักรวายุคราม นอกจากเจ้าแล้ว แม้จะ
ค้นหาจนทัว่ ทั้งอาณาจักรก็ไม่มีคนไหนอีกเลยที่มีความสามารถ
พอจะยืนอยูบ่ นเวทีแห่งนี้ อา….อาณาจักรวายุครามอันว่างเปล่า
แค่คิดก็น่าขัน หากเป็ นเช่นนี้ อย่ากระทัง่ คิดจะเอาชนะจักรวรรดิ
เทพหงสาของข้า!”
ทันใดนั้นเอง เสี ยงสะเทือนเลื่อนลัน่ พลันดังจากภายนอก
ตามมาด้วยเสี ยงร้องแตกตื่นจากศิษย์พรรคเทพหงสาผูห้ นึ่ง “นัน่
ใคร ใครกล้าบุกรุ ก…อ๊ากกก!!”
“ไสหัวไปให้พน้ !!”
ตูม!!!
เสี ยงโครมครามแสบหูดงั มาจากด้านนอก เสี ยงนี้ทาํ ให้หยุ
นเช่อขมวดคิ้วมุ่นชะงักงันไปชัว่ ครู่ ก่อนจะหันไปมองซํ้าอย่าง
ประหลาดใจ เสี ยงพลังปราณระเบิดผสมปนเปกับเสี ยงกรี ดร้องดัง
ตามขึ้นมา ขณะที่ทุกคนหันไปมองตามต้นเสี ยงตามสัญชาตญาณ
อยูน่ ้ นั กําแพงสู งของลานประลองด้านหนึ่งพลันระเบิดขึ้นอย่าง
ฉับพลัน ร่ างอันใหญ่โตพุง่ ขึ้นจากซากปรักหักพัง เสี ยงของคนผู ้
นั้นดังก้องไปทัว่ ลานประลองประดุจเสี ยงฟ้าผ่า
“ใครบอกว่ าวายุครามไม่ มีใคร!!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ จากอาณาจักรวายุคราม เซี่ยหยวนป้า…มาร่ วม
การประลองแล้ ว!!”
บทที่ 444 การตื่นขึน้ ของราชันย์ ทรราชย์

“เจ้าเป็ นใคร!?”
เบื้องหน้าของทุกผูค้ นปรากฎชายผูก้ ล้าบ้าบิ่นรุ กลํ้าเข้ามายัง
เวทีประลองยุทธที่อยูภ่ ายใต้เขตแดนเทพหงสาของอาณาจักรหง
สา
เฟิ งเหิ งคงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปยังผูบ้ ุกรุ กที่ลอยอยู่
กลางอากาศ… พลันนั้นใบหน้าอันสงบนิ่งของมันสลายหายไป
โดยไม่เหลือร่ องรอย พร้อมกับความตื่นตระหนกที่ฉายชัดขึ้นมา
ในดวงตาของมัน
คิ้วของเฟิ งเฟยเยียนที่อยูถ่ ดั ไปจากเฟิ งเหิงคงเริ่ มขมวดแน่น
ขึ้น ก่อนที่มนั จะกระทําการใดออกไป พลังปราณที่เพิ่งโคจรมาได้
เพียงครึ่ งทางของมันพลันหยุดลง สี หน้าของมันเผยให้เห็นถึง
ความตระหนกตกใจเช่นเดียวกับเฟิ งเหิ งคง มันทําได้เพียงเบิกตา
กว้างจ้องไปยังรู ปร่ างอันใหญ่โตเทอะทะที่กาํ ลังพุง่ ลงมาอย่าง
รุ นแรงพร้อมกับคลื่นพลังอันป่ าเถื่อน จนกระทัง่ ร่ างนั้นร่ อนลงมา
ยืนเคียงข้างกับหยุนเช่อ
ตูม!!!
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มแหลกละเอียด พร้อมกับที่รอย
ปริ ร้าวพลันแผ่ขยายออกจากเท้าของมัน ในชัว่ วินาทีรอยแตกนั้น
ก็ขยายออกไปเป็ นทางยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร มันพุง่ ตรงไปผ่า
กลางที่นงั่ ของผูช้ ม ทั้งยังทําให้สีหน้าของผูฝ้ ึ กลมปราณที่นงั่ อยู่
ถึงกับซี ดขาวด้วยความหวาดกลัว
ทันทีที่ชายหนุ่มสัมผัสพื้นเวที ศิษย์อจั ฉริ ยะทั้งเก้าจาก
พรรคหงสาที่รายล้อมหยุนเช่อพลันสัมผัสถึงคลื่นลมที่รุนแรงราว
กับสึ นามิซดั เข้าใส่พวกมัน พวกมันแค่นเสี ยงคํารามออกมาพลาง
ถูกคลื่นพลังลมดันร่ างถดถอยไปหลายสิ บเมตร ความตกใจกลัว
ฉายชัดอยูบ่ นใบหน้าของพวกมันทุกคน… เพียงแค่คลื่นพลังที่เกิด
จากการเคลื่อนตัวลงมาของคนผูน้ ้ นั ถึงกับผลักดันพวกมันทั้งเก้า
จนถอยร่ นไปได้! พลังของชายผูน้ ้ ี… มันน่ากลัวได้ถึงขนาดไหน
กัน!?
“โอ้?” ปรมาจารย์จิตวิญญาณ กู่ชางมองไปยังเงาร่ างที่ร่อน
ลงมาอย่างใช้ความคิด พลางระลึกถึงเสี ยงคํารามลัน่ ของบุคคลผูน้ ้ ี
ก่อนหน้านี้ที่ดงั ก้องไปทัว่ ทั้งลานประลอง
คนผูน้ ้ ีมีรูปร่ างใหญ่โตหาใดเปรี ยบ ทั้งร่ างของมันกํายําลํ่า
สันราวกับสัตว์ประหลาด กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่ างกายล้วนปูด
โปนให้เห็นเด่นชัด ทั้งยังเปล่งประกายมันเงาราวกับโลหะ เพียง
มองไปยังพวกมันก็สามารถจินตนาการได้ถึงความน่ากลัวของ
พละกําลังที่หลับไหลอยูภ่ ายใต้มดั กล้ามแต่ละมัด
ขณะที่จอ้ งมองคนผูน้ ้ ี ใบหน้าของเหล่ายอดฝี มือแห่งพรรค
หงสาต่างถูกเคลือบไปด้วยความตะลึงลาน… เนื่องเพราะพลัง
ปราณที่แผ่ออกมาจากร่ างของคนผูน้ ้ ี… แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
ว่าเป็ นพลังระดับลมปราณทรราช!!
หากมันผูน้ ้ ีเป็ นเพียงราชันทรราช คงไม่สามารถสร้างความ
ตระหนกให้กบั ผูค้ นได้มากถึงเพียงนี้ แต่พวกมันล้วนเห็นชัดถึง
ความอ่อนวัยบนใบหน้าของชายผูน้ ้ ี ผูเ้ ป็ นเจ้าของร่ างประหลาด
อันใหญ่ยกั ษ์ แม้พลังปราณอันแข็งแกร่ งจะสามารถชะลอความแก่
ชราและปิ ดบังอายุแท้จริ ง ทว่ามันไม่อาจสามารถรักษาสภาพ
เยาว์วยั ที่เป็ นของหนุ่มสาวเอาไว้ได้ หรื อสามารถกล่าวได้วา่ อายุ
ของชายผูน้ ้ ีที่ถึงแม้จะมองมุมใด… ก็ยงั ไม่มีทางอายุเกินยีส่ ิ บไป
ได้!!
ราชันทรราชที่อายุยงั ไม่ถึงยีส่ ิ บปี !!
คลื่นพลังของมันชี้ให้เห็นชัดว่ามันเป็ นราชันทรราชชั้น
กลาง… ทรราชย์ผทู ้ รงอํานาจที่อาจสามารถกําราบเจ็ดในสิ บของ
ยอดฝี มือระดับอาวุโสในพรรคหงสาได้!
เมื่อเฟิ งเฟยเยียนและเฟิ งเหิ งคงซึ่ งเป็ นยอดฝี มือที่มีวรยุทธ
สู งลํ้าจนยากจะหาใครต่อกรในแผ่นดินลมปราณฟ้าได้รับรู ้ถึง
ความจริ งข้อนี้ พวกมันถึงกับตกอยูใ่ นความตื่นตะลึงไปชัว่ ครู่
หนึ่ง แม้เฟิ งเฟยเยียนจะเป็ นคนใจร้อนวูว่ าม หากแต่เมื่อ
เผชิญหน้ากับผูบ้ ุกรุ กเบื้องหน้าที่ทลายกําแพงและก้าวขึ้นมาบน
เวที มันไม่อาจหาญกระทําการหุนหันพลันแล่นออกมาได้
ราชันทรราชชั้นกลางผูม้ ีอายุยงั ไม่ถึงแม้แต่ยสี่ ิ บปี … นี่
นับเป็ นเรื่ องที่น่าหวาดหวัน่ จนเกินรับไหว
เพียงคลื่นพลังของชายหนุ่มถึงกับทําให้ศิษย์หงสาทั้งเก้า
ล้วนถูกพัดกระแทกออกไป พวกมันมองไปยังสัตว์ประหลาด
เบื้องหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสุ ดลํ้า ใน
ชัว่ เวลานั้นไม่มีพวกมันคนใดที่กล้าหาญพอจะย่างก้าวออกไป
ถึงกระนั้น หยุนเช่อที่อยูใ่ กล้กบั จุดที่ชายหนุ่มร่ อนลงมา
มากที่สุดกลับไม่ถูกคลื่นลมผลักดันออกไปแม้แต่นิ้วเดียว เห็นได้
ชัดว่ามันตั้งใจที่จะผ่อนคลื่นลมที่มุ่งไปยังทิศทางที่หยุนเช่อยืนอยู่
หยุนเช่อค่อย ๆ หมุนกายและมองไปยังชายหนุ่มด้วยความตะลึง
งัน เงาร่ างนั้นช่างคุน้ เคย ทว่าคลื่นพลังของมันช่างแตกต่าง
ออกไป ต่างจนกระทัง่ มันไม่อาจเชื่อได้วา่ นี่เป็ นคนเดียวกัน
“ยะ… หยวนป้า?”
คําเรี ยกขานที่หลุดมาจากปากของหยุนเช่อทําให้ร่างยักษ์
ถึงกับสัน่ ไหว มันค่อย ๆ หันกายกลับมา… ทุกอย่างเป็ นไปด้วย
ความเชื่องช้า ร่ างของมันสัน่ เทาไปทั้งร่ าง ไม่ทราบว่านี่สืบ
เนื่องมาจากตื่นเต้นยินดีอย่างถึงขีดสุ ด หรื อความหวาดกลัวว่า
ผูค้ นที่มนั กําลังจะหันไปเผชิญหน้า จะมิใช่บุคคลที่มนั คาดหวัง
หากท้ายที่สุด ร่ างกายของมันก็หมุนกลับมา พร้อมกับที่เผย
ให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความตื่นเต้นยินดี
เซี่ยหยวนป้า!!
หลังจากแยกจากกันไปกว่าสองปี รู ปร่ างอันน่าทึ่งของเซี่ย
หยวนป้านั้นสู งใหญ่ข้ ึนถึงสิ บห้าเซนติเมตร ท่าทางของมันดูเป็ น
ผูใ้ หญ่ข้ ึนเล็กน้อย นัยน์ตาและร่ องรอยที่หว่างคิ้วของมันต่างไม่
ปรากฎความโง่เขลาอ่อนแอเหมือนครั้งก่อน ในตอนนี้พวกมัน
กลับเต็มไปด้วยความมัน่ คงแน่วแน่ ทั้งยังแฝงไปด้วยความหนัก
แน่นที่สามารถเขย่าขวัญของผูค้ น ซึ่ งทั้งหมดนี้ลว้ นมิใช่สิ่งที่มนั
เป็ นเมื่อครั้งอดีต และเมื่อเทียบกันในด้านพลังปราณแล้ว มันช่าง
เหนือลํ้าแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้ นเชิง
แม้จะเป็ นเช่นนั้น หยุนเช่อก็เติบโตมาพร้อมกับมัน ไม่วา่
พวกมันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน หรื อแม้วา่ พวกมัน
จะไม่ได้พบหน้ากันกว่าสิ บปี เพียงแค่แวบมองก็สามารถทําให้
พวกมันจดจําซึ่งกันและกันได้
“พี่… เขย…”
เมื่อเซี่ ยหยวนป้าเอ่ยสามคํานี้ออกมา นํ้าตาพลันหลัง่ ไหล
และนํ้าเสี ยงมันกลับกลายเป็ นยากจะจับศัพท์ดว้ ยอาการสะอื้น
สําลักนํ้าตา “พี่เขย…พี่เขย!!”
เซี่ ยหยวนป้าร้องตะโกนด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ เครื อ และจากนั้น
มันพลันก้าวออกมาข้างหน้า ร่ างยักษ์ใหญ่โตของมันโถมเข้าใส่
หยุนเช่อในฉับพลัน สองลําแขนท่อนใหญ่ของมันกอดตัวชาย
หนุ่มไว้แน่น และนิ่งค้างอยูเ่ ช่นนั้น ต่อหน้าฝูงชนหลายล้านคน
มันเริ่ มครํ่าครวญเสี ยงดังลัน่ บุรุษผูม้ ีร่างใหญ่โตเหลือคณากลับมา
รํ่าไห้ราวใจสลาย ทุก ๆ ซอกมุมของอัฒจรรย์เต็มไปด้วยเสี ยงครํ่า
ครวญหวนไห้ของมัน
“หยวนป้า เป็ นเจ้าจริ ง ๆ” หยุนเช่อเอามือวางทาบแขนของ
หยวนป้า และยิม้ บาง ความตกตะลึงและเชื่อไม่ลงในใจมันสลาย
หายไปอย่างรวดเร็ ว และแทนที่ดว้ ยความอบอุ่นและสบายใจ
เซี่ ยหยวนป้าเปลี่ยนไป พละกําลังของมันพลิกเปลี่ยนจาก
หน้ามือเป็ นหลังมือ ดวงตา ท่าที กลิ่นอาย ทุกสิ่ งทุกอย่าง
เปลี่ยนไปอย่างสิ้ นเชิง อย่างไรก็ตาม นํ้าเสี ยงที่มนั ใช้เรี ยกชาย
หนุ่ม ความรู ้สึกจากการโอบกอด(!!) และหยดนํ้าตาที่หลัง่ ไหลต่อ
หน้าชายหนุ่มนี้…ทั้งหมดมิเปลี่ยนไปแม้แต่นอ้ ย มันยังคงเป็ นเซี่ย
หยวนป้าที่ชายหนุ่มคุน้ เคยและใกล้ชิดมานับแต่วยั เยาว์
“พี่เขย…เป็ นท่านจริ ง ๆ…” เซี่ยหยวนป้าเอื้อนเอ่ยถ้อยคํา
เดียวกับหยุนเช่อ ไหล่ของมันตั้งขึ้นและไม่วา่ มันจะทําอย่างไร
นํ้าตาของมันก็มิอาจหยุดไหล ไม่วา่ คนเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร
ความรู ้สึกอันลํ้าค่าและสําคัญที่สุดในจิตวิญญาณของคนเราย่อม
ไม่อาจเปลี่ยนผัน ยิง่ กว่านั้น การแปรผันทั้งมวลที่มนั ได้ประสบ
พบเจอในสองปี ที่ผา่ นมานี้ ทั้งสิ้ นแล้วล้วนเป็ นเพราะหยุนเช่อ
แม้วา่ มันจะได้ยนิ ข่าวเรื่ องที่หยุนเช่อยังไม่ตายไปในสองปี
ก่อนจากบิดาของมันแล้ว เมื่อมันได้เห็นหยุนเช่อยังมีชีวติ และยัง
อยูด่ ีกบั ตา มันก็ยงั คงดีใจจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเก็บความรู ้สึกของ
ตนเองไว้ได้อยูด่ ี
“เอ๋ …อ้าาาาาา!!” หลิงเจี่ยมองเจ้ายักษ์ที่กาํ ลังกอดหยุนเช่อ
ไว้อยู่ และหลังจากเหม่อมองอยูน่ าน อยู่ ๆ มันก็พลันร้องขึ้นมา
เสี ยงแปร่ งพิกล
“เรื่ องอันใด? เจ้าคนผูน้ ้ นั มันคือใคร? เจ้ารู ้จกั มันงั้นหรื อ?”
ฮวาหมิงไห่เร่ งถาม
“ข้า…ข้ารู ้ แต่…แต่…แต่…” หลิงเจี่ยสูดลมหายใจลึก มัน
ตกตะลึงหนักหนาจนมิอาจกระทัง่ มิอาจเปล่งเสี ยงออกมาได้อย่าง
ที่ควร มันย่อมเคยเห็นเซี่ยหยวนป้ามาก่อนอยูแ่ ล้ว เพราะย้อนไป
เมื่อครานั้น มันได้ไปยังหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์กบั หยุนเช่อเพือ่ เข้า
ร่ วมในงานประลองจัดอันดับยุทธวายุคราม ลักษณะเด่นสุ ดทั้ง
สองอย่างของมัน: หนึ่งคือ ร่ างกายอันใหญ่โต และสองคือ พลัง
กายใจอันแสนอ่อนแอดัง่ ขยะ มันเป็ นไปมิได้เลยที่นนั่ จะไม่ทิ้ง
รอยประทับไว้ในใจของหลิงเจี่ย นอกจากนั้น มันยังเป็ นต้นเหตุท่ี
ทําให้หยุนเช่อถูกผนึกไว้ในลานจัดสรรค์กระบี่อีกด้วย
อย่างไรก็ดี เห็นชัด ๆ กันอยูว่ า่ พลังปราณของเซี่ยหยวนป้า
เมื่อครานั้นเป็ นเพียงแค่ช้ นั ปราณเริ่ มต้น มันสามารถพูดได้เลย
ว่าเซี่ยหยวนป้านั้นคือบุคคลผูม้ ีคุณสมบัติเลวร้ายที่สุดเท่าที่มนั เคย
เห็นมาในชีวติ
อย่างไรก็ดี ชัว่ ขณะที่มนั เหิ นร่ อนลงมา ไอพลังของมันก็
เห็นอยูว่ า่ สามารถทําให้ผนื ปฐพีพินาศยับ และเก้าอัจฉริ ยะราชันย์
แห่งพรรคเทพหงสาถูกซัดออกไปไกลถึงสิ บเมตรด้วยเพียงไอ
พลังของมัน…
ความแตกต่างนี้ช่างใหญ่หลวงเกินไป…จนเด็กหนุ่มยังมิ
อาจเชื่อในสายตาของตนเองได้
นี่มนั เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กนั …? ลูกพีโ่ ค่นเฟิ่ งซีลวั่ ผล
ตัดสิ นเรื่ องนี้กไ็ ด้น่าพิศวงพอแล้ว!! ทว่าเจ้าขยะในหมู่ขยะเมื่อ
ครานั้นผูน้ ้ ียงั กลับได้…กลับ…
“คนผูน้ ้ ี…” ความรู ้สึกพิศวงสุ ดกู่ปรากฏขึ้นบนสี หน้าของห
ลิงเจี่ย และความรู ้สึกพิศวงนี้ยงั รุ นแรงกว่ากันเลยเท่านักเมื่อเทียบ
กับเรื่ องที่หยุนเช่อโค่นเฟิ่ งซีลวั่ ลงได้ เพราะมันเคยพบเซี่ยหยวน
ป้ามาก่อนเช่นนั้น ย้อนไปเมื่อครานั้น มันได้เห็นเองกับตายามที่
หยุนเช่อใช้ชีวติ ของตนเพื่อช่วยชีวติ เซี่ยหยวนป้า หากมิใช่เพราะ
คําพูดของมันที่ใช้พดู กับหยุนเช่อและอารมณ์อนั มิอาจควบคุมได้
ของมัน แม้วา่ รู ปลักษณ์ของมันจะคล้ายคลึง เด็กหนุ่มย่อมมิอาจ
เชื่อได้แน่วา่ มันทั้งสองคือคน ๆ เดียวกัน
“ราชันย์ทรราชย์!?” เย่ซิงหานผูม้ ีท่าทีปล่อยวางอยู่
ตลอดเวลา ในยามนี้เองที่ได้ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาเช่นเดียวกัน เห็น
ได้ชดั เลยว่ามันเป็ นไปมิได้ที่ราชันย์ทรราชย์ผอู ้ ายุยงั มิทนั ล่วงเลย
ยีส่ ิ บปี เช่นนี้จะไม่กระตุน้ ความสนใจจากมัน
“เจ้าวิหารน้อย” หลิงคุนเอ่ย “หากข้าจะบอกว่าเมื่อสองปี
ก่อน พลังปราณของคนผูน้ ้ ีอยูเ่ พียงแค่ช้ นั ปราณเริ่ มต้นท่านจะเชื่อ
หรื อไม่?”
“ข้าก็วา่ ท่านผูอ้ าวุโสหลิงคุนรู ้จกั วิธีเล่นมุกตลกฝื ดเช่นกัน”
เย่ซิงหานยิม้ เยาะ
“โฮโฮ” หลิงคุนหัวเราะ และมิพดู คําอื่นใดออกมาอีก
“เจ้าเป็ นใคร! กล้าดีอย่างไรมากําแหงในแดนเทพหงสาของ
เรา!!” เฟิ่ งเฟยเยีย่ นมาถึงกลางอากาศเหนือร่ างเซี่ยหยวนป้าและ
กล่าวด้วยนํ้าเสี ยงตํ่า อย่างไรก็ตามมันยังไม่กล้าทําตัวบุ่มบ่าม ด้วย
ราชันย์ทรราชย์ในวัยเยาว์ถึงเพียงนี้ ภูมิกาํ เนิดเดียวที่มนั จะ
สามารถคิดได้กม็ ีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยืนขึ้นจากที่นงั่ ถือแส้ปัดหาง
ม้าของตนไว้ในมือ มันยิม้ อย่างสงบเยือกเย็น “เด็กผูน้ ้ ีคือศิษย์คน
สนิทคนสุ ดท้ายของผูแ้ ซ่ก่เู อง ศิษย์รักของข้านิสยั บุ่มบ่ามนัก และ
เพราะเขาได้เห็นคนที่รู้จกั เข้าอย่างกะทันหัน เขาจึงเสี ยการ
ควบคุมอารมณ์ไป ทําให้ทุกท่านตกใจ ข้าหวังว่าพรรคอันน่า
เคารพของพวกท่านจะไม่ถือสา”
เมื่อปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยืนขึ้นพูดด้วยตนเอง เฟิ ง
เหิ งคงเร่ งยืนขึ้นเช่นกัน ด้วยสี หน้าประหลาดใจ มันเอ่ยว่า
“เช่นนั้นเขาก็คือศิษย์ของท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่นี่เอง มิ
แปลกในเลยที่เขาจะมีพลังปราณอันน่าอัศจรรย์ใจเพียงนี้ดว้ ยวัย
หนุ่มถึงเพียงนี้…ไม่ทราบว่าศิษย์ที่น่านับถือของท่านอายุเท่าใด
กันในปี นี้?”
ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางกล่าวพลางแย้มยิม้ บางเบา
“ศิษย์รักของข้า ปี นี้อายุได้สิบแปดปี แล้ว”
เมื่อคํา “สิ บแปดปี ” หลุดออกมาจากปาก เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่มี
พลังฝี มือตํ่ากว่าชั้นลมปราณทราชย์ผไู ้ ม่สามารถตรวจสอบชั้น
ลมปราณของเซี่ยหยวนป้าได้ลว้ นไม่มีปฏิกิริยาใด ทว่า ใบหน้า
ของเฟิ งเหิ งคง เฟิ งเฟยเยียน รวมทั้งเหล่าผูอ้ าวุโสของพรรคเทพ
หงสาล้วนซีดขาวด้วยความตระหนก กระทัง่ หัวคิ้วของเย่ซิงหาน
ยังต้องขมวดมุ่นอยูค่ รู่ หนึ่ง
.เฟิ งเหิ งคงกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงประหลาดใจ ” เป็ นศิษย์คน
สนิทที่ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางรับมาโดยตรงอย่างที่คิดไว้
ด้วยวัยเพียงสิ บแปดปี เขาก็อยูใ่ นขอบเขตทรราชย์แล้วจริ งๆ !
ความสําเร็ จในอนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจํากัด ! ขอแสดงความ
ยินดีกบั ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางด้วยที่มีศิษย์ที่มี
พรสวรรค์เช่นนี้”
เฟิ งเหิ งคงไม่ได้ลดเสี ยงเนื่องจากมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง
ด้วยพลังลมปราณอันเข้มข้นของมัน เสี ยงนั้นจึงแพร่ กระจายไป
ทัว่ สนามประลองอย่างง่ายดาย เมื่อคําว่า ‘อายุสิบแปดปี ’ และ
‘ทรราชย์’ เปล่งออกจากปากของมัน ไม่มีผฝู ้ ึ กยุทธ์ผใู ้ ดในสนาม
ประลองที่ไม่ตะลึงงัน
อุ๊บบ…
หลิงเจี่ยสําลักลมหายใจออกมาทันที “ท…ทร..ทรราชย์ง้ นั
หรื อ !?”
“นรก… ในที่อื่นนั้นยากที่จะพบเห็นทรราชย์ซกั คนแม้แต่
ในรอบร้อยปี และถือเป็ นบุคคลที่ล้ าํ ค่ายิง่ แต่วนั นี้… อายุสิบแปด
ปี …ทรราชย์… แน่ใจนะว่าไม่ได้กาํ ลังล้อเล่น ?” ฮวาหมิงไห่สูด
ลมหายใจด้วยอาการสัน่ สะท้าน จากนั้นสี หน้ามันก็สงบลงโดย
พลัน ขณะที่กล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงแผ่วเบาว่า “แต่เมื่อเห็นแล้วว่ามัน
สนิทสนมกับลูกพี่หยุนเพียงใด ซํ้ามันยังเป็ นศิษย์คนสนิทของ
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน… ลูกพี่
หยุนก็ดูเหมือนจะรอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงทันที”
“โฮ่โฮ่” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางหัวร่ อให้เฟิ งเหิงคง
เบาๆ จากนั้นมันก็เบนสายตาไปทางเซี่ยหยวนป้า พลางกล่าว
ด้วยสุ ม้ เสี ยงอ่อนเบา “หยวนป้า ในฐานะศิษย์ของแดนศักดิ์ ถึงเจ้า
จะไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ เจ้าก็ไม่ควรร้องไห้ครํ่าครวญเช่นนี้
สงบจิตสงบใจ และมาทักทายท่านประมุขพรรคเทพหงสา”
ยามนี้ อารมณ์ของเซี่ยหยวนป้าก็น่ิงสงบลงดุจบ่อนํ้าได้ใน
ที่สุด มันหันไปรอบๆ แต่มิได้มองมาทางปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชาง มันกลับกวาดตามองศิษย์เทพหงสาที่ยงั ลอยตัวอยูก่ ลาง
อากาศด้วยดวงตาดุร้าย “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าใช่ไหมที่กล่าวว่าวายุ
ครามไม่มีใครอีกแล้ว !? ซํ้ายังต้องการจะรุ มโจมตีพี่เขยของข้า
พร้อมกันเก้าคน !? เช่นนั้นก็เข้ามาเลย มาเจอกับบิดานี่… เข้า
มา !!”
ก่อนหน้าตอนที่เซี่ยหยวนป้ารํ่าไห้ครํ่าครวญเสี ยงดังราวกับ
เด็กตัวเล็กๆ ศิษย์เทพหงสาทั้งเก้าคนยังรู ้สึกว่ามันน่าขัน ทว่าชัว่
ขณะที่สายตาของเซี่ยหยวนป้ากวาดมองมาทางพวกมัน พลัง
อํานาจที่ฉายชัดในดวงตาคู่น้ นั ก็ทาํ ให้พวกมันใจสัน่ ได้ในทันที
ด้วยเสี ยงที่คาํ รามลัน่ ทุกถ้อยคําของมันดังกระหึ่ มก้องฟ้า ทําให้
พวกมันสัน่ สะท้านถึงขั้นที่เลือดลมในร่ างแทบพลุ่งพล่านปั่นป่ วน
ทําให้พวกมันรู ้สึกแทบจะกระอักเลือดออกมา ณ ตรงนั้น
หยุนเช่อประเมินเซี่ยหยวนป้าอีกครั้ง และมันก็ตอ้ งตื่น
ตะลึงอย่างยิง่ เซี่ ยหยวนป้าที่มนั รู ้จกั คุน้ เคยนั้นอ่อนแอ ซื่อๆ เซ่อๆ
แต่เซี่ยหยวนป้าคนนี้ ที่อยูใ่ นถิ่นของพรรคเทพหงสา กําลัง
เผชิญหน้ากับเจ้าพวกหัวสู งและศิษย์ของพรรคเทพหงสา รัศมี
แววตา สุม้ เสี ยงของมันนั้นช่างเกรี้ ยวกราดกดขี่ข่มเหงจริ งๆ
ความรู ้สึกเช่นนี้… ราวกับว่ามันคือจักรพรรดิผอู ้ ยูเ่ หนือทุกผูค้ นที่
กําลังดูแลโลกใบนี้และชีวติ นับไม่ถว้ นอย่างยโสโอหัง และทุก
สรรพสิ่ งในสายตามันเป็ นเพียงสิ่ งมีชีวติ ที่ไม่มีความหมายอันใด !
“ชีพจรเทพราชันทรราชย์ของมันถูกปลุกขึ้นแล้วอย่าง
แท้จริ ง” สุ ม้ เสี ยงของจัสมินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้วา่
นางจะเคยบอกหยุนเช่อเมื่อนานมาแล้วว่าชีพจรลมปราณของเซี่ย
หยวนป้าเป็ นชีพจรเทพราชันทรราชย์ที่หายากยิง่ นางยังบอกว่า
ด้วยลักษณะนิสยั ของมันนั้น เป็ นไปไม่ได้เลยที่ปลุกชีพจรเทพ
ราชันทรราชย์ของมันให้ตื่นขึ้นมา ในทางกลับกัน สิ่ งนี้จะ
กลายเป็ นภาระหนักยิง่ ต่อเส้นทางการฝึ กยุทธ์ของมัน ทําให้พลัง
ลมปราณของมันหยุดอยูท่ ี่ขอบเขตปราณแรกเริ่ มเท่านั้น
ทว่าความเป็ นจริ งที่ปรากฏอยูต่ รงหน้าพวกมันก็คือ ชีพจร
เทพราชันทรราชย์ของเซี่ยหยวนป้าได้ต่ืนขึ้นแล้วอย่างแท้จริ ง !
บทที่ 445 เจตนาสั งหารแห่ งเทพหงสา

จัสมินเคยกล่าวไว้ ทันทีที่เส้นชีพจรปราณราชันทรราชย์ตื่น
ขึ้น ระดับพลังฝี มือของคนผูน้ ้ นั จะถีบทะยานสู งขึ้นสู่ ช้ นั
จักรพรรดิเพียงชัว่ ข้ามคืน กระทัง่ พุง่ สู่ ช้ นั ลมปราณทรราชย์ใน
ที่สุด ยามนั้น หยุนเช่อเพียงรู ้สึกเหลือเชื่อจนเกินไป กระทัง่ ถ้านี่
มิใช่ออกจากปากจัสมิน ชายหนุ่มย่อมไม่มีทางเชื่อ
ทว่า เมื่อยืนอยูข่ า้ งกายเซี่ยหยวนป้าในยามนี้ ผูซ้ ่ ึงสองปี
ก่อนเพียงมีระดับพลังชั้นปราณแรกเริ่ ม แต่กลับกลายเป็ นชนชั้น
ราชันทรราชย์ที่สามารถโยกคลอนกระทัง่ ประมุขพรรคเทพหง
สา! ชายหนุ่มจะไม่เชื่อได้อย่างไร
ใต้หล้านี้ ยังมีเส้นชีพจรลมปราณอันน่าแปลกประหลาด
เหนือจินตนาการเช่นนี้….ยิง่ กว่านั้น ยังปรากฏอยูท่ ี่เบื้องหน้าของ
ตน เป็ นเซี่ยหยวนป้าที่เติบโตมาด้วยกัน!
“การตื่นขึ้นของเส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์ จําต้องได้รับ
การกระตุน้ จากความรู ้สึกคิดครอบครองใต้หล้าอันเข้มข้นถึง
ที่สุด” จัสมินกล่าวเสี ยงเรี ยบเรื่ อย “มันจําต้องกอปรด้วยความรู ้สึก
กระหายอยากอํานาจอันไร้สิ้นสุ ดจนเกือบเป็ นความคลุม้ คลัง่ เมื่อ
นั้นเส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์จึงจะถือกําเนิด ก่อนหน้านี้มนั มี
ลักษณะนิสยั อ่อนแอยิง่ ดังนั้นเส้นชีพจรพิเศษของมันจึงไม่เคย
ตื่นขึ้นมา แต่ดูท่าสองปี ที่ผา่ นมา ลักษณะนิสยั ของมัน
เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง หากข้าคาดเดาไม่ผดิ สมควร
เนื่องมาจากการที่มนั ต้องทนมองเห็นเจ้าเสี ยสละชีวติ ช่วยเหลือ
มันโดยไม่อาจทําอย่างไรได้ กลับกลายเป็ นแรงกระทบมหาศาล
ต่อพื้นเพนิสยั ของมัน จากความเจ็บปวดใจถึงขีดสุดและการโทษ
ว่าตําหนิตนเอง ส่ งผลให้มนั ไม่ตอ้ งการเป็ นเพียงขยะไร้ประโยชน์
ที่เพียงเป็ นภาระอีกต่อไป”
“…” หยุนเช่อสะท้านหวัน่ ไหว ชายหนุ่มรับรู ้จากชางเยว่วา่
หลังจากตนเองถูกผนึกไว้ใต้ลานจัดสรรกระบี่ เซี่ยหยวนป้า
เดินทางจากไปเพียงลําพัง เซี่ยหยวนป้า ผูแ้ ต่เดิมมีลกั ษณะนิสยั ใจ
อ่อนยิง่ กลับตัดขาดพันธะทุกทางอย่างเด็ดขาด…ผูอ้ าวุโสจื่อแห่ง
สมาคมการค้าเดือนดับเองบอกกล่าวแก่ชายหนุ่มว่า เซี่ยหยวนป้า
เคยปรากฏกายในนครวิหคเทวะมาก่อน มันท้าประลองพรรค
ต่างๆราวคนคลุม้ คลัง่ แม้ทวั่ ร่ างจนเกลื่อนกล่นด้วยบาดแผล หาก
ยังไม่ยนิ ยอมหยุดยั้งจนลมหายใจสุ ดท้าย…
มองมาที่หยวนป้าอีกครั้ง เด็กหนุ่มเติบใหญ่แล้ว…เติบใหญ่
จนถึงระดับที่หยุนเช่อเองยังคาดไม่ถึงไปไกลห่าง จากเด็กหนุ่มที่
จําต้องพึ่งพาการปกป้องจากตนเอง เป็ นบุคคลที่ไม่ยนิ ยอมถูก
ผูค้ นหมิ่นแคลนอีกต่อไป เป็ นบุคคลที่กระทําการด้วยจิตใจ
ละเอียดอ่อน บุคคลที่ผคู ้ นทั้งหลายต่างต้องแหงนหน้ามองขึ้นไป
เป็ นชนชั้นเหนือราชันแห่งทวีปลมปราณฟ้า
เมื่อเผชิญพบพลังอํานาจสุ ดน่าเกรงขามจากเซี่ยหยวนป้า
ศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งเก้าสัน่ สะท้านหวาดหวัน่ ไม่ตอ้ งเอ่ยถึง
การลงมือโจมตี ไม่มีผใู ้ ดกล้าเอ่ยปากด้วยซํ้า ปรมาจารย์จิต
วิญญาณกู่ชางสัน่ ศีรษะกล่าวว่า “หยวนป้า นี่เป็ นการประลองยุทธ
จัดอันดับ ญาติพี่นอ้ งของเจ้าเองเข้าร่ วมการประลอง ดังนั้น เขา
มิได้ถูกรุ มล้อมโดยปราศจากเหตุผล กลับมายังข้างกายอาจารย์
ก่อน”
“ศิษย์ทราบ!” ใบหน้าแข็งทื่อดุดนั ราวศิลาของเซี่ยหยวนป้า
ยังคงไม่เปลี่ยนแปร บุคลิกลักษณะของเด็กหนุ่มยามนี้หนักแน่น
มัน่ คงอย่างยิง่ ยวด ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเป็ นอาจารย์ของมัน
หากมันกลับยังไม่ยอมอ่อนข้อ “และข้าเองเพิง่ เอ่ยปากออกไป
เช่นกัน ข้าเป็ นตัวแทนอาณาจักรวายุคราม ข้าจะร่ วมสู ศ้ ึกกับพี่เขย
นี่มีอนั ใดไม่เหมาะสม!?”
เฟิ งเฟยเยียนพลันสู ญเสี ยความเยือกเย็น มันกล่าวออกมา
ในทันที “การประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิเป็ นการแข่งขันระหว่าง
อาณาจักรทั้งเจ็ด วายุครามเพียงสามารถมีผฝู ้ ึ กยุทธ์จากจักรวรรดิ
วายุครามเป็ นตัวแทน มิใช่ผใู ้ ดจะสามารถลงประลองได้! หาก
มิใช่เช่นนี้ นี่จะเรี ยกเป็ นการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิได้เช่น
ไร!”
“กฎข้อนี้ ข้าจะไม่ทราบได้อย่างไร!” เผชิญหน้าท่าทีข่ม
ผูอ้ ื่นของเฟิ งเฟยเยียน เซี่ยหยวนป้ากลับสวนกลับด้วยนํ้าเสี ยง
หนักแน่นเคร่ งขรึ มไม่ลงั เล “ขออภัยที่ตอ้ งทําให้ท่านผิดหวัง!
เนื่องเพราะเดิมทีขา้ คือชาววายุคราม! เหตใดจึงไม่อาจเป็ นตัวแทน
อาณาจักรวายุครามลงประลองเล่า!?”
ท่าทางดื้อรั้นยืนกรานของเซี่ยหยวนป้าส่ งผลให้ปรมาจารย์
จิตวิญญาณกู่ชางส่ งเสี ยงหัวร่ อออกมาในทันที จากนั้นจึงกล่าว
อย่างอับจนปั ญญาว่า “ศิษย์ของผูต้ ่าํ ต้อยเป็ นชาววายุครามจริ งๆ”
เฟิ งเฟยเยียนและผูค้ นที่หลงเหลือหน้าเปลี่ยนสี กรามของ
เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ในสนามประลองต่างอ้าค้าง…หยุนเช่อผูส้ ามารถ
พิชิตชัยเฟิ งซี ลวั่ ผูน้ ้ ีมาจากวายุคราม และราชันทรราชย์อายุสิบ
แปดปี ผูน้ ้ ี ก็มาจากอาณาจักรวายุครามเช่นกัน!!
อาณาจักรเล็กจ้อยที่สุดของทวีปลมปราณฟ้า อ่อนด้อยที่สุด
ทั้งยังถูกผูค้ นทั้งหกอาณาจักรหมิ่นหยาม หากชัว่ อายุคนที่ผา่ น
มา…ใช่ได้รับการเหลียวแลจากเทพเซียนองค์ใดขึ้นมางั้นหรื อ!?
“ผิดแล้ว!” เฟิ งเฟยเยียนสัน่ ศีรษะปฏิเสธโดยทันที “แดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ เป็ นตัวตนนอกเหนือจากจักรวรรดิท้ งั เจ็ด มิได้เป็ น
ส่ วนหนึ่งของจักรวรรดิใดๆ เมื่อเจ้าเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชัน และได้เข้าเป็ นศิษย์ของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางแล้ว
ยามนี้ยอ่ มต้องเป็ นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ มิได้เป็ นคนของ
จักรวรรดิใดทั้งสิ้ น ไม่มีสิทธิ์ ร่ วมลงประลองยุทธ”
ชัว่ เวลาที่เฟิ งเฟยเยียนกล่าวจบประโยค เซี่ยหยวนป้าหมุน
กายกลับหลัง คุกเข่าลงไปยังทิศทางของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชางในทันที “อาจารย์ ศิษย์อกตัญ�ู ศิษย์ขออนุญาตตัดขาด
ความสัมพันธ์ฉนั ท์ศิษย์อาจารย์ และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชัน ขอท่านอาจารย์ส่งเสริ มความปรารถนา”
การกระทําของเซี่ยหยวนป้า นํ้าเสี ยง กิริยาท่าทางทั้งหมด
แน่วแน่มน่ั คงอย่างถึงที่สุด ปราศจากความรี รอลังเลใดๆ นี่ส่งผล
ให้ทุกผูค้ นปากอ้าตาค้าง หัวใจสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง
ถึงยามนี้ กระทัง่ คนโง่เง่าที่สุดยังรับรู ้ถึงความรู ้สึกที่เซี่ย
หยวนป้าผูน้ ้ ีมีต่อหยุนเช่อ (แอร๊ ยย ความรู้ สึกอัลไล??? >///<)
เบื้องหน้าเหล่าผูเ้ หี้ ยมหาญแห่งพรรคเทพหงสา วาจาท่าทางของ
มันเหี้ ยมหาญองอาจอย่างถึงที่สุด ทว่าต่อหน้าหยุนเช่อแล้ว มัน
กลับกลายเป็ นเพียงเด็กชายขี้แย เพราะเพือ่ ต้องการร่ วมลง
ประลองกับหยุนเช่อ มันยังต้องการตัดขาดความสัมพันธ์ของ
ตนเองและแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันอย่างปราศจากความลังเลแม้
ส่ วนเสี้ ยว…ตัดขาดจากสถานที่ในความใฝ่ ฝันของผูฝ้ ึ กยุทธ์แห่ง
ทวีปลมปราณฟ้าทั้งทวีป
ปรมาจารย์ก่ชู างผูน้ ่ิงสงบเสมอมายังไม่อาจไม่จบั จ้องไป
เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ มันสัน่ ศีรษะ ก่อนกล่าววาจา
ด้วยความอึดอัดคับข้อง “หยวนป้า..เจ้า…เพราะเหตุใด?”
แววตาของเซี่ยหยวนป้ากระจ่างสดใส ไร้ร่องรอยของความ
ไม่มน่ั ใจหรื อตะขิดตะขวงใดๆ เด็กหนุ่มกล่าวเน้นยํ้าทีละคําว่า
“อาจารย์ ศิษย์อกตัญ�ู ทําให้ท่านต้องเสี ยใจ ทว่า สําหรับศิษย์
แล้ว พี่เขยเป็ นญาติสนิทเพียงหนึ่งเดียวที่ศิษย์มิอาจหันหลังให้ได้
ชีวติ แรกของศิษย์เป็ นบิดามารดาให้กาํ เนิด ชีวติ ที่สอง กลับเป็ น
พี่เขยใช้ชีวติ ของเขาแลกกลับมา! ในหัวใจของศิษย์ พี่เขยเปรี ยบ
ได้ดงั่ บิดามารดา ศิษย์ยอมสู ญเสี ยตนเอง สู ญเสี ยอาจารย์ สู ญเสี ย
แดนศักดิ์สิทธิ์ สู ญเสี ยกระทัง่ สวรรค์ หากจะไม่ยอมสู ญเสี ยบุคคล
อันเป็ นที่รัก!” (<<<<<<<<<<<<<<
กรี๊ สสสสสสสสสสสสสสสสสสสส แอร๊ ไม่ ไหวแล้ ววว อะไรจะ
ร้ อนเร่ าขนาดเน้ 55555555 สารภาพรั กออกสื่ อไปเลย หยวนป้า
สู้ ๆ อุคิอุคิ)
สี หน้าของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเครี ยดเคร่ งลง กลับ
ไม่ทราบว่าจะกล่าววาจาเยีย่ งไรดี เมื่อพบหน้าหยุนเช่อ การที่เซี่ย
หยวนป้าสู ญเสี ยการควบคุมตนเองจนพิลาบรํ่าไห้นบั ว่าสร้าง
ความตื่นตะลึงแก่มนั …เนื่องเพราะเซี่ยหยวนป้าที่มนั รู ้จกั จิตใจ
แข็งแกร่ งดุจเหล็กไหล มันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเซี่ยหยวนป้าจะ
สามารถกระทําการเกินเลยถึงขั้นนี้เพียงเพื่อหยุนเช่อ นี่พิสูจน์
ชัดเจนว่าพันธะความผูกพันระหว่างบุคคลทั้งสองไม่ธรรมดา
เพียงแค่ญาติสนิทเท่านั้น
ยามนี้ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางไม่อาจสํานึกเสี ยใจ
มากกว่านี้ได้อีกที่นาํ พาเซี่ยหยวนป้ามา ความก้าวหน้าของเซี่ย
หยวนป้าสร้างความตกตะลึงและสัน่ สะท้านทัว่ แดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชันอย่างใหญ่หลวง เส้นชีพจรลมปราณของมันแตกต่าง
จากมนุษย์โดยทัว่ ไป มันแอบแฝงไว้ดว้ ยระดับพลังที่แม้แต่ชนชั้น
ราชันจักรพรรดิยงั คงไม่อาจมองทะลุได้ หลายคนในแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเชื่อมัน่ ว่า ด้วยระดับความก้าวหน้าอันไม่น่า
เชื่อของเซี่ยหยวนป้า ความสําเร็ จในอนาคตของมัน ย่อมต้อง
เหนือลํ้ากว่าชั้นราชันจักรพรรดิอย่างไม่ตอ้ งสงสัย!!
หากเซี่ ยหยวนป้าตัดใจจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันจริ งๆ
เช่นนั้นจะเป็ นความสู ญเสี ยอย่างใหญ่หลวงต่อแดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชันทั้งแดนดิน
แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน เป็ นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าชาว
ยุทธ์เพียงใฝ่ ฝันหากไม่อาจเอื้อมถึง หากเป็ นเหล่าสุดยอดอัจฉริ ยะ
เชิงยุทธ์ท้ งั หลาย ไม่วา่ อย่างไร พวกมันล้วนกระหายคลัง่ ไคล้และ
ไม่มีทางปล่อยมือไปอย่างแน่นอน
ทันใด ฝ่ ามือข้างหนึ่งวางลงบนบ่าของเซี่ยหยวนป้า หยุน
เช่อตบลงบนบ่าของเด็กหนุ่มพร้อมกล่าวว่า “หยวนป้า ลุกขึ้น
เถอะ แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน คือจุดสุ ดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสี่ สามารถเข้าร่ วมสํานักอันโดดเด่นเป็ นอันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้าได้เป็ นความใฝ่ ฝันของชาวยุทธ์ทุกรู ปนามบนทวีปนี้
เจ้าไม่ตอ้ งทําเพื่อข้าถึงเพียงนี้ ข้ารู ้วา่ เจ้าเกรงกลัวข้าถูกผูค้ นข่มเหง
รังแก แต่การจัดการกับผูค้ นเหล่านี้ เพียงข้าคนเดียว ล้วนเกินพอ”
“แต่…” เซี่ ยหยวนป้าหันกลับไป มันสามารถอ่าน
สถานการณ์ของหยุนเช่อในยามนี้ เห็นได้ชดั ว่าพี่เขยของมันเพิ่ง
ผ่านการศึกที่หนักหนาสาหัส พลังยุทธ์ยงั ลดทอนลงกว่าครึ่ ง ทว่า
ผูค้ นเก้าคนกําลังรุ มล้อมหยุนเช่อ ทั้งแต่ละคนยังอยูใ่ นสภาพที่
เหนือกว่า…นี่มนั ข่มเหงรังแกกันชัดๆ ! หากการประลองดําเนิน
ต่อไปเช่นนี้ การพ่ายแพ้เพียงนับเป็ นเรื่ องรอง แต่หากหยุนเช่อก
ระทําผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจร้ายแรงถึงขั้นเสี ยชีวติ
ณ เวลานี้ เซี่ ยหยวนป้ามีความสามารถปกป้องหยุนเช่อแล้ว
มันจะยินยอมให้ผอู ้ ื่นรังแกหยุนเช่อแม้เพียงเล็กน้อยได้เช่นไร!
แม้มนั จะต้องหันหลังแก่อาจารย์ มันยังยินยอมเป็ นเกราะกําบัง
ให้แก่ชายหนุ่ม ส่ งศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งเก้าให้พน้ ทางไป
หยุนเช่อสัน่ ศีรษะ “เมื่อเจ้ารับท่านปรมาจารย์ก่ชู างเป็ น
อาจารย์ เจ้านับเป็ นศิษย์ช้ นั ใน หากจากมาเช่นนี้ นับว่าเกินเลยไป
บ้าง ทั้งยังทําให้อาจารย์ของเจ้าต้องเสื่ อมเสี ยหน้าต่อหน้าผูค้ น ข้า
เข้าใจถึงความกังวลของเจ้า แต่วางใจเถอะ ข้าคนเดียวล้วน
เพียงพอแล้วจริ งๆ…ข้าจะอย่างไรก็เป็ นพี่เขยของเจ้า ข้าเคยทําให้
เจ้าต้องผิดหวังด้วยรึ ”
ดวงตาของเซี่ยหยวนป้าสาดประกายสับสนว้าวุน่ ภายใน
เด็กหนุ่มทบทวนถึงความชื่นชมประทับใจไม่สิ้นสุ ดที่มนั มีต่อ
พี่เขยตั้งแต่กาลก่อน กี่ครั้งคราที่หยุนเช่อกระทําการที่เป็ นไป
ไม่ได้ให้เป็ นไปได้…ในยามนั้น ในสายตาของมัน หยุนเช่อ
สามารถกระทําได้ทุกสิ่ ง ไม่วา่ ศัตรู เข้มแข็งเพียงไร แม้วา่ จะเป็ น
ตัวตนที่มนั มองว่ายิง่ ใหญ่ระดับตํานาน ยังคงต้องสิ้ นท่าภายใต้
เงื้อมมือของหยุนเช่อ
ไม่วา่ เมื่อไหร่ หยุนเช่อล้วนไม่เคยพ่ายแพ้
“ตกลง” แม้จะยังคงวิตกกังวลอยูใ่ นใจ หากความเชื่อมัน่ ที่
หยัง่ รากฝังลึกในจิตใจของเซี่ยหยวนป้าเพียงส่ งผลให้มนั ลังเล
เล็กน้อย เด็กหนุ่มผงกศีรษะอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งยินยอมเชื่อ
ฟัง “เช่นนั้น ข้าจะรออยูด่ า้ นข้าง คอยดูพี่เขยสัง่ สอนพวกมัน…
พี่เขย ขอท่านระมัดระวังให้ดีดว้ ย”
“วางใจ ชะตาข้ากล้าแข็งยิง่ แม้จะอยากตาย ยังไม่อาจตาย
ได้” หยุนเช่อหัวเราะ
เซี่ยหยวนป้าก้าวเดินลงไปหาปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง
ในทันที กระทัง่ ด้วยบุคลิกภาพสุ ขมุ นิ่งสงบราววารี เช่นปรามา
จารย์ก่ชู าง ยังมิอาจไม่ลอบรู ้สึกอิจฉาอยูภ่ ายใน ในฐานะอาจารย์
ยามมันต้องการให้เซี่ยหยวนป้าลงจากเวที เซี่ยหยวนป้าไม่เพียง
ปฏิเสธ หากยังถึงขั้นกล่าวว่าจะตัดขาดจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชัน ทว่าเมื่อหยุนเช่อเปิ ดปาก เพียงไม่กี่คาํ ลูกศิษย์ของมันกลับ
เดินลงเวทีอย่างเชื่อฟัง
เฮ้ ออออ….นี่เป็ นสถานการณ์ เยีย่ งไรกันแน่
ขณะเดียวกัน มันก็บงั เกิดความคิดประหลาดใจขึ้นในจิตใจ
เหตุใดหยุนเช่อจึงบอกให้เซี่ยหยวนป้าลงจากเวที? ด้วยสภาพ
ร่ างกายในปั จจุบนั แน่นอนว่ามันย่อมไม่อาจเอาชนะศิษย์พรรค
เทพหงสาทั้งเก้าได้ ใช่เป็ นเพราะมันไม่ตอ้ งการให้เซี่ยหยวนป้า
ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเพียงเหตุผลเดียวจริ งๆ?
เหล่าศิษย์พรรคเทพหงสาที่เดิมหน้าตาเคร่ งเครี ยดต่างผ่อน
ลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในที่สุด…นัน่ มันราชัน
ทรราชย์! ราชันทรราชย์ที่มีอายุสิบแปดปี ! หากมันเป็ นตัวแทน
อาณาจักรวายุครามขึ้นมาจริ งๆ เช่นนั้นพรรคเทพหงสาของพวก
มันจะขึ้นประลองหานรกอันใด?!! ต่อหน้าราชันทรราชย์ ไม่ตอ้ ง
พูดถึงราชันเก้าคน ถึงจะมีราชันเก้าสิ บคน ยังคงต้องถูกไล่ทุบตี
ราวสุ นขั
หากสี หน้าของเฟิ งเฟยเยียนและเฟิ งเหิ งคงกลับยิง่ มืดครึ้ มลง
กว่าเดิม
หยุนเช่ อผู้นีต้ ้ องตาย!
แต่ทว่า ญาติสนิทเปี่ ยมพรสวรรค์สูงส่ งน่าหวาดหวัน่ ของ
มันกลับปรากฏออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน!
ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นบุคคลที่ยนิ ดีสละทุกสิ่ งทุกอย่างในชีวติ
เพื่อปกป้องมัน! หยุนเช่อยามนี้ไม่ต่างจากมีเกราะกําบังเป็ นแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันทางอ้อมแล้ว!
เช่ นนั้น นี่ยงิ่ เป็ นเหตุผลทีม่ ันมิอาจไม่ ถูกกําจัด!!
หากพวกมันยังไม่ฉกฉวยโอกาสในวันนี้ ระหว่างการ
ประลองยุทธเพื่อสังหารชายหนุ่มอย่าง “ชอบธรรม” การตามล่า
สังหารหยุนเช่อหลังจากนี้จะกลายเป็ นยากเย็นอย่างถึงที่สุด! หาก
มันเติบใหญ่ข้ ึนไปภายหน้า มันจะกลับกลายเป็ นตัวปัญหาที่ไม่
เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของพรรคเทพหงสาอย่างแน่นอน
หยุนเช่อเหยียดร่ างขึ้นพร้อมกระชับทัณฑ์มงั กรในอุง้ มือ
ทัว่ ทั้งสนามประลองเงียบลงไปในอึดใจเมื่อสายตาทุกคู่จบั จ้องไป
ยังชายหนุ่ม…ไม่มีผใู ้ ดยินยอมเชื่อว่าหยุนเช่อจะสามารถโค่นล้ม
ราชันขั้นกลางทั้งเก้าคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากสู ญเสี ย
พลังยุทธ์มหาศาลไปกับการต่อสู อ้ นั ดุเดือดกับเฟิ งซีลวั่ เช่นนั้น
มันต้องการทําอะไรกันแน่? มันจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนั้นรึ ?
เมื่อปราศจากแรงกดดันเกรงขามน่าหวาดหวัน่ จากเซี่ย
หยวนป้า เหล่าศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งหมดสงบจิตระงับใจลงได้
ในท้ายที่สุด ต่างกดดันไปยังหยุนเช่ออีกครา…ชัว่ เวลานี้เอง ที่ขา้ ง
หูของพวกมันแต่ละคน ปรากฏเสี ยงของเฟิ งเหิ งคงถ่ายทอดมา
โดยตรงอย่างลับๆว่า
“ใช้เขตแดนเทพหงสาออกสุ ดกําลังในทันที! เผามันด้วย
เขตแดนแห่งราชันทั้งเก้าพร้อมๆกัน! อย่าได้เปิ ดโอกาสให้มนั
ยอมแพ้ หรื อให้ผอู ้ ื่นสามารถสอดมือเข้าช่วยมันได้โดย
เด็ดขาด! ….ลงมือ! ”
บทที่ 446 ระบําหงส์ เพลิงฟ้าสยายปี กทีแ่ ท้ จริง

สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเหิงคงเร่ งเร้าเข้าสู่ ใบหูของศิษย์พรรคเทพ


หงสาทั้งเก้า กระแทกกระทั้นเข้าถึงจิตวิญญาณของพวกมัน ใน
พริ บตานั้นเอง พวกมันพลันเข้าใจกระจ่างถึงเจตนารมณ์ของเฟิ ง
เหิ งคง ประกายแววตาอันชัว่ ร้ายอํามหิ ตวาบวับบนดวงตาทั้งเก้าคู่
ในเสี้ ยววินาที ขณะเดียวกัน เปลวเพลิงร้อนแรงพลันลุกโหมท่วม
ร่ างของพวกมันในทันที
เขตแดนเทพหงสา!!
บุคคลทั้งเก้าต่างร่ วมสายเลือดเทพหงสา ฝึ กปรื อ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาอย่างเดียวกัน ต่างสัมผัสได้ถึงความ
เปลี่ยนแปลงของคลื่นพลังและกระบวนวิชาที่อีกฝ่ ายใช้ออก
ดังนั้น พวกมันทั้งหมดสามารถปลดปล่อยเขตแดนออกมาได้โดย
พร้อมเพรี ยง ประสานรวมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ!
สี่ ข้ นั แรกของท่วงทํานองแห่งเทพหงสามิได้รวมถึงเขตแดน
เทพหงสา วิชาเขตแดนนี้ ถูกพัฒนาขึ้นโดยประวัติศาสตร์
สายเลือดเทพหงสาที่สืบทอดยาวนานมากว่าห้าพันปี รวมไปถึง
ท่วงทํานองเทพหงสาที่สืบต่อกันมา มันถูกคิดค้นขึ้นมาเป็ นเขต
แดนเพลิงกัลป์ ทําลายล้างอันไร้ที่ติ ยามเปิ ดใช้เขตแดน โลหิตเทพ
หงสาล้วนถูกจุดขึ้นเช่นกัน ทัว่ บริ เวณจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็ น
นรกเพลิงอเวจีอนั น่าสยดสยอง แม้เขตแดนเทพหงสานี้จะเผา
ผลาญพลังงานมากมายหาศาลกว่าเขตแดนชนิดอื่นๆ ในระดับ
เดียวกัน ทว่าอานุภาพของมันล้วนไร้คู่เปรี ยบ
พลังของเขตแดนเทพหงสาเพียงหนึ่งเดียวก็มีพลังอํานาจน่า
เกรงขามแล้ว เมื่อเก้าเขตแดนเทพหงสาสําแดงเดชออกมาพร้อม
เพรี ยงกันและซ้อนทับซึ่ งกันและกัน…ภาพเช่นนี้มิเคยถูกพบเห็น
โดยใครมาก่อน ไม่แม้กระทัง่ ศิษย์เทพหงสา
ตูม!!!!!!!
ก่อนที่ทุกผูจ้ ะมีเวลาได้ตอบสนอง การแผ่ขยายของเปลว
เพลิงยักษ์อนั มีสีแดงประดุจดัง่ โลหิ ตก็กลืนกินศูนย์กลางของ
สนามประลองไปอย่างบ้าคลัง่ แปรเปลี่ยนเป็ นทะเลเพลิงใน
ฉับพลัน…ในทันใดนั้น มันดูราวกับดวงสุ ริยนั ลุกโหมได้ปรากฏ
ขึ้นและระเบิดกัมปนาทอย่างรุ นแรง
สายตาทุกคู่ในสนามประลองสะท้อนประกายสี สนั แห่ง
โลหิ ต ชัว่ พริ บตา โลกหล้าล้วนถูกย้อมเป็ นสี แดงฉาน…คลื่น
เปลวไฟลุกโหมกระพืออย่างรุ นแรง นําพาความหวาดหวัน่ น่า
สะพรึ งกลัวที่กลบกลืนภาพทะเลเพลิงก่อนหน้าของหยุนเช่อ
และเฟิ งซีลวั่ ได้อย่างหมดสิ้ น
และกึ่งกลางนรกทะเลอัคคีอนั น่าพรั่นพรึ งคือหยุนเช่อ ผูถ้ ูก
สู บกลืนเข้าไปโดยสมบูรณ์
“อ๊าาาาาา!!”
หลังจากความเงียบงันดัง่ รกร้าง ทัว่ ทั้งสนามโห่ร้องตะโกน
ขึ้นอย่างแตกตื่น ภาพที่พวกมันเพิ่งได้เป็ นสักขีพยานนั้นมิใช่
ความเงียบงันจากเมื่อครู่ น้ ี ในวินาทีถดั มา มันราวกับภูเขาไฟที่
ระเบิดปะทุ ผูฝ้ ึ กยุทธจํานวนหนึ่งสามารถจดจําภาพเบื้องหน้า
พวกมันได้ในทันทีวา่ มันคือเขตแดนเทพหงสาอันทรงพลังของ
พรรคเทพหงสาอย่างแน่นอน เขตแดนเทพหงสาแต่เดิมก็มีพลัง
เหนือลํ้ากว่าเขตแดนทัว่ ไปอยูแ่ ล้ว และเมื่อเขตแดนเทพหงสาทั้ง
เก้าถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาเดียวกัน ซ้อนทับผสาน ไม่มีผใู ้ ด
สงสัยเลยว่ากระทัง่ ราชันทรราชย์ท่ีแท้จริ งยามประมาทปล่อยตัว
จะต้องถูกเผาจนสาหัสไปอย่างแน่นอน!
การกระทํานี้ของพรรคเทพหงสา…เห็นได้ชดั เลยว่าหมาย
ประสงค์จกั สังหารหยุนเช่อในทันที! ไม่มอบโอกาสให้ผใู ้ ดได้มี
โอกาสตอบสนองทั้งนั้น!
ริ มฝี ปากของเฟิ งเหิงคงบิดขึ้น เฟิ งเฟยเยียนเองระบาย
รอยยิม้ เย็นชาบนใบหน้า…พวกมันเป็ นพยานอันชัดแจ้งว่าหยุ
นเช่อถูกเขตแดนทั้งเก้ากลบกลืน นัน่ ฉับพลันกะทันหันจนเกินไป
เป็ นวิธีการอันน่ากลัวที่ไม่มีผใู ้ ดในที่น้ นั คาดฝันมาก่อน เป็ น
วิธีการที่ไม่เปิ ดโอกาสให้ผใู ้ ดได้ทนั มีปฏิกิริยา ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ น
วิธีการที่ไม่อนุญาตหยุนเช่อมีโอกาสยกมือยอมแพ้โดยสิ้ นเชิง
ภายใต้เขตแดนเพลิงเทพหงสาทั้งเก้าชั้น ไม่ตอ้ งกล่าวถึงหยุนเช่อ
ที่เสื่ อมสู ญลมปราณจนแทบหมดสิ้ น แม้ชายหนุ่มจะอยูใ่ นสภาวะ
สมบูรณ์เต็มร้อย ยังคงต้องถูกเผาเป็ นเถ้าธุลี
ในสายตาของพวกมัน หยุนเช่อย่อมต้องถึงฆาตอย่างไม่ตอ้ ง
สงสัย ไม่มีโอกาสเหลือรอดใดๆ แม้ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง
คิดสอดมือ ยังสายเกินไป
“พีเ่ ขย!!!”
และในชัว่ ขณะนั้นเอง เซี่ยหยวนป้าที่เพียงเพิ่งมาถึงตัว
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง มันไม่แม้แต่มีโอกาสได้พดู คําสักคํา
เมื่อทะเลอัคคีระเบิดกัมปนาทถมท้องฟ้า ความร้อนแสบพองนัน่
ส่ งให้ผลถึงร่ างที่แข็งแกร่ งกว่าเหล็กกล้าของมันอาจถูกเผาได้ มัน
พลันสู ญเสี ยความเยือกเย็นและร้องคําราม เพียงเมื่อมันจะพุง่ ไป
ด้านหน้า
“ช้าก่อน!!” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยกมือขึ้นและฉุดดึง
ตัวชายหนุ่มไว้ มองกลับไปยังทะเลเพลิงเทพหงสาเบื้องหน้ามัน
ขณะที่ดวงตาของมันวาววาบด้วยความประหลาดใจ
กรี๊ ซซ~~~~
ทันใดนั้นเอง จากสนามประลองที่เดือดพล่าน กลับปรากฏ
เสี ยงครํ่าครวญโหยหวนของหงส์เพลิง ฉับพลัน ท่ามกลางเสี ยงกู่
ร้อง เขตแดนเพลิงผลาญสุ ดร้อนแรงทั้งเก้าชั้นที่ประสานรวมพลัง
กลับถูกฉี กกระชากออก เปิ ดเผยช่องว่างรอยโหว่อนั ใหญ่ยกั ษ์
จากช่องว่างที่ปรากฏขึ้น เงาร่ างของวิหคเพลิงทะยานสู่ เส้นขอบ
ฟ้าอย่างรวดเร็ ว
นัน่ เป็ นเงาร่ างของหงส์เพลิง ศีรษะของมันเชิดสู ง เรื อนร่ าง
สี แดงเฉิ ดฉาย ปี กเพลิงที่สยายออกรอบข้างกว้างกว่าสามสิ บเมตร
และที่อยูก่ ่ ึงกลางของเงาร่ างวิหคเพลิงนี้…กลับเป็ นร่ างของหยุ
นเช่อ!!
“อะ..อะไรกัน!!” เฟิ งเหิ งคงทะลึ่งพรวดขึ้นยืนพร้อมเปล่ง
เสี ยงอุทานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
พร้อมเพรี ยงกับเสี ยงคํารามสะท้านโสตประสาทของหยุ
นเช่อ เงาร่ างเทพหงสาทะยานสู งขึ้นไปหลายร้อยเมตร มัน
แบ่งแยกฟากฟ้า ณ เวลานี้เอง เสี ยง ๆ หนึ่งดังสะท้อนก้องออกมา
“ผูค้ นแห่งพรรคเทพหงสา…แหกตาของพวกเจ้ามองดูขา้ …ดูเสี ย
ว่า…ท่วงทํานองเทพหงสาที่แท้จริ งเป็ นเช่นไร!”
“อ๊ าาาากกก…”
เพลิงเทพหงสาบนร่ างของหยุนเช่อเผาไหม้ลุกโหม ด้วย
เสี ยงคํารามตํ่าของชายหนุ่ม เงาร่ างเทพหงสาบนร่ างของมันแผ่
ขยายใหญ่และหนาขึ้น ราวกับเทพหงสาตัวจริ งได้บินทะยานข้าม
ขอบฟ้า ปี กคู่อนั ลุกโชนของมันกางสยายเต็มเหยียด ปกคลุมระยะ
หลายสิ บเมตรในห้วงอากาศ หลังจากนั้น เสี ยงร้องของเทพหงสา
แหวกผ่านนภา เงาร่ างเทพหงสายักษ์นาํ มาซึ่งเปลวเพลิงที่แผดเผา
ฟ้าและกลิ่นอายอันไร้เทียมทาน ราวกับดาวตกที่พลันพุง่ ถลาตก
ลงมา…
ดวงตาทุกผูค้ นเบิกกว้างจนแทบถลนออกจากเบ้า…เนื่อง
เพราะพวกมันได้พบเห็นเทพหงสา! แม้นี่จะเป็ นเพียงภาพมายา
อันทรงพลัง หากกลับก่อรู ปร่ างอันชัดเจนยิง่ เป็ นภาพมายา
เสมือนจริ ง!! กระทัง่ ศิษย์เทพหงสาเองยังไม่เคยได้เห็นเงามายา
เทพหงสาที่แจ่มชัดถึงเพียงนี้มาก่อน!!
ชั้นบรรยากาศบิดเบี้ยวผกผันอย่างรุ นแรง มวลอากาศจาก
กึ่งกลางสนามประลองแตกหักด้วยเปลวความร้อนที่ติดตามร่ าง
มายาวิหคเพลิงเหิ นร่ อนลงมาสู่หล้า ทุกที่ทางที่ปีกเพลิงแผดเผา
กวาดผ่าน พื้นดินล้วนลุกไหม้ เปลวไฟลุกลามแผ่ขยายออกรอบ
ข้างโดยไม่อาจหยุดยั้ง พลังงานมหาศาลถ่ายเทออกสู่ พ้นื บริ เวณ
รอบข้าง ส่ งผลให้กระทัง่ เหล่าราชันทรราชย์ยงั ต้องยํา่ แย่
ขณะเดียวกัน แรงกดดันอันน่าหวาดหวัน่ สุ ดบ่งบอก
บรรยายได้สะกดข่มจิตวิญญาณของเหล่าศิษย์พรรคเทพหงสา
อย่างเหี้ ยมโหด ส่ งผลให้วญ ิ ญาณของพวกมัน รวมทั้งสายเลือด
เทพหงสาในร่ ายกายต้องสัน่ สะท้าน…
นี่มิใช่เพียงพลังกดดันจากขอบเขตพลัง! มันแม้แต่เป็ นแรง
กดดันต่อสายเลือดของพวกมัน
“ระบําหงส์…เพลิงฟ้าสยายปี ก!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้องขึ้นมา
อย่างประหลาดใจโดยข้างเฟิ งเหิ งคง
“อะไรนะ!?” เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่งให้เฟิ งเหิ งคงสัน่
สะท้านและดวงตาของมันหดลีบ ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก…
มันถูกพูดถึงโดยเทพหงสา ขั้นที่หา้ แห่งท่วงทํานองเทพหงสาที่
สู ญหายไปในแดนวายุคราม!!
ถูกต้อง! หยุนเช่อได้ปลดปล่อยเคล็ดวิชาเทพหงสาขั้นที่หา้
แห่งท่วงทํานองเทพหงสาจริ ง ๆ —— ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก
อย่างไรก็ตาม ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กนี้และสิ่ งที่เขาได้สาํ แดง
ออกมาเมื่อก่อนหน้าช่างแตกต่างกันนัก นี่เพราะก่อนได้รับการ
ฝึ กฝนท่วงทํานองเทพหงสาอันแท้จริ ง ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก
ที่ชายหนุ่มใช้อยูเ่ มื่อก่อนนี้มนั มาจากการหักโหมทําความเข้าใจ
กฎแห่งเพลิงเทพหงสาด้วยการช่วยเหลือของเมล็ดพันธุ์เพลิงเทพ
อสู ร มันมีรูปร่ างหากมิใช่จิตวิญญาณ และเคล็ดวิชาลมปราณ
รากฐานแห่งเทพหาสาจักมีพลังเพียงเท่านั้นเองได้อย่างไร?
ครานี้ หยุนเช่อได้ใช้ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กที่แท้จริ ง!!
เมื่อถูกใช้โดยเทพหงสา มันคือเคล็ดวิชาลมปราณซึ่งสามารถ
แบ่งแยกดวงดาราออกเป็ นสองเสี่ ยง!
“เร็ วเข้า หลบเร็ ว!!” แรงกดดันอันยิง่ ใหญ่ตกลงมาจาก
ฟากฟ้าส่ งให้เฟิ งเฟยเยีย่ นตื่นตระหนก ขณะที่มนั ร้องตะโกนไป
ทางศิษย์เทพหงสาทั้งเก้าเบื้องล่าง
และทั้งเก้าคนที่คิดจะใช้พลังของเขตแดนเทพหงสาเก้าชั้น
เพื่อแผดเผาหยุนเช่อให้ตกตายทั้งหมดเป็ นต้องหน้าซีดตัวสัน่
ตั้งแต่หวั จรดปลายเท้า…พวกมันได้ยนิ คําของเฟิ งเฟยเยียน ทว่า
ไม่มีมนั ผูใ้ ดขยับ นี่เพราะไอพลังที่ตกลงมาใส่ พวกมันนั้นราวกับ
ขุนเขาสู งเสี ยดฟ้าซึ่ งกดทับลงมาบนร่ างของพวกมัน ทําให้พวก
มันรู ้สึกราวกับร่ างกายของตัวเองจะถูกบดจนกลายเป็ นเศษเนื้อได้
ในทุกชัว่ ขณะ
ไม่เพียงร่ างกายของพวกมัน กระทัง่ จิตมุ่งมัน่ รวมถึง
สติสมั ปชัญญะล้วนถูกกําราบลงอย่างสิ้ นเชิง วิญญาณของพวก
มันหลงเหลือเพียงความหวาดผวาและสิ้นหวังอันไร้ที่สิ้นสุ ด…
ตูมมมม!!!!!!!!!!
เงาร่ างวิหคเพลิงถาโถมลงเบื้องล่าง ทัว่ ทั้งลานประลองหง
สาสัน่ สะเทือนชัว่ ครู่ เสี ยงครื นครั่นสัน่ สะท้านแผ่ลามรอบคลุม
ทัว่ ทั้งนครวิหคเทวะ
เขตแดนเทพหงสาแตกระเบิดออก ส่ งผลให้เพลิงเทพหงสา
ทะยานท่วมท้องฟ้า ศิษย์เทพหงสาทั้งเก้าเปล่งเสี ยงกรี ดร้องอัน
โชกเลือดออกมาจากร่ างท่วมโลหิ ตของพวกมัน ต่างถูกกระแทก
กระเด็นกระดอนไปราวถุงโลหิ ต บริ เวณที่เคยเป็ นลานเวทีหงสา
แต่เดิมกลับกลายเป็ นเพียงพื้นดิน ที่บงั เกิดขึ้นแทนที่คือหลุมสี ดาํ
สนิทขนาดมหึ มาไม่เห็นก้น!
พลังบ้าคลัง่ รุ นแรงของระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กเข้มข้น
รวมตัว ปลายพลังมิได้กระจายลุกลามเป็ นบริ เวณกว้าง ดังนั้น
นอกเหนือจากใจกลางการปะทะ บริ เวณโดยรอบคล้ายไม่ได้รับ
ผลกระทบใดๆ เมื่อเห็นศิษย์พรรคเทพหงสาทั้งเก้าถูกกระแทก
ลอยละลิ่ว เหล่าผูอ้ าวุโสของพรรคเทพหงสาเหิ นร่ างขึ้นกลาง
อากาศเพื่อรับตัวพวกมัน
และชัว่ เวลานี้เอง ที่กลางหลุมยักษ์สีดาํ เข้มไร้กน้ บึ้ง ลูก
บอลเพลิงพวยพุง่ สู่ สวรรค์ลูกหนึ่งแตกปะทุออก เปลวเพลิงเทพ
หงสาอันร้อนแรงสุ ดเปรี ยบปาน ก่อรู ปร่ างเป็ นกลีบบัวเพลิง
ผลาญขนาดมหึ มาเบ่งบานออกอย่างเปี่ ยมเสน่ห์น่าหลงใหล
ครอบคลุมรัศมีกว่าหลายร้อยเมตรในพริ บตา กลืนกินเหล่าศิษย์
พรรคเทพหงสาทั้งเก้าในทันที
“บัวปี ศาจ…นี่มนั บัวปี ศาจผลาญดารา!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
อุทานออกมาอย่างตื่นตะลึงอีกครั้ง
เฟิ งเหิ งคง “!!!!”
บัวเพลิงที่ลุกโหมไหม้กว้างสามร้อยเมตรอันสวยงามไร้คู่
เปรี ยบดอกหนึ่งเบ่งบานขึ้นกลางสนามประลอง มันสวยงามจน
ทําให้ผคู ้ นหยุดหายใจ ทว่าทุกกลีบนั้นสําแดงกลิ่นอายแห่งการ
ทําลายล้าง น่าหวาดหวัน่ พอจะทําให้ผคู ้ นหอบสําลัก ทุก ๆ ผูค้ น
เพียงมองมาที่มนั ด้วยสี หน้าว่างเปล่า ราวกับพวกมันได้สูญเสี ย
วิญญาณไป
เหล่าผูอ้ าวุโสที่พงุ่ ถลันเข้าไปช่วยเก้าศิษย์อจั ฉริ ยะเทพหง
สาหยุดชะงักไปกับที่ ดวงตาเบิกถลน จ้องเขม็งไปยังบัวเพลิงยักษ์
ไม่มีพวกมันคนใดเต็มใจจะก้าวหน้าต่อไป ผูอ้ าวุโสเหล่านี้ไม่ตอ้ ง
สงสัยเลยว่าพวกมันคือราชันทรราชย์ แม้บวั เพลิงเทพหงสาเบื้อง
หน้าพวกมันจะมีกลิ่นอายแห่งการทําลายล้างอันแรงกล้า มันยังคง
มิพอที่จะทําร้ายราชัยทรราชย์เช่นพวกมันได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อ
เผชิญหน้ากับบัวเพลิงเทพหงสา หัวใจของพวกมันสัน่ สะท้าน
อย่างรุ นแรง ไม่ตอ้ งพูดถึงเอื้อมมือไปต้องสัมผัส พวกมันมิกล้า
แม้แต่จะเข้าใกล้…มันคือความกลัวอันไร้รูปลักษณ์ ที่ฝังลึกลงไป
ถึงสายเลือดของพวกมัน ทําให้พวกมันรู ้สึกราวกับเป็ นบุคคล
สามัญที่ได้พบกับจักรพรรดิราชันในตํานานอย่างไม่ทนั ตั้งตัว
บัวปี ศาจผลาญดารา …นี่เป็ นกระบวนท่าบัวปี ศาจผลาญ
ดาราอันสมบูรณ์แบบ
บัวปี ศาจผลาญดาราที่เดิมมีกลีบมากที่สุดที่สามสิ บหกกลีบ
ทว่ายามนี้ ดอกบัวเพลิงเบ่งบานด้วยกลับอัคคีหนึ่งร้อยแปด
กลีบ แต่ละกลีบยิง่ มายิง่ ลึกลํ้ากว่าก่อนหน้า
ทุกผูค้ นจับจ้องมองด้วยแววตาว่างเปล่า ทัว่ ทั้งลานประลอง
ผูค้ นนับสิ บหมื่น นอกเหนือจากเสี ยงแห่งเปลวเพลิงที่ลุกฮือโหม
กลับไม่ปรากฏเสี ยงอื่นใดให้ได้ยนิ โดยสิ้นเชิง…กระทัง่ เสี ยงสู ด
ลมหายใจยังไม่มี ตัวแทนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ต่างลุกขึ้นยืน
เซี่ยหยวนป้าปากอ้าตาค้าง ปลายคางของมันแทบร่ วงสัมผัสพื้น
เฟิ งเฟยเยียนอยูใ่ กล้กบั จุดศูนย์กลางของลานประลองที่สุด
ดวงตาทั้งสองข้างของมันแทบถลนออกนอกเบ้า สองมือของมัน
สัน่ สะท้านอย่างไม่อาจควบคุม มุมปากของเฟิ งเหิงคงเองบิด
กระตุกไม่หยุดยั้ง…สําหรับผูค้ นภายนอกพรรคเทพหงสา สาเหตุ
ที่พวกมันแตกตื่นตระหนก ล้วนเกิดจากอานุภาพพลังทําลายล้าง
มหาศาลและความงดงามที่พฆิ าตสังหารอย่างเหี้ ยมโหด ทว่ากับ
พวกมันแล้ว นี่ราวกับปรากฏการณ์พลิกควํ่าฟ้าดิน จู่โจมเข้าใส่
จิตใจของพวกมันอย่างรุ นแรง
เพราะหยุนเช่อเพิง่ ได้สาํ แดงเคล็ดวิชาเพลิงเทพหงสาทั้ง
สองซึ่งเป็ นเอกลักษณ์ และตรงตามคําอธิบายของสองเคล็ดวิชา
เพลิงเทพหงสาอันยิง่ ใหญ่จากในตํานาน! และแม้วา่ พวกมันจะมี
เอกลักษณ์ที่คล้ายคลึงกัน ทว่าพลังที่สาํ แดงออกมาช่างยิง่ ใหญ่จน
มิอาจบรรยาย องอาจเหนือเพลิงหงสาผลาญสวรรค์! มันเหนือลํ้า
ยิง่ กว่าพลังของขั้นที่สี่ของท่วงทํานองแห่งเทพหงสา!
ระบําหงส์ เพลิงฟ้าสยายปี ก บัวปี ศาจผลาญดารา…
พวกมันควรมีอยูเ่ พียงแต่ในตํานานจากปากของเทพหง
สา…พลังอํานาจแห่งเคล็ดวิชาขั้นที่หา้ และหกของท่วงทํานอง
แห่งเทพอันสาบสู ญไปยาวนานที่ควรจะสู ญหายไปตั้งแต่เมื่อห้า
พันปี ก่อน!
บทที่ 447 หมิงหมิงน้ อย เจ้ าต้ องมีความรู้สึกละอายใจบ้ างนะ

