You are on page 1of 913

จัดจำหน่ายในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(eBook) โดย

บริษัท ไอ.พี.เจ. อินเตอร์เนชั่นแนล(1988) จำกัด


73 หมู่ที่ 5 ตำบลหลักหก
อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี 12000
โทร. 0-2567-0759 โทรสาร 0-2567-5779
www.hytexts.com
Special Thanks for Opensource license
JS Font
CKeditor
1

“คุณศินเพิ่งมาหรือคะ…”
เสียงใสแจ๋วทักทายเมื่อเขาขึ้นมาถึงตรงนี้ ระเบียงกว้างยาวที่
โอบล้อมตัวบ้านพักชายหาดรับลมเย็นของทะเลได้เต็มที่ ศศินหันไปมอง
เขาเห็นญาติสาวแต่งตัวงามนัก หล่อนอาจจะมีผิวคล้ำไปสักนิด แต่เมื่อ
หล่อนสวมชุดสีส้มอมทอง ดูหล่อนผ่องละออตา
เขากางแขนออกกว้าง หญิงสาวก็โผเข้าไปโอบกอดเขา
“นึกว่าจะไม่มา…ชะแง้แล้วก็หาย…สองวันแล้วนะคะ ยังคิดเลยว่า
วันนี้แล้วคุณศินคงไม่มาอีกแล้ว”
“ต้องมาซิ” เขาตอบนุ่มนวล “สัญญาต้องเป็นสัญญา พีไ่ ปญี่ปุ่น ต้อง
ปลีกตัวมาจากงาน กลัวนุ่นจะรอ”
“รอแน่ค่ะ เพราะคุณศินช่วยเป็นที่ปรึกษาของนุ่นมาตลอด ตั้งแต่นุ่น
เริ่มรู้จักกับเขาจนมาหมั้นกันวันนี้”
4/913

ศศินไม่ได้พูดสิ่งใด เขารู้แต่ว่าเขาทำตามที่เขามีหน้าที่จะต้องดูแลต่อ
บุษยา เพราะหล่อนเป็นญาติผนู้ ้อง บุษยากำพร้าบิดามาตั้งแต่เยาว์ เขา
สงสารหล่อนเสมอ
“คุณศินมาแล้วหรือ”
เสียงห้าวอีกเสียงเอ่ยถาม ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับศศิน
เคลื่อนตัวออกมายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ดวงตาของมณฑลมีแววไม่วางใจ
ปรากฏชัดๆ อยู่ ศศินเองก็อ่านออก จะมีแต่คนซื่ออย่างบุษยาเท่านั้นที่ไม่รู้
เหนือรู้ใต้อะไรด้วย
ศศินคิดว่าบุษยาซื่อต่อโลกเกินไป แต่แม่ของเขาเคยบอกว่าบุษยานั้น
ใกล้โง่เสียมากกว่า เขาเองไม่อยากตำหนิบุษยาเพียงนั้นเลย…
“น้องนุ่นบ่นจังเลยฮะ”
“ผมเพิ่งมาจากญี่ปุ่น”
“คงจะเรื่องงาน ?”
“ฮะ…มาถึงพักหน่อยหนึ่งก็ตีรถมานี่เลย”
“เสียดายมาไม่ทันพิธี…”
“ยังทันกินเลี้ยงไม่ใช่รึ ไหนนุ่น…พี่ขอดูแหวนหมั้นหน่อย”
บุษยาส่งมือซ้ายให้ศศิน เขายกมือเรียวนั้นขึ้น แหวนเพชรน้ำงาม
เม็ดเดี่ยวกระทบเข้าตา ศศินยิ้มแปลกๆ …ปากเอ่ยเชยชม
5/913

“สวยนี่…”
“สองกะรัตกว่าค่ะคุณศิน”
“จากร้านคุณมณฑลเองหรือ”
ถามแล้วดูเหมือนว่าศศินเองก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยอีก แต่มณฑลมีอาการ
ร้อนตัววูบวาบจนต้องเอื้อนเอ่ยราวกับจะแก้ตัวกระนั้น
“ของเก่า…”
“เรือนเหมือนใหม่” ศศินออกความเห็น “แล้ว…”
ศศินทำท่าเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่แล้วพลันเปลี่ยนใจไม่พูด
แต่ยิ้มของเขาทำให้มณฑลยังมีอาการราวกับเหงื่อจะตกทั้งที่ยามนี้นับว่า
อากาศดีนัก...ไม่ร้อนและไม่หนาว สายลมที่พัดผ่านมาช่วยให้เย็นสบาย
“คุณศินหิวไหมคะ อาหารอร่อยทั้งนั้นเลย”
“หิวซิ…หิวมาก…จนเรียกว่าคงจะกินได้หมดทุกอย่าง…ถ้านุ่นจะตัก
ให้”
เอียนนัก…มณฑลคิด…ตาวาววับเพราะไม่พอใจ…แต่จะทำอะไรได้
พูดไปบุษยาก็จะตัดพ้อกับเขาว่าเขาคิดมาก บุษยาอ้างเสมอว่ารักและนับถือ
ศศินประดุจพี่ชายเท่านั้นเอง
เขามองตามสองคนหนุ่มสาวที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเกาะแขนฝ่ายชายไม่
ยอมปล่อย ขยับจะก้าวตามเหมือนกัน แต่รับรู้ได้ถึงการเรียกผ่านเพจทำ
6/913

ให้มณฑลไม่อาจจะตามเข้าไปได้ เขาหยิบเพจมาอ่านข้อความ แล้วพึมพำ


ออกมาว่า
“นังบ้าเอ๊ย พูดกันไม่รู้เรื่องยังจะมีหน้าฝากข้อความเข้ามา เดี๋ยวจะ
โทร.กลับไปด่าให้เปิง”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
หญิงสาวร่างเพรียว หุ่นดีเยี่ยม เพราะหล่อนมีส่วนสัดเหมาะสมยิ่ง
นัก ขาของหล่อนยาวเรียว สามารถใส่กระโปรงสั้นได้สะสวยเหลือเกิน
หล่อนยืนพิงรถยนต์คันหนึ่งอยู่ริมทาง ในรถยนต์มีหญิงสาวอีกคนโผล่
หน้าออกมาทางช่องกระจกตอนหน้า
“แกจะบ้ารึ…เดี๋ยวโทร…เดี๋ยวโทร…”
หญิงสาวคนที่ถูกกล่าวหาว่า ‘บ้า’ ไม่แสดงอาการหวั่นไหวใดๆ ออก
มา ดวงหน้าของหล่อนเคร่งเครียดจัด
“แล้วแกคิดจะโทร.ตามช่างไหม รถเสียนะยะ มัวแต่โทรห่วงผู้ชาย”
หล่อนหันกลับมาตาขุ่น เพื่อนสาวก็ยักไหล่นิดๆ
“ย่ะ…ตามใจแก…ติดแหงกตรงนี้ใช่แต่ฉัน…แต่แกด้วย…ติดด้วยกัน
แล้วฉันก็มเี วลาเหลือเฟือ แกซะอีกเวลาเป็นเงินเป็นทอง พรุ่งนี้แกก็ตกลง
รับงานไปเป็นตัวแสดงแทนนางเอกโฆษณา ถ้าแกเสียงานนี้…แกก็เสียคน
ล่ะ แล้วพี่ชายฉันก็คงจะตามไปตื้บแกเอง”
“ขอฉันโทร.หาเขาอีกที”
7/913

พิมพิกาบอก แม้หล่อนจะไม่เหลือความหวัง เพราะโทร.เข้ามือถือ


ของเขาคราวไร ก็ได้ยินเสียงข้อความซ้ำๆ ผ่านเทปมาว่าหมายเลขที่เรียก
ไปนั้นไม่อาจจะติดต่อได้ในเวลานี้ หล่อนโทร.ผ่านเข้าเพจของเขาและขอให้
เขาโทร.กลับก็ยังเงียบหาย ตอนเรียกเข้าไปครั้งสุดท้าย พิมพิกาก็เดือด
จัด…หล่อนมีอารมณ์สุดขีดขึ้นมาแล้ว
“บอกเขานะให้ตายโหงซะเลย”
“ไม่รวู้ ่าโอเปอเรเตอร์จะฝากข้อความนี้เข้าไปหรือไม่ แต่พิมพิกาก็เลิก
โทร. หน้าตากระด้างเป็นอันมาก หล่อนโยนโทรศัพท์ผ่านไปยังเบาะที่นั่ง
คนขับ
“จะไม่โทร.บอกช่างหน่อยรึ”
“พูดเป็นเล่น…ฉันไม่รู้จักช่างแถวนี้…”
“ต้องหาโบกรถเข้าในเมือง” ชนิตาบอก “เราจะมาจับเจ่าข้างถนนนี่ไม่
ได้”
“แกก็ออกมาโบกซิ”
“แกดีกว่าเพราะแกสวย นักโบกรถสวยๆ ย่อมน่าจะได้ผลกว่า แต่
แกต้องปรับสีหน้าสักหน่อยนะ”
พิมพิกาถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง หล่อนมีทางเลือกเหลือแค่ไหนกัน
เชียว เพราะหล่อนเองตั้งใจจะไปลุยในงานหมั้นของเขา…มณฑลทรยศ
หล่อน…เคยบอกรักหล่อนเสมอ แต่จู่ๆ เขาก็ไปหมั้นหมายหญิงอื่นโดยอ้าง
8/913

ว่าเขามีความจำเป็น แต่เขายังรักหล่อน…ความรักแบบไหนกัน…พิมพิกาไม่
เข้าใจ หล่อนรู้แต่ว่านับจากวันทีเ่ ขาอ้างนั้น หล่อนกินน้ำตาตัวเองไปหลาย
หยด ชีวิตของหล่อนเหมือนว่าวที่ถูกตัดขาดปล่อยล่องลอยไปตามลม ปลิว
เคว้งคว้างไม่รู้จะไปตกลงที่ใดกันแน่
หญิงสาวมายืนโบกรถโดยมีชนิตาตามมาลุ้นให้กำลังใจ…สองหญิงกับ
รถที่จอดอยู่ริมทางไม่ใช่จะเอื้อให้รถจอดได้ง่ายๆ
ชนิตาเริ่มบ่นพึมหลังจากรถผ่านไปหลายคันโดยไม่มีท่าทีจะหยุดจอด
“คนเราเดี๋ยวนี้น้ำใจแห้งเหือด”
“ใช่…ไอ้พวกแล้งน้ำใจ…คนใจร้าย”
หรือจะต้องลองโบกแบบเด็ดๆ ”
“โบกยังไง”
ชนิตาหันกลับมามองเพื่อน แววตาประหลาด…หล่อนมองต่ำไปถึงขา
ยาวเรียวของพิมพิกาอีกด้วย เท่านั้นที่พิมพิการ้องลั่น
“แกอย่ามายุฉันทำเลย…ไม่สำเร็จหรอก…ใครจะทำแบบนั้น”
“ในหนังได้ผลเสมอ”
“นั่นมันหนัง”
“แกลองหน่อยน่า”
“ลองเองซิ ขาแกก็มี” พิมพิกาสะบัดเสียงใส่
9/913

“ขาฉันไม่สวย…”
“แล้วถ้ายกขายื่นออกไป สิบล้อผ่านมาเอาขาฉันไปล่ะ”
“แกก็ซวยไป…เหอะน่า…เราจะต้องเข้าไปตามช่างมาเอารถไปซ่อมแล้ว
ไปให้ทันนัดกับพี่ดนุอีกด้วยนะ”
พิมพิกาตัดสินใจอีกสองสามนาทีก่อนจะยอมทำตามที่เพื่อนแนะนำ
ในยามที่อารมณ์ของหล่อนกำลังเตลิดเปิดเปิงสุดขีด การได้ทำในสิ่งที่
ตัวเองไม่เคยทำก็ชวนหัวไปอีกแบบ
หญิงสาวก้าวไปยืนติดถนน กวาดตามมองดูรถ…ด้านโน้นเป็นเนิน
แน่นอนว่าจะต้องมีรถวิ่งลงจากเนินและเห็นได้แต่ไกลพอรถแวบๆ มา
พิมพิกาก็เอนตัวพิงกับตัวรถ ยกขาขวาเหยียดไปข้างหน้า กระโปรงของ
หล่อนสั้น แต่ดีว่าเป็นกระโปรงบานพอจะยกขาสะดวก และพิมพิกาไม่ทัน
เห็นว่าอีกฟากถนนนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งผ่าน ชายหนุ่มในรถถึงกับชะงัก
เพราะเมื่อเบือนหน้ามามองนั้น เขามองทะลุเข้าไปในกระโปรงหล่อนได้
ทีเดียว
“เดี๋ยวนี้สาวนักโบกเล่นวิธีนี้แล้วหรือ…”
เขามองเห็นรถที่หล่อนหมายตาชะลอลงแต่แล้วก็วิ่งวื้ดขึ้นไปสาวนัก
โบกคนนั้นทำงานไม่สำเร็จ ชายหนุ่มขับผ่านขึ้นเนินไปในระยะทีม่ องเห็น
จากเนินนี้ไปถึงเนินหน้า เขามองไม่เห็นรถยนต์แม้แต่คนเดียว
10/913

เขามีนัดกะทันหันที่ทำให้ต้องผละจากอาหารรสอร่อยมาจากบ้าน แต่
เขาคิดว่าในเมื่อนัด คนนัดก็ปักหลักรอคอยเขาอยู่ เขาจะไปช้าอีกสักหน่อย
จะเป็นไรไป คิดได้ดังนี้แล้วศศินก็ขับรถย้อนกลับไปหา
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
รถยนต์คันหนึ่งวิ่งลงจากเนินมา ความเร็วไม่สูงนักค่อยๆ ชะลอ
จนทำให้ชนิตาร้องออกมาอย่างมีความหวัง
“สำเร็จแล้ว…”
พิมพิกายกขาลง ขาขวาของหล่อนเกร็งไปหมดแล้ว หล่อนเห็น
รถยนต์คันงามนั้นจอดเลยไปสักสิบเมตร
“ขาฉันปวดไปหมด คินนี้แกต้องนวดขาฉัน”
“ได้เลย…ได้ผลแฮะ…รถผู้ชาย”
ชนิตาขยับตัวรอรับ และพิมพิกาเองก็ต้องวางสีหน้าให้เป็นปกติ สิ่งนี้
ไม่เคยทำมาก่อนเลย แน่ละว่าต้องขัดเขินบ้างเป็นธรรมดาและหล่อนยังไม่รู้
ว่าเขาไม่ได้เห็นแค่หล่อนยกขาให้รถจอด แต่เพราะเขาเห็นอะไรที่วับแวม
พอครึกครื้นในหัวใจมากกว่านั้น
“มีอะไรหรือฮะ”
“รถเราเสียค่ะ…ไม่รู้เป็นอะไร”
“เรียกช่างหรือยังฮะ”
11/913

“เราไม่ใช่คนแถวนี้ค่ะ เรามาจากกรุงเทพฯ…”
เขายังไม่ได้ยินเสียงจากแม่สาวเจ้าของเรียวขางามนั้นเลยเจ้าหล่อน
ยืนกอดอกเงียบอยู่ และเขามองหล่อนตรงๆ มองจนพิมพิกาหงุดหงิดใน
ใจ หล่อนคิดเอาเองว่าเขาจอดรถเพราะเขาคิดในทางไม่ดี ยิ่งเห็นเขา
เหลือบตาต่ำลงจะมองเรียวขาของหล่อนตรงๆ พิมพิกาก็ยิ่งฉุน หมู่นี้
อารมณ์ของหล่อนเหมือนลมพายุ…ถูกกระทบนิดหน่อยก็คอยจะป่วนปั่นไป
หมด
เหมือนอย่างตอนนี้ แต่ชนิตาสังเกตอาการของเพื่อนออกเสียก่อน
หล่อนว่องไวพอที่จะเข้ามายืนแทรกแล้วเอ่ยอธิบายถึงเรื่องรถด้วย
เสียงอ่อนหวาน หมายใจขอความช่วยเหลือเต็มที่
“จะมาทำงานนิดหน่อย รถเสียซะก่อน…เลยเคว้ง ต้องเรียกหารถ
ช่วย คุณเป็นคนแถวนี้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ฮะ ผมมาจากกรุงเทพฯเหมือนกัน”
ชนิตาหน้าจ๋อยลง
“แต่ผมพอจะรู้จักช่าง…”
“หรือคะ…มีเบอร์โทรไหมคะ”
มีฮะ…ผมจะเรียกให้”
“ขอเบอร์มาค่ะ เราโทรเองก็ได้ เรามีโทรศัพท์”
12/913

ชนิตารีบบอก ศศินเดินไปทีร่ ถ ชนิตารีบถองแขนใส่พิมพิกา กระซิบ


เบาๆ
“แกทำหน้าตาดีหน่อยได้ไหม”
“แกไม่เห็นรึว่าเขาพยายามจะมองขาฉัน”
“แค่มอง เอาไปไม่ได้”
“แกก็พูดได้ซิ ไม่ใช่ขาแกนี่ ตา คนนีล้ ามก ต้องติดไม่ดไี ม่ใช่คนมี
น้ำใจอะไร”
“หน้าตาเขาดี ท่าทางก็ดี เขาคงไม่คิดแบบนั้น เขาจอดรถมาช่วยเรา
ก็ดีแล้ว เขาเดินกลับมาแล้ว แกเงียบเลยนะ แล้วก่อนเขาจะไป ฉันว่าแก
คงไม่เสียปากมากนัก หากแกจะขอบคุณเขาสักคำ”
“ธุระ…”
“แกนี่…”
ชนิตายิ้มหวานฉับพลันทั้งที่เพิ่งแยกเขี้ยวใส่พิมพิกาไปหยกๆ
“โทรได้เลยใช่ไหมคะ”
“ฮะ…”
เขาส่งเบอร์โทร.ให้กับชนิตา แตตามองเลยมายังพิมพิกาและตัวเขา
ยังไม่ยอมขยับจากไป
13/913

หญิงสาวเริ่มหงุดหงิด ศศินก็มองออก เขาคิดว่าหล่อนท่าทางเป็น


หญิงสาวอารมณ์ร้าย อารมณ์ของหล่อนไม่เหมือนรูปโฉมของหล่อนเลย
ชนิตาเอาเบอร์โทร.มาส่งให้พิมพิกา
“โทรซิ…”
แล้วหล่อนก็หันกลับมาหาชายหนุ่ม
“ขอบคุณนะคะ”
เขายังไม่ขยับ พิมพิกามองเขาด้วยหางตา
“ผมจะรอฟังว่าโทรตามช่างได้ไหม บางทีหากช่างไม่มั่นใจอาจจะไม่
ออกมาดูรถให้”
พิมพิกาจำใจโทร. เพราะชนิตาก็กระซิบๆ เร่งเร้าอยู่ เสียงห้าวของเขา
บอกสำทับมาว่า
“บอกเฮียกุ้ยไปเลยว่าผมศศินแนะนำ…”
…โธ่เว้ย ยังกะชื่อตัวเองสำคัญนัก…
พิมพิการ้องในใจ แต่หล่อนก็พบว่ามันได้ผล เพราะตอนแรกที่
หล่อนโทร.ไปแจ้งว่ารถเสีย ต้องการช่างมาดู มีแต่คำปฏิเสธสถานเดียว
แต่พอเอ่ยชื่อเขาสำทับฝากถึงเฮียกุ้ยตามที่เขาแนะนำก็ทำท่าจะได้ผล มีการ
ถามว่าหล่อนอยู่ที่ไหน…และตอบรับมาว่าจะมาถึงในอีกครึ่งชั่วโมงอย่างช้า
ที่สุด
14/913

“ผมคงจะต้องไปก่อน…”
เขามองพิมพิกา…ติดใจหน้างามนั้น…หล่อนงามพร้อม…หน้างาม…ขา
งาม หากอารมณ์ของหล่อนจะงามอีกนิดคือหล่อนเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี
หล่อนคงจะทำให้ผู้หญิงอีกหลายคนพากันจืดชืดสนิท
“ขอบคุณ…”
พิมพิกาจำใจเอ่ยออกมา เขายิ้มกว้าง
“ผมนึกว่าคุณจะไม่พูดกับผม เสียดายไม่มีเวลา ผมจะต้องขับรถไป
ทางโน้นอีกไกล”
เขาชี้มือไปอีกทาง…จนชนิตาร้องอุทานออกมา
“คุณไม่ได้ไปทางเดียวกับเรานี่หรือคะ”
“เปล่าฮะ พอดีผมขับรถผ่าน…จากฝั่งถนนโน้นน่ะฮะ”
“อุ๊ย…!” ชนิตาร้องอุทาน ทำท่าราวกับว่าตัวเองเป็นคนยกขา
กระโปรงรุ่ยตกลงอวดต้นขาด้านในซะเองอย่างนั้นแหละ
เจ้าของขาตัวจริงหน้าร้อนผ่าว ยิ่งเขามองมายิ้มๆ ลมก็ออกหูสองข้าง
ของหล่อนทีเดียว
“ผมแทบไม่เชื่อในสิ่งทีต่ ัวเองเห็น และเมื่อเห็นแล้ว ผมอดใจไม่อยู่
เลยต้องเลี้ยวรถกลับมาดู”
เขาก้มศีรษะลงจากไป
15/913

…อดใจไม่อยู่…วลีนั้นทำให้หล่อนสั่นไปทั้งตัว
“เห็นไหม…แกได้ยินไหม…เขาพูดบ้า…เขาเห็น…ฉันขายหน้าไหม…”
“น่า…” ชนิตาปลอบ “เราคงไม่เจอเขาอีกหรอก แล้วเห็นตอนรถวิ่ง
ผ่านจะเห็นถนัดอะไร…ก็เห็นวูบวาบผ่าน…จดจำอะไรไม่ได้แกจะไปคิดมาก
ทำไม…เรารอช่างเถิด…อะไรๆ ก็รอท่า…อย่าคิดมาก”
“ทำไมคนดวงซวยต้องเป็นฉัน…แฟนทิ้งไปมีคนใหม่ แล้วยังต้องมา
ยืนยกแข้งยกขาอวดผู้ชายแปลกหน้าอยู่ริมถนนด้วย”
2

มีงานเลี้ยงฉลองการหมั้นหมายในตอนค่ำโดยใช้บ้านพัก
ตากอากาศของทางฝ่ายหญิงเป็นที่จัดงาน มณฑลเดินสำรวจจนพอใจ
แล้ว ตระกูลทางบุษยาร่ำรวยกันมานาน และมีบรรพบุรุษเป็นขุนนางมี
ยศถาบรรดาศักดิ์ บ้านพักตากอากาศของตระกูลใช่จะเป็นบ้านหลังเดียว
แต่มีหลายหลังเกาะกลุ่มกันอยูท่ ี่ดินตรงนี้ มณฑลแอบถอนใจยาว
ทีเดียว หากรื้อเอาบ้านพักตากอากาศออกให้หมดแล้วทำคอนโดมิเนียม
แทน…จะร่ำรวยกันอีกขนาดไหน
แต่คนตระกูลนี้เหมือนคนไม่ใส่ใจกับความรวยอีก เพราะเขาเคยเลีย
บๆ เคียงๆ กับบุษยา เจ้าหล่อนก็บอกเขาประสาซื่อว่าญาติผู้ใหญ่ของ
หล่อนไม่คิดจะทำเช่นนั้นนอกจากจะใช้เป็นที่พักผ่อนในหน้าร้อน
ชายหนุ่มเดินมาเจอกับคุณผ่องพรรณ เธออายุประมาณห้าสิบตอน
ต้น ไม่เกินห้าสิบห้า และเขารู้ว่าเธอคือสะใภ้ใหญ่ของตระกูล เธอมี
อิทธิพลในตระกูลมากทีเดียว อีกทั้งเธอยังเป็นแม่ของศศินอีกด้วย ดวงตา
ของเธอยามมองเขาทุกยามทำให้มณฑลอึดอัด เหมือนเธอไม่ชอบเขา
17/913

เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอไม่ชอบบุษยาด้วยนั่นเอง…หลานสาวกำพร้าทางฝ่ายสามี
เหมือนตัวถ่วงศศิน
แม้ใจหนึ่งของเธอจะโล่งอกว่าบุษยามีคนอื่นไปก็ดี…แต่อีกใจกังวลว่า
เขยอย่างมณฑลจะแค่ตัวเหลือบหรือไม่
“เดินดูบ้านหรือ…” เธอถามน้ำเสียงแกมเยาะ “บ้านพักตากอากาศใน
สภาพแวดล้อมดีๆ มีกันไม่เท่าไหร่แล้ว”
มณฑลร้อนผ่าวไปทั้งตัวทีเดียว…เขากำลังถูกเยาะเย้ย
“ดูว่าคุณสนใจที่ดินแปลงนี้ของเรา”
“ผมว่าที่ดินสวยมากฮะ”
“นั่นซิ…ราคาก็สวยนะคุณ”
“ผมไม่ได้สนใจตรงนั้น”
เขาแข็งใจตอบ คุณผ่องพรรณเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อเรื่อ
ยๆ
“คุณพ่อท่านมีลูกชายล้วนๆ ห้าคนด้วยกัน ตอนแรกมีแค่บ้านหลังนี้
แต่ที่ดินแปลงใหญ่ ท่านก็เลยซอยแบ่งปลูกบ้านพักให้ลูกชายครบคน”
พ่อของบุษยาตายไปแล้ว…มณฑลคิดต่อในใจ และราวกับว่าคุณผ่อง
พรรณอ่านความคิดของเขาได้ออก
18/913

“พ่อของยายนุ่นเป็นลูกคนกลาง…อาภัพกว่าใคร…นอกจากจะอายุสั้น
ต้องตายแต่หนุ่มเพราะอุบัติเหตุแล้ว ยังเป็นลูกที่เรียนน้อยกว่าพี่น้อง
ทุกคน อาจจะเพราะเหตุนั้นก็ได้ทำให้เขามีความคิดไม่เหมือนคนใน
ตระกูล”
มณฑลได้แต่ร้องในใจว่า
…ยายแก่นี่เอาอะไรมาเล่า…
แต่เขาไม่มีทางเลี่ยงไม่ฟัง
“เขาประพฤติไม่ชอบนัก บ้านพักหลังงามของเขาก็ยังเก็บรักษาเอาไว้
ให้กับลูกสาวไม่ได้…เขาขายให้กับฉันตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน”
ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจ เธอสาธยายมาเพราะต้องการให้เขาเข้าใจว่าบุษยา
ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านสักหลังในบริเวณนี้
หน้าของเขาร้อน คุณผ่องพรรณเป็นผู้ดีเกินไป เธอพูดเนิบๆ
อย่างใจเย็นสุภาพ แต่ทำให้เขาหน้าหงาย
“ผมไม่เคยสนใจว่าคุณนุ่นจะมีอะไรบ้าง”
“ยายนุ่นแกเป็นกำพร้า…อยู่มาได้เพราะรักและเมตตาของคุณพ่อกับ
พี่ๆ น้องๆ หากแกจะแต่งงานกับชายที่รักและเมตตาแกเสมอที่แกได้รับมา
ตลอดก็จะเป็นบุญของแกเอง ต่อนี้ไปแกก็ต้องอาศัยคุณ”
มณฑลจะคิดอย่างไร…เธอไม่สนใจ เธอเดินผ่านไปชะโงกมองเห็น
รถยนต์ของศศิน เขาคงจะกลับมาแล้ว รถนั่นจอดอยูใ่ นโรงรถของบ้านพัก
19/913

ถัดไป ศศินอาจจะพักผ่อน แต่เธอก็เดินไปถึงบ้านหลังนั้น ลูกชายของเธอ


นอนพักที่ระเบียงด้านข้าง
“แม่หรือฮะ”
“ทำไมรู้ว่าเป็นแม่”
“น้ำหอมมังฮะ กลิ่นนี้มีใครนอกจากแม่”
“เสร็จธุระแล้วหรือ”
“ก็แค่เเวะไปคุยกัน พรุ่งนี้ไปใหม่ฮะ กองถ่ายจะถ่ายวันพรุ่งนี้…”
“จะออกมาดีไหม”
“คิดว่าน่าจะดีนะฮะ”
“ไหนว่าจะมาใช้สถานที่ที่นี่ด้วย”
“คงมามังฮะ ผมไม่เข้าใจงานของกองถ่ายเท่าไหร่ วันนีผ้ มก็บอกเขา
ไป แต่เขาเกรงใจว่าคืนนี้เรามีงาน ถ้าจะย้ายกองถ่ายมาอาจจะเป็นตอนเรา
กลับเข้ากรุงเทพไปแล้ว”
“แม่อาจจะอยู่ดู”
“แน่ใจหรือฮะว่าแม่จะว่าง”
“แม่ทำตัวให้ว่างได้เสมอ หากแม่อยากจะทำ”
เธอนั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากเก้าอี้นอนของลูกชาย
20/913

“แม่เพิ่งคุยกับนายมณฑลมา ศินรู้ไหม…แม่ทำใจให้ชอบเขาไม่ได้
เลย”
“แม่ไม่จำเป็นต้องชอบเขาก็ได้นี่”
“แม่คิดว่าเขาจะเข้ามากอบโกย”
“จากยายนุ่นหรือฮะ”
“แม่บอกเสมอไงว่ายายนุ่นน่ะโง่…”
“แม่ฮะ” ศศินท้วง “แม่มองยายนุ่นแต่ทางลบ”
“มันจริงนะ ศิน…ยังจำที่แม่ขอไว้ได้ไหม”
“แม่ขอผมเยอะแยะ…” เขาตอบยิ้มๆ เธอมองค้อนเขา “ผมจำไม่ได้
หมดหรอกฮะ แม่ต้องบอกผมใหม่แล้วกัน”
“เรื่องสมบัติของยายนุ่น ถ้าศินหวังดีกับยายนุ่นจริง วันจดทะเบียน
สมรส...ศินจะต้องไปด้วย…แล้วคอยจัดแจง”
“แม่ฮะ ผมว่ายายนุ่นแกคิดได้”
“จะคิดอะไรได้…จะไม่ทันเกม…ไม่สลักหลังเอาไว้จะกลายเป็น
สินสมรสไปหมด แล้วพอมันปะเหลาะเอาได้ มันจะเฉดหัวส่งมา”
“เขาอาจจะรักยายนุ่นจริง”
“ศินเชื่อรึ”
เขาอึ้งไป
21/913

“มันกำลังเอาปลาเล็กมากินปลาใหญ่นะ แม่อยากยืนยันว่านาย
มณฑลนะมีแต่เปลือกแล้วต้องการฮุบจากยายนุ่น เคยได้ยินเสียงลือไหม
ว่าหมอนี่เคยทำให้คุณหญิงน้อยกินยาตายหนีอายมาแล้วดีที่หมอช่วย
ทัน…ตอนนี้คุณหญิงน้อยก็เตลิดไปถือศีลภาวนาอยู่วัดป่าทางอีสานเพราะ
หมดตัว โธ่เอ๋ย…ศินรู้ไหม คุณหญิงน้อยเคยร่ำรวยมาก…ยังไม่เหลือ”
“ผมจะเข้าไปยุ่งมากนักไม่ดี”
“ทีก่อนหน้านี้ล่ะ” เธอถามประชด ๆ “แม่เห็นศินสนใจไยดียายนุ่น
จนแม่กลัวว่าลูกพี่ลูกน้องจะได้กันเอง”
เขาอึ้งไปอีกหน…ก่อนจะชี้แจงเรียบๆ
“แม่ฮะ ผมเห็นยายนุ่นเป็นน้อง นีล่ ะที่ผมไม่อยากจัดแจงกับชีวิต
ของแกอีก เพราะผมกลัวว่าจะมีคนเข้าใจผมผิด คุณปู่ก็เคยเตือนๆ ผมแต่
แบบอ้อมๆ ผมยืนยันตรงนี้แล้วกัน…ผมไม่ได้คิดอะไร ผมมีแต่พี่น้อง
ผู้ชาย ยายนุ่นเป็นผู้หญิงคนเดียว ผมรักแกอย่างน้องแม่อยากให้ผมสนใจ
แกก็ได้ฮะ เพราะตอนนี้ผมกำลังสนใจเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรรึ”
“แม่เห็นแหวนหมั้นของน้องไหมฮะ”
“ทำไม?”
“ผมสงสัย…เพชรจะปลอม”
“อะไรนะศิน”
22/913

“แค่สงสัยนะฮะ ผมอยากให้แม่ขอดู เพราะแม่ชำนาญเรื่องเพชรมาก


กว่าผม”
“ตายจริง…ถ้าปลอมจริง…”
“ก็แนบเนียนมากละฮะ อย่าลืมว่าทางบ้านมณฑลมีร้านเพชร…เป็น
งานปลอมที่ประณีตมาก”
“ไอ้หมอนั่นมันโกงแต่แรกเลยรึ”
“แม่ฮะ จับได้ว่าปลอมจริง อย่าบอกยายนุ่นนะฮะ”
“ทำไม…ตัดไฟแต่ต้นลม”
“แกรักเขา…แกอาภัพมามาก…ให้แกสมใจในรัก แต่หากมณฑลหวัง
แต่เงิน เขาจะรู้ว่ามันไม่ง่ายนัก”
“แค่น้องนะ ศิน…สัญญากับแม่แล้ว อย่าให้เกินเลยกันกว่านั้นเลย”
เธอสำทับ เขายิ้มโดยไม่ตอบอะไร
“เมื่อไหร่ศินจะหาเมียสักคน…”
“แม่ไม่กำหนดเสป็คใช่ไหมฮะ”
“ดูคนดีๆ มาแล้วกัน…อย่าเอาแต่ควง…อย่าเอาแต่เล่น ศินจะสามสิบ
แล้วนะ ความมั่นคงก็มีพอแล้ว จะต้องรออะไรอีก”
“รอคนที่จะทำให้ผมหวั่นไหวได้จริงๆ ”
23/913

เขาตอบทีเล่นทีจริง ใจกระหวัดถึงเจ้าของขาเรียวงามแล้วก็สลัดทิ้ง
ไป
“ผมจะต้องพามาให้แม่ดูตัวแล้วตัดสินก่อนไหมฮะ”
“ทำมาประชดแม่…ทำได้ก็ดี…ช่วยกันดูหลายๆ ตาย่อมดีกว่าไม่ใช่
หรือ แต่หากศินรักใคร แม่ก็รักด้วย”
“จนหน่อยได้ไหมฮะ”
“ได้”
“จริงหรือฮะ ทำไมมณฑล…”
“ผู้ชายผู้หญิงไม่เหมือนกันนะ…” เธออธิบาย “เราแต่งเอาลูกสะใภ้เข้า
บ้าน เพราะฉะนั้นสะใภ้ยากจนหน่อย เราก็เลี้ยงได้แต่ลูกสาวเราเมื่อแต่ง
ออกไปหมดตัว แล้วเราจะมักเจอเสมอว่าถูกส่งตัวกลับมาให้เลี้ยงอีก
คน…มันต่างกันตรงนี้…ความจนน่ะไม่น่ารังเกียจซะทีเดียวนะ ศิน…หาก
ผู้หญิงคนนั้นมีงานทำ มีคุณงามความดีไม่โลภ ไม่มีนิสัยขี้โกง…”
////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“แกจะเข้าไปรึ…” ชนิตาเอ่ยถาม
รถยนต์ที่ซ่อมแล้วมาจอดอยู่หน้ารั้วขนานไปกับถนนในซอยนี้…ซอย
ที่ฝั่งขวาหันออกทะเล…มีรถยนต์จอดอยู่หลายคันเลยออกมาจากในตัวบ้าน
พิมพิกาจับพวงมาลัยเอาไว้และพยักหน้ารับคำถามนั้น
24/913

“แกจะทำอะไร”
“ไปดูหน้าคนทรยศ”
“แกไม่อายคนเหรอ…ท่าทางคนเยอะ”
“อายทำไม”
“แกหน้าด้านตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็ตั้งแต่ถูกทิ้ง”
พิมพิกาจอดรถทิ้ง ชนิตาวิ่งตามมา หล่อนเดินประกบเพื่อนสาว
นึกในใจว่าเห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่พ้นความอับอาย
“งานใหญ่นะ” ชนิตาออกปาก “แกเคยเห็นแฟนเขาไหม”
“ไม่เคย”
“ท่าทางจะรวย” ชนิตาออกความเห็น “สมใจเขามั้ง”
“แก่ว่าเพราะเงินใช่ไหม…ฉันถึงเสียเขา”
“ตายจริง…แกยังไม่รู้ตัวอีกรึ”
“เขาเคยบอก…เขาจะสร้างตัวรอฉัน…แต่ฉันรอไม่ได้”
“รอยังไง รอให้เขาปอกลอกหญิงอื่นมาน่ะรึ”
“เขาขอให้ฉันเป็นน้อย…”
“ทำไมแกไม่ยอมล่ะ ไหนว่ารักเขา”
25/913

“แม่ฉันเป็นเมียน้อยนะ…” น้ำเสียงพิมพิกาขมขื่น “ฉันเติบโตมาใน


บ้านเล็กทีแ่ ม่ต้องรอคอย…ฉันเองก็รอคอยเดนจากบ้านใหญ่ ฉันไม่เคยมี
พ่อในยามที่มีงานโรงเรียน เวลาของพ่อหมดไปกับบ้านใหญ่…นอกจาก
เวลาที่พ่อต้องการจะเปลื้องอารมณ์ทางเพศ”
พิมพิกาเดินลิ่วไป หล่อนตรงไปหาบาร์เครื่องดื่ม ชนิตาพยายามจะ
ห้ามไม่ให้เพื่อนดื่ม แต่พิมพิกาอ้างว่า
“ฉันอาจจะอวดแกว่าฉันเป็นคนจริง แต่ฉันไม่จริงเท่าไหร่ ฉันต้อง
อาศัยเหล้าย้อมใจให้กล้า ย้อมหน้าให้หนาก่อน”
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
หนุ่มสาวเจ้าของงานคืนนี้ช่างสมกันในสายตาแขกเหรื่อ มณฑลใส่ใจ
กับคู่หมั้นทีเ่ ปราะบางของเขามาก ศศินอยากจะโล่งใจกับภาพที่เห็น แต่ใจ
คอยจะคิดว่ามณฑลเสแแสร้ง…แถมแนบเนียนอีกด้วย เขาหลบอยู่ใต้
ต้นไม้ใหญ่ มองกวาดไปรอบๆ แล้วเขาก็เห็นผู้หญิงสองคน…
หล่อนมากันสองคน ดูหล่อนเหมือนส่วนเกินๆ ของงานค่ำวันนี้ และ
เขาก็จำได้ว่าหล่อนทั้งสองคือหญิงสาวที่เขาช่วยเหลือเมื่อตอนกลางวันนี้เอง
คนเดินนำใส่ชุดสีดำตามสมัยนิยมคือเจ้าของขาเรียวงามหล่อนเดินถือแก้ว
เหล้าตรงเข้าไปหามณฑลและบุษยา
หล่อนเป็นเพื่อนกับใคร…จะว่าเพื่อนบุษยา…ทำไมเขาไม่เคยเห็น
หล่อนเลย
26/913

หรือว่าเพื่อนของมณฑล…เพื่อนหรือมากกว่านั้น…
พอศศินขยับตัวก็ช้าเกินไป เขาเห็นแม่สาวเจ้าของขาเรียวงามเอาเหล้า
ในแก้วสาดหน้าของมณฑล
“เอาแล้วไง…” เขาพึมพำ
เสียงเเขกในงานร้องอุทานอย่างตระหนก เขาก้าวเข้าไปได้ยินเสียง
หล่อนร้องอย่างกราดเกรี้ยว
“คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ…คุณจะมาแต่งกับเธอไม่ได้”
น้ำเหล้าเปียกหน้ามณฑลเป็นทางมาถึงเสื้อสูท เขาตะลึงเพราะคาดไม่
ถึงว่าพิมพิกาจะตามมา
หล่อนทำท่าเหมือนนางเสือ…ดุดันจัด
บุษยาหน้าเผือดขาว
“อะไรกันคะ”
หญิงสาวแสนซื่อร้องถาม พิมพิกาก็สวนแหลมปรี๊ด
“เขาเป็นของฉัน…เธอมาแย่งเขาไปไง”
หากมีการเปรียบเทียบกันนาทีนี้ บุษยาก็เหมือนนางเอกและพิมพิกา
เป็นนางตัวร้าย แต่พิมพิกาไม่ใส่ใจ บุษยาหายใจไม่ทันหล่อนเป็นคนขี้โรค
อีกด้วย พอเสียงเอะอะแบบนั้น ยิ่งกวาดตามองเห็นสายตาที่พุ่งมองมา บุ
27/913

ษยาก็ตัวอ่อนล้มระทวยลง มณฑลรับหล่อนไว้ทันพอดี และเขาโวยวายสั่ง


ว่า
“เอาผู้หญิงคนนั้นออกไป…เอาหล่อนออกไป ผมไม่รู้จัก
หล่อน…คนบ้ามาแอบอ้าง”
พิมพิการ้องกรี๊ดๆ สุดจะทนกับคำพูดของมณฑล หล่อนก็เล่นบท
นางตัวร้ายเสียสมใจไปเท่านั้น
3

พิมพิกาออกฤทธิ์เหมือนหล่อนเป็นลมพายุ หล่อนกวาดเอาหน้า
บาร์เครื่องดื่มลงไปก่อนและตามมาด้วยทลายซุ้มอาหารไปอีกสองซุ้ม
ท่าทางของหล่อนคือนางตัวร้าย ชนิตาได้แต่ตามร้องกรี๊ดกร๊าด…แต่ไม่
อาจจะยั้งเพื่อนได้ แขกเหรื่อก็ตกอยู่ในอาการตะลึงพรึงเพริด
เมื่อมณฑลพยายามจะเข้ามาห้ามหล่อน พิมพิกาก็ชี้หน้าเขา ออกปาก
ประจานจนเขาชะงัก…หน้าเฝื่อน
“หยุดนะ…หยุดเลย มาถูกตัวฉันอีก ฉันเอาตาย”
พิมพิกาล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือใบโต หล่อนทำให้ทุกคนเกร็งว่าสิ่ง
ที่หล่อนหยิบขึ้นมาอาจจะเป็นปืน
ชนิตาเหนี่ยวแขนเพื่อนไม่เป็นผล
อาวุธที่พิมพิกาหยิบออกมาอย่างแรก เรียกเสียงหัวเราะได้ในความ
เคร่งเครียดจัด เพราะมันคือไม้ตีพริก
“เฮ้ย…” ชนิตาร้องอุทาน ตาค้าง “แกพกอะไร”
“สากกะเบือ”
29/913

พิมพิกาตอบเนือยๆ …ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งผิด หล่อนเมาหล่อนดื่ม


ก่อนมางาน และพอเข้างาน หล่อนก็ไปดื่มอีกหลายแก้วบาร์เครื่องดื่มที่
หล่อนทลายไปนั้นชงเหล้าให้หล่อนอร่อยนักหนา…น่าเสียดายที่ต้องทำลาย
ไอ้คนเฮงซวยนั่นกวนโทสะหล่อนนัก…บอกมาได้ว่าไม่รู้จักหล่อน แถมยัง
ว่าหล่อนบ้า
อีตอนที่เขารับบุษยาเอาไว้เพราะเจ้าหล่อนบอบบางจนเป็นลมหมดสติ
ดวงตาของพิมพิกาก็แทบทะลัก
มันแค้น…มันแน่นในอก…และแค้นนี้ใหญ่หลวงนัก
เหมือนหล่อนบากหน้ามาแอบอ้าง…ทั้งที่หล่อนถูกแย่ง…หรือหล่อนรัก
คนผิด…มณฑลไม่มีค่าแก่การควรรักแม้แต่น้อย
ไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะพิมพิกาบอกว่าคนอื่นไม่เกี่ยวมันเป็นเรื่อง
ที่หล่อนจะสะสางกับมณฑล
หล่อนถืออาวุธในมือกระชับมั่น ศศินไม่ได้ปรากฏออกมาเขาหัวเราะ
เบาๆ ให้ตาย…หล่อนช่างมากฤทธิ์…ว่าแต่หล่อนเคย ‘เสร็จ’ มณฑลหรือไร
หล่อนจึงมาอาละวาดกราดเกรี้ยวปานนั้นด้วย
หล่อนขว้างไม้ตีพริกลิ่วใส่มณฑล หล่อนแม่นเสียด้วย…ศศินคิดว่า
เขาน่าจะสอบถามว่าหล่อนเป็นนักปัญจกรีฑาหรือไม่…เพราะกีฬาประเภท
ลานอย่างขว้างจักรหรือทุ่มน้ำหนัก ท่าทางหล่อนจะถนัดทีเดียว
30/913

มณฑลร้องลั่น แรงเหวี่ยงกระแทกศีรษะเขาเต็มแรง ดีว่าเป็น


ไม้…หากเป็นหิน…คงจะเลือดอาบ แต่นี่เขาก็ทรุดลง ชายหนุ่มร่ำร้องว่าให้
เอาตัวหล่อนออกไป
แต่พิมพิกาหยิบอาวุธอีกอย่างออกมา คราวนี้เป็นมีดยาว
“นังจันทร์” ชนิตาคราง “แกพกอาวุธสองอย่าง…ไปเถิด”
“มาซิ…ใครอยากเข้ามาจับ” พิมพิกาแกว่งไกวมีดในมือไปมา
“ฉันขอ…” ชนิตาวิงวอน “นีแ่ กมาทำงานเขาพัง…ทำลายข้าวของ
เสียหาย แล้วผู้หญิงคนนั้นยังไม่พื้นเลย…เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า” หล่อน
รำพึง แต่เสียงของพิมพิกาสวนแหลมปรี๊ดขึ้นมา
“ดี…ขอให้เป็น..ขอให้ช็อกตายไปเลย…จะได้จัดงานศพ…หมั้นแล้วลง
หลุมไม่ต้องแต่ง…”
ตำรวจเข้ามาในงานสองนาย พิมพิกาถูกจับ…หลักฐานไม่ต้องถามหา
หล่อนยอมโดยดี แต่ก่อนตำรวจจะพาหล่อนออกไปหล่อนเดินไปทาง
มณฑล เขามองหล่อนอย่างระแวง หญิงสาวก้มลงมองเขาอย่างรักผสม
แค้น
“เราขาดกันนับแต่นี้..คนทุเรศ…ถุย…”
หล่อนถ่มน้ำลายใส่ มณฑลนั่งอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นพอดีน้ำลายใส่หน้า
เขา ชายหนุ่มผงะหลบแต่ไม่ทัน แม้จะหลับตาก็ยังไม่ทัน เขาโกรธจนถลัน
พรวดขึ้นมา
31/913

“นังบ้า…”
“อย่ามาว่ากันนะ แกล่ะมีอะไรดี…คนหลอกลวง…เอาอะไรมาตกล่อ
เศรษฐีล่ะ จะบอกให้นะเจ้าข้าเอ๋ย…นายมณฑลน่ะมันโก้แต่เปลือก…มันเอา
เงินฉันไปห้าแสน…ยังไม่ได้ใช้…แล้วมันก็หาเหยื่อใหม่…ได้รวยกว่าก็เลย
ตัดขาดจากฉัน…”
“จันทร์…” ชนิตาเตือน “พอแล้ว!”
เพราะชนิตามองไปว่านี่คือการประจานตัวเอง…และไม่ได้คุ้มเลย…
ส่วนมณฑล…เขาเอาผ้าเช็ดน้ำลายหล่อนออก เคยสัมผัสน้ำลายของ
หล่อน…ก็เขาเคยจูบหล่อน…นั่นไม่เหมือนอย่างนี้…นี่เขาถูกหยาม
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณผ่องพรรณมองบุษยาอย่างเวทนาเป็นอันมาก…เพราะสภาพที่เกิด
ขึ้นเมื่อสักครู่อลเวงนัก งานฉลองเป็นอันต้องยุตกิ ่อนเวลาอันควร เเขกเห
รื่อพากันกลับไปพร้อมกับคำซุบซิบ
“คงร้อนหูไปอีกนาน ข่าวจะต้องลง…”
“แม่ฮะ…”
ศศินขอร้อง เขาไม่อยากซ้ำเติมใส่บุษยาอีก…เพราะหล่อนกำลังอยูใ่ น
อาการเหมือนช็อก หญิงสาวร่ำไห้ คุณผ่องพรรณหมั่นไส้มากกว่าจะสงสาร
เธออดปากไม่ได้
32/913

“นี่น้า…ไม่ดใู ห้ดซี ะก่อน กำพืดน่ะดีอยู่ แต่เรื่องความประพฤติสถาน


อื่น…ด้องดูประกอบด้วยนะ”
“แม่ฮะ”
ศศินขอร้องอีกหน เพราะบุษยายิ่งสะอื้นหนัก เขาเข้ามาประคองบุษ
ยาเอาไว้
“มันจบไปแล้ว”
“หมายความว่าไงศิน”
“ก็จบแล้ว” เขาตอบเรียบๆ
“นี่ศินจะไม่มองว่าการหมั้นน่าจะเป็นโมฆะหรอกหรือ”
“ไม่น่านะฮะ ผู้หญิงคนนั้นมาแอบอ้าง”
“แต่แม่…”
“ผมขอพูดกับนุ่นก่อน”
เขาขอร้อง…ขออยู่กับบุษยาสองคน
“นุ่น…พี่เสียใจด้วย…แต่ว่ามันก็เกิดขึ้น…นุ่นต้องเข้าใจ”
“พวกเขาเป็นผัวเมียกันหรือเปล่าคะคุณศิน”
“คงไม่”
“แต่ทำไม…”
33/913

“อาจจะแต่คนรัก”
“เขาบอกว่าเลิกแล้ว”
“เขาบอก…แค่นั้น”
“นุ่นไม่ควรเชื่อเขาใช่ไหมคะ”
“นุ่นอยากถอนหมั้นเลยไหม”
“นุ่นไม่รู้”
“นุ่นต้องรู้ซิ”
“นุ่นบอกไม่ได้”
“ยังรักเขาไหม”
“นุ่นรักเขามาก”
“ถ้างั้นนุ่นต้องตัดสินใจเอง”
“ทำไมคะ”
“เพราะชีวิตเป็นของนุ่น…มีไว้เพื่อตัวเอง…ตัดสินใจเอง…เลือกเอง
วันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น…นุ่นต้องเข้มเเข็ง รู้ว่าไม่มีใครให้คุณให้โทษกับตัว
นุ่นทั้งหมด นุ่นต้องตัดสินใจเอง”
“นุ่นสับสน…”
“เป็นธรรมดา”
34/913

“ผู้หญิงคนนั้นร้ายนะคะ”
เขาไม่ตอบ…ไม่อยากบอกกับบุษยาว่าเขาชอบในความเป็นคนเกเร
ของหล่อน พิมพิกา…ชื่อของหล่อน…กับบทเกเรร้ายกาจ…หล่อนไม่ธรรมดา
เลย…แต่เขาประทับใจ…ชายหนุ่มรู้สึกตัวเองเหมือนกันว่าเขาก็เหมือนคน
ผิดปกติประเภทหนึ่ง…คือนิยมชมชอบอะไรๆ ที่แผลงๆ และหากคุณผ่อง
พรรณรู้เข้า…คงจะร้องกรี๊ดไปเท่านั้นเอง
“โทรศัพท์ค่ะคุณศิน”
เด็กรับใช้มาบอก ศศินออกไป…สวนทางกับมณฑล ฝ่ายหลังยิ้ม
เจื่อนเหลือเกิน แต่ศศินวางเฉย เขาไม่ออกความคิดเห็นเป็นญาติคนเดียว
ของบุษยาทีน่ ิ่งสงบ และตลอดเวลาทีเ่ กิดเรื่องศศินไม่ได้ก้าวออกมาปรากฏ
ตัว เขาหลบอยู่ในเงามืด มณฑลเกรงศศินและยังเกลียดอีกด้วย
ความรู้สึกสองอย่างนี้ปะปนกันอยู่
คนโทร.มาหาเขาคือดนุ และศศินจะออกจากบ้าน คุณผ่องพรรณมา
ร้องถาม
“จะไปไหน”
“ธุระนิดหน่อยฮะ”
“ไปนานไหม”
“ไม่รู้ฮะ”
“คุณสมชาติออกไปเรื่องคดีแม่คนนั้น ยังไม่เข้ามาเลย”
35/913

“เดี๋ยวคงมามังฮะ”
“แม่เอาเรื่องนะศิน”
“ก็คงจะโดนจับ”
“ให้นอนคุกสักคืน…ดัดนิสัย…อาไร้…ผู้หญิงสาวทำตัวก๋ากั่นถ้าเป็น
ลูกสาวแม่มีหวังอกแตกตาย”
“ผมว่าเธอบู๊ดี”
คุณผ่องพรรณค้อนลูกชายทีเดียว
“ศิน…อย่าแผลงนะ”
“ทำไมล่ะฮะ” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ “เกิดมาเป็นผู้หญิงพอมีพิษภัย
ป้องกันตัวเองบ้างก็ดี”
“เพราะพลาดท่าเสียทีน่ะซิ…ขนาดแสบอย่างนั้น…แล้วอย่างยาย
นุ่น…เฮ้อ…ศินก็อย่าไปยุ่งมากนัก”
“ผมไปก่อนละ”
เขาแวะไปหน้าห้องของบุษยาอีกหน ภาพทีเ่ ห็นทำให้ศศินยักไหล่กับ
ตัวเองเลยทีเดียว เพราะมณฑลกำลังซบหน้าลงแทบตักของบุษยา
เขาเดาเรื่องต่อได้เกือบจะปรุโปร่ง ยังคิดว่าที่โดนไม้ตีพริกนั้นยังน้อย
เกินไป
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
36/913

ดนุหน้าเริ่ดมา เพราะชนิตาโทร.หา
เขา…จะร้องประกันตัวด้วยเงินสดห้า
หมื่น….เขาไม่มีเงินสด
“โรงรับจำนำปิดแล้ว” ชนิตาบอก “เรามีเงินแค่แปดพัน”
“พี่มีหมื่นกว่า…ฝ่ายการเงินไม่ได้มาด้วย…”
เขามองคนตบเป็นผู้ต้องหา หล่อนนั่งเฉยๆ ตำรวจยังไม่ได้เอาหล่อน
เข้าห้องขัง คุณสมชาติกลับไปแล้ว
“ธนาคารปิดแล้ว เกินสี่ทุ่ม…เบิกเงินไม่ได้…ทำไงดี”
“โรงพักน่าจะมีเครื่องรูดเงิน…” ชนิตาพึมพำ “หรือจะเอาเครื่องทอง
แหวนเพชรวาง”
“ลองเจรจาซิ”
แต่ไม่เป็นผล…ดนุเลยคิดสมองแทบพังก่อนจะตัดสินใจโทร.ไปหา
เพื่อนแล้วออกไปรับ เขาสั่งชนิตาว่า
“ดูเพื่อนแกดีๆ ทำท่าซึมเชียว มันน่า…ให้นอนในห้องขังสักคืน”
“อย่าเลยค่ะ มันกำลังช้ำใจ”
37/913

ชนิตาเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนพิมพิกา นายตำรวจหนุ่มๆ มาดูหน้าพิมพิ


กา และมองดูอาวุธของกลางทีย่ ึดมาได้พร้อมกับยิ้มๆ แต่พิมพิกาวางเฉย
หล่อนกำลังด้านชา เจ้าหน้าที่ตำรวจร่ายยาวข้อหาให้กับหล่อน และข้อหา
หนักที่สุดคือพกพาอาวุธ แต่พิมพิกาตอบเนือยๆ ว่าในงานนั้นไม่ได้ติด
ป้ายเขตปลอดอาวุธ
ตำรวจมองว่าหล่อนกวน แต่หล่อนทำหน้าเฉยๆ แถมยังมีหน้าพูดต่อ
อีกด้วยว่า
“แค่สากกะเบือ…”
“มันเป็นอาวุธได้”
“หรือคะ” หล่อนย้อนถาม “มีรายละเอียดแจ้งไว้ไหมคะ”
“มีดยาวนั่น…”
ตำรวจเปลี่ยนเรื่อง หญิงสาวพึมพำแค่ว่า
“อ้อ…เข้าเค้าหน่อย”
หล่อนไม่สะทกสะท้าน คืนนี้นอนในห้องขังสักคืน…จะเป็นไรไป แต่
ดนุพาใครคนหนึ่งมาด้วยเสียก่อน มาเพื่อประกันตัวหล่อน ชนิตาร้อง
อุทานเพราะจำเขาได้
“คุณนั่นเอง…คุณศศิน”
38/913

พิมพิกาจึงมองเขา สีหน้าของหล่อนยังนิ่งเฉย แต่เเววตาของหล่อน


แห้งผากชวนให้แห้งเหี่ยวใจเป็นอันมาก
“ผมจะมาประกันตัวคุณพิมพิกา”
“ค่ะ” ชนิตารับคำ มองเขา…มองดนุ
“เจ้านายพี่…” ดนุบอก “รู้จักกัน ไม่ต้องแนะนำอีกนะขอโทษคุณศิน
ด้วย…ต้องรบกวน เราหาเงินสดได้ไม่พอห้าหมื่น”
“ไม่เป็นไรฮะ ผมเต็มใจช่วย”
ไม่มีคำขอบใจเลย พิมพิกาลิ่วหนี หล่อนไปโดยที่ดนุหน้าม้าน
พึมพำขอโทษกับศศินว่า
“ยายจันทร์มันสติไม่ดี อภัยเถิดนะฮะ มันคงช็อกจนลืมขอบคุณ
ยายตาตามไปแล้ว พวกคุณรู้จักกันนี่”
“รู้จักเมื่อบ่าย…”
“อ้าว…คุณนี่เองที่ช่วยตอนรถเสีย”
“แล้วผมอยู่ในงานที่คุณจันทร์ไปอาละวาดด้วย…งานหมั้นของ
น้องสาวผมเอง”

ดนุตาค้าง
4

ดนุอยากจะมา ‘อัด’ พิมพิกาซ้ำเหมือนกัน แต่เมื่อเขามาเห็น


สภาพของหล่อนแล้วเขาก็อยู่ในอาการพูดไม่ออกทีเดียว…รู้สึกได้ว่า
หล่อนบอบช้ำมาก เขามองดูแล้วก็ยักไหล่เล็กน้อยบอกกับตัวเองในใจว่า
เห็นทีจะต้องปล่อยแลยไป แต่เขาก็กวักมือเรียกให้ชนิตาเดินออกมาหา
เขาด้านนอก ชนิตาลุกมาโดยดี
ดนุเหนี่ยวคอชนิตาจนหล่อนเสียหลักเซแซดๆ เลยทีเดียว
“เบาๆ ซิ…เจ็บนะ คอหักกันพอดี”
“เพื่อนแกจะต้องทำงานได้นะวันพรุ่งนี้”
“เออน่า…มันเป็นคนทำงานจริงถ้ารับปากไม่มีเหลว”
“ฉันละกลัว”
“ไม่จำเป็นต้องกลัว”
“แกรับประกันนะ ไม่งั้นแกต้องไปแสดงแทน”
ชนิตาตาค้าง เพราะหล่อนสันทัดที่ไหนกัน
40/913

“ดำน้ำไม่เป็นนะ” หล่อนรีบบอก “จมตายพอดี”


“ถ้ายายจันทร์ทำไม่ได้…แกต้องทำ”
“ทีบุญไม่ยักมา…ทีกรรมละมาเชียว” ชนิตาพึมพำ “ผู้ชายคนนั้นเป็น
เจ้านายพี่นุหรือ เจ้านายที่ไหน…”
“เขาเป็นหุ้นส่วนบริษัท…เป็นลูกค้า…โฮ้ย…เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่
เขารวยนะ เพราะฉะนั้นพอรวย ฉันก็เลยไม่รวู้ ่าเขามีกิจการอะไรบ้าง แต่
มาทำงานคราวนี้…เขาเป็นลูกค้า ฉันต้องทำโฆษณาให้สินค้าของเขา”
“ไอ้ที่ยายจันทร์ต้องลงไปดำน้ำแทนนี่ใช่ไหม”
“ใช่”
“ทำไมไม่หานางเอกโฆษณาที่ดำน้ำได้ด้วย”
“ก็ลูกค้าอยากได้ดาราแถวหน้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วมีรายไหน
ดำน้ำได้เก่งเหมือนปลา ขืนจับใส่ชุดดำน้ำลงไป ได้หน้าคว่ำตูดโด่งโผล่ใส่
กล้อง” ดนุหน้ามุ่ย “แกไม่รู้…ฉันเหนื่อยแค่ไหนกับงานนี้ ปกติหน้าที่ฉันซะ
ที่ไหน นี่ฉันต้องวิ่งเข้าไปแต่แรก”
“น้องกุ้งใช่ไหมนางเอก”
ชนิตาพูดถึงนางเอกกำลังมาแรง สาวน้อยวัยสิบหกที่กำลังเรียนมอ
ปลาย และจะสอบเอนทรานซ์ในเร็ววัน เจ้าหล่อนโด่งดังมาจากละครทีวี
แฟนทั่วประเทศติดหล่อนงอมแงม และค่าตัวของหล่อนเป็นเลขหกหลัก
41/913

การได้ตัวหล่อนมาในเวลาหล่อนกำลังมาแรง นับว่าเป็นการลงทุนคุ้มค่า
อย่างยิ่ง
แต่น้องกุ้งก็ดำน้ำไม่ได้ เมื่อน้องกุ้งทำไม่ได้ก็เลยต้องหาตัวแสดง
แทน ดนุรู้ว่าพิมพิกานั้นดำน้ำเก่ง และหล่อนก็มีสัดส่วนใกล้เคียงกับน้อง
กุ้ง เขาจึงติดต่อว่าจ้างให้พิมพิกามาทำงาน
พิมพิกาเรียกค่าตัวแพง หล่อนอ้างหน้าตาเฉยว่าหล่อนไม่ได้มอี าชีพ
นักแสดง งานประจำของหล่อนก็มีและหล่อนปลีกตัวมาให้ ดีที่ว่าการ
ถ่ายทอดของคนกลางอย่างชนิตานุ่มหู ไม่อย่างนั้นดนุคงจะเลิกว่าจ้าง ไป
หาเอารายอื่นมาแทน เพราะลูกบ้าของพิมพิกานั้นไม่เคยน้อย ดนุเองพอ
รู้ความแสบของพิมพิกามาบ้าง เขาเองก็เตรียมรับ และคิดมากตั้งแต่ตอนที่
รถหล่อนเสีย
ระหว่างการเดินทาง เขาคิดแวบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่ารถเสียอาจจะ
เป็นจุดเริ่มต้นความซวย
แล้วก็จริง…พิมพิกาไปอาละวาดในงานฉลองหมั้น
เขาไม่รู้จะเห็นใจหล่อนดีไหม…
“คืนนี้แกดูแลเพื่อนแกดีๆ นะ อย่าให้คิดสั้นฆ่าตัวตายซะล่ะ”
ชนิตามองค้อนเขาขวับ
“อย่ามาแช่งเพื่อนตานะ”
“เออ…คอยดูไว้…คนอกหักคิดแค่ชั่ววูบ”
42/913

“เรื่องฆ่าตัวตายไม่มีหรอก แต่เรื่องฆ่าคนอื่นไม่แน่”
ดนุไปแล้ว ชนิตาเข้ามาในห้อง มองดูเพื่อนที่นั่งโอบเข่าซบหน้าลง
แน่นิ่ง เข้าไปใกล้ๆ มองเห็นแววตาทอดไกลแน่วนิ่งหล่อนก็ยกมือโบกไห
วๆ ไปมา
“เฮ้…จันทร์…” หล่อนร้อง “แกเตลิดไปไหน…กลับมาเร็ว”
“มันทรยศฉัน”
“แหม…ไม่อยากจะพูด”
“ทำไม”
“ฉันเตือนแกมานานแล้วไง”
“มันว่าเลิก…”
“เลิกกะแกแน่นอน…แต่ไปยุ่งกะคนอื่นแทน แกหักใจเถิดวะ นึกซะ
ว่าเวรกรรมของแกมันหมดแล้ว”
“แกก็พูดได้ซิ เพราะแกไม่เคยอกหัก แกไม่เคยเป็นอย่างฉัน คนไม่
เจอกับตัวเองไม่รู้สึก”
“แล้วจำเป็นด้วยหรือว่า…เจอแล้วไม่สมหวัง…จะต้องมานั่งระทมทุกข์”
“มันเจ็บ…มันแค้น…เพราะมันเคยสัญญา”
“สัญญาอะไร”
“มันว่าจะแต่งงานกับฉัน”
43/913

“แล้วไง”
“มันโกหก”
“ก็ดีแล้ว…”
“ดียังไง แกไม่เคยเห็นใจฉันใช่ไหม แกเป็นเพื่อนประเภทไหน…”
“เดี๋ยวโดนยัน”
ชนิตาโวย เพราะพิมพิกากวนประสาท แม้จะพยายามให้อภัยมา
แต่แรกเพราะเพื่อนของหล่อนเมา กระนั้นพิมพิกาก็ยังแว้งกลับมาหา
“แกนี่เมาแล้วก็นอน…อย่าทำตัวเกเร แกเพิ่งมาจากโรงพักนะ ฉัน
เหลือทนกะแก ฉันจะลากแกไปส่งตำรวจเองเลยเชียว”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

“ทำไมศินประกันตัวผู้หญิงคนนั้น”
คุณผ่องพรรณเปิดประตูห้องเข้ามาถามลูกชาย ศศินใส่ชุดนอนแล้ว
เขารู้ว่าคงจะนายสมชาติรายงานต่อเธอ สีหน้าของเธอไม่ดีนัก
“อย่าเพิ่งนอนนะศิน ลุกมาพูดกันกับแม่ก่อนว่ารู้จักหล่อนด้วย
หรือ…นังแมวบ้านั่น”
44/913

ศศินลุกมานั่งตามบัญชาของเธอ เขาไม่ได้เป็นลูกดื้อร้นของเธอเลยนี่
นา ตรงกันข้าม…เขาเป็นลูกชายที่ดีของแม่เสมอ…และเขาขำทีแ่ ม่เรียกพิมพิ
กาว่านังแมวบ้า
“ยิ้มอะไร”
“นังแมวบ้าหรือฮะ? …ได้ยินมาแต่คนบ้าถูกเรียกไอ้หมาบ้า…นังหมา
บ้า”
“ผู้หญิงคนนั้นเหมือนแมว”
“ทำไมต้องแมวล่ะฮะ”
“เพราะเป็นผู้หญิงหนึ่ง และอีกหนึ่งคือท่าทีโดยรวมๆ ศินเคยได้ยิน
ไหมว่าแมวถูกเทียบว่าเก้าชีวิต แม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแบบนั้น…เป็นคนที่
ตายแล้วเกิด…ตายแล้วเกิด”
“โอ๋ยโย๋…” เขาเเกล้งร้อง “ก็ผีดิบซิฮะ ไม่ใช่คน”
เธอมองค้อนลูกชาย
“ศินละก็…เฉไฉดีนัก เข้าใจแล้วก็แกล้ง”
เขาหัวเราะหึๆ เลยทีเดียว
“เเม่จะคุยอะไรกับผม”
“จะต่อว่าศินน่ะซิ”
“อย่ายาวนะฮะ เพราะผมง่วงแล้ว”
45/913

“ศินรู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือ”
“เปล่า”
“แล้วประกันทำไม”
“ผมทำตามดนุ”
“ดนุทำไม”
“เขาจ้างเธอมาเป็นตัวแสดงแทนน้องกุ้ง พิมพิกาคนนีด้ ำน้ำเก่งมาก
และเรามีความจำเป็นจะต้องมีเธอวันพรุ่งนี้…เพราะว่าเธอมีความสำคัญ”
“อะไรกัน…เราจะต้องจ้างคนแบบนั้นทำงาน…คนที่ฤทธิ์มาก
หน้าด้าน…แม่น่ะขนาดว่าไม่ค่อยจะชอบหมอนั่นยังอดสมเพชไม่ได้เจอดีเข้า
อย่างจัง…คงจะคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงเอาจริง”
“แม่อยากให้ยายนุ่นแกร่งเท่านั้นไหมฮะ”
“อยากก็เป็นไปไม่ได้…เพราะว่านิ่มมาแต่แรก ศิน…ไม่ได้โกหกแม่นะ
แม่กลัวว่าศินจะรู้จักมักจี่กับหล่อน”
“ไม่มากหรอกฮะแม่ ผมแค่เเวะช่วยข้างถนน…รถเสีย…หนูจันทร์นัง
แมวบ้าเก้าชีวิตอุตริยกขาเรียวงามโบกรถจอด”
เธอตาค้าง
“ขาสวยฮะ ผมยอมรับ…มองเพลิน แต่ไอ้ฝั่งที่ผมขับรถผ่านมัน
ตรงกันข้าม ผมเห็นมากกว่าขา”
46/913

เธอทำหน้าตาหวาดเสียวอย่างยิ่ง
“เสียดาย…” เขาทำเสียงเศร้าสลด “เธอดันใส่กางเกงในถ้าไม่ใส่ละ
สวยเช้งวับ”
“ตายละศิน”
เธอร้องอุทานออกมา ลูกชายของเธอเพี้ยนแล้วหรือไรแต่ศศินก็กลั้น
หัวเราะไม่อยู่ เธอเลยรู้ว่าเขาแกล้วเธอ
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ เงินประกันห้าหมื่นมีไม่พอ ผมก็จ่ายไป…”
“แล้วคดี”
“ก็สุดแท้แต่ว่าจะเอาเรื่องไหม แต่ตำรวจคงจะต้องปรับโทษฐานพก
พาอาวุธ ที่จริกก็แค่สากกะเบืออย่างที่แกยืนยันเหย็งๆ ทีนี้พอมันเป็น
สากกะเบือ…ก็เลยไม่รู้จะประทับตราตีทะเบียนลงตรงไหน…จริงไหมฮะ”
///////////////////////////////////////////////////////////////
มณฑลต้องแต่งเรื่องเพื่อปลอบประโลมให้บุษยาอยู่ในอาการสงบ
หล่อนเอาแต่ร้องไห้…แต่เรื่องด่าทอหรืองอแงกว่านี้ไม่มี เขามองบุษยา
เหมือนหล่อนเป็นลูกไก่ที่เขาสามารถควบคุมหล่อนได้ บุษยายอมฟังเขา
แค่เขาเล่นบทผู้พลาดผิด…ขออภัยคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน….กล่าวคำขอ
อภัย…และสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดมาอีก เขาไม่เคยคิดจะทำให้หล่อน
กระทบกระเทือนใจเลยเขากล่าวโทษพิมพิกาคนเดียว เขาเรียกหล่อน
ต่อหน้าบุษยาว่านังหน้าด้าน….
47/913

“มันจะจับผม มันหวังอยากได้ผม”
หากพิมพิกามาได้ยินเอง หล่อนคงจะบันดาลโทสะขั้นสุดขีดถึงขนาด
ฆ่ามณฑลเสียเป็นแน่ และแค่เขาซบหน้าลงเกลือกกับตักหล่อนเข้าหน่อย
บุษยาผู้อ่อนต่อโลกก็จะไปไหนเสีย เขาคุมหล่อนได้ บุษยาเป็นคนอ่อนแอ
เเหย ผู้หญิงแบบที่เขาต้องการจะร้อยหล่อนเอาไว้ใช้สอยให้เกิดประโยชน์
เขาเคยได้บุษยา…แต่เขาไม่เคยได้พิมพิกา และยิ่งตอนนีพ้ ิมพิกายิ่ง
ห่างไกล ดังนั้นมณฑลเลยต้องทำคะแนนนิยมในตัวเองเขาไม่อยากให้บุษ
ยาเสื่อมศรัทธาและความรักต่อเขา เขาทำได้สำเร็จ เมื่อคืนบุษยาสงบลง
และเช้านี้เขารีบตื่นไปดักรอหล่อนเขาชวนหล่อนไปกินข้าวข้างนอก
“ทำไมคะ”
“ผมไม่อยากเจอใครเลย ผมอาย”
“แต่…”
“ขอเวลาผมบ้าง ให้ผมได้รักษาอาการหน้าแตกของตัวเองก่อน…”
แต่เพราะเขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคุณผ่องพรรณ…ไม่อยากจะเจอ
ศศิน…โดยเพราะคนหลัง
เขาชวนบุษยาเดินเลียบชายหาดออกไป เมื่อบุษยาท้วงว่าไม่อยากเอา
รถออกเพราะจะเอิกเกริก เรียกความสนใจได้อยูด่ ีแต่ก็ไม่พ้นศศินไปได้
เพราะว่าศศินตื่นเช้าอยู่แล้ว
มณฑลวางหน้าแทบไม่ถูก…
48/913

“เมื่อคืนผมออกไปโรงพัก…” ศศินเริ่มต้น “ผมประกันคุณจันทร์”


“ทำไม”
“เพราะเธอทำงานให้กับผม”
“อะไรนะฮะ”
“งานของผมมีเธอเป็นคนร่วมงาน ผมไม่อาจจะละเลยเธอได้ ผมว่า
เราไม่น่าจะเอาความกับเธอ หรือยายนุ่นว่าไง…เห็นใจลูกผู้หญิงเหมือนกัน
ไหม”
บุษยาทำท่าลังเล
“จันทร์เกเร ทำร้ายผม…อาละวาดจนงานเสีย จะต้องมีคนเอาไปพูด
ลือกัน…และจะเสียหายกลับมา”
“คุณรับไปซะ”
“ไม่ห่วงนุ่นหรือฮะ”
เขาเลื่อนสายตาไปมองบุษยา ถามเสียงนุ่มนวล
“พีม่ ั่นใจว่ารู้จักนุ่นดี น้องสาวของพี่เชื่อมั่นในเรื่องการจองเวรว่าไม่ดี
ไม่ใช่หรือจ๊ะ นุ่น ว่ามันเป็นบาป”
“ค่ะ”
“พี่ต้องการให้จบ…”
“ถ้าจันทร์ตามมารังความอีกล่ะ”
49/913

มณฑลถามออกมาในน้ำเสียงราวกับจะหงุดหงิดหัวเสีย ศศินหันมา
มองตรงๆ แววตาของเขาทำให้มณฑลนึกหนาว พร้อมกันนั้นก็นึกเสียใจว่า
ตัวเขานั้นไม่น่าจะพูดออกมาเลย
“คุณยังไม่จบหรือไง เธอถึงจะตามมาอีก”
“จันทร์หลงใหลผมมาก…อาจจะไม่เลิก”
“อ้อ…” ศศินทำท่ารับรู้
บุษยาอาจจะมองอย่างปกติ เพราะหล่อนเป็นคนไม่ค่อยจะรู้เรื่องราว
อันใด แต่มณฑลร้อนวูบ
ศศินร้ายกาจนัก…
“ผมจะรับทราบไว้ เอาเถิด…หากคุณปกป้องยายนุ่นไม่ได้ผมยัง
อยู่…ผมจะปกป้องแกเอง
“นั่นมันหน้าที่ของผม”
น้ำเสียงของมณฑลกระด้าง แต่ศศินหัวเราะชอบใจ แววตา
เปล่งประกายวับวาวเมื่อมองจับเฉพาะหน้าของมณฑล
“ผมรู้ อย่าร้อนตัวซิ เพราะมันเป็นหน้าที่ของผมด้วยเหมือน
กัน…หน้าที่ของพี่ชาย…นุ่นไม่มีใคร…พ่อแม่ไม่มี…แต่งงานแล้วจะยกขาดซะ
เลย…ผมกลัวจะไม่มีคนเกรงใจ หยามรังแกเอา”
“แต่งงานแล้วคนที่สามก็ควรจะวางเฉย”
50/913

“ผมไม่เเส่หรอก แค่ดูแลปกป้อง…เพราะเป็นหน้าที่ แต่หากว่าสามี


ดูแลได้ดี…ผมก็วางใจ…อาจจะวางมือได้ ดีซะอีกซิฮะ ผมจะได้ไม่เหนื่อย
เพราะเรื่องส่วนตัวของผมก็มีมากพอ ว่าแต่คุณจันทร์คนเก่าของคุณน่ะ
ทำไมโชคร้าย ทั้งที่เธอก็เหมือนพระจันทร์แจ่มจ้า…คุณกลับมองเมิน
หรือว่าเป็นพระจันทร์คืนแรม…แสงริบหรี่ไม่นวลใยสุกสกาว ไม่แน่ใจว่าจะ
มีราคาค่างวดไหม”
มณฑลหน้าแดงก่ำ ที่เคยมั่นใจว่าศศินรู้ทันมาตลอดนั้นไม่ผิดเอา
เป็นแน่
และมณฑลคิดว่าเขาไม่เคยทั้งเกลียดทั้งกลัวใครเท่าศศินมาก่อนเลย
5

ผู้หญิงคนนั้นถูกเรียกว่าจันทร์ บุษยาแน่ใจว่าหล่อนจะจดจำ
ผู้หญิงคนนั้นไปได้อีกนานเท่านานทีเดียว ผู้หญิงรูปสวยเปี่ยมไปด้วย
ความเชื่อมั่นตัวเอง เต็มเปี่ยมด้วยบุคลิกท่วงท่าที่ตัวหล่อนเองรู้ว่า
ห่างไกลหนัก…หากอยากจะเป็นแบบนั้น บุษยาเติบโตมาในกรอบทีข่ ีด
วาดไว้ อาจจะเพราะว่าความหวาดกลัวว่าหล่อนจะเหมือนพ่อแม่ที่
ค่อนข้างจะเป็นรอยด่างดำของตระกูลด้วยก็ได้ อีกตัวทั้งตัวหล่อน
เอง…สุขภาพกายไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่ด้วย ดังนั้น วิถีชีวิตของบุษ
ยาจึงไม่เคยโลดโผน หล่อนไม่เคยได้ช่วยเหลือตัวเอง…ไม่เคยแกร่ง
แต่บษุ ยาคิดว่าทั้งชีวิตที่เหลือ หล่อนจะไม่ลืมผู้หญิงชื่อ ‘พิมพิกา’
หรือ ‘จันทร์’ เป็นอันขาด
และสองชายที่กำลังประจันหน้ากันอยู่ทำให้บุษยาเกิดความหวาดกลัว
หล่อนพยายามขอร้องศศิน
“คุณศินคะ…นุ่นว่าพอแล้ว”
ศศินมองหล่อน เขาเอ็นดูบุษยาด้วยเหตุสองสามข้อ ข้อแรก
เลย…เพราะสำนึกอันสงสารเสมอมาว่าหล่อนเป็นน้อง…หล่อนขาดพ่อไร้
52/913

แม่…เป็นลูกกำพร้า เขาเป็นพี่ผู้ชาย ถูกอบรมมานักหนาว่าให้ปกป้องผู้-


หญิงเพศทีอ่ ่อนแอกว่า เขาเองปกป้องบุษยาในสภาพที่พี่น้องพากันเปรย
ออกปากว่า ‘กระเตง’ และแม่เขาถึงกับกลัวว่าเขาจะรักบุษยาเกินกว่าพี่ชาย
มีต่อน้องสาว
ข้ออื่นก็คือเขามองว่าบุษยาไม่อยู่ในสภาพดูแลตัวเองได้ดีนักเขาเกิด
ความเป็นห่วงหล่อน…ซึ่งตัวเขาก็รู้ว่ามันออกจะมากเกินไป
ข้อสุดท้ายคือการปกป้องวงศ์ตระกูลไม่ให้มีเหลือบแทรกเข้ามาได้
แต่ข้อนี้ดูเหมือนจะล้มเหลว เพราะว่าบุษยาเลือกแล้ว และสายสืบของศศิน
รายงานมาก่อนหน้านี้ด้วยว่า…บุษยาเคยนอนกับมณฑล ชายหนุ่มจำต้อง
ยอมรับความจริงว่าบุษยาถลำไปไกลมากเหลือเกิน…
“เรื่องมันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ”
“เอาอะไรมารับรอง…”
“ถ้านุ่นเป็นเธอ...คงจะเข็ด”
“เอาตัวเองวัดไม่ได้นะนุ่น…” เขาบอกขรึมๆ
น้องของเขามองโลกในแง่ดีมากเกินไปเสียแล้ว
“คนเรายังเจ็บอยู่ก็บ้าคลั่งได้อีกนาน พีว่ ่าทางที่ดีเธอควรจะให้คน
ของเธอเคลียร์ซะ”
“เคลียร์ยังไงคะ”
53/913

ศศินถอนใจยาวทีเดียว บุษยา ‘ซื่อ’ หรือ ‘โง่’ กันแน่หนอเพราะบ่อย


ไปที่สองอย่างนี้ยากจะแยกออกจากกันได้เด็ดขาด
เขามองหน้ามณฑลแทนที่…ตอบเรียบๆ
“ต้องอาศัยคู่หมั้นของนุ่นแล้วล่ะ เพราะเขาผูกอะไรไว้เงื่อนปม
อย่างไร…เขารู้แก่ใจคนเดียว”
มณฑลยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิมว่าผู้ชายซชื่อศศินนี้ไม่ธรรมดาอย่าง
แน่นอน
ศศินพูดแล้วก็เดินจากไป บุษยากอดแขนมณฑลเอาไว้พร้อมเสียง
ถามดุจจะหวาดกลัว เส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเงาดำของผู้หญิงชื่อ
พิมพิกาจะเข้ามาขวางแทรกหรือไม่…
“คุณศินพูดถูกนะคะ คุณหมดเยื่อใยกับเธอจริงไหม…เลิกกันแล้ว
จริงไหม”
“เลิกแล้ว”
“คุณสาบานไหมคะ”
“เอ๊ะ…นุ่นไม่ไว้ใจผมหรือ”
เขาตวัดเสียงนิดๆ บุษยาก็หน้าเสียเลยทีเดียว
“เปล่าค่ะ…แต่นุ่นกลัว คำพูดของเธอเมื่อคืนด้วยมั้ง”
“คนเมาจะเชื่ออะไรได้”
54/913

“เรื่องเงินด้วยหรือเปล่าคะ บอกนุ่นนะคะ ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงิน…ขอ


ให้บอก”
“ถ้าผมบอกแล้วผมจะเป็นอะไร ญาติของนุ่นคงจะเล่นผมยับเยินไป
เท่านั้นเอง เพราะเพียงเท่านี้คงจะสบประมาทผมหนัก”
“เงินนุ่น…ส่วนของนุ่น…เต็มใจจะให้ นุ่นจะไม่บอกใคร…เพราะนุ่น
คิดว่าตัวเองทนไม่ได้เวลามีใครมาว่าคุณ…นุ่นรักคุณ…”
เขาดึงหล่อนมากอด บุษยาซบศีรษะเอนเอียงเข้าหาต้นแขนของเขา
หล่อนไม่เห็นแววตาของเขา และหากว่าหล่อนเห็น…บุษยาน่าจะหนาว
เพราะว่ามณฑลกำลังทำประหนึ่งว่าที่เขากำลังกอดอยู่นั้นเป็นลูกหมาสัก
ตัว…ไม่ได้เป็นคนแต่อย่างใด
เขาไม่เคยรักบุษยา เขามองเห็นประโยชน์จากหล่อนมากกว่า เขา
กำลังอยูใ่ นสภาพ ‘โซ’ เพราะการเงินที่หมุนไม่ทันจากการค้า เขาหวังว่าเขา
จะได้จากบุษยา เขาตรวจสอบหล่อนแล้วผู้หญิงอ่อนๆ แบบหล่อนนีล่ ะ
วิเศษนัก เขาจะกอบโกยได้คุ้ม ได้เมียจากตระกูลเก่าเชื้อสายพระยา
บรรดาศักดิ์ นามสกุลของหล่อนมาเสริมบารมีให้กับเขาได้มากโข ส่วน
หล่อนจะเอาอย่างไร…ได้ผัวอย่างเขา…มณฑลคิดต่อในใจ เหมือนเขาลดตัว
ลงมา ก่อนหน้าในบรรดาหญิงสาวที่เขาติดพันล้วนแล้วแต่สะสวย บุษยา
นับว่าหน้าตาขี้เหร่ที่สุด
คิดถึงคนสวย…ใจเขาก็กระหวัดถึงพิมพิกา…
55/913

เขาอยากจะได้หล่อน…นั้นเป็นผู้หญิงที่เขาต้องการโดยไม่มีเรื่องเงิน
มาเกี่ยวข้อง แต่เงินห้าแสนทีห่ ล่อนพูดถึงเมื่อคืน มันเป็นเงินยืมเพื่อการ
ลงทุนร่วมกัน พิมพิกาไม่เข้าใจเลยว่าเขาลงทุนเพื่อหล่อน แต่ตลาดหุ้นยาม
นั้นมันซบเซา เงินก็ละลายหายวูบ พิมพิกามาประกาศแจ้วๆ ว่าเขาโกง
หากเขาโกง…หล่อนก็โมเมร้าย-กาจและเขาไม่อาจจะลืมว่าหล่อนถุยน้ำลาย
รดหน้าเขา
ผู้หญิงแบบพิมพิกาบ้าเกินไป...
เขาเสียดาย เพราะมณฑลคาดหวังในตัวของพิมพิกาเอาไว้ว่าหล่อน
น่าจะมากไปด้วยความร้อนแรงอย่างยิ่ง เขาเองไม่ประสบความสุขเท่าที่ควร
จากเรือนกายของบุษยาเพราะหล่อนจืดชืดเกินไป
“เลิกกับเธอซะนะคะ…นุ่นขอ…มีอะไรขัดข้องไม่สบายใจ…บอกนุ่น
คุณจะต้องเห็นใจนุ่นนะคะ”
“เห็นใจยังไง”
“นุ่นต้องเจอกับเสียงพูดมากมาย เจอกับสายตาถากถางญาติที่รักที่
เมตตาจริงใจกับนุ่นก็มี ทีจ่ ้องจะจับผิดฟาดฟันนุ่นก็แยะหากนุ่น
ผิดพลาด…นุ่นจะถูกซ้ำ…”
“คุณศศินด้วยหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ คุณศศินไม่เคยทำร้ายนุ่นเลย แต่แม่เขา…”
“คุณผ่องพรรณน่ะหรือ”
56/913

“ค่ะ…เธอคนหนึ่ง”
บุษยาเองพอจะรู้ตัว แม้ท่าทีของหล่อนจะอ่อนโลก…ไร้เดียงสา แต่บุ
ษยาไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแต่อย่างใด หล่อนสามารถจะรูว้ ่าตัวเองอยูใ่ น
ฐานะใด มีใครบ้างชอบหรือไม่ชอบหล่อน
คุณผ่องพรรณจับผิดหล่อนเสมอมา อีกทั้งยังหวงแหนศศินอีกด้วย
บุษยารู้ แต่หล่อนไม่เคยอวดรู้ต่อหน้าคุณผ่องพรรณยอมโง่เซอะเสียดีกว่า
เพราะหากอวดฉลาดต่อหน้าเธอเท่ากับหาศัตรู คุณผ่องพรรณอาจจะเป็น
คนจิตใจดี แต่ไม่เกี่ยวกันเลยกับความรักความเมตตา
บุษยาอยากแยกตัวออกจากบ้าน หล่อนเบื่อการเติบโตในอาณาจักร
ของตระกูลอย่างที่สุด ใครเล่าจะรู้เท่าทันหล่อนบ้างว่ามณฑลเหมือนขอน
ไม้ลอยน้ำมาหาหล่อนในเวลาที่หล่อนกำลังต้องการอย่างยิ่ง
บุษยาจึงเกาะขอนไม้ไว้แน่น…และหล่อนอยากไปกับเขา…ไปสู่ความ
แปลกใหม่…กลิ่นไอที่หล่อนสามารถหายใจโล่งกว่านี้
“ผมสัญญา…นุ่น…ผู้หญิงคนนั้นจะห่างไกล…ยกเว้นแต่เธอยังตาม
ตื๊อ”
“เงินของเธอ…คืนเธอไปซะสิคะ”
“อะไรนะ”
“เธออาจจะต้องการเงินห้าแสนคืน”
57/913

“นั่นมันเป็นการลงทุน…แต่มันล้มเหลว…เงินทุนก็หมดไปผมจะต้อง
คืนทำไม”
“ถ้างั้นอธิบายกับเธอซะซิคะ”
“เอาเถิด…นุ่น…ผมขอโทษที่เป็นเรื่อง…ฉลองหมั้นของเราอาจจะไม่ดี
นัก แต่วันแต่ง…ผมสัญญา”
“กันเธอเอาไว้นะคะ”
“ผมรับปากแล้ว”
“นุ่นก็จะได้โล่งใจ เรื่องเมื่อคืน…นุ่นจะออกรับแทนคุณทุกอย่าง
เดี๋ยวสายๆ เราจะกลับเข้ากรุงเทพกัน หากเป็นไปได้…นุ่นอยากจะขอไปกับ
รถคุณได้ไหมคะ”
“ทำไม”
“นุ่นไม่อยากร้อนหู” หล่อนตอบเสียงอ่อย “พวกญาติๆ จะพากันรุม
ใส่”
“ก็ดเี หมือนกัน” เขากอดหล่อนกระชับเข้ามาอีก “เราจะได้มเี วลาด้วย
กัน ผมน่ะคิดถึงนุ่นใจจะขาด อยากให้เวลาอยู่ด้วยกันมาถึงซะไวๆ ”
เขาอาจจะหวานจนบุษยาสะท้าน แต่ใจของเขาคิดแค่ว่ายามยาก…แม้
น้ำเปล่าจะรสกร่อยก็จำยอม…ดีกว่าไม่ได้ดื่มอะไรเลย
58/913

บุษยาเองก็ขนลุกซู่ นับจากรู้รสชาติ…หล่อนก็ติดอกติดใจนักหนา
ถวินหารอเวลาจะได้เสพมันอีก หล่อนยิ้มหวานกับเขาลืมความยุ่งยาก
ทั้งมวล เพราะหล่อนคิดแต่ในแง่ดวี ่าเมื่อหล่อนให้ใจหมดใจกับเขาก็น่าจะ
ได้ใจของมณฑลตอบแทนมาเช่นเดียวกัน…ใจแลกใจ…โดยไม่รู้ว่าใจของ
มณฑลนั้นไม่เคยพลีเพื่อหล่อนสักนิด
“นุ่นรักคุณเหลือเกิน…รักมาก…ขอให้คุณรู้ไว้นะคะ”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณผ่องพรรณลดกล้องส่องทางไกลลงเมื่อลูกชายเดินมาถึง เขา
เท้าเอวมองดูเธอแล้วยิ้มขันๆ
“ส่องดูหนุ่มฝรั่งถอดเสื้อ ใส่กางเกงในตัวจิ๋วเดินชายหาดหรือฮะ”
“ต๊าย…นายศิน ปากคอ…ว่าแม่ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น”
“ชายหาดมีอะไรน่าดูล่ะฮะสำหรับผู้หญิงวัยห้าสิบกว่า…” เขาแกล้งว่า
“น่า…ยอมรับความจริงซะ ผมไม่ว่าแม่หรอก เห็นจาย…แม่ผมยังสาวยัง
สาว…”
“ศินนี่พูดจาแย่จัง แถมยังลากออกไปทางลามกซะอีก”
“โธ่…แม่ฮะ อย่าซีเรียส…ผ่อนปรนชีวิตสบายๆ เอาอะไรกัน
นักหนา…แก้เครียดซะ หาความบันเทิงใส่ตัว”
“หาทางอื่นซิยะ นี่ศินมาว่าแม่ใจเปลี่ยวเป็นสาว”
59/913

เขาหัวเราะหึๆ รู้เต็มอกว่าแม่ส่องมองสิ่งใด เขาเองก็เพิ่งผละมาจาก


มณฑลและบุษยา ชายหนุ่มละท่าทางสนุกสนานของตัวเองลงเมื่อเอ่ยกับ
เธอว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกฮะ ผมพูดกับเขาแล้ว เตือนเขาเรื่องงามหน้าเพราะ
เราเองไม่อยากจะเจอกับมันอีก โดยเฉพาะยากนุ่น…ผมว่าแกคงจะกินใจ
ไปอีกนาน”
“ศิน…แม่จะเตือนสักอย่างนะ เมื่อยายนุ่นแกเลือกเอง…ปล่อยแกไป
ศินเลิกไปใส่ใจ เพราะนั่นก็ไม่ใช่น้องแท้ๆ อีกทั้งเราเลี้ยงแกได้แต่ตัว เรา
บังคับใจของแกไม่ได้ ยายนุ่นเป็นเด็กดื้อรั้นเงียบๆ เคยเตือนเเกเคยฟัง
ไหม…ไม่เลย เมื่อตอนเช้าพวกเราก็คุยกันในเรื่องนี้”
‘พวกเรา’ ของเธอก็คือบรรดาญาติๆ พี่น้องกันในตระกูล นั่นเอง
ครอบครัวใหญ่คนมาก…ความคิดเห็นมาก…เขารู้ดี…แต่ความเคยชินก็มี
ด้วยเช่นกัน เขาจึงไม่ประหลาดใจแต่อย่างใดกับการพูดคุย หากจะไม่มี
การพูดคุยเลยซิน่าแปลกสำหรับเหตุการณ์แบบเมื่อคืนที่เกิดขึ้น
“แม่บอกเลยว่าแม่จะวางมือ โตแล้ว…ปล่อยซะที แต่สำหรับศิน…แม่
รู้ว่าบังคับลูกไม่ได้…แต่แม่ขอร้อง…ทำอะไรพองาม ลูกเองก็มีภาระหน้าที่
มากมาย เอาตัวเองเข้าไปแบกเรื่องผัวเมียเค้า…มันไม่ถูกต้องนัก รักได้
ห่วงใยได้ แต่ต้องพอประมาณ เข้าใจไหม”
“เข้าใจฮะ”
60/913

“อย่าเข้าใจแต่ปากนะศิน”
“แม่คาดคั้นเหมือนผมเป็นเด็กๆ ”
“เพราะแม่ไม่มั่นใจ ศิน…ขอให้เข้าใจว่าทั้งหมดเพราะหวังเธอให้
เข้าใจ ไม่มแี ม่คนไหนหวังร้ายกับลูกของตัวเอง แม่ไม่อยากให้ศินโดน
ปล้นเวลาที่ลูกควรจะได้หาความสุขใส่ตัว ทางเดินของใครคนนั้นก็เลือก
เอา ถามต่อว่าเคยเตือนไหม…ก็บอกว่าเตือนแล้ว…น่าจะพอ…”
“แม่จะกลับกรุงเทพเลยไหมฮะ” เขาเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่อยากจะกลับ”
“จะอยู่ดูถ่ายโฆษณาหรือฮะ”
“แม่จะเลยไปเที่ยวกับคณะของคุณหญิงเพลินด้วย เธอยกคณะมา
เที่ยวเพราะลูกชายของเธอมาคอนโดฯตากอากาศ จะมีงานฉลองเปิดตัว
แม่จองเอาไว้ยูนิตหนึ่งนะ ไม่ให้เสียไมตรีต่อกันเราต้องพึ่งพาอาศัยกัน
เสมอ แม่จะยกให้ศิน”
เขาเบะปากนิดๆ
“เอามาทำไมกันฮะ บ้านพักตากอากาศนี่ก็มี”
“เอาไว้น่า คอนโดฯนั่นสวยซะด้วย”
“แม่เห็นแล้วหรือฮะ”
เขาแกล้งถาม เธอก็ค้อนขวับ
61/913

“ความจริงนะฮะ ยังไม่มีของจริงให้ดูเลย”
“เชื่อฝีมือเขา…วิษณุน่ะสมชื่อจริงๆ …ฝีมือราวกับเนรมิต ทำโครงการ
ที่ไหนประสบความสำเร็จเสมอ น่าเสียดาย…อายุจะสี่สิบแล้วยังโสด”
“ไม่โสดสนิทมังฮะ”
“ก็ไม่เคยเห็นนะ คุณหญิงเพลินเธอแสนจะรอลูกสะใภ้”
“รอไป…ไม่ตายซะก่อนก็ได้เองน่ะฮะ”
“แหม…ปากหรือศิน…”
เขาหัวเราะชอบใจ เธอมองค้อนลูกชาย
“อีกหน่อยแม่คงจะหัวอกเดียวกับคุณหญิงเพลิน…รอจนตายล่ะมั้ง
ศินไม่มีวี่แววเหมือนกัน หรือจะให้แม่หา แม่กับคุณหญิงกำลังวางแผนกัน
นะ”
“โอ…เวรกรรม”
“แม่จะคัดสรรอย่างดี”
“ไม่เอาฮะ เรื่องแบบนีม้ ันสุดแต่ฟ้าลิขิต แม่อย่าดิ้นรนหาเลยฮะ…ถึง
เวลามาเอง…ผมอาจจะรอใครบางคน…หรือผมอาจจะเลือกมากเกินไป อีก
อย่างหนึ่ง…การอยู่คนเดียวก็สบายนะฮะ”
“คนโสดคือคนเห็นแก่ตัว”
ศศินแกล้งทำตาเหลือก
62/913

“แม่ฮะ นั่นเป็นข้อกล่าวหาที่แรงเกินไป”
“ตอบแรกแม่อ่านเจอมาก็ยังเฉยๆ นะ พออ่านแล้วมาคิดทบทวน
ตาม แม่ก็ว่ามีเค้ามากเลยทีเดียว”
“เห็นแก่ตัวตรงไหนฮะ”
“ไม่รู้จักแบ่งปันชีวิตกับใคร ไม่ยอมแบกภาระความรับผิดชอบ
ปิดกั้นตัวเอง…แสวงหาความสุขส่วนตัวเพียงลำพัง”
“ผมอยากรู้แล้วละฮะว่าบรรดาแม่ๆ จะเหมือนแม่หมดทุกคนไหม
อย่างคุณป้าหญิงเพลิน…ลูกชายเธอจะปวดหัวนะฮะหากคุณหญิงแม่จะคอย
เช็กตลอดเวลาว่ามีแฟนบ้างไหม”
“ศินคงไม่เคยเจอกับวิษณุ”
“ไม่เคยคุยกันมากกว่าฮะ เขาเป็นรุ่นพี่ผมหลายปี…แต่เคยเจอกัน
เห็นหน้ากัน…เรียกว่าไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ไม่ถึงกับจะต้องทำความรู้จัก
กัน แม่กับคุณหญิงเพลินก็เพิ่งมาสนิทกันไม่ใช่หรือฮะ”
“คุณหญิงไปอยู่ออสเตรเลียเกือบสิบห้าปี ตอนสมัยเรียน
โรงเรียนประจำก็สนิทกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ยังเคยมาคุยกันเลยว่าหากศิน
เป็นผู้หญิงก็จะยกให้ไปดองกัน”
“โชคดีของผม…ไม่เอานะฮะ…เรื่องมาหาเมียให้…ผมไม่เล่นด้วย หา
มาละก็หน้าแตกเองนะฮะ
“แต่แม่ก็ไม่อยากจะรอให้ศินหาเอง”
63/913

“น่า…ผมจะพยายามหาก่อนสิ้นปีนี้”
“แน่นะ”
“ฮะ”
“แม่จะรอ”
“ไม่ใช่ว่าหามาแล้วตั้งแง่ไม่เอาล่ะฮะ”
“แม่เคยบอกแล้ว แม่ไม่รังเกียจผู้หญิงทำมาหากิน อ้อ…ขอฉลาด
ด้วยนะ ไอ้ประเภทเสงี่ยมๆ น่ะไม่เอาด้วย หมดสมัยผู้หญิงนุ่มนิ่มแล้ว…”
เธอก็กระทบเผื่อไปถึงบุษยาอีกจนได้
“ทำได้…แม่ก็โอเคด้วยเลย”
โดยเธอไม่รู้ว่าเธอเปิดช่องโหว่ไว้ใหญ่มากจนเรียกว่าศศินสามาระ
เล็ดลอดออกไปแล้วทำให้เธอหนักใจใหญ่หลวงอีกนานเท่านานในไม่ช้านี้
6

เช้าวันใหม่ที่พิมพิกายกหัวจากหมอนด้วยท่าทีที่ชนิตามาเท้าเอว
มองแล้วส่ายหัวดิกเลยเหมือนกัน
“ท่าทางแกเหมือนแฮงค์”
“ต้องถอน…”
พิมพิกาบอกทั้งทีต่ ายังไม่ยอมจะเปิดรับแสง ไม่รวมกับขอบตาที่บวม
เป่ง ชนิตาออกปากทีเดียว
“ดีนะ แกไม่ได้เป็นนางเอกโฆษณาซะเอง ไม่งั้นหน้าตาแบบนี้แกโดน
ยกเลิกสัญญากลางอากาศแน่ๆ หน้าตาแกโหล่ยโท่ยมากเลยรู้ไหม…”
“ฉันปวดหัว”
“แล้วยังร้องหาเหล้า”
“ฉันอยากดื่มให้เมาตาย”
“ตายเพื่ออะไรยะ…ประท้วงนายมณฑลงั้นเหรอ…คุ้มหรือยะจะมาก
ไปแล้วก็ยังโง่จัดอีกด้วย ผู้หญิงฉลาดไม่ทำตัวแบบแกเข้าใจไหม ฉันยังไม่
65/913

เข้าใจจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ว่าทำไมแกไปรักเขานักหนาด้วยฉันเตือนแกมา
แต่แรกแล้วว่าผู้ชายหน้าตาแบบนั้นมันคบไม่ได้”
พิมพิกาทรงกายให้พ้นจากเอาตัวขนานกับพื้นโลก เอาตัวตั้งทำ
แนวดิ่งเก้าสิบองศาแทนโดยเอาหมอนมาซ้อนพิงหลัง หล่อนเอามือขวา
คลึงขมับตัวเองไปมา
“แกเอาอะไรมาวัด”
“ตำราโหวงเฮ้งของฉันเองย่ะ”
“แกดูตรงไหน”
“รูปหน้า…กลอกกลิ้ง…ผู้ชายหน้าแหลมๆ คางเสี้ยมๆ ก็พวกคาง
แหลมและเป็นเหลี่ยม…”
“พูดแล้วงง อะไรกัน…ตั้งแหลมทั้งเหลี่ยม แกมันมั่ว”
“ฉันหมายถึงว่าตรงแนวคางยังงี้”
เจ้าตัวออกท่าประกอบโดยเอามือวาดตามแนวขากรรไกรตัวเองลงมา
ในลักษณะของภาพสามเหลี่ยม และพอมาถึงตรงช่วงคางใต้ปากนั้นก็ลาก
ออกจนเป็นเส้นตรงเชื่อมบรรจบกัน
“หน้าอีตามณฑลเป็นแบบนีเ้ ลย ฉันไม่วางใจเขาแต่แรกแล้วตอนนี้
ดวงแกตกอับ…มีเคราะห์ ฉันเคยเตือนแกแล้วว่าให้ไปสะเดาะเคราะห์ซะ
แกไม่เชื่อฉัน แกหลงผิดไปเท่านั้น ตาสว่างได้แล้วนะ เขาไม่รักแกจริง”
66/913

พิมพิกาเม้มปากหากัน สะเทือนใจอย่างแรงกล้า เพราะหล่อนเป็นคน


ทีเ่ คยเชื่อมั่นตัวเอง เหมือนเรื่องของมณฑลจะมากระทบทำลายความ
เชื่อมั่น หล่อนนึกเสียใจกับความผิดพลาดเรื่องอกหัก
จะว่ากันไปยังเป็นเรื่องรองๆ …เพราะเรื่องสำคัญกว่านั้นก็คือหล่อน
อับอายขายหน้าหล่อนถูกหลอกเปลืองใจ…ยังดีว่าไม่เปลืองตัว อ้อ…หล่อน
ลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป…หล่อนเปลืองเงินไปห้าแสนบาทด้วยกัน…
“แกเป็นคนจริงจังจริงใจ มันก็ต้องเจ็บบ้างเป็นธรรมดา”
“ฉันแค้น…”
“เมื่อคืนหายแค้นไหม”
“ไม่หาย”
“พอเหอะน่า ขายหน้ามากพอแล้ว”
“ขายหน้าใคร”
“ยังจะมีหน้ามาถาม ผู้คนในงานออกมากมาย”
“ฉันไม่รู้จักใครสักหน่อย ฉันจะอายทำไม”
“เออ…จริงว่ะ” ชนิตาสนองรับ “พอไม่รู้จักก็หน้าด้านได้นะ แล้วคุณ
ศศินล่ะ แกอายเขาไหม”
“อายทำไม”
“เขารู้จักแกไง”
67/913

“คนรู้จักริมถนน…ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว…อายทำไม”
พิมพิกายืนยันเหมือนเดิม หล่อนเอ่ยต่อเสียงขื่นๆ
“ฉันจะมีอะไรเหลือให้อายอีกเล่า ในเมื่อมันเจ็บเกินจะพอ ชีวิตยัง
ต้องดำเนินต่อไป ไม่อย่างนั้นฉันจะล้างอายให้ตัวเองด้วยความตาย”
ชนิตาตาค้าง หล่อนพอจะเข้าใจความรู้สึกภายในของพิมพิกาได้ดี
หล่อนขยับมาหา ทิ้งเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียง ยื่นมือมาแตะตัวเพื่อนสาว
“จันทร์…ฉันเข้าใจแก…บางทีฉันอาจจะพูดจารุนแรงไปนิดแต่อยากให้
แกเข้าใจว่าฉันหวังดีกับแก…ไม่มีเจตนาเป็นอื่นเลย ฉันไม่อยากให้แกรัก
เขาอีก เพราะเขามีแต่หลอกลวงแก”
“และอย่างหนึ่งคือฉันจน…ความจริงใจไม่พอสำหรับความรักมันไม่
เคยจะพอ”
ชนิตาถึงกับดึงเอาตัวพิมพิกามากอดทันทีที่ได้ยินแบบนั้นเพราะเค้า
กระแสความขมขื่นไม่อาจจะปิดเอาไว้ได้
“ฉันแค่คิดว่าฉันรักเขานะ…ตา ฉันไม่ได้หลงใหล มันยังไม่ไปถึงขั้น
นั้น แค่ถอนใจคืนคงไม่ลำบากหนักหนา”
น้ำตาเอ่ออยู่ในดวงตา การผิดพลาดเพราะหลงเชื่อคำหวานของ
มณฑลนั่นเอง ผังดีที่ว่าหล่อนไม่ได้เอาตัวเข้าไปพลีให้…เหตุเพราะว่าหล่อน
เคยมีบาดแผลเก่าๆ นั่นเอง
“รักครั้งหนึ่งก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า”
68/913

“ความรักไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว”
“ฉันจะไม่รักใครอีก”
“ไม่เอาน่า ปิดกั้นตัวเองทำไมกัน”
“ฉันพูดจริงนะ แกไม่เชื่อฉันหรือ”
“เชื่อ…แต่ไม่อยากให้แกเเข็งแกร่งแบบนั้น เราก็ยังเป็นแค่มนุษย์เดิน
ดินธรรมดาๆ เท่านั้นเอง…จะไปตั้งป้อมป้องกันอะไรกันนักหนา ปล่อยมัน
ไปตามครรลอง…หลายๆ คนล้มแล้วลุก…ลุกแล้วก็ยังล้มกับความรักได้
อีก”
“หลายซ้ำหลายครานักไม่ตายซะก่อนหรอกหรือ” พิมพิกาถามเหมือน
จะประชด “เป็นฉันคงตายซะก่อนแน่ๆ ”
“แกจะยอมตายเพียงเพราะอกหักหรือ”
“บางที…อารมณ์ชั่ววูบ…”
“แล้วแกจะยอมให้วูบทำไม”
เสียงสัญญาณเรียกผ่านเครื่องเพจของชนิตาทำให้ต้องผละจากเพื่อน
มาอ่านข้อความที่ส่งผ่านมา
“อะไรกันวะ” ชนิตาบ่นพึม “ลางานมาแล้วทำไมยังต้องตามตัวด้วย
เดี๋ยวนะจันทร์ ขอเวลาฉันโทร.ไปหานายเปรมก่อน”
69/913

ชนิตาค่อนข้างจะขุ่นมัวซึ่งปกติหล่อนไม่ค่อยจะเป็นพิมพิกาเลยนั่ง
กอดเข่ามองเพื่อนเดินป่องๆ ไปหาโทรศัพท์ แล้วหลังจากนั้นก็
เอะอะโวยวายลั่น
“ตาเปรม ชั้นสั่งแล้วนะว่าชั้นไม่อยากรับรู้เรื่องงาน ชั้นลามา
พัก…ทำไมนายต้องตามรังควานชั้นด้วย…อะไรนะ…ท่านของเธอเค้าจะเอา
อะไรนะยะ…ก็บอกท่านไปซิว่าชั้นทำให้แล้ว…ชั้นบอกตั้งกี่หนว่าชั้นจะไม่ไป
เป็นไม้ประดับในงานเปิดตัวบ้าบอนั่นเป็นอันขาด มันงานจ๊อบอื่น…ฉันมีแค่
สองขาสองแขนหนึ่งหัว ฉันทำไม่ได้ไปทุกจ๊อบที่ท่านรับมา…แล้วจะให้ฉัน
ไปเจ๊าะแจ๊ะรับแขกก็บรรลัยตาย”
พิมพิกาฟังแทบไม่ทัน สงสารคนทางปลายสายคงจะต้องทำใจกัน
หนักเหมือนกัน เพราะยามชนิตาโมโหโกรธา เจ้าหล่อนที่เคยเยือกเย็นก็
เหมือนกองไฟ
“ฉันอยู่ใกล้ๆ แถวนี้จะทำไม…บอกว่าไม่ไป”
“ตา…เฮ้…ใจเย็นๆ ” พิมพิกาตะโกนเตือน
“อย่ายุ่งนา”
แม้แต่พิมพิกายังโดนเเว้ด แล้วชนิตาก็แว้ดต่อไปทางโทรศัพย์อีก
ด้วยว่า
“ไปบอกเค้าเลยว่าชั้นจะไม่ไป วันนีช้ ั้นจะไปเป็นพี่เลี้ยงเพื่อนถ่าย
โฆษณา เอ๊ะ…มันเรื่องอะไรของชั้นกันล่ะยะ…จะเปิดงานอะไรก็เปิดไป…จะ
70/913

ทำบ้าแค่ไหนก็เรื่องของเค้า ชั้นไม่เกี่ยว ว่าไงนะ…ไล่ฉันออก…ไล่รึ…ลองมา


ไล่ซิ…ลองมา…”
หล่อนกระแทกหูโครม พิมพิกาเลิกคิ้วเหมือนจะถาม
“เกิดอะไรขึ้นแก แกกลายเป็นนังผีบ้าได้เหมือนกันหรือ”
“ใช่”
“กับนายหรือไง”
“ใช่”
“แกแน่จัง” พิมพิกาให้คำชมเชย “แกยอดมากเลยทีเดียว…ยอดอย่าง
นี้ซิ…ฉันเองกล้า แต่ไม่บ้ากับนาย”
“แกต้องมาเจอเขา…” ชนิตาทำเสียงแค้นๆ ในอก “แล้วแกจะรูว้ ่า
ทำไมลูกจ้างมันด่านาย…ทำไมมันฆ่า…เพราะถูกกวน…”
“เขากวนใจแกหรือ”
“ใช่ มากด้วย”
“กวนแบบไหน…อย่างจะกวนตัวด้วยไหม”
“ไม่เคยนะ แต่กวนใจจุกจิกเรื่องงาน เขาจะมองว่าฉันน่ะเหมือน
เครื่องจักร น่าจะทำอะไรได้มากกว่าที่ฉันทำอยู่”
“เพราะอะไร”
71/913

“เขาเป็นคนบ้างาน…มนุษย์อีกพันธุ์…” น้ำเสียงของชนิตาปนแค้น
“เขาไม่รู้ว่าคนอื่นต้องพักผ่อน พอตัวเองบ้า…คนอื่นต้องบ้า…ไม่มี
หัวใจ…เรื่องหยุดเรื่องลานี่ไม่ต้องพูดกันเลยนะ เขาไม่ฟังหรอก…แถมยัง
พูดใส่หน้าด้วยว่ามีเวลาพักถมไปตอนตาย…นอนเข้าไปซิ…พักไปซิ เขาเคย
พูดแบบนี้กับฉันหนหนึ่ง ฉันก็ระเบิดตูมเลยว่าขอเชิญเขาไปพักเอง”
“ตาย…”
“ไม่ตาย”
“เขาคงรักแกมากซินะ ระวังเขาจะไล่แกออก”
“เพราะฉันคิดว่าเขาอาจจะไล่ฉันออก ฉันเลยไม่ยอมออก”
“เขาเป็นนาย แกทำงานบริษัทนะ…เขาจะไล่แกออกเมื่อไหร่ก็ได้”
“เฮอะ…ผิดกฎหมายแรงงานว่าด้วยการจ้างงาน ฉันศึกษาละเอียด
แล้วด้วย แกอย่าห่วงไปเลย…คนอย่างฉันมือระดับนี้แล้ว…ไม่ยอมง่ายๆ ”
ชนิตาทำให้พิมพิกาต้องปรับตัวเองให้อารมณ์สดใสมากกว่าเดิมแต่ก็
ยากเอาการเหมือนกัน จิตใจของหล่อนห่อเหี่ยวซังกะตายหล่อนคงจะต้อง
ระบมรักไปอีกสักพัก
หล่อนโกรธมณฑล…แต่เกลียดตัวเอง
“เออ…จันทร์…แกจะไม่ไปขอบคุณคุณศศินหน่อยหรือ”
“ทำไม…”
72/913

“เขาประกันแก…”
“พี่ดนุของแกจัดการนะ”
“ถ้าไม่มีเขาเมื่อคืน แกก็นอนคุก”
พิมพิกายักไหล่เล็กน้อย
“ให้เขาตามมาซิ…มาให้ฉันขอบคุณ แต่ฉันไม่ไปตามหาเขาหรอกนะ”
หล่อนแต่งตัวจะออกไปทำงาน พรางสีหน้าด้วยการแต่งเติมลงไป
เเละหล่อนก็รู้ว่าจะเสียงานไม่ได้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ดนุดึงเอาชนิตาไปทางหนึ่ง
“แกต้องเข้าใจนะว่าพี่ต้องการงานที่เรียบร้อย”
“จะเอาอะไรอีก จันทร์ก็มาแล้ว”
“มาอย่างเต็มร้อยไหม”
“เต็มซิ…”
“เขาจะมา…คุณศศินน่ะ”
“ดี.จันทร์จะได้ขอบคุณที่เขาไปช่วย”
“จะยอมขอบคุณหรือ”
“มีอะไรหรือพี่ดนุ”
73/913

“คุณศศินเป็นพี่ชายผู้หญิงคนที่ยายจันทร์ไปอาละวาด”
“อ้าว…”
“เพราะฉะนั้น แกจะต้องดูเพื่อนแกให้ดี ตอนเขามา…พี่ไม่รวู้ ่าคุณ
ศศินจะพูดอะไรไหม…แต่งานน่าจะเรียบร้อย…วันนี้อากาศดีทำท่าจะ
ลุล่วง…เราจะถ่ายตอนที่ลงดำน้ำก่อนเลย”
“ยายจันทร์มันบอกว่ามันพร้อม”
“คงต้องอยูใ่ นน้ำนานหน่อย…คงไหวนะ…อยากให้ไหว” เขาพูด
เหมือนรำพึง “อยากให้งานเรียบร้อยดี ที่จริงน่าเอาไปหาหมอสักหน่อย
ตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าลงน้ำแล้วไม่จมปุ๋งๆ หายไป”
“เออน่า…เดี๋ยวรู้…” ชนิตาตัดบท “ไม่ลองไม่รู้ แต่ยายจันทร์มัน
เหมือนปลาตอนลงน้ำ มันจะกระปรี้กระเปร่ากว่านี้”
“ขอให้จริง เพราะตอนนี้เพื่อนแกหงอยมาก”
ชนิตามองไปที่เพื่อนซึ่งกำลังถูกจับแต่งตัว
“จันทร์จะผ่านไปได้…พี่ดนุ…ขอให้เชื่อ…แค่ผิดหวังเรื่องรักเล็กน้อย
เท่านั้นเอง…ไม่ได้มากมายอะไร…เพียงแต่มันเป็นความรักอย่างไม่เคยมา
ก่อน”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
74/913

เปรมมารายงานเขาเรื่องของชนิตาแล้วทำท่ากระสับกระส่ายให้
เห็นๆ
“ตกลงชนิตาจะไม่มา…”
“ครับ”
“ชนิตาอยู่แถวนี้…ตรงไหน”
“เอ้อ…”
“รู้ไหม”
“ทราบครับ”
“ทำไมไม่บอกมา”
วิษณุเอ่ยในน้ำเสียงเหมือนจะตำหนิ เปรมก็ทำท่าว้าวุ่นใจ
“คุณจะไปตามเองหรือครับ”
“ฉันอยากรู้ว่าชนิตาอยู่ห่างจากฉันมากน้อยแค่ไหน”
“บอกว่าอยู่กองถ่ายชายทะเลหาดชื่นสุขครับ”
“กองถ่าย?…แม่เจ้าประคุณไปทำอะไรที่นั่น…มีใครหน้ามืดคว้าไปเป็น
นางมารร้ายหรือเปล่า” วิษณุหัวเราะเหมือนถูกใจ “แม่นั่นเล่นได้แบบไม่มี
บทกาง…แล้วจะต้องได้รางวัลนางร้ายยอดเยี่ยมแห่งปี…”
“คุณจะไปตามเธอไหม”
75/913

เขาไม่ตอบ โบกมือไล่เปรมออกจากห้องพักไป ในสำนึกเกี่ยวกับชนิ


ตาก็คือหล่อนกวนโทสะเหลือร้าย เขาจำไม่ได้ว่าความขัดแย้งเกิดจากตรง
ไหน…อย่างไร…แต่หล่อนก็ชวนปวดหัว…
เขาอยากให้หล่อนมาช่วยงาน วิษณุไม่อาจจะปฏิเสธเลยว่าหล่อน
ทำงานไม่ดี หล่อนเป็นคนทำงานดีมาก และเขาในฐานะคนบ้างาน เขา
พอใจตรงนั้น แต่หล่อนเป็นคนที่ทำงานด้วยยาก
วิษณุลืมมองตัวเอง…
เขามองแต่ตัวหล่อน…มองเห็นข้อบกพร่องของหล่อน
เขาเคยคิดจะเอาหล่อนออก แต่การไล่ออกย่อมจะผิด
กฎหมายแรงงาน และการบีบหล่อนออกก็ไม่สำเร็จ
เขาไม่เคยอยากจะเอาชนะแม่สาวคนไหนเท่าหล่อน และเขาคิดว่าเขา
จะไม่ยอมแพ้ชนิตาอีกด้วย
วิษณุคว้าแว่นตาสวมแล้วลุกออกจากห้อง
หล่อนจะทำหน้าอย่างไรนะ…หากเห็นเขา
แล้วดูทีซิว่าเขาจะลากหล่อนมาทำงานไม่ได้ คนอย่างเขาลงไปตรง
ไหน…หากไม่เชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้เป็นไม่ไปให้เสียเวลา
7

คุณผ่องพรรณยืนมองหลานสามีที่ก้าว
ขึ้นรถของมณฑลเธออดค่อนในใจไม่
ได้ว่า
…ระริกระรื่นเหมือนปลาได้น้ำไม่มผี ิด กระไรเล้ย ยายนุ่นกับเรื่องอื่น
ละโง่ ทีกับเรื่องผู้ชายจะเอาทำผัวนี่น่ะไม่เห็นจะโง่ ลูกตาวิบๆ ท่าทางกระดี๊
กระด๊า โธ่เอ๋ย…จะทนแกได้สักแค่ไหน ผู้ชายมันกะล่อนปานนั้น มันคงจะ
เอาสมบัติแล้วถีบหัวส่ง ส่วนแกก็คงจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอีกแล้วทั้งชีวิต…
“คุณพี่คิดอะไร”
คนข้างตัวเธอถาม เธอหันมามองยิ้มๆ ในหน้า
“บุญเก่าแรงพอไหม บุญใหม่สร้างสมหรือเปล่า นั่นคือชะตาของยาย
นุ่น”
77/913

“ห่วงตาศินบ้างนะคะ”
“ห่วงทำไม”
เธอถามก่อนจะสะดุ้งกับคำตอบนั้น
“ก็พ่อศินจะอดใจไม่อยู่ ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยน่ะซิ เขาอาทรต่อยาย
นุ่นมากนะ”
“คงไม่…”
“ระวังเถิดนะคะ คุณพี่”
เธอจะไม่ยอมให้ศศินเข้าไปก้าวก่ายตรงนั้นเป็นอันขาด…เธอมอง
ว่า…แล้วบุษยาจะก้าวไปเป็น ‘คนนอก’ หมดสิ้นกันเสียที
เธอจะต้องผลักดันศศินไปสู่การมีครอบครัว…และการยอมรับ
ความจริงยังทำให้เธอหวาดวิตกอยู่ว่าแล้วหากว่าศศินจะไม่ยอมปล่อยวาง
เรื่องบุษยา เธอจะทำฉันใด เพราะตัวศศินค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเอง
มาก “คงไม่…เพราะศินจะต้องมีครอบครัว…พี่จะมองหาผู้หญิงให้กับเขา”
“แล้วที่พ่อศินไปช่วยประกันตัว…” น้ำเสียงนั้นหยอกเย้า “ไหวไหม
คะ…สเป็คแบบนั้น”
“โฮ้ย…” เธอร้องลั่น “ไม่ไหวจ้ะ ไม่รับประทานด้วย...ท่าทางจะร้าย
เหลือ เอาละ…พี่จะไปสมทบกับคณะคุณหญิงเพลิน”
“เที่ยวให้สนุกนะคะ แล้วไปเจอกันที่กรุงเทพ”
78/913

คุณผ่องพรรณหันหาศศิน ไม่มแี ม้เงาของเขา เธอกำลังคิดว่าระหว่าง


ลูกเติบโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์แล้ว กับลูกยังเป็นเด็กชายเล็กๆ นั้น…อย่างไหน
จะทำให้คนเป็นแม่หนักอกหนักใจได้มากกว่ากันและเธอก็ได้คำตอบเมื่อ
เจอหน้าคุณหญิงเพลิน ฝ่ายนั้นให้คำตอบว่า
“ตอนยังเป็นเด็กกวนตัวเรา ต้องห่วงหาอาทร ต้องตามดูว่าทุกข์สุข
แค่ไหน กินอยู่อิ่มดีหรือเปล่า จะเป็นคนผิดเพศไหมจะคบเพื่อนยังไง จะ
เสพยาหรือเปล่า”
คุณผ่องพรรณเห็นด้วยทุกประการ เธอเชื่อแล้วว่าในมุมมองของคน
เป็นแม่โดยทั่วไปแทบจะไม่มีความแตกต่างอะไรเลย
คุณหญิงเพลินยังเป็นสาวเลอโฉม มีคนให้สมญาเธอว่าเหมือนสาว
สองพันปี เพราะเธอยังแต่งตัวทันสมัย ยังปรุงหน้าตาให้เพริ้งเพริศ เธอ
บอกกับใครต่อใครที่ใกล้ชิดว่า
“ไม่ได้หรอก เรื่องหน้าตาการแต่งกาย ยอมไม่ได้ ยังมีเรี่ยวเเรงทำ
ไหว”
แต่คุณหญิงเพลินเป็นคนสวย การแต่งตัวของเธอต่อให้ออกลูกบ้า
อย่างไรก็ยังเรียกว่าเปี่ยมเสน่ห์อย่างยิ่ง
“จริงค่ะ คุณพี่”
คุณผ่องพรรณเห็นด้วยทุกประการ
“แต่พอโตเป็นหนุ่ม วุ่นวายหัวใจเรา”
79/913

“เพราะไม่ยอมมีเมีย?”
“ของเราพอๆ กันเลยนะคะ”
“ของคุณยังดีกว่าของพี่ ตาวิษณุทำท่าเป็นอริกับผู้หญิงทุกคน…”
“ทำไมล่ะคะ”
“บ้าไง”
“ตายจริง…”
“วิษชอบเอาแต่ใจ…ใครจะมาทน นี่ได้ยินว่าวันนี้เกรี้ยวๆ ใส่เลขาฯ”
“ก็ต้องเปลี่ยนใหม่อีกซิคะ”
“เปลี่ยนจนจำเกือบไม่ได้…ปีละกี่คนไม่รู้ ตาเปรมนี่น่ารักที่สุดแล้ว
นะ”
“เลขาฯผู้ชายหรือคะ”
“อยู่กับผู้หญิงไม่ทน”
“ทำไมคะ”
“หาเรื่องด่าเขาน่ะซิ พี่ก็กลัวนะคุณ…”
คุณหญิงเพลินลดเสียงเบาลง และยื่นหน้ามาจนใกล้
“รังเกียจผู้หญิงมากๆ อาจจะเพราะชอบผู้ชาย”
“ดูไม่ออกหรือคะ”
80/913

“ก็พอออก แต่ชักไม่มั่นใจ...ตะกีส้ อบถามจากตาเปรมว่าวูบไปราวกับ


ถูกลมหอบจะไปไหน ตาเปรมบอกว่าไปตามคน…ถามต่อว่าตามใคร บอก
ว่าเป็นยายชนิตา…ลูกน้องตัว…ขัดอกขัดใจกันท่าไหนไม่รู้ได้”
“กลัวไหมคะ คุณพี่”
“กลัวซิ เพราะเท่าที่รู้จัก ผู้หญิงคนนั้นเค้าคนจริง เเข็งไป…เค้าก็แข็ง
ตอบ อย่างว่าล่ะนะ เค้าถือว่าเค้าทำงานเต็มเวลา…นอกเหนือจากนั้น เค้า
ไม่ยอมลงให้…ทีนี้ตาวิษเป็นคนบ้างาน ไม่รู้เวล่ำเวลา”
“เรื่องปวดสมองนะคะ เราจะไปกันหรือยังคะ โยนทิ้งไปเถิดค่ะ ดิฉัน
น่ะโยนเรื่องตาศินไปแล้ว…แถมตอนนี้ยังเกิดเรื่องวุ่นคุณพี่ไม่ได้ไปงาน
ฉลองหมั้นของยายนุ่น…งานแตก…ผู้หญิงมาอาละวาด”
“เมียฝ่ายชายหรือ”
“เค้าว่าไม่ใช่นะคะ”
“ขนาดไม่ใช่…”
“ค่ะ…อาละวาดจนงานเลิก โดนจับ…เเม่เจ้าประคุณพกไม้ตีพริก พก
มีด โดนตำรวจจับตัวไป ตาศินไปประกันออกมา…ยังไม่แน่ใจว่าเพราะ
อะไร”
“สวยไหมล่ะ”
“สวยค่ะ…ท่าทางแข็ง…”
81/913

คุณหญิงเพลินหัวเราะ มีอารมณ์สนุกพอจะเอ่ยต่อมาว่า
“ดีนะคะ…สนุกดี…อยากจะเห็นจัง…ตอนแกว่งไม้ตีพริกน่ะ”
“พอเห็นเข้าหัวเราะไม่ออกค่ะ งานกร่อย…ขายหน้า…คงจะเป็นขี้ปาก
คนไปอีกนาน”
“ใครจะมัวมาพูดถึงตลอด ความสนุกสนานเล็กๆ น้อยๆ พูดแล้วก็
ซากันไปเอง มีเรื่องเม้าท์ใหม่เสมอๆ ”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ศศินมาดูการถ่ายทำในวันนี้ เขาจำพิมพิกาได้ แต่ตอนเขา
มา…หล่อนไม่เห็นเขา หล่อนแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะลงน้ำ
เขาเห็นหล่อนไกลๆ …เห็นดาราตัวจริงที่พิมพิกามาแสดงแทน
ดูเฉพาะหุ่นพอเทียบเคียง แต่อาจจะเพราะพิมพิกาว่ายน้ำแข็ง ดำน้ำ
เก่ง แต่ถ่ายใต้น้ำมีมากเสียด้วยในงานโฆษณาชิ้นนี้
เขาเดินเข้าไปหาดนุที่ถอยหลังลงมา
“เป็นไงบ้าง”
“อ้อ…คุณ…ถามถึงใครฮะ”
“คุณจันทร์…”
“ผมยังห่วงๆ ”
“ทำไม”
82/913

“กลัวลงน้ำแล้วหมดแรง”
“หน่วยรักษาความปลอดภัยพอไหม”
“สี่คนฮะ”
“ก็อย่าให้คลาดตา…คุณจันทร์ทำประกันหรือเปล่า”
“คงทำมังฮะ เพราะเป็นลูกจ้างบริษัท พวกประกันสังคมแต่ประกัน
ส่วนตัวมีหรือเปล่า ผมไม่ทราบ”
“คงจะผ่านน่า”
“เมื่อคืนเมามาก”
“คงจะเสียใจ”
“พวกคุณโกรธมากไหมฮะ”
“เรื่องโกรธมันธรรมดาเพราะหน้าแตก”
“คุณล่ะฮะ”
“ผมจะโกรธทำไม คุณจันทร์เธอทำอะไรโลดโผนดี…สนุก”
“เป็นงั้นไป”
“ผมชอบคนบู๊…ท่าทางเธอลุย…ห้าว ผู้หญิงต้องแบบนีล้ ่ะฮะ ป้องกัน
ตัวเองได้ ดูแลตัวเองได้…หมดห่วง”
“ผมละเสียใจแทน แกไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้น…อารมณ์ชั่ววูบ…”
83/913

“คนเราพอโกรธ…ความมีสติมันหายไป…แล้วโกรธเพราะถูกสลัดรักนี่
มันแรงมาก น่าเห็นใจเธอมากกว่า”
ศศินตอบนุ่มนวล เขาไม่เข้าไปเกี่ยวข้องตรงการถ่ายทำแต่เขากำลัง
เอ่ยปากขอจากดนุที่ทำให้ดนุงงๆ
“ผมต้องการฟิล์มส่วนที่ถ่ายทำเธอทั้งหมด”
“ยายจันทร์หรือฮะ”
“ใช่”
“ทำไมฮะ”
“เผื่อจะใช้ประโยชน์ได้”
“แกเป็นแค่ตัวแทน”
“ผมต้องการส่วนนั้น…เพิ่มเท่าไหร่ก็เพิ่มไป…ผมไม่ต้องการส่วน
ตัดต่อของเธอ นั่นควรจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย”
“ผมจะจัดการให้”
ดนุไม่เข้าใจศศิน จะว่าเพราะศศินเกิดสะดุดกับพิมพิกาก็ยากจะเชื่อ
ดนุไพล่คิดไปว่าอาจจะเพราะศศินต้องการเก็บพิมพิกาเอาไว้เพื่อกันพิมพิกา
ออกห่างจากมณฑล
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
84/913

หล่อนต้องทำงาน…พิมพิกาบอกตัวเอง…เงินค่าจ้างดีพอสมควร
และเป็นงานไม่ยากสำหรับหล่อนอีกด้วย พิมพิกาชอบน้ำ…หล่อนลงน้ำ
แล้วสดชื่น...หล่อนจะเหมือนปลา…หล่อนจะกระฉับกระเฉง…คลาย
ความหมองเศร้า แต่ครั้งนี้ใจของหล่อนร่าเริงจริง แต่สภาพกายของ
หล่อนไม่ค่อยจะอำนวยเต็มร้อย
หล่อนมีอาการชาๆ เหมือนตะคริว แต่พิมพิกาแข็งใจไม่ยอมบอก
ผู้กำกับร้องสั่งให้หล่อนดำลงน้ำ กล้องใต้น้ำกำลังรอบันทึกภาพ ตามสตอรี่
บอร์ด…หล่อนจะต้องเป็นตัวแสดงสาวสวยที่สดชื่นรื่นเริงในโลกใต้น้ำ…ใน
ฉากสมมุติอีกแบบหนึ่ง…ระดับน้ำตรงนี้ลึกพอประมาณ…และเป็นของจริง
พิมพิการูว้ ่ายังเหลือฉากในสระที่จะเป็นการจัดฉาก มีของประกอบ
ฉากอีกด้วย
หล่อนดำลงไป หล่อนสวมชุดดำน้ำ แต่ไม่สวมหน้ากากการถ่ายสั้นๆ
เท่านั้น หล่อนกัดฟันทน จำโครงเรื่องได้แม่นยำว่าหล่อนต้องทำอะไรบ้าง
พวกเขาต้องการท่าทีอันปราดเปรียว สองแขนสองขาลำตัว การเคลื่อนไหว
อย่างสง่างาม…การพลิ้วตัว…การแหวกว่าย…ที่เหลือจะเป็นเทคนิคในห้อง
ตัดต่อ จะเป็นการแมทซ์ภาพของหล่อนซ้อนกับภาพของดารา พิมพิกา
กัดฟันทนอีกเฮือก…สองเฮือกติดๆ กัน ไม่มีใครเห็นอาการผิดปกติของ
หล่อนตราบจนหล่อนโผขึ้นสู่ผิวน้ำ
หล่อนทะลึ่งพรวดขึ้นมาอ้าปากกว้าง ทำท่างับอากาศไว้
และนั่นเองที่คนอื่นๆ เริ่มมองเห็นว่าหล่อนไม่สู้จะปกติ
85/913

แขนขาของหล่อนกำลังจะหมดแรง…และพิมพิกาก็วูบดับ
หล่อนไม่มีสติอีก เนื้อตัวของหล่อนดิ่งลงข้างล่าง
พิมพิกาไม่รู้ว่าหล่อนจมลงใต้น้ำ…ผล็อยไปเฉยๆ
และบนฝั่ง…ดนุกำลังเต้นเหย็งๆ
ส่วนบนเรือ…ชนิตากำลังเต้นเร่าๆ ปากร้องตะโกนสุดเสียง
“เร้ว…ช่วยด้วย…จันทร์…”
หล่อนลงเกาะกราบเรือ ทำท่าจะคว้าตัวเพื่อน ครั้งโน้มตัวลงไป
ชนิตาจึงนึกได้ว่าหล่อนว่ายน้ำไม่เป็น
มือของหล่อนหดกลับ…
ปากของหล่อนเท่านั้นยังตะโกนก้อง
“ช่วยเพื่อนฉันที…ช่วยที”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขากำลังกวาดตามองหาหล่อน แม่ตัวแสบของเขาอยู่
ไหน…อ้อ…ลืมไป…วิษณุคิดในใจ…หล่อนเป็นตัวแสบ…แต่ไม่ใช่ของ
เขา
ผู้คนมากมาย…กองถ่ายดูวุ่นวาย เดี๋ยวนี้กองถ่ายงานโฆษณาสักชิ้น
หนึ่งดูเหมือนกองถ่ายหนังไม่มีผิด
“อยู่โน่นฮะ” เปรมร้องบอกพลางชี้มือประกอบไขว่
86/913

“ไหน”
เขามองตาม เรือกำลังเทียบฝั่ง ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกหามลงมา นั่น
ใช่ชนิตาหรือเปล่าหนอ…แล้วหล่อนไปทำท่าไหน…ถึงต้องหามกันมา
ร่องแร่ง…
เปรมร้องต่อมาอีก
“อยู่โน่นฮะ วิ่งผมกระจายตามมา”
อ้อ…โล่งอกไปที…แต่พิลึก…วิษณุว่าตัวเอง…เขาจะต้องห่วงใยทำไม
กับแม่ตัวแสบนั่นด้วย
“หามใครมาไม่รู้ฮะ ท่าทางพี่เค้าเป็นห่วง เกาะไม่ห่างเลย”
วิษณุสาวเท้าเข้าไป และชนิตาก็มองเห็นเขาเข้าทันที…หล่อนชะงัก
แล้วหล่อนก็ทำเหมือนไม่เห็นเขา เหมือนเขาไม่ใช่เจ้านาย…ไม่มีความหมาย
เปรมรีบบอกแทน
“นายมาตามพี่น่ะฮะ”
“ไม่ว่าง บอกเขาซิ”
“ต้องไปทำงานนะ”
“ฉันต้องดูแลเพื่อน…วันหยุดของฉัน…”
“เพื่อนเป็นอะไร”
“จมน้ำ…อุบัติเหตุ”
87/913

“ตายไหม”
“เอ๊ะ…” ชนิตาเสียงแหลม “ปากรึ…ปากพูดอะไร…ไปนะ…อย่ามา
เกะกะแถวนี้เลย”
“ทำไม…มาตามเธอไปทำงาน…งานนะเธอ…งานสำคัญกว่า…หรือเธอ
จะว่าไม่สำคัญ”
“เพื่อนฉันสำคัญกว่า คุณกลับไปเถิด ตรงนีไ้ ม่ใช่ทขี่ องคุณเลย ขอ
ความกรุณาไปให้พ้นจากฉันซะ”
8

เขาถูกไล่…วิษณุนิ่งอึ้ง…อับอายขายหน้าต่อเปรม หากเปรมเอาไป
พูดสักนิด เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน ชนิตาทำกับเขาเหมือนหล่อนไม่
เคยยำเกรง หล่อนท้าทายอำนาจของเขานักและเมื่อเขาดำริผ่านลงไปว่า
เขาจะเอาหล่อนออกจากงาน ชนิตาเอากฎหมายแรงงานว่าด้วยการจ้าง
งานและการให้ออกจากงานมาวางโครมลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาเลย
ทีเดียว หล่อนเยาะเย้ยเขา และทีส่ ำคัญอีกประการหนึ่งคือมารดาของ
เขาให้ท้าย ชนิตา
คุณหญิงเพลินชอบใจในตัวชนิตามาก เธอนิยมความบ้าบิ่นของชนิ
ตา เพราะปกติเธอจะเห็นแต่ว่ามีคนกลัววิษณุกันเรียกว่าหัวหดเลย
ทีเดียว…
ครั้นชนิตาอาจหาญคนหนึ่ง เธอก็เลยชอบใจ หนุนข้างหลังชนิตาเสีย
อีก เขาเคืองแม่เหมือนกัน เพราะวิษณุถือว่าเขาเสียการปกครอง เขา ‘ฟัน’
ชนิตาไม่ลง แต่ทสี่ ำคัญอีกประการหนึ่งก็คือหล่อนเป็นคนทำงานดี ยาม
ทำงาน…หล่อนทำงานหนักมาก แต่ยามหล่อนบอกพัก อย่าแตะต้องหล่อน
89/913

เข้าอีก เหมือนทีห่ ล่อนกำลังไล่เขาอยู่ปาวๆ ยามนีน้ ั่นเอง หากเป็นคนอื่น


ที่ทำงานกับเขา… ใครบ้างจะกล้า…
“เปรม…แกเห็นอะไรบ้าง”
“ไม่เห็นครับ”
เพราะเปรมเป็นคนฉลาดมากนั่นเอง เขารูว้ ่าเรื่องไหนควรจะเออออ
และเรื่องไหนบ้างควรจะเงียบไปเลย
“ดี…”
“จะกลับไหมครับ”
“ยัง…”
“ทำไมล่ะครับ”
“ฉันว่าง”
“ว่าง?” เปรมทวนถาม “คุณน่ะหรือว่าง? ช่างเหลือเชื่องานเปิดตัว
โครงการคืนนี้ล่ะครับ”
“ก็พร้อมแล้วนี่”
เปรมได้แต่มองตาม อ้าปากค้าง ประหลาดใจอย่างมากนายเขาเพี้ยน
ไปเพราะชนิตายั่วจนสติแตกโพละหรือไร
วิษณุจ้ำไปแล้ว เปรมก้าวตามทันทีเขาติดตามวิษณุประดุจเงาตามตัว
เคยมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเขา ‘นอน’ กับวิษณุด้วยเพราะวิษณุไม่ยอมมีเมีย
90/913

ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาวอแวเป็นพิเศษทำให้ถูกมองว่าตัวน่าจะเป็นตุ๊
ด…แต่เปล่าเลย…เปรมรู้แก่ใจว่าวิษณุไม่ใช่คนแบบนั้น วิษณุแค่ว่าเป็นคน
ที่ละเอียดอ่อนจุกจิก…พิถีพิถันและลักษณะทั้งหมดนี้มันไปใกล้เคียงกับ
ความเป็นตัวตนของคนเป็นเกย์นั่นเอง
เปรมสามารถสาบานกับคนทีอ่ ยากรู้อยากเห็น และเร่มาถามกับเขาได้
เสมอว่าวิษณุหางไกลจากตรงนั้น
เป็นไปไม่ได้…หากเป็น…เปรมเคยบอกว่าให้ตัดหัวเขาได้เลยทีเดียว
หากไม่มั่นใจ…เขาหรือจะกล้าเอาตัวเองไปเสี่ยงปานนั้นด้วยเปรมยืนยัน
เพราะสิ่งที่เขาเห็นบ่งบอกอยู่ และที่อยากจะเชื่ออีกต่อไปก็คือนายของเขา
อาจจะกำลัง ‘เหล่’ ชนิตาอยู่ก็เป็นได้
แต่ยังห้าสิบห้าสิบ...เพราะท่าทางของชนิตาไม่ให้ หล่อนไม่เคยแสดง
ท่าทีพิศวาสต่อวิษณุแม้แต่น้อย ส่วนวิษณุท่าทางของเขาก้ำกึ่งกันอยู่
เขาวิ่งตามวิษณุมา พร้อมกับคิดเรื่อยเปื่อยจนเกือบจะชนกับชนิตา
“อะไรกันตาเปรม” ชนิตาเอาเปรมตีกระทบถึงวิษณุ “โดนไล่แล้วยัง
เสนอหน้า…หรือจะต้องเอาข้าวสารเสกปาเอาน้ำมนต์มาไล่”
“พี่ตา…ใจเย็นน่า”
เขาชะเง้อคอมองไปที่รถพยาบาลซึ่งมาถึงแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งอยู่
บนนั้น มองเห็นความงามของหล่อนแม้ในยามหมดสติและเปรมก็เห็น
วิษณุกำลังสนใจพิมพิกาเช่นกัน
91/913

พิมพิกาถูกช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว การ์ดรักษาความปลอดภัย
กระโจนลงไปเอาหล่อนขึ้นมาได้ว่องไวพอ
ดนุเต้นผางๆ ปากก็ร้องถามเรื่องงาน
“ถ่ายได้หมดฮะ”
โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ดนุถอนใจ เขาอาจจะมองเป็นคนเห็นแก่ตัว
แต่งานก็มีความสำคัญมาก
ชนิตาได้ยินคำถามของเขา หล่อนหันมาค้อนเขาขวับๆ ด้วยความไม่
พอใจ
“ถ้าจันทร์เป็นอันตราย…จะต้องเรียกให้คุ้ม”
“เอาน่า…ไปกับรถนะแก”
วิษณุดันตัวเองเข้ามา ดนุหันมามองหน้า เขาไม่รู้จักวิษณุเป็นการ
ส่วนตัว แต่เพราะดนุมคี วามจำดี เป็นคนชอบสังเกตและเอาใจใส่ต่อผู้คน
ทีโ่ ด่งดัง เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นวิษณุคนดังระดับนีม้ าปรากฏตัวตรงนี้ได้
อย่างไรกัน ชวนพิศวงสงสัยเป็นอันมาก
และเขามากระจ่างว่าวิษณุมาเพราะชนิตา
เขามองน้องสาว เห็นหน้าคว่ำ
“ตามมาทำไม…”
น้องเขากระโชกโฮกฮากนัก
92/913

ชนิตาสะบัดหน้าใส่ ประตูท้ายรถพยาบาลปิดลง คนที่แทรกตามไป


ได้มีอีกคนคือศศิน
ส่วนวิษณุไปไม่ได้ เขาถอยมาติดเปรม แต่ดนุชิงเข้ามาเเนะนำตัวเอง
เสร็จสรรพ
พี่ชายของชนิตา…พี่ชาย…เขาหรีต่ ามองดนุ ยังตัดสินใจจากการพูดจา
แค่ประโยคสองประโยคนี้ไม่ได้…นอกเสียจากว่าหล่อนต่างกันลิบกับ
พี่ชาย…
เขาให้คะแนนหล่อนติดลบในเรื่องการมีมนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่น
ส่วนดนุ…เขามีมันเต็มเปี่ยม
“มาตามยายตาหรือฮะ”
“ผมแวะมาดู พอดีผมจะมาเปิดโครงการใหม่ที่นี่ เราจะมีงานฉลอง
คืนนี้”
“ที่นี่หรือฮะ คงจะเป็นโครงการคอนโดเทลพร้อมกับสนามกอล์ฟ”
“ครับ”
งานของชนิตานั้นไม่เคยอยู่ในความสนใจของดนุมาก่อนเลยพี่น้องไม่
มีเวลาใกล้ชิดกันเหมือนตอนเป็นเด็ก ตั้งแต่ออกทำงานได้…เขานั้นนานๆ
เข้าบ้านที ส่วนหล่อนก็ออกเช้ากลับดึก ประสาคนทำงานในกรุงเทพฯ
พ่อแม่อาจจะจำเขาแทบไม่ได้แล้ว เขากับชนิตาไม่เคยมานั่งมาคุยกันเรื่อง
งานเลย อีกอย่าง…เขาไม่มีเวลาจะซักไซ้หล่อน
93/913

ชนิตาจะรู้เรื่องงานของเขามากกว่า เขาไม่รู้ว่าหล่อนทำงานอะไร กับ


ใคร เงินเดือนเท่าไหร่…
เขาเพิ่งรู้ว่าชนิตาทำงานกับคนระดับวิษณุ
…เจ้าตามันไม่เคยเปิดปากสักแอะ แถมยังกล้าแว้ดๆ ใส่เขาเข้าอีก
มันแน่อะไรกันปานนั้นโว้ย…
นั่นคือความคิดในใจของเขา แต่ที่เขาพูดออกมาดังๆ ก็คือว่า
“ยายตามันค่อนข้างจะระห่ำสักหน่อยนะฮะ หลายหนที่มันอาจจะ
กวนประสาทของคุณได้”
วิษณุเกือบจะบอกแล้วว่าไม่ใช่แค่หลายหน แต่เรียกว่าเป็นเสียทุกหน
เลยทีเดียว
“บางทีมันก็ห้าว อภัยมันด้วย”
วิษณุยิ้มเรื่อยๆ อยากรู้นักว่าหล่อนรู้…จะทำหน้าแบบไหนหากมา
ได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงเพียงนี้
“ใครเป็นอะไร ผมเห็นชนิตาเดือดร้อนมาก”
“ยายจันทร์เพื่อนซี้ ยายจันทร์มาเป็นตัวแสดงแทนดาราเป็นตะคริว
ในน้ำขณะถ่ายทำน่ะฮะ”
“เพื่อนซี้ด้วยหรือ”
“ฮะ สนิทกันมาก มาทำงานนี่ ตาขอมาเฝ้าเเจ”
94/913

หรือหล่อนกับเพื่อนอาจเป็นคู่เลสเบี้ยน…วิษณุคิดในใจเพราะเขาไม่
เคยเห็นหล่อนจะมีแฟนเลยสักหน
หล่อนทำงานในบริษัทมาตั้งแต่เขายังไม่ได้กลับมาจากออสเตรเลีย
หล่อนเป็นพนักงานอาวุโส การทำงานของหล่อนจัดได้ว่ามากคนหนึ่ง
เกือบจะเท่าอายุของออฟฟิศนั่นเชียว แม่เขาจึงอยากจะหน่วงเหนี่ยวหล่อน
เอาไว้นานกว่านี้ เขายังเคยประชดเธอว่า
…แม่จะรอให้เธออยู่นานเป็นพนักงานยี่สิบปี รับโล่ทองคำหรือไงฮะ
หรือจะให้อยู่ค้ำกบาลผม…
แต่กระนั้นเธอยังไม่เคยเห็นใจเขาเลย เธอยังชอบใจไปเท่านั้นเอง
“แล้วยายจันทร์ก็พลาด…ทำท่าเหมือนจะมีเคราะห์…”
“ตัวอักษรเข้าข่ายมรณะด้วยไหม”
“อะไรนะฮะ” ดนุทวนถามงงๆ
“อักษรมรณะของพวกคนในวงการบันเทิงไง”
“ไม่รซู้ ิ พอดีว่าผมไม่ได้ตามเรื่องนี้เลย ผมเลยไม่ทราบว่าจะมี
ตัวอักษรอะไรบ้างไม่ดี ตกเกณฑ์มรณะ…”
“ผมถามไปอย่างนั้นเอง ผมจะรอตอนชนิตากลับมา”
“มีอะไรพิเศษไหมฮะ”
“ผมอยากให้ชนิตาไปงานฉลองคืนนี้ด้วย”
95/913

“แกรู้ไหมฮะ”
“น่าจะรู้…แต่ลา ปกติผมไม่เคยให้ลา…แต่ชนิตาอ้างว่าเป็นสิทธิข์ อง
เธอ”
“นั่นละน้องผม” ดนุบอกอุบอิบ “รั้นระเบิด...”
“ท่าทางไม่ให้เลยนะครับ” วิษณุออกปากเปรย เขาเอ่ยต่ออีกด้วยว่า
“ท่าทางภายนอกดูซื่อๆ ”
“ซื่อตายละ” พี่ชาย “ขาย” น้องสาวหมดสิ้น “รูก้ ันทั้งบ้านล่ะฮะว่า
หากแม่ไม่ได้ดังใจขึ้นมา…แม่งอนได้เป็นเดือน…โกรธพี่น้องในบ้านคราวละ
เป็นปีๆ ”
นับประสาอะไรกับเขาใช่ไหม…วิษณุถามตัวเอง…อารมณ์ของเขารื่น
ขึ้นมาบ้าง เขาส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เหมือนขบขัน และทำให้เปรมที่ติดตาม
เขาได้หัวเราะ
อย่างน้อยพอนายนำทาง เปรมอุทิศตัวเป็นลูกน้องที่ดีตามติดมา
เปรมโล่งใจ เพราะหากนายเครียด…เขาคงครั่ง…เพราะเขาไม่มีทาง
หลบหน้าหนีไปทางอื่นนั่นเอง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ศศินพาตัวเองขึ้นมาโดยไม่มีใครห้ามเขา ชายหนุ่มทำท่าห่วงใย
พิมพิกามากจนเรียกว่าออกนอกหน้า ตอนเขาพุ่งตัวเข้ามา เขาผ่าน
96/913

วิษณุโดยไม่ได้ทักทายอะไรกันเลย เขายอมรับว่าใจของเขาจดจ่อหาแต่
พิมพิกามากกว่า
และชนิตาเองก็กำลังโกรธนายของตัว หล่อนไม่ได้ใส่ใจในตัวเขา
ตราบจนศศินเป็นฝ่ายสังเกตหล่อน
ชนิตาดูผิดไปจากเคยๆ เห็นกันมาสองสามครั้ง
เหมือนหล่อนกำลังอารมณ์เสีย
“คุณเป็นไง…ตกใจหรือ”
ชนิตาเสยผมตัวเองกลับขึ้นไป พยายามฝืนยิ้ม
“แทบช็อกค่ะ ตอนเห็นยายจันทร์จมบุ๋งๆ ”
“ร่างกายคงไม่แข็ง”
“ก็นิดหน่อยค่ะ ยายจันทร์ดื่มมากเมื่อคืนนี้”
“คงจะเฮิร์ท”
เขาไม่ได้พูดว่าหล่อนเฮิร์ทเรื่องใด เป็นที่รู้กันอยูแ่ ล้วนั่นเอง ชนิตา
ถอนใจยาว
“พูดก็พูดนะคะ เฮิร์ทเพราะแค้นมากกว่า ฉันคิดว่าจันทร์ไม่ได้รัก
หมอนั่นมากมาย”
“คุณมั่นใจ?”
97/913

“จันทร์เป็นคนซีเรียส…จริงจังเกินไป และหากเชื่อใครก็จะถวายหัว
ให้…”
คำถามค้างคาใจของศศินก็คือว่าแล้วพิมพิกาเคย ‘ถวายตัว’ ไปด้วย
หรือไม่
แต่เพราะเขาเป็นลูกผู้ชาย รู้การควรไม่ควร เรื่องใดที่เขาสามารถ
ปิดปากตัวเองได้ ชายหนุ่มจะปิดสนิทเลยทีเดียว
และเขาก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่าไม่แคร์กับพรหมจารีของ
ผู้หญิง…เพราะเขายอมรับว่าโลกเปลี่ยนไป กระแสสังคมมีความ
เปลี่ยนแปลงมากเหลือเกิน เป็นไปได้ว่าจะหวังหาอะไรที่ทรงคุณค่าดุจเดิม
อีกไม่ได้แล้ว
“จันทร์คิดมาก เพราะเรื่องเงินด้วย เงินห้าแสน…”
“ห้าแสน…”
“ค่ะ มณฑลยืมไปลงทุน”
“แล้วไง…”
“เขาโกง” ชนิตาบอก “เงินอาจจะฟังไม่มากสำหรับคนแบบคุณมังคะ
แต่สำหรับจันทร์มันคือเงินเก็บตั้งแต่รุ่นพ่อแม่เค้าฝากมา…หายแว้บไป…”
“เขาควรจะคืน”
98/913

“คนอย่างนั้นหรือคะ” ชนิตาเยาะหยัน “เขาไม่คืนแน่ๆ แล้วที่เขาทำ


กับจนทร์คงจะเพียงพอให้เจ็บไปอีกชั่วชีวิตเลยทีเดียว”
ทำไมเขาบังเกิดความสงสารหล่อน…ศศินถามตัวเอง…เขายังจำท่าทาง
ของหล่อนยามอาละวาดกราดเกรี้ยวได้ดี…ภาพนั้นติดตาเป็นอันมาก
เพราะว่าหล่อนเจ็บแค้น…ความทรงจำของหล่อนกลายเป็นเรื่องเลวร้าย…
เขาอยากรู้ต่อไปด้วยว่าทั้งหมอนี้จะทำให้หล่อนเข็ดหลาบความรักไป
เลยหรือไม่…
อาจจะเป็นไปได้...แต่เขาภาวนาอย่าให้หล่อนฝังความจำเรื่องผู้ชายไป
ในทางร้ายสถานเดียวอีกเลย
เขาไม่ต้องการตรงนั้น…
“ทำไมวันนี้คุณซีเรียสมาก หรือเพราะห่วงคุณจันทร์…”
“ฉันถูกก่อกวนค่ะ”
“ก่อกวน?…ใครกัน”
“เจ้านายฉันค่ะ”
“ใคร”
“คุณไม่รู้จักมังคะ เขาชื่อวิษณุ”
“อ๋อ…”
“อย่าบอกนะว่าคุณรู้จัก”
99/913

“บังเอิญผมรู้จักเขาดีพอประมาณ”
“เขามาก่อกวน เขาจะลากฉันไปงานฉลองของเขาค่ะ”
“คอนโดเทลของเขา”
“ค่ะ” หล่อนตอบเสียงหนัก “วันลาของฉัน…เขาให้ตาเปรมเลขาฯของ
เขาโทรมาก่อกวนฉันก่อน แล้วตัวเขามาเอง…เชอะ…คืนนี้ยังไงซะ ฉันก็ไม่
ได้…ฉันไม่อยากไปเป็นไม้ประดับให้กับเขาฉันรับตรงนั้นไม่ได้เลย”
ศศินหัวเราะเบาๆ
“เขายอมมาตามคุณเอง…นับว่าผิดปกติมาก เพราะเท่าที่ผมได้ยิน
เรื่องของเขามานี่ไม่ใช่วิสัยของเขาเลย”
“ทำไมจะไม่ใช่คะ…วิสัยคนบ้าไงคะ”
9

“จะดีหรือคะ”
บุษยาลังเลเมื่อเขาชวนหล่อนแวะเข้าหาความสุขด้วยกันในโรงแรม ก็
ม่านรูดชานเมืองที่หล่อนเคยเข้าไปสัมผัสมาแล้ว มีความรู้สึก
กระอักกระอ่วนในหัวใจของหล่อนมากเหมือนกัน เพราะหล่อนเองถูกสอน
มาในกรอบของหญิงที่ควรรักนวลสงวนตัว แต่หล่อนก็ถลำมามาก รสชาติ
น้ำเนื้อความมันในอารมณ์…หล่อนรู้จักเสียแล้ว…และเป็นเหมือนคำกล่าวที่
ว่าอันการใดไม่เคยก็ยากจะเมื่อแรก แต่พอเคยเสียแล้ว…ครั้งต่อๆ มาก็จะ
ง่ายขึ้น ทีห่ ล่อนลังเลเพราะหล่อนกลัวว่าจะถูกรู้เห็น…หล่อนจะเอาหน้าไป
ไว้ไหน…
คุณผ่องพรรณป้าสะใภ้นั้นปากคมกริบ ไม่ด่าแต่จิกเสียดสีได้น่ากลัว
กว่าเป็นไหนๆ และหล่อนก็ยอมรับด้วยว่ากลัวเธอมากไม่มีใครในบ้านที่
หล่อนจะกลัวเท่าเธอ
และเมื่อบุษยายังไม่ยอมตอบรับ เขาก็หงุดหงิด
“คิดมากอะไรอีก”
นุ่นว่ามันไม่ดี”
101/913

“แต่เราก็นอนด้วนกันมาแล้ว”
“เราน่าจะรอวันแต่ง”
“เชยบรม”
“นุ่นกลัวคนที่บ้านค่ะ”
“โดยเฉพาะนายศศิน”
น้ำเสียงของเขาบอกความริษยาออกมาอย่างเปิดเผยทำไมไม่รู้ได้
เหมือนกันที่เขารู้สึกว่าศศินเป็นเสมือนศัตรูตัวร้าย ทั้งที่ไม่มีทางจะมาชิด
ใกล้กันได้เลย เขารู้สึกว่าเพราะศศินมีอะไรที่เหนือกว่าเขา และเขาเองไม่
สามารถจะเทียบเคียงได้เลย
มณฑลกับศศินนั้นจะว่ากันไปก็เหมือนคนรุ่นเดียวกัน…โดยอายุเท่าๆ
กัน แต่ทำไมเขารู้สึกเหมือนกับว่าเขานั้นห่างไกลจากศศินเสียเหลือเกิน
ทำไม…พอคำถามนี้ซ้ำๆ ซากๆ ในหัวใจมากพอ ก็ทำให้เขา
ทุรนทุรายจัดเสมอมา
“นุ่นไม่เคยกลัวคุณศิน”
“จริงหรือ”
“เขาดีกับนุ่น…จะต้องกลัวเขาทำไม”
หล่อนเถียง เพราะบุษยากล้ายืนยันว่าศศินมีแต่ความรักความเมตตา
ต่อหล่อนมาตลอด คุณผ่องพรรณเอ็ดหรือดุว่าหล่อนหากศศินเข้ามาก็
102/913

ห้ามปรามและทำให้เรื่องหนักหนากลายเป็นเรื่องเบาลงเสมอมา หล่อนชอบ
เขา แต่มณฑลไม่เข้าใจ เขาตีความไปว่าหล่อนกับศศินมีความผูกพันกัน
มากกว่าเป็นแค่ญาติที่นับถือกันอย่างพี่น้องเท่านั้น
มณฑลเริ่มหงุดหงิดเล็กๆ เพราะเขากำลังลงความเห็นว่าหล่อน ‘บื้อ’
เขาเลยตวัดเสียงอันเคืองขุ่นใจออกมา
“นุ่น…กลัวผมโกรธไหม เลยไม่กล้ายอมรรับความจริงว่าคุณศินชอบ
นุ่นมากเกินกว่าความเป็นน้อง”
“อุ๊ย…” หล่อนร้องอุทาน เพราะรู้สึกตกใจจริงๆ “คุณคิดแบบนั้นหรือ
คะ ไม่หรอกค่ะ เขาไม่ได้ชอบนุ่นแบบชู้สาว ทำไมนะ…ใครๆ ชอบคิดแบบ
นั้น”
หล่อนรำพึง เพราะคุณผ่องพรรณแสดงท่าทีให้เห็นมาก่อนหน้า เธอ
แสดงความหวงแหนในตัวลูกชายออกมาเสมอ และเมื่อหล่อนรำพึงออกมา
ก็ไปกระทบใจของมณฑลเข้าพอดี เขาเสริมต่อทันใดว่า
“แปลว่าคนอื่นก็มองเห็น หมอนั่นชอบนุ่น…แล้วเขาก็เลยชังน้ำหน้า
ผม แสดงกิริยาไม่ดีกับผมเลย เขาไม่ชอบผมนั่นเอง”
“ไม่จริงค่ะ…ไม่จริง…คุณศินไม่เคยรังเกียจคุณ…คุณคิดมาก”
“ผมต้องคิดซิ ใครจะไม่คิด…เพราะมันทนโท่ เขาอาจจะไม่แสดง
ต่อหน้านุ่นเพราะเขาเป็นคนฉลาด แต่เขาเเสดงออกกับผมตอนนุ่นไม่ทัน
สังเกต แล้วนุ่นจะเชื่อได้อย่างไรกัน”
103/913

หล่อนกลับคิดไปอย่างหนึ่ง บุษยาคนอ่อนแอไร้ความคิดในสายตา
ของคนรอบข้างเริ่มคิดลึกซึ้งอย่างที่เรียกว่าชวนสะดุ้งก็หลายหน…ที่ถูก
ตอกย้ำว่าศศินพอใจในตัวหล่อน
ดีละหล่อนจะ ‘ร้อย’ เขาเอาไว้ด้วยความอ่อนแอน่าสังเวชของตัวเอง
ให้ศศินเป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ภัยสำหรับหล่อนตลอดไป…ฟังเสียงของมณฑล
แล้วแน่ใจว่าเขาคงไม่กล้าจะหือกับศศินเป็นอันขาดศศินน่าจะเป็นผู้กันภัย
ของหล่อนเสมอไป
หล่อนเอนตัวหาเขา ระงับความหงุดหงิดของเขาด้วยการคลอเคลีย
และได้ผลเสมอ ยามเขากระด้าง บุษยาก็จะอ่อนโยนลงและหล่อนยอมโดย
ไม่ขัดแย้ง เมื่อเขาชวนเข้าหาความสุขด้วยกันในโรงแรม
อย่างน้อยสภาพแวดล้อมของบุษยาเคยงดงามเสมอมา…หล่อนเคย
เดียจฉันท์ในสภาพเป็นโรงแรม
ก็ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน อือ…ยามจะทอดกายลงก็ชวน
ตะขิดตะขวงใจว่าสะอาดพอหรือไม่…
แต่พอมณฑลก่ายกอดด้วยลีลาพิศวาสอันเร่าร้อน บุษยาคนอ่อนแอ
ก็ไม่อาจจะหักห้ามใจตัวเองได้ หล่อนเพริดเตลิดไปเพราะหล่อนเป็นมนุษย์
ปุถุชน กิเลสตัณหายากจะระงับดับลงได้พอกระตุ้นเร้าเพียงเล็กน้อย
หล่อนก็พลิ้วปลิวลิ่วตามลมตัณหา
104/913

มณฑลจัดเจน เปรียบแล้วเขาเหมือนนายพรานสันทัดในเชิงกามา
ส่วนบุษยาคือกวางสาวอ่อนโลก…อ่อนประสบการณ์ในเชิงกาม เพียงแค่
การปรนเปรอเล็กน้อยก็เหมือนว่ามณฑลจะเป็นเซียนเหนือเมฆมาประทาน
พรให้กับหญิงสาวกระนั้น
บุษยาลืมตะขิดตะขวงใจเหมือนเมื่อแรกอีก รสสวาทกำซาบซ่านกลบ
ความเดียจฉันท์ได้หมด ไม่ทันหยุดคิดว่าผ้าปูสะอาดพอไหม…ไม่ทันคิดถึง
หมอนรองหนุนศีรษะ…ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นกับความมุ่งมั่นจะไปไต่ฉิมพลี
มณฑลพอใจในตัวของบุษยามาก เขาไม่ต้องหวาดกลัวต่อการ
ติดโรค ไม่มที างทีจ่ ะเกิดโรคร้ายอย่างเอดส์กับเขา เพราะหล่อนไม่เคยมั่ว
หล่อนอ่อนละมุน…สะอาดสะอ้าน
จะมีแปลกประการเดียวเท่านั้นคือว่าเขาต้องคิดถึงพิมพิกา…จันทร์
ดวงงามของเขา…ทำไมพิมพิกาถึงลอยคว้างขึ้นมาในความคิดคำนึงยามที่
เขากำลังพาตัวเองไต่ขอบฉิมพลีด้วยเล่า ไอ้ความสุขปริ่มๆ ยังอุตส่าห์เจียด
ที่เพื่อพิมพิกาอีกหรือ…
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องการพิมพิกา…แต่เขาไม่เคยได้หล่อน…
พิมพิกาใจแข็งนัก หล่อนกระบิดกระบวนเล่นตัวเสมอหล่อนปฏิเสธ
การนอนด้วนกัน ไม่รู้ว่าความคิดเชยๆ ของหล่อนมาจากไหน มณฑลไม่
ได้มองว่าเป็นคุณสมบัติงดงามของพิมพิกาที่หล่อนรักนวลสงวนตัวอย่างดี
เขามองว่าหล่อนเป็นตัวประหลาด…และยังคิดเลยเถิดด้วยว่าหล่อนไม่ยอม
กับเขา แต่อาจจะยอมนอนกับคนอื่นก็ได้
105/913

เขายังไม่คิดว่าจะตัดขาดจากหล่อน เขามั่นใจว่าหล่อนจะต้องอ่อนลง
มาอีก การที่หล่อนตามไปอาละวาดนั้นย่อมแสดงว่าจิตใจของหล่อนยังเป็น
ของเขาอยู่
ผู้หญิง…เขาคิดอย่างสบประมาทสุดขีด…จะมีอะไรมากไปกว่าการที่
ต้องปะเหลาะประเล้าประโลมสักหน่อย แล้วหล่อนก็จะโอนอ่อนลงมาเอง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มณฑลคาดผิดถนัด เพราะพิมพิกาจะไม่อ่อนลงมาเพื่อเขาอีกแล้ว
ยามที่หล่อนได้สติ…หล่อนคิดตกว่าหล่อนเกือบจะตายเพราะผู้ชายสวะๆ
คนหนึ่ง มณฑลเป็นสาเหตุทั้งหมด…เมื่อหญิงสาวนอนทบทวนแต่แรก
เพราะเขา…หล่อนสติแตกไปอาละวาดกลางงาน ถูกจับขึ้นโรงพักพาให้
เกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเองเสื่อมลงมา แล้วหล่อนก็เมาจัด หล่อนเกือบ
จมน้ำตายเพราะเขา ชีวิตเกือบจะรักษาเอาไว้กับตัวไม่ได้
และหล่อนก็จะต้องไปตากหน้าในแดนปรภพเป็นแน่…หากว่าจะต้อง
จดจารึกลงไปว่าหล่อนตายเพราะผู้ชาย
ประวัติชีวิตข้างหลังของหล่อนคงจะมัวหมอง ตระกูลของหล่อนคงจะ
ต้องอ้อมแอ้มตอบไม่ถูกตอนจัดงานศพให้
“จันทร์…” ชนิตาขานเรียก “แกเป็นไงบ้าง…ทำตาลอยๆ ”
“ฉันไม่ตาย”
“ใช่ แกยังอยู่”
106/913

“เกือบตาย…ตอนจมลงน่ะ…ฉันไม่หวังรอดนะ”
“แต่แกรอดเพราะยมบาลไม่ต้องการแกไง” ชนิตาพูดติดตลก
“ยมบาลคงจะรู้ว่าแกต้องอาย หากถูกถามว่าแกมีผัวหรือยัง”
นั่นทำให้พิมพิกาคิดลิ่วไปทางหนึ่ง มีผัวหรือ…ไม่แน่นัก…หากว่า
โชคชะตาเล่นตลกกับหล่อนอีก…หล่อนจะตั้งตัวไม่ทัน
“ฉันจะหาผัวซะคราวนี้เลยดีไหม”
“แกละพูดเป็นเล่น”
“ไม่เล่น ฉันพูดจริง”
“แกจะไปหาที่ไหน”
“เดินเตะเท้าไปเรื่อยๆ สะดุดตีนใครก็เอาคนนั้น”
“แกบ้าแล้ว…” ชนิตามองค้อน “นังจันทร์…ปีศาจน้ำทะเล ทำให้สติ
ของแกเพี้ยนไปแน่ๆ แกอย่าคิดอะไรแบบนั้น ไม่งั้นนะ…พอย้ายแกออก
จากห้องนี้ ฉันจะพาแกเข้าโรงพยาบาลบ้า”
“ฉันจะหาใครสักคน…”
“หามาทำไม”
“ฉันจะไม่ยอมเสียหน้ามณฑล”
“แกคิดแค่นั้นเองหรือ”
“ใช่…”
107/913

“คิดอะไรตื้นๆ แกจะประชดคนคนหนึ่งด้วยการคว้าคนอีกคนเข้ามา
แกจะทำตัวเป็นผู้หญิงง่ายๆ น่ะหรือ แกจะทำได้ไงเพราะแกไม่คุ้นกับการ
ทำตัวแบบนั้นมาก่อน คนเราน่ะลองไม่เคยแร่ด พอไปทำก็อุบาทว์ลูกตาคน
อื่น…เข้าใจไหม”
พิมพิกาหลับตาลง ทำท่าอยากจะพัก ชนิตามองขวางๆ หล่อนถอย
ห่างออกมา แล้วหล่อนก็มองเห็นใครคนหนึ่งรอคอยอย่างสงบ
“เพื่อนคุณดีขึ้นไหม”
“ค่ะ”
เขาจะได้ยินคำสนทนาของหล่อนกับพิมพิกาหรือเปล่าหนอหากได้ยิน
ก็น่าอาย แต่ศศินไม่ได้พูดอะไร หล่อนถามเขาสุภาพนัก
“อยากพูดกับจันทร์ไหมคะ”
“เธอพูดไหวแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ผมจะไม่รบกวนนาน”
เขาบอก พาตัวเองมาหยุดยืนข้างๆ เตียงคนไข้ มองหล่อนด้วย
แววตาอันอ่อนโยนเป็นอันมาก
“สวัสดี…จำผมได้ไหม”
หล่อนไม่ตอบ แววตาพุ่งมองตรงๆ
108/913

“ผมศศิน...”
…อีกแล้วโว้ย แนะนำตัวเองด้วยท่าทางยังกะว่าพอออกชื่อแล้วต้อง
รู้จัก...
ความคิดของหล่อนกำลังเหมือนคนพาลไม่มผี ิด หล่อนมองว่าศศิน
เป็นคนโอ้อวด…ทั้งที่โดยเนื้อแท้เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
ความคิดและความเข้าใจของหล่อนสวนทางกับความเป็นจริงโดย
สิ้นเชิง
“จำผมได้ไหม”
เขาว่าเเววตาของหล่อนไม่น่าไว้ใจนัก หมอตรวจเช็กหล่อนละเอียด
แค่ไหนกัน หล่อนอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางปกติสติของหล่อนอาจจะแตก
ตั้งแต่ตอนไปอาละวาดในงานแล้วก็เป็นได้หล่อนอาจจะยังไม่คืนกลับมา
เป็นตัวของตัวเอง
“จำได้ อย่าถามย้ำได้ไหม…รำคาญ”
“ต๊าย…”
ชนิตาอุทานได้เพียงคำเดียวแล้วปราดเข้ามายืนเกาะอีกข้างของเตียง
รู้สึกเหมือนว่าเพื่อนของหล่อนกำลังเกเร หล่อนยิ้มหวานให้กับศศินเป็นเชิง
ของอภัยไว้ก่อน เพราะชนิตาถือว่าศศินมีบุญคุณและชนิตานั้นสามารถ
โอนอ่อนเข้ากับคนอื่นได้ทั้งหมด…ยกเว้นคนเพียงคนเดียวคือวิษณุเท่านั้น
เอง
109/913

หล่อนรู้สึกว่าเพื่อนของหล่อนช่างไม่เอาไหนเลย เป็นคำพูดทื่อๆ เกิน


ไป
“จันทร์…แกพูดอะไร”
“ไม่เป็นไรฮะ” ศศินรีบบอก “ผมอาจจะซ้ำซากไปหน่อย”
“มาทำไม”
หล่อนยังถามต่อทื่อๆ อีกนั่นเอง เพราะหล่อนมีความรู้สึกว่าเขาไม่
น่าจะมาปรากฏตัวให้เห็นอีก มีอะไรบางอย่างบอกว่าเขาจะเป็นตัวปัญหา
ของหล่อน
เขาก้มลงมามองใกล้ๆ ท่าทีของเขาเยือกเย็นเป็นอันมากแววตาของ
เขาพราว…เป็นแววตาแบบผู้ชายพึงมองผู้หญิงทีเดียวและทำไมพิมพิกาจึง
รู้สึกหวั่นไหวเหมือนว่าเขากำลังจะลอกผิวกายภายนอกของหล่อนออกจน
หมด แล้วเพ่งมองลึกถึงข้างในก็ไม่รู้ได้เหมือนกัน
“ผมเป็นห่วง”
“คนแปลกหน้ามาห่วงทำไมกัน”
“ไม่รู้ซิ ตั้งแต่เจอคุณ…ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนกันเอง”
“สติคุณดีหรือเปล่า”
“จันทร์…” ชนิตาร้องอีกแล้ว
“ฉันสติดี…”
110/913

“ผมสติไม่ดีก็ได้…ถ้าหากว่าจะทำให้คุณจันทร์สบายใจขึ้น…ผมชอบ
บทบู๊ของคุณ”
“บทบู๊?…อะไรกัน”
พิมพิกาถามงงๆ ก่อนจะนิ่งไปนานกับคำตอบชัดเจนของเขา
“ก็เมื่อคืน…”
พิมพิกาครางออกมาในที่สุด…แล้วหล่อนก็ฉุนเฉียวใส่
“คุณเป็นใคร…มีเจตนาอะไรกันแน่”
“ผมบอกแล้วว่าชื่อศศิน”
“ฉันเบื่อการแนะนำชื่อตัวเองของคุณเต็มที บอกอย่างอื่นเป็นบ้าง
ไหม”
“เป็น…แต่ผมเท้าความนิดหน่อยไง ผมว่าคุณกำลังมีอคติทำไม
ล่ะ…เพราะผมเป็นพี่ชายของบุษยาหรือ คุณถึงทำท่าไม่อยากจะคบหากับ
ผม”
“พี่ชายของแม่คนนั้น”
“ใช่”
“พี่ชายแท้ๆ ?”
“เปล่า ผมเป็นลูกผู้พี่”
“ดีละ…ฉันอยากจะถามเหมือนกัน”
111/913

“ถามอะไร…หากผมตอบได้ด้วยความยินดีแสมอ”
“ครอบครัวของคุณสอนลูกผู้หญิงมาแบบนั้นหรือ…แบบยื้อแย่ง
ช่วงชิง”
“เขาบอกว่าเขาไม่มีเมีย คุณจันทร์เป็นเมียของเขาหรือเปล่า…”
เขาถามกลับมาตรงๆ พิมพิกาเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะให้คำตอบ
“ใช่…ฉันเป็นเมียเขา”
“เฮ้…จันทร์…แกจะมั่วอ้างนิ่มๆ แบบนั้นทำไม”
ชนิตาร้อง แต่พิมพิกาตัดบทว่า
“แกจะมารู้ดีกว่าฉันไม่ได้…ตา…ถ้าฉันบอกว่าใช่คือใช่ น้องเขาแย่งผัว
ฉัน…และเกมนี้ต้องเอาคืน…”
“แกบ้าแล้วจันทร์…บ้าจริงๆ กับการอ้างเรื่องแบบนั้น…แกจะลด
ตัวเองต่ำลงไปทำไมกัน”
10

คนแแปลกหน้าอีกคนสำหรับพิมพิกาก็คือวิษณุ หล่อนชักสีหน้า
เคร่งไว้ก่อนเพราะอารมณ์เดิมหล่อนขุ่นมัวนั่นเอง และเสียงถามของ
หล่อนก็ตวัดห้วน
“ใครแห่กันเข้ามาอีกล่ะ หมอหรือไม่ใช่หมอ”
“ผมมาดูคุณ…เพราะ…”
วิษณุชายตามองไปทางชนิตาคู่ปรับของเขา เจ้าหล่อนเชิดหน้า
เย่อหยิ่งมาก เขาหมั่นไส้หล่อนเหลือเกิน เปรมที่ตามหลังเขาเข้ามาก็
กระสับกระส่ายด้วยความไม่สบายใจ เปรมพยายามจะมองสบตากับชนิตา
แล้วเปล่งประกายตาวิงวอนให้ชนิตาอ่อนลงมาสักนิด เพราะเปรมรู้ว่าหาก
วิษณุอารมณ์เสีย เปรมจะเดือดร้อนมากกว่าทุกคน เพราะเปรมเป็นคน
ใกล้ชิดสนิทสนม วิษณุ ‘ลง’ กับใครไม่ได้ก็มาสรุปที่เขาเสมอ
แต่ชนิตาไม่ยอมสบตาด้วย หล่อนไม่ยอมเปิดเครื่องรับสัญญาณขอ
ความช่วยเหลือจากเปรมเลย เปรมก็เลยร้องร่ำในใจว่า
113/913

…พี่ตาใจร้าย ไม่เห็นใจกันมั่ง เรื่องเดือดร้อนจะลงกบาลเปรมแย่


แล้วเชียว ยังทำหมางเมิน คุณวิษก็แปลกๆ ตอแยพี่ตาดีนัก จะว่าชอบ
หรือ…ไม่น่าจะใช่ จะว่าเกลียดก็ปักใจไม่ได้…พิลึก…
“ผมเป็นนายของชนิตา”
“นาย?”
“ครับผม” วิษณุตอบสุภาพนัก
ครับผมจากปากเขาทำให้ชนิตาต้องตรวจสอบตัวเองในเวลาอันสั้นว่า
หล่อนขี้หมู ากไปหรือเปล่า หล่อนเอามือตบทีห่ ูขวาเบาๆ แล้วเอียงศีรษะลง
คงไม่ใช่…วิษณุสติแตกไปเสียมากกว่า…หรืออาจจะเป็นเพราะหมอนี่มา
สนใจพิมพิกา เพื่อนของหล่อนเป็นคนสวยผู้ชายคนไหนมองข้ามพิมพิกาก็
นับว่าประหลาด แต่ทปี่ ระหลาดยิ่งกว่าก็คือนายของหล่อนไม่เคยสนใจ
ผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
ชนิตาคิดในทางชั่วร้ายด้วยซ้ำไปว่าเขาเป็นเกย์ เขานอนกับผู้ชายด้วย
กัน และอีตาเปรมอาจจะเป็น ‘คู่ซ้อม’ ของเขาคนหนึ่ง
เขามาสนใจพิมพิกา…ประหลาด…แต่การที่คนอย่างเขาจะทำอะไรประ
หลาดๆ พิสดาร…หล่อนไม่สู้จะชอบใจอยูแ่ ล้ว และชนิตาคิดว่าหล่อนจะ
ต้องปกป้องเพื่อนของหล่อนเอง
พิมพิกาไม่เหมาะกับคนสติวิปลาสอย่างวิษณุ
“อย่าไปสนใจเขาเลยจันทร์…”
114/913

ชนิตาสอดขึ้นมาแล้วยังไล่วิษณุอย่างปราศจากความเกรงใจ
“กลับได้แล้ว มาเกะกะเปล่าๆ ”
“ตา…”
พิมพิการ้องตกใจที่เพื่อนของตัวกลายเป็นแบบนั้น ชนิตาอารมณ์เสีย
ฟึ่ดฟั่ดเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าน่าแปลกมาก ปกติเพื่อนของหล่อนไม่ได้เป็น
แบบนี้
“เขาเป็นนายของเธอนะ”
“แล้วไง”
พิมพิกายิ่งตกใจ “แกพูดอะไร”
“ผมปลงแล้ว” วิษณุแทรก “ผมมาตามลูกน้องไปช่วยงาน”
“แล้วไงคะ”
“เพื่อนคุณไม่ยอมไป”
“ทำไมล่ะตา”
“เพราะเป็นวันหยุดของฉัน…”
“จะจ่ายค่าแรงพิเศษ”
“เงินซื้อฉันไม่ได้”
“งานนะ”
115/913

พิมพิกาพึมพำก่อนจะสะดุ้ง เพราะเพื่อนของหล่อนกลายเป็นนาง
แม่มดขึ้นมากะทันหันเลยทีเดียว
“แกรู้อะไร…งานฉันก็ทำเต็มที่ในเวลา…แล้วนี่วันลาของฉัน…วัน
พักผ่อน…จะมาจิกหัวกันไม่ได้อีก”
ชนิตาหันไปมองวิษณุตรงๆ หล่อนไล่เขาอย่างปราศจากความเกรงใจ
“กลับไปซะนะ…ไปให้พ้น”
เขาโกรธมาก เพราะการขับไล่ของหล่อนนี่เอง คนอย่างเขาไม่เคย
เสียหน้าเท่านีเ้ ลย แต่เขาต้องข่มใจตัวเอง วัยของเขาไม่อาจจะลดตัวลงไป
ต่อกรกับชนิตาได้โดยถนัด เขาก้าวเข้าไปใกล้กับพิมพิกาที่นั่งอยู่บนเตียง
“ผมมาทำคอนโดเทลที่นี่ คืนนี้เราจะมีงานเลี้ยงเปิดตัวโครงการอย่าง
เป็นทางการ ผมต้องการให้คุณไป”
“เชิญฉันหรือคะ”
ชนิตาทำเสียงเเค่นๆ ในคอราวกับจะขัดจังหวะ
“ดีจังเลยค่ะ” พิมพิกาตื่นเต้นมากกว่าเหตุอีกแล้ว “ที่ไหนคะ”
“ชนิตารู้ดี”
“ฉันจะเป็นแขกรับเชิญของคุณหรือคะ”
“ใช่ ถ้าคุณไปไหว…”
“ขอบคุณค่ะ แล้วเจอกันคืนนี้”
116/913

