Professional Documents
Culture Documents
ภูมิหลัง
การทำสิ่ งที่เป็ นไปไม่ได้ให้เป็ นไปได้ เป็ นวิธีการที่ใช้ในการสร้างวรรณกรรมตั้งแต่สมัยอดีต เนื่องจาก
มนุษย์ตอ้ งการระบายจินตนาการของตนเองที่ไม่สามารถทำได้ในโลกแห่งความจริ ง ดังนั้น งานเขียนหรื อ
เรื่ องเล่าจึงมักจะสอดแทรกสิ่ งที่เป็ นไม่ได้หรื อสิ่ งมหัศจรรย์เอาไว้ดว้ ย ไม่วา่ จะตั้งอยูใ่ นหลักความเป็ นจริ ง
หรื อไม่กต็ าม
ไม่วา่ ชาติไทย ชวา อินเดีย ตะวันออกกลาง หรื อชาติตะวันตก ความมหัศจรรย์อนั เป็ นไปไม่ได้ในความจริ ง
ก็มีปรากฏในวรรณกรรมในลักษณะคล้ายๆ กัน ไม่วา่ จะเป็ น การเสกสลาเหิ นไปหาพระลอในลิลิตพระลอ
การใช้เวทมนต์บนั ดาลให้ลมหอบรถบุษบาในอิเหนา การใช้คาถาสาปผูก้ ระทำผิดของพระผูเ้ ป็ นเจ้าในเทว
ตำนานของอินเดีย หรื อการเสกชุดสวยงามให้นางเอกใส่ ไปงานเต้นรำในซิ นเดอเรลล่า ฯลฯ เรื่ องมหัศจรรย์
เหล่านี้แสดงให้เห็นจินตนาการของมนุษย์ ที่ทา้ ทายต่อความเป็ นไปทางธรรมชาติ เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลง
อะไรบางอย่าง แต่ในเมื่อไม่สามารถแสดงออกได้ในความจริ ง จึงแสดงออกมาผ่านวรรณกรรม เรื่ องเล่า และ
ตำนาน
การล่องหน หรื อ กำบังกาย ก็เป็ นความมหัศจรรย์ประการหนึ่งที่ยงั ไม่สามารถเกิดขึ้นหรื อหาคำตอบได้ใน
โลกแห่งความจริ ง แต่ในวงวรรณกรรมกลับสร้างความบันเทิงให้กบั ผูอ้ ่านมานักต่อนัก เพราะผูอ้ ่านจะรู ้สึก
ตื่นตะลึงเมื่อตัวละครหรื อสิ่ งใดเกิดหายไปอย่างลึกลับ หรื อรู ้สึกสยองขวัญในบางช่วง เช่น ประตูเปิ ดปิ ดเอง
ได้โดยไม่มีใครเข้ามา หรื อรถยนต์สามารถแล่นได้โดยไม่มีคนขับ
ในวงวรรณกรรมของไทย พบว่ามีเรื่ องเกี่ยวกับล่องหนไม่ค่อยมาก ถ้าเทียบกับอิทธิ ปาฏิหาริ ยห์ รื อสิ่ ง
มหัศจรรย์แบบอื่นๆ และปรากฏว่ามีการรับอิทธิ พลทางด้านแนวคิดการล่องหนจากตะวันตก มาใช้ใน
วรรณกรรม เห็นได้ชดั เจนจากหัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน ของ ป. อินทรปาลิต ที่ปรับเปลี่ยนภาพการ
ล่องหนแบบเดิมๆ ที่ข้ ึนอยูก่ บั เวทมนต์คาถาหรื อสิ่ งมหัศจรรย์ เป็ นกลวิธีทางวิทยาศาสตร์
ในบทความนี้ ผูศ้ ึกษาจึงหาที่มาทางด้านแนวคิดเรื่ อง ล่องหน ในหัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน ว่า ป. อินทร
ปาลิต ได้รับแนวคิดทฤษฎีมาจากแหล่งใด รวมทั้งศึกษาภาพสะท้อนและผลของการรับอิทธิ พลที่ปรากฏใน
เรื่ อง ว่าสะท้อนอะไรให้ผอู้ า่ น สอดแทรกแนวคิดอะไรนอกเหนือไปจากแนวคิดวิทยาศาสตร์ หรื อต้องการ
จะแสดงความเป็ นกบฏทางวัฒนธรรมหรื อเสี ยดสี เหน็บแนมสังคมไทยอย่างไร
ล่ องหน คืออะไร?
ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของคำว่า ล่องหน ไว้วา่
ก. หายตัวไปโดยเวทมนตร์ , มักใช้เข้าคู่กบั คำว่า หายตัว เป็ น ล่องหนหายตัว คือ ไม่ปรากฏให้เห็นตัว, โดย
ปริ ยายหมายความว่า หายไปโดยไม่มีร่องรอย เช่น กระเป๋ าสตางค์บนโต๊ะล่องหนไปแล้ว.
(ราชบัณฑิตยสภา, ๒๕๕๕)
ในพจนานุกรมได้ระบุความหมายโดยปริ ยายหรื อความหมายโดยทัว่ ไปไว้วา่ หายไปโดยไม่ได้ทิ้งร่ องรอย
โดยไม่เจาะจงว่าเป็ นคนหรื อสิ่ งของ ตรงนี้ผศู้ ึกษามองว่าน่าจะพูดเป็ นสำนวน โดยเอาลักษณะล่องหนของ
คนที่สามารถหายตัวได้มาเปรี ยบเทียบ ซึ่ งอาจจะร่ วมถึงคนในความหมายที่วา่ หายตัวไป ไม่อยูท่ ี่นนั่ เช่น อยู่
ดีๆ ตาคนนี้กล็ ่องหนไปเสี ยแล้ว ไม่ค่อยอยูบ่ า้ นอยูช่ ่อง
ในการศึกษาครั้งนี้ ผูศ้ ึกษามองว่า ล่องหน ในวรรณกรรม น่าจะเป็ นตามความหมายแรก คือ หายตัวไปโดย
เวทมนตร์คาถาหรื อสิ่ งมหัศจรรย์วิเศษที่อยูเ่ หนือวิสยั ในโลกแห่งความจริ ง เป็ นความหมายโดยตรงของคำๆ
นี้
และในการศึกษา จะใช้ศึกษาเฉพาะการล่องหนของร่ างกายสิ่ งมีชีวิต คือมนุษย์เป็ นหลัก
ล่ องหน ใน วรรณคดีไทย
งานศึกษาชิ้นนี้ ถึงแม้จะศึกษาการล่องหนในหัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน ซึ่ งได้รับอิทธิ พลจากต่างประเทศ
ทางตะวันตก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในวรรณคดีไทยก่อนที่จะมีการรับอิทธิ พลจากตะวันตก ก็มีการปรากฎ
ลักษณะล่องหนหายตัวเช่นกัน
ในวรรณคดีที่ไทยรู้จกั ดีอย่าง รามเกียรติ์ มีลกั ษณะของการล่องหน ใช้เป็ นกลศึกของฝ่ ายตรงข้ามพระราม
นัน่ คือ ในตอน ศึกไมยราพ ซึ่ งเป็ นตอนที่คนไทยชื่นชอบ และนิยมนำมาแสดงโขนกันแพร่ หลาย เพราะมี
เนื้อหาสนุกตื่นเต้น และเป็ นสงครามทางไหวพริ บ สติปัญญา มิใช่การรบพุง่ เพื่อเสี ยเลือดเนื้ อทหารไพร่ ราบ
อย่างในตอนยกรบ
ไมยราพ เป็ นเจ้าเมืองบาดาล และเป็ นญาติกบั ทศกัณฐ์ แห่งกรุ งลงกา ทศกัณฐ์ได้เชิญไมยราพมาช่วยรบกับ
พระราม ไมยราพได้ประกอบพิธีปรุ งยาขึ้นมาใช้สะกดทัพ เพื่อจะลักตัวพระรามไปยังกรุ งบาดาล ไปขังไว้รอ
การประหาร
ยาที่ปรุ งนี้ แม้จุดหมายหลักจะใช้เป็ นยาสะกดให้หลับใหล แต่กม็ ีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทาที่ตวั จะทำให้
หายตัวได้ ก็คือการล่องหนร่ างกายนัน่ เอง
ดังบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) ที่นิยมใช้แสดงละครในไว้
ว่า
ครั้ นทำสำเร็จเสร็ จสรรพ ตามตำหรั บรู้ หลักของยักษา
กำเริ บจิตคิดคะนองลองยา ขยีท้ าเนือ้ ตัวทั่วไป