บัวปี ศาจเทพหงสายังคงบานสะพรั่งอยูเ่ ป็ นเวลานานโดยไม่


โรยรา มันงดงามน่าหลงใหลดุจภาพมายาราวกับบุปผาสวรรค์อนั
ศักดิ์สิทธิ์ ทว่ารังสี ทาํ ลายล้างที่มนั ปลดปล่อยออกมาก็ลวกร้อน
ราวลาวาจากนรกโลกันต์
ณ ใจกลางบัวปี ศาจ บนเกสรบัวที่โชติช่วงนั้นมีเงาร่ างหนึ่ง
ค่อยๆ ปรากฏขึ้นแก่สายตาทุกผูค้ น ร่ างของหยุนเช่ออยูถ่ ูกห้อม
ล้อมด้วยเปลวเพลิง มือมันกุมกระบี่หนัก มีท่าทีอ่อนแรง เหนื่อย
หอบ ร่ างกายสัน่ สะท้านเล็กน้อย ราวกับแทบจะยืนไม่ไหว แต่
แววตาของมันยังทรงพลัง สร้างความหวาดกลัวให้กบั ผูท้ ี่มองเข้า
ไปในดวงตาคู่น้ นั ยามนี้ ผูค้ นได้แต่จอ้ งมองมันอย่างงงงวย…
เหมือนว่าพวกมันกําลังพบเห็นราชันจักรพรรดิผเู ้ จิดจรัส
ผูป้ กครองแดนดินทั้งหลาย !
“นี่คือ… ขั้นที่หา้ และขั้นที่หกของท่วงทํานองแห่งเทพหง
สาอย่างแท้จริ ง ! เป็ นขั้นที่พรรคเทพหงสาของพวกเจ้า…ไม่เคย
ไปถึง ! ตลอดห้าพันปี มานี้ ขั้นสู งสุ ดของท่วงทํานองแห่งเทพหง
สาที่พรรคเทพหงสาของพวกเจ้าไปถึงก็เพียงขั้นที่สี่เท่านั้น !” หยุ
นเช่อหอบหายใจด้วยความโกรธแค้น ทว่าทุกถ้อยคําของมันดัง
ราวกับฟ้าผ่า “ตอนนี้ พวกเจ้ายังต้องการจะบอกว่า… สายเลือด
เทพหงสาของข้านี้ มาจากพรรคเทพหงสาของพวกเจ้าอีก
หรื อไม่ !!”
การปรากฏตัวของหยุนเช่อในการประลองจัดอันดับเจ็ด
อาณาจักรนี้กเ็ พื่อแก้ปัญหาข้อบาดหมางระหว่างมันกับพรรคเทพ
หงสา… ไม่ใช่เพื่อขจัดข้อบาดหมางนั้นให้หมดไป โชคชะตาได้
กําหนดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางที่จะขจัดข้อบาดหมางที่วา่ ได้
บทสรุ ปที่มนั ต้องการจาก ‘วิธีแก้ปัญหา’ นี้ คือให้พรรคเทพหงสา
เป็ นฝ่ ายเริ่ มเรื่ อง และลงท้ายด้วยการไม่อาจโต้แย้งอันใดต่อหน้า
ทุกผูค้ นได้ !
มันครอบครองสายเลือดเทพหงสา ดังนั้นพรรคเทพหงสา
จึงต้องการที่จะ ‘จัดการปัญหาของพรรคให้เรี ยบร้อย’ ท่ามกลาง
สายตาของผูค้ น เพือ่ ให้ดูเหมาะสมและยุติธรรรม ด้วยเหตุน้ ีหยุ
นเช่อจึงจําเป็ นต้องพิสูจน์วา่ สายเลือดของมันไม่ได้มาจากพรรค
เทพหงสา เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าความพยายามที่จะสังหารมัน
ของพวกเทพหงสานั้นเป็ นการกระทําที่ปราศจากเหตุผล
และโอกาสที่ดีที่สุดก็คือเวลานี้ ท่ามกลางสายตาของเหล่า
วีรบุรุษของโลกหล้า ในการประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรที่มีสี่
แดนศักดิ์สิทธิ์มาปรากฏตัว !
หาไม่แล้ว หากมันเผชิญหน้ากับพรรคเทพหงสาโดยตรง
แม้จะพิสูจน์ได้วา่ สายเลือดของมันไม่ได้มาจากพรรคเทพหงสา
อย่างแท้จริ ง… นัน่ กลับจะกลายเป็ นการรนหาที่ตาย
ยิง่ ไปกว่านั้น เมื่อมีชื่อเสี ยงโดดเด่นในการประลองจัด
อันดับแล้ว อย่าว่าแต่จะเข่นฆ่ากันอย่างเปิ ดเผยเลย ต่อให้ตอ้ งการ
ลอบสังหารชายหนุ่ม พวกมันก็ยงั ต้องยับยั้งชัง่ ใจ
ก่อนที่จะมายังนครวิหคเทวะ วิธีพิสูจน์ตนเองที่ดีที่สุดที่หยุ
นเช่อคิดไว้คือ มันต้องเอาชนะผูฝ้ ึ กยุทธ์ที่แข็งแกร่ งที่สุดใน
บรรดาผูฝ้ ึ กยุทธ์รุ่ นเยาว์ของพรรคเทพหงสา ทําให้พวกมันพูดไม่
ออก บีบบังคับให้พวกมันยอมรับความจริ งนี้ ! หากพรรคเทพหง
สายังตําหนิมนั ก็เป็ นไปได้ที่สี่แดนศักดิ์สิทธิ์ผยู ้ ดึ ถือคุณธรรมและ
มีเมตตาจะยืน่ มือเข้าสอด และก็เป็ นไปได้ที่ผฝู ้ ึ กยุทธ์จากหก
อาณาจักรจะยืน่ มือเข้าสอดด้วย เนื่องจากมันได้นาํ ชื่อเสี ยง
เกียรติยศมาสู่ หกอาณาจักรนั้น ซึ่ งจะสร้างแรงกดดันแก่จกั รพรรดิ
เทพหงสา… อย่างไรก็ดีโอกาสที่จะประสบผลสําเร็ จนั้นมีครึ่ งต่อ
ครึ่ ง แต่เมื่อจัสมินบอกมันว่าจิตวิญญาณเทพหงสาได้ดบั สู ญไป
แล้ว โอกาสที่จะประสบผลสําเร็ จก็เพิ่มเป็ นเจ็ดถึงแปดส่ วน
ดังนั้น มันจึงใช้ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาในขั้นที่หา้ และ
ขั้นที่หกออกมาได้อย่างไม่ย้งั ! และนี่เป็ นข้อพิสูจน์ถึงสายเลือด
ของมันที่หนักแน่นไม่อาจโต้แย้งและเป็ นจริ งอย่างที่สุด
ส่ วนการมาถึงของเซี่ยหยวนป้า ก็ทาํ ให้มนั มีเกราะป้องกัน
ทางอ้อมจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน ซึ่งนี่เป็ นสิ่ งที่มนั มิได้
คาดคิดไว้เลย
บัวปี ศาจเทพหงสาเริ่ มโรยราอย่างช้าๆ หลังจากสิ บชัว่ ลม
หายใจ มันก็สลายไปท่ามกลางสายตาของทุกผูค้ น ทว่าความรู ้สึก
ตื่นตะลึงและผลกระทบจากภาพที่ได้เห็นได้ฝังลึกลงในจิตใจของ
พวกมันแล้ว
อันที่จริ งการทําเช่นนี้รังแต่จะทําให้พรรคเทพหงสายิง่
ปรารถนาจะสังหารมันยิง่ ขึ้นอย่างไม่ตอ้ งสงสัย… เพราะพวกมัน
คงไม่ยอมให้มีเทพหงสาอีกสาขาหนึ่งปรากฏอยูแ่ ละแผ่ขยาย
อิทธิพลออกไปในทวีปลมปราณฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิง่ สาขาที่มี
เคล็ดวิชาลมปราณเทพหงสาที่เหนือกว่าพวกมันสองขั้น ! ซํ้าพวก
มันคงปรารถนาที่จะได้ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของเขาอย่าง
แรงกล้าด้วย
ทว่า ให้พรรคเทพหงสามีเจตจํานงที่จะสังหารตัวมันมาก
ยิง่ ขึ้นเป็ นร้อยเท่าพันเท่า ก็ยงั จะดีกว่าปล่อยให้พวกมันไล่ล่าเข่น
ฆ่าเอาราวกับว่ามันเป็ นเรื่ องที่เหมาะสมและมิอาจหลีกเลี่ยงได้ !
ยิง่ ไปกว่านั้น มันจะไม่ปล่อยให้ตวั เองถูกไล่ล่าและเข่นฆ่าต่อหน้า
ทุกผูค้ นราวกับว่ามันเป็ นเรื่ องที่เหมาะสมมิอาจละเว้นไม่ได้!
นัน่ คือความภาคภูมิใจและความอหังการของมัน
หลังจากบัวปี ศาจผลาญดาราสลายไป ร่ างของศิษย์เทพหง
สาทั้งเก้าคนก็ปรากฏขึ้นตรงบริ เวณที่ก่อนหน้านี้ถูกปกคลุมด้วย
บัวเพลิง พวกมันล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทัว่ ทั้งร่ างถูกย้อมไป
ด้วยเลือด แต่กไ็ ม่มีผใู ้ ดเสี ยชีวติ เเม้วา่ พวกมันจะจมอยูใ่ นบัวเพลิง
นั้น แต่กไ็ ม่มีผใู ้ ดถูกทําร้ายถึงขั้นเสี ยชีวติ … นี่เป็ นการไว้หน้า
และให้ทางหนีทีไล่แก่พรรคเทพหงสาอย่างชัดแจ้ง ถือเป็ นความ
เอื้อเฟื้ อจากหยุนเช่อก็วา่ ได้… เพราะหากศิษย์อจั ฉริ ยะรุ่ นเยาว์ท้ งั
เก้าคนนั้นถูกกลบฝังไป มันจะเป็ นความสู ญเสี ยอันยิง่ ใหญ่ที่
พรรคเทพหงสามิอาจประเมินได้เลยทีเดียว
ส่ วนที่วา่ พวกมันจะรู ้สึกขอบคุณหรื อไม่ และจะต้องการ
รักษาหน้าของตนเองหรื อไม่ ก็ข้ ึนอยูก่ บั พวกพรรคเทพหงสาเอง
สําหรับผูท้ ี่ใจแคบอย่างหยุนเช่อแล้ว การยอมอ่อนข้อให้ถึงเพียงนี้
ถือเป็ นความเมตตาอย่างที่สุดแล้ว
พลันสุ ม้ เสี ยงเสี ยดแทงเสี ยงหนึ่งก็ดงั ขึ้นจากที่นงั่ ผูช้ ม
ทําลายความเงียบลงอย่างสิ้ นเชิง
“ว้า ! ได้ยนิ หรื อเปล่า ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่หา้
และขั้นที่หก ! ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของพรรคเทพหงสามีสี่
ขั้นไม่ใช่เหรอ ? นี่มนั อะไรกัน !!”
ผูท้ ี่กล่าวขึ้นมาก็คือหลิงเจี่ย มันใช้พลังลมปราณเพือ่ เปล่ง
เสี ยงออกมาให้ดงั ที่สุด เพราะเกรงว่าคนอื่นๆ จะไม่ได้ยนิ มัน
“งั้นก็ชดั เลยสิ เนี่ย !” ฮวาหมิงไห่กล่าต่อทันที ซํ้ายังเสี ยงดัง
กว่าหลิงเจี่ยหลายเท่า “นี่พิสูจน์ได้วา่ สายเลือดเทพหงสาและ
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของหยุนเช่อไม่ได้มากจากพรรคเทพ
หงสาแน่นอน”
“เอ๊ะ ? แต่วา่ พรรคเทพหงสาไม่ใช่พรรคเดียวในทวีป
ลมปราณฟ้าที่ครอบครองสายเลือดเทพหงสาและท่วงทํานองแห่ง
เทพหงสาหรอกเหรอ ?!”
“ปั ญญาอ่อนรึ เปล่า ?! สายเลือดเทพหงสาของพรรคเทพหง
สานั้นมาจากสมบัติตกทอดของเศษเสี้ ยวจิตวิญญาณเทพหงสาตน
หนึ่ง แล้วผูใ้ ดบอกเจ้ากันว่าในทวีปลมปราณฟ้ามีสมบัติตกทอด
จากเทพหงสาเพียงหนึ่งเดียว ! ตลอดห้าพันปี ที่ผา่ นมามีเพียง
พรรคเทพหงสาที่ได้ครอบครองสายเลือดเทพหงสา นี่เพียงพิสูจน์
ว่ายังไม่มีการค้นพบสมบัติตกทอดอื่นของเทพหงสา แต่ตอนนี้หยุ
นเช่อค้นพบมันแล้ว ยังมี หยุนเช่อไม่ได้บอกอย่างชัดแจ้งแล้ว
หรื อว่าสายเลือดเทพหงสาของมันไม่ได้มาจากพรรคเทพหงสา
แต่มาจากสมบัติตกทอดอื่นของเทพหงสา ?”
“แน่นอน ก่อนหน้านี้ขา้ ก็ไม่เชื่อมัน แต่เฟิ งซีลวั่ ยอด
อัจฉริ ยะของพรรคเทพหงสา ผูค้ รอบครองสายเลือดเทพหงสาที่
เข้มแข็งที่สุดก็พา่ ยแพ้ให้กบั หยุนเช่อแล้ว และตอนนี้มนั ยังแสดง
ให้เห็นถึงพลังอํานาจของท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่หา้ และ
ขั้นที่หก… ทั้งสองสิ่ งนี้ลว้ นเป็ นหลักฐานอันแน่นหนา ! หากยัง
ไม่เชื่ออีก หัวเจ้าก็คงเต็มไปด้วยมูลสุ นขั แล้ว !!”
“กล่าวได้ถูกต้อง ! สายเลือดเทพหงสาของหยุนเช่อไม่ได้มา
จากพรรคเทพหงสาอย่างแน่นอน และท่วงทํานองแห่งเทพหงสา
นั้นก็ยง่ิ ไม่ได้มาจากพรรคเทพหงสา… ว้าวว ! ทวีปลมปราณฟ้ามี
สมบัติตกทอดอื่นของเทพหงสาจริ งๆ ด้วย ข้าชักร้อนใจแล้ว !
ภายหลังการประลองจัดอันดับนี้ ข้าจะยอมเสี่ ยงชีวติ ค้นหาสมบัติ
นัน่ อย่างแน่นอน… ไม่มีส่ิ งใดมายับยั้งข้าได้หรอก !”
หลิงเจี่ยและฮวาหมิงไห่พดู จาสอดรับกันเป็ นปี่ เป็ นขลุ่ย ทุก
ประโยคล้วนส่ งผลต่อความคิดของทุกผูค้ น ทั้งสนามประลอง
ค่อยๆ เต็มไปด้วยเสี ยงหารื อถกเถียงกัน หากหยุนเช่ออ้างว่า
สายเลือดเทพหงสาของมันไม่ได้มาจากพรรคเทพหงสาตั้งแต่เริ่ ม
การประลองจัดอันดับ คงไม่มีผใู ้ ดในสนามประลองแม้แต่คน
เดียวที่จะเชื่อมัน แต่เมื่อมันเอาชนะเฟิ งซีลวั่ และแสดง
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่สูงขึ้นไปถึงสองขั้น… ทุกคนก็อด
มิได้ที่จะเชื่อมัน !
เสี ยงหารื อถกเถียงกันในสนามประลองค่อยดังขึ้นๆ ซึ่งทุก
คนแทบกล่าวเป็ นเสี ยงเดียวกันว่า “สายเลือดเทพหงสาของหยุ
นเช่อไม่ได้มาจากพรรคเทพหงสาแน่นอน” สี หน้าของประมุข
บรรดาผูอ้ าวุโสและองค์ชายพรรคเทพหงสาสลดหดหู่ลงอย่าง
เห็นได้ชดั พวกมันไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะเลยเถิดมาจนถึงขั้น
นี้ได้
เดิมทีพรรคเทพหงสาจะจัดการปั ญหาเกี่ยวกับหยุนเช่อใน
ฐานะที่เป็ นเป็ นเรื่ องการรั่วไหลของสายเลือดเท่านั้น มีเพียงบุคคล
ระดับเฟิ งเหิ งคงและเฟิ งเฟยเยียนที่กล่าวถึงเรื่ องนี้เป็ นบางครั้ง
โดยไม่ทาํ ให้มนั เป็ นประเด็นสําคัญแม้แต่นอ้ ย… เนื่องจากไม่วา่ ผู ้
ที่เกี่ยวข้องกับปั ญหานี้จะเป็ นใคร มันก็ไม่อาจรอดพ้นจากการเก็บ
กวาดภายในพรรคไปได้ ยิง่ กว่านั้นพวกมันยังรู ้สึกว่าการจะเข้าไป
แทรกแซงระหว่างการประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรเพื่อจัดการ
กับหยุนเช่อเป็ นสิ่ งที่ไม่ควรลดตัวลงไปทํา ดังนั้นในระหว่างการ
ประลอง พวกมันจึงมิได้เป็ นฝ่ ายริ เริ่ มหยิบยกเรื่ องสายเลือดของ
หยุนเช่อขึ้นมาพูด
ไม่มีผใู ้ ดคิดว่าภายใต้การชี้นาํ และการกระทําของหยุนเช่อ
สถานการณ์จะเลยเถิดกลายเป็ นเรื่ องที่พวกมันไม่แม้แต่จะคิดฝัน
ถึง
ยามนี้พวกมันเองก็ยงั เชื่อว่าสายเลือดเทพหงสาของหยุนเช่อ
ไม่ได้มีตน้ กําเนิดมาจากพรรคเทพหงสา และท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสานั้นก็เช่นกัน… ทว่าพวกมันไม่มีวนั ยอมรับความจริ งข้อนี้
เนื่องจากทันทีที่พวกมันยอมรับต่อหน้าทุกผูค้ น พวกมันก็จะเสี ย
สิ ทธิ์ในการดําเนินการ ‘ปกป้องสายเลือด’ และ ‘การเก็บกวาด
เรื่ องภายในพรรค’ ไป และหลังจากวันนี้ไป ชื่อของหยุนเช่อก็จะ
สะท้านไปทัว่ ปฐพี และเมื่อถึงจุดนั้น พรรคเทพหงสาก็จะไม่
สามารถจัดการมันได้อย่างเปิ ดเผย หรื อแม้แต่จะลอบกระทําการก็
ยังเป็ นเรื่ องยากอย่างที่สุด… เนื่องจากแม้จะมีผอู ้ ื่นต้องการที่จะทํา
ร้ายหยุนเช่อเช่นกัน แต่พรรคเทพหงสาคงต้องตกเป็ นผูต้ อ้ งสงสัย
รายแรกๆ
หากพวกมันยอมรับในสายเลือดของหยุนเช่อ และยอมให้
มันจากไปอย่างปลอดภัย เช่นนั้นพรรคเทพหงสาของพวกมันก็จะ
ไม่ใช่พรรคแห่งเทพพรรคเดียวในทวีปลมปราณฟ้าอีกต่อไป !
พวกมันจะยอมให้เรื่ องราวเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร !
เฟิ งซี หมิงเหลือบมองไปทางเฟิ งเหิ งคง และสังเกตเห็นสี
หน้าที่ไม่น่าดูของมัน เฟิ งซีหมิงสู ดลมหายใจลึก ลุกขึ้นยืน และ
ตะโกนเสี ยงดังว่า “เหลวไหลทั้งเพ ! เหลวไหลสิ้ นดี ! พวกท่าน
ทุกคนอย่าได้หลงเชื่อความคิดเหลวไหลของมัน ! ในทวีป
ลมปราณฟ้านี้ นับตั้งแต่โบราณกาลมามีเทพหงสาเพียงหนึ่งเดียว
และมีพรรคที่สืบทอดจากเทพหงสาเพียงพรรคเดียว ! เทพหงสา
เพียงหนึ่งเดียวของพรรคเทพหงสาเราได้กล่าวยํ้าหลายครั้งว่า
ท่านเป็ นเศษเสี้ ยวของจิตวิญญาณเทพหงสาเพียงหนึ่งเดียวที่
หลงเหลืออยูใ่ นทวีปลมปราณฟ้านี้ ! หากมีเศษเสี้ ยวของจิต
วิญญาณเทพหงสาอื่นดํารงอยู่ เหตุใดเทพหงสาของเราจึงไม่
สามารถสังเกตเห็น ! หากมีเศษเสี้ ยวของจิตวิญญาณเทพหงสาอื่น
ดํารงอยู่ เหตุใดจึงไม่มีผใู ้ ดค้นพบในตลอดช่วงเวลาห้าพันปี ที่ผา่ น
มา !!”
“เจ้าหยุนเช่อผูน้ ้ ี… ไม่วา่ มันจะกล่าววาจาคลุมเครื อปกปิ ด
อย่างไร ก็เป็ นไปไม่ได้ที่สายเลือดเทพหงสาของมันจะมีตน้
กําเนิดมาจากสมบัติตกทอดอื่นของเทพหงสา ดังนั้นความเป็ นไป
ได้ประการเดียวก็คือ สายเลือดมันมาจากพรรคเทพหงสาเรา !”
ทุกถ้อยคําของเฟิ งซีหมิงดังก้องกังวาน เป็ นการกล่าวด้วย
ความชอบธรรม แต่ไม่วา่ ใครที่ได้ยนิ ก็ยอ่ มรู ้สึกว่ามันกําลัง
พยายามที่จะอุดปากผูอ้ ่ืนไม่ให้โต้แย้งอันใดอีก เซี่ ยหยวนป้าหัน
ขวับและคํารามออกมาทันทีวา่ “เจ้าเศษสวะ ! ศิษย์สิบอันดับแรก
ของพรรคเทพหงสาของพวกเจ้าถูกพี่เขยข้าทุบตียงิ่ กว่าสุ นขั เสี ย
อีก ! แล้วเจ้ายังจะกล้ามาบอกว่าสายเลือดของพี่เขยข้ามาจาก
พรรคเทพหงสาของเจ้าอีกเหรอ ? ถุย !! นี่เท่ากับเป็ นการดูถูก
พี่เขยข้าชัดๆ !”
คําพูดของเซี่ยหยวนป้านั้นกดขี่ข่มเหงกันอย่างถึงที่สุด และ
ก้าวร้าวอย่างยิง่ ความหยาบคายของมันนั้นไม่ต่างอะไรไปจาก
การสาดอุจจาระใส่ หน้าองค์รัชทายาทแห่งเทพหงสาต่อหน้าทุก
ผูค้ น เฟิ งซี หมิงหน้าเขียวคลํ้าขึ้นมาในทันที แม้แต่หยุนเช่อก็พลัน
เบิกตากว้าง… มารดามันเถอะ ! คําพูดเหล่ านีม้ าจากปากเซี่ยหยวน
ป้าจริ งๆ หรื อ ?
“หยวนป้าอย่าเสี ยมารยาท !” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง
ตําหนิหยวนป้าอย่างมีเมตตา แต่กลับหัวร่ อในใจ จากนั้นก็กล่าว
ว่า “อย่างไรก็ดี ดูจากสิ่ งที่เราผูแ้ ซ่กเู ห็น สายเลือดของหยุนเช่อนั้น
มิได้มาจากพรรคของท่านจริ งๆ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของเขา
นี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ทุกสิ่ งได้แล้ว”
ถึงปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางจะใช้ถอ้ ยคําที่นุ่มนวล ทว่า
ด้วยความแข็งแกร่ ง ภูมิหลัง ศักดิ์ศรี และสถานะของมัน คําพูด
ของมันจึงน่าเชื่อถือที่สุดในสนามประลองนี้อย่างไม่ตอ้ งสงสัย
เมื่อมันกล่าวออกมาเช่นนั้น ย่อมหมายความว่ามันให้การ
สนับสนุนหยุนเช่ออย่างแน่นอน… น่าขันนัก ! ศิษย์คนสนิทคน
สุ ดท้ายของมันยอมตายแทนหยุนเช่อ ซึ่ งหากไม่ตอ้ งการให้เป็ น
เช่นนั้น มันย่อมมิอาจปิ ดปากเงียบได้ นอกจากนี้ มันเองก็รู้สึกตื่น
ตาตื่นใจและชื่นชมพรสวรรค์ของหยุนเช่อด้วย ดังนั้นต่อให้ไม่มี
ความสัมพันธ์อนั ใดกับเซี่ ยหยวนป้า มันก็ยงั จะกล่าวสนับสนุนหยุ
นเช่ออยูด่ ี
เมื่อปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางออกปาก มันก็ทาํ ให้เฟิ งเหิ ง
คงและคนอื่นๆ ยิง่ ดูยา่ ํ แย่ลง เฟิ งซีหมิงสู ดลมหายใจลึก คารวะต่อ
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “คําพูด
ของผูอ้ าวุโสกูยอ่ มมีน้ าํ หนักมหาศาล ทว่า… เรื่ องนี้เกี่ยวข้องกับ
ข้อห้ามทางสายเลือดของพรรคเทพหงสาเรา ที่ไม่วา่ จะอย่างไรก็มิ
อาจประนีประนอมได้ การที่เขาเอาชนะองค์ชายสิ บสี่ ของข้าได้
นัน่ เป็ นเพียงพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์อย่างที่สุดเท่านั้น
มิได้เกี่ยวอะไรกับความบริ สุทธิ์ของสายเลือด สองกระบวนท่า
ของเขาก่อนหน้านี้… ก็เป็ นเพียงกระบวนท่าที่ถูกเขาตั้งชื่อว่า
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หกเท่านั้น ! ในโลกนี้
มีผใู ้ ดเคยเห็นท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่สูงกว่าขั้นสี่ จริ งๆ
บ้าง ? แม้แต่เทพหงสาผูส้ ู งส่ งของเราก็มิได้มีความสามารถในขั้น
ที่สูงกว่าท่วงทํานองแห่งเทพหงสา แล้วคนผูน้ ้ ีจะมีความสามารถ
นั้นได้อย่างไร ?!! นัน่ ย่อมพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาใช้วชิ าลมปราณ
อัคคีอื่นเพือ่ ปลอมแปลงมันขึ้นมา !!”
ขณะที่ฟังเฟิ งซี หมิงกล่าววาจา ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง
ก็ขมวดคิ้วแน่นเล็กน้อย ผมของเซี่ยหยวนป้านั้นลุกชี้ชนั ขึ้นทันที
แต่ขณะที่มนั จะด่ากราดออกมานั้น สุ ม้ เสี ยงอ่อนหวานและน่ารัก
เสี ยงหนึ่งก็ดงั ขึ้น
“อุย๊ ต๊ายตาย… ฟังจากที่หมิงหมิงน้อยกล่าวมา เจ้าช่างไม่มี
ยางอายเสี ยจริ งๆ ผูอ้ ื่นฟังจนทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว… หมิงหมิง
น้อย ผูอ้ ื่นมิได้กาํ ลังติเตียนเจ้า… แต่เจ้าเป็ นถึงองค์รัชทายาทน้อย
ของเทพหงสา บิดาของเจ้าก็คือคงคงน้อย แล้วไยเจ้าจึงหน้าไม่
อายได้ถึงเพียงนี้… ในฐานะที่เป็ นมนุษย์ผหู ้ นึ่ง เจ้าต้องมี
ความรู ้สึกละอายใจบ้างนะ หากแม้เจ้าจะไม่ละอายใจ พรรคเทพ
หงสาก็ควรละอาย หากแม้พรรคเทพหงสาไม่ละอายใจ จักรวรรดิ
เทพหงสาก็ควรละอาย… หมิงหมิงน้อยเชื่อข้าเถอะ หยุดทําตัวไร้
ยางอายแบบนั้นเสี ยที ผูอ้ ื่นเกลียดคนไร้ยางอายเป็ นที่สุด”
บทที่ 448 ไพ่ตายพรรคเทพหงสา

ทันทีที่ได้ยนิ เสี ยงนี้ เส้นผมบนหนังศีรษะของเซี่ยหยวนป้า


ที่ลุกชี้ชนั พลันอ่อนตัวลงในทันที มันเบนสายตาไปยังจีเชียนหลัว
นัยน์ตาปรากฏแววตื่นตระหนก
จีเชียนหลัวหลุบตาลงครึ่ งหนึ่ง บิดม้วนปลายนิ้ว นัยน์ตา
ดอกท้อเปล่งประกายระยับราวระลอกคลื่นจนแทบทําให้ผคู ้ น
กระดูกกระเดี้ยวอ่อนยวบยาบ วาจาของมันยิง่ นุ่มนวลอ่อนโยนยิง่
ราวกับหญิงสาวเยาว์วยั ที่ถ่ายทอดความในใจออกมาจนหมดสิ้ น
ทว่า เนื้อความของคํากล่าวทั้งหมดกลับเต็มไปด้วยแววเหยียด
หยามและดูแคลนอย่างลึกลํ้า ไม่ต่างจากคําด่าทอของเซี่ยหยวนป้า
เลยแม้แต่นอ้ ย
อุบ๊ บบ…
ทัว่ ทั้งลานประลอง ผูค้ นครึ่ งหนึ่งตกตะลึงจังงัง อีกกว่าครึ่ ง
หลุดพ่นลมออกมาในทันที
หยุนเช่อเหลือบตามองไปยังจีเชียนหลัวด้วยความ
ประหลาดใจ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางออกปากแทนตนเองยัง
ไม่นบั ว่าน่าแปลก ทว่าชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่าจีเชียนหลัว
จากวังเจ้าสมุทร ผูม้ ีกิริยาท่าทางราวปี ศาจมารร้าย ทั้งยังมีนยั น์ตา
ราวสตรี ผไู ้ ม่มีทีท่ากังวลสนใจต่อความเป็ นไปของผูใ้ ดกลับ
ยินยอมออกปากขึ้นเพื่อตนเองเช่นกัน…ไม่ ไม่! นี่มิใช่เพียงการ
ออกปากแทนหยุนเช่อ หากแต่เป็ นการกระทําเช่นเดียวกับเซี่ย
หยวนป้า เป็ นการทุ่มถังมูลปฏิกลู เน่าเหม็นใส่ กระโหลกของเฟิ ง
ซี หมิงอย่างแย้มยิม้ โดยไม่ลงั เล ปราศจากความเกรงกลัว ทั้งยัง
เป็ นการตั้งตนเป็ นศัตรู กบั รัชทายาทเทพหงสา กระทัง่ พรรคเทพ
หงสาเองด้วยซํ้า!
ต่อหน้าเฟิ งเหิ งคง เย่ซิงหาน — เจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพ
สุ ริยนั จันทราแสดงออกด้วยความอวดดีอย่างถึงที่สุด ทั้งยังหยิง่
ยโสหยาบคาย แต่เมื่อพบพานจีเชียนหลัว เย่ซิงหานยังต้องเกรง
กลัวและหวาดวิตก…บุคคลเช่นนี้จะเห็นรัชทายาทเทพหงสาผู ้
หนึ่งในสายตาได้เช่นไร? อาจบางที …ทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า
ล้วนไม่มีผใู ้ ดคู่ควรให้มนั ใส่ ใจด้วยซํ้า
สี หน้าของเฟิ งเหิ งคง เฟิ งเฟยเยียนและบุคคลอื่นๆ
เปลี่ยนแปลงอีกครา ใบหน้าของเฟิ งซีหมิงบิดเบี้ยว สี หน้าม่วง
คลํ้าราวกับเพิ่งกลืนก้อนอึร้อนๆไปก้อนใหญ่ มันถูกข่มเหงจน
แทบกระอักโลหิ ตออกมา ทว่าแม้จะกล้ายอกย้อนต่อปรมาจารย์กู่
ชาง หากมันกลับไม่มีความกล้าตอบโต้จีเชียนหลัว..บุคคลเพียง
คนเดียวในโลกนี้ที่สามารถทําให้สีหน้าของเฟิ งเหิงคงต้อง
แปรเปลี่ยนกลับกลายในทันที ตัวตนอันน่าหวาดผวาที่ผคู ้ นต้อง
หลุบหางหลบหนีดว้ ยความหวาดกลัว คนส่ วนมากเพียงสามารถ
เห็นท่าทางลี้ลบั ชัว่ ร้าย ทว่ามันเองเคยได้ฟังเฟิ งเหิ งคงบอก
กล่าวถึงความโหดเหี้ ยมอํามหิ ต และความขนพองสยองเกล้าของ
จีเชียนหลัวมาหลายครั้ง
หลิงเจี่ยและฮวาหมิงไห่น่ิงฟังกระทัง่ ทัว่ ร่ างของพวกมัน
ต่างผ่อนคลายและกระปรี้ กะเปร่ าขึ้นมาอีกครั้ง ต่างรู ้สึกเสี ยดายที่
ไม่อาจหัวเราะให้ดงั สนัน่ ลัน่ โลกออกมาตรงๆ นี่มิใช่เพียงคํา
เหยียดเย้ยจากผูค้ นธรรมดาทัว่ ไป หากเป็ นคําหยามหยันจากผูค้ น
จากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ท้ งั สองพาลรู ้สึกว่าปี ศาจน่ากลัวผูน้ ้ ีพลัน
น่ารักขึ้นโดยกะทันหัน รอบกายของพวกมันยังเต็มไปด้วยเสี ยง
หัวร่ อคิกคัก
วาจาของเฟิ งซีหมิงแท้จริ งทั้งน่าขันและเต็มไปด้วยช่องโหว่
วิชายุทธ์อคั คีร้อนแรงแผดเผาโลกาสองกระบวนท่าเมื่อครู่ เห็นได้
ชัดเจนว่าเป็ นเพลิงเทพหงสา ปลดปล่อยคลื่นพลังของเทพหงสา
ออกมา ทั้งยังเหนือลํ้ากว่าท่วงทํานองเทพหงสา จะเอาไปเทียบกับ
เพลิงปราณอัคคีธรรมดาทัว่ ไปได้อย่างไร!
เมื่อยิง่ ทบทวนหวนนึก แม้จะมีปราณอัคคีที่สามารถก้าวลํ้า
กว่าท่วงทํานองเทพหงสาจริ ง…ที่ครอบคลุมร่ างของหยุนเช่ออยู่
เมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็ นเงาร่ างเทพหงสาที่สนั่ สะท้านจิตใจทุกผูค้ น
มีเพียงคนตาบอดเท่านั้นจึงไม่อาจมองเห็นได้!
ดังนั้น แม้เฟิ งเหิ งคง เฟิ งเฟยเยียน และบุคคลอื่นจะไม่
ต้องการยอมรับ พวกมันยังคงไม่อาจกล่าววาจาใดออกมาได้ เนื่อง
เพราะหลักฐานอันหนักแน่นเบื้องหน้า หากพวกมันเปิ ดปาก
คัดค้าน มีแต่สามารถเป็ นตัวตลกให้ผคู ้ นดูแคลนเท่านั้น….เฟิ งซี ห
มิงไม่มีตวั เลือกอื่นใด นอกจากทําตัวเป็ นกระสุ นปื นใหญ่จู่โจม
ออกเป็ นกองหน้า ทว่าสุ ดท้าย เห็นได้ชดั เจนว่า….มันกลับถูก
อุจจาระสุนขั ทุ่มใส่ ใบหน้าโดยเซี่ยหยวนป้าและจีเชียนหลัว
เฟิ งซี หมิงมิอาจกล่าวคําพูดใดได้อีก สมาชิกพรรคเทพหง
สาทุกผูไ้ ม่มีผใู ้ ดกล่าววาจาออกมาได้เป็ นนาน บรรยากาศดิ่งลงสู่
สถานการณ์ที่ไม่อาจคลี่คลายเมื่อพวกมันถูกข่มอย่างถึงที่สุด และ
แม้ปรมาจารย์ก่ชู างและจีเชียนหลัวจะแสดงท่าทีออกมาชัดแจ้ง
หากลิขิตแห่งความอับจนสิ้ นหนทางของพวกมันยังคงไม่อาจ
พลิกฟื้ น เมื่อเป็ นเช่นนี้ วันนี้ หรื อวันต่อๆไป พวกมันล้วนไม่อาจ
ไล่ล่าสังหารอย่างเปิ ดเผย หรื อควบคุมบังคับหยุนเช่อได้ ตํานานที่
ไม่เคยถูกโค่นล้มของพวกมันล้วนถูกเหยียบยํา่ แหลกสลาย ยอด
ยุทธ์รุ่นเยาว์ของพรรคมันทั้งหมดถูกหยุนเช่อเพียงผูเ้ ดียวกําราบ
สิ้ น ส่ งผลให้ท้ งั พรรคเทพหงสาต้องเสื่ อมเสี ยหน้า กระทัง่ ความ
ภาคภูมิยาวนานตลอดประวัติศาสตร์หา้ พันปี ของพวกมัน
สายโลหิ ตเทพหงสา ยังมิใช่เพียงของพวกมันแต่ผเู ้ ดียวอีกต่อไป!
ยามนี้ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงชัยชนะของหยุนเช่อ กระทัง่ การเก็บ
กวาดสถานการณ์ และต่อต้านรักษาไว้ซ่ ึงเกียรติภูมิสุดท้ายของ
พรรคเทพหงสาเองยังยากเย็นยิง่
ภายใต้บรรยากาศเย็นยะเยือก สี หน้าของเฟิ งเหิ งคง
แปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างใหญ่หลวงอีกคํารบ สุ ดท้าย มันเปิ ด
ปากกล่าววาจาออกมาด้วยนํ้าเสี ยงนิ่งสงบอย่างถึงที่สุด “หยุนเช่อ
เจ้าเชื่อมัน่ จริ งๆหรื อ…ว่าชนชั้นรุ่ นเยาว์ของพรรคเรา ไม่มีผใู ้ ด
สามารถเอาชนะเจ้าได้! ในบรรดาผูเ้ ยาว์ของพรรคเทพหงสา ยังคง
มีบุคคลอีกคนหนึ่ง ไม่วา่ ความสามารถ พลังฝี มือ รวมทั้งความ
เข้มข้นของสายเลือด ล้วนเหนือลํ้ากว่าเจ้า เป็ นพันเท่า!”
ชัว่ เวลาที่เฟิ งเหิ งคงเปิ ดปากกล่าววาจา ทุกผูค้ นพลันนิ่ง
ตะลึง หลิงคุนมีทีท่าเหม่อลอย มันลอบแย้มยิม้ จากนั้นกล่าวว่า
“อ้อ? พรรคเทพหงสายังคงมีอจั ฉริ ยะบุคคลหลงเหลืออยู?่ ใช่
พรรคเทพหงสาดูแคลนการแข่งขันประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิน้ ี
จึงไม่ส่งอัจฉริ ยะผูน้ ้ นั ลงแข่งใช่หรื อไม่? อาจบางที ศิษย์ที่ลงแข่ง
เมื่อครู่ เพียงนับเป็ นศิษย์ธรรมดาทัว่ ไปในพรรคท่านกระมัง?”
ความจริ งย่อมไม่เป็ นอย่างที่หลิงคุนเอ่ยปาก ในบรรดาคน
รุ่ นเยาว์จากพรรคเทพหงสา เฟิ งซีลวั่ ย่อมต้องเป็ นผูท้ ี่มีพรสวรรค์
และพลังฝี มือสู งที่สุดอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ทว่านอกจากเฟิ งซีลวั่ ก็
ยังมีไพ่ตายอีกใบที่เหนือลํ้ากว่าเฟิ งซีลวั่ อย่างทาบไม่ติดอยู่ เพียง
แค่ไพ่ตายใบนี้น้ นั สําคัญกับพรรคเทพหงสามากเกินไป เฟิ งเหิ งคง
จึงไม่เคยคิดที่จะเปิ ดเผยมันมาก่อนจนกระทัง่ วันนี้
ทันทีที่เฟิ งเหิ งคงเอ่ยปาก สี หน้าสมาชิกคนสําคัญของพรรค
เทพหงสาหลายคนก็พลันเปลี่ยนไป พวกมันล้วนแต่รู้ดีวา่ เฟิ งเหิ ง
คงกล่าวถึงผูใ้ ดอยู่ ทว่าแม้สีหน้าของพวกมันจะเปลี่ยนไป แต่กไ็ ม่
มีผใู ้ ดเอ่ยปากคัดค้านออกมา
นัน่ เป็ นเพราะแม้วา่ เรื่ องราวในวันนี้จะดูเหมือนเป็ นปัญหา
เรื่ องสายเลือดของหยุนเช่อ ทว่าเบื้องหลังของมันเกี่ยวพันกับ
หน้าตา ภาพลักษณ์และเกียรติยศของพรรคเทพหงสา มันอาจถึง
ขั้นกระทบอิทธิพลและคุกคามอนาคตของพรรคเทพหงสาได้เลย
ทีเดียว… ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ได้มาถึงจุดนี้ การจะเรี ยกว่านี่เป็ น
วิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบห้าพันปี ของพรรคเทพหงสาก็ยงั ไม่
นับว่าเกินเลย…
ดังนั้น แม้วา่ สถานการณ์ในวันนี้จะไม่มีทางพลิกกลับได้
แล้ว พวกมันก็ตอ้ งกูห้ น้าคืนมาบ้างต่อให้ตอ้ งเปิ ดเผยไพ่ตายของ
พวกมันก็ตามที!! อย่างน้อยที่สุด พวกมันก็สามารถแสดงให้ท้ งั
โลกได้รับรู ้วา่ ต่อให้ยงั มีสมบัติตกทอดจากเทพหงสาอยูอ่ ีกแห่ง
หนึ่งบนโลก มันก็ยอ่ มไม่มีทางเข้มแข็งไปกว่าพรรคเทพหงสา
ได้! นี่เป็ นไพ่ตายใบสุ ดท้ายของพรรคเทพหงสาอันยืนยงกว่าห้า
พันปี ที่ไม่มีทางพ่ายแพ้โดยง่าย!!
เฟิ งเหิ งคงขมวดคิ้วขณะหันตัว สายตามันจับจ้องไปยังร่ าง
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขา้ งกาย ขณะมองไปยังบุตรี โทนของตน สี หน้า
เคร่ งเครี ยดของมันก็พลันกลายเป็ นอ่อนโยนโดยไม่รู้ตวั กระทัง่
แนวความคิดของมันก็พลันอ่อนโยนขึ้น มันถอนหายใจในใจ
ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เสวีย่ เอ๋ อร์ พ่อรู ้วา่ ลูกไม่ชอบขัดแย้งกับ
ผูอ้ ื่น แต่บทสรุ ปของเรื่ องในวันนี้สาํ คัญกับพรรคของเรายิง่ นัก
มันเกี่ยวพันกับเกียติยศและความภาคภูมิกว่าห้าพันปี ของพรรค
เทพหงสาเรา ดังนั้น… พ่อขอให้ลูกช่วยพ่อสักครั้งได้ไหม?”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเหิงคงติดขัดเล็กน้อย และยังแฝงไว้ดว้ ย
ความรู ้สึกผิดและไม่ยนิ ยอม บางทีทวั่ ทั้งโลกนี้คงมีเพียงเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์เท่านั้นที่ทาํ ให้มนั เป็ นเช่นนี้ได้
ไม่ใช่เพราะเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เป็ นบุตรี ที่มีค่าที่สุดของมัน
เท่านั้น นางยังเป็ นจิตวิญญาณของพรรคเทพหงสา และเป็ น
กระทัง่ จิตวิญญาณของตัวจักรวรรดิเทพหงสาเองอีกด้วย
“…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มิได้เอ่ยอะไรออกมา หลังจากนิ่งเงียบ
ไปครู่ หนึ่ง นางก็ผดุ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ ทว่าการขยับตัวอัน
เรี ยบง่ายนี้กลับดึงดูดสายตาของผูค้ นทั้งสนามประลองไปใน
พริ บตา พวกมันล้วนแต่จอ้ งมองเงาร่ างของนางอย่างเหม่อลอย…
หลังจากจับจ้องไปที่นาง ความตกใจของพวกมันก็กลับกลายเป็ น
ความลุ่มหลง ราวกับวิญญาณของพวกมันถูกร่ างของนางดึงดูด
เข้าไปตามทุกอิริยาบทของนาง
“ทราบแล้ว เสด็จพ่อ” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยอย่างนอบน้อม ทุก
คําจากปากนางล้วนแต่หวานหูและนุ่มนวลราวกับเสี ยงจาก
สวรรค์
ใบหน้าของปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง หลิงคุน และจีเชียน
หลัวพลันฉายแววประหลาดใจ ส่ วนเย่ซิงหานจ้องเขม็งไปยังร่ าง
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขณะเปล่งรัศมีของหมาป่ าที่หิวโหยออกมา
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างขณะจับจ้องไปยังเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่ลุก
ขึ้นอย่างแช่มช้าและเดินออกมาจากแถวที่นงั่ ราวกับนางเซียนที่
เหยียบย่างไปบนหมู่เมฆ
คนที่เฟิ งเหิ งคงพูดถึง… คนที่เหนือลํ้ากว่าเฟิ งซีลวั่ … หรื อ
จะเป็ น… นาง… องค์หญิงหิ มะกัน!?
นี่… นี่เป็ นไปได้อย่างไร? เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่งดงามราวกับ
เทพธิดา จะข้องเกี่ยวกับคําว่า “ทรงอํานาจ” ได้เช่นไร? แม้เฟิ ง
ซี ลว่ั จะถูกหยุนเช่อโค่นล้ม พลังฝี มือของมันก็เป็ นที่ประจักษ์จน
แม้แต่ยอดฝี มือของห้าจักรวรรดิกร็ ู ้สึกว่าตนตํ่าต้อย องค์หญิงหิ มะ
ที่นุ่มนวลและบริ สุทธิ์ดุจหิ มะ นางจะมีพลังฝี มือสู งลํ้ากว่าเฟิ งซีลว่ั
ได้เช่นไร…
นางเป็ นสตรี และยังมีอายุเพียงสิ บหกปี เท่านั้น!
บนร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่มีร่องรอยพลังลมปราณแม้แต่
น้อย จากแขกทัว่ ทั้งลานประลองที่อ่อนแอที่สุดจากหกจักรวรรดิ
จนไปถึงปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง ไม่มีแม้แต่ผเู ้ ดียวที่สมั ผัสได้
ถึงพลังลมปราณในร่ างนาง นางเป็ นเพียงเด็กสาวบอบบางผูห้ นึ่ง
เท่านั้น
ท่ามกลางความตื่นตระหนกและสับสน เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กม็ า
ยืนอยูเ่ บื้องหน้าหยุนเช่อเรี ยบร้อย เมื่อเผชิญหน้ากันโดยตรง นาง
สามารถมองเห็นใบหน้าของหยุนเช่อได้อย่างชัดเจน แต่มนั ไม่
อาจมองเห็นความงามที่ทาํ ให้โลกหม่นลงของนางได้แม้แต่นอ้ ย
หยุนเช่อไม่เคยคิดเลยว่ามันจะได้มาพบเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อีก
ครั้งในสถานการณ์เช่นนี้ มันมองไปยังเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ดว้ ยความ
สับสน ริ มฝี ปากของมันสัน่ สะท้านอยูค่ รู่ หนึ่งก่อนที่มนั จะเอ่ย
ปากออกมาอย่างยากลําบาก “เสวีย่ เอ๋ อร์…”
ยามเผชิญหน้ากับพรรคเทพหงสาที่ทรงอํานาจหาที่เปรี ยบ
มันก็สามารถยืนหยัดได้อย่างองอาจไร้ซ่ ึงความกลัว ทว่าต่อหน้า
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ท่าทีอาจหาญทั้งหมดของมันก็สาบสู ญไปจนหมด
สิ้ น ทั้งสี หน้า แววตา และหัวใจของมัน แฝงด้วยความอับอาย
อย่างลึกลํ้าและหวาดกลัวเล็กน้อย… กลัวว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะเจ็บปวด
หรื อถึงขั้นร้องไห้เพราะการหลอกลวงของมัน
นางช่วยชีวติ มันไว้ ช่วยให้มนั ได้รักษาตัวในสถานที่ที่
ปลอดภัยที่สุด มอบความเชื่อใจอันบริ สุทธิ์ผดุ ผ่องที่สุดให้ และยัง
สอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่มนั … ทว่าสิ่ งที่มนั มอบให้
นางก็มีเพียงการหลอกลวงอย่างไม่จบสิ้น ตัวตนปลอม ชื่อปลอม
และจุดประสงค์ปลอม… มันได้ใช้ชีวติ ที่นางช่วยเอาไว้ ใช้
ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาที่นางสอน เพือ่ จัดการกับเสด็จพ่อและ
พรรคเทพหงสาที่นางเกิดและเติบโตขึ้นมา…
หยุนเช่อสู ดลมหายใจอย่างเงียบงัน จ้องมองไปยังเงาร่ าง
งดงามที่เบื้องหน้า ก่อนกล่าววาจาอย่างนุ่มนวลว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์…
ข้าขอโทษ…”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มิตอบคํา ทว่าทันใดนั้นเอง หญิงสาวยืน่ ฝ่ ามือ
งดงามราวสลักจากหยกออกไป ใจกลางฝ่ ามือหันออกเผชิญกับ
บริ เวณตําแหน่งทรวงอกของหยุนเช่อ
หยุนเช่อมิได้ขยับเคลื่อนไหว…ต่อให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะพลัน
จู่โจมเต็มกําลัง ชายหนุ่มอาจลงมือต่อต้าน ทว่าเขาไม่มีทางตอบ
โต้นางอย่างแน่นอน
วูบบบบ!!
กระแสลมอ่อนจางโชยพัดผ่าน อัคคีเทพหงสาค่อยถูกจุด
ขึ้นอย่างเชื่องช้าบนร่ างของหญิงสาว เปลวไฟมิได้ร้อนแรงแผด
เผา ทว่าเข้มข้นลึกลํ้าสุ ดหยัง่ ถึง ลึกลํ้ายิง่ กว่าเพลิงเทพหงสาใดๆที่
หยุนเช่อเคยสัมผัสมาก่อน
เพลิงเทพหงสาเรื องรองขึ้นห่อหุม้ ทัว่ ร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ยามนี้เอง ตราประทับสี ทองเรื องแสงขึ้นที่ก่ ึงกลางหน้าผาก
ประกายสี ทองสะท้อนลอดออกมาจากภายใต้ผา้ คลุมหน้าหงสา
หยกเข้าสู่นยั น์ตาของหยุนเช่อ ส่ งผลให้ชายหนุ่มจิตใจสัน่ สะท้าน
ขณะเดียวกัน เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปลดปล่อยพลังที่เก็บซ่อนไว้ตลอดมา
ชัว่ พริ บตานั้นเอง เหล่าตัวแทนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ต่างมี
สี หน้าตื่นตระหนก
“อะ…อะไร!!” หลิงคุนลุกขึ้นยืนในทันที
“โอ้?” คิ้วเรี ยวงามของจีเชียนหลัวเชิดขึ้นสู ง
“นี่…” กระทัง่ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยังต้องมีสีหน้า
ตกตะลึง
เย่ซิงหานเบิกตากว้าง นัยน์ตาสะท้อนประกายร้อนแรง
วาววับ มันกําพนักแขนเก้าอี้ของมันแนบแน่น ก่อนจะคํารามตํ่า
ออกมาอย่างไม่ยนิ ยอมพร้อมใจว่า “สายเลือดอันลี้ลบั ..ร่ างอัน
สมบูรณ์แบบ!! นี่คือร่ างกําเนิดยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
อย่างแท้จริ ง!!”
บทที่ 449 จิตใจของเสวีย่ เอ๋อร์

รัศมีพลังของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อ่อนโยนนุ่มนวลยิง่ ปราศจาก


ความแข็งกร้าวรุ นแรงโดยสิ้ นเชิง ทว่าทุกผูค้ นในที่น้ นั รับรู ้ถึง
ความรู ้สึกอ่อนโยนทว่าไม่อาจหายใจได้อย่างไม่อาจต่อต้านแข็ง
ขืน
หยุนเช่อคือบุคคลที่อยูใ่ กล้ที่สุดและรับรู ้ความรู ้สึกนั้นได้
อย่างแจ่มชัด ชายหนุ่มจ้องมองไปยังเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ภายในใจท่วม
ท้นไปด้วยความรู ้สึกตื่นตระหนกและไม่อาจเชื่อ ยังมีความรู ้สึก
เลือนรางราวมายาอันไม่อาจพรรณนาได้
ก่อนหน้านี้ ยามที่เซี่ยหยวนป้ามาถึง คลื่นพลังสุ ดแกร่ งของ
เด็กหนุ่มส่ งผลให้หยุนเช่อต้องบังเกิดความรู ้สึกแตกตื่นตระหนก
ถึงขีดสุ ด ทว่า แม้คลื่นพลังของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มิได้บรรจุไว้ดว้ ย
พลังคุกคามอาจหาญทัว่ ใต้หล้าเช่นเซี่ยหยวนป้าเลยแม้แต่นอ้ ย
หากความรู ้สึกที่หยุนเช่อสัมผัสได้กลับกว้างไกลไร้ขอบเขตและ
สู งส่ งสุ ดอาจเอื้อมเกินกว่าที่ได้รับจากเซี่ยหยวนป้าอย่าง
มหาศาล…
เป็ นความแตกต่างเช่นเดียวกับมหาสมุทรอันนิ่งสงัดงัน
และมหาคลื่นยักษ์อนั ดุร้ายรุ นแรง!
ความเปลี่ยนแปลงของระดับพลังฝี มืออันแสนน่า
หวาดหวัน่ ของเซี่ยหยวนป้าที่เกิดขึ้นโดยกะทันหันทั้งสร้างความ
ตระหนกและเหนือความคาดหมายของหยุนเช่ออย่างสิ้ นเชิง หาก
ทั้งหมดนี่ยงั ไม่อาจส่ งผลให้หยุนเช่อถึงกับใบหน้าซีดขาวด้วย
ความตื่นตะลึงได้ ชายหนุ่มมัน่ ใจว่าหากตนเองมีเวลาเพียงพอ
ย่อมสามารถขึ้นสู่ ระดับชั้นพลังเท่านั้นได้อย่างแน่นอน ทว่ารัศมี
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์…ความรู ้สึกที่ส่งมาให้หยุนเช่อรับรู ้น้ นั กลับ…
เป็ นพลังที่ไม่สมควรมีอยูบ่ นโลกนี้อย่างแท้จริ ง! เป็ นขอบเขตขั้น
พลังที่ชายหนุ่มในปัจจุบนั มิอาจไล่ติดตามหรื อสัมผัสได้เลย
หญิงสาวช่วยชีวติ มัน ถ่ายทอดท่วงทํานองหงสาให้แก่
มัน…เสวีย่ เอ๋ อร์ผงู ้ ดงามราวเทพธิดา ทั้งบริ สุทธิ์ดุจภูติพราย เสวีย่
เอ๋ อร์ผหู ้ ลงใหลในหิ มะบริ สุทธิ์ เสวีย่ เอ๋ อร์ผเู ้ รี ยบง่ายอย่างยิง่ ทั้งยัง
มีรอบยิม้ ให้กาํ ลังใจผูค้ นตลอดมา เสวีย่ เอ๋ อร์ที่มีน้ าํ เสี ยงไพเราะดัง่
เทพเซียน ผูเ้ กี่ยวก้อยสัญญาต่อชายหนุ่มพร้อมเปล่งริ มฝี ปากเรี ยก
ขานนาม “พี่ใหญ่หยุน”ผูน้ ้ นั เด็กสาวที่อิงแอบคลอเคลียกับตนเอง
อย่างชิดใกล้ ร่ ายระบําหิ มะให้แก่มนั …
เด็กสาวแท้จริ งแล้ว…คงอยูใ่ นสถานที่ที่มนั ไม่อาจแม้แต่จะ
มองขึ้นไปหา…แดนดินดัง่ ฝันในจินตนาการ
ชายหนุ่มมัน่ ใจว่าความรู ้สึกเหล่านี้มิใช่ความเข้าใจผิด
เพราะครรลองจักษุของมันมองตรงไปยังที่นงั่ ของสี่ มหาแดน
ศักดิ์สิทธิ์…ด้วยความแจ่มชัดอย่างไม่มีส่ิ งใดเสมอเหมือน ชาย
หนุ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสุ ดแสนใหญ่หลวงบนสี หน้าของ
ทุกผูจ้ ากสี่ มหาแดนศักดิ์สิทธิ์ การเปลี่ยนแปลงนี้หนักหนากว่า
ครั้งที่มนั เห็นราชันย์ทรราชย์อายุสิบแปด เซี่ยหยวนป้า หลายต่อ
หลายเท่านัก
มันกระทัง่ เริ่ มเข้าใจได้ในที่สุดว่าทําไมจุดยืนของเจ้าหญิง
หิ มะในพรรคเทพหงสาจึงเป็ นที่เคารพเทิดทูนและเหนือสามัญ
ธรรมดา…บนที่นงั่ นั้น เด็กสาวนัง่ อยูบ่ นตําแหน่งเดียวกับเฟิ งเหิ ง
คง แม้แต่เหล่าองค์ชายยังตกนัง่ อยูใ่ นที่นง่ั ลําดับสอง มันเองยังเข้า
ใดได้เลยว่าเหตุใดการปกป้องคุม้ ครองเฟิ่ งเสวีย่ เอ๋ อร์ของเฟิ งเหิ ง
คงจึงย่างก้าวไปถึงระดับสู งสุ ดเช่นนั้น…
“อาจารย์ ระดับพลังฝี มือของนาง..อยูใ่ นขั้นใด?”
เซี่ยหยวนป้าสัมผัสความรู ้สึกกดดันสุ ดบรรยายจากร่ างของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ด้วยระดับพลังของเซี่ยหยวนป้าในปัจจุบนั แม้เฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์จะสําแดงพลังออกมา มันยังไม่อาจตรวจสอบชั้นพลัง
ของนางได้ เมื่อเห็นสี หน้าแตกตื่นตระหนกของท่านปรมาจารย์กู่
ชาง เซี่ยหยวนป้าจึงมิอาจสะกดกลั้นใจไม่เอ่ยถามได้
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางสงบสี หน้า ก่อนสู ดลมหายใจ
ลึกเพื่อระงับจิตใจ “นางก็คือเจ้าหญิงหิ มะที่ขา้ เคยบอกกล่าวต่อเจ้า
ระหว่างทางมายังที่น้ ี..เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ปี นี้มีอายุสิบหกปี ระดับพลัง
ยุทธ์ของนางนั้น…กลับเป็ น…ครึ่ งก้าว…สู่ ช้ นั ราชันจักรพรรดิ!”
“!!!!” ทัว่ ร่ างของเซี่ยหยวนป้าแข็งค้างในพริ บตา ไม่อาจ
กล่าววาจาใดได้ ตัวเด็กหนุ่มในปัจจุบนั มิใช่คนเดิม มันในยามนี้
ตระหนักรู ้เป็ นอย่างดีถึงความแตกต่างระหว่างระดับพลัง มัน
เข้าใจดีวา่ ยอดยุทธ์ช้ นั ครึ่ งก้าวสู่ ราชันจักรพรรดิในอายุสิบหกปี
เป็ นความน่าหวาดหวัน่ เพียงใด!!!
“ดูท่าข่าวลือล้วนไม่ผดิ เพี้ยน” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางก
ล่าวเสี ยงแผ่วเบาราวกระซิบ ครุ่ นคิดถึงบางสิ่ งบางอย่างที่เซี่ย
หยวนป้าไม่อาจเข้าใจได้
“ดูท่าว่าข่าวลือนั้นจะเป็ นจริ ง” ในเวลาใกล้เคียงกัน สายตา
ของหลิงคุนเหลือไปทางเย่ซิงหานขณะกล่าวออกมาด้วยปากคํา
เดียวกัน
“แน่นอน มันเป็ นความจริ ง!” เย่ซิงหานเองก็สน่ั ไหวและ
ตื่นเต้นยิง่ จนทั้งร่ างของมันสัน่ สะท้าน สายตาของมันปลดปล่อย
แสงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “ข่าวนี่บอกข้ามาโดย ‘คนผูน้ ้ นั ’
มันจะผิดพลาดไปได้อย่างไร ยิง่ กว่านั้น ‘คนผูน้ ้ นั ’ ยังจะช่วยให้
ข้าได้รับสตรี ที่สมบูรณ์แบบที่สุดผูน้ ้ ีมาในทันที…นี่คือร่ างกําเนิด
ยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด! ถ้าข้าสามารถได้ตวั นางและ ‘ร่ างนว
ปราณพิสุทธิ์’ ที่ท่านผูอ้ าวุโสหลิงพูดถึงมาในเวลาเดียวกัน ข้าจะ
โยนสตรี ผอู ้ ื่นทิ้งไปยังไม่ลงั เลแม้แต่นิด!!”
เย่ซิงหานตื่นเต้นจนดูคล้ายจะไปถึงสุ ดขอบแห่งความบ้า
คลัง่ เมื่อมันกล่าวถึง “คนผูน้ ้ นั ” เงาร่ างสี แดงฉานพลันพุง่ วาบผ่าน
สายตาของมันไป
“อาาาาา สายตาของหลิงคุนผูน้ ้ ีไม่เคยผิดเพี้ยน ข้าเชื่อว่าไม่
นาน เจ้าวิหารน้อยจะกลับกลายเป็ ยยอดฝี มืออันดับหนึ่งแห่งทวีป
ลมปราณฟ้า เป็ นราชันจักรพรรดิที่ไม่มีผใู ้ ดสามารถเทียบเคียง
ได้…ขอแสดงความยินดต่อท่านเจ้าวิหารน้อยล่วงหน้า” หลิงคุนก
ล่าวพร้อมแย้มยิม้ หลิ่วตา
นอกจากกู่ชางซึ่ งอยูช่ ้ นั ราชันจักรพรรดิเเล้ว ผูค้ นอีกสามคน
จากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ลว้ นได้สมั ผัสกับชนชั้นราชันจักรพรรดิอยู่
บ่อยครั้ง และผูค้ นในพรรคเทพหงสาที่รับรู ้ความลับของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ ผูค้ นทัว่ ทั้งสนามประลองในขณะนี้ ไม่มีผใู ้ ดที่สามารถ
ตรวจสอบระดับพลังของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ได้เลยแม้แต่คนเดียว แต่
เท่านี้กเ็ พียงพอให้พวกมันต่างรับรู ้ถึงความน่าเกรงขามของหญิง
สาวที่ราวกับมาจากโลกเบื้องบน เมื่อเปรี ยบเทียบกับหยุนเช่อที่ยนื
อยูฝ่ ั่งตรงข้ามกับนางแล้ว รัศมีพลังของชายหนุ่มทั้งอ่อนด้อยและ
เล็กน้อยจนแทบไม่อาจสังเกตุเห็น
เจ้าหญิงหิ มะเป็ นที่รู้จกั ไปทัว่ ทวีปลมปราณฟ้าเนื่องเพราะ
นางคือเจ้าหญิงพระองค์เดียวแห่งพรรคเทพหงสา ทว่าที่ยง่ิ กว่านั้น
คือฉายา “โฉมงามอันดับหนึ่ง” และรู ปลักษณ์อนั เลิศลํ้า ไม่มีผใู ้ ด
คาดว่าพลังยุทธ์ของนางจะสู งส่ งสุ ดกู่ถึงปานนี้ และแม้วา่ พวกมัน
ทั้งหมดจะได้เป็ นพยานพบเห็นและสัมผัสด้วยตนเอง พวกมัน
ยังคงต้องนิ่งค้างด้วยความตกตะลึงเป็ นเวลานาน ไม่อาจฟื้ นคืนสู่
โลกแห่งความจริ ง ทั้งยังไม่อาจทําใจเชื่อทุกสิ่ งทุกอย่างได้
และในยามนี้เอง เพลิงเทพหงสาบนร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
พลันมอดดับลง และประกายแสงสี ทองบนหว่างคิ้วของนางเองก็
จางแสงไป
หยุนเช่อมองเด็กสาวอย่างว่างเปล่า…มันอยากจะจ้องมอง
ดวงตาของนางจริ ง ๆ มันอยากจะรู ้วา่ สายตาที่นางมองมันยังคง
อ่อนโยน เชื่อใจ และสนิทคุน้ ชินอยู… ่ หรื อมันจะเต็มเปี่ ยมไปด้วย
ความกรุ่ นโกรธ ผิดหวัง และปวดร้าว
ยามนั้นเอง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันหันร่ างกลับอย่างงามสง่า
และไถ่ถามเฟิ งเหิงคง “พระบิดา เสวีย่ เอ๋ อร์มีคาํ ถาม ขอพระบิดา
ช่วยอธิบายได้หรื อไม่?”
เฟิ งเหิ งคงว่างเปล่าไปชัว่ ขณะ จากนั้นมันผงกศีรษะเนิบช้า
“เสวีย่ เอ๋ อร์ ว่ามา”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะรับ จากนั้นกล่าวเสี ยงแผ่วเบา “พระ
บิดาเคยบอกกล่าวกฏการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิแก่เสวีย่ เอ๋ อร์
คราหนึ่ง หากเสวีย่ เอ๋ อร์จดจําได้ไม่ผดิ เพี้ยน หนึ่งจักรวรรดิ
สามารถส่ งผูร้ ่ วมแข่งขันได้สิบคน พรรคเทพหงสาเรามีผรู ้ ่ วมลง
ประลองทั้งหมดสิ บท่าน …ประกอบด้วยท่านพี่เฟิ งซีลวั่ ศิษย์พี่
เฟิ งเฟยไป๋ และคนอื่นๆ ทั้งหมดล้วนถูกโค่นล้มพ่ายแพ้ภายใต้ฝีมือ
ของหยุน…เช่อ นี่เป็ นเครื่ องหมายว่าพรรคเทพหงสาเราปราชัย
ให้กบั จักรวรรดิวายุคราม เมื่อเป็ นเช่นนี้ เหตุใดพระองค์ไม่
ประกาศชัยชนะแห่งอาณาจักรวายุครามในทันที? ยังมี เหตุใดพระ
บิดายังคงต้องการให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลงมายังที่น้ ี?”
ทัว่ ทั้งลานประลองเงียบสงัดงัน ทุกคนทราบกระจ่างแก่ใจ
ถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริ งของเฟิ งเหิ งคง ทั้งหมดนี่ไม่มีใดข้อง
เกี่ยวกับงานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิเลยแม้แต่นอ้ ย มันต้องการ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลงสู สนามประลอง เนื่องเพราะแม้วา่ พวกมัน
ประสบความปราชัยทั้งด้านสายเลือดเทพหงสาและผลการ
ประลอง พวกมันยังคงสามารถกอบกูศ้ กั ดิ์ศรี เกียรติภูมิ พลัง
อํานาจ และความภาคภูมิแห่งโลหิ ตเทพหงสาผ่านทางเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ได้
มิเช่นนั้น หลังจากวันนี้ไป ทัว่ ทั้งทวีปปราณฟ้าก็จะได้รู้วา่
สายเลือดเทพหงสาแห่งพรรคเทพหงสาได้ถูกล้มลงโดยสายเลือด
เทพหงสาที่มีที่มาจากสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อถึงยามนั้น ไม่
เพียงแต่หกอาณาจักร แม้แต่ชาวเมืองอาณาจักรเทพหงสาก็จะค่อย
ๆ บังเกิดข้อคลางแคลงใจมากขึ้นเรื่ อยๆ
และที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กระทํา นางได้เปิ ดเผยพลังปราณในชัว่
ระยะสั้น ๆ ไม่กี่ชวั่ ลมหายใจ และกระทัง่ คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ยงั
ตกตะลึงกันถ้วนหน้า จะนับประสาอันใดกับเหล่าคนจากทั้งเจ็ด
อาณาจักร
ดังนั้น แม้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะถามคําถามที่ดูไปคล้ายโง่เขลา
หากกลับเป็ นคําถามที่ยากจะตอบได้อย่างไม่คาดคิด เพราะโดย
พื้นฐานแล้ว พรรคเทพหงสาแค่เพียงแค่ไม่อาจยอมรับความพ่าย
แพ้ พวกมันต้องการใช้เจ้าหญิงหิ มะเพื่อกูห้ น้ากลับมาเพียง
เท่านั้น…ต้องการกอบกูศ้ กั ดิ์ศรี คืออย่างมากจนไม่ลงั เลที่จะใช้
หรื ออาจพูดว่าพวกมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากเปิ ดเผยไพ่
ตายที่พวกมันปกป้องคุม้ ครองและเก็บซ่อนมานานหลายปี ต่อโลก
หล้า
เฟิ งเหิ งคงพูดไม่ออกไปชัว่ ขณะ เฟิ งซีหมิงลุกขึ้นยืนอย่าง
เร่ งร้อนและเอ่ยออกมา “เสวีย่ เอ๋ อร์ เหตุผลนั้นช่างง่ายดายนัก สิ่ ง
ที่เจ้าต้องทําในยามนี้คือยกมือของเจ้าขึ้นเบา ๆ และจัดการล้มหยุ
นเช่อซะ สําหรับเหตุผลนั้น พระบิดาจะบอกต่อเจ้าในภายหลัง
แม้วา่ งานประลองจัดอันดับยุทธจะจบลงแล้ว และผลคือเราได้
พ่ายแพ้ให้หยุนเช่ออย่างแท้จริ งก็ตาม หากแต่เรายังต้องแสดงให้
ทุกคนเห็นว่าที่เราแพ้นนั่ เป็ นเพียงเพราะเรายังมิได้ส่งยอดยุทธที่
เก่งกาจที่สุดออกไป ไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องพลังยุทธหรื อสายเลือด
พรรคเทพหงสาของเราไม่มีวนั แพ้พา่ ย”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะช้าและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ถ้า…หาก
เป็ นเช่นนั้น…เสวีย่ เอ๋ อร์กข็ อยอมแพ้”
คําของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่งให้หยุนเช่อรู ้สึกสะท้านหวัน่ ไหว
และเป็ นเหตุให้ใบหน้าของทุกคนในพรรคเทพหงสาเต็มไปด้วย
ความประหลาดใจ เฟิ งเฟยเยียนเอ่ยขึ้นทันที “เสวีย่ เอ๋ อร์ เรื่ องราว
นี้มิได้เรี ยบง่ายอย่างที่เจ้าคิด นี่เกี่ยวพันถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรี
ของทั้งอาณาจักรเทพหงสาของเรา”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตอบด้วยนํ้าเสี ยงแผ่ว “ในโลกของเสวีย่ เอ๋ อร์
เสวีย่ เอ๋ อร์ไม่สามารถทําความเข้าใจเรื่ องราวเกี่ยวพันถึงเกียรติยศ
และศักดิ์ศรี ของอาณาจักรเทพหงสาเช่นนี้ได้ เกียรติยศเพียง
หมายถึงชัยชนะในการชนะและแพ้พา่ ยงั้นหรื อ? และศักดิ์ศรี เพียง
สามารถวัดจากความแข็งแกร่ งในความเข้มแข็งและอ่อนแอเชิง
ยุทธ์เพียงเท่านั้นหรื อ?”
“หยุนเช่อเห็นได้ชดั ว่าโค่นท่านพี่สิบสี่ ลงได้อย่างเป็ นธรรม
ในการประลองหนึ่งต่อหนึ่ง ท่านพี่สิบสี่ แพ้พา่ ย กระนั้นศิษย์พี่ท้ งั
เก้าคนผูท้ ี่แต่เดิมเราตกลงกันว่าจะไม่ยนื่ มือเข้าไปยุง่ เกี่ยวบนลาน
ประลองกลับเข้ามาร่ วมลงมือบนเวที ที่ยงิ่ กว่านั้น เมื่อพวกเขา
ขึ้นมา การโจมตีของพวกเขายังมากเพียงพอจะทําให้ถึงตาย…หยุ
นเช่อสามารถได้ชยั ชนะอย่างขาวสะอาดต่อศิษย์พี่เฟยไป๋ และคน
อื่น ๆ ได้ เหตุใดท่านยังไม่ยนิ ยอมประกาศชัยชนะให้เขา?
กลับกัน ท่านกลับต้องการให้ขา้ …ผูซ้ ่ ึ งไม่สมควรเข้าร่ วมลง
ประลองในงานนี้ ขึ้นสู่ ลานประลอง…”
“โลหิ ตเทพหงสาในร่ างของเขา แน่ชดั ว่ามิใช่สายเลือดเทพ
หงสาของพวกเรา ทว่าเหตุใดท่านยังคงดื้อดึงยืนกรานถึงเพียงนี้?”
ไม่มีใครคิดว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผเู ้ ดิมทีแล้วมีลกั ษณะนิสยั
อ่อนหวานนุ่มนวลจะพูดคําพูดเหล่านี้ออกมาอย่างกะทันหัน…
คล้ายดังหญิงสาวกําลังไถ่ถาม ราวกับว่านางกําลังฉงนสงสัย
กระนั้นมันก็ยงั ดูราวกับว่านางกําลังไต่สวน
เฟิ งซี หมิงเปิ ดปากของมันและพูดออกมาอย่างยากลําบาก
เล็กน้อย “เสวีย่ เอ๋ อร์ พีร่ ู ้วา่ เจ้ามีจิตใจโอบอ้อมอารี และอาจจะคิด
ว่าพวกเรากระทําการเกินเลยไปบ้าง หากแต่ หากแต่…บางสิ่ งมัน
ก็ไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด…ยิง่ กว่านั้น เรายังไม่สามารถสื บเสาะได้
อย่างแน่ชดั ว่าสายเลือดของมันมิได้มาจากพรรคเทพหงสาของเรา
ยังมีเศษเสี้ ยวของโอกาสที่มนั …”
“ไม่ พระเชษฐากล่าวผิดแล้ว” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สายหน้าเบา ๆ
“เสวีย่ เอ๋ อร์สามารถพิสูจน์ได้วา่ สายเลือดของเขาไม่ได้มาจาก
พรรคของเราจริ ง ๆ”
ทั้งสนามประลองพลันแปรเปลี่ยนเป็ นสับสน เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ผนั กายกลับไป ยืน่ มือของนางออกมา หันฝ่ ามือของนางตรง
ตําแหน่งหน้าผากของหยุนเช่อ ประกายเพลิงไหววูบตามฝ่ ามือ
ของเด็กสาว และบริ เวณตรงหว่างคิว้ ของหยุนเช่อ จุดแสงสี ทอง
เปล่งรัศมีออกมา และจากนั้นจึงก่อร่ างเป็ นรู ปเปลวเพลิงสี ทอง
อย่างรวดเร็ ว
“ต…ตราประทับเทพหงสาสี ทอง!” เฟิ งเหิ งคงและคนอื่น ๆ
ขวัญผวา และมองตรงไปยังตราเทพหงสาสี ทองตรงหว่างคิ้วของ
หยุนเช่อด้วยสี หน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ในร่ างของเสวีย่ เอ๋ อร์คือสายเลือดและพลังเทพหงสาที่
ได้รับถ่ายทอดมาโดยตรงจากเทพหงสา ดังนั้น เสวีย่ เอ๋ อร์จึง
สามารถแยกแยะได้วา่ สายเลือดเทพหงสาในร่ างของเขานั้นได้
รับมาจากเชื้อสายของเทพหงสา” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยช้า ๆ “เทพหง
สาเองก็เคยกล่าวมาก่อนว่าตราประทับเทพหงสาสี ทองนั้นจะ
ปรากฏขึ้นบนร่ างของบุคคลผูม้ ีสายเลือดเทพหงสาที่บริ สุทธิ์ที่สุด
เท่านั้น ตราประทับเทพหงสาของเขาเป็ นสี ทอง ซึ่งพิสูจน์ได้วา่
สายเลือดเทพหงสาในร่ างกายของเขาได้รับการถ่ายทอดสู่ ตวั เขา
โดยตรง และมิใช่สายเลือดที่สืบผ่านลงมาจากคนรุ่ นก่อนหน้า”
เฟิ งซี หมิงเหลือบมองไปยังตราประทับสี ทองบนหน้าผาก
ของหยุนเช่อ และมองจ้องอยูค่ รู่ หนึ่ง “เสวีย่ เอ๋ อร์ นี่…นี่…”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เผชิญหน้ากับกลุ่มพระที่นงั่ ของพรรคเทพหง
สา สุ ม้ เสี ยงของนางเรี ยบเรื่ อยราวเมฆพลิ้ว “เสวีย่ เอ๋ อร์ทราบดีวา่
ตนเองทรยศความคาดหวังของพวกท่าน ย่อมทําให้พวกท่านทั้ง
ผิดหวังทั้งโกรธกริ้ ว ทว่า มีหลายสิ่ งหลายอย่างที่เสวีย่ เอ๋ อร์ไม่อาจ
ทําความเข้าใจได้…อาณาจักรเทพหงสาของเราพ่ายแพ้ บุคคลอีกผู ้
หนึ่งที่สืบทอดสายเลือดเทพหงสาปรากฏขึ้นบนทวีปลมปราณฟ้า
นี้ พระบิดา พระเชษฐา …นี่มิใช่สิ่งที่เราควรยินดียงิ่ หรอกหรื อ?
เหตุไฉนพวกท่านปฏิเสธอย่างดื้อรั้นหัวชนฝาถึงปานนี้? พวกท่าน
ชัดเจนว่าต้องการปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของพรรคเทพหงสาเรา
ทว่าเหตุใดพวกท่านกลับทุ่มเทพยายามสุ ดแสนที่จะทําลายมัน?”
เฟิ งเหิ งคงอ้าปากค้าง ไม่อาจกล่าวออกมาแม้สกั ครึ่ งคํา นี่
สื บเนื่องเพราะตลอดชัว่ ชีวติ ของมัน นี่เป็ นครั้งแรกที่เฟิ งเสวี่
ยเอ๋ อร์กล่าววาจาออกมามากมายปานนี้ในคราเดียว…ในฐานะ
บิดาที่เชื่อมัน่ ว่าตนเองเข้าใจบุตรี มากที่สุด มันต้องแข็งค้างไปชัว่
เวลาหนึ่ง
“เสวีย่ เอ๋ อร์รักทุกสิ่ งทุกอย่างที่นางมี ทั้งยังภาคภูมิที่ตนเอง
ถือกําเนิดและเติบโตมาในจักรวรรดิเทพหงสา ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์
เสวีย่ เอ๋ อร์รับรู ้มาโดยตลอดว่าอาณาจักรเทพหงสาของตนเองนั้น
กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในทวีปลมปราณฟ้า ทว่า เหตุใดเสวีย่ เอ๋ อร์
พลันรู ้สึกว่าบ้านเกิดของตนช่างคับแคบ…พลันกลับกลายเป็ น
คับแคบอย่างยิง่ ขึ้นมา…”
“งานประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิดาํ เนินต่อเนื่องมายาวนาน
หลายปี พรรคเทพหงสาเรากําชัยชนะอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ตน้
ครานี้ จักรวรรดิวายุครามสามารถพิชิตชัยจักรวรรดิเทพหงสาได้
เป็ นครั้งแรก ทั้งจักรวรรดิวายุครามเองใช้พลังฝี มืออันหมดจดเข้า
ต่อกร…แม้จกั รวรรดิเทพหงสาเราจะพ่ายแพ้ แต่นี่ไม่ได้
หมายความว่าจักรวรรดิของเราอ่อนด้อย กลับกัน นี่หมายความว่า
มีคนจากหกจักรวรรดิที่สามารถเอาชนะพรรคเทพหงสาเราถือ
กําเนิดขึ้นแล้ว ไม่เพียงเป็ นปรากฏการณ์แห่งอาณาจักรวายุคราม
เท่านั้น หากยังเป็ นปรากฏการณ์สาํ คัญสําหรับเหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ท้ งั
มวลจากเจ็ดจักรวรรดิ นี่มิใช่สิ่งที่พวกเราทั้งเจ็ดจักรวรรดิสมควร
ยินดีหรอกหรื อ? การกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ของตนและ
ประกาศชัยชนะต่อผูค้ น นี่มิใช่สิ่งที่จกั รวรรดิอนั ยิง่ ใหญ่สมควร
กระทํา มิใช่ธรรมเนียมปฏิบตั ิอนั ปกติธรรมดายิง่ หรอกหรื อ?”
“ศิษย์พเี่ ฟยไป๋ และคนอื่น ๆ โจมตีหยุนเช่อทั้งเก้าคน ทั้งยัง
เป็ นการทุ่มเทจู่โจมจนถึงตาย เมื่อหยุนเช่อล้มพวกเขาได้ เห็นได้
ชัดว่าเขาสามารถลงมือสังหารพวกเขาทั้งหมดได้โดยง่าย กระนั้น
เขาก็ยงั ไม่ทาํ อย่างไรก็ดี ไม่มีผใู ้ ดในอาณาจักรเทพหงสาแสดง
ท่าทีสาํ นึกขอบคุณเลยแม้แต่คนเดียว กลับกัน พวกเรากลับยัง
พยายามสร้างความลําบากให้แก่เขา…ทางด้านความอดทนอด
กลั้นและความเที่ยงธรรมแล้ว อาณาจักรเทพหงสาได้พา่ ยแพ้
ให้แก่อาณาจักรวายุครามอย่างสิ้ นเชิง แม้กระทัง่ เรื่ องของศักดิ์ศรี
เป็ นพวกเราที่ขว้างพวกมันทั้งหมดทิ้งไปด้วยนํ้ามือของตนเอง”
ปากของผูค้ นจากพรรคเทพหงสาอ้าพะงาบเปิ ดกว้าง ไม่มี
มันผูใ้ ดสามารถเอ่ยกล่าวได้ หยุนเช่อจ้องมองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อย่าง
เหม่อลอย กระทัง่ พูดไม่ออกไปครู่ ใหญ่
“ขุมกําลังของพรรคเทพหงสาของเราได้รับมาจากมรดกตก
ทอดของท่านเทพหงสา หากไร้ซ่ ึ งการประทานโดยท่านเทพหง
สา ล้วนไม่มีพรรคเทพหงสาในวันนี้ ศิษย์ทุก ๆ คนในพรรคเทพ
หงสาของเราควรรู ้คุณในนํ้าใจอันยิง่ ใหญ่ที่สุด สายเลือดของหยุ
นเช่อเองก็มาจากท่านเทพหงสา และเขาเองก็เป็ นผูส้ ื บทอด
โดยตรงจากจิตวิญญาณของท่านเทพหงสา ทว่า เหตุใดพวกท่าน
ทุกคนเพียงคิดปฏิเสธมันด้วยวิธีการสกปรกและไร้ความเที่ยง
ธรรม และคิดเพียงแต่จะใช้วธิ ีการอันโหดเหี้ ยมที่สุดลบมันให้
หายไปแทนที่จะมองเขาเป็ นเหมือนคนที่เกี่ยวพันกันดัง่ เช่นญาติ
มิตรร่ วมสายเลือด ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พัฒนาสายเลือดเทพ
หงสาและเติบโตยิง่ ใหญ่ไปพร้อมกัน…จากความเห็นแก่ตวั เช่นนี้
เสวีย่ เอ๋ อร์ไม่สามารถมองเห็นเกียรติยศและศักดิ์ศรี ใดๆ ได้ มีแต่
จะทําให้เสวีย่ เอ๋ อร์รู้สึกเหมือนเห็นคนแปลกหน้าและหวาดกลัว
เท่านั้น…”
บทที่ 450 บทสรุป

“พระบิดา ท่านผูอ้ าวุโส พระเชษฐา…อาจบางที เสวีย่ เอ๋ อร์


อาจเยาว์วยั เกินไป ไม่อาจเข้าใจโลกของพวกท่าน เนื่องเพราะใน
โลกของเสวีย่ เอ๋ อร์ กลับเป็ นพวกท่านที่กระทําความผิดพลาด
อย่างแท้จริ ง จักรวรรดิเทพหงสาเราเป็ นผูน้ าํ จักรวรรดิท้ งั เจ็ด ใน
ความเข้าใจของข้า ผูน้ าํ ย่อมต้องได้รับความเคารพจากผูอ้ ่ืน มิใช่
ความเกรงกลัว เสวีย่ เอ๋ อร์ยงั คงไม่อาจเข้าใจถึงศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ
เช่นที่พวกท่านกล่าวอ้าง ในโลกของเสวีย่ เอ๋ อร์ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ
มิใช่เพียงระดับพลังที่สร้างความชื่นชมแก่ผคู ้ น หากกลับเป็ น
ความเปิ ดเผยโอ่อ่าที่สามารถยอมรับทุกสิ่ งทุกอย่างได้ เป็ นที่รัก
ของทุกผูค้ น และเปี่ ยมด้วยกรุ ณาธิคุณและความใจกว้างที่สามารถ
อภัยต่อความผิดพลาดของผูอ้ ื่น”
“ดังนั้น ความปรารถนาของพระบิดาที่ตอ้ งการให้เสวีย่ เอ๋ อร์
เอาชนะหยุนเช่อ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มองไปยังหยุนเช่อพร้อมกล่าว
ออกมาอย่างนุ่มนวลว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ …ขอยอมศิโรราบ…”
สมาชิกพรรคเทพหงสาทุกผูค้ นต่างตกตะลึง พวกมันมอง
หน้ากันและกัน หากคําพูดนี้มาจากศิษย์พรรคคนอื่นๆ แม้กระทัง่
มาจากเฟิ งซีลว่ั ล้วนต้องถูกตัดสิ นว่ากระทําการเกินเลย เฟิ งเหิงคง
เองย่อมระเบิดโทสะออกมาในทันที ทว่า วาจาเหล่านี้พลันออกมา
จากปากของเจ้าหญิงหิ มะ ไม่มีผใู ้ ดมีทีท่าโกรธแค้นหรื อโต้แย้ง
นางแม้แต่คนเดียว
. หากแต่แม้คาํ กล่าวของนางจะเป็ นการตั้งคําถามต่อพรรค
เทพหงสา แต่นี่นบั เป็ นวิธีการของนางในการปกป้องศักดิ์ศรี ของ
พรรคเทwพหงสาที่ถูกหยุนเช่อบดขยี้ลงอย่างสิ้ นเชิงในวันนี้ การ
ปลดปล่อยพลังยุทธ์ของนางเมื่อครู่ เป็ นการแสดงให้โลกหล้าได้
รับรู ้ถึงขีดสุ ดของฝี มือยอดอัจฉริ ยะรุ่ นเยาว์แห่งพรรคเทพหงสา
การตั้งคําถามของนาง กระทําในฐานะเจ้าหญิงหิ มะแห่งพรรคเทพ
หงสาในการรักษาความยุติธรรมและแบกรับหน้าที่ผนู ้ าํ จักรวรรดิ
ทั้งเจ็ด ลดทอนเสี ยงหัวเราะถากถางจากเหล่าผูค้ นในทวีป
ลมปราณฟ้าต่อจักรวรรดิเทพหงสาของนาง
ทัว่ ทั้งลานประลองเงียบกริ บ จากนั้น เสี ยงปรบมือดังขึ้น
คราหนึ่ง ก่อนจะแพร่ กระจายอย่างรวดเร็ วราวไฟป่ า ไม่นานนัก
ทุกซอกมุมของลานประลองล้วนเต็มไปด้วยเสี ยงโห่ร้อง
สนับสนุน เสี ยงปรบมือดังลัน่ สะท้านแก้วหู —- อารมณ์
ความรู ้สึกของสรรพเสี ยงแสดงความชื่นชมเหล่านี้เหนือลํ้าอย่าง
ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน
เสี ยงโห่ร้องชื่นชมดังมาจากทุกผูค้ นไม่เว้นแม้แต่สมาชิก
พรรคเทพหงสาเอง แม้พวกมันจะเป็ นชาวเทพหงสา ทั้ง
พฤติการณ์ของเจ้าหญิงหิ มะยังขัดต่อพระประสงค์ขององค์
จักรพรรดิ ด้วยการใช้น้ าํ เสี ยงอ่อนหวานของนางสอบถามต่อ
พฤติการณ์ที่ผา่ นมาของจักรวรรดิเทพหงสา ทั้งยังยอมแพ้ต่อหยุ
นเช่อผูม้ าจากอาณาจักรวายุครามต่อหน้าทุกผูค้ น…ทว่า ไม่มีผใุ ้ ด
รู ้สึกอับอายหรื อเคืองโกรธ กลับกัน ต่างประทับใจอย่างลึกซึ้ ง
กระทัง่ ภาคภูมิอย่างยิง่ ยวด!!
ทุกผูค้ นในที่น้ ีกลับได้รู้จกั เจ้าหญิงหิ มะในวันนี้ แม้ไม่มี
วาสนายลโฉมนาง ทว่าได้เป็ นพยานต่อพรสวรรค์ไร้คู่เปรี ยบ และ
จิตใจอันบริ สุทธิ์ไร้มลทินของนาง
“เป็ นไปไม่ได้ที่จะไม่ประทับใจ” กู่ชางกล่าว “ทัว่ ทั้งทวีป
ลมปราณฟ้า มีเพียงนางที่กอปรด้วยร่ างเทวะ หากนางยังมีจิตใจ
อันใสกระจ่างดุจแก้วผลึก ไม่ทราบจริ งๆว่านางโชคดี…หรื อว่า
โชคร้ายกันแน่”
เสี ยงโห่ร้องยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง คลื่นเสี ยงสะท้าน
สะท้อนก้องสู่ ทอ้ งนภา หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จบั จ้องมองตา
กันและกัน ทันใดนั้นเอง หยุนเช่อออกปากกล่าวว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์
ขออภัย…ข้าโป้ปดต่อท่านหลายต่อหลายครั้ง ท่านสมควร…
ผิดหวังยิง่ กระมัง”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะอย่างแผ่วเบา “เสวีย่ เอ๋ อร์จะโทษว่าพี่
ใหญ่หยุนได้เช่นไร…อันที่จริ ง มีเรื่ องหนึ่งที่เสวีย่ เอ๋ อร์หลอกลวง
พี่ใหญ่หยุนเช่อกัน”
“ท่าน…หลอกลวงข้า?” หยุนเช่อตกตะลึง
“อืม..” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แตะลงบนศีรษะตนเองอย่างนุ่มนวล
“ความจริ งแล้ว ข้าพอรู ้วา่ แท้จริ งพี่ใหญ่หยุนมิใช่คนของพรรค
เทพหงสา นี่หมายความว่าชื่อของพี่ใหญ่หยุน ย่อมเป็ นชื่อปลอม”
ผ่านไปชัว่ ครู่ สายตาของหยุนเช่อเปิ ดเผยแววตาสับสน
ว้าวุน่ “…ตั้งแต่ยามใด”
“ตั้งแต่ที่ขา้ ถ่ายทอดเคล็ดท่วงทํานองเทพหงสาขั้นพื้นฐาน
แก่ท่าน” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบคํา “เวลานั้น ตอนที่ท่านฝึ กฝน
เคล็ดพื้นฐาน กึ่งกลางหว่างคิ้วของท่าน ปรากฏสัญลักษณ์เปลว
เพลิงเทพหงสาสี ทอง ข้ารู ้ต้งั แต่ยามนั้นเอง ตราประทับเทพหงสา
สี ทอง เพียงปรากฏอยูบ่ นผูส้ ื บสายโลหิ ตเทพหงสาบริ สุทธิ์
ยิง่ กว่านั้น กระทัง่ พระบิดาก็ไม่ล่วงรู ้ ตราประทับสี ทองจะปรากฏ
ต่อผูท้ ี่มีสายเลือดเทพหงสาบริ สุทธิ์ที่สุด หรื อผูท้ ี่รับสื บทอด
สายเลือดเทพหงสาจากจิตวิญญาณเทพหงสาโดยตรงเท่านั้น”
หยุนเช่อ “…..”
“ดังนั้น ตั้งแต่เวลานั้น ข้าล่วงรู ้แล้วว่าพี่ใหญ่หยุนมิใช่คน
ของพรรคเทพหงสา หากแต่เป็ นผูส้ ื บสายเลือดเทพหงสาจากจิต
วิญญาณเทพหงสาอีกตนหนึ่ง ยิง่ กว่านั้น ยังได้รับประทานเสี้ ยว
วิญญาณเทพหงสาที่เทพหงสาเพียงสามารถมอบออกมาได้ครั้ง
เดียวในช่วงชีวติ …เช่นเดียวกับที่ขา้ มี อาจบางที เป็ นเพราะแรง
ดึงดูดระหว่างจิตวิญญาณและพลังแห่งเทพหงสา เป็ นสาเหตุให้
ข้ายินดีและปรารถนาชิดใกล้กบั พี่ใหญ่หยุน”
“เช่นนั้น เหตุใดท่านยังอนุญาตข้ารั้งอยูแ่ ละรักษาบาดเเผล
แก่ขา้ ทั้งยัง…สอนท่วงทํานองเทพหงสาแก่ขา้ อีก?” หยุนเช่อ
สับสนมึนงงอย่างยิง่ ชายหนุ่มรู ้สึกผิดอย่างยิง่ ยวดในการโกหก
หลอกลวงหญิงสาว ไม่คาดคิดเลยว่านางกลับรู่ เรื่ องราวทั้งหมด
หากมิได้เปิ ดโปงตนเอง
“เพราะข้ารู ้วา่ พี่ใหญ่หยุนมิได้ต้ งั ใจปิ ดบังหรื อโป้ปดข้า ข้า
ยังสัมผัสได้วา่ ท่านกระทําดีต่อข้าอย่างจริ งใจ หากท่านสามารถ
เป็ นทายาทสื บทอดเพียงหนึ่งเดียวของเทพหงสาได้ หมายความว่า
พี่ใหญ่หยุนย่อมมิใช่คนเลวร้าย ข้าย่อมยินดีและเต็มใจอย่างยิง่ ที่
จะถ่ายทอดวิชาแก่ท่าน พี่ใหญ่หยุนเป็ นผูส้ ื บทอดสายโลหิ ต
ดังนั้น ท่วงทํานองเทพหงสา ท่านย่อมมีคุณสมบัติเรี ยนรู ้เช่นกัน”
“เมื่อพี่ใหญ่หยุนโป้ปดข้า ส่ วนข้าเองก็ปิดบังความจริ งต่อ
ท่าน…เรื่ องระหว่างเรา ล้วนไม่มีอนั ใดติดค้างต่อกัน ดีหรื อไม่?”
หยกหงสาสัน่ สะท้านบางเบา แม้หยุนเช่อไม่อาจมองเห็น
รอยยิม้ ทว่าชายหนุ่มรู ้สึกว่าหญิงสาวกําลังแย้มสรวลอย่าง
อ่อนโยน
ยามนั้น เสี ยงโห่ร้องทั้งหลายเงียบสงบลง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ใช้
ดวงตากระจ่างสุ กใสของนางจับจ้องมองหยุนเช่อ จากนั้นกล่าว
วาจาอย่างอ่อนโยนหนักแน่น “ข้าจะจดจําความดีงามที่พี่ใหญ่หยุ
นกระทําเพื่อข้าตลอดไป จะจดจําคําสัญญาที่พี่ใหญ่หยุนมอบต่อ
ข้า ยิง่ กว่านั้น คํากล่าวที่พี่ใหญ่หยุนกล่าวออกมา…ข้า เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ จะไม่มีทางกระทําการใดที่เป็ นการทําร้ายพี่ใหญ่หยุนอย่าง
แน่นอน”
เมื่อเสี ยงฝูงชนอึกทึกสงบลง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หนั กายกลับไป
กลับไปยังข้างกายของเฟิ งเหิงคง ภายใต้สายตาจับจ้องของทุก
ผูค้ น
“พระบิดา ขออภัย เสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ ให้พระองค์ทรงผิดหวัง
แล้ว” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าววาจาอย่างอ่อนโยนยามหยุดอยูด่ า้ นข้าง
เฟิ งเหิ งคง
เฟิ งเหิ งคงสัน่ ศีรษะก่อนทอดถอนใจ สี หน้าไม่ปรากฏ
ร่ องรอยการโทษว่าอันใด หากแต่เป็ นความเจ็บปวดใจสุ ดแสน
“จะเป็ นเจ้าได้เช่นไร? หลายสิ่ งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็ นความผิดบิดา
กลับเป็ นเราสร้างความผิดหวังแก่เสวีย่ เอ๋ อร์…คําพูดของเสวีย่
เอ๋ อร์ ทําให้บิดากลับได้สติ..”
เฟิ งเหิ งคงกวาดสายตามองรอบข้างก่อนมองไปยังหยุนเช่
อบนเวที ทรวงอกสะท้อนขึ้น สองคิ้วขมวดมุ่นพร้อมประกาศว่า
“หยุนเช่อ การประลองรอบสุ ดท้ายของงานประลองยุทธเจ็ด
จักรวรรดิ จักรวรรดิเทพหงสาพ่ายแพ้ต่อวายุคราม เราของรับรอง
ผลการประลองนี้! เรื่ องราวเกี่ยวกับสายโลหิ ตเทพหงสาเป็ นความ
ผิดพลาดของฝ่ ายเรา เรา ในฐานะของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ
เทพหงสา ขอรับรองกับเจ้าว่า จากวันนี้ไป จะไม่มีการตามจองเวร
เจ้าเพราะเรื่ องนี้ เมื่อเราล้วนมีสายเลือดเทพหงสาเช่นเดียวกัน
หากเจ้าต้องการเข้าร่ วมพรรคเทพหงสาเรา เรายินดีตอ้ นรับเจ้าด้วย
ความปี ติยง่ิ !”
“บัดนี้ เราขอประกาศผูช้ นะในงานประลองยุทธเจ็ด
จักรวรรดิครั้งที่สามสิ บเก้า…เป็ นจักรวรรดิวายุคราม! จาก
ข้อตกลง ผูช้ นะเลิศจักรวรรดิวายุคราม และลําดับสามจักรวรรดิ
มารทมิฬสามารถคัดเลือดผูค้ นสามคน ติดตามพรรคเทพหงสาเรา
เข้าสํารวจนาวาปราณบรรพกาล!”
เฮฮฮฮฮฮ————–
ทัว่ ทั้งลานประลองโห่ร้องยินดี มิใช่มีเพียงอาณาจักรวายุ
คราม ทว่ายังมีอาณาจักรทั้งหกอีกด้วย
เนื่องเพราะเรื่ องราวของนาวาปราณบรรพกาล การประลอง
ยุทธวายุครามในปี นี้ถูกย่นย่อลงให้เหลือเพียงวันเดียว ยิง่ กว่านั้น
สถานการณ์พลิกผันเหนือความคาดหมาย ทั้งเบื้องสู งเบื้องตํ่าไม่มี
ผูใ้ ดคาดเดาได้! อาณาจักรวายุครามที่อ่อนด้อยที่สุดสามารถ
เอาชนะจักรวรรดิเทพหงสา ทั้งยังเป็ นคนเพียงคนเดียวที่สามารถ
โค่นล้มฝ่ ายตรงข้ามไปถึงสิ บคน!
การปรากฏขึ้นของผูส้ ื บสายเลือดเทพหงสาอีกคนหนึ่ง…
ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณปฐพีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถปราบ
พิชิตราชัน….การปรากฏขึ้นของราชันทรราชย์ที่มีอายุเพียงสิ บ
แปดปี …ครึ่ งก้าวสู่ ช้ นั ราชันจักรพรรดิผมู ้ ีอายุสิบหกปี …ทั้งหมด
ทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิในครานี้ลว้ น
สามารถสัน่ สะเทือนโลกหล้า และได้รับการจารึ กลงใน
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งลมปราณฟ้า
โดยเฉพาะอย่างยิง่ นามหยุนเช่อ ผูถ้ ูกลิขิตให้เป็ นหนึ่งในผู ้
ยิง่ ใหญ่แห่งทวีปลมปราณฟ้าในอนาคต หลังจากวันนี้ นามของ
มันจะแพร่ กระจายไปทัว่ แดนดิน
หลังจากเฟิ งเหิ งคงประกาศผลการประลองด้วยตนเอง การ
ประลองยุทธในครั้งนี้นบั ว่าจบลงอย่างเป็ นทางการ เซี่ยหยวนป้า
เร่ งเท้าไปหาหยุนเช่อก่อนดึงให้ชายหนุ่มมายังข้างกายปรมาจารย์
กู่ชาง พร้อมทั้งกล่าวพูดพล่ามไม่หยุดยั้งด้วยความตื่นเต้น
ท่ามกลางสายตาของผูเ้ ฝ้าดู เหล่าผูร้ ่ วมแข่งขันทั้งหมดจาก
อาณาจักรต่างๆ ถูกนําทางออกไปโดยศิษย์พรรคเทพหงสา
ทรวงอกของหลิงเจี่ยสะท้อนขึ้นลงอย่างรุ นแรง มันไม่อาจ
สงบจิตใจได้เป็ นนาน สองมือกําเป็ นหมัดแนบแน่น ใบหน้าแดง
กํ่า พร้อมกล่าวด้วยความตื่นเต้นยินดีวา่ “ข้าตัดสิ นใจได้ถูกต้อง
ที่สุดดดดดดดดด! อ้าาาาาาาาา….พี่ชายไม่ยอมมากับข้า นี่ตอ้ ง
เป็ นการตัดสิ นใจที่มนั ต้องสํานึกเสี ยใจไปชัว่ ชีวติ !”
“อื้ม ข้าเห็นด้วยอย่างยิง่ ” ฮวาหมิงไห่ผงกศีรษะ ขณะที่มนั
กําลังจะออกจากสนามประลอง มันพลันหมุนกลับไปมองยังอีก
ทิศทางโดยกะทันหัน…จับจ้องมองไปยังเย่ซิงหาน ชัว่ เวลานั้น
ในแววตาของมันปรากฏประกายเคียดแค้นชิงชังลึกลํ้าวูบหนึ่ง
“ความแค้นของบิดามารดาข้า หนี้โลหิ ตของตระกูลเรา…
แม้กระดูกของข้าจะป่ นเป็ นผุยผง..วันหนึ่ง ไม่วา่ อย่างไร…ข้าจะ
ให้วหิ ารสุ ริยนั จันทราของเจ้าชดใช้หนี้โลหิ ตนี้”
ฮวาหมิงไห่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันยามอาฆาตมาดร้ายในใจ สัตย์
สาบานภายในวิญญาณของมัน
ก่อนหน้านี้ ภรรยาของมันหรู เสี่ ยวยาได้รับพิษเย็นจากวิหาร
สุ ริยนั จันทรา ความสนใจทั้งหมดของมันคือการรักษาชีวติ ของ
ภรรยามันไว้ ยามนี้พิษร่้ ายของนางล้วนสลายหายสิ้ น ทั้งยังฟื้ นฟู
ร่ างกายอย่างรวดเร็ ว…วันนี้ หลังได้พบผูค้ นจากวิหารเทพสุ ริยนั
จันทรา ความแค้นที่เคยถูกสะกดข่มไว้เป็ นเวลานานพลันปะทุ
ระเบิดออกราวภูเขาไฟที่เก็บกักอานุภาพมาอย่างยาวนาน
เย่ซิงหานยืดเหยียดร่ างกายอย่างเกียจคร้านยามลุกขึ้นยืน
ขณะที่มนั พลันรับรู ้สมั ผัสความรู ้สึกบางอย่างจากทางด้านหลัง
มันหันกายกลับไป สายตาเย็นชายะเยียบของมันกวาดกราดสํารวจ
ไปทัว่ หากไม่พบเห็นสิ่ งใด มันถอนสายตากลับมาพร้อมเหล่มอง
ไปยังที่นงั่ ของพรรคเทพหงสา สายตาของมันสบเข้ากับสายตา
ของบุคคลอีกผูห้ นึ่ง ทั้งสองสบตายิม้ ให้แก่กนั อย่างมีเลศนัย
บทที่ 451 ความสงบก่ อนพายุ