“ผมจะรอ…”
เขาบอก ทิ้งตาไปทางชนิตาอีกแล้ว แสงจากดวงตาของเขาวาววับ
ราวกับจะบอกว่าเขาเป็นผู้ชนะอีกจนได้ แล้ววิษณุก็เดินออกไป มีเปรม
ตามติดหลังกระชั้นชิดเหมือนเคย
ส่วนชนิตา…หล่อนถลามาชิดขอบเตียง ท่าทางของหล่อนโมโหจน
หัวเสียเลยทีเดียว
“นังจันทร์…” ชนิตาร้องโวยวาย “แกทำอะไรลงไป…แกทำให้ฉัน
ขายหน้า”
“ขายหน้า?”
“ใช่ มากด้วย”
“แกพูดอะไร”
“อย่ามาทำท่าเซ่อนะ แกไปรับปากเขาทำไม แกเริ่มสนใจเขาหรือ”
“เขาเป็นเจ้านายแกนะ ทำไมแกแข็งข้อกับเขาขนาดนี้”
“เพราะฉันเกลียดเขา”
“เกลียด?”
“มากด้วย”
คำก็มาก…สองคำก็มาก…ชนิตาย้ำแต่คำนี้ หล่อนกับวิษณุเหมือนคู่
กัดกัน ใครจะมองหล่อนว่าไม่เจียมตัวในการเป็นลูกน้องก็ช่างเถิด…หล่อน
117/913

ไม่ถือสา และแม้แต่พิมพิกาก็ยังสงสัย เพื่อนของหล่อนไม่ใช่คนที่จะทำ


นิสัยแบบนี้เลย น่าจะเป็นนิสัยของหล่อนเสียมากกว่า ใครที่ทำให้ชนิตา
ฟึ่ดฟั่ดใส่ได้ย่อมนับว่าเป็นคนที่ควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้ว
“ฉันไม่ชอบเขาเลย”
“แกยังทำงานกับเขานะ แกยังต้องพึ่งพาเขาทางเศรษฐกิจแกจะหางาน
ใหม่ทำหรือ”
“ไม่”
“แกก็ควรจะลงให้กับเขา”
“ไม่”
“แกบ้าแน่ๆ ”
“ฉันจะทำงานที่นั่น เขาไม่กล้าไล่ฉันออก และฉันจะไม่ลาออก…”
“ความจริงอย่างหนึ่งนะ ตา ตราบใดที่เราด้อยกว่าเขา…เป็นลูกน้อง
เขา วันหนึ่งเราก็พ่ายแพ้เขา…เหมือนพ่ายแพ้ภัยตัวเอง”
ชนิตาส่ายหน้า “เขาบีบฉันแน่ แต่ฉันไม่ยอมแพ้ ผู้ชายคนนั้นคงจะ
หัวเราะเยาะสะใจฉัน…หากฉันอ่อนแอแล้วลาออก”
“เขาไล่แกออก…จะทำให้แกขายหน้า”
“บอกแล้วว่าเขาทำไม่ได้”
“แกคงไม่ได้เอากฎหมายแรงงานไปอ้างกับเขา”
118/913

“เปล่า…ฉันคิดว่าเขาไม่โง่ เขารู้ว่าฉันทำอะไรให้เขาได้มากมาย และ


แม่เขาก็ชอบฉัน” ชนิตายิ้มหวานบนหน้า “คุณหญิงเพลินเป็นหุ้นใหญ่ตัว
จริงของจริง หากเขาแน่จริง…เขาควรจะออกจากอกแม่ ฉันว่าเขาไม่เท่าไหร่
เลย เขายังซุกอกแม่ด้านการเงินแต่ตอนนี้เรื่องของแกกับฉันก็คือแกไป
รับปากเขาทำไม”
“เพราะฉันไม่อยากนอนในโรงพยาบาล”
“แกสนใจเขาใช่ไหม”
“แนะนำให้ฉันหาใหม่ไม่ใช่หรือ ผิดจากมณฑล…น่าจะมีใครเข้ามา”
“ทำไมไม่เป็นคุณศศิน”
“โฮ้ย…ฉันให้แก…” พิมพิกาตอบหน้าตาเฉย “ฉันจะไปนะแล้วแกจะ
ต้องพาฉันไป”
ชนิตาหน้ามุ่ย
“แกอย่าหวัง ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน…ถ้าหากฉันไป…เขาจะต้องเอา
มาเป็นแต้มต่อหัวเราะเยาะฉัน หรือแกอยากจะเห็นเพื่อนแสนดีของแกคน
นี้ขายหน้า”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
วิษณุเดินหน้า…เปรมตามมาข้างหลัง เป็นภาพตลกเหมือนกันสำหรับ
ศศิน แต่เขาก็ออกไปขวางหน้าวิษณุไว้
119/913

“จะกลับหรือครับ”
“ผมไม่ค่อยจะมีเวลา…”
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมคุณจันทร์”
วิษณุชะงักทันที คำพูดของศศินเรียบสนิท แต่ราวกับจะบอกกล่าว
นัยๆ ว่าเขาเป็นคนที่ดูแลพิมพิกาอยู่
“คุณเป็นเจ้าของไข้หรือ”
“ก็ทำนองนั้น”
“คืนนี้ไปงานผมซิ”
“ถ้าผมว่าง…”
“คุณจันทร์เธอจะไป…”
ศศินรับรู้ เขาเดินกลับมาหาดนุ
“คุณจันทร์ทำท่าเสน่ห์แรง”
“ต้องระวังแล้วฮะ”
“ระวังอะไร”
“ก็เสน่หห์ ญิงระดับไหนฮะ ขอโทษนะฮะ แฟนตีจากไปเป็นคู่หมั้น
คุณบุษยาจนเจ้าจันทร์อาละวาดเปิดเปิง”
“เสน่ห์กายอย่างหนึ่ง…เสน่ห์เงินตราก็อีกอย่าง…”
120/913

ดนุถอนใจยาว
“สงสารยายจันทร์…เด็กดีคนหนึ่ง”
“รู้จักเธอดีไหม”
“ก็ไม่มากฮะ ต้องยายตา…คูซ่ ี้กันมาก…สนิทกันมาก มีคนเข้าใจผิดๆ
ก็มามากว่ามีอะไรกันไหม ยายจันทร์สวยหวานแบบนั้นยายตาก็เรียบๆ
…ไม่แต่งหน้าแต่งตัวอะไร…เลยอาจจะมองเป็นคู่พิเศษ”
“ผมไม่มองแบบนั้นเลย เธอเป็นผู้หญิงสองคนที่รักกันอย่างเพื่อน
เป็นความรักที่น่าชื่นชมมาก”
“คุณสนใจยายจันทร์หรือฮะ”
ศศินอมยิ้ม
“แกกำลังน่าสงสาร รอดได้วันนีก้ โ็ ล่งใจ…งานเสร็จด้วยหากแกจม
น้ำตาย ผมคงจะบาปไปชั่วชีวิต”
“ผมอาจจะสนใจเพราะชื่อเราแปลความหมายได้อย่างเดียว
กัน…พระจันทร์…แต่เราจะเป็นจันทร์ดวงเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้ได้”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกาออกจากโรงพยาบาล หล่อนเช็กออกโดยอ้างเต็มปากว่า
หล่อนปกติดีทุกประการ ชนิตาหมั่นไส้เพื่อน…เมื่อพิมพิกามาแต่งตัว
สวยเตรียมไปงาน
121/913

“แกคงจะไปเป็นไม้ประดับงานเขา”
“ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ เฝ้าห้อง ได้หาเหล้าดื่ม คุยกับผู้คนไง”
“ฉันไม่ไปกับแกนะ”
“ว้า…แล้วฉันจะไปยังไง”
“ฉันจะไปส่งแกหน้างาน”
“แล้วไง”
“รอแกในรถ”
“แกแน่ใจ?”
“ใช่”
“ทำไมแกใจเเข็งนัก”
“แกไม่ต้องมาถาม อยากไปสนุกก็เอาเลย”
“แกอาจจะเปลี่ยนใจตอนหลัง”
แต่ชนิตาไม่ยอมเปลี่ยน หล่อนสวมกางเกงยีนส์ตัว…เสื้อยืดตัว มา
นั่งในรถ หน้าบึ้ง ตาวาว
พิมพิกานั้นสวยเช้ง ชุดกระโปรงที่มมี าด้วยเสมอยามเดินทางทำให้
พิมพิกาเดินเข้างานได้อย่างสบายๆ คอนโดเทลสูงตระหง่านประดับไฟ
งดงามนัก ส่วนหนึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว บางส่วนกำลังก่อสร้างอยู่ ผู้คน
122/913

มากมาย และรถยนต์งามๆ ก็จอดกันเป็นตับ พิมพิกามองรถสวยพวกนั้น


แล้วถอนใจเฮือกใหญ่
“แกเห็นไหมตา…รถสวยๆ …”
“เห็น…ตาฉันไม่บอด”
“น้ำลายหกเลย”
“แกเป็นนังงกมานานแค่ไหนแล้ว”
“ความไม่มี…”
“แกมี…แต่แกทะเยอะทะยานมากไป”
“ฉันต้องมี แล้ววันใดฉันมี…!” น้ำเสียงของพิมพิกาหมายมาด “ฉัน
อยากรู้ว่าคนบางคนมันจะคลานกลับมาซบแทบเท้าฉันไหม”
“แกไม่ควรคิดถึงมณฑลอีก”
“ฉันอยากดูน้ำหน้าเขาวันนั้น”
“แกจะตอบแทนเขาเเบบไหน แกต้องจำไว้ว่าแกจะต้องรับสิ่งเดียวกัน
ตอบสนองกลับมาด้วย”
พิมพิกายักไหล่นิดๆ
“ฉันขอแค่ดูน้ำหน้าเขา…หากฉันได้ฉันมี…ฉันจะขอแค่นั้น”
“แกจะได้จะมี…โดยแกมีหัวใจติดตัวไหม ความรู้สึกนึกคิดดีงามของ
แกยังจะมีเหลืออีกแค่ไหนหือจันทร์”
123/913

“ต้องมีซิ”
“แกจะหาคนรวยใช่ไหม”
“ใช่”
“คุณศศินไง”
“แกเชียร์เขาจริง”
“เขาดี…”
“ผิวเผินนัก”
“แล้วอีตาวิษณุไม่ผิวเผินด้วยหรอกรึ”
“อย่างน้อยคุณวิษณุไม่มีญาติชื่อยายนุ่น…ขอให้รู้”
พิมพิกากระแทกเสียงใส่ ชนิตาเลยเงียบเฉยเสีย
11

ชนิตานั่งคอยในรถ หล่อนไม่ยอมลงไปร่วมงานด้วยหล่อนมี
ความรู้สึกว่างานของวิษณุเป็นสิ่งที่หล่อนไม่อาจจะเข้าไปทนดูได้ หล่อน
ไม่อยากจะเห็นเขาวางมาดเป็นพระเอกเที่ยวเดินกร่าง หล่อนรับเขาไม่
ได้เลย ชะตาของหล่อนกับเขาไม่ต้องกัน หล่อนไม่ชอบเขา และแน่ใจ
ว่าเขาคงคิดแบบเดียวกันนั้น แต่มันชวนสะใจกว่า เพราะเขาเอาหล่อน
ออกจากงานไม่ได้หล่อนเหมือนหนามแหลมทิ่มตำใจเขา หล่อนคงจะ
ขวางตาเขาแสนสาหัส
แต่ก็สะใจ…เขาคงทรมาน…
หญิงสาวเอนตัวลงจะนอนพักระหว่างรอ แต่หล่อนก็ถูกทักทายด้วย
เสียงห้าวๆ
“คุณจะไม่ลงหรือฮะ”
หล่อนมองเห็นศศินยืนอยู่ข้างนอกรถ เขายิ้มมา จากแสงไฟสาด
กระทบมองเห็นเขาถนัด และเพื่อนของหล่อนกำลังประจันหน้ากับเขา
125/913

พิมพิกาคนงามกำลังปั้นท่าจองหอง…ก็ตามถนัดของพิมพิกาเอง
ชนิตาเคยอ่อนใจกับเพื่อนเสมอมา “ไม่มังคะ”
เพราะหล่อนยังไม่ได้เอากระจกขึ้น เขาก้มหน้าลงมามองหล่อนอย่าง
สังเกต
“คุณแข็งข้อกับเขาจริงๆ ”
“ฉันเป็นลูกน้องที่เลวค่ะ”
“นั่นซิ…แล้วเขาทำไมปล่อยวาง” ศศินฉงน “ผมได้ยินคำร่ำลือ
เกี่ยวกับเขามากมายไปหมด เขาเป็นคนทำงานจริง ดุเด็ดขาดมาก ลูกน้อง
ไม่มีใครกล้าหือกับเขาเลย”
“ตรงนี้ทำให้เขาได้ใจค่ะ คนเราได้ซะทุกอย่างกับทุกคนไป เขาจะรูไ้ ด้
อย่างไรกันคะว่าตัวเองบกพร่อง ฉันพยายามเป็นกระจกส่องเขาให้เห็น
ตัวเองค่ะ เห็นภาพแท้ๆ ที่ไม่ปรุงแต่ง ไม่ยกยอปอปั้นจนเหลิง”
“ผมเดาว่าเขาคงไม่ชอบ”
“โธ่…คุณ” ชนิตาลากเสียง เท้าแขนกับขอบหน้าต่างรถ “ใครบ้างคะ
ยอมรับความจริง มันของแสลง…ยิ่งสำหรับคนหลงตัวเอง…มันไม่ดีเลย”
พิมพิกากระแอมในคอเบาๆ ราวกับจะเตือน ชนิตามองเพื่อนแล้ว
หัวเราะ
“ปกติฉันไม่ใช่คนเลวร้ายเลยค่ะ เป็นคนดีมากๆ หัวอ่อนว่าง่าย แต่
กับเจ้านายคนนี้…ฉันร้ายกาจสุดฤทธิ์”
126/913

“คงจะโดนไล่ออกเร็ววัน”
พิมพิกาออกปาก ศศินหันมองหล่อนตรงๆ เมื่อเช้าหล่อนยังนอนซม
แซ่วในโรงพยาบาล ตกค่ำหล่อนแปลงโฉมตัวเองจากชุดคนไข้มาเป็นสาว
งาม หล่อนสวยพอจะเป็นนางเอกโฆษณาได้ แต่หล่อนเป็นแค่ตัวแทน เขา
ยอมรับว่าเขาสนใจพิมพิกา อย่างน้อยที่มามากกว่าความสนใจเมื่อแรกเห็น
ตอนหล่อนยกกระโปรงอวดขาอ่อนกวัดไกวและเห็นรำไรเข้าไปในนวลเนื้อ
ของซอกหลืบขาก็น่าสนใจพอแรง
มาเพิ่มเพราะเขาฉงนว่าผู้หญิงสวยอย่างหล่อน ท่าทางฉลาดเฉลียว
และค่อนข้างจะ ‘เฮ้ว’ ไม่กลัวเกรงใคร ทำไมถึงยอมเป็นแฟนกับมณฑล
เพราะเขามองมณฑลแบบติดลบเสมอมา และเขาไม่เคยวางใจมณฑลเลย
เพราะเขาห่วงบุษยา เขากลัวญาติผู้น้องจะต้องช้ำใจ เพราะมณฑลนั้น
ท่าทางความรับผิดชอบต่ำหากแต่ศศินอยากจะปักใจตั้งแต่รู้ว่าพิมพิกาก็
เป็นแฟนของมณฑล…ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนมีเสน่ห์
“ผมขอควงคุณได้ไหม”
“จะลบบุญคุณหมดไหม”
“ยายจันทร์…”
ชนิตาท้วง แต่ศศินหัวเราะหึๆ
“เราติดค้างอะไรกันนักหนา”
“ที่คุณช่วยจอดรถสงเคราะห์รับเราข้างทาง…ที่คุณไปประกันตัวฉัน”
127/913

“อย่างแรกลบแล้ว อย่างหลัง…ผมว่าน่าจะราคาแพงกว่าการขอให้คุณ
ให้เกียรติผมเข้างานนะ”
“เป็นอันว่าเราเหลือค้างกันอีกอย่าง”
“กลัวผมทำไม?”
“เพราะคุณเป็นญาติของผู้หญิงคนนั้น…”
“ยายนุ่นน่ะหรือ”
“จะชื่ออะไร…ฉันไม่อยากสนใจ”
“เพราะระคายใจ?”
คำถามดักคอนั้นทำให้พิมพิกาเม้มปากหากัน หล่อนอาจจะเป็นคน
มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก่อนหน้านี้ แต่เพราะเขาก่อกวนเล็กๆ เมื่อแรกการพบ
กันที่เขาทำท่ากรุ้มกริ่มเล็กนั่นเอง ทำให้หล่อนรู้สึกว่าเขาหยาม การโบกรถ
ข้างถนนไม่ได้เพราะหล่อนต้องการให้ท่า แต่เพราะหล่อนกำลังเดือดร้อน
เขาช่วยหล่อน แต่ดูมีนัยไม่ดี พิมพิกาลืมมองไปว่ายามนั้นอารมณ์
ของหล่อนกำลังระอุเพราะการกระทำของมณฑล และหล่อนมารู้ภายหลังว่า
เขาคือญาติของบุษยา
หล่อนชังน้ำหน้าเขา…
บุษยาคือผู้หญิงที่มณฑลเลือก…เขาทิ้งหล่อน…เขาลืมสัญญาต่อ
หล่อน…และเขายังลืมคืนเงินหล่อนอีกด้วย
128/913

เงินห้าแสน…สำหรับหล่อน…มันเป็นเงินก้อนใหญ่ หล่อนเก็บหอมรอ
มริบจากเงินทุนที่พ่อแม่ฝากสะสมและเขาเอาไปถลุงเล่นหล่อนไม่สามารถ
จะเรียกร้องทวงคืนได้ มณฑลอ้างว่าการลงทุนติดลบ หุ้นราคาตกดิ่งลงเหว
ทุกตัวที่เขาช้อนซื้อ
พิมพิกายังไม่เข้าใจจนกระทั้งยามนี้ว่าหล่อนผิดหรือ…
หญิงสาวอยากจะโทษตัวเองประการเดียว…โทษความรักที่ทำให้หูตา
มัวมน ชนิตาบอกว่าความรู้สึกมากล้นแบบนั้นไม่ใช่ความรัก…แต่เป็นความ
หลงเสียมากกว่า
ความหลงของหล่อนก่อพิษ…หล่อนเสียเงิน…
ยังดีที่หล่อนไม่เคยเสียตัว…เพราะพิมพิกาไม่กล้า หล่อนเติบโตมากับ
ครอบครัวหัวโบราณ พ่อแม่เชื่อมั่นในขนบประเพณีถูกฝังหัวว่าอย่าทอด
กายเสียแต่แรกให้ชายเชยชม…ต้องให้ผ่านพิธีก่อนหล่อนจึงรอดปลอดภัย
มาจากมณฑล แต่ก็ทำท่าจะไม่รอดหลายหนเหมือนกัน…เรียกว่าพ้นมา
หวุดหวิด โดยที่พิมพิกาไม่รู้ว่าข้อนีม้ ณฑลก็ขุ่นเคืองใจไม่น้อย เพราะปกติ
เขาไม่เคยพลาด
“มันเรื่องของฉัน”
หล่อนบอก ยกคางเชิดขึ้น ท่าทางของหล่อนจองหองและแม้แต่ชนิตา
ก็ยังมองอย่างระอาหัวใจเต็มที
“อย่าเข้าไปตีกันในงานแล้วกัน”
129/913

“ผมว่าคุณจันทร์เข้าใจผมผิด ผมคิดว่าคุณจันทร์ควรจะแยกแยะว่า
นี่คือผม…ไม่ใช่ยายนุ่น แล้วผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นตรงนั้นเลย…”
“จะเข้าไปเลยไหม” พิมพิกาถามเสียงกระด้าง
“คุณตาไม่เปลี่ยนใจหรือฮะ”
“ไม่ล่ะค่ะ ถ้าเข้าไป คนที่จะสติแตกฟิวส์ขาดคือฉันแน่ๆ ”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“ชนิตาแน่มาก”
เขาเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาไม่ดังมากนัก แต่เปรมที่ประกบตาม
ติดเขาได้ยินถนัด ที่พูดประโยคนี้ออกมาเพราะวิษณุมองเห็นพิมพิกาเข้า
งานมาพร้อมกับศศิน
คู่ของหนุ่มหล่อสาวสวยสมกัน…ชวนให้มองตามด้วยความชื่นชม
ศศินกับสังคมระดับนี้เขาไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่พิมพิกาคือเสียงถาม
ต่อตามๆ กันทำนองว่าแล้วหล่อนคือใครมาจากไหน
หล่อนมาปรากฏตัวเคียงข้างศศินได้อย่างไรกัน…
“ชนิตาไม่ยอมมา”
เปรมได้ยินเสียงคนเป็นนายเอ่ยต่อ เขารีบขานรับปะเหลาะไม่ให้นาย
อารมณ์เสีย หน้าทีข่ องเปรมที่สำคัญยิ่งก็คือลดความร้อนของวิษณุให้เป็น
ความเย็น แต่ก็ทำท่ายากเอาการเหมือนกันเพราะวิษณุนั้นเป็นคนขี้โมโห
130/913

ง่ายเหลือเกิน แต่กับเฉพาะคนใน…คนแวดวงใกล้ๆ ตัวเขาจะพบเจอพายุ


โทสะได้ไม่ยาก แต่คนพ้นห่างจากตัวเขาแล้ว วิษณุก็ยังเพลาๆ ลงไปบ้าง
“คงไม่ว่าง…หรือไม่ก็พักผ่อน พี่ตาเหนื่อยมากตลอดปี…เพิ่งจะลาพัก
ผ่อน”
“อ้อ…”
วิษณุทำเสียงต่ำๆ ในลำคอ เปรมก็หนาวสะท้าน รูว้ ่าตัวเองกำลังแส่
ไปนอกหน้าอีกแล้ว จึงก้มหน้าลงทำท่าเสงี่ยมเมื่อวิษณุตวัดตามองมา เขาก็
ไม่พบว่าเปรมปั้นหน้าระรื่นชวนโมโหกว่าเดิมเรียกว่าพอจะผ่อนหนักให้เป็น
เบาได้นิดหน่อย
“เข้าข้างกันดีนัก ออกไปตามหานะ ฉันขอเดาว่าชนิตาต้องมาแล้วนั่ง
รอในรถหน้างาน”
“ทำไมคิดว่าพี่ตาต้องทำแบบนั้น”
“เพราะยายนั่นเป็นคนโรคจิตไงเปรม” เขาตอบเสียงหนัก “พอกวน
โทสะใครได้ก็ระรื่นสุขใจ ยิ่งทำกับฉันได้…ยายชนิตาไม่เคยรอช้า…ต้อง
ลงมือทำเลย ฉันเป็นใครกันเปรม…หือ…ฉันเป็นเจ้านายหรือลูกจ้างยายคน
นั้น”
“พี่ตาลาพักผ่อนตามสิทธิ์…”
“นายเลยมองว่าล่วงละเมิดสิทธิ์ที่ว่านั่น”
“โอ…เปล่าครับ…เปล่า…ผมไม่บังอาจ”
131/913

“เพราะฉะนั้นไปดูนะ…หาให้เจอ”
“รถออกมาก” เปรมหน้าจ๋อย
“ถือว่าเป็นคำสั่งทำงาน…”
“ผมต้องไปเดินด้อมๆ แถวรถทุกคัน”
“ใช่”
เปรมอยากจะร้องไห้โฮ…แต่เขาไม่มีทางเลือก
ส่วนวิษณุ…เขาไปต้อนรับศศินและพิมพิกาด้วยตัวเอง
พิมพิกาไม่มีเค้าคนป่วยใกล้ตายเพราะจมน้ำเลย หล่อนอาจจะแค่
สำลักเล็กน้อย และหล่อนอาจจะเป็นผู้หญิงปอดเหล็กคนหนึ่ง หล่อนจึง
ฟื้นร่างกายได้ไว และหล่อนก็มาทำหน้าสวย
หล่อนสวย…วิษณุยอมรับ…และบุคลิกของพิมพิกาค่อนข้างดีอีกด้วย
การที่ปรากฏตัวข้างกายศศินนับว่าเหมาะสมกัน
และวิษณุยอมรับว่าเขาสนใจพิมพิกาเหมือนกัน เพราะหล่อน
เป็นเพื่อนของชนิตา
เขากับชนิตาไม่เคยลงรอยกัน แต่พิมพิกาท่าทางจะมีมนุษยสัมพันธ์ดี
กว่า
“ไม่คิดว่าคุณจะมา”
“ฉันชอบออกงานค่ะ”
132/913

“มากับคุณศศิน…”
“เราเจอกันหน้างานนี่เองค่ะ”
“ผมนึกว่ามาด้วยกัน”
“เปล่าค่ะ ฉันมาของฉัน…เขามาของเขา…คนละส่วนกันเลย”
“แล้วชนิตา?”
พิมพิกาอึ้งไป หล่อนกับชนิตาเป็นเพื่อนรักกัน และหล่อนสามารถรับ
ได้ถึงความไม่ลงรอยกันของเขากับเพื่อนหล่อนพิมพิกาไม่ขายเพื่อนด้วย
การบอกว่าชนิตามาด้วยแต่ไม่ยอมลงจากรถ
“ตาขอพักค่ะ”
หล่อนไม่ได้โกหก เพราะหล่อนบอกไม่หมดว่าชนิตาพักรอที่ไหน
อย่างน้อยพิมพิกาถือว่าหล่อนเองไม่ได้ประพฤติผิดศีล…หล่อนยังทำ
ถูกต้องตามศีลธรรมอยู่ทุกประการ
ศศินเองก็ยังชมหล่อน และแน่ใจว่าระหว่างพิมพิกากับชนิตาคือ
ความผูกพันกันแน่นแฟ้นนัก
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณหญิงเพลินอยู่ในกลุ่มของเธอ มีคุณผ่องพรรณรวมอยู่ด้วย
ตรงนี้เป็นมุมของหญิงสูงวัย แต่เป็นหญิงระดับไฮโซฯตัวจริง เพราะ
133/913

แต่ละคนล้วนแล้วแต่มั่งคั่งด้วยโภคทรัพย์มาช้านาน และไม่เคยมีเรื่อง
ด่างพร้อยอันใด
คุณผ่องพรรณต้องหันตามคุณหญิงเพลินที่ร้องบอกว่า
“ลูกชายแน่ะ คุณผ่อง”
“ตาศินหรือคะ…เอ๊ะ…ทำไมมา…ทีชวน…”
เธอหันมอง เสียงคุณหญิงเพลินเอ่ยแกมหัวเราะ
“มีเพื่อนสาวสวยๆ แบบนั้นคงคงอยากจะเอาโชว์ตัว”
“อะไรนะคะ”
คุณผ่องพรรณเสียงแหลม ตอนแรกเธอยังจับภาพของลูกชายไม่
ถนัด เพราะแขกเหรื่อละลานตาไปหมด
เธอสงสัยว่าศศินจะพาสาวคนไหนมางาน…สาวสวยด้วยหรือตอนนี้
เธอไม่เห็นลูกชายสนใจหญิงใดพิเศษ…เธอเฝ้าระแวงเสมอว่าเพราะเขา
ผิดหวังจากบุษยา เขาก็เลยทำท่าขยาดกับเพศตรงข้าม
เธอกลัวบุษยาจะมาทำให้เขาเปลี่ยนแปลง…นี่ศศินได้เพื่อนหญิงคน
ใหม่อย่างนั้นหรือ…
“เอ๊ะ...”
เธออุทานอีกหน…เพราะว่าผู้หญิงคนนั้น
“ต๊าย…”
134/913

เธอร้องเสียงแหลม ทำให้คนทั้งกลุ่มหน้าตาตื่น
“อะไรกันคุณผ่อง”
“ผู้หญิงคนนั้น?” เธอบอก “เพิ่งจะไปบูม๊ าจากงานฉลองหมั้นของ
หลานสาว…แล้วนี่มากับตาศินได้อย่างไรกัน…จะต้องไปถาม”
“ใจเย็นๆ นะคุณผ่อง”
“ตาศินแกทำชอบกล”
เธอบอก ไม่ได้ขยายความต่อว่าชอบกลแบบไหน แต่ใจของเธอร้อน
พึ่บๆ เพราะว่าเขาเป็นคนไปประกันตัวพิมพิกาออกมาเขาแสดงท่าทีสนอก
สนใจ คุณผ่องพรรณคิดแต่ว่าผู้หญิงที่ทำตัวแบบนั้นย่อมด้อยค่า พิมพิกา
ลดราคาตัวเองลง พิมพิกาไม่น่าเลยหากเป็นลูกหลานเธอจะต้องซัดให้
แหลกเหมือนกัน
…ตาศินนะตาศิน คว้ามาทำไม จะกินทีหลังนายมณฑลหรือ...
เธอร้องอุทานในใจ ก้าวตรงมาหาลูกชายและผู้หญิงโฉมงามคนนั้น
“ศิน…” เธอก้าวเข้ามาถึงตัวลูกชาย “แม่ไม่คิดว่าจะมา”
พิมพิกามองเธอ คุณผ่องพรรณยังคงความงามอยู่ และพิมพิกาก็มี
มารยาทของผู้เยาว์ เมื่อคุณผ่องพรรณหันมามองตรงๆ หล่อนก็ยกมือไหว้
เธอ และคุณผ่องพรรณไม่ใช่คนอ่อนมารยาทเธอจึงรับไหว้ ฝืนยิ้มออกมา
“เขาชวนคุณมาหรือ”
135/913

“เราเจอกันหน้างานค่ะ พอจะรู้จักกัน”
“ฉันเคยเจอคุณเมื่อคืนก่อน”
“คงใช่มังคะ”
“แล้วนี่อะไร…คุณมีเจตนาอะไร…”
พอคุณผ่องพรรณแย้มคำพูด พิมพิกาก็สามารถฟังออกอย่างเท่าทัน
ว่าเธอปรารถนาสิ่งใด หญิงสาวแย้มยิ้มฝืนแกมเยาะ
“ดิฉันไม่มเี จตนาก่อนหน้านี้…แต่ต่อไปไม่แน่…” หล่อนลดเสียงเบา
ลง “เพราะดิฉันเป็นคนไม่ชอบการท้าทาย…ยากเท่ายาก”
คุณผ่องพรรณผงะไป เธอเขย่าแขนศศิน
“ศิน…ฟังไว้นะลูก…ฟัง”
ศศินรู้สึกแต่ว่าวังวนความยุ่งยากกำลังมาโอบล้อมตัวเขาไว้อีกแล้ว…
12

คุณหญิงเพลินมองหน้าเพื่อนรุ่นน้องด้วยแววตาเห็นใจต้องคน
เป็นแม่ด้วยกันเท่านั้นจึงจะสามารถบอกได้ว่าความกังวลเพราะห่วงใย
ในตัวลูกเป็นอย่างไร คนไม่เคยเป็นแม่…ไม่มวี ันรู้สึกได้ลึกซึ้ง
เป็นอันขาด
เธอจับมือคุณผ่องพรรณไปบีบ พยายามปลอบโยนเท่าที่ทำได้
“เขาโตแล้ว เขาน่าจะรู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร ไอ้เรื่องจะมีเมียไม่
น่ากลัวหรอก กลัวจะไม่ยอมมีซะมากกว่า ลูกเราเหมือนๆ กันอยู่
นะ…แผลงนัก…เรื่องสนุกไปเป็นครั้งคราวละบ่อย เรียกว่าหาผู้หญิงมายั่ว
โทสะกับอารมณ์ของเราให้วิตกจริต แต่ไม่ยอมเอาจริงคุณผ่องระงับใจได้
ก่อนเถิด ร้อนใจคิดไปไกลเกินหน้า”
“คนของเราอาจจะทำท่าไม่จริงค่ะ แต่ฝ่ายหญิงท่าจะเอาจริง คุณพี่
หญิงไม่เห็นคืนก่อน แม่คุณเกรงใครที่ไหน คนเยอะแยะเอาเลย ผู้หญิงนะ
คะ…กล้าหาญชาญชัยปานนั้น เอาซะจนงานฉลองล่ม พกอาวุธอีกด้วย
ถามคุณแป๋วปะไร”
137/913

เธออ้างชื่อคนไปร่วมงานฉลองคืนก่อน และมาปรากฏตัวในงานเปิด
คอนโดเทลค่ำวันนี้ด้วย
“ฤทธามากนักหนา ยังกลัวว่าจะมาออกฤทธิ์อีกในงานค่ำนี้”
“ผู้หญิงสวยไม่มีฤทธิ์เลยไม่งาม”
“คุณพี่หญิงละก็”
“อย่ากลัวเลยคุณผ่อง เรื่องของพวกเด็กๆ วางใจซะ”
แต่ของเธอนั้น เปรมเเอบมากระซิบบอกสักครู่นี้เองว่าอยากพูดกับ
เธอ คุณหญิงเพลินเพิ่งสบโอกาสแยกตัวออกมา
“มีอะไรฮึเปรม…ดูทำหน้า”
“พี่ตาฮะ”
“ไหน…ฉันไม่เห็นชนิตาเลย”
เธอกวาดตามองหา คนมากก็จริงแต่ไม่ถึงกับละลานจนจะมองหาชนิ
ตาไม่เห็น
“ไม่มาซะล่ะมั้ง”
“มาฮะ”
“แล้วอยู่ทางไหน”
“นั่งรอในรถข้างนอก”
138/913

“อะไรนะ”
“พี่ตาไม่เข้ามา…”
“วิษรู้ไหม”
“ตอนแรกไม่รู้ฮะ แต่ตอนนี้รู้แล้ว ผมเลยมาเรียนคุณหญิง”
เปรมบอกด้วยน้ำเสียงยังเหลือความหวังว่าเขาจะสามารถทำให้เธอลง
มาจัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อย แววตาซื่อๆ ของเปรมฟ้องบอกว่าเขานับถือ
เธอมาก คุณหญิงเพลินถอนใจยาว เพราะรู้จักนิสัยของลูกชายคนเดียวได้
ดีนั่นเอง
วิษณุเป็นอย่างไร…เธอรู้…และชนิตาก็แข็งกระด้างกับวิษณุแบบที่เธอ
เองเคยเชียร์หล่อนมาแล้ว แต่เธอคิดว่าค่ำคืนวันนี้…วิษณุอาจจะ ‘ฉะ’ กับ
ชนิตาได้
“เปรม…แกไปบอกชนิตาทีนะว่าฉันอยากจะเจอ”
“ที่ไหนฮะ”
“เอาห้องข้างหลังโน้น มีทางเดินจากข้างหน้ามา ทางสวนดอกไม้น่ะ”
“ผมจะไปบอกเดี๋ยวนี้เลย”
เปรมทำท่าขมีขมันจากไป แต่แล้วพลันนึกได้ เขาหันกลับมา
“ถ้าพี่ตาไม่ยอมมาล่ะฮะ”
“ต้องมาซิ”
139/913

มีความแน่ใจในน้ำเสียงของเธอ แล้วเธอก็เอ่ยกับเขาอย่างจริงจัง
“เปรม…ถ้าทำงานแค่นี้ไม่ได้ แกไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ”
เปรมทำหน้าเลี่ยนๆ แล้วรีบจากไป เธอมองตามก่อนจะถอนใจ
มองเห็นลูกชายเดินเคียงข้างกับสาวงามเจ้าของชื่อไพเราะสมตัวว่าพิมพิกา
ภาพนั้นดูชักจะอย่างไรอยู่ แต่เธอรู้ว่าเพราะวิษณุชอบของสวยงาม…ไม่ว่า
จะเป็นวัตถุหรือผู้คน และสาวสวยแบบนั้น…หนุ่มไหนจะมองข้ามไปได้ง่าย
และเธอยังมองเห็นศศินเดินตามไปข้างหลัง
เธอเป็นคนเดียวที่ฉุกคิดได้ว่าชื่อของศศินและชื่อพิมพิกานั้นมี
ความหมายแปลได้ตรงกันคือแปลว่าพระจันทร์นั่นเอง
หรือว่าอาจจะเป็นชะตาลิขิต...
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“พี่ตา…”
เปรมกระหืดกระหอบมาเคาะกระจกเรียก หล่อนมองขวางๆ
“พี่ตา…ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไปไหน”
หล่อนมาทั่วตัว เปรมเกาะขอบหน้าต่างที่เอากระจกลงมองตั้งแต่หัว
ลงไปถึงเท้าของเปรมเลยทีเดียว แล้วหล่อนก็หัวเราะ
140/913

“เปรม…ยิ่งดูยิ่งหล่อแฮะ ได้ชุดสามชิ้นโก้มาก นีอ่ ีตาเจ้านายเค้าหาให้


ใส่รึ คงจะให้สมกับตามหลังเขาซินะ แต่บอกตามตรง..มันใหญ่เกินรูปร่าง
เธอไปนิด คราวหน้าขอเงินเขาตัดเอาให้พอดีตัว”
หล่อนไม่ได้ตั้งใจว่าเปรม คำพูดยืดยาวทั้งหมด หล่อนมีเจตนา
ประการเดียวคือฝากไปให้กับวิษณุเสียมากกว่า
เปรมไม่สนใจอย่างอื่น เขาพยายามจะหาทางระงับศึกค่ำนี้ หลังจาก
งานเลิก เขาค่อนข้างแน่ใจว่าจะต้องเกิดการปะทะกันของวิษณุกับชนิตา
แน่นอน
เปรมไม่ต้องการแบบนั้น เพราะหากวิษณุอารมณ์เสียเขาจะตกหนัก
มากกกว่าใคร เพราะเขาเป็นคนติดตามวิษณุ เปรมยอมรับว่าตัวเอง
เห็นแก่ตัว เขาไม่อยากจะเดือดร้อนนั่นเอง
“พี่ตา…คุณหญิงอยากพบ”
“ใครนะ”
“คุณหญิงไง”
“พบเรื่องอะไร”
“ผมไม่รู้ พี่ตารีบไปแล้วกัน”
“ฉันจะไม่เข้างาน…ไปเรียนเธอ…”
“คุณหญิงให้เดินไปทางสวนดอกไม้ เธอจะรอด้านหลังโน้น”
141/913

ชนิตาถอนใจยาว จำต้องลงไป หล่อนพาเรือนร่างอันทะมัดทะแมงใน


กางเกงยีนส์และเสื้อยืดลัดเลาะไปตามสวนดอกไม้มีช่วงหนึ่งหล่อนต้อง
ผ่านกระจกใสๆ ของห้องจัดเลี้ยงที่เป็นโถงด้านหน้า ชนิตาหยุดลงโดยไม่
ได้เจตนา เปรมเบรกตัวเองตาม เขาเกือบจะชนกับหญิงสาวเข้าแล้วเปรม
ร้องโวยวาย
“พี่ตา…หยุดเดินทำไม…”
ชนิตามองผ่านความใสแจ๋วของกระจกเข้าไปเห็นใครคนหนึ่งเขาหัน
หน้ามาทางหล่อนพอดี เปรมมองตามหล่อนแล้วร้องอุทานครางครวญ
“ฉิบหายแล้ว”
“เปรม” ชนิตาเรียกเสียงหนัก “พูดอะไรไม่เพราะเลย”
“นั่นเจ้านาย…”
“ใช่” น้ำเสียงของชนิตาเย้ยหยัน “พีร่ ู้น่า เปรมไม่ต้องมาบอกว่าเขา
เป็นใคร”
“เขาเห็นพี่ตา…”
“ตาเขาไม่บอด”
“พี่ตา…เห็นลูกกะตาเขาไหม”
“ไอ้ตาตี่ๆ ไม่สวยนั่นรึ แล้วไง…เห็นแล้วเป็นไง”
“เปรมแย่แน่เลย คุณวิษคงซักไซ้ว่าออกมาทำไม”
142/913

“ก็บอกซิว่าคุณหญิงใช้…”
“คุณหญิงเธอไม่ได้ใช้ ผมไปเสนอความคิดกับเธอ หากเธอบอก
ลูกชาย ผมโดนเขาเตะแน่ๆ ”
“เปรม” ชนิตาร้องเรียกโดยไม่ยอมหันมามอง “พีจ่ ะบอกให้เอาบุญ
นะ เขาไม่ได้มขี าคนเดียว และการเป็นนายจ้างไม่ได้ครอบคลุมไปว่าเขาจะ
ทำร้ายร่างกายเราได้ด้วย กฎหมายแรงงานคุ้มครองเราอยู่”
“ผมกลัวอยู่ดี” เปรมสารภาพ
“เปรมนะเปรม…เข้มแข็งย่ะ”
หล่อนสะบัดหน้าจากวิษณุแล้ว พอดีกับพิมพิกาเบือนมามองจึงไม่
เห็นชนิตา หล่อนถามวิษณุว่าเขาตกใจที่เห็นอะไร
“นางมารฮะ” เขาตอบนุ่มๆ
ก็ตอนทีม่ องตรงไป...ผู้หญิงทีเ่ ดินจ้ำๆ ผ่านมาคุ้นตานัก…หล่อน
แต่งตัวปอนๆ แล้วหล่อนก็หยุดมองหน้าเขา แววตาของหล่อนท้าทายจริงๆ
แล้ววิษณุมองเห็นไม่ถนัด แต่เขาอนุมานเอาเอง การไม่ต้องชะตากันทำให้
เขาคิดว่าชนิตามองเขาแบบท้าทายเสมอ หล่อนทำท่าเยาะเย้ยเขา เพราะเขา
ไม่สามารถเล่นงานหล่อนได้ ชนิตาเลยถือดี เขาหมั่นไส้หล่อน และถึงกับ
ประกาศในใจว่าหากเขาเอาชนะผู้หญิงแบบชนิตาไม่ได้แล้วเขาจะหาญกล้า
ไปทำงานใดได้ เขากับชนิตาก็เลยกระโจนลงมาในเกมเดียวกัน เกมแห่ง
การเอาชนะคะคานกัน…โดยมีเดิมพันตรงการเป็นคนชนะ…ใครแน่…ใคร
143/913

อยู่ และทีว่ ิษณุหงุดหงิดจัดก็คือขนาดว่าเขาเป็นเจ้านาย มีแต้มต่อสูงในมือ


เขายังโค่นชนิตาไม่ลง
“นางมาร?”
“ฮะ”
“มาจากไหน”
“ลุยขึ้นมาจากทะเลมังฮะ”
วิษณุตอบเป็นเรื่องเล่นๆ พิมพิกาเลยไม่เชื่อ หล่อนยิ้มหวานกับวิษณุ
และภาพทุกภาพของหล่อนเข้าตาของศศิน เขาไม่ได้หมั่นไส้หล่อน เขาขำ
มากกว่า เขาอยากรู้ว่าหล่อนจะหว่านเสน่ห์ของหล่อนอีกแค่ไหน แต่หล่อน
ทำท่าเหมือนไม่สนใจเขาเลย ศศินก็เลยอดทนเดินตาม เขาถือว่าเขามา
แล้ว…เวลาเขาเหลือเฟือ
เขารู้สึกว่าวิษณุสนใจหล่อนเข้าแล้ว พิมพิกาท้าทายดีหล่อนจะหว่าน
เสน่ห์ให้กับวิษณุไปไย…หรือเพียงแค่อยากจะลืมมณฑล
เขาทนได้…แต่พิมพิกาชักจะทนไม่ได้ หล่อนหันมาถามเขาเมื่อตอนที่
วิษณุต้องแยกตัวไปรับแขก
“ตามฉันทำไม”
“ผมสนใจคุณ”
“อะไรนะ”
144/913

“สนใจไง”
“เดี๋ยวแม่เอาตาย”
“หน้าตาแบบผมบอกยี่ห้อคนกลัวแม่หรือไง”
“อย่าทำความเดือดร้อนให้ฉันเลย”
“ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย” เขาพ้อ “ผมแค่เดินตามเฉยๆ ผมเป็นห่วง
นะ คุณคิดยังไง…เดินเกาะกับเขาทั่วงาน คนสนใจคุณมากแล้วนะ”
“มันไม่ใช่กงการของคุณ”
“ประชดแก้อาการอกหักหรือ”
“มันเรื่องของฉัน” หล่อนตอบอย่างโมโห “ไปให้ห่าง…”
“คุณกำลังตอบแทนผมอยู่ ผมเห็นจะไม่ยอมไปไหน”
พิมพิกาคอแข็งขึ้น เขามองว่าหล่อนเป็นคนเจ้าอารมณ์หนัก และเขา
เป็นคนชอบสนุกเสียด้วย เขาอยากจะยั่วหล่อนเล่น
“โกรธผมเพราะยายนุ่น…คุณเหมือนหมาป่าเลยนะ”
“พูดดีๆ นะ”
“หมาป่ากับลูกเเกะไง”
เขาพูดต่อแบบไม่ทุกข์ร้อน ไม่กลัวว่าหล่อนจะโกรธเคืองอีกด้วย
145/913

“เอาผิดกับลูกเเกะไม่ได้…โทษถึงพ่อถึงแม่ เหมือนอย่างผม…แค่เป็น
ญาติของยายนุ่น…แล้วผมก็คิดว่ายายนุ่นแกไม่ได้ไปแย่งเขามา เขามา
เอง…คุณจันทร์…” เขาปลอบเสียงนุ่มๆ “ผมอยากจะบอกว่าคุณเองมองเขา
ไม่ทะลุซะกระมัง ทำไมคุณไม่มองเขาอย่างที่เขาเป็น ทำไมไม่โทษเขา…แต่
กลับโทษคนอื่น หรือเวลาที่รักกัน…คุณลุ่มหลงจนตาบอด ผมเคยได้ยิน
คนพูดกันบ่อยๆ ว่าความหลงมันร้ายกาจมาก มันพาตาบอดใจบอดตาม
คุณจันทร์ยอมให้ตัวเองอยู่ในโลกมือแบบนั้นหรือฮะ”
พิมพิกาคอแข็ง หล่อนอาจจะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง แต่พิมพิกาก็
จำนนต่อความจริงเสมอ และแม้ว่าความจริงนั้น รสชาติของมันจะขมปร่า
หล่อนก็ต้องทนกล้ำกลืน หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ไปซะเถิด…อย่าซ้ำเติมคนแพ้”
เขาส่ายหน้า
“เหลวไหล…คุณจันทร์ ถ้าคนอกหักคือคนแพ้ ผมว่าโลกนี้จะไม่มีที่
พออาศัย คุณน่ะคิดมากไปเอง”
“ฉันจะเป็นอย่างไร…ได้โปรด…ขอความกรุณา…อย่ามายุ่ง…”
“ผมไม่มคี วามกรุณาจะให้” เขาตอบหน้าตาเฉย “เพราะผมต้องการ
จะยุ่ง”
พิมพิกาสะบัดงอนป่องๆ จากไป หล่อนไม่อาจจะทำอะไรเขาได้ และ
เมื่อเป็นเสียแบบนี้…หล่อนเดินหนีซะดีกว่า แต่ศศินยังเดินตามมา
146/913

“คนเราหนีตัวเองไม่พ้น อกหักน่ะต้องทำใจ หรือจะยอมคร่ำครวญ


ว่าตัวเองพลาดตรงไหน…พลาดแล้วก็เสียใจ…ฟูมฟายไม่เลิก…ไม่คิดจะ
ปรับปรุงตัว…ทำความสดใสแล้วเริ่มต้นใหม่”
“บอกว่าเรื่องของฉัน”
“ผมเสียดาย”
“เสียดายอะไร”
พิมพิกาหันขวับมา หน้าตาของหล่อนพร้อมเอาเรื่อง
หากหล่อนไม่สวย การปั้นหน้าแบบนี้จะน่าเกลียดนักหนา
“คุณไม่น่าจะโง่…”
“การช่วยเหลือฉันไม่ได้หมายความว่ามาด่าฉันได้นะคุณ”
“ผมไม่ได้ด่า…ผมเตือนสติ”
“ฉันขอแล้วหรือยัง” พิมพิกาถามมาเสียงเย็น
“ยัง”
“แล้วเสนอมาทำไม”
เขาเริ่มเข้าใจ แต่พิมพิกาเอ่ยต่อเสียก่อน
“อย่ามาแส่กับฉัน…ขอที…ฉันไม่มอี ารมณ์พอจะให้อภัย ไปสาระแน
กับคนอื่นซะ ความหวังดีของคุณหากฉันต้องการจะบอกเมื่อฉันยังไม่
147/913

ต้องการ…อย่าทำอีก ฉันไม่ต้องการจะเห็นหน้าคุณแล้ว…ค่ำคืนนีไ้ ปให้พ้น


จากฉันซะ”
13

“ชนิตา…มางานทั้งที…”
คุณหญิงเพลินเอ่ยก่อน แต่หญิงสาวส่ายหน้ายืนยันในเจตนาของ
ตัวเองอย่างมั่นคงเป็นอันมาก
“ดิฉันมาพักผ่อนค่ะ ลางานไว้…ไม่ได้คิดมาร่วมงานเปิดโครงการ”
“แต่เธอเป็นคนลงมือ…”
“ไม่เป็นไรนีค่ ะ ก็แค่คนทำงานเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความ
สำคัญอะไรเท่าไหร่”
คุณหญิงเพลินทำเสียงจุป๊ ากเบาๆ เธอรูว้ ่าชนิตาเป็นคนพูดตรง
สำหรับคนชอบแต่งรสหวานการเอาอกเอาใจอาจจะไม่ต้องชะตากับชนิ
ตา…หากไม่รู้นิสัยของหล่อนอยู่บ้าง แต่เพราะเธอรู้ดี เธอจึงไม่ถือสา และ
ไม่เคยคิดโกรธ
“ฉันให้เปรมไปตาม โมโหฉันหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ คิดว่าคุณหญิงคงจะมีเรื่องพูดกับดิฉัน”
“เดาออกไหมว่าน่าจะเป็นเรื่องอะไร”
149/913

“เปรมบอกแล้วค่ะว่าเป็นความคิดของเขา น่าตำหนิเปรมทีร่ บกวน


เวลาของคุณหญิงให้มาเตือน ดิฉันไม่ให้ทำเรื่อง…ก็ตั้งใจจะวางเฉย ถึงรอ
เพื่อนในรถข้างนอก เพื่อนของดิฉันอยากจะมาร่วมงาน”
“เพื่อนของคุณรึ…พอจะบอกอะไรกับฉันได้บ้าง”
“ในแง่ไหนคะ อ้อ…รู้แล้ว” ชนิตาหัวเราะในลำคอ “ที่คุณหญิง
ต้องการมานานเห็นจะสัมฤทธิ์ผล เพราะคุณวิษณุสนใจยายจันทร์มากพอ”
“คุณผ่องพรรณเพื่อนฉันบอกถึงสรรพคุณเพื่อนเธอเมื่อคืน”
“ค่ะ มากหน่อย”
“มันเป็นมายังไง”
“ยายจันทร์อกหักน่ะค่ะ ผู้ชายไม่ดี…ก็เลยล้างอาย…แต่กลับเป็นว่า
ต้องอายหนักซะมังคะ ทีจ่ ริงดิฉันกล้ายืนยันว่าเพื่อนดิฉันเป็นคนดีมากคน
หนึ่ง จันทร์เป็นคนไม่มีภัยอะไรเลย อย่ามองเฉพาะที่จันทร์ไปวีนเอาเรื่อง
คนเราถึงจุดเจ็บ มันพลุ่งพล่านระเบิดออกมาก็จบกันไปแล้ว”
“ฉันไม่ได้รังเกียจนะชนิตา แต่ถ้าหากลูกชายเขาจะทำความชอบพอ
ฉันเป็นแม่…ขอเพียงแค่รู้เห็นบ้าง ถ้าวิษณุจะพอใจเพื่อนของเธอ ฉันอยาก
รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอ”
“ดิฉันเกี่ยวหรือคะ”
“เธอเป็นเพื่อนของพิมพิกานี่นา”
150/913

“ถ้างั้น…” ชนิตาเปิดยิ้มกว้างมากเหลือเกิน “ดิฉันก็อยู่ในฐานะจะ


บันดาลทั้งคุณทั้งโทษต่อคุณวิษณุซิคะ”
“ชนิตา…เธอคง…”
“ดิฉันคงจะบอกเพื่อนว่าเขาเป็นคนแบบไหน”
“ตามกติกา…”
“ค่ะ ตรงไปตรงมา…ตามที่ดิฉันพบเจอและสัมผัสได้”
“ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ชอบเขา”
“และต้องเข้าใจด้วยค่ะว่าเขาไม่ชอบดิฉันเหมือนกัน เขาหาจังหวะจะ
เอาดิฉันออกจากงานเสมอ…หากเขามีโอกาส ทีด่ ิฉันทำก็คือปิดโอกาส
ทั้งหมดซะก่อน”
“คุณคิดมากไปเอง”
“คุณหญิงคะ เรื่องนี้คุณหญิงทราบแต่พยายามจะไม่เชื่อเขาไม่ชอบ
ดิฉัน อย่างคราวนี้ดิฉันลาพักผ่อน มันเป็นสิทธิ์เพราะดิฉันทำงานแบบ
มนุษย์เครื่องจักร…แทบจะไม่เคยลาหยุดไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ บังเอิญมา
เจอกัน เขาก็พยายามจะดึงดิฉันมางาน…มาทำงานอีก”
คุณหญิงเพลินพยายามกระแอมในลำคอ
“ชนิตา…ฉันขอถามคุณตรงๆ เลยนะ โครงการของบริษัทนี่…คุณเอง
ก็ชื่นชมเสมอไม่ใช่หรือ คุณเป็นคนทำงาน การเปิดตัวโครงการค่ำวันนีก้ ับ
151/913

ลูกค้าของบริษัท…มันก็คือการทำงานจริงไหม…วิษณุคงไม่ได้เจตนารบกวน
เวลาพักผ่อน”
หญิงสาวมองเธออย่างรู้ทัน คุณหญิงเพลินดีกับหล่อนก็จริง แต่เธอ
เป็นแม่ของเขา ความลำเอียงย่อมมีบ้าง…เป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน
แต่เธอฉลาดพอจะรู้จักพูดแบบรักษาน้ำจิตน้ำใจต่อกันเอาไว้ ไม่เหมือนพ่อ
เจ้าประคุณลูกชาย…รายนั้นไม่เคยรู้ นึกจะพูดก็พูด นึกจะเอ็ดตะโรเอาก็ทำ
ทันที เอาแต่ใจตัวร้ายๆ และชนิตายอมไม่ได้ เพราะคนแบบวิษณุ…หาก
หล่อนยอมด้วย เขาจะขึ้นข่มจนหืออีกไม่ได้
หล่อนมองว่าวิษณุถูกตามใจมากเกินไป เขาเลยเอาแต่ใจตัวเองเสมอ
ยิ่งลูกน้องพากัน ‘หงอ’ เขาก็ได้ใจหนัก
ต้องโทษเปรมด้วย เปรมคนสนิทติดตามเขาที่ยอมตามใจเขาสุดๆ
หลายหนที่ชนิตาเคยสงสัยว่า...หรือวิษณุจะข่มเหงทางเพศกับเปรมจนทำให้
เปรมลนลานเสมอกับเสียงห้าวห้วนยามตวาดสั่งเพราะเปรมก็มีลักษณะ
ท่าทีบ่งบอกว่าอาจจะไม่ใช่ชายเต็มร้อย…เปรมค่อนข้างบอบบางอ้อนแอ้น
ละม้ายผู้หญิงไม่ใช่น้อย
แต่ข้อนี้เป็นแค่ความสงสัยในใจ ชนิตาไม่เคยพูดออกมาดังๆ ไม่ว่า
กับใคร…แม้แต่พิมพิกาเพื่อนสนิทที่สุดก็ตามที
“ดิฉันมาที่นโี่ ดยไม่ได้คิดว่าจะมาซ้ำซ้อนกับงานเปิดโครงการ ดิฉัน
เป็นคนหาจ๊อบพิเศษให้จันทร์ พี่ชายดิฉันเป็นคนทำงานโฆษณา เขาหา
ตัวแสดงแทนดาราในฉากดำน้ำด้วยท่วงท่าสวยๆ เพราะดาราคนที่เขาเอา
152/913

มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ดำน้ำไม่ได้ หรือหากจะฝึกให้ดำได้คงจะออกมาไม่สวย
มากนัก จันทร์ดำน้ำเก่ง ค่าตัวก็สูง เพราะกองถ่ายนีจ่ ่ายแพงมาก เราก็เลย
มาทำงาน เขาเซ็ทวันช่วงนี้แล้วจังหวะมาประจวบเหมาะกับอีกหลายๆ
อย่าง แฟนยายจันทร์มาจัดพิธหี มั้นที่นี่ เพราะญาติฝ่ายหญิงมีบ้าน
ตากอากาศที่นี่”
“คนที่คุณพูดถึงเป็นเพื่อนรุ่นน้องของฉัน…คุณผ่องพรรณ”
“คุณหญิงต้องการพบดิฉันเรื่องอะไรคะ”
“ชนิตา…จะต้องมีเรื่องแน่ๆ ฉันอยากขอร้อง…ไม่ให้มีการปะทะ”
“ถ้าเขาจะไม่ด่าดิฉันก่อน”
เหมือนกัน…หญิงสาวไม่รับปากใดๆ ด้วยอีก หล่อนขอตัวกลับไปรอ
ในรถตามเดิม คุณหญิงเพลินถอนใจยาว รู้ว่าศึกของลูกชายกับชนิตายัง
ไม่มวี ันสิ้นสุด มันระอุและกรุ่นๆ เหมือนรอคอยวันระเบิดแบบแตกหัก
และเธอแสนจะหวาดกลัวผลที่จะติดตามมาเป็นอันมาก เธอรู้นิสัยลูกชาย
และแน่ใจว่าคนอย่างชนิตาจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้กับเขาเหมือนกัน
คนสองคนที่แรงพอๆ กัน…อาจจะชนกันแบบแตกหัก…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกาสนุกเมื่อแรกเข้ามา ความแปลกใหม่ บรรยากาศของงานและ
ผู้คนที่หล่อนไม่รู้จักมาก่อนคือสีสันที่ระบายเมื่อแรกให้ตื่นเต้นแสวงหา
ความรู้สึกใหม่ๆ แต่พอเวลาผ่านไปสักชั่วโมง หญิงสาวก็เริ่มเซ็ง เพราะ
153/913

วิษณุเองก็ต้องปลีกตัวรับแขกของเขา อีกทั้งตัวพิมพิกาเองก็ไม่รู้จักใคร
หล่อนจึงมองหาทางจะออกพ้นจากงานนี้ไปโดยมีศศินติดตามมา หล่อน
หงุดหงิดรำคาญเขานัก เพราะเขาทำท่าไม่ย่อท้อรอราเลย
“คุณจะไปไหน”
“กลับ”
“ทำไม”
“ไม่สนุก”
“งานเค้าออกดี”
หล่อนทิ้งตามาทางเขาทำนองว่าช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลย…ศศินหัวเราะ
หึๆ
“ผมหรือฮะ”
“ใช่”
“ผมไม่ได้ทำอะไร”
“มาเดินตามฉันทำไม”
“ไม่มีอะไรจะทำ”
“ประสาท”
“ผมปกติดี…”
154/913

คนปกติทเี่ อ่ยอ้างตัวเอง อาจจะก่อความหงุดหงิดให้กับพิมพิกา แต่


กับมารดาตัวเอง…ศศินไม่รู้ว่าเขาทำเอาเธอหมดสนุกเหมือนกันเมื่อมองเห็น
ลูกชายติดตามพิมพิกา และพอหญิงสาวบ่ายหน้าหาทางออก เขาก็ตามติด
แบบนั้น
เธอตามมา
“ศิน…”
สีหน้าของหล่อนแกมเยาะ
“แม่ตามแล้วละคุณ”
หล่อนหยุดมองนิดหนึ่ง คุณผ่องพรรณทำเหมือนลูกชายเป็นเด็ก
เล็กๆ
“ศินจะไปไหน”
“กลับบ้านฮะ”
“แน่ใจนะ”
“แม่จะกลับไหมล่ะฮะ”
“แม่ยังกลับไม่ได้…ศินคง…”
“แม่ฮะ”
เขายื่นหน้า ก้มลงพูดกระซิบใส่หูเธอ แต่ท่าทีของเขาออกขำมากกว่า
จะขึ้งโกรธ
155/913

“ผมว่าแม่กำลังทำผมขายหน้า ผู้หญิงจะหัวเราะเยาะผมได้โปรด
เห็นแก่หน้าผมด้วย ขอฮะ…อย่าห่วงผม…”
“แต่ว่า…”
“ผมโตแล้ว”
“แม่ห่วง…กลัวศินจะ…”
“ลูกผู้ชายนะฮะแม่”
เขาบอก ยืดตัวตรงตามเดิม บอกกล่าวด้วยเสียงร่าเริง
“ผมมาพอสมควรแก่เวลาแล้ว”
เขาตามพิมพิกาออกมา
“ผมจะตามไปส่งคุณนะ”
“แม่คุณไม่ใจขาดหรือ”
“ผมไม่รู้ แต่แม่ห่วงใยผมเท่านั้น”
“ดูเหมือนการกระทำของฉันจะกลายเป็นความห้าวหาญ”
“คุณเรียกว่าความห้าวหาญหรือ…ก็ดี…”
ชนิตานั่งรอในรถเหมือนเดิม หล่อนมองดูเพื่อนตัวและมองศศิน
“กลับแล้วใช่ไหม”
“ไม่สนุก”
156/913

“ดิ้นรนอยากมาเองนะ”
“ถึงว่าซิ”
“ผมจะขับรถตาม”
“หรือคะ ทานข้าวกันก่อนดีไหม ฉันหิว”
“งั้นผมเลี้ยง”
“ดีค่ะ”
“ตา…แกอย่าเห็นแก่กิน”
“ฉันยังไม่ได้กินอะไร แกอาจจะคว้าโน่นนี่เข้าปากรองท้อง โปรด
เห็นใจกันบ้างได้ไหม”
ชนิตาสตาร์ทรถรอ หล่อนร้องบอกให้ศศินขับรถของเขามานำทาง
“คุณทำท่าจะจัดเจนละแวกย่านนี้มากกว่าฉัน…”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขามองหาพิมพิกาไม่เจอหล่อนอีกแล้ว กวาดตามองหาหล่อน
ความสะดุดตาแบบนั้นจะลับหายกลืนกลายในหมู่คนหรือค่อนข้างยาก
เขามองสองตาแล้ว ยังให้เปรมช่วยมองอีกสองตาด้วยกัน
“เห็นไหมเปรม”
“กลับแล้วครับ”
157/913

“อะไรนะ”
“กลับแล้วครับ” เปรมยืนยัน
และหากพิมพิกากลับ ชนิตาคงจะกลับด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้ตามไปดู
ว่าสักครู่นี้ชนิตาไปไหน เพราะเขาติดพันอยูก่ ับแขกคนสำคัญที่เป็นลูกค้า
ของเขาด้วย วิษณุไม่สามารถจะปล่อยพ้นไปได้ เขาเลยก้าวไปทางออก
เปรมกระหืดกระหอบตามมา
“ไปไหนครับ”
“ยังไม่เจอชนิตาเลย”
“งานกำลัง…”
“ประเดี๋ยวเดียว…อยากดูหน้าคนไม่ทำงาน…เอาแต่พักผ่อน
เห็นแก่ตัว”
“แต่ว่า…”
“เปรม…อย่าออกความเห็น ไม่ได้ถาม”
เขาทำเสียงเฉียบขาดมาก เปรมเลยคอหด ได้แต่เดินหง็องๆ ตามมา
ข้างหลังเท่านั้นเอง
เขามองหารถยนต์ทุกคัน เปรมมีหน้าที่ช่วยเขามองหา…พอดีกับศศิน
ขับรถของเขามานำหน้า ชนิตากำลังเลี้ยวรถออกจากที่จอด เท่ากับวิษณุไป
ตัดหน้าหาพอดี ชนิตาร้องอุทานเสียงเเหลมเหมือนโกรธ เพราะหากหล่อน
158/913

ไม่ได้เบรก เขาต้องโดนหล่อนชนและเขาจะต้องคิดว่าหล่อนเจตนา คน
กำลังมีปัญหาต่อกันย่อมจะไม่มองในแง่ดีไปได้
หล่อนกับเขามองสบตากันผ่านกระจกหน้า ชนิตาโน้มตัวลงทาบกับ
พวงมาลัย ดวงตาของหล่อนลุกวาวเจิดจ้าอย่างโกรธๆ และพิมพิกาก็อุทาน
ออกมา
“ได้เรื่องแล้วซิ”
“นาย…”
เปรมร้องเรียกวิษณุ นายหนุ่มของตัวเองยืนเท้าเอวจ้องตากับชนิ
ตาจนเปรมกลืนน้ำลายเสียวๆ หากเขาเป็นชนิตา…เขาจะหลบ เขาจะเบน
หัวรถออกไปทางอื่น
“ลงมา” เสียงวิษณุร้องสั่ง
“ไม่ลง”
อีกฝ่ายตอบในรถ ชนิตาเบนพวงมาลัยออก ศศินเองก็รอรีอยู่
ข้างหน้า วิษณุกำมือตัวเองเหมือนจะทุบลงบนรถ แต่เปรมรีบคว้าเอาไว้
“อย่าฮะ เราถอยกันดีกว่า”
เพราะดวงตาของชนิตาบอกความเอาจริง หล่อนอาจจะขับรถชนได้
เปรมรวบตัวคนเป็นนายหลบ
159/913

และจริงดังคาด ชนิตาปาดไปเส้นยาแดง หล่อนลอยหน้าออกมา


ยิ้มเยาะอีกด้วย
“ไม่มีงานข้างในหรอกหรือ ออกมาทำไม”
“ผมอยากพูดกับเธอ…เธอควรจะมาทำงาน”
“ทำไมมาพูดตอนนี้…ไว้วันหลัง เปรม…พานายของเธอเข้าไปในงาน
ซะ น้ำค้างมันแรง กระหม่อมบาง ผมน้อย จะไข้ขึ้น…”
ชนิตาทิ้งเอาไว้ด้วยเสียงหัวเราะ เขาสั่นทั้งตัว หล่อนด่ากระทบถึงเส้น
ผมบนหัวของเขาอีกแล้ว
ชนิตาต้องชดใช้…เพราะคราวนี้หล่อนทำให้เขาเสียหน้าต่อพิมพิกาอีก
ด้วย เขาสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเปรม พึมพำได้ยินกันชัดทีเดียว
“ฉันกับยายตาจะต้องฟันกันแหลกไปข้างหนึ่งซิน่า…เปรม…คอยดูไป
นะ…ฉันจะต้องล้างอาย…ยายชนิตาทำเอาฉันหน้าแตก…อับอาย…นอกจาก
จะเกเรเรื่องงาน ยังจะมาฉีกหน้าหยามกันอีก”
เปรมได้แต่ร้องในใจว่า
…พี่ตา เวรซะแล้ว จะช่วยยังไงนี่…
14

คุณหญิงเพลินมองดูลูกชายที่แสดงความหัวเสียออกมาจนเห็นได้
ชัด ลูกชายของเธอไม่ยอมชื่นบานกับความสำเร็จของงานนี้ เขา
โกรธ…อารมณ์ของเขาพุ่งตรงไปหาชนิตาแล้วเก็บมาหัวเสียหลังจากนั้น
อีกด้วย รายละเอียดของเรื่อง…เปรมเก็บเอามารายงานต่อเธอจน
หมดสิ้น เธอกระแอมในคอทีหนึ่งเรียกให้เขาหันกลับมามองแล้วเขาก็
ทำหน้าเฉยๆ …ทำเหมือนกับว่าสิ้นสนใจไยดีในตัวเธอแล้วอย่างนั้น
“งานเรียบร้อยดีจ้ะ แม่ขอแสดงความยินดี ห้องส่วนที่เหลือเทขายได้
เลยไม่ใช่หรือจ๊ะ”
เธอทำเหมือนไม่ใส่ใจว่าเขาคิดอย่างไร…ทุกข์ร้อนแค่ไหน…หรือ
เคียดแค้นใครอยู่ เธอเดินลิ่วเข้าหา กิริยาแสดงความยินดีของเธอก็แสนจะ
เหมือนเดิมทีเ่ คยๆ ผ่านมานั่นเอง เธอพาวิษณุไปเติบโตในต่างประเทศ
เสียหลายปี คุ้นกับการแสดงออกตามธรรมเนียมตะวันตกอย่างเต็มที่ เธอ
จึงเข้ามาจูบแก้มซ้ายขวาของเขาโดยเขาก็เอียงให้ทีละข้างทั้งที่ตัวเองทำหน้า
มุ่ยๆ เช่นนั้นอยู่
161/913

แต่พอเธอจะดึงขึ้นมาจูบหน้าผากและซอกคอให้ครบสูตรของการ
แสดงออกว่ารักและห่วงใยกัน เขาก็ร้องโวยวายเสียก่อน
“ไม่เอาฮะ…พอแล้ว”
“เอ๊ะ…ทำไมล่ะลูก”
“ผมแก่จะตายแล้ว…” เขาบ่นอุบอิบ “ผมอายเค้า!”
“มีใครให้อาย”
เธอหันมองรอบตัว เขาหน้ามุ่ยมากกว่าเดิม
“แม่ไปพูดจาอะไรกับยายชนิตาบ้างฮะ”
“อ้อ…ที่ทำหน้าตูมนี่เพราะทะเลาะกับชนิตาอีกตามเคย…แม่น่าจะซื้อ
ล็อตเตอรี่”
“แม่ฮะ…แม่อย่าขวางได้ไหม…หากผมจะไล่หล่อนออก”
“ผิดอะไร”
“ขัดคำสั่งเจ้านาย…นี่รุนแรงมากแล้วนะฮะ”
“ก็ต้องตามดูว่าจริงไหม…ขัดแบบไหน”
“แม่ไม่เชื่อผม” เขาพ้อ “คนคนเดียวที่ผมเอาชนะไม่ได้หล่อนทำให้
ผมเสียหน้า…เสียการปกครองลูกน้อง”
เธอเดินมานั่น ในวัยหกสิบปีล่วงผ่าน คุณหญิงเพลินยังสวยจนดูไม่
น่าเชื่อว่าเธอเกินหกสิบไปแล้ว อาจจะเพราะว่าเธอมีลูกคนเดียว ร่างกาย
162/913

ของเธอไม่ทรุดโทรมกับการมีลูก และเธอเองเป็นหญิงค่อนข้างรักสวยรัก
งาม ชอบการแต่งตัว และมีหัวใจที่ไม่ยอมแก่ คุณหญิงเพลินชอบความ
สนุกสนานสรวลเสเฮฮากับเพื่อนฝูง และน่าแปลก…เธอมักจะมีเพื่อนรุ่น
น้องมากกว่ารุ่นเดียวกันและรุ่นแก่กว่าหลายคนตั้งวงนินทาว่าเพราะเธอยัง
ดัดจริตทำตัวเป็นสาวๆ นั่นเอง เธอจึงไม่ดูแก่แม้แต่น้อย เธอเองได้ยิน
คำพูดถึงเธอทำนองนีเ้ สมอ พวกข่าวสังคมก็มักจะชอบนำเธอไป
กระแนะกระแหนแต่เธอไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพราะเธอรูว้ ่าป่วยการ เธอ
ยังทำตัวตามสบาย อยากจะทำอะไรก็ทำ หากไม่เดือดร้อนตัวเอง และเธอ
ก็ยังดูสาวเพราะสุขภาพจิตดีเยี่ยมด้วยการมองโลก…มองผู้คนรอบๆ ตัวใน
แง่ดีนี่เอง
และยามนี้เธอนั่งมองลูกชายตาไม่กะพริบ จนเขาเกิดความอึดอัด
“แม่ฮะ เรื่องชนิตา…ผมขอนะฮะ”
“แม่กลัวจะไม่ยุติธรรม”
“ผมจะบ้าตายแล้ว”
“แม่เข้าข้าง”
เธอบอกเสียงอ่อนโยนเป็นอันมาก พยายามจะสร้างความเข้าใจกับ
เขาในเรื่องของชนิตา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนบ้างานอย่างเขาต้องมาสะดุด
ความคิดรักงานเพราะผู้หญิงอย่างชนิตาด้วย
163/913

“ชนิตาอาจจะกวนประสาทวิษสักหน่อย แต่แม่ว่าชนิตาไม่เจตนา ลูก


ต้องยอมรับความจริงว่าเธอทำงานเก่งมาก แม่ถูกใจเธอมาแต่แรก”
“เพราะชนิตาหลงตัวเองว่าเป็นเด็กของแม่…ทำให้คอยจะกล้ามาหือ
กับผม ถือดีใส่ผมเสมอ”
“ตามที่แม่ได้ยินมา วิษยัวะเพราะชนิตาไม่มางาน…ไม่มาช่วย…”
“เหมือนคนใจดำ”
“แต่ก่อนหน้านี้ชนิตาทำงานหนัก”
เขาเงียบไป ไม่อาจจะปฏิเสธความจริงตรงนั้น หากเอาเรื่องงานมา
อ้าง เขาไม่มีวัน ‘แซะ’ ชนิตาพ้นจากหน้าที่ได้เป็นอันขาด หล่อนหา
ความผิดไม่ได้เลยในการงาน หล่อนไม่เคยบกพร่องไม่เคยอู้งาน เขาไม่
เคยเห็นหล่อนเอาเวลางานแวบไปทำธุระส่วนตัว หล่อนไม่มกี ิจธุระแบบ
ผู้หญิง…ทีห่ ลังกินข้าวกลางวันจะคอยหาเวลาแวบไปเดินช้อปปิ้ง หรือ
แม้แต่จะเอาเวลางานเข้าห้องน้ำเขียนตาทาปาก
ให้ตาย…วิษณุโกรธตัวเองจนหน้าตาบึ้งจัดกว่าเดิม เพราะเขาให้ความ
สนใจกับหล่อนมากไปเสียแล้ว เขาจึงสามารถรู้รายละเอียดของหล่อน
เพียงนั้น
“ลูกยอมรับไหม…เธอถึงลาพัก”
“ไปไหนไม่ไป…จำเพาะต้องมาให้เห็น”
“เป็นความผิดหรือ”
164/913

เธอถามอย่างอ่อนใจ และเธอก็ตั้งคำถามหนึ่งมาแทงใจเขาอย่างแรง
“วิษ…หรือเพราะลูกสนใจชนิตามากกว่าที่ลูกจะรู้สึกตัว…อย่างเช่น
ความรักความปรารถนา…”
“เฮ้ย…”
เขาร้องออกมาลั่น เธอนิ่วหน้าเล็กน้อย วิษณุเลยกล่าวคำขอโทษต่อ
เธอ
“ผมลืมตัวไปหน่อยฮะ แต่แม่พูดอะไรตลกจัง”
“หลายคนกว่าจะรู้ใจตัวเองก็สายเกิน”
“ไม่ใช่ผมหรอกฮะ” เขาตอบหยิ่งๆ “ยายนั่นไม่เคยเข้าตาผมเลย”
“อย่าเพิ่งพูด…ดูแต่แม่กับพ่อของวิษ”
เธอฟื้นความหลัง แววตาเป็นประกาย
“เจอเขาครั้งแรก…แม่ว่าเขาเป็นตาแก่เฟอะฟะคนหนึ่ง…”
“ไหนแม่ให้สัมภาษณ์ว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษอังกฤษ” วิษณุท้วง “ผม
อ่านจนจำขึ้นใจว่าแม่ปลื้มพ่อมาก เล่าถึงตอนเจอกันว่าพ่อลงจากเครื่องบิน
แม่เห็นแล้วยังต้องร้องหาพระช่วย”
เธอหัวเราะ
“ก็ให้สัมภาษณ์…ต้องให้เกียรติกันหน่อยซี้ แต่ความจริงแล้วก็คือเขา
เฟอะฟะมาก เขาทำอะไรแปลกๆ เฉิ่มๆ จนแม่บอกว่าอีตาคนนีไ้ ม่ได้แอ้ม
165/913

ฉันหรอก แม่ยังคิดต่อเลยนะว่า…ผู้ชายอะไร…จนอายุสามสิบห้าไม่แต่งงาน
แล้วหน้าตางี้แก่เกินอายุเหมือนสักสี่สิบห้า…”
“ผมจะสี่สิบเหมือนกันนะฮะ”
“แม่ถึงห่วงวิษ…อยากจะเตือน”
“แต่อย่าเหมาว่าผมมีใจกับยายชนิตาเลยฮะ ผมจะช็อกตาย”
“แม่ยังเล่าไม่จบ เรื่องของแม่กับพ่อก็เข้าทำนองไม่กินเส้นกันเลย
กว่าจะรู้ใจว่ารักเขา แม่ต้องฟาดฟันกับหลายๆ คน…จนกลายเป็นว่าแม่ใช้
เสน่ห์เล่ห์กลแย่งเอามา”
“แล้วใช่ไหมล่ะฮะ” เขาแกล้งถาม
“เปล่านะ เสน่ห์อยูท่ ี่ตัวเอง…พ่อเขารักแม่มานานแล้ว…แต่แม่เชิดใส่
เขา วิษ…แม่อยากให้ถามใจตัวเองดีๆ ”
“โอ…ยังไงซะไม่มชี นิตาหรอกฮะ แต่อาจจะเป็นเพื่อนของแม่คน
นั้น…คุณจันทร์…พิมพิกาคนงาม”
“เพิ่งจะเห็นหน้า”
“เธอสวยนะฮะ”
“วิษ…แล้วลูกชายคุณผ่องล่ะ”
“ทำไมฮะ”
“แม่เห็นเขามองๆ อยู่”
166/913

“เขาหนุ่มกว่าผม หล่อกว่าผมใช่ไหมฮะ”
“แม่ไม่ได้พูดนะ”
“ผมก็พอจะรู้ประมาณตัวเองอยู่หรอกฮะ”
“ดูให้ดีก่อน…จะไปชิงนางทำไม”
“ถ้าใจมันชอบ…” เขาตอบนด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “จะให้อยูเ่ ฉยๆ
เห็นจะไม่ได้มังฮะ”
“แม่ไม่อยากให้ทับทางกัน…กลัวปัญหา…”
“กลัวจะคบกับแม่เขาต่อไม่ได้หรือฮะ ผมขอว่าให้แม่ๆ อยูเ่ ป็นกลาง
กันก็พอ”
คุณหญิงเพลินลุกขึ้นยืน เธอรู้ว่าเธอคงก้าวก่ายกับความเป็นส่วนตัว
ของเขามากกว่านี้ไม่ได้ แต่กับเรื่องของชนิตา…เธออดจะทิ้งท้ายไม่ได้
“วิษ…เรื่องชนิตา…ต่างคนต่างอยู่…พิจารณาเฉพาะตัวงานก็น่าจะพอ
หากลูกยังเก็บเอาชนิตามาเป็นอารมณ์ แม่ว่าไม่ว่าชนิตาจะอยู่ทำงานหรือ
ถูกไล่ออก ชนิตาจะไม่ได้จากไปไหนเกินกว่าในใจของลูก”
คนเป็นแม่เดินจากไปแล้ว วิษณุก็เอ่ยกับตัวเองอย่างจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้…ขอให้ไปเหอะน่า”
167/913

เขาต้องการจะกำจัดชนิตา เขาไม่ต้องการเห็นหล่อน ท่าทีของหล่อน


ยามเป็นต่อมันกวนอารมณ์…เหมือนที่หล่อนกระทำใส่เขาเมื่อตอนพิมพิกา
จากไป เขาจำได้…และคงยากจะลืมอีกด้วย
ทำไมพิมพิกาต้องมีเพื่อนแบบนั้น…ทำไม…สองสาวสองแบบสอง
สไตล์...เขามองพิมพิกาคนละทิศทางกับที่มองชนิตา โดยลืมคิดไปว่าเขาเอง
ยังรู้จักพิมพิกาน้อยนัก
และเมื่อเขาเข้าห้องน้ำจะอาบน้ำชำระกาย สิ่งที่เห็นตอนเดินผ่าน
กระจกเงาทำให้วิษณุต้องหันกลับมามองอีกหน แล้วเม้มปาก…ตาขึง
คำพูดของชนิตาผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกจนได้
…กระหม่อมบาง ผมน้อย…
เขายกมือลูบศรีษะตัวเองแล้วถอนใจยาว เขาแพ้ผมแน่ๆ แทนที่มัน
จะดกดำเป็นเงาเหมือนคนวัยใกล้สสี่ ิบรุ่นเดียวกัน ผมของเขาร่วงบางลง
มองเห็นส่วนหน้าใสเป็นเงาวับ และเลยเถิกไปถึงกลางศีรษะ เพื่อนฝูงเคย
แนะนำเขาให้ไปถักทอผม แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลสักเท่าใด ผมของ
เขาร่วงและไม่ยอมขึ้นมาอีก แม่ของเขาก็ผมเยอะหนา พ่อของเขาก็ไม่มี
ประวัติผมบ้างน้อยจนจะเห็นหัวล้านอย่างเขา
มันเป็นเอกลักษณ์ของเขา…วิษณุเคยภูมิใจ เขาชอบรูปศีรษะตัวเอง
เพราะมันมีลักษณะเหมือนไข่
168/913

เขาเคยคิดว่าเขาสร้างเอาลักษณ์ตัวเองได้ เขากลายเป็นคนที่ถูกจำ
ง่าย แต่ชนิตากลับพูดให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองมีปมด้อย
หล่อนคนเดียวทำกับเขาสาหัส…
…น้ำค้างมันแรง ไข้จะขึ้น...
เขาเอามือเท้าขอบอ่างหินแกรนิตสีดำเอาไว้แน่น จ้องมองหน้าตัวเอง
จากกระจกแล้วนึกเห็นภาพของชนิตาซ้อนมา ภาพหล่อนหัวเราะร่าเริงเมื่อ
กระทบกระแทกเล่นงานเขาได้ ความสะใจของหล่อนเหมือนพิษร้ายที่เขา
ดื่มกิน
วิษณุคลายมือออก บอกกับตัวเองว่าพรุ่งนี้ตอนเจอหน้าเปรม เห็นที
จะต้องปิดปากกำชับเปรมด้วยเงินสักก้อนใหญ่…ไม่ให้เปรมเที่ยวพูดไปเสีย
เป็นแน่
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ศศินจอดรถยนต์ลงหน้าร้านแห่งหนึ่ง ชนิตาขับรถตามมาจอด
พิมพิกาเอ่ยถามตรงๆ
“จะลงไปกินข้าวกับเขาแน่หรือ”
“เขาคงไม่เป็นอันตรายกับเรามั้ง แล้วฉันก็หิวด้วย แกล่ะ…หาอะไร
กินจากงานได้บ้าง งานเลี้ยงค็อกเทลไม่ใช่หรือ อาหารจิ้มๆ อิ่มเร็วเพราะ
มันเลี่ยน แต่ไม่อยู่ท้องไปได้”
169/913

“จริงว่ะ” พิมพิกาสารภาพ “แล้วก็ไม่ค่อยได้จิ้ม…เพราะมัวแต่มอง


ผู้คน เศรษฐีมีระดับแต่งตัวสวยๆ เครื่องประดับแต่ละคนเห็นแล้ว
น้ำลายหก คอนโดฯมันห้องละเท่าไหร่นะตา”
“สามล้านจ้ะ” คนตอบทำหน้าเฉยๆ “โฆษณาเค้าทำออกทำนองว่า
สำหรับคนมีระดับ เพราะฉะนั้นคนทำงานเงินเดือนสักสองหมื่น…รอ
ชาติหน้านะยะ หากไม่ถูกล็อตเตอรี่หรือว่าผัวซื้อให้น่ะอย่าหวังเลย…ไม่ได้
หรอก”
“สวยไหม ฉันไม่ได้เข้าไปดูห้องโชว์”
“แกอยากมีกิเลสไหม”
“ทำไม?”
“ถ้าไม่อยากมี…อย่าไปดู การไม่เห็นเป็นการดับกิเลส”
“ฉันอยากเห็น”
ชนิตามองหน้าพิมพิกาจนฝ่ายถูกมองชะงัก เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยจะ
ชอบมาพากลกัน
“ตา…คิดอะไร”
“เขาสนใจแกนะ”
“ใคร”
“คุณวิษณุ”
170/913

“บ้าซิ”
“เขาสนใจแกจริงๆ แกเป็นดาราในชั่วข้ามคืน”
“ดาราอะไร”
“แกเชื่อฉันซิ เมื่อแกปรากฏตัวข้างกายเขา แกจะต้องถูกสนใจ แก
บอกฉันได้ไหมว่าแกถูกถ่ายรูปเท่าไหร่”
“มาก…” พิมพิกาสารภาพ “แต่ฉันไม่คิดว่าตัวเองสำคัญเขาให้เกียรติ
ฉันมากสักหน่อยเท่านั้นเอง อาจจะมาจากตัวแก…ฉันเป็นเพื่อนแก”
“ถ้าเพราะฉัน แกน่าจะโดนโยนออกจากงาน สองตาเขาจะไม่มอง
แก…และจะไม่พูดกับแกเลย เพราะฉะนั้นเพราะตัวแกเอง…เขาสนใจแก
นับจากนี้ต่อไปแกจะถูกตามว่าเป็นใครมาจากไหน...แล้วแกจะพบชื่อตัวใน
หน้าสังคม แกมาเป็นตัวแสดงแทนดาราตัวจริง แล้วแกก็มแี ววเป็นดารา
ใครๆ ก็มองว่าใครจะเป็นแฟนเขา”
“เขารวยไหม” พิมพิกาถามไปอีกทาง
“มาก”
“เขาน่าสนใจมากใช่ไหม”
“ใช่”
“เขายังดังอีกด้วย…ดังจนน่าอิจฉาใช่ไหม”
“เฮ้…จันทร์…แกคิดอะไร”
171/913

“มณฑลจะอิจฉาเขาไหม”
“จันทร์…” ชนิตาครางๆ “ไปๆ มาๆ แกก็มาลงเอยที่หมอนั่นอีก”
“ฉันอยากทำให้เขาตัวสั่นริกๆ เสียดายฉัน…แล้วอิจฉาฉันแล้วฉัน
สาบานว่าหากฉันมีเงินมากๆ ฉันจะทำให้มณฑลกลายเป็นยาจก”
“แกไม่น่าจะอาฆาต”
“ฉันไม่ยอม…เพราะฉันเจ็บ..ฉันอาย”
“แล้วแกจะต้องทำร้ายตัวเองหรือ แกไม่ได้รักเขา…แกจะฝืนใจตัวเอง
ทำไม”
“ใครก็ได้…ฉันพร้อมจะยอมกบฏ…ฉันจะทำ…เพื่อให้สะสาใจ”
“แล้วแกจะเสียใจ…”
“ไม่…ขอวันที่ฉันจะดูหน้ามณฑลอย่างผู้ชนะ…วันที่ฉันจะถ่มน้ำลาย
รดหน้าเขาล้างอายที่รักเขา…เชื่อเขา…แล้วตัวเองถูกหลอก”
15

“สนุกไหมจ๊ะ ลูกชายแม่”
เสียงถามนั่นจากเงาสลัว เขายิ้มในหน้า คงจะเป็นความร้อนใจของ
แม่เขาแน่นอน เพราะเธออุตส่าห์รอเขา งานเลี้ยงก็ดึกมากแล้ว และเขายัง
แวะพาสองสาวไปกินข้าว ตามไปส่งที่โรงแรมซึ่งพวกหล่อนพักแล้วจึงขับ
รถกลับมา ตอนนีเ้ วลาเข้าไปเกือบจะตีหนึ่ง เลยเวลาเข้านอนของเธอ
เพราะคุณผ่องพรรณยอมรับในสังขารตัวเองว่าระยะหลังเธอไม่อาจนอนดึก
ได้เลย เธอก้าวออกมาประจันหน้ากับลูกชาย
“ทำไมถามว่าสนุกไหม…”
“เพราะแม่รู้ว่าศินไปกับสาวๆ ”
“คำตอบคงมีแล้วซิฮะ”
“ยอมรับว่าสนุกใช่ไหม”
“สาวสวยสองคนนะฮะ”
เขาตอบทีเล่นทีจริง ลมแรงจากทะเลพัดมาไม่ได้ขาดพร้อมกับกลิ่น
คาวเค็มอันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของทะเลโดยแท้ เขาชอบกลิ่นดังว่านี้ เขาจึง
173/913

ชอบบ้านนี้มาก ที่ดินตรงนี้ราคาแพงลิบตระกูลเขาถูกเกี้ยวขอซื้อที่ดินมา
หลายหนด้วยกัน หากครอบครัวไม่ร่ำรวยเป็นปึกแผ่นคงจะทนกลิ่น
เงินตราเย้ายวนไม่ไหวเหมือนกัน
เก้าอี้ทรี่ ะเบียงเป็นเก้าอี้หวาย มีหมอนอิงสำหรับให้กอดมีเบาะรองนั่ง
นุ่มๆ มารดาของเขาก้าวออกมาและมามองหน้าเขาเขม็ง เธอกำลัง
ตรวจสอบเขา เขารู้ว่าเธอกำลังระแวงแคลงใจ
“ศิน…แม่ขอ…”
“แม่ฮะ…ผมโตแล้ว” เขาขัด “แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมก็ทำอะไรๆ มา
มาก ทำไมแม่มากลัว”
“เพราะหล่อนมีเรื่องกับมณฑล แล้วมั่นใจไหมว่าหล่อนไม่ได้นอนกับ
มันมาแล้ว ของมือสองนะศิน”
“เหมือนกระดังงาไหมฮะ โดนไฟลนแล้วหอมระเบิด ผู้หญิงโดนเจิม
จากผู้ชายมาบ้าง…คาวพอประมาณ...ก็น่าเย้ายวนใจ”
“ตาย...ศิน…พูดอะไรออกมา”
เธอร้อง ก้มลงบิดแขนลูกชาย เหมือนนั่นคือการลงโทษที่เขาปากเสีย
พูดจาออกมาแบบโพล่งๆ ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ
“แม่เคยบอกผมเสมอว่าจะมีเมียสักคน…แม่ไม่บังคับ…”
“แต่…”
174/913

“แม่เพิ่งขอหยกๆ วันก่อนนี้เองว่าอย่าหาสาวนิ่ม ผมเองก็ไม่ชอบปู


นิ่มหรอกฮะ รับรองได้”
“ศิน…สาวเปรี้ยวไป…ผ่านมือชายมาก่อน…แล้วหมอนั่นคือนาย
มณฑล ลูกจะยอมทนให้มันมาเย้ยเยาะเอาหรือ”
“เขาไม่มีวันได้มาเย้ยเยาะอะไรผมหรอกฮะ เพราะผมเอาตายแน่ๆ
ผมถือว่าผู้หญิงของผม…ผมพอใจ อดีตไม่สำคัญ…ปัจจุบันกับอนาคต
สำคัญมากกว่า ผมต้องการตรงนั้น และ ผมว่าแม่อย่าเพิ่งร้อนใจเลยฮะ
ถูกตาพอใจก็ใช่ว่าจะเอามาได้ง่ายๆ ท่าทางผู้หญิงไม่ชอบหน้าผมนัก”
“อ้าว…” เธอร้อง นั่งลงข้างๆ ลูกชาย “ทำไมล่ะจ๊ะ แม่คนนั้นตาบอด
หรือไร…มองข้ามศิน”
“แม่ฮะ รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา กำลังจะไม่มจี ุดยืนนะฮะก็ไหนว่าไม่
ชอบตอนแรก แต่พอรู้ว่าสาวไม่สนใจผม…แม่ก็ตำหนิอีก”
“ลูกชายของแม่แสนดี แม่ไม่อยากให้ใครมาเชิด…โดยเฉพาะคนที่
ไม่เอาไหนแบบนั้น”
“เพราะเธอเคยรักกับมณฑล แม่ก็เลยรังเกียจ”
“ก็อาจจะใช่ แม่อาจหัวเก่านะ แม่อยากให้ลูกหาเมียประเภทผุดผ่อง
เวลาจะเป็นแม่ของลูกจะได้มั่นใจ”
“แม่ฮะ” เขากุมมือเธอเอาไว้ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเป็นอันมาก
“ผมอยากจะบอกแม่ว่าถึงผู้หญิงคนนั้นจะไม่ผุดผ่องมาแต่หากเรารัก…เรา
175/913

มาอยู่ด้วยกัน…ก่อนจะมีลูกด้วยกัน…เราก็มาเคลียร์กันก่อนได้ ถึงตอนนั้น
เราไม่มอี ะไรต้องติดใจหรอกฮะว่าลูกใคร…ลูกเราหรือเปล่า แม่กร็ ู้นี่ฮะ
สังคมมันเปลี่ยน แล้วเราก็ไม่น่าจะตัดสินผู้หญิงแค่ตรงนั้น มันไม่
ยุติธรรม…”
เธอถอนใจหนักๆ ลูกชายคนเดียวของเธอมีความเป็นตัวเองสูงมาก
เขามีความคิดของเขาเองอย่างเหนียวแน่น และเธอรูเ้ สมอมา หากจะ
โยกคลอนความเชื่อความตั้งใจมั่นของเขาแล้วแสนจะยากเย็นนักหนา
เพราะเขาไม่เปลี่ยน…แต่เขาไม่เคยแข็งกระด้างกับเธอ ลักษณะของศศินคือ
คนประนีประนอมเสมอ…แต่อย่าหมายให้เขาทำตามใจเธอ…เขาจะไม่
ทำ…ศศินเป็นคนดื้อเงียบ และเป็นมาแต่เด็ก…
“ศศิน…เพราะแม่รักลูก”
นี่คือไม้ตายเสมอ…ศศินจะยอมพ่ายต่อความรัก
“ฮะ…ผมรู้”
แขนของเขาโอบกอดเธอ แขนนั้นยาวและล่ำสันแข็งแรงเธอกลายเป็น
ผู้หญิงตัวเล็กไปถนัด
ใจของเขากำลังเปล่งเสียงหัวเราะ ทำไมเขาจะไม่รู้ ‘ไม้ตาย’ ของแม่
เขาเสมอ เธอจะเอาความรักมาอ้าง แต่เขาไม่โกรธเธอ เพราะนั่นคือ
ความจริง เธอไม่ได้โกหกเขาเลย…เป็นความจริงทุกประการ…
176/913

“เรารักกันใช่ไหมฮะ” เขาถามเสียงล้อเลียน “เฮ้อ…ผมว่าผมโชคดีนะ


ฮะ ที่ไม่เคยรับปากแม่ไว้ว่าจะหาผู้หญิงที่เข้าใจแม่…เข้ากับแม่ได้”
“รับปากตอนนี้ก็ยังทัน”
“ไม่เอาฮะ กลัวไม่ถูกใจผม ถูกใจแม่…แต่จะมาเป็นเมียผมนะฮะ”
“ศิน…อย่าผลีผลาม”
“โธ่…แม่ฮะ…ผมอยู่มาปูนนี้…”
“คนเราถ้าหน้ามืดตามัวก็วูบเดียว”
“สมัยนี้เลิกกันไม่ยากหรอกฮะ”
“ศินพูดอะไร”
เธอผละออกจากอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มตอบเรียบๆ
“เราไม่อดทนกันนานหรอกฮะ”
“แต่แม่ว่าการแต่งงานคือการที่คนสองคนน่าจะผูกพันกันนานจนชั่ว
ชีวิต”
“ก็เท่าที่เข้าใจกัน…ทนกันได้”
“แล้วถ้าคิดว่าไปกันไม่ได้ จะแต่งงานกันทำไม”
คุณผ่องพรรณแสดงความกังขาออกมา ลูกชายหัวเราะเบาๆ เขามี
คำตอบให้กับคำถามของเธอด้วย
177/913

“คนเรารักกันมันหวือหวา…มันมาวูบ…แล้วพออยู่ด้วยกัน…ลายที่
ปรุงแต่งก็จะเลือนออกไป…เหลือเป็นตัวตนจริงๆ …เป็นเนื้อข้างใน…ก็อยู่
ตรงทีว่ ่าจะยอมรับกันได้ไหม คนสองคนมาจากภูมิหลังต่างกันนะฮะแม่
จะต้องมาทนกัน…มารู้เห็นธาตุแท้ของกันและกัน…มาร่วมกันสร้าง
ครอบครัวใหม่…จอยกันในทุกๆ เรื่องอาจจะไม่ง่ายการแต่งงานใน
ความคิดของผม…ถึงไม่ตายตัวมันก็ยืดหยุ่นได้ คือหากไปกันไม่ได้ก็หย่า
กันไป…มาทนกันทำไม คนเราหมดรักกันแล้วมาเกลียดกันต้องทนอยู่ด้วย
กัน อาจจะฆ่ากันก็ได้”
“ศินพูดน่ากลัวจัง ก็ถ้าศินมีความคิดแบบนั้น แม่ว่าไม่ต้องแต่ง
หรอก ลองอยู่ด้วยกันจนกว่าจะแน่ใจแล้วค่อยลุกมาแต่ง”
“แม่อนุญาตหรือฮะ”
เขาถามยิ้มๆ เธอค้อนลูกชาย
“แม่ว่าศินอยากจะให้แม่พูดออกมาดังๆ แบบนี้ใช่ไหม”
“แม่พูดเองนะ ผมไม่อยากบาปเพราะผมบังคับแม่”
“เรามันเจ้าเล่ห์นัก”
“แม่ไปนอนเถิดฮะ ผมอยากนั่งรับลม”
“คิดถึงสาวไปด้วย?”
“จันทร์ดวงนั้นงามนัก”
178/913

“แต่จันทร์ดวงนั้นมีตำหนิ แต่เอาเถิดศิน…คิดเองเป็น…ไตร่ตรองด้วย
ตัวเองก็เป็น”
เธอก้มลงจูบแก้มเขาทีหนึ่งแล้วจากไป ชายหนุ่มมองตามเขาเข้าใจ
เธอทุกประการทีเดียว เขาพาดแขนสองข้างออกตามความยาวของ
พนักเก้าอี้
ฟ้าคืนนี้ไร้จันทร์…แต่จันทร์ดวงหนึ่งกำลังส่องแสงกลางใจเขาไม่กล้า
หวังมากนัก และเขาก็ประหลาดใจตัวเองที่ตามให้ความสนใจต่อ
หล่อน…เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้…
หรืออย่างนี้ที่เรียกว่าความรัก ผ่านๆ มาก่อนหน้าในชีวิตอาจจะไม่ใช่
ก็ได้
และเขาไม่รู้ว่าคุณผ่องพรรณเข้าห้องไปสวดมนต์ภาวนาอยูน่ าน เธอ
ทำเพื่อเขา…เธอสวดขอให้ศศินจงมีดวงตาอันสุกสว่าง ไม่มัวมน ไม่
มองเห็นแต่ภาพลวง จงเห็นภาพจริงคมชัด ขออย่าให้ชีวิตของเขาสะดุดลง
เลย แม้เขาจะอายุเกือบสามสิบ แต่เธอรูว้ ่าความเจ็บช้ำของชีวิตแม้เพียงนิด
หนึ่งก็จะบั่นทอนกำลังใจลงไปได้มากโข…
และนี่คือหัวใจของคนเป็นแม่ชัดๆ
///////////////////////////////////////////////////////////////////
179/913

รายงานมาถึงเขาตอนเช้าว่าศศินตามสองสาวไปกินอาหารที่ร้าน
ชายหาดแห่งหนึ่ง เขาไม่อาจจะคิดว่าศศินตามชนิตา…ยายนั่นไม่มี
เสน่ห์แน่นอน อาจจะเป็นพิมพิกามากกว่า
เขาคนกาแฟในถ้วยด้วยท่าทางครุ่นคิด
“เปรม”
เขาเห็นเงาคนสนิทแวบๆ เปรมมายืนตรงหน้า เปรมค้างที่นใี่ น
ห้องนอนเล็ก วิษณุเอามือปัดๆ ตรงจมูกตัวเองพร้อมกับบ่นพึม
“เหม็นฉิบ…แกใส่อะไรของแกวะเปรม”
“น้ำหอมฮะ”
“กลิ่นเหม็นระยำ”
เปรมหน้าเสีย
“โยนลงทะเลไปซะ”
“ผมเพิ่งซื้อมา…”
“เท่าไหร่…มาเอาเงิน…อย่าให้ได้กลิ่นอีก”
เปรมทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ เขารู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังถูก
บังคับอย่างรุนแรง…มันเกินไป…
180/913

เปรมนึกถึงชนิตา เริ่มเข้าใจทีละเล็กละน้อยว่าทำไมชนิตาต่อต้าน
เจ้านายคนนี้นักหนา เปรมอยากจะทำแบบชนิตาเหมือนกัน แต่เขาไม่กล้า
เพราะเขาไม่ใช่คนเข้มแข็งด้วยนั่นเอง
“ว่าไงหือ…”
วิษณุเพิ่งจะมองเห็นหน้าเปรม ครั้นเห็นสีหน้าแหยๆ เขาก็ยกช้อน
ชี้หน้าเปรม
“ทำหน้าเหม็นบูดตะเช้า ที่ฉันขอ…มากไปหรือไงเปรม”
“ผมว่าหอม…ผมชอบ”
เปรมบอกเบาๆ กลัวเหมือนกัน…เจ้านายมองตาแข็งแบบนั้น จิตใจ
ของเปรมก็ราวกับจะตกลงพื้น
“เปรม…ฉันขอให้โยนทิ้ง…มาเอาเงิน…หากลิ่นใหม่ ผู้ชายไม่ประเคน
น้ำหอมให้มาก มันไม่สมเพศ”
“ผม…ผม…”
“แกอึกอักเชียว เอาละ…แกไปทำ แกจะด่าฉันในใจก็ได้นี่หว่าว่าฉัน
บังคับใจแก…”
วิษณุรู้ทันเสียอีก แต่เขาไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเองเขาเป็น
คนเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางมากเกินไป เขากะเกณฑ์ให้คนใกล้ตัว
ตามใจเขาโดยลืมคิดถึงหัวใจคนอื่น
181/913

เปรมอยากจะร้องไห้เต็มกลืนแล้ว ที่ทำคือกัดริมฝีปากไว้แน่นแล้ว
เมินหน้าหนี
“หาดอกไม้สวยๆ ให้หน่อยซิ”
“จะเอาไปไหนครับ”
“ส่งให้คุณจันทร์…”
“เช้านี้หรือครับ”
“ใช่”
“ผมจะจัดการให้”
“เท่าไหร่…ทำเรื่องมาเบิกเงิน…”
“คุณจะให้จัดส่งด้วย”
“ใช่”
“ผมนึกว่าคุณจะนำไปให้ด้วยตัวเอง”
“ไม่แล้วละเปรม ฉันออกนอกหน้ามากไป คุณจันทร์จะได้ใจ ผู้หญิง
เหมือนกันหมด ไล่ล่ามากๆ เจ้าหล่อนจะเบื่อ ต้องไล่ล่าแล้วหยุดรอจังหวะ
ค่อยออกไล่ใหม่”
เปรมขอตัวออกไปจัดการ วิษณุดื่มกาแฟในถ้วย และเขารับโทรศัพท์
สายตรงของตัวเอาแต่เช้า
โทร.จากศศินนั่นเอง
182/913

ศศินขอดูห้องที่คุณผ่องพรรณจองซื้อไว้ และชายหนุ่มแสดงความ
จำนงขอซื้ออีกยูนิตหนึ่ง
“มีห้องติดกันไหม”
“ไม่มีแล้ว”
“เอาห้องไหนก็ได้”
“ให้ตัวเองหรือครับ”
“เปล่า” คำตอบปฏิเสธทันควัน “ผมจะซื้อให้ผู้หญิง”
วิษณุเบนโทรศัพท์ออกห่างเล็กน้อย ใจอดคิดไม่ได้ว่าศศินกำลัง
โอ้อวด เพราะน้ำเสียงอย่างเด่นชัด ความรุนแรงภายในใจของเขา…การ
ต่อสู้ฟาดฟัน…และเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ต้องการพิมพิกา หล่อนแค่
การเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองเท่านั้น
การชนะ…ชัยชนะ.…เขาคำนึงแค่นั้น…เขาอาจจะหลงใหลรูปโฉมชั่ว
แวบแรกที่เห็นพิมพิกา แต่วิษณุไม่เคยมีหัวใจอันอ่อนหวาน…
เขามีเซ็กส์กับผู้หญิง…และมองเห็นเป็นเรื่องปลดเปลื้องความ
เครียด…
ตอนนี้เขากำลังเห็นผู้หญิงเป็นเรื่องท้าทายให้เอาชนะ
เขาไม่เคยเกลียดศศินมาก่อน…แต่เริ่มเหม็นหน้า…และเริ่มอยากจะ
เอาชนะ
16

ดนุเพิ่งไปพบศศินมา เขาไม่ค่อยได้เจอตัวศศินบ่อยนัก รู้แต่ว่า


ศศินเป็นผู้จัดการหนุ่มของกลุ่ม ‘พันเจริญ’ ศศินไม่ใช่คนรุ่นแรกของ
ตระกูล แต่ตกมาเป็นรุ่นที่สามแล้ว เขาเป็นคนอายุน้อย ถูกจับตามองว่า
จะมีความสามารถเพียงใด…บางคนมองว่าเพราะบารมีเก่าของคนรุ่น
ก่อนเกื้อกูลเขาอยู่
แต่การเป็นคนรุ่นใหม่ การศึกษาดี หน้าตาบ่งบอกความแจ่มใส
ยิ้มแย้มง่าย ไฟแรง เขาถูกจับตามองอย่างมาก และปกติกับงานโฆษณา
ดนุไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพบกับเจ้าของสินค้าและตัวศศินไม่จำเป็นต้อง
ลงมาเองเลย แต่เพราะเขามาที่นี่ มามีสาวนเกี่ยวข้องด้วยโดยตรง เขาเจอ
พิมพิกาและประทับใจในตัวหล่อน
เขาใส่ใจกับงานถ่ายทำโฆษณาจนออกนอกหน้าไปแล้ว
และดาราสาวรุ่นที่มาเป็นตัว ‘พรีเซ็นเตอร์’ ของสินค้าที่กำลังถูกดึงให้
เข้ามาทำความรู้จักคุ้นเคยกับเขา ศศินเข้าใจความนัยตรงนั้นได้ดี เขาไม่
ชอบเด็กสาวรุ่นๆ นัก เพราะอย่างไรเสียก็เด็ก โดยสภาพแวดล้อมอาจจะ
ทำให้อายุดูเหมือนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะการพูดจา การแต่งตัว บุคลิกรวมๆ ศศิ
184/913

นมองเด็กหนุ่นสาวรุ่นใหม่หลายคนที่เป็นดารามาแรงอย่างสงสารว่าพวก
นั้นกำลังถูก ‘ปล้น’
อย่างแรกเลยคือปล้นเอาความผาสุกจากวัยเยาว์ไปจนหมด
คนกลุ่มนี้เติบโตโดยขาดช่วงของวัยเด็กอย่างแท้จริง
จะต้องเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่…การแข่งขันสูง…แวดล้อมด้วยเรื่องทาง
ธุรกิจ ผลประโยชน์และขาดคุณธรรม เพราะต่างต้องฉกฉวยให้ตัวเอง อีก
ทั้งยังตกเป็น ‘เหยื่อ’ ของสื่อต่างๆ มากมาย คนไหนไม่แกร่งพอก็อาจจะ
ต้านไม่ไหว ยอมแพ้และตกเป็นเหยื่ออันอ่อนแอ…ชีวิตพังทลาย…
เพราะการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเสมือนพลุวาบขึ้นงดงามประกาย
พร่างพราวในท้องฟ้า เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นได้ แต่เพียงวาบ
เดียว…เพียงช่วงสั้นแค่กะพริบตาครั้งสองครั้งก็หายไปสิ้น
ศศินสนใจพิมพิกา ข้อนี้เขาไม่ปิดบังเลย เขาเปิดเผยแม้แต่กับดนุ
และดนุรับฟังข้อเสนอของศศินเพิ่มเติม
“สินค้าอีกตัว ผมต้องการตัวคุณจันทร์…”
“แต่เราหานางเอก…”
“ผมเป็นเจ้าของสินค้า”
“ฮะ” ดนุรับคำเสียงอ่อย “แต่ว่าต้องแล้วแต่ยายจันทร์”
“เธอพูดยากมากไหม”
185/913

“โอ…พูดตรงๆ เลยนะฮะ พวกคนบ้า…คือผมสรุปภาพรวมจาก


น้องสาวของผม ยายตา…มันบ้า เพื่อนมันจะดีเกินหน้ามันไปไม่ได้
เป็นอันขาด”
“ผมว่าเธอได้ยินคงจะพากันอาละวาดใส่คุณ”
“แน่นอน”
“แล้วไม่กลัวหรือ”
“อยูไ่ กลกันฮะ” ดนุตอบหน้าตาเฉย “ผมไม่ต้องกลัวตรงนั้นเลย แต่
ผมไม่รับปากเรื่องจันทร์นะฮะ คนทำงานมีงานประจำ”
“ทำงานอะไร ที่ไหน ตำแหน่งอะไร”
“ผมต้องไปสอบถามเจ้าตาก่อน รอหน่อยได้ไหมฮะ ว่าแต่ว่าเรื่อง
นางเอกโฆษณา ผมอยากให้คุณศศินไปคุยกับเจ้านายผมก่อน…เขาตกลง
รับงาน ผมน่ะตัวเล็กๆ คนละทีมงานกันเลยผมไม่อยากรับรู้ตรงนี้”
“ผมเข้าใจขั้นตอนการทำงาน แต่งานเก่ายังค้าง เพราะคุณจันทร์จม
น้ำซะก่อน”
“แต่ว่าเราถ่ายเสร็จ…”
รอยยิ้มของศศินเจ้าเล่ห์ฉับพลัน
ดนุขยับตัวอย่างไม่สบายใจนัก ในการทำงานหลายปี…กับคนมี
เงิน…คนทีส่ ามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ ที่ดนุพบเจอเสมอๆ ก็คือ
186/913

คำบัญชาประเภทที่ว่าจะต้อง ‘ได้’ โดยไม่ใส่ใจเลยว่าจะยากเย็นแค่ไหน


เขาไม่คุ้นกับศศินมากนัก แต่กิตติศัพท์ของชายหนุ่มคนนี้ไม่เบาเหมือนกัน
“ยังไม่เสร็จ…”
“แต่…”
“ผมอยากให้มีการยืนยัน”
“ผมบอกยายจันทร์ไปแล้ว”
“ผมเชื่อว่าคุณมีวิธีบอกใหม่ได้”
“ต้องการให้ผมทำอะไร”
ดนุถาม เริ่มกังวลใจเพราะเขารูว้ ่าพิมพิกาเป็นคนพูดยากพวกทำ
ตามใจตัวเองเหมือนกัน น้องสาวเขา…ชนิตานั้นก็เข้าข่ายคือบทจะเชื่อมั่นว่า
ตัวเองถูกต้อง และอยากทำอะไรก็ตะลุยดะไปเคยเกรงกลัวอะไรบ้างนั้น
เขาเชื่อว่าไม่มี อีกทั้งดนุไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะสื่อภาษาเดียวกันกับพิมพิกา
ได้เข้าใจหรือไม่ เพราะเท่าที่พูดและฟังกันมา…คนละเรื่องกันเสมอ
“บอกเธอตามทีผ่ มต้องการ และผมจ้างส่วนตัวนะ ถ่ายเธอ…โดย
บอกว่าเป็นการถ่ายซ่อม ผมต้องการภาพของเธอทั้งในน้ำและบนบก”
“ทีมงานของผม…”
“อันนั้นเป็นเรื่องของคุณ”
187/913

ศศินตอบง่ายๆ ดนุกลืนน้ำลายลงคอ รับรู้ถึงความยุ่งยากมหาศาลที่


จะตามมาอย่างแน่นอน และทีแ่ น่นอนที่สุดคือความเดือดร้อน
ทั้งมวล…น่าจะตกลงมาที่ตัวเขา
…ไม่แคล้วกู คงไม่นานหรอก ผมบนหัวจะโดนทึ้งทั้งที่ไม่ทันจะ
หงอก แล้วกูจะหาทางออกแบบไหนเหมาะโว้ย…
“ผมอยากรู้ว่าตอนแรกที่เตรียมจะมาถ่ายทำต่อ…ก็ที่บ้านผมไม่ใช่
หรือ”
“นั่นเป็นฉากของนางเอก ไม่มีตัวแสดงแทน…”
“ผมเชื่อในความสามารถของคุณ” ศศินบอกยิ้มแย้ม
…เออ…เชื่อเข้าไป กูตายคนเดียว ทำยังไงดีหว่า…
“ผมเสนอราคา…”
ศศินบอกต่อ เงินนั้นพูดได้เสมอ และหลายหนที่เงินพูดแทนอะไรอีก
มากมาย โดยเฉพาะว่าเรื่องนั้นพูดจากันยากต่อการตกลง น้ำคำหรือจะสู้
เงิน…คือคติของศศินเสมอมา เขาเอาเงินมาเป็นตัวแทนเสมอๆ …
ดนุกลืนน้ำลายลงคอ มีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาปรารถนาจะได้มาก
และไม่มีสิ่งใดให้มาโดยไม่มีมูลค่า
แม้แต่การหาเมียสักคนในทุกวันนี้…ไหนจะค่าสินสอด..ไหนจะค่า
พิธี…ไหนจะเรื่องการหาเรือนหอ…รถยนต์...อุปกรณ์อำนวยความ
สะดวกสบายของชีวิต…
188/913

เขาเองก็อยากแต่งงาน รีรอเพราะฐานะการเงินเขายังไม่สมบูรณ์
“ลองดูแล้วกันนะฮะ ผมบอกคุณเท่านี้”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ดนุเลยมายืนหน้าห้องพักของสองสาว ชนิตาเป็นคนมาเปิดประตู
“โดนแฟนด่ามาเรอะ”
น้องสาวถาม เคยเห็นแฟนของพี่ชายสักสองสามหน ไม่ค่อยจะได้
ใส่ใจมากมายนักเพราะไม่มีเวลานั่นเอง พี่น้องบ้านเดียวกัน เติบโตมาด้วย
กัน แต่ต้องแยกย้ายห่างกันไปเพราะความจำเป็นของการทำมาหากิน นา
นๆ จะมาพบเจอกันหนหนึ่ง
หล่อนรูแ้ ต่ว่าแฟนของเขาค่อนข้างดุ แต่หากไม่ดุ…ดนุคงจะไม่ยอม
หยุดเฉย พี่ชายของหล่อนไม่ใช่หนุ่มหล่อลากดิน ไม่ใช่หนุ่มร่ำรวยก็จริง
แต่ดนุมีเสน่ห์เฉพาะตัวพอประมาณ
ดนุมีแฟนมาแล้วหลายคน แม่เคยบอกว่าจำไม่ได้ ดนุกเ็ ปลี่ยนคน
ใหม่บ่อยๆ แต่คนล่าสุด…ชนิตารู้มาจากแม่ว่า
…คนนี้นานแล้ว จะสองปี เอาอยู่มือ…
สองปี…แต่หล่อนเจอว่าทีพ่ ี่สะใภ้แค่สองสามหน ดนุไม่เคยพามา
แนะนำกับหล่อนเลย
แม่หล่อนยังบอกต่ออีกด้วยว่า
189/913

…เคยคิดจะไปมีอื่นอีกโดนด่าซะเปิง ผู้หญิงคนนั้นปากจัด…
หล่อนไม่รู้ว่าแม่พอใจในตัวสะใภ้คนนี้หรือไม่…
คำถามของหล่อนทำให้พี่ชายหน้าบึ้ง
“เปล่า…เพื่อนแกอยู่ไหม”
“ไม่อยู่แล้วจะไปไหน”
“อย่ากวนโว้ย”
“อารมณ์เสียมาจากไหน”
“งานน่ะซิ”
“งานอะไร”
“เมื่อวานน่ะพังหมด”
“พัง?”
“ใช่”
“แล้วไง”
“ต้องถ่ายซ่อมใหม่”
“จันทร์ลงน้ำอีกหรือ”
“ใช่”
“คุยกันเองดีกว่ามั้ง ชักปวดกะโหลก”
190/913

“เอาซิ ฉันเข้าไปนะ”
“เดี๋ยว…” น้องสาวขวางเอาไว้ “ตายังไม่ได้เปลี่ยนชุดนอน จันทร์ก็
เหมือนกัน”
“แล้วไง”
“ยังมีหน้าถามแล้วไง…พิลึก” ชนิตาร้อง ค้อนพี่ชายวงใหญ่ “ถาม
อะไรให้สร้างสรรค์กว่านี้หน่อยซี”
“ฉันเห็นพวกแกเป็นน้อง ฉันไม่มองอย่างทะลึ่งลามกอะไร”
“ผู้ชายพูดอย่างนี้ทุกคน ไม่เคยได้ยินหรอกหรือ…ขึ้นชื่อ
ผู้ชาย…เดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหน…พ่อพี่ชายน้องชายปู่อาลุง…”
“ไอ้ตาบ้า…คิดมาก…” พี่ชายเอ็ด “นั่นมันพวกคนระยำแต่รับรองได้
ว่าไม่ใช่พี่ชายของแกคนนี้แน่นอน ฉันไม่คิดอะไร…โธ่เอ๊ย…ฉันทำงานทาง
นี้…ถ่ายทำผู้หญิงเปลือยทั้งตัวมาเท่าไหร่”
“ราคาคุยน่า อย่าคุย…เบื่อจะฟัง”
“ฉันพูดจริง…”
ดนุยืนยันจนชนิตาร้องอุทาน
“งั้นก็จริงซิ”
“จริงอะไร”
“รับเองแล้วนะ แกล้งมาทำหน้าซื่อ ตัวเองถ่ายภาพโป๊จริงๆ ใช่ไหม”
191/913

“งานศิลปะ”
“พวกทำสังคมต่ำทราม”
“เฮ้ย…แรงไป”
“ทำไมต้องทำ”
“มันเป็นงาน…รับจ๊อบ เขามองว่าฝีมือดี”
“ดีตายละ” น้องสาวว่า “เดี๋ยวรอพูดกับจันทร์เองนะ ขอเวลาห้า
นาที…ยืนรอหน้าห้องไปก่อนแล้วกัน”
ประตูห้องปิดใส่หน้าเขา ดนุเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเตร่ไปมา
เขาพยายามนับหนึ่งถึงสามร้อย…ก็ห้านาที…นาทีละหกสิบ…คูณด้วยห้าก็
สามร้อยพอดิบพอดี นับได้แค่ร้อยกว่าๆ เขาก็เห็นหนุ่มคนหนึ่งเดินมาทาง
นี้ มีช่อดอกไม้ใหญ่มากบังร่างกายส่วนบนอยู่ ที่มองออกว่าเป็นผู้ชาย
เพราะนุ่งกางเกง เห็นรองเท้า
ดนุหลบเข้าติดผนังห้อง แต่หนุ่มนั้นหยุดลงหน้าห้องพักของสองสาว
เอาช่อดอกไม้ออกพ้นจากหน้า
“ห้องนี้ละ”
ดนุได้ยินเสียง และหนุ่มนั่นคงไม่เห็นเขาด้วย
“หาใคร”
เขาถามออกไป รายนี้สะดุ้ง เบนช่อดอกไม้ออกฉับพลัน
192/913

เปรมนั่นเอง…เขาทำตามบัญชาของวิษณุ และหาคนอื่นมาไม่ได้
เปรมก็เลยมาเอง เพราะคิดว่าหากเขามาคงจะดีกว่าพนักงานร้านดอกไม้
และเขาพอจะพูดคุยกับชนิตาได้บ้าง บางทีชนิตาอาจจะมีข้อแนะนำดีๆ
เพราะเปรมกำลัง ‘เหนื่อย’ กับวิษณุนักหนา
“คุณเป็นใคร”
“พี่ชายคนในห้อง…”
“พี่ชาย…”
“ใช่”
เขาตอบรับเสียงห้าว มองหน้าสะอ้านนั่นแล้วคิดหนักเดี๋ยวนีห้ นุ่มๆ
ดูหน้าใส แต่ท่าทางไม่ค่อยจะเข้ม…หามาดแมนได้ยากลำบากนัก
“หาสาวคนไหนล่ะ”
“คุณจันทร์ฮะ คุณเป็นพี่ชายใคร…คุณจันทร์หรือพี่ตา”
“ชนิตา”
“อุ๊ย…ไม่ทราบฮะ…สวัสดีฮะ”
เปรมก้มหัวลงไหว้ แนะนำตัวเองเสร็จในประโยคต่อมา
“เปรมฮะ เป็นรุ่นน้องพี่ตา เราทำงานด้วยกัน”
“แล้วดอกไม้มาจากไหน ช่อเบ้อเริ่ม…สวยด้วย ท่าทางจะแพง...”
“พันกว่าฮะ”
193/913

“ใครให้เอามา”
“นายผมฮะ…คุณวิษณุ”
“นึกออกละว่าหน้าคุ้นๆ ที่วิ่งตามหลังเขาใช่ไหม”
“ผมเป็นเลขาคุณวิษณุ”
“เอ้า…เคาะเรียกซิ” ดนุสอนบท “ดอกไม้น่าจะถึงมือสาวสวยได้แล้ว”
ประตูห้องเปิดออกพอดี ชนิตามองเห็นช่อดอกไม้ก่อนเปรมพูด
เป็นเล่น
“ผมเอาดอกไม้มาฝากพี่ตา…”
“อย่ามาแหลเลย นายเปรม…นายรึจะซื้อดอกไม้มาให้ฉันเอามา
ทำไม…ให้ใคร…ให้เพื่อนพี่ใช่ไหม”
“เจ้านายสั่งฮะ ให้พี่ตา…”
“หมาพูดได้เลยละ ถ้าหากอีตานั่นซื้อดอกไม้ให้กับฉันไม่มีทางเลย
เขาคงจะซื้อมากำนัลยายจันทร์”
สีหน้าของชนิตาไม่ได้ยินดี หล่อนกำลังสงสัยพฤติกรรมของวิษณุ
เขาต้องการพิมพิกาอย่างนั้นหรือ หล่อนจะต้องเตือนเพื่อน…เพราะว่าคน
แบบนั้นมีแต่งาน…คนบ้างาน…ไร้หัวใจ…ปราศจากน้ำใจที่จะให้คนอื่น และ
มองคนเหมือนเครื่องจักร หล่อนจะไม่ยอมให้เพื่อนของหล่อนได้ไป
ข้องแวะด้วย หล่อนจะต้องปกป้องเพื่อนอย่างที่สุด…
17

ดอกไม้…นานแล้วไม่มีใครให้ดอกไม้กับหล่อน มณฑลเองไม่เคย
เป็นคนอ่อนหวาน ภาษารักของเขาไม่เคยมีดอกไม้อย่างดีสมกับการ
เป็นทายาทเจ้าของร้านเพชรก็แหวนวงเล็กๆ เพชรกระจิ๋วหลิว ดอกไม้
เป็นของชอบของพิมพิกา เพราะหล่อนเป็นคนโรแมนติกมาก หล่อนจึง
รับดอกไม้ด้วยท่าทางตื่นเต้น
เปรมมองหล่อนอย่างเพ่งพิศ เขากำลังเทียบพิมพิกากับชนิตา พีต่ า
ของเขาจืดชืดไปมากทีเดียว เพราะความงามของพิมพิกาข่มสนิท
พิมพิกาสวยมาก หล่อนมีผิวเนียน มีรูปหน้าสวย และเครื่องหน้า
แต่ละส่วนของหล่อนรับกันเหมาะเจาะ คิ้วของหล่อนโก่งเหนือดวงตา
ราวกับวาดมา จมูกโด่งแหลม และริมฝีปากหยักเหมือนคันศร เปรมไม่
ประหลาดใจแล้วว่า…ทำไมเจ้านายของเขา ‘ปิ๊ง’ กับพิมพิกาค่อนข้างมาก
อาจจะเพราะรูปโฉม
ชนิตาที่อยู่ใกล้เจ้านายมากกว่า…จืดชืดไม่น่ามองไปทันใด…ทั้งที่ชนิ
ตาก็เป็นหญิงสาวหน้าตาเข้าที
195/913

หากเหมือนเป็นดอกไม้...พิมพิกาจะถูกมองเป็นกุหลาบราชินีแห่งมวล
ดอกไม้ แต่ชนิตาก็ใช่ดอกมะลิสะอาดตา ชนิตาเหมือนดอกกล้วยไม้…สวย
หากมองพิศ แต่ปราศจากกลิ่นหอม…กล้วยไม้กับกุหลาบ…สู้กันไม่ได้…แต่
สวยทั้งสองดอกทีเดียว เปรมนั้นเอนเอียงทางชนิตา เปรมเคยอยากยุ
เจ้านายให้สนใจชนิตา แต่เท่าที่เปรมเจอมาก็คือการฮึ่มฮั่มใส่กัน
หากชนิตาอ่อนลงสักนิด และวิษณุไม่วางก้ามเป็นเจ้านายมากไป คน
ทั้งสองอาจจะมีความเข้าใจอันดีงามต่อกัน
“มองอะไรจ๊ะ”
พิมพิกาถามตรงๆ เมื่อเปรมยังไม่ไป แต่มองหล่อนเขม็ง
“จะฝากอะไรไปหาเจ้านายไหมครับ”
“บอกเขาขอบใจ”
“เท่านี้ใช่ไหมครับ”
“อะไรอีกล่ะ…หรือว่า…”
พิมพิกามีอารมณ์ขัน หล่อนทำรวดเร็วมากกับการยื่นจมูกมาจูบแก้ม
ของเปรมทีหนึ่ง กดจมูกลงไปแรงๆ เปรมตะลึงจังงังแก้มที่เหลืออีกข้าง
แดงก่ำเหมือนลูกตำลึงริมรั้ว
“ยายจันทร์…ทำอะไรพิเรนๆ ”
196/913

ชนิตาร้องออกมา ส่วนดนุก็มองตาค้าง เขาอาจจะอยูใ่ นแวดวงคน


ใจถึง แต่ดนุก็ยังเป็นคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ เขายังชอบเสน่ห์ลึกลับของ
หญิงไทยแบบโบราณเล็กน้อย นั่นคือวางตัวและไม่แสดงท่าทีเปิดเผยต่อ
เพศตรงข้าม กระไรเลย…เพื่อนน้องสาวของเขา…หล่อนทำตัวเปรี้ยวก็เป็น
ท่าทางของเจ้าหล่อนเป็นธรรมชาติ แต่เขากำลังคิดถึงว่าเพราะเจ้าหล่อนมี
จิตเอนเอียงไปทางวิษณุหรือเปล่า…แล้วศศินเล่า…
“แกทำอะไรลงไป”
ชนิตาแหว คว้าแขนของพิมพิกาดึงออกห่างจากเปรมแล้วเปรมก็โดน
เอ็ด
“อีตาเปรมก็ทำเป็นยืนทื่อให้จูบ ชอบหรือยะ…ตาปรอยเชียว…”
“เปล่าฮะ พี่ตาพูดอะไร”
เขาเสียงพร่า ตายังมัวแท้ๆ แต่ชนิตามองว่าเขาทำตาปรอย ชอบอก
ชอบใจ เขาถูกจูบจากผู้หญิงรุ่นพี่ของเขา หล่อนหัวเราะเสียงใส เขามอง
พิมพิกาอย่างหวาดๆ เปรมอยากจะเชื่อว่าพิมพิกากำลังแสดงบทบาท
จอมปลอมออกมา หล่อนเสแสร้งทำ…นั่นไม่ใช่ตัวตนของหล่อน ไม่ใช่
ความจริงใจของหล่อนเลย
“ผมไม่ได้ขอ…”
เขายกมือลูบแก้มแล้วขยี้ หน้ายังแดงก่ำอย่างไรอย่างนั้น
“ผมเผลอตัว…ผมถูกขโมยแก้ม”
197/913

เขามองพิมพิกาอย่างเคืองๆ
หญิงสาวมองหน้าเขา หล่อนห่อปากเป็นวงกลม ท่าทางหล่อนเซ็กซี่
มากล้น
“บอกเจ้านายด้วยนะว่าฉันฝากจูบมา ไปจูบแก้มเขาอีกต่อแล้วกัน”
“ไม่ได้หรอกครับ” เปรมปฏิเสธ “ผมไม่รับทำงานนี้”
“ฉันฝากรอยไปแล้ว หรือจะต้องให้เรียกคืน”
พิมพิกายื่นแก้มมารอท่า เปรมกัดริมฝีปากตัวเอง ตาแดงๆ …ชนิตา
ต้องออกปากไล่…
“กลับซะเปรม พี่ตาจัดการเอง”
ชนิตาเดินมาส่งเปรมถึงหน้าลิฟท์
“บอกเขาว่าคราวหน้าไม่ต้องทำ”
“พี่ตาโกรธเขาหรือฮะ”
“เขาต้องการอะไรล่ะเปรม”
“เขาอาจจะชอบเพื่อนพี่ตา”
“คนอย่างเขาชอบใครด้วยหรือ”
“พี่ตา…เจ้านายก็ผู้ชายปกติคนหนึ่ง”
198/913

แต่เปรมมองเห็นแววตาแปลกๆ ของชนิตา เปรมคิดตามอย่าง


เท่าทัน…และหล่อนได้ยินเสียงเปรมร้องถามอย่างตกใจ
“พี่ตาคิดว่าเจ้านายเป็นเกย์รึ”
ไม่มีคำตอบจากชนิตา แต่แววตาที่หล่อนมองทำให้เปรมบังเกิดความ
ร้อนตัวเล็กๆ
“พี่ตา…” เปรมคราง “ผมไม่ใช่คู่ขาของเจ้านายนะ”
“ก็ดี”
“ทำไมเข้าใจผิดด้วย”
“เปรม…ภาพรวมๆ ออกมาชวนเข้าใจแบบนั้น”
“ผมก็ซวยซิ” เขาพ้อ “ผมไม่ใช่เกย์นะ ผมเป็นผู้ชายผมอาจจะ
นิ่ม…แต่ไม่ใช่ ผมน่ะเหมือนกระโถน…ใครๆ ก็ชอบมาลงที่ผมกันหมด
เจ้านายเอย…พี่ตาเอย”
“โถ…น้องรัก” เขาถูกชนิตาเดินมาโอบพาดบ่าเอาไว้ “คิดมากจริงๆ ”
“ผมไม่อยากถูกมองแบบเข้าใจผิด แล้วเรื่องเพื่อนพีต่ า…เจ้านายชอบ
จริง พี่ตาจะขวางไหม”
“ฉันกลัวเขาแค่หลอกเล่น”
“แต่ท่าทางเพื่อนพี่ไม่ใช่จะหลอกกันง่ายๆ ”
199/913

“มันก็ไม่แน่ พี่ไม่อยากให้เพื่อนช้ำใจ ขอบใจนะเปรมที่เอาดอกไม้มา


เจอกันที่ออฟฟิศในกรุงเทพ”
หล่อนได้ดอกไม้ และดนุกำลังมาเจรจาเรื่องงาน เขาฉลาดพอจะเอ่ย
เรื่องงานใหม่ตัวใหม่ก่อนจะพูดถึงงานถ่ายซ่อม
ตอนแรกพิมพิกาฟังเพลิน แต่พอนึกถึงการทำงานซ้ำ…หล่อนก็เสียง
แหลม
“ลงไปในน้ำอีก…ถ่ายใหม่รึ”
“ชอบดำน้ำไม่ใช่หรือ”
“เมื่อวานทำไม?” หล่อนกังขา
“มันเสียหมด”
“แต่จันทร์ได้ยิน…”
หล่อนพูดแล้วเงียบไป เมื่อตอนเกิดเหตุ สติของหล่อนลางเลือน การ
รับรูเ้ ป็นไปอย่างครึ่งๆ กลางๆ หล่อนอาจจะหูฝาดไปเอง หล่อนดำน้ำเก่ง
หล่อนไม่รังเกียจมัน…แต่หล่อนไม่สนุกเสียแล้ว ดนุพยายามกล่อมหล่อน
เขารับปากกับศศินมาแล้ว…ความต้องการของนายจ้างอาจจะพิสดาร แต่เขา
เป็นคนทำงานเขามองว่ามันไม่น่าจะเกินกำลัง และเขาต้องการความพอใจ
จากผู้ว่าจ้าง จะมีผลโยงใยไปถึงอนาคตอีกยาว
“ก็ได้…” พิมพิกาบอก “จะถ่ายเมื่อไหร่”
200/913

“พรุ่งนี้…”
“ใช่…เรายินดีจ่ายค่าจ้างเพิ่ม”
“เท่าไหร่”
“อีกเท่าตัว”
พิมพิกาอาจจะไม่ทันคิดอะไรมาก แต่ชนิตาไหวตัวทัน…หล่อนไม่
พูดจาขัดคอพี่ชาย…ปล่อยให้เขาพูดไป เขาทบทวนเรื่องงานกับพิมพิกา
ดนุคล่องตัวในเรื่องงานของเขาอย่างสูง แต่น้องสาวก็มองพี่ชายของตัวเอง
‘คล่อก’ เกินไป
หล่อนเดินตามมาส่งพี่ชายหน้าห้อง ปิดประตูตามหลังเสียอีกด้วย
“พี่นุ…บอกมานะ…ว่ามีแผนอะไร”
“แกพูดบ้าๆ ”
“ไม่เอาน่า...โกหกทำไม”
“แกพูดอะไร…พี่ไม่เข้าใจ”
“ทำไมต้องถ่ายใหม่…”
“แกเป็นโรคระแวงเหรอ”
“พี่นุ…หากตาไม่รู้ทัน เราก็ไม่น่าจะมาเป็นพี่น้องกันเลย”
“ไม่มีอะไร”
201/913

“แก่แล้วริโกหก…น่าเกลียด พูดออกมานะ หรือจะต้องให้จันทร์รู้”


“แกนะแก”
“บอกมา”
“เจ้านายต้องการให้ถ่ายใหม่”
“คุณศศินหรือ”
“ใช่”
“ทำไม”
“เขาสนใจเพื่อนแก”
“เจ้าจันทร์เนื้อหอมแล้วหรือ ช่างเหลือเชื่อ…” ชนิตารำพึง “ผู้ชายสอง
คน รวยทั้งคู่ จะเลือกใครดี”
“แกสัญญาก่อนว่าจะหุบปากให้สนิท”
“จ่ายมาซิ”
“นังงก”
“ปากจะปิดสนิทเมื่อเงินมันอุด”
“แกเป็นผีรึ ต้องเอาเงินอุดปากไว้”
พี่ชายมองค้อน น้องสาวหัวเราะ ไม่ถือโกรธแต่อย่างใด
202/913

“นั่นมันเงินเหรียญ ค่าปิดปากตาต้องเงินแบงก์…แล้วควรจะเป็นสัก
ห้าพันอย่างต่ำ เข้าใจตามนี้นะ”
“แกจะขู่กรรโชกทรัพย์ฉัน”
“ตัวเองรับมาเท่าไหร่...น่าจะได้แพง แล้วคนอย่างจันทร์…มันบ้า…มัน
รู้เข้า พี่นุก็พัง…แถมมันจะด่าเอาเปิงว่าหลอกมัน”
“ฉันจ่ายเงินนะโว้ย”
“นั่นละ”
“อยากสวยเอง”
“ความผิดของมันเหรอ”
“ใช่…ความสวยของผู้หญิงนีเ่ ป็นสองทางเสมอ…เป็นบวกเป็นลบ” ดนุ
เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ถ้าเจ้าตัวไม่ตระหนักให้ดี ไม่มีความมั่นคงแล้วละก็
เสร็จทุกทีไป”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกายังไม่กลับมา มณฑลรูจ้ ากการติดต่อไปหาหล่อน เขา
พยายามติดต่อหล่อนอีกโดยไม่บอกกับบุษยา
เขาไม่อยากให้หล่อนโวยวาย หล่อนยิ่งระแวงอยูเ่ มื่อเขาหาพิมพิกาไม่
เจอ เขาก็ย้อนมารับบุษยา หล่อนอยากจะไปดูเรือนหอ…ก็เงินส่วนหนึ่งของ
203/913

หล่อน…แต่ปลูกสร้างตามใจเขา ไม่ว่าจะการตกแต่งภายในที่กำลังรีบเร่ง
เขาจัดการเองเสร็จสรรพ โดยอ้างว่าเขาเลือกของดีที่สุดเสมอ
โชคดีของเขา…หล่อนไม่ฉลาดนัก…และเขาหวังให้หล่อนเป็นแบบนี้
ตลอดไป
หล่อนถูกเขาขอนอนด้วย
“ที่นี่หรือคะ”
หล่อนกวาดตามอง
“ไม่มีเตียงนอน”
“มีโซฟาไง”
“เผื่อใครมาเห็น”
“เราล็อกประตูซะสิ ดีกว่าไปเสียค่าโรงแรม”
เขาแสดงความปรารถนาออกมาอย่างรุนแรง บุษยาไม่อาจจะต้านทาน
เขาได้ไหว หล่อนรู้สึกตะขิดตะขวงใจเหมือนกันเพราะว่าหล่อนไม่น่าจะ
ทอดกายลงตรงนี้ และสภาพโดยรอบๆ ก็ไม่พร้อม หล่อนต้องคอยระวังว่า
จะมีใครมาเรียกหรือไม่ แต่มณฑลไม่สนใจแบบหล่อน เขาตั้งหน้าไขว่คว้า
ตอบสนองความปรารถนาของตัวเองเท่านั้น และเขาก็ได้ไปสมใจ
ตอนเขากลิ้งตัวพ้นจากไป บุษยาหายใจโล่ง แต่หล่อนก็กระดากแกม
อดสู
204/913

เพราะเดี๋ยวนี้หล่อนเก่งกล้าสามารถในทางมืดดำ…มันมากขึ้นทุกที
เพราะเสื้อผ้าของหล่อนยังติดตัวครบถ้วน เว้นเสียแต่กางเกงในที่ถูกถอด
ออกโยนห่างออกไป…แค่นี้?…หล่อนหลับตาลง…เหมือนเช่น
เขา...กางเกงขายาวและกางเกงในของเขายังกรอมรอบข้อเท้าของเขา…ไม่ได้
ปลดเปลื้องพ้นตัว แม้หล่อนจะกำพร้าขาดพ่อแม่คอยอบรม แต่บุษยาก็รวู้ ่า
อะไรคือความดีงาม และอะไรที่เกินเลยออกไป…
เสียงเขาหายใจดังๆ หล่อนลืมตา ตะแคงตัวมามองแล้วก็ร้อนผะผ่าว
ที่ดวงหน้ากับคำถามของเขา
“เอาอีกไหม”
“ไม่ค่ะ”
“เห็นมอง…นึกว่าต้องการอีก”
“นุ่นอยากกลับบ้าน”
“บ้านไม่หายหรอกน่า”
“นุ่นรู้ แต่…”
“นุ่น…เรารักกัน…คิดมากทำไม” เขาตำหนิ
“นุ่นเปล่า แต่บางอย่าง…มักก็ไม่ดี”
205/913

หล่อนลุกมานั่ง กำลังจะลุกไปเก็บกางเกงใน เขาก็ลุกมาผวาซบกับ


ตักของหล่อนเสียก่อน บุษยาร้องอุทานออกมาเสียงแผ่วโหย เพราะสัมผัส
ของเขารบกวนหล่อนอย่างแรง
“อย่าค่ะ”
เขาฟังที่ไหน…สิ่งเดียวที่เขาจะป้อนให้กับบุษยาจนหลงเขาแบบไม่ต้อง
เงยหน้ามองชายอื่นอีก…ก็ความพิศวาสรุนแรงและไม่เลือกเวล่ำเวลาแบบนี้
เขาเคยคิดจะป้อนปรนเปรอให้กับพิมพิกา แต่หล่อนดันเล่นตัวเสียนักหนา
พิมพิกาจึงหลุดมือเขาไป…
แต่มณฑลกำลังพยายามจะไขว่คว้าเอาคืน…
หล่อนเป็นของเขา…
“เดี๋ยวค่อยกลับน่านุ่น…”
หล่อนพยายามจะยกศีรษะเขาขึ้นแล้วผลักออก เขาขืนเอาไว้ และ
โอ…เขาทำอะไร…หล่อนตัวกระตุกสะท้าน…ร้องอุทานแผ่ว
“มณฑล…ยะ…อย่า…ไม่ทำแบบนั้นนะคะ…โอ…คุณพระ...”
เขายิ้มเยาะ หล่อนร้องเรียกหาพระทำไม…พระที่ไหนทำได้แบบ
เขา…และเขาคนเดียวจะทำให้หล่อนกระสันต์รัญจวนใจ
เขาเงยหน้าบอกหล่อนว่า
“เพราะผมรักนุ่น…อย่าคิดมาก…เดี๋ยวดี…ไม่รัก…ไม่ทำ…”
206/913
18

มณฑลจึงลำพองใจเสมอว่าเขาสามารถ ‘คุม’ เอาบุษยาไว้ได้ใน


กำมือ เขาป้อนรสพิศวาสให้หล่อนจนหล่อนไม่มวี ันลืมเขาเวียนทำความ
พอใจให้กับหล่อน แน่ละว่าเขาเองก็สุขสมปรารถนาไปด้วยเช่นกัน…ใช่
ว่าหล่อนจะได้สุขสมฝ่ายเดียว...มณฑลเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก เขารู้จัก
จะรักตัวเอง…ทำเพื่อตัวเอง คนอื่นรอบตัวเขานั้นมาทีหลังเสมอ สิ่งใด
เขาไขว่คว้าทำความสุขให้กับตัวเองได้ ชายหนุ่มไม่เคยรอช้าสักนิด
เขาพาบุษยาไปส่งบ้าน หญิงสาวรู้สึกไม่ดีเลยเมื่อรถแล่นเข้าเขตบ้าน
ประตูหน้าเปิดกว้างอยู่
หล่อนขอลงตั้งแต่ประตู
“ทำไม”
“อย่าเลยค่ะ นุ่นเดินเข้าไปเองได้”
“กลัวอะไร” เขาถามรวนๆ “ใช่ไหม…นุ่นกำลังกลัวใช่ไหม”
“เอ้อ…คนที่บ้าน…มาก…”
“แล้วไง”
208/913

“คุณจะลงไปพบหน้าพวกเขาไหมคะ”
“ลงก็ได้”
“คุณไม่อายหรือคะ”
“อายอะไร” เขาถามเสียงห้วนสะบัด “เรื่องที่เกิดที่หัวหินน่ะหรือ”
“ค่ะ”
“อายทำไม…ผมไม่ได้ผิด…นังบ้านั่นพยายามจะให้ผมเสียหายผมไม่
เคยอาย เพราะผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้ผิด”
“แต่พวกเค้า…”
“นุ่น…อย่ามัวแต่พูดขยักๆ เลย พูดออกมาให้หมด”
“แล้วอย่าโกรธนะคะ”
“ผมไม่รับปาก เพราะตอนนี้เท่านี้ผมก็โกรธพอแล้ว”
“โธ่…มณฑล” บุษยาคราง
หล่อนกลัวเขา…อารมณ์ของเขาเอาแน่เอานอนด้วยไม่ได้…บางคราเขา
ก็อ่อนโยนแล้วเขาก็กลับกลายเป็นอย่างอื่น เขาปั่นป่วนรวนเร อีกหลายหน
เหมือนกันที่บุษยาเคยถามตัวเองเงียบๆ ว่า…ทำไมหล่อนต้องหลงรักเขา
มากมาย…การรักผู้ชายหลายหลายอารมณ์นี้ ศศินเคยเอ่ยเตือนหล่อนเอา
ไว้แล้ว
209/913

…เมื่อความรักยังมากมายพอ นุ่นจะทนได้ แต่พอความรักจืดจางลง


นุ่นจะพบว่าตัวเองมองหาทางออกจากที่กักขังแคบๆ นั้น พีอ่ ยากให้นุ่นคิด
ไตร่ตรองให้รอบคอบ การเข้าไปสู่การแต่งงานไม่ใช่เรื่องยาก…
ยามนั้นบุษยาเคยเถียงเขา
…คนรุ่นใหม่ก็หาทางออกจากการแต่งงานไม่ยากเหมือนกันค่ะ…
…ไม่จริงเลยนุ่น มันยากไม่ว่าคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ คนเราเมื่อ
แต่งงานกันไป พบเจอตัวจริงของอีกฝ่ายแล้วรับไม่ได้ ก่อนจะต้องแยกกัน
มันคือความทรมาน และมีคนมากมายเหลือเกินที่ถึงกับตายเพราะรับสภาพ
ตัวเองไม่ได้เลย…
หล่อนไม่เคยเชื่อเขา…ไม่เคยเก็บเอาคำพูดของเขาไปคิดทบทวน น่า
ประหลาดใจที่หล่อนกลับมาจดจำได้ในยามนี้อย่างแม่นยำยิ่ง
หล่อนอาจจะต้องคิดตามอีกหน และจะต้องหาทางคุยกับศศินอีก
ด้วย เขาไม่เพียงแต่เป็นพี่ชายของหล่อน แต่เขายังห่วงหาอาทรหาไหน
ปาน…
ทำไมมณฑลไม่เหมือนศศิน…
หล่อนตามอารมณ์ของเขาไม่เคยทัน
“เงียบไปทำไม” เขาตะคอก “นุ่นบอกมาให้หมดนะ”
“พวกเค้าว่าคุณน่าจะรับผิดชอบได้ พวกเราไม่เคยมีเรื่องเป็นขี้ปากให้
ใครไปพูดลับหลังได้”
210/913

“อ๋อ…โทษผม”
“ก็น่าเห็นใจญาติๆ ของนุ่นนะคะ”
“หน้าบางกันเหลือเกินนะ โคตรผู้ดีแปดสาแหรกมาจากไหน…”
“มณฑล…!” บุษยาเรียกเขาด้วยเสียงตกใจ “คุณพูดแบบนั้นไม่ได้นะ
คะ เราไม่เคยอวดตัวเองเป็นผู้ดีมาจากไหน แต่เราก็ทระนงในตระกูลของ
เรา คุณชวดเคยเป็นข้าราชสำนัก คุณปู่เคยเป็นรัฐมนตรี…เคยเป็นทูต
ประจำต่างประเทศนานปี และก่อนท่านจะสิ้นไป ท่านคือผู้ใหญ่ที่ได้รับการ
ยอมรับนับถือว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ท่านกระทำดีตลอดชีวิตของท่าน
ลูกหลานของท่านมีสิทธิ์ตรงนี้ไม่ใช่หรือคะ เรื่องคืนก่อนนั้น…ที่บ้านหัว
หิน…ทำความเสื่อมมาให้เราทุกคน เราจะต้องถูกถาม…ถูกถากถางด้วย
สายตา แล้วคุณจะว่าพวกเราหน้าบางหรือคะ อาจจะใช่…เพราะเราบางต่อ
การกระทำตลาดๆ แบบแม่คนนั้น”
หล่อนโกรธเหมือนกัน หล่อนเลยพูดยาวมาก มณฑลเงียบเสียงไป
แต่ใจของเขาไม่ยอมเงียบตาม
…อีห่าเอ๊ย พูดมากฉิบหาย ตระกูลห่าเหวอะไรกัน หากไม่รวย มี
สมบัตลิ ่ามคอมาด้วย กูหนีไปนานแล้ว รอก่อนเถิด กูได้ครองแล้วกูจะไม่
ยอมทน อีพวกผู้ดีหน้าบาง คิดอะไรไม่รู้…ทุเรศจัด…
แล้วเขาก็ทำท่างงๆ กับเสียงบอกเข้มแข็งของบุษยา
“จอดเถิดค่ะ นุ่นจะลงตรงนี้…มณฑลกลับไปก่อน”
211/913

“นุ่น…”
เขาคราง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหล่อนจะกล้าเพียงนี้…หล่อนกล้าจะไล่
เขา…
…อีนังบ้า…
เขาตะโกนก้องในใจ
แต่ก็ยอมทำตามหล่อนต้องการ พอบุษยาก้าวลงไปหล่อนก็ต้อง
กระโดดหลบไปอีกทางให้พ้นจากการเลี้ยวตีวงกลับของเขา…
อารมณ์ของเขาคงเสียมาก หล่อนเองก็ฉุน แล้วบุษยาก็พลันเสียใจ
แกมวิตกว่าหล่อนไม่ควรทำให้เขาโกรธเลย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เปรมมารายงานกับเขาแล้ว ท่าทีที่พิมพิกาตอบแทนกลับมาไม่ได้
เป็นไปตามเขาคาดหวัง แต่เขาไม่รู้สึกเสียใจหรือผิดหวังอะไร พิมพิกา
คือ ‘เกม’ อันท้าทายระหว่างเขากับศศินไปเสียแล้ว การพบเจอกับศศิน
ทำให้วิษณุรู้สึกว่าชีวิตเขาเหมือนกำลังถูกลองดี…
เขาซักเปรมถึงชนิตา…เปรมก็ทำท่าพิกลให้เห็นๆ
“เล่ามาซะดีๆ เปรม”
“พี่ตาไม่ชอบดอกไม้มังฮะ”
“ดอกไม้นั่นให้คุณจันทร์ ยายตาเสนอหน้ามารู้สึกอะไรด้วย”
212/913

“พี่ตาขวางโลกทุกเรื่องฮะ”
เปรมพยายามหาคำตอบ และนั่นทำให้วิษณุพอใจเหมือนกัน เขาเลย
หัวเราะออกมา
“ยายนั่นมันบ้า”
เปรมไม่อยากบอกว่าพิมพิกาฝากอะไรมาอีก หล่อนจูบแก้ม
เขา…หล่อนจะฝากจูบแก้มเจ้านาย…เปรมทำไม่ได้…
พอเปรมคล้อยหลัง วิษณุกย็ ิ่งคิดอะไรบางอย่างแล้วตัดสินใจหมุน
เบอร์ของโรงแรม ต่อสายเข้าห้องพักของพิมพิกา
ชนิตาเป็นคนรับสาย เขาจำเสียงหล่อนได้เสมอ
“ฉันขอพูดกับคุณจันทร์”
ชนิตาจำเสียงเขาได้ เสียงหยิ่งๆ จองหอง…เสียงที่เคยอวดอำนาจใส่
หล่อนเสมอมา คิดว่าหากหลับๆ อยู่…เสียงนี้ดังขึ้น หล่อนก็สามารถจำได้
ว่าเป็นเสียงของเขา
หล่อนร้องเรียกพิมพิกา
“จันทร์…โทรศัพท์ของแก”
“จากไหน”
“ไม่รู้ซิ…ผู้ชาย…”
213/913

เสียงชนิตาเหมือนห่างออกไป และนาทีต่อมา วิษณุกร็ ู้สึกถึงไอความ


ร้อนแผ่ซ่านไปทั่วขุมขนของเขาเลยทีเดียว เพราะเสียงของชนิตาลอยๆ มา
เข้าหูเขา
“รู้สึกตั้งแต่แกมานี่น่ะ หมาหลายตัวน้ำลายหยดติดมุมปาก”
หล่อนกระทบว่าเขาเป็นหมา ชนิตา…นังตัวแสบ…นังตัวร้าย…หล่อน
เป็นลูกจ้างไม่เจียม…
หล่อนทำได้…หล่อนร้ายกาจมากเลยทีเดียว
เขาไม่อาจจะทำอะไรหล่อนได้ในยามนี้ เพราะว่าพิมพิกามารับสาย
ของเขา แต่เขาผูกใจอาฆาตพยาบาท
เขาสัญญาว่าเขาจะต้องล้างแค้นล้างอายกับชนิตา
หากเขาทำไม่ได้...เขาคงจะอัดอกอัดใจตายเป็นแน่
“ผมเองครับคุณจันทร์…วิษณุ”
“อ๋อ…ดอกไม้เมื่อวานสวยค่ะ”
“ชอบไหมฮะ”
“ชอบค่ะ” พิมพิกาตอบ
ชนิตากำลังมองไปที่ถังขยะ พิมพิกากำลังแจ๋วๆ จำนรรจาแต่ดอกไม้
สวยทีห่ ล่อนทำเสียงอ่อนหวานบอกไปนั้น มันลงไปอยูก่ ้นถังแล้ว ชนิตารู้
214/913

ว่าพิมพิกาโยนทิ้งเพราะอะไร เพื่อนของหล่อนคงไม่ยอมรับไมตรีของ
วิษณุ…
แต่หล่อนเสแสร้งบอกไปอีกเรื่อง
“สวยมากเลย…ขอบคุณนะคะ”
“เปรมมาบอกผม…”
“บอกว่าไงคะ”
“บอกว่าเขาเฉยๆ ”
“เอ๊…” พิมพิการ้อง “เด็กนั่นลืมของฝากของฉันซะมังคะ”
“ของฝากอะไร”
“ก็ฉันฝากจูบขอบคุณไปให้คุณค่ะ” หล่อนตอบเสียงใส
“เปรมไม่เห็นบอก”
“เขาลืมมังคะ แหม…น่าตี…เขาไม่บอก…แหม…ทำฉันเสียมารยาท รับ
ของแล้วทำเฉย”
ฟังถึงตรงนี้ ชนิตากลับคิดว่าคนที่น่าจะโดนซัดจนหมอบน่าจะเป็นตัว
พิมพิกาเอง
…นังจันทร์ มันจะเอายังไงแน่หว่า…
“ฉันจูบแก้มเขานะคะ ให้เขาไปจูบแก้มคุณแทน”
215/913

“ขอบคุณครับ”
“แล้วเราจะเจอกันอีกไหมคะ”
“คุณจันทร์อยากเจอผมไหม”
“ฉันยังต้องทำงานต่อค่ะ”
“อ้าว…งานไม่เสร็จหรือครับ”
“ต้องถ่ายซ่อมใหม่ค่ะ”
“ชนิตาอยู่ด้วยไหม”
“ค่ะ”
“ผม…ขอพูดกับชนิตาหน่อย”
“ได้ค่ะ”
พิมพิกาพยักหน้าเรียกเพื่อนมาพูดแทนหล่อน
“มีอะไรหรือคะ”
ชนิตาพยายามทำเสียงสุภาพที่สุด
“ตะกี้เธอรู้ไหมว่าผม”
“ไม่ค่ะ”
“เธอโกหก”
“จะหาเรื่องกันอีกแล้วหรือคะ”
216/913

“ชนิตา…” เขาคำราม “ฝากไว้ก่อนเถิด”


“ได้ค่ะ” หล่อนหัวเราะเย็นๆ “จะเอาคืนแบบไหนขอให้บอก…อย่า
ลอบกัด…”
“ชนิตา…เธอจะว่าฉันเป็นหมาอีกแล้วใช่ไหม”
“เจ้านาย…ฉันขอบอกว่าลอบกัดเป็นสำนวน ไม่ได้เกี่ยวพันถึงเจ้านาย
เลย ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าเจ้านายเป็นหมา”
“เธอมันร้าย…”
“ค่ะ” หล่อนรับคำ “จะพูดอะไรกับฉันคะ”
“เธอจะอยู่หัวหินต่อ?”
“ค่ะ”
“เธอลางานกี่วัน”
“ห้าวันค่ะ เสาร์อาทิตย์ปิดหัวท้ายเป็นเก้าวัน”
“แน่ใจนะ”
“ฉันลาเพิ่มค่ะ”
“ใครอนุญาตเธอ” เสียงของวิษณุเอาเรื่อง “เธอจะต้องกลับไปทำงาน”
“จันทร์หน้าโน้นค่ะ”
“ฉันอาจจะเอาเธอออก”
217/913

“คุณทำไม่ได้”
“ฉันจะทำ…”
“ลองดูซิคะ”
“อย่าท้าฉันนะ ชนิตา”
“เปล่าค่ะ แต่ทำให้ได้ก่อนค่อยมาขู่กัน”
“เธอมันอวดดี…ชนิตา…คนอย่างเธอมีอะไรวิเศษ…เธอคิดว่าฉันจะไม่
กล้าจัดการกับเธอหรือ อย่าหลงตัวเองนัก”
“คุณหัวเสียเพราะอะไร ฉันกำลังพยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์
ของคุณต่อฉัน คุณไม่ต้องการฉันทำงานด้วย ทำไมคะ…ฉันทำงาน
บกพร่องหรือ”
ไม่มีคำตอบจากเขา เพราะวิษณุปฏิเสธไม่ได้ว่าชนิตาไร้ความ
สามารถ…หล่อนมีมันมากมาย..
“หรือเพราะฉันขวางทางคุณ…ฉันก็แค่ลูกจ้าง เอาอะไรไปขวางทาง
คุณได้ หรือเพราะโรคเหม็นหน้าของคุณเอง ได้หาเรื่องใครบ้างก็พอเมามัน
ในชีวิต”
“ชนิตา…”
เขาขานเรียกเสียงก้องกังวาน แต่พิมพิกามารับสายแทนเขาถอนใจ
ยาว
218/913

“เพื่อนคุณ…ร้ายนัก คุณจันทร์…ผมปวดศีรษะเพราะเพื่อคุณ
ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมฟังผม…เข้าใจผม ในโลกนี้จะมีเจ้านายคนไหนอีก
ไหมที่ต้องทนเท่าผม”
“ก็อย่าทนซิคะ” พิมพิกายุ “ไล่ออกเล้ย”
19

เขาโกรธเปรมว่าทำไมไม่ยอมพูดความจริงกับเขา ที่จริงอารมณ์
โกรธเปรมนี้สืบเนื่องมาจากว่าเขาโกรธชนิตา และไม่อาจจะไปลาก
หล่อนมา ‘ซัด’ หรือ ‘ด่า’ หล่อนได้ เขาพาลได้กับคนกันเองอย่างเปรม
มากกว่า และเขาก็กระทำโดยไม่หยุดคิดถึงใจของเปรมอันเป็นคนอื่น
เปรมทำท่าเหมือนอยากร้องไห้ยิ่งยั่วโมโหเขามากกว่าเดิม เขามองเปรม
อย่างระอา และหลุดวาจาออกมาประโยคหนึ่ง
“ทำไมหน้าตัวเมียนักวะ”
ใจของเปรมสะดุด เป็นคำพูดชวนเจ็บปวด วิษณุเป็นนายทีท่ ำตัว
ยิ่งใหญ่มาก เปรมยอมมาหลายหนจนเขาเหมือน ‘ทาส’ ชนิตาเคยถามว่า
…ตาเปรม ยังไม่ยอมเดินออกจากสมัยมีทาสหรือ ยอมเขานัก…สัก
วันจะต้องเสียใจ ปลดปล่อยตัวเองซะนะ ไม่ใช่ทาสเป็นแค่ลูกจ้างงาน
กระไรเลยจะยอมให้เขาจิกหัว หรือเขาเพิ่มงานพิเศษให้เลยยอมเขา เงิน
เท่าไหร่กันเชียว มาจิกตลอด…
เขาเคยมองว่าชนิตานั้นแรงไปสำหรับคนเป็นนายยามที่ตัวเองเจอ
คำพูดรุนแรงเบบนี้ เปรมว่าชนิตาถูก และเขาเป็นคนโง่…
220/913

เปรมโกรธ แต่ไม่แสดงออก น้ำตาเขาคลอๆ เขาอาจจะมองว่า


อ่อนแอ เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นคนแหยเปราะ แต่เขาไม่ได้เป็นดังทีว่ ิษณุ
กล่าวหา เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ คนหนึ่ง…รับรองตัวเองได้
“พูดนิดเดียว ทำน้ำตาคลอ”
“ผม…ผม…”
“คุณจันทร์ฝากจูบใช่ไหม”
“ฮะ”
“ทำไมไม่บอกแต่แรก”
“เพราะผมไม่อยากรับอาสามาจูบคุณ”
“ทำไม…”
“ผมทำไม่ได้”
“แก้มฉันไม่เหม็นสาบ”
“ไม่ฮะ ผมไม่ทำ” เปรมยืนกราน “ผมปวดศีรษะฮะ ผมขอตัว”
เปรมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เขาไม่ชอบวิษณุอย่างไม่เคยมา
ก่อน เขาโกรธ..และเขาอาย มันแปรเป็นความแค้นลงกลางใจของเขา และ
บางทีเขาอาจจะจากวิษณุ หากเขาไปแล้ว…วิษณุจะรู้ว่าจะมีใครบ้างทำงาน
ได้เท่ากับเขา ตอนเดินออกจากห้องของวิษณุ เขาสวนกับคุณหญิงเพลิน
“ตาเปรม…”
221/913

น้ำเสียงของเธออ่อนโยนปรานีต่อเขานักหนา เปรมก้มหน้าลงจนคาง
เกือบจะชิดอก
“เป็นอะไรน่ะ พูดด้วยไม่ยอมพูด…หน้าตาไม่ยอมมอง”
เธอแหย่เขาก่อนจะตกใจเป็นอันมากที่เห็นน้ำตาของเขาคลอฉ่ำ
“เปรม…ตาวิษทำอะไรเธอฮึ”
“เขาว่าผมฮะ เปรมบอกเสียงเครือ
“เขาว่าอะไร”
“เขาว่าผมหน้าตัวเมีย…”
คุณหญิงเพลินเกือบจะถามแล้วว่า ‘จริงไหม’ แต่เธอยั้งเอาไว้ทัน เธอ
มองเขาอย่างสงสาร และเอื้อมมือมาตบบ่าเขาเบาๆ
“เปรม…เขาไม่เจตนาหรอก เวลาเขาอารมณ์เสีย วิษปากร้าย”
“แต่เขาสบประมาทผม”
“ฉันจะให้เขาขอโทษ…เอาไหม”
“คุณวิษน่ะหรือฮะจะขอโทษ” เปรมทวนแล้วส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้
หรอกฮะ คุณหญิงบอก เขาก็จะต้องว่าผมได้อีกว่าสำออยมาฟ้อง คุณหญิง
ฮะ ผมอาจจะขอลาออก…ผมทนเขาต่อไปไม่ไหว”
222/913

“เปรม…อะไรจะขนาดนั้น เธอทำงานกับเขาสองสามปีแล้วนะ ตั้งแต่


เขาย้ายกลับมา…เขามีแต่เธอ…เปรม…อดทนอีกนิดได้ไหม…แล้วเรื่องไหนที่
เขาไม่ควรจะพูดทำร้ายจิตใจเธอ ฉันจะขึ้นป้ายแปะบอกไว้”
เปรมยังไม่อยากจะเชื่อ แล้วคุณหญิงเพลินก็พกพาเอาความกังวลใจ
เข้ามาหาลูกชาย
“วิษ…เปรมโกรธลูกนะ”
ลูกชายของเธอนอนเอกเขนกยาวอยูบ่ นเก้าอี้หวาย เขาทำท่าเหมือน
ไม่ใส่ใจ
“ลูกควรจะขอโทษเปรม”
“ขอโทษ?” เขาทวนถาม จิ้มอกตัวเอง “แม่จะให้ผมขอโทษ
เปรม…โอ…โน…”
“นี่วิษ…อย่ามาดัดจริตพูดฝรั่งแล้วทำตลกกับแม่นะ”
“ผมพูดจริง…ใครจะขอโทษเด็ก แล้วผมไม่ได้ผิด”
เขายืนยัน “หมอนั่นไปตะบอยฟ้องเรื่องอะไรฮะ ผมนี่ตกที่นั่งอะไร
ลูกน้องแย่ๆ ทั้งนั้น ชนิตาแล้วมาเปรมอีกคนหรือฮะอีกหน่อยเวลานั่ง
ทำงานผมมิต้องจ้างรอปอภอมาคุ้มครองผมหรือฮะ”
เขาถามแกมประชด
“ลูกน้องชั้นยอดด้วยกันทั้งนั้น…คงจะลุกมาฆ่าผมสักวัน”
223/913

“ถ้าปากยังแบบนี้ก็ไม่แน่…” คุณหญิงเพลินออกปาก “วิษคำพูดบาง


คำ…เราพูดออกไปไม่ทันคิดว่าจะมีผลกระทบใจคนอื่นมากแค่ไหน…แต่ก็
กระทบแล้ว เปรมไม่ชอบคำว่าหน้าตัวเมีย”
“หรือฮะ”
ทวนถามแล้วหัวเราะหึๆ เหมือนจะชอบใจนัก
“แล้วจะให้เรียกอะไร แม่ถามมาให้ผมหรือเปล่า…จะได้เรียกขานไม่
ผิด”
“วิษ…ลูกไม่ได้สำนึกเลยนะ”
“ผมว่าถ้าใช้คำว่าสำนึกก็แรงไปนะฮะ” เขาหยุดหัวเราะทำหน้าเคร่ง
ขึ้น “ดูเหมือนว่าลูกน้องผมจะแตะต้องหยอกเอินเล่นไม่ได้เลย เซ้นซิทีฟ
กันไปหมด น่ารำคาญ ผมจะล้างบาง กวาดออกให้เรียบ…คนเก่าๆ น่ะฮะ”
“หมายหัวสองคนแล้วใช่ไหม…ชนิตากับเปรม…เอาล่ะวิษ…ในฐานะ
แม่เป็นหุ้นใหญ่” เธอเอ่ยหน้าตาเฉย “สองคนนีเ้ ด็กของแม่ห้ามถอดถอน
ออกตามอำเภอใจ”
เขาอ้าปากค้าง ยันตัวเองมานั่ง
“แม่กำลังก้าวก่าย”
“เพราะแม่ไม่อยากให้วิษเสียคนดีๆ ไป”
224/913

“ยังมีคนอีกมากนะฮะ รอทำงานอยู่ ผมจ้างคนใหม่ที่ดกี ว่าให้แม่ดู


ด้วยเอ้า”
“ไม่เอา…ผิดจากสองคนนี้ไม่เอา”
เขามองมารดาฉุนๆ
“ผมกำลังถูกแทรกแซง นี่น้า…การอาศัยเงินทุนคนอื่นมาทำงาน เรา
ทำงานแทบตาย…หุ้นใหญ่พูดหนเดียว…ผมต้องยอมแม่ฮะ…เอาอย่างนี้ดี
ไหม ยกกิจการให้ชนิตาไปเลย แล้วจ้างเปรมเป็นเลขาติดตาม ชนิตาแทน
ส่วนผมขอกราบลาไปทำงานข้างนอกหรือไม่ก็จะยอมลดตัวลงมาเป็น
ลูกจ้าง”
“นายวิษ…แก่จะสี่สิบ…ทำมาค่อนขอดเป็นเด็ก อย่าท้าแม่นะ แม่
กำลังไม่เข้าใจเธอเลย ทำไมมาตั้งแง่กับชนิตานัก แล้วนี่ยังมาเปิดศึกกับ
เปรมอีก เปรมน่ะเป็นเหมือนต้นห้องของวิษนะ ขาดไปจะรู้สึก”
เขาทำเสียงแค่นในคอ แล้วยังไม่วายอวดดี
“ผมจ้างแพงนะฮะ ผมว่าเปรมยังทำไม่คุ้มเงินสองหมื่นสอง…”
“เปรมเป็นคน เขาอดทนมามาก…เคยรองรับสารพัด…ทบทวนซิ…นี่
หากเป็นคนอื่นจะยอมทนหรือ และหากเป็นผู้หญิงอาจจะเป็นเรื่องใหญ่”
“แม่ฮะ ผมอยากนอนพัก ผมกำลังตั้งสติทบทวนสมองเรื่องทั้งหมดที่
เราพูดกันนี่น่ะ ผมมองว่าเหลวไหลสิ้นดี”
“จะว่าแม่ด้วยใช่ไหม”
225/913

“เปล่าฮะ กรุณาอย่าตีความผิด”
“วิษ…จำคำแม่ไว้…คนเราต้องพึ่งพากัน เราไม่ใช่คนป่า…โดดเดี่ยว
และการพึ่งพากันจำเป็นต้องอาศัยอกเขาอกเรา ใช่ว่าเราเป็นนายจ้างแล้ว
มีแต่อกเรา…อกเขาหายไป”
เธอมาแล้วไปแล้ว โดยคุณหญิงเพลินลืมเหมือนกันว่ามีเจตนา
อย่างไรในการจะมาหาลูกชาย เธอกังวลเกินไป…ในความสมบูรณ์พูนสุข
ของชีวิต…มีเรื่องใหญ่หนักอกประการเดียว นั่นคือเรื่องของลูกชาย
อาจจะเพราะว่าเธอมีเขาคนเดียว และจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มผี ู้หญิง
คนไหนสมัครมาเป็นเมียเขา รับช่วงดูแลเขาแทนเธอ…แรกๆ เธอคิดว่าเขา
อาจจะไม่ชอบผู้หญิง และชอบเพศเดียวกัน แต่ก็เปล่า…เพราะเขาเลือกมาก
และเป็นคนเรื่องมาก
จนเธอต้องเลี้ยวเข้าห้องพระไปสงบสติตัวเองอีกสักพัก…พร้อมกับ
อธิษฐานให้ลูกชาย จงเดินไปในทางสว่าง อย่าหลงผิด
โดยเฉพาะการหลงในอารมณ์และความเชื่อของตัวเอง
“วิษ…ขอให้มีสาวสักคนเข้ามา”
เธอคิดถึงพิมพิกาคนงามชั่วแวบ อาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้น…ก็จะ
รับรองอย่างดี…เธอคิดในใจ…
ไม่มีรังเกียจอะไรแน่นอน…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
226/913

สัญชาตญาณของผู้หญิงบวกกับความเป็นแม่..ทำให้คุณผ่อง
พรรณผิดสังเกต ลูกชายของเธอย้ายกองถ่ายมาทีช่ ายหาดของบ้านพัก
เขากำลังทำอะไร…งานของเขาไม่เสร็จ…งานที่เขาไม่จำเป็นต้องลงไป
จัดการ ตอนแรก เธอคิดว่าเขาจะสนใจสาวน้อยวัยสิบเจ็ดคน
นั้น…แม่หนูคนงามที่กำลังดัง…เธอเองก็ยังติดใจฝีมือการแสดงคมเกิน
วัยนั้น ยังได้พูดจากันสามสี่ประโยคและคิดว่า ‘เด็ก’ไป หากจะเทียบ
กับศศิน
แต่แม่สาวน้อยไม่ได้อยู่ถ่าย…มาปรากฏตัวแวบๆ
เธอเห็นพิมพิกามากกว่า
เธอไปสอบถามจากกองถ่าย ได้รับคำตอบว่า
“ถ่ายซ่อมฮะ”
“ทำไม”
“คงไม่ดีพอฮะ”
“แล้วต้องจ่ายเงินใหม่ไหม”
เธอเปรยถาม ไม่มีใครตอบเธอได้ มีคนไปตามดนุมาพบเธอ…ยาม
นั้นศศินไปประกบใกล้ๆ พิมพิกาโน่น เธอไม่อาจจะพาตัวเองลุยลงไป
ชายหาดเพื่อตามเขากลับ เธอไม่อาจจะฉีกหน้าเขานั่นเอง เธอคิดว่าหากจะ
ตำหนิลูกชาย…เธอควรกระทำในที่ลับตา เขาโตแล้ว…ทำงานแล้ว ความ
227/913

เป็นแม่ที่งดงามคือคอยยกย่องให้เกียรติเขา…ดูแลเขา…ไม่ใช่ว่าไม่พอใจอัน
ใดก็เที่ยวตามจิกเขา…
ดนุมายืนตรงหน้า เขารู้จักเธอห่างๆ คุณผ่องพรรณคือสาวสังคม
ไฮโซฯคนหนึ่ง เธอยังงามนัก แต่งตัวดี และท่าทางเป็นผู้ดีน่าเกรงใจ
เป็นอันมาก และนี่คือ ‘ภาพลักษณ์’ ที่เธอพยายามแสดงจนชิน
“คุณรู้ไหมว่าต้องใช้เงินอีกหรือเปล่ากับการถ่ายซ่อม”
“นิดหน่อยฮะ” ดนุตอบไม่เต็มเสียง
“นิดหน่อยนี่เท่าไหร่”
“เอ้อ…” เขาไม่อยากให้คำตอบ
“บอกฉันซิ”
“เอ้อ…ความลับครับ”
“ลับ?…มากไหม”
“เกรงว่าจะมาก”
“คุณชื่ออะไรนะ”
“ดนุครับ”
“ตำแหน่งงานของคุณล่ะ”
ดนุบอกกล่าว เธอพยักหน้ารับรู้ ชวนเขาคุยต่อโดยรู้เหมือนกันว่าเขา
อึดอัดมากโข แต่เธอทำเหมือนไม่รู้
228/913

“ฉันคิดว่าลูกชายฉันเล่นสนุกๆ ไม่ใช่งานซะอีก แล้วคนทีล่ งถ่ายฉาก


ใต้น้ำนั่นเป็นใครมาจากไหนกัน พอจะบอกรายละเอียดฉันได้ไหมคะ”
“ยายจันทร์…พิมพิกาฮะ”
“มีที่มาไหม”
“มีฮะ”
“ที่ฉันซักนี่เพราะเธอมาอาละวาดงานฉลองหมั้นหลานสาวฉัน คุณ
คงจะรู้ แล้วลูกชายฉันลงไปเกี่ยวข้อง เขาประกันตัวมาไม่ใช่หรือ”
“ฮะ แต่ก็ยอมความกันแล้ว”
“ฉันเลยอยากรู้ว่าทำไมศศินห่วงเธอมากเกินกว่าจะแค่คนมาร่วมงาน
ตัวเล็กๆ จะเรียกว่าปลายแถวยังได้ เพราะตรงนั้นไม่จำเป็นเลยที่ศศินจะ
ต้องลงไปยุ่งด้วย จริงไหมคุณ”
“ครับผม”
จะมีอะไรดีไปกว่ารับคำเข้าไว้ก่อน ดนุทำเสียงอ่อนๆ
แม่เหมือนกันหมดทุกคนในโลก…คือหวงลูกชายแนบอก
“ฉันไม่อยากยุ่ง แต่พฤติกรรมเธอคนนั้นเหลือจะทน”
“เธอโมโหมังฮะ คนเราพอเลือดขึ้นหน้า…ทำได้สารพัด”
“มันก็อยู่กับว่าเคยมีความสัมพันธ์กันมาแบบไหน”
“คงแค่แฟน”
229/913

“แฟนแบบไหน…สำหรับคนรุ่นใหม่นะฉันเห็นมาแยะ พอเห็นแฟนก็
ต้องถามระดับความสัมพันธ์ เพราะหลายรายนอนด้วยกัน..ไม่ค่อยจะแคร์
ใคร…ลูกผู้หญิงปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก”
“เป็นไปตามกระแสสังคมหรอกฮะ” คำตอบนุ่มนวลนัก “แล้วก็อย่า
มองผู้หญิงเสียหายมากเลย”
“ฉันไม่มีลูกสาวก็จริง แต่หากฉันมี…ฉันจะอบรมให้
เข้มแข็ง…กล้าหาญ แต่ไม่ใช่กร้าน ฉันก็อายุปูนนี้แล้วนะคุณ ผ่านพบมา
มาก…ผู้หญิงประเภทง่ายๆ เละเทะสะเปะสะปะน่ะ กี่รายกันเชียวที่ได้
ลงเอยเป็นฝั่งฝามั่นคง”
ดนุคันปากยิบเลยทีเดียว นับว่าคุณผ่องพรรณยอมเสียเวลามาเจรจา
กับเขาเพื่อจะเปิดให้เห็นว่าเธอไม่มีความรู้ด้านดีต่อพิมพิกาเอาเสียเลย
เธอขาดมัน…
และแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่เพราะยุคสมัยและการยอมรับมากกว่า
ทำให้เขาหาคำตอบมาบอกกับเธอ
“ผมเคยเห็นผู้หญิงหลายคนผ่านประสบการณ์ชีวิตทางเพศมาไม่น้อย
และสุดท้ายเธอแต่งงานมีสามีเป็นตัวตน มีลูกและเป็นครอบครัว”
เธอมองเขาราวกับจะค้อน
“ไม่เชื่อฉันซิ”
230/913

“ผมพูดสิ่งที่ผมเห็นมา และผมเชื่อในสิ่งพวกนั้น…เชื่อเพราะประสบ
กับตาตัวเอง”
“คุณดนุ…ฉันขอบอกตรงๆ เลยนะว่าฉันกำลังห่วงลูกชาย”
“ห่วงหรือฮะ” ดนุหัวเราะ
“แม่ห่วงลูกนี่ตลกจนต้องหัวเราะหรือคุณ”
“คุณศศินโตแล้วและเขาเป็นคนฉลาด มีสติปัญญา ผมว่าเพียงแค่
เห็นความงามแล้วสนอกสนใจบางเห็นธรรมดา”
“ฉันก็พยายามจะมองเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกันนะคุณ” เธอออก
ความเห็น “แต่ว่ามันท่าทางจะไม่ธรรมดา เพราะบังเอิญว่าพิมพิกาอาจจะ
เคยพัวพันกับชายที่จะเข้ามาเป็นเขยของบ้านฉันมาก่อน แล้วฉันอยากจะ
ยับยั้งแต่แรก นี่คุณอาจจะได้กลิ่นน้ำเน่าโชยมาละซิ” เธอดักคอเขา
“ดนุ…ถ้าหากคุณมาเป็นพ่อคน…คุณจะรู้…และฉันขอบอกว่าการพูด
กับคุณก็สนุกดี เราสองคนน่าจะได้คุยกันใหม่อีกนะ”
20

การทำงานครั้งใหม่สะดวกมากกว่าเดิม เพราะพิมพิกาพยายาม
ปรับสภาพจิตใจตัวเองเข้าสู่สภาวะปกติ หล่อนทำงานเยี่ยม เพราะ
ท่วงท่าการดำน้ำของหล่อนมาจากการฝึกฝนนานปีด้วยใจรัก ประกอบ
กับหล่อนเป็นหญิงสาวสวย และมีหุ่นอันสะคราญ พวกกองถ่ายพากัน
นินทาว่าหล่อนเล็ดลอดตัวเองจากเวทีประกวดความงามได้อย่างไรกัน
ชนิตาได้ยินคำพูดพวกนี้…หล่อนอมยิ้ม…หล่อนรู้เหตุผลมากกว่าใครว่า
ทำไมพิมพิกาไม่สนใจไยดีต่อการประกวดความงาม
เพื่อนของหล่อนเป็นคนพูดยาก…ทำงานร่วมด้วยยาก…เพราะพิมพิกา
เป็นคนทีเ่ รียกว่ามีไฟในตัวมากเกิน หล่อนเป็นคนขึ้นๆ ลงๆ ง่ายมาก
ยามดีดีเหลือ ยามร้าย…คนกระเจิงหนีหายและพากันระอาส่ายหน้าหนี
พิมพิกาเองก็ประจักษ์ความข้อนี้ หล่อนจึงไม่เคยเฉียดไปสมาคมกับผู้คน
มากมาย พิมพิกาทำงานกับเครื่อง…คอมพิวเตอร์นั่นเอง หล่อนบอกว่า
หล่อนทำงานสะดวกมากว่าทำงานร่วมกับคน
และชนิตาไม่อาจจะปฏิเสธว่าเพื่อนของหล่อนสวยมาก…ปีนี้พิมพิกา
อายุยี่สิบห้า…เท่ากับหล่อน แต่ชนิตาอ่อนเดือนกว่าประมาณสามเดือน
232/913

ชนิตาเป็นคนใจเย็นเรื่อยๆ เมื่อพิมพิการ้อนมา หล่อนก็จะเป็นน้ำ


แต่ที่น่าประหลาดใจสำหรับพิมพิกามีประการเดียวคือชนิตาร้อนเกิน
ไปสำหรับคนเป็นนาย…ชนิตาฟาดหัวฟาดหางเลยทีเดียว…ข้อนี้ชนิตารู้ว่า
หล่อนทำลงไปทำไม ความเป็นจริงของชนิตาก็คือหล่อนไม่เคยเจอใคร
กวนประสาทของหล่อนเท่ากับวิษณุ
และหล่อนเดินไปหาพี่ชาย
“คราวนี้งานคงเสร็จนะ”
“เสร็จ”
“ดีแล้ว เพราะหากงานไม่เสร็จ จะเสร็จกันหลายคน”
“หมายความว่าไง”
“ยายจันทร์มันไม่โง่นะ”
“แล้วไง”
“ยายจันทร์มันก็จะตามทันน่ะซิว่าเจตนาเอามันมาถ่ายรูปดูโดยเฉพาะ
เขาจิตปกติหรือเปล่า”
“ถ้าเขาชอบเพื่อนของแกก็ท่าจะดี เพราะเขารวย”
“รวย…เออะ…พี่นุ…ทำไมหายใจเป็นแต่เงิน” น้องสาวตำหนิ “เงินตรา
อย่างเดียวหรือคือสิ่งที่พี่นุยึดถือ”
“ใช่”
233/913

ดนุรับคำ เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดผิดแต่อย่างใด เขามองว่าโลก


ทัศน์ของชนิตาดีเกินไป น้องเขายังเดินในโลกแห่งความฝัน เขารู้ว่าชนิตา
ยังสะอาดและมีมุมมองต่อผู้คนและสภาพแวดล้อมในด้านดีเกินไป แต่นั่น
ไม่ใช่ความผิดของชนิตาเหมือนกัน เพียงแต่เขาผ่านพบสิ่งต่างๆ มามาก
กว่า และรู้ซึ้งถึงสัจธรรมบางประการของการดำเนินชีวิตมากกว่า
อาจจะเป็นได้ว่าเขาเคยเจออะไรที่มันพลิกผัน…ที่เคยคิดว่าขาวก็เป็น
ดำ…ที่เคยคิดว่าดำก็กลับเป็นขาวได้…เขาก็เลยมีความรู้สึกว่าโลกนี้มากไป
ด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน คนเก่งและมีฝีมือยังไม่พอ…ยังจะต้องการพลิก
พลิ้วอีกมากมายเพื่อจะให้ไปได้สวย
“จันทร์มันเพิ่งอกหัก ถ้าหากใครไปวอแวกับมัน…มันคงเอาด้วย
หรอก”
“แกจะหมายความว่าพอผิดหวังจากผู้ชายคนเดียว ผู้ชายที่เหลือคน
อื่นๆ ก็หมางั้นซิ”
“อาจจะเป็นไปได้”
“แล้วจะหันหาผู้หญิงด้วยกันไหม”
“คิดอะไร” น้องสาวเสียงเข้ม “กำลังจะออกนอกลู่นอกทางละซิ”
“ฉันกำลังมองว่าผู้หญิงอกหักมักจะหันหาอกผู้หญิงด้วยกันมากกว่า”
“นั่นไม่ใช่เจ้าจันทร์ แล้วน้องสาวของพี่นุก็ไม่นิยมแบบนั้นด้วย เรา
สองคนเป็นแค่เพื่อนรักกันมากเฉยๆ ”
234/913

น้องสาวค้อนใส่อีกวงใหญ่ ดนุหัวเราะหึๆ
“ดีแล้ว…ยืนยันมั่นคงก็ดี ไม่งั้นเสียดายแย่ แล้วแกอย่าขวางเชียวนะ
หากจะมีเศรษฐีมาชอบเพื่อนแก”
“เพื่อนของตาไม่ได้บ้าเงิน”
“แต่แกจะพบว่าการมีเงินคือสิ่งดีเสมอ ชีวิตที่มเี งินดีกว่าชีวิตไม่มเี งิน
แน่นอน”
“พูดกับคนหน้าเงินนี่น่าเบื่อ” หล่อนไม่เห็นด้วยกับพี่ชาย “เขาทำท่า
ติดพันยายจันทร์ง่ายดายเกินไป แค่แวบเห็น…แล้วรูท้ ั้งรู้ว่าอกหักจากน้อง
เขยของเขาเอง เขายังเข้ามาพัวพัน”
“กำลังคิดอะไร”
“ตาคิดว่าเขาอาจจะแก้แค้น”
“เอ้…น้ำเน่ามากไปว่ะ”
“เน่าก็เน่า…ต้องระวังตัวไว้ก่อน เขาอาจจะแก้แค้นแทนน้องสาวเขา”
“ต้องแก้แค้นทำไม…น้องสาวเขาเป็นคนได้ผู้ชายคนนั้นไป”
“อย่างน้อยก็จะกันไม่ให้ยายจันทร์กลับไปต่อติดอีก”
“ฉันรู้ละ” ดนุพยักหน้าทำนองว่าตัวเองเพิ่งจะเข้าใจกระจ่าง “แกชอบ
อ่านนัก หนังสือนวนิยายประเภทพาฝันโรม้านซ์น่ะ แกเลยคิดอะไรแบบ
เน่าๆ เชยๆ …ใครจะเอาเวลาไปเสียเปล่ากับเรื่องแบบนั้น…แก้แค้น?…”
235/913

เขาเยาะใส่หน้าน้องสาว ชนิตาทำท่างอนๆ
“เลิกคิดแบบนั้นได้แล้ว ฉันว่าเพื่อนแกโชคดี”
“ทำไมโชคของผู้หญิงต้องอยู่กับผู้ชายด้วย”
“แกกำลังสงสัยปัญหาโลกแตกอีกแล้ว”
“เปล่า แค่สงสัยว่าผู้หญิงจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างผู้ชายเสมอไปหรือ”
“เจ้าตา…นี่ไม่ใช่เวทีมาประลองลับปากว่าชายหรือหญิง…ควรจะมีสิทธิ์
เหนือกัน”
“ตารู้…” หล่อนทอดเสียง “แต่ตาไม่ชอบแนวความคิดที่ว่าผู้หญิง
โชคดีมาจากผู้ชาย”
“สังคมไทยยังเป็นแบบนั้น แกจะต้องยอมรับบางประการแกจะต้องรู้
ว่าแกไม่ได้อยู่คนเดียว แกต้องอยู่ในสังคมผู้คนหมู่มากฟังกฎเกณฑ์รวมๆ

“เฮ้อ…ไปดีกว่า” หล่อนตัดบท “ไปถามเจ้าจันทร์ก่อน…เหนื่อยไหม
แต่เตือนเจ้านายของพี่นุด้วยนะ จันทร์เป็นคนฉลาดเขาอาจจะทำอะไร
เว่อร์ๆ แต่ต้องมีขอบเขต”
“ไปเอาแน่อะไรจากเขา…เพราะว่าคนรวยน่ะทำอะไรโดยไม่มีขอบเขต
อยู่แล้ว แถมยังทำโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
236/913

งานออกมาน่าพอใจ เขาอาจจะเหมือนคนโรคจิต เขาได้ชุดหนึ่ง


เอาไว้ดเู อง จำนวนเงินนั้นช่างเถิด มันเป็นราคาของความพอใจ…และ
ตรงนี้สำหรับศศินแล้ว…แพงเท่าแพง…เขายอมเสมอ ตอนเขานอนดู
ภาพของหล่อนบนจอขนาดใหญ่ติดผนัง ประตูห้องเปิดเข้ามาพร้อมกับ
แสงภายนอก คุณผ่องพรรณนั่นเอง…
“ดูอะไร…”
แล้วเธอก็นิ่งไป…
ภาพของหญิงสาวนามพิมพิกาเต็มจอ ชุดดำน้ำรัดรูปสีดำส่งให้หล่อน
อวดโฉมสะคราญ
เธอไปยืนขวางไว้ ศศินหัวเราะหึๆ
“แม่จะโชว์หุ่นแข่งหรือฮะ”
“แม่กำลังไม่เข้าใจศศินเลย”
“ทำไมฮะ”
“ชอบมากหรือ”
“สนใจมากกว่าฮะ”
“ศิน…ทำไม”
“ผมก็สนใจไปตามประสา”
237/913

“แต่ทั้งหมดต้องใช้เงินมากไป แล้วศินก็โกหกแม่…ตอนถ่ายซ่อม
รวมทั้งให้ดนุโกหกแม่ด้วย”
“ผมมองไปว่าเป็นความเพลิดเพลินใจธรรมดาๆ ของผม…ไม่ทันคิด
ว่าจะทำให้แม่คิดมากเลย”
“แม่คิด…แม่ต้องคิด”
เธอบอก หย่อนตัวลงนั่ง ลูกชายปิดเครื่องฉาย
“ปิดซะทำไม”
“ผมอยากดูคนเดียว”
“ศิน…จะมากไป”
“ผมกำลังถามตัวเองด้วยฮะ”
“ถามอะไร”
“ถ้าผมขอเธอแต่งงาน”
“ศิน…”
“แม่ตกใจหรือฮะ”
“แม่ไม่เข้าใจ”
“ผมอายุมากแล้วนะฮะ”
“ใช่”
238/913

“ผมควรจะแต่งงานได้แล้ว”
“ใช่ แต่ว่า…”
“แม่เคยบอกเสมอว่าจะไม่ขวางผม”

“ศิน…หากหล่อนไม่เคยรักกับมณฑล
มาก่อน แม่คงจะยอมรับเต็มหัวใจ
แต่เพราะแม่แคลงใจ…แม่รับไม่ได้”
แม่คิดว่าเธอนอนกับมณฑลหรือฮะ”
“ใช่”
“ผมไม่คิดแบบนั้น หรือหากเธอจะนอนมาจริง…ก็ไม่ใช่ปัญหา”
“ศิน…”
“เราไม่ควรมาทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้นะฮะ”
“แม่ยอมแค่ว่าหากศินจะนอนด้วย…เป็นนางบำเรอ…แต่อย่ายกย่อง
เข้าใจไหม…แม่รับได้แค่นั้นตรงนั้น ไม่มากไปกว่านั้นอีกแม่อยากบอกศิน
ว่าแม่ไม่ใช่คนใจกว้าง จะมองแม่เป็นมารขวางชีวิตของลูกก็ได้ แม่จะขวาง
จะกันสุดแรง”
239/913

เธอลุกยืน เธออารมณ์เสีย แต่เขาเฉยๆ แม่ของเขา…ใจไม่กว้าง


ปกติเธอไม่ได้เป็นคนแบบนี้เลย
“แม่ฮะ”
เขาส่งเสียงไล่หลังเธอ ตรึงเธอได้ชั่วขณะ
“ผมเป็นคนที่รักผู้หญิง ผมไม่ขอคำว่านางบำเรอ หากจะมีความ
สัมพันธ์กัน ผมมักจะบอกกล่าวกันก่อนว่ากับใคร ผมให้ได้ระดับไหน ผม
สนใจคุณจันทร์ คนเราเวลาจะถูกจู่โจมจากความรัก มันไม่บอกเตือน
ล่วงหน้า ผมรู้ว่าแม่เสียความรู้สึกเพราะเธอเคยรักกับมณฑล แม่กลัว
ปัญหา…”
“ในเมื่อศินรู้แล้ว จะทำอีกไย”
เธอย้อนกลับมาแล้วเดินออกไป ชายหนุ่มเปิดเครื่องฉายต่อ เขา
วางเฉยกับความรู้สึกของเธอ เพราะเขาตัดสินใจเองมานาน อีกทั้งความ
เชื่อมั่นของตัวเขาเองก็สุดๆ
เขาสนใจพิมพิกามาก ผู้ชาย…เขาไม่ประหลาดใจตัวเอง…บางทีกับ
รูปโฉมกับเสน่หเ์ ฉพาะตัวนั้น เขาก็สามารถบรรลุเป้าหมายบางประการ แต่
ศศินไม่รู้สึกละอายใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย มันเป็นเวลาส่วนตัวของ
เขา…เป็นเรื่องอันชอบธรรมของเขาอีกด้วย…
เขาพิศมองดวงหน้างาม พิมพิกาใสกระจ่าง มณฑลทอดทิ้งหล่อน
เพราะเหตุใดกัน หล่อนแจ่มสว่างมากกว่าบุษยาเป็นไหนๆ
240/913

และที่เขาไม่ได้บอกมารดาอย่างหนึ่งก็คือหากเขาดึงพิมพิกาไว้กับเขา
ได้จริงๆ เท่ากับเขาแผ้วถางทางสะดวกราบรื่นของบุษยาได้
เพราะเธอระแวงเสมอมาว่าเขารักชอบพอกับบุษยา
ศศินเองก็เคยหวั่นไหว ความใกล้ชิดเคยอาทรห่วงใยเอ็นดูมา
มากมาย บางครั้งก่อให้เกิดความผูกพัน เขาพยายามเตือนตัวเองว่าหล่อน
คือน้อง…เพื่อกันปัญหา แต่เขายังห่วงหล่อน เพราะบุษยาเปราะบาง หล่อน
ไม่ใช่คนเก่งกล้า หล่อนไม่มวี ันยอมรับสภาพได้หากตัวเองจะเป็นฝ่ายถูก
ทอดทิ้ง
เขาตัดสินใจโทร.ไปหาพิมพิกา
เขามีเบอร์โทร.ของหล่อนครบถ้วน…ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือออฟฟิศ
ทำงานของหล่อน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“โทรศัพท์ของเธอ…”
พี่สาวมาบอก พิมพิกาพักในบ้านพี่สาวทีแ่ ต่งงานแล้วหล่อนเช่า
ห้อง…ช่วยแบ่งปันค่าผ่อนบ้าน…เป็นการเจือจานกันดีกว่าหล่อนไปอยู่
หอพัก พี่เขยของหล่อนเป็นทหารประจำการอยูเ่ ชียงรายพี่สาวของหล่อนไม่
ได้ย้ายตาม เท่ากับหล่อนมาอยู่เป็นเพื่อน
“เสียงหนุ่ม…”
“ใช่นายมณฑลไหม”
241/913

“ไม่ใช่” พรรณรายมองน้องสาวชั่วครู่ “เธอยังรอการติดต่อของเขาอีก


หรือ”
“บางที…”
“ทำไม”
“ใจยังตัดไม่ขาดหมด”
“จันทร์…ตัดซะ…เขาจะแต่งงานแล้ว”
“ตามาเล่าอะไรบ้างไหม”
“เปล่านี่ เธอไปทำอะไรมา”
“แล้วจะเล่าให้ฟัง วีรกรรมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”
หล่อนคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงห้าวนุ่มนวลค่อนข้างคุ้นแต่จำไม่ได้
“ใครคะ”
“ผมเอง…ศศิน”
“ค่ะ มีอะไรคะ”
“อยากพบ”
“ทำไมคะ”
“คิดถึงมั้ง” เขาตอบแกมหัวเราะ “ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนโน้นผมไม่เจอ
คุณเลยนะ”
242/913

“เราไม่มีความจำเป็นต้องเจอกัน”
“งั้นตอนนี้ผมคิดว่าเรามีความจำเป็นแล้ว”
“แบบไหนคะ”
“เราเป็นเพื่อนกัน”
“ง่ายไปค่ะ”
“คุณไม่ชอบหน้าผม”
“ฉันกลัว…”
“กลัวผมทำไม…ผมก็เหมือนญาติคุณ”
“คุณต้องการอะไร” หล่อนตัดบท
“ผมอยากเจอ ผมดูเทปที่ตัดต่อมา…”
เขาไม่ได้บอกว่าเขามีของเขาเองโดยเฉพาะชุดหนึ่ง
“คุณเยี่ยมมาก เสียดาย…ที่จะไม่เห็นหน้าคุณในโฆษณา”
“งานจบแล้ว ระหว่างคุณกับฉันไม่เกี่ยวข้องกัน”
“แล้วที่ผมเคยช่วยเหลือ…จะพอมาตอบแทนด้วยการเจอกันบ้างได้
ไหม อกหักอยูน่ ะคุณ จะเก็บตัวเองทำไม…เศร้าร้องไห้…อาจจะคิดสั้น
ฆ่าตัวตาย ผมเสียดายแน่เลย หากคุณคิดแบบนั้นชั่ววูบ”
243/913

พิมพิกานิ่งอึ้ง เขากำลังเกี้ยวพาแทะโลมหล่อนอย่างนั้นหรือ…เขา
ต้องการอะไร…
หล่อนกระแทกเสียงตอบไปว่า
“หากเจอกันแล้วล้างบุญคุณกันหมดก็จะยอมเจอ”
เขาบอกสถานที่มา พิมพิกาวางโทรศัพท์ลง พรรณรายร้องถามว่า
“มีคนมาแทนที่คนเก่าเหรอ จันทร์”
“เขาบ้าค่ะ เขาจะต้องมีเจตนาไม่ดี จันทร์ไม่เชื่อเขาสนิทใจหรอก
แล้วจันทร์จะไม่ยอมรักใครง่ายๆ อีกแล้ว”
21

ครบกำหนดวันลา ชนิตาก็กลับมาทำงานตามปกติ…หล่อนเดินตัว
ปลิวเข้ามาในออฟฟิศด้วยท่าทีแจ่มใสสำหรับเช้าวันแรกของการทำงาน
หลังจากหยุดพักไปนาน หล่อนรับคำทักทายจากผูอ้ ่อนวัยกว่า หล่อน
ทำงานมาแต่แรกของที่นี่ หล่อนกลายเป็นยายแก่ทั้งทีห่ ล่อนเพิ่งจะอายุยี่
สิบห้า แต่ชนิตาไม่เคยถือสาหากใครจะมาเรียกหล่อนว่า ‘พี่’ หล่อน
ยอมรับความอาวุโสในสายงานเต็มที่

“เจ๊…หายไปหลายวัน กลับมาอิ่มเอิบ…ไปได้อะไรดี”

“ได้บ้าอะไร” หล่อนตอบแจ่มใส “นอกจากนอน”


“นอนกับใคร…นอนคนเดียวแน่เหรอ นอนคนเดียวไม่น่าจะสดชื่นมา
ยังงี้ ต้องมีคนนอนด้วย”
“เออ…” ชนิตาตอบรับ
บางเวลาหล่อนขี้เล่น และหล่อนก็คุยอวดต่อเสียงใสๆ
“ฉันไปนอนกับชู้มา”
245/913

“ชู้?”
“ช่าย เพราะยังไม่มีผัว ก็ต้องเรียกชู้ถูกไหม”
“ราคาคุยมั้ยเจ๊”
เขาท้วง และคนที่มาได้ยินคำสนทนาห่างกันแค่กระถางต้นไม้ใหญ่
เรียงราย และบดบังร่างของวิษณุไว้มิดชิดนักหนา และเขาคนนั้นคือวิษณุ
นั่นเอง เขามองผ่านช่องว่างของใบไม้ มองเห็นชนิตาถนัด ถ้อยคำราคาคุย
อวดของหล่อนฟังแล้วชวนขนลุก…ทั้งที่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ การไปมีความ
สัมพันธ์ทางเพศของใครต่อใครสำหรับเขาเป็นเรื่องที่ว่าเขาไม่เคยใส่ใจ แม้
ใจเขาจะคิดว่าชนิตา ‘คุย’ แต่หล่อนอาจจะทำจริงก็ได้
หล่อนหัวเราะระรื่น เขาหมั่นไส้หล่อนนักหนา
ทำไม… ทำไม…เขาถามตัวเองซ้ำอีกหน…ทำไมเขาทนชนิตาไม่ได้เลย
จะต้องขวางตาขวางหูตลอด หล่อน ‘กวน’ เขามากมายขนาดนั้นเลยทีเดียว
เขามีความรู้สึกเสมอว่าหากเขาจับหล่อนโยนออกไปพ้นจากออฟฟิศของเขา
ไม่ได้ถือว่าเขาไร้ความสามารถ
เขาหาสาเหตุไล่หล่อนออกยากเต็มที…นอกจากจะต้องใช้เล่ห์กลเต็ม
พิกัดสักหน่อย
แม่เคยบอกเขาว่าการทำแบบนั้นเป็นบาป แต่บางทีก็ต้องยอม…
บาบเป็นบาปซิน่า…เขาคิดในใจ
246/913

และเขายังอดทนไม่พาตัวเองก้าวออกมา แต่ยังอยากฟัง ‘ลูกเล่น’


ของหล่อนต่อ หากไม่ได้ฟังด้วยความชื่นชม เขาพยายามใส่ใจเพื่อจะ
หาทางกำจัดหล่อนพ้นไป วิษณุลืมมองไปว่าเป็นเรื่องเหลวไหลเต็มที
โดยเฉพาะเขาเป็นผู้ชาย เขาควรจะหยุดยั้งห้ามปรามตัวเองกับการจะ
มีเรื่องกับเพศหญิง
แต่เขาไม่ได้ทำ...เขาไม่ได้ห้ามใจตัวเองเหมือนคนขาดสติ…มุ่งมั่น
แต่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสมปรารถนา
ทั้งที่เวลานี้เขาควรจะคิดเรื่องงานมากกว่า
“เจ๊มีใครเก็บไว้”
“ไม่บอก”
“หล่อไหม”
“ไม่หล่อจะเอาหรือยะ” หล่อนหัวเราะเสียงใส
“มิน่า…มาวันนี้น้ำหล่อเลี้ยงพราว แต่มันจะคุ้มไหม…เจ้านายรอแสดง
ความพิศวาสเจ๊นา”
“อีตานั่นรึ”
เขาสะอึก หล่อนเรียกเขาอย่างปราศจากความเกรงใจไม่มีความ
เคารพนับถือ หล่อนเป็นคนย่อหย่อน…ร้ายกาจ…แม้เขาอุตส่าห์ออกรับแทน
หล่อนเสมอมา เขาอยากให้แม่มาได้ยินน้ำคำของหล่อนเหลือเกิน
247/913

“ช่างเขาประไร นึกว่ากลัวซิ”
“ระวังตัวหน่อยนะเจ๊ งานหายาก”
“ฉันระวังอยู่แล้ว เขามันบ้า…เขามาหาเรื่องฉัน”
คำว่าบ้าทำให้เขาถลันออกมา หน้าตาถมึงทึง หนุ่มวัยใกล้สี่สิบเฉียด
ไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง หน้าตาดูไม่ได้...
คู่สนทนาของชนิตาทำท่าราวกับเห็นผีปรากฏตัวต่อหน้าต่อตา และ
วิสัยการเอาตัวรอดก็ทำให้เข่าอ่อนทำท่าตูดเตี้ยเดินเร่จากไป ชนิตามอง
ตามด้วยความสังเวช หล่อนเองวางเฉย ปราศจากความสะทกสะท้าน และ
นั่นทำให้วิษณุเคืองขุ่นหนัก
เขามองว่าหล่อนไม่มีสำนึก…หล่อนขาดความประพฤติดีงาม
…ชนิตาลองดีกับเขา…หล่อนทำท่าเหมือนจะท้าทายเขา…หล่อนทำ
เหมือน ‘แน่’
และเขาอยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนจะ ‘แน่’ แค่ไหน
เกมของเขากับหล่อนมีแต่จะรุนแรง…
เขาคิดว่าหากเขากำจัดหล่อนไปไม่ได้ ลดความอวดดีของหล่อนไม่ได้
คงจะหาความสุขสงบของชีวิตไม่เจอ
ส่วนชนิตา…ท่าทีภายนอกของหล่อนอาจจะทิ่มตาของเขาอย่าง
ร้ายกาจ แต่ในความเป็นจริง ใจหล่อนเปล่งเสียงร่ำร้องหนัก
248/913

…ตายแน่แฮะ เขามาแอบตั้งแต่ตอนไหน อีตาบ้า…ทำหลุบๆ โผล่ๆ


แอบซ่อน นิสัยไม่ดี…
หล่อนเองพูดถึงเขาหลายคำ…แต่การจะแสดงความหวาดกลัวออกมา
ย่อมไม่น่ากระทำอย่างยิ่ง หล่อนเลยวางหน้าเฉยๆ แถมยังเชิดคางขึ้นสูง
ทำท่าเหมือนไม่เห็นเขาในสายตาอีกด้วย
“ชนิตา”
ก่อนหล่อนจะก้าวไป เขาก็เรียกหล่อนไว้
“คะ”
“ฉันจะต้องพูดกับเธอในห้องทำงานของฉัน”
“ค่ะ”
หล่อนตอบรับอย่างปกติยิ่ง
ตอนหล่อนก้าวเข้าห้องทำงานตามเขาไปนั้น คนที่หัวใจระรัวมากที่สุด
คือเปรม เขากำลังหน่ายวิษณุ ความอดทนของเปรมกำลังจะหมดไป เปรม
เขียนคำลาออกแล้ว เปรมตั้งใจว่าจะยื่นก่อนสิ้นเดือนนีส้ ักสิบห้าวัน คำขอ
ออกของเขาจะมีผลบังคับใช้ทันสิ้นเดือนพอดี เปรมไม่กลัวต่อการตกงาน
แต่กลับไปกลัวต่อการไม่ได้ออกจากงาน เขาไม่อยากจะอยู่ทำงานให้กับ
เจ้านายแบบวิษณุอีกแล้ว
เขายินดีจะออกไปเป็นคนตกงาน เขาคงจะหาความสุขใจได้มากกว่า
เจ้านายของเขาตามใจตัวเองหนักข้อ
249/913

เขาห่วงชนิตา…กลัวว่าหล่อนจะยอมรับไม่ไหว ปกติชนิตาฤทธิ์มาก
กว่าเขา

ชนิตาอาจจะเถียง และวิษณุเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก

เปรมจึงมาด้อมๆ มองๆ หน้าห้องทำงานของวิษณุนี้เอง

และในห้องนั้น ชนิตาไม่ได้รับคำบอกกล่าวให้นั่ง ตัวของวิษณุเองก็


ไม่ยอมนั่งเหมือนกัน เขาปล่อยให้หญิงสาวยืนคล้องกระเป๋าสะพายกลาง
ห้องแล้วเขาเดินวนรอบตัวหล่อน

เขามองด้วยแววตาเหยียดหยามและก็เอ่ยออกมาแรงๆ

“เธอเป็นคนแบบไหน นินทาว่าร้ายเจ้านายของเธอเสมอ…อย่างนั้น
หรือ”
250/913

“ฉันไม่ได้ว่าร้ายคุณเลยนะคะ”

“ยังมีหน้าจะปฏิเสธ ทั้งที่ฉันได้ยินมาเอง”

“ค่ะ”
“เธอว่าฉันบ้า…”

“ใช่ค่ะ”

“แล้วเธอไม่ยอมรับ?”