เดชะพระเวทวิเศษขลัง ก็ก ำบังรู ปกายหายได้
แกล้ งนั่งดูหมู่พหลพลไกร ใครจะว่ าอย่ างไรถึงไพร่ นาย
(พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒, หน้า ๑๔๗)
คำว่า กำบังรู ปกายหาย นั้น เทียบได้กบั ล่องหน นัน่ เอง คือ ร่ างกายของไมยราพเมื่อถูกทายาไปทัว่ แล้ว ก็
สามารถทำให้ผอู้ ื่นมองไม่เห็นตน
ผลของการทดลองยาของไมยราพในครั้งนั้น สร้างความตื่นตะลึงให้กบั บริ วารอย่างมาก เพราะอยูๆ่ ไมยรา
พก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ต่างถามไถ่พวกพ้องกัน วุน่ วายทัว่ ทั้งโรงพิธี ดังบทต่อมา
บัดนั้น อสุรศักดิ์ยกั ษ์ มารทั้งหลาย
ที่ล้อมวงระวังนั่งราย ไม่ เห็นนายตกใจกระไรเลย
เที่ยวถามกันสับสนอลหม่ าน พระยามารหนีไปข้ างไหนเหวย
จะเล่ นข้ าท่ าไรยังไม่ เคย ต่ างก้ มเงยแหงนชะแง้ แลไป
(พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒, หน้า ๑๔๗)
อย่างไรก็ดี ข้อค้นพบที่ยกมานี้ ยังอยูใ่ นลักษณะการล่องหนแบบเดิม คือ ใช้อ ำนาจวิเศษมากระทำให้
ร่ างกายล่องหนหายตัวได้ ยังหาข้อพิสูจน์ทางข้อเท็จจริ งหรื อเหตุผลทางธรรมชาติมาอธิ บายประกอบไม่ได้
ไม่เหมือนในยุคหลังๆ ที่วิทยาศาสตร์เริ่ มมีอิทธิ พลในการอธิ บายปรากฏการณ์น้ี ดังจะกล่าวในบทต่อๆ ไป
อิทธิพลภาพยนตร์ ที่มีต่อ พล นิกร กิมหงวน
ก่อนอื่น จะกล่าวโดยกว้างๆ ก่อนว่า ช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็ นต้นมา ไทยเราเริ่ มรู ้จกั ภาพยนตร์ซ่ ึ งเป็ นสิ่ ง
ประดิษฐ์จากตะวันตก ยิง่ เมื่อสร้างโรงภาพยนตร์เฉลิมกรุ งแล้วเสร็ จใน พ.ศ.๒๔๗๖ ภาพยนตร์กก็ ลายเป็ น
มหรสพสำคัญอีกประเภทของคนไทย
อิทธิ พลจากต่างประเทศที่เห็นได้ชดั จากสื่ อนี้ คือ มีการนำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาฉายในประเทศไทย
มากขึ้น ซึ่ งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนไทยเป็ นอย่างมาก เนื่องจากเป็ นสิ่ งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
รวมถึงการดำเนินเรื่ องที่กระชับ ตื่นเต้น ทำให้ภาพยนตร์เป็ นที่นิยมของประชาชนอย่างรวดเร็ ว
ภาพยนตร์น้ นั จะว่าไปแล้ว ก็คือสื่ อกลางระหว่างวรรณกรรมกับวรรณกรรม เนื่องจากเมื่อจะสร้าง
ภาพยนตร์ ก็ตอ้ งอาศัยตัวบทวรรณกรรม โดยนำมาแสดงให้เห็นเป็ นรู ปธรรม เช่นเดียวกับละครโทรทัศน์ ใน
ส่ วนของการสร้างวรรณกรรมนั้น ส่ วนใหญ่จะอยูใ่ นรู ปแบบของแรงบันดาลใจ หรื อยัว่ ล้อเหตุการณ์ใน
ภาพยนตร์
ป. อินทรปาลิต เป็ นนักเขียนคนหนึ่งที่ผกู พันกับภาพยนตร์มายาวนาน เพราะภาพยนตร์เป็ นทั้งเครื่ อง