วังหลวง อาณาจักรวายุคราม
บัดนี้ พระพักตร์ของชางว่านเฮ่อพลุ่งพล่านไปด้วยโลหิ ต
พระเนตรว่างเปล่าเหม่อลอย พระหัตถ์สนั่ สะท้านอย่างรุ นแรง…
รุ นแรงจนกระทัง่ ทําให้โต๊ะสัน่ ไหวตามไปด้วย
เพียงสิ บห้านาทีก่อน พระองค์ได้รับกระแสเสี ยงรวมทั้ง
ข้อความที่ถูกส่ งมาไกลกว่าหนึ่งแสนลี้ จากทั้งอาณาจักรมหาอสุ
รา อาณาจักรสุ คนธ์สวรรค์ อาณาจักรมารทมิฬ อาณาจักรหยาด
ทานตะวัน และอาณาจักรคลื่นนาวี ทีละอาณาจักร การส่ งกระแส
เสี ยงเหล่านี้ที่ตอ้ งสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมากกลับถูกส่ งมาจาก
ผูน้ าํ จากทั้งห้าอาณาจักร! ในกระแสเสี ยงที่ถูกส่ งมานั้น สุ ม้ เสี ยง
ทักทายของจักรพรรดิท้ งั ห้าทั้งตื่นเต้น ทั้งเปี่ ยมรักเปี่ ยมศรัทธา จน
เกือบจะเป็ นประจบประแจง ก่อนจะกล่าวออกมาว่าปรารถนาจะ
มาเยีย่ มเยือนอาณาจักรวายุครามเพื่อพบกับราชวงศ์วายุครามด้วย
ตนเอง ไต่ถามอย่างเกรงอกเกรงใจว่าเร็ วๆนี้พระองค์พอจะมีเวลา
บ้างหรื อไม่
เป็ นเช่นนี้ท้ งั ห้าอาณาจักร
ทว่าในอดีต อย่าว่าแต่กล่าวว่าจะมาเยือนเลย แม้วา่ วายุคราม
จะเชื้อเชิญจักรพรรดิท้ งั ห้าอาณาจักรนี้ดว้ ยความนอบน้อมอย่าง
สุ ดแสน พวกมันล้วนแล้วแต่ดูแคลนหรื อกระทัง่ รําคาญใจ อย่าง
มากก็ส่งขุนนางที่ตาํ แหน่งไม่ใหญ่โตนักมาผูห้ นึ่ง นานๆครั้งเมื่อ
มีโอกาสที่จกั รพรรดิท้ งั หกอาณาจักรได้พบปะกัน อาณาจักรทั้ง
ห้านี้ยงั กระทัง่ คิดดูแคลนที่จะมาใส่ ใจต่อจักรพรรดิวายุคราม
แต่บดั นี้ จักรพรรดิจากอาณาจักรทั้งห้าต่างก็แย่งชิงกันที่จะ
มาเยีย่ มเยือนพระองค์ดว้ ยตนเอง ด้วยเกรงว่าจะไม่ทนั การ พวก
มันยังใช้กระทัง่ ยันต์สื่อสารแสนลี้อย่างไม่คิดเสี ยดาย
อาณาจักรคลื่นนาวีได้บอกกล่าวต่อพระองค์วา่ หยุนเช่อแห่ง
อาณาจักรวายุคราม ได้รับอันดับหนึ่งในการประลองเจ็ด
จักรวรรดิอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มิใช่อนั ดับสอง แต่เป็ นอันดับที่หนึ่ง!! พิชิตชัยเหนือ
จักรวรรดิเทพหงสาจนได้รับอันดับที่หนึ่ง!
นี่เป็ นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่นามของอาณาจักรวายุ
ครามได้อยูเ่ หนือจักรวรรดิเทพหงสา!
ชางว่านเฮ่อนัง่ เหม่อลอยอยูเ่ ป็ นเวลานาน รู ้สึกพระองค์
อย่างชัดเจน…ว่าพระองค์กาํ ลังฝันไป การประจบประแจงจาก
จักรพรรดิท้ งั ห้าอาณาจักรเป็ นเครื่ องพิสูจน์ถึงความจริ งที่ราวกับ
ความฝันนี้ แต่พระองค์กย็ งั ไม่กล้าเชื่อถือ เพราะเรื่ องนี้ดูเพ้อฝัน
และเหนือจริ งจนเกินไป… ดูคล้ายภาพมายาเสี ยยิง่ กว่าความฝัน
หยุนเช่อนั้นแข็งแกร่ งอย่างยิง่ ก็จริ ง แต่ชายหนุ่มทําได้เพียง
ทําร้ายหลิงเทียนหนี่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
ทว่าฝั่งนั้นคือจักรวรรดิเทพหงสา คือพรรคเทพหงสา!!
ยิง่ ไปกว่านั้น พระองค์รู้ชดั เจนยิง่ กว่าผูใ้ ดว่าหยุนเช่อเข้า
ร่ วมการประลองเพียงลําพัง! แต่ขอ้ ความที่พระองค์ได้รับเมื่อเช้านี้
กลับประกาศชัดเจนว่าตารางการประลองเจ็ดจักรวรรดิในครานี้
ถูกย่นระยะเวลาให้ส้ นั ลง ทําให้ทุกการประลองกลายเป็ นการ
ประลองแบบกลุ่ม!
หากข่าวที่ส่งมากล่าวว่าหยุนเช่อที่เป็ นตัวแทนอาณาจักร
วายุครามได้รับอันดับที่สอง พระองค์ยงั คงทําใจเชื่อถือได้ แต่การ
เอาชนะจักรวรรดิเทพหงสาและได้รับอันดับหนึ่ง… ทําได้เพียง
ทําให้พระองค์คิดว่ากําลังฝันไปเท่านั้น
เสี ยงฝี เท้าอันเร่ งร้อนดังขึ้น ในเวลาเพียงไม่นาน ขันทีส่วน
พระองค์เร่ งถลันเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน มันสะดุดธรณี ประตู
และหน้าทิ่มลงกับพื้นอย่างรุ นแรง เมื่อมันลุกขึ้นมันกลับล้มลงอีก
ครั้ง พร้อมกับกู่ร้องด้วยเสี ยงแหบโหย “ฝ่ าบาท! สวรรค์ประทาน
พรแล้ว… สวรรค์ประทานพรแล้ว! มีขอ้ ความส่ งมาจากจักรวรรดิ
เทพหงสา…ในการประลองเจ็ดจักรวรรดิครานี้ ราชบุตรเขยแห่ง
วายุครามของพวกเราใช้เพียงมือเดียวโค่นล้มยอดยุทธ์รุ่ นเยาว์
อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิเทพหงสา ก่อนที่จะเอาชนะการโจมตี
สอดประสานจากราชันระดับกลางถึงเก้าคน คว้าตําแหน่งอันดับ
หนึ่งมาได้… ข่าวนี้ กระหม่อมตรวจสอบความจริ งนับสิ บๆ ครั้ง
มันเป็ นเรื่ องจริ งแท้แน่นอน…จริ งแท้แน่นอน!!”
ชางว่านเฮ่อลุกขึ้นยืน พระพักตร์พลุ่งพล่านด้วยโลหิ ตจน
แดงฉาน พระโอษฐ์สนั่ สะท้าน พระองค์ตื่นเต้นเสี ยจนมิอาจกล่าว
คําใดออกมาได้ แรกเริ่ มเดิมที ครั้งที่หยุนเช่อในฐานะตัวแทน
ราชวงศ์วายุครามได้รับตําแหน่งอันดับหนึ่งในการประลองยุทธ์
วายุคราม พระองค์ต่ืนเต้นยินดีอย่างยิง่ แต่การประลองเจ็ด
จักรวรรดิและการประลองยุทธ์วายุครามแตกต่างกันราวกับขาว
กับดํา หนึ่งคือผืนฟ้า อีกหนึ่งคือพื้นดิน การชนะงานประลองยุทธ์
วายุครามช่วยให้ราชวงศ์วายุครามกลับมามีเกียรติมีศกั ดิ์ศรี ใน
อาณาจักรวายุครามได้อีกครั้ง แต่ข่าวคราวที่พระองค์ได้รับใน
วันนี้ หากเป็ นความจริ งจะทําให้อาณาจักรวายุครามขึ้นสู่ จุดสู งสุ ด
แห่งทวีปลมปราณฟ้า! นี่เป็ นความฝันที่ไม่อาจเอื้อมของ
อาณาจักรวายุครามมานานกว่าพันปี
เซี่ ยวเหล่ยซึ่งนัง่ อยูด่ า้ นข้างนิ่งสงบกว่าชางว่านเฮ่อมากนัก
ชายชราเปิ ดปากถาม “ที่นน่ั หยุนเช่อพบปัญหาใดเรื่ องสายโลหิ ต
เทพหงสาบ้างหรื อไม่?”
ขันทีกล่าวตอบทันควันอย่างตื่นเต้น “ในลานประลอง ราช
บุตรเขยได้เผชิญหน้าครั้งใหญ่กบั พรรคเทพหงสาเนื่องเพราะ
สายโลหิ ตเทพหงสา ทว่าองค์หญิงหิ มะแห่งราชวงศ์เทพหงสาได้
ยืนยันด้วยพระองค์เองว่าสายโลหิ ตของราชบุตรเขยมิได้มีตน้
กําเนิดจากพรรคเทพหงสา หากแต่มาจากเทพหงสาอีกแห่งหนึ่ง
จักรพรรดิเทพหงสาก็ให้สญ ั ญาว่าจากนี้ไปพวกเขาจะไม่โจมตี
ราชบุตรเขยจากเรื่ องสายโลหิ ตอีก… นี่ถือเป็ นพรจากสวรรค์โดย
แท้จริ ง!”
“ประเสริ ฐ…ประเสริ ฐยิง่ !” ชางว่านเฮ่อผงกศีรษะอย่าง
เชื่องช้า พระองค์ตื่นเต้นตื้นตันเสี ยจนหลัง่ นํ้าตา ก่อนที่จะรี บรุ ด
เดินไปหาเซี่ ยวเหล่ย และร้อนใจจนทิ้งมาดทั้งหมดแห่งจักรพรรดิ
เสี ยสิ้ น “ผูอ้ าวุโสเซี่ ยว ท่านได้เลี้ยงดูบุตรแห่งสวรรค์แล้ว…
อาณาจักรวายุครามของข้าได้มีหยุนเช่อ นับเป็ นพรจากสวรรค์
อย่างแท้จริ ง!”
“จงรี บประกาศเรื่ องนี้ไปทัว่ อาณาจักรวายุครามโดยเร็ ว
ที่สุด! และจงรับราชโองการ จากวันนี้ไป… ทั้งอาณาจักรจะได้รับ
อภัยโทษทั้งหมด และราษฏรทั้งหมดจะไม่ตอ้ งเสี ยภาษีไปอีกสาม
ปี !”
“และรี บส่งราชโองการไปยังเจ้าวังฉิน ให้เขาเร่ งขยายสาขา
วังยุทธ์ให้มากขึ้นโดยพลัน”
“การตระเตรี ยมของขวัญแก่หา้ อาณาจักรเป็ นอันยกเลิก!”
“จงรี บจัดงานเลี้ยงฉลอง วันนี้ขา้ จะดื่มให้สาํ ราญ ฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่า….”
———————————————————————
“ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อคารวะผูอ้ าวุโสกู่ชาง ขอบคุณผูอ้ าวุโสกู่ชาง
ที่ช่วยพูดให้ผเู ้ ยาว์ก่อนหน้านี้” หยุนเช่อคุกเข่าคารวะตามธรรม
เนียมต่อปรมาจารย์จิตกู่ชาง
รอบกายปรมาจารย์จิตกู่ชางมิได้แผ่กระแสพลังใดๆ ออกมา
เลยแม้แต่นอ้ ย ดูภายนอกราวกับเป็ นชายชราผมขาวธรรมดาที่
จิตใจดีผหู ้ นึ่ง หากมีผฝู ้ ึ กยุทธ์เดินสวนกับชายชรา คงไม่มีผใู ้ ด
คาดคิดได้วา่ เบื้องหน้ามันคือราชันจักรพรรดิในตํานาน ผูอ้ ยู่
จุดสู งสุ ดแห่งทวีปลมปราณฟ้า ชายชราไม่เพียงไม่มีกระแสพลัง
ปราณแผ่ออกจากร่ าง แต่บุคลิกของชายชรายังปราศจากความ
โอหังหรื อความกดดันใดๆ มีเพียงรังสี พลังอันอ่อนบางเท่านั้น
ปรมาจารย์จิตกู่ชางพยุงหยุนเช่อให้ลุกขึ้นยืนอย่างสนิท
สนม ก่อนจะเผยยิม้ บางและพยักหน้า “ประเสริ ฐยิง่ เจ้ามิเพียงมี
พรสวรรค์และพลังอันน่าอัศจรรย์ บุคลิกและจิตใจของเจ้ายัง
เหนือกว่าคนรุ่ นราวคราวเดียวกัน ผูใ้ ดจะคาดคิดว่ายุคนี้จะมี
บุคคลแปลกประหลาดน่าพิศวงถึงสองคนมาจากอาณาจักรที่เคย
เล็กจ้อยและอ่อนแออย่างวายุคราม”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์จิตกู่ชางที่ชื่นชม” หยุนเช่อแย้มยิม้
เมื่อได้ยนิ ปรมาจารย์จิตกู่ชางเอ่ยชมหยุนเช่อ เซี่ยหยวนป้าปิ
ติตื่นเต้นยิง่ กว่าตนเองได้รับคําชม เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นอย่างเร่ งรี บ
“พี่เขยสุ ดยอดจริ งๆ! ต่อไปท่านจะต้องเป็ นคนที่น่าประทับใจ
ที่สุดในโลกแน่ๆ”
“ฮ่าฮ่า” ปรมาจารย์จิตกู่ชางหัวเราะอย่างอ่อนโยน หยุนเช่อ
ทําให้มนั ตื่นตะลึง ทั้งมันยังเห็นความสัมพันธ์อนั แน่นแฟ้น
ระหว่างชายหนุ่มและเซี่ยหยวนป้า ปกติแล้วบุคลิกของคนผูห้ นึ่ง
ยากยิง่ ที่จะเปลี่ยนแปลง ทว่าเซี่ยหยวนป้าเบื้องหน้าหยุนเช่อช่าง
แตกต่างจากเซี่ยหยวนป้าที่ชายชรารู ้จกั ราวกับเป็ นคนละคน
“หยุนเช่อ เจ้าสนใจการขึ้นไปยังนาวาปราณบรรพกาลวัน
พรุ่ งนี้หรื อไม่?” กู่ชางถาม
หยุนเช่อพยักหน้า “กล่าวตามจริ ง ผูเ้ ยาว์อยากจะขึ้นไป
สํารวจอย่างยิง่ …แม้วา่ การเดินทางนี้อาจจะอันตรายก็ตาม”
“อืมม์” ปรมาจารย์จิตกู่ชางพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า ชาย
ชราย่อมเข้าใจดีวา่ “อันตราย” ที่หยุนเช่อกล่าวถึงคือสิ่ งใด แม้วา่
เฟิ งเหิ งคงจะให้สญ ั ญาต่อหน้าผูค้ นว่าจะไม่เล่นงานหยุนเช่อเรื่ อง
สายโลหิ ตอีก แต่ไม่มีผใู ้ ดเชื่อถือแน่วา่ พรรคเทพหงสาจะยอมจบ
เรื่ องราวทั้งสิ้ นเช่นนี้ ปรมาจารย์จิตกู่ชางจึงเอ่ยปากออกก่อน “เมื่อ
เป็ นเช่นนี้ คืนนี้เจ้ามานอนทีบา้ นพักของเราเป็ นอย่างไร?”
ดวงตาของเซี่ยหยวนป้าเป็ นประกายพร้อมกับพูดอย่างร้อน
รน “ดี เยีย่ มเลย! พรรคเทพหงสาตระเตรี ยมที่พกั สําหรับพวกเรา
ไว้แล้ว พี่เขยควรจะมานอนที่บา้ นพักเดียวกับเรา ข้ามีหลายเรื่ อง
อยากจะเล่าให้พี่เขยฟัง”
หยุนเช่อไม่ลงั เล ชายหนุ่มพยักหน้าโดยพลัน ชายหนุ่มเองก็
มีเรื่ องอยากถามเซี่ยหยวนป้าหลายเรื่ องเช่นกัน อีกทั้งชายหนุ่มยัง
ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องที่พรรคเทพหงสาจะลอบโจมตียามคํ่าคืนหาก
เขาได้พกั ในบ้านพักเดียวกับปรมาจารย์จิตกู่ชาง “เช่นนั้นผูเ้ ยาว์ขอ
รับคําเชิญจากท่าน”
“เยีย่ มไปเลย!” เซี่ยหยวนป้าเริ งร่ าจนเริ่ มเต้นรํา “เช่นนั้นเรา
กลับกันเถอะ พี่เขย ข้ามีคาํ ถามอยากถามท่านมากมาย อย่างเช่น
ท่านออกจากหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ได้อย่างไร พี่ใหญ่เป็ นอย่างไร
บ้าง ท่านแข็งแกร่ งขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วก็ แล้วก็…”
ขณะที่หยุนเช่อกําลังจะตอบคํานั้นเอง ชายหนุ่มก็เห็นร่ าง
ของหลิงเจี่ยอยูใ่ นฝูงชน รวมทั้งคนที่เด็กหนุ่มกําลังพูดคุยด้วย…
“ผูอ้ าวุโส ผูเ้ ยาว์ขอตัวก่อน”
หยุนเช่อหันกายอย่างฉับพลันพร้อมกับรี บสาวเท้าเข้าไปหา
เด็กหนุ่ม
“เจี่ยน้อย!” หยุนเช่อตะโกนเรี ยกเมื่อเดินเข้าไปใกล้
หลิงเจี่ยหันขวับจนเกิดเสี ยง “วูบ” ดวงตาของเด็กหนุ่มเปล่ง
ประกายพร้อมกับรี บรุ ดปรี เข้ามาอย่างปิ ติยนิ ดี ในแววตามี
ประกายระยิบระยับ “ลูกพี่! หวา หวาาา! ท่านสุ ดยอดไปเลยวันนี้
เท่สุดๆ… เอ๋ ว่าแต่ ลูกพี่ ทําไมท่านมาอยูท่ ี่นี่?”
“คําถามนี้ขา้ ควรจะถามเจ้ามากกว่า ทําไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้?”
หยุนเช่อถามกลับ
“ฮี่ฮี่” หลิงเจี่ยเกาหน้าผาก “จริ งๆแล้ว สองวันหลังจากลูกพี่
ออกมาจากวังหลวง จักรพรรดิวายุครามประกาศว่าท่านเป็ น
ตัวแทนอาณาจักรวายุครามเข้าร่ วมการประลองเจ็ดจักรวรรดิ พอ
ข้าได้ข่าวข้าก็ตดั สิ นใจมาที่นี่… ข้าไม่ได้มาเสี ยเที่ยวจริ งๆด้วย!
ลูกพี่ ท่านรู ้ไหม?! ตอนนี้ท่านไม่ได้เป็ นเพียงตํานานแห่ง
อาณาจักรวายุคราม แต่เป็ นตํานานแห่งทวีปลมปราณฟ้าทั้งทวีป!”
เพื่อชายหนุ่มแล้ว หลิงเจี่ยไม่ลงั เลเลยที่จะเดินทางไกลกว่า
แสนลี้เพียงลําพัง ในลานประลอง เด็กหนุ่มเสี่ ยงที่จะเป็ นอันตราย
เสี่ ยงตกเป็ นเป้าหมายของพรรคเทพหงสาเพื่อตะโกนให้กาํ ลังใจ
หยุนเช่อด้วยเรี่ ยวแรงทั้งหมดที่มี กระทัง่ กล้าตั้งคําถามต่อพรรค
เทพหงสา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทาํ ให้ดวงใจของหยุนเช่อตื้นตัน ชาย
หนุ่มยืน่ มือไปตบบ่าหลิงเจี่ย ก่อนจะมองไปยังฮวาหมิงไห่ดว้ ยสี
หน้าแปลกประหลาดพิกล
สิ่ งที่ชายหนุ่มสงสัยมิใช่เหตุใดฮวาหมิงไห่จึงพรางตัวอย่าง
ธรรมดาสามัญเช่นนี้ แต่เป็ น… เหตุใดสองคนนีจ้ ึงมาอยู่ด้วยกัน
ได้ !?
“ฮี่ฮี่” ฮวาหมิงไห่จบั คางพร้อมกล่าวอย่างจริ งใจ “ลูกพี่หยุน
ก่อนหน้านี้ที่ขา้ ชื่นชมท่านเป็ นเพราะท่านจับข้าได้ ทั้งยังช่วยชีวติ
ภรรยาของข้า แต่ตอนนี้… ข้า เยีย่ นเสี่ ยวฮวา ชื่นชมบูชาท่านราว
กับ…”
“พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มาก” หยุนเช่อเอ่ยขัดฮวาหมิงไห่
พร้อมกล่าวอย่างระมัดระวัง “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าตะโกน
ช่วยเหลือข้า มีโอกาสที่พรรคเทพหงสาจะเพ่งเล็งพวกเจ้า หากว่า
พรรคเทพหงสาสร้างปัญหาให้แก่พวกเจ้า จงรี บส่งสัญญาณเสี ยง
หาข้าในทันที”
“จิ๊ เหตุใดข้าจะต้องเกรงกลัวพรรคเทพหงสาด้วย?” ฮวา
หมิงไห่เผยสี หน้าดูแคลน ในสายตาของมัน พรรคเทพหงสาทําได้
เพียงกินขี้ฝนจากก้
ุ่ นของมันเท่านั้น
หลิงเจี่ยตบอกของตนเองและกล่าวอย่างไม่ใส่ ใจ “ลูกพี่
ท่านวางใจได้ ท่านตาของข้าเป็ นถึงผูอ้ าวุโสแห่งแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ แค่ขา้ เปิ ดเผยฐานะพวกมันก็ไม่กล้าทําอะไรแล้ว”
“อะไรนะ? ตาของเจ้ามาจากแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ทั้งยัง
เป็ นถึงผูอ้ าวุโส?” ฮวาหมิงไห่จบั จ้องด้วยตาเบิกกว้าง ก่อนที่จะ
กล่าวด้วยสี หน้าขุ่นเคือง “เจ้าเป็ นเพียงเด็กน้อยใจร้อน อ่อนแอ
ราวกับพวกขยะ แต่กลับมีเบื้องหลังยิง่ ใหญ่น่าอัศจรรย์เช่นนี้!
โลกนี้ไม่ยตุ ิธรรมเลย!!”
“ท่านตาของเจ้า?” หยุนเช่อมีสีหน้าประลาดใจ
หลิงเจี่ยพยักหน้ากล่าวตอบ “ก่อนหน้านี้ท่านแม่เลือกท่าน
พ่อมากกว่าท่านตา ทําให้ท่านตาโกรธมาก เมื่อไม่กี่วนั ก่อน ท่าน
พ่อกับท่านแม่พาข้าและพี่ใหญ่ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เดชาสวรรค์เพื่อ
ไปพบท่านตา ท่านแม่และท่านตาพูดคุยสะสางเรื่ องราวกันได้ใน
ที่สุด เอ…ท่านตากระทัง่ ดูชื่นชอบข้าอย่างมาก และบอกว่าจะ
ถ่ายทอดเคล็ดกระบี่เดชาสวรรค์ท้ งั หมดให้แก่ขา้ ฮี่ฮี่”
แววตาของหยุนเช่อแปรเปลี่ยนเป็ นซับซ้อนในพริ บตา ชาย
หนุ่มพยักหน้าและส่ งยิม้ บางให้แก่หลิงเจี่ย “เมื่อเป็ นเช่นนี้ขา้ ก็
วางใจ ข้าต้องเตรี ยมการขึ้นไปยังนาวาปราณบรรพกาลในวัน
พรุ่ งนี้ คงไม่ได้อยูก่ บั พวกเจ้า เจี่ยน้อย เจ้าอยูใ่ นนครวิหคเทวะได้
อีกสองสามวัน หลังจากสํารวจนาวาปราณบรรพกาลเสร็ จสิ้ น ข้า
จะกลับไปยังอาณาจักรวายุครามพร้อมกับเจ้า”
“ตกลง!!” หลิงเจี่ยตอบอย่างตื่นเต้น
“ถ้าเป็ นไปได้ สองสามวันนี้รบกวนเจ้าดูแลเจี่ยน้อยด้วย”
หยุนเช่อบอกฮวาหมิงไห่
“ไม่มีปัญหา! ดูแลน้องชายอ่อนแอบอบบางเช่นนี้ไม่
ยากเย็นอยูแ่ ล้ว” ฮวาหมิงไห่ตอบรับอย่างจริ งจัง เมื่อหลิงเจี่ยได้
ยินเช่นนั้นก็มองกลับอย่างดูแคลน
หยุนเช่อหัวเราะก่อนจะหันกลับไปทางปรมาจารย์จิตกู่ชาง
เดินคู่กบั เซี่ ยหยวนป้าไปยังบ้านพักรับรองในนครวิหคเทวะ
ฮวาหมิงไห่หนั หลังกลับ สี หน้ายิม้ แย้มหายวับในพริ บตา
กลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ มหนักอึ้ง…
ดูเหมือนว่ าเขาจะมีเรื่ องขัดแย้ งบางอย่ างกับแดนกระบี่เดชา
สวรรค์ … ไม่ ใช่ สิ! สมควรเป็ นความแค้ น ทั้งยังเป็ นแค้ นที่ต้อง
ชําระ!
เมื่อนึกถึงแววตาที่เปลี่ยนแปลงในฉับพลันของหยุนเช่อยาม
ที่หลิงเจี่ยเอ่ยถึงแดนกระบี่เดชาสวรรค์ ฮวาหมิงไห่พึมพํากับ
ตนเองเป็ นเวลานาน
บทที่ 452 หยวนป้าทีต่ ื่นขึน้

สําหรับพรรคเทพหงสา สี่ แดนศักดิ์สิทธิ์น้ นั แน่นอนว่าเป็ น


แขกผูท้ รงเกียรติ ฉะนั้นพื้นที่รับรองสําหรับแต่ละบุคคลย่อม
ยิง่ ใหญ่หรู หราเป็ นอย่างมาก แม้แต่หยุนเช่อที่เป็ นถึงเขยแห่ง
อาณาจักรวายุครามผูซ้ ่ ึงเคยอาศัยอยูใ่ นวังหลวงเมื่อไม่นานนี้ยงั ไร้
ซึ่ งคําพูด
หลังจากนัง่ ลง เซี่ยหยวนป้าก็พบว่าเหตุผลใดท่าน
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางจึงจากไป ก่อนหน้านี้ภายใต้การจ้อง
มองของทุกผูค้ น เซี่ยหยวนป้ามิสามารถแสดงอารมณ์ตื่นเต้น
ความรู ้สึกที่มีออกมาได้ ยามนี้มิมีคนนอกอยูแ่ ล้วมันจึงมิอาจระงับ
อารมณ์ควบคุมจิตใจตนได้อีกต่อไป “พี่เขย ในสองปี นี้ขา้ คิดมา
ตลอดว่าท่านได้ตกตายไป ข้าดัง่ คนไร้ชีวติ ในตลอดสองปี ที่ผา่ น
มา ทุกครั้งที่ขา้ คิดว่าข้าทําให้พเี่ ขยต้องตกตาย ข้า…ข้าหวังมา
ตลอดว่าจะสามารถปลิดชีพตนเองลง…ทว่าท่านเป็ นผูส้ ละชีวติ นี้
ให้ขา้ หากข้าตายไป นัน่ ย่อมทําให้การเสี ยสละของพี่เขยต้องสู ญ
เปล่า นัน่ คือเหตุผลว่าทําไมข้าจึงใช้ชีวติ นี้อย่างเต็มที่…ข้าได้พบ
ท่านพ่อเมื่อยามเช้าที่ผา่ นมา ท่านพ่อกล่าวว่าพี่เขยยังมีชีวติ อยู่ ข้า
มิกล้าแม้แต่จะเชื่อ ข้ามิคิดว่านัน่ …ข้ามิคิดว่านัน่ จะ…”
เซี่ยหยวนป้ากล่าวด้วยอารมณ์ความรู ้สึกไหวเอนไปมา
ดวงตาพยัคฆ์อนั สู งส่ งภาคภูมิของมันเต็มไปด้วยนํ้าตาร้อนผ่าว
หยุนเช่อสามารถคาดเดาถึงหนทางชีวติ ที่หยวนป้าเลือกเดิน
มาตลอดสองปี ได้ มันถอนหายใจออกมาและกล่าว “เจ้าได้พบ
ท่านลุงเซี่ยแล้ว?”
“อืม อืมม” เซี่ยหยวนป้ารี บพยักหน้าอย่างรวดเร็ ว “ยามท่าน
อาจารย์และข้ามาถึงนครวิหคเทวะ ที่แรกที่พวกเราไปมิใช่ภายใน
ตัวนคร ทว่าเป็ นสมาคมการค้าเดือนดับ ที่นนั่ มีเพือ่ นเก่าของท่าน
อาจารย์อยูแ่ ละข้าก็ตอ้ งการไปดูสกั ครั้ง สุ ดท้ายข้าได้พบกับท่าน
พ่อที่ช้ นั หนึ่งของสมาคมการค้าเดือนดับ ท่านเป็ นผูบ้ อกข้าว่าท่าน
ยังมิตายภายในหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ทว่าได้กลับออกมาอย่าง
ปลอดภัยตั้งแต่เมื่อแปดเดือนก่อน และดูเหมือน…ฮิฮิ ท่านได้
แต่งงานกับองค์หญิงชางเยว่ วี้ววว…หากข้ารู ้ขา้ ต้องรี บเดินทาง
ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเป็ นแน่ ถ้าเช่นนั้นข้าคงมิตอ้ ง
รอจนถึงวันนี้กว่าจะได้รู้วา่ พี่เขยยังมีชีวติ อยู”่
“…” ยามปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางมาถึงพรรคเทพหงสา
มันได้กล่าวว่าศิษย์ของมันได้พบเพื่อนเก่าจึงมิได้มา ยามนั้นมันมิ
อาจคาดถึงเลยว่า ศิษย์ที่ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางกล่าวถึงจะ
เป็ นเซี่ยหยวนป้า และผูท้ ี่มนั ไปพบนั้นเป็ นพ่อของเซี่ยหยวนป้า
รวมถึงเป็ นพ่อตาของตัวมันเองด้วย…เซี่ยหงอี้
บางครั้งโชคชะตาก็เป็ นสิ่ งที่น่าพิศวงสงสัยที่สุดในโลกใบ
นี้
แน่นอน เซี่ยหงอี้น้ นั ตระหนักถึงการแต่งงานของมันกับ
ชางเยว่หา้ เดือนที่ผา่ นมา นัน่ หมายถึงว่า…อะแฮ่ ม
เซี่ ยหยวนป้าได้กล่าวถึงบางสิ่ งที่หยุนเช่อให้ความสนใจ
เป็ นอย่างมาก…ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเดินทางไปที่สมาคม
การค้าเดือนดับเพือ่ พบเพือ่ นเก่า และผูท้ ี่จะสามารถเรี ยกได้วา่ เป็ น
“เพื่อนเก่า” กับปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางได้นน่ั แน่นอนว่าต้อง
สนิทชิดเชื้อกันและยังอยูใ่ นระดับเดียวกันอีกด้วย!
ผูห้ นุนหลังของสมาคมการค้าเดือนดับช่างน่าตื่นตระหนก
ยิง่ นัก!
“ข้าก็ได้ยนิ มาเช่นกันว่าท่านลุงเซี่ยอยูใ่ นสมาคมการค้า
เดือนดับยามข้ามาถึงนครวิหคเทวะคราแรก ทว่าข้าเพียงละอาย
เกินกว่าที่พบหน้าท่านลุงเซี่ยจึงมิได้ไปเยีย่ มเยือน…เช่นนั้นพรุ่ งนี้
หลังจากท่องเที่ยวในนาวาปราณบรรพกาลแล้วเราค่อยเดินทางไป
สมาคมการค้าเดือนดับต่อ” หยุนเช่อกล่าว
“ประเสริ ฐ!” เซี่ยหยวนป้าพยักหน้าอย่างแข็งขัน “ท่านพ่อ
กังวลเกี่ยวกับท่านมาตลอดไม่กี่ปีนี้ หลังจากท่านมาถึงนครวิหค
เทวะแล้วก็หาข่าวคราวของท่านจากสมาคมการค้าเดือนดับอยู่
ตลอด วันนี้ขา้ กับท่านพ่อได้พดู คุยกันเกี่ยวกับเรื่ องราวของท่าน…
ท่านพ่อกล่าวว่าหลังจากท่านเดินทางออกมาจากหมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ราวปาฏิหาริ ย ์ พลังของท่านได้เพิม่ พูนขึ้นอย่างมหาศาล
ท่านได้เข้าหยุดขบวนแต่งงานของเฟิ นเจวีย๋ เฉิ ง ช่วยชีวติ องค์
จักรพรรดิแห่งวายุครามที่เหยียบผ่านประตูแห่งอเวจีอยูค่ รึ่ งก้าว
และจากนั้น…ทําลายทั้งตระกูลอัคคีผลาญฟ้าเพียงลําพัง! จากนั้น
ท่านยังแม้แต่เอาชนะหัวหน้าหมู่บา้ นกระบี่สวรรค์รุ่ นก่อนหลิง
เทียนหนี่…และกลับกลายเป็ นอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรวายุคราม
เป็ นถึงเกียรติยศอันสู งส่ งแห่งราชวงศ์วายุครามและเป็ นถึงผูส้ ร้าง
ประวัติศาสตร์ที่มิมีผใู ้ ดกล้าขัดขืน…”
ขณะกล่าวคําตาของเซี่ยหยวนป้าส่ องแสงประกาย ใบหน้า
เติมเต็มด้วยความชื่นชม ทว่ามันมิได้สงั เกตเลยว่าด้วยความ
แข็งแกร่ งของมันในตอนนี้ การทําลายล้างตระกูลอัคคีผลาญฟ้าก็
เป็ นเพียงการละเล่นเท่านั้น
อย่างไรก็ดี จากคํากล่าวของเซี่ยหยวนป้า ทําให้หยุนเช่อได้
ทราบว่าเซี่ยหงอี้ได้ซ้ือข่าวสารของมันติดตามทุกย่างก้าวมาตลอด
ไม่กี่ปีนี้ จะอย่างไรมันก็เป็ นลูกเขยของเซี่ยหงอี้ ตั้งแต่มนั ยังเยาว์
ยามที่ยงั อยูก่ บั ท่านปู่ และอาหญิงเล็ก ในเหล่าผูอ้ าวุโส เซี่ยหงอี้คือ
ผูเ้ ดียวที่เป็ นห่วงมันเสมอมา มิเคยมองมันตํ่าชั้นเพราะว่าเส้นชีพ
จรลมปราณพิกลพิการของมันเลย อีกทั้งยิง่ กว่านั้นยังมิเคยคิด
แม้แต่ยกเลิกสัญญาแต่งงานระหว่างลูกสาวของมันกับหยุนเช่อ
“พี่เขย ท่านหลบหนีออกมาจากผนึกใต้หมู่บา้ นกระบี่
สวรรค์ได้เช่นไรหรื อ? ท่านพ่อกล่าวว่านัน่ เพราะปี ศาจที่ถูกผนึก
ไว้ได้ตกตายลง นัน่ ทําให้ผนึกถูกคลายออก ทว่าปี ศาจตนนั้นได้
ถูกคุมขังมามากกว่าร้อยปี แล้ว ยามข้าเห็นมันวันนั้น มันยังดูน่า
กลัว ไม่เหมือนกับผูท้ ี่กาํ ลังจะตกตายเลยแม้แต่นอ้ ย…ท่านพ่อ
กล่าวว่านัน่ เพราะปี ศาจไม่รู้สึกว่าท่านเป็ นภัยคุกคามใดๆฉะนั้นจึง
มิได้ฆ่าพีเ่ ขยทว่าให้ท่านอยูร่ ่ วมกันแทน จากนั้นพี่เขยก็ได้ฝึกฝน
อย่างหนัก ท้ายที่สุดท่านก็ได้พบวิธีการฆ่าปี ศาจ…เป็ นเช่นนั้น…”
เมี่อเซี่ ยหยวนป้ากล่าวถึงตรงนี้ มันสังเกตได้วา่ หยุนเช่อ
แลดูเหมือนกําลังเศร้าลง มันจึงกล่าวคําใดๆทันที และกล่าวถาม
อย่างระวัง “อ่า…พี่เขย ใช่ขา้ กล่าวอันใดผิดไปหรื อไม่?”
หยุนเช่อส่ ายศีรษะ บังคับตนเองให้หวั เราะ “ให้ขา้ ได้บอก
เจ้าหลังจากเสร็ จภารกิจบางอย่างในอีกไม่กี่ปีนี้เถอะ”
เซี่ยหยวนป้าพยักหน้าอย่างรวดเร็ ว ดูจากสี หน้าของหยุ
นเช่อแล้วโดยสัญชาตญานของมันบอกว่าเรื่ องราวนี้สลับซับซ้อน
และกล่าวออกมาลําบาก มันจึงเลิกถามต่อ
“หยวนป้า เกิดอะไรขึ้นกับพลังปราณของเจ้า? ในเวลาเพียง
สองปี นั้น นี่ช่างเพิ่มพูนได้มากมายมหาศาลราวระเบิดลูกใหญ่!”
หยุนเช่อนั้นมีความสนใจในตัวเซี่ยหยวนป้าจึงได้กล่าวถาม แม้
ว่าจัสมินจะเคยบอกมันเมื่อนานมาแล้วว่าเซี่ยหยวนป้านั้นมี “เส้น
ชีพจรเทพราชันทรราชย์” ทว่ามันยังคงต้องการกล่าวถามเหตุผล
จากเซี่ยหยวนป้าโดยตรง
“นี่…” เซี่ยหยวนป้าเกาศีรษะและทําสี หน้าลําบากใจ “อันที่
จริ งแล้วข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”
“สองปี ก่อน ยามที่ขา้ คิดว่าพี่เขยตกตายไปแล้ว ข้า
กล่าวโทษตนเองอย่างหนัก หลังจากข้าร้องไห้เป็ นเวลายาวนาน
ข้าจึงตั้งใจที่หยุดเป็ นเพียงเศษขยะไร้ค่า ชีวติ ข้าได้มาโดยแลกกับ
ชีวติ ท่าน ถึงเช่นนั้นข้าก็ยงั คงเป็ นเพียงภาระของผูอ้ ื่น ข้าจึง
ต้องการฝึ กฝนเพียงลําพัง…ข้าได้ยนิ มาว่าผูค้ นที่นครวิหคเทวะ
นั้นแข็งแกร่ งที่สุด เพือ่ การฝึ กฝนของข้า ข้าจึงได้เดินทางมายัง
นครวิหคเทวะ”
“เจ้ามาถึงนครวิหคเทวะด้วยตัวคนเดียวได้เช่นไร?” หยุ
นเช่อกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ จากอาณาจักรวายุครามถึง
นครวิหคเทวะ มิใช่เพียงการเดินทางที่ยาวไกล มันยังเต็มไปด้วย
อันตราบนับไม่ถว้ นและอสู รลมปราณอีกมากมาย เซี่ยหยวนป้า
ยามนั้นอยูเ่ พียงระดับลมปราณเริ่ มต้นเท่านั้น การไปถึงนครวิหค
เทวะอย่างปลอดภัยด้วยตัวคนเดียวนั้น…โดยปกติแล้ว มันเป็ น
สามัญสํานึกทัว่ ไปที่มิอาจเป็ นไปได้
เซี่ยหยวนป้ากล่าว “ระหว่างเดินทาง ข้าได้พบกับสัตว์อสู ร
ลมปราณร้ายกาจนับไม่ถว้ นหรื อแม้แต่กลุ่มโจร…บางครั้งข้าก็มิ
อาจหาอาหารจากในป่ าได้จนหลายคราเกือบจะสิ้ นสติไปเพราะ
ความหิ ว คราข้าพบกับสัตว์อสู รลมปราณ พวกมันจะตรงเข้าขยํ้า
ข้าทันที…ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกครั้งที่ขา้ คิดว่านี่คือลม
หายใจเฮือกสุ ดท้ายและจะต้องตกตายแน่แล้ว ข้าก็จะสามารถ
เอาชนะเหล่าอสูรพวกนั้นได้โดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็สลบ
ไป…ยามข้าตื่นขึ้น ข้ารู ้สึกเหมือนว่าพลังปราณของข้าได้เพิม่ พูน
ขึ้นอย่างมหาศาล…”
หยุนเช่อ “…”
“เมื่อข้าตระหนักได้เช่นนั้น ยามข้ามาถึงนครวิหคเทวะข้าก็
ได้เสี่ ยงชีวติ เข้าท้าประลองกับพรรคต่างๆที่มีชื่อเสี ยง ทุกครั้งที่ขา้
ถูกทําร้ายจนกําลังจะตกตายข้าจะฟื้ นพลังขึ้นมาอย่างรวดเร็ ว
พร้อมกับพลังปราณที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล…” เซี่ยหยวนเป้า
เกาศีรษะ “ข้ายังมิทราบเช่นเดิมว่ามันเกิดขึ้นได้เช่นไร ยามนั้นข้า
รู ้สึกว่าตนเองได้กลายเป็ นบางสิ่ งที่แปลกประหลาด…จากนั้นข้า
ถูกทําร้ายจนเกือบตายอีกคราและถูกโยนทิ้งไว้ที่ซากปรักหักพัง
นอกเมือง ข้าหมดสติไปในเวลาที่เสมือนจะยาวนานมาก ยามข้า
ลืมตาขึ้นมา ผูเ้ ฒ่า…เอ่อข้าหมายถึงท่านอาจารย์คนปัจจุบนั ของ
ข้า…ท่านบอกข้าว่าข้ามีเส้นชีพจรที่เรี ยกว่าเส้นชีพจรเทพราชัน
ทรราชย์ และต้องการรับข้าเป็ นศิษย์… จากนั้นเขาพาข้าไปยังแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน จากนั้นข้าก็ได้ฝึกฝนลมปราณด้วยความ
ตั้งใจทั้งหมดของข้า ที่เหลือต่อจากนั้นท่านก็รู้ท้ งั หมดแล้ว
“เส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์? แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน
รู ้จกั เส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์ดว้ ยหรื อ?” หยุนเช่อกล่าวถาม
ด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้องแล้ว… เอ๋ พีเ่ ขย ท่านก็รู้จกั เส้นชีพจรเทพราชัน
ทรราชย์หรื อ?” เซี่ ยหยวนป้าเบิกตากว้าง “อาจารย์เคยพูดว่าใน
ประวัติศาสตร์ของทวีปลมปราณฟ้า เส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์
เคยปรากฏขึ้นในร่ างของสองคนเท่านั้น ข้าเป็ นคนที่สาม มีเพียง
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ เท่านั้นที่รู้เรื่ องนี้ และท่านยังห้ามไม่ให้ขา้
กล่าวถึงเรื่ องนี้โดยเด็ดขาด แต่กลับกลายเป็ นว่าพี่เขยเองก็รู้เรื่ องนี้
เช่นกัน!”
หยุนเช่อเงียบไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะถามออก “อาจารย์ของเจ้า
บอกหรื อไม่วา่ ระดับปราณสูงสุ ดที่เจ้าจะบรรลุได้ในอนาคตคือ
ระดับใด?”
“อาจารย์ไม่ได้กล่าวถึงเรื่ องนั้น แต่ท่านเคยบอกว่านี่เป็ น
เพียงการเริ่ มต้นตื่นขึ้นของเส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์ หากมัน
ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์เมื่อใด มันจะไร้เทียมทาน ยังมีกระทัง่ โอกาสที่
จะก้าวข้ามขอบเขตระดับของโลกนี้…ฮี่ฮี่ฮี่ แม้วา่ อาจารย์ท่านมิได้
โกหก แต่มนั ฟังดูน่าเหลือเชื่ออยูบ่ า้ ง” เซี่ยหยวนป้าพูดด้วย
ใบหน้ากระดากอาย
เส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์…ไร้เทียมทาน…ข้ามขอบเขต
ระดับของโลกนี้!?
คิ้วของหยุนเช่อกระตุกเลิกขึ้นอย่างรุ นแรง
ร่ างนวปราณพิสุทธิ์และจิตดวงแก้วหิ มะของเซี่ยฉิงเยว่…
เส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์ของเซี่ยหยวนป้า
ทั้งร่ างกายและพรสวรรค์ของพีน่ อ้ งคู่น้ ี…นี่มนั อะไรกัน!!
ความคิดอันอุกอาจปรากฏขึ้นในห้วงคํานึงของหยุนเช่อ…
เซี่ยหยวนป้าและเซี่ยฉิ งเยว่ ดูราวกับทั้งคู่ไม่ใช่คนของโลกใบนี้
“ใช่แล้ว พี่เขย พี่ใหญ่เป็ นอย่างไรบ้าง? เหตุใดครานี้นางจึง
ไม่ได้มากับพี่เขยล่ะ?”
“พี่สาวเจ้าสบายดี บัดนี้นางได้เป็ นท่านหญิงน้อยแห่งแดน
ศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง ทั้งยังเป็ นหัวหน้าของนางเซียนเมฆา
เยือกแข็งทั้งเจ็ด คราแรกข้าก็คิดว่านางจะมากับข้า แต่สุดท้ายแล้ว
ท่านหญิงรุ่ นก่อนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์กไ็ ม่อนุญาต”
“โอ้! แล้วครั้งที่ท่านกับองค์หญิงชางเยว่แต่งงานกัน พี่ใหญ่
โกรธหรื อไม่… ฮี่ฮี่”
“…อาจจะเล็กน้อย” หยุนเช่อกดปลายจมูก
………………
หยุนเช่อไม่ล่วงรู ้เลยว่าในช่วงสองปี ที่ชายหนุ่มและเซี่ย
หยวนป้าแยกจากกัน เซี่ยหยวนป้าไม่เคยยิม้ แม้เพียงสักครั้ง
กระทัง่ แม้เข้าร่ วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันที่เด็กหนุ่มไม่เคย
แม้แต่ใฝ่ ฝันถึงมาก่อน ยังไม่อาจทําให้เด็กหนุ่มมีความสุ ขได้แม้
เพียงเศษเสี้ ยว นอกจากการพยายามฝึ กฝนตนเองให้แข็งแกร่ งขึ้น
มากที่สุดด้วยเรี่ ยวแรงทั้งหมดที่มีแล้ว เด็กหนุ่มก็ราวกับเป็ นผีดิบ
ทั้งร่ างกายและจิตใจเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อตนเองและ
ความกระหายในพลังอย่างบ้าคลัง่ เท่านั้น
และในยามเย็นวันเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มได้ปลดปล่อยเสี ยง
หัวเราะที่ได้กกั เก็บไว้มาตลอดเวลาสองปี เต็ม
คนทั้งสองพูดคุยกันจนมืดคํ่า ก่อนจะเดินออกมาจากสวน
ด้วยกันเพือ่ เตรี ยมตัวเดินเล่นในนครวิหคเทวะ ไม่นานหลัง
จากนั้น ทั้งสองพบเห็นร่ างของบุคคลหนึ่งที่ไม่วา่ ใครก็มิอาจลืม
ได้ยนื อยูใ่ ต้ตน้ หงสาที่กาํ ลังออกดอกหงสาบานสะพรั่ง
หากบุรุษผูห้ นึ่งมีรูปงามเพียงพอ คนผูน้ ้ นั จะถูกบรรยายว่า
“สง่างาม” “หล่อเหลาไร้เทียมทาน” หรื อกระทัง่ “รู ปงามราวกับ
หยก” ทว่าบุรุษผูน้ ้ ีสามารถบรรยายได้เพียงว่า…งดงาม!
หรื อกระทัง่ เย้ายวน!!
คนผูน้ ้ นั ยืนอยูใ่ ต้ตน้ หงสา ปลายนิ้วระหงที่นุ่มนวลยิง่ กว่า
อิสตรี เอื้อมจับดอกหงสาที่งดงามจับตาราวกับเปลวเพลิง อาภรณ์
สี ขาวราวหิ มะถูกแต่งแต้มด้วยกลีบดอกหงสา เกิดเป็ นภาพที่ชวน
ให้ผคู ้ นลุ่มหลง
บทที่ 453 อสนีบาตมายาไร้ ขอบเขตลอยมาหา

“ดูเหมือนว่าคนผูน้ ้ ีคือ…เจ้าสมุทรผะ… ผะ… ผูอ้ าวุโสจี”


เซี่ ยหยวนป้ากลืนนํ้าลายลงไปอึกใหญ่ฉุดดึงหยุนเช่อ
เตรี ยมพร้อมที่จะเดินอ้อม แต่ตอ้ งชะงักไปชัว่ ครู หลังเห็นหยุนเช่อ
เดินออกไปอย่างไม่คาดคิด
“อ่าาา… พี่เขย” เซี่ยหยวนป้าไม่ได้ดึงหยุนเช่อแรงพอ ชาย
หนุ่มทําได้เพียงเหม่อมองหยุนเช่อเดินไปหา จีเชียนหลัวใน
สายตาของเซี ยหยวนป้าเขาคือผูท้ ี่น่ากลัวยิง่ กว่าสัตว์อสู รบรรพ
กาล
“กลิ่นอายภายในนครหงสานี้ช่างน่ารังเกียจจริ งๆ ความรู ้สึก
แห้งและหยาบกร้านจากการเผาไหม้น้ ีนบั ว่าเป็ นศัตรู ต่อผิวพรรณ
อันผุดผ่องของผูอ้ ื่น สิ่ งเดียวที่เหมาะแก่การถูกเรี ยกว่าสวยงามนัน่
คือดอกหงสาอันทรงเสน่ห์น้ ี ช่างน่าสงสารต่อให้งดงามเพียงใด
สุ ดท้ายดอกก็ร่วงโรยไป เหมือนดัง่ ร่ างกายของเราที่งดงามกว่า
ดอกหงสาที่ตอ้ งชราในซักวัน นี่เองคือกฏของโลกที่นบั ว่า
โหดร้ายยิง่ เจ้าเห็นด้วยหรื อไม่ เช่อเช่อน้อย”
กลีบบุปผาทั้งสองลอยล่องอยูบ่ นปลายนิ้วของจีเชียนหลัว
ผูค้ นที่ยนื อยูภ่ ายใต้ตน้ หงสาหมุนกายกลับมา เปิ ดเผยใบหน้า
งดงามเย้ายวน รวมทั้งแววตาไหวระริ กที่มองมายังหยุนเช่อ
ดวงหน้านั้น สี หน้าเช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมเป็ นศาสตรา
พิฆาตอันทรงอานุภาพ ทว่าหยุนเช่อกลับไม่ได้รับผลกระทบใด
แม้แต่นอ้ ย ชายหนุ่มก้าวเท้าต่อไปเบื้องหน้าด้วยสี หน้าไม่
เปลี่ยนแปลง “ผูเ้ ยาว์หยุนเช่อคารวะผูอ้ าวุโสจี ขอบพระคุณผู ้
อาวุโสที่เมตตาช่วยเหลือ”
“อาวุโสจี?” ชายแขนเสื้ อชุดยาวสี ขาวบริ สุทธิ์ของจีเชียน
หลัวกระพือพัดพลิ้ว ชายหนุ่มสะบัดเส้นผมยาวสลวยด้วยทีท่า
ทรงเสน่ห์เปี่ ยมล้น “ข้าเกลียดชังผูอ้ ื่นเรี ยกหาเป็ นผูอ้ าวุโสที่สุด
มองดูรูปโฉมเยาว์วยั งดงามของผูอ้ ่ืนสิ ผูอ้ ื่นเพียงเกิดก่อนเจ้าหก
ร้อยกว่าปี จะเป็ นผูอ้ าวุโสของเจ้าได้อย่างไร? หากเจ้าเรี ยกหาข้า
เป็ นผูอ้ าวุโสอีกครั้ง ข้าจะโกรธล่ะนะ”
“…เช่นนั้น ผูเ้ ยาว์ควรเรี ยกท่านว่าเช่นไร?”
จีเชียนหลัว หรี่ ตาอย่างกระชดกระช้อยและกล่าวพลางแย้ม
ยิม้ สดใส: “เจ้าจะเรี ยกข้าว่า เชียนหลัว หรื อ เชียนเชียนน้อย หลัว
หลัวน้อย… จีจ้ ีนอ้ ยก็ได้เช่นกัน ยูวโน้ว”
“…” แม้หยุนเช่อพยายามอย่างยิง่ ยวดที่จะรักษาความเยือก
เย็น หากลําคอของชายหนุ่มยังต้องติดขัด เขานิ่งเงียบงันเป็ น
เวลานาน จ้องมองโดยไม่รู้วา่ ตนเองสมควรกล่าววาจาเยีย่ งไรดี
“ไม่จาํ เป็ นต้องขอบคุณผูอ้ ื่น ผูอ้ ื่นกล่าววาจาออกหน้าให้แก่
เจ้าเพราะผูอ้ ื่นรู ้สึกว่าเจ้า…ยังไม่เลวนัก รู ้ม้ ยั ” จีเชียนหลัวเลื่อน
สายตามองหยุนเช่อจากศีรษะจรดปลายเท้า กวาดสํารวจมองทั้ง
ร่ างของชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า สายตาที่เต็มไปด้วยแววยัว่ ยวน
สะท้านไหวราวสายนํ้าพลันทําให้หยุนเช่อต้องขนลุกขนพอง เดิม
ทีชายหนุ่มต้องการสนทนากับจีเชียนหลัวให้มากไว้ ทว่ายามนี้หยุ
นเช่อเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน ปรารถนาให้ตนเองสามารถวิง่ หนี
ไปได้โดยเร็ ว
หยุนเช่อกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ ว “ถึงอย่างไร ผูเ้ ยาว์ไม่อาจไม่
ขอบคุณอาวุโสจีที่ช่วยยืนหยัดแทน ขออภัยที่ตอ้ งกล่าวถาม หลาย
ปี มานี้ อาวุโสจี ใช่เคยสัมผัสกับพิษคางคก…ผูเ้ ยาว์คุน้ เคยกับ
สมุนไพรตัวยา ดังนั้น สามารถคาดเดาออกได้อย่างเลือนราง ไม่
ทราบคาดเดาถูกต้องหรื อไม่”
“โอ้?” จีเชียนหลัวจ้องมองเข้าไปยังดวงตาของหยุนเช่อและ
กล่าวด้วยเสี ยงนุ่มนวล “สองร้อยปี ก่อน ผูอ้ ื่นบังเอิญพบกับคางคก
ที่น่าเกลียด มันนับว่าเป็ นสิ่ งที่ผอู ้ ื่นเกลียดชังยิง่ ดังนั้นผูอ้ ื่นจึง
ทําลายมัน ผูอ้ ื่นมิได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเผลอโดนพิษชัว่ ร้ายของ
มัน” จีเชียนหลัวกางนิ้วมือออกและมองไปยังเส้นสี ดาํ ที่คลุมเครื อ
บนปลายนิ้ว “นี่เป็ นเหตุที่ไม่เพียง เจ้ามิควรมองดูสิ่งที่เจ้าเกลียด
เจ้าย่อมมิควรแตะต้องพวกมันเช่นกัน”
หยุนเช่อกล่าว “พิษที่ผอู ้ าวุโสจีกล่าวถึงคือพิษคางคกรัดจิต
วิญญาณ มันยึดติดกับจิตใจ มีชีวติ ได้ดว้ ยโลหิ ต ดังนั้น วิธีการ
ธรรมดาทัว่ ไปย่อมไม่สามารถบังคับมันออกมาได้ ด้วยระดับพลัง
ปราณของผูอ้ าวุโสจีพิษคางคกนี้จะไม่ส่งผลกระทบรุ นแรงใดๆ
แต่กม็ ิใช่เรื่ องเล็กเช่นกัน…”
“ผูเ้ ยาว์มีของบางอย่างที่มีคุณสมบัติในการขับล้างพิษ ยาขับ
ล้างพิษเม็ดนี้อาจสามารถช่วยเหลือผูอ้ าวุโสจีได้” หยุนเช่อพูดไป
พร้อมกับหยิบเม็ดยาที่ชายหนุ่มได้เตรี ยมไว้ก่อนโดยการถ่ายเท
พลังขจัดพิษของไข่มุกพิษสวรรค์เข้าไปในเม็ดยานั้น ชายหนุ่ม
อยากที่จะยืน่ ใส่ มือของจีเชียนหลัว แต่หลังจากมองดูท่ีมือของเขา
ชัว่ ครู่ เขาตัดสิ นใจโยนเม็ดยาให้แทน
จีเชียนหลัวสะบัดมือคีบรับยาเม็ดไว้ระหว่างนิ้วมือของเขา
“ผูเ้ ยาว์ขอลา” หยุนเช่อกุมมือก่อนจะจากไปเหมือนกําลัง
หนี
ยาเม็ดบนฝ่ ามือของจีเชียนหลัวเขียวสดใสเปล่งประกายราว
กับหยก เพียงถือไว้บนฝ่ ามือ ทัว่ ร่ างพลันรู ้สึกได้ถึงสัมผัสอันสด
ชื่นถึงกระดูก จีเชียนหลัวเหลือบสายตามองแผ่นหลังของหยุนเช่อ
ด้วยดวงตาหรี่ ลง สูดดมยาเม็ดคราหนึ่ง เจ้าสมุทรเปิ ดริ มฝี ปากของ
ตน ก่อนจะโยนยาเม็ดเข้าปากไป
หยุนเช่อสาวเท้ากลับเข้าสู่ เมืองวิหคเพลิงพร้อมเซี่ยหยวน
ป้า ชายหนุ่มรับฟังเซี่ยหยวนป้าบอกเล่าเรื่ องราวของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน เมื่อกลับมาถึงสวนที่พกั ความมืดมิดล้วนแผ่
ปกคลุมสภาพโดยรอบ ห้องหับของท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชางเองมืดมิดสนิท คล้ายดัง่ เข้าพักผ่อนไปแล้ว
หยุนเช่อกลับมายังห้องของเขา หลังจากปิ ดประตู ชายหนุ่ม
คิ้วขมวดเนื่องจากรู ้สึกว่ามีบางอย่างคลุมเครื อผิดปกติ มีใครบาง
คนเข้ามาในห้องนี้!
ย้อนกลับไปในทวีปเมฆคราม ชายหนุ่มถูกล่าทั้งกลางวัน
ทั้งคํ่าคืน หยุนเช่อพัฒนาทักษะต่อต้านการถูกตามล่าขั้นสู งสุดมา
ยาวนาน ชายหนุ่มสามารถบอกภาพรวมของสถานที่ที่ถูกผูค้ น
แตะต้องหลังจากที่ตนเองออกจากที่แห่งนั้นได้เพียงพริ บตา …
สุ ดท้ายแล้ว หยุนเช่อไม่จาํ เป็ นต้องจับสังเกตุความแตกต่างใดๆ
ภายในห้องของตนเองด้วยซํ้า ทว่าสัญชาตญาณของเขาจะ
สามารถรับรู ้ความผิดปกติที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้
ในทันที
หยุนเช่อเริ่ มระมัดระวังตัว นี่คือพื้นที่ของแขกเหรื่ อพรรค
เทพหงสาที่คนนอกไม่สามารถเข้ามาได้ แม้กระทัง่ ศิษย์ของพรรค
หงสาก็ตาม นอกจากตัวมันเอง เซี่ยหยวนป้า และปรมาจารย์จิตกู่
ช่าง ที่พกั ที่นี่ มันได้ออกไปข้างนอกกับเซียหยวนป้าและ
ปรมาจารย์จิตกู่ช่างเองก็ไม่มีเหตุผลใดต้องเข้ามายังห้องมัน…
แล้วใครกันที่เข้ามา?
คิ้วของหยุนเช่อขมวดลง สายตาของเขาสาดส่ องไปทัว่ ทุก
ซอกมุมห้องอย่างทัว่ ถึง แต่ไม่พบร่ องรอยใดๆที่กระตุน้ ความ
สนใจของเขา หลังจากใคร่ ครวญอยูช่ วั่ ครู่ จึงเดินไปข้างเตียง เพียง
เมื่อเขาอยากจะลดตัวลงนอน สายตาของหยุนเช่อลดลงไปมองยัง
หมอนในทันที
ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไปและย้ายหมอนอย่างรวดเร็ ว…
ภายใต้หมอนมีแผ่นหยกแผ่นหนึ่ง
สิ่ งนี้…
หยุนเช่อมัน่ ใจร้อยเปอร์เซ็นว่า แผ่นหยกนี้ ไม่ได้อยูใ่ ต้
หมอนมาก่อน เพราะหลังจากเลือกห้องพักกับเซี่ยหยวนป้า เขาได้
ตรวจสอบเตียงอย่างระมัดระวังไว้แล้ว
หยุนเช่อขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแผ่นหยกและเปิ ด
ด้วยความระวัง
หลังจากที่เปิ ดชิ้นแรกของแผ่นหยกพลันปรากฏตัวอักษรที่
แจ่มชัดในดวงตาของหยุนเช่อ: อัสนียบาตมายาไร้ขอบเขต!
“อัสนียบาตมายาไร้ขอบเขต!?” หยุนเช่อร้องออกมาเบาๆ
นี่คืออัสนียบาตมายาไร้ขอบเขตจริ ง มรดกสื บทอดตระกูล
ของฮวาหมิงไห่ทกั ษะการเคลื่อนไหวอันดับหนึ่งของทวีป
ลมปราณฟ้า!
ผูท้ ี่เข้ามาก่อนหน้านี้คือฮวาหมิงไห่? มันรู ้หอ้ งของข้าได้
เช่นไร? แล้วเหตุใดมันถึงวางแผ่นหยกประทับอัสนียบาตมายาไร้
ขอบเขตไว้ที่นี่?
ความแข็งแกร่ งของฮวาหมิงไห่มิเพียงพลังลมปราณฟ้าขั้น
ปลายเท่านั้นแต่ดว้ ย “อัสนีบาตมายาไร้ขอบเขต”นี้ มันจึงมี
ชื่อเสี ยงในทวีปลมปราณฟ้าด้วยฉายา “หัตถ์ภูติมายา” มันสามารถ
ผ่านพรรคเทพหงสาไปได้อย่างปลอดภัย แม้กระทัง่ จอมราชันย์
ร่ วมมือกันยังไม่สามารถแม้จะแตะปลายเสื้ อของมันได้ กล่าวได้
ว่า “อัสนีบาตมายาไร้ขอบเขต” นั้นล่อใจหยุนเช่ออย่างมาก ยาม
ตอนที่หยุนเช่อรักษาหรู เสี่ ยวยาและบอกถึงความสนใจแก่ฮวา
หมิงไห่ ชายหนุ่มกลับถูกปฏิเสธ
นั้นเป็ นเพราะทักษะนี้คือทักษะศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลฮวา มิ
อาจบอกต่อคนนอกได้ ฮวาหมิงไห่เคยบอกไว้ดว้ ยว่านอกจากคํา
ขอนี้ มันยินดีที่จะทําตามคําขออื่นๆ
แต่ยามนี้แผ่นหยกประทับอักษร “อัสนีบาตมายาไร้
ขอบเขต”กลับมาปรากฏอยูใ่ นสถานที่น้ ี!
“ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อฮวาหมิงไห่จะอยากให้เจ้าเป็ นหนี้
บุญคุณอย่างมาก” จัสมินพูดอย่างเฉื่ อยชา
หยุนเช่อได้รับทราบความยอดเยีย่ มของเคล็ดวิชา อัสนีบาต
มาไร้ขอบเขต ด้วยตาของตนเองมาแล้ว และยามนี้ ทั้งหมดล้วน
อยูท่ ี่เบื้องหน้าของตนเองแล้ว ทว่า หลังจากเปิ ดผ่านแผ่นหยก
เหล่านั้น หยุนเช่อไม่อ่านต่อไป หลังการรักษาเยียวยาหรู่ เสี่ ยวยา
ฮวาหมิงไห่ละอายแก่ใจ หากยังยืนกรานปฏิเสธไม่ให้หยุนเช่อ
ฝึ กฝนเคล็ดวิชานี้ ผ่านไปหลายวัน มันจึงนําส่ งเคล็ดวิชานี้มาให้
ไม่เพียงมิได้นาํ ส่ งด้วยตนเอง การส่ งมอบนี้ยงั แฝงความนัย
บางอย่างอีกด้วย
ที่จสั มินกล่าวล้วนไม่ผดิ หากหยุนเช่อฝึ กปรื อวิชาอสนีบาต
มายาไร้ขอบเขตเช่นนี้ หยุนเช่อย่อมต้องติดหนี้บุญคุณฮวาหมิ
งไห่อย่างใหญ่หลวง และเจตนาที่ฮวาหมิงไห่ส่งเคล็ดวิชามาที่นี่
เนื่องเพราะต้องการให้ชายหนุ่มติดค้างนํ้าใจต่อมันนัน่ เอง
“ดูท่าหลังจากได้เห็นการแสดงฝี มือของข้าในงานประลอง
ยุทธเจ็ดจักรวรรดิแล้ว มันต้องการยืมกําลังของข้าเพื่อ
วัตถุประสงค์บางอย่าง” หยุนเช่อพึมพําต่อตนเอง
“เช่นนั้น เหตุใดมันไม่นาํ มาให้เจ้ากับมือ?”จัสมินกล่าว
หยุนเช่อกล่าวอย่างเชื่องช้า “ประการแรก พลังฝี มือของข้า
ยังไม่เพียงพอ ที่มนั สนใจคือความเป็ นไปได้ในการพัฒนาของข้า
มันเชื่อมัน่ ในพัฒนาการของข้าในอนาคต ประการที่สอง มัน
แน่ใจว่าข้าต้องปฏิเสธหากมันนํามาให้ดว้ ยตนเอง ดังนั้น มันจึง
เลือกวิธีน้ ี ในการวางเหยือ่ ล่ออันยักษ์โดยไม่เรี ยกร้องสิ่ งตอบแทน
หากข้าไม่อาจอดทนต่อความยัว่ ยวนของเหยือ่ ล่อ ฝึ กปรื ออัสนี
บาตมายาไร้ขอบเขต เช่นนั้นย่อมต้องติดหนี้บุญคุณมัน เมื่อถึง
เวลานั้น ย่อมไม่อาจปฏิเสธข้อเรี ยกร้องของมันได้ อีกประการ
หนึ่ง หากข้าใช้วชิ าอัสนีบาตมายาไร้ขอบเขตออก ผูอ้ ื่นย่อม
คาดคิดว่าข้าเป็ นคนตระกูลฮวา”
“เมื่อเป็ นเช่นนี้ คาดว่าเจ้าคงรู ้ถึงแรงจูงใจของมันแล้ว”
“เพียงคร่ าวๆเท่านั้น” หยุนเช่อกล่าว “ตระกูลฮวาถูกวิหาร
เทพสุ ริยนั จันทราทําลายล้างสิ้น ด้วยความสามารถของฮวาหมิง
ไห่ รักษาชีวติ ไม่สาํ คัญเท่าล้างแค้นสําเร็ จ ดังนั้น มันต้องการหยิบ
ยืมกําลังของข้ายามที่ขา้ เข้มแข็งเพียงพอ ทว่า ทุกผูค้ นต่าง
หวาดกลัววิหารเทพสุ ริยนั จันทรา พวกมันคือแดนศักดิ์สิทธิ์อนั
สู งส่ งไร้คู่เปรี ยบ ไม่เพียงเท่านั้น ข้าปราศจากความแค้นต่อพวก
มัน ฮวาหมิงไห่ยอ่ มมิใช่ไร้เดียงสากระทัง่ คิดว่าเพียงอัสนีบาต
มายาไร้ขอบเขตจะสามารถทําให้ขา้ ยอมลงมือ…มันต้องการ
กระทําการสิ่ งใดกันแน่? หรื อข้าสมควรกล่าวว่า มันไปเอาความ
มัน่ ใจมาจากที่ใดกันแน่?”
“แล้วเจ้าจะฝึ กหรื อไม่? วิชานี้มิได้ส่งผลต่อความสามารถ
ทางการต่อสู ข้ องเจ้ามากนัก ทว่าหากเป็ นการเดินทางหรื อหลบ
หลีก กลับกล้าแข็งอย่างยิง่ ยวด ในทวีปนี้ สามารถเรี ยกได้วา่ เป็ น
เคล็ดวิชาท่าร่ างที่แข็งแกร่ งที่สุดได้อย่างเต็มภาคภูมิ”
หยุนเช่อนิ่งครุ่ นคิดอยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะปิ ดม้วนแผ่นหยกลงใน
ท้ายที่สุด พร้อมทั้งเก็บเข้าไปในไข่มุกพิษสวรรค์ “แม้นี่จะเย้ายวน
ใจอย่างมาก ก่อนที่ขา้ จะสามารถพบมันอีกครั้ง ข้าไม่ควรฝึ กวิชา
นี้ ตอนนี้อย่าได้สนใจเรื่ องนี้ดีกว่า ข้าจําต้องขึ้นสู่ นาวาปราณ
บรรพกาลในวันพรุ่ งนี้ หากแต่ในใจกลับมีแต่สงั หรณ์วา่ การ
เดินทางนี้เปี่ ยมด้วยอันตรายใหญ่หลวง…นาวาปราณบรรพกาล
คือสถานที่เหมาะสมที่สุดที่พรรคเทพหงสาจะโจมตีขา้ ”
“หากเจ้าถอนตัวทันทีที่พบพานอันตราย เช่นนั้น อย่าได้คิด
หวังทะลวงขีดจํากัดพลังฝี มือของตนเองได้ และเจ้าคงไม่มีวนั นี้
เช่นกัน” จัสมินกล่าวอย่างเย็นชา “นาวาปราณบรรพกาลเป็ นสิ่ ง
เดียวในทวีปนี้ที่สามารถกระตุน้ ความสนใจของข้าได้ เจ้าต้องพา
ข้าขึ้นไป! จากสัมผัสพลังของข้า ข้าย่อมสามารถรับรู ้ถึงความลับ
บนนาวาได้ในพริ บตาเดียว”
“เข้าใจแล้ว” หยุนเช่อบิดริ มฝี ปากโค้งขึ้น “เพื่อเพิ่มพูน
โอกาสในการรักษาชีวติ รอด ข้าจําต้องฟื้ นฟูร่างกายโดยการ….
นอน!”
——————————————
พรรคเทพหงสา
“ท่านประมุข”
เฟิ งเฟยเยียนดริ ฟท์ร่างกลางราตรี กาล ก่อนจะร่ อนลงยัง
เบื้องหลังเฟิ งเหิ งคง
เฟิ งเหิ งคงหมุนกายกลับมา สี หน้านิ่งสงบกลับแปรเปลี่ยน
เป็ นมืดครึ้ มลงทันควัน มันหันไปทางเฟิ งเฟยเยียนก่อนจะกล่าว
วาจาด้วยสุ ม้ เสี ยงแผ่วเบาอย่างถึงที่สุด “การขึ้นสู่ นาวาปราณ
บรรพกาลพรุ่ งนี้เป็ นเวลาที่เหมาะสมในการกําจัดหยุนเช่อที่สุด
เจ้าเข้าใจความคิดของข้าใช่หรื อไม่?”
เฟิ งเฟยเยียนหางคิ้วกระตุก จากนั้นผงกศีรษะ “ข้าเกือบ
คาดคิดว่าท่านประมุขจะยอมไว้ชีวติ มัน หยุนเช่อผูน้ ้ ีมิอาจไว้ชีวติ
ได้ อนาคตของมันไม่ทราบอาจนําพาปัญหาร้ายแรงถึงระดับใดมา
ให้ ท่านประมุข โปรดวางใจ ข้าจะจัดเตรี ยมคนลงมือระหว่างการ
ขึ้นสู่ นาวาปราณบรรพกาลในวันพรุ่ งนี้ จากกฏเกณฑ์พิเศษแห่ง
ห้วงชั้นบรรยากาศในนาวาปราณบรรพกาล ข้ามัน่ ใจว่าจะไม่มี
ร่ องรอยใดๆเหลือรอดให้คน้ พบได้…หรื อไม่ ข้าอาจลงมือด้วย
ตนเอง!!”
“อืมม” เฟิ งเหิ งคงผงกศีรษะ
“ท่านประมุข เสวีย่ เอ๋ อร์จะขึ้นสู่ นาวาด้วยงั้นหรื อ?” เฟิ งเฟย
เยียนกล่าวถาม
“มิผดิ นาวาปราณบรรพกาลเพียงปรากฏขึ้นหนึ่งครั้งใน
รอบสามร้อยปี หากพลาดโอกาสนี้ อาจต้องรอไปอีกสามร้อยปี
ข้าย่อมต้องนําเสวีย่ เอ๋ อร์ไปด้วย ตัวนางเองบังเกิดความสนใจใน
นาวาปราณบรรพกาลเช่นกัน แม้จะเต็มไปด้วยปริ ศนาลี้ลบั หาก
มิใช่วา่ อันตรายเกินไป นอกจากนี้ ผูอ้ าวุโสท่านอื่นๆ ยังไปด้วย”
เฟิ งเฟยเยียนผงกศีรษะ “หวังว่าการเดินทางในวันพรุ่ งนี้จะ
สามารถได้รับรางวัลอันใดกลับมาบ้าง หากท่านประมุขไม่มีคาํ สัง่
ใด ข้าต้องขอลา”
เมื่อเฟิ งเฟยเยียนกล่าวจบ เงาร่ างของมันเลือนหายไปกับ
ราตรี กาล
บทที่ 454 เข้ าสู่ นาวาปราณบรรพกาล

วันนี้เป็ นวันแรกหลังการประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ ท้องฟ้า


เพิ่งรุ่ งสางสว่าง ทว่านครวิหคเทวะล้วนเต็มไปด้วยสรรพเสี ยง
อึกทึก เหล่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ในนครต่างแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้า จ้อง
มองไปยังเงาใหญ่โตสี ดาํ ขนาดมหึ มาที่เบื้องบน วันนี้คือวัน
สุ ดท้ายที่นาวาปราณบรรพกาลจะหยุดอยูเ่ หนือนครวิหคเทวะ..ทั้ง
เป็ นวันที่นาวาปราณจะเปิ ดออก
หยุนเช่อทําสมาธิตลอดทั้งคืน ยามที่ชายหนุ่มเดินออกนอก
ห้องหับในยามเช้าตามตารางเวลา กู่ชางและเซี่ยหยวนป้ากําลังรอ
คอยอยูด่ า้ นนอก เมื่อเห็นหยุนเช่อก้าวออกมา พวกมันหันหน้ามา
โดยพร้อมเพรี ยงกัน เซี่ยหยวนป้าก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มอย่าง
รวดเร็ ว “พี่เขยข้ากําลังจะไปเรี ยกท่านอยูพ่ อดี ประตูนาวากําลังจะ
เปิ ดในอีกสิ บห้านาที คนอื่นๆ ต่างขึ้นไปกันหมดสิ้ นแล้ว”
“ได้เวลาพอดี ไปกันเถอะ” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางกล่า
วอย่างเนิบช้า เขาสะบัดแส้หางม้าในมือ พริ บตานั้น พายุหมุน
ขนาดรัศมีหา้ ฟุตปรากฏใต้เท้าหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้า
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันกล่าววาจา พายุหมุนพลันม้วนพัดหยุ
นเช่อและเซี่ยหยวนป้าลอยสูงขึ้นสู่ กลางอากาศอย่างรวดเร็ ว ยาม
ที่ร่างกายของชายหนุ่มเพิ่งบังเกิดปฏิกิริยา เขาก็อยูเ่ หนือพื้นดิน
กว่าสามร้อยเมตรแล้ว
หกหมื่นเมตร นี่เป็ นความสู งถึงระดับใด? ก้อนเมฆปกติอยู่
ในระยะหนึ่งถึงสองพันเมตรเหนือพื้นดินเท่านั้น ร่ างของหยุนเช่อ
พุง่ สู งตรงดิ่งขึ้นเหนือฟ้า ผ่านชั้นเมฆหนาแน่นชั้นแล้วชั้นเล่า
เสี ยงลมกรี ดหวีดหวิวที่ขา้ งใบหู ชายหนุ่มต้องการเปิ ดปากกล่าว
วาจา ทว่าทันทีที่อา้ ปาก สายลมพลันหลัง่ ไหลเข้าสู่ ภายในปาก
อย่างรวดเร็ วรุ นแรง ไม่อาจไม่หุบปากลง
แม้ยอดยุทธ์ช้ นั ปราณฟ้าและปราณจักรพรรดิจะสามารถใช้
เคล็ดเหิ นเวหา หากระยะความสู งหกหมื่นเมตรเป็ นสิ่ งที่พวกมัน
ยังไม่อาจกระทําได้ ด้วยความสู งระดับนี้ ท่านต้องบรรลุระดับชั้น
ราชันทรราชเป็ นอย่างน้อย ยิง่ กับราชันจักรพรรดิยงื่ ไร้ปัญหาใด
ต่อให้พาคนขึ้นมาด้วยเป็ นพันคนยังไม่หนักหนาเท่าใด ไม่ตอ้ ง
กล่าวถึงเพียงหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้า
สุ ดท้าย หลังผ่านพ้นชั้นเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า ลมหวีดหวิวที่
ข้างใบหูของหยุนเช่อเริ่ มสงบลง หยุนเช่อเงยศีรษะขึ้น พบว่า
ตนเองอยูห่ ่างจากนาวาปราณบรรพกาลไม่ถึงสามร้อยเมตร เท่าที่
ตาเห็น ขนาดมโหฬารของนาวาปราณใหญ่โตจนมองไม่ทว่ั ถึง
สี สนั ยังมิใช่สีเทาทะมึนเช่นที่มองยามอยูเ่ บื้องล่าง หากแต่เป็ นสี
แดงสด
ยามนี้ เพียงนับว่าผ่านแค่ร้อยอึดใจ…เดินทางผ่านระยะหก
หมื่นเมตรภายในร้อยอึดใจ นี่ยงั รวดเร็ วกว่าระดับความเร็ วของหยุ
นเช่อยามอยูบ่ นพื้นดินเสี ยอีก!
สถานที่ที่ท่านปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางนําพาพวกมันทิ้ง
ตัวลงคือด้านหนึ่งของนาวาปราณบรรพกาล มีผคู ้ นยืนอยูเ่ พียง
ยีส่ ิ บสามสิ บคนเท่านั้น ท่ามกลางผูค้ นเหล่านี้ ปรากฏจีเชียนหลัว
และหลิงคุนยืนอยูด่ ว้ ย รวมทั้งผูค้ นจากอาณาจักรมารทมิฬอีกสาม
คน ในบรรดาตัวแทนอาณาจักรมารทมิฬที่ยนื อยู่ หนึ่งคือราชัน
ทรราชย์ หนึ่งคือครึ่ งก้าวสู่ ช้ นั ราชันทรราชย์ หนึ่งคือยอดยุทธ์รุ่น
เยาว์ ทั้งสามคือยอดฝี มือที่อยูร่ ะดับสู งที่สุดของอาณาจักร ทว่า
บุคคลที่หลงเหลือทั้งหมดกลับเป็ นผูค้ นจากพรรคเทพหงสา พวก
มันเพียงสามารถสงบสํารวมกิริยา ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซํ้า
นอกจากคนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็ นจากพรรคเทพหงสา หยุ
นเช่อมองเห็นเฟิ งเหิงคง เฟิ งเฟยเยียน เฟิ งซีหมิง..ข้างกายเฟิ งเหิ ง
คง คือเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่สวนใส่ ผา้ คลุมหยกหงสา ผูท้ ี่ได้รับอนุญาต
ให้ข้ ึนสู่ นาวาปราณบรรพกาลล้วนแล้วแต่เป็ นบุคคลสําคัญใน
พรรคทั้งสิ้ น ในบรรดาผูค้ นยีส่ ิ บกว่าคนที่ยนื อยู่ นอกจากเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ที่ไม่ปรากฏคลื่นพลัง ผูค้ นทั้งหมดต่างมีระดับอยูช่ ้ นั ทรราชย์
ทั้งสิ้ น
ยอดยุทธ์ช้ นั ราชันทรราชย์ยส่ี ิ บกว่าคนล่องลอยอยูก่ ลาง
อากาศ แรงกดดันที่ส่งออกมาน่าเกรงขามสุ ดหยัง่ ถึง กระทัง่ มวล
อากาศยังหยุดไหล
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางมาถึงแล้ว เฟิ งเหิ งคงก้าวเข้ามา
พร้อมประสานมือคารวะ ทว่ากับหยุนเช่อ พวกมันเพียงเหลือบตา
มองชายหนุ่มแวบเดียวเท่านั้น
สายตาของหยวนป้ากวาดกราดไปทัว่ ลานก่อนกล่าวกระซิบ
ที่ขา้ งหูของหยุนเช่อว่า “ท่านอาจารย์เคยเข้ามายังนาวาปราณ
บรรพกาลก่อนหน้านี้ จากที่ท่านกล่าว ผูท้ ี่สามารถเข้าไปในนาวา
ปราณได้ท้ งั หมดมีเพียงสามสิ บหกคน ทุกครั้ง นอกจากแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสํารวจนาวามีเพียงผูค้ น
สําคัญของพรรคเทพหงสา เมื่อรวมพวกเราแล้ว มีคนมาถึง
ทั้งหมดสามสิ บห้าคน..สมควรหลงเหลืออีกคนหนึ่ง”
“เป็ นเย่ซิงหาน” หยุนเช่อกล่าวตรงๆ
หยุนเช่อแหงนเงยศีรษะจ้องมองนาวาปราณบรรพกาลอัน
ใหญ่โตมโหฬารที่เบื้องหน้าอย่างเต็มตา ด้วยระดับความคมกล้า
ของสายตาหยุนเช่อ ยังไม่อาจมองเห็นสุ ดขอบนาวา ทั้งซ้ายขวา
หน้าหลัง รวมถึงยอดสุ ด ล้วนใหญ่โตเกินกว่าจะมองถ้วนทัว่ ทัว่
ทั้งพื้นผิวปรากฏรัศมีพลังห่อหุม้ เมื่อพลังของหยุนเช่อสัมผัสกับ
คลื่นพลังนี้ ทุกสิ่ งทุกอย่างล้วนถูกตัดขาด ไม่อาจสัมผัสได้ถึง
ภายในนาวาเลยแม้แต่นอ้ ย
และที่เบื้องหน้าของหยุนเช่อ คือประตูที่ต้ งั อยูอ่ ย่างโดดเด่น
บนนาวาปราณบรรพกาลนี้ ประตูน้ ีมีความกว้างสิ บห้าเมตร รัศมี
ตราประทับสาดประกายเรื่ อเรื องบนบานประตู เดี๋ยวสว่างเดี๋ยววูบ
ดับ พลังที่เปล่งออกมาจากบานประตูไหวระริ กราวกําลังจะสลาย
ลงไปได้ทุกเมื่อ
สายตาทุกผูค้ นรวมตัวอยูย่ งั ตราประทับที่กาํ ลังกระพริ บวูบ
วาบ ยามนี้ กลับปรากฏเสี ยงพายุหมุนหวีดหวิวดังมาจากเบื้องล่าง
“เฮอะ มาตรงเวลาพอดี ช่างอวดโอ่นกั ” เฟิ งซีหมิงพ่นลม
อย่างดูแคลน สี หน้ารังเกียจเดียดฉันท์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
กระแสลมป่ วนปั่นพุง่ ขึ้นสู ง เงาร่ างของบุรุษหนุ่มล่องลอย
ลงมายังเบื้องล่าง เป็ นเย่ซิงหานเอง หากแต่มนั มิได้มาเพียงลําพัง
ตัวมันนําพาสตรี งดงามยัว่ ยวนทั้งสองนางมาด้วย หนึ่งอิงแอบ
ทางขวา หนึ่งซุกซบอยูท่ างซ้าย เสื้ อผ้าที่พวกนางสวมใส่ แตกต่าง
ไปจากวันก่อน ชุดสี แดงเฉิดฉายราวเทพธิดารั้งดึงขึ้นมาเหนือ
บริ เวณทรวงอก จนชายผ้าด้านล่างแทบไม่อาจปิ ดบังบริ เวณ
สะโพกไว้ได้ เพียงขยับไหวเล็กน้อย ทุกสิ่ งทุกอย่างล้วนถูก
เปิ ดเผยหมดสิ้ น แม้ทุกผูค้ นในที่น้ ีลว้ นเป็ นชนชั้นทรราชย์ หากสี
หน้ายังต้องเปลี่ยนแปลงอยูบ่ า้ ง
“ฮะฮะ ดูท่าทุกคนล้วนอยูท่ ี่นี่แล้ว เรานายน้อยเมื่อคืนใช้
เรี่ ยวแรงออกไปมากเกิน วันนี้จึงเลยเวลาไปบ้าง ขอทุกท่าน
อย่าได้ถือสา” เย่ซิงหานโอบกอดสาวงามข้างกายทั้งสอง ก้าว
ออกมาจากพายุหมุน สายตาของมันกวาดมองทุกผูค้ น ก่อนจะ
มองไปยังประตูนาวา “คล้ายว่าประตูนาวากําลังจะเปิ ดออกพอดี”
หากผูท้ ี่กาํ ลังทําตัวเย่อหยิง่ อวดดีและหยาบคายเช่นนี้เป็ น
บุคคลอื่น พรรคเทพหงสาคงระเบิดออกมานานแล้ว ทว่านี่เป็ นเจ้า
วิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา แม้จะเกลียดชังมันเข้า
กระดูกดํา ยังไม่กล้าทําอย่างไรมันได้ เฟิ งเหิ งคงผงกศีรษะ “เจ้า
วิหารเย่มาได้เวลาพอดี ไม่กี่อึดใจ ประตูนาวาก็จะ…โอ้?”
ไม่ทนั ที่เฟิ งเหิ งคงจะกล่วจบประโยค ตราประทับที่บาน
ประตูวบู ดับลง จากนั้นเลือนหายไปอย่างช้าๆ ประตูนาวาที่ถูกปิ ด
ลงมาตลอด ค่อยเปิ ดอ้าออกพร้อมเสี ยงเอี๊ยดอ๊าดระคายหู
“เปิ ดแล้ว!!” เซี่ยหยวนป้าอุทานออกมา ผูท้ ี่มายังนาวาปราณ
บรรพกาลเป็ นครั้งแรกต่างกลั้นลมหายใจ สองตาเบิกกว้าง
ประตูนาวาเปิ ดออกโดยเชื่องช้าอย่างยิง่ ผ่านไปหลายชั้วอึด
ใจจึงสามารถเปิ ดออกจนหมดสิ้ น เบื้องหลังบานประตูมีเพียงสี ดาํ
สนิทเป็ นแผ่นผืน คล้ายวังวนมหาสมุทรอันลึกลํ้า
“นัน่ คือวังวนพิเศษที่ใช้เพื่อเข้าไปในนาวา หลังจากก้าวเข้า
ไป ท่านจะถูกส่ งไปยังสถานที่หนึ่งภายในนาวา เพียงแต่ นาวา
ปราณบรรพกาลใหญ่โตอย่างยิง่ โครงสร้างภายในลึกลับซับซ้อน
หลายปี ที่ผา่ น พวกเรายังคงไม่อาจทราบได้วา่ สถานที่ที่นาวา
ส่ งไปนั้นเป็ นบริ เวณใดในนาวา” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางอธิ
บายต่อหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้า
“เมื่อเปิ ดแล้วก็เข้าไปกันเถอะ” เย่ซิงหานหัวเราะ มันไม่
แยแสสนใจผูอ้ ื่น โอบกอดสตรี ท้ งั สองนางสาวเท้าเข้าสู่ ภายใน
เมื่อเห็นท่าทางของเย่ซิงหาน สี หน้าของผูค้ นจากพรรคเทพหงสา
เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เฟิ งซีหมิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “เจ้า
วิหารน้อยโปรดชะงักเท้า”
เย่ซิงหานหยุดยั้งชะงัก มันหันหน้ากลับมาก่อนกล่าววาจา
อย่างเฉื่อยชา “องค์ชายเทพหงสามีคาํ สัง่ ใด?”
“เราไม่กล้าออกคําสัง่ ” เฟิ งซีหมิงกัดฟัน “เพียงต้องการ
ยืนยัน ท่านเจ้าวิหารน้อยแน่ใจว่าจะนําสตรี ท้ งั สองนางไปด้วย
แน่นอนแล้ว?”
“แน่นอน” เย่ซิงหานหรี่ ตา “แต่พวกนางไม่ใช่ “สตรี สอง
นาง” แต่เป็ นสนมของข้า —-เยว่จีและเหม่ยจี เจ้า-เข้า-ใจ-แล้ว
กระมัง?”
คําพูดท้ายประโยคของเย่ซิงหานเต็มไปด้วยความรําคาญใจ
และความเย่อหยิง่ จองหองอันแจ้งชัด เฟิ งซีหมิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ขณะที่มนั กําลังจะกล่าววาจา กลับได้ยนิ เฟิ งเฟยเยียนพ่นลมออก
จมูกพร้อมกล่าวว่า “เจ้าวิหารน้อย เราเพียงสามารถเข้าสู่ นาวา
ปราณบรรพกาลได้เพียงสามสิ บหกคน! ผูค้ นที่สามารถเข้าไปได้
ล้วนได้รับการตัดสิ น มิใช่สิ่งที่ท่านคิดเข้าก็เข้าไปได้ตามใจ! เจ้า
วิหารน้อยนับรวมอยูใ่ นสามสิ บหกคนนนี้ ทว่าแม่นางทั้งสองนี้
ไม่ใช่!”
ข้อความที่ส่งมาจากคํากล่าวของเฟิ งเฟยเยียนชัดแจ้งยิง่ ทว่า
คนบ้าเช่นเย่ซิงหานไหนเลยจะเชื่อฟังกฏเกณฑ์อนั ใด? มันหลิ่วตา
พร้อมยกยิม้ “ถ้าเราจะพาพวกนางไปเล่า?”
ทันทีที่วาจาหยาบคายไร้เหตุผลของเย่ซิงหานหลุดออกจาก
ปาก สี หน้าเฟิ งเฟยเยียนแข็งค้างไปชัว่ อึดใจ ไม่ทราบสมควร
โต้ตอบเช่นไรดี ขณะนี้เอง เสี ยงหัวเราะอันแสนนุ่มนวล
อ่อนหวานก้องขึ้น “โอ๊ะ โอ หานหานน้อยต้องการพาแม่นางทั้ง
สองไปด้วย ทว่าผูอ้ ื่นกลับไม่ตอ้ งการเช่นนั้น…ปัญหานี้แก้ไขได้
ง่ายดายยิง่ ..เชือดพวกนางทิ้งซะ นี่มิใช่จบสิ้ นเรื่ องราวหรอกหรื อ?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
สุ ม้ เสี ยงอันนุ่มนวลนี้ ยังทรงเสน่ห์กว่าสุ ม้ เสี ยงของสตรี
หากส่ งผลให้ผฟู ้ ังทั้งหมดสัน่ สะท้านขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม สี
หน้าของเย่ซิงหานหม่นทะมึนอย่างถึงขีดสุ ด “จีเชียนหลัว ท่าน
กล้า!”
“โฮ่” นิ้วของจีเชียนหลัวสะบัดคราหนึ่ง หางคิ้วเชิดขึ้น “หา
นหานน้อยใช่พดู ว่า ผูอ้ ื่นไม่กล้าทําเช่นนั้นหรื อ?”
เย่ซิงหานอหังการถึงเพียงไหน หากจีเชียนหลัวเป็ นบุคคลที่
กระทัง่ จักรพรรดิยงั ไม่เห็นอยูใ่ นสายตา หากทั้งสองขัดแย้งกัน
ขึ้นมา ที่น่าสงสารที่สุดย่อมต้องเป็ นพรรคเทพหงสา ยิง่ ยามนี้เป็ น
เวลาสําคัญที่ประตูนาวาเปิ ดออก เฟิ งเหิ งคงทอดถอนใจพร้อม
กล่าวว่า “ท่านแขกผูม้ ีเกียรติจากแดนศักดิ์สิทธิ์ ยามนี้เป็ นเวลามี
ค่าที่ประตูนาวาเปิ ดออก พวกเราไม่มีเวลาขัดแย้ง จี้หราน เหยียนมู่
เจ้าทั้งสองรอคอยอยูด่ า้ นนอก”
เฟิ งจี้หรานและเฟิ งเหยียนมู่กา้ วเดินออกจากกลุ่มคน แม้สี
หน้าทั้งสองจะมืดทะมึนด้วยไม่มีทางเลือก ทว่าต่อหน้าเย่ซิงหาน
พวกมันกล้าโกรธแค้น หากยังไม่กล้าอาละวาด
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ประมุขพรรคเทพหงสาจึงใจกว้าง ยุติธรรม
และเปี่ ยมเหตุผลอย่างแท้จริ ง ผูเ้ ยาว์ไม่อาจไม่ขอบคุณท่านประมุข
เยว่จี เหม่ยจี ขอบพระคุณท่านประมุขสิ ”
“ไม่จาํ เป็ น” เฟิ งเหิงคงยกมือห้ามปราม สะกดข่มความ
ชิงชังรังเกียจภายในใจอย่างสุ ดความสามารถ “ประตูนาวาเปิ ด
แล้ว ทุกท่านเชิญเข้า”
“ย่อมต้องเป็ นผูน้ าํ พรรคเทพหงสาเข้าไปก่อน” เย่ซิงหาน
ทําท่าสํานึกตน
เฟิ งเหิ งคงไม่กล่าวอันใด เข้าไปในนาวาปราณบรรพกาล
พร้อมเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ทันทีที่ร่างของทั้งสองสัมผัสวังวนสี ดาํ พวก
มันล้วนอันตรธานไปในพริ บตา
เย่ซิงหาน เยว่จี เหม่ยจีท้ งั สามตามติด จากนั้นจึงเป็ น
ตัวแทนพรรคเทพหงสาทั้งหมดก้าวติดตามหลังไป
จีเชียนหลัวก้าวผ่านหยุนเช่อ ฉับพลัน ฝี เท้าของมันหยุดยั้ง
ลง มันยกนิ้วเรี ยวยาวขาวนวลออก ชี้ตรงมายังหยุนเช่อพร้อม
กล่าวเสี ยงอ้อยอิ่ง “เช่อเช่อน้อย ผูอ้ ื่นติดค้างเจ้า”
หลังกล่าวจบคํา แย้มยิม้ อย่างยัว่ ยวน ก่อนก้าวเท้าเข้าวังวน
ไป
“ติดค้างท่าน?” เซี่ยหยวนป้าเบิกตามองดูหยุนเช่อ “พี่เขย
เขาหมายถึงอะไร?”
“เรื่ องเล็กน้อย ไปกันเถอะ”
“อื้ม!”
หยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้าเข้าไปเป็ นสองคนสุ ดท้าย พริ บตา
ที่ร่างของทั้งคู่สมั ผัสวังวน ปรากฏแรงดึงดูดมหาศาลดูดร่ างของ
พวกมันเข้าไป ทันใดนั้นเอง ภายในหัวของทั้งคู่หมุนวนอย่างบ้า
คลัง่ จากพลังฉี กกระชากห้วงอวกาศอันรุ นแรง หยุนเช่อกําลังจะ
ใช้พลังปราณในร่ างเพื่อหยุดยั้งแรงกระชาก ทว่ากรอบสายตา
พลันปรากฏแสงสว่างขึ้นทันที
บทที่ 455 ห้ วงมิตอิ นั ลีล้ บั