“เพราะตรงนั้นฉันถือว่ากำลังพูดความจริงค่ะ”

“ชนิตา…!”
เขาแผดเสียง และตอนนั้นเขากำลังมายืนอยูข่ ้างซ้ายของหล่อนตรง
ระดับหูของเธอเข้าพอดี หูของหล่อนร้าวเปรี๊ยะ
251/913

“เธอโกหก…”

“เปล่าค่ะ ฉันเพียงแต่คิดว่าตัวเองพูดความจริง ทุกคนพากันรู้หมด


ว่าคุณรอเล่นงานฉัน แล้วฉันก็ว่าคุณบ้า คุณชอบหาเรื่องฉัน…คุณวิษณุ
คะ…ทำไม่เราไม่มองตรงกันว่าเราต่างทำหน้าที่ของตัว หากฉันทำงานของ
ฉันเต็มความสามารถแล้ว ก็น่าจะเป็นทีพ่ อใจ คุณมาตั้งแง่กับฉันมากเกิน
ไป คุณจ้องจะปลดฉันออก”

“ลาออกซะ ชนิตา…ก่อนจะถูกไล่ออก”

“ไม่ค่ะ เพราะฉันไม่ได้ทำความผิด หากงานการของฉัน


บกพร่อง…ฉันจะออก”

“เธอดื้อรั้นเสมอ”

“ถ้าฉันยอมออก…คุณคงสะใจ”

“ทำไมฉันต้องมาอดทนต่อเธอ…ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น…แล้วทำไมเธอ
ต้องหน้าด้านทำเหมือนไร้หนทางจะไป หรือว่าหากพ้นจากที่นไี่ ปแล้ว เธอ
จะต้องอดตาย ชนิตา…ฉันเสนอให้เธอสักสองแสนเป็นไรแล้วลาออกไป
252/913

ฉันจะแถมให้เธออีกอย่าง…ในใบรับรองผ่านงานของเธอ ฉันจะเขียนอย่าง
ดีเลิศที่สุด”

“ไม่ค่ะ”

“เธออย่าดื้อนักเลย”

“ฉันกำลังปักหลักสู้กับความจริงค่ะ”

ชนิตาบอก หล่อนมองเขาที่หยุดลงตรงหน้าหล่อน

“หากฉันบกพร่องเรื่องงาน หรือทำความประพฤติเสียหายสุดขีด
ค่อยมาเอาฉันออก”
253/913

“ชนิตา…อย่าท้า…”

“คุณชอบพูดเสมอว่าฉันท้า”

หล่อนทำเสียงราวกับอ่อนใจมาก

“คุณไม่รู้เลยหรือคะว่าฉันอดทนมากมายแค่ไหน”

หล่อนปราศจากความเกรงใจ ลืมเกรงว่าเขามีอำนาจสูงสุด หล่อน


ระเบิดถ้อยคำใส่เขารุนแรง
“ฉันทำงานที่นี่มาแต่แรก คุณหญิงเพลินเป็นคนน่ารัก…ทำงานด้วย
ง่าย”
“แม่ฉันเป็นคนเชื่อคนง่าย เมตตาสูงเกินไป”
“และจากแม่ไม่ได้มาถึงลูกเลย”
โดนตอกกลับแบบนี้ วิษณุอ้าปากค้าง ชนิตาช่างสวนทันควันนักหนา
“คุณไม่เหมือนแม่…ฉันทำงานมาดีๆ ตราบจนคุณกลับมาและคุณนั่ง
เหนือหัวฉันตรงตำแหน่งเจ้านาย คุณบีบคั้นฉัน…เพียงเพราะฉันทำงานตาม
หน้าที่ และฉันไม่ยอมทำตามใจคุณหรือคะคุณเคยคิดบ้างไหมว่าตัวเองทำ
ถูก”
254/913

“หยุดนะ ชนิตา!”
เขาตวาด แต่ชนิตาไม่ยอมจะฟังเสียแล้ว หล่อนมองหน้าเขา
ตลอดเวลาที่เปล่งเสียงออกมา หล่อนมีแววตาจ้า และหล่อนทำให้วิษณุ
หัวเสียหนัก
ความเป็น ‘เจ้านาย’ ของเขาตกหล่นไปไหนกัน ทำไมหล่อนไม่เกรง
ไม่กลัว
“ไม่ค่ะ”
หล่อนยังเถียง เขาเงื้อมือสูง แววตาของชนิตาไหววูบ…อย่างไรเสีย
หล่อนก็ไม่คุ้นต่อการออกแรง…แต่หล่อนก็ยังปากดีนัก
“เอาซิคะ อยากตบใช่ไหม…จะได้ถึงกรมแรงงาน เราต้องขึ้นศาล
แรงงานกันแน่นอน”
เขาลดมือ ส่งเสียงคำรามออกจากคอของเขา และเขาก็บอกหล่อน
เหมือนจะให้คำสัญญา
“จำไว้ ชนิตา…ฉันขอบอกเธอว่าหากเธอบกพร่องการงาน…หากเธอทำ
ความประพฤติเสียหายละก็…เธอเจอแน่”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ”
“ก็ได้”
255/913

เขามองตามหลังหล่อนไป แววตาของเขาอาฆาตพยาบาทอย่าง
แรงกล้า
และเปรมเป็นคนแรกที่มาประกบชนิตา เขาเดินตามติดหล่อนมา
พร้อมกับคำถามแสดงความห่วงใย
“โดนหนักไหมฮะ พี่ตา”
“เหมือนเคย”
“ทำไมเขาจองเวรกับพี่ตาจัง”
“เขาคงมีความสุขมั้ง”
“ผมจะลาออกแล้วนะฮะ”
“อะไรนะ”

“ผมจะออก”
“ทำไม”
“ผมไม่อยากจะทนอีก”
“ตัดสินใจดีแล้วหรือ”
“ดีแล้วฮะ กำลังมองหางานใหม่”
“เปรม…คงคิดถึงเธอแย่”
256/913

“แล้วทำไมพี่ตาอดทนมากนัก”
“หากพี่ลาออก…เขาจะสะใจเกินไป พี่ยอมไม่ได้…มันง่ายไปด้วย…เขา
รังควานพี่โดยไม่มีเหตุผลเลยนะ”
เขาทำลงไปเพื่ออะไร”
“สนองตัณหาตัวเองมั้ง…กูอยากจะทำนี่…อวดอำนาจตัวกูเองด้วย”
“พีต่ าไม่ยอมเขาเลย ระวังตัวนะฮะ เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย เวลา
บ้า…เขาบ้ามาก ผมห่วงพี่ตา”
“ขอบใจจ้ะเปรม”
หล่อนรับความห่วงใยของเขาด้วยความตื้นตันใจ ตบบ่าเปรมไปที
หนึ่ง
“ที่ทนนี่น่ะไม่ใช่เพราะหน้าด้านนะ แต่เพราะอยากต่อสู้กับความ
ถูกต้องก่อน หากพี่บกพร่องเรื่องงาน…ไล่ออกได้เลย”
“ผมจะเอาใจช่วยหากผมไปแล้ว”
“เปรม…”
เขากำลังเดินไปแล้ว ชนิตาเรียกเขาเอาไว้เสียก่อน
“อะไรฮะ”
“พี่เคยเข้าใจว่าเธอชอบเขามาก”
เปรมหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว
257/913

“คิดว่าผมกับเขา…”
“นอนด้วยกัน”
ชนิตาบอกให้เปรมร้องลั่นออกมา
“โอ…ไม่หรอกฮะ”
“ขอโทษนะที่เคยคิดแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรฮะ แต่มันแย่จังเลยนะฮะ ผมไม่เคยมีอะไรกับ
เขา…นอกจากจะเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของเขาเสมอเท่านั้นเอง”
“ถ้าไปได้ก็ไป…”
“ผมอยากรอดูว่าพี่ตาจะอดทนแค่ไหน”
“ไหนๆ จะตอบโต้เขาได้ พี่ก็จะทนต่อไป เขาอาจจะคลั่งตาย…หาก
เขายังต้องเห็นพี่ทำงานต่อ พี่น่ะรู้ตัวว่าโชคดีเพราะมีคุณหญิงเพลินคอย
ช่วยปกป้อง”
“เธออาจจะขวางไม่ได้เสมอไป”
“เปรม…พี่เองจะรออีกสักพัก แล้วหากพี่ขวางไม่ไหว…จะต้องไป…เขา
จะต้องเสียคุ้มเหมือนกัน”
“ก่อนเขาจะเสีย ระวังตัวเองจะเสียก่อนนะฮะ” เขาเตือนด้วยความ
ห่วงใย
22

เขามีที่นัดพบที่หรูหราเอาการ น้อยครั้งที่หล่อนจะก้าวเข้ามาใน
สถานทีแ่ บบนี้ รถยนต์ของหล่อนยังเข้าอู่ซ่อมอาการต่อหลังจากขับกลับ
มาจากหัวหิน หล่อนให้ช่างประจำเช็คอีกหน พิมพิกาเลยมารถแท็กซี่
หล่อนลงด้านหน้า ก้าวผ่านประตูทางเข้าอันใหญ่โตกว้างขวาง หล่อน
เขามาสู่ส่วนทีเ่ ป็นล็อบบี้กวาดตามองหาเขา หญิงสาวไม่รู้ตัวว่าภาพของ
หล่อนสะดุดตาของศศินเพียงใด ยิ่งเห็นโฉมสะคราญของหล่อนแล้ว
เขายิ่งตราตรึงลึกซึ้ง พิมพิกาจัดเป็นสาวงามคนหนึ่ง หล่อนสวยพร้อม
เขาคิดว่าหากเขาเป็นแมวมองจัดสาวเข้าประกวดความงาม และหล่อน
อ่อนเยาว์กว่านีส้ ักหน่อย เขาจะต้องทาบทามหล่อนแน่นอน เขาจะไม่
ยอมปล่อยหล่อนหลุดรอดไป
หล่อนเป็นผู้หญิงโครงร่างดี ไม่เตี้ยมาก และไม่สูงมาก…กระโปรง
ทรงสอบสั้นเหนือเข่าแบบนั้นต้องมีสะโพกสวยกลมมนและมีช่วงเข่าเรียว
ยาว
259/913

หล่อนเคยรักกับมณฑล หากเอาหล่อนไปเทียบกับบุษยาเขาอยากรู้
เหมือนกันว่าใจของมณฑลคิดอย่างไร เพราะหากเป็นเขา…เขาคงจะเลือก
พิมพิกา
หรือหมอนั่นมันไม่สนใจรูปโฉม ศศินอยากมองมณฑลในแง่ดีว่า
เลือกเพราะหัวใจรักอย่างเดียว
แต่ความเชื่อนั้นไม่ยอมเต็มร้อยด้วย เพราะว่าบุษยาไม่ได้มีแต่ตัว
เปล่าๆ หล่อนร่ำรวยเกินหญิงสาวในวัยเดียวกันอีกหลายต่อหลายคน
โดยเฉพาะกับพิมพิกา
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน โบกมือให้อาณัติสัญญาณก่อนจะลืมไปว่าหล่อน
มิใช่เพื่อนหญิงคุ้นเคย เขาควรจะเดินไปหาหล่อน พอคิดได้ดังนั้น ศศินก็
ก้าวมาหา
“คุณศิน…”
เสียงร้องเรียกเขาหวานใส เขาหันไปมอง เจอกับสาวอีกคน หล่อน
ใส่เครื่องแบบของธนาคารแห่งหนึ่ง และหล่อนกำลังเดินเข้ามาหา
“มากับใครคะ”
“ผมมารอเพื่อน”
“ผู้ชาย?”
“ผู้หญิงฮะ”
260/913

“มาหรือยังคะ”
“กำลังมา…”
เขาตอบยิ้มๆ ให้กับหล่อน
มธุรสเป็นลูกสาวคนเล็กของนายธนาคารแห่งหนึ่ง หล่อนกับ
ครอบครัวของเขาคุ้นเคยกันพอประมาณ เพราะมารดาของเขารู้จักลึกซึ้ง
กับบิดาของหล่อนมาแต่เยาว์วัย และโดยอายุของมธุรสหล่อนจัดอยู่ในรุ่น
ของบุษยา เว้นแต่ว่าบุษยามัวเตาะแตะต้วมเตี้ยมเรียนก็ไม่ชอบ งานอดิเรก
อื่นใดไม่มี ส่วนมธุรสหล่อนขยันเรียนและต้องยืมคำของคุณผ่องพรรณมา
ใช้ว่า
…รวยและฉลาด วาสนาเก่าทำมาดี ไม่เหมือนแม่นุ่น จะทำบุญมา
ทั้งทีก็ทำมาครึ่งๆ กลางๆ เลยได้แต่เกิดมาร่ำรวย นอกจากนั้นยัง
มองไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจากความไม่เอาไหน เข็นกันแทบ
ตาย…
แม่เขากับบุษยาเลยเหมือนขมิ้นกับปูน เธอมองว่าบุษยาเหมือน
ดอกไม้ข้างทางที่บังเอิญมาเกิดในคฤหาสน์ แล้วหลังจากนั้นก็คือมีคนเด็ด
เอามาประดับแจกันทองตั้งวางภายในคฤหาสน์…อวดความไม่งดงามไม่มี
คุณค่า
“คนไหนคะ”
261/913

มธุรสร้องถาม หล่อนมองเห็นพิมพิกาแล้ว หล่อนมองพิมพิกาด้วย


ความสนอกสนใจก่อนจะถามเขาเบาๆ
“คนพิเศษหรือเปล่าคะ”
“ยัง…”
“แปลว่าอาจจะพิเศษ”
“อาจจะ…พี่คงไม่มีวาสนา”
“จะเอาจริงหรือเปล่าเท่านั้นค่ะ”
เขายังยิ้มๆ เหมือนเดิม
“น้ำตาลมาทำอะไร”
“นัดเพื่อนเหมือนกันค่ะ แวบออกมานะคะ”
“จะเป็นไรไป ธนาคารของตัวเอง”
“ไม่ถึงขนาดนี้ค่ะ น้ำตาลก็ต้องฝึกงานตามขั้นตอน แต่ขออภิสิทธิ์
บ้างเป็นครั้งคราว ขอว่าไม่ทำโอนะ เชิญคุณศศินนะคะ”
หล่อนบอกกล่าว และหล่อนก็ส่งยิ้มให้กับพิมพิกาก่อนจะผละไป
“เชิญครับ ผมจองโต๊ะเอาไว้ข้างใน”
“มานานแล้วหรือคะ”
“ก็สักยี่สิบนาที พอดีที่นี่ใกล้ออฟฟิศของผม”
262/913

“รถติดมากค่ะ หาแท็กซี่ยากด้วย”
“รถคุณล่ะ”
“ส่งเข้าอู่ค่ะ เช็คกันอีกหน”
“เฮียกุ้ยทำไม่ดีหรือ”
“ก็ดนี ะคะ เอากลับมากรุงเทพตลอดรอดฝั่ง แต่อยากเช็คดู เผื่อจะ
รวน”
“ซื้อรถใหม่เลย”
รถใหม่หรือ…หล่อนก็อยากจะซื้อ แต่หล่อนติดขัดเรื่องเงิน…เงินก้อน
ใหญ่ของหล่อนจมไปกับมณฑล แค่คิด…หล่อนก็เครียดแล้วหล่อนเลย
โพล่งออกมา
“ช่วยทวงน้องเขยคุณที เขาติดหนี้ฉัน”
“ผมกับเขาคนละคน…”
“แล้วคุณไม่รู้สึกเสื่อมเสียหรือคะ หากจะถูกมองรวมไปว่าเขา
ปอกลอกจากฉันไปประเคนให้ญาติคุณ”
“ขอโทษนะฮะ เท่าไหร่”
“ห้าแสน”
“ก็ไม่มาก”
263/913

ไม่มาก…เขาทำเสียงปกติธรรมดาอย่างยิ่ง…ไม่มากสำหรับเขา…แน่
ละ…เพราะเท่าทีห่ ล่อนเห็นสภาพแวดล้อมของเขา รถยนต์ของเขา บ้านพัก
ตากอากาศและธุรกิจที่ดิน ทำโฆษณาให้เขาอยูใ่ นระดับเศรษฐี แล้วหล่อน
คงจะเป็นยาจก เงินห้าแสนสำหรับเขาอาจจะเป็นขนหน้าแข้งสักเส้น
ที่พยายามสงบสติมาให้แจ่มใสเพราะไม่อยากถูกครอบครองด้วย
ความขุ่นมัว…ก็พลันเปลี่ยน ใจของพิมพิการ่ำร้องแต่ว่า
…ตาบ้า ตัวเองรวยนี่ ดันมาอวดรวย ประเดี๋ยวจะวีนให้ป่วน…
ดวงตาของหล่อนระยับ…จ้าจัด…ตาสวยคมของหล่อนดูน่าหลงใหล
เขาทนได้กับประกายกล้าแบบนั้น เขาเคยมีคนรัก…เคยมีความ
ปรารถนา…เคยมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม แต่เขาไม่เคยจริงจัง เขา
ครองตัวเองเป็นโสดมานาน…เขาหวงแหนมันเพราะมองไม่เห็นใครถูกใจ
เลย ถูกใจของเขานั้นค่อนข้างยุ่งยาก เขาเลยอยูค่ นเดียว โดยมีมารดา
คอยลุ้นเสมอ เธออ้างต่างๆ นานา เธออยากเห็นสะใภ้ เธออยากมี
หลาน…เธอว่าเธอแก่แล้ว…เดี๋ยวจะไม่ทันเห็นความเติบโตของหลานๆ เขา
จะหัวเราะกับเสียงโอดครวญของเธอเสมอ ก็การอยูอ่ ิสระโดดเดี่ยวก็ให้
รสชาติไปอย่างหนึ่ง
“คุณโกรธ?…ตาคุณเหมือนเอาไฟก่อไว้”
“ฉันไม่ชอบคนอวดรวย ห้าแสนของฉันกว่าจะได้มา…มันคือการเก็บ
ออมยาวนาน และหากไม่หมดไป…มันจะทำให้สะดวกสบายในชีวิต
ประจำวัน”
264/913

ถึงหน้าห้องอาหารพอดี เขาเบี่ยงตัวให้หล่อนเดินนำเข้าไปก่อน
“เราไม่ควรทะเลาะกัน”
“หากคุณไม่ยั่วโทสะฉัน”
“คุณเป็นคนขึ้นง่ายหรือ ผมหมายถึงอารมณ์”
“ฉันจะบ้าแล้ว”
หล่อนตอบหน้าตาเฉยตอนบริกรเลื่อนเก้าอีอ้ อกรอ คำตอบของ
หล่อนสงบ
“ฉันอาจจะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล”
“เสียดายแย่”
“เสียดายอะไร”
“ผู้หญิงสวยไม่ควรจะสติแตก”
เขาหัวเราะ
“ผมพูดตลกน่ะ คุณต้องระวังอารมณ์”
“ฉันเป็นของฉันมานาน”
“เพราะคุณอกหัก…”
“ฉันอกหัก…ใช่…มณฑลทรยศฉัน”
265/913

“ผมขอถามสักข้อนะ” เขาทำเสียงนุ่มนวล “อย่าเพิ่งโกรธผมแล้วกัน


นะ ผมอยากรู้ว่าคุณกับเขาสัมพันธ์กันระดับไหน”
พิมพิกาคอแข็ง คำถามละลาบละล้วงมากไป และหล่อนไม่อยากจะ
ตอบ ปฏิกิริยาของหล่อนออกมาด้วยท่าทีเย็นชา เขาเลยต้องพูดออกมาเอง
“เอาละ...ผมขอโทษ ผมไม่น่าจะถามเลย”
“คุณต้องการเจอฉัน มีธุระอะไร”
“ผมชอบคุณ”
พิมพิกาพูดไม่ออก เขาตรงมากเกินไป หล่อนมองเขาเหมือนเขาเป็น
ตัวประหลาด ศศินไม่ได้หลบตาหล่อน
“ผมพูดจริง…ผมชอบคุณ…สนใจคุณมาก”
“คุณทำเพื่อญาติของคุณ…จะกำจัดฉันพ้นทางของญาติคุณ”
“นั่นตื้นเกินไป ผมไม่ทำแบบนั้น ผมคิดว่าเราเจอกันได้มันเป็นเรื่อง
ของบุพเพ ผมบอกตรงๆ คุณอาจจะยังไม่พร้อม…อาจจะยังไม่อยาก
เริ่มต้นใหม่ รอยเก่าของคุณอาจจะยังมากมาย เรามาลองคบกันก่อน”
“อดีตของฉัน?…ไม่สนใจหรือ”
“ผมสนใจปัจจุบันกับอนาคตเท่านั้น”
“ฉันว่าคุณประสาท”
“ผมรู้ตัวเสมอว่าผมกำลังทำอะไร”
266/913

“ฉันไม่มีเวลามาใส่ใจ”
“จะยอมให้ผู้ชายคนเดียวทำให้คุณเข็ดจนตายหรือ”
“เปล่า แต่ฉันไม่อยากจะยุ่งกับคนที่เป็นญาติของผู้หญิงคนนั้น”
“ทำไม”
“มันรับไม่ได้…มันใกล้กันเกินไป…ฉันเกลียดหล่อน…”
“คุณโทษยายนุ่น”
“แน่นอน อย่าบอกนะว่าหล่อนไม่มีส่วน หล่อนต้องมี”
“คุณเคยโทษเขาบ้างไหม หรือเพราะคุณรักเขามากเหลือเกิน คุณเลย
มองข้ามความผิดของเขา…”
หล่อนหรีต่ าลง ยามโกรธ…เสียงของหล่อนทุ้มต่ำลง หล่อนกำลังมอง
ว่าเขาก้าวก่ายเข้ามาในชีวิตของหล่อนมากเกินไป และตรงนี้หล่อนไม่อาจ
จะยอมรับได้ เพราะพิมพิกาทระนงเสมอมาหล่อนมองว่าชีวิตของ
หล่อน…เรื่องราวต่างๆ ก็ของหล่อน…ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดพลาดอย่างไร
หล่อนไม่ปรารถนาผู้อื่น…ทั้งชีวิตของพิมพิกาจะยอม ‘ลง’ ให้กับคน
เพียงแค่ไม่กคี่ น หล่อนยอมให้พรรณรายพี่สาว ยอมฟังคำแนะนำของบุริ
นทร์พี่เขยหล่อน ยอมฟังชนิตา นอกนั้นหล่อนจะไม่ยอมใครแม้แต่ตัว
มณฑลเอง
แม้หล่อนจะยอมรับว่ารักเขามาก แต่หล่อนไม่เคยยอมเขากับคำขอ
หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน พิมพิกาปฎิเสธจริงจังเสมอมาหล่อนยังเป็นคน
267/913

หวงแหนตัวเอง แม้หล่อนจะสิ้นพ่อแม่นานแล้วหล่อนยังจำคำสอนของ
พ่อแม่ได้ ลูกผู้หญิงจะมีค่าควรนับเป็นดวงมณีเลิศหรูกต็ ่อเมื่อครอง
พรหมจารียิ่งชีวิต…ถนอมมันเอาไว้จนกว่าจะถึงวันวิวาห์…ให้ถูกต้องตาม
ประเพณี…ถูกต้องตามกฎหมาย…ถูกต้องงดงามสมศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงทุก
ประการ
พรรณรายที่เป็นพี่สาวก็ประพฤติตัวให้หล่อนเห็น หล่อนมีแบบอย่าง
ดีงาม…
พิมพิกาเป็นคนยุคใหม่…ทีจ่ ัดอยู่ในโลกที่เรียกว่า ‘ไร้พรมแดน’ หรือ
‘โลกาภิวัตน์’ นั่นเอง
กับเพื่อนร่วมงาน…กับคนห่างออกไปไม่ใกล้ชิดมองหล่อนจาก
รูปลักษณ์และบุคลิกภายนอก ประเมินหล่อนผิดพลาดหมดเพราะว่าหล่อน
มีสภาพเป็นสาวเปรี้ยวคล่องแคล่วสูง แถมด้วยท่าทีต่อปากต่อคำโลดโผน
หล่อนรู้ทุกอย่างในเรื่องเล่าสองแง่สองง่ามแต่หล่อนไม่รู้เชิงปฏิบัติเลย
หล่อนโง่และไม่เอาไหนเลยตรงนั้น
มณฑลเคยโกรธหล่อน เขาเคยว่าหล่อนไม่รักเขาจริง เขาตัดพ้อ
หล่อน เขาอยากครอบครอง เขาอ้างว่าคนรักกันแล้วก็จะแต่งงานกันจะต้อง
หวงตัวไปไยกัน
เขาไม่รู้ว่าพิมพิกากลัวตัวเองจะสูญเสียความนับถือตัวเองหล่อนให้
ความสำคัญตรงนั้นมาก หล่อนถือว่าความดีงามของการยับยั้งชั่งใจยังควร
สำหรับผู้หญิง
268/913

หล่อนมองพรหมจารีเหมือนเกียรติยศ เป็นสิ่งทีห่ ล่อนเชื่อมั่น และ


หากจะมอบให้ชายสักคน หล่อนควรจะให้ด้วยความรู้สึกว่าองค์ประกอบ
ทุกประการมารอท่าพร้อมมวล
หล่อนต้องการความพร้อม…
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้”
“เพราะผมมองว่าคุณไม่เป็นธรรมนัก”
“คุณควรจะระวังปากเสียก่อนนะ” หล่อนบอก
อาหารยังไม่ได้สั่ง มีแต่เครื่องดื่ม และพอเริ่มต้น หล่อนก็
อารมณ์เสีย
ชายหนุ่มถอนใจยาว
“ผมไม่อยากให้คุณเสียอารมณ์เลย”
“กรุณาอย่าก้าวก่ายกับเรื่องส่วนตัวของฉัน”
หล่อนกำสายกระเป๋า ทำท่าจะลุกจากไปได้ทุกเมื่อ
“แล้วอย่ามาชอบฉันด้วย”
“หรือคุณมีที่หมายใหม่อย่างคุณวิษณุ?”
หล่อนคอแข็ง ทิฐิมากล้น และหล่อนไม่รวู้ ่าหล่อนกำลังเปิดเกมของ
สองชายต่างวัย…เพื่อการเอาชนะคะคานกัน
หล่อนไม่ยอมทนอีกต่อไป…พิมพิกาตามใจตัวเองเสมอ
269/913

หล่อนบอกลาสั้นๆ ง่ายๆ
“ฉันไปละ”
“อ้าว…ยังไม่ได้ทานอาหาร”
“ฉันมีข้าวกินที่บ้าน…”
“ผมรู้ แต่ผมตั้งใจจะเลี้ยง ผมคิดว่าเราน่าจะทำความรู้จักกันให้มาก
กว่าเดิมนะ”
“ไม่จำเป็น”
“ผมจะไปส่ง”
เขาวางธนบัตรลงเป็นค่าเครื่องดื่ม
“คุณว่ามาแท็กซี่ไม่ใช่หรือ”
เขาเดินตามมาติดๆ ก็บอกแล้วว่าหมายตา…ใจปอง…แล้วคนอย่างเขา
หรือจะยอมแพ้ง่ายๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ศศินรูว้ ่าหากปองต้องการ
สิ่งใด หากตัวเองอยู่เฉยๆ ก็จะไม่มีวันได้มาครอบครอง…
ไม่เคยมีเลย…และยิ่งกับสาวงาม…เขายิ่งเชื่อในคำประพันธ์ที่ว่า…อัน
ของสูงแม้ปองต้องจิต ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่…
หล่อนอาจจะไม่ใช่ของสูง…แต่หล่อนก็เป็นของน่าปองหมายแล้ว
สำหรับเขา
270/913

เขาจะไม่ละความพยายาม ตามติดๆ หล่อนออกมา และมธุรสยัง


มองเห็น หล่อนจำภาพทีเ่ ขาก้าวตามหญิงสาวสวยคนนั้นอย่างติดตา
ศศินเองกำลังพยายามหว่านล้อมต่อพิมพิกา
“เริ่มมืดแล้ว อย่านั่งแท็กซี่คนเดียวเลย ผมไปส่ง”
“ฉันกลับเองได้”
“เอาเถิดน่า” เขาตะล่อม “ถือซะว่าผมทำด้วยความห่วงใย”
“ไม่จำเป็น”
“เอาเป็นว่าผมอยากเห็นคุณปลอดภัยอยู่ก่อกวนต่อ”
“คุณพูดอะไรนะ”
“ผมจะรอดูว่าคุณจะมีบทบู๊แบบไหนอีก…ยามคุณอาละวาดกลางงาน”
“คุณหมิ่นฉัน…”
“เปล่าเลย ผมพูดตามจริง…คุณจันทร์…คุณเป็นผู้หญิง
เผ็ดร้อน…ท้าทาย…ฤทธิ์มาก หากมีอันตรายสักนิดเกิดกับคุณคงจะน่า
เสียดายแย่ แล้วทำไมไม่คิดถึงใจคนปองหมายรายใหม่ๆ อย่างคุณวิษณุ
บ้าง ยังอยู่สนุกสนานกันได้อีกนานไม่ใช่หรือ…หรือคุณกลัว…”
“กลัวอะไร”
“กลัวผม…”
“ไม่มีวัน”
271/913

“ผมว่าคุณกลัวผมนะ กลัวว่าจะใจอ่อน…หากผมตามไปเจอบ้าน
คุณ…แล้วผมจะวนเวียนไปอีก”
“แค่นั้นหรือฉันจะกลัว…คุณคิดหรือว่าแค่ลูกตื๊ออย่างเดียวจะทำให้
ฉันยอมจำนน นั่นไม่ใช่ฉัน…”
23

ความฉลาดและผ่านพบสิ่งต่างๆ มามาก ทำให้เขาหลอกล่อจน


พิมพิกาหลงกลเขา ศศินเก็บเอาความกระหยิ่มไว้ในใจ เขาเป็นคนเก็บ
ซ่อนตัวเอง เขาไม่แสดงว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ เขาไม่ต้องการให้หล่อน
เตลิด เขาออกจะมั่นใจว่าตัวตนที่เห็นของพิมพิกาเป็นคนละเรื่องกับที่
หล่อนเป็นจริง
ผู้หญิง…เขาคิดในใจอย่างรื่นรมย์…พวกหล่อนคือความท้าทาย น่า
เรียนรู้เสมอๆ …
ผู้หญิงไม่เคยซ้ำแบบกันเลย…เขารักผู้หญิงทุกคน…ศศินมองผู้หญิง
ทุกคนในแง่ดไี ปหมด เขาเป็นคนทีม่ องโลกในแง่ดี และทำให้เขามีจิตใจ
ดีงามอ่อนโยนไปด้วย ส่วนพิมพิกานั้น…หล่อนยัง ‘อ่อน’ เกินไป เพียงเขา
พูดไม่กี่คำ เพราะโทสะอันวูว่ ามก็ทำให้หล่อนกระโจนลงมา และหล่อนก็
พลาดท่า ทำให้เขาตามมาถึงบ้าน
หล่อนอยูบ่ ้าน แตกต่างจากหญิงอื่นยุคใหม่ที่มักนิยมจะอยูต่ ามลำพัง
กับห้องเช่า…
273/913

หล่อนมีบ้านหลังกะทัดรัด…หล่อนปิดประตูรถออกไปโดยไม่เอ่ยชวน
เขาสักคำ
ศศินกระแอมในคอ
“ผมหิวน้ำ”
หล่อนย่อตัวลงมามอง
“ปากซอยมีร้าน”
“อะไรนะ”
“แล้วก็มีซูเปอร์ด้วย จะเอาน้ำอะไร…น้ำเปล่า น้ำอัดลมอย่างขวด
อย่างกระป๋อง มีครบหมด”
เขาหัวเราะออกมา ความแล้งน้ำใจของหล่อนปรากฏชัด
“คุณใจร้ายชะมัด หรือกลัวผมจะตามเข้าบ้าน นี่แน่ะคุณจันทร์…คุณ
เป็นคนไทยหรือเปล่า”
“ทำไม”
“เพราะผมสงสัย คุณเติบโตมากับคำกลอนที่ว่า…ใครมาถึงเรือนชาน
ต้องต้อนรับ อย่างเลิศดีตามมีและตามเกิด บ้างหรือเปล่า”
หล่อนคอแข็ง ทำไมผู้ชายคนนี้จงใจมาจับผิดหล่อน…ยั่วโทสะหล่อน
และทำไมเขาไม่พูดตรงๆ …เขาจะต้องอ้อมค้อมทำไม…หล่อนมองว่าเขา
เจ้าเล่ห์...แต้มเหลี่ยมคูของเขาแพรวพราย หล่อนไม่อยากพูดกับเขาอีก
274/913

ประตูรถของเขายังค้างคาในมือ หล่อนเม้มปากหากันแล้วจับประตูออกห่าง
มาอีกก่อนจะผลักโครมสนั่น เขานิ่วหน้า…หล่อนนี่น่าซัด…ประตูรถของเขา
ไม่ต้องการสัมผัสรุนแรงแบบนั้นเลย และดีที่ว่าเขาไม่ใช่คนรักรถแบบขึ้น
สมอง ไม่อย่างนั้นคงจะได้กระโจนผางออกไปแล้วซัดหล่อนหมอบ
ก็เคยมีปรากฏมามากมายว่าแฟนสาวที่ทำร้ายรถถูกผู้ชายซัดจนน่วม
ผู้ชายหลายคนรักรถมากกว่าแฟน…
แต่เพราะหนึ่ง…หล่อนไม่ได้เป็นแฟนเขา และสอง…เขาไม่ได้รักรถ
มากกว่ารักผู้หญิง นั่นเพียงพอจะทำให้เขามองหล่อนอย่างเหลืออารมณ์ขัน
เขาอยากรูว้ ่าหากลอกเอาความเจ้าอารมณ์ออกไป พิมพิกายังจะงดงาม
เพียงใด หล่อนเติบโตมาแบบไหนกันหนอ…หล่อนถึงมีท่าทีฉุนเฉียว เขา
แสดงความอยากรู้มากเกินไปหรือเปล่า…ชายหนุ่มสงสัยในตัวเองอยู่
เหมือนกัน และเขาก็เปิดประตูตามออกมา หล่อนได้ยินเสียงรถ
“ตาบ้า” หล่อนพึมพำกับตัวเอง “จะก่อกวนกันหรือไร…จะด่าเปิงตรง
นี้ละ”
โดยทีห่ ล่อนเองก็คิดเหมือนกัน หากจะต้องด่า…จะด่าอย่างไร เพราะ
หล่อนด่าไม่เป็น หล่อนได้แต่เจ้าโทโสสักหน่อยแต่คำหยาบคายหล่อนไม่
ถนัดนัก…
และหล่อนก็ถอนใจพรืด เพราะพรรณรายกลับมาแล้ว พี่สาวของ
หล่อนเดินออกมา หล่อนเกรงใจพรรณรายเสมอ พี่สาวของหล่อนมีความ
275/913

ดีงามชวนให้เกิดความรู้สึกแบบนั้น และหล่อนไม่อยากถูกมองอย่างร้ายใน
สายตาของพรรณราย
หล่อนหันมามองศศิน ถามเขาเนือยๆ
“จะกินน้ำหรือ…”
เขายังทำตาปริ๊บๆ หล่อนเปลี่ยนใจกระนั้นหรือ…รวดเร็วนัก
“ผมคิดว่าคงจะเมตตา”
“สักแก้วพอไหว”
พรรณรายมองชายหนุ่มที่มากับน้องสาว แน่นอนว่าผู้ชายที่มาติดพัน
พิมพิกาจะเห็นหนุ่มรูปงามเสมอ เพราะพิมพิกาเป็นสาวสวย ผู้ชายคนนี้มา
รถคันงาม และเขาก็มองหล่อนก่อนจะยกมือไหว้ พรรณรายร้องในใจว่า
…มืออ่อนมาเชียว ใครกัน…
เขาผ่านประตูบานเล็กเข้ามา กวาดตามองรอบบริเวณไม่ให้เป็นว่าเขา
กำลังประเมินบ้านหลังไม่ใหญ่ เนื้อที่จำกัด…
ครอบครัวของหล่อนคงจะเป็นครอบครัวระดับกลาง หล่อนจึง
ฟูมฟายเสียดายเงินพอๆ กับเสียดายแฟนที่จากไป
“ผมเป็นเพื่อนใหม่ของคุณจันทร์ฮะ”
เมื่อหล่อนไม่พูดถึงเขาสักคำ เขาก็แนะนำตัวเอง
“ผมชื่อศศิน”
276/913

“เอ๊ะ…”
พรรณรายร้องในฐานะทีห่ ล่อนเป็นครูสอนภาษาไทย มีความฉุกใจ
บางประการเกิดขึ้นมา
“ชื่อคุณแปลว่าพระจันทร์…เหมือนชื่อยายจันทร์”
“ฮะ ผมเกิดคืนข้างขึ้น…พระจันทร์เต็มดวง พ่อผมตั้งชื่อผมเอง
ส่วนใหญ่ชื่อที่มีความหมายถึงพระจันทร์จะเป็นชื่อผู้หญิงมากกว่า มาลงตัว
ที่ศศิน..กลางๆ หน่อยฮะ หากเติมสระอะก็จะเป็นชื่อผู้หญิง”
“ใช่ค่ะ ใช่เลย แล้วชื่อเล่นมีไหมคะ”
โอย…พิมพิการ้องโอดโอยในใจ…พรรณรายกลายเป็นคนพูดมากไป
แล้ว หล่อนสุดจะทนฟัง…หล่อนจ้ำพรวดเข้าบ้าน
“เธออารมณ์เสียเพราะผม” ศศินสารภาพ “ผมทำให้เธออารมณ์ไม่ดี”
“แกอาจจะมีเรื่องค้างใจ” พรรณรายออกตัว “ไม่ใช่เพราะคุณหรอก
ค่ะ จะนั่งข้างนอกไหมคะ…ไม่มียุง ข้างในคับแคบสักนิด”
หล่อนนุ่มนวล หากจะเปรียบสองพี่น้องในเวลาอันเร็วไวเขาอยากจะ
บอกว่าคนหนึ่งเหมือนน้ำ และอีกคนเหมือนไฟ ก็แปลกดี…พี่น้องเติบโตมา
ในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน นิสัยไปคนละขั้วเลยทีเดียว หรือหล่อน
เกิดยามพระอาทิตย์แรงกล้า…หล่อนเกิดใต้ฤกษ์เพชฌฆาตซะเป็นแน่
หล่อนถึงห้าวหาญออกจะบ้าเลือด…หรือเพราะหล่อนถูกทอดทิ้ง…สาเหตุมา
จากไหนกัน…เขาอยากรู้ เขาคิดว่าตัวเองน่าจะเกาะตามติดสถานการณ์ไป
277/913

สักพักอย่างไรก็ตาม เขามองเห็นความงามเด่นของหล่อนจนไม่อาจจะ
มองข้าม…
เพื่อนๆ ของเขาหลายรายแต่งงานมีครอบครัว ยามสังสรรค์เขาพอใจ
กับสภาพแบบนั้น…ครอบครัวพ่อแม่ลูกเกลียวกลมนัวเนีย…เขาเคยฝันภาพ
ของครอบครัวตัวเอง พูดง่ายๆ ว่าศศินเริ่มเบื่อสภาพความเป็นโสด…เขา
อยากมีครอบครัว…อยากมีเมียและเลยไปถึงอยากจะมีลูก อยากเห็นว่าลูก
ของเขาจะออกมาหน้าตาแบบไหน…เป็นอย่างไร…ซนวายร้ายหรือน่ารักน่า
ถนอม…
ความฝันเช่นนี้…เขาไม่เคยบอกกล่าวมารดา เพราะคุณผ่องพรรณ
อาจจะไปจัดเกณฑ์หาหญิงสาวงามมาให้เขาพิจารณารายตัว เธอเป็นแม่
ประเภทหวังดี…ปรารถนาดี…และเธออยากได้สะใภ้ดีๆ เธอมีกติกาของเธอ
มากมายเกินไป เธอหวั่นเกรงว่าหากเขาเลือกเอง เขาอาจจะทำให้เธอ
ผิดหวัง แต่เขาเคยขอจากเธอ…ชีวิตของเขา…ความสุขของเขา…มันทำให้เข้า
เห็นแกตัวมากเกินกว่าจะรักและตามใจแม่ ชายหนุ่มแยกสองประการนีจ้ าก
กัน
เธอไม่ชอบพิมพิกาเอาเสียเลย เธอบอกเขาเสมอๆ ว่าเธอไม่อาจจะ
ลืมภาพที่พิมพิกาบู๊กลางงานฉลองหมั้นของบุษยา
และเขาก็บอกกล่าวกับพรรณรายเป็นทำนองว่าเขาพบเจอพิมพิกา
อย่างไร พรรณรายไม่ได้แสดงความประหลาดใจมากนักหล่อนแค่ถอนใจ
หนักๆ
278/913

“เคยเตือนแกแล้วว่าให้สลัดไป คนบางคนเพียงแต่ผ่านมาทำความ
รำคาญใจ”
“เธออาจจะรักเขามาก”
“แกยังเด็กค่ะ”
คำตอบของพรรณรายนั้นเฉกเช่นคนผ่านพบเห็นชีวิตบางด้านมาอีก
ด้วย
“แกยังมองอะไรมุมแคบ แกมองความรักแบบมองขนมหวาน…ต้อง
หวานอย่างเดียว กัดกร้วมลงไปเจอรสอื่นละเป็นเรื่องแกลืมมองไปว่าคน
คือคนเสมอ…ยุ่งๆ วุ่นๆ เพราะเอาควายกับหนูมาผสมกัน…คน
เปลี่ยนแปลงได้…จะยึดมั่นถือมั่นมากนักไม่ได้ ฉันเคยเตือนแกเสมอ
ความรักอย่างเดียวไม่เคยพอ…คนสองคนจะตกลงปลงใจกัน หากจะให้
ยืนยาว…มันอาศัยมากกว่านั้น…ว่าจะยอมรับกันไหวไหม…ให้อภัยกันได้
ไหมเวลาผิดพลาด”
หล่อนพูดยาว และเพราะเขากำลังทำท่าฟังเพลิน ดังนั้นหล่อนจึง
ชะงักพร้อมกับออกตัว
“คือฉันพูดตามประสบการณ์”
“ผมทราบฮะ คุณหวังดีต่อเธอ”
“เสียใจนะคะที่เธอไปทำลายงาน”
“บางทีเราควรจะขอบใจเธอ”
279/913

“ทำไมคะ”
“เธอเหมือนกระจกส่องเงาของชายคนนั้น ครอบครัวของเรามองเขา
เห็นอีกด้าน”
“แต่ญาติคุณจะแต่งงานกับเขาไม่เปลี่ยนแปลงมังคะ ไม่ว่าเขาจะเลว
ลงหรือไม่”
“ฮะ”
“ยายจันทร์คงไม่ชอบหน้าคุณไปด้วย”
“ถูกเผงเลยฮะ เธอชังหน้าผมเพราะเรื่องนี้”
“ขอฉันถามตรงๆ สักอย่างนะคะ คุณต้องการอะไรจากแก”
///////////////////////////////////////////////////
///////////////////////////////////////////

“พี่พรรณเชื่อเขา? เชื่อตาบ้านั่น”
พิมพิการ้องเสียงแหลม หล่อนเดินพล่านไปทั่วจากมุมหนึ่งไปยังอีก
มุมหนึ่ง หล่อนมีสีหน้าบึ้งตึง
“เขาดัดจริตพูด…เขาโกหก เขาคงจะต้องอยากเห็นจันทร์
ทุรนทุราย…จมในความพ่ายแพ้ เพราะอยู่ทางผู้ชนะ”
280/913

“จันทร์…เธอกำลังพาล ยอมรับความจริงหน่อยสิ”
“ความจริงอะไรคะ”
“เธอไม่ได้รับเลือก เขาไม่เลือกเธอ…เขาหมดรักเธอแล้ว”
“พี่พรรณ…”
พิมพิการ้องคราง ขาของหล่อนอ่อนแรง หล่อนทิ้งตัวลงนั่งแปะ
แววตาที่มองพรรณรายตัดพ้อ
“แม้แต่พี่พรรณก็ยังไม่เข้าใจจันทร์”
“เพราะอยากให้เธอเดินผ่านไป…ใหม่ๆ เจ็บปวดบ้าง…แต่พอผ่าน
ไป…เธอจะมองอย่างขำๆ ”
“ไม่…” คำตอบนั้นดื้อดึง “มันคงจะทำให้จันทร์อับอายชั่วนิรันดร์”
“โธ่เอ๊ย…ยายจันทร์เอามาจากไหน”
“ก็จากประสบการณ์ตัวเอง…จันทร์แค้น…”
“เพราะรู้สึกว่าตัวเองหมดความหมาย?”
“พี่พรรณจะกระหน่ำถึงตายเลยไหม”
น้องสาวประชดจนพรรณรายหัวเราะออกมา
“ไม่หรอกน่า เธอคิดมากไปเอง”
281/913

“แล้วอีตาบ้านั่นมาพูด อย่าไปฟังเขานะ ไม่งั้นจันทร์โกรธ เขาโกหกที่


บอกว่าเขาต้องการเป็นเพื่อน เขาต้องการทวงคืนสิทธิ์ของจันทร์…เงินของ
จันทร์…”
“เธอไม่เชื่อเขาเลยหรือ”
“ไม่…” พิมพิกายืนยัน “จันทร์ว่าเขาตอแหล”
“จันทร์…พูดอะไรออกมา…เรานี่…พี่จะเอากระดาษทรายมาถูลิ้น”
“เขาเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเป็นแค่ชายชีกอที่คงมั่นใจเสน่ห์ตัว…และ
คิดว่าความรวยของเขาใช้ได้”
“เขาสนใจเธอ…”
“ไม่เอาด้วยแน่ๆ เว้นแต่…”
“เห็นไหม…เธอยังมีข้อแม้”
“ถ้าหากจันทร์จะได้เป็นพี่สะใภ้ มณฑลเองยังต้องไหว้แล้วจันทร์มี
อำนาจพอจะชี้เป็นชี้ตายมณฑล”
“ไม่เห็นจะเข้าท่า…หากเธอคิดแก้แค้น”
“ต้องเข้าท่าซิ” พิมพิกายืนยัน “แต่ยังก่อนนะ ยังไม่ใช่ตอนนี้…ละไว้
ก่อน เพราะคนอื่นมาสนใจจันทร์เหมือนกัน”
282/913

“จ้า…แม่คนเนื้อหอม” พรรณรายตอบแกมประชด แต่ยิ้มละไม “ดู


ให้แน่ เธอยังมีโอกาสเลือก…แล้วจงเลือก…อย่าปล่อยตัวเองแคบนัก
โอกาสเลือกยังมีรอท่า”
“จันทร์อาจจะไม่เลือกใครเลย” หล่อนบอก
แต่พรรณรายหัวเราะ เพราะสำหรับหล่อนเอง…ไม่เคยมองเห็นวี่แวว
ของการอยู่เป็นโสดของน้องสาวเลย
มันไม่น่าจะเป็นไปได้…
หากหญิงสาวสวยอย่างพิมพิกาอยูเ่ ป็นโสด อีกจำนวนมากต่อมา
คงจะไม่มีโอกาสใดๆ เหลืออีกเลยในการหาคู่ครอง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณหญิงเพลินรู้เรื่องเปรมขอลาออกอย่างรวดเร็ว…เขาไม่รู้ว่าใคร
รายงานเธอ และเขากำลังตกใจ อารมณ์ขุ่นมัว…น้ำเสียงของเขาจึงสะบัด
ห้วนจนเธอตั้งข้อสังเกต
“วิษกำลังเครียดหรือเปล่า อาจจะคิดว่าแม่มากวนใจ”
“เปล่าฮะ” เขาปฏิเสธ “ผมเพียงแต่กำลังผิดหวัง”
“ผิดหวัง?”
“มากๆ เลยฮะ เพราะผมคาดว่าคนที่น่าจะขอลาออกควรเป็นชนิตา
แต่รายนั้นทนได้ทนดี…เปรมเสือกลาออกเอง”
283/913

“ใช้คำว่าเสือกทีเดียวหรือ”
“ผมหวังในตัวเปรมมากไป”
“รวมถึงว่าใช้งานหนักไป”
“ผมสอนงานนะฮะ แล้วงานหนักตอบแทนด้วยเงินดีๆ หาไหนได้ง่า
ยๆ ยังสะบัดก้นจากไป บางทีชนิตาอาจจะยุแยง”
“อีกแล้ว…ลูกกำลังขาดเหตุผล”
“อาจจะเหมือนกับที่แม่ขาดเหตุผลเสมอเวลามีชนิตามาเกี่ยวข้อง”
“เพราะแม่มองว่าลูกทำไม่ถูก วิษ…รู้ไหมเปรมได้งานใหม่ที่ไหน”
“ถามแบบนี้แปลว่าแม่รู้แล้ว”
“ใช่”
“ที่ไหนฮะ บอกผมมาเลย”
“บริษัทของศศิน”
“ใครนะฮะ”
“ศศิน…ลูกจำได้ไหม…ลูกชายคุณผ่องพรรณ”
“เขาหรือ…เอ๊ะ…เขาต้องการอะไร…แล้วใครแนะนำเปรมไป”
“แม่ไม่รู้ตรงนั้น”
“เขาจะแข่งกับผมหรือ…เด็กเมื่อวานซืน…” วิษณุเปรย
284/913

คุณหญิงเพลินเริ่มกังวล
“ก็ได้ หากจะลองกันสักตั้งสองตั้ง”
24

คนแนะนำเปรมไปคือชนิตา เขาตามสืบจนรู้…เรียกว่าหล่อนทำให้
เขาโกรธจนตัวสั่นอีกแล้ว ชนิตาสาระแน เขาไม่เคยโกรธรุนแรงขนาด
นี้มานานแล้ว วิษณุพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขารู้ฤทธิต์ ัวเองดี
เขาเป็นคนโมโหร้าย และหากถึงจุดระเบิดแล้วยากจะระงับยับยั้งเอาไว้
ได้อีก มีแต่จะปล่อยออกมาสุดๆ กันไป เขามองชนิตาในแง่ลบมากกว่า
เดิมและเขาขอพบหล่อนทันทีของการเข้างานวันใหม่ สีหน้าแววตาของ
เขาร้อนแรงราวกับไฟ คนมาเรียกชนิตาไปพบเขารีบบอกเตือน….
“พี่ตาระวังนะ อารมณ์ไม่ดีเลย”
หล่อนเข้าใจ เขาคงจะใกล้บ้า การขาดคนอย่างเปรมอาจจะทำให้เขา
เสียการเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม เปรียบเปรมก็เสมือนแขนขาของเขา
อย่างใดอย่างหนึ่ง พอขาดเปรมก็เสียสง่าเพราะไม่มีใครต่างแขนต่างขาอีก
“เปรมไม่อยู่ซักคนเดียว…”
คนรายงานต่อรำพึง หล่อนเพียงแต่ยิ้ม
“อาจจะเพราะขาดของเคยกิน”
286/913

“พูดอะไร” ชนิตาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ก็พวกเราสงสัยกันน่ะว่าเปรมกับเจ้านายอาจจะ…”
“เปรมไม่ใช่ตุ๊ดนะ”
เสียงของชนิตาค่อนข้างแข็ง หล่อนอาจจะเคยคิดในทางนั้นบ้าง…แต่
แค่ความคิดของหล่อนเท่านั้น หล่อนไม่เคยพูดออกมาดังๆ กับใครใน
บริษัท หล่อนมองว่าหากเปรมเป็นแบบนั้นจริง ตรงนั้นมันคือชีวิตของเปรม
หล่อนไม่ควรจะเขาไปข้องเกี่ยวด้วยและแม้ว่าหล่อนจะไม่ชอบวิษณุ แต่ชนิ
ตาไม่ใช่พวก ‘ขาเม้าท์’…หล่อนไม่นิยมเอาเรื่องของเจ้านายมาเป็นหัวข้อ
สนทนา หล่อนไม่สรรเสริญวิษณุประสาลูกน้องที่ประจบเอาใจ และเวลา
เดียวกันหล่อนไม่นินทานายให้กับคนอื่นฟัง คนเคยได้ยินหล่อนพูดถึง
วิษณุจริงๆ แล้วก็เปรมเพียงคนเดียว เพราะหล่อนมองว่าหล่อนพึ่งพาเปรม
ได้
“เปรมอาจจะนิ่มไปหน่อย แต่เขาไม่ใช่”
“พี่ตาโกรธเหรอ” เสียงถามอ่อนลง “หนูคิดว่าเปรมเค้า…”
“เราตัดสินใครแค่ตรงนั้นไม่ได้หรอก จำเอาไว้ซิ ทุกวันนี้ภาพลวงตา
มากมายเหลือเกิน ภาพที่เห็นไม่ใช่…และภาพที่ใช่จริงๆ มากมายหลาย
ภาพเราไม่เคยเห็นอีกเลย”
หล่อนเดินจากมา ปล่อยให้ถูกมองตามหลังด้วยแววตาแปลกๆ
ชนิตาเป็นรุ่นพี่ไม่ใช่โดยอายุ…แต่โดยอายุของงานที่นี่และหล่อนทำตัวแปล
287/913

กๆ ชนิตาไม่มแี ฟนมาคอยรับส่ง เคยมีรุ่นพีจ่ ีบหล่อน…รุ่นเดียวกันพากัน


มามอง คนทำงานบริษัทอื่นในอาคารเดียวกันมองหล่อนด้วยความสนใจ
ก็ยังเรียกว่าหล่อนผ่านยี่สิบหกปีของวัยมาได้อย่างเปล่าเปลี่ยว…
ลือกันว่าหล่อนเคยอกหัก และคำลือนีช้ นิตาเคยเก็บเอาไว้หัวเราะ
สนุกสนานกับพิมพิกามาแล้ว
…ฉันน่ะหรืออกหัก เพราะตั้งใจว่าหากเป็นโสดได้จะเป็น…
นั่นคือความใฝ่ฝันของหล่อน เพราะชนิตารู้ตัวว่าหล่อนตั้งเป้า
เกี่ยวกับผู้ชายไว้มากจนผู้ชายแบบนั้นน่าจะเป็นผู้ชายในฝันเสียมากกว่ามี
ตัวตนแท้จริง…
หล่อนเดินเข้ามาในห้องของเขา…เจ้าของห้องยืนเอามือไขว้หลัง
ตรงหน้าต่างกระจก ห้องนี้กระจกมากมายเหลือเกิน…
หล่อนไม่ชอบกระจก หล่อนเคยนินทาเขากับเปรมว่ารสนิยมของ
วิษณุแปลกๆ
…เขาจะต้องชอบโรงแรมม่านรูดประเภทกรุกระจกทุกด้านแน่ๆ
เลย…
หล่อนเคยคาดเดาแบบนั้น
“มาแล้วรึ” เขาถามมาลอยๆ
“ค่ะ” หล่อนตอบรับสั้นๆ
288/913

“เรื่องเปรม”
“ค่ะ”
“เธอพูดมากกว่านั้นก็ได้นี่นา”
“เชิญพูดก่อนค่ะ”
“เธอรู้แก่ใจ”
“ขอให้พูดออกมา…ขอตรงๆ ”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนแนะนำงานใหม่ให้เปรม”
“ค่ะ”
“เธอยอมรับ?”
“ค่ะ”
“ชนิตา!”
เขาหันขวับมา น้ำเสียงของเขาเกือบจะเป็นตวาดเลยทีเดียว สีหน้าสี
ตาของเขานั้นบอกรอยอารมณ์ชัดนัก ชนิตามองสบตาเขาด้วยท่าทีอันสงบ
มองไม่เห็นความยำเกรงต่อเขาสักนิดทำไม…ทำไม…เขาร้องถามตัวเอง
ทำไมหล่อนถึงได้เป็นเช่นนี้ด้วย…ทำไม…หล่อนเอาความเข้มแข็งแบบนี้มา
จากไหน…เขามองเห็นแล้วอยากจะเขย่าหล่อน...อยากจะซัดหล่อน…เพราะ
ท่าทางของหล่อนเหมือนว่าหล่อนท้าทายเขา…
เป็นการกระทำที่ถือดีมาก เขาไม่อาจจะยอมรับได้
289/913

“เธอเข้ามานี่แล้วพูดคำเดียวเท่านั้นเองหรือ…ค่ะ…ค่ะ”
“ดิฉันยอมรับไงละคะ”
“เธอทำลงไปได้ไง”
“เปรมลาออก…หางานใหม่…มีงานดีๆ ดิฉันแนะนำไปเห็นแก่เด็กดี
อย่างเปรม…เขาจะได้มีอนาคต”
“เธอพูดอะไรนะ อนาคตบ้าบออะไร…หือ…ชนิตา…เธอจะเจตนา
กระทบฉันใช่ไหมว่าหากเปรมอยู่นี่ต่อไป เขาจะไม่มีอนาคต”
“ดิฉันเพียงแต่บอกว่าที่นั่นเขาจะมีอนาคต…”
“อย่ามาทำสำนวนกับฉัน”
“คุณโกรธ?”
“ใช่ รู้เหมือนกันรึ”
“ค่ะ แต่ไม่เข้าใจ”
“แม่คนฉลาด…”
เขาเหน็บ เดินมาวนรอบๆ ตัวหล่อน ชนิตายืนตัวตรง เขาวนเป็นวง
กลมสักสามสี่รอบก่อนจะหยุดตรงหน้า เอามือไขว้หลังเขาทำเหมือนกำลัง
ตรวจแถวทหารและมองหาความผิดจากหล่อนเขาทำเหมือนหล่อนเป็น
พลทหาร ชนิตาพยายามระวัง หลังไหล่เชิดตรง…เชิดปลายคางเล็กน้อย
290/913

หล่อนจะไม่ยอม ‘อ่อน’ เพราะเขาจะมาข่มขูห่ ล่อนได้นั่นเอง เขาจะมา


กำเริบได้ใจกับหล่อนไม่ได้เป็นอันขาด…
“เธอไม่ควรจะทำแบบนั้น”
“เมตตาธรรมนะคะ เปรมต้องการงาน”
“ให้เขาหาเอง เพราะเขาอยากจะลาออก”
“อันนั้นมันเรื่องส่วนตัวของดิฉันกับเปรม เราช่วยเหลือกันเท่าที่
สามารถ”
“เธอคิดอย่างไร…ส่งเขาไปบริษัทนั้น”
“ทำไมคะ”
“ฉันถาม เธอมีหน้าที่เดียวคือตอบ”
“ดิฉันรู้จักคนที่นั่น”
“ใคร…”
“ดิฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”
“เธอพอใจเขา…เธอจะส่งเพื่อนให้เขา แล้วคราวนี้เธอส่งเปรมไปให้
เขา ทำไมล่ะชนิตา…เธอพอใจเขาเป็นพิเศษ หรือเธอทำเพราะเกื้อกูลพี่ชาย
ตัวเอง หากเขาโปรดปราน พี่ชายของเธอจะรับงานได้มากกว่าเดิม”
ดวงตาของชนิตาวาววับขึ้นมาทันที หล่อนไม่เคยต้องไปกรุยทาง
สะดวกของดนุเลย เขามีความสามารถในทางการงานของเขาเอง และ
291/913

หล่อนก็รู้ด้วยว่าคนบ้านหล่อนทุกคนไม่มีใครงอมืองอเท้ารอความ
ช่วยเหลือของคนอื่น พีก่ ับน้องกันจะมานั่งคุยกันบ้างเรื่องการงาน แต่ไม่
เคยมาของความช่วยเหลือ และยังเรียกว่าหนทางของใครของคนนั้น…ไม่
เคยเอาเรื่องงานไปรำพัน…จะได้ดีหรือตกอับแค่ไหนในเรื่องงานก็รับกันไป
หล่อนเพียงแต่พาพิมพิกาไปทำงานพิเศษกับดนุเท่านั้น…เขารู้ว่าเพื่อน
ของหล่อนมีความสามารถพิเศษ…ดำน้ำเก่ง และนั่นตรงกับที่เขาต้องการใน
ภาพยนตร์โฆษณา พิมพิกาไม่เพียงแต่มีความสามารถ หากแต่ยังสวย หุ่น
ดี หล่อนสามารถทดแทนได้ตรงตามความต้องการจริงๆ นั่นคือการพึ่งพา
ของพี่น้อง…มันแค่ตรงนั้น หล่อนไร้ความสามารถหากจะไปสนับสนุนดนุ
เขาเติบโตและก้าวไกลในการงานด้วยตัวเขาเองทั้งสิ้น…
วิษณุมาพูดแบบนี้ ชนิตาจึงโกรธ เขาเหมือนคนพาล…เขาตั้งใจจะ
เอาเรื่อง เพราะฉะนั้นเขาเลยทำทุกวิถีทาง เขาจับเรื่องราวมาโยงกันเอง
“ไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ เปรมไปที่นั่นเพราะมีตำแหน่งว่างพอดี ส่วน
เปรมจะอนาคตไกลไปถึงตรงไหน มันอยู่กับตัวเขา แล้วดิฉันไม่มีส่วนได้
เสียอะไรเลย พี่ชายของดิฉันก็เหมือนกัน แล้วคราวหน้าขอความกรุณาอย่า
ลากเอาครอบครัวลงมาเลย…ดิฉันถือ”
“ชนิตา…เธอยอมรับ…แน่จริงยอมให้หมดซิ”
“ต้องการให้ดิฉันยอมรับอะไรคะ”
“เธอเป็นคนที่วางแผน…จะให้เปรมไปจากฉัน”
292/913

“ขอโทษเถิดค่ะ มันจะบาปกับคุณหากยังมัวคิดแบบนี้อยู่”
“แล้วจะให้ฉันคิดแบบไหน” เขาถามเยาะๆ “เธอเป็นตัวยุ่งยากเสมอ
เธอกวนใจฉัน เปรมไปแล้ว…เปรมเป็นตัวอย่างของคนใจถึง…ไม่
ดื้อด้าน…เมื่อไหร่ล่ะชนิตา…เธอจะไป”
“แน่จริงก็เอาดิฉันออกเพราะงานซิคะ แล้วไล่ออกมาเลย”
“อย่ามาท้าฉันนะ”
“เพราะนั่นเป็นอย่างเดียวจะทำให้ดิฉันยอมไป”
“เธอต้องการอะไรแลกกับความอดทน ทั้งที่ฉันก็…”
“เกลียดชัง”
พอเขาหยุด หล่อนก็ต่อเสียเอง
“ใช่”
“เพราะดิฉันชอบเห็นคนบางคนแพ้ซะบ้าง”
“อะไรนะ”
เขาตวาด เขาโกรธจนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คิดว่าได้ยินผิดไป ก่อนจะ
ได้รับการยืนยันจากชนิตาในคำตอบเดิมอีกหน เขาอยากจะรวบคอเล็กๆ
ทีต่ ั้งตรงให้ศีรษะเชิดทระนงนั้นแหลกลาญคามือนัก ชนิตากวนโทสะของ
เขา…แล้วสักวันเขาจะเป็นไอ้ฆาตกรแน่ๆ …หากตราบใดหล่อนหมั่นขยัน
ก่อกวนเขาแบบนี้
293/913

“คุณต้องพยายามต่อไปค่ะ และอดทนด้วย เปรมอาจจะยังเด็ก


เปราะบาง”
“หรือไม่เปรมก็อย่างบาง…ส่วนเธอมันอย่างหนา”
“คุณคะ หากดิฉันจะฟ้องคุณว่าพูดจาหยาบคาย คุณจะโดนหนัก
ทีเดียว”
“ก็ฟ้องสิ”
“รู้ไหมคะว่าดิฉันจะฟ้องคุณ”
“เธอชอบเอาศาลแรงงานมาขู่ฉันเสมอ”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ศาลแรงงานคราวนี้ แต่ดิฉันจะฟ้องคุณหญิงเพลิน”
“เล่นถึงแม่เชียวหรือ” เขาคำราม “ชนิตา…อย่าให้มากเกิน…เร็วๆ นี้
เธอจะต้องไป…ซมซานจากไปไม่ต้องมาพบเจอกันอีก”
“ค่ะ…จะรอวันนั้น” หล่อนแกล้งรับคำแบบสงบเสงี่ยม
“ดิฉันจะไปได้หรือยังคะ”
“ไป…!” เขาตวาด
หล่อนเดินกรายช้าๆ และก่อนจะพ้นห้องของเขาออกไปเขาก็
อาละวาดตามหลังด้วยเสียงข้าวของแตก ชนิตารักษาสีหน้าตัวเองปกติ
อย่างยิ่ง หล่อนก้าวเดินออกมาอย่างสงบ แวะบอกแม่บ้านทีก่ ำลังทำความ
สะอาดพื้นว่า
294/913

“เดี๋ยวเข้าไปเก็บกวาดห้องเจ้านายด้วยนะ แล้วดูเหมือนจะต้องโละ
ทิ้งของแพงๆ กันอีกหน”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“ฉันฝากเปรมไปจริงๆ เพราะสงสารเด็ก ตอนแรกไม่คิดว่าจะฝาก
ไปที่นั่น แต่พี่ดนุมาบอก ฉันก็เลยฝากไป โทร.ไปขอบคุณเขาแล้วนะ
แต่ยังคิดว่าน่าจะได้เลี้ยงข้าวเขาสักมื้อ”
“แล้วไง”
พิมพิการ้องถามมา หล่อนกำลังเลือกหนังสือในร้านขนาดใหญ่ของ
ศูนย์การค้า มีชนิตาเดินตามพร้อมกับหอบหนังสือหลายเล่มในอ้อมแขน
หนังสือของพิมพิกาทั้งนั้น…หล่อนมีหน้าที่หอบหิ้วให้
“ฉันจะนัดเขา แล้วอยากจะชวนแก”
“ธุระ…”
“ไปหน่อยน่า”
“ฉันไม่ชอบเขา”
“ทำไม”
“รู้แล้วยังมาถาม”
“ยังทำใจไม่ได้หรือว่าเขาเป็นญาติกับยัยคนนั้น”
“ไม่ใช่แค่นั้น”
295/913

“แล้วแค่ไหน”
“เขาทำท่าจะมาจีบฉัน”
“ดีออก” ลูกตาของชนิตาแวววาวทันที
“เอาไปเองซี้”
พิมพิกาลากเสียงเหมือนประชดกัน แต่ชนิตาส่ายหน้าท่าเดียว หล่อน
ยืนยันด้วยคำพูดเดิมๆ
“เขาชอบแก…สนใจแกแต่แรก ฉันจะเสนอหน้าไปทำไมกัน”
“ฉันจะเชียร์…”
“ไม่เอาด้วยย่ะ บอกแล้วว่าฉันจะอยู่เป็นโสด”
“แกจะครองตัวไหวเร้อ สิ่งยั่วยุเยอะจะตาย”
“คอยดูแล้วกัน จันทร์…แกไปกับฉันนะ”
“ทำไมแกไม่ไปกับเขาสองคน”
“เขาคงพอใจหากแกไปด้วย”
“นี่แกจะขายเพื่อนหรือยะ”
“ฉันเพียงแต่อยากเชียร์คนดีให้เท่านั้น”
“เขาจะมาสนใจอะไรจริงจัง”
296/913

พิมพิกาลุกยืน หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากกว่าเดิมหล่อนมอง
ว่าศศินก็แสวงหาเล่นๆ …และหล่อนมองลึกลงไปกว่านั้นด้วย
“เขาทำเพื่อยายคนนั้นอีกด้วย เชื่อฉันเถิด…เขาไม่ได้มาสนใจอะไรเรา
จริงจัง”
“เราไม่ได้…ต้องแกคนเดียว…ลองคบหากับเขาดู”
“ทำไมแกยุฉันจัง”
“เพราะอยากให้แกได้เจอคนใหม่ บางทีผิดพลาดจากรักครั้งหนึ่งต้อง
ชดเชยด้วยการหาใหม่ อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเลย”
“แกพูดเหมือนพี่พรรณ รายนั้นน่ะหากฉันไม่ติดพี่เขยจะยกให้เขา
เลย แค่เขาตามไปบ้านหนแรกก็คุยกับเขาจ้อ แล้วเขาก็เลยแวะไปอีกสอง
สามครั้ง”
“เอ๊ะ…ทำไมไม่บอกแต่แรก แกก็มีอะไรกุ๊กกิ๊กกับเขาแล้วซิ”
“ยายตาบ้า…คิดเอาเอง ฉันเปล่า…เขาจะคิดอย่างไร…ฉันไม่รู้ แต่พี่
พรรณทำตัวน่าหมั่นไส้มาก”
“ยังงั้นรึ” ชนิตาคราง “หรือพี่พรรณจะตาถึง มีแต่แกคนเดียวตาถั่ว
หรือแกจะรอคั่วเจ้านายตัวแสบของฉัน…แกเอ๊ย…คนแบบเขาน่ะใครได้
ไป…เวร…”
“ระวังอย่าให้เป็นแก…”
297/913

“โอ๊ย…” ชนิตาร้องลั่น “ฉันน่ะหรือประเภทหมูต้องชะตาเขานัก แต่


ต้องชะตารอเชือดนะ เขาจะฆ่าฉันแล้ว…เขาบอกเองว่าสักวันเขาจะเป็นไอ้
ฆาตกร แล้วฉันคงจะต้องถูกฆ่าทารุณ เฮ้อ…แค่คิดยังเสียว”
แต่สีหน้าของหล่อนคนละเรื่องกับที่พูดเลยทีเดียว
25

วิษณุเองก็อยากจะเชือดชนิตากับมือตัวเอง…ให้สมแค้น…หล่อน
ทำให้เขาแน่นในอก และโทสะของเขานั้นร้ายกาจมากนัก เขาอาละวาด
ทีอ่ อฟฟิศจนต้องซื้อของตกแต่งห้องใหม่…และมิใช่แค่นั้น เขากลับมา
ทลายอีกห้องในบ้าน ก่อนหน้าที่คุณหญิงเพลินเพิ่งรับรายงานจาก
คนในว่าวิษณุทำอะไรลงไป เขาก็ทำให้เธอแทบหัวใจวายกับเสียงเพล้ง
เสียงโครมคราม เธอแทบจะวิ่งถลาไปหาที่มาของเสียง แล้วพอโผล่ตัว
เข้ามาเห็นคุณหญิงเพลินก็เข่าอ่อน
“ต๊าย…!”
เธอร้อง ลงไปนั่งพับเพียบ ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างหัวสมองของเธอ
คำนวณเงินค่าความเสียหาย
“วิษ…อะไร” เธอคราง
ลูกชายของเธอยืนจังก้ากลางห้อง หัวยุ่ง ตาวาว เธอมองเขาด้วย
กิริยาดุจเดิม ความเสียดายแน่นในอกไปหมดแล้ว เธอไม่แน่ใจเลยว่าเขา
จะทำแบบนี้อีกกี่หน เพราะไม่ใช่ครั้งแรก…เขาทำบ่อยมาก
299/913

เขามองเธอ ตอบหน้าตาเฉยมาก
“ผมระบายอารมณ์…”
“แต่มันแพง”
“ซื้อใหม่พรุ่งนี้เลยฮะ”
“เครื่องแก้วนั่นน่ะแม่หิ้วเข้ามาเอง…มีขายที่ไหน” เธอมองค้อนๆ “วิษ
นะวิษ…คราวหน้าโมโหโทโสอะไรมา…ทำอย่างอื่นดีกว่าของสะสมแพงๆ
ของแม่มันมาขวางตาวิษหรือลูก”
“หรือจะให้ผมฆ่าตัวการยั่วโมโหผม”
“อย่าบอกนะว่าเป็นชนิตา”
“คนอื่นจะกล้าหือกับผมหรือฮะ”
“ก็เปรม…”
เธอพูดแล้วก็อยากตบปากตัวเอง เพราะลูกชายทำตาจ้าจัดกว่าเดิม
เสียอีก แววตาเขาบอกเลยว่าหากเธอไม่ใช่แม่เขาจะโดนดีเหมือนกัน เธอ
กลืนน้ำลายลงคอ พยายามยิ้มประเหลาะเข้าสู้ เขามองเธอแล้วเมินหน้าหนี
ตัดพ้อเธอว่า
“แม่ไม่เข้าใจผม กำลังอยากจะตำหนิผม”
“เอ้อ…แม่ว่า…มันแพงน่ะ” เธอบอกเสียงอ่อยๆ “มันจะไม่คุ้ม”
“ชนิตาควรชดใช้…ผมรู้ แต่ผมไม่อยากติดตะราง”
300/913

“ชนิตาอีกแล้ว”
“มีใครกล้าหือกับผม นายเปรมมันบ้า…มันคิดว่าไปมุดตรงนั้นมันจะ
ได้ดิบได้ดี”
“วิษ…”
เธอขานเรียกลูกชาย เธอมองเห็นว่าหากเธอปล่อยเขาให้เป็นไปเช่นนี้
จะเท่ากับว่าเขาทำตามอารมณ์ตัวเอง เธอบอกเขาด้วยเสียงอันอ่อนโยน
เพราะคนอย่างวิษณุนั้นต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบหากร้อน…มีแต่จะเปิดเปิง
“อารมณ์น่ะใครๆ ก็มีได้ แต่เอามันนำหน้าเราทำไม…เป็นนายของมัน
ซิ…ควบคุมมันซะ อย่าให้มันนำหน้าเราไป อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย”
เขาเม้มปากเข้าหากันก่อนจะเดินฉุดเธอขึ้นมา
“แม่ฮะ ผมเกลียดชนิตา…” เขาบอกเธอเบาๆ “แม่ไม่เห็นตอนชนิตา
ก่อกวนผม หากฆ่าได้…ผมฆ่าแน่ แต่เมื่อผมทำแบบนั้นไม่ได้…ผมจะจอง
ล้างจองผลาญ…”
“จนกว่าจะลาออกไปหรือ”
“ใช่ฮะ จนกว่าผมจะกำจัดชนิตาได้”
“วิษ…ไม่คิดบางว่าความเกลียดชังจะได้ตอบสนองกลับมาด้วยสิ่ง
เดียวกันเสมอ”
“ผมไม่แคร์ผู้หญิงคนนั้น” เขาบอก “ผมไม่แคร์…จริงๆ ”
301/913

อกของเธอหนักอึ้ง เธอมองเครื่องแก้วงดงามที่ถูกทลายลงมาอีกแวบ
ก่อนจะหักใจมองเมิน และไม่ได้พูดอะไรกับลูกชายอีก สี่สิบ…เขาอายุสสี่ ิบ
แล้ว…เธอรำพึงกับตัวเองตอนเดินจากมา…เขาไม่ใช่เด็กๆ …เขาเป็นคนตาม
อารมณ์ตัวเอง…ตามใจตัว เธอไม่อาจจะแก้ไขเขาได้…นอกจากป้องกัน เธอ
เคยหน่วงเหนี่ยวชนิตาเอาไว้และเธอรู้ว่าหากเธอไม่อยากจะเสียใจภายหลัง
เธอน่าจะเปิดการเจรจากับชนิตาในเรื่องการ ‘จ้าง’ หล่อนออกไป…
อาจจะต้องทำตรงนั้น…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
บุษยารับรู้ว่าศศินติดต่อกับพิมพิกา หล่อนกลายเป็นคนผิด เพราะ
คุณผ่องพรรณเรียกหล่อนเข้าไปหา
เธอมองหน้าหล่อนด้วยแววตาที่บุษยาต้องระวังตัวเองหนักกว่าเดิม
เพราะรู้ตัวเสมอว่าป้าสะใภ้ไม่เคยชอบหน้าหล่อนเลยเรียกเต็มปากว่าเธอ
รังเกียจหล่อน หญิงสาวพยายามอยู่ห่างเธอเสมอมา
“คุณป้าอยากคุยกับนุ่นหรือคะ”
“เรื่องแรกสำคัญมาก และมันเกี่ยวมาถึงป้า”
“อะไรคะ”
“เพราะเธอ…”
คำกล่าวหานั้นจริงจังมาก บุษยาหน้าจ๋อย กระนั้นยังพยายามแข็งใจ
จะแก้ตัว
302/913

“นุ่นยังไม่ได้ทำอะไรเลย นุ่นพยายามระวังเสมอจะไม่ทำเรื่องระคาย
ใจคุณป้านะคะ”
“เธอทำแล้วเพราะเรื่องของเธอเกิดผลกระทบยาวเป็นลูกโซ่”
“อะไรกันคะ”
“ศศินไปติดพันแม่พิมพิกาเพราะเธอ”
“เอ๊ะ…คุณศินทำอะไร…นุ่นไม่ทราบเลย”
“เขาพยายามป้องกันเธอ เขาระวังไม่ให้พิมพิกากลับไปหามณฑล”
“คุณป้าคิดแบบนั้นหรือคะ”
“มีทางอื่นอีกหรือเธอ”
“มีซิคะ คุณศินอาจจะชอบเธอเอง”
“เพราะเธอ…ยายนุ่น…หากเธอไม่ไปข้องแวะกับคนแบบนายมณฑล
ซะ”
“นุ่นรักเขา”
“ทำไมไม่ดูดีๆ ก่อน จะรักใครก็น่าจะดูคนตัวเปล่า”
“เขาไม่มีอะไรกับพิมพิกานะคะ”
“เธอกล้ายืนยันหรือ”
303/913

“เขารักนุ่น…เรารักกัน…เรามีกันและกัน…พิมพิกาคือมือที่สาม
เข้าใจผิดคิดว่าเขารักเลยมาตามตื๊อ”
“เธอหลงเขา…เธอเลยมาแก้ตัว ป้าว่าเพราะเธอ..”
“ตอนนี้คุณศศินติดต่อเธออยู่หรือคะ”
“ใช่เแล้ว”
“คุณป้าเลยมาโทษนุ่น” หล่อนพ้อ “ทำไมไม่ถามใจคุณศินเอง เขา
อาจจะชอบของเขา…แล้วคุณศินเคยจริงจังที่ไหน ทำไมคุณป้ากลัวเกินการ”
“อ้อ…เดี๋ยวนี้เธอกล้าจะย้อน”
เธอถามเสียงเย็น สีหน้าสีตาของเธอทำเอาบุษยานึก ‘หนาว’ หล่อน
ไม่เคยเป็นที่พอใจของเธอ…ไม่ว่าจะทำตัวอย่างไร…จนบุษยา ‘ท้อ’ คุณผ่อง
พรรณคอยจับผิดหล่อนเสมอๆ ราวกับว่าเธอไม่วางใจ และบุษยาออกจะ
แน่ใจว่าเธอกลัวหล่อน…กลัวตรงทีว่ ่าศศินจะมาชอบหล่อน บางคราวที่ฮดึ ๆ
บ้าขึ้นมา บุษยาอยากจะ ‘จับ’ ศศินเหมือนกัน เว้นแต่ความฮึดนั้นไม่เคย
อยูน่ าน เพราะหล่อนเกิดกลัวเสียก่อน…หล่อนจะกลับไปหวาดกลัวเท่าๆ
เดิมอีกหนเสมอ…
“เปล่าค่ะ” หล่อนหลบตาก่อนจะตอบ “นุ่นไม่อยากจะทำให้คุณป้า
เคือง ไม่อยากจะทำตัวเองให้วิตกกังวลอะไร เพราะนุ่นกำลังรอวัน
แต่งงาน”
“เธอรักหมอนั่นมากนะ”
304/913

“เรารักกัน” หญิงสาวยืนยัน
คุณผ่องพรรณมองหล่อนด้วยความสมเพช และใจของเธอก็พลัน
อ่อนลง…ก็หลาน…แม้จะทางสามี…เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยบุษยาดีตรงน่ารัก
น่าเอ็นดูบ้าง แต่ความเฉียวฉลาดของหล่อนไม่มีเลย ผู้หญิงนั้นหากพอจะ
มีรูปโฉม มีสมบัตพิ ัสถาน…แต่ขาดสติปัญญาด้วนๆ เลยนั้นก็นับว่าน่า
เสียดายไม่น้อย เจ้าหล่อนจะแต่งงาน เธอหวั่นใจแทนว่าบุษยาจะต้องไป
ระหกระเหินผจญกับสามีเป็นแน่แท้ เธอมั่นใจว่ามองคนแบบมณฑลไม่
ผิด…
“เรียกว่าเขามีแต่เปลือก”
เธอรำพึงออกมา เสียงเธอดังออกมาข้างนอกจนบุษยาสะดุ้ง หลอน
รู้สึกไม่ดีเลยหากมณฑลจะถูกนำมาพูดถึงลับหลังเยี่ยงนี้
“ยายนุ่น…จำป้าไว้นะ วันจดทะเบียนสมรส สลักหลังให้หมดถึง
สินเดิมของเธอ”
“แต่…”
“ที่จริง…หากแค่แต่ง ไม่จดทะเบียนก็ยังได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวเถียง “จะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย”
หล่อนถูกค้อนขวับ
“แล้วเธอจะเสียใจภายหลัง ป้าเตือนเธอแล้ว ส่วนเรื่องศศิน…ป้า
เห็นจะต้องหาทางออกเอง”
305/913

“คุณป้าน่าจะยอมรับเธอ”
“ป้ากลัวน่ะสิ”
“กลัวอะไรคะ”
“ผู้หญิงคนนั้นท่าทางแข็ง…เป็นตัวของตัวเอง และศศินก็ทำท่าปลื้ม
แปลกๆ เขาพยายามปิดบังป้า เขาคิดว่าไม่บอกป้าซะดีกว่า แต่กลับทำให้
ป้ายุ่งยากใจ หากพิมพิกาเป็นของจริงของศินขึ้นมา ป้าคงจะอกแตก”
…สมน้ำหน้า เลือกมากนัก เอาเลย…เราจะเชียร์ยายพิมพิกานั่นให้
คุณศิน…
บุษยาร้องลั่นในใจ แต่สีหน้าท่าทีภายนอกของหล่อนสงบนักหนา
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เปรมมาทำงานกับเขาได้สองอาทิตย์กว่าแล้ว เขามองเห็นความ
ขยันขันแข็งจนเรียกว่านึกเสียดายแทนวิษณุ
เขารู้เรื่องของชนิตาเพิ่มเติมจากเปรม เมื่อเขาชวนเปรมไปกินข้าว
กลางวันด้วยกัน
“พีต่ าเป็นคนเก่งทำงานมาตั้งแต่คุณหญิงเปิดกิจการ ตอนนั้นคุณวิษ
ยังอยู่ออสเตรเลีย ยังไม่ได้ตามมา”
“แล้วไง”
“คุณวิษไม่ชอบเธอ”
306/913

“เพราะอะไร”
“ไม่ทราบแน่ชัดฮะ”
“หรือเพราะเขม่นหน้าเรื่องงาน”
“หรืออาจจะเพราะพี่ตาเข้มแข็งมาก เธอเป็นคนไม่ตามใจนาย”
ตามใจนาย…ตีความหมายได้หลายทาง ครั้นสีหน้าของเขาแสดงออก
ถึงความพิศวงเต็มที เปรมรีบอธิบาย
“ไม่ใช่เรื่องพรรค์นั้นฮะ แต่คุณวิษเป็นคนที่ทำตามใจตัวเอง…และ
ชอบให้คนลงให้”
“รู้จักคุณจันทร์ไหม”
“เคยเห็นฮะ แต่ไม่รู้จัก”
“คุณตาไม่เคยพูดถึงหรือ”
“ไม่เคยฮะ พี่ตาไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัว”
เปรมตอบ เขาพอจะอ่านออกว่าเจ้านายคนใหม่ของเขาพอใจพิมพิ
กา…
และชายหนุ่มยิ้มๆ เมื่อเปรมมองหน้าเขา เขาบอกกับเปรมว่า
“ฉันสนใจคุณจันทร์”
“โอ…แน่นอนฮะ เพราะเธอสวยมาก”
307/913

“ฉันกำลังพยายามเข้าถึงเธอ”
“ยากไหมฮะ”
“ยากซิ ไม่งั้นจะมารำพึงกับเปรมหรือ”
“แล้วคุณคงอยากจะให้พี่ตาช่วย?”
ศศินหัวเราะเสียงนุ่มทุ้ม
“ฉันเกรงว่าหากมีคนช่วยจะกลายเป็นว่าฉันไม่เอาไหนเลย”
“บางทีเราต้องรูข้ ่าวสารข้อมูลฮะ” เปรมสรุป “ความพยายามจะบรรลุ
เป้าหมายดีขึ้น หากเราชัดเจนในเรื่องแบบนั้น”
“เปรม…” ชายหนุ่มหัวเราะ “เรากำลังพูดถึงผู้หญิงอยู่นะ”
“ใช่ฮะ…ผู้หญิง…แต่เราจะต้องแม่นยำหากเราต้องการจริงๆ ”
“นั่นคือคำแนะนำใช่ไหม”
“ฮะ”
เปรมรับคำ เขารู้ว่าเจ้านายเก่าของเขาหมายตาพิมพิกา…ก็ตอนใช้เขา
นำดอกไม้ไปให้หล่อน เปรมจำได้ไม่ลืม…และเขาคิดว่าหากเขาสนับสนุน
พิมพิกาไปหาศศินแทน ก็เท่ากับเขาได้แก้แค้นต่อวิษณุ บางทีรสชาติความ
สาแก่ใจตรงนั้นอาจจะเยียวยาอาการของเขาได้บ้าง ความรู้สึกนับถือตัวเอง
ชื่นชมในเรื่องการทำงานและการทุ่มเทกับการงานตลอดมา ถูกวิษณุทำลาย
ลงด้วยการให้เขาออก วิษณุไม่ได้เป็นคนไล่เขา แต่ก็บีบให้เขาต้องออกมา
308/913

เขาแค้น…และเปรมคิดว่าเขาน่าจะเอาคืน ยามทีเ่ ขาออกมาข้างนอก


ยืนอยู่ในฐานะของคนไม่ใช่ลูกน้องของวิษณุอีก เขามองเห็นความ
น่าเกลียดน่าชังของวิษณุมากมายหลายประการด้วยกัน
และเขากระตือรือร้นจะบอกกับศศินว่า
“มีอะไรจะให้ผมรับใช้ก็บอกเลยฮะ นอกเหนือจากงานก็ได้ฮะ”
“ถ้างั้นมาเริ่มต้นตรงนัดหมายชนิตาให้ฉันที”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มีเสียงพูดมาเข้าหูเขาหลายหนแล้วว่าชนิตามีรถเบ๊นซ์มารับ และ
เย็นนี้เขาจงใจจะแอบดูว่าใครคือเจ้าของรถงามคันนั้น
ชะ…ชนิตาน่ะหรือจะมีราชรถดีๆ มาเกย…ผู้หญิงแบบหล่อนเหมาะจะ
ขึ้นคานมากกว่า…
และเขาก็พบรถคันนั้นมาเทียบตรงทางเข้าหน้าออฟฟิศ…ออฟฟิศสวย
ของเขาตั้งอยู่ด้านในของบริเวณที่เป็นออฟฟิศหลายๆ แห่งมารวมกัน และ
มีบริเวณจอดรถด้านหน้าด้านข้างไม่นับรวมในอาคารจอดรถ เจ้าของรถ
เปิดประตูก้าวลงมา และวิษณุต้องขยี้ตาตัวเองอีกหน
เขาอาจจะตาฝาด…ชายหนุ่มบอกตัวเองเมื่อแรก
แต่ไม่ใช่…เขาตาไม่ฝาดเลย
ใช่ศศินจริงๆ …
309/913

ศศินเองหรือ…ถ้างั้นพิมพิกา…เขาเหยียดริมฝีปากออก…ชนิตาคงได้ดี
คราวนี้…เขามองเห็นหล่อนวิ่งออกมา…
และเหมือนหล่อนจะรู้ว่ามีเขาแอบอยู่จากกระจกตรงนี้…หล่อนเหลือบ
ตาขึ้นก่อนจะแหงนหน้ามองตรงๆ เขายืนกอดอกมองอย่างสงบ…
ชนิตาก็จ้องมาชั่วอึดใจ…แล้วหล่อนก็ขึ้นรถไป
วิษณุรู้สึกอย่างหนึ่งว่าแม้เส้นทางที่จะเข้าหาพิมพิกาอาจจะปราศจาก
ศัตรู แต่ว่าเขาไม่อยากให้ชนิตาได้ดปี านนั้น…ศศินอาจจะดีเกินไป…ผู้หญิง
แบบชนิตาไม่ควรจะได้รับอะไรเลย….เขาจะต้องรอดูต่อไป…แต่แน่ละว่าเขา
อยากจะบั่นทอนเส้นทางความสัมพันธ์นั้นแต่รอให้เขาทอดสะพานหาพิมพิ
กาได้ก่อน…ก็บอกแล้วว่าเขาจะตามจองล้างจองผลาญกับชนิตาไปชาติ
หนึ่ง…หากเห็นหล่อนร่มเย็นเป็นสุขเขาคงเจียนขาดใจแน่นอน
โดยวิษณุไม่รู้ว่าเขาไม่เพียงแต่ทำร้ายหล่อน หากเขายังทำร้ายตัวเอง
เพราะจิตใจของเขาไม่เคยสงบอีกเลย…มีแต่จะเร่าร้อนทุรนทุราย…
26

ศศินรับรูก้ ำหนดการวันแต่งงานของบุษยาแล้ว หล่อนขอพบเขา


เป็นการส่วนตัวด้วยพร้อมกับยื่นร่างกำหนดการของหล่อนต่อเขา
ชายหนุ่มมองแล้วยิ้มๆ ไม่ยอมรับในทันที แต่กลับร้องถาม…
“อะไรกัน…มาให้พี่”
“ตรวจทานทีเถิดค่ะ นุ่นวางใจแต่คุณศินคนเดียว”
“แล้วมันอะไร”
“กำหนดแต่งงานของนุ่นว่าจะทำอะไรบ้าง”
“ขนาดนั้นเชียว?” เขาเลิกคิ้วถาม
บุษยาเพ่งมองดวงหน้าคมคายนั้น หล่อนเติบโตมาพร้อมเขา เห็นเขา
มาเนิ่นนานจากเยาว์วัย รับรู้ว่าเขาเป็นชายรูปงามคนหนึ่ง แถมยัง
เพียบพร้อมทุกประการ หากไม่ติดความเป็นลูกพีล่ ูกน้องกันแล้ว เขาน่า
สนใจมาก แต่เพราะความเคารพนับถือต่อกันทำให้หล่อนไม่กล้าจะคิด
เฉไฉ อีกทั้งคุณผ่องพรรณก็คอยเข้มงวดตรวจตรานักหนา เธอคอยจะ
เฝ้าดูว่าหล่อนทำอะไรเกินเลยกับศศินหรือไม่ แน่ละ…หากผิดปกติจาก
311/913

หล่อนแม้เพียงเล็กน้อยเธอคงเข่นฆ่าหล่อนแหลกยับเลยทีเดียว สามารถ
สัมผัสความโหดร้ายของเธอได้ตรงนี้
“วางใจพี่รึนุ่น” เขาถามแกมหัวเราะ คลี่กระดาษม้วนนั่นออกอ่าน
เขากวาดตารวดเร็ว จับใจความก่อนจะออกความเห็น
“ก็ดีแล้วนี่”
“นุ่นกลัว…อย่างเดียวจริงๆ ” หล่อนบอกเสียงแผ่ว
“กลัวอะไรจ๊ะ”
“คุณจันทร์…พิมพิกา”
“หือ…ว่าไงนะ”
“นุ่นกลัวเธอ”
“กลัวทำไม…เธอไม่มาก่อกวนอะไรนุ่นอีกแล้ว”
“โดนเข้าหนก่อน มันเป็นบทเรียนราคาแพงมากนะคะ”
“เธอจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
“เอาอะไรมารับประกันคะ”
“ถ้าเป็นพี่…นุ่นจะเชื่อไหม”
“คุณศินรับเองหรือคะ”
“ใช่”
312/913

“แบบไหน…”
“อย่าถาม” เขาปรามยิ้มๆ
“นุ่นยังกลัวอยู่ดี…”
“กลัวอะไรอีกจ๊ะ”
เขาถามอย่างเอ็นดู เพราะว่าใจของเขาเอื้ออาทรต่อหล่อนเสมอมา
มองเห็นเป็นน้อง…เป็นคนที่เขาต้องปกป้องดูแล เพราะความอ่อนเยาว์แถม
มาด้วยความอ่อนแออีกต่างหาก เขาคิดว่าเขาไม่อาจจะละเลยต่อหล่อนได้
และศศินคิดผิดไป…เพราะเขาประเมินบุษยาต่ำไปด้วย เขาไม่รวู้ ่าความ
หวังดีของเขาจะย้อนกลับมาเป็นปัญหาทำความลำบากให้กับตัวเขาเอง เขา
มองว่าหล่อนอ่อนเยาว์ไม่ประสา ป้องกันตัวเองไม่เป็น แต่ลืมคิดถนัดว่า
ผู้หญิงนั้นมีสัญชาตญาณรุนแรงประการหนึ่ง พวกหล่อนมักจะปกป้อง
ผู้ชายของตัว…และยอมกระทำการทุกอย่าง
โดยเฉพาะบุษยามีแรงกระตุ้นเร้าทางเพศ…
หล่อนเป็นของมณฑลแล้ว หล่อน ‘รูร้ ส’ แล้ว แถมยัง ‘รู้เรื่อง’ เป็น
อย่างดีอีกด้วย หล่อนหวงแหนเขา บุษยาคิดว่าตัวเองคงไม่ปล่อยมณฑล
หลุดมือไปหาพิมพิกาอีก หล่อนจะไม่สนใจว่าอดีตเป็นมาอย่างไร หล่อน
ขอแค่ปัจจุบันและขอมีเขาตลอดไป
“พี่จะจัดการเอง”
“คุณศินชอบเธอ?”
313/913

“ไม่เอาน่า อย่ามาซัก”
“ทำเพื่อนุ่นหรือคะ” หล่อนถามเบาๆ “ดึงเธอออกไป”
เขาพยักหน้า บุษยาก็ยิ้มออก
“จะให้นุ่นช่วยอะไร บอกมาเลยนะ”
“พี่หวังเห็นเธอเป็นเจ้าสาวสวยงามคนหนึ่งในรอบปี”
“แน่นอนค่ะ”
“แล้วบอกเขาด้วยนะว่าหากเขาทำให้นุ่นเสียใจเล็กน้อย…พี่เอาเขา
ตาย”
“มีคุณศินรับรองแบบนี้ นุ่นเบาใจแยะ”
“ใกล้วันงาน…ไปเข้าคอร์สเจ้าสาวทำให้สวยเช้งก็พอ เรื่องอื่นวางมือ
ซะ”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขาครุ่นคิดเรื่องของพิมพิกา และเขาทำเพื่อหล่อนในประเด็นทีว่ ่า
หล่อนเป็นเจ้าหนี้ เงินห้าแสน…เขาคิดว่าเงินจำนวนนั้นมันมากพอ
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่คงจะเก็บออมเงินส่วนตัวเพียงเพราะหล่อน
หลงลมปากของผู้ชายคนหนึ่ง มันไม่ยุติธรรมเลย…หล่อนควรจะได้คืน
เขาจึงโทร.หามณฑล พูดกันตรงๆ
“ผมโทร.มาเรื่องคุณจันทร์…เรื่องเงินของเธอ”
314/913

…อะไรกันวะ…มณฑลคำรามในใจตัวเอง…ไอ้หมอนี่มันมาสาระแน
อะไรอีก…
เขาไม่ชอบศศิน…ไม่เคยชอบมาแต่แรก ตั้งแต่เมื่อบุษยาแนะนำเขา
กับศศินแล้ว อาจเพราะศศินทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเองของเขาด้อยลงไป
มากทีเดียว เพราะศศินมีครบทุกอย่าง…มีจริงๆ …ใช่มีแต่เปลือก…
“มาเกี่ยวอะไรกับผมด้วย”
“ลูกผู้ชาย…น่าอาย…หากเอาเงินผู้หญิง”
“จันทร์บอกอะไรคุณ!”
มณฑลเสียงเขียว เขาอยากจะไปหักคอพิมพิกานัก…หล่อนเสือก
ปากมาก…ทำเป็นโพนทะนา และคนอย่างเขา…เรื่องจะควักเงินจ่ายคืนใคร
หรือให้ใครง่ายๆ ย่อมไม่ใช่
“เธอบอกว่าคุณเอาเงินเธอไปห้าแสน”
“จะบ้า…”
“ใครบ้า?”
“ก็จันทร์…”
“มันจริงไหม”
“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวซิ ผมทำเพื่อความถูกต้องยุติธรรม”
315/913

“มันเป็นเรื่องของผมกับจันทร์...”
“จะยืนยันแบบนี้กับนุ่นไหม”
“คุณจะมาขวางทางผมกับนุ่นหรือ”
“หากจะต้องทำ”
“ผมว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องของผมกับจันทร์ เงินห้าแสนนั่นเอาไป
ลงทุน…แล้วมันขาดทุน”
“คุณยอมรับว่าเอาไปจริง”
“ใช่”
“ลงทุนร่วม…หรือลงทุนของคุณเอง”
“วะ…เสือกอะไร”
“คุณมณฑล…กรุณาสุภาพ…ผมคิดว่าเรากำลังพูดกันอย่างสุภาพชน
ต่อกัน ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย”
“แต่มันไม่ใช่กงการของคุณเลย จันทร์ไหว้วานมาแบบไหน…นี่แน่ะ
คุณศศิน…เรื่องของผมกับจันทร์ตรงเงินห้าแสน มันเกี่ยวพันกันลึกซึ้งมาก
กว่าคุณจะรู้และเข้าใจ”
“มีอะไรนอกเหนือกว่านี้อีก…บอกมา”
“จันทร์ให้ผมเพราะความเสน่หา”
“แน่ใจ?”
316/913

“แล้วจันทร์จะมาทำเป็นอ้าง ผมก็ตอบแทนให้สมกับห้าแสน…”
มณฑลเริ่มโวเสียแล้ว “ผมตอบแทนจันทร์จนจุกแอ้ก…ที่มาคร่ำครวญหวน
ไห้อาละวาดทุกวันนี้ เพราะจันทร์เสียดายรสสวาทของผม”
มณฑลตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะอย่างน่าเกลียด ศศินคิดว่าหากเขา
อยูใ่ กล้ๆ เขาคงจะต่อยปากของมณฑลอย่างแน่นอน…ความต่ำทรามของ
ผู้ชายที่เขารังเกียจอย่างยิ่งคือการกินในที่ลับแล้วนำมาประจานเพิ่มเติม
เขาชังวิธีการแบบนี้…และเขากำลังเจอจากมณฑล…คนที่จะเข้ามาดองเป็น
เขย…
แต่เขาไม่ยอมให้ความโกรธครอบงำ โทสะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา
ศศินหัวเราะหึๆ
“จะบอกผมว่าขายตัวด้วยเงินห้าแสน…”
“ไม่ใช่ แต่เป็นการแลกเปลี่ยน”
“ผมขอแนะนำให้คืนเงินเธอ…”
“ไม่”
“ผมขอดีๆ ”
“บอกว่าไม่!”
“ยายนุ่นน่ะมีสมบัติเกินห้าแสน…” ศศินเปรย “จะยอมปล่อยปลาตัว
โตกว่าลงน้ำไหมล่ะ”
317/913

“อย่ามาขู่ผม…นุ่นรักผมมาก นุ่นจะแต่งงานกับผม ไม่มีการยกเลิก”


“มาลองดูไหม”
“ท้าทายกันรึ”
“อยากลองก็ได้นะ”
“ไอ้ห่ะ…เสือก…”
แล้วมณฑลก็วางสายไปก่อน ศศินหัวเราะหึๆ เขารู้ว่าเขาจะบีบ
มณฑลได้แน่นอน…พิมพิกาจะต้องได้เงินคืนห้าแสน…ในเร็วๆ นี้ด้วย…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“อะไรกัน จะเอาอีกห้าแสนแล้วหรือ อาอู๋”
นางวรรณาร้องถาม นางเรียกลูกชายด้วยชื่อเรียกขานกันใน
ครอบครัว แต่คนนอกไม่เคยขานเรียกมณฑล นางขมวดคิ้วที่เขียนวาด
ใหม่บนหน้าอูมๆ แล้วบ่นโขมงเป็นภาษาจีน จนเขาเหลืออด ตวาดกลับ
“ม่า…หุบปากน่า…คนกลุ้มจะตายห่ะ”
นางตาค้าง ลูกชายของนางไม่เคยพูดจาดีๆ ด้วย ยิ่งยามเขา
อารมณ์เสีย เขาข่มนางจนหงอได้ไม่ยากเลย
“ม่าจะรู้อะไร มันโทร.มาขู่ผมทุกวัน…วันละสามเวลา มันให้เอาเงิน
คืนนังนั่น…เงินห้าแสน…แถมมันบอกใจดี ไม่คิดดอกดวงอะไร…”
318/913

เขาเอามือกุมขมับไว้ หลังจากศศินโทร.หาเขาครั้งแล้วศศินปฏิบัติการ
จองเวรกับเขาอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดเลยทีเดียว…ศศินคิดว่าเขาจะต้อง
รับผิดชอบตรงนั้นเต็มๆ
“ม่าเอาเงินให้ผมก่อน เอาเงินจากร้านนั่นแหละ”
“ตั้งห้าแสน?…มากเหลือเกิน” นางบ่น
“แล้วจะคืนให้…”
“จะเอามาคืนจากไหน การค้าเราเงินหมุนนะ ม่าหมดไปกับการสู่ขอ
เท่าไหร่ แล้วยังต้องจัดงานอีก เงินลงไปตรงนั้นเป็นล้านแล้วนะ”
“เอาน่า…ม่า แล้วจะได้คืนหมดหรอก ยายนุ่นรวยล้น…แถมยังโง่
ขนาดแหวนเพชรยังไม่เฉลียว”
“แหวนวงนั้นน่ะระวังบ้างแล้วกัน ญาติๆ ของแม่นุ่นเค้าพวกร่ำรวย
รู้จักแยกแยะเพชร”
“ใครจะกล้ามาสงสัยผม”
“มันจะเสียหายมาถึงร้านเราด้วย”
“เออ…แล้วผมจะเปลี่ยนคืน”
เขาตอบแบบปัดสวะพ้นหน้า
“ม่าเอาเงินห้าแสนให้ผมพรุ่งนี้เลยนะ”
“อาอู๋ทำเหมือนเงินแค่ห้าพันบาท”
319/913

เขาไม่ฟังเสียงนาง เขาพึมพำแต่ว่า
“คอยดูนะ มันทำให้ผมเจ็บ…ผมจะต้องได้รับการเรียกร้องทวงคืน
ผมเอาจากมันแน่ๆ เลย แล้วจะต้องหนักกว่าด้วย”
“เอาคืน…จากไหน…ใครล่ะอาอู๋”
“ม่าไม่รู้หรอก ม่าจัดการให้ผม…”
“อาอู๋เอ๊ย…กว่าแกจะได้เมียคนนี้มา…ม่าจะลงทุนมากไป…แล้วเรื่อง
ลงทุนของแกน่ะ เพลาๆ หน่อยนะ ความเสี่ยงมันสูง แกเอาโอดีออกมา
เต็มแประ แถมด้วยเงินออมของม่า มันจะออกมาพินาศเพราะแก ที่จริงเรา
ใส่ใจเฉพาะหน้าร้านขายของของเราไปก็คร้านจะเหลือกินแล้ว”
เขาลุกขึ้นยืน เบื่อคำรำพันนั้นนักหนา เขามองนางอย่างรำคาญๆ มี
ความรู้สึกเหมือนกันว่าแม่ของเขาไม่ได้เป็นหลักให้กับเขายามมีปัญหา
เลย…นางชอบทำให้เขาหนักใจ…
เขาบอกกับนางว่า
“ตอนนุ่นมาเป็นสะใภ้ ผมจะถอนขนห่านทองคำให้ม่าแล้วกัน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกางงๆ ตอนมณฑลโทร.มา เขาสะบัดเสียงบอกว่า
“จะคืนเงินน่ะ จันทร์”
“หือ…ว่าไงนะ”
320/913

หล่อนถามเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เป็นไปได้หรือ…เขาจะยอม
คืน…ในเมื่อหล่อนเคยร่ำร้องทวงคืนตอนเลิกกันแล้วเขาปฏิเสธแถมยังบอก
อีกด้วยว่าเขาจะไม่ยอมคืนอย่างเด็ดขาด…แล้วทำไมเขาเปลี่ยนใจ
“คืนจริงหรือ”
“มาเอาคืนๆ ไปซะ…รำคาญ”
“เอ๊ะ…พูดดีๆ นะ”
“ก็ดีที่สุดแล้ว”
“จะคืนที่ไหน…เมื่อไหร่…ฉันเอาเงินสดนะ…ไม่เอาเช็ค…หรือจะให้ง่าย
หน่อย ขอแคชเชียร์เช็คก็ได้”
เขาบอกที่นัดหมาย…และพิมพิกาโทร.ชวนชนิตา
หล่อนไปรอรับชนิตา และเจอกับวิษณุ…ก่อนหน้าจะเจอชนิตา เขา
แสดงความประหลาดใจที่พบหล่อน
“มารับตาค่ะ”
“จะไปไหนกันฮะ”
“มีธุระส่วนตัวค่ะ”
“หมู่นี้ลูกน้องของผมเนื้อหอม” วิษณุเปรย “มีคนมารับบ่อยๆ
วันก่อนผมเจอคุณศศิน”
“คะ”
321/913

“เขามารอรับชนิตาเหมือนกัน”
“หรือคะ”
แล้วพิมพิกาไม่ได้พูดอะไรอีก หล่อนคุยกับวิษณุอีกสองสามประโยค
แล้วหญิงสาวก็ขอตัว
หล่อนไม่ได้ถามชนิตา…แต่หล่อนเก็บความสงสัยสะสมไว้ชนิตาเจอ
กับศศินอย่างนั้นหรือ…เจอกันบ่อยไหม…?
คือคำถามอยากรู้อยากเห็น…และหล่อนสะสมมันเอาไว้ในใจโดยไม่
ได้คิดจะถามให้หายข้องใจด้วย
มันคือปมปริศนาที่จะต้องสางกันอีกมากมายในวันข้างหน้าอันใกล้…
27

เขาจำใจคืนเงิน หากเขาไม่คืน ศศินอาจจะทำความเดือดร้อนให้


กับเขามากกว่านี้อีกนักหนา หมอนั่นมันสาระแนเขาเก็บความ
เคียดแค้นชิงชังส่วนตัวรุนแรงเอาไว้ ภาวนาขอให้เขามีวันได้ทวง
คืน…เขาจะเอาคืนจากศศินให้ได้ และเขาก็รอคอยด้วยสีหน้าท่าทางที่
ชนิตามองเห็นแล้วต้องออกปากกระซิบกับพิมพิกาว่า
“เห็นหน้าหมอนี่แล้วสะอิดสะเอียน อยากซัดโครม ทำยังกะว่าเรา
สองคนมาเป็นตัวมารของเขางั้นแหละ เห็นไหมจันทร์…เห็นหน้าเขาไหม”
“เดี๋ยวเราก็ได้เงิน…ฉันกับเขาจะจบสิ้น”
“แน่นา”
ชนิตาถามเหมือนคาดคั้น จนพิมพิกาต้องมองหน้าแล้วตัดพ้อเพื่อน
“ทำไมแกทำท่าเหมือนไม่เชื่อฉันเลย หือ…ตา…แกคิดว่าฉันจะไป
ตอแยเขา เอาเขาคืนมาหรือ”
“เพราะแกเคยทำแบบนั้น”
323/913

ครั้นเห็นสีหน้าปวดร้าวของพิมพิกา ชนิตาก็พยายามเรียบเรียงคำพูด
เสียใหม่
“หรือไม่ก็เฉียดๆ แบบนั้น…ตอนแกออกฤทธิก์ ลางงานฉลองหมั้น
ของเขา แกติดลบคราวนั้นนะจันทร์”
“ฉันจะติดลบในสายตาใครไม่ว่านะ ขออย่าเป็นแกได้ไหม อย่าให้
เป็นเพื่อนรักที่สุดของฉันเป็นอันขาด”
“ฉันไม่เคยมองแกติดลบ แกคิดมากไปเปล่า ฉันเพียงแต่
เตือนสติ…เรื่องบางเรื่องพอเราพลาดไป เราต้องถอยออกมา…ดีกว่าไป
กอบกู้สถานการณ์พ่ายแพ้พลาดพลั้ง เพราะจะเท่ากับถลำ”
“ถ้าได้ห้าแสนของฉันคืน ฉันจะไม่ใส่ใจเขาอีก เงินห้าแสน…สำหรับ
ฉันมันมากนะ…มากเหลือเกิน”
“ถ้ามากสำหรับแก…ก็มากสำหรับฉันด้วย” ชนิตายอมรับ “น่าสงสัยที่
เขายอมหาเงินคืน”
“เราจะรู้ว่าทำไม”
แน่ละว่ามณฑลไม่ได้ปิดบัง เขาเลื่อนซองกระดาษสีน้ำตาลหนาๆ มา
ตรงหน้าสองสาว บอกแกมประชด
“เก่งนะจันทร์…ทำอย่างไรถึงปั่นหัวหมอนั่นได้”
“ใคร…?”
324/913

“ไม่เอาน่าจันทร์…อย่ามาไก๋”
“บอกชื่อมา อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้น!”
หล่อนสะบัดเสียงตอบ และเขาก็สะอึก หล่อนเปลี่ยนไปนับจากวันที่
เขามีท่าทีเป็นอื่น หล่อนไม่เคยอ่อนหวานกับเขาอีกแม้หล่อนจะเป็น
หญิงสาวสะสวย มองแล้วเห็นความอ่อนหวานแต่หล่อนเก็บมันสิ้นไป
สำหรับเขา หากจะถามใจตัวเองว่าเสียดายหรือไม่…แน่นอนเขาเสียดาย
หล่อนมากเหมือนกัน อย่างน้อยๆ เขาก็พลาด…เป็นความผิดพลาดที่เขา
อยากจะตีอกชกหัวตัวเองมากโขเพราะผู้ชายอย่างเขายอมให้พิมพิกา
เล็ดลอดไปได้โดยไม่ได้ ‘ฟัน’ หล่อนเลย หากได้บ้าง…คงจะไม่เสียเวลาไป
เปล่า เรื่องของเรื่องเพราะหล่อนกระบิดกระบวนเล่นตัวนักหนา หล่อน
วางท่าทีสูงส่งให้เขารอคอย ตอนนั้นเขาเองไม่อยากรวบรัดรังแกเลยมา
เสียดายและเขาคิดว่าศศินอาจจะเหมือนเขา…หรืออาจจะโชคดีกว่า
เขา…ศศินอาจจะ ‘ฟัน’ หล่อนได้ และติดใจ…เลยพยายามจัดการเพื่อ
หล่อน
“ศศิน”
“ใครนะ”
“ไม่รู้จักเขารึ” มณฑลถามรวน
“รู้จัก แต่ทำไมต้องคิดบ้าๆ แบบนั้น”
“เพราะเขามาขู่เข็ญผม”
325/913

“ทำไม…”
“จะไปรู้เรอะ จันทร์น่าจะรู้มากกว่าผม ตอบได้มากกว่าผม”
“ฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่สนใจด้วย”
หล่อนดึงเอาซองหนาสีน้ำตาลใบเขื่องนั้นมาใกล้ๆ หยิบธนบัตรปึก
หนึ่งออกมา ใบละพันล้วนๆ …และหล่อนก็โยนกลับลงไปตามเดิม แต่ชนิ
ตาเอ่ยท้วงทันที
“เราน่าจะนับ”
“ตรงนี้รึ บ้าซิ ชนิตา…เงินห้าแสน เอาขึ้นมานับประเจิดประเจ้อ”
มณฑลค้าน
“ร้านหรูๆ แบบนี้ ใครจะมาใส่ใจ มุมตรงฉันก็มี…เอามานับนะ
จันทร์”
“กลัวไม่ครบหรือ”
“อาจจะใช่…ไม่ครบข้อแรก ข้อสอง…กลัวว่าจะเป็นแบงก์ปลอม”
“ชนิตา…มากไป”
มณฑลโกรธจนตาพร่าพราย ชนิตากล้าพูดตรงๆ ใส่หน้าเขา หล่อน
เป็นตัวเสือกมากตัวหนึ่ง และหล่อนยืนหยัดข้างเคียงพิมพิกาเสมอมา เขา
มองเลยไปว่าเพราะชนิตานี้แหละเป็นคนหนึ่งคอยยุยงพิมพิกาไม่ให้ยอม
เขา
326/913

“ไม่แน่หรอก เดี๋ยวนี้ไว้ใจคนลำบาก หลายๆ คนทำตัวตามคำเตือน


โบราณเปี๊ยบ ประเภทหน้าเนื้อใจเสือไง…แถวๆ นี้ก็มีสักคน”
เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ และแดงเลยตลอดไปถึงใบหูสองข้างอีกด้วย
“ฉันจะต้องนับ…ดีเหมือนกันที่ตาเตือน…นับและตรวจสอบ”
“งกเหลือเกินนะจันทร์”
“มันเงินฉัน”
“ไม่สปอร์ตเลย” เขาพ้อ “ก็บอกแล้วว่าเอาไปลงทุนการค้าลงทุนน่ะ
พอล้มเหลวต้องยอมรับและทำใจ…คุณกลับไม่ยอม”
“คุณยืมฉันไปลงทุน…เป็นเงินยืมจากฉันไปลงทุนในธุรกิจของคุณ”
พิมพิกาเท้าความให้ฟัง “เข้าใจตามนี้ถึงจะถูกต้อง และเงินจำนวนนี้มัน
มากสำหรับฉัน”
“เขาไม่ได้จ่ายเธอรึจันทร์ เขาออกร่ำรวย”
“เขาไหน…”
“เอาอีกแล้ว ทำหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้อีกแล้วนะ”
มณฑลทำท่าอ่อนใจ แต่ดวงตาเขาวาบด้วยความหมั่นไส้พิมพิกา
เวลาที่คบหาหล่อน…รักกับหล่อนนั้น…เขาต้องสารภาพกับตัวเองในส่วนลึก
ของหัวใจว่าเขาไม่เคยรู้จักตัวตนแท้จริงของหล่อนเลย พิมพิกามีความ
สลับซับซ้อนในตัวเอง และเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเขาเคยหัวปักหัวปำตรงนั้น
327/913

มาแล้ว แล้วลึกๆ ในหัวใจของเขา…มณฑลยอมรับว่าเขากลัวหล่อน


ผู้หญิงแบบพิมพิกามีอิทธิพลมาก หล่อนอาจจะทำให้เขาอยูใ่ ต้อำนาจ และ
ผู้ชายอย่างเขายโสเกินกว่าจะยอมแบบนั้น เพราะเขาถูกเลี้ยงมาโดยกรอกหู
แต่เล็กๆ ว่าผู้ชายคือเพศทียิ่งใหญ่
และผู้ชายควรจะเป็นผู้นำ…เป็นผู้ถูกต้องเสมอ…
คนผิดคือผู้หญิง…
และเขาก็นึกถึงฤทธาครั้งล่าสุดของพิมพิกาก็วันที่หล่อนไปอาละวาด
กลางงานของเขากับบุษยา หล่อนหยาบคายร้ายกาจและหล่อนก่อความ
อับอายให้เขาล้นเหลือ ตกมาถึงวันนี้ เขายังแตะต้องหล่อนไม่ได้…หล่อนยัง
ลอยนวลทิ่มแทงเขา
“ก็นายศศิน…”
“พูดดีๆ นะ อย่าปากหมา”
“จันทร์…” เขาหรี่ตาลง “หากผมเป็นหมา…แล้วตามตื๊อผม
ทำไม…หรือเสียดายหมา…ที่มันไม่ยอมเอาคุณ”
ต๊าย…ชนิตาร้องในใจ ตาค้าง มณฑลหยาบคายมาก เขาไม่ควรพูด
ขนาดนั้น และเพราะหล่อนรู้จักเพื่อนตัวเองดีพอด้วยชนิตารวบตัวเพื่อนล็
อกอยู่ในสองแขนของตัวเอง ปากของหล่อนเอ่ยตำหนิมณฑล หล่อนมี
ความฉุนเฉียวมากทีเดียว
“ตาบ้า…พูดแบบนั้นอยากตายซิ”
328/913

“ทำไม…จะเอาถึงตายเพราะความจริงหรือ”
“ปล่อยฉันนะตา”
“ไม่คุ้มเลยหากจะฆ่าเขา จันทร์…ตั้งสติก่อน เขายั่วแกเล่นตะหาก”
“จันทร์…ยอมรับความจริงไหม”
“ไอ้สัตว์หมา…แกเป็นหมาจริงๆ ”
พิมพิกาแว้ด เสียงหล่อนเบาที่ไหนกัน เขาหน้าม้าน…และคนพลอย
ม้านอีกคนก็คือชนิตานั่นเอง เพราะมีคนหันมามองแม้ว่าในที่นี้จะปะปน
ด้วยชาวต่างชาติหลายคนนักก็ตามที แต่ก็ยังมีคนไทย…แน่ละว่าสามารถ
รับฟังภาษาไทยที่พิมพิกาบริภาษออกมาได้เข้าใจลึกซึ้ง
“และฉันเสียดาย…ฉันโง่เอง…ใช่…ฉันเคยรัก…แต่มันหมดไป
แล้ว…เข้าใจไหม” หล่อนแทบจะตะโกนใส่หน้า “ที่เหลือระหว่างฉันกับแกก็
คือความแค้น และยางอายบนหน้าฉันทีแ่ กรีดเอาออกไป ทำให้หน้าฉัน
หนาขึ้น มันเป็นความผิดของแก…และแกจะต้องชดใช้ความเสียหายนี้ให้
กับฉันด้วย…เข้าใจไหม” หล่อนประกาศเจตนาตัวเอง “ฉันหมดรัก…ขอให้
รู้…ตา…เราไม่ต้องนับเงินอีกแล้วไม่จำเป็น…ฉันว่าเราควรจะไปให้พ้นจาก
ตัวเสนียดนี่ไวๆ ”
หล่อนลุกขึ้น ชนิตายังประคองโอบเพื่อนสาวไว้ อีกมือฉวยถุงสีน้ำ
ตาลขึ้นแนบอก
329/913

ทิ้งมณฑลเอาไว้กับความหน้าแตกออกเป็นหลายเสี้ยวส่วนตรงนี้ เขา
กล้ำกลืนทนนั่งอีกประมาณห้านาที แล้วเรียกพนักงานมาเช็คบิล ตอนเดิน
ออกจากที่นี่กับสายตาเหลือบแลมองมา เขารู้สึกเหมือนเนื้อตัวของเขาจะ
ร้อนผ่าว ขุมขนในร่างกายของเขาจะเบ่งบานขยายออกอีกหลายเท่าเลย
ทีเดียว
“นังจันทร์…นังตัวแสบ…เพราะแกคนเดียว..เพราะแก…อีเวร
ตะไล…ร้ายกาจยังกะนางแม่มด”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พรรณรายตาโต เงิน…เงินเทลงจากถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือของ
ชนิตา แล้วน้องสาวหล่อนกอบขึ้นมาโปรย พิมพิกาเปล่งเสียงหัวเราะ
“ตอนนี้จันทร์รวยแล้ว พี่พรรณ”
“เงินอะไร…เธอถูกล็อตเตอรี่หรือ
หล่อนค้อนพี่สาววงใหญ่
“จันทร์ไม่เคยเสี่ยงโชคแบบนั้น”
“แล้วมาจากไหน…เงินรางวัลเล่นเกมตามทีวีหรือเปล่า”
“เงินจันทร์เอง…มณฑลเอามาคืน”
“ไหนว่าเงินเข้ารกเข้าพงไปแล้ว”
“มันสำนึกผิด”
330/913

“รึว่า…เพราะเขา…โอ…เขาเก่งนะจันทร์”
คิ้วเรียวสวยบนหน้าของพิมพิกาขมวดหากัน คำพูดของพรรณรายก่อ
ให้เกิดความสงสัยใหญ่หลวง และเชื่อมโยงกับคำบอกกล่าวแกมเยาะของ
มณฑลได้อีกด้วย
“ศศินใช่ไหม พี่พรรณ พี่กำลังพูดถึงเขา?”
“ใช่ เขาเก่งมาก”
“เขาทำอะไร…แล้วทำไมพี่พรรณรู้…จันทร์ไม่รู้”
“เขาบอกว่าเขาสงสารจันทร์ เงินไม่น้อย…เขาจะเอาคืนมาให้”
“แล้วจันทร์จะต้องกราบเท้าเขาไหมคะ” พิมพิกาถามแกมประชด
“แล้วบอกว่าขอบพระคุณเหลือเกินเจ้าค่ะที่ช่วยเหลือ”
“ทำไม่ได้อย่าพูดน่า เหม็นลมปากเปล่าๆ ” ชนิตาร้องขัด “แล้วหาก
แกทำได้ ฉันจะเรียกพีด่ นุมาตั้งกล้องจับภาพของแกคนอย่างแก…นอกจาก
พ่อกับแม่ตัวเองแล้วแกจะกราบใครได้อีกหรือ”
ความประการนี้ล่วงรู้ได้เพราะอาศัยว่าคบหากันมานาน…รู้จิตใจกัน
เป็นอย่างดีนั่นเอง พิมพิกาเป็นคนมีความทระนงตัวเองและยังมีอัตตาใน
ตัวเองแก่กล้า ทิฐิก็มากมาย หล่อนอาจจะพูดได้หลายอย่าง แต่พูดโดย
อารมณ์เสียดสีประชดประชันเสียมากกว่าจะพูดเพราะหล่อนสามารถทำได้
“เขาดีจริงๆ นะ”
331/913

พรรณรายยังชื่นชมเขาต่อ แต่พิมพิกาไม่...เจตนาและความหวังดีของ
เขาอาจจะมีการแอบแฝง
เขาอาจทำเพื่อญาติของเขาคนนั้น…
หล่อนไม่เคยคิดอยากได้มณฑลคืนมาอีกแล้ว แต่หากเขาจะอยูเ่ ย็น
เป็นสุขเกินไป เขาก็จะสุขสบายเกินไป…และหล่อนยอมไม่ได้ หล่อน
เจ็บ…เขาจะลอยนวล มันไม่คุ้มกันเลย
หล่อนให้ชนิตานับเงิน ตัวเองโลดแล่นไปหาเครื่องโทรศัพท์ และ
หล่อนโทร.หาบุษยา
ทั้งพรรณรายและชนิตามองสบตากัน
เพราะพิมพิกาไม่น่าจะทำแบบนั้น
หล่อนขอพูดกับบุษยา และหล่อนบอกกล่าวไปตามสายด้วยน้ำเสียง
อันอ่อนหวานมากนักหนา
“บุษยาหรือ…ฉันพิมพิกา…มณฑลผัวคุณเพิ่งเอาเงินห้าแสนมาคืนฉัน
เขาถอนขนหน้าแข้งคุณมากี่เส้นล่ะ….ระวังหน่อยนะ…ฉันเตือนเพราะคิดว่า
คุณคงจะมีขนหน้าแข้งพอให้เขาถอน”
พอหล่อนหันกลับมา ดวงตาสองคู่ไม่มีคู่ไหนบอกความชื่นชมยินดี
ในสิ่งทีห่ ล่อนกระทำลงไปเลย พิมพิกายักไหล่เล็กน้อยหล่อนทำท่าไม่
แยแส…ปราศจากความหวาดวิตก
“จันทร์…ไม่น่าระราน”
332/913

“ระราน?…หรือคะ..จันทร์น่ะนะคะระราน”
“สิ่งที่เธอทำลงไป…เรียกว่าแบบนั้น”
“ไม่รู้ จันทร์ไม่เคยเก่งภาษาไทย”
“ต๊าย…ยายจันทร์ หากไม่ใช่น้อง แต่เป็นลูกสาวพี่นะ เธอโดนซัด
แน่ๆ ”
แต่ชนิตาหมั่นไส้เพื่อนของตัวมากไปกว่านั้น
“ซัดไม่พอหรอกค่ะพี่พรรณ อย่างนังนี่ต้องกระทืบจมธรณี”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขาเจอบุษยากำลังโศก พอเขาเดินเข้าไปถาม หล่อนก็เอามือปาด
ดวงตาตัวเอง
“นุ่นร้องไห้ทำไม…”
เขาใจแวบไปถึงมณฑลก่อนอื่น อาจจะไม่ทันไร…หมอนั่นก็ออกลาย
ซะกระมัง
เขาแตะบ่าหล่อน บุษยาก็โถมกายเข้ามาหา กอดเขาไว้…
28

ความรักของเธอนั้น เขายอมรับว่าตัวเองเกิดความหวาดกลัว
เพราะมันมีผลกับเขามากโขทีเดียว เพราะเขาเป็นคนรักแม่ แต่กระนั้น
เขาอยากจะเลือกตามใจตัวเขาเอง…เขารู้ว่าเขานั้นเป็นคนที่ยากจะห้าม
ได้ เขาเชื่อฟังเสียงบอกจากหัวใจตัวเองมากกว่าเป็นไหนๆ การทีเ่ ขา
หักใจจากบุษยาไม่ใช่เพราะแม่ แต่เพราะศศินมาคิดทบทวนว่าตัวเขา
นั้นรู้การควรไม่ควรเพราะความเป็นญาติต่อกันนั่นเอง เขาหักใจจาก
เพราะเหตุนั้นและตอนนี้เพราะเขาพบเจอพิมพิกาอีกด้วย เขา
ประทับใจหล่อนมากกว่าเคยมีต่อบุษยาหลายเท่าตัว
เขาทำให้คุณผ่องพรรณคลายใจลงไปบ้างเหมือนกัน
อย่างน้อยเธอบอกตัวเองว่าเพราะเขารับปากเธอแล้ว…ลูกชายของเธอ
นั้นมีดีตรงที่คำไหนคำนั้นเสมอ หากศศินไม่รับคำซิ…ค่อยน่าเป็นห่วง แต่
เพราะเขารับคำ เธอสามารถวางใจว่าจะไม่ไปวอแวกับบุษยาเป็นอันขาด
เหลือน่าวิตกรายเดียวคือพิมพิกาเท่านั้น
คุณผ่องพรรณแคลงใจตรงว่าพิมพิกาอาจจะมี ‘อดีต’ และตรงนั้น
อาจจะไม่งดงามนักอีกด้วย เธอเชื่อของเธอเองว่าพิมพิกาอาจจะเคยเป็น
334/913

ของมณฑลไปแล้ว ในความคิดของเธอนั้น ผู้หญิงควรจะรักษาพรหมจรรย์


จนกว่าจะได้มอบให้ชายที่แต่งงานด้วยเธอเองเป็นแบบนั้น มีบรรทัดฐานให้
ตัวเองมาแบบนั้น เธอประเมินหญิงอื่นด้วยมาตรฐานนี้เช่นกัน ดังนั้นเธอ
จึงไม่อาจจะวางใจในตัวของพิมพิกา
เธอมีลูกชายคนเดียวอีกด้วย…
เธออยากจะปลูกฝังเขาให้งดงามตามเจตนาของเธอ
เลือกหาสาวดีๆ ให้กับเขา…สเป็คของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างสูง
และเธอพยายามมองหา พยายามเลือกเฟ้นมาให้เขา เว้นแต่เขาเองก็
ค่อนข้างดื้อ ชายหนุ่มจะหัวเราะขบขันเสมอและสัพยอกเธอบ่อยๆ อีก
ด้วยว่าเธออาจจะเหนื่อยเปล่าไปเท่านั้น เพราะเขาเองแน่ใจว่าตัวสามารถ
พอจะมองหาด้วยตัวเอง
เขาไม่อยากรบกวนใคร…ชายหนุ่มมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าหากเขาจะ
ต้องมีชีวิตคู่ เขาอยากมองหาหญิงสาวคนนั้นด้วยตัวเองคนเรานั้นไม่มีใคร
ทำนายอนาคตได้…ไม่มีใครหยั่งรู้ภายภาคหน้า…เขาเองไม่อยากคิดว่าตัว
เขาจะโชคดี…บางคนโชคร้าย เขาเองอาจจะเป็นแบบหลัง…และเขาคิดว่า
ตรงนั้นคือการเสี่ยง เพราะฉะนั้นเขาอยากเลือกหาเอง เผื่อว่าหากเขา
ล้มเหลว เขาจะไม่โวยวายโทษใครนอกจากตัวเองเท่านั้น
แต่แม่ของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ยอมเข้าใจตรงนี้สักเท่าใดความ
พยายามของเธอไม่เคยหมดไป
335/913

แต่เขาเลือกแล้ว…เขาเจอแล้ว…เขาปรารถนาในตัวพิมพิกา
อีกทั้งเขาไม่แคร์ด้วยว่าหล่อนจะมีอดีตหรือไม่ แม้เขาเองจะมั่นใจว่า
หล่อนไม่เคยผ่านมือมณฑลมาก่อนเลยก็ตามที หากเขารัก…เขาไม่สนใจ
อดีตของใครคนนั้น…ไม่อย่างเด็ดขาด
เขารักหล่อน ความปรารถนานั้นท่วมท้นตามเวลาที่ล่วงผ่าน
ศศินถามตัวเองเหมือนกันว่ากระไรเลยคนเราจะสามารถรักใครได้รุนแรง
เยี่ยงทีเ่ ขากกำลังเป็นอยูท่ ีเดียวหรือ และตอนนี้นอกเหนือจากการงาน
นอกเหนือจากภารกิจประจำวันแล้ว เขากล้าจะบอกตัวเองอย่างไม่อายว่า
เขามีพิมพิกาให้จดจ่อคำนึงถึง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เงินห้าแสนนั้นถูกนำเข้าธนาคาร ชนิตาคนคำนวณเงินเก่ง คิด
ดอกเบี้ยอย่างคล่องแคล่ว เสียงแจ๋วๆ
“จันทร์เอ๊ย…ถ้าแกฝากประจำแบบไม่ถอนเลยสักสิบปี แกจะมีเงิน
เพิ่มเกือบเท่าตัว”
“ก็เป็นเงินล้านน่ะซิ”
“ใช่ แล้วแกจะรวย!”
“สิบปีหรือ…เงินล้านนะ จะรวย” พิมพิกาเบะปาก “ฝันไปมาก
เกิน…เงินล้านอีกสิบปีอาจจะเหลือมูลค่าแค่แสน”
336/913

“แกอย่ามองโลกในแง่ร้ายนักซิ มองในแง่ดีๆ บ้าง” ชนิตาเตือน “ฉัน


เข้าใจว่าใครๆ อยากจะรวย”
“ใช่”
“เหลือทางนึง…”
“ทางไหน?”
“หาผัวรวย” พูดแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะขันๆ “แต่ต้องหาความสามารถ
ทางนั้นก่อนนะ...ทางหาผู้ชายรวยๆ …ทางทำให้เขามารักมาไยดี…อย่างฉัน
อาจจะไม่มีวาสนา…แต่อย่างแกนะจันทร์...หากแกฉลาด…เออ…ตอนนี้แก
เลิกโง่แล้วใช่ไหม”
“คงไม่มั้ง เพราะปกติฉันไม่เคยเป็นคนฉลาดเลย”
หล่อนอาดูรเสมอ เพราะค่าความโง่กับมณฑลมันแพง…แม้จะไม่มี
รายการเสียตัว แต่การเสียความรู้สึก…เสียเวลา…พิมพิกาก็ประเมินค่าตรง
นั้นค่อนข้างสูง
หล่อนสูญเสียไปมาก การเสียรู้คน…การถูกหลอก…ถูก
หัวเราะเยาะ…และสุดท้ายคือความพ่ายแพ้…สำหรับหล่อน มันเลวร้ายมาก
ทีเดียว
พิมพิกากล้ำกลืนความโศก และชนิตาก็สามารถเข้าใจได้
ชนิตาปลอบโยนเพื่อนอย่างนุ่มนวล
337/913

“ทุกคนแหละเจอพายุร้ายเสมอ และพอลมแรงเบื้องบนพัดเอาพายุ
ผ่านเลยไป ท้องฟ้าจะแจ่มใสและจะเป็นวันของแกละ”
“แกเชื่อแบบนั้นรึตา”
“ฉันเชื่อเสมอ”
คำตอบของชนิตามากไปด้วยความจริงจัง หล่อนจับมือเพื่อนบีบแร
งๆ
“ขอเพียงแต่อย่าท้อแท้ ทอดตัวลงกลางพายุร้าย!”
“บอกไม่ได้หรอก มันอยู่กับโชค”
“ฉันว่าแกโชคดีแล้ว”
“ฉันยังมองไม่เห็น แกตาทิพย์เหรอ”
“แกกำลังมีโอกาสเลือกนะ…จันทร์”
“โอกาสเลือก?…ฉันงง”
“แกมีผู้ชายสองคนตอนนี้”
“แกหมายถึงคุณศศินกับคุณวิษณุ”
“เงินล้านไม่ไกลเกินเอื้อมนะจันทร์”
“แต่…”
“หากมันเป็นโอกาสของแก…อย่าโง่…”
338/913

“ฉัน…”
หล่อนลังเล ผู้ชายสองคน…โดยใจของหล่อนไม่ได้ปรารถนาเลย
อย่างนั้นหรือ และหล่อนไม่รู้ว่าเกมเดิมพันของวิษณุนั้นรุนแรงมาก เขาจะ
ยอมแพ้ศศินไม่ได้ เขาพยายามพาตัวเดินทางเข้าหาพิมพิกา แต่โอกาสของ
เขาไม่ได้ดีนัก นอกเสียจากเขาไหว้วานผ่านชนิตา…
ดังนั้น ชนิตาจึงเจอว่าวิษณุเรียกหล่อนเข้าพบด้วยท่าทีแปลกๆ ไป
หล่อนยังอดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขาสติสมบูรณ์ดีแค่ใหนเขาอาจจะสติ
เสื่อม…เขาอาจจะแกล้งทำดีกับหล่อน…รอยยิ้มของเขาทำให้ชนิตาครางใน
อก
…อีตานีย่ ิ้มให้เรา โลกคงจะแตก หรือเพราะอีตานี่อารมณ์ดดี ้วย
น้ำมันถึงท่วมเข้าไปค่อนประเทศแล้ว…
ชนิตามองรอยยิ้มและท่าทีของเขาแบบเป็นลางบอกเหตุอาเพศร้าย
และหากหล่อนพูดออกมาดังๆ วิษณุคงจะโดดเตะก้านคอหล่อน ชนิตา
จับตามองเขา หล่อนยังไม่พูดอะไรเลยนอกจากเขามายืนเสงี่ยม เมื่อเขา
ทำท่าแปลกๆ มา หล่อนก็เสงี่ยมได้เหมือนกัน ท่าทีแบบนี้น้อยมาก ท่า
เสงี่ยมที่หล่อนเป็นคือท่ายืนเอามือประสานกัน ไหล่ไม่ถึงกับเหยียดตรงดัง
เคยๆ
…วันนี้ดีแฮะ…
339/913

เพราะเขาชิงชังท่าทียโสจองหองของชนิตา ผู้หญิงคนอื่นในออฟฟิศ
มองเขาเหมือนเทวดา
ชนิตาไม่ยอมทำแบบนั้นกับเขา…และหล่อนถือดี…ประการสำคัญก็คือ
หล่อนมีดีจริงๆ เสียด้วย
“นั่งซิ”
“ค่ะ ขอบคุณ”
หรือหากเขาแกล้งทำดี…หล่อนจะยอมดีกับเขา
หรือหล่อนจะเหมือนโคนันทวิศาล…โธ่เอ๊ย…วิษณุร้องในใจหาก
แม่คุณชอบความหวาน เขาจะเอามันติดปลายลิ้นหลอกล่อหล่อนก่อนจะ
เตะหล่อนกระเด็น
“ผมอยากเจอเพื่อนคุณ”
…อ้อ จะหลีเพื่อนฉันเลยทำดี…
“นัดให้ผมได้ไหม”
“ค่ะ”
“แปลว่าได้?”
“ค่ะ หากจันทร์ว่าง”
“ขอบใจ”
“คุณชอบจันทร์?”
340/913

“รังเกียจไหม”
“ไม่…แต่ว่าคุณแน่ใจ?”
“ผมจะต้องเอาหัวใจวางแผ่หรือ”
“เพื่อนฉันมีภาพพจน์ผู้ชายไม่ดีนัก”
“หากคุณจะช่วย…”
“ฉันช่วย?…ฉันหรือคะ”
“ใช่…คุณช่วยได้”
จากเธอเป็นคุณ…เพราะเขาต้องการหวังผล…
หล่อนยิ้มเย็นๆ …เพราะว่าหล่อนรู้ทันเขาเสียแล้ว พิมพิกามี
เสน่ห์…และจะว่ากันตามจริง…หล่อนสวย…ไม่แปลกหากเขาจะพอใจแต่ว่า
เขาครองตัวมานาน หล่อนเคยสงสัยเขาจะเป็นเกย์ คิดว่าเขาจะ ‘ฟัน’ เปรม
ไปแล้วด้วยซ้ำ จนกระทั่งเปรมยืนยัน และเขามาสนใจพิมพิกาแทน เพื่อน
หล่อนอาจจะได้ดี…เพราะวิษณุเป็นลูกคนเดียว ตัวเขามีการศึกษา มี
การงานมั่นคง ฐานะไม่ต้องพูดถึงและคุณหญิงเพลินเป็นผู้หญิงใจกว้าง
หล่อนมั่นใจว่าคุณหญิงเพลินจะเป็นแม่ผัวที่ดีอีกด้วย
พิมพิกาไม่น่าจะผิดหวังนักหรอก
พิมพิกากำลังมีโชคมาเกย…
ผู้ชายสองคน…และวิษณุกำลังมาทางหล่อน
341/913

เขาตามหาแห่งหนจะไปพบพิมพิกา…ชนิตายอมบอก และหล่อนยกหู
บอกพิมพิกาด้วย
“เขาอยากเจอแกนะ แกรอรับเขาไว้ได้เลย”
“แกจะเป็นแม่สื่อรึ”
“ก็น่าลอง”
“แกไม่เคยชอบเขา ไม่ถูกกับเขา”
“ฉันว่าเขาเหมาะกับแกเหมือนกัน”
แต่พิมพิกาแคลงใจ หรือชนิตาจะกันหล่อนทางวิษณุ…เพื่อ
ว่า…เพื่อ…ชนิตากับศศิน…แต่หล่อนต้องขับไล่ความคิดดังว่านี้ออกไปหล่อน
ตำหนิตัวเองในนาทีหลังจากคิดแบบนั้นแล้ว
…เราจะบ้าหรือ เพื่อนเราแท้ๆ คบกันมาตั้งนาน…
หล่อนละอายใจ หล่อนมองเพื่อนไม่ดีเลย หล่อนน่าจะคิดเสียก่อน
“จันทร์…ลองพิจารณาเมื่อโอกาสมาหา แกคงจะฉลาด”
“ไม่แน่หรอก หลายหนฉันคือผู้หญิงธรรมดาๆ ติดจะโง่”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขาแวะมาถึงบ้าน และพรรณรายเชียร์เขาจนออกนอกหน้า
หล่อนปรุงอาหารเพื่อเขา ท่าทีของพี่สาวระคายตาของพิมพิกาเป็น
นักหนา หล่อนมองว่าหากพรรณรายยังโสด มันน่า…น่าจะเชียร์ศศินให้
342/913

หล่อนเดินผ่านเข้ามาตอนศศินมาถึงก่อนหน้าแล้ว เขายิ้มกว้างรอ
รับ…หล่อนก็มองเมินไป
หล่อนมองเขาเสียที่ไหน…แถมยังเหน็บเอาอีกด้วย
“จอดรถขวางบ้าน ถือว่ารถใหญ่”
“หรือฮะ ผมขวางทางเข้าคุณหรือ ผมว่าจอดดีแล้วนะ”
“รถใหญ่ มันเกะกะ…” หล่อนเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ
“ลูกตา…”
“ตายจริงยายจันทร์” พรรณรายร้องออกมา “เธอพูดอะไร”
“ความจริงค่ะ”
“พาล…เธอน่ะร้ายนัก…ไปล้างมือมาทานข้าว”
“ทำอะไรคะ”
“แกงเขียวหวาน…ผมชอบ”
“อะไรนะ”
“ผมซื้อของมา…คุณพรรณทำกับข้าวอร่อย”
“เออ…ดีนี่…อยากกินหิ้วมา…พี่สาวฉันกลายเป็นแม่ครัว”
“ไม่เหนื่อยหรอก…เล็กๆ น้อยๆ ”
343/913

เพราะพรรณรายมองเห็นเขาดีกับพิมพิกา หล่อนมีน้องคน
เดียว…ก่อนพ่อแม่จะลาลับ…เฝ้าย้ำนักหนาว่าห่วงใยพิมพิกา…ฝากแล้วฝาก
อีก…และหล่อนคิดว่าจะต้องประคองส่งจนกว่าพิมพิกาจะถึงมือของชายสัก
คน…มือนั้นควรจะแข็งแรง…มือนั้นควรจะได้ทะนุถนอมประคองพิมพิกาได้
จริงๆ สามีของหล่อนเคยท้วงว่าพิมพิกาคือน้อง…พิมพิกาไม่ใช่ลูก…หล่อน
จะกางปีกปกป้องมากนักไม่งาม…แต่พรรณรายทำใจปล่อยวางไม่ได้
หล่อนพอใจในตัวศศินมาก เขาดี…เขาเหมาะสมกับพิมพิกา
ใครจะว่าหล่อนเชียร์เขา…ลุ้นน้องตัวเอง…หล่อนก็ยอม
หล่อนอยากจะทำงานให้ลุล่วง…งานแม่สื่อ…หล่อนปรารถนาแบบนั้น
หล่อนทำเพราะรักน้อง ปรารถนาดีต่อน้อง หล่อนน่าจะบรรลุเป้าหมาย
อาหารอร่อย…ถูกปากศศินมาก และเขาถามพิมพิกาตรงๆ
“ทำอาหารเป็นไหม”
“ถามทำไม”
“ผมอยากรู้”
“กินเป็น”
“จันทร์…”
พี่สาวท้วง ระอาน้องสาวนัก ขณะเดียวกัน…พิมพิกาก็หมั่นไส้พี่สาว
นักหนา
344/913

“พีพ่ รรณ…อย่าเว่อร์ออกนอกหน้ามากนัก น่าเกลียดตาย…เขาถาม


เพราะเขากำลังประเมินจันทร์”
เขาอมยิ้ม
“รู้หรือฮะ แต่ช่างเถิด…ผมไม่สนว่าคุณจะทำอาหารเป็นหรือไม่เป็น
ผมสนใจแค่ว่าเราเข้ากันได้ไหม”
เขาเกี้ยวพาหล่อนตรงๆ และพิมพิกาก็พูดไม่ออก ท่าทีของเขาตรง
มากเกินไปนั่นเอง
และหล่อนก็จำต้องขอบใจเรื่องเงินห้าแสน
“เขาคืนหรือฮะ”
“เขาว่าคุณขู่เขา”
“เขาควรจะใช้คืน ลูกผู้ชายประเภทไหนฮะ ทำความเดือดร้อนให้
ผู้หญิง”
“ถามหน่อยนะ หากเขาไม่คืน…จะทำอะไรเขา”
“ไม่รซู้ ิ แต่เขาคืนแล้วนี่ฮะ ถือว่าดีแล้ว” เขาตอบหน้าตาเฉย “ผม
ลองขู่เขาไปอย่างนั้นเอง”
“เขาโวกับคุณไหม”
หล่อนมองเฉพาะหน้าเขา เพ่งมองราวกับจะถามว่ามีอะไรที่เขาปกปิด
หล่อนไว้อีก เขามองตอบซื่อๆ
345/913

เขามองหล่อนเหมือนไม่มีอะไรเลย เขาบอกหล่อนว่า
“อย่าใส่ใจคนปากไม่ดี…ผู้ชายส่วนมากราคาคุยสูง คุยโวมากกว่าที่
ตัวเองเคยทำเคยเป็น”
“เขาโว…เรื่องอะไร…บอกมา”
น้ำเสียงหล่อนเกือบเป็นคาดคั้น แต่ศศินวางเฉยเสีย
เขาจะบอกไปไย เพราะหล่อนคงจะโกรธแค้น
“คุณจันทร์…ผมรู้ว่าคำของคนบางคนคือคำโกหกโตๆ อย่าไปสนใจ
เลย เชื่อผมนะฮะ”
29

วิษณุเป็นอีกคนที่มาเยือน พรรณรายถึงกับร้องอุทานในใจ เมื่อ


เขาแนะนำตัวเองตอนลงจากรถยนต์คันหรูที่จอดหน้าบ้าน
“ต๊าย…ดวงยายจันทร์กำลังขึ้น ดาวบุรุษเพศมากันเพียบหรือว่า
เคราะห์ร้ายผ่าน เคราะห์ดีก็มาเกย”
เขาคือเจ้านายของชนิตา…พรรณรายรับรู้…อายุคงต้นสี่สิบ…
เขาทำให้หล่อนแคลงใจว่ารอดมาได้อย่างไร หน้าตาดี…บุคลิกดี
ครองตัวเป็นโสดมาเพราะเหตุใดกัน จะว่ายากไร้ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะรถคัน
โก้ออกปานนั้น เฟอร์นิเจอร์ประดับตัวมองออกว่ามีราคา…และราศี
ก็ดี…อิ่มเอิบ
เขาติดต่อผ่านชนิตามาหรือไร…
แต่พรรณรายเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี หล่อนต้อนรับวิษณุด้วย
กิริยามารยาทอย่างกลางๆ อาจจะน้อยไปหน่อย หากจะเทียบกับที่หล่อน
ต้อนรับต่อศศิน เพราะพรรณรายเอนเอียงทางศศินไปเสียแล้ว พิมพิกา
เคยค่อนเอาว่าหล่อนจะเจรจากับพี่เขยขอให้เขายกเมียให้กับศศินไปเลย
พรรณรายยังขำน้องสาวนักหนา…หล่อนมองว่าน้องสาวตัวเองทำตลก
347/913

“คุณจันทร์กลับเย็นเสมอหรือฮะ”
“แกหมั่นทำโอค่ะ”
“หาเงิน…?”
เขาถามอย่างฉงน หรือว่าพิมพิกายังเป็นคนระดับกลางๆ ยังต้อง
ดิ้นรนสร้างตัวเอง เขาประมาณฐานะของหล่อนด้วยแววตาอันว่องไวและ
ลึกซึ้ง วิษณุเป็นคนมีเงิน และใช้เงินเป็นเสมอ เขาเข้าใจหากเขาจะต้อนรับ
ผู้หญิงสักคนเข้ามุม เงินตราควรจะจ่ายไม่อั้น ธรรมชาติของมนุษย์…ใคร
บ้างไม่ปรารถนาความสะดวกสบาย ทุกคนปรารถนาและพยายามไขว้คว้า
เขาไม่เชื่อว่าพิมพิกาจะหลีกพ้นกฎเกณฑ์อันแสนธรรมดาๆ นี้ไปได้
เว้นแต่ว่าจะมีเจ้าบุญทุ่มมาแข่งกับเขา…จะใครเสียอีก…ก็ศศินโดย
รูปลักษณ์นั้น…เขาไม่สามารถแข่งกับศศินได้เต็มที่ แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิด
การพ่ายแพ้เป็นอันขาด
และเขาไม่รู้ว่าพิมพิกาถูกศศินนัดตัดหน้า ศศินไปรับหญิงสาวถึง
ออฟฟิศ เขาชวนหล่อนไปทานมื้อค่ำ
“คุณพยายามนักนะ”
“รับรู้ใช่ไหมฮะ”
“รับรู้แต่ไม่ใส่ใจ”
“ตรงไปตรงมาเกินไป” เขาบ่นเบาๆ แต่ยังยิ้มละไม “อย่าเล่นตัวนัก
นะฮะ”
348/913

“มันกงการอะไรของคุณด้วยเล่า”
“ผมเคยมีรุ่นพี่ผู้หญิงหลายคน…สวยดี…มีการศึกษา มีหน้าที่ดีๆ แต่
เพราะมัวเล่นตัว…”
เขาเห็นพิมพิกามองเขม็ง หล่อนแทบจะค้อนเขา แต่กิริยาแบบนั้นทำ
ให้เขายิ่งพอใจ ผู้หญิงอย่างหล่อนดูมีจริต ‘อิ่ม’ ทั้งตัวและหล่อนดูยั่วยวน
ทำให้อารมณ์บางประการในกายกำเริบนักหนาหล่อนทำให้เขารู้สึกว่ามี
หนามระคายข้างใน อยากจะถอนออก…อยากจะให้พ้นไป…มันระคายและ
ตามมาด้วยความคัน อยากจะเกาจะทึ้งให้สาสะใจกันไปข้าง และปรารถนา
รุนแรงกระทั่งวาดจินตนาการว่าหากได้เชยชมหล่อน น่าจะสมอภิรมย์หัวใจ
และกำซาบเรือนกายเขานักหนา แต่แค่คิด…เขาไม่กล้ากำเริบหวังมากกว่านี้
หล่อนท่าทางจะ ‘เข็ด’ ท่าทางจะ ‘เบื่อ’ ผู้ชาย…เพราะมณฑลคนเดียว
“ของแพงนะเออ” หล่อนบอกหลังจากมองเมนูอาหาร “ทำให้ฉัน
เคยตัว”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ เพราะมีความสามารถทำให้เคยตัวชั่วชีวิต”
“คุณรวยมากรึ”
“เอาว่าชาตินกี้ ินไม่หมด หากไม่เล่นการพนัน…ไม่ติดยาหรืออบายมุข
ที่จะพาไปสู่ความฉิบหาย”
“แหม…ดีนะ…เกิดมารวย…ญาติสาวของคุณรวยแค่ไหน”
“นุ่นหรือฮะ”
349/913

“ผู้หญิง…หากรวยก็ดี…” พิมพิการำพึง “เพราะความรวยคือเสน่ห์”


หล่อนเริ่มเชื่อเมื่อคราวตัวเองถูกทอดทิ้ง เพราะหล่อนขาดเงิน
“สวยไม่พอแล้ว”
“ผมไม่อยากให้มองโลกแบบนั้น”
“มันไม่ผิดไม่ใช่หรือคะ”
“ความคิดของคนคนเดียวเอง”
“แต่นั่นคือคนโดยทั่วๆ ไป”
เขาไม่อยากให้หล่อนมองโลกในแง่ร้าย เขาไม่ปรารถนาเลย เขามอง
จ้องเข้าไปในดวงตาของหล่อน เอ่ยปลอบขวัญต่อหล่อน
“คนคนเดียว…จะทำให้การมองโลกของคุณผิดไป ควรล่ะหรือฮะ
มันแค่โชคร้ายชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นเอง”
“คุณเรียกมันเป็นโชคร้ายหรือคะ”
“ใช่…แค่นั้น…ชีวิตจะให้ราบเรียบไม่ติดขัด ไม่เจออุปสรรคท้าทาย
เลย ผมว่ามันยากนัก”
“ฉันหมดความเชื่อในตัวคนไปเยอะ”
“เขาน่าจะตายให้สาสมความผิดครั้งนี้”
“แล้วญาติคุณจะเป็นแม่ม่าย…” พิมพิกายิ้มเยาะ “อาจจะตายตามซะ
ก็ได้”
350/913

“ผมคงดีใจ…หากยายนุ่นจะเป็นแม่ม่าย เพราะแกยังมีโอกาสเลือก
ใหม่ ซึ่งอาจจะดีกว่าหมอนี่”
“คุณไม่เห็นด้วยหากเขาจะแต่งงานกัน?”
“ไม่เลย”
“ทำไม…”
“เพราะผมมองเห็นอนาคตยายนุ่น”
“แล้วทำไมไม่ห้าม?”
เขามองหล่อนแล้วทำท่าอ่อนใจ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“โบราณว่าเอาไว้...มีอยู่สามสี่สถานไม่ใช่หรือฮะ พระจะสึก…ผู้หญิง
จะมีผัว…”
“อย่างแรกพอจะเคยได้ยินนะ แต่อย่างหลัง…บ้าซิ…เค้าว่าผู้หญิงจะ
ออกลูก”
“หรือฮะ” เขาแกล้งทำหน้าซื่อๆ แต่ดวงตาวิบวับ
หล่อนต้องหัวเราะตามเขา และภาพที่หล่อนมากับเขา…มานั่งหัวเราะ
ใส่กัน เป็นภาพน่าสนใจ เพราะศศินเป็นหนุ่มโสดของสังคมระดับสูง…มี
คนสนใจเขา…อยากจับตามองว่าเขาควงใคร…จะลงเอยกับใครอยู่แล้ว
พิมพิกาเป็นหญิงสาวสวยแฉล้ม ความสวยของหล่อนน่าสนใจและมีคน
351/913

อยากรู้ประวัติความเป็นมาของหล่อนแต่พลิกเปิดหาไม่เจอจากคลังข้อมูล
ใดๆ เพราะพิมพิกาเป็นเสมือนคนนอก
ตอนเขาพาหล่อนกลับ คนเข้ามาทักถามเขาเกรียวกราว
หล่อนเดินนำไปก่อน ไม่ชอบสายตาที่ตัวเองถูกมอง
และหล่อนเป็นคนขี้โมโห หล่อนอ่านแววตาคนบางคนออกว่าประเมิน
ค่าหล่อนแค่ตุ๊กตา
จะตุ๊กตาอะไรเสียอีก…นอกจากว่าตุ๊กตาประดับบารมีผู้ชาย
เหมือนของเล่นไร้ค่า…และหล่อนไม่ปรารถนาแบบนั้น…
หล่อนเลยเดินหน้าเคร่งไปจนถึงรถยนต์ของเขา ก่อนจะผวาเพราะมี
เสียงถามข้างหลังหล่อน
“ขอโทษค่ะ เราเคยพบกัน?”
พิมพิกาหันหน้ามาช้าๆ
ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ หล่อนยังขมวดคิ้วทำท่างงๆ
“ที่หัวหินค่ะ”
“ค่ะ”
พิมพิกาพึมพำแผ่วๆ เอาไว้ก่อน หล่อนไม่สามารถจะจดจำได้ เพราะ
ตอนไปหัวหิน หล่อนวุ่นวายสองประการด้วยกัน ประการแรกคือเรื่อง
การงาน…เพราะว่างานของหล่อนนั้นเป็นงานทีต่ ้องถ่ายทำใต้น้ำ หล่อน
352/913

เครียด และการถ่ายทำไม่สมบูรณ์นักในหนแรก ต้องถ่ายทำใหม่ และ


ประการทีส่ อง…หล่อนมัวเครียดกับมณฑล หล่อนไม่อาจจะจดจำผู้คนที่
หล่อนพบพาน
และพิมพิกาประหลาดใจตรงที่หล่อนกลายเป็นที่จดจำได้
ผู้หญิงตรงหน้าหล่อนแต่งกายทะมัดทะแมง บุคลิกท่วงท่าน่าจะ
เหมือน…เหมือนคนทำข่าว
“คุณพิมพิกา…”
“ค่ะ”
พิมพิกาบอกตัวเองว่าหล่อนจะทำอะไรได้ดีไปกว่าพยายามยิ้ม
ดวงตาคูน่ ั้นมองหล่อน…ใคร่รู้ สำรวจตรวจตรา หล่อนระงับความ
ฉุนเฉียวเอาไว้ภายใน
แต่ก็ไม่แน่นัก…หล่อนเป็นคนขี้โมโหมาก หล่อนอาจจะระเบิดตูมตาม
ออกมาตอนใดก็ได้ หล่อนมีความสามารถทำแบบนั้นแน่นอน…และหล่อน
ทำได้แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนเด็ดขาด
หล่อนจะทำ…หากหล่อนไม่พอใจ…และการได้ทำจะเป็นความพอใจ
ของหล่อน…
พิมพิกามองดูคนเข้ามาทักทายหล่อน หญิงสาวปิดปากตัวเองเงียบ
เฉยอยู่ หล่อนยังไม่พูดอะไรเลย จะมีอะไรดีไปกว่าการวางเฉย รอดูท่าที
และฟังคำพูดจะมีมาก่อน อย่างน้อยๆ ชื่อของหล่อนก็เป็นที่รู้จักไปเสียแล้ว
353/913

หล่อนไม่อยากจะออกตัวก่อน
“เราเจอกันที่หัวหิน…ในงานสองงาน…”
“หรือคะ”
“คุณคงจะงง”
“ค่ะ”
“ดิฉัน…สายทิพย์ค่ะ…นักข่าว…ดิฉันไปทำงานเปิดตัวโครงการคอนโด
ตากอากาศของคุณวิษณุ”
“อ้อ…”
“ก่อนหน้านั้นสายไปงานฉลองหมั้นของครอบครัว ‘เดชอนันต์’ คืน
นั้นวุ่นวายเล็กน้อย จำได้ใช่ไหมคะ”
เอาละ…พิมพิการ้องในใจ…แน่นอนเสียแล้ว…จะต้องเป็นว่าหล่อนคือ
ตัวอื้อฉาว
“ตอนนี้มีอะไรไหมคะ” พิมพิกาถามเรียบๆ
“เราอยากขอสัมภาษณ์คุณ”
“คงไม่ได้”
“เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นค่ะ”
“ไม่ค่ะ” พิมพิกายืนยัน
354/913