บันเทิงเริ งรมย์ ผ่อนคลายความตึงเครี ยดจากหน้าที่การงาน เป็ นวัตถุดิบในงานเขียน และเป็ นเครื่ องมือ
ประกอบอาชีพสำรอง ในเรื่ องหลังนี้ สื บเนื่องมาจากยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่าง
รุ นแรง กระดาษราคาแพงเป็ นประวัติการณ์ ส่ งผลให้วงการนักเขียนได้รับผลกระทบอย่างมาก ป. อินทรปา
ลิต ก็เป็ นหนึ่งในผูป้ ระสบผลกระทบนี้ เขาจึงพักงานเขียนมาพากย์ภาพยนตร์เร่ ร่อนตามที่ต่างๆ หารายได้
ถ้ากล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ชดั เจนที่สุดระหว่างภาพยนตร์กบั ป. อินทรปาลิต ก็เห็นจะเป็ นในงานเขียน โดย
เฉพาะหัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน ป. อินทรปาลิตมักจะนำภาพยนตร์มาสร้างงานเขียนเรื่ องนี้ อยูห่ ลายตอน
ด้วยกัน รวมทั้งเรื่ องของล่องหนด้วยซึ่ งจะกล่าวต่อไป
ทีม่ าของ ล่ องหน ใน พล นิกร กิมหงวน
ในบทแรกของ ล่องหน ซึ่ งเขียนขึ้นใน พ.ศ.๒๔๘๓ ได้ระบุเหตุการณ์อนั เป็ นที่มาของล่องหนในเรื่ องไว้วา่
เมื่อคืนนี ้ อาเสี่ ยกิมหงวนของเรานอนไม่ หลับตลอดคืน
สาเหตุกค็ ือว่ า เขาพานวลลออไปดูภาพยนตร์ ที่โอเดียนเรื่ อง ‘ล่ องหนคืนร่ าง’
ภาพยนตร์ เรื่ องนั้นแสดงความสามารถของนายแพทย์ หนุ่มชาวอังกฤษคนหนึ่ง
ซึ่ งคิดค้ นยาฉี ดขนานหนึ่งได้
ยาของเขาเมื่อฉี ดเข้ าไปใต้ ผิวหนังของคนหรื อสั ตว์ แล้ ว
จะทำให้ เซลล์ ต่างๆ ในร่ างกายเปลี่ยนแปลงเป็ นวัตถุโปร่ งแสง กลืนกับสี ของอากาศมองไม่ เห็น
นายแพทย์ ผ้ นู ั้นได้ ช่วยเหลือเพื่อนเกลอของเขาซึ่ งเป็ นนักโทษ
ให้ ล่องหนออกมาจากคุกได้
เรื่ อง ‘ล่ องหนคืนร่ าง’ เป็ นเรื่ องตื่นเต้ นมหั ศจรรย์ แกมขบขัน
ตัว ‘ล่ องหน’ ได้ ก่อความโกลาหลอลหม่ านให้ แก่ ประชาชนและตำรวจ
เขายังคงสภาพความเป็ นมนุษย์ ทุกประการ แต่ ไม่ มีใครมองเห็นตัวเขาเท่ านั้น
(ป. อินทรปาลิต, หน้า ๑)
จากบทนำ ของตอน ล่องหน
ระบุไว้ชดั เจน ว่า ป. อินทรปาลิต
ได้มีโอกาสชม ภาพยนตร์เรื่ องดัง
กล่าว และ แสดงความเห็นต่อ
ภาพยนตร์วา่ มี เนื้อหาสนุกสนาน
ตลกขบขัน จึง เกิดความคิดว่า ถ้ามี
การล่องหน แบบภาพยนตร์เกิด
ขึ้นใน พล นิกร กิมหงวน ที่ก ำลังหา
วัตถุดิบในการ เขียนอยู่ คงจะสร้าง
ความขบขันต่อ ผูอ้ ่าน สอดคล้อง
กับลักษณะของ เรื่ องที่เป็ นหัสนิยาย
คือเป็ นเรื่ องตลก อ่านแล้วหัวเราะขบขัน
เมื่อสื บค้นว่าภาพยนตร์เรื่ องนี้น่าจะเป็ นเรื่ องใด ก็พบว่าเป็ นภาพยนตร์เรื่ อง The Invisible Man Returns ดัง
ภาพ