นี่คือภายในนาวาปราณบรรพกาล หากมิเพียงไม่มืดมิด
กลับสว่างเจิดจ้ายิง่ หยุนเช่อมองไปเบื้องหน้าก่อนจะกลับ
กลายเป็ นใบ้กิน เนื่องเพราะสายตาของเขาคือทุ่งหญ้าสี เขียวชอุ่ม
ไร้สิ้นสุ ด! สุ ดขอบทุ่งหญ้ายาวเหยียดจรดเส้นขอบฟ้า
“ว้าวว! เป็ นอย่างที่อาจารย์เคยบอกไว้จริ งๆ!” เซี่ยหยวนป้า
เข้ามาในนาวาปราณบรรพกาลเป็ นคราแรก เด็กหนุ่มตื่นตะลึง
อย่างยิง่ ยวด เขาเริ่ มต้นกล่าววาจาไม่หยุดยั้ง “อาจารย์กล่าวว่าที่นี่มี
กฏแห่งมิติที่แตกต่าง ภายในมีโลกอีกใบดํารงอยู่ เมื่อมองจากที่น้ ี
ไม่มีผใู ้ ดคาดคิดว่านี่คือภายในของนาวาปราณบรรพกาล”
“โลกภายในของมันเอง?” สี หน้าของหยุนเช่อเผยแววตื่น
ตะลึง ขณะเดียวกัน สุ ม้ เสี ยงของจัสมินดังขึ้น “อย่างที่คาด กฏ
แห่งมิติของที่นี่แตกต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้ นเชิง! ดูคล้าย
พื้นที่ถายในของสถานที่น้ ีกลับมากกว่าที่เห็นอยูภ่ ายนอก! หรื อ…
อาจสามารถใหญ่กว่าทวีปลมปราณฟ้าหลายเท่า…อาจใหญ่กว่า
เป็ นสิ บล้านเท่าก็เป็ นได้!”
หยุนเช่อ “…”
ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มราบเรี ยบอย่างยิง่ ไม่อาจมองเห็นขอบเขต
ได้ ที่สะดุดตามีเพียงข่ายเวทย์ขนาดสามเมตรที่สะท้อนประกายสี
แดงอยูไ่ ม่ไกล เฟิ งเหิ งคงและเหล่าศิษย์พรรคเทพหงสายืนราย
ล้อมตราผนึก ท่าทีระแวดดระวัง
“มิติในที่น้ ีแปลกประหลาดยิง่ บนทวีปลมปราณฟ้า หากทิ้ง
ตราผนึกไว้เช่นนี้โดยไม่แตะต้อง ย่อมต้องเสื่ อมสภาพไปภายใน
ห้าพันปี ทว่าตราผนึกที่ถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของเรานี้กลับ
อ่อนแรงลงแปดในสิ บส่ วนจากสามร้อยปี ที่ผา่ นมา” เฟิ งเหิ งคง
ขมวดคิ้วยามกล่าววาจา
“ทว่า พลังที่หลงเหลือยังคงเพียงพอในการเคลื่อนย้ายพวก
เรามายังสถานที่ครั้งสุ ดท้ายที่ถูกสํารวจได้” เฟิ งเฟยเยียนชักมือ
กลับจากตราผนึกก่อนกล่าวโดยสํารวม นาวาปราณบรรพกาล
ใหญ่โตเกินไป ระยะเวลาสํารวจเพียงยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงไม่เพียงพอ
ดังนั้น หลังการสํารวจทุกครั้ง พรรคเทพหงสาจะทิ้งตราผนึกไว้
เมื่อนาวาปราณบรรพกาลเปิ ดออกอีกครั้ง ล้วนสามารถเคลื่อนย้าย
พวกมันมายังจุดสุ ดท้ายที่สาํ รวจค้างไว้พอดี
“เสริ มกําลังผนึกเดิมก่อน จากนั้นค่อยเริ่ มการสํารวจ” เฟิ ง
เหิ งคงกล่าวอย่างหนักแน่น
“รับทราบ!”
ราชันทรราชย์กว่ายีส่ ิ บคนลงมือเคลื่อนไหวโดยพร้อม
เพรี ยง ถ่ายทอดพลังยุทธ์ลงไปในผนึก รัศมีพลังมืดมนของตรา
ผนึกสว่างเรื องขึ้นอย่างรวดเร็ ว
หลังเสริ มกําลังผนึก เฟิ งเหิ งคงหมุนกายกลับมากล่าวว่า
“ท่านแขกผูเ้ กียรติจากแดนศักดิ์สิทธิ์และหกจักรวรรดิ ต้องการ
เดินทางสํารวจนาวาด้วยกันหรื อไม่? การสํารวจรุ่ นก่อนสามารถ
เข้าไปได้ไกลหนึ่งหมื่นห้าพันกิโลเมตรแล้ว แม้สุดท้ายไม่พบสิ่ ง
ใด หากไม่มีผใู ้ ดทราบว่าครานี้อาจเกิดการค้นพบวัตถุบรรพกาลลี้
ลับใดขึ้นก็เป็ นได้ ยิง่ เข้าไปลึกมากขึ้นยิง่ เปี่ ยมอันตราย ระยะหนึ่ง
หมื่นห้าพันกิโลเมตรเป็ นระยะที่สามารถพบพานสัตว์อสู รชั้น
ทรราชย์ อันตรายอย่างยิง่ ความเข้มแข็งของบุคคลเพียงคนเดียว
ไม่อาจเอาชนะอุปสรรคได้ การร่ วมมือกันจึงประเสริ ฐสุ ด ผูท้ ี่
ต้องการไปด้วยกัน โปรดก้าวเข้ามาในผนึกปราณนี้ ผูท้ ี่ตอ้ งการ
เดินทางอย่างอิสระ ล้วนตามแต่ใจท่าน ทว่า…” เฟิ งเหิ งคงหยุด
วาจาชัว่ ครู่ ก่อนกล่าวแผ่วเบา “ผูท้ ี่มิใช่ชนชั้นทรราชย์ลว้ นลืมไป
ได้เลย การก้าวเข้าสู่ตราผนึกนี้ ล้วนไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย”
ท่ามกลางผูค้ นทั้งหมดสามสิ บหกคน เพียงห้าคนมีพลังฝี มือ
ตํ่ากว่าชั้นทรราชย์ นัน่ คือหยุนเช่อ ผูฝ้ ึ กยุทธ์จากอาณาจักรมาร
ทมิฬอีกสองคน และเยว่จีและเหม่ยจีที่เย่ซิงหานพามาด้วย
นาวาปราณบรรพกาลปรากฏขึ้นหนึ่งครั้งในรอบสามร้อยปี
เมื่อเข้ามาแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องเลือกเดินทางสํารวจร่ วมกันไป
เบื้องหน้า ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางกล่าวถามว่า “หยวนป้า จะ
ไปกับอาจารย์หรื อไม่?”
เซี่ ยหยวนป้าสัน่ ศีรษะในทันที “ไม่จาํ เป็ น สาเหตุที่ศิษย์
ติดตามท่านอาจารย์มายังที่น้ ีลว้ นเพื่อเปิ ดหูเปิ ดตา มิใช่ความ
ปรารถนาอื่นใด ดังนั้น ข้าไม่ไปกับท่าน พี่เขยกับข้าจะเดินทาง
ผจญภัยไปด้วยกัน”
เมื่อหยุนเช่ออยูท่ ี่น้ ี กู่ชางเองทราบดีวา่ เซี่ยหยวนป้าย่อมต้อง
ตอบเช่นนี้ มันผงกศีรษะรับ “เช่นนั้นก็ดี ทว่า แม้เหล่าสัตว์อสูรใน
ที่น้ ีมิได้เป็ นอันตรายเท่าใด ยังคงมีความพิเศษเฉพาะยิง่ ไม่มีผใู ้ ด
ทราบว่าอันตรายแฝงอยูท่ ี่ใด ระมัดระวังตัวให้มากไว้”
“ยังมี เจ้าต้องท่องจําสิ่ งที่อาจารย์เคยบอกให้ข้ ึนใจ…ทันทีที่
ประตูนาวาเปิ ดออก มันจะหายไปอีกครั้งภายในยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมง เมื่อ
ใกล้ครบกําหนดเวลา มิติในที่น้ ีลว้ นสัน่ สะเทือน หากเจ้ารู ้สึกว่า
มิติเริ่ มเกิดอาหารไหวกระเพื่อม ต้องกลับออกสู่ ที่โล่งในทันที
เช่นนี้ เมื่อครบยีส่ ิ บสี่ ชว่ั โมง เจ้าจะถูกบีบบังคับส่ งกลับไป
ภายนอกเอง ทว่า หากเจ้าติดอยูใ่ นถํ้า หุบเขา หอคอย หรื อสิ่ งอื่นๆ
เจ้าจะถูกกักอยูใ่ นนี้และหายไปพร้อมนาวาปราณบรรพกาล ก่อน
หน้านี้มีบรรพบุรุษของเราที่ตอ้ งเผชิญพบชะตากรรมเลวร้าย
เช่นนั้น จิตวิญญาณของพวกมันล้วนสลายหายไปสิ้ น! จําไว้ให้
ดี!”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว” เซี่ยหยวนป้าผงกศีรษะ “เพียงแต่ศิษย์ไม่
เข้าใจ เหตุใดท่านจึงถูกรั้งไว้ในนาวาหากอยูบ่ ริ เวณที่ปิด?”
“เนื่องเพราะสถานที่น้ ี ผืนดินทั้งหมด หิ นทุกก้อน ล้วน
แข็งแกร่ งอย่างยิง่ ยิง่ กว่านั้น ยังเต็มไปด้วยธาตุดินอันเข้มข้นถึง
ขีดสุ ด” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางยืน่ ฝ่ ามือออก ดูดศิลาก้อน
หนึ่งขั้นจากพื้นก่อนวางลงบนฝ่ ามือของเซี่ยหยวนป้า “หยวนป้า
ลองทําลายมันดูสิ”
“โอ้…” ด้วยระดับพลังปัจจุบนั ของเซี่ยหยวนป้าที่อยูร่ ะดับ
ทรราชย์ข้นั กลาง ไม่ตอ้ งกล่าวถึงหิ นเพียงหนึ่งก้อน เด็กหนุ่ม
สามารถบดขยี้แผ่นเหล็กได้กลายเป็ นผงได้อย่างง่ายดาย ก้อนหิ น
ในมือของเด็กหนุ่มมีน้ าํ หนักไม่ต่างจากก้อนหิ นธรรมดาสามัญ
เด็กหนุ่มหยิบก้อนหินนั้นขึ้นมาและออกแรงบีบมันอย่าง
รุ นแรง… ก่อนที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มจะเต็มไปด้วยรอยตื่นตะลึง
เพราะก้อนหิ นในมือของมันนั้น อย่าว่าแต่แตกเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เลย แม้แต่ร่องรอยเสี ยหายสักนิดยังไม่มี
เซี่ยหยวนป้าวางก้อนหิ นนั้นบนฝ่ ามือซ้าย เด็กหนุ่มแบมือ
ออก สู ดหายใจเข้าคราหนึ่งและกํามือขวาเป็ นหมัด ก่อนจะชกลง
ไปอย่างดุดนั
ผลุบ…
ใบหน้าครึ่ งหนึ่งของเซี่ยหยวนป้าบิดเบี้ยวด้วยความ
เจ็บปวด ก้อนหิ นในมือของเด็กหนุ่มร่ วงหลุดลงจากฝ่ ามือ… ไม่มี
ร่ องรอยเสี ยหายแม้แต่นอ้ ย
“นี่-นี่-นี่… นี่มนั หิ นอะไรกัน! เหตุใดจึงแข็งขนาดนี้!” เซี่ย
หยวนป้าสะบัดข้อมือพร้อมกล่าวด้วยสี หน้าตื่นตกใจ
หยุนเช่อยืนอยูด่ า้ นข้างเซี่ยหยวนป้า ฟังบทสนทนาระหว่าง
ศิษย์อาจารย์ เมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยหยวนป้าแล้ว ชายหนุ่มเองก็มีสี
หน้าตื่นตะลึงเช่นกัน
“หลายคนคาดเดาว่านาวาปราณบรรพกาลนี้เป็ นไปได้มาก
ที่จะเป็ นนาวาปราณจากยุคเหล่าเทพแห่งบรรพกาล ดังนั้นจึงเป็ น
สิ่ งของจากยุคสมัยแห่งเทพแท้จริ ง ดังนั้นแม้จะเป็ นก้อนหิ นเล็กๆ
จึงย่อมมิใช่ธรรมดาสามัญ ทุกสิ่ งในที่แห่งนี้แข็งแกร่ งกว่าที่เจ้าจะ
จินตนาการได้ แม้วา่ เจ้าจะใช้เรี่ ยวแรงจนหมดสิ้ นก็ยงั มิอาจทําลาย
ได้แม้แต่กรวดหิ นที่ธรรมดาที่สุด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงกําแพงหิ นเลย”
ปรมาจารย์จิตกู่ชางกล่าวเนิบช้า “เมื่อวัตถุในที่แห่งนี้สามารถทาน
ทนต่อเรี่ ยวแรงมหาศาล มันจึงย่อมทนทานต่อกระแสลมรุ นแรง
เช่นกัน หากในอีกยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงข้างหน้าเจ้ายังอยูใ่ นพื้นที่ปิด
ดังนั้นกระแสลมที่จะพาพวกเราออกจากนาวาปราณก็จะมิอาจ
เข้าถึงเจ้าได้เช่นกัน เจ้าจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่และจะถูกฝังอยู่
ในที่แห่งนี้ไปตลอดกาล หายไปพร้อมกับนาวาปราณบรรพกาล”
“โอ โอ ศิษย์เข้าใจแล้ว” เซี่ยหยวนป้ามองไปยังหิ นใต้ฝ่าเท้า
ด้วยสี หน้าตื่นกลัว ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเคร่ งครัด
“เพื่อยืนยันว่าเจ้าจะปลอดภัย หยวนป้า จงรับสิ่ งนี้ไว้”
ปรมาจารย์จิตกู่ชางนําจี้หยกออกมาอันหนึ่งและคล้องมันไว้รอบ
คอของเซี่ยหยวนป้า
“เอ๋ ท่านอาจารย์ นี่คือสิ่ งใด?” หยวนป้าถามอย่างสงสัย
“นี่คือหยกค่ายกลปราณที่สร้างขึ้นตามกฎแห่งมิติของนาวา
ปราณบรรพกาล ในนาวาปราณนี้ หากเจ้าพบกับอันตรายร้ายแรง
ถึงชีวติ หรื อในยีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงข้างหน้าติดอยูใ่ นสถานที่ปิดไม่
สามารถออกมาได้ จงหักจี้หยกนี้ให้แตก ค่ายกลปราณในจี้น้ ีจะส่ ง
เจ้าไปยังนครวิหคเทวะด้านล่าง แม้วา่ ค่ายกลปราณในหยกนี้จะมี
ขนาดเล็ก แต่มนั ขัดต่อกฎเกณฑ์แห่งมิติในนาวาปราณบรรพกาล
จึงสร้างขึ้นมายากเย็นอย่างเหนือประมาณ ต้องใช้การรวมพลังกัน
ของราชันจักรพรรดิหลายคน”
“ก่อนหน้านี้ ศิษย์คนสนิทของท่านเซียนจักรพรรดิหลงทาง
อยูใ่ นโถงบรรพกาลในที่แห่งนี้และออกมาไม่ได้ จนหายไปพร้อม
กับนาวาปราณบรรพกาล ความแค้นเคืองเศร้าหมองของท่านจึง
ทําให้ท่านเจาะจงสร้างหยกนี้ข้ ึนเป็ นพิเศษเพือ่ ขัดขืนต่อกฎแห่ง
มิติของอาณาปราณบรรพกาล ทั้งทวีปลมปราณฟ้าแห่งนี้มีเพียง
แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันของเราที่ครอบครองมัน”
“โอ้! เป็ นเช่นนี้นี่เอง” เซี่ ยหยวนป้าพยักหน้ารับและกล่าว
ต่ออย่างไม่ตอ้ งคิด “อาจารย์ท่านมีหยกแบบนี้อีกชิ้นหนึ่งหรื อไม่?
มอบให้พี่เขยข้าชิ้นหนึ่ง!”
“เรื่ องนี้…” ใบหน้าของปรมาจารย์จิตกู่ชางเต็มไปด้วยความ
ลําบากใจ ขณะที่มนั กําลังจะส่ ายศีรษะอยูน่ ้ นั มันก็คิดเรื่ องหนึ่ง
ขึ้นมาได้ หากมันไม่มอบจี้หยกให้อีกชิ้นหนึ่ง เซี่ยหยวนป้าย่อม
มอบหยกของมันให้แก่หยุนเช่อเป็ นแน่ มันทําได้เพียงถอนใจ
เงียบงันอยูภ่ ายในพร้อมกับถอดจี้หยกชิ้นที่ตนเองสวมใส่ อยู่ “ช่าง
เถิด นําของอาจารย์ไป จี้หยกสองชิ้นนี้หายากยิง่ กว่าที่เจ้าคาดคิด
ไว้นกั นอกจากมีอนั ตรายถึงชีวติ จงอย่าใช้มนั โดยง่าย”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!” เซี่ยหยวนป้าส่งต่อหยกในมือมัน
ให้แก่หยุนเช่อโดยฉับพลัน ก่อนจะประสานมือลาปรมาจารย์จิตกู่
ชางอย่างสบายใจ “พี่เขย ไปกันเถอะ”
“แม้วา่ รอบๆนี้จะมีสตั ว์อสู รลมปราณ แต่ท่านอาจารย์บอก
ว่ารอบรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตรนี้สตั ว์อสู รที่แข็งแกร่ งที่สุดอยูเ่ พียง
ระดับปราณฟ้า จึงไม่มีอนั ตรายมากนัก”
เมื่อเห็นหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้าเดินไปทางทิศตะวันออก
ปรมาจารย์จิตกู่ชางได้แต่หวั เราะขมขื่นอยูภ่ ายในจิตใจ ทั้งทวีป
ลมปราณฟ้านี้ มีผคู ้ นตั้งเท่าใดใฝ่ ฝันจะได้เป็ นศิษย์ของมันแต่มิ
อาจเป็ น แต่เมื่อพบพานกับเซี่ยหยวนป้า ส่ วนใหญ่กลับเป็ นมันที่
ต้องพยายามเอาอกเอาใจเด็กหนุ่ม กลัวว่าจะสู ญเสี ยศิษย์ผนู ้ ้ ีไป…
อย่างไรเสี ยเซี่ยหยวนป้าก็ครอบครองเส้นชีพจรลมปราณเทพ
ราชันทรราชย์ในตํานาน เด็กหนุ่มถูกลิขิตมาแล้วให้เป็ นมหาบุรุษ
แห่งยุคนี้!
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเริ่ มรู ้สึกว่า การมีตวั ตนของหยุ
นเช่อ จะกลับกลายเป็ นอันตรายใหญ่หลวงต่อการตื่นขึ้นของเส้น
ชีพจรเทพราชันทรราชของเซี่ยหยวนป้า
ผูค้ นจากพรรคเทพหงสาเดินเข้าสู่ ตราผนึกทีละคน
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางและหลิงคุนยืนอยูด่ า้ นข้าง หลิงคุณ
เหลือบตามองแวบหนึ่งก่อนหยุดร่ างกลางอากาศ จากนั้นกล่าว
ต่อเย่ซิงหานว่า “เจ้าวิหารน้อย ท่านคิดมาร่ วมกับพวกเรา
หรื อไม่?”
“เฮอะ! อย่าหวัง” เย่ซิงหานแย้มยิม้ อย่างมีเลศนัย “หากนํา
เยว่จีและเหม่ยจีไป เจ้าพวกหัวโบราณย่อมมองเราด้วยสายตา
สกปรก เรื่ องตามหาวัตถุล้ าํ ค่าแห่งบรรพกาลอันใดเรานายน้อยไม่
ใส่ ใจ เพียงต้องการมีใช้เวลาเสพสุ ขบนนาวาปราณบรรพกาล
เท่านั้น”
กล่าวจบคํา เย่ซิงหานหัวเราะ เหิ นร่ างขึ้นพร้อมสตรี ท้ งั สอง
จากไปไกลห่าง
“ผูอ้ ื่นมายังที่น้ ีเพือ่ ชื่นชมวิวทิวทัศน์ เรื่ องราวเช่นการเข่น
ฆ่าหรื อต่อสู ส้ ปั ระยุทธ์ใดสมควรเป็ นเรื่ องของบุรุษเน่าเหม็นเช่น
พวกเจ้า ผูอ้ ื่นไม่ตอ้ งการร่ วมด้วย” จีเชียนหลัวสะบัดเส้นผมยาว
สลายของตน เบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนหันกายจากไปเพียงลําพังอย่าง
เย่อหยิง่ ยะโส
เมื่อเย่ซิงหานและจีเชียนหลัวต่างแยกย้ายไปตามทาง เฟิ ง
เหิ งคงไม่มีเจตนาฉุดรั้งพวกมันไว้ กลับกัน มันถอนหายใจโล่งอก
เมื่อไม่มีขวากหนามทั้งสองคอยทิ่มแทง ย่อมต้องสงบสุ ขลงเป็ น
อันมาก “เสวีย่ เอ๋ อร์ ไปกันเถอะ หลังจากนี้ ติดตามบิดาอย่าให้ห่าง
กาย ห้ามไปไหนเพียงลําพังโดยเด็ดขาด”
หลังกล่าวจบ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลับไม่ขยับแม้สกั ก้าวเดียว
หากหญิงสาวกลับกล่าวออกมาทันทีวา่ “พระบิดา เสวีย่ เอ๋ อร์
ต้องการท่องเที่ยวลําพัง ไม่ไปกับพระบิดา ได้หรื อไม่?”
บทที่ 456 การสมรู้ร่วมคิดในนาวาปราณ

“เจ้าอยากผจญภัยตามลําพัง ? ไม่ได้ ! ไม่ได้เด็ดขาด !” เฟิ ง


เหิ งคงส่ ายศีรษะโดยไม่ลงั เล “โลกภายในนาวาปราณนี้แปลก
ประหลาดและยากจะเข้าใจ แม้แต่พระบิดาเองยังต้องระมัดระ
อย่างที่สุดเมื่ออยูท่ ี่นี่ หากว่าพวกเราเผชิญกับอันตรายบางอย่าง
เจ้าจะต้องอยูข่ า้ งพระบิดาตลอดเวลา หาไม่แล้วพระบิดาคงมิอาจ
รู ้สึกวางใจได้”
“แต่พระบิดาเคยบอกว่าบริ เวณนี้นบั ว่าเป็ นที่ที่ปลอดภัย
ที่สุดในนาวาปราณบรรพกาล ส่ วนบริ เวณที่พระบิดากําลังจะไป
นั้นมีอนั ตรายมากกว่า ถ้าเสวีย่ เอ๋ อร์แค่ไปเดินเล่นแถวนี้ มันก็
น่าจะปลอดภัยมากกว่าไม่ใช่เหรอเพคะ ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าว
ด้วยสุ ม้ เสี ยงนุ่มนวล
“เรื่ องนี้…”เฟิ งเหิ งคงพูดอะไรไม่ออกชัว่ ขณะ จากนั้นคง
ส่ ายศีรษะอีก “เสวีย่ เอ๋ อร์ ตั้งแต่เจ้ายังเล็ก เจ้าก็ไม่เคยออกนอก
นครวิหคเทวะเลย ซํ้ายังไม่เคยไปยังสถานที่ที่อนั ตรายตามลําพัง
ด้วย ดังนั้นพระบิดาจึงไม่อาจวางใจได้หากต้องทิ้งให้เจ้าอยูต่ าม
ลําพัง”
“อื้อ เสวีย่ เอ๋ อร์ทราบดี เสวีย่ เอ๋ อร์เติบโตมาภายใต้การ
ปกป้องคุม้ ครองของพระบิดาและเหล่าผูอ้ าวุโสตั้งแต่ยงั เด็ก แต่
สักวันหนึ่งเสวีย่ เอ๋ อร์กจ็ ะต้องโตเป็ นผูใ้ หญ่ และคงไม่สามารถ
อาศัยการปกป้องคุม้ ครองของพระบิดาในทุกเรื่ องที่เสวีย่ เอ๋ อร์
จะต้องทําในชีวติ ได้ ปี นี้เสวีย่ เอ๋ อร์กอ็ ายุสิบหกปี แล้ว และนางก็
รอคอยที่จะให้ตนเองถึงวัยนี้ วัยที่นางควรจะตัดสิ นใจเรื่ องต่างๆ
และฝึ กฝนตนเอง นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็ นจุดเริ่ มต้นที่
ดีมิใช่หรอกหรื อ ? หรื อว่าพระบิดาปรารถนาจะให้เสวีย่ เอ๋ อร์อยู่
ภายใต้การปกคุม้ ครอง และไม่มีความคิดเป็ นของตนเองไป
ตลอด ?”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แฝงไว้ดว้ ยความคาดหวังลึกๆ
ภายใน ทั้งยังมีความปรารถนาที่ซ่อนเร้นบางประการ
เฟิ งเหิ งคงรู ้สึกว้าวุน่ ใจอย่างยิง่ ไม่วา่ จะอย่างไรมันก็ไม่อาจ
วางใจให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไปตามลําพังในสถานที่ที่อนั ตรายเช่นนี้ได้
นอกจากนี้ หลายปี ที่ผา่ นมามันก็คุน้ ชินกับการให้การปกป้อง
คุม้ ครองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ในระดับขั้นสู งสุ ดมาตลอด แต่ขณะที่มนั
กําลังจะเอ่ยปาก เฟิ งเฟยเยียนก็กา้ วมาข้างหน้าและกล่าวขึ้นที่ขา้ ง
หูมนั “ท่านประมุข ที่เสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวมานั้นก็ไม่ผดิ ปี นี้นางก็อายุ
สิ บหกแล้ว… ถึงแม้การให้การปกป้องคุม้ ครองนางอย่างสุ ดกําลัง
ของเราจะไม่ใช่เรื่ องผิด แต่เราก็ไม่อาจปกป้องคุม้ ครองนางไปได้
เช่นนี้ไปได้ตลอด ไม่เช่นนั้นนางจะไม่มีวนั ทําสิ่ งใดด้วยตนเองได้
และกลับจะทําให้สายเลือดและพลังของนางสูญเปล่า ยิง่ ไปกว่า
นั้น พลังของนางก็ได้ถูกเปิ ดเผยออกไปแล้วในการประลองจัด
อันดับเมื่อวาน เราจึงไม่จาํ เป็ นต้อง…เก็บเป็ นความลับอีกต่อไป”
“และด้วยพลังของเสวีย่ เอ๋ อร์ ภายในรัศมีหมื่นกิโลเมตรนี้
ย่อมไม่มีส่ิ งใดสามารถคุกคามนางได้โดยแท้ หากกล่าวถึงคน
อื่นๆ ที่ออกไปผจญภัยตามลําพัง… แม้วา่ เย่ซิงหานและจีเชียน
หลัวจะรวมกําลังกัน พวกมันก็ไม่อาจนับเป็ นคู่ต่อสูข้ องเสวีย่ เอ๋ อร์
ได้ หากท่านประมุขยังรู ้สึกกังวลใจ…” เฟิ งเฟยเยียนส่ งสายตา
แปลกประหลาดให้เฟิ งเหิ งคงแวบหนึ่ง “ข้าก็จะตามหลังนางไป
และคอยให้ความคุม้ ครองเสวีย่ เอ๋ อร์เงียบๆ และใน
ขณะเดียวกัน…”
ที่เฟิ งเฟยเยียนกล่าวมานั้นก็ถูก ด้วยพลังของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ภายในรัศมีหมื่นกิโลเมตรนี้เป็ นไปไม่ได้ที่นางจะตกอยูใ่ น
อันตราย และหากนางได้รับการคุม้ ครองจากเฟิ งเฟยเยียนอย่าง
เงียบๆ ด้วยแล้ว นัน่ ก็ยง่ิ กว่าปลอดภัยเสี ยอีก… มิหนําซํ้าเฟิ งเฟย
เยียนก็จะได้สงั หารหยุนเช่อไปพร้อมๆ กัน ช่างเป็ นแผนการที่
รวบรัดหมดจดยิง่ นัก !!
เฟิ งเหิ งคงสลัดความกังวลทั้งหลายทิ้งไป และค่อยพยักหน้า
ให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ “เช่นนั้นก็ได้ ที่เสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวมาก็ไม่ผดิ เจ้าโต
เป็ นผูใ้ หญ่แล้ว และมันถึงเวลาที่เจ้าจะได้ตดั สิ นใจด้วยตัวเองและ
ฝึ กฝนตนเองแล้วจริ งๆ แต่เจ้าต้องจําสิ่ งที่พระบิดาบอกไว้ก่อน
หน้านี้ให้ดี เจ้าต้องระวังตัวตลอดเวลา”
“ว้าว… ขอบพระทัยพระบิดา ! เช่นนั้นเสวีย่ เอ๋ อร์จะไปด้วย
ตนเองเดี๋ยวนี้เลย พระบิดา ท่านก็ตอ้ งระวังตัวเช่นกัน” เสวีย่ เอ๋ อร์
ตอบรับด้วยความเบิกบานใจอย่างที่สุด จากนั้นก็โบกมือให้เฟิ ง
เหิ งคง นางทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างร่ าเริ ง เหิ นไปทางทิศ
ตะวันออก… ซึ่งเป็ นทางเดียวกับที่หยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้าได้
มุ่งหน้าไปก่อนแล้ว
“เฮ้ออ… เจ้าลูกคนนี้…” เฟิ งเหิงคงยิม้ พลางส่ ายศีรษะ
“ท่านประมุขโปรดวางใจ ไม่มีส่ิ งใดในที่น้ ีที่จะคุกคามเสวีย่
เอ๋ อร์ได้ นอกจากนี้ขา้ ก็จะคอยคุม้ ครองนางเงียบๆ ด้วย ดังนั้น
ท่านประมุขโปรดออกเดินทางด้วยความสบายใจ” เฟิ งเฟยเยียน
กล่าวพลางหัวร่ อเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นานเฟิ งเฟยเยียนก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ
เช่นกัน และมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกับที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จากไป
อย่างไม่เร่ งร้อน
——————————————————
“…ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้วา่ สถานที่แห่งนี้เป็ นโลกในอีก
ระดับชั้น แต่ขา้ ไม่เข้าใจแม้แต่นอ้ ยว่า ‘โลกชั้นเหนือกว่า’ นั้น
หมายถึงอันใด ทว่า… ในสถานที่น้ ี หยกสื่ อสาร และสิ่ งของที่ใช้
ในการถ่ายทอดเสี ยงทั้งหมดล้วนใช้การไม่ได้ แม้แต่จะใช้พลัง
ลมปราณของตนเพือ่ ถ่ายทอดเสี ยงของตนเองก็มิอาจทําได้ อีกทั้ง
ขอบเขตระยะทางในการรับรู ้สิ่งต่างๆ ด้วยพลังลมปราณของเราก็
จะลดน้อยลงเช่นกัน”
เนื่องจากหยุนเช่อยังไม่มีความสามารถในการเหิ นร่ างกลาง
อากาศ เซี่ยหยวนป้าจึงเดินไปกับมัน ทั้งคู่เดินกันไปเรื่ อยๆ ได้
สองสามกิโลเมตรแล้ว แต่สิ่งที่พวกมันเห็นก็มีแต่ทุ่งหญ้าเป็ น
หย่อมๆ กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หลังจากได้ยนิ สิ่ งที่เซี่ยหยวนป้า
พูดในตอนท้าย หยุนเช่อก็ลองเปิ ดประสาทสัมผัสของตน… การ
รับรู ้ของมันสามารถไปได้ไกลไม่เกินหกสิ บเมตรดังที่คาด และ
มันก็ไม่สามารถขยายการรับรู ้ไปได้ไกลกว่านั้น
“แปลกประหลาดยิง่ จริ งๆ” หยุนเช่อตอบ แดนลับสระ
สวรรค์ที่ชายหนุ่มเข้าสํารวจเมื่อสองปี ก่อนก็เป็ นโลกใบเล็กอัน
สันโดษเช่นกัน ทว่าภายในนาวาปราณบรรพกาลนี้ให้ความรู ้สึก
แตกต่างจากแดนลับสระสวรรค์อย่างมาก แต่แตกต่างเช่นใดนั้น
ชายหนุ่มเองก็มิอาจบอกได้”
ทั้งสองพูดคุยกันไปตลอดทางโดยค่อยๆเพิ่มความเร็ วใน
การเดินทางขึ้น ทว่าภายในทุ่งหญ้าแห่งนี้ พวกมันไม่พบกับสัตว์
อสู รลมปราณใดๆเลย ทั้งยังไม่พบพืชพรรณสมุนไพรลํ้าค่าแม้สกั
ต้น มันช่างแห้งแล้งเสี ยจนน่างุนงง เมื่อผ่านไปสองชัว่ โมงทั้งคู่จึง
ออกจากเขตทุ่งหญ้าได้ในที่สุด เบื้องหน้าของทั้งสองบัดนี้เป็ นทุ่ง
ร้างอันว่างเปล่าสุ ดสายตาอย่างน่าตื่นตะลึง
เมื่อเข้าสู่ เขตของทุ่งร้าง สายลมแปรเปลี่ยนเป็ นอ่อนเบาลง
อย่างน่าใจหาย อากาศโดยรอบก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย และ
ความเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดนี่เองทําให้หยุนเช่อตื่นตัวขึ้นมาโดย
ไม่รู้ตวั แล้วก็เป็ นไปตามคาด หลังจากเดินไปได้สองสามเก้า เงา
ดําขนาดมโหฬารพลันพุง่ ออกมาจากเบื้องหลังหิ นก้อนใหญ่ ตรง
มาทางหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้า…. มันคือแมงป่ องยักษ์! หางยาว
ของมันเรื่ อเรื องเป็ นแสงแห่งพิษร้าย
หยุนเช่อสะบัดข้อมือครั้งหนึ่ง ร่ างกายแผ่แสงวาบพร้อมกับ
ที่ชายหนุ่มเคลื่อนร่ างไปปรากฏข้างใต้ร่างของแมงป่ องยักษ์
ทัณฑ์มงั กรถูกฟาดฟันออกด้วยความเร็ วดุจอัสนีบาต ตวัดเข้า
โจมตีบริ เวณท้องของแมงป่ องอย่างโหดเหี้ ยม
เปรี้ ยง!!
แมงป่ องยักษ์ถูกกระแทกกระเด็นหมุนคว้างขึ้นไปบนฟ้า
ก่อนจะตกลงกระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง เมื่อมันลงถึงพื้น เซี่ย
หยวนป้าเข้าประชิดมันอย่างฉับไวพร้อมกับคํารามและกําหมัดชก
ลงไปบนร่ างของแมงป่ องยักษ์ ร่ างของแมงป่ องยักษ์พลันแตก
กระจายส่ งเสี ยงระเบิดดังสนัน่ กลายเป็ นเศษเล็กเศษน้อยปลิว
ว่อนไปไกล ธารโลหิตสี ดาํ สนิทไหลริ นย้อมผืนดินบริ เวณ
โดยรอบให้กลายเป็ นสี ดาํ ในนั้นมีโลหิตสองหยดกระเซ็นตกลง
บนแขนของเซี่ยหยวนป้า
หยุนเช่อรี บสาวเท้าไปด้านหน้าและใช้ไข่มุกพิษสวรรค์ขจัด
พิษในร่ างเซี่ ยหยวนป้าในทันที พร้อมกันนั้นชายหนุ่มก็ลอบตื่น
ตะลึง ร่ างของแมงป่ องยักษ์น้ นั แข็งแกร่ งทนทานจนสุ ดจะ
ประมาณ ทัณฑ์มงั กรที่ฟาดฟันไปตรงๆของชายหนุ่มยังทําได้
เพียงส่ งให้มนั กระเด็นไป แต่ไม่อาจสร้างรอยแผลให้แก่มนั แต่
ทว่าเซี่ยหยวนป้าเพียงกวัดแกว่งหมัดอย่างง่ายๆโดยไม่ตอ้ งหยิบ
ยืมพลังจากอาวุธ กลับสามารถชกมันแตกเป็ นชิ้นๆ
ระดับพลังที่เซี่ยหยวนป้าบรรลุถึงนั้นกลับถึงขั้นสู งส่ งน่า
หวาดหวัน่ ถึงเพียงนี้
“เริ่ มมีสตั ว์อสู รปรากฏขึ้นบ้างแล้ว พี่เขย ท่านต้องระวังมาก
ขึ้นนะ” เซี่ยหยวนป้าเตะซากแมงป่ องที่อยูด่ า้ นข้างเท้าของตน
พร้อมกับกวัดแกว่งแขนไปมาและกล่าว “แต่พี่เขย ท่านไม่ตอ้ ง
กังวล แถวนี้ไม่มีสตั ว์อสู รที่น่ากลัวจนเกินไป มีพี่เขยและข้ารวม
พลังกันไม่มีตวั ใดทําอันตรายเราได้”
“หากพี่สาวของเจ้ารู ้เรื่ องระดับของเจ้าในตอนนี้ นางจะต้อง
ตกตะลึงอย่างมากเป็ นแน่” หยุนเช่อมองเซี่ยหยวนป้าพร้อมกล่าว
อย่างเคร่ งเครี ยด
“พี่ใหญ่หยุน!”
ทันใดนั้นเอง สุ ม้ เสี ยงใสกระจ่างเปี่ ยมชีวติ ชีวาดังขึ้น ราว
กับได้ยนิ บทเพลงจากสวรรค์ หยุนเช่อหยุดฝี เท้าและรี บหันศีรษะ
กลับไป… นํ้าเสี ยงนี้ คือเสี ยงของเสวีย่ เอ๋ อร์อย่างแน่นอน!
ทันทีที่ชายหนุ่มหันกลับไปก็ได้พบกับร่ างของสตรี วยั แรก
แย้มที่งดงามเหนือผูค้ นราวกับภาพมายาลอยอยูบ่ นท้องฟ้า นาง
ค่อยๆเหิ นร่ างลงมาด้วยกิริยาอ่อนช้อยสง่างามดุจหิ่งห้อย แม้หญิง
สาวจะยังสวมใส่ มงกุฏหยกหงสา แต่หยุนเช่อยังคงสัมผัสได้ถึง
อารมณ์เบิกบานของนาง “เสวีย่ เอ๋ อร์!? เหตุใดจึงมาอยูท่ ี่นี่? แล้ว
พระบิดาของเจ้าและคนอื่นๆล่ะ?”
เสวีย่ เอ๋ อร์เหาะร่ อนลงด้านข้างหยุนเช่อและกล่าวอย่างร่ า
เริ ง “พระบิดาและคนอื่นๆไปสํารวจเขตลึกเข้าไปในนาวาปราณ
และอนุญาตให้ขา้ ได้เดินทางได้อย่างอิสระด้วยตนเอง”
“เหตุใดพระบิดาเจ้าจึงอนุญาตให้เจ้าอยูเ่ พียงลําพัง? ก่อน
หน้านี้เขาไม่อนุญาตให้เจ้าออกจากนครวิหคเทวะเสี ยด้วยซํ้า” หยุ
นเช่อกล่าวอย่างตกใจ
“ฮี่ฮี่” เสวีย่ เอ๋ อร์ยมิ้ อ่อนหวาน “ข้าบอกพระบิดาเรื่ องที่พี่
ใหญ่หยุนเคยเล่าให้ขา้ ฟังในตอนนั้น ข้าบอกพระบิดาว่าบัดนี้ขา้
เติบโตขึ้นถึงอายุที่สมควรมีอิสระและตัดสิ นใจเองได้แล้ว และ
พระบิดาก็ยนิ ยอม”
“เป็ นเช่นนี้เอง…” หยุนเช่อพยักหน้าเล็กน้อย แม้วา่ ชาย
หนุ่มจะยังสงสัยเรื่ องที่เฟิ งเหิ งคงวางใจปล่อยให้เสวีย่ เอ๋ อร์
เดินทางเพียงลําพังในโลกที่อาจมีอนั ตรายอันคาดไม่ถึง แต่บดั นี้
เสวีย่ เอ๋ อร์กอ็ ยูเ่ บื้องหน้าของชายหนุ่มแล้ว จึงไม่มีทางเลือกนอก
ใดจากทําใจเชื่อ
เมื่อได้พบกับเสวีย่ เอ๋ อร์ที่บดั นี้อยูเ่ คียงข้าง อารมณ์ของหยุ
นเช่อย่อมเบิกบานขึ้นเป็ นธรรมดา ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเคยคิดว่า
ต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่จะได้พบกับนางในระยะใกล้ชิดอีกครั้ง
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้สนทนาใกล้ชิดกับนาง
รวดเร็ วเช่นนี้ ชายหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิม้ “เช่นนั้น…เสวีย่ เอ๋ อร์
เจ้าอยากเดินทางร่ วมกับพวกเราหรื อไม่?”
“อืมม์!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พยักหน้ารับอย่างรุ นแรง หากถอด
มงกุฎหงสาของนางออกในตอนนี้คงได้เห็นดวงตาของหญิงสาว
ที่โค้งขึ้นเป็ นรู ปจันทร์เสี้ ยวสุกสว่าง นางกล่าวอย่างร่ าเริ ง
“เช่นนั้น พี่ใหญ่หยุน ท่านต้องปกป้องเสวีย่ เอ๋ อร์นะ? …โอ้ และ
พี่ชายร่ างยักษ์ ท่านเองก็ตอ้ งปกป้องเสวีย่ เอ๋ อร์เช่นกัน”
“พี่ชายร่ างยักษ์” เบิกตาจ้องมองมายังทั้งสองเป็ นเวลานาน
กระทัง่ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยปากพูดต่อมัน เซี่ยหยวนป้าจึงได้สติ
พร้อมทั้งเบิกตากล่าวว่า “พี่เขย พวกท่าน…รู ้จกั กัน?”
“อืม” หยุนเช่อผงกศีรษะ “เสวีย่ เอ๋ อร์เคยช่วยชีวติ ข้าไว้ครา
หนึ่ง”
เมื่อหยุนเช่อกล่าววาจานี้ออกมา สายตาที่เซี่ยหยวนป้ามองดู
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างใหญ่หลวง..นางเคย
ช่วยชีวติ หยุนเช่อ เพียงเท่านี้ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงนางเป็ นองค์หญิง
แห่งพรรคเทพหงสา ต่อให้เป็ นท่านย่าปี ศาจหน้าตาอัปลักษณ์ เซี่ย
หยวนป้ายังคงเคารพนับถือ ทั้งสํานึกบุญคุณต่อนางอย่างลึกลํ้า
เด็กหนุ่มตบลงบนหน้าอกของตนคราหนึ่งพร้อมกล่าวว่า “ท่าน
ช่วยชีวติ พี่เขย ล้วนไม่ต่างจากช่วยชีวติ ข้า วางใจเถอะ หากผูใ้ ด
กล้ารังแกท่าน ไม่วา่ คนหรื อสัตว์อสู ร ข้าจะเชือดพวกมันเอง..เอ๋
เดี๋ยวก่อน!”
เซี่ ยหยวนป้าพลันระลึกถึงการประเมินพลังของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ของปรมาจารย์ก่ชู างเมื่อวานนี้ เสี ยงของเขาจึงหยุดลงครู่
หนึ่ง จากนั้น กลับกลายเป็ นติดขัดเล็กน้อย “แม่นางน้อย…โอ้ ไม่
ไม่ เจ้าหญิงหิ มะ พลังยุทธ์ของท่าน อยูท่ ี่ ครึ่ งก้าวสู่ ช้ นั ปราณ
ราชันจักรพรรดิจริ งๆ?”
“ใช่แล้ว!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบอย่างปลอดโปร่ ง ราวกับ
ว่าในความคิดของนาง นี่มิใช่สิ่งใดต้องสนใจ “ยามที่ขา้ อายุยสี่ ิ บปี
ระดับพลังของข้าสมควรอยูใ่ นชั้นราชันจักรพรรดิ ข้ายอดเยีย่ มมั้ย
ล่ะ?”
“ยอดเยีย่ ม…ยอดเยีย่ ม..” เซี่ยหยวนป้ากลืนนํ้าลายลงคอ
อย่างยากลําบาก พร้อมผงกศีรษะรับด้วยสี หน้าแข็งทื่อ เขาอาศัย
อยู่ ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันมาสองปี พบพานเหล่ายอดยุทธ์
ในตํานานมามากมาย ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ของเขา
แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็ นหลังมือ…ทว่า กระทัง่ ในแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเอง ยังไม่เคยปรากฏราชันจักรพรรดิที่อายุ
น้อยกว่ายีส่ ิ บปี มาก่อน! ไม่ตอ้ งเอ่ยถึงเซี่ยหยวนป้า แม้แต่ท่าน
ปรมาจารย์ก่ชู างยังต้องตื่นตะลึงค้างเมื่อรับทราบระดับพลังของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
“ท่าน…ท่าน…ท่านอายุสิบหกจริ งๆ? ท่านฝึ กวิชาแบบไหน
กันแน่!?” เซี่ยหยวนป้าไม่อาจไม่ถามไถ่
“ความลับ ข้าไม่อาจบอกต่อเจ้า เข้าใจมั้ย?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ก
ล่าวตอบคําอย่างสดใส จากนั้นกลับมายังข้างกายหยุนเช่อ “พีใ่ หญ่
หยุน พวกเราสมควรไปเล่นที่ใดดี? ข้าสามารถใช้เวลาร่ วมกับพี่
ใหญ่หยุนได้ในอีกยีส่ ิ บสองชัว่ โมงต่อไปนี้ ข้ายินดีจริ งๆ”
“เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งการไปที่ใด?”
“ฮืมม์…อันที่จริ งไปที่ใดล้วนดีท้ งั สิ้ น! ข้าจะบอกความลับ
ต่อพี่ใหญ่หยุนประการหนึ่ง สาเหตุที่ขา้ เคลื่อนไหวเพียงลําพังโดย
ไม่สนใจพระบิดา เพือ่ มาหาพี่ใหญ่หยุน แต่สถานที่น้ ีแปลก
ประหลาดพิสดารยิง่ ขอบเขตการรับรู ้ของข้าถูกจํากัดลงอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ขา้ หลงทาง ทั้งคิดว่าคงไม่อาจเสาะหาท่านจนพบได้..”
เซี่ยหยวนป้าผูถ้ ูกทอดทิ้งไว้ดา้ นข้างจับจ้องเหม่อมองไปยัง
ผูค้ นสองคนที่ยนื ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ก่อนจะยกฝ่ ามือขึ้นเกา
หนังศีรษะของตน...ความสัมพันธ์ ของพวกมันทั้งสองคล้ ายสนิท
สนมยิ่งนัก แปลกจริ ง อาจารย์ เคยกล่ าวว่ า เจ้ าหญิงหิ มะไม่
อนุญาตผู้ใดสัมผัสใกล้ ชิดตัวนางมิใช่ หรอกหรื อ…
——————————————
ขณะเดียวกัน อีกสถานที่หนึ่ง
“หัวหน้าผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสา? ท่านมาทําอะไรที่นี่?”
เย่ซิงหานหมุนกายกลับไปพร้อมหรี่ ตามองเฟิ งเฟยเยียนผู ้
มาตามหาตัวมัน เยว่จีและเหม่ยจีแยกย้ายออกไปสองฟากข้าง
อย่างรวดเร็ ว เปิ ดเผยมีดสั้นที่ฝ่ามือของแต่ละคน สี หน้ากลับ
กลายเป็ นยะเยียบเย็นชา โลกในนาวาปราณบรรพกาลนี้เป็ น
สถานที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการกําจัดฆ่าผูค้ น เนื่องเพราะไม่มี
ผูใ้ ดสามารถสัมผัสหรื อพบเห็นการฆาตกรรมได้ หลังจากนาวา
ปราณอันตรธานหายไป ร่ องรอยหลักฐานต่างๆล้วนสู ญหายไป
ด้วยกัน ฆาตกรย่อมสามารถจากไปอย่างสบาย เฟิ งเฟยเยียนเป็ น
หัวหน้าผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสา ยิง่ กว่านั้น ยังเป็ นถึงชนชั้น
ทรราชขั้นที่แปด เย่ซิงหานย่อมมิใช่คู่ต่อสู ข้ องมัน
“ไม่ตอ้ งหวาดระแวงไป ท่านหัวหน้าผูอ้ าวุโสคือบุคคลที่
ชาญฉลาดที่สุดในพรรคเทพหงสา สาเหตุที่ท่านมาพบปะเราเจ้า
วิหารน้อย เพียงมีแต่เรื่ องราวดีๆ ใช่หรื อไม่” เย่ซิงหานยืน่ ฝ่ ามือ
ออกพร้อมก้าวเดินไปหาเฟิ งเฟยเยียนก่อน “ท่านไม่ไปสํารวจ
นาวาพร้อมเฟิ งเหิ งคงและผูอ้ ื่น? ใช่เป็ นเพราะได้รับมอบหมาย
หน้าที่อื่นหรื อไม่?”
“โฮ่โฮ่” เฟิ งเฟยเยียนแย้มยิม้ มีเลศนัย “ข้าย่อมมาที่นี่เพื่อส่ ง
ข่าวดีต่อท่านเจ้าวิหารน้อย…ข้าจัดเตรี ยมของขวัญชิ้นใหญ่แก่
ท่านเจ้าวิหารน้อย ไม่จาํ เป็ นต้องรอถึงวันมะรื น เรื่ องราวสามารถ
กระทําสําเร็ จในวันนี้ และยังสามารถกระทําได้โดยหมดจดอีก
ด้วย”
“โอ้?” เย่ซิงหานเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ ว
“เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่ท่านเจ้าวิหารน้อยปรารถนา ไม่ได้ติดตาม
เฟิ งเหิ งคงเข้าสํารวจภายในนาวาปราณบรรพกาล กลับกัน นาง
เคลื่อนไหวด้วยตนเอง…และสาเหตุที่ขา้ ไม่ได้ตามเข้าสํารวจเขต
ใน เพื่อทําตามความต้องการของเฟิ งเหิงคง คือปกป้องเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์จากอันตราย และกําจัดฆ่าหยุนเช่อผูไ้ ม่ประมาณตนคน
นั้น!!”
วาจาของเฟิ งเฟยเยียนส่ งผลให้เย่ซิงหานสองตาสาด
ประกายแปลกประหลาดใจวูบหนึ่ง ทันใด มันยืน่ สองมือออก
ศีรษะแหงนเงยขึ้นเบื้องบน ก่อนระเบิดเสี ยงหัวเราะร่ าราวบ้า
คลัง่ …
บทที่ 457 วิกฤตการณ์ ทไี่ ม่ คาดคิด

ภายในนาวาปราณบรรพกาล บนแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าอัน
กว้างใหญ่ไพศาล
หลังจากเดินต่อไปอีกสองชัว่ โมง ทัศนียภาพเบื้องหน้าของ
พวกมันก็ยงั คงเป็ นแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าที่แผ่ขยายออกไปไกล
เหมือนเดิม หากจะให้ใช้คาํ ๆ เดียวในการอธิบายความรู ้สึกของ
หยุนเช่อยามนี้ ก็คงเป็ นคําว่า…
น่ าเบื่อ !!
ยิง่ ไปกว่านั้น มันยังไม่มีความรู ้สึกตื่นเต้น น่ากลัว หรื อน่า
พิศวงแม้แต่นอ้ ยในการสํารวจโลกประหลาดใบนี้ เท่าที่มองเห็น
ตอนนี้กล็ ว้ นเป็ นแผ่นดินรกร้างว่างเปล่า แทบจะไม่มีกอ้ นหิ น
ขนาดใหญ่ๆ เลยด้วยซํ้า มีสตั ว์อสู รลมปราณหนึ่งหรื อสองตัวที่วงิ่
รี่ อยูใ่ นบริ เวณใกล้เคียง แต่พวกมันก็ถูกทุบจนเละด้วยกําปั้นเดียว
ของเซี่ยหยวนป้า โดยที่หยุนเช่อไม่ตอ้ งทําอะไรเลย… ในการผจย
ภัยครั้งล่าสุ ดในแดนลับสระสวรรค์น้ นั มีหิมะปลิวกระจายเต็ม
ท้องฟ้า มีภยันตราย มีการเผชิญหน้าอันยิง่ ใหญ่… เปรี ยบเทียบกัน
แล้ว สถานที่น้ ีจืดชืดน่าเบื่อเป็ นที่สุด ไม่มีอะไรน่าดูนกั ไม่มีการ
เผชิญหน้า และไม่มีอนั ตรายใดๆ เลย
โชคยังดีที่มีเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผนู ้ ่ารักอยูเ่ คียงข้าง
“จัสมิน เจ้ารู ้สึกถึงสิ่ งใดบ้างหรื อไม่ ?” หยุนเช่อถามเอื่อยๆ
“…นี่เป็ นแผ่นดินอันรกร้างว่างเปล่าของโลกที่เป็ นเอกเทศ
แห่งหนึ่ง” จัสมินกล่าวอย่างไม่ยนิ ดียนิ ร้าย “สถานที่แห่งแรกที่
พวกเจ้ามาถึงนั้นเป็ นพื้นที่สีเขียวเพียงแห่งเดียวของโลกใบนี้
บริ เวณอื่นๆ ล้วนเป็ นแผ่นดินรกร้างว่างเปล่า และยิง่ พวกเจ้าเข้า
ไปลึกมากเท่าใด มันก็จะยิง่ รกร้างมากเท่านั้น”
“หมายความว่าอย่างไร ?” หยุนเช่อกล่าวถาม
“ก็หมายความว่าโลกใบนี้กาํ ลังจะจบสิ้ นนะสิ !” จัสมินก
ล่าวตอบ “แม้วา่ โลกใบนี้ยงั คงมีสตั ว์อสู รอยู่ เจ้าก็ควรจะรู ้วา่ สัตว์
อสู รที่นี่ไม่เพียงแต่มีจาํ นวนน้อย แต่พวกมันล้วนมีผวิ หนัง
ภายนอกที่แข็งแกร่ ง พวกมันล้วนเป็ นสัตว์อสู รที่ทนต่อ
สภาพแวดล้อมอันเลวร้ายอย่างถึงขีดสุ ดได้อย่างยอดเยีย่ ม ! แต่
หลังจากนี้ไปสองสามพันปี สัตว์อสู รที่ทรหดอย่างที่สุดพวกนี้ก็
จะค่อยๆ สู ญพันธุ์ไป เมื่อถึงตอนนั้น โลกใบนี้กจ็ ะกลายเป็ นโลก
ที่ไร้ชีวติ อย่างสมบูรณ์”
“…เหตุใดโลกใบนี้จึงต้องจบสิ้ น ?”
“นี่คือโลกที่เป็ นเอกเทศ ไม่ใช่โลกธรรมดาทัว่ ไปที่กาํ เนิด
จากจักรวาลอันยิง่ ใหญ่ เนื่องจากมันเป็ นโลกที่เป็ นเอกเทศที่เกิด
จากตัวมันเอง การดํารงอยูข่ องมันจึงต้องอาศัยการคํ้าจุนจากพลัง
บางอย่าง ทันทีที่พลังที่ค้ าํ จุนโลกใบนี้สูญสลายไป โลกใบนี้กจ็ ะ
ค่อยๆ ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวติ และจบสิ้ นลงไปด้วย”
หยุนเช่อ “…”
“พี่ใหญ่หยุน เมื่อวานนี้ขา้ ได้ยนิ มาว่าท่านคือราชบุตรเขย
แห่งวายุคราม ภรรยาของท่านก็เป็ นองค์หญิงเหมือนกัน…
เช่นนั้นภรรยาพี่ใหญ่หยุนก็ตอ้ งงดงามมาก ใช่หรื อไม่ ?” เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์เอียงคอมองหยุนเช่อขณะถามด้วยความอยากรู ้อยากเห็น
แต่ก่อนที่หยุนเช่อจะทันตอบ เซี่ยหยวนป้าก็ขยับเข้ามาใกล้
แล้วและกล่าวตอบอย่างจริ งจังว่า “ศิษย์พเี่ สวีย่ หลอย่อมสวยงาม
อยูแ่ ล้ว แต่นางก็ยงั สวยน้อยกว่าพี่สาวของข้า… โอ๊ะ ใช่แล้ว และ
พี่สาวข้าก็คือภรรยาหลวงของพี่เขย ถึงแม้ศิษย์พี่เสวีย่ หลอจะเป็ น
องค์หญิง แต่นางก็เป็ นเพียงภรรยารอง”
ในฐานะน้องชายของเซี่ยฉิ งเย่ว เซี่ยหยวนป้าย่อมรู ้สึกเป็ น
ปรปักษ์ต่อชางเยว่ ภรรยาผูม้ าทีหลังของหยุนเช่ออยูบ่ า้ ง เนื่องจาก
ฐานะองค์หญิงอันสู งส่ งและอุปนิสยั นุ่มนวลใจเย็นของชางเย่ว ทํา
ให้มนั อดไม่ได้ที่จะรู ้สึกว่าพี่สาวมันกําลังอยูใ่ นภาวะวิกฤต ดังนั้น
เมื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวถึงภรรยาของหยุนเช่อ ซํ้ายังกล่าวถึงองค์
หญิงชางเย่วโดยตรง มันจึงรี บสอดมือเข้ามายืนยันส่ งเสริ ม
ตําแหน่งภรรยาเอกของพี่สาวมัน
“…” หากในความเป็ นจริ งนั้นมันสามารถเอาชนะเซี่ยหยวน
ป้าได้ หยุนเช่อก็อยากจะเตะมันให้กระเด็นไปเสี ยจริ งๆ
“อ๊ะ ?” ริ มฝี ปากสี ชมพูของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อา้ ค้างด้วยความ
ประหลาดใจดังที่คาด “พี่ใหญ่หยุน ท่านมีภรรยาสองคน… จริ งๆ
หรื อ ?” (จริ งๆ มันมีสามจร้าาาา หิ มะน้อย)
“คุก คุก… เรื่ อง… เรื่ องนี้… คือเจ้าก็รู้ดีวา่ พี่ใหญ่หยุนของ
เจ้ามีเสน่ห์อย่างยิง่ ซึ่งบางสิ่ งบางอย่างก็ไม่อาจเป็ นไปตาม
เจตนารมณ์ของผูค้ นอยูบ่ า้ ง” หยุนเช่อละลํ่าละลักอธิบาย
มันไม่คาดคิดเลยว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะผงกศีรษะรับและถามอย่าง
จริ งจังว่า “อืม ใช่แล้ว พี่ใหญ่หยุนเป็ นคนดียงิ่ ดังนั้นย่อมต้องมี
สตรี มากมายที่ชื่นชอบท่าน ในวัยสิ บเก้าพี่ใหญ่หยุนมีภรรยาสอง
คน… ดูเหมือนจะไม่เยอะเท่าไหร่ เนอะ ! รู ้หรื อเปล่า พระบิดามี
ภรรยามากกว่าสี่ ร้อยหกสิ บคน มากกว่าพี่ใหญ่หยุนตั้งเยอะ !”
มะ…มากกว่ า…สี่ร้อยหกสิบคน ?!
หยุนเช่อสะท้านเยือก… การเป็ นจักรพรรดิน้ นั ช่าง
สะดวกสบายจนกระทัง่ ผูค้ นอิจฉาดังที่คิดไว้เลย !
ช้ าก่ อน… ภรรยามากกว่ าสี่ ร้อยหกสิ บคน แต่ กลับมีโอรส
สิ บสี่ คนและธิ ดาหนึ่งคนเท่ านั้น
หลังจากไตร่ ตรองเกี่ยวกับประเด็นหลังแล้ว หยุนเช่อก็สงบ
จิตสงบใจได้ในทันที มันพยักหน้าและกล่าวอย่างจริ งจังว่า “อื้ม !
ข้าจะเรี ยนรู ้จากพระบิดาของเสวีย่ เอ๋ อร์และพยามยามให้มากใน
เรื่ องนี้… เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้ามีบางคําถามที่อยากจะถามเจ้า หากเจ้า
สามารถตอบได้กต็ อบ แต่หากเจ้ารู ้สึกไม่สบายใจที่จะตอบก็ไม่
ต้องตอบ”
“อืม พี่ใหญ่หยุนเชิญถามได้เลย” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบ
อย่างร่ าเริ ง
หยุนเช่อจัดแจงความคิดของตนเอง แล้วกล่าวถาม “เสวีย่
เอ๋ อร์ ก่อนที่เจ้าจะอายุสิบหก เจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่อยูก่ บั ‘เทพหง
สา’ ของพรรคเจ้าใช่ไหม ?”
คําว่า ‘เทพหงสา’ ทําให้ฝีเท้าของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ชะงักลง
เล็กน้อย หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ หนึ่ง นางก็พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่
แล้ว ท่านเทพหงสาจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในวันที่ขา้ ถือกําเนิดและพา
ข้าไปอยูข่ า้ งกายท่าน จนกระทัง่ ข้าอายุแปดขวบข้าถึงได้เห็นพระ
บิดาเป็ นครั้งแรก จากนั้นข้าก็ใช้เวลาส่ วนใหญ่อยูก่ บั ท่านเทพหง
สา จนกระทัง่ ข้าอายุได้สิบสามปี …”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สน่ั พร่ า จากนั้นนางก็ไม่กล่าวอัน
ใดอีก
หยุนเช่อคาดเดาได้วา่ ‘ท่านเทพหงสา’ ได้ดบั สู ญไปตอนที่
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มีอายุสิบสามปี นั้นเอง ซึ่งเป็ นเวลาเมื่อสามปี ก่อน
แน่นอนว่ามันมิได้ต้ งั ใจที่จะให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื ยันความจริ งข้อนี้
ออกมา เพราะแม้แต่ในพรรคเทพหงสาเอง ก็คงมีไม่กี่คนที่ทราบ
ว่าจิตวิญญาณเทพหงสาได้ดบั สู ญไปแล้ว มันเป็ นความลับอัน
ยิง่ ใหญ่ที่มิอาจปล่อยให้แพร่ สะพัดออกไปได้ มันครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง
จากนั้นก็กล่าวถาม “แล้วท่านเทพหงสาของเจ้าเคยพูดถึง…เทพ
หงสาอีกตนหนึ่งให้เจ้าฟังไหม ?”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตางดงามของนางจ้องมองหยุ
นเช่อเงียบๆ อยูช่ วั่ ขณะ จากนั้นจึง…พยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านเทพหงสาเป็ นหนึ่งในสองของเศษเสี้ ยวจิตวิญญาณที่
หลงเหลืออยู่ ที่สตั ว์อสู รเทพหงสาทิ้งไว้ในทวีปลมปราณฟ้าเมื่อ
นานมาแล้ว เพื่อให้เป็ นผูช้ ้ ีนาํ ที่จะทําการทดสอบว่าผูใ้ ดสมควรที่
จะได้รับพลังเทพหงสาและสื บทอดมรดกตกทอดของมัน หนึ่งใน
สองของเศษเสี้ ยวจิตวิญญาณนั้นคือท่านเทพหงสาของจักรวรรดิ
เทพหงสาเรา ส่ วนอีกหนึ่งนั้นอยูใ่ นอาณาจักรวายุคราม… ท่าน
เทพหงสาเล่าเรื่ องนี้ให้ขา้ ฟังเมื่อนานมาแล้ว” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่า
วอย่างช้าๆ นางจ้องมองหยุนเช่อ “เมื่อวานนี้ท่านถามข้าว่าเหตุใด
ข้าจึงสอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่ท่าน ทั้งที่ขา้ ทราบว่า
ท่านเป็ นผูส้ ื บทอดของเทพหงสาอีกตนหนึ่ง… อันที่จริ งเมื่อวาน
ข้าได้ตอบคําถามนั้นไปเพียงครึ่ งเดียว ส่วนเหตุผลอีกครึ่ งหนึ่งก็
คือ… มันเป็ นประสงค์ของท่านเทพหงสา”
“ประสงค์ของท่านเทพหงสา ?” หยุนเช่อขมวดคิ้วแน่น
“เดิมทีท่านเทพหงสาเป็ นจิตวิญญาณที่บริ สุทธิ์ แต่เนื่องจาก
ได้อยูใ่ นทวีปลมปราณฟ้าเป็ นเวลานาน จิตวิญญาณที่บริ สุทธิ์ของ
มันจึงแปดเปื้ อนไปด้วยความโสมมของโลกมนุษย์ ทําให้มนั
บังเกิดความรู ้สึกที่ไม่ควรจะมี ทําให้มนั ปรารถนาที่จะเป็ นจิต
วิญญาณเทพหงสาเพียงหนึ่งเดียวในทวีปลมปราณฟ้านี้ และเอ่ย
อ้างว่าทวีปลมปราณฟ้าทั้งหมดเป็ นของมัน ผลก็คือ มันละทิ้ง
พันธะผูกพันของตนและทิ้งแดนทดสอบของตนไปยังอาณาจักร
วายุครามเพื่อตามหาอีกหนึ่งจิตวิญญาณ หลังจากต่อสู ก้ นั อย่าง
ดุเดือด มันก็ทาํ ลายอีกจิตวิญญาณหนึ่งลงได้ แต่ทว่ามันก็ได้รับ
บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ซึ่ งนอกจากพลังของมันจะลดลงหลายเท่า
แล้ว อายุขยั ของมันจากหลายหมื่นปี ก็ลดลงเหลือเพียงไม่กี่พนั ปี
ด้วย กระทัง่ ท่วงทํานองแห่งเทพหงสาก็ได้รับความเสี ยหายจาก
การต่อสูอ้ นั ดุเดือดนั้น จนแตกออกเป็ นชิ้น…”
“…” สิ่ งที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวมากับสิ่ งที่หยุนเช่อได้ยนิ จาก
ปากของจิตวิญญาณเทพหงสาตอนที่อยูใ่ นสนามทดสอบนัน่
ตรงกันทุกประการ เพียงแต่ความจริ งแล้วจิตวิญญาณเทพหงสา
ไม่ได้ดบั สู ญไปในครานั้น และท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของมัน
ก็ถูกทําลายแตกหักจนเหลือเพียงขั้นที่หา้ และขั้นที่หก
“เช่นนั้น เมื่ออายุขยั ของท่านเทพหงสาค่อยๆ ใกล้สิ้นสุ ดลง
มันก็ได้เข้าใจสิ่ งต่างๆ อย่างถ่องแท้ ความโสมมของมันจึงค่อยเจือ
จางลง ในช่วงเวลานั้นเอง มันก็นึกถึงการทําลายล้างอีกหนึ่งจิต
วิญญาณอย่างชัว่ ร้ายและน่าเสี ยใจของมัน อย่างไรก็ดี เมื่อสามปี
ก่อน… ตอนที่ท่านเทพหงสากําลังจะ… จู่ๆ ท่านเทพหงสาก็รู้สึก
ถึงการดํารงอยูข่ องอีกหนึ่งจิตวิญญาณและผูส้ ื บทอดสายเลือดเทพ
หงสาอีกผูห้ นึ่ง มันได้บอกกับข้าว่าหากข้าได้พบผูส้ ื บทอดเทพหง
สาคนอื่น ข้าควรจะมีความสุ ขสงบและสอนท่วงทํานองแห่งเทพ
หงสาให้แก่คนผูน้ ้ นั … เนื่องจากท่านเทพหงสาได้ทาํ ท่วงทํานอง
แห่งเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หกสู ญหายไปในระหว่างที่ทาํ การ
ต่อสู ใ้ นครานั้น และมันก็ได้ทาํ ลายท่วงทํานองแห่งเทพหงสาของ
อีกจิตวิญญาณหนึ่งไปจนหมด แม้วา่ ผูส้ ื บทอดจะมีสายเลือดเทพ
หงสา แต่คนผูน้ ้ นั ก็คงไม่มีวนั ฝึ กเคล็ดวิชาลมปราณเทพหงสาได้”
หยุนเช่อรับฟังด้วยงุนงงสับสนอย่างยิง่
ถึงแม้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะพยายามปกปิ ดสิ่ งต่างๆ ให้มากที่สุด
เท่าที่นางจะทําได้ แต่คาํ พูดส่ วนใหญ่ของนางล้วนบ่งชี้วา่ จิต
วิญญาณเทพหงสาได้ดบั สู ญไปแล้ว สิ่ งที่ทาํ ให้มนั รู ้สึกประหลาด
ใจก็คือ ‘เทพหงสา’ ที่จิตวิญญาณเทพหงสาเคยเตือนให้มนั ระวัง
สิ่ งที่มนั รู ้สึกหวาดกลัวที่สุดก่อนที่จะมายังพรรคเทพหงสานั้น ได้
บังเกิดความรู ้สึกเสี ยใจและรับสารภาพถึงความผิดและการทรยศ
หักหลังของตนต่อเสวีย่ เอ๋ อร์แล้ว โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยเหตุการณ์
ที่ไม่คาดฝันจริ งๆ
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพี่ใหญ่หยุนจะเป็ นผูส้ ื บทอดของท่าน
เทพหงสาอีกตนหนึ่ง ซํ้ายังได้รับพลังและจิตวิญญาณดั้งเดิมของ
มันมาด้วย… โอ๊ะ จริ งสิ พี่ใหญ่หยุน ท่านเทพหงสาอีกตนหนึ่ง
หน้าตาเป็ นอย่างไร ? มันยัง…สบายดีหรื อไม่ ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ถามอย่างตื่นเต้น
“หน้าตาดู…” หยุนเช่อครุ่ นคิดครู่ หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวอย่าง
ค่อนข้างจนปั ญญาว่า “อันที่จริ ง ข้าก็ไม่เคยเห็นชัดๆ ว่ามันหน้าตา
เป็ นอย่างไร ทุกครั้งที่มองมัน ข้าก็เห็นแต่ดวงตาสี ทองเป็ น
ประกายแวววาวคู่หนึ่ง ตอนนี้มนั อยูท่ ี่ไหนสักแห่งในอาณาจักร
วายุคราม มันเคยเล่าให้ขา้ ฟังถึงข้อบาดหมางบางประการระหว่าง
มันกับท่านเทพหงสาของเจ้าในตอนนั้น เมื่อใดที่ขา้ กลับไปยังวายุ
คราม ข้าคงจะต้องไปพูดคุยกับมันถึงเรื่ องนี้ มันจะได้รู้สึกสบาย
ใจขึ้นบ้าง”
“อื้ม !” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พยักหน้า แต่แล้วสี หน้าของนางก็
หม่นหมองลง “อันที่จริ งตอนที่ท่านเทพหงสาพบว่าอีกหนึ่งจิต
วิญญาณเทพหงสายังไม่ดบั สูญ มันก็มีความสุ ขมากจริ งๆ
เหมือน… ความกลัดกลุม้ อย่างที่สุดของมันได้คลี่คลายลง ดังนั้น
เมื่อข้าพบว่าพี่ใหญ่หยุนเป็ นผูส้ ื บทอดของอีกหนึ่งจิตวิญญาณเทพ
หงสา ข้าจึงมีความสุขมาก”
ขณะที่หยุนเช่อกําลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง สุ ม้ เสี ยงบาดหู
เสี ยงหนึ่งก็พลันดังมาจากด้านหลัง
“โอ๊ะ ? นัน่ ใช่นอ้ งหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์ผงู ้ ดงามอย่างหาที่เปรี ยบ
มิได้ของข้า ใช่หรื อไม่ ? การที่ได้พบเจ้าในโลกลี้ลบั อันกว้างใหญ่
ใบนี้นบั เป็ นวาสนาของเจ้าวิหารน้อยผูน้ ้ ีจริ งๆ”
หยุนเช่อ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ และเซี่ยหยวนป้าหันกลับไป
พร้อมๆ กัน ที่อยูห่ ่างออกไปไม่นอ้ ยกว่าสามร้อยเมตรนั้นก็คือเย่
ซิ งหานผูแ้ ต่งการในชุดสี ดาํ ที่มาพร้อมกับสตรี ผเู ้ ย้ายวนสองนาง
ของมัน มันเดินมาอย่างปลอดโปร่ งใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิม้
ของมันนั้นไม่อาจปกปิ ดความโอหังและความชัว่ ช้าลามกอันมาก
ล้นของมันได้แม้แต่นอ้ ย
“เย่ซิงหาน ?” หยุนเช่อกล่าวพึมพัมคิ้วขมวดมุ่นทันที พลัน
สี หน้าและรอยยิม้ อันน่ากลัวของเย่ซิงหานทําให้มนั รู ้สึกไม่สบาย
ใจอย่างยิง่ มันกล่าวเบาๆ ว่า “หยวนป้าระวังตัวด้วย”
“โอ๊ะ…” คําพูดของหยุนเช่อทําให้เซี่ยหยวนป้านิ่งขึงไป
มันผงกศีรษะเล็กน้อยขณะที่เส้นเลือดทุกสายบนท่อนแขนแกร่ ง
หนาของมันปูดโปนขึ้นมา เซี่ยหยวนป้าเป็ นราชันทรราชย์ข้นั
กลาง ส่ วนเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อีกครึ่ งก้าวก็จะเป็ นราชันจักรพรรดิ เย่ซิง
หานนั้นก็เป็ นราชันทรราชย์ข้นั กลางเหมือนกัน ดังนั้นหากมัน
ต้องการที่จะต่อสู ้ มันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู ข้ องทั้งเซี่ยหยวนป้าและเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์… แต่เพราะความจริ งข้อนี้แหล่ะที่ทาํ ให้หยุนเช่อยิง่
รู ้สึกไม่สบายใจ เพราะสี หน้าแววตาของเย่ซิงหานนั้นบ่งบอกว่า
มันมีแผนการบางอย่าง บ่งบอกว่ามันคว้าเหยือ่ ไว้ในกํามือได้
แล้ว !
“ท่านเจ้าวิหารน้อยเย่” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวทักทาย
“โอ~~” ดวงตาเรี ยวเล็กของเย่ซิงหานหรี่ แคบลงขณะที่มนั
จับจ้องรู ปร่ างงดงามราวเทพธิดาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ โดยไม่มองหยุ
นเช่อและเซี่ ยหยวนป้าเลย “น้องหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์ อย่าได้มีพิธีรีตอง
จนเกินไปเลย การที่เรี ยกข้าท่านเจ้าวิหารน้อยเย่น้ นั ดูจะไร้
ความรู ้สึกและห่างเหิ นเกินไป ข้าอยากให้นอ้ งหญิงเสวีย่ เอ๋ อร์เรี ยก
ข้าว่า… พีใ่ หญ่เย่”
บทที่ 458 ตราผนึกทัณฑ์ หงสา

สุ ม้ เสี ยงของเย่ซิงหานไร้ซ่ ึงความเคร่ งเครี ยด ขณะดวงตา


ของมันฉายแววราคะออกมาอย่างชัดเจน ในการประลองจัด
อันดับเมื่อวานนี้ แม้มนั จะทําตัวโอหัง แต่กย็ งั ไม่มากถึงเพียงนี้
เมื่อถูกมันจับจ้อง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กพ็ ลันรู ้สึกอึดอัดขณะนางตอบคํา
“ด้วยศักดิ์อนั ทรงเกียรติของท่านเจ้าวิหารน้อยเย่ เสวีย่ เอ๋ อร์ยอ่ มมิ
บังอาจเรี ยกขานท่านอย่างสนิทสนมเช่นนั้น… หากท่านเจ้าวิหาร
น้อยเย่ไม่มีกิจอื่นใดอีก เสวีย่ เอ๋ อร์กจ็ ะขอเดินชมสถานที่ต่อ”
หลังจากเอ่ยจบ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กท็ าํ ทีจะหันหลังกลับและไม่
สนในเย่ซิงหานอีก ทว่าเย่ซิงหานกลับเอ่ยปากด้วยรอยยิม้ “น้อง
เสวีย่ เอ๋ อร์ ไม่จาํ เป็ นต้องรี บร้อนจากไป เรานายน้อยมีเรื่ องสําคัญ
ยิง่ จะพูดด้วย… เมื่อสามปี ก่อน เรานายน้อยได้ยนิ เรื่ องความงาม
อันเหนือลํ้าไร้ที่เปรี ยบของน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ ดังนั้นข้าจึงอยากพบ
เห็นความงามดุจเทพธิดาของน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ดว้ ยตาตัวเองมาโดย
ตลอด เมื่อวานนี้ที่ลานประลอง แม้เรานายน้อยจะปรารถนา
เพียงใด ข้าก็ไม่อาจทนให้ความงามดุจเทพธิดาของน้องเสวีย่ เอ๋ อร์
ต้องแปดเปื้ อนด้วยสายตาของพวกมนุษย์ได้”
“ข้าก็เลยสงสัยว่าน้องเสวีย่ เอ๋ อร์จะทําให้ความปรารถนา
ของเรานายน้อยเป็ นจริ งในวันนี้ได้หรื อไม่?”
“ขออภัยที่เสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งปฏิเสธ หน้าตาของเสวีย่ เอ๋ อร์น้ นั ขี้
ริ้ ว ยากจะเข้าตาเจ้าวิหารน้อยได้” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ใช้น้ าํ เสี ยงสงบ
นิ่งปฎิเสธมันด้วยคําพูดเดียวกับเมื่อวาน บุคคลนามเย่ซิงหาน
ตรงหน้าทําให้นางบังเกิดความรู ้สึกรังเกียจอย่างที่สุดเป็ นครั้งแรก
ในชีวติ
ทว่าเย่ซิงหานกลับไม่โกรธแม้แต่นอ้ ย มันกลับส่ งเสี ยง
หัวเราะกึกก้องออกมา “ฮะฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นก็ไม่เป็ นไร แม้วนั นี้จะ
ต่างจากเมื่อวาน ก็ยงั มีไอ้เด็กน่ารังเกียจอยูอ่ ีกสองตัว เรานายน้อย
เองก็ไม่รีบร้อนเช่นกัน จะอย่างไร อีกไม่นานน้องเสวีย่ เอ๋ อร์กจ็ ะ
เป็ นของข้า เย่ซิงหานแต่เพียงผูเ้ ดียว เมื่อถึงเวลานั้น บนโลกนี้จะมี
เพียงข้าเท่านั้นที่สามารถมองใบหน้าของน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ได้ การได้
ชมเชยรู ปลักษณ์ของเจ้าเพียงลําพังขณะมองหน้ากันใต้แสงจันทร์
นี่แหละความงามที่แท้จริ งบนโลกนี้ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า”
หยุนเช่อ “…”
“ท่าน…” ใบหน้าของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันหม่นลง “ท่านเป็ น
ถึงเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา เหตุใดถึงเอ่ยเรื่ อง
เหลวไหลเช่นนั้นออกมา!?”
“เรื่ องเหลวไหลรึ ? เหอะ…” เย่ซิงหานยิม้ อย่างน่าเกลียด
“เรานายน้อยไม่เคยพูดจาเหลวไหลอันใดมาก่อน โดยเฉพาะเรื่ อง
ของน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ เหตุผลที่เรานายน้อยมายังจักรวรรดิเทพหงสา
ในครานี้ ไม่ใช่เพราะเรื่ องการประลองเจ็ดจักรวรรดิหรื อนาวา
ปราณบรรพกาล แต่เป็ นเพราะเจ้า… น้องเสวีย่ เอ๋ อร์ของข้า
หลังจากการท่องเที่ยวในนาวาปราณครานี้ ข้าจะเอ่ยปากกับท่าน
พ่อของเจ้า หรื อก็คือท่านพ่อตาในอนาคตของข้าเรื่ องขอเจ้า
แต่งงาน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะทําให้เจ้าเป็ นของข้าเท่านั้น ไม่วา่
บุรุษหน้าไหน อย่าหวังจะได้สมั ผัสกับความงามของเจ้าแม้แต่คน
เดียว”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กลายเป็ นเร่ งร้อน ภายใต้ผา้ คลุม
หน้าหยกหงสา ดวงหน้าขาวราวหิ มะของนางปรากฏริ้ วสี แดง
จางๆ จากความขุ่นเคือง “ท่าน…ท่านกล่าววาจาเหลวไหล! ข้าไม่
มีทาง…ยอมเป็ นภรรยาท่าน! พระบิดายิง่ ไม่มีทางยอมรับคําสู่ ขอ
ของท่านเช่นกัน! หากท่านกล่าวไร้สาระอีกครั้ง ข้าจะมีโทสะ
จริ งๆ แล้ว!”
“แม้นอ้ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะกําลังขุ่นเคือง ทว่านํ้าเสี ยงของเจ้า
ยังคงไพเราะน่าฟังถึงเพียงนั้น” เย่ซิงหานหัวร่ อออกมาอย่างชัว่ ช้า
ลามก กิริยาของมันเย่อหยิง่ อหังการ ราวกับทุกสิ่ งล้วนอยูใ่ นกํามือ
ของมัน “แต่ ข้าเย่ซิงหาน ไม่เคยไม่ได้ส่ิ งที่ตอ้ งการ เรื่ องใดก็
ตามที่ขา้ ตกลงใจแล้ว…ฮี่ แม้จะเป็ นบิดาของเจ้าเฟิ งเหิ งคง เมื่อถึง
เวลา มันยังคงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับสภาพ!”
“หุบปาก!”
สุ ม้ เสี ยงคํารามกึกก้องสะท้อนลงมาจากฟากฟ้า จากนั้น
ปรากฏเงาร่ างหนึ่งขึ้นที่ขา้ งกายเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อย่างรวดเร็ วราว
สายฟ้า มันจับจ้องอย่างดุดนั ไปยังเย่ซิงหาน “เจ้าวิหารน้อยเย่
พรรคเทพหงสาเราให้เกียรติแก่แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ตลอดมา
ยิง่ กว่านั้น ยังเคารพนับถือท่าน ซึ่ งถือเป็ นแขกผูม้ าเยือนจากที่ไกล
ไม่คาดท่านกล้ากล่าววาจาอวดโอ่โอหัง ยังกล้าล่วงเกินเสวีย่ เอ๋ อร์
และท่านประมุข! เจ้ามีเจตนาใดกันแน่!?”
“ท่านผูอ้ าวุโสใหญ่” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่งเสี ยงเรี ยกออกมาอย่าง
แผ่วเบาเมื่อเห็นผูท้ ี่พ่ งึ ปรากฎตัว “ท่านมาที่นี่ได้เช่นไร? มิใช่วา่
ท่านควรจะอยูก่ บั เสด็จพ่อและคนที่เหลือหรอกรึ …”
เฟิ งเฟยเยียนหันกลับมาก่อนจะยิม้ บาง “ท่านเจ้าสํานักเป็ น
ห่วงที่ท่านอยูเ่ พียงลําพัง เลยให้ขา้ มาปกป้องท่านเป็ นการลับ แต่
ข้าไม่เคยคิดเลยว่า… ฮึ่ม ว่าจะมีคนที่กล้ามายุง่ กับท่านตอนที่พวก
เราไม่อยู่ เสวีย่ เอ๋ อร์อย่าได้เป็ นกังวลไป ต่อให้มนั เป็ นเจ้าวิหาร
เทพสุ ริยนั จันทรา เมื่อมันมาตอแยกับท่าน ข้าย่อมไม่มีทางปล่อย
มันไปแน่”
“ท่านผูอ้ าวุโสใหญ่ ขอบคุณมาก” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เอ่ยอย่าง
นุ่มนวล เมื่อมีผอู ้ าวุโสใหญ่อยูท่ ี่นี่ ความกังวลและโทสะของนาง
ก็จางหายไปมากโข
“พี่เขย นี่มนั เรื่ องอะไรกัน… อือ ดูเหมือนพวกเราจะไม่มี
ส่ วนในเรื่ องนี้ ใช่หรื อไม่?” เซี่ยหยวนป้าเอ่ยปากอย่างแผ่วเบา
หยุนเช่อไม่ตอบคํา แววตาของมันกลับเคร่ งขรึ มยิง่ ขึ้น…
ทว่าในตอนนี้สายตาของมันไม่ได้จบั จ้องไปยังเย่ซิงหาน แต่เป็ น
เฟิ งเฟยเยียน เพราะเมื่อมองไปยังมัน ชายหนุ่มพลันรู ้สึกว่ามีบาง
สิ่ งผิดปกติ แต่มนั ไม่อาจบอกได้วา่ อะไรผิดแปลกไป เป็ นเพียง
ความรู ้สึกในใจเท่านั้น
“โอ้! นี่มิใช่ผอู ้ าวุโสใหญ่พรรคเทพหงสาหรอกรึ ? เจ้าไม่ได้
มุ่งหน้าไปสํารวจหาสมบัติบรรพกาล แต่กลับมาถึงที่นี่ ช่างน่า
แปลกใจนัก” เย่ซิงหานเอ่ยพลางหัวเราะคิกคัก “เรานายน้อยไม่ได้
คิดจะลบหลู่พรรคเทพหงสาเจ้าแม้แต่นอ้ ย ข้าเพียงต้องการ
แต่งงานกับน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ของข้าเท่านั้นเอง”
“ล้มเลิกความคิดซะ” เฟิ งเฟยเยียนกล่าวด้วยสี หน้า
เคร่ งเครี ยด “เสวีย่ เอ๋ อร์ไม่เพียงเป็ นองค์หญิงแห่งพรรคเทพหงสา
นางเองยังได้รับเลือกเป็ นผูส้ ื บทอดจากท่านเทพหงสาด้วยตนเอง!
บนโลกนี้ ไม่มีผใู ้ ดคู่ควรกับนาง ท่านประมุขแน่นอนย่อมไม่มี
ทางยอมรับเช่นกัน
“มันไม่มีทางยอมรับ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” เย่ซิงหานระเบิด
หัวเราะเหยียดหยาม “แล้วพวกเจ้าจะปฏิเสธได้เช่นไร? เจ้าคิดว่า
พรรคเทพหงสายามนี้ เป็ นเช่นพรรคเทพหงสาเมื่อกาลก่อนงั้นรึ ?”
สี หน้าเฟิ งเฟยเยียนแปรเปลี่ยนกลับกลาย “เย่ซิงหาน เจ้า
หมายความว่าอะไร!?”
“ข้าหมายความว่าอะไร? ท่านอาวุโสสู งสุ ด ท่านสมควร
ทราบกระจ่างถึงสถานการณ์มากกว่าเรานายน้อย”
เย่ซิงหานแสยะยิม้ เย็นชา “การเติบโตขึ้นของพรรคเทพหง
สาเจ้านับว่ารวดเร็ วจนน่าตระหนก เพียงห้าพันปี กลับสามารถ
ยกระดับขึ้นทัดเทียมแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ และเนื่องเพราะการคงอยู่
ของท่านเทพหงสาของเจ้า แดนศักดิ์สิทธิ์เราไม่กล้ากดดันเจ้า ทั้ง
ยังอนุญาตเจ้าเติบโต อย่างไรเสี ย ในทวีปลมปราณฟ้านี้ เทพหงสา
ของพรรคเจ้าเพียงเป็ นจิตวิญญาณเทวะหนึ่งเดียวที่บรรลุช้ นั ปราณ
เทวะอย่างแท้จริ ง ภายใต้การปกปักษ์ของเทพหงสา หากให้เวลา
อีกห้าพันปี ไม่แน่พวกเจ้าอาจสามารถก้าวข้ามพวกเราไปก็
เป็ นได้”
“แต่น่าเสี ยดาย ที่ผพู ้ ทิ กั ษ์ที่เข้มแข็งที่สุดของพวกเจ้า
สาบสู ญไปแล้ว พวกเจ้าคิดจริ งๆหรื อว่าพวกเราจะไม่รู้วา่ ท่านเทพ
หงสาตายไปแล้วเมื่อสามปี ก่อน!? เมื่อปราศจากตัวเทพหงสา
พวกเจ้ามีสิทธิอะไรมาท้าทายแดนศักดิ์สิทธิ์เรา!?”
“อา!” วาจาของเย่ซิงหานส่ งผลให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตอ้ งอุทาน
ออกมา ขณะที่สีหน้าของเฟิ งเฟยเยียนแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่าง
รุ นแรง มันกล่าวออกมาด้วยนํ้าเสี ยงเฉี ยบขาดว่า “ช่างเหลวไหล
ไร้สาระทั้งเพ! ท่านเทพหงสาแห่งพรรคเราเป็ นจิตวิญญาณเทวะ
อายุขยั ไร้สิ้นสุ ด ไม่มีวนั ตาย! เจ้า…เจ้ากล้ากล่าววาจาล่วงเกิน
พรรคเรา!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอาวุโสเทพหงสา ไม่วา่ เทพหงสาเป็ นหรื อ
ตาย ท่านเองสมควรกระจ่างแก่ใจ พรรคใหญ่เช่นนี้ กลับกล้าเล่น
ละครหลอกลวงตบตาผูค้ น มิใช่ท้ งั น่าขันทั้งน่าละอายยิง่ หรอก
หรื อ?! เหอะ…ท่านคิดว่าหากไม่มีเทพหงสา พวกเราเหล่าแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ จะปล่อยพรรคของท่านไปง่ายๆงั้นเรอะ!?”
“เจ้า…” สี หน้าของเฟิ งเฟยเยียนแปรเปลี่ยนเป็ นบิดเบี้ยว
อัปลักษณ์
“เรานายน้อยต้องตาน้องเสวีย่ เอ๋ อร์นบั เป็ นวาสนาของพรรค
เทพหงสาเจ้า!” เย่ซิงหานยกชูสองมือขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า อากัปกิริยาเหิ ม
เกริ มราวตนเองคือจักรพรรดิไร้เทียมทานที่ครอบครองใต้หล้า
“วิหารเทพสุ ริยนั จันทราย่อมตกเป็ นของข้าไม่วนั ใดก็วนั หนึ่ง
หากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สามต้องการครอบครองพรรคเทพหงสา
พวกมันล้วนต้องไว้หน้าวิหารเทพสุ ริยนั จันทราของข้า! แต่หาก
การสมรสไม่อาจเป็ นจริ ง…”
ฝ่ ามือของเย่ซิงหานลดตํ่าลง สี หน้าแปรเปลี่ยนเป็ นรอยยิม้
สามานย์ “เช่นนั้นวิธีการอื่นที่เรานายน้อยเก็บไว้ในหัว อาจไม่
อ่อนโยนเท่าใดนัก พรรคเทพหงสาของเจ้า ไม่ตอ้ งพูดถึงความ
ตกตํ่า จะอยูต่ ่อไปอีกพันปี ยังนับว่ายากลําบากนัก…ท่านผูอ้ าวุโส
ท่านสมควรเคยได้ยนิ เรื่ องราวของราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์เมื่อ
พันปี ก่อนมาบ้าง…เหอเหอ ราชวงศ์รัตติกาลนิรันดร์ที่แสน
ยิง่ ใหญ่กลับถูกกวาดล้างอย่างง่ายดาย เพียงหนึ่งพันปี ร่ องรอย
ต่างๆล้วนสู ญสลายสิ้ น กระทัง่ นามยังไม่มีปรากฏ ถูกลืมเลือนไป
อย่างสิ้ นเชิง…ช่างน่าเวทนาสงสารนัก”
จากคํากล่าวของเย่ซิงหาน คล้ายทุกคําพูดล้วนเสี ยดแทงเข้า
สู่ จุดตายของมัน ส่ งผลให้มนั ทัว่ ร่ างสัน่ สะท้าน สี หน้าของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์เองซีดเผือดลงเช่นกัน…แม้นางไม่เคยสนใจใคร่ รู้ต่อ
เรื่ องราวของพรรคเทพหงสา ทั้งยังไร้เดียงสาต่อยุทธภพ หากนาง
เองรู ้ดีวา่ ความลับการสู ญสลายของท่านเทพหงสาไม่สมควร
เปิ ดเผยออกสู่ ภายนอกอย่างเด็ดขาด ในพรรคมีเพียงผูค้ นไม่กี่คน
ที่ล่วงรู ้…
เย่ซิงหานรู ้เรื่ องนี้ได้อย่างไร!?
“ทั้งหมด…ล้วนเป็ นเพียงวาจาไร้สาระ!” เฟิ งเฟยเยียนกํา
หมัดแนบแน่น ทัว่ ร่ างบังเกิดเพลิงเทพหงสาลุกโหม สองหมัด
ปะทุออกด้วยไฟเทพหงสาอันร้อนแรง “เย่ซิงหาน! เพียงเรื่ องราว
ที่เจ้ากล่าวล่วงเกินพวกเราเมื่อครู่ ไม่วา่ เจ้าจะเป็ นเจ้าวิหารใด ต่อ
ให้เป็ นเง็กเซี ยนฮ่องเต้ ข้าก็จะฆ่าเจ้า!”
“อ้อ? ใช่อบั อายกลายเป็ นโทสะหรื อไม่? เจ้าจะฆ่าข้า? ฮ่าฮ่า
ฮ่าฮ่า..” เย่ซิงหานเชิดหน้าหัวร่ อราวคลุม้ คลัง่ “มาเลย ให้ขา้ ได้
เห็นความสามารถที่แท้จริ งของผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสา!”
“หาที่ตาย!” เฟิ งเฟยเยียนคํารามกึกก้อง เพลิงลุกไหม้พวย
พุง่ ที่ปลายหมัดทั้งสองข้าง พลังอัคคีเทพหงสาทัว่ ร่ างพลุ่งพล่าน
ดาลเดือด..มันทุ่มเทใช้พลังทั้งหมดออกจนสิ้ นด้วยความโกรธ
แค้น
พลังที่ราชันทรราชย์ทุ่มเทใช้ออกทั้งหมดหยุดยั้งหยุนเช่อ
ไว้โดยสิ้ นเชิง ทว่า ชายหนุ่มบังเกิดความตะขิดตะขวงภายในใจมา
ชัว่ ครู่ ใหญ่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีของเฟิ งเฟยเยียน แก้วตาหยุนเช่อหด
เล็กลง ชายหนุ่มคํารามลัน่ “หยวนป้า ระวัง!!”
“เอ๋ ?” เซี่ยหยวนป้าตกตะลึง…ทว่า ทันทีที่หยุนเช่อกล่าวจบ
คํา เฟิ งเฟยเยียนที่ทว่ั ร่ างลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงพลันหันกาย
กลับไป ก่อนจะพุง่ หมัดออกไปในทันที…หากที่หยุนเช่อไม่
คาดหมาย คือคนที่มนั โจมตีมิใช่หยวนป้า แต่เป็ น…เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์!!
ชัว่ เวลานี้เอง นัยน์ตาหยุนเช่อหดเล็กลงเท่ารู เข็ม ชายหนุ่ม
รับรู ้สงั หรณ์ผดิ ปกติมายาวนาน ทว่ากลับไม่คาดว่าเฟิ งเฟยเยียนจะ
จู่โจมเข้าใส่ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์!!
เมื่อราชันทรราชย์ข้นั สู งพลันโจมตีดว้ ยพลังทั้งหมด ไม่ตอ้ ง
กล่าวถึงหยุนเช่อ กระทัง่ เซี่ยหยวนป้ายังไม่มีโอกาสบัง
เกิดปฏิกิริยาใด แม้จะบังเกิดปฏิกิริยา หากยังเป็ นไปไม่ได้ที่จะ
ป้องกันอย่างทันท่วงทีเช่นกัน ยิง่ กับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่ยนื ชิดอยู่
ด้านหลังเฟิ งเฟยเยียนอยูแ่ ล้วนั้น หญิงสาวย่อมไม่คาดว่าผูท้ ี่เฟิ ง
เหิ งคงให้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดเช่นเฟิ งเฟยเยียน ผูท้ ี่รักถนอม
นางมาโดยตลอด จะลงมือต่อตนเอง..ยิง่ กว่านั้น ระยะห่างระหว่าง
หญิงสาวและเฟิ งเฟยเยียน เพียงเป็ นระยะห่างไม่ถึงห้าก้าว!
รู ม่านตาของหญิงสาวหดเล็กลง ก่อนที่นางจะทันมีปฏิกิริยา
โต้ตอบ ทรวงอกล้วนถูกฝ่ ามือของเฟิ งเฟยเยียนประทับเข้าใส่
อย่างเหี้ ยมโหด…ชัว่ พริ บตา หยกสี แดงเลือดที่เฟิ งเฟยเยียนกุมไว้
ในมือตลอดมาแตกละเอียดในทันที มันปลดปล่อยคลื่นพลังสี แดง
เลือดนี้ ประทับเข้าใส่ ร่างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ราวกิ่งหลิวที่ถูกสายลมกรรโชกผ่าน ร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋
อร์ปลิวละลิ่ว มงกุฏหงส์บนศีรษะถูกพัดปลิวลิ่วไปไกลโข
“เสวีย่ เอ๋ อร์!!”
ไม่ปรากฏเสี ยงพลังลมปราณระเบิดออกอย่างที่ควรเป็ น หยุ
นเช่อสี หน้าซี ดขาว ร่ างทะยานออกไปด้วยความเร็ วดุจสายฟ้า รับ
ร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้อย่างทันกาล จากนั้น ชายหนุ่มสะบัดเท้า
ใช้ออกด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา นําพาร่ างของหญิงสาววูบ
หายไปไกลห่างกว่าหกสิ บเมตรในพริ บตา ขณะเดียวกัน ปากส่ ง
เสี ยงร้องว่า “หยวนป้า สะกัดมันไว้!!”
ชัว่ เวลานี้ เซี่ ยหยวนป้าเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เซี่ยหยวนป้า
สองตาสาดประกายเจิดจ้า คนเหวีย่ งหมัดเข้าปะทะใส่ เฟิ งเฟยเยียน
อย่างถนัดถนี่ ทั้งสองถูกกระแทกถอยร่ นออกจากกันไกลห่าง เซี่ย
หยวนป้ากลับร่ างกลางอากาศ เหิ นร่ อนลงที่ขา้ งกายหยุนเช่อ
และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ สองหมัดสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง อีกทางด้าน
หนึ่ง เฟิ งเฟยเยียนร่ างล่อยเข้าหาข้างกายเย่ซิงหาน สี หน้าประดับ
รอยยิม้ บางเบาที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลังอย่างจงใจ
“เสวีย่ เอ๋ อร์…เสวีย่ เอ๋ อร์ เป็ นอย่างไรบ้าง..? เสวีย่ เอ๋ อร์!” หยุ
นเช่อโอบอุม้ ร่ างนุ่มนิ่มของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ริ มฝี ปากตะโกนออกมา
ด้วยตื่นตระหนก ชายหนุ่มพลันตระหนักว่าบนร่ างของหญิงสาว
ปราศจากร่ องรอยบาดเจ็บใดๆ ทว่า คลื่นพลังยุทธ์บนร่ างกายล้วน
อันตรธานหายไปจนหมดสิ้ น ไม่อาจสัมผัสได้เลยแม้เศษเสี้ ยว!
“ตราผนึกทัณฑ์หงสา…” เมื่อไม่มีมงกุฏหงส์ปิดบังใบหน้า
หยุนเช่อสามารถยลโฉมหน้างดงามไร้ตาํ หนิของหญิงสาวอีกครา
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สองตาสัน่ สะท้านรุ นแรง สี หน้าซีดขาวราวกระดาษ
นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกลัว ความไม่เข้าใจ รวมทั้งความไม่
เชื่อถือ ภายในอ้อมอกของหยุนเช่อ หญิงสาวค่อยๆ เอียงศีรษะ
กลับไปอย่างเชื่องช้า มองไปยังเฟิ งเฟยเยียนที่ยนื เคียงข้างเย่ซิง
หาน ปลดปล่อยเส้นเสี ยงอันสัน่ เครื อราวละเมอออกมาว่า “ท่านผู ้
อาวุโส..ไย..ต้อง…ทํา…เช่นนี้…”
บทที่ 459 ความคิดชั่วร้ าย

เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แน่นอนว่ามิบาดเจ็บอันใด ทว่านางก็มิ


สามารถใช้พลังปราณของนางได้เลยแม้สกั เล็กน้อย นางอ่อนเพลีย
มาก มิสามารถแม้แต่จะยืนให้มน่ั คง นัน่ เพราะพลังทั้งหมดของ
นางได้ถูกผนึกไว้ หยุนเช่อเบาใจลงเล็กน้อย มันหันศีรษะไป
รอบๆอย่างรวดเร็ วและจ้องมองไปยังเฟิ งเฟยเยียนอย่างดุร้าย “เฟิ ง
เฟยเยียน…นี่ท่านเสี ยสติไปแล้วหรื อ?!”
“ฮิฮิฮิ เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้าเพียงปรารถนาดีต่อเจ้า” เฟิ งเฟยเยียน
หัวเราะด้วยท่าทีเปี่ ยมความปรารถนาดี “เจ้าวิหารน้อยเย่จะเป็ นถึง
ผูน้ าํ หนึ่งในสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์รุ่ นต่อไป หากเจ้าได้แต่งงานกับมัน
นัน่ ย่อมประเสริ ฐยิง่ นัก อย่างไรก็ดี ข้ารู ้วา่ พระบิดาของเจ้ามิเห็น
ด้วยเป็ นแน่ ข้าไม่มีทางเลือกจึงต้องใช้ลูกไม้เล็กๆน้อยๆนี้
หลังจากเจ้าได้เป็ นสตรี ของเจ้าวิหารน้อยเย่อย่างสมบูรณ์ในนาวา
ปราณบรรพกาลนี้แล้ว เจ้าทั้งสองจะได้รับร่ างเทพหงสา แม้บิดา
เจ้าจะไม่เห็นด้วย หากแต่มนั ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น”
หยุนเช่อขบฟันกัดอย่างแรง กําหมัดทั้งสองข้างอย่างแน่น
หนา มิมีผใู ้ ดจะสามารถคาดคิดได้เลยว่าผูอ้ าวุโสระดับสู งใน
พรรคเทพหงสา สมาชิกคนสําคัญพรรคในตําแหน่งสู ง และมี
ชื่อเสี ยงในหมู่รุ่ นของมัน เป็ นรองเพียงเฟิ งเหิ งคง อีกทั้งยังเป็ นผูท้ ี่
เฟิ งเหิ งคงและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้ใจอย่างมาก จะปิ ดบังความคิดชัว่
ร้ายเช่นนี้เอาไว้
เย่ซิงหานนั้นต้องการตัวเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ นัน่ หมายความว่าหยุ
นเช่อและเซี่ ยหยวนป้าต้องถูกกําจัดทิ้งเพื่อปกปิ ดความลับเอาไว้!
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากําลัง
เสี ยใจ ดวงตาของนางปกคลุมไปด้วยหมอกดัง่ กําลังอยูใ่ นความ
ฝัน “เรื่ องราวที่ท่านเทพหงสาได้สูญสลายไปแล้ว มีเพียงข้า…
พระบิดา…ท่านปู่ …ท่านทวด…และท่านเท่านั้นที่รู้ เป็ นท่าน…
ท่าน…”
“ถูกแล้ว เป็ นข้าเองที่บอกเจ้าวิหารน้อยเย่” เฟิ งเฟยเยียน
กล่าวออกมาโดยตรง “อย่างไรก็ตาม มิใช่เพียงวิหารเทพสุ ริยนั
จันทรา แดนศักดิ์สิทธิ์อีกสามก็ได้รับรู ้เรื่ องนี้แล้วเช่นกัน หลังจาก
จิตวิญญาณเทพหงสาได้สูญสิ้ นไป พระบิดาไร้ประโยชน์ของเจ้า
ก็ได้แต่หาวิธีปกปิ ดเรื่ องนี้ไปเรื่ อยๆ มันมิเคยหาหนทางเพื่อ
ปกป้องพรรคเทพหงสาเราซึ่งตอนนี้ไร้ซ่ ึ งการปกป้องจากท่าน
เทพหงสาแล้ว กระดาษมิเคยห่อไฟได้ มีเพียงความช่วยเหลือจาก
วิหารเทพสุ ริยนั จันทราเท่านั้นที่จะสามารถรับรองความรุ่ งโรจน์
ของพรรคเทพหงสาเราได้ นี่เป็ นหนทางที่ดีที่สุดสําหรับพรรค
เทพหงสาแล้ว!”
หยุนเช่อหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เพื่อปกป้องพรรคเทพหง
สา? เจ้าก็แค่พยายามหาทางออกให้ตนเอง! เจ้าทําแม้แต่ทรยศทั้ง
พรรคเทพหงสา! น่ารังเกียจยิง่ นัก!”
แม้หลังจากถูกหยุนเช่อด่าทอ เฟิ งเฟยเยียนก็มิได้มีโทสะ
ทว่ากลับหัวเราะด้วยเสี ยงอันดัง “ฮ่าๆๆๆ สําหรับทุกผูค้ นเพือ่
ความปรารถนาแล้วย่อมทําได้ทุกสิ่ ง เมื่อไร้ซ่ ึงเทพหงสา พลังของ
พรรคเทพหงสาเราย่อมเสื่ อมถอยลงอย่างรวดเร็ ว และท้ายสุ ดอาจ
เป็ นเพียงแค่เครื่ องมือของสี่ แดนศักดิ์สิทธิ์มิอาจกลับไปรุ่ งเรื องได้
ดังก่อน หากข้ารับใช้เจ้าวิหารน้อยเย่อย่างเต็มที่ ฮ่า มันอาจเล็งเห็น
ถึงความภักดีของข้า มันย่อมตบรางวัลให้ขา้ อย่างงามเป็ นแน่”
“นัน่ ย่อมแน่นอนอยูแ่ ล้ว ข้านั้นชื่นชอบผูท้ ี่ฉลาดหลัก
แหลมเช่นท่านผูอ้ าวุโส” ยามเย่ซิงหานกล่าว มันจ้องมองไปยังรู ป
กายราวนางฟ้าของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ มันมีผหู ้ ญิงจํานวนนับไม่ถว้ น
ทว่าจนถึงวันนี้มนั มิเคยพบผูใ้ ดเลยที่จะงดงามได้ถึงเพียงนี้ มันคิด
แม้แต่วา่ ถึงจะนําความงามของผูห้ ญิงที่มนั มีมารวมกันก็มิอาจ
เทียบได้แม้เพียงเศษเสี้ ยวข้องนางฟ้าตรงหน้า
มันยืดแขนออกมา นิ้วมือของมันคว้าจับอย่างอดทนรอไม่
ไหว มันต้องการจะครอบครองเด็กสาวผูด้ งั่ ไม่ใช่ตวั ตนในโลก
มนุษย์น้ ี
หน้าอกของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยบุ พองขึ้นลงตลอด นางมิรู้จกั
โลกภายนอกนัก เติบโตขึ้นมาภายใต้การปกป้องอย่างแน่นหนา
สุ ดยอดและไม่เคยรับรู ้ถึงอันตรายใดๆที่โลกภายนอกเลย นางปิ ด
ตาลงขณะที่กล่าวด้วยความเศร้า “ทําไมเป็ นเช่นนี้…นี่มิใช่ความ
จริ ง…พี่ใหญ่หยุน…ที่มิใช่ความจริ ง…”
“เด็กเหลือขอ…เจ้าเหมือนจะเรี ยกว่า…หยุนเช่อ?” เย่ซิง
หานจ้องมองหยุนเช่อผูป้ ระคองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อยูด่ ว้ ยแววตาฆ่า
สังหาร “รี บปล่อยตัวองค์หญิงเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แล้วถอยไปซะ อาจ
บางทีขา้ จะเหลือศพเจ้าไว้ให้อย่างครบสมบูรณ์ ขยะเช่นเจ้ามิมี
สิ ทธิ์แตะต้องกายเสวีย่ เอ๋ อร์ของข้า!”
หยุนเช่ออุม้ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์และยืนขึ้น แววตาของมันเต็มไป
ด้วยเจตนาสังหารอันเย็นเยียบ เรื่ องราวนี้คราแรกมิได้เกี่ยวข้องกับ
หยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้าแม้แต่นอ้ ย ทว่ายามนี้มนั อยูท่ ี่นี่และ
แน่นอนว่าจะไม่หลบหนีออกไปจากสถานการณ์น้ ี! ยามเย่ซิงหาน
และเฟิ งเฟยเยียนบอกกล่าวออกมาโดยตรงมิได้ปิดบังอันใดต่อมัน
และเซี่ยหยวนป้า นัน่ ชัดเจนว่าอีกฝ่ ายต้องการให้พวกมันตกตาย
แน่แล้ว!
“พี่ใหญ่หยุน…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ในอ้อมแขนมันกล่าวด้วย
นํ้าเสี ยงนุ่มนวล “ข้าถูกผนึกด้วยตราผนึกทัณฑ์หงสา…นี่คือเคล็ด
วิชาต้องห้าม มีไว้สาํ หรับผนึกพลังปราณของศิษย์ที่กระทําการชัว่
ร้าย… อีกสิ บสองชัว่ ยามข้าจะมิสามารถขยับเขยื้อนใดๆได้…ข้า
ไม่ตอ้ งการ…โดยผูช้ วั่ ช้านัน่ …เช่นนั้น…พี่ใหญ่หยุน…ได้
โปรด…ท่านสามารถ…ฆ่าข้าได้หรื อไม่…?”
หัวใจของหยุนเช่อราวกับถูกบีบรัดยามเห็นดวงตาคู่สวย
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์หม่นหมอง ไร้ซ่ ึ งประกายดัง่ เช่นที่ผา่ นมา เหลือ
ทิ้งไว้เพียงความสิ้ นหวังและเศร้าโศก มันพ่นลมหายใจออกอย่าง
หนักหน่วงสวมกอดเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แน่นขึ้นและกล่าวอย่าง
อ่อนโยน “เสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้าไม่ตอ้ งกลัว แม้วา่ ข้าจะต้องตกตาย…ข้า
ก็จะมิให้ผใู ้ ดทําอันตรายเจ้าได้!”
ความมีชีวติ ชีวาหวนคืนสู่ ดวงตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ นางจ้อง
ไปยังดวงตาของหยุนเช่อ กล่าวอย่างโอนอ่อน “พีใ่ หญ่หยุน…”
“ตาย!” เมื่อเห็นหยุนเช่อมิปล่อยตัวเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ทว่ากลับ
ยิง่ กอดแน่นขึ้น เย่ซิงหานจึงโกรธกริ้ วอย่างรุ นแรง…มันมิเคย
แม้แต่จะได้สมั ผัสแม้เพียงชายเสื้ อของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ หนึ่งเดียวที่
ทําให้มนั มีความกระหายอยากอันแรงกล้าในชีวติ นี้ ทว่าเจ้า “เจ้า
ขยะเปี ยก” กลับกล้ากอดนางต่อหน้ามัน! เมื่อมันเหวีย่ งมือพัด
หยกเย็นได้ปรากฏขึ้นที่มือขวาของมัน
พัดหยกนี่เป็ นวัตถุที่เย่ซิงหานเก็บติดตัวตลอดเวลา ไม่ใช่
พัดหยกธรรมดาโดยทัว่ ไป เมื่อพัดหยกปรากฏบนฝ่ ามือ กระทัง่
เฟิ งเฟยเยียนที่ดา้ นข้างยังต้องสัน่ สะท้าน…นามของพัดหยกนี้คือ
“สุ ริยนั จันทราวิบตั ิ” ถูกสร้างขึ้นมาจากหยกพรหมาที่อาบแสง
สุ ริยนั จันทรามากว่าหมื่นปี เป็ นหนึ่งในสิ บศาสตราชั้นทรราช
แห่งทวีปลมปราณฟ้า เพียงอาศัยพลังของพัดหยกสุ ริยนั จันทรา
วิบตั ิน้ ี ระดับพลังของเย่ซิงหานเพิม่ พูนขึ้นถึงสามขั้น สามารถ
ต่อกรกับเฟิ งเฟยเยียน ผูม้ ีพลังฝี มือขั้นแปดชั้นทรราชได้เลย
ทีเดียว!
สุ ริยนั จันทราวิบตั ิเปล่งแสงเรื่ อเรื องตามการสะบัดข้อมือ
ของเย่ซิงหาน ส่ งรังสี พลังปราณรู ปจันทร์เสี้ ยวลอยตรงปาดเข้าใส่
ลําคอของหยุนเช่อ ไม่วา่ คลื่นรังสี จนั ทร์ครึ่ งเสี้ ยวกวาดผ่านที่ใด
มวลอากาศล้วนถูกตัดขาดออกจากกันพร้อมเสี ยงฉีกกระชากอัน
บาดแก้วหู
ร่ างกายใหญ่โตของเซี่ยหยวนป้าเคลื่อนไหวในฉับพลัน บด
บังอยูเ่ บื้องหน้าของหยุนเช่อ กําปั้นแข็งแกร่ งราวศิลาเหวีย่ งออก
อย่างหักโหม…นําพาเสี ยงระเบิดสนัน่ สะท้านกึกก้อง รัศมีจนั ทร์
เสี้ ยวระเบิดออกกลางอากาศ หลังมือของเซี่ยหยวนป้าเองปรากฏ
ริ้ วรอยโลหิ ตสายหนึ่งขึ้นเช่นกัน สี หน้าของเซี่ยหยวนป้ามืดครึ้ ม
ลงอย่างกะทันหัน เขากัดฟันตะโกนออกมาว่า “พีเ่ ขย! หนีไป…
เร็ ว!!”
“หยวนป้า …..”
“ไป!!!!!”
เซี่ยหยวนป้ากู่กอ้ ง สุ ม้ เสี ยงกึกก้องกระทัง่ หยุนเช่อยังต้อง
ร่ างสะท้านขึ้นคราหนึ่ง สองมือกําหมัดแนบแน่น เซี่ยหยวนป้า
รับรู ้สถานการณ์อย่างชัดเจน และหยุนเช่อเองล้วนทราบกระจ่าง
แก่ใจดียง่ิ …ชายหนุ่มจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเซี่ยหยวนป้า
รับรู ้ความตั้งมัน่ แน่วแน่ที่ส่งออกมา หยุนเช่อปราศจากความรี รอ
ลังเลใดๆอีกต่อไป ชายหนุ่มกัดฟันแนบแน่นหันกายไปกล่าววาจา
อย่างยากลําบาก “หยวนป้า ห้ามตาย…จดจําหยกเคลื่อนย้ายบน
ร่ างของเจ้าให้ดี…ห้ ามตายเด็ดขาด!”
ระดับพลังในปัจจุบนั ของหยุนเช่อล้วนปราศจากคุณค่า
ความหมายใดต่อหน้าเฟิ งเฟยเยียนและเย่ซิงหาน แม้ชายหนุ่มจะ
รั้งอยู่ ผลลัพธ์กม็ ีเพียงหนทางตายถ่ายเดียว ทว่าการทอดทิ้งเซี่ย
หยวนป้าและหลบหนี หมายความว่าทั้งหยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์จะยังคงมีความหวังอันริ บหรี่ อย่างยิง่ ที่จะรอดไปได้…ทว่านี่
ยิง่ หมายความว่าเซี่ยหยวนป้าเองต้องเผชิญอันตรายใหญ่หลวง
มากขึ้นเช่นกัน
เมื่อหยุนเช่อกล่าวจบ ชายหนุ่มกัดปลายลิ้น หมุนกาย
จากเซี่ ยหยวนป้าก่อนจะทะยานร่ างไปยังทิศตะวันออกพร้อม
กับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ในอ้อมอก ชายหนุ่มมิได้หนั กลับมา ทว่า
ระหว่างร่ องนิ้วมือปรากฏรอยโลหิ ตหลัง่ ไหล
“คิดหนี?” เฟิ งเฟยเยียนหัวเราะเย็นชา ทว่าทันทีที่มนั กําลัง
จะไล่ติดตามไป มันกลับถูกเย่ซิงหานหยุดยั้งไว้ดว้ ยรอยยิม้
กว้างขวาง “พวกมันจากไป มิใช่ดียง่ิ หรอกหรื อ?”
“ท่านเจ้าวิหารน้อยหมายความว่า?”
“ท่านคิดจริ งๆรึ วา่ สวะอย่างหยุนเช่อจะสามารถหลบหนีพน้
เงื้อมมือเรานายน้อย?” เย่ซิงหานหัวร่ อเหยียดหยาม “ตอนนี้มนั
หลบหนีไปพร้อมเสวีย่ เอ๋ อร์ของข้า เราย่อมสามารถส่ งศิษย์รักของ
กู่ชางลงสู่ ปรภพอย่างสงบ มันยังคงเป็ นราชันทรราชขั้นกลาง การ
กําจัดมันยังยุง่ ยากวุน่ วายอยูบ่ า้ ง ยามนี้พลังยุทธ์ของเสวีย่ เอ๋ อร์ถูก
ผนึก อย่างไรล้วนปราศจากหนทางป้องกันตนเองได้ หากนางต้อง
ได้รับบาดเจ็บแม้ปลายเส้นผมจากการต่อสู ้ ข้าคงเจ็บปวดใจนัก”
เฟิ งเฟยเยียนผงกศีรษะรับอย่างเชื่องช้า “เข้าใจแล้ว เจ้าวิหาร
น้อยคิดอ่านรอบคอบนัก…หากแต่ เจ้าผูน้ ้ ีอย่างไรเสี ยเป็ นศิษย์
ของกู่ชาง จะไม่มีปัญหาแน่รึ?”
“นาวาปราณบรรพากาลนี้เป็ นสถานที่เข่นฆ่าอันสมบูรณ์
แบบ ไม่วา่ ผูใ้ ดจบสิ้นชีวติ ในที่น้ ี ล้วนไม่มีปัญหาใด ผูท้ ี่รู้เรื่ องราว
นี้มีเพียงท่าน ข้า เสวีย่ เอ๋ อร์ และหยุนเช่อที่กาํ ลังจะถึงฆาต เสวีย่
เอ๋ อร์ผไู ้ ร้ที่ติกาํ ลังจะเป็ นสตรี ของเรานายน้อย เมื่อนางเป็ นสตรี
ของเราเมื่อใด ย่อมถูกปลูกฝังตราผนึกไปตลอดกาล การกระทํา
ทุกอย่าง คําพูดทุกคํา ย่อมอยูภ่ ายใต้การควบคุมของข้า นางย่อม
ไม่อาจเล่าเรื่ องราวนี้ต่อผูใ้ ดทั้งสิ้ น..ท่านผูอ้ าวุโสใหญ่ ยังกังวล
เรื่ องใดอีกหรื อไม่?”
“ไม่แน่นอน” เฟิ งเฟยเยียนหัวร่ ออย่างไม่วางใจนัก “เช่นนั้น
ย่อมต้องขอร้องท่านเจ้าวิหารน้อยร่ วมมือกับข้า การเอาชัยมันล้วน
ง่ายดาย ทว่าสังหารมันยากเย็น หากมันเกิดสามารถหลบหนี
ออกไปได้ นัน่ จะเป็ นปัญหาใหญ่”
เมื่อได้ยนิ คําสนทนาของเฟิ งเฟยเยียนเเละเย่ซิงหาน เซี่ย
หยวนป้าทั้งไม่กล่าววาจาและไม่ขยับเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อทุกมัด
ในร่ างเบ่งพองออกเมื่อพลังยุทธ์พลุ่งพล่านอยูภ่ ายใน ฟังว่าพวก
มันเปลี่ยนใจร่ วมมือกันลงมือต่อตนเองก่อนแยกกันไล่ล่าหยุนเช่อ
ส่ งผลให้เซี่ ยหยวนป้าลอบยินดีภายในใจ…เช่นนี้ เซี่ยหยวนป้า
สามารถถ่วงเวลาออกไป ให้เวลาหยุนเช่อได้มีโอกาสหลบหนี
มากยิง่ ขึ้น
แคร่ ก-แครก-แครก-แคร่ ก…
ข้อต่อทุกส่ วนบนร่ างกายของเซี่ยหยวนป้าดังลัน่ ออกมา
เป็ นเสี ยงดัง เส้นเลือดทุกเส้นปูดโปนแทบระเบิดจนเห็นได้อย่าง
ชัดเจน ดวงตานิ่งสงบสํารวมทั้งคู่จบั จ้องมองเย่ซิงหานและเฟิ ง
เฟยเยียนผูม้ ีเจตนาสังหารตนเอง…
พี่เขย ในที่สุดข้ าก็มโี อกาสและความสามารถในการปกป้อง
ท่ าน ครานี ้ ข้ าเดิมพันด้ วยชีวิต ไม่ ว่าอย่ างไร…ข้ าจะไม่ ให้ ท่าน
ได้ รับอันตรายใดๆ!
“ส่ งมันไปปรโลกเถอะ” เย่ซิงหานสะบัดพัดหยก ส่ งรังสี
พลังรู ปจันทร์เสี้ ยวจํานวนนับไม่ถว้ นตรงเข้าใส่ จุดสําคัญของเซี่ย
หยวนป้า
“ตาย!” เฟิ งเฟยเยียนตะโกนก้อง เปลวไฟลุกไหม้ทวั่ ร่ าง
โหมกระพือขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้า ก่อนจะถาโถมลงมาจากเบื้องบน ห้อม
ล้อมลงมาใส่ ร่างเซี่ยหยวนป้าอย่างฉับพลัน…
บทที่ 460 เยว่ จีและเหม่ ยจี

หยุนเช่อวิง่ เต็มกําลังไปพลางโอบอุม้ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไปด้วย


พละกําลังทั้งหมดในร่ างทุ่มไปให้กบั ความเร็ วทั้งสิ้ น เสี ยงหวีด
ร้องของสายลมดังผ่านหูของชายหนุ่ม สัตว์อสู รลมปราณจะมีโผล่
มาให้เห็นเป็ นครั้งคราว หากก่อนที่พวกมันจะทันได้กระทัง่ เผย
ท่าทีวา่ ต้องการโจมตีชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็ได้ถลาผ่านพวกมันไป
แล้ว
เบื้องหลังของชายหนุ่ม เย่ซิงหานและเฟิ งเฟยเยียนมิได้ตาม
พวกมันมา หยุนเช่อทอดถอนลมหายใจเบา ๆ หากหลังจากนั้น
หัวใจของมันกลับต้องบีบรัดอีกครั้ง…ข้อเท็จจริ งที่พวกมันไม่
ตามพวกชายหนุ่มมา ชัดเจนว่าพวกมันต้องการจะร่ วมมือกัน
จัดการเซี่ ยหยวนป้าให้ถึงแก่ความตายก่อน!
เมื่อชายหนุ่มคิดถึงเรื่ องนี้ ความเร็ วของหยุนเช่อพลันลดลง
อย่างไรก็ตาม ทันทีทนั ใดหลังจากนั้น มันก็กดั ฟันและเร่ ง
ความเร็ วขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ยบั ยั้งตนเองมิให้หนั หลังกลับไปด้วย
กําลังทั้งหมดที่มี…แม้วา่ มันจะย้อนกลับไป ชายหนุ่มก็มิอาจช่วย
อะไรเซี่ ยหยวนป้าได้อยูด่ ี มันได้แต่หวังว่าในช่วงเวลาวิกฤต เซี่ย
หยวนป้าจะสามารถใช้หยกเคลื่อนย้ายที่ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชางมอบให้มนั ไว้ได้ทนั กาล มิเช่นนั้น ด้วยการร่ วมมือกันของเย่
ซิ งหานและเฟิ งเฟยเยียน มันเป็ นอันต้องตกตายไปแน่นอนโดยมิ
ต้องสงสัย
ตูม…
มหาปฐพีสนั่ คลอน เปลวอัคคีแผ่ขยาย คลื่นกระแทกพุง่ เข้า
มาจากหลายกิโลเมตรที่ห่างออกไป เป็ นผลให้หยุนเช่อผูก้ าํ ลังวิง่
ห้ออย่างบ้าคลัง่ ซวนเซ พลังทําลายที่มีผลสื บเนื่องมาจากการต่อสู ้
กันของผูฝ้ ึ กยุทธระดับราชันย์ทรราชย์ช่างน่ากลัวยิง่ นัก กระทัง่ หยุ
นเช่อผูม้ ีชื่อเสี ยงเรี ยงนามสะท้านโลกหล้าก็ยงั ไม่มีคุณสมบัติที่จะ
สามารถไปมีส่วนร่ วมกับมันได้อย่างแน่นอน
แม้นว่าความเร็ วของชายหนุ่มจะทะยานมาถึงขีดสุ ด หยุ
นเช่อยังคิดว่านี่มนั ยังเร็ วไม่พอ มันโคจรพลังทั้งหมดในร่ างกาย
อย่างไม่คิดชีวติ มันตระหนักได้ดีวา่ แม้ระยะทางที่มนั หนีมาจะดู
เหมือนห่างไกล สําหรับราชันย์ทรราชย์แล้วการไล่ตามมันมานั้น
แท้จริ งแล้วเป็ นเพียงเรื่ องง่าย ๆ ยามนี้ มันสุ ดแสนจะเสี ยใจจริ ง ๆ
ที่มนั ปล่อยวางความไม่เต็มใจที่จะเรี ยนรู ้ “อสนีบาตมายาไร้
ขอบเขต” เมื่อคืนวานนี้ ด้วยความสามารถในการทําความเข้าใจ
ของมัน แม้จะเป็ นแค่คืนเดียว มันก็ยอ่ มเพียงพอจะทําให้มนั ได้รับ
ผลมาบ้างเล็กน้อยซึ่งอาจจะแม้แต่สามารถช่วยสนับสนุนมันได้
อย่างเหลือแสนในเวลาเช่นนี้
“จัสมิน เมื่อใดพลังยุทธของเจ้าจะฟื้ นคืนกัน!?” หยุนเช่อ
คํารามในห้วงสติของตนเอง ย้อนไปเมื่อครั้งแดนลับสระสวรรค์
จัสมินได้ช่วยมันสังหารมู่เทียนเป่ ย เพื่อขวางกั้นมิให้มนั หวังพึ่ง
แต่ในพลังของนาง และเพื่อขับสลายพิษในร่ างของนางได้อย่าง
สงบ เด็กสาวได้ผนึกพลังยุทธของนางไว้…เมื่อครานั้น นางบอก
ว่าการผนึกตนเองครั้งนี้จะกินเวลายาวนานอย่างน้อยก็หนึ่งปี
อย่างไรก็ดี นี่มนั ได้ผา่ นมาเกินกว่าสองปี แล้วนับจากเมื่อ
ครานั้น!
“ตั้งแต่ที่มนั เป็ นการปิ ดผนึกตนเอง เช่นนั้นโดยทัว่ ไปแล้ว
แม้แต่ขา้ เองก็มิอาจควบคุมมันได้ เพราะฉะนั้น กระทัง่ ตัวข้าเอง
ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อใดผนึกมันจึงจะคลายออกไปเอง” จัสมินเอ่ยเสี ยง
แผ่วเบา “เมื่อครานั้น เวลาน้อยสุ ดที่ขา้ ตั้งไว้ให้ผนึกนี่กค็ ือหนึ่งปี
ขณะที่มากสุ ดคือห้าปี ตอนนี้สองปี ได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว มัน
อาจจะคลายได้ในวินาทีขา้ งหน้าหรื อจะเป็ นสามปี ต่อจากนี้ไปก็
ได้ท้ งั นั้น”
“…” หยุนเช่อพลันรู ้สึกอยากจะลากจัสมินออกมาแล้วตีกน้
นางให้หนัก ๆ นัก
“เจ้าเป็ นห่วงเซี่ยหยวนป้างั้นรึ ?” จัสมินถามอย่างนิ่งสงบ
เป็ นที่สุด “แม้วา่ เจ้าจะเป็ นห่วงไป ก็ไม่มีส่ิ งใดที่เจ้าจะสามารถทํา
ได้ ตอนนี้ เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะให้เข้าไปร่ วมกับการต่อสู ร้ ะดับ
ราชันย์ทรราชย์ได้ คํานึงถึงเซี่ยหยวนป้าแล้ว ข้าไม่รู้หรอกว่ามัน
จะตายหรื อไม่ แต่…ระหว่างเย่ซิงหานกับเฟิ งเฟยเยียน หนึ่งในมัน
ทั้งสองจะต้องมีใครสักคนตกตายไปอย่างแน่นอน”
หยุนเช่อฉงน “หนึ่งในสองคนนั้นจะตาย? ทําไม?”
ในด้านของพลังยุทธ เซี่ยหยวนป้านั้นเทียบเทียมได้กบั เย่ซิง
หาน อย่างไรก็ตาม เย่ซิงหานครอบครองศาสตราลมปราณ
ทรราชย์ซ่ ึงเพียงพอจะสยบเซี่ยหยวนป้าได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่
เฟิ งเฟยเยียนแข็งแกร่ งกว่าเซี่ยหยวนป้าไปเล็กน้อย แค่เพียง
เผชิญหน้ากับหนึ่งในพวกมันเท่านั้น เซี่ยหยวนป้าก็ไม่มีโอกาส
ได้ชยั แล้ว นับประสาอะไรกับเมื่อพวกมันทั้งสองคนร่ วมมือ
กัน…แล้วหนึ่งในพวกมันจะตกตายได้อย่างไร?
“เพราะเส้นชีพจรลมปราณของมันคือเส้นชีพจรลมปราณ
เทพราชันทรราชย์ซ่ ึงได้ตื่นขึ้นมาถึงขั้นแรกแล้ว!” เสี ยงของจัส
มินเต็มไปด้วยความรู ้สึกสังเวชอันแปลกพิกล “เส้นชีพจร
ลมปราณเทพอสู รของเจ้าก่อขึ้นจากโลหิตคงกะพันของเทพอสู ร
ขณะที่เส้นชีพจรลมปราณเทพราชันทรราชย์น้ นั คล้ายว่าจะมีตน้
กําเนิดมาจากโลหิ ตที่เหลือทิ้งไว้บนโลกนี้โดยเทพบรรพกาลที่
แท้จริ ง…เทพองค์น้ นั คือ ‘เทพสงคราม’ ผูถ้ ือกําเนิดมาเพื่อ
สงคราม แม้วา่ พลังโดยรวมของเทพสงครามจะมิอาจเทียบได้กบั
เทพอสู ร ทว่าเทพสงครามผูร้ ะเบิดอารมณ์เกรี้ ยวกราด ล้วน
สามารถเทียบเทียมได้กบั เทพอสู รผูบ้ า้ คลัง่ หากแค่มนุษย์สามัญ
หาญกล้ามาก่อกวนโทสะแห่งเทพเจ้า…ผลลัพธ์ ย่อมมีเพียงความ
ตาย!!”
หยุนเช่อ “…”
ความเร็ วนั้น ในท้ายที่สุด อย่างไรมันก็มิใช่สิ่งที่หยุนเช่อ
สันทัด นอกจากนี้ พลังลมปราณของมันยังอยูแ่ ค่เพียงชั้นปราณ
ปฐพี เหตุผลที่มนั สามารถเผชิญหน้ากับศัตรู ช้ นั ปราณจักรพรรดิ
ด้วยพลังลมปราณของมันในขณะนี้ได้กเ็ ป็ นเพราะมันครอบครอง
เส้นชีพจรลมปราณเทพอสู รที่นาํ ความสามารถในการขยายพลัง
ลมปราณและคุณสมบัติธาตุบา้ คลัง่ ของมันมาให้ ร่ างกายอันแข็ง
กล้าที่ได้รับมาจากโลหิ ตและไขกระดูกเทวะมังกร พละกําลังกาย
และพลังป้องกันอันแสนวิปลาสที่ได้มาโดยมหาวิถีโพธิสตั ว์…
อย่างไรก็ดี นอกจากความสามารถในการขยายพลังลมปราณจาก
เส้นชีพจรลมปราณเทพอสู ร ที่เหลือมิอาจช่วยเพิ่มความเร็ วใด ๆ
ให้มนั ได้ ในขณะนี้ เหตุผลหลักที่ชายหนุ่มสามารถเร่ งความเร็ ว
มาถึงขั้นนี้ได้กด็ ว้ ยการแบกกระบี่หนักอันแสนหนักหนา และเมื่อ
มันเก็บกระบี่หนักไป ร่ างกายของมันก็จะรู ้สึกเบาราวกับขนนก
อย่างไรก็ตาม ความเร็ วเกือบถึงขีดสุ ดของมันก็ยงั แค่เทียบได้กบั ผู ้
ฝึ กยุทธครึ่ งก้าวสู่ ปราณจักรพรรดิ
เสี ยงระเบิดกัมปนาทของพลังปราณเบื้องหลังของมัน
ห่างไกลออกไป ไกลออกไป อย่างไรก็แล้วแต่ ชายหนุ่มไม่อาจ
พักหรื อหยุดได้แม้แต่เสี้ ยววินาที หยาดเหงื่อหลัง่ ไหลลงจาก
หน้าผากของหยุนเช่อ หยดลงบนลําคอราวกับหยกหิ มะขาวของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลืมตาของนางขึ้นและจ้องมองหยุ
นเช่อผูท้ ้ งั ร่ างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อที่กาํ ลังกัดฟันของมันแน่น เด็ก
สาวร้องเรี ยกออกมาเสี ยงแผ่ว “พี่ใหญ่หยุน…พี่ใหญ่หยุน…”
“เสวีย่ เอ๋ อร์ มิตอ้ งกลัวไป เราหนีมาได้ไกลมากแล้ว!” หยุ
นเช่อมองไปยังระยะอันแสนห่างไกลสุ ดคาดรู ้ และปลอบโยนเด็ก
สาวขณะกัดขบฟันด้วยกําลังทั้งหมดที่มี อย่างไรก็ดี ในใจของชาย
หนุ่ม มันตระหนักรู ้ได้ดียงิ่ กว่าอะไรว่าด้วยความเร็ วของมันใน
ขณะนี้ แม้มนั จะวิง่ อย่างบ้าคลัง่ เป็ นเวลาหลายชัว่ โมง มันยัง
เป็ นไปมิได้ที่จะหนีรอดพ้นจากอันตราย
“พี่ใหญ่หยุน…วาง…วางข้าลง…ได้ไหม…?” เฟิ งเสวี่
ยเอ๋ อร์กล่าวเสี ยงแผ่วเบา “เป้าหมายของพวกเขา…คือข้า…หาก
ทิ้งข้าไป…พี่ใหญ่หยุนก็จะสามารถหนีไปยังที่ที่ไกลกว่านี้ได้…
ข้า…”
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พดู เช่นนั้น!” หยุนเช่อกล่าว “ใน
โลกนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีค่าให้ขา้ ปกป้องไว้ดว้ ยชีวติ …และ
ในหมู่คนเหล่านั้น เสวีย่ เอ๋ อร์เองก็เป็ นหนึ่งในนั้นด้วยแน่นอน!
ไม่ใช่เพียงเพราะเสวีย่ เอ๋ อร์ได้ช่วยชีวติ ข้าครั้งหนึ่งเมื่อก่อนนี้
เหตุผลที่สาํ คัญกว่าคือ…อย่าว่าแต่ขา้ เลย แม้แต่สวรรค์กไ็ ม่อาจ
ทนเห็นเสวีย่ เอ๋ อร์ผจญอันตรายใด ๆ ได้!”
“แต่…ข้า…”
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พดู คําพูดเดิมนัน่ อีกครั้ง!” หยุนเช่อ
คําราม “มิเช่นนั้น ข้าจะโกรธ”
“พี่ใหญ่หยุน…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ซบลงไปบนแผ่นอกของหยุ
นเช่อ ทั้งร่ างของเด็กสาวถูกโอบกอดเข้าไว้แน่น ตัวเด็กสาว
ในตอนนี้กาํ ลังอยูใ่ นสถานการณ์อนั ตรายซึ่งนางไม่เคยประสบมา
ก่อนเลยในชีวติ ร่ างของเด็กสาวทั้งอ่อนแอและไร้พลัง ไม่อาจ
แม้แต่จะโคจรลมปราณแม้เพียงนิดเพื่ออัญเชิญสัตว์อสู รหงส์หิมะ
ออกมา อย่างไรก็ตาม สิ่ งที่เติมเต็มหัวใจของเด็กสาวมากที่สุด
กลับเป็ นความสงบอย่างสุ ดแสน ความรู ้สึกสงบนี้ขจัดความกลัว
และความรู ้สึกไร้พลังทั้งหมดของนางไปอย่างเงียบงัน…เด็กสาว
จ้องมองด้วยดวงตาประดุจดัง่ ดาราคู่งามของนางไปยังใบหน้าแดง
กํ่าอันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของหยุนเช่อตาไม่กระพริ บ ขณะที่
มอง เด็กสาวค่อย ๆ กลายเป็ นเหม่อลอยและเผลอพูดพึมพํา
ออกมาเสี ยงนุ่มโดยไม่รู้ตวั “พีใ่ หญ่หยุน…การได้พบกับท่าน…
เสวีย่ เอ๋ อร์มีความสุ ขจริ ง ๆ…มีความสุ ขยิง่ นัก…”
นํ้าเสี ยงอันนุ่มนวลดัง่ หิ มะล่องลอยนั้นราวกับได้ละลาย
ความตึงเครี ยดในใจของหยุนเช่อไปโดยพลัน ในใจของชายหนุ่ม
ภาพซึ่ งมิอาจลืมเลือนไปได้ชว่ั ชีวติ ปรากฏขึ้นมา…ภาพดัง่ ฝัน
ก่อนที่มนั จะตกลงไปยังผาหงส์สถิตย์…เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผรู ้ ่ ายรําอยู่
กลางหิ มะ…เฟิ งเสวีย่ ร์เอ๋ อร์ผเู ้ ล่นกับหงส์หิมะอย่างสุ ดแสนเบิก
บาน…เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผแู ้ อบนํ้าลายไหลอยูเ่ งียบ ๆ…เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ผูจ้ ริ งจังยามนางสอนท่วงทํานองแห่งเทพหงสาให้แก่มนั …เฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ผรู ้ ับฟังเรื่ องเล่าของมัน…เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผมู ้ องมาที่มนั
ด้วยสายตานับถือ…เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผไู ้ ม่อาจทนเห็นมันจากไป…
และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผไู ้ ถ่ถามพระบิดาของนางในงานประลองจัด
อันดับยุทธเจ็ดอาณาจักรเพือ่ มัน…
ถ้าให้มนั พูดถึงความสุ ข สําหรับมันที่ได้รับโอกาสให้ได้
พบกับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์และใช้เวลาหลายต่อหลายวันร่ วมกับนาง
สถานที่ที่ท้ งั สองได้ใกล้ชิดกันขึ้นทุกวัน…นัน่ แหละคือความสุ ข
ที่แท้จริ ง
แม้วา่ ชายหนุ่มจะต้องเข้ามาพัวพันกับภยันตรายสุดแสนใน
วันนี้เพราะเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ และต้องมาอยูใ่ นสถานการณ์อนั ตราย
จนมันอาจจะตกตายได้เช่นนี้ มันก็มิได้เสี ยใจเลยที่ได้พบกับเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ หากมันได้มีโอกาสให้เลือกใหม่อีกครั้ง…แม้จะโดยไร้
ซึ่ งตัวเฟิ งชือหัว ชายหนุ่มก็ยงั คงเลือกที่จะตกลงไปยังผาหงส์
สถิตย์โดยสมัครใจ
“ระวังข้างหลัง”
หยุนเช่อนั้นได้เพ่งพลังปราณทั้งหมดไปที่ความเร็ วของตน
และยามนี้ มันชักจะหมดแรงขึ้นมานิด ๆ แล้ว ด้วยเสี ยงตํ่าเย็นชา
ที่เตือนขึ้นมาของจัสมิน มันพลันตระหนักได้ทนั ทีวา่ มีกลิ่นไอ
สังหารอันเย็นยะเยือกสองจุดกําลังเข้าใกล้มนั มาจากทางด้านหลัง
หยุนเช่อเร่ งหันหน้ากลับไปและพลันได้เห็นสองสตรี ในชุด
เปิ ดเผยรู ปร่ างอันทรงเสน่ห์ชวนมองที่ยามนี้กาํ ลังบินเหนือพื้น
เล็กน้อยไล่ตามมันมาด้วยความเร็ วสู งสุด ย่นระยะห่างระหว่าง
พวกมันลงแล้วใกล้เข้ามา
หยุนเช่อเหลือบมองแวบเดียวก็รู้ได้วา่ พวกมันคือสตรี ขา้ ง
กายเย่ซิงหานสองนาง… เย่วจีและเหม่ยจี ! ชัว่ ขณะที่มนั หันกลับ
มอง พวกนางก็ใกล้เข้ามาในระยะประมาณสามร้อยเมตรแล้ว
“พลังของคนทั้งสองนี้อยูท่ ี่ระดับใด ?” หยุนเช่อเร่ งถาม
“พวกนางทั้งคู่คือราชันขั้นแปด” จัสมินกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยง
เคร่ งขรึ ม “แค่คนเดียวเจ้าก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว หากจะต่อสู ้
กับพวกมันทั้งสองคน… เจ้าคงต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล
มิหนําซํ้าตอนนี้เจ้ายังมีภาระติดมาด้วย !”
แม้วา่ ความเร็ วของหยุนเช่อจะขึ้นไปถึงขีดสุ ดของมันแล้วก็
ตาม แต่กย็ งั ไม่อาจเทียบได้กบั ราชันขั้นท้ายได้อย่างแน่นอน
หลังจากใคร่ ครวญอยูค่ รู่ หนึ่ง หยุนเช่อก็ตดั สิ นใจทันที และหยุด
ฝี เท้าลงอย่างรวดเร็ ว มันหันกลับไปยืนนิ่ง ขมวดคิ้ว จ้องมองสตรี
สองนางที่กาํ ลังเข้ามาใกล้อย่างเย็นชา
ชี่สส !!
ภายในเสี้ ยววินาที เย่วจีและเหม่ยจีกต็ ามทัน ความเร็ วของ
พวกนางทําให้เกิดเสี ยงหวีดแหลมแสบแก้วหู ราวกับอากาศ
โดยรอบถูกมีดกรี ดเฉื อนออกอย่างรุ นแรง พวกนางทะยานลงจาก
ฟ้า มายืนขนาบข้างหยุนเช่อซ้ายและขวา เมื่อพวกนางหยุดนิ่ง
ทรวงอกอ่อนนุ่มขนาดมหึ มาที่ปรากฏให้เห็นกว่าครึ่ งของพวก
นางก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ก่อเกิดเป็ นภาพที่อาจทําให้ผคู ้ น
เลือดฉี ดพล่านด้วยคลื่นเสน่หา
หากมีแค่ศตั รู เพียงสองคนนี้ หยุนเช่อก็อาจจะรู ้สึกผ่อน
คลายลง และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่วา่ ได้ชวั่ ขณะ ทว่ายามนี้
ยังมีอีกหนึ่งวิกฤตการณ์อยูข่ า้ งหลัง ดวงตาของมันจึงมีเพียงรังสี
ฆ่าฟัน… มันจะต้องกําจัดคนทั้งสองที่เป็ นอุปสรรคขัดขวางมัน
และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่ให้หนีไป ให้เร็ วที่สุดเท่าที่จะทําได้
“พี่ใหญ่หยุน…” เจตนาฆ่าฟันอันเย็นยะเยียบที่พวกนางส่ง
มา ทําให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผทู ้ ี่ไม่มีพลังที่จะป้องกันตนเองอย่าง
สิ้ นเชิงสัน่ สะท้าน
“เสวีย่ เอ๋ อร์ ไม่ตอ้ งกลัว พวกนางก็แค่รนมาหาที่ตายตรง
นี้ !” หยุนเช่อปลอบนางด้วยสุม้ เสี ยงแผ่วตํ่า จากนั้นก็อุม้ นางไว้
ในอ้อมอกด้วยแขนเพียงข้างเดียว ขณะที่มือขวาก็กมุ กระบี่ทณ ั ฑ์
มังกรไว้… เสี้ ยววินาทีน้ นั เอง ภาพสนามทดสอบของเทพมังกรก็
แวบผ่านเข้ามาในใจมัน ตอนนั้นมันก็อุม้ ฉู่เยว่ฉานด้วยมือข้าง
เดียว ส่ วนมืออีกข้างก็กมุ กระบี่หนักไว้เช่นกัน…
ทว่ า… นางเซียนน้ อย… ยามนีท้ ่ านอยู่ที่ใดกัน…
เจตนาฆ่าฟันอันเย็นยะเยียบนั้นพุง่ ตรงมาที่หยุนเช่ออย่าง
แน่วแน่ และรังสี ฆ่าฟันของมันก็พงุ่ ตรงไปที่พวกนางเช่นกัน…
สตรี ผนู ้ ่าหลงใหลทั้งสองนางสวมเสื้ อผ้าน้อยชิ้นอย่างยิง่ สายตา
เย็นชา และดูเหมือนพวกนางจะไม่มีอาวุธอันใด ทว่ากลับมีแสง
เยือกเย็นชวนขนลุกปรากฏวูบวาบอยูต่ รงระหว่างนิ้วของพวกนาง
เห็นได้ชดั ว่าพวกนางมีมีดสั้นอาบยาพิษซุกซ่อนอยู่ และเมื่อบวก
กับความเร็ วอันน่าตื่นตระหนกที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ พลัง
ฝี มือของพวกนางเหมาะที่จะทําการลอบสังหารและสามารถฆ่า
คนได้ในพริ บตาเป็ นที่สุด ! เมื่อเผชิญกับคู่ต่อสู อ้ ย่างพวกนาง มัน
ย่อมไม่อาจให้พวกนางเข้าใกล้ร่างกายได้อย่างแน่นอน !
วู้วว…
สายลมพัดแผ่วมา ส่ งผลให้รังสี ฆ่าฟันของทั้งสามคนไหว
เอนไปมา พลันเย่วจีและเหม่ยจีกก็ ลับกลายเป็ นเงาร่ างสี แดงสดใส
สองร่ างอย่างพร้อมเพรี ยงกัน แสงเยือกเย็นชวนขนลุกสองจุดราว
ก็พงุ่ เข้าใส่ หยุนเช่อ ราวกับดาวตกพุง่ ลงมาในคํ่าคืนอันมืดมิด
หนึ่งในนั้นจู่โจมที่ลาํ คอของหยุนเช่อโดยตรง ขณะที่อีกหนึ่งก็ทิ่ม
แทงไปยังข้อเท้าของมัน
ฟุ่ บบบบ !!
มีดสั้นอาบยาพิษของคนทั้งสองปัดผ่านร่ างหยุนเช่อไป
อย่างรวดเร็ วราวกับฟ้าแลบ ฉีกร่ างเงาของมันจนขาดสิ้ น ทันใด
นั้นก็ปรากฏร่ างหยุนเช่อสี่ คนที่มีกลิ่นอายเดียวกันอย่างครบถ้วน
ทุกประการก็ปรากฏขึ้นในสี่ ทิศทางรอบตัวพวกนาง ปี กเทพหงสา
สยายออก และพลังอันรุ นแรงของเพลิงเทพหงสาก็พรั่งพรู ออกมา
ราวกับคลื่นยักษ์…
ขณะที่โจมตี หยุนเช่อก็ใช้เคล็ดวิชาเทพหงสาที่สมบูรณ์
ที่สุดด้วยพลังทั้งหมดของมัน —– ‘ระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก’ !!
พลันราวกับว่าภูเขาไฟใต้ดินได้ระเบิดออก เปลวเพลิงใน
อากาศก็กระพือโหมขึ้นไปในท้องฟ้าดัวยพลังอันรุ นแรงอย่างหา
ที่เปรี ยบมิได้ ทําให้ทอ้ งฟ้ากลายเป็ นสี แดงฉานไปในทันที
บทที่ 461 ระเบิด! การตื่นขึน้ ของเทพราชันทรราชย์ (1)

อานุภาพของกระบวนท่าระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี กขั้น
สมบูรณ์มิเพียงแข็งแกร่ งอย่างถึงที่สุด หากยังก่อกําเนิดคลื่นพลัง
มหาศาลที่เหนือลํา◌้กว่ากาลก่อนอย่างสิ้ นเชิงอีกด้วย แม้เยว่จีและ
เหม่ยจีจะมีปฏิกิริยาตอบโต้และจู่โจมได้อย่างรวดเร็ ว หากพวก
นางยังต้องปลิวลิ่วไปไกลด้วยทักษะวิชาเทพยุทธ์จากเทพหงสา
กระบวนนี้ ร่ างของพวกนางโซเซไม่อาจยืนหยัดมัน่ พร้อมทั้ง
ปรากฏเปลวเพลิงรายล้อมรอบ
เงาร่ างหยุนเช่อวูบหาย ก่อนจะพลันปรากฏขึ้นอีกครั้งข้างๆ
เยว่จีโดยมีเสวีย่ เอ๋ อร์ในอ้อมแขน ชายหนุ่มสะบัดทัณฑ์มงั กรฟาด
ฟันลงเบื้องล่าง
เปรี้ยง!!
ม่านพลังคุม้ กันที่เยว่จีกางออกโดยกะทันหันถูกบดขยี้ลงไม่
เหลือชิ้นดี หญิงสาวหยิมยืมกําลังกระแทกสะท้อนม้วนตัวกลับ
หลัง ล่าถอยออกไปห่างไกลในทันที ขณะเดียวกัน หยุนเช่อพลัน
สัมผัสได้ถึงรังสี ฆ่าฟันเย็นเยียบเสี ยดกระดูกจากทางเบื้องหลัง
ชายหนุ่มกวาดกระบี่ทณ ั ฑ์มงั กรไปด้านหลัง…เสี ยงระเบิดดัง
ต่อเนื่องตามกันสะท้านหวัน่ ไหว ระเบิดร่ างของทั้งสามแยกห่าง
จากกันไปคนละทิศละทาง ชั้นบรรยากาศโดยรอบปั่นป่ วน
โกลาหล ท่วมท้นไปด้วยพลังคลื่นแผดเผาและพลังยุทธ์มหาศาล
หยุนเช่อลอบถอนใจ หากก่อนหน้านี้ตนเองถือกระบี่ดว้ ยสองมือ
เขามัน่ ใจเต็มเปี่ ยมว่าสามารถทําร้ายเยว่จีบาดเจ็บได้จากการลอบจู่
โจมเมื่อครู่ น้ ี ทว่า ไม่เพียงการถือกระบี่ดว้ ยมือเดียวจะลดทอน
พลังทําลายล้างลงอย่างมาก ระดับความเร็ วในการจู่โจมและสวน
กลับยังลดลงด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันยังสิ้ นเปลืองแรงกาย
มากกว่าอีกด้วย
ภายใต้อานุภาพพลังโจมตีของระบําหงส์เพลิงฟ้าสยายปี ก
และเปลวไฟเทพหงสาที่เผาไหม้ ชุดกระโปรงสั้นของสตรี ท้งั สอง
ถูกเผาทําลายจนมีสภาพน่าอนาถ แทบไม่อาจปิ ดบังร่ างกายของ
พวกนางได้อีกต่อไป ยามนี้ ในดวงตาของพวกนาง นอกเหนือจาก
รังสี ฆ่าฟันแล้ว ยังปรากฏวีแ่ ววของความระแวดระวัง ทั้งสองเดิม
คาดคิดว่าการผสานการโจมตีของพวกนางล้วนสามารถปราบหยุ
นเช่อลงได้อย่างง่ายดาย ไม่คาดว่าเพียงเริ่ มลงมือ การระเบิดพลัง
และประกายวาบคราหนึ่งจากหยุนเช่อจะสามารถสร้างความ
เสี ยหายแก่พวกนางถึงเพียงนี้
ทั้งสองสบตากันและกัน จากนั้นลงมือโดยพร้อมเพรี ยงกัน
ในทันที
แควกกก!!
ชุดกระโปรงอันขาดวิน่ ของเยว่จีและเหม่ยจีถูกฉี กกระชาก
ขาดออกจากร่ าง เรื อนร่ างขาวสล้างงดงามไร้สิ่งใดปกปิ ดปรากฏ
ขึ้นที่เบื้องหน้าของหยุนเช่อ ประกายรังสี ฆ่าฟันเย็นเยียบใน
ดวงตาก่อนหน้านี้อนั ตรธานหายไปอย่างรวดเร็ ว แทนที่ดว้ ย
สายตาเย้ายวนที่สามารถส่งผลให้บุรุษเพศทัว่ ไปต้องอ่อนยวบลง
ในทันที การกระทําของพวกนางทําให้หยุนเช่อหยุดชะงักวูบหนึ่ง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผเู ้ ฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสตรี ท้งั สองหลุดอุทาน
“อา” ออกมาโดยไม่รู้ตวั “พี่ใหญ่หยุน..ท่านมิอาจ…มิอาจ
มองดู…”
“พวกนางไม่อาจเทียบได้กบั เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้าไม่สนใจหรอก!”
หยุนเช่อกล่าวตอบในทันที ทว่าสองตากลับจับจ้องเขม็งไปยัง
ยอดบัวหิมะสู งชันทั้งสองคู่ที่กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดยั้งที่เบื้อง
หน้า…บ้ าเรอะ!ไม่ ดูกโ็ ง่ น่ะสิ ! หากเมื่อชายหนุ่มกล่าวออกไป
แล้ว จึงพลันตระหนักว่าที่ตนเองพูดไปเมื่อครู่ กลับมีความนัยอื่น
แอบแฝง
“พี่ใหญ่หยุน ท่านไม่เคยเห็นใต้ร่มผ้าของข้า ท่านทราบได้
อย่างไร…โอ..พี่ใหญ่หยุน..ท่านเป็ นตัวเลวร้ายจริ งๆ!” สองปราง
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ระเรื่ อ
“ข้า…ข้าไม่ได้หมายความเยีย่ งนั้น..”
“ฮืออ…”
เรื อนร่ างเปล่าเปลือยของเยว่จีและเหม่ยจีค่อยๆเยื้องย่างเข้า
มาใกล้หยุนเช่อ สี หน้าเย็นชาจับจิตเมื่อครู่ ถูกแทนที่ดว้ ยรอยยิว้
ยัว่ ยวนกวนสวาท บอกใบ้หยุนเช่อให้สามารถสนุกสนานกับเรื อน
ร่ างของพวกนางได้อย่างไร้กงั วล ถึงตอนนี้ สี หน้าของหยุนเช่อ
สัน่ สะท้านเล็กน้อย ความวิงเวียนปรากฏขึ้นชัว่ วูบ กระทัง่ กระแส
โลหิ ตที่ไหลเวียนอยูใ่ นร่ างยังโคจรรวดเร็ วขึ้นระดับหนึ่ง หยุ
นเช่อรวบรวมสติสมาธิ และพลันตื่นตัวขึ้นในทันที…
วิชามอมสวาท!?
ยิง่ กว่านั้น พวกนางล้วนไม่ลงั เลที่จะฉี กเสื้ อผ้าออกจนหมด
เพื่อยัว่ ยวนชายหนุ่ม สตรี ท้ งั สองนางนับว่าทุ่มเทฝี มือออกมาจน
หมดสิ้ น
น่ าเสี ยดาย…ที่มนั ถูกใช้ ผิดคน!
หยุนเช่อรักษาตําแหน่งของตนไว้ ดวงตาทั้งคู่ยง่ิ มายิง่ หม่น
มัว ภายในเมฆหมอกหม่นสลัวปรากฏประกายความหลงใหลที่ยง่ิ
มายิง่ เข้มข้น เยว่จีและเหม่ยจียง่ิ เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่ อยๆ กระทัง่ อยู่
ในระยะสิ บก้าว หยุนเช่อพลันกล่าววาจาออกมาอย่างแผ่วเบาว่า
“เสวีย่ เอ๋ อร์…หลับตาลง”
ประกายแสงสี ครามเข้มพลันสะท้อนออกจากนัยน์ตาของ
หยุนเช่อ ที่ดา้ นหลังของชายหนุ่ม ปรากฏภาพมายาของมังกร
ครามบรรพกาล ตามมาด้วยเสี ยงคํารามของเทวะมังกรอันสะท้าน
ฟ้าสะเทือนดิน นัยน์ตาคู่โตสี ครามเข้มลึกลํ้าราวท้องนภา ทั้ง
ระยิบระยับดุจดวงดาราปรากฏขึ้นที่เบื้องบนศีรษะ
เยว่จีและเหม่ยจีสนั่ สะท้านอย่างรุ นแรง สี หน้ายัว่ ยวนและ
รอยยิม้ น่าหลงใหลของพวกนางแข็งค้างไปในพริ บตา ก่อนจะ
พลันกลายเป็ นความหวาดหวัน่ สุ ดขีด แก้วตาสัน่ สะเทือน ทัว่ ร่ าง
สัน่ เทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จากพื้นฐานพลังฝี มือของสตรี ท้ งั สอง เดิมทีพวกนางไม่
สมควรได้รับความกระทบกระเทือนจากเขตแดนจิตวิญญาณ
มังกร แม้ความรู ้สึกเจ็ดในสิ บส่ วนอาจเป็ นความหวาดกลัวจน
ขวัญกระเจิง ทว่าสามในสิ บส่ วนสมควรรักษาความแจ่มใสไว้ได้
แต่คราครั้งนี้เป็ นพวกนางเองที่ใช้วชิ ามอมสวาทแก่หยุนเช่อ
ก่อน…เคล็ดวิชามอมสวาทเป็ นวิชายุทธ์จู่โจมจิตใจ เขตแดนจิต
วิญญาณมังกรเองใช่จู่โจมจิตใจเช่นกัน เช่นนั้นวิชามอมสวาทจะ
สามารถเทียบชั้นกับเขตแดนจิตวิญญาณมังกรได้อย่างไร? เมื่อ
เผชิญพบอานุภาพไพศาล วิชามอมสวาทของพวกนางตีกลับเข้า
ใส่ ตนเอง ปราการจิตของพวกนางล่มสลายลงโดยสิ้ นเชิง เป็ นผล
ให้ถูกสะกดโดยเขตแดนจิตวิญญาณมังกร ในห้วงความคิดเต็มไป
ด้วยความหวาดกลัว ปราศจากความสามารถต่อสู ข้ ดั ขืนใดๆ
หยุนเช่อเร่ งสื บเท้าไปเบื้องหน้า ทัณฑ์มงั กรเสี ยบตรงเข้าสู่
ลําคอของเยว่จี คมอันทื่อด้านของกระบี่สามารถแทงทะลุร่างของ
เยว่จีที่บดั นี้หลงเหลือพลังปราณคุม้ กายไม่ถึงหนึ่งส่ วนโดย
ง่ายดาย ทะลวงทะลุคอหอยของนางอย่างหมดจด จากนั้น หยุ
นเช่อชักดึงกระบี่ออกกวาดขวางไปด้านข้างพร้อมจุดเพลิงเทพหง
สา เสื อกส่ งเปลวไฟบนกระบี่เข้าใส่ บริ เวณทรวงอกของเหม่ยจี
เสี ยบร้อยทะลุไปเบื้องหลัง…ก่อให้เกิดรู ขนาดเท่าศีรษะมนุษย์รู
หนึ่งที่สามารถมองทะลุเห็นเบื้องหลังได้ตรงทรวงอกของนาง
เขตแดนจิตวิญญาณมังกรถูกบังคับไช้อย่างยากลําบาก
ประมาณสองอึดใจ ก่อนจะถูกยกเลิกโดยหยุนเช่อ…เนื่องเพราะ
ทุกวินาทีที่เปิ ดใช้เขตแดนมังกร สิ้ นเปลืองพลังจิตของชายหนุ่ม
อย่างมหาศาล ทว่าเพียงสองวินาทีลว้ นเพียงพอแล้ว พริ บตาที่เขต
แดนจิตวิญญาณมังกรสลายไป ร่ างของสตรี ท้ งั สองนางร่ วงหล่น
ลง แอ่งโลหิ ตก่อตัวขึ้นภายใต้ร่างของทั้งสองอย่างรวดเร็ ว
หากก่อนหน้านี้ยงั นับว่ามีหนทางรอดอย่างริ บหรี่ เช่นนั้น
ยามนี้ หลังจากลงมือสังหารสตรี ของเย่ซิงหาน…ทั้งยังเป็ นสนม
รักของมันเช่นนี้ หยุนเช่อและเย่ซิงหานย่อมกลับกลายเป็ นศัตรู
หัวใจ เย่ซิงหานคือเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา เป็ น
ที่ยอมรับโดยผูค้ นว่าจะขึ้นเป็ นนายเหนือแห่งหนึ่งในแดน
ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต ดังนั้น หยุนเช่อนับว่าได้กลายเป็ นศัตรู ต่อ
วิหารเทพสุ ริยนั จันทราไปแล้ว
มันเพิ่งประกาศเป็ นศัตรู ต่อพรรคเทพหงสาต่อหน้า
สาธารณะ ยามนี้ มันเองกลับกลายเป็ นศัตรู สาํ คัญของวิหารเทพ
สุ ริยนั จันทราอีกหนึ่ง!!
ช่างเป็ นชีวติ ที่เฮงซวยอะไรเช่นนี้!!
สําหรับความแค้นระหว่างตนเองและพรรคเทพหงสา หยุ
นเช่อจะอย่างไรสามารถตอบโต้ดว้ ยอํามหิ ต แม้ฝ่ายตรงข้ามจะยืน
กรานตามล่าล้างอย่างไม่หยุดยั้ง ชายหนุ่มยังไม่เกรงกลัวแม้แต่
น้อย ยิง่ กว่านั้น หยุนเช่อยังคิดใคร่ ครวญถึงวิธีการตอบโต้
หลากหลายวิธีการ…ทว่า การล่วงเกินวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา
นั้น…
เย่ซิงหานเป็ นบุคคลที่มีลกั ษณะนิสยั ชัว่ ร้ายกลิ้งกลอกดุจ
อสรพิษ ทัว่ ร่ างแผ่กลิ่นอายอันตรายถึงขีดสุ ด…มันแน่นอนย่อม
เป็ นผูค้ นที่ชวั่ ช้าไร้ยางอาย! หยุนเช่อกดมงกุฏหงส์ของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ลงกับอกตนเอง ปิ ดบังสายตาของหญิงสาวจากภาพนอง
เลือดไม่น่าดู ทว่าจากสรรพสําเนียงรอบข้าง เสวีย่ เอ๋ อร์สามารถ
สัมผัสได้วา่ สตรี ท้ งั สองต่างสิ้ นชีวติ แล้ว หญิงสาวเปิ ดเปลือกตา
ขึ้น แนบแก้มของตนลงกับอกของหยุนเช่อ รับรู ้ถึงจังหวะหัวใจที่
ไม่ปกติของชายหนุ่ม หญิงสาวกล่าวเสี ยงนุ่มนวลว่า “พีใ่ หญ่
หยุน…เป็ นข้า…ฉุดลากท่านเข้ามาพัวพัน…”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว นี่มิใช่ความผิดเจ้า” หยุนเช่อระงับลม
หายใจให้เป็ นปกติ “เมื่อเรื่ องราวมาถึงขั้นนี้ พวกเราสมควรดิ้นรน
ให้ถึงที่สุด ..เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องห่วงข้า หลังออกจากสถานที่น้ ี ข้าจะ
เดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน!!”
เมื่อมีเส้นสายของเซี่ยหยวนป้า การเข้าร่ วมแดนศักดิ์สิทธิ์
เหนือราชันย่อมมิใช่เรื่ องยาก ในฐานะผูน้ าํ แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
วิหารเทพสุ ริยนั จันทราย่อมไม่กล้าล่วงเกิน หยุนเช่อสมควร
ปลอดภัยในที่น้ นั
ทว่าเงื่อนไขคือเซี่ยหยวนป้าจําต้องมีชีวติ อยู่
ถึงตอนนี้ หยุนเช่อถอนหายใจหนัก ทว่า เมื่อชายหนุ่ม
รวบรวมลมปราณ เขาพลันรู ้สึกถึงความวิงเวียนจนแทบหน้าควํ่า
ลงกับพื้น…แม้จะใช้เขตแดนจิตวิญญาณมังกรออกเพียงสองอึดใจ
กลับสู ญเสี ยพลังจิตใจไปอย่างมหาศาล ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ
อย่างรุ นแรงเพื่อขับไล่ความวิงเวียน จากนั้นเดินทางหลบหนีไป
ไกลอีกครั้ง
————————————
เปรี้ยง!!!
ลูกบอลเพลิงเทพหงสาระเบิดออกตรงบริ เวณทรวงอก
ของเซี่ยหยวนป้า ร่ างของเด็กหนุ่มปลิวลิ่วกระแทกลงบนพื้นอย่าง
รุ นแรง เขาครางออกมาพร้อมดีดร่ างลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทว่า ทันทีที่
ยืนหยัดมัน่ กลับต้องทรุ ดลงคุกเข่าข้างหนึ่งในทันที ไม่อาจลุก
ขึ้นมาอีกได้เป็ นนาน หน้าผาก สองมือ รวมทั้งบริ เวณอื่นบน
ร่ างกายปรากฏหยาดโลหิ ตหลัง่ ไหล
“ร่ างกายของเด็กน้อยนี่ไม่ธรรมดา หลังจากทนทานมานาน
ปานนี้ยงั ไม่ตกตาย ทั้งยังลุกขึ้นยืนได้อีก” เฟิ งเฟยเยียนกล่าวขณะ
เดาะลิ้น
“แต่น่าเสี ยดาย เพียงสามารถฝึ กฝนวิชาแก่นแท้ของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันได้เพียงสามส่ วน” เย่ซิงหานโบกสะบัดพัด
หยกในมือ กล่าววาจาราวกําลังพูดกับผูท้ ี่ตอ้ งตายแน่นอนแล้ว
“สามารถทนทานการจู่โจมเมื่อครู่ เป็ นขีดจํากัดของมันแล้ว
สมควรได้เวลาส่ งมันไปพบยมบาล เรานายน้อยไม่คิดมาก่อนเลย
ว่า แม้จะร่ วมมือกัน ยังต้องสิ้ นเปลืองเวลาจัดการเจ้าเด็กน้อยนี่
นานขนาดนี้ เรานายน้อยมิอาจทนรอได้โอบประคองเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้
ได้อีกต่อไป”
“นี่…ตายซะเถอะ!”
เฟิ งเฟยเยียนหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นคํารามออก ส่ ง
กําปั้นพร้อมเพลิงเทพหงสาอันรุ นแรงพุง่ เข้าใส่ ศีรษะของเซี่ย
หยวนป้า
เซี่ยหยวนป้าหอบหายใจ แววตาของเด็กหนุ่มเลื่อนลอย ทัว่
ร่ างชโลมไปด้วยโลหิ ตและหยาดเหงื่อ ภายนอกหนึ่งในสามส่ วน
ล้วนเป็ นเลือดเนื้อและโลหิ ตผสมผสานกัน จากการประสานการ
ลงมือของเฟิ งเฟยเยียนและเย่ซิงหาน เซี่ยหยวนป้าสามารถ
ทนทานได้ประมาณสิ บห้านาที ล้วนนับเป็ นปาฏิหาริ ยแ์ ล้ว
เมื่อเงามรณะคืบคลานเข้าหา เซี่ยหยวนป้าเงยหน้าขึ้น ใน
แววตาสะท้อนประกายกําปั้นเพลิงเทพหงสาอันแผดเผา สายตา
ของเด็กหนุ่มพลันกลับกลายเป็ นดุร้าย เซี่ยหยวนป้าคํารามลัน่
พลังยุทธ์ทว่ั ร่ างพลันแตกปะทุออกด้วยอานุภาพเกินต้านทาน
พลังที่พลุ่งพล่านออกมาจากเลือดเนื้อบนผิวกายระเบิดออกมาเป็ น
กําปั้นสวนกลับเข้าหาเฟิ งเฟยเยียน
ตูม!!!
พลังไฟระเบิดลุกลามออก กระแสมวลอากาศแตกร้าว เซี่ย
หยวนป้ากระอักโลหิตเป็ นฟูฝอยขณะที่ร่างของมันปลิวลิ่วราวว่าว
ขาดป่ าน…สี หน้าเย่ซิงหานเปิ ดเผยเเววตาชัว่ ร้ายและรอยยิม้ ดุจ
อสรพิษ มันสะบัดข้อมือส่ งรังสี พลังรู ปจันทร์เสี้ ยวออกจากพัด
สุ ริยนั จันทราวิบตั ิเข้าใส่ ลาํ คอของเซี่ยหยวนป้าในทันที
เซี่ ยหยวนป้าที่ล่องลอยอยูก่ ลางอากาศบาดเจ็บ
สติสมั ปชัญญะของมันเลือนรางราวคนตายยามรังสี จนั ทร์เสี้ ยวพุง่
เข้าใส่ พลังความมุ่งมัน่ ของเด็กหนุ่มบังคับร่ างกายให้พยายามขยับ
หลบหลีกกลางอากาศ
ฉัวะะะ!!!
รังสี ยทุ ธ์จากพัดสุ ริยนั จันทราวิบตั ิปาดเชือดเข้าใส่
ร่ างกาย…ส่ งผลให้แขนซ้ายทั้งข้างถูกตัดขาดออกจากร่ างในทันที
เปรี้ ยง!
เซี่ยหยวนป้าตกกระทบพื้นอย่างรุ นแรง แขนซ้ายของเด็ก
หนุ่มกลับร่ วงหล่นยังที่ห่างไกลกว่าสิ บฟุต ใบหน้าบิดเบี้ยว ทัว่
ร่ างบิดกระตุกจากความเจ็บปวดสาหัส ทว่าเด็กหนุ่มไม่มีแม้แต่
เสี ยงครวญครางแม้แต่นอ้ ย
“จิ๊จิ๊จิ๊ เจ้าช่างอดทนอดกลั้นจริ งๆ อดทนจนถึงขั้นน่า
เวทนา” เย่ซิงหานฉี กยิม้ กว้างขวางเมื่อเห็นความเจ็บปวดของเซี่ย
หยวนป้า “แย่จริ ง ในสายตาเรานายน้อย ความอดกลั้นของเจ้า
เพียงเป็ นเรื่ องโง่เง่าอันน่าขัน นอกจากสามารถทําให้เจ้ายิง่
เจ็บปวดและสร้างความบันเทิงให้เรานายน้อยได้บา้ งแล้ว ล้วน
เปล่าประโยชน์ใด”
หลังจากสู ญเสี ยแขนซ้าย เซี่ยหยวนป้าที่บาดเจ็บสาหัสขั้น
ตรี ทูตนอนแน่น่ิงอยูบ่ นพื้นโดยไม่มีวแ่ี ววว่าจะสามารถยืนขึ้น
ภายใต้ความเสี ยหายร้ายแรงทางร่ างกาย ดวงตาของเด็กหนุ่มไร้
ประกาย ไม่อาจมองเห็นกระทัง่ เงาร่ างของศัตรู ท้งั สอง ทว่า ความ
เคียดแค้นและเศร้าเสี ยใจมิได้จางหายไปเลยแม้แต่นอ้ ย เมื่อได้
ฟังเย่ซิงหานกล่าววาจา มันค่อยๆยกแขนขวาขึ้น พร้อมทั้งกระทํา
บางสิ่ งบางอย่างที่เย่ซิงหานและเฟิ งเฟยเยียนมิอาจทําความเข้าใจ
ได้
คว้ ากกกก!!!
เด็กหนุ่มใช้มือขวาปาดเฉือนร่ างกายทางด้านซ้ายของ
ตนเองที่มีบาดแผลยาวที่สุด จากนั้น แหวกถ่างออกอย่างเหี้ ยม
เกรี ยม…จนบาดแผลนั้นขาดวิน่ ออกจากกันอย่างน่าสยอง…
กระทัง่ สามารถมองทะลุเห็นกระดูกหน้าอก รวมทั้งหัวใจที่กาํ ลัง
เต้นระรัวอยูภ่ ายใต้ และเส้นชีพจรหัวใจของมัน
“หื ม?” เฟิ งเฟยเยียนเย้ยหยัน “คิดฆ่าตัวตาย?”
“ข้า..จะไม่ยอม…ให้พวกเจ้า…ทําร้าย…พี่เขยได้!!!!”
ความเจ็บปวดสาหัสากรรจ์ส่งผลให้เซี่ยหยวนป้าเปล่งวาจา
ทีละคําออกมาอย่างอ่อนระโหยและยากลําบากสุ ดแสน ทว่าทุก
คําพูดที่เปล่งออกมาทั้งดุดนั ทั้งเหี้ ยมอํามหิ ต เมื่อกล่าวจบคํา ฝ่ ามือ
ขวารวบรวมพลังเรี่ ยวแรงเล็กน้อยที่ยงั หลงเหลือ เด็กหนุ่มยกหมัด
ขวา ทุ่มเทพลังทั้งหมด ทุบลงไปบนเส้นชีพจรหัวใจของตนเอง
อย่างเหี้ ยมโหด!!!
เปรี้ยงงง!
กําปั้นนี้หนักหน่วงยิง่ สําหรับกับเซี่ยหยวนป้าที่ก่ ึงเป็ นกึ่ง
ตาย ล้วนเพียงพอในการปลิดชีวติ มัน! เมื่อกําปั้นกระแทกลงบน
หัวใจของมัน ร่ างสะบักสะบอมนั้นสะท้านขึ้นเฮือกหนึ่ง กลุ่ม
ก้อนโลหิ ตที่คงั่ ค้างพุง่ ทะลักออกจากปากและหลัง่ ไหลออกมา
จากภายใต้กาํ ปั้น สายตาสู ญเสี ยประกายลงอย่างสิ้ นเชิง ทว่ายามนี้
ใต้กาํ ปั้นขวาของเซี่ยหยวนป้าพลันปรากฏประกายแสงสี ทองสาด
ส่ อง มือขวาของเด็กหนุ่มตกห้อยลงเนื่องจากสู ญเสี ยสํานึกรู ้ตวั จน
หมดสิ้ น เปิ ดเผยให้เห็นถึงบาดแผลที่มนั ฉี กกระชากออกจนเห็น
เส้นชีพจรลมปราณหัวใจที่กาํ ลังเปล่งแสงสี ทองเจิดจ้า!
บทที่ 462 ระเบิด! การตื่นขึน้ ของเทพราชันทรราชย์ (2)