ศศินเดินออกมาพอดี ต่างมองสบตากัน พิมพิกาทำท่าราวกับจะเร่ง


ให้เขาเปิดประตูรถให้กระนั้น…
เขาทำตามแววตาขอร้องของหล่อน ผู้หญิงที่แนะนำตัวเองว่าชื่อสาย
ทิพย์ วิ่งประชิดติดพันกับเขา
“คุณศศินคะ เราจะขอถ่ายรูป”
ชายหนุ่มยิ้มพรายแล้วปฏิเสธนุ่มๆ
“ไม่ฮะ”
แต่แววตาของเขาไม่สอดคล้อง พิมพิกากอดอกมองเขาสักครู่ก่อนจะ
ผลุบเข้ามานั่งในรถ ความรีบร้อนอาจจะทำให้หล่อนหมดท่าทีอันสง่างามไป
บ้าง และก่อนจะดึงประตูปิด หล่อนได้ยินเสียงถามศศินชัดเจนเลยทีเดียว
“ความสัมพันธ์ครั้งนี้จริงจังไหมคะ ผู้หญิงคนนีม้ ีสัมพันธ์กับคู่หมั้น
ของญาติคุณ...กับคุณวิษณุมาก่อนด้วย”
พิมพิกาเอนหลังกระแทกพนักอย่างขุ่นเคืองใจ หล่อนโกรธ…ศักดิ์ศรี
ของหล่อนกำลังถูกหยามอย่างร้ายกาจ มันมากเกินไปสำหรับตัวหล่อน
เพราะพิมพิกาทระนงเสมอมาว่าหล่อนไม่ใช่เครื่องเล่นของชายใด หล่อน
คือผู้หญิงที่พยายามป้องกันเกียรติยศแห่งตัว…หล่อนเกลียดการถูก
หยาม…
และหล่อนก็แหวใส่ศศินตอนเขาเข้ามานั่งในรถแล้วกำลังพารถ
เคลื่อนออกช้าๆ
355/913

“เพราะคุณ…”
“หือ…ว่าไงนะ”
“ฉันป่นปี้หมดแล้ว”
“อะไรป่นปี้”
“ยังมีหน้ามาถาม”
เสียงหล่อนขุ่นห้วนจัด หล่อนอารมณ์เสีย ความละมุนละไมของช่วง
หัวค่ำที่ผ่านมาสูญสลายไปสิ้น หล่อนชิดบานประตูยกมือกอดอก ปกติ
พิมพิกาเป็นคนเจ้าอารมณ์ มากระทบเข้าด้วยแบบนี้หล่อนยิ่งอาการหนัก
ทีเดียว หล่อนสะบัดเสียงใส่เขา แต่เขาอดทน บางทีความพึงพอใจมี
อิทธิพลมากพอจะกลบความรู้สึกอย่างอื่นได้หมด
“ก็ตัวฉัน…ถูกลากไปแพะกับผู้ชายหลายๆ คน”
“ผมยินดีให้แพะ…แต่ผมจะเตะคนอื่นออกหมดนะ” เขาบอกแกม
หัวเราะ
“ไม่ขำ” หล่อนบอกห้วนๆ “ยังจะมาหัวเราะ”
“ผมมีความสุขน่ะ”
“คุณยังปกติดีหรือเปล่า”
“แน่นอน…ผมปกติดี”
“ปกติบ้าอะไร”
356/913

หล่อนแว้ด…น้ำเสียงหล่อนยามนี้มากไปด้วยอารมณ์
ศศินอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นกุศลส่งสร้างแต่ปางบรรพ์เขาเป็นคน
มองโลกในแง่ดกี ว่าหล่อนนั่นเอง เขาเลยมองเรื่องทีห่ ล่อนกระทำด้วยกำลัง
พูดด้วยอารมณ์หรรษา
“ผมพูดจริง ขอยืนยันว่าผมยินดีหากคุณจะถูกจับมาแพะกับผม แต่
หากเป็นผู้ชายคนอื่นมาละก็ ผมไม่ยอมนะ”
“ทำไมฉันจะต้องถูกลากลงมา”
หล่อนไม่ฟังเขา รำพึงรำพันของตัวเอง
“พวกคุณก่อความเดือดร้อนให้กับฉัน”
“หากทำให้คุณเสียหาย…ผมมีข้อเสนอ”
“ข้อเสนอแบบไหน”
“ผมจริงใจนะ”
“แล้วไง”
“ผมรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งปวง”
“เสนอตัวเองว่างั้นเถิด”
“คุณเข้าใจง่ายดี”
“จะชมว่าฉันใจง่ายหรือเปล่า”
357/913

“ทำไมคิดมาก”
“ฉันจำเป็นต้องคิด”
“คนคิดมาก คิดหยุมหยิม…วิตกจริต…โอกาสเสี่ยงกับการบ้าน่ะมีถึง
เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์”
“ช่างฉัน”
“ผมเก๊าะเสียดายแย่…หากคุณบ้า…รับข้อเสนอของผมไหม”
“ไม่…”
“หากคุณเสียหาย เรามาแต่งงานกัน”
“คุณนั่นแหละจะต้องบ้า” พิมพิกาแหว “มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะมา
ยัดเยียดตัวเองกับการแต่งงาน…ง่ายเกินไป…อย่ามามั่วนะ…ฉัน
เสียหาย…ฉันเดือดร้อนพอแล้ว…ธุระจะต้องหาห่วงมาผูกคอเพิ่มเติม”
30

“ถึงเวลาเลือกได้แล้วหรือยังจ๊ะน้องพี่”
คำถามของพรรณรายทำให้พิมพิกาค่อนข้างตกใจ หล่อนรีบปฏิเสธ
ด้วยการส่ายหน้าทันที เพราะปากของหล่อนกำลังเต็มไปด้วย
ขนมปัง…อาหารเช้าก่อนแยกย้ายกันออกจากบ้าน แล้วพอรีบกลืนลงคอไป
แล้ว พิมพิกาก็มคี ำตอบจะให้ หล่อนตอบเหมือนนก…คือท่องจำ
ประโยคปฏิเสธเอาไว้ขึ้นใจแล้ว
“ไม่เลือกอีกแล้ว หากพี่พรรณหมายถึงการเลือกคู่ จันทร์ปิดประตู
ตายตรงนั้นมานาน…ตั้งแต่จันทร์รู้ว่าตัวเองถูกหลอก”
“ชายหนุ่มสองคน…น่าสนใจทั้งคู่”
หล่อนมองพี่สาวขวางๆ รู้เต็มอกว่าพรรณรายพยายามอย่างยิ่งจะ
ปลูกฝังหล่อนให้เข้าสู่การเป็นครอบครัวที่มั่นคง เพราะพรรณรายประสบ
ความสำเร็จในการใช้ชีวิตคู่ อย่างน้อยในระดับหนึ่งของการแต่งงาน หลาย
ปีล่วงผ่านแม้จะแยกกันอยู่ แต่ต่างคนยึดเอาความซื่อสัตย์ต่อกันเป็นที่ตั้ง
เพราะฉะนั้น มันจึงราบรื่น…พรรณรายวางใจว่าสามีจะไม่วอแวออกไปหา
หญิงอื่น
359/913

…เขาเป็นคนดี พี่นับถือเขา ไม่ต้องคอยระวัง แล้วพี่ถือว่าให้เกียรติ


เขาด้วย พี่ถึงไม่ตามไปจุกจิกกับเขามากนัก…
หล่อนไม่เคยตามสามีไปประกาศตัวเป็นคุณนายของเขา…หล่อนวาง
ตัวในกรอบในกฎเกณฑ์พอประมาณ…และหล่อนอยูก่ รุงเทพฯ ทำงานเลี้ยง
ลูก…แถมด้วยน้องสาวอีกคน สามีของหล่อนเคยกระเซ้าว่าพรรณรายคนนี้
เลี้ยงน้องไม่ต่างจากเลี้ยงลูก พรรณรายยอมรับความจริง เพราะหล่อน
ปรารถนาดีต่อพิมพิกา เมื่อวัยเยาว์มีพ่อแม่ดูแล…พี่น้องรักใคร่กลมเกลียว
ปรึกษาหารือกันได้ มีเพื่อนฝูงดีๆ แต่เท่านั้นไม่เคยพอ…มากไปกว่านั้นของ
ชีวิตมนุษย์ทุกคนปรารถนาเพื่อนรู้ใจของตัวเอง…อย่างคู่ชีวิต…หล่อนพบ
เจอแล้วหล่อนปรารถนาให้พิมพิกาเจอแบบนั้นบ้าง
พิมพิกาอาจจะเคยผ่านความเจ็บปวดรวดร้าวมาแล้ว…แต่นั่นคือ
บทเรียน…แต่ไม่น่าจะยึดเอาเป็นบทสรุป และบอกตัวเองว่าพอแล้วทีต่ รง
นั้น…
มีผู้ชายผ่านเข้ามาอีกสองคน พรรณรายรับรู้ด้วยความพอใจระดับ
หนึ่ง พวกเขาสองคนทำตัวดี พากันเข้ามานุ่มนวลและเปิดเผยท่าทีตัวเอง
ต่อพิมพิกา…น่าพอใจตรงนี้นั่นเอง
แต่พิมพิกายังวางเฉยอยู่ น้องสาวของหล่อนทำท่าเข็ดหลาบกับผู้ชาย
คนเดิมจนเอานายคนนั้นมาประเมินคนที่พร้อมจะเข้ามาพิสูจน์หัวใจรักของ
ตัวเอง
“จันทร์จะอยู่เป็นโสดค่ะ”
360/913

“จันทร์…พี่คงห่วงเธอแย่…ชีวิตโสดน่ะทรมานนะ”
“อะไรทรมานคะ”
พิมพิกาแสดงความฉงนออกมา เพราะหล่อนคิดว่าตัวเองกำลัง
เตรียมพร้อมไว้แล้ว ผู้ชายทำให้หล่อนกลัว…มณฑลคือความเลวร้ายของ
มนุษย์ที่เรียกว่าผู้ชาย…กับการหลอกลวงสับปลับของเขานั่นเองที่ทำให้
หล่อนไม่อาจจะวางเฉยได้ หล่อนประเมินชายทุกคนไม่แตกต่างไปจากนั้น
และหล่อนกำลังมองว่า…ทั้งวิษณุทั้งศศินมีพฤติกรรมไม่แตกต่างกันเลย
พวกเขาเป็นผู้ชายกระหายอยากได้ตัวหล่อนออกนอกหน้าไปหน่อย
พวกเขาทั้งสองคนไม่อาจจะทำให้หล่อนมีความเชื่อว่าจะมาประทับใจหล่อน
มากมายขนาดนั้น
มันง่ายดายเกินไป และหล่อนมีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังเล่นเกม
บางอย่างกับหล่อนมากกว่า
มันทำให้หล่อนเกิดความกังวลหัวใจ และไม่อาจจะแน่ใจว่าพวกเขา
จะมาดี
“จันทร์…เธอจะเอาหมอนั่นมาทำร้ายตัวเธอเองไม่ได้นะ”
“จันทร์เปล่าทำแบบนั้น”
“เธอกำลังทำ”
“เปล่าค่ะ”
“ยังจะมาโกหก”
361/913

“จันทร์เพียงแต่อยากยืนยันความตั้งใจ”
“ที่จะอยู่เป็นโสด?”
“ค่ะ”
“มันเพิ่งเริ่มนะจันทร์”
“พี่พรรณหมายความว่าไงคะ”
“แค่ว่าเธอเพิ่งมีความคิดแบบนี้ตอนมณฑลทำร้ายเธอเท่านั้นเอง”
“ไม่จริงค่ะ จันทร์คิดมานานแล้ว”
“มองตาพี่ซิจันทร์”
“ตลกค่ะ” พิมพิกาหัวเราะ “พี่พรรณกำลังมาคาดคั้นจันทร์นะคะ
จันทร์ว่าจะยกสองคนนั่นให้พี่พรรณไปเลย”
“เธอกำลังเกเรอีกแล้ว”
“อย่าเชียร์พวกเขาซิคะ”
“หน่วยก้านดีๆ พี่อยากได้มาเป็นน้องเขย”
“ตายละ…ขายจันทร์ไปเท่าไหร่แล้ว”
พิมพิการ้อง ตวัดตามองพี่สาวค้อนๆ
“จันทร์ขอยืนยัน”
362/913

“คุณศศินหนุ่มกว่า…” พรรณรายเริ่มต้นรำพึง “หน้าตาดีกว่า แต่


ความสุขุมลึกซึ้งของชีวิตตามประสบการณ์อาจจะสู้กับคุณวิษณุไม่ได้ เธอ
ชอบแบบไหนนะจันทร์…หากเราจะเอาผู้ชายไปเปรียบเป็นเหล้า…”
“ผ่านค่ะ”
“ยายจันทร์…”
“จันทร์ไปทำงานดีกว่าค่ะ เชิญพี่พรรณเพ้อไปคนเดียวแล้วกัน”
พิมพิกาซับริมฝีปากตัวเอง ลุกไปดูความเรียบร้อยตัวเองจาก
กระจกเงา แล้วคว้ากระเป๋าถือออกจากบ้านไป
แต่ก็ติดค้างในใจตัวหล่อนเกือบจะทั้งวัน ยิ่งสองหนุ่มผลัดกัน
โทร.เข้าหาหล่อน ทำให้พิมพิกาถูกเพื่อนร่วมงานล้อเลียน
“นึกว่าจะแต่งกับเครื่องคอมฯนะจันทร์”
“เพื่อนเท่านั้น”
“มากันติดๆ …หรือจะไม่เกินสิ้นปีนี้”
“เกินน่า…ต้องเกิน”
หล่อนบอกย้ำ และเหมือนบอกตัวเองเสียมากกว่า ปกติงานของ
หล่อนแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับใคร พิมพิกาทำงานหน้าเครื่อง…หล่อนไม่มี
ความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ เพื่อนร่วมงานที่นี่แค่เพื่อนพูดคุยบาง
363/913

เรื่อง เพื่อนกินข้าวกลางวัน เพื่อนช็อปปิ้งบ้างบางหนในยามเลิกงาน แต่


เรื่องส่วนตัวความเป็นมาเป็นไปของหล่อนพิมพิกาไม่เคยแย้มพราย
จะว่ากันไป เพื่อนซี้ของหล่อนมีคนเดียวคือชนิตา และชนิตากำลังทำ
ความเดือดร้อนให้กับหล่อนผ่านมาทางวิษณุ เพราะเขาพยายามเชิญชวน
หล่อนกลับไปหัวหินอีกหน เขาเสนอคอนโดฯให้หล่อนยูนิตหนึ่ง นั่นคือคำ
บอกกล่าวของเขาผ่านทางโทรศัพท์พิมพิกาโกรธมาก เขามองหล่อนเป็น
ผู้หญิงประเภทไหน…ประเภทชอบของกำนัลอย่างนั้นหรือ…
ศักดิ์ศรีของหล่อนถูกเหยียบย่ำ และขณะกำลังพูดสายกันนั้น
พิมพิกาวางลงอย่างเฉยเมย หล่อนโทร.สั่งกับเด็กโอเปอเรเตอร์ว่าหล่อนจะ
ไม่ขอรับสายอีก หากโทร.เข้าหาหล่อนเป็นผู้ชาย
“ขอเน้นว่าเฉพาะผู้ชาย…”
“ทุกคนไหมคะ”
“ทุกคน…”
เพราะสายนอกของหล่อนนั้นไม่ค่อยจะได้ติดต่อกับใคร…และหล่อน
ก็ขอสายนอกโทร.ออกหาชนิตาพร้อมกับพรูความไม่พอใจออกไป
“แกนะแก…ทำกับฉันได้”
“เฮ้…ใจเย็น” ชนิตารีบบอก “แกโมโหอะไรมาหือจันทร์”
“เพราะแกกำลังทำให้ฉันเดือดร้อนหนัก เจ้านายแกโทร.มาหาฉัน
ตะกี้”
364/913

“เขากำลังพยายามอยู่ เห็นใจเขาหน่อย…ว่าไง…ตาแก่ใกล้สสี่ ิบพอจะ


สูสีกับคนหนุ่มอย่างคุณศศินไหม”
“แกอย่าเพิ่งนอกเรื่อง นายแกหยามฉัน”
“หยามอย่างไร…เขาขอแกแต่งงานละซิ”
“มันแย่กว่านั้น เขาจะให้คอนโดฯฉัน”
“อะไรนะ”
“คอนโดฯที่หัวหิน”
“ประหลาดแฮะ”
“ประหลาดรึ แกมองแค่ประหลาด…ขณะฉันกำลังประสาท…และถูก
หยามสาหัส เขากำลังจะซื้อฉันนะตา”
“แต่ซื้อแพง…คอนโดนั่นเป็นล้านๆ ”
“กีล่ ้านฉันไม่สน…ไม่ขอรับด้วย แกไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายกาจ
เชียวหรือ”
“จันทร์…แกโมโหทำไม…แค่แกไม่รับก็พอ”
“ฉันกำลังถูกมองแบบไหนตะหาก” พิมพิกาคร่ำครวญ “ท่าทางฉัน
เป็นเสือหิวมากนักหรือ”
“จันทร์…แกใจเย็นๆ ” ชนิตาเตือนสติ “อย่างน้อยตรงนีเ้ ขาไม่เคยให้
ใครมาก่อน ปกติเขาเป็นคนเหนียวมาก แกอาจจะเป็นคนพิเศษ เขา
365/913

ชอบพอแกจริงๆ ...ดูท่าทีเขาก่อนไหม…บางคนให้เพราะอยากจะให้จริงๆ
ส่วนจะได้อะไรตอบแทนกลับมาหรือไม่นั่นค่อยดูกันภายหลัง”
“ตา…ทำไมแกมองในแง่ดีแบบนั้น”
“เพราะฉันอยากจะคิดว่าเขามีความปรารถนาดีต่อแก”
“ตา…แกอย่าทำให้ฉันผิดหวังได้ไหม”
“ผิดหวัง?…ตรงไหน”
“ทำไมแกไม่เข้าข้างฉัน…ยืนอยู่ฝ่ายฉัน”
“จันทร์…แกเป็นคนใจร้อนเสมอนะ ทำไมแกไม่ใจเย็นๆ มองไปก่อน
ล่ะ”
“เพราะฉันไม่อยากให้ถูกมองว่าฉันซื้อได้”
“จันทร์…หากมีคนซื้อ…แล้วแกไม่ขาย ใครจะซื้อแกได้”
“แกจะให้ฉันวางเฉยหรือ”
“กะแค่ข้อเสนอ…แล้วก็ผ่านไป”
แต่ชนิตาขอเข้าพบวิษณุ เขามองหล่อนอย่างงงๆ
“มีอะไร”
เขารู้จักผ่อนปรนกับหล่อนมากขึ้น ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนลงเพราะเขา
คิดว่ายังต้องพึ่งพาหล่อนอยู่
366/913

และชนิตานึกอยากจะเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพิมพิกาเสียนักเพราะ
หล่อนมองเห็นว่าจะทำให้วิษณุสยบต่อหล่อนได้อย่างไรบ้าง
หล่อนบอกกับเขาเรื่องพิมพิกาโทร.มา
“ทำไม…ฉันผิดหรือ”
“ค่ะ”
“ผิด?…ทั้งที่นั่นคือความจริงใจ”
“เพื่อนของฉันเป็นคนไม่รับของคนอื่น”
“คนแปลกหน้า?…ว่างั้นเถิด”
“คุณเข้าใจง่ายๆ ก็ดีแล้ว” ชนิตาสรุป “อย่าทำอีก”
“แล้วจะให้ทำยังไง” เขาแสดงความอ่อนใจออกมา “คนเรามีความ
พอใจต่อกัน มีอะไรที่แบ่งปันกันได้ก็อยากจะแบ่ง”
“แต่ไม่ใช่ไปบอกให้ดื้อๆ มันยังเป็นเวลาสั้นไป ฉันเตือนคุณเพราะ
ความหวังดีนะคะ”
“ขอบใจ…จะเชียร์ฉันตลอดไปไหม”
“หัวใจคนนะคะ” ชนิตาตอบอย่างสงบยิ่ง “หัวใจที่ยากจะบังคับ…คุณ
เคยได้ยินไหมคะ ใจน่ะต้องแลกด้วยใจเสมอ ให้ใจไปได้ใจกลับคืน…หรือ
อาจจะให้ใจแต่ไม่ได้ใจกลับคืน ได้กลับมาแต่ความเป็นเพื่อน แต่ต้องไม่
367/913

ให้สิ่งของเงินตรา…เพราะนั่นคือการซื้อ เพื่อนฉันเป็นคนถือตัวและมี
ศักดิ์ศรี…”
วิษณุอยากจะถามออกไปนักหนาว่าแล้วเจ้าตัวหล่อนเอง…คนพูด
ยืดยาวอย่างเก๋ไก๋นั้นจะเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่
“ช่วยอีกสักหน่อยแล้วกัน ชนิตา”
“ช่วยอะไรคะ”
“ฉันอยากจะให้…ยังอยากอยู่”
“แสดงความร่ำรวยเกทับหรือคะ”
“เธอพูดอะไร”
“คุณมีคู่แข่ง…แล้วเขาก็ไม่ธรรมดาด้วย”
“เปล่า ฉันเพียงแต่อยากให้”
“ค่ะ จะให้ฉันทำอะไรคะ”
“พาเพื่อนเธอไปดูของจริงสุดสัปดาห์นี้”
“จันทร์อาจจะ…”
“เธอพยายามหน่อยซิ ไปดูก่อน ที่จริงควรจะได้ดูแต่คราวก่อน”
“ค่ะ” ชนิตาตอบรับ “ไปดูได้ แต่เพื่อนฉันจะตกลงหรือไม่…ฉันไม่
ทราบด้วยนะคะ”
368/913

///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชนิตาบอกเรื่องนี้กับเปรมหลังจากนัดหมายกับพิมพิกาได้แล้ว
หล่อนคิดว่าหล่อนไม่ได้ทรยศต่อวิษณุ เพราะหล่อนไม่ได้รับปากกับเขา
เปรมบอกผ่านมายังศศิน เปรมเรียกว่าเรื่องส่วนตัวลับสุดยอด เปรมเข้า
ไปซุบซิบกับศศินในห้องนานจนคุณผ่องพรรณต้องรอหลังจากฉงนว่า
ใครเข้าพบลูกชายของเธอก่อนหน้า และพอเป็นเปรม…เธอก็เลยมา
คาดคั้นลูกชาย
“มีอะไรกันรึ ศิน”
“เปล่านี่ฮะ” เขาตอบหน้าตาซื่อจัดอย่างยิ่ง
“ศิน…” เธอเรียกด้วยเสียงอ่อนๆ “โกหกแม่หรือ”
“เปล่าฮะ”
“เด็กใหม่ของศิน…ทำท่าแปลกๆ ศินไว้วางใจมากไปไหม…แม่จำได้ว่า
เด็กคนนั้นเคยเป็นคนของคุณวิษณุมาก่อน”
“แล้วไงฮะ” เขาย้อนถามยิ้มๆ
“แม่เป็นห่วง แม่เพิ่งไปวัดมานะ”
“ถวายเท่าไหร่ฮะ”
เธอมองเขาค้อนฯ
“ศินห่วงแต่กระเป๋าเงินของแม่”
369/913

“ผมจะขอร่วมบุญ…”
“ศิน…ท่านทักว่าศินจะมีเคราะห์…เพราะผู้หญิง”
“หรือฮะ ผมว่าเหลวไหลจัง อย่างผมจะมีเคราะห์เพราะผู้หญิงได้ไง
เพราะผมไม่เคยเบียดเบียนทำร้ายผู้หญิงคนไหนเลย”
31

“ของกำนัล?…ตลกดี”
พิมพิกาบอกเพื่อน ปราศจากอาการตาโต ข้อเสนอของวิษณุทำให้
หล่อนรู้สึกว่าเขากำลังหมิ่นหล่อนด้วยซ้ำไป เขาคงอยากจะ ‘ทุ่มซื้อ’ แต่
เพราะพิมพิกาไม่คิดว่าตัวเองจะขาย หล่อนบอกปฏิเสธชนิตา ไม่ยอมรับ
ฝากคำบอกกล่าว
“แกบอกเองแล้วกัน เขาอาจจะคิดว่าฉันแปลงสาร แล้วหากแกพูดกับ
เขาเอง แกควรจะบอกเขาด้วยว่าฉันนำความมาบอกแกทุกประการ แก
ปฏิเสธเขาด้วยตัวแกเอง”
“ทำไมเขาคิดว่าฉันจะรับ”
“เพราะแกเป็นผู้หญิง”
“แล้วไง”
“ผู้หญิงชอบของกำนัล…ราคาแพงๆ ”
“แล้วแกเป็นผู้หญิงไหม”
พิมพิกาถามเพื่อนเหมือนจะประชด
371/913

“เป็น”
ชนิตาตอบอย่างซื่อๆ ก่อนจะโดนย้อนกลับมาทันควัน
“แล้วแกจะรับไหม”
ชนิตาหัวเราะนำ
“มันอยู่กับคนให้”
“แบบนายของแกเอาไหม”
“ไม่”
“ฉันก็ไม่ด้วย”
“บอกแล้ว แกปฏิเสธเลยนะ...ไม่ต้องอมพะนำแต่ฉันว่าเขาคงจะ
เสียใจ”
“ฉันจะยอมให้เขาดูแคลนไม่ได้ หากเขารูว้ ่าฉันยอมรับง่ายๆ สัก
หน…จะมีหนต่อไปอีก”
“แต่มันน่าลองเหมือนกัน”
“น่าลอง?…แกจะบ้าหรือ”
“แกใจเย็นก่อน”
ชนิตาปราม เพราะเริ่มมองเห็นอาการเหมือนลมพุ่งออกทางหูของ
เพื่อน
372/913

“แกต้องใจเย็นๆ …ฟังให้ดีนะ…ครั้งแรกของของกำนัลราคาขึ้นเลข
เจ็ดหลัก…มันเงินล้าน…แล้วคราวต่อไป จะราคาเท่าไหร่…หือจันทร์…แก
ลองคิดเล่นๆ ”
“ไม่คิด ไม่อยากเปลืองสมอง แล้วถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนงกมากแค่
ไหน ฉันก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมคำนวณเผื่อวันข้างหน้าด้วย เขายอมยกคอน
โดฯให้กับฉัน…บางทีเขาอาจจะกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะใช้ที่นั่นหลับนอนกับ
ฉัน”
“เออ…ดี…เป็นความคิดที่ดี และการปฏิเสธก็เป็นการป้องกันที่ดีด้วย”
ชนิตาเอ่ยชม
หล่อนอยู่รับประทานอาหารบ้านนี้และเห็นด้วยกับพรรณรายแบบ
ลูกคู่รับกันพอเหมาะพอเจาะ หล่อนบอกกับพรรณรายว่า
“หากเป็นตานะ จะแบมือสองข้าง…รอรับจากชายหนุ่มสองคนเล้ย”
“ฉันยกให้แกคนหนึ่งเอาไหม”
“เจ้านายฉันไม่เอานะ”
ชนิตาตอบอย่างคนปากไว และหล่อนไม่ได้คิดอะไรตรงนี้แม้แต่น้อย
แต่คนที่คิดคือพิมพิกานั่นเอง หล่อนคิดเพราะคำพูดต่อมาของชนิตาที่ว่า
“ถ้าเป็นคุณศศินละ จะลองพิจารณา”
เกิดคำถามกลางใจของพิมพิกาทันที
373/913

…หรือยายตากับคุณศศินจะชอบพอกัน ก็เขาเคยบอกเรานี่นา คุณ


วิษณุบอกเห็นสองคนออกไปด้วยกัน…
พิมพิกาหรุบเปลือกตาลงซ่อนดวงตาของหล่อน เพราะหล่อนกลัว
ตัวเองจะแสดงแววตาออกมาขณะที่หล่อนเอ่ยทีเล่นทีจริง
หล่อนเอ่ยว่า
“จะให้ฉันช่วยไหม คุณศศินเค้าก็ไม่เลวนะ”
ชนิตายังฟังว่าเพื่อนพูดเล่น และหล่อนรับลูกเล่นนั้นด้วยใจอัน
บริสุทธิ์อย่างยิ่ง
หล่อนบอกกับเพื่อนแกมหัวเราะ
“ช่วยจริงเปล่า เดี๋ยวจะมาเสียดายทีหลังนา”
“เสียดายทำไม้”
“เขาชอบแก ไม่ได้มาชอบฉัน”
“แต่บางทีเขาอาจเหมาะสมกับแกมากกว่าฉัน เพราะแกเป็นคน
ใจเย็น…”
“เกี่ยวกันตรงไหน”
ชนิตาฉงน พิมพิกาเงยหน้ามองเพื่อน ตอบอย่างสงบ
“ผู้ชายชอบผู้หญิงใจเย็น เป็นแม่พระ แล้วแกมีตรงนั้นครบถ้วน”
374/913

ชนิตาไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากสรุปเอาในใจว่าเพื่อนของหล่อนดู
แปลกๆ ไป พิมพิกาพูดเหมือนมีเรื่องคาใจ และชนิตาไปโทษตัวเองอีก
ภายหลังว่าหากหล่อนจะเคลียร์กับพิมพิกาเสีย ก็จะไม่ต้องมาเสียใจจน
แทบจะตัดเพื่อนขาดกระจุย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
วิษณุรับแจ้งว่าศศินต้องการจะไปดูคอนโดฯที่คุณผ่องพรรณ
มารดาของเขาเป็นคนซื้อในสุดสัปดาห์นี้ ศศินโทร.มาแจ้งความจำนง
เอง
ตอนแรกวิษณุไม่เข้าใจว่าทำไม…ตราบจนคนของเขารายงานผ่านมือ
ถือเข้ามาว่าศศินพาพิมพิกาและชนิตาไปที่นั่นโดยมีเปรมตามไปอีกคน
เขารู้คำปฏิเสธของพิมพิกาแล้ว…
หรือพิมพิกาจะสนใจห้องของศศินมากกว่า หากเป็นกรณีแบบนั้น
แปลว่าเจ้าของโครงการไม่อาจจะสู้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการได้วิษณุมองเห็น
หนทางพ่ายแพ้ หากคู่แข่งของเขารูปไม่หล่อ…ไม่รวยไม่มีความสามารถ
เฉพาะ เขาคงจะไม่ระแวงอะไรเลย นี่เหมือนเขาจะเป็นรองในทุกๆ ทาง
และทีน่ ่าแค้นใจคือทั้งเปรมทั้งชนิตาติดสอยห้อยตามไปทางโน้น เขามองว่า
ตัวเขาเองถูกทรยศ
และเขาสรุปเอาได้ว่าชนิตาอาจจะบอกกับศศิน รายนั้นเลยตัดหน้าเขา
และทำให้พิมพิกาปฏิเสธเขา
375/913

บางทีหากจะได้ตัวพิมพิกามาโดยไม่มีศศินขวางทางเป็นคู่แข่ง เขา
ควรจะกำจัดศศินอย่างแนบเนียน จะมีอะไรดีไปกว่ายัดเยียดชนิตาไปให้
พิมพิกาคงไม่ใจกล้าหน้าด้าน…เพื่อนรักกันขนาดนั้นมีหรือจะกล้าแย่ง
วิษณุผู้คร่ำหวอดในเกมธุรกิจและยึดเอาความชนะเป็นที่ตั้ง…เริ่มมองหา
ทางกำจัดคู่แข่ง เขามองศศินอย่างศัตรู…แม้มิใช่ศัตรูการค้าก็ถือว่าเป็นศัตรู
หัวใจ และเกมนี้วิษณุถือว่าตัวเองจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด
เขานั่งครุ่นคิดจนคุณหญิงเพลินมาเรียกอยู่นาน ตราบจนเธอต้อง
สะกิดและเขาก็สะดุ้งหันมามอง
“มีอะไรฮะแม่ มาเงียบเชียบ”
“วิษเหม่อตะหาก”
“กำลังคิดถึงสาว”
“สาว?”
“ผมจะมีเมีย…”
“จริงรึ…แหมดี…แม่อยากมีหลาน”
“ผมรักใคร แม่จะรักด้วยไหมฮะ”
“หากไม่เต็มกลืนเกินไป”
“อะไรคือเต็มกลืนฮะ” เขาย้อนถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน จะต้องเจอตัวก่อน”
376/913

“แม่เคยเจอแล้ว”
“หือ…ใครกัน”
“พิมพิกา…”
“วิษ…นั่น…”
“แม่จะบอกว่าเต็มกลืนหรือฮะ”
“ผู้หญิงคนนั้นมีคนมอง…แถมพิษยังลึกซึ้ง”
“ผมชอบ…มีสีสันเร้าใจ”
“ก็ต้องลงไปแข่งกับศศิน”
“ผมไม่แพ้เขาง่ายๆ หรอกฮะ”
วิษณุตอบอย่างลำพอง ท่าทีของเขาเหมือนเด็กหนุ่มดื้อรั้นทำตามใจ
ตัวเองและยังมากไปด้วยความยโสโอหัง
“แม่ฮะ ผมปรารถนาอะไร ผมจะต้องได้ครอบครอง ไม่มีใครหยุด
ผม…หรือแม้แต่จะมาขวาง…ผมสัญญา”
“แต่ถ้าหากว่า…”
“โอ…ไม่ฮะ” เขารีบห้ามเธอก่อนจะพูดต่อจนจบ “จะไม่มีเงื่อนไข
อะไรมาขวางผมเป็นอันขาด ผมต้องได้เธอมา ผมขอบอกแม่ตรงนีเ้ ลยว่า
จะต้องมีหนทางทุกทางทุกอย่าง…ไม่ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล”
“วิษ…แล้วมนต์คาถาล่ะจ๊ะ”
377/913

“แม่ประชดผมหรือฮะ”
“เปล่า ลองถามเผื่อดู เพราะเคยเห็น…คนใช้เล่ห์กลมักจะตามด้วย
มนต์คาถาเสมอ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกฮะ เอาแค่พยายามทุกวิถีทาง”
ดวงตาของเขามาดหมายลึกซึ้งจนเธอนึกกลัว รู้จักนิสัยของลูกชายดี
นั่นเอง และเธอก็ผวาเมื่อวิษณุบอกต่อมาว่า
“แม่ฮะ ผมขอบอกว่าจะต้องมีคนอีกสองคนชดใช้ให้กับผมคนของ
ผมเองแท้ๆ ทำท่าแปรพักตร์ไปหาคนอื่น”
“คงหมายถึงชนิตากับเปรม”
“แม่เดาถูกนี่ฮะ”
“ก็จะมีใครอีก แต่วิษทำไม่ถูกนะ เปรมลาออกไปแล้ว…เป็นคนของ
คนอื่น ส่วนชนิตาเมื่อไหร่จะเลิกฟาดฟันเด็กคนนั้น วิษ…ลูกเป็นผู้ชายนะ
แถมยังอยูเ่ หนือกว่าทุกทาง ทำอะไรลงไปจะโดนครหาว่าวิษน่ะรังแกผู้น้อย
แถมยังเป็นผู้หญิงซะอีกด้วย แม่ไม่เห็นด้วยเลย…พอทีเถิดวิษ…”
“สองคนนั่นไปเอาหน้ากับศศิน”
“คนเราเค้าพอใจ เราจะมาบีบให้เค้าชอบเราหรือ วิษ…น่าจะเอาตรง
นั้นมาเป็นกระจกส่องเงาตัวเอง”
378/913

เขาหน้าขึงเล็กน้อย ยังดีที่คนพูดคือมารดาของเขาเอง…หากเป็นคน
อื่น เขาคงจะสวนตูมออกไปแล้ว
แต่กระนั้นเธอก็มองออก…เว้นแต่เธอไม่ยอมถือสาเขา ลูกชายของ
เธอเป็นคนแรงในอารมณ์ เธอมองเขาด้วยความสงสารเสียมากกว่า วิษณุ
จะต้องเจ็บปวดหนัก…หากเขาพลาดเพราะเขาตั้งเป้ามากเกินไป และลูกชาย
ของเธอไม่ยอมเผื่อใจเอาไว้สำหรับความพ่ายแพ้อีกด้วย
เขามุ่งหวังแต่จะเอาชนะประการเดียว…
หากเขาแพ้…เธอกลัวอย่างมาก…เธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะ
คลุ้มคลั่งสาหัส และจะต้องมีแพะรับบาปแน่นอน อย่าหมายเลยว่าวิษณุจะ
ยอมแพ้ด้วยตัวของตัวเอง
ใครจะมารับเคราะห์ตรงนั้น…
เธอคิดแล้วยังเสียวสยอง และเธอภาวนาว่าอย่าให้เป็นชนิตาเพราะจะ
กลายเป็นความแค้นต่อกัน ชนิตาเองไม่เคยยอมคน…
ร้ายต่อร้าย…แรงต่อแรงมาเจอกัน…มีแต่จะย่อยยับ ตรงนีค้ ือความส
ยองในหัวใจของเธอ
คุณหญิงเพลินพยายามปลอบประโลมลูกชายคนเดียว
“วิษ…มีผู้หญิงมากมาย…ถามตัวเองให้ถ่องแท้…ลูกรักหรือต้องการ
เอาชนะเท่านั้น สองอย่างมันแตกต่างกันมากนะลูก”
“ผมต้องได้…เมื่อผมพอใจ”
379/913

“ก็ต้องดูก่อนว่าผู้หญิงรักลูกหรือเปล่า”
เขาหัวเราะในลำคอ
“ไม่สำคัญหรอกฮะแม่”
คุณหญิงเพลินมีแววตาตื่นๆ และพยายามจะห้ามปรามลูกชาย แต่
เขาไม่ยอมฟังเธอเอาเสียเลย
“วิษ…แม่…”
“ไม่ต้องคิดอะไรเลยฮะแม่…ปกติธรรมดา…” เขาพยายามจะห้ามเธอ
ไม่ให้คิดอะไรเลย “ลูกชายคนนี้ของแม่ไม่เคยพลาดอะไรเลยเมื่อเขาตั้งใจ
เอาไว้แล้ว”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ห้องชุดที่มาเห็นงดงามมาก เปรมกับชนิตามองเฉยๆ เพราะเห็น
จนชิน แต่พิมพิกาเพิ่งมาเห็น หล่อนตื่นตา…แล้วก็ปลงว่ามันไม่ใช่ของ
ของหล่อน ชนิตาเอียงหน้ามากระซิบถาม
“แกสนใจหรือยัง”
“ยังย่ะ”
“หากแกสน…ยังไม่สาย”
“ไม่เอา…ฉันไม่อยากได้ของแถม…อย่างได้ห้องแถมเจ้าของ”
“หากเป็นคุณศิน…แกจะเปลี่ยนใจไหม”
380/913

“ยังไม่รู้…ไม่อยากจะคิด” พิมพิกาปฏิเสธ
ห้องกำลังตกแต่งบางส่วน มองออกว่าเร่งรีบ และตอนออกมา…สิ่งไม่
คาดฝันบังเกิดขึ้น พิมพิกาเจอกับสองคนหนุ่มสาวหล่อนเจอกับ
มณฑล…คู่รักเก่า และเจอกับบุษยาอีกด้วย ชนิตานั้นอ้าปากค้างตอนเห็น
และหล่อนเรียกว่าเป็นความปลอดภัยเบื้องแรกตอนหล่อนเข้ารวบตัวพิมพิ
กาเอาไว้ เพื่อนของหล่อนแสดงอาการฮึดฮัดออกมา
“ปล่อยฉันนะ ตา แกทำบ้าอะไร”
“แกสัญญาก่อนซิว่าแกจะไม่วู่วาม”
“ฉันจะพยายาม”
พิมพิกาสัญญา ดวงตาของหล่อนมองคนทั้งสองเขม็ง
มณฑลเองก็มองหล่อน และมองศศินก่อนจะกระซิบบอกบุษยาที่
หน้าตาซีดลง
“ไม่ต้องกลัวนะนุ่น พี่ชายคุณทำท่าจะคว้าไปกินซะแล้ว”
“อย่าให้เป็นเรื่องนะคะ”
“ผู้หญิงคนนั้นเหมือนหมาบ้า…ผมไม่อาจจะคาดเดา”
“งั้นเรากลับดีไหมคะ” หล่อนเอ่ยชวนอุบอิบบอกต่อ “เรามา
ผิดเวลา…เสียฤกษ์ หรือเราจะไม่เอาที่นี่คะ หาซื้อที่อื่น”
“ผมกำลังชอบที่นี่”
381/913

มณฑลยืนยัน เขาชอบ…แต่เงินควักซื้อเป็นของบุษยาแน่นอนเขาจะ
ไม่ยอมให้หล่อนเปลี่ยนใจเป็นอันขาด เขาจะต้องตะล่อมหล่อนจนหล่อน
ยอมซื้อ และแน่นอนเขาจะต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของด้วย หล่อน
ร่ำรวย…หล่อนมีเงินมากมาย และมองๆ ว่าหล่อนค่อนข้างจะโง่ อีกทั้ง
ความรักจะทำให้บุษยายอมทุกอย่าง เขาจะเอาความอ่อนแอของหล่อนตรง
นีม้ าตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัวเองเขาคิดว่าเขาควรจะได้ และเขาจะไม่ยอม
ชวดมันไป ห้องชุดทีค่ อนโดฯ แห่งนี้จะเชิดหน้าชูตาเขาได้ไม่น้อย หากเขา
ได้เป็นเจ้าของได้มาพักผ่อน…หรือแม้แต่จะขายเอากำไรวันข้างหน้า…แบบ
เงินหล่อนเอามาต่อเงินของเขา
“อย่ากลัว ผมจัดการเอง”
เขาให้กำลังใจต่อหล่อน และทักทายพิมพิกากับชนิตา
“มาไกลถึงนี่ ชวนกันมาเที่ยวดูอะไร…จะซื้อหรือ จันทร์…เงินมีแล้ว
นี่”
พิมพิกามองเขาเฉยๆ หล่อนไม่ตอบคำถามของเขา
ชนิตาเองก็ไม่พูดเหมือนกัน…
พิมพิกาเลื่อนสายตาไปมองบุษยาแล้วกลับมามองมณฑลก่อนจะเริ่ม
ปากร้าย
“จะซื้อเหมือนกันหรือ ถอนขนเมียมากี่เส้นล่ะ มณฑล”
382/913

ศศินเองกำลังรอรับฟังต่อด้วยใจอันระทึก เพราะแววตาวับๆ ของ


พิมพิกาบอกว่าหล่อนเอาจริง
“แต่เมียไม่มีขนหน้าแข้งมั้ง” หล่อนทำเสียงแกมหัวเราะ “หรือว่าตอน
นอนด้วยกัน ทึ้งเอามาจากตรงนั้น…ได้สักขยุ้ม…เก๋ดีนะ…ขยุ้มมาซื้อ
ทรัพย์สิน…”
เปรมหัวเราะก๊าก ชนิตาเองเบือนหน้าหนีก่อนจะแก้เกี้ยว
“ตาเปรม…หัวเราะอะไร…บ้าจัง”
บุษยากระชากแขนมณฑลเดินลิ่วหนีเพราะความอับอาย
“ว่าไง มณฑล…ทำไมไม่ยอมตอบ…หนีทำไม”
ศศินเองก็อ่อนใจ พิมพิกาปากร้ายและชวนสยองอย่างยิ่ง
32

“ปากแกนะ…ปาก”
ชนิตาทำเสียงเหมือนจะอ่อนใจ หล่อนรู้สึกว่าพิมพิกาทำลายคุณค่า
ในตัวเอง…ต่อหน้าเขา…ศศินนั่นเอง เพราะชนิตาเล็งเห็นว่าน้ำใจไมตรีของ
ศศินต่อพิมพิกาค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มด้วยว่าน่าจะสานต่อ
เอาจริงเอาจัง เพราะชนิตาเองยังมีศรัทธาในตัวผู้ชายไม่น้อย ดังนั้น หล่อน
อยากจะเห็นเพื่อนก้าวเดินไปในทางดีๆ …ไม่อยากให้ศศินมาเสื่อมความ
นิยมในตัวเพื่อนสาว

แต่เพราะอารมณ์ของพิมพิกากำลัง
ระอุ
ความพ่ายแพ้…ความอับอายที่หล่อนพลาดไปเพราะมณฑลนอกใจไป
มีคนใหม่ ทำให้หล่อนมองอะไรแคบและตื้น
384/913

ปกติแต่ไหนแต่ไรชนิตาจะพูดจาตักเตือนแกมตำหนิหล่อนได้โดย
หล่อนไม่เคยมีอารมณ์ แต่หนนี้…พิมพิกากลับคิดว่าชนิตาหักหน้าหล่อนต่อ
ศศิน หล่อนยังไม่ลืมคำบอกกล่าวของวิษณุที่เคยบอกไว้
เขาคิดว่าชนิตาพอใจศศิน…และพิมพิกามองเห็นเค้าตรงนั้นแต่ชนิตา
สนับสนุนหล่อนมาแต่แรก…จะแสดงออกว่าพอใจศศินเสียเองคงจะ
น่าเกลียด ชนิตาเลยพูดจา ‘สอน’ หล่อนต่อหน้าศศินทำให้หล่อนยิ่งดูแย่
แต่เพราะชนิตาไม่ได้รู้ตรงนี้ด้วย หล่อนจึงยังพูดต่อ…เพราะเคยพูดๆ
ได้นั่นเอง
“แกพูดจาไม่ดีเลย แกเป็นผู้หญิงนะเออ”
“แล้วไง”
เสียงของพิมพิกากระด้างจนชนิตาชะงัก ดวงตาของพิมพิกาก็แวววับ
“แกโกรธจริงๆ ” ชนิตาพึมพำ
พิมพิกาเบือนหน้าหนีก่อนจะเดินหนีด้วย ชนิตาหันมายิ้มแห้งเต็มที
กับศศิน
“ขอความกรุณาหน่อยค่ะ”
“กรุณาอะไรฮะ” เขายังงงๆ
“ตามไปปลอบเจ้าจันทร์ที คงเคืองฉัน อารมณ์ไม่ดแี ล้วฉันจะไป
แตะต้องเข้าอีกแบบนั้น”
385/913

“ทำไมคุณไม่ไปเอง”
“เพราะเรารูน้ ิสัยกันดีค่ะ หากอีกฝ่ายฟิวส์ขาดแล้วเราจะแยกกันสัก
พัก ไม่งั้นตีกันตายไปข้างเลยทีเดียว”
“หรือฮะ…ขนาดนั้นเชียว” เขาถามด้วยความฉงนใจนักหนา “ไม่น่า
เชื่อ”
“เพราะฉะนั้นคุณต้องช่วยฉัน”
“ด้วยความยินดี…”
“แล้วอย่าถือสาเจ้าจันทร์ด้วยนะคะ ปากมันร้ายสักนิด”
“ผมเข้าใจเธอ…ว่าเพราะความโมโห คนเราพอแค้นใจ…มันก็ฝังใจไป
นาน”
“ฉันกลัวแต่มันจะได้ใจ…คิดว่าจันทร์ยังแคร์มัน”
“คุณสนิทกับเธอมากกว่าผม…ตรงนั้นแปลว่าแคร์หรือเปล่าล่ะฮะ”
ชนิตาส่ายหน้า
“ฉันกล้ารับรองค่ะว่าไม่ แต่เพราะว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอจันทร์เป็นคน
ทระนง…และไม่เคยเผื่อใจเอาไว้ก่อนสำหรับการถูกหลอก ยังดีนะคะ เอา
เงินห้าแสนคืนมาได้…ไม่งั้นจันทร์อาจจะเจ็บกว่านี้”
“คุณดีกับคุณจันทร์เสมอ”
“เพราะเรามีกันสองคน…”
386/913

คำตอบของชนิตาหนักแน่น ไม่รู้สักนิดว่าเพื่อนกำลังระแวงตัวมากแค่
ไหน
“เรามีกันเท่านี้มานานแล้วค่ะ รักกันมาสองคน…สนิทกันสองคน…”
และฝนตั้งเค้าทะมึนมาแล้ว…ว่าความรักฉันเพื่อนกำลังง่อนแง่น
เว้นแต่เงาของพายุร้ายนั้น ชนิตายังมองไม่เห็น เพราะหล่อนเอาแต่ความ
เป็นเพื่อนเป็นที่ตั้ง หล่อนมองข้ามประการอื่นๆ ไปจนหมด
เปรมก้าวมาประชิดตัวหล่อนหลังจากศศินเดินจากไปแล้ว
“พี่ตาว่าพวกเค้าสองคนเหมาะกันรึ”
“เหมาะมาก”
“ผมอยากให้พี่ตาเป็นแฟนคุณศินมากกว่า”
“อะไรนะเปรม” ชนิตาถามอย่างขำๆ “เปรมพูดอะไร”
“ผมขอนินทาเพื่อนพี่ตาหน่อยนะฮะ สวยจริง แต่ท่าทางอารมณ์ร้าย
เอาแต่ใจตัว ผู้หญิงแบบนี้จะทำให้ผู้ชายระอาใจ”
“ปกติจันทร์เป็นคนน่ารัก พอเจ็บก็เลยอาละวาดฟาดไปทั่ว หาก
เข้าใจก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“เจ้านายผมอาจจะไม่ได้จริงจัง”
“เปรมพูดมานะ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาบ้าง”
“ไม่รู้มากหรอกฮะ”
387/913

“อย่างเช่นเขามีนัดหมายกับผู้หญิงอื่นบ้างไหม”
“เท่าที่มีจากสมุดนัดหมายส่วนใหญ่จะเป็นการนัดเรื่องงานผมยังไม่
เจอนัดหมายส่วนตัวเลย”
“แล้วอย่างโทร.มาหา…มาตามตื้อ…”
“โอ้โฮ…พีต่ า นี่อยูใ่ นเกณฑ์ของการเป็นแม่สื่อหรือเปล่า” เปรมถาม
ติดตลก “ทำไมฮะ กลัวพลาดหรือ”
“คงจะเป็นแม่สื่องานเดียวหรอก เพราะฉะนั้นจะต้องเรียบร้อยลงตัว
ด้วยดี”
“ผมยังไม่เจอนะแบบนั้น คนเก่าๆ เล่าว่าเขาเคยชอบๆ ญาติเขา”
“ญาติ?…คนไหน”
“พูดแล้วเหยียบไว้นะ อย่าให้รู้เชียวว่าได้ยินจากปากผม”
“รับรองน่า เปรมบอกมาเถิด”
“ก็ลือกันว่าเขาชอบคุณนุ่น…บุษยา ก็คนตะกี้…”
ชนิตาตาค้าง
“ถ้าจะให้ดี ผมว่าพี่ตาอย่าเพิ่งผลีผลามเชียร์เขากับคุณจันทร์มากนัก
เพราะเขาเองเข้ามาพัวพันเพราะมีเจตนาอยากจะแยกแฟนเก่าให้ขาดจาก
กันจริงๆ หรือเปล่า เพราะเขาอาจจะอาทรญาติของเขา…แคร์ญาติของเขา
มากกว่าคนอื่น”
388/913

“แต่พี่ยังมั่นใจว่าเขาสนใจยายจันทร์มาก”
“ดูๆ ให้ดีก่อนนะฮะ เพื่อนพีต่ าปากร้าย…ขอโทษนะฮะ…บังอาจ
วิจารณ์ แต่ผมอยากจะเตือนเอาไว้ เผื่อพีต่ าจะทำอะไรพลาดไปบ้าง พีต่ า
จะเสียใจเพราะเพื่อน”
“รับรองน่า พี่กับจันทร์รักกันมากเกินกว่าจะมีเรื่องบาดหมางให้ต้อง
เสียใจกัน”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“แย่จังเลยนะคะ” บุษยาบ่นพึม “ทำไมเราต้องมาเจอกับเธอด้วย”
เขาเองก็มีสีหน้าไม่ดีเลย เพราะคำพูดของพิมพิกาค่อนข้างเลวร้าย
นำความอับอายมาสูเ่ ขาเป็นอันมาก พิมพิกาไม่ไว้หน้าเขาเอาเสียเลย หล่อน
ทำให้เขาคิดว่าต่อแต่นี้เขาควรจะหลีกเลี่ยงการพบเจอกับหล่อนโดยเฉพาะ
ในยามมีบษุ ยาอยู่ด้วย เ พราะเขาจะหาความองอาจใดๆ ไม่พบเจอ เขาไม่
มีคำพูดจะไปโต้ตอบกับหล่อนเพราะแค่ ‘แหยม’ ไปเล็กน้อย โดยหล่อน
ตอกกลับมาเจ็บปวดกว่าเป็นไหนๆ
“สงสัยพี่ชายคุณจะรับช่วงต่อ”
บุษยามองหน้าเขาเขม็ง
“รับช่วง…” หล่อนทวนถาม “ก็ไหนว่าคุณไม่มีอะไรกับเธอ”
เขาเสหัวเราะกลบเกลื่อน
389/913

“คุณหลอกนุ่นใช่ไหม”
“นุ่นอย่าสนใจตรงนั้นเลยน่า จะอะไรก็ตามแต่…ล้วนแล้วแต่ของไม่
จริง เพราะของจริงเรื่องจริง…ผมมีนุ่น…”
“แต่นุ่นไม่ต้องการอดีตของคุณมาคิดด้วย”
“นุ่น…อย่าคาดคั้นผม…ผมเป็นตัวผม…ผมเดินมาในเส้นทางชีวิต…จะ
ให้มันเรียบกริบ…มันยาก”
“แล้วหากอดีตนั้นมันกลับมาเป็นปัจจุบันล่ะคะ”
“โธ่เอ๊ย…นุ่นนะนุ่น นี่แคร์ผมมากใช่ไหม”
“นุ่นรักคุณ และทนไม่ได้หากจะเสียคุณไป”
“นุ่นไม่เสียผมไปไหนเลย”
“หากมีการเผชิญหน้ากันบ่อยๆ ละคะ”
“ผมจะไม่ยอมให้หล่อนมาด่าผมอีก นุ่นได้ยินใช่ไหม…ตอนนี้ใครๆ
ก็มองว่าผมมาตกถังทอง แล้วผมจะเหลืออะไรไว้ให้ภาคภูมิใจ ผมยอมรับ
ความจริงได้ว่าตอนนี้ผมมีเงินน้อยกว่านุ่น”
เขาดึงหล่อนมากอด หล่อนซบกับต้นแขนของเขาในเบาะรถยนต์ตอน
หน้าของที่จอดรถหน้าคอนโดฯนี้ ความจริงประการหนึ่งก็คือบุษยาไม่อาจ
จะตามเขาทัน ความคิดของหล่อนแคบและตื้น…และหล่อนไม่เคยคิด
ไกล…
390/913

คุณผ่องพรรณเคยให้คำจำกัดความต่อบุษยาเอาไว้สั้นๆ แต่กระชับ
…รวยแต่โง่ สวยมีวาสนาแต่ไม่ยืนยาว…
และมันจริงตามเธอบอกทุกประการ โดยเฉพาะยามใดทีห่ ล่อนอยูก่ ับ
มณฑล ดวงตาสองข้างของบุษยามัวมนเพราะความรักต่อเขา…หล่อนไม่ได้
เผื่อแผ่ไปทางอื่น…หล่อนแค่ว่ารักเขา มองเขาในแง่ดตี ลอด หล่อนเชื่อ
คำพูดของเขา และเห็นคล้อยตามเขาปั่นหัวเอาเสมอ หากจะถามมณฑลว่า
เขาเปลี่ยนใจจากพิมพิกามาเพราะเหตุใด ชายหนุ่มสามารถบอกได้เลยว่ามี
เหตุผลสองประการด้วยกัน
ประการแรก…เพราะบุษยารวยกว่า
ประการสอง…เพราะบุษยาโง่กว่า
ข้อหลังเพราะเขาสามารถควบคุมบุษยาได้ อีกทั้งรสชาติเปรี้ยวหวาน
มันเค็มของหล่อน…เขาได้เสพจนรู้สึก…และพิมพิกาห่างไกล…
เขามุสา…เพื่อจะทำลายล้างพิมพิกาให้วอดวาย ให้รู้กันว่านายศศินไม่
สนใจในเรื่องของพรหมจารี
“เงินออกจากกระเป๋าผมจะสวยกว่านะนุ่น”
“อะไรนะคะ”
บุษยายังตามความคิดของเขาไม่ทัน
391/913

“เงินน่ะ…ให้ผมเป็นคนจ่าย เพราะผมเป็นผู้ชาย เราแต่งงานเป็น


ผัวเมียกันแล้ว นุ่นคงไม่แคร์หากว่าจะให้ผมนำหน้านุ่น”
“คุณต้องการเงินหรือคะ” หล่อนถามแผ่วๆ “สักเท่าไหร่”
แม้ใจของหล่อนจะแวบๆ สะกิดให้ตะขิดตะขวงชอบกลอยูบ่ ้าง แต่บุ
ษยาพยายามโยนมันทิ้งไปไกลๆ
เขากระซิบบอก งับปลายติ่งหูหล่อนเบาๆ เท่านั้นเองจำนวนเงินจะ
มากเท่าใด บุษยาแทบจะไม่ได้แยแส หล่อนกระสันต์รัญจวนใจ เพราะ
มณฑลฉลาดพอจะจับจุดอ่อนของหล่อนมาล่อ
“เราไปหาความสุขด้วยกันนะนุ่น…ผมรู้ว่าคุณกำลังอยาก”
แม้หล่อนจะกระดากกับคำพูดตรงๆ ของเขา แต่บุษยาประจักษ์
อย่างหนึ่งว่า…หลังๆ ทีผ่ ่านมา หน้าของหล่อนเหมือนจะ ‘หนา’ มากกว่า
เดิม ความรู้สึกทั้งหลายก็ ‘หนา’ ด้วยเช่นกันอาจจะเพราะรสชาติของ
เขา…รสชาติของความเสน่หา หล่อนก็เลยสลัดอย่างอื่นทิ้งไปจนหมด
เพราะใจคอยกังวลกลัวแต่จะ ‘อด’
รถองมณฑลแล่นออกไปเสียก่อนพิมพิกาจะพรวดออกมาด้านหน้า
ตรงที่จอดรถ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ศศินมองเห็นพิมพิกาแล้ว เขาก้าวเดินมาหาช้าๆ แต่ฝีเท้าของเขา
มั่นคงเป็นอันมาก เขาเอ่ยถามนุ่มๆ
392/913

“โกรธใคร…”
“เปล่า”
หล่อนตอบโดยไม่ได้หันกลับมามองแม้แต่น้อย
“โกหกหรือเปล่า”
“นี่…อย่ามายุ่งกะฉันได้ไหม”
“เคยไปหาหมอไหม”
“นี่…”
หล่อนขึ้นเสียงแหลมกว่าเก่า หันขวับมาเผชิญหน้ากับเขา…ชายหนุ่ม
ปักหลักกอดอกเหมือนรอคอยอยู่แล้ว
“นี่อะไร”
“อย่ามายุ่งกะชั้น”
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผม”
“ไม่ใช่ธุระ”
“คุณกำลังป่วย”
“บอกว่าอย่ายุ่ง”
“คุณป่วยมากๆ ด้วย ผมอยากให้คุณไปหาจิตแพทย์”
393/913

ริมฝีปากของหล่อนสั่นริกๆ จนเขามองเห็น อารมณ์ของหล่อนทำท่า


จะปะทุรุนแรง แต่หล่อนคงจะโดนปิดกั้นด้วยอะไรสักอย่าง เพราะปาก
ได้แต่สั่น ไม่มีคำพูดรุนแรงตามมาแต่อย่างใดทั้งสิ้น เขาบอกหล่อนด้วย
เสียงอันนุ่มนวล
“คุณจันทร์ ผมมีแต่ความปรารถนาดี ไม่มีเจตนาร้ายอะไรเลย”
“ได้โปรด…”
“คุณจันทร์…”
เขาก้าวเข้ามาอีกก้าว คลายแขนจากอกที่เขากอดอยูแ่ ละเขาแตะต้อง
ท่อนแขนของหล่อนเบาๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนโยน เขาหวังแต่ว่าสัมผัสของ
เขาจะละลายความแข็งขืนของหล่อนได้บ้าง…แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
“ผมหมายถึงการรักษาเยียวยาตัวเอง ผมขอให้คุณทำเพื่อตัวเอง คุณ
อาจจะไม่รู้ตัว…คุณกำลังแย่มาก ข้างในของคุณกำลังป่วย…จิตแพทย์จะ
ช่วยได้ก่อนที่มันจะมากไปกว่านี้”
“ฉัน…”
“ผมรู้ว่าคุณกำลังจะปฏิเสธ”
“ฉัน…อย่ามายุ่ง…อย่ารู้ดีกว่าฉัน”
“เรื่องแบบนี้…ตัวเองอาจจะไม่รู้ ต้องให้คนอื่นเป็นคนสังเกตและให้
คำตอบ”
394/913

“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“เพื่อจะคิดมาก…ทำร้ายตัวเอง?…ผมเข้าใจว่าทำไมคุณพูดออกมา
แบบนั้น ผมไม่ตำหนิคุณ ผมขอชมด้วยซ้ำว่าสะใจเป็นบ้าอย่างน้อยหมอ
นั่นหน้าซีดเผือดทีเดียว คนแบบนั้นต้องเจอแบบนั้นละ…ถึงจะเหมาะสม…”
“คุณ…คนอื่นแท้ๆ ยังพอจะเข้าใจฉัน แต่ทำไมยายตาไม่เข้าใจ…ยาย
ตาตำหนิฉันมากเหลือเกิน”
“ผมขอแส่ตอบตรงนี้หน่อยนะฮะ ผมคิดว่าคุณตาอยากให้คุณพูดจา
ไพเราะ อ่อนหวานต่อหน้าผม เธอทำเพราะเธอหวังดีต่อคุณ แต่เธอไม่รวู้ ่า
ผมยอมรับตัวตนจริงๆ ของคุณได้เสมอโดยไม่คิดอะไรมากเลย”
“ทำไม?.
“ไม่มเี หตุผลนะฮะ” เสียงตอบนั้นนุ่มนวล “เมื่อเราพอใจใคร…ทำ
อะไรเหลือทนสำหรับคนอื่น…แต่เรายอมรับได้…เท่านั้นแหละ…ผมอยากจะ
สรุปเรียกว่าความรัก คุณจะอารมณ์เสียอีกไหมว่าผมตีขลุม”
33

อารมณ์ของพิมพิกาไม่เสียมากเท่าทีห่ ล่อนคิด เพราะอารมณ์


สอดแทรกชั่ววูบนับจากยามหล่อนเห็นมณฑลคลอเคลียมากับบุษ
ยา…ตอกย้ำกับคำว่าพ่ายแพ้ของหล่อนเอง รสชาติของการเป็นผูพ้ ่ายไม่
หอมหวาน หากแต่ขมปร่าเจ็บปวดและแกมด้วยความอับอายลึกล้ำ
เป็นอันมาก หญิงสาวอยากจะบอกว่าหล่อนจะต้องกระโจนลงไปในเกม
นี้ให้ได้ หล่อนจะต้อง ‘กำจัด’ เขา หรืออย่างน้อยเขาก็อย่าได้มีความสุข
เลย หญิงสาวรู้เหมือนกันว่าคิดโง่ๆ …เหลวไหล…หมดเปลืองเวลา
เปล่า…
แต่ความรู้สึกระอุข้างในก็มีมากทีเดียว…มากพอจะทำให้หล่อนคิดว่า
หล่อนยอมเปลืองเวลา หล่อนยอมเสียค่าโง่
มณฑลก็จะไม่มีความสุขเหมือนกันละน่า…เขาจะพบเจอว่าหล่อน
ขวางเขาอยู่
และคนที่สอดแทรกเข้ามาคือศศิน…หากเขาพอใจหล่อน
หญิงสาวจึงไม่ได้โกรธเคืองเขา และบอกเขาหน้าตาเฉย
396/913

“ถ้าจะมาชอบฉัน…รับอารมณ์ฉันไหวแน่นะ”
“ผมจะพาคุณไปหาจิตแพทย์”
หล่อนตาเขียวใส่เขา
“ฆ่ากันเสียยังดีกว่าพาฉันไป”
“การไปหาจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย”
“ไม่ใช่ตัวคุณนี่นา” หล่อนแว้ด
“ฉันอยากจะค้าง…” หล่อนบอกต่อหน้าเฉย
“ก็ไหนว่าคุณตา…”
“ตาบอกอะไรคุณ”
“เธอต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ”
“ก็ให้กลับพร้อมเปรม”
มาดกวนของหล่อนไม่เบานักหรอก ศศินรูแ้ น่อย่างหนึ่งว่าผู้หญิงที่
เขาพอใจมีสีสันมากมายนักหนา และหล่อนเหมือนกับไฟ….หล่อนลุก
โชติช่วงเป็นประกาย…จะเรียกว่าหล่อนเป็นผู้หญิงอบอุ่น…เขาว่าค่อนข้างจะ
อุ่นจนเกินขนาด
หล่อนต้องเรียกว่า ‘ร้อน’
ไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ เลย
397/913

“เกรงใจคุณตา…”
หล่อนเหลือบตามองเขา ศศินเอะใจเหมือนกันว่าทำไมแววตาของ
หล่อนประหลาดเพียงนั้น แต่เพราะเขาไม่ทันเฉลียวใจสักนิด เขาแค่คิดว่า
หล่อนรำคาญใจกับความเชื่องช้างุ่มง่ามของเขาเอง
หล่อนตกปากรับคำจะอยู่ เขาก็มัวคิดอะไรเหลวไหล…
และหล่อนคงจะรำคาญเขา…
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“ตกลงฮะ ผมจะขอโทษเธอที่ไม่ได้กลับพร้อมกัน”
เขามองเฉพาะหล่อน ไม่เข้าใจความคิดของพิมพิกาสักนิดเพราะ
หญิงสาวกำลังคิดว่าเมื่อเขากำลังพอใจหล่อนอย่างลึกซึ้งแล้วเหตุไฉนหล่อน
จะต้องเล่นตัวไปอีกมากมาย หล่อนควรจะทำให้เขาพอใจหล่อนอย่างสุดๆ
หล่อนจะมีเสน่ห์พอไหมหนอ…หญิงสาวคิดเหมือนกัน…เพราะหากจะถือว่า
การผูกมัดชายหนึ่งด้วยความพิศวาสบนเตียงนอนเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ก็
นับว่าเป็นเสน่ห์ที่หล่อนไม่เคยเรียกออกมาใช้มาก่อนเลย
แต่พิมพิกาจะใช้ในหนนี้แน่นอน…
หล่อนมุ่งหมายแล้ว…และหล่อนจะทำตามนั้น
“มาด้วยกันแท้ๆ …”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
398/913

“ไม่เป็นเลือดสุพรรณ?” ชนิตากังขา เดินวนรอบตัวเพื่อน “แก


คิดอะไรอยู่ บอกมานะ”
“เปล๊า” เสียงปฏิเสธชัดเจน “ฉันอยากพักผ่อน…คลายเครียด”
“แกจะพักที่ไหน”
“ถมไป…โรงแรมเอย…บ้านพักของเขา…”
“จันทร์…แกสารภาพมาซะดีๆ …แกจะทำอะไร”
“บอกว่าเปล่า…ตอนนี้เปล่า”
“แกกล้าอยู่กับเขา?”
“ใช่”
“แกไว้ใจเขาแน่นะ”
“แล้วแกไว้ใจฉันไหม” พิมพิกาย้อนถามกลับ
“จันทร์…แกเป็นคนดีเสมอ”
“ถ้างั้นแกจะกังวลอะไร”
“ความบ้าของแก…มันยังมี”
“ฉันจะหาทางผ่อนมันลง”
“จันทร์…ฉันขอนะ…ทำอะไรแบบคนมีสติ”
399/913

สีหน้าแววตาของชนิตาห่วงหาอาทรบอกความกังวล แต่มีกระแส
สวนทางกับความคิดในใจของพิมพิกาเป็นอันมาก เรียกว่าสวนกระแสกัน
ไปคนละทางเลยทีเดียว พิมพิกาเข้าใจว่าเพราะชนิตาหวงแหนศศิน…หล่อน
ขอโทษเพื่อนในใจ
…ตา ฉันขอยืมเขาก่อนชั่วคราว แล้วฉันจะคืนเขา ขอแค่ยืมเขามาชิ่ง
กระทบไอ้เลวอย่างมณฑลเท่านั้น ฉันไม่คิดจะยึดเขาไว้เลย หวังว่าแกคง
ไม่คิดว่าเขาเหลือเดน…
แต่ชนิตากำลังคิดว่าพิมพิกาวู่วาม หล่อนพยายามเตือนสติเพื่อน
“จันทร์…ก่อนจะทำอะไรลงไป คิดก่อนทำเสมอ อย่าเอาชีวิตไปเล่น
ประชดใคร…มันไม่คุ้มเลย”
“ขอบใจที่เตือน”
“เพราะฉันรักแก” ชนิตาบอก “เพราะเราเป็นเพื่อน”
เพราะเป็นเพื่อน…พิมพิกาตอกย้ำคำนี้เหมือนกัน หล่อนย้ำกับตัวเอง
ว่าแค่ ‘ขอยืม’ แล้วหลังจากนั้นหล่อนจะห่างไกลศศินร้อยพันโยชน์…โดย
หารู้ไม่ว่าหล่อนเองเข้าใจผิดไป
“แกกลับไปแล้วฉันจะโทร.หา”
“บอกพี่พรรณหรือยัง”
“ยัง จะโทร.ไปบอกเอง แล้วจะโทร.ลางานด้วย”
400/913

“แกคิดก่อนนะ” ชนิตาไม่วายสั่ง
พิมพิกามายืนโบกมือส่งข้างกายของศศิน เป็นภาพที่ชนิตามองกลับ
ไปแล้วพึมพำ
“สมกันจริงๆ ”
“ขอผมแทรกหน่อยได้ไหมฮะ”
“อะไรหรือเปรม”
“เพื่อนพี่ตา…”
“จะนินทายายจันทร์ซิ”
“แค่บทแทรกธรรมดาๆ ”
“เอาเลย แต่อย่ามากนะ”
“ผมว่าพี่จันทร์กำลังมีแผน…”
“คิดตรงกันเป๊ะ”
“เธอจะจับคุณศศิน”
“อะไรนะเปรม” ชนิตาร้องเสียงแหลม “อะไรทำให้คิดแบบนั้น”
เปรมเหลือบตามอง มือยังจับพวงมาลัย ปากร้องบอกเรื่อยๆ
“เพราะเธอพยายามจะเอาชนะแฟนเก่าของเธอ แล้วผมคิดว่าเธอจะ
จับเขาได้แน่นอนด้วย”
401/913

“ไม่แปลกไม่ใช่หรือ คุณศศินทำท่าหลงยายจันทร์”
“ผมกลัวเขาถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ”
“ยายจันทร์ไม่ใช่คนแบบนั้น…กลัวอะไร”
“เปล่าฮะ ผมไม่ได้กลัวเขาเสียความรู้สึก แต่ผมกลัวการปะทะ…คุณ
วิษณุอีกคนนะฮะ อย่าเพิ่งลืม”
ชนิตาเบะปากออก
“เขาอีกแล้ว…สมน้ำหน้า…ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้แอ้มยายจันทร์พี่อยาก
เชียร์สองคนนี้มาก”
“คุณวิษณุคงไม่ยอม”
“เขาจะดันทุรังอย่างนั้นหรือ”
“เพราะเขาไม่เคยยอมแพ้ใคร สำหรับเขา…การแพ้คือการเสียฟอร์ม
ใหญ่หลวง ผมเขาใจเข้าใจนะฮะ ตั้งแต่ผมออกมาจากเขา…มาอยู่กับคุณ
ศศิน ผมระวังตัวเองเสมอ”
“ระวังทำไม”
“เขายังไม่หายโกรธผม หากผมออกไปทำกับคนอื่นก็พอว่า ผมมาอยู่
กับคุณศศิน เขาคงมองผมเป็นศัตรู เพราะเขาไม่ชอบหน้าคุณศศิน”
“เปรมเอ๊ย…” ชนิตาทำเสียงปลงๆ “เอาอะไรกับคนแบบนั้นล่ะ เขา
เคยชอบใครบ้าง พี่ยังเคยสงสัยเลยนะ ในตัวเขาเอง…เขาพอใจหมดทุก
402/913

ส่วนไหม เขาเป็นคนพิเศษ…” หล่อนเน้นเสียง “ตรงนี้อยากขีดเส้นใต้เลย


นะ อยากจะบอกว่าเราควรจะยกเขาเอาไว้ทางอื่น พี่เองอดทนทำงานเพราะ
เสียดายงาน แต่คงจะมีที่สุดสักวัน ตอนนี้กส็ งสัยตัวเองเหมือนกันว่า
อดทนไปทำไมนักหนา…บางคราก็ไม่เข้าเรื่องเลย”
“นั่นซิฮะ” เปรมก็สงสัยเช่นกัน “ทำไมพี่ตายอมทน”
“เพราะหากลาออกแบบเธอ…มันเท่ากับพีย่ อมเขา เขาจะหลงตัวเองว่า
เขาทำได้ เขาอยากให้พี่ลาออก…ใจเขาจะขาดแล้ว ถึงตอนนี้เขาจะดีด้วย
แต่เขาหวังจะยืมมือพี่ไปถึงตัวยายจันทร์”
“แล้ววันไหนละฮะที่พี่ตาจะออกมา”
“วันที่พี่หมดสนุกจะต่อกรกับเขา”
“หวังว่าจะไม่ยับเยินซะก่อนนะฮะ”
เปรมสรุป และเพราะเขาไม่รู้ล่วงหน้า ชนิตาเองไม่รเู้ ช่นเดียวกัน
หากรู้..หากมีอำนาจหยั่งรู้สักนิด จะต้องหาหนทางแก้ไขป้องกัน…
และเพราะความไม่รู้ทำให้ชนิตาตกในอาการย่ำแย่แสนสาหัสและ
หล่อนแทบจะเอาตัวไม่รอด…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“บ้านผมดีกว่าไหม” ศศินให้ความเห็น “หากไม่ติดว่าโรงแรมมี
ระบบดีกว่า”
403/913

“ค่ะ” หล่อนตอบรับสั้นๆ “แต่คงจะต้องขอให้พาไปซื้อของ”


“ของอะไร”
“ฉันมาแต่ตัวนะคะ” หล่อนมองเขายิ้มๆ “เสื้อผ้าชุดเดียว…ชั้นในไม่
มี…ชุดว่ายน้ำไม่ได้เอามา…แปรงสีฟันก็ไม่มี”
“โอ…ผมลืมนึกถึง แล้วเครื่องสำอาง…”
“ฉันไม่สนใจตรงนั้น เพราะแป้งเด็กกระป๋องกับสบู่อีกก้อน ฉันพอ
ค่ะ”
“เราไปเดินในเมืองด้วยกันนะ” เขาบอก “ระหว่างนี้ผมจะโทร.ไปบอก
บ้านพักให้เตรียมห้อง”
“ลำบากไหมคะ…จะวุ่นวายไหม”
“ไม่เลยฮะ บ้านของผมขอต้อนรับด้วยความยินดี”
“ญาติคุณ…”
เขาเข้าใจว่าหล่อนหมายถึงบุษยา เขาให้คำตอบกับหล่อนอย่าง
นิ่มนวล
“ยายนุ่นเข้ากรุงเทพแล้วตะกี้ ตอนคุณคุยกับคุณตา แกโทร.หาผม”
“ก็ดี…ไม่ต้องเจอกัน”
“จะอยู่กี่วันล่ะ”
“ฉันจะลาถึงวันอาทิตย์…ไปเริ่มงานตอนเช้าวันจันทร์เลย”
404/913

“โอ.เค. ผมจะเข้ากรุงเทพเย็นวันอาทิตย์พร้อมคุณ”
“ไม่เสียงานหรือคะ”
“งานส่วนตัว โทร.สั่งได้”
“ดีจัง” กระแสเสียงของพิมพิกาบอกความจริงใจ “ฉันคิดว่าหาก
ตัวเองมีกิจการของตัวบ้างก็ดี”
“ลองไหมฮะ คนเรามันอยู่กับความกล้า”
พิมพิกาส่ายหน้า
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ”
หญิงสาวเอาความจริงที่ประสบกับตัวเองมาอ้าง
“มีปัจจัยตรงนี้อีกสองตัวด้วยกัน ตัวแรกคือเงิน…อีกตัวคือโอกาส”
และทำให้ศศินอึ้งไปทันที อย่างน้อยๆ พิมพิกามีสมองพอจะ
ไตร่ตรอง แม่เขาจะชอบหล่อนไหม…หากชอบจะชอบแค่ไหน…แม่เคย
อยากให้เขามีหญิงสาวสวยเฉลียวฉลาด เขาคิดว่าตัวเองสามารถมั่นใจตรง
นีไ้ ด้ พิมพิกาสอบผ่านแน่นอน…แต่แม่ของเขาเลือกมากกว่าเขา…เธอทำท่า
ราวกับสะใภ้ของเธอจะมาอยู่กับเธอชั่วนิรันดร แต่เขาก็ยังมีความ
ดื้อรั้น…บวกความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เขาเลยคิดว่าหากจะมีเมีย…เขาจะมี
ด้วยการหาของเขาเอง
แม่ก็แม่เถิด…เขาคิดว่าไม่น่าจะมาเกี่ยวโยงกันมากนัก
405/913

เพราะแม่กับเมียไม่เหมือนกัน…เขาพอใจพิมพิกามาก แม้จะตระหนัก
ว่าหล่อนมีฤทธาไม่น้อย
หล่อนเพียงแต่สับสน…เพียงแต่มีปม…และเขาอาสาจะช่วยหล่อน
โดยศศินลืมมองว่าจิตใจของผู้หญิงนั้นละเอียดอ่อน และมีความ
สลับซับซ้อนยากจะเยียวยาโดยง่าย
เขามองข้ามไป…มันจะกลายเป็นปัญหาอลวนอลเวงมากมายนักหนา
ในเวลาอันใกล้นี้สำหรับเขา
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณผ่องพรรณรับแจ้งจากคนเฝ้าบ้านพักตากอากาศว่าศศินไปค้าง
ที่นั่นพร้อมกับหญิงสาวสวย ก็แค่ฟังผ่านๆ ตอนแรก…ลูกชายของเธอมี
สิทธิ์จะกระทำในความเป็นส่วนตัว หากเธอจะไม่ได้รับคำรายงานว่าศศิ
นอยู่กับพิมพิกา
คนเฝ้าบ้านไม่รู้จักชื่อหล่อน แต่บอกว่าหล่อนคือคนมาอาละวาดคืน
วันฉลองหมั้นบุษยา
คุณผ่องพรรณตกตะลึงงงงัน
“แกยืนยันนะแจ้ง”
“ครับผม”
“มากันสองคนหรือ”
406/913

“ครับผม”
“แกเฝ้าไว้นะ”
“ผมคงไปยุ่งมากนักไม่ได้ คุณศินสั่งห้ามรบกวน”
“แล้วตอนนี้พวกเขาทำอะไร”
“อยู่ชายทะเล”
“จะสองทุ่มแล้วนะ” เธอปรารภ “ทะเลอะไร…”
“เขาดื่มเหล้าด้วยครับ คุณคนนั้นก็ดื่ม”
“ต๊าย…หากเมาแล้ว…เมา…ตาย…ฉันอยากจะตาย…” เธอร้อง “ฉันจะ
ไปคืนนี้ก็ไม่ได้ แกรู้ใช่ไหมว่าฉันอยู่ในงาน”
“ครับผม คุณแม่บ้านให้ผมโทร.มาที่มือถือคุณ ผมกลัวว่าหากผมไม่
รายงาน ผมจะมีความผิด”
“กว่าจะออกจากงาน…กว่าจะถึง…คงจะถั่วสุกงาไหม้ อกฉันจะ
แตก…แจ้งเอ๋ย…แกไปเตร่ๆ ระวังก่อน หากพ่อศินจะมีอะไรๆ กับแม่คน
นั้น…เข้าไปก่อกวนซะ”
“ผมก็โดนกระทืบ…โอ๊ย…เสี่ยงครับผม”
“แล้วแกไม่เห็นใจฉันหรือ แกต้องทำนะ…ไม่งั้นแกจะโดนไล่ออก”
34

คุณผ่องพรรณบอกตัวเองว่าเธอไม่สามารถจะอยู่ต่อไปอีกได้ คำ
รายงานของคนเฝ้าบ้านทำให้เธอบังเกิดความเร่าร้อนในใจด้วยความ
เป็นห่วงว่าคราวนี้ศศินจะเอาจริงหรืออย่างไร…ผู้หญิงคนนั้นเคยทำตัว
ให้ได้เห็นว่าน่าจะเกิดปัญหาตามมามากมาย เธอในความเป็นแม่ไม่อาจ
จะวางเฉยได้อีก เพราะฉะนั้นเธอคิดว่าเธอควรจะเอาความเป็นแม่ไป
ยับยั้งศศินเอาไว้ก่อนเขาจะทำการอันไม่ควรลงไป
เธอไม่กล้าจะขับรถทางไกลคนเดียว และเธอออกจากกรุงเทพฯ
ด้วยใจอันเร่าร้อน เธอพยายามโทร.หาเขา แต่ศศินไม่ยอมรับสายจนเธอ
เกิดความหงุดหงิดเป็นอันมาก และคนที่รับไปเต็มๆ คือนายสนคนขับรถ
นี่เอง
“ทำไมนะทำไมลูกชายฉันจะต้องทำตัวแบบนั้น”
“เขาทำอะไรครับ”
“เขากำลังจะหาเมีย”
“แหม…ดีออก”
408/913

“ดีหรือยะ”
พอได้ยินเท่านั้นเอง คุณผ่องพรรณก็กรี๊ดสนั่นทั่วในห้องโดยสารนี้
นายสนทำคอหด ใจหายแวบ บอกกับตัวเองในใจว่า
…กูนะกู ไม่น่าแส่ปากไว…
เพราะเขารู้ว่าคุณผ่องพรรณหวงลูกชายคนเดียวของเธอเป็นอันมาก
และเธอมีความคาดหวังในตัวของศศินค่อนข้างสูงเธอหวังในตัวหญิงสาวที่
จะมาเป็นสะใภ้ของเธออีกด้วย
อย่างบุษยา…ก็รู้กันทั่วบ้านว่าเธอไม่ปรารถนาจะรับมาเป็นสะใภ้…
เธอแสนจะโล่งใจที่บุษยาจะแต่งงานกับมณฑล…
ดังนั้นเธอจึงมีความหวังงดงามรออยู่ ตราบจนกระทั่งพิมพิกาปรากฏ
ตัวขึ้น และลูกชายของเธอแสดงออกนอกหน้าว่าเขาสนใจพิมพิกา
มันมากเกินกว่าจะเชื่อว่าเขาสนใจเล่นๆ …ไม่จริงจัง
และเธอก็รำพันบ่นอีกหลายประโยคเลยทีเดียว พอนายสนเงียบมาก
จริงๆ เธอก็โมโหเหมือนกัน เพราะเขาไม่ยอมที่จะโต้ตอบกับคำบ่นของเธอ
“ทำไมแกไม่พูดจาอะไรบ้างเลย”
“ผมไม่กล้าออกความเห็นฮะ”
“แกขับไวๆ แล้วกัน”
“ถนนมันลื่น…”
409/913

“ลื่นบ้าบออะไรกัน” เธอตวาดแว้ด “ฝนไม่ตก”


นายสนคอหดไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่อยากจะขับรถไวเลย เพราะเขา
กลัวความไม่ปลอดภัย
ใจเขาอาจจะไม่ร้อนเท่าเธอ เพราะเขาไม่มีส่วนได้เสียอะไรด้วยกับ
เรื่องของศศิน และเขายอมวางเฉยเสีย ปล่อยให้เธอพร่ำรำพันอีกต่อไป
ต่างๆ นานา คาดหวังแต่ว่าหากเธอเหนื่อยแล้วเธอน่าจะเลิกราไปเอง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ค่ำคืนนี้งดงามนักในความรู้สึกของเขา เพราะว่าเขาได้มีโอกาสอยู่
ตามลำพังกับพิมพิกา จะว่ากันไปแล้ว เขาพยายามจะฉกฉวยหาโอกาส
ใครจะมองว่าเขาชั่วร้ายก็ตามแต่เถิด แต่เขายังเป็นแค่มนุษย์ผู้ชาย
ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อโอกาสมาหาเขา…มีหรือจะยอมปล่อย
ให้พลาดไป เขาจะต้องคว้าเอาไว้
และการดื่มเหล้ากับสาวงามย่อมไม่ธรรมดาเลยด้วย
โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะเทใจมอบให้
“คุณจันทร์”
“หือ…”
หล่อนขานรับ เสียงใสเกินกว่าเหตุ…ก็ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นเนื่องมาจาก
ความเมาประการเดียวเท่านั้น และเพราะรู้ทั้งรู้…หล่อนก็ยังยอมดื่มต่อหน้า
เขา
410/913

ปกติหล่อนไม่เคยดื่มเหล้ากับผู้ชายสองต่อสองมาก่อนเลย
และหล่อนยังยอมปล่อยตัวเองให้เมาอีกด้วย
ก็ไหนๆ …ความคิดบ้าๆ ของหล่อนกำลังครอบงำหล่อนเอาไว้อย่าง
รุนแรง และคนชื่อพิมพิกาคนนี้…บทจะบ้า…หล่อนสามารถปล่อยความบ้า
ออกมาได้แบบสุดๆ เลยทีเดียว หล่อนจะลองปล่อยตัวเองไปแบบ
ถึงไหนถึงกัน และดวงตาของหล่อนหวานฉ่ำเกินกว่าเหตุ แต่กลับยิ่งสวย
มากในสายตาของเขา
ศศินคิดเลยเถิดไปถึงว่าเขาเคยได้ยินคำกล่าวประโยคหนึ่ง…คำกล่าว
ที่ว่าหากมองใครด้วยดวงตาที่สื่อความหมายเป็นพิเศษแล้วคนคนนั้นจะยิ่ง
งดงามเกินกว่าปกติอีกมาก
และตอนนี้เขากำลังเป็นแบบนั้น…
เพราะเขามีใจเป็นพิเศษต่อพิมพิกา…เขาคิดว่าเขาจะหยุดความพอใจ
ของตัวเองเอาไว้ตรงที่หล่อน เพราะหล่อนมีความหมายต่อเขานับจากพบ
เจอกันวันแรกยามบ่ายบนทางหลวง…ที่หล่อนโชว์ขาเรียวสล้างเพื่อรอโบก
รถ…ขอความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
และนับจากวันนั้น เขาไม่เคยคิดจะสนใจหญิงอื่นอีก…แม้แต่บุษยา…
รูท้ ั้งรู้ว่าพิมพิกาอาจจะมาทำร้ายบุษยาได้ และเขาเองก็พอจะเคยเทใจ
ให้กับบุษยามาบ้าง กระนั้นเขายังไม่อาจจะขับไล่พิมพิกาออกจากชีวิต
ตัวเองไปได้ เขาต้องการจะเหนี่ยวรั้งหล่อนเอาไว้ข้างกายเขา
411/913

แต่บางทีการตรงไปตรงมาก็ยากลำบากเอาการ เพราะเขาเองกำลังมี
คู่แข่งอย่างวิษณุรอท่าอยู่ และการพ่ายแพ้นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาเอา
เสียเลย
เขาจะต้องไม่แพ้…
เขาพอใจในตัวพิมพิกามาก และนี่คือหญิงที่เขาเลือกแล้ว…
เขาฟังเสียงจากหัวใจตัวเองค่อนข้างมาก และเขาจะทำทุกอย่าง…
บางที…อาจจะแค่คืนนี้…ปกติเขาไม่นิยมจะล่วงเกินผู้หญิง…เขามองว่า
การกระทำแบบนั้นต่ำทรามเกินไป
และสำหรับลูกผู้ชายควรจะหลีกเลี่ยง…
แต่หากโอกาสมารอท่าอยู่…บรรยากาศก็แสนจะเป็นใจ…ฟ้ามืดก็
จริง…คืนเดือนแรมแค่เสี้ยว เดือนโค้งหงายขึ้น…เรียวโค้ง…เขาชี้ชวนให้
พิมพิกาดู
“จันทร์สวยไหมฮะ”
“คะ”
หล่อนมองตาม แหงนคอตั้งบ่า โอบเข่าเข้าหากัน แล้วหล่อนก็
หัวเราะ ฤทธิ์เมรัยทำให้หล่อนหัวเราะง่ายกว่าปกติอีกมากทีเดียว ราวกับว่า
หล่อนพกพาอารมณ์ขันมาเป็นกระบุง
“แหม…โก่งยิ่งกว่าคิ้วกันใหม่ๆ ”
412/913

“คุณกันคิ้วด้วยไหม”
“ลองดูซิคะ”
หล่อนตะแคงหน้ามาหา เอนตัวเข้ามาอีก แล้วหล่อนก็ยิ้มหวาน
“ฉันไม่เคยถอนคิ้วเลย คิ้วแท้ๆ นะคะ”
“เคยสักคิ้วไหม”
“อุ๊ย…ไม่กล้าค่ะ กลัวเจ็บ”
“แต่ปกติคุณสวยพอแล้ว ไม่จำเป็นเลย”
“สวยหรือคะ” หล่อนถามเสียงขื่นๆ “สวยยังโดนเขี่ยทิ้งยายญาติสาว
ของคุณสวยไม่ได้ครึ่งของฉัน”
“บางคนไม่สวยแต่มีเสน่ห์…”
ทีพ่ ูดออกมานั้น ศศินบอกตัวเองว่าเขาพูดไปตามเนื้อผ้าเสียมากกว่า
แต่กลับไปแทงใจของพิมพิกาเข้าอย่างแรง ทำให้หล่อนเกิดความโมโห
เป็นอันมาก น้ำเสียงของหล่อนขุ่นเคือง ฟ้องบอกอารมณ์อันไม่โสภา
หล่อนสะบัดหน้าไปจากเขา
“ใช่ฉันมันขาดเสน่ห์”
“คุณจันทร์…”
“อย่ามาเรียกฉันนะ”
413/913

หล่อนทำเสียงเหมือนแมวตัวเมียที่กำลังโมโห ขู่ฟ่อ นี่หากเขาจับ


หล่อนกางมือแบออก อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนจะสยายเล็บเหมือนนาง
แมวอีกด้วยไหม…อาจจะเป็นไปได้
และที่เขาขำจนต้องหัวเราะก็คือหล่อนกระถดถอยออกห่างในกิริยา
เหมือนจะกระโดดโลดไป หล่อนหันมาประจันหน้ากับเขาดวงตาของหล่อน
ต้องกระทบแสงไฟที่เขาเปิด ตรงนี้มีโคมไฟแบบไฟสนามเปิดอยู่ ดวงตา
ของหล่อนเหมือนดวงตาแมวยามจ้องไฟยามราตรี…มีแสงเรื่อเรือง…น่ากลัว
เอาละ…เขาบอกตัวเอง…นับจากนาทีนี้ต่อไป หากอะไรไปผิดหูหล่อน
เข้าอีก…หล่อนคงจะแสดงอาการแบบนางร้ายออกมาแน่นอน…
ท่าทางหล่อนเป็นคนฤทธิ์มาก…และหล่อนคงไม่เก็บมันเอาไว้ คงจะ
ปล่อยออกมาจนหมดแน่ๆ
“คุณจันทร์…”
“เอ๊ะ…บอกว่าอย่ามาเรียก” หล่อนแหวใส่ “ฉันไม่ชอบเลย”
“เราคุยกันดีๆ ”
“คุณแกล้งทำดีกับฉันตะหาก”
“ผมว่าคุณกำลังมองโลกในแง่ร้าย”
“อย่ามาว่าฉันนะ”
414/913

“ผมไม่ได้ว่า…คุณจันทร์…ไม่เอาน่า…จะโวยวายทำไม…เราต้อง
ยอมรับความจริง”
“ฉันไม่อยากยอมรับ”
“คุณต้องยอม”
“ฉันเกลียดคุณด้วย ตาบ้า…เหมือนที่เกลียดญาติสาวของคุณ..ไอ้
พวกมาร…ไอ้พวกมหาประลัย”
เขาฟังหล่อนด่า…หล่อนรัวออกมา และเขาไม่ได้ถือโกรธเคืองต่อ
หล่อนเลย เขาหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ และเพราะว่าเขาไม่รู้จักนิสัยของ
หล่อนดีพอ ชายหนุ่มจึงยั่วหล่อนต่อมาอีก
“คุณจันทร์…ด่าเก่งจริง ผู้หญิงด่าเก่ง…ขาด…”
“ขาดเสน่ห์”
หล่อนต่อเติม แล้วหล่อนก็กรี๊ดจนเขาตกใจขึ้นมาจริงๆ
“ตาบ้า…อย่ามาว่าฉันอีกนะ ฉันทำอะไรให้…อ้อ…นี่ชวนมาเพราะจะ
หาเรื่องด่ากระทบใช่ไหม คงอยากจะหัวเราะเยาะฉัน…แทนญาติของ
คุณ…หัวเราะเยาะผู้แพ้…”
“ไปกันใหญ่…”
เขาเอามือเกาศีรษะ จนปัญญาในชั่วยามที่หล่อนกำลังเริ่มกรี๊ด เขาไม่
คุ้นกับกิริยาแบบนี้ของสตรีเพศมากนัก แต่เขาก็ยังไม่ได้รำคาญ อาจจะ
415/913

เพราะใจเอื้อ…พอใจไม่เดียดฉันท์เสียอย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นๆ ก็พอจะ


กล้อมแกล้มทนกลืนไปได้
เขาเข้าใจว่าหล่อนป่วย และหากปล่อยเอาไว้ต่อไปหล่อนอาจจะเสีย
ศูนย์ หากตราบใดหล่อนยังเฝ้าโทษตัวเองเสมอๆ ว่าหล่อนแพ้…หล่อน
พ่าย…หล่อนอับอายขายหน้า
“ฉันน่าจะตาย”
“ไปเรียกมันทำไม…ถึงเวลาตายเอง…ง่ายออก”
“อยากให้ฉันตายให้ดูไหม”
“จะทำอะไร”
เขาถามขันๆ กระดกแก้วในมือตัวเองขึ้นดื่ม แล้วเอามือซ้ายกางออก
ทำท่าออกสัญญาเหมือนถือปืนในมือ เขาจ่อกับขมับซ้ายตัวเอง ยิ้มล้อๆ
ต่อหล่อน
“ทำแบบนี้ใช่ไหม กดไก…ลั่นเปรี้ยงเดียวจบกัน แต่ต้องเล็งดีๆ นะ
ฮะ”
พิมพิกาหน้าขึง อารมณ์กำลังปั่นป่วนระอุคุโชน
และหล่อนไม่เหลืออารมณ์ขัน…
“ฉันไม่เคยมีปืน แต่เอาเถิด…จะตายให้ดู”
416/913

หล่อนลุกขึ้นยืน เขายังแหงนหน้ามองหล่อนงงๆ สงสัยครามครันใน


หัวใจว่าหล่อนจะทำอะไรกันแน่ แล้วหล่อนก็วิ่งออกไป กระโปรงตัวยาว
ของหล่อนปลิวเล่นลม เรือนผมของหล่อนไหวกระจายเต็มแผ่นหลัง
หล่อนวิ่งหันหน้าออกไปทางทะเล เสียงของหล่อนตะโกนผ่านสายลม
มาเข้าหูเขา
“ฉันจะลงไปลุยทะเลให้ตาย”
ศศินตกใจจนตัวชาไปหมด เขายังทำอะไรไม่ถูก หล่อนหายไปกับ
ตา…ในความมืด…เขามองเห็นแต่ฟองสีขาวของคลื่นที่ถาโถมเข้ามาจูบทราย
แล้วเขาก็ดีดตัวเองขึ้นมา วิ่งตามหล่อนออกไปพร้อมกับร้องเรียก
หล่อนอย่างตระหนก
“อย่านะ คุณจันทร์…อย่า…”
เขาไม่ได้ยั่วหล่อนเพื่อให้หล่อนมีแรงจูงใจแบบนั้น…ไม่เลย…หล่อน
คิดมากไปเอง
นายแจ้งมาขวางหน้าเขาเอาไว้จนชายหนุ่มตาเขียวปั้ด
“แจ้ง…ถอยไปนะ”
“คุณจะไปไหน…ไปเล่นไล่จับกับคุณผู้หญิงหรือครับ”
“เปล่า…ไล่จับบ้าซิ…เธอจะฆ่าตัวตาย!”
“ฆ่าตัวตาย?”
417/913

“ใช่”
“ลงทะเลน่ะหรือครับ”
“ใช่ ถอยไปน่า มาขวาง…เดี๋ยวโดนเตะรวบ”
“เธอว่ายน้ำเป็นไหมครับ”
ศศินพลันชะงัก แล้วเปิดยิ้มกว้าง เขามองข้ามความจริงไปถนัด…
พิมพิกาไม่เพียงแต่ว่ายน้ำเก่ง หล่อนยังดำน้ำได้คล่องแคล่วอย่างยิ่ง
อีกด้วย
เพราะฉะนั้นการที่หล่อนประกาศว่าจะลุยทะเลตาย อาจจะกลายเป็น
เรื่องยากสำหรับหล่อน
พอคิดได้แบบนี้ ก้าวย่างของเขาเลยช้าลงไป เพราะเขาคิดว่าอย่างไร
เสียหล่อนจะไม่หนีเขาด้วยการจากตายอีกแล้ว
ตรงนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน
“แจ้ง…แกมาแอบเฝ้าสังเกตการณ์ใช่ไหม”
“เอ้อ…”
ศศินใจเย็นพอจะไล่เบี้ยกับคนของเขาก่อน
“คำสั่งของแม่ฉันหรือเปล่า”
“รู้ยังจะมาถาม”
418/913

นายแจ้งทำเสียงอุบอิบในลำคอ
“ก็ประจำ…ผมเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนเธอ ไม่ทำเดี๋ยวจะโดนตัด
เงิน…แล้วอาจจะโดนไล่ออกได้”
“แม่ไล่แกออกกับแกโดนฉันเตะน่ะ แกเลือกเอาซิ”
“คุณศินก็…”
“แกไปอยู่ห่างๆ ฉันนะ อย่างน้อยให้ห่างทุกครั้ง ครั้งละห้าสิบเมตร”
“โธ่…” นายแจ้งโอดครวญ “ทำไมทำร้ายกัน…ผมจะทำหน้าที่ของผม
ได้อย่างไร คุณนายเธอดุยังกะอะไร”
“แม่ฉันด่า…แต่ฉันเวลาโกรธก็นี่โว้ย”
ศศินขยับเท้าของเขาไปมา และเขาก็บอกต่อหน้าตาเฉย
“แกอย่ามาขวางเวลาส่วนตัวของฉัน”
“ก็ได้ครับผม”
แต่พอนายแจ้งจะเดินจากไป ศศินก็ทำท่าเหมือนนึกได้
“เดี๋ยวก่อน แจ้ง”
“อะไรอีกครับ”
“ฉันอยากรู้ว่าคราวนี้แกรายงานแม่หรือยัง”
419/913

นายแจ้งยิ้มแหยๆ ศศินรู้ว่าเขาไม่ต้องการคำตอบอีกแล้วมันออกมา
ชัดมากเลยทีเดียว และพอชายหนุ่มง้างเท้าออก นายแจ้งก็รู้แกว รีบเผ่นไป
ไกลรัศมีของวงเท้าเขาจะวาดถึง
“ผมบอกแล้วว่ามันเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ผมไม่ได้มเี จตนา
อยากจะทำด้วยตัวเอง คุณนายเธอต้องการรับทราบ…เธอหวังดีกับคุณ
เพราะเธอเป็นแม่คุณนะครับ”
แต่ศศินรูอ้ ย่างเดียวยามนีว้ ่าหากแม่ของเขามาเจอเขากับพิมพิกา เธอ
คงจะต้องห้าม
แต่เขาไม่รู้เท่านั้นว่าเธอกำลังมา…
เขาบอกกับนายแจ้งว่า
“เรื่องของฉัน…แกอย่ามาใส่ใจ แกจะไปไหนก็ไป…จำไว้…ห้าสิบเมตร
เสมอเวลาฉันมาที่นี่ แล้วให้ไกลร้อยเมตรสำหรับห่างๆ คุณจันทร์”
“โธ่…โธ่…ทำไมผมมาซวยแบบนี้ด้วย”
“รอให้ฉันแต่งงานกับคุณจันทร์ก่อน ฉันจะใจดียอมให้แกเข้ามา
ใกล้ๆ สักสิบเมตรได้”
35

เขาขำหล่อน…อารมณ์ที่เขากำลังชื่นมื่นขนาดหนัก…เวลาเขาดื่ม
ไวน์…เขาจะเป็นแบบนี้เสมอ มองโลกสุขสันต์กว่าปกติและโลกของเขา
ยามนี้งดงามเพิ่มอีกนับสิบนับร้อยเท่า เพราะเขากำลังมีสาวงามมาอยู่ใน
รัศมีใกล้ๆ เขาเดินตามมาที่ชายหาดมองเห็นร่างของหล่อนกำลังเดินลุย
ลงไปในทะเล
หล่อนกำลังคิดจะฆ่าตัวตาย หล่อนคงเมา และทำแผลงๆ แต่เขามอง
ว่าหล่อนทำตัวน่าเอ็นดูเหลือหลาย พิมพิกาจะตายอย่างไรกัน หล่อนว่ายน้ำ
เก่ง ดำน้ำทน แล้วหล่อนจะทำท่าไหนเดินลงไปทื่อๆ ให้น้ำท่วมมิดหัว
สัญชาตญาณคงทำให้หล่อนตายยาก
หากหล่อนว่ายน้ำไม่เป็นซิ…
แต่คนละเรื่องกันเลย…
เขาหยุดเท้าตรงริมหาด ตรงที่น้ำเย็นๆ มาชุ่มข้อเท้าของเขาน้ำกำลัง
ขึ้น…และเรือหาปลาก็ออกสู่ทะเล มองเห็นดวงไฟค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป
ในความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ เมื่อตอนเย็นน้ำยังลดลงไปมองเห็นหาดทราย
421/913

ทอดตัวยาวออกไป แต่ตอนนีน้ ้ำขึ้นมาแล้ว เขาป้องปากตะโกนเรียก


หญิงสาว
“คุณจันทร์…”
หล่อนชะงักแล้วหันมา
“กลับขึ้นมาเถิดฮะ” เขาตะโกนบอก “น้ำเย็น…”
“ไม่…จะตาย”
“น่า…”
“อย่ามายุ่งนะ”
หล่อนตวาดแว้ดกลับมา ค่อยๆ พาตัวเองลุยออกมา น้ำตาเปื้อนหน้า
ความระทมขมจัด รสชาติของการพ่ายแพ้นั่นเอง มันขม…มัน
กร่อย…รสชาติชวนสะอิดสะเอียน หากตาย…คงไม่ต้องแบกรับ…ไม่ต้องฟัง
เสียงใครมาหัวเราะเยาะ
น้ำมาถึงเอว…แล้วก็อก…แล้วก็คอ…ริมฝีปากของหล่อนยังพ้นรสเค็ม
ของน้ำทะเล
พิมพิกาทอดแขนแนบลำตัว แต่แรงน้ำพยุงร่างหล่อนลอยความ
มึนเมาทำให้หล่อนลืมไปว่าตัวเองว่ายน้ำเก่ง และจริงดังที่ศศินคาด คนเรา
มีสัญชาตญาณ น้ำมิดหัวหล่อนแล้ว…แต่หล่อนไม่ยักจะจม ไอ้ที่คิดว่าอีก
สามวันถึงควรจะลอยมาเกยหาดกลับไม่ใช่ สองแขนของหล่อนกางออก
แหวกว่าย พอคิดได้หล่อนก็หยุดแขน แต่มือแข็งแกร่งมายุดหล่อน
422/913

อ้อมแขนของศศินกระหวัดโอบรอบร่างของหล่อน น้ำเสียงห้าวๆ ของเขา


กระซิบชิดหู
“หมดเวลาเล่นแล้ว”
“ปล่อย…”
“ไม่…” เขาสวนกลับ “ผมจะยอมให้คุณตายไม่ได้”
“จะเก็บฉันเอาไว้ทำไม”
หล่อนร้อง น้ำตามันมากมายนัก…ไหลพรูกันออกมา ปกติพิมพิกา
เกลียดคนอ่อนแอ…เจ้าน้ำตา แต่หล่อนกำลังจะเป็นแบบนั้น หล่อนสุด
กลั้น…หญิงสาวฟูมฟาย และเพราะเท้าของศศินหยั่งถึงพื้นทรายข้างล่าง
เขาโอบอุ้มพิมพิกาลอยในวงแขน แรงดันของน้ำทำให้เขาลอยตัวสบายๆ
เขาก้มลงตอบหล่อนด้วยความอ่อนโยน
“เก็บเอาไว้ชื่นใจ…คนดี…ตายตั้งแต่วัยสาว…ใครบ้างอยากจะตาย”
“ฉันไม่ยอมอยู่ให้ถูกหัวเราะเยาะ”
“ผมไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ”
“คุณโกหก”
“ทำไมไม่ลองพิสูจน์ดู”
“แบบไหน”
423/913

“อยูก่ ับผมก่อน…ลองดูใจผม…ความจริงใจ…” เขาบอก “แล้วทำไม


ไม่คิดหัวเราะเยาะคนอื่นบ้าง รู้ไหมคุณจันทร์…ท่าทางคุณน่ะเหมือนท้าทาย
โลกทั้งโลก ท่าทางคุณหยิ่งทระนง อย่างคุณน่ะหรือจะยอมคุกเข่าลง
ยอมแพ้ นั่นไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของคุณ บางทีความผิดหวังอาจจะทำให้คุณ
เรรวนตั้งสติไม่ทัน แต่เชื่อผมเถิด อย่ายอมแพ้…ชีวิตไม่ได้มีด้านเดียว ไม่
ได้มีหนเดียว โบราณสอนเอาไว้…วันพระไม่มีหนเดียวฉันใดก็ฉันนั้นเสมอ”
หล่อนยกสองแขนออกประสานเหนี่ยวรอบคอเขา
“จะบอกฉันว่าจะช่วยฉันหัวเราะเยาะคนทำร้ายฉัน…”
“ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการจองเวรกันเป็นเรื่องเหลวไหล”
“แล้วจะแบบไหน”
“ขอเพียงอยู่ต่อไป…ความผิดพลาดคือบทเรียน คนเราผ่านเส้นทาง
ผ่านผู้คน เราจะพบว่ามีคนมากมายหลายแบบ บางคนให้คุณ…บางคนเป็น
พิษร้ายของชีวิต แต่เราจะยอมตายทีเดียวหรือ…ตายแล้วจะได้เกิดอีกไหม
เพราะการเกิดมันยาก แล้วเกิดจะเป็นอะไร…หากได้เกิดเป็นหมาละ
ก็…หมดสนุก”
“พูดเก่งจริง” หล่อนประชด
“เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งตาย”
“ฉันแย่นะ” หล่อนพึมพำ “อยากจะตายไม่ตาย”
424/913

“ถ้าอยากจะลุยทะเลตาย จะต้องรู้เบื้องต้นก่อนว่าควรจะว่ายน้ำไม่
เป็น”
แล้วเขาก็หัวเราะ พิมพิกามองเขาค้อนๆ หล่อนเปียกปอนแล้วรู้สึก
หนาวตอนขึ้นมาพ้นจากน้ำทะเลแล้ว อาจจะเพราะมีลม…เนื้อตัวของหล่อน
สั่นระริก ศศินเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันนั้น และเขารูเ้ ลยต่อไปด้วยว่าเขาจะทำ
ให้ตัวเองอบอุ่นได้แบบไหน รวมทั้งก่อกองไฟให้หล่อนอบอุ่นเช่นเดียวกับ
เขาอีกด้วย
เขามีวิธี…
“หาเสื้อผ้าใหม่ก่อนนะ หนาวแบบนี้จะปอดบวม เพราะดื่มเหล้าเข้า
ไปด้วย”
หล่อนซุกหน้ากับอกเขา หนาวและมึนๆ หนักศีรษะ…อยากจะ
นอน…และหล่อนก็ลืมไปว่าทีก่ ำลังโอบอุ้มหล่อนอยู่คือบุรุษเพศ ปกติพิมพิ
กาเคยหวงตัวเองมากกว่านี้ หนนี้เหมือนหล่อนได้ยอมปล่อยตัว…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
วิษณุจอดรถของเขาหน้าบ้านของพรรณราย
เขาซื้อของมาฝากพรรณราย และเขาหวังสองอย่าง…อย่างแรกเขา
หมายจะมาตีสนิทกับพรรณราย บางทีคะแนนนิยมของเขาอาจจะได้ เพราะ
เท่าที่ปรากฏ…พิมพิกาเหลือญาติคนเดียวที่ใกล้ชิดคือพรรณรายพี่สาวคนนี้
425/913

หากพรรณรายพอใจเขา…วิษณุคิดว่าเขาพอจะมีหวังเกินห้าสิบจากร้อย
และอย่างหลังคือ…เขาหวังจะพบพิมพิกา หากหล่อนไม่ได้ไปแบบค้างคืน
รถยนต์ของหล่อนจอดอยู่
เขาคาดผิด เพราะคนขับรถของพิมพิกากลับมาคือชนิตา
เขาเข้ามาพร้อมของฝากพรรณราย และเขาประจันหน้ากับชนิตา
หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบทำท่าเหมือนผิดหวัง เขาแสดงออกนอกหน้าเสมอ
ชนิตาเองก็ทำหน้าเคร่ง…นี่คือเวลาส่วนตัวและนอกเวลางาน…นอก
เวลาของออฟฟิศ
ชนิตาไม่เคยยอมให้เขาแบกเอาความเป็นเจ้านายติดตามมาภายนอก
และมาแสดงท่าทีข่มขู่หล่อน
หญิงสาวรู้ตัวเหมือนกันว่าหล่อนไม่ใช่ลูกน้องที่ดีเลย
หล่อนเป็นลูกน้องเลวๆ คนหนึ่ง…แต่เฉพาะกับวิษณุคนเดียว
หล่อนเคยพยายามทำใจแล้วแต่ยากมาก…กับเขานั้นท้าทายหล่อน
ตลอด…มันเหมือนเกมแข่งขัน…ชั่วกะพริบตาอาจจะเพลี่ยงพล้ำแล้วพ่ายแพ้
ชนิตาไม่ต้องการแบบนั้นเลย หล่อนไม่สามารถจะทนรับได้ หญิงสาวไม่
อาจจะยอมแพ้ต่อเขา…หล่อนจะต้องชนะ…หญิงสาวตอกย้ำตัวเอง
วิษณุคิดในใจว่า
…จะทำอะไรเจอหน้ายัยนี่ก่อนคงจะเหลว นังตัวซวย…
426/913

หากเขาคิดออกมาดังๆ ชนิตาจะโดดมาตบเขาไหม…วิษณุคิดต่ออีก
หล่อนน่าชังจัด เขาเคยมีลูกน้องมาจำนวนไม่น้อย แต่ประเภทจะต้องขึ้น
แบล็คลิสท์แล้วกากบาทเหมายหัวว่าจะต้อง ‘ฟัน’ ยับนั้นมีแค่เดียว…ก็ชนิ
ตานี่เอง
“มาทำอะไร”
“คุณล่ะ”
“ฉันถามเธอก่อนนะ”
“ไม่อยากตอบ”
หล่อนบอกหน้าตาเฉย ดวงตาของวิษณุแทบจะเป็นไฟแผดเผาหล่อน
มอดเป็นจุล
“ชนิตา…อย่ามาหาเรื่องกับผม”
“เปล่า”
“ใครมาจ๊ะตา”
พรรณรายส่งเสียงถามมาก่อนตัว ชนิตาเบี่ยงตัวเล็กน้อยตอบด้วย
น้ำเสียงสุภาพ
“เจ้านายของตาค่ะ”
พรรณรายโผล่มาแล้ว หล่อนไหว้วิษณุก่อน
“มาหายายจันทร์หรือคะ”
427/913

“ฮะ”
“แกไม่ได้กลับ…”
“ไม่กลับ?…เอ๊ะ…”
เขามองชนิตาทันที เขารู้ว่าชนิตาเดินทางไปกับพิมพิกาด้วย แล้ว
ทำไมพิมพิกาไม่กลับ…หล่อนค้างคืนหรือ…ค้างกับ?… ลมหายใจของเขา
เหมือนติดในอก และพรรณรายก็อ้อมแอ้มตอบ
“แกค้างคืนที่หัวหินค่ะ”
“เจอเพื่อนหรือฮะ”
“เปล่า จันทร์ค้างคืนบ้านคุณศิน”
เนื้อตัวของเขาร้อนผ่าว เขาโกรธ ท่าทางของชนิตาบอกว่าหล่อนกำลัง
สะใจเขา
หล่อนบังอาจ…หล่อนเป็นใคร…แล้วเขาเป็นใคร…ความถือดีบังเกิด
ในตัวเขา
วิษณุรู้ว่าทั้งหมดนั้นชนิตาจะต้องรู้เห็นเป็นใจ
หล่อนจงใจหักหน้าเขา…หล่อนร้ายกาจ…เขาอยากจะหักคอ
หล่อน…หากไม่ติดว่ามีพรรณรายตรงนี้…หรืออยากจะด่า…อยากด่าสักคำ…
ดวงตาของเขาราวกับจุดกองไฟใหญ่ร้อนแรง ชนิตามองสบตากับเขา
แล้วหล่อนก็หรุบตาลง ริมฝีปากแย้มนิดๆ แต่เสียงหัวเราะเยาะในใจของ
428/913

หล่อนกำลังกระหึ่ม…สาใจนักหนาเลยเชียว…วิษณุคงจะได้รับคำตอบแล้ว
ว่าเขาไม่จำเป็นต้องได้เสมอไป…ก็มีบ้างเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ได้...
หล่อนทำท่าเสงี่ยม แต่เขาแทบจะกระอักเลือด เขาคิดว่าหากอยูก่ ัน
ตามลำพัง…เขาสามารถฆ่าหล่อนได้
พี่พรรณคะ ตากลับก่อนนะคะ”
“ไปยังไง”
“ตาเดินไปได้ค่ะ ยังไม่ดึก…ไม่เปลี่ยว”
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ”
ชนิตาแกล้งทำเป็นตัวงอๆ ค้อมหลังตอนผ่านหน้าเขา แล้วความ
ร้ายกาจของหล่อนก็ทำให้วิษณุกำมือหากันแน่น เพราะหล่อนช้อนตามอง
เขา
เขาขบฟันแน่น จำใจเอ่ยคุยกับพรรณรายสามสี่ประโยค
พรรณรายเองก็แสดงออกว่าห่วงพิมพิกา…แต่เพราะน้องสาวของ
หล่อนโตแล้ว และพรรณรายไม่อยากจะเอ่ยตำหนิพิมพิกาต่อหน้าคนอื่น
เขาบอกลาหลังจากนั้น คาดคะเนว่าชนิตาคงยังไปไม่ไกล
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
429/913

ชนิตาเดินออกมาเรื่อยๆ หล่อนผ่านโค้งที่มืด หล่อนไม่กลัวคน


แต่ชนิตาไม่ชอบตรงนั้นเลย บ้านตรงโค้งนั้นปลูกต้นสนเจดีย์ มันสูง
ทะมึน และพอปลูกหลายต้นตั้งแถวกันแล้วมันโดนลม มันเหมือนระบำ
ผีเปรตโย่งเย่ง หล่อนก้าวเร็วขึ้นไฟหน้ารถคันหนึ่งสาดมาแล้วรถแล่น
เฉียดหล่อนไปแบบเฉียดฉิวชนิตาอ้าปากจะด่า ตัวหล่อนเซไปปะทะกับ
แนวกำแพงที่เย็นเฉียบ หล่อนกำลังจะถลันออกมา ประตูด้านคนขับก็
เปิดผางออก และคนขับมาประชิดติดตัวหล่อน เสียงตะคอกนั้นคุ้นชิน
“นังตัวดี…มานี่”
“คุณ…”
วิษณุนั่นเอง เขาตะครุบข้อมือของหล่อน เรี่ยวแรงของเขาประเคนใส่
ลงมาจนหล่อนเจ็บ หญิงสาวสลัดออก
“ปล่อยฉัน”
พอหล่อนส่งเสียง เขาก็ตะปบปากหล่อน ตอนมือเขาเหวี่ยงมานั้น
เขาไม่ได้ออมแรง ชนิตารู้สึกเหมือนถูกเขาตบปากเอาด้วยซ้ำ
มือของเขาใหญ่พอปิดปากหล่อนได้สบายๆ และยังก้ำเกินไปปิด
ปลายจมูกอีกด้วย หล่อนแทบจะหายใจไม่ออก
“อย่าแหกปากอีกล่ะ…ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
เขาล็อกหล่อน จับเอาแขนข้างหนึ่งของหล่อนไพล่หลังชนิตาหน้า
แหย…หล่อนเจ็บ…แต่หล่อนร้องไม่ออก
430/913

“แสบนัก…เธอเป็นตัวการใช่ไหม…เจ้ากี้เจ้าการ…เธอจะต้องรู้ผลของ
การทำตัวแจ๋นแบบนั้นซะบ้าง”
เขาลากหล่อนไปที่รถ เปิดประตูผลักหล่อนเข้าไป พอหล่อนดีดตัว
ขึ้นมา วิษณุกท็ ุบลงไปกลางหลังของหล่อนบึ้กหนึ่งชนิตาหน้าทิ่มลงไป ข้าง
แก้มซ้ายของหล่อนโขกเอาแง่ของคอนโซลหล่อนเจ็บร้าว เขากระแทกประตู
ปิดโครม เขามาเปิดประตูด้านคนขับรถ และล็อกรถด้วยระบบเซ็น
ทรัลล็อค รถของเขาเป็นระบบไฟฟ้าอีกด้วย
“จะพาฉันไปไหน” หล่อนร้องกรี๊ดๆ
“หุบปากซะ” เขาสั่ง
“ปล่อยฉันนะ”
หล่อนทรงกายขึ้นนั่ง หล่อนเจ็บมาก…เขา
ป่าเถื่อน…หยาบคาย…หล่อนคิดไม่ถึง…เขาถ่อยนักหนา…และหล่อน
เจ็บใจ…แค้นใจจนหลั่งน้ำตาออกมา
เขาตวาดซ้ำมาอีก
“อย่าร้องนะ…หุบปาก…ทำตามฉันบอก”
“ไม่…ปากฉัน…”
หล่อนแหกปาก และอารมณ์อันปะทุขึ้นสูงจนลืมว่าอันไหนดีอันไหน
ชั่ว ชนิตาจึงถูกหลังมือของวิษณุกระหน่ำมาสองทีซ้อนๆ จนหน้าสะบัด
431/913

หงาย เขาหันมาทำราวกับหล่อนเป็นกระสอบทราย เพราะเขากำมือตวงเข้า


ตรงใต้อกของหล่อน
ความจุกทำให้ชนิตาสิ้นสติไปพักหนึ่ง
วิษณุแล่นรถออกมา เขาสะใจ…และเขาก็พยายามคิดว่าเขาจะพาชนิ
ตาไปที่ไหนดี…
พอระบายโทสะไปแล้ว อารมณ์ของเขาค่อยๆ กลับคืน
และเขารู้ว่าจะต้องเป็นเรื่อง…ชนิตาอาจจะแจ้งความ
หล่อนคงทำได้…เว้นแต่ว่า…เว้นแต่…เขาจะมีวิธีปิดปากหล่อนให้เงียบ
สนิท
เขานึกออกแล้ว…ชายหนุ่มจับพวงมาลัยข้างเดียว เขาเอื้อมมือไป
แตะต้องร่างหล่อน…ชนิตาจะได้รับบทเรียนที่คงยากจะลืมตลอดชีวิตเลย
ทีเดียว…เขาสัญญา
36

ยางรถแตก…ทำให้คุณผ่องพรรณโมโหแทบบ้า เธอแว้ดเอากับ
นายสน…จนรายนั้นคอหดเพราะความหวาดกลัว เพราะเธอนั้นยามดีก็
สุดๆ …ยามร้ายก็สุดๆ เขาอ้อมแอ้มรายงานว่า
“ยางมันหมดสภาพมาแต่ต้นปี…”
“แกก็หมดสภาพแล้วเหมือนกัน นายสน” เธอตอบกลับ “แหม…ฉัน
จะทำอะไรกับแกดีนะ แกนะแก…หน้าที่แกแค่ดูแลรถคันเดียว ทำไมแกไม่
เอาไปเปลี่ยนไปทำ เงินทองมาเบิกกับฉันได้ ฉันเคยงกหรือยะ เพราะรถรา
มันสำคัญ หรือแกอยากจะตาย ดีนะไม่ระเบิดตูมแล้วรถพลิกคว่ำ ฉันไม่
อยากตายพร้อมแก”
นายสนยิ้มแห้งอย่างเดียว เขามองคุณผ่องพรรณด้วยแววตาอัน
ละห้อยเป็นอันมาก เธอมองเมินและบอกเหมือนตัดบท
“แกไปจัดการเลยนะ...จะทำอย่างไร ฉันน่ะเป็นห่วงตาศิน”
นายสนคร้านจะพูด…เพราะในใจของเขากำลังคิดว่า
433/913

…โชคเข้าข้างคุณศินแท้ๆ ไม่ยังงั้นแม่มารไปขวาง จะไม่ได้ออดอ้อน


สาว…
“หรือฉันจะโทร.บอกให้เขาเอารถมารับฉัน”
“แล้วผมล่ะครับ”
“แกก็เฝ้ารถตรงนี้”
“โธ่…มาด้วยกันทำไมไม่ไปด้วยกัน”
“ฉันไม่เป็นเลือดสุพรรณกับแกด้วยหรอก นายสน เพราะความผิด
ของแกคนเดียว หากแกไม่ทำให้ฉันเสียเวลา ฉันจะให้รางวัลแกเพราะลาก
แกมาตอนดึกๆ แต่แกทำให้ฉันเสียเวลา หากจะต้องเสีย…”
เธอเว้นระยะไปไม่อยากจะเอ่ยออกมา เพราะว่าเหมือนจะเป็นลางร้าย
เธอเป็นคนที่อาจจะไม่ติดอันดับความหวงแหนลูกชาย เพราะศศินไม่ค่อย
จะยอมให้เธอครอบงำชีวิตของเขา แต่เธอก็คอยเฝ้าตรวจตราเสมอว่าเขาจะ
รักชอบพอใคร เธอห่วงว่าเขาจะเลือกผิด โอกาสดีๆ มีหนเดียว…หาก
ผิดพลาด…จริงอยู่การแก้ไขกลับลำใหม่ย่อมมี…แต่ว่ามันจะเสียความรู้สึก
และหนต่อไปอาจจะเลวร้ายลง…อาจเป็นแผลเป็นของชีวิต…
เธอหมุนโทรศัพท์หาเขา หากแต่ว่าติดต่อเขาไม่ได้เลยเบอร์
โทร.บ้านพักสายไม่ว่างเลยทุกเบอร์…มือถือของศศินปิดสัญญาณการรับ
เครื่อง และเธอเดาออกว่าศศินเจตนา และยิ่งทำให้เธอรุ่มร้อนจัด
เขาทำอะไร…ทำกับใคร…
434/913

“โอย…ฉันอยากจะหายตัวได้”
เธอร้องออกมา และกว่าจะหารถไปตามช่างจากในเมืองและเธอขอ
ติดรถมาได้นั้นก็หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง
และเป็นช่วงเวลาที่ศศินอยู่กับพิมพิกาอย่างมีความสุขเป็นอันมาก…
เขาประคองหล่อนแนบอก และพิมพิกาไม่ขัดขวางเขาเลยหล่อนเมา
ไวน์ หล่อนรู้ตัวมาก่อนว่าดื่มไวน์แล้วหล่อนจะครึ้มจัดแต่กระนั้นการที่
หล่อนยอมเพราะหล่อนมึนเมา หล่อนยังมีสติ…หล่อนรู้…เรียกว่าหล่อนทำ
ลงไปทั้งๆ รู้ และหล่อนเองก็เต็มใจ
อย่างนี้จะเรียกว่าหล่อนทำผิดหรือเปล่า…คือรู้ผลลัพธ์แล้วยังทำ…
เขากระซิบ ‘ขอ’ เขาไม่ได้หักหาญเอาตามใจตัว และพิมพิกากระดาก
จนไม่กล้ากระซิบตอบด้วยคำพูด หล่อนเหนี่ยวต้นคอของเขาลงมา…หล่อน
มึนเมากับรสจุมพิต…มันวาบหวามชวนรัญจวนใจและหล่อนบอกตัวเองว่า
มันเป็นความหวานชื่นอีกแบบหนึ่ง รวมทั้งการสัมผัสกันทางกาย…มันให้
ความวาบหวิว…มันเหมือนมีไฟนาบให้ร้อนแล้วตามด้วยความยะเยือกของ
ก้อนน้ำแข็งกระแสร้อนเย็นสลับกัน…ทำให้หล่อนสะท้าน…
หากจะเปรียบเหมือนดอกไม้…หล่อนก็คือดอกไม้ที่เพิ่งแย้มบานและ
สัมผัสการเคล้าคลึงของภมร…
435/913

ภมรเพียงแต่แตะต้องเบาๆ …กลีบดอกก็สะเทือนไหว…ระริกอย่าง
สะเทิ้น…แต่ก็ไม่ได้ป้องกัน…หากแต่ปนด้วยความอยากรู้ว่าแล้วจะดำเนิน
ไปอย่างไร…
หล่อนหลับตาพริ้ม…ในมโนภาพยังเหลือมณฑลบ้าง…เหลือด้วย
ความแค้น…และพิมพิกาก็รู้เดี๋ยวนี้เองว่าทำไมพวกผู้ชายพากัน
ต้องการ…เพราะเป็นความสุขแบบไม่เคยมาก่อน แม้จะมีความปวดร้าวบ้าง
แต่ก็เพียงชั่วครู่ หากตราบใดภมรนั้นทะนุถนอม…ไม่ได้รุนแรงที่จะ
แตะต้อง…เพียงสัมผัสนุ่มนวล…เพียงการถนอมกล่อมรัก…หล่อนก็พบแล้ว
ว่าฉิมพลีบนดินมันอยู่ตรงไหน…
ศศินเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะได้ครอบครองหล่อน…
มณฑลมีราคาคุยมากเหลือเกิน เพราะมณฑลเคยคุยโวก่อนหน้านี้
ทำนองว่าได้พิมพิกาแล้ว
แต่เปล่า…เขาตะหาก…ความลำพองใจควบผสมกับความรักใคร่ใหล
หลง…
เขาตระหนักว่าเขาถูกพิมพิกาครอบงำโดยสิ้นเชิง หล่อนอาจจะมึนเมา
จากไวน์ แต่เขากำลังมึนเมาด้วยเสน่ห์ของหล่อน
ศศินคิดถึงการแต่งงาน…เขาปรารถนาตรงนั้นจับใจ
และเขาจะเยียวยาแผลใจของพิมพิกาเอง
436/913

เพราะศศินไม่ได้มีตาทิพย์มองเห็นเหตุการณ์
ภายภาคหน้า…เหตุการณ์ผันแปรที่ผกผันชีวิตของคนทุกคนที่เกี่ยวข้องจน
ยับเยิน…เรื่องของเรื่องเกิดเพราะกระแสของหัวใจเพียงประการเดียว แต่
หลายคนได้รับผลกระทบ…มากน้อยต่างกันแต่ก็เจ็บปวด…เสีย
ความรู้สึก…เสียหาย…และเสียกระทั่งความเป็นเพื่อน…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
หล่อนยังหมดสติอยู่ตอนเขาขับรถมาถึงบ้านชานเมืองของเขา เขา
ชอบที่นี่…ชอบความเงียบของบรรยากาศโดยรวม…และมีบรรยากาศแบบ
ชนบท เขาพาชนิตามาถึง และเขาอุ้มหล่อนลงมาจากรถพาเข้าบ้าน เขา
อาฆาตพยาบาทต่อหล่อนก่อนหน้าเขาไม่เคยคิดจะหยามหล่อนโดยการ
ใช้เรือนกายของหล่อนมาเป็นเครื่องมือ แต่เขาระอุร้อนจนเขาไม่อาจจะ
ยอมทนได้อีก หล่อนยั่วโทสะของเขามาโดยตลอด
และเขาคิดว่าหล่อนควรจะได้รับบทเรียนบ้าง…
เขาจะทำให้ชนิตาหุบปากและเลิกอวดดีกับเขา
เขาสุดจะทนต่อกิริยาของหล่อน…มันมากเกินไป…มีแต่จะมาก ไม่
เคยน้อยลงเลยนับจากเขากลับมาจากออสเตรเลีย
เหมือนชนิตาท้าทายเขา…หล่อนเป็นคนท้าทายกฎระเบียบที่เขาตรา
เอาไว้
437/913

คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าหือกับเขา อย่างน้อยก็เกรงตรงเขาเป็นเจ้าของ


เม็ดเงินของการว่าจ้าง
แต่ชนิตาไม่เคยเกรงเขา เพราะหล่อนมั่นใจว่าหล่อนจะ
อยู่ยงคงกระพันในออฟฟิศของเขา วิษณุต้องยอมรับด้วยความปวดร้าวใจ
ว่าชนิตาทำงานดีเกินไป หล่อนเก่งงาน…ไม่เพียงแต่ว่าหล่อนมีความรู้
ความสามารถของหล่อนก็ยังเพียบและหล่อนก็เลยอวดดี…หล่อนยุยงคน
อื่นด้วย เขายังปักใจว่าเปรมไปจากเขาเพราะชนิตา
เขาชอบเปรม…ชอบความคล่อง…ความอ่อนน้อมของเปรม…
แต่เขาก็เสียเปรมไปเพราะชนิตา เขาไม่เคยคิดว่าเปรมมีสมองพอจะ
คิดเอง และขยับขยายพาตัวเองออกไป
เขาโยนหล่อนลงบนโซฟา ชนิตาผวาขึ้นมาสุดตัว หล่อนลืมตางงๆ
…มึนกับสภาพแวดล้อมรอบตัว
และพอหล่อนขยับตัว หญิงสาวเจ็บปวดมาก หล่อนร้าวทั้งตัว…และ
หล่อนก็มองเห็นวิษณุ
“ที่ไหน” หล่อนถามออกมาด้วยเสียงแหบพร่า “ทำไม…คุณ…”
“ฉันพาเธอมาเองนะ”
“คุณ…”
“ยังจำชื่อฉันได้ไหม ชนิตา” เขาถามเยาะๆ “ท่าทางตกอกตกใจ
เหลือเกินนี่”
438/913

“ฉัน…ฉัน…”
หล่อนกวาดตามองไปรอบๆ วิษณุเพิ่งจะเปิดดวงไฟดวงเดียว ยัง
ค่อนข้างสลัวมัวมนไปหมด
“ฉันอยากกลับบ้าน”
หล่อนพยายามทรงกายขึ้นยืน แต่พอยืดตัวตรง หล่อนก็คงู้ อลงและ
ทรุดแปะลงไปอีก
เขามองด้วยแววตาเยาะๆ …สักนิดก็ปราศจากความปรานี…
ตอนชนิตามองดวงหน้าเขา…เห็นแววตาของเขา…หญิงสาวสะท้านทั้ง
กาย
“ให้ฉันกลับบ้าน…”
“กลับทำไม”
“คุณพาฉันมาบ้านใคร”
“บ้านผม”
“แล้วไง”
“เธอควรจะถูกลงโทษซะบ้าง”
“จะตบตีฉันหรือ”
เขาหัวเราะกระแสเสียงน่ากลัว แล้วความเจ็บก็ทำให้ชนิตาออกปาก
มา
439/913

“คุณทำร้ายฉันพอแล้ว ตบตีฉัน…เหมือนเป็นสัตว์ป่า…”
“ยังปากดีอีกนะชนิตา…ยังไม่สำนึก…เอาไหม…ฉันมีข้อเสนอให้เธอ”
“ข้อเสนออะไร”
“อยากกลับบ้านใช่ไหม”
เขายกมือกอดอก เดินกลับไปกลับมาตรงหน้าหล่อนก่อนจะหยุดกึก
ลง
“ข้อเสนอสักสองสามอย่าง…ง่ายๆ …อย่างแรกเธอคลานมาเลย…มา
ตรงเท้าฉัน…กราบเท้าฉัน…”
ชนิตาเบิกตากว้าง เขากำลังทำท่าคุกคามต่อหล่อน หญิงสาว
ประจักษ์ชัดว่าเขาใจคอต่ำทรามมาก โดยเฉพาะกับหล่อน…เหมือนเขา
พยายามจะล้างผลาญหล่อนให้ย่อยยับ
“อย่างที่สอง…หลังจากกราบเท้าแล้ว…ฉันอยากให้เธอเลีย”
“อุบาทว์…ไอ้สัตว์!”
เขาหน้าแดงก่ำ เพราะชนิตาเปล่งเสียงชัดเจน
“คุณมันสัตว์นรกชัดๆ !”
พอขาดคำของหล่อน วิษณุก็มาประชิดติดตัวหล่อน เขาซัดหล่อน
อีก…หลังมือของเขากระทบหล่อนเสียงฉาดๆ แบบเนื้อกระทบเนื้อโดยตรง
หล่อนเจ็บมาก…แต่ไม่ร้องสักแอะ แต่หล่อนพยายามรวบรวมกำลัง หล่อน
440/913

สู้…และหล่อนทำให้วิษณุบันดาลโทสะหนักกว่าเก่าอีกหลายเท่า เขาซัด
หล่อน และเพราะความรุนแรงนี้ทำให้เขาตื่นตัว อารมณ์ทางเพศของเขา
ปะทุขึ้นขีดสุด
และเขาคำรามใส่หน้าชนิตาที่ทอดกายแน่นิ่งใต้ร่างของเขาแล้วในยาม
นี้
“ไงล่ะ…เธอเจอสัตว์นรกแล้วจริงๆ แล้วเธอจะรูว้ ่าการตกนรกทั้งเป็น
มันรสชาติแบบไหน”
เขาจับคางของหล่อน บังคับดวงหน้าให้อยู่นิ่ง
ชนิตากัดริมฝีปากจนเจ็บ…น้ำตากลบตา..แต่หล่อนไม่ยอมร้องขอ
ความเมตตาจากเขาเลย
“เธอจะรู้ว่าเธอควรจะปิดปาก เธอควรจะเลิกยุ่งกับผมและต่อไปนี้
ผมคือนายของเธอคนเดียว”
หล่อนเจ็บ…ร่างกายของหล่อนแทบจะแยกจากกัน
ทารุณกรรมทางเพศชัดๆ …เพราะชนิตาไม่ปรารถนา…หล่อน
ปราศจากความต้องการ อีกทั้งหล่อนเกลียดเขา แต่หล่อนยับยั้งเขาเอาไว้
ไม่ได้ เขาบ้าคลั่ง…และกระแสแห่งความต้องการของเขาประดุจน้ำไหล่บ่า
พ้นจากเขื่อนกักเก็บ…หล่อนก็แค่เศษธุลีที่ถูกน้ำพัดพาปลิวกระเจิง
ชนิตาประจักษ์อย่างหนึ่งก่อนจะหมดสติไปในนาทีนี้ว่า…หล่อนตาย
แล้ว…เป็นการตายแบบยังมีลมหายใจ…และหล่อนตายจากความเป็นคน
441/913

///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่เหมือนพิมพิกา…เพราะหล่อนอยู่กับความอ่อนหวาน
สิ่งเดียวกัน…ผู้ชายเหมือนกัน…แต่ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
พิมพิกามีความสุข และเขาสุขยิ่งกว่า เขาตระกองกอดหล่อน…ลูบไล้
เรือนผมของหล่อน…เขาสัมผัสด้วยความอ่อนโยน…เขาบอกกับหล่อน
ราวกับให้สัญญา
“เราจะแต่งงานกัน”
พิมพิกาได้ยินเลือนๆ …แต่งงานอะไรกัน…หล่อนยังไม่อยากจะคิด
เลยเถิดไปไกล…
หล่อนซุกกายแนบอกของเขา…หล่อนกอดเขาได้เต็มอ้อมแขนสอง
ข้าง…และหล่อนก็งึมงำออกมา
“ดีกว่าหมอนข้างอีก”
“อะไรนะ”
เขาถามยิ้มๆ แกมเอ็นดูต่อหล่อน เอื้อมมือไปเปิดไฟโคมหัว
เตียง…แสงสว่างจำกัดอย่างพอเหมาะ หล่อนสวยนัก และหล่อนหลับตา
แน่นมากกว่าเดิม ปากก็ร้องบ่น
“เปิดไฟทำไม…แสบตาจัง”
“ผมอยากเห็นคุณ”
442/913

“สติดีหรือเปล่า…ก็เห็นพอแล้ว”
“ผมอยากเห็นหน้า…ดวงตาสวยๆ …”
เขาแตะต้องตรงเปลือกตาของหล่อน…ไล้แพขนตาเบาๆ ก่อนจะ
โน้มตัวลงจูบ
พิมพิการ้องในคอ สัมผัสของเขากำลังดี…และหล่อนกล้าจะยอมรับ
ว่าตัวเองชอบ หล่อนกอดเขาแน่นกว่าเดิม และก่อนหล่อนจะเอ่ยอะไร…ก็มี
เสียงเอะอะแว่วๆ มาจากภายนอก
พิมพิกาไม่ทันคิดอะไรมาก แต่ศศินไหวกายขึ้นมาอย่างแรง เขาพบ
ว่าประตูห้องถูกเปิดผลัวะเข้ามา
“ศิน…”
เสียงแม่…เขาบอกตัวเอง…เอาละ…เธอมาแล้ว
เขาประคองโอบกอดพิมพิกา มองดูมารดาที่เป็นเงาตะคุ่มตรงช่อง
ประตูห้อง เพราะตรงนั้นมืด…คุณผ่องพรรณมองเห็นภาพบนเตียงถนัด
กว่าเพราะศศินเพิ่งจะเปิดดวงไฟ เธอมองเห็นลูกชายกับหญิงสาวสวยคน
นั้น…ใจของเธอเหมือนโดนกระชากออกจากร่าง
เธอมาช้าไปอย่างนั้นหรือ…
“ไม่นะศิน…”
“ใครมาคะ”
443/913

พิมพิกาถามเขา หล่อนยอมลืมตาที่ไหนกัน
“เสียงยังกะโกรธ”
“แม่ผมมา” เขากระซิบบอกด้วยความอ่อนโยน “อย่ากลัวนะ”
ดวงตาของพิมพิกาลืมแล้วพอดีกับคุณผ่องพรรณควานมือมาสวิตช์
ไฟจนเจอ
แต่ตาต่อตาของหญิงต่างวัยประสานกัน
พิมพิกาอับอาย…แม้ยังอยู่ในภาวะมึนเมาเบลอๆ
ส่วนของเธอมากด้วยความโกรธ
“ศิน…หยุดนะ…หยุดเลย…หยุดการกระทำนั่นซะ”
“สายไปแล้วฮะแม่…ผมเสียใจ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เป็นปกติธรรมดา
37

“โอย…จะเป็นลม”
คุณผ่องพรรณร้องออกมา แต่ ‘จะ’ ของเธอไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป
เพราะเธอระทวยลงไปจริงๆ เสียด้วย และนำความตกใจมาให้กับศศินอ
ย่างมากเพราะเขาคาดไม่ถึง แม่เขาทำท่าให้เขาตกใจมาก เขารีบบอกกับ
พิมพิกาหลังจากประคองหล่อนนอนราบหนุนหมอนแทนแขนของเขา
เรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวผมมานะฮะ”
อาการสะลึมสะลือยังเป็นของหล่อนอยู่ พิมพิกายังแยกไม่ออกว่า
หล่อนตื่นอยูห่ รือเป็นแค่ความฝันเท่านั้น หล่อนหลับตาพริ้มต่อ รับฟังผ่าน
หูเข้าไปอีกหู ตอนเขาบอกกล่าว
“ผมขอไปดูแม่ก่อน”
แม่ใครหว่า…พิมพิกาถามตัวเอง…แม่เรามาหรือ…แม่เราตายไปนาน
แล้วนี่นา
445/913

แม่ใครจะมาก็ช่าง…หล่อนง่วง…บทพิศวาสจากเขาเหมือน
ยานอนหลับกล่อมหล่อนให้เคลิ้มสบายตัวเสียนี่กระไร
หล่อนตะกายเอาหมอนข้างมาก่ายกอดแทนไออุ่นจากเขาและการที่
เขาต้องทิ้งหล่อนมาก็ทำให้ศศินอาวรณ์นัก แต่เขาไม่อาจจะทิ้งมารดาได้
นั่นแม่…นี่เมีย…เออหนอ…หากเมียเขาเป็นพิมพิกาจริงๆ …ชีวิต
วันข้างหน้าของเขาจะเป็นแบบไหน ชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่งเพราะอย่าง
น้อยๆ เขามองเห็นการงัดข้อกันของเขากับมารดา
เขาเชื่อว่าเธอจะต้องไม่ยอม…เธอจะต้องขัดขวาง แต่เขาได้พิมพิกา
แล้ว และเขาไม่ต้องการให้เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบอีกด้วยเขาต้องการหล่อน
อย่างจริงจัง และเขาเป็นคนมากไปด้วยความรับผิดชอบ
เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เขากระทำต่อหล่อน…
ชายหนุ่มมาประคองมารดาขึ้น เธอตัวอ่อน และเขาร้องหานายแจ้ง
“คุณนายเป็นอะไร”
“ลมใส่”
“พุทโธ่เอ๋ย…คงจะโกรธจัด”
“ก็ทำนองนั้นแหละ”
“แบบนี้คุณคงจะมีเมียลำบาก”
“ยังไงซะ ฉันก็มีเมียแล้ว”
446/913

“เมีย…?” นายแจ้งทำตาเหลือก “คุณเรียกเมีย?”


“ทำไม” เขาถามเสียงเข้ม “ให้เกียรติต่อเธอ…ฉันหวังแบบนั้น”
“แล้วคุณนาย?”
“ทำไม…จะเข้าข้างแม่แทนฉันหรือ”
เขาถามยิ้มๆ แต่ดวงตาแวววับ
“ระหว่างฉันกับแม่นี่ ใครจะขลังกว่ากัน”
“โธ่…โธ่…” นายแจ้งคราง ทำหน้าทำตาละห้อยเป็นอันมาก “พูดอะไร
แบบนั้นครับ ผมน่ะเหมือนหญ้าแพรก พอช้างสารชนกัน…หญ้าแพรกก็
แหลกลาญเท่านั้นเอง พูดลำบากนะครับ แต่ไหนคุณไม่ยอมทำตามใจแม่
คุณนายพูดปาวๆ เสมอว่า…กระบวนลูกรักและตามใจแม่…เข้าใจแม่ไม่มี
ใครเกินคุณ แล้วทำไมกะแค่หาเมียหาคนที่แม่ไม่ปรารถนา”
“อย่าพูดมาก” เขาเอ็ด
ไม่มีคำตอบจะให้กับข้อสงสัยยืดยาวนั้น เขาเคยตามใจเธอมาหน
หนึ่งตอนเธอไม่ปรารถนาจะให้บุษยาเลื่อนจากหลานมาเป็นลูกสะใภ้ เขา
กล้ำกลืนยอม…เขาผ่านวันเวลาปวดร้าวพวกนั้นมาแล้ว ตอนนั้นเขายังอายุ
น้อยกว่านี้ และบุษยาจับใจเขาเพราะความใกล้ชิดตอนที่หล่อนเองก็ยัง
เยาว์วัยกว่านี้ด้วยเช่นกัน
เขาผ่านมันมาได้…และเขาหักใจว่าบุษยาเป็นน้อง
447/913

เขาไม่ได้ดึงดันทำตามใจตัวทั้งที่จะทำก็ได้
เพราะฉะนั้น…เขาจะไม่ยอมอีกต่อไป
เขาหักใจจากบุษยาได้เพราะหล่อนก็คือญาติ
บางทีเรื่องสายเลือดอาจจะจริงดังที่กลัวๆ
เขาให้นายแจ้งเปิดห้องพักของเธอ อุ้มเธอเข้าไปนอนบนเตียง รอ
นายแจ้งไปเปิดตู้ยาหายาดมมาให้
เขารอจนเธอได้สติขึ้นมา
“ศิน…แม่คิดมากไป…แม่เห็นไปเองใช่ไหมลูก”
เธอละล่ำละลักถามเขาจนชายหนุ่มนึกขัน เพราะเธอกำลังหลอกลวง
กระทั่งตัวเองอีกด้วย ชายหนุ่มส่ายหน้า มือที่เธอยึดเหนี่ยวกับท่อนแขน
ของเขาล้าตกลง
“ศิน…” เธอคราง
“แม่โกรธหรือฮะ”
“ทำไม”
“ผมรักเธอ”
“โอ…มันไม่ใช่ความรัก…มันเป็นความใคร่ใหลหลงเท่านั้นเอง”
“แม่ฮะ”
448/913

เขายังเรียกขานเธออย่างอ่อนโยน เขาใจเย็นเสมอสำหรับเธอ เพราะ


เธอมีเขาคนเดียวเป็นลูก และเขาเองนั้นก็มีแม่ได้คนเดียวอีกด้วย การ
ขัดแย้งกันย่อมจะไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะจะเหลียวไปทางใดย่อมว้าเหว่
เขาจับมือของเธอมากุมเสียเอง ท่าทีของเขานุ่มนวล เธอรู้ว่าลูกชาย
ของเธอเป็นคนดีมาก และเขาเป็นคนที่เธอสามารถรับประกันได้เลยว่า
ผู้หญิงคนไหนได้เขาไปแล้วย่อมโชคดีอย่างล้นเหลือทีเดียว แต่ทำไมหญิง
คนนั้นต้องเป็นพิมพิกาด้วย เธอปักใจเชื่อของเธอเองว่าพิมพิกาหาดีไม่ได้
อีกแล้ว
อย่างน้อยๆ ก็ต้องเคยผ่านมือนายมณฑลมาแล้ว เธอมองว่ามณฑล
เองไม่ใช่คนดิบดีอะไรเลยสักนิด แล้วคนแบบนั้นจะปล่อยพิมพิกาไว้
ทีเดียวหรือ
แล้วลูกชายของเธอได้ผู้หญิงที่เละเทะมาแล้ว..โธ่เอ๊ย…เธอถนอม
กล่อมเลี้ยงเขามาอย่างดี เพื่อจะให้เขาเลือกคู่ครองไม่เอาไหนอย่างนั้น
หรือ…
“ผมโตเกินกว่าจะหลงแล้ว”
“ผู้ชายพูดแบบนี้ทุกคน…คิดว่าหากอายุไม่เกินสิบแปดจะแค่หลงซินะ
เปล่าเลย…ผู้ชายมักจะสำคัญผิดไปเสมอ มักจะคิดว่าตัวเองไม่ได้หลง ลูก
เอ๋ย…ตาแก่จะเข้าโลงอายุสักแปดสิบ แม่ก็เจอมาแล้วว่าหลงมันเป็นแบบ
ไหน…” เธอยกตัวอย่างด้วยท่าทีอันเหนื่อยอ่อน “พอตัวเองตาย กระหึ่มทั้ง
เมือง ลูกหลานข้างหลังแทบจะเอาปี๊บคลุมหัว แล้วมีปัญหาตามมาอีก
449/913

สารพัด ความหลงทำให้ผู้ชายหน้ามืดตามัวและไม่ยอมคิดอะไรไกล ไม่คิด


ลึก…คิดแค่ตื้นๆ เอาแต่ได้ ศิน…แม่มีลูกคนเดียวนะ แม่ต้องการเห็นชีวิต
ของลูกลงเอยด้วยดี”
“แม่ฮะ…ผมเลือกแล้ว”
“อย่าพูดคำนี้กับแม่อีก เอาเถิด…ไหนๆ ก็เลยเถิด…” เธอทำท่า
เหมือนใจป้ำ “แม่จะยอมให้ศินแค่สนุกด้วยกับเธอคนนั้น”
“แม่ฮะ แม่สอนผมเองเรื่องของการเป็นลูกผู้ชาย…แม่ยังจำได้ไหม
ฮะ”
“ศินจะเอาคำสอนของแม่มาย้อนแม่อย่างนั้นหรือ”
“ผมไม่ได้ย้อนฮะ แต่ผมว่าเราสองคนน่าจะได้มาทวนความกันบ้าง
เล็กน้อยก็เท่านั้นเองฮะ แม่บอกผมเสมอว่าข้อแรกของการเป็นลูกผู้ชาย
เต็มๆ ก็คือรู้ว่าตัวเองทำอะไร แล้วยอมรับในการกระทำของตัว ผมไม่ได้
ทำเพราะอารมณ์ชั่วแล่นนะฮะแม่ ผมเต็มใจและผมจริงใจมากอีกด้วย ผม
รักเธอมาก…รักมาแต่แรกที่เห็นเธอ อารมณ์ของผมขึ้นสูงขนาดนั้น และผม
ขอรับผิดชอบในการกระทำของผม”
“หมายความว่าแม้แม่จะกราบขอ…”
“แม่อย่าใช้วิธนี ั้นกับผมเลยฮะ ผมรู้ว่าแม่เข้าใจผม และแม่รู้ว่าคน
แบบผมจะมาบีบไม่ได้”
เธอน้ำตาคลอๆ
450/913

“ลูกหลงมากเกินกว่าแม่คิดเสียแล้ว” เธอพึมพำ “ความหลงมัน


เหมือนเศษผง เข้าตาไปบางครั้งก็ยังหลอกตัวเองว่าตาตัวเองยังปกติดี แต่
ความหลงมันทำให้ตามืดมน…มองดำเป็นขาวมองลบเป็นบวก ลูกกำลัง
เอาชีวิตทั้งชีวิตไปเล่นกับคนแปลกหน้า…กับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งลูกเจอจาก
ข้างถนน…และอาจจะเป็นตรงนั้นตลอด…”
“เธอไม่ใช่คนแบบนั้นเลยฮะ”
“แม่เห็นลายเธอเสียแล้ว” คุณผ่องพรรณยืนกราน “ลำพังแค่ยังไม่
ตรวจสอบกำพืดความเป็นมาก็ทำเอาแม่แทบจะตาย แต่แม่ยังจำเหตุการณ์
คืนนั้นไม่รู้ลืม”
“เธอทำลงไปเพราะโกรธ”
“คิดซิ ศิน…ว่าทำไมเธอถึงโกรธ”
เธอพยายามรุกเร้าต่อเขา แต่ศศินส่ายหน้าประการเดียวเขาคิดว่า
คงจะไม่ยอมโอนอ่อนตามเธอเป็นอันขาด เขารักหล่อน…รักแบบไม่สนใจ
ว่าหล่อนจะเป็นอย่างไรมาก่อน ไม่สนใจกระทั่งว่าหล่อนจะเคยรักชอบพอ
ใครหรือเคยแสดงการกระทำใดๆ มาบ้าง คน…มีอารมณ์มีเลือดเนื้อและ
ความรู้สึกมากมาย ตราบเท่าที่ความโกรธยังเป็นเหมือนพยาธิร้ายคอย
ชอนไชในหัวใจคน ตราบนั้น…พิมพิกาก็คงจะแสดงความเป็นนางมารได้
ต่อไปอีก
“อาจจะเพราะว่าเธอเคย…”
451/913

“แม่จะเชื่อผมสักอย่างได้ไหมฮะ” เขาขัดขึ้นมาก่อนด้วยเสียงอัน
อ่อนโยน “เชื่อว่าผมมั่นใจว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ”
สิ้นสุดคำพูดของเขา…ทั้งห้องก็เงียบงัน
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
วิษณุไม่กลับบ้านอีกแล้ว เขาหายตัวไปในยามวิกาลตอนแรกเธอ
ก็พยายามมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เพื่อนของเขาโทร.มาตามหาเขากับ
เธอเพราะนัดหมายเอาไว้ เธอรับรู้ว่าเขาอวดกับเพื่อนว่าเขาจะพาสาวไป
อวด แต่เขาไม่ไปตามนัด นั่นไม่ใช่นิสัยของลูกชายเธอแน่นอน
คุณหญิงเพลินไม่สบายใจนัก เธอไม่ได้คิดว่าเขาลากเอาชนิตาไป
ทำร้าย แต่เธอห่วงว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่
เธอนั่งรอโทรศัพท์จนดึกดื่น แล้วสุดท้ายก็เลิกรอไปเอง…จนกระทั่ง
เช้า…วิษณุขับรถเข้ามาด้วยท่าทางประหลาดๆ
“วิษ…”
เธอร้องเรียกเขา และเขาแสดงพิรุธออกมาเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับ
ได้ว่าทำความผิดอะไรบางอย่าง แต่ยังจับไม่ได้มั่นว่าตรงนั้นคือความผิด
แบบไหน
“มาหาแม่ก่อนซิ แม่กำลังจะใส่บาตร”
“หรือฮะ”
452/913

เขามองขันข้าว มองอาหารคาวหวานและดอกไม้
“ใส่บาตรกับแม่ไหม”
“โอ…ไม่หรอกฮะ”
“ทำไม”
“ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
นั่นแหละคุณหญิงเพลินถึงทำจมูกฟุดฟิด และเพราะเธอเป็นคน
หัวก้าวหน้ามาก อีกทั้งยังว่องไวพอกับความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ เธอ
โพล่งคำถามหนึ่งออกมาตรงๆ
“วิษ…ทั้งคืนเลยซิ ไป ‘ยำ’ สาวที่ไหนมา”
คำถามของเธออาจจะไม่เจตนา เพราะเธอแซวเขาแบบนี้มานานแล้ว
เธอมักจะใช้คำว่า ‘ยำ’ แต่คราวนี้มันแทงใจเขาตรงๆ เขายิ้มเฝือเต็มที
“วิษ…ใช่ไหม…แหม…ยังเหลือกลิ่นตกค้างมา”
“ผมจะไปอาบน้ำไงฮะ”
“สาวที่ไหน”
“ความลับฮะ”
“ไปเอาใครมาเลี้ยง…”
“เปล่าฮะ”
453/913

“บอกแม่มานะ ชอบนัก…แม่จะไปขอ”
“แม่พูดจริงหรือฮะ”
“ลูกจะเอาจริงหรือยังล่ะ”
“ฮะ”
“ฮะแปลว่าอะไร”
“ผมมาร์คตัวสาวเอาไว้แล้ว” เขาตอบเรียบๆ “ผมจะให้แม่ไปขอเธอ”
“บอกแม่ได้ไหมว่าลูกใคร”
เขาไม่ตอบคำถามเธออีก และเขาเดินจากไปให้เธอมองตามด้วย
ความสงสัย เธอคิดว่าน่าจะได้โทร.ไปหาชนิตาและถามไถ่เอาความจาก
หล่อน
แต่เมื่อเธอโทร.ไปหาชนิตาตอนสายๆ คุณหญิงเพลินแสนจะ
ประหลาดใจ เพราะชนิตาไม่มาทำงาน
ชนิตาไม่มาทำงานอาจจะเป็นเรื่องปกติในสายตาคนภายนอก เพราะ
คนไม่ใช่เครื่องจักรที่จะทำงานโดยไม่ลาหยุดเลย แต่ผิดปกติสำหรับเธอที่
รู้จักนิสัยของชนิตาดี
หญิงสาวแทบจะไม่เคยลาหยุดงานเลย หล่อนจะทำงานสม่ำเสมอ ไม่
ลา ไม่สาย…ไม่อู้งาน
454/913

หล่อนได้รางวัลทุกปีของบริษัทจนขัดเขินและต้องประกาศสละรางวัล
ไปในที่สุด
และชนิตาเพิ่งจะประท้วงหยุดไปหลายวัน หล่อนไม่น่าจะหยุดซ้ำ
หรือหล่อนจะป่วย…หล่อนพักที่ไหนนะ…
เธอโทร.หาชนิตาแต่หล่อนไม่อยู่ในห้องพัก โอปะเรเตอร์ของ
อพาร์ตเม้นต์นั้นบอกเธอว่า
“ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยค่ะ เมื่อวานเธอไม่ได้กลับมา”
“กลับบ้านต่างจังหวัดหรือ”
“ว่าจะไปหัวหินนี่คะ”
“หัวหิน?” เธอทวนถาม
หรือวิษณุใช้ให้ชนิตาไปทำงานที่นั่น การเดินทางของหญิงสาวไม่
น่าจะเป็นเรื่องประหลาด แต่ทำไมเธอได้กลิ่นไอแปลกๆ โดยตลอด มัน
เหมือนเตือนออกมาจากข้างในว่าคงจะมีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ…มันคือ
อะไรกันแน่…
เธอวางโทรศัพท์ลง ความสงสัยยังคงเต็มในหัวใจของเธอและเมื่อ
สาวใช้มาบอกว่าวิษณุหายาแก้ปวดหัวกินและเขาไม่ได้ออกไปทำงาน
คุณหญิงเพลินกระวีกระวาดออกไปดูเขาในทันทีนั้น
“วิษ…ไม่สบายหรือลูก”
455/913

“ผมปวดหัว”
“ไมเกรนกำเริบหรือเปล่า”
“เปล่าฮะ ปวดตุ้บๆ ธรรมดา”
“หน้าตาโทรมจัง นี่…” เธอคิดอย่างกังวล “พาสาวที่ไหนไปยำกันแน่”
ความสงสัยของเธอทำให้เขาสะดุ้ง และเธอมองเห็นเสียด้วย
…ไอ้ลูกชายเอ๊ย คงจะไปทำอะไรบางอย่างเข้าแล้วซิ…
แต่คุณหญิงเพลินเป็นแม่ทแี่ สนชาญฉลาดอย่างยิ่ง เธออาศัยข้อนี้
เป็นหลักในการดำเนินชีวิตเสมอมา และเธอก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนว่าเธอ
มองไม่เห็นอาการสะดุ้งนั้นของเขา
“วิษ…ระวังหน่อยนะลูก ถุงยางน่ะต้องใช้ตลอดนะ”
เขาไม่ได้ใช้กับชนิตา…เหอะน่า…ต่อให้ชิงชังหล่อนแค่ไหนเขามั่นใจว่า
จะไม่ติดโรคจากหล่อนแน่นอน เพราะท่าทางหล่อนไม่ใช่หญิงสำส่อน
ชนิตาแค่หญิงบ้าปากเสีย และพยายามต่อต้านเขาเท่านั้นเอง หล่อน
ต่อต้านเขา…แม้ในยามเขาข่มเหงเอาด้วยกำลังกายที่เหนือกว่า
เขายังจำเสียงร้องไห้ของหล่อนได้ติดหู…ในยามลำพองนักหนา…มัน
ยั่วให้เขาฮึกเหิมจัดเลยทีเดียว
456/913

แต่พอมาถึงยามนี้…เขากระอักกระอ่วนชอบกล เขาทิ้งหล่อนเอาไว้
และจากมาเพียงลำพัง กระวนกระวายอึดอัด…และถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเขาทำ
อะไรลงไปกันแน่
“แม่ฮะ…ผมอยากนอน…ว่าจะพักแล้วจะออกไป”
“ไปไหน”
“ออฟฟิศฮะ”
“ดีแล้ว เพราะชนิตาไม่มาทำงาน”
“แม่โทร.ไปแล้วหรือฮะ”
“โทร.ไปถึงหอพักเลย คนเฝ้าบอกว่าไปหัวหินยังไม่กลับสงสัยจะ
เที่ยวเพลิน นี่…วิษ…หากชนิตาจะหยุดบ่อยหน่อย อย่าไปหาเรื่องทะเลาะ
กับเธอเลยนะ”
“แม่ออกมาปกป้องยายนั่นอีกแล้ว” เขาทำเสียงหงุดหงิด
“เพราะแม่ไม่อยากให้เป็นเรื่อง แม่กำลังสังหรณ์บางอย่างจะว่าเกิด
เรื่องร้ายในเร็วๆ นี้ แต่บอกไม่ได้ว่าเรื่องอะไรเท่านั้น”
38

แรงสังหรณ์ของเธอนั้นเป็นจริง แต่วิษณุไม่สามารถพูดอะไรออกมา
ได้ เขาจำต้องปิดปากตัวเองนิ่งเฉย และสิ่งที่เขาทำลงไปต่อชนิตาใช่ว่าเขา
จะเอามาลำพองใจ เขาก็กลัดกลุ้มกังวลเหมือนกัน เพราะรูน้ ิสัยชนิตาดีว่า
หล่อนเป็นคนเอาจริง
บางทีหล่อนอาจจะทำความเดือดร้อนให้กับเขาได้
แม้อีกใจจะแย้งว่าหลอนน่าจะพอมียางอายติดหน้า หล่อนจะไม่กล้า
มาโพนทะนาขอให้เขารับผิดชอบ
และหากเขาปฏิเสธ…ใครๆ ก็ต้องเชื่อเขาด้วยกันทั้งสิ้น…เพราะย่อม
เป็นไปไม่ได้ เขากับหล่อนไม่ถูกกันเกินกว่าจะเชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้นกับ
หล่อน เพราะตลอดเวลาผ่านมา เขากับหล่อนมีแต่ท่าทีสะอิดสะเอียนเข้าหา
กันเท่านั้นเอง
เขาจะหลอกตัวเองหรือเปล่า…วิษณุถามตัวเองอยู่เหมือนกัน
แต่เขากับชนิตากำลังมีความสัมพันธ์กัน เขารูแ้ ต่ว่าอย่างน้อยใน
ความเป็นหญิงของหล่อนก็ไม่เลวนักหรอก เพราะเขาเสพเข้าไปอย่างที่เรียก
ว่าเหลือจะอิ่ม และอดประหลาดใจไม่ได้ว่าผู้หญิงแสบแบบชนิตาที่เขาเคย
458/913

กากบาทหมายหัวหล่อนเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งนั้นจะให้ความรู้สึกดีๆ แบบนั้น
ได้เหมือนกัน…ต้องเรียกว่าเหลือเชื่อมากกว่า
และเขาก็กระสับกระส่ายแปลกๆ คุณหญิงเพลินสังเกตเขาอยู่เงียบๆ
แต่เธอแม้จะฉลาด…ความเฉลียวใจของเธอบกพร่องไปเพราะเธอนึกไม่ถึง
นั่นเองว่าเขาจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบนั้นได้…เป็นเรื่องที่เธอย่อมคาดไม่ถึง
และคุณหญิงเพลินยังคาดการณ์วิตกห่วงใยไปถึงชนิตาอีกต่างๆ
นานา
คนที่เธอยังติดต่อด้วยเสมอคือเปรม
“ตาเปรม…”
เธอโทร.หาคนสนิทเก่าของลูกชาย และเปรมก็ยังมีความนอบน้อมต่อ
เธอเหมือนเดิม บอกกันตามตรง…คุณหญิงเพลินยังค่อนข้างเสียดายเปรม
มาก เธอมองว่าวิษณุเสียคนทำงานดีๆ ไปคนหนึ่งเพราะอารมณ์ฉุนเฉียว
ร้ายกาจของเขา แต่บางเรื่องเธอก็เข้าไปข้องเกี่ยวมากนักไม่ได้ วิษณุอาจจะ
ไม่ได้แสดงความกระด้างกระเดื่องกับเธอโดยตรง แต่หลายหนที่เขาทำ
กิริยาให้เห็นอยูว่ ่าเขาปราศจากความพอใจ และเขาไม่ต้องการให้เธอ
คานอำนาจของเขา
มีอยู่บ่อยไปที่เขาเคยพูดว่า
…เมื่อแม่มอบหมายกิจการให้กับผม ก็อยากให้แม่วางมือจริงๆ ผม
ไม่ต้องการแม่เป็นผู้บริหารเงาอยู่ข้างหลัง…
459/913

เขาพูดตรงชัดเจน…เธอก็ต้องยอมเหมือนกัน
แต่เธอรูน้ ิสัยของเขา…วิษณุเป็นคนโมโหร้าย เขารับเอานิสัยนี้มาจาก
พ่อของเขา เพราะเธอนั้นเป็นคนอารมณ์เย็นฉ่ำมากหลายคนบอกว่าเธอ
เหมือนก้อนน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือเลยทีเดียว
และพ่อของวิษณุเป็นคนถือตัว…เจ้ายศเจ้าอย่าง…อีกทั้งโมโหร้าย…
วิษณุถ่ายทอดเอามาได้หมดจด และเธอโทษตัวเองตรงการอบรมต่อ
เขา เธอบกพร่องไปทีส่ ปอยล์เขามากเกินการ วิษณุเคยตัวกับการได้
ทุกอย่าง…และเขาประสบความสำเร็จมากไป เขาได้ทุกอย่างที่เขาอยากจะ
ได้…เขามีทุกอย่างที่คนอื่นจะไม่มี…และเขาก็ไม่ชอบให้ใครขัดใจเขาอีกด้วย
ตรงนี้กลายมาเป็นอันตรายต่อเขาเองในวันนี้
หลายหนที่คุณหญิงเพลินคิดมากจนหัวแทบจะระเบิด…แต่เธอต้องรีบ
ปล่อยวาง
เธอรู้ได้ว่าบางทีครอบครัวที่มีเงินทองพร้อม…มีวัตถุปรนเปรอชีวิต
เพียบ และมองหาทางใดไม่พบพานความยากไร้ ก็ยังมีรอยด่างดำแทรกอยู่
ได้เหมือนกัน
รอยด่างดำนั้นเป็นร่องรอยที่ครอบครัวผู้ยากไร้เองคงจะพากัน
หัวเราะเยาะ เพราะเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิม อย่างเช่นเธอห่วงว่านิสัยร้ายๆ
ของวิษณุจะทำให้เขาล้มเหลวใหญ่หลวง คนแบบเขา…จะหาใครมาทนใน
เรื่องครอบครัว…เขาจะหาผู้หญิงมาแชร์ชีวิตกับเขาได้ยาก และหาก
460/913

มี…หล่อนจะต้องเป็นคนประเภทแบกเอาความอดทนเอาไว้ใหญ่หลวง ไม่
เช่นนั้นก็จะไม่รอด และเธอเชื่อว่าเขาคงไม่ยอมรับความล้มเหลวว่าเป็น
ความผิดของเขาเองด้วย
เขาต้องโทษฝ่ายหญิงแน่นอน…เพราะแต่ไหนแต่ไรมาที่วิษณุทำ
เหมือนว่าตัวเองไม่เคยผิดพลาด
เธอถามเปรมตรงๆ ว่าชนิตามีงานที่หัวหินหรือไม่
“โอ…เปรมไม่ทราบฮะ” เปรมตอบมาทันที
“อือม์…เพราะเปรมลาออกแล้วนี่นะ ฉันไม่น่าถาม แล้วเปรมพอจะ
รู้เรื่องอะไรบ้างไหมล่ะ”
เธอตะล่อมถามต่อ เปรมเว้นระยะไปเล็กน้อยแล้วก็บอกมาเบาๆ จน
เธอต้องให้เขาพูดดังๆ
“พูดดังหน่อยเปรม ทำไมต้องกระซิบด้วย”
“เปรมพอจะทราบอะไรบ้างนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“อะไรล่ะ บอกฉันได้ไหม”
“หากท่านจะเก็บเป็นความลับเหมือนกัน”
“ได้ซิ” เธอรีบสัญญา เพราะเธออยากรู้อยากเห็น เปรมบอกกล่าวเท่า
ที่เขารู้มา…ชนิตาไปหัวหินกับพิมพิกาและมีศศินไปด้วย
461/913

“ผมไม่รวู้ ่าไปทำไมนะฮะ แต่พี่ตาเคยพูดๆ ว่าคุณศศินซื้อห้องยูนิต


หนึ่ง และเขาจะให้คุณพิมพิกาไปดู”
“แล้วไงอีก”
“คุณวิษณุคิดจะยกให้เธอฟรีๆ เหมือนกัน”
“อะไรนะ”
“ท่านไม่ทราบมาก่อนหรือฮะ”
“ไม่สักนิดเดียว” เธอยืนยัน
วิษณุกับศศินคงจะแย่งชิงกันแน่แล้ว…พิมพิกา…ผู้หญิงสวยคน
นั้น…เป้าหมายของการแย่งชิง…เป้าของความพึงพอใจ…และเธอไม่รู้อีก
ต่อไปว่าชนิตาแยกกลับมาก่อน…เหลือแต่พิมพิกายังคงพำนักที่บ้านพัก
ชายทะเลของศศิน
และเธอเลียบเคียงถามเปรมต่ออีกเล็กน้อยบางประการ
“เปรม…เธอรู้บ้างไหมว่าคุณวิษณุเคยไปติดพันผู้หญิงที่ไหนไว้บ้าง”
“ไม่มีนี่ฮะ”
“แน่ใจนะ”
“ฮะ ตอนผมอยู่กับเขาไม่เคยมีเลยนะฮะ”
“แต่เมื่อคืนเขาหายไปกลับมาตอนเช้า”
“ปกติไม่ใช่หรือฮะ”
462/913

“ปกติอะไร”
“ก็ปกติสำหรับผู้ชาย”
“เปรม…เธอรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นแม่ที่เข้มงวดกับลูกชาย แล้วฉันก็ไม่เคย
อยากคุมลูกชายอายุจะสีส่ ิบ เพราะจะมีแต่คนหัวเราะเยาะว่าฉันทำเกินไป
แต่เฉพาะฉันอดสงสัยไม่ได้มากกว่า เขาจะต้องแอบไปมีใคร และตอนเขา
กลับมา…ฉันได้กลิ่นคาวมาหึ่ง”
เปรมหัวเราะมาทันที คุณหญิงเพลินถามกลับไปเสียงแหลมๆ
“เธอหัวเราะเยาะฉันหรือ ตาเปรม”
“ผมขำจริงๆ เลยฮะ อย่าเอ็ดผมเลยนะฮะ กลิ่นคาวอะไร
กัน…เจ้านายเก่าของผมคงไม่ได้กลับมาบ้านตอนรุ่งอรุณหลังจากไปลุย
ตลาดอาหารทะเลมาหรอกนะฮะ”
“เปรม…ฉันอายุปูนนี้แล้ว ไอ้ร่องรอยกลิ่นไอรสชาติคาวสวาทน่ะมันมี
แล้วฉันว่าเขาไปเกลือกกลั้วมันมาทั้งคืน แต่ฉันสงสัยว่าใคร…ที่ไหน”
“คุณหญิงคงกลัวเอดส์”
“ก็แน่ละ แล้วกลัวอย่างอื่นด้วย”
“ทำไมฮะหรือว่าเขาจะรุนแรง…หรือเพราะเขาเป็นซาดิสม์”
“เปรม!”
463/913

เธอร้องมาทางสายโทรศัพท์อย่างตกใจ และเปรมได้สติเหมือนกัน
จะว่ากันไปเขาเคยคิดจะเก็บงำเรื่องที่เขารูต้ รงนี้อย่างเงียบกริบ แต่เขาก็
ปากไวเผลอพูดออกไปแล้ว
เธอคาดคั้นต่อเขา
“เปรม…บอกฉันมาซะดีๆ นะว่าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับรสนิยมส่วนตัวทาง
เพศของเขา หากเธอไม่บอก ฉันจะโกรธ”
“ผมไม่รู้”
“เธอรู้ และเธอควรจะบอก”
“ผมคิดว่าไม่น่าจะจำเป็น…ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกฮะ”
“ถ้าเธออยู่ใกล้ๆ ฉันนะเปรม…ฉันซัดเธอตกเก้าอี้แน่ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรนี่ฮะ เจอหน้าผมอีกเมื่อไหร่ ผมยินดีให้คุณหญิงทุบผม”
“เปรม..พูดได้ซิ เพราะเธอเองจะรู้หลบรู้หลีกแล้วไม่ยอมพบฉันอีก”
“คุณหญิงคิดมาก”
“ฉันขอถามเธออีกหน ตาวิษซาดิสม์ยังไง…แบบไหนถึงว่าเขาเป็นแบบ
นั้น”
“เพราะเขาเป็นคนโมโหร้าย บางครั้งเขาอาจจะรุนแรงถึงพอใจ”
“แล้วเขาวิปริตผิดประหลาดอะไรด้วยไหม”
464/913

เธอถามมาลอยๆ และเปรมสามารถเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
เพราะว่าเธอคงจะระแวงมานานว่าเขากับวิษณุมีความสัมพันธ์ต่อกันเป็น
แบบไหน อาจจะเพราะเขามีบุคลิกของความเป็นชายค่อนข้างเรียบเกินไป
และบางหนเขารู้ว่าตัวเองแสนจะ ‘นิ่ม’ เขาอาจจะถูกมองไปในทางว่าเขา
อาจจะมีพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศ
แต่เปล่าเลย…ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นแม้แต่น้อย
เขากล้าจะบอกเธอว่า
“เขาไม่ได้เป็นหรอกฮะ แล้วผมกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรต่อกันด้วย”
“โทษที เปรม”
เธอรู้จักจะเอ่ยคำว่าขอโทษ…สำหรับเธอตรงนี้ไม่ได้ทำให้เกียรติยศ
เสียหายไปแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“ฉันอาจจะกังวลมากไปสักนิด แล้วก็กำลังเป็นห่วงชนิตาอีกด้วย”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
บุษยาได้ยินจากคนอื่นในบ้าน คุณผ่องพรรณป้าสะใภ้ของเธอกำลัง
ตกอยู่ในอาการทางใจอย่างหนัก
เรื่องของเรื่องมาจากลูกชายสุดที่รักของเธอนั่นเอง เกิดเพราะว่าเธอ
ผิดหวังที่ไปเห็นเขากำลัง ‘นอน’ กับหญิงอื่น และตอนหล่อนรูช้ ื่อของหญิง
นั้น บุษยาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว หญิงสาวนิ่งงันไปนานทีเดียวก่อนจะตั้งสติ
ได้
465/913

ดี…บุษยาบอกกับตัวเอง…จะได้พ้นทางของเราไปซะ คุณศินเอาไป
แล้ว กำจัดขวากหนามของเราหมดไป…
และหล่อนอยากจะเห็นสีหน้าของมณฑลอีกด้วย…เขาจะคิด
อย่างไร…หล่อนเฝ้าตรวจหาร่องรอยจากสีหน้าของเขา…ยามที่หล่อน
บอกกล่าวออกไป
หล่อนมองเขาแบบไม่วางตาเลยทีเดียว หล่อนทำให้เขาไม่อาจจะ
แสดงอาการของตัวเองออกมาได้มากนัก
และมณฑลกล้าจะยอมรับกับตัวเองว่าสิ่งที่เขาเพิ่งจะรู้นี้ทำให้เขามี
อาการเหมือนจะหัวใจสลายนำมาก่อน แล้วตามมาด้วยความผิดหวังอย่าง
แรงกล้าเลยทีเดียว เพราะกับเขาทีผ่ ่านๆ มานั้น พิมพิกาแสดงอาการออก
มาต่อเนื่องตลอดเวลาว่าหล่อนไม่พึงปรารถนาในเรื่องของการหลับนอนต่อ
กัน ไม่ว่าเขาจะร้องขอจากหล่อนแค่ไหน…หล่อนก็ปฏิเสธเสมอมา
และเขาก็เงียบเฉย…แววตาหมองมัวลง
แน่ละว่าคนมองอย่างบุษยาเกิดความรู้สึกราวกับใจทั้งดวงหล่นลง
แตกกระจาย หล่อนสามารถรับรู้ได้ว่าเขาเกิดความเสียดายแค่ไหน ท่าที
ของเขาอาลัยอาวรณ์…ท่าทีของเขาช็อกความรู้สึกของหล่อนไม่น้อยเหมือน
กัน
“มณฑลคะ”
466/913

หล่อนแตะท่อนแขนของเขา รักเขามันมากเกินกว่าจะโกรธ…แต่
หล่อนนึกเลยไปโกรธพิมพิกามากกว่า ผู้หญิงคนนั้นขโมยหัวใจของมณฑล
ไปจากร่าง…แถมยังไม่ยอมนำเอามาคืนอีกด้วย
หล่อนเพิ่งจะแน่ใจเดี๋ยวนี้เองว่า…ร่างกายของมณฑลเป็นร่างกายที่
ปราศจากหัวใจใส่เอาไว้ภายใน…
“เสียดายหรือ”
“เปล่า” เขาแข็งใจตอบ
“แน่ใจนะคะ”
“ทำไมมาคาดคั้นผม” เขาโวย และตำหนิหล่อนตรงๆ “จะฟื้นหาเรื่อง
เก่ามาพูดอีกทำไม หรือไม่เคยไว้ใจผมเลย”
“อุ๊ย…เปล่านะคะ”
“นี่พี่ชายของคุณจะแค่เอาฟรีหรือเปล่า”
“เขาจริงค่ะ แต่คุณป้าจะบ้า…”
“เขาทุ่มมากนักนี่นะ” มณฑลเปรย “ห้องชุดที่นั่นหลายล้าน…”
“เพราะคุณศินรวยมาก”
หล่อนตอบประสาซื่อ และมณฑลถามสวนเปรี้ยงออกมาประโยคหนึ่ง
“คุณจะช่วยให้ผมรวยบ้างไหม”
467/913

“อะไรนะคะ” บุษยาร้องถาม “ถามแบบไม่เชื่อใจนุ่นเลยนะคะ


นุ่นบอกคุณแล้ว พอเราแต่งงานจดทะเบียนกัน…ของของนุ่นเหมือนของ
ของคุณ”
“ชื่นใจจริง”
เขาดึงหล่อนมากอด หล่อนซุกกับอ้อมอกของเขา และบุษยาไม่ได้
เห็นหรอกว่าแววตาของเขาว่างเปล่าเพียงใด
ว่างเปล่าแบบไม่เคยบรรจุหล่อนเอาไว้ภายในแม้แต่น้อย
หล่อนรักเขาข้างเดียว…และยามที่เขาอยากจะเอาใจบุษยาให้หล่อน
ละเมอเพ้อหาแต่เขานี้ บุษยาเองก็ไม่รเู้ หมือนกันว่าหล่อนทำให้เขาต้องผะ
อืดผะอม เพราะหล่อนจืดชืดมากโขสำหรับเขา เขาต้องรวบรวมเอาพลังมา
เพื่อจะทำให้หล่อนเป็นสุข หล่อนขึ้นถึงสวรรค์ชั้นฉิมพลี…แต่เขาซิ…ไปไม่
ถึงไหนเลย
เขาไปไม่ถึงครึ่งทางของฉิมพลีด้วยซ้ำ…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขาพยายามกันไม่ให้มีการพบกันของพิมพิกากับแม่ของเขา
เพราะศศินแน่ใจได้ว่าแม่ของเขาจะต้องพยายามเล่นบทแบบ ‘ตีแตก’
อย่างแน่นอน
คุณผ่องพรรณจึงโมโหนักเมื่อเขาให้นายสนขับพาเธอเข้ากรุงเทพฯใน
ตอนบ่ายๆ เธอยังไม่เห็นพิมพิกาเลยเพราะศศินมาคอยคุมเอาไว้
468/913

“ศิน…!”
เธอแว้ดเพราะเสียอารมณ์…น้อยนักจะเกิดกับเธอ แต่เธออยากจะ
ระงับยับยั้งใจตัวได้อีก
“ทำไมมาขวางแม่ฮึ คิดว่าแม่เป็นอะไร…นางมารรึ”
“เปล่าฮะ” เขายังตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่ไม่สบายผมอยากให้
แม่เข้าไปหาหมอ แล้วควรจะไปพบหมอเจ้าประจำของเรามากกว่าฮะ”
“เธอพยายามไม่ให้แม่พบมัน”
“ต้องพบแน่ฮะ แต่ยังก่อนดีกว่าฮะ”
“ทำไม”
“ผมว่าแม่คงไม่อยากจะฟังเหตุผลนัก”
“บอกมาซิ…บอกมาเลย แม่จะฟัง” เธอตอบด้วยน้ำเสียง
ประชดประชัน
“ก็ได้ฮะ” เขาตอบอย่างว่าง่าย “แค่ว่าผมไม่อยากเสียคุณจันทร์ไป
ตอนนี้…ก็เท่านั้นเองฮะ ผมขอบอกกับแม่ตรงนี้อีกหนว่าผมรักเธอ”
39

บุษยาก้าวเข้ามาให้เห็น คุณผ่องพรรณผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อยแล้วทิ้ง
ราบลงมาตามเดิม

“คุณป้าไม่สบายหรือคะ”
“ปวดหัวนิดๆ ”
“คงจะเพราะเรื่องนั้น”
เธอหลับตาลง ก่อนจะออกปากเปรย
“รู้แล้วซิ”
“ค่ะ”
“เธอคิดอย่างไร”
“คุณศินคงไม่ได้จริงจัง”
“เธอแน่ใจ?”
470/913

“ค่ะ ผู้หญิงแบบนั้นใครจะอยากจริงจังด้วยล่ะคะ กำพืดไม่มี…แล้ว


ประวัตเิ ดิมไม่ดีมาอีกด้วย คุณศินเป็นคนฉลาด เขารูว้ ่าตรงไหนควรไม่
ควรเสมอ”
แม้หล่อนจะไม่ชอบคุณผ่องพรรณเลย แต่หล่อนมีความรู้สึกดีๆ กับ
ศศินเสมอมา เขาเป็นพี่ชาย…เป็นที่พึ่งพา และบุษยาสามารถวางใจว่าแม้
ญาติคนอื่นจะมองหล่อนโดยเอาพ่อแม่ผู้ล้มเหลวของหล่อนมาคอยตัดสิน
หล่อน แต่เขาไม่เคยทำเช่นเดียวกันนั้นเลย
ศศินดีกับหล่อนแบบเสมอต้นเสมอปลาย…
แต่คุณผ่องพรรณปลื้มตามคำปลอบของหล่อนได้ไม่นาน…ก็คำ
บอกกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวของเขานั่นแหละ ทำเอาหัวใจของเธอกระเจิง
เขายืนยันว่าเขารัก…เขารักผู้หญิงคนนั้น…เขารักพิมพิกา
เธอเองไม่รังเกียจ…เอาเถิด…กำพืดมาจากไหนยังพอจะชุบได้เพราะก็
เป็นคนมีการงานทำ เป็นผู้หญิงทำงาน และท่าทางพึ่งพาตัวเองได้ แต่เรื่อง
ว่าเคยเละเทะมาก่อน เธอตะขิดตะขวงใจนักหนาลูกชายอาจจะสมัยใหม่
มาก…ไม่ได้ใส่ใจ เธอเองก็อาจจะทำเมินๆ ข้ามไปได้ หากว่า…หากว่าผู้ชาย
ในอดีตของเจ้าหล่อนจะไม่ใช่ผู้ชายที่จะมาแต่งงานกับบุษยาในเร็ววัน
ยังต้องเจอกัน ยังต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“คุณป้าคะ คุณมณฑลอยากจะมาขอเยี่ยมคุณป้า”
“เขาจะมาทำไม”
471/913

“เขาว่าเขาบอกได้ค่ะว่าควรจะจัดการอย่างไร”
“อะไรนะ”
“นุ่นทราบว่าคุณป้าไม่ต้องการเธอ…”
บุษยาตอบอย่างใจเย็น และหล่อนเองก็ไม่ชอบพิมพิกาด้วย แม้ว่า
ศศินจะมาพรากเอาพิมพิกาห่างไป แต่หล่อนไม่ต้องการจะเห็นพิมพิกาได้ดี
เป็น ‘ศรี’ ข้างๆ กับศศินอย่างถาวร
ตรงนั้นหล่อนมองว่าพิมพิกาได้มากเกินไป
ไม่สมควรที่จะได้.บุษยาคิดแบบนี้…
เธอเบือนหน้ามามองบุษยา กำลังชั่งใจว่าบุษยาต้องการสิ่งใดกันแน่
หล่อนก็รีบให้คำตอบเสียก่อน
“นุ่นปรารถนาดีค่ะ แล้วนุ่นคิดว่ามีเรื่องหนึ่งซึ่งคุณป้าคงยังไม่
ทราบ…”
หล่อนทำท่านิ่มนวลนัก และตามจริงนั้นเธอไม่ได้พิศวาสหล่อนเลย
สำหรับเธอแล้ว…บุษยาเหมือนคนแปลกปลอมในครอบครัวเธอไม่
ชอบบุษยาหลายๆ ประการ และภาวนาต่อหน้าพระเวลาสวดมนต์เสมอว่า
อย่าให้บษุ ยาเลื่อนจากหลานสามีมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอเลย เพราะเธอคง
ไม่เอาด้วยแน่นอน
แต่ก็อีกนั่นแหละ เพราะศศินเป็นคนบังคับยากมาก
472/913

แล้วเธอก็สะดุ้งกับคำบอกกล่าวของบุษยา
“คุณศินเคยรับปากกับนุ่นเอาไว้ เขาว่าเขาจะกำจัดเสี้ยนหนามของนุ่น
ให้หมด เขาอาจจะกำลังทำ…เพราะเขาอยากเห็นนุ่นมีความสุขกับคุณ
มณฑล เขาไม่ต้องการนางมารมาขวาง”
“ไม่จริง”
เธอแว้ดสวนออกมาแล้วแค่นหัวเราะ
“แม่นุ่น…เธออย่าหลงตัวเองไปเลย เขาจะไม่ทำขนาดนั้น”
“นุ่นเชื่อของนุ่นแบบนีล้ ่ะค่ะ” หล่อนตอบแบบเสงี่ยมๆ “นุ่นคิดแบบ
อื่นอีกไม่เป็นแล้ว คุณป้าจะอนุญาตเขามาเยี่ยมไหมคะ”
“อย่าเลย” เธอบอกเสียงห้วน
“คุณป้าไม่อยากรู้จักกำพืดหล่อนให้ดีขึ้นเพื่อเอาไว้ตีแตกหรอกหรือ
คะ”
////////////////////////////////////////////////////////////////////
เป็นการประจันหน้ากันสองต่อสอง และตอนนี้หล่อนไม่ได้ถูกเมรัย
ใดๆ ครอบงำสติเอาไว้ แววตาคมปลาบของเขาทำให้หล่อนร้อนวูบวาบ ผิว
แก้มสองข้างเหมือนว่าจะถูกลนใกล้กองไฟ หล่อนขัดเขิน เขามองหล่อน
เหมือนจะกลืนกิน…เหมือนกำลังดื่มด่ำกับอารมณ์อันสุนทรี
“คุณจันทร์”
473/913

เขาก้าวมาหา หล่อนนั่งโอบเข่าบนฟูกหนา…แล้วเอาผ้าห่มห่อตัวเอาไว้
พอเขาทิ้งตัวนั่งพับขาบนเตียง หล่อนก็ก้มหน้าลง…ขานรับอุบอิบในคอ
เท่านั้นเอง
“ใจคอไม่อยากมองหน้าผมหรอกหรือ”
น้ำเสียงของเขาแกมหัวเราะ
“ไม่…”
“แย่จัง”
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“แน่นอน” เขาตอบนุ่มนวล “ผมพากลับแน่ แต่เรามาตกลงกันก่อน”
“ตกลงอะไร”
“เรื่องของเรา”
“ทำไมคะ”
“เราจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน”
“ฉันไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”
หล่อนบอกเร็วๆ เงยหน้ามองเขา แววตาของหล่อนแบบนั้นจะให้เขา
คิดละเลยข้ามสิ่งที่เขากระทำลงไปได้อย่างไร
“ลืมซะ”
474/913

“ไม่ได้หรอก”
“ฉันไม่เรียกร้องอะไรเลยนะคะ”
“ผมดีใจ…”
“เราก็แยกย้ายจากกันไป”
“เห็นจะไม่ได้”
“ทำไมคะ”
“คุณอาจจะไม่เรียกร้องอะไรเลย แต่ผมคิดว่าผมเสียตัวนะ”
“อะไรนะคะ”
พิมพิการ้องเสียงหลง เขายิ้มระบายทั่วหน้า และแน่นอนหล่อนเพิ่ง
จะเห็นดวงตาพราวแพรวของเขาอีกด้วย…ดวงตาขี้โกง…เขาแสดงออกมา
ชัดเจนมาก
“ไม่ได้นะ คุณเป็นผู้ชาย เสียตัวบ้าบออะไรกัน”
หล่อนกรี๊ดใส่ กระชับผ้าห่มคลุมตัวให้มั่น…เพราะเขาเอื้อมมือออกมา
เหมือนจะกระชากออกจากตัวของหล่อนกระนั้น
“ผู้ชายเสียแล้วมีอะไร”
“ผมก็ต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรม”
“นี่…คุณ” หล่อนเหลืออด
475/913

“ใจเย็นๆ …คุณจันทร์…ผมว่าเราตกลงกันด้วยดีได้”
“ฉันไม่คิดอะไร ไม่ติดใจเอาความ น่าจะจบกัน”
“ผมบอกแล้วว่าผมคิด ผมเสียตัว และผมจะไม่ยอมให้เสียเปล่า”
“ตาบ้า…คนสติดีหรือเปล่า…หือ…สติคุณเหมือนคนอื่นไหม…ผู้หญิง
บอกว่าไม่…เข้าใจบ้างซิ”
ศศินส่ายหน้าอย่างดื้อดึงเป็นอันมาก และพิมพิกาอยากจะซัดเขาให้
ตกเตียง แต่ยังก่อน…หล่อนคิดว่าหล่อนจะลองเจรจากับเขาก่อน เผื่อจะ
พูดจากันได้ เขาอาจจะพูดยากสักนิด แต่หล่อนไม่อาจจะละเลยมองข้าม
กับเรื่องนี้ไปได้
“คุณอาจจะเสียตัวมาก่อนหน้านี้นับไม่ถ้วน ธุระ…จะเอามาผูกมัด
ฉัน”
“คุณจันทร์…อย่าเล่นตัวเลย…เราจะแต่งงานกัน”
“ไม่แต่ง…”
“ผมอยากจะแต่ง”
“ก็ไปหาคนที่อยากแต่งงานคนอื่นซิ”
“ทำไมพูดยากจัง”
เขาบ่น และพิมพิการ้องวี้ดออกมาเมื่อเขาประชิดติดตัวหลอนและ
พยายามจะเอาผ้าห่มออกจากกายหล่อน ตอนแรกหล่อนก็ออกแรงสู้ แต่
476/913

หล่อนไม่อาจจะต้านทานแรงของเขาได้ไหวหล่อนไม่อาจจะลงพ้นจากเตียง
ได้ และหล่อนก็ไม่ได้ขัดขืนมากนัก…ราวกับว่าหล่อนเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธ
รสชาติอันอ่อนหวานนั้น
แต่หญิงสาวถอนใจยาวออกมา
“นี่ไม่ใช่วิธีผูกมัดฉันเอาไว้หรอกนะ”
“แล้วความรักล่ะ”
เขาตรึงเรือนกายเอาไว้เบื้องล่าง หน้าเรียวรูปไข่ของหล่อนงามนัก
ดวงตาของหล่อนใหญ่ยาว ประกายตาของหล่อนเหมือนจะบอกว่าหล่อน
หมดศรัทธากับความรัก
“ไม่พอค่ะ”
“แล้วอะไรถึงจะพอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“คุณจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย?”
“คงจะแบบนั้น”
“เอาความรักของผมไปก่อน…ไปตรองดูว่าควรจะรักผมตอบแทน
ไหม”
และความใคร่ก็ดำเนินต่อไป สำหรับศศิน…มันคือเสน่หาอันแรงกล้า
แต่สำหรับพิมพิกาเองแล้ว…หล่อนมองเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างเขากับ
477/913

หล่อนเป็นเรื่องของธรรมชาติก้าวไปตามครรลองทางนั้น…ไม่ได้มีความรัก
ใดๆ เลย และพิมพิกาใจเด็ดเกินกว่าจะร้องไห้คร่ำครวญเสียดายตัวเอง
หล่อนไม่คิดว่าจะต้องเรียกร้องเอาจากเขา เพราะหล่อนเองก็ไม่ได้มีจิต
พิศวาสใดๆ กับเขาเลยนี่นา
////////////////////////////////////////////////////////////
มีเสียงรถและเสียงเปิดบ้านเข้ามา ความบอกซ้ำทำให้หล่อนแทบจะ
ลุกไม่ขึ้น และหล่อนพยายามจะออกไปก่อนหน้านี้ แต่หล่อนไม่พบเจอ
เสื้อผ้าเลย และประตูห้องเปิดเข้ามา หล่อนไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเขา
ไอ้มารร้าย…
น้ำตาของหล่อนรินไหลจนแทบจะไม่มีให้เค้นออกมาอีกแล้ว…ความ
เจ็บช้ำมากมายเหลือเกิน…มันมากมายจนชนิตาไม่รู้ว่าแล้วหล่อนจะหาสิ่งใด
มาทดแทนได้
“ชนิตา…”
เขามานั่งยองๆ ใกล้ร่างหล่อน เอื้อมมือพลิกกายหล่อนให้นอนหงาย
มาทางเขา หล่อนคู้ตัวเอาไว้
“เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง
หล่อนกระถดถอยไปห่างหลังจากทรงกายมานั่ง หน้าของหล่อนเผือด
ขาว ดวงตาช้ำแดง เขาถอนใจยาว
“เธอเสียใจมากซินั่น”
478/913

“เลิกยุ่งกับฉัน”
“ยังหรอก”
“ปล่อยฉันเถิด”
“เธอจะกราบเท้าฉันไหม”
“ไม่…”
“งั้นก็ยัง”
“คุณเกลียดฉัน”
“ใช่”
“แล้วทำไมแตะต้องฉันทำไม…คนเกลียดกันจะไม่ข้องแวะกัน”
“เพราะอย่างเธอสมควรจะเจอ เธอทำให้ฉันต้องทำ”
“เพราะสันดานคุณตะหาก คุณวิษณุ”
สันดาน…หล่อนเริ่มด่าเขาอีกแล้ว…วิษณุบอกตัวเองก่อนมาที่นี่อีกว่า
เขาจะใจเย็นกับหล่อนจนที่สุด แต่ชนิตาพยายามยั่วยุเขาเสมอมา…หล่อน
ร้ายกาจเสมอ…เพราะไม่เพียงคำว่า ‘สันดาน’ แต่มีคำด่าตามมาอีกหลายคำ
“ปากจัดนัก ชนิตา”
เขาคำราม และรวดเร็วจนแทบจะจับตามองไม่ทัน เมื่อเขาสลัดหลัง
มือออกไปกระทบครึ่งปากครึ่งจมูกของชนิตา
479/913

หล่อนไม่ร้องอีกแล้วแม้จะหน้าสะบัดหงายไป หล่อนมองเขาด้วย
ดวงตาแดงจัด แต่ประกายของดวงตาหล่อนจัดจ้า…บอกความอาฆาต
พยาบาท
แต่ไม่หรอก…เขาจะไม่ให้โอกาสชนิตามาแสดงท่าทีเหนือกว่าเขาแบบ
นั้น…ไม่มีวันเด็ดขาด…
“เธอควรจะสงบปากไว้หากไม่อยากเจ็บปวด”
“ไม่…คุณมันชั่ว ไอ้สัตว์นรก…แถมยังอ่อนแอ”
“หยุดนะ”
“แทงใจดำมากไหม”
“เธอนี่หนานักหรือ”
เขาถาม เข้ามาประชิดติดตัว บิดคางของหล่อนขึ้นมามองเขามอง
กรอบเข้าไปในดวงตาของหล่อน
“เธอมันไม่หลาบจำ ทั้งหมดเพราะเธอ หากว่าเธอหัดเจียมตัว รูว้ ่า
ใครเป็นนายของเธอซะ เธอจะไม่เป็นแบบนี้เลย แต่เพราะเธอไม่เคยรู้…เธอ
ไม่เคยเข้าใจ…เธอรู้แต่ว่าเธอจะพูด…เธอจะท้าทายฉัน…สมควรจะ
โดน…แล้วฉันสาบานว่าจะจองล้างจองผลาญกับเธอจนถึงที่สุด”
“คุณต้องการอะไรจากฉัน”
“ให้เธอวอดวายต่อหน้าต่อตา”
480/913

หล่อนเม้มปากหากัน
“เราคิดเหมือนกัน”
หล่อนคลายริมฝีปากออกในที่สุด
“ฉันสาบานแล้วด้วย…ฉันสาบานว่า.ใครทำร้ายฉัน…มันจะต้อง
ฉิบหาย…มันจะต้องตายโหง”
“เออ…ลองดูซิ…มาลองกันก่อนว่าใครกันแน่ที่มันตายแล้ว”
เขาผลักหัวหล่อนลง ชนิตาอ่อนเปลี้ยอยูแ่ ล้ว หล่อนเซล้มแผละลง
และวิษณุก็ย่ำยีทางเพศกับหล่อนอย่างปราศจากความเมตตา…
หล่อนไม่ร้องไห้…หัวใจของหล่อนตายด้าน…
ชนิตารู้ว่าหล่อนจะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาอีกแล้ว
เพราะนั่นรังแต่จะทำให้เขาสะใจ…
และหล่อนไม่ต้องการให้เขาแสดงออกมาแบบนั้นอีก
สักวัน…วันนี้เป็นทีของเขา…แต่คงไม่เสมอไป คงไม่ได้มีแต่วันของเขา
ไม่อย่างแน่นอน…
เพราะคิดอย่างนี้…ชนิตาเลยทอดอาลัย ไม่ว่าเขาจะจัดการกับหล่อน
แบบทารุณกรรมแค่ไหน ชนิตาก็เงียบกริบ…ปราศจากเสียงร้อง…
40

ไม่สนุกเท่าไหร่…วิษณุบอกตัวเอง…เพราะว่าหล่อนไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน
เลยกระมัง เขาเลยไม่อาจจะแสวงหาความตื่นเต้นสะใจได้ และเขาก็
หงุดหงิดใส่ชนิตาอีกจนได้
และเมื่อเขาระบายออกด้วยคำพูดทิ่มแทง ทีเ่ ขาได้เห็นคือหล่อนยิ้ม
เยือกเย็นอย่างยิ่ง หล่อนทำเหมือนว่าหล่อนกำลังรื่นรมย์
“ให้ตาย…เธอมันบ้าแล้ว ชนิตา”
“เปล่า” เสียงปฏิเสธยังหนักแน่น “ฉันยังปกติเท่าเดิมคนบ้าคือคุณ…”
“ทำไมเธอไม่ทำท่าขัดขืนบ้าง”
“ทำไมต้องทำ” หล่อนเลียนแบบคำพูดของเขา “ไม่มีความจำเป็น
อะไรจะต้องขัดขืน”
แววตาของหล่อนบ่งบอกความฉลาดรู้เท่าทันออกมา และวิษณุ
เกลียดท่าทางแบบนี้ของชนิตามานานโข มันเหมือนว่าชนิตามีความ
สะใจ…และเขารู้มานานแล้วว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงโง่…แต่เขาอยากเห็นหล่อน
482/913

โง่…เขาเกลียดความฉลาดเฉลียวของหล่อน…เกลียดท่าทีที่บ่งบอกว่ารู้ทัน
เขาและยังท้าทายเขา…ชนิตาอวดดีเกินไป
หากหล่อนยอมจากไปเสีย…ไปจากออฟฟิศของเขา ไม่ยอมอยูท่ ิ่มตำ
เขา วิษณุคงไม่เกลียดหล่อนเท่านี้เลย
แต่เพราะไม่ใช่…ชนิตาไม่ยอมลาออก แม้เขาจะบีบหล่อนแล้วก็ตามที
ชนิตามีความอดทนสูงมากทีเดียว หล่อนไม่ยอมลาออก…และเขาก็ไม่
สามารถไล่หล่อนออกได้อีกด้วย ชนิตาท้าทายเสมอว่าหากหล่อนมี
ความผิด…ขอให้เอาหล่อนออก
แต่เพราะเขาไม่มีเหตุผลตรงนั้น เขาจะใช้อารมณ์ส่วนตัวใช้ความเป็น
นายก็ได้ แต่ปรากฏว่าเขาเองก็ไม่กล้า
เพราะฉะนั้นตลอดเวลาเกือบจะสองปีที่มาโรมรันกันหลังจากเขากลับ
มาจากออสเตรเลีย เขาพบว่าเขาระทมทุกข์เพราะชนิตา
และครั้งนี้เขาหมายมั่นว่าจะได้หัวเราะเยาะหล่อน
จะได้แสดงท่าทีว่าเหนือกว่าหล่อนบ้าง แต่ก็คว้าน้ำเหลวอีกตามเคย
เขามองสบดวงตาที่มีประกายแก่กล้า…กร้าว…มาดมั่น…มองเห็นริมฝีปาก
แย้มหยัน
หล่อนทำให้เขาบ้าคลั่ง
แต่ความคุคั่งทางเพศกลับลดลง
เขาเอามือบีบกำรอบคอเล็กๆ ของหล่อน
483/913

เขาหวังว่าหล่อนจะร้องขอความกรุณา แต่เขาคิดพลาดคาดผิดไปอีก
นั่นแหละ
มันผิดไปมากทีเดียว…เพราะหล่อนส่งเสียงหัวเราะออกมา
“หัวเราะบ้าอะไร” เขาตะคอกใส่
“อยากฆ่าฉันปิดปากหรือ”
“เธอสมควรจะตาย”
“นั่นซิ”
หล่อนรับคำ สีหน้าของหล่อนเหมือนไม่กลัวต่อความตาย
“ฆ่าเลย…ฆ่าแล้วจัดการกับซากของฉันซะ อย่าให้มันเหลือมาทวง
ถามความยุติธรรม”
“อย่าท้านะ”
“ไม่ได้ท้า หากแน่จริง”
เขาจิกปลายนิ้วลงไป…แม้เล็บจะไม่ยาวแต่ก็เป็นรอยครูดไปตามผิว
เนื้ออ่อนๆ รอบลำคอของหล่อน แต่ชนิตาเป็นคนใจเด็ดอย่างมาก หล่อน
ไม่ร้องเลย…สักแอะหนึ่งก็ไม่มี…สีหน้าของหล่อนยังเจือรอยยิ้มเอาไว้ด้วย
ซ้ำ
“นังบ้า”
484/913

วิษณุเป็นฝ่ายฉุนเฉียวเสียเอง เขาผลักศรีษะของชนิตาแรงๆ
หลังจากคลายมือออกไปแล้ว
“ทำไมยั่วโทสะขนาดนี้”
“กลัวซิ”
“เปล่า”
“ไม่แน่อีกด้วย”
“ทำไมอยากตาย”
“เพราะไม่อยากเจอหน้าไอ้สัตว์หมาแบบแกอีก”
“ชนิตา…เจียมตัวซะบ้าง ฉันไม่ฆ่าเธอ แต่ทำอย่างไรอื่นได้สนุกกว่า”
“จะทำอะไรฉัน”
“เคยเจอไหมสภาพตายทั้งเป็น…ฉันจะประจานเธอทั่ว”
“คุณไม่กล้า…และจะไม่มีวันกล้าอีกด้วย” ชนิตาตอบด้วยเสียงอัน
มั่นคง “หากคุณประจานฉัน คุณเองจะเจอการตอบกลับ…คุณทำไม่
ได้…และฉันจะไม่อยู่ให้ทำ…ฉันจะลาออก”
ดวงตาของวิษณุขยายกว้าง
“ลาออก?”
“สะใจไหม ต้องการมานานแล้วนี่”
485/913

“เธอจะลาออก?”
“แน่นอน”
“จะเรียกร้องอะไรไหม”
“เอาตามสิทธิ์ของฉัน…ของพนักงานคนหนึ่ง”
“เธอแน่ใจ?”
“ใช่”
“แล้วที่เสียตัวไป?…ว่าไง?”
“ช่างมัน”
“เธอจะไม่เรียกร้องอะไรเลย”
“ใช่…ดีไหมล่ะ”
“ทำไม” วิษณุแคลงใจเสียเอง “เธอต้องการอะไรจากฉัน”
“ไม่เลย…ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากคุณ…วิษณุ…ฉันไม่
เรียกร้อง…เพราะฉันเสียตัวให้กับสัตว์…และฉันไม่อยากอยูก่ ับสัตว์ แต่ฉัน
ไม่เรียกร้อง…ฉันจะไปเฉยๆ ”
“ตามทางของเธออย่างนั้นหรือ”
“ใช่”
“แล้วเธอจะไปโพนทะนาไหม”
486/913

“ฉันไม่ทำ…เพราะฉันอับอาย…มันเป็นเรื่องน่าอาย” หล่อนเน้นเสียง
ตอบ “การได้ย่ำยีฉันสะใจพอแล้วก็ปล่อยฉันไป…ฉันจะทำเรื่องขอลาออก
จากงาน จะไม่ทนอยู่อีก”
“เธอสัญญานะ”
“ไม่จำเป็น อย่างน้อยฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ฉันเป็นคนจริง…”
หล่อนให้คำตอบ และวิษณุกถ็ อยห่างออกไป เขามองชนิตาเหมือน
หล่อนเป็นตัวประหลาด…เหมือนว่าเขาเพิ่งจะเคยพบเห็นหล่อนในนาทีนี้
เอง…เขาเป็นคนประเภทที่เจอคนจริงแล้วจะแหยงโดยเฉพาะคนจริงคนนั้น
เป็นผู้หญิง แถมยังมีเรื่องฟาดฟันกับเขามาอย่างโชกโชนยิ่ง
และเขายังไม่ยอมปล่อยชนิตาไปในวันนี้
“ยังก่อน…”
“ทำไมอีกล่ะ”
“เพราะฉันยังได้ไม่พอจากเธอ”
“ผู้ชาย…”
น้ำเสียงของชนิตาเย้ยหยัน เหมือนเขาถูกตีกลางแสกหน้าตรงๆ …
“พวกคุณเหมือนกันหมดซิน่า…เหมือนกันไม่มีผิด…พวกคุณดีแต่
กอบโกยเอาเปรียบ…ทำไมนะทำไม…รังเกียจฉัน…ขยะแขยงฉัน…แต่เวลา
จะเอาฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองลงมาเกลือกกลั้ว”
487/913

“เพราะความจริงมันคือว่า…”
วิษณุพรวดมาหา…เขาทำให้ชนิตาถอยห่างไปจนตรอกตรงมุม
ห้อง…หล่อนชันเข่านั่งโน้มตัวลงกอบเข่าเอาไว้…อย่างน้อยหล่อนก็พยายาม
ป้องปัด…หล่อนไม่ชอบให้ตัวเองถูกคุกคามอย่างป่าเถื่อนจากเขา…แววตา
หื่นกระหายของผู้ชาย…ความปรารถนาอันบ้าคลั่งของผู้ชาย…และสิ่งที่เขา
ยัดเยียดมาให้ก็ต่ำทรามเหลือเกิน
หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นที่รองรับอารมณ์อันสุดแสนต่ำช้า…โดยที่
หล่อนเองปราศจากความเต็มใจ…แต่เขาก็ยังปราศจากความเมตตา
เขามองจ้องเข้ามาในดวงตาของหล่อน
“ฉันมีความสุขตอนกดเธอแบราบลงใต้ฉันแล้วทำให้เธอไปไหนไม่
รอด…มันสะใจ…มันเป็นความสะใจที่ได้ทำแบบนั้น…เพราะฉันรู้สึกว่าเธอ
เหมือนนังหมาตัวเมียที่ไม่มีทางรอดไปไหนอีก ฉันพอใจที่ได้ทำกับเธอ”
“ทีใครทีมันแล้วกัน”
ชนิตาทำเสียงบอกเนือยๆ
และหล่อนก็พยายามระงับใจตัวเมื่อเขาเอื้อมมือมาแตะต้องร่างกาย
หล่อนอีกหน
หล่อนสาบานกับตัวเองในใจว่า
…คอยดู ฉันจะทำลายนาย จะทำให้ย่อยยับ จะทำให้นายรู้สึกว่าไม่
น่าจะมาเริ่มต้นกับฉันเลย…
488/913

และชนิตาก็จะทำตามที่เจตนาเอาไว้ แม้ว่าหล่อนจะเสียเพื่อน…เสีย
ความดีงามอีกหลายอย่างที่ตัวเองเคยมีมาก็ตามที
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พรรณรายรับโทรศัพท์จากผู้ชายคนหนึ่ง เขาบอกว่าเขาคือผู้หวังดี
เขาโทร.มาส่งข่าวบอกกล่าวกับหล่อนในเรื่องของพิมพิกา
เขาบอกว่าพิมพิกาไปอยู่กับผู้ชายที่หัวหิน
“ไม่จริง”
พรรณรายปฏิเสธเอาไว้ก่อน
“คุณเป็นใคร”
“เชื่อผมแล้วกัน”
“คุณมีเจตนาอะไร”
“ผมไม่อยากให้จันทร์เสียหายมากไป จะยอมไปเป็นของเล่นผู้ชาย
ทำไม”
“ผู้ชายคนไหน”
“เขาชื่อศศิน”
พรรณรายตระหนกชั่วแวบ
489/913

แต่หล่อนไม่ปรักปรำน้องสาวกับโทรศัพท์ของคนแปลกหน้าหล่อนไม่
ทำแบบนั้น…เพราะพิมพิกาคือน้องสาว แต่ไอ้โม่งส่งเสียงมาทางโทรศัพท์นี้
เป็นใคร….หล่อนก็ยังไม่รู้ และพรรณรายไม่อาจจะเชื่อได้สนิทใจ
และหากว่าเป็นความจริง…พรรณรายก็พยายามเข้าใจอย่างคนรุ่น
ใหม่พึงจะทำความเข้าใจได้ หล่อนไม่อยากจะไปก้าวก่ายในความเป็น
ส่วนตัวของน้องสาว
พิมพิกามีสิทธ์กับชีวิตตัวเอง และพิมพิกาไม่ใช่เด็กสาวๆ อีกแล้ว…
หล่อนฉุกใจถึงคนหวังดีแวบหนึ่ง และหล่อนก็โพล่งออกไปตามที่ใจ
คิดออก
“ฉันรู้แล้ว นั่นมณฑลใช่ไหม”
เสียงปลายสายเงียบไปทันที
“ฉันรู้นะว่าเป็นคุณ”…
เสียงโทรศัพท์ตัดขาดไปอย่างแผ่วเบา
พรรณรายมองโทรศัพท์ในมือตัวเองค้อนๆ
“โธ่เอ๊ย…ยังพยายามใส่ไฟให้ร้ายกันอีก…ทั้งที่ตัวเองทิ้งขว้างยาย
จันทร์ไป”
พรรณรายพยายามติดต่อหาชนิตา…แต่ที่พักของหล่อนไม่มีหล่อน
และที่บ้านของหล่อน…ชนิตาก็ไม่ได้กลับบ้านอีกด้วย
490/913

ชนิตาไปไหน…แต่อย่างว่า…ชนิตาคงจะมีที่ไป พรรณรายไม่รู้ว่าชนิตา
เองก็ตกที่นั่งลำบากแบบที่กล้ำกลืนขมขื่นใจตราบจนวันตายทีเดียว
และหล่อนคงจะต้องรอจนกว่าพิมพิกาจะกลับมาเอง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

คุณผ่องพรรณโทร.เข้ามาจนได้ เขาหัวเราะหึๆ
ตอนรับสาย
“แม่หรือฮะ”
“ศิน…ทำไมตัดขาดโลกภายนอกจนหมด” เธอถามมาอย่าง
กราดเกรี้ยว “สองวันแล้วนะที่ลูกทำตัวพิลึกๆ ”
“ผมอยากอยู่เงียบๆ กับเธอฮะ”
“จะอยู่กันแค่สองคนในโลกนี้ไหม”
เขาหัวเราะซ้ำ “แม่ประชดผม”
“เปล่า จะพยายามทำให้เป็นจริง”
“แม่ฮะ ผมจะแต่งงานกับเธอ”
“อุ๊ย…ไม่นะ ศิน แม่ไม่ยอม แต่งงานอะไรกัน…”
“ผมอยากแต่งกับเธอ”
491/913

“แต่แม่ไม่ต้องการ”
“แม่ต้องเข้าใจว่าผมรักเธอฮะ”
“แม่ไม่เข้าใจอะไรด้วย…ศิน ลูกกำลังจะฆ่าแม่นะ…เข้าใจไหม…ลูกทำ
แบบนั้นไม่ได้นะ...ตราบที่แม่ยังอยู่”
“แม่ฮะ…ผมเคยบอกมานานแล้ว…หากจะมีเมีย…ผมขอเลือก
เอง…พอใจของผมเอง…ผมอาจจะยอมได้...ผมยอมแม่เสมอในหลายๆ
เรื่องแต่กับเรื่องนี้ผมเห็นจะต้องขอขัดใจแม่…”
เขาบอกกล่าวในกระแสเสียงเรียบๆ ยังมีความนุ่มนวลหลงเหลืออยู่
อีกมาก
“แล้วเราจะคุยในรายละเอียดกันภายหลังฮะ…เมื่อผมกลับเข้า
กรุงเทพ ผมจะคุยกับแม่ทันที”
“ศิน…ทำไมลูกทำร้ายแม่เหลือเกิน…ทำไม…แม่เตือนแล้ว…ที่แม่ขวาง
ทีแ่ ม่ไม่เห็นด้วยทั้งหลายทั้งปวงเพราะแม่รักลูก แม่ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น
เลยนะ แต่ศินดื้อรั้น…แม่ขอยืนยันกับลูกอีกหนว่าการแต่งงานมีได้หลาย
หนก็จริง..แต่ทำไมจะลองผิดลองถูกหลายหนด้วยล่ะ…ทำไม…ศินน่าจะคิด
ให้ถี่ถ้วนก่อนจะได้ไม่ล้มเหลว…ชีวิตไม่ต้องตราด้วยความผิดหวัง”
เขาวางโทรศัพท์ลง และตามเคยที่เขากระทำคือเอาสายออก เขาเบือน
หน้ามามอง พิมพิการับฟังเงียบๆ หล่อนมีแววตาว่างเปล่าราวกับปราศจาก
ความสนใจ
492/913

“คุณได้ยินแล้ว?”
“ค่ะ”
“รู้สึกยังไง”
“เฉยๆ ”
“กลัวแม่ผมไหม”
“ไม่กลัวค่ะ”
“ดีแล้ว”
“ทำไมคะ”
“เพราะอาจจะต้องรับมือกัน”
“ไม่นะคะ”
เขาเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“ผมไม่เข้าใจที่คุณปฏิเสธ”
“ทำไมต้องเจอกันด้วยคะ เพราะฉันไม่ได้คิดว่าจะลงเอยกับคุณ…”
“แต่ว่า…”
“เหตุการณ์ระหว่างเราน่ะหรือคะ”
493/913

แล้วหล่อนก็หัวเราะ ทำเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยปราศจาก
ความหมาย เขาหน้าตึงเล็กน้อย แต่พยายามจะตามความคิดของหล่อนให้
ทัน
“ไม่มีอะไรนี่คะ…แล้วก็แล้วกันไป”
“ไม่ได้นะ ผมบอกคุณแล้วว่าผมเสียตัวให้คุณ เพราะฉะนั้นต้อง
รับผิดชอบผม หากจะโยกโย้ไม่ยอมให้ผมรับผิดชอบคุณ…อย่ามาเกเร
เบี้ยวกับผมเลย คุณจันทร์…อย่าทำแบบนั้น”
41

มีคนมาบอกเขาว่าพี่ชายของชนิตามาตามหาหล่อน
วิษณุใจหายเหมือนกัน บางทีการหายตัวมาของหล่อนอาจจะทำให้เขา
เดือดร้อนได้
และเขาต้องออกมาต้อนรับดนุด้วยตัวเอง ดนุบอกกับเขาว่าชนิตาไม่
ได้อยู่ทอี่ พาร์ตเม้นต์ และหล่อนไม่ได้กลับไปบ้านอีกด้วย สีหน้าของดนุ
บอกความห่วงใยอย่างยิ่ง และวิษณุกเ็ ก็บงำความข้อที่ว่าเขารู้เห็นอย่าง
แนบเนียนยิ่งอีกด้วย เขาทำหน้าซื่อและยังออกความเห็นอีกด้วยว่า
“มีที่ไปของชนิตาบ้างไหม”
“ไม่มังฮะ”
ดนุตอบอย่างลังเล เขาเองทำเหมือนคนไม่มบี ้าน ก็คนหนุ่มโสด
การงานรัดตัวมากจนเหมือนบ้านเป็นที่ห่างไกล…แม้จะอยู่ในเขต
กรุงเทพมหานครนี่เอง และระยะหลังชนิตาก็ออกมาพักข้างนอกอีกคน
เพราะหล่อนบอกว่าสะดวกต่อการไปกลับจากออฟฟิศบ่อยครั้งที่ชนิตาเลิก
495/913

งานดึกและหล่อนไม่อยากนั่งรถระยะทางไกลๆ หล่อนเหนื่อยมากกับการ
นั่งรถทีก่ ารจราจรติดขัด…แม้จะเป็นเวลาสามทุ่มล่วงเลย เดี๋ยวนี้
กรุงเทพมหานครขาดเสน่ห์ของการน่าอยู่อาศัยไปมากก็เพราะจราจร
ประการเดียว
เขารูน้ ิสัยของน้องสาว…ชนิตาไม่ชอบเที่ยว หล่อนไม่ชอบเอาเสียเลย
ทีจ่ ะเที่ยวเตร่เฮฮาไปตามประสาคนโสด หากไม่ทำงานที่ออฟฟิศ ชนิตาจะ
กลับไปนอนอ่านหนังสือ…ดูทีวี…กิจกรรมรายวันของชนิตาวนเวียนตรงนั้น
และเขาประหลาดใจที่หล่อนขาดงาน…
ชนิตาบ้างานมาก หล่อนทำงานแบบทุ่มเท หล่อนทำตัวมีคุณภาพล้น
เสมอ หล่อนเป็นคนที่ทุ่มเทกับการงานสุดๆ …เทหมดใจแบบไม่เคย
เบื่อหน่าย แม้หล่อนจะเคยปรารภกับเขาว่านายจ้างไม่ชอบหล่อนนัก และ
ตอนนีด้ นุประจันหน้ากับนายจ้างวัยแก่กว่าเขาเสียอีก ผู้ชายตรงหน้าของ
ดนุนี้คือผู้ชายที่ชาวสังคมพูดกันว่าเขาติดอันดับหนุ่มโสดสะท้านกรุง
สาวๆ พากันทอดตามองเขา…
และพยายามสร้างความหวังกับเขา
โดยวัยต้นสี่สิบ วิษณุไม่แก่เลย…เพียงแต่เขาเป็นคนติดจะ
ซีเรียส…ยิ้มยาก…และจริงจังกับสรรพสิ่งรอบตัวมากไปเท่านั้นเอง
496/913

และองค์ประกอบด้านอื่นนั้นเรียกว่าวิษณุสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
เพราะวิษณุมีชาติกำเนิดดี…มีเงิน…มีการศึกษา หากจะเปรียบเป็น
สินค้า…วิษณุสมบูรณ์พร้อมสรรพที่จะเชิญชวนน่าซื้อ
แพคเก็จสวย…ตัวสินค้าคุณภาพล้น
แต่เขาจะเลือกใคร…เท่าที่รู้จากชนิตาคราวก่อน…วิษณุสนใจพิมพิ
กา…ก็คนเดียวกับที่ไปเป็นตัวแทนถ่ายโฆษณาฉากดำน้ำสวยให้กับงานของ
เขา
พิมพิกามีแวว ‘รุ่ง’ เพราะหล่อนเตะตาคนอีกหลายคน มีคนอยากให้
หล่อนออกหน้าแทนทีจ่ ะเป็นแค่ตัวแสดงแทน และที่คลั่งไคล้หล่อนจน
เห็นชัดอีกคนก็คือศศินนั่นเอง
และตอนนี้เพราะเขายังไม่รู้ว่าศศินได้พิมพิกาไปครองแล้ว
“ผมก็ไม่รู้จะตามหาตัวชนิตาได้ที่ไหน…งานที่นี่ชะงัก…”
พอพูดออกไปแล้ววิษณุเองก็ชะงักเหมือนกัน เพราะมันเกี่ยวพัน
ต่อเนื่อง เขาเลยเผลอไผลแสดงความจริงออกไป ที่จริงเขาหงุดหงิดเพราะ
การขาดหล่อน งานบางตอนเหมือนไม่ได้ต่อเนื่องมันเหมือนว่าหล่อนเป็น
ตัวเฟืองสำคัญที่นี่ เว้นแต่ว่าเขาจะต้องลดทอนความสำคัญของหล่อนลงให้
ได้
เพราะเขาไม่อยากจะยอมรับหล่อนนั่นเอง
“ผมจะพยายามตามอีกทางแล้วกัน”
497/913

“ผมกลัวอันตรายกับน้องผม”
ดนุบอกอย่างใคร่ครวญแล้ว
“ผมจะลองติดต่อโรงพักกับโรงพยาบาล”
“อย่านะ”
วิษณุทำเอาดนุผวา เพราะเสียงนั่นเข้มจัดเป็นนักหนา
“ทำไมฮะ” เขาถามออกไปงงๆ “เผื่อแกจะเคราะห์ร้ายจะได้รู้กันไป
เลย”
“อย่าหาเรื่องเลย”
“ผมพยายามจะตามหาตัวน้องสาวของผม”
“เผื่อว่าไปมีเคราะห์จริงๆ แล้วถึงนักข่าวล่ะ”
ดนุขมวดคิ้วรำไร
“เอาน่า…ผมจะลองช่วยอีกทาง”
เขาบอกทอดเสียงอ่อนลง เขาจะให้ดนุสอบถามไปตามโรงพักได้
อย่างไรกัน เขาจะเดือดร้อนด้วย
“แล้วผมจะติดต่อไป ขอเบอร์คุณทิ้งไว้นะ”
ดนุกลับไปแล้ว ทิ้งนามบัตรเอาไว้หนึ่งใบ เขาเอาเคาะในฝ่ามือ
ตัวเอง…แล้วตริตรองบางสิ่งบางอย่างอยู่เงียบๆ
498/913

///////////////////////////////////////////////////////////////////////

มีคนโทร.มาหาพรรณรายอีก คราวนี้สอบถามเรื่อง
ชนิตา
“จากไหนคะ”

พรรณรายร้องถาม จนได้ยินเสียงแนะนำตัว
“ดนุฮะ ผมเป็นพี่ชายชนิตา แกมาหายายจันทร์หรือเปล่า”
“เปล่า…แกไปจากที่นี่…คือว่าแกไปหัวหินกับยายจันทร์”
“แล้วไงอีกฮะ”
“ยายจันทร์ไม่ได้กลับมาด้วย ตาแวะมา”
“วันไหนนะฮะ”
พอพรรณรายบอกวันมาแล้ว ดนุก็ต้องเอาไปไล่เลียงแล้วร้องออกมา
“พอวันต่อมายายตาก็ขาดงาน…หายตัวไป”
“อาจจะไปหัวหินอีก”
“ผมน่าจะติดต่อไปที่นั่น ผมจะโทร.มาใหม่นะฮะ”
499/913

เขาบอก วางสายไปโดยพรรณรายท้วงไม่ทัน หล่อนคิดว่าจะ


สอบถามอะไรบางอย่างจากเขาแต่ก็ยังมืดมนอยู่ และหล่อนเองก็กำลัง
กังวลในเรื่องของพิมพิกา หล่อนได้รับโทรศัพท์จากคนที่อ้างว่าหวังดี และ
หากเป็นไปตามนั้นจริง…หล่อนไม่อยากคิดต่อเลยว่าพิมพิกากำลังหลงเล่น
กับไฟร้อนแรงอยู่หรือไม่
“เด็กสองคนพากันทำอะไร”
หล่อนไม่ทันคิดว่าภัยมาถึงตัวของชนิตาอย่างน่าเวทนาจากชายที่
ท่วงท่าบุคลิกดีอย่างวิษณุอีกด้วย
และหล่อนก็ได้แต่รอพิมพิกากลับมา…
น้อง…ไม่ใช่ลูก…พรรณรายเตือนตัวเอง
แถมน้องไม่ใช่เด็กแล้วอีกด้วย
น้องโตแล้ว…
หล่อนทอดถอนใจยาว พยายามวางใจลง…และหล่อนก็คิดว่าพิมพิกา
เลือกทางเดินของตัวเองไว้แล้ว
จะเป็นอย่างไร…ให้ดีที่สุดต้องรอติดตามตอนต่อไปเท่านั้นเอง…และ
หล่อนคิดว่าพิมพิกาย่อมจะรู้ดีรู้ชั่วแล้ว
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย…ไม่น่าจะมีปัญหา…หล่อนย้ำบอกตัวเองอีก
หนก่อนจะละวางมือไปทำอย่างอื่น
500/913

และหล่อนไม่ได้เห็นว่าพิมพิกาอยู่อย่างไร…ทำอะไรไปบ้าง
เรื่องของพิมพิกาที่ศศินพยายามอย่างยิ่งจะแสดงความรับผิดชอบ
และเขาชักจะโมโหริ้วๆ เมื่อหล่อนยืนกรานว่าหล่อนไม่ต้องการแบบนั้นเลย
หล่อนคิดว่าไม่มีความจำเป็น…
หล่อนให้เขามองว่าเป็นมิตรจิตมิตรใจ
“แลกกับอะไร”
เขาถามเสียงเข้ม สีหน้าจริงจัง หล่อนจะสมัยใหม่มากเกินไปหรือไร
กัน
“ก็ห้องนั่น…”
“ค่าตัว?”
“ก็ไม่เลวนี่”
“คุณจันทร์…คุณกำลังเล่นเกมอะไรกับผม”
“เปล่า”
หล่อนตอบในสีหน้าเฉยๆ หล่อนทำเหมือนว่าหล่อนเองไม่หวั่นไหว
อะไรเลย…แต่เป็นเฉพาะกับท่าทีภายนอกเท่านั้นเอง…อกของหล่อนสะท้อน
ไหว…ก็นี่เป็นการเสียตัวครั้งแรก…และหล่อนเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะ
ง่ายดายแบบนี้ด้วย….หากจะเสียดายนอกจากเสียดายตัวเองที่
501/913

ประคับประคองมาอย่างดีช้านานแล้ว จะต้องบอกว่าหล่อนเสียดายตรงที่
หล่อนมีการกระทำประหนึ่งว่าหล่อน ‘ง่าย’
หล่อนไม่เคยแบบนี้มาก่อนนั่นเอง
หล่อนถูกเขากระชากเข้าไปปะทะอ้อมอก แม้พิมพิกาจะอ่อนเดียวสา
ในเรื่องทางเพศเช่นว่านี้ แต่หล่อนก็พอจะรู้ว่าศศินพอใจหล่อนมากแค่ไหน
ความลำพองใจมันมี…อย่างน้อยหล่อนจะอาศัยเขาเป็นตัวไป ‘หัก’ กับ
มณฑล ความแค้นตรงนั้นยังไม่จางหาย และพิมพิกาไม่อาจจะลืม หล่อน
รู้สึกว่าหล่อนสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองไปเพราะเขา…มันหมดไป…สูญ
สลายไป…และหล่อนอยากจะได้กลับคืนมา…เพื่อจะให้หล่อนมีคุณค่า
กลับคืนมาอีกหน
พิมพิกามีความทระนงเกินกว่าจะตอกตราประทับว่าตัวเองคือผู้พ่าย…
หล่อนยอมรับตรงนั้นไม่ได้เลย
หล่อนจะกอบกู้เอาศักดิ์ศรีที่มณฑลเอาไปหยามเล่นคืนมาเขากับ
หล่อนรักกัน…เคยมีความฝันร่วมกัน อย่างน้อยมันเคยงดงามมากก่อนที่
จะเป็นความฝันของหล่อนฝ่ายเดียว
แถมยังเป็นความฝันเพ้อเจ้ออีกด้วย
หล่อนไม่อาจจะรับตรงนั้นได้…
อกของหล่อนเบียดติดกับอกกว้างของเขา…สัมผัสนั่นเหมือนปลอก
เหล็กกำลังจะละลายหล่อน เขาคำรามเข้ามาในสองหูของหล่อน
502/913

“คุณจันทร์…ได้โปรดอย่าทำท่าเหมือนเย้ยหยันโลกทั้งโลกเลย…”
“แบบไหนคะ” หล่อนตีหน้าซื่อร้องถาม
“ผมไม่เชื่อว่าผู้หญิงแบบคุณจะบอกว่ายอมเสียแลกกับของ”
“นั่นละฉัน…ธาตุแท้ของฉัน”
“คุณโกหกผม”
“เพื่ออะไร”
“ผมไม่รู้…แต่คุณกำลังโกหกตัวเอง…แล้วทำร้ายตัวเอง ไม่มีคนฉลาด
คนไหนทำแบบนั้นหรอกนะ คุณจันทร์”
“แต่ฉันทำ…” หล่อนเชิดคางขึ้นสูงทำท่าท้าทาย “และฉันทำไปแล้ว
ด้วย…ทำแบบคนฉลาดด้วยนะ”
เขาคำรามอีกหน เสียงนั่นอยู่ในลำคอ และท่าทีของหล่อนยามเชิด
เย่อหยิ่ง…เร้าใจ…มากไปด้วยสีสันเป็นอันมาก หล่อนคือความท้าทาย และ
เขาก็มีความปรารถนาระอุ
ให้ตาย…ชายหนุ่มร้องอยู่ในใจนั้น
เขากดหล่อนตรึงลงกับฟูก…
พิมพิการู้สึกว่าหล่อนแห้งผาก…หล่อนกลัว
503/913

มันจะเป็นเรื่องซ้ำๆ และร่างกายของหล่อนก็จะยับเยินและความจริง
อย่างหนึ่งที่หญิงสาวประจักษ์อย่างชวนตระหนกก็คือหล่อนเกิดความคุ้น
ชินมากขึ้น
แล้วมันจะไปลงเอยตรงไหน…
หญิงสาวถามตัวเองอยู่เหมือนกัน…
เขาเมามัวอยู่ในอารมณ์ตัวเอง และชายหนุ่มเพียรพยายามจะบอกว่า
เขาต้องการการตอบรับที่จริงจัง และไม่ต้องการให้หล่อนคิดว่าตัวเองมี
ค่าตัว เขาว่าหล่อนบั่นทอนตัวเองมากไป เขาพูดจาหว่านล้อมจนหล่อน
ยอมเคลิ้ม
“ผมกลับไปกรุงเทพไปพบพี่สาวคุณ…แล้วเราจะแต่งงานกัน”
“ทำไมคุณจริงจังนัก”
“ผมรักคุณไง”
“ไวไปมั้ง”
“เชื่อเรื่องรักแรกพบไหม”
“นั่นมันสำหรับวัยรุ่นขาโจ๋…”
“ผมก็ยังขาโจ๋อยู่”
เขายิ้มกริ่ม…ลีลารักของเขาซาบซ่าน…แน่ละว่าพิมพิการู้สึกตัวว่านั้น
เพราะหล่อนเพิ่งจะเคยเจอ…หล่อนไม่มีตัวเปรียบเทียบ…และหญิงสาวเพิ่ง
504/913

จะเข้าใจว่าทำไมมณฑลเคยเรียกร้องสิ่งนี้จากหล่อนเสียนัก แต่หล่อน
ปฏิเสธเขา เพิ่งจะรูว้ ่ารสชาติของการเอาเนื้อแนบเนื้อนั้นมันเป็น
ฉันใด…หล่อนเพิ่งจะรู้…
และหล่อนไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่สนุก…
ก็ความซาบซ่านที่เสพเข้าไปนั่นปะไร
นี่หากหล่อนประกาศออกไปดังๆ จะโดนติฉินหรือเปล่าหนอ…ลูก
ผู้หญิงที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นกุลสตรีจะต้องทำอะไรบ้างจะแสดงออก
ทางเพศได้แค่ไหนโดยจะไม่ถูกมองว่าร่านทุรนมากไป…หญิงสาวถามตัวเอง
ตรงนี้ ผู้หญิงมีสิทธิ์แค่ไหนที่จะแสดงออกว่าชอบหรือไม่ชอบ…
“ผมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น”
ยิ้มพราวในดวงตาของเขา…มันพราวระยับ สิ่งที่พิมพิกาไม่อาจจะ
ปฏิเสธได้คือเขาหน้าตาดีกว่ามณฑลมากนัก และเสน่ห์เขาคมระยับกว่า
“เห็นอะไรรู้ไหม”
“รู้”
“นั่นซิ…ขาคุณสวยเป็นบ้า”
“นั่นน่ะขาอ่อนแท้ๆ ”
“ผมจะลืมลงหรือ”
“แล้วความเป็นมาของฉัน…ไม่คิดอะไรบ้างหรอกหรือ”
505/913

“ผมว่าคุณบ้าดี”
“นี่เป็นคำชมหรือเปล่า”
“ด้วยความจริงใจ…คืนที่คุณอาละวาด…”
“ใช่ ฉันบ้า…ฉันเสียสติไปเพราะผู้ชายคนหนึ่ง”
“แล้วผมไม่อยากให้คุณเสียความรู้สึกต่อผู้ชายเพราะผู้ชายคนนั้น
เพียงคนเดียวด้วย”
“บางที…”
“เขาไม่ควรจะตกค้างในความคิดของคุณอีก”
“คุณจะแต่งงานกับฉันจริงๆ ”
“ใช่”
“แล้วเรื่องของเราจะดำเนินไปแบบไหน”
“ผมไม่เข้าใจคำถามของคุณ”
“แม่คุณ…ยัยคนนั้น…ยอมเห็นดีด้วยไหม”
“ผมเป็นผม”
คำตอบของเขามีมาดมั่นเชื่อถือตัวเอง
“ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”
506/913

แต่เพราะเขาไม่รู้ว่าคุณผ่องพรรณนั้นกำลังคิดว่าเธอจะยอมไม่ได้
และเธอจะต้องทำให้พิมพิกาพ้นไปจากศศิน…
ในความเป็นแม่…เธอคิดว่าเธอจะพยายามทำทุกทาง
และเธอจะทำให้ได้
“เชื่อผมแล้วดีเอง…นี่เป็นเรื่องของเราสองคน…ความรักของเราสอง
คนก็เท่านั้นเอง คุณจันทร์”
เขาจูบหล่อน...ละเมียดละไม…และเขาอยากหยุดโลกเอาไว้ตรงนี้ เขา
อยากจะให้เวลานี้ทอดยาวออกไปให้นาน…นานพอจะเสพสุขให้ล้นปรี่
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณหญิงเพลินมองเห็นลูกชายนอนทอดกายยาว เธอจรดฝีเท้าเบาๆ
เข้ามาแล้วเห็นเขานอนลืมตาโพลงเหม่อลอย เธอกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง
ก่อน แต่เขาไม่ได้ยินจนเธอต้องโน้มตัวลงไปแตะแขนเขา คราวนีเ้ ขาสะดุ้ง
สุดตัว

“แม่เอง…ทำไมเหม่อ”

“ผมคิดบางเรื่อง”
“งานหรือลูก”
“คนร่วมงานของผม”
507/913

“ชนิตา?”
“พี่ชายเค้าไปตามหาตัว”
“ตายจริง” คุณหญิงเพลินถอนใจทำท่าร้อนใจ “ชนิตายังไม่มาอีก
รึ…เป็นอะไรหรือเปล่า…หรือไปเจอเคราะห์หามยามซวย…โดนไอ้สัตว์มนุษย์
ตัวไหนมันพาเอาไปทำมิดีมิร้าย”
วิษณุเกือบจะผวา…ไอ้สัตว์มนุษย์ที่แม่เขาพูดถึงนอนระทวยอยู่
นี่เอง…
เขาตวัดเสียงตอบห้วนๆ
“หากเป็นแบบนั้นจริง…ก็ต้องถามตัวเองแล้วฮะ…ว่าตัวเองไปขวางทาง
ตีนใครเข้า”
เธอทำตาปริบๆ มองเขา เหมือนเขาโกรธ…เขาโกรธเสมอหากเรื่อง
ของชนิตา
แต่เธอก็ยังไม่เฉลียวใจเลย
“กวนตีนนักนี่ฮะ…อาจจะโดนดี…เผื่อจะเสงี่ยมลง”
“วิษ…แม่ขอ เลิกจองเวรกับชนิตาเสียที…นะลูกนะ…แล้วนีป่ ่วยมั้ง
หน้าตาเซียวมาก”
508/913

“ไม่หรอกฮะ ผมสบายดี…” เขาเน้นเสียง “บางทีความสุขสะใจมันก็


หนักจนเราแบกรับไม่ไหวจนเหนื่อยและเพลียไปบ้างก็เท่านั้นเองฮะ…ไม่มี
อะไร”
42

คุณผ่องพรรณบอกตัวเองว่าจะต้องหากระบวนท่าเพื่อให้ตัวเองไป
จัดการขัดขวางได้ เธอร่ำร้องว่าเธอไม่ต้องการพิมพิกามาเป็นลูกสะใภ้ ใน
หมูญ
่ าติสนิทรู้กันว่าเธอโทมนัสใจมาก และเธอนั้นก็ไม่เคยจะห้ามปราม
หรือขัดขวางศศินได้ ลูกชายของเธอคนนี้เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
มาก ใครต่อใครพากันมาเตือน แต่เธอไม่อาจจะวางเฉย

เธอคิดของเธอว่าเมียก็มีส่วนสำคัญในการ
เชิดหน้าชูตาสามี
เหมือนที่เธอเคยเป็นมาตลอดในยามที่เธอเคียงข้างสามี…ก็พ่อของ
ศศิน เธอมีความมั่นใจว่าเธอกระทำหน้าที่ภรรยาอย่างดี…เธอไม่เคยทำให้
เขาอับอายเสื่อมเสีย ไม่แม้แต่บั่นทอนกำลังใจของเขา…ผู้ชายต้องการ
กำลังใจจากภรรยาเป็นปฐมในการสร้างครอบครัวของเขาให้เป็นปึกแผ่น
และหากภรรยาไม่สามารถกระทำได้
นั่นหมายถึงการล้มเหลว…
510/913

เธอเห็นตัวอย่างครอบครัวแบบนั้นมามากต่อมาก
ก็ไม่ต้องไปดูอื่นไกลที่ไหน…ครอบครัวของบุษยานั่นเอง…ตัวผู้ชายก็
อ่อนแออยู่แล้ว ไปได้เมียไม่เอาไหนเข้าอีก…ก็ยิ่งเตลิดเข้ารกเข้าพง…แล้ว
ผลผลิตของครอบครัวล้มเหลวอย่างบุษยาก็ดำเนินชีวิตมาแบบแกนๆ
เหมือนคนที่หางเสือชำรุดมาแต่แรกเกิดและหาความเป็นแก่นสารไม่ได้
เธอกำจัดบุษยาจากเส้นทางของศศินได้แล้วโดยการหว่านล้อมชี้แนะ
ให้เขาเห็นสารพัดถึงความไม่เหมาะสมทั้งหลายทั้งปวง…และเขาก็เชื่อเธอ
โดยคุณผ่องพรรณลืมมองไปว่าเขาไม่ได้เชื่อเธอ เขาไม่ได้เลิกรา
ความชอบต่อบุษยาเพราะเธอขอจากเขา
ไม่ใช่แบบนั้นเลย…
นั่นเป็นความเข้าใจผิดของเธอฝ่ายเดียว
ศศินเลิกราเพราะเขาตริตรองแล้วอย่างละเอียด เขามองเห็นความ
เป็นญาติในชั้นต้น ชั้นต่อมาคือบุษยาเองไม่ได้พิศวาสเขา หล่อนเพียงแต่
นับถือเขาเสมอพี่ชายคนหนึ่ง…และที่สำคัญต่อมาที่เขาพบเจอเมื่อเขาก้าว
พ้นจากความเป็นหนุ่มวัยรุ่นคือเขามองเห็นว่ารสนิยม…ความชอบ…ความ
เชื่อของการใช้ชีวิตของเขากับบุษยาแตกต่างกันออกไป
คนสองคน…ไม่ได้ไปเส้นทางเดียวกัน ชายหนุ่มตระหนักดีว่ามันจะ
พังแต่แรก
511/913

และประการต่อมาก็คือเมื่อเขาจำกัดการมองว่าหล่อนเป็นญาติ…เป็น
น้อง เขาสำรวจตรวจตราความรู้สึกของตัวเองเสียใหม่เขาพบว่าเขาหลงทาง
ไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง
ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหล่อนอย่างแท้จริงก็คือความรักความอาทร
ของพี่ชายต่อน้องสาว
ไม่ได้มากไปกว่านั้นอีกเลย…ไม่ได้มากอะไร
และเขาไม่ได้มีความเจ็บปวดรวดร้าวตอนต้องหักใจ
แต่ที่เขายังแสดงท่าทีอาทรต่อบุษยาจนอาจจะมีการมองและตีความ
กันผิดๆ ก็เพราะเขาไม่เชื่อว่าบุษยาจะแข็งแกร่งพอดำเนินชีวิตร่วมกับผู้ชาย
แบบมณฑล
เขายังมีความปรารถนาดีต่อหล่อนเสมอ ไม่เหมือนคุณผ่อง
พรรณ…รายนั้นขอเพียงว่าบุษยาไปไหนซะได้ย่อมดีด้วยกันทั้งสิ้น
เธอคิดแค่ว่า…จะไปขึ้นเขาลงห้วยกับผู้ชายคนไหนก็เอาเถิดไปให้พ้น
ตาศินซะเป็นพอ อย่ามาวอแวก็สมใจฉันแล้ว
พ้นบุษยาไปได้เรียกว่ายังหายใจโล่งได้ไม่ถึงสองปี ศศินก็มามีหญิง
คนใหม่ สิ่งที่เธอกลัวก็คือพิมพิกาไม่เหมือนบุษยา
ในสายตาของเธอนั้น บุษยาแหยและไม่เอาไหน บุษยาเรียนหนังสือ
ไม่เป็นเรื่อง…หล่อนถูกเข็นจบในขั้นเตรียมอุดม หลังจากนั้นก็ไปเรียน
วิชาชีพแบบฉาบฉวย เรียนไม่จบด้วยตัวเอง ประกาศนียบัตรที่มปี ระดับ
512/913

เกียรติยศตัวเองนั้นล้วนแล้วแต่ต้อง ‘ซื้อ’ มาเธอเลยดูแคลนบุษยาว่า


ปราศจากสมอง เรียกว่าหากไม่มีสมบัติเก่ามาจับเนื้อตัวให้ผ่องแผ้วแล้ว บุ
ษยาก็ดินธรรมดาๆ …ไม่น่าจะแยแส
แต่พอมีสมบัติดินก้อนเดียวนั้นก็ทำท่าจะเป็นสายแร่ทองคำให้ผู้ชาย
ตาโต
แล้วบุษยาก็มีวาสนาแค่ผู้ชายแบบมณฑลเท่านั้นเอง…ผู้ชายที่จ้องจะ
มากอบโกย
แต่คุณผ่องพรรณถือว่าไม่ใช่กงการที่เธอจะไปห้ามปราม
…กรรมของใครสร้างมาก็ล้างกันไป เกิดชาติใหม่ค่อยตัวเปล่าเบา
สบายเอาแล้วกัน…
เพราะเธอถือว่าหากมณฑลจะผลาญเอาสมบัติของบุษยาจนหมดก็ไม่
มาเกี่ยวกับเธอเพราะคนละกระเป๋ากัน
แต่พิมพิกาเรียนจบ…เท่าที่ตามสอบประวัติตอนเรียนหนังสือหญิงสาว
เรียนดีมากอีกด้วย หล่อนได้เกียรตินิยม…หล่อนทำงานในบริษัทที่มั่นคง
ก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้าส่วน มีอำนาจมีความรับผิดชอบพอตัวทีเดียว แม้
หล่อนจะมาจากครอบครัวธรรมดาๆ แต่หล่อนก็ไม่ได้ยากไร้สมอง…ไม่
ยากไร้ความสามารถอะไรเลย…แถมหล่อนยังสวย
สวยหน้าตา…สวยเรือนร่าง…สวยตลอด และไม่ได้หยุดแค่ความสวย
เพราะคุณผ่องพรรณเคยเห็นหญิงสาวสวยมาก็มากแต่พิมพิกานั้นจัดว่าทรง
513/913

เสน่ห์อาบอิ่มไปทั้งตัวอีกด้วย เสน่ห์ซิ…รุนแรงกว่าความสวย เพราะมีถมไป


หญิงสาวสวยแฉล้มหลายคนทีส่ วยแต่ขาดเสน่ห์ ทำให้ที่ควรจะเป็นหนึ่ง
กลับถูกลดทอนลงไปมาก
คุณสมบัติพวกนั้นน่าจะพอ…
เพราะคุณผ่องพรรณเองก็ไม่รังเกียจความยากจนนักหนา
และพิมพิกาก็ไม่ได้ยากจนจนน่ารังเกียจ…
หล่อนไม่ได้เป็นคนยากไร้…หล่อนพอมีพอกิน
เธอติตรงทีค่ วามประพฤติ เพราะเธอปักใจเชื่อว่าพิมพิกาเคยเสียตัว
กับมณฑลมาก่อน
หากไม่เสีย…จะไปอาละวาดขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
คืนที่พิมพิกาอาละวาดทิ้งไว้นั้นยังประทับตาตรึงใจ…เรียกว่ายากจะ
ลืม แต่ไม่ได้เป็นความทรงจำด้านบวก กลับเป็นด้านลบเสียมากกว่า
เธอกลัวว่าชีวิตของศศินจะมัวหมอง…
มณฑลจะมาหัวเราะเยาะได้ และเพราะเขาเป็นลูกชายของเธอ ดังนั้น
เธอไม่อาจจะมองข้ามเขาไปได้
เธอรูว้ ่าเธอจะมานอนซมเหมือนพ่ายแพ้ไม่ได้อีก เธอจะต้องแสดง
ความเข้มแข็งออกมา เธอจะต้องลุกขึ้นมาขวางกั้นลูกชาย
และบุษยาพาเอามณฑลมาพบเธอ เขาบอกหน้าตาเฉยว่า
514/913

“ผมกับจันทร์เคยมีอะไรๆ กันบ้าง”
เธอหน้าเผือด
“แต่มันเป็นอดีต…”
เขาบอก ทำตาหวานกับบุษยาอย่างชวนสะอิดสะเอียน แต่เหมือน
หญิงสาวจะไม่รู้…หล่อนทำตาหวานฉ่ำตอบ คุณผ่องพรรณอ่อนล้าเกินกว่า
จะออกปากไล่เปิดเปิงไปทั้งสองคนในยามนี้นั่นเอง
“เพราะผมรักนุ่นมากกว่า…อดีตฮะ…อย่ากลัวไปเลยฮะ”
เขาทำเสียงแกมหัวเราะ
“ผมไม่ใส่ใจด้วยอีก ผู้หญิงคนนั้นเป็นของเล่น”
‘ของเล่น’ …คำนี้พอจะถูกใจของเธอได้บ้าง
อย่างน้อยทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นเป็นอันมาก
“อีกหน่อยเขาก็เบื่อเหมือนผมแหละ ผู้ชายคนไหนจะไปโง่จมติดกับ
ของเล่น”
คุณผ่องพรรณตาเขียว
เพราะที่พูดมานั้นเข้าตัวของศศินมากทีเดียว หากศศินไม่เลิกรา…ไอ้
หมอนี่จะว่าศศินโง่ ดังนั้นพอเธอตาเขียวใส่ มณฑลเลยยิ้มแหย
“คือผมพูดเผื่อไว้ฮะ ของเล่นมันก็เป็นของเล่นวันยังค่ำ”
ของเล่นมีชีวิต…ดิ้นได้รสชาติ…เธอสะท้อนใจ…
515/913

คงยากจะเลิกเล่น…ของเล่นที่กำลังพูดกันอยู่นี้เป็นคน…ไม่ได้เป็น
ตุ๊กตุ่นตุ๊กตา…เล่นแล้วเลิกได้
กระนั้นเธอก็เคยเห็นมานัก…
หลายคนเล่นตุ๊กตาเพลิดเพลินจนโต…เหมือนเป็นงานอดิเรก…เป็น
อีกด้านหนึ่งของชีวิต เธอกลัวว่าศศินจะเป็นแบบนั้น
“เขาต้องเบื่อจันทร์แน่ๆ เลยฮะ”
มณฑลพยายามหาคำพูดดีๆ มา
“เพราะจันทร์เป็นคนที่ใครอยู่ใกล้แล้วร้อน ไม่เยือกเย็นจันทร์เป็น
คนเจ้าอารมณ์ คุณป้าไม่ต้องกังวลหรือหวาดกลัวหรอกฮะ”
“แม่คนนั้นมีจุดอ่อนบ้างไหม”
มณฑลกะพริบตาปริบๆ
“ไม่เข้าใจคำถามของฉันซินั่น ทำหน้าบ้องแบ๊ว…”
เธอเลือกใช้คำพูดแทนคำว่า ‘หน้าโง่’ ออกมา กระนั้นมณฑลก็ยัง
รู้สึกว่าตัวเขาเองแทบจะรับไม่ไหวเหมือนกัน
“ผมไม่เห็นฮะ…”
ตอนนี้เขาหมั่นไส้เลยตอบไปแบบนั้น
“โฮ้ย…จันทร์เป็นผู้หญิงเข้มแข็งฮะ ไม่มีจุดอ่อนหรอกฮะ”
แล้วเขาก็ออกไป บุษยายังไม่ได้ตามออกไปในทันที
516/913

“นี่…ยายนุ่น…ผัวเธอมันยังไงกันแน่”
เธอเสียงเกรี้ยวกราดใส่ บุษยาสะดุ้งตั้งแต่คำว่า ‘ผัว’ ที่ออกจากปาก
ของเธอมาแล้ว หล่อนพยายามจะแก้ต่างให้กับตัวเอง
“เขาไม่ได้เป็น…”
“ยังจะมีหน้ามาปฏิเสธ ก็เธอนอนกับมัน…ยังจะบอกว่าไม่ได้เป็น
ผัว…แล้วจะให้เรียกว่าอะไร เพื่อนเล่นบนเตียงหรือไงจ๊ะแม่นุ่น…พูดอะไร
ออกมาไม่รปู้ ้ารับไม่ได้…หรือว่ายังเหลือใจให้ทางโน้นอยู่ เธอเองระวังแล้ว
กัน…แล้วนี่หรือจะมาแบ่งปันความกลัดกลุ้มของป้า กลับเอามาทำให้ป้า
ทุกข์หนักไปอีก”
“นุ่น…เอ้อ…นุ่น…”
“จะไปไหนก็ไป ป้าไม่หวังหาความช่วยเหลือของคนอื่นอีกแล้ว ป้าจะ
ลองช่วยตัวเอง”
“คุณป้าโกรธนุ่น”
“เปล๊า” เธอสะบัดเสียงตอบ “แต่ป้าเริ่มเชื่อมากกว่าเดิมไอ้ที่ว่าตนเป็น
ที่พึ่งแห่งตนนั่นแหละ แหม…มันจริงทีเดียวนา เพราะจะมัวไปพึ่งคนอื่น
เอาจมูกคนอื่นมาหายใจมันก็ไม่สะดวก รูจมูกเราเองมีสองรู…พอจ๊ะ
พอ…ไม่เอาด้วยแล้ว และเรื่องนี้ไม่ต้องมาพูดกับป้าอีก”
บุษยาอยากจะโต้ตอบ แต่เพราะไม่กล้าหือด้วยมาช้านานก็สะกดให้
หล่อนยังต้องปิดปาก มีแต่เสียงร่ำร้องในใจตัวเท่านั้น
517/913

…ก็เป็นซะยังงี้ สมน้ำหน้า ให้ตรอมใจจนป่วยยิ่งดี เพราะตอนคุณ


ศินมาสนใจเรา ทำท่าหวงแหนดีนัก คอยขวางดีก็เจอดีแบบนี้แหละ เจอ
ฤทธิ์ยายจันทร์บ้านั่นซะให้พอ…
หล่อนถอยออกมาพ้นจากห้องก็เจอมณฑลอยู่ในห้องโถงเขากำลัง
สนใจของโชว์ในตู้กระจกขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง เพราะของที่โชว์ในนั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องแก้วเจียระไนฝีมือเยี่ยม และเป็นเครื่องแก้วชุดใหญ่
มีหลากสีด้วยกัน คุณผ่องพรรณสะสมเครื่องแก้วรองลงจากพวกเพชรพวก
ทอง เธอซื้อหามาสะสมเพิ่มรวมกับของเก่าดั้งเดิม และเมื่อเธอเดินทางไป
ต่างประเทศ ที่เธอหอบเอามาอย่างอดทนและใจรักก็คือพวกเครื่องแก้ว
แสงไฟจากในตู้ที่สั่งทำพิเศษสะท้อนจับ เห็นแสงแวววามจากเหลี่ยมมุมที่
เจียระไนอย่างสุดฝีมือ หล่อนมายืนข้างหลังเขา
“ชอบหรือคะ”
“สวยมาก”
“ของหวง” หญิงสาวตอบแกมหัวเราะ “รองลงจากหวงลูกชาย”
“เขาคงจะได้หมด”
“ค่ะ แล้วคนที่จะมาครอบครองต่อไปก็น่าจะเป็นแฟนเก่าของคุณ”
เขาขมวดคิ้วหันมามองหน้าหล่อน
“ไม่เอาน่า เรื่องมันแล้วไปแล้ว…จะรื้อฟื้นทำไม อย่าเอามาวางแพะให้
กับผมอีกเลย”
518/913

“นุ่นอาจจะยังเหลือความกลัว”
“กลัวอะไร”
“เธอจะย้อนเข้ามาในเส้นทางของคุณกับนุ่น”
“โธ่เอ๊ย…นั่นไม่ใช่ความกลัวแล้วล่ะ แต่เพราะว่าคุณเริ่มระแวงผม”
“นุ่นรักคุณมาก ไม่อยากเสียคุณไป”
“ไม่เสียอยู่แล้ว…” เขาตอบแกมหัวเราะ “ผมจะติดหนึบกับคุณ อย่า
เบื่อผมซะก่อนแล้วกัน”
“นุ่นไม่เบื่อ…ไม่มีวันเบื่อ”
“พูดเองนะ”
เพราะบุษยาไม่มอี ำนาจทิพย์หยั่งรูถ้ ึงวันคืนข้างหน้า หล่อนไม่อาจจะ
เห็นว่าหนทางชีวิตของหล่อนนั้นคือหนทางลูกรัง…ขรุขระ…และทุกข์ยาก…
คำพูดของตัวเองจะเป็นเหมือนดาบคมย้อนกลับมาวางพาดบนคอ
ของหล่อนเอง
“คุณป้าคุณนี่ไม่เบานะนุ่น”
“เธอเป็นคนมีอำนาจในตัวเอง ใครๆ ก็กลัวก็เกรงเธอ แต่คราวนี้เธอ
เจอเข้าบ้างว่าลูกชายของเธอเองท้าทายอำนาจของเธอ”
“แล้วเขาจะทำได้ตลอดรอดฝั่งไหม”
519/913

“คุณศินเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เขาทำตามใจตัวเอง…เขา
ฟังเสียงหัวใจตัวเอง…หากเขาอยากจะทำจริงๆ ”
เพราะบุษยาตระหนักเหมือนกันว่าเขาคงไม่ได้ชอบพอหล่อนจริงจัง
เขาเลยไม่ได้ปีนข้ามกำแพงทีค่ ุณผ่องพรรณตั้งไว้มาถึงตัวหล่อน หากเขา
เอาจริง...เขาย่อมแสดงออกมามากกว่านั้น แต่นั่นแหละ…บุษยาหมายมั่น
เอาไว้ในใจประการหนึ่ง…หล่อนจะต้องบอกกล่าวต่อพิมพิกา
ขอให้หล่อนมีโอกาสก่อนเถิด…
หล่อนจะบอกว่าศศินไม่ได้กระทำลงไปเพราะความรัก
แต่เพราะศศินกระทำเพื่อหล่อน…บุษยาคนนี้…คนที่ศศินปฏิบัติต่อ
หล่อนอย่างอาทรเหมือนหล่อนเป็นน้องน้อยน่าทะนุถนอมอยู่เป็นนิจ
“เครื่องแก้วพวกนี้ผมเห็นแล้วน้ำลายจะหก”
เขาบอก เดินวนเวียนชม
“ก็เริ่มสะสมซิคะ”
“นุ่นชอบไหม”
“ถ้าคุณชอบ…นุ่นก็ชอบ” หล่อนตอบอย่างไม่ยี่หระ
บุษยานั้น คุณผ่องพรรณเคยออกปากว่า
…ไม่มีสายตาสุนทรี ไม่มรี สนิยมอะไรหรอก แม่คนนั้นเหมือนสมอง
จะกลวงโบ๋น่าเป็นห่วง เพราะมันมีแต่ความว่างเปล่า…
520/913

“ผมเจอตุ๊กตาแก้วคู่หนึ่ง แก้วเจียระไนนะ ตัวสูงขนาดหนึ่งฟุต ไปดู


กันเลยไหมนุ่น เราจะซื้อไปประดับบ้านเราไง นุ่น”
“เท่าไหร่คะ” หล่อนถามเสียงเนือยๆ
“ก็ตัวละแปดหมื่น…”
“คู่ละแสนหก…ต่อเขาสักนิดจะได้ไหมคะ”
“คงได้มั้ง ไปด้วยกันเลยนะ”
พากันออกจากบ้านไปแล้วโดยทีม่ ณฑลเองก็มแี ผน เพราะร้านค้านั้น
เป็นของเพื่อนเขา อาจจะได้ราคาที่ต่อรองกันได้อีก แต่เขาจะเก็บเอา
ภายหลัง วิธีการถ่ายเทเงินจากกระเป๋าเงินของหล่อนตะหาก เขาเริ่มบิน
เหนือเมฆกับบุษยา…และจะบินต่อไป
มันง่ายดายในการหาเงิน…โดยเขาไม่มีความผิดอะไรเลยด้วย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณผ่องพรรณชวนคุณหญิงเพลินมาด้วยกัน คุณหญิงเพลินนั้น
ตอนแรกจะไม่มาเพราะอาการลูกชายน่าห่วง แต่เธอก็ห่วงเพื่อนรุ่นน้อง
อาการฟูมฟายของคุณผ่องพรรณมากเกินเหตุเหมือนกัน

เธอพยายามปลอบโยน
“ลูกชาย…เค้าคงจะหาเมียเอง…ต้องให้เค้าหา”
521/913

“แต่ท่าทางแม่คนนั้น…คุณพี่คงจำได้”
“จำแม่น” เธอตอบแกมหัวเราะ “สวยแล้วฤทธิ์
มาก…ไฟ…ร้อนแรง…ผู้ชายชอบ”
“คุณพี่” คุณผ่องพรรณคราง ทำท่าเหมือนใจรอนๆ ลงไปอีก
คุณหญิงเพลินเห็นดังนั้นก็ต้องรีบปลอบ
“โทษที…ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ทุกข์โศกหนักหรอก”
“ดิฉันไม่อยากจะได้”
“เราน่ะต้องจำไว้อย่าง…เราก็อายุมากแล้ว…ไม่อยู่ค้ำชีวิตลูกของเรา
ให้เขาพอใจ เขามีความสุข…ก็น่าจะพอ…นะ ผ่องพรรณ…เชื่อพี่
เถิด…ปล่อยวางซะบ้าง ทำไมไม่หาความสนุกสนานรื่นรมย์ให้กับตัวเอง ให้
ชีวิตเขา…แล้วก็ให้เขาจัดการกันเอง”
43

คุณผ่องพรรณก็อยากจะทำตามคำแนะนำนั่นอยู่…เธอบอกตัวเอง แต่
พอมาคิดทบทวนคราวไร เธอก็ไม่อาจจะวางเฉยได้ เธอคิดแต่ว่าเมื่อยังมี
โอกาสพอจะจัดการได้ เธอก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนีใ้ ห้ผ่านเลยไปแม้แต่
น้อย เธอน่าจะได้กระทำการสักอย่างเพื่อให้รู้ว่าคนเป็นแม่ก็ไม่ได้นิ่ง
นอนใจ ก็ได้พยายามเพื่อลูก…หากจะเรียกว่าสิ่งที่เธอทำเป็นความรื่นรมย์
ของเธอกับลูกก็น่าจะใช่ เพราะเธอทำด้วยรักและหวังดีต่อลูกชายด้วย
ความจริงใจเป็นอันมาก ความรักความหวังดีจะเรียกเป็นอย่างอื่นได้
อย่างไรกัน

มันก็คือความดีงามของชีวิต
คือการทำชีวิตดีๆ …คือการทำให้มันรื่นรมย์
ดังนั้นเธอจึงมาที่หัวหินในกลางอาทิตย์
และเธอประจันหน้ากับศศิน…
“ศิน…แม่อยากจะมาพูดด้วย”
523/913

“กับผม…”
“กับผู้หญิงคนนั้นด้วย”
“เธอเป็นเมียผม”
“ไม่…” คุณผ่องพรรณร้องออกมา “เมีย…ศินเข้าใจความหมายของ
คำคำนั้นสักแค่ไหนกันเชียว”
“ผมเข้าใจฮะ เมียคือผู้หญิงที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผม…จะอยู่ด้วย
กัน เป็นแม่ของลูก เป็นเพื่อนชีวิตของผม เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน”
“โอ…อาการลูกหนักกว่าที่แม่คิด”
เธอหาเก้าอีน้ ั่งเพราะกลัวตัวเองจะล้มฟาดโครมลงไป และในนาทีนี้
เธอบอกตัวเองว่าอาจจะไม่มีการแยแสต่อความเป็นไปของเธอเท่าก่อน สิ่ง
ที่เธอกลัวนักก็คือเมื่อบรรดาลูกชายมีผู้หญิงของเขา พวกเขาจะลืมแม่
เธอไม่เชื่อในคำกลอนทีพ่ ระลอพร่ำรำพันว่า ‘เมียร้อยคนฤาจะสู้พระ
แม่ได้’ เพราะร้อยทั้งร้อย…แค่เมียคนเดียว…แม่ยังหมดสภาพ หากให้มี
เมียถึงร้อย…แม่ก็แม่เถิด…อาจจะเป็นเหมือนหมา
เธอคิดมากทุรนทุราย หน้าตาของเธอดูซีดเซียว แม้จะตกแต่งมาแค่
ไหนก็ตามที แต่ศศินมองเห็นเหมือนกันว่าแม่ของเขาขาดการประณีตเท่าที่
ควร
ปกตินั้นเธอจะพิถีพิถันยิ่งกับทรงผมและเสื้อผ้า
524/913

เธอจะเกล้าผมตลอด…เซ็ทประณีต…เสื้อผ้าถูกเลือกก่อนใส่
แต่นไี่ ม่เลย…ผมของเธอไม่ได้เกล้า ปล่อยยาวลงมาประบ่าแล้วใช้ที่
คาดเอาไว้อันหนึ่งเท่านั้นเอง
เสื้อผ้าก็เหมือนว่าเธอเปิดหยิบๆ สวมใส่มา และความรู้สึกของเขา
พลันอ่อนโยนลงเป็นอันมาก เขาเข้ามาหาเธอ คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ
“แม่ฮะ…แม่ดูแย่มากเลย เพราะเรื่องของผมหรือฮะ”
“ยังจะมาถาม” เธอพ้อ “แม่ยังมีความหมายแค่ไหนในสายตาของ
ลูก”
“อย่าพูดแบบนี้เลยฮะ เพราะแม่ก็ยังเป็นแม่เสมอ”
“แม่มั่นใจตรงนั้นได้แน่นะ”
“ฮะ” เขารับคำหนักแน่นมาก “แม่เป็นแม่เสมอ”
“และยังเป็นแม่ที่ลูกจะเชื่อฟังทุกอย่างไหม”
“โอ…” เขาหัวเราะ ดวงตาเป็นประกาย อย่างน้อยโลกของศศินยามนี้
คือโลกของความรื่นรมย์อย่างแท้จริง เธอสะท้อนใจแกมไปด้วยความ
หนักใจด้วยพร้อมกัน แน่นอนว่าศศินเป็นลูกชายที่ดีเสมอมา เขาเรียนดี
ประพฤติดี กระทำตัวดี เธอสามารถจะเอาเรื่องความดีงามของเขาไปคุย
อวดกับผองเพื่อนได้โดยไม่ต้องเสริมแต่งอะไรเลย ไม่ต้องกระดากเพราะ
เธอไม่ได้โกหก หากแต่เธอพูดความจริงทุกประการ
525/913

แต่ข้อหนึ่งที่เธอหนักใจก็คือเพราะเขาเป็นคนดื้อ…ดื้อของศศินนั้น
เป็นดื้อเงียบ
ประเภทที่เรียกว่าเขาปักใจอะไรแล้วเขาจะไปตามนั้น และอย่าหวังจะ
ห้ามเขาเลย…เพราะเขาแทบจะไม่ยอมฟังอะไรด้วย
เหมือนอย่างที่เธอกำลังกังวลในยามนี้นั่นเอง
“ศิน…แม่อยากจะเตือนสติลูก”
“แม่ฮะ ผมรู้ว่าแม่อยากจะพูดเรื่องคุณจันทร์”
“เธอไม่ได้งดงามอย่างลูกคิด”
“ผมว่าแม่เข้าใจผิดแล้วฮะ เธอไม่ได้เป็นของหมอนั่น”
“ศินเอาอะไรมามั่นใจ”
“ตัวผมเองไงฮะ แม่ฮะ…ผมเชื่อในสิ่งทีผ่ มเจอ ผมไม่ได้อวดตัวหรือ
หลงลำพองว่าผมรู้ตรงนั้น แต่เพราะผู้ชายรู้ว่าผู้หญิงที่เขานอนด้วยเคยผ่าน
อะไรมาก่อนหรือเปล่า หากแม่ต้องการลูกสะใภ้ผุดผ่อง แม่มั่นใจได้เลย”
“แต่แม่ว่ากระบวนท่ามารยาผู้หญิงมากมายนัก” เธอท้วง “แม่พูดใน
ฐานะที่แม่เองก็เป็นผู้หญิงด้วยคนหนึ่งนะ ศิน”
“ผมรู้ฮะ” ท่าทีของเขาขรึมลง
“แม่รู้ไม่ใช่หรือฮะ หากเราพูดกันมาถึงตรงนีแ้ ล้ว ผมจะไม่โกหกแม่
เป็นอันขาด”
526/913

“แม่รู้”
“แม่เชื่อผมไหมฮะ”
เขาถามต่อเหมือนจะรุกเร้าเธออยู่ในที
และคุณผ่องพรรณก็อ้ำอึ้งอยู่ ก่อนที่เธอจะโพล่งออกมา
“นายคนนั้นเขาว่า…”
“อ้อ…” ศศินอุทานอย่างรับรู้ “นายมณฑลคงจะโวอีกแล้วซิฮะ หมอ
นั่นปากเสีย…ตัวเองไม่ได้แต่จะทำลายเธอ แม่รไู้ หมฮะว่ามันชั่วแค่ไหน มัน
เคยหลอกเอาเงินคุณจันทร์ไปห้าแสนผมตามไปเอาคืนมาให้เธอ แล้วผม
คิดว่าหมอนั่นมันพูดจาเข้าใจในภาษาคนด้วยกันแล้วซะอีก แต่เปล่า
เลย…มันยังเอาปากมันพูดจาให้ร้ายคุณจันทร์อีก ตัวมันได้แต่ชะเง้อคอ
มอง…แล้วไม่ได้…น้ำลายฟูมปากแล้วก็ทึกทักตู่เอา”
“แต่อาจจะมีมูลก็ได้นะ ศิน”
“มันมั่วฮะ แม่”
“แม่เอาอะไรมาวัด…ศินรู้ไหม…ก็เรื่องที่แม่คนนั้นใจง่ายกับศิน…อา
ไร้…มานอนกันก่อน ผู้หญิงดีๆ เค้าไม่ทำกันแบบนั้น”
ศศินเข้าใจทีเดียวว่าผู้หญิงดีๆ ในความหมายของแม่เขาก็คือผู้หญิง
ในยุคของเธอ ตามแบบฉบับของเธอ คุณผ่องพรรณได้เอาตัวเองเป็น
มาตรฐานมาวัดในตรงนี้ และเขาก็ไม่ถือโกรธเธออีกด้วยเพราะเขารูว้ ่าเมื่อ
เธอเติบโตมาแบบนั้น ผ่านประสบการณ์แบบนั้นมา ยากนักที่จะไป
527/913

เปลี่ยนใจของเธอให้เป็นไปทางอื่น เหมือนว่าเธอไม่เข้าใจสภาพการณ์
สังคมปัจจุบัน เธอไม่ยอมรับว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้สังคมและการ
วางตัวของผู้หญิงก็เปลี่ยนไป
ผู้หญิงก็คน…มีเลือดเนื้อ มีอารมณ์…มีการตอบเร้าต่อการกระตุ้น…
และเขาก็อยากจะปกป้องแทนพิมพิกาตรงนี้…
เขาและเธอไม่ได้เห็นว่าพิมพิกาแอบมาฟังอยู่นานแล้ว
หญิงสาวได้ยินตลอดเลยทีเดียว
“แม่ฮะ เธอผิดหวัง เธอบอกช้ำ และผมฉกฉวยเอาจากเธอ สิ่งที่ผม
กำลังพยายามกระทำตอนนี้ก็คือรักษาเธอเอาไว้ ไม่ยอมให้เธอจากไป แม่รู้
ไหมฮะว่าเธอไม่ต้องการผูกมัด แต่ผมไม่ยอมแบบนั้น ปีนี้ผมอายุสามสิบ
ผมว่าผมแก่แล้ว และผมก็อยากมีครอบครัว…ผมจะสร้างมัน แม่เคยของ
จากผมเสมอไม่ใช่หรือฮะ…แม่อยากให้ผมมีเมียมีลูก…แม่อยากจะเป็นคุณ
ย่า”
คุณผ่องพรรณอึ้งไป
และพิมพิกาที่ยืนฟังอยู่…ประทับใจในคำพูดของเขาไม่น้อย
จริงอยู่…ความรักยังไม่ได้มาเยือนหล่อนอีก…หลังจากหล่อนผิดหวังกับการ
หลอกลวงของมณฑล หล่อนเคยเจ็บ…และหล่อนหวาดกลัว
528/913

หล่อนสร้างกำแพงมาล้อมหัวใจตัวเอง หล่อนไม่ยอมรับความจริง
ใดๆ อีก ไม่ยอมรับแม้ชายที่จะเดินหน้ามาหาเพื่อลบรอยปวดร้าวเก่าๆ
ออกไป…หัวใจของหล่อนพยายามสั่งการเด็ดขาดที่จะป้องกันตัวเอง
คนเรานั้นแปลกตรงที่กลัวการจะเกิดเรื่องร้ายซ้ำเดิมๆ …และนั่นเท่า
กับหล่อนพยายามปฏิเสธศศิน
คุณผ่องพรรณอาจจะระแวงมากไป
เพราะหล่อนไม่เคยคิดจะแต่งกับศศิน
ไม่…แม้บางหนหล่อนจะคิดว่ามันท้าทาย…หล่อนจะเผชิญหน้ากับบุษ
ยาและมณฑลได้อย่างสง่างาม
แต่ทำไมกันเล่า…ทำไมหล่อนจะต้องตามราวีอาฆาตมาดร้ายตรงนั้น
อีก ความคิดนั้นเลยตกไป…
และหล่อนก็ก้าวเข้ามา คุณผ่องพรรณมองเห็นหล่อนก่อนลูกชายจะ
เห็น ศศินเบือนหน้าตามมาภายหลังจากนั้น
พิมพิกาลังเลแวบเดียว หล่อนก็ยกมือไหว้เธอ
“สวัสดี”
เธอเอ่ยออกมา หญิงสาวทีป่ รากฏตัวตรงหน้าระเหิดระหงพิมพิกา
บอบบาง แต่ไม่ได้เป็นว่าผอมจนน่ากลัวแบบพวกนางแบบแต่หล่อนมีอก
เอวสะโพกที่พอเหมาะพอเจาะ หุ่นสวย…หน้าตาสวยรสนิยมของศศินไม่
เลวเลย…เธอคิด…อย่างน้อยนี่ก็ดีกว่าแบบเดิมๆ อย่างบุษยาหลายเท่า
529/913

ตัว…มีเหลืออย่างเดียวที่เธอกระอักกระอ่วนใจและทำให้ยังค้างคาว่าแล้ว
เธอจะทำอย่างไรต่อไปดี
“มาพูดเรื่องดิฉันหรือคะ”
“ใช่”
“คุณจันทร์…ทุกอย่างจะเรียบร้อย เราจะแต่งงานกัน แล้วแม่จะเป็น
เจ้าภาพ”
คุณผ่องพรรณนิ่งเงียบ และในความเงียบนั้น หญิงสาวแทรกหัวเราะ
ขึ้นมาเบาๆ เหมือนหล่อนจะขบขันอย่างยิ่ง
เขาเริ่มไม่สบายใจ พิมพิกามีท่าทางเย้ยหยัน หล่อนไม่ได้คร่ำครวญ
เสียดายในตัวเองเมื่อเสียตัวให้กับเขา หล่อนไม่ยอมฟูมฟายอีก เขาเห็นแต่
อาการฟูมฟายในค่ำคืนวันนั้นเท่านั้นเอง…วันที่หล่อนบอกอยากจะตายแล้ว
เขายุให้หล่อนฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นมันหายไป…หล่อนสงบเยือกเย็น แต่
เขาไม่อยากเชื่อว่าภายในของหล่อนจะยอมสงบไปด้วย
“เขาเข้าใจผิดค่ะ”
“คุณจันทร์…” เขาร้อง
“ดิฉันไม่แต่ง…”
“แต่เรื่องของเรา”
“ก็ผ่านมาแล้วผ่านไป”
530/913

“ไม่”
ศศินร้องออกมา คุณผ่องพรรณตระหนักได้ถึงน้ำเสียงเหมือนจะ
สูญเสียของเขา เธอรู้ว่าศศินคงจะเจ็บปวดหากมันไม่ลงเอยตามเขาต้องการ
บางทีเธออาจจะไม่ต้องยืนปั้นหน้าและทำท่าเป็นนางมาร
แต่อย่างใด…เออ…เธอบอกตัวเอง…เธอยังถอยตัวทันกระมัง ถอยออกมา
เป็นแค่คนชมเหตุการณ์
ผู้หญิงปฏิเสธ…ผู้หญิงแบบนี้ก็มีด้วย…หรือเจ้าหล่อนยังนิยมชมชอบ
ในตัวนายมณฑล…ไอ้หมอนั่นมีอะไรดี…ดีกว่าลูกชายของเธออีกอย่างนั้น
หรือ
เมื่อคิดดังนี้ เธอรู้สึกว่าเจตนาของเธอเริ่มจะคลอนแคลนไปเสียแล้ว
“ดิฉันไม่ต้องการพันธะ”
“ทำไม”
“เพราะดิฉันไม่ได้รักเขา”
“ความรัก…มันสำคัญหรือ”
“มากสำหรับดิฉันค่ะ”
เธอนึกสงสารลูกชายเธอ…ศศินหน้าเผือดลง…และเธอรู้ว่าเขาอายเธอ
อีกด้วยในการที่เขาถูกปฏิเสธต่อหน้าต่อตาแบบนี้…มันอาจจะเป็นเรื่องยาก
531/913

เกินไปสำหรับเขา…เพราะศศินนั้นมีความเชื่อมั่นและทระนงองอาจเสมอ
มา…ผู้หญิงคนนี้บั่นทอนเขา…ปฏิเสธเขา
“คุณอย่ากลัวเลยค่ะว่าดิฉันจะเอาเขาไว้”
พิมพิกาพูดกับเธอโดยตรง และศศินเหมือนคนที่หมดความอดทนจะ
รับฟังอีก เขาพรวดมาตรงหน้าพิมพิกา ลากเอาหล่อนไปจากที่ตรงนี้ คุณ
ผ่องพรรณได้แต่มองตามในกิริยาตะลึงมองตามแบบอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“ศิน..อย่าทำอะไรรุนแรง”
เธอได้ยินเสียงพิมพิการ้องบอกให้ปล่อย แต่ศศินคงกำลังหน้ามืด
เพราะเขาไม่ยอมปล่อย
“ทำไม…จะหน่วงเหนี่ยวฉันไปถึงไหน”
“คุณจันทร์…ผมยอมไม่ได้”
“แต่คุณลากฉันไปเข้าพิธีไม่ได้…หากฉันไม่เต็มใจ”
“ผมมีอะไรบกพร่องหรือ”
“อาจจะไม่มี”
“หมายความว่าไง”
“ฉันไม่มีเหตุผล”
“อ้อ…ดีนี่…จนมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอม…จะให้ผมจัดการกับคุณ
แบบไหนดี”
532/913

“นอนกับฉันหลายหนแล้ว…เบื่อหรือยัง”
“ถามบ้าๆ ”
เขาหัวเสีย หล่อนหัวเราะใส่หน้าเขา และเขาก็ตะคอกไปอย่าง
เหลืออด
“หยุดที…คุณจันทร์”
หล่อนไม่กลัวเขาเลย เสียงดังของเขาไม่อาจจะทำให้หล่อนกลัว…ไม่มี
แน่นอน…เพราะปกติพิมพิกาไม่ใช่คนขี้กลัว หล่อนยังมองสบตากับเขาด้วย
แววตาเหมือนจะท้าทาย
“อย่าทำตัวเป็นอย่างหนา ทำตัวเหมือนผู้หญิงบริการที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
อะไรเลย”
“ฉันจะกลับบ้าน…ทำงาน…”
“เรื่องของเรายังไม่จบ”
“มันจบ”
“มันไม่จบเพราะผมไม่ยอม”
“เพื่ออะไรอีก” หล่อนถามเนือยๆ “หรือคุณกลัวจะเสียความเชื่อมั่น
ในตัวเอง หากจะต้องตอกย้ำเข้าไปว่าถูกฉันปฏิเสธ…ถูกฉันยืนยันซ้ำๆ ว่า
ฉันไม่ได้รักคุณ แล้วฉันไม่ได้เสียดายอะไรเลยกับสิ่งที่ตัวเองเสียไปกับคุณ
533/913

คนเราจะอยู่กันได้อย่างไรหากไม่รักกัน…ฉันไม่รักคุณ…ไม่รัก…ไม่รัก…ไม่
รัก”
พิมพิการะเบิดออกมาสามครั้งติดๆ กัน
เขากำข้อมือของหล่อนบีบแน่นจนกระดูกตรงนั้นแทบจะหักแล้วพิมพิ
กาก็ร้องโวยออกมา
“ฉันเจ็บนะ”
“เจ็บรึ”
เขาร้องถามเสียงแหบพร่า แววตาของเขาปรากฏประกายแห่งความ
เจ็บปวดออกมา พิมพิกาไหวหวั่นข้างในใจเหมือนกันแต่หล่อนไม่ได้พูด
หัวใจมีสี่ห้องด้วยกัน…สามห้องอาจจะปฏิเสธเขาต่อต้านไม่ยอมรับต่างๆ
นานา มีทิฐิสูง แต่หัวใจอีกห้องทำท่าเหมือนจะลุกต่อต้านสามห้องแรกเข้า
ให้เหมือนกัน
เหมือนอีกห้องหัวใจกำลังก่อการกบฏขึ้นมาเข้าให้แล้ว
“แล้วผมเล่า…คุณจันทร์…เคยรู้สึกตามทันถึงความรู้สึกของผมบ้าง
ไหมว่ามันเจ็บกว่า…ช้ำกว่า…คุณไม่ต้องตอกย้ำกันนัก”
“ปล่อยฉันซิ”
เขาคลายมือออก
“ฉันไม่อยากแต่ง…”
534/913

“ผมไม่อยากเชื่อว่าคุณจะปิดกั้นตัวเองจากผม…คุณไม่ยอม…คุณ
ต่อต้าน…คุณปฏิเสธผม…ปฏิเสธตัวเอง…”
หล่อนหันข้างให้”
“ฉันเสียเวลามามากพอ…”
“แล้วจะให้ลงเอยแบบไหน”
“ลืมมันซะว่าเคยเกิดขึ้น”
“อาจจะไม่ยากสำหรับผม…เพราะผมเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนีผ้ มเคย
เจอมาก่อน แต่คุณล่ะ.จะลืมได้หมดหรือ…จะลืมลงหรือ”
“ไม่ต้องมาห่วงฉัน”
“คุณจันทร์…หากมันเลยผ่านไป…อาจจะไม่หวนกลับมาอีกมันอาจจะ
แล้วเลยกันไป…คุณจะไม่หวนหาเสียใจภายหลังหรอกหรือ”
“ไม่…”
“ทำไมใจแข็งนัก” เขาถามท้อๆ “ทำไมลากเอาผมไปร่วมกระบวนการ
ความแค้น…ทำไมคุณไม่มองผมว่าเป็นตัวผม…ไม่ใช่ญาติของนุ่น…ไม่เกี่ยว
กันเลย…เพราะผมเองไม่สนใจด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้คุณรักคุณชอบใคร เมื่อ
คุณเจ็บปวดมา…สิ่งที่ผมพยายามจะทำเพื่อคุณที่สุดคือทำให้คุณลืม
มัน…แล้วหาความสุขใส่ตัวให้เหมือนเดิม…แต่ทำไมมาปิดกั้นผม…ไม่รับ
ผม…ทำไม”
535/913

และไม่มีคำตอบจากพิมพิกาอีกเลย
44

พิมพิกาไปแล้ว เขาไม่ออกมาจากห้องอีกเลยตอนหญิงสาวเตรียมตัว
เข้ากรุงเทพฯ…และคุณผ่องพรรณเป็นฝ่ายละล้าละลังมากไปด้วยความ
ห่วงใยอย่างยิ่งในตัวลูกชาย เธอไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อจะรับรู้ว่ามันจบ
ลง…ง่ายและเหลือเชื่อมากสำหรับเธอ…เธอไม่ต้องการทำอะไรเลย ทุกอย่าง
เรียบร้อยลงตัวไปเอง เธอไม่ต้องทำตัวเป็นนางมารแต่อย่างใด

และเธอรู้สึกว่ามันแตกต่างออกไป
เธอชวนพิมพิกาเข้ากรุงเทพฯด้วยกัน
“จะยอมร่วมทางกับดิฉัน”
“เผื่อเราจะได้คุยกัน”
เพราะเธอรู้ว่าพิมพิกามีอำนาจเหนือศศินไม่ใช่น้อย และการที่หล่อน
เป็นตัวของตัวเอง ทำให้เธออยากรู้ว่าโดยเนื้อแท้ของหญิงสาวเป็นอย่างไร
“นึกว่าจะอยู่ดูแลเขา”
537/913

“เธอเป็นคนทำร้ายเขา”
“เปล่าค่ะ” เสียงตอบสงบเป็นอันมาก “เขาทำตัวของเขาเองทั้งหมด
ค่ะ”
“ทำตัวเขาที่พลาดมารักเธอ ที่จริงมันเป็นโอกาสของเธอ”
พิมพิกามองหน้าเธอแล้วคำตอบของหล่อนก็ตรงไปตรงมา
“ทำไมคุณเปลี่ยนท่าทีตัวเอง เปลี่ยนกระทั่งน้ำเสียงที่พูดกับ
ดิฉัน…หรือเพราะไม่อยากให้เขาต้องผิดหวัง ดิฉันเพียงแต่คิดว่าดิฉันไม่
พร้อม…ก็เท่านั้นเอง มันช่วยไม่ได้ที่เขาจริงจังเกินไป”
“เธอคิดอะไรในใจ อยากกลับไปหามณฑลอย่างนั้นหรือ”
“อยากรู้หรือคะว่าดิฉันคิดอะไร” พิมพิกาตอบแกมหัวเราะ “ดิฉันก็
ผู้หญิงบ้าๆ คนหนึ่ง คิดอะไรวนเวียนไปมา มีความคิดสับสนจับต้นชน
ปลายไม่ถูกด้วยซ้ำไปค่ะ อยากรู้ก็ได้ ดิฉันแค้นมณฑล หากกลับไปก็ไม่
ขอมากไปกว่าทำลายเขาย่อยยับ ดิฉันเคยคิดจะเอาคุณศศินเป็นตัวนำไป
ถึงตรงนั้น แต่ดิฉันก็มาเปลี่ยนใจ…ดิฉันไม่อยากก่อกรรม…”
“เธอเป็นคนพิลึก”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ” หล่อนตอบหน้าตาเฉย “ดิฉันน่ะ…ไม่เหมาะหรอก
ที่เขาจะมาจริงจัง”
“ลูกชายฉันเป็นคนดี”
538/913

คุณผ่องพรรณทำเสียงขึ้นจมูกนิดๆ ทำเหมือนว่าลืมไปหมดว่าเคย
ตั้งแง่เอาไว้อย่างไร และน่าแปลกที่เธอไม่ได้ดีใจเท่าที่ควรจะเป็น เธอไม่
รู้สึกแบบนั้น…นอกจากวิตกกังวลว่าศศินจะมีสภาพอย่างไรต่อไป…
และท่าทางละล้าละลังของเธอก็ทำให้พิมพิกาตัดบทว่า
“คุณไปดูแลเขาดีกว่าค่ะ ขอให้รถไปส่งถึงกรุงเทพก็พอ”
“ฉันจะไปกับเธอด้วย” คุณผ่องพรรณตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“และเพื่อเห็นแก่ลูกชายของฉัน ทำให้ฉันต้องเรียนรู้เธอมากกว่านี้”
“ซึ่งมันก็สายเกินไปแล้ว”
พิมพิกาต่อเติมให้ หล่อนกำลังจะขึ้นรถอยู่แล้ว หญิงสาวทอดตาไป
ทางห้องพักของเขา เกือบจะแน่ใจได้ว่าเห็นเขายืนอยูต่ รงนั้นแวบๆ ครั้น
มองตรงๆ ก็ไม่มีแม้เงาของเขาอีก หญิงสาวเก็บซ่อนเสียงถอนใจของ
ตัวเอง…หล่อนก็สับสน…หล่อนจะทำได้อย่างไรกัน…ต้นรักต้นใหม่จะ
งอกงามได้ดีอย่างนั้นหรือ…หากจะปลูกมันทับต้นเดิม…
และนั่นหญิงสาวถือว่ามันไม่ยุติธรรมอีกด้วย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกาไปแล้ว…มันมีเหตุผิดวิสัยตรงไหนหรือ เขายังถามตัวเองและ
หาคำตอบไม่ได้เอาเสียเลย จากตรงหน้าต่างที่มองลงไปเห็นหล่อนสักครู่
เขาถอยกลับมานั่งเอามือกุมขมับ
539/913

ทำไมหล่อนปฏิเสธคำขอของเขา หล่อนทำให้เขาสูญเสียความเชื่อมั่น
ไปเป็นอันมาก
เขาเคยมีความผยอง…คิดว่าหากเขาขอผู้หญิงคนไหนแต่งงาน
เจ้าหล่อนย่อมไม่กระทำการปฏิเสธเขาแน่นอน
แต่พิมพิกาปฏิเสธ หล่อนทำให้อัตตาอันแก่กล้ามาช้านานของเขา
สั่นคลอนลงไป แม้จะยังไม่หมดแต่ก็ทำเอาเขาแย่ทีเดียว
ศศินถอนใจยาวออกมา แล้วมีเสียงเคาะประตู เขามองไปทางนั้น
นายแจ้งเปิดเข้ามา
“มีอะไรรึ”
“จะอยู่ต่ออีกหรือเปล่าครับ”
“ฉันจะเข้ากรุงเทพเหมือนกัน”
“คุณนายมากระซิบบอกว่าไม่อยากให้คุณขับรถเอง ผมไปตามหลาน
ชายของผมแล้ว มันจะมาขับรถให้”
“ฉันขับได้”
“คุณนายสั่ง”
“ฉันบอกว่าไปได้”
เสียงของเขาแข็งขึ้น และชายหนุ่มพลันตระหนักว่าเขาเหมือนคนพาล
ไปเสียแล้ว…เขาไม่น่าจะทำแบบนั้นเลย…เขาลดน้ำเสียงลงมา…พยายามจะ
540/913

พูดให้เป็นปกติ…เพราะเขาไม่ควรจะพาล อีกทั้งพื้นนิสัยเดิมของเขานั้นไม่
ใช่คนที่พาลพาโลออกกับคนอื่น ปกติศศินเป็นคนใจเย็น ค่อนข้าง
สนุกสนานมองโลกในแง่ดีเสมอ เขาไม่ควรจะให้เหตุกระทบกระเทือนใจ
ตัวหนนี้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเพราะเขามีเหตุผล…ดังนั้นเขาจึง
คิดตกเร็วไว ทบทวนท่าทีของตัวเองได้เร็วไวอีกด้วย
“ฉันขับรถเองดีกว่า”
น้ำเสียงนั่นกลับเป็นคนเดิมให้นายแจ้งเบาใจ เพราะเมื่อสักครู่นี้
น้ำเสียงของนายหนุ่มตวัดวูบเลยทีเดียว นายแจ้งคุ้นกับนิสัยของศศินอยู่
ไม่น้อย แต่ก็รู้อีกนั่นแหละว่าบทจะบ้าก็กวาดเรียบและศศินแปลกอยู่
อย่าง…เวลาโกรธจัดๆ จะเสียงไม่ดัง…เขาจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง…จะพูดเสียง
เบาลงไป แต่ต่ำลงในคอ จะเกรี้ยวกราดแบบสงบๆ แต่นั่นละ…เคย
ประจักษ์กันมาแล้วว่า…เบาๆ ทุ้มต่ำ…แต่เล่นเอาแตกกระเจิง
และเหตุการณ์หนนี้นายแจ้งค่อนข้างเห็นใจนาย…เหมือนนายจะ
อกหัก
ผู้หญิงคนนั้นทำให้นายผิดหวัง
“เพราะฉันว่าหากไว้ใจตัวเองไม่ได้ก็ตายซะ”
“โธ่…คุณศิน…อะไรจะขนาดนั้น”
“อย่าเอาไปพูดต่อกันล่ะว่าฉันถูกผู้หญิงทิ้ง”
“โธ่…โธ่…”
541/913

“จะพูดได้คำเดียวนั่นรึ”
เขากระเซ้า กระแสเสียงไม่บอกสักนิดว่าอกใจจะขาด…แต่แววตาซิ
หม่น
“ผมสงสารคุณจัง จะยกลูกสาวให้รึ มันก็แก่จนจะเป็นแม่คุณได้ เอา
หลานสาวผมไหม…อายุเพิ่งจะสิบสี่”
“ฉันก็โดนข้อหาข่มขืนเด็ก”
“เต็มใจยกให้”
“สิบสี่?” เขาทวนถามแล้วส่ายหน้า “เอามาทำอะไรได้”
“พูดแบบนี้แปลว่าไม่เคยไปเที่ยวเปิดบริสุทธิ์”
“เออ…พูดให้ดีนะ…ไม่เคยน่ะดีกว่าเคย…ไอ้พวกระยำทั้งนั้นล่ะที่เอา
เด็กขนาดนั้น ฉันไม่ชอบเลยนะ แต่ก็ขอบใจที่วางใจจะยกหลานสาว
ให้…เก็บเอาไว้ให้ดี.อย่าเที่ยวเอาไปยกให้กับใครเข้าอีกล่ะ”
“ผมยกให้คุณคนเดียว…แต่ผมรู้ว่าใครคงจะเทียบคุณคนนั้นไม่ได้
สวย…และก็มีเสน่ห์”
“แจ้ง…ไปให้พ้น…อย่ามารำพัน”
“ครับผม ตกลงคุณจะเข้ากรุงเทพเหมือนกัน ไม่อยู่ต่ออีก”
“ขืนอยู่ต่อ…คราวนี้คนจะวิ่งลุยทะเลให้ตายก็คงจะเป็นฉัน”
“ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวสักหน่อย”
542/913

เขารูโ้ ดยไม่ต้องรอให้นายแจ้งมาบอก แต่ยามใดที่ปักใจลงไป…แล้ว


ไม่ได้มาตอบสนองดังเช่นตั้งความหวังเอาไว้ก็ทำให้ ‘เป๋’ เหมือนกัน…
เขาถอนใจออกมา…และเพราะผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวนี่ละที่ทำให้เขา
คิดว่าเขายังจะต้องดำเนินชีวิตต่อไป เขาคงจะไม่เสียคนเมาเหล้า ไม่ยอม
ทำงานแล้วปล่อยให้ชีวิตสูญเสียไปเปล่าๆ
เพราะเขาเคยหยามหยันคนทำร้ายตัวเองแบบนั้นมาแล้ว…ไม่อยากให้
เป็นว่าหยันคนอื่นแล้วพอถึงตาตัวเองเข้าบ้างก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
“นั่นซินะ มีอีกเยอะแยะ”
“แล้วจะลืมไปเองล่ะคุณ บางคนน่ะแค่ความทรงจำ”
คำพูดนั่นคมนัก แต่ศศินรูว้ ่าแค่ความทรงจำบางทีก็ลบไม่หมดไป
จากใจ
มันจะค้างคากันไปตลอดนั่นเอง…มันจะไม่หมดไปจากใจ
“นายแจ้งไม่ต้องมาห่วงฉัน”
นายแจ้งยังยืนจ้องมองอีกพักใหญ่ก่อนจะถอยกลับไป
แล้วศศินก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯเช่นกัน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
543/913

คุณผ่องพรรณมองดูหญิงสาวที่มาด้วยกัน เธอพยายามจะซักถาม
ความเป็นมาของหล่อน แต่พิมพิกานั้นค่อนข้างกวนเธอนึกอยูใ่ นใจเหมือน
กันว่า
…นี่เป็นลูกหลานละก็เอาตาย ท่าทางแข็งกระด้าง อวดดี ศินพิศวาส
ตรงไหนกันนะนี่ ไม่น่าเลย แล้วหากตกลงปลงใจกันจริงๆ ก็จะเท่ากับศิน
เป็นคนตามเจ้าหล่อนเสียเป็นแน่…
“ไม่มีประโยชน์จะมารับรู้หรอกค่ะ”
“ทำไมเธอคิดแบบนั้น”
“เพราะดิฉันกับคุณศศินจะไม่เกี่ยวข้องกัน อีกอย่าง…ดิฉันพูดออก
ไปแล้วคุณจะยอมเชื่อหรือคะ ดูเหมือนคุณจะมีอคติกับดิฉันอยูไ่ ม่น้อย
เลย”
“เธอต้องเข้าใจฉัน…ฉันเป็นแม่…และเขาเป็นลูกฉัน
“ความห่วงใยของแม่ต่อลูกหรือคะ”
“ใช่”
“แต่คุณฟังเรื่องของดิฉันมาจากคนอื่น”
“เธอกำลังกล่าวหาฉัน”
“เพราะดิฉันได้รับความไม่ยุติธรรม และทำให้ภาพลักษณ์ของดิฉัน
เสียไปอีกด้วย”
544/913

“แต่ฉันว่าเธอเหมือนไม่แคร์ตรงนั้นเลยนะ”
“ใช่ค่ะ ดิฉันไม่แคร์…แต่ดิฉันว่ามันยากจะลบเอาสิ่งที่คุณฝังใจออก
ไป”
“เธออย่าโทษว่าเพราะคนอื่นมาพูดให้ฉันฟังเรื่องของเธอเลยตัวเธอ
เองทำอะไรลงไปต่อหน้าผู้คนมากมาย…นั่นเพียงพอจะประจานเธอเองถูก
ไหม”
“ดิฉันทำเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว…ของคนสองคน…”
“นั่นซิ แต่มันอะไรขนาดไหน เธอถึงแค้นเขาขนาดนั้น”
“คุณจะเชื่อดิฉันแค่ไหนกันคะ”
“เธอลองพูดมาก่อนแล้วกัน”
“ดิฉันไม่เคยมีความสัมพันธ์กับมณฑลขนาดนอนกับเขา”
“แล้วกับตาศิน…”
“เขาคือคนแรก”
“แต่เธอปฏิเสธการแต่งงานกับเขา”
“เพราะดิฉันไม่ได้รักเขา”
นั่นคือคำตอบฉะฉาน
“ดิฉันเมา…แล้วก็…บอกกันตรงๆ นะคะ ไม่เลวนักหรอกกับเรื่อง
แบบนั้น”
545/913

โอย…คุณผ่องพรรณร้องอุทานในใจ หน้าตาแดงก่ำร้อนวูบ
…แม่คุณเอ๊ย พูดจาได้เด็ดดวงนักหนา ไม่มีบันยะบันยังปาก…
แล้วเธอก็ตระหนักได้มากอีกว่าพิมพิกามีความเข้มแข็งมากและศศิน
ของเธอก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนนัก หากลงเอยกันไป เขาจะถูกครอบงำอย่าง
แน่นอน
และยามนี้เธออายคนขับรถของเธออีกด้วย
เขาอาจจะเอาไปโพนทะนาได้ว่าพิมพิกาเป็นผู้หญิงแบบไหน
พิมพิกาไม่ได้พูดอีกเลย เธอส่งหญิงสาวลงหน้าบ้าน และพิมพิกาก็
ขาดมารยาทอย่างร้าย หล่อนไม่เชื้อเชิญเธอลงที่บ้านของหล่อน
คุณผ่องพรรณบอกกับนายแจ้งด้วยเสียงแห้งๆ
“ไปเถิด แกคงจะจำบ้านนี้ได้ เผื่อต้องมาอีก”
นายแจ้งเหลือบตามองเธอจากกระจกส่องหลัง ประสานกับสายตา
เธอ
“แกต้องไม่เอาไปพูดว่าผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกับตาศิน”
“ครับผม”
“แล้วที่ได้ยินมาในรถนี่ด้วย แกจะต้องเงียบ”
“ครับผม”
“แกอย่าดีแต่ครับผม…ครับผมแล้วกัน…ฉันจะเอาแกยับ”
546/913

“คุณกำลังห่วงคุณศิน”
“ฉันสงสารเขา”
“ไม่ขัดขวางแล้วหรือครับ”
“แกอย่ามาถามฉัน” เธอแว้ด
“ไม่ขวางก็ดีครับ เรื่องปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่”
เหมือนจะสอนเธอ แต่น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความระมัดระวังเหมือน
เกรงอารมณ์ของเธออยู่บ้าง คุณผ่องพรรณไม่ได้เอะอะกลับมาอย่างที่ใจนึก
เกรง จึงทำให้นายแจ้งกล้าพอจะพูดต่อมาอีก
“ผมว่าเธอก็สวยแล้วคงจะถูกใจคุณศินมากๆ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้
มาก่อน”
“แต่มันทำท่าจะแห้วกันแล้ว ฉันเองก็คงจะเป็นคนนอกเพราะนาย
ศินน่ะบทจะทำอะไรขึ้นมาใครก็ขวางเขาไม่อยู่ แต่ผู้หญิงเค้าปฏิเสธ…แกก็
ได้ยินอยู่”
“เฮอะ…กระบิดกระบวนไปก่อนเถิดครับ…แล้วก็จะเรียบร้อยไปเอง”
“แกพูดอะไรของแก”
“ขอประทานโทษนะครับ หากเป็นครั้งแรกของการมีผัวผมไม่เชื่อว่า
ผู้หญิงดีๆ จะถอนใจไปพ้น…อย่างน้อยก็ต้องอาลัยอาวรณ์”
547/913

นั่นทำให้คุณผ่องพรรณพอจะมองเห็นช่องทาง แต่ก็คงจะช้าเกินไป
เพราะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดตามมาอีก
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“พี่ตามากับผมฮะ แต่เธอหายไป ไม่ไปทำงาน ผมก็ห่วงเธอ”
ชนิตาไปไหน พิมพิกาสงสัยจัดเหมือนกัน หล่อนกลับเข้าบ้าน รู้จาก
พรรณรายว่าชนิตาหายไป ระหว่างนี้…หล่อนยังไม่ได้ตอบคำถามของ
พรรณรายในเรื่องของตัวเอง ก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาตามเรื่องของ
ชนิตาก่อน เปรมก็ทำสีหน้าวิตก ชนิตาทำให้เกิดความกังวลห่วงใย
“แจ้งความหรือยัง”
“ผมไม่ทราบฮะ ทางบ้านพี่ตาอาจจะแจ้ง”
“แล้วเจ้านายเก่าของเปรมล่ะ”
“ผมไม่ทราบฮะ” เปรมตอบด้วยรูปแบบประโยคเดิม “ผมกับเขาไม่
ได้ติดต่อกันอีก ผมคิดว่าเขาไม่อยากจะเจอหน้าผม คุณวิษณุโกรธผม
มาก”
“ฉันควรจะไปฟังจากเสียงของเขา”
“คุณจันทร์มาพร้อมกับคุณศินหรือฮะ”
“เขายังอยู่หัวหิน…” คำตอบของหล่อนง่ายสั้นมาก “มีอะไรในใจรึ
เปล่า เปรม”
548/913

“เอ้อ…ผมไม่ควรจะถามหรอกฮะ”
“งั้นฉันพูดเอง…เรื่องของฉันกับเจ้านายของเปรม…ไม่มี…มันว่างเปล่า
เข้าใจตามนี้ด้วยนะ”
เปรมมองตามหญิงสาวไป แล้วก็ร้องบอกตัวเองว่า
“ใครจะเชื่อ…ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ”
45

พิมพิกาไม่เคยมาหาดนุที่นี่ หล่อนมาเพราะโทร.ไปขอเบอร์โทรศัพท์
ของเขา และคุยกับเขาแล้วหล่อนร้อนใจอยากเจอ แล้วเขาก็ใจตรงกันกับ
หล่อน แม้เขาจะออกตัวว่าเขาไม่ได้สนิทกับชนิตามากมายนัก แต่เขากังวล
พอๆ กันกับหล่อนเลยทีเดียว
“แจ้งความได้แล้วมังคะ” พิมพิกาออกความเห็น “เกินยีส่ ิบสี่ชั่วโมง
แล้ว”
“เราก็อยากทำแบบนั้น”
“แต่ไม่ทำ?…ทำไมล่ะคะ”
“เพราะไม่อยากอื้อฉาว มันจะมีผลกระทบถึงตัวยายตาโดยตรง…ไม่
น้อยเลยด้วย มันจะมากเสียจนเราจะรับมือไม่ไหว…ยกตัวอย่างเลย
นะ…หากไม่มีเรื่องอุบัติเหตุว่าไปโดนรถชนนอน…ไม่มญ ี าติตรงไหน หรือ
โดนชิงทรัพย์ทำร้ายถึงตายไปนอนแอบที่ไหนอีกนั่นแหละ ก็มาถึงว่าอาจจะ
โดนพาตัวไปทำไม่ดี แล้วเมื่อมันเป็นเรื่องเสียหายทางเพศ…มีแต่จะย่อยยับ
หากเปิดเผย ยิ่งรู้กันมากเจ้าตัวก็จะอยูไ่ ม่ได้มากขึ้น สังคมไทยไม่มีความ
ปรานีตรงนี้หรอกน้องจันทร์”
550/913

เขาพูดยาวมาก และเขามีเหตุผลที่พิมพิกาเองก็เห็นด้วย
“เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว เรามีสังคม…มีเพื่อนบ้าน…มีการงาน คนปาก
ยาวก็เยอะ ชอบจะพูดเรื่องของคนอื่น พูดทางเสียๆ ด้วยนะ…ไม่ได้พูด
ทางดีอะไรเลย”
“แล้วเราต้องรอหรือคะ”
“ใช่…รอ” ดนุพยักหน้า
“ใจจะขาดซะก่อน”
“พี่รู้”
“แล้วจะรอถึงไหนคะ มีการสิ้นสุดไหม”
“อีกสักอาทิตย์”
“ตาเป็นอะไรไปแล้วหรือเปล่า”
หล่อนถาม ห่อไหล่ตัวเองด้วยความเหน็บหนาว
“จะเป็นอะไรไหม”
“ภาวนาไว้ พี่เองก็ภาวนา”
ทีจ่ ริงดนุเป็นคนสมัยใหม่ เขาไม่เคยมีโชคลาง ไม่เคยเชื่อถืออะไร
เลยทั้งสิ้น แต่พอมาเกิดเรื่องนี้เข้า เขาภาวนา…เขาสวดมนต์ขอให้พระ
คุ้มครองชนิตาด้วยเขาคิดว่าน้องสาวเขาไม่เคยทำความผิดอะไร หล่อนไม่
น่าจะต้องมารับเคราะห์ใดๆ จากบุคคลอื่น อาจจะขอมากไป เพราะเขาเอง
551/913

ขอแบบไม่เคย ‘ให้’ ขอจากพระแบบคนที่ยังห่างไกลจากศาสนา…จากการ


ปฏิบัติธรรม
แต่ก็ไม่อาจจะห้ามใจไม่ให้ขอ คนเรามีความเห็นแก่ตัวหากเรื่องร้าย
เกิดกับตัวเอง…เกิดกับคนใกล้ตัว ก็พยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้า และ
พยายามจะให้บรรลุผลอีกด้วย
เขาหน้าหมอง…ดำคล้ำลงไปเป็นกอง และพิมพิกาเองก็ไม่รจู้ ะ
ปลอบโยนเขาอย่างไร หล่อนเองแห้งผากมัวมนไปหมด…ชนิตาไปไหน…ไป
พบเจออะไร…คือคำถามที่ไม่มีคำตอบ
“แล้วงานล่ะคะ”
“พีไ่ ปพบคุณวิษณุมาแล้ว เขาก็แสดงความเห็นใจดีนะ…บอกว่าจะไม่
ทำให้เป็นเรื่องขาดงาน”
“จันทร์ควรไปพบเขาสักหน่อย”
“ก็ดี…จันทร์…มีเพื่อนคนอื่นอีกไหมที่ตาจะไปอยู่ด้วย”
“ไม่มีค่ะ นอกจากจันทร์แล้ว…ตาจะไม่ยอมไปนอนบ้านใครอีกเลย”
“ห้องพักก็ร้างเจ้าของหลายวัน ดีนะ…ที่ตามาเช่าห้องข้างนอก หากยัง
อยูบ่ ้านแล้วหายไปไม่กลับบ้านหลายวันหลายคืน จะเป็นขี้ปากแต่ต้นจรด
ก้นซอยทีเดียว”
ที่ดนุพูดมานั้นมันถูกต้องอย่างยิ่ง
552/913

พิมพิกาจากลามาด้วยใจอันเปลี้ยและล้าไปหมดแล้ว
หญิงสาวรู้สึกกลัว…หวั่นหวาด…ชนิตาจะเป็นอย่างไรบ้าง…ไม่มี
ร่องรอยให้ตามหา…เหมือนชนิตาล่องหนได้กระนั้น
แล้วเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ก็ยืดยาวเกินไปสำหรับการรอคอย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

เลขาคนใหม่ที่มาทำงานแทนเปรม
บอกถึงการมาพบของพิมพิกา
หล่อนมาจากนายคนนั้นแล้วหรือ…เขาถามตัวเอง แต่กม็ าเปิดประตู
รับหน้าหล่อนเองด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ท่าทีของเขาต่อพิมพิกาดูลึกซึ้ง
“ฉันมาเรื่องตาค่ะ”
“โอ…นั่นซิ…ผมกำลังห่วง”
หากนี่เป็นการเล่นละคร นับว่าวิษณุตีบทแตกอย่างยิ่ง
สีหน้าแววตาของเขากลมกลืนไปกับความห่วงใยล้นพ้น…และพิมพิกา
ก็หลงเชื่อไปว่าเขาเป็นคนดี ไม่รู้สักนิดว่าเขาเองเป็นคนที่ลากเอาชนิตาไป
ทำร้ายอย่างแสนสาหัส
553/913

เขาทำได้ลง…และเขาทำไปแล้วด้วย
ทำแบบไม่ได้หวั่นกลัวอะไรเลย
“ชนิตาไม่เคยลาหยุดนานๆ แล้วนี่กเ็ รียกว่าลาไม่ได้เพราะหายไปเฉ
ยๆ ไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย”
“บอกเพื่อนร่วมงานคนอื่นบ้างไหมคะ…หมายถึงร่องรอย”
“คุณจันทร์…”
เขาขานเรียกหล่อนด้วยเสียงอันอ่อนโยน
“ผมพยายามทำให้เงียบที่สุด ไม่กล้าจะกระโตกกระตากอะไรเลย
ด้วย เพราะจะเสียหายมาถึงตัวชนิตาเอง ดูเหมือนมีความจำเป็นต้อง
ป้องกันตรงนั้นอย่างยิ่ง ผมไม่กล้าจะไว้ใจว่าผมจะสอบถามโดยพวกเขาไม่
สงสัยและมาซุบซิบกัน แค่นี้ก็พอจะพูดกันบ้างแล้ว แต่ไม่กล้าพูดเสียงดัง”
“คุณหมายถึงอะไรคะ ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจ”
“ผมบอกกับพนักงานของที่นี่ว่าชนิตาลาป่วย…”
“เพื่ออะไรคะ”
“ผมบอกไปแล้วไง…ปกป้องเธอ…จากความผิดที่อาจจะมี…เราจะรู้รึว่า
ชนิตาไปไหน ไปทำอะไร เจออะไรบ้างระหว่างนี้”
“แต่มันก็ไม่ได้เป็นผลดีเลย ฉันกำลังพยายามทำความเข้าใจกับการ
รอเวลา…รอคอยว่าเธอจะกลับมาเอง”
554/913

“แล้วผมอยากให้มั่นใจแบบนั้น”
“ทำไมคะ”
หล่อนมองหน้าเขาด้วยความพิศวง
“เงียบเฉยบางครั้งดีกว่ากระโดดโลดเต้นไป ผมทำเพื่อชนิตานะ”
พิมพิกาหรือจะตามทันเขา…ในเมื่อวิษณุกำลังเล่นบทบาทของคน
ซื่อ…เขาสามารถทำให้หล่อนเชื่อสนิทว่าเขามีความห่วงใยต่อชนิตาอย่าง
แท้จริง
ทั้งที่เขาเป็นคนทำร้ายชนิตา…เป็นคนพาชนิตาไปกักขัง…เขารู้อยู่แก่ใจ
ว่าตัวเองทำอะไรลงไป…และเขาก็เหี้ยมเกรียมเลือดเย็นอย่างยิ่ง
เรียกเขาได้เต็มปากว่าเป็นไอ้ตัวร้ายคนหนึ่ง…
แต่เมื่อพิมพิกาไม่รู้ความจริง…หญิงสาวมองเขาในแง่ดี…และวิษณุเอง
ก็แคลงใจว่าเวลาที่พิมพิกาอยู่หัวหินนั้นเกิดอะไรบ้างระหว่างหล่อนกับศศิน
แต่เขาจะสนใจไปไย…
พรหมจารีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก
แต่รสชาติของชัยชนะน่าจะหอมหวานกว่าและสะใจมากกว่าวิษณุ
เขม่นหน้าศศินขึ้นมาโดยปราศจากเหตุผลและอยากจะเอาชนะ
เขาถามถึงศศินเพียงเล็กน้อย หญิงสาวก็ตัดบทฉับพลัน
“อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ”
555/913

วิษณุเลิกคิ้วอย่างฉงน
“ทำไมฮะ”
และพิมพิกาก็ยักไหล่แทนคำตอบ…หล่อนจะไม่พูดถึงศศิน…ลองดู
สักพักหนึ่ง…เพราะหล่อนเองก็สับสนว่าจะเป็นอย่างไร
“ไปทานข้าวกับผมไหม”
“อยากไปนะคะ แต่กำลังห่วงตา…คงจะกินอะไรไม่อร่อยจะพลอยทำ
ให้คุณไม่สนุกไปด้วย ไว้โอกาสหลังเถิดนะคะ”
“ผมจะรอโอกาสนั้น”
และท่าทีของพิมพิกาก็ให้ความหวังเขาอีกด้วย
หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบจึงคิดว่า
…แล้วจะไปไหนพ้น ต้องได้ซิน่า…ต้องได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้
เป็นอันขาด…
พิมพิกาขับรถเอง หล่อนปฏิเสธการไปส่งของเขา และวิษณุแยกตัว
ไปทางหนึ่ง เขาตรงดิ่งไปยังบ้านที่เขาขังเอาชนิตาไว้
น่าจะเป็นเวลาของการพบเจอหล่อน…หลังจากการเจอพิมพิกาทำให้
เขาพลุ่งพล่าน เกิดมีอารมณ์ทางเพศขึ้นมา เขาคิดอย่างคนเห็นแก่ตัวว่า
ในเมื่อเขามีชนิตาเป็นเหมือนของตายอยูแ่ ล้ว เรื่องที่เขาดิ้นรนจะไป
หาเศษหาเลยจากหญิงบริการนั้นตัดไปได้…เพราะตรงนั้นเขาเสี่ยง…มีความ
556/913

เสี่ยงสูงมากเลยทีเดียว…และเขาไม่จำเป็นจะต้องเสี่ยง พวกหนุ่มไฮโซฯ
เช่นเดียวกับเขาหลายคนร่วงผล็อยๆ เหมือนใบไม้ร่วงในสามปีหลังนี้…
แม้สาเหตุการตายจะระบุเอาไว้ในใบมรณบัตรว่า
…หัวใจล้มเหลว…
แต่ก็รู้กันในหมู่คนในทั้งหลายว่าเป็นการตายเพราะความ
สำส่อน…ตายเพราะเอดส์…ตายเพราะความไม่บันยะบันยัง ไม่เชื่อใน
คำเตือน หาความสนุกสนานทางเพศ
ตามสถานเริงรมย์แม้จะเป็นระดับหรู…แม้จะเป็นสาวเอสคอร์ตราคา
แพง แต่เอาอะไรมาเป็นหลักประกันว่าปลอดโรค
เขารู้เห็นตรงนี้ และเขาไม่ยอมเสี่ยง…
แต่เขามั่นใจว่าชนิตาไม่เป็นเอดส์แน่นอน
ก็หล่อนไม่เคยสำส่อนมาก่อนหน้า…
หล่อนไม่เคยแม้แต่จะเสียตัว
เหลือเชื่อมากในความคิดของเขา…คุณหญิงเพลินไม่รู้เลยว่าลูกชาย
ของเธอที่เปลือกนอกหลายสิ่งหลายอย่างของเขาส่อความเป็นสุภาพบุรุษทุก
กระเบียดนิ้วนั้น…จริงๆ แล้วเขามีลักษณะที่หยามหยันต่อเพศหญิง…
557/913

เขาอาจจะไม่แสดงออก แต่เขาตั้งสมมุติฐานในการมองผู้หญิงสาว
ของสังคมเมืองว่าพวกหล่อนล้วนแล้วแต่เคยมีประสบการณ์ทางเพศกันมา
บ้าง…มากน้อยแตกต่างกันออกไป
การไม่เคยของชนิตา…ทำให้หล่อนเหมือนตัวประหลาดในสายตาของ
เขาเสียเหลือเกิน
และเขาก็มาถึงบ้านทีป่ ิดไฟมืด…เงียบเชียบ แวะซื้ออาหารจาก
ซูเปอร์มาร์เกตมาด้วย
เขาคิดว่าหล่อนน่าจะหิวโหย…
และการมาเจอหล่อน เท่ากับการจุดประกายไฟของชีวิตให้
สนุกสนาน…เหมือนเพิ่มพลังให้เขามากกว่าเดิม
และตรงนี้วิษณุไม่ได้ฉุกคิดเลยสักนิดว่าเขาเหมือนคนเป็นโรคจิต
อย่างหนัก
แต่ก็เป็นธรรมดา…คนป่วยโรคจิตทุกคนไม่เคยตระหนักถึงความ
ป่วยไข้ของตัวเอง
ไม่เคยเลย…
ดังนั้นจึงน่ากลัวมากหากคนป่วยทางจิตจะอยู่ร่วมกับคนปกติ
ธรรมดาในสังคม…โดยไม่แพร่งพรายแสดงตัวเองออกมา…ยกเว้นแต่ใคร
จะพบเจอด้านชั่วร้ายที่แอบซ่อนอยู่เท่านั้น
เหมือนอย่างเช่นที่ชนิตาได้เจอ
558/913

///////////////////////////////////////////////////////////////////////

“เธอจะไม่บอกพี่รึว่าเกิดอะไรกับเธอ”
คำถามนั่นเหมือนจะคาดคั้นและมากไปด้วยความอ่อนใจพรรณราย
พอจะอ่านออกว่าน้องสาวกำลังทำท่าเป็นนางโจรหัวแข็ง…นี่คือนิสัย
อย่างหนึ่งของพิมพิกาหลายหนที่หมั่นไส้จนอยากจะซัดและเมื่อพรรณราย
ประมวลเหตุการณ์เอาเอง หล่อนก็วิตกจริต…แม้อีกใจจะแทรกว่าพิมพิกา
โตแล้ว…หล่อนก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้…น้องสาวของหล่อนเป็นคน
เจ้าอารมณ์…ไว…วูบวาบ…ตัดสินเรื่องราวต่างๆ ด้วยความฉับไว และนั่น
คือโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำ
มันอาจจะไม่แปลก หากหญิงสาวคนหนึ่งของสังคมกรุงเทพมหานคร
จะหายไปกับผู้ชาย
และแม้เจ้าหล่อนจะไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็เรียกว่าน่าจะเดาได้
และการเดานั้นไม่น่าจะผิด
พิมพิกาพยายามทำตาใสๆ ทำหน้าซื่อๆ
“ถ้าเธออายุสิบขวบจะตีตาย…ไปทำอะไรหายไปไม่ยอมบอก”
“เพราะจันทร์โตแล้วไงคะ”
559/913

“เธอก็เลยเอาแต่ใจตัว”
“เปล่าค่ะ แต่เพราะจันทร์ถือว่าไม่ได้ทำอะไรที่ผิด”
“เธอแน่ใจ?”
“ค่ะ”
“พี่คิดว่า…”
“พี่พรรณ…จันทร์รู้นะว่าพี่พรรณคิดอะไรในใจ…ทำไมไม่ตั้งคำถาม
ออกมาตรงๆ ”
“เพราะเราโตๆ กันแล้ว พี่ให้เกียรติเธอจะพูดออกมาก่อน”
“แต่บางที…การพูด…การเล่าเรื่องไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนนี่คะ”
“และเธอมั่นใจว่าเธอจะตอบคำถามตรงไปตรงมาของพี่”
“ค่ะ”
“โดยไม่โกหก”
“ค่ะ”
“เอาละ…เธอหายไป…ไม่กลับบ้าน…สามวันสามคืน”
“โอ้โฮ…จันทร์ยังลืมนับว่าจันทร์หายไปกี่วัน”
หล่อนทำเสียงล้อๆ ทำท่าทางขันๆ แต่พรรณรายไม่ยอมมีอารมณ์
ร่วมไปกับหล่อนด้วย
560/913

“ค่ะ สามวันสามคืน ถามต่อซิคะ”


“เธอไปอยู่ที่ไหน”
“หัวหินค่ะ”
“ตรงไหนของหัวหิน”
“บ้านพักตากอากาศของเขา…”
“บอกชื่อด้วย”
“ก็แหม…รู้แล้ว”
“เธอสมัครใจให้พี่ถาม…แล้วเธอบอกว่าจะตอบหมดไง…ตอบมา”
พิมพิกาคิดในใจว่าพี่สาวกำลังทำหน้าที่ประดุจครูซักไซ้ไล่เลียง และ
แน่ละ…หากพรรณรายไม่กระจ่างแจ้ง หล่อนคงไม่ยอมเลิกราแน่นอน
“ของคุณศศินค่ะ เขาชวนจันทร์ไปดูคอนโดฯ เขาอยากยกให้จันทร์
แล้วเขาชวนจันทร์ค้าง จันทร์ก็ค้าง”
“แล้วไง”
“ต้องเซนเซอร์มังคะ เพราะเล่าแล้วหวาดเสียว โธ่…พี่พรรณ…ทำ
ตาค้างไปได้…ไม่ค่ะ…ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรจันทร์เมา…จะลุย
ทะเลตาย เขาห้าม…แล้วเขาก็ปลอบโยน…มันเลยเกิดเอ๊กซิเดนท์นิดหน่อย”
“เธอกับเขา?”
“ค่ะ…เกิดแล้ว…จบแล้ว”
561/913

“โอ…มันง่ายขนาดนั้นรึ”
“เขาก็จะแสดงความรับผิดชอบต่อจันทร์นะคะ แต่จันทร์ไม่ต้องการ
ตอนแรกก็จะเล่นด้วยเหมือนกันแหละ เพราะจะได้ไปตามข่มเหงนาย
มณฑลให้สนุก แต่จะมีประโยชน์อะไรคะ จันทร์ว่าที่จันทร์เสียตัวไป
น่ะ…จันทร์ยังเบลอๆ จันทร์ไม่ได้อยูบ่ นพื้นฐานความจริงหนักแน่นอะไร
จันทร์ก็เลยมาจากหัวหิน…มาจากเขา…เท่านั้นเอง”
พี่สาวทำตาปริบๆ ผ่อนลมหายใจออกมา ตรงนี้…นี่ละนิสัยกวนๆ
ของพิมพิกา ความคิดความอ่านที่ชอบแหกออกนอกเส้นทางปกติ…
และหล่อนก็ไม่รู้จะบังคับให้คืนกลับสู่เส้นทางปกติได้อย่างไรกัน
ด้วย…
นอกจากจะหวั่นใจเป็นอันมาก
“จันทร์…พี่ขอเตือนเธอด้วยความหวังดี…เธอไม่ใช่คนที่จะผ่านอะไร
แบบนั้นโดยไม่หยุดคิด…ไม่เสียใจ…และหากเขาอยากจะรับผิดชอบ…ทำไม
ก้าวผ่านมา”
“เพราะจันทร์ไม่ได้รักเขา และเขาก็ไม่รักจันทร์ด้วยมังคะจันทร์อาจ
จะขอเวลา…ขอดูไปก่อน…ดูความจริงใจ คนเรา…มันไม่ง่าย…แค่พลั้งพลาด
เสียตัวจะให้ตกลงปลงใจด้วย…แหม…จันทร์ว่ามันออกจะง่ายไปนะคะ”
46

ศศินเข้ามากรุงเทพฯแล้ว เขาทำเหมือนไม่มีอะไรผิดประหลาด
ท่ามกลางความฉงนของคนรอบตัวเขาทุกคน…ไล่มาตั้งแต่คุณผ่องพรรณ
ท่าทีปกติของลูกชายน่าจะทำให้เธอเบาใจลงได้ แต่เปล่าเลย…มันไม่ได้เป็น
ไปแบบนั้น เธอกลับหนักในใจขึ้นมาอีก เพราะรู้นิสัยกันดีอยู่ ปกติศศิน
เป็นคนร่าเริง และยามที่เขาไม่ได้ดังใจ อย่างน้อยเขาจะออกอาการมาบ้าง
ไม่ใช่การสงบแบบนี้
สงบอย่างนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการเตือนบอกภัยล่วงหน้าด้วยซ้ำไป
เพราะข้างในลึกๆ ลงไปในใจของเขานั้นอาจจะเปรียบได้กับของเหลวอัน
ร้อนประดุจไฟที่อยู่ในภูเขาไฟ
เธอไม่สบายใจนัก…เธอกังวลแต่ไม่กระโตกกระตากออกมา
ตอนแรกเธอขวาง…เธอไม่ต้องการพิมพิกามาเป็นสะใภ้
แต่กลับเป็นว่าพิมพิกาเองก็ไม่ปรารถนาเหมือนกัน
ตอนนี้เธอมองพิมพิกาแบบขวางๆ หมั่นไส้…เจ้าหล่อนเล่นตัวมากจน
เกินงาม…
563/913

หากเป็นลูกหรือหลานสาวของเธอเอง…เสียตัวแล้วยังลอยหน้าระรื่น
อยู่อีก เธอจะซัดให้หมอบและหลาบจำจนได้
แต่เพราะพิมพิกาเป็นคนอื่น เธอไม่มีเรี่ยวแรงพอจะไปจัดการตรงนั้น
ได้ เธอเลยจำยอมกล้ำกลืน…จับตามองศศิน…โทร.ไปบอกกับเปรมให้เขา
ดูแลนายของเขาเป็นพิเศษ ตอนนีเ้ ปรมเป็นเลขาฯส่วนตัว เป็น
หน้าห้อง…เป็นด่านสำคัญสุดท้ายที่ออฟฟิศและมีความหมายมาก เธอ
บอกกล่าวต่อเปรมแบบกำชับกำชา
…เขาจะไปไหน มีนัดหมายอะไร ต้องนำมาบอกกล่าวกับฉัน แล้ว
คอยดูว่าเขามีนัดหมายกับยายพิมพิกาบ้างไหม…
เธอไม่รู้ว่าตรงนั้นเธอได้ทำดีที่สุดหรือไม่
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
อีกคนทีจ่ ับตามองศศินอยู่คือบุษยา เขาเปลี่ยนไป…เขาเจอหน้า
หล่อนในท่าทางเนือยๆ ไม่ยินดีไม่ถามไถ่ ทั้งที่อีกไม่ถึงเจ็ดวัน…หล่อนจะ
แต่งงานอยู่แล้ว
เขาสามารถเดินผ่านหล่อนไปโดยเหมือนหล่อนเป็นความว่างเปล่า
เขาไม่เคยกระทำแบบนี้ต่อหล่อนมาก่อนเลย นั่นทำให้หล่อนแทบจะทนรับ
ไม่ไหว
และหล่อนเป็นฝ่ายร้อนใจ หล่อนคิดเอาเองตามประสาผู้หญิงว่าเขา
คงจะโดนดีมาจากพิมพิกา
564/913

บุษยาเกลียดผู้หญิงคนนั้นมาก…
พิมพิกาทำท่ามีอิทธิพลมากเหนือผู้ชาย และพิมพิกามี ‘ดี’ ในตัวอีก
หลายอย่าง…ที่บุษยาคิดถึงคราวไรแล้วใจทั้งดวงของหล่อนร้อนผ่าว
หล่อนเกลียดพิมพิกา…ริษยา…และระแวงว่าพิมพิกาจะเป็นคนที่ทำ
ให้หล่อนสูญเสีย เมื่อหล่อนปกป้องมณฑลเอาไว้ได้ ความยินดีเป็นของ
หล่อน…แต่หล่อนก็ไม่รู้ว่าแล้วหล่อนจะเก็บศศินเอาไว้เป็นพี่ชายแสนดีของ
หล่อนได้ด้วยหรือไม่
หล่อนเป็นฝ่ายเดินตามตอแยเขา
“คุณศิน…ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
หล่อนตามเข้ามาในห้องของเขา เห็นสีหน้ากระด้างของเขาแวบแรก
ก่อนจะผ่อนคลายออก หล่อนก็ตระหนักว่าเขาไม่พอใจเท่าใด…
“มีอะไรรึนุ่น…ออกไปรอพี่ข้างนอกจะดีกว่า”
เพราะเขาค่อนข้างถือ มันเป็นเสมือนกฎเกณฑ์ที่เขาได้ตั้งขึ้นมา ไม่
อนุญาตให้ญาติสาวคนไหนล่วงล้ำเข้ามาในห้องส่วนตัวของเขา เพราะศศิน
ตระหนักว่ามันออกจะไม่งาม บุษยายอมทำใจกล้าฝ่าฝืนไม่ได้ตอบคำถาม
ของเขา และไม่ได้ทำท่าจะออกไปรอข้างนอกแต่อย่างใดทั้งสิ้น หล่อนก้าว
เข้ามา ปิดประตูตามหลังตัวเองเสียอีกด้วย
565/913

ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย จริงอยู่เขาเอ็นดูต่อบุษยา มีความรู้สึกดีๆ


กับหล่อนมากโขเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องยกเว้นจะให้หล่อนกระทำการ
ฝ่าฝืนกฎที่เขาตั้งเอาไว้ได้
สีหน้าของเขาเคร่ง น้ำเสียงเอ่ยทุ้มต่ำลงกว่าระดับเสียงปกติของ
ตัวเอง
“เธอฟังพี่ไม่เข้าใจหรือ”
“โกรธนุ่นทำไมคะ”
หญิงสาวอ่อนวัยกว่ามาเกาะแขนเขาไว้ เป็นการจู่โจมประชิดตัว
ทีเดียว เขาทำท่าเหมือนคาดไม่ถึงในตอนแรกก่อนจะผ่อนคลายลง มือของ
เขาปลดมือของหล่อนออกไป
“นุ่น…พี่ขอให้เธอออกไปรอข้างนอก เราไม่ควรจะคุยกันในนี้…”
“แต่เราบริสุทธิ์ใจ”
“พี่รู้ แต่พี่ไม่ชอบ”
“กลัวอะไรคะ” หล่อนถามเสียงแผ่ว
ความกล้าหาญเยี่ยงนี้ หล่อนเรียนรู้นำมาจากการคบหากับมณฑล
นั่นเอง หล่อนรู้จักชีวิตด้านมืดดำดีอีกมาก ด้านที่มตี ัณหาราคะเป็นตัว
กระตุ้นนั่นเอง หล่อนเรียนรู้จากตรงนั้น หล่อนกล้าจะถามเขาโดยไม่
หวั่นเกรงว่าเขาจะโกรธอีกหรือไม่ ปากหล่อนก็ร้องถามเขาไปอย่างนั้นเองว่า
เขาคิดอย่างไร…รู้สึกอย่างไร
566/913

แต่หล่อนก็ทำ…ราวกับจะลองดี ความลำพองใจประการหนึ่งก็คือ
เพราะว่าหล่อนเป็นที่รักของเขา…ศศินรักหล่อน…หากไม่คิดในความเป็น
ญาติ…ในการเป็นลูกพี่ลูกน้องไล่ตามกันมา…เขาจะต้องเป็นเจ้าของ
หล่อน…และหล่อนเองหากไม่ติดใจมณฑลแบบหนึบหนับเข้าเสียก่อน
ศศินก็จะเป็นตัวเลือกเดียวที่น่าลิ้มลองอยู่เหมือนกัน
“หรือกลัวใจตัวเอง…คุณศิน…พยายามตีตัวออกจากนุ่น…นับจากนุ่น
ประกาศแต่งงานแน่นอน จริงไหมคะ”
จริงไหม…เขาทวนคำถามของหล่อนอยู่ในใจตัวเอง
ไม่จริง…สำหรับเวลานี้…แต่ก่อนหน้านี้อาจจะจริง
มันอาจจะเป็นไปได้ว่าจริง
แต่เขาปิดฉากลงไปแล้ว…
ก่อนหน้านีศ้ ศินไม่เคยหงุดหงิดกับหล่อนเลย แต่ตอนนี้มันไม่เป็น
แบบนั้นอีกแล้ว คำถามของหล่อนประทุใส่ในอารมณ์ของเขา ทำให้เขาเกิด
ความหงุดหงิดเป็นอันมาก หล่อนทำให้เขาคิดว่าหล่อนคือตัวอันตราย
เขาปัดมือหล่อนออกไปจนพ้น เดินออกจากห้องมาเอง
บุษยาเดินตามออกมา ผิดหวังกับท่าทีเย็นชาของเขา
…อีนังพิมพิกาคนเดียวทำให้เขาเปลี่ยน เพราะอีนังนั่น…มันมีดี
อะไร…
567/913

เขารอหล่อนที่ห้องโถง มองหน้าหล่อนด้วยแววตาชวนสะท้าน เป็น


แววตาเย็นเยือก และเขาก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงเข้มๆ
“นุ่น…หยุดคิดแบบนั้นซะที”
“คุณศินโกรธ…เพราะนุ่นเผลอพูดความจริงเข้าแบบนั้น…ใช่ไหมคะ”
“เปล่า”
“แล้วเพราะอะไรคะ”
“เธอควรจะทำตัวให้เหมาะสม เธอจะแต่งงานแล้ว”
“นุ่นรู้ว่านุ่นกำลังจะทำอะไร”
“แล้วเธอไม่ควรจะมาก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวของพี่”
“คุณศิน…”
บุษยาร้อง มีน้ำตาคลอๆ ในหน่วยตา บอกถึงความน้อยใจอันมาก
ล้นเลยทีเดียว เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ หล่อนจะโทษใคร…นอกจากโทษ
ผู้หญิงคนนั้น…พิมพิกา…เขาคงตกหลุมเสน่ห์ของหล่อนเข้าให้
ศศินแปรเปลี่ยนไปเหมือนเขาตีจากไปเป็นอื่น หล่อนไม่อาจจะทนรับสภาพ
แบบนี้ได้ มันออกจะเกินไปสำหรับตัวหล่อนเอง
“เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเดิมกับนุ่นอีกแล้วหรือคะ ทำห่างเหิน…เหมือน
ตำหนินุ่น เพราะเธอใช่ไหม…ผู้หญิงคนนั้นเข้าที่ไหนก็บรรลัยกันที่นั่น”
สีหน้าเขาเคร่งจัดมากกว่าเดิม
568/913

“อย่าพูดถึงคุณจันทร์แบบนั้น”
“คุณศิน…” หล่อนอุทาน “ขนาดนี้จริงๆ ด้วย”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้องเธอ”
“ทำไมคะ”
“เพราะคนละทางกัน”
“คุณศินจะปกป้องเธอ?”
“แน่นอน”
“เพื่ออะไร…ความรักหรือคะ…คุณศินคิดว่ารักเธอเข้าแล้วหรือคะ
แน่ใจแล้วหรือคะว่าเป็นความรัก” บุษยาถามแกมเยาะ “คุณศินแยกแยะ
มันได้แล้วหรือคะ ระหว่างสิ่งทีเ่ รียกว่าเป็นความแค้นใจ คุณศินเพียงแต่
ทำเพื่อน้อง…ดึงเธอไปจากชีวิตของน้อง…บอกนุ่นซิคะว่าที่นุ่นพูดออกมามัน
ผิด…คุณศินกล้าจะตอบนุ่นไหม”
แน่นอนว่าเขานิ่งอึ้งไปเหมือนกัน เพราะคำพูดของบุษยาแทงเข้าใจดำ
ของเขาพอดี
“จะโกหกตัวเองหรือเปล่าเท่านั้นล่ะค่ะ หากไม่โกหกก็พูดออก
มา…บอกมา”
“นุ่น…”
เขาเรียกชื่อหล่อนกังวานเสียงเข้ม แม้เสียงจะไม่ดังก็ตาม
569/913

“ต่อไปนี้เลิกมาใส่ใจกับพี่…ไม่ต้องพูดกันเรื่องนี้อีก”
“เพราะผู้หญิงคนนั้น…เธอทำร้ายคุณศิน แถมคุณศินยังไม่รู้ตัวอีก
ด้วย คุณศินยอมเอาชีวิตตัวเองลงมาเล่น…จนจะวอดวายคุณป้าเองก็
ร้อนใจ เราทุกคนร้อนใจกันไปหมด แล้วคุณมณฑลก็เตือนแล้วว่าเธอไม่
ธรรมดา”
ชื่อของมณฑลเหมือนจุดโทสะจากใจเขา เขาหรี่ตา…มองหน้าบุษยา
“นุ่น…ผัวของเธอใช่ไหมที่ให้ร้ายคุณจันทร์กับแม่พี่”
บุษยาผงะออกไป ศศินไม่เคยหยาบคายกับหล่อนถึงเพียงนีม้ าก่อน
เลย…ไม่เคยเลยจริงๆ มันช่างเลวร้ายเกินจะทน เขาใช้ถ้อยคำชัดเจนแบบ
ไม่เคยแปลความกันอีกแล้ว
‘ผัวของเธอ’ วลีนั้นทำให้ความเปราะบางของหล่อนยิ่งง่อนแง่น
เพราะปกติบุษยาเองก็ไม่ได้เป็นคนหยาบกร้านอะไรเลย
“คุณศิน…พูดกับนุ่นเพียงนี้ทีเดียวหรือคะ นี่น้องนะคะ…น้อง
นุ่น…น้องน้อยของคุณศินที่เคยเป็นที่รักที่เมตตาเสมอ”
น้ำตาของหล่อนไม่ใช่น้ำตาที่บีบเค้นมาจากการเสแสร้ง แต่มันถูกขับ
ออกมาเพราะความสะเทือนใจอย่างมาก
หล่อนปวดร้าวมาก…
570/913

“หรือจะไม่จริง” เขาถามเสียงกระด้าง “พวกเธอยื่นมือเข้ามาแส่ใน


เรื่องของพี่ ให้ร้ายคุณจันทร์…ทำไมล่ะ…คุณจันทร์เธอทำร้ายอะไรพวกเธอ
อีก เมื่อเธอแพ้…เธอก็ยอมแล้ว”
“คุณศิน…” บุษยาร้องคราง “กระไรเลยเป็นไปได้ ไปต้องเสน่ห์เธอ
มาสาหัสนัก”
“อย่าพูดเหลวไหลแบบนั้น นุ่น”
น้ำเสียงของเขาเฉียบขาดเป็นอันมาก
“ไม่มีเสน่ห์เล่ห์กลอะไรนอกเสียจากความเป็นจริงเท่านั้น”
“แต่สำหรับนุ่นมันเหลือจะพอ…คุณศินเปลี่ยนไป และคนโดนเสน่ห์
มักจะไม่รู้ตัวแบบนี้ล่ะค่ะ คุณศินจะเสียใจภายหลัง”
“นั่นเป็นเรื่องที่พรี่ ับผิดชอบเองได้ แต่ขอให้เธอไปบอกคนของเธอว่า
อย่าตุกติก อย่าพูดจาให้ร้ายกันอีก คุณจันทร์ไม่ได้ติดใจอะไรด้วยอีกแล้ว
เธออาจจะมาอาละวาดบ้าง เพราะเธอแค้นที่เธอถูกหลอก แต่เธอยังโชคดีที่
ไม่ได้เสียตัว”
“คุณศินแน่ใจหรือคะ”
“ผู้ชายต่ำๆ คนนั้นไม่ได้แอ้มผู้หญิงแบบคุณจันทร์”
แววตาของเขามองหล่อนผิดแผกไป บุษยากำมือแน่นหากันด้วย
ความโกรธ หล่อนไม่ได้มองว่าเพราะตัวเอง ‘แส่’ เข้ามาตรงนี้เองจนทำให้
571/913

เขายอกย้อนเอาคืนจนน่าอับอายเพียงนี้ หล่อนโกรธเขา โกรธเลยไปถึง


พิมพิกาอีกด้วย และหล่อนก็จะขอเอาคืน
เสียงศศินยังดังมาเข้าหู
“เธอถูกหลอกกระทั่งเงิน…แล้วเธอได้คืน พีค่ ิดว่าเธอไม่ได้ติดใจ
อะไรกันอีก พี่เองก็เผลอทำพลาดไปบ้าง เพราะอยากจะช่วยเธอ แต่เรื่อง
ทั้งหมดของพี่กับคุณจันทร์…พี่ขอให้เป็นเรื่องของคนสองคนที่เธอไม่น่าจะ
มาเกี่ยวข้องด้วยอีก นุ่น…จำเอาไว้แล้วกัน”
เขาเดินกลับไปที่ห้องของเขาตามเดิม ทิ้งบุษยาเอาไว้กับน้ำตาทีพ่ ร่าง
พรูออกมารวมกับความคิดอาฆาตมาดร้ายจะเอาคืนจากพิมพิกาให้จงได้
“อย่าหวังเลยคุณศิน ว่าจะได้ลงเอยกับหล่อน นุ่นจะทำให้ป่วน
ตอนนีก้ ็ทำท่าจะแตกแยกพอแล้ว นุ่นสาบานจะทำ…จะทำมัน…อย่าได้
สุขสมหวังอะไรกันเลย…อยากทำให้นุ่นเจ็บ…นุ่นแค้นใจดีนัก…คอยดูไป
แล้วกัน”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เปรมจึงตามเขาติดแจ กุลีกุจอมากไป…ดีเกินไป
“เปรม…อยากได้เงินเดือนขึ้นมากๆ ตั้งแต่ทำงานปีแรกหรือไง…”
เขาสัพยอกถาม นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ป่ายขายกพาดสูง ไม่
มีแก่ใจจะทำงานนอกจากหาเรื่องแก้เซ็ง อย่างเช่นเกมที่เพิ่งเล่นผ่านไป
หยกๆ เกมปาลูกดอกใส่เป้าทีแ่ ปะติดกับผนัง…และก็เซ็ง…นั่งมองเปรมเข้า
572/913

มาจัดของในห้องของเขาง่วน เขารู้ว่าเปรมกำลังสังเกตสังกาเขา หากให้เขา


เดาต่อไกลไปกว่านั้นก็คือนี่เป็นการจัดการของแม่เขา
“เปล่าฮะ ผมทำงาน”
“แต่มันมากไป”
“หรือฮะ ผมไม่ยังรู้สึก…ผมก็ทำงานปกติ”
“ตอนอยู่กับคุณวิษก็ทำงานหัวปั่นอย่างนี้หรือ”
“ยิ่งกว่าฮะ”
“อะไรนะ”
“ผมบอกว่ายิ่งกว่า ขออนุญาตนินทาเจ้านายเก่านะฮะ”
เปรมกล่าวเสียงอ่อน เขาไม่ใช่คนที่อยากจะเอาความจากที่อื่นมาขาน
ไข และเขาถือว่าวิษณุก็เคย ‘ดี’ กับเขามาไม่น้อย…แม้จะมากไปด้วยความ
เจ้าอารมณ์เอาแต่ใจตัวเอง จนสุดท้ายก็เหลือทน ต้องออกมาจากงานตรง
นั้นก็ตามที เขาก็ยังเคารพ และมีความรู้สึกด้านดีๆ กับวิษณุไม่น้อย
“คุณวิษเป็นคนประเภทที่เรียกว่าไฮเปอร์แอคทีฟมากทีเดียวเขาไม่
เคยอยู่เฉยหรอกฮะ แล้วเราต้องคอยตื่นตัวให้ทันกับเขา”
“แต่ได้ยินว่าเขาทำงานเก่งมาก”
“ฮะ แต่เจ้าอารมณ์ไปนิด หากคุณวิษปรับปรุงตรงนั้นได้ก็ยอดเยี่ยม
เลยฮะ”
573/913

“มาอยู่กับฉันล่ะ พอจะบอกได้ไหมว่าฉันเป็นเจ้านายประเภทไหน”
“ยังหรอกฮะ แต่คุณเป็นคนดี”
“ฉันเพิ่งถูกผู้หญิงทิ้งมา” ศศินบอกขึ้น “เหลวไหลไหมหากเจ้านายจะ
เอาลูกน้องปรับทุกข์ด้วย”
“ผมกลับถือว่าเป็นการให้เกียรติ”
“เปรมมีแฟนไหม”
“เคยมีฮะ”
“แล้วไง”
“เลิกกันแล้วฮะ”
“ทำไม”
“ผู้หญิงคือความยุ่งยากเสมอฮะ”
เปรมตอบแล้วทำหน้าตายุ่งยาก
“พวกเธอมีอะไรทีเ่ ราเดาไม่ได้เลย บางทีเรามองว่าน่าจะออกมาเป็น
แบบนี้ แม่คุณไม่ใช่แล้วจะออกไปอีกทาง แล้วก็ต้องการความเอาใจใส่จาก
เรามากเกินไป ไม่เข้าใจว่าบางครั้งเราต้องทำงาน แล้วหลังจากนั้นเราก็
อยากพักผ่อน อยากมีเวลาเป็นของเราเอง ผู้หญิงน่ะเหมือนกันอย่างหนึ่ง
ฮะ เจ้านาย”
“อือม์…กำลังฟังเพลิน…ว่าไปเลย”
574/913

“เวลาเราไล่ล่าพวกหล่อนจะกระบิดกระบวนเล่นตัว แต่พอเราเฉยมา
แล้ว…มาตอแยทำเคล้าเคลียเหมือนแมว”
เขาหัวเราะได้ คำเปรียบเทียบของเปรมทำให้เขาอารมณ์ดขี ึ้นมาไม่
น้อย
เขานึกถึงพิมพิกา…หรือเขาจะต้องใช้วิธีนั้น
“เอาละเปรม…ทีนี้ตอบตรงๆ แบบไม่ต้องเกรงใจกัน…ระหว่าง
ฉัน…คุณจันทร์…และคุณวิษ…ใครจะเป็นส่วนผสมน่าลงตัวดีที่สุด”
เปรมทำท่าอึดอัดใจ
“ผมตอบไม่ได้หรอกฮะ”
“นายเป็นคนนอก…ลองมองแล้ววิพากษ์หน่อย”
“ผู้หญิงน่ะฮะ เดาใจเธอยาก บางทีเธออาจจะชอบคนหนึ่ง แต่ไป
ลงเอยกับอีกคน จริงๆ แล้วผมว่าหลายหนผู้หญิงทรยศตัวเอง เป็นการ
กบฏกับความรู้สึกแท้จริงของตัวเองเสมอ”
หลังคำตอบนั้น ศศินนิ่งไปทันที พร้อมกับภาวนา…ไม่อยากให้พิมพิ
กาเป็นผู้หญิงแบบนั้นเลย
47

เขามาอีกแล้ว ชนิตาได้ยินเสียงรถมา
จอดหน้าบ้านในสภาพที่หล่อนเหมือน
สัตว์ถูกกักขังเอาไว้ หมดอิสระและ
สภาพเหมือนสัตว์จริงๆ ด้วยในสภาพ
ที่ไร้เสื้อผ้าสวมใส่ติดกาย…เหลือแต่
ตัวกับผ้าห่มที่หาได้พันกายเอาไว้
ชนิตาไม่เคยตกต่ำเพียงนี้มาก่อน
ทั้งหมดเกิดเพราะคนคนเดียว การ
576/913

ขัดแย้งกันมาแต่แรกนั้น หล่อนไม่
เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะจัดการกับ
หล่อนแบบนี้…
เขาทำได้…และหล่อนทำอะไรไม่ได้นอกจากตกเป็นเบี้ยล่างหล่อน
จำยอมรับอารมณ์ใคร่รองรับให้เขา หล่อนไม่เคยรู้จักรสชาติแบบนี้มาก่อน
แต่บทเรียนจากวิษณุใช่ว่าจะทำให้หล่อนมีความสุขสม ตรงกันข้าม…หล่อน
มองเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นความเลวร้ายหนักกว่าเดิม
หล่อนสาบานว่าจะไม่ขอพบพานกับมันอีก…
แตกต่างกันไปกับพิมพิกาเพื่อนรัก เพราะแม้พิมพิกาจะปฏิเสธว่า
หล่อนไม่ได้รักศศิน แต่หล่อนไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่ได้รับจากความสัมพันธ์มัน
ไม่เลว…มันดี…มันออกรสออกชาติ…และน่าสนใจเรียนรูม้ ากโขอยู่ เพราะ
พิมพิกาได้รับความอ่อนโยน หล่อนได้รับการสั่งสอนในด้านดีๆ ให้เห็นอีก
ด้านของความสวยงามของการมีเพศสัมพันธ์ เมื่อฝ่ายชายไม่ได้ประกอบไป
ด้วยการเห็นแก่ได้เอาแต่ใจตัวเอง ตักตวงแบบตระโบมโหมใส่และรับเอา
ไปคนเดียวเต็มๆ กับความสุขทั้งหลายทั้งปวง
รถจอด…เขาเดินเข้ามาภายหลังเสียงไขกุญแจ ชนิตามั่นใจว่า
เพื่อนบ้านย่านนี้ย่อมไม่รู้เป็นอันขาดว่าในบ้านนี้มีผู้หญิงถูกขังอยู่เพราะเขา
577/913

ไม่เคยตามไฟให้เลย เขาจะตัดไฟในห้องมืดสนิท…แม้แต่ไฟในห้องน้ำก็ไม่
มีทิ้งให้ เขาเอาดวงไฟออก แต่ไม่กล้าสับสวิตช์ไฟด้วยเพราะน้ำที่ต้องผ่าน
เครื่องปั๊มอาศัยไฟเป็นหลัก ยังดีที่หล่อนมีน้ำใช้เหลือเฟือ และหล่อนมักจะ
เอาเวลาที่เขาจากไปแล้วอาบน้ำแบบแช่ลงไปทั้งตัว ขัดสีฉวีวรรณตัวเอง
หล่อนพยายามล้างเท่าที่หล่อนจะล้างออกไปได้ หล่อนขยะแขยงชิงชัง
ขมขื่น มันปะปนกันไปหมด…ชีวิตของหล่อนกลายเป็นของโสโครกไป
สิ้น…เพราะเขา…
เสียงไขกุญแจหน้าห้อง แล้วเขาก็มายืนเด่น เขามาแต่วัน…แสงจาก
ภายนอกยังปรากฏอยู่ และเขาก็หอบหิ้วอาหารมาด้วยหล่อนเหมือนสัตว์จริ
งๆ คือนอกจากจะถูกกักขังแล้วหล่อนยังถูกให้อาหารตามแต่ ‘นาย’ จะมา
“ฉันซื้อข้าวผัดปูมาฝากเธอ…เคยเห็นชอบสั่ง”
หล่อนเหยียดริมฝีปากออก เขาอุตส่าห์จดจำด้วยหรือ…เขาใส่ใจกับ
หล่อนขนาดนั้นทีเดียวหรือ…
วิษณุจ้องหน้าที่ดูซีดเซียวโทรมจัดนั้น
“เธอชอบไม่ใช่หรือ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“วิธีการตบหัวแล้วลูบหลังนีม่ ันโบราณไปหน่อยนะ ไม่จำเป็นเลยที่จะ
ต้องมาคอยเอาใจฉัน…ดูแลฉัน…ให้อาหารดีๆ เพียงเพื่อจะขุนให้มันดูดี
หน่อยแล้วค่อยๆ เชือดกิน”
เขาไม่โกรธกับสิ่งที่หล่อนพูดออกไป…
578/913

ไม่เลย…เขาได้แต่หัวเราะหึๆ
“เธอน่ะกินอร่อยเสียด้วย”
“ฉันอยากจะอ้วก”
“ทำไม”
“รังเกียจฉันแล้วมาล่วงเกินฉันซ้ำๆ ซากๆ ทำไม”
เขาวางถุงใส่กล่องข้าวลง…ก่อนจะเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าหล่อน
เอื้อมมือมาเชยคางของชนิตาให้แหงนขึ้น จนเหมือนดวงหน้าของหล่อนจะ
ตั้งชันอยู่บนคอ
“เธอรู้นวี่ ่าฉันเป็นผู้ชาย แล้วอะไรมันจะสะใจได้มากเท่ากับยามที่ฉัน
อยู่เหนือเธอ…กดเธอเอาไว้ทำให้เธอเป็นเบี้ยล่าง…ต้องยอมฉัน…ยอมตาม
ไอ้นั่น…”
เขาแสดงความหยาบคายออกมา…มันชวนขยะแขยง…ชวนให้หล่อน
อยากจะอาเจียนออกมาเสียจริงๆ
หล่อนอยากจะทำแบบนั้น…หล่อนอยากจะอาเจียน
หญิงสาวสะบัดมือของเขาออกจากปลายคางของตัวเอง
“ทุเรศนัก…พูดออกมาได้…ฉันไม่ได้ยอม…คุณก็รู้”
“เธอยอม…” เขาบอกเสียงกร้าว “เธอต้องการฉัน”
579/913

“เปล่า…ฉันถูกยัดเยียด…คุณคิดว่าฉันยอม ไม่ใช่ตามที่คุณ
เข้าใจ…เพราะฉันไม่เคยคิดยอมมันเลย”
เขาหัวเราะอีกครั้งด้วยท่าทีของคนที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะได้เปรียบ
อย่างยิ่งนั่นเอง
“เธอจะปฏิเสธก็ได้ แต่ฉันรูว้ ่าความจริงมันเป็นแบบไหน…เธอคงจะ
อายใจ…”
“ไม่เลย…ฉันไม่อาย”
“ชนิตา…ฉันไม่ได้มาทะเลาะด้วยนะ ฉันกำลังคิดว่าฉันไม่อยาก
เล่นสนุกกับเธออีกแล้ว”
“จะปล่อยฉัน?”
“ใช่”
“ทำไมล่ะ…กลัวอะไร”
“ทางบ้านเธอตามหา…เพื่อนเธอก็ตามหา…คุณจันทร์น่ะ”
“แล้วจะปล่อยฉันเพราะเอาใจยายจันทร์?”
“ฉันชอบเพื่อนเธอ…ฉันจะแต่งงานกับคุณจันทร์”
“จันทร์ไม่ได้รักคุณ” ชนิตาบอกออกมา “จันทร์ไม่มวี ันรักคนแบบ
คุณเป็นอันขาด”
580/913

“แต่ฉันจะต้องได้.เมื่อใดก็ตามที่ฉันต้องการอะไรฉันจะต้องได้…ไม่ว่า
จะด้วยวิธีใดๆ ก็ตามแต่”
เขาทำสีหน้าสีตาเด็ดเดี่ยวอย่างมาก และชนิตาสามารถอ่านเขาออก
เหมือนเขากำลังจะโดดลงไปเล่นในเกมธุรกิจ เขาถนัดนัก…เขาเป็นคนที่
เรียกว่ามีศักยภาพสูง มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ…และที่เขามีอีก
ประการหนึ่งที่สำคัญมากก็คือโอกาสและจังหวะงามๆ …เขามีอย่าง
เหลือเฟือ เมื่อไม่รู้ว่าเขามีตรงนีไ้ ด้อย่างไรก็ต้องเชื่อแบบไร้สาระว่าอาจจะ
เพราะบุญเก่าของเขาสร้างทำมาดีก็เป็นได้…
โอกาสงามๆ จึงเป็นของเขาเสมอมา
“เมียฉันจะต้องเป็นเพื่อนเธอ แต่ไม่ใช่เธอ”
“คิดหรือว่าฉันอยากเป็น…นี่ให้ทานหมา”
สิ้นคำพูดของหล่อนก็หน้าหงายสะบัดตามแรงฟาดฝ่ามือ
“เอาซิ…เอาอีก”
หล่อนสะบัดหน้ากลับมาเหมือนจะท้าทายกัน
“เอาเลย…”
“อย่าท้าน่า…จะเจ็บตัวเปล่า”
เขามาวันนี้แต่หัววัน เพราะตั้งใจจะ ‘สั่งลา’ นั่นเอง เขาคิดจะจัดการ
กับชนิตาแล้วปล่อยหล่อนกลับไปโดยมีข้อแม้
581/913

“ฉันจะให้เธอห้าแสน”
“เพื่ออะไร”
“อย่าพูดเรื่องที่เกิดขึ้น”
“คิดว่าฉันอยากจะพูดหรือ”
“ฉันกลัวเธอจะทำความยุ่งยากให้กับฉัน”
“ฉันทำแน่…แต่ไม่ใช่ด้วยการตามยุ่งกับคุณ…คนแบบคุณ”
“ขอให้แน่แล้วกัน”
“ให้ฉันกลับไป”
“ฉันขอให้เธอลาออกจากงานด้วย”
“ไม่…”
“เธอต้องลาออก”
“หากจะออก…ฉันจะออกไปเอง…อย่าบีบฉัน”
“ทำไม…เธอไม่คิดบ้างหรือว่าฉันรังเกียจจะทนเห็นเธอ”
“ฉันไม่สนใจตรงนั้น” เสียงตอบเข้มแข็ง “ฉันไม่ยอมให้คุณมาชี้นิ้ว
บงการชีวิตของฉัน อย่าทำเป็นเจ้าชีวิตนี้เป็นอันขาด…อย่า…”
ดวงตาของหล่อนวาววับ และเขาก็เหมือนจะปะทุทางอารมณ์ขึ้นสู่
ความมัวเมาจนสามารถจะ ‘ขย้ำ’ หล่อนได้ รสชาติความอิ่มเอมเต็มล้นนัก
582/913

ยิ่งหล่อนทำเฉย…ยิ่งหล่อนไม่ทำอะไรเลยนอกจากนอนนิ่งให้เขาจับหล่อน
พลิกได้ตามใจชอบ…กระแทกกระทั้นได้ดุจดังใจ วิษณุกร็ าวกับคนบ้าคลั่ง
จัดไปเท่านั้นเอง เขาไม่เห็นแววตาเลื่อนลอยของชนิตา…และไม่รู้ลงไปใน
จิตสำนึกของหล่อนอีกด้วยว่าหล่อนนั้นได้หมดสิ้นแล้ว…
หมดสิ้นที่จะนับถือตัวเอง…หมดสิ้นในความหยิ่งทระนง
หมดในการจะเชื่อมั่นในคุณค่าความเป็นคน
เหมือนจะตอกย้ำกันลงไปว่าหล่อนคือสัตว์
คือที่ระบายออกของตัณหาราคะ…ของความป่าเถื่อน…ของสัตว์เพศผู้
กลัดมัน วิษณุไม่ได้เป็นคนอีกต่อไป เมื่อเขาสามารถกระทำได้โดย
ปราศจากความรัก…มีแต่อารมณ์ใคร่…และต้องการระบายออก
เขาย่ำยีหล่อนจนยับเยินและเขาก็ไปเอาเสื้อผ้ามาโยนให้
หล่อนลุกขึ้นนั่งกอบเอาเสื้อผ้าพวกนั้นไว้ แล้วค่อยๆ พาตัวเองเข้าไป
ในห้องน้ำ เขาตามมาเอาเท้าขัดประตูห้องไว้
“ไม่ต้องล็อก…รีบๆ อาบเข้า”
หล่อนไม่มีเวลาจะแช่ตัวเอง ไม่มีเวลาจะล้างเอาน้ำเชื้อโสโครกของเขา
ออกจากกายของหล่อน
“ฉันจะไปส่งเธอ…”
583/913

หล่อนเพียงแต่ราดตัวเอง…หันด้านหลังให้กับเขาเพราะเขายืนขวาง
ประตูมองอยู่ หากเป็นตอนแรกหล่อนคงจะสะท้านอับอายแต่ตอนนี้หล่อน
ไม่เหลือยางอายติดหน้าอีกแล้ว หล่อนทื่อเหมือนคนตายด้านกับความ
อับอาย…
เขาจะเห็นจะมองทะลุไปถึงไหนก็ช่างเถิด
ช่างหัวมัน…ชนิตาบอกกับตัวเอง…ไม่เห็นจะต้องใส่ใจ
แต่ก็ยังหรอก…หล่อนจะยังไม่กรวดน้ำคว่ำขันกับเขา…ไม่
เป็นอันขาด…หล่อนจะขอจองเวร…จะขอดูวันที่เขาจะย่อยยับลงมา…น่าจะมี
วันนั้น…น่าจะมี
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ดนุอยู่กับศศินตอนที่น้องสาวโทร.เข้าเพจของเขา ท่าทางของเขา
ตื่นเต้นจนศศินมองเห็น

“มีข่าวดีอะไร”
เขาถามเมื่อเห็นมือของดนุสั่นตอนจับเครื่องเพจอ่านข้อความที่ฝากมา
“ยายตา…แกกลับมาแล้ว…โทร.มาบอกอยู่ที่ห้อง”
“ดี…”
“ผมจะต้องขอตัวแค่นี้ก่อน”
584/913

“เชิญ…”
ศศินไม่ได้เหนี่ยวรั้งเอาไว้อีก แล้วเขาก็เปลี่ยนใจกับการจะอยูต่ ่อ เขา
ขอตามไปด้วยกัน ดนุทำท่าอึดอันแบบเกรงใจอยูเ่ หมือนกัน แต่กจ็ ำต้อง
ยอม เพราะศศินอ้างว่า
“น้องสาวคุณเหมือนเพื่อนผม”
เขาให้นายสนเอารถกลับ ตอนนี้เขามีรถของบ้านคอยขับให้ เพราะรถ
ของเขาเกิดรวนเอาเรื่อง เขาจะเปลี่ยนรถที่บ้าน แต่คุณผ่องพรรณมอบนาย
สนติดมาด้วย เขารู้ทันอยู่เหมือนกันว่าเธอต้องการจะตรวจสอบเขา…ดูแล
เขา เธอไม่วางใจสภาพของเขา เธอคิดว่าเขามีปัญหา
“แล้วผมคิดว่าน่าจะโทร.บอกคุณจันทร์”
ศศินออกความเห็น เขาอาจจะเห็นแก่ตัวอยูบ่ ้างกับคำแนะนำแบบนั้น
เพราะเขาต้องการจะเจอพิมพิกา
นับจากกลับมาจากหัวหิน…เขาอาวรณ์ถึงหล่อนนักหนา…ยังไม่ได้พบ
เจอหล่อนอีกเลย
แต่ดนุไม่รู้ความข้อนี้…เขาเป็นฝ่ายโทร.เอง โดยศศินรู้ว่าหากเขาเป็น
คนโทร.บอก พิมพิกาอาจจะไม่อยากออกมาหาเพื่อน
เขากำชับไม่ให้ดนุบอกว่าเขาจะไปที่นั่น ดนุมองเขาด้วยความฉงน
“เรามีปัญหาต่อกันนิดหน่อย คิดว่าจะดีกว่าหากไม่บอกล่วงหน้าว่า
ผมจะไปที่นั่น”
585/913

“ตามใจคุณนะ”
เขาโทร.บอกพิมพิกา แล้วพิมพิกาก็ตื่นเต้นฉับพลัน
“ดีจังเลย…แต่เอ๊ะ…ทำไม่ตาไม่โทร.หาจันทร์”
“ไม่รู้ซิ”
“แล้วอยู่บ้านหรืออยู่ที่แฟลต”
“ที่แฟลต…”
“จันทร์จะออกไปเลยนะคะ”
“รถยังติดมากเลย…ไม่ต้องรีบ…จะมีอุบัติเหตุ”
“ค่ะ…ค่ะ”
พิมพิการู้สึกว่าความกดดันในอกดีขึ้นมาก หล่อนวางหูลงแล้ว
พยายามจะโทร.เข้าไปหาชนิตา แต่สายไม่ว่าง โอเปอเรเตอร์บอกว่าหล่อน
ไม่ยอมต่อสาย…หล่อนเจตนาจะตัดสายออก พิมพิกาเลยออกจากบ้านด้วย
ความร้อนรน พรรณรายออกมาเตือนว่า
“ขับรถดีๆ นะจันทร์…ใจอย่าร้อนมากนัก”
“จันทร์อดห่วงตาไม่ได้ เกิดอะไรกับตา…เกิดอะไร…ตาหายไป…กลับ
มาทำท่าพิลึกๆ แล้วจันทร์ไม่ได้เป็นเพื่อนรักที่สุดหรอกหรือคะ…ทำไมตา
ไม่ยอมโทร.มาบอก…มีอะไรเป็นความลับนักหนา…จนตาไม่อยากเจอ
จันทร์…ไม่สมกับความเป็นห่วง”
586/913

“คิดมากน่า จันทร์”
“ไม่รู้ซิคะ พี่พรรณ…อดจะคิดไม่ได้”
หล่อนขับรถออกมา…สามทุ่มในกรุงเทพมหานคร…ท้องถนนยัง
คลาคล่ำไปด้วยยวดยานมากมายนักหนา ถนนยังไม่ได้โล่ง
หล่อนขยับรถไปได้ทีละน้อย…ทีละนิด…ขยับเปลี่ยนอยู่แค่สอง
เกียร์…หนึ่งและสองเท่านั้นเอง…ไม่ได้มากไปกว่านั้นเลย
กว่าจะมาถึงแฟลตที่ชนิตาพักอยู่นั้นก็ห้าทุ่มกว่า
“บ้าชะมัด” หล่อนบ่นพึมทีเดียว
หล่อนเอารถจอดชั้นล่างแล้ววิ่งไปขึ้นลิฟต์ และหล่อนมายืนหายใจ
หอบๆ หน้าห้อง หล่อนเคาะประตูก่อน ข้างในเหมือนมีเสียงน้ำไหลเมื่อ
หล่อนแนบหูกับประตู
ชนิตาอาบน้ำกระมัง…
หล่อนลองหมุนลูกบิด แล้วก็พบว่ามันเปิดทิ้งเอาไว้เฉยๆ …มันไม่ได้
ล็อค…แล้วหล่อนก็ก้าวเข้ามา…ไม่เห็นชนิตา…หล่อนได้ยินเสียงพูด…เสียง
อาเจียน…มันดังออกมาจากห้องน้ำ
พิมพิกาก้าวเท้าไปที่นั่น…หยุดอยู่ตรงหน้าประตู
แล้วหล่อนก็มองเห็นชนิตา…และเห็นผู้ชายอีกคน
“คุณศศิน…”
587/913