“นัน่ อะไร?” เฟิ งเฟยเยียนผูก้ าํ ลังก้าวเดินออกไปเบื้องหน้า


เพื่อลงมือปลิดชีวติ เซี่ยหยวนป้าชะงักเท้าพร้อมเอ่ยปากถาม
ทันใดนั้นเอง แสงสี ทองที่สาดประกายจากบาดแผลที่ทรวง
อกของเซี่ยหยวนป้าสร้างความตื่นตะลึงแก่เย่ซิงหาน จากนั้น สี
หน้าของมันพลันแปรเปลี่ยน แม้แต่ดวงตาที่มกั หรี่ ลงอย่างเกียจ
คร้านมาโดยตลอดยังเบิกกว้างโปนโต ทั้งยังสาดประกาย
หวาดหวัน่ “ชีพจรทะ…เทพราชันทรราช!!”
“ชีพจรเทพราชันทรราช หมายความว่าอะไร?” เฟิ งเฟยเยียน
หันหน้าของมันไปทางเย่ซิงหานพลันถามด้วยความสงสัย บันทึก
ลับเกี่ยวกับเส้นชีพจรเทพราชันทรราชเพียงทีเก็บไว้ในแดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ แม้เฟิ งเฟยเยียนจะเป็ นถึงผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสา
มันยังคงไม่อาจหยัง่ รู ้ได้
เมื่อหันไปมองหน้าเย่ซิงหาน มันสังเกตุเห็นสี หน้าที่
เปลี่ยนแปลงอย่างน่ากลัว หัวใจของมันกระตุกวูบหนึ่งก่อนจะหัน
ขวับไปมองเซี่ ยหยวนป้าอีกครั้ง..และชัว่ เวลาที่สายตาของมันหัน
กลับมานี้เอง แก้วตาของมันหดเล็กลงอีกครั้ง
เซี่ยหยวนป้าที่ก่อนหน้านี้หอบหายใจพะงาบคล้ายผูค้ นที่
ลมหายใจสามารถขาดห้วงได้ทุกวินาที พลันกลับลุกขึ้นยืนอย่าง
ช้าๆ แสงสี ทองค่อยๆแผ่ขยายออกจากบริ เวณบาดแผล ห่อหุม้ ทัว่
ทั้งร่ างของมันอย่างรวดเร็ ว ส่ งผลให้แขนขาทั้งสี่ ทรวงอก กระทัง่
เส้นผมล้วนแปรเปลี่ยนเป็ นสี ทองเจิดจ้าแสบตา! และชัว่ วินาทีที่
แสงสี ทองลามเลียลงมายังที่ที่เคยเป็ นแขนซ้ายของมัน ประกาย
แสงพลันเรื องรองเข้มข้น ทันใด พลันยืดขยายออกมา…ชัว่
พริ บตา แขนซ้ายที่ถูกตัดขาด กลับงอกเงยคืนมาเพียง
พริ บตาเดียว!! กลับสู่ สภาวะปกติสมบูรณ์ทุกประการ
“นัน่ …นัน่ มันคืออะไร” ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ งเฟยเยียนแถบ
ถลนออกจากเบ้าด้วยความตกตะลึง แน่นอนว่ามันเป็ นสิ่ งที่ทาํ ให้
มันตกใจแทบสิ้ นสติ และไม่สามารถจะเชื่อได้เลย กับภาพที่
ปรากฏขึ้นต่อหน้ามันในขณะนี้
ไม่เพียงแขนข้างที่รับบาดเจ็บสาหัส ยามเมื่อรัศมีสีทอง
กวาดผ่านที่ใด บาดแผลบนร่ างกายของเซี่ยหยวนป้าล้วน
อันตรธานไปอย่างรวดเร็ ว เพียงไม่กี่วนิ าที บาดแผลน้อยใหญ่
ทั้งหลายทั้งมวลปลาสนาการสิ้ น เซี่ยหยวนป้ายืดเส้นยืดสาย ก่อน
จ้องจับด้วยดวงตาโปนโตของตน…แก้วนัยน์ตาทั้งสอง เปล่ง
ประกายสี ทองอร่ ามด้วยเช่นกัน! เส้นผมทุกเส้น โลหิ ต กล้ามเนื้อ
กระทัง่ แก้วตา…ทั้งหมดกลับกลายเป็ นสี ทองจนหมดสิ้ น!
เฟิ งเฟยเยียนไม่เคยพบเห็นเรื่ องราวแปลกประหลาดปานนี้
ทั้งยังไม่เคยได้ยนิ ได้ฟังมาก่อน นี่สร้างความหวาดผวากระทัง่ มัน
คิดว่าตนเองกําลังอยูต่ ่อหน้าเทพอวตาร ทันกลํ้ากลืนนํ้าลายลงคอ
อย่างยากลําบาก ก่อนกล่าววาจาด้วยเสี ยงสัน่ สะท้าน “จะ–เจ้า
วิหารน้อย? นี่มนั เรื่ องอะไรกัน? ใช่เป็ นวิชายุทธ์แปลกพิสดารอัน
ใด…จากแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันหรื อไม่?”
ทว่า หลังกล่าวถามออกไป มันกลับไม่ได้รับคําตอบใด
จากเย่ซิงหาน ชัว่ พริ บตาที่มนั หันกลับไปมอง มันต้องตกตะลึง
พรึ งเพริ ด เนื่องเพราะเย่ซิงหานที่ยนื อยูข่ า้ งกายมันก่อนหน้านี้
ยามนี้กลับปรากฏตัวอีกครั้งในที่ห่างไกลหลายร้อยเมตร พร้อม
ทั้งหลบหนีไปด้วยความเร็ วสู งสุ ด…กระทัง่ เป็ นความเร็ วที่
รวดเร็ วกว่าผูฝ้ ึ กยุทธ์ช้ นั ราชันทรราชขั้นกลางโดยทัว่ ไปด้วยซํ้า!
ก่อนหน้านี้ ขณะที่เฟิ งเฟยเยียนกําลังแตกตื่นต่อการเปลี่ยนแปลง
อันน่าตระหนกของเซี่ยหยวนป้า มันไม่ทนั ตระหนักเลยว่าเย่ซิง
หานกลับถอนตัวหลบหนีไปอย่างสุ ดกําลัง
และทิศทางที่มนั หนีไป มิใช่ทิศทางที่หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์มุ่งหน้าไปเมื่อครู่ น้ ี กลับกัน มันเผ่นหนีห่างจากเซี่ยหยวนป้า
ไปในทิศทางตรงกันข้ามโดยสิ้ นเชิง!
เฟิ งเฟยเยียนปราศจากความเข้าใจโดยสิ้ นเชิงถึงสิ่ งที่เกิด
ขึ้นกับร่ างกายของเซี่ยหยวนป้า ทั้งปราศจากความเข้าใจว่า “เส้น
ชีพจรเทพราชันทรราช” ที่เย่ซิงหานกล่าวออกมาคือสิ่ งใด ทว่าแม้
มันจะปั ญญาอ่อน ย่อมสมควรรับทราบถึงความน่ากลัวของตัวตน
ที่สามารถขู่ขวัญเย่ซิงหานได้ถึงระดับนั้น มันก้าวถอยหลังก้าว
หนึ่ง เร่ งเร้าพลังลมปราณทั้งร่ างถึงขีดสุ ดเพื่อเตรี ยมตัวหลบหนี
…ทว่าร่ างของมันพลันสะท้านขึ้นทั้งร่ าง สองเท้าไม่อาจขยับ
เคลื่อนไหวแม้แต่นิ้วเดียว
เนื่องเพราะช่วงเวลานี้ มันพลันรู ้สึกว่าทัว่ ร่ างของมันพลัน
ถูกคลื่นพลังมหาศาลสุ ดบรรยายชนิดหนึ่งตรึ งไว้อย่างแน่นหนา
เป็ นแรงกดดันอันสุดต้านทาน หนักหน่วง ไร้ขอบเขต ราวกับ
หมื่นขุนเขาถล่มโถมทับลงหาอย่างเหี้ ยมอํามหิ ต ส่ งผลให้กระทัง่
ราชันทรราชขั้นแปดเช่นมันยังไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้อย่าง
ใจ…มันรับรู ้ได้วา่ พลังอํานาจเกินต้านทานนั้น ตรึ งชั้นบรรยากาศ
โดยรอบทั้งหมด รวมทั้งท้องฟ้าและผืนดินไว้จนหมดสิ้ น
นี่มนั …พลังอะไรกัน!?
เป็ นไปไม่ได้…เป็ นไปไม่ได้! มันร่ อแร่ ใกล้ตายอยูเ่ มื่อครู่ !
มันเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุ ดท้าย ราชันทรราชขั้นกลางที่ถูก
ทุบตีจนหมดสภาพ! จะสามารถครอบครองพลังอํานาจยิง่ ใหญ่
ปานนี้ได้เช่นไร…นี่มนั เรื่ องอะไรกัน!?
ความพรั่นพรึ งไร้สิ้นสุ ดและความหวาดหวัน่ ท่วมท้นจิตใจ
ของเฟิ งเฟยเยียน ไม่วา่ มันจะเร่ งเร้าพลังปราณในร่ างอย่างบ้าคลัง่
สักเพียงใด หากมันกลับไม่อาจขยับเคลื่อนไหวแม้เพียงน้อยนิด…
มันรู ้สึกราวตนเองถูกตะปูตอกตรึ งลงบนกรอบเหล็ก เป็ นเหยือ่ ที่
สามารถตกตายลงได้ทุกวินาที! มันเพียงสามารถเบิกตากว้างแทบ
ฉี กขาด จับจ้องมองเซี่ยหยวนป้าผูม้ ีร่างสี ทองด้วยความหวาดผวา
แก้วตาเดี๋ยวหดลีบเดี๋ยวยืดขยายออก
สี หน้าเจ็บปวดรวดร้าวบนใบหน้าของเซี่ยหยวนป้าก่อน
หน้าอันตรธานไปหมดสิ้ น ที่แทนที่เป็ นความสงบเยือกเย็นจนไม่
อาจเห็นริ้ วรอยอารมณ์ความรู ้สึกใด ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายสี
ทอง ใสกระจ่างจนสามารถมองเห็นแก้วตาอย่างชัดเจน มันยก
หมัดขวาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า…
ฟุ่ บบบ!!
ห้วงมิติถูกกระชากขาดออกจากกันเป็ นริ้ ว เงาร่ างสี ทอง
ของเซี่ยหยวนป้าพลันปรากฏที่เบื้องหน้าเฟิ งเฟยเยียนอีกครั้งอย่าง
ฉับพลัน…ดวงตาเฟิ งเฟยเยียนเบิกกว้างด้วยแววมรณะ โลหิ ตสดๆ
ฉี ดพุง่ เป็ นเส้นสายนับไม่ถว้ น รวมทั้งเสี ยงแตกหักกระชั้นท่วม
ท้นเต็มสองตาของมัน ผูอ้ าวุโสพรรคเทพหงสาค่อยๆเลื่อนสายตา
ลงมองด้านล่าง การมองเห็นของมันเริ่ มรางเลือน หากยังคง
สามารถพบเห็นท่อนแขนกํายําลํ่าสันสองข้างที่จมลึกเข้าไป
ร่ างกายมัน…ร่ างกายที่แข็งแกร่ งกว่าเหล็กไหล เมื่อพบพานแขน
ทองทั้งสอง กลับถูกเสี ยบทะลุราวก้อนเต้าหู ้
“เจ้า…เป็ น…ตัว..อะไร…กันแน่…”
นี่คือประโยคสุ ดท้ายในชีวติ ของมัน สี หน้าของเซี่ยหยวน
ป้าไร้ความรู ้สึกใด สุ ม้ เสี ยงหนึ่งพลันดังออกมาจากลําคอของมัน
ทั้งที่ริมฝี ปากไม่ขยับเขยื้อน
“สิ ง่มีชีวติ ชั้นตํ่าเช่นเจ้า กลับกล้าตอแยกระตุน้ โทสะเรา…
ตาย!!”
พลังงานอันบ้าคลัง่ ระเบิดออกจากภายในร่ างของเฟิ งเฟย
เยียน ทําลายล้างอวัยวะภายในและเส้นชีพจรทั้งหมดในพริ บตา
ทันใดนั้น เสี ยงตูมสะท้านขึ้นคราหนึ่ง ระเบิดร่ างของเฟิ งเฟยเยียน
เป็ นเศษชิ้นเนื้อและโลหิ ตนับร้อยพันสาดกระเซ็นท่วมผืนฟ้า ที่
ไกลที่สุดตกห่างออกไปหลายร้อยเมตร…ไม่ตอ้ งกล่าวถึงซากศพ
ที่หลงเหลิออันใด กระทัง่ นิ้วสักนิ้วยังไม่อาจคงรู ปร่ างเอาไว้
เมื่อคราบโลหิ ตกระเซ็นเปรอะเปื้ อนลงบนร่ างของเซี่ย
หยวนป้า มันอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ ว บนท่อนแขนไม่
ปรากฏรอยโลหิ ตใดหลงเหลือแม้เพียงหยดเดียว เขาค่อยๆลดแขน
ลง สายตามองไปยังทิศทางที่เย่ซิงหานลอยหนีไป ทว่า เขามิได้ไล่
ติดตามไป ร่ างมหึ มาของเซี่ยหยวนป้าร่ วงลงกองกับพื้นในทันที
ง่ายๆ เช่นนั้น…
ตุบ…
ร่ างของเซี่ยหยวนป้าร่ วงลงพื้นอย่างรุ นแรง แสงสี ทองบน
ร่ างกายหายไปเช่นกัน แรงกดดันที่กระทัง่ สวรรค์ยงั ต้องกลั้นลม
หายใจเมื่อครู่ สูญสลายไปโดยสิ้ นเชิง
ร่ างที่หมดสภาพของเซี่ยหยวนป้าไม่ปรากฏอาการ
เคลื่อนไหวใดแม้เพียงนิ้วเดียว กระทัง่ กล้ามเนื้อยังไม่อาจกระตุก
ขยับได้ ผ่านไปเนิ่นนาน นิ้วของเด็กหนุ่มจึงค่อยขยับอย่างเชื่องช้า
เลื่อนขึ้นมาเบื้องบนทีละน้อย…การกระทําที่สามารถกล่าวได้วา่
ง่ายดายราวทารก หากเซี่ยหยวนป้าต้องใช้เวลาหลายวินาทีในการ
กระทําให้สาํ เร็ จ สุ ดท้าย ฝ่ ามือของเขากุมลงบนหยกที่ลาํ คอ
จากนั้น เด็กหนุ่มใช้เรี่ ยวแรงที่หลงเหลือทั้งหมด บดขยี้จนแตก
เป็ นชิ้นๆ
แกร๊ กกก!!
หยกที่แหลกสลายสาดประกายอ่อนจาง จากนั้น วงล้อมตรา
ผนึกขนาดเล็กปรากฏขึ้นที่เบื้องล่างเซี่ยหยวนป้า หลังหมุน
วนรอบร่ างกายเด็กหนุ่มชัว่ ขณะ ล้วนเลือนหายไปพร้อมร่ าง
ของเซี่ ยหยวนป้าในพริ บตา
ความสับสนอลหม่านเมื่อครู่ สงบลง ทว่า กลิ่นอายโลหิ ต
หนาแน่นยังคงลอยฟุ้งไม่จางหาย บนท้องฟ้าไกลออกไปเหนือ
พื้นดินกว่าหลายกิโลเมตร ปรากฏเงาร่ างสี ขาวบริ สุทธิ์ดุจหิ มะ
ถอนสายตากลับมาพร้อมกล่าวว่า “เส้นชีพจรเทพราชันทรราช?
น่าอัศจรรย์ใจจริ ง…หื มม์?”
ชัว่ พริ บตาที่คลื่นพลังของเซี่ยหยวนป้าหายวับไป เย่ซิงหาน
กลับมายังสถานที่เดิมเมื่อครู่ ด้วยระดับความรวดเร็ วดุจดาวตกใน
ชัว่ พริ บตา มันเมื่อคลื่นพลังที่ระเบิดออกโดยกะทันหันของเซี่ย
หยวนป้าเมื่อครู่ เลือนหายไปโดยฉับพลัน มันจึงไม่จาํ เป็ นต้อง
หลบหนีอีกต่อไป สี หน้าของมันดูราวกับมันยังคงตื่นตระหนกไม่
เสื่ อมคลาย มันกวาดสายตามองร่ องรอยโดยรอบบริ เวณด้วย
สายตาเย็นชา ที่มนั สามารถมองเห็นมีเพียงรอยคราบโลหิ ตและ
ซากความเสี ยหาย เนื้อหนังที่ฉีกขาดกระจัดกระจายเต็มพื้นดิน
เลือดเนื้อบนพื้นเหล่านี้ยงั คงมีคลื่นพลังงานของเทพหงสาแอบ
แฝงอยู่ เป็ นหลักฐานว่าเฟิ งเฟยเยียนสิ้นชีพแล้ว…ทั้งยังตกตาย
อย่างเอน็จอนาถอย่างถึงที่สุด ทว่าเย่ซิงหานยังคงไม่อาจมัน่ ใจได้
ว่าเซี่ยหยวนป้าอยูภ่ ายในเศษชิ้นเนื้อระเกะระกะเหล่านี้เช่นกัน
เมื่อหวนนนึกถึงเซี่ยหยวนป้าสามารถลงมือทําร้ายตนเองเพือ่ บีบ
บังคับเส้นชีพจรราชันทรราชให้ตื่นขึ้นเมื่อครู่ และเมื่อร่ างกาย
ของมันเองไม่อยูใ่ นที่น้ ี เช่นนั้นมีโอกาสถึงเจ็ดหรื อแปดในสิ บ
ส่ วนที่มนั จะตายลงพร้อมกัน เนื่องเพราะการฝื นบีบบังคับการตื่น
ขึ้นของเส้นชีพจรเทพราชันทรราชล้วนไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย
มีความเป็ นไปได้อย่างยิง่ ว่ามันจะสิ้ นชีวติ ลงจากการระเบิดตนเอง
หากมันไม่ตาย มันย่อมไม่มีเรี่ ยวแรงหลบหนีไปที่ใดได้
“เส้นชีพจรเทพราชันทรราชในตํานาน…ปรากฏขึ้น
จริ งๆ!!” ใบหน้าเย่ซิงหานบูดเบี้ยวด้วยความประหวัน่ หากมิใช่
มันเคยได้ฟังคํารํ่าลือถึงเส้นชีพจรเทพราชันทรราช และหลบหนี
ได้อย่างรวดเร็ วแล้ว เช่นนั้นผูท้ ี่ตอ้ งดับอนาถล้วนมิใช่เฟิ งเฟย
เยียน หากเป็ นมันเอง!
“มิน่าเล่า เจ้าเฒ่าแซ่ก่จู ึงรักถนอมเด็กน้อยนี่นกั …หากมันไม่
ตาย เมื่อมันเติบใหญ่ สถานะของแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันย่อม
รุ่ งเรื องขึ้นอีกหลายเท่านัก! ดีที่มนั ตกตายลงในวันนี้…หากบิดา
และคนอื่นๆรับรู ้วา่ ข้าสามารถส่ งชีพจรเทพราชันทรราช ไพ่ตาย
ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันลงนรกได้ พวกมันย่อมต้องตบ
รางวัลข้าอย่างงามแน่ๆ!!!”
เย่ซิงหานงึมงําต่อตนเอง หลังจากมัน่ อกมัน่ ใจแล้วว่าเซี่ย
หยวนป้าเพียงเหลือหนทางตายสถานเดียว มันจึงวางใจลงได้ใน
ที่สุด สําหรับเรื่ องของเฟิ งเฟยเยียน…แม้มนั จะโชคร้ายไปบ้าง
หากพลังความสามารถของมันนับว่าสามารถรี ดเร้นออกมาได้จน
หมดสิ้ นแล้ว ทั้งเฟิ งเฟยเยียนได้ช่วยเหลือมันสําเร็ จความ
ปรารถนา แม้มนั จะตายไป ยังไม่นบั เป็ นอย่างไรได้!
สายตาของเย่ซิงหานเบนไปยังทิศทางที่หยุนเช่อและเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อรื หลบหนีไป ก่อนจะทะยานร่ างติดตามไปราวผีพงุ่ ใต้
ระดับความเร็ วของมันนับว่ารวดเร็ วกว่าหยุนเช่อห้าถึงหกเท่า
ก่อกําเนิดพายุหมุนติดตามทางที่มนั พุง่ ผ่านไป
——————————
เมืองวิหคเพลิง
เฟิ งซี เฉิ นแหงนหน้าขึ้นมองไปยังนาวาปราณบรรพกาล
เบื้องบนท้องฟ้าหลายต่อหลายครั้ง จากนั้นจึงเดินกลับไปกลับมา
อีกหลายรอบ มันกําลังวิตกกังวลอย่างสุดแสน ทันทีที่จบสิ้ นงาน
ประลองยุทธเจ็ดจักรวรรดิ การสํารวจนาวาปราณบรรพกาลเริ่ ม
ขึ้นโดยทันที ดังนั้น เฟิ งเหิ งคงปราศจากเวลาสังเกตุสนใจเรื่ องราว
ของมัน ทว่ามันแน่ใจเป็ นอย่างยิง่ ว่า ทันทีที่การสํารวจจบลง เฟิ ง
เหิ งคงย่อมต้องไต่สวนเอาความกับมันแน่นอน และตั้งแต่เมื่อคืน
จวบจนบัดนี้ มันยังสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาขององค์ชายและ
ศิษย์ในพรรคคนอื่นๆที่มองมาอย่างแปลกประหลาดอยูต่ ลอดเวลา
ชัว่ เวลานี้เอง ต่อหน้ามัน พลันปรากฏแสงพลังยุทธ์ข้ ึนวาบ
หนึ่ง ตราผนึกเล็กๆปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ จากภายในตราผนึก
ปรากฏเงาร่ างมนุษย์ขนาดมหึมา
“ใครน่ะ!!?”
เฟิ งซี เฉิ นผูก้ าํ ลังวิตกแตกตื่นจนร้องเสี ยงหลง ทว่า ทันใด
นั้นเอง มันพบว่าดวงตาของผูค้ นที่เพิ่งปรากฏตัวปิ ดสนิทแน่น ไม่
ปรากฏการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้ น ใบหน้าของมันซีดขาวอย่างถึง
ที่สุด และท่าทางของมัน ยังอ่อนแรงอย่างยิง่ ไม่ต่างจากซากศพ
เลยแม้แต่นอ้ ย เฟิ งซีเฉิ นก้าวไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะ
สามารถจดจําบุคคลนั้นได้เพียงแวบแรก นี่คือศิษย์รักของท่าน
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเอง!
เสี ยงกรี ดร้องของเฟิ งซีเฉิ นเมื่อครู่ เรี ยกให้องครักษ์ท่ี
ภายนอกเร่ งร้อนเข้ามา เมื่อเห็นเซี่ยหยวนป้า พวกมันไม่อาจไม่
อุทานออกมาในทันทีวา่ “นี่…มิใช่ศิษย์ของท่านปรมาจารย์ก่ชู าง
หรอกหรื อ? เมื่อเช้า ข้าเห็นเขาเดินทางไปยังนาวาปราณบรรพกาล
เขามาอยูท่ ี่นี่ได้อย่างไร? ทั้งยังคล้ายได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส”
คลื่นพลังของเซี่ยหยวนป้าอ่อนล้าน่าหวาดหวัน่ จนสามารถ
ถึงแก่ความตายได้ทุกเวลา หากศิษย์ของปรมาจารย์ก่ชู างเกิดตก
ตายในเมืองวิหคเพลิง ย่อมเป็ นเรื่ องใหญ่โต เฟิ งซีเฉิ นหลัง่ เหงื่อ
เต็มหน้าผากขณะตะโกนว่า “เร็ ว! พามันไปยังหอโอสถ! เรี ยก
อาวุโสเฟิ งอวี้ให้รักษาชีวติ มันไว้ ไม่วา่ ต้องจ่ายค่าตอบเเทนเท่าไร
ก็ตาม! มันเป็ นศิษย์ลบั ของท่านปรมาจารย์ก่ชู าง หากตกตายใน
ที่น้ ี ยามแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันมาที่นี่เพื่อทวงถามความ
รับผิดชอบ เจ้าสองคนต้องยืดคอรับผิดเอง!!”
“พ-พะยะค่ะ!” องครักษ์ท้ งั สองร่ างแข็งค้าง ก่อนรี บรับคํา
อย่างรวดเร็ ว พวกมันค่อยๆ ยกร่ างเซี่ยหยวนป้าขึ้น จากนั้นตรงดิ่ง
ไปยังหอโอสถในทันที
บทที่ 463 งูยกั ษ์ สามหัว

หยุนเช่อวิง่ พุง่ ทะยานอย่างบ้าคลัง่ ตลอดการเดินทาง


นอกจากถูกขัดขวางไว้ชวั่ ครู่ โดยเยว่จีและเหม่ยจี มันมิได้หยุดพัก
เลยตลอดสองชัว่ โมงมานี้ หน้าผากของชายหนุ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ในสภาวะปกติ มันย่อมไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการวิง่ เป็ นเวลา
สั้น ๆ แค่น้ ี ทว่าในสองชัว่ โมงที่ผา่ นมา มันได้วงิ่ ห้ออย่างบ้าพลัง
ด้วยความเร็ วเต็มที่ พร้อมด้วยเผาผลาญพลังปราณและพลังกายไป
เป็ นจํานวนมหาศาล การใช้เขตแดนวิญญาณมังกรเมื่อก่อนหน้านี้
ก็ทาํ ให้จิตของมันเหนื่อยล้าเช่นกัน
โลกแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่หาใดเปรี ยบ ท้องฟ้ามืดมัวทั้งผืน
แผ่น มีเพียงแต่แดนรกร้างไร้สิ้นสุ ดที่มองเห็นโดยไร้ซ่ ึงการ
เปลี่ยนสําคัญใด ๆ ในด้านความสู งของแผ่นดิน ยิง่ กว่านั้นยังไม่มี
ป่ าแห่งไหนให้ซุกซ่อน กระทัง่ ก้อนหิ นสู ง ๆ ยังยากจะเห็น
ฉะนั้น การหนีมุ่งไปข้างหน้าจึงเป็ นทางเดียวของหยุนเช่อ
ที่ปลอบใจได้คือในสองชัว่ โมงที่ผา่ นมานี้ ไม่มีใครตาม
พวกมันมา
“ระวังไว้ดว้ ย มีตวั อันตรายตัวใหญ่อยูข่ า้ งหน้า” จัสมินพลัน
ร้องเตือนขึ้นมา
หยุนเช่อเพิ่มความระมัดระวังในทันที พวกชายหนุ่มเคยได้
พบสัตว์อสู รลมปราณมาแล้วจํานวนหนึ่งในตลอดการเดินทาง
ทว่าพวกมันทั้งหมดถูกสลัดทิ้งโดยชายหนุ่มได้โดยง่าย อย่างไรก็
ดี นับแต่ที่จสั มินเตือนมันเป็ นพิเศษ สัตว์อสู รลมปราณในครานี้
ย่อมต้องไม่สามัญธรรมดาเป็ นแน่
อย่างเร็ วไวยิง่ ก้อนเนื้อใหญ่สีดาํ ปรากฏขึ้นในครรลอง
สายตาของหยุนเช่อ มันขดตัวอยูอ่ ย่างเงียบงันที่ทางข้างหน้า ดูราว
กับสัตว์อสู รลมปราณยักษ์ที่หลับอุตุ และเมื่อหยุนเช่อเห็นมัน มัน
เองก็สมั ผัสถึงสิ่ งมีชีวติ ได้เช่นกัน ร่ างกายที่แต่เดิมขดม้วนกันอยู่
เริ่ มคลายออก เผยให้เห็นหัวขนาดใหญ่สีดาํ สนิทสามหัวซึ่งเป็ น
รู ปสามเหลี่ยมและมีขนาดใหญ่เป็ นสองเท่าของตัวหยุนเช่อ
ออกมา
พิษสี ดาํ สนิทถูกพ่นออกมาจากปากของมัน ดวงตาเล็ก ๆ
ของมันปลดปล่อยรัศมีน่าพรั่นพรึ ง มันคืองูยกั ษ์สามหัว!
“อ๊า!!” เพียงเมื่อหยุนเช่อจะเตือนเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ให้หลับตา
เสี ยงผวาขวัญเสี ยของเด็กสาวก็ดงั ออกมากจากในอ้อมแขนของ
ชายหนุ่ม ให้พดู ถึงสิ่ งมีชีวติ ดัง่ เช่นงู กระทัง่ สตรี ผแู ้ ข็งแกร่ งที่สุด
ยังต้องหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ นับประสาอะไรกับงูยกั ษ์สาม
หัว
กลิ่นอายที่งูยกั ษ์สามหัวปล่อยออกมาช่างมืดมิดและน่าครั่น
คราม มันทรงพลังเช่นสัตว์อสู รลมปราณจักรพรรดิข้นั สู ง ดวงตา
ทั้งหกของมันจ้องเพ่งมาที่หยุนเช่อ ด้วยเสี ยงขู่ฟ่อ หัวตรงกลางฉก
เข้ามาราวกับอสนีบาตสี ดาํ ทมิฬ อ้าปากสี ดาํ สนิทดุจหุบเหวยักษ์
ของมัน เขี้ยวพิษดัง่ คมดาบอาบพิษจากนรกของมันส่ งให้ผคู ้ น
รู ้สึกหวาดผวา
หยุนเช่อรี บกระชับป้องเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้กบั แผ่นอกของ
ตนเอง ไม่ปล่อยให้นางได้เห็นภาพอันน่ากลัว ด้วยการเคลื่อนไหว
วาบ ชายหนุ่มพลันไปปรากฏตัวในสามสิ บเมตรข้างหน้าราวกับ
ย่างก้าวข้ามผ่านมิติ ยังผลให้การโจมตีของเจ้างูยกั ษ์ผา่ นเป้าไป
โดยสมบูรณ์ ตลอดการเดินทาง ชายหนุ่มจะใช้กาํ ลังทั้งหมดเพื่อ
หลบเลี่ยงและสลัดให้หลุดจากสัตว์ลมปราณตัวใดก็ตามที่พบเจอ
ไม่เคยเผชิญหน้าสู ต้ รง ๆ ด้วยเพราะมันจะผลาญเวลาลํ้าค่าที่ชาย
หนุ่มและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จะใช้หนีไป เจ้างูยกั ษ์นี่เองก็มิต่างกัน
เพียงเมื่อหยุนเช่อหลบการโจมตีของเจ้างูยกั ษ์และเกือบจะ
ใช้พลังทั้งหมดเพือ่ สลัดมันให้หลุด เสี ยงขู่ฟ่อดังจากมาจากเบื้อง
ข้างของชายหนุ่ม…หัวที่สองของเจ้างูยกั ษ์เองก็จู่โจมเข้ามา
เช่นกัน ณ จุดนี้ ความเร็ วของมันมากกว่าหัวแรกนับเท่าตัว หยุ
นเช่อเพิง่ ได้ใช้เคล็ดเทพดาราแยกเงาไปและไม่อาจเคลื่อนไหวได้
อีกในชัว่ ขณะสั้น ๆ วัดตามความเร็ วของชายหนุ่มในยามนี้ แม้จะ
เค้นให้ถึงขีดจํากัด มันก็ยงั เป็ นไปมิได้ที่จะหลบการโจมตีอของ
เจ้างูยกั ษ์ได้ ใบหน้าของชายหนุ่มดําดิ่งขณะที่มนั เร่ งผันร่ างกลับ
และคว้าจับที่ทณ ั ฑ์มงั กร ตวัดฟาดใส่ ปากของเจ้างูยกั ษ์ไปอย่าง
เหี้ ยมหาญ
เสี ยงประหลาดอันแสนน่าสยดสยองยิง่ ดังให้ได้ยนิ หัวที่
สองของเจ้าอสรพิษตัวยักษ์ถูกฟาดฟัน ทั้งร่ างของมันบิดม้วน
พัลวัน กระนั้นพละกําลังของเจ้างูยกั ษ์สามหัวนี่กย็ งั เหนือกว่าที่
หยุนเช่อคาดไว้ ด้วยพลังอันมหาศาล หยุนเช่อถูกซัดกระเด็นไป
ไกล และกระแทกเข้าใส่ พ้ืนอย่างแรง ขาของชายหนุ่มครู ดลาก
ข้ามผ่านผืนแผ่นดินไปมากกว่าหกสิ บเมตรก่อนจะหยุดลงได้
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เป็ นเช่นไรบ้าง…”
เพียงเมื่อหยุนเช่ออยากจะตรวจสอบดูวา่ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
บาดเจ็บหรื อไม่ กลิ่นอายอันตรายก็มุ่งเข้ามาอีกครั้ง หัวที่สอง
เพียงเพิง่ จะถูกซัดกลับไป กระนั้นหัวแรกกับหัวที่สามก็ยงั พลัน
พุง่ ฉกกัดเข้ามา ไม่ให้โอกาสให้หยุนเช่อได้พกั หายใจใด ๆ
ได้เป็ นเห็นพละกําลังและความเร็ วอันน่าหวาดหวัน่ ของเจ้า
อสรพิษยักษ์ตวั นี้แล้ว หยุนเช่อเร่ งถอยเร็ วไว มันเป็ นไปมิได้เลยที่
มือเพียงข้างเดียวของมันจะสามารถป้องกันการโจมตีจากหัวงู
ยักษ์สองหัวนี่ได้ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มพลันตัดสิ นใจ หงายฝ่ า
มือขึ้นแล้วโยนเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สูงขึ้นไปบนฟ้าในชัว่ อึดใจ คว้าจับ
ทัณฑ์มงั กรไว้ดว้ ยมือทั้งคู่ ชายหนุ่มเปิ ดอสู รผลาญใจและ
ปลดปล่อยราชันย์พโิ รธใส่ หวั อสรพิษทั้งสองหัว
เปรี้ ยง!!!
ด้วยการฟาดฟันอย่างเต็มกําลังของหยุนเช่อ หัวอสรพิษทั้ง
สองส่ งเสี ยงฟ่ ออย่างเจ็บปวดออกมาโดยพร้อมเพรี ยง และถูกซัด
กระเด็นไปไกล หยุนเช่อหันร่ างกลับ จากนั้นจึงทะยานขึ้นไปใน
อากาศ โอบแขนข้ามแผ่นหลังรับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เข้ามาสู่ ในอ้อม
แขนของตนอย่างอ่อนโยน…เพียงแต่ดว้ ยชายหนุ่มเพิ่งสมาธิและ
ความระมัดระวังไปที่งูยกั ษ์สามหัวอยูต่ ลอดเวลา ตําแหน่งของมือ
ของมันจึงคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยเมื่อรับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มา ฝ่ ามือ
ของมันกลับไปคว้าโดนก้อนอ่อนนิ่มละมุนเชิดตระหง่าน ( o[]O
เฮ้ ยยยยยย!!!!!!!!! )
ความรู ้สึกในมือของมันนั้นช่างนุ่มนิ่มและเรี ยบละมุน
กระนั้นก็ยงั อวบอัดตึงแน่น เช่นนั้นมันจึงถูกคว้าไว้เต็มฝ่ ามือโดย
หยุนเช่อ แม้จะมีช้ นั ผ้าหงสาขวางกั้น สัมผัสอ่อนโยนนุ่มนวล
อย่างเหลือเชื่อยังคงซาบซ่านไปทัว่ ทั้งฝ่ ามือของชายหนุ่ม ส่ งให้
ทั้งร่ างของมันตื้อมึนไปชัว่ ขณะ
“อื้ออ…” เด็กสาวให้ออ้ มแขนของชายหนุ่มส่ งเสี ยงคราง
ออกมาอย่างเขินอาย หยุนเช่อเองก็ตระหนักได้ถึงสิ่ งที่มนั สัมผัส
โดน เพียงเมื่อมันอยากจะรี บย้ายมือออกไป เงาดําอันนําพามาซึ่ง
สายลมพายุกพ็ งุ่ ตวัดข้ามฝั่งเข้ามาจากทางเบื้องหลัง…มันคือหาง
อันน่าตื่นตะลึงของเจ้างูยกั ษ์สามหัว!
สามหัวอสรพิษและหนึ่งหางซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้อย่าง
เป็ นเอกเทศ เผชิญหน้ากับเหล่าสามหัวอสรพิษนี้ หยุนเช่อรู ้สึก
ราวกับมันกําลังประจันหน้ากับศัตรู สี่ตวั ยิง่ กว่านั้น มันยังเป็ น
ศัตรู ท้ งั สี่ ที่มีความเร็ วเหนือกว่ามันไปอย่างสิ้ นเชิง ชายหนุ่มไม่มี
โอกาสได้หายใจ ดวงตาของหยุนเช่อจดจ่อ โดยไม่ใส่ ใจสิ่ งใด
ทั้งสิ้ น มันพลันคว้าจับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไว้แน่น ฝ่ ามือของมันเองก็
บีบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตวั …ทันใดนั้นเอง นิ้วทั้งห้าของมันก็จมลึก
ลงไปในก้อนนิ่มละมุนนุ่มลื่นอีกครา (O_O!!)
“อ๊า…”
ทําลายจันทร์ ดบั ดารา!!
ทั้งเสี ยงร้องอย่างสะดุง้ ของเด็กสาวและเสี ยงบดขยี้ดงั ขึ้น
พร้อม ๆ กัน หางของเจ้างูยกั ษ์ถูกฟาดกระเด็นไปด้วยทัณฑ์มงั กร
หยุนเช่อเองก็ถูกซัดกระเด็น ซวนเซอยูก่ ว่าสิ บก้าวจึงจะตั้งหลักได้
เกือบจะได้หน้าทิ่มลงไปกับพื้น
“พี่ใหญ่หยุน…มือ…ท่าน…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้องครางขึ้น
แผ่วเบาราวกับเสี ยงยุง ร่ างกายอันไร้พลังของนางดิ้นเล็กน้อย หยุ
นเช่อรี บเลื่อนมือออกแล้วจับไว้ที่เอวของเด็กสาว “เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้า
ไม่ได้ต้ งั ใจ…”
งูยกั ษ์สามหัวมิให้เวลาใด ๆ กับหยุนเช่อทั้งสิ้ น เจ้างูยกั ษ์ที่
ระดมโจมตีอย่างต่อเนื่องโกรธเกรี้ ยวลึก ร่ างใหญ่ยกั ษ์ของมันยาม
นี้แผ่ยดื เต็มเหยียด ประมาณได้ยาวมากกว่าสามสิ บเมตร เขี้ยวร้าย
จากหัวทั้งสามยักษ์ท้ งั สามพุง่ ลงมาจากฟ้าอย่างพร้อมเพรี ยง ฉก
กัดเข้าใส่หยุนเช่อ
หยุนเช่อใช้เทพดาราแยกเงาและพลันหลบหลีกถอยหลังมา
จากนั้นจึงทวนการเคลื่อนไหวเช่นก่อนหน้า ชายหนุ่มโยนร่ างบาง
อันน่ารักน่าชังของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ข้ ึนไปบนอากาศอีกครา และคว้า
จับทัณฑ์มงั กรด้วยสองมือขณะที่แววตาของชายหนุ่มกลายเป็ น
สุ ดแสนมืดมิด เจ้าอสรพิษยักษ์นี่ช่างเป็ นปัญหาใหญ่นกั ถ้าไม่ไล่
มันไป มันแทบจะเป็ นไปไม่ได้เลยที่จะสลัดมันให้หลุด!
“ทัณฑ์อสู รโลกันต์!”
ดวงตาของหยุนเช่อพลันวาวแสงสี แดง กลิ่นอายจากทั้งร่ าง
ของชายหนุ่มกลายเป็ นโหมกระหนํ่าดัง่ ลาวาในทันที
“ระบําหงส์เพลิงฟ้าสบายปี ก!!”
ทั้งร่ างของหยุนเช่อลุกไหม้ดว้ ยเปลวไฟ ชายหนุ่มพลันพุง่
ออกไปและจ้วงแทงใส่ หวั อสรพิษทั้งสามในทันที โจมตีเข้าใส่
ร่ างของมันอย่างอํามหิ ต
ตูม!!
เสี ยงระเบิดกัมปนาทดังตามมาจากเคลื่อนเปลวเพลิง
อสรพิษสามหัวส่ งเสี ยงกรี ดร้องน่าอนาถหาใดเทียบขณะที่มนั ถูก
ซัดกระเด็นไปราวกับพายุสลาตัน หยุนเช่อพลิกกลับมายัง
ตําแหน่งเดิมโดยคลื่นเสี ยง แสงสี น้ าํ เงินวาบประกายที่เบื้องหลัง
ของชายหนุ่ม เงาร่ างของเทพหมาป่ าสวรรค์ส่งเสี ยงหอนสู่ ทอ้ งฟ้า
เทพหมาป่ าผ่ าปฐพี!!
ตามการตวัดกระบี่ทณั ฑ์มงั กรอย่างหนักหน่วง เงาร่ างเทพ
หมาป่ าสวรรค์พงุ่ ทะยานออกไป ฉี กผ่านห้วงอากาศ กระโจนเข้า
ใส่ ร่างของอสรพิษสามหัวอย่างโหดเหี้ ยม ส่ งร่ างยักษ์ให้หมุนควง
กลางอากาศราวกับลูกข่าง เลือดอสรพิษสี ดาํ สนิทสาดกระจายใน
ห้วงเวหา
หลังจากการขยายพลังด้วยทัณฑ์อสู รโลกันต์ที่กินพลัง
มหาศาลและใช้กระบวนท่าใหญ่ไปอีกสองท่าอย่างต่อเนื่อง ร่ าง
ของหยุนเช่อคล้ายกับประสบเข้ากับสภาวะตึงเครี ยดอย่างหนัก
หนา หลังจากปลดปล่อยเทพหมาป่ าผ่าสวรรค์ ชายหนุ่มซวนเซ
ถอยหลังด้วยเพราะการล่าถอยทําให้เขาเบี่ยงหลุดมาจากตําแหน่ง
ที่เขาคาดการณ์ให้ตกลงมาเอาไว้ ณ จุดนี้เอง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตกลง
มาจากฟ้า ชายหนุ่มควบคุมสมดุลร่ างกายตัวเองอย่างงุ่มง่าม
ทะยานร่ างขึ้นไปรับเด็กสาวไว้จากการตกลงและกอดนางไว้แน่น
จากนั้นจึงอุม้ นางไว้ คุม้ ครองเด็กสาวไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
“พี่ใหญ่หยุน…มือท่าน…”
เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ช่างนุ่มนวลระรื่ นหู หากยังมีเสี ยง
สะอื้นคลุมเครื อ หยุนเช่อคว้าจับเอวบางประณี ตไว้แน่นด้วยมือ
หนึ่ง ส่ วนอีกมือนั้นคว้าจับอยูบ่ นก้อนเนื้อเรี ยบลื่น…ชายหนุ่ม
มองลงไปแล้วดวงตาก็สน่ั ไหวอย่างรุ นแรง เพราะมือข้างนั้นมัน
ดันสอดเข้าไปใต้อาภรณ์หงสาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ทั้งยังถูกหนีบไว้
ด้วยเรี ยวขาขาวดัง่ หิมะของหญิงสาวอย่างแนบแน่น และมือของ
มันก็ฉาบฉวยไปยังบริ เวณต้องห้ามนั้นของเด็กสาว ( I
หยุนนนน!!!!!)
“%~! $#@…” หยุนเช่อถอนมือของมันกลับมาไวปาน
สายฟ้า ไม่วา่ มันจะมีเชาว์ปัญญาเพียงใด มันก็ยงั ช่วยไม่ได้แต่ตอ้ ง
หน้าเสี ยแล้วว่าอย่างลนลาน “ข้าขอโทษ…เสวีย่ เอ๋ อร์ ข้าไม่ได้
ตั้งใจ…ไม่ได้ต้ งั ใจอย่างแน่นอน…”
ก่อนหน้านี้ มันไปคว้าจับหน้าอกนางเสี ยแน่น คราวนี้…
กระทั้งตัวหยุนเช่อเอง มันยังไม่อาจเชื่อได้วา่ นัน่ เป็ นการกระทําที่
ไม่จงใจ
“ข้ารู ้…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อซบใบหน้าขาวดัง่ หิ มะลงไปกับแผ่
นอกของหยุนเช่อ รอยแดงลามตั้งแต่หูไปจนลําคอของเด็กสาว
“แต่พี่ใหญ่หยุน…แย่จริ ง ๆ เลย…”
“…” หลังจากได้ยนิ ว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่โกรธเคือง หยุนเช่อ
ถอนหายใจอย่างโลกอกอยูภ่ ายในใจ ชายหนุ่มอุม้ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
อีกครั้ง สัมผัสอันพิเศษยังคงตกค้างอยูบ่ นฝ่ ามือของชายหนุ่มไม่
หายไปไหน ทําให้หวั ใจของมันสัน่ ไหวไม่หยุดหย่อน
ห่างไกลออกไป เจ้างูยกั ษ์ซ่ ึงถูกหยุนเช่อซัดกระเด็นมาไกล
ในที่สุดมันก็ทาํ ให้ตวั เองสงบลงได้และไม่โจมตีเข้าใส่ หยุนเช่อ
ต่อ ดวงตาดุร้ายทั้งหกดวงของมันมองเข้าใส่ หยุนเช่อหากแต่
ร่ างกายอันใหญ่โตของมันนั้นล่าถอย หนีไปด้วยความเร็ วอันน่า
ตระหนก มันหายไปจากครรลองจักษุของหยุนเช่ออย่างรวดเร็ ว
“เจ้ามีปัญหาแล้ว”
เมื่องูยกั ษ์หนีไป หยุนเช่อเพียงเริ่ มจะผ่อนคลายเมื่อเสี ยง
อึมครื มดังขึ้นมาใจ ชายหนุ่มชะงักไปชัว่ ครู่ เมื่อมันอยากจะไถ่
ถามจัสมิน มันพลันตระหนักได้ถึงบางอย่างแล้วเร่ งหันกลับไป
ชายหนุ่มมีความรู ้สึกคลุมเคลือที่รุนแรงอย่างไร้ที่เปรี ยบ
และกลิ่นอายกําลังมุ่งตรงมาทางพวกมันด้วยความเร็ วสู งสุ ด อย่าง
ช้า ๆ ภายในครรลองสายตาของชายหนุ่ม…จุดสี ขาวลาง ๆ
ปรากฏขึ้นมา ยิง่ กว่านั้น มันยังใหญ่และใหญ่ข้ ึนด้วยความเร็ วอัน
น่าตื่นตระหนก เข้ามาใกล้ข้ ึนเรื่ อย ๆ และเรื่ อย ๆ
“เย่ซิงหาน!!”
สี หน้าของหยุนเช่อเปลี่ยนพลันขณะที่ชายหนุ่มกัดฟัน
กรอด…มันยังคงถูกตามทันได้ในท้ายที่สุด! ชายหนุ่มกําหมัด
จากนั้น ด้วยความเร็ วสู งสุ ด มันมุ่งหนีไปทางด้านหน้าอย่าง
รวดเร็ ว
“เจ้าหนีมนั ไม่พน้ หรอก” จัสมินเอ่ยเสี ยงเบา “เจ้าเห็นมัน
ซึ่ งก็หมายความว่ามันเองก็เห็นเจ้า ที่นี่กเ็ ป็ นเพียงส่ วนดินแดนอัน
ว่างเปล่า ด้วยความเร็ วของเจ้า มันเป็ นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะหนีมนั
พ้น…ทางเลือกที่ดีที่สุดของเจ้าก็คือใช้ศิลาหยกที่เซี่ยหยวนป้าให้
เจ้ามาเพื่อหนีไปจากที่นี่ในทันที หรื อไม่เจ้าก็จะต้องตายอย่าง
แน่นอน!”
“เจ้าเคยเห็นข้าทอดทิ้งสตรี แล้ววิง่ หนีดว้ ยงั้นรึ !” หยุนเช่อ
กัดฟันพลางกล่าวพูด
“…”
“นี่ไม่ตอ้ งแม้แต่พดู ถึงเลยว่าเสวีย่ เอ๋ อร์เคยช่วยชีวติ ข้ามา
ก่อน…แม้นางจะไม่เคยช่วยข้ามาก่อน ข้าจะไม่อาจปล่อยให้นาง
ถูกผูอ้ ื่นทําร้ายได้!”
“หึ ” นํ้าเสี ยงของจัสมินเปี่ ยมไปด้วยความดูแคลน “มันควร
จะมีขีดจํากัดบ้างหากเจ้าคิดจะเล่นเป็ นวีรบุรุษ เย่ซิงหานเป็ น
ราชันทรราชย์ข้นั กลาง เจ้าคิดเหรอว่าแม้เจ้าจะเอาชีวติ ไปแขวน
บนเส้นด้ายแล้วเจ้าจะสามารถช่วยนางได้? เห็น ๆ อยูว่ า่ เจ้ากําลัง
ส่ งตัวเองไปตาย!”
“ยังไงข้าก็ตอ้ งลอง!”
“…”
บทที่ 464 บทเพลงแห่ งพิธีศพบุปผา

ความเร็ วของของหยุนเช่อนั้นถือว่าเร็ วมากแล้ว ทว่าเมื่อ


เทียบกับเย่ซิงหาน มันก็ยงั คงช้าเกินไปอยูด่ ี ระยะห่างระหว่าง
พวกมันหดสั้นลงมาอย่างรวดเร็ ว ภายในชัว่ สิ บลมหายใจ มันก็
เหลือเพียงสามร้อยเมตร หยุนเช่อโอบกระชับร่ างเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
พลางกัดฟันแน่น ความคิดต่างๆ หมุนวนอยูใ่ นใจณะที่มนั เค้น
สมองหาวิธีหลบหนีดว้ ยความหวาดวิตก ชัว่ ขณะนี้เอง จู่ๆ มันก็
รู ้สึกว่าการจับจ้องมาที่มนั นั้นหายไปอย่างกะทันหัน และกระทัง่
ความรู ้สึกถึงอันตรายก็ลดลงไปครึ่ งหนึ่งเช่นกัน
หยุนเช่อเร่ งหันกลับไปมอง แล้วก็ตอ้ งตื่นตะลึงเมื่อเห็นร่ าง
สี ขาวราวกับหิ มะร่ างหนึ่งกําลังลอยลงมาจากกลางอากาศ มาขวาง
หน้าเย่ซิงหานไว้ รังสี อนั ทรงพลังได้ผนึกตัวตนและปิ ดเส้นทาง
เบื้องหน้าของเย่ซิงหานไว้อย่างเข้มแข็ง
เป็ น… จีเชียนหลัว ?
หยุนเช่อรู ้สึกผ่อนคลายลงในทันใด มันสู ดอากาศหายใจ
เฮือกใหญ่ และก็เร่ งฝี เท้าทะยานตรงไปข้างหน้าอีกครั้งในทันที
“ว่าไงจ๊ะ หานหานน้อย เจ้ากําลังรี บไปไหนกัน ? ข้าก็กาํ ลัง
เบื่อๆ ไม่มีอะไรทําพอดีเหมือนกัน อยากให้ขา้ ช่วยอันใด
หรื อไม่ ?” จีเชียนหลัวหมุนนิ้วตนเองเล่น ขยิบตาที่หวานเป็ น
ประกาย และมองเย่ซิงหานยิม้ ๆ รัศมีที่แผ่ออกมาจากร่ างมันนั้น
ไร้แบบแผน แต่กผ็ นึกกั้นเส้นทางของเย่ซิ่งหานได้อย่างสมบูรณ์
จนมันไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่กา้ วเดียว
ชัว่ ขณะที่เห็นจีเชียนหลัวปรากฏตัว เย่ซิงหานก็รู้สึกได้ถึง
ปัญหา ด้วยบุคลิกลักษณะของจีเชียนหลัวแล้ว มันย่อมไม่อาจ
ปิ ดบังแรงจูงใจใดๆ ของตนจากจีเชียนหลัวได้อย่างแน่นอน กอร
ปกับการที่มนั มาปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่ประจวบเหมาะเช่นนี้
เป็ นไปได้อย่างยิง่ ที่มนั จะแอบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว
เย่ซิงหานกล่าวด้วยสี หน้ามืดครึ้ ม “จีเชียนหลัว หลีกไปเดี๋ยวนี้
อย่ามาทําลายความสุ ขข้า”
“ตายแล้ว หานหานน้อยช่างดุร้ายยิง่ นัก” จีเชียนหลัวแสดง
ท่าทางหวาดกลัวเหมือนไม่ได้รับความเป็ นธรรม แต่หลังจากนั้น
ใบหน้างดงามราวกับดอกท้อก็สดใสขึ้นมาอีกครั้งในพริ บตา
“ทว่าสี หน้ากราดเกรี้ ยวของหานหานน้อยดูน่ารักจริ งๆ และข้าก็
อดไม่ได้ที่ปรารถนาจะลูบคลํามัน… หานหานน้อย ยืน่ หน้ามา
ตรงนี้ และให้ขา้ ได้ลูบคลํามันสักครั้งเถอะ”
“เจ้า…” เย่ซิงหานร่ างสัน่ สะท้าน และก็อดไม่ได้ที่จะก้าว
เท้าถอยหนี แต่แล้วก็พลันขบฟันแน่นกล่าวว่า “จีเชียนหลัว ข้า
รู ้สึกอยูน่ านแล้วว่ากําลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่ และก็เป็ นเจ้า
ดังที่คาดคิด พวกเราต่างก็เป็ นคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นไม่
จําเป็ นต้องกล่าวอันใดให้มากความ ! เจ้าคงรู ้ดีวา่ ข้ากําลังไล่ตาม
ผูใ้ ดอยู่ ดังนั้นจงรี บไปซะ ถือว่าข้าเย่ซิงหานเป็ นหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง !
หาไม่แล้ว… ฮึ่ม ! เจ้ากับพรรคเทพหงสาเองก็มิได้มีความสัมพันธ์
อันใดต่อกัน มันไม่คุม้ กันหรอกกับการที่เจ้าจะมาเป็ นศัตรู
คู่อาฆาตกับข้าเพียงเพื่อพรรคที่จะต้องล่มสลายในไม่ชา้ พรรค
หนึ่ง !”
“พรรคเทพหงสางั้นหรื อ ?” จีเชียนหลัวกรอกตา (เบ้ปาก
มองบนด้วย… แอ๊ดติ้งต้องมาขุ่นแม่ !) จากนั้นก็หวั ร่ อคิกคัก “เจ้า
กําลังหมายถึงเด็กสาวจากพรรคเทพหงสาผูน้ ้ นั หรื อ ? เด็กสาวผู ้
นั้นน่ารักจริ งๆ แต่นางจะเป็ นหรื อตายก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้าแม้แต่
น้อย ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันน่าสนุกที่ได้ดูเจ้ากับเช่อเช่อน้อยเล่นแมว
จับหนู ดังนั้นข้าจึงอดที่จะกระโดดเข้ามาร่ วมวง และช่วยเพิ่ม
ความยากในการเล่นสนุกนี้เล็กน้อยไม่ได้ มันจะได้ยงิ่ สนุกมาก
ขึ้นไง ยูโนวว~!”
“หยุนเช่อ ?” เย่ซิงหานขมวดคิ้วด้วยความงุนงงสงสัยยิง่
เนื่องจากสาเหตุที่จู่ๆ จีเชียนหลัวมาปรากฏตัวตรงหน้าและหยุด
มันไว้อย่างเต็มกําลัง หาใช่เพราะเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ แต่เป็ นหยุนเช่อ
ถึงแม้เย่ซิงหานจะมีอาวุธลมปราณทรราชย์ มันก็ยงั ไม่ใช่คู่
ต่อสู ข้ องจีเชียนหลัวอย่างแน่นอน หากว่าจีเชียนหลัวต้องการจะ
วางกับดักเย่ซิงหาน แม้แต่มนั ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือจีเชียนหลัว
ไปได้ มันกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงเคร่ งขรึ ม “หยุนเช่อมันให้
ผลประโยชน์อนั ใดกับเจ้างั้นรึ ? ราชันจักรพรรดิปีศาจหน้าหยกผู ้
ทรงพลังถึงได้ทาํ งานให้กบั เจ้าสารเลวจากวายุครามผูท้ ี่อายุยงั ไม่
ถึงยีส่ ิ บด้วยซํ้า ! ช่างน่าขันนัก”
“ทํางานให้ ? หานหานน้อย เจ้าเข้าใจผิดแล้วน๊า” จีเชียน
หลัวหมุนนิ้วตนเองไปรอบ “ข้าบอกแล้วว่าข้าก็แค่อยากเข้าร่ วม
เล่นสนุกกับหานหานน้อยและเช่อเช่อน้อยก็เท่านั้น ยังเหลือเวลา
อีกยีส่ ิ บชัว่ โมงกว่าเขตแดนนี้จะปิ ดลง ถ้าการละเล่นนี้จบเร็ ว
เกินไป ภายในไม่กี่ชวั่ โมงข้างหน้าเราก็จะไม่มีอะไรให้เล่นอีกนะ
สิ น่าเบื่อจะตายรู ้ไหม หื้ อ—”
จีเชียนหลัวยกมือขวาขึ้น กลีบดอกไม้สีแดงงดงามกลีบ
หนึ่งก็ถูกคีบอยูร่ ะหว่างนิ้วขาวราวหิ มะของมันตั้งแต่เมื่อใดก็มิ
อาจทราบได้ ด้วยการขยับนิ้วเบาๆ พลันกลีบดอกไม้น้ นั ก็ค่อยๆ
ลอยไปทางเย่ซิงหาน ราวกับว่ามีสายลมบางเบาพัดพามันไป เมื่อ
มันเข้าไปใกล้เย่ซิงหานในระยะประมาณสามร้อยเมตร ความเร็ ว
ของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทะหัน และทันใดนั้นมันก็พงุ่ ไปราวกับ
ลูกกระสุ น ทิ้งเส้นเงาสี แดงเป็ นทางยาวไว้ในอากาศอยูพ่ กั ใหญ่
เย่ซิงหานขยับศีรษะตนเองเล็กน้อย และกลีบดอกไม้น้ นั ก็ดู
เหมือนจะปลิวผ่านลําคอมันไปพอดี รังสี อาํ มหิ ตเย็นยะเยือกที่
ปรากฏอยูเ่ พียงครู่ เดียวนั้นทําให้หวั ใจของมันหยุดเต้นไปชัว่ ขณะ
มันพยายามรักษาสี หน้าสงบเยือกเย็นไว้อย่างเต็มสุดกําลัง และ
กล่าวด้วยเสี ยงเข้มว่า “เจ้าต้องการจะสังหารข้างั้นรึ ?”
“ตายแล้ว คําพูดของหานหานน้อยช่างน่ากลัวนัก ข้าจะฝื น
ใจสังหารหานหานน้อยได้อย่างไร ?” จีเชียนหลัวส่ ายหัวปฏิเสธ
ด้วยสี หน้าหวาดวิตก… แน่นอนว่ามันมีความสามารถที่จะสัง
หานเย่ซิงหาน ซํ้า มันยังสามารถเข่นฆ่าผูค้ นโดยไม่ทิ้งร่ องรอย
ใดๆ ไว้ในเขตแดนนี้แม้แต่นอ้ ย ทว่าจีเชียนหลัวก็ทราบดีวา่ บน
ร่ างกายของเย่ซิงหานนั้นย่อมมีตราประทับวิญญาณที่เย่เม่ยเสี ย
ราชันจักรพรรดิสวรรค์แห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทราเป็ นผูป้ ระทับ
ไว้ดว้ ยตนเอง ทันทีที่เย่ซิงหานเสี ยชีวติ ความทรงจําและภาพที่มนั
เห็นในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเสี ยชีวติ นั้นจะถูกส่ งไปที่จิตวิญญาณ
ของเย่เม่ยเสี ย ในทันที ทําให้มนั รู ้วา่ ใครเป็ นผูส้ งั หารเย่ซิงหาน
แม้วา่ จีเชียนหลัวจะหยิง่ ยะโส ทว่ามันก็ไม่บา้ ถึงขั้นจะไป
กระตุน้ ให้เทพราชันเกิดเจตนาสังหาร และความตายของเย่ซิง
หานก็จะไม่เพียงทําให้เกิดความอาฆาตแค้นส่ วนตัว แต่มนั จะทํา
ให้เกิดความแค้นระหว่างวิหารเทพสุ ริยนั จันทราและวังเจ้าสมุทร
โดยรวม
“แต่หากหานหานน้อยไม่เชื่อฟัง ในฐานะผูอ้ าวุโส ข้าก็ควร
จะให้บทเรี ยนแก่เจ้าเล็กน้อยมิใช่หรื อ เจ้าไม่เห็นด้วยอย่างนั้น
หรื อ หานหานน้อย~?” จีเชียนหลัวกล่าวยิม้ ๆ
เย่ซิงหานกําหมัดแน่น อกมันแทบระเบิดออกด้วยความ
โกรธแค้น ก่อนหน้านี้เหยือ่ ของมันยังอยูต่ รงหน้าแท้ๆ มันกําลัง
จะได้ร่างกายและสายเลือดของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มาแล้ว… สายเลือด
ของเสวีย่ เอ๋ อร์นี่แหล่ะที่จะมีส่วนช่วยอย่างมหาศาลทําให้มนั
กลายเป็ นผูป้ กครองทั้งทวีปลมปราณฟ้าในอนาคต ไม่วา่ จะ
อย่างไรก็ตามมันเป็ นสิ่ งที่มนั จะต้องได้มา แต่แล้วเจ้าจีเชียนหลัว
นี่… ก็ดนั โผล่ออกมาในตอนสําคัญ !
“จีเชียนหลัว ปกติแล้วข้าก็นบั ถือเจ้าในฐานะผูอ้ าวุโส
ดังนั้นจึงมีมารยาทต่อเจ้าเสมอมา ข้าเห็นแก่หน้าเจ้า… ฉะนั้นทาง
ที่ดีเจ้าก็ควรเห็นแก่หน้าข้าเช่นกัน !” หลังจากแน่ใจว่าจีเชียนหลัว
ต้องไม่สงั หารมันอย่างแน่นอน เยซิงหานก็เสี ยงกร้าวขึ้นมาทันที
แม้วา่ ในใจจะยังหวาดวิตก มันต้องการใช้ตวั ตนและพลังอํานาจ
ของมันในฐานะนายน้อยแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อสะกดข่มอีกฝ่ าย
“ตายแล้ว…” จีเชียนหลัวยังคงมีสีหน้ายิม้ แย้ม คําพูดนั้นจะ
ทําให้มนั หวาดกลัวได้อย่างไร ? ” รู ้หรื อไม่วา่ ใบหน้าที่สมบูรณ์
แบบของข้านี้เป็ นสิ่ งสําคัญสุ ดในชีวติ ข้า เป็ นสิ่ งที่ขา้ จะขาดมิได้
แต่กบั ใบหน้าเหม็นหึ่ งของหานหานน้อยนั้น… ข้าหาต้องการไม่”
“เจ้า…”
เย่ซิงหานเพียงสามารถเปล่งวาจาออกจากปากได้เพียงคํา
เดียว จากนั้นในชัว่ พริ บตา ร่ างของมันพลันเคลื่อนไหว ประกาย
แสงพลังยุทธ์สองสายจรัสขึ้น ก่อนมุ่งเป้าไปยังจีเชียนหลัว
“กรงสุ ริยนั จันทรา!!”
ชัว่ วินาทีที่เย่ซิงหานลงมือ มันก็ใช้ออกด้วยผนึกที่ทรงพลัง
แข็งแกร่ งที่สุดของวิหารเทพสุริยนั จันทราโดยทันที เห็นได้ชดั ว่า
มันพยายามฉกฉวยโอกาสที่จีเชียนหลัวยังไม่ทนั ระวังตัวชิงลงมือ
ผนึกการเคลื่อนไหวฝ่ ายตรงข้ามก่อน
เมื่อพบพานการจู่โจมโดยไม่คาดหมายจากเย่ซิงหาน สี หน้า
ของจีเชียนหลัวนิ่งสงบไร้ระลอก กระทัง่ มุมปากที่บิดโค้งอย่าง
สง่ามงามเสมอมายังไม่ขยับเคลื่อนไหว มีเพียงนิ้วเรี ยวงามทั้งสอง
ที่หมุนควงเป็ นวงอย่างนุ่มนวลเท่านั้น กลีบบุปผาสี ชาดพลัน
กระพือเวียนว่อนทั้งซ้ายขวา
ชิ ง้ ! ชิ ง้ !
เมื่อประกายพลังยุทธ์ที่บรรจุพลังผนึกหนักหน่วงมหาศาล
ปะทะเข้ากับกลีบบุปผาอันบอบบางทั้งสอง ต่างแตกโพละออก
ราวฟองสบู่ในทันที พร้อมทั้งแบ่งแยกออกเป็ นสองฟากข้าง ก่อ
เกิดพลังลมมรสุ มป่ วนปั่นอันร้ายกาจสองลูก จีเชียนหลัวที่อยุ่
ระหว่างกลางลมมรสุ มทั้งสอง มิเพียงชายเสื้ อ กระทัง่ เส้นผมสัก
เส้นยังไม่ขยับ มันยืดเหยียดดรรชนีท้งั ห้าออก บนปลายนิ้วแต่ละ
นิ้วปรากฏประกายแสงสี แตกต่างกันห้าสี เรื่ อเรื อง ดูไปงดงาม
อย่างยิง่ ดวงตาดอกท้อของมันปิ ดสนิท คนเอ่ยวาจาออกมาด้วย
รอยยิม้ อ่อนโยน “อย่างที่คิด หานหานน้อยช่างไม่เชื่อฟังวาจา
เช่นนั้น ผูอ้ ื่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสัง่ สอนบทเรี ยนสัก
เล็กน้อย ดีม้ ยั ~”
“จีเชียนหลัว อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้า! ข้าก็อยากจะรู ้วา่ เจ้าจะ
ทําอะไรข้าได้เหมือนกัน!” ดวงตาเย่ซิงหานมืดมิดสะท้อน
ประกายเหี้ ยมเกรี ยม พัดสุ ริยนั จันทราวิบตั ิในฝ่ ามือกางออก คลื่น
พลังทัง่ ร่ างระเบิดออกมาเป็ นพลังยุทธ์แข็งแกร่ งสุดต้านทานราว
มหาคลื่นยักษ์
“หยินหยางเสื่ อมสูญ…ตาย!!”
รังสี ยทุ ธ์หนึ่งขาวหนึ่งดําพุง่ ออกมาจากสุ ริยนั จันทราวิบตั ิ
ก่อนจะรวมตัวกลางอากาศ เคลื่อนเข้าหาร่ างของจีเชียนหลัว
พร้อมทั้งห้วงมิติที่บิดเบี้ยวตามกระแสพลังที่พงุ่ ผ่าน
จีเชียนหลัวยังคงมีทีท่านิ่งสงบแม้เมื่อเผชิญท่าไม้ตาย เขา
ขยับนิ้วอย่างนุ่มนวล ปลายนิ้วทั้งห้าบิดหมุน ประกายแสงที่ปลาย
นิ้วทั้งห้าผสานเข้าหากัน ก่อกําเนิดภาพสี สนั ละลานตาพร่ าพราย
“หานหานน้อย ขอให้เจ้าจงสําราญใจไปกับ บทเพลง-พิธี-ศพบุป
ผา..ละกันนะ?”
ทันทีที่คาํ พูดสุ ดท้ายหลุดออกจากปาก รัศมีหลากสี สนั ที่
ปลายนิ้วทั้งห้าของจีเชียนหลัวเจิดจ้าขึ้น ในชัว่ พริ บตา กลีบบุปผา
สี เหลือง แดง ชมพู เขียว ฟ้า ขาว นํ้าตาล..มากมายหลายหลากพัด
พลิ้วกระจัดกระจาย ราวกับบุปผาสายรุ ้งที่พลันร่ วงหล่นลงมา
ก้อนพลังหยินหยางประสานตรงเข้าใส่ พริ ุ ณบุปผาที่กาํ ลัง
ร่ วงหล่นเต็มท้องฟ้า จากนั้น คลื่นพลังกลับยิง่ มายิง่ หดเล็กลง…
ก่อนจะหายไปจนไร้ร่องรอยเมื่ออยูใ่ นระยะสองสามเมตรจากร่ าง
จีเชียนหลัว
อันตรธานหายไปอย่างหมดจดโดยไร้สรรพสําเนียงใด
“อะ…อะไร!?”
เย่ซิงหานเคยได้ฟังคํารํ่าลือมากมายถึงความน่าพรั่นพรึ ง
ของจีเชียนหลัว หากทั้งสองไม่เคยประมือกันมาก่อน ดังนั้น ชาย
หนุ่มไม่คาดว่ากลีบดอกไม้เหล่านี้จะทรงพลังน่าหวาดหวัน่ ปาน
นี้! ชัว่ เวลานี้เอง กระแสลมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นบุปผชาติ
เข้มข้นพัดม้วนเข้าใส่ ร่างของเย่ซิงหาน กวาดล้อมคลื่นมวล
ดอกไม้ท้ งั หลายมาด้วย นัยน์ตาเย่ซิงหานหดลีบ ชายหนุ่มล่าถอย
ไปหลายก้าวโดยทันที ทว่า เพียงเมื่อก้าวขาไปด้านหลังหนึ่งก้าว
พลังกรี ดกระชากสุ ดเข้มแข็งสายหนึ่งพุง่ เข้ามาหาจากทาง
ด้านหน้า…หากกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงแล้ว มันมาจากกลีบ
ดอกไม้ทุกกลีบที่พงุ่ เข้ามา! พลังฉี กกระชากมหาศาลที่แอบแฝง
อยูใ่ นกลีบบุปผาแต่ละใบทําให้มนั ต้องรู ้สึกอับจนสิ้ นหนทาง มัน
เพียงสามารถเบิกตากว้างจ้องมองกลีบดอกไม้นบั ไม่ถว้ นพุง่ เข้า
สัมผัสกับร่ างของมันอย่างต่อเนื่อง
บุบผากลีบแรกสัมผัสลงบนไหล่ของ…นัน่ เป็ นเพียงกลีบ
บุบปผาชิ้นหนึ่งอย่างแท้จริ ง ทว่า เย่ซิงหานกลับสามารถสัมผัสได้
ถึงแรงกดดันมหาศาลราวภูผาที่กดทับลงบนไหล่ของตน ส่งผล
ให้ร่างที่ลอยอยูก่ ลางอากาศของมันต้องจมลง จากนั้น กลีบที่สอง
สาม สี่ ห้า… บุบผายิง่ มายิง่ มากท่วมทับลงบนร่ างของมัน แต่ละ
กลีบที่ตอ้ งตกลงมา ร่ างของมันยิง่ จมลงสู่ เบื้อง
ล่างรวดเร็ วยิง่ ขึ้น หลังผ่านไปเพียงสิ บกว่าครา มันกระทัง่
บินยังไม่อาจบินได้ ร่ างร่ วงหล่นลงจากกลางอากาศอย่างรุ นแรง
และแม้จะเท้าสัมผัสพื้นแล้ว พลังกดดันจากกลีบบุปผาที่กด
ทับลงมายังไม่อนุญาตมันยืนตรง กลับกระแทกกระทั้นลงอีกจน
มันต้องทรุ ดลงคุกเข่า…ท้ายที่สุด กระทัง่ ร่ างท่อนบนของมัน
ทั้งหมด ยังถูกกดลงบนพื้นดินเย็นเยียบแข็งกระด้าง กระทัง่ ศีรษะ
ยังเงยไม่ข้ ึน
“จี…เชียน…หลัว..!!!” ศีรษะของเย่ซิงหานแนบลงกับพื้น
มันคํารามเสี ยงแหบแห้ง “ข้าไม่มีทางอภัยให้เจ้า วันใดที่เจ้าตกอยู่
ในเงื้อมมือของข้า ข้า…” กลีบดอกไม้กลีบหนึ่งกระแทกเข้าใส่ ริม
ฝี ปากของเย่ซิงหาน ปิ ดกั้นริ มฝี ปากของมันมิให้เปล่งวาจาใดได้
จีเชียนหลัวสัน่ ศีรษะก่อนกล่าววาจาด้วยทีท่ารักใคร่ เอ็นดูยงิ่ “เด็ก
น้อย ไม่วา่ อย่างไรล้วนฉุนเฉียวโดยง่ายดาย กระทัง่ ยามนี้ ยังกล้ามี
ปากเสี ยงกับข้า ไม่กลัวว่าหากข้าบันดาลโทสะ อาจตัดศีรษะเจ้า
ออกโดยไม่ต้ งั ใจ…เมื่อใดที่ศีรษะหลุดออกจากร่ าง โลหิ ตจะ
ทะลักออกจากลําคอ ฉี ดพุง่ กระจายเต็มท้องฟ้า…โอ้…นัน่ ช่างเป็ น
ภาพงดงามถึงเพียงไหน เป็ นทัศนียภาพอันน่าหลงใหลที่สุดใน
แดนมนุษย์”
กลีบบุปผายังคงร่ วงหล่นลงมาไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางกลีบบุป
ผาทั้งหมด เป็ นกองดอกไม้สุมซ้อนกันขึ้นมาไม่สูงมากนัก ภายใน
กลุ่มก้อนบุปผาที่ทบั ถม เป็ นร่ างของเย่ซิงหานที่ถูกท่วมทับอยู่
ภายใต้ ไม่อาจมองเห็นแม้แต่เสื้ อผ้าเล็ดรอดออกมา
ร่ างของจีเชียนหลัวค่อยลอยสู งขึ้นกลางอากาศ มันกล่าว
พึมพําต่อตนเอง “ข้ารู ้สึกยํา่ แย่ทุกคราเวลาที่ตอ้ งติดค้างผูอ้ ื่น ยาม
นี้นบั ว่าจ่ายค่าตอบแทนเรี ยบร้อยแล้ว ไม่ทราบหานหานน้อยจะ
ถูกกดทับไว้นานเท่าใด…อืมม์ หากสุ ดท้ายเช่อเช่อน้อยถูกหา
นหานน้อยจับได้ เช่นนั้นย่อมไม่ถือว่าเป็ นความผิดของข้าเช่นกัน
โฮะโฮะโฮะโฮะ..”
บทที่ 465 ป้อมปราการโบราณเสี ยดฟ้า

จีเชียนหลัวปรากฏตัวขึ้นเพื่อยับยั้งเย่ซิงหาน นี่เป็ นเรื่ องน่า


ประหลาดใจที่คาดไม่ถึงสําหรับหยุนเช่อ
คําพูดและการกระทําของจีเชียนหลัวทั้งหมดล้วนแฝงกลิ่น
อายของจอมปี ศาจ ทว่าความทระนงของมันมิเพียงปรากฏชัดบน
ใบหน้า แต่ยงั ฝังลึกลงในกระดูกด้วย —- นี่คือภาพประทับของ
จีเชียนหลัวที่อยูใ่ นใจหยุนเช่อ
วันก่อนนี้ หยุนเช่อได้ไปหาจีเชียนหลัวเพื่อเปิ ดฉากการ
สนทนาและช่วยรักษาพิษคางคกรัดจิตวิญญาณที่กวนใจมันมา
นานหลายปี ส่ วนหนึ่งก็เพื่อขอบคุณมันที่ช่วยออกหน้าแทนตอน
อยูท่ ี่สนามประลองนัน่ แต่ที่สาํ คัญยิง่ กว่าก็คือเพือ่ ให้มนั ติดหนี้
บุญคุณตนเอง… เพราะสําหรับบุคคลที่หลงตัวเองและหยิง่ ยะโส
เช่นนั้น เมื่อติดหนี้บุญคุณใคร มันยอมต้องทดแทนบุญคุณอย่าง
แน่นอน
แต่หยุนเช่อไม่คาดคิดว่า มันจะได้รับการตอบแทนจาก
จีเชียนหลัวเร็ วถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม มันรู ้ดีวา่ จีเชียนหลัวจะไม่สงั หารเย่ซิงหาน
แน่ ส่ วนที่วา่ เขาจะสกัดเย่ซิงหานไว้นานเท่าใดนั้น ก็ไม่อาจคาด
เดาได้เช่นกัน ดังนั้นหยุนเช่อจึงไม่รู้สึกผ่อนคลายลงแม้แต่นอ้ ย
ขณะที่ทุ่มเทสุ ดกําลังวิง่ เต็มฝี เท้าพาเสวีย่ เอ๋ อร์จากไป ทิ้งเหงื่อไว้
เป็ นทางยาว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ ว ในโลกที่แห้งแล้งว่างเปล่าแต่
ขณะเดียวกันก็ลึกลับแปลกประหลาดนี้ กระทัง่ เวลาที่เคลื่อน
คล้อยผ่านไปก็ยงั สามารถทําให้ผคู ้ นรู ้สึกสับสนคลุมเครื อได้ หยุ
นเช่อเริ่ มรู ้สึกหมดแรง มันบอกไม่ได้แล้วว่าตนเองวิง่ มานาน
เพียงใด อาจจะเจ็ดถึงแปดชัว่ โมง หรื อสิ บห้าสิ บหกชัว่ โมงก็
เป็ นได้ ความเร็ วของมันเริ่ มลดลงก่อนที่มนั จะหยุดนิ่งอย่าง
กะทันหัน ทรุ ดตัวลงนัง่ กับพื้นและหอบหายใจลึก
ช่วงชีวติ ก่อนหน้านี้ของมันในแดนเมฆคราม การที่ตอ้ ง
หลบหนีอยูเ่ รื่ อยๆ นั้นถือเป็ นเป็ นเรื่ องปกติ ทว่านี่เป็ นครั้งแรกใน
สองชีวติ ที่มนั รู ้สึกถึงอันตรายและแรงกดดันอันมหาศาลถึงเพียง
นี้ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้แห้งแล้งเกินไปจริ งๆ วิชาต่างๆ สําหรับ
ใช้ในการซ่อนตัว แปลงโฉม หรื อแม้แต่ความสามารถในการ
ป้องกันการติดตามล้วนเปล่าประโยชน์ หากที่นี่มีภูเขาหรื อป่ า ต่อ
ให้มนั พาเสวีย่ เอ๋ อร์ไปด้วย มันก็คงหนีรอดจากเย่ซิงหานได้โดย
ไม่เปลืองแรงนัก อย่างคราล่าสุ ดที่ตระกูลอัคคีผลาญฟ้าได้ส่งแปด
ผูอ้ าวุโสที่มีพลังยุทธ์และความเร็ วเหนือกว่ามันอย่างยิง่ มา มันก็ยงั
หลอกล่อเจ้าพวกนั้นให้วงิ่ วนไปมาได้
“พี่ใหญ่หยุน… ท่านเหงื่อออกมากเหลือเกิน…” เฟิ งเสวี่
ยเอ๋ อร์กล่าวด้วยดวงตาที่พร่ ามัว
หยุนเช่อเช็ดหน้าฝากตนเองและหัวร่ อออกมา “สําหรับ
ลูกผูช้ ายแล้ว เหงื่อออกแค่น้ ีไม่ถือเป็ นอันใดได้ ข้าคงได้แต่โทษ
ตัวเองที่ไม่แข็งแรงพอ และหมดแรงเร็ วถึงเพียงนี้”
“ไม่จริ งเลย… พี่ใหญ่ยอดเยีย่ มที่สุด… ยอดเยีย่ มกว่า
ผูใ้ ด…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้พวกเรา…
ปลอดภัยแล้ว ใช่หรื อไม่ ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่กน็ ่าจะปลอดภัยแล้ว” หยุนเช่อกล่าว
ปลอบ
“ดูขา้ งหน้านัน่ !” จู่ๆ จัสมินก็กล่าวขึ้น
หยุนเช่อตั้งสติทนั ทีและรี บเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ตอ้ งตื่น
ตะลึง
ที่เบื้องหน้ามัน แผ่นดินแห้งแล้งว่างเปล่านั้นได้หายไป
กลับมีกาํ แพงสี น้ าํ เงินเข้มตั้งสูงตระหง่านขึ้นมาแทน มันสู ง
จนกระทัง่ บดบังท้องฟ้า และกว้างจนมองไม่เห็นว่าจุดสิ้ นสุ ดของ
มันอยูต่ รงไหน หยุนเช่อไม่อาจมองเห็นขอบเขตของมันทั้งใน
ด้านกว้างและด้านความสู งได้
ตรงหน้ามันนั้นคือประตูศิลาที่เปิ ดกว้างอยูบ่ นกําแพงสี น้ าํ
เงินเข้ม ประตูศิลานี้สูงสามร้อยเมตรกว้างสามร้อยเมตร ส่ วน
บริ เวณอื่นก็ลว้ นเต็มไปด้วยหน้าต่างศิลาที่สูงและกว้างสิ บเมตร
ระหว่างหน้าต่างแต่ละบานมีเพียงกําแพงสี เทาทึบที่เหยียดขยาย
ออกไป จึงมิอาจบอกได้วา่ ด้านหลังกําแพงนั้นมีสิ่งใด
นี่มนั …
หยุนเช่อเงยหน้าขึ้นมอง มันตกอยูใ่ นภวังค์ความคิดครู่ ใหญ่
สําหรับสิ่ งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬารที่มิอาจมองเห็นขอบเขตของ
มันเช่นนี้ ชายหนุ่มควรจะมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนที่
อยูห่ ่างออกไปกว่าร้อยกิโลเมตรแล้ว มิหนําซํ้าสถานที่แห่งนี้ยงั
แห้งแล้วว่างเปล่า จนกระทัง่ สิ่ งก่อสร้างที่เล็กกว่านี้ร้อยเท่าก็ยงั ดู
โดดเด่นและถูกพบเห็นได้ในทันทีอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
ทว่าขณะที่วงิ่ เต็มฝี เท้านั้นมันกลับไม่เห็นของสิ่ งนี้เลย ที่มนั
เห็นก่อนหน้านี้เป็ นแผ่นดินที่แห้งแล้งว่างเปล่าอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
ราวกับว่าสิ่ งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬารนี้โผล่ออกมากลาง
อากาศ !
“จากรู ปลักษณ์ของมัน เป็ นไปได้วา่ มันคือป้อมปราการ
โบราณขนาดมหึ มา !” จัสมินกล่าวอย่างระมัดระวัง “กลิ่นอายของ
มันดูเก่าแก่อย่างที่สุด และมันน่าจะเป็ นสิ่ งก่อสร้างจากยุคบรรพ
กาล อาจเป็ นบางสิ่ งที่เกิดขึ้นพร้อมกับนาวาปราณบรรพกาล
ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นในภายหลัง”
“ทําไมก่อนหน้านี้ขา้ ถึงไม่เห็นมัน ?” หยุนเช่อถามด้วย
ความประหลาดใจ “จัสมิน เจ้ารู ้เมื่อไหร่ วา่ มันอยูต่ รงนี้ ?”
“เพิ่งรู ้นี่แหล่ะ” จัสมินกล่าวตอบ
“เพิ่งรู ้ ?” หยุนเช่อตาค้าง
“ไม่ตอ้ งตกใจไปหรอก” จัสมินกล่าวอย่างใจเย็น “ถึงแม้วา่
ป้อมปราการนี้จะเก่าแก่อย่างที่สุด พลังของค่ายกลลมปราณที่ดา้ น
นอกของมันก็ยงั หายไปไม่หมด ป้อมปราการทั้งหลังถูกปกป้อง
ซ่อนเร้นไว้ดว้ ยค่ายกลลมปราณบรรพกาลที่หนาแน่นชนิดหนึ่ง
ค่ายกลลมปราณนี้ไม่เพียงแต่สามารถป้องกันป้อมปราการไม่ให้
ถูกธรรมชาติทาํ ลาย มันยังมีความสามารถในการอําพรางอันลํ้า
เลิศ ! ถึงแม้ป้อมปราการจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่หากคนผู ้
นั้นอยูห่ ่างจากมันเกินสามร้อยเมตร คนผูน้ ้ นั ก็ไม่อาจค้นพบการ
ดํารงอยูข่ องมันได้ ยิง่ ไปกว่านั้น…”
จัสมินลังเลอยูค่ รู่ หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ค่ายกลลมปราณ
บรรพกาลนี้ยงั ดูเหมือนจะมีพลังทางมิติอวกาศด้วย หากข้าเดาไม่
ผิด ป้อมปราการนี้มีแนวโน้มที่จะสามารถเคลื่อนที่ไปได้ดว้ ยตัว
มันเอง !”
ป้อมปราการที่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ดว้ ยตัวมันเอง ?
นี่ดูออกจะแปลกประหลาดอัศจรรย์เกินไปแล้ว
“เสวีย่ เอ๋ อร์ ตามบันทึกเกี่ยวกับนาวาปราณบรรพกาลของ
พรรคเจ้า มันได้กล่าวถึงป้อมปราการนี้บา้ งหรื อไม่ ?” หยุนเช่อก
ล่าวถามเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้าไม่เคยได้ยนิ พระบิดา
กล่าวถึงมันเลย ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมี”
ป้อมปราการทั้งหลังเป็ นสี น้ าํ เงินเข้ม ออกแบบมาอย่างเรี ยบ
ง่าย แต่กด็ ูเก่าแก่ นอกจากนี้มนั ยังมีบรรยากาศลึกลับและทึมทึบ
ด้วย หยุนเช่อพิจารณามันอยูค่ รู่ หนึ่ง และขณะที่กล่าวถามชาย
หนุ่มก็ดูเหมือนจะฟื้ นฟูพลังกลับคืนมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“จัสมิน ป้อมปราการนี้ใหญ่โตแค่ไหน ?”
“เจ้าอย่าได้ลองเดินสํารวจรอบมันจะดีกว่า” จัสมินตอบ
อย่างใจเย็น “ความใหญ่โตของมันเกินกว่าจินตนาการเจ้านัก
แม้แต่ขา้ ก็ไม่อาจรู ้วา่ ขอบเขตของมันอยูท่ ี่ใด หากเจ้า แต่หากเจ้า
ต้องการจะเดินดูรอบๆ มันก่อนที่โลกนี้จะปิ ดลง นัน่ ย่อมเป็ นไป
ไม่ได้”
“ใหญ่โตเพียงนั้น ?!!” หยุนเช่อกล่าวด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้าไม่อยากเข้าไปสํารวจข้างในดูหรื อ ?” จัสมินถาม
ด้วยสุ ม้ เสี ยงราบเรี ยบ “นี่เป็ นสิ่ งก่อสร้างภายในนาวาปราณบรรพ
กาลที่ขา้ เองก็ยงั สนใจเลย ตลอดหลายปี มานี่ สมบัติล้ าํ ค่าที่ผคู ้ น
เหล่านั้นต้องการค้นหาจากนาวาปราณบรรพกาลอาจอยูใ่ นนี้กไ็ ด้”
หยุนเช่อลุกขึ้น และหลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มี
กลิ่นอายผิดปกติใดมาจากด้านหลัง มันก็แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย
และค่อยสาวเท้าไปข้างหน้า
ใช้เวลาไม่นานมันก็ไปอยูต่ รงหน้าประตูป้อมปราการ ยาม
นี้หยุนเช่ออยูห่ ่างจากประตูเพียงไม่กี่กา้ ว และประตูบานมหึ มา
นัน่ ก็เปิ ดออกอยูแ่ ล้ว ทว่ามันก็ยงั คงเห็นเพียงพื้นที่สีเทาๆ เป็ น
หย่อมๆ ไม่อาจเห็นสภาพด้านในได้อย่างชัดเจน มันหยุดยืน กลั้น
หายใจและพยายามสังเกตุสงั กาว่ามีส่ิ งใดอยูเ่ บื้องหลังประตูอยูค่ รู่
หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในที่สุด
ราวกับว่ามันได้หลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง แสง บรรยากาศ
กลิ่นอาย สภาพพื้นที่ และแม้แต่ประสาทสัมผัสในการมองเห็น
และได้ยนิ ของมันก็ลว้ นแปรเปลี่ยนไปขนานใหญ่ เบื้องหน้ามัน
คือห้องโถงโล่งๆ ขนาดมหึ มา ภายในห้องโถงมีเสาศิลาสูงยิง่ ตั้ง
ตระหง่านมากมาย ทั้งพื้นและผนังรอบด้านปูดว้ ยแผ่นศิลา ที่
ด้านบนและเสาศิลาที่วา่ ล้วนเป็ นสี ดาํ เจือนํ้าเงินเหมือนกัน และยัง
ส่ งกลิ่นอายรัศมีเก่าแก่โบราณออกมาด้วย
หยุนเช่อหันไปรอบๆ สายตามันหยุดนิ่งอยูท่ ี่ทางเข้าที่มนั
เพิง่ ผ่านเข้ามา มันยังเป็ นแผ่นพื้นที่เทาๆ เหมือนเดิม แต่มนั ไม่อาจ
มองเห็นสภาพภายนอกได้อีกแล้ว มันครุ่ นคิดชัว่ ขณะก่อนจะรี บ
ล่าถอยออกไป
สภาพแวดล้อมได้แปรเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็ นหลังมือ
อีกครั้ง และหยุนเช่อก็กลับสู่ ดินแดนรกร้างว่างเปล่าที่เป็ นที่ต้งั
ของป้อมปราการเช่นกัน บนพื้นที่มนั เหยียบนั้นมีรอยเท้าที่มนั จง
ใจทิ้งไว้ก่อนเข้าไปข้างใน เป็ นหลักฐานว่าตรงนี้เป็ นที่ๆ มันเคย
เหยียบยํา่ มาก่อน
หลังจากมัน่ ใจแล้วว่าเมื่อเข้าไปแล้วมันสามารถออกมาได้
โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง หยุนเช่อก็คลายความกังวลใจและเข้า
ไปในป้อมปราการอีกครั้ง
ห้องโถงขนาดมหึ มานั้น มีขนาดใหญ่กว่าสนามประลองจัด
อันดับที่หยุนเช่อพบเห็นเมื่อวานเสี ยอีก มันกวาดสายตาไปรอบๆ
พลางสื บเท้าไปข้างหน้าช้าๆ ภายในห้องโถงโล่งๆ ขนาดมหึ มานี้
เสี ยงฝี เท้าและเสี ยงหายใจแผ่วเบาของมันได้ยนิ ชัดเจนยิง่
นี่มนั สถานที่อนั ใดกันแน่ ?
หยุนเช่อเดินอยูน่ านกว่าจะเห็นปลายสุ ดของห้องโถง บน
ผนังโดยรอบของบริ เวณนี้มีประตูศิลาเรี ยงรายอยูท่ ุกระยะหกสิ บ
เมตร บางประตูกเ็ ปิ ดอยูบ่ างประตูกป็ ิ ดไว้ ด้านหลังประตูที่เปิ ด
นั้นเป็ นทางเดินที่นาํ ไปสู่ ที่ใดก็มิอาจทราบได้ ที่ปลายห้องโถงนี้มี
แท่นศิลาทรงกลมขนาดมโหฬาร ตัวแท่นสู งสามสิ บเมตรกว้าง
สามร้อยเมตร
ทางด้านขวาของแท่นมีบนั ไดศิลาสู งลิบที่ทอดขึ้นไปยังชั้น
สองของป้อมปราการ
“จัสมิน เจ้าพบเห็นสิ่ งใดหรื อไม่ ?” หยุนเช่อหยุดเดินและ
กล่าวถาม
“อันที่จริ งข้าก็ไม่รู้สึกถึงสิ่ งใดเหมือนกัน แต่ขา้ มัน่ ใจว่าใน
ที่แห่งนี้ไม่มีกลิ่นอายของสิ่ งที่ยงั มีชีวติ ไม่มีกระทัง่ กลิ่นอายที่
หลงเหลืออยูข่ องผูใ้ ดเลย นอกจากเจ้าผูท้ ี่เพิ่งเข้ามา เป็ นไปได้
อย่างยิง่ ว่าที่นี่จะเป็ นดินแดนบรรพกาลที่ถูกหลงลืมมาเป็ น
เวลานานแห่งหนึ่ง ! เจ้าควรตรวจดูให้รอบๆ เจ้าอาจค้นพบสิ่ ง
พิเศษบางอย่า◌่◌่ง หากเจ้าได้วตั ถุสิ่งของจากยุคบรรพกาล ถึงแม้
จะเป็ นของที่มีคุณภาพตํ่าสุ ด แต่มนั ก็ยงั เป็ นสิ่ งที่มีค่ามหาศาล
อย่างไม่ตอ้ งสงสัย”
หยุนเช่อพยักหน้า หลังจากลังเลอยูค่ รู่ หนึ่งมันก็เดินตรงไป
ที่บนั ไดศิลาขนาดใหญ่นนั่ และก้าวขึ้นไป มันไม่รู้วา่ ที่แห่งนี้มีกี่
ชั้น แม้แต่จสั มินเองก็ไม่สามารถตรวจพบว่าป้อมปราการนี้มีกี่ช้ นั
ดังนั้นมันจึงไม่จาํ เป็ นต้องลองเดาให้ยงุ่ ยากเลย ถ้าหากป้อมนี้จะมี
สักพันชั้นหรื อหมื่นชั้น หยุนเช่อก็คงไม่สะดุง้ ตกใจแต่ประการใด
หยุนเช่อค่อยๆ ขึ้นบันไดและคอยมองลงมาด้านล่างไป
พร้อมๆ กัน มันสังเกตุหอ้ งโถงชั้นล่างจากด้านบนลงมา ขณะที่
มองดูดา้ นบนของแท่นทรงกลมนั้น มันก็หยุดชะงักเพื่อเพ่งมอง
บางสิ่ งบางอย่าง เนื่องจากมันรู ้สึกว่าเหมือนจะเห็นแสงสี แดง
สว่างวาบขึ้นมาในเสี้ ยววินาทีน้ นั เอง
มันเงียบสงบยิง่ และยังเป็ นพื้นที่สีดาํ เจือนํ้าเงิน ดังนั้นถึงแม้
แสงสี แดงนั้นจะอ่อนจางอย่างที่สุด แต่มนั ก็ดูโดดเด่นสะดุดตา
เป็ นพิเศษ หยุนเช่อกระโดดลงมาจากบันไดศิลาอย่างไม่ตอ้ งคิด
อะไรเลย ทั้งๆ ที่อุม้ เสวีย่ เอ๋ อร์อยู่ มันหยัง่ เท้าลงบนแท่นอย่าง
มัน่ คง ขณะที่จบั จ้องไปยังตําแหน่่งที่มนั เห็นแสงสี แดงก่อนหน้า
นี้
“เจ้าพบสิ่ งใด ?”
“…ข้าก็ยงั ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
หยุนเช่อเดินไปข้างหน้าไปจนถึงบริ เวณขอบของแท่นทรง
กลม แล้วแสงสี แดงอ่อนจางก็ดูเหมือนจะสว่างวาบมาเข้าตามัน
อีกครั้ง ทําให้มนั ต้องหยุดเคลื่อนไหวในทันที สายตามันจับจ้อง
ไปที่รอยแตกระหว่างก้อนศิลาที่ดาํ เจือนํ้าเงินสองก้อนบนแท่น
ศิลานั้น
หยุนเช่อคุกเข่าลงพลางพิจารณามันอย่างใกล้ชิด และขณะที่
กําลังเพ่งมองไปที่รอยแตกแคบๆ ระหว่างศิลาสองก้อนนั้น พลัน
ก็มีแสงสี แดงเปล่งประกายวูบวาบอ่อนจางออกมา
มีบางสิ่ งบางอย่างอยูข่ า้ งล่างนัน่ !
จัสมินเคยกล่าวไว้วา่ นี่เป็ นสถานที่ที่หลงเหลือมาจากยุค
บรรพกาล และเก่าแก่โบราณอย่างที่สุด ทว่าสิ่ งที่อยูข่ า้ งล่างนั้น
ยังคงส่ องแสงออกมาได้ มันต้องมาจากวัตถุสิ่งของพิเศษที่ถูกทิ้ง
ไว้อย่างแน่นอน
หากมันเป็ นสิ่ งของลํ้าค่าที่ไม่ธรรมดาจริ ง ไข่มุกพิษสวรรค์
ก็ควรจะตรวจจับมันได้ แต่เหตุใดไข่มุกพิษสวรรค์จึงไม่มี
ปฏิกริ ยาเลย ?
หยุนเช่อยืน่ มือออกไปกระแทกที่รอยแตกนัน่ อย่างแรง
เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึ้นทันที ขณะที่มือของมันกระตุกกลับ มันก็รู้สึก
เจ็บปวดไปจนถึงกระดูก ทว่าศิลาสี ดาํ เจือนํ้าเงินสองก้อนนั้นยังมี
สภาพเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ได้รับความเสี ยหายแม้แต่นอ้ ย
“เจ้าอยากจะทําลายมันงั้นรึ ? ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้านี่นะ ไม่
มีทางเป็ นไปได้ ! เซี่ยหยวนป้าซึ่ งเป็ นราชันทรราชย์ข้นั กลางยังไม่
สามารถทําลายก้อนหิ นธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งที่ดา้ นนอกนัน่ ได้เลย
หิ นที่อยูใ่ นป้อมปราการนี้แข็งยิง่ กว่าหินที่อยูข่ า้ งนอกนัน่ เสี ยอีก
ต่อให้เจ้ากระแทกมันสุ ดกําลังเป็ นเวลาสิ บๆ ปี มันก็ยงั ไม่เสี ยหาย
แม้แต่นอ้ ย” จัสมินกล่าวอย่างไม่ปราณี
บทที่ 466 เสี ยงลึกลับ