พิมพิกาอุทาน เขาหันขวับเงยขึ้น ความยินดีระบายซ่านก่อนจะค่อยๆ


จางลง เพราะแววตาจ้องมองอย่างประหลาดๆ ของพิมพิกานั่นเอง แล้ว
ศศินก็เริ่มเข้าใจ จากหางตาเขามองเห็นเงาสะท้อนจากกระจก…เขากำลัง
ดูแลชนิตาในท่าทีอาทรเพราะหล่อนอาเจียน และสภาพของหล่อนก็ดซู ูบ
โทรมจนเขาไม่อาจจะวางเฉยได้ เขาถือแก้วน้ำให้หล่อนบ้วนปากแล้วอีกมือ
ประคองเอาไว้ ก็ชนิตาแทบจะทรงกายยืนไม่ไหว
พิมพิกาก้าวถอยออกมา หล่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมชนิตาไม่โทร.ไป
บอก
“คุณจันทร์”
เขาวางแก้วน้ำลง ก้าวพรวดออกมาแล้วพิมพิกาก็ถลันเข้ามาอีกหน
หล่อนเบี่ยงไหล่อย่างแรงเพื่อหลบให้พ้นจากเขา
แน่นอนว่าศศินไม่ได้ตาบอดหรือปราศจากสำนึกจนมองไม่ออกว่า
หล่อนแสดงความเดียดฉันท์ใส่เขาอย่างยิ่ง
เกิดการเข้าใจผิดแล้ว…เขาคว้าแขนหล่อน…พิมพิกาก็บอกเรียบๆ
“หากอยากจะพูดอะไร ขอแนะนำว่าไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ ได้โปรดปล่อย
ฉัน…แล้วก็ถอยไปก่อน เพื่อนฉันกำลังป่วย…ต้องการคนดูแล…และฉันก็
มาแล้ว…คุณออกไปซะ”
มือของเขารูดตกลง น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำลงอีกด้วย
588/913

“หากที่เห็นจะทำให้คุณเข้าใจไปทางไม่ดี ผมขอปฏิเสธ
ทั้งหมด…เข้าใจไหม”

-48
ศศินเดินออกไปแล้ว หลังจากประสานตากับหล่อนอยูพ่ ักใหญ่
ทีเดียว พิมพิกาถอนใจเบาๆ กับตัวเอง บอกไม่ถูกว่าผิดหวังหรือไม่…
หล่อนอาจจะคิดมากเกินไป…เพราะเคยคิดว่าเขา…
ไม่หรอกน่า…ไม่…
หล่อนปฏิเสธเรื่องอื่นก่อน สภาพของชนิตาที่กำลังต้องการการ
เหลียวแลเอื้ออาทรของหล่อนนั่นเอง หล่อนคิดว่าจะต้องดูแลชนิตาก่อนอื่น
“ตา…เป็นไง”
หน้านั้นซีด…สภาพอิดโรย
“เป็นห่วงเธอนัก หายไปไหนมา”
“ฉันไม่อยากจะนึกถึง”
“ทำไม”
589/913

ไม่มีเสียงตอบ ชนิตายังอาเจียน…หล่อนไม่มอี ะไรจะผ่านคออันขม


ออกมานอกจากน้ำเหนียวๆ และน้ำตาของหล่อนก็พรูพร่างเต็ม
หน้า…ท่าทางเหนื่อยอ่อนจนหอบ
“ตาไปหาหมอไหม”
“ไม่…” หล่อนปฏิเสธ “ฉันไม่ไป…พาฉันออกไปข้างนอก…อยากจะ
นอน”
หล่อนประคองพาเพื่อนออกมาเห็นศศินนั่งอยู่…ความรู้สึกของพิมพิ
กาไม่ดนี ัก หล่อนไม่อยากมองหน้าเขาอีกเลย…ทำไมเขามาอยูท่ ี่นี่…เขามา
ทำไม…หรือว่า…หล่อนพยายามสลัดความคิดตัวเองออกไป ไม่อยากให้
ค้างคาอยู่เลย
ชนิตาทอดกายลงนอน หล่อนชักเอาผ้าแพรมาห่มคลุมตัวพิมพิกา
นั่งลงใกล้ๆ กันนั้น จับมือเย็นเฉียบของเพื่อนมากุม
“เธอไม่สบาย…”
“แล้วจะดีเอง”
น้ำตายังไหล หล่อนเอามือป้ายออก
“แล้วอย่าถามนะจันทร์…ได้โปรดอย่าถามฉัน”
“จนกว่าเธออยากจะพูดดีไหม”
590/913

“คงไม่มอี ะไรต้องพูดอีกแล้ว ฉันจะไม่พูดถึงมัน…เหมือนว่าไม่เคยมี


มันเกิดขึ้นในชีวิตฉันเลย”
ฟังแล้วใจหายนัก…แล้วพิมพิกาคิดว่าน่าจะเป็นความเลวร้ายที่รุนแรง
หล่อนอยากร้องไห้…พิมพิกาคิด แต่มันล้ำหน้าออกมาเกินกว่าที่คิด
เป็นอันมาก เพราะน้ำตาของหล่อนชิงไหลออกมาเสียก่อน แล้วหล่อนเสีย
น้ำตา…หล่อนปาดมันออกเช่นกัน
ส่วนศศินเขาได้แต่อัดบุหรี่…เขาเลิกสูบนานแล้วแต่ยังมีบุหรี่พกติดตัว
เสมอ และยามนี้เขาเครียด ก็ท่าทางของพิมพิกาต่อเขานั่นแหละ…หาใช่เหตุ
อื่น
หล่อนทำให้เขาดีใจตอนเห็นหล่อนปรากฏตัว แล้วก็พลันอ่อนเนือย
ลง…
เพราะหล่อนทำท่าเข้าใจผิด
ตอนหล่อนเข้ามา…ดนุก็ไม่ได้อยู่ด้วย ดนุออกไปซื้อยาและอาหาร
ดนุทิ้งเขาเอาไว้เพราะมองว่าหากใช้ศศินออกไปจะรบกวนกันเกินไป และ
ตัวเขาเองก็อยากจะรอเจอหน้าพิมพิกาด้วย เขาหวังมากไปที่จะเห็นความ
ตื่นเต้นของหล่อน
มันไม่ใช่…มันต่างกันออกไป
เขาได้แต่ถอนใจตอนอัดบุหรี่ และพิมพิกาก็เบือนหน้ามา
“ไปสูบข้างนอกได้ไหม” เสียงหล่อนกระด้าง “ตาจะหายใจไม่ออก”
591/913

เขาไม่พูดอะไรสักคำนอกจากลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ …ชนิตายก
ศีรษะขึ้นมามองตามเขา แววตาของชนิตาเท่าที่พิมพิกาเห็นเป็นกังวล
“โธ่…จันทร์ไล่เขาทำไม”
“ฉันทำเพื่อเธอไง อากาศแค่นเี้ พราะห้องมันแคบ ยังจะมา
เสียมารยาท”
“เขาคงอึดอัด…เธอโกรธกับเขาหรือ”
“เปล่า”
ชนิตาทิ้งศีรษะลงวางราบตามเดิมแล้ว ท่าทีของชนิตายิ่งทำให้พิมพิกา
ต้องคิดมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
อาจจะ…ที่คิดอาจจะไม่ผิด…
“เขาออกดี…”
“ฮื่อ…ดี…แต่เธอไม่เหม็น…ฉันเหม็นแล้วกัน”
“ตัวเองก็สูบ”
“ก็ไม่ได้กลิ่นเหม็นนี่” พิมพิกาตอบหน้าตาเฉย “พอคนอื่นสูบได้กลิ่น
มันเหม็นน่ารำคาญ”
เมื่อชนิตาไม่อยากจะพูด หล่อนก็ไม่อยากจะคาดคั้นอีกต่างนั่งกัน
นิ่งๆ และเงียบงัน…ต่างมีความคิดของตัว…
592/913

ชนิตานั้นกำลังคิดว่าหล่อนจะหอบสังขารไปทำงานในวันพรุ่งนี้…จะ
ขอไปดูน้ำหน้าของวิษณุ
ส่วนพิมพิกาก็คิดว่าแล้วที่ศศินบอกว่าจะรับผิดชอบต่อหล่อนนั้นจะ
เป็นไปได้หรือ…
เขาอาจจะอาทรกับผู้หญิงหมดทุกคน…เขาไม่ได้จริงจังอะไรกับ
หล่อน…แล้วความสัมพันธ์นั้นหล่อนก็ไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบอะไร
กับหล่อนด้วย ก็หล่อนสมยอม…หล่อนเต็มใจโดยไม่คิดผูกมัด และที่
สำคัญก็คือหล่อนเองกระทำลงไปโดยไม่ได้รักเขา…หล่อนจะต้องแคร์ไป
ไย…
ไม่ควรจะแคร์…หล่อนบอกตัวเอง…มีอีกถมเถไปเสียตัวโดยไม่
เสียดาย…และไม่เสียใจอีกด้วย…ไม่ได้ถึงตายกับการเสียตัว…
หล่อนพยายามคิดแบบคนหัวใหม่…หล่อนก็ยังดำรงคงอยู่แถมไม่มี
คนนอกล่วงรู้
หวังว่าเขาคงจะเป็นสุภาพบุรุษ…ไม่ร้องโพนทะนาออกไป
คงไม่แบบนั้น…โดยหญิงสาวไม่รู้ว่าแล้วจะมีเหตุทำให้หล่อนโกรธเขา
แบบสุดขีดอีกมาก และทำให้หล่อนทำอะไรลงไปแบบหุนหันพลันแล่น…จน
เหมือนการทำร้ายตัวเองอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
593/913

ดนุหอบหิ้วถุงสองมือออกจากลิฟต์ ตามทางเดิน…เขามองเห็นศศิน
เดินเตร่อยู่ข้างนอกก็รีบเดินมาหา

“มีอะไรหรือฮะ”
“คุณจันทร์มาแล้ว”
“ก็ไหนว่าอยากจะเจอ”
ดนุแสดงความพิศวงออกมา เขามองเห็นสีหน้าเครียดจัดของศศินอีก
ด้วย ยังจะบุหรี่ติดปลายนิ้ว เขาพอจะรูว้ ่าศศินเลิกบุหรี่และผู้ชายหลายราย
ทีบ่ อกว่าเลิกสูบบุหรี่ มีอันต้องหวนกลับมาสูบอีกเพราะความเครียด และ
ความเครียดครั้งนี้ไม่น่าจะหนีพ้นไปจากผู้หญิงที่ชื่อพิมพิกาไปได้
“เธอไม่อยากเจอผม”
ศศินบอก อัดบุหรี่หนักๆ อีกหนหนึ่ง
“ทำไม…”
“ไม่รู้ซิ ผมอาจะอยู่ผิดเวลา…ผิดสถานการณ์”
“บอกผม…แล้วผมจะอธิบายกับยายจันทร์เอง…น้องนุ่งแท้ๆ ”
แต่ศศินทำท่าหยิ่งๆ
594/913

“ผมไม่อยากแก้ตัว อยากเข้าใจอะไรก็ช่าง ผมคงจะกลับอยูร่ อเจอ


คุณ…แล้วไม่ต้องบอกคุณจันทร์นะว่าผมเป็นคนให้โทร.บอกเธอมาที่นี่”
“ว้า…แล้วก็จะไม่เข้าใจกัน”
“ไม่เป็นไร…หากมันจะเป็นไปตามเสียงบัญชาของสวรรค์”
เขาพยายามจะหัวเราะออกมา แต่มันแปร่งเอาการ
แล้วศศินก็เดินจากไป…เหมือนหมดความสนใจในที่ตรงนี้อีกแล้ว…
ดนุได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินเข้าห้อง…
เขาลืมถามไปว่าแล้วศศินจะกลับอย่างไร…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

ก่อนพิมพิกาจะกลับ หล่อนเรียกเขา
ออกมาพูดหน้าห้อง
“คาดคั้นถามให้ได้นะคะว่าทำไมตาไม่ยอมพูดเลย หายไปไหน
มา…เราจะบ้าตายเพราะความเป็นห่วง…ตาเอาแต่ร้องไห้”
“คงไม่พูดหรอก”
595/913

ดนุตอบด้วยความอ่อนใจเล็กน้อย นิสัยน้องสาวคนนี้เขาสามารถ
อ่านทะลุปรุโปร่งทีเดียว ชนิตาเป็นคนใจเด็ดมาก หล่อนเป็นคนที่เรียกว่า
หากไม่พูดก็จะไม่พูด ให้เอามีดไปวางพาดคอเอาไว้ก็จะยอมเจ็บตัวหรือ
ยอมตายเลยทีเดียว
“อาจจะเป็นเรื่องร้ายมาก”
“จันทร์คิดเอาตามประสานะคะ จันทร์ว่าตาจะต้องถูกพาไปทำ
มิดีมิร้าย”
“ใครล่ะ” ดนุเอ่ยถาม มองไม่เห็นตัวตนตรงนั้น
“หรือไอ้พวกวิตถารที่มันมีอยู่…แล้วตากลัวจะเสียหาย”
“อาจจะไม่ไกลตัวหรอกค่ะ”
“หือ…จันทร์คิดว่าใคร”
“จันทร์ก็ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าพอมองเห็นตัว ตกลงพี่นุจะนอนที่นี่
ใช่ไหมค่ะ”
“ก็ต้องอยู่นี่ก่อน…จะออกตอนเช้า จันทร์…พีเ่ องก็งานล้นมือ…ฝากตา
ด้วยนะ”
“แล้วตาจะกลับบ้านบ้างไหมคะ”
“พี่ไม่รู้ อาจจะไม่…”
“บอกไปหรือยังคะ”
596/913

“ก็บอกแล้ว พ่อกับแม่จะออกมาคืนนี้แต่ห้ามเอาไว้ ยายตาคงไม่


อยากจะเจอใคร”
“พี่นุ…ทำไมไม่ถามจากข้างล่างว่าตามาที่นี่ได้ไง…ใครมาส่ง”
“ไม่กล้าถาม”
เขาตอบตรง และบอกสาเหตุของความไม่กล้านั้นอีกด้วย
“พี่อาย…”
พิมพิกาถอนใจยาวทีเดียว
“อายแทนยายตา…แกกลับมาแล้ว…ไม่อยากไปฟื้นฝอยหา…แล้วยาย
ตาเองก็ลั่นวาจาเอาไว้ว่าพรุ่งนี้แกจะลืมแล้วเริ่มใหม่ เชื่อเถิดว่าตาทำ
ได้…คอยดูกันไป”
“แล้วงานยังจะเหมือนเดิมไหมคะ ตาหายไปนานเหมือนกันนะคะ”
“เจ้านายคงจะเข้าใจว่าลาป่วย”
“จันทร์ได้แต่หวังว่าตาจะเหมือนเดิม”
พิมพิกาบอกก่อนจะกลับบ้าน และหล่อนคิดว่าน่าจะมีโทรศัพท์จาก
ศศินบ้าง แต่เปล่าเลย…มันเงียบ และก่อนหน้า…เมื่อหล่อนลองเลียบเคียง
ถามจากพรรณรายก็ไม่มีโทรศัพท์ของหล่อนเข้ามาเหมือนกัน
หล่อนรู้สึกผิดหวัง…แล้วต้องเก็บงำเอาไว้
///////////////////////////////////////////////////////////////////
597/913

มีคนโทร.มารายงานเธอว่าชนิตากลับมาทำงานแล้ว…คุณหญิงเพลิน
ดีใจจนเนื้อตัวเต้น เธอยินดีกับการทีห่ ญิงสาวปรากฏตัวขึ้น และเธอก็เดิน
ยิ้มแฉ่งเข้ามา
วันนี้วิษณุสายอีกแล้ว เขามีเหตุผลของเขา…จิตใจของเขายังสับสน
เล็กๆ และเขาไม่อยากไปทำงานแต่เช้า อีกทั้งเขาเพิ่งสร่างเมื่อคืนเขา
เมา…เขานั่งดื่มคนเดียว…ใช้ความคิดมากสักหน่อย
เธอเดินมาหอมแก้มเขาฟอดหนึ่งก่อนจะนั่งลงในที่ของเธอ
“ทำไมสาย”
“ผมเซ็งฮะ”
“เพราะขาดคนทำงานถูกใจใช่ไหม แม่บอกแล้วว่าชนิตาเก่งมาก
ตอนยังอยู่ลูกไม่รู้สึกหรอกเพราะมีจนชิน แต่พอหายไปลูกจะรู้”
“แม่ฮะ…ไม่ใช่”
เขาตอบในเสียงหยิ่งๆ แกมกระด้างอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“ผมไม่ได้รู้สึกเซ็งเพราะแม่คนนั้น”
“วิษ…การยอมรับความจริงออกมาดังๆ อาจจะไม่ดนี ัก อาจจะทำให้
อัตตาความเป็นตัวตนของลูกเสียไปก็ได้ แม่เข้าใจ”
“แม่ฮะ…คงไม่ได้คิดจะมาชวนผมทะเลาะ”
“โอ…ทะเลาะรึ?”
598/913

เธอทวนถามพร้อมกับส่ายหน้า เธอดื่มนมกับขนมปังจืดอีกชิ้นเดียว
เพื่อเป็นการรักษาทรวดทรงตัวเอง
“ไม่เลย…แม่ไม่ทะเลาะด้วย…แม่มีข่าวดี”
“นั่นซิฮะ ผมเห็นแม่ยิ้มสว่าง” เขาตอบแบบเหน็บนิดๆ “มีข่าวอะไร
รับอรุณฮะ ตลาดหุ้นมันก็ตกแล้วนี่ยังไม่เปิดทำการ…จะว่าเพราะหุ้นไม่
น่าจะใช่”
“ชนิตาจ้ะ” เธอตอบในสีหน้ายิ้มๆ
เขาเกือบจะผวาตกจากเก้าอี้เลยทีเดียว ตาค้างอยู่
ชนิตาอย่างนั้นหรือ…มือที่เอื้อมจับถ้วยกาแฟของตัวเองสั่นเล็กน้อย
จนต้องฝืนให้เป็นปกติ…และเธอมองไม่เห็นอีกด้วย หล่อนปรากฏตัวแล้ว
อย่างนั้นหรือ…แล้วหล่อนจะทำอะไรบ้าง
“มีคนโทร.มาบอก…ชนิตากลับมาทำงาน…วิษจะไปหรือยัง”
“ไปไหนฮะ”
“อ้าว…ก็ไปออฟฟิศ”
“ทำไมฮะ”
“แม่จะนั่งรถไปด้วยไง”
“ไปทำไมกันฮะ” เขาขมวดคิ้วมุ่น “ไปต้อนรับแม่คนนั้นหรือฮะ”
599/913

“แม่อยากเจอ…โถ…เป็นห่วงแทบแย่…หายไปเหมือนขอมดำดิน…แล้ว
อยู่ๆ มาโผล่ตัวได้น่ะ”
“ขาดงานไปนาน” เขาเปรย “มันน่าจะถูกพิจารณาให้ออก”
“วิษ…ฟังเหตุผลของเธอก่อนแล้วค่อยคิดตรงนั้น แต่เป็นใจแม่นะ
แค่ว่ากล่าวตักเตือนก็เหลือจะพอแล้ว อย่าใจร้ายกันนักเลย”
เขากำลังกริ่งเกรงว่าหากชนิตาเปิดปากพูดความจริงแล้วจะเป็น
อย่างไร แต่เขาก็ฝืนทำเป็นไม่แยแส เหมือนผู้ร้ายที่มีความใจแข็ง…มีความ
มั่นใจยิ่งว่าตัวเองนั้นถูกต้อง
“แม่จะไปด้วยจริงๆ หรือฮะ”
“ก็จริงน่ะซี…ทำไม…”
“ไม่มอี ะไรหรอกฮะ แต่ผมไม่อยากให้แม่ไปโอ๋ยายนั่นมากนัก คน
ของผม…ควรจะอยู่ในโอวาทของผม”
“วิษ…ลูกเป็นเจ้านายในการทำงาน…แต่ลูกต้องจำไว้ว่าเขาเป็น
ลูกจ้าง…เขาทำงานให้กับเรา แล้วนั่นไม่ได้หมายความว่าลูกจะครอบงำเป็น
เจ้าชีวิตเขาได้ด้วยนะ”
วิษณุอึ้งไปทันที
เขามองเห็นชนิตา…แล้วเขาก็มองเมิน…ประหลาดใจที่หล่อนเข้มแข็ง
มากพอจะออกมาทำงานทันที และหล่อนกล้าจะกลับมาที่นี่
600/913

เขาเข้าห้อง…ส่วนคุณหญิงเพลินแยกไปหาชนิตา
“เธอไปไหนมา…ฉันห่วงเธอแทบแย่…ตายจริง”
เธอมองเห็นหญิงสาวเต็มตาแล้วตกใจเป็นอันมาก
“เธอผอมลง…แล้วทำไม…”
“โทรมใช่ไหมคะ”
“จ้ะจ้ะ” เธออ้อมแอ้ม “ฉันไม่ถามดีกว่านะ เผื่อเธอจะไม่สบายใจ”
นี่คือคนเป็นแม่…มีน้ำใจดี…แต่ลูกซิ…ริมฝีปากของชนิตาแย้มออก
วิษณุคงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าหล่อนได้…ไม่เลย…เขาเข้าใจผิดเขาไม่เหนือ
จากหล่อนไปได้ เหตุนั้นไม่สมควรทีเ่ ขาจะเอามาทระนงหรือคิดจะปิดปาก
หล่อน หรือทำให้หล่อนต้องออกจากที่นี่
หล่อนจะลาออกเมื่อหล่อนอยากจะออก…แต่ไม่ใช่เพราะเขา
“แล้วกันไปเถิดนะ…เธอควรจะเริ่มใหม่”
“ค่ะ”
“ขาดงานไปนาน…วิษณุอาจจะเคืองบ้าง…ใจเย็นหน่อยนะ”
“เขาจะไล่ออกเชียวหรือคะ”
“เธอก็รู้ว่าเขารอจังหวะอยู่”
“ไม่หรอกค่ะ คุณหญิง…อะไรที่เขาต้องการ…เขาจะไม่ได้…ดิฉันจะไม่
ให้เขา…ดิฉันสัญญามานานแล้ว…ยิ่งตอนนี้…”
601/913

แล้วชนิตาก็ปล่อยให้เสียงขาดหายไปในลำคอแค่นั้น
49

เขารูว้ ่าชนิตาเข้ามาแล้ว…หลังจากได้ยินเสียงประตูเปิดและปิด เขายัง


ก้มหน้ากับเอกสาร แต่เขารู้ว่ามือของเขาเกร็งสั่น…จนเขาต้องด่าตัวเองใน
ใจ
…ไอ้ห่ะ ทำไมสั่นวะ กลัวทำไม…กะแค่นังผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเราลุยเละ
มาแล้ว…
ก่อนที่คุณหญิงเพลินจะกลับไป เขาจำได้ติดหู เธอมาขอร้องเขาต่างๆ
นานาพร้อมกับขอสัญญาจากเขา
…หนูตาคงจะเคราะห์ร้าย คนเราเจอเข้าน่ะก็น่าสงสารวิษต้องเข้าใจ
นะลูก ชะตากรรมของหนูตารับเอาหนักอึ้งพอแล้วไม่ได้ต้องการให้เกิด แม่
ไม่อยากให้ไล่ออก สัญญากับแม่ซิ วิษ อย่าซ้ำเติมเคราะห์ร้ายของชนิตา
ด้วยการไล่แกออกจากบริษัท…
เขาทั้งขุ่นเคืองและอ่อนใจ บริษัทนี้แม่เขามักจะยื่นมือเข้ามาก้าวก่าย
อยูเ่ นืองๆ เพราะแม่ถือว่าตัวเองมีส่วนในการออกเงินก่อตั้งมา และเขาก็ไม่
อยู่ในฐานะจะพูดออกมาได้อีกด้วย
และก่อนจะกลับ เขาก็ได้แต่ผวากับเสียงแช่งชักของแม่
603/913

…ไอ้วายร้ายที่ทำกับหนูตาน่ะ มันเหมือนสัตว์นรก แม่ว่ามันต้องไม่


ใช่คนหรอก และแม่ก็ขอให้มันลงนรกขุมทีล่ ึกที่สุดด้วยมันทำกับคนด้วย
กันสาหัส เห็นชนิตาแล้วใจแม่เหมือนถูกลนไฟหากเป็นลูกสาวแม่เองนะ
แม่จะให้รางวัลแพงที่สุด ลากเอาไอ้สัตว์นั่นมาลงโทษให้สาสม…
แม่ไม่รู้ว่ากำลังแช่งลูกตัวเอง…ลูกชายคนเดียวของแม่อีกด้วยเขาจำ
ได้แต่ว่าตอนนั้นเขามองแม่ตาขวางจนแม่ก็ยังผวาและรีบจากไปเพราะรู้ว่า
เขาอารมณ์ไม่ปกติ และเขาก็เรียกหาชนิตา
หล่อนมาแล้ว…การมาของหล่อนเงียบๆ …เขาไม่ได้สัมผัสกลิ่นอะไร
เลย แต่ที่อบอวลอยู่ในอณูของอากาศในห้องนี้คือกลิ่นไอตัวหล่อนทีเ่ ขาได้
สัมผัสอย่างหื่น ระห่ำมาแล้ว
เขาเงยหน้าช้าๆ ตาต่อตาสบกัน ดวงตาของชนิตายังกร้าวแข็ง หล่อน
ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวเขาจนลานเลย
และแน่นอนว่าเขาค่อนข้างผิดหวัง
ชนิตาไม่ยอมลดท่าทีหยิ่งยโสของตัวเองลงไป
หล่อนยังท้าทายเขาอยู่…
เขาหงุดหงิดหัวใจเต็มๆ ดวงหน้าขาวซีด…ปราศจากการตกแต่ง แก้ม
ตอบลงเห็นโหนกแก้มสูง หล่อนเป็นคนมีโหนกแก้มเหมือนพวกชน
ตะวันตก ริมฝีปากของหล่อนซีดไร้สีสันเคลือบแต่ง ท่าทางหล่อนเหมือน
คนทีเ่ พิ่งถูกรับตัวออกจากโรงพยาบาล และให้ตายเถิด…หล่อนกล้าเอา
604/913

สังขารแบบนี้มาทำงาน เหมือนหล่อนจงใจมาท้าทายว่าแล้วเขาจะมีปฏิกิริยา
อย่างไรบ้าง
เขายอมรับว่าคาดไม่ถึง
“นั่งก่อน”
เขาบอกกล่าวลอยๆ หล่อนเดินทื่อๆ จะมานั่งตรงเก้าอีห้ น้า
โต๊ะทำงานของเขา แล้วก็หยุดชะงักเล็กน้อยกับเสียงบอกกล่าวเรียบๆ จาก
เขา
“ไปนั่งที่โซฟา…ฉันไม่อยากนั่งประจันหน้ากับเธอใกล้ๆ ”
“คนทำความผิดไว้มักจะกลัวในสิ่งที่ตัวเองกระทำ”
“ฉันไม่เคยกลัวเธอ” เขากระชากเสียงบอก “อย่าสำคัญตัวเองผิดไป”
“คุณไม่กลัวจริงหรือ คุณคงแทบช็อคตาย…ที่เห็นฉันมาทำงาน”
“เพราะลูกบ้าของเธอ…สารรูปเหมือนนังผีบ้า…ยังกล้าจะมาอีกหรือ”
“ฉันห่วงงาน”
“ที่ฉันอาจจะไล่เธอออกทุกเมื่อ”
“คุณจะไม่กล้าไล่ฉัน”
“เธอกำลังท้าฉันอีกแล้ว”
“เปล่า…”
605/913

ชนิตาปฏิเสธ หล่อนมองเขาด้วยแววตาอันว่างเปล่า
“และฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกไล่ ฉันจะอยูห่ รือจะไปจากที่นี่…ฉัน
จะกำหนดเอง หากคุณไล่ฉัน…ฉันจะเปิดเผยความจริง”
“ใครจะเชื่อเธอ”
“ก็ให้มันรู้ไป”
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะรับผิดชอบเธอใช่ไหม”
“เปล่า”
“แล้วจะเปิดทำไม”
“เอาแค่ประจาน…ให้รู้กันทั่วๆ ไปว่าสุดท้ายที่ผู้ชายคนหนึ่งมันทำได้ก็
ลากเอาไปข่มขืน ฉันจะให้โลกรู้ลายลูกผู้ชายของคุณไง”
เท่านั้นเอง…เหมือนวิษณุจะถูกวิญญาณผีบ้าเข้าสิง เพราะเขาสั่นเทิ้ม
ไปหมดทั้งตัว ปากกาในมือถูกกำแน่น…เขากดมันลง…งอมัน…ไม่ถึงกับหัก
เพราะความทนทานของวัสดุที่นำเอามาทำ แต่ทว่าก็งอโค้งด้วยแรงอารมณ์
ของเขา
อกของเขาราวกับจะปะทุออกมา หัวใจข้างในเต้นผึงๆ เพราะน้ำคำ
เสียดสีของชนิตา
“จะไล่ฉันออกอีกไหม”
“นังคนหน้าด้าน…ไม่มียางอาย…สารรูปยังงี้ก็ยังหอบเอามาประจาน”
606/913

“ฉันไม่เหลือจะอาย มันหมดไปเพราะคุณเป็นคนล้างมันออก คุณ


เป็นคนทำลายคุณค่าความเป็นคนของฉัน”
ชนิตาสวนตอบแบบไม่ยอมลดราให้
“ฉันไม่ยอมตาย…และสักวันฉันจะเรียกเอาศักดิ์ศรีของฉันกลับคืน
มา…วันที่ฉันเห็นคุณลงไปเดือดดิ้นสูญเสีย”
“ไม่มวี ันนั้นหรอกชนิตา” เขาเย้ยหยัน “ฉันว่าเธอฝันมากเกินไปแล้ว
มันเป็นความฝันเพ้อเจ้อไร้สาระ…และไม่มีวันเป็นจริง”
“ก็ลองดูกันต่อไป” หล่อนตอบเสียงกระด้าง “คุณเรียกฉันมาบอก
เท่านี้เองหรือ”
“เธอยังจะหน้าด้านทำงานที่นี่ก็ตามแต่เถิด ตอนแรกไหนว่าจะลาออก
เองไง” เขาพูดแกมประชด “ออกไปได้แล้ว”
สายตาของเขามองตามหลังหล่อนไป ในความบอบบางมองจาก
ด้านหลังแบนราบประดุจไม้กระดานแบบนั้น เขาเองรู้ว่ามันซ่อนสิ่งใดไว้
บ้าง วิษณุสลัดศีรษะตัวเองแรงๆ ทีหนึ่ง เขาตั้งศีรษะตัวเองตรงขึ้น บอก
ตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมให้หล่อนมาพังเอาความเป็นเขาให้ล้มครืน
เขาจะไม่ยอมต่อผู้หญิงแบบชนิตาเป็นอันขาด
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
หมั่นไส้…นั่นคือสิ่งที่บุษยาบอกกับตัวเองเมื่อเห็นศศิน…เดี๋ยวนี้เขามี
แววตาว่างเปล่าสำหรับหล่อนอีกด้วย และเขาก็ผ่านเลยไป ไม่ทักทาย
607/913

ถามไถ่หล่อนเลย เขาหมกมุ่นอยู่กับตัวเองอย่างมาก และบุษยาเองก็ได้แต่


ฝากเอาไว้ก่อนเพราะหล่อนจะแต่งงานวันพรุ่งนี้ หล่อนตื่นเต้นกับการเป็น
ตัวเอกของงาน

งานของหล่อน…การเป็นเจ้าสาว…
และชัยชนะ…สิ่งที่หล่อนคิดก็เช่นเดียวกับมณฑลคิด…ชัยชนะของเขา
เหมือนกัน เพราะว่าเขาเองจะได้ตกลงบนกองเงินกองทอง
เขาโทร.ไปหาพิมพิกาด้วยตัวเอง
“จันทร์…ผมเองนะ”
เขาบอกกล่าวหลังจากพรรณรายไปตามหล่อนมารับสาย
“ผมอยากให้จันทร์ไปงานผม”
“ไม่…”
“ทำไม”
“ฉันไม่อยากไปล้มงาน”
“ไม่เอาน่า…จันทร์…จะแค้นเคืองกันไปถึงไหน”
“เปล่า”
608/913

“จันทร์แคร์ผมเสมอ…ช่างน่ายินดี…จันทร์…ที่จริงเราก็น่าจะปรองดอง
กันได้”
“พูดอะไร”
“ผมรู้เรื่องจันทร์กับคุณศศิน”
“แล้วมันกงการอะไรด้วย”
“ทำไมจันทร์ยอมเขา”
“อ้อ…” พิมพิกาทำเสียงต่ำๆ ในลำคอ “เพียงเพราะอยากรู้เท่านี้เอง
หรือ…ที่โทร.มาหาฉัน มันเรื่องของฉัน…จะทำอะไรลงไปฉันทำด้วยตัว
ฉัน…ในสถานที่ที่ไม่ใช่หัวกะโหลกของคุณ”
พรรณรายที่นั่งอยู่ไม่ห่างยังสะดุ้งได้กับถ้อยคำดุเดือดนั้น
แล้วพิมพิกาก็วางโทรศัพท์ลง ทำท่าเหมือนหล่อนไม่สนใจไยดีด้วย
อีกแล้ว
“จันทร์…มีอะไร”
“นายมณฑลเค้าชวนจันทร์ไปงานแต่งงานเขา”
“แล้วเธอจะไปไหม”
“จันทร์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปดีหรือเปล่า”
“แต่ไม่ไปก็ดี”
“จันทร์อาจจะไป…เสียดายว่าตาป่วย”
609/913

หล่อนรำพึง และยังรู้อีกด้วยว่าหล่อนหมางใจเล็กๆ กับชนิตาเพราะ


ศศินนั่นเอง
“ก็ไปกับคุณศศินซิ”
“อะไรนะคะ พี่พรรณ” น้องสาวร้องถาม “เสนอใครมานะคะ”
“ก็คุณศิน”
“อุ๊ย…ไม่หรอกค่ะ”
“เธอทะเลาะกับเขามาหรือ”
“เขาไม่เป็นที่วางใจสนิทนัก จันทร์คิดออกแล้วว่าจันทร์จะไปกับใคร”
หล่อนดีดนิ้วมือตัวเอง และหล่อนก็หมุนโทรศัพท์ไปหาวิษณุ โดยไม่
รู้ว่าหล่อนยิ่งถักทอเส้นสายให้เป็นเรื่องยุ่งเหยิงหนักกว่าเก่า
และพรรณรายก็ได้แต่ทำท่าอ่อนใจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชนิตาไม่ยอมพูดอะไรเลย ดนุขู่และปลอบ…พาหล่อนกลับมาบ้าน
ทุกคนพากันรุมล้อมหล่อน ชนิตาก็ปิดปากตัวเองเงียบ และทุกคนพากัน
อ่อนระอาไปเอง
“ตาขอบคุณทีห่ ่วง…ไม่มีอะไรหรอก” หล่อนบอกเสียงแห้งออกมาใน
ที่สุด “ไม่ว่าจะมีอะไรตามมา ตาจะรับมือเอง”
610/913

แต่ดนุเริ่มไม่สบายใจ เขามาดึงข้อมือชนิตาเดินตามเขาออกมาก่อน
เขาจะกลับ เพราะคืนนี้ชนิตาจะนอนค้างที่บ้าน
“ตา…ระวังเมนส์ให้ปกตินะ”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
“กลัวเหรอ”
“ห่วงเจ้าหรอกโว้ย เผื่อท้องจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
“ก็ไว้บนบ่าอย่างเดิม”
“ฉันจะพาแกไปเอาออก”
“ไม่หรอก พี่ดนุ…คงไม่ขนาดนั้น”
แล้วหล่อนก็เว้นระยะไปชั่วอึดใจ
“แต่หากว่ามันจะต้องเป็นไปก็จะยอม…เพราะว่ามาถึงที่สุดแล้วจะ
ลองดูทวี ่าชีวิตจะเป็นยังไง มันผ่านวันคืนพวกนั้นมาแล้วที่ตารู้ว่าคนเรานี่
เหมือนไม่ใช่คน…โหดเหี้ยมใส่กันได้…”
“ตา…เพียงแต่แกบอก…ไอ้สัตว์นั่นมันเป็นใคร พีส่ ัญญา…จะจ้าง
มือปืนไปเก็บมันซะ…ไม่กี่หมื่น”
“พีด่ นุ…จะทำทำไมกัน มือเปื้อนแล้วอาจจะติดคุก ตาขอบคุณพี่มาก
ทีห่ ่วงใยขนาดนั้น แต่ตาไม่อยากให้มันตาย…ตาต้องการให้มันแค่ตาย
ทั้งเป็น…ตาจะรอวันนั้น”
611/913

จะต้องเป็นคนที่ไม่ไกลจากตัวชนิตา…ไอ้หมอนั่นมันใคร…จุดความ
อยากรู้ของเขาถมทวี
“แล้วตาจะทำทุกทาง…เพื่อจองล้างจองผลาญกับมัน”
เหมือนชนิตาให้สัตย์สาบานแล้ว หญิงสาวหล่อเลี้ยงชีวิตที่เหลืออยู่
ด้วยความเคียดแค้นประดุจไฟ หากฆ่าวิษณุเสีย…มันง่ายเกินไป เพราะ
คนตายไม่รู้สึกร้อนหนาว สูญเสียอะไรได้ สู้ให้อยูแ่ ต่เจ็บปวดทุกข์ทรมาน
น่าจะดีกว่า
และตรงนั้นหล่อนจะเร่งมือทำ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขารู้จากพรรณรายมาแต่แรกแล้วว่าพิมพิกาจะมางานกับวิษณุ
ศศินมารับแขกช่วยด้านหน้า ตราบจนเจอพิมพิกาผ่องใสควงแขนมากับ
วิษณุอย่างสนิทสนม คุณผ่องพรรณตาค้างเมื่อเห็นภาพนั้น ในฐานะเป็น
แม่งานคนหนึ่งทำให้เธอมองภาพนั้นแล้วตวัดตาแวบไปมองลูกชาย

โถ…เธอร้องในใจ…สงสารลูกชายนัก…
เธอรู้ว่าศศินแคร์พิมพิกามาก
แต่หญิงสาวหน้าระรื่นมากับชายอื่น
612/913

ทำไมเธอไม่ดีใจล่ะหนอ…ทั้งที่เธอเองก็ไม่ปรารถนาในตัวของพิมพิกา
มาก่อน หรือว่าเธอจะเริ่มเห็นใจลูกชาย
“คุณศิน…”
บุษยาในชุดเจ้าสาวรุ่มร่ามร้องเรียก
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่มีวันที่เขาจะให้พิมพิกาได้เห็นว่าเขาทำ
อะไรบ้าๆ สติสัมปชัญญะของเขายังสมบูรณ์ครบถ้วนเสมอ
เขาจะไม่ยอมเสียมันไป…ไม่เหมือนกับที่หล่อนเคยเป็นในวันฉลอง
หมั้นของมณฑลและบุษยา เขาจะไม่ทำแบบนั้นเป็นอันขาด…ชายหนุ่มจึง
ยิ้มต้อนรับทักทาย แต่กลับทำให้พิมพิกาหงุดหงิดใจในซอกลึก
…เขาคงไม่ได้แคร์เราจริง โธ่เว้ยนังจันทร์ นังหน้าโง่ เคยหลงลำ
พองตัวเอง เขาก็แค่เอาแกเล่นๆ …
หล่อนร้องบอกตัวเอง…มองเมินใส่เขา…แล้วไป ‘หวาน’ กับวิษณุแทน
หล่อนไม่ได้มาอาละวาดในงาน หล่อนเชิดใส่มณฑลจนฝ่ายนั้น
หมั่นไส้
“จันทร์…มันอะไร” เขาถาม
“ไม่ใช่กงการของคุณ ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไปเหอะน่า”
หล่อนพาวิษณุเดินหลีกไปทางอื่นเหมือนหล่อนลบรอยของมณฑลได้
หมดแล้ว แต่อีกรอย…รอยประทับของศศิน…หล่อนไม่อาจจะเลือนลืม…
613/913

หล่อนไม่สนุกกับงาน…หล่อนเซ็ง…แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นเพราะอิจฉาตา
ร้อนกับโอกาสทองของบุษยา…แต่เพราะศศิน
หล่อนไม่เจอเขาอีกจนกลับจากงาน หล่อนขอให้วิษณุไปส่งหล่อนที่
แฟลตของชนิตา ไม่ทันเห็นว่าวิษณุเกร็งเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“จะไปทำไมฮะ”
“ไปดูตาสักหน่อย…เป็นห่วง”
แต่ครั้นไปถึง…กำลังจะลงจากรถ…พิมพิกาก็ชะงัก เพราะหล่อนเห็น
ศศินเพิ่งจะออกมา แล้วเขาไม่เห็นหล่อนไม่เห็นวิษณุ…เขากำลังเดินไปที่รถ
ของเขา
“กลับเถิดค่ะ”
หล่อนเปลี่ยนใจ เสียงเรียบ
“ตามีคนมาดูแลอย่างดีแล้ว”
“โอ…คุณจันทร์…ผมเสียใจด้วย”
ปากเขาพูดอย่าง…ใจคิดอีกอย่าง วิษณุอดคิดไม่ได้ว่าศศินแวะมา
ทำไม…ศศินจะมีความสัมพันธ์กับชนิตาอย่างนั้นหรือ และเมื่อเขากระหน่ำ
โหมไฟใส่…เขาก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้ เขาเรียกขานชนิตาในใจว่า ‘อีนัง
แรด’
614/913

“พวกเขาอาจจะ…อาจจะมี…แล้วบางทีที่ชนิตาหายไปแล้ว…ไม่กล้าจะ
บอกใคร…”
เว้นระยะแค่นั้น…หวังผลแค่ความทุรนทุรายในใจของพิมพิกาก็เหลือ
จะพอ
50

ชนิตาไม่ได้บอกเขาว่าหล่อนไปที่ไหนมา ดนุเจอกับเขากลางงาน
แต่งงานแล้วเอ่ยชวนเขามาด้วยกัน รถของดนุส่งซ่อมศศินแวะมาส่งดนุที่นี่
และเขาขึ้นไปเยี่ยมเยียนชนิตา สอบถามหล่อนตรงๆ เพราะเขาสงสัยบาง
ประการ แต่ชนิตาไม่ยอมตอบ เขาเลยกลับลงมา ดนุยังอยูก่ ับชนิตาบน
ห้องพักนั้น ศศินไม่เห็นว่าพิมพิกามา…ตราบจนกระทั่งเขาออกรถผ่านมา
แล้วรถยนต์ของวิษณุยังไม่ได้เคลื่อนขับออกไปพ้น

ศศินชะลอรถตัวเองลงฉับพลัน
เขาค่อนข้างตกใจมากทีเดียว
กดปุ่มเลื่อนกระจกลง
“คุณจันทร์…”
เขามองสบตาหล่อน เพราะวิษณุเลื่อนเอากระจกลงจากด้านตัวเอง
ดวงหน้าของหนุ่มใหญ่สาดไปด้วยรอยยิ้มร่าเริง
616/913

“คุณศิน…ไม่นึกว่าจะเจอกัน”
“ผมของพูดกับคุณจันทร์สักครู่ได้ไหมฮะ”
เขาเอ่ยถาม ตัดสินใจเด็ดขาดจะพูดจากับหล่อน แต่วิษณุบอกแกม
หัวเราะร่วน
“เธออารมณ์ไม่ดีหรอกฮะ ผมคงจะต้องถามเธอก่อนว่าอยากจะคุย
กับคุณไหม”
ไอ้ห่ะ…ศศินคำรามในใจอย่างมีโทสะกรุ่นๆ …ก็เขาไม่ได้เป็นผัวของ
พิมพิกาหรอกหรือ….เขาจะต้องขออนุญาตจากหล่อนก่อน
แต่เขาก็ข่มใจเอาไว้ หมั้นไส้หล่อนจนอยากจะทำอะไรสักอย่างแรงๆ
…อย่างเช่นไปลากหล่อนลงมาแล้วซัดตูม ไม่ได้ซิ…ใจที่อ่อนโยนอีกด้าน
คอยค้านเอาไว้ เขาจะทำแบบนั้นไม่ได้ ผู้ชายทีด่ ีต้องไม่ทำร้ายผู้หญิง…ไม่
เด็ดขาด…เพราะผู้หญิงอ่อนแอกว่า…หล่อนเป็นเพศน่าถนอม ให้หล่อน
ก่อกวนเพียงใดก็ต้องยับยั้งห้ามใจตัวไม่ให้ถูกประนาม
เพราะศศินรู้ว่าการทำร้ายผู้หญิง…จะไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงแซ่ซร้อง
สาธุการแต่อย่างใด มีแต่จะโดนติฉินนินทาไปทั่วทุกทิศทุกทาง
“ว่าไงครับ คุณจันทร์”
วิษณุแกล้งถาม เขาทำเสียงนิ่มๆ แล้วยังพูดจาเหมือนจะ ‘กล่อม’ ให้
พิมพิกาอ่อนโยนลง แต่เขาหวังผลเลิศสำหรับตัวเองท่าทีปึ่งชาของหล่อน
ตอนเห็นศศินลงมาจากห้องพักของชนิตาบอกให้รู้ถึงความโกรธเคือง และ
617/913

ผู้หญิงร้อยละเก้าสิบเก้ามีแต่ความวู่วามตัดสินเพียงชั่วพริบตาด้วยแรงผลัก
ของอารมณ์ มันเป็นธรรมชาติแบบผู้หญิงๆ และวิษณุรู้ได้อย่างซาบซึ้ง
เขามองพิมพิกาไม่ผิดแน่นอน
“เขาอยากคุยด้วยสักแป๊บ”
“มีเรื่องอะไรอีก” เสียงหล่อนขุ่นห้วน
…นั่นปะไร ที่คิดเอาไว้ไม่ผิดเลย…วิษณุคิดว่าตัวเองมีหวัง…คำพูด
ของเขาจะไม่เป็นแค่ราคา ‘คุย’ ใส่หน้าชนิตาอีก เพราะเขาประกาศเอาไว้
กับหล่อนว่าเขาจะต้องแต่งเมียที่ชื่อพิมพิกาเท่านั้นมันจะต้องเป็นไปตามนั้น
และเพราะเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตเพื่อเอาไว้รับกับความพ่ายแพ้ใดๆ เขาต้อง
ชนะ…การตอกย้ำเช่นนี้มาช้านานทำให้วิษณุพอกพูนมากไปด้วยความ
ทระนงตัว
และหลายครั้งหลายคราก็ทำให้เขาก้าวล้ำออกจากความเป็นปกติพอดี
“ผมรูว้ ่าคุณจันทร์ไม่อยากเจอหน้าเขา แต่สักนิดคงไม่เป็นไรกระมัง
ครับ ท่าทางเขาก็ไม่ได้มาเลวร้ายอะไร”
เขาพูดเข้าข้างศศิน…ยิ่งเสริมให้เขาเป็นคนดีวิเศษขึ้นมาอีก
เขาฉลาดพอจะไม่ทิ่มตำซ้ำเติมศศิน นั่นไม่ใช่วิธีที่ดี
แม้เขาจะขุ่นใจว่าชนิตาแอบให้ท่าทีอันใดกับศศิน แม้ใจเขาจะ
รุ่มร้อนอยู่ว่าชนิตาจะบอกกล่าวความจริงที่เกิดกับศศินหรือไม่…แต่เขาก็ยัง
เก็บงำเอาไว้ได้
618/913

“นะครับคุณจันทร์ ลงไปพูดกับเขาสักนิด เขาลงมาแล้ว”


ภาพที่เห็นทำให้ที่อยากจะเป็นลูกผู้ชายร่ำๆ จะสิ้นสุดลงดื้อๆ
ก็มันตำตาตำใจนัก วิษณุโน้มตัวไปหาพิมพิกา ทำท่าอ่อนโยน
ประเล้าประโลมเหมือนกำลังหว่านล้อม มันเป็นท่าทีที่ผู้ชายพึงกระทำ
เฉพาะผู้หญิงที่ตัวเองพึงใจ เขาจำติดตาย้อนไปถึงภาพเมื่องานช่วงหัวค่ำ
หล่อนควงแขนกับวิษณุและยอมตกเป็นข่าวด้วยท่าทางเหมือนจะพอใจ
อย่างยิ่ง
หล่อนลืมรส…ลืมรอย…ลืมอาลัยในตัวเขาแล้วอย่างนั้นหรือ
ก็หล่อนบริสุทธิ์ผุดผ่อง…ทำไมหล่อนถึงทำท่าเป็นสาวเปรี้ยวเหมือน
ไม่แคร์ตรงนั้นเลย มันไม่น่าจะเป็นหล่อนอีก…ไม่น่าจะใช่
หรือจะหารอยใหม่…พอเจอเข้าครั้งหนึ่งก็อยากเปรียบเทียบกับรสอื่น
ชายอื่น
เขาขบฟันเข้าหากัน เสียงมันบดหากันเสียดร้าว และหัวใจของเขาก็
เป็นแผลหนักกว่าเดิม
ไม่เคยเป็นมาก่อน…เขาแคร์หล่อนมากเกินไป…อาจจะเพราะว่ามัน
เป็นความรู้สึกดีๆ จริงใจ แล้วเขาก็อยากจะจริงจัง…ไม่ได้คิดจะแค่ลอง
เล่น…แล้วก็จากลากันไป…
พอเผลอใจ…กายคล้อยตาม…กลับเป็นว่าเขาตกเป็นเหยื่อ
619/913

เขาเดินอ้อมมารอหล่อน พิมพิกาเปิดประตูรถออกมาหล่อน
แหงนหน้ามองเขาก่อน เห็นสีหน้าเครียดขรึมปนอาการขุ่นขึ้ง…หล่อนก็
แสนจะหมั่นไส้
เขาเพิ่งขึ้นไปหาชนิตา…น่าจะเป็นเขา…ไอ้โม่งนั่น…
หล่อนปิดประตูกลับ…ยืนพิงรถอยู่
“มาทางนี้หน่อยได้ไหม”
เขาขอร้อง แต่หล่อนส่ายหน้าตอบเขาด้วยเสียงกระด้างอีกด้วย
“ฉันไม่มีเวลามากนัก อยากคุยอะไรก็รีบๆ ”
“ทำไมทำกันแบบนี้”
“ทำอะไร”
“ยังจะมาถาม” เขาเสียงเครียด “ทำดีแล้วหรือ…ผละจากผัวหาใหม่
น่ะ”
“พูดให้ดีๆ นะ…” หล่อนแหวใส่ “มาอ้างได้ไง”
“ไม่ได้อ้าง มันจริง”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ไปให้พ้นหน้า เหม็นหน้า…เกลียดอีกด้วย
แล้วอย่าให้เห็นกันอีก”
หล่อนเปิดประตูพาตัวเองกลับเข้าไปโดยเร็ว เขายังยืนตะลึงกับคำ
เสือกไสนั่น ยังคาดไม่ถึงว่าหล่อนจะหนีจากไปไวเช่นนีพ้ อตั้งสติได้…เขาก็
620/913

ผวาตาม แต่ประตูปิดแล้ว…ล็อคจากข้างใน เขาทุบกระจกโครมๆ และรถ


กำลังเคลื่อนออก เขาแผดเสียงสนั่นใส่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ…หยุดเลย”
แต่วิษณุถามความเห็นของพิมพิกาแล้ว
“จะหยุดก่อนไหมครับ”
น้ำเสียงของเขาห่วงใยทุกข์ร้อน
“ท่าทางเขาจะคลั่ง”
“ไม่”
คือคำตอบเด็ดเดี่ยว
เฮอะ…วิษณุคิดในใจ…กอบัวกระจุยคงจะไม่เหลือใย เพราะไม่ใช่แต่
เด็ดบัว แต่เป็นการรื้อทิ้งทั้งกอ เขาสะใจเป็นอันมาก…แต่ยังไม่วายทำเสียง
กังวล หากนี่เป็นการเล่นละคร เขาตีบทแตกกระจุย เป็นบทที่เขาเล่นอย่าง
ถนัด วิษณุไม่รู้หรอกว่าเขาเล่นละครแม้จะเป็นในการดำเนินชีวิตแท้จริง
ของเขาเอง
“รีบไปกันดีกว่าค่ะ”
“เอาแบบนั้นแน่นะครับ”
“ค่ะ”
621/913

รถไม่จอด เขาทุบจากกระจกหน้าเลยมาถึงข้างหลัง แล้วพอไม่จอด


แน่แล้วเขาก็ง้างเท้าเตะไปแรงๆ ทีหนึ่งแล้วเท้าเอวมอง
“ยัยบ้า…ทำอะไรบ้าๆ …”
เขาตะโกนใส่ อารมณ์ขุ่นมัวไปหมด ฟ้ายามค่ำคืนยิ่งหม่น…ใจ
เจ็บช้ำ…ไม่อยากคิดเผื่อไปข้างหน้าเลยว่าแล้วเขาจะต้องพ่าย
///////////////////////////////////////////////////////////////////

“ทำไม่มากวนกันบ๊อยบ่อย”
ชนิตาตั้งคำถาม แต่ดนุทำตาวาว
“แกเรียกความหวังดีว่าการกวนหรือ”
“ใช่” ชนิตาเน้นเสียงตอบ “ตาไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เป็นได้ไง” ดนุสงสัยไม่วาย “แกหายไปกลับมาสารรูปของแก
แย่มาก…แกไปโดนผู้ชายมันข่มเหงมาแล้วแกยังใจนักเลงที่จะไม่เปิดโปง
มันออกมาอีก”
“เพราะมันเป็นสัตว์นรก…จะเปิดตัวมันทำไม”
“ให้มันชดใช้กรรมของมัน…แจ้งความเลย”
622/913

“พี่นุ…”
น้องสาวขานเรียก น้ำเสียงของหล่อนจริงจัง
“แล้วรู้ชะตากรรมของตาหลังจากนั้นหรือเปล่าว่าจะเป็นยังไง ตาเคย
เห็นผู้หญิงที่แจ้งจับคดีตัวเองถูกข่มขืนทำร้ายทางเพศพอขึ้นสู่กระบวนการ
ทางศาล…ศักดิ์ศรีที่เกิดมาเป็นคนน่ะมันย่อยยับไปหมด”
ดนุอึ้งไปเหมือนกัน เพราะที่ชนิตาพูดออกมานั้นมันถูกต้องทั้งหมด…
ไม่มีอะไรผิดไปแม้แต่น้อย…ไม่ผิดเลย
เขาคิดแบบนั้น…เขาถอนใจยาว
“พี่นุรู้ซินะ”
“ก็พอรู้” เขาอ้อมแอ้มตอบ “แต่ไม่ใช่ทยี่ เุ พราะอยากทำร้ายแกนะตา
แต่พี่ทนไม่ได้ที่จะให้ไอ้สัตว์ร้ายนั่นมันลอยนวลแล้วทำชั่วอีกต่อไป”
“ตารู้…คิดหรือว่าตาไม่อยากจะทำอะไรมัน”
“แกจะทำอะไร”
“มันอาจจะลอยนวล…แต่ไม่หรอก พี่นุ”
เสียงของหล่อนมีรอยเหี้ยมเกรียม
“ตาจะทำให้มันตายทั้งเป็น ตาจะทำให้มันรู้ว่ามันไม่ได้ชนะทั้งหมด.”
“ตา…พี่พอจะเห็นตัวมันลางๆ ”
623/913

“อย่าคิดอะไรกับเรื่องนี้เลย”
หล่อนขอร้องเสียงอ่อนโยนลง
“ขอบใจทีเ่ ป็นห่วงตา แต่ตาจะจัดการเอง อย่าเอาเวลาพีน่ ุมา
สิ้นเปลือง แล้วเกรงใจคุณศินจัง เขามาครั้งแล้วครั้งเล่า…พีน่ ุเจอกับเขา
บ่อยนักหรือหมู่นี้น่ะ”
“ก็พอจะเจอ”
“แล้วไปเจอกันจากไหน”
“จากงานแต่งญาติคุณศิน เพื่อนแกน่ะทำท่าหวานแหววกับนายแก
นะ”
“อะไรนะ”
“เพื่อนแก…เจ้าจันทร์…โอ้โฮ…ทำเชิดใส่คุณศิน”
“ควงวิษณุไป?”
“ใช่ แล้วไม่ได้อาละวาดด้วยนะ คราวนีท้ ำตัวดี อาจจะเพราะได้แฟน
ใหม่”
“จันทร์หลงผิดแล้วนะนั่น”
“แกน่าจะเตือนสติเพื่อน…สงสารคุณศิน”
“จันทร์เป็นคนที่ทำตามใจตัวเอง ตาจะพูดกับจันทร์เอง”
โดยชนิตาไม่รู้ว่าเรื่องนี้หล่อนไม่อาจจะพูดอะไรได้เลย
624/913

แล้วมิตรภาพก็ง่อนแง่นลง…
“กลับเหอะ”
หล่อนมารุนหลังเขาทำท่าไล่ส่ง
“อย่ามาอยู่นาน…เสียเวลานอนของตาไปเปล่าแล้วรู้ไหม”
พอพี่ชายกลับ หล่อนก็หมุนไปหาพิมพิกาที่บ้าน
“ยังไม่กลับมาเลยจ้ะ” พรรณรายบอก “ตาเหรอ…ไง…ได้ยินว่าเรื่อง
เดือดร้อน”
“ค่ะ แต่จบไปแล้วค่ะ ห่วงจันทร์จังเลยค่ะ พี่พรรณ”
“เมื่อหัวค่ำคุณวิษณุมารับ แล้วคุณศินก็ตามมา ตั้งแต่ไม่ได้คบกับ
นายมณฑล ไม่มีหน้าไหนได้มารับส่งถึงบ้าน บทจะมีมาก็สองรายติดกัน
แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกรายไหนอีกด้วย ทำท่าหวาดเสียวหัวใจจับใจทีเดียว”
“คงไม่มังคะ จันทร์น่าจะรู้ว่าตัวเองรักใคร และใครที่จันทร์ควรจะ
เลือกจริงจังด้วย”
“บางที…แต่ตอนนี้พี่กลัวนะ ตา”
“จันทร์จะกลับกี่โมงคะ”
“พี่ไม่รู้เหมือนกัน แล้วจะบอกให้โทรกลับนะ”
“ค่ะ ดึกหน่อยก็ได้ค่ะ…ตาจะรอ”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
625/913

เขาหยาบคาย ตอนเขาเตะรถส่งดังโครมนั่น พิมพิกากำมือแน่นหา


กัน แต่วิษณุไม่แสดงความโกรธออกมา

เขาหัวเราะหึๆ
“ท่าทางเขาจะคลั่งแล้ว”
“บ้าเลยค่ะ รถบุบหรือเปล่าคะ”
“คงไม่ เพราะรถผมแข็ง”
แต่จริงๆ แล้วเขาโกรธ รถเป็นสิ่งที่เขาทะนุถนอมมาก
ศศินยกเท้าเตะรถของเขาด้วยกิริยาต่ำช้ามากทีเดียว
เขาฉลาดพอจะไม่ให้พิมพิการู้อารมณ์แท้จริงของเขา
และเขาชวนหล่อนไปคุยกันต่อที่บ้าน
พิมพิกาลังเลเล็กน้อย และหล่อนยอมไป
คุณหญิงเพลินมองเห็นเขาพาพิมพิกาเข้ามา เธอคิดว่าน่าจะเป็นความ
ยุ่งยาก คุณผ่องพรรณคุยกับเธอในเรื่องนี้แล้ว เธอมองหน้าตาอันใสผ่อง
ของพิมพิกาด้วยความกังวลใจ แต่พยายามระงับเอาไว้
“ผมไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาบ้าน”
เขาบอกต่อหน้าคุณหญิงเพลิน
626/913

“ผมอยากบอกว่านี่เป็นเรื่องของเวลาดีๆ …และคนพิเศษ”
คำพูดของเขาอบอุ่น และคุณหญิงเพลินหัวใจกระเจิง
“ผมอยากบอกตรงนี้เลยว่าผมจะขอคุณจันทร์แต่งงาน”
คุณหญิงเพลินหน้าตาตื่น…
แต่ไม่ใช่ตื่นเต้น…หากเป็นตื่นตกใจเสียมากกว่า
พิมพิกาตกใจเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มออกกว้าง แล้วหล่อนก็ดนู วล
ผ่องสมดังความหมายของชื่อตัวเองอีกด้วย
“แน่ใจหรือคะ”
“จะตอบผมคืนนี้เลยหรือ”
“อาจจะเป็นแบบนั้น”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นคำตอบตกลง”
“หากมั่นใจก็ตกลงค่ะ”
ต๊าย…คุณหญิงเพลินร้องในใจ…ทำไมมันง่ายดายแบบนั้น…การเกี้ยว
พาแบบไฮเทคฯแบบนั้นหรือไร…
เธอไม่คาดคิด…แล้วทำความตกใจให้กับเธอ
“เดี๋ยวก่อนจ้ะ พ่อหนุ่มแม่สาว…” เธอร้อง “อาจจะง่วงนอนกัน
กระมัง ไปคิดกันก่อนนะ ปู้โธ่…มาถามแล้วตอบกันง่ายๆ ได้กระไร”
627/913

“ผมพร้อมครับแม่ คุณจันทร์ก็คงจะพร้อม”
แล้วคืนนี้ชนิตารอเก้อ เพราะพิมพิกาไม่ได้โทร.กลับมาหาเพื่อนอีก
เลย
51

“อะไรนะ จันทร์…เธอจะแต่งงานกับคุณวิษณุ?”

“ค่ะ”
น้องสาวตอบด้วยท่าทีสงบ แต่ในใจกำลังขุ่นเคืองที่พี่สาวของหล่อน
แสดงออกราวกับผิดหวัง และนั่นเหมือนพรรณรายจะรู้สึกแทนใครบางคน
‘ใคร’ คนที่พิมพิกาเองก็มีคำตอบในใจแล้วว่าน่าจะเป็นศศินนั่นเอง
“จันทร์…คิดดีแล้วหรือ…ทำไมรวดเร็วนัก”
“ค่ะ จันทร์คิดถี่ถ้วนแล้ว”
“คุณศินไปไหนซะ”
“ทำไมคะ”
หล่อนถามเหมือนจะรวน และทำสีหน้าให้เห็นอย่างหนึ่งจน
พรรณรายก็ชักจะกรุ่นๆ ด้วยความโมโหรำไร
629/913

“เอ๊ะ…ยายจันทร์ พีถ่ ามเพราะเป็นห่วงนะ เห็นเธอรวดเร็วแบบนี้


กลัวเธอจะผลีผลาม การแต่งงานนะจ๊ะ ไม่ใช่ไปตลาดแล้วเลือกซื้อผู้ชายมา
สักคน เธอน่ะใจไวเสมอสำหรับการซื้อของ ซื้อเพราะอารมณ์ชั่ววูบมา
เท่าไหร่แล้ว เพราะฉะนั้นพี่ไม่อยากให้เธอมานั่งเสียใจเหมือนเคยๆ ”
ทีพ่ รรณรายพูดมานั้นก็แสนจะถูกต้อง นั่นคือนิสัยของหล่อน
พิมพิกาไม่ใช่ผู้หญิงละเอียดลอออะไรเลย หล่อนเป็นคนที่น่าจะถี่ถ้วน แต่
ปรากฏว่าหล่อนเป็นคนค่อนข้างหยาบ หล่อนพอตาแล้วพอใจง่ายในสิ่งของ
ทีว่ างให้หาซื้อ หล่อนเลือกเอาตามความพอใจ แล้วก็อย่างพรรณรายพูด
เอาไว้ ซื้อแล้วมานั่งเสียใจภายหลังและเสียดายเงินบ่อยไป และอีกหลาย
หนนั่นแหละที่ของนั้นไม่เคยได้นำมาใช้นอกจากซุกเก็บในห้องเก็บของบ้าง
หรือก้นตู้เสื้อผ้าบ้าง
แต่เพราะหล่อนไม่ใช่คนที่จะยอมจำนนง่ายดายนัก หล่อนจึงเถียง
“ผู้ชายนะคะ…เขาเป็นคน…จันทร์รู้ จันทร์ไม่ลวกๆ อีกแล้วจันทร์
ตัดสินใจแล้ว”
“เธอทะเลาะกับคุณศินเหรอ”
“แหม…พี่พรรณ…ทำท่าเข้าข้างเขาจังเลย”
“เพราะเธอทำตัวน่าสงสัย…แล้วจันทร์…ก็เธอกับเขา…”
พรรณรายทำท่าจะพูดโพล่งออกมาเหมือนกัน แต่คงจะกระดากปาก
หรือไม่ก็เกรงๆ น้องสาวอยู่บ้างจึงค้างคาไว้แบบนั้น
630/913

พิมพิกาทำหน้าเคร่ง
“ไม่สำคัญหรอกค่ะ จันทร์ไม่ถือสา”
“เอ๊อ…ทำเป็นแม่สาวหัวใหม่ไปได้”
“ก็จันทร์เป็นหญิงยุคใหม่นี่คะ”
“คุณวิษณุเขารู้ไหม”
“ไม่รู้มังคะ”
“เธอคิดจะบอกเขาหรือเปล่า”
คำถามของพรรณรายมาแปลกๆ พิมพิกาพยายามข่มใจ
ตัวเอง…พยายามอย่างยิ่งจะไม่โกรธเคืองใดๆ รูว้ ่าเจตนาในหัวใจของ
พรรณรายนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว…ปราศจากด้านลบด้วย
แต่กระนั้นพิมพิกาก็ยังตอบห้วนๆ ด้วยท่าทีเป็นตัวของตัวเอง มาด
มั่นแบบไม่ลังเลใดๆ และไม่กริ่งเกรงด้วยว่าจะนำภัยมาสูต่ ัวเอง หล่อนเป็น
คนรุนแรง…ฉับไว และค่อนข้างจะมีนิสัยที่ประจักษ์กับตัวเองประการหนึ่ง
นั้นคือหล่อนไม่ได้มาตรฐานของการเป็นคนปกติธรรมดานัก
หล่อนรู้ว่าค่อนข้างจะบ้าและมีพฤติกรรมเพี้ยนๆ
หล่อนไม่ได้เป็นคนดีตามมาตรฐานที่มีเพื่อวัดหาคนดี…และหล่อนก็
ทำตามใจตัวเอง
631/913

พิมพิกาก็เคยแอบคิดเหมือนกันว่าการตัดสินใจของตัวเองหนนี้จะก่อ
ผลอย่างไรภายภาคหน้า หากแต่เมื่อคิดแล้ว…หล่อนก็มีคำตอบเหมือน
ปลอบตัวเองว่าช่างเถิด…ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น…หล่อนพร้อมจะยอมรับผล
ของมันทุกประการ
แต่หล่อนจะไม่รอศศินอีก…
พฤติกรรมของเขาน่าระแวงแคลงใจ
“ไม่บอกหรอกค่ะ พี่พรรณ…ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบอก”
“แล้วหากเขารู้?”
“ทำไมคะ” หญิงสาวถามอย่างฉงน “พี่พรรณกลัวอะไร”
“กลัวว่าเขาจะรังเกียจเธอแล้วไปมีเรื่องกัน”
“เขาท่าทางสมัยใหม่…จันทร์แน่ใจ”
“และหากเธอไม่ผ่านด่านล่ะ”
“ด่านอะไรอีกคะ” พิมพิกาถาม
พี่สาวของหล่อนมีคำพูดเปรียบเทียบเป็นนัยแปลกๆ หล่อนไม่รวู้ ่า
พรรณรายมีเจตนาจะหมายถึงอะไร บางทีในการคุยกัน…พรรณรายก็จะ
ออกไปได้ไกลเกินกว่าหล่อนจะตามได้ทันเสมอมาทีเดียว และพอได้ยิน
คำอธิบายจากพรรณราย หล่อนก็อึ้งไปนาน
632/913

“ก็หากคุณศินไม่ยอม…เขาอาจจะทวงถามสิทธิ์ของเขา…สิทธิ์ของการ
ครอบครองก่อน”
“จะบ้า”
หล่อนเอ่ยออกมาหงุดหงิดจนพี่สาวเลิกคิ้วมอง
“อะไรกัน จันทร์…นีเ่ ธอแสดงออกมาแบบนี้…พี่เชื่อสนิทเลยว่าเธอ
ทะเลาะกับคุณศิน เอาอารมณ์วู่วามมาใช้อีกแล้วรึ แล้วเธอต้องเสียใจนะ
ทำไมไม่ปรับหากันก่อน พี่เข้าใจละว่าเธอหลบหน้าเขาไปงานกับคุณวิษ
เพราะเธอไม่ต้องการจะจอยกับเขาอีกใช่ไหม…ทั้งที่พี่มองว่าเขารักเธอจะ
แย่”
“นั่นเป็นความคิดของพี่พรรณคนเดียวมังคะ”
หล่อนตอบด้วยเสียงเหมือนจะไม่แยแส ท่าทีกลับเป็นตัวของตัวเองที่
พรรณรายบอกว่าหากไม่ใช่น้องสาวที่หล่อนรักมากนักและหล่อนก็ห่วงใย
เหลือเกิน หล่อนคงจะซัดให้สองสามตุ้บหรือไม่ก็จะ ‘ด่า’ ให้แรงๆ จนเจ็บ
เหมือนกัน เพราะพิมพิกาทำท่าทระนงไม่แยแสใดๆ
“ยายจันทร์…พูดให้ดีนะ”
“พี่พรรณชอบเขา…อาจจะเพราะท่าทีของเขา…ก็แค่คนลวงโลกอีก
คน…” หล่อนยักไหล่ตัวเองเล็กน้อย “ก็เหมือนมณฑล…แต่มาคนละมาด
เท่านั้นเอง”
“เธอเอาเขาไปเปรียบกับหมอนั่นด้วย?”
633/913

“อุ๊ย…พี่พรรณ”
พิมพิกาหมั่นไส้พี่สาวสุดจะทนได้แล้ว
ซุ่มเสียงของพรรณรายราวกับจะรับไม่ได้
“ทำไมคะ…ไปถือหางเขาทำไม…เขาก็เพิ่งผ่านมาในชีวิตของจันทร์…”
หล่อนยกคางเชิดขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้ ยังดีที่รูปโฉมนั่น…เลอล้ำ มาด
มั่นหลงตัวเองที่พิมพิกาแสดงออกจึงยับพอจะเรียกว่าเข้ากับรูปโฉมตัวเองที่
มี…แต่ก็น่าซัดอยู่ดี
“จันทร์ไม่ได้คิดอะไรกับเขา…เพราะเขาเป็นพี่ชายยายนั่น…จันทร์
เพียงแต่คิดอยากจะลองไปฟาดฟันกับมณฑล แต่พอจันทร์มาคิด จันทร์
จะลดตัวลงไปอีกทำไมกัน มณฑลกับจันทร์กเ็ ลิกกันแล้ว …เงินของจันทร์
ก็ได้คืนมาแล้ว”
“แล้วเธอไม่คิดสักนิดหรือว่าเขาเป็นคนช่วยเอาเงินมาคืนเธอ…”
“บุญคุณหรือคะ” หล่อนถามเสียงเย็น “หรือพี่พรรณจะคิดให้จันทร์
เอาตัวเองสนองตอบเขา?”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
ลูกชายของเธอกำลังมีความทุกข์…คุณผ่องพรรณบอกตัวเอง เธอเดิน
มาข้างหลังเขา…วางมือแตะบ่านั่น เขาเหลียวมามองเธอ
634/913

“มีอะไรในใจหือ ศิน”
“มากมายฮะ”
เขาไม่ได้ตอบปฏิเสธ ดวงตาของเขายังมองไปบนฟากฟ้าจันทร์ดวง
งามแขวนอยู่กลางฟ้า แสงนวลใยเปล่งปลั่งนวลตาเป็นอันมาก เธอทอดตา
มองตามแล้วทอดถอนใจออกมา
“มันทดแทนกันได้ไหม”
“ไม่ได้หรอกฮะ แต่ผมกำลังมาทบทวนเรื่องราวแต่แรกที่ผมเจอเธอ”
“แล้วหลังจากนั้นลูกก็ทุกข์ทรมาน…ลูกไม่มีความสงบอีกเลย”
“ผมคิดว่าผมจะต้องเสียเธอไป แต่มันไม่มีเหตุผลเลยฮะแม่ ตรงนี้
ละที่ผมไม่เข้าใจ” เขาสารภาพออกมาตามตรง
คุณผ่องพรรณหนักในอกไปด้วยเธอมีลูกชายคนเดียวเท่านั้นสุขทุกข์
ของเขาไม่อาจจะสลัดพ้นจากตัวเธอไปได้ เธอไม่อาจจะทำตัวเป็นแม่ที่
ห่างเหินและกอบโกยเอาแต่ตัวเอง ลูกคือตัวแทนของสามีที่จากไป เธอ
ฟูมฟักถนอมเขามา ในความสำเร็จทีศ่ ศินมีมาตลอด…เธอยินดีกับเขา และ
เธอก็เฝ้ามองหาหญิงดีๆ ให้กับเขา
แต่เขาขอจากเธอว่าขอให้เขาเป็นคนเลือกเอง…และเธอขอเขาว่าอย่า
เป็นบุษยาเลย
635/913

พลาดจากบุษยามาเป็นพิมพิกา และลูกชายมาหมองเศร้าแบบ
นี้…หัวอกของเธอก็แทบจะแตกเหมือนกัน
เธอเคยขวางเขา…ขอเขา…เพราะเธอเห็นฤทธาที่พิมพิกาแสดงออก
มันน่าหวาดเสียวว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาทำลายความสุขสงบที่น่าจะมี
แล้วเธอก็คิดไม่ถึงว่าในที่สุดพิมพิกาก็ทำได้จริง…ทำโดยไม่ต้องเข้ามา
ยืนข้างกายของศศินในชีวิตจริงเลย
เมื่อเธอยอมรับได้แล้ว…ทำไมพิมพิกายังเล่นตัวนัก
“ศิน…บอกแม่มา…” เธอนั่งลง “แม่รู้แต่แรกหากแม่จะสนับสนุนซะ”
“แม่ฮะ…มันไม่ใช่ความผิดของแม่” เขาท้วงนุ่มนวล “มันเป็นเรื่อง
ของผมกับเธอสองคน และเธอเป็นผู้หญิงที่พิเศษมากทีเดียวเธอไม่เหมือน
ใครที่ผมเคยเจอ”
“แล้วเธอลบภาพยายนุ่นในใจของศินด้วยใช่ไหม”
เขาถอนใจยาว
“เรื่องยายนุ่น…ผมเมตตาแกเพราะเห็นว่าแกขาด ผมอาจจะคิดอะไร
ออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไร ทุกคนพากัน
กลัวไปเอง อีกทั้งยายนุ่นเองไม่เคยมีใจกับผม”
เมื่อบุษยาแต่งงานเข้าหอไปกับมณฑล…จึงไม่มีท่าทีทางลบจากศศิน
เลย
636/913

“หากผมจะแสดงความห่วงใยต่อยายนุ่นอีกก็เพราะว่าผู้ชายคนนั้นมี
พฤติกรรมไม่ค่อยดีนักหรอกฮะ ยายนุ่นจะตามไม่ทันเพราะแกซื่อ”
“ยอมรับเหอะน่า ศิน…ว่ายายนุ่นมันโง่”
“ไม่แรงไปหรือฮะ” เขาถามเธอ “ผมไม่คิดว่าจะขนาดนั้นแต่เพราะ
ยายนุ่นแกมีการศึกษาน้อยไป แกมีโลกไม่กว้างมากนัก”
“หากจะถูกหลอกจนหมดตัว…ก็จะทำอะไรได้ ทะเบียนจดไป
แล้ว…เป็นเมียเขาแล้ว นอกเสียจากจะหมดตัวแล้วซมซานกลับมา…” เธอ
เว้นระยะถอนใจนิดหนึ่ง “ถึงตอนนั้นเสียก่อนเราค่อยยื่นมือเข้าไป แต่
เอาเถิด…แม่ก็สั่งทนายเขาไว้เหมือนกัน กลัวคนของเราจะโง่กว่า”
แต่ความจริงก็คือบุษยาโง่กว่ามณฑลอยู่แล้ว อีกทั้งความรักความ
หลงก็แสนจะรุนแรงเป็นนักหนา เธอไม่อยากจะใส่ใจเพราะนั่นก็แค่หลาน
ของสามี เธอถือว่าบุษยาเลือกเอง…จะไปทางไหนเป็นไปอย่างไร…บุษยาไม่
มีสิทธิ์จะมาคร่ำครวญแสดงความเสียใจออกมา
และตอนนีเ้ ธอน่าจะสนใจเฉพาะกับศศินเท่านั้น เพราะเขากำลัง
ต้องการความช่วยเหลือ…แม้จะน้อยนิดจากคนเป็นแม่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
“ผมไม่เป็นไรหรอกฮะ แม่”
เขาบอกเมื่อเธอถามอย่างห่วงใยว่าเธอจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง
“ผมจะหาทางแก้ไขเอง แม่อย่าเป็นกังวลเลย”
637/913

“แล้วแม่จะต้องทนเห็นลูกมานั่งทอดอาลัยมองจันทร์กลางฟ้าไปอีก
นานแค่ไหนล่ะหนอ”
เอาละ…เธอตัดสินใจเด็ดขาด…เธอจะไปพบพิมพิกา แต่เธอก็ไม่ได้
บอกกับเขา เพราะคิดว่าเธอน่าจะได้จัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน
…ลูกเอ๊ย…เพื่อลูก…ถึงไหนถึงกันซิน่า…
แล้วเธอก็กอดเขาเอาไว้
“แม่เป็นกำลังใจของลูกเสมอจ้ะ ผ่านอะไรๆ มาได้ตั้งมากมาย จริง
ไหม นับประสาอะไรกับเรื่องรัก…”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เธอเจอพรรณรายในตอนค่ำ พี่สาวของพิมพิกาเป็นผู้หญิงทีแ่ ตกต่าง
จากน้องสาวในทางบุคลิกจนเห็นได้ชัด กับคำถามของเธอ…พรรณราย
ทำท่าหนักใจ
“เอ้อ..”
“มีอะไรหรือ”
“ยายจันทร์มาพูดเรื่องแต่งงาน”
คุณผ่องพรรณทำท่างงๆ และเธอก็ออกจากบ้านนั้นด้วยความรู้สึก
มึนและหนักในศีรษะไปหมดแล้ว
พรรณรายบอกว่าพิมพิกาจะแต่งงานกับวิษณุ
638/913

คุณพระช่วยด้วยเถิด…เธอเรียกหาพระตั้งแต่เดินออกมาจนถึง
รถยนต์ คนขับมองเธอ นายสนทำท่าฉงน
“ไม่สบายหรือครับ”
“โลกแตกซะคราวนี้” เธอพึมพำ “ตาศินต้องแตกสลายไปด้วย
โถ…ลูก…แล้วแม่จะเอาแรงที่ไหนไปช่วยลูกล่ะ ไปเถิดสน…จะต้องไปงาน
แต่ง”
ตอนแรกเธอก็ไม่อยากไปงานสังคมนี้เลย แต่เมื่อนึกได้ว่าคุณหญิง
เพลินก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน เธอก็เลยไป
เธอหวังจะไปพูดจาเลียบเคียงถามกับคุณหญิงเพลินเพื่อจะได้
เรื่องราวเพิ่มเติม
“ไม่สบายหรือ” คนอาวุโสกว่าร้องถาม
“อกจะแตกค่ะ”
“อากาศมั้ง…ร้อนจนแทบจะบ้าตายไปตามๆ กัน”
“มันร้อนใจค่ะ ไม่ใช่ร้อนอากาศ”
“เรื่องอะไรกัน”
“ลูกชายค่ะ”
“งั้นพี่โชคดีกว่านะ ตอนนี้ลูกชายมีข่าวดี”
“หรือคะ”
639/913

เธอคราง ตั้งใจฟัง แล้วคำบอกกล่าวในสีหน้ายิ้มๆ ของคุณหญิง


เพลินก็ทำให้เธอแทบจะลมใส่ เพราะเท่ากับคำยืนยัน
“ตาวิษจะให้ไปขอสาวค่ะ เขาว่ารักนักหนา”
“คงจะเป็นยายจันทร์…พิมพิกา”
“ใช่…แต่เอ๊ะ…ทำไมรู้”
“ตาศินจะตายเพราะผู้หญิงคนนี้”
“อ้าว…”
“ทำไมแกยอมจะแต่งกับวิษณุ”
“พีก่ ็ไม่รู้เรื่องละเอียดหรอกนะ ลูกมาบอกว่าให้ไปสู่ขอก็ว่าจะไป ทาง
โน้นเหลือแต่พี่สาวเป็นผู้ปกครอง แต่ก็จะจัดการสมหน้า”
“คุณพี่หญิงขา…ขอไว้หน่อยก่อนได้ไหมคะ อย่าเพิ่งไปขอ”
“ทำไม…”
“เรื่องของเด็กๆ ยังนัวเนีย…”
“คุณผ่องจะทำอะไร”
“จะพูดจากันอีกที อย่าว่าเอาความลับมาไขในที่แจ้งเลยนะคะ แต่
ยายจันทร์กับตาศินก็เคยสนิทกันจีจ๋ ๋า อย่าให้พูดมากกว่านีเ้ ลยนะคะ
เอาเป็นว่าพอขุ่นใจนิดเดียว…ทางผู้หญิงสะบัดหาใหม่ทันที อยากจะให้มี
การพูดจากันอีกสักหน คุณพี่หญิงจะประวิงเวลาไปอีกสักพักได้ไหมคะ”
640/913

คุณหญิงเพลินถอนใจ
“ได้น่ะได้…แต่อย่าเกินสิบวันนะ ตาวิษจะมาเฮ้วเอากับพีแ่ ล้วเรื่องจีจ๋ ๋า
นั่น…”
เธอหนักใจ เพราะรู้จักวิษณุดี ขืนบอกเขาจะต้องยกเลิกแน่นอน…จะ
พูดออกไปหรือวางเฉยเสียดีหนอ…
52

ห้าแสน…เงินสดๆ ใบละพันใหม่เอี่ยม…ไม่มากอะไรเลยตั้งของ
ธนบัตรนั่นนิดเดียวเอง แต่ชนิตามองด้วยแววตาเกือบจะเป็นว่างเปล่า
“ฉันให้เธอ…ค่าตัวเธอ”
ไม่มีคำตอบจากชนิตา เขาเลื่อนปึกเงินนั่นขยับมาอีกนิดตายังมอง
หญิงสาวที่นั่งหลังไหล่ตรงเบื้องหน้า
“เธอเฉยเมยเกินไปนะ ชนิตา เงินห้าแสน…เธอเคยได้มาครั้งเดียว
มากขนาดนี้ไหม”
เขาพูดได้ตรง หญิงสาวถือว่าเขาไม่ได้ดูถูก เพราะเงินได้มาครั้งเดียว
ห้าแสนสำหรับหล่อนนั้นไม่เคยมีมาก่อนเลย เงินเดือนเดือนละสองหมื่น
ห้า…เงินโบนัสปีละสี่เดือนก็แค่แสนเดียว…ไม่ได้ถึงห้าแสน หล่อนเคยคิด
จะมีเงินห้าแสน.หล่อนเคยฝันร่วมกับพิมพิกาว่าหากโชคดีถูกล็อตเตอรี่โดย
ไม่ต้องควักเอาจากเงินเก็บหอมรอมริบหล่อนจะซื้อทัวร์ไปยุโรป…อย่างแถว
สวิตเซอร์แลนด์ หล่อนจะไปนอนเล่นที่นั่นเป็นการพักผ่อนสักสองอาทิตย์
แต่ยามนี้เงินนั่นมาแล้ว…หล่อนจะซื้อทัวร์ก็ยังได้ เว้นแต่ใจของ
หล่อนไม่ได้เต้นริกๆ อยากไปทัวร์ใดๆ อีกแล้ว
642/913

“เธอรับไปซะ”
“แค่นี้?”
หล่อนถามออกมาในที่สุด เขาผงะไปเล็กน้อย
“เธอจะเอาเท่าไหร่หือ…ชนิตา…ค่าตัวเธอน่ะมันมากไปด้วยซ้ำ กะหรีท่ ี่
ว่ายอดเยี่ยม…เอามันมากกเป็นอาทิตย์ก็ไม่ถึงสองแสน”
หล่อนกัดริมฝีปากด้านใน นี่คือวิษณุ…คือความต่ำช้า…เขาอาจจะ
เก็บงำต่อหน้าคนอื่น…แต่กับหล่อนไม่เคยเลย เขาเป็นตัวเขา…พูดจาไม่
เข้าหู และไม่เคยสนใจความรู้สึกของหล่อน
“นั่นมันกะหรี่”
หล่อนเถียงออกไป น้ำเสียงเยือกเย็นเป็นอันมาก
“แต่ฉันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นมันน่าจะแพงกว่านี้”
หล่อนแตะปึกเงินนั่น
“มีมากนักไม่ใช่หรือ รู้ค่าของเงินกับค่าของฉันหน่อยซี้ในเมื่อไม่ใช่
กะหรี่ให้ต้องคิดถึงเรื่องไม่ปลอดภัยก็ต้องจ่ายแพง…แล้วยังจะค่าปิดปาก
อีก”
“เธอโกง” เขาร้อง…ชักจะหัวเสีย
643/913

ชนิตาทำให้เขาเดือดได้เสมอ หล่อนเป็นนังตัวร้ายคนหนึ่งทีเดียว แต่


หล่อนทำท่าเฉยๆ เหมือนไม่แยแสต่อปฏิกิริยาของเขาวิษณุลุกยืนเอามือ
เท้าขอบโต๊ะเอาไว้แล้วโน้มตัวมาเบื้องหน้าเล็กน้อยตะคอกใส่หน้า
“เธอกำลังทำให้ฉันโมโหนะ รึว่าอยากจะโดนเสียบอีก”
หล่อนค่อยๆ เหลือบตามองเขาด้วยความเย็นชา…ไม่มีความรัก…ไม่มี
ความเกลียดชัง…ไม่มีแม้แต่ความโกรธ…นอกจากความว่างเปล่า…เฉยเมย
หล่อนช่างทำได้…ผู้หญิงคนนี้กวนโทสะเขามาแต่แรกทีพ่ บเจอ วันแรกของ
การที่เขาเข้ามาบริหารงานในออฟฟิศที่มารดาเซ็ทงานรอท่า หล่อนรอ
ต้อนรับเขาด้วยท่าทีปราศจากความยินดียินร้าย
หล่อนกระด้างใส่เขา…ท้าทายเขา…และเหมือนเยาะเขาในที
…ก็ได้ดีเพราะแม่หรอกว้า…
แววตาของหล่อนบอกเขาแบบนั้น
และทำให้เขาฮึดกับชนิตามาตลอด…เขาชังหล่อน…
“อย่าเลย…อย่าคิดระยำแบบนั้นอีก มันจบลงแล้ว โอกาสของคนโฉด
ไม่ได้เป็นนิรันดร”
หล่อนตอบด้วยเสียงอันเฉยเมย
“ฉันอยากได้ห้าล้าน”
“ไม่…”
644/913

“ฉันต้องได้”
“ถ้าฉันไม่ให้”
“ฉันจะบอกทุกคนเลย”
“ตอแหล…นังตอแหล”
เขาด่าออกมา ชนิตารับฟังแบบไม่สะดุ้งสะเทือน หากเขาไม่ด่า
ซิ…หล่อนคงจะหวั่นไหวว่าเขาจะมาไม้ไหนด้วยอีก
“ค่ะ…ฉันตอแหล…เพราะเคยบอกว่าจะไม่พูด…แต่นี่มันโอกาสได้เงิน”
“หล่อนมันเลว…”
“ห้าล้านแล้วกัน ไหนๆ ก็ลงมาเสียบกับคนเลว มันแพง…เพราะมัน
ต่ำและสกปรก กว่าจะล้างออกหมดมันไม่ใช่ถูกๆ ”
“ฉันจะไม่ให้หล่อน”
“ก็ลองดู” หล่อนตอบเรียบ “ฉันจะเก็บห้าแสนเป็นเงินมัดจำ”
“หากให้เธอห้าล้านแล้วจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน”
วิษณุร้องถาม
“ฉันไม่เบี้ยวแล้วกัน”
“ขนาดนี้ยังเบี้ยว…”
645/913

“มันเป็นโอกาสของฉันบ้าง เหมือนคราวก่อนโอกาสของ
คุณ…ทีใครทีมันไง ห้าล้านไม่ได้ไม่ต้องพูดกันอีก ฉันจะบอกจันทร์”
หล่อนลุกขึ้นยืนหลังจากเอาปึกเงินนั่นใส่ซองกระดาษหนาสีน้ำตาลใบ
ที่เขานำใส่เงินมานั่นแหละ
“อย่างน้อยฉันก็ต้องล้างคาวคุณด้วยราคาแพงเหมือนกัน”
หล่อนเดินเชิดออกไปแล้ว มาดของหล่อนทำให้วิษณุตะโกนก้องตาม
หลังมาอย่างหัวเสีย และชนิตาได้ยินตลอด หล่อนปิดประตูตามหลัง ไม่ได้
หวั่นไหว
พนักงานคนอื่นพากันมองดูหล่อน หญิงสาวก็แย้มยิ้มเยือกเย็นดุจ
เดิมที่เคยประทะกับเจ้านายเสมอ
หญิงสาวก้าวไปที่โต๊ะทำงานของตัว หย่อนซองเงินลงไปแล้วก็ลงมือ
ทำงานต่อ
หากได้ครบห้าล้าน…หล่อนจะลาออกจากที่นี่
และค่ำนี้หล่อนตั้งใจจะไปพบพิมพิกา…โดยที่ชนิตาไม่รู้เลยว่าจะต้อง
เริ่มต้นบาดหมางกันกับเพื่อนที่รักที่สุด และสาเหตุนั้นมาจากวิษณุที่ทำให้
หล่อนต้องโกรธแค้นเขามากกว่าเดิม
646/913

/////////////////////////////////////
ข่าวมาถึงเขาจนได้…หล่อนจะ
แต่งงาน…พิมพิกาจากเขาแน่แล้ว
บุษยาเดินมาหาเขาถึงที่นี่
“นุ่นเสียใจจริงๆ ค่ะ”
หล่อนบอก มองสังเกตหน้าเขาแต่ไม่ถนัดนัก เพราะคนมีศักดิเ์ ป็นพี่
ยืนอยู่ในเงามืด
“นุ่นเพิ่งกลับมาจากฮันนีมูน ยังคิดกับเขาเลยนะคะว่าถึงตาคุณศินจะ
แนะนำให้ไปที่นี่บ้าง”
“ขอบใจทีห่ วังดี” เขาตอบเรียบๆ “โล่งอกดีซินะ คุณจันทร์จะ
แต่งงาน”
“แต่เธอน่าจะแต่งกับคุณศิน”
“ไม่จำเป็น”
“ทั้งที่…”
647/913

“ไม่ต้องพูดนะนุ่น”
เขาปรามด้วยเสียงเฉียบขาด เบือนหน้ามาให้เห็น
“พีอ่ ยากจะบอกเธอว่าไม่มอี ะไรเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องพูดยาวความ
ออกไป”
“คุณศินมาโกรธนุ่นทำไม” หล่อนพ้อ “แม้แต่พูดถึงเล็กๆ น้อยๆ ก็
ไม่ได้ นุ่นเข้าใจละว่าตั้งแต่คุณศินเจอเธอ น้องสาวคนนี้เหมือนหมา”
“พูดมากน่า ‘นุ่น’ เธอกลับไปหาผัวของเธอซะ…ครองคูอ่ ยู่สุขกันเถิด
อ้อ…บอกมณฑลด้วยว่าเขาควรจะหุบปากให้แน่นในเรื่องนีเ้ ช่นกัน พี่ไม่
อยากได้ยินใครเอ่ย”
“มันแสลงใจหรือคะ”
“มันคนละประเด็น” เสียงตอบนั่นเย็นชา “ห้ามพวกเธอพูดถึงว่าครั้ง
หนึ่งคุณจันทร์กับพีม่ ีความสัมพันธ์ต่อกัน เพราะเธอเองกำลังจะแต่งงาน
ชีวิตของเธอควรจะไปได้ด้วยดี”
บุษยาได้แต่ร้องในอกว่าทำไมถึงมากมายปานนั้นด้วย
หล่อนริษยาหญิงคนนั้น…ครั้งหนึ่งศศินเคยไยดีแต่หล่อนคนเดียว
การก้าวย่างเข้ามาของหญิงคนนั้นมีความหมายกับเขามาก และมากรวมไป
ถึงสามีของหล่อน มณฑลเองก็เคยรักพิมพิกามาก่อน แล้วตอนนี้พิมพิกา
จะแต่งงานกับวิษณุ นั่นเป็นลูกชายคนเดียวของคุณหญิงเพลิน รูก้ ันทั่วว่า
คุณหญิงเพลินมั่งมีเพียงไร
648/913

พิมพิกาคงจะเป็นผู้หญิงโชคดีมหาศาล…วิษณุครองตัวเป็นโสดมา
นานทีเดียว
การแต่งงานครั้งนี้…ผู้หญิงอีกหลายคนน่าจะผิดหวัง…และคนผิดหวัง
คนหนึ่งที่เป็นชายก็คือศศินนี่เอง
หล่อนกลับมาบอกกับมณฑล เขานิ่งไปนาน หล่อนมาหยุดข้างหลัง
เขา โอบกอดรอบเอวเขา แนบหน้ากับแผ่นหลังนั้นไม่ยอมมองหน้าเพราะ
กลัวตัวเองจะเสียความรู้สึกดีๆ ไป
หล่อนรู้ว่าเขาคงจะเสียดายพิมพิกาอยู่
“รู้สึกยังไงคะ”
ไม่มีคำตอบจากเขา
“หรือจะใจหายอีกคน…เหมือนคุณศิน”
“เขายอมหรือ”
“ก็เห็นทำท่าหักใจดี แถมยังเอ็ดนุ่นซะอีก…ไม่ให้พูดไปว่าหล่อนเคย
เป็นของเขามาก่อน แล้วเขาก็ฝากห้ามไม่ให้คุณพูดด้วยนะคะ”
“เป็นใคร…ทำมาสั่ง” มณฑลเสียงกร้าว
“คุณคะ…ฟังเขาบ้าง”
“นุ่น…ผมไม่เข้าใจเลยนะว่าทำไมต้องคร้ามเกรงเขาด้วย”
“เพราะเขาเป็นคนมีอำนาจ”
649/913

“อำนาจอะไร…เผด็จการในตระกูลหรือ”
“คุณต้องเข้าใจค่ะว่าครอบครัวของเรายังเป็นระบบกงสี”
“ผมได้ยินจนเบื่อ”
บุษยาย่นจมูกเล็กน้อยกับเสียงหงุดหงิดใจของเขา เพราะเขาพูดย้ำ
เสมอว่าเขาได้ยินจนเบื่ออะไรทำนองนั้น แต่หาความเข้าใจจากเขาได้ยาก
มาก…ด้วยเหตุทวี่ ่าเขาไม่ค่อยจะยอมเข้าใจเอาเสียเลย แต่เพราะหล่อนรัก
เขามาก หล่อนอดทนต่อเขาได้…และคิดว่าหล่อนน่าจะเปลี่ยนแปลงเขาได้
“กงสี?…แล้วส่วนของนุ่นล่ะ”
“นุ่นเองปากท้องเดียว…แล้วพ่อ…”
หล่อนหุบปากตัวเองได้ทันการ ไม่อยากประจานพ่อผู้ตายจาก…พ่อที่
เป็นแกะดำของครอบครัว…ไม่เอาไหนเลยตามน้ำคำของบรรดาญาติๆ พ่อ
ได้แบ่งสมบัติไปแล้ว และแยกตัวออกไปเพียงคนเดียว หากการกระทำ
แบบนั้นไม่เรียกว่าเป็นแกะดำแล้วก็ไม่รู้จะเรียกอะไรกันอีก
“คือของนุ่นนี่พิเศษค่ะ นุ่นเองก็มเี งินที่ลงทุนในส่วนของนุ่นแล้วคุณ
ศินก็ช่วยดูแลให้”
ไอ้หมอนั่นอีกแล้ว…มณฑลคิดในใจด้วยความหงุดหงิดเป็นอันมาก
“ต่อไปนี้นะนุ่น ตามทีเ่ ราตกลงกัน ผมจะดูแลธุรกิจการเงินของนุ่น
เอง…”
650/913

“ก็แน่อยู่แล้วค่ะ” หล่อนคล้อยตาม “นุ่นบอกคุณมาแต่แรกแล้วว่า


นุ่นยอมทุกอย่าง”
“แล้วก็…” เขาหมุนตัวกลับมาเชยคางหล่อนขึ้น “เราจะต้องเริ่มต้น
อย่างแรกด้วยการไม่ต้องยอมต่อเขาด้วย เขาไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตของนุ่นอีก
แล้วนะที่รัก”
เขาโน้มตัวมาจูบหน้าผากของหล่อน แสดงความรักต่อหล่อนเหมือน
แสดงออกต่อหมาที่เลี้ยงเอาไว้…เขารู้สึกกับบุษยาแบบนั้น…เขามุ่งหวังจะ
กอบโกย นี่เขาก็แอบเอาไปให้ทางบ้านเขาได้ไม่น้อย เอาเงินของหล่อนไป
ต่อเงินของเขาในด้านธุรกิจ
หล่อนโง่จะแย่ แต่หากปล่อยหล่อนไว้กับศศิน เขารูว้ ่าเขาจะไม่ได้
ดังที่ปรารถนา และเขายอมไม่ได้อีกด้วย…ไม่ยอมกระทั่งเรื่องสั่งของศศิน
เขาโทร.ไปหาพิมพิกาวันรุ่งขึ้น
“ไง…จันทร์…เลือกผัวได้แล้วหรือ”
เขาทักถาม ไม่เห็นหน้าหล่อนแต่คาดว่าหล่อนน่าจะโกรธแต่เขาคาด
ผิด หล่อนหัวเราะมาเบาๆ
“ดีใจกับฉันไหมล่ะ”
“ทำไมเลือกหมอนั่น.สี่สิบแล้วนะ แก่จะแย่”
“อายุกำลังดี”
651/913

“แล้วนายศศินล่ะ”
“ก็แค่เพื่อนกัน”
“เพื่อนที่จันทร์ยอมไปนอนด้วยงั้นซิ”
“มณฑล…อย่าสาระแนรู้ดีไปหน่อยเลย”
หล่อนว่าอย่างไม่เกรงใจอะไรเลย
“ฉันจะนอนกับใคร…ฉันก็ไม่ได้ไปนอนบนหัวกบาลคุณ”
เขาไม่ทันได้ตอบ หล่อนก็เอ่ยต่อด้วยซุ่มเสียงราวกับสะใจ
“หรือว่าเกิดจะเสียดายที่ฉันไม่เคยนอนกับคุณในช่วงเวลาที่เราคบหา
กัน”
“เก่งนี่จันทร์” เขาเอ่ยชม “อยู่ๆ ก็ดัดจริตทำเป็นไม่แคร์เรื่อง
เสียตัว…”
ไม่มีคำตอบจากหล่อน และพิมพิกาก็พบว่าหล่อนหมดสิ้นแล้วเยื่อใย
ในตัวมณฑล ก่อนหน้านี้สักห้าหกเดือน…หล่อนทำท่าบ้าคลั่ง หล่อน
ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติกับการที่ตัวเองถูกทอดทิ้งแล้วพอจะหมด…มัน
หมดไปเองในวันหนึ่ง…วันที่หล่อนเองก็แทบจะไม่รู้ตัวว่ามันหมด
และหล่อนก็ยังพบว่าตัวเองสบายดี…ไม่เหลือรอยเจ็บปวด…ค้างคา
จากผู้ชายชื่อมณฑลอีกแม้แต่น้อยนิด
มันขุดรากถอนโคนทิ้งไป…
652/913

และรอยแผลใหม่แทนที่…ในยามหล่อนแสดงอากัปกิริยาออกว่า
หล่อนยินดีปรีดากับการจะแต่งงานกับวิษณุ
ใจของหล่อนมีศศินย่ำรอยทิ้งเอาไว้เพียบ…
////////////////////////////////////////////////////////////////////

ชนิตาแวะมาอีก…เพราะมาคราวก่อน
หล่อนไม่เจอพิมพิกา
และคราวนี้สมใจ พิมพิกาเพิ่งขับรถเข้ามา หล่อนเข้ามาเจอชนิตา
“อ้าว…ตา”
พิมพิการู้สึกว่าตัวเองเก้อเขิน มันเริ่มต้นจากความรู้สึกแคลงใจหลา
ยๆ อย่างกระมัง…
ท่าทีของพิมพิกาเข้าตาชนิตาจนหล่อนสัมผัสได้
“จันทร์เป็นอะไร”
เพราะเพื่อนหล่อนไม่เคยแสดงความห่างเหินออกมาเช่นนี้ก่อนหน้า
นั่นเอง
“งานเยอะ…ทำโอมาด้วย”
653/913

“ฉันมานานแล้ว”
ท่าทีของชนิตาอิดโรย และหล่อนก็แวบถึงศศิน…เขาน่าจะดูแลชนิตา
มากกว่านี้
“อยากพูดกับเธอ…พี่พรรณบอกว่าเธอจะแต่งงาน…”
“ใช่”
“แล้วคุณศิน?”
“ทำไม”
“เธอกับเขา?”
พิมพิกายักไหล่เล็กน้อย
“จบไปแล้วล่ะ ตา ฉันไม่คิดว่าจะต้องแต่งกับเขา แต่ฉันแปลกใจว่า
ทำไมเธอมาเชียร์เขา…ทั้งที่เธอกับเขา…”
ชนิตาขมวดคิ้วรำไร
“เธอคิดอะไรน่ะ จันทร์”
พิมพิกายืนหันหลังให้
“ตา…เธอหายไป…เธอไม่บอกกล่าวอะไร…แล้วฉันก็เห็นเขาอยู่กับเธอ
ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมเธอต้องโกหกฉัน…ทำไม…หรือว่าเธอเห็นฉัน
เป็นเพื่อนแล้วไม่อยากให้ฉันกับเขาแตกแยกจากกัน แต่ฉันไม่ทำแบบนั้น
เพื่อทำร้ายเพื่อนอย่างเธอ”
654/913

พิมพิกาหันกลับมา
“บอกฉันซิตา…ว่าเขาเป็นคนทำร้ายเธอ แล้วเขาก็ยังมีอำนาจพิเศษ
พอจะปิดปากเธอ”
“จันทร์…จะบ้าแล้ว” ชนิตาตวาดแว้ด “เธอคิดอะไร…คิดเหลวไหล
เธอต้องไม่แต่งกับวิษณุนะ…ไม่ได้”
“เสียใจ ฉันบอกเขาไปแล้ว คุณหญิงแม่ของเขากำลังจะมาขอฉัน
แล้วฉันมั่นใจกับการแต่งงานนี่ ฉันกับศศินไม่ได้รักกันและฉันไม่เคยรัก
เขา แล้วฉันยังดีใจที่ฉันไม่เคยหลงรักคนลวงโลกแบบเขาด้วย”
53

ชนิตาพยายามใช้เวลาเพื่อปะเหลาะให้พิมพิกาใจอ่อนลงแต่ยิ่งพูดกัน
ยิ่งเป็นว่าเพื่อนรักสองคนแผดเสียงเข้าหากัน จนพรรณรายต้องรีบพา
ตัวเองถลันออกมา ตอนที่มายืนทำหน้างงๆ แกมตกใจระหว่างเพื่อนรัก
สองคนนั้น หล่อนสังเกตเห็นสีหน้าที่กระด้างบึ้งตึงของทั้งคู่
“อะไรกันจ๊ะ…ค่อยพูดค่อยจากันดีไหม ทำไมส่งเสียงลั่น…ทะเลาะกัน
เรื่องอะไร”
พิมพิกาเป็นคนสะบัดหน้าไปทางหนึ่ง ปกติชนิตาเคยรับท่าทีแบบนั้น
ของเพื่อนได้เสมอ แม้จะเคยหมั่นไส้แต่มันก็แกมด้วยความเอ็นดูเพราะ
เห็นแก่ความเป็นเพื่อน ไม่เหมือนยามนี้…พอพิมพิกาทำท่าแบบนั้น หล่อน
ก็เดือดปุดขึ้นมาทีเดียว
“ถามจันทร์ซิคะ อยากแต่งงานจนตัวสั่น ตาพยายามห้าม…”
“อย่ามายุ่งกันฉัน” พิมพิกาแผดเสียง
“เออ…ก็ได้ ฉันจะไม่พูดเรื่องนีอ้ ีก…หากเธอมองว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็น
การยุ่ง”
656/913

“เธอไม่มีสิทธิ์มาจัดแจงชีวิตฉัน”
“จันทร์…”
พรรณรายท้วง รู้สึกว่าน้องสาวก็พูดแรงเกินไป หล่อนรู้สึกหวั่นหวาด
ในใจอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนว่าจะมีการแตกหักกันแท้จริง เหมือน
เพื่อนไม่อาจจะรอมชอมรักษามิตรไมตรีต่อกันเอาไว้ได้อีก
ไม่น่าเลย…พรรณรายคิด…และมันมีสาเหตุมาจากเรื่องอะไร
“พี่ว่า…”
“พี่พรรณ…จันทร์ขอละ…พี่พรรณไม่เข้าใจ…ระหว่างจันทร์กับตา…ว่า
เราเถียงกันเพราะเรื่องอะไร แต่จันทร์บอกว่าจันทร์แยกทางไปด้วยความ
หวังดีต่อเพื่อน…ก็เท่านั้น จันทร์เห็นใจว่าต้องหลบๆ ซ่อนๆ เก็บงำกัน
แล้วจันทร์ก็ไม่อยากเห็นเพื่อนต้องน้ำตาตก จันทร์ยังพอมีทางดิ้นรนไปพบ
เจอคนดีๆ ให้ตาเอาเขาไปซะเอง…ไม่ต้องมาทำหวังดีชักแม่น้ำทั้งห้ากับ
จันทร์”
พิมพิกากำลังจะพ้นประตูห้องออกไปอยูแ่ ล้ว แต่ชนิตาวิ่งตามมา
กระชากแขนจนพรรณรายตาค้าง ร้องอุทานออกมาแหลมๆ ด้วยความ
ตกใจอย่างยิ่ง
“อุ๊ย…อะไรกันจ๊ะนั่น…ทำอะไรกัน”
ชนิตาดึงอย่างแรงจนพิมพิกาเซมาตามแรง
657/913

“พูดบ้าอะไรออกมาหือ จันทร์…ใครน้ำตาตก…ใครดิ้นรนมีทางไป
และใครไม่มีทางจะไปกัน”
ตาต่อตามองสบกัน ดวงตาที่เคยเปล่งประกายมิตรไมตรีอันลึกซึ้ง
บริสุทธิต์ ่อกัน มิตรภาพไม่ได้เกิดในวันเดียวฉันใดก็ฉันนั้นมิตรภาพ
งอกเงยตามเวลา…ด้วยความรัก…ความจริงใจ เอื้ออาทรเปี่ยมมั่นด้วย
ความไว้วางใจและรับฟังซึ่งกันและกัน มีอะไรขุ่นข้องหมองใจต้องรีบ
ปรับ…รีบหันหน้าปรึกษาหารือ แต่ยามนี้เหมือนสูญสิ้นไปหมดแล้ว
“ก็เธอไง…”
ไม่เพียงแต่จะมองเห็นชนิตาตรงหน้า แต่หล่อนยังมองเห็นศศินผุด
ลอยทาบทับขึ้นมาอีกคน และเพราะว่าหล่อนเป็นคนอารมณ์แรงมากอยู่
เป็นทุนเดิมนั่นเอง หล่อนจึงระเบิดออกมา…ความโกรธความขุ่นแค้น…และ
ในความสัมพันธ์ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับหล่อนนั้นก็แสนจะรุนแรงมาก
เกินพอ
หล่อนเสียตัวให้กับศศิน…
หล่อนนอนกับเขา…ไม่มีการทวงถามใดๆ
และหล่อนก็พบว่าเขาไม่ได้มีแต่หล่อน…เขายังมีชนิตาอีกด้วย
หล่อนจึงโกรธกับการหลอกลวงของเขา…แม้แต่เพื่อนก็ยังหลอกลวง
หล่อน
คนสองคนเห็นหล่อนเป็นอะไร…นังโง่อย่างนั้นหรือ
658/913

“ฉันสงสารเธอนะ ตา เธอหายตัวไป…เธอไม่ยอมบอกว่าเป็นเขา…เธอ
โดนเขากระทำจนยับ…เธออาจจะเห็นแก่ฉัน…แต่ไม่ต้องเลย…ฉันไม่
ต้องการการเสียสละจากเธอ”
“จันทร์คิดว่าไอ้สัตว์หมานั่นเป็นคุณศิน?”
“จะมีใครอีก”
“อ้อ…เธอคิดแบบนั้นก็ดีละ”
“เอาเขาไปซะ เอาเขาไปพ้นๆ บอกเขาด้วยว่าแล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
พิมพิกาทำให้มือของชนิตาตกผล็อยลง มีแต่เสียงพึมพำของชนิตา
แผ่วเบา
“แล้วเธอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เธอกำลังปฏิเสธเสียงของหัวใจ
ตัวเอง…จันทร์…ในที่สุดเธอก็หลงทาง…หลงลมของนายวิษณุ…ฉันอยาก
ช่วยเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือใดๆ อีกแล้ว”
“เธอควรจะช่วยเหลือตัวเองมากกว่านะ” พิมพิกาบอกเสียงเย็น “ฉัน
ไม่ขวาง…และฉันไม่สนใจด้วยว่าเรื่องของเธอกับเขาจะเดินไปทางไหน”
พิมพิกาลับตัวไปแล้ว พรรณรายยังทำหน้างงๆ หล่อนพยายาม
ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน…แต่ยังมึนงง
“ตาจะกลับละค่ะ” ชนิตาบอก “ตาขอโทษที่มาเอะอะขึ้นเสียงที่นี่ ตา
ไม่ได้เจตนา…ตาเพียงแต่คิดว่าตาหวังดีกับเพื่อน แต่จันทร์ไม่อยูใ่ น
ภาวะอารมณ์รับรู้ และเห็นทีว่านับจากนี้ต่อไป…ตาอาจจะไม่มาที่นี่อีก”
659/913

ดวงหน้าของชนิตาเศร้าลงเป็นอันมาก และทำให้พรรณรายแสนจะ
ตกใจ
“ตา…ทำไมจะต้องรุนแรงกันขนาดนั้นด้วย น่าจะปรับเข้าหากันใหม่”
“ตาพยายามจะทำแบบนั้น” หล่อนบอกในเสียงอ่อนโยน “แต่ปรากฏ
ว่ามันไม่สำเร็จ เราเถียงกัน ขัดใจกันซะก่อน สิ่งเลวร้ายที่สุดที่ตาเองไม่
เคยคิดมาก่อนเลย” หล่อนมีน้ำตาคลอๆ ในดวงตา “ตาจะต้องขอบันทึก
เอาไว้ว่าทั้งหมดนี่เพราะว่าผู้ชายคนเดียว…ไอ้สัตว์หมานั่น และคนอย่าง
จันทร์เหมือนคนบ้า…หัวชนฝากับความดื้อรั้นของเค้า…ตาจะไม่ง้อแล้วล่ะ
ค่ะจนกว่าจันทร์จะรู้เอง”
“ทำไมล่ะ”
“ความพยายามของตาหมดแล้ว และกับคนดื้อจัดอย่าง
จันทร์…ตอนนี้ภาวะอารมณ์แบบนี้…ตัดสินใจไปแล้วอีกด้วย อย่าหมาย
เปลี่ยนใจของจันทร์เลยค่ะ”
ชนิตาไหว้ลาพรรณรายที่ทำท่าหนักใจเป็นอันมาก และหันหลังเดิน
ออกมา
ใจของชนิตาเต็มไปด้วยเสียงด่าทอ
จะใครซะอีก..หากไม่ใช่วิษณุ…
“สัตว์นรก…ขอให้ตายโหงตายห่า…อย่าตายดี…”
660/913

หล่อนเกลียดเขา และหากเขาจะแต่งงานกับพิมพิกา…หล่อนจะไม่
ขัดขวางเลย แต่ว่าหลังจากการแต่งงาน…หลังจากการส่งตัวเข้า
หอ…แน่นอนว่าสิ่งที่เขาจะได้รับจากหล่อน…ย่อมจะทำให้เขากระอักเลือด
แน่นอน
เพราะหล่อนเหมือนหมา…และหล่อนถูกไล่จนตรอกไปแล้ว
หมาที่อยู่ในลักษณะนีก้ ็เหมือนหมาบ้า และพร้อมจะกัดไม่
เลือก…แถมยังเป็นการกัดแบบไม่ปล่อยอีกด้วย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกาออกมาทานอาหารเช้าในสีหน้าท่าทางเป็นปกติอย่างยิ่ง และ
พรรณรายก็อดปากไม่ได้
“มันอะไรกันนะ จันทร์ พีแ่ ทบจะไม่เชื่อ…เธอกับยายตาทะเลาะกันถึง
ขั้นแตกหัก…ทำไมคราวนี้ไม่มีการง้อกัน”
พิมพิกายักไหล่เล็กน้อย แต่ไม่ยอมตอบ
“จันทร์…ได้ยินที่พี่พูดไหม”
“ค่ะ”
“เธอทำอะไรอยู่”
“เปล่าค่ะ”
“แต่เธอควรจะง้อเพื่อน”
661/913

“พีพ่ รรณไม่เข้าใจอะไรหรอกค่ะ จันทร์ทำลงไปนั่นน่ะเพราะจันทร์


หวังดีกับเพื่อน ตายังมองไม่เห็นในตอนนี้…แล้วตาจะเห็น…จะรู้ไปเองว่า
จันทร์ไม่ได้ประสงค์ร้าย”
“เธอจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่ไม่ได้…”
พิมพิกาจ้องหน้า ท่าทางเอาเรื่องพี่สาวจนพรรณรายชะงักปากเหมือน
กัน
“เธอตั้งท่าจะเอาเรื่องพี่อีกด้วยแน่ะ”
“จันทร์กำลังจะขอจากพี่พรรณตะหากคะ”
หล่อนบอก กระแสเสียงของหล่อนยังเหลือความอ่อนโยนอยูไ่ ม่น้อย
แต่กระนั้นพรรณรายจับได้ว่าพิมพิกากำลังตีเส้นไม่ให้หล่อนล่วงล้ำเข้าไป
มากกว่านี้อีกแล้ว
พรรณรายถอนใจยาว หล่อนคิดว่าน่าจะปล่อยวางเหมือนกัน เพราะ
พิมพิกาก็เรียกว่าเติบโตพอแล้ว น่าจะมีความรู้สึกนึกคิดที่มีสติแบบคนโตๆ
และหากจะผิดพลาดไปจากการกระทำของตัวเอง พิมพิกาจะได้ไม่หันมา
แว้งโทษใครเป็นอันขาด
“เอาเถิด…ไม่ต้องขอจะดีกว่า เผื่อสิ่งที่เธอจะขอแล้วพี่ให้เธอไม่ได้”
“ค่ะ”
พิมพิกาตอบรับ ก้มหน้าตักอาหารใส่ปาก แต่รู้สึกว่าแทบจะหารส
อร่อยไม่พบเจอ และต่างฝ่ายต่างเจื่อนไปด้วยกันเป็นอันมาก
662/913

พรรณรายเป็นฝ่ายลุกไปก่อน มีพิมพิกาเงยหน้ามองตามแล้วหล่อนก็
ส่งเสียงเบาๆ
“คุณหญิงเพลินแม่ของเขาจะมาขอจันทร์จากพี่พรรณนะคะ”
“เอาเถิด…จะยุติธรรมพอ”
“แต่อย่าให้ถูกนักเพราะพี่พรรณอยากจะขายจันทร์ไปพ้นๆ ”
“เธอเป็นอะไร…พี่ไม่รนู้ ะ” พี่สาวพูดโดยไม่หันมามอง “แต่อยากจะ
บอกว่าเธอทำตัวเอง พี่หวังจะเห็นความรับผิดชอบต่อเรื่องราวทั้งหมดนี้
เอง”
“ค่ะ…โดยจะไม่โทษใครเลย”
พิมพิกาตอบรับในกระแสเสียงสงบอย่างยิ่ง กระนั้นก็ยังเหลือความ
ถือดีอย่างเปิดเผยยิ่ง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เงินอีกห้าล้าน…เขาถอนออกมาเป็นเงินก้อนใหญ่โดยที่ทำให้คุณหญิง
เพลินต้องฉงน เจ้าหน้าที่ธนาคารโทร.มาบอกเธอเพราะวิษณุเบิกเงินสดไม่
ผ่านเช็ค ไม่ผ่านการซื้อแคชเชียร์เช็คอีกด้วย
เขาคิดอะไรของเขากันแน่…คุณหญิงเพลินพิศวง…จะหาซื้อสิ่งใด
หรือ…การกระทำใดที่ใช้เงินสดห้าล้าน…มันย่อมหมายถึงเป็นการใหญ่
663/913

แต่เขาจะทำอะไร…เธอไม่ได้ระแคะระคายล่วงหน้า เปรมก็ออกไป
แล้ว ก่อนหน้านี้ยังมีเปรมคอยรายงานผลต่างๆ นานาเกี่ยวกับตัววิษณุ
เปรมพ้นจากหน้าที่ไปแล้วท่ามกลางความเสียดายของเธอเอง และ
ใครก็ตามที่ได้เปรมไปนั่นเท่ากับได้คนเป็นงานอย่างยิ่งเปรมผละจากวิษณุ
ไปหาศศิน ลูกชายของเพื่อนรุ่นน้องเธอกลายเป็นที่พักพิงของเปรมไป
เสียแล้ว และท่าทางจะกลมเกลียวกันทางการงาน
คุณหญิงเพลินรู้ว่าเพราะวิษณุเป็นคนอารมณ์แรงนั่นเอง
เขารักแรง…เกลียดแรง…
และร้ายกาจ…เจ้าอารมณ์จนจับไม่ติด
ท่วงท่าภายนอกของเขาอาจจะไม่ใช่เลย…
“เงินสดเพิ่งมาเอาไปเมื่อบ่ายวานค่ะ พยายามโทร.ติดต่อคุณหญิงแต่
ไม่พบ”
เจ้าหน้าที่สาวบอก เธอขอบใจ
“เขาอาจจะเอาไปซื้อแหวนหมั้น ลูกชายฉันจะแต่งงานค่ะคุณ
การ์ดเชิญคงจะตามไปในเร็ววัน”
“หรือคะ” ทางปลายสายตื่นเต้น “ใครคะเจ้าสาว”
“แล้วจะเปิดตัวค่ะ”
664/913

คุณหญิงเพลินขยักเอาไว้ เธอนั่งนิ่งๆ จับตามองภาพเขียนประดับ


ผนังเหมือนจะให้สีสันอันอ่อนโยนที่แตะแต้มในภาพนั้นบรรเทาความร้อน
ในอกให้ได้
วิษณุเอาเงินไปทำอะไร…เธอแก้ตัวไปมากกว่า…เขาขอแหวนวง
เก่า…เขาขอให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องข้าวของหมั้นหมาย…เขาโยนมาที่เธอ
โดยอ้างว่าเพราะเธอเป็นผู้หญิง…ในเรื่องของรายละเอียดเธอย่อมน่าจะทำ
ได้ดีกว่า
เงินห้าล้าน…การขยายผลทางธุรกิจของเขาอย่างนั้นหรือ…
เขาไม่จำเป็นต้องเบิกเงินสดจากบัญชีส่วนตัว เขามีบัญชีที่ใช้ในเรื่อง
ของธุรกิจ และนั่นเป็นการเซ็นชื่อร่วมกันระหว่างเขากับเธอ…ไม่ใช่เขาเซ็น
คนเดียว
เขาจะทำอะไร…ต้องนอกเหนือจากธุรกิจแน่นอน…
เธอจะรู้เรื่องได้จากใครกัน…
หรือว่าจะเป็นชนิตา…เธอน่าจะสอบถามจากชนิตาได้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“เอ้า…เอาไป…ไอ้ส่วนที่เธอต้องการ…ฉันแถมให้ด้วยอีกห้าแสน…เป็น
ห้าล้านห้า…เธอขายตัวจนระบมตายก็ยังไม่ได้ถึง”
ชนิตาทำหน้ายิ้มๆ กับความหยาบคายนั่น หล่อนพยายามทำเหมือน
ไม่ได้ระคายผิงภายนอกของหล่อนด้วยซ้ำไป
665/913

หล่อนนับเงินอย่างอ้อยอิ่ง ท่าทีของหล่อนกวนโทสะ
“เธอจะนับทำไม”
“เผื่อยัดไส้มังคะ” หล่อนตอบหน้าตาเฉย “หรือไม่กเ็ จอพวกแบงก์กา
โม่ผสมมา”
“จะบ้าซิ เงินเพิ่งเอามาจากธนาคาร”
หล่อนนับเงินจนจบ แล้วหล่อนก็กวาดเงินใส่ถุงกระดาษ
“ดี…เรียบร้อยแล้ว”
“เธอจะปิดปากตัวเองสนิท”
“แน่นอนค่ะ”
“เธอจะเอาเงินไปทำอะไร”
“นั่นมันเรื่องส่วนตัว…” หญิงสาวลุกยืน “ฉันถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่
หนึ่ง…”
“แพงกว่ากะหรี่ชั้นหนึ่งที่ว่าเยี่ยมของโลกอีกนะ”
“เสียดายเงินหรือคุณ” หล่อนถามแกมเยาะ “ทำไงได้ล่ะหน้ามืดตา
มัวเพราะคิดว่าจะได้แ-กฟรีใช่ไหม แต่เปล่าหรอกนะ ของฟรีมันไม่เคยมี
หรอก มันเป็นแค่คำพูดโก้ๆ เท่านั้นเอง”
เขาอยากจะฉีกหล่อนออกเป็นชิ้นๆ เสียนักหนา แต่หล่อนก็ทำท่า
เหมือนไม่รับรู้อะไรด้วยเลยสักนิด
666/913

“มันก็น่านะ เทียบค่าตัวกับกะหรี่ซะนี่ เสือกลงมาเอง…บทเรียนมัน


แพง”
เขาแน่นหน้าอกไปหมด
“แล้วเธอจะลาออกไหม”
“ออกซิ”
หล่อนตอบแบบไม่มีเยื่อใยต่อกันเลยสักนิด
“ฉันออกแน่…ลาขาดตัว”
“ขอให้แน่ เธอเอาเงินไปแล้วคงจะไม่พูดเรื่องระหว่างฉันกับเธออีก”
“ฉันไม่พูด…ไม่ขอพูดเรื่องนีแ้ น่นอน” ชนิตาบอกย้ำ “ห้าล้าน แพง
จริงวุ้ย แม่งจะเป็นเศรษฐินีย่อยๆ ก็คราวนี้ แถมยังมีเงินมัดจำรออีกห้า
แสนด้วย”
54

ลาออก…ข่าวลาออกของชนิตาแพร่สะพัด มันไม่มกี ารบอกเตือน


ล่วงหน้าเลย คุณหญิงเพลินแล่นถลามาถึงบริษัทตอนที่ชนิตากำลังเก็บของ

“ชนิตา…”
เธอขานเรียกกระหือกระหอบเป็นอันมาก
“บอกฉัน…เกิดอะไรขึ้น”
มองเห็นความตระหนกของเธออย่างแท้จริง และชนิตาก็บอกตัวเอง
ว่าเสียดายตรงที่แม่กับลูกนิสัยใจคอต่างกันลิบลับ…หล่อนเคยถามตัวเอง
ด้วยความรู้สึกที่ท้อใจว่าทำไมลูกไม่เหมือนแม่ เขาช่างห่างไกล…ไม่ใช่
เพราะเขากระทำไม่ดีต่อหล่อน แต่เพราะภาพโดยรวมของวิษณุนั้นไม่เข้าตา
หล่อนมาแต่แรก สำหรับหล่อนแล้ว…เขาคือไอ้ตัวร้ายคนหนึ่งเลยทีเดียว
หล่อนเกลียดเขามาแต่แรก…
668/913

ตอนหล่อนสมัครทำงานที่นี่ หล่อนเจอกับคุณหญิงเพลินเธอเป็นคน
สัมภาษณ์หล่อนเอง เธอมีอัธยาศัยดีมาก เป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ค่อนข้าง
น่านับถือได้ด้วยสนิทใจ ก่อนหน้าชนิตาได้ยินเรื่องราวในอดีตของเธอ
มากมาย ลือกันต่างๆ นานาถึงความเปรี้ยวร้ายกาจของเธอ แต่น้ำใจของ
เธอนั้นได้ประจักษ์แล้ว
หล่อนคิดว่าหล่อนพอใจงานนี้ การฟอร์มงานสนุกสนานช่วงปีแรก
ของการทำงานคือการทุ่มเทกันไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
และทุกคนก็รอคอยลูกชายคนเดียวของคุณหญิงเพลิน…เมื่อเธอ
เกริ่นว่าเขาจะมาบริหารงาน
ชนิตาเองก็รอคอย…หล่อนก็มคี วามรู้สึกวาดหวังดีๆ …หวังว่าจะได้
เจ้านายน่ารัก…หล่อนชอบออฟฟิศนี่…หล่อนเป็นคนรักงาน ชนิตาทำงาน
จริงจังมาก หล่อนเปลี่ยนงานมาแล้วสามแห่งด้วยกันจนมาคิดจะตั้งหลัก
แต่วิษณุไม่ได้เป็นดังที่หล่อนคิด หล่อนเกือบจะลาออกนับจากวันที่
เขาปรากฏตัว
แต่ทิฐิของหล่อนมีและหล่อนไม่ต้องการพ่ายแพ้เขาแต่แรก
หล่อนน่าจะลาออกตั้งแต่ตอนนั้น…หญิงสาวมาคิดคำนึงได้ก็ต่อเมื่อ
สายเกินไปแล้ว…มันสายเกินไป…เพราะว่าหล่อนยิ่งกว่าพ่าย…หากจะถือว่า
การเสียตัวเป็นเรื่องอัปยศหมองหมางจัดของชีวิตละใช่เลย…มันใช่ตรงนั้น
แน่นอน…
669/913

และหล่อนเสียไปมากเหลือเกิน…หล่อนเสียตัว…เสียเกียรติ…
เขาหยาม…เขาทำร้ายหล่อน…เขาเห็นหล่อนเหมือนสัตว์ที่เขาทำ
ทารุณกรรมด้วย และเป็นแค้นที่ชนิตาบอกตัวเองได้ว่าจะไม่ขอลืมจนวัน
ตาย เงินห้าล้านกว่านั่นยังไม่พอหรอก…วิษณุจะต้องพบเจอมากกว่านั้น
คุณค่าที่หล่อนเสียไป…เงินไม่อาจจะทดแทนได้
“ชนิตา…” คุณหญิงเพลินร้องเรียก “บอกฉัน…โธ่…มันอะไรกัน…ฉัน
หวั่นใจนัก”
หญิงสาวยิ้มหวานที่สุด แม้ดวงหน้าของหล่อนจะยังไม่คลายจาก
อาการซูบซีดอิดโรยก็ตามที
“หวั่นใจอะไรกันคะ”
“ออฟฟิศนี่?”
“มันก็ยังคงอยู่ตลอดไป…คุณหญิงอย่าพูดไปนะคะ”
หญิงสาวลดเสียงลงเหมือนจะเตือน
“เขาได้ยินจะโกรธ…ไม่มีดิฉันก็จะยังดำเนินต่อไป”
“ฉันไม่กล้าคิดในด้านดีแบบนั้น”
เธอถอนใจ นั่งลง แม่บ้านนำเอาเครื่องดื่มมาให้ น้ำเย็นเจี๊ยบถูกเธอ
ดื่มรวดเดียวหมดไปค่อนแก้ว สมกับที่เธอบอกว่าเธอร้อนในอก
“วิษณุทำอะไรเขาไม่ปรึกษาฉัน”
670/913

“ดิฉันออกเองค่ะ”
“เธอจะให้ฉันเชื่อ?”
“ค่ะ”
“แต่ฉันเชื่อไม่ลง”
“เชื่อเถิดค่ะ” ชนิตาตอบอย่างอ่อนโยน “ดิฉันลาออกเอง…เป็นความ
สัตย์จริง”
“เขาต้องบีบเธอ…”
คุณหญิงเพลินพึมพำ
“ฉันไม่มีวันเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำ ฉันรู้จักลูกชายตัวเองดี…เมื่อวันที่ตา
เปรมลาออกไปคนหนึ่ง ฉันก็คอยหวั่นใจมาตลอด”
“โธ่…คุณหญิงขา”
ชนิตาครางแล้วหัวเราะ ท่าทางหล่อนเบิกบาน หล่อนเก็บงำความ
แค้นในอกได้เงียบเชียบอย่างยิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยสักนิด
“คุณหญิงต้องเข้าใจซิคะว่าคนสองคน…พนักงานปลายแถวอย่าง
เปรมอย่างดิฉันไม่ได้มีส่วนทำให้ออฟฟิศจะต้องถึงกับลำบากยากเข็ญอะไร
เลย”
“ชนิตา…เธอประมาณตัวเองต่ำไป ฉันรู้คุณค่าของเธอ”
เสียงบอกกล่าวนั่นอ่อนโยน
671/913

“ฉันชอบเธอมากนะ ชนิตา…ชอบมาแต่แรกเห็น ฉันไม่มีลูกสาว…ฉัน


ยังคิดว่าเธอเหมือน”
ความรู้สึกตื้นตันในหัวใจของชนิตาพลุ่งขึ้นมาทันที น้ำตาของหล่อน
ซึมออกมาโดยไม่ได้เสแสร้ง หล่อนยกมือประนมไหว้ต่อคุณหญิงเพลิน
“ขอบพระคุณค่ะ”
“ยกเลิกซะ”
“ดิฉันตัดสินใจแล้ว”
“ทำไมล่ะ…หรือคำไหนคำนั้น”
“ดิฉันลั่นวาจาต่อหน้าเขา…คุณหญิงก็ทราบว่าเขาเป็นคนแบบไหน”
เท่านั้นเองคุณหญิงเพลินก็เม้มปาก เธอคว้ากระเป๋าถือราคาแพงลิบ
ติดมือเดินฉับๆ ไปที่ห้องของลูกชาย ชนิตาคิดจะร้องห้ามเหมือนกัน แต่
แล้วก็เปลี่ยนใจ
“พี่ตา…เดี๋ยวแม่ลูกจะพะบู๊กันไหม”
รุ่นน้องร้องถาม ชนิตาได้แต่ยักไหล่เก็บของตัวเองต่อ
หล่อนจะไม่หวั่นไหวอะไรอีกแล้ว…
แต่ยังก่อน…เกมของหล่อนกับวิษณุยังไม่จบง่ายๆ
//////////////////////////////////////////////////////////////
672/913

“พี่ตาลาออกจากงานแล้วครับ”
เปรมมารายงาน ศศินเงยหน้ามอง ทำหน้าแปลกๆ แกมงุนงงจน
เปรมต้องเอ่ยขอโทษ
“ผมคิดว่าน่าจะได้บอกคุณ…ขอประทานโทษครับ…หากคุณคิดว่ามัน
เป็นเรื่องเหลวไหล”
ศศินมองเห็นความวิตกกังวลในสีหน้าของเปรม และเขาคิดว่าใน
ความเป็นนาย…เขาไม่ควรให้ลูกน้องมีความรู้สึกวิตกกังวล
“นั่งก่อนซิ เปรม” เขาบอก
เปรมทำงานดี ขยันขันแข็งแม้จะในเวลาอันสั้น เป็นคนทำงาน
เป็น…เขายังเคยเสียดายแทนวิษณุ…และนี่ชนิตาก็จะออกตามเปรมอีกคน
แล้วหรือ…
วิษณุเป็น ‘นาย’ แบบไหน เขาเองก็มีฐานะเป็น ‘นาย’ ดูแลคนหลาย
คนในความปกครอง ศศินเชื่อในเรื่องของพระคุณ…การอยู่ร่วมกันอย่าง
ครอบครัว มีน้ำใจโอบเอื้อต่อกัน และนั่นทำให้เขาดำเนินได้ด้วยความ
ราบรื่นเสมอมา เขาใส่ใจกับลูกน้อง…เขาฟังเสียงลูกน้องเสมอ และการที่
เปรมหน้าตาตื่นมารายงานเร่งด่วนเพราะเขาคิดว่าเปรมมีความวิตกกังวล
นั่นเอง
เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน…เขาน่าจะรับฟังตรงนี้ก่อน
673/913

และเขาก็ให้เปรมนั่งลง เตือนเปรมอีกด้วยว่า
“ทำใจเย็นๆ ก่อนเปรม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่าคิดมาก”
“ผมตกใจไปหมดเลยฮะ” เปรมสารภาพ “แม้ผมจะเคยคิดล่วงหน้า
ว่าวันหนึ่งจะต้องเป็นแบบนี้”
“เธออาจจะมีเหตุผลที่ดี”
“เพราะเขา…” เปรมพูดถึงเจ้านายเก่า “ผมพยายามจะไม่โกรธแค้น
อะไรเขาเลยนะฮะ พยายามอย่างทีสุดแล้ว…แต่ว่า…”
เขายิ้มกร่อยเต็มทน
“หลายหนที่เขาทำให้ผมกับพี่ตาเหลือทน…และผมทนไม่ได้ก่อนเธอ”
“เธอต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหมเปรม”
“ผมจะเข้ามาขอความกรุณาเรื่องนี้ล่ะฮะ”
“เอ้า…ว่ามา…”
“ผมอยากให้คุณรับเอาพี่ตาทำงานด้วย”
“เปรม…” เขาร้องเหมือนจะเตือนสติ “นั่นน่าจะมีการร้องขอจาก
เจ้าตัวเค้าก่อนนะ”
“พี่ตาเป็นคนหยิ่งมากฮะ”
“แล้วไง”
674/913

“พี่ตาจะไม่มีวันขอ”
“เธอเลยมาขอแทน?”
“ผมรักเธอเหมือนพี่สาวแท้ๆ ”
“แล้วเธอก็อยากให้ฉันช่วยเหลือตรงนี้”
“จะได้ไหมฮะ”
แววตานั่นวิงวอน เขารู้ว่าเปรมเป็นคนซื่อ อ่อนโยนตรงไปตรงมา
บุคลิกของเปรมอาจจะดู ‘นิ่ม’ ไป แต่เปรมไม่ได้เป็นเกย์ เป็นแค่ผู้ชายที่
นิ่มนวลอ่อนโยนอย่างยิ่งยวดคนหนึ่ง
“โอเค”
เขาใจอ่อน ใครจะใจแข็งกับตาใสๆ แบบนั้นได้
“ฉันจะลองนัดชนิตามากินข้าว ฟังเสียงก่อนนะ”
“ขอบพระคุณมากฮะ”
เปรมถึงกับยกมือไหว้เขา
“แล้วคอยดูซิฮะ พอพีต่ าออกมาอีกคน…ที่นั่นจะวังเวง…จะกลายเป็น
ป่าช้า”
“อะไรจะขนาดนั้น” ศศินทำเสียงแกมหัวเราะ “ไม่น่านะ”
“จริงๆ นะฮะ เขายังไม่รู้สึกหรอก แต่เขาจะรู้ในอีกไม่ช้านี้แล้ว…”
675/913

“ไม่ดีเลย” เขาดุเปรมนิดๆ “ยังไงซะเขาก็เป็นเจ้านายของเธอมาก่อน”


“คุณไม่เกลียดเขาบ้างหรือฮะ”
“ทำไมฉันต้องเกลียดเขา”
ศศินย้อนถามก่อนจะนิ่งไป
“เพราะว่าเขาแย่งแฟนคุณไป…เขาแย่งคุณจันทร์…ผมว่าเขาไม่ได้รัก
เธอจริงจังหรอกฮะ แต่คุณวิษเป็นคนชอบเอาชนะ เขาจะมีความสุขเสมอ
หากเขาเอาชนะคนอื่นได้…เอาดีเหนือคนอื่นได้…เขาคอยแข่งขันกับคนอื่น
ตลอดเวลา”
ศศินก้มหน้าลง
“ฉันจะเกลียดเขาทำไม” เสียงเขาตอบทุ้มต่ำ “เพราะเรื่องของ
เรื่อง…ความผิดไม่ได้มาจากเขา…มันมาจากคนอื่น…มันมาจากตัวคุณ
จันทร์”
เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“ฉันควรจะยอมรับความจริงอย่างลูกผู้ชายหน่อยจริงไหม…ว่าผู้หญิง
เค้าไม่ได้รักฉัน แล้วฉันจะหน้าด้านไปไยอีก”
“แต่คุณเจ็บ…”
“เฮ้…อย่ารู้ดีน่า ไอ้หนู” เขาเอ็ด ทำตาดุๆ “ออกไปทำงานได้แล้ว”
ครั้นคล้อยหลังเปรม สีหน้าที่ฝืนเอาไว้ก็คลายลง
676/913

เขาเจ็บ…เขาเกือบจะไม่เป็นผู้เป็นคนเหมือนกัน
แต่ทดี่ ำรงคงอยู่ได้นี้เพราะความทระนงมากกว่า เขาคิดว่าเขาจะต้อง
เข้มแข็ง…ไม่อย่างนั้นเขาจะทำให้คุณผ่องพรรณผู้มารดาคลุ้มคลั่งหนักไป
กว่าเขา
เท่านี้เธอก็แสนสาหัสแล้ว…
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย…แม่เขาเอง…วิษณุใจเต้นแรงเขารู้ถึงการ
มาของเธอ…แน่ใจได้ว่าเธอมาทำไม…เธออาจจะมาเพื่อเล่นงานเขาในเรื่อง
ของชนิตาแน่นอน

เขาไม่เข้าใจแม่ตัวเอง…ทำไมแม่โปรดปรานชนิตา
นักหนา…ทำไม…
เป็นความสงสัยของเขา…และเขาก็ทำหน้าตาเหมือนไม่รู้เห็นอะไรด้วย
“แม่มาทำไม…มีลั้นช์ดีๆ ที่โรงแรมไหนตอนนี้”
“ไม่มี”
เธอตอบด้วยเสียงอันขุ่นขึ้งเป็นอันมาก
“วิษ…บอกแม่มา เรื่องชนิตาลาออก…ลูกไล่เธอใช่ไหม”
677/913

“แม่ครับ…เรื่องนี้เจ้าตัวอยากออก…ผมยอม…จบแล้ว…ผมจะไม่พูด
อีก”
“แต่แม่ไม่เชื่อ!”
“แม่ต้องเชื่อผม” เขามองจ้องตาเธอ “เพราะผมเป็นลูกแม่…หรือแม่
จะเห็นคนอื่นดีกว่าผม”
นั่นเหมือนท้าทาย และความที่คุณหญิงเพลินเป็นคนจริงทำให้เธอ
เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังนักหนา
“แม่ไม่เคยเห็นคนอื่นดีกว่า แต่แม่เป็นแม่ที่ไม่เข้าข้างลูกตัวเอง
ตะพึดตะพือ เมื่อลูกผิด…แม่ก็อยากคิดว่าลูกผิดจริง…ไม่มอี ย่างอื่น...ลูก
เข้าใจไหม และแม่จะไม่กลับจนกว่าจะได้รับคำอธิบายในเรื่องนี้ด้วย…”
55

คุณหญิงเพลินไม่ได้รู้รายละเอียดใดอีกเลย เพราะลูกชายของเธอไม่
ยอมพูดอะไรเลยทั้งสิ้น เขาเหมือนผู้ร้ายปากแข็งอย่างยิ่ง เธอคิดว่าต่อให้
เธอทุบเขาหัวแตก…เขาก็จะไม่ปริปากพูด เธอเลยสะบัดกลับ แต่ฝาก
ประโยคหนึ่งทิ้งเอาไว้

“ไม่มีความลับใดในโลกนะ”
มีเสียงหัวเราะตามหลังเธอมา ตอนนั้นเธอถึงประตูห้องแล้ว แล้วทำ
ให้เธอชะงักเพราะเสียงหัวเราะของเขาค่อนข้างกวนเป็นนักหนา
“ขำอะไรหือ วิษ”
“แม่เอาอารมณ์บูดมาจากไหน แม่ทำท่าเข้าข้างคนอื่นมากกว่าลูก
ตัวเอง…เสียแรง…เพราะผมเป็นลูกแม่แท้ๆ แต่ผมกลับมาถูกซักเหมือนเป็น
จำเลย ทียายนั่น…แม่กลับเข้าข้าง แม่เคยรู้บ้างไหมว่าแม่ทำผิดมาแต่แรก
แล้ว แม่รับเอางูเห่ามาทำงาน”
“งูเห่ารึ”
679/913

เธอหมุนตัวกลับมา สองมือกุมกระเป๋าแบบหิ้วเอาไว้เป็นกระเป๋าราคา
หลายหมื่นและเป็นของแท้ แม้จะอายุมากแล้วแต่เธอก็ยังมีมาดที่ดูดีเสมอ
พวกสมาคมบุคลิกภาพสตรีเคยจัดเธอเข้าอันดับมาสามปีซ้อนๆ จนเธอ
บอกว่าให้คัดชื่อออก ไม่ต้องเสนอไปอีกด้วยความขัดเขินนั่นเอง
“แม่โง่นักซิ” เธอถามแกมเยาะ “แม่ถึงจะดูไม่ออกแล้วลูกก็กำลัง
กล่าวหาแม่อย่างร้ายกาจ แม่ขอบอกว่านี่คือการดูถูกแม่อีกด้วย”
“ชักจะไปกันใหญ่” เขาบอก ลุกยืนเอามือล้วงกระเป๋า “ผมจะไม่ยอม
ให้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นหัวข้อความบาดหมางของเราเป็นอันขาด”
“วิษ?” เธอท้วง “ลูกเกลียดชนิตาแบบไม่มีเหตุผล แม่เคยสอนลูก
ผิดไปตรงไหน…แม่สอนหรือกระทำตัวให้ลูกเห็นหรือว่าแม่เป็นคนที่ไม่มี
ความเมตตา สิ่งนี้เลยตกหายไปจากลูก”
“ผมมีมัน” เขาบอกเสียงเข้ม “ผมขอยืนยันว่าผมมีอย่างแน่นอน”
“แม่ไม่มั่นใจเสียแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง…ลูกก็สามารถจะลง
ไปข่มเหงรังแกได้ ตั้งแต่แรกแล้วที่ลูกต่อต้านชนิตา…เพราะอะไรกันล่ะลูก
เราเอาประเด็นเข้าเป้าเลยนะ เพราะแม่มองเห็นแล้ว ไม่รู้ว่าลูกจะเห็นตัวเอง
หรือยัง ลูกริษยาชนิตา แม่ไม่อยากพูดออกมาแบบนี้เลย แต่แม่กต็ ้องพูด
ด้วยความเสียใจที่ลูกของแม่เป็นคนแบบนั้น”
“และแม่กำลังทำให้ผมโกรธแกมน้อยใจ” วิษณุสวนกลับมาทันที
680/913

คุณหญิงเพลินนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน เธอถือว่านี่เป็นประโยคที่แรงไม่
น้อยเลย แต่เธอก็พยายามทำใจกับเขา เพราะรู้ว่าวิษณุกำลังมีอารมณ์
ดุเดือด และเธอก็ไป ‘ตี’ เขาเข้าอย่างแรงในเรื่องของนิสัยที่ว่าเขาริษยาชนิ
ตานั่นเองจะทำให้เขาหยาบคายกับเธอ
เธอมองหน้าเขานิ่งๆ ข่มสติตัวเองอีกนิดแล้วจึงเอื้อนเอ่ย
“แม่ขอบอกว่านอกจากไม่มีความลับในโลกแล้ว เรื่องใดๆ ก็ตามทีที่
เราทำเอาไว้เดี๋ยวนีม้ ันย้อนรอยกลับมาไว นรกในใจ…ผลของกรรมไม่ต้อง
รอถึงชาติหน้ากันอีก…ไม่เลย.มันกวดจี๋ตามมา”
วิษณุยักไหล่ แบมือออกทั้งสองข้าง
“ผมไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ผมจะกลัวอะไร”
“ก็ดแี ล้ว” เธอตอบทันควัน “หากลูกไม่ได้ทำ…แม่กส็ บายใจเพราะแม่
ไม่อยากเห็นลูกถูกใครตามจองเวรแล้วเอาคืนด้วย”
ดวงตาของเธอยังคม วิษณุเกือบสะดุ้งเพราะเขามีพิรุธในใจนั่นเอง
แต่เพราะเขาเป็นคนใจแข็งปากแข็ง เขาจึงสามารถประสานตากับเธอได้
ด้วยท่าทีปกติอย่างยิ่ง
“และถึงหากกรรมนั่นไม่มาถึงตัว…ถึงแค่หางๆ …มักก็ไฟ…จะทำให้
ร้อนไปชั่วชีวิตที่เหลือ”
681/913

แล้วเธอก็เปิดประตูก้าวออกมาอย่างเงียบๆ เธอตรงดิ่งผ่านด้านหน้า
ไปขึ้นรถของเธอที่รออยู่ พอทิ้งตัวลงนั่งทีเ่ บาะหลังเธอก็เอนซบกับพนัก
เหมือนจะหมดแรงเลยทีเดียว
“ไม่สบายหรือครับ”
นายอ่ำคนขับรถเอ่ยถามอย่างห่วงใยเพราะรับใช้กันมานานปี เขา
เรียกนายตัวเองว่าหญิงเหล็กคนหนึ่ง ค่าที่เธอตกเป็นข่าวต่างๆ นานา ตก
เป็นขี้ปากของการซุบซิบนินทามากมาย แต่เธอก็เชิดหน้าฝ่าฟันมาได้ด้วย
ท่าทีเย่อหยิ่งเป็นอันมาก
เธอทำท่าเหมือนมาพ่ายอะไรบางอย่าง และประสาคนรับใช้กันมานาน
นายอ่ำมองออกว่าอาจจะเพราะลูกชายคนเดียวของเธอ…วิษุณ…
นายหนุ่มวัยสี่สิบของเขาเป็นคนไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
อีกคนหนึ่งเหมือนกัน วิษณุเอาแต่ใจตัวเอง โมโหร้ายไม่มีเหตุผลในยาม
โกรธ และอาฆาตพยาบาท แม้ยามดีจะดีใจหายก็ตามที บริวารในบ้านพา
กันรับรู้และไม่อยากตอแยด้วย
ส่วนเขานั้นโทษว่าเพราะวิษณุไม่ยอมมีเมีย อันผู้ชายนั้นอยู่มาถึงวัยสี่
สิบ แทบจะไม่ได้เคยปลดปล่อยตัวเองออกไปในทางเรื่องเซ็กส์ ก็คงจะทำ
ให้จุกอกและมีปัญหา นายอ่ำเชื่อว่าชายชาติบุรุษมีฮอร์โมนอันร้อนแรงที่
หากไม่ระบายออกจะเป็นโทษกับตัวเองตั้งแต่วิษณุกลับมาจากออสเตรเลีย
นายอ่ำแทบจะไม่เคยเห็นว่าวิษณุข้องแวะกับผู้หญิงคนไหนเลย…ไม่เลยจริ
งๆ
682/913

“คุณผู้ชายทำอารมณ์เสียหรือครับ”
“อ่ำ…ฉันไม่อยากจะนินทาลูก…แต่ตาวิษก็ทำฉันจริงๆ …ปวดหัวนัก”
“ไปโรงพยาบาลไหมครับ”
“ไปทำไม”
“นอนพัก…ให้ยา อาจจะดีขึ้น”
เธอหัวเราะออกมาได้ เพราะมีอารมณ์ขันขึ้นมากะทันหันนั่นเอง
“ฉันไม่เป็นมากขนาดนั้น เดี๋ยวกินยาแก้ปวดสักสองเม็ดจะดีเอง
แหละ หรือฉันจะตั้งความหวังกับเขามากไป เป็นแม่ที่ยุ่งเกินไปทั้งที่เขาอายุ
สี่สิบแล้ว”
เธอรำพึง มองผ่านกระจกรถด้านข้างไปยังถนนที่คลาคล่ำด้วย
ยวดยาน และยังบนทางเท้าที่ผู้คนเดินสวนกันไปมา ยิ่งนับวันจากการ
สังเกตของเธอเองพบว่าคนกรุงเทพทีเ่ ดินถนน เดินกันด้วยความเร่งร้อน
ไม่มีการทอดน่อง ไม่มีการใส่ใจจะมองหน้าสังเกตสังกากันอีกแล้ว
ชีวิตเปลี่ยนไป…ความสงบร่มเย็นและความเรียบง่ายเริ่มจางหายจาก
เมืองใหญ่ และลูกชายของเธอก็เป็นคนเมืองใหญ่อีกเหมือนกัน วิษณุเป็น
คนทำงาน และการที่เขาประสบความสำเร็จมากเกินไปทำให้เขาเชื่อ ‘มือ’
ตัวเอง…หลงตัวเองกว่าเดิม
“ฉันน่าจะวางมือจริงไหม”
683/913

“เห็นจะไม่ได้หรอกครับ” คำตอบกลับมาซื่อๆ “คนเป็นพ่อแม่…ปาก


ว่าไม่ห่วงอีกแล้ว แต่ยังห่วงอยู่ดี…ตัดกันไม่ขาด…เลิกใส่ใจไม่ได้ ลูกเรา
อายุสักหกสิบล่วงแล้ว หากเรายังอยู่…เราก็ยังเห็นเป็นลูกเล็กๆ อยู่ดี”
เธอถอนใจเล็กน้อย
“อย่าวางมือเลยครับ ทำเท่าที่ทำได้…เท่าที่เขาจะยอม”
“เขาเริ่มไม่ยอมฉันแล้ว เขาทำให้พนักงานต้องขอลาออกอีกคน”
“ใครอีกครับ” นายอ่ำร้องถาม
“ถึงตาชนิตา” เธอตอบด้วยเสียงอ่อนล้า “ชนิตาออกแล้วนะ…น่า
เสียดาย…เมื่อก่อนก็เปรม อ่ำรู้จักสองคนนี้ดีไม่ใช่หรือเด็กมีฝีมือ ตั้งใจ
ทำงานทั้งคู่”
“ครับผม คุณชนิตาเป็นกันเอง เคยขับรถให้เธอนั่ง ไม่มีถือตัวเลย
สักนิด…ทั้งที่ตำแหน่งในออฟฟิศก็ใหญ่แล้ว”
“ไปกันหมด…คนเก่งๆ ดีๆ …แล้วจะปั้นใครขึ้นมาแทนใหม่…”
“ได้ยินว่าเขาจะแต่งงาน” นายอ่ำเลียบเคียงตรงนีด้ ้วยความ
ระมัดระวังอย่างยิ่ง “ผมว่าเขาอาจจะเอาภรรยาของเขามาทำงานแทนก็ได้”
ข้อนี้ยิ่งทำให้เธอเงียบลง อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง…
พิมพิอาจจะลาออกจากงานเก่า แต่พิมพิกาจะมาแทนชนิตาเพื่อนรัก
ตัวเอง…แล้วจะไม่หมางใจกันหรอกหรือ…ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นเลย
684/913

“พวกเราทั้งบ้านรอชมงานมงคลของคุณผู้ชาย แล้วบางทีเขาอาจจะ
อารมณ์ดีขึ้น เขาอาจจะทำให้ท่านมีความสุขเหมือนเดิมนะครับ”
ไม่หรอก…เธอร้องอยู่ในใจ…การแต่งงานที่วิษณุทำท่าเร่งร้อนและ
พิมพิกาที่ตอบตกลงเหมือนหล่อนพอใจกับเสื้อผ้าแพรพรรณสวยงามแล้ว
ตอบตกลงใจจะ ‘เอา’ ทำให้เธอหวาดระแวงแคลงใจเป็นนักหนาว่าอาจจะมี
สิ่งแอบซ่อนแฝงอยู่ก็เป็นได้ แต่เธอยังไม่รู้เท่านั้นว่าเป็นสิ่งใด
และเธอก็นั่งเงียบไปหลังจากนั้นแล้ว
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีการติดต่อถึงกันระหว่างชนิตากับพิมพิกา เมื่อชนิตาเก็บของ
ทั้งหมดคืนจากออฟฟิศกลับห้องพักของตัวเอง…หล่อนได้อ่านข่าว
ซุบซิบ…การสละโสดของวิษณุนั่นเอง…ว่าที่เจ้าสาวที่โชคดีชื่อพิมพิกา…ใจ
ของชนิตากระตุกเล็กน้อยก่อนที่หล่อนจะข่มมันให้เป็นปกติเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

หล่อนทำเหมือนว่าหล่อนไม่สนใจ…
พิมพิกาเป็นเพื่อนหล่อนก็จริง แต่กพ็ ูดจาสะบั้นกันรุนแรงไม่น้อย
และมันผ่านเลยมาหลายวันโดยต่างฝ่ายต่างไม่ได้พยายามติดต่อหากันเพื่อ
จะเคลียร์เหมือนอย่างเรื่องราวคราวก่อนหน้านี้
685/913

ไม่เลย…ไม่มีการกระทำตรงนั้น…นอกเสียจากการเมินเฉย
ชนิตาทอดตามองโทรศัพท์ ถามตัวเองว่าควรจะโทร.ไปแสดง
ความยินดีกับพิมพิกาหรือไม่
“อย่าเลย…เดี๋ยวจะว่าเรายุ่งอีก…แต่จันทร์หาเรื่องทำไม…หรือเพราะ
จันทร์ไม่รู้จักตัวเขาจริงๆ ”
หล่อนตัดสินใจโทร.ไปบ้านเพื่อพูดกับพรรณราย
“ตาเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์…เรื่องแต่งงานของจันทร์”
“แล้วพูดกับจันทร์หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“นี่พวกเธอยังโกรธกันอยู่อีกหรือ”
ชนิตาไม่ยอมตอบ
“โธ่…ไม่เอาน่า ดีกันซะ พี่ไม่สบายใจเลย”
“ตากำลังยุ่งคะ พี่พรรณ ตาออกจากงานแล้ว”
“ออกจากงาน?…อ้าว…ทำไม…ก็นายของเธอไม่ใช่หรือที่จะแต่งกับ
จันทร์”
“ตาเบื่อๆ น่ะค่ะ ว่าจะหางานใหม่ทำ”
“ตามีอะไรค้างคาใจหรือเปล่า”
686/913

“ไม่มคี ่ะ” เสียงตอบร่าเริง “ตาอยากบอกพีพ่ รรณว่าหากพูดเตือน


จันทร์เปลี่ยนใจได้บ้างก็น่าจะดี ถึงจะเป็นข่าวแล้วก็ลบออกได้ สงสารคุณ
ศศิน รายนั้นซิทำท่ารักจันทร์จริงจังกว่าและก็ห่วงใยจันทร์ แต่จันทร์กลับ
มองข้ามเขา”
“พีย่ ังคิดแบบเธอ พี่ชอบเค้ามากกว่าอีตาคนนี้นะ เพราะเขาดูเรียบ
ง่ายกันเองกว่า ไม่เหมือนตาคนนี่หรอก ทำท่าเต๊ะๆ จองหอง มีมาดคน
รวยเต็มตัว จันทร์น่ะเป็นคนพิลึกๆ ”
พรรณรายถือโอกาสนินทาน้องสาวเพราะว่ากำลังอยากจะระบายออก
มาอยู่แล้ว
“ตัดสินใจก็ปุบปับ แล้วเรื่องกับคุณศศินอีก…หากไม่รกู้ ไ็ ปอย่าง แต่
พี่รู้เห็นยายจันทร์ทำเชิดหน้าไม่เสียดายตัวสักนิดก็ยังไม่ชอบใจ เพราะไม่
น่าจะเป็นนิสัยของยายจันทร์ไปได้เลย”
ชนิตาไม่กล้าจะกล่าวเสริมอะไรนอกจากตอบมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“จันทร์เป็นคนทีต่ ั้งใจอะไรแล้วต้องทำให้ได้ อาจจะมีเหตุผลส่วนตัว
คุณศศินเค้าเป็นพี่ของผู้หญิงที่แต่งงานกับมณฑลจันทร์อาจจะยอมรับไม่
ได้”
“แล้วจะลงเอยกันแบบไหน”
“พี่พรรณอย่ากลัวเลยค่ะ แล้วจันทร์ก็จะมีความสุข…”
687/913

“ความสุขรึ?” พรรณรายเอ่ยเหมือนรำพึง “พีพ่ ยายามจะเชื่อแบบนั้น


เหมือนกัน”
เพราะหล่อนไม่แน่ใจว่าหล่อนได้เห็นความสุขของพิมพิกาน้องสาว
เลยสักนิด ระยะหลังนี้พิมพิกากลับบ้านดึกกว่าเดิม หล่อนทำงานนอกเวลา
และหล่อนก็ไปกินข้าวกับวิษณุก่อนจะกลับมา…คืนนี้พิมพิกากลับมาเอง
ขับรถมาเอง หล่อนเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทีที่พรรณรายมองเท่าไหร่กไ็ ม่เห็น
ความสุขใจสักนิดหนึ่ง…มองไม่เห็นตรงนั้นเลย
“จันทร์…มานี่ก่อนซิ” พรรณรายร้องเรียก “มาคุยกับพี่ก่อน”
พิมพิกาเดินมาโดยดี นั่งลงคว้าหมอนทรงกลมขึ้นกอด
“งานหนัก?”
“ค่ะ”
“ไม่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอีกรึ”
หญิงสาวหัวเราะ
“ต้องเตรียมอะไรกันมากมายนักล่ะคะ”
“ผู้หญิงเราถือว่านั่นเป็นอีกวันที่สำคัญของชีวิต” พรรณรายตอบเนิบ
ช้า “การก้าวสู่ชีวิตใหม่…ทีจ่ ะทำอะไรหุนหันตามใจตัวเองไม่ได้อีก เราจะ
ต้องไปแชร์ชีวิตกับคนอีกคน หากมีพื้นฐานรักกันมันก็จะง่ายแล้วไม่น่า
หวาดกลัว แต่หากไม่มี…”
688/913

หล่อนจ้องหน้าน้องสาวจนพิมพิกาเหยียดมุมปากออก
“พี่พรรณกำลังจะจับผิดจันทร์หรือเปล่าคะ”
“เธอมีอะไรให้พี่ต้องทำแบบนั้น”
“เปล่าค่ะ”
“พี่พูดเพราะท่าทางเธอไม่ยินดียินร้ายอะไร”
“จันทร์เห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ เท่านั้นเอง”
แล้วพิมพิกาก็ลุกขึ้นยืน หล่อนบอกว่าจะอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย
พรรณรายร้องบอกมาอีกว่า
“ยายตาโทร.มาเมื่อหัวค่ำ”
พิมพิกาชะงักเท้าเล็กน้อย
“บอกว่าออกจากงานแล้ว เธอรู้เรื่องไหม”
“ไม่ค่ะ”
“เขาไล่เพื่อนเธอออกหรือเปล่า”
“โธ่…พี่พรรณ…ใครจะไล่ตาออกจากงานได้หากตาไม่เต็มใจจะออก
เอง เพราะตาเป็นคนแข็งแกร่ง ตากับนายงัดข้อกันมานาน”
“เธอไม่ห่วงเพื่อนหรอกหรือ”
689/913

“พีพ่ รรณถามผิด” พิมพิกาตอบเสียงเย็น “เราทะเลาะกันเพราะจันทร์


ไปห่วงตอนที่ตาหายไป ตาเค้าไม่ได้ต้องการจันทร์อีกแล้วนะคะ แล้วจันทร์
ก็มาคิดว่าเราต่างโตๆ กันแล้ว พูดกันยาวความไปมาทะเลาะกันแบบเด็กๆ
ก็ไม่ดี…”
“พวกเธอก็เลยติดต่อกันอีก”
“เราก็ยังเป็นเพื่อนกันค่ะ แต่เราก็เริ่มรู้ว่าทีผ่ ่านๆ มาเราอาจจะทำผิด
เพราะเราก้าวก่ายกันมากเกินไป”
“จันทร์…นั่นเป็นคำตอบเลี่ยงๆ ของการเริ่มต้นแตกแยกจากความ
เป็นเพื่อนหรือเปล่า หากใช่ก็น่าเสียดายเวลานะ”
พิมพิกาเดินมาจากที่ตรงนั้น ใจของหล่อนก็แปลบๆ อยู่…ใครบ้างไม่
เสียดาย…มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย…ไม่น่า…
แล้วหล่อนก็พยายามสลัดทิ้ง อาบน้ำเข้านอนโดยไม่รู้สักนิดว่านอก
รั้วบ้านในความสลัวของแสงไฟที่เสาสาดส่องไม่ทั่วบริเวณรถยนต์ของศศิน
จอดซุ่มอยู่ แต่ศศินก็ไม่กล้าจะลงจากรถมากดกริ่งแล้วขอพบกับหล่อน
เขาได้แต่มานั่งทอดถอนใจ มองเห็นบ้านหล่อน…วาดภาพหล่อนใน
นั้นแล้วรู้ว่าหล่อนขาดลอยไปจากเขา…
ข่าวเริ่มโหมถี่มากกว่าเดิม…พิมพิกาจะเป็นเจ้าสาวของชายอื่น…แล้ว
ค่ำคืนวันนั้น…แล้ววันคืนต่อมาที่เขายังจดจำรสชาติอันหวานฉ่ำได้เล่า…มัน
ตกหายไปไหน…เขาถามตัวเองด้วยความขมขื่นเป็นอันมาก…
690/913
56

“ใจตรงกันได้แฮะ”
ดนุเอ่ยทักน้องสาวเมื่อกลับมาเจอกันที่บ้าน เขานั้นเป็นคนเรียกว่า
ห่างบ้านอย่างยิ่ง งานทีร่ ัดตัวนั่นเองทำให้เขาเหมือนไม่มบี ้าน เพราะบาง
ครั้งจะกลับดึกดื่นก็เกรงใจแม่ที่จะต้องมาคอยเปิดประตูรับ เขาเลยพา
ตัวเองไปอยูห่ ้องเช่าข้างนอก และมันก็อิสระสำหรับชายวัยอย่างเขาที่จะมี
เพื่อนหญิงบ้าง…ทำอะไรเป็นส่วนตัวบ้าง เขาแยกตัวเองออกไป แต่ก็กลับ
มาบ้านบ่อยที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ดนุจะเน้นตรงนี้เสมอ…เท่าที่เขาทำได้
ใหม่ๆ …ทั้งพ่อแม่เขาไม่เข้าใจ แต่ในที่สุดก็ต้องยอม
เมื่อชนิตาก้าวออกมาอีกคนเพราะปัญหาการจราจร…พ่อแม่ก็ต้อง
ยอม
และชนิตากลับบ้านได้บ่อยกว่าเขา หากหล่อนไม่ติดช่วงโหมงาน
และตอนนีช้ นิตาก็กลับมาอยู่บ้านแทนจะอยูท่ ี่ห้องเช่า ดนุรวู้ ่าทั้งพ่อ
ทั้งแม่อยากจะซักถามรายละเอียดจากชนิตากันใจจะขาดว่าช่วงที่หาย
ไป…ไปไหน…ไปอย่างไร…กับใครแม้แต่เขาเองก็ยังอยากรู้แต่ชนิตานั้นเป็น
692/913

คนใจแข็งอย่างยิ่ง หากหล่อนไม่ยอมเปิดปากแล้วอย่าหมายเลยว่าจะง้าง
ปากหล่อนได้
หล่อนยิ้มๆ กับคำทักนั่น หอบของมากมายลงมาจากรถ
“แม่เจ้าโวย…ไปรวยอะไรมา”
เขาร้องถามพร้อมกับเท้าเอวเมื่อเห็นผลไม้ฝรั่งที่ชนิตาหิ้วออกมา
“ของชอบแม่ทั้งนั้นนี่”
“เงินค่าตอบแทนการลาออกจากงาน…ได้มาแยะ”
ปกติดนุชอบจำนวนเงิน เขาทำงานหนักเพื่อสร้างตัว และในการสร้าง
ตัว…เงินเป็นเรื่องใหญ่สุดเสมอ
แต่ยามนี้เขาหูอื้อ ไม่ได้สนใจอีกว่าชนิตาจะได้เงินมาเท่าไหร่ แต่การ
ได้มา…แลกกับการออกจากงานอย่างนั้นหรือ
เขามึนงง…ชนิตาลาออกจากงาน…ไม่น่าเชื่อ…เขามองน้องสาว…ตา
แทบไม่ได้กระพริบเลยทีเดียว
“ตา…แกคิดยังไง” เขาถาม
ชนิตายอมลาออก…งานนั่นชนิตารักมาก เขาจำคำพูดของหล่อนได้ดี
หล่อนไม่ได้ไปทำงานที่นั่นเป็นที่แรกหลังจากเรียนจบมา แต่ชนิตาตั้งใจ
มั่นคงว่าจะไม่ออก หล่อนจะอยู่จนถึงวันต้องเกษียณตัวเองจากงาน หล่อน
เป็นคนทีไ่ ม่ชอบความเปลี่ยนแปลงดนุรู้จักนิสัยของน้องสาวดีทีเดียว คน
693/913

อื่นอาจจะไม่รู้เท่าเขา เพราะชนิตาไม่ได้มีอารมณ์วูบไหวแบบศิลปิน หล่อน


ไม่ได้คิดเอาเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยมาใส่ใจว่าจะทนงานไม่ได้แล้วออก
หล่อนเคยบอกกับเขาว่า
…หากเจอปัญหาในงานซิสนุก เพราะท้าทายให้แก้ไข เราต้องตื่นตัว
กระฉับกระเฉงตลอดเวลา เราจะทำเหลาะแหละไม่ได้ต้องเอาจริง…
ชนิตากลับลาออกจากงานนั้น…
“ตา…แล้วแกจะทำอะไร”
“ไม่รซู้ ิ” หล่อนหิ้วถุงอันหนักอึ้ง “นี่มีน้ำใจกันหน่อย พี่ชาย แล้วอย่า
เพิ่งบอกพ่อกับแม่นะ”
“ทำไมแกลาออก”
“ตาถูกไล่ออก”
“ไล่?”
“ใช่”
“ใครไล่แก”
“ก็เจ้านาย”
“คุณหญิงเพลินรึ”
“ลูกชายเธอ…เขาไม่ชอบตามานานแล้ว”
694/913

“แต่มันไม่เป็นธรรม มีศาลแรงงาน…แกสู้ซิ”
“ไม่หรอก…พี่นุ ตาไม่สู้…เพราะเขาจ้างให้ตาออก” หล่อนบอก เดิน
เคียงมากับพี่ชาย “แต่เป็นความลับนะ กับคุณหญิง…ตาก็ไม่ได้บอก
ความจริงกับเธอ เห็นเงินก้อนใหญ่ก็เลยออก”
“แกได้มาเท่าไหร่…บอกก้อนใหญ่ เป็นล้านๆ ไหม”
เขาถามเหมือนประชด แต่ชนิตาปิดปากตัวเองสนิท หากหล่อนบอก
จำนวนตามจริง เขาจะต้องคิดไปอีกไกล ดนุไม่ใช่คนโง่เขาจะต้องสงสัยว่า
ทำไมวิษณุยอมจ่ายถึงห้าล้าน…มันมากเกินไป…สำหรับการจ้างออกจากงาน
“เขาอาจจะดีขึ้นหากไม่มตี าเกะกะ ก็ว่าจะอยูเ่ ฉยๆ สักพักบอกพ่อแม่
ว่าลาพักร้อน”
“ตา…แกมีอะไรค้างใจไหม”
“ไม่มี”
“ตั้งแต่แกหายไป พี่ว่าแกมีเรื่องในใจ”
“ตาไม่มีหรอก มันจบแล้ว…”
“แกไม่ไว้ใจพี่เลย”
“โธ่…พี่นุ…ทำไม่จะไม่ไว้ใจ แต่ตาไม่รู้จะบอกอะไร…เพราะมันไม่มี…”
695/913

“แกหายไป…แกไม่ยอมบอกว่าไปไหน แกกลับมาโทรม…สารรูปแกดู
ไม่ได้ เพราะเหตุนหี้ รือเปล่า…เขาถึงให้แกออกเพราะแกขาดงานมากเกินไป
สบโอกาสเขาอยู่แล้ว”
“คงใช่มั้ง เขาไม่ชอบหน้าตาอยูแ่ ล้ว สัญญากับตาแล้วนะว่าจะไม่
บอกพ่อแม่ ไม่ให้เข้าหูคุณหญิงเพลิน ไม่ต้องพูดออกไปตาสบายดี…ขอย้ำ”
กำลังจะเข้าไปในตัวบ้านอยู่แล้ว ดนุก็เอ่ยออกมาคำหนึ่ง
“ติดต่อยายจันทร์ให้หน่อยได้ไหม”
ชนิตาชะงัก
“ทำไม”
“มีงานอยากจะให้ทำอีก”
ชนิตาหัวเราะๆ
“ค่าจ้างเลขหกหลักไหม หากไม่…ก็หยุดไปเลย เพราะจันทร์กำลัง
เตรียมตัวแต่งงานกับเศรษฐีอยู่แล้ว”
“ตามข่าวนั่นก็จริงซิ”
“จริง…วิษณุจะแต่งกับจันทร์”
“แล้วคุณศศิน?”
“ก็อดไป”
“เพื่อนแกทำอะไรพิเรนๆ ”
696/913

ชนิตาไม่ออกความเห็นแต่อย่างใด หล่อนปิดปากตัวเองสนิทนัก
หล่อนไม่ได้เล่าเรื่องบาดหมางของหล่อนกับพิมพิกาอีกด้วย เพราะไม่ใช่
เรื่องที่ดนุควรจะมารับรู้แต่อย่างใด
หล่อนนิ่งเงียบ และเข้าบ้าน แล้วหญิงสาวก็ร่าเริงหลังจากเกิดเรื่อง
ร้ายกับชีวิตหล่อนเมื่อเดือนก่อน ชนิตาพยายามทำให้ตัวเองดูดีขึ้น และ
หล่อนสร้างความแจ่มใสให้กับตัวเอง ไม่ให้พ่อแม่ที่ชราแล้วต้องมา
วิตกกังวลห่วงใย
และบัดนี้หญิงสาวรู้ว่าเงินฝากในธนาคารจะอำนวยดอกเบี้ยให้กับ
หล่อนปีละไม่น้อย
หล่อนจะฝากประจำเอาไว้สลี่ ้าน หล่อนคำนวณดอกเบี้ยแล้ว…อย่าง
น้อยๆ ก็ปลี ะเกือบห้าแสน…ไม่เลวนักหรอก…ให้ดอกทบต้นสักห้าปีมีแต่จะ
งอกเงย อีกล้านทีเ่ หลือใส่บัญชีออมทรัพย์ธรรมดาที่มกี ารเบิกถอนบ่อยๆ
รวมถึงการใช้บัตรเอทีเอ็มด้วย คร้านจะหาความสุขได้มากมาย…แม้เงินนั่น
จะแลกกับการยับเยินของร่างกาย
แต่ก็ยังดีกว่าเสียไปเปล่า…และหล่อนรอเวลาจะเอาคืนจากวิษณุ…
เงินห้าล้านส่วนหนึ่ง…เขายังต้องชดใช้
หล่อนไม่ยอมปล่อยเขา…สิ่งที่เขากระทำกับหล่อนนั้นชั่วร้ายเกินกว่า
จะให้อภัยได้ เขาหยามหมิ่นเหมือนหล่อนเป็นสัตว์
ไม่มีเมตตา…มีแต่เหยียดหยาม
697/913

หล่อนนึกถึงพิมพิกาเหมือนกัน พิมพิกาจะเจอแบบเดียวกับหล่อน
หรือไม่…หญิงสาวไม่อาจจะแน่ใจได้ และไม่อยากจะคิดใดๆ อีกด้วย
พิมพิกาไม่ยอมรับความปรารถนาดีอีกแล้ว สัมพันธภาพแห่งเพื่อน
ขาดไป หากจะมองหาต้นเหตุแท้จริงก็วิษณุอีกนั่นแหละ
เพราะเขาคนเดียว…ดังนั้นเขาจะต้องจ่ายคืนให้สาสม
แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง วิษณุจะรู้ว่าความเจ็บช้ำแบบตายทั้งเป็นนั้นเป็น
อย่างไร
แม้ชนิตาจะยังมองไม่เห็นทางจะเอาคืนแจ่มชัดนัก แต่หล่อน
หล่อเลี้ยงความหวังของตัวเองเอาไว้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตั้งแต่รู้เรื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร คุณหญิงเพลินยังฉงนใจกับ
เงินก้อนใหญ่ที่วิษณุเบิกออกจากบัญชี เขาไม่ได้ใช้บัญชีร่วมกับเธอที่ต้อง
เซ็นร่วมกัน

เขาเอาเงินออกไปทำอะไร…เธอยังไม่อาจจะพบ
คำตอบได้เลย…
เงินห้าล้าน…ไม่น้อย
698/913

หรือเขาจะเอาไปเตรียมงานมงคล
ก็เธอบอกแล้วว่าเธอจะรับเป็นธุระทั้งหมดเอง
มีการลงทุนอะไรในกิจการหรือ…ชนิตาออกไปแล้ว…เธอสอบถามผ่าน
หญิงสาวไม่ได้ ปกติชนิตาจะรู้เรื่องต่างๆ ไวมาก แต่คราวนีเ้ ธอต้องหมุน
ถามฝ่ายบัญชีโดยตรง และได้คำตอบว่าการเดินบัญชีเป็นปกติอย่างยิ่ง
ธุรกิจทำกำไรสูง
ฝ่ายบัญชีไม่รู้อะไรนอกจากส่งแฟกซ์รายละเอียดทางการบัญชีมาให้
เธอดูถึงบ้าน คุณหญิงเพลินเปลี่ยนเป้าหมายไปที่การเงินแทน คนคุมการ
รับจ่ายเงินยืนยันว่าไม่มีเงินห้าล้านผ่านเข้ามาในตอนนี้เลย…ไม่มีแม้แต่สัก
แสน…
แล้ววิษณุเอาไปไหน…
เหลือประเด็นเดียว…อาจจะนำไปให้พิมพิกา
เธอควรจะสอบถามจากหญิงสาวไหม…หรือจะถามจากตัววิษณุตรงๆ

แล้วเธอก็ตัดสินใจได้ว่าเธอน่าจะถามเขาอีกสักหนหลังจากเคยพูดกัน
มาแล้วและทะเลาะกันมาแล้ว เธอหมุนหาเขาที่ออฟฟิศเรื่องแบบนีพ้ ูดกัน
ทางโทรศัพท์ดีกว่าจะพูดกันแบบประจันหน้า
“ณุ…เงินห้าล้านไปไหน”
699/913

“อะไรนะฮะ” เขาถามมางงๆ “แม่ยังไม่เลิกติดใจเรื่องนั้นอีกหรือฮะ


เราคุยกัน ผมนึกว่าแม่เข้าใจแล้วซะอีก”
“อย่าว่าแม่ตามสอดรู้…แต่แม่สงสัย เงินก้อนใหญ่มาก”
“ผมไม่มีคำตอบ”
“ลูกเบิกเงินออกมา…เงินส่วนตัวลูกก้อนนั้น…แม่คิดว่าลูกจะเก็บเอา
ไว้ทำผลประโยชน์กับตัวเองมากกว่า”
“ผมควรจะเปลี่ยนธนาคารได้แล้ว” วิษณุกลับเอ่ยไปเรื่องอื่น “ผมไม่
ชอบคนวุ่นวายกับบัญชีส่วนตัวของผมแล้วรายงานแม่”
“เงินมันมาก” เธออธิบายอย่างใจเย็น “แม่สั่งเอาไว้เอง”
“อ้อ…แม่ยังตรวจสอบผมเหมือนผมอายุยี่สิบแล้วไม่ประสาอะไรเลย”
“ขอให้รู้ว่าแม่ทำลงไปเพราะห่วงใย”
“แม่ฮะ…ผมขอบอกว่าผมจัดการกับมันได้”
“ก็บอกแม่ซิว่าเอาไปไหน…จัดการงานแต่งหรือ…ลูกถอนเงินให้พิมพิ
กาหรือ”
“เปล่าฮะ ก็แม่รับปากผมว่าจะจัดการให้”
“แล้วลูกเอาไปไหน”
“ผมเข้าบ่อนมังฮะ…วอดในคืนเดียว”
700/913

“โกหกแบบฟังขึ้นหน่อย สันดานลูกไม่มีทางนั้น ลูกไม่ใช่นักเลงการ


พนัน คนอย่างลูกไม่มีวันยอมเดินเข้าบ่อนที่ไหนเมื่อลูกไม่บอก…แม่จะต้อง
สืบจนได้”
“ทำไมล่ะฮะ…ทำไมแม่ไม่มองข้ามเรื่องนีไ้ ป เงินก้อนนั้นก็เงินในบัญชี
ของผม…ส่วนงอกเงยจากผลประโยชน์เก่าๆ แล้วแค่ห้าล้าน…ผมไม่ได้
สะดุ้งสะเทือนอะไร”
“ลูกกับแม่เคยพูดความจริงกันเสมอมา แล้วทำไมลูกไม่พูดกับแม่”
“แม่น่าจะรูว้ ่าหากผมบอกได้…ผมบอกไปแล้ว แต่นี่ผมจนใจจะบอก
แม่ฮะ…แค่นี้แล้วกัน ผมมีแขก…”
เขาตัดบทการสนทนาที่เธอไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ และเธอก็นึกดีใจ
อย่างหนึ่งที่ตรวจสอบกับเขาก่อนจะไปสอบถามจากพิมพิกา
เว้นแต่เขาทำให้เธอหนักใจ…วิษณุมีอะไรเคลือบแฝง…
คุณหญิงเพลินผู้ไม่เคยยอมสยบให้กับเรื่องใด กำลังจะจนมุมกับ
เรื่องของลูกชายคนเดียวเข้าเสียแล้ว
//////////////////////////////////////////////////////////////
คุณผ่องพรรณแง้มประตูเปิดเข้าไปในห้องของลูกชายอย่างเงียบกริบ
มีแสงสว่างรวมเป็นจุดเดียวจากจอขนาดใหญ่ภาพบนนั้นคือภาพของพิมพิ
กา…และลูกชายของเธอคงจะเปิดดูเพื่อระลึกและโหยหา
701/913

ข่าวออกมาเป็นระลอกๆ ค่อนข้างแน่ชัดถึงการแต่งงานครั้งใหญ่ใน
รอบปี หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบโสดร่ำรวยมีการงานที่ประสบความสำเร็จ และสา
วๆ พากันปรารถนา เลือกพิมพิกาเป็นเจ้าสาวหล่อนอาจจะไม่ใช่สาวใน
วงสังคมไฮโซฯ มีการตามหาที่มาของหล่อน…แต่ไม่ได้รับรู้อะไรมากนัก
นอกจากว่าหล่อนเป็นสาวสวยมากทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในบริษัท
ใหญ่แห่งหนึ่ง พิมพิกาเองก็หลีกเลี่ยงการถูกสัมภาษณ์ หล่อนยัง
ดำเนินชีวิตอย่างปกติ
แต่ที่ผิดไปคือลูกชายของเธอ…
เธอเคยคิดขวาง…แต่อาการของศศินหนักนักหนา แม้เขาจะยัง
ดำเนินชีวิตด้วยความเป็นปกติในสายตาคนทั่วๆ ไป เขายังทำงานเหมือน
เดิม…แต่เธอคนเป็นแม่รู้ว่าเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว…เขาเปลี่ยนไป…
เธอจรดฝีเท้าเข้ามาแล้วพบว่าเขาหลับ คอพับเอียงไปข้างหนึ่ง
มองเห็นขวดเหล้าบนโต๊ะใกล้กันนั้น เห็นแก้วเหล้าที่เหลือน้ำแข็งก้นๆ แก้ว
ภาพบนจอยังเคลื่อนไหว พิมพิกาสวยนัก และที่เธอนึกโมโหมากก็
คือพิมพิกานั้นก็เคยเป็นของศศินแล้วยังมีหน้าจะไปแต่งงานกับชายอื่น
เธอเห็นทีจะอยู่เฉยไม่ไหว…
และเธอย่องออกจากห้องโดยไม่ได้ปลุกเขา เธอเตรียมการจะไปพบ
กับพิมพิกาทีบ่ ้านของหล่อนในตอนเย็น พบพรรณรายก่อน พรรณราย
702/913

ต้อนรับเธอด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ และเมื่อเธอสอบถาม…พรรณรายก็
อ้ำอึ้ง
“ยายจันทร์แกตัดสินใจเองค่ะ แล้วคงจะดีที่สุดสำหรับแก”
“ลูกชายฉันก็แย่ไป เพราะเขาคิดจริงจัง”
พรรณรายพูดไม่ออก คุณผ่องพรรณยืนกรานจะรอพบพิมพิกาให้
พรรณรายใจหายใจคว่ำ เพราะยามบ้านั้น…พิมพิกาไม่เคยกลัวเกรงหน้าไห
นๆ
พิมพิกาประหลาดใจเมื่อเห็นคุณผ่องพรรณตอนแรก แต่หญิงสาวก็
ยกมือไหว้ด้วยกิริยาปกติในเวลาต่อมา
“ฉันอยากมาพูดกับเธอเรื่องแต่งงาน”
คุณผ่องพรรณไม่อ้อมค้อม เข้าประเด็นทันที
“แล้วตาศินล่ะเธอไม่คิดอะไรเลยรึ เขาก็เคยมีอะไรกับเธอ”
พิมพิกาเม้มปากหากัน ก่อนจะตอบด้วยเสียงอันชาเย็น
“มันจบไปแล้วค่ะ แล้วจันทร์ไม่อยากรื้อฟื้นมันอีก ทำไมคะ…ทำไม
เขาแสดงออกเหมือนคนสิ้นคิด” หล่อนพูดในกังวานเยาะหยัน “แล้วเขา
อายุเท่าไหร่กัน ต้องให้แม่มาจัดแจงพูดแทนตัวเขาต่างหากทีท่ ำให้จันทร์
ตัดสินใจเด็ดขาดได้ง่ายขึ้น ไปถามเขาซิว่าเขาทำอะไรเอาไว้…ทำไมไม่
รับ…ทำไมไม่บอกกัน จันทร์เกลียดคนโกหกแล้วทำหน้าซื่อ…คิดว่าคนอื่น
703/913