ดูคล้ายเบื้องล่างแท่นวางนี้ตอ้ งมีบางสิ่ งพิเศษซุกซ่อนอยูใ่ น


มิติภายใต้แน่นอน ทว่า เช่นที่จสั มินกล่าว จากกําลังของชายหนุ่ม
ตอนนี้ การจะหักทําลายแท่นทรงกลมนี้ยงั เป็ นเรื่ องที่เป็ นไปไม่ได้
หยุนเช่อสํารวจโดยรอบ ไม่พบสิ่ งใดที่คล้ายเป็ นกลไกการ
ทํางานของสถานที่แห่งนี้เช่นกัน ดังนั้น ชายหนุ่มล้มเลิกความ
ตั้งใจ พร้อมทั้งเดินขึ้นบันไดศิลาไปอีกครั้ง
บันไดศิลายืดยาวอย่างยิง่ แม้จะเดินมาเป็ นเวลานาน หยุ
นเช่อยังคงไปไม่ถึงครึ่ งทาง
“เจ้ า…เป็ น…ใคร…”
ฝี เท้าของหยุนเช่อชะงักลงในทันที ชายหนุ่มเหลียวศีรษะ
มองรอบด้าน
“ใครน่ะ? ใครพูด!?”
“อา…พี่ใหญ่หยุน มีเรื่ องใด?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่แอบอิงอ้อม
อกหยุนเช่อมาตลอดได้รับความตื่นตระหนก หญิงสาวออกปาก
ด้วยความกังวล
หยุนเช่อกวาดกราดสายตาไปรอบบริ เวณ ผนึกพลังสมาธิไว้
ที่สองหู ก่อนจะกล่าวถามอย่างอ่อนโยนว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ เมื่อครู่ ได้
ยินเสี ยงอะไรหรื อไม่?”
“เมื่อครู่ ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ ทีท่างุนงง
เมื่อครู่ น้ ี หยุนเช่อได้ยนิ เสี ยงที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาสุ ด
แสน เสี ยงนั้นเป็ นเสี ยงสตรี ที่แผ่วระโหย ทว่ากลับเต็มไปด้วย
ความศักดิ์สิทธิ์ ส่ งผลให้หยุนเช่อไม่อาจแยกแยะได้วา่ ต้นเสี ยงมา
จากทิศใด หรื ออาจเป็ น…จินตนาการของตนเอง?
“จัสมิน เมื่อครู่ ท่านได้ยนิ เสี ยงอันใดหรื อไม่?” หยุนเช่อก
ล่าวถาม หัวคิ้วขมวดมุ่น
“ไม่” จัสมินตอบ “เจ้าได้ยนิ เสี ยงอะไรงั้นเรอะ?”
กระทัง่ จัสมินยังไม่ได้ยนิ หยุนเช่อมิอาจไม่ระแวงสงสัยว่า
ตนเองได้ยนิ เสี ยงหลอนไปเอง ชายหนุ่มรวมรวมสมาธิ ยืนนิ่งอยู่
กับที่ สายตากวาดมองสังเกตุพ้ืนที่รอบกาย เมื่อยังคงไม่พบความ
ผิดปกติ เขายกเท้าก้าวเดินต่อไป หลังเดินขึ้นบันไดไปอีกชัว่
ระยะเวลาหนึ่ง ชายหนุ่มจึงมาถึงชั้นสองของป้อมปราการในที่สุด
กําแพงสี น้ าํ เงินเข้ม พื้นสี น้ าํ เงินเข้มและเพดานสี น้ าํ เงินเข้ม
ทุกสิ่ งทุกอย่างล้วนไม่แตกต่างจากชั้นที่หนึ่ง หยุนเช่อมิได้เดินต่อ
กลับกัน ชายหนุ่มตัดสิ นใจเปิ ดประตูศิลาที่เปิ ดอ้าอยู่
เบื้องหลังประตูศิลา กลับเป็ นสถานที่อนั เป็ นระเบียบดูคล้าย
สวนหย่อม มีโต๊ะหิน เก้าอี้หิน แจกันดินเผาสี น้ าํ เงินเข้มที่แทบ
แตกหัก เบื้องหลังสวนหย่อมปรากฏห้องแปดห้องที่มีโครงสร้าง
เหมือนกัน หยุนเช่อเดินเข้าสู่ สวนหย่อม หยุดยืนเบื้องหน้าประตู
ศิลา พร้อมทั้งพยายามผลักเปิ ดประตู
ฉับพลันนั้นเอง ทางด้านขวาของประตูปรากฏตราผนึกเรื่ อ
เรื องขึ้น จากนั้น ตราผนึกขยับหมุน ประตูศิลาจึงค่อยๆเปิ ดออก
“ประตูในที่น้ ีท้ งั หมดสมควรกํากับไว้ดว้ ยตราผนึกเพื่อ
ความสะดวกในการเปิ ดปิ ด ทว่าพลังผนึกยามนี้อ่อนแรงลง
มหาศาล กระทัง่ สามารถถูกเจ้าทําลายลงได้ง่ายดาย ทว่า มัน
สามารถเหลือรอดจากยุคดึกดําบรรพ์มาจนถึงบัดนี้ พลังที่แฝงอยู่
ในผนึกไม่ธรรมดาเลยจริ งๆ” จัสมิยกล่าวออกมาอย่างเคร่ งขรึ ม
“จากที่เห็น ท่าทางที่นี่จะเป็ นที่อยูอ่ าศัย” หยุนเช่อเดินเข้าไป
ในห้องศิลา ภายในปรากฏโต๊ะเก้าอี้ทาํ จากศิลา รวมทั้งตูเ้ สื้ อผ้า
และเตียงศิลาขนาดกว้างใหญ่ การตบแต่งของห้องศิลาอื่นสมควร
ไม่ต่างจากนี้เท่าใดเช่นกัน เมื่อคํานวณจากขนาดใหญ่โตของป้อม
ปราการนี้ หากทั้งหมดล้วนถูกจัดสรรเป็ นห้องพักอาศัย อาจ
สามารถบรรจุประชากรอาณาจักรวายุครามได้ท้งั หมดด้วยซํ้า
หยุนเช่อหมุนตัวกลับหลัง ก่อนจะตระหนักว่าด้านหลังบาน
ประตูปรากฏตราผนึกวูบวับอยูเ่ ช่นกัน หากมองจากมุมนี้ เป็ น
ตําแหน่งเดียวกับที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ ยามหยุนเช่อผลักเปิ ดประตู
หากแต่ตราประทับสามารถมองเห็นได้ยามยืนอยูด่ า้ นในห้อง
หรื อเรื องแสงขึ้นเมื่อสัมผัสประตูจากด้านนอกเท่านั้น
“ลองใช้พลังยุทธ์ของเจ้าแตะสัมผัสลงบนตราผนึกซิ ” จัสมิ
นกล่าว
หยุนเช่อยืน่ มือออกตามคําบอกของจัสมิน ก่อนจะวางลง
บนตราผนึกพร้อมลมปราณโคจรไม่มากไม่นอ้ ย ชัว่ พริ บตา ประตู
ที่เพิ่งเปิ ดออก กลับปิ ดกระแทกลงอย่างกะทันหันเสี ยงดังปัง
“อย่างที่คิด” จัสมินกล่าว “เมื่อสัมผัสตราผนึกจากภายใน
จะทําให้ประตูปิดลงในทันที สามารถเปิ ดออกจากด้านในเพียง
เท่านั้น ไม่อาจเปิ ดจากภายนอกได้ สมบูรณ์แบบในการป้องกัน
ตนเอง ในยุคดึกดําบรรพ์ สถานที่น้ ีเต็มไปด้วยสัตว์อสู รและปี ศาจ
ดุร้ายมากมาย วิธีการป้องกันเช่นนี้สามัญอย่างยิง่ ทว่า หากตรา
ผนึกถูกทําลายจากภายนอกโดยผูอ้ ื่น ผูท้ ี่อยูภ่ ายในต้องถูกปิ ดตาย
ไว้ตลอดกาล”
“เสวีย่ เอ๋ อร์ เราพักที่นี่กนั ก่อนเถอะ”
หยุนเช่อเดินไปหยุดข้างเตียงหิ น ก่อนจะทรุ ดลงนัง่ พิง
กําแพง ทันทีที่จิตใจมันผ่อนคลายลง ความเหนื่อยล้าก็จู่โจมเข้าใส่
ดุจนํ้าหลาก มันไม่ได้ปล่อยตัวเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ แต่กลับเปลี่ยนท่านัง่
ของตนขณะยังคงโอบอุม้ นางเอาไว้… ตัวมันสามารถจะดึงผ้าห่ม
ออกมาจากไข่มุกพิษสวรรค์และปูลงไปบนเตียงหิ นก่อนจะวาง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลงบนเตียงได้ แต่เห็นได้ชดั ว่ามันไม่อาจฝื นใจ
กระทําได้ เพราะสัมผัสยามได้โอบกอดองค์หญิงหิ มะเอาไว้เช่นนี้
ก็มากพอจะทําให้บุรุษทุกผูอ้ ิ่มเอมจนไม่ยอมปล่อยมือออกแล้ว
“เจ้า…เป็ น…ใคร…”
หยุยเช่อทีเพิ่งจะทรุ ดตัวลงนัง่ พลันสะท้านขึ้นวูบหนึ่งขณะ
มันเงยหน้าขึ้นทันที หากเป็ นครั้งแรกที่ได้ยนิ มันยังพอเชื่อว่าตน
คิดไปเองหรื อหูฝาดได้ ทว่าครานี้หยุนเช่อย่อมไม่เชื่อว่าตนคิดไป
เองแน่นอน! มันได้ยนิ เสี ยงนั้นอย่างชัดเจน… นี่เป็ นเสี ยงเดียวกับ
ที่ได้ยนิ ก่อนหน้านี้
“เจ้าเป็ นใครกัน? ใครกําลังพูดกับข้า?” หยุนเช่อเร่ งเร้าสมาธิ
ของตนพลางตะโกนกึกก้อง ภายในป้อมปราการอันเป็ นวัตถุจาก
ยุคบรรพกาลที่ปรากฎขึ้นในนาวาปราณบรรพกาลนี้ จัสมินมัน่ ใจ
ว่าไม่มีส่ิ งมีชีวติ ใดหลงเหลืออยู่ แล้วจะมีสุม้ เสี ยงสตรี ได้เช่นไร?
“เจ้าได้ยนิ เสี ยงอีกแล้ว?” จัสมินกล่าวด้วยความประหลาด
ใจ
จากคําตอบของจัสมิน หมายความว่าเด็กสาวยังคงไม่ได้ยนิ
เสี ยงใด นี่หมายความว่า…มีเพียงหยุนเช่อสามารถได้ยนิ เสี ยงนั้น
กระแสเสี ยงถูกส่ งมาให้หยุนเช่อเพียงผูเ้ ดียว
หยุนเช่อนิ่งเงียบไปครู่ หนึ่ง แต่เขาไม่ได้ยนิ เสี ยงใดอีก ชาย
หนุ่มขมวดคิ้วกล่าวว่า “ต้องมีใครบางคนอยูใ่ นป้อมปราการอย่าง
แน่นอน! นางสมควรอยูห่ ่างจากข้ามาก แต่นางรู ้วา่ ข้าอยู่
ตรงไหน”
“หากนี่ไม่ใช่เพียงจินตนาการของเจ้า แสดงว่าสถานที่น้ ีมี
วิญญาณติดที่อยู”่ จัสมินกล่าวอย่างใคร่ ครวญ
“วิญญาณติดที่?”
เสี ยงของจัสมินสงบเยือกเย็นยิง่ คล้ายดัง่ นางเองมีความคุน้
ชินต่อ “วิญญาณติดที่” เช่นนี้ยง่ิ นัก
“และยังต้องเป็ นวิญญาณที่อ่อนแออย่างมาก มิเช่นนั้น นาง
ไม่สมควรประสบความยากลําบากในการส่ งกระแสวิญญาณของ
นางออกมาถึงเพียงนี้ เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องค้นหานาง เมื่อนางไม่ลงั เล
ที่จะใช้พลังวิญญาณอันอ่อนล้ายิง่ ของนางในการติดต่อหาเจ้า
หมายความว่านางสนใจในตัวเจ้า นางจะเป็ นผูเ้ ริ่ มติดต่อเจ้าเอง
สาเหตุที่เจ้าไม่อาจได้รับเสี ยงตอบกลับ อาจเป็ นเพราะนางเพียง
สามารถส่ งสัญญาณเสี ยงออกมาได้เมื่อผ่านไปชัว่ ระยะหนึ่ง
เท่านั้น”
“พี่ใหญ่หยุน มี…ใครอื่นอยูท่ ี่นี่ง้ นั หรื อ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยก
ศีรษะขึ้นจากอ้อมอกของหยุนเช่อพร้อมกล่าวถามอย่างนุ่มนวล
หยุนเช่อสัน่ ศีรษะ “ไม่ ข้าเพียงได้ยนิ เสี ยงบางอย่างเพียง
เท่านั้น เสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้าคงเหน็ดเหนื่อยแล้ว พักผ่อนเถอะ สถานที่ที่
พวกเราอยูน่ ้ ี ไม่มีผใู ้ ดสามารถหาพบ ”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะอย่างนุ่มนวล “ข้าไม่เหนื่อย… พี่
ใหญ่หยุนต่างหากที่เหนื่อยล้ายิง่ ”
“ข้าขอพักสักครู่ กห็ ายแล้ว” หยุนเช่อเอ่ยด้วยรอยยิม้ ด้วยกา
ยาเทวะมังกรและพลังของมหาวิถีโพธิ์สตั ว์ พลังลมปราณและ
กําลังกายของมันจึงฟื้ นฟูเร็ วกว่าคนทัว่ ไปมากนัก
คนทั้งคู่เงียบเสี ยงลง หลังจากการหลบหนีที่ท้ งั คู่ไม่กล้า
หยุดเท้าแม้เพียงพริ บตาตลอดหลายชัว่ โมง ในที่สุดหัวใจของทั้งคู่
ก็สงบลง และหยุนเช่อก็ได้สมั ผัสถึงความอบอุ่นและกลิ่นหอม
จากภายในอ้อมกอดของตน การได้โอบกอดองค์หญิงหิ มะไว้
หลวมๆเช่นนี้อาจเรี ยกได้วา่ เป็ นฉากในฝันที่บุรุษทุกผูย้ อ่ มไม่กล้า
แม้แต่จะฝันถึง และตัวองค์หญิงหิ มะก็ราวกับลูกแมวน้อยที่ออด
อ้อนพลางซุกตัวอยูใ่ นอ้อมกอดของมัน นางไม่ได้ดิ้นรนหรื อขัด
ขืน และทําเพียงพักพิงอย่างสงบเท่านั้น
“เสวีย่ เอ๋ อร์ ท่านเทพหงสาของพรรคเทพหงสาเจ้า ตายไป
แล้วจริ งๆน่ะเหรอ?” หยุนเช่อถามอย่างแผ่วเบา ทว่าจัสมินเค
ยบอกคําตอบกับมันไปแล้ว และคําพูดของเย่ซิงหานและเฟิ งเฟย
เยียนก็ยง่ิ พิสูจน์คาํ ตอบนี้เข้าไปอีก
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์นิ่งเงียบไปชัว่ ขณะ ก่อนที่นางจะพยักหน้า
อย่างแผ่วเบา “ท่านเทพหงสาได้จากไปแล้วเมื่อสามปี ก่อน เหตุที่
ท่านเลือกข้าหลังจากข้าเกิดเมื่อสิ บหกปี ก่อนก็เพราะท่านทราบว่า
อายุขยั ของท่านกําลังจะสิ้ นสุ ดลง และจําต้องมีผสู ้ ื บทอดที่มี
ความสามารถพอ ข้าได้รับการชี้แนะจากท่านเทพหงสามาตลอด
สิ บสามปี และได้รับสื บทอดทุกสิ่ งของท่านเทพหงสามา… ขุม
พลังของท่าน พลังวิญญาณของท่าน โลหิ ตเทพหงสาทั้งหมด
ตลอดจนความทรงจําทั้งหมดของท่าน”
คําพูดของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ ให้หยุนเช่อสัน่ สะท้าน… ไม่
แปลกเลยที่นางจะมีพลังฝี มือระดับครึ่ งก้าวราชันจักรพรรดิดว้ ย
อายุเพียงสิ บหกปี และยังไม่แปลกเลยที่นางสามารถมอง
สายโลหิ ตของมันออกได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงรู ้เรื่ องการปะทะ
ของจิตวิญญาณเทพหงสาทั้งสองเมื่อกาลก่อนอย่างชัดเจน แม้วา่
เทพหงสาแห่งพรรคเทพหงสาจะตายลง มันก็ยงั ถ่ายทอดขุมพลัง
พลังวิญญาณและกระทัง่ ความทรงจําของตัวเองให้กบั เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์! นี่ทาํ ให้จุดเริ่ มต้นของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สูงลํ้าจนน่ากลัว
ความเร็ วในการพัฒนาและความสําเร็ จของนางในภายภาคหน้า
ย่อมต้องสัน่ สะเทือนโลกหล้าอย่างไม่ตอ้ งสงสัย
ไม่น่าแปลกเลยว่าเหตุใดตําแหน่งในพรรคเทพหงสาของ
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ถึงสู งนัก ในเมื่อนางรับสื บทอดทุกสิ่ งมาจากเทพหง
สา เมื่อถึงวันที่นางเติบใหญ่จนสมบูรณ์ นางย่อมต้องกลายเป็ น
เทพหงสารุ่ นที่สองแห่งพรรคเทพหงสาอย่างไม่ตอ้ งสงสัย! เมื่อ
เป็ นเรื่ องเกี่ยวพันกับเทพหงสาในอนาคตของพวกมัน พรรคเทพ
หงสาย่อมต้องปกป้องนางสุดกําลัง! พวกมันย่อมไม่ยอมให้นางที่
ยังไม่เติบใหญ่เต็มที่ตอ้ งเผชิญกับอุปสรรคใดๆแม้แต่อย่างเดียว
แน่
“เกี่ยวกับการจากไปของวิญญาณท่านเทพหงสา มีเพียงพระ
บิดา ท่านผูอ้ าวุโสใหญ่ พระเชษฐา พระอัยยิกา พระปิ ยกาและ
ข้า… ทั้งหมดหกคนเท่านั้นที่รู้ พระบิดาเคยกล่าวว่านี่เป็ น
ความลับสู งสุ ดที่มิอาจรั่วไหล ทว่าผ่านไปเพียงสองปี แดน
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ต่างส่งข้อความเสี ยงมาไม่หยุดยั้ง ไต่ถามถึงความ
จริ งเรื่ องนี้ ราวกับพวกมันล้วนล่วงรู ้เรื่ องราวหมดสิ้ น พระบิดา
เองเคยงุนงงสงสัยเช่นกัน พระองค์คาดเดาว่าเป็ นเพราะคนของ
แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจสัมผัสรัศมีพลังของท่านเทพหงสาได้ ดังนั้น
จึงต้องการพิสูจน์ …ไม่คาดว่าทั้งหมดนี่จะเป็ นเพราะ…”
สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เศร้าโศกอย่างยิง่ ราวกับไม่อาจ
ทนทานรับได้ต่อการทรยศหักหลังของท่านผูอ้ าวุโสใหญ่
ขณะเดียวกัน หญิงสาวก็วติ กกังวลต่ออนาคตของจักรวรรดิเทพ
หงสา หากปราศจากท่านเทพหงสาหนุนหลัง พรรคเทพหงสา
ย่อมต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากการสะกดข่มจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
อย่างไม่มีที่สิ้นสุ ด ห้าพันปี ที่ผา่ นมา สาเหตุเดียวที่พรรคเทพหงสา
สามารถพัฒนาขึ้นมาอยูบ่ นสุ ดขอบ ทัดเทียมกับแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั
สี่ น้ ีได้อย่างรวดเร็ ว ล้วนเป็ นเพราะท่านเทพหงสาทั้งสิ้ น
หยุนเช่อลอบถอนใจ หากมิได้ประหลาดใจเท่าใดนัก เมื่อ
เกี่ยวพันถึงอิทธิพลอํานาจ ผูค้ นย่อมต้องถูกล่อลวงให้ทรยศ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผูท้ ี่อยูบ่ นจุดสู งสุ ดของปิ รามิด ผูท้ ี่มีโอกาสมี
จํานวนไม่มาก เนื่องเพราะพวกมันคือผูท้ ี่รู้ดีที่สุด ใกล้ชิดที่สุด ทั้ง
ยังทราบกระจ่างถึงข้อดีขอ้ เสี ยของขุมกําลังทั้งหมดที่มี ดังนั้น เมื่อ
ถึงระยะเวลาที่เหมาะสม พวกมันจะเป็ นกลุ่มบุคคลที่มีความ
เป็ นไปได้มากที่สุดที่จะทรยศ หากพรรคเทพหงสายังคงเติบโต
ต่อไปในลักษณะนี้ เจตนาทรยศของเฟิ งเฟยเยียนอาจไม่ถูกจุดขึ้น
แต่เมื่อเทพหงสาจากไป ขณะที่มนั เองหวาดกลัวต่ออนาคตของ
พรรคเทพหงสา ยิง่ หวาดกลัวต่ออนาคตของมันเอง หลังจากชัง่
นํ้าหนักตัวเลือกแล้ว มันจึงเลือกเข้าหาวิหารเทพสุริยนั จันทรา
ตั้งแต่เริ่ ม
หากมิใช่มีหยุนเช่อและเซี่ยหยวนป้าอยู่ มันคงสามารถ
ช่วยเหลือเย่ซิงหานบรรลุวตั ถุประสงค์ และส่ งมอบเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
ผูเ้ ป็ นความหวังยิง่ ใหญ่ที่สุดของพรรคเทพหงสาเข้าสู่ กาํ มือของเย่
ซิ งหาน ผลลัพธ์ที่ตามมาล้วนไม่อาจคาดเดาได้
“ไม่เป็ นไร เช่นนี้กด็ ี พวกมันมิเพียงไม่อาจได้ในสิ่ งที่
ต้องการ ทั้งยังเปิ ดเผยตัวตนของพวกมันออกมาแทนที่ มิเช่นนั้น
หากพวกมันเปิ ดเผยออกมาช้าเท่าไหร่ ยิง่ อันตรายมากเท่านั้น” หยุ
นเช่อปลอบประโลม
“อืม..”เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์โต้ตอบ “ทั้งหมดเพราะพี่ใหญ่หยุน
หากมิใช่พี่ใหญ่หยุน ข้าคง…ข้าคง…. หากพระบิดาทรงทราบ
พระองค์ตอ้ งสํานึกขอบคุณพี่ใหญ่หยุนแน่นอน”
“เพียงพระบิดาของท่านไม่พยายามฆ่าข้าก็เพียงพอแล้ว” หยุ
นเช่อหัวเราะ ชายหนุ่มย่อมไม่มีทางเชื่อว่าการปกป้องเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์เป็ นเพียงเหตุผลเดียวที่เฟิ งเหิ งคงส่ งเฟิ งเฟยเยียนมาในที่น้ ี
การสังหารตนเอง…คือหนึ่งในวัตถุประสงค์เช่นกัน ทันทีที่เฟิ ง
เหิ งคงรับรู ้เรื่ องราววันนี้ มันจะยิง่ ถูกกดดันหนักหนาขึ้น ทั้งยังมี
ความเป็ นไปได้ที่จะต้องขัดแย้งกับวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา เมื่อถึง
เวลานั้น กระทัง่ เวลาตามล่าสังหารชายหนุ่ม เฟิ งเหิงคงยังไม่มี
ปั ญญา
“สี่ แดนศักดิ์สิทธิ์รู้เรื่ องการตายของท่านเทพหงสาแล้ว
ดังนั้นพวกมันก็สมควรจะทราบเรื่ องที่เจ้าได้รับสื บทอดกายาเทพ
หงสามาเช่นกัน เย่ซิงหานมุ่งหวังตัวท่าน ดังนั้นอีกสามแดน
ศักดิ์สิทธิ์กส็ มควรจะจับตาดูท่านนับตั้งแต่น้ ีเช่นกัน” หยุนเช่อ
หลับตาลง มันรู ้สึกกังวลและปวดร้าวเล็กน้อย “แต่สุดท้ายแล้ว
พลังฝี มือของข้าก็ยงั อ่อนด้อยเกินไป ข้าไม่มีพลังจะปกป้องเจ้า
แม้แต่นอ้ ย มิเช่นนั้น… ข้าจะลักตัวเจ้าไปให้ไกลจากเงื้อมมือของ
บิดาของเจ้าทันที และซ่อนตัวเจ้าจากทั้งพรรคเทพหงสาและ
บรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์”
“แฮะ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ฉีกยิม้ “พี่ใหญ่หยุนต้องการปกป้อง
ข้าถึงเพียงนี้ ข้ามีความสุ ขนัก… ถ้าพี่ใหญ่หยุนอยากจะลักตัวข้า
ไป ข้าก็อาจจะไม่ขดั ขืนก็ได้นะ รู ้ไหม”
“เจ้าพูดออกมาเองนะ เสวีย่ เอ๋ อร์!” หยุนเช่อยิม้ เช่นกัน “หาก
มีวนั ที่ขา้ ต้องการจะพาตัวเสวีย่ เอ๋ อร์ไปจริ งๆ เสวีย่ เอ๋ อร์หา้ ม…”
“ไข่มุก… พิษ… สวรรค์…”
คําพูดของหยุนเช่อพลันชะงักค้าง เมื่อสุ ม้ เสี ยงของสตรี
ลึกลับดังขึ้นเป็ นคํารบสาม และครั้งนี้สิ่งที่นางเอ่ยกลับไม่ใช่ “เจ้า
เป็ นใคร” อีกต่อไป แต่กลับเป็ น…
ไข่ มกุ พิษสวรรค์ ?!
บทที่ 467 วิญญาณตามหลอกหลอน

“ท่านเป็ นใคร ? อยูท่ ี่ไหน ?” หยุนเช่อแหงนหน้าตะโกน


ถาม เนื่องจากอีกฝ่ ายรู ้ถึงตัวตนของมันและยัง ถ่ายทอดเสี ยงมาหา
มันได้ เห็นได้ชดั ว่านางจะต้องได้ยนิ เสี ยงของมัน
แต่กเ็ ช่นเดียวสองครั้งก่อน หลังจากที่ได้ยนิ เสี ยงแล้ว มันก็
เงียบหาย ไม่มีคาํ พูดอื่นใดอีก เสี ยงในครั้งที่สามนั้นแผ่วเบาจนมัน
แทบจะไม่ได้ยนิ แต่หยุนเช่อมีความรู ้สึกลางๆ ว่า… แหล่งที่มา
ของเสี ยงนนั้นอยูไ่ มไกลจากมันจริ งๆ
“พี่ใหญ่หยุน ท่านได้ยนิ เสี ยงประหลาดนัน่ อีกแล้วหรื อ ?”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวถาม
“อื้ม” หยุนเช่อพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวปลอบว่า “ไม่ตอ้ ง
กลัวเสวีย่ เอ๋ อร์ มันอาจเป็ นความเข้าใจผิดของข้าเองเนื่องจากข้า
กังวลมากไปหน่อย สถานที่แห่งนี้เก่าแก่และเงียบสงบจนไม่น่าจะ
มีผใู ้ ดอาศัยอยู”่
“มีพี่ใหญ่หยุนอยูข่ า้ งๆ ข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” เฟิ งเสวี่
ยเอ๋ อร์กล่าวด้วยสี หน้ายิม้ แย้ม แต่เมื่อคิดถึงเรื่ องที่นางเอ่ยถึงก่อน
หน้านี้ สี หน้าของนางก็หม่นหมองลงอีกครั้งขณะกล่าวถามสุ ม้
เสี ยงแผ่วเบาว่า “พี่ใหญ่หยุน ท่านเทพหงสาอีกตนหนึ่งยังคง
สบายดีหรื อไม่”
“น่าจะสบายดี” หยุนเช่อครุ่ นคิดจากนั้นจึงกล่าวต่อ “จิต
วิญญาณเทพหงสาที่ขา้ ได้พบมานั้น เล่าให้ขา้ ฟังว่ามันมันอ่อนแอ
กว่าจิตวิญญาณเทพหงสาของพรรคเทพหงสา ทว่าตอนนั้นเทพ
หงสาของเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้จากไปแล้ว ส่ วนจิต
วิญญาณเทพหงสาที่ขา้ ได้เจอ ถึงแม้จะยังไม่ดบั สูญ แต่พลังชีวติ ก็
น่าจะถดถอยลงไปมาก ทว่าเมื่อสามปี ก่อนมันก็ยงั คงสบายดี” มัน
เงียบไปครู่ หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าจะพาเสวีย่ เอ๋ อร์ไปเยีย่ มจิต
วิญญาณเทพหงสาตนนั้นก็ได้ หากเสวีย่ เอ๋ อรต้องการ”
“ตกลง ตกลง” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตอบรับอย่างมีความสุ ข “นี่กเ็ ป็ น
ความปรารถนาที่เหลืออยูข่ องท่านเทพหงสาด้วย โอจริ งสิ พี่ใหญ่
หยุน ท่านพบท่านเทพหงสาตนนั้นได้อย่างไร ? เล่าให้ขา้ ฟังได้
หรื อไม่ ?”
หยุนเช่อเงยหน้าขึ้น นึกย้อนไปในอดีตอย่างเลื่อนลอย
สําหรับมันแล้ว นั้นเป็ นความลับที่มนั ไม่เคยบอกผูใ้ ดมาก่อน แต่
เมื่อเห็นดวงตาใสกระจ่างของเสวีย่ เอ๋ อร์ มันก็ไม่อาจแสดงท่าทีที่
จะปฏิเสธแม้แต่นอ้ ย มันแย้มยิม้ บางๆ กล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงเนิบช้า
อ่อนโยน “เมื่อสามปี ก่อน… ตอนนั้นพลังยุทธ์ของข้าอยูท่ ี่ระดับ
ปราณก่อตั้งเท่านั้น ข้าถูกสมาชิกพรรคสาขาของพรรคตระกูล
เซียวผูห้ นึ่งไล่ล่า หลังจากนั้นไม่นานองค์หญิงผูซ้ ่ ึงปัจจุบนั เป็ น
ภรรยาข้าได้ช่วยชีวติ ข้าไว้… ตอนนั้นข้าเพิ่งได้รู้จกั นางไม่นาน
เท่าใดนัก… แต่เราก็หนีไปด้วยกัน จากนั้นสัตว์อสู รลมปราณฟ้าที่
พวกเราขี่ไปก็หมดสิ้ นเรี่ ยวแรง และเมื่อข้าได้รับบาดเจ็บจากฝี มือ
ของผูท้ ี่ไล่ล่า พวกเราก็ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า…”
หยุนเช่อหวนระลึกถึงความทรงจําในครานั้นพลางเล่าให้
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ฟังไปอย่างช้าๆ ตอนที่เริ่ มเล่าสุ ม้ เสี ยงของมันยังคง
ราบเรี ยบ ทว่าหลังจากนั้นสุ ม้ เสี ยงมันก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยอารมณ์
เพราะไม่วา่ จะอย่างไรก็ตาม นี่เป็ นประสบการณ์ที่มิอาจลืมเลือน
ทั้งสําหรับมันและชางเยว่ ท่ามกลางความยากลําบากนั้นเองที่ทาํ
ให้มนั เกิดความรู ้สึกอันลึกซึ้ ง ขณะเดียวกันนัน่ ก็เป็ นจุดหักเหที่
สําคัญในชีวติ มันด้วย หากไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้น ก็คงไม่มี
เรื่ องราวอันผันแปรไม่แน่นอนต่างๆ ตามมา คงไม่มีขอ้ บาดหมาง
อันเนื่องมาจากเพลิงเทพหงสา และก็คงไม่มีมนั ในวันนี้
หยุนเช่อบอกเล่าเรื่ องราวอยูเ่ ป็ นเวลานาน ตั้งแต่ตอนที่เข้า
ไปในเทือกเขาหมื่นอสู รจนกระทัง่ ออกจากสนามทดสอบเทพหง
สา เมื่อเล่าจบ มันก็กม้ ลงมองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ และก็พบว่าริ มฝี ปาก
นุ่มนวลของนางปิ ดสนิท ลมหายใจของนางแผ่วเบาราวกับ
กล้วยไม้ นางหลับไปแล้ว
นอกจากร่ างกายนางจะไร้พลังโดยสิ้ นเชิงแล้ว แรงกระแทก
อย่างหนักหน่วงที่ได้รับ กอรปกับความหวาดกลัวและการ
หลบหนีเป็ นเวลานาน ถึงแม้วา่ หยุนเช่อจะโอบอุม้ นางไว้ตลอด
แต่ท้ งั สภาพร่ างกายและจิตใจของนางนั้นก็เหนื่อยล้าอย่างที่สุดมา
นานแล้ว
ขณะที่ฟังหยุนเช่อ จิตใจนางก็ค่อยผ่อนคลายลง และความ
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่ไม่อาจควบคุมได้กท็ าํ ให้นางผลอยหลับลง
ในที่สุด หยุนเช่อทอดถอนหายใจด้วยความรู ้สึกผ่อนคลาย ขณะ
มองภาพเสวีย่ เอ๋ อร์ที่กาํ ลังหลับใหล ทันใดนั้นมันก็รู้สึกง่วงงุน
ความเหนื่อยล้าค่อยๆ เข้าจู่โจมขณะที่มนั เอนศีรษะพิงผนังเย็น
เฉี ยบ และหลับไปโดยไม่รู้ตวั
——————————————
“ได้โปรด…ตามหา…นาง…”
“เพียงท่าน…เท่านั้น…ที่จะ…ช่วยชีวติ …นาง…ได้…”
“ได้โปรด…ตามหา…นาง…”
“อ๊ะ…” หยุนเช่อสัน่ สะท้าน ตื่นขึ้นมาทันทีโดยที่เสี ยงนั้น
ยังดังก้องอยูใ่ นหูของตน ครานี้มนั ไม่อาจบอกได้วา่ นี่เป็ นเสี ยง
จริ งหรื อเป็ นเสี ยงในความฝันของตน
“พี่ใหญ่หยุน…” ไม่ทราบว่าการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
ของหยุนเช่อทําให้นางตกใจตื่น หรื อว่านางตื่นอยูก่ ่อนแล้ว ทว่า
ดวงตางดงามของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กเ็ ป็ นประกายเล็กน้อยขณะจ้อง
มองมันอย่างไม่กระพริ บตา
“ไม่มีอนั ใด” หยุนเช่อส่ ายศีรษะ “ก็แค่ดูเหมือนว่าข้าจะได้
ยินเสี ยงประหลาดนัน่ อีก”
พลันที่กล่าวจบหยุนเช่อก็นึกถึงอะไรบางอย่าง มันขมวดคิ้ว
มุ่นพลางเอ่ยถามขึ้นในใจ “จัสมิน ข้าหลับไปนานเท่าไหร่ ? ตั้งแต่
เข้ามาในนาวาปราณบรรพกาลจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปนาน
เท่าใดแล้ว ?”
“เจ้าหลับไปไม่นานหรอก ส่ วนที่วา่ เจ้าอยูใ่ นนาวาปราณ
บรรพกาลนานเท่าไหร่ แล้ว…ก็ประมาณยีส่ ิ บสองชัว่ โมง…นิดๆ
มั้ง”
“ยีส่ ิ บสองชัว่ โมง ?” หยุนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล่าวอีก
นัยหนึ่งก็คือมีเวลาไม่ถึงสองชัว่ โมงก่อนที่นาวาปราณนี้จะปิ ดลง
เมื่อกี้น้ ีมนั เพิ่งนึกขึ้นได้วา่ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเคยบอก
กับเซี่ยหยวนป้าว่า… มันจะต้องอยูใ่ นพื้นที่ที่เปิ ดโล่งก่อนที่นาวา
ปราณบรรพกาลจะปิ ดลง กระทัง่ อยูใ่ นหุบเขาหรื อถํ้าก็ไม่ได้ ! หา
ไม่แล้วพลังงานในชัว่ โมงที่ยสี่ ิ บสี่ นน่ั จะไปไม่ถึงตัวมัน และมันก็
จะไม่สามารถออกจากนาวาปราณบรรพกาลได้ !
แล้วมันก็จะหายไปพร้อมกับนาวาปราณบรรพกาล และจบ
ชีวติ ภายในนาวาปราณบรรพกาลด้วย !
และสถานที่ที่มนั และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อยูใ่ นตอนนี้กม็ ีสภาพ
ปิ ด ที่ตวั แยกจากภายนอกอย่างแท้จริ ง
การได้หลับพักช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านี้ ทําให้พลังยุทธ์และ
กําลังกายของหยุนเช่อฟื้ นคืนมาประมาณกึ่งหนึ่ง มันอุม้ เฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ข้ ึนและกล่าวว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ พวกเราจะต้องออกจากที่นี่
เพราะอีกไม่ถึงสองชัว่ โมงนาวาปราณบรรพกาลก็จะปิ ดลงแล้ว
พวกเราจะต้องออกไปเดี๋ยวนี้เลย และเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้
ปลอดภัยอย่างแท้จริ ง”
“อื้ม” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตอบรับแผ่วเบาพลางเอนกายหาหยุ
นเช่อมากขึ้นโดยไม่รู้ตวั
“ไปกันเถอะ”
หยุนเช่อยกมือขึ้นและส่ งพลังลมปราณกระแทกเข้าใส่ ค่าย
กลลมปราณที่ดา้ นขวาของประตู ทันใดนั้นค่ายกลลมปราณก็
สว่างวาบขึ้น ตามมาด้วยเสี ยงครื นสั้นๆ แล้วประตูศิลาที่ปิดแน่น
หนาก็เปิ ดออกในฉับพลัน หยุนเช่ออุม้ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กา้ วเดิน
ออกไป หลังจากเหลือบมองแวบเดียวมันก็เห็นบันไดศิลานัน่
ก่อนหน้านี้มนั ได้เข้าไปในประตูที่อยูต่ ิดกับบันไดศิลา มันข่ม
ความอยากรู ้อยากเห็น ไม่เดินเข้าไปลึกนัก เนื่องจากเกรงว่าจะ
หลงทาง ไม่วา่ จะอย่างไรสถานที่แห่งนี้กใ็ หญ่โตเกินไป
โครงสร้างและสี สนั ของมันล้วนเหมือนกันไปหมด แค่เดินผิดนิด
เดียวมันอาจหลงทางได้
เมื่อหยุนเช่อเดินลงมาตามบันไดศิลา ภายในใจสงบเยือก
เย็นลงเช่นกัน นาวาปราณบรรพกาลกําลังจะปิ ดตัวลง เมื่อออกไป
ด้านนอก หากมีปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง และผูค้ นจากพรรค
เทพหงสา เย่ซิงหานและเฟิ งเฟยเยียนย่อมไม่อาจกระทําการตาม
ความปรารถนาได้ วิกฤติการณ์ของทั้งคู่ยอ่ มต้องผ่านไปเช่นกัน มี
เพียงเซี่ยหยวนป้าที่หยุนเช่อกําลังวิตกกังวลอยู่ หากแต่เด็กหนุ่ม
ครอบครองหยกเคลื่อนย้าย ตามหลักแล้ว สมควรสามารถรักษา
ชีวติ รอดได้ แต่หยุนเช่อจะอย่างไรยังคงวิตกอย่างยิง่ ที่เซี่ยหยวน
ป้าต้องเดิมพันชีวติ เพื่อยื้อเวลาหลบหนีให้แก่ตนเอง
หยุนเช่อลงบันไดมาได้ครึ่ งหนึ่งอย่างรวดเร็ ว ชั้นแรกของ
ป้อมปราการยามนี้ปรากฏขึ้นในกรอบสายตาของชายหนุ่มแล้ว
ชัว่ ขณะนี้เอง เสี ยงของจัสมินพลันดังขึ้น “ช่างเป็ นวิญญาณที่ตาม
หลอกหลอนไม่สิ้นสุ ดจริ งๆ”
“วิญญาณที่ติดตามหลอกหลอน? ท่านหมายความว่า
อะไร?” หยุนเช่องุนงง ฝี เท้าชะลอเชื่องช้าลง ทันทีที่ชายหนุ่ม
กล่าวจบคํา ทัว่ ร่ างพลันรับรู ้ความรู ้สึกเย็นเยียบลงไขสันหลัง…
ราวกับถูกตรึ งร่ างอยูก่ บั ที่!
หยุนเช่อหันศีรษะ พร้อมทั้งก้มลงมองยังเบื้องล่าง…หยิบ
ยืมแสงมัวสลัว ชายหนุ่มมองเห็นเงาร่ างเลือนรางพุง่ ทะยานเข้ามา
ด้วยความเร็ วอย่างสุ ดแสน
เย่ ซิงหาน!!
ทันทีที่หยุนเช่อพบเห็นมัน เย่ซิงหานที่จริ งพบเห็นหยุนเช่อ
และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ในอ้อมกอดมันมานานแล้ว ดวงตาดําสนิทของ
มันพลันลุกโหมด้วยประกายแปลกประหลาดพิกล สี หน้าแสดง
ความรู ้สึกปี ติยนิ ดีท่วมท้น ก่อนจะเปล่งเสี ยงหัวเราะบ้าคลัง่
“ฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เดิมข้าล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว ไม่นึก
ว่าสวรรค์จะเมตตาข้าเช่นนี้! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..”
หยุนเช่อไม่คาดว่าอีกเพียงสองชัว่ โมงก่อนนาวาปราณปิ ด
ลง ในป้อมปราการลี้ลบั พิสดารนี้ มันจะพบเจอกับเย่ซิงหานอีก
ครา สองตาของชายหนุ่มพลันสาดประกายเจิดจ้า โดยไม่หยุดคิด
ชายหนุ่มหมุนตัวกลับหลัง ทะยานขึ้นสู่เบื้องบนด้วยความเร็ วอัน
สู งสุ ด
“ครานี้ ข้าจะดูซิวา่ เจ้าสองคนจะหนีไปไหนได้!!”
เย่ซิงหานเคลื่อนร่ างรวดเร็ วดุจดาวตก ในสายตาของมัน หยุ
นเช่อเมื่อเข้ามาให้มนั เห็นเอง ล้วนนับว่าปราศจากความเป็ นไปได้
ที่จะหลบหนีอีกต่อไป เมื่อเห็นร่ างของชายหนุ่มที่ทะยานพรวด
ขึ้นสู่ ช้ นั สอง ใบหน้าของมันเผยรอยแย้มยิม้ อันชัว่ ช้า มันสะบัด
มือคราหนึ่ง สุ ริยนั จันทราวิบตั ิปรากฏขึ้นบนฝ่ ามือ ส่ งประกาย
รังสี ยทุ ธ์สีขาวเจิดจ้าปาดเฉือนเข้าใส่ ช่วงเท้าของหยุนเช่อ
ในทันที…เห็นได้ชดั ว่า มันเกรงว่าเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อาจต้องถูก
ลูกหลงจากการโจมตี ร่ างของหยุนเช่อวูบขึ้นคราหนึ่ง ก่อนที่ชาย
หนุ่มจะหลบหลีกด้วยท่าเท้าเทพดาราแยกเงา รังสี ยทุ ธ์กระทบเข้า
กับราวจับของบันได ทว่ากลับไม่ปรากฏรอยขีดข่วนใดๆ ก้อนอิฐ
ในที่น้ ีต่างแข็งแกร่ งอย่างถึงที่สุด ไม่เพียงหยุนเช่อ กระทัง่ พลังน่า
หวาดหวัน่ ของเย่ซิงหาน ยังไม่อาจทําอันใดได้
“เข้าไปในห้องศิลาเร็ วเข้า! ความเร็ วของเจ้าไม่อาจสลัดมัน
หลุดพ้นได้!” จัสมินกล่าวอย่างเคร่ งเครี ยด
แม้จะปราศจากการกระตุน้ เตือนจากจัสมิน อย่างไรหยุ
นเช่อล้วนต้องทําเช่นนั้น เนื่องเพราะนี่เป็ นเพียงตัวเลือกเดียวของ
ชายหนุ่มในตอนนี้ หยุนเช่อพุง่ ขึ้นสู่ ช้ นั สองด้วยความเร็ วสู งสุ ด
ของตน เหิ นข้ามสวนหย่อม ก่อนที่ร่างของเขาจะมาถึงหน้าประตู
ศิลา เย่ซิงหานเองขึ้นมาถึงชั้นสองแล้วเช่นกัน ระยะห่างระหว่าง
มันและหยุนเช่อย่นย่อไม่ถึงหกสิ บเมตรในยามนี้ เย่ซิงหาน
หัวเราะเย็นชา “ยังคิดหนีไปที่ใด?”
เย่ซิงหานผลักฝ่ ามือออก พลังยุทธ์สายหนึ่งพุง่ เข้าใส่ แผ่น
หลังของหยุนเช่ออย่างหนักหน่วง
หยุนเช่อสัมผัสความรู ้สึกอันตรายร้ายแรงได้จากทาง
ด้านหลัง ทว่าชายหนุ่มไม่มีเวลาหันกลับไป เขากระชับอ้อมอกที่
โอบเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แนบแน่น ทัว่ ร่ างปรากฏพลังปราณพลุ่ง
พล่าน…
ผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆา!!
เปรี้ ยง!!!!
เสี ยงระเบิดสะท้าน ปราการคุม้ ครองที่เกร็ งขึ้นรอบกาย
เพียงคงอยูไ่ ด้ชวั่ เสี้ ยววินาทีก่อนแตกกระจายเป็ นชั้นๆ ม่าน
ลมปราณป้องกันพลังโจมตีส่วนใหญ่ไว้แทบทั้งหมด ทว่าพลังที่
หลงเหลือยังคงสุ ดทานทนสําหรับหยุนเช่อ ชายหนุ่มกระอัก
โลหิ ตกองโตออกมา ก่อนหยิบยืมพลังกระแทกสะท้อนจากทาง
ด้านหลัง ส่ งตัวเองข้ามระยะห่างของสวนหย่อมทั้งหมด พุง่ ข้าม
ธรณี ประตูของห้องศิลาห้องหนึ่ง กระแทกเข้าใส่ กาํ แพงอย่าง
รุ นแรง…ทว่า ก่อนร่ วงลงสู่ พ้นื หยุนเช่อใช้พลังแรงใจทั้งหมด
รักษาสติสมั ปชัญญะไว้ ยืดแขนออกโคจรพลังลมปราณไว้ที่ฝ่า
มือ ก่อนกดประทับลงบนตราผนึกที่ประตูหอ้ ง
ครื นนน…
ประตูศิลาปิ ดสนิทลงในทันที แยกทั้งสองออกจากเย่ซิง
หานที่ดา้ นนอก หยุนเช่อนอนแผ่หอบหายใจหนักหน่วงอยูบ่ นพื้น
หดมือกลับเข้ามาอย่างยากลําบาก แผ่นหลังของเขาถูกพลังยุทธ์
ของเย่ซิงหานกระแทกเข้าใส่ ทั้งยังถูกอัดติดกําแพงเมื่อครู่ ดังนั้น
ยามนี้ ชายหนุ่มเลือดลมพลุ่งพล่านปั่นป่ วน อวัยวะภายใน
เคลื่อนที่ โลหิ ตหลัง่ ไหลออกจากมุมปากไม่หยุดยั้ง ทว่า สําหรับผู ้
ที่เพียงมีความสามารถทัดเทียมกับราชันขั้นสู ง ที่สามารถรับการ
โจมตีจากราชันทรราชย์ข้นั กลางได้น้ นั บนโลกนี้ สมควรมีเพียง
หยุนเช่อผูเ้ ดียวเท่านั้น
และตลอดทั้งกระบวนการ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ได้รับการปกป้อง
จากชายหนุ่มจนสุ ดชีวติ หญิงสาวปราศจากรอยขีดข่วนแม้แต่
น้อยนิด หากนางยังคงแตกตื่นตระหนกจนแทบหลัง่ นํ้าตา “พี่
ใหญ่หยุน ท่านไม่เป็ นไรนะ…ท่านไม่เป็ นไรใช่ม้ ยั …พี่ใหญ่หยุ
น..”
“ข้า..ไม่เป็ นไร…” หยุนเช่อหอบหายใจแรง จากนั้น ลุกขึ้น
ด้วยความยากลําบาก ชายหนุ่มพยุงเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่ขา้ งกายขึ้น
เช่นกัน ก่อนจะให้หญิงสาวเอนร่ างพิงกับกําแพงเคียงข้างกัน “ข้า
ไม่เป็ นไร เพียงเป็ นบาดแผลเล็กน้อย”
เปรี้ ยง! ตูม! เคร้ ง! คร้ าง! โครม….
เสี ยงอึกทึกครึ กโครมดังสนัน่ ออกมาจากทางด้านนอก ห่าง
จากทั้งสองไม่ถึงสิ บก้าว ทว่า ไม่วา่ ประตูศิลาหรื อกําแพงศิลา
ภายใต้การโจมตีอนั สุ ดแสนบ้าคลัง่ ทั้งหมดต่างไม่ปรากฏความ
เสี ยหายใดทั้งสิ้ น หยุนเช่อกุมมือเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พร้อมปลอบ
ประโลม “เสวีย่ เฮ๋ อร์อย่ากังวล มันเข้ามาไม่ได้หรอก”
“อืมม..” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์แอบอิงเข้าหาไหล่ของชายหนุ่ม
ก่อนจะกอดรัดท่อนแขนแข็งแกร่ งนั้นด้วยสองมือ
บทที่ 468 สิ้นหวังไร้ ทางรอด

เย่ซิงหานใช้พละกําลังทั้งหมดหลบหนีออกมาอย่าง
ยากลําบากจากบทเพลงแห่งพิธีศพบุปผาที่ถูกกดทับไว้กว่าสิ บ
สองชัว่ โมง หลังจากระบายโทสะ ณ ที่น้ นั มันยังคงไม่เลิกล้ม
ความตั้งใจ และไล่ติดตามคนทั้งคู่มาอีกครั้ง จากนั้น มันเองเข้า
มายังป้อมปราการนี้ดว้ ยความสงสัยเช่นเดียวกับหยุนเช่อ… ที่จริ ง
มันล้มเลิกความคิดค้นหาเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไปแล้ว ไม่คาดว่าโชคลาภ
ของมันจะพลันร่ วงหล่นลงจากท้องฟ้ามาหาเช่นนี้
ทว่ายามนี้ ประตูศิลากลับกั้นกลางเย่ซิงหานจากเหยือ่ โอชะ
ที่อยูเ่ พียงเอื้อมมือ แม้จะโจมตีดว้ ยกระบวนท่าที่รุนแรงจนท่อน
แขนเจ็บปวด ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการทําลายประตูศิลาลง กระทัง่ ริ้ ว
รอยขีดข่วนยังไม่ปรากฏด้วยซํ้า บานประตูที่เบื้องหน้าไม่มีวแ่ี วว
ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นอ้ ย
เย่ซิงหานผลักประตูหินด้วยพลังทั้งหมด สิ่ งที่ได้รับคือ
ความรู ้สึกประดุจดัง่ เขาเป็ นมดตัวจ้อยที่หาญกล้าเขย่าต้นไม้
เย่ซิงหานขัดเคืองใจยิง่ ความรู ้สึกราวเป็ ดที่ถูกปรุ งเรี ยบร้อย
กลับโบยบินออกจากมือ ส่ งผลให้มนั รู ้สึกเกินทานทน มันจ้อง
มองไปยังประตูศิลา เดินวนเวียนไปมาไม่หยุดยั้ง มันพยายามหา
กลไกเปิ ดประตูพร้อมทั้งเปล่งวาจาข่มขู่เสี ยงแข็ง “หยุนเช่อ หาก
ไม่อยากตายโดยไร้ที่กลบฝัง จงเปิ ดประตูเดี๋ยวนี้!”
หยุนเช่อไม่ตอบ ชายหนุ่มปิ ดตาหายใจสมํ่าเสมอ ก่อน
ค่อยๆ ฟื้ นสภาพอาการบาดเจ็บบนร่ างกาย แม้จะเตรี ยมรับการ
โจมตีจากเย่ซิงหาน หากบาดแผลที่ได้รับยังนับว่าไม่เล็กน้อย ทาง
ด้านข้าง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนื่ มือออกมาเช็ดคราบโลหิตที่ริมฝี ปาก
ของหยุนเช่ออย่างระมัดระวัง ดวงตางดงามของนางเต็มไปด้วย
ความเจ็บปวด…ชายหนุ่มได้รับบาดแผลหนักหนาเพียงนี้ ทว่า
ยังคงพยายามอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้แม้ชายเสื้ อของนางต้องได้รับ
อันตรายใด ยามที่หญิงสาวไม่อาจป้องกันตนเองได้เลยเช่นนี้
เพียงเรื่ องนี้ หญิงสาวก็ซาบซึ้ งตื้นตันจนไม่อาจลืมเลือนไปจนชัว่
ชีวติ
เย่ซิงหานเดินวนรอบบริ เวณใกล้เคียงเป็ นเวลาหลายครั้ง
เขายังไม่สามารถค้นหาสิ่ งใดที่มองเหมือนกลไก เขาเลิกล้มการ
ค้นหาและยืนตรงหน้าประตูหิน สี หน้าของมันแปรเปลี่ยนอย่าง
รวดเร็ ว สุม้ เสี ยงของมันสงบลง “หยุนเช่อ เจ้าไม่เพียงทําลาย
แผนการใหญ่ของข้า ยังฆ่าสตรี ของข้าทั้งสองคน ไม่วา่ เจ้าจะทํา
อย่างไร ล้วนเพียงพอในการให้ขา้ ทรมาณเจ้าจนต้องร้องขอความ
ตาย! ลองคิดดูสิ แม้เจ้าจะสามารถหลบหนีขา้ ได้ในวันนี้ และออก
จากนาวาปราณบรรพกาลได้ …เฮอะ! ข้าจะไม่ลงั เลเลยที่จะทุ่มเท
กําลังของวิหารเทพสุ ริยนั จันทราทั้งหมดเพื่อไล่ล่าเจ้าจนสุ ดขอบ
ฟ้า เมื่อถึงยามนั้น ไม่เพียงไม่มีผใู ้ ดกล้าปกป้องเจ้า พวกมันยังจะ
ไล่สงั หารเจ้าเพื่อประจบเอาใจข้า เจ้าต้องหนีหวั ซุกหัวซุนราว
สุ นขั ไร้เจ้าของ ภาวนาว่าสามารถมองเห็นแสงสว่างของวันพรุ่ งนี้
กระทัง่ ซากศพเจ้าต้องถูกฉี กเป็ นหมื่นๆชิ้น!”
หยุนเช่อทราบดีในใจว่าคําพูดของเย่ซิงหานข่มขู่ แต่
ทั้งหมดล้วนเป็ นความจริ ง ความแค้นของพรรคเทพหงสาและ
ความแค้นของวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา ล้วนแตกต่างกันอย่าง
สิ้ นเชิง
“ถ้าเจ้าไม่ออกมา เจ้าจะถูกปิ ดตายในนาวาปราณบรรพกาล
แม้เจ้าจะออกไปได้ เบื้องนอกล้วนมีเพียงความตายรอคอยเจ้า
อยู!่ ” เย่ซิงหานกล่าวอย่างเอาจริ งเอาจัง “แต่ ตอนนี้ ข้าจะให้
โอกาสเจ้า! หากเจ้าเปิ ดประตูน้ ีและส่ งน้องเสวีย่ เอ๋ อร์มาให้ขา้
เช่นนั้น ทุกสิ่ งทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่ องที่เจ้าฆ่าสตรี ของข้า
ทั้งหมดล้วนเลิกแล้วกันไป! ข้าไม่เพียงจะให้เจ้าจากไป ยังจะให้
เจ้าออกจากนาวาปราณบรรพกาลอย่างปลอดภัย จากวันนี้ไป จะ
ไม่มีการไล่ล่า ทั้งยังอาจตบรางวัลให้แก่เจ้าอีกด้วย”
ในสถานการณ์อบั จนเช่นนี้ คําพูดเหล่านี้แน่นอนน่าสนใจ
อย่างยิง่ หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลง ทีท่าไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งไม่เอ่ย
ปากตอบคํา เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มองไปที่ชายหนุ่มอย่างกังวล ก่อนเอ่ย
ปากด้วยเสี ยงนุ่มนวล “พี่ใหญ่หยุน…”
“อย่าได้สนใจมัน” หยุนเช่อโอบไหล่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ พร้อม
กล่าวตอบอย่างอ่อนโยน
“เรานายน้อยเป็ นเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา
โอกาสรอดชีวติ ครั้งนี้ ถือเป็ นรางวัลใหญ่ให้แก่เจ้า จงอย่าทําตัวโง่
งม ยอมทําลายอนาคตและชีวติ ของตนเอง!” เย่ซิงหานกล่าวอย่าง
เครี ยดเคร่ ง ทว่า ความจริ งแล้ว ภายในใจของมันวิตกกังวลอย่าง
ใหญ่หลวง เนื่องเพราะอีกไม่ถึงสองชัว่ โมง จะถึงเวลาออกจาก
นาวาปราณบรรพกาล เมื่อถึงยามนั้น ไม่เพียงมันต้องสู ญเสี ยเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ ความชัว่ ช้ารวมทั้งพฤติกรรมเลวทรามล้วนต้องถูกเปิ ด
โปง ในอนาคต ยิง่ ยากลําบากในการลงมืออีกเป็ นเท่าตัว มันกล่าว
วาจาไร้สาระมากมาย ทว่ายังคงไม่อาจได้รับการตอบรับใดๆ
กระทัง่ เสี ยงเล็กน้อยจากภายในยังไม่มีดงั ลอดมาให้ได้ยนิ เย่ซิง
หานหน้าดําครํ่าเครี ยด “หยุนเช่อ! หากไม่ออกมา เจ้าคิดตายใน
นาวาปราณบรรพกาลงั้นเรอะ? เฮอะ สิ่ งมีชีวติ ชั้นตํ่าเช่นเจ้าตาย
ไปไม่นบั เป็ นอย่างไร แต่เจ้ามีคุณสมบัติใดฉุดลากเสวีย่ เอ๋ อร์ไป
กับเจ้าด้วย! ชีวติ ของนางลํ้าค่ากว่าเจ้ามากนัก หากคิดปกป้องนาง
จริ ง เช่นนั้นจงส่ งมอบนางให้ขา้ แต่โดยดี นี่เป็ นโอกาสเพียงหนึ่ง
เดียวของเจ้า!”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าวตอบโต้ดว้ ยสุ ม้ เสี ยงแข็งกร้าวที่สุดเท่าที่
สามารถเค้นออกมาได้ “เย่ซิงหาน! ข้า-เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยนิ ยอมตาย
พร้อมพี่ใหญ่หยุน ดีกว่าตกไปอยูใ่ นเงื้อมมือเจ้า!”
“โอ้ เสวีย่ เอ๋ อร์ของข้า” เมื่อได้ฟังวาจาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
นํ้าเสี ยงของเย่ซิงหานโอนอ่อนลงมหาศาล “เหตุใดท่านต้อง
ปฏิเสธพี่ใหญ่เย่ผนู ้ ้ ีถึงปานนั้น? แม้วธิ ีการของข้าจะคดโกงไปบ้าง
แต่เนื่องเพราะพี่หลงใหลเจ้ามากเกินไป จนร้อนรนใคร่ คิด
ครอบครองท่าน”
“ไปให้พน้ !” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ตะโกนก้องด้วยความขุ่นแค้น
“ข้าเกลียด…เกลียดเจ้าเข้ากระดูก!”
“น้องเสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้าจะรู ้จกั รักข้าขึ้นมาเอง” เย่ซิงหานกล่า
วาจาอย่างปลอดโปร่ ง “ข้า-เย่ซิงหาน คือเจ้าวิหารน้อยแห่งวิหาร
เทพสุ ริยนั จันทรา จะกลายเป็ นชนชั้นผูน้ าํ แห่งทวีปลมปราณฟ้า
ในอนาคต มีเพียงข้าที่คู่ควรต่อท่าน และมีเพียงน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ ที่
คู่ควรกับข้า”
“ข้าสามารถรับรองกับน้องเสวีย่ เอ๋ อร์ได้ในตอนนี้ ว่า
หลังจากการแต่งงาน ข้าจะทุ่มเททุกทางเพื่อปกป้องท่าน ให้ท่าน
ได้เป็ นสตรี ที่สมบูรณ์แบบและเป็ นที่ยกย่องของทุกผูค้ น เพือ่ เจ้า
ข้าสามารถสละสตรี ทุกนางในโลก”
“ข้าจะไม่..ไม่มีทางชอบพอท่านอย่างเด็ดขาด! พี่ใหญ่หยุ
นของข้า ดีเลิศกว่าท่านเป็ นพันเป็ นหมื่นเท่า!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่า
วอย่างขุ่นแค้น
“พี่ใหญ่หยุนของเจ้า?” เย่ซิงหานหรี่ ตาลง ก่อนหัวเราะด้วย
ความเหยียดหยาม “เจ้ากลับกล้าเอาข้าไปเปรี ยบกับสิ่ งมีชีวติ ชั้นตํ่า
เช่นมัน? ในสายตาข้า มันยังน่าสมเพชยิง่ กว่ามดข้างถนน คิดบด
ขยี้มนั ยังง่ายดายกว่าบดขยี้มดปลวก น้องเสวีย่ เอ๋ อร์ จาก
สติปัญญาและความบริ สุทธิ์ของท่าน เหตุใดใจท่านจึงมืดบอด
ปานนี้? มีเพียงการติดตามข้า ท่านจึงสามารถค้นพบความสมบูรณ์
แบบของท่านได้ แม้ท่านจะไม่คาํ นึงถึงอนาคตตัวเอง ยังคงต้อง
คิดถึงอนาคตของพรรคเทพหงสา เจ้าต้องการทําลายอนาคตพรรค
เทพหงสาด้วยความเห็นแก่ตวั และการตัดสิ นใจที่ผดิ พลาดงั้นรึ ?”
คําพูดสุ ดท้ายของเย่ซิงหานจู่โจมสู่ จิตใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
หยุนเช่อเปิ ดเปลือกตาขึ้น กอบกุมฝ่ ามือเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ท่ียดึ จับ
แนบแน่นไว้ ก่อนสัน่ ศีรษะ “อย่าได้เชื่อถือวาจาตํ่าตมของคนชัว่
ร้ายเช่นมัน ไม่วา่ มันจะพูดอะไร อย่าได้ฟังมัน”
“อืม” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะ
หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลงอีกครั้ง รักษาเยียวยาอาการบาดเจ็บ
เย่ซิงหานจะอย่างไรย่อมต้องออกจากสถานที่น้ ีก่อนนาวาปราณ
บรรพกาลจะปิ ดลง เวลานั้น จะเป็ นเพียงโอกาสเดียวของทั้งเขา
และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ เพื่อรักษาชีวติ ตนเอง เย่ซิงหานย่อมต้องออก
ห่างจากป้อมปราการนี้ แม้นี่จะเป็ นความเสี่ ยงอย่างยิง่ ตราบใดที่
หยุนเช่อวางแผนการอย่างรอบคอบรัดกุม โอกาสความสําเร็ จ
แน่นอนว่าไม่ต่าํ ทราม
ยิง่ รักษาอาการบาดเจ็บได้มากเท่าไร โอกาสรอดยิง่ มากขึ้น
เท่านั้น หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อยูภ่ ายในห้องศิลา เย่ซิงหาน
เฝ้าอยูภ่ ายนอก สภานการณ์มาสู่ จุดที่ท้ งั สองฝ่ ายไม่อาจก้าวหน้า
หรื อถอยหลังได้ แม้จะทุ่มเทจนหมดกําลัง เย่ซิงหานยังไม่อาจเปิ ด
ประตูออกได้ ดังนั้น มันเพียงใช้วาจาล่อลวง ข่มขู่ ปลอบโยนทุก
วิถีทาง สุ ดท้าย ด้วยความขัดเคืองใจสุ ดแสน มันระเบิดความ
โกรธแค้นออกมาเป็ นคําสาปแช่งด่าทอ ทว่า ทั้งหยุนเช่อและเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ต่างไม่ตอบคํา
ครื นนน….
พื้นที่ใต้ฝ่าเท้าสัน่ สะเทือน กําแพงที่รายล้อม กระทัง่
บรรยากาศรอบกาย ทั้งหมดพลันสัน่ สะเทือนอย่างรุ นแรง ราวกับ
ผืนพสุ ธากําลังไหวสะท้าน
ความสัน่ สะเทือนนี้ส่งผลให้หยุนเช่อรวบรวมสัมผัส
ความรู ้สึก ทางด้านนอก สี หน้าของเย่ซิงหานเปลี่ยนแปลงอย่าง
รุ นแรง
“อา…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันฉุกคิดถึงบางอย่าง ก่อนรํ่าร้อง
ออกมา “พี่ใหญ่หยุน แย่แล้ว ข้าได้ฟังมาจากพระบิดา เมื่อมิติ
สัน่ สะเทือน หมายความว่าอีกครึ่ งชัว่ โมง นาวาปราณบรรพกาล
จะปิ ดตัวลง”
“ครึ่ งชัว่ โมง…” หยุนเช่อช้อนสายตาขึ้นจ้องมองประตูศิลา
สี หน้าเคร่ งขรึ ม
เสี ยงของเย่ซิงหานดังแว่วมาเช่นกัน “หยุนเช่อ! อีกครึ่ ง
ชัว่ โมงนาวาจะปิ ดลง หากไม่ออกมา เจ้าทั้งสองต้องถูกกักขังด้วย
พลังของนาวา สุ ดท้ายต้องตกตายอยูใ่ นนาวานี้ กระทัง่ ซากศพยัง
ต้องสาบสู ญไปด้วย!”
“ออกมา! เจ้าจะรอด! ไม่ง้ นั ก็ตอ้ งตายทั้งสองคน!!”
“เจ้าห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่านะ” หยุนเช่อกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าเองยังอยูภ่ ายในป้อมปราการนี้ แม้เราทั้งสองจะฝ่ าออกไป
ไม่ได้ เจ้าเองก็ตอ้ งเป็ นเพื่อนเราสองทิ้งชีวติ ไว้ที่นี่เช่นกัน”
“เป็ นเพื่อนพวกเจ้าทิ้งชีวติ ไว้? ฮ่า คําพูดเหล่านั้นฟังดูน่า
กลัวเพียงไหน เจ้าเพียงต้องเปิ ดประตูออกมา ง่ายๆแค่น้ ี เจ้าก็จะ
สามารถมีชีวติ ต่อไปได้อย่างสงบสุ ข เสวีย่ เอ๋ อร์เองก็รอดไปได้
เช่นกัน แต่หากเจ้ายังดื้อรั้น เจ้าเลือกโง่งมไปคนเดียวก็ไม่เป็ นไร
แต่ไม่อาจฉุดลากเสวีย่ เอ๋ อร์ของข้าไปด้วย นี่เป็ นครั้งแรกที่ขา้ พบ
เจอคนโง่เง่าถึงปานนี้ในชีวติ ข้า!”
“หากข้าเชื่อคําพูดของเจ้า เช่นนั้นจึงนับว่าข้าโง่งมอย่าง
แท้จริ ง” หยุนเช่อหัวเราะเย็นชา
ครื นนน….
ห้วงมิติสนั่ สะเทือน และจากบันทึกประวัติศาสตร์ ยิง่ นาวา
ปราณใกล้ปิดเท่าใด ยิง่ สัน่ สะเทือนมากขึ้นเท่านั้น สุ ดท้าย ชั้น
บรรยากาศทั้งหมดจะสัน่ สะท้านไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับห้วงมิติที่
กําลังพังทลายลง สี หน้าของเย่ซิงหานดําทะมึน มันหมุนตัว
กลับไปจ้องมองสวนหย่อม ในศีรษะคํานวณระยะเวลาที่ตอ้ งใช้
ในการหลบหนีออกจากป้อมปราการอย่างรวดเร็ ว พร้อมทั้งกัด
ฟันพูดว่า “หยุนเช่อ ข้าให้โอกาสสุ ดท้ายกับเจ้า เจ้าคนใดคนหนึ่ง
เปิ ดประตู…ไม่ง้ นั ก็ตายทั้งคู่!”
เวลาเคลื่อนผ่านไป ทุกวินาทีที่ผา่ นพ้น ราวกับย่างก้าวของ
พญามัจจุราชที่คืบใกล้ สี หน้าหยุนเช่อสงบเยือกเย็น ทว่าหน้าผาก
ของชายหนุ่มปรากฏเหงื่อเย็นเยียบไหลหลัง่ เนื่องเพราะนี่คือ
ช่วงเวลาสุ ดท้ายที่ตดั สิ นเป็ นตายของตนเองและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
หากเขายังคงไม่ออกไป เขาต้องตาย หากออกไปจากป้อมปราการ
ไม่ทนั กาลก่อนนาวาปราณจะปิ ดลง เขาเองล้วนไม่อาจรอดชีวติ
ไปได้เช่นกัน
สิ บห้านาทีผา่ นไป ความถี่ในการสัน่ สะเทือนของห้วงมิติยงิ่
มายิง่ มากขึ้น สี หน้าของเย่ซิงหานยิง่ มายิง่ หวาดวิตก มันเหลียว
หลังกลับไปอีกครั้ง คํานวณระยะทางและระยะเวลาทั้งหมดเพื่อ
หนีออกจากสถานที่น้ ี จากนั้น มันสู ดลมหายใจลึกพร้อมตะโกน
ว่า “หยุนเช่อ ข้าให้โอกาสเจ้าเป็ นครั้งสุ ดท้าย! หากคิดมีชีวติ …ก็
เปิ ดประตู!!”
ภายในห้องศิลา หยุนเช่อขมวดคิ้วนิ่วหน้า ชายหนุ่มกัดฟัน
ไม่กล่าวคําพูดใด เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เองกุมมือของหยุนเช่อแนบแน่น
สี หน้าเต็มไปด้วยความสับสนว้าวุน่
ครื นนนน….
มวลอากาศสัน่ สะท้านรุ นแรง ส่ งผลให้ท้ งั ร่ างของเย่ซิงหาน
ไหวเอน ยามนี้ห่างจากเวลายีส่ ิ บสี่ ชวั่ โมงที่กาํ หนดไว้เพียงสิ บห้า
นาที หากหยุนเช่อเปิ ดประตูส่งมอบเสวีย่ เอ๋ อร์ให้แก่มนั มันเองยัง
ไม่เหลือเวลากระทําการอันใดได้เช่นกัน สี หน้าของมันคลํ้าลง ทัว่
ร่ างสัน่ สะท้านก่อนคํารามออกมาอย่างเคืองแค้นพยาบาท
“ประเสริ ฐมาก เช่นนั้นข้าจะส่ งเสริ มความปรารถนาของเจ้าเอง!
เมื่อข้าไม่ได้ เช่นนั้น ทําลายเจ้าสองคนไปพร้อมกันก็ไม่เลว!!”
คํากล่าวของเย่ซิงหานทําให้หยุนเช่อทราบถึงความคิดที่มนั
ตั้งใจกระทํา ชายหนุ่มทะลึ่งร่ างลุกขึ้นตะโกนก้อง “หยุดมือ!”
ก่อนสิ้ นเสี ยง ฝ่ ามือของเย่ซิงหานฟาดใส่ บานประตูศิลา
ตําแหน่งที่ฟาดลง คือตราผนึกอันเล็กๆที่ควบคุมการเปิ ดปิ ดของ
ประตูศิลา
พลังอันหนักหน่วงแล่นเข้าสู่ตราผนึก วงล้อมผนึกเรื องแสง
ก่อนจะแตกสลายในพริ บตา ประกายแสงแห่งผนึกเลือนหายไป
อย่างช้าๆ
เมื่อตราผนึกถูกทําลาย บานประตูนบั ว่าถูกปิ ดตายอย่าง
ถาวร ไม่วา่ จากภายในหรื อภายนอก ล้วนไม่อาจเปิ ดออกได้
“ฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ตายอยูท่ ี่นี่…ตลอดไปซะเถอะ!!”
ตราผนึกที่ถูกทําลายฉี กกระชากความคาดหวังของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์และหยุนเช่อจนหมดสิ้ น ทั้งยังทําลายความคิดหมาย
ครอบครองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ของเย่ซิงหานจนไม่หลงเหลือ เย่ซิงหาน
หัวเราะออกมาด้วยความคัง่ แค้น มันเหิ นขึ้นบนอากาศด้วยสี หน้า
เคียดแค้น บินออกจากสถานที่ไปด้วยความเร็ วเต็มที่ มันร่ อนลง
จากบันไดศิลา ก่อนเร่ งออกจากป้อมปราการอย่างรวดเร็ วที่สุด
บทที่ 469 เสวีย่ เอ๋อร์ ….รอข้ า

“เจ้า…สารเลว!!”
สิ่ งที่หยุนเช่อกังวลใจมากที่สุดเกิดขึ้นแล้ว ด้วย
ความสามารถของเย่ซิงหาน ย่อมสามารถมองทะลุถึงกลไกผนึก
ยามนี้เย่ซิงหานโบยบินจากไปด้วยความเร็ วสู งสุ ด ภายในใจของ
หยุนเช่อตกวูบลง ชายหนุ่มทะยานร่ าง ตวัดทัณฑ์มงั กรฟาดเข้าใส่
บานประตูศิลาด้วยพละกําลังทั้งหมด
แคร้ง!!!
เสี ยงกรี ดจากการโจมตีดงั สะท้านแก้วหู พลังกระแทก
สะท้อนส่ งผลให้สองแขนของชายหนุ่มเจ็บร้าว อาการบาดเจ็บที่
สะกดข่มไว้กาํ เริ บขึ้นอีกครั้ง หยุนเช่อโซเซถอยหลัง ก่อนล้มลง
กับพื้นอย่างรุ นแรง
“พี่ใหญ่หยุน!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เลื่อนร่ างกายของนางโอบไหล่
ของหยุนเช่อ “ท่านเป็ นอะไรไหม บาดเจ็บหรื อไม่?”
สายตาของหยุนเช่อตกลงบนตําแหน่งบนบานประตูที่ฟาด
ทัณฑ์มงั กรลงไป..ไม่ตอ้ งกล่าวถึงรอยแตก กระทัง่ รอยขีดข่วนยัง
ไม่ปรากฏให้เห็นในสายตา ชายหนุ่มสู ดลมหายใจลึกพร้อมห่อ
ไหล่
“พี่ใหญ่หยุน….” มองหยุนเช่อตอนนี้และคิดถึงสถานการณ์
ของพวกเขา เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์โอบกอดหยุนเช่อแน่น…. “พี่ใหญ่
หยุน”
สําหรับนาง คําสามคํานี้คือสิ่ งคํ้าจุนทางอารมณ์ที่นางมี
“ข้าขอโทษเสวีย่ เอ๋ อร์ ในที่สุดเรายังคงถูกบังคับให้อยูส่ ถาน
ที่น้ ี” หยุนเช่อหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่ชายหนุ่มพูดอย่างอ่อน
แรง
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ส่ายศีรษะอย่างแรง “ไม่….เป็ นข้าที่ทาํ ร้ายพี่
ใหญ่หยุน ทั้งหมดเป็ นเพราะข้า ถ้าไม่ใช่พใี่ หญ่หยุนต้องการ
ปกป้องข้า คงไม่เป็ นเช่นนี้…”
หยาดนํ้าตาจากเด็กสาวแห่งหงสาหยดลง ร่ วงลงสัมผัสยัง
ท่อนแขนของหยุนเช่ออย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มหันมองไปที่นยั น์ตา
ของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์และกล่าวเบา ๆ ว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ เจ้ากลัวหรื อ?”
ใบหน้าของหยุนเช่อซีดขาว ทว่าความรู ้สึกที่สะท้อนจาก
นัยน์ตายังคงเป็ นสิ่ งที่นางคุน้ เคย เป็ นความรู ้สึกอบอุ่นที่ทาํ ให้
หญิงสาวหลงใหลอย่างไม่อาจไถ่ถอนตัว เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ
เชื่องช้า “หากข้าคนเดียว ข้าอาจหวาดกลัว แต่เมื่อมีพี่ใหญ่หยุน
เคียงข้าง เสวีย่ เอ๋ อร์ลว้ นไม่กลัวอันใด”
“แต่ ข้ากลัวเหลือเกิน” หยุนเช่อปิ ดเปลือกตาลง “ข้าเกรงว่า
ตนเองไม่อาจได้พบเจอบุคคลอันเป็ นที่รักและภรรยา…กลัวว่าไม่
อาจปกป้องพวกมันได้…กลัวว่าไม่อาจทําความปรารถนาสุ ดท้าย
ที่ท่านปู่ ฝากฝังให้เป็ นความจริ ง…กลัวไม่อาจได้พบกับนางเซียน
น้อยและเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา…ข้ากลัว…ทุกอย่าง…”
“ทว่าตอนนี้…ที่เบื้องหน้าสายตาของข้า ที่ขา้ หวาดกลัว
ที่สุด คือการมองเจ้าหมดลมหายใจไปต่อหน้า”
ครื น…..ครื น…..
สรรพสิ่ งรอบตัวได้สน่ั สะเทือนรุ นแรงมากขึ้นมากขึ้น เสี ยง
ดังสนัน่ หวัน่ ไหวดังไม่หยุดเป็ นเวลานาน ทัณฑ์มงั กรถูกเหวีย่ งไป
ด้านข้างโดยหยุนเช่อ มือของชายหนุ่มกุมมือน้อยของเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ขณะที่มองขึ้นไปด้านบนและเอ่ยด้วยความท้อแท้ “เสวีย่
เอ๋ อร์ เจ้ารู ้ใช่ไหมว่าข้าเป็ นคนที่ทะนุถนอมชีวติ ตนเองและเป็ น
คนที่เห็นแก่ตวั อย่างหาที่เปรี ยบไม่ได้มากเสมอ ข้าใช้ยาพิษฆ่าคน
มากมายเพื่อให้ตวั ข้ามีชีวติ รอด มากมายจนเจ้าไม่อาจแม้นจะ
จินตนาการและภายในคนเหล่านี้มีผบู ้ ริ สุทธิ์มากมาย….”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สนั่ ศีรษะ “ข้ารู ้เพียงว่าพี่ใหญ่หยุนเป็ นคนดี
ที่สุดในโลกและเป็ นคนที่ปฏิบตั ิกบั ข้าดีที่สุด ไม่สาํ คัญที่ผใู ้ ดบอก
ข้าว่าพี่ใหญ่หยุนเป็ นคนเลว ข้าไม่เชื่อมัน”
หยุนเช่อหัวร่ อออกมาเสี ยงดัง “เสวีย่ เอ๋ อร์ หัวใจของเจ้าช่าง
บริ สุทธิ์ดุจแก้วใส แม้ขา้ จะหลอกลวงเจ้าหลายอย่าง เจ้าไม่เพียง
ไม่เปิ ดโปงข้า กลับยังถ่ายทอดท่วงทํานองแห่งเทพหงสาแก่ขา้ อีก
ด้วย เมื่อวานนี้ ยังช่วยข้าพูดจาถึงเพียงนั้น…ต่อหน้าเจ้า ข้าเพียง
ละอายและรู ้สึกผิดบาปในความสกปรกและสํานึกผิดในความชัว่
ร้ายทั้งหลายที่เคยกระทํา…รู ปลักษณ์ดงั ไข่มุกอันงดงามลํ้าค่าของ
เจ้าแทรกซึ มลงสู่ จิตวิญญาณของข้า ช่างสู งค่าจนข้ายังไม่กล้าแตะ
ต้อง”
“พี่ใหญ่หยุน…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุนเช่อ
พลันกล่าววาจาประดานี้ออกมา ทุกคําพูดมีเพียงคําชื่นชมบูชา
ส่ งผลให้ภายในใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอบอุ่นยินดี ทว่า
ขณะเดียวกัน กลับแฝงไปด้วยความกระวนกระวายอันไม่อาจบ่ง
บอกบรรยายได้
“นี่คือเหตุผล ไม่วา่ อย่างไร ข้าก็ไม่อาจทนดูเจ้าตกตายโดย
ไม่ช่วยเหลือ..ในตอนนี้ ข้าขอยอมตายเองยังดีกว่า”
“…พี่ใหญ่หยุน ข้าจะขอจดจําคําพูดของท่านไว้ตลอดไป
แม้วา่ ข้าจะตาย จะไปกําเนิดขึ้นที่ใด ข้าก็จะขอจดจําไว้ไม่ลืม
เลือน” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์กล่าพึมพําอย่างนุ่มนวล การถูกกักขังอยูใ่ นที่
แห่งนี้โดยไม่อาจหนีออกไปที่ใด ทั้งยังเหลือเวลาเพียงสิ บห้านาที
ก่อนเผชิญหน้ากับความตาย หญิงสาวสมควรรู ้สึกหวาดกลัวมรณ
กาลที่กาํ ลังมาถึง ทว่าชัว่ วินาทีน้ ี ภายในใจของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สงบ
สุ ขอย่างยิง่ นางตระหนักถึงสาเหตุเป็ นอย่างดี…นี่เนื่องเพราะมีหยุ
นเช่ออยูเ่ คียงข้างกาย
ประกายความมุ่งมัน่ ปรากฏขึ้นในดวงตาของหยุนเช่อ ชาย
หนุ่มยกฝ่ ามือขึ้น ประกายสี ทองสะท้อนขึ้นที่หว่างคิ้วของชาย
หนุ่ม เขากล่าวต่อหญิงสาวว่า “เสวีย่ เอ๋ อร์ หลับตาซะ”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปิดเปลือกตาลงเช่นก่อนหน้านี้ หยุนเช่อยก
นิ้วขึ้นสองนิ้วแตะสัมผัสลงบนหว่างคิ้วของเสวีย่ เอ๋ อร์ ฉับพลัน
ตราประทับเทพหงสาวาบขึ้นกลางหน้าผากของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์…
ตราประทับสี ทองเช่นเดียวกับหยุนเช่อ
“อา…นี่คือ?” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดเปลือกตาขึ้น ริ มฝี ปากอ้า
ออกด้วยความตื่นเต้น
“นี่คือท่วงทํานองแห่งเทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หก” หยุ
นเช่อกล่าว “เร็ ว สลักมันลงไปในวิญญาณของท่าน”
ท่วงทํานองเทพหงสาขั้นที่หา้ และหกเป็ นสิ่ งที่พรรคเทพหง
สาถวิลหามายาวนานกว่าห้าพันปี และยามนี้ กลับปรากฏบุคคลที่
ได้รับสื บทอดแล้ว แม้เวลานี้จะไม่เหมาะสมนัก ทว่าเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ยงั คงทําตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวปิ ดเปลือกตา สลักตรา
ประทับลงไปในจิตวิญญาณ
หลังจากเหลือเวลาไม่ถึงสิ บนาที เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เปิ ดเปลือก
ตาออก หยุนเช่อยิม้ บาง “เสวีย่ เอ๋ อร์ยอ่ มชาญฉลาดกว่าที่ขา้
คาดการณ์มากนัก ถ้าเป็ นเช่นนี้ เสวีย่ เอ๋ อร์สมควรฝึ กปรื อสําเร็ จได้
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน”
รอบบริ เวณเริ่ มสัน่ สะเทือนอย่างต่อเนื่อง ยิง่ กว่านั้น ระดับ
ความสัน่ สะเทือนยิง่ มายิง่ รุ นแรง ราวกับกําลังจะพังทลายลงใน
วินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า ทว่าหยุนเช่อกลับมีสีหน้าสุ ขสงบยิง่
ชายหนุ่มสังเกตเห็นดวงตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปรากฏประกายเมฆ
หมอกพร่ ามัว จึงกล่าวออกมาอย่างกระตือรื อร้น “เสวีย่ เอ๋ อร์
ตอนนี้ ฟังคําข้าให้ดี เข้าใจมั้ย?”
“อืม” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะ “ข้าย่อมเชื่อฟังวาจาของพี่
ใหญ่หยุน”
หยุนเช่อหัวร่ อเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
แน่นอนว่ารู ้เรื่ องการจากไปของท่านเทพหงสาแล้ว การเปิ ดเผย
ความสามารถของเสวีย่ เอ๋ อร์ ณ งานประลองยุทธ์เมื่อวานยิง่ เป็ น
การยืนยันเรื่ องนี้ ในอนาคตอันใกล้ อาณาจักรเทพหงสาของเสวีย่
เอ๋ อร์ยอ่ มต้องเผชิญพบแรงกดดันและภยันตรายใหญ่หลวงสุด
คาดคิด ข้าไม่ทราบพระบิดาของเสวีย่ เอ๋ อร์วางแผนจัดการ
เรื่ องราวนี้เช่นไร ทั้งไม่มีผใู ้ ดทราบว่าจะเกิดเรื่ องราวใดในอนาคต
แต่ทว่า เสวีย่ เอ๋ อร์ หลังออกจากที่แห่งนี้ เจ้าต้องฝึ กฝนท่วงทํานอง
เทพหงสาขั้นที่หา้ และขั้นที่หก เพื่อให้ได้รับพลังอํานาจที่สามารถ
ปกป้องตนเองได้”
“นอกจากพระบิดาและพระอัยยิกาของเจ้า อย่าได้เชื่อถือ
ไว้ใจผูใ้ ดทั้งสิ้ น นี่รวมถึงพระเชษฐาของเจ้าด้วยเช่นกัน เนื่อง
เพราะภายใต้แรงกดดันในการเพิ่มพูนวาสนาของพวกมัน อาจมี
บางคนหันหน้าเข้าหาแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ …และสําหรับข้า ชีวติ
ของเสวีย่ เอ๋ อร์สาํ คัญยิง่ กว่าพรรคเทพหงสา หากวันใดพรรคเทพ
หงสาเผชิญพบชะตากรรมที่ไม่อาจทนทานรับได้อีกต่อไป ข้าหวัง
ว่าเสวีย่ เอ๋ อร์จะไม่เสี่ ยงชีวติ ตนเองเพือ่ รักษาพรรคเอาไว้ หากแต่
ใช้พลังทั้งหมดเพื่อหลบหนีเอาชีวติ รอด…เสวีย่ เอ๋ อร์ รับปากพี่
ใหญ่หยุน”
“อา…” เสวีย่ เอ๋ อเปิ ดริ มฝี ปากบางของนางเล็กน้อย หญิง
สาวกําลังสับสนงุนงง “หลัง…ออกจากที่น่ ี? พวกเรายังสามารถ
ออกไปได้อีกหรื อ?”
“ไม่วา่ อย่างไร สัญญากับข้าก่อน” หยุนเช่อกล่าวจริ งจัง
“เจ้าเพิ่งกล่าวเมื่อครู่ หากเป็ นวาจาของข้า เจ้าล้วนเชื่อฟัง”
“อืม..” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ผงกศีรษะเล็กน้อย “เช่นนั้น …เสวีย่
เอ๋ อร์รับปากพี่ใหญ่หยุน”
หยุนเช่อเปิ ดปากหัวเราะ ชายหนุ่มยืน่ นิ้วก้อยออกไปให้เฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ “เช่นนั้น มาเกี่ยวก้อยครั้งสุดท้าย เกี่ยวก้อยสัญญา!!”
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยน่ื นิ้วก้อยอันบอบบางเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อย
ของหยุนเช่อ ทั้งสองกระหวัดนิ้วรัดพันเข้าด้วยกันแนบแน่นขึ้น
เรื่ อยๆ ขณะดวงตาทั้งสองคู่ประสานสบกันและกัน ต่างระลึกถึง
คราแรกที่ท้ งั สองเกี่ยวก้อยสัญญา ก่อนจะหัวเราะออกมาโดย
พร้อมเพรี ยง หยุนเช่อกล่าวพลางแย้มยิม้ “เมื่อเกี่ยวก้อยสัญญา
เสวีย่ เอ๋ อร์สญั ญาแล้วไม่คืนคํา”
“อื้ม!” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์รับปาก “ข้าจะทําตามที่รับปากไว้อย่าง
แน่นอน พีใ่ หญ่หยุน ท่านเองอย่าลืมสัญญาที่จะพาข้าไปชมหิมะ”
ดวงตาของหยุนเช่อสัน่ ไหวเล็กน้อย ชายหนุ่มไม่ตอบคํา
ในทันที ทว่ายืน่ มือออก หยิบหยกเคลื่อนย้ายที่เซี่ยหยวนป้ามอบ
ให้แก่ตนเองออกมาจากลําคอ จากนั้น สวมให้แก่เสวีย่ เอ๋ อร์
“นี่คือ…” เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์สมั ผัสหยกที่ลาํ คอพร้มเอ่ยถามด้วย
ความมึนงง หยกส่ องประกายราวโปร่ งใส ทว่าเมื่ออยูบ่ นลําคอ
ขาวผ่องของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ อัญมณี อื่นใดล้วนไร้ประกายโดย
สิ้ นเชิง
หยุนเช่อวางฝ่ ามือของตนลงบนฝ่ ามือของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์
จากนั้น ลอบกุมกระชับหยกเคลื่อนย้ายในอุง้ มือ ชายหนุ่มมอง
ดวงหน้าสะคราญของหญิงสาวอย่างอาลัยอาวรณ์ สุ ม้ เสี ยงของเขา
นุ่มนวลอ่อนโยนราวสายลมกระซิบ “ที่ขา้ รับปากต่อเสวีย่ เอ๋ อร์ ข้า
ย่อมต้องทํา…อีกสามปี ข้าจําพาเสวีย่ เอ๋ อร์ไปแดนหิ มะสุ ดเยือก
แข็ง อีกสามปี เสวีย่ เอ๋ อร์จะรอคอยพี่ใหญ่หยุนหรื อไม่?”
ครื นน… ครื น… ครื นนน…
ห้วงมิติโดยรอบเดือดพล่าน หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ถูก
สลัดเหวีย่ งภายใต้แรงสัน่ สะเทือนอันรุ นแรง นาวาปราณบรรพ
กาลในยามนี้มาถึงช่วงเวลาสุ ดท้ายก่อนปิ ดตัวลง เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์จบั
จ้องเหม่อมองไปทางหยุนเช่อ ดวงตาและหัวใจเต็มไปด้วยม่าน
หมอกพร่ าเลือน หญิงสาวกล่าววาจาออกมาด้วยความอัดอั้น “รอ
คอยท่าน? พี่ใหญ่หยุน เหตุใดข้าต้อง…รอคอยท่าน?”
แคว่ กกก!!
รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศห่างจากหยุ
นเช่อไม่เกินสามฟุต หากสี หน้าของชายหนุ่มยังคงมัน่ คงไม่
เปลี่ยนแปลง ราวกับในช่วงเวลานี้ ไม่มีส่ิ งใดในโลกที่สามารถ
สร้างความหวัน่ ไหวแก่ชายหนุ่มได้เลย หยุนเช่อกระชับฝ่ ามือ
แน่นเข้าหากัน เสี ยง *แกร๊ ก* ดังขึ้นแผ่วเบาคราหนึ่ง หยก
เคลื่อนย้ายเปล่งแสงอ่อนจาง ตราผนึกเคลื่อนย้ายวงเล็กๆปรากฏ
ขึ้นที่ใต้ร่างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ การปรากฏขึ้นโดยฉับพลันคลื่น
พลังลมปราณส่ งผลให้เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พลันบังเกิดลางสังหรณ์
อัปมงคลรุ นแรงขึ้นบางอย่าง “พีใ่ หญ่หยุน ท่าน…”
“เสวีย่ เอ๋ อร์…รอข้า…”
คําพูดสี่ คาํ ของหยุนเช่อทั้งเรี ยบง่ายทั้งสุขสงบ ทว่าเมื่อเข้าสู่
ใบหูของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ล้วนราวกับถูกอสนีบาตฟาดใส่ ร่าง ส่งผล
ให้จิตใจของหญิงสาวปั่ นป่ วนว้าวุน่ อย่างรุ นแรง…กระทัง่ แทบ
สิ้ นสติไป ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความหวาดหวัน่ ความ
หวาดกลัวและความเจ็บปวดใจแพร่ กระจายสู่ อวัยวะทัว่ ร่ างกาย
หญิงสาวยืดเหยียดฝ่ ามือออก ต้องการคว้าจับหยุนเช่อไว้ เพือ่ พลัน
ตระหนักว่าร่ างกายของนางกําลังเลือนรางลง คนทั้งคู่ยง่ิ มายิง่ ไกล
ห่าง…ห่างไกลออกไปทุกที….
“พีใ่ หญ่ หยุน…พีใ่ หญ่ หยุน! ไม่ !!!!”
เมื่อสิ้ นเสี ยงกรี ดร้องอันเสี ยขวัญของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ สรรพ
เสี ยงและแสงสว่างทั้งมวลล้วนไกลห่างออกไป เงาร่ างของหยุ
นเช่อกลับกลายเป็ นความพร่ าเลือนที่สุดขอบมิติอนั ไร้ที่สิ้นสุ ด…
ครื นนน…… โครม…. ซ่ าา…. ตูม….
ห้วงมิติท้ งั หมดถูกเหวีย่ งจนสับสนอลหม่าน โลกหล้ากําลัง
เข้าสู่ การล่มสลาย หยุนเช่อลดมือลง กระชับทัณฑ์มงั กรไว้ในอ้อม
แขนและกอดรัดกระบี่ไว้แน่น สองตาปิ ดลง…
ตูม…
มิติท้ งั หมดของนาวาปราณบรรพกาลคล้ายสู ญสลายเป็ น
เศษส่ วน รอยแตกร้าวของมิติปรากฏขึ้นแทบทุกพื้นที่ของนาวา
ร่ างของหยุนเช่อพลันปรากฏรอยบาดแผลจํานวนนับไม่ถว้ นขึ้น
เช่นกัน ทัว่ ทั้งร่ างกลับกลายเป็ นร่ างเลือดเนื้อเละเทะ ราวกับ
ร่ างกายล้วนถูกห้วงมิติสบั เฉื อนจนแหลกเละ กระจายเป็ นชิ้นๆ
ในชัว่ พริ บตา…
เวลานั้น คือยามเช้าตรู่ ของนครวิหคเทวะ ณ ใจกลางนคร
พลันปรากฏแสงสว่างเจิดจ้า ผูค้ นพลันเงยหน้ามองขึ้นสู่ เบื้องบน
ห้วงนภา ก่อนพบว่านาวาปราณบรรพกาลที่ล่องลอยอยูบ่ นฟ้าสี
ครามมายาวนานครึ่ งปี บัดนี้อนั ตรธานหายไปโดยไร้ร่องรอย
บทที่ 470 สู่ นครวิหคเทวะ – อีกครั้ง