ไม่รู้ ไปบอกเขาด้วยนะคะว่าตอแหลกับคนอื่นอาจจะง่าย แต่ไม่ใช่กับ


จันทร์…เพราะจันทร์จะไม่ยกโทษในสิ่งที่เขากระทำ”
คุณผ่องพรรณได้แต่อ้าปากค้างไปเท่านั้นเอง เพราะเธองุนงงว่าพิมพิ
กาหมายความอย่างไรกัน…
57

พิมพิกาไม่รอให้เธอพูดอะไร…และเพราะเธอโกรธ…ยามใดความ
โกรธเข้าครอบงำ…เธอจะตกในภวังค์ครุ่นคิดจนไม่สามารถจะแสดงสิ่งใด
ออกมาได้เลย เธอมองตามหลังหญิงสาววัยคราวลูกไป และคำพูดของ
พิมพิกาทุกคำชัดเจนอยู่ในตัวของมันเองแล้ว

เหมือนมีการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น…
เธอเหมือนคนบากหน้ามา แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาต้องกลับ
หญิงสาวยกมือไหว้ลาเธอทีหนึ่งอย่างไม่ให้เสียมารยาทเกินไป แต่
ปรากฏร่องรอยถือดีจนเธอนึกอย่างแค้นๆ ว่าทำไมศศินต้องมาปักใจกับ
ผู้หญิงแบบนี้ด้วย
หากผู้หญิงแข็งเกินไป ชีวิตคู่น่าจะดำเนินไปอย่างไม่ค่อยดีนัก…
เธอเองเหมือนคนเข้มแข็ง…แต่ยามสามียังอยู่…เธอยอมอยู่ข้างหลัง
เขา…เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นเหมือนน้อง…ไม่เคยแสดงตัวว่าจะก้าวล้ำหน้าออก
ไปแม้แต่น้อย
705/913

พรรณรายก้าวมาแทนที่น้องสาว หล่อนมีสีหน้าไม่สู้จะดีนัก
คุณผ่องพรรณฝืนยิ้ม แต่มันไม่ค่อยจะเต็มหน้าสักเท่าใดเธอได้แต่
บอกว่า
“ฉันไม่น่าจะมาเลย แต่ลูกน่ะ…ยังไงซะไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ คน
เป็นแม่จะมองเห็นว่าลูกยังเป็นเด็กร่ำไป คุณมีลูกแล้วนี่ คงเข้าใจหัวอก
ของคนเป็นแม่”
“ค่ะ” พรรณรายรับคำเสียงแผ่วๆ “ยายจันทร์มันบ้าอะไรไม่รู้ได้”
เธอเหยียดยิ้มมุมปาก สิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกได้ก็คือกระแสเสียงที่ลดให้
เบาลงของพรรณรายกว่าระดับเสียงปกตินั้นก็บอกว่าพรรณรายเองก็เกรง
ต่อฤทธิ์เดชของพิมพิกา
“นี่ก็ยังไม่เข้าใจเลยค่ะ ก็…ก็…”
พรรณรายพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง
ของพิมพิกากับศศินจะพูดออกไปแบบโต้งๆ ก็กระไรนักหนาหล่อนเองก็ไม่
ได้เป็นคนอื่นสำหรับพิมพิกา…แต่เป็นพี่สาวแท้ๆ หล่อนรู้ว่าเมื่อพิมพิกา
ตั้งใจกระทำสิ่งใดและปักใจมั่นกับสิ่งใดแล้ว ยากนักจะไปเปลี่ยนให้พิมพิ
กาหันเหกลับมาสู่เส้นทางที่น่าจะเป็น
พิมพิกามีแง่มุมการมองเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เหมือนใครเลย
“ฉันรู้” คุณผ่องพรรณทอดถอนใจ “ตอนแรกที่พบเห็นด้วยตัวเอง
ฉันก็แทบช็อค…ว่าทำไมรวดเร็วแบบนั้นด้วย”
706/913

“นั่นไม่ใช่นิสัยที่ยายจันทร์แกประพฤติเป็นปกติหรอกนะคะ”
พรรณรายอดจะอธิบายถึงตัวน้องสาวไม่ได้ “ไม่เคยเลย ถึงงงเหมือนกันไง
คะว่าแกทำลงไปตรงนั้น…มีอะไรเป็นแรงผลักดัน”
“คุณอาจจะยังมองไม่เห็นคำตอบชัดเจนกระมัง” คุณผ่องพรรณย้อน
ถาม “แต่ฉันมองเห็นและพอจะเข้าใจแล้ว”
“บอกดิฉันด้วยได้ไหมคะ”
“น้องสาวคุณน่ะทำเพียงเพื่อประชดแฟนเก่า แต่ลูกชายฉันพลาดไป
เพราะเขาคิดเอาจริงกับตรงนี้ รวมทั้งความรับผิดชอบที่เขามีอีกด้วย แต่
พิมพิกาก็ปฏิเสธมัน”
“แล้วตัวคุณเองจะยอมรับจันทร์ได้สนิทใจไหมคะ หากจันทร์ตอบ
ตกลงแทนที่จะปฏิเสธ”
“ฉันอาจจะเคยแสดงท่าทีว่าไม่เห็นด้วยนะ” คำตอบนั่นตรง “แต่ฉัน
มีลูกชายคนเดียว และฉันก็แพ้ทางเขาเสมอ…แพ้ด้วยความรักห่วงหาอาทร
และอยากจะเห็นเขาเป็นสุข ฉันพิจารณาพิมพิกาแล้วก็คิดว่า
เอาละ…ยอมรับได้ ผู้หญิงทำงาน…ฉลาด…เข้มแข็ง…บางสิ่งบางอย่างทีเ่ ป็น
เสียงพูดถึงนั่นน่ะฉันโยนมันทิ้งไปหมดฉันไม่คิดจะเก็บเอามารกสมองอีก
ไม่อย่างนั้นฉันจะมาที่นี่หรือหากว่าฉันไม่เห็นแก่ศศิน…เพื่อลูก…ฉันยอมได้
ทุกอย่างแล้ว ดีกว่าจะทนเห็นลูกแสดงอาการเหมือนจะเป็นหุ่นไขลาน”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
707/913

จันทร์…ที่เธอพูดไปน่ะ…เธอคิดบ้างไหมว่ามันแรงไป”
พรรณรายเหมือนมาตอแย หากไม่ติดว่านี่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของหล่อน
เอง พิมพิกาคงจะกรี๊ดใส่จนกระเจิงไปจากตรงหน้าหล่อนเหมือนกัน แต่
หล่อนก็แสดงสีหน้าและแววตาออกมาให้เห็นๆ แต่พรรณรายแกล้งทำ
เหมือนไม่เห็น หล่อนคิดว่าตัวเองจะไม่ออกไปจากห้องนี้ตราบจนได้
คำตอบที่น่าจะพอใจ
หล่อนนั่งลงบนเตียง…
“พีพ่ รรณ…จันทร์ขอ” หล่อนยกมือไหว้พี่สาว “อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย
เพราะจันทร์คิดว่าตัวเองตัดสินใจไปแล้ว”
“เธอน่าจะทบทวนอีกนิด”
“ยัยแม่มากล่อมอะไรพี่พรรณ?”
“เปล่า”
“เขาไม่แน่เลย…”
น้ำเสียงของพิมพิกาเหมือนจะโกรธแค้นอะไรสักอย่าง แต่อะไรกัน
เล่า…ตรงนั้นพรรณรายไม่อาจจะทำความเข้าใจได้เหมือนกัน
“หากเขาแน่จริง…เขาไม่ควรจะให้แม่เขาต้องมา”
“เธอน่าจะดีใจว่าแม่เขายอมรับได้”
708/913

“คิดว่าจันทร์แคร์นักซิ” หญิงสาวคนอ่อนวัยกว่าไหวไหล่ตัวเองน้อยๆ
“จันทร์ไม่แคร์…ไม่เลย…”
“จันทร์…เพลาๆ หน่อยเถิด…” พรรณรายเอ่ยเตือน อย่างน้อยก็มี
ความหวังดีอย่างยิ่งอยูด่ ้วย “อย่าเอาแต่อารมณ์…วู่วามไปแล้วจะเสียใจ
ภายหลังได้ เวลามันไม่ปรานีใครนะ…มันไม่เคยตกลงกับใครว่าจะรอเพื่อดู
ผลก่อนว่าที่เราตัดสินใจลงไปน่ะมันผิดหรือถูกแล้วยังถอยกลับมาแก้ตัว
กลับใจใหม่ได้ทันการน่ะ เธอเองก็รู้”
“จันทร์ไม่อยากจะเถียงอะไรด้วย จันทร์รแู้ ต่ว่าจันทร์ตัดสินใจแล้วไม่
เปลี่ยน”
“เธอไม่แคร์เรื่องเสียตัวหรอกรึ”
“ไม่”
คำตอบนั่นเด็ดเดี่ยวนักหนา แต่พรรณรายก็ยังแสดงท่าทีไม่เชื่อถือ
จนคนเป็นน้องออกอาการหงุดหงิด
“พี่พรรณ…จันทร์ขอ…ขอให้มันเป็นสิทธิ์ของจันทร์โดยไม่ไขว้เขว
อะไรอีก”
พรรณรายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เธอคิดว่าพี่กำลังจะทำให้เธอหลงทางหรือ”
“ค่ะ” คำตอบรับนั่นหนักแน่น “จันทร์ไม่แคร์ที่เสียไปและจันทร์ดีใจ
ด้วยที่สลัดเขาหลุดไปได้ก่อนจะไปเสียใจภายหลังอีก”
709/913

“จันทร์…พูดแบบนี้แปลว่าต้องมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ทำไมไม่คิดจะ
เคลียร์…”
“ไม่แล้วค่ะ จันทร์ไม่เอาเวลาไปสิ้นเปลือง รอวันแต่งงานของจันทร์
เถิดค่ะ งานช้างประจำปีนี้เลย…คอยดูซิ”
“เธอรักผู้ชายคนนั้น?”
“ค่ะ”
“เธอโกหกคนอื่นน่ะพอว่านะ แต่เธออย่าริโกหกตัวเองเข้าด้วยแล้ว
กัน เพราะหากว่าเธอคิดได้วันใดก็จะต้องเสียใจ”
พรรณรายออกไปแล้ว พิมพิกานั่งลงแทนที่พี่สาว หล่อนคว้าหมอน
มากอดเอาไว้ และก็ถอนใจออกมาพรืดหนึ่งอีกด้วย
“ไม่มวี ัน” หญิงสาวเอ่ยกับตัวเอง “จะเสียใจได้อย่างไรนี่ละดีที่สุด
แล้ว เราจะมัวไปใส่ใจกับคนโกหกปากแข็งทำไม เขางุบงิบทำ…แล้วยัง
เพื่อนเราอีกคน…สมรู้ร่วมคิดกัน ตัดใจซะวันนี้เถิดน่า จันทร์เอ๋ย” พิมพิกา
ปลอบประโลมตัวเอง “เจ็บปวดบ้าง แต่กย็ ังไม่ได้ถลำลงไปลึก…ยังตะกาย
กลับขึ้นมาได้ทัน…ยังไม่สาย”
แล้วหล่อนก็พยายามตั้งมั่นกับตัวเองว่าไม่ว่าศศินกับชนิตาจะมีความ
เกี่ยวข้องกันอย่างไร…นับจากนี้ต่อไปหล่อนจะไม่เก็บเอามาค้างคาในสมอง
ของหล่อนอีกแล้ว…ไม่เป็นอันขาด…แม้เรื่องของชนิตาจะทำให้หล่อน
710/913

สะเทือนใจในส่วนลึกบ้างก็ตามที…เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่เคยแนบแน่น
มาด้วยกัน
“ก็ตามันอยากปิดบังเราก่อนทำไม” หล่อนหาเหตุผลให้กับตัวเอง
“ทำไมไม่พูดออกมา…ทำไม…ป่วยการต้องมาปิด…พูดกันตรงๆ ซะยังดีกว่า
ให้เราต้องปะติดปะต่อเอาเอง…แล้วเราก็ถูก หลอกลวง…”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

คุณผ่องพรรณกลับมาถามจากเขาว่า
เขาได้ไปกล่าวความใดอันไม่จริงกับ
พิมพิกาบ้าง
เขามองหน้าเธอด้วยความฉงน มองออกว่าเธอเพิ่งกลับเข้าบ้าน แล้ว
นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย…แม่เขาไปไหนมา…
เขาไม่ได้ตอบกับความอยากรู้ของเธอ แต่ย้อนถามเธอเสียก่อน
“แม่ไปไหนมาฮะ”
เธอไม่ตอบ แต่นั่งลง
“แม่ฮะ”
711/913

เขาขานเรียกเธอในกระแสอ่อนโยน โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย
พร้อมกับแววตาที่เกือบจะเป็นคาดคั้น
“แม่ต้องบอกผมก่อน…แม่ไปไหนมา?”
“เอ้อ…แม่…”
“ผมว่าแม่ต้องไปพบพิมพิกามา?”
“ก็ทำนองนั้น”
“แปลว่าแม่ไป”
“แม่อยากไปดูหน้าคนใจดำ”
“แค่นั้น?” เขาดักคอเธอเสียอีก “ผมว่าอาจจะมีอะไรมากกว่านี้”
เธอหลบตาเขา ชายหนุ่มถอนใจยาว เขาเข้าใจว่าเธอคงจะมีเหตุผล
ของเธอ และเขาเองก็ไม่อาจจะโกรธเคืองเธอด้วยเพราะสิ่งทีเ่ ธอทำลงไปนั้น
เธอกระทำด้วยความหวังดีต่อเขา และนับว่าเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำ ไม่
จำเป็นที่เธอจะต้องไปหาพิมพิกาถึงบ้าน…เหมือนเธอลดตัวเองลงไป และ
เขาซาบซึ้งตรงที่ว่าทั้งหมดที่เธอ ‘ยอม’ ได้นั้นก็เพื่อเขา
“แม่ฮะ…ของพระคุณ” เขายกมือไหว้เธอ
“ศิน…” น้ำเสียงของเธอแหบเครือ “แม่ทนไม่ได้เลยที่จะเห็นลูกจม
อยู่กับความโศกเศร้า มันทำให้แม่รู้สึกแย่มาก”
“ผมไม่น่าจะทำตัวเหลวไหลให้แม่ต้องมากระทบ แม่ฮะ…”
712/913

เขาฝืนเสียงตัวเองให้ร่าเริงพร้อมกับท่าทีที่เหมือนเขาจะโยนเอาเรื่อง
หนักอกออกไปพ้นจากตัว
“ผมจะเริ่มต้นใหม่แล้ว…ผมอาจจะทำตัวไม่ดีนักเท่าที่ผ่านๆ มา แต่
นั่นผมไม่รู้ว่าจะพลอยลากเอาแม่มาทรมานกับผมด้วย ผมยังไม่ตายหรอก
ฮะ ผมยังอยู่…ยังต้องดำเนินชีวิตอีกต่อไป”
โถ…ศศินของแม่…คุณผ่องพรรณคร่ำครวญอยู่ในอกตัวเองที่เหมือน
ไหม้เกรียมไปหมดแล้ว เธอรู้สึกว่าเหมือนเขาเองก็กำลังพยายามสร้างความ
เข้มแข็งให้เกิดเป็นกรอบให้ตัวเอง เธอเลี้ยงเขามาใกล้ชิดเขาดี…ทำไมเธอ
จะไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร…รู้สึกอย่างไรเมื่อครั้งที่เธอยืนขวางทางไม่ให้เขา
ชอบพอกับบุษยา เขาก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้ ความรู้สึกของเขาต่อบุษยา
อาจจะเฉๆ ไป…เพราะความใกล้ชิดเท่านั้นเอง
แต่กับพิมพิกามันไม่ใช่เลย…มันมีอะไรมากกว่านั้นอีก…มันคือความ
รัก…มันคือความรูสึกที่กลั่นกรองแล้วจากหัวใจ
เสน่ห์ของพิมพิกาเหมือนพายุที่หมุนมาหอบเอาศศินเข้าไปในใจกลาง
แล้วพายุนั้นก็จากไป…ทิ้งศศินเอาไว้ในสภาพที่ยับเยิน…แม้ว่าความบอบช้ำ
ทีเ่ ขาได้รับนั้นจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตามที…แต่มันก็ได้เกิดขึ้น และ
มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอยอมรับไม่ได้
“ผมกำลังจะนับหนึ่งใหม่ ผมไม่อยากให้แม่ไปหาเธออีกมันเหมือน
เราไปตอแยเค้า…ไปขวางทางเค้า”
713/913

“ศินยังไม่ได้ตอบคำถามของแม่เลย”
“ผมคิดว่าไม่ต้องตอบดีกว่ามังฮะ เพราะผมไม่เคยทำอะไร
โอ.เค.ตอนแรกผมเพียงแค่คิดว่าหากจับเธอแยกห่างๆ จากยายนุ่นได้ซะก็
จะดีกับคนของเรา แต่ผมก็บอกเธอแล้ว เราเหมือนพูดจากันเข้าใจแล้วอีก
ด้วย”
“แต่แม่ว่าคำพูดของเค้าแปลกๆ นะ”
แล้วเธอก็พยายามจะเรียบเรียงคำพูดพวกนั้นที่เธอยังจำได้ถ่ายทอด
ให้เขาฟัง
“ผมน่ะรึฮะไปทำอะไร…โกหกเธอด้วยหรือฮะ เท่าที่ผมคิดออก…ไม่มี
เลยนะฮะ” เขาส่ายหน้าไปมา “ไม่มอี ะไรเลย ผมไม่ได้โกหก มีอะไรผมก็
พูดไปหมดแล้วตรงๆ ”
“ไม่ใช่แค่โกหกนะศิน ทีเ่ ค้าฝากบอกผ่านแม่มาถึงลูกด้วยก็คือคำว่า
ตอแหล…แม่ว่าเค้าพูดแรงทีเดียวละ”
ชายหนุ่มอึ้งไปเหมือนกัน ท่าทางพิมพิกาจะมากไปด้วยฤทธิ์เดช
หล่อนทำให้เขามึนงงเป็นอันมาก
แล้วเขาก็ค่อยๆ คิดทบทวน…ก่อนจะมีชนิตาเข้ามาสมทบด้วยอีกคน
หนึ่ง หรือเพราะว่าพิมพิกาเข้าใจผิดเขาในเรื่องของชนิตา…
อาจจะเป็นไปได้มากที่สุดตรงนั้น
เขาถอนใจยาว…ทำไม…เพื่อนรักกันที่สุด…ทำไม…
714/913

เขารุ่มร้อนในอก…โทร.หาดนุจนเจอตัว
“ผมอยากพบชนิตา กลับไปบ้านหรืออยู่ที่อพาร์ตเมนท์?”
“พบทำไมฮะ” แทนที่จะตอบ…กลับเอ่ยถาม
“ไม่รเู้ หมือนกัน” คำตอบของศศินตรงไปตรงมา “ผมก็ยังไม่มี
จุดหมาย”
“กลับไปบ้านสองสามวัน แต่คงจะกลับมาแล้ว แกกำลังตั้งหลักใหม่”
“เรื่องงาน?”
“คุณรู้แล้วรึ”
“ผมรู้จากเปรม ดูเหมือนสองคนนั่นจะติดต่อถึงกันเสมอ”
“ผมก็ยังห่วงตา คนเคยทำงานทีต่ รงไหนนานๆ แล้วเกิดความรู้สึก
มั่นคง ต้องมาออกจากงานคงไม่แฮปปี้นัก แม้แกจะพยายามแสดงออกว่า
แกไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยก็เถิด”
“ผมจะไปพบชนิตาแล้วกัน”
“ตอนนี้หรือฮะ” เสียงถามมาค่อนข้างอ่อยๆ เหมือนเกรงใจ “รอ
พรุ่งนี้ดีกว่ามังฮะ”
“ผมรอไม่ไหว มีอะไรบางอย่างมันค้างใจผม ที่จริงผมก็น่าจะไปถาม
พิมพิกาโดยตรง แต่ทำอย่างไรได้…ประตูบ้านนั้นไม่เปิดรับผม…” เขา
715/913

พยายามหัวเราะ แต่มันเฝื่อนไปมากเหลือเกิน “ผมคิดว่าผมไปพบชนิตา


ด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือคุณไม่เชื่อผม?”
“โอ…เปล่าฮะ” ดนุรีบปฏิเสธ “ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น”
“ก็ดี…ผมไม่อยากให้ใครมองว่าผมมีส่วนทำ…ทั้งที่ผมไม่ได้ทำแล้ว
ผมกับชนิตา…ผมก็ถือว่าเราเป็นคนรู้จักกัน ผมไปหาก็ไปแสดงความ
ห่วงใย…ไปคุยกันอย่างเพื่อน…”
58

เขามาเรียกหน้าห้องนี้เอง การมาของเขามีการแจ้งบอกล่วงหน้าจาก
พี่ชายมาแล้วว่าศศินจะแวะมาเยี่ยมเยียน ดนุบอกกับหล่อนแค่ว่า
…คิดว่าเขามีเรื่องอึดอัดใจแล้วอาจจะมีแกไปพัวพัน มันอะไรกันวะ
ทำท่าจะยุ่งนัวเนียกันหรือเปล่า แล้วยายจันทร์เพื่อนแกด้วย ตา…แกมีอะไร
จะบอกฉันไหม…
หล่อนได้แต่ปฏิเสธ หล่อนไม่มีอะไรจะบอกกับดนุ…ไม่มีจริงๆ …
ชนิตาจึงรออยู่…หล่อนรอจะรู้ว่าทำไมศศินต้องด่วนมาด้วย…ทำไม
ศศินมีเรื่องต้องพบหล่อน…แถมเป็นยามค่ำคืน
“ผมเข้าไปได้ไหม”
เขาหยุดเพียงภายนอก ท่าทางเขาสุภาพ และเขาก็ขออนุญาตก่อนอีก
ด้วย ไม่เคยปรากฏท่าทีรุ่มร่ามจากเขาเลยแม้แต่น้อย
“หรือจะลงไปข้างล่าง…คุยกันที่ร้านอาหาร มีคน…แล้วก็ไฟเปิดสว่าง”
“ที่ห้องนี่เถิดค่ะ ดิฉันไว้ใจคุณได้นคี่ ะ แล้วอีกอย่าง…เวียนหัว
คลื่นไส้ เพิ่งจะอาเจียนไปด้วยค่ะ กลัวจะเกิดอาการอีก”
717/913

“ไม่สบายหรือฮะ”
“ค่ะ”
“ตั้งแต่คราวก่อนที่ผมมา”
เขาเท้าความ พาตัวเองก้าวเข้ามาในห้อง
“ดูเหมือนว่าคุณก็อาเจียนเหมือนกัน”
“ค่ะ”
“แล้วไปหาหมอหรือเปล่า”
“มันเป็นๆ หายๆ ไม่อยากไปค่ะ”
“กลัวหมอ?”
เขาถามยิ้มๆ นั่งลงในส่วนรับแขก ชนิตานั่งที่เก้าอี้อีกตัวหล่อนสวม
ชุดอยูก่ ับบ้านหลวมๆ หน้าตาไม่ได้แต่ง เขามองเห็นความซูบโทรมของ
หล่อน
“ผมมารบกวนทั้งทีค่ ุณน่าจะได้พักผ่อน แต่ผมว่ามีเรื่องแปลกๆ ที่
ผมก็ยังงงๆ แล้วคิดว่าน่าจะได้มาสอบถามจากคุณอีกคนคือแม่ผมเกิด
หวังดี…ไปหาคุณจันทร์…”
เขามีน้ำเสียงปร่าๆ เหมือนจะขมขื่นใจไม่น้อย แววหม่นหมองอยูใ่ น
ดวงตาของเขา และชนิตาเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างปรุโปร่งหล่อนคงจะ
มีให้แต่ความเห็นใจไม่มากไปกว่านั้น เพราะหล่อนเองกับพิมพิกาก็เหมือน
718/913

มา ‘แตก’ กัน ก็ยังเสียดาย และได้รู้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น…อัตตาในตัวตน


เริ่มแก่กล้าเบ่งบานมากขึ้นนี้ก็ทำให้มที ิฐิมากจนไม่อาจจะยอมเป็นฝ่าย ‘ง้อ’
ก่อนได้ดังเดิมอีก…สัมพันธ์ของเพื่อนก็โรยราลง
ก็เรียกว่าใจหาย…ไม่อาจจะแก้ไขได้…
ชนิตาเองก็หมั่นไส้พิมพิกาเพื่อนหล่อนทำให้สิ่งที่ไม่น่าจะทำพิมพิกา
กับความบ้าระห่ำ…ใช่ว่าเพิ่งเคยเป็น แต่ก่อนหน้านี้ชนิตาจะอยูใ่ นภาวะที่
ยอมรับได้ เว้นแต่คราวนี้หล่อนยอมไม่ได้อีกแล้ว
ศศินเล่าจนหมดแล้วช่วยกันขบคิดกับหล่อน ชนิตามีสีหน้าและ
แววตาเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด หล่อนร้องอุทานออกมาอย่างเหลืออดด้วย
ความลืมตัวว่ามีศศินอยู่ตรงหน้าหล่อนนี้ด้วย
“ต๊าย…ระยำจริงๆ ”
เขาสะดุ้งเล็กน้อย “มีอะไรฮะ คุณตาคิดออกแล้วหรือ”
“จันทร์เข้าใจว่าที่ฉันหายไปน่ะไปกับคุณแน่ๆ จันทร์คิดว่าเราอาจจะมี
อะไรกัน…”
เขาทำหน้าตาตระหนก
“เป็นไปได้ไงฮะ” ชายหนุ่มร้องคราง “ก็วันแรกทีค่ ุณหายไป ผมยัง
อยู่กับคุณจันทร์ที่หัวหินอยู่เลย”
“ใช่…แล้วดิฉันก็ไม่ได้หายไปกับคุณ…ทำไมจันทร์คิดแบบนั้น”
719/913

“แล้วคุณก็เชื่อว่าคุณจันทร์คิดแบบนั้น”
“มันไม่มีแบบอื่นอีกแล้วนี่คะ”
ชนิตาบอก ค่อยๆ ทบทวนกับเขา แล้วศศินก็ถามหล่อนออกมาตร
งๆ ว่า
“คุณไปกับใคร…ไปไหนมา”
“ตอบไม่ได้ค่ะ”
“ผมขอร้อง” เขาบอกเสียงอ่อนโยน
“ดิฉันรู้ว่ามีส่วนทำให้คุณเดือดร้อน แต่ตรงนั้นดิฉันเองไม่อยากจะ
พูดถึง มันเป็นวันคืนโหดร้ายต่ำทรามที่ดิฉันเองพยายามจะลบมันออก…”
ยังเหลือรอยแค้นในแววตา…ยังเหลือรอยอาฆาต
“ดิฉันเองมาป่วยเสียก่อน มันเป็นความอ่อนแอที่ดิฉันเองก็เกลียด
มัน แต่ขอเวลาดิฉันอีกนิด…บางทีอาจจะทำให้ยายจันทร์ตาสว่างได้ ดิฉัน
เสียใจที่ทำให้คุณต้องมารับผลกระทบที่คุณไม่ได้ก่อ สัตว์ป่าตัวหนึ่งมัน
ดุร้าย มันกัดดิฉันจมเขี้ยว ดิฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้ มันมา
ประจวบเหมาะกับความคิดของจันทร์ที่ถูกทำให้เบี่ยงเบน”
เขาคิดตามคำพูดของชนิตา และเพราะว่าเขาไม่ได้เป็นคนโง่ ศศินเริ่ม
มองเห็นรอยต่อเชื่อมอะไรบางอย่างแล้ว
เขาแน่ใจว่าตัวเองได้เห็น และเขาก็มองหน้าชนิตาแน่นิ่ง
720/913

“คุณบอกชื่อเขาไม่ได้?”
“ค่ะ”
“แต่ผมพอจะเดาได้แล้วว่าเขาเป็นใคร และเขาน่าจะรับผิดชอบด้วย
ชนิตา…ตอนนี้คุณตกงาน…คิดจะไปทำงานกับผมไหม”
หญิงสาวส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ”
“ผมมีข้อเสนอดีๆ ให้”
“ดิฉันไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อน พอแล้วค่ะ…เท่านี้ก็มากเกินจะพอ
คุณไม่ควรจะต้องมาร่วมรับรู้อะไรด้วยเลยสักนิด เพียงแต่การที่คุณเคย
ติดต่อดิฉัน…พบกับดิฉันยังทำให้คุณเสียหาย แล้วทำไมดิฉันจะต้องไป
ทำงานที่บริษัทคุณอีก รับเปรมไปคนเดียวก็เหลือจะพอค่ะ ขืนรับดิฉันไป
อีกคน จะไม่ดีเป็นแน่”
“แล้วคุณคิดมองหางานใหม่หรือยัง”
“ยังค่ะ ตอนนี้รวย”
คำพูดของชนิตาแกมหัวเราะ ไม่บอกว่าหล่อนพูดจริงหรือเล่นกันแน่
แต่ศศินเข้าใจว่าหล่อนได้รับเงินก้อนมาหลังจากการลาออก…
“อาจจะไปเล่นหุ้น…”
721/913

“อย่าเลยฮะ” เขารีบห้าม “ขอให้เป็นแค่ความคิดก็พอแล้ว…อย่าเล่น


มัน”
“งั้นแค่นอนนับดอกเบี้ยเงินฝากดีไหมคะ”
“ก็คงไม่เลวนัก”
ศศินไม่ได้พูดต่อว่าเขาโยงเรื่องราวอันใดได้ เขาชวนหล่อนพูดคุยใน
เรื่องอื่น จนชนิตาอดทนไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายถามเขาเสียเอง
“คุณว่ารู้แล้วทำไมเงียบไปเลย…ทำไมไม่พูดต่อประเด็นเดิม”
“ผมคิดว่าบางทีการเอ่ยชื่อเขาอาจจะทำให้คุณอาเจียนออกมาอีกน่ะ
ซิ”
นั่นทำให้ชนิตาเงียบไปเหมือนกัน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณหญิงเพลินมองเห็นอาการกระวนกระวายของลูกชายเขาทำท่า
แปลกๆ ให้ได้เห็นโดยที่เธอไม่ได้เข้าไปใกล้เขาเลย…มันเหมือนว่ามีเรื่อง
ค้างคาใจเขา เธอแอบมองอยู่ห่างๆ แม้ปากจะคอยเตือนตัวเองเสมอว่าเขา
อายุสี่สิบแล้ว…เขาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบได้สูงพอแล้ว แต่กระนั้น
เธอก็ยังอดห่วงใยต่อเขาไม่ได้
เพราะอายุนั่นก็แค่ตัวเลข…บางทีอาจจะมีการหลงผิด…หลงทาง และ
คุณหญิงเพลินไม่อาจจะทำใจให้ยอมรับได้สนิทนั่นเองว่าเขากับพิมพิกาเป็น
คู่ประเภทคู่สร้างคู่สมกันมา
722/913

เขาเดินพล่านแล้วก็ลงนั่ง ก่อนจะเอามือดันคางแล้วทำท่าครุ่นคิด
อะไรคือความคิดของเขา…ท่าทีแบบนั้นไม่ได้เป็นท่าทีบ่มไปด้วยความสุข
ของเจ้าบ่าวในเวลาอันใกล้ เธอเห็นร่างการ์ดเชิญแล้ว เขาเอามาให้เธอช่วย
ดูก่อนจะตัดสินใจสั่งพิมพ์ เธอเองไม่ได้ออกความเห็นอันใด…นอกจาก
บอกว่ามันเป็นเรื่องที่เขากับพิมพิกาควรจะมีความเห็นชอบร่วมกัน ยังจำได้
ว่าเขาบอกว่า
…ผมจะเอาไปให้คุณจันทร์ดูวันเสาร์ เราจะเจอกันวันนั้น…
ก็อีกหลายวัน…เธอก็ยังฉงนว่าตอนไปเลือกแบบการ์ดนั้นไม่ได้ไป
ด้วยกันหรอกหรือ…
แต่เธอก็ไม่ได้ถาม…เธอไม่รู้ทันความคิดของเขา
ทีว่ ิษณุถอนใจเฮือกๆ เดินพล่าน เพราะเขาคิดเรื่องชนิตาเขาคิดว่า
หล่อนน่าจะ ‘ขาด’ จากเขาไปสนิทแล้ว ที่ไหนได้…ดูเหมือนว่าตรงนั้นจะ
เป็นความเชื่อของเขาฝ่ายเดียว ชนิตายังอยู่…หล่อนยังค้างคาอยูใ่ น
ความคิดของเขา…ไม่ได้หายหกตกหล่นไปทางใดเลย
เขามีความปรารถนา…เขานึกถึงยามที่ได้ครอบครอง
หล่อน…เหนือกว่าหล่อนและตักตวงเอาจนสาแก่ใจ…ก็แค่ว่าไม่กี่วันไม่กี่คืน
โดยเขาไม่รู้ว่าที่เขาคิดว่าเป็นเวลาอันสั้นนั้น…แท้จริงมันยาวนานมากใน
ความคิดของชนิตา…
723/913

และไม่กี่วันของเขาก็ล่วงเข้าไปสิบเอ็ดวัน…เขาข่มเหงชนิตานาน
เพียงนั้น โดยคิดว่าขอเพียงความสะใจแล้วก็ผ่านเลย แต่เขากลับมาหวน
คะนึง…เขายังต้องการหล่อนอยู่
การที่ชนิตาขอลาออกแล้วมีเงื่อนไขกับเขาขนาดนั้นยิ่งทำให้เขาคิดไม่
ถึง หล่อนไม่ได้โวยวายอะไรเลย…แต่เหมือนว่าหล่อนชนะ
คุณหญิงเพลินมองเห็นเขาแตะโทรศัพท์ แล้วพอกดเบอร์รอสาย
สักครูก่ ็เห็นว่าลูกชายทำสิ่งอันชวนผวา เพราะวิษณุปาโทรศัพท์แบบไร้สาย
กระเด็นกระดอน
เธอก้าวเข้าไปในตอนนี้พอดี
“วิษ…”
เขาทำท่าเหมือนตกใจอยู่เหมือนกันก่อนจะแปรอาการให้เป็นปกติ
เธอก้มลงฉวยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยังปรากฏไฟติดอยูเ่ ขาทำท่าจะเข้ามา
แย่งยื้อเอาจากมือของเธอเลยทีเดียว แต่เธอขืนเอาไว้และไม่ยอมให้กับเขา
เธอแนบหูกับกระบอกโทรศัพท์ ได้ยินเสียงห้าวๆ ดังมาว่า
“ฮัลโหล…ฮัลโหล…ต้องการพูดกับใครครับ”
เสียงผู้ชาย…เธอคิดตามลูกชายไม่ทัน…เขากราดเกรี้ยวอะไรกันปานนี้
ด้วย…เขาเป็นอะไรของเขา…เธอกำลังจะทำสิ่งหนึ่งคือต้องการรู้หมายเลข
ที่นี่…เธอกำลังจะกดปุ่มที่เป็นการเรียกทวนสัญญาณเดิมซ้ำแล้วหมายเลข
จะปรากฏบนหน้าจอ แต่ราวกับว่าวิษณุจะอ่านใจของเธอออกว่าเธอ
724/913

ต้องการทำสิ่งใดต่อ เขาฉวยโทรศัพท์จากมือเธอ แล้วเขาก็รีบเดินเอาไป


วางบนตัวเครื่อง ยืนหันหลังให้กับเธอ
“แม่มีธุระอะไรกับผม”
“แม่เห็นวิษมีอาการแปลกๆ ”
“ไม่มีอะไรครับ” เสียงตอบเยือกเย็น
“แต่แม่เห็น…”
“แม่ครับ ขอให้ผมได้อยู่คนเดียวต่อ แล้วผมไม่อยากจะให้แม่มา
ใส่ใจกับเวลาส่วนตัวของผมอีกด้วย”
แม้คำพูดนั่นจะยังแสดงความสุภาพเอาไว้แต่เธอก็สามารถรับรู้และทำ
ความเข้าใจได้ว่าวิษณุกำลังขับไล่เธอ เขาพูดเหมือนเธอซึ่งเป็นแม่ของเขา
เองไม่รู้การอันควรไม่ควร หากไม่รู้นิสัยลูกชายดีอยู่บ้างก่อนหน้า…เธอ
คงจะเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจอย่างใหญ่หลวง แต่นเี่ พราะเธอรูเ้ สมอมา
เธอก็เลยสามารถรับฟังได้ด้วยท่าทีอันเป็นปกติ
“แม่รู้ แต่หากว่าวิษยืนยันกับแม่ว่าตัวเองไม่ได้ผิดไปจากที่เคยเป็นก็
จะช่วยให้แม่สบายใจได้มากขึ้น”
“ผมเครียด งานมันเยอะ แม่ก็รู้ว่าชนิตาลาออกง่ายๆ ”
“ลูกเสียดายชนิตาซิ”
725/913

แล้วเธอก็หนาว เมื่อเห็นแววตาเขาลุกจ้าแบบนั้น เขาโกรธ…เหมือน


คำพูดของเธอจะเข้าไปล้วงเอาความรู้สึกที่เขาซ่อนเอาไว้ออกมา เขาเน้นทุก
คำพูดด้วยเสียงอันชัดเจน
“ผมไม่มีวันเสียดายคนแบบนั้น…คนไร้ค่า…พวกเศษสวะ…ออกไปซะ
ได้ก็ดีแล้ว”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เพราะเขาอยู่ใกล้โทรศัพท์มากกว่า เขาเลยรับแล้วมีแต่ความเงียบ
หลังจากเขากรอกเสียงไปก่อน แต่ศศินไม่ได้วางลงทันที เขาทันได้ยินเสียง
ผู้หญิงเรียกขานชื่อผู้ชายคนหนึ่งผ่านเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็เป็นความ
เงียบ

เขาเริ่มแน่ใจ
“ผมรู้แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป”
“หรือคะ…บอกกันบ้าง”
“คุณคงจะช่วยผม?”
“แน่นอนค่ะ”
“แล้วคุณจะยังกล้าไปพบกับคุณจันทร์อีกรึ”
“หากดิฉันจะลองโทร.ไปหา จันทร์น่าจะมีเหตุผล”
726/913

“แล้วเรื่องของคุณเองล่ะ…จะให้เป็นคลื่นกระทบฝั่งหายไปหรือฮะ”
เขาถามอย่างอาทร “ผมว่ามันไม่ยุติธรรมนัก แม้ผมจะไม่รู้รายละเอียดว่า
คุณไปพบเจออะไรมาบ้าง แต่มันคงเป็นความเลวร้าย”
“เพราะนั่นไงคะ…มันเลวร้าย…ดิฉันถึงไม่คิดถึงมันอีก…อยากให้มัน
เงียบหายไป”
“เคยคิดเรียกหาความรับผิดชอบไหม”
ชนิตาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับเย้ยหยัน
“เขาไม่มีมันหรอกค่ะ หากเป็นคนอื่นเชื่อว่ายังพอมี แต่เพราะเป็น
เขา…ตรงนั้นไม่เคยมีเลยค่ะ”
“แต่เขายังพยายามติดต่อมา”
“นั่นอาจจะเพราะเขาคิดว่าเขายังเป็นนาย…เป็นผู้ชนะ…เป็นคนที่น่าจะ
ปิดเกมด้วยมือเขาเอง แต่เปล่า…ดิฉันปิดเกมนั่น ดิฉันเดินออกมาอย่าง
สงบโดยที่เขาคาดไม่ถึง เขาคงคิดว่าดิฉันจะยอมทนอยูแ่ ล้วยอมๆ เขา
ทุกอย่าง เลิกการงัดข้อกับเขา…ไม่เห็นด้วยกับเขา คนอย่างเขาไม่ยอมแพ้
ใคร…ไม่ยอมให้อภัยใคร…แล้วยังอิจฉาตาร้อนอีกด้วย”
“คุณรู้จักเขาดีกว่าใครๆ เลยมั้ง”
“และย่อมรู้จักเขาดีกว่ายายจันทร์ด้วย บางทีเรื่องหนึ่งที่จะดึงยาย
จันทร์มาพ้นจากเขา แต่อาจจะไม่ใช่วิธีขาวสะอาดนัก”
727/913

ชนิตาเอ่ยอย่างลังเล และศศินก็มองหน้าหล่อนด้วยความพิศวง
เล็กน้อย
“วิธีไหนหรือฮะ”
แล้วชนิตาก็เอ่ยออกมาเรียบๆ
“ลองเขารู้ว่าจันทร์ผ่านคุณมาก่อนเขา…ให้เขารู้…แล้วเขาจะทนไม่ได้
จันทร์บนฟ้าก็อาจจะเป็นจันทร์ที่ถูกเมฆบัง…แล้วบางทีก็จะไม่ไปจากคุณ…”
เขายังไม่กล้าหวังแบบนั้น
นั่นอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แล้วพูดก็พูดกันเถิด…เขากลัวใจพิมพิ
กา…หล่อนเหมือนใครที่ไหน…หัวใจของหล่อนแปลกประหลาด…ไม่อาจจะ
คาดเดาใดๆ ได้เลย…หล่อนคือความไม่เหมือนใครเลย
หล่อนแปลก…ให้ความรู้สึกที่เขาเองก็ยากจะลืม…และแม้แต่การที่
หล่อนผันแปรง่ายดาย…เขาก็พลอยสับสนไปด้วย
“คุณจันทร์เป็นคนพิเศษ…” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม “เธอไม่เหมือนใคร”
ชนิตาหัวเราะเบาๆ
“มันสวยแต่บ้า และคราวนี้ดิฉันคิดว่ามันไม่ฉลาดเลย…ที่มันจะยอม
เป็นกบฏต่อหัวใจที่แท้จริงของมันเอง”
59

ชนิตาโทร.มา พิมพิกานิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่งเหมือนปรับสภาพอารมณ์
ตัวเองเสียก่อน

“มีอะไรรึ”
ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาก่อน
“เดี๋ยวนี้ต้องถามก่อนเลยนะ…เหมือนคนอื่น”
“ตา…ฉันกำลังงานยุ่ง”
“เย็นนี้เจอกัน จะไปรอที่ทำงาน”
“ฉัน…”
“จะบอกว่าไม่ว่างรึ” ชนิตาดักคอ “ทำไมล่ะจันทร์…ทำไมต้องกลัวฉัน
ด้วย เธอกลัวกระทั่งการพบเพื่อนตัวเองอีกอย่างนั้นรึ ฉันไม่ทำร้าย
เธอ…แต่เธอกลับกลัว”
“ฉันไม่ได้กลัว แต่ฉัน….”
729/913

“เอาเถิด…แล้วค่อยพูดกัน ฉันคิดว่าน่าจะมีเรื่องต้องพูดกันยาว”
ชนิตาวางหูไปแล้ว พิมพิกาหน้าตาบึ้งเล็กน้อย แต่ยังเค้าความงามอยู่
หล่อนขุ่นเคืองในคำพูดของชนิตา กลัวหรือ…ไยจะต้องกลัว…ไม่เลย…และ
ชนิตาพูดว่าไม่ได้ทำร้ายหล่อน…แต่สิ่งติดค้างในใจของหล่อนทำให้หล่อน
รู้สึกว่าตัวเองถูกทรยศ เพื่อนคนหนึ่งกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่หล่อนหลง
เคลิบเคลิ้มว่าเขามาสู่ชีวิตหล่อนด้วยความจริงใจ หล่อนไม่เคยทอดกายให้
ใครเชยชมมาก่อน ศศินได้ไปเพื่อจะทำให้หล่อนเจ็บเสียยิ่งกว่าคราว
มณฑล
แม้พิมพิกาจะไม่ได้คร่ำครวญเสียดายตัวเอง แม้หล่อนจะไม่ได้
ปริปากโวยวาย…แต่หล่อนก็ช้ำ หล่อนรู้สึกว่าตัวเองได้แหลกยับ
หล่อนยังอยู่ได้ด้วยแรงทระนงเสียมากกว่า แรงทีท่ ำให้หล่อนฮึดบอก
ว่าหล่อนจะไม่ยอมแพ้ และหล่อนจะไม่ยอมให้เขากับเพื่อนมาหัวเราะเยาะ
หล่อนลับหลัง
แต่วิษณุมารอหล่อนตอนเที่ยง เขารับหล่อนไปทานอาหารกลางวัน
ด้วยกัน และตบท้ายที่ร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่ง
“เข้าบ่ายจัดๆ หน่อยนะ คงไม่เสียงานมากมายอะไร”
เขาบอกเสียงนุ่ม หญิงสาวเองชะงักเล็กน้อย อยากจะไปข้างหน้าก็
อยากจะไปให้สุดตัวโดยไม่ต้องห่วงพะวงอะไรอีก แต่อะไรไม่รู้ได้เหมือน
730/913

กันที่พอจะเหยียบผ่านประตูกระจกนั่นเข้าไปก็รู้สึกเหมือนกับมีเสียงท้วงติง
ว่าหล่อนทำไม่ถูกเท่าที่ควร
พอหล่อนไม่ได้ขยับตามทั้งที่เขาผลักประตูกระจกนำเข้าไปก่อนหน้า
แล้วผลักค้างเพื่อให้หล่อนผ่านเข้ามาอย่างสะดวกนั้น เขาก็หันมามอง
“มีอะไรรึ”
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ
หล่อนจะบอกเขาอย่างไรว่าหล่อนกำลังคิดถึงพันธนาการเขาคงจะให้
หล่อนเลือกดูแหวนด้วยตัวเอง พิมพิกาคิดว่าตัวเองไม่พร้อม แต่หล่อนก็
ต้องผ่านเข้ามา รู้สึกแอร์เย็นเฉียบ มันเหมือนเย็นกว่าปกติทั้งที่หล่อนเอง
เป็นคนชอบอากาศเย็นๆ สูทตัวนอกที่เป็นฟอร์มของบริษัทก็นับว่าผ้าเนื้อ
หนาก็ยังไม่อาจจะกั้นความเย็นลงไปได้เลย
หล่อนพยายามทำสีหน้าสีตาให้เป็นปกติ ได้ยินเสียงทักทายวิษณุ
อย่างมักคุ้นกันดี ถามไถ่ถึงมารดาของเขา แล้วก็มดี วงตาหลายคู่จับ
จ้องมองพิมพิกาด้วยกัน
“คุณหญิงท่านก็มาบอกไว้ค่ะ ตอนแรกก็อยากจะให้เพชรเก่า แต่ท่าน
ก็มาเห็นว่าเดี๋ยวนี้เพชรใหม่ๆ ก็งาม ดีไซน์ออกมาเก๋กว่าอีกด้วย เชิญค่ะ”
พิมพิกานั่งลง ตาสองข้างพร่าพรายด้วยประกายเพชรที่ถูกยกขึ้นมา
ทั้งถาดรองด้วยกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มทั้งถาดคือแหวน…
731/913

เขาดูท่าทางจะกระตือรือร้นและละเอียดกว่า หล่อนเสียอีกไม่ได้
ยินดียินร้าย พิมพิกาไม่ได้ผิดปกติหรอก ปกติหล่อนก็ชอบเพชรพลอย
อัญมณี เพราะหล่อนเป็นผู้หญิง หล่อนไม่เคยปฏิเสธของพวกนี้เลย
หล่อนยังเหมือนผู้หญิงโดยมาตรฐาน แต่อึดอัดข้างในมากกว่า
เพราะหล่อนเริ่มถามตัวเองว่าหล่อนรักเขาสักแค่ไหน ผู้ชายที่นั่งข้างๆ
โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย มาดเขาเนี้ยบ…เขาเริ่มวัยสี่สิบแล้ว…เขาแก่กว่า
หล่อนสิบกว่าปี เขาน่าจะเป็นพี่ชาย…หรือเป็นอะไรอื่นก็ได้…แต่ไม่ใช่…
พิมพิกาถอนใจยาว
หล่อนจะถอยกลับทันไหม…หล่อนเป็นคนละเอียดอ่อน…หล่อนเป็น
คนช่างฝัน และฝันของหล่อนงดงามเสมอมา หล่อนเคยรักผู้ชายคนแรก
คือมณฑล…ก่อนจะหมดไปเหลือแต่ความแค้นแล้วต่อมาหล่อนก็เจอศศิน
ความสนใจของเขาต่อหล่อนเมื่อแรกชวนสงสัย แต่หล่อนก็สงสัยตัวเองยิ่ง
ไปเสียกว่าที่หล่อนยอมทอดกายให้กับเขา
และสัมพันธ์รักครั้งนั้นแรกเริ่มก็อาจจะเพราะหล่อนมึนเมาหล่อน
กำลังไร้สติ…หล่อนยอมๆ เพราะอยากท้าทายโลกเล่น…และหล่อนก็อยาก
ลองความร้อนของไฟดูบ้าง แต่พิมพิกาก็รวู้ ่าความจริงหลังจากนั้นก็มีตาม
มา หล่อนจะปฏิเสธได้อย่างไรกันว่าเขาใช่จะได้จากหล่อนด้วยการบังคับ
ไม่ใช่แน่นอน…เขาไม่ได้บังคับ…ไม่ได้ขู่เข็ญ…ไม่ได้มีการข่มขืนหรือ
ข่มเหงน้ำใจ
732/913

หล่อนสมยอม…และหล่อนก็ปิติยินดีไปตรงนั้น…ซาบซ่านไปตรง
นั้น…เพราะว่าหล่อนเองไม่เคยสัมผัสรสชาติแบบนั้น และจริงๆ อีกประการ
หนึ่งที่หล่อนคิดได้ตอนที่วิษณุเลือกแบบแหวนและเพชรเดี่ยวประมาณสอง
กะรัตกว่าตามที่ได้ยินเสียงบอกเจื้อนแจ้วของคนขายและหันมาทางหล่อน
เขาจับมือซ้ายของหล่อนขึ้นมาเพื่อให้ลองสวมแหวน
สิ่งที่พิมพิกาคิดได้ก็คือหล่อนไม่เหมาะกับแหวนจากผู้ชายคนอื่นอีก
แล้ว…หล่อนมีราคีติดตัว
วิษณุน่าจะรู้ความจริงเสียก่อน…หล่อนน่าจะบอกเขา
นิ้วนางมือซ้ายที่ควรจะเหยียดตรงออกรับแหวนวงงามนั่นก็มีอันงอ
ลง วิษณุมองหล่อนด้วยแววตาฉงน
“ทำไมฮะ”
“เอ้อ…ปวดท้องค่ะ”
หล่อนบอก ขมวดคิ้วมุ่น ห่อไหล่ลง
“ห้องน้ำอยู่ไหนคะ”
หล่อนถามเจ้าของร้านเอง แต่กิริยาลุกจากไปนั้นลุกลี้ลุกลนแต่วิษณุ
ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขายังรักษาท่าทีตัวเองให้เป็นปกติอย่างยิ่ง
เขาถามถึงราคา…และต่อรอง เขาชอบแหวนวงนี้ และคิดว่ามันเหมาะ
กับหล่อนอีกด้วย แต่ใจเขาก็เริ่มคิดเล็กๆ ว่าพิมพิกากำลังต่อต้านเขา
หรือเปล่า
733/913

หรือหากไม่ใช่ต่อต้านเขา…หล่อนก็กำลังต่อต้านบางอย่าง
อยู่…เพียงแต่เขาไม่รู้เท่านั้นว่าเป็นอะไร
หล่อนเดินกลับมา สีหน้าสีตาดูเซียวๆ หล่อนกระซิบบอกกับเขาเบาๆ
“ท้องเสียค่ะ กลับก่อนได้ไหมคะ”
“ผมซื้อแหวนแล้ว”
“ซื้อ?”
“ใช่”
เขาตอบรับด้วยความภูมิใจ แต่พิมพิกาถามเสียงแหลม
“กี่แสนกันคะ”
“ผมรูดการ์ด”
หากการ์ดของเขาสามารถรูดวงเงินได้สูงขนาดนั้นก็หมายความว่า
การเงินของเขา…
แต่พิมพิการู้ว่าหล่อนไม่ควรจะติดใจตรงนั้น เพราะความร่ำรวยของ
เขาปรากฏชัด ชื่อเขาโดดเด่นคนหนึ่งในฐานะเจ้าของโครงการที่พักอันเลิศ
หรูหลายต่อหลายโครงการ และได้รับความสำเร็จมาตลอด เขากอบโกยได้
จากงานอาชีพของเขานั่นเอง
แต่การทีห่ ล่อนถามในน้ำเสียงแบบนั้น บรรดาพนักงานต่างหากที่พา
กันมองหน้าแล้วแอบยิ้มพยักต่อกันเหมือนจะหมิ่นหล่อนนิดๆ
734/913

พิมพิกาไม่ใส่ใจ หล่อนยังพูดต่อเหมือนจะเสียดาย
“มันแพงไปมังคะ”
ก็หล่อนเคยมีความคิดขนาดที่ว่าหากรักกันจริงก็น่าจะพอใจแค่แหวน
ทองเกลี้ยงๆ แบบปลอกมีดเท่านั้น…นั่นก็เหลือจะพอ…
คนเรารักกัน…เพชรก็เป็นแค่วัตถุที่ถูกสมมุติแทนให้มากค่า
หล่อนไม่ได้เห่อเหิมอยากได้ใคร่ดีอะไร
และแววตาหมิ่นๆ หลายคู่ก็จางลงไป เพราะพิมพิกาแสดงออกว่า
แพง หล่อนท้วงติงด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังค่อนข้างมาก…
เขาแตะบริเวณข้อศอกของหล่อนแล้วเอ่ยเบาๆ พอได้ยินกันแค่สอง
คน
“เราไปกันเถิด…แล้วค่อยพูดกัน”
หล่อนเดินนำมาข้างหน้า…เงียบไป แหวนนั่น…อีกไม่ช้าจะมายึดพื้นที่
นิ้วนางมือซ้ายของหล่อนอย่างนั้นหรือ…
พอพ้นร้าน วิษณุก็บอกว่า
“ผมคิดว่ายังน้อยเกินไปสำหรับคุณจันทร์…อย่าคิดมาก…ไม่ใช่ผม
อวดร่ำรวยอะไร แต่พอจะหาซื้อให้ได้โดยไม่เดือดร้อน”
“ค่ะ”
หล่อนจะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้อีก
735/913

“เราจะแต่งงานกันเดือนหน้าเลยดีไหม”
“คะ”
หล่อนตกใจอีกแล้ว ทำไมหล่อนทำท่าเป็นคนขวัญอ่อนยามนี้…หรือ
หล่อนจะท้องเสีย…หล่อนกำลังเครียด ก่อนหน้านี้เขาก็เห็นหล่อนเออออ
ตามเขาอย่างดี
“คุณจะแวะหาหมอไหม เผื่อจะได้ยาทำให้หยุดถ่าย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ค่อยจะพึ่งยา ที่โต๊ะทำงานมีพวกผงเกลือแร่
เดี๋ยวจะไปชงดื่มกันการเสียน้ำ” หล่อนต้องพูดต่อในเรื่องเดิม “แต่งเดือน
หน้า แล้วฤกษ์ยามล่ะคะ”
“ผมกำลังขอ…”
“ทันหรือคะ”
“คุณจันทร์…ผมไม่ใช่คนถือตรงนั้นนะ”
เขาไขกุญแจรถด้านหล่อนให้ก่อน รอเปิดให้แล้วจึงเดินอ้อมไปอีก
ด้าน พิมพิกาเข้ามานั่ง หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หล่อนไปตั้งสติมาจาก
ในห้องน้ำแล้วด้วย
หญิงสาวไม่อยากจะโกหกเขาเลย อย่างน้อยการได้เปิดความจริง
น่าจะดีกว่า…และยิ่งดีกว่าเขาไปรู้เอาเอง
736/913

เพราะพิมพิกาคิดอย่างนี้ หล่อนจึงเริ่มต้นเมื่อเขาออกรถหล่อน
บอกกล่าวกับเขาว่า
“มีเรื่องลับอยากจะบอกคุณสักเรื่องค่ะ”
“ลับ?”
เขาถามแกมหัวเราะ อารมณ์ชื่นมื่น การได้ใกล้ชิดหล่อนทำให้เขา
รู้สึกว่ามันสดชื่นนัก แต่ก็หมายความว่าเขาจะต้องไม่นึกถึงเพื่อนหญิงอีก
คนของหล่อนด้วย ไม่อย่างนั้นก็ขุ่นมัวได้เอาการเหมือนกัน
“ลับแค่ไหน…สุดยอดหรือเปล่า”
“จริงจังหน่อยนะคะ” หล่อนขอร้อง “ฉันต้องบอกคุณ…”
“เอ้า…ผมฟังอยู่นะ”
เขายังไม่ได้คิดอะไรมากนัก พิมพิกาไม่ได้เหลือบแลมาทางเขาอีกเลย
เมื่อหล่อนเอ่ยเล่าว่าหล่อนเคยมีสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อนหน้านี้
หล่อนบอกเล่าด้วยเสียงเรื่อยๆ เขาเสียอีกที่เหมือนจะถูกน็อค เขา
หันขวับมา
“คุณจันทร์…”
“ฉันต้องบอกค่ะ ฉันไม่ได้เป็นสาวผุดผ่อง”
เขาพูดไม่ออก
“คุณยังเปลี่ยนใจทัน”
737/913

“กับใคร” เขาถามเสียงแห้ง
“จะถามทำไมคะ”
“ผมอยากจะรู้เอาไว้”
“อย่าเลยค่ะ”
“กับใคร”
เสียงเขาเข้มขึ้นเหมือนบังคับจนพิมพิกาเองก็ผวากับเสียงนั่น
“ขอโทษ…ผมอาจจะทำให้ตกใจ…แต่ผมน่าจะรู้…แล้วกี่คน”
หล่อนเม้มปากหากันก่อนจะคลายออก
“ไม่หลายคนหรอกค่ะ เพราะฉันก็ไม่ได้สำส่อนอะไร”
“แต่ว่า…”
“แค่คนเดียว”
“งั้นบอกชื่อเขากับผม”
“ทำไมคะ จะตามไปเอาเรื่องอย่างนั้นหรือ”
“ผมแค่อยากรู้”
“อย่ารู้น่าจะดีกว่า”
“บอกผมเถิด”
เขารู้ว่าเขาบังคับน้ำเสียงตัวเองอย่างยากเย็นเอาการ
738/913

และเมื่อหล่อนไม่ตอบ…เขาก็เดาเอาเองด้วยความมั่นใจยิ่งอีกด้วย
“ศศินใช่ไหม…ใช่เขาไหม คุณจันทร์”
หล่อนไม่ได้พูดอีกเลยจนเขาส่งหล่อนหน้าบริษัท เขามองตามหล่อน
ที่เดินจากไปเร็วๆ นั่นด้วยความรู้สึกเกือบจะเป็นแค้น
หล่อนหลอกเขา…หล่อนหลอกลวง…ผู้หญิงแบบนี้มันน่านัก
เขากำมือแน่น ตาเจิดจ้าน่ากลัวเสียเหลือเกิน
และเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองเหมือนถูกหยามแบบนี้อีกด้วยเขาไม่ได้
หยุดคิดว่าพิมพิกาก็ยังมีความดีหลงเหลือที่หล่อนไม่ได้โกหก…หล่อนพูด
ความจริงทุกประการ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มีเสียงเคาะประตูห้อง พอเปิดออกเพราะไม่ทันคิดว่าจะเป็นเขา
ชนิตาก็ผงะกลับมาก่อนจะได้สติฉับพลัน หล่อนดันประตูกลับคืน แต่เขา
ออกแรงผลักจนหล่อนเซก้าวถอยมาข้างหลัง เขาปิดประตูด้วยมือตัวเอง

“ฉันมีเรื่องจะต้องถามเธอ”
เสียงเขาเหี้ยม ดวงตาเป็นประกายแบบนั้น ชนิตามองหาทางหนี
หล่อนกลัวเขาจะทำร้ายหล่อนอีก
“กลับไปซะ”
739/913

“ไม่…เธอตอบฉันก่อนว่าเพื่อนเธอไปนอนกับนายศศินตั้งแต่เมื่อไหร่”
ชนิตาเบิกตากว้าง
“เธอรู้ไหม”
“คุณจะมาถามฉันทำไม…ว่าแต่ไปเอามาจากไหน”
“เพื่อนเธอบอกฉันเอง”
“จันทร์บอก?”
“ใช่”
เขารับคำ ยังเกรี้ยวโกรธ แต่ชนิตากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ดีจัง…ดีที่จันทร์ยังไหวตัวทัน จันทร์น้าจะคิดตกนานแล้วว่าควรจะ
ทำอย่างไร แล้วทีนถี้ ึงตาคุณละ…จะยอมรับจันทร์ไหม…ผู้หญิงไม่
เวอร์จิ้นน่ะ…คุณรับได้ไหม”
เขาระเบิดตูมออกมาเพราะแรงโทสะด้วยการประชิดติดตัวชนิตา แล้ว
เขาก็ตบหน้าหล่อนอย่างรุนแรงหลังจากนั้นเขาก็ยังทำร้ายร่างกายของชนิตา
ด้วยการข่มขืนหล่อน เหมือนเขาพกพามาด้วยอารมณ์อันบ้าคลั่ง ชนิตาร้อง
จนเงียบเสียง หล่อนหมดสติไปแล้วนั่นเอง…ในขณะที่วิษณุกเ็ สพสุขจนล้น
ปรี่
60

ดนุไม่ได้ตั้งใจจะแวะมาหาน้องสาว แต่เห็นเป็นทางผ่าน และเขาก็


พอจะมีเวลาว่างอยู่บ้าง เขาก็เลยเลี้ยวรถเข้ามา มองเห็นรถของชนิตาจอด
อยูก่ ็แน่ใจได้ว่าหล่อนคงไม่ได้ออกไปไหน ชนิตายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องงาน
ใหม่ หล่อนยังรอว่าจะจัดการกับชีวิตที่เหลืออย่างไรต่อไป
เขาคิดว่าหล่อนคงต้องการหยุดนิ่งๆ สักพักหนึ่ง เขาแน่ใจว่าน้องสาว
ของเขามีความบอบช้ำที่เจ้าตัวไม่ได้บอก และแม้เขาจะเพียรถาม…หล่อนก็
ไม่ยอมพูดอยู่นั่นเอง
เมื่ออาทิตย์ก่อน หล่อนให้เขายืมเงินมาหมุนในงานของเขาถึงห้า
แสน…
เขาถามหาที่มาของเงิน หล่อนก็ตอบเป็นเรื่องเล่นไปว่าหล่อนถูก
หวยใต้ดิน แต่เขารู้ว่าหล่อนโกหก อาจจะเป็นเงินค่าชดเชยการออกจาก
งาน และพ่อแม่กฝ็ ากให้เขาแอบถามให้ได้ความพ่อแม่ไม่กล้าจะซักไซ้มาก
นัก เพราะชนิตาไม่ได้เป็นเด็กอีกแล้ว
หล่อนโตแล้ว…หล่อนเป็นผู้ใหญ่เหลือจะพอ และหล่อนดำเนินชีวิต
ผ่านมาด้วยความเป็นตัวของตัวเองอย่างมั่นคง
741/913

ตรงนั้นทำให้พ่อกับแม่ไม่กล้าจะเข้ามาจัดการอะไรด้วย และชนิตา
เองก็พยายามทำให้เห็นว่าหล่อนเองก็ยังอยู่ดีมีสุขเสมอ
เขาเดินขึ้นมา…เคาะประตูห้องอยู่นานก่อนจะหงุดหงิดเล็กๆ ว่า
น้องสาวของเขาอาจจะหลับหรือไร กำลังจะเดินกลับ เพราะเขาไม่ได้ติดมือ
ถือมาด้วย เขาจะลงไปโทร.จากในรถขึ้นมาก่อน เสียงโทรศัพท์อาจจะดัง
มากกว่าเสียงเคาะประตูก็ได้ แต่นึกอย่างไรไม่รู้เขาก็เลยลองหมุนลูกบิด
ประตูดูอย่างนั้นเองก่อนจะต้องโมโหน้องสาว
“วะ…อยู่ยังไง…ไม่รู้จักล็อคห้อง ประมาทนักซิ”
อยู่คนเดียวในห้องเช่าแบบนี้ไม่ดีเลยหากจะทำแบบนี้
เขาเปิดเข้ามา ขานเรียกชนิตาเพราะในห้องมืด แต่ไม่มเี สียงตอบรับ
ดนุคลำๆ หาสวิตช์ไฟจนเจอ แล้วพอไฟเปิดสว่าง…เขาก็มองหาน้องสาว
ก่อนจะไปพบหล่อนในห้องด้านในบนเตียงนอนในสภาพที่เขาตาเหลือก
โพลงด้วยความตกใจอย่างยิ่ง
เขาถึงตัวชนิตาแล้ว…หล่อนตัวอ่อน…และยังจะเลือดไหลเปรอะเปื้อน
ออกมาจากร่างกายช่วงล่างของหล่อนอีกด้วย
เขาหน้าเผือดแทบจะเป็นลม หากรูว้ ่าเขาจะต้องควบคุมสติตัวเองให้
มั่นคง และที่คิดออกก็คือเขาจะต้องรีบพาหล่อนไปโรงพยาบาล
“ตา…อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะน้อง…อย่าเพิ่ง…”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
742/913

ชนิตาไม่ได้มาตามทีบ่ อก พิมพิกาเองรั้งรออยูห่ ลังงานเลิกอีกครึ่ง


ชั่วโมงจนแน่ใจว่าชนิตาคงไม่มาแน่แล้ว รู้นิสัยเพื่อนว่าเป็นคนตรงเวลา
เรื่องจะมาสายเกินเวลานัดครึ่งชั่วโมงก็เป็นเรื่องยากเย็นเต็มที
หล่อนขับรถกลับบ้าน ไม่ได้คิดจะโทร.เข้าไปเช็กว่าชนิตาออกมาหรือ
ไม่ เพราะหล่อนเองก็ไม่ได้อยากจะพบชนิตามากนักไม่อยากจะเห็น
หน้า…ไม่อยากจะไปพัวพันด้วยอีกแล้ว…เพราะเหมือนหล่อนถูกชนิตา
หลอกลวง…ยังจะศศินอีกคน…
หล่อนกลับถึงบ้าน อาบน้ำแล้วหานิตยสารมานั่งอ่านเล่นฆ่าเวลา
จนกระทั่งพรรณรายกลับมา
“วันนี้กลับเร็ว”
“ค่ะ ยังมีเวลาแวะตลาดซื้อไก่ย่างเจ้าอร่อยกลับมาด้วย”
“แล้วก็เวลานั่งอ่านหนังสือ”
“จันทร์ก็อ่านไปเรื่อยเปื่อย” หล่อนบอก ยกหน้าปกให้พี่สาวดู “พอดี
เห็นเป็นคนโปรด…ก็เลยซื้อค่ะ”
หล่อนหมายถึงดาราชายรูปหล่อจากฮอลลีวู้ด
“อ่านไปอย่างนั้นเอง”
“เธอทำท่าเหมือนเซ็ง”
743/913

พรรณรายออกปาก หล่อนนั่งลงก่อนจะไปอาบน้ำ การเดินทางใน


กรุงเทพฯหลังงานเลิกนั้นไม่อาจจะบอกว่าเป็นการเดินทางอันแสนสุข…มัน
น่าเหน็ดเหนื่อยนักหนา
“จันทร์…มีอะไรในใจ”
“วันนี้คุณวิษรับจันทร์ไปกินข้าวกลางวันแล้วก็เลยไปร้านเพชร…”
“ซื้อแหวน?”
“ทำไมเดาถูกคะ”
“ก็จะมีอะไรอีก”
“จันทร์ไม่ได้ตกลงด้วย”
“อ้าว…ทำไมล่ะ” พรรณรายพิศวง “ก็เห็นเธอออกจะหวานฉ่ำกับเขา
จนพี่ทำใจได้แล้วว่าน้องเขยของพี่คงจะอายุมากกว่าแล้วพี่กำลังคิดว่าจะ
เรียกแทนตัวเองอย่างไร จะยกให้เป็นพีต่ ามอายุก็เห็นจะไม่เหมาะ จะกด
ให้เป็นน้องเขยก็ไม่ได้อีกนั่นแหละจันทร์…เธอปฏิเสธเขาอย่างนั้นหรือ มี
อะไรรบกวนใจของเธอจนทำให้คาราคาซังต่อกันล่ะ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ พี่พรรณอาบน้ำเย็นๆ ใจก่อนดีไหมคะ แล้ว
ค่อยมาฟังเรื่องจุ๊กจิ๊กน่าเบื่อของจันทร์”
พรรณรายรู้ได้เลยว่าถึงเวลาแล้วที่พิมพิกาต้องการคำปรึกษาหารือ
น้องสาวของหล่อนเป็นคนแบบนี้เอง…คือหากไม่ต้องการ…อย่าได้ไป
บีบบังคับให้ต้องทำ…พิมพิกาจะไม่รับอะไรเลยสักอย่าง…และมีแต่จะทำให้
744/913

ปวดหัวเปล่าๆ หากคนไม่เข้าใจนิสัยของพิมพิกาก็อาจจะเลิกใส่ใจไปเลย
แต่เพราะพรรณรายรู้…ก็เติบโตมาด้วยกัน…
หล่อนขึ้นมาอาบน้ำทำตัวให้ผ่องแผ้ว ลงมาอีกหนก็เห็นพิมพิกากำลัง
สอนหนังสือให้หลาน รอจนเสร็จการบ้าน เด็กๆ แยกตัวไปดูทีวี และพิมพิ
กาบอกว่าโต๊ะอาหารจัดแล้วนั่นแหละ จึงได้คุยกันไปพลางกินข้าวไปพลาง
“จันทร์ว่าเขารวบรัดจังเลย” พิมพิกาโอดครวญ “เขาอยากจะแต่ง
เดือนหน้า”
“อือม์…เขาคงจะอยากได้เธอไปเร็วๆ ”
“นั่นซิคะ แต่จันทร์ก็บอกไม่ถูก เขาพาไปดูแหวน เพชรสวยดีค่ะ”
“แล้วเธอไม่ตาโต?”
“จันทร์ไม่ชอบเพชรเท่าไหร่มังคะ”
“เธอกำลังออกนอกเรื่อง” พรรณรายติง “โดยความเป็นผู้หญิงของ
ทุกคน พี่คิดว่าไม่มใี ครปฏิเสธตรงนี้อยูแ่ ล้ว…ชอบแต่จะมากหรือน้อย
เท่าไหร่ แต่ไม่ชอบเลยน่ะ…มันไม่ใช่ มันอยูท่ ี่เจ้าของแหวนเพชรที่จะให้
เรา…ไม่ถูกต้องตรงเป้ากว่าหรอกหรือ”
คนเป็นน้องหัวเราะเบาๆ เหมือนจะถูกใจ
“นั่นซิคะ…จันทร์ก็ว่ายังงั้นแหละ”
“แปลว่าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้รักเขา”
745/913

“จันทร์ก็…ก็…”
“จันทร์…เธอทะเลาะกับคุณศินมาใช่ไหม”
หล่อนทำสีหน้าแบบเด็กทีร่ ู้ว่าตัวเองได้ทำความผิดลงไป แต่กระนั้นก็
ยังฝืนมาตลอดด้วยทิฐิเป็นแรงกระตุ้นมาโดยตลอดนั่นเองและพี่สาวก็ได้
แต่อ่อนใจและร้องครางออกมา
“จันทร์เอ๋ยจันทร์” พรรณรายส่ายหน้าน้อยๆ “ยอมรับซักทีนะ
ว่าความเจ้าอารมณ์มันช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย เห็นผลบ้างไหมนี่”
“แต่จันทร์ก็มีเหตุผลของจันทร์นะคะ”
“เธอทำลงไปทุกอย่างน่ะ พี่มองๆ ดูอยูต่ ลอด…แล้วพีก่ ็คิดว่าเธอน่ะ
เหมือนเด็กที่น่าโดนตีสั่งสอนซะบ้าง”
พิมพิกาทำจมูกย่นนิดหนึ่ง
“แล้วพี่พรรณก็ลงเอยแบบเคยๆ คือเข้าข้างคุณศศินเค้า ผู้ชายคน
นั้นมีอะไรดีอย่างนั้นหรือคะ”
หล่อนถามด้วยอารมณ์ที่ยังเปี่ยมล้นด้วยความหมั่นไส้อยู่นั่นเอง
ผู้ชายคนนั้น…ที่หล่อนเรียกขานออกไปเต็มปากแบบนั้นด้วยที่จริงหล่อนก็
รู้สึกกับเขาได้ลึกซึ้ง…เรียกว่ามากกว่าที่พบเจอมาจากมณฑลเสียอีก แต่
หล่อนก็แคลงใจตรงที่ว่าเขาอาจจะมีความสัมพันธ์กับชนิตาด้วยก็ได้
หล่อนไม่ไว้ใจเขาตรงนี้เอาเสียเลย…หล่อนมองว่าเขาไม่ได้ซื่อตรง
ด้วย นั่นละที่ทำให้หล่อนปฏิเสธเขา และหากเป็นหญิงอื่นทีไ่ ม่ใช่เพื่อนก็
746/913

อาจจะง่ายกว่านี้อีก แต่เพราะชนิตาก็เพื่อน…หล่อนจึงรู้สึกว่าตัวเองพบเจอ
กับความเลวร้ายอย่างมากเลยทีเดียว
“เขาน่ารักและอบอุ่นดี อีกทั้งเขายังรักเธอมาก เธอมั่นใจในตัวคุณ
วิษณุแค่ไหน เขาอายุห่างจากเธอมากนัก แล้วเขาก็ท่าทางเย็นชา”
“อะไรทำให้พี่พรรณมองเขาแบบนั้น”
“ไม่รเู้ หมือนกัน ถึงเขาจะพูดด้วยดี ทำดีๆ กับพี่ แต่อดคิดไม่ได้ว่า
เขามีกำแพงก่อกันตัวเองเอาไว้ เธอไม่ถึงตัวตนแท้จริงของเขาหรอก”
พิมพิกาได้ยินอย่างนี้แล้วอดคิดถึงชนิตาไม่ได้ ชนิตาเล่าบ่อยๆ ไปว่า
ประมือกับเจ้านายมาขนาดไหน และชนิตาเคยเด็ดเดี่ยวจะสู้ตาย…จะไม่
ยอมออกจากงานนั่น แต่สุดท้ายชนิตาก็ออกมาจนได้ โดยที่ครั้งนี้พิมพิกา
ไม่รู้เหตุผลเพราะห่างเหินกันเสียก่อน
“พีพ่ รรณ…จันทร์อยากจะสารภาพเรื่องหนึ่ง แต่ห้ามด่าหรือดุจันทร์
นะ”
พี่สาวได้แต่ทำท่าอ่อนใจนักหนา
“คงจะทำเรื่องดีมาแน่ๆ เชียว”
พิมพิกาหัวเราะแบบเจื่อนๆ เต็มทีเหมือนกัน
“ก็นิดหน่อยค่ะ แค่ว่าจันทร์เคยไปนอนกะเค้ามา”
“นั่นไง”
747/913

พรรณรายคราง ไม่จำเป็นต้องถามต่อว่า ‘เค้า’ นั่นคือใคร


“นึกแล้วเชียว…เด็กบ้าเอ๊ย”
“แล้วจันทร์ก็สารภาพกับคุณวิษไปแล้วด้วย”
คราวนี้พี่สาวอ้าปากค้างอยู่แล้วนิ่งจ้องหน้าน้องสาวแบบตาไม่กะพริบ
เลยทีเดียว
“พี่พรรณ…อย่าทำท่าแบบนั้นซิคะ”
“เธอทำอะไรลงไป”
พรรณรายเปล่งเสียงออกมาได้แล้ว
“จันทร์คิดว่าเราควรจะต้องแฟร์ต่อกัน มีอะไรต้องบอกกล่าวกัน”
“เธอคิดว่าเขาจะรับได้ซิ?”
“ค่ะ…เพราะหากรับไม่ได้…เขาก็เดินจากไป…มันก็เท่านั้น”
“แล้วเธอจะไม่เสียใจรึ…หากตัวเองถูกปฏิเสธน่ะ”
“คิดว่าไม่นะคะ”
“แปลว่าเธอไม่ได้รักเขาจริงจัง”
“ก็ชอบๆ มังคะ” พิมพิกาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้เต็มทีอยู่เหมือนกัน
“เขาก็ดีกับจันทร์นะคะ แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่จันทร์เองก็พยายาม
ค้นหาคำตอบอยู่ จันทร์คิดว่าจันทร์น่าจะโอเค…ตอนที่เขาพาไปร้านเพชร
ทำไมจันทร์ถึงตกใจนักก็ไม่รู้”
748/913

พิมพิกาเล่ารายละเอียดที่เกิดในร้านให้ฟังอีกด้วย
“จันทร์ไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกัน…ว่าทำไมเป็นไปได้แบบนั้น”
“ตอนเธอบอก เขามีปฏิกิริยาไหม”
“ไม่รซู้ ิคะ ตอนนั้นจันทร์ไม่ได้มองหน้าเขา แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาก็คง
มีบ้างละ เพราะเขาคงจะมองว่าจันทร์น่าจะเป็นสาวผุดผ่อง…ไม่เคยเสียตัว
ทีจ่ ริงจันทร์ว่าเขาไม่แฟร์เหมือนกัน และเขาก็ยังติดนิสัยผู้ชายไทยไว้เยอะ
ทั้งที่เขาก็ไปอยู่ต่างประเทศมาน้านนาน เขาน่าจะมองตรงนี้ว่ามันเป็นเรื่อง
ธรรมดาๆ …หากใจเขาเปิดกว้าง…”
“จันทร์…คนไม่เหมือนกัน…ไม่ได้อยู่ที่สภาพแวดล้อมหรือสภาพ
สังคม มันอยู่กับตัวเขา…การยอมรับของเขา และนี่หากเขาปฏิเสธเธอขึ้นมา
แล้วเธอจะทำยังไง…ข่าวลงปรากฏไปทั่วแล้ว”
“ก็คงเฉยๆ ”
พิมพิกาตอบเรื่อยๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนมากนัก
“ก็เขาขอแต่งเดือนหน้า…โธ่.พี่พรรณ…เขาไม่ให้เวลาจันทร์หายใจหรือ
เตรียมเนื้อเตรียมตัว จันทร์ก็ปอดแหกมาบ้างน่ะซิ”
“เธอทำเหมือนเด็กที่ร้องอยากจะเล่นแต่งงาน แล้วพอถึงเวลาเอาจริง
ก็วิ่งหนี”
“จันทร์คิดว่ามันกะทันหันมากไป”
749/913

“ทั้งที่เธอเองก็ต้องการเพื่อจะหนีหน้าคุณศศิน”
ไม่มีคำตอบจากพิมพิกาอีกเหมือนกัน
“หรือว่าพอถึงที่สุด…เธอก็หวนหาเขา…แคร์เขา?”
พรรณรายทำท่าเหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบให้จงได้ แต่เพราะพิมพิ
กาวางเฉยเสีย หล่อนได้แต่หัวเราะ และเหมือนโชคจะช่วยให้หล่อน
รอดพ้นตรงหน้านี้ไปได้ชั่วคราว เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาเหมือนจะช่วย
ไว้ได้ทัน
พิมพิกาลุกไปรับสายเองเพราะว่าหล่อนอยู่ใกล้ที่สุดนั่นเองและคนที่
โทร.เข้ามาก็คือดนุนั่นเอง
เขามีน้ำเสียงที่ทำให้พิมพิกาพลอยตื่นตระหนกตามเขาไปด้วยอีกคน
หล่อนแทบจะไม่เชื่อในคำบอกกล่าวเพียงคร่าวๆ นั่นเลย…มันเกิดได้
อย่างไรกัน…
“พี่นุเข้าใจผิดมังคะ…ไม่…จะเป็นไปได้ไง”
หล่อนร้องถามกลับไปแล้วรับคำทันทีว่า
“ค่ะ…จันทร์จะรีบไป…ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
หล่อนวางโทรศัพท์ลง หันมาบอกพี่สาวว่า
“จันทร์จะไปโรงพยาบาลนะคะ พีด่ นุโทร.มาบอกว่าตาเพิ่งเข้าไปที่นั่น
ยังอยู่ในไอซียูอยู่เลย”
750/913

“อุบัติเหตุ?”
พรรณรายร้องถามตามประสาที่คิดออกแต่เรื่องเดียวเพราะไม่น่าจะมี
เหตุอื่นเข้ามาปะปนได้อีกแล้ว
“บอกแล้วพี่พรรณคงจะตกใจ ตาถูกข่มขืน…แล้วก็ตกเลือดด้วย”
แน่นอนว่าพรรณรายรู้สึกดังว่านั้น…เพราะที่บอกมานั่นไม่ได้ธรรมดา
เลย…มันมากทีเดียว
“จันทร์…เข้าใจผิดไปหรือเปล่า”
แต่สีหน้าน้องสาวคลายความแจ่มใสสักครู่ลงไปจนหมด…กลับเป็น
ซีเรียสดุจดังช่วงหลังๆ ที่พรรณรายได้เห็นจนชินตา
“จันทร์…ไปคนเดียวได้หรือเปล่า พี่ไปด้วยดีไหม”
“เด็กๆ อีกล่ะคะ อย่าเลย…จันทร์ไปได้ แต่จันทร์อยากจะบอกว่าไอ้
คนชั่วนั่นมันคือเขา…ไม่มีคนอื่นหรอก”
“เขา…เขาไหน”
“ก็คนดีแสนดีของพี่พรรณไงคะ”
หล่อนตอบเสียงหนักด้วยโทสะ
“คราวนี้จะได้กระชากหน้ากากออกมาซักที ดูรึว่าจะทำหน้าแบบไหน
ยายตาอีกคน…ทำหุบปากเงียบชวนหมั่นไส้มานานแล้ว…”
751/913

พรรณรายเพิ่งจะเข้าใจเหตุผลของน้องสาวก็ตอนนี้เอง…เข้าใจว่า
ทำไมพิมพิกาถึงเมินเหินห่างจากศศินในฉับพลันอย่างไม่มีเค้าใดๆ มาก่อน
“จันทร์…พูดอะไร”
“สิ่งที่จันทร์รู้แต่ไม่เคยบอกพี่พรรณไงล่ะคะ”
“เธอรู้อะไร”
“ก็ที่ตาหายไป…ตาไปกับเขา…ไปถูกเขายำมาจนเละ แต่ยังแสนดี…ไม่
ปริปากโทษเขาสักคำ แต่จันทร์รู้…จันทร์ไม่ยอมให้เขามาหลอกลวงเอา”
“เพราะเรื่องนี้เธอเลยหันมาตกลงกับคุณวิษณุ”
“จะให้จันทร์ทนได้อย่างไรกันคะ เพื่อนจันทร์…แล้วก็เขา…จันทร์จะ
ไปยืนตรงไหน.แบบไหน…หากความสัมพันธ์มันจะเป็นเรื่องของคนสาม
คน…จันทร์รับไม่ได้…”
หล่อนร้องออกมา…เหลืออดเหลือทนนักหนา
“คอยดูนะ จันทร์อยากจะเห็นน้ำหน้าเขานัก ทำกันรุนแรงขนาด
นี้…ถึงกับข่มขืนกัน ตาคงจะไม่ยอม…แต่เขาใช้กำลัง นั่นยังเป็นคน
หรือเปล่าคะ เขาตีสองหน้ามาตลอด แล้วเขาก็น่าจะได้ใช้ผลของการกระทำ
หนนี้ด้วย”
“จันทร์…พี่ว่าอาจจะ…”
752/913

แต่พิมพิกาทำสีหน้าแกมเยาะ หล่อนวิ่งผ่านพี่สาวกลับไปเปลี่ยน
เสื้อผ้าแล้วลงมาขับรถออกจากบ้านไปอย่างใจร้อน และหลังจากหล่อนออก
ไปไม่นาน ศศินก็โทร.เข้ามา พรรณรายเลยถือโอกาสบอกกล่าว
“ไม่ใช่ผมนะฮะ…เชื่อผมซิ…ไม่ใช่…นี่ผมก็เข้าใจกระจ่างตอนนี้เองว่า
ทำไมคุณจันทร์ถึงทำท่าแบบนี้ใส่ผม ให้คุณตาเป็นคนตอบดีกว่าฮะ ผมอยู่
โรงพยาบาล ดนุโทร.หาผมให้มาดู แล้วผมก็จะช่วยกระชากไอ้คนชั่วที่คุณ
จันทร์ว่ามารับการกระทำของเขาให้ได้ วิษณุไงล่ะฮะ…พีพ่ รรณ…เขาไม่ใช่
ผม”
61

คุณหญิงเพลินมองเห็นว่าลูกชายมีท่าทีแปลกๆ เขารีบร้อนและทำ
เหมือนราวกับเพิ่งวิ่งหนีจากบางสิ่งบางอย่างมา
เธอไม่ได้ร้องเรียกเขาเมื่อผ่านเธอไป เธอตระหนักดีว่าวิษณุกำลัง
สับสนบางอย่าง และเขาไม่เคยบอกกล่าวกับเธอตรงนั้นเขาจะเก็บเงียบเอา
ไว้เพียงลำพังเสมอ
แต่เขาก็ทำให้เธอต้องตาม…เพื่อดูว่ากิริยานั่นมันจะลงเอยอย่างไร
เดี๋ยวนี้เธอกลายเป็นแม่ประเภทย่องเงียบตามหลังลูกไปแล้ว เธอทำเหมือน
ว่าเธอกำลังบีบให้เขากลับเป็นเด็กอีกหน
แต่เพราะรักหรอกหนา…คุณหญิงเพลินแก้ต่างให้กับตัวเองก็มีเขาคน
เดียวและอยู่กันร่วมชายคาบ้าน จะให้เธอปล่อยวางเขาได้อย่างไรกัน
เธอวางไม่ได้…
แม่บ้านเดินสวนมาแล้วร้องเรียกเธอเบาๆ เธอก็เอานิ้วชีแ้ ตะริมฝีปาก
ปรามว่า
“อย่าทำเสียงดังนะ”
754/913

“แล้วท่านย่องๆ จะไปไหนคะ”
“ตามพ่อเจ้าประคุณน่ะซิ”
“ทำไมคะ”
“เขาทำท่าแปลกๆ ”
“โถ…ท่าน…ก็เขากำลังจะมีเมีย” แม่บ้านหัวเราะชอบใจ “เขาอาจจะ
เพิ่งกลับมาจากไปหาเธอคนนั้น แล้วเขาก็อยากจะไปนั่งฝันต่อคนเดียว”
เธอค้อนขวับกับคำพูดของนาง
“ฉันไม่เชื่อหรอก วัยสี่สิบเริ่มแล้วน่ะยังจะฝันอะไรกันนักหนา แล้ว
เรื่องมีเมียนี่น่ะก็คงไม่ทำให้เขาลุกลีล้ ุกลนแบบนั้น ฉันจะตามไปดูเขา ไม่
ต้องเอาอะไรขึ้นไปให้เขาหรอกนะ หากเขาไม่ร้องสั่งลงมาก่อน”
เธอกำชับ รู้ว่าวิษณุไม่ต้องการให้คนในบ้านทุกคนไปจุกจิกรบกวน
ใจเขาหากเขาไม่ได้เรียกหา เขาเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร เหมือนเขา
สร้างปราการป้องกันตัวเองและไม่ยอมให้ใครฝ่าเข้าไป เธอมองว่าเขานั้นจะ
หาความสุขได้ยาก เพราะวิษณุไม่เปิดเผยตัวเองก่อน…ไม่เปิดท่าทีกันเอง
กับใครง่ายๆ
และเธอกำลังค้นหาว่าเพราะเธอบกพร่องในด้านใด เธอมีลูกชายคน
เดียวเท่านั้น เธอเองเป็นคนร่าเริงรักสนุก…เธอมีชีวิตส่วนตัวเรียกได้ว่า
โลดโผน
755/913

เรื่องราวของเธอก่อนจะไปจากเมืองไทยนั้นเรียกว่ากระหึ่มไปทั่วใน
ทางลบ แต่เธอก็เชิดหน้าไม่แคร์ใคร เธอไม่เคยหวั่นไหวเพราะคำคน และ
เธอเป็นคนเปิดกว้าง เพื่อนฝูงมากมาย
เพียงแต่วิษณุไม่เหมือนเธอ…หรือเพราะชีวิตวัยเยาว์…เธอไม่ได้เอา
เขาไว้ใกล้ๆ ตัวเอง
เธอส่งเขาเข้าไปโรงเรียนประจำ…
อาจจะเป็นตรงนั้นก็ได้…
เธอเอามือเกาะราวบันไดพาตัวเองขึ้นมาช้าๆ ใจหนึบหน่วงขึ้นมาทันที
หากผลที่เห็นทุกวันนี้จะมาจากเหตุดังว่านั้นก็ได้ และนัน่ เธอน่าจะโทษ
ตัวเองเป็นที่สุด
เพราะเธอทำให้เขาเป็นไป…เพราะเธอเอง…
ก็ตอนแต่งงานใหม่ๆ เธอเองมัวแต่ติดตามสามี…ดูแลเขา…ใกล้ชิด
เขา พอมีลูก…เธอก็ตัดภาระทีต่ ิดตามมาด้วยการส่งเขาเข้าโรงเรียนประจำ
เพราะหวังในเรื่องระเบียบวินัยที่จะเข้มงวดได้ดีกว่าการที่เธอจะจ้างพี่เลี้ยง
แพงๆ มาดูแลเขา
เธอคิดผิดไปแล้วซิหนอ…
และเธอย่องมาเห็นเขาทิ้งตัวลงนั่งที่ห้องโถงโล่งของชั้นบนเขาหันหน้า
ออกไปทางด้านกระจกบานใสที่มองออกเห็นภาพของสนามและต้นไม้ใหญ่
เธอมองเห็นศีรษะที่มีเส้นผมดำๆ ปกคลุมของเขาพ้นขึ้นมา
756/913

“วิษ…”
เธอเข้าไปด้านหลังนั่น ขานเรียกเบาๆ แล้ววางมือแตะลงบนศีรษะ
นั่น
“แม่เห็นวิษทำท่าชอบกล”
รับรู้เหมือนกันถึงกิริยาเหมือนผวาขึ้นมา แล้วก็ได้ยินเสียงถามอ่อน
เนือย
“แม่จับตามองผมเสมอใช่ไหมฮะ”
“เพราะแม่คิดว่าวิษกำลังปิดบังแม่บางอย่าง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะฮะ”
“มีอะไรก็บอกกัน…บอกแม่…”
เธอลดมือลง เดินอ้อมมานั่งบนเก้าอีอ้ ีกตัว มองเข้าไปเห็นแววตา
หมกมุ่นครุ่นคิดของเขา มันบอกพิรุธว่าเขาน่าจะไปก่อการร้ายแรงมาสัก
อย่าง เธอมองเห็นเสื้อยับเยินของเขาก็ขมวดคิ้วลูกชายของเธอไม่เคยเป็น
แบบนีม้ าก่อน เขาเนี้ยบมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าเขาสวมเสื้อทั้งวันโดยไม่เยิน
แล้วนี่…เธอคิดได้ด้วยประสบการณ์ของชีวิตที่ผ่าน…มันเหมือนกับ
ว่า…เหมือนว่า…
เธอหยุดคิด…แทบจะปิดสมองตัวเองทีเดียว
…ไม่น่าเป็นไปได้…
757/913

เพราะที่เธอคิดออกก็คือเขาอาจจะไปกับพิมพิกา…แล้วมีเหตุเกินเลย
กันไป
จริง…ตรงนั้นไม่แปลก…หนุ่มสาวสองคนพอใจกัน เรื่องจะ ‘นอน’
ด้วยกันนั้น คุณหญิงเพลินไม่ได้ถือเอามาเป็นเหตุวิตกจริตอะไรนักหนา
อีกทั้งตรงนี้เธอยังปราศจากอาการสะดุ้งสะเทือนโดยสิ้นเชิงอีกด้วย เธอ
เคยผ่านชีวิตแบบสุดๆ มาก่อนนั่นเอง เธอรูใ้ นความเป็นปุถุชนทีย่ ังเวียน
ว่ายในกระแสของโลกีย์ แต่เธอกำลังไม่เข้าใจว่าลูกชายของเธอถึงทำท่า
เหมือนคิดมาก
เขาเองก็เห็นสายตาเธอวนเวียนมองเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่เหมือนกัน
แม่เขาไม่ใช่คนโง่…วิษณุรู้
“ผมทำเรื่องไม่ดีนักลงไป”
“ไม่ดี?…แปลว่าลูกรู้…แล้วก็ทำ”
“ก็ทำนองนั้น”
“ทำไม”
“สะใจน่ะฮะ”
เขาบอกออกมา นึกถึงการกระทำของตัวเอง…ก็เพิ่งผ่านมาเมื่อชั่วโมง
นี้เอง…เขาหักหาญเอากับชนิตาอีกหลังจากที่เคยบอกหล่อนว่าจะเลิกแล้ว
ต่อกัน…จะไม่เกี่ยวข้องกับหล่อนอีก อารมณ์โกรธชั่ววูบที่เขาไประบายออก
กับหล่อนนั้นมันทำให้เขาดีขึ้น ในอกที่แน่นก็ดีขึ้น เขาสบายขึ้น…เขาบอก
758/913

ตัวเองอย่างนั้นตอนแรก แต่ตอนทีเ่ ขาออกมาแล้วปล่อยหล่อนเอาไว้ใน


สภาพซมนิ่งแบบนั้นก็ยังติดตาเขาอยู่ เขาขับรถกลับมาด้วยความทุรนทุราย
“สะใจ?…ลูกพูดเต็มปากดีจัง”
เขาหลบตาเธอ
“แม่ฮะ…ที่จริงผมไม่อยากจะบอก…แล้วผมก็คิดว่าผมโตพอแล้ว…”
“โอเค ตรงนั้นแม่รู้ แล้วเรื่องจะแต่งงานไปถึงไหน”
เขาไม่ตอบ ก้มหน้าลง บีบสองมือประสานเข้าด้วยกัน
“วิษ…” เธอขานเรียกเขา “ได้ยินที่แม่ถามไหม”
“ไม่แต่งมังฮะ”
เขาตอบออกมาในที่สุดแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ เขาทำให้เธอรู้สึกตกใจ ก็
เขาทำท่าจะเอาจริง…ยามนั้นเขาเร่งร้อนไปเสียทุกสิ่งเขาพูดกับเธอว่าอาจจะ
พาพิมพิกามาอยูท่ ี่นี่ เขาเรียกช่างมาดูบ้านที่จะต่อเติมกว้างออกไปอีกเพื่อ
รับรองครอบครัวที่เขาจะสร้างขึ้นมาเขาไม่ชอบแหวนเพชรเก่าๆ เพราะแบบ
โบราณ รสนิยมของเขาชอบการดีไซน์ที่เป็นของใหม่ๆ มีความโดดเด่นที่
ท้าทายโดยไม่รังเกียจเพชรใหม่ๆ เพราะวิษณุเชื่อว่าน่าจะได้เพชรดีหากเงิน
ถึง ความเป็นเพชรเกรดเยี่ยมนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายด้วย
“วิษ…มันอะไรกัน…ลูกเปลี่ยนใจแล้ว”
759/913

“กลางวันผมรับเธอไปกินข้าวแล้วไปดูแหวน” เขาเริ่มเล่า “ก็เลือก


แหวนกัน ผมน่าจะสงสัยตั้งแต่ตอนเธอทำท่าเลี่ยงๆ …เธอไม่ยอม
เลือก…เธอบ่ายเบี่ยงผม”
คุณหญิงเพลินเงียบกริบ แต่ใจกระหวัดไปถึงศศิน ก็รมู้ าจากคุณ
ผ่องพรรณว่าก่อนหน้านี้ศศินเคยพาพิมพิกาไปค้างอ้างแรมที่บ้านหัวหิน
แต่ตรงนั้นเธอไม่เคยพูดกับลูกชาย ไม่แม้แต่จะเดียดฉันท์พิมพิกา เพราะ
เธอไม่ได้ใส่ใจว่าเรื่องพรหมจารีจะสำคัญ ผู้หญิงก็มีสิทธิ์จะใช้ชีวิตของตัว
แม้จะพลาดไปบ้าง…แม้จะหมองมัวไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่านั่นจะเป็นเหตุ
ใหญ่ แต่เพราะเธอเกรงว่าวิษณุจะไม่ยอมเข้าใจ เขาไม่เหมือนเธอ…ไม่
ใจกว้างเท่าเธออีกด้วยบางด้านที่เขาแสดงออกมาบอกว่าเขายังแคบอยู่มาก
“ตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆ ตราบจนขับรถพาเธอมาส่ง…แล้วเธอก็บอกว่า
เธอเคยนอนกับผู้ชายอื่นมาก่อน”
…เฮ้อ หมดกัน…
คุณหญิงเพลินร้องในใจ…พิมพิกาคิดอย่างไรกันตรงนั้น…
หรือพิมพิกายังเหลือเยื่อใยกับทางโน้น…หรือเพราะว่าหล่อนต้องการ
พูดความจริง
แต่นั่นเหมือนหญิงสาวจะโง่ไปสักนิด…หล่อนไม่น่าจะพูด
“ผมไม่เอาด้วยหรอกฮะ”
มีท่าทีราวกับขยะแขยง คุณหญิงเพลินมองแล้วก็นิ่งอึ้งไป
760/913

“ผมทนไม่ได้ ยังดีที่ผมรู้ซะก่อน”
“วิษ…ก็ไหนว่ารัก”
“ผมรับไม่ได้” เขาเน้นเสียงตอบ “คนละประเด็นกัน”
เธอเลยนิ่งเงียบ อยากจะถามว่าแล้วเขาจะจัดการต่อไปอย่างไร ก็มี
ข่าวปรากฏออกมามากมายเหมือนกัน ข่าวที่เขากับพิมพิกาจะ
แต่งงาน…ตรงนั้นหากไม่มีความเป็นจริงเดินตามติดมา…คนที่จะเสียหาย
คือพิมพิกา
แต่เธอเริ่มรู้แล้วว่าวิษณุจะไม่มองตรงนี้เลย เขาจะมองข้ามไปอย่าง
แน่นอน
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะกลมข้างๆ ดังขึ้น และเพราะเธออยู่ใกล้ เธอก็
เลยเอื้อมรับ
“อยู่ค่ะ…สักครู่นะ”
แล้วเธอก็ส่งตัวโทรศัพท์ที่ยกออกนอกเครื่องได้ให้กับลูกชาย
“วิษณุครับ”
เขาขานชื่อตัวเองออกไปก่อนจะทำท่าอึ้งตะลึงลาน
เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว…
ดวงตาจ้า…ปากเม้มแน่น…นั่นคือกิริยายามโกรธ เธอเริ่มกังวล หาก
ปากบางๆ ที่เม้มหากันนั่นคลายออกละก็อาจจะหมายความว่าเขาจะพรั่งพรู
761/913

คำร้ายๆ ออกไป และสิ่งที่เธอตัดสินใจทำชั่ววูบก็คือโน้มตัวมาคว้า


โทรศัพท์ไปจากมือเขา และวิษณุเองก็ไม่ได้ขืนเอาไว้ด้วย เธอกรอกเสียง
ตัวเองลงไปแทน
“เขาไม่สบายนะ ไว้ค่อยโทร.มาใหม่”
แต่เธอไม่ทันได้วางเครื่องลงอย่างใจต้องการ เมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ
สวนกลับมาด้วยความโกรธ และยังเป็นน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความดุดัน
อย่างมากอีกด้วย
“ไม่สบาย?…จะถึงตายไหม…คงไม่ถึงหรอก…ไม่ถึงกับที่เขาทำร้าย
น้องสาวของผมจนมานอนที่นี่ มาดูซิ…มาแหกตาดูบ้าง”
“อะไรกัน คุณ” เธอติง “ทำไมต้องเอะอะกันด้วย”
“ผมจะฆ่าเขาหากผมทำได้”
“คุณเป็นใคร”
“ดนุ…”
“ฉันไม่รู้จักคุณ” เธอบอก
“พี่ชายของชนิตา…พอจะรู้จักดีขึ้นมาบ้างไหม”
“อ้อ…จ้ะ…จ้ะ”
“ลูกชายคุณทำร้ายน้องผม…”
“เขาทำอะไร”
762/913

เธอนึกถึงเหตุวิวาท วิษณุยังตามเอาเรื่องชนิตาอีกอย่างนั้น
หรือ…ทำไมเขาจงเกลียดจงชังชนิตานักหนา
“เขาข่มขืนยายตา…ก่อนหน้านี้ก็หนนึง แต่แกไม่เคยพูดแกถูกเขาลาก
ไปกักขังแล้วก็ทำร้ายกลับมาจนยับเยินแล้วก็บีบจนแกต้องออกจากงานยัง
ไม่สะใจไอ้สัตว์ป่านั่นอีก…ยังตามมาข่มขืน…น้องผมแท้งลูกด้วยนะ…ลูกเขา
แหละ…ไอ้ลูกที่ติดท้องมาจากคราวก่อน…อาจจะโชคดีว่าไม่ต้องไปนอนให้
หมอรีดลูกนี่ออก เพราะพ่อมันมาลงมือซะเอง”
แม้จะเป็นคนเข้มแข็ง และผ่านชีวิตมาโชกโชนพอจะรับได้มากมาย
หลายอย่าง แต่ตรงนี้คุณหญิงเพลินก็รู้สึกเต็มกลืนนัก
เธอหน้าขาวจัด คำพูดพวกนั้นเหมือนของมีคมกรีดเข้าไปใน
ความรู้สึก เธอมองหน้าลูกชาย เขานั่งนิ่งๆ เหมือนเป็นหุ่นไปแล้ว เขา
คงจะรู้ว่าเธอกำลังรับรู้เรื่องของเขาอยู่ แต่วิษณุไม่ได้ลุกโวยอะไรเลย เขา
ยังคงแสดงท่าทีออกมาโดยผ่านความเงียบของตัวเอง…
“ให้เขารู้นะว่าจะต้องรับผิดชอบแน่ ผมไม่ยอม น้องสาวผมเกือบจะ
ตาย นี่คนนะไม่ใช่สัตว์ ไปทำงานให้…ไม่ได้เป็นทาส…จะได้จิกกันไปทำร้าย
เมื่อไม่ชอบหน้า ผมรู้ว่าเขาไม่ชอบน้องผมและอยากให้ตาลาออก แต่ทำไม
ต้องทำกันด้วยวิธีนี้ ถามเขาทีว่าเขายังเป็นผู้ชายอยูอ่ ีกไหม…หรือเป็นแค่ไอ้
หน้าตัวเมียเท่านั้น”
“ฉันเสียใจ”
763/913

คุณหญิงเพลินเปล่งเสียงที่แหบแห้งเพราะความรูสึกเปลี้ยๆ ข้างใน
ออกไป
“ฉันไม่รู้มาก่อน เอาละ…แล้วฉันจะไป…อยู่ที่ไหนนะ”
เธอวางโทรศัพท์ลงแล้ว มองลูกชายแล้วถามออกไปด้วยเสียงที่ฝืน
ให้เรียบเป็นปกติอย่างยิ่งแล้ว
“เอาละ…มีอะไรจะบอกกับแม่ได้บ้าง”
////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกาเจอศศินตอนแรกหล่อนก็ทำท่าเหมือนโกรธแค้นใส่เขา ตราบ
จนดนุมาดึงหล่อนไปบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด หล่อนก็ทรุดลงไปหาเก้าอีน้ ั่ง
แทบจะไม่ทัน

“พี่นุ…พูดอะไรออกมา”
“เรื่องจริง”
“ไม่…” หล่อนปฏิเสธ
“เธอคิดว่าเป็นคุณศศินใช่ไหม”
ไม่มีคำตอบ แต่เพราะพิมพิกานิ่งเงียบเหมือนการยอมรับ
764/913

“ตาไม่ยอมพูดสักคำ…จนกระทั่งยอมลาออกจากงาน แล้วดู
ซิ…จันทร์…ดูสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำกับน้องพี่…เพื่อนของเธอ หรือว่าหลังๆ
เธอไม่คิดว่าตาเป็นเพื่อนอีกแล้ว”
พิมพิกากัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ อดสูใจกับคำถามนั่นเหลือเกิน
“มันมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“เรื่องพิษรักแรงหึงซินะ เธอเข้าใจซะใหม่แล้วกัน”
พิมพิกาหันไปมองศศิน หล่อนอายเขา เพราะอารมณ์ววู่ ามแท้ๆ
…อย่างที่ดนุเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นไส้นั่นแหละ…พิษรักแรงหึง…จนทำ
ให้หล่อนหุนหันพลันแล่น…แล้วก็แชเชือนต่อหัวใจแท้จริงของตัวเองก่อน
จะผวากับเสียงบอกต่อของดนุ
“ก่อนตาจะหมดสติไปอีกน่ะ ตาบอกเราว่าวิษณุไปที่นั่นเพราะเขา
โกรธเธอ…ที่เธอไม่ได้เป็นอย่างเขาเข้าใจ เขาไประบายออกกับตา…ทำ
เหมือนตาควรจะรับผิดชอบเรื่องที่จันทร์เสียตัวอย่างนั้นแหละ”
62

พิมพิกาเดินออกมาหยุดข้างหลังเขา แผ่นหลังกว้างนั่นอยู่ไม่ห่าง
เพียงแค่ยกมือเอื้อมแตะก็สามารถจะสัมผัสได้แต่มือที่ยกขึ้นพลันตกลงข้าง
ตัว หล่อนจะมีหน้าไปแตะต้องเขาอีกอย่างนั้นหรือ หลังจากที่หล่อนได้เป็น
ฝ่ายกล่าวหาเขาอย่างเลยร้าย

หล่อนทำท่าจะหันตัวกลับอยู่แล้วเมื่อศศินหันมา
“คุณจันทร์…”
เขาเรียกหล่อนเอาไว้ หญิงสาวหรุบดวงตาลง ไม่อาจจะมองเขาได้
เต็มตานั่นเอง
“ขอโทษค่ะ”
เขากะพริบตามองเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
พิมพิกามาขอโทษเขาอย่างนั้นหรือ…หล่อนยอมมาขอโทษ…ช่าง
เหลือเชื่อเสียนี่กระไร
766/913

เขาได้รับรู้เรื่องราวของนิสัยใจคอของหล่อนมามากมายหลายอย่าง
ด้วยกันจากคนใกล้ชิดหล่อนดี…อย่างพรรณรายและตัวชนิตา…
พิมพิกาคนแกร่งและไม่เคยยอมจำนนต่อสิ่งใดง่ายๆ
หล่อนยอมพูดคำขอโทษ
“เสียใจก็มาก…ฉันคงจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย”
“ผมเข้าใจ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน “มองหน้าผมหน่อยไม่ได้รึ หน้า
ผมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางน่าเกลียด…ช่วงเวลาที่คุณตัดรอนผม
ทิ้งไปหรอก ยังเหมือนเดิมเสมอ”
“ฉันคงไม่กล้า…”
“ทำไม”
“เพราะฉันอาย”
“คุณจันทร์…ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนทำผิดกันได้ไม่มากก็น้อย”
“แต่ไม่ใช่แค่ทำผิด ฉันคิดว่าตัวเองทำสิ่งโง่ๆ ลงไปอีกด้วย”
“เอาน่า…” ศศินปรับน้ำเสียงตัวเองให้ร่าเริงเป็นอันมาก “ไม่เคย
ได้ยินหรอกรึฮะ ที่เค้าพูดๆ กันว่างองูต้องมาก่อนฉอฉิ่งน่ะ”
“โธ่…” พิมพิการ้องครางแล้วเหลือบตามองหน้าเขา ทันได้เห็นเขา
หลิ่วตาข้างหน้าล้อพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ตอนที่หล่อนโผเข้าไปซบกับอก
กว้างที่สองแขนของเขากางออกเพื่อจะโอบกอดหล่อนนั้น…เป็นนาทีที่พิมพิ
767/913

กาเหมือนว่าตัวเองได้ตัดสินใจที่จะทำเพื่อตัวเอง หล่อนเพิ่งจะรูว้ ่าหล่อนทำ


สิ่งใดลงไป…และโอกาสที่หล่อนได้มานี่ต้องเรียกว่าโชคดี…หล่อนไม่น่าจะมี
โอกาสแบบนี้ด้วยซ้ำ
“ผมไม่คิดว่าคุณโง่…บางเวลาที่เราพลาด…หลังจากผิดแล้วก็
พลาด…สุดแต่ว่าจะตั้งลำได้ใหม่ทันไหม ผมน่ะสวดภาวนาทุกคืน”
“สวดว่าไงคะ”
“ผมขอให้ได้คุณคืนมา…อย่าไปเป็นของเขาอื่นเลย”
“ยังดีที่พระท่านฟัง” หล่อนพึมพำ “ฉันทำอะไรลงไป…ฉันทำกับ
เพื่อนสนิทอย่างตา…ฉันทำกับคุณ…”
“ลืมมันซะ เพราะเรายังเริ่มต้นใหม่ได้ทัน”
“เราเริ่มได้…” เสียงของหล่อนแกมสะอื้น “แล้วตาล่ะคะ…ตามีอะไร
หลงเหลืออยู่อีกบ้าง…ไม่มีอีกแล้ว…มันสูญสิ้นหมดไป…ที่ตาได้รับมัน
โหดร้าย แล้วฉันก็เกือบจะเดินเข้าไปหาเขา ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมี
ปฏิกิริยาแบบนั้นตอนฉันรับสารภาพกับเขาว่าฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงบริสุทธิ์”
“คุณจันทร์บอกเขา?”
“ค่ะ”
“ทำไม”
“เพราะฉันไม่อยากโกหก…การโกหกมันอาจจะไม่ยาก…แต่มันค้างใจ”
768/913

“โง่จัง” เขาตำหนิ “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะพูดแบบนั้น”


“แต่ฉันยอมโง่ค่ะ บอกเขาดีกว่าที่เขาจะไปรูด้ ้วยตัวเองวันข้างหน้า
เป็นไหนๆ ”
“รู้เพราะกลัวผมจะบอกเขาใช่ไหม”
หล่อนตวัดตามองเขาแบบค้อนๆ วงหนึ่ง
“คุณจะเป็นผู้ชายประเภทนั้นหรือคะ…พวกปากมาก…”
“ปากหมาน่ะหรือ”
เพราะรู้ว่าเขาจะได้หัวใจคืนมา ศศินก็สามารถต่อปากต่อคำได้ร่าเริง
เขาซึมเซาหงอยเหงานานมาพอสมควรแล้ว แต่เขาก็ทึ่งว่าพิมพิกานั้นเป็น
ผู้หญิงพิลึกๆ อยู่ หล่อนคือแบบฉบับเฉพาะของตัวเองที่ไม่มีใครเหมือน
และจะไม่เหมือนใครเลยด้วย เรียกว่าหล่อนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคนหนึ่ง
หากจะมาตั้งคำถามกับเขาว่าแล้วเขารักหล่อนตรงไหน…ก็คงจะต้องนั่งลง
ไขความกันโดยละเอียดทีเดียว…
ตั้งแต่แรกเห็นกับมาดเปรี้ยวและเท่
ยังจำภาพนั้นได้ติดตาเสมอมาทีเดียว
เป็นภาพที่เรียกว่าไม่อาจจะลืมหรือลบออกจากความทรงจำ
769/913

มันจะตราตรึงเสมอไป…ภาพที่หญิงสาวคนหนึ่งยืนไขว้มือไว้ข้างหลัง
พักน้ำหนักตัวบนขาข้างเดียวแล้วเอาขาอีกข้างยื่นออกมาโชว์อวดเพียงเพื่อ
จะโบกรถสักคัน
หากวันนั้นไม่ใช่เขาผ่านไป เจอแต่ผู้ชายคนอื่นก็คงจะน่าเสียดาย…
แต่ทั้งนี้ศศินก็มาสรุปเอาได้ว่าอาจจะเพราะหล่อนถูกกำหนดให้มาพบ
เขา และมีเส้นทางของชะตาที่ต้องมาเป็นเส้นทางเดียวกับเขา…ไม่ใช่ลิขิตให้
หล่อนต้องไปเป็นของชายอื่น
ก็ดูเถิด…ขนาดหล่อนมีพยศจะออกไปนอกทางของเขา…จากอกเขาสู่
อกชายอื่นก็ยังมีอันเป็นไปว่าหล่อนไปไม่พ้น…หล่อนยังหวนคืนกลับมา
ใครจะเชื่ออย่างไรก็ตามแต่ ตัวเขาเองเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดมา
แล้ว
แต่เรื่องของชนิตายังชวนหดหูห่ ัวใจนัก เมื่อพูดกับพิมพิกา…ได้ยิน
เสียงหล่อนเครือลงไป หล่อนยอมรับเสียงดังๆ ออกมาว่าตัวเองผิดที่มอง
เพื่อนไปในทางนั้น
“ตากับเขาบาดหมางกันมาแต่แรก มันเป็นเรื่องของการไม่ลงกัน
ระหว่างนายกับลูกน้อง ฉันเคยเตือนตาว่าอย่าไปงัดข้อกับเขาเลย เพราะ
อย่างไรซะเขาก็เป็นนาย ตอนที่เตือนน่ะก็คิดห่วงอย่างเดียวว่าตาจะถูก
ไล่ออกหรือไม่กถ็ ูกบีบให้ออกจากงาน ไม่คิดว่าเขาจะทำหยาบคายร้ายกาจ
แบบนั้นด้วย หรือนั่นเป็นวิธที ี่ผู้ชายคิดออกว่าหากทำกับผู้หญิงแล้วจะ
770/913

สะใจสุด ได้รสชาติของชัยชนะสุดๆ ได้รสชาติที่เรียกว่าเป็นผู้ที่


เหนือกว่า…”
เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของหล่อนสักเท่าใด
เพราะนั่นเป็นแนวความคิดแบบที่เรียกว่าเหมาสรุปไปถึงผู้ชาย
ทุกคน…ซึ่งไม่ได้เป็นไปแบบนั้นทั้งหมด
“เขาดูเป็นผู้ดีนะคะ มาดของเขานิ่มนวลนัก”
“เราไม่รู้ว่าเขากับคุณตาบาดหมางกันเรื่องอะไรมาแต่แรก…ที่เขาทำลง
ไป…บางทีเขาก็อาจจะเสียใจ”
“คุณคิดแบบนั้นหรือคะ”
“ใช่”
“แต่ฉันคิดไม่ได้…เขาทำลงไป…เขาไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว…แต่เขาทำ
ครั้งสุดท้ายนี่ยิ่งเลวร้าย”
“จะเอาเรื่องเขาหรือ”
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ”
“ถามคนถูกทำร้ายก่อน” ศศินออกความเห็น “เพราะเรื่องแบบนี้
พูดจากันออกไปวงกว้างแล้วละก็ จะกลายเป็นว่าผู้หญิงเสื่อมเสียอย่าง
ร้ายแรงเลยนะฮะ ผมว่าคุณตาบอบช้ำมากพอแล้ว”
“ยังมีอีกเรื่องที่ฉันอยากรู้ใจของตา” พิมพิกาพูดเหมือนจะรำพึง
771/913

“อะไรฮะ”
“ตาเคยคิดชอบๆ คุณวิษณุบ้างไหม ในความเกลียดชังนั่นมีความ
ชอบพอหรือความรักบ้างไหม”
“ผมว่าน่าจะเป็นคำถามที่ถามกับเขามากกว่านะ” ศศินตอบหลังจาก
ใคร่ครวญแล้ว “แต่ใครจะเป็นคนถาม…แล้วเขาจะกล้ามารับผิดชอบตรงนี้
บ้างไหม อย่างน้อยๆ เขาควรจะมาดูผลงานของเขาบ้าง ผมต้องห้ามดนุไม่
ให้วู่วาม”
“เพียงเพราะทางเราเป็นผู้หญิงใช่ไหมคะ” พิมพิกาถามอย่างขมขื่น
“ผู้หญิงที่ถูกขีดวงให้เป็นผู้ถูกกระทำ เป็นคนที่แบกรับความขมขื่นเอาไว้
แบบสุดๆ ผู้หญิงที่ไม่มีสิทธิ์จะลุกขึ้นมาฟ้องว่าโดนผู้ชายข่มขืน เพราะที่สุด
แล้วจะกลายเป็นว่าไม่สมยอมก็ให้ท่าก่อน”
เขาต้องดึงหล่อนมากอด เริ่มรู้ว่าพิมพิกาหงุดหงิด ก็อย่างทีเ่ ขารู้จัก
ตัวตนของหล่อนถ่องแท้มากยิ่งขึ้นว่าหล่อนเป็นคนหงุดหงิดง่ายมาก
อารมณ์ของหล่อนวูบวาบ…เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย…เอาแน่เอานอนด้วยไม่ได้เลย
พรรณรายเป็นคนยืนยันกับเขาในประเด็นนี้ และก็น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
เพราะพรรณรายเป็นพี่สาว…มีหรือจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของน้องสาวตัวเอง
ว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าหล่อนจะวูบวาบผันแปรแค่ไหน…เขาก็ไม่เคยจะเลิก
รักหล่อนเลย
772/913

เขารักหล่อนมาก…เป็นความรักที่เขามั่นใจแล้วเขาก็อยากจะลงเอย
ด้วยการแต่งงาน
“ฉันจะพูดกับเขาเองค่ะ จะต้องไปหาเขาไม่ว่าเขายังอยากจะพบกับ
ฉันอีกหรือไม่ก็ตามที”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เขายืนกรานว่าเขาไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับชนิตา เขาทำให้เธอคลาย
ความใจเย็นลง และความอดทนที่มีก็พลอยหมดลงไปด้วย
คำพูดจากผู้ชายที่บอกว่าตัวเองชื่อดนุยังก้องอยู่ในหูทุกคำเขา
บอกกล่าวเล่าเรื่องของชนิตา และเธอก็ไม่ได้เป็นคนประเภทที่รับฟังเรื่องใด
แล้วจะปักใจเชื่อเสียในทันทีนั้น เธอไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยแบบนั้นเลย…นั่น
ยอมไม่ใช่เธอ แต่เพราะการไตร่ตรองแล้วประมวลเรื่องราวที่ได้ยินกับสิ่งที่
เกิดขึ้น และที่ได้เห็นจากวิษณุ
ถามแล้ว…แต่เขาบอกว่าเขาไม่ตอบ
“แม่รับไม่ได้แล้วนะ มันเลวร้ายเกินไป บอกแม่มาว่าความจริงเป็น
ยังไง”
“แม่จะคาดคั้นเพื่อเอาอะไรจากผม”
“เอาเป็นว่าแม่อยากเห็นลูกชายแม่แสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมา”
วิษณุมีประกายตาเจิดจ้า
773/913

“แม่พูดออกมาดีกว่า ไอ้หมอนั่นมันพูดอะไรบ้าง”
เพราะเธอนั่งมองหน้าเขาร่วมๆ สิบนาที หน้าขาวปานกระดาษ ทำท่า
ราวกับว่าเธออ่อนล้าหมดแรงลงสิ้นเชิงแล้ว เธอมองเขาด้วยแววตาเหมือน
ตัดพ้อระคนกับความผิดหวัง…เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองแย่ไปหมด
และเธอก็เริ่มต้นถามว่าเขาไปทำอะไรไว้บ้าง…
ลูกผู้ชายหรือ…ไอ้คำคำนั้นคืออะไรกัน…คือการวางตัวแบบไหนกัน…
“จะเล่าได้ไหม”
“ผมถามแม่ว่ามันพูดอะไร” เขาสะบัดเสียงใส่
“ลูกควรจะพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่ดีกว่านั้นหน่อยนะ”
คุณหญิงเพลินบอกด้วยเสียงอันเย็นชาเป็นอันมาก และเธอกำลัง
แสดงออกให้ลูกชายคนเดียวของเธอได้เห็นด้วยว่าเธอไม่ได้อยู่ใน
ภาวะอารมณ์ที่สามารถรับฟังเรื่องราวใดๆ ได้ด้วยความใจเย็น
วิษณุชะงักเหมือนกัน ก็แม่ก็ลูก…เป็นแม่ลูกกันอยู่…มีหรือจะไม่รู้ใจ
ไม่รู้จักนิสัยแท้จริงของอีกฝ่าย และตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม่กำลังมีอารมณ์
ขุ่นมัวขนาดหนัก
แม่คงจะคิดว่าเขาเป็นไอ้คนเลวไปแล้ว…
774/913

“แม่บอกผมมาแล้วกัน” เขาลดเสียงตัวเองให้อ่อนลงมาเล็กน้อย
“ตอนนี้ผมก็เป็นจำเลยแล้วนี่ การจะพิพากษากันก็น่าจะแจ้งข้อหาให้
แจ่มแจ้งเสียก่อนนะฮะ”
“แม่ไม่คิดว่าลูกของแม่จะทำแบบนั้น…”
เธอบอกสิ่งที่ได้ยินมาจากดนุ แล้วสรุปเอาว่า
“แม่รับไม่ได้กับการที่ลูกจะทำร้ายผู้หญิง…มันร้ายกาจเกินไปสำหรับ
แม่…”
“แต่ผม…”
“ลูกจะแก้ต่างยังไง…ลูกทำหรือเปล่า”
เขานิ่งไป การปฏิเสธก็คือการโกหก
และในที่สุดเขาก็ตอบรับออกมา วิษณุลุกขึ้นยืนช้าๆ เอามือสองข้าง
ซุกลงไปในกระเป๋ากางเกง ทอดตามองมายังมารดา
“หากผมมีโอกาส…ผมก็คงจะทำแบบนั้นอีก ผู้หญิงคนนั้นสมควรจะ
โดนแบบนั้น”
น้ำเสียงนั่นเย็นชา คุณหญิงเพลินไหวกระตุกทั้งตัวก็ว่าได้
“ลูกพูดอะไรออกมา…รู้ไหมว่ามันชั่วร้ายแค่ไหน…แล้วนั่นยังเป็น
คำพูดของลูกชายแม่หรือเปล่า”
775/913

“ผมจะจัดการเอง…จะเอาอย่างไรกันอีก…เสียตัวไม่กี่วัน…ได้ไปห้า
ล้านน่ะ…จะมาอ้างเจ็บตัวแท้งลูกอีกน่ะหรือ จะสำออยเรียกเท่าไหร่
ดี…นังตัวแสบนั่นมันวางแผนจะเอาเงิน”
เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยิน ความรู้สึกของเธอ
เหมือนถูกทอนต่ำลงไปเป็นอันมาก มันเหมือนว่าความดีงามทั้งหลายที่เธอ
เคยหวังจะเห็นในตัวลูกชายของเธอได้ถูกทำลายลงไปเสียสิ้นแล้ว
และก่อนที่วิษณุจะรู้เท่าทันถึงความผิดหวังรุนแรงของเธอก็รู้สึกว่า
เธอมาถึงตัวเขา แล้วก็ตบหน้าเขาสองทีซ้อนๆ ด้วยกัน
หน้าเขาสะบัดตามแรงนั่น แน่ละว่ามันแรงเพราะเหมือนจะเอาความ
โกรธกราดเกรี้ยวและผิดหวังสอดใส่มารวมๆ กัน เขาเม้มปากสนิทแน่น
มือกำนิ่งอยู่ข้างกาย
ได้ยินเสียงแม่เขาร้องไห้…ได้ยินเสียงเธอแกมสะอื้น
“แม่เคยอบรมลูกให้รังแกผู้หญิงหรือ ถามหน่อยเถิด…ไอ้ที่ทำลงไป
น่ะน่าภูมิใจนักหรือ จะหยามชนิตาใช่ไหม…นอกจากจ้องจะเอาออกจาก
งานแล้วก็จะฆ่ากันให้ตาย…แต่ชนิตาไม่ตาย ก็ข่มขืนแล้วลากไปทำดังใจ
แล้ว เงินห้าล้านอาจจะมากพอทำให้ลูกคิดว่ามันสมกับค่าตัว แต่ไอ้ที่เพิ่ง
ย้อนกลับไปจัดการอีกล่ะ…ลูกทำเพื่ออะไรตรงนั้นน่ะ…ข่มขืนผู้หญิง
ท้อง…ประกาศบอกออกไปเลยซิว่าตัวเองแน่…”
เขายังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
776/913

“ลูกนะลูก…ทำเรื่องแบบนีก้ ็ได้ด้วย แม่เฝ้ามองว่าลูกคือความ


งดงาม…แต่ตอนนี้แม่อยากจะถามหัวใจของลูกน่ะยังมีความเป็นคนอยู่อีก
ไหม หรือมันกลายเป็นสัตว์กระหายเลือดไปแล้ว ลูกต้องการจะเห็นชนิตา
แหลกยับไปถึงไหน คุณพระช่วยด้วยเถิด…อะไรทำให้ลูกเกลียดชนิตา
ขนาดนั้น หรือเพราะผู้หญิงคนนั้นไม่เคยสนใจลูก…ไม่เคยก้มหัวให้…และ
ยังทำงานเก่ง…”
“หยุดที!” เขาส่งเสียงออกมากราดเกรี้ยวพอๆ กัน
“จะทำอะไรแม่ดลี ่ะ” เธอถามทั้งน้ำตา “หากจะโกรธที่แม่พูดออกไป
แทงใจดำนี่น่ะ”
“แม่ไม่รู้อะไร…ผมว่าแม่ไม่ควรจะออกความเห็น”
“แม่ก็จะไม่พูดอีกหลังจากพูดหนนีแ้ ล้ว แม่คงจะต้องไปขอโทษชนิ
ตา”
“อย่าทำแบบนั้นเป็นอันขาด”
“จะห้ามแม่ไม่ได้” เธอมองสบตาด้วยอย่างเยือกเย็น “แม่ต้องทำ…ลูก
ไม่รู้ว่าตัวเองทำบาปไว้”
“ไม่มีอะไรบาป”
“ตอนทีท่ ำลงไปน่ะ หากรู้ก่อนสักนิดว่าชนิตากำลังท้องอยู่…ท้อง
อ่อนๆ ที่เด็กนั่นเป็นลูกของตัวเอง…ยังคิดจะข่มเหงกันอีกไหม”
777/913

เขาไม่ตอบนอกจากก้าวยาวๆ เดินหนีไป เขาถูกรบกวนด้วยสิ่งทีท่ ำ


ให้เขานอนไม่ได้ตลอดทั้งคืน เขานั่งจมอยูใ่ นห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ…แต่ปิด
ไฟมืด
บาป…แม่เขาว่าอย่างนั้น…เขาพยายามจะมองว่าตรงนั้นคือความ
เหลวไหลโดยสิ้นเชิง แต่คำถามสุดท้ายของคุณหญิงเพลิน…ก่อนจะแยก
จากกันก็ทำให้เขาต้องมาคิดเงียบๆ
เขาไปที่ห้องพักของชนิตาด้วยสาเหตุใดกัน…เขาไม่คิดว่าจะไปที่นั่น
อีก…แต่เพราะพิมพิกา…ที่หล่อนสารภาพความจริงกับเขาและหากว่าชนิตา
จะไม่วอนหาเรื่องเอง ชนิตาเยาะเย้ยเขา…ตอนนั้นเขาหน้ามืดตามัวไปหมด
เขารู้แต่เพียงว่าเขาต้องทำเพื่อระบายโทสะ…แล้วเขาก็ทำลงไป…หล่อนท้อง
อยู่หรือ…ท้องหรือ…เขาลูบหน้าตัวเอง…มันเหนียวเพราะเหงื่อ…อากาศเย็น
ฉ่ำแต่เหงื่อของเขายังออกเหมือนน้ำ…หรือเพราะข้างในมันร้อน
และที่เขานึกโกรธตัวเองก็คือเขาไม่ได้ปีติยินดีเท่าที่ควร
เขาควรจะยินดีซิ…หากชนิตามีอันเป็นไป
เขานึกถึงภาพทีต่ ัวเองผละจากมาตอนหล่อนฟุบนิ่ง ตอนนั้นแน่ใจว่า
เขาไม่ได้เห็นเลือด แต่ได้ยินหล่อนร้องเจ็บปวดชอบกล
หล่อนแท้งลูก…ลูกของเขา…หล่อนท้องโดยไม่บอกเขา…แล้วทำไม
หล่อนไม่ไปทำแท้ง…หล่อนจะเก็บเด็กเอาไว้อย่างนั้นหรือ…เก็บไว้
ทำไม…เพื่อเอาเป็นข้อต่อรองกับเขา…หรือเพื่อว่ารอเวลาจะไปทำแท้ง…
778/913

เขารู้สึกปวดหัวไปหมด…และเขาก็หาคำตอบไม่ได้
วิษณุลุกไปอาบน้ำในตอนตีสี่ ฟ้าข้างนอกยังมืดเมื่อเขาขับรถออกมา
จากบ้าน เปิดโทรศัพท์มือถือโทร.ไปหาพิมพิกาอย่างไม่มีจุดหมาย น้ำเสียง
ที่เขาถามเลื่อนลอยพอๆ กับเสียงตอบที่ยังเต็มไปด้วยความงัวเงีย
“ผมเอง…วิษณุ…ชนิตาอยู่โรงพยาบาลไหนนะ…”
63

ชนิตารู้สึกตัวแล้ว พยาบาลบอกว่าหล่อนพ้นขีดอันตราย…หล่อนไม่
ตาย…หล่อนยังเหลือชีวิต หล่อนไม่ได้ตอบรับหรือแสดงอาการปีติยินดีตรง
นีอ้ ีก เพราะหล่อนน่าจะตายดับไปเสียมากกว่า การมีชีวิตอยู่ไม่ได้ทำให้
หล่อนยินดี…หล่อนคือคนตายไปแล้ว อนาคตไม่ได้เหลือความหวังให้
หล่อนอยากจะลุยสร้างเพื่อตัวเอง หล่อนเคยเป็นคนที่มีฝัน…มีความหวัง
แต่ทั้งหมดนั่นถูกทำลายย่อยยับลงไปแล้ว…เพราะคนคนเดียว…
พยาบาลที่เข้ามาผลัดกันดูแลหล่อน มองหล่อนด้วยแววตาเหมือนๆ
กัน นั่นทำให้ชนิตาอยากจะระเบิดเสียงร้องออกมาให้ก้องเพราะหล่อนถูก
มองอย่างสมเพชแกมสงสาร ประวัติของหล่อนคงจะออกมาแล้ว…ผู้หญิงที่
ถูกทำร้ายทางเพศ…
เมื่อหล่อนนอนนิ่งซึมเศร้า ก็มีเสียงปลอบโยน…ทำนองว่าหล่อนยัง
สาว…โอกาสเริ่มใหม่ยังมี หล่อนจะได้พบคนดีๆ นี่คือฝันร้ายและมันจบลง
ไปแล้ว
หล่อนไม่ได้คิดว่ามันเป็นฝันร้าย…มันคือความจริง…หล่อนกระอัก
เลือดทีเดียว
780/913

ดนุกลับมาในตอนตีสี่กว่าๆ เขาย่องเข้ามาเพราะคงคิดว่าหล่อนหลับ
“พี่นุ…” หล่อนร้องเรียกเขา
“อ้าว…ไม่หลับหรอกรึ”
ดนุเดินเข้ามาหา เขาเพิ่งจะวางถุงน้ำเต้าหู้ร้อนๆ และโจ๊กลงบนโต๊ะ
“นึกว่าหลับ”
“น่าจะตายไปเลยมากกว่า ไม่อยากจะหลับอีกแล้ว”
คนเป็นพี่ฟังแล้วใจหายนัก ซุ่มเสียงที่บอกว่าหมดอาลัยกับการมีชีวิต
นั่นเอง เขาฝืนใจให้เข้มแข็ง ไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาเพราะกลัว
ว่าหล่อนจะยิ่งเสียขวัญหนักกว่าเดิม
“ตา…การมีชีวิตอยู่ย่อมจะดีกว่าเป็นคนตาย เพราะเรายังทำอะไรๆ
ได้อีกตั้งมากมาย”
“แต่ตาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว…มันย่อยยับ”
“ไม่หรอก…เชื่อพี่เถิด…มันจบแล้ว…พี่สัญญา…พี่จะไม่ให้ตาถูกทำร้าย
อีก เสียดายนักที่ไม่เปิดเผยความจริงกับพี่มาแต่แรก”
เขามีน้ำตาคลอๆ จริงอยู่พี่น้องมิได้ใกล้ชิดกัน เพราะต่างทำงานหนัก
การมาจากครอบครัวปานกลางที่มีพอส่งลูกเรียนจบทั้งดนุและชนิตาพากันรู้
ว่าจะต้องสร้างตัวเองขึ้นมามากกว่าการไปรอรับมรดก และพวกเขาก็
สามารถจะทำได้ การทำงานหนักไม่ใช่เรื่องน่าหวาดกลัว ตราบใดมี
781/913

งาน…เขาและน้องสาวสู้แค่ตายคางานนั่นแหละ เพราะเหตุนี้ชนิตาจึงเป็น
คนทำงานแบบทุ่มลงไปสุดตัวปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวิษณุกลับมา...เขามา
สืบทอดตำแหน่งที่ว่างในบริษัททีค่ ุณหญิงเพลินเป็นผู้ก่อตั้ง หากเขาไม่ได้
ทำท่าหมิ่นใส่มาแต่แรกชนิตาคงจะยอมรับในความเป็นลูกจ้างของตัวเอง
หล่อนจะไม่ตีเสมอเขาอยู่แล้ว…
แต่หล่อนเจอท่าทีไม่ดีของเขาเลย ท่าทีที่เหมือนเขาจะเหยียด…เขาไม่
อยากให้หล่อนทำงานร่วมด้วย สายตาจับผิดตลอดเวลา…
ชนิตาเองก็มีตามองเห็น และหล่อนก็รู้ แต่เพราะรักงานนักเลยยอม
ทน อีกทั้งหล่อนก็ฮึดของหล่อนขึ้นมาว่าหล่อนจะเอาชนะเขาด้วยการให้เขา
เห็นศักยภาพของหล่อน
แต่หญิงสาวคิดผิด…เขายิ่งชิงชัง…เขาต่อต้านและแสดงออกว่าเขาไม่
ต้องการหล่อนหนักกว่าเดิม
เมื่อการไล่ออกเป็นไปไม่ได้…เขาเลยหาทางออกทางอื่น
“ตาเป็นเหยื่อเอง…โง่เอง” หล่อนบอกพี่ชายขื่นๆ “คิดอะไรตื้นเขิน
เกินไป คิดว่าหากทำตัวให้เห็นว่าทำงานดีมีความสามารถแล้วจะได้รับการ
ยอมรับจากเขา ไม่ต้องการอะไรมากมายไปกว่างานที่มั่นคง และตาก็รัก
งานทีท่ ำ…ชีวิตเคยดีมากๆ ตอนเข้ามาอยูท่ ี่บริษัทนี้ใหม่ๆ ตอนที่คุณหญิง
ลงมาจัดการก่อตั้ง แต่พอเขามาถึง…ตาก็รู้ว่าเขาไม่ชอบ”
“หากลาออกซะ”
782/913

ดวงหน้าซีดๆ นั่นเกลือกไปมาบนหมอน
“นั่นเท่ากับตาแพ้…แล้วหากเจอหน้าเขาอีกที่ไหน…จะมีแต่เสียง
เยาะเย้ย”
“มันไม่คุ้มกันเลยนะ”
“พี่นุ…อย่าร้องไห้ให้ตาเลย…มันก็แล้วกันไป”
น้องสาวพยายามปลอบ ชนิตากำลังแสดงความเข้มแข็งออกมา ที่สุด
ของลูกผู้หญิง…เมื่อเจอทางตันก็สามารถจะ “ฮึด”ได้
“ที่จริงหากตายไปซะก็จบกัน แต่เมื่อไม่ตาย…ก็จะต้องดิ้นกันต่อ”
“เธอจะไปแก้แค้นเขาไหม”
“คงไม่” คำตอบไม่ต้องคิด “ตาจะไม่ไปยุ่งกับคนแบบนั้น”
“แล้วเรื่องแจ้งความ…”
“หากตาเป็นตัวคนเดียวในโลก…ไม่มีพ่อแม่…ไม่มีพี่น้อง…ตาจะ
ทำ…เพื่อหาความยุติธรรมที่น่าจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เพราะตายังมี
ครอบครัว…ตาจะทำลายคนอื่นให้ย่อยยับได้อย่างไรกัน เขาแค้น
ส่วนตัว…เขาเองก็เสียเงินห้าล้านเชียวนะพีน่ ุ” หล่อนพยายามจะหา
ข้อได้เปรียบ “ตอนเขาจ่ายเงินให้น่ะ ตายังจำได้…เขาแค้นแน่นอนทีเดียว
ว่าเขาไม่น่าจะเสียเงินถึงห้าล้าน”
“แล้วเรื่องเด็กนั่น…ทำไม่ตาไม่บอกเขาแต่แรก…ตาคิดจะจัดการยังไง”
783/913

หล่อนหลับตาลงก่อนตอบด้วยเสียงอันแปร่ง
“ตอนแรกคิดจะไปเอาออกซะ เพราะจะได้หมดปัญหาแต่แรก พอมา
คิดทบทวนดู ตาก็ไม่อยากทำบาปเพิ่ม ก็ว่าจะรักษาเอาไว้…จะเลี้ยงดู…แต่
ไม่เกี่ยวข้องกับเขานะ ตาคิดว่าตัวเองสุขภาพจิตดีพอจะไม่ไประบายความ
แค้นออกกับเด็กด้วย”
“แต่มันก็ทำลายลงหมด”
“ดีแล้ว” ชนิตาสรุป “เขาทำแล้วเขาก็กำจัดทิ้งเอง มันจบลงโดย
สิ้นเชิงไง…ไม่มีอะไรเหลือ…ไม่มีสิ่งที่จะต้องทำให้หวนคิดถึงกันชั่ว
แวบ…จากกันแล้วจากกันเลย…สิ้นกัน…ขาดกัน…แต่พี่นุบอกตาเองนี่ว่า
จันทร์มาที่นี่”
“ใช่…จันทร์รู้ความจริงหมดแล้วด้วย”
ชนิตาลืมตาแล้วเปิดยิ้มที่สดใสนัก
“นั่นคือสิ่งที่ดที ี่ตาหาพบในความเจ็บปวดนี่ ตาได้เพื่อน
คืน…มิตรภาพย่อมดีกว่าสิ่งใดๆ อยูแ่ ล้วไม่ใช่หรือ และอย่างน้อยจันทร์ก็
ไม่ต้องไปทนกับความโหดร้ายของเขาหลังจากแต่งงาน…จันทร์ยังโชคดี”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ฟ้าเริ่มเรื่อเรืองบ้างแล้วตอนเขาเลี้ยวรถเข้ามาในที่จอดรถของ
โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ สงบเงียบเสียจนเมื่อเขาเปิดประตูรถออกไป
ได้ยินเสียงน้ำค้างตกก้องกระทบพื้นเปาะแปะอยู่พื้นทางเดินค่อนข้างชื้น
784/913

เขาก้าวขาลงไปแตะพื้นได้ข้างหนึ่งแล้วอีกข้างยังคาอยูใ่ นตัวรถ เขาลังเล


นั่นเองว่าเขาควรจะเข้าไปดีหรือไม่ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจได้ที่จะเข้าไป
คนอย่างเขาจะต้องหวาดกลัวไปไย…
โถงทางเดินข้างล่างของโรงพยาบาลสว่างด้วยแสงไฟ…แต่เงียบ มี
เจ้าหน้าทีเ่ วรภาคดึกนั่งอยู่ มีคนไข้ประปรายรอตรวจอยูท่ ี่ห้องฉุกเฉิน…อัน
เป็นธรรมดาของเวลาไม่ได้ทำการปกติ
เขาไปสอบถามชื่อคนไข้ในจากเจ้าหน้าที่รู้ว่าห้องเบอร์ไหนชั้นไหน
แล้วเขาก็ตรงไปที่ลิฟต์ ก้าวเข้ามายืนอยู่ดายเดียว และไม่รู้ว่าลิฟต์อีกตัวที่
สวนลงมานั้น ดนุเพิ่งกลับออกไป เขามีเวลามาแบบแป๊บๆ แล้วก็ไป…เวลา
ของดนุแทบจะหาว่างไม่ได้
และดนุบอกน้องสาวไว้ว่าจะมีคนมาอยู่เฝ้าไข้ตอนสายๆ แต่ชนิตา
ยืนยันว่าหล่อนไม่ต้องการใคร…หล่อนนอนคนเดียวได้…อีกทั้งห้ามบอก
พ่อแม่ ห้ามบอกพี่น้องคนอื่นๆ อีก หล่อนไม่ต้องการให้ครอบครัวมารับรู้
หล่อนบอกแต่ว่าหากพ่อแม่โทร.ไปหาทีอ่ พาร์ตเม้นต์แล้วไม่พบเจอ ให้บอก
ว่าหล่อนไปทัวร์ต่างประเทศ นั่นอาจจะเท่ากับเวลาที่หล่อนนอนพักรักษา
ตัว
หล่อนจะขอเวลาเพื่อรักษาตัวเอง…เมื่อยัง “เสือก” รอดมาได้…ชนิตา
คิดเสียดังนี้…แล้วไยหล่อนจะต้องตรอมใจจนตายด้วยเล่า
785/913

หล่อนกำลังเคลิ้มๆ จะหลับมิหลับอยูแ่ ล้วตอนที่ได้ยินเสียงเปิดประตู


ห้องเข้ามา แต่ตอนนั้นดวงตาลืมไม่ขึ้นเลยสักนิด…ได้ยินเหมือนมีคนเข้ามา
อาจจะพยาบาลเข้ามาดูก็ได้…เมื่อคิดเสียดังนี้หล่อนก็เลยปล่อยตัว
เองเข้าสูภ่ วังค์ ยาทำให้หล่อนคลายความเจ็บ และยาก็ช่วยให้หล่อนหลับ
อีกด้วย
ชนิตาจึงไม่เห็นคนมาเยือน และหากเห็นหล่อนคงจะไม่เชื่อ ทั้งหมด
น่าจะเป็นภาพลวงตาเสียมากกว่า…ไม่มีวันเชื่อได้ว่าวิษณุจะมาที่นี่
เขามายืนเกาะราวกั้นข้างเตียง มันเย็นเฉียบกว่าปกติ…อาจจะเพราะ
มือเขามันเย็นนักก็ได้ เห็นชนิตานอนนิ่ง หล่อนอยูใ่ นชุดคนป่วย มีผ้าคลุม
ถึงอก หน้าตาซีดเซียว
และหากเขาตาไม่ฝาดไปเอง เขาอยากจะเชื่อว่าหล่อนหลับไปทั้งที่
น้ำตายังไม่เหือดแห้งดีเลย
หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง…ความรู้สึกผิดจู่โจมเขาเหมือนกัน…เอื้อมมือ
ไปทีต่ ัวของหล่อนแล้วเขาก็ยกค้าง หากหล่อนรู้ตัวตอนนี้แล้วโวยใส่
เล่า…เขาจะรับอาการหน้าแตกได้แค่ไหนกัน
เลยหดมือกลับคืนดังเดิม…เขาอยากจะบอกหล่อนว่าเขาเองก็คาดไม่
ถึง
ก็ตอนนั้นเขาโมโหจนหน้ามืด…แล้วหล่อนก็ยังเยาะเย้ยเขาเข้าอีก
786/913

“ชนิตา…นอกจากเงินห้าล้านที่เธอเรียกร้องเอาจากฉันแล้วมีอะไรบ้าง
ที่ฉันจะจ่ายชดเชยให้หากจะถือว่าฉันทำรุนแรงเกินไป”
คำถามนั่นไม่มีคำตอบเพราะชนิตาหลับสนิท เขาเพ่งมองหน้านั้น
เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลย เพิ่งจะเห็นว่าเป็นดวงหน้าที่เขาเจนตา
เป็นความคุ้นเคยที่มากกว่าจะเป็นหน้าของพิมพิกา…ทั้งที่เขาร่ำร้องบอกว่า
เขารักพิมพิกาเสียเหลือเกิน ดวงหน้าเรียวๆ ที่เมื่อแรกเห็นเขาคิดว่ามัน
จืดชืด ชนิตาไม่ใช่หญิงสาวสวยเก๋หล่อนดูดีตามแบบของหล่อน มีความ
เกลี้ยงเกลาสะอาดตา และเป็นผู้หญิงคล่องตัวกระฉับกระเฉง…อีกทั้งเก่ง
งาน…ตรงนี้แหละที่เขาต้องยอมรับในตอนนี้…หากว่าเขาไม่ได้ฝืนใจตัวเอง
จนเกินไป
แต่เขาก็ขลาดเกินกว่าจะรับออกมาดังๆ
เขาริษยาหล่อนนั้นเอง เขารูแ้ ล้วว่าทำไมขวางตากับหล่อนนัก แม่รัก
หล่อนมาก…แม่พูดถึงหล่อนก่อนหน้าเขาจะกลับมาเมืองไทย แม่ชื่นชมว่า
ได้คนมีความรู้ความสามารถมาทำงานด้วย และเพื่อนร่วมงานทุกคนทั้งรุ่น
พี่รุ่นน้องทางวัยวุฒิก็ชื่นชอบหล่อน…แม้แต่เปรมเจ้าเด็กหนุ่มที่เขายก
ตำแหน่งเลขาฯส่วนตัวให้ก็ยังทำท่าเหมือนจะแล่นไปรับใช้สนิทสนมกับชนิ
ตาโดยกินเงินเดือนเขาอยู่ เขาไม่ชอบตรงนั้น…ไม่อยากจะเห็นใครต่อใคร
พากันไปเอาใจหล่อน เมื่อตรวจสอบตัวเองแล้วเขาก็พบว่าเขาตะหากทีเ่ ป็น
คนไม่ดี แต่เขาพาลโทษหล่อน…ตำหนิหล่อนไปสารพัด แม้แต่วิธที ี่เขาเลือก
ใช้กับหล่อนก็มุ่งจะหยาม
787/913

วิษณุทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ เขาไปยกมาตั้งใกล้ๆ กับเตียง


ความคิดต่างๆ ย้อนกลับมาเป็นละลอกๆ มันเข้ามาจู่โจมเขา…ทำให้
เขาเริ่มจะยอมรับว่าเขาทำผิดไป แต่กระนั้นการต้องยอมรับนี้กท็ ำให้เขา
ทุรนทุรายเอาการอยู่เหมือนกัน
“ชนิตา…ทำไมเราเริ่มต้นกันเลวร้ายขนาดนั้น แถมยังมาลงท้ายกัน
ด้วยเรื่องระยำนี่อีก ฉันผิดมากแค่ไหนกันนี่…ระยำขนาดไหน แม่บอกว่า
ฉันบาป…เธอจะว่าฉันบาปไหม ลูกหรือ…น่าขันนะกับคำคำนี้…ฉันไม่เคย
คิดเรื่องจะมีลูกมาก่อนเลยไม่ว่ากับใคร…ก็อายุฉันน่ะเข้าไปสี่สิบแล้ว…เป็น
ตาแก่…ลูกของฉันรึ…ลูกของเธอด้วย…ฉันไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน”
เขาพูดกับตัวเอง ความคิดเริ่มหนักหน่วง เขานึกถึงยามที่ได้
ครอบครองชนิตา…แม้จะเยาะเย้ยถากถางหล่อนสารพัน…แต่เขาก็ต้อง
ยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าชนิตานั้นคือสาวบริสุทธิ์ในแบบที่เขา
ปรารถนา ไม่เพียงแต่เท่านั้น…หล่อนเร้าอารมณ์ของเขาได้ขึ้นสูงสุดเสมอๆ
อีกด้วย
หากตัดความชิงชังหมั่นไส้ออกไปหมดแล้วก็น่าจะพบเจอกับร่องรอย
อะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน
แต่วิษณุรู้ว่ามันจะไม่มีทางเป็นไปได้…
เขาไม่ได้หวังรอปาฏิหาริย์มาคลี่คลายเรื่องนี้ ไม่ได้หวังให้ลงเอยกัน
ด้วยดีอีกด้วย ไม่หวังแม้แต่การเผชิญหน้า…เพื่อจะกล่าวคำว่า ‘ขอโทษ’
788/913

ที่เขามาตอนแรกก็คิดว่าเขาน่าจะได้ทำแบบนั้น
แต่ก็ดีเหมือนกันที่มาแล้วพบว่าหล่อนหลับอยู่เพียงลำพัง
เขานั่งอยู่อีกราวๆ สิบนาทีก็จากไป…มาเงียบๆ …ไปเงียบๆ
และชนิตาก็ไม่รู้เลยว่าเขามา…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เปรมลางานทั้งวันมาเยี่ยมหล่อน โดยบอกว่าเจ้านายไปบอกแล้ว
อนุญาตให้หยุดได้หนึ่งวัน และชนิตาคิดว่าเปรมคงจะพอรู้เรื่องของหล่อน
บ้างแล้ว หล่อนรีบบอกว่า
“อย่าถามพี่เลยนะ เปรม…อย่าถาม”
“ฮะ”
รับคำอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วก็บอกต่ออย่างขุ่นเคือง
“หากผมเจอเขานะพี่ตา…ผมจะต่อยหน้าเขา”
ท่าทีจริงจังมาดเข้มนั่นทำให้ชนิตานึกขำ
“เปร๊ม…” หล่อนร้องเสียงสูง ยิ้มละไม “อย่าเลยน่า โดนเขายันมาสัก
ทีเจ็บตัวเปล่า”
“ผมพอจะเป็นมวยนะฮะ”
“มันจบแล้วละ…คุณศินล่ะ”
789/913

“คงไปหาแฟนเค้า…ก็เห็นโทร.ไปหาคุณจันทร์…มันยังไงกันฮะ เพื่อน
พี่ตาคนนี้โผไปโผมา”
“ก็คนรักกันแต่ทำเป็นกลบเกลื่อน”
“ผมละแอบเชียร์อยู่เชียวว่าให้พี่ตาลงเอยกับคุณศิน”
“เป็นไปได้ไง”
ชนิตาส่ายหน้า หล่อนครึ่งนั่งครึ่งนอน อาการของหล่อนเหมือนฟื้น
ตัวได้ไวมาก หมอและพยาบาลยังพากันประหลาดใจแต่ชนิตารู้ว่าเป็น
เพราะหล่อนเข้มแข็ง เมื่อใจสู้เสียอย่าง…กายก็ต้องพลอยปรับให้เข้ากับใจ
หล่อนไม่อยากจะอ่อนแอ เพราะปรากฏเสมอว่าคนอ่อนแอมีแต่จะถูก
เหยียบย่ำ อย่างที่บอกแล้วว่า…เมื่อไม่ตายหล่อนก็จะขออยูต่ ่อ…และชีวิตก็
ยังเริ่มต้นใหม่ได้
“พีไ่ ม่ได้ชอบเขา แล้วเขาก็ไม่เคยมองพี่แบบนั้น เราเป็นเพื่อนที่ดตี ่อ
กัน”
“ผมเสียดายจริงๆ ” เปรมยืนยัน “พีต่ าจะทำอะไรต่อฮะหลังจากออก
จากโรงพยาบาลแล้ว”
“ก็คงจะหางานทำ…แต่อาจจะเป็นหลังจากพักผ่อน”
“จะไปพักที่ไหน”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ใจมันไปแล้ว…อยากไปไกลๆ …ไปทบทวนดูว่าพี่
เองก็พลาดมาตั้งแต่ตรงไหน”
790/913

“พีต่ า…ผมขอสักอย่าง” เปรมทำท่าขรึมเกินอายุของเขา “ไม่ว่าจะพบ


เจอว่าตัวเองพลาดไปยังไง แต่อย่ามัวโทษตัวเอง ลืมมันซะ…คนเรา
ผิดพลาดกันได้…แล้วพี่ตาก็ยังโชคดี”
“ขอบใจจ้ะ…น้องรัก”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมพิกามาตอนเที่ยง ศศินไปรับหล่อนมา เขาเปิดโอกาสให้พิมพิกา
อยูต่ ามลำพังกับชนิตา แล้วสองสาวก็ฟูมฟายน้ำตาใส่กันโดยกอดกันกลม
พิมพิกาโทษตัวเองที่หลงเข้าใจผิดไป…หลงทำลายมิตรภาพจนแทบจะกู่ไม่
กลับ…หล่อนย้ำบอกแต่ว่าหล่อนเสียใจ
“ฉันนี่แย่จริงๆ เลยตา ทำไมตอนนั้นบ้าคิดอย่างนั้นไปได้”
“แกต้องเปลี่ยนนิสัยแล้ว” ชนิตาบอก “หากแกไม่
เปลี่ยน…วันข้างหน้าแกอาจจะทำมันอีกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ”
“ก็นั่นซิ”
“แต่ฉันไม่โกรธแกเลยนะ”
“พูดแบบนี้ฉันยิ่งละอายใจหนัก”
“ลืมมันซะ…ลืม…ขอเพียงแค่ลืม”
เสียงของชนิตาเหมือนปลุกปลอบขวัญให้กับตัวเองไปด้วยพร้อมๆ
กัน พิมพิกาจับสองมือของเพื่อนบีบแน่น
791/913

“อย่างน้อยเขาก็คงจะได้คิดเหมือนกัน…พี่นุโทร.ไปบ้านเขา”
“บ้านใคร?”
“ก็เขา…คุณวิษณุ”
“โทร.ไปทำไม”
“ด่าไง…ด่าเละเลยเหมือนกัน ฉันฟังอยูด่ ้วยก็สะใจดี แล้วที่ฉันบอก
ว่าเขาได้คิดก็คือเขาโทร.ไปหาฉันตอนตีสี่กว่า…เพื่อจะถามว่าแกนอน
ที่ไหน…เขาคงจะมาเยี่ยมแก…มากล่าวคำขอโทษ”
“เป็นไปไม่ได้…นั่นไม่ใช่เขา หากเขาทำแบบนั้น…มันจะเหมือนว่าเขา
กลับลำแบบทีไ่ ม่มีใครคาดคิด ลืมเถิดจันทร์…ฉันว่าเขาก็ถามไปอย่างนั้น
เอง”
“ตอนตีสี่น่ะรึ”
“ใช่…ขอบอกว่าฉันไม่เคยหวังจะเห็นสำนึกผิดจากคนแบบนั้น วันที่
ออกจากโรงพยาบาล…ฉันจะแวะไปวัดไปถวายสังฆทานแล้วอโหสิ อาจจะ
เพราะชาติก่อนทำกรรมกับเขามาหนัก…พอมาชาตินี้เขาก็มาเอาคืน…”
64

พยาบาลเป็นคนช่วยยืนยันว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาเยี่ยมหล่อนตอน
ใกล้รุ่ง…ประมาณเวลาใกล้เคียงกับที่พิมพิกาบอกว่าเขาโทร.ไปหานั่นแหละ
ชนิตานอนฟังเงียบๆ หล่อนได้แต่ส่ายหน้าแล้วบอกไม่รวู้ ่าใครกัน
ที่มาเยี่ยมหล่อนยามนั้น แต่ก็น่าประหลาดใจนักหนา…วิษณุมาทำไม…หรือ
จะมาดูให้แน่ใจว่าหล่อนยังอยู่ แล้วเขาคิดจะหาทางออกใหม่ๆ เพื่อจัดการ
ลากหล่อนไปทำร้ายอีก
เขาอาจจะคิดออกแค่นั้น…
ก็ถอยออกมาแล้ว….หรือเขายังไม่ยอมเลิกจองเวร แต่แม่ของเขาก็มา
เยี่ยมหล่อน หลังจากที่ส่งดอกไม้กระเช้าใหญ่มาก่อนหน้านั้น แล้วตัวเธอ
มาก่อนวันที่ชนิตาจะออกจากโรงพยาบาลแค่วันเดียว
“ฉันต้องมา…เสียใจเหลือเกิน…อยากจะมาหลายวันแล้วละ…แต่ฉัน
เองซิ…เหมือนมีอาการทางใจมันป่วยจนเหมือนหัวใจพิการไปแล้ว” น้ำเสียง
นั่นแหบเครือ เธอดึงมือของชนิตาไปบีบแรงๆ “เข้มแข็งไว้นะชนิตา…ฉันรู้
ว่าคนพูดน่ะไม่ยากเลย เพราะไม่ได้เจอสถานะการณ์แบบนั้นด้วยตัวเอง
แต่เธอคงจะต้องพยายามสุดเรี่ยวแรงที่เธอเองมีอยู่”
793/913

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ…สบายดีแล้ว”
“ทั้งกายทั้งใจด้วยไหม”
“ค่ะ”
“เธอกำลังปากแข็งมากกว่า”
“ตอนแรกก็คิดว่าหากตายไปซะเลยก็จะดีเหมือนกัน แต่เมื่อมันไม่
ตาย…ใครๆ มาพูดกันว่าน่าจะอยู่ต่อเพราะโลกนี้ยังสวยงามนัก เมื่อล้มไป
แล้วก็ลุกใหม่ได้เสมอ”
“ใช่…นั่นคือความคิดที่ถูก…ล้มแล้วลุก…หากล้มแล้วไม่ลุกซิ…น่า
สมเพช ฉันเคยเล่าเรื่องของฉันให้เธอฟังบ้างหรือเปล่า ชนิตาเมื่อตอนสาวๆ
น่ะฉันโลดโผนมามากเหลือเกิน แต่ฉันก็ได้เจอผู้ชายที่ดีๆ ทุกคน…ผู้ชายที่
ยังเหลือคบหากันเป็นเพื่อนได้ แล้วผู้ชายคนหนึ่งซึ่งวิเศษที่สุดที่ฉันพบเจอ
คือพ่อของวิษณุ นั่นละที่ทำให้ฉันหยุดการกระทำบ้าๆ ”
ชนิตาเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่กเ็ ป็นเรื่องซุบซิบนินทาเบบไม่
เปิดเผยทำนองว่าลือกันไปเสียมากกว่า จะโลดโผนแค่ไหนสุดแท้แต่
ลมปากจะพาไป แต่หล่อนก็ไม่ได้คิดจะแซะหาร่องรอยอะไรตรงนั้นเลย
เพราะหล่อนมองว่ามันเป็นเรื่องของนายจ้างและหล่อนเป็นแค่ลูกจ้าง สิ่งดี
ที่สุดที่หล่อนพึงทำก็คือไม่ควรจะไปข้องแวะตรงนั้น ไม่แม้แต่จะรับฟังมา
เพื่อสาสมใจ หรือไม่แม้แต่จะเอามาบอกกล่าวต่อๆ ไปอีก
794/913

หล่อนถือตรงนี้ไม่น้อยเหมือนกัน และหล่อนก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไม
คุณหญิงเพลินเอาเรื่องราวของตัวเองมาเล่าให้หล่อนฟังยามนี้ด้วย
จนกระทั่งเธอเอ่ยสรุป
“ฉันพยายามอบรมวิษณุให้เหมือนพ่อของเขา เพราะความสุขที่สุด
ของชีวิตนั่นน่ะฉันก็เสพมันได้ไม่นานนัก วิษณุขาดพ่อมาแต่เด็ก ฉันก็
พยายามเล่นเป็นพ่อให้กับลูกอีกด้วย แต่…ในที่สุดฉันก็ทำไม่ได้ เขา
บกพร่องเกินกว่าฉันจะยอมรับว่านั่นคือเขา”
แล้วอยู่ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา ชนิตามองด้วยท่าทีตกใจอย่างไม่รวู้ ่า
ตัวเองควรจะวางท่าทีอย่างไรเกี่ยวกับเรี่องนี้นั่นเอง
“ฉันเสียใจกับเรื่องของเธอ…หวังแต่ว่าเธอคงจะอโหสิให้กับเขานะ”
ไม่มีคำตอบจากชนิตาในทันที หล่อนมองภาพของคนเป็นแม่ที่
พยายามจะแก้ต่างให้กับลูกชายของตัวเอง แม่ที่แม้ว่าลูกจะแปดเปื้อน
สกปรกทั้งตัวด้วยสีดำ แต่แม่ก็ยังเป็นแม่ทไี่ ม่ย่อท้อจะทำสีดำให้เป็นสีขาว
ให้จงได้
เขาจะรู้บ้างหรือไม่…คนอย่างเขาจะรู้อะไร…คนอย่างเขาจะมีหัวใจ
หรือเปล่า
ชนิตาพยายามจะหาคำพูดเพื่อพูดออกมา หล่อนพยายามจะ
ปลอบโยนหัวอกของคนเป็นแม่ด้วย แต่มันก็แสนยากเย็นนัก…เพราะว่า
หล่อนไม่อาจจะหามาได้ยามนี้ คำพูดทุกคำติดขัด…คาค้างแค่ลำคอนี่เอง
795/913

“ชนิตา…ฉันมาเพื่อขอโทษเธอแทนเขา”
“มันแทนกันได้ด้วยหรือคะ…คงจะไม่ได้”
“ฉันเป็นแม่เขานะ มาขอโทษด้วยหัวอกของคนเป็นแม่…ต้องได้
ซิ…แม่ทำอะไรให้ก็ถึงลูกอยู่แล้ว เพราะแม่กับลูกมีสายใยผูกพันกันและกัน
อยู่”
ชนิตาอยากจะให้เขามาได้ยินนัก เขาคงไม่รวู้ ่าแม่ของเขาทำเพื่อเขาได้
เพียงนี้ ป่านฉะนี้เขาคงจะลอยละล่องมีความสุขสบายดีเป็นแน่ ที่บริษัทเขา
จะได้เป็นใหญ่โดยไม่ต้องอดทนเห็นหล่อนที่นั่นอีก เขาพูดเสมอว่าการมี
หล่อนทำงานด้วยนั้น เขาหาความสุขไม่ได้ และโดยความเป็นนาย…เขา
ขมขื่นใจที่ไล่หล่อนออกไม่ได้อีกด้วย ตอนนี้สาสมใจเขาไปทั้งหมดแล้ว
และเรื่องของเขากับพิมพิกาก็จบลง…พิมพิกาบอกว่าเขาไม่ได้ติดต่อ
มาอีกเหมือนกัน แต่พิมพิกายืนยันแล้วว่าจบ…ข่าวซุบซิบตามหน้า
หนังสือพิมพ์รายวันจะยุติลงเพียงนั้น…จะเป็นเพียงแต่ครั้งหนึ่งที่เคยเป็น
ข่าวเท่านั้นเอง
พิมพิกาหวนกลับไปสู่อ้อมอกของศศินด้วยความเข้าใจอันดียิ่งขึ้น
และตรงนี้ต้องบอกว่าพิมพิกามีโชคมากกว่าตัวหล่อน
ชนิตามองว่าเป็นโชคร้าย…เมื่อหล่อนผ่านมาได้และไม่ถึงกับตายจาก
หล่อนก็สามารถจะยืนหยัดได้อีกหนหนึ่งไม่ใช่หรือ…จะมีคำขอโทษจาก
796/913

สัตว์ป่าที่ทำร้ายหล่อนหรือไม่ก็ตาม แต่หญิงสาวไม่ขอใส่ใจด้วยตรงนั้นอีก
ต่อไป…พอแล้ว…จบลงไปแล้ว…
หล่อนจึงบอกกับคุณหญิงเพลินในที่สุดว่า
“ทุกอย่างจบแล้วค่ะ ไม่ต้องมาขอโทษกัน…มันจบ…ขอบพระคุณที่มา
เยี่ยมเยียนกัน”
“ชนิตา…บอกฉันซิว่าเธอให้อภัยกับเขา”
“ค่ะ”
“ง่ายขนาดนี้ทีเดียวหรือ” คุณหญิงเพลินร้องคราง “เธอหักใจได้หมด
หรือ…ทำไมไม่ได้คิดแค้นเขาเลย”
“เคยอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำไปค่ะ อยากให้เขาตาย…เพราะทีเ่ ขาทำมัน
ชั่วร้าย แต่จะมีอะไรดีนอกจากเป็นการจองกรรมต่อกันไปอีก จะไปถึง
ไหน…ลูกโซ่ตรงนั้นจะมีแต่ทอดยาวออกไปอีกมากนักไม่ต้องการอีก
แล้ว…พอกันที…เพราะหากมีจริงอย่างที่พ่อแม่เคยสอนเรามาว่าเกิดแล้วชาติ
นีก้ ็ยังมีชาติหน้า จะได้ไม่ต้องพบเจอกับเขาไปตามใช้คืนชีวิตให้กับเขา คิด
เสียว่าเมื่อชาติปางก่อนคงจะเคยติดค้างเขามาก็ให้จบกันลงไป…เพราะ
ตอนนีเ้ ขาคงจะอิ่มเอมใจ น่าสงสารเขาด้วยซ้ำ…ว่าเขาต้องทรมานเพราะ
ดิฉันมานาน” ชนิตาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “ดิฉันเองน่าจะลาออกเสีย
แต่แรก การดึงดันนั่นไม่ได้เกิดผลดีเลย”
797/913

“ชนิตา…เขาไม่ได้อิ่มเอมใจแน่ๆ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่อาจจะบอกเธอ
ได้ด้วยว่าเขาสบายดีหรือทุกข์ทรมาน เพราะเขาหายไป”
“หาย?”
“ใช่ ฉันตามหาจนทั่วแล้วนะ เพื่อนๆ ของเขาไม่พบเจอเขาเลย บ้าน
ญาติพี่น้องก็ไม่ได้เหยียบไป งานก็ไม่ได้ไปทำ มีโครงการค้างอยู่…เขาก็ไม่
ได้แยแส”
“หรือคะ” เสียงนั่นเฉยเมย “หรือว่าจะสำนึกผิดเสียใจแล้วกำลัง
หลบมุมเพื่อหาที่ฆ่าตัวตาย”
นั่นทำให้หน้าตาคุณหญิงเพลินเผือด…เหมือนปราศจากสีเลือดโดย
สิ้นเชิง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
บุษยารับรู้เรื่องของศศินกับพิมพิกาด้วยความเร่าร้อนหัวใจของหล่อน
เหมือนถูกบีบ ไม่น่าจะเป็นไปได้…ก็ข่าวลงออกครึกโครมว่าพิมพิกาจะเป็น
เจ้าสาวของหนุ่มใหญ่ร่ำรวยอีกคน…หวนคืนกลับมาได้อย่างไรกัน
มณฑลก็พูดเปรยในเรื่องนีก้ ับหล่อนอยูเ่ หมือนกัน เขาเองก็ท่าทาง
หัวเสีย แต่ไม่ใช่เพราะการหวนกลับนีอ่ ย่างเดียว หล่อนรู้มาแต่แรกแล้วว่า
มณฑลเหมือนจะเหลือรอยอาลัยในตัวผู้หญิงคนนั้นไม่น้อย
หลังจากการแต่งงานอยู่กินมาร่วมปีเข้าไปนี่ บุษยาได้รู้เห็นในตัวเขา
มากขึ้น ความลุ่มหลงค่อยๆ ลดลง แต่ความรักก็ยังมีอยู่ และหล่อนจำ
798/913

กล้ำกลืน หล่อนไม่อยากคิดเลยว่าหล่อนเป็นแค่ตัวรองบ่อน เขาเลือก


แต่งงานกับหล่อนเพราะเงิน…โดยที่เขายังหวนหาอยู่กับพิมพิกาไม่รู้ลืม
และความจริงอีกประการหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นก็คือเพราะเขาไม่
ได้ล่วงเกินพิมพิกาจริง…ทำให้เขาคิดว่าตัวเองหมดโอกาส
และเขาโหยหาพิมพิกาก็ตรงนี้…เพราะเหตุนี้
“ไอ้พี่ชายเธอน่ะมันโง่แน่ๆ เลย ยายนุ่น”
เขาพูดใส่หน้าหล่อน อารมณ์เขาขุ่นมัว หมู่นี้อารมณ์เขาปรวนแปรไม่
เพียงเฉพาะกับเรื่องของพิมพิกานี้หรอก การค้าของเขาด้วย…และยังจะ
เรื่องหุ้นที่เขาเล่นเอาไว้ในตลาดหุ้น ผลกระทบต่อตลาดทำให้มณฑลถอน
ตัวออกมาไม่ทัน เงินของเขาส่วนหนึ่งและอาจจะเป็นส่วนมากของเขาไปจม
อยูใ่ นนั้นพร้อมกับราคาหุ้นที่จมดิ่งลงไปทุกวันๆ มีผลกับเขามากเหลือเกิน
หล่อนเองก็พลอยปวดหัวไปด้วยเมื่อเขากลับมาหงุดหงิดใส่ ชีวิตหลัง
แต่งงานไม่ผาสุกมากนัก และหล่อนก็เริ่มจะใส่ใจกับเงินทองส่วนตัวของ
หล่อนมากกว่าเดิม
หล่อนเพิ่งจะได้คิดว่าหล่อนเหมือนถังทองของเขาเสียมากกว่าจะเป็น
หัวใจสีชมพูที่เขามองด้วยความรักความเสน่หา ตอนนีห้ ล่อนไม่โง่พอจะ
หลอกลวงตัวเองให้เชื่ออย่างนั้นอีกแล้ว
เขาขอเงินทีละมากๆ และเขาก็ค่อยๆ รุกเข้ามารู้เห็นว่าหล่อนมี
ทรัพย์สินอะไรบ้าง ตอนแรกๆ หล่อนก็เออออโดยดี แต่ตอนนี้หล่อนเริ่ม
799/913

คิด…หล่อนเริ่มไหวตัว และหล่อนมองหาทางออกไว้แล้วหล่อนน่าจะมีคน
มาช่วยเหลือ
ศศินยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของหล่อนเสมอมิใช่หรือ และเขาก็เคยแอบ
รักหล่อนมาก่อน บุษยาคิดว่าหล่อนน่าจะได้กลับไปออดอ้อนเขาบ้าง
บางทีหากมณฑลแสดงท่าทีไม่น่าวางใจอีกต่อไป หล่อนจะขอเลิกจาก
เขาแล้วกลับไปหาศศิน ถึงตรงนั้นให้รู้กันไปว่าพิมพิกาจะเหนือกว่าหล่อน
ไปได้
“เธอไปถามทีซิว่าพวกนั้นมันจะเอายังไงกัน…อ้อ…นุ่น…อย่าลืมถาม
เรื่องที่ดินที่หัวหินด้วยนะ”
“ทำไมคะ”
“ก็พรรคพวกอยากจะได้”
“เขาไม่ขายตรงนั้นกันอยู่แล้ว”
“เธอก็ญาติ…ลองช่วยๆ หน่อย…เสียดาย...ไอ้ส่วนของเธอน่าจะมี
เหลือบ้างนะ พ่อแม่เธอน่ะโง่ระยำที่ขายไปก่อนหน้าจะหมด”
บุษยาฟังแล้วสะอึก ปากเม้มแน่นหากัน
“หรือไอ้บ้านใหญ่หลังกลางนั่น…เออ…เคยปรึกษาหารือกับทนาย
ไหม…มันของบรรพบุรุษ น่าจะเป็นสมบัติรวมนะ แล้วเธอก็เรียกสิทธิข์ อง
เธอ…ไม่ได้ที่ดินมาบอกขาย ได้ส่วนแบ่งมาตรงนั้นก็น่าจะหลายล้านนะนุ่น”
800/913

บุษยาเงียบกริบ ไม่ยอมตอบอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ถึงนาทีนี้


สามารถบอกได้ว่าเขามีไส้เหม็นเน่าอยู่ภายในกี่ขดกันแน่…
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
“คุณป้าคิดยังไงคะหากคุณศินหวนกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น…เหมือน
เอาเศษเดนมาเคี้ยวต่อหรือเปล่าคะ”
คำถามนั่นทำให้คุณผ่องพรรณมองหลานสาวทางสามีนิ่งๆ สักพัก
เธอรู้มานานแล้วว่าบุษยามีความงามไม่เป็นรองผู้หญิงคนอื่นๆ แต่สมองที่มี
นั้นน้อยมาก เธอเองเป็นคนเสือกไสให้บุษยาพ้นจากทางชีวิตของศศินโดย
อ้างว่าลูกพี่ลูกน้องกันจะรักชอบพอกันแบบชู้สาวเห็นทีจะเป็นเรื่องไม่งาม
เธอขอร้องศศินเอาไว้เอง และเมื่อบุษยาพ้นออกไปได้นั้น เธอรู้สึกว่า
เหมือนได้ขึ้นสวรรค์
เธอยังขอจากลูกชายมากกว่าไปนั้นอีก เธอขอให้เขาเลิกสนใจไยดีต่อ
บุษยาอีกด้วย เธออ้างว่าเพราะบุษยาแต่งงานแยกตัวออกไปแล้ว…มีคน
รับช่วงดูแลแล้ว ไม่จำเป็นที่ศศินจะต้องทุ่มเทเหมือนเดิม เขาไม่ควรจะ
หมดเวลาไปตรงนั้น และไม่ใช่สิ่งควรกระทำเลยเพราะว่าจะเป็นการ
ก้าวก่าย มณฑลย่อมจะมาเอาเรื่องได้ทุกเวลา และดูเหมือนศศินเองก็จะ
เสื่อมจากการต้องมนต์ของบุษยาไปหมดแล้ว นับจากมีพิมพิกาปรากฏตัว
ขึ้นมาในชีวิตของเขาเธอจึงมิต้องกังวลตรงนี้อีก
อีกทั้งเธอยังเป็นตัวการสำคัญในการแต่งงานแล้วให้แยกตัวออกไป
ของบุษยา เธออยากให้บษุ ยาไปอยู่ที่อื่น การแต่งแล้วพาเอาเขยเข้าบ้านนั้น
801/913

เธอลงความเห็นส่วนตัวว่าไม่เหมาะสมเลยบ้านใหญ่ยังเกี่ยวพันกันด้วย
ระบบกงสี คือกินอยู่ในส่วนรวม แต่เธอไม่วางใจในตัวมณฑล และญาติ
คนอื่นก็พากันเห็นคล้อยตามเธอไปหมด เพราะเธอนั้นถือว่ามีความสำคัญ
ที่สุดตรงนี้แล้ว ในบ้านนี้ทุกคนฟังเสียงของเธอเสียเป็นส่วนใหญ่ เธอมี
ความสำคัญเป็นหนึ่งที่นี่เลยทีเดียว
และเธอก็ได้ยินมาว่าหลังจากการแต่งงานนั้น บุษยาไม่ประสบความ
สำเร็จสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้คิดสงสาร เพราะถือว่าบุษยาทำตัวของ
ตัวเอง…รักปนหลงโดยไม่มีการไตร่ตรองก่อนก็ย่อมจะออกมาเป็นแบบนี้
“คุณป้าเปิดทางสะดวกแล้วหรือคะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ”
“ผู้หญิงนั่นเหลือเดนมาจากมณฑลก็แย่แล้ว ตอนไปมีข่าวกับคุณ
วิษณุเขาอีก…จะเหลืออะไร”
“ป้าอยากให้เธอพูดแบบนี้ต่อหน้าศศินจังเลย”
“คุณป้าคิดว่านุ่นไม่กล้าเตือนคุณศินหรือคะ”
“ลองเองไหม”
“นุ่นจะไปพบเขาอยู่แล้ว”
“ไปพบ?…มีอะไร”
“เรื่องธุรกิจค่ะ”
802/913

“แม่นุ่น…ป้าขอเตือนนะ เธอก็เท่ากับเป็นคนนอกไปแล้วจะมารบกวน
เขาเห็นจะไม่ถูก ทำไมไม่ให้ผัวของเธอเขาจัดการเรื่องตรงนี้ให้เล่า”
“แต่คุณศินเคยมีเมตตาต่อนุ่นเสมอมานี่ค่ะ แล้วนุ่นก็คิดว่าเขายัง
เหมือนเดิม”
แววตาของบุษยาเหมือนท้าทาย หลังจากการแต่งงานที่ทำให้หล่อน
รู้จักโลกดีกว่าเดิม เลิกเป็นกบในกะลาไปแล้วนั้น ทำให้หล่อนกล้าจะพูด
ในหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้แต่เพียงคิดไว้ในใจตอนก่อนออกมาดังๆ คุณ
ผ่องพรรณรับรู้การท้าทายนั่น เธอมองสบตาด้วยแล้วเตือนสติของบุษยาว่า
“เธออย่าหวังเลย อะไรที่ผ่านมาแล้วก็คือผ่านถาวร…อย่าหวนหา
อีก…เธอน่ะแค่น้อง”
“ลองดูไหมคะ”
“เธอจะทิ้งผัวมาให้ท่าศศินรึ”
นี่คือคุณผ่องพรรณ…ยามอารมณ์ร้าย…เธอก็สามารถพูดจาถามไถ่
ออกมาตรงๆ ด้วยคำพูดชวนให้เจ็บปวดรวดร้าวเป็นที่สุด และบุษยานั้น
แม้จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาบ้าง แต่กย็ ังไม่เพียงพอ ยังเรียกว่า ‘อ่อน’ เกินไป
หากจะประมือด้วย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
หล่อนแวะมาหาศศิน พบเขาทำงานอยู่ สิ่งทีห่ ล่อนขอร้องได้รับการ
เมินเฉยจนหล่อนต้องตัดพ้อ
803/913

“ทำไมคุณศินไม่เหมือนเดิมอีกคะ”
“พีง่ านยุ่งมากนะนุ่น ไม่มีเวลาจะทำให้เธอ เดี๋ยวไม่ดีไปจะมาโทษว่า
พี่ไร้ความสามารถ”
“หรือกลัวว่าจะกระเทือนถึงชีวิตครอบครัวนุ่น คุณศินแคร์ใช่ไหมคะ”
หล่อนเป็นฝ่ายลุกเดินมา ‘รุก’ ใส่เขา นี่เป็นสิ่งที่บุษยาไม่เคยทำมา
ก่อนหน้านี้ หล่อนมาถึงเก้าอี้ที่เขานั่ง แล้วหล่อนก็พิงบั้นท้ายกับขอบโต๊ะ
ประจันหน้ากับเขาระยะใกล้
“นุ่น…จะทำอะไร” เสียงนั่นดุแบบผู้ใหญ่ดุเด็ก “อย่าเหลวไหล…”
ประตูเปิดเข้ามาพอดี การมาเยือนของพิมพิกาตามนัดหมายกับเขา
นั่นเอง ต่างมองไปพร้อมกัน บุษยาเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นมาก่อน
“อ้อ…มาพอดี”
“ขอโทษ…หากมาขัดจังหวะ”
พิมพิกาเอ่ยเสียงเรียบ แต่หล่อนไม่ได้ถอยกลับ เดินไปนั่งที่โซฟามุม
ห้อง
“คุยกันต่อได้เลย…จะรอตรงนี้ละ”
“ฉันกับคุณศินกำลังตกลงกันเรื่องเดิมๆ ที่เคยมีต่อกัน”
ศศินยังอ้าปากค้างกับการรุกคืบนั่น…น่าสยดสยองนัก…
804/913

บุษยาเป็นไปได้เพียงนี้ทีเดียวหรือ
“เราเคยรักกันมาก่อน…และที่เขาทำลงไปกับเธอก็เพราะเขาทำเพื่อ
ฉัน…”
“ไม่เป็นไร”
พิมพิการับรู้ด้วยความเซ็ง แล้วยิ้มหวาน
“ไอ้เรื่องอ้างน้ำเน่าแบบนี้น่ะฉันเข้าใจดี เกิดอะไรกับเธอล่ะ…ผัวเธอ
ออกลายแล้วใช่ไหม…ถึงต้องวิ่งแร่มาน่ะ…ป่วยการ…อดีตมันจบไป…ไอ้ที่
เขาเคยทำเพื่อเธอก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันขอบอกเธอนะ…คุณศินของฉัน…ผัว
ฉัน…อย่าให้ฉันต้องเหวี่ยงเธอโยนทิ้งจากชีวิตเขา…อย่ามาเป็นปลิงเกาะติด
เขาตอนนี้แล้วมาทำท่าสำออย”
เอาละ…ศศินคิด…เขาไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากเป็นคนดูเท่านั้น
เอง…แล้วทำท่าจะสนุกเสียด้วย
65

“ไงคะ…ฉันเหมือนนางมารร้ายมากไหม”
พิมพิกาถามเขาหลังจากบุษยากลับไปแล้ว รายนั้นตัดพ้อศศิน
มากมายทำนองว่าเขาเพิกเฉยกับตัวและหลงพิมพิกาแบบโงหัวไม่ขึ้น
“ผมชอบ” เขาบอก “ผมน่ะนิยมความรุนแรงนะคุณจันทร์แล้วให้
ตายเถิด…คุณน่ะไม่มีความหวานเลยรู้ไหม สวยเผ็ดร้อนแรงและเล่นบทบู๊
ได้เสมอ”
หล่อนยิ้ม เดินมาโอบคอเขา จูบแก้มเขาฟอดหนึ่ง ศศินอดคิดในใจ
ไม่ได้ว่านี่เพราะเป็นหล่อนนะ เป็นผู้หญิงที่ชื่อพิมพิกาหญิงใจกล้าหาญ
อย่างยิ่ง หล่อนทำส่งที่หล่อนอยากจะทำแบบไม่แคร์ใครๆ เลย เรียกว่า
หล่อนอยากจะทำอะไรก็จะทำ…และหล่อนก็เป็นคนตรง เสียตรงที่บางครั้ง
หล่อนก็ใจร้อนเกินไป…อีกทั้งยังเจ้าอารมณ์โมโหง่ายอีกด้วย แต่ศศินคิดว่า
เขา ‘รับ’ หล่อนได้ ขอแต่เขามีหล่อนก็พอใจแล้ว…ตรงนั้นแหละที่เขา
ปรารถนา เขาเคยเกือบจะเสียหล่อนไปชั่วนิรันดร แต่โชคยังเป็นของเขา
“ขอให้จริงเถิด”
806/913