กู่ชาง เฟิ งเหิ งคง รวมทั้งคนอื่นๆ ต่างถูกนาวาปราณบรรพ


กาลขับไล่ออกมาโดยเวลาไล่เลี่ยกัน จากนั้น ล้วนปรากฏกาย
ออกมา ณ ตําแหน่งด้านล่างของนาวาปราณบรรพกาล …ซึ่ งก็คือ
เมืองวิหคเพลิง กลุ่มผูอ้ าวุโสพรรคและเหล่าองค์ชายต่างมารอ
คอยยังที่น้ ีเนิ่นนานแล้ว เมื่อพบเห็นการกลับมาของจักรพรรดิ
และผูอ้ ื่น ต่างดาหน้าเข้ามาถามไถ่ความเป็ นไป
ผูค้ นที่เข้าไปทั้งหมดต่างออกมาจนหมดสิ้ น เฟิ งเหิ งคงกวาด
สายตามองรอบตัว ทว่ามันพบว่ามีผคู ้ นหายไปสองคน…ทั้งยัง
เป็ นบุคคลที่สาํ คัญที่สุด มันกล่าววาจาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “เสวีย่
เอ๋ อร์และท่านผูอ้ าวุโสใหญ่เล่า? เหตุใดยังไม่ปรากฏกาย?”
ปรมาจารย์ก่ชู างเงยหน้าขึ้นมองไปยังนาวาที่ยงั ไม่เลือน
หายไปทั้งหมด ก่อนกล่าววาจาด้วยความเยือกเย็น “ศิษย์ของข้า
เองก็ยงั ไม่ออกมาเช่นกัน ตําแหน่งของพวกมันในนาวาปราณล้วน
แตกต่างจากพวกเรา อาจบางทีมีความเหลื่อมลํ้าในการปรากฏกาย
บ้าง”
เฟิ งเหิ งคงผงกศีรษะรับ คล้ายเห็นด้วยต่อความเห็นนี้…
เนื่องเพราะเซี่ ยหยวนป้า เฟิ งเฟยเยียน และเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ต่าง
ท่องเที่ยวอยูใ่ นเขตเริ่ มต้น มิได้เข้าร่ วมกลุ่มที่เข้าสํารวจยังเขตใน
เย่ซิงหานและจีเชียนหลัวปรากฏขึ้นพร้อมกับเฟิ งเหิ งคง
และคนอื่นๆ เช่นกัน สี หน้าเย่ซิงหานหม่นทะมึน สายตาของ
จีเชียนหลัวกวาดผ่านร่ างของมันและเบนไปทางอื่นในพริ บตา สี
หน้าปลอดโปร่ งสบาย ราวกับเรื่ องร้ายแรงที่เกิดขึ้น ไม่มีส่วน
เกี่ยวข้องใดกับมันแม้แต่นอ้ ย
เมื่อได้ยนิ คํากล่าวนี้ เฟิ งซีเฉิ นก้าวออกมาอย่างรี บร้อน
พร้อมเอ่ยปาก “ท่านปรมาจารย์กู่ ศิษย์สูงส่ งของท่านมาถึง
เมื่อก่อนหน้ายามนาวาเพียงเปิ ดได้สี่ชวั่ โมงเท่านั้น ยามนี้ มัน
รักษาตัวอยูใ่ นหอโอสถ”
“ว่าอะไรนะ?” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางสี หน้า
แปรเปลี่ยน ขณะที่เฟิ งเหิ งคงคิ้วขมวดมุ่น “ลูกเฉิ น เจ้ามัน่ ใจนะว่า
ไม่ผดิ พลาด? พวกเราทั้งหมดพบเห็นเซี่ยหยวนป้าเข้าไปในนาวา
ปราณบรรพกาล มันจะออกมาก่อนเวลาได้อย่างไร?”
หากปรมาจารย์ก่ชู างกลับเอ่ยปากออกมาด้วยสี หน้า
เคร่ งเครี ยด “มันใช่บาดเจ็บสาหัสหรื อไม่? ตอนนี้อาการบาดเจ็บ
ของมันเป็ นเช่นไรแล้ว?”
เฟิ งซี เฉิ นกล่าววาจาออกมาอย่างรวดเร็ ว มันดูคล้ายไม่ได้
รับบาดเจ็บใด ทว่ากลับสิ้ นสติไปโดยไม่มีวแี่ ววว่าจะตื่นขึ้นมา
จากร่ างของมันปราศจากพลังยุทธ์ใดอย่างสิ้ นเชิง …ราวกับว่า…
มันพิการไปแล้ว..”
ปรมาจารย์ก่ชู างสี หน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายอีกครา
ปราศจากบาดแผล ปราศจากลมปราณใด…หรื อว่ า…
หลังจากยืนนิ่งด้วยความซึมเซาชัว่ ครู่ คิ้วเข้มของเย่ซิงหาน
มุ่นขมวด ภายในใจสัมผัสได้วา่ สถานการณ์ยา่ ํ แย่ยง่ิ เฟิ งเฟยเยียน
ตกตาย หยุนเช่อและเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ยอ่ มไม่อาจปรากฏกาย คนผู ้
เดียวที่ล่วงรู ้ทุกสิ่ งคือจีเชียนหลัว หากมันสามารถจัดการกับ
จีเชียนหลัว เช่นนั้นไม่วา่ ผูใ้ ดล้วนไม่อาจทราบเรื่ อง ทว่า ที่เหนือ
ความคาดคิดของมันคือกระทัง่ เซี่ยหยวนป้ายังรอดกลับมาอีก
คน…สาเหตุที่มนั หายไป ที่แท้เป็ นเพราะมันออกจากนาวาปราณ
บรรพกาลมาก่อน! ยามนี้มนั เพิง่ ระลึกขึ้นมาได้วา่ มันเคยได้ฟังว่า
แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันมีหยกเคลื่อนย้ายที่สามารถแหวกมิติใน
นาวาปราณบรรพกาลได้ หากแต่หยกนี้มีเพียงไม่กี่ชิ้น ทั้งยังลํ้าค่า
มหาศาล มันไม่คิดว่ากระทัง่ เซี่ยหยวนป้ายังมีไว้ในครอบครอง…
ทว่า เมื่อมันครุ่ นคิดถึงเส้นชีพจรเทพราชันทรราชย์แล้ว เย่ซิงหาน
พลันรู ้สึกสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
เฟิ งเหิ งคงนิ่งครุ่ นคิดชัว่ ครู่ ขณะที่มนั กําลังจะกล่าวคํา
ประกายแสงลมปราณพลันปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามัน ตราผนึก
เคลื่อนย้ายวงเล็กๆ พลันปรากฏ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางพลัน
เหม่อมองด้วยสายตากังขา…เนื่องเพราะผนึกค่ายกลลมปราณ
เคลื่อนย้ายมวลสารนี้ คือผนึกที่อยูใ่ นหยกเคลื่อนย้ายของแดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันเอง
ภายในตราผนึก ร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปรากฏขึ้น การ
ปรากฏตัวของนางส่ งผลให้เย่ซิงหานสี หน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย
อย่างใหญ่หลวง อารมณ์ความรู ้สึกที่บงั เกิดมิใช่ความหวาดกลัว
ทว่าเป็ นความแปลกประหลาดใจและความยินดี
สถานที่ที่คุน้ เคย ผูค้ นที่คุน้ หน้า บรรยากาศที่คุน้ ชิน
ทั้งหมดปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ สรรพ
เสี ยงที่เคยได้ยนิ ดังอยูท่ ี่ขา้ งใบหู…ทว่า ราวกับเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ไม่
อาจรับรู ้ส่ิ งใดทั้งสิ้ น หญิงสาวยืนอยูต่ รงนั้นอย่างเงียบงัน สองตา
เหม่อมองขึ้นไปบนผืนฟ้าสี ครามเข้มเหนือศีรษะ…นางกลับบ้าน
แล้ว ทว่ากลับโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือแสน
สายตาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พร่ าเลือนในพริ บตา หยาดนํ้าตา
สองสายไหลหลัง่ ลงข้างแก้ม เบื้องหน้านางในตอนนี้ หญิงสาว
ยังคงสามารถมองเห็นภาพพร่ าเลือนของหยุนเช่อที่ติดตา สุ ม้ เสี ยง
ที่แสนอ่อนโยนราวสายลม สะท้อนก้องในใบหูของนาง ครั้งแล้ว
ครั้งเล่า…
เสวีย่ เอ๋ อร์ … รอข้ า…
“พี่ใหญ่หยุน…พี่ใหญ่หยุน…”
ด้วยเสี ยงสะอื้นไห้แผ่วเบา ทุกคําพูดที่เปล่งออกมาเต็มไป
ด้วยความเศร้าโศก แทบสามารถฉี กกระชากหัวใจทุกผูค้ น หญิง
สาวปิ ดเปลือกตาลง ราวกับภูติพรายที่สูญเสี ยจิตวิญญาณ นางล้ม
หงายไปเบื้องหลัง
“เสวีย่ เอ๋ อร์!”
ยามที่เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ปรากฏกาย เฟิ งเหิ งคงต้องลอบทอด
ถอนใจอย่างโล่งอก มันตะโกนเรี ยกนางสองครั้ง ทว่ากลับไม่ได้
รับคําตอบใด ขณะที่มนั กําลังคิดว่านี่แปลกประหลาดยิง่ มันพลัน
พบเห็นว่าหญิงสาวร่ วงหล่นลงสู่ พ้นื มันแตกตื่นตะลึงลาน ก่อน
พุง่ เข้ารับร่ างของบุตรี ชัว่ วินาทีที่มือของมันแตะต้องลงบนตัว
ของหญิงสาว สี หน้าของมันแปรเปลี่ยนไปในทันที “นี่มนั …ตรา
ผนึกทัณฑ์หงสา!”
“อะไร!?” ชัว่ ขณะที่ได้ยนิ คํากล่าวนี้ สมาชิกพรรคเทพหง
สาทั้งหมดตกตะลึง ต่างเข้ามารุ มล้อมรอบกาย สัมผัสคลื่นพลัง
อ่อนจางจากร่ างของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ สี หน้าทุกผูค้ นซีดขาว
“เป็ นไปได้อย่างไร?!” เฟิ งซีหมิงกัดฟัน “ตราผนึกทัณฑ์หง
สาถูกใช้เพื่อศิษย์ที่กระทําความผิดร้ายแรง จะปรากฏขึ้นบนร่ าง
ของเสวีย่ เอ๋ อร์ได้อย่างไร…ด้วยพลังฝี มือของนาง มีผคู ้ นไม่กี่คน
ในพรรคที่สามารถใช้ตราผนึกนี้ต่อนางได้!” เมื่อกล่าวถึงยามนี้
มันพลันฉุกคิดขึ้นได้ สี หน้าของมันเต็มไปด้วยความหวาดหวัน่
“มีเพียงคนของพรรคเราจึงสามารถใช้ตราผนึกนี้ออกได้ ผูอ้ าวุโส
ใหญ่เป็ นเพียงผูเ้ ดียวที่อยูก่ บั นาง…แต่…นี่…เหตุใดท่านผู ้
อาวุโส…”
เฟิ งเหิ งคงกวาดสายตามองรอบข้าง และพบว่าเฟิ งเฟยเยียน
ยังคงไม่ปรากฏกายเช่นกัน สี หน้าของมันดําคลํ้าลงอย่างน่ากลัว…
เนื่องเพราะตั้งแต่เสวีย่ เอ๋ อร์ยงั เยาว์วยั ไม่ตอ้ งกล่าวถึงการถูกทํา
ร้ายจากผูอ้ ื่น กระทัง่ ถูกดุด่ายังไม่เคย หากยามนี้ กลับมีบางคนใช้
ตราผนึกทัณฑ์หงสาออก สี หน้าของมันซีดเผือด โกรธเกรี้ ยว
กระทัง่ ไม่อาจกล่าววาจาใดได้ มันสู ดลมหายใจลึก เปลวไฟ
ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของมัน ก่อนจะโคจรพลังสอดแทรกเพลิงเทพ
หงสาเข้าไปในร่ างกายบุตรี …ไม่นาน ตราผนึกทัณฑ์หงสาบน
ร่ างกายของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ลว้ นอันตรธานหายไปอย่างเงียบงัน
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ที่สลบไสลไป ลืมตาขึ้นในชัว่ เวลานี้เช่นกัน
“เสวีย่ เอ๋ อร์!” เฟิ งเหิงคงถอนดึงพลังเพลิงเทพหงสากลับมา
พยุงร่ างของหญิงสาวขึ้น มันสะกดข่มความโกรธแค้นลงอย่างสุ ด
ความสามารถ ก่อนจะกล่าววาจาออกด้วยความวิตก “เกิดอะไร
ขึ้นกับเจ้ายามอยูใ่ นนาวาปราณ?..ผูใ้ ด..ผูใ้ ดทําร้ายเจ้า?”
แม้หญิงสาวจะเปิ ดเปลือกตาขึ้น ทว่าสี หน้าของนางยังคง
ซี ดเผือดอย่างยิง่ ดวงตาทั้งคู่ของนางหม่นหมองไร้ประกาย แม้
เฟิ งเหิ งคงจะเรี ยกนางหลายครั้ง หญิงสาวยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด
ราวกับจิตวิญญาณของนางพลันสู ญสลายไปทั้งอย่างนั้น
กระทัง่ …สายตาของนางพลันเหลือบเห็นร่ างของเย่ซิงหาน
“เป็ นเจ้า…เป็ นเจ้าที่ทาํ ให้พี่ใหญ่หยุนต้องตาย…เจ้าทําให้พี่
ใหญ่หยุนต้องตาย!!”
นํ้าเสี ยงของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ร้าวรานราวใจสลาย สายตาของ
นางเต็มไปด้วยความอาฆาตและเจตนาสังหารที่แม้แต่เฟิ งเหิงคง
ยังต้องรู ้สึกแปลกแยก…ในฐานะบิดาของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ชัว่ ชีวติ
ของมัน นี่เป็ นครั้งแรกที่มนั สัมผัสรังสี ฆ่าฟันได้จากร่ างของบุตรี
เมื่อเย่ซิงหานคือคนที่นางชี้นิ้วกล่าวโทษ ภายในใจของมันพลุ่ง
พล่านปั่นป่ วนอย่างรุ นแรง มันเร่ งโอบบ่าของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์พร้อม
กล่าววาจาเคร่ งเครี ยด “เสวีย่ เอ๋ อร์ สงบใจลงก่อน บอกบิดามาว่า
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
กู่ชางกวาดสายตามองรอบข้าง ทว่า มันกลับไม่พบร่ างของ
หยุนเช่อ สภาพของเซี่ยหยวนป้าและการระเบิดอารมณ์ของเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์ทาํ ให้มนั สามารถคาดเดาได้โดยคร่ าวถึงเรื่ องราวที่
เกิดขึ้น มันจับจ้องไปยังเย่ซิงหานด้วยแววตาเฉื่อยชา ก่อนกล่าว
ออกมาด้วยนํ้าเสี ยงสงบเยือกเย็น “เจ้าหญิงหิ มะ โปรดสงบจิตใจ
ลงก่อน”
แม้วาจาไม่กี่คาํ จากปรมาจารย์ก่ชู างจะเรี ยบง่ายอย่างยิง่ ทว่า
กลับแฝงไว้ดว้ ยพลังยุทธ์แข็งแกร่ งสุ ดยอด ผ่านแทรกเข้าสู่ จิต
วิญญาณของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ราวสายลมแผ่วจาง ส่ งผลให้สภาวะ
อารมณ์ของนางกลับสู่ ภาวะปกติ หญิงสาวสงบใจได้อีกครั้ง ทว่า
วิญญาณของนางยังคงเจ็บปวดรวดร้าว ทําให้นางแทบไม่อาจ
หายใจ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขบกัดริ มฝี ปาก โลหิ ตสดๆ ร่ วงหล่นลงจาก
ริ มฝี ปากของนาง ไหลลงไปตามแนวลําคอขาวผ่องนวลระหง
หญิงสาวหลบหนีออกจากสภาวะสิ้ นหวังไร้ทางออก นาง
ออกมาจากนาวาปราณบรรพกาล กลับสู่ ขา้ งกายบุคคลอันเป็ นที่
รัก รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง…
ทว่า ทุกสิ่ งทุกอย่าง ล้วนแลกมาด้วยชีวติ ของหยุนเช่อ
เห็นได้ชดั ว่า ชายหนุ่มสงวนหนทางรอดไว้แก่ตนเองอยู่
ทางหนึ่ง…เขาสามารถเอาตัวรอดได้ต้ งั แต่ตน้ ทว่า ชายหนุ่มกลับ
หลบหนีอย่างสุ ดชีวติ ทั้งยังโอบอุม้ นางไปด้วย เพื่อนาง เขาต่อกร
กับเย่ซิงหานโดยไม่ลงั เล และท้ายที่สุด…กระทัง่ สละชีวติ ของเขา
..เพือ่ นาง
พี่ใหญ่ หยุน… พี่ใหญ่ หยุน…
นํ้าตาบนแก้มนางค่อยเหื อดแห้งไปตามสายลม แต่น้ าํ ตาที่
หลัง่ ริ นในใจกลับท่วมท้นราวมหาสมุทร… นี่เป็ นครั้งแรกที่นาง
ได้รู้วา่ ความโศกเศร้า ความเจ็บปวดและความเสี ยใจที่แท้จริ งนั้น
เป็ นอย่างไร… เมื่อหลับตาลง ตรงหางตานางก็ยงั เต็มไปด้วยนํ้าตา
ถึงแม้สุม้ เสี ยงนางจะสงบนิ่ง หากทุกถ้อยคําล้วนเต็มไปด้วยความ
โทมนัส “ผูอ้ าวุโสใหญ่ทรยศต่อพวกเรา มันได้ให้สตั ย์ปฏิญาณที่
จะจงรักภักดีต่อวิหารเทพสุ ริยนั จันทรามานานแล้ว… เย่ซิงหาน
ต้องการครอบครองข้า ผูอ้ าวุโสใหญ่ปรากฏตัวขึ้น ทว่ามันกลับลง
มือต่อข้าอย่างกะทันหัน โจมตีขา้ ด้วยตราผนึกทัณฑ์หงสา… แต่พี่
ใหญ่หยุนและพี่ชายตัวโตคือผูท้ ี่ช่วยข้าเอาไว้… พี่ใหญ่หยุนอุม้ พา
ข้าหนีไปยังป้อมปราการโบราณแห่งหนึ่ง… เย่ซิงหานต้องการ
บีบคั้นพี่ใหญ่หยุนและข้าให้ตาย ดังนั้นพี่ใหญ่หยุนจึงมอบของ
บางอย่างที่สามารถพาข้าหนีออกจากที่แห่งนั้นให้ขา้ พี่ใหญ่
หยุน…เขา…”
คําบอกเล่าของเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ขาดเป็ นห้วงๆ สุ ม้ เสี ยงของ
นางสัน่ ไหวตลอดเวลา ทว่าพวกมันก็ยงั เข้าใจเรื่ องราวที่เกิดขึ้นได้
อย่างชัดเจน หลังจากกล่าวจบ ภาพของหยุนเช่อที่กาํ ลังผละ
ห่างไกลออกไปก็ผดุ ขึ้นมาในใจเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อีกครั้ง นางรู ้สึก
เจ็บปวดราวกับถูกเกาทัณฑ์นบั พันดอกทิ่มแทง และดวงตานาง
พร่ ามัวทันที จากนั้น..นางก็หมดสติไปอีกครั้ง
“เสวีย่ เอ๋ อร์!” เฟิ งเหิงคงพยุงเสวีย่ เอ๋ อร์ข้ ึน มันสัน่ สะท้านไป
ทั้งตัวด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง ตอนแรกที่สมั ผัสถึงตราผนึก
ทัณฑ์หงสาบนร่ างของเสวีย่ เอ๋ อร์ มันก็นึกถึงเฟิ งเฟยเยียน… เนื่อง
จากเฟิ งเฟยเยียนเป็ นเพียงผูเ้ ดียวที่ไม่ได้เข้าไปพื้นที่ดา้ นในของ
นาวาปราณ เป็ นผูท้ ี่มีหน้าที่คุม้ ครองเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์อย่างลับๆ มัน
ไม่คิดเลยว่าการคาดเดาอันน่าพรั่นพรึ งนี้จะกลายเป็ นความจริ งไป
ได้ ซํ้ายังน่าประหวัน่ พรั่นพรึ งกว่าที่มนั คิดไว้หลายเท่า!
พี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกับมัน ผูท้ ี่มนั ให้ความเคารพนับถือ
ไว้วางใจ และกระทัง่ พึ่งพาอาศัยมากที่สุดในบรรดาคนรุ่ น
เดียวกัน แท้ที่จริ งแล้ว…
สัญญาณทุกอย่างที่แสดงให้เห็นว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ดู
เหมือนจะทราบถึงการจากไปของเทพหงสา… แท้ที่จริ งมิใช่เรื่ อง
ที่มนั คิดไปเอง ! เป็ นเฟิ งเฟยเยียนที่เป็ นผูแ้ จ้งให้วหิ ารเทพสุริยนั
จันทราทราบถึงเรื่ องนี้ ! มันได้ทรยศต่อพรรคเทพหงสาอย่างเต็ม
ตัว
หากมันแทบจะทนรับความจริ งที่วา่ เฟิ งเฟยเยียนได้ทรยศ
ต่อพวกมันไม่ได้แล้ว เช่นนั้นความจริ งที่วา่ เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์เกือบจะ
ตกอยูใ่ นเงื้อมมือที่ชวั่ ร้าย และเกือบเสี ยชีวติ ในนาวาปราณบรรพ
กาลไปชัว่ นิรันดร์… นัน่ นับเป็ นการแตะลงบนเกล็ดย้อนของ
มังกรอย่างไม่สมควรกระทํา นับเป็ นการลํ้าเส้นอย่างแท้จริ ง ความ
เดือดดาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุ ดทําให้อกเฟิ งเหิ งคงกระเพื่อมขึ้นลง
อย่างแรงราวกับว่ามันกําลังจะระเบิดออกมา มันจ้องมองเย่ซิง
หานด้วยสายตากราดเกรี้ ยว สุ ม้ เสี ยงของมันสัน่ เล็กน้อย “เย่ซิง
หาน… เจ้าต้อง…ให้คาํ …อธิบาย…แก่เรา !”
สายตาทุกคู่ของผูค้ นในพรรคเทพหงสาจับจ้องไปที่เย่ซิง
หาน ทุกสายตาล้วนเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชิงชังอย่างลึกซึ้ ง
หากเย่ซิงหานมิใช่เจ้าวิหารน้อยของวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา พวก
มันคงพากันกระโจนเข้าใส่ เย่ซิงหาน และฉี กมันเป็ นชิ้นๆ ไปแล้ว
เฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์มิได้เป็ นเพียงเกล็ดย้อนของเฟิ งเหิ งคง แต่นางยังเป็ น
เกล็ดย้อนของพรรคเทพหงสาด้วย
ถึงแม้สีหน้าของปรมาจารย์จิตวิญญาณจะยังดูค่อนข้างสงบ
นิ่ง ทว่าในดวงตาก็ฉายแววโทสะให้เห็นลางๆ จีเชียนหลัวหันไป
ด้านข้าง ชื่นชมภาพดอกเทพหงสาที่อยูไ่ ม่ไกลออกไปอย่างปลอด
โปร่ ง สายตาของหลิงคุนมองสลับไปมาระหว่างพรรคเทพหงสา
และเย่ซิงหาน ขณะที่คิ้วมันเริ่ มขมวดลึก
เมื่อเผชิญกับเฟิ งเหิ งคงผูท้ ี่อาจจะระเบิดเพลิงโทสะออกมา
ได้ทุกขณะ เย่ซิงหานก็มิได้มีท่าทีวติ กกังวลแม้แต่นอ้ ย ดวงตามัน
หรี่ ลงเป็ นเส้นแคบยาว ขณะที่กล่าวช้าๆ อย่างไม่ใส่ ใจว่า “ท่าน
ประมุขพรรคเทพหงสา โปรดระงับโทสะ ถึงแม้วธิ ีการของเรา
นายน้อยนี้จะเกินเลยไปจริ งๆ แต่กเ็ ป็ นเพราะว่าข้ารักน้องเสวีย่
เอ๋ อร์มากเกินไปนัน่ เอง จึงทําให้เกิดแรงกระตุน้ ชัว่ ขณะ ท่าน
ประมุขพรรคเทพหงสาก็เคยเป็ นหนุ่มมาก่อน ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่า
ท่านย่อมเข้าใจดี”
“เข้าใจ?” เฟิ งเหิ งคงหัวร่ อเสี ยงดังอย่างเกรี้ ยวกราด ดวงตา
ของมันกลายเป็ นสี แดงกํ่า ลูกไฟเทพหงสาสองดวงในดวงตาของ
มันสัน่ ไหวอย่างรุ นแรง เห็นได้ชดั ว่ามันโกรธจนถึงที่สุดแล้ว
“เช่นนั้นหากข้าต้องการสังหารเจ้า ข้าก็เชื่อว่าวิหารเทพสุ ริยนั
จันทราก็คงเข้าใจเช่นกัน !!”
“สังหารข้า? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เย่ซิงหานหัวร่ อเสี ยงดังโดย
ปราศจากท่าทีหวาดกลัวแม้แต่นอ้ ย สี หน้ามันกลับเต็มไปด้วย
ความรู ้สึกดูหมิ่นเหยียดหยาม “ก็ได้! เช่นนั้นท่านประมุขพรรค
เทพหงสาก็ลองทําดูสิ จิ๊จิ๊ ข้าสงสัยว่าเมื่อไม่มีเทพหงสาแล้ว
พรรคเทพหงสาจะสามารถอยูร่ อดภายใต้เพลิงแค้นของวิหารเทพ
สุ ริยนั จันทราไปได้นานแค่ไหน? ปี หนึ่ง หรื อเดือนหนึ่ง?”
“หุบปาก!” ผูอ้ าวุโสเทพหงสากล่าวอย่างเฉี ยบพลัน “เห็น
กันชัดๆ ว่าตอนแรกเจ้าลงมือต่อเจ้าหญิงหิ มะอย่างชัว่ ร้าย และเจ้า
ก็ยงั จะดูหมิ่นท่านเทพหงสาของเราด้วยคําพูดของเจ้าอีก! ท่าน
เทพหงสาของเราเป็ นจิตวิญญาณเทวะหนึ่งเดียวในทวีปลมปราณ
ฟ้านี้ และมีอายุขยั ไม่สิ้นสุ ด ปกป้องคุม้ ครองชาวเทพหงสาเรามา
ตลอดทุกชัว่ อายุคน! เจ้าคิดจริ งๆ หรื อว่าพรรคเทพหงสาเราจะ
กลัววิหารเทพสุ ริยนั จันทราของเจ้า!?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” เย่ซิงหานระเบิดหัวร่ ออย่าง
บ้าคลัง่ ด้วยสุ ม้ เสี ยงบาดหูอีกครั้ง “พวกเจ้าพรรคเทพหงสาช่างน่า
สมเพชนัก ล้วนถูกประมุขพรรคของเจ้าหลอกลวงจนสิ้ น เทพหง
สาของพวกเจ้าได้ตายไปหลายปี แล้ว แต่พวกเจ้าก็ยงั ไม่รู้เรื่ องรู ้
ราวอันใด และยังนําบรรพบุรุษที่ตายไปตั้งนานแล้วมากล่าวอ้าง
อีก อยากจะหัวร่ อให้ฟันหักนัก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… หากพวกเจ้าไม่เชื่อ
ข้า ก็ลองถามประมุขเจ้าดูสิ”
“เจ้า… เจ้าพูดจาไร้สาระ ไร้สาระทั้งเพ !” ท่าทีโอหังอวดดี
และสุ ม้ เสี ยงปลอดโปร่ งของเย่ซิงหานนั้น บรรดาผูอ้ าวุโสเทพหง
สาต่างสัน่ สะท้านด้วยความโกรธ แต่ในใจพวกมันก็อดที่จะรู ้สึก
เคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ และเมื่อพวกมันหันไปทางเฟิ งเหิงคง
พวกมันก็พบว่าสี หน้าประมุขได้กลายเป็ นสี เทา แต่มนั ก็ยงั ไม่ปริ
ปากปฏิเสธแม้แต่คาํ เดียว ทําให้พวกมันใจสัน่ สะท้านยิง่ ขึ้น
“ตอนที่เทพหงสาของพวกเจ้ายังไม่ตาย เราก็ยงั ให้ความ
เคารพนับถือพรรคเจ้าในระดับหนึ่ง แต่สาํ หรับพรรคเทพหงสาที่
ปราศจากเทพหงสา เฮะเฮะ…” เย่ซิงหานห่อริ มฝี ปาก “ถึงเวลาที่
จะลบคําว่า ‘เทพ’ ออกแล้ว ลืมเรื่ องที่จะต่อต้านวิหารเทพสุริยนั
จันทราของเราไปได้เลย พวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้เรา
ชายตามองด้วยซํ้า ในสถานการณ์เช่นนี้ การที่ขา้ มีใจปรารถนา
องค์หญิงหิ มะของพวกเจ้า ก็นบั ว่าเป็ นเกียรติแก่พรรคของพวกเจ้า
แล้ว ! พวกเจ้าไม่เพียงแต่ไม่แสดงความสํานึกในบุญคุณ แต่กลับ
ยังจะต้องการสังหารข้าอีกงั้นหรื อ? ประมุขพรรคเทพหงสา
เช่นนั้นไยท่านมิลองพยายามสังหารข้าดูล่ะ !!”
วาจาของเย่ซิงหานล้วนราวกับมีดโกนอาบยาพิษ เสี ยบแทง
เข้าใส่ กลางใจของศิษย์พรรคเทพหงสาทุกผูค้ น ส่งผลให้ใบหน้า
ของพวกมันเผยสี หน้าหวาดกลัว พวกมันทั้งหมดมองไปยังเฟิ ง
เหิ งคงพร้อมเอ่ยปากด้วยนํ้าเสี ยงสัน่ สะท้าน “ท่านประมุข ที่มนั
กล่าวออกมา…เป็ นความจริ ง? ท่านเทพหงสา…จากไปแล้ว…”
เทพหงสา คือบรรพบุรุษของพรรคเทพหงสา ยิง่ กว่านั้น ยัง
เป็ นผูห้ นุนหลัง และเสาหลักทางจิตวิญญาณของพรรค หาก
ปราศจากเสาหลักนี้ พรรคเทพหงสายังคงต้องล่มสลายลงเช่นกัน
ไม่เพียงพลังอํานาจของพวกมันจะร่ วงหล่นลงอย่างรวดเร็ ว
ศูนย์กลางของพรรคเทพหงสายังต้องประสบความโกลาหล ทว่า
ในยามนี้ ยามที่ทุกสิ่ งทุกอย่างกําลังจะถูกเปิ ดโปง เฟิ งเหิ งคงเชิด
ศีรษะขึ้นสู ง สู ดลมหายใจลึกก่อนกล่าวว่า “เรื่ องของท่านเทพหง
สานั้น…”
“เด็กน้อยผูใ้ ดกล้ากล่าวเหลวไหลถึงการจากไปของเทพหง
สา?!”
นํ้าเสี ยงทรงอํานาจไพศาลที่แฝงแววขุ่นข้องพลันสะท้อน
ก้องมาจากสุ ดขอบฟ้า แทรกซึมเข้าสู่ รูหูของทุกผูค้ นอย่างชัดเจน
จากนั้น ที่สอดแทรกเข้ามาเป็ นพลังยิง่ ใหญ่สุดเปรี ยบปาน เสี ยด
แทงเข้าสู่ จิตวิญญาณ โลหิ ต และกระดูกของผูค้ น…ทิ่มแทงเข้าใส่
ทุกซอกทุกมุมของร่ างกาย
เสี ยงนี้สน่ั สะท้านผูค้ นที่ยนื อยู่ ณ ที่น้ ีท้งั หมด ขณะเดียวกัน
คลื่นพลังอันไร้ขอบเขต สู งส่ งเหนือหล้าพลันครอบคลุมลงมา
คล้ายสามารถห่อหุม้ ทัว่ ผืนฟ้าและแผ่นดินไว้จนสิ้ น ภายใต้รัศมี
พลังอันโอ่อ่าไพศาล ทัว่ ร่ างของทุกผูค้ นต่างแข็งค้าง หัวใจบีบรัด
กระทัง่ ยอดยุทธ์เช่นกู่ชาง ยังรู ้สึกราวตนเองเป็ นเพียงเมล็ดธัญพืช
อันแสนด้อยคุณค่า ไม่ต่างจากเม็ดทรายใต้ขนุ เขา
เฟิ งเหิ งคงแหงนเงยศีรษะ หลังตกตะลึงอยูช่ วั่ ขณะ ร่ างกาย
ของมันสัน่ สะท้านด้วยความตื่นเต้น “เสี ยง…เสี ยงและพลังนี้…
คือ..”
ชัว่ เวลานี้ ดวงตายาวรี สีทองขนาดยักษ์พลันปรากฏขึ้น ณ
เบื้องบนฟากฟ้าสี ครามลึกลํ้า ไม่นาน ดวงตาที่หรี่ ปิดนั้นพลันเปิ ด
ขึ้นอย่างเชื่องช้า…นัยน์ตาสี ทองขนาดมหึมาสองข้าง ที่ดูราวกับ
ถูกแต้มแต่งเหนือท้องนภา…เปิ ดออก
ดวงเนตรแห่ งเทพหงสา!!
บทที่ 471 ท้ องฟ้าแปรผัน (1)

“ท่าน…”
“ท่านเทพหงสา!!”
ถึงแม้วา่ องค์ชายและผูอ้ าวุโสระดับสู งภายในพรรคเทพหง
สาจะไม่เคยได้ยนิ เสี ยงหรื อพบเห็นรู ปลักษณ์ที่แท้จริ ง ยิง่ ใน
ตลอดชีวติ ของพวกมันไม่เคยพบเห็นมาก่อน แน่นอนด้วยเหตุน้ ี
จึงทําให้ส่งผลกระทบต่อความคิดของพวกมันว่าเทพหงสาได้จาก
พวกมันไปแล้ว จิตใจของพวกมันจึงราวกับถูกกระทบกระเทือน
ด้วยความหวาดกลัว จนกระทัง่ ตอนนี้เมื่อเทพหงสาได้กระทําการ
เปิ ดเผยตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์และสยบ”ข่าวลือ”ผูอ้ าวุโสพรรคเทพ
หงสาจํานวนไม่นอ้ ยต่างตกตะลึงด้วยความยินดีและพากันคุกเข่า
ลงกับพื้นดินกราบไหว้ภายใต้ใบหน้าที่แหงนมองไปบนฟ้า
พลังอํานาจของเทพหงสาแผ่ครอบคุลมทัว่ นครวิหคเทวะ
และแทรกซึ มสู่ ทว่ั ทุกซอกมุมแห่งเมืองวิหคเพลิง ดวงตาสี ทอง
ขนาดใหญ่ยกั ษ์สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง เพียง
พริ บตาเดียว ผูค้ นทั้งหมดคุกเข่าลงแหงนหน้าขึ้นมองเบื้องบน
ร่ างกายสัน่ สะท้านด้วยความตื่นเต้น ผูฝ้ ึ กยุทธ์เกินครึ่ งภายในนคร
วิหคเทวะเองต้องรุ ดลงคุกเข่าโดยไม่เต็มใจ เนื่องเพราะพลังกดดัน
อันไพศาลของเทพหงสาที่ทาํ ให้โลหิ ตในกายพวกมันแทบแข็งตัว
หมดสิ้ น
หากเฟิ งเหิ งคงยังแตกตื่นตระหนกยิง่ กว่า เพราะมันเป็ น
เพียงคนไม่กี่คนที่ทราบถึงการจากไปของเทพหงสา และพบเห็น
เหตุการณ์ดว้ ยตนเอง การพบเห็นนัยน์ตาสี ทองที่กลางฟ้าทําให้ตวั
มันตื่นตะลึงเนิ่นนานกว่าจะเรี ยกรั้งสติสมั ปชัญญะกลับมา มัน
ทรุ ดลงคุกเข่าอย่างเชื่องช้า สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“กู่ชางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันคารวะท่านเทพหงสาผู ้
ยิง่ ใหญ่” กู่ชางค้อมศีรษะคารวะเช่นผูเ้ ยาว์ ปรมาจารย์จิตวิญญาณ
กู่ชางถือกําเนิดมานานกว่าพันปี ทว่าเมื่ออยูต่ ่อหน้าเทพหงสา มัน
เพียงมีสถานะเช่นผูเ้ ยาว์เท่านั้น
หลิงคุนและจีเชียนหลัวคารวะอย่างนอบน้อม ต่อหน้าเทพ
หงสา อย่าว่าแต่พวกมัน แม้จะเป็ นชนชั้นเซียนจักรพรรดิ จ้าว
สมุทร เทพราชัน หรื อปรมาจารย์กระบี่ ทั้งหมดล้วนไม่กล้าเสี ย
มารยาท เนื่องเพราะทัว่ ทั้งทวีปลมปราณฟ้า มีเพียงจิตวิญญาณ
เทพหงสา จึงเป็ นตัวตนเดียวที่บรรลุระดับพลังฝี มือในตํานาน ชั้น
ปราณเทวะ เป็ นตัวตนสู งส่ งที่สุดที่เล่าขานกันมาอย่างแท้จริ ง
“เป็ นไปไม่ได้…นี่มนั เป็ นไปไม่ได้!!” เย่ซิงหานเบิกตา
กว้างจ้องมองไปยังเนตรสี ทองอร่ ามกลางฟ้า “เทพหงสา…ตายไป
แล้วชัดๆ!”
ดวงตาสี ทองสามารถเป็ นภาพมายา กระทัง่ เสี ยงยังสามารถ
หลอกลวง ทว่ารัศมีพลังสู งส่ งสุ ดยอดเช่นนี้ไม่มีทางผิดพลาด
เพราะพลังนี้เหนือชั้นกว่าเทพราชันเย่เม่ยเสี ยบิดาของมัน เป็ น
พลังของระดับเทพเจ้าที่ไม่อาจลอกเลียนได้โดยผูใ้ ดทั้งสิ้ น
เสี ยงของเทพหงสาดังลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ทุกคําพูด
สัน่ สะท้านจิตใจผูร้ ับฟัง “เราเทพเจ้าเพียงงีบพักไปไม่กี่ปี กลับมี
คนกล้าโอหังต่อหน้าพรรคเทพหงสาเรา! ทั้งยังกล้าทําร้ายศิษย์
สื บทอดของเราอีกด้วย ช่างสามหาวนัก!”
ศิษย์สืบทอดที่เทพหงสากล่าวถึง แน่นอนว่าย่อมเป็ นเฟิ ง
เสวีย่ เอ๋ อร์
ความพิโรธโกรธเกรี้ ยวของเทพหงสากดทับลงยังหมู่มนุษย์
เบื้องล่าง ส่ งผลให้ทุกผูค้ นเงียบสงัดลงด้วยความหวาดหวัน่
แก้วตาสี ทองอร่ ามสะท้อนประกายวูบวับ วงแหวนเพลิงสี
แดงฉานทอดลงมาจากเบื้องบน ล้อมรอบกายเย่ซิงหาน วงแหวน
เพลิงแผดเผาอย่างเร่ งร้อน ล้อมกักเย่ซิงหานไว้ภายใน
นี่เป็ นเพลิงเทพหงสาที่มาจากเทพหงสา ความร้อนแรงและ
อุณหภูมิที่เผาผลาญส่ งผลให้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั มวลใบหน้า
เผือดซีดด้วยหวาดหวัน่ กู่ชาง หลิงคุน รวมทั้งจีเชียนหลัวต่างถอย
กายออกมาโดยพร้อมเพรี ยง เย่ซิงหานถูกล้อมกรอบด้วยรัศมีวง
แหวนเพลิงอาณาบริ เวณกว้างร่ วมร้อยเมตร แม้เปลวไฟมิได้
สัมผัสต้องตัวมัน หากร่ างกายยังคงรู ้สึกราวตกลงสู่ หิน
หลอมเหลวแห่งนรกภูมิ เสื้ อผ้าของมันพลันลุกไหม้ ใบหน้า
ของเย่ซิงหานเต็มไปด้วยความหวาดหวัน่ มันไม่สงสัยเลยว่า หาก
เพลิงเทพหงสาเข้าถึงตัว มันต้องกลายเป็ นเถ้าธุลีในพริ บตา
ในโลกนี้ ผูท้ ี่กล้าสังหารมันมีจาํ นวนไม่มาก… ทว่า เทพหง
สาที่เบื้องหน้า กลับเป็ นหนึ่งในจํานวนนั้น! มันกระทัง่ สามารถ
สังหารบิดาของเย่ซิงหานได้ดว้ ยซํ้า จากพฤติการณ์และความยโส
โอหังของมันก่อนหน้านี้ หากถูกเทพหงสาเข่นฆ่าล้วนไม่น่า
ประหลาดใจแต่อย่างใด
เมื่อเผชิญหน้ากับเทพมรณะ เย่ซิงหานบังเกิดความ
หวาดกลัวขึ้นมาในที่สุด มันดับเพลิงเทพหงสาที่ลุกไหม้บน
ตัวอย่างรวดเร็ ว สี หน้าท่าทีสงบสํารวม “ท่านเทพหงสาผูย้ งิ่ ใหญ่
ได้โปรดระงับโทสะ บิดาของผูเ้ ยาว์เย่เม่ยเสี ยตักเตือนผูเ้ ยาว์ให้
สํารวมระวังตนเองต่อหน้าท่านเทพตลอดมา…เป็ นผูเ้ ยาว์ฟังข่าว
ลือเหลวไหลไร้สาระ จึงทําให้ผเู ้ ยาว์กระทําการอุกอาจไร้มารยาท
อย่างโง่เขลาออกมา ผูเ้ ยาว์หวังว่าท่านเทพหงสาจะมีจิตเมตตาไว้
ชีวติ ผูเ้ ยาว์ ผูเ้ ยาว์แน่นอนย่อมสํานึกขอบคุณอย่างสุ ดซึ้ ง ไม่กล้า
กระทําอีกเป็ นอันขาด…”
เพื่อรักษาชีวติ ตนเอง เย่ซิงหานไม่มีทางเลือกนอกจากเอ่ย
นามเย่เม่ยเสี ย สี หน้าของหลิงคุนเองแปรเปลี่ยนกลับกลายไม่
หยุดยั้ง ทว่ายังคงก้าวออกมาเบื้องหน้า พร้อมทั้งเอ่ยปากว่า “ท่าน
เทพหงสาผูย้ งิ่ ใหญ่ โปรดระงับเพลิงพิโรธ อย่างไรเจ้าวิหารน้อย
ยังเยาว์วยั นัก แม้พฤติการณ์วนั นี้จะตํ่าช้า หากผูเ้ ยาว์มกั หุนหัน
พลันแล่น หากมิใช่ไม่อาจอภัยได้ ยิง่ กว่านั้น เจ้าหญิงหิ มะเองก็
ปลอดภัยไร้อนั ตราย ดังนั้นไม่นบั ว่ามีผลเสี ยร้ายแรงถึงตาย วิหาร
เทพสุ ริยนั จันทราและพรรคเทพหงสาต่างเป็ นนํ้าบ่อนํ้าคลองไม่
ก้าวก่ายกันและกันตลอดมา หากเจ้าวิหารน้อยเย่กลับมาตกตายใน
ที่น้ ีจริ ง ข้าเกรงว่า…ขอท่านเทพหงสาโปรดพิจารณาด้วย”
ฟู่ ววววว!!
ทันทีที่หลิงคุนกล่าวจบคํา เพลิงเทพหงสาที่รายล้อมเย่ซิง
หานกลับลุกโหมกระพืออย่างรุ นแรง พัดโหมเข้าใส่ เย่ซิงหานวูบ
หนึ่ง ก่อนที่ทุกผูค้ นจะทันเปลี่ยนสี หน้าเป็ นซีดขาวด้วยความพรั่น
พรึ ง เพลิงเหล่านั้นล้วนอ่อนกําลังลงโดยทันที ทว่าปลายพลังยัง
สามารถส่ งร่ างเย่ซิงหานร่ างเหิ นลอยละลิ่ว
เย่ซิงหานร่ างม้วนกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกระอักโลหิ ตออกมา
กองใหญ่ ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ร่ างแผ่เหยียดยาวไม่อาจ
เคลื่อนไหวได้เป็ นเวลานาน สุม้ เสี ยงเย็นชายะเยียบของเทพหงสา
ดังมาจากเบื้องบน “เฮอะ! พันปี ที่ผา่ นมา เย่เม่ยเสี ยเคยมาเยีย่ ม
เยียนเราเทพเจ้าเพียงสองครั้ง เรายังสามารถนับว่ามีมิตรภาพต่อ
กันอยูบ่ า้ ง เพื่อเห็นแก่หน้าเย่เม่ยเสี ยและวิหารเทพสุริยนั จันทรา
เราจะไว้ชีวติ เจ้าครั้งหนึ่ง! ออกไปจากนครวิหคเทวะซะ อย่าได้
กลับเข้ามาอีกตลอดกาล หากเจ้ากล้าก้าวเข้ามาในนครนี้อีกแม้
เพียงครึ่ งก้าว…เราเทพเจ้าจะเชือดเจ้าทิ้งซะ!”
“ยังไม่ ไปอีก!?”
ทุกผูค้ นในนครวิหคเทวะต่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิฮึก
หาญ เย่ซิงหานตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น มือหนึ่งกุมอก พร้อมโซ
ซัดโซเซจากไปอย่างน่าเอนจอนาถ ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความไม่
พอใจ สาเหตุที่มนั มายังที่นี่ดว้ ยตนเองล้วนเพื่อเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ ก่อน
หน้านี้มนั เต็มไปด้วยความเชื่อมัน่ ว่าทุกสิ่ งล้วนอยูใ่ นกํามือ ทว่า
ท้ายที่สุด มันกลับประสบผลสุ ดท้ายอันเลวร้ายจากความพยายาม
เอารัดเอาเปรี ยบของมันเอง มันสู ญเสี ยเฟิ งเสวีย่ เอ๋ อร์ เยว่จี เหม่ยจี
รวมทั้งเครื่ องมือสําคัญเช่นเฟิ งเฟยเยียน มันถูกจีเชียนหลัวเล่น
ตลก ทั้งยังถูกทําร้ายบาดเจ็บโดยเทพหงสา ทั้งยังล่วงเกินกู่ชางจน
เกินอภัย จากนั้น ต้องกลับกลายมาอยูใ่ นสภาพอันน่าสมเพชต่อ
หน้าผูค้ นทัว่ ทั้งนครวิหคเทวะ เสื่ อมเสี ยศักดิ์ศรี …สุ ดท้าย กระทัง่
ข่าวลือที่วา่ เทพหงสาตายแล้ว ยังไม่เป็ นความจริ งอีกด้วย!
ในฐานะว่าที่เจ้าวิหารเทพสุ ริยนั จันทราคนต่อไป ภายใต้
การกําราบโดยเทพหงสา มันต้องหลบหนีจากไปราวสุ นขั เถื่อนไร้
เจ้าของ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงสมาชิกพรรคเทพหงสาต่าง
เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี สี หน้าของกู่ชาง จีเชียนหลัว และห
ลิงคุนต่างเต็มไปด้วยความสับสนซับซ้อน… ทั้งหมดเชื่อมัน่ เก้า
ในสิ บส่ วนว่าเทพหงสาล้วนจากไปแล้ว อีกหนึ่งส่วนคือความ
ระแวงสงสัย ทว่าวันนี้ท้ งั หมดล้วนทราบกระจ่างถึงข่าวโคมลอย
เหล่านี้… อาจบางที นี่กลับเป็ นข่าวที่ถูกพรรคเทพหงสาเองกุ
ขึ้นมาก็เป็ นได้
ครานี้ พวกมันทั้งสามยืนนิ่งค้าง ราวกับขุนเขามหึ มาโถม
ทับร่ างไว้ ไม่วา่ รัศมีพลังหรื อร่ างกาย ทั้งสามคนไม่มีผใู ้ ดสามารถ
ขยับเคลื่อนไหวได้ เนื่องเพราะจิตสมาธิของเทพหงสา ยามนี้กาํ ลัง
มุ่งเป้ามาที่พวกมันทั้งสามคน
“พวกเจ้าสามแดนศักดิ์สิทธิ์กเ็ ชื่อเช่นเดียวกันหรื อว่าเราได้
ดับสู ญไปแล้ว?”
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางทอดถอนหายใจ และกล่าวตอบ
ด้วยสุ ม้ เสี ยงที่อาจเรี ยกได้วา่ ค่อนข้างสงบ “ข้าละอายใจยิง่ แดน
ศักดิ์สิทธิ์เหนือราชันของข้าได้ยนิ ข่าวลือนั้นจริ งและส่ วนใหญ่ก็
เชื่อในข่าวลือ เพียงแต่วนั นี้ขา้ ได้ทราบแล้วว่าเทพหงสาผูท้ รง
เกียรติยงั คงสบายดี ยามนี้ผแู ้ ซ่ก่กู ม็ น่ั ใจ และเชื่อว่าท่านเซียน
จักรพรรดิกจ็ ะต้องรู ้สึกสบายใจเมื่อได้ทราบข่าวเช่นกัน”
“เราเป็ นจิตวิญญาณสวรรค์ของเทพหงสาและเป็ นหนึ่ง
เดียวกับโลกใบนี้ ตราบใดที่โลกใบนี้ยงั ไม่ดบั สลาย เราก็จะไม่มี
วันสู ญสลายไปเช่นกัน ! ถึงแม้ท้ งั ทวีปลมปราณฟ้าจะถูกทําลาย
สิ้ น เราก็จะยังคงอยู่ ! พวกเจ้าทั้งสามเป็ นแขกจากแดนไกล ดังนั้น
ไม่วา่ พวกเจ้าต้องการจากไปหรื อไม่กข็ ้ ึนอยูก่ บั พวกเจ้าเอง แต่อย่า
ได้มาดูหมิ่นศักดิ์ศรี ของพรรคเทพหงสาเรา”
“มิบงั อาจ มิบงั อาจ” หลิงคุนรี บกล่าวทันทีพลางโค้งคํานับ
พลังสะกดข่มจากเทพหงสาที่มนั สัมผัสได้น้ นั เหนือลํ้ากว่า
ปรมาจารย์กระบี่ซวนหยวนเวิน่ เทียนยิง่ นัก
“เหิ งคง พาเสวีย่ เอ๋ อร์ไปที่พาํ นักของเรา”
ทันทีที่เทพหงสากล่าวจบ ดวงตาสี ทองทั้งคู่กค็ ่อยๆ ปิ ดลง
ก่อนจะหายไปจากท้องฟ้าเบื้องบน
“น้อมส่งท่านเทพหงสา” บรรดาศิษย์เทพหงสาพากัน
ประสานเสี ยงดังลัน่ แต่พวกมันยังคงคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้นอยูเ่ ป็ น
เวลานาน
“ลูกหมิง จัดการเรื่ องราวที่เหลือแทนเราที” เฟิ งเหิงคงออก
คําสัง่ ก่อนจะเหิ นไปทางวิหารหลวงเทพหงสาพร้อมกับเฟิ งเสวีย่
เอ๋ อร์ที่ยงั คงหมดสติอยูอ่ ย่างรวดเร็ ว
ทันทีที่เทพหงสาจากไป ความรู ้สึกว่าต้องยอมศิโรราบทัว่
ทุกหัวระแหงก็หายไปในไม่ชา้ ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางถอน
หายใจเล็กน้อยด้วยความรู ้สึกผ่อนคลาย และกล่าวกับเฟิ งซีเฉิ นว่า
“องค์ชายสิ บสี่ รบกวนท่านนําผูแ้ ซ่ก่ไู ปหาศิษย์ผตู ้ ่าํ ต้อยของเราได้
หรื อไม่ ?”
การที่ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางเริ่ มเจรจากับมันก่อนด้วย
ท่าทีกระตือรื อร้นนั้น ทําให้เฟิ งซีเฉิ นรู ้สึกหวัน่ เกรง มันกล่าวตอบ
โดยพลันว่า “ได้ขอรับ ผูอ้ าวุโสกู่เชิญทางนี้”
————————————
การปรากฏตัวของจิตวิญญาณเทพหงสาทําให้ทวั่ ทั้งนคร
วิหคเทวะตื่นตระหนก และความรู ้สึกนี้กแ็ พร่ กระจายไปทัว่
จักรวรรดิเทพหงสาอย่างรวดเร็ ว ภายในนครวิหคเทวะเองก็มีการ
พูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับการปรากฏตัวของจิตวิญญาณเทพหงสากัน
ตลอดทั้งวัน ความกระตือรื อร้นของผูค้ นที่มีต่อเรื่ องนี้น้ นั ยิง่ กว่าที่
มีต่อการประลองจัดอันดับเจ็ดอาณาจักรและนาวาปราณบรรพ
กาลเสี ยอีก
ยามนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ กค็ งได้รับข่าวที่วา่ จิตวิญญาณเทพ
หงสายังไม่ได้จากไป ในขณะจิตใจของชาวจักรวรรดิเทพหงสาก็
ฟูฟ่องเบิกบาน ข่าวๆ หนึ่งก็ทาํ ให้จิตใจของชาววายุครามทุกผูค้ น
ที่อยูใ่ นนครวิหคเทวะสัน่ สะท้านเย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจ
หยุนเช่อผูเ้ อาชนะศิษย์อจั ฉริ ยะทั้งสิ บคนได้โดยลําพัง ผูท้ ี่
ทําให้อาณาจักรวายุครามได้อนั ดับหนึ่งในการประลองจัดอันดับ
เจ็ดอาณาจักรอย่างที่ไม่เคยมีผใู ้ ดทําได้มาก่อน ได้จากไปชัว่ นิ
รันดร์ภายในนาวาปราณบรรพกาลในขณะที่มนั ช่วยชีวติ เจ้าหญิง
หิ มะ
เมื่อหลิงเจี่ยผูท้ ี่รีบกลับเข้าเมืองวิหคเพลิงด้วยใจที่ฟูฟ่อง
เพื่อที่จะกลับไปยังอาณาจักรวายุครามพร้อมกับหยุนเช่อ ได้รับ
ข่าวนี้
มันก็ได้แต่ยนื งงอยูก่ บั ที่ ราวกับถูกฟ้าผ่า มันยืน่ นิ่งอยูน่ าน
เหมือนกับว่ามันได้กลายเป็ นรู ปปั้ นที่ไร้วญ ิ ญาณไปแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ วจากรุ่ งเช้าไปยามบ่าย เสี ยง
จ้อกแจ้กจอแจในนครวิหคเทวะก็ค่อยซาลงในที่สุด เฟิ งซีหมิงเร่ ง
รุ ดไปที่หอ้ งบรรทมขององค์จกั รพรรดิแห่งจักรวรรดิเทพหงสา
และกล่าวถามอย่างใจร้อนว่า “พระบิดา เสวีย่ เอ๋ อร์ได้สติหรื อยัง
พ่ะย่ะค่ะ ? ดูเหมือนว่าท่านเทพหงสาจะยังไม่ตายจริ งๆ เป็ นไปได้
หรื อไม่ที่ท่านเทพหงสาจะแสร้งทําเป็ นตายเพือ่ ดูปฏิกิริยาของ
แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ พร้อมกับล่อให้พวกที่ไม่ซื่อสัตย์ภายในพรรค
ให้ออกมา ?”
“ไม่ใช่…” สุ ม้ เสี ยงของเฟิ งเหิงคงสงบนิ่งอย่างที่สุด มันหัน
หน้าที่ดูหดหู่เดียวดายยิง่ มา “ท่านเทพหงสาได้ดบั สู ญไปตั้งแต่
สามปี ก่อนแล้ว มันไม่ใช่การหลอกลวง… ทุกสิ่ งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ต่างหากที่เป็ นการหลอกลวง”
“อะ…อะไรนะ?” เฟิ งซีหมิงกลั้นหายใจโดยพลัน
“ท่านเทพหงสาที่ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้เป็ นเพียงภาพลวงตา
ที่ท่านเทพหงสาทิ้งไว้ให้ดว้ ยพลังเฮือกสุ ดท้ายก่อนการดับสูญ
ของมัน มันเป็ นการป้องกันล่วงหน้าในกรณี ที่การดับสู ญของมัน
ถูกเปิ ดเผยออกไป เพือ่ ป้องกันภัยพิบตั ิที่อาจมาเยือนพรรคเทพหง
สา… พลังสุ ดท้ายที่ท่านเทพหงสาทิ้งไว้ให้ บัดนี้ได้สูญหายไป
หมดแล้ว มันบอกให้เราไปยังวิหารหลวงเทพหงสาก็เพื่อใช้เสี ยง
ทางจิตสุ ดท้ายของมันบอกเรื่ องนี้แก่เรา” เฟิ งเหิ งคงกล่าวอย่าง
เคร่ งขรึ ม
สี หน้าเฟิ งซีหมิงราวกับปราศจากชีวติ หลังจากนิ่งเงียบไป
ครู่ ใหญ่ ในที่สุดมันก็ทอดถอนใจพลางกล่าวว่า “ท่านเทพหงสา
ช่างมองการณ์ไกลและปราดเปรื่ องยิง่ ที่สามารถคาดการณ์ถึงสิ่ งที่
จะเกิดขึ้นในวันนี้ได้… ตอนนี้ท้ งั โลกรวมถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
ต่างก็แน่ใจแล้วว่าเทพหงสายังดํารงอยู่ ด้วยการป้องปรามของ
ท่านเทพหงสา แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ยอ่ มไม่กล้าเข้ามาจู่โจมพรรค
เทพหงสาเราอีกเป็ นแน่”
“กระดาษไม่อาจห่อไฟ ถึงแม้ตอนนี้เราจะค่อนข้างมัน่ คง
แต่การดับสู ญของเทพหงสาก็เป็ นเรื่ องจริ ง เรื่ องนี้ยอ่ มรั่วไหล
ออกไปไม่วนั ใดก็วนั หนึ่ง” เฟิ งเหิ งคงขมวดคิ้วแน่น สี หน้ายิง่ มาก็
ยิง่ แน่วแน่ “ลูกหมิง วันนี้เจ้าก็เห็นแล้ว หากไม่มีการดํารงอยูข่ อง
เทพหงสา แดนศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ จะดูหมิ่นเหยียดหยามพรรคเทพหง
สาเราเช่นไร ! ตอนนี้เราไม่มีเทพหงสาแล้ว และเสวีย่ เอ๋ อร์กอ็ ายุ
เพียงสิ บหกปี … ก่อนที่เสวีย่ เอ๋ อร์จะเป็ นผูใ้ หญ่เต็มที่ สิ่ งเดียวที่เรา
สามารถพึ่งพาได้กค็ ือตัวเราเอง ! เราต้องแข็งแกร่ งให้มากขึ้นให้
เร็ วขึ้น ภายในระยะเวลาที่ส้ นั ที่สุดเท่าที่จะทําได้”
“พระบิดากําลังจะตรัสว่า…”
เฟิ งเหิ งคงหรี่ ตาลงขณะกล่าวอย่างแผ่วเบา “เราต้องได้
เหมืองผลึกม่วงขนาดใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยูข่ องอาณาจักรวายุคราม
มา ! ข้อมูลจากการสอดแนมของหอวิญญาณปฐพีระบุวา่ ภายใน
เหมืองน้้ นั มีลูกแก้วสวรรค์ชีพจรม่วงจํานวนมหาศาลซ่อนอยู่ !
หากนี่เป็ นความจริ ง มันก็จะเป็ นประโยชน์ต่อพรรคเราอย่างยิง่ !”
“ตั้งแต่พรุ่ งนี้ไป จัดเตรี ยมกองทัพทั้งหมดให้พร้อม ! สาม
เดือนหลังจากนี้ ให้ยกทัพเข้าไปในอาณาจักรวายุคราม ! ภายใน
สามปี ต้องยึดครองดินแดนของวายุครามทั้งหมดให้ได้ !”
บทที่ 472 ท้ องฟ้าแปรผัน (2)

กู่ชางพาเซี่ยหยวนป้าเหิ นขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้ากลับสู่


แดนศักดิ์สิทธิ์เหนือราชัน พวกมันมิได้ไปเร็ วนัก ทว่าในการ
เดินทางกลับนี้ท้ งั สองคนต่างเงียบงันผิดปกติ บนใบหน้าเซี่ย
หยวนป้าไม่มีท้ งั ความยินดีหรื อเศร้าโศก ร่ างกายไม่ไหวติงตั้งแต่
ออกเดินทางแล้ว สี หน้ามันเรี ยบเฉยไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นอ้ ย มัน
เอาแต่จอ้ งมองไปข้างหน้าตลอดเวลาราวกับหุ่นกระบอกที่ไร้จิต
วิญญาณ
กู่ชางเหลือบมองเซี่ยหยวนป้าตลอดเวลา และลอบถอน
หายใจเป็ นระยะๆ หลังจากเวลาผ่านไปครู่ ใหญ่ มันก็กล่าวขึ้นใน
ที่สุดว่า “หยวนป้า เจ้าทําดีที่สุดแล้ว เรื่ องราวก็ผา่ นไปแล้ว เจ้า
ควรจะเลิกท้อแท้สิ้นหวังและหยุดกล่าวโทษตนเองเสี ยที”
สี หน้าเซี่ ยหยวนป้ายังคงแข็งทื่อเหมือนเดิม และไม่มี
ปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้ น
“เฮ้ออ” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางถอนหายใจยาวและ
กล่าวว่า “ข้ารู ้วา่ ตอนนี้เจ้าต้องการที่จะแก้แค้นแทนหยุนเช่อ ทว่า
เจ้าเพิง่ ปลุกแหล่งพลังภายในชีพจรลมปราณของตนอย่าง
เฉี ยบพลัน ทําให้ชีพจรลมปราณที่ยงั ไม่พฒั นาเต็มที่ของเจ้านั้น
ต้องรับภาระอันยากจะทานทน ในช่วงเวลาสองปี ต่อจากนี้เป็ น
อย่างน้อย เจ้าจะไม่สามารถใช้พลังยุทธ์ได้เลย ภายในช่วงเวลา
ดังกล่าว เจ้าจะต้องปล่อยวางความคิดที่ไม่จาํ เป็ นออกไป และทํา
จิตใจให้สงบ… ไม่วา่ จะอย่างไร เย่ซิงหานก็เป็ นถึงเจ้าวิหารน้อย
แห่งวิหารเทพสุ ริยนั จันทรา หากเจ้าปรารถนาจะแก้แค้น ต่อให้เจ้า
ละทิ้งความสัมพันธ์อนั สลับซับซ้อนระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เหนือ
ราชันและวิหารเทพสุ ริยนั จันทราไป มันก็ยงั คงเป็ นเรื่ องที่เป็ นไป
ไม่ได้อยูด่ ี”
เซี่ยหยวนป้ายังคงไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่นอ้ ย
สองปี ก่อน ที่หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์ ตอนที่คิดว่าหยุนเช่อ
ยอมตายเพือ่ ช่วยชีวติ มันนั้น มันก็ร้องไห้ครํ่าครวญออกมาเสี ยงดัง
ในทันที ใจมันแทบแตกสลาย ทว่าครานี้มนั ไม่หลัง่ นํ้าตาสักหยด
ไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยารุ นแรงใดๆ จนกระทัง่ ผ่านไปครึ่ งวันแล้ว มัน
ก็ยงั ไม่ปริ ปากแม้แต่คาํ เดียว มันนิ่งเงียบจนน่ากลัว
และมันก็เคลื่อนไหวในที่สุด มันค่อยยกมือขึ้นกดลงบน
หน้าอกตนเองพลางกล่าวด้วยสุ ม้ เสี ยงแหบแห้งสงบนิ่ง “ท่าน
อาจารย์ ศิษย์ตอ้ งการเก็บตัวฝึ กวิชาเป็ นเวลาสามปี ”
“เก็บตัวฝึ กวิชาเป็ นเวลาสามปี ?” ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชางมีสีหน้าแตกตื่น ทว่าเมื่อเห็นตําแหน่งที่เซี่ยหยวนป้าวางมือลง
ไป แววตาของมันก็ไหวระริ กและกล่าวขึ้นทันที “หรื อว่ามีการ
เปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับชีพจรลมปราณของเจ้า ?”
เซี่ยหยวนป้าไม่ตอบอันใด
ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชางนิ่งเงียบไปครู่ หนึ่ง แต่กย็ งั คง
พยักหน้าตอบรับ “ในเมื่อเจ้าปรารถนาเช่นนั้น อาจารย์กจ็ ะไม่
คัดค้าน เอาเถอะ ค่อยคุยเรื่ องนี้กนั อีกทีหลังจากกลับไปถึงแดน
ศักดิ์สิทธิ์กแ็ ล้วกัน”
เมื่อเซี่ยหยวนป้าปริ ปากขึ้นในที่สุด ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่
ชางก็รู้สึกสบายใจ และความเร็ วในการเหินอากาศของมันก็เร็ วขึ้น
อย่างเห็นได้ชดั กล่าวตามสัตย์จริ ง ปรมาจารย์จิตวิญญาณกู่ชาง
เองก็ไม่ทราบว่ามันควรจะทุกข์หรื อสุ ขใจดี หลังจากที่ได้เจอหยุ
นเช่ออีกครั้ง เซี่ ยหยวนป้าก็มีบุคลิกลักษณะต่างไปจากเดิมอย่าง
สิ้ นเชิง กลายเป็ นคนกระตือรื อร้นและเป็ นมิตรอย่างยิง่ ลักษณะ
เช่นนี้ขดั กับหัวใจสําคัญของการเป็ นราชันทรราชย์โดยแท้ สิ่ งนี้
ทําให้มนั กังวลว่าความก้าวหน้าของเซี่ยหยวนป้าจะหยุดชะงักลง
หรื ออาจถึงขั้นถดถอยก็เป็ นได้
ยามนี้การเสี ยชีวติ ของหยุนเช่อในนาวาปราณบรรพกาลได้
ส่ งผลกระทบต่อเซี่ยหยวนป้าอย่างหนักหน่วง ทําให้เกิดความ
เกลียดชังฝังลึกถึงกระดูก เมื่อมันมีความเกลียดชังและสํานึกผิด
การแก้แค้นก็กลายเป็ นความปรารถนาอันสู งสุ ดของมัน… ตอนนี้
กู่ชางสัมผัสถึงเจตนาที่จะแก้แค้นจากเซี่ยหยวนป้าผูท้ ี่ยามนี้ไม่
สามารถใช้พลังลมปราณได้อีกต่อไป ได้อย่างชัดเจน จนกระทัง่
มันรู ้สึกหวัน่ เกรงเล็กน้อย และความเกลียดชังอันน่ากลัวนี้จะปลุก
เร้ามันอย่างไร้ความปรานี ทําให้มนั ไล่ล่าแสวงหาพลังที่มากพอ
สําหรับการแก้แค้นของมันอย่างบ้าคลัง่ และอาจทําให้มนั
กลายเป็ นคนเงียบขรึ มเย็นชายิง่ ขึ้น
ทั้งหมดนี้จะปลุกเร้าการพัฒนาจิตใจราชันทรราชย์อย่าง
มหาศาล และในขณะเดียวกันก็จะปลุกชีพจรเทพราชันทรราชย์
ของมันให้ตื่นเร็ วขึ้นด้วย
ทว่า การที่อจั ฉริ ยะผูไ้ ร้ขีดจํากัดในการพัฒนาพลังยุทธ์ผู ้
หนึ่งจะต้องอยูใ่ นสภาพเช่นนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะรู ้สึกเวทนา
สงสารคนผูน้ ้ ียง่ิ นัก
————————————————
ชางว่านเฮ่อค่อยๆ ทรุ ดตัวลงนัง่ บนบัลลังก์มงั กรของตน
ด้วยสี หน้าเผือดซี ดอย่างยิง่ ราวกับว่ามันหมดสิ้ นเรี่ ยวแรงในกาย
ลงโดยพลัน
“เรื่ องนี้ได้…รับการยืนยันแล้วหรื อไม่ ? ชางว่านเฮ่อกล่าว
ด้วยสี หน้าประหวัน่ พรั่นพรึ ง
“ยืนยันแล้วพะยะค่ะ… กระทัง่ นาวาปราณบรรพกาลหาย
สาบสู ญไปแล้ว ท่านราชบุตรเขยก็ยงั มิได้ออกมา หลังจากนั้น
พรรคเทพหงสาก็ได้ยนื ยันไปทัว่ โลกว่า ท่านราชบุตรเขยได้…
เสี ยชีวติ ภายในนาวาปราณบรรพกาล เพือ่ ช่วยชีวติ ขององค์หญิง
หิ มะ ตอนนี้ท้ งั เจ็ดอาณาจักรคงจะได้รับรู ้ถึงเรื่ องนี้แล้ว” ขันทีขา้ ง
กายชางว่านเฮ่อกล่าวด้วยท่าทีปวดร้าว มันอึกๆ อักๆ อยูค่ รู่ หนึ่ง
ก่อนจะกล่าวขึ้นในที่สุดว่า “ฝ่ าบาท โปรดทรงระงับความ
โศกเศร้า… ยังมีอีกเรื่ องหนึ่งที่กระหม่อม… กระหม่อมไม่ทราบ
ว่าควรกราบทูลดีหรื อไม่”
“ว่ามา…”
“พะยะค่ะ… หนึ่งชัว่ โมงก่อนหน้านี้ คลื่นนาวี มารทมิฬ
มหาอสุ รา หยาดทานตะวัน และสุ คนธ์สวรรค์ ทั้งห้าอาณาจักร
ต่างพากันถ่ายทอดเสี ยงมาหาพวกเรา เพื่อยกเลิกการเยีย่ มเยือนที่
พวกมันได้นดั หมายไว้เมื่อวานนี้” ขันทีผนู ้ ้ นั เหลือบมองหน้าชาง
ว่านเฮ่อ และรี บกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ดี ฝ่ าบาทอย่าได้ทรงกริ้ วไป
เลยพะยะค่ะ จักรวรรดิเทพหงสาจะต้องแสดงความขอบคุณอย่าง
ลึกซึ้ งต่อเราอย่างแน่นอน เนื่องจากท่านราชบุตรเขยได้สละชีวติ
เพื่อช่วยองค์หญิงหิ มะไว้ บางทีจกั รพรรดิเทพหงสาอาจมาเยีย่ ม
เยือนวายุครามด้วยตนเองก็ได้พะ่ ย่ะค่ะ”
ชางว่านเฮ่อทอดถอนหายใจยาว หลับตาลงและโบกมือไล่
“เจ้าออกไปได้แล้ว… ข้าขออยูค่ นเดียวเงียบๆ สักครู่ … อย่าให้เยว่
เอ๋ อร์รู้เรื่ องนี้… ไปได้แล้ว”
เพิ่งจะกล่าวขาดคํา พลันด้านนอกท้องพระโรงก็เสี ยงใคร
บางคนล้มลงกับพื้นดังไปทัว่ ตามมาด้วยเสี ยงร้องตะโกนของนาง
กํานัล “ว้าย… องค์หญิงชางเย่ว ! พวกเจ้า เร็ วเข้า ! องค์หญิงชาง
เย่วทรงหมดสติแล้ว…”
ชางว่านเฮ่อใจสัน่ ลุกขึ้นและรี บออกไปทันที “เย่วเอ๋ อร์ !!”
——————————————————————
ก่อนหน้าปี นี้ ไม่มีผใู ้ ดแม้แต่ตวั หยุนเช่อเองจะคาดคิดได้วา่
การตายของคนคนเดียวจะสัน่ คลอนทั้งจักรวรรดิได้เช่นนี้
ในตอนนี้ทว่ั ทั้งจักรวรรดิวายุครามต่างสัน่ คลอนหลังจาก
ข่าวเรื่ องความตายของมันในนาวาปราณบรรพกาลกระจาย
ออกไป
และการสัน่ สะเทือนครั้งนี้กร็ ุ นแรงนัก… มากพอจะตัดสิ น
อนาคตของจักรวรรดิวายุครามได้เลยทีเดียว
หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์
ม่านยามราตรี คลี่ลงมาปกคลุม หลิงเทียนหนี่ลอยตัวอยู่
เหนือลานจัดสรรกระบี่ มันเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้ายามราตรี ที่
เต็มไปด้วยดวงดาว รอบตัวมันปรากฏกระบี่นบั หมื่นเหิ นวนราย
ล้อม แต่ไม่มีแม้แต่เล่มเดียวที่สามารถเข้าใกล้มนั ในระยะสามสิ บ
เมตร
หลิงเยว่เฟิ งเหิ นร่ างมาหยุดข้างกายหลิงเทียนหนี่อย่างเงียบ
เชียบ ก่อนจะทักทายมันอย่างนอบน้อม “ท่านพ่อ”
“ลูกเจี่ยไปไหน?” หลิงเทียนหนี่เอ่ยปากอย่างสงบนิ่ง สุ ม้
เสี ยงของมันแฝงไว้ดว้ ยความโดดเดี่ยวยากจะอธิบาย
“ลูกเจี่ยตอนนี้อยูใ่ นจักรวรรดิเทพหงสา กว่าจะกลับก็คงอีก
หลายวัน” หลิงเยว่เฟิ งเอ่ย มันจ้องมองสี หน้าของหลิงเทียนหนี่
ก่อนจะถามต่อ “ท่านพ่อ ท่านมีเรื่ องสําคัญจะพูดด้วยรึ ?”
“เฮ้ออ…” หลิงเทียนหนี่ถอนใจยาว “ใต้ฟ้าจักรวรรดิวายุ
ครามนี้กาํ ลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้ นเชิง”
หัวใจหลิงเยว่เฟิ งกระตุกวูบ “ท่านพ่อหมายความเช่นไร?”
“จากนี้จงไปเตรี ยมตัวให้พร้อม พอลูกเจี่ยกลับมาถึง ให้ยู่
เฟิ งนําลูกหยุนกับลูกเจี่ยไปอาศัยในเขตแดนกระบี่เดชาสวรรค์ซกั
หลายปี ให้ท้ งั คู่สาํ เร็ จเคล็ดกระบี่เดชาสวรรค์เสี ยก่อนจึงจะ
กลับมาได้ ในช่วงเวลานี้ หมู่บา้ นกระบี่สวรรค์เราก็จะเก็บตัว
ชัว่ คราวเช่นกัน” หลิงเทียนหนี่เอ่ยด้วยเสี ยงหนักแน่น
“เก็บตัว? เหตุใดพวกเราถึงต้องเก็บตัวด้วย?” หลิงเยว่เฟิ ง
อุทานออกมา
“เพราะพวกเราไม่อาจขัดขวางชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับ
จักรวรรดิวายุครามในครานี้ได้ และพวกเราก็ไม่ควรเข้าไปยุง่ เกี่ยว
ด้วย พวกเราทําได้เพียงเก็บตัวและรักษาตัวให้รอดปลอดภัย
เท่านั้น” หลิงเทียนหนี่เอ่ยพลางถอนหายใจ
“เรื่ อง… เรื่ องใหญ่อนั ใดกําลังจะเกิดขึ้นกัน? ข้าต้องขอให้
ท่านพ่อช่วยชี้แนะด้วย” หลิงเยว่เฟิ งเอ่ยด้วยสี หน้าตกใจและ
สับสน
“ไม่นานเจ้าก็จะเข้าใจเอง หลังจากปิ ดสํานักแล้ว ไม่วา่ โลก
ภายนอกจะมีมรสุ มอันใด ก็อย่าได้ไปสนใจ และอย่าได้ไปพบกับ
แขกภายนอกคนไหน โดยเฉพาะคนจากราชวงศ์วายุครามและ
แดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาเยือกแข็ง… หากพวกนั้นมาร้องขอความ
ช่วยเหลือถึงหน้าประตู ก็จงอย่าได้ตอบรับเป็ นอันขาด จําเอาไว้!”
หลิงเยว่เฟิ งเผยสี หน้าประหลาดใจยิง่ เมื่อมันมองไปยัง
ใบหน้าเคร่ งขรึ มของหลิงเทียนหนี่ที่แฝงไว้ดว้ ยความรู ้สึกอับจน
หนทางอย่างลึกลํ้า มันก็ทาํ ได้เพียงพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา
“ทราบแล้ว”
————————————————
ในสถานที่และมิติอื่น
หยุนเช่อที่ทุกคนคิดว่าตกตายไปในนาวาปราณบรรพกาล
แล้วกลับมิได้สิ้นชีพ… ตรงกันข้าม ตัวมันในยามนี้กลับตื่นตัวยิง่
กว่าที่เคย
ทันทีที่นาวาปราณบรรพกาลหายไปจากท้องนภาเหนือนคร
วิหคเทวะ กระแสมิติอนั รุ นแรงหาที่เปรี ยบพลันพุง่ เข้าจู่โจมจนตัว
ชายหนุ่มรู ้สึกราวกับถูกดาบเหล็กนับไม่ถว้ นจ้วงแทงและฟันเข้า
ใส่ กระทัง่ ชายหนุ่มที่มีพลังใจเข้มแข็งเหนือธรรมดายังต้องคําราม
ออกมาด้วยความเจ็บปวด ห้วงมิติถูกบดขยี้ บิดเบี้ยว และฉี กขาด
เช่นเดียวกับร่ างของชายหนุ่ม ร่ างของมันกลายเป็ นกองเลือดเนื้อที่
ไม่อาจจําแนกได้ในพริ บตา แรงฉี กกระชากอันน่ากลัวเข้าโอบ
ล้อมทัว่ ร่ างมันจนกระดูกทั้งตัวชายหนุ่มรู ้สึกราวกับกําลังถูกบด
ขยี้
ความตายที่คืบคลานเข้ามาไม่เคยชัดเจนเช่นนี้มาก่อน ทว่า
ด้วยสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดของหยุนเช่อ มันก็รีดเร้นพลัง
ลมปราณและพลังใจทั้งหมดสร้างม่านผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆาขึ้นมา
แคร่ ก… แคร่ ก… แคร่ ก…
ม่านพลังอันเข้มแข็งของ “ผนึกสุ ริยนั กั้นเมฆา” ทําให้หยุ
นเช่อพอจะสงบใจลงได้บา้ ง ทว่าม่านพลังนี้กย็ งั ถูกกระแสมิติบด
ขยี้และทุบทําลายจนอาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ตอนนั้นเอง สุ ม้ เสี ยง
จริ งจังของจัสมินพลันดังขึ้นข้างหูหยุนเช่อ “ฟังข้าให้ดี! ตอนนี้
นาวาปราณบรรพกาลกําลังเดินทางข้ามมิติอยู่ มันจะเดินทางไป
แบบนี้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ อาจเป็ นไปได้วา่ จะใช้เวลาหลายสิ บ
หรื อหลายร้อยปี และตลอดช่วงเวลานี้ ภายในตัวนาวาปราณ
บรรพกาลจะปรากฏกระแสมิติข้ ึนตลอดเวลา ด้วยรอยแยกมิติไม่
สิ้ นสุ ดพวกนี้ ต่อให้เป็ นราชันจักรพรรดิข้นั สู งก็รอดไม่ได้นานนัก
ก่อนจะถูกขยี้เป็ นผง”
“แต่เจ้ายังพอมีโอกาสรอดอยูบ่ า้ ง! เพราะเจ้ามีกายามังกรเท
วะ ร่ างกายของเจ้าโดยเฉพาะกระดูกล้วนไม่อาจถูกทําลายโดยง่าย
ปั จจัยสําคัญที่สุดก็คือเจ้ามีมหาวิถีโพธิสตั ว์! แม้ตวั กระแสมิติจะ
น่าหวาดกลัว แต่พลังธรรมชาติที่แฝงอยูใ่ นกระแสมิติกม็ ากมาย
กว่าพื้นที่ภายนอกหลายเท่านัก! หากเจ้าอยากจะรอด ก็ทุ่มสุ ดตัว
โคจรมหาวิถีโพธิสตั ว์ซะ ดูดรับพลังธรรมชาติในกระแสมิติให้
มากที่สุดเท่าที่ทาํ ได้เพื่อรักษาร่ างกายและฟื้ นฟูพลังลมปราณของ
เจ้า!”
“หากความเร็ วในการรักษาตัวของเจ้าเทียบได้กบั อาการ
บาดเจ็บที่ได้รับหรื อเหนือลํ้ากว่า เจ้าก็อาจจะรอด! นี่เป็ น
ความหวังเดียวของเจ้าแล้ว!”
เสี ยงของจัสมินทําให้หยุนเช่อที่เดิมคิดจะนัง่ รอความตาย
อย่างเงียบงันพลันเบิกตากว้าง… ทุกสิ่ งในคลองจักษุมนั ล้วนแต่
บิดเบี้ยว ภายในมิติอนั บิดเบี้ยวนั้นมีเลือดเนื้อของมันล่องลอยอยู่
กําลังใจของชายหนุ่มพลันฟื้ นคืนกลับมาด้วยสัญชาตญาณเอาตัว
รอดของมัน หยุนเช่อคํารามพลางรวบรวมสมาธิท้ งั หมดโคจร
มหาวิถีโพธิสตั ว์อย่างบ้าคลัง่
ลมหมุนสี ทองปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหยุนเช่อ ลมหมุนนี้ยง่ิ
มายิง่ เร็ วก่อนจะกลายเป็ นเจดียส์ ี ทองขนาดเล็ก ทว่าภายในกระแส
มิติน้ ี ตัวเจดียส์ ี ทองกลับไม่มีร่องรอยเสี ยหายแม้แต่นอ้ ย
เจดียส์ ี ทองหมุนวนอยูเ่ หนือศีรษะหยุนเช่ออย่างแช่มช้า
ก่อนจะเริ่ มดูดซับพลังธรรมชาติรอบด้านด้วยความเร็ วสู ง…
ดวงตาของหยุนเช่อฉายแววยินดีในพริ บตา เพราะสิ่ งที่จสั มินพูด
ไว้น้ นั ถูกต้องอย่างที่สุด พลังธรรมชาติภายในกระแสมิติน้ นั
มากมายกว่าที่มนั คาดคิดไว้ ด้วยเคล็ดมหาวิถีโพธิสตั ว์ พลัง
ธรรมชาติกพ็ วยพุง่ เข้าสู่ ร่างมันดุจสายนํ้า
ภายในพริ บตา พลังชีวติ ในร่ างหยุนเช่อก็พลันลุกโชนราว
กับเปลวเพลิงไร้ขอบเขต ร่ างกายของชายหนุ่มที่เคยบาดเจ็บหนัก
พลันสมานตัวอย่างรวดเร็ วจนมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า บาดแผล
บนร่ างหยุนเช่อนั้นสาหัสนัก ทัว่ ร่ างมันไม่มีส่วนไหนที่ไร้
บาดแผลแม้แต่แห่งเดียว ทว่าด้วยการโคจรมหาวิถีโพธิสตั ว์อย่าง
ต่อเนื่อง แม้มนั จะต้องทนรับความเจ็บปวดอย่างที่สุดอยูท่ ุกวินาที
แต่บาดแผลของมันเองก็สมานตัวอย่างรวดเร็ วในทุกวินาที
เช่นกัน… ไม่นานนัก สิ บลมหายใจก็ผา่ นไป หนึ่งร้อยลม
หายใจ… หนึ่งชัว่ โมง… สองชัว่ โมง… หกชัว่ โมง… หนึ่งวันผ่าน
ไป….
ทัว่ ร่ างหยุนเช่อชุ่มโชกไปด้วยโลหิ ตของตน ทว่าบาดแผล
ของมันไม่ได้หนักหนาขึ้นนับตั้งแต่แรกเริ่ มเป็ นต้นมา เห็นชัดว่า
ตัวหยุนเช่อยังคงมีชีวติ อยู… ่ ภายในนาวาปราณบรรพกาลที่มีพลัง
ธรรมชาติสูงลํ้าจนน่ากลัว ทําให้มหาวิถีโพธิสตั ว์ช่วยรักษา
ร่ างกายมันได้อย่างรวดเร็ วเทียบเท่ากับอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
จากกระแสมิติได้!
จํานวนครั้งที่ร่างกายของมันถูกฉี กกระชาก ฟื้ นฟู ฉีก
กระชาก และฟื้ นฟูอีกคราในหนึ่งวันนี้… มากจนยากจะนับได้
พลังลมปราณของมันเองก็ถูกใช้ออกและฟื้ นคืนอย่างรวดเร็ วเพือ่
รักษาพลังชีวติ ของมันไว้ตลอดเวลา… ในวัฏจักรนี้ ทั้งร่ างกาย
และพลังลมปราณของมันก็ถูกหล่อหลอมด้วยวิธีพสิ ดารเช่นนี้เอง
บทที่ 473 ขอบเขตลมปราณฟ้า

“หึ ก็ไม่เลวนัก ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังรอดอยู”่


แม้วา่ สุ ม้ เสี ยงของจัสมินจะยังคงเรี ยบเฉยเช่นเดิม แต่ในใจ
แล้วนางก็โล่งอกยิง่
ใบหน้าของหยุนเช่ออาบไปด้วยโลหิ ตจนไม่อาจมอง
อารมณ์ของมันออก เหนือศีรษะของมันปรากฏเจดียท์ องคําหม่น
หมุนวนอย่างแช่มช้าอย่างต่อเนื่องดูดซับพลังฟ้าดินอย่างไม่หยุด
หย่อน… และตัวหยุนเช่อเองก็ไม่ยอมให้มนั หยุดลงเช่นกัน มิ
เช่นนั้นเพียงไม่กี่อึดใจกระแสมิติกค็ งฉี กร่ างชายหนุ่มออกเป็ น
ชิ้นๆ
ในอดีตกาล ก็ยงั มีผคู ้ นมากมายที่ไม่อาจออกไปจากนาวา
ปราณบรรพกาลได้จากหลายเหตุปัจจัย ในหมู่คนเหล่านั้นก็มีท้ งั
เหล่าราชันทรราชย์ หรื อกระทัง่ ราชันจักรพรรดิผหู ้ นึ่ง
สําหรับบรรดาราชันทรราชย์ ต่อให้พวกมันทุ่มเทพลังฝี มือ
ทั้งหมด พวกมันก็ไม่อาจต้านทานได้เกินสามร้อยลมหายใจ ส่ วน
ราชันจักรพรรดิผนู ้ ้ นั ก็ตา้ นทานได้เพียงสิ บกว่าวันก่อนที่จะ
กลายเป็ นชิ้น การจะต้านทานกระแสมิติในช่วงเวลาสั้นๆสําหรับ
เหล่าราชันทรราชย์และราชันจักรพรรดิแล้วย่อมไม่หนักแรง แต่
ต่อให้เป็ นราชันทรราชย์และราชันจักรพรรดิที่เข้มแข็งที่สุดก็ไม่
อาจต้านรับกระแสมิติอนั ปั่นป่ วนนี้ได้ไปตลอด
ทว่าหยุนเช่อที่มีพลังฝี มือตํ่าต้อยกว่าราชันทรราชย์กลับ
สามารถฝื นรั้งเอาชีวติ รอดมาได้… แม้จะเป็ นการรอดชีวติ ที่เต็ม
ไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ตรมสุ ดแสนก็ตามที
หยุนเช่อขบฟันตนจนแตกเป็ นชิ้นราวกับตัวมันกําลังอยูใ่ น
ห้วงอเวจีที่เต็มไปด้วยหนามแหลม กระแสมิติฉีกกระชากและบิด
ทุกส่ วนของร่ างกายมัน หากเป็ นผูอ้ ื่นที่มีจิตใจอ่อนแอกว่านี้ ต่อ
ให้มนั ผูน้ ้ นั สามารถต้านกระแสมิติได้จนจบ มันก็คงยอมตายเพื่อ
หลบหนีความทรมานเช่นนี้ไปแล้ว
เวลายังคงไหลผ่านไปในวังวนกระแสมิติที่ราวกับขุมนรก
ทว่าหยุนเช่อก็เลิกรับรู ้เรื่ องเวลาไปนานแล้ว… มันอาศัยกําลังใจ
เพื่อฝื นต้านการความเจ็บทรมานเอาไว้จนไม่รู้ตวั ว่าเวลาได้ผา่ น
ไปแล้วถึงหนึ่งเดือนเต็ม
ภายในเวลาหนึ่งเดือนนี้ มันตั้งสติโคจรเจดียแ์ ละปลดปล่อย
พลังลมปราณออกมาโดยไม่หยุดยั้งแม้เพียงครึ่ งลมหายใจ หากมี
คนมาบอกตัวมันเองว่าชายหนุ่มรอดชีวติ ในสภาพเช่นนี้ได้ถึง
หนึ่งเดือนเต็มและยังคงมีชีวติ อยู่ ต่อให้เป็ นตัวมันเองก็คงไม่
เชื่อถือเช่นกัน
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผา่ นมา โลหิ ตของมันไหลออกและฟื้ นฟู
อย่างต่อเนื่อง ผิวหนังและเลือดเนื้อแตกสลายก่อนจะคืนสภาพ
พลังลมปราณถูกใช้ออกจนหมดสิ้ นและฟื้ นคืนอย่างต่อเนื่อง…
ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ร่างกายของชายหนุ่มถูกบีบคั้นบ่อยกว่าที่
เคยมาตลอดสองชาติภพของมันเสี ยอีก
ร่ างงามในชุดแดงยืนอยูเ่ บื้องหน้าหยุนเช่อ ตลอดหนึ่งเดือน
ที่ผา่ นมาจัสมินไม่ได้กลับเข้าไปในไข่มุกพิษสวรรค์ แต่กลับคอย
เฝ้ามองทุกการเปลี่ยนแปลงของหยุนเช่ออย่างเงียบงัน เมื่อตอนที่
หยุนเช่อรอดชีวติ มาถึงวันที่สิบ นางก็ตกตะลึงมากแล้วและเชื่อว่า
มันคงไม่อาจฝื นทนต่อได้อีก ทว่าขีดจํากัดของหยุนเช่อก็ได้กา้ ว
ข้ามความคาดหมายของนางไปอีกครา พลังใจของหยุนเช่อนั้น
เข้มแข็งสุ ดจะเปรี ยบอยูแ่ ล้ว… ซํ้ามันยังได้รับจิตวิญญาณเทวะ
มังกรเสริ มเข้าไปอีก!
แม้หยุนเช่อจะไม่ได้รับรู ้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเอง
ทว่าจัสมินกลับมองออกได้อย่างชัดแจ้ง ยิง่ เวลาผ่านไป
ความสามารถในการต่อต้านกระแสมิติของหยุนเช่อยิง่ มายิง่ อ่อน
โทรมลง ไม่วา่ จะเป็ นพลังลมปราณที่ใช้ออกเพือ่ ปกป้องร่ างกาย
หรื อความเร็ วในการโคจรของเจดียก์ ล็ ว้ นยิง่ มายิง่ อ่อนแรง ทว่า
กระแสมิติกลับไม่มีท่าทีจะเบาลงแม้แต่นอ้ ย… ทว่าหยุนเช่อก็
ยังคงรักษาสภาวะไม่ยอมตายเอาไว้ได้ มันยังคงสภาพสมดุล
ระหว่างอาการบาดเจ็บและการฟื้ นตัวเอาไว้ได้
นี่เป็ นเพราะความแข็งแกร่ งของร่ างกายและความหนาแน่น
ของพลังลมปราณในตัวชายหนุ่มนั้นเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลจน
น่าตกใจตลอดเวลาที่ผา่ นมา
“ภายในหนึ่งเดือน พลังลมปราณก็หนาแน่นขึ้นไม่ต่าํ กว่า
สามเท่า การแตกสลายและฟื้ นฟูอย่างต่อเนื่องของร่ างกายเองก็ไป
กระตุน้ ไขกระดูกเทวะมังกรจนความเข้มข้นของโลหิ ตเทวะมังกร
ในร่ างเพิ่มพูนขึ้น รัศมีพลังของมังกรเทวะในร่ างมันเข้มแข็งขึ้น
เป็ นเท่าตัว… นี่มนั เกินกว่าที่ขา้ คาดไว้เสี ยอีก”
จัสมินจับจ้องไปยังหยุนเช่อพลางเอ่ยกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
นางพลันส่ งเสี ยงหัวเราะบางเบาออกมาโดยไม่รู้ตวั ก่อนจะพึมพํา
กับตัวเอง “ดูท่าเราจะเลือกไม่ผดิ จริ งๆ”
ทว่าแม้จะมีจิตวิญญาณเทวะมังกร หนึ่งเดือนที่ผา่ นมา ก็
ผลักดันหยุนเช่อจนถึงขีดจํากัดของมันแล้ว
ร่ างหยุนเช่อพลันส่ ายไปมาอย่างรุ นแรง เจดียเ์ หนือศีรษะ
มันยิง่ มายิง่ ช้าลง ก่อนที่ประกายแสงสี ทองจากเจดียจ์ ะจางลงจน
ราวกับจะจางหายไปได้ตลอดเวลา
คิ้วของจัสมินกระตุกขณะนางเอ่ยปากด้วยนํ้าเสี ยงเคร่ งขรึ ม
ดัง่ ผูเ้ ป็ นอาจารย์ “หยุนเช่อ ฟังให้ดีนะ นี่เป็ นการทดสอบพลังใจ
ของเจ้า หากไม่อยากตายก็ทุ่มสุ ดตัวสู ต้ ่อไปซะ หากเจ้าฝื นทนได้
ถึงหนึ่งปี ก็จะมีโอกาสที่ร่างกายของเจ้าจะคุน้ เคยกับกระแสมิติใน
ที่แห่งนี้และไม่ได้รับผลกระทบอันใดอีก เมื่อถึงยามนั้น ร่ างกาย
ของเจ้าก็จะทนทานเช่นเดียวกับร่ างกายของราชันจักรพรรดิ! บน
ทวีปลมปราณฟ้าก็จะมีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะทําอันตรายเจ้า
ได้! แต่ถา้ เจ้าทนไม่ได้ เจ้าจะตาย!”
สุ ม้ เสี ยงของจัสมินดังเข้าสู่ โสตประสาทของหยุนเช่ออย่าง
ชัดเจน พลังใจอันอ่อนล้าของมันถูกเสี ยงของนางกระตุน้ ให้
เข้มแข็งขึ้นเล็กน้อย เจดียเ์ หนือศีรษะมันพลันเปล่งประกายสี ทอง
ออกมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบา ผ่านไปครู่ หนึ่ง ชายหนุ่มก็เอ่ยออกมา
ด้วยเสี ยงแหบพร่ า “หนึ่ง…ปี …”
จัสมินเอ่ยอย่างเย็นชา “การจะฝื นทนในภาพเช่นนี้ไปอีก
หนึ่งปี สําหรับเจ้าแล้วอาจดูเหมือนเป็ นไปไม่ได้ แต่ในบรรดาคน
ที่แข็งแกร่ งที่สุดที่ขา้ เคยรู ้จกั รวมไปถึงท่านพี่ พวกมันทุกคนล้วน
แต่เผชิญความทุกข์ทรมานและโหดร้ายกว่านี้นบั ร้อยเท่าพันทวี
จนแม้แต่เจ้าก็ไม่อาจจินตนาการถึง เพื่อที่จะแข็งแกร่ งขึ้น! เหตุที่ผู ้
เข้มแข็งแข็งแกร่ ง ก็เพราะว่าพวกมันสามารถทนในสิ่ งที่คนทัว่ ไป
ไม่อาจทนทานได้ พวกมันอาศัยพลังใจทําสิ่ งที่คนทัว่ ไปคิดว่า
เป็ นไปไม่ได้ให้สาํ เร็ จเป็ นจริ งขึ้นมา!”
“หากเจ้าเลือกที่จะไม่อดทนให้ถึงที่สุดเพียงเพราะว่ามัน
‘เป็ นไปไม่ได้’ มัน ‘สิ้ นหวัง’ หรื อมัน ‘เจ็บปวดเกินทน’ แล้ว เจ้า
ไม่เพียงแค่จะไม่อาจกลายเป็ นผูเ้ ข้มแข็งอย่างแท้จริ งได้เท่านั้น เจ้า
ยังจะตายที่นี่ดว้ ย! กระทัง่ อนาคตเจ้าก็จะไม่มีอีกต่อไป!”
วาจาของจัสมินสะท้านหัวใจของหยุนเช่อและกระตุน้ จิตใจ
อันเย่อหยิง่ โดยกําเนิดของมัน

You might also like