“ผมรักคุณนะ” เพราะฉะนั้นผมยอมรับตัวตนของคุณได้หมด แต่ว่า


คราวหน้าน่ะ” เขาโอบรอบเอวหล่อนรั้งพานั่งลงบนตักตัวเอง “ผมอยากจะ
ให้คุณตรวจสอบก่อนว่าผมนอกใจคุณจริงไหมผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำ
ไป…ตั้งแต่เจอคุณแล้วผมรู้ตัวเลยว่าอาการหนัก”
“ปากหวานนัก”
“ผมพูดจริงนะ” เขายืนยัน “ผมจะรักคุณตลอดไป”
“เคยพูดกับคนอื่นมาก่อนไหม”
“ผมอายุปูนนี้แล้วนา”
“อ้อ…ไม่ได้เป็นคนแรก”
“คุ้ณ…” เขาทอดเสียงลากยาว ยิ้มละไมเกลื่อนอยูบ่ นดวงหน้านั้น
“หากผมบอกรักคุณเป็นคนแรกละก็…ผมคงจะเป็นไอ้ไก่อ่อนไม่ประสา
อะไรเลย”
“แล้วเคยบอกรักยัยนั่นไหม”
เขาหัวเราะขำหล่อนนัก
ก็แค่ออกชื่อบุษยา…หล่อนยังไม่ยอมทำ
“ไม่เคย”
“สาบานได้ไหม”
“โธ่…เชื่อผมเถิดน่า…แต่นี่…คุณจันทร์หึงผมใช่ไหม”
807/913

หล่อนเอามือคีบปลายจมูกของเขาแล้วจับสั่นเบาๆ
“ฉันเอาถึงตายเลยนะ เพราะฉะนั้นกลับไปคิดได้อีกวันว่าจะยอมแต่ง
ดีไหม”
“ไม่เปลี่ยนใจหรอก…ตอบได้ตรงนี้เลย”
“น่า…ให้เวลาอีกวันอีกคืน”
“ผมแต่งแน่ และไม่ขอรออะไรอีก ใจจะขาดอยู่แล้ว”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงเรียกจากหน้าประตูห้องตอนที่ชนิตากำลังพับเสื้อผ้าเก็บ หล่อน
วางมือลงชั่วคราวแล้วลุกออกมาเพื่อจะเปิดประตูให้

และคนที่ยืนอยู่ข้างนอนนั้นคือคนที่หล่อนไม่เคย
คาดฝันมาก่อนเลย
วิษณุนั่นเอง…
สารรูปของเขาเรียกว่าดูไม่ได้ ผ่ายผอมลง หน้าตาสกปรกเพราะ
คงจะไม่ได้เจอกับมีดโกนมาหลายวันแล้ว ข้างแก้มเหนือริมฝีปากและตรง
คางครึ้มรกตา ปกติเขาเป็นคนขนดกอยู่แล้วด้วยเลยยิ่งดูไปกันใหญ่
808/913

อย่างไรก็ตามแต่…ชนิตาก้าวถอยหลัง…มันเป็นสัญชาตญาณแห่งการ
ระแวงภัยนั่นเอง
“กลัวฉันรึ”
เขาก้าวเข้ามา ประตูปิดตามหลังเขาอีกด้วย
“อย่ากลัวเลย”
“มาทำไมกันอีก”
“ฉันแวะมาคุยด้วย”
“เราไม่ต้องคุยกันอีกแล้ว”
“เธอโกรธฉันรึ”
หล่อนเม้มปากหากัน นึกเคืองขุ่นว่าเขายังมีหน้ามาถาม
“ฉันก็น่าจะให้เธอโกรธนะ”
เขาหาที่นั่งเองโดยหล่อนไม่ได้เชิญ
“กลับไปได้ไหม”
“ฉันไม่ได้มาร้าย”
“แต่ไม่ควรจะมา…”
“ฉันคิดว่าฉันติดค้างเธออยู่นะ ชนิตา…แล้วฉันจะไม่สบายใจเลยหาก
ไม่ได้เคลียร์มันให้จบ”
809/913

“ไม่มีอะไรติดค้างค่ะ”
“เธอแน่ใจ?”
“จบตั้งแต่วันฉันรับเงินจากคุณ…เราแลกเปลี่ยนกันแล้ว”
“เธอจะยืนยันว่าได้เงินแล้วทุกอย่างจบ…ไม่มีความเคืองแค้น…ไม่
เหลือเยื่อใย…”
เยื่อใย?…ให้ตาย…เพียงคำนี้คำเดียวเท่านั้นเองยั่วให้หล่อนมีอารมณ์
ปะทุขึ้นมาอีกมากมายนักหนา เยื่อใยแบบไหนกันที่เขาคิดอยู่ในใจนั่น…
เยื่อใย…มันน่าจะเป็นคำเรียกอันอบอุ่นอ่อนหวานระหว่างคนสองคน
ที่มีพื้นฐานความรักความอาทรต่อกัน…ไม่ใช่แบบจ้องจังหวะหาโอกาส
เชือดเฉือนกันร่ำไปแล้วยังจะมาเรียกตรงนั้นว่า ‘เยื่อใย’
หล่อนมองเขาด้วยดวงตาลุกวาวเหมือนน้ำนิ่งแล้วแต่ยังเหลือตะกอน
ลึกลงไปข้างล่าง แล้วบัดนี้ตะกอนนั้นถูกกวนขุ่นคลั่กขึ้นมาอีกจนได้
“พูดดี” หล่อนเย้ยเยาะ “คุณกับฉันไม่เคยมีเยื่อใยต่อกัน”
“เราก็เคยเป็นผัวเมียกันนี่นา ชนิตา”
เท่านั้นเองสติรับผิดชอบของหล่อนก็ขาดผึง โทสะแรงกล้าเข้า
ครอบงำหล่อนเอาไว้ ชนิตากระโจนเข้าใส่เขาด้วยท่าทางเหมือนนางแมวตัว
ร้าย และวิษณุก็ไม่ได้ปิดป้องตัวเองเลย เมื่อหล่อนโถมหาทุบเขาข่วนเขา
แบบนั้น พร้อมกับเสียงกรี๊ดอาละวาด เขาได้แต่ยอม จนกระทั่งชนิตาหมด
แรงไปเอง หล่อนถอยห่างออกมาแล้วเริ่มต้นร้องไห้
810/913

หน้าตามีรอยเล็บของหล่อนครูดยาว…ตามตัวก็เช่นกัน
“เอาอีกก็ได้…หากอยากจะฆ่า…”
“อย่าท้านะ…อย่ามาท้า” หล่อนพูดทั้งน้ำตา “ไปซะ…ไปจากที่นี่ซะ”
“ไม่”
“คุณต้องไป”
“เรายังไม่ได้ตกลงกัน”
“ไม่มีอะไรเหลือตรงนั้นอีก”
“มันไม่จบหรอกนะ ชนิตา…เพราะฉันยังทำร้ายเธอเอาไว้อีก…ฉันถูก
แม่ด่าย่อยยับ…”
“อ้อ…พอโดนกระโปรงแม่ครอบหัวก็เลยต้องวิ่งหัวซุนมาหาฉัน…”
หล่อนถามแกมเยาะ วิษณุหรี่ตาลงเล็กน้อย คำพูดทำนองนี้…หาก
เป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด แต่นี่เขารับมันได้…แม้จะ
ต้องคุมสติตัวเองให้มั่นคงอย่างมากก็ตามที
“ดีนี่…สำนึกได้ตรงนั้น…”
“ชนิตา…เรามาพูดกันดีๆ ฉันอยากจะมาบอกเธอว่าทำลงไปแล้ว พอ
รู้เรื่องทั้งหมด…ฉันไม่ได้ดีใจอย่างทีค่ วรจะเป็นเลย จริงอยู่…ฉันไม่ชอบ
หน้าเธอมาแต่แรก เพราะฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนอวดดีเท่าเธอ…ตัว
เธอมีดีตรงไหน”
811/913

หล่อนนั่งชันเข่าอยู่กับพื้นห้อง ฟังเขาพูดด้วยความรู้สึกที่ยังแน่นใน
อก มันคือความเป็นจริงที่ได้รู้มาแต่แรกแล้ว หล่อนรู้และเขาก็รู้ แต่เขาไม่
เคยพูดออกมาดังๆ เขาแสดงท่าทีตัวเองเสียมากกว่า
“ฉันไม่รู้ว่าเธอท้อง แล้วนั่นก็ลูกฉันด้วย ฉันไปเยี่ยมเธอหนหนึ่งที่
โรงพยาบาล”
ใช่เขาจริงๆ …ชนิตารำพึง
“ฉันไม่รู้ว่าคิดอย่างไรกับเธอ แม่ถามฉันว่ากับผู้หญิงที่ฉันเกลียดน่ะ
ฉันทำได้ขนาดนั้นโดยไม่รู้สึกอย่างอื่นเลยหรือ ตอนแรกฉันว่าแม่ถามบ้าๆ
เหลวไหล แต่พอฉันไปทบทวนดูแล้วฉันคิดว่าเธอกับฉันเหมือนคู่เวรกัน
ฉันอิจฉาเธอที่แม่รักและแม่ชม…แล้วเธอก็ทำงานเก่งเกินไป…มีคนรัก
เธอ…”
อิจฉา…ในที่สุดเขาก็ยอมรับออกมา...ชนิตาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่า
ตัวเองคิดอย่างไรตรงนี้
“ฉันไปหลายที่เหมือนกัน…แล้วฉันก็กลับมาเพื่อจะบอกว่าฉันคิด
อย่างไรกับเธอ”
“จบแล้วใช่ไหม” ชนิตาถามเสียงกระด้าง
“ทำไม”
“กลับได้แล้ว”
“ฉันกลับแน่ แต่เธอจะไม่ตอบคำถามของฉันหน่อยรึ”
812/913

“ยังจะมาถามบ้าบออะไรอีก”
“สองคำถามนะ ชนิตา”
“เอ้า…พูดมาซะ จะได้รีบไป”
“คำถามแรก…เธอเต็มใจจะกลับไปทำงานที่บริษัทไหม…คำถามที่
สอง…ถ้าฉันไปแล้วเธอจะช่วยดูแลแม่ฉันด้วยได้ไหม เอาละ…ฉันคงจะ
กลับได้แล้ว” เขาลุกยืน “คงจะต้องบอกลากันแค่นี้”
ชนิตาเงยหน้ามองเขาที่ยืดตัวตรงข้างหน้าชั่วแวบ และเพราะน้ำตา
ของหล่อนยังเหลือค้างอยู่ในดวงตาทำให้ภาพของเขาพร่าเลือนลงไป และที่
หล่อนไม่ได้เห็นเลยก็คือแววตาเหมือนจะอาลัยจากเขา…
หล่อนก้มหน้าลงซบกับหัวเข่าตัวเอง วิษณุทอดตาลงมองอีกหนแล้วก็
ทำท่าเหมือนหักใจอย่างเด็ดขาดที่จะเดินจากไป
ประตูปิดกลับมาแทบจะไม่มีเสียง…ชนิตายังอยู่ในท่านั้นอีก
ต่อไป…หล่อนไม่เข้าใจว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นความจริงนั่นเอง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เด็กในบ้านรายงานเธอเมื่อโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องในบ้านเพราะ
ยังอยู่ข้างนอก เหมือนมีแรงดลใจบางประการให้โทร.กลับ เด็กบอกกับเธอ
ว่าวิษณุกลับมาแล้ว ตอนแรกก็ตกใจเพราะเขาดูโทรมจัดและหน้าตา
รกรุงรังเหมือนโจร แถมยังมีรอยเหมือนถูกข่วนจนหน้าเป็นแผลเลือดติดซิ
บๆ อะไรทำนองนั้น
813/913

ฟังแล้วก็แสนตกใจ…เธอรีบกลับมาเท่าที่สามารถทำได้…แต่เธอช้าเกิน
ไป…วิษณุไปแล้ว…
“ขนกระเป๋าไปด้วยค่ะ”
“บอกไหมจะไปไหน”
“ไม่บอกค่ะ แต่ฝากจดหมายให้คุณ”
เธอรับมาอ่านแล้วแทบจะช็อก จดหมายลา…เขาคิดว่าเขาควรจะไป
จากที่นี่ได้แล้ว เขาบอกด้วยว่าเขาขอลาออกจากงานโดยรับรองว่าชนิตาจะ
กลับมาทำงานให้
ชนิตา…ทำไม่ชนิตารู้เรื่องตรงนี้ด้วยหรือ…
แต่ก่อนจะโทร.หาชนิตา เธอโทร.เข้ามือถือของเขาอีกสัญญาณไม่มี
นอกจากคำบอกว่าเครื่องไม่สามารถตอบรับการติดต่อได้ เขาคงจะปิด
เครื่องแน่นอน…
เธอโทร.หาชนิตา และขอไปพบหญิงสาว แต่ไม่ได้ความอะไรเลย
นอกจากคำบอกเล่าว่าวิษณุแวะมา เธอส่งจดหมายของเขาให้หญิงสาวอ่าน
“เขาไปแล้วนะ…เขาขอลาออก”
“เขาบอกอยู่เหมือนกันให้ดิฉันกลับไปทำงาน”
“เธอจะกลับไหม”
“คงไม่มังคะ”
814/913

“ชนิตา…ได้โปรด…งานที่นั่นต้องการคนดูแล เอาละ…เมื่อเขาคิดจะทิ้ง
ไป…ฉันจะถอดเขาออกจากตำแหน่ง คราวนีต้ รงนั้นจะไม่รอเขาอีก…เป็น
ของเธอเลย”
“แต่เขาเป็นลูกคุณ”
“งานนะชนิตา…ผู้คนที่ทำงานด้วยอีกหลายชีวิต…เราจะลอยแพเสีย
กลางคันหรือ เธอเองก็จับทำมาแต่แรก ทำต่อไป…ฉันให้สิทธิ์ขาดกับเธอ
และจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ”
“เขาจะไปไหน”
“ฉันไม่รู้…แต่เอาเถิด…เขาคงจะวิ่งหนีตัวเองไปก่อน…และเขาอาจจะ
สำนึกได้มากกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ ฉันเองก็ต้องเรียนรู้การข่มใจนะ…ข่มไม่
ให้ฟูมฟายที่เขาทิ้งไป”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณผ่องพรรณปิดประตูห้องคุยกับพิมพิกาอยูส่ ามชั่วโมงเต็มๆ และ
เดินออกมาด้วยกัน ยิ้มแย้มต่อกันอย่างดีจนศศินนึกฉงน
“โอเคใช่ไหมฮะแม่” เขาถามด้วยเสียงอันร่าเริง “ดีละ…ผมรออยู่ จะ
รับเอาคุณจันทร์ไปหัวหิน”
“ค้างคืน?”
“แน่นอนฮะ”
815/913

“ศิน…แม่ว่าไม่ดีนา ก่อนแต่ง…”
“เป็นไรไปฮะ จริงไหมคุณจันทร์”
“ฤกษ์ยามที่ได้น่ะอีกตั้งสามเดือน”
“ก็ร่นเข้ามาซิฮะ”
“ไม่ได้หรอก…นั่นดีที่สุด แม่ไม่อยากให้พลาด”
“ก็รอไป…สามเดือนเอง…ผมกับคุณจันทร์จะไปพักผ่อนกัน”
“สัญญาว่าจะไม่…”
“แม่ฮะ” ลูกชายท้วงเหมือนขบขัน “ไม่เอาน่า อย่าซีเรียสตรงนั้นเลย”
“อีกสามเดือน…เผื่อ…เผื่อ…”
“แม่กลัวท้องหรือฮะ หือ…ว่าไงดี คุณจันทร์ กลัวไหม”
“ไม่กลัวค่ะ”
คุณผ่องพรรณขึงตาใส่ทั้งคู่
“ระวังปากกันหน่อย…น่าอาย…พิมพิกา…เธอก็เป็นผู้หญิงนะเรื่องแบบ
นี้น่ะไม่งามเลย”
“ไม่เป็นไรนีค่ ะ หากท้องแล้วยังได้แต่งงานก็เท่ากับว่าเราไม่ได้
ล้มเหลวอะไร ท้องกับคนที่เราแต่งด้วยก็เท่านั้นเอง เจ้าสาวสมัยใหม่ท้อง
วันทำพิธีมเี ยอะแยะ บางคนเข้าพิธแี ล้วอีกสามเดือนคลอดก็ยังเจอ จันทร์
ไม่ถือตรงนี้หรอกค่ะ จะถือก็แต่ว่าท้องแล้วหาคนรับผิดชอบไม่ได้เท่านั้น”
816/913
66

ศศินให้หล่อนดูสิ่งหนึ่งซึ่งพิมพิกาได้แต่นิ่งไปเพราะคาดไม่ถึง ภาพ
บันทึกของหล่อน…อีกชุดหนึ่งซึ่งเป็นคนละชุดกันกับที่ได้ออกอากาศไป แต่
ภาพยนตร์โฆษณาชุดนั้นมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าหล่อนอยู่เบื้องหลังตัวนางเอก
หล่อนต่างหากเป็นคนดำดิ่งลงไปใต้น้ำแล้วทำท่าสวยงามต่างๆ นานา ก็
หล่อนเป็นแค่ตัวแทน…ไม่มีใครอยากรู้เบื้องหลังตรงนั้นมากนัก นอกจาก
พวกในแวดวงทำงานแบบเดียวกัน ที่อาจจะมองเล็งๆ มาที่หล่อนหากจะมี
การถ่ายฉากใต้น้ำกันอีก…ก็เท่านั้นเอง
หล่อนรับเงินค่าตัวมาแล้วก็เลิกลากันไป หล่อนยอมทำงานนั่นเพราะ
ชนิตา ดนุเป็นพี่ชายของชนิตานั่นเอง
หล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้
แต่นี่ศศินกระซิบบอกอ่อนโยนริมหูของหล่อนด้วยว่า
“ตัวจริงเชียวแหละ คุณจันทร์ ไม่ได้เป็นตัวแทนของใคร”
รอยยิ้มพริ้มพรายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของพิมพิกา อย่างน้อย
คำพูดนั่นสร้างความมั่นอกมั่นใจกับหล่อนได้อย่างมากมาย
818/913

“ผมขอดนุเอาไว้”
“เขาไม่เห็นบอก”
“คงไม่กล้า”
“เสียเงินไหมคะ”
“ทำไม”
“จะไปเอาส่วนแบ่งจากเขาน่ะซิ” หล่อนตอบกึ่งเล่นกึ่งจริง
ศศินหัวเราะ ดึงหล่อนมากอด ภาพที่ปรากฏบนจอฉายขนาดใหญ่
นั้นดูเกินกว่าตัวจริงของหล่อนในอ้อมแขน ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะเสียหล่อน
ไปแล้ว แต่ยังได้หล่อนกลับคืนมา…ตัวจริงย่อมจะดีกว่า…
“แต่งงานกับผมซะทีเถิด”
“แน่ใจแล้วหรือคะ”
“ไม่เชื่อผมหรือ”
“ถามไปอย่างนั้นเองค่ะ มั่นใจคุณ…”
“หลังจากเคยระแวงผม” เขาพ้อ “ผมเกือบเสียคุณไป”
“นั่นเป็นความงี่เง่าของฉันเอง” หญิงสาวกล้าหาญพอจะยอมรับ
“เสือกก่อกบฏกับหัวใจ…”
เขาหัวเราะชอบใจในคำพูดนั้น
819/913

“แล้วกบฏนั่นถูกใครปราบล่ะ”
“ความจริงไงล่ะคะ แล้วก็ยังทำให้ฉันมาตรวจสอบตัวเองว่างี่เง่าจัด
ฉันเกิดบ้า…เลือดบ้ามากไป ฉันเกือบเสียคุณ…เสียเพื่อนและเดินเข้าไปใน
ชีวิตของผู้ชายชั่วร้ายคนนั้น หน้ากากของเขาดีเหลือเกิน ตามองเห็นเขา
ทะลุปรุโปร่งมาแต่แรกว่าเขาไม่ได้เป็นคนดี แล้วเขาก็ทำร้ายตาย่อยยับ”
“แต่คุณกลับคิดว่าเป็นผม”
“ก็บอกแล้วว่าฉันงี่เง่า”
“ผมก็สงสารคุณตา เธอจะทำอะไรต่อไป”
“เห็นบอกว่าคุณหญิงเพลินชวนกลับไปทำงานเก่า”
“หือ…ว่าไงนะ”
“บริษัทนั่นต้องการคนรู้งานคนเก่าแก่”
“แล้วคุณวิษณุละ”
พิมพิกายังไหล่เล็กน้อย แล้วคำตอบของหล่อนที่ดังออกมาก็ดุเดือด
นัก
“ตายโหงลงหลุมไปแล้วมังคะ”
เขาเอานิ้วแตะริมฝีปากของหล่อนเอาไว้เสียก่อน
“คุณจันทร์…พูดไม่ดีเลย”
“เขาสมควรจะตาย”
820/913

แต่ศศินส่ายหน้า
“ทำไมไม่เห็นด้วยคะ”
“ผมไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้สึกสำนึกอะไรเลย”
พิมพิกานิ่วหน้าเล็กน้อย หล่อนทำท่าจะค้านต่อไป แต่ศศินยังเอานิ้ว
ลูบเล่นที่ริมฝีปากหล่อนจนหล่อนไม่สามารถจะเอ่ยได้ถนัด
“เขาคงจะรู้ แล้วนั่นก็จะติดตามทรมานเขา คิดดูซิว่าทำไมเขายอม
ผละจากบริษัทนั่นไป…ทำไมเขายอม”
“แม่เขามังคะ คุณหญิงเพลินอาจจะไล่เขา”
แต่ศศินยังยืนยันความเชื่อของเขาเอง
“เขาเป็นลูกชายที่เหลือแต่แม่เหมือนผม เราอาจจะรักและเกรงใจแม่
มาก แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะยอมให้แม่มาสั่งการทุกสิ่งทุกอย่างโดยเฉพาะ
ธุรกิจของเรา ผมเชื่อของผมว่าเขาจากไปเองมโนธรรมกำลังตาม
หลอกหลอนเขา และเขาก็อยู่ไม่ได้ ผมว่าส่วนตัวด้านหนึ่งของเขามีปัญหา
เท่าที่ผมฟังมาจากเปรมประมวลกับเรื่องราวของเขา สภาพแวดล้อมของเขา
แต่เด็ก เข้าใจก่อนนะฮะคุณจันทร์ ผมไม่ได้เบลมไปถึงคุณหญิงเพลินแม่
ของเขา”
พิมพิกายิ้มๆ เขาพูดจามีหลักการ ศศินเป็นผู้ชายที่ดเู ฉลียวฉลาด
และเขาเพียบพร้อมนักในสายตาของหล่อน
821/913

หล่อนเอนตัวลงนอน เขาทิ้งตัวมาตะแคงเอนข้างๆ เอาศอกข้างหนึ่ง


เท้ากับฟูกหนาทีป่ ูบนพื้นโดยไม่มีเตียง หล่อนรู้เหมือนกันว่าน่าจะลงเอย
กันแบบเดิมๆ …คือหล่อนเปลืองตัวอีกจนได้ แต่จะเป็นไรไปเล่า…พิมพิ
กาบอกตัวเองด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่ง
ก็ในเมื่อหล่อนเต็มใจจะเป็นไปตรงนั้น
หล่อนไม่ได้ถูกเขาบังคับหรือข่มเหงเลยนี่นา
และหล่อนกับเขาก็รู้เท่าๆ กันว่าเรื่องนี้คุณผ่องพรรณก็รับรู้ด้วย
“แม่อยากให้จัดงานกันซะ มาค้างคากันแบบนี้ แม่ห่วงคุณจะ
เสียหาย”
“เธอยอมรับฉันได้แน่แล้วหรือคะ”
“ทำไมไม่ลองคุยกันสองต่อสองสักหน”
พิมพิกายิ้มแหยๆ เหมือนกัน
“คนเก่งทำไมไม่เก่งให้ตลอด”
“จะให้ฉันนั่งคุยกับเธอสองคน?…เอาเรื่องอะไรไปคุยล่ะคะ”
“น่า…” เขาปลอบประโลมด้วยเสียงนุ่มนวลนัก “ผมว่าควรจะคุยกัน
ได้แล้วละ ผมเองก็อยากจะแต่งดังที่แม่ต้องการ ไม่อยากรอช้าอีกแล้ว”
822/913

แน่นอนว่าค่ำคืนนี้ก็เหมือนฉลองชัยที่ได้กลับมาคืนดีกันอีกพิมพิกา
ได้ให้ตัวกับเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ หล่อนรูว้ ่าหล่อนเรียนรู้เพิ่มเติมมาอีกไม่
น้อยเหมือนกัน
และหล่อนรู้ต่อไปด้วยว่าหล่อนควรจะเลิกความคิดแบบวู่วามได้แล้ว
ตรงนั้นไม่มีประโยชน์กับตัวหล่อนเอาเสียเลย
////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชนิตากลับมาทำงาน หล่อนพบว่าเขาไม่ได้ทิ้งปัญหาเรื่องงานเอาไว้ให้
แต่อย่างใด งานที่เขาทำนั้นเรียบร้อยดี ที่จริงเขาก็เป็นคนมีฝีมือมาก เรื่อง
งานนั้นยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบ เขาเป็นคนที่เรียน
มาทางด้านนีโ้ ดยตรง เมื่อเขาไปสักคนหนึ่ง…ต้องมองหาคนมาทำงานด้านนี้
แทนคุณหญิงเพลินมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจหาคนให้กับหล่อนเต็มที่
…ทำให้ดีที่สุดเลย ชนิตา มันขึ้นกับเธอด้วยแล้ว ฉันก็แค่เจ้าของเงิน
แต่โครงการ ‘เพลินหทัย’ จะต้องยังอยู่ต่อไป…
เพราะโครงการสร้างอาคารที่พักและคอนโดมิเนียมสำหรับพักผ่อน
นั้นทำในชื่อของโครงการ ‘เพลินหทัย’ เสียทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ให้หมายเลข
หนึ่งไล่เรื่อยกันมา หล่อนรู้ว่านั่นเพราะคุณหญิงเพลินเป็นเจ้าของเงิน เธอ
เป็นนายทุนให้กับบริษัทมาแต่แรก ตอนที่ยังไม่มวี ิษณุนั้นมีการจ้าง
สถาปนิกมาออกแบบ จ้างวิศวกรมาคุมงานตัวหล่อนนั้นคุมทางด้าน
การตลาดและเป็นผู้ประสานงานในทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน เมื่อวิษณุตามกลับ
มา เขารับงานด้านสถาปนิกเองไม่อาจจะปฏิเสธเลยว่าเขาทำได้ดีเยี่ยมใน
823/913

เวลาอันสั้น โครงการหลังๆ ขายง่ายกว่าโครงการแรก แม้ว่าจะเป็นช่วงที่


หมดยุคทองของเรียส เอสเตท ไปแล้วก็ตามที
หญิงสาวยังไม่รู้ว่าจะหาคนมาแทนเขาดีหรือไม่…
ตอนนี้โครงการที่หัวหินที่เปิดตัวไปไม่ครบปีนั้น ยังมีห้องเหลืออยู่
ชนิตาตัดสินใจจะขายที่นี่ให้หมด…ก่อนจะเปิดโครงการใหม่…ใน
ที่ดินที่ไม่ห่างไกลจากหัวหินอีกเท่าไหร่ ขยับห่างออกไปอีกนิด
หล่อนไม่ได้ให้คำตอบคุณหญิงเพลินเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้จะมีการ
ประชุมกันแล้ว แต่เมื่อออกจากห้องประชุมแล้ว เธอเดินมาถามหล่อนด้วย
ตัวเองว่าหล่อนคิดอย่างไร
ชนิตาก็ตอบไปอย่างสงบยิ่ง
“บางทีเขาอาจจะกลับมา”
เธอมองหน้านั้น แววตาของชนิตานิ่งสงบ
“หากเขาค้นหาตัวเองเจอแล้วค่ะ”
“เธอหมายถึงอะไร”
“เขาเคยไปหาดิฉัน”
“แต่เธอไม่เคยบอกฉันมาก่อนเลย”
“ดิฉันคิดว่าบอกแล้วซะอีก คงจะลืมไปก็ได้ค่ะ”
“เขาไปหาเธอที่ห้องพักหรือ”
824/913

“ค่ะ”
“แล้วเขาทำร้ายเธออีกไหม”
“เปล่าค่ะ แต่โดนดิฉันทำร้ายแทน”
ไม่มีอาการโกรธจากเธอนอกจากหัวเราะชอบใจไปเท่านั้น
“สมน้ำหน้า โดนซะมั่ง แต่เขาไปหาเธอทำไม”
“ดิฉันขอไม่ตอบได้ไหมคะ”
“เอ้า…ตามใจเธอนะ ไม่บอกก็ไม่ต้อง แต่เพราะเขาไปหาเธอหรือเปล่า
พอกลับไปถึงบ้านก็เลยขนของ เขียนจดหมายลาทิ้งให้ฉันซะเลย”
“อาจเป็นไปได้ค่ะ”
“แล้วเธอรู้ไหมว่าเขาไปไหน ยังอยู่ในนี้หรือไปเมืองนอกแล้ว…”
“คุณหญิงไม่ได้พยายามติดต่อหรือค้นหาเขาหรอกหรือคะ”
“ก็ทำบ้างนิดหน่อย…แต่ไม่เจอ”
“ดิฉันคิดว่าเขาน่าจะยังอยู่ในประเทศ…แต่ไม่แน่ใจนัก…อย่าเพิ่งให้
ดิฉันบอกด้วยเลยนะคะว่าที่ดิฉันคิดว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน”
“ก็ได้…แต่หากเธอมีโอกาศเจอเขา บอกเขาด้วยว่าแม่เขารอคอยเขา
อยูแ่ ละให้อภัยต่อการกระทำของเขาได้ทุกอย่าง ขอร้องละ…ชนิตา บอกเขา
ด้วย รวมทั้งอยากให้เธอให้อภัยเขา”
“ดิฉันไม่รู้ว่าจะรับปากดีหรือไม่”
825/913

“บอกเขาก็พอ…หากเจอกัน…”
“ค่ะ”
ชนิตายังไม่ได้ไปดูว่าเขาอยู่ตรงที่ที่หล่อนมีความมั่นใจอยู่หรือไม่
หนึ่งเพราะหล่อนไม่แน่ใจว่าหล่อนจะต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้ง หล่อนจะ
สามารถทำใจได้หรือไม่
สองก็เพราะการงานของหล่อนมีมากมาย แต่ในเวลาว่างชั่วแวบจาก
งาน เรื่องของวิษณุรบกวนค้างใจของหล่อนเป็นอันมาก
และเปรมก็เป็นอีกคนที่แวะเวียนมาหา หลังจากโทร.คุยกันทาง
โทรศัพท์บ่อยหนมากแล้ว
“พี่ตาดูดีขึ้นแยะเลยนะฮะ ผมดีใจที่เห็นพี่สดใสอย่างเดิม”
“ก็ที่นี่ไม่มีปีศาจนั่งคุมแล้วนี่ เปรม”
คำตอบของหล่อนแกมหัวเราะก่อนต้องเบรคเสียงหัวเราะเอาไว้
เพราะเปรมไม่ยอมร่วมหัวเราะด้วย เปรมที่เคยเป็นแนวร่วมเสมอกลับทำ
เฉยเมยเสียนี่ แล้วหล่อนจะหัวเราะคนเดียวสนุกได้อีกหรือ
“เปรม…ทำหน้าแบบนั้นทำไม ไม่คิดแล้วหรือว่าเขาเหมาะจะเป็น
ปีศาจ”
“ผมอดคิดถึงเขาไม่ได้ แถมยังเป็นห่วงเขาอีกด้วยนะฮะ”
หล่อนมองค้อนๆ
826/913

“เปรมนะเปรม…แปรพักตร์ซะแล้ว ทำไมล่ะ เขาเองโขกสับเปรมไว้


มากทีเดียวนะ”
“แต่ผมมาได้ประโยชน์ตอนไปจากเขาแล้วนะฮะ ผมได้รวู้ ่าที่เขา
โขกสับจู้จี้เอางานดีๆ จากผมน่ะ เพราะเขากำลังสอนงานผมด้วย”
มีเสียงเหมือนแค่นผ่านลำคอของชนิตาออกมา เพราะหล่อนไม่เชื่อ
นั่นเอง
“เธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
“แล้วพี่ตาไม่คิดตรวจสอบตัวเองก่อนหรือฮะ”
“ตรวจสอบอะไร?”
หล่อนย้อนถามเสียงสะบัด ดวงตาเริ่มมีแววขุ่นข้อง
เปรมหัวเราะบ้าง
“พีต่ ากำลังสวมวิญญาณนังตัวแสบละ ลองทำหน้าทำเสียงยังงี้ แต่
ผมก็ขอบอกพี่ตาเองก็คิดถึงเขาอยู่เหมือนกันล่ะน่า ไม่ได้โกรธเกลียดเขา
จริงจังอะไรหรอก”
“เปรม…พูดอีก…เดี๋ยวเหอะ ได้หน้าแหกไปหาหมอให้ช่วยเย็บ…”
หล่อนกวาดตามองหาอาวุธที่จะเจอบนโต๊ะ
“พีต่ าทำเพราะผมสะกิดใจดำพอดีใช่ไหมฮะ อย่าเลยฮะยอมรับ
ความจริงดีกว่า แล้วพี่ตาเองจะสบายใจด้วยล่ะฮะ ผมว่าเขาเองก็แคร์ เขา
827/913

ไม่ได้เกลียดโกรธพี่ตาจริงจัง ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนเขา ผมกล้าเอาตัวเอง


มาเป็นมาตรฐานรับรองว่าหากเราโกรธเกลียดผู้หญิงคนไหน เราจะไม่พา
ตัวเองไปแนบเนื้อด้วยหรอกฮะ”
“เปรม…เอาละ…มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” ชนิตาตัดบทอย่าง
ขุ่นเคืองยิ่ง “เราไม่ต้องพูดกันอีกนะ”
เปรมแค่มาเปิดแผลใหม่ แต่คนที่มากรีดซ้ำให้หนองข้างในไหลออก
มาจนหมดก็คือพิมพิกา
ชนิตาต้อนรับพิมพิกาทีอ่ อฟฟิศอีกหน ได้รับการ์ดเชิญงานแต่งที่น่า
ยินดี
“ต้องไปให้ได้นะ ตา”
“เรียบร้อยกันด้วยดีซินะ”
“ก็ดี หลังจากเกือบไป หลังจากฉันทำงี่เง่าไปมาก ตา…นี่ให้อภัยฉัน
หมดหรือยัง”
“ไม่มีอะไรน่า”
“แล้วเรื่องของเธอเองล่ะ…ฉันหมายถึงเขา…”
“ทำไม”
“เธอรู้ไหมว่าเขาอยู่ไหน”
“จันทร์…เธอพูดนี่ต้องการอะไร”
828/913

“ฉันอยากให้เธอได้เคลียร์ใจตัวเอง ไหนๆ ก็เคยเสียหายเพราะเขา


ทำไมล่ะตา…ทำไมไม่ให้เขาแสดงความรับผิดชอบออกมา”
“เขาให้เงินฉันมาแล้วห้าล้าน…แล้วเลือดเนื้อของเขาก็ไม่ได้มาฝังใน
ตัวฉันอีก มันหลุดออกไปแล้วก็เป็นอันว่าขาดจากกันเลย”
“จริงหรือ…ตา…ขาดกันได้จริงๆ อย่างนั้นรึ”
พอจ้องตากันคราวนี้ ชนิตาหลบตาพิมพิกาก่อน และหล่อนก็สะบัด
เสียงหงุดหงิดออกมาทั้งที่ปกติเคยเป็นคนใจเย็นอย่างยิ่งก็ตามที
“เธอกับเขาไม่ธรรมดากันทั้งคู่…หากไม่ใช่คู่รักก็เป็นคู่สร้างแบบคู่
กัด…แต่ขาดกันไม่ได้ ตา…เธอกับเขาน่ะเป็นสูตรผสมที่ไม่มีใครเข้าใจได้
หรอก…จริงไหม เอางี้…เธอลองถามตัวเองดูซิ…ว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็จะ
เข้าใจเรื่องนี้ได้สักแค่ไหนกัน
67

ดนุแวะมาหากินข้าวด้วย เขาเล่าเรื่องงานของเขารวมทั้งนำเงินมาใช้
คืนงวดแรก ชนิตาผลักกองเงินนั่นคืนกลับไปหาพี่ชาย
“ไม่เอาคืนหรอก เอาไปเถิด พี่จะต้องใช้เงินอีก…มันต่อเงิน จะได้ซื้อ
เครื่องมือดีๆ อย่างอยากจะได้ ความฝันจะเป็นจริงจังซักทีไงล่ะ”
ดนุนิ่งไป เขารู้ว่าน้องสาวมีน้ำใจนักหนา และนั่นทำให้เขาคิดต่อไป
ด้วยว่าเงินนี้ชนิตาได้มาอย่างไรกัน และเมื่อเขายังทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่
ยอมรับเงินคืน ชนิตาก็ถามแกมหัวเราะ
“รังเกียจที่มาของเงินหรือ พี่นุ”
“ก็…ก็…”
“พีน่ ุเอาไปฟอกเป็นเงินสะอาดมาแล้ว ที่จริงเงินมันก็สะอาดโดยตัว
ของมันเองตลอด ยกเว้นแต่ว่าคนเอาเงินมาใช้ผิดๆ ทาง ตาไม่คิดเอาคืน
เพราะเงินที่ตาได้มาฟรีๆ มันมากมายเกินกว่าควรจะได้”
“ตา…กำลังดูถูกตัวเองนะนั่น” เขาตำหนิ “เธอพูดเหมือนตัวเองไม่มี
ราคาขนาดนั้น”
830/913

“มันแพงเกินไป ตาต้องยอมรับความจริง เสียตัวไม่เท่าไหร่ได้เงินมา


ห้าล้าน มันน่าหัวเราะถ่มน้ำลายรดฟ้านั่นเชียว”
“มีอะไรในใจหรือเปล่า”
ดนุถามอย่างระมัดระวัง เขาพยายามตามอารมณ์น้องสาวนับจาก
วิษณุพา ชนิตาไปย่ำยีและคืนกลับมา ตลอดจนหวนกลับมาทำร้ายอีกหน
นั้น เขารู้ว่าชนิตาเปลี่ยนแปลงไป…จากผู้หญิงร่าเริงที่เคยมองโลกในแง่ดีมา
ตลอดก็กลับมีท่าทีเย้ยหยันและทำท่าเหมือนว่าไม่ว่าจะมีภัยใดๆ เยี่ยม
กรายมาอีก ก็อย่าหมายเลยว่าหล่อนจะหวั่นเกรง ไม่มีอะไรจะทำร้าย
น้องสาวเขาได้อีกแล้ว
ตรงนี้ดนุมั่นใจได้เลยว่าเขามองไม่ผิด
ชนิตาหลบตาจากเขา
“ไม่รู้เหมือนกัน…แต่ตารู้สึกว่าจะกินจะนอน…จะทำงานหรือจะทำ
อะไร มันติดขัด…มันหงุดหงิด…มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างทิ่มคาอยู่
ในอก” หล่อนสารภาพออกมา
“แล้วค้นหาสาเหตุหรือยัง”
“หาแล้ว”
“เจอไหม”
“ก็พอจะเจอ”
831/913

“แปลว่าเจอแล้ว และยังถูกต้องอีกด้วย”
“ค่ะ” เสียงรับคำแผ่วลงไปอีกเป็นอันมาก “รู้สึกว่าตัวเองแย่จังเลยล่ะ
พี่นุ”
หน้าเกลี้ยงๆ ที่ไม่ได้เสริมแต่งอะไรเลยนั้น เงยมองสบตาด้วยกับเขา
“ตารู้สึกเหมือนว่าตาตัดบางอย่างไม่ขาด”
“ตา…เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน” พี่ชายท้วงเอาไว้ “ที่ว่าตัดไม่ขาดนั่นน่ะ คน
หรือของกันแน่…บางคนหรือบางอย่าง หือ…ใช้คำพูดให้ชัดเจนตรงนีห้ น่อย
ได้ไหม”
หล่อนถอนใจ คว้าหมอนมากอดแนบอก
“ตาไม่คิดมาก่อนเลยนะว่ากับคนที่เราตั้งหน้าจะห้ำหั่นกันให้รู้แพ้รู้
ชนะกันไปข้างหนึ่งเลยนี่น่ะ จะเหลือตะกอนเอาไว้ให้เราแคร์…”
ดนุสามารถรับรู้ได้เลยว่าน้องสาวเขากำลังคิดสิ่งใดในใจ
เขามองหล่อนด้วยความอ่อนโยน พี่ชายกับน้องสาวไม่ค่อยจะได้
พูดจากันแบบเปิดอกมานานแล้ว ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าต่างคนต่างดิ้นรน
ทำงานหนัก พ่อแม่ให้มาได้แต่ความรู้ ร่ำเรียนเขียนอ่านจนมีปริญญาเอามา
ทำมาหากิน นอกนั้นหากอยากจะมีอยากจะได้สิ่งใดที่จะทำให้ชีวิตมั่นคง
ขึ้นในสภาพสังคมของเมืองหลวงที่ความมั่นคงวัดกันด้วยวัตถุต่างๆ นานา
ก็ต้องตะเกียกตะกายทำงานหนักเพื่อหาเงิน…จนไม่มีเวลามานั่งพูดจา
กัน…มาแสดงความรักความเอื้ออาทรต่อกัน
832/913

อย่างดีก็เพจหากัน…ฝากความรักความห่วงใย…
อย่างดีก็มาดูแลกันในยามเจ็บไข้
เขามองชนิตาเหมือนมองเด็กที่สับสนอยู่ในทางเขาวงกต
ทางออกนั่นง่ายนัก…แต่เหมือนถูกปิดทางออกเอาไว้…หล่อนก็เลยวิ่ง
วนในนั้น
“ตากำลังตามหาตัวเอง ใครต่อใครก็แวะมาหา เปรม…เด็กเก่าของเขา
ก็แวะมาหาตา…มาพูดโน่นนี่จนตาต้องไล่เปิงออกไปยายจันทร์ก็มา…ตาเลย
ทำงานไม่ได้อีก ตาคิดถึงตัวเอง…คิดถึงเขาคนเราน่ะพี่นุ…จะรักกันได้อีก
ไหมหากเราเคยเกลียดๆ กันมาก่อนน่ะ”
“ถามพีไ่ ม่ได้หรอก” ดนุตอบด้วยเสียงอันอ่อนโยน “เธอต้องถาม
ตัวเองและตามหาเขา…ถามเขา”
“เขาอาจจะทำให้ตาหน้าแตกอีก”
“เธอบอกว่าเขามาลาเธอใช่ไหม”
ชนิตาพยักหน้า
“เป็นพี่นะ...คงจะไม่มา…แต่เขามา…เขามาทำไมกันล่ะตา…หากเขาไม่
แคร์เธอเสียเลย รวมทั้งเขาเองไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลด้วย เขาบุกไป
เยี่ยมตอนตีห้า…เขาหลบซ่อนไป…เขาอาจจะอาย…แต่เขาไม่ไปดูเธอเสีย
เลย…เขาก็ทำไม่ได้”
833/913

“แคร์รึ…เขาจะแคร์อีกทำไม” เสียงของชนิตาหงุดหงิด “หลังจากเขา


เหมือนสัตว์ป่า…”
หล่อนห่อไหล่หากันเล็กน้อย ยังสะทกสะท้านกับบทรักอันบ้าคลั่งของ
เขา ยังจำนาทีที่เหมือนเขาจะทำให้หล่อนแหลกลาญ…นาทีที่เหมือนจะตาย
แต่ก็ไม่ได้ตาย…
“ตา…เธอมานั่งถามตัวเองว่าเขาแคร์เธอทำไมก็ไม่ได้ด้วยเธอต้องถาม
ตัวเองด้วยว่าหากหมดเยื่อไม่เหลือใยกันจริงๆ …ทำไมเธอต้องเอาเรื่องนี้มา
ค้างคา น้องสาวพี่…ทำไมพีจ่ ะอ่านเธอไม่ออกนิสัยของเธอคือหากหมด
เยื่อใยกันจริงๆ …สักนิดก็ไม่มีเหลือให้ติดสมอง แต่เพราะเธอเองก็สลัด
เขาไม่ออก”
ชนิตาหัวเราะออกมาแค่นๆ
“หรือตาจะเป็นอย่างจันทร์พูด ไม่ได้เป็นคู่สร้างคู่สม…แต่กลายเป็นคู่
กัด…คู่ล้างคู่ผลาญกันเสียมากกว่า…เลยยังเป็นอยู่ตรงนี้”
“เธอจะทำอย่างไรต่อไป”
ชนิตาส่ายหน้า
“ตา…เวลาน่ะเธอหยุดมันไม่ได้นะ หากคิดว่าตัวเองมั่นใจอยากทำก็
ทำไป…อย่าให้เวลาผ่านเลย เพราะบางเรื่องนั้นพอทิ้งเวลานานไป…มันก็ต่อ
ไม่ติด แล้วหากใจของเธอยังหวนหาตรงนั้นเธอจะยิ่งพบว่าเธอโมโหตัวเอง
ที่ครั้งหนึ่งซึ่งเคยพอมีเวลาพอจะทำได้แล้วแต่เธอกลับโยนมันทิ้งไป”
834/913

ดนุกลับไปแล้ว…
หล่อนยังอยู่…หล่อนยังคิดได้อีกมากมายเหลือเกิน และชนิตาก็ฮึด
ขึ้นมาด้วยความเข้มแข็ง จริงข้อหนึ่งว่าชีวิตเป็นของหล่อนเอง…ชีวิตของ
หล่อนเพียงผู้เดียวโดยคนอื่นไม่มีสิทธิ์มาขีดวาดให้
และที่หล่อนเคยเชื่อมั่นมาตลอดเวลาก็คือชีวิตนี้จะไม่ยอมให้ใครมา
จัดการให้…แล้วไยหล่อนจะยอมนิ่งเฉยอยู่อีก
เอาเถิด…ดนุบอกว่าเวลาเป็นของสำคัญ…เวลาของหล่อนกำลังมีอยู่
และหล่อนจะต้องสะสางมันให้ได้…
/////////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวของพิมพิกาออกมาล่าสุดว่าหล่อนจะเป็นเจ้าสาวของศศิน มณฑล
ถึงกับปาหนังสือพิมพ์ทิ้งในโต๊ะอาหารตอนเช้าอารมณ์ของเขาหงุดหงิด และ
บุษยาได้แต่นิ่งอึ้ง

กิริยาของเขาแย่มาก และเหมือนเขาไม่เกรงใจ
หล่อนเลยอีกด้วย
“บ้าฉิบ…อีนังนั่นเสือกได้ดี”
หล่อนรู้ได้ทันทีว่าเขาพูดถึงใคร
835/913

หล่อนเอาช้อนคนข้าวต้มในถ้วยไปมา ไม่นึกอยากจะกลืนกินเข้าไป
อีก
หล่อนไม่พูดเลยสักคำ ปล่อยเขาอารมณ์เสียไปตามเรื่องตามราว
“ทำไมมันจะได้แต่งกับพี่คุณเล่า นุ่น”
หล่อนยักไหล่นิดๆ โดยไม่ได้ตอบ เขาตบโต๊ะปัง
“ผมถามแล้วตอบซิ มาทำสะดุ้งสะดิ้งยักไหล่…ผมไม่ชอบ”
“คุณเสียดายหล่อนรึ”
“มันน่าเสียดายไหม”
ดวงตาของบุษยาขยายกว้างขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็หรุบตาลง
“คุณรักหล่อน?”
“หากใช่ล่ะ”
“คุณเคยได้นอนกับหล่อนไหม”
“ทำไมจะไม่เคย”
“คุณโกหก” บุษยาสวน “นุ่นไม่เชื่อ…มันแค่ราคาคุย…หากคุณเคย
นอนจริงๆ …คุณคงจะไปยืนทวงสิทธิ์ นีค่ ุณกำลังเร่าร้อนทุรนทุรายเพราะ
คุณไม่ได้สมใจ”
“ใช่ แล้วไอ้ตรงที่ได้แทนมานี่น่ะ…มันก็กระจอก”
836/913

เขาเหยียดหล่อนเสียอีก หล่อนมิใช่ห่านทองคำที่เขาจะถอนขนของ
หล่อนออกเป็นทองคำได้ทุกอันไป ทองคำมีน้อยเกินกว่าเขาคาดคิด
และระยะหลังๆ บุษยาเริ่มฉลาด หล่อนไหวตัวทัน เขาเคย
ประมาทหน้าหล่อนเอาไว้มากนักหนา เขาคิดว่าหล่อนจะไม่มวี ันตามเขาทัน
แต่ที่ไหนได้…เขาไม่อาจจะยื่นมือไปแตะต้องกับเงินในส่วนของหล่อนได้อีก
กลายเป็นว่ามีทนายโผล่ออกมา…มีที่ปรึกษาทางกฎหมายโผล่ออกมาจาก
ไหนไม่รู้ได้…ขวางทางสะดวกของเขาไปหมด เขาเลยหงุดหงิดใส่หล่อนเป็น
ทวีคูณ
“เราหย่ากันไหมล่ะ”
เป็นประโยคที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้ยิน
“ว่าไงนะ”
เขาลุกไปแล้วแทบจะเตะเก้าอี้ทิ้งเพราะพันขาตัวเอง
“เธอพูดอะไร”
“หย่ากัน” บุษยาตอบอย่างสงบ “นุ่นจะยอมหย่าให้”
เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“มันแพงนะเธอ”
“ก็แค่ไหนเล้า”
“ครึ่งหนึ่งของเธอ”
837/913

“ไปคุยกับทนายของนุ่นดีไหมคะ”
หล่อนตอบโดยเงยหน้าสบตากับเขาตรงๆ
“ให้เขากางรายการให้ดวู ่านุ่นมีอะไรมาบ้าง คุณคงจะลืมไปอย่างหนึ่ง
มังคะมณฑล ว่าในใบทะเบียนสมรสน่ะมีสลักหลังสินเดิมของนุ่นอยู่
เท่าไหร่ แล้วจะให้งอกเงยมาถึงตอนนีท้ ี่เพิ่งจะผ่านรอบปีของการแต่งงาน
เรามาหยกๆ น่ะเป็นสินสมรส มันก็ไม่ได้มากตามที่คุณคิดหวัง”
“อะไรกันวะ”
“สุภาพกับนุ่นหน่อยซิคะ”
เขาไม่ทันเห็นน้ำตาในดวงตาของหล่อน ไม่รู้ว่าในอกของหล่อนนั้น
มีแต่เสียงร่ำไห้ระงม บุษยาไม่ได้หลั่งน้ำตาต่อหน้าเขาหล่อนเคยเป็นอีนังโง่
อ่อนแอมามาก
ใครต่อใครในตระกูลก็ประมาทหน้าหล่อนอย่างแรง…แม้แต่คุณผ่อง
พรรณ และหล่อนเพิ่งจะเข้าใจกระจ่างแจ้งในระยะหลังๆ ที่เห็น ‘ลาย’
ของเขามากกว่าเดิม
หล่อนได้รู้เห็นว่าเขาไม่ใช่เทพบุตรสุดรัก…เขาไม่น่ารัก…ไม่น่าเลย
แม้แต่น้อย
เขาเป็นใครอีกคน…เหมือนคนแปลกหน้าเห็นแก่ได้
หล่อนพลันเสียดายตัว…ก็ต่อเมื่อมันพัวพันนัวเนีย
838/913

แต่หล่อนจะเสียให้น้อยที่สุดตอนจะหย่าร้างจากกัน
เพราะหล่อนเสียไปมากแล้วนั่นเอง…
“เธอจะทำอะไร หย่ารึ…หากเราตกลงกันไม่ได้ในเรื่องทรัพย์สิน…”
“ก็ฟ้องมาเถิดค่ะ”
มณฑลตาค้าง
“ขึ้นศาลน่ะนะ”
“ค่ะ”
“เธอไม่อายรึ”
“ไม่ค่ะ”
“โคตรเหง้าของเธอล่ะ จะมาด่าฉันเข้าด้วย”
“เขาไม่เกี่ยวกันแล้วล่ะค่ะ พวกเขาทนได้กับการที่นุ่นโง่แล้วหากนุ่น
จะฉลาดขึ้นมามั่งคราวนี้…นุ่นอาจจะได้รับเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญว่ายังรู้จัก
คิด คุณซิ…จะเอาหน้าไปไว้ไหน…มณฑล…ที่คุณต้องเอาสมบัติของนุ่น
หลังจากการหย่าร้าง หรือคุณจะมีแต่เปลือกจริงๆ เครื่องเพชรชุดใหญ่ที่
คุณให้นุ่นมาก็เป็นของปลอม”
หล่อนพูดออกมาเรื่อยๆ …ไม่ได้โกรธแค้น
มณฑลอึ้งไปเล็กน้อย
839/913

“นุ่นจะรอคำตอบจากคุณ เราหย่ากันเงียบๆ หรือจะให้อื้อฉาว หาก


คุณยอมโดยดี…นุ่นอาจจะใจดียกเงินให้คุณสักสองล้าน…เอาไปเป็นทุน
หลอกล่อผู้หญิงหน้าโง่คนใหม่ นุ่นเพิ่งจะรูว้ ่าตัวเองโง่ การที่นุ่นเอาชนะ
พิมพิกามา…ไม่ได้เป็นเครื่องบอกเลยว่านุ่นฉลาด นุ่นไม่มีความภูมิใจตรง
นั้นอีกแล้ว”
หล่อนเพิ่งจะตักข้าวต้มเข้าปากไปอีก มณฑลก็ถลันเข้ามาตบเปรี้ยง
เป็นช่วงเวลาที่บุษยาคาดไม่ถึง…ตอนเห็นดาวระยิบระยับ…แล้วหล่อน
ก็กระเด็นตกลงจากเก้าอี้ไปหมอบฟุบกับพื้น
หล่อนไม่ได้ร้องสักแอะ ตอนเบือนหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอย่าง
โกรธแค้น
“ดีละ ไม่ต้องเอาเงินสองล้านที่ว่านั่น คุยกับทนายของนุ่นเลย”
หล่อนประกาศบอกไล่หลังเขามา แต่มณฑลไม่แยแสนักเขาคิดว่า
ผู้หญิงแบบหล่อนนั้นไม่เอาจริง แต่ครั้งนี้นับว่ามณฑลคิดผิดไป เพราะบุษ
ยาได้ตั้งใจมั่นเสียแล้ว
และหล่อนก็พยายามจะเรียกหาศศิน หล่อนเพจหาเขาทั้งวันจน
ล่วงเลยถึงกลางคืน แต่ปราศจากวี่แววของเขาว่าจะมีการโทร.กลับ
ศศินทำตัวเหมือนล่องหนหายได้…
และเมื่อหล่อนโทร.เข้ามือถือของเขาก็มีแต่เสียงของผู้หญิงในระบบ
อัดเสียงอัตโนมัติให้หล่อนฝากข้อความทิ้งไว้ เพราะเขาไม่เปิดเครื่อง
840/913

บุษยาร่ำไห้อย่างรุนแรง หล่อนขับรถตรงกลับมาบ้านเจอคุณผ่อง
พรรณเข้าพอดี
“อ้าว…ยายนุ่น…เป็นอะไร น้ำตานองหน้ามาตอนค่ำๆ ”
หล่อนบอกเล่ากระท่อนกระแท่นเรื่องจะหย่าร้างจากเขา
คุณผ่องพรรณนิ่งไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยเรียบๆ ว่า
“ก็สุดแท้แต่เธอ…ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
“คุณป้าคะ แล้วคุณศินไปไหน นุ่นตามหาเขาตลอดวัน”
“หือ…ตามหาเขาทำไม”
“เขาน่าจะช่วยเหลือนุ่นได้”
“โอ…ไม่ใช่เวลานี้หรอกจ้ะ”
“ทำไมคะ”
“เพราะเขาอยู่หัวหินกับพิมพิกา”
“คุณป้า…จะยอม…”
“ใช่…เธอไม่เห็นข่าวว่าเขาจะแต่งงานหรอกหรือ”
“นุ่นยังคิดว่าคุณป้าไม่มีวันยอม”
“เขารักกัน”
“แต่ผู้หญิงคนนั้น…มณฑลจะกลับไปหาหล่อนนะคะคุณป้า”
841/913

“แล้วเป็นไรไป”
“คุณป้า…”
บุษยาคราง รับรู้ได้ถึงความเลือดเย็นของเธอ แต่ไหนแต่ไรมาที่เธอ
เป็นเหมือนนางมารขัดขวางมาโดยตลอด เธอเป็นคนเดียวทีท่ ำให้หล่อนกับ
ศศินไม่อาจจะทะลุสายใยบางๆ ถึงตัวกันและกันได้
คุณผ่องพรรณยิ้มเย็นๆ
“ป้าเคยเชื่อแบบนั้นนะ นุ่น เชื่อว่าหนูจันทร์เคยเสียตัวมาก่อน เพราะ
ลูกบ้าทีห่ นูจันทร์มาอาละวาดในงานของเธอ แต่ป้าตรวจสอบรายละเอียด
แล้วพบว่านั่นคือความแค้นที่ถูกหลอกลวงเธอเสียเงินห้าแสนไปกับความ
เจ้าเล่หข์ องมณฑล แต่เธอไม่ได้เสียตัว และศศินจัดการเอาเงินคืนมาให้
กับหนูจันทร์ได้ ส่วนเรื่องของพวกเขาหลังจากผ่านพบอุปสรรคหลายต่อ
หลายอย่างมาด้วยกันสุดท้ายก็ลงเอยกันได้ หนูจะไม่แสดงความยินดีกับ
พี่ชายของหนูหรอกหรือ…ศศินเป็นพี่ชายของหนูเสมอ”
“แต่นุ่นไม่ต้องการอย่างนั้น นุ่นรู้ว่าเขารักนุ่น”
“ถ้างั้นป้าอยากให้เธอทำความเข้าใจตรงนี้ให้กระจ่างอีกสักนิดว่าครั้ง
หนึ่งเขาเคยรักหนู มันเป็นอดีตไปแล้ว…มันไม่ได้เป็นปัจจุบันอย่าง
ตอนนี้…พิมพิกาคือผู้หญิงที่เขารักอยู่ตอนนี้จ้ะ”
68

สุดแรงแล้วที่จะยื้อเอาศศินคืนมา บุษยารูว้ ่าตรงนี้หล่อนไม่ควรจะ


โทษใครเลยนอกจากโทษตัวเองเท่านั้นว่าเมื่อครั้งที่เคยมีสิทธิ์กลับมิยุดยื้อ
เอาไว้…ปล่อยให้เขาหลุดลอยไป…แล้วครั้งนี้จะโทษใครได้…สมน้ำหน้า
ตัวเอง…ร้องไห้จนพอใจแล้วหล่อนก็ลุกทำอวดเก่งเป็นหนแรกอย่างไม่เคย
มาก่อน หล่อนไปพบทนายของครอบครัวเพื่อให้เขาจัดการเรื่องหย่าร้าง
และนั่นกลายเป็นข่าวหัวข้อใหญ่ของครอบครัว

ศศินเองได้รับฟัง เขาไม่สบายใจเท่าที่ควร
แต่คุณผ่องพรรณเรียกเขาไปคุยกันสองต่อสอง
“ศิน…ตัดซะให้ขาด อย่าอาวรณ์…หรือแม้แต่จะอาทร”
“ผมจะไม่เป็นพี่ชายใจดำเกินไปหรอกหรือฮะ”
“ศินกำลังเหมือนขอนไม้ใหญ่ ยายนุ่นจะจมน้ำอยูแ่ ล้วจะให้มายึด
เกาะไว้อีกรึ จะถ่วงให้หนักซะเปล่า”
843/913

เขาถอนใจออกมา
“แล้วแม่ก็ห่วงยายจันทร์ เดี๋ยวก็เข้าใจผิดไปกันอีกรอบ”
ตรงนั้นเขากำลังคิดอยู่ อารมณ์ของพิมพิกาเหมือนลม…มัน
วูบวาบ…หล่อนอาจจะระแวงแคลงใจ เพียงแต่เขายื่นมือไปโอบอุ้มบุษยา
เพียงเล็กน้อย ยังจำได้ถึงน้ำคำทีห่ ล่อนประกาศใส่หน้าบุษยาไปแล้วเข้า
ทำนองว่าเขาเป็นของหล่อน บุษยาจงอยูห่ ่างๆ ท่าทางหล่อนห้าวระห่ำและ
พร้อมจะทำสิ่งเหลือเชื่อได้เสมอ หากเขาไม่รักหล่อนแบบเทหมดใจ เขาก็
คงจะกลัวหล่อนและถอยมาอยูห่ ่างๆ แน่นอน แต่เพราะว่าเขารักมาก เขา
ไม่อยากเสียพิมพิกาไปอีก ไม่อยากให้หัวใจของหล่อนได้คิดไปในทาง
ลบ…แล้วหลังจากนั้นผลกระทบก็กระแทกใส่เขาอย่างแรง เขารับไม่ได้ตรง
นั้น…
“ผมฝากแม่ด้วยแล้วกัน…ก็เหมือนลูกนกลูกกา”
เธอทำปากแบะนิดๆ
“บอกกันตามตรงเลยนะ ศิน แม่ไม่เคยคิดจะอยากยุ่งกับเด็กนั่นเลย
แม่ไม่ชอบ”
“ยายนุ่นไม่มีพิษภัยหรอกฮะ” เขาบอกในเสียงนุ่มนวล “เป็นเพราะ
แม่ระแวงถึงเลือดของแก”
“ตรงนั้นแหละ…ตรงใจแม่เลย แล้วเป็นไง…รวยล้นแต่ไม่ไขว่jคว้า
ดิ้นรนหาความรูใ้ ส่ตัว ไม่มีอะไร…จะว่าสวยก็ไม่จัดนัก ไม่ฉลาดเข้าไป
844/913

อีก…เหลือแต่รวย พอได้ผัวก็โดนปอกลอก มันไม่ได้ไปดังใจก็ตบตีถีบส่ง


แล้วคอยดูซิ ตอนจะหย่าน่ะมันจะต้องเรียกเงินก้อนใหญ่”
“เกิดยายนุ่นฮึดขึ้นมาล่ะฮะ”
“ก็คงอื้อฉาว…ค้างคาศาล ไม่พอเท่านั้นนะ วงสังคมจะกระพือกัน
สนุก…เพราะแต่งงานไม่ทันนาน”
“ก็นานเหมือนกันนะฮะ…จะครบปี”
“ฮึ…แม่ไม่เอาด้วยนะ ศิน…เรื่องแต่งแล้วหย่านี่น่ะ ดูแม่กับคุณพ่อ
ของศินซิ อยู่กันจนตายจากไป นั่นศินยิ้มอะไรกัน”
เธอร้องถาม เพราะรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ลึกซึ้งบนหน้าลูกชายนั่นเอง
“ต้องคิดนินทาแม่อยู่ในใจแน่ๆ เลย”
“พ่อตายไวเหมือนกันนะฮะ”
“ต๊าย…ลูกคิดซิว่าพ่อเค้าโชคดี”
เขาหัวเราะออกมา
“เปล่านะฮะ ผมไม่ได้พูด”
“แต่คิดใช่ไหม” เธอค้อนเขา “แม่น่ะใจจะขาดตอนพ่อของลูกตาย
ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่ได้ไหม แต่น้ำตาไม่มไี หลออกมาหลอกนะ มัน
ไวนัก แต่น้ำตามันตกเข้าไปในใจเสียมากกว่าแม่อยูม่ าได้เพราะมีลูก
ตอนนั้นก็มีผู้ชายเข้ามาแยะเหมือนกัน แต่แม่ไม่รักใครอีกแล้ว”
845/913

“มันหมดไปกับพ่อเลยหรือฮะ”
เขาถามด้วยเสียงอันอ่อนโยน
“ใช่จ้ะ ศิน เพราะนั่นคือคนคนเดียวที่แม่เทใจให้ และแม่รู้ว่าจะไม่มี
ใครมาแทนได้อีก แม่เลยเลี้ยงลูกมาด้วยความรัก…เหลือแต่ศินที่แม่ยังห่วง
นัก…แต่งงานซะทีนะ…แม่จะได้ไปดูแลลูกคนอื่นๆ บ้าง เหมือนแม่มีลูกคน
เดียว…ห่วงเดียวตรงนี้เท่านั้น”
“เฮ้อ…ก็มัวแต่หวงผมนักนี่ฮะ ผมเลยค้างรอมานาน”
“จะเอายังไง แม่รับผู้หญิงที่ลูกรักได้แล้วน่ะ”
“แต่แม่ก็ไม่ชอบเธอมาก่อน”
“ศิน…แม่อาจจะเป็นคนหัวเก่ามากไป…หรือไม่แม่ก็อาจจะมองผู้หญิง
ว่ามีขีดจำกัดในเรื่องของการกระทำมากเกินไปก็ได้ แม่ไม่อยากให้ลูกได้
ผู้หญิงที่เคยเป็นของชายอื่นมาก่อน หากมันจบแล้วจบเลยก็ดไี ป แต่ไอ้
หมอนั่นน่ะมันใครอื่นที่ไหน มันก็มาแต่งกับยายนุ่น ขนาดไม่จริงมันยัง
โว…แล้วหากจริงเล่า…มันจะปูดแค่ไหน ความมั่นคงของลูกก็จะโอนเอนไป
แล้วในที่สุดก็จะต้องทะเลาะกัน ความรักน่ะมันจืดจางลงได้นะลูก เมื่อ
มองเห็นว่าอีกฝ่ายมีข้อบกพร่องหรือมีอะไรที่ไม่สมควรกับการทุ่มเทของเรา
ลงไป”
นั่นคือความคิดเห็นของเธอ เขาไม่ได้ค้านเธอเลย
846/913

“แม่ยอมแล้วนะ อย่ามัวรอช้าอยู่อีก เราก็อายุมากขึ้นทุกวัน จะมีลูก


ไม่ทันได้เห็นให้ชื่นใจ”
“แม่คงอยากจะเลี้ยงลูกผมเต็มที่แล้วซิฮะ” เขาถามล้อๆ
“ก็พี่เราน้องเราหวงลูกตัวเองกันนัก ให้แม่เอามาได้ซักคนไหม”
“แล้วแม่คิดว่าผมจะยอมให้แม่หรือฮะ”
“ไม่ให้ละน่าดู แม่อยู่ตรงนี้แม่ยังตามไปฉกมาได้ง่าย ไม่ต้องไปอยู่
เมืองนอก…มันไม่คุ้นเคย…เพราะเพื่อนฝูงแม่อยู่ทางนีก้ ันหมด พูดถึง
เพื่อน…สงสารคุณหญิงเพลินนัก”
“ลูกชายยังหายตัวเหมือนเดิมซิฮะ แต่เขาก็โตแล้ว คงไม่มเี รื่องร้าย
กับเขา บางทีเขาอาจจะต้องการเวลาของตัวเองเงียบๆ บ้าง”
“แล้วที่เขาทำเอาไว้ล่ะ” คุณผ่องพรรณย้อนถาม “เป็นลูกสาวใครบ้าง
หัวอกพ่อแม่คงจะร้าวรานนัก”
“ดูเหมือนพ่อแม่ของคุณตาจะไม่ทราบรายละเอียดเท่าไหร่”
“เออ…เก่งนี่…ปิดกันเก่ง”
“อาจจะเพราะเธอออกมาดูแลตัวเอง…มีชีวิตอิสระ…”
“แล้วแคร์มั่งไหม” คุณผ่องพรรณฉงน
ศศินเองก็ตอบเธอไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เจอชนิตามานานแล้ว รู้จาก
พิมพิกาแต่เพียงว่าชนิตาทำงานหนักกว่าเดิมเสียอีก
847/913

เปรมก็มารายงานเขาว่า
“พีต่ ายึดเอาบริษัทนั่นไว้ในกำมือได้แล้วล่ะฮะ เขากลับมาก็ไม่ได้
แอ้ม”
“เปรม…ไม่รู้เลยหรือว่าเขาไปไหน”
เปรมส่ายหน้า
“ฉันคิดว่าเปรมรู้ซะอีก”
“ทำไมคิดว่าผมต้องรู้ล่ะฮะ”
“เพราะเคยเป็นคนสนิทของเขาไม่ใช่หรือ”
“ผมเป็นลูกจ้างเขา เรื่องส่วนตัวของเขา…ผมแทบจะไม่รู้นี่ผมก็ตามๆ
หาตัวเขาตามที่ทคี่ ิดว่าเขาจะไป แต่ไม่เจอเลยนะฮะเงียบกริบ อาจจะกลับ
ไปออสเตรเลียแล้วก็ได้”
//////////////////////////////////////////////////////////////

“เขาอาจจะไปอยู่กับจิงโจ้ได้ดีมั้ง”
ชนิตาบอกเรื่อยๆ พิมพิกาเองยังต้องละความสนใจจากชุดเจ้าสาวมา
มองหน้าเพื่อน น้ำเสียงนั่นสงบเกินไปนั่นเอง หากเป็นหล่อนคงจะทำใจให้
เยือกเย็นแบบนี้ไม่ได้เป็นแน่
848/913

“ตา…เธอคิดเรื่องที่ฉันเคยพูดทิ้งไว้กับเธอได้ไหม”
“ก็คิดบ้างนะ เวลาว่างๆ ”
“แล้วเธอว่างสักแค่ไหนกันเชียว” พิมพิกาถามเหมือนอ่อนใจ “เพราะ
ได้ยินว่าทำงานหนัก”
“ฉันได้จังหวะตะหาก”
“จะฮุบเลยรึ”
“เจ้าของเค้าทิ้งแล้วนี่”
“เธอไม่เอาของของใครหรอก”
“ขอบใจจ้า ที่ยังมองเห็นว่าฉันเป็นคนดี”
“นี่…เธอดูชุดฉันหน่อย” พิมพิกาขอคำติชม
“เธอใส่อะไรก็สวยหมด”
“เขาอยากให้ฉันสวยสุดๆ วันนั้น”
อย่างน้อยยามนี้…ราศีของเจ้าสาวใหม่ก็สาดจับพิมพิกาจนเปล่งปลั่ง
ชนิตาเอ่ยถามล้อๆ
“อิ่มน้ำนวลใสแบบนี้…แพ้ท้องหรือเปล่าหือ จันทร์”
พิมพิกาชะงักเล็กน้อยแล้วสั่นหัว
“เมนส์แกมาดีอยู่ซิ”
849/913

“มันเคยมาตรงซะที่ไหน”
คำตอบนั่นบอกชัดว่าพิมพิกาเองไม่ได้สนใจกับเรื่องของตัวเองสัก
เท่าใด
“เออ…ระวังจะเป็นเจ้าสาวทันสมัย ท้องโย้วันทำพิธี”
พิมพิกาหัวเราะกิ๊ก
“แล้วฉันจะต้องแคร์อะไร”
“หมายความว่าไง”
“ท้องแต่ได้แต่งก็ดีกว่าท้องแล้วไม่ได้แต่ง”
นั่นคือคำตอบแบบไม่ยี่หระสิ่งใดเลย พิมพิกาเข้าไปสวมชุดให้
มองเห็นชัดๆ …ก่อนจะออกมาให้ชนิตาได้ติชม
“ฉันนอนกับเขาก็บ่อยนะ” คำบอกกล่าวไม่มีแอบแฝง “พีพ่ รรณว่า
ฉันใจง่าย แล้วก็ว่าฉันน่ะยากเกินกว่าควบคุมแล้ว ตา…ฉันง่ายไปไหม”
“มันอยู่กับตัวแกเอง รักเขาแค่ไหน”
“ก็รักละ…รักมากด้วย” พิมพิกายอมรับแล้ว “ยิ่งได้รวู้ ่าตอนไม่มีเขา
เป็นยังไงมาคอยเปรียบเทียบ ฉันยิ่งระวังตัวเองมากกว่าเดิม ฉันเคยคิด
อะไรทีม่ ันไม่เข้าท่ามาแล้ว คนเรานี่ต้องเจอเข้าจังๆ ด้วยตัวเองนะ ไม่ต้อง
มาทบทวนอะไรกันอีกแล้ว…นอกจากจดจำ ระมัดระวังไม่บ้าเลือดอย่าง
เก่าๆ อีก”
850/913

“หากแกแต่งงานกับคุณวิษณุไปเสียก่อนล่ะ”
นั่นคือคำถามเรื่อยเฉื่อย พิมพิกาพยายามจะค้นหาบางสิ่งในดวงหน้า
ซีดๆ นั่น ชนิตาไม่ได้แต่งหน้าเลย
“แกจะเจออะไรบ้าง”
“ไม่รู้ซิ แต่เขาไม่ได้รักฉันจริง”
“หรืออาจจะจริง…แต่แกไม่เชื่อถือ”
“ตา…อย่าโกรธนะ ฉันไปคิดดูแล้วว่าเขารักแก”
“รักหรือ…” แล้วชนิตาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
เป็นอันมาก “แล้วไง…แกจะให้ฉันรอคอยเขา…คอยเขากลับมา…คอยฟังว่า
เขาสารภาพรักหรือ…ฉันจะต้องรอนานแค่ไหน…รอเจ็ดปีใช่ไหม…เจ็ด
ปี…ก่อนเขาจะถูกประกาศว่าเป็นคนสาบสูญ”
“ตา…”
พิมพิกาเดินมานั่งลงข้างๆ และชนิตาหลบตาไปทางอื่นเสีย หล่อนจับ
แขนเพื่อนบีบเบาๆ
“ฉันเคยเลวร้ายกับแกมา…อภัยฉันแล้วก็ขอบใจละ…แต่เรื่องนี้น่ะอย่า
ว่าเลยนะ หากฉันจะคอยแส่กับแกเสมอว่าอยากให้แกให้โอกาสเขาสักหน”
“โอกาสรึ”
“แกไม่เคยรักใคร”
851/913

“เลยคิดจะให้รักเขา?” น้ำเสียงของหล่อนขึ้นจมูกเล็กน้อย “ดีนี่…ดี


เหลือเกิน…รักคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ให้เห็นอีก…หรืองานต่อไปแกอยากให้ฉัน
ทำพิธีแต่งงานกับคนที่หายตัวไป…เอารูปเขามาเข้าพิธีแต่งก็พอ”
“แหม…ทำมาประชด เดี๋ยวไปยุคุณหญิงเพลินให้ทำซะจริงๆ ”
พิมพิกาบอกก่อนจะทำเสียงจริงจังมากกว่าเดิม
“ตา…ฉันรู้ว่าแกเป็นคนแบบไหน…เราสองคนนั่นแหละ…ผู้หญิงที่ไม่
ยอมเอาตัวเองเข้าแลกก่อน…อย่างฉันน่ะตกลงไปกึ่งเต็มใจกึ่งไม่
เต็มใจ…แต่แก…ฉันรู้…” หล่อนก็พยายามระมัดระวังคำพูดของตัวเองให้มา
กๆ เข้าไว้ก่อน “ว่าแกน่ะไม่ได้เต็มใจอะไรด้วยเลย แต่ผู้หญิงแบบเราเมื่อ
เสียตัวแล้วจะทำท่าเหมือนไม่แยแส เราก็ทำไม่ได้จริงไหม”
ชนิตาหันมามองหน้าพิมพิกาตรงๆ
“แกจะคาดคั้นให้ฉันสารภาพหรือว่าฉันรักเขา”
“มันอาจจะยังไม่เป็นความรักก็ได้ แต่ตรงนั้นก็ของของแกเอง”
“ฉันไม่กล้าจะตู่เอา”
แต่หล่อนก็ยังหวนคิดถึงวันที่เขาไปเอ่ยคำลา ตรงนั้นเท่ากับว่าวิษณุ
สร้างความสับสนให้กับหล่อนอย่างยิ่ง เขาทำให้หล่อนคอยจะพะวัก
พะวง…มันเหมือนว่าพยายามจะตัดทิ้ง…แต่ตัดไม่ขาด
“ฉันตัดเขาแล้วล่ะ จันทร์…ตัดเขาไป…”
852/913

หล่อนพยายามจะทำเสียงให้เข้มแข็ง ฟังดูเป็นเรื่องจริงจังแต่พิมพิกา
ส่ายหน้าราวกับปราศจากความเชื่อถือในคำพูดที่ได้ยินมาทั้งหมดนั่น…
“แน่ใจหรือตา…ตัดสายสัมพันธ์ที่เคยมี…แม้มันจะไม่ราบรื่นดีนัก แต่
มันเคยเกิดขึ้นระหว่างแกกับเขา ฉันว่าแกกำลังโกหกตัวองด้วย แกอาจจะ
โกหกคนได้หมดทั้งโลก…รวมทั้งฉันเพื่อนซี้ของแกตรงนี้ด้วย”
ชนิตาตบมือลงบนมือเพื่อนที่เกาะแขนของหล่อนอยู่เบาๆ
“แกพูดก็ถูก…แต่ฉันสับสน…”
“หากตัดไม่ขาด…เพราะมันคือฐานความรัก…แกจะตัดมันไปไย แก
เคยได้ยินไหมว่า ‘สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักไม่ขาดอนาถใจ’
ทำนองนี้น่ะ”
ชนิตาถอนใจเล็กน้อย
“แกสนใจงานของแกก่อน ใกล้วันเข้ามาแล้ว…ฉันเองก็คิดว่าพอเสร็จ
งานแก…ฉันจะลางานไปพักผ่อนบ้าง”
“แกจะไปไหน”
“ยังไม่รู้เลย…ไม่มีจุดหมายปลายทาง”
แต่ในความเป็นจริง…ชนิตารู้ว่าหล่อนควรจะไปที่ไหน…หล่อนพอจะ
รู้อยู่บ้าง…แต่หล่อนเก็บเงียบเอาไว้
“แล้วแกล่ะจะไปฮันนี่มูนเมืองนอกไหม”
853/913

“ไปทำไม้…” พิมพิกาตอบแกมหัวเราะ “ไปให้เปลือง จะอยูแ่ ค่ตรง


หัวหินเท่านั้นแหละ”
“แปลว่าหัวหินยังมีมนต์ขลังเสมอ”
“ใช่” พิมพิกาตอบรับได้ทันที “ฉันกับเขามีอะไรๆ กันครั้งแรกที่นั่น”
ดวงตานั่นบ่มความสุข ใจของชนิตาวับหายไปบ้าง เพราะอดจะเอา
ตัวเองเข้าไปเปรียบเทียบไม่ได้
แต่ความสุขนั่น…สุดแต่ฟ้าจะลิขิตมาไม่ใช่หรือ…ฟ้าให้แต่ละคนไม่เท่า
กัน…ชนิตารำพึง…บางทีฟ้าก็ไม่เห็นใจหล่อนเอาเสียเลย
“ตา…แล้วเสื้อผ้าแกล่ะ…ไม่ตัดใหม่หรือ”
ชนิตาสั่นหัว
“สิ้นเปลืองนัก”
“แกน่าจะได้สวยเริ่ดคืนนั้น”
ชนิตาหัวเราะเบาๆ เหมือนจะนึกขัน
“หรือแกจะให้ฉันแต่งตัวสวยแล้วเดินอ่อยล่อผู้ชาย เผื่อจะหาผัวได้
สักคนคืนวันแต่งของแก ไม่เอาด้วยหรอกจ้ะ...ไม่ถนัดแล้วฉันก็ไม่เอาด้วย
นะกับการเป็นเพื่อนเจ้าสาว ฉันขอเป็นแขกของงาน…เป็นคนที่ชื่นชมยินดี
กับแกก็น่าจะพอ”
854/913

และไม่ว่าพิมพิกาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ชนิตาก็ไม่ยอมเห็นดีด้วยเอา
เสียเลย
“ฉันพอใจจะเป็นแบบนี้ แกสวยไปคนเดียวเถิด แกสวยอยูแ่ ล้ว คืน
นั้นแกคงจะโดดเด่น…เหมือนพระจันทร์ที่เด่นอยู่บนฟากฟ้าเพียงคนเดียว”
“ตา…รู้ไหมว่าหลังจากที่เราหวนกลับมาเข้าใจกันใหม่น่ะ…ฉันสวด
ภาวนาทุกคืน”
“สวดอะไร”
“ขอให้เราเป็นเพื่อนรักกันยิ่งกว่าเดิม และขอให้แกได้สมปรารถนา
เมื่อฉันพบความสุขแล้ว ฉันไม่อยากให้สวรรค์ละเลยแกที่เป็นเพื่อนฉันไป”
69

คุณหญิงเพลินเรียกชนิตามาพบในค่ำวันหนึ่งเป็นการส่วนตัวอย่างยิ่ง
เธอพูดในเรื่องเกี่ยวกับลูกชายของเธอเองและแม้ชนิตาทำท่าเหมือนไม่
ยินดียินร้ายอะไรเลย เธอก็ขอร้องอย่างน่าสงสารมาก
“ชนิตา…เขาทำร้ายเธอมามาก…ฉันรู้…แต่เธอเองก็จะไม่ติดค้างบ้าง
เชียวหรือ”
“ติดค้างกับเรื่องเลวๆ แบบนั้นหรือคะ”
“ใช่…อาจจะไม่ถูกต้องนักที่ฉันมาสะกิดเธอเข้าอีก แต่เธอต้องเข้าใจ
นะว่าฉันเป็นแม่ ไม่มีแม่คนไหนทนเฉยเมย…ไม่รับรูเ้ รื่องนี้ได้ตลอดกาล
เป็นอันขาด ลูกคนเดียวเสียด้วย ฉันเรียกเธอมาบอกว่าคนที่ฉันจ้างสืบหา
ร่องรอยของเขาทางโน้นน่ะบอกมาแล้วว่าเขาไม่ได้กลับไปอีก”
“ออสเตรเลียหรือคะ”
“จ้ะ”
“ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเขาไม่ได้ออกไปนอกประเทศ”
856/913

“ฉันให้ตามหาเขาในนี้ด้วย ตามที่ที่เขาชอบจะไปเท่าที่ฉันพอจะรู้ แต่


ก็มีอีกที่หนึ่งที่ฉันไม่รู้ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย มีเธอคนเดียวที่รู้…”
ชนิตานิ่งเงียบลงไปกว่าเดิม หล่อนหลบตาจากผู้สูงวัยกว่า
“ฉันกราบเธอก็ยังได้…หากจะขอให้เธอไปตามหาเขาที่นั่น”
“ทำไมคิดว่าจะเป็นที่นั่นคะ”
“แปลว่าเธอเข้าใจซินะว่าที่ไหน”
“ที่นั่นสกปรกโสมม…”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ…”
“ทำไมไม่จ้างนักสืบต่อ”
“เขาคลำหาตรงนั้นไม่เคยเจอ”
“คุณหญิงเคยตรวจสอบจากบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารหรืออื่นๆ
ของเขาหรือเปล่าคะ”
“ฉันไม่กล้าจะทำเอิกเกริกแบบนั้น…ให้เรื่องของเขาเงียบๆ ดีกว่า ไม่
อยากจะเป็นขี้ปาก”
“คุณหญิงอยากให้ดิฉันไปที่นั่น?”
“หากเป็นไปได้”
“หากมั่นใจว่าเขาอยู่นั่น เอาไหมคะที่อยู่นั่น ดิฉันจะบอกให้แล้วไป
ตามเขาเอาเอง”
857/913

“เขาไม่ต้องการแม่อีกแล้วล่ะชนิตา…ในเวลาที่เสือสำนึกบาป…เธอคิด
ดูก็ได้นี่นาว่าเสือนั่นต้องการจะพบใครมากที่สุด”
เสือหรือ…เขายังเป็นเสือได้อีกหรือ…เฉพาะในสายตาคนเป็นแม่
เท่านั้นกระมัง คนเป็นแม่ทไี่ ม่อาจจะมองลูกของตัวเลวทรามต่ำช้าได้ตลอด
หล่อนเองก็เกือบจะได้เป็นแม่อยู่แล้ว หญิงสาวถอนใจออกมา
“คุณหญิงอยากจะให้ดิฉันไปเอง”
“ได้ไหม ชนิตา ฉันว่าเขาต้องการพบเธอมากกว่าใครๆ ”
“แต่นั่นไม่ใช่เสือหรอกนะคะ” เสียงของชนิตาเข้มจัดนัก “สิ่งที่เขา
กระทำกับดิฉันน่ะ ดิฉันมองว่าเขาเป็นหมาเท่านั้นเอง…หมาขี้ขลาดมากๆ
อีกด้วย แล้วหมาตัวนั้นก็หลบซุกเข้ามุมสกปรกป่านฉะนี้หากไม่ตายเน่าไป
แล้วก็คงจะเป็นขี้เรื้อนไปทั้งตัว ดิฉันเสียใจทีต่ ้องพูดต่อหน้าคุณหญิง…จะ
โกรธดิฉันก็ได้”
“ฉันก็อยากจะโกรธเธอเหมือนกัน แต่พอคิดว่าเธอเจออะไรมาบ้าง
ฉันก็โกรธเธอไม่ลง”
เมื่อชนิตาพูดตรง คุณหญิงเพลินก็เป็นคนตรงด้วยเหมือนกัน เธอ
มอง ชนิตาด้วยความเข้าใจ พร้อมกันนั้นก็ตั้งความหวังเอาไว้ว่าชนิตาน่าจะ
เป็นคนกอบกูเ้ อาชีวิตของวิษณุที่ดิ่งลงเหวไปนั้นคืนกลับขึ้นมาใหม่ เธอรูว้ ่า
หากวิษณุไม่ได้แคร์ตรงนี้เลยนั้น…เขาจะไม่มีวันจากไป…นี่ไม่ใช่นิสัยของ
เขาแน่นอน วิษณุยังเหลือความอ่อนโยนและสำนึกผิดอยูเ่ หมือนกัน และ
858/913

นั่นสำหรับเธอเป็นเรื่องน่ายินดี เธอไม่ปรารถนาให้ลูกชายไร้หัวใจ…ชาเย็น
กับความรู้สึก…ไม่รับรู้ใดๆ เอาเสียเลย เขาเกลียดชนิตาเพราะความริษยา
มากกว่าวิษณุอาจจะยอมรับชนิตาได้…หากว่าหล่อนจะไม่เป็นดังที่เป็น
อยู่…เข้มแข็ง เฉลียวฉลาด ทำงานดี และที่เธอมีส่วนผิดด้วยก็คือเธอเชียร์
ชนิตามามากแต่แรก
นั่นเท่ากับเธอมีส่วนทำร้ายชนิตาด้วย
เธอไม่ต้องการให้ตัวมีส่วนผิดบาปโดยไม่แก้ไข
“ดิฉันจะไปดูให้แล้วกัน แต่ไม่รับปากว่าจะพูดกับเขารู้เรื่องไหม”
“ชนิตา…”
เธอเรียกขานแล้วขอร้องให้ชนิตามองหน้าเธอด้วย
“ฉันจะบอกเธอด้วยความจริงใจ ฉันพร้อมจะรับเธอเป็นลูกสาวของ
ฉันคนหนึ่ง อาจจะไม่มีความรักมาปูเป็นพื้น อาจจะไม่ได้รักกันเลย แต่
หากเธอกับเขาปรับเข้าหากันได้บ้าง ฉันหวังว่ามันน่าจะลงเอยกันด้วยดี ได้
โปรดเถิดนะ”
“คุณหญิงขอให้ดิฉันยอมเป็นเครื่องเล่นของเขาอีกหรือคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น” เธอค้าน “อย่าเพิ่งเข้าใจแบบนั้นเลยจ้ะฉันคิดว่า
วิษณุเองก็ต้องการเธอ”
“ความต้องการแบบซาดิสม์น่ะหรือคะ”
859/913

“หากตัดเอาความโกรธเกลียดออกไปได้ เธออาจจะพบว่าเขาเองก็
น่ารัก…และน่าจะรักกันกับเขาได้”
“ถ้าดิฉันมีโอกาสเป็นแม่ในวันข้างหน้า ดิฉันจะไม่ลืมคุณหญิงเลย
จะพยายามทำน้ำใจตัวเองให้ได้แม้เพียงสักครึ่งที่คุณหญิงมีต่อลูก”
“แล้วเธอจะรู้…มีอื่นหมื่นแสนในชีวิตนั้นยังไม่ถึงที่เรามีลูก…ที่เราจะ
ให้เขาโดยไม่ต้องการอย่างอื่นอีกนอกจากลูกของเราเท่านั้น”
นั่นเป็นคำพูดอันไพเราะที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต…ที่หล่อนมีโอกาสได้
รับฟังด้วยตัวเอง คือความอ่อนโยนโอบเอื้ออาทรของแม่ต่อลูก…หล่อนรูว้ ่า
คุณหญิงเพลินไม่ได้ปั้นแต่งมันขึ้นมาให้ไพเราะ…แต่ออกมาจากใจจริงของ
เธอเลยทีเดียว
ดวงตาของชนิตามีประกายอ่อนโยนลงมาอีกมาก
“คุณหญิงเป็นแม่ที่ประเสริฐนัก”
แต่เธอกลับส่ายหน้า
“ไม่หรอก…ยังไม่ใช่ แต่เพราะฉันรู้ว่าฉันเองก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิด
ความรู้สึกว่าภาพแม่ของเขางดงามตามที่เขาหวัง แม้เขาจะไม่เคยตำหนิฉัน
เลยก็ตามที”
แต่ทชี่ นิตารู้แจ้งชัดกับตัวเองแน่ๆ อย่างหนึ่งก็คือว่าหากหล่อนเจอกับ
วิษณุ หล่อนอยากจะซัดเขาให้หนักในสิ่งที่เขากระทำต่อแม่ของเขาเอง การ
860/913

ทิ้งไปโดยไม่บอกกล่าวเรื่องราวและร่องรอยของตัวเองนั้น…เท่ากับเขา
ทำร้ายแม่ของเขาอย่างสาหัส
แต่คนโหดร้ายแบบเขานั้น…การกระทำแค่นี้ไม่น่าจะประหลาดใจเลย
นีน่ า ในเมื่อที่เขาข่มเหงย่ำยีหล่อนนั้นมันเลวร้ายกว่า…เขาก็ยังกล้าจะทำมา
แล้ว
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทนายกำลังเดินเรื่องในชั้นศาลให้กับหล่อน บุษยาขนของกลับเข้ามา
อยูบ่ ้านเดิมอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครต้อนรับหล่อนหรือไม่ หล่อนไม่อยูท่ ี่
เรือนหออีกแล้ว และหล่อนก็ให้ฝรั่งทีเ่ ข้ามาทำงานบริษัทน้ำมันเช่าบ้านไป
อย่างไม่บอกกล่าวกับมณฑลเลยแม้แต่คำเดียว เขาโทร.มาด่าทอหล่อนถึง
บ้าน แต่บษุ ยาไม่รับฟังอีกแล้ว หล่อนกลายเป็นแม่ม่ายทีค่ ุณผ่องพรรณ
คอยป้องกันศศินเต็มที่จนเขานึกขำ
แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีสนองตอบของเขาต่อบุษยา แม้หล่อนจะพยายามเข้า
มากระแซะศศินอยู่บ่อยๆ ก็ตามที
และบุษยาก็ถอยห่างไปเองเมื่อหล่อนพบว่าการเป็นแม่ม่ายของหล่อน
นั้นเข้าท่าเสียยิ่งกว่าตอนหล่อนอยู่เป็นนางสาวเสียอีก
มีเพื่อนชายแวะเวียนมาหา…มีผู้ชายมาติดพัน
และคุณผ่องพรรณได้แต่ปลง
“แม่นุ่นนี่โง่ไม่เลิกซิน่า”
861/913

คำปรารภนี้ต่อหน้าพิมพิกาด้วย ศศินมองหน้าเธอทำท่าเหมือนจะ
ห้าม
“ทำไมล่ะศิน แม่พูดผิดไปรึ ทำเหมือนไม่อยากให้แม่พูด”
“แสลงใจมังคะ”
พิมพิกาสอดแทรกเบาๆ แน่ละว่าดวงตาของหล่อนวาววับทีเดียว
เพราะกระบวนความหึงหวงแล้วนี้ พิมพิกาก็เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มี
บรรทุกติดตัวราวๆ สักร้อยเล่มเกวียน
เขาหัวเราะเหมือนขบขันหล่อน
“อีกแล้ว…หึงผมอีกแล้ว”
“กลัวจะเผลอใจ”
“ไม่หรอกน่า ใจมีซะที่ไหน…ตัวเองยึดไปหมดแล้ว”
“เอ้า…หากเผลอตัวละ”
“ผู้ชายเสียตัวไม่สึกหรอหรอก”
“ลองซิ…ลอง”
ครั้นนึกได้ว่ามิได้อยู่กันตามลำพัง พิมพิกาก็พยายามกดอารมณ์
ตัวเองลงมาไม่ให้เดือดพล่าน แต่มองเขาด้วยแววตาราวกับจะฝากความ
อาฆาตมาดร้ายไว้
862/913

“แม่ฮะ ยายนุ่นอยากจะทำอะไรปล่อยแก แม่ไม่ต้องไปห้ามแกนะฮะ


หรือแม้แต่จะเตือน เพราะแกกู่ไม่กลับแล้วล่ะฮะ” ศศินพูดจริงจังมากกว่า
เดิม “อย่างน้อยประโยชน์ข้อเดียวที่แกได้จากนายมณฑลก็คือการมีสติ
และเข้มแข็งขึ้นมาสู้เพื่อปกป้องตัวเอง…ซึ่งผมว่ามันดี…ไม่ใช่กับคนอื่นก็กับ
ตัวแกเองทั้งนั้นเลยล่ะฮะ
“มองอย่างนั้นก็ดีนี่”
“ผมอยากให้แม่มองแบบนี้ แกจะทำอะไรให้แกทำ อยากกลับมาอยู่
นีก่ ็อย่าไปห้ามแกเลยฮะ อย่างน้อยหากพวกที่มาติดพันห้อมล้อมแกอยู่
ตอนนีร้ ู้ว่าแกยังอยู่ที่นี่ มีพวกเราบ้าง จะได้เหมือนผ้ายันต์ทำให้แกดู
ปลอดภัยจากพวกหิวโซจ้องล่าเหยื่ออีกนิดหนึ่ง”
“สมบัติจะเหลือมาเท่าไหร่กันเชียว ไอ้หมอนั่นเอาไปซะเยอะ”
“เขาทำได้ไงไม่รู้นะคะ” พิมพิการำพึง “ตอนเขายืมเงินจันทร์ไปลงทุน
ห้าแสนนั่นน่ะ…จันทร์ก็หน้ามืด รู้แต่ว่ารักเขานะ…เลยยอมให้ไป”
“นี่…คุณ” ศศินสะกิดหล่อนทันที
“อะไรคะ”
“พูดซะเต็มปากเชียวนะ ผมก็มีหัวใจเหมือนกันจ้ะ”
“เคยรัก…อดีตน่ะรู้จักไหม”
“เฮอะ…ทีตัวเองละอ้างอดีตได้ เป็นเราว่าอดีตบ้าง…ก็มีแต่แหวๆ ”
863/913

หล่อนทุบเขาแรงๆ ทีบ่ ่า และศศินก็หันไปพยักพเยิดกับมารดา


หน้าตาเฉย
“นี่ผมเกรงใจแม่หรอกนะฮะ ไม่อย่างนั้นจะฟัดซะตรงนี้เลย”
“นายศิน…น้อยๆ หน่อยย่ะ”
“แม่ออกไปจากห้องนี้ก่อนซิฮะ”
“แม่ไป…แล้วหากคนอื่นเข้ามาแทนล่ะ…ตาศิน แล้วนี่แค่คิดหรือจะทำ
จริงๆ ขึ้นมา จะทำกันในที่โล่งโจ้งขนาดนี้ทีเดียวหรือ”
“อุ๊ย…” พิมพิการ้องออกมา “จันทร์ไม่ยอมหรอกค่ะจันทร์คงจะถีบ”
พอกัน…คุณผ่องพรรณร้องในใจ…และลูกสะใภ้ที่เธอเคยถามตัวเอง
มาตลอดว่าจะเป็นอย่างไรนั้น เจ้าหล่อนก็เผยโฉมออกมาชัดเจนแล้ว ไม่ใช่
สาวนิ่มๆ ติ๋มๆ อะไรเลย…แต่เป็นสาวเปรี้ยว…พูดจาตรงๆ ศศินเองก็ยังทำ
หน้าสยดสยอง แม่คนนี้อาจจะพูดจริงก็ได้กเ็ คยเห็นมาแล้ว…วันที่ไป
อาละวาดในงานที่บ้านหัวหิน…พิมพิกาแสดงความห้าวแกมบ้าออกมา
ชัดเจน และเธอคิดว่าที่ศศินติดใจพิมพิกาอาจจะเพราะการที่หล่อนมีความ
เป็นตัวเองสูงมากนั่นเอง หล่อนไม่เหมือนพวกสาวๆ ทีศ่ ศินเคยติดต่อ
คบหา หล่อนบ้าเลือดก็สุดๆ และยามหวานก็คงจะสุดๆ อีกเหมือนกัน
เพราะเธอมองเห็นประกายตาของลูกชายราวกับว่าหากเขาสามารถกลืนกิน
หล่อนเข้าไปในอกตัวเองได้…เขาคงจะทำไปนานแล้ว
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
864/913

งานแต่งใหญ่โตหรูหรามากงานหนึ่งของปี เพราะทางเจ้าบ่าวมี
นามสกุลอันเก่าแก่และมีเกียรติยศสะสมไว้สูง อีกทั้งเงินตรานั้นเล่าก็เรียก
ว่าเป็นพวกเงินถุงเงินถังมาแต่ดั้งเดิม แม้พิมพิกาจะโนเนมในแวดวงสังคม
พวก ไฮโซฯก็ตามที แต่หล่อนก็เอาความสวยของตัวเองเข้าข่ม ทำให้เกิด
เสียงพูดถึงหล่อนหนาหูว่าหล่อนไปเก็บตัวที่ไหน แทบจะไม่มีใครเคยเห็น
หล่อนมาก่อน
มีการฉายวิดิทัศน์ในงาน…ก็เรื่องของเจ้าบ่าว…เพราะพิมพิกาไม่ได้ให้
รายละเอียดของตัวมากนัก และส่วนที่ทำให้เกิดความรักของเขากับหล่อน
ได้นั้น ดนุเก็บงำเงียบมานาน และมาเปิดในงาน
“ต๊าย…”
พิมพิการ้องออกมาเบาๆ ข้างกายของศศิน
เพราะมีภาพกระทั่งว่าหล่อนโบกรถของศศินอย่างไร เสียงหัวเราะกัน
เกรียว…และตบมือกันอีกด้วย
“อีตาพี่ดนุ…แหม…มันน่า…เอาจันทร์มาประจานหมดแล้ว…ยายตา
แน่ๆ เลย…ต้องยายตา…เพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากจันทร์กับยายตา
สองคน แล้วไอ้ขานั่น…” หล่อนทำท่าหยิ่งๆ “จะหาคนมาแทนจันทร์
ทั้งที…ขายังไม่สวยเท่า ทำไมคุณไม่บอกจันทร์ล่ะคะว่าจะทำ จะให้เอาตัว
จันทร์ไปเองเลยตรงนั้น”
865/913

“ก็แวบเดียวเอง” เขาบอก “แล้วผมก็หวงของผม จริงๆ น้า…คุณ


จันทร์ ผมไม่ให้คุณนุ่งกระโปรงสั้นๆ กางเกงขาสั้น…ไม่อย่างเด็ดขาด”
“กลัวอะไรกันคะ”
“คนอื่นจะมองมากไป”
“แค่มอง…เอาไปได้ซะที่ไหน”
“พูดอย่างนี้ซิ มันน่า…”
ความรักเริ่มต้นที่หัวหิน…บทเพลงหัวหินสิ้นมนต์รักใช้ได้…และมีภาพ
ที่ พิมพิกาไปถ่ายทำเป็นตัวแทนใต้น้ำ…มีภาพหล่อนเต็มตัวในชุด
ดำน้ำ…ซ้อนด้วยภาพของศศิน…ดนุทำงานชิ้นนี้ด้วยการตัดต่อมาอย่าง
ยอดเยี่ยม
“นี่…คุณศิน” พิมพิกาสะกิดเขา “มีอะไรอีกบ้างที่แอบทำเรื่องจันทร์
โดยยังไม่ได้บอกจันทร์น่ะ”
“สงสัยอะไร”
“ก็อีตาพี่ดนุนั่นแกเก็บฟิล์มจันทร์ไว้หลายเรื่องนะคะ ก็จ้างจันทร์หน
เดียวไปเป็นตัวแสดงแทน…แต่แกเอามาหากินได้หลายรอบ แกน่าจะจ่าย
เงินให้จันทร์อีก”
“อ้อ…ขีง้ กยังงี้เอง” เขาลากเสียงล้อๆ “ผมขอให้เขาเอามาตัดต่อแล้ว
ใส่เรื่องเข้าไปเท่านั้นเอง มีแค่สองชุดนี่ละ…ที่บ้านเรื่องของเราสองคนล้วนๆ
…แล้วก็มาเรื่องนี้เลย…ไม่ชอบรึ”
866/913

“ชอบค่ะชอบ…ใครว่าไม่ชอบ แต่มันจะเหมาะหรือคะ”
“ใครๆ ก็อยากจะอวดว่ารักกันอย่างไรแบบไหน ไม่เป็นไรหรอก
ตรงนี้เวอร์ไปบ้าง…แต่ไม่มีใครมาตำหนิเพราะรู้ว่าวันอย่างนี้ต้องยกให้”
หล่อนเจอดนุ ต่อว่าเขา…ดนุก็โยนให้กับศศินคนเดียว
“พี่เป็นลูกจ้าง…ทำงานตามสั่ง”
“แต่รู้ไหมว่าจันทร์ขาดทุน ต้องจ่ายค่าตัวจันทร์ด้วย”
“งกจัง…ไม่มีจะจ่าย…แล้วมีคนติดต่อจันทร์มาหลายรายนาคราวนี้
เห็นหน้าตาด้วย”
“ไม่”
เสียงสอดปฏิเสธนั่นคือเสียงศศิน
“ไม่มีการไปถ่ายอะไรให้ใครอีก”
“ทำไมล่ะฮะ โอกาสดี…ข้อเสนอดีๆ ”
“ผมไม่ต้องการให้จันทร์เป็นของสาธารณะอีกแล้ว”
“หากจันทร์โอเคล่ะ”
“เสียใจจ้ะ ผมจะตามก่อกวนถึงที่สุดเลยเชียว”
เขาตอบด้วยความอ่อนหวาน แต่มีกระแสของความเอาจริงเต็มล้น
ทีเดียว
867/913

“ผมจะเก็บเอาไว้ถ่ายดูเอง”
“เฮอะ…สงสัยจะเป็นหนังหยั่งว่า”
ดนุที่ยังยืนอยู่ด้วยรีบเสนอตัวเอง
“ขอให้มีโอกาสเป็นตากล้องด้วยนะ จันทร์”
“พี่นุ…ลามก…ไม่ทันไรเลย”
ดนุและศศินพากันหัวเราะไปพร้อมๆ กัน และพิมพิกาสอดส่ายตา
มองหา ชนิตา ชนิตากำลังจะกลับ
“พรุ่งนี้จะไม่อยู่ จะกลับไปเตรียมของ”
“จะไปไหน?”
“พักร้อน”
“จะไปไกลรึ”
“ยังไม่รู้เลย”
“อ้าว…ตา…จะไปพักร้อน…เธอยังไม่มีจุดหมายปลายทางอีกรึไปหัว
หินด้วยกันไหม…เราจะไปวันพรุ่งนี้…จะไปรับเธอที่อพาร์ตเม้นต์”
“ไปกันเถิด ฉันจะต้องมีเรื่องจัดการอีก”
“แล้วพักร้อนกี่วัน”
“ยื่นเอาไว้สิบวัน”
868/913

“น่าเสียดาย…เราจะได้ไปจอยกันนะ”
ชนิตาออกมาแล้ว หล่อนทำเรื่องลาพักร้อนถูกต้องทุกประการ และ
หล่อนคิดว่าหล่อนน่าจะเคลียร์เรื่องที่ยังคั่งค้างอยู่ได้ภายในสิบวัน…
หวังว่าคงจะลงเอยเรียบร้อยด้วยดี และหล่อนเองไม่ได้คาดหวังจะให้
เขามาสำนึกผิดกับหล่อนเลยด้วย
หล่อนขอแต่ว่าให้มันจบสิ้น…เพราะที่ค้างคาใจหล่อนเองก็ยังมี…
70

ชนิตาขับรถมาจอดเลยบ้านหลังที่หมายตาไปเล็กน้อยไม่ให้คนใน
บ้านหลังที่หล่อนต้องการจะเข้าไปได้รู้ว่าหล่อนจะเข้าไปที่นั่น เผอิญว่าตรง
ทีจ่ อดรถนี้กเ็ ป็นบ้านที่ติดประกาศบอกให้เช่าหรือขาย อีกหลังที่ขนาบไป
ด้านโน้นก็เช่นกัน…มีป้ายติดบอกเช่นกัน
หล่อนยังนึกเลยว่าทำไมผู้คนจะทิ้งหมู่บ้านนี้ไปหมด และบรรยากาศ
โดยรวมๆ ก็ดูวังเวงไม่น่าจะสบอารมณ์เท่าใดเลย ยิ่งเป็นตอนดึกๆ อย่าง
นีด้ ้วยยิ่งดูเงียบ…น่ากลัว หล่อนเป็นคนใจถึงเกินไปหรือเปล่า…หญิงสาว
ถามกับตัวเองอยู่เหมือนกัน
ก่อนจะลงรถ…ล็อกเอาไว้แล้วเดินมาหน้าบ้านที่ไม่มีประกาศบอกว่า
ขายหรือให้เช่า มีแสงไฟในบ้าน
ชนิตาระบายลมหายใจยาว หล่อนรู้ว่าที่คิดเอาไว้มันไม่ผิด
เขาอยู่ที่นี่…และอาจจะอยู่มาแต่แรกด้วยก็ได้
ไม่มีรถยนต์จอด ที่ว่างอันเป็นสนามนั้นแม้จะเป็นยามดึกยังมองเห็น
ว่ารกจัด เหมือนเจ้าของบ้านจะไม่เคยใส่ใจอะไรเลยมองหาออดก็พบว่า
ห้อยรุ่งริ่ง
870/913

เฮอะ..มันน่าหัวเราะเยาะนัก…เจ้าตัวเป็นสถาปนิกผู้เก่งกาจ…ผู้
สร้างสรรค์บ้านหรือคอนโดมิเนียมที่หรูเริ่ด แต่หมดปัญญาจะดูแลบ้าน
ตัวเอง แค่ออดติดหน้าบ้านก็ยังปล่อยให้สายไฟมันห้อยลงมา แล้วตัวออด
สีขาวนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะร่วงลงพื้นได้ไม่ยาก
หล่อนกดเรียก เสียวๆ เหมือนกันว่าจะถูกไฟดูดได้ เพราะมันคงจะ
อยู่กับน้ำค้างและฝนมาไม่น้อย เอานิ้วจิ้มแล้วรีบดึงกลับคืนเสียทันที
รอคอยอยู่แต่ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีคนมาเปิดประตูบ้านให้แต่อย่างใด
เอาละ…เมื่อไม่มาดีๆ หล่อนก็กระหน่ำนิ้วรัว ไม่เกินสองนาที ประตูหน้าก็
เปิดผางออกมา พร้อมกับเสียงตะโกนสบถสนั่น
“ไอ้หอก…เสือกมากดทำไม…เดี๋ยวกูเอาปืนส่อง”
อวดท่านักเลงเสียอีก เห็นเขายืนจังก้าโดยมีแสงไฟส่องจับจาก
ข้างหลังเขา สารรูปนั่นดูไม่ได้ แม้จะเห็นในระยะเกือบจะสิบเมตร
“ไปให้พ้นโว้ย มารบกวนตอนดึกๆ ดื่นๆ จะมาเรี่ยไรขอบุญก็มา
ตอนกลางวัน ขืนกดออดอีก กูเอาถึงตาย”
“ก็ทำซิ”
ชนิตาแผดเสียงแว้ดกลับไปทำให้เขาชะงัก ขยายดวงตากว้างขึ้น
บอกตัวเองว่าเขาหูแชเชือนไปเองมากกว่า ไม่น่าจะเป็นหล่อน…หรือหล่อน
จะตามมาหลอกหลอน ชนิตาเขย่าประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมกรังดังโครมๆ
“เปิดนะ มาเปิดประตูให้ฉัน”
871/913

“ชนิตา…”
เขาครางออกมา ยังงงงันทำสิ่งใดไม่ถูก หล่อนมาทำไม…หล่อนจริงๆ
ล่ะหรือ…ก็ที่หลบมานี่น่ะเพื่อจะให้ตัวเองเรียนรู้ถึงความผิดพลาดที่ได้
กระทำลงไป เขามาอยู่ตรงนี้เพื่อเรียนรู้ถึงความสงบเขาต้องการทบทวนดูว่า
เขาทำผิดพลาดไปตรงไหนบ้าง
เขาไม่เคยมีเวลาอันสงบๆ มาก่อนเลย เขาไม่มีตรงนั้น…เขาบอกกับ
ทางบ้านว่าจะไปให้ไกล…กุเรื่องเหมือนว่าเขาเดินทางออกนอกประเทศไป
นานแล้ว…ไม่ได้อยู่ในนี้อีก
แต่เขามาจมอยู่ที่นี่…อยู่คนเดียว…ไม่มีคนอื่นอีกเลย
ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเอง…ด้วยความสงบสุขอย่างไม่
ได้พบเจอมานานแล้ว…ไม่มีใคร…ไม่มีเลย…
แล้วจู่ๆ ชนิตาก็มาปรากฏตัวตรงนีเ้ ข้าให้…มันเหลือเชื่อมากสำหรับ
เขาที่มีชนิตามาโผล่ตัวอีกหนหนึ่ง…หล่อนมาแบบไม่คาดฝันอีกด้วยว่าจะใช่
หล่อน แต่เขาจดจำเสียงนั่นได้…หล่อนกลายเป็นเรื่องค้างคาใจเป็นอันมาก
เป็นสิ่งที่เขาเองไม่ได้คาดถึงมาก่อนเลยว่าจะได้ยินเสียงนี้อีก
เขาเคยชังหล่อน…เคยอยากเสือกไสหล่อนจนบ้าคลั่งกระทำเรื่องอัน
เลวร้ายลงไปก่อนจะพบว่าที่ตรงนั้นเขาแคร์มากมายนัก ก็ชีวิตมาตกลงตรง
นี้เพราะใครกันเล่า…หากไม่ใช่เพราะหล่อน…ก็ตัวหล่อนเอง…
“จะมาเปิดประตูได้หรือยัง”
872/913

เขาพาตัวเองเดินออกมา ชนิตาเห็นเขาเต็มตาแล้ว ใจที่เคยเข้มแข็ง


ของหล่อนพลันวูบลง
ก็ไยเขาปล่อยตัวถึงเพียงนั้นด้วยเล่า…ทำไม…ไยกัน…ไม่น่าเลย…ไม่
น่าจริงๆ …
เขาดูโทรมจัด…
ชนิตาเกาะช่องเหล็กโปร่งเอาไว้มั่นในมือ แล้วหล่อนก็ครางออกมา
“ใช่คุณจริงๆ ด้วย…ทำไม?”
ปล่อยคำถามหลังออกมาด้วยเสียงอันสั่นสะท้าน เขาเอาลิ่มเหล็กออก
จากที่แล้วยกห่วงคล้องขึ้น ดึงประตูเปิด ต่างประจันหน้ากันโดยไม่มบี าน
รั้วเหล็กมากั้นกลางอีกต่อไป หล่อนมองเขา…แล้วน้ำตาพลันเอ่อซ่านออก
มาเต็มตาเลยทีเดียว
“คุณมาอยูท่ ี่นี่จริงๆ …เหมือนที่ฉันคิด แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่ฉันขับรถ
หลงด้วยนะ…แล้วถึงมาหาเจอ”
“ไม่รู้จะไปไหน”
เขาตอบเสียงเรียบ มีกลิ่นเหล้าระเหยออกจากตัวของเขารวมกับกลิ่น
เหม็นอับราวกับเป็นกลิ่นสาบ เขาคงจะไม่ได้ดูแลตัวเองดีเหมือนเคย
ผมเผ้าไม่เป็นระเบียบ…หนวดเครารกครึ้ม…ช่างห่างไกลกับภาพเดิมๆ ของ
เขาเป็นอันมาก นีห่ ากว่าคนรู้จักเขามาเห็นเขาในยามนี้เข้าแล้วก็คงจะพากัน
ช็อคเสียเป็นแน่แท้ เพราะเหมือนคนละคน…แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
873/913

วิษณุคนเก่าที่เคยเนี้ยบเป็นระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นหายไปเสียข้างไหน
กัน…
เขาทำร้ายตัวเองเพื่ออะไร…สิ่งที่เห็นนี้ชนิตาไม่อาจจะเรียกว่าเป็น
อย่างอื่นไปได้นอกเสียจากการทำร้ายตัวเองของเขาเท่านั้น
หรือเขาสำนึกผิด…เรื่องหล่อนหรือ…คุณหญิงเพลินบอกว่าเขาไม่เคย
เป็นอย่างนี้มาก่อน เขาไม่ได้ลำพองว่าเขาเอาชนะหล่อนได้ การจากบริษัท
ไปของหล่อนไม่ได้นำมาซึ่งความปลื้มเปรมใจของเขาแต่อย่างใดทั้งสิ้น
และตอนหล่อนนอนอยู่โรงพยาบาลนั้น…เขาก็ยังเคยย่องแอบไปเยี่ยม
หล่อนโดยไม่บอกกล่าว จะว่าไปดูว่าหล่อนไม่ตายก็เห็นจะไม่ใช่เหมือนกัน
ไม่น่าจะใช่ตรงนั้นไปได้…
และยังการที่เขาแวะไปบอกลานั่นอีก…หล่อนไม่เข้าใจเจตนาแท้จริง
ของเขาเลย…เขายังต้องการจะเห็นสิ่งใดจากหล่อนอีกกระนั้นหรือ…และการ
ที่เขาหลบหน้าหลบตาหนีออกจากบริษัทที่เขารักมากนั่นอีก…น่าสงสัยเสีย
นักหนา
หล่อนก้าวเข้ามา
“แล้วรถล่ะ”
“จอดไว้ตรงนั้นไม่น่าจะหาย รถฉันเก่าแล้ว”
“เอามาจอดในบ้านก่อนก็ได้ แต่ที่จริง…” น้ำเสียงของเขาลังเลและ
ไตร่ตรองเป็นอันมาก “ดึกแล้วไม่น่าจะอยู่นะ กลับไปก่อนดีไหม”
874/913

“ฉันคิดว่าจะค้างที่นี่”
“เอาอย่างนั้นแน่นะ”
“ใช่…”
ชนิตาตอบอย่างหนักแน่น มากไปด้วยความจริงจัง มองเห็นท่าที
เหมือนไม่ได้เชื่อถือของเขาเอาเสียเลย
“ไม่เหมาะมั้ง”
“มีเหตุผลที่ดีพอหรือเปล่าล่ะ”
“เธอเป็นผู้หญิง ที่นี่อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ”
“เหรอ” ชนิตาลากเสียงยาวถามอย่างยียวนเป็นอันมาก “แล้วอะไรที่
ผ่านมานั่นน่ะ…เคยคิดถึงตรงนี้ไหม ฉันน่ะผ่านอะไรที่ร้ายๆ มาเกินพอ ไอ้
คำว่าไม่ปลอดภัยน่ะมันเรื่องเล็กไปแล้วล่ะ”
เขาหน้าตาเจื่อนไปมาก จะมองหน้าหล่อนก็ไม่เต็มตาเท่าก่อนอีก
ต่อไปแล้ว
“เธอจะมาซ้ำเติมฉันรึ”
“เปล่า…ฉันแวะมาดูว่าที่ฉันแน่ใจว่ามันผิดหรือมันถูกกันแน่”
“เธอก็มาเห็นฉันแล้ว…กลับไปได้ไหม”
“กลัวฉันขึ้นมาแล้วรึ”
875/913

หล่อนเดินเข้ามาประจันหน้าในระยะใกล้ เอานิ้วชีจ้ ิ้มอกเขา วิษณุ


ถอยหลังไปทีละน้อย
“ชนิตา…ฉันขอร้อง”
“ฉันถามว่ากลัวฉันรึไง”
“ฉันไม่อยากทำผิดพลาดอีก”
“จะเป็นคนดี?…นี่คือการบำเพ็ญตัวเพื่อชะล้างสิ่งผิดของตัวเองอย่าง
นั้นรึ เหมือนหมาเข้าไปทุกทีแล้ว…เคยเห็นตัวเองบ้างหรือเปล่า…สารรูปนี่
น่ะดูไม่ได้…เหม็นเน่า…น่าสะอิดสะเอียน…แล้วก็ยังเป็นไอ้หน้าตัวเมีย
ขี้ขลาด…หนีมาทำไม…ไม่เย่อหยิ่งจองหองเท่าเดิมเล่า”
“ชนิตา…อย่า…”
หล่อนต้อนเขามาถึงประตูบ้าน
“ฉันสะอิดสะเอียนคุณตอนนี้จริงๆ เอาละ…หากฉันมาแล้วทำให้คุณ
เปลี่ยนสภาพไม่ได้ให้มันรู้กัน”
“เธอจะอยู่ค้างคืนที่นี่?”
“ใช่”
“แล้วหากฉัน…ฉัน…”
“จะข่มเหงฉันอีกใช่ไหม ก็ลองซิ…ลองดูแล้วกัน”
876/913

“เธอเป็นผู้หญิง…เธออย่าเที่ยวมาท้าทาย แล้วการท้าทายผู้ชายก็ไม่ได้
เป็นเรื่องถูกต้องอีกด้วย”
“ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายโสโครกมาแตะต้องตัวฉัน แล้วตอนนีน้ ่ะ…ฉัน
ว่าคุณสู้แรงฉันไม่ไหวแน่ๆ อย่าลำพองไปเลยว่าตัวเองยังเข้มแข็งมากไป
ด้วยเรี่ยวแรงพอจะปลุกปล้ำฉันได้ เข้าไปรอฉันในบ้าน…จะไปเอารถเข้ามา
จอด แล้วอย่าหวังเลยนะว่าฉันจะมาแล้วไป”
หล่อนบ้าไปแล้วหรือไร…สิ่งที่ชนิตากำลังทำนั้นวิษณุคาดเดาไม่ออกว่า
หล่อนทำเพราะเหตุใด และหล่อนต้องการสิ่งใดจากเขาอีก เมื่อหล่อนกลับ
เป็นตัวของหล่อนเองอีกหนนั้น…เขาก็รู้สึกว่าตัวเองย่ำแย่ลง มาดของ
ผู้หญิงเข้มแข็งแกร่งคืนกลับมาอีกหนหนึ่งแล้วเขารู้ว่าจริงๆ แล้วนั้น…เมื่อ
แรกของการไม่ชอบหน้าชนิตาก็เพราะว่าหล่อนเป็นคนเก่งเกินไป…ดีเกิน
ไป…แม่เขาชื่นชมหล่อนมากไป…หล่อนก็แค่ผู้หญิง ใจเขาคิดแบบนั้นมา
แต่แรก ดังนั้นเขาจึงแทบจะรับหล่อนไม่ได้เลย สิ่งที่เขาแสดงออกต่อ
หล่อนเรียกว่าไม่ดเี ลย แต่เขาก็ทำลงไปแล้ว…เขาทำลงไปด้วยความรู้สึกที่
อิจฉา…อยากจะเห็นหล่อนพินาศลง…อยากจะเห็นความย่อยยับของหล่อน
แต่ครั้นทำลงไปแล้วจริงๆ กลับไม่เป็นเหมือนที่เขาหวัง…กลับไม่ใช่
สิ่งที่เขาเคยคาดหมาย…เขารู้สึกติดค้าง…เขาผิด…
บ้านหลังนี้ที่เขาหลบมาซุกซ่อนตัวเอง…เหลือร่องรอยของหล่อน
ประทับค้าง เงาของคืนวันที่เขาลากหล่อนมากักขังเอาไว้…และยังลงมือ
ข่มเหงหล่อนด้วยความบ้าคลั่ง ผู้ชายที่ให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำนั้นก็คง
877/913

ไม่ต่างไปจากเขาสักเท่าใด…คือทำลงไปแบบไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายอยู่
และควรจะต้องรับรู้ว่าผู้หญิงนั้นมีเอาไว้เพื่อทะนุถนอมเท่านั้น
หล่อนเดินออกไปแล้ว ได้ยินเสียถอยรถเข้ามา เสียงขยับเลื่อนประตู
เหล็กด้านหน้า แล้วอีกอึดใจเดียวหล่อนก็เข้ามาให้เห็นตัว มองกวาดไปรอ
บๆ ในแสงสว่างที่ดูมัวๆ …ก็ไฟหลอดสีเหลืองนั่นแหละ เขาเองไม่เคย
ใส่ใจว่าบ้านจะอยู่ในสภาพใด ความเนี้ยบของตัวเองถูกสลัดโยนทิ้ง แล้ว
ชนิตาก็ออกปากมาว่า
“เหมือนคอกหมู”
เขาหัวเราะหึๆ
“ใครให้เธอมาล่ะ”
“ฉันรับปากคุณหญิงไว้”
“แม่ไหว้วานเธอรึ?”
“คนแก่ร้อนใจ…ไม่รู้จะไปตามที่ไหน แต่ฉันคิดว่าจะต้องมามุดอยู่
ที่นี่”
“แล้วเธอต้องการอะไรจากฉันอีก”
“ฉันอยากรู้บางอย่าง…เอาละ…ฉันจะไม่คุยกับคนเมา ฉันจะหาที่ว่าง
สะอาดๆ นอนได้ไหมคืนนี้”
878/913

เขาได้เห็นหล่อนมีกระเป๋าหิ้วมาด้วย และเพิ่งจะสังเกตการแต่งตัว
ของหล่อนเต็มตา
หล่อนแต่งตัวสวยเหมือนเพิ่งกลับมาจากงานใหญ่ๆ สักงานหนึ่ง พอ
คิด…เขาก็ปากไวเท่าความคิดนั้นที่ได้ออกปากถามออกไปแล้ว
“เธอไปงานเลี้ยงที่ไหนมารึ”
“งานแต่งจันทร์” คำตอบไวทันใจ “แสลงใจไหม…จันทร์กับคุณ
ศินน่ะ”
“ไม่”
“ปากแข็งอีกล่ะซิ เห็นทำท่าปลื้มจันทร์จะแย่”
“ก็แค่เคยๆ ”
เขาเดินไปนั่งกินเหล้าต่อ แถมยังออกปากเอื้อเฟื้อมาอีกด้วยว่า
“มีข้าวกินนะ มีแกงส้ม…ฉันออกไปซื้อมาจากปากซอย”
“เดินไป?”
“ใช่ ถามทำไม”
“รถไม่มีใช้แล้วรึ”
“ฉันออกจากบ้านมาแต่ตัว”
“อยากจะพิสูจน์ตัวเองเป็นลูกผู้ชายหรือไง”
879/913

หล่อนถามหยันๆ เยาะเย้ยอยูใ่ นประโยคนั้นอีกด้วย…แล้วก็เดิน


เลี่ยงไปทางอื่น ไม่รู้หรอกว่าหล่อนเข้ามาอยูก่ ระจ่างกลางใจของเขาสักแค่
ไหน ภาพของหล่อนเหมือนแสงสว่างสาดส่องเข้ามาในความหม่นมัว
เหมือนมาเติมในชีวิตทีก่ ำลังขาดตกบกพร่องให้มันดีขึ้น แต่หล่อนจะยอม
ให้อภัยและรับคำขอโทษของเขาได้สักแค่ไหนกัน หล่อนจะเชื่อหรือไม่ว่า
เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผู้ชายชื่อวิษณุคนนี้เหมือนไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
เขาไม่ได้เย่อหยิ่งถือตัวดังเก่า รวมทั้งดับไฟริษยาที่มีต่อหล่อนไปหมดแล้ว
อีกด้วย
เขาได้เรียนรู้ว่าเมื่อเขาเอาไฟมาไว้ในอกเพื่อจะเผาชนิตาให้วอดวาย
นั้น มันไม่เพียงแต่เผา ชนิตาดังทีเ่ ขาต้องการ สุดท้ายนั้นมันได้เผาเขาเสีย
เองด้วย
สาดเหล้าเข้าปากไปอีก ขวดเหล้านั้นเกลื่อนเต็มบ้านไปหมด หากเก็บ
ขายน่าจะได้ราคาไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะเก็บบ้านไม่เคยกวาดถู หล่อน
จะต้องเหนื่อยแน่ๆ ประเดี๋ยวเถิด…คงจะได้ออกมาแว้ดๆ ใส่เขา แต่เขาคิด
ผิดไปหมด…หล่อนไม่ได้ทำแบบนั้นเลย เขาถือแก้วเหล้า…ลุกขึ้นเป็นฝ่าย
เดินตามไปหาหล่อน บ้านชั้นเดียวนี้ไม่ได้มีหนทางสลับซับซ้อน เดินแค่นิด
เดียวก็ตามหาหล่อนเจอ ชนิตากำลังเก็บทำห้องนอน หล่อนเปิดไฟทุกดวง
ในห้องนั้น…และหล่อนผลัดเสื้อผ้าจากชุดสวยออกพ้นตัวแล้วด้วย
พอปรายตามาเห็นเขาเข้า…หล่อนก็คงจะเหลืออด
880/913

“นอนเข้าไปได้ไง…สกปรก ผ้าปูเตียงไม่ได้ซักมาเป็นเดือนแล้วมั้ง
คลั่กแล้วก็เหม็น ฝุ่นที่พื้นหนาเป็นคืบแล้ว ไม่รู้ทนได้ไง”
“มันคุ้นซะแล้ว”
“ฉันพยายามนึกถึงสภาพที่คุณเคยเป็น ให้ตาย…ฉันคิดไม่ออก
นี่…อย่าเพิ่งย่ำเข้ามานะ…อย่าเพิ่ง” หล่อนร้องลั่น “ตัวเองน่ะสกปรกซ่กม่ก
ฉันทำความสะอาดห้องนี่ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยถึงตาเคลียร์ตัวคุณ”
หล่อนพูดออกมาชัดเจนนัก และวิษณุก็ชะงักค้างอยูต่ รงหน้าประตู
นี่เอง ยกขาขยับค้างอยู่กลางอากาศ
หล่อนตั้งใจจะหมายความว่าอย่างไรกันแน่…
“ไปรอข้างนอกก่อน เสร็จแล้วจะออกไปตาม”
“ชนิตา…เธอจะมาไม้ไหน ฉันงงไปหมดแล้ว”
“ก็จะมาเชือด”
หล่อนกำลังเปลี่ยนปลอกหมอน ยืนหันหลังให้กับเขา ทำให้เขา
มองไม่เห็นสีหน้าของหล่อนเอาเสียเลย
“แต่ก่อนจะเชือดน่ะ ฉันไม่อยากจะให้เปื้อนมือตัวเอง”
เขาเดินเซๆ ออกมา ว่างแก้วเหล้าลง มันหมดไปแล้ว…ไม่ได้เติมใส่
ลงไปอีกแต่อย่างใด หากแต่ว่าเขาก็เมาจัด…อาจจะเมามากกว่าทุกวันที่เคย
เป็นมาก็ได้ เมาเพราะการมาถึงของชนิตา…เพราะท่าทีและน้ำคำของหล่อน
881/913

รวมๆ กัน จะดีหรือจะร้ายต่อไปนั้นเขาก็ยังไม่อาจจะแน่ใจได้เหมือนกัน


เขานั่งกุมหัวอยู่ตอนหล่อนมาลากเขาเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ผ่านจาก
ห้องนอนที่หล่อนเพิ่งเก็บทำความสะอาดไปแล้วนั้น
หล่อนพาเขาอ้อมเข้าอีกห้อง แล้วหล่อนก็ทำให้เขาแทบจะสร่างเมา
เมื่อออกคำสั่งกับเขาด้วยเสียงเรียบ
“ถอดเสื้อผ้าออกแล้วลงไปนั่งในอ่างนั่น”
“อะไรนะ”
“ไม่ต้องมาทำท่าตกใจ ฉันสั่งอะไรก็ทำไปแล้วกัน”
“ชนิตา…แต่ว่า…”
“จะบอกว่าอายรึ..ทำไมหน้าบาง…ฉันยังกล้าจะดู”
“เธอจะทำอะไรฉัน”
“จับคุณอาบน้ำไง ฉันจะไม่ทนอยูก่ ับไอ้ขยะเคลื่อนที่เหม็นหึ่งหรอก
นะ เอ้า…ยังจะยืนเฉยอยู่อีกทำไมกัน”
หากเขาไม่ทำตามคำสั่งนั่น…หล่อนจะทำอะไรกันแน่…หล่อนจะเข้ามา
จู่โจมปล้ำถอดเสื้อผ้าของเขาเองหรือเปล่าหนอ…
เขาลงมือถอดออก แม้จะยังมึนเมาแต่ก็กระดากทีห่ ล่อนกอดอก
รอคอยอยู่ หล่อนทำท่าเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กชายวัยสิบขวบที่กำลังงอแง
ไม่ยอมจะอาบน้ำชำระกาย เขาก้มหน้าลงหันข้างให้แล้วยอมลงไปอยูใ่ นอ่าง
882/913

ทีห่ ล่อนเปิดน้ำเอาไว้แล้ว หล่อนคุกเข่าลงมาข้างๆ อ่าง เขาจับมือหล่อนเอา


ไว้ก่อนหล่อนจะได้แตะต้องตัวเขา…
“ชนิตา…ไม่จำเป็น…หากเธอเหม็นกลิ่นฉันนัก ก็แค่ว่าให้ฉันอาบน้ำ
เองก็ได้”
“ฉันจะทำ”
“เพื่ออะไร”
คราวนี้ตาต่อตามองกันใกล้ๆ เขาได้เห็นความมุ่งมั่นบางประการใน
ดวงตานั้น เป็นสิ่งทีแ่ สดงให้เห็นธาตุทรหดอย่างยิ่งของหล่อน…ธาตุอัน
แข็งแกร่งที่เขายังต้องขอแสดงความนับถือออกมา
“ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพราะคุณหญิงขอให้ฉันตามหาคุณ แต่เพราะฉัน
อยากจะมาจัดการเรื่องที่ค้างคาอยู่ให้เด็ดขาดลงไปด้วย…คุณทำลายฉันไป
แล้ว…ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงที่จะเที่ยวแร่ไปหาผู้ชายคนอื่นๆ ได้อีก ระหว่าง
เรามันมีเรื่องมากมายในเวลาอันสั้น…แต่ก็เหมือนกรรมกำหนด ฉันตัดคุณ
ไม่ได้…ฉันถึงมา…เพื่อจะดูว่าคุณคิดอย่างไรกับฉัน…แคร์ฉันบ้างไหม”
“โอ…ชนิตา…”
เขาผวามาติดขอบอ่างแล้วกอดหล่อนแน่นจนทำให้เสื้อผ้าของหล่อน
พลอยเปียกเพราะแรงน้ำกระฉอก
“ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า เท่ากับเธอยอมให้อภัยฉัน…”
ชนิตาผลักหน้าของเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาสัมผัสถูกหน้าหล่อน
883/913

“สกปรก…อย่าเพิ่ง เอาละ…เดี๋ยวค่อยมาคุย เจ้าตัวเหม็น…ไม่สะอาด


ไม่คลีนเท่าเดิมอย่าได้หวังแอ้มฉันอีกนะ”
71

คุณผ่องพรรณนั้นรู้สึกว่าเหมือนได้วางความหนักใจลงแล้วอย่าง
สิ้นเชิง เธอรู้ว่าศศินจะสร้างครอบครัวของเขาตามแบบของเขา…ตามวิธี
ความเชื่อของเขา เธอมองเห็นว่าเขามุ่งมั่นจะสร้างครอบครัวใหม่อย่างดี
ที่สุด ความรักเบ่งบานโอบล้อมตัวเขาอยู่ เธอแพ้พ่ายต่อความจริงใจทีเ่ ขามี
ต่อพิมพิกา
โชคชะตา…เธอไม่อาจจะคิดเป็นอื่นได้อีก เพราะว่าศศินพบเจอกับ
พิมพิกาอย่างบังเอิญริมถนน แล้วก็กวัดไกวเข้าใกล้กันด้วยเรื่องนั้นนิด
เรื่องนี้หน่อย
เธอเดินห่างออกจากห้องหอ…เจอกับบุษยา…หลานสาวของสามีดู
‘กร้าน’ ขึ้น มองผิดตาไม่ว่าจะทรงผมที่ซอยมาใหม่ และเสื้อผ้าที่สวมใส่ บุ
ษยาไม่เคยแต่งตัวแบบล่อแหลมมาก่อนเลย นี่เจ้าหล่อนจงใจเปิด
เปลือยอกตัวเอง และแหวกแผ่นหลังขาวสล้างแต่งหน้าจัด…แถมยังมึนเมา
ตอนยื่นหน้ามาหาเธอนั้นได้กลิ่นเหล้าระเหยคลุ้ง
“คุณศินมีความสุขเต็มที่ซินะคะ คุณป้า”
“ใช่จ้ะ แล้วนี่เธอยังไม่กลับไปบ้านอีกรึ”
885/913

“ตอนนี้นุ่นอยู่อพาร์ตเม้นต์”
“อ้อ…ป้าลืมไป…แล้วเป็นไงมั่งล่ะ…ชีวิต”
“ก็เที่ยวไปกินไป”
“นุ่น…อย่าประชดชีวิตนะ”
“เปล่าค่ะ เพียงแต่นุ่นคิดว่าตัวเองโง่มาน้านนาน แล้วนุ่นก็คิดจะ
ลงทุนกับเพื่อนทำร้านเสริมความงาม นุ่นจะไปเข้าคอร์สอบรม ในเมืองไทย
นีห่ ลักสูตรสามเดือน แล้วหากเรามีเงินทุนก็จะไปต่อที่ออสเตรียด้วยค่ะ
นุ่นจะเปิดร้าน…จะต้องให้คุณป้าเป็นสมาชิกด้วยละ”
แววตาของเธออ่อนโยนลง
“หากเธอจะทำจริงๆ ป้าก็จะช่วยเหลือ เอาจริงหน่อยนะนุ่น…ป้าละ
ห่วง”
เมื่อน้ำเสียงของเธออ่อนปานนั้นก็ทำให้บุษยาหวั่นไหว
“ป้าไม่อยากให้เธอล้มเหลว นุ่น…ชีวิตแม่ม่ายนะป้าขอบอกว่าจะอยู่
ยากกว่าปกติ…ไม่เหมือนตอนเป็นสาว ผู้ชายนั่นแหละจะไม่เกรงใจเรา จะ
กล้าทาบจะมาลอง…จะหยาม เพราะฉะนั้นวางตัวให้เหมาะควร…โอกาสยัง
มี และตราบใดที่เธอมีเงิน…เธอจะรู้ว่าเธอไม่สิ้นไร้ผู้ชาย เว้นแต่เธอจะได้
ประเภทไหน ประเภทที่หวังแต่เงินแล้วไม่สนใจเธอจริงจัง”
“คุณป้า”
886/913

บุษยาโผมาหา กอดเธอเอาไว้แล้วร้องไห้ คุณผ่องพรรณแทบจะทำ


อะไรไม่ถูก ตอนแรกเธอก็ทำตัวแข็ง ทำท่าทางผะอืดผะอม เพราะจะว่ากัน
ไปเธอก็ไม่เคย ‘โปรด’ บุษยาเท่าไร คอยจับตาระวังว่าบุษยาจะคว้าจับ
ศศินเอาไว้หรือไม่ แต่ยามนี้เหมือนเด็กหลงทางโผมาซบ…มาร่ำไห้
เธอก็เป็นแม่คน…เป็นผู้หญิงเหมือนๆ กัน เธอถอนใจออกมาเฮือก
หนึ่ง ลูบหลังบุษยาไปมา
“นุ่นเอ๊ย…ร้องซะให้พอ แล้วเลิกขี้แย ป้าจะบอกให้ว่าเมื่อล้มจงรีบลุก
อย่ามัวสำออยนอนกลิ้งเกลือกรอความเมตตาอยู่ จะมีแต่คนย่ำผ่านไป
แล้วป้าก็บอกนุ่นได้แต่ว่าอย่าประชด ชีวิตน่ะเกิดมาน่ะชีวิตเดียว เราเป็น
คนไม่ใช่แมว…ไม่ได้มีเก้าชีวิต พลาดไปเราก็เจ็บช้ำเอง ค่อยๆ ไตร่ตรอง
ทบทวนและกลั่นกรอง”
“ทำไม…คุณป้าไม่สอนนุ่นก่อนหน้านี้”
เธอทำท่ากระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง
“นุ่นคิดว่าคุณป้าเกลียดนุ่น…เพราะหวงคุณศิน”
“ถ้าวันหนึ่งเธอเป็นแม่ เธอจะเข้าใจว่าทำไมป้าทำแบบนั้น แล้วอย่า
โทษป้าเลย คนอย่างศศินน่ะหากเขามุ่งมั่นแล้ว…ป้าขวางเขาไม่ได้ มันไม่ใช่
ความต้องการแท้จริงของเขา ศศินรู้ว่าเธอน่ะเหมาะจะเป็นน้องสาวของเขา
เสียมากกว่า”
“คุณป้ายอมรับพิมพิกาแล้วหรือคะ”
887/913

“ป้ารู้ว่าเธอไม่ได้เป็นไปตามที่นายมณฑลมันโพนทะนาสักหน่อย
แล้วศินก็รักเธอมากนัก ความรักของเขาทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าและ
ปกป้องเอาพิมพิกาไว้ นุ่นเห็นไม่ใช่หรือว่าพวกเขาเหมาะกันแค่ไหน”
นั่นยิ่งทำให้บุษยาสะอื้นแรงขึ้น และคุณผ่องพรรณก็รู้ได้อย่างหนึ่งว่า
หนองในอกของบุษยาที่เฟอะอยู่ก็ได้ไหลรินออกมาจนหมดสิ้น และแผลนี้
จะแห้ง…จะตกสะเก็ดแล้วก็จะจบสิ้น บุษยาจะมองศศินอย่างพี่ชายลูกผู้พี่
คนหนึ่ง หล่อนจะเลิกคิดว่าเขาพึงพอใจในตัวหล่อนอีกต่อไป ความเอื้อ
อาทรที่ศศินเคยแสดงออกนั้น…เขาให้กับน้อง…ไม่ได้ให้กับผู้หญิงที่เขา
ปรารถนา
เธอเองก็ประเมินเขาผิดพลาดไปมาก
///////////////////////////////////////////////////////////

คุณหญิงเพลินรับโทรศัพท์จากชนิตา
ที่รายงานมาสั้นๆ
“เจอเขาแล้วค่ะ”
“ที่ไหน”
888/913

“เขาไม่ให้บอกค่ะ”
คุณหญิงเพลินถอนใจยาว
“ขอบใจมากชนิตา ไม่ได้เธอ…ฉันคงจะไม่ได้ยินเรื่องราวของเขา แล้ว
เขาเป็นไงบ้าง…ผอมมากไหม”
“ขอโทษก่อนเลยนะคะ เผื่อจะโกรธ เพราะลูกชายคุณหญิงมอม
เหมือนหมา”
เธอหัวเราะมาให้ได้ยิน ไม่มีวี่แววจะขุ่นข้องใจแต่อย่างไรกับสิ่งที่
ได้ยิน
“แล้วมีแต่ขวดเหล้าเต็มบ้านไปหมด เขาทำตัวเหมือนคนไม่มีสติ”
“ฝากด้วยนะ”
“คุณหญิงมั่นใจหรือคะ”
“เขาติดค้างเธอ…เขาควรจะชดใช้ แล้วฉันคิดว่าเขาน่าจะได้โดน
ดัดสันดานเสียบ้าง”
“ดิฉันไม่กล้าจะคาดหวังว่าตัวเองทำได้ มันอยูก่ ับเขา…หากเขา
ต้องการจะเปลี่ยนก็คงจะได้ แต่หากเขาไม่เต็มใจตรงนั้น…ดิฉันก็สุดแรง
แล้ว”
“แค่นี้ฉันก็ขอบใจ ไม่รู้ว่าแค่ขอบใจจะพอหรือเปล่า ชนิตา…ฉันมีลูก
คนเดียว…ฉันก็ผิดมามาก…กว่าจะได้ดัดเขาก็ล่อเข้าไปตอนที่เขาอายุสี่สิบ
889/913

แล้ว ไม้นั้นมันแข็ง…เธอจะต้องเหนื่อยแรงและเจ็บมือหน่อยละ แต่พื้นฐาน


ของวิษณุ…ฉันเป็นแม่…ก็บอกได้ว่าเขาคงไม่ได้เลวมาตั้งแต่เกิด มีแต่เธอ
คนเดียวที่เข้าใจเขา”
“ดิฉันพยายามจะเข้าใจอยู่ค่ะ ก็ไม่เคยเข้าใจ เราทะเลาะกันมา
แต่แรก”
“นั่นอาจจะเป็นเพราะพระพรหม”
ชนิตาหัวเราะมาเสียงปร่าๆ
“คงจะเป็นพระพรหมภาคที่โหดละมังคะ”
“แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ดิฉันลางานไว้สิบวัน”
“นานกว่านั้นก็ได้”
“แล้วงาน?”
“เอาน่า…ฉันจะเข้าไปดูแลเอง ให้รไู้ ปว่าจะไม่มกี ารสานต่อกันได้
หรือหากเธอมีเวลา เธอก็โทร.เข้าไปสั่งงาน…ใช้โทรศัพท์ไปเลย มีมือถือ
ใช่ไหม…ถ้าไม่มไี ปซื้อนะ หรือหากขอเบอร์ทำเรื่องจดทะเบียนเครื่องมันช้า
ให้เธอเข้ามาแวะเอาที่บ้านฉันสักเครื่อง”
หญิงสาวหัวเราะ
890/913

“ที่นี่มีโทรศัพท์ค่ะ หากคุณหญิงอนุญาต ดิฉันจะสั่งงานทาง


โทรศัพท์”
“ขอย้ำอีกหนนะ อย่าว่าคนแก่พูดซ้ำไปซ้ำมาเลยนะชนิตาฉันติดค้าง
เธอ…ฉันขอบใจเธอ แล้วฉันหวังว่าเธอคงจะพาเขากลับมาด้วย…และเธอ
กับเขายุติศึกโดยสิ้นเชิง”
‘ศึก’ หรือ…ชนิตาวางโทรศัพท์ลงช้าๆ …หล่อนเห็นเขานอนคว่ำ
พังพาบอยู่บนเตียง เขามองมาที่หล่อนนิ่งๆ ตลอดเวลาที่หล่อนพูด
โทรศัพท์กับแม่เขาโดยเขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย เขาได้ยินคำพูดของ
หล่อนทั้งหมด และวิษณุกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
เมื่อคืนเหมือนฝัน…เขาคิดว่าตัวเองฝันไปตั้งแต่ตอนที่หล่อนมา
ปรากฏตัวหน้าบ้าน หล่อนเข้ามาจัดการกับวิถีชีวิตปัจจุบันของเขา นึกถึง
ตอนที่หล่อนอาบน้ำให้…หล่อนว่าเขาสกปรก…หล่อนทำเอาเขาตัวซีดปาก
เขียวจัดตอนดึงเขาขึ้นมาจากอ่างน้ำ…เขายังจำได้ว่าตัวเองสั่นเหมือนลูกหมา
หล่อนเช็ดผมเขาจนแห้ง…หล่อนหาเสื้อผ้าให้เขาสวมใส่…แต่ยังติว่ามี
กลิ่นสาบ…เขาคงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
และเมื่อคืนนี้เขานอนเตียงเดียวกับหล่อน วิษณุได้เรียนรู้ใหม่
ว่าความอดกลั้นเป็นอย่างไร หล่อนไม่ได้เอาอะไรมาขวางกั้น…หล่อนก็นอน
ร่วมเตียง…และหล่อนบอกว่าเขาจะต้องให้คำตอบหล่อนว่าเขามี
ความคิดเห็นอย่างไร…หล่อนจะเอาคำตอบจากเขาตอนเช้านี้
891/913

“ชนิตา…” เขาเรียกขาน
“หิวรึ”
“เปล่า…ผมจะพูดเรื่องของเรา”
“ก็พูดไปซิ”
“เธอจะให้โอกาสผมใช่ไหม”
“แต่ต้องไม่เหมือนเดิม”
“ผมจะไม่ข่มเหงเธออีก เมื่อคืนผมไม่ได้ล่วงล้ำก้ำเกิน…ไม่ได้แม้แต่
จะแตะต้องเธอ”
หล่อนหัวเราะเยาะใส่หน้าเขา เดินกลับมาทิ้งตัว…คุกเข่าบนเตียง ก้ม
ลงมองหน้าเขาที่แหงนมองสบตาด้วย
“เพราะคุณหมดแรง…คุณน่ะเมามาก”
“แต่ผมสร่างตอนคุณจับผมอาบน้ำสระผม”
“คุณป๊อกไปเลย แล้วมาแค่นคุยว่าไม่ได้ล่วงเกิน”
“ยังไม่เชื่อผมอีกรึ”
“ฉันกลับมาที่นี่อีกหน ฉันมา…เพื่อจะดูกับตาตัวเองว่าคุณเป็น
อย่างไร ฉันเห็นสภาพของคุณ…สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน…ฉันกำลังนึกถึง
ผู้ชายมาดเนี้ยบ ท่าทางยโสโอหัง”
892/913

หล่อนเปลี่ยนท่านั่งเป็นโอบเข่าที่ชันขึ้นของตัวเอง ดวงตาของหล่อน
เหม่อลอยเหมือนรำลึกไปถึงความหลังอันผ่านมาแล้ว…มันเหมือนไม่
นาน…แต่ก็เป็นปีๆ มาแล้ว
“ผู้ชายคนนั้นไม่เคยปรากฏตัวเองตอนที่ดูไม่ได้…ไม่เคยปล่อยตัวให้
ซ่กม่ก…ไม่เคยดูเหมือนไอ้ขี้เมาข้างถนน…ไม่มีอนาคต…แต่ก็น่ารัก…ไม่มี
พิษสง…”
มือหนึ่งลดลงมาลูบแก้มของเขา วิษณุแข็งทื่อตอนแรก…ชนิตากำลัง
ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กผู้ชายที่กำลังได้รับการดูแลเอื้ออาทร
แบบเห็นอกเห็นใจ
เขาค่อยๆ แนบแก้มข้างนั้นกดติดกับฝ่ามือของหล่อน
“ฉันชอบแบบนี้มากกว่าผู้ชายคนเก่าเสียอีก”
“ก็ไหนว่าผมซ่กม่ก”
“ฮื่อ…เหม็นไปหน่อย”
“ผมจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีก”
“จะให้ฉันเชื่อใช่ไหม”
“ผมหลบมา…ผมสบายดี…”
“แน่ใจหรือว่าสบาย…อาจจะไม่จริงก็ได้…อาจจะทุกข์ข้างใน”
893/913

“หากจะทุกข์กม็ ีเรื่องเดียวคือผมติดค้างเธอ ผมเสียใจชนิตา ยิ่งได้


ทบทวนยิ่งเสียใจนัก ผมทำร้ายเธอ…และผมก็ทำร้ายชีวิตอีกชีวิตด้วยความ
โง่เขลา…บ้าคลั่ง เธอต้องการคำตอบของผมใช่ไหม ผมไม่มี…แต่ผมมี
คำถามที่อยากจะถามเธอว่าจะให้โอกาสผมแก้ตัวสักครั้งไหม”
ชนิตาไม่ได้ตอบในทันที หล่อนหยุดลูบไล้แก้มสากๆ นั่น
“ผมจะไม่กลับไปที่บริษัท ตรงนั้นเป็นของเธอ เพื่อกันปัญหาการ
ขัดแย้งของเรา…ผมจะรับงานอิสระ…ผมจะอยู่กับบ้าน…แล้วเราก็มาลองดู
กันใหม่”
“นั่นคือการแก้ตัวหรือ แล้วจะให้ฉันเชื่อได้แค่ไหน”
“ต้องอาศัยเวลา”
“ใครบอก”
หล่อนทำให้เขาฉงน และเมื่อชนิตาแย้มยิ้มกว้าง การมองหล่อนอย่าง
พินิจทำให้เขาได้เห็นว่าชนิตาไม่ได้เป็นผู้หญิงขี้ริ้วดังที่เขาเคยกล่าวหาเลย
หล่อนดูดอี ย่างธรรมชาติ หล่อนดูสว่างตาขึ้นยามแย้มยิ้มเต็มที่ หล่อนยิ้ม
ได้ทั้งปากและตาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว หล่อนเป็นคนสวย…แต่สวยพิศ
มองผาดๆ ผ่านตาไปก็จะไม่เห็นอะไรเลย เขามองหล่อน ยิ้มตอบหล่อน
กลับไปบ้าง
“ไม่ต้องอาศัยเวลาอีกแล้ว…ตอนนี้…มาสองดูกันไหม”
“พูดอะไรออกมาน่ะ ชนิตา”
894/913

“ฉันขอให้คุณลองแสดงความรักกับฉัน”
“ชนิตา?”
“ทำเป็นตกใจไปได้”
“ผมไม่เชื่อว่าเธอจะขอ…”
“ถ้าทำได้แบบคนปกติทำกันจะยอม”
“ผม…เอ้อ…ผม…”
“คุณจะมัวแต่เอ้ออ้าอยู่รึ ฉันจะนับแค่หนึ่งถึงสิบเท่านั้นนะ
หนึ่ง…สอง…”
เขาโหย่งตัวลุกขึ้นตวัดคว้าร่างของหล่อนมากอด พึมพำออกมาว่า
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมยังมีโอกาสดีๆ หลงเหลือ…ขอบคุณสวรรค์
นัก”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวหินในวันธรรมดาค่อนข้างเงียบ และหาดแถวนี้กย็ ังดูสะอาด
ทรายยังขาว บ้านพักมีแต่หล่อนกับเขามาพักกันสองคนเท่านั้น ได้
บรรยากาศแสนจะเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง
“บ้านพักนี่ดจี ังเลยนะคะ ยังรักษาตัวเองเอาไว้ได้แม้ว่ารอบๆ จะ
แปรสภาพกันไปหมดแล้ว”
895/913

“เราอยากรักษามันเอาไว้ มีไม่กคี่ รอบครัวละแวกนี้ที่ยังชอบการมา


อยูบ่ ้านยามพักผ่อนตากอากาศ ผมเกิดไม่ทัน แม่ผมน่ะพอทันในยุคที่หัว
หินยังเฟื่อง แต่คุณย่าซิรุ่นนั้นเลย ท่านเคยเล่าว่าสนุกสนานแค่ไหน…มาหัว
หิน…ขี่ม้า…ว่ายน้ำและเป็นที่พบปะกันของหนุ่มสาว”
“ฟังแล้วหวานจังเลยนะคะ ฉันเคยชอบอ่านเรื่องปริศนาของท่านหญิง
วิภาวดี อ่านแล้วฝันออกบ่อยไปว่า…ตัวเองน่ะเป็นปริศนาด้วย”
“แล้วฝันเป็นจริงหรือเปล่า ผมพอจะเป็นพระเอกของปริศนาได้
ไหม…เป็นคุณชายน่ะ”
พิมพิกาหัวเราะ หล่อนพิงศีรษะกับไหล่ของเขา ก้าวเดินไปตาม
พื้นทรายนุ่มๆ หยุ่นๆ โดยที่สองเท้าเปลือยเปล่า ไม่ต้องกังวลว่าจะถูก
ของมีคมบาด
“ยังไม่รู้อีกหรือคะว่าใช่น่ะ ฉันไม่รวยพอจะมีบ้านพักตากอากาศ แต่
ฉันก็มีแล้ว”
“อย่าพูดเรื่องรวยจน เพราะเราไม่ได้รักกันเพราะเหตุนั้นไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า…”
“ผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น”
“ขาอ่อนของฉันล่ะซิท่า”
“อาจจะมากกว่านั้น…” เขาตอบยิ้มๆ “อาจจะเพราะกางเกงใน”
896/913

“โธ่…คิดลามกแล้วไง”
“ถ้าวันนั้นไม่พบกัน ก็ยังจะได้พบกันอีก…เพราะคุณมาทำงานกับดนุ
แล้วก็ต้องมาอาละวาดงานยายนุ่น บทบู๊คุณประทับใจผมซะยิ่งกว่า”
“แล้วตอนนั้นไม่ได้รักคุณนุ่นหรอกรึคะ”
“ฮื้อ…เรื่องไร้สาระ”
“เคยรักใช่ไหมล่ะ”
“ห่วงมากกว่า ยายนุ่นแกกำพร้าแล้วแกก็ค่อนข้างจะ…”
เขาเว้นระยะไปเล็กน้อย…ด้วยพยายามจะหาคำพูดออกมาเหมาะๆ
นั่นเอง เขาไม่อยากซ้ำเติมให้บุษยายิ่งดูย่ำแย่
“เด็กน่ะ…แกยังมีความเป็นเด็กสูงมาก แล้วนี่กเ็ ป็นแม่ม่ายเสียแล้ว
ก็ยอมรับนะว่าห่วง แต่ผมคงจะไม่เข้าไปจัดการอะไรให้…เพราะเดี๋ยวเมีย
ผมหึงตาย”
“แน่นอน” พิมพิกาตอบรับ “ฉันเป็นคนนิสัยไม่ดี ขี้หึงอารมณ์ร้าย”
“ไม่ต้องบอก…ผมก็รู้แล้ว”
“ฉันเกือบเสียคุณไปครั้งหนึ่งเพราะความไม่เอาไหนของฉันไม่ทำ
หรอกค่ะ…พูดไปอย่างนั้นเอง ระหว่างเรา…สิ่งที่ฉันจะท่องจำเอาไว้เสมอก็
คือหากมีเรื่องที่ทำให้ไม่เข้าใจ…ฉันจะถาม…จะลงนั่งคุยกับคุณตรงๆ
เปิดอกดีไหมคะ พี่พรรณอบรมฉันมายาวเหยียดทีเดียวก่อนจะแต่งงานน่ะ
897/913

เธอบอกฉันว่าจะเอาแต่อารมณ์ไม่ได้ เธอให้ฉันควบคุมมันให้ดี…ให้เป็น
นาย แต่อย่าให้อารมณ์มันมาเป็นนายเราได้ ฉันก็ทำแบบนั้นนะคะ”
“ดี…”
เขากอดหล่อนกระชับ น้ำทะเลอุ่นขึ้นมารอบข้อเท้า และพิมพิกาก็
เขม้นมองไปข้างหน้า เห็นหญิงชายคู่หนึ่งกำลังเดินตรงมาหา
“นั่น…ชนิตา” หล่อนบอก หยุดก้าวเดิน “ตามากับใคร”
หล่อนจำเพื่อนได้…แม้จะระยะไกล…เห็นจากท่าเดินที่คุ้นเคยนั่นเอง
ศศินมองตาม แล้วเขาก็บอกกับหล่อนเบาๆ
“ผมว่าน่าจะเป็นคุณวิษณุ”
“อะไรนะคะ”
“คุณวิษณุ”
“อะไรกัน ตาบอกว่าจะลาพักร้อน…ไปไกล…แล้วเขา…ตากับเขา…”
72

“ใช่…ตอนนั้นฉันบอกแบบนั้น…เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตามหาเขาเจอไหม
แล้วไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับฉันอีกด้วย”
ชนิตาบอกเมื่ออยู่กันตามลำพังสองต่อสองแล้ว พิมพิกาพินิจมอง
หน้าตาเพื่อน แน่ใจได้ว่าเห็นความอิ่มเอิบอยู่บ้าง ไม่ได้หมองหม่นและ
เต็มไปด้วยความซึมเศร้าดังที่เคยเห็นผ่านมาอีกต่อไปเพื่อนของหล่อนอาจ
พบเจอความสุขที่ปรารถนาแล้ว หล่อนไม่มคี วามรู้สึกใดจะให้เพื่อน
นอกเหนือจากความยินดี ดึงเอาชนิตามากอด พึมพำข้างหูว่า
“ดีใจด้วยนะตา ดีใจด้วยจริงๆ ”
“ขอบใจจ้ะ”
“เธอจะเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังไหม”
ชนิตาส่ายหน้า
“ทำไม”
“ฉันอยากจะเก็บไว้…ไม่ว่ายามเขาเป็นสัตว์นรกหรือจะเป็นคน…นั่น
คือความสัมพันธ์ของเขากับฉัน เราเพิ่งจะมาพบว่าเบื้องหลังความชิงชัง
899/913

โกรธแค้นต่อกัน…จริงๆ แล้วนั้นมันคือความผูกพัน มันเป็นความรู้สึกที่


เรียกว่าประหลาด และบางคนอาจจะเรียกว่าวิตถารก็ได้”
“ยังดี…ที่เธอกับเขามีโอกาสอีกหน” พิมพิกาบอกกล่าว “ในที่สุดเรา
สองคนก็พบเจอความรักแล้ว”
“และมันอยู่ที่ว่าเราจะรักษามันไว้กับเราได้ตลอดไปไหม”
“ต้องตลอดไปซิ” พิมพิกายืนยันด้วยท่าทีอันมั่นใจ “เราต้องทำกัน
ได้”
“หรืออาจจะไม่ได้…เวลามันอีกไกลนัก”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ตา เราจะให้ชีวิตเป็นเครื่องเล่นของโชคชะตาไม่ได้
เราต้องกำหนดมันเอง เราตะหากที่จะต้องชนะเหนือมัน…เป็นนายของ
มัน…เข้าใจไหม…เราจะงอมืองอเท้าอยู่ไม่ได้เลย เมื่อเรารักใคร…เราต้อง
ทุ่มเท…เราต้องปกป้องและรักษา ในเส้นทางชีวิตน่ะ ขวากหนามมัน
มากมายนัก และอย่าว่าแต่เพียงขวากหนามเลย ยังมีตัวเราเองนี่แหละ ฉัน
เจอมาแล้ว พอจะสอนตัวเองและอยากจะบอกเธอด้วยว่าอย่าให้ความคิด
ของตัวเองมันก่อการกบฏขึ้นมาได้เป็นอันขาด เพราะจะทำให้เราอาจจะพบ
กับการสูญเสียได้”
“ฉันเข้าใจ” ชนิตายิ้มกว้าง “และเพราะฉันไม่ได้ก่อกบฏกับตัวเองอีก
ไง ฉันถึงยอมรับเขา”
900/913

หล่อนทอดตามองไปที่เขาและศศินที่อยู่ด้วยกัน หล่อนมองว่าผู้ชาย
สองคนมีท่ามีต่อกันอย่างไรบ้าง
“จันทร์…รู้ไหมว่าเขาเปลี่ยนไปแยะ ฉันอยากให้เขาเป็นแบบนี้
ตลอดไป ลดความหยิ่งผยองลงมา…ทำตัวเป็นแค่ผู้ชายสามัญธรรมดาคน
หนึ่งที่ไม่ได้ติดหลงใหลตัวเองว่า ‘แน่’ และจะต้องเป็นหนึ่งเหนือคนอื่นๆ
ฉันเพิ่งสัมผัสได้ว่ามันเป็นปมของเขา และฉันพยายามจะทำให้เขาสุขสงบ
ฉันได้พบตัวจริงของเขา และยอมรับว่าเวลาดีๆ อ่อนโยน…เขาก็น่ารักมาก
เพียงแต่ฉันจะต้องทำตัวฉลาดน้อยๆ หน่อย”
พิมพิกาเลิกคิวขึ้นเล็กน้อยด้วยความฉงน
“และเธอคิดว่าตัวเองจะทำได้แน่หรือนั่น”
“ต้องได้ซิ” คำตอบหนักแน่น “เป็นผู้หญิงที่โง่เวลาอยูก่ ับผัว แต่ไม่
ได้หมายความว่าฉันจะละทิ้งความเข้มแข็งนะ ผู้ชายน่ะ…เอาเข้าจริงๆ …เขา
อ่อนแอ เขามีด้านที่เปราะบาง แต่เขาซ่อนเอาไว้จากเรา เพราะฉะนั้นหาก
เราทำโง่เซ่อเซอะซะบ้าง แล้วเขาก็จะยอมให้เรานำเขาได้ พาเขาข้ามผ่าน
ความอ่อนแอของเขาเองออกมาได้”
“นั่นเราจะต้องมานั่งจับเข่าคุยกันแล้วละ…” พิมพิกาบอกอย่างร่าเริง
“ในเมื่อเราจะลงจากคาน เราก็ลงมาได้พร้อมๆ กันเลยนะ คืนนี้จะพัก
ที่ไหน”
“ก็ที่คอนโดฯ คงจะอยู่อีกสักอาทิตย์แล้วจะเข้ากรุงเทพ”
901/913

“น่าจะมานอนที่บ้าน”
“อย่าเลยจันทร์ เราอยู่กันไม่ห่างนัก และนั่นน่าจะดีกว่ามาอยู่เห็นๆ
กัน ฉันก็ยังหึงนะ ไม่รู้ว่าเขายังรักเธออยู่อีกหรือเปล่า” ชนิตาเอ่ยล้อๆ “ลืม
แล้วหรือ…เขาเกือบจะแต่งงานกับเธอ”
“และหากฉันบ้าไปตอนนั้น ป่านนี้ฉันก็คือผู้หญิงมีชู้น่ะซิ”
“ส่วนฉันก็เป็นผู้หญิงที่รักผัวเขา”
ชนิตาเอ่ยด้วยเสียงแกมหัวเราะอย่างชอบใจยิ่ง แล้วก็หัวเราะเบิกบาน
จนหนุ่มๆ อีกสองคนต้องพากันเหลียวมาดูด้วยความฉงนใจเป็นอันมาก
ในยามนี้…ความรู้สึกของวิษณุนั้นเรียกได้ว่าสงบราบคาบลงมามาก
กว่าเดิม เขาเคยเขม่นหน้าใส่ศศินอย่างที่เรียกว่าเห็นหน้าแต่แรกแล้วไม่
ต้องชะตา แต่ไม่ถึงกับเกลียดชังรุนแรง และเคยจะแย่งพิมพิกาจากศศิน
ด้วย…แต่แล้วเขากลับไม่ได้ แต่ตอนนี้...ความรู้สึกทั้งหมดนั้นไม่หลงเหลือ
อยู่อีก
เขารู้ว่าเขาสนใจพิมพิกาเพราะเสน่ห์แห่งรูปโฉมของหล่อน…ก็เท่านั้น
เอง…ไม่มากไปกว่านั้นอีก
พิมพิกาสวย…มีเสน่ห์ ไม่มีผู้ชายคนไหนอดใจไหว
เมื่อหล่อนอยู่ใกล้ๆ กับชนิตา ย่อมแน่นอนว่าชนิตาจะเสื่อมถอย
ความงามและน่าสนใจ
902/913

ชนิตากับเขาเหมือนถูกกำหนดมาคูก่ ัน เริ่มต้นอย่างคนไม่ชอบหน้า
หมายมั่นเอาชนะ และหล่อนก็ใจถึงนัก หล่อนหาญกล้ารับมือกับเขา
ชนิตาทำในสิ่งทีเ่ ขาคาดไม่ถึง ไม่ยำเกรงว่าเขาเป็นเจ้านายและไม่แคร์
ว่าหล่อนจะอยู่ได้หรือไม่ สิ่งที่เขากระทำต่อชนิตานั้นมันหยาบคายต่ำช้านัก
แต่เขาก็ได้กระทำลงไป…ด้วยความรู้สึกของอารมณ์…ก่อนจะมาเสียใจ
เขาบอกกับศศินอย่างตรงไปตรงมา
“ผมกับชนิตากำลังเริ่มต้นกัน”
ศศินเปิดยิ้มกว้างยินดีนัก
“ผมขอแสดงความยินดี คุณตาเป็นคนดีคนหนึ่ง”
“เกลียดน้ำหน้าผมไหม”
ศศินมองคนถามเต็มตา วิษณุแก่กว่าเขาราวๆ สิบกว่าปี…อาจจะสัก
สิบสองปี…เป็นรุ่นพีเ่ ขาเต็มตัว และเขามั่นใจว่าเขากับวิษณุไม่ได้มเี รื่อง
ขุ่นเคืองใจกันนักหนา มันไม่สาหัสพอจะเรียกว่าเป็นความเกลียด เขาก็เลย
ส่ายหน้ากับคำถามนั่น
“ไม่เลยฮะ”
“ทั้งที่ผมเคยแย่งคุณจันทร์”
“คนเราพลั้งพลาดกันได้…เผลอก็ง่ายนิดเดียวฮะ ผมอยากบอกว่า
ชีวิตนี่น่ะหากไม่ประมาทซักอย่างแล้วจะดีที่สุด แต่ก็พูดง่ายทำยากนัก”
903/913

“ประมาทรึ จริงซินะ ผมเองประมาทไป”


“แต่ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดีไม่ใช่หรือฮะ”
วิษณุพยักหน้า กระนั่นยังแย้งว่า
“ผมไม่อยากเรียกว่าลงเอยหรอกนะ เราเพิ่งจะเริ่ม ผมเรียนรู้หลาย
อย่างในเวลาทีผ่ มไม่มีใคร คนเราน่ะพอได้อยู่กับตัวเอง…และถามคำถาม
ป้อนใส่…ตอบอย่างไม่ดัดจริตเสแสร้งโกหกตัวเองอีก มันก็ได้คำตอบดีๆ
ออกมาว่า…จริงๆ แล้วเราต้องการอะไรแค่ไหนอย่างไร เราจะดิ้นรนกันไป
ทำไมมากมาย”
ศศินก้มศีรษะลงเหมือนจะยอมรับในคำพูดพวกนั้น เขามองเห็น
วิษณุยื่นมือออกมาหา แล้วเขาก็สามารถจับมือนั่นได้ด้วยความรู้สึกสนิทใจ
จำได้ว่ามารดาเคยอยากให้เขาได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับวิษณุ เพราะเธอ
กับคุณหญิงเพลินเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่รักกันมาก ก็อยากให้ลูกๆ ได้รักกัน
เหมือนแม่เคยรัก เว้นแต่ว่าพวกเขาต่างเติบโตกันมาในทีต่ ่างกัน มีสังคม
คนละกลุ่ม ไม่อาจจะตอบสนองตรงนั้นได้
วันนี้กระชับมือมั่นหากัน…เหมือนจะบอกว่าเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่
ดี…โดยไม่ต้องมีเสียงกำกับ มันเกิดได้เพราะการยอมรับกันและกันอย่าง
แท้จริง
“ผมจะถอนตัวออกจากวงการ”
“หมายถึงเลิกทำงาน…”
904/913

“ผมจะถอยไปอยู่ข้างหลัง มันสงบ…ชีวิตเรียบๆ …โอกาสของการ


เริ่มต้นใหม่…”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มานอนในอ้อมแขนของกันและกันในห้องที่ตกแต่งหรูหรานี้แล้ว
ชนิตาก็ถามเขาว่าเขาได้โทร.กลับไปหาคุณหญิงเพลินหรือยัง และเพิ่งสิ้น
คำถามใหม่ๆ โทรศัพท์ก็ดังเข้ามาวิษณุรับสายแล้วพยักพเยิดกับหล่อน
บอกกล่าวโดยแค่เปิดปากแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“ฮะ ผมเอง แม่รู้แล้วใช่ไหมว่าผมอยูท่ ี่นี่ สบายดีฮะ…ก็ดี… มีชนิตา
ด้วย…”
เขาส่งหูมาให้หล่อน เสียงคุณหญิงเพลินแหบเครือ
“ทำไมไม่ยอมบอกฉันบ้าง…ฮึ…ชนิตา…ว่าเธอเจอเขาแล้วอยู่กับเขา”
“เรากำลังทดลองค่ะ”
“ฉันไม่ยอมให้ทดลองบ้าบออะไรอีก เธอจะต้องแต่งงานกับเขา”
“หากหมายถึงการจัดงานใหญ่ๆ ดิฉันไม่รับ”

“ชนิตา…เธอน่ะ…”
“เขาก็คิดเหมือนกันค่ะ เราตกลงกันว่าจะอยู่ด้วยกันเฉยๆ ”
905/913

“แล้วทะเบียนสมรส?”
“หากมันจะยุ่งยากเรื่องทรัพย์สิน ดิฉันคงไม่จด เขาบอกว่าหากเรามี
ลูก…เขาจะรับรองลูกเป็นลูกของเขา ลูกจะถูกต้องตามกฎหมายค่ะ”
“บ้ากันแล้วนะนั่น”
“คุณหญิงคะ…เราไม่ได้บ้า” ชนิตาชี้แจงอย่างอ่อนโยน “เราเพียงแต่
คุยกันเปิดอกกันว่าเราต้องการอะไรบ้าง เราอยากให้มันเป็นแค่ความรู้สึกที่
เราจะแบ่งปันกันได้โดยที่เราจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น…ไม่มีผลประโยชน์
เราอยากให้เป็นว่าเราต้องการกันและกันอย่างแท้จริง ทั้งหมดที่ผ่านมาของ
การเริ่มต้นไม่ดีของเขากับดิฉันก็คือเราต่างเชื่อมั่นว่าเราแน่ เราหวงแหนใน
ทีเ่ รายืนอยู่ เราห่วงผลประโยชน์ เราต้องการความก้าวหน้า และชื่อเสียง
ของเราเองแล้วเราก็ทะเลาะกันขัดแย้งกัน เราไม่ต้องการแบบนั้นอีกแล้ว
ค่ะ”
“ฉันไม่เข้าใจ…”
“คุณหญิงเข้าใจแต่ไม่ยอมรับ”
“เอาเถิด…” เธอทำท่าตัดใจในที่สุด “ฉันเถียงไปก็มีแต่จะแพ้…สู้ไม่
ไหว พวกเธอน่ะจะทำอะไรก็ได้ แต่ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องล้อเล่น เข้าใจ
ไหม”
ชนิตาเลยหัวเราะ
“เรากำลังรักกันค่ะ แล้วนี่คุณหญิงกำลังขัดจังหวะเราด้วย”
906/913

“ต๊าย…” เธอหัวเราะคิก “ชนิตา…ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเธอก็พูดเรื่อง


แบบนี้เป็น ฉันนึกว่าเธอจะไม่สนใจโลกีย์สุขตามวิสัยมนุษย์เสียอีก”
“นั่นเพราะมองดิฉันดีเกินไปมังคะ ดิฉันก็คน…เขาก็คน”
“ขอฉันพูดกับเขาอีกสักหน่อยเถิด แล้วจะไม่รบกวน”
หล่อนส่งโทรศัพท์คืนให้กับเขา วิษณุได้ยินเสียงมารดาเอ่ยอวยพร
“ลูกแม่…ไขว่คว้าตามหามานัก…ได้แล้วก็รักษานะจ๊ะ…หาน่ะอาจจะ
ยากพอแล้ว แต่การรักษาสิ่งที่เรารักไว้น่ะยากยิ่งกว่า”
“รักหรือฮะแม่” เขาถามแต่ทอดตามองชนิตา “ฮะ ผมรูว้ ่ารักษาน่ะ
ยาก ผมก็ทำให้ดีที่สุด…เท่าทีค่ นเคยพลาดคนหนึ่งพึงทำได้…จากสำนึกที่
ตัวเองมี สัญญาฮะแม่ ผมจะเร่งทำลูกอีกสักคนผมก็สี่สิบแล้ว หัวเริ่มจะ
หงอกแล้ว กลัวจะไม่ทันลูกโตจะหง่อมหมดแรงเสียก่อน ผมว่าชนิตาคงจะ
ท้องได้ไม่ยากหรอกฮะ คราวก่อนพิสูจน์พอแล้วว่าผมมีน้ำยา”
เขาวางโทรศัพท์ลง ถูกหล่อนทุบเอาหลายทีอยู่เหมือนกัน
“ทำไมพูดแบบนั้น”
เขาหัวเราะหึๆ ไม่ป้องปัด เทียบกับที่เขาเคยทุบตีทำร้ายหล่อนนั้นไม่
ได้เลย
“ผมรักเธอนะ ชนิตา อาจจะเน่าไปนิด แต่เราก็รักกันได้ รีบๆ มีลูก
ให้แม่ได้เลี้ยงหลานแล้วฉันเป็นพ่อคน ฉันเคยผ่านครอบครัวที่มันขาดๆ
907/913

วิ่นๆ มาแล้ว ฉันเคยวาดภาพครอบครัวสมบูรณ์แบบเอาไว้ คอยดูซิว่าฉัน


จะทำได้ไหม”
นี่คือสัญญา…ชีวิตของหล่อนกำลังเริ่มเดินหน้า…เริ่มนับหนึ่งนับกับ
ผู้ชายคนที่หล่อนไม่คาดคิดมาก่อน…ไม่เคยมีในสมองเลยว่าวิษณุจะมาเป็น
ผู้ชายที่เดินไปพร้อมๆ กันกับหล่อน
แต่เป็นเขา…ลืมความเลวร้ายช่วงนั้น…ปิดสวิตช์ตรงนั้นแล้วเปิดใหม่
กับการจดจำสิ่งดีๆ ต่อกัน…ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป…เป็นไป…และ
เรียนรู้ทำความเข้าใจกัน
“ฉันจะรอดู…คุณวิษณุ” หล่อนเรียกชื่อเขาเต็มๆ “ฉันอาจจะเป็นอีนัง
โง่เง่าและก็บ้าที่ยอมกลับมาหาคุณ…หลังจากที่คุณเคยทำกับฉันขนาดนั้น
ฉันกลับมา…เพราะครั้งที่คุณแอบไปเยี่ยมฉันนั่นบอกว่าคุณเริ่มมีสำนึก
และครั้งทีค่ ุณไปลา…มันติดค้างในใจฉันมาก และฉันรู้สึกเหมือนตัวเองก็
ยังเสี่ยง แต่รสชาติความเสี่ยงก็ท้าทายนี่นะ”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทรายยังเหลือรอยอุ่นจากแสงแดดเมื่อยามกลางวัน…แต่น้ำทะเลนั่น
เริ่มจะเย็น ข้อเท้าถูกน้ำสาดปะทะ ลมแรงนัก…เขากับหล่อนเพิ่งขึ้นจากน้ำ
เมื่อฟ้าเริ่มมืด เวลาของกันและกันช่างมากมาย…เหมือนโลกมีกันสอง
คน…โลกของความรัก…พิมพิกาบอกอย่างนั้น…โลกที่มีแต่ความดีงามไป
หมด
908/913

“ที่จริงเราน่าจะว่ายน้ำต่อ”
“ไม่เอาละ” เขาปฏิเสธ “ผมเหนื่อยจะแย่”
“ฉันยังไม่เหนื่อยเลย”
เขามองหล่อนค้อนๆ หล่อนว่ายน้ำเก่งมา และยังดำน้ำเก่งอีกด้วย
“ผมกลัวหมดแรง…แล้วเดี๋ยวก็จะมาว่าผม”
“ว่าอะไร”
หล่อนถาม ยังไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่พอขึ้นมาถึงตรงลาน
ซีเมนต์ที่มกี ๊อกน้ำจืดเอาไว้ล้างตัวและล้างเท้าก่อนไปถึงตัวบ้าน หล่อนก็
เห็นดวงตาพราวๆ ของเขาที่กระทบต้องแสงไฟทีเ่ พิ่งเปิดสว่าง ก็ร้องอุทาน
เสียงแหลม ชี้หน้าเขาอีกด้วย
“ตายละ…อีตาบ้า คุณคิดจะ…”
เขายิ้มจางๆ ที่ริมปาก
“แน่นอน…ไม่ใช่แค่คิด…แต่ผมจะทำ”
“ร้ายกาจนัก นี่คุณไม่ได้ถนอมฉันเลยนะ คุณใช้ฉันจนช้ำ”
“ช้ำอะไรกัน”
เขาถาม ทอดเสียงหวาน ตาพราว ริมฝีปากประดับยิ้มจางๆ และ
พิมพิกาไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าหล่อนไม่ได้ตกหลุมรักเขาอย่างยากจะ
909/913

ถอนตัว หล่อนน่ะลงไปหมดตัว…จมลึก…เรียกว่าฉุดกระชากกันด้วยรถเค
รนก็ยังเอาหล่อนขึ้นมาไม่ไหวแน่ๆ
และเขาก็ร้องเรียกหาคนของเขา สั่งอาหารมื้อค่ำ สั่งเครื่องดื่ม
“จะมอมฉันอีกแน่ะ”
“คุณจันทร์…เราสองคนน่ะไม่ต้องมอมกันด้วยเหล้าแล้ว…เราเมา
อารมณ์ของเราเองกันจะแย่ไม่ใช่หรือ”
นั่นคือความจริงและถูกต้องอย่างยิ่ง
อาหารค่ำทีร่ ะเบียงรับลม จุดเทียนสองเล่มบนโต๊ะ…สร้างบรรยากาศ
และกลิ่นคาวทะเลที่หอมละไมไปอีกแบบ เป็นกลิ่นคาวเค็มที่คุ้นเคย
เพราะหล่อนรักทะเลและเขาก็เช่นกัน
ทะเลนั่นมืดแล้ว…เห็นแต่จุดแสงไฟจากเรือที่ออกไปอยู่ในความมืด
และเวิ้งว้างของฟ้ากับน้ำอย่างแท้จริง
เขาพูดถึงวิษณุและชนิตาบ้างเล็กน้อย พิมพิกาเสริมว่า
“ตรงนั้นตาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเขาพอใจ…ไม่ใช่ใครมากำหนดให้
หรอกค่ะ เขาพอใจกันและกันมาก และปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ดีที่ไม่ตี
กันตายเสียก่อน”
“นั่นซิ…ก็หมดห่วง ผมชวนพวกเขาออกไปเล่นเรือกัน…เรือลำใหม่ที่
ผมสั่งซื้อจะมาถึงวันพรุ่งนี้”
910/913

“ที่ว่าใส่ชื่อฉัน”
“ใช่ ผมให้เขียนชื่อคุณที่เรือ”
หล่อนเอาแขนเท้าคางข้างหนึ่ง
“เราจะชวนพวกเขาแค่ไปเล่นเรือกลางวันใช่ไหมคะ”
หล่อนถามอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
เขามองหล่อน…ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่
“แล้วกลางคืนล่ะ”
เขาเริ่มเข้าใจ ศศินหัวเราะจนตัวไหวโยน เอื้อมมือไปคีบปลายจมูก
แหลมๆ นั่นเล่นอย่างหมั่นไส้ หล่อนทำท่ายั่วยวนกวนกิเลสอีกแล้ว
“ผมจะรีบไล่พวกเขากลับ เอาเป็นว่ากินอาหารกลางวันในเรือแล้วมา
ส่งที่ฝั่ง…ให้เขากลับไปรักกันที่คอนโดฯ ส่วนเราจะลอยเรือยามราตรี…”
“ฉันเคยดูจากหนังน่ะค่ะ ช้อบชอบกับเรือ”
“จะอยู่กับผมในเคบินไม่ออกไปไหนเลยใช่ไหม”
“ฉันไม่พูดดีกว่า แค่นี้ก็จะมองว่าฉันน่ะร้อนแรง”
“ผมชอบคุณขาดใจตรงนี้มั้ง คุณจันทร์” เขาชม “คุณตรงไปตรงมา
เสมอ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่กระบิดกระบวน”
911/913

“ถ้าดัดจริตท่ามากแล้วอด…จะทำเพื่ออะไรกันคะ แต่ขอบอกก่อนนะ
ว่าไม่เป็นกับทุกคน…เป็นคนๆ ไป แล้วคุณก็อย่าหลงตัวเองด้วยล่ะว่าได้
เป็นคนพิเศษ”
“ช่างพูดนัก คุณน่ะทำให้ผมเสียการควบคุมตัวเองเสมอ”
เขาลุกมาหา…มาดึงหล่อนขึ้นทั้งที่พิมพิกายังอยากจะอ้อยอิ่งอยู่ต่อ
ตรงนี้โดยอ้างว่าสวยงามและสงบนัก
“เราไปสร้างความสวยงามกันเองดีกว่า” เขาเชิญชวน
หล่อนอบอุ่นในอ้อมแขนนั้น ศศินเหมือนกับพื้นทราย…แม้หล่อนจะ
เป็นน้ำทะเลที่สาดขึ้นมาซัดใส่เพียงใด ทรายนั้นจะกลายรูปกลายร่างไป
บ้าง…แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน…ยังคงอยู่เป็นเม็ดทรายที่โอบอุ้มน้ำและอดทน
ต่อการสาดซัดได้อย่างมั่นคงยิ่ง พิมพิการูว้ ่าหล่อนจะมีเขาเสมอ และ
หล่อนก็รู้จะสงบนิ่ง ไม่เป็นสายน้ำบ้าคลั่งสาดซัดใส่รุนแรงอีก รวมทั้งไม่
ก่อการกบฏอันเหลวไหลต่อหัวใจดวงน้อยๆ ของหล่อนอีกแน่นอน

จบบริบูรณ์
@Created by PDF to ePub

You might also like